The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รูปเล่ม...เอกสารประกอบการสอนวิชาพลังมหัศจรรย์แห่งจิต(23มิ.ย.65)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by supakanjana.v, 2022-06-24 09:49:18

รูปเล่ม...เอกสารประกอบการสอนวิชาพลังมหัศจรรย์แห่งจิต(23มิ.ย.65)

รูปเล่ม...เอกสารประกอบการสอนวิชาพลังมหัศจรรย์แห่งจิต(23มิ.ย.65)

76

หน่ึงส่วนอวัยวะด้านซ้ายแล้วให้เพ่งสมาธิไปที่จุดกลางฝุาเท้า – วินาทีคํานวณโดยใช้การนับ 1 – 7
เมื่อนบั ครบแล้ว ให้ทวนคําวา่ ผอ่ นคลายยอ้ นกลบั ขนึ้ ไปตามอวยั วะตา่ ง ๆ จนถงึ จดุ กลางกระหมอ่ ม

ส่วนทสี่ ี่ ด้านขวาให้ตั้งสมาธิที่จุดกลางกระหม่อมแล้วเร่ิมผ่อนคลายจากใบหน้าข้างขวา
คอไหล่ข้างขวาแขนขวาท้ังแขนรักแร้ชายโครงเอวสะโพกขาขวาทั้งขาโดยในขณะท่ีผ่อนคลายก็ให้
ภาวนาคําว่า“ผ่อน” เวลาหายใจเข้าและคําว่า“คลาย” เวลาหายใจออก 2 – 3 เท่ียวต่อหน่ึงส่วน
อวัยวะหลังจากผ่อนคลายทุกส่วนของอวัยวะด้านขวาแล้วให้เพ่งสมาธิไปที่จุดกลางฝุาเท้า 7 วินาที
คาํ นวณโดยใช้การนับ 1 – 7 เม่ือนับครบแล้วให้ทวนคําว่าผ่อนคลายย้อนกลับข้ึนไปตามอวัยวะต่างๆ
จนถึงจุดกลางกระหม่อมหลังจากผ่อนคลายครบทุกส่วนแล้วให้เพ่งจุดสมาธิไปที่สะดือแล้วผ่อนคลาย
กล้ามเนอ้ื ทกุ ส่วนของร่างกาย

แสงสวา่ ง”แหลง่ พลงั คลังชีวิต ตามหลกั ฮวงจยุ้ (วารสารสอื่ ชุมชน. 2553: Online)

ตามหลักฮวงจุ้ย เช่อื ว่าแสงสว่างจากพลงั แห่งดวงอาทิตย์ สามารถช่วยกระจายพลังชีวิต
ปลุกความสดช่ืน และเสริมสร้างพละกําลังให้กับผู้อยู่อาศัยในบ้าน ส่วนหลักวิทยาศาสตร์ พลังงาน
ความร้อนจากแสงแดดยังชว่ ยฆ่าเช้ือโรคได้อีกด้วย ดังนั้นเราจึงควรเปิดบ้านเพื่อรับแสงจากธรรมชาติ
ให้มาก เพ่ือรับพลังและสร้างสุขลักษณะที่ดีในบ้านเรา แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟฟูาได้อีกทางหน่ึง
นอกจากแสงอาทิตย์แล้ว แสงสว่างจากหลอดไฟภายในบ้านยังช่วยสร้างบรรยากาศและความรู้สึกท่ี
แตกต่างกนั ไปในแต่ละห้องอีกด้วย เช่น แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดนีออน ซ่ึงเป็นแสง
จ้า เหมาะสําหรบั ห้องทํางาน หอ้ งอ่านหนังสือ โถงทางเดิน ลานจอดรถ และบริเวณระเบียง ในขณะท่ี
แสงสีเหลืองส้มนวลตานั้นเหมาะสําหรับห้องนอน ซ่ึงจะช่วยให้ร่างกายเราผลิตสารเมลาโทนินซึ่งเป็น
สารท่ที ําให้เรานอนหลบั สนิทสดช่ืนเตม็ ที่

เสียง”พล้ิวไหว จุดประกายพลัง ตามหลักฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่า บ้านไร้เสียง คือบ้านไร้โชค

เหมือนไร้พลังชีวิต ดงั น้นั เพียงแค่เราลองหาโมบายระฆังเล็ก ๆ หรือกังสดาลจิ๋ว มาแขวนรับลมไว้ที่ริม
ระเบียงหรอื รอบ ๆ บา้ น เสยี งกรงุ๊ กริง๊ ทเ่ี กิดจะชว่ ยทาํ ใหบ้ รรยากาศรอบบา้ นมีชวี ติ ชวี าข้ึน และยังช่วย
กล่อมเกลาจิตใจที่ว้าวุ่นหรือเหน่ือยล้าให้เยือกเย็นและสงบลงได้ เกิดปัญญาและสมาธิในการคิดอ่าน
ทําสง่ิ ใด ๆ ได้อยา่ งมีสตริ อบคอบมากขึน้

สสี นั ”พลงั จิต สะกิดใจ ปัจจุบันวงการแพทย์ยอมรับว่าสีมีผลและอิทธิพลต่อจิตใจมนุษย์

อีกทั้งต่อมไพเนียลในร่างกายท่ีควบคุมจังหวะการดําเนินชีวิตในแต่ละวัน เช่น การกิน การนอน ก็มี
ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสีในลักษณะท่ีแตกต่างกันไป และส่งผลต่อความรู้สึก จิตใจ และอารมณ์ใน
ร่างกายเราในขณะน้ันด้วยเช่นกัน เช่น สีฟูา สีเขียว สีชมพู เป็นสีที่ทําให้คนมองแล้วรู้สึกผ่อนคลาย
ส่วนในห้องทํางาน ห้องทํากิจกรรมของครอบครัว หรือในห้องครัวควรเลือกสีผนังเป็นสีส้มหรือสีแดง
เพ่ือสร้างความรู้สึกกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า ขณะท่ีโทนสีนี้ยังช่วยกระตุ้นให้รู้สึกเจริญอาหาร
อกี ดว้ ย

ต้นไม้”ชุ่มช่ืน คืนพลังชีวิต ชาวจีนเชื่อกันว่าต้นไม้เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตถ้ามีต้นไม้ใน

บริเวณบา้ นจะชว่ ยเพิ่มพลังชีวิตให้สดใสขึ้น ส่วนทางวิทยาศาสตร์ก็พบว่าต้นไม้สามารถดูดซับสารพิษ
ไดเ้ ช่นกัน โดยการปลูกต้นไม้ภายในอาคาร ควรเลือกต้นไม้ที่ต้องการแสงน้อย เพ่ือการดูแลรักษาง่าย
เช่น ตน้ หมากเหลอื ง ปาลม์ ไผ่ พลดู า่ ง สาวนอ้ ยประแปูง กล้วยไม้ หน้าววั สับปะรดสี ฯลฯ

สําหรับต้นไม้ท่ีปลูกในห้องน้ํา นอกจากจะช่วยดูดความช้ืนแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศ
แบบธรรมชาติท่ีสดช่ืนสดใสให้กับชั่วโมงส่วนตัวของเราใน ห้องนํ้าอีกด้วย แต่สิ่งที่ต้องคํานึงถึง คือ

77

ควรเปดิ รับแสงอาทิตย์ใหส้ ่องผา่ นเข้าไปได้ เพื่อใหต้ น้ ไมไ้ ด้รับไออุ่นจากแสงแดด และช่วยให้ห้องนํ้าไม่
อับชนื้ และเปน็ แหล่งสะสมของเช้ือโรค

รูปภาพ”ปลุกจินตนาการ สานพลัง วิธีการแต่งบ้านให้สวยงามที่ง่ายและเป็นท่ีนิยมกัน

มากท่ีสุด คือ การแขวนกรอบรูป หรือภาพบนผนัง ขอแนะนําให้ติดภาพวิวทิวทัศน์ไว้ในห้องรับแขก
ซึ่งมักจะอยู่ส่วนหน้าสุดของบ้าน เพ่ือสร้างความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย สบายใจ สบายตา ให้กับผู้อยู่
อาศยั และแขกทม่ี าเยอื นนับตง้ั แต่ก้าวแรก ส่วนหอ้ งนอน ควรติดภาพดอกไม้สวยๆ หรือสวนดอกไม้ที่
มสี สี นั สวยงามเพอ่ื สร้างความรสู้ ึกสดชน่ื นุม่ นวล อ่อนโยน เหมาะตอ่ การพกั ผ่อนอย่างสขุ สงบ

ท้ังหมดนี้เป็นบางวิธีง่าย ๆ ในการส่งเสริมและเพ่ิมพลังชีวิต”ให้เราโดยการลุกข้ึนมา

ปรบั เปลีย่ นหรือแตง่ เตมิ บ้านอกี เล็ก ๆ น้อย ๆ ใหน้ า่ อยยู่ งิ่ ข้ึน

การฝกึ ฝนบม่ เพาะพลงั ชีวิตดว้ ยการฝกึ ชกี่ ง (มลู นิธินวชวี ัน. 2554: Online)
การฝึกฝนบ่มเพาะพลังชีวิต หรือการฝึกชี่ หรือช่ีกง เพื่อให้ได้ผลด้านสุขภาพอย่าง
แทจ้ ริง จะมีองคป์ ระกอบหลักท่ีขาดไม่ได้อยู่ 3 ประการ คือ การปรับร่างกาย (ธาตุพื้นฐานท้ัง 5 ตาม
หลักแพทย์แผนจีนโบราณ คือ ดิน ทองหรือโลหะ น้ํา ไม้ และไฟ) จะเป็นการหย่อนคลายร่างกาย
และเคล่ือนไหวรา่ งกายอย่างเปน็ ธรรมชาติ เคล่อื นไปอย่างสบายๆ สม่ําเสมอ ไม่เกรง็ ไมต่ ึงเครียด

1. การปรับลมหายใจ จะเป็นการหายใจให้ยาวและลึกถึงท้องน้อย ซึ่งเป็นวิธีหายใจ
ที่เป็นรากฐานของสุขภาพ เม่ือฝึกจนชํานาญ จะสามารถหายใจเข้า-ออกได้อย่างยาว ๆ ช้า ๆ เบา ๆ
และสมาํ่ เสมอเป็นธรรมชาติ โดยไมอ่ ดึ อัดหรอื ฝนื

2. การปรบั จิตใจ ซงึ่ ถือเป็นส่วนสําคัญท่ีสุด จิต จะต้องเป็นสมาธิ ไม่คุย ไม่วอกแวก
และอาจสรา้ งจนิ ตภาพหรอื จนิ ตนาการควบคไู่ ปกบั การฝึก

การฝึกชี่ที่ถูกต้องจะต้องมีครบท้ัง 3 ส่วน เมื่อมีองค์ประกอบท้ัง 3 ส่วนครบถ้วนและ
เกิดพลงั ชขี่ น้ึ โดยพลงั ชีท่ ่เี กดิ มีความพอเหมาะ ก็จะสง่ ผลใหร้ ่างกายแข็งแรงขึน้ เราจึงต้องบ่มเพาะและ
สรา้ งเสรมิ พลงั ช่ี เพ่ือใหม้ ีความพอเหมาะสําหรับการบําบัดอาการปุวยและขจัดโรคต่างๆ แต่ทุกสรรพ
สิ่งในโลกย่อมเป็นไปตามทางสายกลาง พลังช่ีท่ีมากเกินไปจึงสามารถให้ผลลบกับร่างกายได้เช่นกัน
บางลักษณะก็ปรากฏเปน็ อาการข้างเคียงท่รี ุนแรงหลงั การฝึกชีไ่ ด้ (อย่างในหนังจีนกําลังภายในที่มีการ
ฝึกพลังจนเสียสมดุล เกิดอาการกระอักเลือดจากภาวะธาตุไฟตีกลับ เป็นต้น) การฝึกช่ีจึงต้อง
ระมัดระวัง และควรเริ่มฝึกฝนกับผู้ท่ีรู้จริง เพื่อความปลอดภัยกับตัวเอง และให้ได้รับผลดีจากการฝึก
อย่างเตม็ ที่

การฝึกชี่โดยทั่วไป การปรับร่างกายและลมหายใจมีความสําคัญอย่างละราว 10-15%
สําหรับการปรับจิตใจ (การกําหนดจิต) มีความสําคัญถึง 70-80% ถ้าทําได้ไม่ถูกต้อง ก็จะมีผลเป็น
เพียงการออกกําลังกายธรรมดาๆ เทา่ นนั้ คอื ไม่ได้ชี่ ซึง่ เป็นหัวใจและเปูาหมายของการฝึก ดังเช่นการ
ฝึกราํ มวยไทเกก๊ ส่วนใหญใ่ นสมัยนท้ี ่ีมกั เห็นไดว้ ่าเปน็ การออกกาํ ลงั กายเท่านั้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการ
ถา่ ยทอดวชิ าความรู้จากรุน่ ส่รู นุ่ ไม่ได้สอนหลกั วธิ ีการฝึกท่ถี กู ตอ้ ง ทําให้การฝึกกลายเป็นเพียงการออก
กําลังกายธรรมดา ไม่ได้รับผลดีจากพลังของชี่ เพราะไม่มีพลังช่ีเกิดข้ึนจากการฝึก บางครั้งก็ไม่ได้
แม้แตป่ ระโยชนท์ ่ีควรไดจ้ ากการออกกําลงั กายธรรมดาดว้ ยซํ้า ซ่ึงเป็นเร่ืองทน่ี า่ เสยี ดายอยา่ งย่ิง

78

พลังมหัศจรรย์แห่งดนตรี กระตุ้นสมองหล่ังสารแห่งความสุข (ไทยรัฐ. 2553:
Online)

มหศั จรรยข์ องเสียงดนตรมี มี ากกว่าท่คี ดิ ทงั้ นจ้ี ากการเปิดเผยของ นายแพทย์อุดม เพชร
สังหาร ผู้บริหารบริษัท รักลูก กรุ๊ป จํากัด และจิตแพทย์ผู้เช่ียวชาญด้านพัฒนาสมองเด็ก เปิดเผยว่า
สุนทรียศาสตรเ์ ป็นส่วนสําคญั ในการใชช้ ีวติ ของคนเราในปจั จบุ นั และแทรกซึมอยูใ่ นชีวิตประจําวัน ไม่
เว้นแม้แตผ่ หู้ ญิงท่ีเป็นแม่ ซึ่งมักมีอาการซึมเศร้าหลังคลอด หรือแม้ตอนต้ังครรภ์ ผลจากการวิจัยจาก
The College of Nursing at Kaohsiung Medical University in Taiwan ระบุว่า ดนตรีถือเป็น
สุนทรียศาสตร์อย่างหน่ึงท่ีสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าของแม่ท่ี ตั้งครรภ์ได้ นอกจากน้ี ยังมีการ
ศึกษาวิจัยอีกว่า เซลล์สมองส่วน Nucleus Accumbens (NAc) ซึ่งเป็นเซลล์ตัวสําคัญที่มีผลต่อ
ความรู้สึกทุกข์สุขของคนเรา เป็นหัวใจของอารมณ์ซึมเศร้า เสมือนเกตเวย์ท่ียิงสัญญาณไปสู่ที่ต่างๆ
อาการซึมเศร้าท่เี กิดขน้ึ เปน็ ผลมาจากเกตเวย์บกพรอ่ ง

นายแพทย์อุดมบอกอีกว่า คุณแม่หลังคลอด 1 ใน 4 จะมีเซลล์นิวเคลียส แอคคัมเบนส์
บกพรอ่ งและไม่สามารถรักษาด้วยการใช้ยาได้ เนื่องจากจะส่งผลต่อการให้นมบุตร หากใช้ยาเด็กอาจ
มีโอกาสพิการได้ ดังน้ันการใช้ดนตรีมาช่วยรักษาอาการซึมเศร้า จึงเป็นการค้นพบคร้ังสําคัญ เซลล์
สมองส่วนนี้จะถูกกระตุ้นให้ทํางานได้ดว้ ยดนตรี และส่งผลให้หายจากโรคซึมเศร้า

โดยบทเพลงที่เหมาะกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์นั้น จากการวิจัยพบว่า เพลงบรรเลงคลาสสิก
เหมาะกับคุณแม่ท่ีท้องมากท่ีสุด เน่ืองจากเพลงคลาสสิกมีโครงสร้างที่แข็งแรงมีความสมมาตร
(Symmetry) ที่ไปกระตุ้นการทํางานของ Reward Circuit ในสมองทําให้เกิดความสมดุลทางเคมีใน
ร่างกาย หรอื ทเ่ี รยี กกนั ว่าสารแห่งความสขุ

นอกจากนี้ ดนตรียังส่งผลต่อการส่งเสริม พัฒนาการของเด็ก โดยคุณหมออุดมบอกว่า
การใช้ดนตรีมีผลอย่างชัดเจนต่อการเกิด ความจํา สมาธิ และความคิดแบบเช่ือมโยง คือเมื่ อ
เสียงดนตรเี ข้าไปในหูจะไปกระทบกับเซลล์ตัวท่ีหน่ึงท่ีได้ยินแล้วกระ ทบเป็นลูกโซ่ ทําให้เซลล์อีกเป็น
ล้านๆตัวทํางานพร้อมกันเหมือนกับการปูอนสัญญาณ เข้าไปในคอมพิวเตอร์ตัวท่ีหน่ึง แล้วสัญญาณ
ไปกระทบกบั คอมพวิ เตอร์อีกลา้ นตวั ให้ทาํ งานสอดคลอ้ ง พร้อมเพรยี งกัน อีกท้ังความมีสุนทรียะเป็น
ตัวการทําให้คนเราเกดิ คุณธรรม ดงั น้ันดนตรจี งึ เปน็ ส่อื ท่ีสง่ ผลให้มนุษยเ์ รามีความอ่อนโยน

ดนตรีมีผลต่อสุขภาพของบุคคลท้ังด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ กลไกของดนตรี
ต่อบุคคลยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เช่ือว่ามีผลต่อบุคคลจากการรวมตัวของคล่ืนเสียงและความถี่พ้ืนฐาน
ของร่างกายจากการเต้นของหัวใจ ทําให้เกิดการส่ันสะเทือนจากอะตอมไปยังทุกส่วนของร่างกาย
รวมทงั้ การรบั เสยี งดนตรที างหเู ขา้ ส่รู ะบบประสาท และกระบวนการทางเคมีในร่างกาย ทําให้ดนตรีมี
ผลต่อสุขภาพของบุคคลและรวมถึงเกิดการรักษาถึงระดับจิต ในการใช้ดนตรีบําบัดควรมีการเลือก
เพลงและใช้ระดับเสียงท่ีเหมาะสมและคํานึงถึงปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของดนตรีใน
การส่งเสริมสุขภาพของบุคคล (ศศธิ ร พุมดวง, 2548: 186)

ข้ันตอนการทา้ ดนตรีบ้าบัด (Guzzetta CE. 1997: 196-204)
- ก่อนใชด้ นตรบี ําบัด ควรมีการประเมนิ ผทู้ ่ีต้องการใช้ดนตรี ดงั น้ี

1. ความชอบดนตรี ประเภทของดนตรที ่ชี อบ และไมช่ อบ
2. ดนตรที ฟ่ี งั แล้วรสู้ กึ มีความสุข ผอ่ นคลาย ตื่นเตน้ หรือเศรา้
3. ชว่ งเวลาท่ีฟังดนตรี ความถี่ในการฟัง รวมทงั้ การผอ่ นคลายอน่ื ๆ ร่วมดว้ ย
ในขณะฟังดนตรี

79

4. ปฏกิ ริ ิยาของร่างกายและจิตใจจากการฟงั ดนตรีเช่น อารมณ์ดี แจ่มใสขน้ึ
อยา่ งไรก็ตามไม่ควรใช้ดนตรีกับผู้ทม่ี ปี ระวตั ชิ กั เคยได้รับอุบัติเหตุทศี่ รี ษะ34 หรอื ผดิ ปกติ
อน่ื ๆ เชน่ มปี ัญหาหูอื้อ ปัญหาการมองและการทรงตวั 35 เป็นต้น

- การทําดนตรบี าํ บดั สงิ่ แวดลอ้ มในการทําดนตรีบําบัดต้องเงียบสงบ ผู้รับการบําบัด
ควรอยใู่ นท่าทีส่ ุขสบาย และเพ่งความสนใจมาทด่ี นตรี อาจใชเ้ ทคนิคผ่อนคลายอื่นๆ ร่วมด้วย1, 5และ
ควรปฏิบตั ิตามข้นั ตอนต่างๆ ดงั นี้

1. อธบิ ายวตั ถุประสงค์ ของดนตรบี าํ บัดเพ่ือชว่ ยในการผอ่ นคลายและรกั ษา
ตวั เอง

2. อธบิ ายระยะเวลาในการทาํ โดยปกตมิ ักทําครงั้ ละ 20-30 นาที วันละ 2 ครง้ั
เช้าเย็น

3. แนะนาํ ใหผ้ ู้รบั การบําบัดถอดแว่น หรือ contactlenses และควรหรไี่ ฟลง
4. บอกให้ผูร้ ับการบําบัดน่ัง หรอื นอนในท่าสบาย อาจเอาหมอนเล็กๆ รองเข่า
เพ่ือลดการปวดหลัง และมผี า้ ห่มให้ถา้ รสู้ กึ หนาว
5. แนะนาํ ให้ผ้รู บั การบําบดั หลบั ตา และหายใจลึก ๆ รวมท้ังการผอ่ นคลาย
รา่ งกาย
6. ให้ฟงั ดนตรี การใช้ดนตรีต้องแนใ่ จว่าระดับเสยี งเหมาะสม เครื่องมอื
อุปกรณ์ที่ใชม้ คี ุณภาพ
7. ประเมินผลการใช้วา่ เป็นอย่างไรและอาจทําดนตรบี ําบดั ซํ้าได้
นักวิทยาศาสตร์หลายคนมีความเช่ือว่าในสมองของมนุษย์นั้น มีการวางรากฐานทาง
ดนตรีไวก้ อ่ นแลว้ ทําจิตแพทย์หญงิ ชาวแคนาดา Sandra Drehub ได้การทดลองนําเด็กทากรท่ียังไม่รู้
ภาษา เขา้ ไปอย่ใู นห้องท่ีมขี องเลน่ หลากหลายชนิด ในขณะท่ีเดก็ กาํ ลังเพลินกับของเล่น ก็จะเปิดเพลง
เด็กในทํานองเดี่ยวให้เด็กฟังเป็นระยะๆ โดยทิ้งช่วงห่างบ้าง ถ่ีบ้าง ปรากฏว่าเด็กทารกจะชะงัก และ
หนั ไปทางสาํ โพงทุกครัง้ ที่ไดย้ ินเสียงทาํ นองแปลกปลอม ไมเ่ ข้าจังหวะกบั เพลงเดมิ
สิ่งสําคัญที่เหมือนเป็นโครงสร้างของดนตรี คือ จังหวะ ตามศัพท์ของคนรักดนตรี Beat
คือ จังหวะดนตรี แต่ในคําแปลตามพจนานุกรม Beat คือ จังหวะการเต้นของหัวใจ จํานวนคร้ังใน 1
นาที จังหวะของบทเพลงแต่ละเพลงจึงมีผลต่ออัตรการเต้นของหัวใจ ชีพจร ความดันโลหิต และอ่ืนๆ
ได้ 70 bpm เปน็ จังหวะท่ที ําใหร้ า่ งกายบรรเทาความทกุ ข์กังวลใจได้ดที ีส่ ุด เช่น ดนตรีคลาสสิกของโม
สาร์ท โชแปง 100-120 bpm เป็นจังหวะท่ีกระตุ้นร่างกาย ทั้งทางอารมณ์และร่างกายให้แข็งแรงสม
บรุ ณ์ท่สี ุด เชน่ จังหวะชะชะช่า วอลท์ โพลก้า และ 120 bpm ข้ึนไป เป็นจังหวะท่ีกระตุ้นอารมณ์จน
ตอ้ งลกุ ขนึ้ มาเตน้ ระบําให้คลายเครยี ดดและไดเ้ หงือ่
ดนตรีเร่ิมมีบทบาททางการแพทย์อย่างจริงจัง ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งท่ีสอง เมื่อ
กลุ่มนักดนตรีชาวอเมริกันทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพได้รวมตัวกันบรรเลงเพลงขับกล่อมทหารท่ี
ได้รับบาดเจบ็ จากสงคราม ผลปรากฎว่าผู้ปุวยเหล่านั้นมีผลตอบสนองที่ดีต่อเสียงดนตรี จนทําให้ต้อง
มีการว่าจ้างนักดนตรีให้มาช่วยในการฟื้นฟูสภาพร่างการและจิตใจของเหล่าทหารผ่านศึก จากน้ันจึง
ได้มีการนําดนตรีบําบัดมาเป็นหลักสูตรการศึกษาครั้งแรกที่ Michigan State University ปี ค.ศ.
1944 และก่อตั้ง American Music Therapy Association ในปี พ.ศ. 2510 (แพง ชินพงศ์, 2551:
Online) ดนตรสี ่วนประกอบทส่ี ําคญั อยา่ งหนงึ่ ของมนษุ ย์ ไมว่ า่ มสี ง่ิ ใดที่เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่
ส่ิงหนึ่งที่คงอยู่คู่กับโลกเรานนั่ คอื ดนตรี ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของโลก ทุกคนสามารถส่ือสารกันได้ด้วย

80

เสยี งดนตรี… สิง่ มหัศจรรยข์ องเสียงดนตรีอกี อยา่ งหน่งึ คือ การรักษาโรค วิธีการบําบัดโรคแบบแพทย์
แผนใหม่ ด้วยดนตรีบําบัด (Music Therapy) จากรายงานสถิติผู้ปุวยของกรมสุขภาพจิตระบุว่า โรค
ทุกโรคสามารถรักษาได้ด้วยดนตรี โรคหัวใจ เบาหวาน ไมเกรน เซ็กซ์เส่ือม ยกเว้นโรคท่ีมีเชื้อโรค
รวมถึงอาการสุดฮอต โรคสุดฮิต ที่ต้องได้รับการบําบัดด้วยเสียงดนตรี หดหู่ เหงา ซึมเศร้า เบ่ือ นอย
ชวี ติ ฯลฯ ตอ้ งรกั ษาด้วยวธิ ที างการแพทย์ชนิดอื่น การรักษาและการดูแลเป็นส่ิงที่ดําเนินอยู่ควบคู่กับ
การดํารงชีวิตของมนุษย์ทุกคน ในส่วนความหมายของดนตรีบําบัด (Music Therapy) วิธีการบําบัด
โรคแบบแพทย์แผนใหม่ ด้วยดนตรีบําบัด (Music Therapy) เป็นศาสตร์ท่ีว่าด้วยการนําดนตรี หรือ
องค์ประกอบอื่น ๆ ทางดนตรี มาประยุกต์ใช้ เพ่ือปรับเปล่ียน พัฒนา รักษาความสมดุลในส่วนที่
แตกต่างกันของรระบบร่างกาย รวมถึงสุขภาวะทางด้านจิตใจ อารมณ์ การมีส่วนร่วมทางสังคม ส่ิง
เหล่าน้ีเป็นจุดประสงค์หลักของการใช้ดนตรีบําบัด (Music Therapy) ท่ีนักดนตรีบําบัดต้อง
ดาํ เนนิ การปฏิบตั ิหนา้ ทต่ี ามกฏเกณฑ์ โครงสรา้ ง เพ่ือไปสู่เปูาหมายหลักในการรักษาอาการ โรคต่างๆ
ที่เกิดอาการปุวยทั้งต่อสภาพร่างกาย และสภาพจิตใจ จากการศึกษาวิจัยพบว่า ดนตรีบําบัด (Music
Therapy) สามารถรักษาอาการดา้ นร่างกาย และด้านจิตใจ

- รักษาอาการด้านร่างกาย
สามารถทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราการหายใจ อัตราการเต้นของชีพจร ความ
ดันโลหิต การตอบสนองในการควบคุมคําส่ังของสมอง นอกจากนี้ดนตรียังสามารถทําให้เกิดการ
เปล่ียนแปลงของอัตราการเต้นของหวั ใจ ความผิดปกติของการหายใจ อัตราจังหวะการเต้นของชีพจร
ความดันโลหติ การไหลเวยี นของโลหติ การตอบสนองของม่านตา ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ซึ่งการ
ใช้ดนตรบี ําบดั จะช่วยทําให้คุณมีระบบสภาวะการตอบสนองทางส่วนต่างๆของร่างกาย มีการทํางาน
ในอยใู่ นภาวะปกติ สอดรบั กับสภาพแวดลอ้ มรอบตัวทเ่ี กดิ ขน้ึ
- รกั ษาอาการด้านจิตใจ
การใชด้ นตรีบาํ บดั (Music Therapy) สง่ ผลตอ่ การรกั ษาอาการด้านจิตใจ มีส่วนช่วยใน
การสรา้ งจินตนาการ การพัฒนาทางด้านการทํางานของระบบประสาท เป็นส่วนช่วยเสริมการพัฒนา
คณุ ภาพชวี ติ ใหด้ ยี ่งิ ขึน้ การรกั ษาอาการซมึ เศร้า ขจัดความเครียดให้ไกลออกจากตัวเรา การขับกล่อม
ด้วยเสียงดนตรีจึงเป็นส่วนหน่ึงท่ีสําคัญชีวิตได้อย่างดีทีเดียว โดยการเลือกเสียงดนตรีที่มีจังหวะ และ
การเลอื กการใช้เพลงใหเ้ ขา้ กับแต่ละชว่ งอายุ จะสง่ ผลใหเ้ กดิ การรกั ษาท่ีไดผ้ ลมากยิง่ ข้นึ
ดังน้ัน ดนตรีจึงเป็นส่ือมหัศจรรย์ที่มีผลต่อร่างกาย สมอง ความคิด จิตใจและอารมณ์
ของมนุษย์ ทําใหร้ ู้สึกมีความสุข ทําใหห้ ดหู่สิ้นหวงั ก็ได้ ช่วยให้เกิดการพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ก็ได้
สามารถเติมเร่ียวแรงพลังใจในการดําเนินชีวิตก็ได้ อยู่ท่ีว่าเราจะเลือกนําดนตรีไปใช้ในทางไหน
ต่างหาก ในฐานะท่ผี ้เู ขียนเปน็ นักดนตรคี นหน่ึง อยากให้ดนตรีช่วยให้ทุกคนมีความสุขและมีความหวัง
ในชีวิต เมื่อท้อแท้ให้ดนตรีช่วยปลอบประโลมใจ เมื่อรู้สึกขุ่นมัวใช้ดนตรีเป็นเคร่ืองผ่อนคลายอารมณ์
เมอ่ื มีความสุขใชด้ นตรีสรา้ งรอยย้มิ ใหก้ วา้ งขึน้ น่ันแหละคอื การใชด้ นตรีให้มปี ระโยชน์ได้อย่างแท้จรงิ

81

บทสรปุ
การเสริมสร้างพลังจิตแห่งชีวิตด้วยพลังธาตุ สามารถเสริมด้วยพลังธาตุจากส่ิงท่ีอยู่

โดยรอบตัวประจําท้องถิ่นให้ระบบชีวิตสมดุลและสอดคล้องกับธรรมชาติ ซ่ึงศึกษาได้จาก การหายใจ
อย่างเพิ่มพลัง การเสริมสร้างพลังด้วยแม่เหล็ก การเสริมสร้างพลังด้วยไฟฟูา การเสริมสร้างพลังด้วย
แสง ซง่ึ การบริโภคอาหารอย่างเหนืออาหารด้วยสภาวะจิตว่างและมีปัญญาต่ออาหารน้ัน โดยกําหนด
จิตเป็นสมาธิในความว่างที่ปล่อยวางสบาย ๆ แล้วพิจารณาว่า “อาหารเหล่าน้ี สักแต่ว่าเป็นธาตุ
เทา่ นน้ั กําลงั เปน็ ไปตามเหตุตามปัจจยั มิใชส่ ตั ว์ มใิ ชบ่ คุ คล ขา้ พเจ้ามิได้บริโภคอาหารนี้ด้วยความเมา
มัน หรือเพ่ือประดับตกแต่ง แต่บริโภคอาหารน้ีเพื่อยังอัตภาพให้เป็นไป เพ่ือนุเคราะห์แก่การพัฒนา
ตน เพื่อขจัดเวทนาเก่าและไม่ยังเวทนาใหม่ให้เกิดข้ึน ด้วยการพิจารณาโดยแยบคายอย่างนี้ ความ
ผาสกุ จักมแี กเ่ รา” แลว้ บริโภคอาหารไปดว้ ยใจเปน็ กลาง

การหายใจให้มีพลัง คือ การหายใจให้ลึกถึงก้นปอด โดยก้นปอดจะอยู่ราวชายโครง
เมื่อหายใจลึกถึงก้นปอด ชายโครงจะพองปุองออกมา ท่านลองออกไปยืนในที่อากาศบริสุทธ์ิแล้ว
หายใจให้ลึกจนลมเต็มปอด แล้วผ่อนออกช้า ๆ สักสองสามครั้ง จะสังเกตได้ว่ากําลังวังชา ความ
กระปรกี้ ระเปรา่ เกิดข้ึนทนั ที

การเสรมิ สรา้ งพลังด้วยแมเ่ หล็ก สามารถศึกษาได้จากจักรวาล ซ่ึงพบว่าจักรวาลดํารงอยู่
ได้ด้วยสนามแม่เหล็ก ดวงดาวท้ังหลายหมุนเวียนกันอย่างเป็นระบบมีระเบียบ ด้วยอํานาจแม่เหล็ก
แห่งเอกภพ แรงดงึ ดดู ระหว่างมวลทาํ ให้เกิดสนามแมเ่ หลก็ สนามแม่เหล็กโลกดงึ ดดู ร่างกายทําให้เรามี
น้ําหนัก ทําให้เซลล์รวมหน่วยเป็นอวัยวะได้ นอกจากน้ันยังทําให้ระบบไหลเวียนตามกลไก เส้นเลือด
ในสนามแม่เหล็กก็เสมือนขดลวดในสนามแม่เหล็ก ท่ีทําให้ประจุเคล่ือนที่ไป ฉะนั้นเราสามารถเสริม
พังด้วยแมเ่ หลก็ ดว้ ยองค์ความรู้ที่ได้พบดังกล่าวโดยการนอนอย่างสอดคล้องกับพลังแม่เหล็กโลก การ
ใชแ้ ม่เหลก็ เฉพาะอาการ และการนวดเฟูน เหลา่ น้ีใหห้ นั ทิศตรงกับการไหลเวยี นทศิ ทางแม่เหลก็ โลก

การเสริมสร้างพลังด้วยไฟฟูา สามารถนําพลังไฟฟูามาใช้จะต้องคํานึงถึงการเข้ากันได้
ของประจุท่ีบรรจุเข้าไป ทั้งพิจารณาระบบวงจรให้เป็นระเบียบต่อเนื่องกันด้วย มิฉะนั้นจะเกิดปัญหา
เส้นประสาทโปุงพอง หรือปัญหาไฟฟูาช้อตเพราะลัดวงจรขึ้นมาได้ โดยเสริมสร้างพลังด้วยไฟฟูาด้วย
การใช้ไฟฟูากับร่างกายนั้น อาจใช้ได้เฉพาะท่ีร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง มีการเจริญเติบโตของเซลล์ที่
ผิดปกติ และต้องการยับย้ัง อาจใช้กระแสไฟฟูาอ่อน ๆ สัก 12 โวลท์ บรรเทาอาการได้ หรืออวัยวะ
ส่วนใดส่วนหน่ึงไม่ทํางาน อาจใช้ไฟฟูาอ่อน ๆ กระตุ้นให้ทางานได้ แต่ผลได้นี้มีผลเสียข้างเคียงด้วย
โดยหลกี เลย่ี งไมไ่ ด้

การเสริมสร้างพลังด้วยแสง สามารถเสริมพลังด้วยการดูดซับพลังจากดวงอาทิตย์ การ
เพง่ แสงสวา่ งสีต่าง ๆ และ การฉายแสงทีอ่ วัยวะ

การฝกึ จิตดว้ ยแกว้ นํ้าด้วยแบบฝึกหัดทงั้ 4 ข้ันนี้ เพือ่ ใหจ้ ิตเปน็ สมาธิและเพ่ิมพลังอํานาจ
ของจิตให้จิตมีความหนักแน่นม่ันคงและแข็งแรง ควรฝึกหัดคร้ังละ 7 วันหรือใช้เวลา 15 วัน สําหรับ
ฝึกขน้ั ท่ี 1 และขัน้ ท่ี 2 สลับกันไปแล้วจงึ ฝึกข้นั ท่ี 3 และขั้นที่ 4 ขนั้ ละ 7 วนั แล้วจะเห็นผลเพียงแค่ 7
วนั แรก จะรสู้ กึ วา่ มีอะไรดีขึ้นทั้งทางกาย และทางใจ ท่านทําแบบฝึกหัดน้ีครบ 4 สัปดาห์ ยิ่งเห็นผลดี
มากข้นึ ถา้ ท่านเปน็ คนท่ีมักตื่นเต้นตกใจง่าย ลักษณะน้ันก็จะหายไป ถ้าท่านกลัวอะไรโดยไม่มีเหตุผล
หรือสะดุ้งหวาดกลัวอยู่เป็นนิตย์ลักษณะอันน้ีจะลดน้อยลง และถ้าท่านฝึกหัดต่อไปอีกก็จะเห็นผลดี
มากขึ้นจนถึงจุดหนึ่งจิตจะไม่สะดุ้งสะเทือนไม่หว่ันไหวเมื่อมีอะไรเกิดข้ึนไม่ว่า ทางดีหรือทางร้ายไม่
เศร้าโศกไม่ขุ่นหมองปลอดโปร่งอยู่เสมอเปน็ มงคลอันสงู สดุ

82

การเพ่มิ พลังชีวิตทีน่ ่าสนใจ เป็นพลงั ชีวติ ของคนเรา โดยข้นึ อยู่กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา
ด้วยตง้ั แต่การนอนการกินการขบั ถา่ ยการทางานการออกกําลงั กายการหายใจรบั อากาศท่ีบริสุทธิ์ และ
อารมณ์มีผลต่อพลังชีวิตการมีจิตเมตตากรุณาการคิดช่วยเหลือผู้อ่ืนการให้ทาน รักษาศีล ประพฤติ
ปฏิบัติธรรม การงดเว้นอาหารเน้ือสัตว์ การสวดมนต์ไหว้พระ มีผลอย่างมีนัยสําคัญกับพลังชีวิตและ
พลังจิต และสามารถเสริมพลังชีวติ ด้วยเสน้ พลงั หลกั ซง่ึ มที ้ังหมด 24 เส้น ว่ิงผ่านเย่ือหุ้มหัวใจหัวใจตับ
ไตไส้พุงม้ามกระเพาะอาหารกระเพาะปัสสาวะถุงนํ้าดี โดยเส้นพลังหลักอยู่ด้านซ้ายของร่างกาย 12
เส้นด้านขวาของร่างกาย 12 เส้น และเสริมพลังชีวิตด้วยการฝึกผ่อนคลายร่างกาย โดยมีทั้งหมด 4
ส่วน คือ ด้านหน้าด้านหลังด้านซ้ายและด้านขวาแล้วยังแบ่งแต่ละด้านออกเป็นส่วนย่อย ๆ อีกหลาย
ส่วนจากบนลงล่าง ซ่ึงทั้ง 4 ส่วนดังกล่าวจําเป็นต้องนวดเพ่ือผ่อนคลายร่างกายให้ตรงตําแหน่งจักระ
หลัก ๆ ซึ่งร่างกายมีจักระหลัก ๆ ท้ังหมด 7 ตําแหน่ง ฉะน้ันจึงจําเป็นต้องนวดอย่างถูกวิธีและ
เหมาะสมตามตําแหนง่ จกั ระดังกล่าวเพอ่ื เสรมิ พลังชีวติ อย่างสมบรู ณ์

การเสรมิ สร้างพลงั ธรรมชาตดิ ว้ ยศาสตรฮ์ วงจยุ้ หรอื พลังช่ี ซึง่ ทงั้ สองศาสตรน์ ี้เป็นมรดก
ภมู ปิ ัญญาของโลกตะวนั ออก ไดแ้ ก่ ประเทศจีน ซ่ึงเน้นให้มนุษย์หลอมรวมเป็นหน่ึงเดียวกับธรรมชาติ
โดยต้องเรม่ิ ตน้ ให้มนุษย์รูจ้ กั ธรรมชาติใหเ้ ขา้ ใจถ่องแทเ้ สียกอ่ น แลว้ นําธรรมชาติรอบตัวมาประยุกต์ให้
หลอมรวมเป็นหน่ึงเดียวกับธรรมชาติ เช่น การฝึกพลังชี่ด้วยลมหายใจ หรือแม้กระทั่งการ จัด
สง่ิ แวดล้อมภายในบา้ นใหเ้ ข้ากบั สภาพดินฟูาอากาศและทิศทางต่าง ๆ ใหส้ มดุลกบั ธรรมชาติ

ดนตรี จัดได้ว่าเป็นส่ือมหัศจรรย์ที่มีผลต่อร่างกาย สมอง ความคิด จิตใจและอารมณ์
ของมนษุ ย์ ทําให้รสู้ กึ มคี วามสุข ทาํ ใหห้ ดหู่ส้ินหวังกไ็ ด้ ชว่ ยให้เกิดการพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ก็ได้
สามารถเติมเรี่ยวแรงพลังใจในการดําเนินชีวิตก็ได้ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกนําดนตรีไปใช้ในทางไหน
ตา่ งหาก ในฐานะท่ผี ูเ้ ขยี นเปน็ นักดนตรคี นหนึง่ อยากใหด้ นตรีช่วยให้ทุกคนมีความสุขและมีความหวัง
ในชีวิต เม่ือท้อแท้ให้ดนตรีช่วยปลอบประโลมใจ เมื่อรู้สึกขุ่นมัวใช้ดนตรีเป็นเคร่ืองผ่อนคลายอารมณ์
เม่ือมีความสขุ ใช้ดนตรสี รา้ งรอยย้มิ ใหก้ ว้างขึ้น นนั่ แหละคือการใช้ดนตรใี หม้ ปี ระโยชน์ไดอ้ ย่างแทจ้ ริง

การฝึกพลังจติ ทางวิทยาศาสตรม์ กั เน้นไปทางการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวโดยมีอุปกรณ์
หรือ เคร่ืองมือเป็นอุบายช่วยให้จิตเกิดสมาธิ เม่ือเกิดสมาธิแล้วจะทําให้มีพลังทางจิตได้โดยวัดผ่าน
เครอ่ื งมอื ทางวทิ ยาศาสตร์เป็นผลการทดสอบวา่ ประสบผลสําเรจ็ หรือลม้ เหลว สว่ นใหญ่สงั เกตได้ว่าจะ
ใช้ลมหายใจเป็นปัจจัยท่ีสําคัญในการฝึกพลังจิตในทางวิทยาศาสตร์เพ่ือให้เกิดประสิทธิผลท่ีสมบูรณ์
จึงไม่แปลกที่คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนายกย่องว่าการเจริญอานาปานสติให้อานิสงส์มาก สามารถ
เจริญได้ทุกจรติ เป็นต้น

การเสริมพลังด้วยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์มีมากมายท่ีได้รับความนิยมจากแวดวงสุข
ภาวะองค์รวมหรือชีวจิต เช่นการเสริมพลังด้วยแสง เสียง ไฟฟูา แม่เหล็ก ลมหายใจ และการล้างพิษ
เป็นต้น ซึง่ อาศัยเครอื่ งจากภายนอกดงั กลา่ วเป็นปัจจยั สาํ คัญ เพราะสามารถทดลอง พิสูจน์ และจูงใจ
เชิงประจักษ์ อนึ่งเป็นการแสดงเชิงสะท้อนเชิงชีวภาพโดยเคร่ืองมือ ทางวิทยาศาสตร์หรือ
Biofeedback จึงได้มีศาสตร์ต่าง ๆ มากมายท่ีเป็นอานิสงส์จากการศึกษาวิทยาศาสตร์ทางจิต เช่น
มายาจิต สะกดจิต ปรจิตวิทยา โทรจติ จิตวทิ ยา เป็นต้น

83

ค้าถามท้ายบท

1. การฝึกหายใจเพิ่มพลังชีวิตระหว่างวิทยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนามีความสอดคล้องกันอย่างไร
บ้าง จงยกตวั อยา่ งประกอบ

แนะแนวค้าตอบ ศึกษาการบริหารสมองหรือแนวคิดทางจิตวิทยา (ทางวิทยาศาสตร์) และศึกษาอา
นาปานสติของพระพทุ ธศาสนา
2. การฝกึ พลังจติ ดว้ ยแกว้ นํา้ ไดป้ ระโยชนอ์ ะไรบ้าง
แนะแนวคา้ ตอบ ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนประจํารายวชิ าพลังมหัศจรรยแ์ ห่งชวี ติ ประกอบ
3. การเสริมพลังด้วยแม่เหล็กที่แพร่หลายในประเทศไทย มีองค์กรหรือสํานักใดบ้างท่ีสนใจเร่ืองน้ี

และมีประโยชนอ์ ย่างไรต่อการรักษาสขุ ภาพ
แนะแนวค้าตอบ ศึกษาจากงานวิทยาศาสตร์ทางจิตประจําปีต่าง ๆ และสมาคมวิทยาศาสตร์ทางจิต
แห่งประเทศไทย เป็นตน้
4. การเสริมพลงั ชวี ิตด้วยไฟฟูาโดยมาตรฐานใชก้ โ่ี วลท์ เพราะเหตุใด
แนะแนวคา้ ตอบ ศึกษาความรู้ทีไ่ ดจ้ ากชวี ฟิสกิ ส์ และวทิ ยาศาสตร์ทางจติ
5. การเสรมิ พลงั ดว้ ยแสง สามารถแสดงภาวะพลังชีวติ ของมนษุ ยไ์ ด้อยา่ งไรบ้าง
แนะแนวค้าตอบ ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนประจํารายวชิ าพลงั มหัศจรรย์แหง่ ชวี ติ
ประกอบ และวารสารวทิ ยาศาสตร์ทางจิตจากสถาบนั ตา่ ง ๆ
6. การเสริมพลังดว้ ยดนตรี สามารถชว่ ยบาํ บดั อาการปุวยทางจิตของมนุษยไ์ ด้อย่างไรบ้าง
แนะแนวคา้ ตอบ ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนประจํารายวิชาพลงั มหัศจรรย์แห่งชีวติ
ประกอบ และวารสารสงขลานครินทร์เวชสาร

84

เอกสารอา้ งอิง

ก. เอกสารช้ันปฐมภูมิ

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎก ฉบับภาษาไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหา
จฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั .

ข. ชัน้ ทุติยภมู ิ

ไชย ณ พล. (2540). การเสริมสร้างพลงั อ้านาจแห่งชีวติ . กรุงเทพฯ: เคลด็ ไทย.
พระธรรมปฎิ ก (ป.อ. ปยุตโฺ ต). (2545). พจนานุกรมพทุ ธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม. กรุงเทพฯ:

สอื่ ตะวนั .
_______. (2544). พทุ ธธรรม. กรุงเทพฯ: สาํ นักพิมพ์ธรรมสภา.
พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ. (2545). รอยไอยรา 8. กรุงเทพฯ: ศรีเมอื งการพิมพ.์
ศศิธร พมุ ดวง. (2548, พฤศจกิ ายน). “ดนตรีบําบดั ”. สงขลานครินทร์เวชสาร, 23 (3):

186.
Guzzetta CE. (1997). Music therapy. In: Dossey BM, editor. Core curriculum for

holistic nursing. Gaithersburg: an Aspen.
ไทยรฐั ออนไลน์. (2553). พลงั มหัศจรรย์แห่งดนตรี กระต้นุ สมองหลัง่ สารแห่งความสุข.

[ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: https://www.thairath.co.th/content/life/125331. ‎วนั ท่ี
สืบค้น 2553, พฤศจิกายน. 10.
แพง ชินพงศ.์ (2551). ดนตรเี พิม่ พลังสมอง . [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก:
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9510000093735. ‎
วันที่สบื คน้ 2551, พฤศจกิ ายน. 2.
มูลนธิ ินวชีวัน. (2554). พลังชวี ิตกับสขุ ภาพ ? บทท่ี 2: พลังชีวติ มาจากไหน. [ออนไลน์]. เข้าถงึ
ไดจ้ าก: http://www.nawachione.org/2012/10/28/life-energy-and-health-02/. ‎
วันทส่ี ืบค้น 2554, ตลุ าคม. 28.
วารสารสอ่ื ชมุ ชน. (2553). บ้าน”... จุดเร่ิมเพ่ิมพลังชวี ิต. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก: http://
www.vcharkarn.com/varticle/42785. ว‎ ันท่ีสืบคน้ 2553, กันยายน. 5.
สารชมรมศาสนาและการกุศล. (2553). การเพิม่ พลงั ชีวติ ทนี่ ่าสนใจ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
http:// www.mongkoldham.com/text%5CsanRMC_59.pdf. ว‎ ันท่สี บื คน้ 2553,
กนั ยายน. 5.
หลวงวจิ ิตรวาทการ. (2553). เรื่องของจิต. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก: http://
www.homebankstore.com/dl/psy/048.pdf. ว‎ ันท่สี บื คน้ 2553, กนั ยายน. 10.

85

แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 4

บทท่ี 4 การวัดพลงั รงั สีออรา่ ของมนษุ ย์

หัวขอ้

4.1 ความหมายออรา่
4.2 รงั สีมนษุ ย์
4.3 สีของออร่าและความหมาย
4.4 แสงกายทพิ ย์
4.5 ความสาคญั ของออรา่
4.6 บทสรุป

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม

1. นักศกึ ษาสามารถใชเ้ ครื่องฉายรังสีออร่าทงั้ แบบกลอ้ งและคอมพิวเตอร์ได้
2. นักศึกษาสามารถอธิบายค่าความหมายของสีออรา่ ที่ได้จากหลงั ถา่ ยภาพได้
3. นกั ศกึ ษาสามารถแนะแนวทางการปรับเปลย่ี นทา่ ทีตอ่ การใชช้ ีวติ ท่ดี ี ประกอบกบั ใช้หลักการ

พฒั นาตนเองได้ หลังจากทฉ่ี ายเครื่องรงั สีออร่าแลว้
4. นักศกึ ษาสามารถเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งจริตตา่ งๆ ได้
5. นกั ศกึ ษาแลกเปลีย่ นเรยี นรรู้ ะหว่างเพือ่ นรว่ มช้นั ในประเด็นสาคญั ๆ ได้
6. นักศึกษาสามารถนาหลกั พุทธธรรมประยุกต์กบั แนวคดิ วทิ ยาศาสตร์ได้อย่างสัมพนั ธส์ อดคล้อง

กจิ กรรมการเรียนการสอน

1. นกั ศึกษาทุกคนรว่ มกันแลกเปล่ียนประสบการณ์การใชเ้ คร่ืองฉายรังสีออร่า
2. นกั ศกึ ษาเรยี นรู้หลกั การใชเ้ คร่ืองมือวดั รงั สีออร่าทง้ั แบบถ่ายภาพและแบบคอมพวิ เตอร์
3. นักศกึ ษาทดลองฉายภาพรงั สีออร่าระหวา่ งเพ่ือนด้วยกนั
4. นกั ศกึ ษาอ่านคา่ สตี ่างๆ หลังจากถ่ายภาพรังสีออร่าของเพอื่ นร่วมชนั้ เรยี นแลว้
5. นักศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเพื่อนในชั้นเรียนถึงความถูกต้องระหว่างผลของค่าสีที่ได้ฉาย

ภาพแลว้ กับประสบการณ์ชีวติ จริงของเพ่อื นรว่ มชน้ั เรยี นท่ีถูกฉายภาพรงั สอี อร่า
6. อาจารย์สรุปเทคนคิ และการอา่ นค่าสีตา่ งๆ
7. นกั ศกึ ษาและอาจารย์ร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึงการนาไปใช้ประโยชน์หลังจากท่ีได้ทากิจกรรม

รว่ มกนั ในชนั้ เรียน

สอื่ การเรยี นการสอน

1. เอกสารประกอบการสอน
2. หนังสืออา่ นประกอบ (บรรณานกุ รม)
3. ส่อื มัลติมเี ดยี
4. ส่อื ออนไลน์

86

5. เคร่ืองฉายรังสอี อรา่ ทัง้ แบบดิจติ ัลและแบบฟิล์ม

การวดั ผลและประเมนิ ผล

1. การเขา้ ชัน้ เรียน
2. ทาแบบฝกึ หัดท้ายบท
3. ความมสี ่วนร่วมในชนั้ เรยี น เชน่ การสอบถาม การแลกเปลี่ยนความรู้
4. การอภปิ รายหนา้ ชัน้ เรยี น

บทท่ี 4

การวดั พลงั รงั สอี อรา่ ของมนษุ ย์

การศึกษาการวัดพลังรังสีออร฽าของมนุษย์นั้น มีความจาเป็นต฾องทาความเข฾าใจและร฾ู
รอบในธรรมชาติของออรา฽ มนษุ ย์เป็นพื้นฐาน หากขาดความร฾ูความเข฾าใจที่มาและความจริงของออร฽า
ในมนุษย์แล฾ว จะทาให฾ผ฾ูศึกษาหรือผู฾สนใจไม฽เข฾าใจหรือไม฽ร฾ูทั่วถึงในบริบทท่ีจะศึกษา อีกทั้งทาให฾ขาด
แก฽นความร฾ูทแ่ี ท฾จริงของออร฽าในมนุษย์ เพราะฉะนั้นการไดท฾ ราบธรรมชาติของออร฽าในมนุษย์น้ัน เป็น
การเปิดประตูไปส฽ูองค์ความร฾ูของออร฽าในมนุษย์ท่ีแท฾จริงได฾ ดังน้ันจึงจาเป็นต฾องศึกษาพลังมหัศจรรย์
แห฽งแสงออร฽ามนุษย์ว฽ามีรูปแบบลักษณะพลังออร฽าในร฽างกายมนุษย์มีลักษณะอย฽างไร โดยเฉพาะ
ความพิเศษของวิวัฒนาการสูงสุดของส่ิงมีชีวิตอย฽างสปีชีส์มนุษย์ เพราะพลังออร฽าในร฽างกายมนุษย์มี
ความสลับซบั ซ฾อน การทาความเข฾าใจในพลังออร฽าน้นั จาเป็นตอ฾ งเขา฾ ใจในหลายมิติ

ดังน้ัน จึงจาเป็นต฾องศึกษาให฾รอบด฾านเกี่ยวกับพลังรังสีออร฽าของมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อให฾ผ฾ู
ศึกษาหรอื ผูส฾ นใจ ที่เกิดความอยากร฾ูอยากเห็น หรือสงสัยน้ัน ได฾พบกับความจริงและความมหัศจรรย์
แห฽งแสงออร฽าในมนุษย์จนเกิดความเล่ือมใสศรัทธา เกิดปีติแรงกล฾าเร฾ากุศลธรรมให฾ยิ่ง ๆ ข้ึนไป และ
สามารถนาไปประยุกต์ใช฾ประโยชน์จากออร฽าในชีวิตประจาวันได฾จริง ซึ่งเป็นเร่ืองใกล฾ตัวและทุกคน
สามารถทาได฾ในทุกท่ีทุกเวลา เพียงแต฽เราต฾องรู฾ว฽าจะใช฾อย฽างไร มีประโยชน์ตรงไหน และท่ีสาคัญมี
สาระสาคัญนาไปประยุกต์เรื่องต฽าง ๆ ท่ีเกี่ยวข฾องในชีวิตประจาวันอย฽างไร คาตอบจากคาถามเหล฽านี้
ผ฾ูเขยี นจึงไดก฾ าหนดหวั ข฾อตา฽ ง ๆ ดงั ตอ฽ ไปนี้

4.1 ความหมายออรา฽
4.2 รังสมี นุษย์
4.3 สขี องออร฽าและความหมาย
4.4 แสงกายทพิ ย์
4.5 ความสาคญั ของออร฽า
4.5 บทสรุป

ความหมายออรา่
คาว฽า “ออร฽า” เป็นคาเรียกช่ือของแสงสีต฽าง ๆ ที่เปล฽งรัศมีออกจากเรือนกายหรือวัตถุ

นน้ั ๆ ออกมาได฾หลายลกั ษณะ หรอื เป็นพลังหรือรัศมีทอี่ อกมาจากคนหรือสิง่ ของ
คาวา฽ ออร฽า ในภาษาลาติน แปลว฽า อากาศ ซ่ึงมาจากภาษากรีก แปลว฽า ลมหายใจแสง

ออร฽าอาจจะเป็นแสงสีต฽าง ๆ กัน ซึ่งตาเปล฽ามองเห็นหรือเป็นรังสีแสงท่ีตาเปล฽ามองไม฽เห็น แต฽
สามารถมองเห็นได฾ดว฾ ย “ทิพย์จกั ษ”ุ

“ออร฽า” (aura) หรือการเปล฽งรงั สแี สง หรือรัศมีเรืองรองบางอย฽างออกมารอบตัว กล฽าว
กนั ว฽า การเปล฽งรศั มีเหล฽านี้ มีความเข฾มข฾นแตกต฽างกันไปในแต฽ละบุคคล โดยเฉพาะอย฽างย่ิงจะปรากฏ
เข฾มข฾นเฉิดฉายมากในบุคคลท่ีมีพัฒนาการทางจิตอย฽างสูง และรองลงมาจะมีรังสีแจ฽มใสกระจ฽างใน
บุคคลทม่ี ีจติ ใจอยใู฽ นสภาวะปีติเบิกบานอย฽เู สมอ ๆ

ภาษาอังกฤษ คาว฽า aura (ออ'ระ) n., (pl. auras, aurae) แปลว฽า กลิ่นไอ, รัศมี, กลด,
กระแสลม, ไฟฟูา, แสงสวา฽ ง, ความรู฾สกึ สงั หรณ์ (aural-adj.) (Longdodict, 2555: Online)

88

ออร฽า คือ สิ่งที่ดารงอยู฽ในธรรมชาติ ในภาษาวิทยาศาสตร์ คือ พลังแม฽เหล็กไฟฟูาท่ี
สภาพเหมือนกับแคปซูลท่ีคลุมอยู฽รอบตัวเรา ออร฽า สามารถเปลี่ยนแปลงได฾ อาจจะขยายใหญ฽ขึ้น
อาจจะเข฾มข฾นข้ึนหรืออาจะเบาบางลงก็ได฾ ซ่ึงในผู฾ปุวยท่ีใกล฾จะเสียชีวิต จะตรวจพบว฽า พลังออร฽าจะ
ลดต่าลงไปมากจนเกือบไมม฽ ี และเม่อื เสยี ชวี ิต พลงั ออราก็จะหมดไปจากร฽างกาย

ออร฽า คือ รังสีกายทิพย์ มีสภาพเป็นคล่ืนไฟฟูาห฽อห฾ุมรอบตัวเราอย฽ู คล่ืนรังสีนี้มีอย฽ูเป็น
ปกติในสิ่งมีชีวิตต฽าง ๆ ท้ังมนุษย์ สัตว์ พืช หรือแม฾แต฽ส่ิงมีชีวิตเม่ือตายไปใหม฽ ๆ เช฽น ใบไม฾ถูกตัด
บริเวณบางส฽วน เม่ือรุกจากที่น่ัง เป็นต฾น ฉะนั้นแสงออร฽าสามารถเปล่ียนแปลงได฾ ขึ้นกับหลายเหตุ
ปัจจัย แต฽ก็สามารถบ฽งบอกนิสัย บุคลิกของคนๆ นั้นในช฽วงเวลาขณะนั้นอย฽างคร฽าวๆ ได฾ หรืออาจบ฽ง
บอกถึงโรคภัยไข฾เจ็บทางกายได฾ ซึ่งก็ไม฽แปลกนัก เพราะเคร่ืองฉายภาพรังสีออร฽านั้นเป็นรุ฽นแรกๆ ท่ี
พัฒนามาพร฾อมกับเคร่ืองตรวจสแกนร฽างกาย อาทิเช฽น เคร่ือง CT-SCAN (Computed
Tomography) , MRI (Magnetic Resonance Imaging) โดยความเห็นส฽วนตัวของผ฾ูเขียนแล฾ว เห็น
ว฽าแสงออร฽าเป็นเรื่องธรรมชาติ ส฽วนการถ฽ายรูปออร฽าด฾วยกล฾องเกอร์เลี่ยนเป็นรูปแบบหนึ่งทาง
วิทยาศาสตร์ท่ีช฽วยพิสูจน์ให฾มนุษย์ได฾ร฾ูในสิ่งท่ีปกติไม฽สามารถมองเห็นได฾ด฾วยตาเปล฽า อย฽างไรก็ตามก็
เชอ่ื วา฽ หากคนเราปฏิบตั ิตนอยูใ฽ นคุณงามความดี แม฾ไม฽ใช฽ผู฾ปฏิบัติธรรมภาวนาอะไร แต฽มีสานึกท่ีพูดดี
คดิ ดี ทาด.ี .กไ็ มต฽ ฾องไปสนใจว฽าแสงออรา฽ ของตนจะมีสีสันสว฽าง สดใส สะอาด แถบสีเนื้อละเอียดเป็นไป
แนวเดียวกัน ไม฽มีร฽องรอยฉีกขาดหรือสอดแทรกจากภายนอก ซึ่งต฽างจากผ฾ูมีจิตใจเศร฾าหมองหรือผู฾ที่
อยูส฽ ภาพแวดลอ฾ มไม฽ดี สีท่ีปรากฏมกั จะหมองคล้า ทึบ ไม฽สะอาดสดใส ไม฽เป็นระเบียบ มีรอยแยกหรือ
ฉกี ขาดใหเ฾ ห็น เปน็ ต฾น (เบริ ธ์ ณ ภัทรดิศ, 2549: Online)

เพราะฉะนั้น ออร฽าของมนุษย์ คือ สนามพลังแห฽งชีวิตที่มีวิวัฒนาการตามธรรมชาติข้ัน
สูงสุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกใบน้ี และเป็นสิ่งบ฽งบอกถึงคุณลักษณะ ศักยภาพในด฾านต฽าง ๆ
สุขภาวะองค์รวมของมนุษย์ทกุ คน

จากที่กล฽าวมาท้ังหมดทาให฾เราได฾ทราบว฽า ออร฽า คือ รังสีรอบกายทั้งส่ิงมีชีวิตและไม฽มี
ชีวิต ซึ่งรัศมีหรอื แสงท่ฉี ายออกมาจากสิง่ มชี วี ติ ออกมาได฾หลายลักษณะ โดยท่ีแสงออร฽าเป็นการแผ฽รังสี
แมเ฽ หล็กไฟฟูาของอนุภาคภายในสสาร เหมือนกับท่ีดาวฤกษ์บนท฾องฟูาส฽องแสงต฽างกัน เพราะอนุภาค
พ้ืนฐานบนดาวฤกษ์เหล฽าน้ันแตกต฽างกัน แสงออร฽ามีคุณสมบัติท่ีสาคัญประการหน่ึงก็คือ เราสามารถ
ตีความข฾อมูลเก่ียวกับสสารจากแสงออร฽าประจาตัวได฾ เช฽นเดียวกันกับที่นักดาราศาสตร์สามารถระบุ
อุณหภูมิท่ีพื้นผิวของดาวฤกษ์ได฾โดยการสังเกตสีน่ันเอง อย฽างไรก็ตามแสงออร฽าของส่ิงมีชีวิตจะ
เปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลาได฾อย฽างรวดเร็ว ในขณะท่ีแสงออร฽าของสิ่งไม฽มีชีวิตจะค฽อนข฾างคงที่ ซ่ึง
เรยี กวา฽ Kirlian Effect

รังสีมนุษย์
จากร฽องรอยหลักฐานภาพวาดตามถ้า โบราณวัตถุ-โบราณสถาน หรือหลักฐานทาง

โบราณคดตี า฽ ง ๆ ในอารยธรรมมนษุ ย์ตัง้ แตอ฽ ดีตจนถึงปัจจบุ ันนั้น เราจะพบเหมอื นกนั วา฽ แสงออร฽านั้น
มนษุ ยเ์ รารจู฾ กั มนั มาต้งั แต฽โบราณกาลแล฾วหรือแรกเร่ิมท่ีมีมนุษย์ถือกาเนิดข้ึน พิสูจน์ได฾จากรัศมีท่ีออก
จากเรือนกายของมนุษย์หรือวัตถุสิ่งของต฽าง ๆ หรือส่ิงศักด์ิสิทธ์ิท่ีมนุษย์เหล฽านั้นบูชาอยู฽ ซ่ึงมีให฾เห็น
อยู฽ทัว่ ทกุ มมุ โลกเหมอื นกนั จงึ ไม฽แปลกใจนักท่ีมนุษย์สมัยโบราณมักมีพิธีกรรมทางศาสนาติดต฽อกับส่ิง
ศักดิ์อยู฽เสมอ อาจเป็นไปได฾ว฽าสมัยโบราณมนุษย์มีความใกล฾ชิดกับธรรมชาติมากและจิตใจ

89

ละเอียดอ฽อน เข฾าถึงธรรมชาติของชีวิตได฾ง฽ายกว฽า เหตุปัจจัยทั้งหมดนี้จึงสามารถเห็นแสงออร฽าได฾ง฽าย
กว฽ามนุษย์ในสมัยปัจจุบัน (ยุคดิจิตอล) ซึ่งต฾องคลุกคลีกับเทคโนโลยีสารสนเทศและความ
เจริญก฾าวหน฾าทางด฾านวตั ถดุ ฾วยอิทธิพลวทิ ยาศาสตร์

แสงออรา฽ ของคนเป็นแสงรัศมีท่ีล฾อมรอบกายหยาบอยู฽ทุกทิศทุกทาง แสงออร฽ามีสามมิติ
คนท่มี สี ขุ ภาพแข็งแรง แสงอออร฽าจะเป็นรูปกลมรีหรือรูปไข฽ล฾อมรอบกายหยาบ คนทั่วไปจะมีแสงออ
ร฽าล฾อมรอบกายหยาบในระยะแปดถงึ สิบฟุต ซึ่งผ฾ูมีบุญญาธิการหรือมีบารมีสูงแสงออร฽าจะแผ฽รัศมีไกล
หลายกิโลเมตรเลยทีเดียว และไม฽แปลกใจเลยที่ผ฾ูมีบุญญาธิการหรือผู฾มีบารมีสูง (มักจะเป็นศาสดา
หรือผู฾นาศาสนา หรือเกจิอาจารย์) ทาให฾เหล฽าสานุศิษย์จากทั่วทุกสารทิศต฽างหลั่งไหลเข฾ามามากมาย
ในบริเวณที่เขาเดินทางไปหรือประจาท฾องท่ีน้ันๆ ซึ่งเรามักเห็นภาพผู฾นาศาสนาในสมัยโบราณจะ
ปรากฏแสงรัศมีที่คนส฽วนใหญ฽มองเห็นได฾ง฽ายอยู฽เสมอ เพราะฉะน้ันผ฾ูท่ีมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี
มากเท฽าไหร฽ แสงออร฽าก็ยิ่งจะมีแรงสั่นสะเทือนมากและแผ฽รัศมีได฾ไกลมากขึ้นเท฽าน้ัน แสงออร฽ายิ่งมี
แรงสน้ั สะเทือนมาก เราจะย่ิงมีพลังทาส่ิงที่ต฾องทาและอยากทามากขึ้น ยิ่งแสงออร฽าแรงมาก เราก็จะ
ยิง่ ไดร฾ บั ผลกระทบจากพลงั ภายนออกน฾อยลง ซึง่ บง฽ ชี้วา฽ มคี วามเขม฾ แข็งของเรา แสดงความเป็นตัวของ
ตัวเองมากขนึ้ อสิ ระมากข้นึ

แสงออร฽าย่ิงอ฽อนก็จะยิ่งทาให฾พลังภายนอกเข฾ามาก฽อกวนเราง฽ายข้ึน ทาให฾เราถูก
ครอบงาและร฾ูสึกเหน็ดเหน่ือยมากข้ัน แสงออร฽าที่อ฽อนแออาจส฽งผลให฾เราร฾ูสึกล฾มเหลว เจ็บปุวย และ
ไม฽ประสบความสาเร็จในชีวิต การควบคุมสภาพแวดล฾อมเร่ิมด฾วยการควบคุมพลังของตนเองก฽อน เรา
จะไดเ฾ รยี นรู฾วธิ เี พ่ิมความแขง็ แกร฽งและขยายรัศมีของแสงออรา฽ ไดต฾ ามความต฾องการได฾

ดังน้ัน ออร฽าหรือการเปล฽งรังสีแสงเรืองสีต฽าง ๆ หรือรัศมีเรืองรองบางอย฽างออกมา
รอบตัวซึ่งอาจเป็นแสงเรืองสีต฽าง ๆ กัน โดยสามารถมองด฾วยตาเปล฽าเห็นได฾ หรือเป็นรังสีแสงที่ไม฽
สามารถมองเห็นได฾ดว฾ ยตาเปลา฽ แต฽สามารถมองเห็นไดด฾ ว฾ ยตาทิพย์ (ทพิ ยจักขุ) ก็อาจเป็นได฾ ดังนั้นเรา
จะเห็นว฽าการเปล฽งรัศมีเหล฽าน้ีมีความเข฾มข฾นแตกต฽างกันไปในแต฽ละบุคคล โดยเฉพาะอย฽างยิ่งจะ
ปรากฏสีเข฾มข฾นชัดใสเจิดจรัสเฉิดฉายมากในบุคคลที่มีพัฒนาการทางจิตอย฽างสูง และรองลงมาจะมี
รศั มีแสงสแี จม฽ กระจ฽างหรือสีสดใสในบุคคลท่ีมีจิตใจอย฽ูในสภาวะปิติเบิกบานอย฽ูเสมอ ๆ ส฽วนรัศมีแสง
สีที่หม฽นหมอง มืดคล้า ไม฽กระจ฽างใส ดูลักษณะขุ฽นมัวหรือพล฽า แสดงให฾เห็นชัดเจนในบุคคลที่เต็มได฾
ด฾วยปญั หาวกิ ฤตทิ างจติ ใจและสขุ ภาพ

มีเรื่องกล฽าวขวัญล้าลือกันมามายเกี่ยวกับผู฾ทรงศีล นักบุญ นักบวช ทั้งของตะวันออก
และตะวนั ตกที่สามารถเปล฽งรังสอี อร฽าออกจากร฽างกายจนทาให฾คนธรรมดาสามารถมองเห็นได฾ดัวยตา
เปล฽า เร่ืองราวน้ีมีมูลความจริงอยู฽บ฾าง เพราะมีปรากฏอย฽ูในบันทึกและคาให฾การจากผู฾ที่เชื่อถือได฾
ดังเช฽นจากบันทึกของโปฺบ เบเนติคท่ี 14 และดร.แนนดัวร์ โฟดัวร์ นักปรจิตวิทยา หรือ
parapsychologis ไดอ฾ ธิบายไว฾ว฽าพวกนักบญุ และผชู฾ านาญการศาสนาทางตะวันตกได฾จาแนกลักษณะ
ของออรา฽ ไว฾ 4 แบบ ด฾วยกัน กลา฽ วคอื

1. แบบ นิมบัส (Nimbus) คือแบบที่มีออร฽าแผ฽ออกมาในลักษณะคล฾ายการ “ทรงกลด”
เปน็ รัศมีทรงกลมรอบศรี ษะ

2. แบบ ฮาโล (Halo) เป็นแบบการแผ฽รังสีท่ีมีลักษณะคล฾ายวงแหวนแผ฽ออกมารอบ
ศีรษะเหมอื นกัน

3. แบบ ออรีโอลา (Aureola) เปน็ แบบลกั ษณะแผร฽ งั สี คลา฾ ยเปลวเพลงิ ทรงกลด
4. แบบ กลอรี (Glory) เป็นลกั ษณะแสงเรอื งเปลง฽ ปลั่งเรอื งรองแผอ฽ อกมารอบร฽างกาย

90

แสงออร฽าไม฽ใช฽เรื่องใหม฽หลายๆ คนอาจจะมองออร฽าไม฽เห็น แต฽ทุกคนสามารถรับข฾อมูล
และความร฾สู กึ จากแสงออรา฽ ของผ฾ูอน่ื ได฾ จากประสบการณด์ ังนี้

1. รส฾ู กึ สดชน่ื หรอื หอ฽ เหยี่ ว เมอื่ ได฾ยนิ เสยี งใครบางคน
2. รส฾ู กึ ว฽าเพ่อื นคุณสวยหรือหลอ฽ เปน็ พเิ ศษ เมื่อสวมเสือ้ ผ฾าสใี ดสหี นึ่ง
3. รสู฾ ึกว฽าคุณสดช่ืนขนึ้ เมือ่ สวมเสื้อผา฾ สใี ดสหี นง่ึ
4. ร฾ูสึกวา฽ มคี นจอ฾ งมองอย฽ู เมือ่ เหลียวกลับไปก็มคี นจ฾องอยู฽จรงิ
5. รู฾สกึ ชอบหรือเกลยี ดข้ีหนา฾ คนบางคน ทัง้ ๆ ทีเ่ พงิ่ พบกนั เปน็ ครง้ั แรก
6. รส฾ู กึ โกรธหรือสงบเมื่อย฽างเทา฾ เข฾าไปในสถานทบ่ี างแหง฽
7. รสู฾ กึ ว฽าคนท่ีคยุ ดว฾ ยไม฽จรงิ ใจกับคุณ และภายหลังคุณพบว฽าความรูส฾ กึ นัน้ ถกู ตอ฾ ง
สาหรับแสงออร฽าน้ัน บุคคลที่มีความคิดดี มีสมาธิดี มีสติปัญญา มีความขยันหม่ันเพียร
มีความสดช่ืน สดใส แสงออร฽าก็จะแผ฽กว฾างออก ย่ิงมีพลังมากก็จะแผ฽กว฾างมากหรือรัศมีเป็นวงกว฾าง
มากน่นั เอง หากบุคคลใดที่ไม฽มีสมาธิ ขาดสติปัญญา แสงออร฽าก็จะน฾อยไม฽มีพลังหรือรัศมีเป็นวงกว฾าง
นอ฾ ย
ความจริงเก่ียวกับธรรมชาติของเปลวแสงท่ีห฽อหุ฾มอย฽ูรอบตัวมนุษย์บางคน หรือรังสีที่
เปล฽งออกมารอบศีรษะของคนบางคนน้ี ไม฽เหมือนกบั เปลวไฟ เพราะมันไมพ฽ ริ้วสะบัดขึ้นข฾างบน แต฽มัน
พร้ิวสะบัดออกไปเป็นรัศมีรอบทิศทาง เปลวแสงนี้มิได฾เกิดขึ้นอยู฽ แค฽ภายในร฽างกายของคนแล฾วเปล฽ง
ประกายแผ฽ออกมา แต฽บางครั้งยังเกิดข้ึนได฾กับส่ิงของเครื่องใช฾ซ่ึงเป็นของคนคนนั้น หรือเป็นส่ิงของท่ี
อยูใ฽ กล฾ชิดตัวคนคนน้นั หรอื เป็นสิ่งของท่ีคนคนนนั้ ไดส฾ มั ผัส
ในทางวิทยาศาสตร์ พสิ ูจนไ์ ด฾วา฽ สมองของคนเราน้ันจะมีคลื่นพลังไฟฟูาชนิดหนึ่งท่ีเปล฽ง
รศั มเี ป็นพลังอานาจออกมา ขนาดความกว฾างและความสวา฽ งของแสงน้นั ขึ้นอย฽ูกับคล่ืนพลังสมองของผู฾
น้นั โดยแสงสีท่ีเกิดจากเซลล์ต฽าง ๆ และอวยั วะสว฽ นสมองของเราจึงบง฽ บอกถงึ สภาวะจติ ความรู฾สึกนึก
คดิ สุขภาพร฽างกายของเราว฽าเป็นอย฽างไร ใครมีความคิดดี มีสมาธิดี มีสติปัญญาความขยันหมั่นเพียร
มีความสดชื่นสดใส แสงออร฽าก็จะแผ฽กว฾างออก ย่ิงมีพลังมากก็จะแผ฽กว฾างมาก ใครท่ีไม฽มีสมาธิ ขาด
สตปิ ัญญา แสงออร฽าก็จะน฾อยไม฽มีพลัง เพราะฉะน้ันออร฽าจึงเป็นรัศมีสนามพลังงานไฟฟูาชีวภาพชนิด
หน่ึงที่ล฾อมรอบสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม฽เฉพาะมนุษย์อย฽างเราเท฽านั้น แต฽ออร฽ายังเปล฽งรัศมีท้ังสิ่งมีชีวิต
ท้งั หลายและสิ่งไมม฽ ชี วี ติ เม่อื กลา฽ วถึงสิ่งมชี วี ิตท้ังหลายนั้น ล฾วนมีน้าเป็นองค์ประกอบสาคัญอย฽ูภายใน
ร฽างกายสิ่งมีชีวิตต฽าง ๆ ทั้งสิ้น โดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ท่ีแผ฽ออกมาเป็นคล่ืนชีวภาพ ทาให฾
โมเลกุลน้าเกิดการสั่นสะเทือน จนเกิดพลังงานในท่ีสุด แรงส่ันสะเทือนน้ีส฽งผลทาให฾โครงสร฾างของ
อะตอมท่ีประกอบด฾วยโปรตรอน อิเล็กตรอนท่ีเคลื่อนนี้อย฽ูนั้น ซึ่งภายในร฽างกายจะมีอิเล็กตรอนเป็น
ประจุลบ และโคจรรอบนิวเคลียส ส฽วนโปรตรอน เป็นประจุบวกก฽อให฾เกิดการกระตุ฾นเป็นพลังงาน
ออกมา กลายเปน็ รัศมีเรืองแสง หรือออร฽านั่นเอง ซึ่งนักค฾นคว฾าสมอง นายแพทย์สตานิสลัฟ ผ฾ูค฾นคว฾า
เรอื่ งสมองในงานช่ือ Beyond the Brain เมือ่ ปี ค.ศ.1985 และ อลั เบิรต์ ไอนส์ ไตน์ ต฽างให฾ความเห็น
เดียวกันว฽า การส่ันสะเทือนของความถ่ีในเซลล์สมองจะกระตุ฾นสมองกลีบขมับหรือTemporal lobe
หรือการส่ันไหวทางอารมณ์ มีผลทาให฾เกิดสนามแม฽เหล็กไฟฟูาที่มีคล่ืนความเข฾มข฾นสูง และเกิดการ
เปลง฽ แสงสีหลากหลายรัศมอี อกมานั่นเอง
เพราะฉะน้ัน ปจั จุบันนีเ้ ราทราบจากการทดลองทางวทิ ยาศาสตร์แล฾วว฽า รังสีท่ีเปล฽งออก
จากวัตถุหรือสะท฾อนจากวัตถุทุกชนิดล฾วนเกิดจากการส่ันสะเทือนของอะตอมหรือการเคลื่อนไหว
เปลยี่ นแปลงอะตอมนั้น ๆ ซ่ึงทางพระพทุ ธศาสนาก็คือรังสีเกิดภายใต฾กฎไตรลักษณ์โดยเฉพาะในท่ีน้ีก็

91

คือ หลักอนิจจตาภายในอะตอมน่ันเอง โดยสอดคล฾องกับคาอธิบายของนีล บอห์ร “อะตอมจะไม฽
สามารถให฾แสงสู฽ภายนอกได฾ ตราบใดท่ีอิเล็กตรอนท่ีอย฽ูล฾อมรอบยังคงหมุนอย฽ูในวงโคจรเดิม การ
เปล฽งแสงออกมาจากอะตอม จะทาให฾เกิดการสูญเสียพลังงาน ซึ่งจะถูกทดแทนในทางใดทางหนึ่ง
เพราะในระบบที่วัตถุสามารถหมุนได฾นั้น อิเล็กตรอนจะถูกรักษาระดับไว฾ที่ระดับพลังงานหนึ่ง โดย
อิเล็กตรอนที่อยู฽ภายนอกเหมือนเปลือกหุ฾มนั้น จะถูกยกข้ึนส฽ูวงโคจรใหม฽ ซ่ึงใช฾เวลาประมาณ 1 ใน
100 ล฾านวนิ าที และเมอ่ื อเิ ลก็ ตรอนกระโดดกลบั มายงั วงโคจรเดิม พลงั งานทที่ าให฾มันไต฽ข้ึนไปอยู฽ในวง
โคจรใหม฽จะถูกปล฽อยออกมาอีกคร้ัง และกลายเป็นพลังงานท่ีกลายเป็นคล่ืนแม฽เหล็กไฟฟูาที่สามารถ
มองเห็นได฾นั่นคือ รังสีแห฽งแสงสีท่ีถูกเปล฽งออกมา” โจฮันน์ จาคอบ บาล์มเมอร์ นักคณิตศาสตร์และ
นกั ฟิสกิ สช์ าวสวิตเซอร์แลนด์ ไดพ฾ ัฒนาสูตรที่ใช฾ในการทานายสเปกตรัมสีแห฽งไฮโดรเจน ขึ้นในปี พ.ศ.
2428 และบาล์มเมอร์ยังพบความเช่ือมโยงกันระหว฽างความยาวคลื่นต฽าง ๆ หรือลาแห฽งคล่ืนแสง ซ่ึง
สามารถทอนลงมาเป็นสูตรที่เรียกว฽า “เส฾นบาล์มเมอร์” ซึ่งช฽วยให฾นักฟิสิกส์สามารถถอดรหัสสาคัญ
ของการสนั่ สะเทอื นของสีได฾ (มอร์ตัน วอล์คเกอร์, 2538: 59-60)

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว฽า ร฽างกายของมนุษย์นั้นมีสนามแม฽เหล็กเช฽นเดียวกับโลก มีข้ัวอยู฽
ระหว฽างฝุาเท฾าและจุดสูงสุดของศีรษะทุก ๆ คนต฾องการพลังงานท่ีมีประโยชน์ของกระแสและ
สนามแม฽เหล็กไฟฟูาของโลกมาใช฾อานวยความสะดวกในการส่ือสารทางเมตาโบลิกของแต฽ละคนเช฽น
ระหว฽างเซลล์ ระบบภูมิค฾ุมกัน สัญญาณประสาท การแลกเปล่ียนไอออนของกระแสเลือดและ
ของเหลวในเนอ้ื เยอ่ื โดยแมเ฽ หลก็ ของแต฽ละบคุ คลจะอยูร฽ อบ ๆ ร฽างกายในรูปของรัศมีสีที่แปรเปลี่ยน
ได฾ที่เรียกว฽า “ออร฽า” ที่เป็นกายแอสทรัลของแต฽ละบุคคล ซ่ึงประกอบด฾วยช้ัน 3 ชั้นคือ กายอีเทอร์
กายวญิ ญาณ และกายจติ วญิ ญาณ ซึ่งล฾วนเกิดจากการส่ันสะเทือน โดยมีกายจิตวิญญาณเป็นกายท่ีสูง
ท่ีสุด ออร฽าจะมีรูปทรงเป็นทรงกลม แบ฽งออกเป็น 3 ส฽วนคือ ส฽วนศีรษะ ส฽วนร฽างกาย และส฽วนของ
อวัยวะท่ีเกี่ยวข฾องกับการเคล่ือนไหวเช฽นขา โดยในแต฽ละส฽วนจะมีออร฽าแยกการกระทาออกจากกัน
และมีสีที่แตกต฽างกัน สีของออร฽าน้ันจะมีอย฽ู 6 ชั้นคือ ใกล฾กับร฽างกายท่ีสุดเป็นสีขาว ตามด฾วยสีแดง
เพลิง สีเหลืองสด สีเขียว สีน้าเงิน และสีม฽วงหรือครามอยู฽เป็นช้ันนอกสุด เม่ือร฽างกายอย฽ูในสภาวะ
สมดุลทางสรีระ ออร฽าน้ันจะขยายออกและสดใส แต฽หากร฽างกายเผชิญความทุกข์ ความไม฽สบายกาย
สบายใจ ออร฽าเหล฽าน้ันจะหดเข฾ามาใกล฾ร฽างกายและยากท่ีจะเปล฽งประกายเจิดจ฾าออกมาได฾ (มอร์ตัน
วอล์คเกอร์, 2538: 159-162)

แนวคิดเร่ืองพลังงานออร฽านี้ มีความคล฾ายคลึงกับทฤษฎีเรดิโอนิกส์ ท่ีได฾เร่ิมพัฒนามา
ตั้งแต฽ต฾นทศวรรษท่ี 1900 โดยนายแพทย์ อัลเบิร์ต อาบรัมส์ ชาวซานฟรานซิสโก ซึ่งได฾ต้ังสมมติฐาน
ว฽าทุกส฽วนของร฽างกายมนุษ์และสัตว์นั้น จะแผ฽พลังงานออกมาในระดับที่แน฽นอน หากพลังงานน้ันอย฽ู
ในระดับที่เหมาะสม กายอีเทอร์ขอคนผู฾นั้นจะอย฽ูในภาวะสมดุล (กายอีเทอร์คือเน้ือแท฾ของวิญญาณ
ของร฽างกาย เป็นนามธรรมจับต฾องไม฽ได฾ ดูภายนอกจะเห็นเป็นสีของออร฽า) หากระดับพลังงานสูงหรือ
ตา่ เกนิ ไป กายอีเทอรจ์ ะเกิดภาวะไม฽สมดุลและสง฽ ผลใหร฾ ฽างกายเจบ็ ปวุ ยได฾ โดยตามทฤษฎีเรดิโอนิกส์นี้
เชื่อว฽า ร฽างกายเราจะไม฽เป็นอะไรเลยหากไม฽มีอะไรเกิดข้ึนกับร฽างอีเทอร์ก฽อน ดังน้ัน อาบรัมส์จึง
ต้ังสมมติฐานว฽า ความปุวยไข฾นั้นสามารถวินิจฉัยได฾จากค฽ารังสีท่ีวัดได฾จากร฽างกาย โดยเขาได฾ประดิษฐ์
เครื่องมือท่ีเรียกว฽า “ออสซิลโลคลาสต์” เพื่อใช฾วัดรังสีต฽าง ๆ อีกด฾วย (มอร์ตัน วอล์คเกอร์, 2538:
101-103)

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์ออร฽า (Aura) เกิดจากการท่ีอะตอมของ
สารต฽าง ๆ เกิดการส่ันสะเทือนโดยอิเล็กตรอนที่ว่ิงรอบ ๆ แกนอะตอม และเมื่อมีการเคล่ือนที่ก็มีการ

92

รับและส฽งพลังงานออกมาเพื่อให฾ตัวเองมีเสถียรภาพ พลังงานท่ีปล฽อยออกมาจะออกมาในรูปแสงและ
คล่ืนเสียง ออร฽าเป็นผลพวงจากกระบวนการดังกล฽าวในปัจจุบัน มีการบันทึกภาพออร฽าด฾วย
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรียกวา฽ เทคนิคแบบเกอร์เลี่ยน ท่ีนักวิทยาศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์
ออร฽าได฾น้ี ก็เพราะมีเหตุปัจจัยดังนี้ ในปี ค.ศ. 1939 เซมยอน เดวิโดวิช เกอร์เลียน (Semyon
Davidovich Kirlian) นกั วศิ วกรไฟฟาู ชาวรัสเซียท่มี ชี ื่อเสียงแห฽งเมืองคร฾าสโนดาร์ (Krasnodar) เมือง
หลวงของรัฐคูบานซ่ึงอยู฽ทางตอนใต฾ของดินแดนสหภาพโซเวียตรัสเซีย ได฾ค฾นพบวิธีการถ฽ายภาพซ่ึง
สามารถถ฽ายภาพรัศมีพลังแสงที่ห฽อห฾ุมส่ิงมีชีวิตโดยอาศัยสนามคล่ืนไฟฟูาที่มีความถี่สูงได฾สาเร็จจาก
การท่ีเกอร์เลียนไปชมการสาธิตการใช฾เคร่ืองมือรักษาโรคด฾วยไฟฟูาจากเครื่องท่ีมีความถ่ีสูงที่
สถาบันวิจัยโรคแห฽งหนึ่งเขาสังเกตเห็นแสงแวบออกมาตรงระหว฽างอิเล็กโทรด (electrode) หรือ
ขั้วไฟฟูาท่ีแปะติดไว฾กับผิวหนังคนไข฾จึงเกิดความคิดว฽าหากใส฽โฟโตกราฟฟิคเพลท (photographic
plate) หรือแผ฽นกระจกถ฽ายภาพที่เคลือบด฾วยเย่ือไวแสงสอดใส฽ระหว฽างอิเล็กโทรดกับผิวหนังของ
ผู฾ปุวยจะเกิดอะไรขึ้นดังนั้นเขาจึงแปะอิเล็กโทรดที่เป็นโลหะติดเข฾ากับมือตัวเองแล฾วเปิดสวิตช์ไฟ
เครอ่ื งมือเขารูส฾ กึ ว฽ามอื ชารอ฾ นและเจ็บปวดมากเวลาผ฽านไปสองสามนาทีเขาจึงปิดสวิตช์เครื่องมือแล฾ว
รบี นาโฟโตเพลทใสล฽ งไปในอา฽ งนา้ ยาเคมผี สมภายในห฾องมืดทันทีปรากฏเป็นภาพรอยฝุามือที่มีรัศมีแผ฽
กระจายโดยรอบทาให฾เกอร์เลียนร฾ูสึกตื่นเต฾นมากเพราะเป็นการถ฽ายภาพท่ีแตกต฽างกับวิธีอื่นท่ีอาศัย
แสงรังสีเอกซเรย์หรือกัมมันตภาพรังสีอย฽างใดอย฽างหนึ่งช฽วย ต฽อมา เกอร์เลียนได฾พยายามถ฽ายภาพ
ประกายแสงนั้นด฾วยกล฾องถ฽ายภาพพิเศษเพ่ือนาไปศึกษาว฽าเป็นประจุไฟฟูาแบบใดและเกิดขึ้นได฾
อย฽างไร เกอร์เลียนค฾นพบว฽าการถ฽ายภาพประกายแสงนั้นทาได฾ด฾วยการนาฟิล์มไปวางไว฾ใต฾แผ฽น
อเิ ล็กโทรดโดยไม฽จาเป็นต฾องใช฾กล฾องถ฽ายภาพเม่ือเกิดประกายแสงข้ึนภาพก็จะไปปรากฏบนแผ฽นฟิล์ม
ไดเ฾ องในท่ีสุดเขาก็ค฾นพบวิธีถ฽ายภาพแบบใหม฽โดยใช฾ฟิล์มไวแสงระหว฽างวัตถุท่ีต฾องการจะถ฽ายภาพกับ
แผน฽ อิเล็กโทรดทตี่ อ฽ เข฾ากับกระแสไฟฟาู ความถีส่ งู (ศุภกาญจน์ วิชานาติ, 2556: 42-43)

เกอร์เลียนและวาเลนตินาผู฾เป็นภรรยาใช฾เวลาสร฾างกล฾องเกอร์เลียนนานถึง 13 ปี จน
สามารถใช฾งานได฾ดีและใช฾ถ฽ายภาพวัตถุมากมายดังเช฽นภาพถ฽ายใบไม฾สดเต็มใบแต฽ตัดส฽วนปลายออก
และรีบถ฽ายโดยเร็วภาพท่ีถ฽ายได฾ยังปรากฏเป็นใบไม฾เต็มใบซ่ึงส฽วนท่ีถูกตัดออกเห็นเป็นภาพแสงเลือน
ราง เกอร์เลยี นจงึ ใหช฾ อื่ วา฽ “ภาพปีศาจ” และเมื่อนาใบไม฾แห฾งมาถ฽ายภาพก็พบว฽าแสงที่ออกมาจะอ฽อน
ลงนอกจากน้ีเมื่อถ฽ายน้ิวมือมนุษย์ก็พบว฽ามีการเปล฽งแสงได฾อีกด฾วยโดยในสภาวะจิตใจต฽างๆ กันแสงก็
จะปรากฏให฾เหน็ ต฽างกัน (สาโรจน์ เกษมสุขโชติกลุ , 2538: 47)

จากภาพถ฽ายเกอร์เลียนจึงเกิดสมมติฐานที่ว฽า ส่ิงมีชีวิตอาจจะมีกายสองรูปซ฾อนกันอย฽ู
คือ กายจริงหรือกายแห฽งธรรมชาติที่สามารถมองเห็นได฾กับกายแห฽งพลังหรือกายเทียมซึ่งไม฽สามารถ
มองเห็นได฾ด฾วยตาเปล฽านอกจากใช฾วิธีการถ฽ายภาพเกอร์เลียนเท฽าน้ัน กายจริงจะสะท฾อนให฾เห็นสิ่งท่ี
เกิดขึ้นภายในออกมาแต฽กายแห฽งพลงั นนั้ เกดิ จากพลงั ลกึ ลับที่ผ฽านเข฾าและออกภายในกายจริงซึ่งจะแผ฽
รังสีออกมาห฽อหุ฾มกายจริงอีกทีหนึ่งไม฽ใช฽เป็นการแผ฽จากกายจริงตามที่เข฾าใจกันถ฾าเกิดความไม฽สมดุล
ในกายแห฽งพลังพชื ข้ึนก็จะชี้ใหเ฾ หน็ ถึงการเกดิ โรคและกายจริงกจ็ ะสะทอ฾ นให฾เห็นการเปลี่ยนแปลงทีละ
น฾อยซึ่งปรากฏการณ์ดังกล฽าวน้ีเกิดกับมนุษย์ด฾วย นอกจากน้ีกายแห฽งพลังน้ันเป็นรูปกายท่ี
ประกอบด฾วยวัตถุธาตุหรือ “พลาสมาที่มีชีวิต” (bioplasma body) หรือท่ีร฾ูจักกันในช่ือว฽า
“วญิ ญาณ”

สาหรับการวจิ ยั คน฾ ควา฾ ถ฽ายภาพเกอร์เลียนในสหรัฐอเมริกา เริ่มต฾นจากการท่ี ดร.เทลมา
มอส (Dr.Telma Moss) นักจิตวิทยาการแพทย์แห฽งสถาบันประสาทและจิตเวช มหาวิทยาลัย

93

แคลิฟอร์เนียได฾ไปดูงานการทดลองถ฽ายภาพเกอร์เลียนในรัสเซียเม่ือกลับมาก็ได฾วิจัยค฾นคว฾าอย฽าง
จริงจงั โดยการเปิดหลักสตู รพเิ ศษเปน็ วิชาเลือกของวชิ าปรจิตวทิ ยาในมหาวิทยาลยั ทาใหภ฾ าพถ฽ายเกอร์
เลยี นเป็นท่รี จ฾ู ักแพร฽หลายมากย่งิ ข้ึน

ผลของการถ฽ายภาพเกอร์เลียนสามารถนาไปประยุกต์ให฾กับวิทยาการด฾านต฽างๆ ซ่ึงมี
ประโยชน์ต฽อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย฽างยิ่งทางด฾านการแพทย์มีการทดลอง
ถ฽ายภาพคนไข฾ท่ีปุวยด฾วยโรคเก่ียวกับระบบหายใจเก่ียวกับลาไส฾และเก่ียวกับทางจิตเป็นต฾นปร ากฏว฽า
พลังแสงจากภาพถ฽ายของคนปุวยเหล฽านี้จะเปล฽งแสงรัศมีออกมาแตกต฽างกันทาให฾แพทย์สามารถ
วินิจฉัยตรวจโรคและให฾การบาบัดรักษาได฾เป็นอย฽างดี นอกจากนี้ภาพถ฽ายเกอร์เลียนยังสามารถ
ตรวจสอบความเจริญของเน้ือเย่ือและการเจริญเติบโตของเซลล์ภายในร฽างกายของคนไข฾ซึ่งมี
ประโยชน์ตอ฽ การวิเคราะห์รายละเอียดภาพถา฽ ยเนื้อเยือ่ มะเรง็

ปจั จบุ ันได฾พัฒนาเทคนิคนี้ จนเปน็ ที่ยอมรบั โดยนกั วทิ ยาศาสตร์ได฾ใช฾ภาพถ฽ายเกอร์เลี่ยน
น้ีในการศึกษา พลังของส่ิงต฽าง ๆ โดยเฉพาะพลังอานาจของชีวิต เช฽น ใช฾ในการวิเคราะห์โรค ตรวจ
อานาจหรือคุณสมบัติบางประการในวัตถุหรือสสาร (วิเคราะห์จากสเปคตัม) ความหมายของสีออร฽า
ในวัตถุที่มีชีวิตและไม฽มีชีวิตล฾วนก็มีพลังงานทั้งส้ิน ฉะน้ันจึงมีผลต฽อคล่ืนแม฽เหล็กไฟฟูาโลก สีออร฽าที่
แผ฽รศั มีออกจากวัตถุน้ัน จะเปน็ การสื่อว฽าวัตถุชนิดน้ัน ๆ มีสภาพเป็นเช฽นไร จึงมีการจาแนกสีเพ่ือเป็น
เครื่องชี้วัดให฾เกิดความเข฾าใจถึงสถานภาพของวัตถุน้ัน ๆ และสังเกตได฾ว฽าท่ีเราสัมผัสแสงออร฽าของ
ส่ิงมีชีวิตได฾ง฽ายกว฽าสิ่งไม฽มีชีวิต เน่ืองจากสิ่งที่มีโครงสร฾างอะตอมจะมีแสงออร฽า อะตอมของสสารทุก
อย฽างประกอบด฾วยโปรตอนและอิเล็กตรอนซึ่งเคล่ือนที่อยู฽ตลอดเวลา โปรตอนและอิเล็กตรอนนี้เป็น
แรงสั้นสะเทือนของพลังแม฽เหล็กไฟฟูา อะตอมของสิ่งมีชีวิตจะเคล่ือนท่ีและสั่นสะเทือนแรงกว฽า
ส่ิงไม฽มีชีวิต ดังน้ันเราจึงสังเกตและสัมผัสแสงออร฽าของสิ่งมีชีวิตได฾ง฽ายกว฽านั้นเอง (Ted Andrews,
2542: 3-4)

สขี องออรา่ และความหมาย
การศึกษาลักษณะพลังออร฽าในร฽างกายมนุษย์ตามสี สามารถพิจารณาได฾ทั้งในระดับท่ี

เป็นสพี ื้นฐานและสีส฽วนประกอบ แสงออร฽านั้นเต็มไปด฾วยสีสัน แต฽หากพิจารณาแสงออร฽าทั้งหมด จะ
เห็นว฽ามีสีใดสีหน่ึงเด฽นชัดที่สุดในแสง โดยสีน้ีจะปรากฏอย฽ูตามท่ีต฽างๆ และมีสีอ่ืนเข฾ามาเจือปน สีท่ี
เด฽นชัดท่ีสุดน้ีคือสีพ้ืนฐานแห฽งออร฽า และสีอ่ืนเป็นสีส฽วนประกอบ สีพื้นฐานแห฽งออร฽าเป็นสีท่ีไม฽มีการ
เปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต มันจะบ฽งบอกถึงศักยภาพของบุคคลนั้น ๆ (Dora Von Gelder Kunz,
1996: 149)

สีของออร฽า แล ะก ารแ ปล ควา มห มา ยของสี ออร฽ าจ าเ ป็นต฾ อง อ฽าน สีออร฽ าด฾ว ยค วา ม
รอบคอบอย฽างมีสติ เพราะสีแต฽ละสีมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง และโทนสีจะทาให฾ลักษณะเหล฽านั้น
เปล่ียนไปเลก็ นอ฾ ย เราตอ฾ งพิจารณาถึงตาแหน฽งท่ีสีปรากฏ ความเข฾ม แม฾แต฽รูปร฽างของสีด฾วย และควร
ดูแต฽สีหลกั ๆ พลังที่สนี ัน้ แสดงออกมาในเรอื่ งสภาพของร฽างกายและอ่ืน ๆ ตามปกติ ซึ่งเป็นจุดเริ่มให฾
เขา฾ ใจถึงนัยแห฽งสี ดังนั้นจงึ แบง฽ ประเภทสีของออร฽าโดยตีความคา฽ ของสีออรา฽ ได฾ 2 ประเภท ดงั น้ี

1. สขี องความคิดและอารมณ์
มลี ักษณะเป็นหมอกมีความไหลปรากฏเป็นหย฽อม ๆ จะเห็นได฾ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะ
และเหนอื บา฽ มสี สี นั ต฽าง ๆ เชน฽

94

1.1 สีชมพู หมายถึง พลังที่แจ฽มใสเต็มไปด฾วยความรักอารมณ์ขันถ฽อมตนสามารถ
ปลอบประโลมผ฾อู ืน่ โรแมนติกขอ฾ เสยี คือมกั จะใจคอโลเล

1.2 สีแดง เป็นสีท่ีแสดงถึงความทะเยอทะยานเต็มไปด฾วยพลังงานมีความ
กระฉับกระเฉงและมีพลังทางเพศถ฾าเป็นสีแดงมืดอาจหมายถึงอารมณ์รุนแรงถ฾าเป็นสีแดงสดใส
หมายถึง ความภาคภูมใิ จและทะเยอทะยานในทางที่ถกู ท่ีควรถ฾าสแี ดงขุน฽ เปน็ พวกใจคอโหดร฾าย

1.3 สีส้ม / แสด เป็นสีของความกระฉับกระเฉงว฽องไวมีความสุขสุขภาพท่ีเต็มไป
ด฾วยพลงั ถา฾ มีแสงสนี ม้ี ากเกินไปจะกลายเป็นคนเย฽อหย่ิงสีน้ียังเป็นสีท่ีควบคุมการทางานของกล฾ามเนื้อ
ด฾วย สีส฾มมัวหม฽นหรือสม฾ ปนนา้ ตาลแสดงถงึ ปัญญาตา่ ถ฾าสสี ฾มแดงหมายถงึ เยอ฽ หยิง่ อวดฉลาด

1.4 สเี หลือง เป็นสที ม่ี องเห็นง฽ายที่สดุ ในออรา฽ เป็นสีของความฉลาดความเมตตามอง
โลกในแง฽ดีรักเพ่ือนมนุษย์ นอกจากนั้นยังเป็นสีของภูมิค฾ุมกันโรคสีเหลืองอมส฾มแสดงถึงความฉลาด –
ปราดเปรือ่ งสีเหลอื งขน฽ุ ค฾นแสดงถึงความอจิ ฉาริษยาหรือความคลางแคลงใจ

1.5 สีเขียว เป็นสีของจิตใจที่ละเอียดอ฽อนมีความเข฾าใจผู฾อ่ืนนอกจากนั้นยังเป็นสี
ของความรักการเปลี่ยนแปลงการรักษาโรคความสามารถในการใช฾มือและยังเป็นสีท่ีแสดงถึงความ
สมดลุ ถ฾าเปน็ สีเขียวสดใสแสดงว฽าเป็นคนปรับตัวเก฽งใจดีชอบอิสระถ฾าเป็นสีเขียวมืดจะเป็นพวกข้ีโกงข้ี
อิจฉาถ฾าเป็นสีเขียวอมฟูาเป็นพวกชอบช฽วยเหลือผ฾ูอื่นไว฾วางใจได฾เข฾าอกเข฾าใจผู฾อ่ืนและแสดงถึง
ความสามารถในการรกั ษาโรคถ฾าเปน็ สีเขยี วขมี้ า฾ เปน็ พวกชอบหลอกลวงต฾มตนุ๋ ขโ้ี กงและขเ้ี หนยี ว

1.6 สนี า้ เงิน เป็นสีของความสงบและสัจจะเป็นสีของการส่ือสารพลังจิตความฉลาด
ความมีอุดมคติขยันขันแข็งความสาเร็จสามารถยืนหยัดอยู฽บนขาของตัวเองมีความเช่ือมั่นในตนเอง
ซื่อตรงจริงใจและชอบช฽วยเหลือผ฾ูอ่ืนมักจะเป็นพวกสมถะแต฽ใจคอหงุดหงิดง฽ายสีน้าเงินขุ฽นแสดงว฽า
ทศั นะวิสยั ถกู ปดิ กนั้ กลายเป็นคนขีก้ ังวลและขี้ลมื

1.7 สีคราม เปน็ สขี องพลังจติ สัมผสั ที่ 6 โทรจติ ความฉลาดลา้ ลึกความคิดสร฾างสรรค์
และความเป็นหนึง่ เดยี วกบั ธรรมชาติมคี วามจรงิ ใจชอบค฾นหาสัจจะความจรงิ ของชีวติ

1.8 สีม่วง เป็นพวกจิตละเอียดอ฽อนเป็นตัวของตัวเองมีสัมผัสที่ 6 ชอบทางสมาธิ
และโน฾มเอียงไปทางศาสนาชอบเร่ืองลี้ลับคนส฽วนใหญ฽มักจะไม฽ค฽อยมีสีนี้ผ฾ูที่มีสีน้ีมักจะมีพลังจิตสูงแต฽
อาจมีปญั หาเกีย่ วกับบรเิ วณท฾องเน่ืองจากจกั ระชว฽ งบนพัฒนาลา้ หน฾าจักระช฽วงล฽าง

1.9 สีน้าตาล เป็นสีที่แสดงถึงความคิดแคบ ๆ ไม฽ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู฾อื่น
เหน็ แก฽ตัวชอบคยุ แตเ฽ ร่ืองตัวเองเป็นคนน฽าเบื่อสีน้าตาลยังเป็นสีของจักระเท฾าพลังธรณีและอดีตท่ีผ฽าน
มาข฾อดีของสีนี้ คือ เป็นสีของความขยันขันแข็งความมีระเบียบและอาจหมายถึงความม฽ุงมั่นที่จะให฾สู฽
จุดมง฽ุ หมายและความสาเรจ็

1.10 สีด้า หมายถึงการสิ้นสุดซึ่งในที่น้ีหมายถึงการส้ินสุดของสถานการณ์หน่ึงเพ่ือ
เปดิ โอกาสให฾สถานการณใ์ หม฽เขา฾ มาอาจหมายถึงการเกิดใหม฽หรือความล฽าช฾าก็ได฾บางคร้ังอาจหมายถึง
โรครา฾ ยแรงหรือโรคเรือ้ รงั อทิ ธิพลมืดบางคร้ังอาจหมายถึงการปกปูองตัวเองจากพลังภายนอกหรือคน
ผู฾นั้นอาจจะมีความลับถ฾าสีดาเกิดปะปนอย฽ูกับสีอื่น ๆ เช฽น สีแดงแสดงถึงความโกรธเกลียดอาฆาต
พยาบาทสเี หลืองแสดงถงึ ความคดิ ช่วั ร฾ายสเี ขยี วหมายถึงความคิดหกั หลงั อิจฉา

1.11 สีขาว เป็นสีท่ีมีความสมดุลและสมบูรณ์แบบมากท่ีสุดจะปรากฏกับพวก
นักบุญพระหรือผู฾ฝึกสมาธิวิปัสสนาสม่าเสมอถ฾าปรากฏเป็นเส฾นแสงสีขาวผ฽านเข฾ามาในแสงอาจ
หมายถึงข฽าวสารจากมิติอ่ืนเข฾ามาพวกท่ีเข฾าทรงจะมีสีขาวเข฾ามาในแสงระหว฽างการเข฾าทรงผู฾ที่มีสีขาว

95

ปรากฏอยู฽ในออรา฽ หมายถงึ กายแสงได฾รับการชาระและฟอกให฾บริสุทธิ์ หรืออาจหมายถึงสภาพจิตใจท่ี
เตม็ ไปด฾วยความคดิ สร฾างสรรค์และบรสิ ทุ ธ์ิ

1.12 สีเงิน หมายถึง แรงบันดาลใจหรือข฽าวสารข฾อมูลจากโลกวิญญาณหรือจากมิติ
อืน่

1.13 สีทอง เป็นพลังของจักรวาลหรือพลังจากเทพท่ีเข฾ามาช฽วยถ฽ายโรคออกจาก
ร฽างกาย

1.14 สเี ทา เป็นพวกขาดจนิ ตนาการคร่าครึหวั โบราณยึดถือความคิดตนเป็นใหญ฽เจ฾า
ระเบยี บถ฾าเปน็ สีเทามืดยง่ิ มืดทึบมากย่ิงแสดงถึงอารมณ์ท่ีเหี่ยวเฉาสลดหดห฽ูคนพวกน้ีมักจะว฾าเหว฽ ถ฾า
มีจุดมืดสีนี้ในแสง แสดงถึงโรคอวัยวะท่ีมีปัญหาหรืออิทธิพลมืด ถ฾ามีจุดสีแดงอยู฽ในเงามืดของแสง
แสดงถึงความคิดแง฽ลบได฾แก฽ความเกลียดเคียดแค฾นหรือแม฾แต฽อารมณ์ฆาตกรสีเทาค฽อนไปทางสีเงิน
แสดงถึงว฽าสมองซีกขวาได฾รับการกระตุ฾นก฽อให฾เกิดจินตนาการและสัมผัสท่ี 6 สีท่ีไม฽ค฽อยปรากฏอย฽ู
ด฾วยกันคือสีน้าเงินกับสีแสด ถ฾าใครมีสองสีนี้อย฽ูด฾วยกันจะเป็นคนที่น฽าอิจฉาเพราะสีน้าเงินเป็นสีของ
ความสงบและสแี ดงเป็นสีของความสุขคุณจะมแี ต฽ความสงบสขุ ทางจติ ใจ

สีที่อยู฽ใกล฾ร฽างกายท่ีสุด จะบอกสภาพของร฽างกาย และยังบอกถึงพลังท่ีเก่ียวข฾องกับชีวิต
ของเราในปัจจุบัน สีและพลังท่ีอยู฽ไกลออกไปบอกถึงพลังที่คนผ฾ูนั้นจะเข฾าไปเก่ียวข฾องด฾วย การฝึกจะ
ทาใหเ฾ ราดชู ฽วงเวลาของพลังของสบี างชนดิ และตาแหน฽งท่สี ปี รากฏ

2. สีพืนฐานของออรา่
จะทราบอย฽างไรว฽าเรามีสีพ้ืนฐานของออร฽าเป็นสีอะไร สามารถคานวณตามสูตรนาวัน
เดอื นปีค.ศ. ทีเ่ กิดมาบวกกันสมมติวา฽ เกดิ วันท่ี 5 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1960 กน็ าเลขท้ังหมดมาบวก
กันคือ 5 + 5 + 1960 = 1970 จากน้นั กแ็ ยกตัวเลขออกมาบวกกันอีกครัง้
จะได฾เปน็ 1 + 9 + 7 + 0 = 17 กน็ ามาแยกบวกอีกจนกว฽าจะไดเ฾ ลข 1 ตวั
จะได฾เป็น 1 + 7 = 8 เมื่อได฾ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียวแล฾วขอให฾ดูว฽าตัวเลขที่ได฾ตรงกับสี
พนื้ ฐานสีอะไรมีความหมายวา฽ อย฽างไรแตถ฽ ฾าเลขบวกกันแล฾วได฾ผลเป็น 11 และ 22 ไม฽ต฾องแยกบวกอีก
เพราะเปน็ พวกพเิ ศษกว฽าพวกอนื่
1. สีแดงศกั ยภาพ : ผนู้ า้
พวกมสี ีแดงเปน็ สีพื้นฐานจะมีความกระตือรือร฾นเป็นผู฾นาเต็มไปด฾วยพลังกระฉับกระเฉง
มีเสน฽ห์สามารถพูดจาโน฾มน้าวจิตใจผู฾อ่ืนได฾ดีเป็นคนสนุกสนานโอบอ฾อมอารีกล฾าหาญทะเยอทะยาน
มองโลกในแง฽ดีชอบการแข฽งขันเป็นสีท่ีนามาซ่ึงความสาเร็จคุณควรหาอะไรท่ีท฾าทายความสามารถทา
แต฽อย฽าให฾ถึงกับว฽าคุณว่ิงไม฽เร็วแต฽คุณสร฾างโครงการท฾าทายความสามารถโดยฝันท่ีจะเป็นนักกีฬา
โอลิมปิกอย฽างนีม้ นั เกนิ ความสามารถมากไปต฾องพจิ ารณาใหพ฾ อเหมาะสม
ข฾อเสียมักจะขี้กังวลต่ืนตระหนกและอาจหลงตัวเองรวมทั้งอาจจะบ฾างานมากไปจน
เครยี ดควรร฾ูจักพักผอ฽ นและคลายความเครียด
2. สสี ม้ /แสดศกั ยภาพ : มนุษยสมั พนั ธด์ ี
คุณเป็นคนอบอ฽ุนน฽าคบเข฾ากับคนง฽ายชอบเป็นท่ีปรึกษาปัญหาให฾ใครต฽อใครชอบ
ชว฽ ยเหลือและทาตัวให฾เป็นประโยชน์อย฽ูเสมอมีจิตใจเป็นสมถะชอบปิดทองหลังพระคุณควรคบกับคน
ที่มีนสิ ัยคลา฾ ยคลึงกันไมง฽ ้ันคนอื่นจะเอาเปรียบคุณข฾อเสยี ขี้เกียจใจนอ฾ ยมักถกู คนอื่นเอาเปรยี บ

96

นอกจากน้ี สีสม฾ ยงั บ฽งบอกถึงความไมส฽ มดลุ ทางอารมณ์ และความกระวนกระวายใจ โทนสี
สม฾ ทขี่ ฽ุนมวั บางสจี ะบอกถึงความภาคภมู ิใจ การโออ฾ วด ความวิตกกังวล และความหยงิ่ ยโส

3. สเี หลืองศักยภาพ : มคี วามคิดสร้างสรรคฉ์ ลาด
คณุ เปน็ คนคิดอะไรรวดเร็วมีความกระตือรือร฾นอย฽ูเสมอเข฾าสังคมง฽ายปรับตัวเก฽งชอบคุย
ถกเถยี งปญั หาชอบเรยี นร฾ู และทาอะไรหลาย ๆ อย฽างในเวลาเดียวกันมีพรสวรรค์ด฾านการพูดงานท่ีทา
ควรเกี่ยวกับการพูดเป็นส่ือ เช฽น ครู เซลล์แมน นักการทูต ท่ีปรึกษา ฯลฯ หรืองานอาชีพที่ต฾องใช฾
คาพดู เปน็ หลักเปน็ คนฉลาดหลกั แหลมและเรยี นร฾อู ะไรไดร฾ วดเรว็
ข฾อเสียจับจดขี้อายโกหกเก฽ง หากออร฽าเป็นสีเหลืองส฾มแสดงถึงความฉลาดปราดเปรื่อง
หากออร฽าเป็นสีเหลืองข฽ุนข฾นแสดงถึงความอิจฉาริษยาหรือความคลางแคลงใจ นอกจากนี้ออร฽าสี
เหลอื งยงั เปน็ สีของภูมิค฾ุมกันโรค
สีเหลือง เป็นสีแรกในกระบวนสีท่ีเห็นได฾ก฽อนเพ่ือน สีเหลืองอ฽อนรอบวงผม บ฽งบอกว฽า
เป็นคนมองโลกในแง฽ดี เป็นสีท่ีเกี่ยวกับกิจกรรมทางจิตและวันใหม฽ บ฽งบอกถึงโอกาสในการเรียนรู฾ส่ิง
ใหม฽ ความปราดเปรียวปัญญาและความเฉลียวฉลาด โทนสีท่ีอ฽อนเย็นตาจะบ฽งบอกถึงความ
กระตอื รอื รน฾ ต฽อบางสงิ่ บางอยา฽ งในชวี ิตพลงั ความคิด และการพัฒนาจิตวิญญาณ (โดยเฉพาะอย฽างย่ิงสี
เหลอื งซีดจนถงึ สเปกตรัมสีขาว) สีเหลืองเป็นตัวแทนแห฽งพลังความคิดและการปลุกความสามารถทาง
จติ
โทนสเี หลืองเข฾มและขุน฽ บง฽ บอกถงึ การคิดหรือการวิเคราะห์มากเกินไป และยังบ฽งบอกถึง
การถกู วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย฽างมาก ความรู฾สึกถูกกีดกันไม฽ให฾เป็นท่ียอมรับ และการถือทิฐิในความคิด
ของตน
4. สีเขียวศกั ยภาพ : รักษาโรค (สเี ขยี วเปน็ สีของการรักษาโรค)
คุณเป็นคนรักสงบชอบช฽วยเหลือผ฾ูอ่ืนจิตใจดีมีพลังจิตไว฾วางใจได฾คุณอาจมีลักษณะ
ภายนอกหงิม ๆ หรือเรียบง฽ายแต฽ส฽วนลึกแล฾วด้ือน฽าดูคุณเป็นพวกสู฾งานหนักเอาเบาส฾ูข฾อเสียด้ือร้ันไม฽
รับฟงั ความคดิ เห็นของผู฾อื่น ความสามารถในการใช฾มือ และยังเป็นสีที่แสดงถึงความสมดุล หากออร฽า
เปน็ สเี ขียวสดใสแสดงว฽าเป็นคนปรบั ตวั เกง฽ ใจดี ชอบอิสระ หากเปน็ สีเขยี วมืดจะเป็นพวกขี้โกงขี้อิจฉา
หากเป็นสีเขียวอมฟูา เป็นพวกชอบช฽วยเหลือผ฾ูอ่ืนไว฾วางใจได฾เข฾าอกเข฾าใจผ฾ูอ่ืน และแสดงถึง
ความสามารถ ในการรักษาโรค หากเป็นสีเขียวขี้ม฾าเป็น พวกชอบหลอกลวง ต฾มตุ๋น ข้ีโกง และขี้
เหนยี ว
สีเขียว เป็นสีของอารมณ์ที่อ฽อนไหวและความสงสาร บ฽งบอกถึงความเจริญเติบโต
ความเห็นอกเห็นใจ ความสงบ และยังบ฽งบอกว฽าเป็นคนที่เช่ือถือได฾ พึ่งพิงได฾ และเปิดเผย สีเขียวสดที่
อยใ฽ู กลแ฾ สงออร฽าสีน้าเงินบ฽งบอกว฽ามีความสามารถในการรักษาพยาบาล เพราะสีเขียวเป็นสีแห฽งความ
อดุ มสมบรู ณ์ ความแขง็ แรงและความเป็นมิตร
5. สนี า้ เงินศกั ยภาพ : เปน็ ไดท้ กุ อยา่ ง
คุณเป็นพวกมองโลกในแง฽ดีแม฾ชีวิตจะลุ฽มๆดอนๆไปบ฾างแต฽ยังย้ิมสู฾เสมอแสงออร฽าของ
คุณจึงกว฾างและสว฽างไสวเสมอทาให฾กระช฽ุมกระชวยดูอ฽อนกว฽าวัยคุณมีความจริงใจซื่อสัตย์ปากกับใจ
ตร งกั นรั กก าร ผจ ญ ภัย มีค วา มคิ ดส ร฾า ง สร รค์ แล ะมี จิน ต นา กา รช อบ พบ ปะ ผ฾ู คน แล ะส นใ จก า ร
แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมมีพรสวรรค์หลาย ๆ ด฾านนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท฾า และขาดความ
อดทนอีกดว฾ ย

97

โทนสีน้าเงินอ฽อนบ฽งบอกถึงจินตนาการและการับร฾ูโดยสัมผัสตรงได฾อย฽างดี สีน้าเงินเข฾ม
บ฽งบอกถึงความรู฾สึกโดดเด่ียวอ฾างว฾าง ซึ่งเมื่อเข฾าสู฽ระดับหน่ึงแล฾วจะบ฽งบอกถึงการแสวงหาพระเจ฾าอย฽ู
ช่ัวชีวิตนี้ สีเข฾มมากบ฽งบอกถึงระดับของความจงรักภักดี สีน้าเงินสด (royal blue) บ฽งบอกถึงความ
ซือ่ สัตย์ การวินิจฉัยท่ดี แี ละแสดงว฽าคนผูน฾ ้ันได฾งานหรือกาลงั จะได฾งานทเี่ ลือกไว฾

โทนสีน้าเงินคล้าบ฽งบอกถึงการรับร฾ูท่ีเกิดจากประสาทสัมผัส หรือจิตที่ถูกปิดก้ัน ภาวะ
จติ ใจหดห฽ู ความเรง฽ รีบและความวิตกกังวล การใชอ฾ านาจบาตรใหญ฽ ความเคารพยาเกรง ความขี้หลงข้ี
ลืม และความร฾สู ึกทไี่ วเกนิ ไป

6. สคี รามศกั ยภาพ : มีความรับผดิ ชอบสงู
คุณชอบงานด฾านสังคมสงเคราะห์ช฽วยเหลือผ฾ูอื่นชอบรับผิดชอบงานจิตใจโอบอ฾อมอารี
เป็นที่พึ่งของผู฾อ่ืนได฾ไม฽เห็นแก฽ตัว มีพลังจิต สัมผัสที่ 6 โทรจิต มีความฉลาดล้าลึก และความคิด
สรา฾ งสรรค์ ตลอดจนความเปน็ หนึ่งเดียวกบั ธรรมชาติ ชอบค฾นหาสจั จะความจริงของชีวิต
แตม฽ ขี ฾อเสีย คอื เป็นคนปฏเิ สธใครไมเ฽ ป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ฾าง มีมาตรฐาน
การทางานสงู จงึ มกั หงุดหงดิ กับสงิ่ ที่ไมไ฽ ด฾ตามมาตรฐานของตนเอง
7. สีม่วงศักยภาพ : ฉลาดลา้ ลกึ และสันโดษ
คุณมีจิตใจละเอียดอ฽อนสนใจในศาสตร์ลึกลับจนบางคร้ังดูเหมือนเป็นคนลึกลับคุณมี
ประสาทสัมผัสท่ี 6 รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข฾ากับใครไม฽ได฾ข฾อเสียมักดูถูกความคิดผ฾ูอื่นและเก็บ
ความร฾สู กึ มากเกนิ ไป
8. สชี มพศู กั ยภาพ : นักบรหิ ารนักธรุ กิจ
คุณเป็นคนมีความต้ังใจจริงแต฽ค฽อนข฾างดื้อร้ันวางมาตรฐานตัวเองไว฾สูงมีความเด็ดเดี่ยว
และม฽ุงมั่นท่ีจะให฾บรรลุเปูาหมายและความสาเร็จอาชีพของคุณจึงต฾องเกี่ยวกับการบริหารและความ
รับผิดชอบในส฽วนลึกเป็นคนโรแมนติคและถ฽อมตนรักความสงบมีเมตตาขณะเดียวกันจะยืนหยัดต฽อส฾ู
อย฽างไม฽ยอมถอยถา฾ คณุ รูว฾ า฽ เปน็ ฝาุ ยถูกข฾อเสยี มงุ านมากเกนิ ไปจนเครยี ดควรหางานอดเิ รกคลายเครยี ด
สีชมพูเป็นสีแห฽งความสงสารเห็นใจ ความรักและความสะอาดบริสุทธ์ิ ความสนุกสนาน
ความสบายและความร฾ูสึกมีมิตรภาพอันแนบแน฽น สีชมพูในแสงออร฽าบ฽งบอกถึงความสงบ ความเป็น
คนออ฽ นน฾อมถอ฽ มตน รวมท้ังมีความรักในศิลปะและความงาม
โทนสีชมพูโดยเฉพาะโทนข฽ุนจะบ฽งบอกถึงความเยาว์วัย และยังแสดงถึงความซ่ือสัตย์
หรอื ความไม฽ซ่ือสัตยก์ ไ็ ด฾ นอกจากนี้ยังบง฽ บอกถงึ ชว฽ งเวลาแห฽งรักใหม฽และมมุ มองใหม฽ ๆ
9. สีทองเหลอื งศกั ยภาพ : นกั สงั คมสงเคราะห์
คุณเป็นคนอ฽อนโยนชอบช฽วยเหลือผู฾อ่ืนเป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็ม
เป่ียมคุณมีความสุขมากท่ีสุดเมื่อได฾ช฽วยเหลือผู฾อื่นโดยไม฽หวังผลตอบแทนเป็นคนมีความสุขและมอง
โลกในแง฽ดี ข฾อเสยี ปฏิเสธใครไมเ฽ ป็นจงึ ถูกเอาเปรียบบ฽อย ๆ ควรรจู฾ ักปฏิเสธบา฾ ง
11. สีเงินศักยภาพ : นักอุดมคติ คุณมีประสาทสัมผัสท่ี 6 มีศักยภาพสูงในหลาย ๆ
ด฾านเต็มไปด฾วยความคิดแปลก ๆ ใหม฽ ๆ ชอบฝันหวานแต฽คุณมักจะฝันมากกว฽าลงมือทาจริง ๆ เป็น
คนซ่ือสัตยม์ ีความเชื่อมน่ั ในตัวเองมองโลกในแง฽ดีถ฾ามุมานะสร฾างความฝันให฾เป็นความจริงคุณจะไปได฾
ไกลมากทีเดียว ข฾อเสียข้ีเกียจและบางคร้ังจะเครียดจนใครๆไม฽กล฾าเข฾าใกล฾ควรหาเวลาพักผ฽อนฝึก
สมาธหิ รือโยคะ
แสงเงินอ฽อน ๆ ระยิบระยับเป็นการบ฽งบอกถึงหลายส่ิงหลายอย฽าง แสงน้ีเป็นสัญลักษณ์
ของการสร฾างสรรค์ และความอุดมสมบูรณ์ เม่ือปรากฏในแสงออร฽า จะแสดงว฽าเกิดการสร฾างสรรค์อัน

98

ยิ่งใหญ฽ในชีวิตของคนผู฾นั้น อย฽างไรก็ตามการสร฾างสรรค์และความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตของผู฾นั้นมัก
ปรากฏออกมาหลายรูปแบบ

เมื่อเราพัฒนาความสามารถในการมองสีของแสงออร฽า เราก็จะสามารถกาหนดสีหลัก
ของแสงออรา฽ ได฾ด฾วยการวัดความไวของแสง

22. สีทองศักยภาพ : ไมม่ ขี อบเขตจา้ กดั
คุณสามารถทาเร่ืองใหญ฽ให฾กลายเป็นเร่ืองเล็กหรือทางานใหญ฽ให฾กลายเป็นเรื่องปอก
กล฾วยเข฾าปากคุณจะประสบความสาเร็จไปแทบทุกเรื่องเป็นคนมีเสน฽ห์จูงใจทางานหนักเอาเบาสู฾มี
เปาู หมายในการทางานทแี่ นน฽ อนมอี ดุ มคติและความสามารถสงู เป็นผูน฾ าสามารถโน฾มนา้ วจิตใจผอู฾ ่ืนได฾
สีทอง เป็นสีแห฽งจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด฾วยพลัง และการได฾รับพลังอย฽างแท฾จริง บ฽ง
บอกถึงพลังแห฽งความจงรักภักดีเป็นอย฽างมาก และการกลับคืนส฽ูความสงบสุข แสดงถึงความ
กระตือรือรน฾ อยา฽ งสูง แรงบนั ดาลใจอันมหาศาล และเวลาเพ่อื การฟ้นื ฟพู ลัง
โทนสีทองที่ขุ฽นบ฽งบอกว฽ากาลังอย฽ูในขั้นตอนของการปลุกเร฾า การเบิกความสว฽างทาง
สตปิ ัญญาในระดับทส่ี งู ข้ึน ซงึ่ ยังไม฽ได฾แสดงออกมาในชีวิตของคนผ฾ูน้ัน บ฽งบอกว฽าการเปล่ียนแปลงธาตุ
กาลงั ดาเนนิ ไป เช฽นผ฾นู ้นั กาลังเปลี่ยนธาตุตะกวั่ ในตัวเองใหเ฾ ปน็ ธาตทุ อง

แสงกายทพิ ย์
รา฽ งกายมนุษย์ประกอบด฾วยเซลล์ต฽าง ๆ เป็นพันล฾านเซลล์กล฽ุมเซลล์จะจับกลุ฽มประกอบ

กันเป็นอวัยวะต฽าง ๆ เช฽น ปอด ตับ ม฾าม หัวใจ ฯลฯ ซึ่งจะทางานสัมพันธ์กันเป็นระบบร฽างกายท่ี
สมบูรณ์ดีมีพลังชีวิตเพื่อความเป็นอย฽ูที่ปรกติ แต฽เม่ือใดที่เซลล์เกิดบกพร฽องเส่ือมเสียบิดเบี้ยวผิดปกติ
อวยั วะนน้ั กจ็ ะทางานไม฽สมบรู ณไ์ ม฽ดีทาให฾รา฽ งกายเจ็บปุวยไม฽สบายซ่ึงจะสะท฾อนออกมาเป็นสีและแสง
ของ “กายทิพย์” ปรากฏใหเ฾ หน็ เมือ่ ถ฽ายด฾วยกลอ฾ งถ฽ายภาพพิเศษ

กายสีทอง : มีสขุ ภาพดีมากสดชนื่ มีชีวติ ชีวาชอบชว฽ ยเหลือ
กายสีขาว : จิตบริสุทธิห์ ลดุ พน฾ ปล฽อยวาง
กายสมี ว฽ ง : สมาธิต้งั ม่นั มีญาณวิเศษเขา฾ ถงึ ธรรมสุขภาพดี
กายสคี ราม : มีคุณธรรมนาจติ หนกั แนน฽ มั่นคงนา฽ เคารพนบั ถอื
กายสีเหลอื ง : ฉลาดเฉลียวมปี ญั ญาขนั้ สงู เกง฽ ศกึ ษาค฾นคว฾ามสี ขุ ภาพดี
กายสีแดง : ทะเยอทะยานม฽ุงมน่ั ต฽อสูเ฾ พ่อื ตนวตั ถนุ ิยม
กายสเี ขยี ว : ขาดอิสรภาพถกู กดดันจิตใจไมส฽ บายสุขภาพไมด฽ ี
กายสีเทา-ดา: สขุ ภาพรา฽ งกายไม฽ดีสง่ิ แวดลอ฾ มไม฽ดีจติ ใจไมด฽ มี ีทุกข์
กายทพิ ย์และออร่า
เม่ือเราได฾เรียนรู฾ฝึกการดูออร฽าและกายทิพย์ซึ่งท้ังสองส฽วนน้ีมีความประสานสัมพันธ์กัน
และเปน็ เหตุเป็นผลซ่ึงกันและกันเราก็สามารถเข฾าใจในสภาพร฽างกายจิตใจความเป็นมนุษย์ของเราได฾
อย฽างชดั แจง฾ มากยิง่ ข้ึน
ลักษณะของแสงออร฽าท่ีอย฽ูรอบร฽างกายน้ันยังมีลักษณะต฽าง ๆ ท่ีสามารถบอกความโน฾ม
เอียงหรือความน฽าจะเป็นท่ีเก่ียวข฾องกับบุคคลอ่ืนหรือส่ิงแวดล฾อมรอบข฾างได฾ซ่ึงมีรูปลักษณะของแสง
แตกตา฽ งกนั ดงั น้ี

99

- มีแสงเรืองรอบกายในลักษณะกระจายออกในทิศทางต฽าง ๆ แสดงถึงความเป็นผ฾ูมีพลัง
จติ ดเี ป็นคนดีมคี ณุ ธรรม

- มีแสงกระจายออกเป็นหย฽อมๆเหมือนเมฆเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองขาดความ
กลา฾ ใจเสาะ

- มีแสงกระจายแหลมออกเหมือนขนเม฽นเป็นคนคิดแต฽เร่ืองของตัวเองเห็นแก฽ตัวไม฽
ชว฽ ยเหลอื ใคร

- มแี สงเหมือนลักษณะแสงฟูาผา฽ เปน็ คนมักมากในกามารมณ์ฮสิ ทเี รีย
- มแี สงหลบข฾าง ๆ ตวั เปน็ คนชอบหลบซอ฽ นตัวไมก฽ ล฾าส฾ูความจริงพดู ไม฽จริง
- มีแสงหุ฾มตัวเหมือนเปลือกแข็งเป็นคนหนักแน฽นม่ันคงม่ันใจในตัวเอง- มีแสงเหมือน
ตะขอเกี่ยวเบด็ ตกปลาเปน็ คนชอบฉวยโอกาสเอาเปรยี บผ฾อู ่ืน
- มแี สงเหมอื นหนวดปลาหมึกเป็นคนเหน็ แกต฽ ัวมักไดไ฾ มย฽ อมเสียสละ
เมื่อผ฾ูศึกษาสามารถดูลักษณะสีแสงรูปแบบและอารมณ์ของกายทิพย์และออร฽าได฾ด฾วย
การเรียนร฾ูฝึกฝนก็สามารถอ฽านคนออกว฽าเป็นคนอย฽างไรมีความร฾ูสึกนึกคิดอย฽างไรเมื่อมาพบเราหรือ
มาเกย่ี วข฾องกับเราจะเป็นอย฽างไรเชน฽ คนบางคนเมอ่ื เราพบหรอื อยใู฽ กลเ฾ ขาเราจะรู฾สึกสบายใจอยากร฾ูจัก
แต฽บางคนเพียงสบตากันก็ร฾ูสึกไม฽ชอบไม฽ถูกชะตาเลยสาเหตุเพราะเกิดการกระทบกันระหว฽างแสงออ
ร฽าระหว฽างเขากับเราผลกระทบจะบอกว฽าไปกันได฾หรือไม฽ได฾การฝึกดูแสงออร฽าและกายทิพย์มีสอน
ทว่ั ไปในสหรฐั อเมริกาอินเดียและอีกหลายประเทศในแถบตะวันตกมีตาราออกมามากมายซึ่งน฽าสนใจ
มากสาหรับดูแลตนเองและผู฾ใกล฾ชิดและยังเป็นประโยชน์ต฽อการประกอบธุรกิจการงานการเรียน
สุขภาพความสุขของชีวิตฯลฯเพราะเราสามารถใช฾ตรวจสอบทางจิตและรู฾ก฽อนว฽าหุ฾นส฽วนเขากาลังคิด
อะไรเป็นคนข้ีโกงเห็นแก฽ตัวหรอื ไม฽หรอื เพือ่ นร฽วมงาน, ลูกน฾องเปน็ คนอยา฽ งไร เป็นตน฾

ท่ีน้ีในการจาแนกสีของแสงออร฽า มีข฾อแนะนาท่ีพึงจดจาไว฾ดังนี้ (Ted Andrews, 2542:
88-102)

1) สีที่อยู฽ใกลร฾ ฽างกายท่ีสดุ มักบง฽ บอกถงึ สภาพและพลังของร฽างกาย สีที่อยู฽ห฽างออกไปบ฽ง
บอกถงึ อารมณจ์ ติ ใจ และจิตวิญญาณทีส่ ฽งผลกระทบตอ฽ สขี องร฽างกายได฾

2) สียิ่งสดใสและเย็นตาก็ย่ิงดี สีย่ิงหนาทึบและขุ฽นมัวก็ย่ิงแสดงถึงความไม฽สมดุล การ
ทางานมากเกนิ ไป และปญั หาท่เี ป็นไปไดอ฾ ่นื ๆ ตรงตาแหนง฽ ทสี่ ีนนั้ ปรากฏอย฽ู

3) สีเข฾ม ๆ แต฽สดในก็บ฽งบอกถึงระดับพลังท่ีสูงได฾เช฽นกัน การมีสีเข฾มไม฽จาเป็นต฾องไม฽ดี
เสมอไป ดงั นนั้ จงึ อยา฽ ด฽วนสรปุ

4) แสงออร฽ามักมีมากกว฽าหน่ึงสี โดยสีแต฽ละสีจะบอกถึงเรื่องที่แตกต฽างกันไป เราต฾อง
เรียนรวู฾ ฽าสีทีต่ า฽ งกนั น้ีส฽งผลอย฽างไร และผลของสที ผ่ี สมกันเปน็ อยา฽ งไร ซึง่ ตอ฾ งใชเ฾ วลาและการฝึกฝน

5) เม่ือเราเริ่มมองเห็นแสงออร฽าของผ฾ูอื่น ให฾จาไว฾ว฽าเรากาลังมองเขาผ฽านแสงออร฽าของ
เราเอง และการจะอ฽านแสงออร฽าของผ฾ูอื่นน้ัน จาเป็นต฾องร฾ูจักแสงออร฽าของตัวเองก฽อน การใช฾แบบฝึก
ดวงตาท่ีผ฽านมา ช฽วยให฾เรามองแสงออร฽าของตัวเองด฾วยกระจกได฾ ถ฾าแสงออร฽าของเรามีสีเหลืองเป็น
สว฽ นใหญ฽และของคนอ่ืนมสี ีน้าเงิน เราก็อาจเห็นเปน็ สีเขียว เพราะสีเหลืองผสมกับสีน้าเงินจึงกลายเป็น
สีเขยี ว จติ ใต฾สานกึ ร฾เู รื่องเหล฽าน้จี งึ ปรบั เปล่ยี นไปตามธรรมชาติ แต฽เราต฾องไม฽ด฽วนสรุป

6) สิ่งสาคัญ คือ อย฽าตัดสินคนด฾วยส่ิงท่ีเห็นจากแสงออร฽า เพราะส่ิงที่เห็นกับวิธีอ฽าน
ความหมายตอ฾ งใช฾ภาวะจติ ในเวลาน้ันๆ เป็นอย฽างมาก ให฾พิจารณาดูข฾อดีและข฾อเสียของส่ิงท่ีเก่ียวข฾อง

100

กับสีรวมท้ังตาแหน฽งที่ปรากฏด฾วย เราไม฽มีสิทธิ์บอกผ฾ูอ่ืนให฾ทาส่ิงน้ันส่ิงน้ี ให฾อธิบายความสาคัญเท฽าที่
เป็นไปได฾ แลว฾ ให฾ผูน฾ ้ันตัดสินใจและเลอื กดว฾ ยตัวเอง

7) เรยี นร฾ูท่ีจะใชก฾ ารรบั รูด฾ ฾วยจติ อ฽านแสงออร฽า ถามคาถามเก่ียวกับสิ่งท่ีเรากาลังสังเกต
และสิ่งท่ีเราคิดว฽าอาจเกี่ยวข฾องด฾วย การทาเช฽นน้ีโดยรับฟังผลท่ีเกิดข้ึนกับผ฾ูอื่นด฾วย จึงจะช฽วยให฾เรา
พฒั นาหลกั ในการอา฽ นแสงออร฽าได฾ จาไวว฾ ฽าสี และความชัดเจนบ฽งบอกถึงส่ิงท่ีแตกต฽างกันได฾ท้ังส้ิน งาน
ของเราคือเรียนรท฾ู ี่จะหาข฾อสรุปให฾ได฾

8) แสงออร฽าเปล่ียนแปลงอย฽ูบ฽อยครั้ง ในวันหนึ่งๆ สีที่อย฽ูใกล฾เรือนกาย (แผ฽รัศมีออกไป
ในระยะหนึ่งหรอื สองฟตุ ) เปลี่ยนแปลงไปไดห฾ ลายคร้ัง อารมณร์ นุ แรง การใช฾ร฽างกายและจิตอย฽างหนัก
ส฽งผลต฽อแรงสั่นสะเทือนของสีและแสงออร฽า แสงออร฽าเปลี่ยนแปลงไปเม่ือเราอายุมากขึ้นด฾วยเช฽นกัน
เม่ือเราพัฒนาความสามารถในการมองแสงออร฽า เราจะพบว฽าในแสงออร฽าของแต฽ละคนมีสีเด฽นเพียงสี
เดียวหรือหลายสี (แม฾โทนสีอาจเปลี่ยนไป) ที่ปรากฏให฾เห็นอย฽างต฽อเน่ือง สีที่รองลงมา และความ
เกีย่ วขอ฾ งกันของสหี ลกั และสีรอง

9) สีหรือโทนสีแรกท่ีเห็นมักเป็นสีเทาหรือน้าเงินอ฽อน (light blue) อย฽าท฾อถอยหากยัง
มองไมเ฽ หน็ สี หากฝึกไปเรื่อยๆ กจ็ ะมองเหน็ เอง เรมิ่ แรกเรามักเอาจรงิ เอาจังโดยหวังว฽าเม่ือฝึกไปสักพัก
แลว฾ จะเห็นผล เมอ่ื เกดิ ผลไมท฽ นั ใจหรอื ชัดเจนพอภายในชว฽ งเวลาทค่ี ดิ ไวก฾ ็จะเริ่มทอ฾ ถอย

ดังนั้นอย฽ากาหนดเวลาให฾ตัวเอง แต฽ควรฝึกทุกวัน เพราะการฝึกทุกวันเท฽าน้ันจึงจะเกิด
ผลดี การฝึกเพียงสองสามวันจากน้ันก็เว฾นไปเป็นอาทิตย์ แล฾วกลับมาทาใหม฽ จะไม฽เกิดผล เราต฾องฝึก
อย฽างตอ฽ เนอื่ ง จึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายในส่ีถึงหกสัปดาห์ ซึ่งอย฽างน฾อยท่ีสุดเราจะเร่ิมมองเห็น
แสงออร฽า แม฾ว฽าจะยังไม฽เห็นสีก็ตาม คนส฽วนใหญ฽ท่ีผ฾ูเขียนเห็นมาจะฝึกได฾ผลดีในหนึ่งถึงหกเดือน และ
ใชเ฾ วลาพิสูจนว์ ฽าได฾ผลจรงิ อีกเพียงหนึง่ เดอื นเทา฽ น้ัน

10) เมื่อเราเร่ิมพัฒนาความสามารถในการมองแสงออร฽า ก็จะเร่ิมเห็นแสงออร฽าของทุก
คนและสิ่งของทุกอย฽าง ซึ่งจะทาให฾ร฾ูสึกว฾าว฽ุนได฾ แบบฝึกในหนังสือเล฽มนี้คิดค฾นมาเพ่ือให฾เราพัฒนา
ความสามารถในการมองแสงออร฽าในยามท่ีต฾องการเท฽าน้ัน จาไว฾ว฽าเราไม฽มีสิทธ์ิที่จะเข฾าไปย฽ุงกับพลัง
ของผู฾อื่นโดยไม฽ได฾รับอนุญาต ซึ่งในหลายกรณีจะเหมือนกับการอ฽านจดหมายของคนอ่ืน แม฾เราจะ
มองเห็นบางสิ่งบางอย฽าง แต฽เราก็ไม฽มีสิทธิ์บอกออกมาหากไม฽ได฾รับอนุญาตเสียก฽อน เราต฾องใช฾
ความสามารถในการมองแสงออร฽าอยา฽ งมีความรบั ผิดชอบ

ส฽วนการมองแสงออร฽าเป็นรูปธรรมท่ีชัดแจ฾งกว฽าเรื่องเหนือธรรมชาติอ่ืน ๆ ไม฽ว฽าใครก็
เรียนรู฾ที่จะมองแสงออร฽าได฾ แต฽สิ่งที่ยากย่ิงกว฽าการมองเห็นก็คือการอ฽านความหมายจากแสงน้ัน
เพราะเปน็ เรื่องท่เี กยี่ วขอ฾ งกบั การรบั รูจ฾ ากการสัมผัสตรงและเหนอื ธรรมชาติ

เรามองแสงออร฽าได฾สองวิธี คือ มองด฾วยจิตและมองด฾วยตา และจะไม฽มีวิธีไหนดีไปกว฽า
กันตราบเท฽าที่เราอ฽านส่ิงที่มองเห็นได฾ถูกต฾อง ทั้งสองวิธีนี้ใช฾ได฾ผลดี แม฾ว฽าการมองแสงออร฽าด฾วยตาจะ
ชว฽ ยใหเ฾ ราขจดั ความ “สงสัยไม฽แน฽ใจ” ออกไปจากใจด฾วย

สาหรบั การมองด฾วยจติ นัน้ เราจะมองแสงออร฽าด฾วยตาทิพย์มากกว฽ามองด฾วยตาเนื้อ เป็น
การเรียนรู฾ท่ีจะผ฽อนคลายและมองผู฾อ่ืนด฾วยจิตของเรา เราต฾องถามจิตเกี่ยวกับพลังแสงออร฽าของคนผ฾ู
นั้น เชน฽ สที ่ีมองเห็นชดั ท่สี ดุ ของคนน้ันเป็นสีอะไร มีสีอะไรอีกและบริเวณใดมีสีเข฾มที่สุด สีเหล฽านี้บอก
ถงึ สภาพของร฽างกาย อารมณ์ จิตใจและจิตวิญญาณ อยา฽ งไรบา฾ ง

101

ถ฾าอ฽านความหมายได฾ถกู ตอ฾ งแลว฾ การมองด฾วยจิตก็จะมีความแม฽นยาและใกล฾เคียงกับการ
มองด฾วยตาอยู฽ไม฽น฾อย ดังน้ันการมองแสงออร฽าด฾วยวิธีใดก็ไม฽ดีไปกว฽าหรือให฾ผลมากกว฽ากัน อย฽างไรก็
ตามการมองด฾วยตา ทาให฾เราสามารถรไู฾ ดแ฾ น฽ชดั กว฽าวา฽ แสงออรา฽ มจี รงิ

การมองแสงออร฽าของผอ฾ู ่ืนดว฾ ยจติ จะง฽ายกว฽าการมองแสงของเราเอง เพราะเราจะหลอก
ตัวเองได฾ง฽ายและสร฾างภาพท่ีอยากเห็นในแสงออร฽ามากกว฽าที่จะเห็นส่ิงที่มีอยู฽จริง จึงเป็นการดีท่ีจะมี
ขอ฾ ยนื ยนั หรือขอ฾ สนบั สนนุ สาหรับการมองดว฾ ยจิต

อปุ กรณ์เครื่องมอื วัดแสงออรา่ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
เครื่องวดั แสงออรา฽ ที่ผูเ฾ ขยี นไดใ฾ ชแ฾ ละตดิ ต้งั ทม่ี หาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนคร วิทยาลัยพุทธ
ศาสตร์และปรัชญา หรือพุทธวิชชาลัยน้ัน มีอย฽ู 2 เคร่ือง ได฾แก฽ Win Aura ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ กับ
Aura Cam 6000 โดยมีรายละเอยี ดของเครอื่ งดังกลา฽ วดังน้ี
รายละเอยี ดคุณลักษณะ ประกอบด฾วย

1. กลอ฾ งจัดโฟกัสแสงออร฽า จานวน 1 เครื่อง
1.) กล฾องสามารถจับโฟกัสแสงออร฽าของตัวบุคคลที่ใช฾เคร่ืองแสดงผลบน

แผ฽นฟิล์มได฾
2.) สามารถสัมผสั หน฾าจอคอมพวิ เตอร์ได฾
3.) สามารถสแกนนว้ิ มือและทัง้ ตัวได฾
4.) กล฾องถ฽ายออร฽าภาพมีความละเอียดสูงและสามารถถ฽ายสาเนาลงแผ฽น

ซีดีได฾
2. เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ชนิดพกพา จานวน 1 เคร่ือง
3. เครื่องพิมพส์ าหรบั คอมพิวเตอร์ จานวน 1 เครอื่ ง
4. กลอ฾ งวดี ีโอ จานวน 1 เครื่อง
5. โปรแกรมซอฟแวร์ อย฽างละ 1 โปรแกรม ได฾แก฽
5.1 The Aura Analyzer
5.2 Win Aura Program
5.3 IRUV Software
5.4 Halo Vision Software
5.5 3D View Software
5.6 WDM Compatible software driver ใช฾กบั กลอ฾ งถา฽ ยวดี ีโอแคมป฼
6. เครื่องสแกนไบโอเซนเซอร์ (ทว่ี างมือ) พร฾อมอุปกรณ์เสริมครบชุด จานวน 1

เครื่อง
เมือ่ วางมือแล฾วพลังจากมือจะถา฽ ยทอดเขา฾ สร฽ู ะบบแลว฾ แสดงแสงออรา฽ ปรากฏทาง

คอมพิวเตอร์แล฾วสามารถแยกออกมาเปน็ สว฽ น ๆ
7.อุปกรณป์ ระกอบอน่ื ๆ
7.1 ชุดอปุ กรณ์เสริมทีม่ าพร฾อมกบั การผลติ ครบชุด
7.2 ชอ฽ งปลกั๊ เสยี บเคสชนิดพกพา ไมน฽ ฾อยว฽า 2 ชุด
7.3 กระดาษพมิ พส์ าหรับใช฾กับกล฾องถ฽ายรปู ไมน฽ ฾อยกวา฽ 10 กล฽อง

(กลอ฽ งละ 10 แผน฽ )

102

ภาพท่ี 4.1 รปู แสดงกล฾อง Aura Cam 6000
ทีม่ า: Philippe Van Lieu. (1998-2014): CD.

Aura Cam 6000 แพ็คเกจประกอบด฾วยองคป์ ระกอบต฽อไปนี้
1. กล฾องรา฽ งกายจับที่พลงั สภาวะจิตของแต฽ละบคุ คลในทนั ทลี งบนแผ฽นฟิล์ม (ฟจู ิ FP-
100C หรือ Polaroid)
2. เป็นคู฽มือ sensors เก็บรวบรวม biofeedback สัญญาณ (biofeedback วดั
อุปกรณ์)
3. ออร฽า Analyzer (ซอฟต์แวร์) โดยพมิ พ์เขยี นวิเคราะห์ของออรา฽ บนภาพถา฽ ย
4. สาหรบั ภาพถา฽ ย-สละเคาน์เตอร์ (สารตั ถรบั ประกนั โมดูล) นับจานวนของภาพถา฽ ยยดึ
และเปดิ ใช฾สละ 500 หน฽วยหรอื ภาพถ฽าย
5. เพาเวอรซ์ ัพพลายแพค็
6. พกพาแบกกรณี
7. ฝกึ อบรมวดิ ีโอและค฽มู ือ
8. สง฽ เสรมิ การขายสัญญาณและวัสดแุ ละ
9. เตม็ ทางเทคนคิ และการตลาดท่ีสนับสนนุ
10. เพิ่มโบนสั : Win Aura โปรแกรมที่มีคณุ ลักษณะต฽อไปน้ี

1) วิจัยดู: แสดงขัน้ พนื้ ฐานสขี องกระแสลม
2) ใช฾งานกระแสลม: ขยายสีของกระแสลม, ดสี าหรบั กระแสลมศกึ ษาเซสชัน
3) สดกระแสลมดู: การแสดงผลงานของการย่ืนออกพลังงานในกลิ่นอายของหัว
เรือ่ งบุคคล
4) ช฽วยเหลือเครื่องสแกนมือดู: แสดงปฏิสัมพันธ์ของกระแสลมสองคนดีสาหรับ
พลงั งานโต฾ตอบเซสชัน

103

5) ภาพถ฽าย Stablizer : stabilizes กระแสลมสาหรับที่สละภาพถ฽าย มีความไว
สงู : ดี

ภาพที่ 4.2 รูปแสดงกล฾อง Win Aura
ที่มา: Philippe Van Lieu. (1998-2014): CD.

สาหรับออรา฽ ศึกษาเซสชันหรอื บนั ทึกเซสชนั : บันทึกกระแสลมโดยตรงไปยงั อุปกรณ์
เกบ็ ข฾อมูลข฾อมูลเชน฽ ซดี ี

11. ช฽วยเหลอื สแกนมอื : เชอื่ มต฽อพลงั งานแรงงานเกนิ ไปดังนนั้ ชว฽ ยเหลือมือดสู ามารถ
แสดงกล่ินอายของพลังงานในระหวา฽ งการกลายเป็นพลังงานโต฾ตอบเซสชนั

12. IRUV ซอฟตแ์ วร์: แสดงซอ฽ นเรน฾ แจม฽ ใส Ultra วสิ ยั ทัศน์ของกระแสลม
13. ประภามณฑลวิสยั ทัศน์ซอฟต์แวร:์ ทรงกลดแสดงวสิ ัยทัศน์ของกระแสลม
14. 3D ท่ดี ูซอฟต์แวร:์ แสดง 3D ท่ดี ูของกระแสลม
15. คอมพวิ เตอร์: แล็ปท็อปหรอื เดสก์ท็อปกับข฾อกาหนด คอื โปรเซสเซอร์: 1 GHz หรอื
เรว็ กว฽าของ Intel หรือ AMD ตามพซี ีกับ Windows XP ทเี่ รว็ กวา฽ ท่ีดี หนว฽ ยความจา: 1.0 กิกะไบต์
หรอื สูงกวา฽ แรม
16. กลอ฾ งถ฽ายวีดโี อ: Win Aura คอื ท่ีสุดโมเดม็ ยูเอสบี-port ได฾ "เวบแคม" กล฾อง
17. พมิ พ:์ แคนอน PIXMA 1 ชุด

ความสา้ คัญของออร่า (ศุภกาญจน์ วิชานาติ, 2556: 267-353)
สงั คมปัจจุบันทกุ วันนี้มีความสลับซับซ฾อน อายตนะภายในและภายนอกกระทบต฽อสิ่งเร฾า

มากมาย หากเราไม฽มีภูมิค฾ุมกันทางกายและจิตใจแล฾ว เรามักจะถูกกระแสโลกพัดไปซ่ึงบางรายอาจ
สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองได฾ และด฾วยความก฾าวหน฾าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได฾เข฾ามามี
อิทธิพลต฽อวถิ ีชีวิตเราอยา฽ งแยกกันไม฽ออก ทาให฾คนส฽วนใหญ฽มีทัศนคติจนฝากชีวิตและจิตใจให฾กับสิ่งที่
มองเห็นพิสูจน์ได฾ และยิ่งสังคมปัจจุบันฝากความหวังให฾กับวิทยาศาสตร์ด฾วยแล฾ว การถูกกระทบจาก
พลงั ภายนอกกย็ ิ่งมอี ทิ ธิพลต฽อชีวติ เรามาก ทาให฾ระบบพลังภายในตัวเราอ฽อนแอหรือไม฽สมดุลระหว฽าง
จิตและกาย หากปล฽อยให฾ระบบพลังของเราถูกรบกวนและรุกรานอย฽ูเช฽นนี้ทุกวัน หากเราละเลยไม฽
เรยี นร฾ูเท฽าทนั จากผัสสะที่กระทบอายตนะภายนอกเหล฽าน้ี และมีการจัดการปูองกันตัวเองจากการบุก
รุกหลากหลายรูปแบบ เราจะพบแต฽ความย฽ุงยากสลับซับซ฾อน ประสบแต฽สภาพทุกข์ทนได฾ยากอย฽ู
ตลอดจนขาดอิสรภาพภายในทแี่ ทจ฾ ริงของเราเอง

104

ดังนั้นคนเราทุกคนต฽างก็มีประสบการณ์ที่พลังของเราถูกกระทบจากอายตนะภายนอก
ไมว฽ า฽ จะเปน็ รูป รส กล่ิน เสียง สัมผัสทางกาย (โผฏฐัพพะ) และอารมณ์ที่เกิดกับใจ (ธรรมารมณ์) ใน
รูปแบบต฽างๆ อยู฽เสมอ คนอื่นก็มักรบกวนพลังของเราอยู฽ด฾วยเช฽นกัน เมื่อเราอยู฽กับโลกเรามักถูกโลก
ธรรมกระทบอย฽างหลีกเลี่ยงไม฽ได฾ ไม฽ว฽าจะเป็นคาเสียงนินทา หรือชักจูงให฾เราสูญเสียความเป็นตัวของ
ตัวเอง บางคร้ังร฾ูสึกเหน็ดเหนื่อยภายหลังท่ีเราพบปะพูดคุยกับใครบางคน ลักษณะดังกล฽าวท่ี
ยกตัวอย฽างมาทั้งหมด คือ การถูกออร฽าคนอื่นหรืออายตนะภายนอกเข฾ามามีอิทธิพลหรือรุกรานออร฽า
ภายในตวั เราอย฽างไม฽รต฾ู วั

หัวใจสาคัญในการปกปูองพลังภายในของเราอยู฽แสงออร฽า เม่ือแสงออร฽ามีพลัง
สั่นสะเทือนมาก พลังท่ีไม฽ดีและไม฽สมดุลก็จะเข฾ามาทาอะไรไม฽ได฾ การรักษาพลังของแสงออร฽าไม฽ใช฽
เร่อื งยาก สงิ่ ท่เี ปน็ ผลดกี ับแสงออร฽า คือ การรักษาสมดุลระหวา฽ งรา฽ งกายกับจิตใจ สุขภาวะองค์รวมที่ดี
และย่ังยืน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม฽ให฾เข฾ากับธรรมชาติ โดยการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์แต฽
พอดีกับร฽างกายและตามกาลเวลาที่เหมาะสม เพราะร฽างกายมีวงจรนาฬิกาชีวิตของเขาอย฽ู อย฽างเช฽น
ช฽วงเวลาที่ร฽างกายต฾องการสารอาหารท่ีจาเป็นมากท่ีสุดหลังจากร฽างกายได฾พักผ฽อนมาเป็นร ะยะเวลา
ยาวนาน (ตอนกลางคืน) พอต่ืนเช฾ามาน้ันเราต฾องรับประทานอาหารท่ีมีสารอาหารครบ 5 หมู฽ ไม฽ควร
ขาดหรือเร่ิมต฾นรับประทานอาหารตอนกลางวันหรือบ฽าย ๆ เย็น ๆ ซ่ึงสังคมปัจจุบันมักเร฽งรีบจนไม฽มี
เวลาให฾อาหารตอนเช฾าแก฽ร฽างกาย ทาให฾ร฽างกายเราไม฽สมดุล มีผลทาให฾เราหงุดหงิดง฽าย สมาธิส้ัน
ความจาไม฽ดี ร฽างกายไม฽สดชื่น เป็นต฾น เป็นท่ีน฽าแปลกที่ผู฾เขียนเป็นนักวิชาการมักจะได฾ยินว฽า ครู
อาจารย์ หรือผ฾ูสอนให฾ความร฾ูในรูปแบบต฽างๆ มีผลวิจัยพบว฽ามีความถ่ีท่ีเป็นโรคความจาเส่ือมหรืออัล
ไซเมอรเ์ พิ่มสูงขน้ึ รายงานผลวจิ ยั ให฾เหตผุ ลเชิงบริบทว฽า เปน็ เพราะสายอาชพี ทางวชิ าการเหล฽านี้มักไม฽
มีเวลา เร฽งรีบ และมักจะให฾ความสาคัญกับงานมากกว฽าร฽างกาย จึงทาให฾ไม฽มีเวลารับประทานอาหาร
ตอนเช฾าซึ่งพบมากกว฽าคร่ึง ด฾วยเหตุผลดังกล฽าว ทาให฾อาชีพสายวิชาการจึงมีความเสี่ยงเป็นโรค
ความจาเส่ือมสูงขึ้นมาก ส฽วนการออกกาลังกายก็สาคัญไม฽น฾อยกว฽าอาหารเลย เพราะการขยับ
เคล่ือนไหวร฽างกายนานติดต฽อกันมากกว฽าคร่ึงช่ัวโมงต฽อวัน ก็ถือได฾ว฽าเป็นการออกกาลังกายแล฾ว แต฽
สังคมปัจจุบันมักไม฽ค฽อยมีเวลาให฾จึงทาให฾มองข฾ามส่ิงเหล฽าน้ีไป เป็นไปได฾อยู฽ในห฾องทางานก็สามารถ
เหว่ยี งแขนเชา฾ กลางวัน เย็น หรือเวลาตอนใดก็ไดท฾ ี่วา฽ มา ทาตอนละไมน฽ ฾อยกว฽า ๓๐๐ ครั้ง โดยเหว่ียง
แขนท้งั สองข฾างข้นึ ถงึ ระดับหน฾าผากแลว฾ ท้งิ แขนตามแรงโน฾มถ฽วงของโลกใหแ฾ ขนท้งิ ตัวตามธรรมแล฾วให฾
มือท้ังสองเลยสะโพกไปเล็กน฾อย ทาอย฽างน้ีตอนละไม฽น฾อยกว฽า 300 ครั้ง ทุกวัน ซึ่งพบว฽าการทา
ลักษณะดังกล฽าวเทียบเคียงได฾กับการวิ่งออกกาลังกายเป็นกิโลเมตรเลยทีเดียว ผู฾แนะนาผ฾ูเขียน ท฽าน
เป็นพระราชาคณะชั้นพรหมและจบการศึกษาชั้นสูงสุดทั้งทางโลกและทางธรรม ท฽านแนะนาว฽าเป็น
ศาสตร์ที่คนจีนถ฽ายทอดองค์ความร฾ูน้ีมาตั้งแต฽อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังเป็นท่ีนิยมอย฽ู ดังเราจะเห็นตาม
สวนสาธารณะที่คนจีนออกกาลังกายมีการเหว่ียงแขนไปมาอยู฽กันมากมาย ซึ่งถือได฾ว฽าเป็นท฽าบริหาร
ออกกาลังกายพื้นฐานของคนจีนที่ไม฽สามารถหลีกเลี่ยงไปได฾เลย จึงเป็นภูมิปัญญาของคนจีนเขาไป
แล฾ว ส฽วนสุดท฾ายเราต฾องอาศัยอยู฽กับสิ่งแวดล฾อมที่ดี อากาศบริสุทธ์ิ ทาให฾ร฽างกายมีออร฽าเพ่ิมพลัง
ให฾กับเรามาก ซ่ึงเรามักพบในผลงานวิจัยเรื่องสุขภาพระหว฽างคนเมืองที่เต็มไปด฾วยมลพิษทางอากาศ
และคนชนบททเี่ ตม็ ไปด฾วยอากาศบริสุทธ์ิ พบว฽าคนเมืองมีปัญหาสุขภาพทางระบบหายใจมากกว฽าคน
ชนบทอย฽างมีนัยสาคัญทางสถิติ ซึ่งไม฽แปลกท่ีผลวิจัยรายงานเช฽นนั้น เพราะฉะน้ันแสงออร฽าของเราก็
ถูกอิทธิพลจากสิ่งแวดล฾อมโดยเฉพาะทางอากาศอย฽างหลีกเลี่ยงไม฽ได฾ ดังน้ันเราต฾องเลือกสถานท่ีให฾
เหมาะกบั วถิ ีชีวติ ของเรา

105

นอกจากนี้ อารมณ์และจิตใจสามารถมีเหตุปัจจัยส฽งผลต฽อแสงออร฽าด฾วยเช฽นกัน ซึ่ง
มากกว฽าท่ีคนส฽วนใหญ฽คิดไว฾ ความเครียดเรื้อรังหรือไมเกรนเรื้อรัง ความบอบช้าทางอารมณ์ ความ
ผดิ ปกติหรอื ความไม฽สมดลุ ทางจติ ใจ การเปลย่ี นแปลงอยา฽ งรุนแรง ความวติ กกังวล ความกลัว อารมณ์
และทัศนคติมองโลกในแง฽ร฾าย โรคจิตซึมเศร฾าซึ่งสังคมไทยเรามีมากขึ้นเรื่อยจากข฾อมูลกรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุขและท่ีสาคัญพบว฽าคนท่ีเป็นโรคจิตซึมเศร฾าได฾ใน แพทย์ ครู อาจารย์ ผ฾ูพิพากษา
ซ่ึงเป็นสายอาชีพท่ีไม฽น฽าจะเป็นไปได฾แต฽ก็พบอยู฽มากไม฽แพ฾กับสายอาชีพอ่ืนเลย ลักษณะดังกล฽าวมา
ทั้งหมดนี้ทาให฾แสงออร฽าอ฽อนแอและส฽งผลให฾พลังถูกดูดออกไป เราจึงเหน็ดเหน่ือยง฽ายมาก และถ฾า
เกิดเป็นระยะเวลายาวนานออกไปจะเกิดรอยรูโหว฽และรอยฉีกขาดขึ้นภายในแสงออร฽า (แสงออร฽า
รอบตัวเราเป็นช้ัน ๆ อยู฽ 7 ช้ัน) ปัญหาสุขภาพทางกายและความไม฽สมดุลก็จะแสดงออก ปรากฏให฾
เห็นลกั ษณะของแสงออร฽าท่ีอ฽อนแอ โดยมีรบู ริเวณทดี่ าคลา้ และรปู แบบของความไม฽สมดลุ

การมองและเสริมพลังให฾แสงออร฽าทาได฾ง฽ายๆ หลายวิธี แสงแดดทาให฾แสงออร฽ามีพลัง
มากข้ึนเหมือนกับการออกกาลังกาย การสูดดมอากาศบริสุทธิ์ การรับประทานอาหารแต฽พอดีมี
ประโยชน์ท่ีจาเป็นต฽อร฽างกาย เหลาน้ีทาให฾แสงออร฽าแข็งแรงและมีความสมดุลยิ่งข้ึน การรักษาลาไส฾
ให฾สะอาด การดีทอกซ์ลาไส฾และตับอย฽ูเสมอ ก็มีส฽วนช฽วยให฾แสงออร฽าแข็งแรงสดชื่นมีกาลังกายและ
ฟื้นฟูคืนส฽ูสภาพเดิม การด่ืมน้าด฽างหลีกเล่ียงอาหารท่ีเต็มไปด฾วยกรด ก็มีส฽วนช฽วยทาให฾ร฽างกายอยู฽ใน
ภาวะที่สมดลุ เพราะร฽างกายคนเรามีสภาวะเปน็ ด฽าง การท่เี ราบริโภคอาหารที่เป็นกรดมากเกินไป เช฽น
เน้ือสัตว์ เครื่องดื่มน้าอัดลม อาหารจานด฽วน เป็นต฾น มีผลทาให฾ร฽างกายขาดความสมดุลแล฾วนาไปส฽ู
การสร฾างสารอนุมูลอิสระอันเป็นเหตุปัจจัยให฾ร฽างกายปุวยเป็นโรคภัยไข฾เจ็บตามมา ไม฽ว฽าจะเป็น
โรคมะเร็ง โรคแทรกซ฾อนต฽างๆ ภาวะไตวาย โรคหัวใจ โรคความดัน โรคเบาหวาน โรคกรดไหลย฾อน
และโรคทางระบบสมองและประสาท เป็นต฾น ซ่ึงโรคเหล฽าน้ีเป็นโรคยอดฮิตกับสังคมปัจจุบันและพบ
มากตามโรงพยาบาลต฽าง ๆ จนทาให฾เกิดกระแสการทาประกันภัยสุขภาพตามโรคต฽างๆ ที่ว฽ามา มีให฾
พบเห็นมากมาย ลักษณะเหล฽าน้ีบ฽งชี้ถึงการทาลายออร฽าภายในตัวเราเองท่ีเกิดจากการบริโภคที่ผิด
ธรรมชาติ จนเกดิ ภาวะไมส฽ มดลุ ต฽อรา฽ งกาย

การทาสมาธิสามารถชว฽ ยเสรมิ พลังและปูองกันแสงออร฽าไปในตัว ซ่ึงการทาสมาธิไม฽ต฾อง
เครง฽ เครยี ดหรอื ใหท฾ าตามรปู แบบทุกข้ันตอนอยา฽ งเคร฽งครดั ตามที่สานกั หรือวดั ต฽าง ๆ แนะนามา ซึ่งใน
ชีวิตประจาวันเราเองสามารถทาสมาธิได฾ง฽ายๆ และถูกต฾องตามหลักพระพุทธศาสนาไม฽ผิดเพี้ยนเลย
ก฽อนอ่ืนเราต฾องเห็นถึงความสาคัญของการทาสมาธิในชีวิตประจาวันก฽อน การท่ีเราทุกคนจาเป็นต฾อง
รับประทานอาหาร ซึ่งพูดภาษาชาวบ฾านว฽า ร฽างกายจาเป็นต฾องการอาหารท่ีเกิดจากการบริโภคเข฾าไป
ในร฽างกาย อย฽างน฾อยห฾ามขาดเกิน 7 วัน หรือน้าห฾ามขาดเกิน 3 วัน มิเช฽นนั้นตาย ตามมาตรฐาน
กาหนดทางการแพทยเ์ ขาบอกมาอยา฽ งนี้ เราจงึ จาเปน็ ต฾องรับประทานหรือบริโภคอาหารทุกวันซ่ึงเป็น
ส฽วนหน่ึงของชีวิตไปเลย ท฽านเคยนึกหรือไหมว฽า แล฾วเมื่อร฽างกายต฾องการอาหารจากท่ีเราบริโภคเข฾า
ไปทุกวันดงั กลา฽ ว แล฾วจิตใจล฽ะ เขาก็ต฾องการอาหารให฾กับจิตใจเหมือนกัน ถามว฽าแล฾วอาหารจิตใจคือ
อะไร ทางพระพุทธศาสนาก็ตอบได฾ทันทีเลยว฽า อาหารทางจิตใจก็คือ ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร
และวญิ ญาณาหาร ซงึ่ โดยรวมอาหารทางจิตใจทงั้ 3 น้นั ก็คอื ภาวะความสงบสุขทางจิตใจที่เกิดจาการ
ทาสมาธินั้นเอง เพราะฉะนั้นอาหารทางจิตใจก็คือความสงบสุขท่ีเกิดขึ้นจากการระงับนิวรณ์ทั้ง 5 ได฾
ในภาวะนั้นๆ ถึงแม฾ช่ัวคราวก็ตาม เพราะเจ฾านิวรณ์ ๕ (เครื่องกีดขวางการทาความดี หรือส่ิงที่ก้ันจิต
ไมใ฽ หเ฾ จรญิ หน฾าในคุณธรรมตา฽ งๆ หรอื ตวั รบกวนจติ ไมใ฽ หป฾ กต)ิ เมื่อเทียบกับตวั ไม฽ดีของอาหารที่จาเป็น
และเป็นประโยชน์ต฽อสุขภาพแล฾วก็คือ มะเร็งทางใจน้ันเอง เพราะฉะนั้นเราไม฽อยากให฾ชีวิตทางกาย

106

เกิดโรคมะเร็งต฽าง ๆ แล฾ว จิตใจเราก็ไมอ฽ ยากเปน็ มะเรง็ ทางใจ จึงจาเป็นต฾องทาสมาธิในชีวิตประจาวัน
อยเู฽ ปน็ ปกตินสิ ยั ใหเ฾ หมอื นกบั เรารบั ประทานอาหารทุกวัน

ดนตรีก็มีผลดีต฽อแสงออร฽าด฾วยเช฽นกัน กล฽าวคือ การร฾องเพลงท่ีใช฾ในทางคริสต์ศาสนา
ตามโบสถ์ต฽างๆ การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา เหล฽าน้ีจะช฽วยชาระล฾างพลังไม฽ได฾ในแสงออร฽าหรือ
ในสภาพแวดล฾อมได฾ ซึ่งระยะเวลาสวดมนต์ของพระพุทธศาสนาข้ันต่าเพียง 10 นาที ก็สามารถชาระ
ล฾างพลังไม฽ดีออกไปได฾ ยืนยันโดยการทดลองมาซารุ อิโมโตะ ท่ีท฽านทดลองกับน้าเดียวกันแล฾วนามา
ทดลองแยกระหวา฽ งน้าไว฾เฉย ๆ กบั นา้ แหล฽งเดียวกันนผ้ี ฽านการสวดมนต์เป็นระยะเวลา 10 นาที แล฾ว
นาน้าท้ังสองนี้ไปแช฽เย็นที่อุณหภูมิติดลบ 20 องศาเซลเซียส จากน้ันดูผลึกปรากฏว฽า น้าธรรมดาท่ีไว฾
เฉยๆ (ตัวแปรควบคุม) ผลึกน้าเป็นรูปหกเหล่ียมธรรมดารูปร฽างปกติตามน้าท่ัวไป แต฽น้าจากแหล฽ง
เดียวกันนี้ที่ผ฽านการสวดมนต์ 10 นาทีน้ี ปรากฏว฽าเป็นน้าผลึกหกเหล่ียมมีแฉกรูปร฽างสวยงามมาก ดู
เหมือนกับผลึกของเกล็ดหิมะที่มีแฉกตามมุมของหกเหลี่ยมมองดูแล฾วสวยงามจับใจมาก ซึ่งผลึกท่ี
สวยงามนี้มันสามารถทะลุทะลวงเซลต฽างๆ ในร฽างกายได฾ดีและท่ีสาคัญงานของมาซารุ ได฾เขียน
อภิปรายเพิ่มเติมว฽า น้าสามารถรับสารและส฽งสารจากภายนอกได฾ (Masaru Emoto, 1999: 1-19)
เพราะฉะนั้นปัจจัยภายนอกสามารถส฽งผลและมีอิทธิพลต฽อภายในได฾เฉกเช฽นน้ันท่ีเป็นพยานจาก
หลักฐานการทดลองนี้ ซึ่งในพระพุทธศาสนาก็มีการกล฽าวมาต้ังแต฽คร้ังในสมัยพุทธกาลแล฾ว โดยศึกษา
ได฾จากพระสูตรช่ือรตนสูตร (ขุ.ข. 25/1-18/9-14) ว฽าด฾วยรัตนอันประณีต ดังสรุปใจความสาคัญว฽า
พระอานนท์เรียนมนต์จากพระพุทธเจ฾าเสร็จแล฾ว พระอานนท์ก็สวดรตนสูตรน้ีไปที่น้าแล฾วรดให฾ท่ัว
กาแพงเมืองไพศาลี หลังจากน้ันทุพภิกขภัย (ข฾าวยากหมากแพง) อมนุษยภัย (ภัยจากพวกอมนุษย์)
และพยาธิภัย (ภัยที่เกิดจากโรคระบาด) ได฾อันตรธานหายไปทันที เม่ือเราได฾ศึกษาเน้ือความในรตน
สูตร จะเห็นได฾ว฽า พระพุทธเจ฾าได฾พรรณนาถึงความประเสริฐบริสุทธิ์และสรรเสริญพระรัตนตรัย มี
พระพุทธเจา฾ เป็นต฾น แล฾วเอยด฾วยสัจจวาจาที่กล฽าวมาแล฾วนี้ขอให฾ความสวัสดีมีผลต฽ออมนุษย์ทั้งหลาย
ทีม่ าประชมุ กนั อย฽ู ณ ที่นี้ นา้ กร็ ับขอ฾ มูลจากรตนสตู รนไี้ ปใหก฾ ับอมนุษย์ทม่ี าประชุมมา ณ ที่น้ี หลังจาก
อมนุษยไ์ ดร฾ ับข฾อมูลขา฽ วสารนี้จากน้าแล฾ว กไ็ ด฾รบั คายืนยันจากสจั จวาจาของพระพทุ ธเจ฾าอันมีผลทันตา
เห็นโดยสวัสดีท่ัวหน฾ากัน เหล฽าอมนุษย์ลากลับไปอย฽ู ณ ท่ีสมควรของตนต฽อไป ทาให฾โยนิโสมนสิการ
ต฽อไปได฾ว฽า การทาความดีจนเกิดคุณธรรมบารมีขึ้นน้ัน สามารถเอยวาจาอันมีสัจจะความจริงเป็น
เบอื้ งต฾นมาเป็นพยานให฾บันดาลเกดิ ผลกับกรณหี รอื สถานการณต์ า฽ ง ๆ ได฾ทันตาเห็น ซึ่งก็ไม฽แปลกนักที่
ผ฾ูสนใจและผ฾ูศึกษาทางพระพุทธศาสนาจะเห็นอย฽ูเป็นปกติท่ีการบาเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ฾ามักจะ
พบสัจจวาจาที่กล฽าวอ฾างมานี้ จงบันดาลให฾เกิดผลตามประสงค์ด฾วย ซ่ึงก็เกิดขึ้นตามประสงค์จริง ๆ
ผู฾เขียนจึงขอเป็นกาลังใจและแรงจูงใจให฾กับผ฾ูอ฽านได฾เร฽งขวนขวายกระทาความดี ส่ังสมบุญบารมี อัน
เป็นปัจจัยต฽อการบรรลุมรรคผลนิพพานต฽อไป แต฽อย฽าไปติดบุญบารมี เพราะความเป็นนิพพานย฽อม
เหนอื บุญ เอาแคเ฽ ป็นปจั จยั เกือ้ หนนุ ตอ฽ การบรรลุมรรคผลนพิ พานก็พอ

เราจะเห็นได฾อย฽างชัดเจนว฽า ในพระพุทธศาสนาได฾กล฽าวถึงน้าสามารถส฽งสารได฾ และ
ไม฽ใช฽แค฽ร฽องรอยหลักฐานที่มีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเพียงแค฽สูตรเดียวเท฽านั้น ยังพบพระสูตร
มากมายเช฽นกัน เช฽น อานิสงส์การให฾ทานด฾วยน้า (ขุ.อป. 32/19/341) หรือในวนโปสูตร
(2/243/302) ว฽าด฾วยการปลูกปุารักษาต฾นน้าลาธารเป็นบุญกุศลตลอดเวลา, พระธรรมเทศนา
อุปมาอปุ ไมยเกยี่ วกบั นา้ (ขุ.อิติ. 14/109/489) หรือนารูปแบบสัญลักษณ์ความศรัทธาเล่ือมใสผนวก
เขา฾ กับน้า เชน฽ เรื่องพระแม฽ธรณบี บี มวยผม การกรวดน้าอทุ ิศส฽วนกุศล เป็นต฾น

107

สาหรับดนตรีที่ผลดีต฽อแสงออร฽าโดยรอ฾ งเพลงศาสนานน้ั ๆ ในศาสนสถาน หรือสวดมนต์
ดังที่ได฾กล฽าวมาแล฾วน้ัน หากจะมีบุคคลใดหรือผู฾ที่ไม฽ได฾นับถือศาสนาหรือไม฽มีศาสนาแล฾วก็ตาม เขา
เหล฽านั้นสามารถฟังเพลงคลาสสิค หรือเสียงดนตรีบรรเลง เช฽น Water Music ของแฮนเดล ,
Pastoral ของบีโธเฟน, สายธารธรรม Morality Stream ของจารัส เศวตาภรณ์ เป็นต฾น ซ่ึงจาก
ผลงานวิจัยต฽างๆ พบวา฽ คลื่นเสยี งเหล฽าน้มี ผี ลต฽อการกระต฾นุ สมองและเซลต฽าง ๆ ภายในร฽างกาย ทา
ใหส฾ มองหลั่งสารเอน็ โดฟนิ เซโรโทนนิ โกรทฮอร์โมน และโดพามีน เป็นต฾น อันเป็นผลดีต฽อร฽างกายทา
ใหร฾ า฽ งกายผ฽อนคลาย สดชื่น เบกิ บาน โปร฽งโล฽ง เรียนร฾ูได฾ดีขึ้นกว฽าเดิม ฯลฯ ซ่ึงยกตัวอย฽างของไทยเรา
จากผลงานวิจัย ศ.นพ.ดร. วิจิตร บุณยะโหตระ และคณะ (นิสิตระดับปริญญาโท สาขาเวชศาสตร์
ชะลอวยั และฟืน้ ฟูสุขภาพ สานกั วชิ าเวชศาสตรช์ ะลอวยั และฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม฽ฟูาหลวง)
ทดลองเรื่องผลของเสียงและแสงของออดิโอสโทรบต฽อคลื่นสมอง ผลการวิจัยพบว฽า การใช฾เสียงและ
แสงจากเครอ่ื งออดโิ อสโทรบ โหมดสมาธิสามารถกระต฾ุนคลื่นสมองให฾อย฽ูในช฽วงความถี่แอลฟามากข้ึน
ซึ่งสามารถใชห฾ ลักการนใ้ี นการลดความเครียดผ฽อนคลายและทาให฾เกดิ สมาธไิ ด฾

สว฽ นเร่ืองกล่ินหอมก็สามารถเสริมพลังให฾กับแสงออร฽าในตัวเราได฾เช฽นกัน การรมควันไล฽
แมลงถือเป็นเร่ืองธรรมดาของชาวบ฾านท฾องถ่ิน แต฽ในที่นี้เป็นการใช฾ควันและกล่ินหอมของสมุนไพร
หลายชนิดเพ่ือชาระล฾างแสงออร฽าหรือสิ่งแวดล฾อม กล่ินหอมไม฽ว฽าจะเป็นเครื่องหอม หรือน้ามันหอม
ยอ฽ มส฽งผลตอ฽ แสงออร฽าและพลังแห฽งธรรมชาติ อารมณ์และจิตใจ น้ามันและเคร่ืองหอมใช฾เพ่ือต฽อสู฾กับ
เชอ้ื โรคและความเจ็บปุวยทงั้ ทางรา฽ งกาย อารมณ์จิตใจ และจิตวญิ ญาณ

หญา฾ หางหนผู สมกบั หญา฾ หวานเป็นท่รี ฾ูจกั กนั ดี เพราะกลิ่นหอมสามารถชาระล฾างและทา
ให฾แสงออร฽าเกิดความสมดุล กายานเป็นกล่ินหอมอีกชนิดท่ีทาความสะอาดและปกปูองออร฽า แม฾ว฽า
บางคนจะไมไ฽ ด฾ผล เพราะเก่ยี วขอ฾ งกับศาสนาคริสต์ อย฽างไรก็ตามกลิ่นหอมน้ีมีแรงสั่นสะเทือนมากจน
เกิดผลได฾ สาหรับผ฾ูที่ทางานด฾านการรักษาพยาบาลและให฾คาปรึกษา กลิ่นการ์ดิเนียให฾ผลดีมาก ช฽วย
ปกปูองเราไวจ฾ ากการเข฾าไปพัวพันกับปัญหาของผ฾ูอ่ืนมากเกินไป ช฽วยเสริมพลังชองแสงออร฽าเพื่อผลดี
ด฾านอารมณ์ การตรวจสอบเพียงเล็กน฾อยจะทาให฾เห็นผลได฾อย฽างชัดเจน (Ted Andrews, 2542:
117-118)

หินและคริสตัลก็เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่เพิ่มความแข็งแกร฽งให฾แสงออร฽า โดยพลัง
ไฟฟูาท่ีมีอยู฽ในคริสตัลจะช฽วยเพิ่มพลังและเสริมพลังให฾แสงออร฽า การทดสอบที่ดีอีกวิธีหนึ่งคือการวัด
แสงออรา฽ ขณะถือและไม฽ถือคริสตัล แม฾จะเป็นคริสตัลก฾อนเล็กๆ ขนาดน้ิวเดียวก็สามารถทาให฾แสงออ
ร฽าขยายรัศมีออกไปอีกสามถึงส่ีฟุต คริสตัลปลายแหลมสองข฾างเพิ่มพลังแสงออร฽าเป็นอย฽างมาก
คริสตัลทพ่ี กใส฽กระเปา฻ เสอ้ื ไวจ฾ ะช฽วยใหแ฾ สงออร฽ามีเสถยี รภาพ ซึง่ ให฾ผลมากโดยเฉพาะอย฽างยิ่งในยามท่ี
เรารู฾วา฽ เรากาลังอยูใ฽ นภาวะตึงเครียดหรือเหน็ดเหน่ือย คริสตัลจะช฽วยปกปูองเราไว฾จากแรงกดดันและ
ความเหน็ดเหนื่อยท่ีมากเกินไป ซึ่งในช฽วงท฾ายของวันเมื่อเราพบว฽า ตัวเองเหน็ดเหนื่อยเพียงแต฽
ตอ฾ งการฟื้นฟูระดับพลัง ให฾น่ังหรือยืนถือคริสตัลปลายแหลมท้ังสองข฾างไว฾ในมือ ให฾ผ฽อนคลายและนึก
ภาพวา฽ คริสตลั กาลังบรรจพุ ลงั ใหร฾ ฽างกายของเราและเตมิ พลังให฾แสงออรา฽ การหายใจเป็นจังหวะก็ช฽วย
ได฾ ทาเพียงห฾าถึงสิบนาทีก็จะช฽วยให฾พลังของเราเกิดความสมดุลและแข็งแกร฽งข้ึน และยังช฽วยเปลี่ยน
ภาวการณ์ทางานของจิตใจให฾ผ฽อนคลายย่ิงขึ้น ช฽วยให฾เราปล฽อยวางงานไว฾ที่ทางาน เพราะคริสตัลจะ
ชาระล฾างซากขยะในแสงออร฽าที่เรานาออกมาจากท่ีทางาน (Ted Andrews, 2542: 118-119) ซึ่ง
เม่ือกล฽าวถึงท่ีทางานผ฾ูเขียนขอแนะนาให฾ผู฾อ฽านนาถ฽านไม฾สีดามาสักสามส่ีก฾อนใส฽ไว฾ภาชนะที่รองรับไว฾
แล฾ววางไว฾ที่หลังคอมพิวเตอร์ ไว฾ที่ใกล฾ ๆ กับคลื่นแม฽เหล็กไฟฟูา เช฽น เต฾าเสียบปล๊ักไฟฟูา

108

เครื่องใชไ฾ ฟฟาู สานักงานต฽างๆ เปน็ ต฾น ถา฽ นไมด฾ าน้จี ะดดู ซบั พลังงานลบ (คล่ืนแม฽เหล็กไฟฟูา) ไว฾กับตัว
ถ฽านไม฾ดา ทาให฾เราไม฽ได฾รับผลกระทบจากออร฽าภายนอกเข฾ามาในร฽างกายเรา หรือทาให฾พลังงานลบ
เหล฽าน้นั เบาบางลงทม่ี ากระทบต฽อออร฽าภายในตวั เรา

บทสรุป
ความหมายของคาว฽า “ออร฽า” ในภาษาวิทยาศาสตร์ คือ พลังแม฽เหล็กไฟฟูาท่ีสภาพ

เหมอื นกับแคปซลู ท่ีคลุมอยร฽ู อบตวั เรา ซง่ึ สามารถเปลยี่ นแปลงได฾ อาจจะขยายใหญ฽ข้ึน อาจจะเข฾มข฾น
ขึน้ หรืออาจะเบาบางลงก็ได฾ ในผู฾ปุวยท่ีใกล฾จะเสียชีวิตจะตรวจพบว฽าพลังออร฽าจะลดต่าลงไปมากจน
เกือบไม฽มี และเม่ือเสียชีวิต พลังออราก็จะหมดไปจากร฽างกาย หรือในความหมายทางวิทยาศาสตร์
ประยุกต์คาที่ใช฾เรียกแทน“ออร฽า” ก็คือ รังสีกายทิพย์ ซ่ึงมีสภาพเป็นคล่ืนไฟฟูาห฽อหุ฾มรอบตัวเราอย฽ู
คล่ืนรังสีนีม้ ีอยูเ฽ ป็นปกติในสิ่งมีชีวิตต฽าง ๆ ท้ังมนุษย์ สัตว์ พืช หรือแม฾แต฽ส่ิงมีชีวิตไม฽มีชีวิตหรือตายไป
แล฾วกต็ าม

รังสีมนุษย์ หรือการเปล฽งรังสีแสงเรืองสีต฽าง ๆ หรือ รัศมีเรืองรองบางอย฽างออกมา
รอบตัว ซ่ึงอาจเป็นแสงเรืองสีต฽าง ๆ กัน โดยสามารถมองด฾วยตาเปล฽าเห็นได฾ หรือเป็นรังสีแสงที่ไม฽
สามารถมองเหน็ ไดด฾ ฾วยตาเปล฽า แต฽สามารถมองเห็นไดด฾ ว฾ ยตาทพิ ย์ (ทิพยจักขุ) ก็อาจเป็นได฾ ดังน้ันเรา
จะเห็นว฽าการเปล฽งรัศมีเหล฽าน้ีมีความเข฾มข฾นแตกต฽างกันไปในแต฽ละบุคคล โดยเฉพาะอย฽างยิ่งจะ
ปรากฏสีเข฾มข฾นชัดใสเจิดจรัสเฉิดฉายมากในบุคคลที่มีพัฒนาการทางจิตอย฽างสูง และรองลงมาจะมี
รัศมีแสงสแี จ฽มกระจ฽างหรือสีสดใสในบุคคลที่มีจิตใจอยู฽ในสภาวะปิติเบิกบานอย฽ูเสมอ ๆ ส฽วนรัศมีแสง
สีท่ีหม฽นหมอง มืดคล้า ไม฽กระจ฽างใส ดูลักษณะข฽ุนมัวหรือพล฽า แสดงให฾เห็นชัดเจนในบุคคลที่เต็มได฾
ดว฾ ยปัญหาวิกฤตทิ างจติ ใจและสุขภาพ

จากบันทึกของโปฺบ เบเนติคท่ี 14 และดร.แนนดัวร์ โฟดัวร์ นักปรจิตวิทยา หรือ
parapsychologis ได฾อธบิ ายไวว฾ า฽ พวกนกั บุญและผช฾ู านาญการศาสนาทางตะวันตกได฾จาแนกลักษณะ
ของออร฽าไว฾ 4 แบบ ด฾วยกนั กลา฽ วคือ

1. แบบ นมิ บสั (Nimbus) คือแบบที่มีออร฽าแผ฽ออกมาในลักษณะคล฾ายการ “ทรงกลด”
เปน็ รัศมีทรงกลมรอบศรี ษะ

2. แบบ ฮาโล (Halo) เป็นแบบการแผ฽รังสีท่ีมีลักษณะคล฾ายวงแหวนแผ฽ออกมารอบ
ศีรษะเหมอื นกัน

3. แบบ ออรโี อลา (Aureola) เป็นแบบลกั ษณะแผร฽ งั สี คลา฾ ยเปลวเพลงิ ทรงกลด
4. แบบ กลอรี (Glory) เปน็ ลักษณะแสงเรอื งเปล฽งปลัง่ เรืองรองแผ฽ออกมารอบรา฽ งกาย
สีของออร฽าและความหมาย สามารถแบ฽งได฾เป็น 2 ประเภท ได฾แก฽ สีของความคิดและ
อารมณ์ และ สีพื้นฐานของออร฽า
สีของออร฽า แล ะก ารแ ปล ควา มห มา ยของสี ออร฽ าจ าเ ป็นต฾ อง อ฽าน สีออร฽ าด฾ว ยค วา ม
รอบคอบอย฽างมีสติ เพราะสีแต฽ละสีมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง และโทนสีจะทาให฾ลักษณะเหล฽าน้ัน
เปลีย่ นไปเล็กนอ฾ ย เราตอ฾ งพจิ ารณาถึงตาแหน฽งท่ีสีปรากฏ ความเข฾ม แม฾แต฽รูปร฽างของสีด฾วย และควร
ดแู ตส฽ หี ลกั ๆ พลังที่สนี ัน้ แสดงออกมาในเรื่องสภาพของร฽างกายและอื่น ๆ ตามปกติ ซ่ึงเป็นจุดเร่ิมให฾
เขา฾ ใจถึงนัยแห฽งสี

109

แสงออรา฽ คือ รศั มีแสงสีรอบกายมนุษย์หรือแสงในสนามพลังงานในมนุษย์ตามสี ดังนั้น
สีพน้ื ฐานของออร฽าสามารถสรุปเป็นตาราง ดังต฽อไปนี้

แสงสอี อร่าและความหมาย

สอี อรา่ คา่ ความหมายของสี ประยุกต์ / อาชีพ
สีแดง
ภาวะมุ฽งม่ัน ผู฾นา ทรงพลัง ทะเยอทะยาน กระฉับกระเฉง โอบ ความเป็นผู฾นา
สชี มพู
ออ฾ มอารี กลา฾ หาญ คิดบวก และพลังทางเพศ
สสี ม้ /แสด
พลังท่ีแจ฽มใส เต็มไปด฾วยความรัก อารมณ์ขัน ถ฽อมตน ปลอบ นักธรุ กิจ
สีเหลือง
ประโลมผ฾ูอื่น ต้งั ใจจริง โรแมนตกิ

จิตอาสา กระฉับกระเฉงว฽องไว เต็มไปด฾วยพลัง ฉลาด ซ่ือสัตย์ มนุษยสมั พันธ์

รบั ผดิ ชอบ เชื่อมัน่ ตนเอง ปดิ ทองหลังพระ

ความฉลาด เมตตา ซ่ือสัตย์ มองโลกในแง฽ดี รักเพ่ือนมนุษย์ เข฾า ความคิดสร฾างสรรค์

สงั คมงา฽ ย ปรับตวั เก฽ง พรสวรรค์ในการพดู

สีทองเหลอื ง คนอ฽อนโยน ชอบช฽วยเหลือผู฾อ่ืน เป็นนักปราชญ์และเปี่ยมด฾วย นักปราชญ์

คุณธรรม มีความสุขเม่ือได฾ชว฽ ยเหลือผ฾อู ่นื คิดบวก

สเี ขียว รักสงบ มีระเบียบวินัย ชอบช฽วยเหลือผ฾ูอ่ืน จิตใจดี ส฾ูงาน ดู แพทย์/ พยาบาล/

ภายนอกเรียบง฽ายแตภ฽ ายในด้ือน฽าดู จิตใจท่ีละเอียดอ฽อน มีความ จิตเวช/ครูอาจารย์

เขา฾ ใจผอ฾ู ่นื ความรกั การรกั ษาโรค ความสมดลุ ฤทธ์อิ านาจ

สีนา้ เงนิ ความสงบและสัจจะ การส่ือสาร พลังจิต ความฉลาด ความมี ทุกอาชีพ

อุดมคติ ขยันขันแข็ง มองโลกในแง฽ดี จริงใจ ซ่ือสัตย์สุจริต ปาก

กับใจตรงกัน ชอบผจญภัย เชื่อมั่นในตนเอง ชอบพบปะผู฾คน

ขยัน มอี ดุ มคติ มีความคดิ สรา฾ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการ

สคี ราม ไม฽เห็นแก฽ตัว โอบอ฾อมอารี มีความจริงใจ รับผิดชอบงาน ชอบ มีความรบั ผดิ ชอบ

งานสังคมสงเคราะห์ มีพลังจิต สัมผัสท่ี6 โทรจิต ความฉลาดล้า สงู

ลึก ความคิดสร฾างสรรค์ ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ชอบ

คน฾ หาสัจจะความจรงิ ของชีวติ

สีมว่ ง สนั โดษ จติ ละเอยี ดอ฽อน เป็นตัวของตัวเอง มีสัมผัสท่ี 6 ชอบทาง ฉลาด/สมาธิ

สมาธแิ ละศาสนา ชอบเร่ืองล้ลี ับ

สนี า้ ตาล ความคิดแคบ ไม฽ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู฾อ่ืน เห็นแก฽ตัว ควรพัฒนาตน

ชอบคยุ แต฽เรอื่ งตัวเอง

สีด้า การส้ินสุด ภาวะสับสน ทุกข์ระทม มีปัญหาสุขภาพ หมกม฽ุนใน ควรรบี ปรับปรงุ /

กาม จมอยใ฽ู นความผดิ พลาด หรือความลา฽ ช฾า รักษาสุขภาพทันที

สขี าว ความสมดุล สมบูรณ์แบบมากที่สุด จะปรากฏกับนักบุญ พระ ฌานสมาบตั /ิ

ปฏิบัตดิ ี หรือผูฝ฾ กึ สมาธวิ ิปสั สนาสม่าเสมอ หรือสภาพจิตใจท่ีเต็ม สมาธิสงู

ไปดว฾ ยความคดิ สร฾างสรรคแ์ ละบรสิ ทุ ธิ์

110

แสงสอี อรา่ และความหมาย

สีออร่า ค่าความหมายของสี ประยกุ ต์ / อาชพี

สีเงิน มีประสาทสัมผัสที่ 6 คิดแปลกใหม฽/แรงบันดาลใจ ซื่อสัตย์ นกั อดุ มคติ

เช่ือมนั่ ในตัวเอง มองโลกในแงด฽ ี มีศักยภาพหลายดา฾ น

สที อง พลังของจักรวาล บุญฤทธ์ิ หรือพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธ์ิซึ่งสามารถ ไม฽มีขอบเขตจากัด

ช฽วยถา฽ ยโรคออกจากร฽างกาย

สเี ทา ขาดจินตนาการ คร่าครึ หัวโบราณ ยึดถือความคิดตนเป็นใหญ฽ ควรพัฒนาตน

เจา฾ ระเบียบ

หมายเหตุ: สีทปี่ รากฏทางด฾านขวามอื (อดตี ), สปี รากฏทางด฾านตรงกลางกระหม฽อม (ปจั จุบนั ) และ
สที ่ีปรากฏทางดา฾ นซ฾ายมือ (อนาคต)

: สีราบเรียบหรือเปน็ เน้ือเดียวกนั , ลกั ษณะวงรอบสมบูรณ์ไม฽มีรอยขาดหรือรอยยัก และสี
สดใส แสดงถึงความสมบูรณแ์ ละลักษณะไปในทางที่ดีหรือแง฽บวก เช฽น สีแดงสด หรือสีเหลืองอร฽าม ดู
สีแลว฾ เย็นตา สีให฾ความอบอุน฽ ใสชัด เปน็ ตน฾

: สีไม฽ราบเรียบหรือไม฽เป็นเน้ือเดียวกัน, ลักษณะวงรอบไม฽สมบูรณ์ มีรอยขาดหรือรอยยัก
และสีไม฽สดใส แสดงถึงความไม฽สมบูรณ์และลักษณะไปในทางที่ไม฽ดีหรือแง฽ลบ เช฽น สีแดงคล้า/เศร฾า
หมอง/ชา้ เลอื ด สเี หลืองข฽ุน ดสู ีแล฾วสหี มองคล้า ไม฽เยน็ ตา ทบึ หมน฽ หมอง ไม฽ชดั เปน็ ตน฾

การศึกษาเร่ืองแสงออร฽ามีการศึกษากันมานานแล฾วในแวดวงวิทยาศาสตร์ และมนุษย์ก็
เชอ่ื อย฽ใู นจติ ใจแลว฾ ว฽าตอ฾ งมี เพราะฉะนั้นการพิสูจน์ด฾วยเคร่ืองมือทางวิทยาศาสตร์จึงยืนยันการศึกษา
ที่มีกันมานานรวมท้ังความเช่ือด฾วย ดังเห็นได฾จากเคร่ืองมือวัดแสงออร฽าที่มีกันใช฾อยู฽ในปัจจุบัน เช฽น
Win Aura , The AuraCam 6000 เป็นตน฾

การศึกษาผลจากการใช฾เครื่องออร฽าฉายแสงแล฾วปรากฏผลออกมาเป็นสีต฽าง ๆ นั้น เป็น
ประโยชน์ต฽อการนาไปประยุกต์ใช฾ในชีวิตแต฽ละคนได฾ เพราะเป็นเครื่องสะท฾อนความคิด เจตคติ
อารมณ์ สภาพจิตใจ ได฾เป็นอย฽างดี ทาให฾บุคคลน้ันคิดโดยแยบคายท่ีจะไม฽ประมาท มีการพัฒนา
ตนเองอย฽ูเสมอ และสร฾างความเลื่อมใสกับผู฾พบเห็นความเปลี่ยนของแสงออร฽าที่ตีค฽าความหมายสีที่ดี
ขน้ึ ตามลาดับ

ปัจจุบันการศึกษาแสงออร฽ามักใช฾ไปในทางตอบสนองอารมณ์ความร฾ูสึกและใคร฽ร฾ู แต฽
ไม฽ได฾นามาพัฒนาตนเองหรอื แรงเสริมให฾ชีวิตตนดีข้ึน เพราะฉะน้ันการใช฾เครื่องมือดังกล฽าวต฾องรู฾จักใช฾
โดยปัญญาแล฾วจักเกดิ ประโยชน์

111

คา้ ถามทา้ ยบท

1. รังสีมนษุ ยม์ ีกี่ประเภท ได฾แก฽อะไรบ฾าง
แนะแนวค้าตอบ ศึกษาเอกสารประกอบการสอนประจารายวิชาพลังมหัศจรรย์แห฽งชีวิตประกอบ
และวารสารวทิ ยาศาสตร์ทางจติ ประกอบ
2. พระพุทธเจา฾ มแี สงออรา฽ กี่ประเภท ไดแ฾ กอ฽ ะไรบา฾ ง
แนะแนวคา้ ตอบ ศึกษาคัมภีรพ์ ระพุทธศาสนา
3. นกั ศกึ ษามีอารมณ์ประเภทใด และนา฽ จะปรากฏแสงออรา฽ ในเรอื นกายนกั ศึกษาได฾แกส฽ ีใด
แนะแนวค้าตอบ ศึกษาเอกสารประกอบการสอนประจารายวิชาพลังมหัศจรรย์แห฽งชีวิตประกอบ
และวารสารวทิ ยาศาสตร์ทางจติ ประกอบ
4. การศกึ ษาแสงออร฽ามีประโยชนอ์ ยา฽ งไรบา฾ ง
แนะแนวคา้ ตอบ ศึกษาเอกสารประกอบการสอนประจารายวิชาพลังมหัศจรรย์แห฽งชีวิตประกอบ
และการประยกุ ต์ใชใ฾ นชวี ิตประจาวันจริงของนักศึกษาโดยสังเกตจากการสารวจตัวเอง การอย฽ูร฽วมกับ
ผูอ฾ ่นื และการฝกึ ฝนพฒั นารา฽ งกายและจติ ใจให฾ผลดีอยา฽ งไรโดยเขยี นวิเคราะห์ทางกายและจิตใจ
5. นักศกึ ษาคดิ ว฽าสามารถตรวจหาแสงออร฽าในตัวเราเองได฾หรือไม฽ โดยไม฽พึ่งเครื่องตรวจวัดรังสีออร฽า
เพราะเหตใุ ด
แนะแนวค้าตอบ ศึกษาเอกสารประกอบการสอนประจารายวิชาพลังมหัศจรรย์แห฽งชีวิตประกอบ
และเอกสารอ฾างองิ ท฾ายบทสามารถขยายขอบเขตความรูจ฾ ากคาถามนไ้ี ด฾

112

เอกสารอา้ งอิง

ก. เอกสารชนั ปฐมภมู ิ

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎก ฉบับภาษาไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหา
จฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย.

ข. ชันทตุ ยิ ภูมิ

มอรต์ ัน วอลค์ เกอร์. (2538). พลงั แห่งสีสัน. กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท ซีเอ็ดยูเคช่ัน จากดั .
ศภุ กาญจน์ วิชานาติ. (2556). ออร่าในพระพทุ ธศาสนา. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั พเี ค พร้ินต้งิ จากดั .
สาโรจน์ เกษมสขุ โชติกลุ . (2538, พฤศจิกายน). “วิญญาณมจี รงิ หรอื ?”. Update, 10 (113):

47.
Dora Von Gelder Kunz. (1996). The personal aura. Wheaton, IL, USA: Theosophical

Publishing House.
Masaru Emoto. (1999, Decembe). “Messages from Wate r”. Paperback , 1 (11):

1-19.
Ted Andrews, อันเวส (แปล) . (2542). ออร่าแสงแห่งเรือนกาย. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์เรอื น

บุญ.
Philippe Van Lieu. (1998-2014). Win Aura Program. PROGEN Aura Imaging Systems

[CD]. CA.: Redwood City.
เบิร์ธ ณ ภัทรดศิ . (2549). ออร่าคืออะไร. [ออนไลน์]. เข฾าถงึ ไดจ฾ าก:

http://www.triplusgroup.com/gzone.html. วันทีส่ ืบค฾น 2555, พฤศจกิ ายน. 22.
Longdodic. (2555). Aura. [ออนไลน์]. เขา฾ ถงึ ได฾จาก: http://dict.longdo.com/search/aura.

วนั ทีส่ บื คน฾ 2555, กนั ยายน. 10.

113

แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 5

บทที่ 5 ประโยชน์การฝึกจติ ระหวา่ งพระพทุ ธศาสนากบั วิทยาศาสตร์

หัวข้อ

5.1 ผลของการฝึกจติ ในพระพุทธศาสนาเถรวาท
5.1.1 ผลต่อวิถีชวี ติ และบุคลิกภาพ
5.1.2 เป็นวธิ ีการพักผ่อนอยา่ งสุขสบายในปัจจุบัน (ทฏิ ฐธรรมสขุ วหิ าร)
5.1.3 เปน็ บาทหรอื เปน็ ฐานแห่งอภิญญา
5.1.4 ทาใหไ้ ด้ภพวเิ ศษ

5.2 การบาบดั โรคทางกายด้วยจิต
5.3 อิทธปิ าฏิหาริยใ์ นพระพุทธศาสนาเถรวาท
5.4 บทสรปุ

จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม

1. นกั ศกึ ษาสามารถอธิบายเหตุผลประกอบจากอานสิ งส์การฝึกจติ ได้
2. นักศึกษาสามารถนาผลทไี่ ด้จากการฝึกจติ แล้วมาแสดงหน้าช้ันเรียนได้
3. นักศึกษาแลกเปลย่ี นเรียนร้รู ะหว่างเพอื่ นรว่ มชั้นในประเด็นสาคัญ ๆ ได้
4. นกั ศกึ ษาเกิดแรงจูงใจหรือความใฝ่ฝันต้องการเป็นพุทธศาสนิกชนทมี่ ีคุณภาพและเป็นกาลังสาคัญ

ทางพระพุทธศาสนา

กจิ กรรมการเรยี นการสอน

1. นักศึกษาทุกคนร่วมกันแลกเปล่ียนประสบการณ์แนวคิดท่ีตนเองรู้จักท่ีมีความคิดเห็นระหว่าง
วิทยาศาสตร์และพระพทุ ธศาสนาได้

2. นักศึกษาร่วมกันสังเคราะห์วิเคราะห์ต่อยอดทางความคิดระหว่างวิทยาศาสตร์และ
พระพุทธศาสนา โดยอาจารย์ให้ใบกิจกรรมจาลองสถานการณ์ให้นักศึกษาได้ร่วมกันแสดงหน้า
ช้ันเรียน

3. นักศึกษาเขียนแผนผังความคิดตามท่ีอาจารย์มอบหมายให้หัวข้อและระดมความคิดเห็นภายใน
กลมุ่ แลว้ นาเสนอหน้าชั้นเรยี น เพอ่ื อภปิ รายระหว่างกลุ่มหนา้ ช้นั เรยี น

4. อาจารย์สรุปความคิดรวบยอดระหว่างวิทยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนาแต่ละแนวคิดของบุคคล
สาคัญท่ีมีตอ่ วงการวทิ ยาศาสตร์และพระพุทธศาสนา

ส่ือการเรียนการสอน

1. เอกสารประกอบการสอน
2. หนังสืออ่านประกอบ (บรรณานกุ รม)
3. ส่อื มัลตมิ ีเดีย
4. สือ่ ออนไลน์

114

การวัดผลและประเมินผล

1. การเขา้ ช้ันเรียน
2. ทาแบบฝึกหดั ท้ายบท
3. ความมีส่วนรว่ มในชั้นเรยี น เชน่ การสอบถาม การแลกเปลี่ยนความรู้
4. การอภปิ รายหน้าช้นั เรียน

บทที่ 5

ประโยชน์การฝึกจติ ระหว่างพระพทุ ธศาสนากับวทิ ยาศาสตร์

การประยุกต์ใช้ประโยชน์จากการฝึกจิตในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องใกล้ตัวและทุก
คนสามารถทำไดใ้ นทุกท่ีทุกเวลา เพียงแตเ่ ราตอ้ งรู้วา่ จะใช้อยา่ งไร มีประโยชน์ตรงไหน และท่ี
สำคัญมีสาระสำคัญนำไปประยุกต์เรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันอย่างไร ดังนั้นการ
นำความรู้ระหว่างพระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์บูรณาการให้เข้ากับตนเองนั้นจะเป็นการ
เติมเต็มให้ชีวิตจิตใจบริบูรณ์และเกื้อหนุนเหตุปัจจัยในการดำรงชีวิตและก่อ ให้เกิดประโยชน์
อย่างสมบูรณ์ โดยมหี ัวขอ้ ท่นี า่ สนใจตา่ ง ๆ ดังตอ่ ไปนี้

5.1 ผลของการฝึกจติ ในพระพทุ ธศาสนาเถรวาท
5.1.1 ผลตอ่ วิถีชวี ติ และบุคลกิ ภาพ
5.1.2 เป็นวิธีการพักผ่อนอย่างสุขสบายในปัจจุบัน (ทิฏฐธรรมสุข

วิหาร)
5.1.3 เปน็ บาทหรอื เปน็ ฐานแห่งอภญิ ญา
5.1.4 ทำให้ได้ภพวเิ ศษ

5.2 การบำบัดโรคทางกายด้วยจิต
5.3 อิทธปิ าฏิหาริย์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท
5.4 บทสรปุ

ผลของการฝึกจิตในพระพุทธศาสนาเถรวาท
ผลของการฝึกจิตในพระพุทธศาสนาเถรวาท เป็นผลที่เกิดจากเหตุในการ

ฝึกจิตเจริญสมาธิจนสามารถละนิวรณ์ 5 หรือเกิดระดับสมาธิตั้งแต่ อุปจารสมาธิ ถึง
อปั ปนาสมาธิ ซึง่ ผลการฝึกจติ นนั้ เป็นลกั ษณะการบรรลฌุ าน

ผลของการบรรลุฌานนั้นมีอานิสงส์มากมายหลายประการดังที่พอจะสรุป
ไดเ้ ปน็ หวั ข้อมดี งั น้ี

1. ผลต่อวิถชี ีวติ และบุคลกิ ภาพ
2. เปน็ วิธีการพักผอ่ นอยา่ งสขุ สบายในปจั จบุ นั (ทิฏฐธรรมสขุ วิหาร)
3. เปน็ บาทหรอื เปน็ ฐานแหง่ อภญิ ญา
4. ทำใหไ้ ดภ้ พวิเศษ

ดงั แสดงรายละเอยี ดของแต่ละประการได้ตอ่ ไปน้ี
ผลต่อวถิ ีชีวติ และบุคลกิ ภาพ

116

พระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยุตฺโต) (2544: 834–835) ได้ประมวลผลของการ
บรรลุฌานหรือประโยชน์ของสมาธิไว้ว่าประโยชน์ในด้านสุขภาพจิตและการพัฒนา
บุคลิกภาพเช่นทำให้เป็นผู้มีจิตใจและมีบุคลกิ ลกั ษณะเข้มแข็งหนักแน่นมั่นคงสงบเยือก
เย็นสุภาพนิ่มนวลสดชื่นผ่องใสกระฉับกระเฉงกระปร้ีกระเปร่าเบิกบานงามสง่ามีเมตตา
กรุณามองดูรู้จักตนเองและผู้อื่นตามความเป็นจริงเตรียมจิตให้อยู่ในสภาพพร้อมและ
ง่ายต่อการปลูกฝังคุณธรรมต่างๆและเสริมสร้างนิสัยที่ดีรู้จักทำใจให้สงบและสะกดยั้ง
ผ่อนเบาความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจได้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันเช่นใช้ช่วยทำให้จิตใจ
ผ่อนคลายหายเครียดเกิดความสงบหายกระวนกระวายยั้งหยุดจากความกลัดกลุ้มวิตก
กังวลเป็นเครื่องพักผ่อนกายให้ใจสบายและมีความสุขเช่นบางท่านทำอานาปานสติ
(กำหนดลมหายใจเข้าออก) ในเวลาที่จำเป็นต้องรอคอยและไม่มีอะไรที่จะทำเหมือนดั่ง
เวลานั่งติดในรถประจำทางหรือปฏิบัติสลับแทรกในเวลาทางานใช้สมองหนักเป็นต้น
หรืออย่างสมบูรณ์แบบได้แก่ฌานสมาบัตทิ ี่พระพทุ ธเจ้าและพระอรหันตท์ ัง้ หลายใชเ้ ป็น
ที่พักผ่อนกายใจเป็นอยู่อย่างสุขสบายในโอกาสว่างจากการบำเพ็ญกิจซึ่งมีคำเรียก
เฉพาะว่าเพอ่ื เป็นทิฏฐธรรมสขุ วหิ าร

เป็นเครื่องเสริมประสิทธิภาพในการทางานการเล่าเรียนและการทำกิจทุก
อย่างเพราะจิตที่เป็นสมาธิแน่วแน่อยู่กับสิ่งที่กำลังกระทำไม่ฟุ้งซ่านไม่วอกแวกไม่เลื่อน
ลอยเสียย่อมช่วยให้เรียนให้คิดให้ทางานได้ผลดีการงานก็เป็นไปโดยรอบคอบไม่
ผิดพลาดและป้องกันอุบัติเหตุได้ดีเพราะเมื่อมีสมาธิก็ย่อมมีสติกำกับอยู่ด้วยดังที่ท่าน
เรียกวา่ จติ เป็นกัมมนียะหรอื กรรมนีย์แปลวา่ ควรแกง่ านหรือเหมาะแกก่ ารใช้งาน

ช่วยเสริมสุขภาพกายและใช้แก้ไขโรคได้ร่างกายกับจิตใจอาศัยกันและมี
อิทธิพลต่อกันปุถุชนทั่วไปเมื่อกายไม่สบายจิตใจก็พลอยอ่อนแอเศร้าหมองขุ่นมัวครั้น
เสียใจไม่มีกำลังใจก็ยิ่งซ้ำให้โรคทางกายนั้นทรุดหนักลงไปอีกแม้ในเวลาที่ร่างกายเป็น
ปกติพอประสบเรื่องราวให้เศร้าเสียใจรุนแรงก็ล้มป่วยเจ็บไข้ไปได้ส่วนผู้ที่มีจิตใจ
เข้มแข็งสมบูรณ์(โดยเฉพาะท่านที่มีจิตหลุดพ้นเป็นอิสระแล้ว) เมื่อเจ็บป่วยกายก็ไม่
สบายอยู่แค่กายเท่านั้นจิตใจไม่พลอยป่วยไปด้วยยิ่งกว่านั้นกลับใช้ใจที่สบายมีกำลังจิต
เขม้แข็งนั้นหันกลับมาส่งอิทธิพลบรรเทาหรือผ่อนเบาโรคทางกายได้อีกด้วยอาจทำให้
โรคหายง่ายและไวขนึ้ หรอื แม้แตใ่ ชก้ ำลงั สมาธริ ะงับทุกขเวทนาทางกายไวก้ ็ได้ในด้านดผี ู้
มีจิตใจผ่องใสเบิกบานย่อมช่วยให้กายเอิบอิ่มผิวพรรณผ่องใสสุขภาพกายดีเป็นภูมิต้าน
ทำนโรคไปในตัวความสัมพันธ์นี้มีผลต่ออัตราส่วนของความต้องการและการเผาผลาญ
ใช้พลังงานของร่างกายด้วยเช่นจิตใจที่สบายผ่องใสสดชื่นเบิกบานนั้นต้องการอาหาร
น้อยลงในการที่จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์ผ่องใสเช่นคนธรรมดามีเรื่องดีใจปลาบปลื้มอิ่ม
ใจไมห่ วิ ข้าวหรอื พระที่

117

บรรลธุ รรมแล้วมปี ีตเิ ปน็ ภักษาฉันอาหารวนั ละม้ือเดยี วแต่ผวิ พรรณผ่องใส
เพราะไม่หวนละห้อยความหลังไมเ่ พ้อหวังอนาคตไมเ่ ฉพาะจติ ใจดีชว่ ยเสรมิ ใหส้ ขุ ภาพดี
เท่านั้นโรคกายหลายอย่างเป็นเรื่องของกายจิตสัมพันธ์เกิดจากความแปรปรวน ทาง
จิตใจเช่นความมักโกรธบ้างความกลุ้มกังวลบ้างทำให้เกิดโรคปวดศรีษะบางอย่างหรือ
โรคแผลในกะเพาะอาหารอาจเกิดได้เป็นต้นเมื่อทำจิตใจให้ดีด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่งก็
ช่วยแก้ไขโรคเหล่านั้นได้ประโยชนข์ ้อนี้จะสมบรู ณ์ต่อเม่ือมีปัญญาที่รู้เท่าทันสภาวธรรม
ประกอบอยู่ดว้ ย

เพราะฉะนั้นการเจริญสมถกรรมฐานมีผลให้จิตมีความเข้มแข็ง ตั้งม่ัน
และแน่วแน่จดจ่อกับสิ่งที่ตนเองสนใจ ทำให้ร่างกายมีความสดชื่น เบิกบาน เป็นสุข
ผิวพรรณผ่องใส สงบไม่สะดุ้งหวาดผวาต่ออันตรายหรือมรณภัยต่าง ๆ หรือตกใจ มีสติ
รอบคอบอยู่เสมอ ครั้นจะทำอะไรก็ไม่ขาดตกบกพร่องและงานที่ทำนั้นก็สำเร็จโดยไม่มี
ที่ติอีกด้วย

เปน็ วธิ กี ารพกั ผอ่ นอยา่ งสขุ สบายในปจั จบุ ัน (ทิฏฐธรรมสุขวิหาร)
ข้อนี้เป็นอานิสงส์ของสมาธิขั้นอัปปนา (คือระดับฌาน) สำหรับพระ
อรหันต์ซึ่งเป็นผู้ทำกิจเพื่อความหลุดพ้นเสร็จสิ้นแล้วไม่ต้องใช้ฌานเพื่อบรรลุภูมิธรรม
อันใดๆต่อไปอีกพระอรหันต์หรือพระอนาคามีผูไ้ ดส้ มาบตั ิ 8 แล้วทำให้เสวยความสุขอยู่
ไดโ้ ดยไม่มจี ิตตลอดเวลา 7 วันดงั ตวั อยา่ งท่ปี รากฏในคัมภีรอ์ รรถกถาธรรมบทว่า

พระขานุโกณทัญญะท่านได้อยู่ในป่าช้าปฏิบัติ
กัมมัฏฐานวันหนึ่งคิดอยากเฝ้าพระพุทธเจ้าท่านจึงเดินทางไป
ในระหว่างหนทางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงแวะข้างทางนั่งเข้าฌาน
สมาบัติบนศิลาดาดแห่งหนึ่งท่ีนั้นได้มีโจร 500 คน ได้ปล้น
ชาวบ้านแล้วนำสิ่งของห่อเทินศรีษะไปพอไปไกลได้พอสมควร
จึงพากันแวะพักเหนื่อยใกล้ศิลาดาดเหล่าโจรเห็นพระเถระคิด
ว่าเป็นตอไม้จึงพากันเอาสิ่งของที่ปล้นมาได้ทั้ง 500 คนวาง
บนศรีษะของพระเถระบ้างข้างพระเถระบ้างห้อมล้อมพระ
เถระแล้วพากันนอนพอตื่นขึ้นมาตอนเช้าเห็นพระเถระคิดว่า
เป็นอมนุษย์ก็พากันตกใจกลัวพระเถระกล่าวว่าอย่ากลัวเลย
อาตมาเป็นบรรพชิตพวกโจรจึงพากันหมอบลงใกล้เท้าให้พระ
เถระยกโทษให้พวกโจรทั้งหมดเกิดความเลื่อมใสจึงขอบวชกัน
พระเถระ (ขุ.ธ.อ. 4/129–130)

พระพุทธองค์ทรงปรารภเรื่องที่พระขานุโกณทัญญะนั่งพักผ่อนด้วยการ
เข้าฌานจงึ ตรสั พระคาถาวา่

118

“ก็ผู้ใดมีปัญญาทรามมีใจไม่ตั้งมั่นพึงเป็นอยู่100ปีความเป็นอยู่วันเดียว
ของผมู้ ีปัญญา

มฌี านประเสรฐิ กวา่ (ความเป็นอยขู่ องผ้นู ้นั )” (ข.ุ ธ.อ. 4/197–198)

เห็นได้ว่าพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ทํากิจเพื่อความ
หลุดพ้นเสร็จสิ้นแล้ว ไม่ต้องใช้ฌานเพื่อบรรลุภูมิธรรมใด ๆ ต่อไปอีก อ้างพุทธพจน์ว่า
“ฌานเหล่าน้ีเรียกว่าเป็นทิฏฐธรรมสุขวิหารในอริยวินัย (ระบอบของอริยชน หรือแบบ
แผนของพระอริยะ)” จึงนิยมใช้ฌานเป็นที่พักผ่อนกายใจเป็นอยู่อย่างสุขสบายใน
โอกาสว่างจากการบำเพ็ญกิจซึ่งมีคำเรียกเฉพาะว่าเพื่อเป็นทิฏฐธรรมสุขวิหาร ซึ่ง
หลักธรรมนี้ เป็นอานิสงส์ของสมาธิขั้นอัปปนา (คือ ระดับฌาน) (ขุ.ธ.อ. 4/198) อีกทั้ง
ยงั ช่วยเสริมสขุ ภาพกาย และใช้แก้ไขโรคได้ รา่ งกายกบั จติ ใจอาศัยกัน และมีอิทธพิ ลต่อ
กัน ปุถุชนทั่วไป เมื่อกายไม่สบาย จิตใจก็พลอยอ่อนแอเศร้าหมองขุ่นมัว ครั้นเสียใจ ไม่
มีกําลังใจ ก็ยิ่งซ้ำใหโ้ รคทางกายนั้นทรุดหนักลงไปอีก แม้ในเวลาที่ร่างกายเป็นปกติ พอ
ประสบเรื่องราวให้เศร้าเสียใจรุนแรง ก็ล้มป่วยเจ็บไข้ไปได้ ส่วนผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง
สมบูรณ์ (โดยเฉพาะท่านที่มีจิตหลุดพ้นเป็นอิสระแล้ว) เมื่อเจ็บป่วยกาย ก็ไม่สบายอยู่
แค่กายเท่านั้น จิตใจไม่พลอยป่วยไปด้วย ยิ่งกว่านั้น กลับใช้ใจที่สบาย มีกําลังจิต
เขม้ แขง็ นั้น หนั กลับมาสง่ อทิ ธพิ ลบรรเทา หรือผ่อนเบาโรคทางกายไดอ้ ีกดว้ ย อาจทําให้
โรคหายงา่ ยและไวขนึ้ หรอื แม้แตใ่ ชก้ าํ ลังสมาธริ ะงบั ทุกขเวทนาทางกายไว้กไ็ ด้ ในดา้ นดี
ผู้มีจิตใจผ่องใสเบิกบาน ย่อมช่วยให้กายเอิบอิ่ม ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายดี เป็นภูมิ
ต้านทานโรคไปในตัว ความสัมพันธ์นี้ มีผลต่ออัตราส่วนของความต้องการ และการเผา
ผลาญใช้พลังงานของร่างกายด้วย เช่น จิตใจที่สบายผ่องใสสดชื่นเบิกบานนั้นต้องการ
อาหารน้อยลง ในการที่จะทําให้ร่างกายสมบูรณ์ผ่องใส เช่น คนธรรมดามีเรื่องดีใจ
ปลาบปลื้มอิ่มใจ ไม่หิวข้าว หรือพระที่บรรลุธรรมแล้ว มีปีติเป็นภักษา ฉันอาหารวันละ
มื้อเดียว แต่ผิวพรรณผ่องใส เพราะไม่หวนละห้อยความหลัง ไม่เพ้อหวังอนาคต ไม่
เฉพาะจิตใจดี ช่วยเสริมให้สุขภาพกายดีเท่านั้น โรคกายหลายอย่าง เป็นเรื่องของกาย
จิตสัมพันธ์ เกิดจากความแปรปรวนทางจิตใจ เช่น ความมักโกรธบ้าง ความกลุ้มกังวล
บ้าง ทําให้เกิดโรคปวดศีรษะบางอย่าง หรือโรคแผลในกระเพาะอาหารอาจเกิดได้ เป็น
ต้น เมื่อทําจติ ใจให้ดีด้วยวธิ ีอย่างใดอยา่ งหน่ึง ก็ชว่ ยแก้ไขโรคเหล่านั้นได้

เปน็ บาทหรอื เปน็ ฐานแห่งอภิญญา
เป็นบาทหรือเป็นฐานแห่งอภิญญาอภิญญาในที่นี้ ได้แก่ โลกียอภิญญา
คือ การใช้สมาธิระดับฌานสมาบตั ิเป็นฐานทำให้เกิดฤทธิ์และอภิญญาขั้นโลกีย์อย่างอ่ืน
ๆ คือ หทู พิ ย์ ตาทพิ ย์ ทายใจคนอน่ื ได้ ระลกึ ชาตไิ ด้ ข้อนีเ้ ปน็ อานิสงส์ของสมาธิขั้นอปั ป

119

นา สำหรับผู้ได้สมาบัติ 8 แล้ว เมื่อต้องการอภิญญาก็อาจทำให้เกิดขึ้นได้ ดังเช่นพระ
พุทธพจน์ว่า

“เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีกิเลสเพียง
ดังเนินปราศจากความเศร้าหมองอ่อนเหมาะแก่การงานตั้งม่ัน
ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ภิกษุนั้นน้อมจิตเพื่อปุพเพนิวาสานุสสติ
ญาณระลกึ ชาตกิ อ่ นได้หลายชาต”ิ (ม.อ.ุ 14/14/24)

ฌานจึงเป็นบาท หรือเป็นฐานแห่งอภิญญา เป็นความสามารถชนิดต่าง ๆ
ท่ีเกิดขน้ึ จากการได้บรรลุฌานสมาบตั อิ ภญิ ญานัน้ มีอยู่ 5 ประการด้วยกนั คือ

1. อทิ ธวิ ธิ ีแสดงฤทธต์ิ ่าง ๆ ได้ คือ คนเดยี วแสดงเปน็ หลายคนได้หลายคน
แสดงเปน็ คนเดยี วได้

2. ทิพพโสตหูทิพย์สามารถได้ยินเสียง 2 ชนิด คือ เสียงทิพย์และเสียง
มนุษยท์ ง้ ทั อ่ี ย่ใู กล้และอยไู่ กล

3. เจโตปรยิ ญาณกำหนดใจหรอื ความคดิ ของผอู้ น่ื ได้ (ขุ.ป. 31/101/162)
4. ทิพพจักขุหรือจุตูปปาตญาณตาทิพย์หรือรู้การจุติและอุบัติของสัตว์
ทัง้ หลายตามกรรมของตน (ขุ.ป. 31/101/163)
5. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณการระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ 1 ชาติ
บ้าง 2 ชาตบิ า้ ง พรอ้ มทงั้ ลักษณะท่วั ไป และชีวประวตั อิ ยา่ งน้ี (ม.อ.ุ 14/159/207)
ฌานจึงจัดว่าเป็นบาทหรือเป็นฐานแห่งอภิญญาอภิญญาคือความรู้ยิ่งเปน็
ความสามารถชนิดตา่ ง ๆ ท่เี กดิ ขึน้ จากการไดบ้ รรลุฌานสมาบตั ดิ ังทก่ี ลา่ วมาแล้วขา้ งต้น
ซึ่งลัทธินอกพระพุทธศาสนาก็สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ทางพระพุทธศาสนาจึงจัดฌาน
สมาบัติอยู่ในประเภทของจิตขน้ั โลกยี สมบัติหรอื ข้นั อยกู่ ับโลกข้ึนกบั โลกนั้นเอง

ทำให้ได้ภพวเิ ศษ
ผู้ที่บรรลุรูปฌาน 4 และ อรูปฌาน 4 ทำให้เกิดในภพที่ดีที่สูง ได้แก่
พรหมโลก 20 ชั้น เมื่อเจริญสมถกรรมฐานจนสามารถบรรลุฌานสมาบัติ คุณธรรม 4
ประการ คือ ฉนั ทะ วริ ยิ ะ จติ ตะ วิมังสาอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ท่เี ปน็ อธบิ ดี ก็จะเกดิ ขนึ้ ความ
เปน็ อธิบดีของธรรมนั้น ถ้าเปน็ ไปในขณะนั้นอย่างสามัญมีกำลังอ่อน ฌานที่เกิดข้ึนน้ันก็
เป็นปริตตฌาน ถ้าเป็นไปมากปานกลางมีกำลังปานกลาง ฌานที่เกิดขึ้นนั้นเป็นมัชฌิม
ฌาน ถ้าเป็นไปมากเข้มแข็งมีกำลังเข้มแข็งฌานที่เกิดขึ้นนั้น เป็นปณีตฌานฌานที่
เกิดขึ้นแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นปริตตะ ชั้นมัชฌิมะ และชั้นปณีตะ มีอำนาจสูงต่ำกว่ากัน
ฉะนั้นเมื่อจะให้ผลไปบังเกิดในพรหมโลกจึงให้ผลแตกต่างกัน (พระธรรมธีรราชมหามุนี
(วิลาสญาณวโร), 2535: 225–226)

120

สำหรับปุถุชนผู้บำเพ็ญพรตจนได้บรรลุฌานแล้ว และฌานมิได้เสื่อมไป

เสียทำให้ได้เกิดในพรหมโลก 20 ชั้น ซึ่งสามารถแบ่งเป็นรูปภพ 16 ชั้น และอรูปภพ 4

ชั้น ผทู้ ีเ่ กดิ ในภพเหล่าน้ี ปกติเรยี กว่า พรหม เพราะเกดิ ขนึ้ ด้วยผลแห่งการปฏบิ ตั พิ ัฒนา

จติ ใจจนไดบ้ รรลุรปู ฌานและอรปู ฌาน

รูปภพ หมายถึง ภูมิที่เป็นรูปาวจรเป็นภพไม่เกีย่ วข้องด้วยกามคณุ อยู่ดว้ ย

ปตี ิสุขแบ่ง ตามลำดับของฌานทไี่ ด้บรรลเุ ปน็ ภพของท่านทีไ่ ดบ้ รรลรุ ูปฌาน รูปภพมี 16

ชนั้ คือ (พระธรรมธีรราชมหามนุ ี (วลิ าสญาณวโร), 2535: 227)

1. พรหมปารสิ ัชชา 2. ภูมิพรหมปุโรหติ าภมู ิ

3. มหาพรหม 4. ภมู ปิ รติ ตาภาภูมิ

5. อปั ปมาณาภมู ิ 6. อาภสั สราภมู ิ

7. ปริตตสุภาภมู ิ 8. อปั ปมาณสภุ าภมู ิ

9. สุภกิณหาภมู ิ 10. เวหัปผลาภมู ิ

11. อสัญญสัตตา 12. อวหิ าสทุ ธาวาสภมู ิ

13. อตปั ปาสทุ ธาวาสภมู ิ 14. สุทสั สาสทุ ธาวาสภมู ิ

15. สุทสั สีสทุ ธาวาสภูมิ 16. อกนิฏฐสทุ ธาวาสภมู ิ

อรปู ภพหมายถึงภพเป็นทอ่ี ย่ขู องปถุ ุชนท่ไี ด้บรรลุอรปู ฌานแบง่ เป็น 4 ชั้น

คือ

1. อากาสานญั จายตนภูมิ

2. วญิ ญาณัญจายตนภูมิ

3. อากิญจญั ญายตนภมู ิ

4. เนวสญั ญานาสญั ญายตนภูมิ

คำว่า “เนวสัญญา” แปลว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่นั้นหมายถึงไม่มีสัญญาหยาบ
นาสัญญาหมายถึงไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่นั้นคือมีสัญญาละเอียดประณีตรวมกันเป็นเนว
สัญญานาสญั ญาแปลวา่ มีสัญญากไ็ ม่ใช่ไม่มีสัญญาก็ไมใ่ ช่คอื พระพรหมพวกน้ีไม่มีสัญญา
อย่างหยาบมีแต่สัญญาประณีตละเอียดหรือมีสัญญาเหลือน้อยเต็มที (พระธรรมธีรราช
มหามนุ ี (วลิ าสญาณวโร), 2535: 227)

ดังนั้น ผู้ฝึกจิตได้ถึงขั้นได้ฌานมีหวังได้เกิดพรหมโลก อีกทั้งร่างกาย
สามารถได้พักผ่อนเต็มที่ ซึ่งเทียบได้กับวิทยาศาสตร์ก็คือการจำศีลของสัตว์นั้นเอง
ลกั ษณะดงั กลา่ วมีผลดีตอ่ ร่างกายหลาย ๆ สว่ น โดยเฉพาะระบบเมตาบอลิซมึ และระบบ
เผาผลาญพลังงานในร่างกายไม่สี่ยงต่อการเกิดอนุมูลอิสระที่เกิดจากการสันดาปหรือ
ระบบสรีระร่างกายมีการทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีกัน หรืออันเป็นที่มาของโรคมะเร็งหรือ
โรคภยั ไข้เจบ็ ทางร่างกาย

121

การบำบัดโรคทางกายดว้ ยจติ
การบำบัดโรคทางกายดว้ ยจิตจะเนน้ การรกั ษาตัวคนไขม้ ใิ ช่การรกั ษาตัว

โรคหรือมุง่ ในการฆ่าเชื้อโรค มีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้ (มงคล กริชตทิ ายาวุธ , 2549: 1-
13)

- Mind and Body Medicine หรือ MBM. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
Complementary and Alternative Medicine หรือ CAM. ซึ่งเป็นการรักษาระบบ
แพทย์ทางเลือกโดยมลี กั ษณะตรงขา้ ม กบั Scientific Medicine

- การรักษาโรคระบบแพทย์ทางเลือกที่เป็น MBM. นั้นมีปรากฏในจีน
อินเดียและกรีกโบราณเมื่อประมาณ 2,000 – 3,000 ปี ก่อนโดยจีนก็ใช้วิธีการรำมวย
ไท้เก๊ก ชี่กง ฝังเข็ม ส่วนอินเดียจะรักษาโรค โดยใช้แบบอายุรเวท ส่วนกรีกเริ่มในยุค
ฮิปโปเครตีส ก่อนค.ศ.ประมาณ 460 ปี เปน็ ตน้

- ความเชื่อในเรื่องกายกับจิตมีหลายทฤษฎี เช่น “จิตกับกายคู่กัน”
“จิตและกายแยกกันอยู่คนละส่วน” “การและจิตพูดกันคนละภาษา” “กายและจิตมี
สองภาษาแตแ่ ทจ้ ริงคือสง่ิ เดยี วกนั ” “จติ เป็นส่วนหนง่ึ ของกาย” เป็นต้น

- ความเชื่อเรื่องจิตวิทยาและระบบประสาท
- มที ัง้ เช่ือทฤษฎีจติ วเิ คราะหข์ องซิกมันดฟ์ รอยด์
- มที ้งั เชือ่ ทฤษฏมี นษุ ยนิยมของมาสโลว์
- มีทงั้ เช่อื ทฤษฎพี ฤติกรรมนิยมของสกนิ เนอร์
- มีท้ังเชอ่ื ทฤษฎี “สมองกับความเครยี ดมผี ลเชื่อมโยงกนั ” ฯลฯ เปน็ ต้น
- น.พ.เฮนร่ี บีเชอร์ ได้เคยทดลองผลเกี่ยวกับความเชื่อของจิตว่ามีพลัง
เพียงไรโดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่2ทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบขาดมอร์ฟีน ซึ่งเป็น
ยาช่วยระงับความปวดได้ดีมาก ดังนั้นหมอจึงจำเป็นต้องฉีดน้ำเกลือให้แก่ทหาร
ผไู้ ดร้ ับบาดเจ็บแทนโดยบอกว่า “เป็นยาทด่ี ีกวา่ มอรฟ์ นี ” ผลปรากฏว่า ทหารหลายราย
หายปวดเจ็บได้แสดงว่าพลังความเชื่อความศรัทธามีผลอย่างมากต่อการรักษาอาการ
ปวด / เจบ็ ท้ัง ๆ ส่งิ ท่ีฉดี ให้ไมม่ ีตัวยารักษาอาการปวดเจ็บเลย
- ในชว่ งหลังสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 การทำสมาธแิ บบ T.M. มกี ารเผยแพร่
อยา่ งกว้างขวาง ทั้งในองั กฤษและสหรัฐอเมรกิ า โดยเฉพาะวงบที เทิล่ นำวธิ ีการทำสมาธิ
แบบ T.M. ไปแตง่ เพลงและร้องเพลง สง่ ผลทำใหค้ นยุโรปใหค้ วามสนใจและนำเรื่องการ
ทำสมาธิไปฝึกฝนแพร่หลายมากยิง่ ขึ้น อน่ึงมหาวทิ ยาลยั รชิ ช่ี รฐั โคโรลาโดของ
สหรัฐอเมริกา ได้นำวิธกี ารทำสมาธิแบบ T.M. บรรจเุ ขา้ เป็นสว่ นหนง่ึ ของหลักสตู ร
ระดบั ปรญิ ญาโท และระดับปริญญาเอก ซง่ึ รปู แบบการทำสมาธแิ บบ T.M. ดังกล่าว
เน้นการผสมผสานระหว่างศาสตรต์ ะวนั ออกของอินเดีย และพระพุทธศาสนาแบบ

122

วัชรยานของธิเบตเขา้ ด้วยกนั แต่ผ้เู ขียนไดม้ ปี ระสบการณเ์ ข้าไปเรยี นคอร์สหนึ่ง จึงได้
ทราบวา่ ในประเทศไทยกม็ ีสถาบนั การศึกษาได้นำวิธกี ารทำสมาธิแบบ T.M. เข้าไปสอน
ในวิทยาลัยรัชตภ์ าคย์เทคโนโลยแี ละการจดั การอยา่ งเปน็ ทางการแลว้

- ในช่วงที่ประธานาธิบดีนิกสันเดิน ทางไปเยือนประเทศจีน
ประธานาธิบดีนิกสันพูดดูถูกวิธีการรักษาโรคของจีนในรูปแพทย์ทางเลือกว่า “โบราณ/
ลา้ สมยั ” ซงึ่ ฝา่ ยจนี ฟังภาษาอังกฤษท่ีนิกสนั พดู กับคนสนทิ ของเขาเข้าใจดแี ตก่ ็มิได้โกรธ
หรือต่อว่าอะไรในความไม่รู้ (ความโง่) ของประธานาธิบดีนิกสัน รักษากิริยาวาจาโดย
สุภาพแต่รีบจัดรายการแทรกขอเชิญให้ประธานาธิบดีนิกสันไปดูการผ่าตัดสมองใช้วิธี
ฝังเขม็ ผปู้ ว่ ยสามารถนอนคยุ กับแพทย์ผทู้ ำการผ่าตัดขณะผา่ ตดั ไดซ้ ่ึงแพทย์แผนปัจจุบนั
ชั้นหนึ่งไม่สามารถกระทำได้ในลักษณะดังกล่าวได้ เมื่อประธานาธิบดีนิกสันกลับ
สหรฐั อเมริกา ก็จดั ประชมุ อาจารย์แพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์หลายแหง่ ในสหรัฐโดย
ขอให้ส่งทีมแพทย์เดินทางไปศึกษาดูงานวิธีการรักษาโรคและวิธีการผ่าตัดด้วยวิธีการ
ฝังเขม็ ของจนี และแนวทางของแพทยท์ างเลือกของจีนเพื่อจะไดน้ ำมาทำการวจิ ัยและนำ
วิทยาการแขนงตะวันออกมาปรับใช้ในสหรัฐอเมริกาบ้าง จึงทำให้ชาวอเมริกันได้รู้จัก
วิธีการรักษาโรคแบบตะวันออกเป็นครั้งแรกจากจีนและเพิ่มความสนใจในแขนงแพทย์
ทางเลือกมากขึ้น

- ในยุโรปและอเมริกาดร.ปฐมพงษ์ฯ ได้พบว่า มีชิ้นงานวิจัยที่เป็น
รูปธรรมเชิงประจักษในทางวิชาการมากกวา่ 500 ชน้ิ งานวจิ ัยสามารถใชส้ มาธิหรอื พลัง
จิตในการรักษาโรคทางกายได้โดยพลังสมาธิมีส่วนสำคัญในการสร้าง T-Cells หรือเพ่ิม
ภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายของมนุษย์ช่วยลดค่ารักษาพยาบาลได้มาก ซึ่งไม่แปลกเลยที่
ชาวตะวันตกช่วงหลังทศวรรษที่ 70 หันมาสนใจการทำสมาธิของตะวันออกมากมาย
โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา นิกายวัชรยานของธิเบต ได้รับการตอบรับมากที่สุดและถือ
ได้ว่าเป็นกลุ่มศาสนาแรกของตะวันออกที่บุกเบิกโลกตะวันตก จึงได้พบร่องรอย
หลกั ฐานทางวชิ าการวิจยั เกย่ี วกับการรกั ษาโรคทางกายด้วยพลงั สมาธิ

- ในช่วงปี 1970 – 1990 ปรากฏว่า ชาวยุโรปสนใจการทำสมาธิแบบ
พทุ ธเพิม่ มากข้ึนมีวัดพทุ ธเพิม่ ข้นึ มากอย่างมนี ยั สำคัญ โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษจาก
ผลการสำรวจทำสถิติในช่วงปี 1973 (พ.ศ.2516) มีวัดพุทธ 34 วัน ในช่วงปี 2004
(พ.ศ.2547) มีวัดพุทธ 370 วัด นั่นคือชว่ งระยะประมาณ 30 ปี มีวัดพุทธเพิ่มในองั กฤษ
มากกวา่ 10 เท่าตวั และจากการศึกษาพระธรรมทูตของไทยเรานัน้ ได้ให้ข้อมูลเพ่ิมเติม
เกยี่ วกบั ความตอ้ งการผู้ท่สี ำเร็จการศกึ ษาทางพระพทุ ธศาสนา สายสมาธิภาวนาหรือฝึก
สมาธิจิต โดยมีพยานประจักษ์พบว่าประเทศอังกฤษมีกฎหมายให้โรงพยาบาลทุกแห่งมี
แผนกการรักษาแบบพุทธจิตวิทยาให้คำปรึกษาแล้ว ซึ่งผู้ที่รักษาไม่จำเป็นต้องสำเร็จ
การศึกษาแพทย์ แต่ได้ผ่านหลักสูตรการทำสมาธิแบบพุทธและเชี่ยวชาญทางด้าน

123

จิตวิทยาในสายวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน โดยทางประเทศอังกฤษให้เหตุผลว่า ผู้ป่วย
หรือมนุษย์มีปัญหาสุขภาพนั้น สมมติฐานของโรคไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของ
ร่างกายอย่างเดียว แต่มีสาเหตุจากจิตใจร่วมด้วย เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องแก้ไขท่ี
สาเหตทุ ี่จติ ใจไปพร้อมกนั ดว้ ย

- วยั รนุ่ ปจั จบุ ันของชาวยุโรป แม้มพี ่อแมเ่ ปน็ คริสต์หนั มาให้ความสนใจ
พระพุทธศาสนามากขึ้น จนปรากฏว่ากิจกรรมชาวพุทธในปัจจุบันมีมากกว่ากิจกรรม
ของชาวคริสต์ โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และ
มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ เป็นต้น เมื่อเขาสนใจกิจกรรมชาวพุทธแล้ว เขาทำตนเป็นพุทธ
มามกะที่น่านับถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจริงจังมากกว่าคนไทยมาก สามารถพบเห็นได้
ในหลายประเทศ เช่นอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และพบเห็นได้ในออสเตรเลียและ
นิวซีแลนด์ทุกแห่ง ปรากฏว่ามีการปฏิบัติเคร่งกว่าชาวไทยพุทธหลายเท่าตัว ซึ่งปรากฏ
คำทำนายของพระอริยสงฆ์ของไทยหลายท่านว่าแสงอรุณพระพุทธศาสนาจะขึ้นทิศ
ตะวันตกในอนาคต

- ผลการวิจัยในผู้ป่วยผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูงหลังจากทำสมาธิแล้ว
ความดันโลหิตต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการฝึกลมหายใจให้หายใจช้าลง โดย
ต้องฝึกหายใจเข้า-ออกให้ได้น้อยกว่า 10 ครั้งต่อนาที หากได้สัก 6 ครั้งต่อนาทีชีวิต จะ
ยืนยาว ซึ่งชมรมอยู่ร้อยปีชีวีมีสุขก็แนะนำในลักษณะน้ี (น.พ.เฉกชนะสิริ อดีตประธาน
ชมรมอยรู่ ้อยปชี วี ีมสี ุข)

- ผลการศึกษาวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญและจากมหาวิทยาลยั
ที่มีชื่อเสียงของโลกหลายแห่งเช่นดร.เดวิดสันอาร์เจผู้นำกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ยืนยัน
เมื่อปี2000ว่าผลการวิจัยพบกว่าสมาธิมีผลต่อการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้สูงอย่างมี
นัยสำคัญชดั เจนไมม่ ขี ้อกงั ขาหรอื สงสยั อีกต่อไป

- ในปี 2002 ดร.เอเดรียล ไวท์ แห่งมหาวิทยาลัยเซ็คเตอร์ ประเทศ
อังกฤษ ได้เขียนผลงานวิจัยว่าการทำสมาธิมีผลทำให้ระบบการทางานของสมองและ
การเพมิ่ T-Cells ภายในรา่ งกายของคนเพม่ิ ขึน้ มากอย่างมีนยั สำคัญ

- ในปี 2003 มีผลงานวิจยั อีกหลายชนิ้ ทที่ ำการวิจยั โดยนกั วทิ ยาศาสตร์
จากแคลิฟอร์เนียร์ซานฟรานซิสโกเมดิคัลเซนเตอร์และจากมหาวิทยาลัยเมดิสัน มลรัฐ
วิสคอนซิล ได้ค้นพบว่าเด็กที่ทำสมาธิสมองซีกซ้ายจะทางานได้ดีมากเป็นเด็กอารมณ์ดี
ใจเยน็ มเี หตุผลควบคุมตนเองไดด้ ี อกี ท้ังมีผลการเรียนดมี ากคือเป็นเดก็ เกง่ และเดก็ ดี

- ในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 (กลางปี 2548) ชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ
เดวิดลั้นช์ ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อต้องการระดมเงินทุนให้ได้ 7,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อเมริกันหรือประมาณ280,000ล้านบาท เพื่อใช้เป็นกองทุนฝึกสอนวัยรุ่นอเมริกันทั้ง

124

ประเทศให้ทำสมาธิเป็นเพื่อเพิ่มศักยภาพคนอเมริกันรุ่นใหม่ให้เป็นผู้นำที่มีศักยภาพใน
อนาคตอย่างต่อเนือ่ ง

- ดังนั้นอาจสรุปได้จากผลงานวิจัยของบรรดานักวิทยาศาสตร์
ชาวตะวนั ตกในหลายประเทศ และในหลายมหาวทิ ยาลยั ช่อื ดงั ของโลกวา่ “เรื่องของจิต
และพลังจิตมีจริงมีผลต่อสุขภาพร่างกายได้โดยตรง ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในวงการ
แพทย์ในยุโรปและอเมริกาอย่างกว้างขวาง สุขภาพจิตที่ดีมีผลต่อสุขภาพร่างกายถ้า
สุขภาพจิตไม่ดีย่อมมีผลต่อสุขภาพร่างกายที่ไม่ดีแต่การเจ็บป่วยของมนุษย์เป็นเรื่อง
ธรรมดามีเกิดก็ต้องมีทั้งแก่ทั้งเจ็บและทั้งตาย ดังนั้นการเจ็บป่วยย่อมไม่มีผู้ใดหลีกหนี
พน้ หลกั การดังกล่าวได้

อย่างไรกด็ เี มอ่ื ป่วยเจ็บแล้วการใช้พลังจติ พลงั ใจในการชว่ ยเหลือเยยี วยา
เปน็ เรือ่ งทีม่ ีผลอยา่ งมนี ยั สำคญั มากขึ้นมใิ ชไ่ ม่มีผลเหมอื นนกั วิทยาศาสตร์หรอื แพทย์
บางสว่ นท่ีมีจติ คบั แคบที่ไมส่ นใจศึกษาค้นควา้ และเข้ามาสัมผัสความจริงอีกดา้ นหนึ่งท่มี ี
อยู่จริงก็พดู ต่อต้านโจมตีเสียกอ่ น

- ข้อความเกี่ยวกับการรักษาโรคมีปรากฏในพระไตรปิฎกหลายแห่ง
หลายตอนโดยเฉพาะใน “พระวนิ ยั ปิฎก” แม้กระท่งั จรรยาแพทย์ เชน่

- ต้องจัดยาให้ถูกต้องตามอาการของผูป้ ่วยโดยไม่อคติ 4 หรือจัดยาตาม
ความรู้สกึ ของตนเอง

- ต้องรู้อาการของผู้ป่วยอย่างแจ้งชัดและรู้วิธีการทำให้ผู้ป่วยมีอาการดี
ขึ้น - ต้องไมร่ งั เกยี จอุจจาระปัสสาวะและเสมหะของผ้ปู ่วย

- ต้องรู้จักปลุกใจคนป่วยให้เข้าใจหลักธรรมะและใฝ่ธรรมะเป็นช่วงๆ
เป็นต้น มีการแนะนำให้ผู้ป่วยรักษาอาการของโรคโดยใช้สิ่งที่มีอยู่ในสมัยนั้น เช่น เนย
ใส เนยข้น น้ำผึ้ง น้ำอ้อยรับประทานผักผลไม้แทนเนื้อสัตว์และการเดินจงกรม เป็นต้น
เนื่องจากว่าระบบสรีระร่างกายของมนุษย์มีค่า pH เป็นด่าง อาหารประเภทผักผลไม้
หรือปลาล้วนมีค่า pH เป็นด่างทั้งสิ้น จึงจะเหมาะสมต่อร่างกาย หากรับประทาน
อาหารที่มีค่า pH เป็นกรดซึ่งพบมากในเนื้อสัตว์ที่ไม่ใช่ปลา (วัว หมู ไก่ เป็ด เป็นต้น)
เนย น้ำตาลทรายขาว นมววั เคร่อื งในสัตว์ ชีส นำ้ อดั ลม เปน็ ตน้ อาหารเหล่านล้ี ้วนเปน็
สาเหตุให้เกิดอนุมูลอิสระภายในร่างกายมนุษย์ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง และ
ก่อให้เกิดความผิดปกติ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง จนทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่ปกติสุขในที่สุด
จึงเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจท่ีพระพุทธศาสนาให้ความสำคัญต่อการบริโภคแต่พอดี โดยก่อน
บริโภคอาหารต้องพิจารณาว่าอาหารที่เราจะบริโภคเป็นไปเพื่อสาระกา รดำรงชีพต่อ
การพัฒนาตนเองอย่างไร และพบในบรรพชิตหรือนักบวชพระพุทธศาสนามีวินัยสงฆ์
ห้ามบริโภคอาหารอันเป็นสารก่อโรคภัยไข้เจ็บ เช่น สุราเมรัย เนื้อสัตว์ต้องห้าม 10

125

ชนิด ห้ามบริโภคในเวลาวิกาลหรือเลยเที่ยงวัน เหล่านี้แสดงถึงอัจฉริยภาพของ
พระพทุ ธเจ้าท่ีทรงมองเห็นการณ์ไกลตอ่ ภัยคกุ คามในชีวิตมนุษย์

- ในทางพระพทุ ธศาสนาเชอ่ื ว่ากายและจติ มสี ่วนสัมพันธ์กันอยา่ งใกล้ชิด
“ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว” ใจสั่งการอย่างไรกายก็ต้องทำตามเสมอกายโดยอาศัยจิต
และจิตก็อาศัยกายต้องไปด้วยกันแยกกันเมื่อไรความตายก็มาเยือนทันที เพราะฉะน้ัน
หากช่วงเวลาใดของชีวิตสภาพจิตใจถูกโลกธรรมกระทบกระเทือนแล้ว ต้อง
ประคับประคองจิตใจไม่ให้ตกไปสู่อกุศลธรรมหรือนิวรณ์ 5 หากสภาพจิตใจไหลลงสู่
อกุศลธรรมหรือนิวรณ์ดังกล่าวแล้วย่อมฉุดร้ังให้ร่างกายทรุดโทรมลงไปด้วย ดังจะเห็น
ได้จากคนรกั ท่อี กหกั จากแฟน คนนอนไมห่ ลับจากทจุ ริตในท่ีทางาน เปน็ ต้น

- การทำวิปัสสนากรรมฐานในทางพระพุทธศาสนาเน้นให้เห็นสามัญ
ลักษณะ คือ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาหรือความไม่เที่ยง ทนอยู่สภาพเดิม
ตลอดเวลามิได้ มีการแปรเปลี่ยนในที่สุดก็แตกดับ มิใช่ตัวตนที่แน่นอนคงที่ตลอดไป
หากมนุษย์ฝึกจิตโดยใช้วิปัสสนากรรมฐานได้ถูกต้องแล้วย่อมเครื่องหมายความมั่นคง
ทางจิตใจไม่เลือนหายหรือลดน้อยถอยลงไปอย่างแน่นอน เพราะผู้ที่เจริญวิปัสสนา
กรรมฐานยอ่ มเป็นการฝกึ จิตใจให้เกดิ ปัญญา โดยวิปสั สนากรรมฐานเป็นแบบฝึกหัดของ
ชีวิตที่เหมาะสมมากสำหรับสังคมยุคดิจิตอลหรือยุคปัจจุบันนี้ที่ไม่ค่อยมีเวลาหรือถูก
กระแสสังคมให้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนไม่มีเวลาเหมือนสมัยก่อน ฉะนั้นการฝึก
วิปัสสนากรรมฐานมีแบบฝึกหัดในชีวิตประจำวันเพียงให้ เห็นจิตอยู่ภายในจิตหรือ
ภายในกายเรา อย่าส่งจิตออกนอกเราหรือร่างกายเรา แล้วน้อมใจให้มาพิจารณากาย
และจิตภายในตัวเราโดยความเป็นไตรลักษณ์ดังที่แปลความหมายมาแล้วข้างต้น เพียง
เท่านี้ก็จะสามารถทำให้จิตใจของเรามั่นคงไม่หวั่นไหวต่อกระแสโลกธรรมมาก
กระทบกระเทือนชีวิตเราได้ เช่น หากวันหน่ึงเราถูกแฟนท้ิง หรือญาติเสียชีวิตกะทันหัน
ถ้าเราได้ฝึกวิปสั สนากรรมฐานมาก่อน เราก็จะไม่ทุกข์ใจจนทำให้ร่างกายทรุดโทรมตาม
ไปดว้ ย เพราะเราไดร้ ู้อยู่กอ่ นแลว้ (มีภมู คิ มุ้ กันทางจิตมากอ่ น) ว่า ทกุ สิง่ ทกุ อย่างบนโลก
ใบนี้ แม้กระทั่งตวั เรากเ็ อาไปไมไ่ ด้ ทุกคนตอ้ งวางไวใ้ ห้กบั โลกนี้ท้ังร่างกายและทรัพย์สิน
ที่อุตสาห์หามาทั้งชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างพิจารณาดีแล้วไม่มีใครเป็นเจ้าอย่างแท้จริง ไม่
สามารถบงั คบั บัญชาได้ แม้กระท่ังเจ้าของเรือนรา่ งกายของเราเองกไ็ ม่สามารถบังคบั ได้
ให้ลองพิจารณาดูให้ดี เช่น เราเคยเข้าใจว่าร่างกายนี้ของเรา เราเป็นเจ้าของ หากวัน
หนึ่งเราเกิดเป็นหวัดหรือป่วยด้วยโรคทางร่างกาย ให้เราลองบังคับบัญชาร่างกายนี้ว่า
เจา้ รา่ งกาย ขา้ เปน็ เจ้าของรา่ งกายนะ เจา้ ร่างกายจงทำตามคำสั่งของเราวา่ ให้หายป่วย
เดี๋ยวนี้ทันที เมื่อสิ้นคำสั่งปรากฏว่าร่างกายไม่ได้ทำตามเลย มีแต่จะดำเนินไปตามเหตุ
ปัจจัยอันเป็นสภาพของโรคนัน้ ๆ ตอ่ ไป เพราะฉะนน้ั ไม่ต้องหวงั ใจว่าสงิ่ ท่ีอยู่นอกตวั เรา
จะบังคับบญั ชาตามคำสั่งของเราได้ ท่กี ลา่ วมาทงั้ หมดนี้ เพราะทุกสิ่งทกุ อย่างไม่มีตัวตน


Click to View FlipBook Version