The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดประสบการณ์
การป้องกันการทุจริต อนุบาล 3
โรงเรียนวัดคลองห้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tummeng.kt, 2021-05-30 09:10:00

แผนการจัดประสบการณ์ การป้องกันการทุจริต อนุบาล 3

แผนการจัดประสบการณ์
การป้องกันการทุจริต อนุบาล 3
โรงเรียนวัดคลองห้า

Keywords: หลักสูตรต้านทุจริต

คำนำ

ยุทธศาสตรช์ าติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ได้กาหนด
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสงั คมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ประกอบด้วย กลยทุ ธ์ท่ี ๑ ปรบั ฐานความคิดทุกช่วงวัยตง้ั แต่
ปฐมวัยเป็นต้นไปให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม กลยุทธ์ท่ี ๒ ส่งเสริมให้มี
ระบบและกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทจุ ริต กลยทุ ธ์ที่ ๓ ประยกุ ต์หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
เป็นเครื่องมือต้านทจุ ริต และกลยทุ ธ์ที่ ๔ เสรมิ พลังการมีส่วนรว่ มของชุมชน และบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่ือตอ่ ต้าน
การทุจริต จากกลยุทธ์ท่ี ๑ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จงึ ได้มี
คาสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการ
ทุจริตซึ่งประกอบด้วยผ้ทู รงคุณวุฒิด้านการให้การศกึ ษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ขึ้น เพ่ือศึกษา วิเคราะห์
และรวบรวมข้อมูล กาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทาหลักสูตร ยกร่างและจัดทาเนื้อหาหลกั สูตรหรือชุดการ
เรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ รวมทั้งพิจารณาให้ความเห็นเพ่ิมเติม กาหนดแผนหรือแนวทางการนาหลักสูตรไป
ใชใ้ นหนว่ ยงานท่เี ก่ียวข้อง และดาเนินการอ่นื ๆ ตามทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย

คณะอนกุ รรมการจัดทาหลักสตู รหรือชุดการเรยี นรูแ้ ละส่ือประกอบการเรยี นรู้ดา้ นการปอ้ งกันการทุจริต
ได้ร่วมกันสร้างชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ดังน้ี
๑. หลกั สตู รการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน (รายวชิ าเพ่มิ เตมิ การป้องกันการทุจริต) ๒. หลกั สูตรอุดมศกึ ษา (วัยใส ใจสะอาด
“Youngster with Good Heart”) ๓. หลักสูตรตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและตารวจ ๔. หลักสตู รสร้าง
วิทยากรผู้นาการเปล่ียนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และ ๕. หลักสูตรโค้ชเพ่ือการรู้คิดต้านทุจริต ชุด
หลักสตู รดังกลา่ วได้ผ่านกระบวนการนาไปทดลองใช้ เพอื่ ปรบั ปรุงให้มปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล สาหรบั การใชใ้ น
กลมุ่ เป้าหมายต่อไป นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการจดั ทาหลักสตู รหรอื ชดุ การเรยี นร้แู ละสือ่ ประกอบการเรยี นรู้ ดา้ น
การปอ้ งกนั การทุจรติ ยงั ไดค้ ัดเลือกสื่อการเรยี นรู้ จากแหล่งตา่ งๆ ทงั้ ในประเทศและต่างประเทศ รวม ๕๐ ช้นิ เพ่ือ
ใช้ในการเรยี นรู้ ซ่ึงคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561
โดยให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดาเนินการ เตรียมความ
พร้อมในดา้ นตา่ งๆ เพ่อื นาหลักสูตรต้านทุจรติ ศกึ ษาไปปรบั ใช้ในการจัดการเรยี นการสอนของสถานศกึ ษา

รายวิชาเพ่ิมเตมิ การป้องกันการทุจรติ สาหรับหลักสูตรการศึกษาข้นั พื้นฐาน จัดทาข้นึ โดยอนุกรรมการ
ดา้ นการศึกษา ในคณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่อื ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกัน
การทุจริตและกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา สาระการเรียนรู้ประกอบด้วย (๑) การคิดแยกแยะระหว่าง
ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม (๒) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต (๓) STRONG : จิต
พอเพียงตา้ นทุจริต (๔) พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อเน่ืองกันต้ังแต่ระดับปฐมวัย ระดบั ประถมศกึ ษา
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น และระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

คณะกรรมการ ป.ป.ช.หวังเป็นอย่างย่ิงว่า รายวิชาเพ่ิมเติมการป้องกันการทุจริตสาหรับหลักสูตร
การศกึ ษา ขั้นพ้ืนฐาน ในชุดหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา (Anti-Corruption Education) จะนาเข้าสู่ระบบการศึกษา
เพ่ือเป็นกลไกระยะยาวในการปลูกฝังวิธีคิดป้องกันการทุจริตให้แก่ผู้เรียนอย่างเป็นอัตโนมัติ เพื่อร่วมกันสร้าง
ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจรติ

พลตารวจเอก
(วชั รพล ประสารราชกิจ)
ประธานกรรมการ ป.ป.ช.
30 พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑

โครงสร้ำงรำยวิชำ

ลำดับ หน่วยกำรเรียนรู้ เร่ือง จำนวน
ช่วั โมง
1. การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ 1. ความหมายของของใช้ส่วนตนและของใช้ 14

สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม สว่ นรวม 12

๒. การจาแนกของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม

๓. การปฏิบตั ิตนในการใช้ของใช้สว่ นตนและ

ของใช้ส่วนรวม

๓.๑ ของเลน่

๓.๒ การรบั ประทานอาหาร

๓.๓ การเขา้ แถว

๓.๔ การเกบ็ ของใชส้ ่วนตน

๓.๕ การทางานท่ีไดร้ บั มอบหมาย

๓.๖ การแบ่งปนั

๓.๗ การแต่งกาย

๓.๘ การแปรงฟันและการใช้น้าอย่างถูกวิธี

๓.๙ การใช้ห้องน้าอยา่ งถกู วธิ ี

๔. ความหมายของระบบคดิ ฐานสอง

และระบบคิดฐานสบิ

๕. การแยกแยะระบบคิดฐานสอง

และระบบคิดฐานสบิ

2. ความละอายและความไมท่ น 1. ความหมายของความละอายและความไมท่ น

ต่อการทจุ รติ ตอ่ การทุจริต

๒. การเก็บของเลน่ ใหเ้ ปน็ ระเบียบ

๓. ความละอายและไม่แยง่ หรอื ขโมยอาหาร

เพอื่ น

๔. ความละอายและไม่แซงคิวผูอ้ นื่

๕. การใช้ของใช้สว่ นตนอยา่ งถกู วิธี

๖. ความละอายและไมแ่ ย่ง หรอื ขโมยของใช้ผู้อื่น

๗. ความรับผดิ ชอบต่อการทางานที่ได้รบั

มอบหมาย

๘. การไมล่ อก หรือไม่นาผลงานของคนอน่ื

มาเป็นของตนเอง

๙. ความหมายของการแบ่งปนั

๑๐. พฤตกิ รรมการแบ่งปันและปฏิบตั ติ น

เปน็ ผทู้ ม่ี คี วามละอายและไม่ทนต่อการทุจรติ

๑๑. การแต่งกายด้วยตนเองและการไม่นาเอา

เครอ่ื งแตง่ กายของผอู้ ืน่ มาเป็นของตนเอง

๑๒. ความหมายของกิจวตั รประจาวัน

๑๓. ขอ้ ดีและข้อเสยี ของการปฏบิ ตั ิ

และไมป่ ฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจาวนั

ลำดับ หน่วยกำรเรียนรู้ เรือ่ ง จำนวน
ชว่ั โมง
3. STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ ริต 1. Sufficient : ความหมายของความพอเพยี ง
2. Transparent : ความหมายของความโปรง่ ใส 9
3. Realise/Knowledge : ความหมายของ
ความต่ืนรู้และความรู้ 5
4. Onward : ความหมายของการมุ่งไปข้างหน้า 40
5. Generosity : ความหมายของความเอือ้ อาทร
๖. ความหมายของการต้านทุจรติ
๗. การรบั ประทานอาหารที่สอดคล้องกบั
STRONG
๘. การช่วยเหลือเพื่อนที่สอดคลอ้ งกบั STRONG
9. การใชก้ ระดาษที่สอดคลอ้ งกับ STRONG

4. พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม 1. ความรับผิดชอบต่อตนเอง (การแปรงฟัน,
การแตง่ กาย, การรบั ประทานอาหาร)
2. ความรบั ผิดชอบต่อสงั คม (การเกบ็ ขยะ,
ทาความสะอาดในหอ้ งเรยี น)

รวม

* หมำยเหตุ 1. การจดั ประสบการณแ์ ต่ละกจิ กรรมจะใชเ้ วลาประมาณ 20 นาที
2. จานวนเวลาที่กาหนดไว้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ สถานศึกษาสามารถปรับได้ตามความเหมาะสม

แต่ตอ้ งมีเวลาเรียนท้ัง 4 หน่วยการเรยี นรู้ รวม 40 ช่วั โมง

หนว่ ยท่ี ๑
กำรคิดแยกแยะระหวำ่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน

และผลประโยชนส์ ่วนรวม

แผนกำรจัดประสบกำรณ์

หนว่ ยท่ี ๑ ชื่อหน่วย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชน้ั ปฐมวัย
แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี ๑ เรื่อง ความหมายของของใชส้ ่วนตนและของใชส้ ว่ นรวม เวลำ ๑ ช่วั โมง

๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้

๒. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้
๒.๑ เดก็ สามารถบอกความหมายของของใชส้ ว่ นตนและของใชส้ ่วนรวมได้

๓. สำระกำรเรียนรู้
๓.๑ ควำมรู้
๑) ของใช้สว่ นตน คอื ของใช้ท่มี ีเจา้ ของเฉพาะ
๒) ของใช้สว่ นรวม คอื ของใช้ท่ีทกุ คนเป็นเจ้าของรว่ มกัน ทกุ คนมีสิทธิใ์ ช้ ทกุ คนตอ้ งชว่ ยกนั รกั ษา
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะที่เกดิ )
มที กั ษะการคิด การใชภ้ าษาส่อื สาร
๓.๓ คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค/์ คำ่ นยิ ม
ม่งุ มัน่ ในการทางาน

๔. กำรจดั ประสบกำรณ์
๔.๑ ข้ันตอนกำรจดั ประสบกำรณ์
๑) เด็กและครูร่วมกนั ร้องเพลง “ของใช้” และปรบมอื เข้าจงั หวะ จากนั้นครสู นทนาซกั ถามเก่ียวกับเน้ือเพลง

โดยถามคาถาม ดงั น้ี
• เน้ือเพลงกล่าวถึงอะไร
• เพลงน้มี ีของใช้ทง้ั หมดกชี่ นิ้ อะไรบ้าง

๒) ใหเ้ ด็กสารวจสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ทีเ่ ปน็ ของใชส้ ่วนตนและของใชส้ ่วนรวม ภายในห้องเรียน
๓) ใหเ้ ดก็ วาดภาพจากการสารวจ จานวน ๒ ภาพ
๔) ขออาสาสมคั รเดก็ ออกมานาเสนอภาพวาดจากการสารวจ โดยให้เดก็ บอกว่า สงิ่ ท่ีวาดคืออะไร
และสามารถใชร้ ว่ มกับผู้อ่ืนไดห้ รือไม่
๕) เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกับของใช้ส่วนตนและของใชส้ ว่ นรวม โดยครูใช้คาถาม

• ของใช้สว่ นตนและของใชส้ ว่ นรวม เหมือนกันหรือไม่ อยา่ งไร
๖) เดก็ และครูรว่ มกันอภิปรายสรุป ถงึ ความแตกตา่ งระหว่างของใชส้ ่วนตนและของใช้สว่ นรวม ดงั นี้

• ของสว่ นตน คอื ของทีม่ เี จา้ ของเฉพาะ
• แตข่ องสว่ นรวม คอื ของท่ีทกุ คนเป็นเจา้ ของรว่ มกัน ทกุ คนมสี ิทธใิ์ ช้ ทุกคนต้องช่วยกนั รกั ษา
๔.๒ สือ่ กำรเรยี นรู้/แหล่งกำรเรยี นรู้
๑) เพลง “ของใช้”
๒) ของใชส้ ่วนตน ไดแ้ ก่ ชาม ชอ้ น แกว้ นา้ กับของใช้ส่วนรวม ได้แก่ โต๊ะ เกา้ อี้
๓) กระดาษ/ดินสอ/สี

๕. กำรประเมินผลกำรเรียนรู้
๕.๑ วธิ กี ำรประเมิน

สังเกตการตอบคาถามของเดก็

๕.๒ เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นกำรประเมนิ
แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก

๕.๓ เกณฑก์ ำรประเมนิ
เด็กผา่ นการประเมิน ระดับ ๒ ข้ึนไปถอื ว่าผา่ น

บนั ทกึ หลงั สอน

หนว่ ยการสอนท.่ี ............... แผนการจัดการเรยี นรู้ที.่ .............
บันทึกหลงั สอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปญั หาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผู้สอน

ควำมคิดเห็นของผอู้ ำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรยี นวดั คลองห้า

๗. ภำคผนวก

เพลงของใช้

(ฐะปะนีย์ นาครทรรพ)

ฉันมีชามข้าวใบใหญ่ ชอ้ นสอ้ มใหม่ใหม่
ถว้ ยแกว้ ก็มี ตงั้ ไว้บนโตะ๊ ตวั นี้
แลว้ น่งั เก้าอ้ี กนิ ข้าวได้เลย

-----------------------------------------------------------------

แบบสงั เกตกำรตอบคำถำมของเดก็

หนว่ ยที่ ๑ ช่อื หนว่ ย การคดิ แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม

แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี ๑ เรือ่ ง ความหมายของของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม
วันท่.ี ............เดอื น...........................................พ.ศ. ...........................

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ทาเครอื่ งหมาย  ในช่องระดับคุณภาพของเด็กในแต่ละประเดน็ ทปี่ ระเมิน

ท่ี ช่อื -สกุล บอกความหมายของ
ของใช้ส่วนตน

และของใชส้ ว่ นรวมได้

๓๒๑

รวม
เฉลย่ี

ลงช่ือ...........................................................ผูป้ ระเมนิ
(.......................................................)

เกณฑก์ ำรประเมนิ
บอกความหมายของของใช้สว่ นตนและของใชส้ ่วนรวมได้

ระดับ ๓ : บอกความหมายของของใช้สว่ นตนและของใช้ส่วนรวมไดด้ ว้ ยตนเอง
ระดบั ๒ : บอกความหมายของของใชส้ ่วนตนและของใช้สว่ นรวมได้โดยมผี ชู้ แ้ี นะ
ระดับ ๑ : ไม่สามารถบอกความหมายของของใช้ส่วนตนและของใช้ส่วนรวมได้

แผนกำรจัดประสบกำรณ์ ช้ันปฐมวยั
เวลำ ๑ ชั่วโมง
หน่วยที่ ๑ ชอ่ื หนว่ ย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี ๒ เรอ่ื ง การจาแนกของใชส้ ่วนตนและของใช้สว่ นรวม

๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้

๒. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้
๒.๑ เด็กสามารถจาแนกของใช้ส่วนตนและของใช้ส่วนรวมได้

๓. สำระกำรเรียนรู้
๓.๑ ควำมรู้
๑) ของใชส้ ่วนตน คอื ของใช้ทมี่ ีเจา้ ของเฉพาะ
๒) ของใชส้ ่วนรวม คอื ของใชท้ ่ีทกุ คนเปน็ เจ้าของร่วมกัน ทุกคนมสี ทิ ธใิ์ ช้ ทุกคนตอ้ งชว่ ยกันรักษา
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะทเ่ี กิด)
มที ักษะการคิด การใช้ภาษาสอ่ื สาร
๓.๓ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค/์ คำ่ นิยม
ใฝเ่ รยี นรู้

๔. กำรจัดประสบกำรณ์
๔.๑ ข้ันตอนกำรจัดประสบกำรณ์
๑) เดก็ และครูทบทวนความรู้เดิม โดยรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกบั ความหมายของคาวา่ ของใช้สว่ นตน

และของใชส้ ่วนรวม
๒) ครูให้เดก็ ดูภาพของใช้แลว้ ช่วยกนั บอกว่ามีอะไรบา้ ง
๓) ครใู หน้ กั เรียนตอบคาถามว่า ภาพนี้คืออะไร และเปน็ ของใช้สว่ นตน หรือของใช้ส่วนรวม
๔) เด็กและครรู ่วมกนั อภิปรายสรปุ ว่าภาพใดเป็นของใช้ส่วนตน และภาพใดเปน็ ของใชส้ ว่ นรวม

๔.๒ สอื่ กำรเรียนร/ู้ แหล่งกำรเรยี นรู้
ภาพของใช้ ประกอบด้วย กระติกนา้ แปรงสีฟนั ยาสีฟัน โตะ๊ เก้าอี้ โถชักโครก ไมล้ ื่นหรอื สไลเดอร์ รองเท้า

๕. กำรประเมินผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วิธีกำรประเมิน
สงั เกตการตอบคาถามของเดก็
๕.๒ เคร่อื งมือท่ีใช้ในกำรประเมิน
แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็
๕.๓เกณฑ์กำรประเมิน
เด็กผา่ นการประเมิน ระดับ ๒ ขึ้นไปถอื ว่าผ่าน

บนั ทึกหลังสอน

หนว่ ยการสอนที.่ ............... แผนการจดั การเรยี นร้ทู .่ี .............
บันทึกหลงั สอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผู้สอน

ควำมคดิ เห็นของผู้อำนวยกำรโรงเรยี น (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกันตนา จิตรบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรียนวัดคลองห้า

๗. ภำคผนวก

ภำพของใช้

แบบสงั เกตกำรตอบคำถำมของเดก็

หนว่ ยที่ ๑ ชอื่ หน่วย การคิดแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
แผนการจดั ประสบการณ์ที่ ๒ เรอื่ ง การจาแนกของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม

วันที.่ ............เดอื น.............................พ.ศ............................
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ปู้ ระเมินทาเครือ่ งหมาย  ในช่องระดบั คุณภาพของเดก็ ในแตล่ ะประเด็นทป่ี ระเมิน

จาแนกของใชส้ ว่ นตน
ท่ี ชื่อ-สกลุ และของใช้ส่วนรวมได้

๓๒๑

รวม
เฉลย่ี

ลงชื่อ...........................................................ผปู้ ระเมนิ
(.......................................................)

เกณฑ์กำรประเมนิ
จาแนกของใชส้ ่วนตนและของใช้ส่วนรวมได้

ระดับ ๓ : จาแนกของใชส้ ่วนตนและของใช้ส่วนรวมได้ถูกตอ้ งด้วยตนเอง
ระดบั ๒ : จาแนกของใชส้ ่วนตนและของใช้ส่วนรวมได้ถกู ต้องโดยมผี ชู้ ้แี นะ
ระดบั ๑ : ไม่สามารถจาแนกของใชส้ ว่ นตนและของใชส้ ่วนรวมได้ครบทุกภาพ

แผนกำรจดั ประสบกำรณ์

หน่วยท่ี ๑ ชื่อหน่วย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชนั้ ปฐมวัย
แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ี่ ๓ เรื่อง การปฏบิ ัติตนในการใช้ของใชส้ ว่ นตนและของใช้ส่วนรวม เวลำ ๑

ช่วั โมง(ของเลน่ )

๑. ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้

๒. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้

๒.๑ เด็กสามารถปฏบิ ัติตนในการเล่นของเล่นทีเ่ ป็นของส่วนตนกับของเลน่ ที่เปน็ ของส่วนรวมไดถ้ กู ตอ้ ง
๓. สำระกำรเรยี นรู้

๓.๑ ควำมรู้
๑) ของเลน่ สว่ นตน คอื ของสาหรบั เด็กเล่น เพ่อื ให้สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ และมีบุคคลท่เี ปน็ เจ้าของเฉพาะ
๒) ของเล่นส่วนรวม คอื ของสาหรับเด็กเลน่ เพ่ือใหส้ นุกสนานเพลิดเพลนิ โดยทุกคนเปน็ เจ้าของรว่ มกัน

ทุกคนมีสทิ ธเิ์ ล่น และทกุ คนต้องร่วมกนั ดแู ลรักษา
๓.๒ ทักษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะท่เี กดิ )
มที กั ษะการคิด การใช้ภาษาสอ่ื สาร
๓.๓ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค/์ คำ่ นยิ ม
มวี ินัย

๔. กำรจดั ประสบกำรณ์
๔.๑ ขนั้ ตอนกำรจัดประสบกำรณ์
๑) ครนู าภาพของเล่นใหเ้ ด็กดู แล้วร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คาถาม ดังน้ี
• ภาพท่ีครนู ามาให้ดเู ปน็ ภาพเก่ยี วกบั อะไร (ภาพของเล่น)
• ของเลน่ ท่ีเราเลน่ กันอยูท่ กุ วนั น้ี แบง่ เปน็ กป่ี ระเภท อะไรบา้ ง (มี ๒ ประเภท คือ ของเล่นสว่ นตน
กบั ของเลน่ สว่ นรวม)
๒) ใหเ้ ด็กชว่ ยกนั ยกตัวอย่าง ของเล่นส่วนตนและของเล่นส่วนรวม
๓) เด็กและครูรว่ มกนั สนทนาถึงความหมายของคาว่า ของเลน่ สว่ นตนและของเลน่ สว่ นรวม
๔) เด็กและครรู ่วมกันสนทนาเก่ียวกับวธิ ีการเล่นของเลน่ ส่วนตนและของเล่นส่วนรวม ตามประเด็น ดงั น้ี
• ของเลน่ สว่ นตน คอื ของสาหรบั เด็กเล่น เพื่อให้สนกุ สนานเพลดิ เพลินและมีบุคคลที่เปน็ เจ้าของเฉพาะ
• ของเล่นสว่ นรวม คือ ของสาหรบั เด็กเลน่ เพ่ือใหส้ นกุ สนานเพลิดเพลนิ โดยทุกคนเป็นเจา้ ของรว่ มกัน

ทุกคนมสี ิทธเ์ิ ล่น และทุกคนตอ้ งร่วมกนั ดแู ลรกั ษา
• เดก็ คิดวา่ เราควรจะปฏิบตั ติ นอยา่ งไรในการเล่นของเล่นทเี่ ป็นส่วนรวม (ตอ้ งแบ่งปันกนั เล่น, เล่นด้วย

ความระมัดระวัง ไม่ใช้ความรุนแรง, ใช้แลว้ ต้องเกบ็ เข้าทใี่ หเ้ รียบรอ้ ย, เราทกุ คนตอ้ งชว่ ยกนั ดแู ลรักษาของเล่น)
• เด็กคดิ ว่าเราควรจะปฏิบัติตนอย่างไรในการเล่นของเล่นทีเ่ ป็นของสว่ นตน (ตอ้ งเล่นอย่างถูกต้อง ถกู วิธี,

ตอ้ งดแู ลรักษา, เล่นแลว้ ก็ต้องเก็บเขา้ ท่ใี หเ้ รียบรอ้ ยเหมือนกัน)
๕) เดก็ และครูร่วมกันสรปุ เรื่อง “ของเลน่ สว่ นตนและของเลน่ ส่วนรวม”
๖) เด็กและครูร่วมกันรอ้ งเพลง “เล่นแลว้ เก็บ”

๔.๒ ส่อื กำรเรยี นร/ู้ แหล่งกำรเรียนรู้
๑) เพลง “เล่นแลว้ เก็บ”

๒) ภาพของเลน่

๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรียนรู้
๕.๑ วิธีกำรประเมนิ

สงั เกตการตอบคาถามของเดก็
๕.๒ เคร่ืองมือท่ใี ช้ในกำรประเมนิ

แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็

๕.๓ เกณฑ์กำรประเมนิ
เด็กผา่ นการประเมนิ ระดบั ๒ ขน้ึ ไปถอื วา่ ผา่ น

บนั ทกึ หลงั สอน

หนว่ ยการสอนท่.ี ............... แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่..............
บนั ทกึ หลังสอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปัญหาและอุปสรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผู้สอน

ควำมคิดเหน็ ของผอู้ ำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกันตนา จติ รบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรียนวดั คลองห้า

๗. ภำคผนวก

เพลง เล่นแลว้ เกบ็

(เน้ือร้อง/ทานอง ศรีนวล รตั นสุวรรณ)

เลน่ กนั เลน่ กันดีดี ต้องสามคั คีเราเป็นเพื่อนกัน

ของเล่น เราเลน่ ด้วยกัน เม่ือเลิกเล่นพลนั ช่วยกันเก็บเอย

--------------------------------------------------------------

ภำพของเล่น

แบบสงั เกตกำรตอบคำถำมของเดก็

หน่วยที่ ๑ ช่ือหน่วย การคิดแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม

แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี ๓ เรือ่ ง การปฏบิ ัติตนในการใช้ของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม (ของเลน่ )
วนั ท่.ี ............เดอื น.............................พ.ศ............................

คำช้แี จง : ให้ผู้ประเมินทาเคร่อื งหมาย  ในชอ่ งระดบั คุณภาพของเดก็ ในแตล่ ะประเดน็ ที่ประเมิน

บอกความหมาย บอกวธิ ีการปฏิบัตติ น

ระหวา่ งของเล่น ในการเลน่ ของเลน่

ที่ ช่อื -สกลุ สว่ นตน สว่ นตน

และของเลน่ ส่วนรวม และของเลน่ สว่ นรวม

๓๒๑๓๒๑

รวม
เฉลีย่

ลงชื่อ...........................................................ผปู้ ระเมิน
(.......................................................)

เกณฑก์ ำรประเมิน
บอกความหมายระหว่างของเลน่ ส่วนตนและของเล่นส่วนรวม

ระดบั ๓ : บอกความหมายระหวา่ งของเล่นส่วนตนและของเล่นส่วนรวมไดด้ ว้ ยตนเอง
ระดบั ๒ : บอกความหมายระหวา่ งของเลน่ สว่ นตนและของเลน่ สว่ นรวมได้โดยมผี ู้ชแี้ นะ
ระดบั ๑ : ไมส่ ามารถบอกความหมายระหว่างของเล่นสว่ นตนและของเลน่ สว่ นรวมได้

บอกวิธกี ารปฏิบัติตนในการเล่นของเล่นส่วนตนและของเล่นสว่ นรวม
ระดบั ๓ : บอกวธิ กี ารปฏิบัตติ นในการเล่นของเล่นสว่ นตนและของเล่นส่วนรวมไดด้ ้วยตนเอง
ระดบั ๒ : บอกวิธกี ารปฏบิ ัติตนในการเล่นของเล่นสว่ นตนและของเล่นส่วนรวมได้โดยมีผชู้ แี้ นะ
ระดับ ๑ : ไมส่ ามารถบอกวิธกี ารปฏบิ ตั ิตนในการเลน่ ของเลน่ ส่วนตนและของเลน่ สว่ นรวมได้

แผนกำรจดั ประสบกำรณ์

หน่วยท่ี ๑ ชอื่ หน่วย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ชน้ั ปฐมวัย
แผนกำรจัดประสบกำรณ์ที่ ๔ เร่ือง การปฏิบัติตนในการใช้ของใช้สว่ นตนและของใช้สว่ นรวม เวลำ ๑

ชั่วโมง (การรับประทานอาหาร)

๑. ผลกำรเรียนรู้

๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้

๒. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
๒.๑ เดก็ สามารถปฏิบตั ิตนในการรับประทานอาหารได้อยา่ งถูกต้อง

๓. สำระกำรเรียนรู้

๓.๑ ควำมรู้
อาหารทด่ี ีมีประโยชน์จะชว่ ยทาใหร้ ่างกายของเราเจริญเติบโตแข็งแรง และมีสุขภาพดี เราควรรับประทาน

อาหารใหห้ ลากหลายชนิด เพ่อื ให้ได้สารอาหารครบถว้ น
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะทเี่ กดิ )
มที กั ษะการคิด การใช้ภาษาสอื่ สาร

๓.๓ คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์/คำ่ นิยม
๑) มวี ินัย

๒) อยู่อย่างพอเพียง
๔. กำรจัดประสบกำรณ์

๔.๑ ขน้ั ตอนกำรจัดประสบกำรณ์

๑) ครูใหเ้ ด็กร่วมกันเล่นเกม เคลอ่ื นไหวรา่ งกายตามคาสงั่ ดงั น้ี
• เคลอ่ื นไหวรา่ งกายเดนิ -หยดุ ไปรอบๆ บริเวณโดยไม่ให้ชนกัน

• เคลื่อนไหวร่างกายทาท่ารับประทานอาหาร เม่ือได้ยินสัญญาณหยุดให้หยุดอยู่ท่านั้น โดยครูสลับ
เปลี่ยนคาสั่งหมนุ เวียนกันตามความต้องการ

๒) ครูจัดเตรียมอาหารชนิดต่างๆ ไว้ให้เด็กเลือกรับประทาน โดยให้เด็กทุกคนเล่นบทบาทสมมติเกี่ยวกับ

การปฏิบตั ติ นในการรบั ประทานอาหาร
๓) ครูให้เด็กเล่นโดยใช้สถานการณ์จริง ให้เวลาเด็กรับประทานอาหารสักครู่ เม่ือเด็กรับประทานอาหาร

เสร็จเรยี บร้อยแลว้ ครูสนทนาซักถามเด็ก โดยถามคาถาม ดังน้ี
• สิง่ ทเ่ี ด็กๆ ปฏิบตั ใิ นการรับประทานอาหารมีอะไรบา้ ง
• มสี งิ่ ใดทเ่ี ดก็ ๆ คิดว่าควรหรอื ไม่ควรปฏบิ ัติ

๔) ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการปฏิบัติตนในขณะรับประทานอาหารว่าควรรับประทานอาหารให้หมด
ไม่เหลือทิง้ และเลอื กรบั ประทานอาหารท่ีมีประโยชนต์ อ่ ร่างกาย เพอื่ ใหเ้ ด็กเขา้ ใจและฝึกปฏิบตั ิใหถ้ กู ต้อง

ในสถานการณ์จรงิ โดยครคู อยดูแลและแก้ไขให้เด็กปฏบิ ัตติ ามใหถ้ ูกต้อง
๕) ครแู ละเด็กร่วมกันสรุปวิธกี ารปฏิบัตติ นเกีย่ วกับมารยาทในการรับประทานอาหารรว่ มกนั ครูบันทึกวิธี

ปฏิบตั ิและติดไว้เป็นระเบียบทค่ี วรปฏิบัตเิ มือ่ รับประทานอาหาร

๔.๒ สื่อกำรเรียนร้/ู แหล่งกำรเรยี นรู้
๑) เกมเคลอ่ื นไหวรา่ งกายตามคาสั่ง

๒) อาหารชนิดต่างๆ
๓) อุปกรณ์ในการรบั ประทานอาหาร
๕. กำรประเมินผลกำรเรียนรู้

๕.๑ วธิ ีกำรประเมิน

สงั เกตการปฏิบัตกิ ิจกรรมของเดก็
๕.๒ เคร่อื งมอื ที่ใช้ในกำรประเมนิ

แบบสงั เกตการปฏบิ ัติกจิ กรรมของเด็ก
๕.๓ เกณฑ์กำรประเมนิ

เดก็ ผ่านการประเมิน ระดบั ๒ ข้นึ ไปถอื ว่าผา่ น

บนั ทึกหลังสอน

หนว่ ยการสอนที.่ ............... แผนการจดั การเรียนร้ทู .ี่ .............
บันทึกหลงั สอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผสู้ อน

ควำมคดิ เห็นของผู้อำนวยกำรโรงเรยี น (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกันตนา จติ รบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรยี นวัดคลองห้า

๗. ภำคผนวก

แบบสงั เกตกำรตอบคำถำมของเดก็

หน่วยท่ี ๑ ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม

แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี ๔ เรอ่ื ง การปฏบิ ตั ิตนในการใช้ของใช้ส่วนตนและของใชส้ ่วนรวม
(การรับประทานอาหาร)

วันท่ี.............เดอื น.............................พ.ศ............................
คำชแ้ี จง : ให้ผู้ประเมนิ ทาเครื่องหมาย  ในชอ่ งระดับคณุ ภาพของเด็กในแต่ละประเดน็ ที่ประเมิน

ท่ี ชอ่ื -สกลุ การปฏบิ ัตติ น
ในการรับประทานอาหาร
๓๒๑

รวม
เฉลย่ี

ลงช่อื ...........................................................ผู้ประเมนิ
(.......................................................)

เกณฑก์ ำรประเมิน
ปฏิบัตติ นในการรับประทานอาหารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง

ระดบั ๓ : ปฏบิ ัติตนในการรับประทานอาหารได้อยา่ งถกู ตอ้ งดว้ ยตนเอง
ระดบั ๒ : ปฏบิ ัตติ นในการรับประทานอาหารไดอ้ ย่างถูกตอ้ งโดยมีผชู้ ี้แนะ
ระดับ ๑ : ไม่สามารถปฏิบัติตนในการรบั ประทานอาหารได้อยา่ งถูกตอ้ ง

แผนกำรจดั ประสบกำรณ์

หน่วยท่ี ๑ ช่ือหนว่ ย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ชนั้ ปฐมวัย
แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี ๕ เร่อื ง การปฏบิ ตั ิตนในการใช้ของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม เวลำ ๑

ชวั่ โมง (การเขา้ แถว)

๑. ผลกำรเรียนรู้

๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมได้

๒. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้
๒.๑ เด็กสามารถบอกการปฏิบัติตนได้เหมาะสมในขณะเข้าแถว หรือเดินเปน็ แถวได้

๓. สำระกำรเรียนรู้

๓.๑ ควำมรู้
การเข้าแถว เม่ือถึงเวลาเข้าแถวต้องรีบมาให้ทันเวลา และยืนเข้าแถวให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และเดิน

เปน็ แถว ตอ้ งเดินใหเ้ ป็นระเบยี บไม่แตกแถว หรือแซงออกนอกแถว
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะทีเ่ กดิ )
มีทกั ษะการคดิ การใช้ภาษาส่ือสาร

๓.๓ คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค/์ คำ่ นยิ ม
มีวนิ ัย

๔. กำรจัดประสบกำรณ์
๔.๑ ขน้ั ตอนกำรจัดประสบกำรณ์
๑) เด็กและครูร่วมร้องเพลง “เขา้ แถว”

๒) นาภาพการเขา้ แถวให้เดก็ ดู เช่น ภาพการเขา้ แถวรบั ประทานอาหารกลางวัน การเขา้ แถวซ้ือของ การเข้าแถว
เคารพธงชาติ การเข้าแถวข้นึ รถประจาทาง เปน็ ต้น แล้วสนทนาเกยี่ วกับภาพโดยใช้คาถาม ดังน้ี

• ถ้าไปรบั ประทานอาหารกลางวนั กับเพือ่ น ในห้องหลายๆ คน จะทาอยา่ งไรถึงจะไมว่ ุ่นวาย
(เดินเปน็ แถว)

• การเข้าแถวเป็นระเบยี บส่งผลดีกับตัวเราและเพอื่ นคนอืน่ อยา่ งไร (ไม่วุ่นวาย เป็นระเบยี บเรียบร้อย)

• รู้สึกอย่างไร เม่ือยืนเข้าแถวรอซ้ือของแล้วมีเพื่อนมาแทรกข้างหน้าโดยไม่ต่อท้ายแถว และจะแก้ไข
อยา่ งไร (ไมพ่ อใจ แก้ไขโดยบอกให้เพ่ือนเขา้ แถว)

๓) เดก็ ดูคลปิ นิทาน เร่ือง “ช้างน้อยเขา้ แถว” จากนัน้ รว่ มกนั สนทนาเก่ียวกบั เนื้อเรอ่ื ง โดยใช้คาถาม ดงั นี้
• ทาไมชา้ งนอ้ ยถึงตอ้ งเจบ็ ตัว (เพราะช้างนอ้ ยไม่เขา้ แถว ไมม่ ีวนิ ัยในตนเอง)
• จากเหตุการณ์ทชี่ ้างน้อยไมเ่ ข้าแถว แล้วถูกนายพรานยิงจนบาดเจ็บน้ัน จะส่งผลเสียตอ่ ใครบ้าง เพราะ

เหตุใด (๑. ต่อตัวช้างน้อยเอง เพราะช้างน้อยต้องได้รับบาดเจ็บ, ต้องขาดเรียน ทาให้เรียนไม่ทนั เพ่ือน ๒. ต่อพ่อแม่ของ
ช้างน้อย เพราะตอ้ งเสยี เวลามาดูแลช้างนอ้ ย ตอ้ งเสยี เงินพาช้างนอ้ ยไปหาหมอ ตอ้ งขาดงานเพอื่ มาดแู ลชา้ งน้อย)

๔) เด็กและครูร่วมกันสรุปถึงการปฏบิ ตั ิตนในการเขา้ แถวอย่างเป็นระเบียบซ่งึ จะสง่ ผลดีต่อตัวเด็กและคนอน่ื ๆ
คือ ไม่เกิดความวุ่นวาย

๔.๒ สอ่ื กำรเรียนร/ู้ แหลง่ กำรเรยี นรู้

๑) เพลง “เข้าแถว”
๒) ภาพการเขา้ แถวรบั ประทานอาหารกลางวนั การเขา้ แถวซ้อื ของ การเขา้ แถวเคารพธงชาติ การเขา้ แถว

ขนึ้ รถประจาทาง เป็นตน้
๓) คลิปนทิ าน เร่ือง “ชา้ งนอ้ ยเข้าแถว”

๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้

๕.๑ วิธกี ำรประเมิน

สังเกตการตอบคาถามของเดก็
๕.๒ เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในกำรประเมิน

แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็
๕.๓ เกณฑ์กำรประเมิน

เด็กผา่ นการประเมิน ระดบั ๒ ข้นึ ไปถอื วา่ ผา่ น

บนั ทกึ หลังสอน

หนว่ ยการสอนที.่ ............... แผนการจัดการเรียนรูท้ .ี่ .............
บันทกึ หลงั สอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปัญหาและอุปสรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผู้สอน

ควำมคดิ เห็นของผ้อู ำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ผ้อู านวยการโรงเรยี นวดั คลองห้า

๗. ภำคผนวก

เพลง เข้ำแถว

(ผู้แต่ง เตอื นใจ ศรีมารุต)

เขา้ แถว เขา้ แถว อย่าลา้ แนว ยืนเรียงกนั
อย่า มัวแชเชือน เดินตาม เพอ่ื นให้ทนั
ระวัง เดินชนกนั เข้าแถวกนั วอ่ งไว
เขา้ แถว เข้าแถว อยา่ ลา้ แนว ยนื เรยี งกัน
อย่า มวั แชเชือน เดินตาม เพื่อนใหท้ นั
ระวัง เดนิ ชนกัน เข้าแถวกัน ว่องไว

คลปิ นทิ ำน เรื่อง ชำ้ งน้อยเข้ำแถว

https://www.youtube.com/watch?v=๘kvbO๐y-qho&t=๘s

ภำพกำรเขำ้ แถว

ภำพกำรเขำ้ แถว

แบบสงั เกตกำรตอบคำถำมของเดก็

หน่วยท่ี ๑ ชื่อหน่วย การคิดแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม

แผนการจดั ประสบการณ์ที่ ๕ เร่อื ง การปฏบิ ตั ิตนในการใช้ของใช้สว่ นตนและของใชส้ ว่ นรวม (การเขา้ แถว)
วนั ท.่ี ............เดอื น.............................พ.ศ............................

คำช้แี จง : ใหผ้ ู้ประเมินทาเครอ่ื งหมาย  ในช่องระดับคณุ ภาพของเดก็ ในแตล่ ะประเด็นทป่ี ระเมิน

บอกการปฏิบตั ติ น

ท่ี ช่อื -สกลุ ไดเ้ หมาะสมในขณะ
เข้าแถว หรือเดินเปน็ แถว

๓๒ ๑

รวม
เฉลี่ย

ลงช่อื ...........................................................ผ้ปู ระเมิน
(.......................................................)

เกณฑก์ ำรประเมิน
บอกการปฏบิ ัตติ นได้เหมาะสมในขณะเข้าแถว หรอื เดนิ เป็นแถว

ระดบั ๓ : บอกการปฏบิ ตั ติ นไดเ้ หมาะสมในขณะเข้าแถว หรือเดนิ เปน็ แถวได้ดว้ ยตนเอง
ระดับ ๒ : บอกการปฏิบตั ติ นไดเ้ หมาะสมในขณะเขา้ แถว หรือเดินเปน็ แถวได้โดยมีผชู้ แี้ นะ
ระดับ ๑ : ไม่สามารถบอกการปฏบิ ัติตนไดเ้ หมาะสมในขณะเขา้ แถว หรอื เดนิ เปน็ แถวได้

แผนกำรจดั ประสบกำรณ์

หน่วยที่ ๑ ชอื่ หนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชน้ั ปฐมวัย
แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ่ี ๖ เรอ่ื ง การปฏิบัติตนในการใช้ของใชส้ ว่ นตนและของใช้สว่ นรวม เวลำ ๑

ชวั่ โมง
(การเก็บของใช้ส่วนตน)

๑. ผลกำรเรยี นรู้

๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้

๒. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้
๒.๑ สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสียของการเก็บของและไม่เก็บของใชส้ ่วนตนไดท้ ม่ี ีต่อตนเองและผู้อนื่

๓. สำระกำรเรียนรู้

๓.๑ ควำมรู้
ของใช้ส่วนตน คือ สงิ่ ของท่ีเราต้องใช้เป็นของเฉพาะบุคคล และเม่ือใช้เสร็จแล้วต้องดูแลรักษา เก็บเขา้ ที่ให้

เปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะท่เี กดิ )
มีทักษะการคดิ การใชภ้ าษาส่อื สาร

๓.๓ คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค/์ คำ่ นิยม
มวี ินยั

๔. กำรจดั ประสบกำรณ์
๔.๑ ขั้นตอนกำรจดั ประสบกำรณ์
๑) ให้เด็กตอบปรศิ นาคาทายเกี่ยวกับของใช้ ดงั น้ี

• อะไรเอ่ย กลางวันใชก้ นั ไปทกุ มมุ ห้อง กลางคนื เชญิ น้องไปไวม้ มุ (ไมก้ วาด)
• อะไรเอย่ ตัวเป็นไม้ ไสเ้ ป็นดิน หัวเปน็ ยาง (ดนิ สอ)

๒) ให้เด็กดขู องใชต้ ่างๆ ท่คี รูนามา เช่น แก้วนา้ จาน แปรงสฟี ัน ช้อน สอ้ ม เป็นตน้ แลว้ ครูสนทนากับเด็ก
โดยใชค้ าถาม ดังนี้

• ของใชเ้ หล่าน้มี ีประโยชน์อยา่ งไร (เอาไวใ้ ส่นา้ ดม่ื , เอาไว้ใส่อาหาร, เอาไว้ตดั กระดาษ, เอาไว้ตักอาหาร)

• ส่ิงของทง้ั หมดน้ี เราเรยี กรวมกันวา่ อะไร (ของใช้สว่ นตน)
• ของใชเ้ หลา่ นจ้ี ะมวี ธิ ีเก็บอยา่ งไร (เก็บให้เรยี บรอ้ ยเปน็ ระเบยี บ)

๓) ครนู าภาพการไมเ่ ก็บของใชห้ ลังการใช้งานแลว้ มาใหเ้ ด็กดู แล้วรว่ มกนั สนทนาซกั ถาม
• ภาพน้เี ปน็ ภาพเกย่ี วกับอะไร (ภาพการไม่เก็บของ, ภาพของใชท้ เ่ี กบ็ ไมเ่ ปน็ ระเบียบ)
• ถ้าเราใช้ของใช้แลว้ ไม่เก็บให้เรยี บร้อย ปล่อยให้วางเกะกะตามท่ีต่างๆ คิดว่าจะเกิดผลกระทบกับใครบ้าง

เพราะเหตใุ ด (๑. เกดิ ผลกระทบกับตัวเรา จะทาให้เราไม่มีของใชใ้ ช้ในภายหลัง เพราะมนั อาจจะหาย หรือพังเสยี หาย
เพราะว่าเราใช้แล้วไมเ่ ก็บ ๒. เกิดผลกระทบตอ่ ผอู้ น่ื เชน่ ถา้ เราไม่เกบ็ ของจะทาให้หอ้ งเรยี นสกปรก ไม่เป็นระเบยี บ

เพอ่ื นๆ ในหอ้ งเรยี นก็จะต้องเดอื ดร้อน ตอ้ งเรยี นในหอ้ งเรียนที่สกปรก ไมม่ ีระเบยี บ)
• ถา้ หากเราวางรองเท้าทช่ี ้นั ไม่เรยี บรอ้ ย จะทาให้เพ่ือนๆ ท่ีมาวางทหี ลงั ได้รับผลอยา่ งไร (ทาใหเ้ พื่อน

ไมม่ ีที่วางรองเทา้ เพราะว่าเราวางรองเท้าไวเ้ กะกะเต็มไปหมด, ทาให้เพอ่ื นเราเดอื ดรอ้ น จากการกระทาของเรา)

๔) เด็กและครูรว่ มกนั สรปุ ถงึ การเก็บของใช้ส่วนตนอย่างเป็นระเบียบโดยไม่ให้ผู้อน่ื เดอื ดร้อน

๔.๒ ส่อื กำรเรียนร้/ู แหล่งกำรเรียนรู้

๑) ปรศิ นาคาทาย

๒) ของใชต้ า่ ง ๆ เชน่ แก้วนา้ จาน แปรงสฟี ัน ชอ้ น ส้อม เปน็ ตน้
๓) ภาพการไม่เกบ็ ของให้เปน็ ระเบยี บ

๕. กำรประเมินผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วธิ ีกำรประเมิน
สังเกตการตอบคาถามของเด็ก

๕.๒ เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ นกำรประเมิน
แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็

๕.๓ เกณฑ์กำรประเมิน
เด็กผ่านการประเมิน ระดับ ๒ ข้นึ ไปถอื วา่ ผ่าน

บนั ทกึ หลังสอน

หนว่ ยการสอนท.่ี ............... แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี.่ .............
บันทกึ หลังสอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปัญหาและอุปสรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผสู้ อน

ควำมคิดเหน็ ของผู้อำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นวัดคลองห้า

๗. ภำคผนวก

ภำพกำรไมเ่ กบ็ ของใหเ้ ปน็ ระเบยี บ

แบบสงั เกตกำรตอบคำถำมของเดก็

หน่วยท่ี ๑ ชือ่ หน่วย การคิดแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม

แผนการจดั ประสบการณ์ที่ ๖ เรือ่ ง การปฏิบัติตนในการใช้ของใช้สว่ นตนและของใชส้ ่วนรวม
(การเก็บของใช้สว่ นตน)

วันท.ี่ ............เดือน.............................พ.ศ............................
คำชี้แจง : ให้ผู้ประเมนิ ทาเครอ่ื งหมาย  ในชอ่ งระดบั คณุ ภาพของเด็กในแต่ละประเด็นทปี่ ระเมิน

ที่ ชอ่ื -สกุล บอกผลดี ของการ บอกผลเสีย ของการ สามารถคิดแยกแยะ
เก็บของใช้สว่ นตน เกบ็ ของใช้สว่ นตน ผลดี และผลเสีย
ใหเ้ ป็นระเบียบทีม่ ี ให้เป็นระเบียบทีม่ ี ของการเก็บของ
ตอ่ ตนเองและผ้อู ่นื ตอ่ ตนเองและผู้อน่ื และไม่เก็บของทมี่ ี
ต่อตนเองและผ้อู นื่

๓๒๑๓๒๑๓๒๑

รวม
เฉลย่ี

ลงชือ่ ...........................................................ผู้ประเมนิ
(.......................................................)

เกณฑ์กำรประเมนิ
บอกผลดี ของการเก็บของใช้สว่ นตนให้เปน็ ระเบยี บทม่ี ีตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื

ระดบั ๓ : บอกผลดี ของการเกบ็ ของใช้สว่ นตนใหเ้ ปน็ ระเบยี บทมี่ ีต่อตนเองและผอู้ นื่ ได้ดว้ ยตนเอง
ระดับ ๒ : บอกผลดี ของการเก็บของใช้สว่ นตนใหเ้ ป็นระเบยี บทีม่ ตี อ่ ตนเองและผูอ้ น่ื ได้โดยมผี ู้ชแ้ี นะ
ระดบั ๑ : ไมส่ ามารถบอกผลดี ของการเก็บของใช้ส่วนตนให้เป็นระเบยี บทม่ี ีต่อตนเองและผ้อู ื่นได้

บอกผลเสยี ของการเก็บของใช้สว่ นตนให้เปน็ ระเบียบท่มี ีตอ่ ตนเองและผ้อู ่นื
ระดับ ๓ : บอกผลเสยี ของการไม่เกบ็ ของใชส้ ว่ นตนให้เป็นระเบียบทีม่ ตี ่อตนเองและผูอ้ ื่นไดด้ ว้ ยตนเอง
ระดับ ๒ : บอกผลเสยี ของการไม่เก็บของใชส้ ว่ นตนใหเ้ ปน็ ระเบียบที่มตี ่อตนเองและผู้อ่นื ได้โดยมผี ชู้ ี้แนะ
ระดับ ๑ : ไมส่ ามารถบอกผลเสยี ของการไม่เก็บของใชส้ ่วนตนใหเ้ ปน็ ระเบยี บที่มีต่อตนเองและผู้อนื่ ได้

สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เกบ็ ของที่มีต่อตนเองและผู้อืน่
ระดบั ๓ : สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเกบ็ ของและไม่เกบ็ ของที่มีต่อตนเองและผ้อู ่ืน

ไดด้ ว้ ยตนเอง
ระดบั ๒ : สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไมเ่ ก็บของทม่ี ตี ่อตนเองและผูอ้ ื่น

ได้โดยมีผู้ชแี้ นะ
ระดับ ๑ : ไม่สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสยี ของการเกบ็ ของและไมเ่ ก็บของทม่ี ีตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื ได้

แผนกำรจดั ประสบกำรณ์

หนว่ ยที่ ๑ ชือ่ หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ชน้ั ปฐมวัย
แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี ๗ เรอ่ื ง การปฏิบตั ิตนในการใช้ของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม เวลำ ๑

ช่วั โมง
(การทางานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย)

๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้

๒. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้
๒.๑ สามารถบอกผลดี ของการมีความรบั ผิดชอบในการทางานท่ไี ด้รบั มอบหมายที่มีตอ่ ตนเองและผูอ้ น่ื
๒.๒ สามารถบอกผลเสยี ของการไม่มีความรบั ผิดชอบในการทางานที่ไดร้ บั มอบหมายทมี่ ตี อ่ ตนเองและผู้อนื่
๒.๓ สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการมีความรบั ผิดชอบในการทางานทไี่ ด้รับมอบหมายทมี่ ีต่อตนเอง

และผู้อน่ื
๓. สำระกำรเรียนรู้

๓.๑ ควำมรู้
การทางานท่ไี ด้รบั มอบหมาย คอื การทบี่ ุคคลหน่ึงได้รับมอบหมายให้ทาการสิง่ ใด ตอ้ งรับผิดชอบทางานนนั้

ให้บรรลุตามเปา้ หมายและสาเร็จตามเวลาทก่ี าหนด
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะทเี่ กิด)
๑) มที ักษะชีวติ อยรู่ ว่ มกับผอู้ ่ืนได้อยา่ งมีความสขุ
๒) มีทักษะการคดิ การใชภ้ าษาสอ่ื สาร และการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกบั วัย
๓.๓ คุณลักษณะที่พงึ ประสงค/์ คำ่ นิยม
มวี ินัย

๔. กำรจดั ประสบกำรณ์
๔.๑ ขั้นตอนกำรจดั ประสบกำรณ์
๑) ใหเ้ ดก็ ดคู ลิปวดี ีโอ เรอื่ ง “ทาไมไม่สง่ การบา้ น” จากนัน้ เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนา เก่ียวกบั เน้ือหาในเรอื่ ง

โดยครูใช้คาถาม ดังน้ี
• จากเนอ้ื เร่ืองเปน็ เรื่องเกย่ี วกบั อะไร (เดก็ ไมส่ ่งการบา้ น)
• เด็กในเรื่อง ขาดคุณธรรมขอ้ ใด (ความรบั ผิดชอบ)
• ถ้าเราเปน็ เดก็ คนในคลิปทดี่ ู เราจะทาอยา่ งไร (จะรบั ผิดชอบทาการบา้ นที่ครูสง่ั แลว้ เอาส่งครตู ามเวลา

ท่ีครูนัดหมาย)
๒) เด็กและครูร่วมกันสนทนาถึงกิจกรรม หรืองานท่ีได้รับมอบหมายให้ทาท่ีบ้านและท่ีโรงเรียน โดยใช้

คาถาม ดงั นี้
• งานบา้ นท่ีไดร้ บั มอบหมายให้ทามอี ะไรบา้ ง และทาอย่างไรกับงานบ้านที่ไดร้ ับมอบหมาย

(๑. กวาดบ้าน ถบู า้ น เลี้ยงนอ้ ง รดน้าตน้ ไม้ ๒. รบั ผิดชอบทางานทีไ่ ด้รบั มอบหมายจนเสรจ็ เรยี บรอ้ ยโดยไม่ตอ้ งรอ
ใหใ้ ครมาบอก)

• กิจกรรม หรืองานที่โรงเรยี นมอบหมายให้ทามอี ะไรบ้าง และทาอย่างไรกบั กจิ กรรม หรืองานทไ่ี ดร้ ับ
มอบหมาย (๑. เก็บขยะรอบๆ ห้องเรียน กวาดห้อง ถหู อ้ ง ๒. รบั ผดิ ชอบทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายจนเสร็จเรยี บรอ้ ย
โดยไมต่ ้องรอใหใ้ ครมาบอก)

• ถ้าเราไมท่ ากจิ กรรม หรอื งานท่ีได้รับมอบหมายให้เสร็จจะเกิดอะไรขน้ึ (๑. เราจะเป็นคนไม่รบั ผิดชอบ
เพ่อื นๆ คุณครู ก็จะดวู า่ เราขาดความรบั ผิดชอบ ไมไ่ ด้รบั การยอมรบั )

๓) ให้เด็กดูนิทานเร่อื ง “น้องไข่เจยี ว เดก็ ดีชว่ ยพ่อแม่ทางานบ้าน”

๔) เดก็ และครูรว่ มกันสนทนากนั ถงึ เนอ้ื หาในนทิ าน โดยใช้คาถาม ดงั น้ี
• นอ้ งไข่เจียว ช่วยพอ่ แมท่ างานบ้านอะไรบ้าง (กวาดบ้าน ถูบ้าน ซดั เสอื้ ผ้า รดน้าต้นไม้ เชด็ โต๊ะอาหาร)

• การท่ีเราช่วยเหลือพ่อแม่ทางานบ้าน ช่วยเหลืองานคุณครู และต้ังใจเรียนนั้น จะเกิดผลดีอย่างไร
กับใครบ้าง (๑. เกดิ ผลดีกับตวั เราเอง เพราะถ้าเราตง้ั ใจเรียนเรากจ็ ะเรยี นหนังสือเก่ง ถ้าเราช่วยพ่อแม่ทางานบา้ น
เราก็จะได้มีโอกาสออกกาลังกาย ทาให้ร่างกายเราแข็งแรง และจะทาให้เราทางานเป็น ไปท่ีไหนก็จะสามารถ

ช่วยเหลือตนเองได้ ๒. เกิดผลดีกับผู้อ่นื เช่น พ่อแม่ และครู เพราะท่านจะได้มีภาระในการทางานลดน้อยลง ทาให้
ทา่ นเหน่ือยนอ้ ยลง)

๕) เด็กและครูร่วมกันสรปุ ถึงผลของความรับผิดชอบการทางานทไี่ ด้รบั มอบหมายทีม่ ตี ่อตนเองและผอู้ ่ืน
๔.๒ ส่อื กำรเรยี นร/ู้ แหล่งกำรเรียนรู้

๑) คลปิ วีดีโอ เร่ือง “ทาไมไมส่ ่งการบา้ น”

๒) คลิปวีดโี อนทิ าน เรอ่ื ง “นอ้ งไขเ่ จยี ว เดก็ ดีช่วยพอ่ แม่ทางานบ้าน”
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรียนรู้

๕.๑ วธิ กี ำรประเมิน
สังเกตการตอบคาถามของเด็ก

๕.๒ เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ในกำรประเมิน

แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็
๕.๓ เกณฑก์ ำรประเมนิ

เด็กผา่ นการประเมิน ระดบั ๒ ขึน้ ไปถือวา่ ผา่ น

บันทกึ หลงั สอน

หนว่ ยการสอนที่................ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี.่ .............
บนั ทกึ หลังสอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผู้สอน

ควำมคดิ เหน็ ของผู้อำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกนั ตนา จติ รบรรจง)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นวัดคลองห้า

๗. ภำคผนวก

วีดีโอ เรื่อง ทำไมไม่ส่งกำรบ้ำน

http://youtube.com/watch?v=aoYtKGX๑rIY

นอ้ งไขเ่ จยี ว เดก็ ดีชว่ ยพ่อแมท่ ำงำนบ้ำน

http://youtube.com/watch?v=W๘VFhqG๘Nv๐

แบบสงั เกตกำรตอบคำถำมของเด็ก

หนว่ ยที่ ๑ ชือ่ หนว่ ย การคดิ แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม

แผนการจัดประสบการณ์ที่ ๗ เรื่อง การปฏบิ ตั ติ นในการใช้ของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม
(การทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย)

วนั ท่.ี ............เดอื น.............................พ.ศ............................
คำช้ีแจง : ให้ผู้ประเมนิ ทาเคร่ืองหมาย  ในช่องระดบั คุณภาพของเดก็ ในแตล่ ะประเดน็ ท่ปี ระเมิน

ที่ ชื่อ-สกลุ บอกผลดี ของการ บอกผลเสยี ของการ สามารถคิดแยกแยะ
มคี วามรบั ผดิ ชอบ ไม่มีความรบั ผิดชอบ ผลดี และผลเสีย ของ
ในการทางานที่ได้รับ ในการทางานท่ไี ด้รับ การมคี วามรับผดิ ชอบ
มอบหมายทม่ี ตี อ่ มอบหมายท่มี ตี อ่ ในการทางานท่ไี ด้รับ
ตนเองและผู้อ่นื
ตนเองและผู้อน่ื มอบหมายที่มีต่อ
ตนเองและผู้อน่ื

๓๒๑๓๒๑๓๒๑

รวม
เฉล่ีย

ลงชื่อ...........................................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................................)

เกณฑก์ ำรประเมิน
บอกผลดี ของการมีความรบั ผดิ ชอบในการทางานท่ไี ด้รับมอบหมายท่ีมีตอ่ ตนเองและผูอ้ น่ื

ระดับ ๓ : บอกผลดี ของการมีความรบั ผิดชอบในการทางานทไี่ ดร้ บั มอบหมายทีม่ ีตอ่ ตนเองและผ้อู น่ื
ไดด้ ้วยตนเอง

ระดับ ๒ : บอกผลดี ของการมีความรบั ผดิ ชอบในการทางานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายทม่ี ีต่อตนเองและผู้อนื่
ได้โดยมผี ู้ชแี้ นะ

ระดบั ๑ : ไมส่ ามารถบอกผลดี ของการมีความรับผดิ ชอบในการทางานทีไ่ ด้รับมอบหมายทีม่ ีตอ่ ตนเองและผู้อ่ืนได้

บอกผลเสีย ของการไม่มีความรับผดิ ชอบในการทางานที่ได้รบั มอบหมายท่มี ีต่อตนเองและผอู้ ่นื
ระดบั ๓ : บอกผลเสีย ของการไม่มคี วามรับผิดชอบในการทางานท่ไี ดร้ บั มอบหมายที่มีต่อตนเองและผู้อื่นไ

ดด้ ว้ ยตนเอง
ระดบั ๒ : บอกผลเสยี ของการไมม่ คี วามรบั ผิดชอบในการทางานท่ไี ดร้ ับมอบหมายทม่ี ตี ่อตนเองและผ้อู ่ืน

ได้โดยมผี ้ชู แ้ี นะ
ระดับ ๑ : ไม่สามารถบอกผลเสีย ของการไม่มคี วามรับผิดชอบในการทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมายท่ีมตี ่อตนเองและ

ผู้อืน่ ได้

สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสยี ของการมคี วามรับผิดชอบในการทางานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายท่มี ตี ่อตนเองและผู้อ่นื
ระดับ ๓ : สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการมีความรับผิดชอบในการทางานที่ได้รับมอบหมายท่ีมี

ต่อตนเองและผ้อู ื่นได้ด้วยตนเอง
ระดับ ๒ : สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการมีความรับผิดชอบในการทางานที่ได้รบั มอบหมายท่ีมี

ตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื ได้โดยมผี ู้ชีแ้ นะ
ระดับ ๑ : ไม่สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการมีความรับผิดชอบในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายท่ีมี

ตอ่ ตนเองและผู้อน่ื ได้

แผนกำรจัดประสบกำรณ์

หน่วยที่ ๑ ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ช้ันปฐมวัย

แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ่ี ๘ เรือ่ ง การปฏบิ ัติตนในการใช้ของใช้สว่ นตนและของใช้สว่ นรวม เวลำ ๑ ช่ัวโมง

(การแบง่ ปัน)

๑. ผลกำรเรียนรู้

๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้

๒. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
๒.๑ บอกความหมายของการแบ่งปันได้
๒.๒ สามารถคดิ แยกแยะประโยชน์ของการแบง่ ปนั ทม่ี ตี ่อตนเองและผอู้ น่ื ได้

๓. สำระกำรเรียนรู้
๓.๑ ควำมรู้

การแบ่งปัน คือ การแบ่งปันสิ่งท่เี รามี หรอื สงิ่ ท่ีเราสามารถให้แก่ผู้อนื่ ได้ และเป็นประโยชน์กับคนที่ได้รับ
การแบ่งปันหรือการให้นั้น หากได้มอบให้ผู้อ่ืนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนและบริสุทธ์ิใจ จะทาให้ผู้ท่ีมอบนั้นได้รับ
ความสขุ ที่เป็นความทรงจายาวนาน มใิ ช่ความสุขเพียงชัว่ ครู่

๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะที่เกดิ )
๑) มที กั ษะชีวติ และอยู่ร่วมกบั ผ้อู ่ืนไดอ้ ย่างมีความสขุ

๒) มีทักษะการคิด การใชภ้ าษาสอื่ สาร และการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกบั วยั
๓.๓ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค/์ ค่ำนิยม

ความเอื้ออาทร

๔. กำรจดั ประสบกำรณ์
๔.๑ ข้นั ตอนกำรจัดประสบกำรณ์

๑) เดก็ และครรู ว่ มกนั รอ้ งเพลง “การแบง่ ปนั ”
๒) เด็กและครรู ่วมกันสนทนาถงึ เนอ้ื หาของเพลง โดยครูใช้คาถาม ดงั นี้

• เพลงทีเ่ ราร่วมรอ้ ง เป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร (การแบ่งปนั )

• การแบ่งปัน คอื อะไร (การทีเ่ ราให้ส่ิงของทเ่ี รามอี ยู่กบั ผอู้ ืน่ )
๓) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการแบ่งปัน โดยใหเ้ ด็กช่วยกันยกตัวอย่างท่ีตนเองเคยมีน้าใจแบ่งปัน

ตอ่ ผู้อน่ื (ใหเ้ พอื่ นยืมดินสอ แบ่งขนมใหเ้ พอื่ น เป็นตน้ )
๔) ใหเ้ ด็กดนู ทิ าน เร่อื ง “หนูแกงสม้ มีนา้ ใจ” จากน้ันสนทนารว่ มกัน โดยครูใช้คาถาม ดังนี้
• การที่หนูนิดแบ่งไอศกรีมให้น้องครึ่งหนึ่งนัน้ เป็นการกระทาที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด (ถูกต้อง

เพราะการที่เราร้จู ักแบง่ ปนั สิ่งของให้ผู้อน่ื น้ันเป็นการกระทาท่ีดี)
• หนูแกงส้มจะรู้สึกอยา่ งไรเมอ่ื แบ่งไอศกรมี ให้น้อง (รสู้ ึกภมู ิใจในตนเอง)

• การท่หี นูนิดเปน็ คนท่รี ู้จกั แบ่งปัน คดิ วา่ ใครจะไดร้ ับประโยชน์จากการกระทานี้บา้ ง และไดร้ บั อยา่ งไร
(๑. ตัวของหนูนดิ เอง เพราะหนูนิดจะเกิดความรู้สกึ ภาคภูมิใจตอ่ ตนเอง, ทาให้หนูนิดเป็นท่ีรักของทุกคน ๒. บุคคลอื่น
ทอ่ี ยู่รอบข้างหนนู ิด เช่น เพอ่ื นๆ เพราะ บุคคลเหล่าน้ันจะได้รบั ความชว่ ยเหลอื แบ่งปันจากหนูนดิ ทาสังคมน่าอยู่

เปน็ สังคมแห่งการแบ่งปนั )
๕) เด็กและครรู ว่ มกันสรปุ ถึงการมคี วามรแู้ ละประสบการณเ์ รอื่ งการแบ่งปันทาให้เห็นคณุ คา่ ของการ

แบ่งปันตอ่ ผู้อน่ื
๔.๒ ส่ือกำรเรยี นร้/ู แหลง่ กำรเรยี นรู้
๑) เพลง “การแบ่งปนั ”

๒) นิทาน เร่อื ง “หนูแกงส้มมีนา้ ใจ”

๕. กำรประเมินผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วิธีกำรประเมิน

สงั เกตการตอบคาถามของเดก็
๕.๒ เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในกำรประเมิน

แบบสงั เกตการตอบคาถามของเด็ก

๕.๓ เกณฑก์ ำรประเมนิ
เด็กผา่ นการประเมนิ ระดับ ๒ ขนึ้ ไปถอื ว่าผา่ น

บันทกึ หลงั สอน

หนว่ ยการสอนท่.ี ............... แผนการจัดการเรียนรู้ท.ี่ .............
บันทึกหลังสอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปญั หาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผ้สู อน

ควำมคดิ เห็นของผู้อำนวยกำรโรงเรียน (ตรวจ/นิเทศ/เสนอแนะ/รบั รอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกนั ตนา จิตรบรรจง)
ผู้อานวยการโรงเรยี นวดั คลองหา้

๗. ภำคผนวก

เพลง “กำรแบง่ ปนั ”
(ผ้แู ต่ง บญุ เอ้ือ เหล่าชยั ประพันธ์)

การแบ่งปันๆ อยรู่ ว่ มกันอยา่ งมคี วามสขุ
ยามทกุ ข์ เดอื ดร้อนใจกาย กค็ ล่ีคลาย กลับกลายเป็นสขุ เอย (ซ้า)

นทิ ำน เรอื่ ง หนแู กงส้มมีนำ้ ใจ

http://youtube.com/watch?v=UCXaf_cjB๗A

แบบสงั เกตกำรตอบคำถำมของเดก็

หนว่ ยท่ี ๑ ชอ่ื หน่วย การคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม

แผนการจัดประสบการณ์ที่ ๘ เร่ือง การปฏบิ ตั ิตนในการใช้ของใช้ส่วนตนและของใชส้ ่วนรวม (การแบง่ ปัน)
วนั ท่ี.............เดอื น.............................พ.ศ............................

คำชี้แจง : ใหผ้ ้ปู ระเมนิ ทาเครื่องหมาย  ในชอ่ งระดบั คุณภาพของเดก็ ในแตล่ ะประเดน็ ที่ประเมิน

ท่ี ชอื่ -สกุล บอกความหมาย สามารถคิดแยกแยะ
ของการแบ่งปันได้ ประโยชนข์ องการ
แบ่งปนั ที่มตี อ่ ตนเอง
๓๒๑
และผอู้ นื่ ได้

๓๒๑

รวม
เฉล่ยี

ลงช่ือ...........................................................ผู้ประเมิน
(.........................................................)

เกณฑ์กำรประเมนิ
บอกความหมายของการแบง่ ปันได้

ระดับ ๓ : บอกความหมายของการแบ่งปนั ไดด้ ้วยตนเอง
ระดับ ๒ : บอกความหมายของการแบ่งปันได้โดยมผี ูช้ ีแ้ นะ
ระดบั ๑ : ไม่สามารถบอกความหมายของการแบ่งปนั ได้

สามารถคิดแยกแยะประโยชน์ของการแบง่ ปันท่มี ีต่อตนเองและผ้อู นื่ ได้
ระดับ ๓ : สามารถคิดแยกแยะประโยชนข์ องการแบ่งปันทีม่ ีตอ่ ตนเองและผู้อนื่ ได้ด้วยตนเอง
ระดบั ๒ : สามารถคิดแยกแยะประโยชนข์ องการแบ่งปนั ทมี่ ีตอ่ ตนเองและผู้อืน่ ได้โดยมผี ู้ช้แี นะ
ระดับ ๑ : ไม่สามารถคิดแยกแยะประโยชนข์ องการแบ่งปันที่มีตอ่ ตนเองและผอู้ ืน่ ได้

แผนกำรจัดประสบกำรณ์

หนว่ ยท่ี ๑ ช่ือหน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ช้นั ปฐมวยั
แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ท่ี ๙ เรอื่ ง การปฏิบตั ิตนในการใช้ของใชส้ ว่ นตนและของใช้สว่ นรวม เวลำ ๑

ชั่วโมง
(การแต่งกาย)

๑. ผลกำรเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมได้

๒. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้
๒.๑ บอกความสาคญั ของการแตง่ กายด้วยตนเองได้
๒.๒ สามารถคดิ แยกแยะผลดีของการแต่งกายด้วยตนเองทีส่ ง่ ผลตอ่ ตนเองและผูอ้ ่นื ได้
๒.๓ สามารถคิดแยกแยะผลเสยี ของการแต่งกายดว้ ยตนเองไมไ่ ดท้ ่สี ง่ ผลต่อตนเองและผูอ้ น่ื ได้

๓. สำระกำรเรยี นรู้
๓.๑ ควำมรู้
การแต่งกาย หมายถึง การสวมใส่เส้ือผ้าและเครื่องแต่งกายท่ีเหมาะสมกับวัย เพศ ฤดูกาล โอกาส และ

สถานที่ เราควรแต่งกายดว้ ยเสื้อผ้าทส่ี ะอาดเรียบร้อย เพือ่ ใหด้ สู ภุ าพเรยี บร้อย สวยงามน่ารัก

๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนกำร (สมรรถนะท่ีเกดิ )
๑) มีทักษะชีวิต และอยรู่ ่วมกบั ผูอ้ ื่นได้อยา่ งมีความสุข
๒) มีทักษะการคดิ การใช้ภาษาสอ่ื สาร

๓.๓ คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค/์ ค่ำนิยม
มีวินยั

๔. กำรจดั ประสบกำรณ์
๔.๑ ข้นั ตอนกำรจดั ประสบกำรณ์
๑) เดก็ และครูดูวดี ีโอเพลง “คนเกง่ แตง่ ตวั ได้เอง”
๒) เด็กและครูร่วมกนั สนทนา โดยครใู ช้คาถาม ดังนี้
• จากวดี ีโอท่ดี ูน้ัน เป็นเรือ่ งเก่ยี วกบั อะไร (การแตง่ กายด้วยตนเอง)
๓) เด็กและครรู ่วมกันสนทนาเกีย่ วกับความสาคัญและประโยชนข์ องการแตง่ กาย โดยใช้คาถาม ดงั น้ี
• การท่ีเราสามารถแต่งตัวได้เองน้ันสาคัญหรือไม่ อย่างไร (สาคญั เพราะถ้าเราไปอยู่ท่ีอน่ื ไม่มีพ่อแม่

แต่งตัวให้ เราจะได้แตง่ ตวั เองได)้
• การทเี่ ราสามารถแต่งตวั ได้เองนัน้ จะเกิดผลดกี บั ใครบ้าง เพราะเหตุใด (๑. เกดิ ผลดีกับตนเอง เพราะ

เราจะสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่ต้องรอให้ผู้อื่นแต่งตัวให้ ๒. ผลดีกับผู้อ่ืน เช่น พ่อแม่ หรือครู เพราะพ่อแม่
หรอื ครู จะได้ลดภาระที่จะมาแตง่ ตัวให้เรา ทาให้ท่านมีเวลาพกั ผ่อนหรอื ไปทาอยา่ งอื่นมากข้นึ )

๔) ครูนาภาพการแต่งกายท่ีเรียบรอ้ ยถูกต้องตามกฎระเบียบของโรงเรียนมาให้เด็กดู และภาพของเด็กที่
แต่งกายไม่เรียบร้อยมาให้เด็กสังเกตเปรียบเทียบ พร้อมร่วมสนทนาตอบคาถามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพ
และใชค้ าถาม ดังน้ี

• ถ้าเราแต่งกายไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบของโรงเรียน คิดว่าจะเกิดผลต่อตนเองและผู้อื่นอย่างไร
(๑. ต่อตนเอง ก็จะทาให้ผู้อื่นมองเราว่าเป็นคนไม่มีวินัย ๒. ต่อผ้อู ่ืน (โรงเรียน) ทาให้เสียชื่อเสียงของโรงเรียนที่มี
เดก็ ไมม่ วี ินยั ในเรอ่ื งการแตง่ กาย)

๕) เดก็ และครูรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกับเรอ่ื งการแต่งกาย
๔.๒ สื่อกำรเรยี นรู้/แหลง่ กำรเรียนรู้

๑) เพลง “คนเกง่ แตง่ ตวั ไดเ้ อง”
๒) ภาพการแตง่ กายทีถ่ กู ตอ้ งตามกฎระเบียบของโรงเรียนและภาพการแตง่ กายผดิ ระเบยี บ
๕. กำรประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๕.๑ วธิ ีกำรประเมิน
สังเกตการตอบคาถามของเด็ก
๕.๒ เครอ่ื งมอื ทีใ่ ชใ้ นกำรประเมิน

แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็
๕.๓ เกณฑ์กำรประเมนิ

เด็กผา่ นการประเมนิ ระดบั ๒ ขนึ้ ไปถอื วา่ ผา่ น

บันทกึ หลังสอน

หนว่ ยการสอนที่................ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่.ี .............
บันทึกหลังสอน
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ปญั หาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(.................................................)
ครูผูส้ อน

ควำมคดิ เหน็ ของผ้อู ำนวยกำรโรงเรยี น (ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รับรอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

(นางสาวกนั ตนา จิตรบรรจง)
ผอู้ านวยการโรงเรียนวดั คลองห้า


Click to View FlipBook Version