The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมหน่วยที่ 2 พันธุกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ngeabsurakit, 2022-06-01 08:33:33

รวมหน่วยที่ 2 พันธุกรรม

รวมหน่วยที่ 2 พันธุกรรม

ตอนที่ 4 ตรวจสอบความรู้หลังเรียน
คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำเครื่องหมายวงกลมตัวเลือก

1. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้สนใจศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. ชาลส์ ดาร์วิน
ข. ไอแซก นิวตัน
ค. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ง. เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล

2. พืชชนิดใดเป็นพืชที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. มอส
ข. เฟิร์น
ค. มะพร้าว
ง. ถ่ัวลันเตา

3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะด้อยในการทดลองของเมนเดล
ก. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในลูกรุ่นที่ 1
ข. เป็นลักษณะที่สามารถข่มอีกลักษณะหนึ่งได้
ค. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในอัตราส่วนที่มากกว่า
ง. เป็นลักษณะที่ไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะมาปรากฏในลูกรุ่นที่ 2

4. ส่ิงใดเป็นส่ิงที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต
ก. ยีน
ข. นิวเคลียส
ค. เซลล์ร่างกาย
ง. เซลล์สืบพันธุ์

5. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปจากการศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล
ก. ส่ิงมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ข. อัตราส่วนของลักษณะเด่น : ลักษณะด้อย คือ 3 : 1
ค. ลักษณะด้อยถูกควบคุมโดยยีนเด่น และลักษณะเด่นถูกควบคุมโดยยีนด้อย
ง. ส่ิงที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไปอยู่ในเซลล์
สืบพันธ์ุ

คะแนนทไ่ี ด้

ใบงานที่ 2.1 เฉลย
เรือ่ ง การศึกษาพนั ธศุ าสตรข์ องเมนเดล

ตอนที่ 1 ตรวจสอบความรู้พื้นฐาน

คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำเครื่องหมายวงกลมตัวเลือก

1. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้สนใจศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

ก. ชาลส์ ดาร์วิน

ข. ไอแซก นิวตัน

ค. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

ง. เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล

2. พืชชนิดใดเป็นพืชที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

ก. มอส

ข. เฟิร์น

ค. มะพร้าว

ง. ถั่วลันเตา

3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะด้อยในการทดลองของเมนเดล

ก. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในลูกรุ่นที่ 1

ข. เป็นลักษณะที่สามารถข่มอีกลักษณะหนึ่งได้

ค. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในอัตราส่วนที่มากกว่า

ง. เป็นลักษณะที่ไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะมาปรากฏในลูกรุ่นที่ 2

4. ส่ิงใดเป็นส่ิงที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต

ก. ยีน

ข. นิวเคลียส

ค. เซลล์ร่างกาย

ง. เซลล์สืบพันธ์ุ

5. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปจากการศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล

ก. ส่ิงมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

ข. อัตราส่วนของลักษณะเด่น : ลักษณะด้อย คือ 3 : 1

ค. ลักษณะด้อยถูกควบคุมโดยยีนเด่น และลักษณะเด่นถูกควบคุมโดยยีนด้อย

ง. ส่ิงที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไปอยู่ในเซลล์

สืบพันธ์ุ

ตอนที่ 2 ประวัติของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
คำชี้แจง : ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่าง

_เ_ก_ร_เ_ก_อ_ร_์ _โ_ย_ฮ_นั _น__์ เ_ม_น_เ_ดลเป็นชาวออสเตรีย มีชีวิตอยใู่ นช่วงระหวา่ งปี พ.ศ. 2365 ถึง 2427
เมนเดลเกิดในครอบครัวเกษตรกรซึง่ มฐี านะปานกลาง และเมื่อบิดาถึงแก่กรรมครอบครวั กเ็ ริม่ มี
ความเป็นอยทู่ ีล่ ำบากขนึ้ เมนเดลจึงตัดสินในบวชเปน็ บาทหลวง แล้วไดร้ บั อนญุ าตให้ไปเรยี น
หนังสือ ณ _____ม_ห__า_ว_ิท_ย_า_ล_ัย__เว_ยี_น__น_า__ในสาขาวิชาฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และธรรมชาติวิทยา เพื่อ
จะได้กลับไปเป็นครู ในขณะทีเ่ ป็นครูสอนหนังสือนั้น เมนเดลมีพนื้ ฐานการปลูกพืชเนื่องเติบโตใน
ครอบครวั ชาว ___เ_ก_ษ_ต__ร_ก_ร____ เมนเดลจึงไดป้ ลูกพืชหลายชนิดภายในโบสถ์ เมนเดลสังเกตเหน็
ลักษณะต่าง ๆ ทำใหเ้ กิดความสนใจที่จะศึกษาเกีย่ วกบั การถา่ ยทอดลกั ษณะต่าง ๆ ที่เกิดขนึ้
เมนเดลจึงเรม่ิ ทำการทดลองผสมพนั ธุ์ ____ต_้น_ถ_ัว่_ล__นั _เ_ต_า________ (Pisum sativum L.) โดยผสม
พันธุร์ ะหวา่ งต้นทีม่ ีลกั ษณะแตกตา่ งกัน แล้วดลู กั ษณะของลูกผสมทีเ่ กิดขนึ้ จากการทดลองนที้ ำ
ให้ เขาไดค้ ้นพบเกี่ยวกับความสมั พันธ์บางลักษณะของลูกผสมที่เกิดขนึ้ แล้วรวบรวมข้อมูลเพื่อ
นำเสนอผลการศึกษาในที่ประชุมสมาคมธรรมชาตวิ ิทยา (Natural History Society) ณ เมืองบรุน
ประเทศออสเตรีย ในปี พ.ศ. 2408 ภายใต้หวั เรื่อง Experiments in Plant Hybridization แตผ่ ล
การทดลองไม่ไดร้ ับความสนใจมากนกั จนกระท่งั เวลาผ่านมา 16 ปี หลงั จากทเี่ มนเดลเสยี ชีวิต
ในปี พ.ศ. 2443 มีนกั วิทยาศาสตรห์ ลายทา่ นได้นำผลการทดลองมาศกึ ษาอีกคร้ัง โดยทำการ
ทดลองเดยี วกบั ของเมนเดล ทำให้ผลงานการศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมทีเ่ มน
เดลศึกษาเปน็ ที่ยอมรับในที่สุดจนกลายเปน็ ทีย่ กยอ่ งให้
เมนเดลเปน็ “___บ__ดิ _า_แ_ห_่ง_พ__นั _ธ_ศุ _า_ส_ต_ร_์_____”

ตอนที่ 3 การทดลองของเมนเดล
คำชี้แจง : ให้ศึกษาภาพการทดลองของเมนเดล แล้วเติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้อง

เมนเดลเลอื กทำการทดลองกบั ___________ต_น้__ถ_ั่ว_ล_ัน_เ_ต_า_________________
เหตผุ ลที่เมนเดลเลอื กทำการทดลองกับพืชชนิดนี้ เพราะ

4) __ป_ล_กู _ง_่า_ย__เ_จ_ร_ิญ_เ_ต_บิ__โต__เร_็ว__ใ_ห_้ล_กู _ห__ล_า_น_จ_ำ_น__ว_น_ม_า_ก_________________________
5) __ม_หี _ล_า_ย_พ__นั _ธ_ุ์_ม_ีล_ัก__ษ_ณ__ะ_ท_า_ง_พ_นั__ธ_กุ _ร_ร_ม_ท_ีแ่__ต_ก_ต_า่_ง_ก_นั__อ_ย_า่ _ง_ช_ัด_เ_จ_น______________
6) _ม__ดี _อ_ก_เ_ป_็น__ส_ม_บ_ูร_ณ__เ์ _พ_ศ__เ_ห_ม_า_ะ_ส_ม__ต_อ่ _ก_า_ร_ค_ว_บ__ค_มุ _ใ_ห_้เ_ก_ดิ_ก__า_ร_ผ_ส_ม_ข_้า_ม__ต_น้ ________

ลกั ษณะทีเ่ มนเดลเลอื กนำมาศกึ ษา ได้แก่

ลักษณะเมลด็ เมลด็ เรียบ เมลด็ ขรุขระ ดอกเกิดทล่ี าต้น ดอกเกิดที่ยอด
สีของเมล็ด เมลด็ สีเหลือง
สีของดอก ดอกสีม่วง ตำแหนง่ ของ
รปู ร่างของฝัก เมลด็ สีเขยี ว ดอกที่เกิด

ดอกสีขาว

ฝักอวบ ฝักแฟบ ความสงู ของต้น

สขี องฝัก

ฝักสีเหลือง ฝักสีเขยี ว ต้นสูง ต้นเตยี้

คำชี้แจง : ให้นักเรียนฟังคำอธิบาย และศึกษาการถ่ายทอดลักษณะของต้นถั่วลันเตา โดยพิจารณา
ลักษณะเดียวจากการทดลองของเมนเดลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 แล้วเติมคำตอบลง
ในตาราง

ลักษณะของพอ่ แม่พันธแ์ุ ท้ทีใ่ ช้ ลกู รุ่นที่ 1 ลกั ษณะทีป่ รากฏ
ผสม เมล็ดเรียบ ลูกร่นุ ที่ 2
เมล็ดสเี หลอื ง
เมลด็ เรียบ เมลด็ ขรุขระ ดอกสมี ว่ ง (ถ้าลกู รุ่นที่ 2 มีท้ังหมด 7,400 ต้น )
เมล็ดเรียบ 5,550 ต้น
เมล็ดสีเหลอื ง เมลด็ สีเขียว ฝักอวบ เมลด็ ขรขุ ระ 1,850 ต้น
(ถ้าลูกรนุ่ ที่ 2 มีทั้งหมด 8,000 ต้น )
ดอกสีม่วง ดอกสีขาว เมลด็ สเี หลอื ง 6,000 ต้น
เมล็ดสเี ขียว 2,000 ต้น
ฝกั อวบ ฝักแฟบ (ถ้าลกู รนุ่ ที่ 2 มีทั้งหมด 928 ต้น )
ดอกสมี ่วง 696 ต้น
ดอกสขี าว 232 ต้น

(ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 1,180 ต้น )
ฝกั อวบ 885 ต้น
ฝกั แฟบ 295 ต้น

ฝักสเี ขียว (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีท้ังหมด 608 ต้น )
ฝักสเี ขียว 456 ต้น
ฝักสเี หลอื ง ฝกั สีเขียว ฝกั สเี หลอื ง 152 ต้น

ดอกเกิดที่ลำตน้ (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 828 ต้น )
ดอกเกิดที่ลำตน้ 621 ต้น
ดอกเกิดท่ลี ำตน้ ดอกเกิดทีย่ อด ดอกเกิดทีย่ อด 207 ต้น

(ถ้าลกู รนุ่ ที่ 2 มีทั้งหมด 1,108 ต้น )
ต้นสูง ต้นสงู 831 ต้น

ต้นเตยี้ 277 ต้น

ตน้ สูง ต้นเต้ีย

ตอนที่ 4 ตรวจสอบความรู้หลังเรียน
คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำเครื่องหมายวงกลมตัวเลือก

1. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้สนใจศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. ชาลส์ ดาร์วิน
ข. ไอแซก นิวตัน
ค. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ง. เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล

2. พืชชนิดใดเป็นพืชที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. มอส
ข. เฟิร์น
ค. มะพร้าว
ง. ถ่ัวลันเตา

3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะด้อยในการทดลองของเมนเดล
ก. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในลูกรุ่นที่ 1
ข. เป็นลักษณะที่สามารถข่มอีกลักษณะหนึ่งได้
ค. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในอัตราส่วนที่มากกว่า
ง. เป็นลักษณะที่ไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะมาปรากฏในลูกรุ่นที่ 2

4. ส่ิงใดเป็นส่ิงที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต
ก. ยีน
ข. นิวเคลียส
ค. เซลล์ร่างกาย
ง. เซลล์สืบพันธุ์

5. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปจากการศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล
ก. ส่ิงมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ข. อัตราส่วนของลักษณะเด่น : ลักษณะด้อย คือ 3 : 1
ค. ลักษณะด้อยถูกควบคุมโดยยีนเด่น และลักษณะเด่นถูกควบคุมโดยยีนด้อย
ง. ส่ิงที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไปอยู่ในเซลล์
สืบพันธ์ุ

คะแนนทไ่ี ด้

9. บนั ทึกผลหลังการสอน

ปัญหา/สิง่ ทีพ่ ัฒนา / แนวทางแกป้ ัญหา / แนวทางการพัฒนา

ปัญหา/สิ่งที่พัฒนา สาเหตุของปญั หา/ แนวทางแก้ไข/ วิธีแก้ไข/พัฒนา ผลการแก้ไข/พัฒนา

สง่ิ ทีพ่ ัฒนา พฒั นา

ลงชือ่ ............................................. ผู้สอน
(นายสุรกิจ เกษตรพนู สุข)

รับทราบผลการดำเนนิ การ
ลงชื่อ...............................................
(นายสรุ กิจ เกษตรพนู สขุ )

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ลงชือ่ ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชื่อ...........................................
( นายวีระ แก้วกลั ยา )

ผู้อำนวยการโรงเรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบรุ ี

10. ความคิดเหน็ (ผู้บรหิ าร / หรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย)

ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของนายสรุ กิจ เกษตรพูนสุขแล้วมีความเหน็ ดงั นี้
8.1 เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
ดีมาก ดี
พอใช้ ต้องปรับปรงุ
8.2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
ที่เน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ ใช้กระบวนการสอนได้อย่างเหมาะสม
ที่ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป
8.3 เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอื่น ๆ

............................................................................................................................ ......................................................
............................................................................................................................. ....................................................

ลงชื่อ...............................................
(นายสุรกิจ เกษตรพูนสุข)

หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ความคิดเห็นของรองผู้อำนวยการฝา่ ยวชิ าการ
............................................................................................................................. .....................................................
.................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารงานวิชาการ
ความคิดเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรียน
..................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................

ลงชื่อ.............................................
( นายวรี ะ แก้วกัลยา )

ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบุรี



แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 พันธกุ รรม เร่อื ง การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม
จำนวน 4 ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ปีการศกึ ษา 2564
ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ครผู ้สู อน นายสรุ กจิ เกษตรพูนสขุ

รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 23101

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั

ว 1.3 ม.3/3 อธิบายการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทปข์ องลกู และคำนวณอตั ราส่วนการเกิด
จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรนุ่ ลูก

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูกได้ (K)
2. คำนวณอตั ราส่วนการเกิดจีโนไทปแ์ ละฟีโนไทปข์ องรุน่ ลูกได้ (P)
3. ตระหนักถงึ ความสำคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม (A)
4. มีความใฝ่เรียนรู้และมคี วามมุ่งมนั่ ในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

• สิง่ มีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็น 2 ชุด ยีนแต่ละตำแหน่งบน ฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลีล โดยแอลลีลหนึ่ง
มาจากพ่อ และอีกแอลลีลมาจากแม่ ซึ่งอาจมีรูปแบบเดียวกัน หรือแตกต่างกัน แอลลีลที่แตกต่างกันนี้
แอลลีลหนึ่งอาจมีการแสดงออกข่มอีกแอลลีลหนึ่งได้ เรียกแอลลีลนั้นว่าเป็นแอลลีลเด่น ส่วนแอลลีลที่
ถกู ขม่ อย่างสมบรู ณ์ เรียกว่าเป็นแอลลีลด้อย

• เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ แอลลีลที่เปน็ คูก่ ันในแต่ละ ฮอมอโลกัสโครโมโซมจะแยกจากกนั ไปยังเซลล์
สืบพันธุ์แต่ละเซลล์ โดยแต่ละเซลล์สืบพันธุ์จะได้รับเพียง 1 แอลลีล และจะเข้าคู่กับแอลลีลที่ตำแหน่ง
เดียวกันของอีกเซลลส์ ืบพนั ธ์ุหนึ่ง เมือ่ เกิดการปฏิสนธิจนเกิดเป็นจีโนไทป์และแสดงฟีโนไทปใ์ นรุ่นลูก

4.สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

ยีนแต่ละตำแหนง่ บน ฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลีล จะแยกออกจากกนั เมื่อมีการสร้างเซลล์
สืบพันธุ์ หลังการปฏิสนธิแอลลีลจะกลบั มาเข้าคู่กันอย่างอิสระ โดยแอลลีลหนึ่งได้รับมาจากพอ่ และ
อีกหนง่ึ แอลลีลหนึง่ ไดร้ บั มาจากแม่ ซึ่งอาจมีรปู แบบเดยี วกัน หรือแตกต่างกัน โดยแอลลีลที่ต่างกันจะมี
แอลลีลหนึง่ สามารถข่มอีกแอลลีลหนึ่งได้ เรียกแอลลีลที่ขม่ อีกแอลลีลหนึ่งว่า แอลลีลเด่น ส่วนแอลลีล
ทีถ่ กู ขม่ เรียกวา่ แอลลีลดอ้ ย

5.สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินยั รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

ชัว่ โมงที่ 1

ขั้นนำ

ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครนู ำภาพฮอมอโลกัสโครโมโซมมาให้นกั เรยี นศึกษา และครูถามคำถาม ดงั นี้

- ภาพทีค่ รูนำมาแสดงคืออะไร
(แนวตอบ : ฮอมอโลกัสโครโมโซม)
- โครโมโซมประกอบดว้ ยอะไรบ้าง
(แนวตอบ : ดเี อ็นเอและโปรตีน โดยบางช่วงของดเี อ็นเอ คือ ยีนทีท่ ำหน้าที่กำหนดลักษณะ
พันธกุ รรมของสิ่งมชี ีวิต)
- ลักษณะเด่นและลกั ษณะดอ้ ยถูกควบคมุ ดว้ ยยีนแบบใด ตามลำดับ
(แนวตอบ : ยีนเด่นและยีนดอ้ ย ตามลำดับ)
2. ครูเตรียมอุปกรณ์สร้างแบบจำลองยีนบนโครโมโซมมาแจกให้กับนักเรยี นแต่ละคน ดงั นี้
- หลอดกาแฟจำนวน 8 หลอด ทีม่ ีสีเดยี วกนั
- ยางรัดผมจำนวน 24 เส้น โดยมีสีแดงและฟ้า อย่างละ 6 เส้น และยางรัดผมสีเขียวและ
ชมพู อยา่ งละ 3 เสน้

3. ครูเกริ่นนำเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า “วันนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้องค์ประกอบ
ภายในโครโมโซมจากแบบจำลองโดยใช้หลอดแทนโครโมโซม และหนังยางรัดผมแทนยีนที่
อยบู่ นโครโมโซม”

ขัน้ สอน

ขน้ั ที่ 2 สำรวจ (Explore)
1. ให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยีนบนโครโมโซมจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้
อืน่ เช่น อินเทอร์เนต็ ห้องสมดุ
2. ให้นักเรยี นแต่ละคนสร้างภายในเวลา 15 นาที โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
- แบบจำลองที่ 1 : ฮอมอโลกัสโครโมโซมที่มียีนควบคมุ ลกั ษณะของสิ่งมชี ีวิต 1 ลักษณะ
โดยทีม่ ียีนรปู แบบเดยี วกนั
- แบบจำลองที่ 2 : ฮอมอโลกสั โครโมโซมที่มียีนควบคุมลกั ษณะของสิง่ มชี ีวิต 1 ลกั ษณะ
โดยที่มียีนรูปแบบต่างกนั
- แบบจำลองที่ 3 : ฮอมอโลกัสโครโมโซมทีม่ ียีนควบคมุ ลกั ษณะของสิ่งมชี ีวิต 2 ลักษณะ
โดยทีม่ ียีนรูปแบบเดยี วกนั ทั้ง 2 ลกั ษณะ
- แบบจำลองที่ 4 : ฮอมอโลกัสโครโมโซมทีม่ ียีนควบคุมลักษณะของสิ่งมชี ีวิต 2 ลกั ษณะ
โดยทีม่ ียีนรปู แบบต่างกันท้ัง 2 ลักษณะ
3. ให้นักเรยี นจบั คู่อภิปรายผลจากการสร้างแบบจำลองฮอมอโลกัสโครโมโซมกับเพื่อน
4. ครูสมุ่ เรียกนกั เรยี น 2-3 คู่ ออกมานำเสนอแบบจำลองและผลจากการอภิปรายรว่ มกนั
5. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า “หลอดกาแฟ 1 หลอด คือ
โครโมโซม 1 แทง่ โดย ฮอมอโลกัสโครโมโซมเปรยี บเสมอื นมีหลอดกาแฟ 2 หลอด โดยยาง
รัดผมที่ผูกติดกับหลอดกาแฟเปรียบเสมือนยีนที่ควบคุมลักษณะของสิง่ มีชีวิต ซึ่งยีนจะอยู่
กันเป็นคู่ และอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เรียกตำแหน่งของยีนว่า โลคัส โดยยีนที่ควบคุม
ลักษณะของสิ่งมีชีวิต 1 ลักษณะ อาจมีรูปแบบยีนที่เหมือนหรือแตกต่างกัน เรียกรูปแบบ
ของยีนหรือสยี างรัดผมว่า แอลลีล”
6. ครูแสดงแบบจำลองของครทู ีถ่ ูกต้องให้กับนักเรยี น ตัวอย่างแบบจำลองทีถ่ กู ต้อง

หรอื หรือ หรอื หรือ

แบบจำลองท่ี 1 แบบจำลองที่ 2 แบบจำลองที่ 3 แบบจำลองที่ 4

7. ครูสุ่มเรียกนกั เรยี น 2 คน ตอบคำถาม ดงั นี้
- นักพนั ธศุ าสตร์เรียกรูปแบบของยีนทีป่ รากฏวา่ อะไร
(แนวตอบ : จีโนไทป์)
- นักพันธุศาสตรเ์ รียกลักษณะของสิ่งมชี ีวิตที่แสดงออกวา่ อะไร
(แนวตอบ : ฟีโนไทป)์
- นกั พันธศุ าสตร์ใช้อะไรเป็นตัวกำหนดรปู แบบของยีน
(แนวตอบ : ตัวอักษรภาษาองั กฤษและเป็นตัวเอน โดยกำหนดให้ตัวพิมพ์ใหญแ่ ทนแอลลี
ลเดน่ และตัวพมิ พเ์ ลก็ แทนแอลลีลดอ้ ย)

ช่วั โมงท่ี 2-3

ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
8. ครูอธิบายว่า “ในธรรมชาติโครโมโซมของสิ่งมีชีวิตอยู่กันเป็นคู่ ยีนที่ควบคุมลักษณะของ
สง่ิ มีชีวิตกอ็ ยูเ่ ปน็ ค่เู ชน่ กัน ตามทีน่ กั เรยี นได้ศึกษาจากแบบจำลองจะเห็นวา่ รปู แบบของยีนมี
หลายรูปแบบ และจากการทดลองของเมนเดล ทำให้ทราบวา่ ยีนที่อยู่กันเป็นคู่จะแยกออก
จากกันไปอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์แล้วจะกลับมารวมกันเป็นคู่อย่างอิสระอีกครั้งหลังผ่านการ
ปฏิสนธิ ซึ่งนักเรียนจะได้ศึกษาโอกาสการเข้าคู่กันของยีนจากการทำกิจกรรม โอกาสการ
เข้าคขู่ องยีน ในหนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1”
9. ให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ทำกิจกรรม โอกาสการเข้าคู่ของยีน โดยให้สมาชิก
ภายในกลุ่มวางแผนกนั แบง่ ภาระและหน้าที่รบั ผิดชอบ
10. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า “ลูกปัดแทนยีนที่ควบคุม
ลักษณะของสิ่งมชี ีวิต 1 ลกั ษณะ โดยสขี องลกู ปัดแทนรปู แบบของยีน หรือเรียกว่า แอลลีล
จากการจำลองการเข้าคู่กันของลูกปัดเปรียบเสมือนการรวมกันของยีนหลังจากเซลล์
สบื พันธเุ์ กิดการปฏิสนธิ โดยรูปแบบยีนสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 แบบ เรียกว่า จีโนไทป์มี
3 แบบ คือ แดง-แดง แดง-ขาว และขาว-ขาว ซึ่งมอี ตั ราส่วนเป็น 1:2:1 หากการทดลอง
นี้เทียบกับการทดลองของเมนเดล โดยแอลลีลเด่นข่มแอลลีลด้อยอย่างสมบูรณ์จะทำให้
ส่งิ มีชีวิตแสดงลกั ษณะเด่นตอ่ ลักษณะดอ้ ย คิดเปน็ อตั ราสว่ น 3:1”
11. จากที่นักเรียนได้ศึกษาความสัมพันธ์เกี่ยวกับยีนบนโครโมโซมและการเข้าคู่กันของสิ่งมีชีวิต
ให้นกั เรียนจับคู่กันเพื่อศึกษาตัวอย่างการคำนวนหาจีโนไทป์และฟีโนไทป์จากการผสมพ่อและแม่
พันธุ์ที่มีจีโนไทป์แตกต่างกันจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 1
12. ครสู ่มุ เรียกนกั เรยี นออกมา 2-3 คู่ ออกมาอธิบายการคำนวณหาจีโนไทป์และฟีโนไทป์จาก
การผสมพอ่ และแมพ่ นั ธ์ทุ ีม่ ีจโี นไทป์แตกตา่ งกัน

13. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเนื้อหาโดยนำความรู้ทีไ่ ด้มาอธิบายผลการทดลองของเมน
เดลว่า ทำไมดอกของตน้ ถัว่ ลนั เตาสขี าวจึงมาปรากฏในลูกรุ่นที่ 2 แต่ไมป่ รากฏในลกู รุน่ ที่ 1

14. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยที่ 2
พนั ธกุ รรม

15. ให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก PowerPoint วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่
1 หนว่ ยที่ 2 พันธุกรรม เรอ่ื ง การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม

16. ให้นักเรียนตอบคำถาม Topic Questions ลงในสมุดประจำตัวนักเรียน แล้วนำมาส่ง
ครูผู้สอน

ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
17. ครกู ำหนดปญั หาเกี่ยวกบั หนูทดลองทีน่ ิยมนำมาใช้ทดลองในห้องปฏิบัติการ โดยครูจำลอง
เหตุการณ์ ให้นักเรียนวางแผนผสมพันธุ์หนูทดลองให้ได้ลูกทีม่ ีขนสีดำพนั ธุ์ทาง และลูกหนู
ขนสขี าวในคอกเดียวกนั ให้นกั เรยี นนำความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาเรื่อง การศึกษาพนั ธุศาสตร์
ของเมนเดล และการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซมมาออกแบบ วิเคราะห์ว่า พ่อพันธุ์และแม่
พันธ์ุควรมีจโี นไทปแ์ บบใด โดยวาดแผนผงั การถ่ายทอดยีนของหนูทดลองลงในกระดาษ A4
คำนวณอตั ราส่วนของจีโนไทป์และฟีโนไทป์ พร้อมนำเสนอหน้าช้ันเรียน

ช่วั โมงที่ 4

ขั้นสรปุ

นักเรียนและครูร่วมกันสรุป เรื่อง พันธุศาสตร์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า “ยีนหรือหน่วยพนั ธุกรรมอยู่
บนโครโมโซม ซึ่งในร่างกายมนุษย์ โครโมโซมจะอยู่กันเป็นคู่ เรียกว่า ฮอมอโลกัสโครโมโซม และจะ
แยกออกจากันไปอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์ ส่งผลให้ยีนที่อยู่บนโครโมโซมแยกออกจากกันด้วย เมื่อผ่าน
กระบวนการปฏิสนธิแล้ว ยีนจะกลบั มาเข้าคู่กันอีกครั้งหนึ่ง โดยยีน 1 ยีน จะควบคมุ เพียง 1 ลักษณะ
ซึ่งการเข้าคูก่ ันของยีนจึงทำให้เกิดรปู แบบของยีนหรือจีโนไทปไ์ ด้ 2 ประเภท คือ ฮอมอไซกัสยีน (คู่แอล
ลลี ทเ่ี หมือนกัน ซึ่งอาจแสดงลักษณะเด่นหรือด้อย) และเฮเทอโรไซกัสยีน (ค่แู อลลีลที่ต่างกัน โดยแอล
ลีลหนึ่งอาจข่มอีกแอลลีลหนึ่งสมบูรณ์ จึงแสดงออกเป็นลักษณะเด่น)” จากนั้นให้นักเรียนสรุปความ
เข้าใจของตนเองลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น แล้วนำมาสง่ ครูผู้สอน

ข้นั ประเมิน

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)

1. ครูตรวจแบบจำลองยนี บนโครโมโซม

2. ครูตรวจแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1

3. ครูตรวจคำตอบ Topic Questions ในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
4. ครูประเมินทักษะและกระบวนการโดยสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม การทำกิจกรรม

โอกาสการเข้าคขู่ องยีน

5. ครปู ระเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์โดยสงั เกตพฤติกรรมความตระหนกั ถงึ ความสำคญั

ของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม (A)

7. การวดั และประเมินผล

รายการวดั วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์

การประเมิน

7.1 ประเมินระหวา่ งการ

จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ - ตรวจแบบจำลองยนี - แบบจำลองยีนบน - ประเมินตาม
1) การถา่ ยทอดยีนบน สภาพจริง
บนโครโมโซม โครโมโซม
โครโมโซม - ร้อยละ 60

- ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ

หรือแบบฝึกหดั แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑ์

วิทยาศาสตรแ์ ละ วิทยาศาสตรแ์ ละ

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ เทคโนโลยี ม.3 เล่ม
11

2) ผลบนั ทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60

กิจกรรมโอกาสการเข้า หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์

ค่ขู องยีน วิทยาศาสตรแ์ ละ วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม เทคโนโลยี ม.3 เลม่

11

3) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ

ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม ผลงาน/ผลการ นำเสนอผลงาน 2
ปฏิบตั ิ ผ่านเกณฑ์

กิจกรรม

รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์
การประเมิน
4) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดับคณุ ภาพ
พฤติกรรม 2
รายบุคคล การทำงาน การทำงาน ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล
รายบุคคล

5) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ระดบั คุณภาพ
กลุม่ การทำงานกลุ่ม พฤติกรรม 2
การทำงานกล่มุ ผ่านเกณฑ์

6) คุณลักษณะอันพึง - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ
ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลักษณะ 2
และมุ่งมั่นในการ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
ทำงาน

8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2
พันธกุ รรม
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พนั ธุกรรม
3) อปุ กรณส์ ร้างแบบจำลองยีนบนโครโมโซม เช่น หลอดกาแฟ ยางรัดผม
4) อุปกรณท์ ี่ใช้ทำกิจกรรมโอกาสการเข้าคขู่ องยีน
5) PowerPoint เรื่อง การถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม
6) สมุดประจำตวั นักเรยี น

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) อินเทอร์เนต็

9. บนั ทึกผลหลังการสอน

ปัญหา/สิง่ ทีพ่ ัฒนา / แนวทางแกป้ ัญหา / แนวทางการพัฒนา

ปัญหา/สิ่งที่พัฒนา สาเหตุของปญั หา/ แนวทางแก้ไข/ วิธีแก้ไข/พัฒนา ผลการแก้ไข/พัฒนา

สง่ิ ทีพ่ ัฒนา พฒั นา

ลงชือ่ ............................................. ผู้สอน
(นายสุรกิจ เกษตรพนู สุข)

รับทราบผลการดำเนนิ การ
ลงชื่อ...............................................
(นายสรุ กิจ เกษตรพนู สขุ )

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ลงชือ่ ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชื่อ...........................................
( นายวีระ แก้วกลั ยา )

ผู้อำนวยการโรงเรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบรุ ี

10. ความคิดเหน็ (ผู้บรหิ าร / หรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย)

ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของนายสรุ กิจ เกษตรพนู สขุ แล้วมีความเห็นดงั นี้
8.1 เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
ดีมาก ดี
พอใช้ ต้องปรับปรุง
8.2 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ใช้กระบวนการสอนได้อย่างเหมาะสม
ที่ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป
8.3 เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ

.................................................................................................................................... ..............................................
.................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ...............................................
(นายสุรกิจ เกษตรพูนสขุ )

หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ความคิดเหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ
............................................................................................................................. .....................................................
............................................................................................................................. ....................................................

ลงชื่อ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
ความคิดเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรียน
.................................................................................................................... ..............................................................
............................................................................................................................. .....................................................

ลงชือ่ .............................................
( นายวรี ะ แก้วกลั ยา )

ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวดั เพชรบรุ ี



แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 4

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พนั ธกุ รรม เร่อื ง การแบง่ เซลลข์ องสิ่งมีชีวิต
จำนวน 3 ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ปีการศกึ ษา 2564
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ครผู สู้ อน นายสรุ กจิ เกษตรพนู สขุ

รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 23101

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั

ว 1.3 ม.3/2 อธิบายความแตกตา่ งของการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายความแตกตา่ งของการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสและไมโอซิสได้ (K)
2. เปรยี บเทียบความแตกต่างของการแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิสและไมโอซิสได้ (P)
3. ตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของการแบง่ เซลลข์ องสิ่งมชี ีวิต (A)
4. มีความใฝ่เรียนรู้และมุ่งม่ันในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

• การแบ่งเซลลข์ องสิ่งมีชีวิตมี 2 แบบ คือ ไมโทซิสและไมโอซิส
• ไมโทซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ร่างกายผลจากการแบ่งจะได้เซลล์ใหม่ 2 เซลล์ ที่มี

ลักษณะและจำนวนโครโมโซมเหมือนเซลล์ตั้งต้น
• ไมโอซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ผลจากการแบ่งจะได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ ที่มีจำนวน

โครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ต้ังต้น เมื่อเกิดการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ ลูกจะได้รับการถ่ายทอด
โครโมโซมชุดหน่งึ จากพอ่ และอีกชุดหนึง่ จากแม่ จึงเป็นผลใหร้ ุน่ ลูกมีจำนวนโครโมโซมเท่ากับพ่อแม่ และ
จะคงที่ในทุก ๆ รุ่น

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีการแบ่งเซลล์ ซึ่งการแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ได้แก่ การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเป็นการ
แบ่งเซลลเ์ พื่อเพิ่มจำนวนเซลลร์ า่ งกาย ผลจากการแบ่งเซลลจ์ ะไดเ้ ซลล์ใหม่จำนวน 2 เซลล์ทม่ี ีลกั ษณะ
และจำนวนโครโมโซมเหมือนเซลล์ตั้งต้น และการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้าง
เซลล์สืบพันธุ์ ผลจากการแบ่งเซลล์จะได้เซลล์ใหม่จำนวน 4 เซลล์ ที่มีจำนวนโครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่ง
ของเซลล์ตั้งต้น เมื่อเกิดการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ ลูกจะได้รับโครโมโซมจากพ่อและแม่คนละชดุ

ทำให้มีจำนวนโครโมโซมเท่ากับพ่อแมแ่ ละจะคงทีใ่ นทกุ รุ่น ดังนั้น สง่ิ มีชีวิตที่สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะมี
การแบ่งเซลล์ทั้ง 2 ประเภท ส่วนสิ่งมีชีวิตที่สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศจะมีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส

เพียงอยา่ งเดยี ว

5.สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวินัย รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทักษะการสังเกต 3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

2) ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมลู

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

ชั่วโมงท่ี 1

ขั้นนำ

ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูเตรียมภาพการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตมาให้นักเรียนศึกษาและถามคำถามกระตุ้น
ความสนใจของนักเรยี น ภาพตัวอยา่ ง

จากภาพ ทำไมต้นไมจ้ ึงมขี นาดใหญ่ข้ึน
(แนวตอบ : เพราะตน้ ไมม้ ีการแบง่ เซลล์เพื่อเพิม่ จำนวนเซลล์ ทำให้ต้นไมม้ ีขนาดใหญข่ นึ้ )
2. ครูถามคำถาม Key Question จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
ว่า “เพราะเหตุใดเซลล์สืบพันธุ์จึงมีจำนวนโครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ร่างกาย” ให้
นักเรยี นเขียนคำตอบลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น โดยครูยังไม่เฉลยคำตอบทีถ่ ูกต้อง

ขั้นสอน

ข้นั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. ให้นักเรียนตรวจสอบความรู้ของตนเองจากกรอบ Check for Understanding จากหนังสือ
เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ 2
พันธกุ รรม
2. ครูแจกใบงานที่ 2.2 เรื่อง การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต แล้วให้นักเรียนแต่ละคน
ตรวจสอบความรู้ของตนเอง โดยให้นักเรยี นทำใบงานในตอนที่ 1
3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและศึกษากระบวนการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส จากหนังสือเรียน
รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หน่วยที่ 2 เรือ่ ง การแบ่งเซลล์ของ
สง่ิ มีชีวิต หรือจาก QR code เร่อื ง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
4. ให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแลกเปลี่ยนความรู้ และอภิปรายเกี่ยวกับการแบ่งเซลล์แบบไมโท
ซิส จากน้ันให้นกั เรยี นลงมือทำใบงานที่ 2.2 ในตอนที่ 2
5. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม ศึกษาการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสของเซลล์รากหอม แล้ว
เปรยี บเทียบภาพที่เห็นภายใต้กล้องจลุ ทรรศน์กับใบงานที่ 2.2 ตอนที่ 2 เพื่อให้นกั เรยี นเห็น
ภาพสมจริงของการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิส
6. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลที่ได้จากการทำกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า การแบ่ง
เซลล์แบบไมโทซิส (mitosis) เป็นการแบ่งนิวเคลียสเพื่อเพิ่มปริมาณเซลล์ภายในร่างกาย
หลังจากผ่านกระบวนการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสแล้ว จะได้เซลล์ใหม่จำนวน 2 เซลล์ ซึ่งแต่
ละเซลล์มีจำนวนโครโมโซมเทา่ กับเซลลเ์ ดมิ
7. ครถู ามคำถามท้ายกิจกรรม ดงั นี้
- จำนวนเซลล์หลงั การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสจะมีปรมิ าณเท่าใด เมื่อเทียบกบั เซลลต์ ้ังต้น
(แนวตอบ : เพิ่มข้ึนเป็น 2 เทา่ ของเซลล์เดมิ )
- จำนวนโครโมโซมหลงั จากการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจะมีปรมิ าณเท่าใด เมื่อเทียบกับ
เซลลต์ ้ังต้น
(แนวตอบ : เท่าเดมิ )
- เพราะเหตใุ ด เซลล์ของสิง่ มชี ีวิตจึงต้องมีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
(แนวตอบ : เพื่อเพิม่ จำนวนเซลลร์ ่างกาย)

ชัว่ โมงท่ี 2-3

ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
8. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและศึกษากระบวนการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส จากหนังสือเรียน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยที่ 2 เรื่อง การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต หรือ

จาก QR code เร่อื ง การแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส
9. ให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน โดยไม่ซ้ำกับคู่เดิมจากชั่วโมงที่แล้ว เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และ

อภิปรายเกี่ยวกับการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส จากนั้นให้นักเรียนลงมือทำใบงานที่ 2.2 ใน
ตอนที่ 3
10. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม ศึกษาการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสของอับเรณูของดอก
กยุ ชา่ ย แล้วเปรยี บเทียบภาพทีเ่ หน็ ภายใต้กล้องจลุ ทรรศนก์ บั ใบงานที่ 2.2 ตอนที่ 3 เพือ่ ให้
นักเรยี นเห็นภาพสมจริงของการแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส
11. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลที่ได้จากการทำกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า การแบ่ง
เซลล์แบบไมโอซิสเป็นการแบ่งนิวเคลียสเพื่อสร้างเซลลส์ ืบพันธ์ุ หลังจากผา่ นกระบวนการ
แบ่งเซลล์แบบไมโอซิสแล้ว จะได้เซลล์ใหม่จำนวน 4 เซลล์ แต่ละเซลล์มีจำนวนโครโมโซม
ลดลงเปน็ ครึง่ หนึง่ ของเซลลต์ ้ังต้น
12. ครูถามคำถามท้ายกิจกรรม ดังนี้
- จำนวนเซลล์หลงั การแบง่ เซลล์แบบไมโอซิสจะมีปรมิ าณเทา่ ใด เมื่อเทียบกับเซลลต์ ั้งต้น

(แนวตอบ : เพิม่ ข้ึนเป็น 4 เท่าของเซลล์ต้ังต้น)
- จำนวนโครโมโซมหลังการแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิสจะมีปรมิ าณเทา่ ใด เมือ่ เทียบกบั เซลลต์ ้ัง
ต้น

(แนวตอบ : ลดลงเปน็ ครึ่งหนึง่ )
- เพราะเหตใุ ด เซลล์ของสิ่งมชี ีวิตจึงต้องมีการแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซิส
(แนวตอบ : เพื่อสร้างเซลล์สบื พันธ)์ุ

ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
13. หลังจากการทำกิจกรรม ครูสมุ่ เรียกนักเรียน 2-3 คน ออกมาอธิบายความแตกต่างของ
การแบง่ เซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส
14. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายเพื่อให้ไดข้ ้อสรปุ วา่ การแบ่งเซลลข์ องสิง่ มชี ีวิตมี 2 แบบ คือ
การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเพื่อเพิ่มจำนวนเซลลร์ า่ งกาย และการแบง่ เซลล์แบบไมโอซิสเพื่อ
เพิ่มเซลล์สืบพันธุ์ โดยภายหลังจากการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เซลล์ใหม่แต่ละเซลล์จะมี
จำนวนโครโมโซมจะเท่ากับเซลล์ตั้งต้น ในขณะทีภ่ ายหลักการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส เซลล์
ใหมแ่ ตล่ ะเซลล์จะมีจำนวนโครโมโซมลดลงเปน็ ครึง่ หนึง่ ของเซลล์ตั้งต้น

15. ให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
16. ให้นักเรยี นตรวจสอบความเข้าใจโดยทำใบงานที่ 2.2 ในตอนที่ 4
17. ให้นกั เรยี นตรวจสอบการตอบคำถาม Key Question ในสมดุ ประจำตัวนักเรยี นให้ถูกต้อง

แล้วนำมาสง่ ครภู ายหลัง
18. ให้นกั เรยี นตรวจสอบความรู้ โดยตอบคำถาม Topic Questions ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
ขัน้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
19. ให้นักเรยี นนำความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษา เรื่อง การแบง่ เซลล์ของสิ่งมีชีวิต มาอธิบายและให้

เหตผุ ลว่า “ทำไมเมือ่ ปลาดาวแบง่ เซลลแ์ ล้ว จึงไดล้ กู ที่มีรปู รา่ งและหน้าตาเหมือนกับตัวแม่
ทุกประการ ขณะที่ลกู สนุ ัขทีเ่ กิดจากแม่กลับมีรปู ร่างหน้าตาคลา้ ยคลงึ กับพ่อและแม่” โดย
ให้นักเรียนเขียนเหตุผลที่ได้ลงในกระดาษ A4 พร้อมวาดขั้นตอนการแบ่งเซลล์ที่เกิดขึ้นใน
ปลาดาว และระบุขั้นตอนการแบ่งเซลล์ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ลูกสุนัขที่เกิดมามีลักษณะ
คล้ายคลึงกับพอ่ และแม่

ข้ัน2ส0ร.ปุ

นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภิปราย เรือ่ ง การแบง่ เซลลข์ องสิง่ มชี ีวิต โดยให้นกั เรียนสรุปความรู้เป็น
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างการแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิสกบั การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส ลงใน
กระดาษ A4 สง่ ครผู ู้สอนแล้วนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ

ข้ันประเมนิ

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตรวจใบงานที่ 2.2 เรื่อง การแบ่งเซลลข์ องสิง่ มชี ีวิต
2. ครตู รวจแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
3. ครูตรวจตารางเปรียบเทียบความแตกตา่ งการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสกับการแบ่งเซลล์แบบ
ไมโอซิส
4. ครูตรวจสอบการตอบคำถาม Key Question ในสมุดประจำตัวนักเรยี น
5. ครตู รวจสอบการให้เหตผุ ลการแบ่งเซลล์ของปลาดาวกับลกู สุนัข
6. ประเมินทักษะและกระบวนการโดยสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติการจากการทำกิจกรรม
ศึกษาการแบง่ เซลล์แบบไมโทซิสของเซลลร์ ากหอม
7. ประเมินทักษะและกระบวนการโดยสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติการจากการทำกิจกรรม
ศึกษาการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสของอบั เรณูของดอกกุยชา่ ย

8. ประเมินทักษะและกระบวนการโดยสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม การทำงาน
รายบุคคล

9. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยสงั เกตความมีวินยั รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้และมุ่งมัน่
ในการทำงาน

7. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์
การประเมิน

7.1 ประเมินระหวา่ งการ

จัดกิจกรรมการเรยี นรู้

1) การแบ่งเซลลข์ อง - ตรวจใบงานที่ 2.2 - ใบงานที่ 2.2 - ร้อยละ 60
ผ่านเกณฑ์
สง่ิ มีชีวิต
- ร้อยละ 60
- ตรวจสมดุ - สมดุ ประจำตวั หรือ

ประจำตัว แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์

หรือแบบฝึกหัด และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม

วิทยาศาสตร์และ 1

เทคโนโลยี ม.3 เลม่
1

2) ผลบนั ทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมุด - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60

กิจกรรมการแบง่ เซลล์ ประจำตัว แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์

แบบไมโทซิสของเซลล์ หรือแบบฝึกหดั และเทคโนโลยี ม.3 เลม่
1
รากหอม วิทยาศาสตรแ์ ละ

เทคโนโลยี ม.3 เลม่

1

3) ผลบนั ทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมุด - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60
กิจกรรมการแบ่งเซลล์ ประจำตวั แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์

แบบไมโอซิสของอบั หรือแบบฝึกหัด และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม

เรณู วิทยาศาสตรแ์ ละ 1

ของดอกกยุ ชา่ ย เทคโนโลยี ม.3 เลม่

1

รายการวดั วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์
การประเมิน

4) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมินการ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ

ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม นำเสนอ นำเสนอผลงาน 2

ผลงาน/ผลการ ผ่านเกณฑ์

ปฏิบตั ิ

กิจกรรม

5) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ

รายบุคคล การทำงาน การทำงานรายบคุ คล 2

รายบุคคล ผ่านเกณฑ์

6) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ

กลุ่ม การทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม 2

ผา่ นเกณฑ์

7) คุณลักษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ

อันพึงประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่ คุณลกั ษณะ 2

เรียนรู้ อันพึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์

และมุ่งมน่ั ในการ

ทำงาน

8. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้

1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

พันธกุ รรม

2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม

3) ภาพการเจริญเติบโตของสิง่ มีชีวิต

4) อุปกรณ์ใช้ทำกิจกรรมการแบง่ เซลล์แบบไมโทซิสของปลายรากหอม

5) อุปกรณใ์ ช้ทำกิจกรรมการแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซิสของอับเรณขู องดอกกยุ ช่าย

6) ใบงานที่ 2.2 เรือ่ ง การแบ่งเซลลข์ องสิ่งมชี ีวิต

7) QR code เรื่อง การแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิส

8) QR code เรื่อง การแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส

9) สมดุ ประจำตวั นักเรยี น

8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) อินเทอร์เนต็

ใบงานที่ 2.2
เรือ่ ง การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต

ตอนที่ 1 ตรวจสอบความรู้ก่อนเรียน

คำชี้แจง : ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้ มาเติมหน้าข้อความให้สัมพันธ์กัน

1. เป็นระยะที่เซลลเ์ ตรียมพร้อมก่อนเริม่ แบง่ นิวเคลียส ก. อินเตอร์เฟส

2. เป็นระยะที่โครโมโซมจะเคลื่อนตัวไปเรียง ข. โพรเฟส

ตามแนวกึ่งกลางของเซลล์ ค. เมทาเฟส

3. เป็นระยะที่โครมาติดหดสั้นเป็นแท่ง ง. แอนาเฟส

โครโมโซม เซนทรโิ อจะเคล่อื นที่ไปท้ัง 2 จ. เทโลเฟส

ข้าง และมีการสร้างเส้นใยสปนิ เดลิ ฉ. โพรเฟส I

4. เป็นระยะที่มีการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนของโครมา ช. เมทาเฟส I
ทิด ทำให้เกิดการแปรผันของลกั ษณะต่าง ๆ ของ ซ. แอนนาเฟส I
สง่ิ มีชีวิต ฌ. การแบ่งไซโทพลาซมึ
ญ. ไมโทซิส
5. โครมาตดิ 2 เสน้ ที่เคยอยูด่ ้วยกันจะแยกจาก ฎ. ไมโอซิส
กนั ไปยังข้ัวตรงข้าม

6. เป็นระยะที่โครโมโซมคลายตัวเป็นเส้นยาว

เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนวิ คลโี อลัสเริม่ ปรากฏ

7. เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์

ร่างกาย

8. เป็นการแบ่งเซลลเ์ พื่อสร้างเซลลส์ บื พนั ธุ์

9. โครโมโซมที่เข้าคู่กัน หรือแต่ละไบวาเลนท์

ของโครโมโซมจะมาเรียงอยูต่ รงกลาง

10.เป็นข้ันตอนการแบ่งเซลลข์ องสิง่ มชี ีวิต

คะแนนท่ีได้

ตอนที่ 2 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 แล้วพิจารณาภาพที่กำหนดให้ พร้อมกับระบุชื่อช่วงระยะที่มีการ
เปล่ียนแปลง

ก. อินเตอร์เฟส ข. เมทาเฟส ค. เทโลเฟส
ง. โพรเฟส จ. แอนาเฟส

1. 2.

5. 3.
4.

ตอนที่ 3 การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส
คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 แล้วพิจารณาภาพที่กำหนดให้ พร้อมกับระบุชื่อช่วงระยะที่มีการ
เปล่ียนแปลง

ก. โพรเฟส I ข. เทโลเฟส I ค. แอนาเฟส II
ง. เมทาเฟส I จ. โพรเฟส II ฉ. เทโลเฟส II
ช. แอนาเฟส I ซ. เมทาเฟส II

ตอนที่ 4 ตรวจสอบความรู้หลังเรียน

คำชี้แจง : ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้ มาเติมหน้าข้อความให้สัมพันธ์กัน

1. เปน็ ระยะทีเ่ ซลลเ์ ตรียมพร้อมกอ่ นเริ่มแบง่ นิวเคลียส ก. อินเตอรเ์ ฟส

2. เป็นระยะที่โครโมโซมจะเคลื่อนตัวไปเรียง ข. โพรเฟส

ตามแนวกึ่งกลางของเซลล์ ค. เมทาเฟส

3. เป็นระยะที่โครมาติดหดสั้นเป็นแท่ง ง. แอนาเฟส

โครโมโซม เซนทรโิ อจะเคล่อื นที่ไปทั้ง 2 จ. เทโลเฟส
ข้าง และมีการสร้างเส้นใยสปนิ เดลิ ฉ. โพรเฟส I
4. เป็นระยะที่มีการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนของโครมา ช. เมทาเฟส I
ทิด ทำให้เกิดการแปรผันของลักษณะต่าง ๆ ของ ซ. แอนาเฟส I
ส่งิ มีชีวิต ฌ. การแบ่งไซโทพลาซมึ
5. โครมาตดิ 2 เสน้ ทีเ่ คยอยู่ด้วยกนั จะแยกจาก ญ. ไมโทซิส
กันไปยงั ขั้วตรงข้าม ฎ. ไมโอซิส

6. เป็นระยะที่โครโมโซมคลายตัวเป็นเส้นยาว

เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนวิ คลโี อลัสเริ่มปรากฏ

7. เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์

ร่างกาย

8. เปน็ การแบ่งเซลล์เพือ่ สร้างเซลล์สบื พนั ธุ์

9. โครโมโซมที่เข้าคู่กัน หรือแต่ละไบวาเลนท์

ของโครโมโซมจะมาเรียงอยตู่ รงกลาง

10.เปน็ ขั้นตอนการแบง่ เซลลข์ องสิง่ มชี ีวิต

คะแนนท่ไี ด้

ใบงานที่ 2.2 เฉลย
เรื่อง การแบง่ เซลลข์ องสิง่ มีชีวิต

ตอนที่ 1 ตรวจสอบความรู้ก่อนเรียน

คำชี้แจง : ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้ มาเติมหน้าข้อความให้สัมพันธ์กัน
ก. 1. เป็นระยะที่เซลล์เตรียมพร้อมก่อนเริม่ แบง่ นิวเคลียส
ก. อนิ เตอร์เฟส

ค. 2. เป็นระยะที่โครโมโซมจะเคลื่อนตัวไปเรียง ข. โพรเฟส

ตามแนวกึง่ กลางของเซลล์ ค. เมทาเฟส

ข. 3. เป็นระยะที่โครมาติดหดสั้นเป็นแท่ง ง. แอนาเฟส

โครโมโซม เซนทรโิ อจะเคลอ่ื นที่ไปท้ัง 2 จ. เทโลเฟส

ข้าง และมีการสร้างเส้นใยสปนิ เดลิ ฉ. โพรเฟส I

ฉ. 4. เป็นระยะที่มีการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนของโครมา ช. เมทาเฟส I
ทิด ทำให้เกิดการแปรผันของลักษณะตา่ ง ๆ ของ ซ. แอนาเฟส I

ส่งิ มีชีวิต ฌ. การแบ่งไซโทพลาซมึ
ญ. ไมโทซิส
ง. 5. โครมาตดิ 2 เสน้ ทีเ่ คยอยดู่ ้วยกนั จะแยกจาก ฎ. ไมโอซิส
กันไปยงั ข้ัวตรงข้าม

จ. 6. เป็นระยะที่โครโมโซมคลายตัวเป็นเส้นยาว
เยื่อหุ้มนิวเคลียสและนวิ คลโี อลัสเริม่ ปรากฏ

ญ. 7. เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์

รา่ งกาย
ฎ. 8. เปน็ การแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลลส์ บื พันธ์ุ
ช. 9. โครโมโซมที่เข้าคู่กัน หรือแต่ละไบวาเลนท์

ของโครโมโซมจะมาเรียงอยู่ตรงกลาง
ฌ. 10. เป็นขั้นตอนการแบ่งเซลล์ของ

ส่งิ มีชีวิต

คะแนนทไ่ี ด้

ตอนที่ 2 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 แล้วพิจารณาภาพที่กำหนดให้ พร้อมกับระบุชื่อช่วงระยะที่มีการ
เปล่ียนแปลง

ก. อินเตอรเ์ ฟส ข. เมทาเฟส ค. เทโลเฟส
ง. โพรเฟส จ. แอนาเฟส

1. ก. ง.
2.

5. ค ข.
ข. 3.

จ.
4. ข.

ตอนที่ 3 การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส
คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 แล้วพิจารณาภาพที่กำหนดให้ พร้อมกับระบุชื่อช่วงระยะที่มีการ
เปล่ียนแปลง

ก. โพรเฟส I ข. เทโลเฟส I ค. แอนาเฟส II
ง. เมทาเฟส I จ. โพรเฟส II ฉ. เทโลเฟส II
ซ. แอนาเฟส I ซ. เมทาเฟส II

ก. ง. ช. ข.

ข. ข. ข.ใ ข.

จ. ซ. ค. ฉ.

ข. ข. ข.ใ

ตอนที่ 4 ตรวจสอบความรู้หลังเรียน

คำชี้แจง : ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้ มาเติมหน้าข้อความให้สัมพันธ์กัน

ก. 1. เป็นระยะทีเ่ ซลลเ์ ตรียมพร้อมกอ่ นเริม่ แบ่งนิวเคลียส ก. อนิ เตอรเ์ ฟส

ค. 2. เป็นระยะที่โครโมโซมจะเคลื่อนตัวไปเรียง ข. โพรเฟส

ตามแนวกึ่งกลางของเซลล์ ค. เมทาเฟส
ข. 3. เป็นระยะที่โครมาติดหดสั้นเป็นแท่ง ง. แอนาเฟส

โครโมโซม เซนทรโิ อจะเคล่อื นที่ไปทั้ง 2 จ. เทโลเฟส

ข้าง และมีการสร้างเส้นใยสปนิ เดลิ ฉ. โพรเฟส I
ฉ. 4. เปน็ ระยะทีม่ กี ารแลกเปลย่ี นชิ้นสว่ นของโครมา ช. เมทาเฟส I
ซ. แอนาเฟส I
ทิด ทำให้เกิดการแปรผันของลักษณะต่าง ๆ

ของสิง่ มชี ีวิต ฌ. การแบง่ ไซโทพลาซมึ
ง. 5. โครมาตดิ 2 เสน้ ทีเ่ คยอย่ดู ้วยกนั จะแยกจาก ญ. ไมโทซสิ
ฎ. ไมโอซิส
กนั ไปยังข้ัวตรงข้าม

จ. 6. เป็นระยะที่โครโมโซมคลายตัวเป็นเส้นยาว

ญ. เยือ่ หุ้มนิวเคลียสและนวิ คลโี อลัสเริ่มปรากฏ
7. เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์

รา่ งกาย

ฎ. 8. เปน็ การแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลลส์ บื พนั ธุ์

ช. 9. โครโมโซมที่เข้าคู่กัน หรือแต่ละไบวาเลนท์

ของโครโมโซมจะมาเรียงอยตู่ รงกลาง
ฌ. 10. เป็นขั้นตอนการแบ่งเซลล์ของ

ส่งิ มีชีวิต

คะแนนทไี่ ด้

9. บนั ทึกผลหลังการสอน

ปัญหา/สิง่ ทีพ่ ัฒนา / แนวทางแกป้ ัญหา / แนวทางการพัฒนา

ปัญหา/สิ่งที่พัฒนา สาเหตุของปญั หา/ แนวทางแก้ไข/ วิธีแก้ไข/พัฒนา ผลการแก้ไข/พัฒนา

สง่ิ ทีพ่ ัฒนา พฒั นา

ลงชือ่ ............................................. ผู้สอน
(นายสุรกิจ เกษตรพนู สุข)

รับทราบผลการดำเนนิ การ
ลงชื่อ...............................................
(นายสรุ กิจ เกษตรพนู สขุ )

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ลงชือ่ ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชื่อ...........................................
( นายวีระ แก้วกลั ยา )

ผู้อำนวยการโรงเรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบรุ ี

10. ความคิดเห็น (ผูบ้ รหิ าร / หรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมาย)

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของนายสุรกิจ เกษตรพนู สุขแล้วมีความเหน็ ดังนี้
8.1 เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่
ดีมาก ดี
พอใช้ ต้องปรับปรงุ
8.2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
ทีเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ใช้กระบวนการสอนได้อย่างเหมาะสม
ที่ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
8.3 เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ

................................................................................................................................................ ..................................
.................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ...............................................
(นายสรุ กิจ เกษตรพูนสขุ )

หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ความคิดเหน็ ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ
............................................................................................................................. .....................................................
............................................................................................................................. ....................................................

ลงชื่อ............................................
( นายชาญยุทธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารงานวิชาการ
ความคิดเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .....................................................
..................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ.............................................
( นายวรี ะ แก้วกัลยา )

ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบรุ ี



แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 พนั ธกุ รรม เรอ่ื ง ความผดิ ปกตทิ างพันธกุ รรม
จำนวน 4 ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ปีการศกึ ษา 2564
ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ครผู ู้สอน นายสรุ กจิ เกษตรพูนสขุ

รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 23101

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั

ว 1.1 ม.3/5 บอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซม อาจทำให้เกิดโรคทาง
พนั ธกุ รรมพร้อมท้ังยกตวั อย่างโรคทางพนั ธุกรรม

ว 1.1 ม.3/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เรื่องโรคทางพันธุกรรม โดยรู้ว่าก่อนแต่งงาน
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยภาวะเสี่ยงของลูกที่อาจเกิดโรคทาง
พนั ธกุ รรม

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธิบายและยกตวั อยา่ งโรคทีเ่ กิดจากความผิดปกติทางพันธกุ รรมได้ (K)
2. วิเคราะห์และเสนอแนวทางการป้องกันภาวะเส่ยี งของลูกทีเ่ กิดมาเป็นโรคทางพันธุกรรมได้ (P)
3. ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของความรเู้ รือ่ งโรคทางพนั ธกุ รรม (A)
4. มีความใฝเ่ รียนรู้และมุ่งมน่ั ในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

• การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมสง่ ผลใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต
เช่น โรคธาลัสซีเมียเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของยีน กลุ่มอาการดาวน์เกิดจากจากการเปลี่ยนแปลง
จำนวนโครโมโซม

• โรคทางพันธุกรรมสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ดังนั้น ก่อนแต่งงานและมีบุตรจึงควรป้องกัน
โดยการตรวจและวนิ ิจฉัยภาวะเสีย่ งจากการถา่ ยทอดโรคทางพันธุกรรม

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรม
ของสิ่งมีชีวิต เช่น โรคธาลัสซีเมีย ภาวะตาบอดสี โรคฮีโมฟีเลีย ล้วนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ
ยีน กลุ่มอาการดาวน์ เป็นกลุ่มอาการเกิดจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนของโครโมโซม กลุ่ม
อาการคริดูชา เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรูปร่างโครโมโซม นอกจากนั้น

โรคทางพันธุกรรมสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่รุ่นลกู ได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการ
ถ่ายทอดโรคทางพนั ธกุ รรม จึงควรตรวจและวินิจฉัยภาวะเส่ียงจากการถา่ ยทอดโรคทางพันธุกรรม
กอ่ นแตง่ งาน หรือในระหวา่ งตั้งครรภ์

5.สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวินยั รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

ชวั่ โมงท่ี 1
ขน้ั นำ

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ให้นักเรียนทำกิจกรรม Engaging Activity ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ 2 พันธุกรรม เรื่อง ความผิดปกติทาง

พนั ธกุ รรม
2. ครูให้นักเรียนส่งลูกบอลตามจังหวะเพลง เมื่อเพลงหยุดแล้วลกู บอลอยู่ที่นักเรียนคนใด ให้

นักเรียนคนที่ถือลูกบอลยืนขึ้นเสนอคำตอบจากการทำกิจกรรม Engaging Activity ให้ได้
ตวั แทนนกั เรยี นประมาณ 2-3 คน
3. นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายผลกจิ กรรมพร้อมกัน เพือ่ ให้ไดข้ ้อสรปุ วา่ “จากทีน่ กั เรยี นได้
ศึกษามาแลว้ ว่า โครโมโซมรา่ งกายคอื โครโมโซมตั้งแตค่ ู่ที่ 1-22 และโครโมโซมเพศคือ
โครโมโซมคูท่ ี่ 23 ดงั นั้น หากเกิดความผิดปกตขิ นึ้ กับโครโมโซมรา่ งกายจะทำให้เกิดความ
ผิดปกติขน้ึ กับรา่ งกาย ถ้าหากเกิดความผิดปกติข้นึ กับโครโมโซมเพศจะทำให้เกิดความ
ผิดปกติข้นึ กับระบบสบื พันธุ์
ซึ่งมผี ลทำให้ร่างกายมคี วามผิดปกติไปดว้ ยเช่นกันซึง่ นักเรยี นจะได้เรียนตอ่ ไปนี้”

ช่วั โมงที่ 2-4

ขั้นสอน

ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ให้นักเรียนตรวจสอบความรู้ของตนเองในกรอบ Check for Understanding ในหนังสือเรียน
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ 2 พันธุกรรม
เรื่องความผิดปกติทางพันธกุ รรม
2. ครูแจกใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง โรคทางพันธกุ รรม ศึกษาคำชแี้ จงในตอนที่ 1 แล้วให้นักเรียน
ตรวจสอบความรู้ของตนเองก่อนเข้าสบู่ ทเรียน
3. ครเู ตรียมสลากมา 3 ใบ ได้แก่ ใบที่ 1 โครโมโซมร่างกาย ใบที่ 2 โครโมโซมเพศ และใบที่
3 ยีน
4. ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น 3 กลมุ่ แล้วให้แตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนกลุม่ ออกมาจบั สลาก
5. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลโรคทางพันธกุ รรมที่เกิดจากความผิดปกติตามสลากที่ตัวแทนกลุ่ม
ของตนเองจับสลากได้ โดยให้สมาชิกภายในกลุ่มแบ่งภาระและหน้าที่รับผิดชอบในการ
สบื ค้นข้อมูลจากหนังสอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หรือ
แหลง่ การเรียนรู้อืน่ ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
6. ให้นักเรยี นเขียนสรปุ เรือ่ ง โรคทางพนั ธกุ รรม ลงในกระดาษ A4 เพือ่ นำเสนอหน้าชั้นเรียน

ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
7. ครสู มุ่ เรียกตัวแทนกลมุ่ กลุ่มละ 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าช้ันเรียน
8. นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม เพื่อให้ไดข้ ้อสรุปว่า โรคทางพันธุกรรมมีสาเหตุ
มาจากการเปลี่ยนแปลงของโครโมโซมและยีน ที่อาจเกิดได้จากกระบวนการแบ่งเซลล์ใน
ขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา หรืออาจเกิดจากสภาวะแวดล้อม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลให้
เกิดโรคทางพนั ธุกรรมสามารถถ่ายทอดตอ่ ไปยงั ร่นุ ลกู หลานได้
9. ครถู ามคำถามท้ายกิจกรรม ดังนี้
- โรคทางพนั ธกุ รรมได้แก่โรคอะไรบ้าง
(แนวตอบ : กลุ่มอาการดาวน์ กลุ่มอาการพาทัว กลุ่มอาการเอด็ เวิร์ด ตาบอดสี ผิวเผือก
โรคธาลสั ซีเมีย)
- สาเหตุใดบ้างที่ทำให้เกิดโรคทางพันธุกรรม
(แนวตอบ : รูปรา่ งและจำนวนโครโมโซมร่างกายผดิ ปกติ รูปรา่ งและจำนวนโครโมโซมเพศ
ผิดปกติ และความผิดปกติที่เกิดขนึ้ กับยีนบนโครโมโซมรา่ งกายและโครโมโซมเพศ)

10. ครูอธิบายสรุปให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น โดยในขณะที่บรรยายครูอาจใช้ PowerPoint
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 เรื่อง ความผิดปกติทางพันธุกรรม เพื่อให้
นักเรียนเข้าใจว่า “โรคทางพันธุกรรมเกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโครโมโซมและยีน
ตามทีน่ กั เรยี นได้เรยี นรู้มาแล้ว ในทีน่ จี้ ะกลา่ วถึง โครโมโซมร่างกายมจี ำนวนผิดปกติซึ่งแบ่ง
ออกได้ 2 ประเภท คือ จำนวนโครโมโซมเกินมามากกว่าปกติ และจำนวนโครโมโซมขาด
หาย”

11. ครูถามนักเรียนว่า โรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของยีนสามารถเกิดขึ้นได้กับ
โครโมโซมประเภทใดบ้าง
(แนวตอบ : โครโมโซมร่างกายและโครโมโซมเพศ)

12. หลังจากทำกิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนศึกษาคำชี้แจงและลงมือทำใบงานที่ 2.3 ในตอนที่
2

13. ครูถามคำถามทบทวนความรขู้ องนกั เรยี น ดงั นี้
- โรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากจำนวนโครโมโซมเกินมามากกว่าปกติ ได้แก่โรคอะไรบ้าง
และโครโมโซมคใู่ ดเกินมา
(แนวตอบ : กลุ่มอาการดาวน์เกิดจากโครโมโซมคทู่ ี่ 21 เกินมา 1 แทง่ กลุ่มอาการพาทัว
เกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 13 เกินมา 1 แท่ง กลุ่มอาการเอ็ดเวิร์ดเกิดจากโครโมโซมคู่ที่
18 เกินมา 1 แท่ง)
- โรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากจำนวนโครโมโซมขาดหายไป ได้แก่โรคอะไรบ้าง และเกิด
ขนึ้ กับโครโมโซมคใู่ ด
(แนวตอบ : กลมุ่ อาการคริดชู าเกิดจากแขนโครโมโซมคูท่ ี่ 5 ขาดหายไป)

14. ครูอธิบายต่อไปว่า “นอกจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโครโมโซมร่างกายแล้ว โรค
พันธุกรรมยังเกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโครโมโซมเพศ ซึ่งแบ่งออกได้เป็นความ
ผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโครโมโซม X และความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโครโมโซม Y” โดยครู
อธิบายโดยสรุปว่า
- “ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโครโมโซม X สามารถเกิดขึ้นทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดย
ถ้าเกิดขึ้นกับเพศหญิงเนื่องจากโครโมโซม X ขาดหายไป 1 แท่ง จะทำให้เกิดกลุ่มอาการ
เทิร์นเนอร์ ทำให้เพศหญงิ มีรปู ร่างเต้ีย ต้นคอกว้าง เป็นหมนั แต่ถา้ โครโมโซม X เกินมา 1
แท่ง จะทำให้เกิดกลุ่มอาการทริปเปิลเอกซ์ หรือเรียกผู้ป่วยกลุ่มนี้ว่า ซูเปอร์ฟีเมล ซึ่ง
ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีรูปร่างเหมือนผู้หญิงทั่วไป ไม่เป็นหมัน แต่ผู้ป่วยบางรายจะเกิดความ
ผิดปกติที่แสดงให้เห็น เช่น นิว้ ก้อยโก่งงอ กระดกู หน้าอกโค้งเลก็ น้อย เท้าแบน ส่วนในเพศ
ชายถ้าโครโมโซม X เกินมา 1 แทง่ จะทำให้เกิดกลมุ่ อาการไคลนเ์ ฟลเตอร์ ทำให้เพศชาย
มีรปู รา่ งคลา้ ยกบั เพศหญงิ และเป็นหมนั

- ความผิดปกติทีเ่ กิดขึ้นกับโครโมโซม Y จะเกิดขนึ้ ในเฉพาะเพศชาย เชน่ โครโมโซม Y เกิน
มา 1 แท่ง ทำให้เกิดกลุ่มอาการที่เรียกว่า กลุ่มอาการดับเบิ้ลวาย เรียกผู้ป่วยกลุ่มนี้ว่า
ซเู ปอร์เมน ทำให้ผู้ปว่ ยมีรูปร่างสงู ใหญก่ วา่ ปกติ ไม่เป็นหมนั มีอารมณร์ นุ แรง”
15. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า “โรคผิวเผือกเกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแอลลีลด้อยของยนี ที่
ควบคุมการสร้างเม็ดสีเมลานินในรา่ งกาย ซึ่งลักษณะของผู้ที่ป่วยเป็นโรคผิวเผือก ผิวหนัง
จะค่อนข้างไวต่อแสง บางคนมอี าการแพ้และอาจกอ่ ให้เกิดมะเร็งได้ และมองไม่เห็นในที่มืด
เสน้ ผมจะมีสีขาว”
16. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ “โรคธาลัสซีเมียเกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแอลลีลด้อยของยีน
ที่ควบคุมการสร้างโปรตีนเฮโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
คือ กลุ่มแอลฟาธาลัสซีเมีย และกลุ่มบีตาธาลัสซีเมีย โดยกลุ่มแอลฟาธาลัสซีเมียจะมี
อาการรนุ แรงกว่ากลุ่มบีตาธาลสั ซีเมีย”
17.นอกจากความผิดปกติของยีนที่เกิดขึ้นกับโครโมโซมร่างกายแล้ว ยังเกิดขึ้นกับโครโมโซม
เพศดว้ ย จากน้ันครถู ามนกั เรยี น ดงั นี้
- ตาบอดสีเกิดจากสาเหตใุ ด
(แนวตอบ : เกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแอลลีลด้อยบนโครโมโซม X ทำให้เซลล์รปู
กรวยเกิดความผิดปกติ)
- โรคฮีโมฟีเลยี เกิดจากสาเหตใุ ด
(แนวตอบ : เกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกบั แอลลีลดอ้ ยบนโครโมโซม X ทำให้โปรตีนที่
เกี่ยวข้องกบั การแข็งตวั ของเลอื ดผดิ ปกติ)
18. ให้นกั เรยี นตรวจสอบความรู้หลังเรียนในใบงานที่ 2.3 ในตอนที่ 3
19. ให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
20. ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง โดยตอบคำถาม Topic Questions ลงใน
สมุดประจำตวั นกั เรยี น
ข้ันที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
21. ครูกำหนดปัญหาเกี่ยวกับผลการตรวจเลอื ดของครอบครวั ลูกพี่ลูกน้องทีน่ กั เรยี นรู้จัก พบว่า
พ่อเป็นพาหะธาลัสซีเมีย และมีแม่เป็นโรคธาลัสซีเมีย แต่ลูกพี่ลูกน้องของนักเรียนกลับมี
สุขภาพดี แต่ไม่เคยตรวจเลือดเลย ถ้าวันหนึง่ ลูกพี่ลูกน้องของนักเรียนกำลังจะแตง่ งานกับ
หญิงที่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมียแล้วมาปรึกษานักเรียน ให้นักเรียนนำความรู้เรื่องการ
ถ่ายทอดยีนบนโครโมโซมและความผิดปกติทางพันธุกรรม มาทำนายโอกาสที่หลานของ
นักเรียนจะเป็นโรคร้อยละเท่าไร และนักเรียนจะให้คำแนะนำแก่ลูกพี่ลูกน้องอยา่ งไร ลงใน
สมุดประจำตวั นักเรยี น

ข้นั สรุป

นักเรียนและครูร่วมกันสรุป เรื่อง ความผิดปกติทางพันธุกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า โรคทาง
พันธุกรรมบางโรคอาจมีการถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูกได้ หรืออาจเกิดจากความผิดปกติของ
โครโมโซมในเซลลส์ ืบพนั ธุ์ของพ่อหรือแม่ ดังน้ัน ก่อนแตง่ งานหรือกอ่ นมีบุตร ควรป้องกนั โดยการตรวจ
เลือดเพื่อวินิจฉัยโรค และปรึกษาแพทย์ถึงภาวะเสี่ยงของลูกที่อาจเกิดโรคทางพันธุกรรม แล้วให้
นกั เรยี นสรุปเปน็ ผงั มโนทัศนล์ งในกระดาษ A4 สง่ ครผู ู้สอน แล้วนำเสนอในรูปแบบที่นา่ สนใจ

ขั้นประเมิน

ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตรวจใบงานที่ 2.3 เรือ่ ง โรคทางพันธกุ รรม
2. ครูตรวจแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1
3. ครูตรวจรายงาน เรือ่ ง โรคทางพนั ธกุ รรม
4. ครตู รวจคำตอบ Topic Questions ในสมุดประจำตัวนักเรยี น
5. ครูตรวจผงั มโนทศั น์ เรื่อง ความผิดปกติทางพันธุกรรม
6. ประเมินทักษะและกระบวนการโดยสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติการจากการทำกิจกรรม
โรคทางพันธุกรรม
7. ประเมินทักษะและกระบวนการโดยสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม การทำงาน
รายบคุ คล
8. ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตความมีวินัย รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมั่น
ในการทำงาน

7. การวัดและประเมินผล

รายการวดั วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์
การประเมิน

7.1 ประเมินระหวา่ งการ

จัดกิจกรรมการ

เรยี นรู้ - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ใบงานที่ 2.3 - ร้อยละ 60
1) ความผิดปกติทาง - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ ผา่ นเกณฑ์

พันธุกรรม - ร้อยละ 60

หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์

วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1

1 - ระดบั คุณภาพ

- ตรวจรายงาน เรือ่ ง - แบบประเมินรายงาน 2

โรคทางพนั ธกุ รรม ผ่านเกณฑ์

- ตรวจผังมโนทศั น์ - แบบประเมินผังมโนทัศน์ - ระดบั คณุ ภาพ

เรื่อง ความผิดปกติ 2
ทางพนั ธกุ รรม ผ่านเกณฑ์

2) ผลบนั ทึกการปฏิบตั ิ - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60

กิจกรรมโรคทาง หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์

พนั ธกุ รรม วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3 เลม่

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1

1

3) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ

ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน 2
ปฏิบตั กิ ิจกรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์

4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล 2

ผา่ นเกณฑ์

รายการวดั วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์
การประเมิน

5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ

ทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม 2

ผา่ นเกณฑ์

6) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ

อันพึงประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลักษณะ 2

และมุ่งมั่นในการ อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์

ทำงาน

8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สือ่ การเรยี นรู้

1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

พันธุกรรม

2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 พนั ธุกรรม

3) ใบงานที่ 2.3 เรื่อง โรคทางพนั ธกุ รรม

4) อุปกรณท์ ีใ่ ช้ทำกิจกรรมโรคทางพันธุกรรม

5) PowerPoint เรื่อง ความผิดปกติทางพนั ธุกรรม

6) สมุดประจำตวั นกั เรยี น

7) สลากจำนวน 3 ใบ ได้แก่ ใบที่ 1 โครโมโซมรา่ งกาย ใบที่ 2 โครโมโซมเพศ และใบที่ 3 ยีน

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้

1) ห้องเรียน

2) อินเทอรเ์ น็ต

ใบงานที่ 2.3
เรือ่ ง โรคทางพันธุกรรม

ตอนที่ 1 ตรวจสอบความรู้ก่อนเรียน
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. โรคทางพันธุกรรม หมายถึง โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของยีนที่

ควบคมุ ลักษณะต่าง ๆ ทั้งทีเ่ ปน็ ยีนเดน่ และขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
2. ให้นักเรยี นพิจารณาภาพการจัดเรียงโครโมโซมของคนจำนวน 2 คน แล้วระบุวา่ คนที่ 1-4 เป็นคน

ปกติหรือไม่ ถ้าไม่ ให้ระบชุ ือ่ โรคใต้ภาพที่กำหนดให้

พาทวั ซินโดรม คนปกติkfskfskf

3. โรคทางพันธุกรรมที่พบในประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดความผิดปกติของยีนที่ควบคุม

ลักษณะดอ้ ย ได้แก่ โรคธาลสั ซีเมีย๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ข

๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข๘๘

4. การบอดสี คือ การมองเห็นสผี ิดไปจากความเปน็ จริง เช่น ไม่สามารถแยกสีแดงและสีเขียวออกจาก

กนั หรือแยกสีท้ังสองออกจากสีอืน่ ๆ ไขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข

5. ผู้ที่เป็นโรคฮีโมฟีเลียจะมีอาการผิดปกติที่ปรากฏให้เห็น คือ เมื่อเกิดบาดแผลเลือดจะออกงา่ ยและ

หยดุ ยาก และมักจำให้ตายได้ง่าย หากให้การรักษาไมท่ ัน เนื่องจากการเสยี เลอื ดขขขขขขขขขมาก

คะแนนทไ่ี ด้

ตอนที่ 2
คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษาลักษณะหน้าตาและนับจำนวนโครโมโซมร่างกายกับโครโมโซมเพศ

ของเด็กทารกคนที่ 1 และเด็กทารกคนที่ 2 แล้วบันทึกผลลงในตาราง

เด็กทารกคนท่ี 1 เด็กทารกคนที่ 2

ตารางบนั ทึกผลจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม

เด็ก ลักษณะที่สังเกตได้ จำนวนโครโมโซม (แท่ง) โครโมโซมทีแ่ ตกตา่ ง

ทารก ส่วนตา่ ง ๆ ออโตโซม โครโมโซม คู่ที่ จำนวน
คนที่ ศีรษะ บนใบหนา้ เพศ โครโมโซม

1 ปกติ ปกติ 44 2- -

2 เลก็ ปากแหว่ง 45 2 13 3

ตอบคำถามและสรุปผลการทดลอง
1. ลกั ษณะของเดก็ ทารกคนที่ 2 แตกตา่ งจากลักษณะของเดก็ ทารกคนที่ 1 คืออะไร

ตอบ ลกั ษณะปากของเดก็ ทารกคนที่ 2 จะแหวง่ ขณะที่ปากของเด็กทารกคนที่ 1 ป๘๘๘๘๘๘
2. จำนวนโครโมโซมทั้งหมดของเด็กทารกคนที่ 1 และ 2 มีเท่ากับกีแ่ ท่ง ตามลำดบั

ตอบ 46 และ 47 แท่ง ตามลำดั๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ข
3. เด็กทารกท้ังสองคนเปน็ เพศใด ทราบได้อย่างไร

ตอบ เพศหญงิ ดูจากโครโมโซมค่ทู ี่ 23 เปน็ ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ขขขขขขขขขขขข
4. เด็กทารกคนใดมีจำนวนโครโมโซมผิดปกติ และจำนวนโครโมโซมที่ผิดปกติเป็นโครโมโซมคู่ที่
เท่าไร

ตอบ เด็กคนที่ 2 เนื่องโครโมโซมคูท่ ี่ 13 มีจำนวน๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘
5. จากข้อที่ 4 เดก็ ทารกคนดงั กลา่ วเป็นโรคใด และมีอาการอย่างไร

ตอบ พาทวั ซินโดรม เดก็ ทีเ่ กิดมาจะมีศีรษะเล็ก ปากแหว่งเพดานโหว่ มกั เสยี ชีวิ๘๘๘๘๘๘ตต้ัง

ตอนที่ 3 ตรวจสอบความรู้หลังเรียน
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. โรคทางพันธุกรรม หมายถึง โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของยีนที่

ควบคมุ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ทั้งทีเ่ ป็นยีนเด่นและยีนดอ้ ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขย
2. ให้นักเรยี นพิจารณาภาพการจดั เรียงโครโมโซมของคนจำนวน 4 คน แล้วระบุวา่ คนที่ 1-4 เป็นคน

ปกติหรือไม่ ถ้าไม่ ให้ระบชุ ือ่ โรคใต้ภาพที่กำหนดให้

พาทวั ซินโดรม๘๘๘๘๘ คนปกติ

กลมุ่ อาการดับเบิลวาย ครดิ ชู าล์ซนิ โดรม๘๘๘๘

3. โรคทางพนั ธุกรรมที่พบในประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดความผิดปกติของยีนที่ควบคมุ

ลกั ษณะดอ้ ย ได้แก่ โรคธาลัสซีขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขเมีย

๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ขขขขขขขขขขขขข๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘

4. การบอดสี คือ การมองเหน็ สผี ิดไปจากความเปน็ จริง เช่น ไม่สามารถแยกสีแดงและสีเขียวออกจาก

ก ั น ห ร ื อ แ ย ก ส ี ท ั ้ ง ส อ ง อ อ ก จ า ก ส ี อ ื ่ น ๆ ไ ด้

๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ขขขขขขขขขขขขขขขขข๘๘๘

5. ผู้ที่เป็นโรคฮีโมฟีเลียจะมีอาการผิดปกติที่ปรากฏให้เห็น คือ เมื่อเกิดบาดแผลเลือดจะออกงา่ ยและ

หยุดยาก และมักจำให้ตายได้ง่าย หากให้การรักษาไม่ทัน เนื่องจากการเสียเลือดมาก

๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข๘๘๘๘๘

ใบงานที่ 2.3 เฉลย
เรือ่ ง โรคทางพันธกุ รรม

ตอนที่ 1 ตรวจสอบความรู้ก่อนเรียน
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. โรคทางพันธุกรรม หมายถึง โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของยีนที่

ควบคมุ ลักษณะตา่ ง ๆ ทั้งทีเ่ ปน็ ยีนเดน่ และยีนดอ้ ย
2. ให้นักเรยี นพิจารณาภาพการจัดเรียงโครโมโซมของคนจำนวน 2 คน แล้วระบุวา่ คนที่ 1-4 เป็นคน

ปกติหรือไม่ ถ้าไม่ ให้ระบชุ ื่อโรคใต้ภาพทีก่ ำหนดให้

กลมุ่ อาการพาทัว คนปกติ

3. โรคทางพันธุกรรมที่พบในประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดความผิดปกติของยีนที่ควบคุม

ลักษณะดอ้ ย ได้แก่ โรคธาลสั ซีเมีย

4. การบอดสี คือ การมองเห็นสผี ิดไปจากความเป็นจริง เช่น ไม่สามารถแยกสีแดงและสีเขียวออกจาก

กนั หรือแยกสีท้ังสองออกจากสีอื่น ๆ ได้

5. ผู้ที่เป็นโรคฮีโมฟีเลียจะมีอาการผิดปกติที่ปรากฏให้เห็น คือ เมื่อเกิดบาดแผลเลือดจะออกงา่ ยและ

หยุดยาก และมักจำให้ตายได้ง่าย หากให้การรักษาไมท่ ัน เนื่องจากการเสยี เลอื ดมาก

คะแนนทไ่ี ด้

ตอนที่ 2
คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษาลักษณะหน้าตาและนับจำนวนออโตโซมกับโครโมโซมเพศของเด็ก

ทารกคนที่ 1 และเด็กทารกคนที่ 2 แล้วบันทึกผลลงในตาราง

เดก็ ทารกคนท่ี 1 เดก็ ทารกคนท่ี 2

ตารางบนั ทึกผลจากการปฏิบัติกจิ กรรม

เด็ก ลักษณะทีส่ งั เกตได้ จำนวนโครโมโซม (แทง่ ) โครโมโซมทีแ่ ตกต่าง
ออโตโซม โครโมโซม คูท่ ี่ จำนวน
ทารก ศีรษะ ส่วนต่าง ๆ
คนที่ บนใบหน้า เพศ โครโมโซม

1 ปกติ ปกติ 44 2- -

2 เลก็ ปากแหวง่ 45 2 13 3

ตอบคำถามและสรปุ ผลการทดลอง
1. ลกั ษณะของเดก็ ทารกคนที่ 2 แตกตา่ งจากลักษณะของเด็กทารกคนที่ 1 คืออะไร

ตอบ ลกั ษณะปากของเด็กทารกคนที่ 2 จะแหว่ง ขณะทีป่ ากของเดก็ ทารกคนที่ 1 ปกติ
2. จำนวนโครโมโซมทั้งหมดของเดก็ ทารกคนที่ 1 และ 2 มีเทา่ กบั กีแ่ ทง่ ตามลำดับ

ตอบ 46 และ 47 แท่ง ตามลำดบั
3. เดก็ ทารกท้ังสองคนเป็นเพศใด ทราบได้อย่างไร

ตอบ เพศหญงิ ดูจากโครโมโซมคทู่ ี่ 23 เปน็ XX
4. เด็กทารกคนใดมีจำนวนโครโมโซมผิดปกติ และจำนวนโครโมโซมที่ผิดปกติเป็นโครโมโซมคู่ที่
เทา่ ไร

ตอบ เดก็ คนที่ 2 เนื่องโครโมโซมคูท่ ี่ 13 มีจำนวนผิดปกติ
5. จากข้อที่ 4 เดก็ ทารกคนดงั กล่าวเปน็ โรคใด และมีอาการอยา่ งไร

ตอบ กลุ่มอาการพาทัว เด็กทีเ่ กิดมาจะมีศีรษะเลก็ ปากแหวง่ เพดานโหว่ มักเสยี ชีวิตต้ังแตเ่ กิด


Click to View FlipBook Version