The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมหน่วยที่ 2 พันธุกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ngeabsurakit, 2022-06-01 08:33:33

รวมหน่วยที่ 2 พันธุกรรม

รวมหน่วยที่ 2 พันธุกรรม

บันทกึ ขอ้ ความ

สว่ นราชการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
ท่…ี ………………………………………… วนั ท่ี …………………………………………………….
เรือ่ ง ขออนมุ ตั ใิ ช้แผนการจัดการเรียนรู้
เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จังหวดั เพชรบุรี
..........................................................................................................................................................

ด้วยข้าพเจ้านายสุรกิจ เกษตรพูนสุข ตำแหน่ง ครู ค.ศ.3 ได้รับมอบหมายให้สอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์
รหัสวิชา ว 23101 จำนวน 1.5 หน่วยกิต เวลาเรียน 3 ชั่วโมง / สัปดาห์ จำนวน 60 ช่ัวโมง / ภาคเรียน ได้จัดทำ
แผนการจัดการเรียนรู้ ในรายวิชาดังกล่าว เพื่อใช้ในการประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เปน็ ที่เรียบร้อยแล้ว

จึงเรียนมาเพือ่ โปรดอนมุ ตั ิ
ลงชื่อ ....................................
( นายสุรกิจ เกษตรพูนสขุ )

..........................................................................................................................................................
ความเหน็ ของรองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารงานวิชาการ / ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ได้ตรวจสอบองคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาดังกลา่ วแลว้ พบว่า
ครบถ้วน ครอบคลมุ และสอดคลอ้ งตามหวั ขอ้ เน้ือหา สาระมาตรฐานตวั ชวี้ ัด / ผลการเรียนรู้
ควรปรบั ปรุง เพิ่มเตมิ หรือแก้ไข ดังน้ี …………………………………………………………………………………….

ลงชื่อ ......................................

( นายชาญยุทธ สุทธธิ รานนท์ )

รองผู้อำนวยการกลุม่ บริหารงานวิชาการ

............/............./.............

..............................................................................................................................................................

เรียนเสนอเพือ่ โปรดพจิ ารณา

อนมุ ตั ติ ามเสนอ ไมอ่ นุมัติ เน่อื งจาก ......................................................................

ลงชือ่ .....................................................

( นายวีระ แก้วกัลยา )

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบรุ ี

แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 23101
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3
ภาคเรียนที่ 1

จดั ทำโดย
ชื่อนายสรุ กิจ เกษตพูนสขุ

ตำแหนง่ ครู ค.ศ. 3

โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวัดเพชรบุรี
สงั กัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ

สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำอธิบายรายวิชา

ชือ่ วิชา วิทยาศาสตร์ รหสั ว 23101

กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3

ภาคเรยี นที่ 1

เวลาเรยี น 3 ชวั่ โมง / สปั ดาห์ จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต

**************************************************

คำอธิบายรายวิชา

ศึกษาเกี่ยวกบั ระบบนิเวศ องค์ประกอบของระบบนเิ วศ ความสัมพันธร์ ะหว่างสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลงั งานใน
ระบบนิเวศ พันธุกรรม โครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ความผิดปกติทาง
พันธุกรรม การดัดแปรทางพันธุกรรมความหลากหลายทางชีวภาพ วัสดุในชีวิตประจำวันสมบัติทางกายภาพ และการใช้ประโยชน์พอลิ
เมอร์ เซรามกิ และวัสดผุ สม ผลกระทบจากการใชว้ สั ดปุ ระเภทพอลเิ มอร์ เซรามกิ และวัสดผุ สม ปฏกิ ิริยาเคมีการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ประเภท
ของปฏกิ ิรยิ าเคมี ปฏิกริ ิยาเคมีในชวี ติ ประจำวัน

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง
การอภิปราย การอธบิ าย และการสรปุ เพ่อื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่อื สารสิง่ ที่เรียนรู้และนำ
ความร้ไู ปใชใ้ นชวี ิตของตนเอง มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยม

สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรแ์ ละชีวภาพ

มาตรฐานที่ ว. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและ
ตัวชีว้ ัด ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน การ
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา
สิ่งแวดล้อม รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

ว 1.1 ม.3/1 อธบิ ายปฏิสมั พนั ธข์ ององค์ประกอบของระบบนิเวศที่ได้จากการสำรวจ

ว 1.1 ม.3/2 อธบิ ายรปู แบบความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสิ่งมีชีวิตกับสิง่ มชี ีวิตรูปแบบตา่ งๆ ในแหลง่ ท่ี

อยูเ่ ดียวกนั ทีไ่ ด้จากการสำรวจ

ว 1.1 ม.3/3 สร้างแบบจำลองในการอธบิ ายการถา่ ยทอดพลงั งานในสายใยอาหาร
ว 1.1 ม.3/4 อธบิ ายความสมั พนั ธ์ของผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ในระบบ

นิเวศ

ว 1.1 ม.3/5 อธบิ ายการสะสมสารพิษในสิง่ มีชีวิตในโซ่อาหาร

ว 1.1 ม.3/6 ตระหนักถึงความสัมพันธข์ องสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศ โดยไม่

ทำลายสมดลุ ของระบบนิเวศ

สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์และชีวภาพ
มาตรฐานที่ ว. 1.3
เข้าใจกระบวนการและความสำคญั ของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม สารพันธกุ รรม การ
ตวั ชี้วัด เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ
สิ่งมีชีวิต รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

ว 1.3 ม.3/1 อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างยีน ดีเอน็ เอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจำลอง

ว 1.3 ม.3/2 อธบิ ายการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมจากการผสมโดยพิจารณาลักษณะ
ว 1.3 ม.3/3 เดียวที่แอลลีลเดน่ ข่มแอลลีลด้อยอย่างสมบรู ณ์
ว 1.3 ม.3/4 อธบิ ายการเกิดจีโนไทปแ์ ละฟีโนไทป์ของลูกและคำนวณอัตราสว่ นการเกิด
ว 1.3 ม.3/5 จีโนไทป์และฟีโนไทปข์ องรุ่นลูก
ว 1.3 ม.3/6 อธบิ ายความแตกตา่ งของการแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิสและไมโอซิส
ว 1.3 ม.3/7 บอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซม อาจทำใหเ้ กิดโรคทางพนั ธุกรรม
ว 1.3 ม.3/8 พร้อมทั้งยกตวั อย่างโรคทางพนั ธกุ รรม
ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรู้เรือ่ งโรคทางพนั ธุกรรม โดยรู้ว่ากอ่ นแต่งงานควร
ปรึกษาแพทยเ์ พือ่ ตรวจและวนิ ิจฉัยภาวะเสีย่ งของลูกทีอ่ าจเกิดโรคทางพนั ธกุ รรม
อธบิ ายการใช้ประโยชนจ์ ากสิง่ มีชีวิตดัดแปรพันธกุ รรม และผลกระทบที่อาจมีตอ่
มนุษยแ์ ละสิ่งแวดล้อมโดยใช้ข้อมลู ที่รวบรวมได้
ตระหนักถึงประโยชนแ์ ละผลกระทบของสิง่ มีชีวิตดดั แปรพันธกุ รรมที่อาจมี
ต่อมนุษยแ์ ละสิง่ แวดล้อมโดยการเผยแพร่ความรู้ทีไ่ ด้จากการโต้แย้งทาง
วทิ ยาศาสตร์ ซึง่ มีข้อมลู สนบั สนุน

ว 1.3 ม.3/9 เปรียบเทียบความหลากหลายทางชีวภาพในระดบั ชนิดสง่ิ มีชีวิตในระบบนิเวศ
ตา่ งๆ

ว 1.3 ม.3/10 อธบิ ายความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีตอ่ การรักษาสมดุลของ
ระบบนิเวศและต่อมนษุ ย์

ว 1.3 ม.3/11 แสดงความตระหนักในคุณคา่ และความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยมีสว่ นรว่ มในการดแู ลรกั ษาความหลากหลายทางชีวภาพ

สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐานที่ ว 2.1
เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิด
สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี

ตวั ชีว้ ดั ว 2.1 ม.3/1 ระบุสมบัติทางกายภาพและการใช้ประโยชนว์ ัสดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามิก
ว 2.1 ม.3/2 และวสั ดุผสม โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ และสารสนเทศ
ว 2.1 ม.3/3 ตระหนกั ถึงคณุ ค่าของการใช้วัสดปุ ระเภทพอลิเมอร์ เซรามิก และวสั ดุผสม โดย
ว 2.1 ม.3/4 เสนอแนะแนวทางการใช้วสั ดุอย่างประหยดั และคุ้มค่า
ว 2.1 ม.3/5 อธบิ ายการเกิดปฏิกิริยาเคมี รวมถึงการจดั เรียงตัวใหมข่ องอะตอมเมือ่
ว 2.1 ม.3/6 เกิดปฏิกิริยาเคมี โดยใช้แบบจำลองและสมการข้อความ
อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
ว 2.1 ม.3/7 วเิ คราะห์ปฏิกิริยาดูดความร้อน และปฏิกิริยาคายความร้อน จากการเปลีย่ นแปลง
พลงั งานความร้อนของปฏิกิริยา
ว 2.1 ม.3/8 อธบิ ายปฏิกิริยาการเกิดสนิมของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรดกบั โลหะ ปฏิกิริยาของ
กรดกับเบส และปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ และ
อธบิ ายปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง โดยใช้
สารสนเทศ รวมทั้งเขียนสมการข้อความแสดง ปฏิกิริยาดงั กล่าว
ระบปุ ระโยชนแ์ ละโทษของปฏิกิริยาเคมีทีม่ ีตอ่ สิง่ มีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และ
ยกตวั อย่างวธิ ปี ้องกนั และแก้ปัญหาจากปฏิกิริยาเคมีทีพ่ บในชีวิตประจำวันจาก
การสืบค้นข้อมูล
ออกแบบวธิ แี ก้ปญั หาในชีวิตประจำวัน โดยใช้ความรู้เกีย่ วกับปฏิกิริยาเคมี โดย
บูรณาการวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวศิ วกรรมศาสตร์

ผงั มโนทศั นร์ ายวิชาวิทยาศาสตร์
ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
เรอ่ื งระบบนิเวศ เรื่องพันธุกรรม



วิชาวิทยาศาสตร์
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4
เรื่องวัสดใุ นชีวิตประจำวัน เรื่องปฎิกิริยา

ผังมโนทศั น์หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

เรื่อง พันธกุ รรม

ระดบั ชั้น ม.3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 24 ชัว่ โมง

เรื่อง โครโมโซม ดีเอ็นเอและยีน. เรื่อง การศึกษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล
เวลา 4 ช่วั โมง
เวลา 3 ช่วั โมง

เรือ่ ง ความผิดปกติทาง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง สิ่งมีชีวิตดัดแปร
พนั ธุกรรม เรือ่ ง พนั ธกุ รรม พันธุกรรม

เวลา 4 ชัว่ โมง เรื่อง ความหลากหลาย เวลา 4 ช่ัวโมง
ทางชีวภาพ
เรื่อง การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม เรือ่ ง การแบง่ เซลลข์ องสิง่ มชี ีวิต
เวลา 4 ชว่ั โมง เวลา 2 ชัว่ โมง เวลา 3 ชว่ั โมง

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2

พันธกุ รรม

เวลา 24 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด

ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร
พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทาง
ชีวภาพและวิวฒั นาการของสิ่งมชี ีวิต รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ว 1.3 ม.3/1 อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างยีน ดเี อ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจำลอง
ว 1.3 ม.3/2 อธิบายการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสมโดยพิจารณา
ลักษณะเดยี ว ทีแ่ อลลีลเดน่ ขม่ แอลลีลดอ้ ยอย่างสมบูรณ์
ว 1.3 ม.3/3 อธิบายการเกิดจีโนไทปแ์ ละฟีโนไทปข์ องลกู และคำนวณอัตราสว่ นการเกิด
จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรนุ่ ลูก
ว 1.3 ม.3/4 อธิบายความแตกต่างของการแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิสและไมโอซิส
ว 1.3 ม.3/5 บอกไดว้ ่าการเปล่ยี นแปลงของยีนหรือโครโมโซม อาจทำให้เกิดโรคทาง
พันธกุ รรมพร้อมทั้งยกตัวอย่างโรคทางพนั ธุกรรม
ว 1.3 ม.3/6 ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องความรเู้ รื่องโรคทางพนั ธกุ รรม โดยรู้วา่ ก่อน
แต่งงานควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยภาวะเสี่ยงของลูกที่อาจเกิด
โรคทางพันธุกรรม
ว 1.3 ม.3/7 อธิบายการใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม และผลกระทบที่
อาจมีต่อมนุษย์และสิง่ แวดล้อมโดยใช้ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้
ว 1.3 ม.3/8 ตระหนักถงึ ประโยชนแ์ ละผลกระทบของสิง่ มีชีวิตดดั แปรพันธุกรรมที่อาจมี
ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยการเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการโต้แย้งทาง
วิทยาศาสตร์ ซึง่ มขี ้อมลู สนบั สนุน
ว 1.3 ม.3/9 เปรียบเทียบความหลากหลายทางชีวภาพในระดับชนิดสิ่งมีชีวิตในระบบ
นิเวศ ต่าง ๆ
ว1.3 ม.3/10 อธิบายความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีต่อการรักษา
สมดุลของระบบนเิ วศและตอ่ มนษุ ย์
ว 1.3 ม.3/11 แสดงความตระหนักในคุณคา่ และความสำคญั ของความหลากหลายทาง
ชีวภาพ โดยมีสว่ นร่วมในการดแู ลรกั ษาความหลากหลายทางชีวภาพ

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. ลักษณะทางพันธกุ รรมของสิ่งมชี ีวิตสามารถถา่ ยทอดจากรุ่นหนึง่ ไปยังอีกรุ่นหนึง่ ได้โดยมียีน
เปน็ หน่วยควบคุมลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
2. โครโมโซมประกอบดว้ ยดีเอน็ เอ และโปรตีนขดอยู่ในนิวเคลียส ยีน ดเี อ็นเอ และโครโมโซม
มีความสัมพันธ์กัน โดยบางส่วนของดเี อ็นเอทำหน้าทีเ่ ป็นยีนที่กำหนดลักษณะของส่ิงมีชีวิต

3. สิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซม 2 ชุด โครโมโซมที่เป็นคู่กันมีการเรียงลำดับของยีนบนโครโมโซม
เหมือนกัน เรียกว่า ฮอมอโลกัสโครโมโซม ยีนหนึ่งที่อยู่บนคู่ฮอมอโลกัสโครโมโซมอาจมี
รปู แบบแตกตา่ งกัน เรียกแต่ละรูปแบบของยีนที่แตกต่างกันนวี้ ่า แอลลีล ซึ่งการเข้าค่กู ันของ
แอลลีลต่าง ๆ อาจส่งผลทำให้ส่งิ มีชีวิตมีลักษณะทีแ่ ตกตา่ งกันได้

4. สง่ิ มีชีวิตแตล่ ะชนิดมีจำนวนโครโมโซมคงที่ มนษยุ ์มจี ำนวนโครโมโซม 23 คู่ เป็น ออโต
โซม 22 คู่ และ โครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศหญงิ มีโครโมโซมเพศเป็น XX เพศชายมีโครโมโซม
เพศเป็น XY

5. เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถั่วชนิดหนึ่ง และนำมาสู่

หลักการพืน้ ฐานของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมของสิง่ มชี ีวิต

6. สิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็น 2 ชุด ยีนแต่ละตำแหน่งบนฮอมอโลกสั โครโมโซมมี 2 แอลลีล
โดย
แอลลีลหนึ่งมาจากพ่อ และอีกแอลลีลหนึ่งมาจากแม่ ซึ่งอาจมีรูปแบบเดียวกัน หรือ
แตกต่างกัน แอลลีลที่แตกต่างกันนี้แอลลีลหนึ่งอาจมีการแสดงออกข่มอีกแอลลีลหนึ่งได้
เรียกแอลลีลนั้นว่าเป็นแอลลีลเด่น ส่วนแอลลีลที่ถูกข่มอย่างสมบูรณ์ เรียกว่าเป็นแอลลี
ลด้อย

7. เมื่อมีการสร้างเซลลส์ บื พันธ์ุ แอลลลี ทเ่ี ป็นคู่กนั ในแต่ละฮอมอโลกัสโครโมโซมจะ
แยกจากกนั ไปยังเซลล์สบื พันธุแ์ ต่ละเซลล์ โดยแต่ละเซลล์สบื พันธุ์จะไดร้ ับเพียง 1 แอลลีล
และจะเข้าคกู่ บั แอลลีลทีต่ ำแหน่งเดยี วกันของอีกเซลลส์ ืบพันธ์ุหนึง่ เมือ่ เกิดการปฏิสนธิ
จนเกิดเป็นจโี นไทปแ์ ละแสดงฟีโนไทป์ในรุน่ ลูก

8. การแบง่ เซลล์ของสิง่ มชี ีวิตมี 2 แบบ คือ ไมโทซิสและไมโอซิส
9. ไมโทซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ร่างกาย ผลจากการแบ่งจะได้เซลล์ใหม่ 2

เซลล์ ทีม่ ีลกั ษณะและจำนวนโครโมโซมเหมือนเซลล์ตั้งต้น
10. ไมโอซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ผลจากการแบ่งจะได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์

ทีม่ ีจำนวนโครโมโซมเป็นคร่ึงหนึ่งของเซลล์ต้ังต้น เมือ่ เกิดการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธ์ุ ลูก

จะได้รับการถ่ายทอดโครโมโซมชดุ หนึ่งจากพ่อและอีกชุดหนึง่ จากแม่ จึงเป็นผลให้รุ่นลูกมี
จำนวน โครโมโซมเท่ากับพ่อแมแ่ ละจะคงทีใ่ นทกุ ๆ รนุ่
11. การเปล่ยี นแปลงของยีนหรือโครโมโซมส่งผลให้เกิดการเปลย่ี นแปลงลักษณะทางพันธุกรรม
ของสิง่ มชี ีวิต เช่น โรคธาลัสซีเมียเกิดจากการเปลย่ี นแปลงของยีน กลุ่มอาการดาวนเ์ กิดจาก
จากการเปลย่ี นแปลงจำนวนโครโมโซม
12. โรคทางพันธกุ รรมสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลกู ได้ ดังนั้น ก่อนแต่งงานและมีบตุ รจงึ
ควรป้องกนั โดยการตรวจและวินิจฉัยภาวะเสย่ี งจากการถา่ ยทอดโรคทางพนั ธุกรรม
13. มนษุ ยเ์ ปลย่ี นแปลงพันธุกรรมของสง่ิ มีชีวิตตามธรรมชาติเพือ่ ให้ได้ส่ิงมีชีวิตที่มีลักษณะตาม
ต้องการ เรียกสิง่ มชี ีวิตนีว้ า่ ส่งิ มีชีวิตดดั แปรพนั ธกุ รรม
14. ในปัจจุบนั มนษุ ยม์ กี ารใช้ประโยชนจ์ ากสง่ิ มีชีวิต ดัดแปรพนั ธกุ รรมเป็นจำนวนมาก เช่น การ
ผลติ อาหาร การผลติ ยารกั ษาโรค การเกษตร อยา่ งไรก็ตาม สังคมยังมีความกังวลเกี่ยวกับ
ผลกระทบของสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ซึ่งยังทำการ
ติดตามศึกษาผลกระทบดังกล่าว
15. ความหลากหลายทางชีวภาพมี 3 ระดับ ได้แก่ ความหลากหลายของระบบนิเวศ
ความหลากหลายของชนิดสง่ิ มีชีวิต และความหลากหลายทางพันธกุ รรม ความหลากหลาย
ทางชีวภาพนี้มีความสำคัญต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ระบบนิเวศที่มีความ
หลากหลายทางชีวภาพสูงจะรักษาสมดุลได้ดีกว่าระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทาง
ชีวภาพต่ำกว่า นอกจากนี้ความหลากหลายทางชีวภาพยังมีความสำคัญต่อมนุษย์ในด้าน
ต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นอาหาร ยารักษาโรค วัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่
ของทกุ คนในการดแู ลรักษาความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่

3.สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

ลักษณะทางพันกุ รรมของสง่ิ มีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง โดยมียีนเป็น
หน่วยควบคุมลกั ษณะทางพันธุกรรม โดยยีนเปน็ สว่ นหนึง่ ของสายดเี อน็ เอ และดเี อ็นเอจะขดกันเป็น
โครโมโซมอย่ภู ายในนิวเคลียสของเซลล์ ส่งิ มีชีวิตชนิดเดยี วกนั จะมจี ำนวนโครโมโซมเท่ากนั และอาจ
มีจำนวนโครโมโซมเท่าหรือไม่เท่ากับสิ่งมีชีวิตต่างชนิด ซึ่งโครโมโซมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
โครโมโซมร่างกาย และโครโมโซมเพศ และสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซม 2 ชุด อยู่กันเป็นคู่และมีการ
เรียงลำดับยีนบนโครโมโซมเหมือนกนั เรียกว่า ฮอมอโลกสั โครโมโซม

เมลเดลเป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถ่ัว
ลนั เตา พบว่า ผลการผสมพันธ์ุถั่วลันเตาที่มีลกั ษณะต่างกนั ในรุ่นพ่อแม่ ได้ลกู ทีป่ รากฏลักษณะเด่น
ในทุกรนุ่ และลกั ษณะดอ้ ยจะไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะปรากฏลักษณะดอ้ ยในลูกรนุ่ ที่ 2 นำมาสู่
หลักการพนื้ ฐานของการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม นอกจากนเี้ มนเดลได้สันนิษฐานว่า ยีนแต่

ละตำแหนง่ บน ฮอมอโลกสั โครโมโซมมี 2 แอลลีล จะแยกออกจากกนั เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ
หลังการปฏิสนธิแอลลีลจะกลบั มาเข้าคู่กันอย่างอิสระ โดยแอลลีลหนึง่ ไดร้ บั มาจากพอ่ และอีกหนึ่ง
แอลลีลหนึ่งไดร้ ับมาจากแม่ ซึ่งอาจมีรูปแบบเดยี วกนั หรือแตกตา่ งกนั โดยแอลลีลทีต่ า่ งกนั จะมีแอล
ลลี หนึ่งสามารถขม่ อีกแอลลีลหนึ่งได้ เรียกแอลลีลทีข่ ม่ อีกแอลลีลหนึ่งว่า แอลลีลเดน่ ทำให้ส่งิ มีชีวิต
แสดงลกั ษณะเดน่ ส่วนแอลลีลที่ถกู ขม่ เรียกวา่ แอลลีลดอ้ ย ทำให้ส่งิ มีชีวิตแสดงลกั ษณะดอ้ ย

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีการแบ่งเซลล์ ซึ่งการแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ได้แก่ การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเป็น
การแบง่ เซลลเ์ พือ่ เพิ่มจำนวนเซลล์ร่างกาย ผลจากการแบง่ เซลล์จะได้เซลลใ์ หมจ่ ำนวน 2 เซลล์ที่มี
ลักษณะและจำนวนโครโมโซมเหมือนเซลล์ตั้งต้น และการแบง่ เซลล์แบบไมโอซิสเปน็ การแบง่ เซลล์
เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ผลจากการแบ่งเซลล์จะได้เซลล์ใหม่จำนวน 4 เซลล์ ที่มีจำนวน
โครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ตั้งต้น เมื่อเกิดการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ ลูกจะได้รับ
โครโมโซมจากพอ่ และแม่คนละชุด ทำให้มีจำนวนโครโมโซมเทา่ กบั พอ่ แมแ่ ละจะคงที่ในทุกรนุ่ ดังน้ัน
สง่ิ มีชีวิตที่สืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศจะมีการแบ่งเซลล์ ทั้ง 2 ประเภท ส่วนส่งิ มีชีวิตทีส่ ืบพันธ์ุแบบไม่
อาศยั เพศจะมีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเพียงอยา่ งเดยี ว

การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรม
ของสิ่งมชี ีวิต เช่น โรคธาลสั ซีเมีย ภาวะตาบอดสี โรคฮีโมฟีเลยี ลว้ นเกิดจากการเปล่ยี นแปลงของยีน
กลุ่มอาการดาวน์ เป็นกลุ่มอาการเกิดจากการเปลีย่ นแปลงจำนวนของโครโมโซม กลุ่มอาการคริดู
ชาต์ เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรูปร่างโครโมโซม นอกจากนั้น โรคทาง
พันธกุ รรมสามารถถา่ ยทอดจากพอ่ แมไ่ ปสู่ลกู ได้ ดงั นั้น เพื่อป้องกันความเสย่ี งจากการถ่ายทอดโรค
ทางพันธุกรรม จึงควรตรวจและวินิจฉัยภาวะเส่ยี งจากการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมก่อนแต่งงาน
หรือในระหว่างตั้งครรภ์

สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม คือ สิ่งมีชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมโดยมนุษย์ซึ่งอาศัย
ความรู้ทางพันธุวิศวกรรม ซึ่งเป็นกระบวนการที่นอกเหนือไปจากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ
การสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ทำได้โดยการถ่ายทอดยีนที่มีลักษณะที่ต้องการจากสิ่งมีชีวิต
หนึ่งเข้าไปอยู่ในดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ได้รับยีนแสดงลักษณะตามที่
ต้องการ และลักษณะดังกล่าวสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกและหลานต่อไปได้ โดยมนุษย์ใช้
ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมในด้านต่าง ๆ เช่น การผลิตอาหาร ด้านการแพทย์ ด้าน
การเกษตร ด้านอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม สังคมก็ยังมีความกังวลเกี่ยวความปลอดภัยในการ
บรโิ ภค และผลกระทบของสิง่ มชี ีวิตดัดแปรพนั ธกุ รรมที่มีต่อส่งิ มีชีวิตและสง่ิ แวดล้อม

ความหลากหลายทางชีวภาพแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ความหลากหลายทางระบบนิเวศ
ความหลากหลายของชนิดสิ่งมีชีวิต และความหลากหลายทางพันธกุ รรม ซึ่งความหลากหลายทาง
ชีวภาพในระบบนิเวศในแต่ละพื้นที่จะแตกตา่ งกัน บางระบบนเิ วศมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง

บางระบบนเิ วศมคี วามหลากหลายทางชีวภาพตำ่ ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพมีความสำคัญต่อ
การรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และมีความสำคัญต่อมนุษย์ ดังนั้น จึงควรร่วมกันดูแลรักษาความ
หลากหลายทางชีวภาพโดยการรว่ มกันอนรุ ักษ์พันธส์ุ ัตว์ ใช้ทรัพยากรอยา่ งประหยดั และรคู้ ุณคา่

4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินยั รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มุ่งมั่นในการทำงาน

2) ทักษะการคำนวณ

3) ทักษะการสร้างแบบจำลอง

4) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู

5) ทกั ษะการตีความหมายข้อมลู และลง
ข้อสรปุ

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5.ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง พันธุกรรม

6. การวดั และการประเมินผล

รายการวัด วิธีวดั เครื่องมือ เกณฑ์
การประเมิน

6.1 การประเมินชิ้นงาน/ - ตรวจแผนผังมโนทัศน์ - แบบประเมินชนิ้ งาน/ - ระดับคุณภาพ

ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง พนั ธกุ รรม ภาระงาน (รวบยอด) 2

ผา่ นเกณฑ์

6.2 การประเมินก่อน ­ ตรวจแบบทดสอบ ­ แบบทดสอบก่อน - ประเมินตาม
เรยี น ก่อนเรียน หนว่ ยการ เรียนหนว่ ยการเรียนรู้ สภาพจริง
เรียนรู้ที่ 2 พนั ธุกรรม ที่ 2 พันธกุ รรม
- แบบทดสอบก่อน
เรียน หน่วยการ
เรียนรู้ที่ 2

พันธุกรรม

รายการวัด วิธีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์
การประเมิน

6.3 การประเมินระหว่าง

การจัดกิจกรรม

1) โครโมโซม ดเี อ็นเอ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60
แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์
และยีน หรือแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ ม.3
เลม่ 1 - ร้อยละ 60
วิทยาศาสตร์ ม.3 - สมุดประจำตวั หรือ ผ่านเกณฑ์
แบบฝึกหัด
เลม่ 1 วิทยาศาสตร์ ม.3
เล่ม 1
2) ผลบนั ทึกการ - ตรวจสมดุ ประจำตัว

ปฏิบตั ิ กิจกรรม หรือแบบฝึกหัด

โครงสร้าง วิทยาศาสตร์ ม.3

สารที่เกีย่ วข้องกับ เล่ม 1

การถ่ายทอด

ลักษณะทาง

พันธุกรรม

3) ผ ล บ ั น ท ึ ก ก า ร - ตรวจแบบจำลอง - แบบประเมิน - ร้อยละ 60

ปฏิบัติกิจกรรม โครโมโซม แบบจำลองโครโมโซม ผา่ นเกณฑ์

ส ร ้ า ง แ บ บ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60

จำลองโครโมโซม หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑ์

วิทยาศาสตร์ ม.3 วิทยาศาสตร์ ม.3

เลม่ 1 เลม่ 1

4) การศึกษาพนั ธุ - ตรวจใบงานที่ 2.1 - ใบงานที่ 2.1 - ร้อยละ 60

ศาสตรข์ องเมนเดล ผา่ นเกณฑ์

- ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60

หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์

วิทยาศาสตร์ ม.3 วิทยาศาสตร์

เลม่ 1 ม.3 เลม่ 1

5) การถ่ายทอดยีน - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60

บนโครโมโซม หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์

วิทยาศาสตร์ ม.3 วิทยาศาสตร์

เล่ม 1 ม.3 เล่ม 1

รายการวดั วิธีวดั เครื่องมือ เกณฑ์
การประเมิน
6) ผ ล บ ั น ท ึ ก ก า ร - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60
ผ่านเกณฑ์
ปฏิบัติกิจกรรม หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหดั
- ร้อยละ 60
โอกาสการเข้าคู่ วิทยาศาสตร์ ม.3 วิทยาศาสตร์ ม.3 ผ่านเกณฑ์

ของยีน เล่ม 1 เล่ม 1 - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
7)การแบ่งเซลล์ของ - ตรวจใบงานที่ 2.2 - ใบงานที่ 2.2
- ร้อยละ 60
สง่ิ มีชีวิต ผ่านเกณฑ์

- ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60
ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหัด
- ร้อยละ 60
วิทยาศาสตร์ ม.3 วิทยาศาสตร์ ม.3 ผ่านเกณฑ์

เลม่ 1 เล่ม 1 - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
8) ผ ล บ ั น ท ึ ก ก า ร - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ

ปฏิบัติกิจกรรม หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหัด

ศ ึ ก ษ า ก า ร แ บ่ ง วิทยาศาสตร์ ม.3 วิทยาศาสตร์

เซลล์แบบไมโท- เล่ม 1 ม.3 เล่ม 1

ซิสของปลายราก

หอม

9) ผ ล บ ั น ท ึ ก ก า ร - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ

ปฏิบัติกิจกรรม หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั

ศ ึ ก ษ า ก า ร แ บ่ ง วิทยาศาสตร์ ม.3 วิทยาศาสตร์

เซลล์แบบไมโอ- เลม่ 1 ม.3 เล่ม 1

ซิสของอับเรณขู อง

ดอกกยุ ช่าย

10) ความผิดปกติทาง - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ใบงานที่ 2.3

พันธกุ รรม

- ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว หรือ

หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหัด

วิทยาศาสตร์ ม.3เล่ม วิทยาศาสตร์ ม.3

1 เลม่ 1

รายการวดั วิธีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์
การประเมิน
11) ผ ล บ ั น ท ึ ก ก า ร - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60
แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์
ปฏิบัติกิจกรรม หรือแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ ม.3
เล่ม 1 - ร้อยละ 60
โรคทางพนั ธกุ รรม วิทยาศาสตร์ ม.3 ผา่ นเกณฑ์
- สมดุ ประจำตวั หรือ
เล่ม 1 แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60
วิทยาศาสตร์ ม.3 ผา่ นเกณฑ์
12) สง่ิ มีชีวิตดัดแปร - ตรวจสมดุ ประจำตัว เล่ม 1
- ร้อยละ 60
พนั ธกุ รรม หรือแบบฝึกหัด - สมดุ ประจำตวั หรือ ผา่ นเกณฑ์
แบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ ม.3 วิทยาศาสตร์ ม.3 - ร้อยละ 60
เล่ม 1 ผ่านเกณฑ์
เลม่ 1
- สมุดประจำตวั หรือ - ระดบั คณุ ภาพ
13) ผ ล บ ั น ท ึ ก ก า ร - ตรวจสมุดประจำตวั แบบฝึกหัด 2
วิทยาศาสตร์ ม.3 ผา่ นเกณฑ์
ปฏิบัติกิจกรรม หรือแบบฝึกหดั เลม่ 1

สิ่งมีชีวิต ดัดแปร วิทยาศาสตร์ ม.3 - สมุดประจำตัว หรือ
แบบฝึกหดั
พันธุกรรม เล่ม 1 วิทยาศาสตร์ ม.3
เลม่ 1
14) ความหลากหลาย - ตรวจสมุดประจำตวั
- แบบประเมินการ
ทางชีวภาพ หรือแบบฝึกหดั นำเสนอผลงาน

วิทยาศาสตร์ ม.3

เลม่ 1

15) ผ ล บ ั น ท ึ ก ก า ร - ตรวจสมุดประจำตวั

ปฏิบัติกิจกรรม หรือแบบฝึกหัด

ส ำ ร ว จ ช น ิ ด พ ื ช วิทยาศาสตร์ ม.3

ภายในโรงเรียน เลม่ 1

16) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ

ผลงาน/ การ ผลงาน/ผลการปฏิบัติ

ปฏิบตั กิ ิจกรรม กิจกรรม

17)พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ
ทำงานรายบุคคล ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล 2
ผา่ นเกณฑ์

รายการวดั วิธีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์
การประเมิน

18) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ

ทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม 2 ผา่ นเกณฑ์

19) คณุ ลักษณะอันพึง - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ
2
ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ

และมุ่งมั่นในการ อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์

ทำงาน

6.4 การประเมินหลัง - แบบทดสอบหลงั - ร้อยละ 60
เรียนหน่วยการเรียนรู้ ผ่านเกณฑ์
เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ ที่ 2 พนั ธกุ รรม
- แบบทดสอบหลัง หลงั เรียน หนว่ ยการ

เรียน เรียนรู้ที่ 2 พันธกุ รรม

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2

พันธกุ รรม

7. กิจกรรมการเรยี นรู้

• แผนที่ 1 : โครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน เวลา 4 ชว่ั โมง
วิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method)

• แผนที่ 2 : การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล เวลา 3 ช่วั โมง
วิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method)

• แผนที่ 3 : การถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม เวลา 4 ช่ัวโมง
วิธีสอน 5Es Instructional Model

• แผนที่ 4 : การแบง่ เซลลข์ องสิ่งมีชีวิต เวลา 3 ช่ัวโมง
วิธีสอน 5Es Instructional Model

• แผนที่ 5 : ความผิดปกติทางพนั ธกุ รรม เวลา 4 ชว่ั โมง
วิธีสอน 5Es Instructional Model

• แผนที่ 6 : สิ่งมีชีวิตดัดแปรพนั ธุกรรม เวลา 4 ชั่วโมง
วิธีสอน 5Es Instructional Model

• แผนที่ 7 : ความหลากหลายทางชีวภาพ เวลา 2 ช่ัวโมง
วิธีสอน 5Es Instructional Model

(รวมเวลา 24 ชัว่ โมง)

8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2
พนั ธกุ รรม
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม
3) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง การศึกษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล
4) ใบงานที่ 2.2 เรื่อง การแบ่งเซลล์ของสิ่งมชี ีวิต
5) ใบงานที่ 2.3 เรื่อง โรคทางพันธกุ รรม
6) วัสดอุ ุปกรณท์ ีใ่ ช้ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม โครงสร้างสารทีเ่ กี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะ
ทางพนั ธกุ รรม
7) วัสดอุ ุปกรณท์ ี่ใช้ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม สร้างแบบจำลองโครโมโซม
8) วัสดุอปุ กรณท์ ีใ่ ช้ในการปฏิบัติกจิ กรรม ความสมั พันธร์ ะหวา่ งส่งิ มีชีวิต
9) วัสดุอุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการปฏิบัติกจิ กรรม โอกาสการเข้าคู่ของยีน
10) วสั ดอุ ุปกรณท์ ี่ใช้ในการปฏิบตั กิ ิจกรรม ศึกษาการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสของ
ปลายรากหอม
11. วัสดอุ ุปกรณท์ ีใ่ ช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรม ศึกษาการแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิสของอบั เรณู
ของดอกกยุ ชา่ ย
12. วัสดอุ ปุ กรณ์ทีใ่ ช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรม โรคทางพนั ธกุ รรม
13. วัสดุอุปกรณท์ ี่ใช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรม สง่ิ มีชีวิตดดั แปรพันธุกรรม
14. วสั ดอุ ปุ กรณท์ ี่ใช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรม สำรวจชนิดพืชภายในโรงเรียน
15. PowerPoint เรื่อง พนั ธกุ รรม
16. สลากชื่อส่งิ มีชีวิตชนิดตา่ ง ๆ
17. บตั รภาพ
18. QR Code เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ
19. QR Code เรือ่ ง การแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซสิ
20. สมุดประจำตวั นักเรียน

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมุด
3) อินเทอรเ์ นต็

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรื่อง พนั ธกุ รรม

คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดอธบิ ายความหมายของพันธุกรรมได้ถูกต้อง 6. เมนเดลเลือกทดลองกับสง่ิ มชี ีวิตชนิดใด
1. ความผิดปกติทีเ่ กิดขนึ้ กบั ร่างกาย 1. แอปเปิล
2. สิง่ ทีไ่ ด้รบั ถ่ายทอดมาจากคนใกล้ตัว 2. แบคทีเรีย
3. สิง่ ทีไ่ ด้รบั การถ่ายทอดจากบรรพบุรุษเพียงรุ่นเดียว 3.ถวั่ ลันเตา
4. สิ่งทีไ่ ด้รบั จากการถา่ ยทอดมาจากบรรพบุรษุ หรือจาก 4. หนทู ดลอง
รุ่น สูร่ นุ่
7. ข้อใดกลา่ วถึงลกั ษณะเด่นได้ถกู ต้อง
2. ข้อใดหมายถึงโครโมโซม 1. ลักษณะทีป่ รากฏในทุกรุ่น
1. เป็นโปรตีนประเภทหน่งึ 2. ลกั ษณะทีป่ รากฏในลกู รุน่ ที่ 1 แตไ่ มป่ รากฏ
2. เปน็ สารพันธุกรรมที่อย่ใู นไลโซโซม ในลูกรนุ่ ที่ 2
3. เป็นสารเคมีทีอ่ ยู่ในเซลลข์ องสิ่งมีชีวิต 3.ลักษณะทีป่ รากฏในลูกรุ่นที่ 2 แตไ่ มป่ รากฏ
4. เปน็ ที่บรรจขุ องสารพันธุกรรมซึ่งกำหนดลักษณะของ ในลกู รุ่นที่ 1
สิ่งมีชีวิต 4. ไมม่ ีข้อใดกล่าวถกู ต้อง

3. ข้อใดมีจำนวนโครโมโซมเปน็ ครึ่งหนึ่งของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว 8. ข้อใดหมายถึงฟีโนไทป์
ลิมโฟไซต์ 1. รูปแบบของยีนในสิ่งมีชีวิต
1. เซลล์ไข่ 2. ลกั ษณะของดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิต
2. เซลล์ปีก 3.ลกั ษณะของสิ่งมีชีวิตที่แสดงออก
3.เซลลก์ ล้ามเน้ือ 4. รปู แบบของโครโมโซมในสิ่งมชี ีวิต
4. เซลลเ์ ยือ่ บขุ ้างแก้ม
9. ข้อใดคือโรคทางพนั ธกุ รรมที่เกิดจากโครโมโซม
4. ใครคือบิดาแหง่ วชิ าพนั ธุศาสตร์ คู่ที่ 21 เกินมา 1 แทง่
1. ชาลล์ ดาร์วนิ 1. กลุ่มอาการดาวน์
2. ไอแซก นิวตนั 2. กลุ่มอาการเอด็ เวริ ด์
3. ไมเคิล ฟาราเดย์ 3. กลมุ่ อาการเทิรน์ เนอร์
4. เกรกอร์ เมนเดล 4. กล่มุ อาการดับเบิลวาย

5. ข้อใดคือตัวกำหนดลกั ษณะทางพันธุกรรม 10. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุที่ทำใหส้ ิง่ มีชีวิตมีความ
1. ยีน หลากหลายทางพันธกุ รรม
2. โปรตีน 1. สภาพแวดล้อม
3. ดีเอ็นเอ 2. สารกอ่ กลายพนั ธุ์
4. โครโมโซม 3. การสืบพนั ธ์แุ บบอาศัยเพศ
4. การสืบพนั ธุ์แบบไมอ่ าศัยเพศ
เฉลย 1. 4 2. 4 3. 1 4. 4 5. 1
6. 3 5. 7. 1 8. 3 9. 1 10. 4

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรือ่ ง พนั ธุกรรม

คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดอธบิ ายความหมายของพันธกุ รรมได้ถกู ต้อง 6. ข้อใดกลา่ วถึงลักษณะด้อยได้ถกู ต้อง
1. ความผิดปกติทีเ่ กิดขนึ้ กับร่างกาย 1. ลกั ษณะที่ปรากฏในทุกรนุ่
2. สิง่ ทีไ่ ด้รับถา่ ยทอดมาจากคนใกล้ตวั 2. ลักษณะทีไ่ ม่ปรากฏในลกู ร่นุ ที่ 1 แตม่ า
3. สิ่งทีไ่ ด้รับการถา่ ยทอดจากบรรพบรุ ษุ เพียงรนุ่ เดียว ปรากฏในลกู รุน่ ที่ 2
4. สิง่ ที่ได้รับจากการถ่ายทอดมาจากบรรพบรุ ุษ หรือ 3. ลักษณะทีไ่ ม่ปรากฏในลกู รุน่ ที่ 2 แตป่ รากฏ
จากรุ่นสรู่ ุ่น ในลกู ร่นุ ที่ 1
4. ไมม่ ีข้อใดกลา่ วถูกต้อง
2. ข้อใดบง่ บอกว่าเปน็ มนุษยเ์ พศชาย
1. ออโตโซมมีโครโมโซมมี 45 แท่ง 7. ข้อใดหมายถึงจีโนไทป์
2. ออโตโซมมีโครโมโซมมี 46 แท่ง 1. รูปแบบของยีนในสิ่งมีชีวิต
3. โครโมโซมคทู่ ี่ 23 เปน็ โครโมโซม X ทั้งสองแท่ง 2. ลกั ษณะของสิง่ มีชีวิตแสดงออก
4. โครโมโซมคทู่ ี่ 23 ประกอบด้วยโครโมโซม X และ 3.รปู แบบของโครโมโซมในสิง่ มชี ีวิต
โครโมโซม Y 4. ลักษณะของดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิต

3. เซลล์ข้อใดมีจำนวนโครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์เม็ด 8. โรคทางพนั ธุกรรมที่เกิดจากโครโมโซมคูท่ ี่ 18
เลือดขาวลมิ โฟไซต์ เกินมา 1 แท่ง คือข้อใด
1. เซลล์ปีก 1. กลมุ่ อาการดาวน์
2. เซลลส์ ืบพนั ธุ์ 2. กลุ่มอาการเอด็ เวริ ์ด
3. เซลล์กล้ามเน้ือ 3.กลุ่มอาการเทิรน์ เนอร์
4. เซลล์เยือ่ บขุ ้างแก้ม 4. กลุ่มอาการดับเบิลวาย

4. ใครคือบิดาแหง่ วชิ าพนั ธุศาสตร์ 9. ข้อใดหมายถึงสิง่ มีชีวิตดดั แปรพนั ธกุ รรม
1. ไอแซก นิวตนั 1. สิ่งมีชีวิตที่ได้รับโปรตีนจากสิ่งมชี ีวิตชนิดอื่น
2. ชาลล์ ดารว์ นิ 2. สิง่ มีชีวิตที่ได้รบั สารเคมีจากสิง่ มชี ีวิตชนิดอืน่
3. ไมเคิล ฟาราเดย์ 3. สิง่ มีชีวิตที่ได้รบั โครโมโซมจากสงิ่ มีชีวิตชนิด
4. เกรกอร์ เมนเดล
อื่น
5. ข้อใดคือทีบ่ รรจุสารพันธกุ รรมของสิ่งมีชีวิต 4. สิ่งมีชีวิตทีไ่ ด้รับสารพนั ธกุ รรมจากสิง่ มชี ีวิต
1. ยีน
2. โปรตีน ชนิดอื่น
3. ดีเอ็นเอ 10. ข้อใดไม่ใชส่ าเหตทุ ีท่ ำใหส้ ิง่ มีชีวิตมีความ
4. โครโมโซม
หลากหลายทางพันธกุ รรม
เฉลย 1. 4 2. 4 3. 2 4. 4 5. 4 1. สภาพแวดล้อม
2. สารก่อกลายพนั ธ์ุ
3.การสืบพนั ธุแ์ บบอาศัยเพศ
4. การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ

6. 2 7. 1 8. 2 9. 4 10. 4

แบบประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมินผลงานแผนผังมโนทศั น์

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงาน/ชนิ้ งานของนักเรียนตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับระดบั

คะแนน

ลำดบั ระดบั คณุ ภาพ
ที่ รายการประเมนิ 4 3 21

1 ความสอดคล้องกบั จุดประสงคท์ ี่
กำหนด

2 ความถูกต้องของเนื้อหา

3 ความคิดสร้างสรรค์

4 ความเป็นระเบียบ

รวม

ลงช่อื ................................................... ผปู้ ระเมิน

............../................./................

เกณฑป์ ระเมินแผนผังมโนทศั น์

ประเด็นที่ ระดบั คะแนน
ประเมนิ
1. ผลงานตรง 4 321
กบั
จุดประสงค์ที่ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานไมส่ อดคลอ้ ง
กำหนด
2. ผลงานมี จ ุ ด ป ร ะ ส ง ค ์ ทุ ก จุดประสงค์เป็นส่วน จ ุ ดปร ะสง ค ์ บา ง กับจุดประสงค์
ความถกู ตอ้ ง
ของเนือ้ หา ประเด็น ใหญ่ ประเดน็
3. ผลงานมี
ความคดิ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ
สรา้ งสรรค์
ผ ล ง า น ถ ู ก ต ้ อ ง ผลงานถูกต้องเป็น ผลงานถูกต้องเป็น ผลงานไม่ถูกต้อง
4. ผลงานมี
ความเปน็ ครบถ้วน สว่ นใหญ่ บางประเดน็ เปน็ สว่ นใหญ่
ระเบียบ
ผลงานแสดงออกถึ ง ผ ล ง า น ม ี แ น ว ค ิ ด ผ ล ง า น ม ี ค ว า ม ผ ล ง า น ไ ม ่ แ ส ด ง

ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่แต่ยังไม่ น่าสนใจ แต่ยังไม่มี แนวคิดใหม่

แปลกใหม่ และเป็ น เ ป ็ น ร ะ บ บ แนวคิดแปลกใหม่

ระบบ

ผลงานมีความเป็น ผลงานส่วนใหญ่มี ผลงานมีความเป็น ผลงานสว่ นใหญ่ไม่

ระเบียบแสดงออกถึง ความเป็นระเบียบแต่ ร ะ เ บ ี ย บ แ ต ่ มี เปน็ ระเบียบและมี

ความประณีต ยัง ม ีข้อบก พ ร ่ อ ง ข้อบกพร่องบางส่วน ข้อบกพรอ่ งมาก

เล็กน้อย

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14-16 ดมี าก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 7 ปรับปรงุ

แบบประเมนิ แบบจำลองโครโมโซม

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนประเมินการสร้างแบบจำลองของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ ลงใน
ช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
รวม 32

1 การออกแบบ
2 ความสมบรู ณ์
3 ความคิดสร้างสรรค์

ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
................./................../..................

เกณฑก์ ารประเมินแบบจำลองโครโมโซม

ประเดน็ ที่ ระดับคะแนน
ประเมนิ
4 3 21
1. การ ออกแบบได้
ออกแบบ สอดคล้องกับ ออกแบบได้สอดคล้อง ออกแบบได้สอดคล้อง ออกแบบได้ไม่ตรง
จุดประสงค์
กับจดุ ประสงคเ์ ปน็ สว่ น กับจุดประสงค์ กับจุดประสงค์

ใหญ่ บางส่วน

2.ความถกู ตอ้ ง แบบจำลองถกู ต้อง แบบจำลองถกู ต้องเปน็ แบบจำลองถกู ต้อง แบบจำลองไม่
ครบถ้วน สว่ นใหญ่ บางประเด็น ถกู ต้องเปน็ ส่วน
ใหญ่
3.ความคดิ แบบจำลองมีความ แบบจำลองมีความ แบบจำลองมีความ แบบจำลองไมม่ ี
สร้างสรรค์ สมบูรณ์ สวยงาม สมบูรณเ์ ป็นส่วนใหญ่ สมบูรณเ์ พียงบางสว่ น ความสมบรู ณ์

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

10-12 ดีมาก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

ต่ำกวา่ 4 ปรับปรงุ

แบบประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรม

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนประเมินการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียนตามรายการทีก่ ำหนด แลว้ ขีด ✓ ลงใน
ช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32

1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคล่องแคล่วในขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม
3 การบนั ทึก สรปุ และนำเสนอผลการทำกิจกรรม

รวม

ลงช่อื ................................................... ผปู้ ระเมิน
................./................../..................

เกณฑก์ ารประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรม

ประเดน็ ที่ ระดับคะแนน

ประเมนิ 4 3 2 1

1.การปฏิบตั ิ ทำกิจกรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องใหค้ วามช่วยเหลอื ต้องใหค้ วามช่วยเหลอื

กิจกรรม ข้ันตอน และใช้ ขั้นตอน และใช้ บ้างในการทำกิจกรรม อย่างมากในการทำ
อุปกรณไ์ ด้อยา่ ง อุปกรณ์ได้อยา่ ง และการใช้อุปกรณ์ กิจกรรม และการใช้
ถูกต้อง ถกู ต้อง แตอ่ าจต้อง
ได้รบั คำแนะนำบ้าง อปุ กรณ์

2.ความ มีความคล่องแคลว่ มีความคล่องแคล่ว ขาดความคลอ่ งแคล่ว ทำกิจกรรมเสร็จไม่

คล่องแคลว่ ในขณะทำกิจกรรม ในขณะทำกิจกรรมแต่ ในขณะทำกิจกรรมจึง ทันเวลา และทำ
ในขณะปฏิบตั ิ โดยไม่ต้องได้รบั คำ ต้องได้รบั คำแนะนำ ทำกิจกรรมเสร็จไม่ อปุ กรณ์เสียหาย
กิจกรรม ชแี้ นะ และทำกิจกรรม บ้าง และทำกิจกรรม ทันเวลา
เสรจ็ ทันเวลา
เสร็จทันเวลา

3.การบันทึก บันทึกและสรุปผลการ บันทึกและสรุปผลการ ต้องใหค้ ำแนะนำใน ต้องใหค้ วามช่วยเหลอื
สรุปและ อย่างมากในการ
นำเสนอผล ทำกิจกรรมได้ถูกต้อง ทำกิจกรรมได้ถกู ต้อง การบันทึก สรปุ และ บนั ทึก สรุป และ
การปฏิบัติ นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม รดั กุม นำเสนอผลการ แต่การนำเสนอผลการ นำเสนอผลการทำ กิจกรรม

ทำกิจกรรมเปน็ ทำกิจกรรมยังไม่เป็น กิจกรรม

ขั้นตอนชดั เจน ขั้นตอน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

10-12 ดีมาก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรับปรุง

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงใน

ช่องที่

ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลำดบั รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
ที่ 32

1 ความถูกต้องของเนอื้ หา  

2 ความคิดสร้างสรรค์  

3 วิธีการนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใช้ประโยชน์  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมิน
............/................./...................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินบางส่วน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล

คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงใน

ช่องที่

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดับ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
ที่ 32

1 การแสดงความคิดเหน็  

2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อืน่  

3 การทำงานตามหน้าที่ที่ไดร้ บั มอบหมาย  

4 ความมีน้ำใจ  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

ลงช่อื ................................................... ผปู้ ระเมิน
............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรุง

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงใน

ชอ่ งที่

ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดับที่ ชื่อ–สกุล การแสดง การ ความมี การมี รวม
ของนกั เรียน ความ การ ทำงาน นำ้ ใจ สว่ นรว่ ม 15
คิดเหน็ ยอมรบั ฟัง ตามที่ ในการ คะแนน
คนอืน่ ได้รบั ปรบั ปรงุ
ผลงาน
มอบหมาย
กลมุ่

321321321321321

ลงช่อื ................................................... ผ้ปู ระเมิน
............./.................../...............

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงใน

ช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพึงประสงค์ด้าน 321

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้
กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทส่ี ร้างความสามัคคีปรองดอง และเป็น

ประโยชน์
ต่อโรงเรียน

1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏิบตั ิตามหลกั
ศาสนา

1.4 เข้าร่วมกิจกรรมท่เี กี่ยวกับสถาบันพระมหากษตั ริย์ตามท่ี
โรงเรียนจัดขึน้

2. ซือ่ สัตย์ สจุ ริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถกู ต้องและเปน็ จริง
2.2 ปฏิบัติในสิ่งท่ถี กู ต้อง

3. มีวินยั 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของ
รบั ผิดชอบ ครอบครัว
มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกิจกรรมตา่ ง ๆ ใน
ชีวิตประจำวัน

4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รู้จกั ใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัติได้

4.2 รู้จักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เชือ่ ฟังคำสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แย้ง

4.4 ต้ังใจเรียน

5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใช้ทรพั ยส์ ินและสิง่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด

พอเพียง 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเก็บออมเงนิ
6. มุ่งม่ันในการทำงาน 6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย

6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพือ่ ให้งานสำเรจ็

7. รกั ความ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย

เป็นไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย

8. มีจติ 8.1 รู้จกั ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน
สาธารณะ 8.2 รู้จกั การดูแลรกั ษาทรัพยส์ มบตั ิและสิง่ แวดล้อมของห้องเรียน

และโรงเรียน

ลงชอ่ื .................................................. ผ้ปู ระเมิน
............/.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน

พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน

พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน

พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

51-60 ดมี าก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

ต่ำกว่า 30 ปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 พนั ธุกรรม เรอ่ื ง โครโมโซม ดีเอ็นเอ และ
จำนวน 4 ชัว่ โมง
ยีน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ปีการศกึ ษา 2564
ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ครผู สู้ อน นายสรุ กจิ เกษตรพนู สขุ

รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว 23101

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด

ว 1.3 ม.3/1 อธิบายรูปแบบความสัมพันธร์ ะหว่างยีน ดเี อ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้
แบบจำลอง

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายรปู แบบความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโครโมโซม ดเี อ็นเอ และยีนได้ (K)
2. สร้างแบบจำลองแสดงถึงความสมั พันธ์ระหว่างโครโมโซม ดเี อ็นเอ และยีนได้ (P)
3. ตระหนักถงึ ความสำคญั ของโครโมโซม ดเี อน็ เอ และยีนในรา่ งกายสิง่ มีชีวิต (A)
4. มีความใฝเ่ รียนรู้และมุ่งมั่นในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

• ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้โดยมียีนเป็นหน่วย
ควบคมุ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม

• โครโมโซมประกอบด้วยดีเอ็นเอ และโปรตีนขดอยู่ ในนิวเคลียส ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซมมี

ความสัมพนั ธก์ ัน โดยบางส่วนของดีเอน็ เอทำหนา้ ที่เปน็ ยีนที่กำหนดลักษณะของสิง่ มีชีวิต

• สิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซม 2 ชุด โครโมโซมที่เปน็ คู่กันมีการเรียงลำดับของยีนบนโครโมโซมเหมือนกัน เรียกวา่
ฮอมอโลกัสโครโมโซม ยีนหนึ่งที่อยูบ่ นคู่ฮอมอโลกัสโครโมโซมอาจมีรูปแบบแตกตา่ งกนั เรียกแตล่ ะรูปแบบ
ของยีนที่แตกต่างกันนี้ว่า แอลลีล ซึ่งการเข้าคู่กันของ
แอลลีลต่าง ๆ อาจสง่ ผลทำใหส้ ิ่งมีชีวิตมีลักษณะที่แตกตา่ งกันได้

• สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีจำนวนโครโมโซมคงที่ มนษุย์มีจำนวนโครโมโซม 23 คู่ เป็นออโตโซม 22 คู่ และ
โครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศหญิงมีโครโมโซมเพศเป็น XX เพศชายมีโครโมโซมเพศเปน็ XY

4.สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

ลักษณะทางพันกุ รรมของสง่ิ มีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยงั อีกรุ่นหนึ่ง โดยมียีนเป็น
หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม โดยยีนเปน็ ส่วนหนึง่ ของสายดเี อ็นเอ และดเี อ็นเอจะขดกันเป็น
โครโมโซมอยภู่ ายในนิวเคลียสของเซลล์ สง่ิ มีชีวิตชนิดเดยี วกันจะมจี ำนวนโครโมโซมเทา่ กนั และอาจ
มีจำนวนโครโมโซมเท่าหรือไม่เท่ากับสิ่งมีชีวิตต่างชนิด ซึ่งโครโมโซมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
โครโมโซมร่างกาย และโครโมโซมเพศ และสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซม 2 ชุด อยู่กันเป็นคู่และมีการ
เรียงลำดับยีนบนโครโมโซมเหมือนกัน เรียกว่า ฮอมอโลกสั โครโมโซม

5.สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินัย รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : บรรยาย (Lecture Method)

ชัว่ โมงที่ 1

ข้นั นำ

ขั้นที่ 1 เตรยี มการสอน
1. ครูเตรียมแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พนั ธุกรรม ให้กบั นักเรียน
2. ครูเตรียมภาพโครโมโซม หรือใช้ภาพโครโมโซมที่มีรูปร่างต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนทำ
กิจกรรม Engaging Activity จับคู่ภาพโครโมโซมที่เหมือนกัน แล้วเตรียมข้อสรุปหลังจาก
นักเรียนทำกิจกรรมแล้ว เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ภาพที่นักเรียนใช้ทำกิจกรรม เรียกว่า
โครโมโซม ซึง่ มคี วามเกีย่ วข้องกบั การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมของสง่ิ มีชีวิต โดยใน
ธรรมชาตโิ ครโมโซมจะอยกู่ ันเป็นคเู่ หมือนกับทีน่ กั เรยี นทำกิจกรรมนน่ั เอง
3. ครเู ตรียมอปุ กรณท์ ี่ใช้ทำกจิ กรรม โครงสร้างสารที่เก่ียวขอ้ งกับการถ่ายทอดลักษณะ
ทางพันธุกรรม ได้แก่ กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง สไลด์ถาวรของนิวเคลียสในเซลลป์ ลาย
รากหอมที่ย้อมสีแล้ว เพื่อให้นักเรียนเห็นลักษณะของโครโมโซม และหลังจากการทำ

กิจกรรมครอู าจเตรียมภาพนำเสนอเกีย่ วกับโครโมโซมภายใต้กล้องจลุ ทรรศนแ์ บบใช้แสงให้
นักเรยี นศึกษาอีกคร้ังหนึง่
4. ครเู ตรียมข้อมลู เกีย่ วกบั จำนวนโครโมโซมในรา่ งกายของสิ่งมีชีวิตชนิดตา่ ง ๆ เพือ่ ให้นักเรียน
เปรียบเทียบจำนวนโครโมโซมซึ่งอาจทำในรูปของตารางและมีภาพของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น
ประกอบความเข้าใจ
5. ครูเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ทำกิจกรรม สร้างแบบจำลองโครโมโซม ได้แก่ เชือก ดินน้ำมัน
ลวดกำมะหยี่

ช่วั โมงท่ี 2-4

ขนั้ สอน

ข้ันที่ 2 นำส่กู ารเรยี น
6. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พันธุกรรม เพื่อประเมิน
ความรขู้ องนกั เรยี น
7. ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองในกรอบ Check for Understanding ในหนังสือ
เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ 2
พนั ธกุ รรม
8. ครูถามคำถาม key Question จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
ว่า ออรแ์ กเนลลใ์ ดทีเ่ กีย่ วข้องกับการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม
(แนวตอบ : นิวเคลียส)
9. ครูสนทนากับนกั เรยี นวา่ สง่ิ มีชีวิตทีเ่ กิดมาจะได้รบั การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจาก
พอ่ แม่ ทำให้มีลักษณะทางพนั ธุกรรมที่เฉพาะแตกตา่ งไปจากส่งิ มีชีวิตอื่น จากน้ันครูถาม
คำถามนกั เรยี น ดงั นี้
- ยกตวั อย่างการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมของพืชมีอะไรบ้าง
(แนวตอบ : สขี องเมล็ด ลกั ษณะของเมล็ด ความสงู สีของดอก)
- ยกตวั อย่างการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมของสัตว์มีอะไรบ้าง
(แนวตอบ : สขี น ลกั ษณะของขน ลักษณะของใบหู สตี า)
- ยกตวั อยา่ งการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมของมนุษย์มอี ะไรบ้าง
(แนวตอบ : สตี า สผี ม การห่อล้นิ ลักษณะหนงั ตา ลกั ษณะลกั ยมิ้ ลกั ษณะของติ่งหู)

ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้
10. ให้นักเรียนทำกิจกรรม โครงสร้างสารที่เกี่ยวข้องกบั การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม
จากหนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1

11. ครอู ธิบายให้นกั เรยี นเข้าใจวา่ “ส่งิ ที่นักเรยี นเห็นภายใต้กล้องจุลทรรศน์เรียกว่า โครโมโซม
ซึ่งมีลักษณะหดเป็นแทง่ แต่บางเซลล์ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการแบ่งเซลล์จะมีลักษณะเป็น
เสน้ ใยขนาดเลก็ พนั กัน เรียกวา่ โครมาทิน”

12. ให้นกั เรยี นศึกษาภาพในหนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม
1 หน่วยที่ 2 เรื่อง โครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน หรือตารางแสดงจำนวนโครโมโซมของ
เซลลร์ ่างกายของสิ่งมชี ีวิตตา่ ง ๆ แล้วถามคำถามนกั เรียน แทนการบรรยายของครู ดังนี้
- ส่งิ มีชีวิตทกุ ชนิดมีจำนวนโครโมโซมเท่ากันได้หรือไม่
(แนวตอบ : อาจเท่าหรือไม่เท่ากันก็ได้ แต่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันจะมีจำนวนโครโมโซม
เท่ากันเสมอ)
- จำนวนโครโมโซมของสิ่งมชี ีวิตขนึ้ อยู่กับขนาดของส่งิ มีชีวิตหรือไม่
(แนวตอบ : ไมใ่ ช่ ตวั อยา่ งเชน่ ยูกลีนาเป็นสง่ิ มีชีวิตทีม่ ีขนาดเลก็ กว่าคน แต่กลับมีจำนวน
โครโมโซมมากกว่าจำนวนโครโมโซมในร่างกายมนษุ ย์)
- จำนวนโครโมโซมของมนษุ ยม์ เี ท่าใด
(แนวตอบ : 46 แทง่ หรือ 23 คู่)

13. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเพิ่มเติมว่า “การศึกษาจำนวนและขนาดของโครโมโซมเป็นคู่
เรียกว่า การทำแครีโอไทป์ แพทย์มักใช้วิธใี นการวินิจฉยั โรคทางพันธกุ รรม โดยโครโมโซม
ของมนษุ ย์แบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ โครโมโซมรา่ งกาย หรือเรียกว่า ออโตโซม จะมี
ขนาดและรูปร่างของโครโมโซมเทา่ กัน ส่วนโครโมโซมเพศอาจมีขนาดเท่ากนั หรือแตกตา่ ง
กัน ถ้ามีขนาดเท่ากันจะเป็นเพศหญิง แต่ถ้ามีขนาดต่างกันจะเป็นเพศชาย” เพื่อประกอบ
ความเข้าใจของนักเรยี น ครูอาจนำภาพการจัดเรียงโครโมโซมของมนุษย์เพศหญิงและเพศ
ชายมาให้นักเรยี นศึกษาและเปรยี บเทียบ พร้อมกับการบรรยาย

14. หลังจากนั้น ครูตั้งประเด็นคำถามให้นักเรียนคิดว่า “จำนวนโครโมโซมของเซลล์อสุจิกับ
เซลลเ์ ยือ่ บุผิวข้างแก้มของนักเรียนมีจำนวนโครโมโซมเท่ากันหรือไม่” โดยครูอาจสุ่มเรียก
นกั เรยี น 2-3 คน เพือ่ แสดงความคิดเห็น โดยครจู ะยังไม่เฉลยคำตอบที่ถูกต้อง

15. ให้นักเรียนศึกษาแผนภาพจำนวนโครโมโซมก่อนและหลังการปฏิสนธิ แล้วสุ่มเรียก
นกั เรยี น 2-3 คน ออกมาอธิบายหน้าชั้นเรียนโดยครคู อยเสริมขอ้ มลู เพิ่มเตมิ

16. เมื่อนักเรียนรู้จักโครโมโซมพอสงั เขปแลว้ ครอู าจนำนกั เรียนเข้าส่กู ารศึกษาโครงสร้างของ
โครโมโซม

17.ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ร่วมกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างของ
โครโมโซมจากหนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วย
ที่ 2 เรือ่ ง โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยีน หรือแหลง่ การเรียนรู้อื่น ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็ แล้วทำ
กิจกรรม สร้างแบบจำลองโครโมโซม จากวัสดทุ ี่ครเู ตรียมให้

ขน้ั สรุป

ครูสุ่มเลือกแบบจำลองโครโมโซมที่มีความสมบูรณ์ หรือใช้แบบจำลองที่ครูสร้างเองมา
อภิปรายเพือ่ ให้ไดข้ ้อสรุปว่า โครงสร้างพืน้ ฐานของโครโมโซมประกอบดว้ ยดีเอ็นเอและยีน ซึ่งดีเอ็นเอมี
ลกั ษณะเปน็ เกลยี วคู่สายยาว โดยช่วงความยาวหนึง่ ของดเี อน็ เอ คือ ยีน ซึ่งเปน็ ข้อมูลทางพันธกุ รรมที่มี
ผลต่อลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต แต่เนื่องจากดีเอ็นเอมนุษย์มีความยาวมากเกือบ 2 เมตร
ดงั นั้น ร่างกายของมนษุ ย์จงึ มีกลไกในการเก็บพันธกุ รรมเหลา่ นไี้ ด้โดยการขดพันกันระหว่างสายดีเอ็นเอ
กบั ก้อนโปรตีน แล้วขดพนั กันอีกหลายระดบั จนกระท่งั กลายเป็นแท่งโครโมโซมน่ันเอง และในธรรมชาติ
โครโมโซมจะอยูเ่ ป็นคซู่ ึ่งมกี ารจดั เรียงยีนที่เหมือนกัน เรียกวา่ ฮอมอโลกัสโครโมโซม

ขั้นประเมิน

ขนั้ ที่ 4 ติดตามผล
1. ตรวจสอบความเข้าใจโดยให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3
เล่ม 1
2. ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน โดยตอบคำถาม Topic Questions ลงใน
สมดุ ประจำตัวนกั เรยี น เพือ่ เมินความรคู้ วามเข้าใจของนักเรยี น
3. ให้นักเรยี นตอบคำถาม H.O.T.S. วา่ “ยีน ดเี อน็ เอ และโครโมโซมมีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร”
โดยให้นักเรียนเขียนคำตอบลงในสมุดประจำตัวนักเรียน จากนั้นครูตรวจสมุดประจำตัว
นกั เรยี น

ขั้นที่ 5 วัดผล
4. ครตู รวจแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
5. ครูตรวจคำตอบ Topic Questions ในสมุดประจำตัวนักเรียน เพื่อเมินความรู้ความเข้าใจ
ของนกั เรยี น
6. ให้นกั เรยี นประเมินวิธีการสอนของครูผู้สอน โดยครอู าจให้นกั เรียนเสนอแนะเกี่ยวกับวิธีการ
สอนเพือ่ ครจู ะไดน้ ำข้อเสนอไปปรบั ใช้กับการสอนในครง้ั ต่อไป

7. การวดั และประเมินผล

รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์

การประเมิน

7.1 การประเมินกอ่ นเรยี น

- แบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อน - ประเมินตาม
เรียน สภาพจริง
หน่วยการ เรียนรู้ที่ 2 กอ่ นเรียนหน่วย หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
พนั ธกุ รรม
พนั ธุกรรม การเรียนรู้ที่ 2

พนั ธุกรรม

7.2 ประเมินระหว่างการ

จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60
1) โครโมโซม ดเี อ็นเอ ผา่ นเกณฑ์
หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหัด
และยีน

วิทยาศาสตร์และ วิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ เทคโนโลยี ม.3 เลม่
11

2) ผลบนั ทึกการปฏิบตั ิ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60

กิจกรรมโครงสร้างสาร หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์

ทีเ่ กี่ยวข้องกับการ วิทยาศาสตรแ์ ละ วทิ ยาศาสตร์และ

ถ่ายทอดลักษณะทาง เทคโนโลยี ม.3 เล่ม เทคโนโลยี ม.3 เล่ม

พนั ธกุ รรม 1 1

3) ผลบันทึกการปฏิบตั ิ - ตรวจแบบจำลอง - แบบประเมิน - ร้อยละ 60
กิจกรรมสร้างแบบ
จำลองโครโมโซม โครโมโซม แบบจำลอง ผ่านเกณฑ์

- ตรวจสมดุ ประจำตวั โครโมโซม - ร้อยละ 60

หรือแบบฝึกหดั - สมดุ ประจำตัวหรือ ผา่ นเกณฑ์

วิทยาศาสตร์และ แบบฝึกหดั

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ วิทยาศาสตร์และ

1 เทคโนโลยี ม.3 เลม่

1

รายการวดั วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์

การประเมิน

4) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ

ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม ผลงาน/ผลการ นำเสนอผลงาน 2

ปฏิบตั ิ ผา่ นเกณฑ์

กิจกรรม

5) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ระดบั คุณภาพ

รายบุคคล การทำงาน พฤติกรรม 2

รายบคุ คล การทำงาน ผา่ นเกณฑ์

รายบุคคล

6) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ระดับคณุ ภาพ

กลุ่ม การทำงานกลมุ่ พฤติกรรม 2

การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์

7) คุณลกั ษณะอันพึง - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ

ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ 2

และมงุ่ มนั่ ในการ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์

ทำงาน

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้

1) หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2

พนั ธุกรรม

2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 พนั ธุกรรม

3) ภาพโครโมโซม หรือภาพโครโมโซมทีม่ ีรูปรา่ งตา่ ง ๆ

4) อุปกรณท์ ี่ใช้ทำกิจกรรม โครงสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม

5) อปุ กรณท์ ีใ่ ช้ทำกิจกรรม สร้างแบบจำลองโครโมโซม

6) PowerPoint เรือ่ ง โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยีน

7) สมดุ ประจำตวั นักเรยี น

8) แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธกุ รรม

8.2 แหล่งการเรยี นรู้

1) ห้องเรียน

2) อินเทอร์เน็ต

9. บนั ทึกผลหลังการสอน

ปัญหา/สิง่ ทีพ่ ัฒนา / แนวทางแกป้ ัญหา / แนวทางการพัฒนา

ปัญหา/สิ่งที่พัฒนา สาเหตุของปญั หา/ แนวทางแก้ไข/ วิธีแก้ไข/พัฒนา ผลการแก้ไข/พัฒนา

สง่ิ ทีพ่ ัฒนา พฒั นา

ลงชือ่ ............................................. ผู้สอน
(นายสุรกิจ เกษตรพนู สุข)

รับทราบผลการดำเนนิ การ
ลงชื่อ...............................................
(นายสรุ กิจ เกษตรพนู สขุ )

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ลงชือ่ ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชื่อ...........................................
( นายวีระ แก้วกลั ยา )

ผู้อำนวยการโรงเรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบรุ ี

10. ความคิดเห็น (ผบู้ รหิ าร / หรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย)

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของนายสรุ กิจ เกษตรพนู สุขแล้วมีความเหน็ ดังนี้
8.1 เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่
ดีมาก ดี
พอใช้ ต้องปรับปรงุ
8.2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
ทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั ใช้กระบวนการสอนได้อย่างเหมาะสม
ทยี่ งั ไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป
8.3 เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ

..................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................

ลงชื่อ...............................................
(นายสุรกิจ เกษตรพนู สขุ )

หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ความคิดเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ
............................................................................................................................. .....................................................
.................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................
( นายชาญยุทธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
ความคิดเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรียน
..................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................

ลงชื่อ.............................................
( นายวรี ะ แก้วกัลยา )

ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวัดเพชรบรุ ี

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พนั ธกุ รรม เรอ่ื ง การศึกษาพนั ธศุ าสตร์ของเมนเดล

กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จำนวน 3 ชว่ั โมง

ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564

รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 23101 ครูผสู้ อน นายสุรกจิ เกษตรพูนสขุ

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด

ว 1.3 ม.3/2 อธิบายการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมจากการผสมโดยพิจารณาลกั ษณะ
เดยี วทีแ่ อลลีลเดน่ ขม่ แอลลีลดอ้ ยสมบูรณ์

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. อธิบายการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการทดลองของเมนเดลได้ (K)
2. คำนวณอตั ราสว่ นของลูกร่นุ ที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามการทดลองของเมนเดลได้ (P)
3. ตระหนักถงึ ความสำคัญของการศึกษาพนั ธศุ าสตรข์ องเมเดล (A)
4. มีความใฝเ่ รียนรู้และมุ่งม่นั ในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมของต้นถั่วชนิดหนึ่ง และนำมาสู่

หลักการพนื้ ฐานของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสิง่ มชี ีวิต

4.สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

เมลเดลเป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถั่ว
ลนั เตา พบวา่ ผลการผสมพันธ์ุถว่ั ลันเตาที่มีลกั ษณะตา่ งกันในรุ่นพ่อแม่ ได้ลกู ที่ปรากฏลักษณะเด่น
ในทกุ รุ่น และลักษณะดอ้ ยจะไมป่ รากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะปรากฏลักษณะดอ้ ยในลูกรุ่นที่ 2 เมื่อนำ
ลูกรุ่นที่ 1 มาผสมกันเอง ซึ่งนำมาสู่หลักการพื้นฐานของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
นอกจากนีเ้ มนเดลได้สันนิษฐานวา่ ยีนแต่ละตำแหนง่ บนฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลีล จะแยก
ออกจากกนั เมื่อมีการสร้างเซลล์สบื พนั ธ์ุ หลังการปฏิสนธิแอลลีลจะกลับมาเข้าคู่กนั อยา่ งอิสระ โดย
แอลลีลหนึง่ ไดร้ บั มาจากพ่อ และอีกหนง่ึ แอลลีลหนึ่งได้รบั มาจากแม่ ซึง่ อาจมีรูปแบบเดียวกัน หรือ

แตกตา่ งกนั โดยแอลลีลทีต่ ่างกันจะมีแอลลีลหนึง่ สามารถข่มอีกแอลลีลหนึง่ ได้ เรียกแอลลีลที่ข่มอีก
แอลลีลหนึง่ วา่ แอลลีลเดน่ สว่ นแอลลีลที่ถูกขม่ เรียกว่า แอลลีลดอ้ ย

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินยั รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

3. ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุปจาก 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน

ข้อมูล

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : บรรยาย (Lecture Method)

ชว่ั โมงที่ 1-2

ข้ันนำ

ขั้นที่ 1 เตรยี มการสอน
1. ครูเตรียมภาพเด็กและครอบครัวหลายภาพมาให้นักเรียนทำกิจกรรม Engaging Activity
จับคู่ภาพเด็กกับครอบครัวให้ถูกต้อง แล้วสรุปหลังทำกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า “เด็ก
หรือลูกทีเ่ กิดมาจะมีรูปร่างและลกั ษณะที่คล้ายกับพ่อแม่ เนื่องจากมีการถ่ายทอดลักษณะ
จากพ่อแมไ่ ปส่รู ุ่นลกู ”
2. ครเู ตรียมประวัตยิ อ่ ของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล มาให้นกั เรยี นศึกษา
3. ครูเตรียมภาพประกอบการสอน เช่น ภาพองค์ประกอบของดอกถั่วลันเตา ภาพลักษณะ
ของถั่วลันเตา 7 ลักษณะที่เมนเดลเลือกนำมาศึกษา ภาพขั้นตอนการทดลองของเมนเดล
เพือ่ ใช้ประกอบการสอนและใช้ทำกิจกรรม
4. ครูจัดทำใบงานที่ 2.1 เรื่อง การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล เพื่อใช้ประกอบการ
เรียน

ขน้ั สอน

ขน้ั ที่ 2 นำสกู่ ารเรยี น
1. ครใู ห้นักเรยี นสำรวจตนเอง และถามคำถามนักเรียน ตอ่ ไปนี้
­ นกั เรยี นคนใดมหี นังตา 2 ช้ันบ้างให้ยกมอื ขนึ้
­ นักเรยี นคนใดมหี นงั ตาชั้นเดยี วบ้างให้ยกมอื ขนึ้
2. ครูสุ่มเรียกตัวแทนนักเรียน 1 คน ที่มีหนังตา 2 ชั้น และหนังตาชั้นเดียว แล้วสัมภาษณ์
นักเรียนว่า “คุณพ่อและคุณแม่ของนักเรียนมีลักษณะหนังตาเหมือนกับนักเรียนหรือไม่
อยา่ งไร”
3. ครูถามคำถาม Key Question จากหนังสือรายวิชาพื้นฐานเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 นักเรยี นเคยสงสัยหรือไม่ว่า “เพราะเหตุใดเด็กทีเ่ กิดมาจากพ่อและ
แม่ที่มีหนงั ตาสองชั้นทั้ง 2 คน จึงมีหนังตาชั้นเดียว” ให้นักเรียนเขียนคำตอบของตนเองลง
ในสมดุ ประจำตัว โดยครยู งั ไมเ่ ฉลยคำตอบทีถ่ ูกต้อง
4. ให้นกั เรยี นตรวจสอบความรู้ของตนเองจากกรอบ Check for Understanding ในหนังสือเรียน
รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ 2 พันธุกรรม
5. ครูแจกใบงานที่ 2.1 เรื่อง การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล ให้นักเรียนก่อนเริ่มเข้าสู่
บทเรียน
6. ให้นกั เรยี นศึกษาคำชีแ้ จงและตอบคำถามลงในใบงานตอนที่ 1 เพือ่ ทดสอบความรู้ก่อนเข้าสู่
บทเรียน
7. ให้นกั เรยี นศึกษาประวัติของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล พอสังเขปจากใบงานในตอนที่ 2 โดย
ครูใช้เทคนิคบรรยายร่วมกับการฉายภาพนำเสนอจาก PowerPoint ประกอบการสอน
รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หน่วยที่ 2 พันธุกรรม
8. หลังจากครูบรรยายประวัติของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดลจบแล้ว เพื่อให้นักเรียนมีสมาธิใน
การฟังและเรียนรู้ไปอย่างพร้อมเพียงกัน ครูให้นักเรียนเติมคำตอบลงในช่องว่างในใบงาน
ตอนที่ 2 ให้สมบูรณ์

ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้
9. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า “เมนเดลเลือกศึกษาวิชาพันธุศาสตร์โดยทำการทดลองกับถ่ัวลันเตา
เพราะถั่วลันเตามีลักษณะที่เหมาะสมหลายประการ คือ ปลูกง่าย โตเร็ว และให้ลูกหลาน
จำนวนมาก ถ่วั ลนั เตาเปน็ พืชที่มีลักษณะทางพันธุกรรมแตกตา่ งกันอย่างชัดเจน และมีดอก
สมบูรณ์เพศ ซึ่งเหมาะสมต่อการควบคุมการผสมพันธุไ์ ด้” เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้นใน
ขณะที่ครูบรรยาย ครูอาจให้นักเรียนศึกษาภาพดอกของต้นถั่วลันเตา จากหนังสือเรียน
รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1

10. ครูอธิบายต่อไปว่า “ลักษณะของถั่วลันเตาที่เมนเดลเลือกนำมาศึกษา ได้แก่ รูปร่างของ
เมลด็ สขี องเมลด็ รูปร่างของฝกั สขี องฝัก สขี องดอก ตำแหน่งของดอก ความสูงของลำต้น
ซึง่ นักเรยี นจะเหน็ ได้จากในใบงาน” หลังจบการอธิบายครใู ห้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่างให้
สมบูรณ์

11. ให้นักเรยี นศึกษาภาพขั้นตอนการทดลองของเมนเดลจากใบงานในตอนที่ 3 ก่อน หลังจาก
นั้นครูอธิบายต่อไปว่า “เมนเดลเลือกศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมโดย
พิจารณาเพียงลักษณะเดียว ตัวอย่างเช่นในภาพ เมนเดลเลือกศึกษาสีของกลีบดอก ซึ่งมี
ขั้นตอนดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1 เพาะต้นถั่วลันเตาพันธุ์แท้ โดยการนำต้นถั่วลันเตามาผสมพันธุ์ภายในดอก
เดยี วกัน แลว้ นำเมลด็ ไปเพาะ ทำเชน่ นี้จนกว่า ลูกทกุ ต้นจะมีลักษณะเหมือนต้น
พอ่ แมท่ ุกประการ
- ขั้นตอนที่ 2 ผสมพนั ธ์ุขา้ มตน้ ระหว่างต้นถั่วลันเตาพันธแุ์ ท้ดอกสมี ว่ งกบั ต้นถั่วลันเตาพันธ์ุ
แท้ดอก สขี าว แล้วนำเมลด็ ไปเพาะ พบวา่ ต้นถัว่ ลนั เตาทกุ ต้นมีดอกสีมว่ ง
- ขั้นตอนที่ 3 หลังจากน้ันนำตน้ ถั่วลนั เตารุ่นลูกมาผสมกันเอง แล้วนำเมลด็ ไปเพาะ พบว่า
มีต้นถว่ั ลนั เตาดอกสขี าวปรากฏร้อยละ 25 จากต้นถว่ั ลนั เตาท้ังหมด สว่ นร้อย
ละ 75 เปน็ ต้นถ่วั ลนั เตาที่มีดอกสมี ว่ ง เมนเดลได้สรปุ การทดลองว่า ลักษณะ
ที่ปรากฏในลูกรนุ่ ที่ 1 เรียกวา่ ลักษณะเด่น ส่วนลักษณะทีไ่ ม่ปรากฏในลูกรุ่นที่
1 แต่มาปรากฏในลกู รุ่นที่ 2 เรียกวา่ ลักษณะดอ้ ย”

ชัว่ โมงที่ 3

ขั้นสรปุ

1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายคำตอบร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า จากการศึกษาพันธุ
ศาสตร์ของ เมนเดล ทำให้ทราบวา่ ส่งิ มีชีวิตมีการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมจากพ่อ
แม่ไปยังลูกโดยผ่านกระบวนการสืบพันธุ์ และลักษณะที่แสดงออกของสิ่งมีชีวิตถูกควบคมุ
โดยหน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมที่เรียกว่า ยีนซึ่งอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจาก
กนั ไปอยใู่ นเซลล์สบื พันธุ์เพศผู้และเซลล์สบื พนั ธุเ์ พศเมีย และกลบั มารวมกันอีกอย่างอิสระ
อีกครั้ง หลังผ่านการปฏิสนธิ

2. ครูกล่าวสรปุ วา่ “ลกั ษณะเด่น คือ ลกั ษณะที่มีโอกาสปรากฏในลูกทุกรุ่น ซึ่งถูกควบคุมโดย
ยีนเด่น ส่วนลักษณะด้อย คือ ลักษณะที่มีโอกาสปรากฏในรุ่นลูกต่อไปได้น้อยกว่า ซึ่งถูก

ควบคุมโดยยีนด้อย แสดงว่า สิ่งมีชีวิตมียีนซึ่งทำหน้าที่ควบคุมลักษณะพันธุกรรมของ
สง่ิ มีชีวิต”

ขัน้ ประเมนิ

ขั้นที่ 4 ติดตามผล
1. ตรวจสอบความรู้หลังเรียนในใบงานที่ 2.1 ตอนที่ 4 หากนักเรียนคนใดได้คะแนนต่ำกว่า
คะแนนในตอนที่ 1 ให้นักเรยี นทบทวนเนอื้ หาใหมอ่ ีกคร้ัง
2. ตรวจสอบความเข้าใจโดยให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3
เลม่ 1
3. ให้นักเรยี นตรวจสอบและตอบคำถาม Key Question ในสมุดประจำตัวนักเรยี น แล้วครูตรวจ
สมุดประจำตัวนักเรยี น
4. ให้นกั เรยี นตอบคำถาม H.O.T.S. ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 1 หน่วยที่ 2 เรื่อง การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล โดยให้นกั เรียนเขียนคำตอบ
ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น แล้วครตู รวจสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น

ขั้นที่ 5 วัดผล

5. ประเมินวิธีการสอนโดยครอู าจถามนกั เรยี นว่า หรือให้นักเรยี นเสนอแนะเกีย่ วกบั วิธีการสอน

เพื่อครูจะไดน้ ำข้อเสนอไปปรับใช้กับการสอนในครงั้ ตอ่ ไป

7. การวดั และประเมินผล

รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์
การประเมิน
7.1 ประเมินระหว่างการ - ใบงานที่ 2.1
- ร้อยละ 60
จัดกิจกรรมการ - ตรวจใบงานที่ 2.1 - สมดุ ประจำตวั หรือ ผา่ นเกณฑ์
เรยี นรู้ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ - ร้อยละ 60
1) การศึกษาพนั ธุ 1 ผ่านเกณฑ์
ศาสตรข์ องเมนเดล - ตรวจสมุดประจำตวั
หรือแบบฝึกหดั

วิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี ม.3 เลม่

1

รายการวดั วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์
การประเมิน
2) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ
2
ผลการปฏิบัติ ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์

กิจกรรม กิจกรรม - ระดบั คณุ ภาพ
2
3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล

4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ
ทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม 2
ผ่านเกณฑ์

5) คุณลักษณะ - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ
อนั พึงประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ 2
และมงุ่ มน่ั ในการ อนั พึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
ทำงาน

8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
พันธุกรรม
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม
3) ภาพเด็กและครอบครัว
4) ภาพประกอบการสอน
5) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง การศึกษาพนั ธศุ าสตรข์ องเมนเดล
6) PowerPoint เรือ่ ง พนั ธกุ รรม
7) สมุดประจำตวั นักเรยี น

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) อินเทอร์เนต็

ใบงานที่ 2.1

เรื่อง การศึกษาพนั ธุศาสตร์ของเมนเดล

ตอนที่ 1 ตรวจสอบความรู้พื้นฐาน

คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำเครื่องหมายวงกลมตัวเลือก
1. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้สนใจศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. ชาลส์ ดาร์วิน
ข. ไอแซก นิวตัน
ค. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ง. เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
2. พืชชนิดใดเป็นพืชที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. มอส
ข. เฟิร์น
ค. มะพร้าว
ง. ถ่ัวลันเตา
3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะด้อยในการทดลองของเมนเดล
ก. เป็นลักษณะที่สามารถข่มอีกลักษณะหนึ่งได้
ข. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในลูกรุ่นที่ 1
ค. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในอัตราส่วนที่มากกว่า
ง. เป็นลักษณะที่ไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะมาปรากฏในลูกรุ่นที่ 2
4. ส่ิงใดเป็นส่ิงที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต
ก. ยีน
ข. นิวเคลียส
ค. เซลล์ร่างกาย
ง. เซลล์สืบพันธ์ุ
5. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปจากการศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล
ก. ส่ิงมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ข. อัตราส่วนของลักษณะเด่น : ลักษณะด้อย คือ 3 : 1
ค. ลักษณะด้อยถูกควบคุมโดยยีนเด่น และลักษณะเด่นถูกควบคุมโดยยีนด้อย
ง. ส่ิงที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไปอยู่ในเซลล์
สืบพันธุ์

ตอนที่ 2 ประวัติของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
คำชี้แจง : ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่าง

___________________ เป็นชาวออสเตรีย มีชีวิตอยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2365 ถึง 2427
เมนเดลเกิดในครอบครวั เกษตรกรซึ่งมฐี านะปานกลาง และเมื่อบิดาถึงแก่กรรมครอบครัวก็เริ่มมี
ความเป็นอยู่ที่ลำบากขึ้น เมนเดลจึงตัดสินในบวชเป็นบาทหลวง แล้วได้รับอนุญาตให้ไปเรียน
หนงั สือ ณ _______________________ในสาขาวิชาฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และธรรมชาตวิ ิทยา เพื่อ
จะได้กลบั ไปเปน็ ครู ในขณะทีเ่ ป็นครสู อนหนังสือนั้น เมนเดลมีพืน้ ฐานการปลูกพืชเนื่องเติบโตใน
ครอบครัวชาว ______________ เมนเดลจึงไดป้ ลูกพืชหลายชนิดภายในโบสถ์ เมนเดลสังเกตเห็น
ลกั ษณะตา่ ง ๆ ทำให้เกิดความสนใจที่จะศึกษาเกีย่ วกบั การถ่ายทอดลักษณะตา่ ง ๆ ทีเ่ กิดขนึ้ เมน
เดลจึงเริ่มทำการทดลองผสมพันธุ์ _____________________ (Pisum sativum L.) โดยผสมพันธุ์
ระหว่างต้นที่มีลักษณะแตกตา่ งกัน แล้วดูลักษณะของลูกผสมที่เกิดขึ้น จากการทดลองนี้ทำให้
เขาได้ค้นพบเกี่ยวกับความสัมพันธ์บางลักษณะของลูกผสมที่เกิดขึ้น แล้วรวบรวมข้อมูลเพื่อ
นำเสนอผลการศึกษาในทีป่ ระชุมสมาคมธรรมชาติวิทยา (Natural History Society) ณ เมืองบรุน
ประเทศออสเตรีย ในปี พ.ศ. 2408 ภายใต้หัวเรื่อง Experiments in Plant Hybridization แต่ผล
การทดลองไม่ได้รับความสนใจมากนัก จนกระทัง่ เวลาผ่านมา 16 ปี หลงั จากที่เมนเดลเสียชีวิต
ในปี พ.ศ. 2443 มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้นำผลการทดลองมาศึกษาอีกครั้ง โดยทำการ
ทดลองเดียวกับของเมนเดล ทำให้ผลงานการศึกษา
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมทีเ่ มนเดลศึกษาเปน็ ที่ยอมรบั ในทีส่ ุดจนกลายเปน็ ทีย่ กย่องให้
เมนเดลเป็น “________________________”

ตอนที่ 3 การทดลองของเมนเดล
คำชี้แจง : ให้ศึกษาภาพการทดลองของเมนเดล แล้วเติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้อง

เมนเดลเลอื กทำการทดลองกับ _____________________________________
เหตุผลที่เมนเดลเลอื กทำการทดลองกับพืชชนิดนี้ เพราะ

1) ________________________________________________________________
2) ________________________________________________________________
3) ________________________________________________________________

ลักษณะที่เมนเดลเลอื กนำมาศกึ ษา ได้แก่

ลกั ษณะเมลด็ เมลด็ เรียบ เมลด็ ขรุขระ ดอกเกิดที่ลาต้น ดอกเกิดที่ยอด
สีของเมล็ด เมลด็ สีเหลอื ง
สีของดอก ดอกสีม่วง ตำแหนง่ ของ
รูปร่างของฝัก เมลด็ สีเขียว ดอกทเี่ กดิ

ดอกสีขาว

ฝักอวบ ฝักแฟบ ความสูงของตน้

สขี องฝกั

ฝักสีเหลอื ง ฝักสีเขยี ว ต้นสูง ต้นเตยี้

คำชี้แจง : ให้นักเรียนฟังคำอธิบาย และศึกษาการถ่ายทอดลักษณะของต้นถั่วลันเตา โดยพิจารณา
ลักษณะเดียวจากการทดลองของเมนเดลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 แล้วเติมคำตอบลง
ในตาราง

ลักษณะของพอ่ แม่พันธแ์ุ ทท้ ีใ่ ช้ ลกู ร่นุ ที่ 1 ลกั ษณะทีป่ รากฏ
ผสม ลูกรนุ่ ที่ 2

เมลด็ เรียบ เมลด็ ขรขุ ระ (ถ้าลกู ร่นุ ที่ 2 มีทั้งหมด 7,400 ต้น )
เมลด็ เรียบ 5,550 ต้น
เมล็ดสีเหลอื ง เมลด็ สเี ขียว เมลด็ ขรุขระ 1,850 ต้น
(ถ้าลกู รนุ่ ที่ 2 มีทั้งหมด 8,000 ต้น )
ดอกสีม่วง ดอกสีขาว เมล็ดสเี หลอื ง 6,000 ต้น
เมล็ดสเี ขียว 2,000 ต้น
ฝกั อวบ ฝักแฟบ (ถ้าลูกร่นุ ที่ 2 มีทั้งหมด 928 ต้น )
ดอกสมี ่วง 696 ต้น
ฝักสเี หลอื ง ฝกั สีเขยี ว ดอกสขี าว 232 ต้น

(ถ้าลกู รุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 1,180 ต้น )
ฝักอวบ 885 ต้น
ฝกั แฟบ 295 ต้น

(ถ้าลูกรนุ่ ที่ 2 มีทั้งหมด 608 ต้น )
ฝกั สเี ขียว 456 ต้น
ฝกั สเี หลอื ง 152 ต้น

ดอกเกิดท่ลี ำตน้ ดอกเกิดท่ยี อด (ถ้าลกู รุ่นที่ 2 มีท้ังหมด 828 ต้น )
ดอกเกิดทีล่ ำตน้ 621 ต้น
ดอกเกิดทีย่ อด 207 ต้น

(ถ้าลูกรนุ่ ที่ 2 มีท้ังหมด 1,108 ต้น )
ต้นสงู 831 ต้น
ต้นเตยี้ 277 ต้น

ตน้ สูง ต้นเต้ีย


Click to View FlipBook Version