โครงสร้างการสอน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา เวลา 80 ชั่วโมง
หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
เรยี นรู้ ตัวช้วี ัด (ช่วั โมง) คะแนน
3 ประเภทของ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของ วั ส ดุ มี ห ล า ย ช นิ ด 4
วสั ดแุ ละ วัสดุ สารองค์ประกอบ ของสสาร ความ สามารถแบ่งออกเป็น (ส.1)
สสาร สัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับ โลหะ เซรามิก และพอ
โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง ลิเมอร์ ซ่ึงแต่ละชนิด
อนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการ อาจมีสมบัติเหมือนกัน
เปลีย่ นแปลงสถานะของสาร การเกิด หรอื แตกต่างกนั
สารละลายและการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี
ตัวช้ีวัด ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัติ
ทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพ
ยดื หยนุ่ การนาความร้อนและการนา
ไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิง
ประจักษ์จากการทดลองและระบุ
การนาสมบัติเรื่องความแข็งสภาพ
ยืดหยุ่น การนาความร้อน และการ
น า ไ ฟ ฟ้ า ข อ ง วั ส ดุ ไ ป ใ ช้ ใ น ชี วิ ต
ป ร ะ จ า วั น ผ่ า น ก ร ะ บ ว น ก า ร
ออกแบบชนิ้ งาน
ตวั ช้ีวัด ป.4/2 แลกเปลีย่ นความคิด
กับผูอ้ ่ืนโดยการอภิปรายเก่ียวกับ
สมบัตทิ างกายภาพของวัสดุอย่างมี
เหตุผลจากการทดลอง
ความแข็งของ มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติของ ความแข็งของวัสดุ คือ
วัสดุ ส า ร อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง ส ส า ร ความทนทานของวัสดุ
ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสาร ต่อการขีด วัสดุแต่ละ
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียว ช นิ ด มี ค ว า ม แ ข็ ง
ระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ แตกต่างกัน วัสดุที่มี
ของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร ความแขง็
การเกดิ
โครงสรา้ งการสอน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา เวลา 80 ช่ัวโมง
หนว่ ยท่ี ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
เรยี นรู้ ตวั ชว้ี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน
สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี มาก เมื่อขีดกับวัสดุ 4
ตัวช้ีวัด ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัติทาง อื่นจะไม่เกิดรอยบน (ส.2)
กายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น วั ส ดุ ห รื อ เ กิ ด ร อ ย
การนาความร้อนและการนาไฟฟ้าของ น้ อ ย ก า ร เ รี ย น รู้
วัสดโุ ดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์จากการ เก่ียวกับสมบัติด้าน
ทดลองและระบุการนาสมบัติเร่ืองความ ความแข็งของวัสดุ
แข็งสภาพยืดหยุ่น การนาความร้อน ทาให้นาวัสดุต่างๆ
และการนาไฟฟ้าของวัสดุไปใช้ใน ม า ใ ช้ ท า ส่ิ ง ข อ ง
ชีวิตประจาวัน ผ่านกระบวนการ เ ค ร่ื อ ง ใ ช้ ใ น
ออกแบบชิน้ งาน ชีวิตประจาวันได้ตาม
ตัวชี้วัด ป.4/2แลกเปลี่ยนความคิด สมบัติของวัสดุนั้นๆ
กับผู้อ่ืนโดยการอภิปรายเก่ียวกับสมบัติ อย่างเหมาะสม
ทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก
การทดลอง
สภาพยืดหยนุ่ มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติของสาร สภาพยืดหยนุ่ คือ 4
ของวสั ดุ องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ ลกั ษณะของวัสดทุ ี่ (ส.3)
ระหวา่ งสมบตั ขิ องสารกับโครงสร้างและ เมอื่ ถูกแรงมากระทา
แรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและ แลว้ เกดิ การ
ธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะ เปลี่ยนแปลงรปู ร่าง
ของสาร การเกิดสารละลาย และการ ไป และสามารถ
เกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี กลับคืนส่สู ภาพเดิม
ตวั ชีว้ ัด ป.4/1 เปรยี บเทยี บสมบัติ ไดเ้ ม่ือหยุดแรง
ทางกายภาพดา้ นความแขง็ สภาพ กระทาตอ่ วสั ดนุ ั้น
ยดื หย่นุ การนาความร้อนและการนา การเรียนรู้เก่ยี วกบั
ไฟฟา้ ของวสั ดุโดยใช้หลักฐานเชิง สมบัตดิ า้ นสภาพ
ประจักษจ์ ากการทดลองและระบกุ ารนา ยดื หย่นุ ของวสั ดุ ทา
สมบตั เิ รือ่ งความแข็งสภาพยืดหยนุ่ การ ให้นาวัสดตุ า่ งๆ มาใช้
โครงสรา้ งการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา เวลา 80 ช่ัวโมง
หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก
เรียนรู้ ตัวชวี้ ัด (ชวั่ โมง) คะแนน
นาความร้อน และการนาไฟฟ้าของวัสดุ ทาส่งิ ของเครื่องใช้ใน
ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ผ่านกระบวนการ ชวี ิตประจาวันได้ตาม
ออกแบบชนิ้ งาน สมบัติของวสั ดนุ ั้นๆ
ตวั ชี้วัด ป.4/2แลกเปล่ียนความคดิ กับ อย่างเหมาะสม
ผอู้ ื่นโดยการอภิปรายเก่ยี วกบั สมบัตทิ าง
กายภาพของวัสดอุ ย่างมีเหตผุ ลจากการ
ทดลอง
การนาความ มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติของสาร การนาความร้อนของ 4
รอ้ นของวัสดุ องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ วสั ดุ คือ การถ่ายโอน (ส.4)
ระหว่างสมบัตขิ องสารกับโครงสร้างและ ค ว า ม ร้ อ น ผ่ า น
แรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและ ของแข็งจากบริเวณที่
ธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะ มีอุณหภูมิสูงไปยัง
ของสาร การเกิดสารละลาย และการ บริเวณท่ีมีอุณหภูมิ
เกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ต่ า ก า ร เ รี ย น รู้
ตัวช้ีวัด ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัติทาง เก่ียวกับสมบัติด้าน
กายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อนของ
การนาความร้อนและการนาไฟฟ้าของ วัสดุ ทาให้นาวัสดุ
วสั ดโุ ดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์จากการ ตา่ งๆ มาใช้ทาส่ิงของ
ทดลองและระบุการนาสมบัติเรื่องความ เ ค รื่ อ ง ใ ช้ ใ น
แข็งสภาพยืดหยุ่น การนาความร้อน ชีวิตประจาวันได้ตาม
และการนาไฟฟ้าของวัสดุไปใช้ใน สมบัติของวัสดุน้ันๆ
ชีวิตประจาวัน ผ่านกระบวนการ อย่างเหมาะสม
ออกแบบชิ้นงาน
ตัวชี้วัด ป.4/2แลกเปล่ียนความคิดกับ
ผอู้ ืน่ โดยการอภิปรายเกี่ยวกับสมบัติทาง
กายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจากการ
ทดลอง
โครงสรา้ งการสอน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา เวลา 80 ชั่วโมง
หน่วยที่ ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก
เรียนรู้ ตัวชี้วดั (ชั่วโมง) คะแนน
การนาไฟฟ้า มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติของสาร การนาไฟฟ้าของวัสดุ 4
(ส.5)
ของวัสดุ องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ คอื สมบัติของวัสดุที่
ระหวา่ งสมบัติของสารกับโครงสร้างและ พลงั งานไฟฟ้า
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและ สามารถถา่ ยโอนผา่ น
ธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะ วัสดชุ นดิ น้ันได้ การ
ของสาร การเกิดสารละลาย และการ เรยี นรูเ้ กย่ี วกับสมบตั ิ
เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ดา้ นการนาไฟฟ้าของ
ตวั ช้วี ดั ป.4/1 เปรยี บเทียบสมบตั ิ วสั ดุ ทาใหน้ าวสั ดุ
ทางกายภาพด้านความแขง็ สภาพ ตา่ งๆ มาใช้ทาส่งิ ของ
ยดื หยนุ่ การนาความร้อนและการนา เครอ่ื งใชใ้ น
ไฟฟ้าของวสั ดโุ ดยใชห้ ลักฐานเชิง ชีวิตประจาวนั ไดต้ าม
ประจักษ์จากการทดลองและระบุการนา สมบตั ิของวัสดุนน้ั ๆ
สมบตั ิเรือ่ งความแข็งสภาพยดื หยุน่ การ อยา่ งเหมาะสม
นาความรอ้ น และการนาไฟฟ้าของวัสดุ
ไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน ผ่านกระบวนการ
ออกแบบชิ้นงาน
สถานะของ ตวั ชี้วดั ป.4/2แลกเปล่ยี นความคดิ กับ 4
สสาร ผอู้ ื่นโดยการอภิปรายเกี่ยวกบั สมบัติทาง (ส.6)
กายภาพของวสั ดอุ ย่างมีเหตผุ ลจากการ
ทดลอง
มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติของสาร สสารในชวี ติ ประจาวันมี
องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ มากมายหลายชนดิ
ระหวา่ งสมบตั ิของสารกับโครงสร้างและ แต่ละชนิดมสี ถานะที่
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและ แตกต่างกันสสารบาง
ธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะ ชนดิ อยู่ในสถานะ
ของสาร การเกิดสารละลาย และการ ของแข็ง ของเหลว
โครงสรา้ งการสอน วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา เวลา 80 ชั่วโมง
หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก
เรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน
เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี หรือแกส๊ 4
(ส.7)
ตัวชวี้ ดั ป.4/3 เปรียบเทยี บสมบัติของ
สสารทัง้ 3 สถานะ จากข้อมลู ที่ได้จาก
การสังเกต มวล การต้องการท่ีอยู่
รูปรา่ งและปรมิ าตรของสสาร
มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติของสาร
องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์
ระหวา่ งสมบัติของสารกับโครงสร้างและ
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและ
ธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะ
ของสาร การเกิดสารละลาย และการ
สมบัตขิ อง เกิดปฏิกริ ิยาเคมี
ของแข็ง ตัวชี้วดั ป.4/3 เปรยี บเทียบสมบตั ิของ
สสารทัง้ 3 สถานะ จากข้อมูลที่ไดจ้ าก
การสังเกต มวล การต้องการท่ีอยู่
รูปร่างและปรมิ าตรของสสาร
ตวั ชี้วดั ป.4/4ใช้เครอ่ื งมือเพื่อวัดมวล
และปริมาตรของสสารท้ัง 3 สถานะ
สมบตั ิของ มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติของสาร สมบัติของของเหลว 4
ของเหลว (ส.8)
องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ คือ มีมวล ต้องการท่ี
ระหวา่ งสมบัตขิ องสารกับโครงสร้างและ อยู่ สามารถสัมผัสได้
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและ มีรูปร่างเปลี่ยนแปลง
ธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะ ตามภาชนะที่บรรจุ
ของสาร การเกิดสารละลาย และการ มี ป ริ ม า ต ร ค ง ที่ มี
เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี อ นุ ภ า ค อ ยู่ ห่ า ง กั น
ตัวชี้วดั ป.4/3 เปรยี บเทยี บสมบตั ขิ อง มากกวา่ ของแข็ง ทา
โครงสร้างการสอน วชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา เวลา 80 ช่ัวโมง
หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก
เรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน
สสารท้งั 3 สถานะ จากขอ้ มูลท่ไี ด้ ให้เคลอ่ื นไหวไดม้ ากขน้ึ 4
จากการสงั เกต มวล การตอ้ งการท่ี และระดับผิวหนา้ ของ (ส.9)
อยู่ รูปรา่ งและปริมาตรของสสาร ของเหลวจะอยู่ในแนวราบ
ตวั ชีว้ ดั ป.4/4ใช้เครือ่ งมือเพื่อวัด เสมอ
มวล และปรมิ าตรของสสารทั้ง 3
สถานะ
สอบกลางภาค 36 10
มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติ สมบัติของแกส๊ คือ มีมวล
ของสาร องค์ประกอบของ ต้องการทอี่ ยู่ สามารถสัมผสั ได้
สสาร ความสัมพันธ์ระหว่าง มีรูปร่างและปริมาตร
สมบัติของสารกับโครงสร้าง เปล่ยี นแปลงตามภาชนะที่
และแรงยึดเหน่ียวระหว่าง บรรจุ มอี นภุ าคกระจายหา่ ง
อนุภาค หลักและธรรมชาติ จากกันมากกวา่ ของเหลว ทาให้
ของการเปลี่ยนแปลงสถานะ เคลอื่ นท่ีไดท้ ุกทศิ ทาง
ของสาร การเกิดสารละลาย
สมบตั ิของแกส๊ และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
ตวั ช้วี ัด ป.4/3 เปรียบเทียบ
สมบตั ิของสสารท้งั 3 สถานะ
จากข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสังเกต
มวล การต้องการท่ีอยู่ รูปร่าง
และปรมิ าตรของสสาร
ตวั ชีว้ ัด ป.4/4ใช้เครื่องมือ
เพือ่ วัดมวล และปริมาตรของ
สสารทัง้ 3 สถานะ
โครงสร้างการสอน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา เวลา 80 ชั่วโมง
หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
เรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด (ชวั่ โมง) คะแนน
4
ระบบ เรยี นรูร้ ะบบ มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองคป์ ระกอบ ระบบสรุ ิยะเปน็ 5
สรุ ิยะ
การ สรุ ยิ ะ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และ ระบบของดวงดาวท่ี (ส.11-
ปรากฏ
ของดวง ววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว ต้งั อยู่ในดาราจักร 12)
จนั ทร์
ฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้งั ทางชา้ งเผอื ก ซึ่งมีด
ปฏิสัมพนั ธภ์ ายในระบบสุรยิ ะที่สง่ ผลตอ่ วงอาทติ ยเ์ ป็น
สิ่งมีชีวิต และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยี ศนู ย์กลาง
อวกาศ
ตวั ช้วี ดั ป.4/3 สร้างแบบจาลองแสดง
องคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ และ
อธิบายเปรียบเทยี บคาบการโคจรของ
ดาวเคราะห์ตา่ งๆ จากแบบจาลอง
แบบจาลอง มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองคป์ ระกอบ ร ะ บ บ สุ ริ ย ะ เ ป็ น 11
ระบบสุริยะ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และ ระบบท่ีมีดวงอาทิตย์ (ส.12-
วิวฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว เป็นศูนย์กลาง และมี 14)
ฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้ัง ดาวบริวารโคจรอยู่
ปฏสิ มั พันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะท่ีสง่ ผลต่อ โดยรอบ คือ ดาว
สิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เคราะห์ แปดดวง คือ
อวกาศ ดาวพธุ ดาวศุกร์ โลก
ตวั ชี้วดั ป.4/3 สรา้ งแบบจาลองแสดง ด า ว อั ง ค า ร ด า ว
องคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ และ พฤหัสบดี ดาวเสาร์
อธิบายเปรยี บเทียบคาบการโคจรของ ดาวยูเรนัส และดาว
ดาวเคราะหต์ ่างๆ จากแบบจาลอง เนปจูน นอกจากนี้
ระบบสุริยะยังมีดวง
จั น ท ร์ ที่ เ ป็ น ด า ว
บ ริ ว า ร ข อ ง ด า ว
เคราะห์ ดาวเคราะห์
แคระ ดาวเคราะห์
โครงสรา้ งการสอน วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา เวลา 80 ชั่วโมง
หน่วยที่ ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
เรียนรู้ ตัวชว้ี ัด (ชั่วโมง) คะแนน
น้อย ดาวหาง
อุกกาบาต และวตั ถุ
ขนาดเล็กอนื่ ๆ ซงึ่
ดาวพุธ คือ ดาว
เคราะห์ท่ีมีคาบการ
โคจรรอบดวงอาทิตย์
สั้นที่สดุ และดาว
เนปจนู คอื ดาวที่มี
คาบการโคจรรอบ
ดวงอาทติ ยย์ าวทสี่ ดุ
การขึน้ และตก มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองค์ประกอบ การข้ึนและตกของ 12
ของดวงจันทร์ ลั ก ษ ณ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร เ กิ ด แ ล ะ ดวงจันทร์เกิดจาก (ส.15-
วิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว ดวงจันทร์หมุนรอบ 17)
ฤ ก ษ์ แ ล ะ ร ะ บ บ สุ ริ ย ะ ร ว ม ท้ั ง ตัวเองในทิศทางทวน
ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อ เ ข็ ม น า ฬิ ก า
สิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่นเดียวกับโลก โดย
อวกาศ ท่ีดวงจันทร์ใช้เวลา
ตัวช้ีวัด ป.4/1 อธิบายแบบรูปเส้นทาง การโคจรรอบโลก
การข้ึนและตกของดวงจันทร์ โดยใช้ นานกว่าเวลาที่โลก
หลักฐานเชิงประจักษ์ ห มุ น ร อ บ ตั ว เ อ ง ซึ่ ง
ดวงจันทร์ปรากฏข้ึน
ท า ง ด้ า น ทิ ศ
ต ะ วั น อ อ ก แ ล ะ ต ก
ทางด้านทิศตะวันตก
หมุนเวียนเป็นแบบ
รปู ซา้ ๆ
โครงสร้างการสอน วชิ าวิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา เวลา 80 ชั่วโมง
หนว่ ยที่ ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
เรียนรู้ ตัวชี้วัด (ชวั่ โมง) คะแนน
การ มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองค์ประกอบ ดวงจันทร์ท่มี องเหน็ 8
(ส.18-
เปล่ยี นแปลง ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และ หรอื รปู ร่างปรากฏ 19)
รูปรา่ งของดวง วิวฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว ของดวงจนั ทร์บน
จันทร์ ฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมท้ัง ทอ้ งฟ้าแตกต่างกนั
ปฏิสมั พันธ์ภายในระบบสรุ ิยะที่ส่งผลต่อ ไปในแตล่ ะวนั โดย
สง่ิ มชี วี ติ และการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี บางวนั ดวงจันทร์จะมี
อวกาศ รูปร่างปรากฏเป็น
ตัวชว้ี ดั ป.4/2 สร้างแบบจาลองที่ เส้ียว เตม็ ดวง หรอื
อธิบายแบบรปู การเปล่ียนแปลงรูปรา่ ง บางวนั มองไมเ่ ห็น
ปรากฏของดวงจนั ทร์และพยากรณ์ ดวงจันทร์เลย การ
รปู ร่างปรากฏของดวงจันทร์ เปลยี่ นแปลงเชน่ น้ี
เป็นแบบรปู ซา้ กันทุก
เดือน
สอบปลายภาค 36 20
สัปดาห์ท่ี 1
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี……2…/………... ชือ่ ผ้สู อน….…...................................................……...
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 4 คาบ
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 วสั ดุและสสาร เรือ่ ง ประเภทของวัสดุ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัตขิ องสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกิดปฏกิ ิริยาเคมี
ตวั ชีว้ ัด ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อนและการนา
ไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุการนาสมบัติเรื่องความแข็งสภาพยืดหยุ่น การนา
ความร้อน และการนาไฟฟา้ ของวัสดุไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน ผา่ นกระบวนการออกแบบช้ินงาน
ตัวชี้วัด ป.4/2แลกเปล่ียนความคิดกับผู้อื่นโดยการอภิปรายเก่ียวกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผล
จากการทดลอง
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
วัสดุมหี ลายชนิดสามารถแบ่งออกเป็น โลหะ เซรามิก และพอลเิ มอร์ ซึ่งแตล่ ะชนิดอาจมีสมบัติเหมือนกันหรือแตกต่าง
กนั
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. จาแนกประเภทของวสั ดุได้ (K)
2. มคี วามสนใจและกระตือรือรน้ ในการเรียนรู้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน
วสั ดุแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ โลหะ เซรามิก และ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
พอลเิ มอร์
5. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบที่ 1
ขัน้ นา
ข้นั กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นโดยถามนักเรียนว่า นักเรยี นทราบหรอื ไมว่ า่ วนั นจ้ี ะได้เรยี นรูเ้ กย่ี วกบั เร่ืองอะไรแล้วใหน้ ักเรียน
ชว่ ยกันตอบคาถาม จากน้ันครแู จ้งชอื่ เรื่องทจ่ี ะเรียนรู้และตัวชีว้ ดั ให้ทราบ
2. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่อื วัดความร้เู ดิมของนกั เรียนก่อนเขา้ ส่กู จิ กรรม
3. นกั เรียนสังเกตภาพในหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 2 จากนนั้ ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นอย่าง
อสิ ระว่า นักเรียนทราบหรอื ไม่ว่า มีวสั ดุชนิดใดบา้ ง และวัสดชุ นดิ นน้ั อย่ใู นสถานะใด
(แนวตอบ : ไม้ จัดอยู่ในสถานะของแข็ง และแกว้ จดั อยู่ในสถานะของแขง็ )
4.นกั เรยี นเรียนร้คู าศัพท์ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการเรียนในหนว่ ยที่ 3 บทที่ 1 เร่อื ง วัสดุในชวี ิตประจาวันจากหนงั สอื เรียน
วิทยาศาสตร์ หน้า 3 โดยครูสมุ่ เลือกตวั แทนหรอื ขออาสาสมคั ร นักเรียน 1 คน เพือ่ เป็นผ้อู า่ นนา และให้เพ่ือนๆ อา่ นตาม
ดังน้ี
Hardness (ฮาดนิส) ความแขง็
Heat insulator (ฮีท อินชิวเลเทอ) ฉนวนความร้อน
Heat conductor (ฮที คัน’ดคั เทอ) ตวั นาความร้อน
Material (มะ’เทียเรียล) วัสดุ
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
5.ครถู ามคาถามสาคญั ประจาบทจากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 3 เพ่อื กระต้นุ นักเรียนก่อนเขา้ สเู่ นื้อหาวา่ วสั ดแุ ต่ละ
ชนิดมีสมบัติทางกายภาพแตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไรแลว้ ใหน้ กั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระในการตอบ
คาถาม (แนวตอบ : วัสดุแต่ละชนดิ อาจมสี มบัติทางกายภาพบางประการเหมือนกัน และอาจมีสมบตั ทิ างกายภาพ
บางประการแตกตา่ งกัน)
6. นักเรียนวาดภาพและเขยี นช่อื ตวั อยา่ งสสารท่ีอยูใ่ นสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ลงในสมดุ ประจาตวั นักเรยี น
หรอื ให้นักเรียนทากจิ กรรมนาสูก่ ารเรยี นในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 2
คาบที่ 2
ขน้ั สอน
ขน้ั สารวจค้นหา (Explore)
1.นักเรยี นทกุ คนศึกษาข้อมลู และดูภาพในหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 4 จากน้นั ครูถามคาถามจากหนังสอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์ หน้า 4 วา่ วสั ดุตา่ งๆ ทใ่ี ช้ในชีวติ ประจาวันจัดอยใู่ นวัสดปุ ระเภทเดียวกนั หรือไม่อย่างไร
(แนวตอบ : วตั ถุบางชนิดอาจทามาจากวสั ดุในประเภทเดยี วกัน วัตถุบางชนดิ อาจทามาจากวัสดุในประเภทท่ี
แตกต่างกัน ขึน้ อยูก่ บั การใช้งานของวัตถุชนิ้ นั้นๆ)
2. ครูขออาสาสมัครหรือสุ่มเลือกนักเรียนจากเลขท่ี 4-5 คน ให้ออกมาอธิบายเฉลยคาตอบโดยมีครูคอยตรวจสอบความ
ถูกต้อง
3. ครูให้คาชมเชยหรือมอบรางวัลให้ตัวแทนนักเรียนที่ออกมาตอบคาถามได้ถูกต้อง เพื่อเป็นการเสริมแรงในการกล้า
แสดงออก และให้คาชมเชยนักเรยี นทกุ คนท่ชี ่วยกันอภิปรายคาตอบจากคาถามท่ีครูตงั้ ไว้
4. ครูตง้ั คาถามถามนักเรยี นว่า วสั ดแุ ต่ละชนิดสามารถจาแนกได้เป็นกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง
(แนวตอบ :แบง่ วสั ดุงา่ ยๆ ตามสมบตั ิทางกายภาพได้ 3 ประเภท คอื โลหะ เซรามกิ พอลิเมอร์)
5. นักเรยี นทุกคนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นอยา่ งอสิ ระในการตอบคาถาม โดยครยู งั ไม่เฉลย
6. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมท่ี 1 เรื่องประเภทของวัสดุ จากหนังสือเรียน
วิทยาศาสตร์ หนา้ 5
7. ครูใช้รูปแบบการเรยี นรแู้ บบร่วมมอื เทคนิค LT มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยใหน้ ักเรียนแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 4 คน
จากนนั้ กาหนดใหส้ มาชิกแต่ละคนภายในกลุ่มมีบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดงั น้ี
สมาชกิ คนที่ 1 : ทาหนา้ ที่เตรียมอุปกรณ์ตา่ งๆ
สมาชิกคนท่ี 2 : ทาหนา้ ทีอ่ ่านลองทาดูทาความเขา้ ใจ และนามาอธบิ ายให้สมาชิกภายในกล่มุ ฟงั
สมาชกิ คนท่ี 3 : ทาหนา้ ท่ีบนั ทึกผลการทดลอง
สมาชิกคนที่ 4 : ทาหนา้ ท่นี าเสนอผลการทดลอง
8. สมาชิกคนท่ี 1 เตรียมและตรวจสอบอุปกรณ์ท้ังหมดที่ใช้ในการทากิจกรรมที่ 1 เร่ืองประเภทของวัสดุ จากหนังสือ
เรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 5
1. สมาชกิ คนที่ 2 อธิบายวิธที ากิจกรรมใหเ้ พื่อนในกลมุ่ ฟงั เพอื่ ใหป้ ฏิบตั ิตามได้ถูกต้อง
2. สมาชิกทกุ คนในกลุ่มช่วยกนั ลงมอื ทากิจกรรม โดยปฏบิ ัติกจิ กรรม ดงั น้ี
●ชว่ ยกันสืบคน้ ข้อมลู เกี่ยวกับประเภทของวสั ดุ แล้วบันทึกข้อมูลลงในสมุดประจาตัวนักเรยี น
●สารวจสิ่งของภายในโรงเรียน จากน้ันจาแนกประเภทโดยใช้การแบ่งวัสดุเป็นโลหะ เซรามิก
และพอลิเมอร์ เป็นเกณฑ์ แล้วบันทึกข้อมูลลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือบันทึกข้อมูลลงใน
แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า4
3. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันนาส่ิงของที่ไดจ้ ากการสารวจมาจดั ทาเป็นแผนภาพจาแนกประเภทของวัสดุใส่ลงใน
กระดาษแขง็ แลว้ ตกแต่งใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ )
คาบที่ 3
ข้ันอธิบายความรู้ (Explain)
1.นักเรยี นทกุ คนร่วมกันอภิปรายผลการทากจิ กรรมภายในกลมุ่ และชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้องเพ่ือเตรยี มความพร้อม
ในการนาเสนอหน้าชนั้ เรียน
2.ครูจับฉลากชอื่ กล่มุ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มนาผลการทากิจกรรมออกมานาเสนอหน้าชน้ั เรียนทีละกลุม่ จนครบทุกกลุ่ม
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )
คาบที่ 4
ข้นั สรปุ
ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. นักเรียนแต่ละคนทากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 5 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือทาใน
แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 5-6
2. ครูเฉลยคาตอบแลว้ ให้นกั เรียนผลดั กนั ตรวจกิจกรรมหนตู อบไดข้ องเพ่ือน
(หมายเหตุ :ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
3. นกั เรยี นแต่ละคนศกึ ษาขอ้ มลู จาก Powerpointเรอ่ื ง ประเภทของวัสดุและอา่ นข้อมลู ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า
6-7
4. นกั เรียนจบั คกู่ บั เพ่ือนแล้วไปเรยี นรู้ขอ้ มูลเกีย่ วกบั ประเภทของวสั ดุเพิม่ เติมจากสื่อดจิ ิทัลในหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์
หน้า 6 โดยใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือสแกน QR Code เรื่องประเภทของวสั ดุ
5. ครูสุ่มนักเรียน3-4 คนให้ออกมาสรุปความรู้ท่ีได้จากการศึกษาข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 6-7 และ
ความร้จู ากการแสกน QR Code เรอ่ื ง ประเภทของวสั ดุ หนา้ ชน้ั เรยี น
6. ครูตง้ั คาถามถามนกั เรยี นวา่ ถ้าเราจาแนกวัสดตุ ามแหล่งทีม่ า จะสามารถแบง่ วัสดไุ ดเ้ ปน็ ก่ีประเภท อะไรบ้าง
(แนวตอบ :2 ประเภท คือ 1. วัสดจุ ากธรรมชาติ เช่น ใยไหม ไม้ ดนิ เหนยี ว ยาง เปน็ ต้น 2. วสั ดุที่
มนุษย์สรา้ งข้นึ เชน่ พลาสตกิ ยางสังเคราะห์ เส้นใยสงั เคราะห์ เปน็ ตน้ )
7.นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาช่วยกันเขียนคาตอบบนกระดานจากน้นั ช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง
8. นักเรียนร่วมกันสรปุ ใหไ้ ด้วา่ วัสดุทไ่ี ด้มาจากธรรมชาติ เชน่ ดนิ เหนยี ว ใยไหม หิน ขนสัตว์ เป็นต้น สว่ นวสั ดทุ ีไ่ ดจ้ ากสิ่ง
ทม่ี นษุ ย์สร้างขึ้น เรียกวา่ วัสดุสังเคราะห์ เชน่ ยางสังเคราะหพ์ ลาสตกิ เป็นต้น
ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1.ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า หากแบ่งประเภทวัสดุตามสมบัติทางกายภาพสามารถ
แบ่งได้ 3 ประเภท คือ โลหะ เซรามกิ และพอลิเมอร์
2.ครูตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรยี นของนักเรยี น
3.ครูตรวจสอบผลการวาดภาพและเขียนช่ือตัวอย่างสสารท่ีอยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ในสมุดประจาตัว
นักเรียนหรือตรวจผลการทากิจกรรมนาสกู่ ารเรียนในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์หน้า 2
4.ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการทางาน
กลมุ่ และจากการนาเสนอผลการทากจิ กรรมหน้าชนั้ เรยี น
5.ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมท่ี 1 เรื่อง ประเภทของวัสดุในสมุดประจาตัวนักเรียนหรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
หนา้ 4
6.ครูตรวจสอบผลการทาแผนภาพจาแนกประเภทของวสั ดุ
7.ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมหนตู อบได้ในสมุดประจาตัวนักเรยี นหรือในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตรห์ น้า5-6
6. การวัดและประเมินผล
การวัดและประเมินผล วิธกี ารวดั ผล เครือ่ งมือวัด เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ 1.คาถามกระตุ้นความคิด ประเมินผล
ความรู้ความ 1. จาแนกประเภทของวัสดุได้ 70% ขึ้นไป ถอื วา่
เขา้ ใจ (K) ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน
ทักษะ/ - - 70% ขน้ึ ไป ถือว่า
กระบวนการ (P) ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมนิ
คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) 1. มีความสนใจและ 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรม
70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
กระตือรอื รน้ ในการเรียนรู้ (A) ผ่านเกณฑ์การ
ประเมิน
7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 วสั ดแุ ละสสาร
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 วัสดแุ ละสสาร
3) วสั ดุ-อุปกรณก์ ารทดลองในกิจกรรมที่ 1 เชน่ กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ เป็นตน้
4) Powerpointเร่อื ง ประเภทของวสั ดุ
5) QR Code เร่อื ง ประเภทของวสั ดุ
6) สมดุ ประจาตัวนักเรยี น
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องเรยี น
3) อนิ เทอรเ์ น็ต
8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
ลงช่อื ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่ือ...................................................ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สปั ดาหท์ ่ี 2
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นท่ี……2…/… ……... ชื่อผสู้ อน….…...................................................……...
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน 4 คาบ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 วสั ดุและสสาร เรื่อง ความแขง็ ของวัสดุ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
ตัวช้วี ัด ป.4/1 เปรียบเทียบสมบตั ิทางกายภาพดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อนและการนา
ไฟฟ้าของวสั ดโุ ดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์จากการทดลองและระบุการนาสมบตั ิเรื่องความแขง็ สภาพยืดหยนุ่ การนา
ความร้อน และการนาไฟฟา้ ของวสั ดุไปใช้ในชวี ิตประจาวัน ผ่านกระบวนการออกแบบช้นิ งาน
ตัวชีว้ ดั ป.4/2 แลกเปลีย่ นความคดิ กับผู้อนื่ โดยการอภิปรายเกีย่ วกับสมบัติทางกายภาพของวสั ดุอย่างมีเหตุผล
จากการทดลอง
3. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
ความแข็งของวัสดุ คอื ความทนทานของวสั ดตุ อ่ การขดี วสั ดุแตล่ ะชนิดมีความแข็งแตกต่างกัน วัสดุท่ีมีความแข็ง
มาก เม่ือขดี กบั วสั ดุอ่ืนจะไม่เกิดรอยบนวัสดุหรือเกิดรอยน้อย การเรียนรู้เก่ียวกับสมบัติด้านความแข็งของวัสดุ ทาให้
นาวัสดุตา่ งๆ มาใชท้ าสงิ่ ของเคร่ืองใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ตามสมบตั ิของวสั ดนุ ้นั ๆ อยา่ งเหมาะสม
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายสมบัติด้านความแข็งของวัสดตุ า่ งๆ ได้ (K)
2. ยกตัวอยา่ งการนาวสั ดทุ มี่ ีสมบัตดิ า้ นความแข็งมาใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ได้ (K)
3. สารวจการนาวัสดทุ ่มี สี มบัติดา้ นความแขง็ มาใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวนั ได้ (K)
4. ทดลองสมบตั ิด้านความแข็งของวัสดตุ ่างๆ ได้ (P)
5. เปรยี บเทยี บสมบัตดิ ้านความแข็งของวัสดุต่างๆได้ (P)
6. มีความรบั ผิดชอบในการสง่ งานตรงเวลา (A)
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่
วสั ดุบางชนดิ มสี มบตั ิทางกายภาพดา้ นความแขง็ และ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สามารถใชว้ สั ดุทมี่ สี มบตั ิด้านความแขง็ ใชท้ า
สง่ิ ของตา่ งๆ เชน่ โต๊ะ เก้าอ้ี เปน็ ตน้
5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ขนั้ นา
ข้ันกระตุ้นความสนใจ (Engage)
1.นักเรียนแต่ละคนอ่านข้อมูลและดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 8 จากนั้นครูถามคาถามนักเรียน
จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 8 วา่ วัสดตุ า่ งๆ ในภาพมสี มบตั ทิ างกายภาพอะไรบา้ ง
(แนวตอบ : เช่น แก้ว มสี มบตั ิด้านความแข็ง โลหะ มสี มบตั ดิ ้านความแข็ง ด้านการนาความรอ้ น และด้านการนา
ไฟฟา้ )
- ยาง มสี มบัตดิ า้ นสภาพยดื หยุน่
- ไม้ มสี มบัตดิ ้านความแข็ง
2.ครูตง้ั คาถามเพอื่ กระตุ้นความคดิ นกั เรยี นว่า นักเรยี นคดิ ว่า วสั ดชุ นดิ ใดบ้างท่ีมีความแขง็ (แนวตอบ: เช่น แก้ว ไม้ โลหะ
เปน็ ตน้ )
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล)
ข้นั สอน
ขั้นสารวจค้นหา (Explore)
1.ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถ (เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง-อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกลุ่มละ 3-4 คน
โดยครูเป็นผ้เู ลอื กนกั เรยี นเข้ากล่มุ
2.นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันลงมือทากิจกรรมท่ี 2 เรื่องความแข็งของวัสดุ ตอนที่ 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า
9-10 หรอื ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.4 เล่ม 2 หนา้ 7-8 โดยปฏิบตั ิ ดังน้ี
1) แต่ละกลุม่ สงั เกตลักษณะของแผ่นไม้ ยางลบ และตะปูอย่างละเอยี ด แลว้ นาขอ้ มูลจากการทากิจกรรมตอนที่ 1
บนั ทึกลงในสมุดประจาตัวนักเรยี น หรือทาในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์หน้า 9
2) รว่ มกนั กาหนดปญั หา ต้ังสมมติฐาน และระบตุ ัวแปรที่เกยี่ วข้องกับการทดสอบความแข็งของวสั ดุ แลว้ บนั ทึกผล
3) รว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับวธิ กี ารทดสอบความแขง็ ของวัสดุแต่ละชิ้น
4) ทดสอบความแข็งของวัสดตุ ามวิธที ่ีแสดงความคดิ เหน็ รว่ มกนั เพือ่ ตรวจสอบสมมติฐาน
(หมายเหตุ : ครูสามารถเปล่ียนวัสดุท่ีนามาใชใ้ นการทดสอบได้ตามความเหมาะสม)
คาบที่ 2
ขนั้ สารวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
1.นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรมที่ 1 เร่ืองความแข็งของวัสดุตอนที่ 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 10 หรือใน
แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 8 โดยให้แต่ละกลุ่มสืบค้นเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ จากสมบัติด้านความแข็งของ
วัสดุในชวี ิตประจาวันพร้อมยกตวั อย่างประกอบ
2.นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นาข้อมูลที่ได้จากการทากจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ งความแข็งของวสั ดุตอนท่ี 2 มาจัดทาแผนผงั ความคิดลงใน
กระดาษแข็ง พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ )
ข้ันอธบิ ายความรู้ (Explain)
1.นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดสอบ จากนั้นช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องเพ่ือ
เตรยี มความพรอ้ มในการนาเสนอหน้าชน้ั เรียน
2.นักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ชนั้ เรยี นทีละกล่มุ จนครบทุกกลมุ่
3.ครแู ละเพ่อื นในชัน้ เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้องของแตล่ ะกลมุ่
4.นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรมให้ได้ว่า วัตถุที่ทามาจากวัสดุต่างชนิดกันวัตถุแต่ละชนิดจึงมีความ
แข็งต่างกัน
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )
คาบท่ี 3
ข้ันสรปุ
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1.ครใู ชร้ ูปแบบการเรียนรแู้ บบรว่ มมอื เทคนคิ คู่คดิ สส่ี หาย โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคนจากกลุ่มเดมิ ทากจิ กรรมหนตู อบได้
จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์หน้า 10 ลงในสมดุ ประจาตวั นักเรยี น หรอื ทาในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 10
2.เมอ่ื นักเรยี นแตล่ ะคนทากิจกรรมเสรจ็ ให้จับค่กู ับเพื่อนทีอ่ ยใู่ นกลมุ่ เดียวกันกลุม่ ละ 2 คู่
3.นักเรียนแต่ละคชู่ ่วยกันตรวจสอบคาตอบของการทากิจกรรมหนูตอบได้ จากนั้นสนทนาซักถามซึ่งกันและกัน จนเป็นที่
เขา้ ใจรว่ มกันทง้ั 2 คน
4.นักเรียนแต่ละคู่กลับมารวมกลุ่ม 4 คน จากนั้นแต่ละคู่ผลัดกันอธิบายคาตอบของคู่ตนเองให้เพ่ือนในกลุ่มฟัง แล้ว
สนทนาซักถามซ่ึงกนั และกนั จนเปน็ ที่เข้าใจรว่ มกนั ทง้ั กลมุ่
5.ครูเฉลยคาตอบแล้วใหน้ ักเรยี นผลัดกันตรวจกิจกรรมหนูตอบได้ของเพื่อน จากน้ันเฉลี่ยคะแนนของแต่ละคู่เป็นคะแนน
ของกลมุ่
6.ครูยกตัวอย่างวัตถุต่างๆ เช่น ไม้บรรทัด ลูกกุญแจ จากน้ันให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า วัตถุชนิดใดมีความ
แข็งมากกว่ากนั เพราะอะไรโดยมคี รูคอยแนะนาเพม่ิ เติมในส่วนที่บกพร่อง
7.นกั เรียนทกุ คนอา่ นข้อมูลในหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 11 และศึกษาข้อมูลจาก Powerpoint เร่ือง สมบตั ิทาง
กายภาพของวสั ดุ (ความแขง็ ของวสั ด)ุ จากนั้นถามคาถามทา้ ทายการคดิ ข้ันสงู
วา่ สชุ าตติ อ้ งการทาชงิ ชา้ ท่ีมีความแข็งแรงและทนทาน เขาจงึ เลอื กใช้ไม้ และโซ่โลหะ นกั เรียนเหน็ ด้วยหรอื ไม่ เพราะ
อะไร
(แนวตอบ: เห็นดว้ ย เพราะไม้ และโลหะตา่ งๆ เป็นวสั ดทุ มี่ ีสมบัติดา้ นความแขง็ จงึ เหมาะสาหรบั ใช้ทาบา้ นสุนัขทต่ี ้องการ
ความแขง็ แรงและทนทาน)
คาบท่ี 4
ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate)
1.ครใู หน้ กั เรยี นสรุปความรูจ้ นได้ขอ้ สรุปรว่ มกนั วา่ ความแข็งเป็นสมบัติของวัสดุที่มีความทนทานต่อแรงขูดขีด โดยวัสดุที่
มคี วามแขง็ มาก เมอื่ ถกู ขูดขีดด้วยวสั ดุอื่น จะไม่เกิดรอยหรอื เกดิ รอยนอ้ ย
2.ครปู ระเมนิ ผลนกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการทางาน
กลุ่ม และจากการนาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ชน้ั เรยี น
3.ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมท่ี 2 เรื่อง ความแข็งของวัสดุในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
หน้า 9
4.ครตู รวจสอบผลการทาแผนผังความคิด เรอื่ ง ความแข็งของวสั ดุ
5.ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมหนตู อบไดใ้ นสมุดประจาตัวนักเรยี น หรอื ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตรห์ นา้ 10
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การ
จุดประสงค์ ประเมินผล
ความรู้ความ 1. อธบิ ายสมบัตดิ า้ นความแข็งของ 1.คาถามกระตนุ้ 70% ขึ้นไป ถือ
เขา้ ใจ (K) วสั ดุตา่ งๆ ได้ ความคิด วา่ ผ่านเกณฑ์
2. ยกตัวอยา่ งการนาวสั ดุทีม่ ีสมบตั ิ การประเมิน
ด้านความแข็งมาใชป้ ระโยชนใ์ น
ชีวติ ประจาวนั ได้
3. สารวจการนาวัสดุทม่ี สี มบตั ิด้าน
ความแข็งมาใชป้ ระโยชน์ใน
ชีวิตประจาวนั ได้
ทกั ษะ/ 1. ทดลองสมบัติดา้ นความแข็งของ 1. แบบบนั ทึกกจิ กรรม 70% ขนึ้ ไป ถือ
กระบวนการ (P) วัสดุตา่ งๆ ได้ การทดลองสมบัติดา้ น วา่ ผ่านเกณฑ์
2. เปรยี บเทียบสมบัติดา้ นความ ความแข็งของวัสดุต่างๆ การประเมิน
แข็งของวัสดุตา่ งๆได้
คุณลักษณะนสิ ัย (A) 1. มีความรบั ผดิ ชอบในการสง่ งาน 1. แบบสังเกตพฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถอื
ตรงเวลา (A) ว่าผ่านเกณฑ์
การประเมนิ
7. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 วัสดแุ ละสสาร
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 วัสดแุ ละสสาร
3) วสั ดุ-อุปกรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมท่ี 1 เช่น ตะปู ยางลบ แผน่ ไม้ เป็นตน้
4) Powerpointเรื่อง สมบัติทางกายภาพของวสั ดุ (ความแข็งของวสั ด)ุ
5) สมดุ ประจาตัวนกั เรยี น
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมดุ
2) หอ้ งเรยี น
3) อินเทอร์เนต็
8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ...................................................ผู้บริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ที่ 3
โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี……2…/………... ชอื่ ผสู้ อน….…...................................................……...
กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 4 คาบ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 วัสดแุ ละสสาร เรื่อง สภาพยดื หยุน่ ของวสั ดุ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด
มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัตขิ องสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
ตวั ชวี้ ัด ป.4/1 เปรียบเทยี บสมบตั ทิ างกายภาพดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อนและการนา
ไฟฟ้าของวสั ดุโดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์จากการทดลองและระบุการนาสมบตั เิ ร่ืองความแข็งสภาพยืดหยุ่น การนา
ความรอ้ น และการนาไฟฟา้ ของวัสดไุ ปใช้ในชีวิตประจาวัน ผา่ นกระบวนการออกแบบชิน้ งาน
ตวั ชว้ี ดั ป.4/2แลกเปลีย่ นความคดิ กับผู้อื่นโดยการอภิปรายเกีย่ วกับสมบตั ิทางกายภาพของวัสดอุ ย่างมีเหตผุ ล
จากการทดลอง
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
สภาพยดื หยุ่น คือ ลกั ษณะของวัสดุทเี่ ม่ือถกู แรงมากระทาแล้วเกดิ การเปลย่ี นแปลงรูปร่างไป และสามารถ
กลับคนื สู่สภาพเดมิ ไดเ้ ม่ือหยุดแรงกระทาต่อวสั ดุน้นั การเรยี นร้เู ก่ยี วกบั สมบัติด้านสภาพยดื หยนุ่ ของวัสดุ ทาให้นาวัสดุ
ตา่ งๆ มาใชท้ าสง่ิ ของเคร่ืองใช้ในชีวติ ประจาวันได้ตามสมบัติของวัสดุน้นั ๆ อย่างเหมาะสม
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายสมบัตสิ ภาพยืดหยุ่นของวสั ดตุ า่ งๆ ได้ (K)
2. ยกตัวอย่างการนาวัสดทุ ีม่ ีสมบัติสภาพยดื หยนุ่ มาใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวันได้ (K)
3. ทดลองสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวสั ดตุ า่ งๆ ได้ (P)
4. เปรยี บเทยี บสมบัติสภาพยืดหย่นุ ของวสั ดุตา่ งๆ ได้ (P)
5. สารวจการนาวสั ดุที่มีสมบัติสภาพยดื หย่นุ มาใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวันได้ (P)
6. มคี วามรบั ผดิ ชอบในการส่งงานตรงเวลา (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
วสั ดุบางชนิดมีสมบตั ิทางกายภาพดา้ นสภาพยดื หย่นุ พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
และสามารถใชว้ ัสดุท่ีมสี ภาพยืดหยุ่นทา
สงิ่ ของต่างๆ ได้ เชน่ หนงั ยางรัดสง่ิ ของ เปน็ ต้น
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 1
ขนั้ นา
ข้ันกระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1.ครูสนทนากบั นักเรยี นโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันน้ีจะได้เรียนรู้เก่ียวกับเร่ืองอะไร แล้ว
ให้นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถาม จากนน้ั ครแู จ้งชอ่ื เรือ่ งทจี่ ะเรยี นรู้ และผลการเรยี นรใู้ ห้นักเรยี นทราบ
2.ครตู ง้ั คาถามถามนักเรยี นว่า วสั ดุท่ีมีสภาพยดื หยุ่นมีลกั ษณะอย่างไร โดยให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่าง
อิสระ จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมว่า วัสดุท่ีมีสภาพยืดหยุ่น คือ วัสดุที่เมื่อถูกแรงมากระทาแล้วเกิดการ
เปลย่ี นแปลงรปู รา่ งไป และสามารถกลบั คืนส่สู ภาพเดมิ ไดเ้ มอ่ื หยดุ แรงกระทาต่อวัสดนุ น้ั
3.ครูชูฟองน้า ไม้บรรทัด ดินน้ามัน เส้นยาง เส้นด้าย และเชือกฟางให้นักเรียนสังเกต จากนั้นถามคาถาม
นักเรยี นวา่ นักเรียนคิดวา่ วตั ถุชนดิ ใดมีสมบัติด้านสภาพยดื หยุ่นโดยครูยังไมเ่ ฉลยคาตอบ
3.ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมที่ 3 เรื่องสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ จาก
หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 12-13
ขน้ั สอน คาบท่ี 2
ขนั้ สารวจค้นหา (Explore)
1.ครใู ชร้ ปู แบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยให้นักเรียน แบ่งกลุ่มกลุ่มละ
4 คน จากนน้ั กาหนดใหส้ มาชิกแตล่ ะคนภายในกล่มุ มีบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดงั น้ี
สมาชกิ คนที่ 1 : ทาหน้าทเ่ี ตรยี มอปุ กรณต์ ่างๆ
สมาชกิ คนที่ 2 : ทาหนา้ ทอ่ี า่ นลองทาดูทาความเขา้ ใจ และนามาอธบิ ายให้สมาชกิ ภายในกลุ่มฟงั
สมาชกิ คนท่ี 3 : ทาหนา้ ทบ่ี นั ทกึ ผลการทดลอง
สมาชิกคนท่ี 4 : ทาหนา้ ทน่ี าเสนอผลการทดลอง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)
2.สมาชิกคนที่ 1 เตรียมและตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดท่ีใช้ในการทากิจกรรมที่ 3เร่ืองสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ
ตอนที่ 1จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์หน้า 12-13
3.สมาชิกคนที่ 2 อธิบายวิธีทากิจกรรมให้เพื่อนภายในกลุ่มฟัง เพื่อให้ปฏบิ ตั ติ ามได้ถูกต้อง
4.สมาชกิ ทุกคนในกล่มุ ชว่ ยกันลงมอื ทากิจกรรมที่ 3เร่อื งสภาพยดื หย่นุ ของวัสดุ ตอนที่ 1จากหนงั สอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์หน้า 12-13แล้วบนั ทึกผลลงในสมดุ ประจาตวั นกั เรยี น หรอื
บนั ทกึ ผลลงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 13
คาบที่ 3
ขน้ั อธิบายความรู้ (Explain)
1.นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอภิปรายผลการทากจิ กรรมภายในกลุ่มจากน้ันช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องเพื่อ
เตรยี มความพร้อมในการนาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น
2.นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหนา้ ชัน้ เรียนทีละกล่มุ จนครบทุกกลุ่ม
3.ครูและเพื่อนในชน้ั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้องของแต่ละกล่มุ
4.นักเรยี นทุกคนรว่ มกนั อภิปรายและสรปุ ผลการทากิจกรรมใหไ้ ดว้ า่ เสน้ ยางเม่ือถูกแรงดึงจะยึดออก และเมื่อ
ปลอ่ ยมือเส้นยางจะกลบั คืนสูส่ ภาพเดมิ สว่ นเส้นดา้ ยและเชือกฟางเมื่อถูก แรงดึงจะไม่ยืดออก และเมื่อปล่อย
มือเสน้ ดา้ ยและเชอื กฟางยงั คงอยใู่ นสภาพเดิม แสดงว่า เส้นยางมีสภาพยืดหยุ่น ส่วนเส้นด้ายและเชือกฟางไม่
มีสภาพยดื หยุน่ ดงั นน้ั วตั ถทุ ี่ทาจากวัสดตุ า่ งชนิดกันจะมีสภาพยืดหยนุ่ ไม่เท่ากัน
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ )
ขัน้ สรุป
ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างบัตรภาพวัตถุในชีวิตประจาวัน แล้วสุ่มถามนักเรียนว่า วัตถุช้ินใดมีสมบัติด้านสภาพ
ยดื หยุ่น
2. นกั เรยี นแต่ละคนช่วยกันทากิจกรรมท่ี 3 เร่ืองสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ ตอนที่ 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์
หน้า13 โดยให้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากสมบัติด้านสภาพยืดหยุ่นของวัสดุท่ีนามาใช้ใน
ชวี ติ ประจาวนั จากแหลง่ ข้อมลู ตา่ งๆ เช่น หนงั สือ อินเทอร์เน็ต เปน็ ตน้
3. นักเรยี นแต่ละคนนาภาพที่ได้จากการสบื คน้ มาติดหรือวาดภาพลงในสมดุ งาน พรอ้ มตกแต่งใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล)
คาบท่ี 4
ขน้ั ขยายความเข้าใจ (Elaborate) (ต่อ)
1. นักเรียนจับคู่กับเพื่อน จากน้ันให้ผลัดกันอธิบายภาพประโยชน์จากสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุท่ีนามาใช้ใน
ชวี ติ ประจาวันทต่ี นไดส้ ืบคน้ มา
2. ครูสมุ่ ตัวแทนของแต่ละคู่ 3-4 คู่ จากน้นั ให้ออกมานาเสนอผลท่ีไดจ้ ากการสบื ค้นหนา้ ชัน้ เรยี น
3. นักเรียนแต่ละคนทากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์หนา้ 13 ลงในสมุดประจาตัวนกั เรยี น หรือทาใน
แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 14
4. ครูสุ่มตัวแทนนกั เรยี น 2-3 คน ให้ออกมาอธิบายคาตอบให้เพ่ือนฟังหน้าชั้นเรียน โดยมีครูคอยแนะนาเพิ่มเติมในส่วน
ทบี่ กพร่อง
5. นักเรียนทุกคนอ่านข้อมูลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 14 และศึกษาข้อมูลจาก Powerpointเร่ือง สมบัติทาง
กายภาพของวัสดุ (สภาพยดื หยุ่นของวัสดุ) จากนั้นนักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้
6. ครเู สริมความรู้เพ่ิมเติมให้นักเรียนฟังวา่ วัสดจุ าพวกยางได้จากน้ายางท่ีกรีดจากต้นยางพารา จากน้นั นามาผา่ น
กระบวนการทาเป็นยางแผน่ แล้วจงึ นาไปทาเปน็ ผลิตภัณฑ์ตา่ งๆ วสั ดจุ าพวก ยาง จัดเป็นประเภทพอลิเมอร์ มกั มีสภาพ
ยดื หยุ่นสงู จึงนยิ มใชท้ าของเล่น เช่น ตุ๊กตายาง ลูกบอลยาง ลกู โป่ง เปน็ ตน้ นอกจากนี้ยังนามาใช้ทายางรถยนต์ หนังยาง
รัดสงิ่ ของ เป็นต้น
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)
ขนั้ ตรวจสอบผล (Evaluate)
1.ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า สภาพยืดหยุ่น เป็นสมบัติของวัสดุเมื่อถูกแรงมากระทา
เช่น ดึง บีบ กระแทก แลว้ ทาใหว้ ัสดุเปล่ียนขนาดหรือเปลีย่ นรปู รา่ งไป แต่สามารถกลับคืนสสู่ ภาพเดมิ หรอื ใกลเ้ คียงสภาพ
เดิมได้เมื่อหยุดแรงกระทาตอ่ วสั ดุนัน้
2.ครปู ระเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการทางาน
กลุ่ม และจากการนาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ชัน้ เรียน
3.ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมที่ 3 เร่ือง สภาพยืดหยุ่นของวัสดุในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์ หน้า 13
4.ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมหนตู อบไดใ้ นสมุดประจาตวั นกั เรียน หรือในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตรห์ น้า 14
6. การวดั และประเมินผล
การวัดและ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การ
ประเมินผล 1.คาถามกระตนุ้ ความคิด ประเมินผล
จดุ ประสงค์ 1. อธิบายสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ
ตา่ งๆ ได้ 70% ขึ้นไป
ความรู้ความ 2. ยกตวั อย่างการนาวสั ดทุ ่มี ีสมบตั ิ ถือว่าผ่าน
เขา้ ใจ (K) สภาพยดื หยนุ่ มาใช้ประโยชน์ใน เกณฑ์การ
ชวี ิตประจาวนั ได้ ประเมนิ
ทักษะ/ 1. ทดลองสมบตั ิสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ 1.แบบบนั ทกึ กจิ กรรม 70% ขึน้ ไป
กระบวนการ (P) ต่างๆ ได้ (P) ทดลองสมบัตสิ ภาพ ถอื วา่ ผ่าน
2. เปรียบเทยี บสมบตั ิสภาพยืดหยุน่ ยดื หยุ่นของวัสดตุ ่างๆ เกณฑ์การ
ของวสั ดุตา่ งๆ ได้ ประเมิน
3. สารวจการนาวสั ดุที่มีสมบัติสภาพ
ยดื หยุ่นมาใช้ประโยชน์ใน
ชวี ิตประจาวนั ได้
คณุ ลักษณะ 1. มคี วามรบั ผิดชอบในการสง่ งานตรง 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรม 70% ขึ้นไป
นิสยั (A) เวลา ถอื วา่ ผ่าน
เกณฑ์การ
ประเมิน
7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 วสั ดุและสสาร
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 วัสดุและสสาร
3) วัสดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมท่ี 1 เชน่ ไมบ้ รรทัดดนิ นา้ มันเส้นยาง เสน้ ดา้ ย เชือกฟาง เปน็ ต้น
4) บตั รภาพตัวอย่างวัตถุ
5) สมดุ ประจาตัวนกั เรียน
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) ห้องเรยี น
3) อินเทอร์เน็ต
8.กิจกรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
....................................................................................... ............................................................................
.........................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
ลงช่ือ............................................ครผู ู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝา่ ย
วชิ าการ (...........................................................)
(...........................................................)
ลงชื่อ...................................................ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)
บตั รภาพ
เชือก ยางรถยนต์
ตกุ๊ ตายาง ตกุ๊ ตาผ้า
สัปดาหท์ ่ี 4
โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนที่……2…/………... ช่ือผูส้ อน….…...................................................……...
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 4 คาบ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 วสั ดแุ ละสสาร เรือ่ ง การนาความร้อนของวสั ดุ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัตขิ องสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี
ตวั ชวี้ ดั ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัตทิ างกายภาพดา้ นความแขง็ สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อนและการนา
ไฟฟา้ ของวสั ดโุ ดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษ์จากการทดลองและระบุการนาสมบัติเรื่องความแข็งสภาพยืดหย่นุ การนา
ความร้อน และการนาไฟฟา้ ของวสั ดุไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบชิน้ งาน
ตัวชว้ี ดั ป.4/2แลกเปล่ยี นความคดิ กับผู้อน่ื โดยการอภปิ รายเกีย่ วกับสมบัติทางกายภาพของวสั ดอุ ย่างมีเหตผุ ล
จากการทดลอง
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การนาความร้อนของวัสดุ คือ การถ่ายโอนความรอ้ นผา่ นของแข็งจากบริเวณท่ีมีอุณหภูมิสงู ไปยังบรเิ วณที่มี
อณุ หภูมิตา่ การเรียนรเู้ กี่ยวกับสมบตั ิด้านการนาความรอ้ นของวสั ดุ ทาใหน้ าวสั ดตุ ่างๆ มาใชท้ าสง่ิ ของเคร่ืองใช้ใน
ชวี ติ ประจาวันไดต้ ามสมบัติของวสั ดุนัน้ ๆ อย่างเหมาะสม
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายสมบัติด้านการนาความรอ้ นของวัสดุต่างๆ ได้ (K)
2.ยกตัวอยา่ งการนาวัสดุทีม่ สี มบัติดา้ นการนาความร้อนมาใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ได้ (K)
3. ทดลองสมบตั ดิ า้ นการนาความรอ้ นของวสั ดุต่างๆ ได้ (P)
4.เปรียบเทียบสมบตั ดิ า้ นการนาความร้อนของวัสดุต่างๆ ได้ (P)
5. สารวจการนาวัสดทุ ่ีมีสมบตั ดิ ้านการนาความรอ้ นมาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั ได้(P)
6.มีความรบั ผดิ ชอบในการส่งงานตรงเวลา (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิน่
วัสดุบางชนดิ มีสมบัติทางกายภาพดา้ นการนาความ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
รอ้ นได้ และสามารถใช้วัสดุทมี่ ีสมบัตดิ า้ น การนา
ความร้อนทาอปุ กรณต์ ่างๆ ได้ เชน่ กระทะ เป็นต้น
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1
ขน้ั นา
ขน้ั กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1.ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันน้ีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเร่ืองอะไร แล้วให้นักเรียน
ชว่ ยกนั ตอบคาถาม จากนนั้ ครแู จง้ ช่อื เร่ืองทจี่ ะเรียนรู้ และผลการเรียนรใู้ หน้ กั เรยี นทราบ
2.ครูนาช้อนโลหะ ตะเกยี บไม้แท่งแกว้ คนสาร หลอดพลาสตกิ มาให้นักเรียนสงั เกต จากน้ันให้ นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ ราย
และคาดเดาวา่ วัตถชุ นิดใดนาความรอ้ นได้ดที สี่ ุด และวตั ถุชนดิ ใด ไมน่ าความรอ้ น โดยครูยังไมส่ รุปคาตอบ
3.ครูตง้ั คาถามถามนักเรยี นต่อว่า ทาไมเราจงึ ไมส่ ามารถยกหม้อต้มนา้ ที่กาลงั เดอื ดได้ แต่เมื่อ ใชผ้ ้าหรอื ถุงมือผา้ จับจะทา
ใหเ้ ราสามารถยกหม้อต้มน้าท่ีกาลงั เดือดไดโ้ ดยครูยังไมเ่ ฉลย คาตอบ
4.ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมท่ี 4 เรื่องการนาความร้อนของวัสดุ จากหนังสือ
วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 15-16
ขัน้ สอน
ขั้นสารวจคน้ หา (Explore)
1.ครูแบ่งกลมุ่ ให้นักเรียนออกเป็นกลมุ่ ละ 4 คนและมีความสามารถคละกนั คือ เก่ง ปานกลาง (ค่อนข้างเก่ง) ปานกลาง
(ค่อนข้างออ่ น) และอ่อน
2.นักเรยี นแต่ละกล่มุ ศึกษาขนั้ ตอนการทากิจกรรมท่ี 4 เร่อื งการนาความร้อนของวสั ดุ ตอนที่ 1 จากหนงั สอื วทิ ยาศาสตร์
หนา้ 15-16
3.นกั เรยี นแต่ละคนช่วยกันสงั เกตลกั ษณะของวัสดุต่างๆ จากน้ันลงความเห็นว่า วัตถุแต่ละช้ินทามาจากวัสดุชนิดใด แล้ว
บันทึกผลลงในสมดุ ประจาตัวนักเรยี น หรอื ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 17
4.นกั เรยี นชว่ ยกันกาหนดปัญหาในการทดลองและตง้ั สมมติฐาน กาหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม แล้ว
บนั ทกึ ลงในสมุดประจาตวั นกั เรียน หรอื ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 17
5.กลุ่มชว่ ยกนั ทาการทดลองตามขัน้ ตอนในกิจกรรมท่ี4 โดยปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ดงั นี้
1) หยดน้าตาเทยี นลงบนวตั ถทุ ่ีนามาทดสอบอยา่ งละ 1 หยด โดยกาหนดระยะห่างจากปลายของวัตถุทั้ง 4 ให้
เท่าๆ กัน
2) นาวัตถุทั้ง 4 ชนิด ใส่ในบีกเกอร์ท่ีมีน้าร้อนอยู่ แล้วต้ังทิ้งไว้ประมาณ 3-5นาที สังเกตและจับเวลาการ
ละลายของน้าตาเทียน จากนั้นบันทึกลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือทาในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4
เล่ม 2 หน้า 17
3) เปรียบเทียบความรูส้ กึ รอ้ นเมือ่ ใช้มือจบั วตั ถทุ ั้ง 4 ชนดิ ขณะแช่อยู่ในบีกเกอร์ โดยจับที่ปลายของวัตถุ แล้ว
สังเกตวา่ รู้สกึ ร้อนหรอื ไม่
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)
คาบท่ี 2
ข้ันอธิบายความรู้ (Explain)
1.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรมภายในกลุ่ม จากน้ันช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องเพื่อเตรียม
ความพรอ้ มในการนาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น
2.นักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหนา้ ชัน้ เรียนทลี ะกลุ่ม จนครบทกุ กลุ่ม
3.ครแู ละเพ่อื นในช้นั เรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งของแต่ละกลุ่ม
4.นักเรียนทกุ คนร่วมกันอภปิ รายและสรปุ ผลการทากจิ กรรมให้ได้ว่า วัสดุแต่ละชนิดนาความร้อนได้ดีไม่เท่ากัน เนื่องจาก
น้าตาเทียนท่ีอยู่บนปลายช้อนโลหะละลาย และเมื่อใช้มือสัมผัสที่ปลายช้อนโลหะจะรู้สึกร้อน ส่วนน้าตาเทียนที่อยู่บน
หลอดพลาสตกิ ตะเกยี บไม้ และแทง่ แก้วคนสารไมล่ ะลาย เมื่อใช้มอื สมั ผัสวัตถเุ หล่าน้ันไม่รู้สกึ รอ้ น
5.ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เก่ียวกบั การนาความรอ้ นใหน้ ักเรยี นฟงั วา่ เมอ่ื วัสดุชนิดนั้นไดร้ ับความร้อนทบี่ ริเวณใดบริเวณหนึ่ง จะ
ถา่ ยโอนความรอ้ นไปสบู่ ริเวณอน่ื ๆ ด้วย
ข้ันสรุป
ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามคาถามนักเรียนว่า ในชีวิตประจาวันส่ิงของใดบ้างที่สามารถนาความร้อนได้ แล้วให้
นกั เรียนตอบคาถามไดอ้ ยา่ งอิสระ
2. นักเรยี นกล่มุ เดิม ชว่ ยกนั ทากจิ กรรมที่ 4 เร่อื งการนาความรอ้ นของวสั ดุ ตอนท่ี 2จากหนังสือวิทยาศาสตร์ หน้า 16โดย
ใหส้ บื ค้นข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากสมบัติทางกายภาพด้านการนาความร้อนของวัสดุท่ีนามาใช้ในชีวิตประจาวัน
จากแหล่งขอ้ มูลตา่ งๆ เชน่ หนงั สือ อินเทอรเ์ น็ต เปน็ ต้น
3. นาข้อมูลท่ีได้จากการสืบค้นมาจัดทาเป็นใบความรู้ เรื่อง ประโยชน์จากการนาความร้อนของวัสดุ เพ่ือเผยแพร่ข้อมูล
พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )
คาบท่ี 3
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)(ตอ่ )
1.นักเรยี นตวั แทนของแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอใบความร้ทู ่ีได้จากการสบื คน้ หนา้ ชน้ั เรยี น
2.นักเรยี นทกุ คนรว่ มกันสรปุ สมบตั ิการนาความรอ้ นของวสั ดุ จนไดข้ ้อสรุปวา่ การนาความรอ้ น คือ สมบัติของวสั ดทุ ี่
พลังงานความรอ้ นสามารถถา่ ยโอนผา่ นวสั ดุนี้ได้ แลว้ ช่วยกันยกตัวอยา่ งวัสดทุ ี่นาความรอ้ นได้
3. ครูใช้รปู แบบการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ เทคนคิ คู่คิดสส่ี หาย โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนในกลุ่มเดิมทากิจกรรมหนูตอบไดจ้ าก
หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์หนา้ 16 ลงในสมดุ ประจาตัวนกั เรียน หรอื ทาในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์หน้า 18
4. เม่อื นักเรยี นแตล่ ะคนทากิจกรรมเสร็จ ใหจ้ ับคกู่ ับเพื่อนที่อยู่ในกล่มุ เดยี วกัน จะได้กลมุ่ ละ 2 คู่
5. นักเรียนแตล่ ะคู่ช่วยกันตรวจสอบคาตอบของการทากิจกรรมหนตู อบได้ จากน้นั สนทนาซักถามซ่ึงกันและกนั จนเป็นที่
เข้าใจร่วมกนั ทั้ง 2 คน
6. นักเรียนแต่ละคู่กลบั มารวมกลมุ่ 4 คน จากนั้นแต่ละคผู่ ลดั กนั อธิบายคาตอบของคู่ตนเองให้เพ่ือนในกล่มุ ฟงั จากน้ัน
สนทนาซักถามซึ่งกนั และกนั จนเป็นที่เข้าใจรว่ มกนั ทั้งกลุ่ม
7. ครูเฉลยคาตอบแล้วใหน้ ักเรยี นผลดั กันตรวจกจิ กรรมหนูตอบได้ของเพ่ือน จากนน้ั เฉลยี่ คะแนนของแตล่ ะคู่เปน็ คะแนน
ของกลุม่
8. ครูกระตุน้ ให้นักเรยี นชว่ ยกันคิดวา่ หากภาชนะหงุ ตม้ ทาจากวัสดทุ นี่ าความร้อนได้ไมด่ ี จะมผี ลตอ่ การนาไปใช้งาน
หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: มผี ล เน่ืองจากหากภาชนะหงุ ต้มทาจากวัสดุทนี่ าความรอ้ นไดไ้ ม่ดี อาจทาใหใ้ ชเ้ วลาในการประกอบอาหาร
นาน จึงควรใช้วัสดทุ น่ี าความรอ้ นไดด้ ีมาใชท้ าเปน็ ภาชนะหุงต้ม)
9. นกั เรยี นทกุ คนอา่ นข้อมลู ในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 17 และศึกษาข้อมลู จากPowerpoint เรอื่ ง สมบัติทาง
กายภาพของวัสดุ (การนาความร้อนของวสั ด)ุ แลว้ นักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้ท่ีได้
10. ครเู สรมิ ความรู้ใหน้ ักเรยี นฟังวา่ อะลมู ิเนียมเปน็ วสั ดุท่ีความรอ้ นนน้ั ผ่านไดด้ ี เรียกว่าตัวนาความรอ้ น จงึ นยิ มนามาทา
ภาชนะหุงตม้ ในส่วนท่ตี ้องการความร้อน ส่วนพลาสติกเป็นวัสดทุ ค่ี วามร้อนนั้นผ่านได้ ไม่ดหี รือผา่ นไมไ่ ด้ เรยี กว่า
ฉนวนความรอ้ น จงึ นยิ มนามาใช้เป็นส่วนประกอบของภาชนะหุงตม้ ในสว่ น ทไ่ี ม่ตอ้ งการใหม้ คี วามรอ้ น
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)
คาบที่ 4
ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูให้นกั เรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนไดข้ ้อสรปุ ร่วมกันวา่ เป็นสมบตั ขิ องวัสดทุ ่ีพลงั งานความร้อนสามารถถา่ ย
โอนผา่ นวัสดนุ ี้ได้
2. ครูประเมนิ ผลนกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานกล่มุ และจากการนาเสนอผล
การทากิจกรรมหน้าชัน้ เรียน
3. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมที่ 4 เร่อื ง การนาความร้อนของวัสดุ ลงในสมุดประจาตัวนกั เรยี น หรอื ในแบบฝึกหดั
วทิ ยาศาสตร์ หน้า 17
4. ครูตรวจสอบผลการทาใบความรู้ เร่ือง ประโยชน์จากการนาความรอ้ นของวัสดุ
5. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมหนตู อบไดใ้ นสมุดประจาตวั นักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 18
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผล วิธีการวัดผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล
ความรูค้ วาม 1. อธบิ ายสมบัติดา้ นการนาความ 1.คาถามกระตุ้น 70% ขนึ้ ไป ถอื
เขา้ ใจ (K) รอ้ นของวสั ดตุ า่ งๆ ได้ ความคิด วา่ ผ่านเกณฑ์
2.ยกตวั อย่างการนาวสั ดุที่มสี มบัติ การประเมิน
ดา้ นการนาความร้อนมาใช้
ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้
ทกั ษะ/ 1. ทดลองสมบัตดิ า้ นการนาความ 1. บันทึกกิจกรรมการ 70% ข้นึ ไป ถือ
กระบวนการ (P) ว่าผ่านเกณฑ์
ร้อนของวัสดตุ ่างๆ ได้ ทดลองสมบัติด้านการ การประเมิน
2. เปรียบเทยี บสมบัตดิ า้ นการนา นาความร้อนของวัสดุ
ความร้อนของวัสดตุ า่ งๆ ได้ ต่างๆ
3.สารวจการนาวสั ดุท่ีมีสมบตั ิด้าน
การนาความร้อนมาใชป้ ระโยชน์ใน
ชีวิตประจาวนั ได้
คุณลักษณะนิสัย (A) 1. มคี วามรบั ผดิ ชอบในการส่งงาน 1. แบบสังเกตพฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือ
ตรงเวลา วา่ ผา่ นเกณฑ์
การประเมนิ
7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 วัสดแุ ละสสาร
2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 วสั ดแุ ละสสาร
3) วัสดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมท่ี 4 เชน่ เทยี นไข ช้อนโลหะ ตะเกียบไม้ แท่งแกว้ คนสาร หลอดพลาสติก
น้ารอ้ นจดั ไมข้ ีดไฟ บีกเกอร์เป็นตน้
4) Powerpointเรือ่ ง สมบัติทางกายภาพของวัสดุ (การนาความร้อนของวสั ดุ)
5) สมดุ ประจาตัวนกั เรียน
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) ห้องเรยี น
3) อินเทอร์เน็ต
8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครูผสู้ อน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่ือ...................................................ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)
สัปดาห์ท่ี 5
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี……2…/………... ช่ือผูส้ อน….…...................................................……...
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน 4 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 วสั ดุและสสาร เร่อื ง การนาไฟฟ้าของวสั ดุ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด
มาตรฐาน ว 2.1เขา้ ใจสมบัตขิ องสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
ตัวชว้ี ดั ป.4/1 เปรยี บเทยี บสมบัตทิ างกายภาพด้านความแขง็ สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อนและการนา
ไฟฟา้ ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุการนาสมบัติเรื่องความแขง็ สภาพยืดหยุ่น การนา
ความรอ้ น และการนาไฟฟ้าของวสั ดุไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบชน้ิ งาน
ตัวช้ีวัด ป.4/2แลกเปล่ยี นความคดิ กับผอู้ ่นื โดยการอภิปรายเก่ยี วกับสมบัตทิ างกายภาพของวัสดอุ ย่างมีเหตผุ ล
จากการทดลอง
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ คือ สมบตั ิของวสั ดุที่พลงั งานไฟฟ้าสามารถถา่ ยโอนผา่ นวัสดุชนดิ นน้ั ได้ การเรียนร้เู กี่ยวกบั
สมบัติด้านการนาไฟฟา้ ของวัสดุ ทาให้นาวัสดุตา่ งๆ มาใช้ทาสง่ิ ของเคร่ืองใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ตามสมบัติของวัสดนุ ัน้ ๆ
อย่างเหมาะสม
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายสมบตั ดิ า้ นการนาไฟฟ้าของวัสดตุ ่างๆ ได้ (K)
2. ยกตวั อยา่ งการนาวัสดุที่มีสมบตั ดิ ้านการนาไฟฟา้ มาใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้ (K)
3. ทดลองสมบัติด้านการนาไฟฟ้าของวัสดุตา่ งๆ ได้ (P)
4. เปรียบเทยี บสมบตั ิดา้ นการนาไฟฟา้ ของวสั ดุต่างๆ ได้ (P)
5. สารวจการนาวสั ดุทมี่ ีสมบัตดิ า้ นการนาไฟฟ้ามาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวันได้ (P)
6.วิเคราะห์การนาวสั ดทุ มี่ ีสมบตั ิดา้ นการนาไฟฟา้ มาใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)
7. มีความรับผิดชอบในการสง่ งานตรงเวลา (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
วัสดบุ างชนิดมีสมบตั ทิ างกายภาพดา้ นการนาไฟฟ้าได้ พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
และสามารถใชว้ ัสดทุ ม่ี ีสมบัติดา้ นการนาไฟฟ้าทา
อุปกรณ์ต่างๆ ได้ เช่น สายไฟ เปน็ ต้น
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1
ขั้นนา
ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันน้ีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเร่ืองอะไร แล้วให้
นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถาม จากนัน้ ครแู จง้ ช่อื เรือ่ งท่ีจะเรียนรูแ้ ละผลการเรียนรใู้ หน้ ักเรยี นทราบ
2. ครูนาตัวอย่างเส้นลวด ตะเกียบไม้ ตะปู หนังยาง ผ้าเช็ดหน้า ช้อนโลหะ กระดาษ บีกเกอร์ มาให้นักเรียนดู
และร่วมกันอภิปรายและคาดเดาว่า วสั ดชุ นดิ ใดนาไฟฟา้ และวัสดุชนิดใดไมน่ าไฟฟา้ ทราบได้อย่างไร
3. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟังวา่ การนาไฟฟ้าเป็นสมบตั ขิ องวสั ดทุ พ่ี ลงั งานไฟฟา้ สามารถเคลอ่ื นทผ่ี า่ นวัสดุนั้นๆ ได้
4. ครูอธิบายใหน้ ักเรยี นฟังว่า นกั เรยี นจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมท่ี 5 เร่ืองการนาไฟฟ้าของวัสดุ จากหนังสือ
เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 18-19
ขน้ั สอน
ขน้ั สารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนกลมุ่ ละ 4 คนและมคี วามสามารถคละกนั คอื เกง่ ปานกลาง (คอ่ นข้างเกง่ ) ปานกลาง (ค่อนข้าง
ออ่ น) และอ่อน
2.นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ศึกษาขนั้ ตอนการทากจิ กรรมที่ 5 เรอื่ งการนาไฟฟา้ ของวสั ดุ ตอนที่ 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์
หน้า 18-19 จากน้ันช่วยกันทาการทดลองตามขั้นตอน แล้วบันทึกลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือทาในแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ หน้า 21
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)
คาบท่ี 2
ขัน้ อธิบายความรู้ (Explain)
1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรมภายในกลุ่มและช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องเพื่อเตรียมความ
พรอ้ มในการนาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน
2. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชัน้ เรียนทีละกลุ่ม จนครบทุกกลมุ่
3. ครแู ละเพอ่ื นช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของแต่ละกลุ่ม
4. นักเรยี นทุกคนรว่ มกนั อภปิ รายและสรุปผลการทากิจกรรมให้ได้ว่า วสั ดแุ ตล่ ะชนิดนาความรอ้ นไดด้ ีไม่เท่ากัน เน่ืองจาก
น้าตาเทียนท่ีอยู่บนปลายช้อนโลหะละลาย และเมื่อใช้มือสัมผัสที่ปลายช้อนโลหะจะรู้สึกร้อน ส่วนน้าตาเทียนที่อยู่บน
หลอดพลาสติก ตะเกียบไม้ และแท่งแก้วคนสารไม่ละลาย เม่ือใชม้ อื สมั ผสั วตั ถุเหลา่ นั้นไม่รสู้ กึ ร้อน
5. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการนาความร้อนให้นักเรียนฟังว่า เม่ือวัสดุชนิดนั้นได้รับความร้อนที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง
จะถา่ ยโอนความร้อนไปสบู่ ริเวณอนื่ ๆ ดว้ ย
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ )
คาบที่ 3
ข้นั สรุป
ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นโดยถามคาถามนักเรียนว่า ในชวี ติ ประจาวนั สงิ่ ของใดบา้ งท่ีสามารถนาไฟฟ้าได้แลว้ ใหน้ ักเรียน
ตอบคาถามได้อยา่ งอสิ ระ
2. นักเรียนจับกลุม่ เดมิ คอื กล่มุ ละ 4 คนและมีความสามารถคละกนั คอื เกง่ ปานกลาง (ค่อนข้างเกง่ ) ปานกลาง
(ค่อนขา้ งอ่อน) และอ่อน
3. สมาชกิ ทุกคนในกลมุ่ ชว่ ยกันทากจิ กรรมท่ี 5 เรอ่ื งการนาไฟฟ้าของวัสดุ ตอนที่ 2 จากหนังสอื วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 19โดย
ให้สบื ค้นขอ้ มลู เกยี่ วกบั การใชป้ ระโยชน์จากสมบตั ิทางกายภาพดา้ นการนาไฟฟ้าของวัสดุท่นี ามาใช้ในชวี ิตประจาวัน
จากแหลง่ ขอ้ มลู ต่างๆ เชน่ หนังสือ อินเทอร์เนต็ เปน็ ต้น
4. นักเรยี นนาขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการสบื ค้นมาจดั ทาเป็นแผ่นพบั ให้ความรู้ เร่ือง ประโยชน์จากการนาไฟฟ้าของวัสดแุ ละ
ตกแตง่ ให้สวยงาม
5. ตัวแทนของแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอแผ่นพบั ใหค้ วามรู้ เรอ่ื ง ประโยชนจ์ ากการนาไฟฟ้าของวสั ดุ
6. ครสู รุปความรเู้ พมิ่ เตมิ ให้นักเรยี นฟงั วา่ การนาไฟฟ้าของโลหะนามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ เช่น ทองแดงใชท้ าสว่ นประกอบของ
เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า เช่น เตารีด หลอดไฟ เป็นตน้ สว่ นวสั ดทุ ี่ไมน่ าไฟฟา้ สามารถนามาใช้ปอ้ งกันไฟฟ้ารัว่ หรือไฟฟ้าดดู เชน่
ปลกั๊ ไฟ สายไฟ แล้วครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซกั ถามในสว่ นที่สงสัย
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )
คาบท่ี 4
ขัน้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) (ต่อ)
1.นกั เรียนแต่ละคนทากจิ กรรมหนตู อบไดจ้ ากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 19 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือทาใน
แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 22
2. ครูใช้เทคนิคคู่คิด โดยให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน แล้วนาคาตอบของตนเองมาเปรียบเทียบกับคู่ของตนเอง และให้ผลัด
กนั อภปิ รายคาตอบ
3. หากนกั เรยี นเกิดข้อสงสยั ให้ทาการสืบคน้ เพ่มิ เตมิ เพ่อื หาคาตอบ
4. ครูสุ่มตัวแทน 4-5 คู่ เพ่ือให้ออกมาอธิบายคาตอบให้เพื่อนฟังหน้าช้ันเรียน โดยมีครูคอยตรวจสอบความถูกต้องของ
คาตอบ
5. นักเรียนทุกคนอ่านข้อมูลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 20 และศึกษาข้อมูลจาก Powerpointเรื่อง สมบัติทาง
กายภาพของวสั ดุ (การนาไฟฟ้าของวสั ดุ) จากน้นั นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการอา่ น
6. ครูเสริมความร้ใู หน้ ักเรียนฟงั ว่า ทองแดง เปน็ วัสดุท่ใี หก้ ระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ เรียกว่า ตัวนาไฟฟ้า จึงสามารถนามาใช้
ทาอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น สายไฟส่วนพลาสติก เป็นวัสดุท่ีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไม่ได้ จึงสามารถนามาทาอุปกรณ์
ป้องกันไฟฟ้าดูด เชน่ ปลอกหมุ้ สายไฟ
7. นกั เรยี นแตล่ ะคนทากิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ท่ี 1 จากหนังสือเรยี น หน้า 21 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือทาในใบ
งานที่ 3.1 เร่ือง การเลอื กใชว้ สั ดุ
8. นักเรยี นแตล่ ะคนทากจิ กรรมสรุปความรู้บทที่ 1 ลงในสมุดประจาตวั นกั เรียน หรอื ทาในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์หน้า 23
9.นกั เรยี นแตล่ ะคนทากจิ กรรมฝกึ ทักษะบทที่ 1 จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์หนา้ 22-23 ลงในสมดุ ประจาตัวนักเรียน
หรือทาลงในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 24-26
10.นกั เรยี นทุกคนทากจิ กรรมท้าทายการคดิ ขนั้ สงู บทท่ี 1 ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 27
11.นกั เรยี นกล่มุ เดิมช่วยกนั ทากิจกรรมสร้างสรรคผ์ ลงานจากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์หน้า 23 หรอื แบบฝกึ หัด
วทิ ยาศาสตร์หนา้ 28 เป็นการบา้ น
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ใหน้ กั เรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ หนา้ 21 จากน้ันครถู ามนักเรียนเป็นรายบุคคลตาม
รายการขอ้ 1-5 จากตาราง เพื่อเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนกั เรยี นหลังจากการเรยี น หากนกั เรยี นคน
ใดตรวจสอบตนเองโดยให้อยใู่ นเกณฑ์ท่คี วรปรบั ปรงุ ให้ครูทบทวนบทเรียนหรือหากจิ กรรมอ่ืนซ่อมเสริม เพ่ือให้
นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจในบทเรยี นมากขน้ึ
2. ครูประเมินผลนกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานกล่มุ และจากการนาเสนอผล
การทากิจกรรมหนา้ ช้ันเรียน
3. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมที่ 5 เรอ่ื ง การนาไฟฟ้าของวัสดุในสมุดหรือในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์หน้า 21
4. ครูตรวจสอบผลงานแผ่นพับความรู้ เรื่อง ประโยชน์จากการนาไฟฟ้าของวสั ดุ
5. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมหนูตอบได้ในสมดุ หรือในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 22
6. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมพัฒนาการเรียนรูท้ ่ี 1 ในสมุดประจาตัวนกั เรียนหรือในใบงานที่ 3.1
7. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมสรุปความรู้บทที่ 1ในสมดุ ประจาตวั นกั เรยี นหรือในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 23
8. ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมฝึกทักษะบทที่ 1ในสมุดประจาตัวนกั เรยี นหรอื ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 24-26
9. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมทา้ ทายการคิดข้นั สงู บทท่ี 2 ในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 27
10. ครูตรวจชนิ้ งานกล่องดินสอจากวสั ดุเหลอื ใช้ และการนาเสนอช้ินงาน/ผลงาน หน้าชั้นเรียน
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมินผล วธิ ีการวัดผล เคร่ืองมอื วดั เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล
ความร้คู วาม 1. อธบิ ายสมบัตดิ า้ นการนาไฟฟ้าของ 1.คาถามกระต้นุ 70% ข้นึ ไป ถอื
เขา้ ใจ (K) วัสดุต่างๆ ได้ ความคิด วา่ ผา่ นเกณฑ์
2.ยกตวั อยา่ งการนาวัสดทุ มี่ ีสมบตั ดิ ้าน การประเมนิ
การนาไฟฟ้ามาใช้ประโยชนใ์ น
ชีวิตประจาวันได้
ทกั ษะ/ 1. ทดลองสมบตั ิด้านการนาไฟฟา้ ของ 1. ใบงาน 70% ขึน้ ไป ถอื
กระบวนการ (P) วสั ดตุ า่ งๆ ได้ ท่ี 3.1 เร่อื ง การ ว่าผา่ นเกณฑ์
2.เปรียบเทยี บสมบตั ิดา้ นการนาไฟฟ้า เลือกใช้วสั ดุ การประเมิน
ของวสั ดตุ า่ งๆ ได้
3. สารวจการนาวัสดุที่มีสมบัติด้านการ
นาไฟฟา้ มาใช้ประโยชน์ใน
ชวี ิตประจาวันได้
คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) 4.วิเคราะห์การนาวัสดทุ ่ีมีสมบตั ิดา้ น 1. แบบสงั เกต 70% ขึน้ ไป ถอื
การนาไฟฟ้ามาใช้ประโยชนใ์ น พฤติกรรม ว่าผา่ นเกณฑ์
ชีวติ ประจาวันได้ การประเมิน
1.มีความรบั ผิดชอบในการส่งงานตรง
เวลา
7. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้
1. หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 วสั ดแุ ละสสาร
2. แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 วสั ดุและสสาร
3. วสั ด-ุ อุปกรณก์ ารทดลองในกิจกรรมที่ 5 เช่น ตะปู ดนิ สอ หนงั ยาง บกี เกอร์ กระดาษ ไมบ้ รรทัดพลาสตกิ ชอ้ น
โลหะ คลิปหนีบกระดาษ ผ้าเชด็ หน้า เป็นต้น
4. ใบงานที่ 3.1 เรือ่ งการเลือกใชว้ สั ดุ
5. Powerpointเร่อื ง สมบตั ทิ างกายภาพของวัสดุ (การนาไฟฟ้าของวัสด)ุ
6. สมุดประจาตวั นกั เรยี น
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) หอ้ งเรยี น
3) อินเทอร์เนต็
8.กิจกรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
....................................................................................... ............................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................ครผู ูส้ อน ลงช่ือ...................................................ฝา่ วิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ...................................................ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)
ใบงานท่ี 3.1
เรอื่ ง การเลอื กใชว้ ัสดุ
คาชี้แจง : ตอบคาถามที่กาหนดให้
1. ภาคภมู ิต้องการทาถงุ มือกันความร้อน เขาควรเลือกใชว้ ัสดุชนิดใดมาประดิษฐ์เปน็ ถงุ มอื
เพราะอะไร
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
2. มาลีต้องการนาหินสตี ่างๆ มารอ้ ยเป็นสร้อยข้อมอื เธอควรเลอื กใช้วัสดุชนิดใดมาร้อยหนิ
เข้าดว้ ยกนั เพราะอะไร
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
3. วรี ะต้องการประดษิ ฐ์เรือใบจาลองเพือ่ นาไปแขง่ ขนั เขาควรเลอื กใช้วสั ดุชนดิ ใดทาตัวเรือ
และควรเลือกใชว้ สั ดุชนิดใดทาใบเรอื เพราะอะไร
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
ใบงานที่ 3.1 เฉลย
เร่ือง การเลือกใช้วสั ดุ
คาช้แี จง : ตอบคาถามทก่ี าหนดให้
1. ภาคภูมิตอ้ งการทาถุงมือกนั ความร้อน เขาควรเลือกใช้วสั ดุชนิดใดมาประดิษฐเ์ ป็นถุงมือ
เพราะอะไร
………ผ…้าอ…ย…า่ …งห…น…า…เ…พร…า…ะ…ผา้…ส…าม…า…ร…ถน…า…ม…าต…ดั …แ…ล…ะเ…ย…็บเ…ป…็น…ถงุ…ม…อื …ได…้ แ…ล…ะ…ผ…้าเ…ป…็นว…ัส…ด…ุท…่ี ….
…เป…็น…ฉ…นว…น…ค…ว…าม…ร…้อ…น…ค…ือ…ว…สั ด…ทุ …ค่ี …ว…าม…ร…้อ…นน…้นั…ผ…่า…น…ได…ไ้ ม…ด่ …ีห…ร…ือผ…่า…น…ไม…ไ่ …ด้…จ…งึ น…ิย…ม…น…าผ…้า…….
……ม…า…ท…าเ…ป…น็ ส…่ว…น…ท…ี่ไม…่ต…อ้ …งก…า…รใ…ห…ม้ …ีค…วา…ม…ร้อ…น……หร…ือ…ก…ัน…คว…า…ม…รอ้ …น…ไม…่ใ…ห…ถ้ กู…ผ…ิว…ห…น…งั ข…อ…งเ…รา….
………………………………………………………………………………………………………………………….
2. มาลตี อ้ งการนาหินสตี า่ งๆ มาร้อยเปน็ สร้อยขอ้ มอื เธอควรเลอื กใชว้ สั ดชุ นิดใดมารอ้ ยหนิ
เข้าดว้ ยกนั เพราะอะไร
…เส…้น…เอ…็น…เ…พ…รา…ะ…เส…้น…เอ…็น…ม…สี ม…บ…ัต…ิท…า…งก…า…ยภ…า…พ…ด…้าน…ส…ภ…า…พย…ดื …ห…ย…นุ่ …ค…ือ…เ…ป็น…ส…ม…บ…ตั …ิ ………….
ข…อ…ง…วัส…ด…เุ ม…ื่อ…ถ…ูก…แร…ง…ม…าก…ร…ะท…า…เ…ช…น่ …ด…ึง…แ…ล้ว…ท…า…ให…้ว…สั …ดุเ…ป…ล่ยี…น…ข…น…าด…ห…ร…อื …เป…ล…ีย่ …นร…ปู …ร…า่ ง…ไป….
แ…ต…ส่ …า…มา…ร…ถก…ล…บั …ส…ูส่ …ภา…พ…เด…มิ…ห…ร…ือใ…ก…ล…เ้ ค…ยี …งส…ภ…า…พ…เด…ิม…ได…้ เ…ม…ือ่ ห…ย…ดุ …แ…รง…ก…ระ…ท…า…ต…อ่ ว…สั …ด…ุน…ัน้ ….
ด…ัง…น…้นั …เส…น้ …เอ…น็ …จ…งึ เ…ห…ม…าะ…ส…า…หร…ับ…น…าม…า…ร…อ้ ย…เ…ป…็นส…ร…อ้ …ยข…้อ…ม…อื ………………………………………….
3. วรี ะตอ้ งการประดษิ ฐเ์ รือใบจาลองเพือ่ นาไปแขง่ ขัน เขาควรเลอื กใช้วสั ดชุ นดิ ใดทาตัวเรือ
และควรเลอื กใชว้ ัสดชุ นดิ ใดทาใบเรอื เพราะอะไร
……เ…ล…ือ…กใ…ช…ไ้ ม…้ โ…ฟ…ม…ท…า…ตวั…เ…รอื……เพ…ร…าะ…ล…อ…ยน…า้ …ได…้ด…ี …………………………………………………….
……เ…ล…อื ก…ใ…ช…แ้ ผ…น่ …พ…ล…าส…ต…กิ …บ…าง…ท…า…ใ…บเ…ร…อื …เพ…ร…าะ…ม…นี …้า…หน…กั…เ…บา……………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
สัปดาห์ท่ี 6
โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรยี นท่ี……2…/………... ชอื่ ผสู้ อน….…...................................................……...
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 จานวน 4 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 วัสดุและสสาร เรื่อง สถานะของสสาร
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบตั ขิ องสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกิดปฏกิ ิริยาเคมี
ตัวชีว้ ดั ป.4/3 เปรยี บเทยี บสมบตั ิของสสารทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลท่ีได้จากการสังเกต มวล การต้องการท่ีอยู่
รูปรา่ งและปริมาตรของสสาร
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
สสารในชวี ติ ประจาวนั มมี ากมายหลายชนดิ แตล่ ะชนิดมีสถานะท่ีแตกตา่ งกัน สสารบางชนิดอยู่ในสถานะ
ของแขง็ ของเหลว หรือแก๊ส
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ระบุสถานะของของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ได้ (K)
2.ใหค้ วามรว่ มมือในการทากจิ กรรมกลุม่ (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่
สสารแบ่งออกเปน็ 3 สถานะ ได้แก่ สถานะของแข็ง พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สถานะของเหลว และสถานะแกส๊
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1
ข้ันนา
ขั้นกระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1.ครสู นทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันน้ีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไร แล้วให้นักเรียน
ชว่ ยกนั ตอบคาถาม จากนนั้ ครแู จง้ ชือ่ เรือ่ งทจี่ ะเรียนรู้ และจดุ ประสงคใ์ ห้นกั เรียนทราบ
2.นกั เรียนเรียนรูค้ าศัพท์ทเี่ กี่ยวข้องกบั การเรียนในหน่วยที่ 3 บทท่ี 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 24
โดยครสู มุ่ เลอื กตวั แทนหรอื ขออาสาสมคั ร นักเรียน 1 คน ออกมาหน้าชั้นเรียนเพอ่ื เป็นผอู้ ่านนา และให้เพื่อนคนอื่นๆอ่าน
ตาม ดงั น้ี
States of matter (สเตทเอิฟว‘แมท็ เทอ) สถานะของสสาร
Solid (‘ซอลิด) ของแขง็
Liquid (‘ลิควิด)
Gas (แกส็ ) ของเหลว
แก๊ส
(หมายเหตุ :ครเู รมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
3.ครูถามคาถามสาคัญประจาบทจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 24 ว่า วัตถุในชีวิตประจาวันอยู่ในสถานะใดบ้าง
จากนนั้ ใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระในการตอบคาถาม
(แนวตอบ : สถานะของแข็ง สถานะของเหลว และสถานะแกส๊ )
4.นักเรียนแต่ละคนวาดภาพหรือติดภาพสสารท่ีอยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส สถานะละ 2 ภาพ ลงในสมุด
ประจาตัวนักเรยี น หรือทากิจกรรมนาสู่การเรยี นในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตรป์ .4 เลม่ 2 หน้า 29
คาบที่ 2
ขัน้ สอน
ขัน้ สารวจคน้ หา (Explore)
1.นักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสสารว่ามีก่ีสถานะ อะไรบ้าง จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต
เป็นต้น แล้วบันทึกลงในสมุดงาน
2.นักเรียนแต่ละคนนาข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมาจัดทาเป็นแผนผังลงในใบงานท่ี 3.2 เรื่อง สถานะของสสาร พร้อม
ตกแตง่ ใหส้ วยงาม
ข้ันอธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูใช้เทคนิคคู่คิด โดยให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แล้วนาคาตอบของตนเองมาเปรียบเทียบกับคู่ของตนเอง และให้ผลัด
กนั อภิปรายคาตอบ ถ้านกั เรยี นเกดิ ข้อสงสยั ให้สบื ค้นเพม่ิ เตมิ เพื่อหาคาตอบ
2. ครูสุ่มเลือกตวั แทนของแต่ละคูใ่ หอ้ อกมานาเสนอผลงานให้เพอื่ นฟงั หนา้ ช้นั เรยี น
คาบท่ี 3
ขัน้ สรุป
ขน้ั ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. นกั เรยี นแต่ละคนสารวจสสารในสถานะต่างๆ ภายในบริเวณโรงเรียน จากนั้นวาดภาพตัวอย่างสสารพร้อมระบุชื่อและ
สถานะของสสาร อย่างน้อยสถานะละ 1 ชนิด ลงในสมุดประจาตวั นกั เรยี น
2. ครสู ุ่มตัวแทน 3-4 คนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน โดยมีครูและเพอื่ นคนอืน่ ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง
3. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมกับนักเรียนว่า สสารมี 3 สถานะ ซึ่งสารแต่ละสถานะอาจมีสมบัติบางประการเหมือนกัน เช่น มี
มวล ต้องการท่อี ยู่ เปน็ ต้น หรืออาจแตกตา่ งกนั เชน่ สสารบางชนิดมีรปู ร่างคงท่ี สสารบางชนิดมีรปู รา่ งไมค่ งที่ เป็นต้น
คาบที่ 4
ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครสู ุ่มเลือกนกั เรยี น 3-4 คน จากน้ันใหย้ กตัวอย่างสสารคนละ 1 ชนดิ และบอกสถานะของสสาร
2. ครูประเมนิ ผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบคุ คล และจากการนาเสนอ
ผลการทากจิ กรรมหน้าช้ันเรยี น
3. ครูตรวจการวาดภาพหรือติดภาพสสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือ
ตรวจสอบผลการทากิจกรรมนาสกู่ ารเรยี นในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์หน้า 29
3. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 3.2 เรอ่ื ง สถานะของสสาร
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผล วธิ กี ารวดั ผล เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ ประเมนิ ผล
ความรคู้ วาม 1. ระบสุ ถานะของของแข็ง 1.คาถามกระตุ้นความคิด 70% ขน้ึ ไป ถือ
เขา้ ใจ (K) ของเหลว และแก๊สได้ วา่ ผา่ นเกณฑ์
การประเมิน
ทักษะ/ - 1. ใบงานที่ 3.2 เรือ่ งสถานะ 70% ขึ้นไป ถือ
กระบวนการ (P) ของสาร วา่ ผา่ นเกณฑ์
1. ให้ความรว่ มมอื ในการทา การประเมนิ
คุณลักษณะนสิ ัย (A) กิจกรรมกลุม่ 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรม
70% ขึน้ ไป ถือ
วา่ ผา่ นเกณฑ์
การประเมิน
7. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 วสั ดุและสสาร
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 วัสดุและสสาร
3) ใบงานท่ี 3.2 เรอื่ ง สถานะของสสาร
4) สมดุ ประจาตวั นกั เรยี น
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) หอ้ งเรียน
3) อินเทอร์เนต็
8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผูส้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชือ่ ...................................................ผู้บริหาร
(...........................................................)
ใบงานท่ี 3.2
เรอื่ ง สถานะของสสาร
คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนสืบค้นขอ้ มลู เกีย่ วกับสถานะของสสาร แล้วเขยี นแผนผงั ลงในกรอบ
พรอ้ มตกแต่งให้สวยงาม
ใบงานที่ 3.2 เฉลย
เร่อื ง สถานะของสสาร
คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนสบื ค้นขอ้ มูลเกยี่ วกับสถานะของสสาร แลว้ เขยี นแผนผงั ลงในกรอบ
พรอ้ มตกแตง่ ใหส้ วยงาม
สถานะของสสาร
สถานะของแข็งสถานะของเหลว สถานะแก๊ส
ตัวอยา่ ง ตัวอย่าง ตวั อยา่ ง
สมุด นา้ ผลไม้ แก๊สรอ้ นในบอลลูน
ดินสอ นา้ เปล่า อากาศในลูกโปง่
สปั ดาห์ที่ 7
โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นที่……2…/………... ช่อื ผสู้ อน….…...................................................……...
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 4 คาบ
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 วสั ดุและสสาร เรื่อง สมบัตขิ องของแข็ง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ว 2.1เขา้ ใจสมบตั ิของสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกิดปฏิกริ ิยาเคมี
ตัวช้ีวดั ป.4/3 เปรยี บเทียบสมบตั ิของสสารทงั้ 3 สถานะ จากข้อมลู ที่ได้จากการสงั เกต มวล การตอ้ งการท่ีอยู่
รปู รา่ งและปรมิ าตรของสสาร
ตวั ชี้วดั ป.4/4ใชเ้ ครอ่ื งมือเพ่ือวดั มวล และปรมิ าตรของสสารท้ัง 3 สถานะ
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
สมบัติของของแข็ง คือ มีมวล ต้องการที่อยู่ สามารถสัมผัสได้ มีรูปร่างและปริมาตรคงที่ มีอนุภาคยึด
กันอยา่ งหนาแน่น เรยี งชดิ กนั ไมส่ ามารถเคลือ่ นที่ได้
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. สังเกต และอธบิ ายสมบัตขิ องของแข็ง (K)
2. ใชเ้ ครอื่ งมือเพื่อวดั มวล และปรมิ าตรของสสารท่ีอยใู่ นสถานะของแข็งได้ (P)
3. ให้ความร่วมมือในการทากจิ กรรมกลุม่ (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
สมบัติของของแข็งมีมวล และตอ้ งการทอ่ี ยู่
มีรปู รา่ งและปริมาตรคงท่ี
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1
ข้นั นา
ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. นักเรียนแต่ละคนอ่านข้อมูลและดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 25 แล้วถามคาถามนักเรียนว่า
สสารในแต่ละสถานะมสี มบตั ิแตกตา่ งกันหรอื ไม่อยา่ งไร ซง่ึ ครูใหน้ ักเรยี นร่วมกนั ตอบคาถาม โดยครยู ังไม่เฉลยคาตอบ
(แนวตอบ :สสารแตล่ ะสถานะอาจมีสมบัติบางประการเหมือนกัน เชน่ มมี วล ตอ้ งการท่อี ยู่ หรอื
อาจแตกตา่ งกนั เช่น สสารบางชนิดมีรปู รา่ งคงท่ี สสารบางชนิดมีรูปรา่ งไม่คงท่ี )
2. ครูตง้ั คาถามถามนกั เรยี นวา่ สสารท่ีอยใู่ นสถานะของแขง็ มสี มบตั ิอย่างไร
3. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระในการตอบคาถาม โดยครูยังไมเ่ ฉลย
4. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมที่ 1 เรื่องสมบัติของของแข็ง ตอนที่ 1-3 จาก
หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 26-27
ขั้นสอน
ขั้นสารวจค้นหา (Explore)
1.นักเรยี นทากจิ กรรมเพอ่ื แบง่ กลุ่ม ออกเปน็ กลมุ่ ละ 3-4 คน โดยปฏิบัติ ดังน้ี
1) กาหนดใหน้ ักเรียนหญงิ มคี ่าเท่ากับเงิน 50 สตางค์ สว่ นนักเรยี นชายมีคา่ เท่ากับเงิน 1 บาท
2) ครบู อกให้นกั เรียนรวมกลุ่มกันใหไ้ ดจ้ านวนเงนิ 2 บาท และมจี านวนคนรวมกนั 3-4 คนเทา่ นั้น
3) ครูคัดนักเรียนที่ไม่มีกลุ่ม กลุ่มท่ีมีจานวนคนน้อยกว่า 3 และมากกว่า 4 ออกมาอยู่หน้าห้อง แล้ว
ใหร้ วมตัวใหไ้ ดจ้ านวนเงิน 2 บาท และมจี านวนคนรวมกัน 3-4 คน อีกครั้ง
(หากมนี ักเรียนท่ยี งั ไมม่ ีกลุม่ ใหอ้ ยกู่ ลุ่มทม่ี นี ักเรยี นจานวน 3 คน)
2.ครูใช้วธิ สี อนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) มาจดั กระบวนการเรียนรู้ โดยครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ศึกษาขนั้ ตอน
การทากจิ กรรมท่ี 1 เรอื่ งสมบตั ิของของแขง็ ตอนท่ี 1จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 26-27
3.ครจู ับฉลากเลือกนักเรยี น 2 กลุ่ม จากนั้นให้ออกมาสาธติ การทากิจกรรมตามท่ีไดศ้ ึกษาขนั้ ตอนการทากจิ กรรม
4.นักเรียนกล่มุ อนื่ ๆ ชว่ ยกันสังเกตการสาธิตการทากิจกรรมจากกลุ่มท่ีทาการสาธติ จากนั้นนาผลการสังเกตบนั ทึกลงใน
สมดุ ประจาตวั นกั เรยี น หรือในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ป.4 เล่ม 2 หน้า 32
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ )
คาบท่ี 2
ขั้นสารวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
1.ครทู บทวนความรูเ้ ดิมจากการทากิจกรรมในช่วั โมงท่แี ล้ว โดยถามคาถามนักเรียนว่า สสารท่ีอยู่ในสถานะของแข็งมีมวล
หรอื ไม่ และหาไดโ้ ดยใชว้ ธิ กี ารใด
(แนวตอบ :สสารที่อย่ใู นสถานะของแข็งมมี วล หามวลของสารที่อย่ใู นสถานะของแขง็ ได้โดย ใช้การชั่งดว้ ยเคร่ืองชงั่ )
2.ครูตั้งคาถามถามนักเรียนว่า สสารที่อยู่ในสถานะของแข็งมีรูปร่างและปริมาตรคงท่ีหรือไม่ โดยให้นักเรียนร่วมกันตอบ
คาถามอยา่ งอสิ ระ
3.ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมที่ 1 เรื่องสมบัติของของแข็ง ตอนท่ี 2-3 จาก
หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 26-27
4.ครูใช้วิธีสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยครูให้แต่ละกลุ่มช่วยกันศึกษาขั้นตอน
การทากจิ กรรมที่ 1 เร่อื งสมบัตขิ องของแข็งตอนที่ 2-3 จากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 26-27
5.ครจู ับฉลากเลือกนักเรียน 2 กลุ่ม ท่ียังไม่ได้ทาการสาธิต จากนั้นให้ออกมาสาธิตการทากิจกรรมตามที่ได้ศึกษาขั้นตอน
การทากิจกรรม
6.นักเรยี นกลุ่มอน่ื ๆ ช่วยกนั สงั เกตการสาธติ การทากิจกรรมจากกลมุ่ ที่ทาการสาธิต จากนั้นนาผล
การสังเกตบนั ทึกลงในสมดุ ประจาตัวนกั เรียน หรอื ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตรห์ นา้ 32
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ )
คาบท่ี 3
ขน้ั อธบิ ายความรู้ (Explain)
1.นกั เรียนทุกคนช่วยกนั บอกวา่ 2 ชั่วโมงท่แี ล้ว นักเรยี นได้ทากจิ กรรมเกยี่ วกบั เรอ่ื งอะไร
(แนวตอบ : ทดสอบสมบัติของของแขง็ คอื หามวล รูปรา่ ง ปรมิ าตร และการต้องการที่อยู่)
2.นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับข้อมูลท่ีได้จากการช่ังมวลของลูกแก้วรูปร่างของลูกแก้ว การ
ตอ้ งการที่อยู่ เมื่อวางในภาชนะที่ตา่ งกัน และปริมาตรของลกู แกว้
3.นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรมหน้าช้นั เรียนทลี ะกลุ่ม
4.นักเรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรมให้ได้ว่าลูกแก้วอยู่ในสถานะ ของแข็ง มีมวล ต้องการที่อยู่
และมรี ปู ร่างและปรมิ าตรคงท่ี
ข้ันสรปุ
ข้ันขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1.นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสบื คน้ ขอ้ มลู จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 35-36 และช่วยกนั คิดวิธกี ารนาเสนอวิธกี าร
หามวลและหาค่าปริมาตรของของแข็ง เช่น ออกมาสาธิตวธิ กี ารหามวลและหาค่าปริมาตรของของแขง็ หนา้ ชั้นเรียนเป็น
ตน้
2. นักเรียนกลมุ่ อ่ืนๆ ผลดั กันใหค้ ะแนนกลมุ่ ท่ีออกมานาเสนอจากนน้ั ครูรวบรวมคะแนนแล้วนามารวมกบั คะแนนของ
ครู
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)
คาบที่ 4
ขน้ั ขยายความเข้าใจ (Elaborate)(ต่อ)
1. ครูยกตัวอยา่ งสสาร เช่น เกลอื ผงชูรส จานช้อน เปน็ ต้นแล้วให้นกั เรยี นช่วยกันตอบวา่ เป็นสสารทีอ่ ยู่ในสถานะ
ของแขง็ หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ :เกลือ ผงชรู ส จาน และชอ้ น เปน็ สสารท่ีอยู่ในสถานะของแขง็ เพราะมมี วล ตอ้ งการ ทอ่ี ยู่ สามารถสมั ผัสได้ มี
รปู รา่ งและปริมาตรคงที่)
2. ครูแบ่งนักเรียนออกเปน็ 2 กลุม่ แล้วให้สมาชกิ ในแตล่ ะกลุม่ เลือกหัวหนา้ กลุ่มและรองหัวหน้ากลุม่ พร้อมท้งั ตัง้ ชื่อ
กลุ่มของตนเอง
3. ครแู จ้งใหน้ ักเรียนทราบวา่ จะใหน้ ักเรียนเล่นเกม แลว้ แจง้ ช่ือเกม วตั ถปุ ระสงค์ และกตกิ าในการเล่นเกม ดังน้ี
1) ชอื่ เกม คือ สสารที่อยใู่ นสถานะของแข็ง
2) วตั ถุประสงค์ คือ เพ่ือให้นักเรยี นสามารถวิเคราะหแ์ ละอธิบายสสารท่ีอยูใ่ นสถานะของแข็งได้
3) กติกา คอื กลมุ่ ทีเ่ ขียนชือ่ สสารที่อยใู่ นสถานะของแขง็ ได้มากและถกู ตอ้ งที่สดุ ภายในเวลาท่ีครกู าหนดจะเป็น
กลุม่ ที่ชนะ
4. ครอู ธิบายวิธกี ารเลน่ เกมตามลาดบั ข้ันตอน เพื่อใหน้ ักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ต้องชัดเจน ดงั น้ี
1) กาหนดให้แตล่ ะกลุ่มมีเวลากลุ่มละ 10 นาที เพ่ือช่วยกันคดิ ช่ือสสารทอี่ ยู่ในสถานะของแข็งในชวี ติ ประจาวัน
2) ให้แตล่ ะกลมุ่ เข้าแถวเรียงลาดับตอนลกึ จากนัน้ ใหอ้ อกมาเขียนช่อื สสารท่ีอยูใ่ นสถานะของแข็ง
บนกระดาน คนละช่อื ดงั นี้
กล่มุ ท่ี 1 กล่มุ ท่ี 2
สสารที่อย่ใู นสถานะ สสารที่อย่ใู นสถานะของแขง็
1……… ขอ3ง…แข…ง็ ……. 1…………. 3………….
2……… 4…………. 2…………. 4….………
2………
3) เม่ือเขียนเสร็จแล้วให้วิ่งไปต่อท้ายเพ่ือนในแถวเดิม คนถัดไปออกไปเขียนเหมือนคนแรก ทาแบบน้ี
ไปเรอ่ื ยๆ เมอื่ ครสู ง่ั ใหห้ ยดุ ให้นกั เรยี นหยดุ เขียนและน่งั ลงทันที
5. ครใู หน้ ักเรียนทบทวนลาดบั ขน้ั ตอนการเล่นเกม 1 รอบ ก่อนการเลน่ จรงิ
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันเล่นเกม “สสารท่ีอยู่ในสถานะของแข็ง” โดยครูคอยสังเกตควบคุมดูแล
และกระตุ้นใหน้ กั เรยี นมสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
7. ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากคาตอบของนกั เรียนบนกระดานดา แลว้ มอบรางวัลใหก้ ลมุ่ ท่ชี นะ
8. นกั เรียนแตล่ ะคนทากจิ กรรมหนูตอบไดจ้ ากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ หนา้ 27 ลงในสมดุ ประจาตวั นกั เรียน หรือทาใน
แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์หน้า 33
9. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สบื ค้นขอ้ มูลจากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 32จากนน้ั ร่วมกันสรปุ ความรทู้ ี่ได้
10. ครูตง้ั คาถามเพ่ือให้นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายวา่ เพราะเหตุใดของแข็งจงึ สามารถรักษารปู รา่ งให้คงท่ีไดโ้ ดยให้แตล่ ะ
กลมุ่ ส่งตัวแทนออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน
(แนวตอบ :เพราะอนุภาคของของแขง็ ยึดกันอยา่ งหนาแน่น เรยี งตัวชิดกัน ไม่สามารถเคลื่อนทีไ่ ด้)
11. นักเรยี นทุกคนร่วมกนั ตรวจคาตอบบนกระดาน
ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
11. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า สสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง มีมวล ต้องการท่ีอยู่
สามารถสัมผัสได้ มีรูปร่างและปรมิ าตรคงท่ี มอี นภุ าคยึดกนั อย่างหนาแน่น เรยี งชดิ กัน ไมส่ ามารถเคลอ่ื นทีไ่ ด้
12. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทางานกลุ่ม และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชน้ั เรียน
13. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมท่ี 1 เร่ือง สมบัติของของแข็งในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือตรวจแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 32
14. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ ประจาตัวนักเรียน หรอื ตรวจในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตรห์ นา้ 33
6. การวัดและประเมินผล
การวดั และประเมนิ ผล วิธกี ารวดั ผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ 1.คาถามกระต้นุ ความคิด ประเมนิ ผล
1. สงั เกต และอธิบายสมบตั ิของ
ความรู้ความ ของแข็ง 70% ขนึ้ ไป ถอื
เข้าใจ (K) ว่าผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน
ทกั ษะ/ 1. ใชเ้ คร่อื งมือเพ่ือวดั มวล และ 1. ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง การ 70% ข้ึนไป ถือ
กระบวนการ (P)
ปรมิ าตรของสสารท่ีอยู่ในสถานะ จาแนกสง่ิ มีชีวติ ว่าผา่ นเกณฑ์การ
คณุ ลักษณะนิสยั (A)
ของแขง็ ได้ ประเมนิ
1. ใหค้ วามร่วมมอื ในการทา 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรม 70% ขึ้นไป ถอื
กิจกรรมกลุ่ม ว่าผ่านเกณฑ์การ
ประเมิน
7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้
1. หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 วัสดแุ ละสสาร
2. แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 วสั ดแุ ละสสาร
3. วัสด-ุ อปุ กรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมที่ 1 เชน่ จานพลาสตกิ เครื่องชัง่ ดจิ ิทลั นา้ เปล่า บกี เกอร์ กระบอกตวง
ลูกแกว้ ถ้วยยรู กี าเป็นต้น
4. สมุดประจาตวั นกั เรยี น
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) อนิ เทอรเ์ นต็
8.กิจกรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ...................................................ผบู้ ริหาร
(...........................................................)