The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาสังคมศึกษา ป.6 เทอม 1-63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จิรพงศ์ ไมตรีจิตร, 2020-06-15 09:14:03

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาสังคมศึกษา ป.6 เทอม 1-63

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาสังคมศึกษา ป.6 เทอม 1-63

สปั ดาห์ท่ี 11

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี………..… /…………….. ชื่อผูส้ อน……………………………………………………
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศึกษาป่ที ี่ 6 จานวน 1 คาบ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 หน้าท่ีและมารยาทชาวพุทธ

เร่ือง มาทรยาทชาวพทุ ธ

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนักและปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนทีด่ ี และธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาท่ตี นนับถอื
ตวั ชีว้ ัด ป.6/2 มมี รรยาทของความเป็นศาสนกิ ชนทด่ี ตี ามท่ีกาหนด

2. สาระสาคัญ / ความคิดรวบยอด
มารยาทชาวพทุ ธ เปน็ การปฏิบัติตนท่ีแสดงถงึ ความดีงาม สภุ าพเรียบรอ้ ยทง้ั กาย วาจาและใจ เป็นสว่ นหนง่ึ ของการ

เสรมิ สรา้ งให้เกดิ ความสงบสุขแกต่ นเองและสังคม

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายความหมายและความสาคัญของมารยาทชาวพุทธได้ (K)
2. ฝึกปฏิบัตกิ ารเป็นผู้มีมารยาทดี (P)
3. เห็นคุณคา่ และช่ืนชมผมู้ มี ารยาทชาวพุทธ (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
มรรยาทของศาสนกิ ชน
- การถวายของแก่พระภิกษุ
- การปฏบิ ตั ติ นในขณะฟงั ธรรม
- การปฏิบัตติ นตามแนวทางของพุทธศาสนกิ ชน

เพอื่ ประโยชนต์ อ่ ศาสนา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ข้ันนา

ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูให้ตัวแทนนกั เรยี นที่ได้รับการฝกึ มรรยาทชาวพุทธมาสาธิตทห่ี นา้ ช้ันเรียน ดงั น้ี
1) การถวายของแก่พระสงฆ์
2) การปฏิบัตติ นในขณะฟังธรรม
3) การปฏบิ ัติตนตามแนวทางของพทุ ธศาสนิกชนเพื่อประโยชน์ตอ่ ศาสนา

2. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-2 การถวายสิ่งของแก่พระสงฆข์ องผูช้ ายและผ้หู ญิงมีความแตกต่างกนั
อย่างไร ผูช้ ายนั่งคุกเข่าบนส้นเทา้ ผู้หญงิ น่งั พบั เพียบหรือนง่ั บนสน้ เทา้ ผชู้ ายถวายของให้ถึงมือพระสงฆ์ ผู้หญิงวางสงิ่ ของบน
ผา้ ท่พี ระสงฆท์ อดมารับประเคน) การฟงั ธรรมให้ได้ผลดนี ั้นควรปฏิบัติอย่างไร (ตงั้ ใจฟงั ด้วยความเคารพ สารวมจับใจความที่
ฟัง)

ขั้นสอน

ข้นั สารวจค้นหา
3. นักเรยี นทุกคนฝึกปฏบิ ตั ติ นเก่ยี วกบั มรรยาทชาวพุทธตามแบบของผู้ท่มี าสาธติ มรรยาทชาวพุทธให้ดู ครคู อย

ตดิ ตามการฝึกปฏบิ ตั ขิ องนกั เรยี น และคอยเสนอแนะเพมิ่ เตมิ

ขน้ั อธบิ ายความรู้

4. นักเรยี นแต่ละกลุ่ม (กลุ่มเดมิ จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) ฝึกปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั มรรยาทชาวพุทธ และผลดั กนั
เสนอแนะ โดยมคี รชู ว่ ยใหค้ าแนะนาการปฏบิ ตั ติ นทถ่ี ูกตอ้ งเหมาะสม

ข้นั สรุป

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

5. นักเรียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการปฏิบัติตนของพุทธศาสนิกชนตามโอกาสต่าง ๆ ที่นักเรียนเคยพบ เช่น การฟัง
พระเทศน์ในงานบวช ฟังพระสวดในพิธีศพ เป็นต้น (พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติดังน้ี แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย น่ังฟังด้วยความ
สงบ ไมพ่ ดู คยุ กนั หรอื แสดงกริ ิยาไม่เหมาะสม ตั้งใจฟงั เพื่อจดจาหลกั ธรรมและนาไปปฏิบตั ิ)

ขั้นตรวจสอบผล

6. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังน้ีมารยาทชาวพุทธเป็นการปฏิบัติตนแสดงค่านิยมท่ีดีงามของพุทธศาสนิกชน
เปน็ วฒั นธรรมไทยทีค่ วรรักษาสบื ทอดตลอดไป

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ วิธีการวัดผล เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. อธบิ ายความหมายและ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขึ้นไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์
ความรูค้ วามเข้าใจ (K) ความสาคัญของมารยาทชาว การประเมิน
พทุ ธได้ (K)
ทักษะ / กระบวนการ (P) 2. ฝกึ ปฏิบัติการเป็นผ้มู ี 2. นักเรียนทาแบบฝกึ หดั 70% ขน้ึ ไปถือว่าผ่านเกณฑ์
มารยาทดี (P)
คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) 3. เหน็ คณุ คา่ และชน่ื ชมผ้มู ี การประเมิน
มารยาทชาวพุทธ (A)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขนึ้ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์

ทางานรายบุคคล การประเมิน

7. สื่อ / แหลง่ การเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) บคุ คลผ้สู าธติ

7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) อนิ เทอรเ์ น็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................................................................................................. ..
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................................. ..................................................................
............................................................................................................................................................................................. ..................
................................................................................................................ ...............................................................................................

ลงช่ือ………………………………………………………ครูผสู้ อน ลงชือ่ ………………………………………………………ฝา่ ยวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชื่อ………………………………………………………ผูบ้ รหิ าร
(……………………………………………………)

สัปดาห์ที่ 12

โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี………..… /…………….. ช่ือผู้สอน……………………………………………………

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ ี่ 6 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 การบรหิ ารจติ และเจรญิ ปัญญา

เรื่อง การสวดมนตไ์ หวพ้ ระ สรรเสริญคุณพระรตั นตรัยและแผเ่ มตตา

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ดั
มาตรฐาน 1.1 รแู้ ละเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนา

อ่ืน มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมัน่ และปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมเพื่ออยู่รว่ มกันอยา่ งสันตสิ ขุ
ตัวชีว้ ัด ป.6/6 เห็นคุณคา่ และสวดมนต์ แผ่เมตตา และบรหิ ารจติ เจริญปญั ญา มสี ตทิ เี่ ปน็ พน้ื ฐานของสมาธิในพระพทุ ธศาสนา

หรอื การพัฒนาจติ ตามแนวทางของศาสนาทต่ี นนบั ถือตามที่กาหนด
2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด

มารยาทชาวพทุ ธ เป็นการปฏิบัตติ นทแี่ สดงถึงความดงี าม สภุ าพเรียบรอ้ ยทั้งกาย วาจาและใจ เป็นส่วนหนงึ่ ของการ
เสรมิ สรา้ งให้เกิดความสงบสขุ แกต่ นเองและสังคม

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายวธิ ีการสวดมนตไ์ หว้พระ สรรเสริญคุณพระรตั นตรัยและแผ่เมตตา (K)
2. ปฏบิ ตั ิตนโดยการสวดมนตไ์ หวพ้ ระในชีวิตประจาวนั (P)
3. เหน็ คุณค่าและประโยชน์ของการสวดมนต์ไหวพ้ ระ (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สวดมนตไ์ หว้พระ สรรเสริญคณุ พระรัตนตรยั และ
แผเ่ มตตา

- รคู้ วามหมายของสตสิ ัมปชัญญะ สมาธิ และ
ปญั ญา

- รู้วธิ ปี ฏิบัติและประโยชนข์ องการบริหารจิต
และเจรญิ ปญั ญา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1

ขั้นนา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครใู หน้ ักเรียนดภู าพกจิ กรรมของบคุ คลในอิรยิ าบถตา่ งๆ แลว้ ใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ วา่ บุคคลดงั กล่าวจะทา
กิจกรรมหรือทางานไดผ้ ลดีจะตอ้ งปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไร

2. ครูอธบิ ายเช่อื มโยงใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า การมีสตสิ ัมปชัญญะจะทาใหส้ ามารถทางานตา่ งๆ ให้สาเรจ็ ได้ตามเปา้ หมาย
ปอ้ งกันความผิดพลาด

ข้ันสอน

ขน้ั สารวจค้นหา
3. นักเรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ 5-7 คน ตามความสมัครใจ ให้แตล่ ะกลุ่ม รว่ มกนั ศกึ ษาความรู้เรื่อง การบรหิ ารจติ และการ

เจรญิ ปัญญา จาก หนงั สอื เรยี น และหนังสือคน้ คว้าเพม่ิ เติม ในหวั ข้อต่อไปน้ี
1) ความหมายของสตสิ มั ปชัญญะ สมาธิ และปัญญา
2) การบาเพ็ญสมาธิ

ขั้นอธิบายความรู้

4. สมาชิกแต่ละกลุ่มนาเสนอความรู้ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาในขนั้ ท่ี 1 มาอภิปรายแลกเปล่ียนในประเด็นสาคัญ
5. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทาใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง การบริหารจิต และเจริญปัญญา โดยให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มสนทนา
แลกเปลย่ี นความรู้ เมือ่ ไดข้ ้อสรุปแลว้ ตอบคาถามในใบงาน
6. ครูเฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.1 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน ปรับปรุงและแก้ไขในกรณีท่ีไม่
ถูกต้อง

ขน้ั สรุป
ขั้นขยายความเข้าใจ

7. นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างการทาสมาธิของตนเองหรือการทาสมาธิของคนที่นักเรียนรู้จัก แล้ววิเคราะห์ประโยชน์ของ
การบริหารจิตและ เจรญิ ปญั ญา

ข้ันตรวจสอบผล

8. นกั เรียนชว่ ยกันสรปุ แนวทางการทาสมาธติ ามแบบอานาปานสั สตแิ ละผลทไ่ี ดร้ บั

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ วิธีการวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล
จดุ ประสงค์
1. อธบิ ายวิธีการสวดมนตไ์ หว้ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขน้ึ ไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
ความรูค้ วามเข้าใจ (K)
พระ สรรเสรญิ คณุ พระ การประเมนิ
ทกั ษะ / กระบวนการ (P)
รตั นตรัยและแผเ่ มตตา (K)
คณุ ลักษณะนิสยั (A)
2. ปฏิบตั ิตนโดยการสวดมนต์ 2. ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง การ 70% ข้ึนไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

ไหวพ้ ระในชีวติ ประจาวัน (P) บรหิ ารจิต และเจริญปญั ญา การประเมนิ

3. เห็นคุณค่าและประโยชนข์ อง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ข้นึ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

การสวดมนตไ์ หวพ้ ระ (A) ทางานรายบุคคล การประเมนิ

7. ส่ือ / แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้
1) บตั รภาพ
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) อนิ เทอรเ์ น็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................................................................ ...................................
............................................................................................... ................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................................................ ...................................................
............................................................................... ............................................................................................................................. ...

ลงชือ่ ………………………………………………………ครูผู้สอน ลงชือ่ ………………………………………………………ฝา่ ยวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงช่อื ………………………………………………………ผูบ้ รหิ าร
(……………………………………………………)

ใบงานท่ี 1.1
เรื่อง การบรหิ ารจติ และเจรญิ ปญั ญา

คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี
1. สติ หมายถงึ อะไร

2. สัมปชัญญะ หมายถงึ อะไร

3. สมาธิ หมายถงึ อะไร

4. ปญั ญา หมายถงึ อะไร

5. จิตที่ไมม่ ีสมาธิ จะมลี กั ษณะอย่างไร

6. เพราะเหตใุ ด สตสิ มั ปชญั ญะจงึ เป็นธรรมท่ีมีอปุ การะมาก

7. ปัญญาสามารถเกดิ ข้ึนได้ด้วยวธิ ใี ดบา้ ง

8. ถา้ นกั เรียนตอ้ งการฝึกสมาธิ ควรเตรียมตวั อยา่ งไร

9. การบริหารจติ และการเจริญปญั ญา มปี ระโยชน์อย่างไร
10. สติสัมปชญั ญะ สมาธิ ปัญญา มผี ลต่อการดาเนนิ ชวี ิตของนกั เรียนอยา่ งไร

สปั ดาห์ที่ 13

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่………..… /…………….. ช่อื ผสู้ อน……………………………………………………
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ ี่ 6 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 การบริหารจติ และเจรญิ ปญั ญา

เร่ือง การพัฒนาจติ ตามแนวทางของพระพุทธศาสนา

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชีว้ ัด
มาตรฐาน 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนบั ถือและศาสนา

อื่น มีศรทั ธาท่ีถูกต้อง ยดึ มั่น และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมเพื่ออย่รู ว่ มกันอย่างสนั ติสขุ
ตวั ช้วี ัด ป.6/6 เหน็ คุณคา่ และสวดมนต์ แผเ่ มตตา และบริหารจิตเจรญิ ปัญญา มีสติทเ่ี ป็นพ้นื ฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนา

หรือการพฒั นาจติ ตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนบั ถอื ตามท่ีกาหนด

2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด
การฝึกสติในการยนื เดิน นง่ั และนอน กาหนดรูค้ วามร้สู ึกของประสาทสัมผสั ทัง้ 6 การฝึกสมาธิในการฟัง การอ่าน

การคิด การถาม และการเขียนเปน็ การฝกึ สมาธิเบ้ืองต้น

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความหมายของสติสมั ปชัญญะ สมาธิ และปัญญา (K)

2. นาวธิ ีการปฏบิ ัติการพัฒนาจิตตามแนวทางของพระพุทธศาสนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั (P)
3. เหน็ คุณคา่ และประโยชน์ของการพัฒนาจติ ตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนา (A)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนร้ทู ้องถนิ่
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

สวดมนตไ์ หวพ้ ระ สรรเสรญิ คณุ พระรตั นตรัย
และแผ่เมตตา

- ฝกึ การยนื การเดนิ การน่ัง และการนอน
อยา่ งมสี ติ

- ฝึกการกาหนดรู้ความรสู้ ึกเม่ือตาเหน็ รูป หู
ฟงั เสียง จมูกดมกล่ิน ลนิ้ ลิ้มรส กายสัมผสั สง่ิ ที่มา
กระทบ ใจรับรธู้ รรมารมณ์

- ฝกึ ให้มีสมาธใิ นการฟัง การอ่าน การคดิ
การถาม และการเขียน

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ขน้ั นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครใู ห้นักเรียนสวดมนตบ์ ูชาพระรัตนตรัยและแผ่เมตตา จากน้ันครู ใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเห็นวา่ ทาไมจึงต้องมีการ
สวดมนตบ์ ูชาพระรัตนตรัย และกล่าวแผ่เมตตาก่อนทาสมาธิ

ขัน้ สอน

ข้นั สารวจคน้ หา
2. ครอู ธิบายเช่ือมโยงให้นกั เรียนเข้าใจวา่ การราลึกถงึ คุณพระรัตนตรยั มีจุดมุง่ หมายให้จติ ใจสงบ สุขุมเยือกเย็น และเป็น

สมาธิ แลว้ ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรู้เพิ่มเติมจากใบความรทู้ ่ี 2.1 เรอ่ื ง ท่าฝกึ การทาสมาธิ
3. ครนู านกั เรียนฝึกสมาธดิ ้วยการยืน เดิน นง่ั นอน อย่างมีสติ หรอื ใหน้ กั เรยี นปฏิบัตติ ามวดี ิทัศน์

ขน้ั อธบิ ายความรู้

4. นกั เรียนฝึกปฏิบัติตนเกยี่ วกบั การยืน เดิน นงั่ และนอน อย่างมีสติตามแบบอย่างจากครู หรอื จากวดี ทิ ัศน์ และฝกึ กาหนด
รูค้ วามรสู้ กึ ต่างๆ เป็นการฝกึ เมื่ออายตนะทง้ั 6 ไปสัมผัสกับสิ่งภายนอก

5. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิดนักเรียนมคี วามรสู้ ึกอยา่ งไรในการฝึกการยืน เดิน น่ัง นอน อยา่ งมีสติ (พจิ ารณาตาม
คาตอบของนกั เรียน โดยให้อยใู่ นดุลยพินิจของครูผูส้ อน)

ขนั้ สรปุ
ขั้นขยายความเขา้ ใจ

6. นักเรียนแตล่ ะคนฝึกปฏบิ ัติเกยี่ วกบั การยืน เดิน น่ัง และนอน อย่างมสี ติ โดยมีครชู ่วยให้คาแนะนาการปฏบิ ัตติ นที่ถูกต้อง
เหมาะสม จากน้นั ฝึกกาหนดรคู้ วามรู้สกึ ตา่ งๆ

ขั้นตรวจสอบผล

7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปประโยชนข์ องการทาสมาธเิ บือ้ งต้น
8. ครใู ห้นักเรียนฝึกสติในอิรยิ าบถตา่ งๆ เปน็ ประจา และบนั ทกึ ผลลงในสมดุ บันทึกความดี
9. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ วธิ กี ารวดั ผล เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. อธิบายความหมายของสติ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขึ้นไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
ความรู้ความเข้าใจ (K) การประเมนิ
สัมปชัญญะ สมาธิ และปัญญา
ทกั ษะ / กระบวนการ (P)
(K)
คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A)
2. นาวิธกี ารปฏบิ ัติการพฒั นา 2. นักเรียนทาแบบฝกึ หัด 70% ข้ึนไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

จิตตามแนวทางของ การประเมิน

พระพุทธศาสนาไปใช้ใน

ชีวติ ประจาวัน (P)

3. เห็นคุณคา่ และประโยชนข์ อง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขนึ้ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

การพัฒนาจติ ตามแนวทางของ ทางานรายบคุ คล การประเมนิ

พระพทุ ธศาสนา (A)

7. สื่อ / แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้
1) ภาพการทาสมาธิ
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งสมุด
2) อินเทอรเ์ นต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
........................................................................................................................................... ....................................................................
........................................................................................................................................................................................... ....................
.............................................................................................................. .................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................

ลงชอ่ื ………………………………………………………ครูผู้สอน ลงชอื่ ………………………………………………………ฝ่ายวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผูบ้ รหิ าร
(……………………………………………………)

สัปดาหท์ ่ี 14

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี………..… /…………….. ช่ือผู้สอน……………………………………………………

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปี่ท่ี 6 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 วนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนาและศาสนพิธี

เร่ือง วันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนา

อ่ืน มศี รัทธาท่ีถูกต้อง ยดึ มั่น และปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรมเพื่ออยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสันตสิ ุข
ตวั ช้ีวดั ป.6/9 อธบิ ายลกั ษณะสาคัญของศาสนพิธี พิธีกรรมของศาสนาอ่ืนๆ และปฏิบัติตนไดอ้ ย่างเหมาะสม เม่ือต้องเข้ารว่ ม

พธิ ี

2. สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด
ชาวพทุ ธที่ดีควรเหน็ ความสาคญั และปฏบิ ัติตนให้ถกู ตอ้ งเหมาะสมในการเข้าร่วมพิธกี รรมและกจิ กรรมในวนั สาคัญทาง

พระพทุ ธศาสนา

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายลกั ษณะสาคญั ของวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนาได้ (K)
2. เข้ารว่ มกจิ กรรมและปฏบิ ัติตนในวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนาได้อยา่ งถกู ต้อง (P)
3. บอกประโยชน์ของการเขา้ ร่วมพธิ กี รรมในวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนาได้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
1. ศาสนพิธีของศาสนาต่างๆ
- พระพุทธศาสนา : ศาสนพิธีทเ่ี ปน็ พุทธ

บญั ญัติ เช่น บรรพชา อปุ สมบท
: ศาสนาพธิ ที เ่ี ก่ยี วเน่อื งกับพระพุทธศาสนา

เชน่ ทาบุญพธิ เี นอื่ งในวันสาคัญทางศาสนา
2. การปฏบิ ัติตนท่ีถูกตอ้ งในวนั สาคญั ทางศาสนา เชน่
วันมาฆบูชา วันวิสาขบชู า วนั อฏั ฐมีบชู า
วันอาสาฬหบูชา วนั ธรรมสวนะ
3. ประโยชน์ของการเขา้ รว่ มในวนั สาคัญทางศาสนา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ข้ันนา
ขั้นกระตุน้ ความสนใจ

1. ครูให้นักเรียนเข้าร่วมพิธีกรรมในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา แล้วให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า ในวันสาคัญทาง
พระพุทธศาสนานั้น ชาวพทุ ธควรปฏบิ ัติตนอย่างเหมาะสมอยา่ งไร

2. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิดนักเรียนเคยเข้าร่วมพิธีกรรมในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนาวันใดบ้าง ยกตัวอย่าง
ประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครผู ู้สอน)

ขนั้ สอน

ขน้ั สารวจค้นหา
3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง วันสาคั ญทาง

พระพุทธศาสนา จากหนงั สอื เรยี น และหนังสอื ค้นคว้าเพิ่มเติม คนละ 1 หัวขอ้ ดังน้ี
- วนั มาฆบูชา
- วันวสิ าขบชู า
- วันอาสาฬหบูชา
- วันเขา้ พรรษาและวนั ออกพรรษา
- วันอฏั ฐมีบูชา
- วนั ธรรมสวนะ

ขั้นอธบิ ายความรู้
4. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มรว่ มกนั สนทนาแลกเปล่ียนความรู้ในวันสาคัญทตี่ นไดศ้ ึกษามา ในประเดน็ ต่อไปน้ี

- วนั สาคัญตรงกบั วนั ใด
- มคี วามสาคญั อย่างไร
- ชาวพุทธควรปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไรในวันสาคญั น้นั

ขั้นสรปุ

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ

5. นกั เรยี นทุกคนรว่ มกนั วิเคราะห์ความสาคัญของการปฏิบตั ติ นอยา่ งถกู ต้องในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา และผลทคี่ าด
วา่ จะไดร้ บั

6. นักเรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ การปฏิบตั ิตนอยา่ งถกู ตอ้ งในการเขา้ ร่วมพธิ กี รรมทางพระพทุ ธศาสนานน้ั ส่งผลดี
อยา่ งไร (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของครผู ้สู อน)

ขั้นตรวจสอบผล

7. สมาชิกแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ทาใบงานท่ี 1.1 เรื่อง วันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา
8. ครูเฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.1 แลว้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน
9. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปแนวทางการปฏบิ ัติตนในวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนาท่ีเหมาะสม

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ วิธีการวัดผล เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. อธิบายลักษณะสาคญั ของวัน 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขน้ึ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์
ความร้คู วามเข้าใจ (K)
สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาได้ การประเมนิ
ทกั ษะ / กระบวนการ (P)
(K)
คุณลักษณะนสิ ยั (A)
2. เข้ารว่ มกิจกรรมและปฏบิ ัติ 2. ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง วนั 70% ข้ึนไปถือว่าผา่ นเกณฑ์

ตนในวันสาคญั ทาง สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา การประเมิน

พระพุทธศาสนาได้อยา่ งถูกต้อง

(P)

3. บอกประโยชน์ของการเขา้ 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขนึ้ ไปถือว่าผ่านเกณฑ์

ร่วมพิธีกรรมในวันสาคญั ทาง ทางานรายบคุ คล การประเมิน

พระพุทธศาสนาได้ (A)

7. ส่ือ / แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรียนรู้
1) ภาพวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมุด
2) อนิ เทอรเ์ นต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ
........................................................................................ .......................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
..................................................................................................................................................... ..........................................................
..................................................................................................................................................................................................... ..........
........................................................................................................................ .......................................................................................

ลงช่ือ………………………………………………………ครูผู้สอน ลงชอื่ ………………………………………………………ฝา่ ยวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผ้บู ริหาร
(……………………………………………………)

ใบงานท่ี 1.1
เรอื่ ง วันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา

คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปน้ี
1. พุทธศาสนกิ ชนเวยี นเทียนในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา เพอ่ื จดุ ประสงค์ใด

2. วันมาฆบูชาในครั้งพุทธกาล มเี หตุการณส์ าคัญใดเกิดขนึ้

3. เพราะเหตใุ ด พระพทุ ธเจ้าทรงบัญญัติพระวนิ ยั ให้พระสงฆ์อยจู่ าพรรษา

4. นกั เรยี นควรปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไร ในวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา

5. นักเรียนคิดวา่ การเข้ารว่ มพธิ กี รรมและกจิ กรรมในวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนามีประโยชนอ์ ยา่ งไร

สปั ดาห์ท่ี 15

โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี………..… /…………….. ช่ือผสู้ อน……………………………………………………

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปี่ที่ 6 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 วนั สาคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพธิ ี

เรือ่ ง ศาสนพิธี

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนา

อืน่ มีศรัทธาท่ีถกู ต้อง ยดึ มนั่ และปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมเพ่ืออยรู่ ว่ มกนั อย่างสันตสิ ุข
ตัวช้วี ดั ป.6/9 อธิบายลักษณะสาคัญของศาสนพิธี พธิ ีกรรมของศาสนาอ่ืนๆ และปฏิบตั ิตนได้อย่างเหมาะสม เมื่อต้องเข้ารว่ ม

พธิ ี

2. สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด
ศาสนิกชนท่ดี คี วรศกึ ษาและปฏบิ ตั ติ นอย่างถูกต้องเหมาะสมเม่อื เขา้ ร่วมศาสนพิธี เหน็ คุณค่าและความสาคญั ของ

ศาสนพธิ นี นั้ ๆ

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกลักษณะสาคัญของศาสนพิธี พิธกี รรมของศาสนาท่ีตนนับถือ หรอื ศาสนาอน่ื ๆ ได้ (K)
2. แสดงตนเปน็ พุทธมามกะ หรือแสดงตนเป็นศาสนกิ ชนของศาสนาทตี่ นนับถือไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม (P)
3. แสดงตนเป็นพุทธมามกะ หรือแสดงตนเป็นศาสนิกชนของศาสนาทีต่ นนบั ถือไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
1 ศาสนพิธขี องศาสนาต่างๆ
- พระพุทธศาสนา: ศาสนพธิ ีที่เปน็ พุทธบัญญตั ิ เช่น
บรรพชา อปุ สมบท : ศาสนาพิธีทเ่ี ก่ียวเนอื่ งกบั
พระพุทธศาสนา เช่น ทาบุญพิธีเนื่องในวนั สาคัญทาง
ศาสนา
- ศาสนาอสิ ลาม เชน่ การละหมาด การถือศลี อด การ
บาเพ็ญฮจั ญ์ ฯลฯ
- คริสต์ศาสนา เช่น ศีลลา้ งบาป ศีลอภยั บาป ศีล
กาลงั ศลี มหาสนิท ฯลฯ
- ศาสนาฮินดู เช่น พธิ ีศราทธ์ พธิ บี ชู าเทวดา
2. ทบทวนการอาราธนาศีล อาราธนาธรรม และ
อาราธนาพระปรติ ร
3. พธิ ีทอดผา้ ปา่ 4. พิธีทอดกฐิน 5. ระเบียบพิธใี นการ
ทาบญุ งานอวมงคล

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ขัน้ นา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูให้นักเรียนฝึกกล่าวคาอาราธนาศีล 5 อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร พร้อมทั้งบอกความหมาย เพ่ือเป็นการ
ทบทวนความรู้

2.ครใู ห้ตัวแทนนักเรยี นสาธิตขั้นตอนการบวช พิธีทอดผา้ ป่า พธิ ีทอดกฐิน การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ และการทาบุญงาน
อวมงคล หรือให้นักเรียนดูสื่อการสอนประเภทภาพ วีดิทัศน์ วีซีดี เป็นต้น หรือศึกษาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือเรียน และหนังสือ
คน้ ควา้ เพมิ่ เติม

3. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิดนักเรียนเคยเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาใดบ้าง และมีข้ันตอนการปฏิบัติ
อย่างไร(พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)

ข้นั สอน

ขัน้ สารวจค้นหา
4. นกั เรยี นกลุ่มเดิม (จากแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1) ฝึกปฏิบตั ิตนตามขั้นตอนของการบวช พิธีทอดผ้าปา่ พิธที อดกฐนิ การ

แสดงตนเป็นพุทธมามกะ และการทาบุญงานอวมงคล ตามแบบในข้ันท่ี 1 ครูคอยดูแลความเรียบร้อยและเสนอแนะการปฏิบัติที่
ถูกตอ้ ง

5. นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัติเก่ยี วกับขั้นตอนของพิธีกรรมการบวช พิธีทอดผ้าป่า พิธที อดกฐิน การแสดงตนเป็นพุทธมา
มกะ และการทาบุญงานอวมงคล ผลัดกนั เสนอแนะ โดยมีครูชว่ ยให้คาแนะนาการปฏบิ ัตติ นที่ถูกตอ้ งเหมาะสม

ขั้นอธิบายความรู้
6. สมาชกิ แต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัตติ ามข้นั ตอนของศาสนพธิ ี ผลดั กันเสนอแนะข้อบกพร่อง
7. ตวั แทนกล่มุ จบั สลากเพ่อื ออกมาสาธิตการปฏิบตั ิตนในศาสนพธิ ที ่ีไดฝ้ กึ ปฏบิ ัตไิ ปแล้วหนา้ ช้ันเรียน กลุม่ ละ 1 ศาสนพธิ ี

ตามหวั ข้อ ดังนี้
1) พิธที อดผ้าปา่
2) พิธีทอดกฐนิ
3) การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ
4) การทาบุญงานอวมงคล

ขั้นสรปุ
ขน้ั ขยายความเข้าใจ

8. ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ แล้วให้ตัวแทนนกั เรียนสาธติ การปฏิบัตติ นใน ศาสนพธิ ีของศาสนาอื่น เชน่ ศาสนพิธีของศาสนาครสิ ต์
ศาสนาอิสลาม ศาสนาฮนิ ดู

9. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั ทาใบงานท่ี 2.1 เรื่อง ศาสนพิธี เสรจ็ แล้วนาส่งครูตามระยะเวลาทีก่ าหนด

ข้ันตรวจสอบผล

10. ครูและนักเรียนร่วมกันารุปความรู้

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ วิธีการวัดผล เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมินผล
จดุ ประสงค์
1. บอกลักษณะสาคัญของศา 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขนึ้ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์
ความรูค้ วามเข้าใจ (K)
สนพิธี พิธกี รรมของศาสนาที่ตน การประเมนิ
ทกั ษะ / กระบวนการ (P)
นับถอื หรือศาสนาอื่นๆ ได้ (K)
คณุ ลักษณะนิสยั (A)
2. แสดงตนเปน็ พุทธมามกะ 2. ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ศาสน 70% ขึ้นไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

หรือแสดงตนเป็นศาสนกิ ชน พธิ ี การประเมิน

ของศาสนาท่ีตนนับถอื ได้อย่าง

ถกู ต้องเหมาะสม (P)

3. แสดงตนเป็นพุทธมามกะ 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ข้ึนไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

หรอื แสดงตนเปน็ ศาสนกิ ชน ทางานรายบุคคล การประเมิน

ของศาสนาที่ตนนบั ถอื ได้อย่าง

ถูกต้องเหมาะสม (A)

7. ส่อื / แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สื่อการเรียนรู้
1) วดี ิทศั น์ วีซีดี
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมดุ
2) อนิ เทอรเ์ นต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ..................................................................................
.............................................................................................................................................................. .................................................
................................................................................. ............................................................................................................................. .
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
.............................................................................................................................................. .................................................................

ลงชือ่ ………………………………………………………ครูผู้สอน ลงช่อื ………………………………………………………ฝ่ายวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชื่อ………………………………………………………ผบู้ รหิ าร
(……………………………………………………)

ใบงานท่ี 2.1
เรื่อง ศาสนพธิ ี

คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี

1. ถ้าต้องการให้พระสงฆส์ วดพระพทุ ธมนต์ ต้องกล่าวคาอาราธนาใด

2. การบรรพชาและอปุ สมบท แตกตา่ งกันอยา่ งไร

3. ถ้าครอบครัวของนักเรยี นจะทอดผา้ ปา่ ควรเตรยี มการอย่างไร

4. การทอดกฐิน มขี ั้นตอนโดยสรปุ อย่างไร
5. นักเรยี นคิดวา่ การเขา้ ร่วมในศาสนพิธีมีประโยชนต์ อ่ ตนเองและศาสนาอยา่ งไร

สปั ดาหท์ ี่ 16

โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี………..… /…………….. ชอื่ ผู้สอน……………………………………………………

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปี่ที่ 6 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 กฎหมายพนื้ ฐานท่ีเก่ยี วขอ้ งกับชีวิตประจาวนั

เรอื่ ง กฎหมายพ้ืนฐานที่เก่ียวขอ้ งกบั ชีวติ ประจาวันของครอบครัวและชุมชน

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน 2.2 เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจบุ ัน ยอึ มน่ั ศรัทธา และธารงรักษาไว้ซึง่ การปกครองระบอบ

ประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข
ตวั ชว้ี ดั ป.6/1 ปฏบิ ัตติ ามกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับชวี ติ ประจาวนั ของครอบครวั และชุมชนเหมาะสม

2. สาระสาคัญ / ความคิดรวบยอด
กฎหมายเป็นข้อบังคับให้สมาชิกในสงั คมปฏิบตั ิ หรอื ละเวน้ การปฏบิ ตั ิ เพ่อื ใหส้ ามารถอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมอยา่ งสงบสุข

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้องกับชีวติ ประจาวนั ได้ (K)
2. อธิบายหลกั การปฏิบตั ติ นตามกฎหมายแตล่ ะประเภทได้ (P)
3. บอกประโยชน์ของการปฏิบัตติ ามกฎหมายได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
1. กฎหมายท่ีเกีย่ วข้องกับชวี ติ ประจาวนั ของ
ครอบครวั และชมุ ชน เชน่

- กฎหมายจราจร
- กฎหมายยาเสพติดใหโ้ ทษ
- กฎหมายทะเบียนราษฎร
- เทศบัญญัติ ข้อบญั ญตั ิ อบต. อบจ.
2. ประโยชน์ของการปฏิบตั ิตน หรือเคารพกฎหมาย
ดังกล่าว

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1

ข้นั นา
ขัน้ กระตุ้นความสนใจ

1. ครูนาข่าวเกี่ยวกับการทาผิดกฎหมาย มาเล่าให้นักเรียนฟังที่หน้าช้ันเรียน แล้วให้นักเรียนร่วมกันตอบคาถามใน
ประเด็นทก่ี าหนด ดงั น้ี

- ใจความสาคัญของข่าว
- ผลของการกระทาท่ีเกิดขึน้
- แนวทางในการแก้ปัญหา
โดยครคู อยกระตนุ้ ให้นักเรยี นทุกคนมีส่วนร่วมในการตอบคาถาม เพ่ือนาเข้าสู่บทเรียน
2. ครูและนักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกย่ี วกับสาเหตุของการทาผิดกฎหมายทเี่ กดิ ขน้ึ

ขัน้ สอน

ขน้ั สารวจคน้ หา
3. ครูอธิบายให้นักเรียนเห็นความสาคัญของการปฏิบัติตามกฎหมาย และความจาเป็นของการศึกษาความรู้เกี่ยวกับ

กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องในชีวิตประจาวัน
4. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ โดยให้แต่ละกลุ่มมีสมาชิกเท่าๆ กัน แล้วมอบหมายให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา

ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวัน จากหนังสือเรียน โดยครูกาหนดให้แต่ละกลุ่มศึกษากฎหมาย กลุ่มละ 1
ประเภท ดังน้ี

- กลุ่มท่ี 1 ศกึ ษาความรู้เร่อื ง กฎหมายเกี่ยวกับการจราจรทางบก
- กลมุ่ ท่ี 2 ศึกษาความรู้เรอ่ื ง กฎหมายเกีย่ วกับทะเบยี นราษฎร
- กลุ่มที่ 3 ศึกษาความรเู้ รอ่ื ง กฎหมายเกยี่ วกับยาเสพตดิ ให้โทษ

ข้นั อธบิ ายความรู้

5. ครูอธิบายให้นักเรียนเห็นความสาคัญของกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรทางบก กฎหมายเก่ียวกับทะเบียนราษฎร และ
กฎหมายเก่ียวกับยาเสพติดให้โทษ ซ่ึงมีความเกยี่ วข้องในการดาเนินชีวิตประจาวนั ของนักเรียน และเน้นย้าให้นักเรียนตระหนักและ
ปฏบิ ัติตามกฎหมายอย่างเครง่ ครดั

6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ือง กฎหมายเก่ียวกับการจราจรทางบก กฎหมายเก่ียวกับทะเบียนราษฎร และ
กฎหมายเก่ยี วกับยาเสพตดิ ให้โทษ

ขัน้ สรุป
ขน้ั ขยายความเข้าใจ

7. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการอภปิ รายให้เพ่ือนฟังท่ีหนา้ ชั้นเรียน โดยครูเสนอแนะเพิม่ เติมในส่วนที่บกพร่อง
แลว้ เปดิ โอกาสให้นักเรียนซกั ถามข้อสงสัย

8. ครูให้นักเรียนบันทึกการกระทาของตนเองท่ีปฏิบัติตามกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับการดาเนินชีวิตประจาวันของนักเรียน
พร้อมกบั บอกผลดีของการปฏิบัตติ ามกฎหมาย

ขนั้ ตรวจสอบผล

9. นักเรียนแต่ละคนออกมานาเสนอผลงานท่ีหน้าช้ันเรียน โดยครูคอยแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
จากนั้นช่วยกันคัดเลือกผลงานทีด่ ีทีส่ ดุ 3 อันดบั เพ่ือนามาจัดป้ายนเิ ทศแสดงผลงานของนกั เรยี น

10. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ วธิ กี ารวัดผล เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. บอกกฎหมายทเี่ กยี่ วข้องกับ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขึน้ ไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
ความรู้ความเข้าใจ (K) ชวี ติ ประจาวนั ได้ (K) 2. แบบฝกึ หัด การประเมนิ
2. อธิบายหลกั การปฏบิ ตั ติ น
ทกั ษะ / กระบวนการ (P) ตามกฎหมายแต่ละประเภทได้ 70% ขึ้นไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
(P) การประเมิน
คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) 3. บอกประโยชนข์ องการ
ปฏิบัติตามกฎหมายได้ (A) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขึน้ ไปถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ทางานรายบคุ คล การประเมิน

7. สอื่ / แหล่งการเรียนรู้
7.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียน สงั คมศึกษาฯ ป.6
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) อนิ เทอรเ์ นต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................. ..............................
.................................................................................................... ...........................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
................................................................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... ........................................................................................... ...............................

ลงช่อื ………………………………………………………ครูผสู้ อน ลงช่อื ………………………………………………………ฝา่ ยวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผู้บริหาร
(……………………………………………………)

สปั ดาห์ที่ 17

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี………..… /…………….. ชอื่ ผูส้ อน……………………………………………………
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาป่ที ี่ 6 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 ข้อมลู ข่าวสารในชีวติ ประจาวัน

เรอื่ ง ข้อมูลขา่ วสารในชวี ิตประจาวัน

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน 2.2 เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จบุ ัน ยึอมั่นศรัทธา และธารงรกั ษาไว้ซงึ่ การปกครองระบอบ

ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข
ตัวช้ีวัด ป.6/5 ติดตามข้อมูล ข่าวสาร เหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจาวัน เลือกรับและใช้ข้อมูลข่าวสารในการเรียน รู้ได้

เหมาะสม
2. สาระสาคัญ / ความคิดรวบยอด

การรบั ข้อมูลขา่ วสารและเหตุการณ์ต่างๆ ทเี่ กดิ ขึ้นอย่างมวี ิจารณญาณจะชว่ ยให้รู้เท่าทนั ความเป็นไปของส่ิงตา่ งๆ ท่ี
เกดิ ข้นึ รอบตัว

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกประโยชน์ของข้อมูล ขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ได้ (K)
2. เลือกรับและใชข้ อ้ มูลข่าวสารในการเรยี นรูไ้ ด้เหมาะสม (P)
3. เหน็ คณุ คา่ ของขอ้ มลู ขา่ วสาร (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
1. แหลง่ ข้อมูล ขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ต่างๆ เชน่ จากวิทยุ
โทรทัศน์ หนงั สอื พิมพ์ แหลง่ ข่าวต่างๆ จากหอ
จดหมายเหตุ สถานการณจ์ ริง หรือจดหมายเหตุ
2. ประโยชน์จากการตดิ ตามข้อมลู ข่าวสาร เหตกุ ารณ์
ต่างๆ
3. หลักการเลอื กรบั และใชข้ ้อมลู ขา่ วสารจากสื่อต่างๆ
รวมทั้งสื่อที่ไรพ้ รมแดน

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ขัน้ นา
ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูสนทนากับนักเรียนเกีย่ วกบั ข่าว หรอื เหตุการณท์ ่กี าลังเป็นที่สนใจในปัจจุบนั แลว้ ถามนกั เรียนในประเดน็ ต่อไปนี้
- นกั เรยี นติดตามขา่ ว หรือเหตุการณ์ตา่ งๆ จากสอ่ื ใด
- นักเรยี นมคี วามคดิ เห็นเก่ียวกับข่าว หรือเหตุการณ์นนั้ ๆ อยา่ งไร

2. ให้ครูยกตัวอย่างข่าวหรือเหตุการณ์ที่นักเรียนมีความสนใจร่วมกัน แล้วครูตั้งประเด็นคาถามเพ่ือฝึกการวิเคราะห์ข่าว
หรอื เหตกุ ารณต์ ่างๆ เบื้องต้น

ข้ันสอน

ขั้นสารวจค้นหา
3. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นวา่ ข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ มีผลต่อการดาเนินชีวิตของนักเรียนหรือไม่ เพราะเหตุ

ใด
4. ครูอธบิ ายความหมายของคาวา่ ข้อมลู ขา่ ว และเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ให้นกั เรียนเข้าใจ และสามารถบอกความแตกตา่ งได้
5. ให้นกั เรียนศกึ ษาความรเู้ รื่อง แหล่งข่าวและเหตกุ ารณ์ จากหนังสอื เรียน

ขน้ั อธบิ ายความรู้
6. ครอู ธิบายความแตกตา่ ง และความน่าเช่อื ถือของแหลง่ ข่าวและเหตุการณ์
7. ให้นักเรียนรวมกลุ่มกัน กลุ่มละ 4 คน เพ่ือหาข่าวที่กลุ่มสนใจ 1 ข่าว จากแหล่งข้อมูลต่างๆ แล้วบันทึกข้อมูลตาม

ประเด็นตา่ งๆ ที่กาหนด

ขัน้ สรปุ

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ

8. ให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ตรวจสอบความเรยี บร้อยของใบงาน แล้วใหต้ ัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลงานที่หน้าชั้นเรียน
9. ครชู มเชยตัวแทนนกั เรยี นท่นี าเสนอผลงานไดด้ ี แล้วใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั บอกประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการติดตามข้อมูล
ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ
10. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรเู้ พมิ่ เตมิ เรอ่ื ง ประโยชนจ์ ากการติดตามข้อมูล ขา่ วสาร และเหตุการณต์ า่ งๆ จากหนงั สือเรียน
11. นักเรียนและครรู ่วมกันสรุปความรูเ้ รือ่ ง ประโยชนจ์ ากการตดิ ตามข้อมลู ขา่ วสาร และเหตุการณต์ ่างๆ

ข้นั ตรวจสอบผล

12. ครูใหค้ วามรูก้ ับนกั เรียนเก่ยี วกับหลกั การเลือกรบั ข้อมูลข่าวสารจากส่อื ตา่ งๆ เพ่ือให้นักเรียนสามารถเลือกรับขอ้ มูล
ขา่ วสารที่มีอยจู่ านวนมากได้อย่างถกู ต้อง และเหมาะสมกับการนาไปใช้ประโยชน์

13. ใหน้ ักเรยี นร่วมกันวเิ คราะห์ข่าวหรือเหตุการณจ์ ากหนังสือพิมพ์ 1 ข่าว ตามหัวขอ้ ท่ีกาหนด พร้อมบอกหลักในการเลอื ก
รบั ขอ้ มลู ข่าวสาร แล้วให้แตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานท่หี น้าชั้นเรยี น

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ วธิ ีการวัดผล เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จุดประสงค์
1. บอกประโยชนข์ องข้อมูล 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ข้ึนไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
ความรู้ความเข้าใจ (K)
ข่าวสาร เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ใน การประเมิน
ทักษะ / กระบวนการ (P)
ชวี ติ ประจาวนั ได้ (K)
คุณลักษณะนสิ ยั (A)
2. เลอื กรบั และใช้ข้อมลู ข่าวสาร 2. แบบฝกึ หดั 70% ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

ในการเรียนร้ไู ด้เหมาะสม (P) การประเมิน

3. เห็นคุณคา่ ของขอ้ มลู ข่าวสาร 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์

(A) ทางานรายบุคคล การประเมนิ

7. ส่ือ / แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน สังคมศึกษาฯ ป.6
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมุด
2) อินเทอร์เน็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................. ..............................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
.............................................................................................................................. .................................................................................
.............................................................................................................................................................................. .................................
................................................................................................. ..............................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................

ลงชื่อ………………………………………………………ครผู ูส้ อน ลงชื่อ………………………………………………………ฝา่ ยวิชาการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอ่ื ………………………………………………………ผ้บู ริหาร
(……………………………………………………)

สปั ดาห์ท่ี 18

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่………..… /…………….. ชื่อผ้สู อน……………………………………………………
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปี่ท่ี 6 จานวน 1 คาบ
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 การเมืองการปกครองไทย

เร่ือง การเมืองการปกครองไทย

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน 2.2 เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จุบัน ยึอมั่นศรทั ธา และธารงรกั ษาไว้ซ่ึงการปกครองระบอบ

ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ
ตวั ชว้ี ดั ป.6/1 เปรียบเทยี บบทบาท หน้าท่ีขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินและรฐั บาล

2. สาระสาคัญ / ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและรัฐบาล จะช่วยให้เกิดความรู้ความเข้าใจในบทบาท

และหน้าทีท่ ี่สาคัญขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นและรฐั บาล

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกบทบาทหนา้ ที่ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินและรฐั บาลได้ (K)
2. เปรียบเทยี บบทบาทหนา้ ที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐบาลได้ (P)
3. เห็นคณุ คา่ ของการเมืองการปกครองไทย (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
บทบาท หนา้ ที่ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินและ
รฐั บาล

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ขน้ั นา
ขน้ั กระตุ้นความสนใจ

1. ให้นักเรียนอ่านแถบประโยคท่ีครูนามาแสดงหน้าชั้นเรียน แล้วถามนักเรียนว่า แถบประโยคเหลา่ น้ี มีความเกี่ยวข้องกับ
กิจกรรมทางสังคมอยา่ งไร

2. ครูให้นักเรียนยกตวั อยา่ งคาขวัญท่ีใชใ้ นการรณรงคก์ ารเลือกตง้ั ในระดับต่าง ๆ
3. ครูช้ีแจงให้นกั เรียนเข้าใจวา่ การเลอื กต้ัง เป็นกิจกรรมที่เกิดข้ึนของสังคมประชาธปิ ไตย แล้วยกตัวอย่างการเลือกตั้งทจ่ี ัด
ขน้ึ ในชุมชนหรือทอ้ งถน่ิ เช่น การเลอื กผูใ้ หญบ่ า้ น กานัน สมาชิกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล (อบต.)

ขน้ั สอน

ข้นั สารวจค้นหา
4. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง บทบาทหนา้ ท่ขี องรฐั บาล จากหนังสือเรียน
5. ครูอธิบายให้นักเรียนทราบว่า รัฐบาลมีบทบาทหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามบทบัญญัติของ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
6. ให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และเปรียบเทียบระหว่างการบริหารราชการส่วนภูมิภาคกับส่วนท้องถิ่นว่าเหมือนหรื อ

แตกต่างกันอยา่ งไร
7. ครเู ขยี นแผนผงั เปรยี บเทียบเพือ่ อธิบายให้นกั เรียนเห็นความแตกต่างทช่ี ัดเจนมากยิ่งขึน้

ขน้ั อธิบายความรู้
8. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรเู้ รอื่ ง บทบาทหนา้ ทีข่ ององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น จากหนังสอื เรียน
9. ครอู ธิบายให้นกั เรียนทราบวา่ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ มี 4 ประเภท ไดแ้ ก่
- องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (อบจ.)
- เทศบาล
- องค์การบรหิ ารส่วนตาบล (อบต.)
- องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ รปู แบบพิเศษ

ข้นั สรปุ

ข้ันขยายความเข้าใจ

10. ให้นักเรียนบอกบทบาทหน้าท่ีสาคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากที่ได้ศึกษา และให้นักเรียนสนทนาและ
ยกตัวอย่างกิจกรรมท่เี กิดข้นึ ในชุมชนทจ่ี ดั ให้มขี น้ึ โดยองคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่

11. ใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับบทบาทหนา้ ท่ขี ององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินทีม่ ีในชมุ ชนของนักเรียน
12. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ให้สมาชกิ ในกลมุ่ ช่วยกันอธิบายบทบาท หน้าทีข่ ององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ และ
รัฐบาล จากนนั้ เปรยี บเทยี บความเหมอื นและความแตกตา่ งของบทบาทหน้าท่ขี ององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นและรัฐบาล

ขั้นตรวจสอบผล

13. ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานที่หน้าชัน้ เรยี น โดยครูเปน็ ผ้ตู รวจสอบความถูกตอ้ ง
14. ครูคัดเลือกผลงานที่ท่ีสดุ 3 อันดับ เพอื่ นามาจดั แสดงทป่ี ้ายนิเทศหนา้ ชัน้ เรียน

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมิน วธิ ีการวดั ผล เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล
จดุ ประสงค์
1. บอกบทบาทหน้าที่ของ 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขึ้นไปถือว่าผา่ นเกณฑ์
ความรูค้ วามเข้าใจ (K)
องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ และ การประเมิน
ทักษะ / กระบวนการ (P)
รฐั บาลได้ (K)
คุณลกั ษณะนิสัย (A)
2. เปรียบเทียบบทบาทหน้าที่ 2. แบบฝกึ หดั 70% ขึ้นไปถือว่าผา่ นเกณฑ์

ขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ การประเมนิ

และรฐั บาลได้ (P)

3. เห็นคุณค่าของการเมืองการ 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ข้ึนไปถือว่าผา่ นเกณฑ์

ปกครองไทย (A) ทางานรายบุคคล การประเมนิ

7. สอ่ื / แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้
1) แถบประโยค
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) อนิ เทอร์เน็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ..................................................................................
................................................................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... ...........................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
................................................................................................................................................. ..............................................................

ลงช่อื ………………………………………………………ครผู สู้ อน ลงชอ่ื ………………………………………………………ฝ่ายวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงช่ือ………………………………………………………ผบู้ ริหาร
(……………………………………………………)

สปั ดาห์ท่ี 19

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี………..… /…………….. ช่อื ผู้สอน……………………………………………………
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปี่ท่ี 6 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 วัฒนธรรมไทย

เร่อื ง วฒั นธรรมไทย

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน 2.1 เข้าใจและปฎิบัตติ นตามหนา้ ทข่ี องการเป็นพลเมอื งดี มคี า่ นิยมทีด่ ีงาม และธารงรักษาประเพณีและ

วฒั นธรรมไทย ดารงชีวติ อยู่ร่วมกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลกอย่างสันติสุข
ตวั ชว้ี ดั ป.6/4 อธิบายคณุ ค่าทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันระหวา่ งกล่มุ คนในสงั คมไทย

2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด
วฒั นธรรมเป็นแบบแผนในการดาเนินชวี ิตของคนในสังคม วัฒนธรรมในแต่ละท้องถ่นิ มีความแตกต่างกัน และมีการ

เปล่ยี นแปลงไปตามกาลเวลา ดังนัน้ จึงควรช่วยกันอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยใหค้ งอยู่คกู่ ับสังคมไทยตลอดไป

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกความสาคญั และคณุ ค่าของวัฒนธรรมได้(K)
2. วเิ คราะห์การเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมไ (P)
3. แสดงออกถงึ มารยาทไทยได้เหมาะสม และถูกกาลเทศ (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
1. ความหมายและประเภทของวฒั นธรรม
2. การเปลยี่ นแปลงวัฒนธรรมตามกาลเวลาที่มีผลต่อ
ตนเองและสังคมไทย
3. แนวทางการธารงรักษาวัฒนธรรมไทย
4. ความหมายและความสาคัญของกริ ยิ ามารยาทไทย
5. มารยาทไทยและมารยาทสังคม เช่น การแสดง
ความเคารพ การยนื การเดิน การนั่ง การนอน
การรบั ของ ส่งของ การรับประทานอาหาร การ
แสดงกิรยิ าอาการ การทกั ทาย การสนทนา การใช้
คาพดู
6. ประโยชนแ์ ละคณุ ค่าทางวัฒนธรรม
7. ความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมระหว่างกลุ่มคนภาค
ต่างๆ ในสังคมไทย
8. แนวทางการรักษาวัฒนธรรม

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ขนั้ นา
ขนั้ กระตุ้นความสนใจ

1. ครูนาภาพการแสดงตา่ งๆ ที่สะท้อนให้เห็นถงึ วฒั นธรรมไทยมาแสดงให้นักเรียนเหน็ ไดอ้ ยา่ งชัดเจน แลว้ ใหน้ ักเรียนบอก
วา่ เปน็ ภาพเก่ียวกบั การแสดงอะไร

ข้ันสอน

ขน้ั สารวจค้นหา
2. ครูอธิบายให้นักเรยี นทราบว่า การแสดงเหล่าน้ีเป็นวัฒนธรรมไทยทเ่ี ปน็ เอกลักษณ์ของคนไทยทไ่ี ดส้ ืบทอดกนั มายาวนาน
3. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ยกตัวอย่างของวฒั นธรรมไทย หรือวัฒนธรรมในทอ้ งถิ่นของนักเรียน เพอ่ื กระตนุ้ ใหน้ ักเรียนตระหนัก

ถงึ คณุ คา่ ของวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมท้องถ่นิ
4. ให้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของคาว่า วัฒนธรรม ตามความเขา้ ใจของนักเรยี น แลว้ ครูอธบิ ายใหน้ กั เรยี นเข้าใจว่า

วัฒนธรรม หมายถึง แบบแผนในการดาเนนิ ชีวิตของมนุษย์ซึ่งเกิดจากการที่มนษุ ย์สร้างข้ึนสง่ั สมสบื ทอดกนั มา และยึดถือปฏิบัตมิ า
จนถึงปัจจุบัน

ขั้นอธบิ ายความรู้
5. ให้นกั เรียนศึกษาความรเู้ รอื่ ง เรยี นรวู้ ัฒนธรรม จากหนังสือเรียน
6. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับความแตกต่างของวัฒนธรรมแต่ละประเภท แล้วให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างวัฒนธรรม

แตล่ ะประเภทบนกระดานหน้าช้นั เรียน

ข้ันสรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ

7. ครแู ละนกั เรยี นตรวจสอบความถูกต้องและรวบรวมคะแนน ตวั แทนกลุ่มใดตอบถกู มากทสี่ ุดถอื เป็นผูช้ นะ
8. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ในประเทศไทยของเรามีความแตกต่างทางวัฒนธรรมในด้านต่างๆ อย่างหลากหลาย
นกั เรียนควรศกึ ษาและทาความเข้าใจให้ถกู ต้อง
9. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั สรปุ ประเดน็ ความรเู้ ก่ยี วกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมของกลุ่มคนในสังคมไทย ดังน้ี

- ความแตกตา่ งด้านภาษา
- ความแตกตา่ งด้านศาสนา
- ความแตกตา่ งดา้ นการแต่งกาย
- ความแตกต่างทางดา้ นการละเล่นพืน้ เมือง
- ความแตกตา่ งด้านการกนิ
ขั้นตรวจสอบผล

10. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปความรจู้ ากประเดน็ ทีไ่ ด้ศึกษาจดลงในสมุด
11. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับวัฒนธรรมของท้องถ่ินในแต่ละภูมิภาคที่นักเรียนสนใจ มากลุ่มละ 2
วัฒนธรรม แล้วนามาวเิ คราะหต์ ามประเด็นท่กี าหนด ดงั นี้

- เปรียบเทียบความแตกตา่ งของวัฒนธรรม
- แนวทางในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรม

12. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมารายงานผลการสืบคน้ ข้อมลู โดยครูคอยแสดงความคิดเห็นและใหข้ ้อเสนอแนะ

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมิน วธิ ีการวัดผล เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล
จุดประสงค์
1. บอกความสาคัญและคุณค่า 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขนึ้ ไปถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
ความร้คู วามเข้าใจ (K) ของวัฒนธรรมได้(K)
2. วิเคราะหก์ ารเปล่ยี นแปลง การประเมิน
ทกั ษะ / กระบวนการ (P) ของวฒั นธรรมไ (P)
3. แสดงออกถงึ มารยาทไทยได้ 2. แบบฝกึ หัด 70% ขึน้ ไปถือว่าผ่านเกณฑ์
คุณลักษณะนสิ ัย (A) เหมาะสม และถูกกาลเทศ (A)
การประเมนิ

3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขนึ้ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

ทางานรายบุคคล การประเมนิ

7. ส่อื / แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สื่อการเรียนรู้
1) บตั รภาพ
7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) อินเทอร์เนต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ
....................................................................................... ........................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
.................................................................................................................................................... ...........................................................
....................................................................... ............................................................................................................................. ...........
....................................................................................................................... ........................................................................................

ลงชื่อ………………………………………………………ครูผู้สอน ลงชอ่ื ………………………………………………………ฝ่ายวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงชอื่ ………………………………………………………ผ้บู ริหาร
(……………………………………………………)

สปั ดาหท์ ี่ 20

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่………..… /…………….. ชอ่ื ผสู้ อน……………………………………………………
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ ี่ 6 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 วฒั นธรรมไทย

เรอ่ื ง มารยาทไทย

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด
มาตรฐาน 2.1 เข้าใจและปฎิบัติตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม และธารงรักษาประเพณีและ

วฒั นธรรมไทย ดารงชีวติ อย่รู ่วมกนั ในสงั คมไทยและสังคมโลกอยา่ งสนั ติสขุ
ตัวชวี้ ดั ป.6/4 อธบิ ายคุณค่าทางวฒั นธรรมที่แตกต่างกนั ระหวา่ งกลมุ่ คนในสังคมไทย

2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด
มรรยาทไทย เป็นวัฒนธรรมไทยท่ีได้รับการยอมรับจากสังคมว่า เป็นส่ิงที่ดีงาม ควรปฏิบัติและอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่กับ

สังคมไทยสบื ไป

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกมรรยาทไทยทค่ี วรปฏิบัตไิ ด้(K)
2. แสดงมรรยาทไทยได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสมกบั กาลเทศะ(P)
3. เหน็ คุณคา่ ของมารยาทไทย (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน
พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
กริ ยิ ามารยาทไทยเกย่ี วกบั ความเคารพ การยนื การ
เดิน การน่งั การพูด การทักทาย การแตง่ กาย

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1

ขน้ั นา
ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่อง เอกลักษณ์ของไทยท่ีเป็นที่ประทับใจของชาวต่างชาติว่า มีอะไรบ้าง โดยให้นักเรียน

ยกตัวอย่าง และครจู ดรวบรวมบนกระดาน เชน่

- การไหว้ - รอยยมิ้ - อาหารไทย

- ประเพณไี ทย - ความมีน้าใจ

ข้นั สอน

ขัน้ สารวจคน้ หา
2. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ส่ิงท่ีนักเรียนยกตัวอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งท่ีดีงามและถือเป็นเอกลักษณ์ของไทย โดยเฉพาะ

การไหว้ เป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมไทยท่ดี ีงามและเป็นเอกลกั ษณส์ าคญั ของไทย
3. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2 คน ออกมาสาธิตการไหว้บุคคลต่างๆที่ฐานะแตกต่างกันตามท่ีครูกาหนด แล้วให้เพ่ือน

นักเรยี นช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนั้นครกู ล่าวชมเชยตัวแทนนกั เรียนท่กี ลา้ แสดงออกในทางท่ีสร้างสรรค์
4. ครูให้นักเรยี นศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง มรรยาทไทย จากหนังสือเรยี น หรือหนงั สอื ค้นคว้าเพิม่ เตมิ ตามความเหมาะสม แล้วสรุป

สาระสาคัญจดลงในสมุด
5. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความรู้เรอื่ ง มรรยาทไทย
6. ครคู ัดเลือกนักเรียนชายและหญิง 1 คู่ ออกมาสาธติ การแสดงมรรยาทไทยที่ถูกต้องให้เพ่อื นดูทห่ี น้าชนั้ เรียน โดยครูคอย

อธบิ ายวธิ ีการปฏบิ ัตใิ ห้ถกู ตอ้ งและสวยงามเพ่ือเป็นแนวทางในการนาไปฝกึ ปฏิบตั ิ
7. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน คละกันตามความสามารถ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันฝึกปฏิบัติการ

แสดงมรรยาทไทยท่ถี ูกตอ้ ง โดยครูคอยให้คาแนะนาอย่างใกล้ชิด

ขน้ั อธิบายความรู้
8. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาสาธิตมรรยาทไทยท่ีหน้าช้ันเรียน ตามหมายเลขที่จับสลากได้ โดยครูและเพื่อนนักเรียน

ชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง
9. ครกู ล่าวชมเชยนักเรียนเรียนกลมุ่ ที่สามารถปฏบิ ัติได้ดี และให้ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในกลุ่มทีม่ ีการปฏิบัตบิ กพร่อง เพ่ือให้

นักเรยี นสามารถนาไปปรบั ปรุงให้สามารถปฏบิ ตั ิไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

ขัน้ สรุป
ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ

10. ครใู ห้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับผลดีของการปฏิบัติตนตามมรรยาทไทยแล้วบันทึกผลการอภิปรายจด
ลงในสมุด

ขน้ั ตรวจสอบผล

11. ครูให้นักเรียนบันทึกการปฏิบัติตนตามมรรยาทไทยในชีวิตประจาวัน โดยให้นักเรียนสารวจว่าได้ปฏิบัติตนตามมรรยาท
ไทยหรอื ไม่ และปฏบิ ัตอิ ยา่ งไร

12. นักเรียนออกมานาเสนอผลงานทหี่ นา้ ชนั้ เรียน โดยครูและเพื่อนนกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ และให้ข้อเสนอแนะ
6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมิน วธิ กี ารวดั ผล เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1. บอกมรรยาทไทยที่ควร 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 70% ขึน้ ไปถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
ความร้คู วามเข้าใจ (K) ปฏิบตั ิได(้ K) 2. แบบฝึกหดั การประเมิน
2. แสดงมรรยาทไทยได้อย่าง
ทักษะ / กระบวนการ (P) ถกู ต้องและเหมาะสมกบั 70% ขึ้นไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์
กาลเทศะ(P) การประเมนิ
คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 3. เหน็ คณุ คา่ ของมารยาทไทย
(A) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการ 70% ขน้ึ ไปถือว่าผ่านเกณฑ์

ทางานรายบุคคล การประเมนิ

7. สื่อ / แหล่งการเรียนรู้
7.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) บตั รภาพ
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมดุ
2) อินเทอร์เนต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ..................................................................................
....................................................................................................................................................... ........................................................
.......................................................................... ............................................................................................................................. ........
.......................................................................................................................... .....................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................................
....................................................................................................................................... ........................................................................

ลงชอื่ ………………………………………………………ครผู ู้สอน ลงชอ่ื ………………………………………………………ฝ่ายวชิ าการ
(……………………………………………………) (……………………………………………………)

ลงช่ือ………………………………………………………ผ้บู รหิ าร
(……………………………………………………)


Click to View FlipBook Version