๑๐๑
๖. ปิปผลิมาณพ ไดร้ บั อปุ สมบทด้วยวิธใี ด ?ข. รับโอวาท ๓
ก. เอหิภิกขุ
ค. รบั สรณคมน์ ง. รับอุโบสถศีล
๗. พระมหากสั สปะ ถือธดุ งคเ์ ปน็ วตั รกอ่ี ย่าง ?
ก. ๑ อยา่ ง ข. ๒ อย่าง
ค. ๓ อย่าง ง. ๔ อยา่ ง
๘. พระอบุ าลี เป็นบุตรของใคร ?
ก. ชา่ งกลั บก ข. นายภูษามาลา
ค. ปโุ รหิต ง. อาํ มาตย์
๙. พระอบุ าลี ออกบวชในคราวเดยี วกันกบั เจ้าศากยะพระองคใ์ ด ?
ก. โกลติ ะ ข. อปุ ติสสะ
ค. ปิปผลิ ง. อานนั ทะ
๑๐. ศากยกุมารใหอ้ ุบาลีบวชกอ่ น เพราะต้องการลดสง่ิ ใด?
ก. ความถอื ตัว ข. ความเกียจครา้ น
ค. ความถอื พวกพ้อง ง. ความตระหนี่
๑๑. พระอุบาลี ได้รบั ยกย่องวา่ เป็นผูเ้ ลิศในด้านใด ?
ก. มฤี ทธ์มิ าก ข. ทรงพระวินยั
ค. เป็นพหูสูต ง. เปน็ ธรรมกถึก
๑๒. ในคราวปฐมสังคายนา พระอบุ าลวี ิสัชนาเรอื่ งอะไร ?
ก. พระวินัย ข. พระสตู ร
ค. พระอภิธรรม ง. ถูกทุกขอ้
๑๓. พระสิวลี เกิดในแควน้ ใด ?
ก. สกั กะ ข. โกลยิ ะ
ค. ภัคคะ ง. วิเทหะ
๑๔. พระมารดาของพระสิวลปี รารถนาท่ีจะกระทําเร่ืองใดกอ่ นทิวงคต ?
ก. ถวายทาน ข. สมาทานศลี
ค. เจริญภาวนา ง. บวชเป็นภิกษุณี
๑๐๒
๑๕. พระสวิ ลี ได้รบั ยกย่องวา่ เปน็ ผ้เู ลิศในดา้ นใด ?
ก. เปน็ พหูสูต ข. มีบริวารมาก
ค. ทรงพระวนิ ยั ง. มลี าภมาก
๑๖. กัจจายนมาณพ ศกึ ษาจบเรื่องใด ?
ก. ยุทธศึกษา ข. ไตรเพท
ค. ไตรสกิ ขา ง. สนั ติศกึ ษา
๑๗. หน้าที่ใด ที่กจั จายนมาณพทําแทนบดิ า ?
ก. ปุโรหติ ข. อาํ มาตย์
ค. มหาดเลก็ ง. โหรหลวง
๑๘. ผู้ใด ท่ีพระเจา้ จัณฑปัชโชตส่งไปทลู เชิญพระพุทธเจา้ ใหเ้ สดจ็ มากรุงอุชเชนี?
ก. กาฬุทายีอํามาตย์ ข. กจั จายนปโุ รหติ
ค. ปิปผลิมาณพ ง. นายฉันนะ
๑๙. พระสาวกองค์ใด ไดบ้ รรลุเปน็ พระอรหันตแ์ ล้วจงึ ทลู ขอบวช ?
ก. พระสารีบตุ ร ข. พระมหากจั จายนะ
ค. พระอุบาลี ง. พระราหุล
๒๐. พระนางเขมา ทรงมผี ิวพรรณดังสีทองเลือ่ มเร่อื ประดจุ ส่งิ ใด ?
ก. แววหางนกยงู ข. ดวงตาเนือ้ ทราย
ค. แสงแหง่ จนั ทร์ ง. พยบั แดด
๒๑. พระนางเขมา ทรงอภิเษกสมรสกบั กษัตริย์พระองค์ใด ?
ก. สุทโธทนะ ข. ปเสนทโิ กศล
ค. พิมพิสาร ง. จณั ฑปชั โชต
๒๒. พระเจ้าพมิ พสิ ารทรงออกอบุ ายใหพ้ ระนางเขมาไปพบพระพุทธเจา้ ณ วัดใด ?
ก. วดั เวฬวุ นั ข. วัดเชตวนั
ค. วดั บุพพาราม ง. วดั นิโครธาราม
๒๓. พระนางเขมา ทรงบรรลุเป็นพระอรหนั ตใ์ นอิรยิ าบถใด ?
ก. ยืน ข. เดนิ
ค. นงั่ ง. นอน
๑๐๓
๒๔. พระเขมาเถรี ทรงไดร้ ับยกยอ่ งวา่ เปน็ ผู้เลิศในดา้ นใด?
ก. มบี รวิ ารมาก ข. มฤิ ทธิ์มาก
ค. มีปัญญามาก ง. มลี าภมาก
๒๕. พระอุบลวรรณาเถรี เกิดในเมอื งใด ?
ก. พาราณสี ข. สาวตั ถี
ค. ราชคฤห์ ง. กบลิ พัสด์ุ
๒๖. พระอุบลวรรณาเถรี มผี วิ พรรณงามเหมือนกลบี ดอกไมช้ นิดใด ?
ก. ดอกสาละ ข. ดอกปารชิ าติ
ค. ดอกบัวเขียว ง. ดอกบัวแดง
๒๗. นันทมาณพหลังประทุษรา้ ยพระอุบลวรรณาเถรแี ล้ว ได้รับโทษเช่นใด ?
ก. ถกู จองจํา ข. ถกู ประชาทัณฑ์
ค. ถกู ประหาร ง. ถกู แผ่นดนิ สบู
๒๘. นางปฏาจารา เกดิ ท่เี มืองใด ?
ก. สาวตั ถี ข. สัตถี
ค. พาราณสี ง. อุชเชนี
๒๙. นางปฏาจาราวกิ ลจริต เพราะสูญเสียส่ิงอันเปน็ ทีร่ ักใด ?
ก. สามีและบุตร ข. พ่อและแม่
ค. พชี่ าย ง. ถกู ทุกข้อ
๓๐. ก่อนบวช นางปฏาจาราไดส้ าํ เร็จเปน็ พระอริยบุคคลชนั้ ใด ?
ก. พระโสดาบนั ข. พระสกทาคามี
ค. พระอนาคามี ง. พระอรหนั ต์
๓๑. พระปฏาจาราเถรี ได้รับยกยอ่ งว่าเป็นผ้เู ลศิ ในด้านใด?
ก. ทรงพระวินัย ข. มีปัญญามาก
ค. มีฤทธิ์มาก ง. ทรงผา้ เศรา้ หมอง
๓๒. พระกสี าโคตมเี ถรี เกิดในสกุลใด?
ก. คนราํ่ รวย ข. คนคา้ ขาย
ค. คนรบั จ้าง ง. คนเข็ญใจ
๑๐๔
๓๓. นางกีสาโคตมีห้ามเผารา่ งบตุ รท่ตี าย เพราะไม่เคยเห็นคนประเภทใด ?
ก. คนเกดิ ข. คนแก่
ค. คนเจบ็ ไข้ ง. คนตาย
๓๔. พระกีสาโคตมเี ถรี ได้รับยกยอ่ งว่าเปน็ ผู้เลศิ ในด้านใด?
ก. มฤี ทธมิ์ าก ข. มีปัญญามาก
ค. ทรงจวี รเศรา้ หมอง ง. ทรงวนิ ยั
๓๕. บัณฑิตกุมาร ขออนุญาตมารดาบวช ขณะมอี ายกุ ่ปี ี ?
ก. ๗ ปี ข. ๘ ปี
ค. ๙ ปี ง. ๑๐ ปี
๓๖. “ น้ํามจี ิตหรือไม่ ” บัณฑิตสามเณรถามพระเถระองค์ใด ?
ก. พระโมคคัลลานะ ข. พระสารีบตุ ร
ค. พระอบุ าลี ง. พระอานนท์
๓๗. พระสูตรใด ท่ีพวกภกิ ษุสาธยายให้ธรรมกิ อบุ าสกฟัง ?
ก. มงคลสตู ร ข. รตนสตู ร
ค. สตปิ ัฏฐานสตู ร ง. กรณียเมตตสตู ร
๓๘. “ขอท่านจงรอกอ่ นๆ” ธรรมกิ อบุ าสกกล่าวกับใคร ?
ก. พวกภกิ ษุ ข. หม่ญู าติ
ค. เหล่าเทวดา ง. พระพรหม
๓๙. พระนางมลั ลกิ าเทวี เป็นธดิ าของใคร ?
ก. ช่างตดั ผม ข. ช่างเยบ็ ผ้า
ค. ช่างไม้ ง. ช่างดอกไม้
๔๐. พระนางมลั ลิกาเทวี ไดถ้ วายทานชนิดใด ?
ก. สงั ฆทาน ข. ปาฏิบุคลิกทาน
ค. วิหารทาน ง. อสทสิ ทาน
๔๑. พระภิกษุสงฆ์อธิษฐานอยู่จาํ พรรษา มกี ําหนดก่ีเดอื น ?
ก. ๓ เดอื น ข. ๔ เดอื น
ค. ๕ เดือน ง. ๖ เดอื น
๑๐๕
๔๒. ในพรรษา พระภิกษสุ ามารถไปคา้ งแรมท่ีอ่นื ไดค้ ราวละไม่เกนิ ก่วี นั ?
ก. ๖ วนั ข. ๗ วนั
ค. ๘ วนั ง. ๙ วนั
๔๓. วนั ใด ที่พระสงฆส์ ามารถว่ากล่าวตักเตอื นกนั ไดโ้ ดยเสมอภาค ?
ก. วันเข้าพรรษา ข. วันออกพรรษา
ค. วนั เทโวโรหณะ ง. วันธรรมสวนะ
๔๔. ในวนั ธรรมสวนะพุทธศาสนกิ ชนควรทําสิ่งใด ?
ก. ใหท้ าน ข. รักษาศีล
ค. ฟงั เทศน์ ง. ถูกทกุ ข้อ
๔๕. พิธกี ารเจรญิ พระพทุ ธมนต์มีมาตั้งแตส่ มยั ใด?
ก. พุทธกาล ข. หลงั พุทธกาล
ค. สโุ ขทยั ง. อยธุ ยา
๔๖. เจรญิ พระพุทธมนต์ เปน็ ศพั ทบ์ ัญญตั ิใช้กบั พธิ ีทําบญุ ประเภทใด?
ก. สตมวาร ข. ปญั ญาสมวาร
ค. สัตตมวาร ง. อายวุ ฒั นมงคล
๔๗. พิธลี อยกระทงของไทย เร่ิมมมี าตั้งแต่สมยั ใด ?
ก. สุโขทยั ข. อยุธยา
ค. ธนบุรี ง. รัตนโกสนิ ทร์
๔๘. การถวายผ้าป่า นิยมถวายในฤดูใด ?
ก. ฤดรู ้อน ข. ฤดูฝน
ค. ฤดูหนาว ง. ทุกฤดู
๔๙. พระภิกษผุ ู้จะรบั ผ้ากฐนิ ได้ ต้องจําพรรษาครบกี่เดอื น ?
ก. ๑ เดอื น ข. ๒ เดอื น
ค. ๓ เดอื น ง. ๔ เดอื น
๕๐. กุลบตุ รผู้จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ต้องมีอายุครบกปี่ ี ?
ก. ๗ ปี ข. ๘ ปี
ค. ๑๐ ปี ง. ๒๐ ปี
๑๐๖
ปญั หาและเฉลยวชิ าอุโบสถศีล (วนิ ยั )
ธรรมศกึ ษาชัน้ โท ระดบั มธั ยมศกึ ษา
สอบในสนามหลวง
วันศุกร์ ที่ ๕ มนี าคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๔
๑. คาํ วา่ อุโบสถแปลวา่ อะไร?
ก. การเข้าจํา ข. การจาํ พรรษา
ค. การปฏบิ ัติธรรม ง. การอดอาหาร
๒. การรักษาอุโบสถ หมายถึง การรักษาศลี ประเภทใด ?
ก. ศลี ๕ ข. ศลี ๘
ค. ศลี ๑๐ ง. ศลี ๒๒๗
๓. อโุ บสถศลี เป็นศีลสาํ หรบั ใคร ?
ก. ภกิ ษุ ข. สามเณร
ค. แม่ชี ง. อุบาสกอุบาสกิ า
๔. ขอ้ ใด เป็นวตั ถปุ ระสงคข์ องการรักษาอุโบสถศลี ?
ก. สะเดาะเคราะห์ ข. ความรํ่ารวย
ค. ข่มกเิ ลส ง. บรรลุธรรม
๕. ผู้สมาทานรักษาอโุ บสถศลี พึงปฏิบตั ติ นอยา่ งไร ?
ก. ใหท้ าน ข. ฟงั เทศน์
ค. น่ังสมาธิ ง. ถกู ทุกขอ้
๑๐๗
๖. ปกตอิ ุโบสถ กาํ หนดให้สมาทานรักษาเดอื นหน่ึงก่ีวนั พระ ?
ก. ๑ วนั พระ ข. ๓ วันพระ
ค. ๔ วนั พระ ง. ๑๒ วันพระ
๗. ปฏชิ าครอโุ บสถ กาํ หนดให้สมาทานรักษานานเท่าไร ?
ก. วันหน่ึงคนื หนึง่ ข. คราวละ ๓ วนั
ค. ๓ เดอื น ง. ๔ เดอื น
๘. ปาฏิหาริยอโุ บสถ กําหนดให้สมาทานรักษาต่อเน่ืองนานเท่าไร ?
ก. ๑ เดอื น ข. ๒ เดอื น
ค. ๓เดอื น ง. ๔ เดือน
๙. ปกตอิ โุ บสถน้ันกําหนดรกั ษาเดอื นละ ๔ วัน ยกเว้นวันใด ?
ก. วันขน้ึ ๑๔ คํา่ ข. วนั ขนึ้ ๑๕ คาํ่
ค. วันขึ้น ๘ คาํ่ ง. วนั แรม ๘ คาํ่
๑๐. อโุ บสถประเภทใด ท่านกล่าวว่ามีอานิสงส์มาก ?
ก. โคปาลกอโุ บสถ ข. นิคคณั ฐอโุ บสถ
ค. อริยอุโบสถ ง. ถกู ทกุ ข้อ
๑๑. อุโบสถประเภทใด เปรยี บไดก้ ับการถือพรตของนกั บวชนอกศาสนา ?
ก. โคปาลกอโุ บสถ ข. นิคคัณฐอโุ บสถ
ค. อริยอุโบสถ ง. ถกู ทกุ ข้อ
๑๒. อโุ บสถสมยั ใด ไม่ประกอบด้วยสรณคมน์และองค์ ๘ ?
ก. นอกพทุ ธกาล ข. ในพุทธกาล
ค. หลังพุทธกาล ง. ในปัจจุบนั
๑๓. ขอ้ ใด เป็นอานิสงส์สูงสดุ ของการรักษาอุโบสถศลี ?
ก. เขา้ ถึงสคุ ติ ข. มีโภคสมบัติ
ค. เข้าถงึ นิพพาน ง. มสี ขุ ภาพดี
๑๔. ไตรสรณคมน์ หมายถึงขอ้ ใด?
ก. พระพทุ ธ ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์ ง. ถูกทกุ ข้อ
๑๐๘
๑๕. สรณคมน์ หมายเอาการถึงสรณะในขอ้ ใด ?
ก. พระพทุ ธเจา้ ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์ ง. ท้งั ๓ ข้อ
๑๖. ท่านผ้ตู รัสรู้ชอบเองแล้วสอนให้ผอู้ ื่นรู้ตาม หมายถึงรตนะใด ?
ก. พระพุทธเจ้า ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์ ง. ทั้ง ๓ ขอ้
๑๗. การถงึ พระรัตนตรัยเปน็ สรณะ หมายถึงอะไร ?
ก. การขอพร ข. การบนบาน
ค. ขอให้คุม้ ครอง ง. การปฏิบตั ติ ามคําสอน
๑๘. ผถู้ ึงพระรตั นตรัยเปน็ สรณะ ปฏิบตั ติ นอย่างไรถูกต้องที่สดุ ?
ก. รบั ขนั ธ์ห้า ข. ปฏิบตั ิขัดเกลากิเลส
ค. เสริมดวงชะตา ง. ปลุกเสกพระ
๑๙. การขาดสรณคมน์ อาจเกิดขน้ึ ได้กับบุคคลใด ?
ก. โสดาบันบุคคล ข. สกทาคามบี คุ คล
ค. อนาคามีบุคคล ง. บุคคลทวั่ ไป
๒๐. ขอ้ ใด เป็นสาเหตใุ ห้สรณคมนเ์ ศร้าหมอง ?
ก. ความสงสัยคาํ สอน ข. ความจน
ค. ความเจ็บปว่ ย ง. ความตาย
๒๑. ข้อใด เปน็ สาเหตใุ ห้สรณคมน์ขาด?
ก. ความจน ข. ความเจบ็ ปว่ ย
ค. ความชรา ง. ความตาย
๒๒. ผู้ใด เปน็ ตวั อยา่ งของผถู้ งึ พระรตั นตรยั อยา่ งมน่ั คง ?
ก. พระเทวทตั ข. สปุ ปพุทธกฏุ ฐิ
ค. ตปุสสะ ง. ภลั ลกิ ะ
๒๓. อุโบสถศีลขอ้ ๑ ผ้สู มาทานรักษาต้องงดเว้นกิริยาใด ?
ก. ฆา่ สัตว์ ข. ลักทรัพย์
ค. เสพกาม ง. ดื่มสรุ าเมรยั
๑๐๙
๒๔. อุโบสถศีลข้อ ๒ ผู้สมาทานรักษาตอ้ งงดเวน้ กิรยิ าใด ?
ก. ฆา่ สตั ว์ ข. ลกั ทรัพย์
ค. เสพกาม ง. ดูการเลน่
๒๕. อุโบสถศีลขอ้ ๓ ผ้สู มาทานรักษาตอ้ งงดเว้นกิริยาใด ?
ก. ฆ่าสัตว์ ข. ลักทรพั ย์
ค. มเี พศสัมพนั ธ์ ง. แต่งตวั
๒๖. อุโบสถศีลขอ้ ๔ ผู้สมาทานรกั ษาต้องงดเว้นกิริยาใด ?
ก. พดู ปด ข. พูดคําหยาบ
ค. พดู ส่อเสียด ง. ถูกทุกขอ้
๒๗. อโุ บสถศีลข้อ ๕ ผู้สมาทานรักษาตอ้ งงดเวน้ กิริยาใด ?
ก. ฆา่ สตั ว์ ข. เสพกาม
ค. ด่ืมสรุ าเมรัย ง. กนิ ขา้ วยามวิกาล
๒๘. อุโบสถศลี ข้อ ๖ ผ้สู มาทานรกั ษาตอ้ งงดเว้นกิรยิ าใด ?
ก. พดู ปด ข. เสพกาม
ค. แตง่ ตวั ง. กินขา้ วยามวกิ าล
๒๙. อโุ บสถศลี ขอ้ ๗ ผสู้ มาทานรกั ษาต้องงดเวน้ กริ ยิ าใด ?
ก. รอ้ งเพลง ข. ดูการเลน่
ค. เสริมสวย ง. ถกู ทุกขอ้
๓๐. อโุ บสถศลี ข้อ ๘ ผสู้ มาทานรกั ษาต้องงดเว้นอะไร ?
ก. ท่นี อนสงู ใหญ่ ข. เครอ่ื งสําอางค์
ค. เงินทอง ง. สุราเมรัย
๓๑. ข้อใด เป็นการทําผดิ อโุ บสถศลี ขอ้ ๑ ?
ก. ทาํ ใหส้ ัตวต์ าย ข. ลกั ทรพั ย์มเี จ้าของ
ค. เสพยาบ้า ง. พูดเร่อื งไมจ่ รงิ
๓๒. ศีลขอ้ ใด ถอื ปฏิบตั ไิ ดท้ ัง้ คนท่ัวไปและผรู้ กั ษาอุโบสถ ?
ก. เวน้ ฆ่าสตั ว์ ข. เว้นเสพเมถนุ
ค. เวน้ วกิ าลโภชนา ง. เวน้ ฟ้อนรําขับรอ้ ง
๑๑๐
๓๓. ขอ้ ใด เปน็ การทําผิดอุโบสถศลี ข้อ ๒ ? ข. ขโมยของ
ก. ทรมานสัตว์
ค. เสพกาม ง. พูดปด
๓๔. อโุ บสถศีลขอ้ ใด แม้ใชใ้ หค้ นอืน่ ทาํ แทนก็ผิด ?
ก. ศีลขอ้ ๒ ข. ศีลขอ้ ๓
ค. ศีลขอ้ ๔ ง. ศลี ข้อ ๕
๓๕. คําว่า ถือพรหมจรรย์ ในอโุ บสถศลี ข้อ ๓ หมายถงึ เว้นการกระทําใด ?
ก. ลกั ทรัพย์ ข. มเี พศสัมพันธ์
ค. พูดเท็จ ง. ดม่ื เหล้า
๓๖. การทําผิดอุโบสถศลี ขอ้ ๔ เกิดข้ึนไดท้ างใด ?
ก. กายกับวาจา ข. กายกับใจ
ค. วาจากบั ใจ ง. กายวาจาใจ
๓๗. อโุ บสถศีลข้อ ๕ ห้ามเครือ่ งด่ืมประเภทใด ?
ก. กาแฟ ข. นํา้ เมา
ค. นา้ํ ชา ง. น้าํ อัดลม
๓๘. ผู้สมาทานรักษาอโุ บสถศีล พึงรบั ประทานอาหารให้เสร็จก่อนเวลาใด ?
ก. เท่ยี งวัน ข. บ่ายโมง
ค. มืดคา่ํ ง. เทยี่ งคนื
๓๙. คําว่า วิกาล ในอุโบสถศีลขอ้ ๖ หมายถงึ เวลาใด ?
ก. เช้า ข. สาย
ค. กอ่ นเท่ยี ง ง. หลงั เทยี่ งถึงอรุณข้นึ
๔๐. อุโบสถศีลขอ้ ๖ ตอ้ งการให้ผสู้ มาทานรักษาตดั กังวลเร่ืองใด ?
ก. การกินอาหาร ข. การแตง่ ตัว
ค. การนอน ง. การพูด
๔๑. อุโบสถศีลข้อ ๗ ต้องการใหผ้ สู้ มาทานรกั ษาตดั กังวลเร่อื งใด ?
ก. การกนิ อาหาร ข. การแต่งตัว
ค. การนอน ง. การพูด
๑๑๑
๔๒. อุโบสถศลี ข้อ ๘ ต้องการใหผ้ ู้สมาทานรกั ษาตดั กังวลเรอื่ งใด ?
ก. เรอื่ งกนิ ข. เรอื่ งนอน
ค. เรอ่ื งเที่ยว ง. เร่ืองแต่งตัว
๔๓. คําวา่ เปน็ ข้าศกึ ตอ่ กุศล ในอุโบสถศีลข้อ ๗ หมายถงึ ข้อใด ?
ก. การฟอ้ นรํา ข. การขับรอ้ ง
ค. การแตง่ ตวั ง. ถูกทกุ ขอ้
๔๔. การรักษาอโุ บสถศีลข้อ ๗ เพ่ือบรรเทากเิ ลสใด ?
ก. วิจิกิจฉา ข. กามราคะ
ค. พยาบาท ง. มานะทิฏฐิ
๔๕. การดเู ช่นไร ไม่เป็นขา้ ศกึ แก่กศุ ล ?
ก. คอนเสิรต์ ข. ดวงชะตา
ค. มหรสพ ง. ละครองิ ธรรมะ
๔๖. เพราะเหตใุ ด จึงห้ามผรู้ ักษาอโุ บสถ ดกู ารละเล่นต่างๆ ?
ก. เสียเวลาทํากิน ข. เสยี สขุ ภาพจติ
ค. เสียทรพั ย์ ง. เปน็ ข้าศกึ แก่กศุ ล
๔๗. ท่ีนอนประเภทใด ทรงอนญุ าตใหผ้ สู้ มาทานรกั ษาอุโบสถศีลนอนได้ ?
ก. ทนี่ อนสูงใหญ่ ข. ที่นอนยัดนนุ่
ค. ท่ีนอนยดั สําลี ง. ทนี่ อนยดั ผ้า
๔๘. การสมาทานรกั ษาอโุ บสถศีลนั้น เหมาะแก่ใคร ?
ก. คนสูงอายุ ข. คนทาํ งาน
ค. คนวัยร่นุ ง. ถูกทกุ ข้อ
๔๙. สถานที่ใด สามารถอย่รู กั ษาอุโบสถศีลได้ ?
ก. วดั ใกล้บ้าน ข. สํานกั ปฏบิ ัติธรรม
ค. ปา่ ช้า ง. ถูกทกุ ขอ้
๕๐. การสมาทานรักษาอโุ บสถศีลจะได้รบั ผลมากหรือน้อยขน้ึ อยู่กบั อะไร ?
ก. การกระทาํ ข. บุญบารมี
ค. โชควาสนา ง. ชะตากรรม
๑๑๒
๑๑๓
ปัญหาและเฉลยข้อสอบ ธรรมศึกษาช้ันโท
ระดับชนั้ อดุ มศึกษาและประชาชนทั่วไป
๑๑๔
๑๑๕
๑๑๖
ปัญหาและเฉลยวชิ าธรรมวภิ าค ธรรมศึกษาชน้ั โท
ระดบั ชัน้ อุดมศกึ ษาและประชาชนทัว่ ไป
สอบในสนามหลวง
วันศุกร์ ที่ ๕ มีนาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔
๑. คําว่า สมถะหมายถงึ อะไร ? ข. ความเห็น
ก. ความรู้
ค. ความสงบ ง. ความไมป่ ระมาท
๒. การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน เป็นเหตุใหร้ ู้แจ้งอะไร ?
ก. ไตรลักษณ์ ข. ไตรสิกขา
ค. ไตรสรณคมน์ ง. ไตรทวาร
๓. ขอ้ ใด ไมจ่ ัดเป็นกิเลสกาม?
ก. ราคะ ข. โลภะ
ค. อจิ ฉา ง. โทสะ
๔. ขอ้ ใด จัดเป็นวัตถกุ าม?
ก. รปู สวย ข. เสียงไพเราะ
ค. กลิ่นหอม ง. ถูกทุกขอ้
๕. ขอ้ ใด จัดเป็นปฏิบัตบิ ูชา ?
ก. สร้างโบสถ์ ข. สร้างพระพุทธรูป
ค. สร้างเจดยี ์ ง. รกั ษาศีล
๑๑๗
๖. การต้อนรับผูม้ าเยือน เรยี กว่าอะไร ? ข. ปฏสิ นั ถาร
ก. ปฏกิ าระ
ค. คารวะ ง. อาคันตุกะ
๗. คนมสี ขุ ภาพจติ ดี ไดช้ ่ือวา่ มีความสุขประเภทใด ?
ก. อามสิ สุข ข. นิรามสิ สขุ
ค. กายิกสุข ง. เจตสิกสุข
๘. คนถกู วติ กใดครอบงําเป็นเหตุให้ล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๑ ?
ก. กามวิตก ข. พยาบาทวติ ก
ค. วิหิงสาวติ ก ง. เนกขัมมวติ ก
๙. คนถกู วิตกใดครอบงาํ เปน็ เหตใุ หล้ ่วงละเมดิ ศีลข้อท่ี ๓ ?
ก. กามวิตก ข. พยาบาทวติ ก
ค. วหิ ิงสาวิตก ง. เนกขมั มวติ ก
๑๐. อพยาบาทวติ ก มีอะไรเปน็ สมุฏฐาน ?
ก. อโลภะ ข. อโทสะ
ค. อโมหะ ง. อรติ
๑๑. อวิหิงสาวิตก มีอะไรเปน็ สมฏุ ฐาน ?
ก. อโลภะ ข. อโทสะ
ค. อโมหะ ง. อรติ
๑๒. ไฟคือโทสะ เป็นเหตุใหค้ นล่วงละเมดิ ศลี ข้อใด ?
ก. ขอ้ ๑ ข. ขอ้ ๒
ค. ข้อ ๓ ง. ขอ้ ๔
๑๓. คนถกู ไฟคอื โมหะแผดเผา มักมพี ฤติกรรมเช่นไร ?
ก. หงุดหงดิ ฉนุ เฉียว ข. หลงงมงาย
ค. โลภ ง. หมกมุ่นในกาม
๑๔. ไฟใด ก่อให้เกดิ มจิ ฉาทิฏฐิ ?
ก. ราคคั คิ ข. โทสัคคิ
ค. โมหคั คิ ง. ถูกทกุ ขอ้
๑๑๘
๑๕. อธิปไตยใด กอ่ ให้เกิดความวุ่นวายแกส่ ังคมมากที่สดุ ?
ก. อัตตาธิปไตย ข. โลกาธิปไตย
ค. ธมั มาธปิ ไตย ง. ประชาธิปไตย
๑๖. ประชาธิปไตยพฒั นาไม่ได้ เพราะขาดธรรมใด ?
ก. อตั ตาธปิ ไตย ข. โลกาธิปไตย
ค. ธัมมาธิปไตย ง. ถกู ทกุ ข้อ
๑๗. ความหย่ังรู้ทุกข์ จัดเป็นญาณใด ?
ก. สจั จญาณ ข. กิจจญาณ
ค. กตญาณ ง. ถกู ทกุ ข้อ
๑๘. ความหยั่งรู้ทกุ ขสมุทยั วา่ เปน็ สภาพควรละ จัดเป็นญาณใด ?
ก. กตญาณ ข. สัจจญาณ
ค. กิจจญาณ ง. ปรีชาญาณ
๑๙. ปญั ญาหยง่ั รู้วา่ ทกุ ขค์ วรกําหนดรู้ เราไดก้ าํ หนดรู้แล้ว จัดเป็นญาณใด?
ก. กตญาณ ข. สัจจญาณ
ค. กิจจญาณ ง. ปรีชาญาณ
๒๐. ความลมุ่ หลงในรูป เสียง กล่ิน รส โผฏฐพั พะ จัดเป็นตัณหาใด ?
ก. กามตัณหา ข. ภวตัณหา
ค. วภิ วตัณหา ง. ถูกทุกข้อ
๒๑. ความอยากเป็นน่นั เป็นนี่ จัดเปน็ ตัณหาประเภทใด ?
ก. กามตณั หา ข. ภวตัณหา
ค. วภิ วตัณหา ง. ถกู ทุกข้อ
๒๒. พระอภธิ รรมปฎิ ก มีกี่พระธรรมขันธ์?
ก. ๒๒๗ ข. ๒๑,๐๐๐
ค. ๔๒,๐๐๐ ง. ๘๔,๐๐๐
๒๓. ผู้ท่ีรกั ษาศีลปฏิบตั ิสมาธิเจริญปัญญา ได้ชอื่ ว่าปฏิบัตติ ามปฎิ กใด ?
ก. พระวินัยปิฎก ข. พระสุตตนั ตปฎิ ก
ค. พระอภธิ รรมปฎิ ก ง. ถูกทุกข้อ
๑๑๙
๒๔. พระพุทธเจ้าทรงบําเพ็ญพทุ ธจริยา เป็นเวลากี่ปี ?
ก. ๒๙ ข. ๓๕
ค. ๔๕ ง. ๘๐
๒๕. พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดพุทธบดิ า จดั เป็นจริยาใด ?
ก. โลกัตถจริยา ข. ญาตัตถจรยิ า
ค. พุทธตั ถจรยิ า ง. อัตถจริยา
๒๖. จะแก้กรรมต้องตัดวงจรอะไรก่อน ?
ก. กิเลส ข. กรรม
ค. วิบาก ง. ถกู ทุกข้อ
๒๗. จะตัดวฏั ฏะใหข้ าด ต้องตดั ด้วยมรรคใด ?
ก. โสตาปตั ตมิ รรค ข. สกทาคามิมรรค
ค. อนาคามมิ รรค ง. อรหัตตมรรค
๒๘. กเิ ลสประเภทใด เรียกวา่ กิเลสวัฏฏ์?
ก. อวิชชา ข. ตัณหา
ค. อปุ าทาน ง. ถกู ทุกขอ้
๒๙. จะกําจดั กิเลสอย่างหยาบ ตอ้ งกําจดั ด้วยสกิ ขาใด ?
ก. อธสิ ีลสกิ ขา ข. อธจิ ิตตสกิ ขา
ค. อธิปัญญาสกิ ขา ง. ถูกทกุ ข้อ
๓๐. การเจริญสมาธิ จดั เข้าในสิกขาใด ?
ก. อธิสีลสกิ ขา ข. อธิจิตตสกิ ขา
ค. อธิปัญญาสิกขา ง. ถูกทุกข้อ
๓๑. จะกําจดั กิเลสอย่างละเอียด ตอ้ งกําจดั ด้วยสิกขาใด ?
ก. อธสิ ีลสิกขา ข. อธิจติ ตสกิ ขา
ค. อธิปัญญาสิกขา ง. ไตรสกิ ขา
๓๒. ลักษณะใด ที่มเี หมือนกันทกุ คน ?
ก. อนจิ จตา ข. ทุกขตา
ค. อนตั ตตา ง. ถกู ทกุ ข้อ
๑๒๐
๓๓. ธรรมเปน็ ดุจพนักพงิ อาศัย เรียกว่าอะไร ?
ก. สัปปรุ ิสธรรม ข. อปัสเสนธรรม
ค. โพธปิ ักขยิ ธรรม ง. พลธรรม
๓๔. เจริญเมตตาอย่างไรจงึ จดั เปน็ อัปปมัญญา ?
ก. ไม่จํากัดประมาณ ข. ไม่จํากดั ขอบเขต
ค. ไมจ่ าํ กดั บุคคล ง. ถูกทุกขอ้
๓๕. พระอริยบุคคลใด ทําราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบาง ?
ก. พระโสดาบนั ข. พระสกทาคามี
ค. พระอนาคามี ง. พระอรหันต์
๓๖. ธรรมใด กาํ กับศรัทธาไมใ่ หเ้ ช่ืองมงาย ?
ก. ศีล ข. สมาธิ
ค. สติ ง. ปัญญา
๓๗. พระธรรมเทศนาเพือ่ ฟอกจิตไม่ให้เป็นคนโหดร้าย ได้แกข่ อ้ ใด ?
ก. ทานกถา ข. สีลกถา
ค. สคั คกถา ง. กามาทีนวกถา
๓๘. ผ้ปู ระกอบดว้ ยธัมมมจั ฉริยะ มีลกั ษณะเช่นใด ?
ก. หวงท่ีอยู่ ข. หวงสกุล
ค. หวงลาภ ง. หวงวชิ า
๓๙. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จดั เป็นมารใด ?
ก. ขนั ธมาร ข. กิเลสมาร
ค. อภิสังขารมาร ง. มจั จุมาร
๔๐. ไม่อยากเป็นคนหมกมุ่นในกาม ควรเจริญกมั มฏั ฐานใด ?
ก. เมตตา ข. กสิณ
ค. อสภุ ะ ง. อนุสสติ
๔๑. ดิน นํ้า ไฟ ลม ประชุมกันเป็นกาย เรียกว่าอะไร ?
ก. นาม ข. รปู
ค. นามรูป ง. สังขาร
๑๒๑
๔๒. สุขในเวทนา ๕ หมายถึงข้อใด ?
ก. สุขกาย ข. สขุ ใจ
ค. สขุ กายสุขใจ ง. ถูกทกุ ข้อ
๔๓. คนจริตใด เหมาะท่ีจะประกอบอาชีพเสริมความงาม?
ก. ราคจรติ ข. โทสจริต
ค. โมหจริต ง. วติ ักกจรติ
๔๔. คนขาดความมน่ั ใจในตนเอง เป็นอาการของคนมีจรติ ใด ?
ก. ราคจรติ ข. โทสจรติ
ค. โมหจรติ ง. วติ กั กจรติ
๔๕. คนขาดความมัน่ ใจในตนเอง ควรแก้ดว้ ยการเจริญกัมมัฏฐานใด ?
ก. กายคตาสติ ข. พรหมวิหาร
ค. อานาปานสติ ง. อนุสสติ
๔๖. ข้อความใด เป็นความหมายของธรรมคุณบทว่า สนทฺ ิฏฺฐโิ ก?
ก. รูเ้ ห็นดว้ ยตนเอง ข. ไมจ่ ํากัดกาล
ค. พิสูจน์ได้ ง. ควรนํามาปฏิบัติ
๔๗. ขอ้ ใด จัดเป็นอปริหานิยธรรม ?
ก. ให้เกียรติสตรี ข. หมั่นประชุม
ค. เคารพผใู้ หญ่ ง. ถกู ทกุ ขอ้
๔๘. การรบั ราชการด้วยความซอ่ื สัตย์สจุ ริต จัดเข้าในมรรคใด ?
ก. สัมมากัมมันตะ ข. สัมมาอาชวี ะ
ค. สมั มาวายามะ ข. สมั มาสติ
๔๙. พุทธคุณบทใด มีความหมายว่าพระพุทธเจ้าทรงเปน็ บรมครู ?
ก. อรหํ ข. โลกวิทู
ค. สตฺถา เทวมนสุ ฺสานํ ง. พุทโฺ ธ
๕๐.บารมีใดปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกิดความรุนแรงในการชมุ นุมแสดงความคิดเหน็ ?
ก. ทาน ข. ขันติ
ค. อธษิ ฐาน ง. อุเบกขา
๑๒๒
ปญั หาและเฉลยวชิ าพทุ ธประวัติ ธรรมศกึ ษาช้นั โท
ระดบั ชนั้ อดุ มศกึ ษาและประชาชนทว่ั ไป
สอบในสนามหลวง
วันศกุ ร์ ที่ ๕ มนี าคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๔
๑. ปญั จวคั คีย์ทา่ นใด ไดบ้ รรลุโสดาปตั ตผิ ลเป็นทา่ นแรก ?
ก. โกณฑัญญะ ข. วัปปะ
ค. ภัททิยะ ง. มหานามะ
๒. พระอญั ญาโกณฑญั ญะ นิพพานท่ีริมฝ่งั แหง่ สระใด ?
ก. สระอโนดาต ข. สระโบกขรณี
ค. สระบวั มันทากินี ง. สระบัวขาบ
๓. พระเถระใด ไดร้ บั ยกย่องว่าเป็นผู้เลิศในด้านมีบริวารมาก ?
ก. พระอุรุเวลกสั สปะ ข. พระนทกี สั สปะ
ค. พระสารีบตุ ร ง. พระสิวลี
๔. อุปติสสมาณพบรรลโุ สดาปัตติผลเพราะได้ฟังธรรมจากพระเถระใด?
ก. พระวัปปะ ข. พระอสั สชิ
ค. พระยสะ ง. พระนทกี ัสสปะ
๕. คุณธรรมใด ของพระสารบี ตุ รท่ีควรถือเอาเป็นแบบอยา่ ง?
ก. ความขยัน ข. ความอดทน
ค. ความเพียร ง. ความกตัญญู
๑๒๓
๖. พระพุทธเจ้าทรงแสดงอบุ ายระงับความโงกงว่ งแก่พระเถระใด ?
ก. พระยสะ ข. พระสารีบุตร
ค. พระโมคคลั ลานะ ง. พระอานนท์
๗. พระเถระใด ทพี่ ระพทุ ธเจ้าโปรดให้เปน็ นวกัมมาธิฏฐายี ?
ก. พระสารีบุตร ข. พระโมคคลั ลานะ
ค. พระมหากสั สปะ ง. พระอานนท์
๘. พระมหากสั สปะ มีช่อื เดมิ ว่าอย่างไร?
ก. อุปติสสะ ข. โกลติ ะ
ค. ปิปผลิ ง. กัจจานะ
๙. พระมหากสั สปะ ได้รับการอุปสมบทดว้ ยวิธีใด?
ก. เอหิภกิ ขุ ข. รับโอวาท ๓
ค. รับสรณคมน์ ๓ ง. รับครุธรรม ๘
๑๐. พระมหากสั สปะ ไดร้ ับยกยอ่ งว่าเปน็ ผู้เลิศในด้านใด?
ก. รู้ราตรนี าน ข. มีฤทธิ์มาก
ค. มบี ริวารมาก ง. ทรงธดุ งค์
๑๑. ผใู้ ด ทพ่ี ระเจา้ จณั ฑปชั โชตสง่ ไปทลู เชญิ พระพทุ ธเจา้ ให้เสด็จมากรุงอุชเชนี?
ก. กาฬุทายอี ํามาตย์ ข. นายฉนั นะ
ค. กจั จายนปโุ รหิต ง. พระอานนท์
๑๒. พระเถระใด ไดร้ บั ยกย่องว่าเปน็ ผู้เลิศในการอธิบายความยอ่ ให้พสิ ดาร ?
ก. พระกาฬทุ ายี ข. พระมหากัจจายนะ
ค. พระอนรุ ทุ ธ์ ง. พระอานนท์
๑๓. พระเถระใด ขออนุญาตให้พระภิกษุอาบนํ้าไดเ้ ป็นนิตย์ในปัจจันตชนบท ?
ก. พระมหากจั จายนะ ข. พระสวิ ลี
ค. พระกาฬุทายี ง. พระอานนท์
๑๔. พระเถระใด เปน็ สหชาติกับพระพทุ ธเจ้า ?
ก. พระมหากสั สปะ ข. พระมหากัจจายนะ
ค. พระอานนท์ ง. พระสิวลี
๑๒๔
๑๕. พระอานนทท์ รงฟงั ธรรมจากพระปณุ ณมันตานีบตุ รแล้ว ไดบ้ รรลอุ ริยผลใด ?
ก. โสดาปตั ติผล ข. สกทาคามิผล
ค. อนาคามิผล ง. อรหตั ตผล
๑๖. “ขออยา่ ประทานจวี รอนั ประณตี แกข่ า้ พระองค์” เป็นคําขอของพระเถระใด ?
ก. พระนาคสมาละ ข. พระสาคตะ
ค. พระเมฆิยะ ง. พระอานนท์
๑๗. พระอานนท์ ไดร้ บั ยกย่องวา่ เปน็ ผู้เลศิ กี่ด้าน ?
ก. ๕ ดา้ น ข. ๖ ด้าน
ค. ๗ ด้าน ง. ๘ ด้าน
๑๘. พระเถระใด ออกบวชพร้อมกับพระอานนท์ ?
ก. พระนนั ทะ ข. พระอบุ าลี
ค. พระสิวลี ง. พระนาคสมาละ
๑๙. ศากยกมุ ารทูลขอให้อุบาลบี วชกอ่ นพวกตน เพื่อตอ้ งการลดกิเลสใด ?
ก. ตณั หา ข. มานะ
ค. ทิฏฐิ ง. มจั ฉรยิ ะ
๒๐. พระเถระใด เรียนพระวนิ ัยจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าโดยตรง ?
ก. พระอบุ าลี ข. พระสวิ ลี
ค. พระเมฆิยะ ง. พระนาคสมาละ
๒๑. พระสวิ ลี เปน็ โอรสของสตรพี ระนางใด?
ก. รปู นนั ทา ข. กสี าโคตมี
ค. สปุ ปวาสา ง. ภทั ทกาปลิ านี
๒๒. พระเถระใด อยู่ในครรภ์พระมารดานานถึง ๗ ปี ๗ เดอื น ๗ วัน?
ก. พระอานนท์ ข. พระสวิ ลี
ค. พระอบุ าลี ง. พระอนรุ ุทธ์
๒๓. พระราหลุ เปน็ พระราชนดั ดาของกษัตรยิ ์พระองค์ใด ?
ก. สุทโธทนะ ข. พิมพิสาร
ค. ปเสนทิโกศล ง. จณั ฑปชั โชต
๑๒๕
๒๔. สามเณรใด บวชดว้ ยวิธีเปลง่ วาจาถึงพระรตั นตรัยเปน็ รูปแรก ?
ก. สามเณรราหุล ข. สามเณรสมุ นะ
ค. สามเณรสงั กจิ จะ ง. สามเณรบัณฑติ
๒๕. พระเถระใด ได้รับอปุ สมบทด้วยญัตติจตุตถกรรม ?
ก. พระนันทะ ข. พระอนุรทุ ธ์
ค. พระอานนท์ ง. พระราหุล
๒๖. พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี เกย่ี วข้องกับพระพุทธเจ้าในฐานะใด ?
ก. เปน็ พระมารดา ข. เป็นพระนา้ นาง
ค. เป็นพระพีน่ าง ง. เป็นพระน้องนาง
๒๗. พระมหาปชาบดโี คตมเี ถรี ได้บวชเพราะการทูลขอของพระเถระใด ?
ก. พระอานนท์ ข. พระกมิ พลิ ะ
ค. พระอนุรุทธ์ ง. พระภคุ
๒๘. พระเขมาเถรี บรรลุอรหตั ตผลในอริ ยิ าบถใด ?
ก. อริ ยิ าบถยนื ข. อิรยิ าบถเดิน
ค. อริ ยิ าบถนง่ั ง. อริ ิยาบถนอน
๒๙. พระอุบลวรรณาเถรี ไดร้ ับยกยอ่ งว่าเป็นผู้เลิศในด้านใด ?
ก. ทรงจีวรเศรา้ หมอง ข. มปี ญั ญามาก
ค. มฤี ทธม์ิ าก ง. มบี ริวารมาก
๓๐. ก่อนบวชเป็นภิกษณุ ี พระปฏาจาราเถรไี ด้บรรลุอริยผลใด ?
ก. โสดาปตั ตผิ ล ข. สกทาคามิผล
ค. อนาคามิผล ง. อรหัตตผล
๓๑. นางกสี าโคตมไี ด้พบกบั ผใู้ ด จึงรู้ว่าไมม่ ียารกั ษาคนตายให้ฟน้ื ได้ ?
ก. พระพุทธเจ้า ข. พระอานนท์
ค. พระสวิ ลี ง. พระอนุรุทธะ
๓๒. “ลกู ศรนน้ั มีจิตหรอื ไม่” สามเณรบัณฑิตถามพระเถระใด?
ก. พระมหากัสสปะ ข. พระโมคคัลลานะ
ค. พระสารบี ุตร ง. พระอานนท์
๑๒๖
๓๓. สงั กจิ จสามเณรเรยี นตจปญั จกกรรมฐานจากสํานกั พระเถระใด ?
ก. พระสารีบุตร ข. พระอบุ าลี
ค. พระสวิ ลี ง. พระอานนท์
๓๔. สขุ สามเณร ไดบ้ รรลเุ ปน็ พระอริยบุคคลชั้นใด ?
ก. พระโสดาบัน ข. พระสกทาคามี
ค. พระอนาคามี ง. พระอรหนั ต์
๓๕. วนวาสีตสิ สสามเณรบวชขณะมอี ายกุ ่ปี ี ?
ก. ๗ ปี ข. ๘ ปี
ค. ๙ ปี ง. ๑๐ ปี
๓๖. สามเณรใด ไดร้ บั อปุ สมบทเป็นพระภกิ ษุขณะมอี ายุเพยี ง ๗ ปี ?
ก. สามเณรสขุ ะ ข. สามเณรสังกิจจะ
ค. สามเณรสุมนะ ง. สามเณรตสิ สะ
๓๗. อนาถบิณฑิกเศรษฐี ทลู นิมนต์พระพทุ ธเจา้ ไปประกาศพระศาสนาท่เี มอื งใด ?
ก. เมืองสาวตั ถี ข. เมอื งพาราณสี
ค. เมอื งอชุ เชนี ง. เมอื งราชคฤห์
๓๘. สถานทีใ่ ด ท่จี ติ ตคฤหบดถี วายใหเ้ ป็นสงั ฆาราม ?
ก. อนุปยิ อัมพวัน ข. อมั พาฏกวัน
ค. ลัฏฐวิ ัน ง. สาลวนั
๓๙. นางวิสาขามหาอุบาสิกา ไดร้ บั โอวาทจากบดิ าก่ีข้อ ?
ก. ๗ ขอ้ ข. ๘ ข้อ
ค. ๙ ข้อ ง. ๑๐ ข้อ
๔๐. คุณธรรมใด ของนางมลั ลิกาเทวที ีค่ วรถอื เอาเป็นแบบอยา่ ง ?
ก. ความกตัญญกู ตเวที ข. ความขยัน
ค. ความละอาย ง. ความอดทน
๔๑. พระภกิ ษุสงฆอ์ ธษิ ฐานเข้าจาํ พรรษาในฤดฝู นเป็นเวลาก่ีเดือน?
ก. ๑ เดือน ข. ๒ เดอื น
ค. ๓ เดือน ง. ๔ เดอื น
๑๒๗
๔๒. วนั ขน้ึ ๑๕ ค่ําเดือน ๑๑ ตรงกับวนั ในข้อใด ?
ก. วันมาฆบชู า ข. วันเข้าพรรษา
ค. วันออกพรรษา ง. วันลอยกระทง
๔๓. ในวันธรรมสวนะ พุทธศาสนิกชนควรปฏิบตั ติ นอย่างไร?
ก. ถวายทาน ข. รกั ษาศีล
ค. ฟงั เทศน์ ง. ถกู ทุกข้อ
๔๔. คําว่า เจรญิ พระพุทธมนต์เป็นศพั ท์บัญญัติใช้ในงานพิธีใด ?
ก. งานทาํ บญุ อายุ ข. งานฉลองอฐั ิ
ค. งานฌาปนกิจ ง. งานสตมวาร
๔๕. พิธสี วดพระพุทธมนต์ เปน็ วิธีบําเพ็ญกุศลปรารภผ้ใู ด ?
ก. คนเกดิ ข. คนแก่
ค. คนเจบ็ ง. คนตาย
๔๖. พิธีลอยกระทงตามคตคิ วามเชื่อของชาวพุทธ เพื่อบชู าสิ่งใด ?
ก. พระบรมสารีรกิ ธาตุ ข. รอยพระพุทธบาท
ค. พระธาตุสาวก ง. แมน่ ํา้ คงคา
๔๗. พิธีลอยกระทง เริม่ มีมาตงั้ แต่สมยั ใด ?
ก. สุโขทยั ข. อยธุ ยา
ค. ธนบุรี ง. รัตนโกสนิ ทร์
๔๘. ผ้าป่า นยิ มถวายในเทศกาลใด ?
ก. เขา้ พรรษา ข. ออกพรรษา
ค. ทอดกฐนิ ง. ทกุ เทศกาล
๔๙. กฐนิ ชนดิ ใด ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั เสดจ็ ไปทรงทอดดว้ ยพระองคเ์ อง ?
ก. จุลกฐิน ข. กฐนิ หลวง
ค. กฐนิ พระราชทาน ง. กฐินสามคั คี
๕๐. การบรรพชาสามเณร มีมาต้งั แตส่ มัยใด ?
ก. ก่อนพทุ ธกาล ข. พุทธกาล
ค. หลงั พุทธกาล ง. ตน้ กรงุ สุโขทยั
๑๒๘
ปญั หาและเฉลยวชิ าอุโบสถศลี (วนิ ัย) ธรรมศึกษาช้ันโท
ระดับช้นั อดุ มศึกษาและประชาชนทัว่ ไป
สอบในสนามหลวง
วนั ศุกร์ ที่ ๕ มนี าคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๔
๑. วิชาอุโบสถศลี เปน็ การศึกษาเรือ่ งใด ?
ก. การถอื ศลี ๘ ข. การจําพรรษา
ค. การสรา้ งอุโบสถ ง. ลัทธิประเพณี
๒. การถอื อุโบสถศลี เพอื่ ประโยชนอ์ ะไร ?
ก. หยดุ พกั ผอ่ น ข. ฟงั ปาตโิ มกข์
ค. ทําอโุ บสถกรรม ง. ขัดเกลากิเลส
๓. ขอ้ ใด เปน็ เคร่ืองควบคมุ ความประพฤตทิ างกายวาจา ?
ก. ทาน ข. ศลี
ค. สมาธิ ง. ปญั ญา
๔. อุโบสถศลี หมายถึงศีลประเภทใด ?
ก. ศลี ๕ ข. ศีล ๘
ค. ศีล ๑๐ ง. ศลี ๒๒๗
๔. การสมาทานรกั ษาอโุ บสถศลี เหมาะแก่ใคร ?
ก. คนสงู วยั ข. คนทาํ งาน
ค. คนหนุ่มสาว ง. คนทุกเพศทกุ วัย
๖. อาการเชน่ ไร เรียกวา่ รักษาอุโบสถศีล ?
ก. ละเมิดข้อห้าม ข. ไม่พูดคุยกนั
ค. งดเว้นข้อห้าม ง. กนิ มังสวิรัติ
๑๒๙
๗. อโุ บสถศีลตา่ งจากศีล ๕ อยา่ งไร ?
ก. มีวนั รกั ษา ข. รกั ษาทุกวนั
ค. รักษาวนั ข้างขึ้น ง. รกั ษาวนั ข้างแรม
๘. อุโบสถประเภทใด กําหนดให้รักษาทกุ วันพระคราวละ ๓ วัน ?
ก. ปกติอุโบสถ ข. ปฏิชาครอโุ บสถ
ค. ปาฏิหารยิ อุโบสถ ง. ถูกทุกข้อ
๙. อโุ บสถประเภทใด เทียบได้กับการอย่จู าํ พรรษาของพระภิกษุ ?
ก. ปกติอุโบสถ ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. ปาฏิหาริยอโุ บสถ ง. ถกู ทกุ ข้อ
๑๐. อุโบสถประเภทใด กาํ หนดให้รักษาทุกวันพระคราวละหนึ่งวนั หน่งึ คืน?
ก. ปกติอโุ บสถ ข. ปฏชิ าครอุโบสถ
ค. ปาฏหิ าริยอุโบสถ ง. ถูกทุกข้อ
๑๑. อุโบสถประเภทใด เทียบไดก้ บั การถือพรตของนกั บวชนอกพระพุทธศาสนา ?
ก. โคปาลกอุโบสถ ข. นคิ คณั ฐอุโบสถ
ค. อรยิ อุโบสถ ง. ถูกทุกข้อ
๑๒. อโุ บสถศีลในพระพุทธศาสนา ทรงบัญญตั ิไว้กส่ี ิกขาบท ?
ก. ๕ สกิ ขาบท ข. ๘ สกิ ขาบท
ค. ๑๐ สิกขาบท ง. ๑๒ สิกขาบท
๑๓. ผู้นบั ถอื พระรัตนตรัยเปน็ สรณะ ต้องปฏิบัติตามข้อใด ?
ก. คําสอน ข. ความเช่ือ
ค. คา่ นยิ ม ง. ความพึงพอใจ
๑๔. การนบั ถือพระรตั นตรัยเป็นสรณะ เพอ่ื วตั ถุประสงคอ์ ะไร ?
ก. ได้น่ังใกล้ ข. ได้ขอพร
ค. ได้ปรนนบิ ัติ ง. ไดท้ ีพ่ ึง่ ทางใจ
๑๕. สงสัยว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้จริงหรือไม่ ทําให้การถือสรณคมน์เป็นอย่างไร ?
ก. เศร้าหมอง ข. บกพร่อง
ค. ดา่ งพรอ้ ย ง. ขาดลงทนั ที
๑๓๐
๑๖. การตเิ ตยี นพระรตั นตรยั ทําให้การถอื สรณคมน์เป็นอย่างไร ?
ก. เศรา้ หมอง ข. บกพร่อง
ค. ด่างพรอ้ ย ง. ขาดลงทันที
๑๗. ความตาย ทําให้การถอื สรณคมน์เป็นอย่างไร ?
ก. เศร้าหมอง ข. บกพรอ่ ง
ค. ดา่ งพร้อย ง. ขาดลงทันที
๑๘. การขาดสรณคมนข์ อ้ ใด ไม่ถอื วา่ มโี ทษ ?
ก. ความตาย ข. ความรแู้ บบผดิ ๆ
ค. ความสงสัย ง. ความไม่เอือ้ เฟือ้
๑๙. คําว่า อะระหงั สมั มาสัมพุทโธหมายถึงพระรัตนตรยั ใด?
ก. พระพุทธเจา้ ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์ ง. ถกู ทุกขอ้
๒๐. คําว่า สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม หมายถงึ พระรตั นตรัยใด ?
ก. พระพทุ ธเจ้า ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์ ง. ถกู ทุกข้อ
๒๑. คําว่า สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆหมายถึงพระรัตนตรัยใด?
ก. พระพุทธเจา้ ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์ ง. มารดาบดิ า
๒๒. ใครประกาศคําสอนของพระพุทธเจ้าให้เรารจู้ ักบาปบญุ คุณโทษ ?
ก. อาชวี ก ข. นคิ รนถ์
ค. ปรพิ าชก ง. พระสงฆ์สาวก
๒๓. เพราะเหตใุ ด พระพุทธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ จงึ ไดช้ ื่อว่าสรณะ ?
ก. เปน็ ทีพ่ ่ึงทางใจ ข. เป็นปูชนียวตั ถุ
ค. เปน็ โบราณวตั ถุ ง. เป็นวัตถุมงคล
๒๔. การรกั ษาอโุ บสถศีล กาํ หนดใหผ้ ู้ถือศีลทาํ เร่อื งใดก่อน ?
ก. บชู าพระรัตนตรัย ข. ประกาศอุโบสถ
ค. สมาทานศลี ง. รับศีล
๑๓๑
๒๕. คําวา่ อิมินา สกั กาเรนะ ตงั พุทธังอะภิปูชะยามิเปน็ คําอะไร ?
ก. บูชาพระรตั นตรยั ข. สมาทานศีล
ค. ประกาศอโุ บสถ ง. กราบพระ
๒๖. คําว่า อัชชะโภนโต ปกั ขสั สะ ปณั ณะระสที ิวะโส เป็นคําอะไร ?
ก. อาราธนาศีล ข. ประกาศอุโบสถ
ค. รบั สรณคมน์ ง. กราบพระ
๒๗. ข้ันตอนใด กาํ หนดให้ทําต่อจากประกาศอโุ บสถ ?
ก. อาราธนาศีล ข. รบั สรณคมน์
ค. สมาทานศีล ง. บอกอานิสงสศ์ ีล
๒๘. เม่ือพระสงฆ์วา่ ติสะระณะคะมะนังนฏิ ฐติ งั ผู้ถือศลี พึงรบั พร้อมกันอย่างไร ?
ก. สาธุ ภันเต ข. อามะภันเต
ค. สาธุ อนุโมทามิ ง. สาธุ สมั ปะฏิจฉามิ
๒๙. คําว่า สเี ลนะ โภคะสัมปะทา เปน็ คํากล่าวอะไร ?
ก. ประกาศอโุ บสถศลี ข. อาราธนาศีล
ค. สมาทานศีล ง. บอกอานิสงสศ์ ีล
๓๐. อุโบสถศลี ข้อ ๑ ผู้รักษาตอ้ งงดเวน้ เร่อื งใด ?
ก. ฆ่าสตั ว์ ข. ลักทรัพย์
ค. เสพกาม ง. ดืม่ สรุ าเมรัย
๓๑. อโุ บสถศีลขอ้ ใด มุ่งใหผ้ รู้ กั ษาสาํ รวมระวังความโลภ?
ก. เวน้ ฆา่ สัตว์ ข. เวน้ ลักทรพั ย์
ค. เวน้ เสพกาม ง. เว้นพดู เทจ็
๓๒. อโุ บสถศลี ข้อใด กําหนดให้คนถืออโุ บสถปฏบิ ัตติ ่างจากคนถอื ศลี ๕?
ก. ศลี ขอ้ ๑ ข. ศีลข้อ ๒
ค. ศลี ข้อ ๓ ง. ศลี ขอ้ ๕
๓๓. อโุ บสถศีลข้อใด คนถืออุโบสถและคนถอื ศีล ๕ ต่างก็ตอ้ งงดเวน้ เหมอื นกัน ?
ก. ถอื พรหมจรรย์ ข. พดู เทจ็
ค. ฟ้อนรํา ง. ขบั ร้อง
๑๓๒
๓๔. อุโบสถศีลขอ้ ๓ ผู้รกั ษาต้องงดเว้นเร่อื งใด ?
ก. ฆา่ สตั ว์ ข. ลกั ทรัพย์
ค. มเี พศสัมพันธ์ ง. เสรมิ สวย
๓๕. อโุ บสถศลี ข้อ ๓ มุง่ ให้ผู้รกั ษาสาํ รวมระวงั กเิ ลสใด ?
ก. ราคะ ข. โลภะ
ค. โทสะ ง. โมหะ
๓๖. การพูดใหค้ ลาดเคลื่อนจากความเป็นจรงิ เรียกว่าอะไร?
ก. ปาณาตบิ าต ข. อทนิ นาทาน
ค. อพรหมจรรย์ ง. มสุ าวาท
๓๗. ขณะรกั ษาอุโบสถศลี ควรสนทนากันถงึ เรอ่ื งอะไร?
ก. เร่ืองชาวบ้าน ข. เรอ่ื งการเมอื ง
ค. เร่ืองทาํ มาหากิน ง. เรื่องธรรมะ
๓๘. เครอื่ งดื่มประเภทใด อนุญาตให้ด่ืมได้ในขณะรักษาอุโบสถศลี ?
ก. เหล้า ข. เบยี ร์
ค. ไวน์ ง. นํ้าผลไม้
๓๙. เครอ่ื งด่ืมประเภทใด หา้ มดม่ื ในขณะรักษาอโุ บสถศีล ?
ก. น้ําเมา ข. น้ําผึ้ง
ค. นํา้ อ้อย ง. น้าํ ผลไม้
๔๐. ขอ้ ใด หมายถงึ การรกั ษาอโุ บสถศีลข้อ ๖?
ก. กินมงั สวิรตั ิ ข. งดกนิ เนือ้ สตั ว์
ค. งดอาหารมอ้ื เย็น ง. งดดกู ารเล่น
๔๑. การรกั ษาอโุ บสถศีลข้อ ๖ เพอ่ื ประโยชน์อะไร ?
ก. ทรมานกิเลส ข. ทรมานกาย
ค. ตดั ความกงั วล ง. ถกู ทุกขอ้
๔๒. ผู้รักษาอุโบสถศีล ตอ้ งบรโิ ภคอาหารให้เสร็จกอ่ นเวลาใด ?
ก. เท่ียงวัน ข. กอ่ นบ่าย
ค. กอ่ นค่ํา ง. ก่อนรุ่งอรุณ
๑๓๓
๔๓. อโุ บสถศลี ข้อ ๗ ผู้รกั ษาต้องงดเวน้ เรื่องใด ?
ก. เสพกาม ข. กินข้าวม้อื เยน็
ค. แต่งหนา้ ทาปาก ง. นนิ ทาชาวบา้ น
๔๔. ขอ้ ใด ไม่ขัดต่อการรักษาอุโบสถศีลขอ้ ๗ ?
ก. ฟงั เทศน์ ข. ฟอ้ นราํ
ค. ขบั รอ้ ง ง. ประโคมดนตรี
๔๕. อโุ บสถศลี ข้อ ๘ มุ่งให้ผรู้ ักษาตัดความกงั วลเรอื่ งใด?
ก. การนงั่ นอน ข. การดม่ื
ค. การกิน ง. การพดู คยุ
๔๖. ผูร้ ักษาอุโบสถศลี ควรเวน้ ทีน่ อนประเภทใด ?
ก. ที่นอนสูงใหญ่ ข. ท่ีนอนยดั นนุ่
ค. ทน่ี อนยดั สําลี ง. ถูกทุกข้อ
๔๗. อโุ บสถประเภทใด เปรยี บผูร้ ักษาเหมอื นคนรับจ้างเล้ียงโค?
ก. โคปาลกอโุ บสถ ข. นิคคัณฐอโุ บสถ
ค. อรยิ อโุ บสถ ง. ถูกทุกขอ้
๔๘. อโุ บสถประเภทใด เป็นการปฏิบตั ิตนตามพระอรหันต์ ?
ก. โคปาลกอุโบสถ ข. นิคคณั ฐอุโบสถ
ค. อรยิ อโุ บสถ ง. ถกู ทุกขอ้
๔๙. การถืออุโบสถจะได้รบั อานิสงสม์ ากหรอื นอ้ ยขึ้นอยู่กับอะไร ?
ก. ความจน ข. ความรวย
ค. หน้าท่กี ารงาน ง. ความต้งั ใจ
๕๐. ขอ้ ใด เปน็ ผลสงู สุดของการรักษาอโุ บสถศลี ?
ก. มีโภคทรัพย์ ข. เกิดเป็นเทวดา
ค. เกดิ เปน็ พรหม ง. บรรลุนพิ พาน
๑๓๔
๑๓๕
ปัญหาและเฉลยข้อสอบ ธรรมศึกษาชน้ั เอก
ระดับชน้ั ประถมศึกษา
๑๓๖
๑๓๗
๑๓๘
ปญั หาและเฉลยวชิ าธรรมวิจารณ์ ธรรมศกึ ษาชั้นเอก
ระดบั ชั้นประถมศึกษา
สอบในสนามหลวง
วนั ศุกร์ ที่ ๕ มีนาคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๔
๑. นพิ พิทาความหน่าย หมายถึงหนา่ ยอะไร ?
ก. โลก ข. สงั คม
ค. เบญจขนั ธ์ ง. เพอ่ื น
๒. โลกโดยตรงหมายถงึ ขอ้ ใด ?
ก. มนษุ ย์ ข. สตั ว์นรก
ค. แผน่ ดิน ง. หม่สู ตั ว์
๓. คนเขลา ในคําว่า “พวกคนเขลาหมกอยู่” หมายถงึ ใคร ?
ก. คนไรค้ วามสามารถ ข. คนไร้ปัญญา
ค. คนไรส้ ติ ง. คนไร้การศกึ ษา
๔. คาํ วา่ “หมกอยู่ในโลก” หมายถงึ อาการเชน่ ใด?
ก. เพลนิ ส่ิงใหโ้ ทษ ข. หลงส่งิ อาจให้โทษ
ค. ติดสง่ิ ล่อใจ ง. ถกู ทกุ ขอ้
๕. ผู้รู้ในคําว่า “ผรู้ หู้ าข้องอยู่ไม่” หมายถึงใคร ?
ก. คนมีความสามารถ ข. คนมกี ารศึกษา
ค. คนมีสติ ง. คนมปี ัญญา
๖. ผู้รู้ ในคําวา่ “ผู้รหู้ าขอ้ งอยู่ไม่” หมายถงึ รูอ้ ะไร ?
๑๓๙
ก. ข่าวสาร ข. สถานการณ์
ค. จักรวาล ง. โลกตามเปน็ จริง
๗. อาการสํารวมจติ มกี ่วี ิธี ?
ก. ๒ ข. ๓
ค. ๔ ง. ๕
๘. ขอ้ ใด เปน็ อาการสาํ รวมจิต ?
ก. ใหท้ าน ข. รักษาศลี
ค. เจริญภาวนา ง. ถูกทุกขอ้
๙. ผู้ใดสํารวมจิต ผู้นน้ั จักพ้นจากบ่วงแห่งมาร คําว่า “มาร” ได้แกอ่ ะไร ?
ก. กเิ ลสกาม ข. วัตถกุ าม
ค. รปู เสียง ง. กล่ินรส
๑๐. คําว่า “บว่ งแหง่ มาร” ได้แกอ่ ะไร ?
ก. กเิ ลสกาม ข. วัตถกุ าม
ค. ตัณหา ง. ราคะ
๑๑. เหน็ สงั ขารดว้ ยอะไร จึงหนา่ ยในทุกข์ ?
ก. สติ ข. สมาธิ
ค. ปญั ญา ง. วิริยะ
๑๒. เหน็ สังขารด้วยอาการอยา่ งไร จัดเป็นทางแหง่ วิสทุ ธิ ?
ก. ไม่เทีย่ ง ข. เป็นทกุ ข์
ค. เป็นอนัตตา ง. ถูกทุกขอ้
๑๓. ความไมเ่ ที่ยงแห่งสังขาร เรยี กว่าอะไร ?
ก. อนจิ จตา ข. ทกุ ขตา
ค. อนตั ตตา ง. สุญญตา
๑๔. ความเปน็ ทกุ ข์ เป็นลักษณะประจาํ ของอะไร ?
ก. รูป ข. เวทนา
ค. สญั ญา ง. สังขาร
๑๕. ทกุ ขตา กาํ หนดเหน็ ไดด้ ว้ ยทกุ ข์กี่อยา่ ง ?
๑๔๐
ก. ๕ ข. ๘
ค. ๑๐ ง. ๑๒
๑๖. สภาวทุกข์ คือทกุ ข์ประจําสังขาร หมายถึงขอ้ ใด ?
ก. ชาติ ข. ชรา
ค. มรณะ ง. ถูกทกุ ขอ้
๑๗. ปกิณณกทุกข์ คือทุกขท์ ่จี รมาในชีวิต หมายถงึ ข้อใด ?
ก. โสกะ ข. ปริเทวะ
ค. ทุกขะ ง. ถกู ทกุ ขอ้
๑๘. ความหวิ จดั เปน็ ทกุ ขป์ ระเภทใด ?
ก. สภาวทุกข์ ข. ปกิณณกทุกข์
ค. นพิ ัทธทุกข์ ง. วปิ ากทกุ ข์
๑๙. ความไม่มีโรคเป็นลาภอนั ประเสรฐิ เป็นการกล่าวถงึ ความไมม่ ที ุกขใ์ ด ?
ก. สภาวทกุ ข์ ข. ปกณิ ณกทุกข์
ค. นิพทั ธทุกข์ ง. พยาธิทกุ ข์
๒๐. ความกระวนกระวายใจจัดเปน็ ทุกข์ประเภทใด ?
ก. สนั ตาปทกุ ข์ ข. วิปากทุกข์
ค. สหคตทกุ ข์ ง. ววิ าทมูลกทุกข์
๒๑. ผกู้ อ่ ววิ าทมลู กทุกข์ ย่อมตอ้ งประสบกับอะไร ?
ก. ความไมส่ บายใจ ข. ความกลัวแพ้
ค. ความหวาดระแวง ง. ถูกทุกข้อ
๒๒. คนรู้และเขา้ ใจในเรอื่ งอะไร จงึ จะไม่ถือตวั ถอื ตน ?
ก. อนิจจตา ข. ทกุ ขตา
ค. อนตั ตตา ง. ถูกทุกข้อ
๒๓. ความเปน็ อนัตตาแหง่ สังขาร กําหนดรไู้ ดด้ ้วยอาการกอี่ ยา่ ง ?
ก. ๓ ข. ๔
ค. ๕ ง. ๖
๒๔. ความส้ินกําหนดั เรียกว่าอะไร ?
๑๔๑
ก. นิพพิทา ข. วิราคะ
ค. วมิ ุตติ ง. วสิ ุทธิ
๒๕. วริ าคะในระดบั สงั คม เปน็ เหตุใหบ้ ุคคลไม่ลว่ งละเมิดศลี ข้อใด ?
ก. ๑ ข. ๒
ค. ๓ ง. ๕
๒๖. ความเมาในขอ้ ว่า “มทนิมมฺ ทโน” หมายถึงเมาในเรือ่ งใด ?
ก. ลาภยศ ข. สรุ า
ค. สง่ิ เสพติด ง. อาหาร
๒๗. ตัณหาในคําวา่ “ตณฺหกฺขโย” หมายถึงตัณหาประเภทใด?
ก. กามตณั หา ข. ภวตัณหา
ค. วิภวตัณหา ง. ถูกทุกขอ้
๒๘. นโิ รโธ ความดับ หมายถงึ อะไรดบั หรอื ดบั อะไร ?
ก. โมหะ ข. ตัณหา
ค. มานะ ง. ทิฏฐิ
๒๙. วมิ ตุ ติ ความหลุดพ้นหมายถงึ หลุดพ้นจากอะไร ?
ก. อาสวะ ข. ตณั หา
ค. ราคะ ง. นวิ รณ์
๓๐. อะไรเป็นเครื่องยนื ยันว่าบคุ คลไดห้ ลุดพ้นจากกเิ ลสแลว้ ?
ก. ปัญญา ข. ปรชี า
ค. ญาณ ง. ปรญิ ญา
๓๑. ผหู้ ลุดพ้นด้วยบาํ เพ็ญสมถะและวปิ สั สนา ชอ่ื ว่าหลุดพน้ ดว้ ยวมิ ตุ ตใิ ด ?
ก. เจโตวมิ ตุ ติ ข. ปญั ญาวิมุตติ
ค. สมจุ เฉทวิมตุ ติ ง. นสิ สรณวมิ ุตติ
๓๒. ผู้หลุดพ้นด้วยเจริญวิปสั สนาอย่างเดียวชอ่ื ว่าหลดุ พ้นดว้ ยวมิ ุตติใด ?
ก. เจโตวิมตุ ติ ข. ปญั ญาวมิ ุตติ
ค. สมุจเฉทวิมตุ ติ ง. นิสสรณวมิ ุตติ
๓๓. ตทังควมิ ุตติ ความหลุดพ้นดว้ ยองคน์ นั้ ๆ หมายถึงหลดุ พ้นอยา่ งไร ?
๑๔๒
ก. ชว่ั คราว ข. ถาวร
ค. เดด็ ขาด ง. สงบราบ
๓๔. วิกขมั ภนวมิ ตุ ติ ความหลุดพ้นด้วยการขม่ ไว้ ถามวา่ ใชอ้ ะไรขม่ ?
ก. ศีล ข. สมาธิ
ค. ปัญญา ง. ฌาน
๓๕. สมจุ เฉทวิมตุ ติ ความหลุดพ้นดว้ ยตดั ขาดถามว่าใช้อะไรตัด ?
ก. อริยมรรค ข. อริยผล
ค. ปัญญา ง. ฌาน
๓๖. ข้อความใด เป็นคําแปลของวสิ ุทธิ ?
ก. ความหมดจด ข. ความหลุดพน้
ค. ความสิ้นกําหนัด ง. ความสงบ
๓๗. วสิ ุทธิ จะมีได้ด้วยอะไร ?
ก. ศลี ข. สมาธิ
ค. ปัญญา ง. ฌาน
๓๘. พิจารณาเหน็ สังขารในเร่อื งใด จัดเปน็ ภงั คญาณ ?
ก. ความเกิด ข. ความแก่
ค. ความเจ็บ ง. ความดับ
๓๙. พิจารณาเหน็ สงั ขารในเรอื่ งใด จดั เปน็ อาทนี วญาณ ?
ก. คุณ ข. โทษ
ค. ประโยชน์ ง. ความดี
๔๐. อะไรจัดเปน็ ทางแห่งวสิ ทุ ธิ ?
ก. มรรค ๔ ข. ผล ๔
ค. นิพพาน ๑ ง. มรรค ๘
๔๑. กายสุจริต จดั เขา้ ในมรรคใด ?
ก. สัมมาวาจา ข. สัมมากมั มนั ตะ
ค. สัมมาวายามะ ง. สัมมาสติ
๔๒. สัมมาวาจา สมั มากมั มันตะ สัมมาอาชวี ะ สงเคราะห์เขา้ ในวิสุทธิใด ?
๑๔๓
ก. สีลวสิ ทุ ธิ ข. จิตตวสิ ทุ ธิ
ค. ทิฏฐิวิสทุ ธิ ง. ญาณทสั สนวิสุทธิ
๔๓. สัมมาวายามะ สมั มาสติ สัมมาสมาธิ สงเคราะหเ์ ข้าในวิสุทธใิ ด ?
ก. สลี วิสุทธิ ข. จิตตวิสุทธิ
ค. ทิฏฐิวสิ ุทธิ ง. ญาณทัสสนวิสทุ ธิ
๔๔. ขอ้ ใด จดั เปน็ สนั ตภิ ายนอก ?
ก. สงบกาย ข. สงบใจ
ค. สงบกิเลส ง. สงบสขุ
๔๕. ข้อใด จดั เปน็ สนั ตภิ ายใน ?
ก. สงบกาย ข. สงบวาจา
ค. สงบใจ ง. ถกู ทกุ ข้อ
๔๖. ผู้เพง่ ความสงบ พึงละโลกามิสเสีย โลกามสิ ได้แกอ่ ะไร ?
ก. กามคุณ ข. ตณั หา
ค. กิเลสกาม ง. นิวรณ์
๔๗. อะไร เป็นสุขอย่างยง่ิ ?
ก. วริ าคะ ข. นพิ พาน
ค. วมิ ุตติ ง. วสิ ุทธิ
๔๘. สอุปาทเิ สสนิพพานธาตุ ยอ่ มมีแกพ่ ระอริยบคุ คลในขอ้ ใด ?
ก. พระโสดาบนั ข. พระสกทาคามี
ค. พระอนาคามี ง. พระอรหันต์
๔๙. คําวา่ “อุปาทิ” ในนิพพานธาตุท้ัง ๒ หมายถงึ ข้อใด ?
ก. เบญจขันธ์ ข. เบญจศีล
ค. เบญจธรรม ง. ถูกทุกข้อ
๕๐. พระอรหนั ตด์ บั ขันธ์ เรยี กวา่ บรรลนุ พิ พานใด ?
ก. นิพพาน ข. สอปุ าทิเสสนิพพาน
ค. อนปุ าทเิ สสนพิ พาน ง. ถูกทกุ ขอ้
๑๔๔
ปญั หาและเฉลยวิชาพทุ ธานปุ ระวตั ิ ธรรมศึกษาชนั้ เอก
ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษา
สอบในสนามหลวง
วันศุกร์ ที่ ๕ มนี าคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
๑. พระโพธสิ ัตว์บําเพ็ญบารมี ๓๐ ทศั ครบบริบรู ณ์ ในพระชาติใด ?
ก. พระมหาชนก ข. พระมโหสถ
ค. พระเตมีย์ ง. พระเวสสันดร
๒. เหตทุ ี่ทําให้เทวดาจตุ ิจากเทวโลก มีกี่ประการ ?
ก. ๕ ประการ ข. ๖ ประการ
ค. ๗ ประการ ง. ๘ ประการ
๓. ชมพูทวีป แบง่ การปกครองออกเป็นก่สี ่วน ?
ก. ๑ ส่วน ข. ๒ สว่ น
ค. ๓ ส่วน ง. ๔ ส่วน
๔. พระนางสิริมหามายา ทรงพระสุบินนมิ ติ เห็นสัตวม์ งคลชนิดใด ?
ก. โคเผอื ก ข. ม้าเผอื ก
ค. ช้างเผอื ก ง. ลิงเผือก
๕. ผู้ใด เปน็ สหชาตเิ กดิ พร้อมกนั กับพระโพธสิ ัตว์ ?
ก. พระนางพิมพา ข. พระนางรปู นันทา
ค. พระนางเขมา ง. พระนางมลั ลกิ า
๖. พระโพธสิ ัตว์ได้รับการขนานพระนามว่าอย่างไร ?
๑๔๕
ก. สิทธัตถะ ข. โกลิตะ
ค. อุปติสสะ ง. ปิปผลิ
๗. สิทธัตถราชกุมาร ทรงอภิเษกสมรสกับสตรีพระนางใด ?
ก. พระนางมัลลิกา ข. พระนางพิมพา
ค. พระนางรูปนันทา ง. พระนางเขมา
๘. สิทธัตถราชกุมารทรงเห็น คนแก่ คนเจ็บ คนตาย แลว้ มีพระทัยเช่นใด?
ก. ประทับใจ ข. ดใี จ
ค. แปลกใจ ง. สลดใจ
๙. “ราหลุ ํ ชาตํ ...”สิทธัตถราชกุมารตรสั ขณะทราบการประสูตขิ องพระกุมารใด ?
ก. ราหุลกมุ าร ข. บัณฑติ กุมาร
ค. สุมนกุมาร ง. สุขกุมาร
๑๐. พญาวสวัตตมี าร ห้ามมิใหส้ ิทธตั ถราชกุมารทําสง่ิ ใด ?
ก. ศึกษาเล่าเรียน ข. ครองราชสมบตั ิ
ค. ออกบรรพชา ง. ประพาสอุทยาน
๑๑. ส่งิ ใด ที่สิทธัตถราชกุมารใชต้ ดั พระเกศโมลี ?
ก. มดี ดาบ ข. พระขรรค์
ค. มดี โกน ง. กรรไกร
๑๒. การทรมานกายให้ลําบาก เรียกว่าอะไร?
ก. ทุกรกิริยา ข. กาลกริ ิยา
ค. อกาลกิริยา ง. อากปั กิรยิ า
๑๓. ปญั จวัคคีย์บวชแล้วได้มาพบพระโพธิสตั ว์ ณ ที่ใด ?
ก. สวนลุมพินวี นั ข. อรุ ุเวลาประเทศ
ค. สวนลัฏฐวิ ัน ง. บ้านโทณวัตถุ
๑๔. พระโพธสิ ตั ว์ บําเพ็ญทุกรกิริยาเปน็ เวลากี่ปี ?
ก. ๖ ปี ข. ๗ ปี
ค. ๘ ปี ง. ๙ ปี
๑๕. นางปุณณทาสี เข้าใจว่าพระมหาบุรษุ เป็นใคร ?
๑๔๖
ก. พระพุทธเจ้า ข. เทวดา
ค. พระพรหม ง. พระนารายณ์
๑๖. อาหารชนิดใด ที่นางสุชาดานํามาถวายแก่พระมหาบรุ ุษ ?
ก. ขนมแดกงา ข. ขนมกุมมาส
ค. ข้าวสาลี ง. ข้าวมธปุ ายาส
๑๗. พระมหาบรุ ษุ ทรงลอยถาดที่แมน่ ้ําใด ?
ก. อโนมา ข. เนรัญชรา
ค. คงคา ง. ยมุนา
๑๘. โสตถิยพราหมณ์ถวายหญ้าคาแก่พระมหาบุรษ ก่ีกาํ มือ ?
ก. ๒ กํามือ ข. ๔ กาํ มือ
ค. ๖ กํามอื ง. ๘ กํามอื
๑๙. พระมหาบรุ ษุ ชนะพญาวสวัตตมี าร ด้วยบารมีกี่ประการ?
ก. ๑๐ ประการ ข. ๒๐ ประการ
ค. ๓๐ ประการ ง. ๔๐ ประการ
๒๐. พระโพธิสตั วต์ รัสร้พู ระสพั พญั ญุตญาณ ในเวลาใด?
ก. เวลารงุ่ เช้า ข. เวลาเทย่ี งวัน
ค. เวลาค่ํา ง. เวลาเที่ยงคืน
๒๑. ผ้ใู ด ทูลอาราธนาใหพ้ ระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรดหมู่สตั ว์ ?
ก. พระอนิ ทร์ ข. ท้าวมหาพรหม
ค. ฆฏิการพรหม ง. สหัมบดีพรหม
๒๒. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จไปป่าอสิ ิปตนมฤคทายวนั เพือ่ โปรดใคร?
ก. ปัญจวัคคยี ์ ข. ภัททวคั คีย์
ค. ยสะและสหาย ง. ชฎิล ๓ พนี่ ้อง
๒๓. ในปัญจวัคคยี ์ ผไู้ ดด้ วงตาเห็นธรรมคนแรกคอื ใคร?
ก. โกณฑญั ญะ ข. วัปปะ
ค. ภัททิยะ ง. มหานามะ
๒๔. ปญั จวคั คีย์เม่ือฟังอนัตตลักขณสตู รแล้ว บรรลุเป็นพระอริยบุคคลช้นั ใด?
๑๔๗
ก. พระโสดาบัน ข. พระสกทาคามี
ค. พระอนาคามี ง. พระอรหนั ต์
๒๕. กลุ บุตรใด อุทานว่า “ทนี่ ่ีวุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ”?
ก. ยสกลุ บตุ ร ข. วิมลกุลบุตร
ค. สุพาหกุ ลุ บุตร ง. ปณุ ณชกิ ุลบตุ ร
๒๖. พระธรรมเทศนาใด ท่ีพระพุทธเจ้าตรสั โปรดยสกุลบตุ ร ?
ก. กถาวตั ถุ ข. ธัมมจักกปั ปวตั นสตู ร
ค. อนุปุพพกี ถา ง. มงคลสูตร
๒๗. บคุ คลใด เป็นอบุ าสกผู้ถงึ พระรตั นตรัยคนแรกในพระพุทธศาสนา ?
ก. ยสกลุ บุตร ข. บดิ ายสกลุ บตุ ร
ค. มารดายสกุลบุตร ง. สุพาหุกุลบุตร
๒๘. ชนกลมุ่ ใด ท่ีพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด ณ ตําบลอุรเุ วลาเสนานคิ ม ?
ก. ปัญจวัคคยี ์ ข. ภัททวคั คีย์
ค. ยสและสหาย ง. ชฎลิ ๓ พี่นอ้ ง
๒๙. พระพุทธเจ้าแสดงอาทิตตปริยายสูตร โปรดนักบวชกลุ่มใด ?
ก. ปัญจวัคคีย์ ข. ภัททวัคคีย์
ค. ชฏิล ๓ พี่นอ้ ง ง. อุปตสิ สและบริวาร
๓๐. พระพุทธเจ้าเสดจ็ ไปเมืองราชคฤห์พรอ้ มดว้ ยภิกษุสาวกจํานวนก่ีองค์ ?
ก. ๖ องค์ ข. ๖๐ องค์
ค. ๑๐๐๓ องค์ ง. ๑๒๕๐ องค์
๓๑. พระพุทธเจ้าเสด็จไปเมืองราชคฤห์ เพ่ือโปรดกษัตริยพ์ ระองค์ใด ?
ก. พมิ พิสาร ข. สุทโธทนะ
ค. ปเสนทิโกศล ง. จัณฑปัชโชต
๓๒. ผูใ้ ด สร้างวดั แห่งแรกถวายในพระพุทธศาสนา ?
ก. พระเจ้าพิมพสิ าร ข. อนาถบิณฑิกเศรษฐี
ค. นางวิสาขา ง. พระพุทธบิดา
๓๓. อุปตสิ สปริพาชก ได้ฟังธรรมจากพระเถระองค์ใด ?
๑๔๘
ก. พระวปั ปะ ข. พระภัททยิ ะ
ค. พระมหานามะ ง. พระอัสสชิ
๓๔. โกลิตปริพาชก ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรมจากใคร?
ก. พระอสั สชิ ข. พระยสะ
ค. อปุ ติสสปริพาชก ง. สญชัยปริพาชก
๓๕. มาณพก่ีคน ทพี่ ราหมณพ์ าวรีส่งไปทูลถามปัญหากับพระพุทธเจ้า ?
ก. ๑๕ คน ข. ๑๖ คน
ค. ๑๗ คน ง. ๑๘ คน
๓๖. สงิ่ ใด ที่ราธพราหมณ์เคยถวายแก่พระสารีบตุ ร ?
ก. ข้าวมธุปายาส ข. หญ้าคา ๘ กํา
ค. ข้าว ๑ ทัพพี ง. กุฏิ
๓๗. พระพุทธเจ้าตรัสสอนใหถ้ อื เอาพระราธะเปน็ แบบอย่าง ในเร่อื งใด ?
ก. ว่าง่ายสอนง่าย ข. พดู เพราะ
ค. อดทน ง. ขยัน
๓๘. พระปุณณมนั ตานีบตุ ร ตั้งอยู่ในคุณธรรมกี่ประการ?
ก. ๗ ประการ ข. ๘ ประการ
ค. ๙ ประการ ง. ๑๐ ประการ
๓๙. บุคคลใด ถูกส่งไปทูลเชิญพระพุทธเจา้ ให้เสดจ็ มากรงุ กบิลพสั ด์ุ ?
ก. กาฬุทายอี ํามาตย์ ข. นายฉนั นะ
ค. อนุรุทธกุมาร ง. นันทกุมาร
๔๐. พระศาสดาเสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์แลว้ ประทับอยู่ ณ ท่ีใด ?
ก. เวฬวุ ัน ข. เชตวัน
ค. บุพพาราม ง. นโิ ครธาราม
๔๑. พระพุทธบิดา ไดแ้ กก่ ษัตรยิ ์พระองค์ใด ?
ก. สทุ โธทนะ ข. สกุ โกทนะ
ค. อมโิ ตทนะ ง. โธโตทนะ
๔๒. พระราชกมุ ารใด ที่พระนางพิมพาส่งไปทูลขอราชสมบัติกับพระพุทธเจ้า ?
๑๔๙
ก. นันทกมุ าร ข. อนุรุทธกุมาร
ค. ภัททิยกุมาร ง. ราหลุ กุมาร
๔๓. “ขออย่าให้ภกิ ษบุ วชกุลบตุ รที่มารดาบดิ าไม่อนุญาต” เป็นคาํ ขอของใคร ?
ก. พระเจ้าสทุ โธทนะ ข. พระนางปชาบดี
ค. พระนางพิมพา ง. นางวสิ าขา
๔๔. ช้างใด ที่พระเทวทตั ให้ปล่อยมาเพ่อื ทําร้ายพระพทุ ธเจ้า ?
ก. ช้างมหิฬามุข ข. ช้างฉัททันต์
ค. ช้างคิรีเมขล์ ง. ช้างนาฬาคริ ี
๔๕. พระพุทธเจ้าเสด็จข้นึ ไปสวรรคช์ ้ันดาวดงึ ส์ เพื่อโปรดใคร ?
ก. พุทธบดิ า ข. พทุ ธมารดา
ค. พุทธอนุชา ง. พุทธสาวก
๔๖. กุลบตุ รใด ยอมอดอาหารตายถ้าไมไ่ ด้บวชในพระพุทธศาสนา?
ก. พระนนั ทะ ข. พระอนุรุทธ์
ค. พระอานนท์ ง. พระรัฐบาล
๔๗. พระรัฐบาลแสดงธรรมุเทศ ๔ แกก่ ษตั รยิ ์พระองค์ใด ?
ก. โกรัพยะ ข. สุทโธทนะ
ค. พิมพสิ าร ง. จัณฑปัชโชต
๔๘. ผ้ปู รารถนาจะดํารงอยปู่ ระมาณกลั ป์หนึง่ หรอื มากกวา่ นน้ั ตอ้ งเจรญิ ธรรมใด?
ก. อริยสัจ ๔ ข. อทิ ธิบาท ๔
ค. ธรรมเุ ทศ ๔ ง. จักร ๔
๔๙. พระพุทธเจ้าเสดจ็ ดับขนั ธปรนิ ิพพาน ในคืนวันเพ็ญเดือนใด?
ก. เดอื น ๓ ข. เดือน ๖
ค. เดือน ๘ ง. เดอื น ๑๒
๕๐. พระนางพิมพาเม่ือบวชแล้วไดส้ าํ เร็จเป็นพระอริยบคุ คลชั้นใด ?
ก. พระโสดาบัน ข. พระสกทาคามี
ค. พระอนาคามี ง. พระอรหนั ต์
๑๕๐
ปัญหาและเฉลยวิชากรรมบถ (วินัย) ธรรมศึกษาชั้นเอก
ระดบั ชนั้ ประถมศึกษา
สอบในสนามหลวง
วนั ศุกร์ ท่ี ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
๑. วิชากรรมบถมีเนื้อหาเก่ียวกับเร่อื งใด ?
ก. กรรม ข. ประวัตพิ ระพุทธเจา้
ค. ประวัติพระสาวก ง. เร่อื งลีล้ ับ
๒. ความสุขหรอื ความทกุ ข์ของคนเรา ขึ้นอยกู่ ับอะไร ?
ก. ดวงชะตา ข. ปาฏิหารย์
ค. เทพเจ้า ง. การกระทาํ
๓. การทําความดคี วามชั่วในวิชาน้เี รียกว่าอะไร?
ก. กรรมบถ ข. กุศลกรรม
ค. กศุ ลกรรมบถ ง. อกุศลกรรมบถ
๔. คนเราทําความดีได้ทางใด?
ก. ทางกาย ข. ทางวาจา
ค. ทางใจ ง. ถูกทุกข้อ
๕. ขอ้ ใด เป็นการทําความดี?
ก. ไม่ฆ่าสตั ว์ ข. ไม่ลกั ขโมย
ค. ไมพ่ ูดโกหก ง. ถูกทกุ ข้อ
๖. คนทาํ บุญในชาตินช้ี าตหิ น้าไปเกิดเปน็ อะไร ?