The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาสังคมศึกษา ป.6 เทอม 1-63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จิรพงศ์ ไมตรีจิตร, 2020-06-15 09:14:03

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาสังคมศึกษา ป.6 เทอม 1-63

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาสังคมศึกษา ป.6 เทอม 1-63

โครงสร้างการสอน วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6
ภาคเรยี นที่ …………. ปีการศึกษา………………เวลา 20 ชวั่ โมง

หน่วยท่ี ช่อื หนว่ ย มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคญั เวลา(ชม.) น้าหนัก
การเรียนรู้ / / สปั ดาห์ คะแนน

เรือ่ ง

1 ความสาคญั มาตรฐาน ส 1.1 พระพุทธศาสนามีความสาคัญ 1 35

ของศาสนา รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ในฐานะที่เป็นศาสนาประจาชาติ (ส. 1)

ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา ไทย แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์

หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่นมี ของชาติไทยเป็นรากฐานและ

ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตาม มรดกทางวัฒนธรรมไทย เป็น

หลกั ธรรมเพ่อื อย่รู ว่ มกนั อย่างสันติสุข ศูนย์รวมจิตใจและหลักในการ

พัฒนาชาติไทย การศึกษาพุทธ

ตวั ช้ีวดั ที่ ป. 6/1 ประวตั ิจะช่วยทาให้เข้าใจประวัติ

วเิ คราะห์ความสาคญั ของพระพุทธ ความเป็นมาของพระพุทธศาสนา

ศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจาชาติ มากยิ่งข้ึน

หรือความสาคัญของศาสนาท่ีตนนับถือ

1 พทุ ธประวัติ มาตรฐาน ส 1.1 การศึกษาพุทธประวัติตั้งแต่ 1

รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ปลงอายุสังขารจนถึงสังเวชนีย (ส. 2)

ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา สถาน ย่อมทาให้ได้ข้อคิดและ

หรือศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอ่ืนมี คุณธรรมอันเป็นแบบอย่างไป

ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตาม ประยุกต์ปฏิบัติในการดาเนิน

หลักธรรมเพอื่ อยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ตสิ ุข ชวี ิต

ตวั ชวี้ ัดท่ี ป. 6/2
สรุปพุทธประวัติตั้งแต่ปลงอายุสังขาร

จนถงึ สังเวชนียสถาน หรือประวัติศาสดา
ทต่ี นนบั ถอื ตามท่ีกาหนด

โครงสร้างการสอน วชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6
ภาคเรียนที่ …………. ปกี ารศึกษา………………เวลา 20 ช่วั โมง

หน่วยท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐาน/ตัวชีว้ ดั สาระสาคัญ เวลา(ชม.) นา้ หนัก
การเรยี นรู้ / / สัปดาห์ คะแนน

เรื่อง

2 พทุ ธสาวก มาตรฐาน ส 1.1 การศึกษาประวัติพุทธสาวกจะ 1

รแู้ ละเขา้ ใจประวัติความสาคัญศาสดา ทาให้ได้แง่คิดและข้อเตือนใจท่ี (ส.3)

หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ สามารถนามาประยุกต์ใช้ให้เกิด

ศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอื่นมี ประโยชน์ในชีวิตประจาวนั ได้

ศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตาม

หลกั ธรรมเพ่อื อยู่รว่ มกนั อย่างสนั ตสิ ขุ

ตัวชี้วดั ท่ี ป. 6/3
เ ห็ น คุ ณ ค่ า แ ล ะ ป ร ะ พ ฤ ติ ต น ต า ม

แบบอยา่ งการดาเนินชวี ิตและข้อคิดจาก
ประวัติสาวกชาดกเร่ืองเล่าและศาสนิก
ชนตัวอยา่ งตามที่กาหนด

2 ชาดก มาตรฐาน ส 1.1 ชาดก เป็นนิทานท่ีมีคติสอนใจ 1

รู้และเข้าใจประวตั คิ วามสาคญั ศาสดา ช่วยให้เกิดความสนุกสนาน (ส.4)

หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ เพลิดเพลิน รวมทั้งมุ่งปลูกฝัง

ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอ่ืนมี คุณธรรม สามารถนามาปรับใช้ใน

ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดม่ันและปฏิบัติตาม การดาเนินชีวติ ได้

หลักธรรมเพ่อื อยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสันตสิ ขุ

ตัวชวี้ ดั ท่ี ป. 6/3
เหน็ คณุ ค่าและประพฤตติ นตามแบบ

อย่างการดาเนินชีวิตและข้อคิดจาก
ประวัติสาวกชาดกเรื่องเล่าและศาสนิก
ชนตัวอย่างตามท่ีกาหนด

โครงสร้างการสอน วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
ภาคเรียนที่ …………. ปีการศึกษา………….. เวลา 20 ชว่ั โมง

หน่วยท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด สาระสาคญั เวลา(ชม.) น้าหนัก
การเรียนรู้ / / สปั ดาห์ คะแนน

เรอื่ ง

2 พุทธศาสนกิ ชน มาตรฐาน ส 1.1 ก การศึกษาประวตั ิของชาวพุทธ 1

ตวั อยา่ ง รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ตัวอย่างและตัวอย่างการทา (ส.5)

ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา ความดีของบุคคลในประเทศทา

หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอ่ืนมี ให้เห็นคุณค่าของการทาความดี

ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตาม และสามารถนาไปเป็นแบบอย่าง

หลักธรรมเพือ่ อยู่รว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ุข ในการดาเนินชีวิต

ตัวชี้วัดที่ ป. 6/3
เ ห็ น คุ ณ ค่ า แ ล ะ ป ร ะ พ ฤ ติ ต น ต า ม

แบบอย่างการดาเนินชีวิตและข้อคิดจาก
ประวัติสาวกชาดกเร่ืองเล่าและศาสนิก
ชนตวั อยา่ งตามที่กาหนด

2 พระรตั นตรัย มาตรฐาน ส 1.1 พระรัตนตรัยเป็นที่เคารพ 1

รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ สูงสุดของชาวพุทธประกอบด้วย (ส.6)

ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา พระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์

หรือศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอ่ืนมี ดังน้ันชาวพุทธทุกคนพึงแสดง

ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตาม ความเคารพพระรัตนตรัยอย่าง

หลกั ธรรมเพอ่ื อยู่ร่วมกันอยา่ งสันติสุข เหมาะสมและมีความศรัทธาใน

คุณของพระรตั นตรัย

ตัวชี้วดั ป. 6/7

ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนาท่ี

ตนนับถือ เพ่ือแก้ปัญหาอบายมุขและ

ส่งิ เสพติด

โครงสรา้ งการสอน วชิ าสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6
ภาคเรียนท่ี …………. ปีการศกึ ษา………….. เวลา 20 ชวั่ โมง

ชือ่ หนว่ ย มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด สาระสาคญั เวลา(ชม.) น้าหนกั
หน่วยที่ การเรียนรู้ / / สปั ดาห์ คะแนน

เรอ่ื ง

3 ไตรสขิ า มาตรฐาน ส 1.1 การปฏิบัติตนตามหลักธรรม 1

รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ไตรสิกขาย่อมทาให้สามารถ (ส.7)

ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา ฝึกฝนตนให้เกิดปัญญาอันนาไปสู่

หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอ่ืนมี การทางานหรือทากิจกรรมต่างๆ

ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดม่ันและปฏิบัติตาม อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

หลกั ธรรมเพ่อื อย่รู ว่ มกันอยา่ งสันติสุข

ตัวช้ีวดั ป. 6/4
วิเคราะห์ความสาคัญและเคารพพระ

รัตนตรัย ปฏิบัติตามไตรสิกขาและ
หลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา
หรือหลักธรรมของศาสนาท่ีตนนับถือ
ตามท่ีกาหนด

ตัวช้ีวัดป. 6/7
ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนาท่ี

ตนนับถือ เพ่ือแก้ปัญหาอบายมุขและ
สง่ิ เสพติด

โครงสรา้ งการสอน วชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
ภาคเรียนที่ …………. ปกี ารศกึ ษา………….. เวลา 20 ชวั่ โมง

ช่ือหนว่ ย มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคัญ เวลา(ชม.) นา้ หนัก
หน่วยที่ การเรียนรู้ / / สปั ดาห์ คะแนน

เรอื่ ง

3 โอวาท 3 มาตรฐาน ส 1.1 มรรยาทของชาวพุทธชาวพุทธ 1

รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ควรศึกษาและปฏิบัติอย่าง (ส.8)

ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา ถูกต้องเหมาะสมเพื่อจรรโลง

หรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่นมี รักษาวัฒนธรรมที่ดีงามทาง

ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดม่ันและปฏิบัติตาม พระพุทธศาสนา

หลักธรรมเพือ่ อยู่ร่วมกนั อย่างสนั ติสขุ

ตัวชวี้ ดั ป. 6/4
วิเคราะห์ความสาคัญและเคารพพระ

รัตนตรัย ปฏิบัติตามไตรสิกขาและ
หลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา
หรือหลักธรรมของศาสนาท่ีตนนับถือ
ตามทกี่ าหนด

ตวั ช้ีวดั ป. 6/7
ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนาท่ี

ตนนับถือ เพื่อแก้ปัญหาอบายมุขและ
สิ่งเสพตดิ

โครงสรา้ งการสอน วิชาสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
ภาคเรยี นที่ …………. ปกี ารศกึ ษา………….. เวลา 20 ชวั่ โมง

ชือ่ หนว่ ย มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด สาระสาคัญ เวลา(ชม.) น้าหนัก
หนว่ ยท่ี การเรียนรู้ / / สัปดาห์ คะแนน

เร่ือง มาตรฐานที่ ส 1.1 พุทธศาสนสุภาษิตเป็นคาสอน 1
(ส.9)
3 พุทธศาสน รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา ทางพระพทุ ธศาสนาที่มีความ
สภุ าษติ

หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา หม ายเป็นคติเตือนใ จช่วยช้ี

ท่ีตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาท่ี แนวทางชีวิตเมื่อได้นาไปปฏิบัติ

ถูกต้อง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรม ในชีวิตประจาวันจะช่วยให้ชีวิตมี

เพอ่ื อยูร่ ว่ มกนั อยา่ งสนั ติสุข ความสงบสุขมากข้ึนและการรู้จัก

ตัวชีว้ ัดท่ี ป. 6/3 สถานท่ีต่างๆภายในวัดจะทาให้
วิเคราะห์ความสาคัญและเคารพพระ ชาวพุทธประพฤติปฏิบัติตนได้
ถูกต้องเหมาะสมซ่ึงเป็นการรักษา
รัตนตรัย ปฏิบัติตามไตรสิกขาและ ประเพณีอนั ดงี ามของชาวพทุ ธ
หลักธรรม โอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา

หรือหลักธรรมของศาสนาท่ีตนนับถือ

ตามที่กาหนด

4 หน้าที่ชาว มาตรฐานที่ ส 2.1 พุทธศาสนกิ ชนท่ดี ีควรประพฤติ 1
พทุ ธ (ส.10)
เขา้ ใจตระหนกั และปฏิบตั ติ นเปน็ ศาสนกิ ปฏบิ ตั ิให้ถกู ตอ้ งดงี ามตามหลัก

ชนทีด่ แี ละธารงรักษาพระพทุ ธศาสนาหรอื ธรรมและศาสนพธิ ขี องพระพุทธ

ศาสนาทตี่ นนับถือ ศาสนาเพ่ือการอยู่ร่วมกันอย่างมี

ความสุข

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป . 6/4

อธิบายความรู้เก่ียวกับสถานที่ต่างๆ

ในศาสนสถานและปฏิบัติตนได้อย่าง

เหมาะสม

โครงสรา้ งการสอน วชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี
ภาคเรียนท่ี …………. ปีการศกึ ษา………….. เวลา 20 ชัว่ โมง

หนว่ ยที่ ชื่อหนว่ ย มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด สาระสาคัญ เวลา(ชม.) นา้ หนัก
การเรยี นรู้ / / สัปดาห์ คะแนน

เรือ่ ง

สอบกลางภาคเรยี นท่ี 1 (ส. 10) 10 คะแนน

4 มาทรยาทชาว มาตรฐานที่ ส 2.1 มารยาทชาวพทุ ธเป็นการปฏิบัติ 1 35

พุทธ เข้าใจตระหนักและปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิก ตนท่ีแสดงถึงความดีงามสุภาพ (ส.11)

ชนที่ดีและธารงรักษาพระพุทธศาสนา เรียบร้อยท้ังกายวาจาและใจเป็น

หรือศาสนาที่ตนนบั ถอื ส่วนหน่ึงของการเสริมสร้างให้

ตวั ช้วี ดั ท่ี ป. 6/2 เกิดความสงบสุขแก่ตนเองและ
มีมรรยาทของความเป็นศาสนิกชนที่ดี สังคม

ตามทก่ี าหนด

4 การสวดมนต์ มาตรฐานท่ี ส 1.1 มารยาทชาวพุทธเปน็ การปฏิบตั ิ 1
ไหว้พระสรร- รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา ตนที่แสดงถึงความดีงามสุภาพ (ส.12 )
เสรญิ คณุ พระ เรียบร้อยทั้งกายวาจาและใจเป็น
รตั นตรยั และ หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา ส่วนหน่ึงของการเสริมสร้างให้
แผ่เมตตา ที่ตนนับถือและศาสนาอ่ืน มีศรัทธาท่ี เกิดความสงบสุขแก่ตนเองและ
ถูกต้อง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรม สังคม
เพื่ออยู่รว่ มกนั อยา่ งสันตสิ ขุ

ตัวชี้วดั ท่ี ป. 6/6
เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผ่เมตตา

และบริหารจิตเจริญปัญญา มีสติที่เป็น
พ้นื ฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนา หรือ
การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาท่ี
ตนนับถอื ตามที่กาหนด

โครงสร้างการสอน วิชาสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6
ภาคเรยี นท่ี …………. ปีการศกึ ษา………….. เวลา 20 ช่วั โมง

หน่วยที่ ช่อื หน่วย มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั สาระสาคญั เวลา(ชม.) น้าหนกั
การเรยี นรู้ / เรอ่ื ง / สปั ดาห์ คะแนน

4 การพฒั นาจิต มาตรฐานที่ ส 1.1 การละเมิดสิทธเิ ด็กเปน็ การทา 1

ตามแนวทาง รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ผิดกฎหมาย เด็กที่ถูกละเมิด (ส.13)

ของพระพุทธ- ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา สิทธิต้องได้รับความคุ้มครองตาม

ศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอื่น มี สทิ ธขิ ้ันพ้นื ฐานตามกฎหมาย

ศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดม่ัน และปฏิบัติตาม

หลักธรรมเพือ่ อยรู่ ว่ มกนั อย่างสนั ติสุข

ตวั ชี้วดั ที่ ป 6/5
เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผ่เมตตา

และบริหารจิตเจริญปัญญา มีสติที่เป็น
พื้ น ฐ า น ข อ ง ส ม า ธิ ใ น พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า
หรอื การพฒั นาจิต

4 วันสาคัญทาง มาตรฐานท่ี ส 1.1 ชาวพุทธทด่ี ีควรเหน็ ความสาคัญ 1
พระพุทธศาสนา รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต น ใ ห้ ถู ก ต้ อ ง (ส.14 )
เหมาะสมในการเข้าร่วมพิธีกรรม
ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา

หรือศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอ่ืน มี และกิจกรรมในวันสาคัญทาง
ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดม่ัน และปฏิบัติตาม พระพทุ ธศาสนา
หลักธรรมเพือ่ อยรู่ ่วมกันอย่างสนั ตสิ ุข

ตัวชว้ี ัดท่ี ป. 6/9
อธิบายลักษณะสาคัญของศาสนพิธี

พิธีกรรมของศาสนาอ่ืนๆ และปฏิบัติตน
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เม่ือต้องเขา้ รว่ มพิธี

โครงสร้างการสอน วชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
ภาคเรียนท่ี …………. ปีการศกึ ษา………….. เวลา 20 ชัว่ โมง

หนว่ ยท่ี ช่อื หนว่ ย มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด สาระสาคัญ เวลา(ชม.) น้าหนกั
การเรยี นรู้ / / สปั ดาห์ คะแนน

เรอ่ื ง

4 ศาสนพิธี มาตรฐานที่ ส 1.1 ศาสนิกชนท่ีดีควรศึกษาและ 1
(ส.15)
รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา ปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม

หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา เมื่อเข้าร่วมศาสนพิธี เห็นคุณค่า

ท่ีตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ และความสาคัญของ ศาสนพิธี

ถูกต้อง ยึดม่ัน และปฏิบัติตามหลักธรรม นน้ั ๆ

เพอ่ื อยรู่ ว่ มกันอย่างสันตสิ ขุ

ตัวชีว้ ัดที่ ป. 6/9
อธิบายลักษณะสาคัญของศาสนพิธี

พิธีกรรมของศาสนาอื่นๆ และปฏิบัติตนได้
อยา่ งเหมาะสม เม่ือตอ้ งเขา้ ร่วมพิธี

1 กฎหมาย มาตรฐานที่ ส 2.2 กฎหมายเป็นข้อบังคับให้ 1

พ้นื ฐานที่ เข้าใจระบบการเมอื งการปกครองใน สมาชิกในสังคมปฏิบัติ หรือละ (ส.16)

เกีย่ วข้องกับ สังคมปัจจุบัน ยึดม่ัน ศรัทธาและธารง เวน้ การปฏบิ ัติ เพอ่ื ใหส้ ามารถอยู่

ชวี ติ ประจาวนั รั ก ษ า ไ ว้ ซ่ึ ง ก า ร ป ก ค ร อ ง ร ะ บ อ บ ร่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสงบสุข

ของครอบครัว ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง

และชมุ ชน เปน็ ประมขุ

ตัวชว้ี ัดที่ ป. 6/9
ป ฏิ บั ติ ต า ม ก ฎ ห ม า ย ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ

ชีวิตประจาวันของครอบครัวและชุมชน
เหมาะสม

โครงสร้างการสอน วิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6
ภาคเรยี นท่ี …………. ปีการศกึ ษา………….. เวลา 20 ชัว่ โมง

หนว่ ย ชอื่ หนว่ ย มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด สาระสาคัญ เวลา(ชม.) น้าหนกั
ที่ การเรียนรู้ / / สัปดาห์ คะแนน
มาตรฐานท่ี ส 2.2 การรับข้อมูลข่าวสารและ
เรอื่ ง เขา้ ใจระบบการเมอื งการปกครองในสงั คม เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดข้ึนอย่างมี 1
ปจั จุบนั ยดึ มน่ั ศรทั ธาและธารงรักษาไวซ้ ่งึ การ วิจารณญาณจะช่วยให้รู้เท่าทัน (ส.17)
2 ขอ้ มลู ปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มี ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง ส่ิ ง ต่ า ง ๆ ท่ี
พระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ เกิดข้นึ รอบตวั
ข่าวสารใน

ชีวติ

ประจาวนั

ตัวชีว้ ดั ที่ ป. 6/5
ตดิ ตามข้อมูล ขา่ วสาร เหตกุ ารณต์ ่างๆ ใน
ชวี ิตประจาวนั เลอื กรบั และใช้ข้อมูลข่าวสารใน
การเรียนรูไ้ ด้

3 การเมอื งการ มาตรฐานที่ ส 2.2 การเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาท 1

ปกครองไทย เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคม หน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วน (ส.18)

ปัจจุบัน ยึดม่ัน ศรัทธาและธารงรักษาไว้ซ่ึงการ ท้องถ่ินและรัฐบาล จะช่วยให้

ป ก ค ร อ ง ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อั น มี เกิดความรู้ความเข้าใจใน

พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ บทบาทและหน้าที่ที่สาคัญของ

ตัวชีว้ ดั ที่ ป. 6/1 องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน

เปรียบเทียบบทบาทหน้าท่ีขององค์กร และรฐั บาล

ปกครองสว่ นท้องถ่ิน

4 วฒั นธรรม มาตรฐานท่ี ส 2.1 วัฒนธรรมเป็นแบบแผนในการ 1

ไทย เข้าใจและปฏิบัติตามหน้าท่ีของการเป็น ดาเนินชีวิตของคนในสังคม (ส.19)

พลเมืองดี มีค่าริยมท่ีดี และธารงรักษาประเพณี วัฒนธรรมในแต่ละท้องถ่ินมี

และวัฒนธรรม ความแตกต่างกันและมีการ

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป. 6/4 เปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา

อธิบายคุณค่าทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ดังน้ันจึงควรช่วยกันอนุรักษ์

ระหว่างกลมุ่ คนในสังคมไทย วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่คู่กับ

สงั คมไทยตลอดไป

โครงสรา้ งการสอน วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6
ภาคเรยี นที่ …………. ปกี ารศกึ ษา………….. เวลา 20 ชวั่ โมง

หนว่ ยที่ ชื่อหน่วย มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด สาระสาคญั เวลา(ชม.) นา้ หนัก
การเรียนรู้ / / สัปดาห์ คะแนน

เรื่อง

4 มารยาทไทย มาตรฐานท่ี ส 2.1 มรรยาทไทยเป็นวัฒนธรรม 1
(ส. 20)
เข้าใจและปฏิบัติตามหน้าที่ของการเป็น ไทยท่ีได้รับการยอมรับจากสังคม

พลเมืองดี มีค่าริยมที่ดี และธารงรักษา ว่าเป็นสิ่งที่ดีงามควรปฏิบัติและ

ประเพณแี ละวัฒนธรรม อนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่กับสังคมไทย

สบื ไป

ตวั ช้วี ดั ท่ี ป. 6/4

อธิบายคุณค่าทางวัฒนธรรมที่แตกต่าง

กันระหว่างกลมุ่ คนในสังคมไทย

สอบปลายภาคเรยี นท่ี 1 (ส. 20) 20 คะแนน

สปั ดาห์ท่ี 1

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี………..… /…………….. ชือ่ ผูส้ อน……………………………………………………

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ชน้ั ประถมศกึ ษาปท่ี ี่ 6 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา และพุทธประวตั ิ

เร่ือง ความสาคัญของศาสนา

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและ

ศาสนาอน่ื มีศรัทธาท่ถี ูกต้อง ยึดม่นั และปฏิบัติตามหลักธรรมเพอื่ อยู่รว่ มกันอยา่ งสนั ติสุข

ตวั ชีว้ ัด ป.6/1 วเิ คราะห์ความสาคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจาชาติหรอื ความสาคัญของศาสนาท่ีตน
นับถอื
2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด

พระพุทธศาสนามคี วามสาคัญในฐานะทเี่ ป็นศาสนาประจาชาติไทย แสดงใหเ้ ห็นถงึ เอกลักษณ์ของชาติไทยเป็นรากฐานและ
มรดกทางวฒั นธรรมไทย เป็นศนู ย์รวมจติ ใจและหลักในการพฒั นาชาติไทย การศึกษาพุทธประวตั ิจะช่วยทาให้เข้าใจประวัตคิ วาม
เป็นมาของพระพุทธศาสนามากยงิ่ ขึ้น

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายความสาคญั ของพระพุทธศาสนาในฐานะเปน็ ศาสนาประจาชาติได้ (K)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
1. พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจาชาติ เชน่
เปน็ เอกลักษณ์ของชาตไิ ทย เปน็ รากฐานและมรดกทาง
วัฒนธรรมไทย เป็นศูนยร์ วมจิตใจ และเป็นหลักในการ
พฒั นาชาติไทย

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ขัน้ นา

ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูใหน้ ักเรียนรอ้ งเพลง พุทธศาสนา แลว้ ใหน้ ักเรยี นวิเคราะห์ เนอื้ เพลงว่ามขี อ้ ความสาคญั อย่างไรบ้าง
2. ครูอธิบายเชอ่ื มโยงให้นักเรียนเห็นถงึ ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา

3. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรียนคิดว่า พระพุทธศาสนามีความสาคัญในการหล่อหลอมสังคมไทยให้มี
เอกลักษณ์ โดดเด่นในเรื่องใด (พิธีกรรมต่างๆ ทั้งพระราชพิธี รัฐพิธี กิจกรรมทางสังคมจะต้องมีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาแทรก
อยเู่ สมอ)

ข้นั สารวจค้นหา
1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางค่อนข้าง

อ่อน และอ่อน ครอู ธิบายใหน้ กั เรยี นเหน็ ความสาคัญของการทางานร่วมกนั ปฏบิ ัติตามกตกิ าของการเรยี นรแู้ บบร่วมมือ เช่น
- มีการชว่ ยเหลือกัน
- ทุกคนต้องมีความรับผดิ ชอบในภาระหน้าทขี่ องตน
- สมาชกิ ทกุ คนมบี ทบาทเทา่ เทยี มกนั
- สมาชกิ ทกุ คนต้องมปี ฏิสมั พันธท์ ดี่ ีต่อกันอย่างต่อเนื่อง

ครูสอนใหส้ มาชิกทุกคนในกลมุ่ มีความกระตือรือรน้ และตง้ั ใจทางานร่วมกนั ใหป้ ระสบความสาเร็จอย่างมีคณุ ภาพ
2. ครใู ห้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมมือกันศึกษาความรู้เรื่อง ความสาคัญของพระพุทธศาสนา จากหนังสือเรียน หนังสอื ค้นคว้า

เพิม่ เติม และจากใบความรูท้ ่ี 1.1 เรอื่ ง ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา แลว้ อภิปรายรว่ มกันในประเด็นตอ่ ไปน้ี
- พระพทุ ธศาสนาเปน็ เอกลกั ษณ์ของชาติไทย
- พระพุทธศาสนาเปน็ รากฐานและมรดกทางวัฒนธรรมไทย
- พระพุทธศาสนาเปน็ ศนู ยร์ วมจิตใจ
- พระพุทธศาสนาเปน็ หลักในการพัฒนาชาติไทย
- แล้วบนั ทึกความร้ทู ี่ได้จากการศึกษาลงในแบบบันทกึ การอ่าน

ขน้ั อธบิ ายความรู้
3. ครูแจกใบงานที่ 1.1 เรื่อง ความสาคัญของพระพุทธศาสนา ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 1 ชุด แล้วให้นักเรียนแต่ละ

กลุ่มแบ่งหนา้ ท่ีใหส้ มาชกิ แตล่ ะคน ดังน้ี
- สมาชิกคนท่ี 1 อา่ นคาสง่ั แยกแยะให้ชดั เจน
- สมาชกิ คนท่ี 2 ฟังขนั้ ตอน รวบรวมข้อมูล หาแนวทางเสนอแนะการตอบคาถาม
- สมาชกิ คนที่ 3 ตอบคาถาม
- สมาชกิ คนท่ี 4 ตรวจสอบความถูกต้อง

ข้นั สรปุ

ขั้นขยายความเขา้ ใจ
4. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มหมุนเวียนเปล่ียนหน้าที่กันในการตอบคาถามในข้อต่อไปจนเสร็จครบทุกข้อ เสร็จแล้วรวบรวม

ใบงาน ท่ี 1.1 สง่ ครู

ขั้นตรวจสอบผล

5. ครูตรวจคาตอบด้วยตนเอง หรือให้แต่ละกลุ่มผลัดกันตรวจคาตอบ โดยมีแนวเฉลยคาตอบให้ครูประกาศผลกลุ่มที่ได้
คะแนนสงู สดุ นักเรียนตอบคาถามกระตุน้ ความคิด

6. ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันสรุปความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จุดประสงค์
1. อธิบ ายความส าคั ญ ขอ ง 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 70% ขน้ึ ไปถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
ความรู้ความเข้าใจ (K)
พระพุทธศาสนาในฐานะเป็น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การประเมนิ
ทกั ษะ / กระบวนการ (P)
ศาสนาประจาชาตไิ ด้
คุณลกั ษณะนสิ ัย (A)
2. ใ บ ง า น ที่ 1.1 เรื่ อ ง 70% ขึน้ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

ความสาคัญของพระพุทธ- การประเมนิ

ศาสนา

3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขน้ึ ไปถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ทางานรายบคุ คล การประเมนิ

7. ส่ือ / แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้
1) เพลง พุทธศาสนา
7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) อินเทอรเ์ นต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ
...................................................................................................................................... .........................................................................
...................................................................................................................................................................................... .........................
......................................................................................................... .......................................................................................... ............
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
...................................................................................................................................................................... .........................................

ลงชอื่ ………………………………………………………ครผู ้สู อน ลงชือ่ ………………………………………………………ฝา่ ยวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผบู้ รหิ าร
(……………………………………………………)

ใบงานท่ี 1.1
เรอ่ื ง ความสาคัญของพระพุทธศาสนา

คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นวเิ คราะห์ภาพแล้วเขียนอธบิ ายเช่อื มโยงถงึ ความสาคัญของพระพุทธศาสนา
1.

2.

3.

สัปดาห์ที่ 2

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี………..… /…………….. ช่ือผสู้ อน……………………………………………………

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั ประถมศึกษาป่ที ี่ 6 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ความสาคัญของพระพุทธศาสนา และพทุ ธประวัติ

เรอ่ื ง พทุ ธประวัติ

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและ

ศาสนาอน่ื มีศรทั ธาทถ่ี กู ต้อง ยึดมนั่ และปฏิบัติตามหลักธรรมเพอ่ื อย่รู ว่ มกนั อยา่ งสนั ติสขุ

ตวั ชวี้ ดั ป.6/2 สรปุ พุทธประวตั ติ ้งั แตป่ ลงอายสุ ังขารจนถึงสังเวชนยี สถาน หรอื ประวัติศาสดาทตี่ นนับถอื ตามทก่ี าหนด

2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด
การศึกษาพุทธประวัติตั้งแต่ปลงอายุสังขารจนถึงสังเวชนียสถาน ย่อมทาให้ได้ข้อคิดและคุณธรรมอันเป็น แบบอย่างไป

ประยกุ ตป์ ฏบิ ตั ใิ นการดาเนินชวี ติ

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. สรปุ พุทธประวตั ิ ต้งั แตป่ ลงอายุสังขารจนถึงสังเวชนยี สถานได้ (K)
2. วิเคราะหข์ ้อคิดและคุณธรรมท่ไี ด้จากการศึกษาพุทธประวัตไิ ด้ (P)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
สรุปพทุ ธประวัติ (ทบทวน)

- ปลงอายุสังขาร
- ปจั ฉิมสาวก
- ปรนิ พิ พาน
- การถวายพระเพลิง
- แจกพระบรมสารีรกิ ธาตุ
- สังเวชนยี สถาน 4

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ข้ันนา

ข้นั กระตุ้นความสนใจ
1. ครใู ห้นกั เรียนกลุ่มเดมิ (จากแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 1)
2. ส่งตวั แทนออกไปเล่าเรื่องพุทธประวตั ิ ทห่ี นา้ ชนั้ เรียนเพ่ือเป็นการทบทวนความร้เู ดิม โดยสรปุ ประเด็นคนละ 1 หัวข้อ

ต่อกนั แบบเล่าเรอื่ งรอบวง ดงั น้ี
- กาเนดิ เจา้ ชายสิทธัตถะ
- เหตุการณ์หลังวันประสูติ
- ชีวติ ในวยั เยาวแ์ ละการศกึ ษา
- อภิเษกสมรส
- เสดจ็ ชมพระนคร
- การออกผนวช
- การศึกษาหลงั จากออกผนวช
- บาเพญ็ ทุกรกริ ิยา
- ทรงรับขา้ วมธุปายาสของนางสุชาดา
- ตรสั รแู้ ละประกาศธรรม

3. นกั เรียนซ่ึงเปน็ ผูฟ้ ังช่วยกันเสริมเพิม่ เติมโดยมีครูตรวจสอบความถูกต้อง นักเรยี นมีความประทับใจในพุทธประวัติตอนใด
อธิบายเหตผุ ล (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู ูส้ อน

ขั้นสารวจค้นหา

4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมมือกันศึกษาความรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติ จากหนังสือเรียน และหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ในตอน
ตอ่ ไปน้ี

- ทรงปลงพระชนมายสุ ังขาร
- ปัจฉมิ สาวก
- การถวายพระเพลิง
- การแบง่ พระบรมสารรี กิ ธาตุ
- สังเวชนยี สถาน

ขน้ั อธบิ ายความรู้
5. สมาชิกแต่ละกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายเช่ือมโยงความรู้ใหม่กับความรูเ้ ดิม แล้วจับคู่กันทาใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง พทุ ธประวัติ
6. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิดการท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงปลงพระชนมายุสังขารทาให้ไดข้ ้อคดิ สาคญั อย่างไร (ทกุ สิ่งทุก

อย่างเม่ือเกิดแล้วย่อมดับไปพระองค์ทรงกระทาทุกสงิ่ สมบูรณแ์ ล้วสงั ขารทงั้ หลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ฯลฯ หรอื พิจารณาตาม
คาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของครผู ู้สอน)

ขน้ั สรปุ

ข้ันขยายความเขา้ ใจ

7. สมาชิกแต่ละคู่ผลัดกันอธิบายผลงานในใบงานท่ี 2.1 ให้สมาชิกอีกคู่หน่ึงภายในกลุ่มฟัง ครูและนักเรียนช่วยกันเฉลย
คาตอบใน ใบงานท่ี 2.1

8. สมาชิกแต่ละกลุ่มนาความรู้ท่ีได้จากการศึกษาพุทธประวัติต้ังแต่ทรงปลงพระชนมายสุ ังขารจนถงึ สังเวชนียสถานมาเรียบ
เรียง เป็นเรียงความ เร่ือง พุทธประวัติ นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรียนได้ข้อคิดสาคัญจากการศึกษาพุทธประวัติ
อยา่ งไรบา้ ง (พิจารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยให้อยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู ้สู อน)

ขนั้ ตรวจสอบผล
9. ครูใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นรว่ มกันในการนาความรูแ้ ละข้อคดิ ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาพุทธประวตั ไิ ปประยุกตป์ ฏิบตั ิ

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมิน วธิ ีการวดั ผล เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จุดประสงค์
1. สรุปพทุ ธประวตั ิ ต้ังแตป่ ลง 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ข้ึนไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
ความรคู้ วามเข้าใจ (K)
อายุสงั ขารจนถึงสังเวชนยี สถาน การประเมิน
ทักษะ / กระบวนการ (P)
ได้ (K)
คณุ ลกั ษณะนิสัย (A)
2. วิเคราะหข์ อ้ คดิ และคุณธรรม 2. ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง พุทธ 70% ขึ้นไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

ทไ่ี ด้จากการศึกษาพุทธประวตั ิ ประวัติ การประเมิน

ได้ (P)

3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขึน้ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

ทางานรายบุคคล การประเมิน

7. ส่อื / แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียน พระพุทธศาสนา ป.6
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) อนิ เทอร์เนต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ..................................................................................
...................................................................................................................................................................... .........................................
......................................................................................... ......................................................................................................................

ลงชอ่ื ………………………………………………………ครผู สู้ อน ลงช่อื ………………………………………………………ฝา่ ยวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงช่ือ………………………………………………………ผบู้ รหิ าร
(……………………………………………………)

ใบงานท่ี 2.1
เรอ่ื ง พุทธประวตั ิ

คาชี้แจง ให้นกั เรยี นอธบิ ายภาพตามประเด็นที่กาหนด
คาบรรยายภาพ
ขอ้ คิดจากภาพ

คาบรรยายภาพ
ขอ้ คิดจากภาพ

คาบรรยายภาพ
ข้อคิดจากภาพ

สปั ดาหท์ ่ี 3

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี………..… /…………….. ชื่อผ้สู อน……………………………………………………

กลุม่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นประถมศึกษาปท่ี ่ี 6 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 พุทธสาวก ชาดก และพุทธศาสนิกชนตวั อย่าง

เรอ่ื ง พุทธสาวก

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ัด
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและ

ศาสนาอื่นมศี รทั ธาทถี่ ูกตอ้ ง ยดึ มั่นและปฏบิ ัติตามหลกั ธรรมเพือ่ อยู่ร่วมกันอย่างสนั ติสุข

ตวั ช้วี ัด ป.6/3 เห็นคณุ คา่ และประพฤติตนตามแบบอย่างการดาเนนิ ชีวิต และข้อคดิ จากประวัติสาวก ชาดก เรือ่ งเลา่
และศาสนกิ ชนตัวอย่างตามที่กาหนด

2. สาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอด
การศึกษาประวัติพุทธสาวก จะทาให้ได้แง่คิดและข้อเตือนใจ ที่สามารถนามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน

ได้

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกคุณธรรมอนั เปน็ แบบอยา่ งจากประวตั ิพทุ ธสาวกได้ (K)
2. จาแนกคณุ ธรรมทีด่ นี ามาปฏิบตั ิตน (P)
3. เห็นคณุ ค่าและประโยชนก์ ารปฏิบัติตนตามคุณธรรมของพทุ ธสาวก (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
พทุ ธสาวก พุทธสาวิกา

- พระราธะ

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1

ขนั้ นา

ข้นั กระตุ้นความสนใจ
1. ครูให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างพุทธสาวกหรือพุทธสาวิกาที่นักเรียนมีความประทับใจในแบบอย่างการดาเนินชีวิตของ

ท่าน พร้อมแสดงเหตุผลประกอบ

2. นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างการกระทาของนักเรียนท่ีแสดงว่าได้ปฏิบัติตนตามคุณธรรมอันเป็นแบบอย่างของพุทธสาวก
และพุทธสาวิกา และผลท่ไี ดร้ ับ ครแู สดงความช่ืนชมผทู้ สี่ ามารถปฏิบตั ิตนตามแบบอย่างทีด่ ขี องทา่ นดังกลา่ ว

ขั้นสารวจคน้ หา

3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางค่อนข้าง
ออ่ น และออ่ น แล้วชน้ี าใหน้ ักเรยี นเหน็ ความสาคัญของการทางานร่วมกัน ปฏบิ ตั ิตามกติกาของการเรียนรู้แบบรว่ มมอื เช่น

1) มีการช่วยเหลอื กนั
2) ทุกคนต้องมีความรับผดิ ชอบในภาระหรอื หน้าทขี่ องตน
3) สมาชกิ ทกุ คนมีบทบาทเท่าเทยี มกัน
4) สมาชกิ ทุกคนต้องมปี ฏสิ มั พันธท์ ่ีดตี อ่ กันอย่างต่อเน่ือง
ครผู สู้ อนใหส้ มาชิกทุกคนในกลุม่ มคี วามกระตือรอื ร้นและต้ังใจทางานร่วมกนั ให้ประสบความสาเรจ็ อยา่ งมคี ุณภาพ
4. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมมือกันศึกษาความรู้เรื่อง ประวัติพุทธสาวก : พระราธะ จากหนังสือเรียน และหนังสือค้นคว้า
เพ่ิมเติม แลว้ บันทกึ ความรู้ทไี่ ด้จากการศึกษาลงในแบบบันทึกการอ่าน

ข้นั อธบิ ายความรู้
5. สมาชิกแต่ละคนนาความรู้ท่ีได้จากการศึกษาเรื่อง ประวัติพุทธ-สาวก : พระราธะ มาเล่าสู่กันฟังภายในกลุ่มเรียงลาดับ

ตามเนือ้ เร่ืองแบบเล่าเรื่องรอบวง ถ้าใครยงั เล่าไม่ครบหรือไมช่ ดั เจนกใ็ ห้คนอน่ื ชว่ ยเสริมเพ่ิมเตมิ ได้

ข้นั สรุป

ข้นั ขยายความเขา้ ใจ

6. สมาชิกแตล่ ะคนทาใบงานที่ 1.1 เร่ือง พทุ ธสาวกสอนใจ เสรจ็ แล้วตรวจสอบความถูกตอ้ ง
7. สมาชิกแต่ละคนผลัดกันอธบิ ายผลงานในใบงานท่ี 1.1 คนละ 1 ข้อ เรยี งตามลาดับแบบเล่าเร่อื งรอบวง ถ้าสมาชิกคนใด
ตอบ

ขั้นตรวจสอบผล

8. ครูเฉลยคาตอบในใบงานที่ 1.1 แลว้ ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งผลงานของตน และแกไ้ ขในกรณี
ที่ไม่ถูกตอ้ ง และเพิ่มเตมิ จนใบงานมีความสมบูรณ์

9. นกั เรยี นตอบคาถามกระต้นุ ความคดิ ข้อ 1-2
10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดและคุณธรรมอันเป็นแบบอย่างท่ีได้จากการศึกษาประวัติพุทธสาวก : พระราธะ ครู
มอบหมายให้
11. นักเรียนนาคณุ ธรรมอันเปน็ แบบอย่างของพระราธะไปปฏิบตั ิในการดาเนินชีวติ และบันทึกผลการปฏิบัตลิ งในสมุดบันทึก
ความดี แล้วนาส่งครูตามระยะเวลาท่กี าหนด

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมิน วิธกี ารวัดผล เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. บอกคุณธรรมอันเปน็ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ข้ึนไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
ความรคู้ วามเข้าใจ (K)
แบบอยา่ งจากประวตั ิพุทธสาวก การประเมนิ
ทักษะ / กระบวนการ (P)
ได้ (K)
คุณลกั ษณะนสิ ยั (A)
2. จาแนกคณุ ธรรมทีด่ ีนามา 2. ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง พุทธ 70% ข้นึ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

ปฏบิ ตั ติ น (P) สาวกสอนใจ การประเมนิ

3. เหน็ คุณคา่ และประโยชนก์ าร 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ข้ึนไปถือว่าผา่ นเกณฑ์

ปฏบิ ัติตนตามคุณธรรมของพุทธ ทางานรายบคุ คล การประเมนิ

สาวก (A)

7. ส่ือ / แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น พระพุทธศาสนา ป.6
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) อนิ เทอรเ์ นต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................................................................................................. .............................................
...............................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................................................................................. .............................................................
..................................................................... ............................................................................................................................. .............
..................................................................................................................... ..........................................................................................

ลงชื่อ………………………………………………………ครผู ู้สอน ลงช่อื ………………………………………………………ฝา่ ยวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชือ่ ………………………………………………………ผ้บู ริหาร
(……………………………………………………)

ใบงานที่ 1.1
เรือ่ ง พุทธสาวกสอนใจ

คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี
1. เพราะเหตใุ ด ราธพราหมณจ์ ึงมรี า่ งกายซูบผอม

2. ราธพราหมณอ์ ปุ สมบทดว้ ยวธิ ีการใด และมีข้ันตอนอย่างไร

3. พระราธะ เป็นผ้มู ีอปุ นสิ ยั ดีเด่นอย่างไร

4. นักเรียนจะปฏบิ ัตติ นอย่างไร ให้เปน็ ผวู้ า่ นอนสอนงา่ ย

5. ถ้าเพื่อนของนกั เรียนโกรธท่ีครตู กั เตือนสงั่ สอน นักเรยี นจะแนะนาเพื่อนวา่ อยา่ งไร

สปั ดาหท์ ี่ 4

โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่………..… /…………….. ช่อื ผ้สู อน……………………………………………………

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ช้ันประถมศกึ ษาป่ที ี่ 6 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พุทธสาวก ชาดก และพุทธศาสนิกชนตวั อย่าง

เรอ่ื ง ชาดก

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและ

ศาสนาอนื่ มศี รทั ธาทถ่ี ูกต้อง ยึดม่ันและปฏิบัตติ ามหลักธรรมเพ่ืออยู่ร่วมกันอย่างสันติสขุ

ตัวช้ีวดั ป.6/3 เหน็ คณุ ค่าและประพฤติตนตามแบบอย่างการดาเนนิ ชวี ิต และขอ้ คดิ จากประวตั สิ าวก ชาดก เรอื่ งเลา่
และศาสนกิ ชนตัวอยา่ งตามท่ีกาหนด

2. สาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอด
ชาดก เป็นนิทานท่ีมีคติสอนใจ ช่วยให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน รวมท้ังมุ่งปลูกฝังคุณธรรม สามารถนามาปรับใช้ใน

การดาเนินชวี ิตได้

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายขอ้ คดิ คุณธรรมจากชาดก (K)
2. นาข้อคิดและคุณธรรมมาปฏบิ ัตใิ นการดาเนินชีวิต (P)
3. เห็นคณุ คา่ และประโยชนใ์ นการปฏิบัตติ นตามหลกั คุณธรรมที่ไดจ้ ากการศึกษาชาดก (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น
พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
ชาดก
- ทฆี ีตโิ กสลชาดก
- สพั พทาฐชิ าดก

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ขนั้ นา

ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูสุม่ เรยี กนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาเล่าเร่ืองย่อของชาดกท่ีเคยเรยี นมาให้เพอื่ นฟังทหี่ นา้ ช้นั เรียน เพ่ือทบทวนความรู้เดิม

ของนักเรียน

2. ครใู ห้นักเรยี นคนอ่นื ช่วยกันแสดงความคิดเหน็ ถงึ ขอ้ คดิ หรอื กจิ กรรมสอนใจทไ่ี ดจ้ ากการฟังในข้อ 1 ครูตรวจสอบความ
ถูกต้อง

3. ครูอธบิ ายเชอ่ื มโยงใหน้ ักเรียนเข้าใจถงึ ความสาคัญของชาดกซึ่งเป็นวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา ทาให้ไดค้ ตธิ รรม
และจริยธรรมนาไปเปน็ แบบอย่างหรอื ประยุกต์ปฏบิ ัตใิ นการดาเนนิ ชีวิต

ขน้ั สารวจคน้ หา

4. ครใู หน้ ักเรยี นกลมุ่ เดิม (จากแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1) รว่ มกนั ศึกษาความรู้เร่ือง ชาดก จากหนงั สือเรียน หนังสือค้นคว้า
เพ่ิมเติม และแหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ ในหวั ขอ้ ที่กาหนด ดังนี้

1) ทีฆตี โิ กสลชาดก (ผู้ไมท่ าลายโอวาท)
2) สัพพทาฐชิ าดก (ความโลภทาให้เส่อื มลาภ)

ขั้นอธบิ ายความรู้
5. จากนั้นบนั ทึกความรู้ท่ีได้จากการศึกษาลงในแบบบันทึกการอ่านสมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันอภิปรายสาระสาคัญของชาดก

ทง้ั 2 เรื่อง
6. สมาชกิ ในแต่ละกลุ่มจับคู่กันเปน็ 2 คู่ ให้แตล่ ะคูช่ ่วยกนั ทาใบงานท่ี 2.1 เร่ือง คติธรรมจากชาดก โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนผลดั

กันอธบิ ายแสดงความคิดเหน็ ก่อนตอบคาถาม
7. นักเรยี นแต่ละคู่ส่งใบงานที่ 2.1 ให้สมาชิกอีกคู่หน่งึ ภายในกลุม่ ชว่ ยตรวจสอบความถูกต้อง และอธิบายแสดงเหตผุ ลกรณีท่ี

ความคิดเหน็ ยังไม่ตรงกันจนได้ขอ้ สรุปทช่ี ัดเจน

ขนั้ สรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ
8. ครูเฉลยคาตอบในใบงานท่ี 2.1 แลว้ ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน แกไ้ ขปรับปรุงในกรณีที่ไม่

ถูกต้อง และเพิม่ เตมิ ใหผ้ ลงานมีความสมบรู ณ์ยิ่งขึ้น นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ข้อ 1-2

ขน้ั ตรวจสอบผล

9. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรุปคติธรรมและคุณธรรมที่ไดจ้ ากการศกึ ษาความรู้เร่ือง ชาดก
10. ครูมอบหมายให้นักเรียนนาข้อคิดคติธรรมท่ีได้จากการศึกษาชาดกไปประยุกต์ปฏิบัติในการดาเนินชีวิต และบันทึกผล
การปฏบิ ัตลิ งในสมดุ บนั ทกึ ความดี
11. นักเรียนตอบคาถามกระตุน้ ความคิดนักเรยี นสามารถนาคตธิ รรมทีไ่ ด้จากการศึกษาชาดกไปประยกุ ตป์ ฏบิ ตั ิได้อย่างไร
บ้าง (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครผู ้สู อน)

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมิน วิธกี ารวดั ผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล
จดุ ประสงค์
1. อธิบายขอ้ คดิ คุณธรรมจาก 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขน้ึ ไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
ความรคู้ วามเข้าใจ (K)
ชาดก (K) การประเมนิ
ทกั ษะ / กระบวนการ (P)
2. นาขอ้ คดิ และคุณธรรมมา 2. ใบ งาน ที่ 2.1 เรื่อง ค ติ 70% ขน้ึ ไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
คณุ ลกั ษณะนิสัย (A)
ปฏบิ ตั ิในการดาเนนิ ชวี ิต (P) ธรรมจากชาดก การประเมิน

3. เห็นคุณค่าและประโยชนใ์ น 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขนึ้ ไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

การปฏบิ ัติตนตามหลกั คุณธรรม ทางานรายบุคคล การประเมนิ

ท่ไี ดจ้ ากการศึกษาชาดก (A)

7. สอื่ / แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียน พระพุทธศาสนา ป.6
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) อินเทอร์เนต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................. ..............................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
.............................................................................................................................. .................................................................................
.............................................................................................................................................................................. .................................
................................................................................................. ..............................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................

ลงชอ่ื ………………………………………………………ครผู ูส้ อน ลงชือ่ ………………………………………………………ฝ่ายวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผ้บู รหิ าร
(……………………………………………………)

ใบงานท่ี 2.1
เรอื่ ง คติธรรมจากชาดก

คาชี้แจง ให้นักเรียนตอบคาถามต่อไปนี้

1. นักเรยี นคิดว่า ถ้าทีฆาวุกุมารไม่เช่อื ฟงั โอวาทของบิดามารดา เหตุการณ์จะเปน็ เชน่ ไร

2. ถ้าเพ่ือนของนกั เรียนโกรธแคน้ เพราะโดนกลั่นแกล้ง นกั เรียนจะเตือนเพื่อนอยา่ งไร

3. ถา้ นกั เรยี นเปน็ สุนัขจ้งิ จอก จะใช้มนตว์ เิ ศษใหเ้ กิดประโยชนอ์ ย่างไร

4. สุนัขจิง้ จอกขาดคุณธรรมใด จึงพบกบั ความพนิ าศ

5. การศึกษาชาดก มีประโยชน์ตอ่ การดาเนนิ ชวี ติ อย่างไร

สัปดาห์ที่ 5

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนที่………..… /…………….. ช่ือผ้สู อน……………………………………………………

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ช้ันประถมศกึ ษาปี่ที่ 6 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 พทุ ธสาวก ชาดก และพทุ ธศาสนิกชนตัวอย่าง

เร่อื ง พทุ ธศาสนิกชนตวั อย่าง

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ัด
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและ

ศาสนาอน่ื มีศรัทธาทถี่ ูกต้อง ยึดม่ันและปฏิบตั ติ ามหลักธรรมเพือ่ อยู่ร่วมกนั อย่างสันตสิ ุข

ตวั ชวี้ ัด ป.6/3 เห็นคณุ ค่าและประพฤตติ นตามแบบอย่างการดาเนินชีวิต และขอ้ คิดจากประวตั สิ าวก ชาดก เรือ่ งเลา่
และศาสนกิ ชนตัวอยา่ งตามท่ีกาหนด

ตวั ช้ีวัด ป.6/5 ชน่ื ชมการทาความดขี องบคุ คลในประเทศตามหลกั ศาสนา พรอ้ มทงั้ บอกแนวปฏบิ ตั ใิ นการดาเนินชวี ติ

2. สาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอด
การศึกษาประวัตขิ องชาวพุทธตัวอย่าง และตัวอยา่ งการทาความดีของบุคคลในประเทศ ทาให้เห็นคณุ ค่าของการทาความดี

และสามารถนาไปเป็นแบบอย่างในการดาเนนิ ชวี ติ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. นาเสนอข้อคิดและแบบอย่างการปฏิบัติดีของพุทธศาสนิกชนตัวอย่าง (K)
2. จาแนกแบบอยา่ งคุณธรรมมาปฏิบตั ิในการดาเนนิ ชีวติ (P)
3. เหน็ คุณคา่ และชื่นชมการเป็นพทุ ธศาสนิกชนตวั อย่าง (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่ิน
พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
1. ศาสนิกชนตัวอยา่ ง
- พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
- สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานชุ ิต

ชิโนรส
2. ตวั อยา่ งการกระทาความดีของบุคคลในประเทศ

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ข้ันนา

ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยใหต้ อบคาถามตอ่ ไปนี้
- นักเรียนมีความประทับใจชาวพุทธตัวอยา่ งท่านใด
- คุณธรรมอันเปน็ แบบอยา่ งของชาวพทุ ธตัวอย่างแตล่ ะท่านคืออะไร
- นกั เรยี นเคยปฏิบตั ติ นตามแนวทางของชาวพทุ ธตวั อย่างในเร่ืองใดบ้าง และผลของการปฏบิ ตั เิ ป็นอย่างไร

2. ครูอธิบายเชอ่ื มโยงใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจถึงความสาคัญของการปฏิบตั ิตนตามแบบอย่างทีด่ ีของชาวพุทธตัวอยา่ ง

ขน้ั สารวจค้นหา

3. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ ให้แต่ละกลุ่มจับคู่กันเป็น 3 คู่ แล้วให้แต่ละคู่ร่วมกันศึกษาความ
รเู้ ร่อื ง ชาวพุทธตัวอยา่ ง จากหนงั สอื เรียน และหนงั สอื ค้นคว้าเพ่มิ เติม ดังน้ี

- ค่ทู ี่ 1 ศกึ ษาความรเู้ รอื่ ง พ่อขุนรามคาแหงมหาราช
- คทู่ ี่ 2 ศกึ ษาความร้เู รอ่ื ง สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
- คทู่ ี่ 3 ศึกษาความรเู้ รือ่ ง บคุ คลท่กี ระทาความดใี นประเทศ

4. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด การศึกษาประวัติของชาวพุทธตัวอย่างจะมีผลดีอย่างไร (ทาให้ได้ข้อคิด คุณธรรม
อันเป็นแบบอย่างการดาเนินชีวติ )

ข้ันอธิบายความรู้
5. สมาชกิ แตล่ ะคู่ทาความเขา้ ใจความรูใ้ หมท่ ค่ี ู่ของตนไดศ้ กึ ษาเชื่อมโยงกบั คณุ ธรรมอันเป็นแบบอย่างของชาวพุทธตวั อย่างกับชาวพุทธ

ตัวอย่างท่านอืน่ ทนี่ กั เรียนเคยศกึ ษามา

ขั้นสรุป

ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ

6. สมาชกิ แต่ละคผู่ ลดั กนั อภิปรายแลกเปลยี่ นความรเู้ กี่ยวกับประวัตขิ องชาวพุทธตัวอย่างทตี่ นได้ศึกษามาในประเดน็ สาคญั
และผลัดกันซักถามในประเด็นข้อสงสยั จนมีความเขา้ ใจกระจา่ งชัดเจน

ขนั้ ตรวจสอบผล

7. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนปฏิบัติตนตามคุณธรรมอันเป็นแบบอย่างของชาวพุทธตัวอย่าง แล้วบันทึกลงในสมุด
บันทึกความดี

8. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทาใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง ชาวพุทธตวั อย่าง เปน็ การบา้ น แลว้ นาสง่ ครูในชว่ั โมงเรียนต่อไป

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมิน วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ ผล
จุดประสงค์
1. นาเสนอข้อคิดและแบบอย่าง 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขึ้นไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
ความรู้ความเข้าใจ (K)
การปฏิบตั ดิ ีของพุทธศาสนกิ ชน การประเมิน
ทกั ษะ / กระบวนการ (P)
ตัวอยา่ ง (K)
คณุ ลกั ษณะนิสัย (A)
2. จาแนกแบบอยา่ งคุณธรรม 2. ใบ งาน ท่ี 2.1 เร่ือง ค ติ 70% ขน้ึ ไปถือว่าผ่านเกณฑ์

มาปฏบิ ตั ใิ นการดาเนนิ ชีวติ (P) ธรรมจากชาดก การประเมิน

3. เหน็ คุณค่าและชนื่ ชมการ 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ข้นึ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

เปน็ พทุ ธศาสนิกชนตวั อยา่ ง (A) ทางานรายบคุ คล การประเมนิ

7. สอ่ื / แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียน พระพุทธศาสนา ป.6
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) อนิ เทอร์เน็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ
.......................................................................................................................... .....................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
....................................................................................................................................... ........................................................................
....................................................................................................................................................................................... ........................
.......................................................................................................... .....................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................

ลงชอ่ื ………………………………………………………ครูผู้สอน ลงชื่อ………………………………………………………ฝา่ ยวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผบู้ รหิ าร
(……………………………………………………)

ใบงานที่ 1.1
เรอ่ื ง ชาวพทุ ธตวั อย่าง

คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนผังความคดิ แสดงแบบอย่างการทาความดขี องชาวพทุ ธตวั อยา่ ง

บทสรปุ
นักเรียนสามารถนาคณุ ธรรมอันเปน็ แบบอย่างของชาวพุทธตัวอย่างไปประยกุ ตป์ ฏบิ ัติ ดังน้ี

สัปดาห์ที่ 6

โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนที่………..… /…………….. ชือ่ ผู้สอน……………………………………………………
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั ประถมศึกษาปี่ที่ 6 จานวน 1 คาบ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา

เร่อื ง พระรัตนตรัย

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือและ

ศาสนาอน่ื มีศรทั ธาท่ีถูกต้อง ยดึ ม่นั และปฏบิ ตั ิตามหลกั ธรรมเพอ่ื อย่รู ว่ มกนั อย่างสนั ติสขุ

ตัวช้ีวัด ป.6/4 วเิ คราะหค์ วามสาคญั และเคารพพระรัตนตรยั ปฏบิ ตั ติ ามไตรสกิ ขาและหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพทุ ธศาสนา หรอื

หลกั ธรรมของศาสนาทีต่ นนบั ถอื ตามท่ีกาหนด

ตัวชี้วัด ป.6/7 ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนับถอื เพือ่ แก้ปัญหาอบายมขุ และสิ่งเสพติด

2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด
พระรัตนตรัยเป็นที่เคารพสูงสุดของชาวพุทธ ประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ดังนั้นชาวพุทธทุกคน พึง

แสดงความเคารพพระรัตนตรัยอย่างเหมาะสม และมีความศรัทธาในคณุ ของพระรัตนตรยั

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายการปฏิบัติตนในการแสดงความเคารพพระรตั นตรยั (K)

2. แสดงวิธกี ารปฏบิ ตั ติ นทีเ่ หมาะสมต่อพระรตั นตรยั (P)

3. เหน็ คณุ ค่าและความสาคญั ในการปฏิบตั ติ นตอ่ พระรตั นตรัย (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น

พระรตั นตรัย : ศรัทธา 4 พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

(1) พระพุทธ - พุทธกจิ 5

(2) พระธรรม - อริยสัจ 4
- หลักกรรม

(3) พระสงฆ์

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นา

ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์บทสวดมนต์ท่ีแสดงถึงการบูชา คุณพระรัตนตรัย ว่าบทสวดมนต์ดังกล่าวน้ันแสดงถึง
ความสาคัญของพระรตั นตรยั อย่างไรบ้าง

2. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด ขณะที่นักเรียนสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยนั้น นักเรียนนึกถึงสิ่งใด (พิจารณาตาม
คาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของครผู สู้ อน)

ขั้นสอน

ขน้ั สารวจคน้ หา

3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 8 คน ตามความสมัครใจ ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง ศรัทธาและพระ
รตั นตรยั จากหนงั สอื เรียน หนงั สือคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ และแหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้

- พระพุทธ : พุทธกิจ 5
- พระธรรม : อริยสัจ 4 หลกั กรรม
- พระสงฆ์ : ความสาคัญของพระสงฆ์
4. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรียนเชื่อว่า กรรมมีอยู่จริงหรือไม่อธิบายเหตุผล(พิจารณาตามคาตอบของ
นกั เรยี น โดยให้อยใู่ นดุลยพินิจของครูผู้สอน)

ขั้นอธบิ ายความรู้

5. สมาชิกแตล่ ะกลุ่มนาความร้ทู ไ่ี ด้จากการศึกษาเก่ยี วกับพระรตั นตรยั มาอภิปรายร่วมกนั ในประเดน็ สาคัญ

ขน้ั สรุป

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ

6. สมาชกิ แต่ละกลุม่ รว่ มกนั วเิ คราะห์และตอบคาถามในใบงานโดยใหส้ มาชกิ ในกลุ่มจบั คกู่ ันและแบ่งหน้าทีก่ ันทาใบงาน
7. นักเรียนทุกคนช่วยกันเสนอแนวทางการปฏิบัติตนตามหลักธรรม ศรัทธา 4 อริยสัจ 4 หลักกรรม แบบอย่างที่ดีของ
พระสงฆ์ โดยให้ตวั แทนนกั เรียนบนั ทึกลงบนกระดานดา
8. นกั เรยี นแต่ละคนเลอื กแนวทางการปฏิบตั ติ นตามสมาชิกที่รว่ มกันเสนอแนะในข้อ 1 แล้วนาไปปฏิบตั ิ
9. นักเรยี นแตล่ ะคนปฏบิ ตั ิตนและบันทึกการปฏิบตั ลิ งในสมุดบนั ทึก ความดี และสง่ ครผู ้สู อนตามระยะเวลาท่ีตกลงกัน

ข้นั ตรวจสอบผล

10. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เก่ียวกับพระรัตนตรัย และแนวทางการปฏิบัติตนต่อพระรัตนตรัยอย่างเหมาะสม
และการแสดงความศรัทธาในคณุ ของพระรัตนตรยั

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมิน วิธีการวดั ผล เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. อธบิ ายการปฏบิ ัติตนในการ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
ความรู้ความเข้าใจ (K) แ ส ด งค ว าม เค าร พ พ ร ะ การประเมนิ
รตั นตรัย (K)
ทักษะ / กระบวนการ (P) 2. แสดงวิธีการปฏิบัติตนท่ี 2. ใบงานท่ี 3.1 70% ข้นึ ไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
เหมาะสมตอ่ พระรตั นตรยั (P)
คณุ ลกั ษณะนิสัย (A) เรื่อง ศรัทธา 4 และพุทธกิจ การประเมิน
3. เห็นคุณค่าและความสาคัญ
ใน ก าร ป ฏิ บั ติ ต น ต่ อ พ ร ะ 5
รตั นตรยั (A)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขน้ึ ไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

ทางานรายบุคคล การประเมิน

7. สื่อ / แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา ป.6
7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมดุ
2) อินเทอร์เนต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................... ......................................................................
......................................................................................................................................................................................... ......................
............................................................................................................ ...................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
......................................................................................................................................................................... ......................................
............................................................................................ ...................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................

ลงชื่อ………………………………………………………ครูผ้สู อน ลงช่ือ………………………………………………………ฝ่ายวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงช่อื ………………………………………………………ผ้บู รหิ าร
(……………………………………………………)

ใบงานท่ี 3.1
เรอื่ ง ศรทั ธา 4 และพทุ ธกิจ 5

ตอนที่ 1
คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นวิเคราะห์ขา่ ว แล้วตอบคาถาม

ตวั อยา่ งขา่ ว
กรรมตามทัน โจรขโมยสายไฟถูกช็อตดับ
โจรขโมยสายไฟกรรมตามสนองทันตาเห็น ขณะก่อเหตุ พลาดถูกไฟฟ้าช็อตจนตกลงมาคอหักเสียชีวิตทันที
พันตารวจโทวิริยะ พนักงานสอบสวนสถานีตารวจภูธรบางบ่อ ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายเสียชีวิต บริเวณโพรงหญ้าภายใน
หมู่บ้านรอยัลเพลส ถนนบางนา- ตราด กิโลเมตรท่ี 26 หมู่ 1 ตาบลบางบอ่ อาเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ จึงพร้อม
ดว้ ย พันตารวจเอกฐานุพงศ์ ผู้กากับการสถานีตารวจภูธรบางบ่อ แพทยจ์ ากโรงพยาบาลบางบ่อ และเจา้ หน้าท่ีอาสาสมัคร
มูลนิธิร่วม-กตัญญูจุดบางบ่อเข้าตรวจสอบ พบศพชายอายุประมาณ 40 ปีสวมกางเกงขาส้ันสีดา ไม่สวมเส้ือ สภาพคอหัก
มีรอยคล้ายถูกไฟไหม้ท่ีลาตัวและหลังมือ เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมง ใกล้กันพบเสื้อยืดสีชมพูมีรอยถูกไฟไหม้
ก า ง เก ง ยี น ข า ย า ว สี น้ า เงิ น แ ล ะ ร อ ง เท้ า แ ต ะ สี ข า ว ต ก อ ยู่ ต ร ว จ ค้ น ภ า ย ใน ตั ว ไม่ พ บ เอ ก ส า ร ใด ๆ
จากการสอบสวนนายเริงชัย ใหก้ ารว่า ขณะที่ตนขบั รถผ่านมา ไดจ้ อดรถเพอ่ื จะกินข้าวใต้รม่ ไม้และไดเ้ หลอื บไปเห็น
ศพ จึงรีบแจ้งให้ตารวจทราบ เบ้ืองต้นตารวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะมาก่อเหตุลักสายไฟ และในขณะก่อเหตุน่าจะถูก
ไฟฟา้ ชอ็ ต จนทาใหพ้ ลดั ตกลงมาคอหักเสียชวี ติ

ท่ีมา : www.kctv.co.th/.../ขา่ วกรรมตามทนั โจรขโมยสายไฟถูกชอ็ ตดับ สบื คน้ เมอ่ื วันเสาร์ท่ี 28 เมษายน พ.ศ. 2555

คาถาม
1. บุคคลในข่าวมีการกระทาที่สอดคล้องกับศรทั ธา 4 อย่างไร จงยกตัวอย่าง

2. ผลของการกระทาเปน็ อย่างไร

3. ความเชอ่ื ตามหลกั ศรทั ธา 4 ไดแ้ ก่อะไรบ้าง

สัปดาห์ท่ี 7

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี………..… /…………….. ช่อื ผูส้ อน……………………………………………………
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ ่ี 6 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา

เร่ือง ไตรสขิ า

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและ

ศาสนาอืน่ มศี รัทธาท่ีถกู ต้อง ยดึ มัน่ และปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรมเพื่ออยู่รว่ มกนั อย่างสนั ตสิ ขุ

ตัวชว้ี ดั ป.6/4 วิเคราะหค์ วามสาคัญและเคารพพระรตั นตรยั ปฏบิ ตั ิตามไตรสกิ ขาและหลกั ธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา หรือ

หลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนับถอื ตามท่กี าหนด

ตัวชี้วัด ป.6/7 ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนับถอื เพอ่ื แกป้ ัญหาอบายมขุ และสง่ิ เสพติด

2. สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด
การปฏิบัติตนตามหลักธรรมไตรสิกขาย่อมทาให้สามารถฝึกฝนตนให้เกดิ ปัญญาอันนาไปสู่การทางาน หรือทากจิ กรรมต่างๆ

อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายหลกั ปฏบิ ตั ติ นตามไตรสกิ ขา และสามารถนาไปใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ ได้ (K)

2. จาแนกไตรสกิ ขา ในการนามาปฏิบัตเิ พื่อพัฒนาตน (P)
3. เหน็ คุณค่าและประโยชน์ในการปฏิบัตติ นตามไตรสิกขา (A)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ไตรสิกขา

- ศลี สมาธิ ปัญญา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี 1
ขัน้ นา

ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ
1. นักเรียนสวดมนตบ์ ชู าพระรัตนตรยั และทาสมาธิกอ่ นเรยี น

ขน้ั สอน

ข้นั สารวจค้นหา

2. ครูเลา่ ข่าวเหตุการณป์ ัจจบุ ันให้นกั เรยี นฟงั เชน่ ข่าวน้าท่วม แผ่นดนิ ไหว ภัยแล้ง

3. ครูขออาสาสมัครนักเรยี นทส่ี ามารถจับใจความจากการฟงั ขา่ วมาสรปุ สาระสาคญั ให้เพื่อนฟงั หน้าชั้นเรยี น

ขัน้ อธิบายความรู้

4. ครใู ห้นกั เรยี นคนอื่นช่วยกันวเิ คราะห์ว่า เพราะเหตุใดตัวแทนนักเรยี นจึงสามารถจบั ใจความของข่าวไดม้ าก ซ่ึงนักเรียน
อาจแสดงคาตอบที่แตกตา่ งกันออกไป

5. ครอู ธบิ ายเชื่อมโยงให้นักเรียนเขา้ ใจว่า ตวั แทนนักเรยี นเป็นผ้ทู ี่ควบคมุ กาย วาจา ใจ ใหเ้ รียบรอ้ ย จงึ เกดิ สมาธใิ นการฟัง
ทาใหร้ ้แู จง้ หรือปัญญามีความเข้าใจจับใจความสาคญั ของข่าวหรอื เร่อื ง ที่ฟงั ไดส้ อดคล้องกับหลักไตรสกิ ขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

ข้ันสรุป

ขั้นขยายความเขา้ ใจ

6. ครอู ธบิ ายขอ้ ปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับไตรสกิ ขา พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ
7. ครูใหน้ กั เรียนชว่ ยกันวเิ คราะห์การกระทาตอ่ ไปน้ี ว่าสอดคลอ้ งหรือต้องใชห้ ลกั ไตรสิกขา คอื ศีล สมาธิ ปัญญา อยา่ งไร

- นักเรยี นนั่งเรยี น หรือเขียนหนงั สือ
- ชาวพทุ ธเดินจงกรม
- ผูป้ ราศรยั บนเวที
- นักเรียนน่ังทาข้อสอบในหอ้ งสอบ
- นกั เรยี นจัดป้ายนิเทศ
- แม่ทาอาหารในครัว ฯลฯ
8. ครูอธิบายเชอื่ มโยงให้นักเรียนเขา้ ใจว่าการที่ทุกคนสามารถควบคมุ ตนเองท้งั กาย วาจา ใจ เชน่ อา่ นหนงั สอื ดว้ ยความ
สารวม ยอ่ มทาให้เกิดสติ มีสมาธิ เมื่ออา่ นหนงั สอื ไปเรอ่ื ยๆ ก็ทาใหเ้ กิดปัญญาร้เู ขา้ ใจในส่ิงท่ีอ่าน หรือแมป่ รงุ อาหารกต็ ้องสารวม
กายวาจาใหเ้ รยี บร้อย มีสติต้งั มน่ั ในการปรงุ อาหารย่อมทาใหอ้ าหารมีรสชาติตามต้องการ ถ้ารสจัดไปก็ใชป้ ญั ญาหาข้อบกพร่อง

ขัน้ ตรวจสอบผล

9. ตวั แทนกลุ่มนาเสนอผลงานในใบงานท่ี 4.1 หนา้ ชน้ั เรียน ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งและใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
10. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรุปแนวทางการนาหลักไตรสิกขาไปปฏบิ ตั ิในการทากจิ กรรมต่างๆ และผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมิน วธิ กี ารวดั ผล เครือ่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมินผล
จุดประสงค์
1. อธบิ ายหลกั ปฏบิ ตั ติ นตาม 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ข้ึนไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
ความรคู้ วามเข้าใจ (K) ไตรสกิ ขาและสามารถนาไปใช้ การประเมิน
ในการดาเนนิ ชวี ิตได้ (K)
ทักษะ / กระบวนการ (P) 2. จาแนกไตรสกิ ขา ในการ 2. ใบงานที่ 4.1 เรอ่ื ง 70% ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์
คุณลกั ษณะนิสัย (A) นามาปฏิบตั เิ พ่ือพฒั นาตน (P)
3. เหน็ คุณคา่ และประโยชนใ์ น ไตรสกิ ขา การประเมิน
การปฏบิ ัตติ นตามไตรสิกขา (A
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขึน้ ไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

ทางานรายบุคคล การประเมนิ

7. ส่อื / แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สื่อการเรียนรู้
1) ตัวอย่างข่าว
7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) อนิ เทอรเ์ นต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
........................................................................................................ .......................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
..................................................................................................................................................................... ..........................................
........................................................................................ .......................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................

ลงชอ่ื ………………………………………………………ครผู ู้สอน ลงชอ่ื ………………………………………………………ฝา่ ยวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงช่ือ………………………………………………………ผ้บู ริหาร
(……………………………………………………)

ใบงานท่ี 4.1
เรื่อง ไตรสกิ ขา

คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นเสนอแนวทางการปฏบิ ัตติ นตามหลกั ไตรสกิ ขา
1. การปฏบิ ตั ินตามหลักศีลสิกขา (ศลี )

2. การปฏบิ ตั ติ นตามหลกั จติ ตสกิ ขา (สมาธ)ิ

3. การปฏิบตั ิตนตามหลักปญั ญาสิกขา (ปัญญา)

สรปุ

 ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ คือ

สัปดาห์ท่ี 8

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนที่………..… /…………….. ชอ่ื ผู้สอน……………………………………………………
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั ประถมศกึ ษาปที่ ี่ 6 จานวน 1 คาบ
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

เรื่อง โอวาท 3

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถื อและ

ศาสนาอน่ื มีศรทั ธาทถี่ ูกต้อง ยดึ มั่นและปฏิบตั ิตามหลักธรรมเพอ่ื อยู่รว่ มกนั อยา่ งสันติสขุ

ตัวชวี้ ัด ป.6/4 วิเคราะหค์ วามสาคญั และเคารพพระรตั นตรยั ปฏบิ ัตติ ามไตรสกิ ขาและหลกั ธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา หรือ

หลักธรรมของศาสนาทีต่ นนับถอื ตามที่กาหนด

ตัวช้วี ดั ป.6/7 ปฏิบัติตนตามหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนบั ถอื เพ่อื แกป้ ญั หาอบายมขุ และสง่ิ เสพติด

2. สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด
การปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมโอวาท 3 ประกอบด้วย ทาความดี ไม่ทาความชั่วทาจิตใจให้บรสิ ทุ ธ์ิ ซึง่ มีแนวทางปฏิบัติ

ครอบคลุมคาสอนของพระพุทธเจา้ ทั้งหมด ย่อมส่งผลใหช้ ีวิตประสบความสงบสุข

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของหลักธรรมโอวาท 3 (K)

2. บอกแนวทางและการปฏบิ ัติตนให้ครอบคลมุ ตามหลักธรรมโอวาท 3 (P)

3. เหน็ คุณคา่ และประโยชน์ในการปฏิบัติตนตามหลกั โอวาท 3 (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน

1. โอวาท 3 พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
- ไมท่ าชัว่
: เบญจศีล : อบายมุข 6

: อกศุ ลมู3 : ทาความดี
: เบญจธรรม : กุศลมูล 3
: พละ 4 คารวะ 6

: กตัญญูกตเวทีต่อพระมหากษตั รยิ ์

: มงคล 38

> มีวินัย > การงานไม่มโี ทษ

> ไม่ประมาทในธรรม
- ทาจิตใจให้บรสิ ทุ ธิ์ (บริหารจติ และเจริญปัญญา)
2. หลกั ธรรม : อริยสัจ 4 หลักกรรม

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบที่ 1
ขัน้ นา

ข้นั กระต้นุ ความสนใจ

1. ครูแจกเน้ือเพลง ดวงใจงาม ให้นกั เรยี น แล้วครูและนกั เรียนร่วมกนั ร้องเพลง จากน้ันครูถามนักเรียนวา่ เพลงดังกล่าว
มีใจความสาคัญเก่ยี วกับเรอ่ื งใด

ข้ันสอน

ขัน้ สารวจค้นหา

2. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ แล้วให้นักเรียนแต่ละคนมีหมายเลขประจาตัว 1-4
ตามลาดบั เรียกกลุ่มนว้ี ่า กลมุ่ บา้ น

3. นักเรียนท่ีมีหมายเลขเดียวกันมารวมกันเป็นกลุ่มใหม่ เรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ให้แต่ละกลุ่มศึกษาความรู้ ตาม
หัวขอ้ ท่กี าหนดให้ ดงั น้ี

- หมายเลข 1 ศกึ ษาความรู้เรอื่ งเบญจศลี และอบายมขุ
- หมายเลข 2 ศกึ ษาความรู้เรื่องอกุลศลมูล 3 และเบญจธรรม
- หมายเลข 3 ศึกษาความร้เู รื่องกุศลมูล 3 และพละ 4
- หมายเลข 4 ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื งคารวะ 6 และความกตัญญูกตเวทีตอ่ พระมหากษัตริย์
โดยให้นกั เรียนศึกษาความร้จู ากหนงั สอื เรียน หรือหนังสือคน้ ควา้ เพิม่ เติมตามความเหมาะสม
4. นกั เรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลับเขา้ สู่กลมุ่ บ้าน แล้วนาความรู้ที่ได้จากการศึกษามาเลา่ ให้เพ่ือนในกลุ่มฟัง โดยให้นักเรยี นท่ี
ไมเ่ ขา้ ใจไดซ้ ักถามในประเด็นทส่ี งสยั แล้วสรปุ สาระสาคญั โดยจดบนั ทึกลงในสมดุ
5. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอผลการศึกษาทห่ี น้าช้ันเรยี น แลว้ ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเพื่อใหน้ ักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจ
มากยิง่ ขึ้น

ขัน้ อธิบายความรู้

6. ครูให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกันศึกษาความร้เู ร่อื ง มงคล 38 จากหนังสอื เรยี น แลว้ สรปุ สาระสาคญั โดยจดบันทึกลง
ในสมุด

7. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการศึกษาท่หี น้าช้ันเรียน โดยครูคอยอธิบายเพ่ิมเติม

ขนั้ สรปุ

ขั้นขยายความเขา้ ใจ

8. ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นฟังว่า เม่ือนักเรียนไมท่ าชว่ั และทาความดแี ล้ว ก็ตอ้ งทาจติ ใจให้ผ่องใสบริสทุ ธ์ิ เพ่ือจะได้เปน็ คน
เกง่ คนดี และมคี วามสุขไปพรอ้ มๆ กนั แล้วครูอธิบายความร้เู รือ่ ง การทาจิตใจให้บริสุทธิ์ ใหน้ ักเรยี นฟงั จากน้นั ให้นักเรยี นศึกษา
ความรู้เพิม่ เตมิ จากหนังสือเรียน หรือหนังสอื ค้นคว้าเพิ่มเติม แลว้ ร่วมกนั สรปุ สาระสาคัญ

9. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายวา่ การนาหลักธรรมโอวาท 3 ไปปฏิบัติในชวี ติ ประจาวนั ทาใหเ้ กดิ ผลดอี ย่างไร
และการไมน่ าหลกั ธรรมโอวาท 3 ไปปฏบิ ัติทาให้เกิดผลเสียอย่างไร แลว้ สง่ ตวั แทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการอภปิ รายทหี่ นา้ ชน้ั
เรียน

ขัน้ ตรวจสอบผล
10. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่อื ง โอวาท 3

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ วิธีการวัดผล เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. อธิบายความหมายและ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขึน้ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ความร้คู วามเข้าใจ (K) ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง ห ลั ก ธ ร ร ม การประเมิน
โอวาท 3 ได้ (K)
ทักษะ / กระบวนการ (P) 2. บ อ ก แ น ว ท างแ ล ะ ก าร 2. นักเรียนทาแบบฝกึ หัด 70% ขึน้ ไปถือว่าผา่ นเกณฑ์
ปฏิบัติตนให้ครอบคลุมตาม การประเมิน
คุณลักษณะนิสัย (A) หลักธรรมโอวาท 3 (P)
3. เห็นคุณคา่ และประโยชน์ใน 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขึ้นไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
การปฏิบัติตนตามไตรสิกขา
(A) ทางานรายบคุ คล การประเมิน

7. สอ่ื / แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้
1). เพลง ดวงใจงาม
2) หนังสอื พิม
7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) อินเทอรเ์ นต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................... ............................
...................................................................................................... .........................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
................................................................................................................................................................... ............................................
...................................................................................... .........................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................

ลงช่อื ………………………………………………………ครูผสู้ อน ลงชอ่ื ………………………………………………………ฝา่ ยวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผู้บริหาร
(……………………………………………………)

สัปดาหท์ ่ี 9

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี………..… /…………….. ช่ือผสู้ อน……………………………………………………
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ ่ี 6 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา

เร่ือง พทุ ธศาสนสภุ าษิต

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและ

ศาสนาอื่นมศี รทั ธาที่ถูกต้อง ยดึ มั่นและปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรมเพ่ืออยรู่ ว่ มกันอยา่ งสันติสขุ

ตัวช้ีวัด ป.6/3 วิเคราะห์ความสาคัญและเคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามไตรสิกขาและหลักธรรม โอวาท 3 ใน
พระพทุ ธศาสนา หรอื หลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนับถือตามทก่ี าหน

2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด
พุทธศาสนสุภาษิต เปน็ คาสอนทางพระพุทธศาสนา ทม่ี ีความหมายเปน็ คติเตอื นใจชว่ ยชีแ้ นวทางชีวิต เมอ่ื ได้นาไปปฏิบตั ิ

ในชวี ติ ประจาวนั จะช่วยใหช้ ีวติ มีความสงบสขุ มากขึน้ และการรู้จักสถานทีต่ า่ งๆ ภายในวดั จะทาใหช้ าวพุทธประพฤติปฏบิ ัติตนได้
ถกู ต้องเหมาะสม ซง่ึ เปน็ การรักษาประเพณอี ันดีงามของชาวพุทธ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายความหมายของพทุ ธศาสนสภุ าษิต (K)
2. นาเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ติ นตามพุทธศาสนสุภาษติ (P)
3. เห็นความสาคัญและประโยชน์ การปฏบิ ตั ติ นตามพุทธศาสนสภุ าษิต (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. พทุ ธศาสนสภุ าษติ

- สจฺเจน กิตตฺ ึ ปปฺโปติ : คนจะได้เกยี รตดิ ้วย
สัจจะ

- ยถาวาที ตถาการี : พูดเชน่ ไร ทาเช่นนนั้
2. ความรู้เบอ้ื งตน้ เกีย่ วกับสถานทต่ี า่ งๆ ภายในวดั
เช่น เขตพทุ ธาวาส สงั ฆาวาส
3. การปฏิบัติทเี่ หมาะสมภายในวดั

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครใู ห้นักเรยี นช่วยกันยกตวั อย่างพุทธศาสนสุภาษติ ที่เคยเรียนมา แลว้ ให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมายของพุทธศาสน
สภุ าษติ นน้ั จากนัน้ ครูอธบิ ายความร้เู รอ่ื ง พุทธศาสนสภุ าษติ ใหน้ ักเรียนฟัง

ข้ันสอน
ขั้นสารวจค้นหา

2. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุม่ กล่มุ ละ 3-4 คน แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ศกึ ษาความรู้เร่ือง พุทธศาสนสภุ าษติ เพ่ิมเติม จากหนังสือ
เรียน แล้วให้นักเรยี นร่วมกนั วิเคราะห์วา่ พุทธศาสนสุภาษติ ทง้ั 2 บท มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร จากน้นั เขียนลงใน
สมดุ แลว้ นามาส่งครผู ้สู อน

ข้ันอธิบายความรู้

3. ครถู ามนกั เรียนว่า นกั เรยี นเคยไปวดั หรอื ไม่ ถา้ เคยไปพนื้ ทใ่ี นวดั ประกอบด้วยอะไรบ้าง
4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสถานท่ีต่างๆ ภายในวัดและการปฏิบัติตนท่ี
เหมาะสมภายในวัด จากหนังสือเรยี น หรือหนงั สอื คน้ คว้าเพม่ิ เติมตามความเหมาะสม

ขน้ั สรปุ
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ

5. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ศึกษาใบความรเู้ รื่อง ระเบียบปฏบิ ัติในการไปวดั แล้วใหน้ กั เรียน สรุปสาระสาคญั โดย
จดบันทกึ ลงในสมุด จากน้ันนามาสง่ ครูผู้สอน

6. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสารวจสถานทตี่ า่ งๆ ภายในวัด ในชมุ ชนท่ีนกั เรียนอาศยั อยู่ แลว้ บันทกึ ข้อมูลโดยปฏิบัติ ดังน้ี
1) จาแนกชือ่ สถานที่ในเขตพทุ ธาวาสและเขตสงั ฆาวาส พรอ้ มอธิบายลักษณะของสถานที่นัน้ ๆ
2) บอกความสาคัญของวัด ในชมุ ชนท่นี กั เรยี นอาศัยอยู่
3) อธิบายการปฏบิ ัติตนทีเ่ หมาะสมภายในวัด

ขนั้ ตรวจสอบผล

7. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานทห่ี นา้ ชน้ั เรียน โดยครคู อยแสดงความคดิ เห็นและให้ข้อเสนอแนะ

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมิน วธิ ีการวดั ผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. อธบิ ายความหมายของพุทธ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ข้ึนไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์
ความรคู้ วามเข้าใจ (K) ศาสนสภุ าษติ (K)
2. นาเสนอแนวทางการปฏิบัติ การประเมนิ
ทักษะ / กระบวนการ (P) ตนตามพุทธศาสนสภุ าษติ (P)
3. เหน็ ความสาคัญและ 2. นักเรียนทาแบบฝึกหดั 70% ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
คณุ ลกั ษณะนิสัย (A) ประโยชน์ การปฏิบตั ติ นตาม
พทุ ธศาสนสุภาษติ (A) การประเมนิ

3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

ทางานรายบุคคล การประเมิน

7. สอื่ / แหลง่ การเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นสังคมศึกษา ป. 6

7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) อินเทอรเ์ นต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................................................................... ...........................................................................
.................................................................................................................................................................................... ...........................
....................................................................................................... ........................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................................................................................................... ...........................................
....................................................................................... ........................................................................................................................

ลงช่ือ………………………………………………………ครูผู้สอน ลงช่อื ………………………………………………………ฝา่ ยวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงช่อื ………………………………………………………ผ้บู รหิ าร
(……………………………………………………)

สัปดาหท์ ่ี 10

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี………..… /…………….. ชอ่ื ผู้สอน……………………………………………………
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปท่ี ่ี 6 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 หนา้ ที่และมารยาทชาวพุทธ

เรอื่ ง หน้าท่ชี าวพุทธ

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ติ นเปน็ ศาสนิกชนท่ีดี และธารงรักษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาทตี่ นนับถือ
ตวั ชีว้ ดั ป.6/1 อธบิ ายความรู้เกี่ยวกบั สถานทต่ี า่ ง ๆ ในศาสนสถาน และปฏบิ ัตติ นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

2. สาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอด
พทุ ธศาสนิกชนท่ีดี ควรประพฤตปิ ฏิบัตใิ ห้ถูกต้อง ดีงามตามหลกั ธรรมและศาสนพิธีของพระพทุ ธศาสนา เพ่ือการอยู่

ร่วมกันอยา่ งมีความสุข

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายหนา้ ท่ีของชาวพุทธได้ (K)
2. ปฏบิ ัติหน้าทช่ี าวพทุ ธถกู ต้องเหมาะสมตามวฒั นธรรมไทย (P)
3. เหน็ คณุ คา่ และชน่ื ชมผู้ปฏบิ ัติตนตามหน้าที่ชาวพุทธที่ดี (A))

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถน่ิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
หน้าทช่ี าวพทุ ธ

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี 1
ข้ันนา

ขนั้ กระต้นุ ความสนใจ
1. นกั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระ นั่งสมาธิ 3 นาที และแผ่เมตตา

ข้ันสอน
ข้นั สารวจค้นหา

2. ครตู ั้งประเด็นคาถามให้นักเรยี นชว่ ยกันตอบ เชน่ นกั เรยี นไดค้ วามรู้อะไรบ้าง ภายในวดั มีสิ่งก่อสรา้ งที่สาคัญอะไรบ้าง

ขนั้ อธบิ ายความรู้

3. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสนทนาถงึ ความรเู้ บือ้ งต้นเกยี่ วกบั สถานทต่ี ่าง ๆ ภายในวัด เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่
1) วัดเป็นสถานที่อยู่ของพระภิกษุสามเณร เป็นสถานท่ีประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวพุทธ เป็นศูนย์รวมจิตใจ

ของชาวบา้ น และเปน็ ศนู ย์รวมของศลิ ปกรรมประเพณชี องชมุ ชน
2) วัดมี 2 ประเภท คอื วัดหลวงหรอื พระอารามหลวง และวดั ราษฎร์

ข้นั สรปุ

ขั้นขยายความเขา้ ใจ

3. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน ทาใบงานที่ 1 เรอื่ ง การปฏิบตั ติ นท่ีถูกตอ้ งเหมาะสมภายในวดั
4. แตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนนาเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนดว้ ยวธิ กี ารท่ีหลากหลาย และให้ฟังซักถาม

ขนั้ ตรวจสอบผล
5. ครูคอยให้คาแนะนาเพิ่มเติมและสังเกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน
6. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ความร้เู รอ่ื ง หน้าท่ชี าวพทุ ธ โดยให้นักเรยี นบันทกึ สรุปความรูล้ งในสมุด

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมิน วธิ กี ารวดั ผล เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมินผล
จดุ ประสงค์
1. อธิบายหนา้ ท่ขี องชาวพทุ ธได้ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขน้ึ ไปถือว่าผา่ นเกณฑ์
ความรคู้ วามเข้าใจ (K)
(K) การประเมนิ
ทกั ษะ / กระบวนการ (P)
2. ปฏบิ ัตหิ น้าทชี่ าวพทุ ธถูกต้อง 2. นกั เรยี นทาแบบฝึกหัด 70% ข้นึ ไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
คุณลักษณะนสิ ัย (A)
เหมาะสมตามวัฒนธรรมไทย การประเมิน

(P)

3. เหน็ คุณคา่ และช่นื ชมผปู้ ฏิบตั ิ 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขึน้ ไปถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ตนตามหน้าท่ชี าวพุทธทีด่ ี (A)) ทางานรายบคุ คล การประเมนิ

7. สอ่ื / แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนงั สือเรียนสังคมศึกษา ป. 6

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องสมุด
2) อินเทอร์เน็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ
...................................................................................................................................... .........................................................................
...................................................................................................................................................................................... .........................
......................................................................................................... ......................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
...................................................................................................................................................................... .........................................

ลงช่อื ………………………………………………………ครผู ู้สอน ลงช่อื ………………………………………………………ฝา่ ยวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผบู้ รหิ าร
(……………………………………………………)


Click to View FlipBook Version