The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ ป.4 เทอม 2/2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จิรพงศ์ ไมตรีจิตร, 2020-11-30 09:20:16

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ ป.4 เทอม 2/2563

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ ป.4 เทอม 2/2563

สปั ดาห์ท่ี 8

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี……2…/………... ชื่อผูส้ อน….…...................................................……...
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน 4 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 วัสดุและสสาร เรอ่ื ง สมบัติของของเหลว

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั

มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัตขิ องสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

ตวั ชี้วดั ป.4/3 เปรยี บเทยี บสมบัตขิ องสสารทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลที่ไดจ้ ากการสงั เกต มวล การต้องการท่ีอยู่
รูปร่างและปรมิ าตรของสสาร

ตัวชีว้ ัด ป.4/4ใชเ้ ครอ่ื งมือเพ่ือวัดมวล และปรมิ าตรของสสารทง้ั 3 สถานะ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

สมบตั ิของของเหลว คือ มีมวล ต้องการท่ีอยู่ สามารถสัมผัสได้ มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงตามภาชนะท่บี รรจุ มี

ปรมิ าตรคงที่ มอี นุภาคอยหู่ ่างกนั มากกวา่ ของแข็ง ทาให้เคลื่อนไหวได้มากขน้ึ และระดบั ผิวหนา้ ของของเหลวจะอยู่ใน

แนวราบเสมอ

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายสมบตั ิของของเหลวได้ (K)
2.เปรียบเทยี บสมบตั ิของของเหลวได้ (P)
3.วเิ คราะห์สมบตั ขิ องของเหลวได้ (P)
4.ใชเ้ ครอ่ื งมือเพอื่ วัดมวล และปรมิ าตรของสสารท่ีอย่ใู นสถานะของเหลวได้ (P)
5.ให้ความรว่ มมอื ในการทากิจกรรมกลมุ่ และมีความรบั ผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ

สมบตั ขิ องของเหลวมีมวล และตอ้ งการท่ีอยู่ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงตามภาชนะทบ่ี รรจุ มปี ริมาตรคงที่

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ขัน้ นา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูสนทนากบั นักเรยี นโดยถามนักเรียนวา่ นักเรยี นทราบหรือไม่ว่า วันน้ีจะได้เรยี นรเู้ กยี่ วกบั เรื่องอะไร แลว้ ใหน้ กั เรยี น

ชว่ ยกนั ตอบคาถามจากน้ันครแู จ้งช่ือเรื่องท่จี ะเรียนรู้และตวั ชว้ี ดั ให้นกั เรยี นทราบ
2. ครูนานา้ ใสถ่ งุ พลาสตกิ ใสจากนั้นมัดปากถุงพลาสติกใสให้แน่น แล้วให้นกั เรียนสงั เกต จากนั้นครูต้งั คาถามถามนกั เรียน

วา่ นา้ ทอ่ี ยใู่ นถุงใบนี้มีสถานะใด โดยครูใหน้ ักเรยี นตอบคาถามอย่างอสิ ระ (แนวตอบ : ของเหลว)
(หมายเหตุ :ครูเริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

ขั้นสอน

ขนั้ สารวจค้นหา (Explore)
1. ครูใหน้ ักเรยี นลองจับและยกถงุ น้าทลี ะคน จากนนั้ ครตู งั้ คาถามถามนักเรียนวา่ นักเรยี นคดิ ว่าน้ามมี วลหรือไม่ ถา้ มมี วล

นกั เรียนจะพสิ ูจน์อย่างไร
(แนวตอบ: มีมวล พิสูจนไ์ ดโ้ ดยการนาไปชั่งดว้ ยเครื่องชงั่ )

2. นกั เรียนร่วมกันตอบคาถาม โดยครยู ังไมเ่ ฉลยคาตอบ
3. ครูตง้ั คาถามถามนกั เรยี นวา่ สสารทอี่ ยู่ในสถานะของแขง็ มีสมบัตอิ ย่างไร
4. นกั เรยี นทกุ คนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระในการตอบคาถาม โดยครูยังไม่เฉลย
5. ครูอธบิ ายให้นักเรียนฟงั วา่ นกั เรยี นจะไดค้ าตอบจากการทากิจกรรมที่ 2 เร่อื งสมบตั ขิ องของเหลวตอนที่ 1 จากหนังสอื

เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 28
6. ครูใช้รปู แบบการเรียนร้แู บบร่วมมือ เทคนคิ LT มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยให้นักเรยี น แบง่ กลุ่ม

กลมุ่ ละ 4 คน จากนนั้ กาหนดให้สมาชิกแต่ละคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหนา้ ที่ของตนเอง ดงั น้ี
สมาชกิ คนที่ 1 : ทาหน้าท่ีเตรียมอุปกรณต์ ่างๆ
สมาชกิ คนท่ี 2 : ทาหน้าท่ีอ่านลองทาดูทาความเขา้ ใจ และนามาอธบิ ายให้ สมาชิกภายในกลมุ่ ฟัง
สมาชกิ คนที่ 3 : ทาหนา้ ทบี่ นั ทกึ ผลการทดลอง
สมาชิกคนท่ี 4 : ทาหนา้ ทน่ี าเสนอผลการทดลอง
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ )
7. ใหส้ มาชกิ คนท่ี 1 เตรยี มและตรวจสอบอปุ กรณท์ ั้งหมดท่ีใชใ้ นการทากิจกรรมที่ 2เรือ่ งสมบตั ขิ องของเหลว ตอนที่ 1
จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 28
8. ให้สมาชิกคนที่ 2 อธบิ ายวิธที ากิจกรรมใหเ้ พ่ือนภายในกลมุ่ ฟงั เพ่ือใหป้ ฏบิ ตั ติ ามได้ถกู ต้อง
9. ครูให้สมาชกิ ทุกคนในกลมุ่ ชว่ ยกันลงมือทากิจกรรม โดยปฏิบตั กิ ิจกรรมตอนท่ี 1 ดังนี้

1)ร่วมกนั อภปิ รายเก่ียวกับสสารท่ีอยใู่ นสถานะของเหลวและสมบัติของของเหลว
2) เทนา้ เปลา่ ใสแ่ กว้ พลาสติกครง่ึ แกว้ จากน้ันคาดคะเนมวลของน้าและบันทึกผลลงในสมดุ ประจาตวั นักเรียน

หรอื บนั ทกึ ข้อมูลลงในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 36

3) นานา้ ในแก้วพลาสตกิ ไปช่ังหามวลเพ่ือตรวจสอบการคาดคะเน แลว้ บันทึกผล

4) ใช้หลอดฉีดยาดูดน้าโดยไล่อากาศออกให้หมด แล้วใช้นิ้วมือกดปลายหลอดฉีดยาให้แน่น จากนั้น

ใช้นิ้วมืออีกข้างดันก้านหลอดฉีดยาไว้ สังเกตและบันทึกผลลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือบันทึก

ขอ้ มลู ลงในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 36

(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )

คาบท่ี 2

ขนั้ สารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูต้ังคาถามถามนักเรยี นว่า สสารท่ีอยู่ในสถานะของเหลวมีรปู ร่างและปริมาตรคงทห่ี รอื ไม่ โดยใหน้ ักเรียนรว่ มกันตอบ

คาถามอย่างอสิ ระ
(แนวตอบ: มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงตามภาชนะทีบ่ รรจุ แต่มีปริมาตรคงที่)
2. ครูอธิบายให้นกั เรียนฟงั ว่า นักเรียนจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมท่ี 2 เร่อื งสมบัติของของเหลว ตอนที่ 2-3 จาก
หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 28-29
3. ครใู ห้สมาชิกคนท่ี 1 เตรยี มและตรวจสอบอุปกรณท์ ง้ั หมดท่ีใชใ้ นการทากิจกรรมท่ี 1 เรื่องสมบัติของของเหลว ตอนที่
2-3 จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ หน้า 28-29
4. สมาชกิ คนท่ี 2 อธิบายวธิ ที ากิจกรรมให้เพื่อนภายในกลมุ่ ฟัง เพ่ือใหป้ ฏบิ ตั ติ ามได้ถูกต้อง
5. สมาชกิ ทกุ คนในกล่มุ ชว่ ยกนั ลงมือทากจิ กรรม ตอนที่ 2 โดย ปฏบิ ัติกิจกรรม ดงั น้ี

1) เตมิ น้าเปลา่ ใส่บีกเกอร์2 ใบ ใบละเท่าๆ กนั
2) คาดคะเนวา่ เม่ือรินนา้ หวานสีแดง 20 มิลลิลิตร ใสใ่ นบกี เกอร์1 ใบ โดยไม่คนจะเกิดผลอย่างไร แล้วบนั ทกึ

ขอ้ มูลลงในสมุดประจาตัวนกั เรยี น หรือบนั ทกึ ลงในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์หนา้ 36
3) ทดลองเพ่ือตรวจสอบผลการคาดคะเน โดยรนิ นา้ หวานสแี ดง 20 มลิ ลลิ ติ ร ใสใ่ นบีกเกอรท์ ี่มีน้า 1 ใบ สงั เกต

และบันทึกผล
6. สมาชิกทกุ คนในกลมุ่ ชว่ ยกันลงมอื ทากิจกรรม ตอนท่ี 3 โดยปฏิบัตกิ จิ กรรม ดงั น้ี

1) คาดคะเนวา่ เม่ือเตมิ น้าสีฟ้าใส่ลงในกลอ่ งพลาสติกใส ขวดพลาสตกิ ใสและบกี เกอร์จนเตม็ ทกุ ใบ รูปรา่ งของนา้ สี
ฟ้าจะเป็นอย่างไร แล้วบนั ทึกข้อมลู ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรอื บนั ทกึ ขอ้ มูล ลงในแบบฝีกหดั
วิทยาศาสตร์ หน้า 37

2) ทดลองเพ่ือตรวจสอบผลการคาดคะเน โดยเติมนา้ สฟี ้าใสใ่ นกลอ่ งพลาสตกิ ใสขวดพลาสตกิ ใสและบีกเกอร์แล้ว
สังเกตรูปรา่ งของน้าสฟี ้าและบันทกึ ผล

3) เลอื กภาชนะที่ใสน่ า้ สฟี ้า 1 ใบ จากนั้นเทน้าออกคร่ึงหนึ่ง แล้วจับภาชนะวางในลกั ษณะต่างๆ เพื่อสังเกต

ระดับผิวหนา้ ของน้าสฟี ้าว่ามลี ักษณะอยา่ งไร

4) สงั เกตและวาดรปู ลักษณะผวิ หนา้ ของนา้ สฟี ้าลงในสมดุ ประจาตัวนักเรียน หรือบนั ทกึ ข้อมูล ลงในแบบฝีกหัด
วิทยาศาสตร์ หน้า 37
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ )

ขนั้ อธิบายความรู้ (Explain)
1.นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรมหน้าช้นั เรยี นทลี ะกลุ่ม
2. นักเรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรมให้ได้ว่า น้าอยู่ในสถานะของเหลว มีมวล
ต้องการท่อี ยู่ มีปรมิ าตรคงทีแ่ ละมรี ปู รา่ งเปลยี่ นแปลงตามภาชนะที่บรรจุ

ขั้นสรุป

ขน้ั ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 35-36 และช่วยกันคิดวิธีการนาเสนอ
วิธีการหามวลและหาค่าปริมาตรของของเหลว เช่น ทาเป็นแผนภาพ การสาธิตวิธีการทดลอง เป็นต้นเพ่ือเตรียมออกมา
นาเสนอหน้าช้นั เรยี น
2.นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอวธิ กี ารหามวลและหาคา่ ปริมาตรของของเหลว
3.นกั เรยี นกล่มุ อ่ืนๆ ผลดั กนั ให้คะแนนกลุ่มท่ีออกมานาเสนอ จากนั้นครูรวบรวมคะแนนแล้วนามารวมกับคะแนนของครู
กลุ่มใดไดค้ ะแนนรวมสงู สุด คือ กลุ่มทีช่ นะ
4. ครูมอบรางวลั ใหก้ ล่มุ ทีช่ นะ เพือ่ เป็นกาลังใจ และใหเ้ พอ่ื นกลุม่ อืน่ ๆ ร่วมกนั ยินดีดว้ ยการปรบมือ
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)

คาบที่ 3

ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)(ต่อ)
1. ครูเขียนชือ่ สสารต่างๆ เชน่ ลกู โปง่ น้าสม้ สายชู เก้าอี้ นา้ มันพืช ขนมปงั เปน็ ตน้ บนกระดาน จากนนั้ ใหน้ ักเรียน

ชว่ ยกนั ตอบว่า สสารน้นั อยูใ่ นสถานะของเหลวหรือไม่ เพราะเหตุใด
(แนวตอบ: น้าส้มสายชู นา้ มนั พชื เปน็ สสารทอี่ ย่ใู นสถานะของเหลว เพราะมมี วล ต้องการทีอ่ ยู่ สามารถ สมั ผัสได้ มี
รูปรา่ งเปลีย่ นแปลงตามภาชนะทบี่ รรจุ มีปรมิ าตรคงที่ และระดบั ผิวหนา้ ของของเหลว จะอยใู่ นแนวราบ เสมอ สว่ น
ลกู โป่ง เก้าอ้ี และขนมปงั เป็นสสารท่อี ยใู่ นสถานะของแข็ง เพราะมีมวล ตอ้ งการที่อยู่ สามารถสัมผสั ได้ มรี ูปร่างและ
ปริมาตรคงท่ี)
2. ครูแบง่ นักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม จากนั้นให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มและรองหัวหน้ากลุ่ม พร้อมท้ังต้ังช่ือ
กลุ่มของตนเอง
3. ครูแจ้งใหน้ กั เรยี นทราบว่า จะใหน้ กั เรียนเล่นเกม แลว้ แจ้งช่ือเกม วตั ถปุ ระสงค์ และกติกาในการเลน่ เกมดังน้ี

- ช่ือเกม คอื ตดิ ภาพสารที่อยใู่ นสถานะของเหลว
- วตั ถปุ ระสงค์ คือ เพื่อให้นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์และอธบิ ายสารท่ีอยใู่ นสถานะของเหลวได้
- กตกิ า คือ กลุ่มทีต่ ิดภาพสสารที่อยู่ในสถานะของเหลวไดม้ ากและถูกต้องที่สดุ ในเวลาท่คี รกู าหนดจะเป็นกลุ่ม
ทชี่ นะ
4. ครอู ธบิ ายวิธีการเลน่ เกมตามลาดับข้นั ตอน เพื่อใหน้ ักเรียนมคี วามรูค้ วามเข้าใจทีถ่ กู ต้องชดั เจนดังน้ี
1) แตล่ ะกลุ่มจะมีเวลากลุ่มละ 10 นาที เพ่ือให้ช่วยกันนาภาพสสารท่ีอยู่ในสถานะของเหลวท่คี รเู ตรียมไว้ใหไ้ ปติดไว้
บนกระดาน
2) แต่ละกลมุ่ เขา้ แถวเรยี งตอนลึก จากนัน้ ให้ออกมาเลือกบัตรภาพของสสารท่ีอย่ใู นสถานะของเหลว ทวี่ างรวมกบั
สสารท่อี ยูใ่ นสถานะอนื่ ๆแล้วนาไปตดิ ไว้บนกระดานคนละช่ือ
3) เมื่อติดเสรจ็ ใหว้ ง่ิ ไปต่อท้ายเพ่ือนในแถวเดมิ คนถัดไปออกไปเลือกบตั รภาพเหมือนคนแรกทาแบบน้ไี ปเรื่อยๆ เมือ่
ครสู ง่ั ให้หยุด ให้นักเรียนหยดุ เขยี นและนัง่ ลงทันที

5. นกั เรยี นทบทวนลาดับข้ันตอนการเลน่ เกม 1 รอบ ก่อนการเลน่ จริง

6. สมาชกิ ในแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันเล่นเกม “ตดิ ภาพสสารท่อี ยู่ในสถานะของเหลว” โดยครูคอยสงั เกต
ควบคุมดูแล และกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นมสี ่วนร่วมในการปฏิบัติกจิ กรรม
7. ครตู รวจสอบความถูกต้อง และมอบรางวลั ใหก้ ลุ่มทช่ี นะ
8. นกั เรียนแต่ละคนทากจิ กรรมหนตู อบไดจ้ ากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์หน้า 29 ลงในสมดุ ประจาตัวนกั เรยี น หรือลงใน
แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หนา้ 38
9.ครูตั้งคาถามเพอ่ื ใหน้ กั เรียนร่วมกันอภปิ รายว่า เพราะเหตุใดของเหลวจึงไม่สามารถรกั ษารูปร่างให้
คงทไ่ี ดเ้ หมือนของแข็ง
(แนวตอบ:เพราะอนภุ าคของของเหลวอยูห่ ่างกนั ทาให้เคลื่อนที่ไดม้ ากขน้ึ )
10.นกั เรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั สบื คน้ ขอ้ มลู จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 33และร่วมกันแสดงความ
คิดเหน็ เกี่ยวกับคาถาม
11.นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมาเขยี นคาตอบหน้ากระดาน
12.ครแู ละนักเรยี นทุกคนรว่ มกันตรวจคาตอบบนกระดาน

(หมายเหตุ :ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

คาบที่ 4

ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูใหน้ กั เรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนไดข้ ้อสรปุ รว่ มกันว่า สสารทอ่ี ยใู่ นสถานะของเหลวมีมวล ตอ้ งการที่อยู่
สามารถสมั ผัสได้ มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงตามภาชนะทีบ่ รรจุ มีปรมิ าตรคงท่ี มีอนุภาคอยู่ห่างกันมากกวา่ ของแข็ง ทาให้
เคลอื่ นที่ไดม้ ากข้นึ และระดบั ผิวหนา้ ของของเหลว จะอยู่ในแนวราบเสมอ
2. ครูประเมนิ ผลนักเรียน โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบคุ คลพฤตกิ รรมการ
ทางานกลมุ่ และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าช้ันเรยี น
3. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมท่ี 2 เรอ่ื ง สมบัตขิ องของเหลว ในสมุดประจาตวั นักเรียน หรอื ตรวจในแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ หนา้ 36-37
4. ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมหนูตอบไดใ้ นสมดุ ประจาตวั นกั เรยี น หรือตรวจในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์หน้า 38

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวดั ผล เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ 1.คาถามกระตนุ้ ความคิด ประเมนิ ผล

ความรคู้ วาม 1. อธิบายสมบัตขิ องของเหลวได้ 70% ขึน้ ไป
เข้าใจ (K) ถอื ว่าผ่าน
เกณฑ์การ
ประเมิน

ทกั ษะ/ 1.เปรียบเทียบสมบัติของ 1. แบบบันทกึ กจิ กรรม 70% ขึ้นไป
กระบวนการ (P) ของเหลวได้ การทดลองเรอื่ งสมบัติ ถอื ว่าผ่าน
2.วิเคราะหส์ มบัติของของเหลวได้ ของของเหลว เกณฑ์การ
3.ใชเ้ คร่ืองมือเพ่ือวดั มวล และ ประเมนิ
ปรมิ าตรของสสารท่ีอยู่ในสถานะ
ของเหลวได้

คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) 1. ใหค้ วามร่วมมอื ในการทา 1. แบบสังเกตพฤติกรรม 70% ข้ึนไป
กจิ กรรมกลมุ่ และมคี วาม ถือว่าผา่ น
รับผิดชอบในการสง่ งานตรงเวลา เกณฑ์การ
ประเมิน

7. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้

7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 วสั ดแุ ละสสาร

2. แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 วัสดแุ ละสสาร

3. วสั ดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 2 เชน่ น้าผสมสีฟ้า น้าเปล่า น้าหวานสีแดง บกี เกอร์ กระบอกตวง หลอดฉีด

ยา แกว้ พลาสติกใส ขวดพลาสติกใส กล่องพลาสติกใส เคร่ืองชั่งดิจทิ ลั เป็นต้น

4. สมดุ ประจาตัวนกั เรยี น

7.2 แหล่งการเรียนรู้

1) หอ้ งสมุด

2) หอ้ งเรียน

3) อินเทอรเ์ น็ต

8.กจิ กรรมเสนอแนะ

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ...................................................ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 9

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี……2…/………... ชอื่ ผู้สอน….…...................................................……...
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 4 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 วสั ดแุ ละสสาร เร่อื ง สมบัติของแก๊ส

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด

มาตรฐาน ว 2.1เขา้ ใจสมบตั ิของสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย และการ
เกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี

ตัวชวี้ ดั ป.4/3 เปรยี บเทยี บสมบตั ขิ องสสารทง้ั 3 สถานะ จากข้อมูลที่ได้จากการสงั เกต มวล การต้องการที่อยู่
รปู ร่างและปริมาตรของสสาร

ตวั ชว้ี ดั ป.4/4ใชเ้ ครอ่ื งมือเพื่อวดั มวล และปรมิ าตรของสสารท้ัง 3 สถานะ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

สมบัตขิ องแกส๊ คือ มมี วล ต้องการที่อยู่ สามารถสัมผัสได้ มีรูปร่างและปริมาตรเปลี่ยนแปลงตามภาชนะที่บรรจุ

มอี นภุ าคกระจายห่างจากกนั มากกวา่ ของเหลว ทาให้เคล่อื นท่ไี ด้ทุกทิศทาง

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายสมบตั ิของแก๊สได้ (K)
2. เปรียบเทียบสมบัตขิ องแก๊สได้ (P)
3. วเิ คราะห์สมบัติของแก๊สได้ (P)
4. ใช้เครอื่ งมือเพื่อวัดมวล และปริมาตรของสสารท่ีอยใู่ นสถานะของแกส๊ ได้ (P)
5. ให้ความร่วมมือในการทากิจกรรมกลุ่ม และมีความรับผิดชอบในการสง่ งานตรงเวลา (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิน่

สมบตั ขิ องแก๊สมีมวล ตอ้ งการที่อยู่ มีรูปรา่ งและ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

ปริมาตรเปลย่ี นไปตามภาชนะท่ีแก๊สบรรจุ

.

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ข้ันนา

ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนี้จะได้เรียนรู้เก่ียวกับเรื่องอะไร แล้วให้

นักเรยี นช่วยกนั ตอบคาถาม จากนน้ั ครแู จง้ ชอ่ื เร่ืองที่จะเรียนรู้ และตัวชี้วดั ให้นกั เรียนทราบ
2. ครูขออาสานักเรียน 1 คน มาเป่าลมใส่ลูกโป่ง 1 ใบแล้วใช้หนังยางมัดไว้ให้แน่น ครูให้นักเรียนในชั้นเรียนสังเกต

ลกู โป่ง
3. ครูตั้งคาถามถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความคิดว่า นักเรียนคิดว่า ในลูกโป่งที่เป่าแล้วมีอะไรอยู่ข้างใน และอยู่ใน

สถานะใด
(แนวตอบ :อากาศ อยู่ในสถานะแกส๊ )

(หมายเหตุ :ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)

ข้นั สอน

ขนั้ สารวจคน้ หา (Explore)
1.ครูตง้ั คาถามถามนักเรยี นวา่ แกส๊ มรี ูปร่างคงท่ีหรือไม่ โดยใหน้ ักเรียนร่วมกันตอบคาถามอย่างอสิ ระ

(แนวตอบ :แก๊สมีรปู รา่ งเปลีย่ นแปลงตามภาชนะทีบ่ รรจุ)
2. นกั เรียนทุกคนร่วมกนั อภปิ รายและตอบคาถามได้อยา่ งอิสระ โดยครยู งั ไม่เฉลยคาตอบ
3. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่านักเรียนจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมท่ี 3 เร่ืองสมบัติของแก๊ส ตอนท่ี 1 จากหนังสือ

เรยี น วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 30
4. ครูแบ่งกลมุ่ ใหน้ ักเรียน กลมุ่ ละ 4 คน โดยคละตามความสามารถ
5. ครูใช้วิธีสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยครูจับฉลากเลือกนักเรียน 2 กลุ่ม

จากนน้ั ใหอ้ อกมาสาธติ การทากจิ กรรมที่ 3 เรอ่ื งสมบตั ขิ องแก๊ส ตอนท่ี 1 จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ หนา้ 30
6. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ช่วยกันสังเกตการสาธิตการทากิจกรรมจากกลุ่มสาธติ
7. สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันนาผลการสังเกตบันทึกลงในสมุดประจาตัวนักเรียนหรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.4

เลม่ 2 หนา้ 41
8. ครูต้ังคาถามถามนักเรียนว่า แก๊สมีมวลหรือไม่ และนักเรียนสามารถหาคาตอบได้อย่างไร”จากนั้นนักเรียนร่วมกัน

อภปิ ราย โดยยังไมเ่ ฉลยคาตอบ
9. ครูใช้วิธีสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยครูจับฉลากเลือกนักเรียน 2 กลุ่ม

จากนัน้ ให้ออกมาสาธติ การทากจิ กรรมท3ี่ เรื่องสมบัตขิ องแกส๊ ตอนท่ี 2 จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ หนา้ 30-31
10. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั สงั เกตการสาธติ การทากจิ กรรมจากกล่มุ สาธิต
11. สมาชกิ ในกลุ่มช่วยกันนาผลการสงั เกตบนั ทกึ ลงในสมดุ ประจาตัวนักเรียน หรอื ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์หน้า 41

(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )

คาบท่ี 2

ข้นั สารวจค้นหา (Explore) (ตอ่ )
1. ครูต้งั คาถามถามนกั เรยี นว่า สสารทีอ่ ยูใ่ นสถานะแก๊สมปี ริมาตรคงท่หี รือไม่ โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกัน ตอบคาถามอย่าง

อิสระ (แนวตอบ :แกส๊ มปี ริมาตรเปลยี่ นแปลงตามภาชนะท่ีบรรจุ)
2. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟงั ว่านักเรยี นจะไดค้ าตอบจากการทากจิ กรรมท่ี 3 เรื่องสมบัติของแก๊ส ตอนที่ 3 จากหนงั สือ

เรยี นวทิ ยาศาสตร์ หน้า 30-31
3. ครแู บง่ กลมุ่ ให้นักเรยี น กลมุ่ ละ 4 คน โดยคละตามความสามารถ
4. ครูใชว้ ธิ ีสอนโดยใชก้ ารสาธติ (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยครูจบั ฉลากเลอื ก

นกั เรียน 2 กลุม่ จากนน้ั ให้ออกมาสาธิตการทากิจกรรมที่ 3 เรอ่ื งสมบัติของแกส๊ ตอนที่ 3 จากหนงั สือ
เรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 30-31
5. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สงั เกตการสาธติ การทากจิ กรรมจากกลมุ่ สาธิต
6. สมาชิกทกุ คนในกลมุ่ ชว่ ยกันนาผลการสังเกตบันทึกลงในสมดุ ประจาตวั นักเรยี น หรือในแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ หนา้ 42
7. เม่ือทากิจกรรมเสร็จแล้ว ให้ครถู ามนักเรียนว่า สสารท่ีอยใู่ นสถานะแก๊สตอ้ งการที่อยู่หรอื ไม่ โดยให้นักเรยี นร่วมกัน
ตอบคาถามอย่างอสิ ระ (แนวตอบ :แกส๊ ต้องการที่อยู่)
8. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟังว่านักเรยี นจะไดค้ าตอบจากการทากจิ กรรมท่ี 3 เรื่องสมบัติของแก๊ส
ตอนที่ 4 จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 30-31
9. ครูใช้วิธีสอนโดยใช้การสาธติ (Demonstration) มาจดั กระบวนการเรียนรู้ โดยครจู ับฉลากเลือก
นักเรียน 2 กล่มุ จากน้ันให้ออกมาสาธิตการทากจิ กรรม เรอ่ื งสมบัติของแกส๊ ตอนที่ 4 จากหนงั สือ
เรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 30-31
10. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันสังเกตการสาธติ การทากิจกรรมจากกลมุ่ สาธิต
11.สมาชิกในกลุ่มช่วยกนั นาผลการสังเกตบันทึกลงในสมุดประจาตวั นกั เรียน หรอื ในแบบฝึกหดั
วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 42

(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ )

คาบที่ 3

ขนั้ อธิบายความรู้ (Explain)
1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชนั้ เรยี นทลี ะกลุ่มจนครบทกุ กลุ่ม
2. นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลการทากิจกรรมให้ไดว้ า่ อากาศในลกู โป่งอย่ใู นสถานะแกส๊ มีมวล ตอ้ งการทอี่ ยู่
มรี ูปรา่ งและปริมาตรเปล่ียนแปลงตามภาชนะที่บรรจุ
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)

ขั้นสรุป

ขัน้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1. นกั เรยี นแตล่ ะคนทากิจกรรมหนตู อบได้จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 31 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือทา
ลงในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 43

2. ครูชูบัตรภาพต่างๆ เช่น สมุด น้าด่ืม อากาศในบอลลูน อากาศในลูกโป่ง ก้อนหิน ไอน้า เป็นต้น จากนั้น
ให้นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบว่า สสารใดอยู่ในสถานะแก๊ส เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ: อากาศในบอลลูน อากาศในลูกโป่ง และไอน้า เป็นสสารท่ีอยู่ในสถานะแก๊ส เพราะมีมวล ต้องการที่
อยู่ สามารถสมั ผสั ได้ มีรูปรา่ งและปริมาตรเปลี่ยนแปลงตามภาชนะทบี่ รรจุ)

3. ครูต้ังประเด็นคาถามเพ่ือให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า แก๊สมีอนุภาคเหมือนกันหรือแตกต่างกับของแข็ง และ
ของเหลวหรือไม่ อย่างไร

(แนวตอบ :แตกต่างกัน เพราะอนุภาคของแก๊สกระจายห่างจากกันมากกว่าของเหลว ทาให้เคลื่อนท่ีได้ทุก
ทศิ ทาง)
4. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 34จากนั้นร่วมกันแสดงความ คิดเห็น
เกย่ี วกับคาถาม
5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาเขียนคาตอบหนา้ กระดาน แล้วร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบ
6. ครถู ามคาถามท้าทายการคิดขั้นสูงจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 34ว่า ถ้านกั เรยี นต้องการเล่นลกู โป่ง แต่ไม่มีแรง
ในการเปา่ ลมเขา้ ไปภายในลกู โปง่ นกั เรียนจะเลือกใชว้ ิธดี ารใดแทนการเปา่ ลม เพราะอะไร
(แนวตอบ:เลอื กใช้นา้ เพราะน้าอยู่ในสถานะของเหลว มีรูปรา่ งเปล่ียนแปลงตามภาชนะที่บรรจุ จงึ สามารถบรรจลุ งใน
ลกู โปง่ ได้และสามารถนาลูกโป่งมาเลน่ ได้เช่นกัน)

คาบที่ 4

ข้ันขยายความเข้าใจ (Elaborate)(ต่อ)
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 35-36 และศึกษาจาก Powerpoint เร่ืองสถานะ
ของสสาร จากน้ันช่วยกันคิดวิธีการนาเสนอวิธีการหามวลและหาค่าปริมาตรของแก๊ส เช่น ทาเป็นแผนภาพ การสาธิต
วธิ ีการทดลอง เปน็ ตน้ เพื่อเตรียมออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน
2.นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั ออกมานาเสนอวธิ กี ารหามวลและหาค่าปริมาตรของแก๊ส
3.นกั เรยี นกลมุ่ อน่ื ๆ ผลดั กันให้คะแนนกลุ่มที่ออกมานาเสนอ จากนั้นครรู วบรวมคะแนนแล้วนามา รวมกับคะแนนของครู
กลุม่ ใดได้คะแนนรวมสูงสดุ คือ กลมุ่ ทีช่ นะ
4. ครมู อบรางวลั ให้กลมุ่ ท่ีชนะ เพ่อื เปน็ กาลังใจ
5. นักเรยี นแต่ละคนทากิจกรรมสรปุ ความรู้บทท่ี 2 ลงในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 44
6. นกั เรียนแต่ละคนทากิจกรรมฝึกทักษะบทที่ 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 37-38 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน
หรอื ทาลงในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 45-47
7. นกั เรียนแตล่ ะคนทากจิ กรรมท้าทายการคิดข้นั สงู บทท่ี 2ลงในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 48
8. นักเรียนกลุ่มเดิมช่วยกันทากิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 38 หรือ แบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ หน้า 49 เป็นการบ้าน
9. นกั เรียนแตล่ ะคนทาทบทวนท้ายหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 50-53
10. นักเรียนแตล่ ะคนทาแบบทดสอบหลังเรยี น เพอื่ ตรวจสอบความร้ขู องนกั เรียนหลงั ทากจิ กรรม

(หมายเหตุ :ครูเริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ให้นักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 36 จากนนั้ ครถู ามนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล

ตามรายการขอ้ 1-5 จากตาราง เพ่อื เป็นการตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจของนกั เรียนหลังจากการเรยี น หากนกั เรยี น
คนใดตรวจสอบตนเองโดยให้อยูใ่ นเกณฑ์ทีค่ วรปรับปรุง ให้ครูทบทวนบทเรยี นหรือหากิจกรรมอ่นื ซ่อมเสริม เพ่ือให้
นกั เรียนมีความรู้ความใจในบทเรยี นมากข้ึน
2. ครปู ระเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบคุ คลพฤติกรรมการ
ทางานกลมุ่ และจากการนาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ช้นั เรยี น
3. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมท่ี 3 เรื่อง สมบตั ิของแก๊ส ในสมดุ ประจาตัวนกั เรียน หรอื ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
หนา้ 41-42
4. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมหนตู อบได้ในสมดุ ประจาตวั นกั เรียน หรอื ตรวจในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หนา้ 43
5. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมสรุปความรู้บทท่ี 2 ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 44
6. ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมฝึกทักษะบทท่ี 2 ในสมุดประจาตวั นกั เรยี น หรือตรวจในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า
45-47
7. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมทา้ ทายการคดิ ขน้ั สงู บทที่ 2 ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 48
8. ครตู รวจชิน้ งานสมดุ ภาพจาแนกสถานะของสสาร และการนาเสนอชนิ้ งาน/ผลงาน หน้าช้นั เรียน
9. ครตู รวจสอบผลการทาทบทวนท้ายหน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 ในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 50-53
10. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรยี น

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดผล เครือ่ งมือวดั เกณฑ์การ
จุดประสงค์ 1.คาถามกระต้นุ ความคิด ประเมนิ ผล

ความร้คู วาม 1. อธบิ ายสมบตั ขิ องแกส๊ ได้ 1. แบบบันทกึ กิจกรรม 70% ข้ึนไป
เขา้ ใจ (K) การทดลองเร่อื งสมบัติ ถือว่าผา่ น
ของแกส๊ เกณฑ์การ
ทกั ษะ/ 1.เปรียบเทียบสมบัติของแกส๊ ได้ ประเมิน
กระบวนการ (P) 2.วเิ คราะห์สมบตั ิของแกส๊ ได้
3.ใชเ้ ครือ่ งมือเพอ่ื วัดมวล และ 70% ขน้ึ ไป
คุณลักษณะนสิ ยั (A) ปริมาตรของสสารทอ่ี ยู่ในสถานะ ถือว่าผ่าน
ของแกส๊ ได้ เกณฑ์การ
ประเมนิ
1. ห้ความร่วมมอื ในการทา
กจิ กรรมกลุ่ม และมีความ 1. แบบสังเกตพฤติกรรม 70% ข้ึนไป
รับผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา ถือว่าผา่ น
เกณฑ์การ
ประเมิน

7. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 วสั ดแุ ละสสาร

2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 วสั ดแุ ละสสาร

3) วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกจิ กรรมที่ 3 เชน่ คานไม้ เชือก หลอดดดู น้าเปลา่ เครอื่ งชัง่ ดิจทิ ลั น้าผสมสีฟ้า

4) ลกู โปง่ กะละมัง หนงั ยาง หลอดฉดี ยา แก้วพลาสตกิ ใส เป็นต้น

5) บัตรภาพตวั อย่างสสาร

6) Powerpointเรอ่ื ง สถานะของสสาร

7) สมดุ ประจาตัวนกั เรยี น

7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) หอ้ งเรียน
3) อินเทอร์เน็ต

8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ...................................................ผ้บู รหิ าร
(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 11-12

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นที่……2…/………... ชอ่ื ผ้สู อน….…..................................................

กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน 5 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ระบบสรุ ยิ ะการปรากฏของดวงจันทร์ เรอื่ ง เรียนรู้ระบบสรุ ิยะ

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์
และระบบสรุ ิยะ รวมท้งั ปฏสิ ัมพันธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะท่สี ่งผลต่อสง่ิ มีชีวิต และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ

ตวั ช้ีวดั ป.4/3 สร้างแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุรยิ ะ และอธิบายเปรยี บเทยี บคาบการโคจรของ
ดาวเคราะหต์ า่ งๆ จากแบบจาลอง

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ระบบสรุ ยิ ะเป็นระบบของดวงดาวท่ีตัง้ อยูใ่ นดาราจกั รทางช้างเผือก ซึง่ มีดวงอาทิตย์เป็นศูนยก์ ลาง

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่

1. บอกสว่ นประกอบของระบบสุริยะได้ (K)
2. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

และมีดาวบริวารโคจรอยู่โดยรอบ ระบบสุริยะ
ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ ดาว เคราะห์แปด

ดวง ดาวเคราะหแ์ คระ ดาวเคราะห์นอ้ ย ดาวหาง

อกุ กาบาต และวัตถขุ นาดเล็กอื่นๆ

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1

ขน้ั นา

ขนั้ กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1.ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันน้ีจะได้เรียนรู้เก่ียวกับเร่ืองอะไร แล้วให้นักเรียนช่วยกัน
ตอบคาถาม จากน้ันครูแจ้งชอื่ เรอ่ื งท่จี ะเรยี นรู้ และตัวชวี้ ัดใหน้ กั เรียนทราบ
2.นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่อื วัดความร้เู ดิมของนักเรยี นก่อนเข้าสกู่ จิ กรรม

3.นักเรียนแต่ละคนอ่านสาระสาคัญและดูภาพ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 ระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจนั ทร์ จาก
หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 40 จากน้ันถามนกั เรียนว่า เรามองเหน็ ดวงจนั ทร์ได้ในเวลากลางวนั หรือ
กลางคืน

(แนวตอบ : เรามองเห็นดวงจันทร์ได้ท้ังในเวลากลางวันและ กลางคืน แต่มองเห็นได้ในบางวันและ
บางเวลา)
4.นักเรยี นแตล่ ะคนเรยี นรู้คาศพั ท์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการเรียนในบทที่ 1 โดยครเู ปน็ ผู้อา่ นนาและให้นักเรยี นอา่ นตามดงั น้ี

Solar System (‘โซลึ ‘ซิสตึม) ระบบสรุ ยิ ะ
Star (สตา) ดาวฤกษ์
Planet (‘แพล็นนิท) ดาวเคราะห์
Comet (‘ค็อมเม็ท) ดาวหาง
Dwarf Planet (ดวอฟ ‘แพลน็ นทิ ) ดาวเคราะหแ์ คระ

5.นกั เรยี นดูภาพจากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ หน้า 41 จากน้นั ครูถามคาถามสาคัญประจาบทว่า นกั เรียนรูจ้ ักดวงดาวใด
ในระบบสรุ ยิ ะบ้างจากนน้ั ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็
อยา่ งอิสระในการตอบคาถาม

(แนวตอบ : เช่นดวงอาทิตย์ดาวพุธดาวศุกร์โลกดาวอังคารดาวพฤหัสบดีดาวเสาร์ดาวยูเรนัสดาวเนปจูนและ
ดวงจนั ทร์)
6.นกั เรียนทุกคนวาดภาพพร้อมระบายสีองค์ประกอบของระบบสุริยะที่นักเรียนรู้จักลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือให้
นักเรยี นทากจิ กรรมนาส่กู ารเรยี นในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 54
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

คาบท่ี 2

ขั้นสอน

ขน้ั สารวจค้นหา (Explore)
1. ครนู าบัตรภาพระบบสรุ ยิ ะ มาใหน้ ักเรยี นสงั เกตและรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นวา่ เป็นภาพจาลองของอะไรและต้องการ
แสดงให้เราทราบเร่ืองอะไร
2.ครูสมุ่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมาแสดงความคดิ เหน็ หนา้ ชั้นเรียน
3. ครูอธิบายเช่ือมโยงให้นักเรียนเข้าใจถึงระบบสุริยะท่ีมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวบริวารโคจรโดยรอบได้แก่

ดาวเคราะห์แปดดวง ดาวเคราะหแ์ คระ ดาวเคราะหน์ อ้ ย ดาวหาง อกุ กาบาตและวัตถขุ นาดเลก็ อ่ืนๆ
4. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยคละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลาง(ค่อนข้างเก่ง) ปานกลาง
(คอ่ นขา้ งออ่ น) และออ่ น แลว้ ให้แต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาความรู้ เรื่อง ระบบสรุ ยิ ะ จากหนังสอื เรียน หรือแหลง่ ขอ้ มลู อื่นๆ
5. นักเรยี นแตล่ ะคนในกลุ่มทาใบงานท่ี 4.1เรื่องระบบสรุ ิยะตามแผนที่ได้วางไว้ เสรจ็ แลว้ ทบทวนคาตอบท่ถี ูกต้องของใบ
งาน

คาบท่ี 3

ข้ันอธิบายความรู้ (Explain)

1. นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มผลดั กนั อภปิ รายคาตอบในใบงานที่ 4.1 เรอ่ื ง ระบบสรุ ิยะ ของตนเองให้เพ่ือนในกลุ่มฟัง หาก
มสี ว่ นท่บี กพรอ่ งใหเ้ พ่ือนในกลมุ่ ช่วยแกไ้ ขและเพ่ิมเติมคาตอบให้ถกู ต้อง

คาบที่ 4

2. นักเรียนแต่ละกล่มุ ส่งตวั แทน เพื่อออกมานาเสนอคาตอบในใบงานที่ 4.1 เรื่อง ระบบสุริยะหน้าช้ันเรียน โดยมีครูคอย
ตรวจสอบความถกู ต้องและเสนอแนะเพิม่ เติมในส่วนทีบ่ กพร่อง

3. ครนู าบัตรภาพระบบสรุ ิยะให้นกั เรยี นดอู กี คร้ัง และอธิบายเพม่ิ เติม เพ่ือใหน้ ักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขน้ึ

ขนั้ สรปุ

ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
ครตู ง้ั คาถามถามนกั เรียนเพื่อขยายความรู้ให้นกั เรียน โดยถามคาถามนักเรยี น ดังนี้
●ดวงอาทติ ย์มคี วามสาคญั ต่อระบบสรุ ิยะหรอื ไม่ อยา่ งไร

(แนวตอบ : ดวงอาทิตย์มีความสาคัญต่อระบบสุริยะ เนื่องจากดวงอาทิตยเ์ ปน็ แหล่งพลงั งานความร้อนและแสงสวา่ ง
แกด่ าวเคราะหด์ วงอืน่ ๆ)
●เพราะเหตใุ ดเราจงึ มองเห็นดวงอาทิตย์เปน็ วงกลมโตอยบู่ นท้องฟ้า
(แนวตอบ : เพราะดวงอาทิตยเ์ ปน็ ดาวฤกษ์ทอ่ี ยใู่ กล้โลกมากที่สุด)

คาบท่ี 5

ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครสู ุ่มนกั เรียน 2-3 คน แลว้ ใหบ้ อกความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากการเรียนในสองชว่ั โมงน้ี โดยให้เพอื่ นในชั้นเรยี นชว่ ยกันแสดงความ
คดิ เห็นว่าถูกต้องหรือไม่ และมคี รคู อยแนะนาสว่ นท่บี กพร่อง
2. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนกั เรียน
3. ครูประเมินผลนักเรยี น โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทางานกลุม่ และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชั้นเรยี น
4. ครตู รวจสอบการวาดภาพองค์ประกอบของระบบสุรยิ ะ หรอื ตรวจผลการทากิจกรรมนาสู่การเรียนในแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์ หน้า 54
5. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานที่ 4.1 เร่อื ง ระบบสุรยิ ะ

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั ผล เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล
จดุ ประสงค์
1.คาถามกระต้นุ 70% ขนึ้ ไป ถือว่าผา่ น
ความร้คู วาม 1. บอกสว่ นประกอบของระบบ ความคิด เกณฑ์การประเมิน

เข้าใจ (K) สุรยิ ะได้

ทักษะ/ - 1. ใบงานที่ 4.1 เร่ือง 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ น
กระบวนการ (P)
ระบบสรุ ยิ ะ เกณฑ์การประเมิน

คุณลักษณะนสิ ยั (A) 1. มีความสนใจใฝ่เรียนรู้ 1. แบบสังเกต 70% ข้ึนไป ถือว่าผา่ น
พฤติกรรม เกณฑ์การประเมนิ

7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1) หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจันทร์

2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ระบบสรุ ยิ ะและการปรากฏของดวงจนั ทร์

3) ใบงานที่ 4.1 เร่ือง ระบบสุริยะ

4) สมุดประจาตวั นักเรยี น

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

1) หอ้ งสมดุ

2) ห้องเรียน

3) อินเทอรเ์ นต็

8.กจิ กรรมเสนอแนะ

.........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ...................................................ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

บตั รภาพ 

1.ดาวพุธ 8.ดาวเนปจนู

2.ดาวศุกร์ ดาวเคราะหแ์ คระ
พลโู ต
3. โลก 7.ดาว
4.ดาว 6.ดายวเูเรสนารสั ์
องั คาร 5.ดาวพฤหสั บดี

ภาพจาลองระบบสรุ ิยะ

ท่ีมา : ศริ ริ ตั น์ วงศศ์ ริ ิ และรกั ซอ้ น รตั น์วจิ ติ ตเ์ วช. 2552.หนังสือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน

วิทยาศาสตร์ ป.4. กรงุ เทพมหานคร

: อกั ษรเจรญิ ทศั น์.

ใบงานท่ี 4.1

เรื่อง ระบบสุรยิ ะ
คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนสบื คน้ ข้อมลู เร่ือง ระบบสุริยะ แล้วตอบคาถามพรอ้ มวาดภาพประกอบ

(วาดภาพ)

1. ระบบสุริยะ คอื อะไร
2. ศนู ย์กลางของระบบสุริยะ คืออะไร
3. ระบบสุรยิ ะประกอบด้วยดาวเคราะห์ 8 ดวงไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง
4. ดาวเคราะหด์ วงใดบ้าง ทีอ่ ยใู่ กล้ดวงอาทิตยม์ ากกวา่ โลก
5. ดาวเคราะห์ดวงใดบ้าง ท่ีอยหู่ า่ งจากดวงอาทติ ยม์ ากกว่าโลก

ใบงานท่ี 4.1 เฉลย

เร่อื ง ระบบสุรยิ ะ

คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนสืบค้นขอ้ มลู เรื่อง ระบบสรุ ิยะ แลว้ ตอบคาถามพร้อมวาดภาพประกอบ

(วาดภาพ)

1. ระบบสุริยะ คืออะไร
ระบบดวงดาวทมี่ ีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางและมบี ริวารโคจร

2. ศนู ย์กลางของระบบสรุ ิยะ คืออะไร
ดวงอาทิตย์

3. ระบบสุรยิ ะประกอบด้วยดาวเคราะห์ 8 ดวงได้แกอ่ ะไรบ้าง
ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลกดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจนู

4. ดาวเคราะห์ดวงใดบ้าง ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตยม์ ากกวา่ โลก
ดาวพุธ และดาวศุกร์

5. ดาวเคราะหด์ วงใดบ้าง ท่ีอยู่หา่ งจากดวงอาทติ ย์มากกวา่ โลก
ดาวอังคาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจูน

สปั ดาหท์ ี่ 12-13

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี……2…/………... ชอ่ื ผสู้ อน….…...................................................……...

กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 4 คาบ

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 ระบบสรุ ิยะการปรากฏของดวงจันทร์ เร่อื ง แบบจาลองระบบสุริยะ

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์

และระบบสรุ ยิ ะ รวมทั้งปฏิสัมพนั ธ์ภายในระบบสุริยะท่ีสง่ ผลตอ่ สิ่งมีชีวิต และการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ

ตวั ชี้วดั ป.4/3 สร้างแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของระบบสรุ ยิ ะ และอธิบายเปรยี บเทียบคาบการโคจรของ

ดาวเคราะห์ตา่ งๆ จากแบบจาลอง

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

ระบบสุรยิ ะเป็นระบบท่ีมีดวงอาทิตยเ์ ปน็ ศูนยก์ ลาง และมดี าวบรวิ ารโคจรอยูโ่ ดยรอบ คือ ดาวเคราะห์ แปดดวง

คือ ดาวพธุ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน นอกจากนีร้ ะบบสุรยิ ะยังมีดวง

จนั ทรท์ ่ีเป็นดาวบรวิ ารของดาวเคราะห์ ดาวเคราะหแ์ คระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง อุกกาบาต และวตั ถุขนาดเล็กอน่ื ๆ
ซง่ึ ดาวพุธ คือ ดาวเคราะห์ทมี่ ีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์สัน้ ท่สี ดุ และดาวเนปจูนคือดาวที่มีคาบการโคจรรอบดวง

อาทิตยย์ าวทส่ี ดุ

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายเปรยี บเทยี บคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ได้ (K)

2. สรา้ งแบบจาลองเพ่ืออธิบายสว่ นประกอบของระบบสุรยิ ะและคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ได้ (P)

3. ให้ความรว่ มมือในการทากจิ กรรมกลุ่มได้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ

ดวงอาทิตย์เปน็ ดาวฤกษ์ที่เป็นศนู ย์กลางของระบบ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

สรุ ยิ ะ และมีบรวิ ารโคจรอยู่โดยรอบ ซ่งึ ดาวเคราะห์

แตล่ ะดวงจะมคี าบการโคจรรอบดวงอาทิตย์แตกตา่ ง

กัน

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ขนั้ นา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1.ครูสนทนากบั นักเรียนโดยถามวา่ นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันน้จี ะได้เรยี นรเู้ กย่ี วกบั เรื่องอะไร แล้วใหน้ ักเรียนช่วยกัน
ตอบคาถาม จากนัน้ ครแู จ้งช่ือเรือ่ งท่ีจะเรียนร้แู ละตวั ชว้ี ัดให้นกั เรยี นทราบ
2.ครใู ห้นักเรยี นเลน่ เกม Hangman เก่ียวกับชื่อดวงดาวในระบบสุรยิ ะ โดยปฏิบตั ิ ดงั น้ี

1) ครูขดี เสน้ ตามตัวอกั ษรของชือ่ ดวงดาวในระบบสรุ ิยะ เชน่ โ_ ก (โลก)
2) ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั บอกตวั อักษรครง้ั ละ 1 ตัว ถ้าบอกถูก ครูเขยี นลงในชอ่ งว่าง ถ้าไม่ถูกให้ครูวาดเสน้ ครัง้ ละ 1

เสน้ เปน็ ตวั Hangman
3) หากนกั เรยี นบอกตัวอกั ษรผิดคร้ังที่ 8 ตัว Hangman จะถูกแขวนคอ
3.นกั เรียนช่วยกนั รวบรวมชอื่ ดวงดาวทตี่ อบถูก
4.นกั เรียนชว่ ยกันบอกสิ่งท่ีรหู้ รือประสบการณ์เดิมเกีย่ วกับระบบสรุ ยิ ะ

คาบท่ี 2

ขนั้ สอน

ขน้ั สารวจคน้ หา (Explore)
1.ครูทบทวนความรู้ของนักเรียน โดยนาบัตรภาพดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรยี นสังเกตและ
รว่ มกนั แสดงความคิดเห็นว่าคือภาพของดาวเคราะหด์ วงใด
2.ครูแบ่งกลมุ่ นักเรยี นแบบคละความสามารถ (เก่ง-คอ่ นขา้ งเก่ง-ปานกลาง-อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน กลมุ่ ละ 3-4 คน
โดยครเู ป็นผู้เลอื กนักเรียนเข้ากล่มุ
3.นักเรยี นทกุ คนในกลุม่ ปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอนการทากิจกรรมท่ี 1 เรอ่ื งแบบจาลองระบบสรุ ิยะ จากหนังสอื เรียน
วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 43 โดยให้ไปสบื ค้นเพ่ิมเติมเกี่ยวกับลักษณะของระบบสรุ ิยะ สว่ นประกอบของระบบสุริยะ
และคาบการโคจรของดาวเคราะห์ต่างๆ จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 44-59 และจากแหลง่ ข้อมูลอนื่ ๆเช่น
ห้องสมดุ อินเทอรเ์ นต็

คาบท่ี 3

4.นกั เรยี นแต่ละกลุม่ นาข้อมูลท่ไี ด้จากการสืบคน้ มาอภิปรายรว่ มกนั จากนัน้ ให้ช่วยกันออกแบบแบบจาลองระบบสุรยิ ะ
แล้ววาดภาพและบันทึกข้อมลู แบบจาลองระบบสรุ ิยะลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4
เลม่ 2 หน้า 56-57
5.นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนเพื่อให้ออกมานาเสนอภาพแบบจาลองระบบสุรยิ ะพร้อมอธิบายสว่ นประกอบ ของระบบ
สรุ ิยะและคาบการโคจรของดาวเคราะหต์ ่างๆ ทไี่ ด้ออกแบบไว้
6.ครคู อยแนะนาเพ่มิ เติมในส่วนท่ีบกพร่องและใหข้ ้อเสนอแนะในส่วนท่ีควรแก้ไข
7.นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ชว่ ยกนั ปรับปรุง และแก้ไขภาพแบบจาลองตามที่ครเู สนอแนะ

(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ )

คาบที่ 4

1.นักเรียนทุกคนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า นักเรียนได้รับประโยชน์จากการวางแผนออกแบบแบบจาลองระบบสุริยะ
ก่อนสร้างแบบจาลองหรอื ไม่ อย่างไร

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ 1.คาถามกระตนุ้ ความคิด ประเมนิ ผล

ความรคู้ วาม 1. อธิบายเปรียบเทยี บคาบการ 70% ขึน้ ไป ถือวา่
เข้าใจ (K) โคจรรอบดวงอาทิตยข์ องดาว ผ่านเกณฑ์การ
เคราะห์ได้ ประเมิน

ทกั ษะ/ 1.สรา้ งแบบจาลองเพอื่ อธบิ าย 1. แบบจาลองสว่ น 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
กระบวนการ (P) ส่วนประกอบของระบบสรุ ิยะ
และคาบการโคจรรอบดวง ประกอบของระบบสุรยิ ะ ผา่ นเกณฑ์การ
คณุ ลักษณะนิสัย (A) อาทิตย์ของดาวเคราะห์ได้
และคาบการโคจรรอบดวง ประเมนิ
1. ใหค้ วามร่วมมือในการทา
กิจกรรมกลมุ่ ได้ อาทติ ย์ของดาวเคราะห์

1. แบบสงั เกตพฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า

ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

7. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้

7.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ระบบสรุ ิยะและการปรากฏของดวงจันทร์

2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4ระบบสรุ ยิ ะและการปรากฏของดวงจนั ทร์

3) วัสดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมที่ 1 เช่น ฟิวเจอร์บอร์ด กระดาษแขง็ กระดาษสี ลกู ปิงปอง ดนิ นา้ มนั ลูก

บอลพลาสตกิ กาว กรรไกร สีไม้ เปน็ ตน้

4) บัตรภาพดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ

5) สมุดประจาตวั นกั เรียน

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งสมุด
2) หอ้ งเรียน
3) อนิ เทอร์เน็ต

8.กิจกรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ...................................................ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ี่ 13-14

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี……2…/………... ช่อื ผสู้ อน….…...................................................

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 จานวน 4 คาบ

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 ระบบสุริยะการปรากฏของดวงจนั ทร์ เรอื่ ง แบบจาลองระบบสรุ ิยะ

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์

และระบบสรุ ิยะ รวมทง้ั ปฏสิ ัมพันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะทสี่ ง่ ผลตอ่ ส่งิ มีชีวิต และการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ

ตวั ชี้วดั ป.4/3 สรา้ งแบบจาลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะ และอธบิ ายเปรยี บเทยี บคาบการโคจรของ

ดาวเคราะห์ต่างๆ จากแบบจาลอง

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

ระบบสรุ ยิ ะเปน็ ระบบที่มีดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ศูนย์กลาง และมดี าวบริวารโคจรอยู่โดยรอบ คอื ดาวเคราะห์ แปดดวง

คือ ดาวพธุ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจนู นอกจากน้รี ะบบสรุ ิยะยังมีดวง

จนั ทร์ท่เี ป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์ ดาวเคราะหแ์ คระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง อุกกาบาต และวตั ถุขนาดเล็กอื่นๆ
ซง่ึ ดาวพธุ คอื ดาวเคราะห์ท่ีมีคาบการโคจรรอบดวงอาทติ ย์สัน้ ทีส่ ดุ และดาวเนปจูนคือดาวทม่ี ีคาบการโคจรรอบดวง

อาทิตย์ยาวท่ีสุด

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ได้ (K)

2. สร้างแบบจาลองเพอ่ื อธิบายส่วนประกอบของระบบสุรยิ ะและคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ได้ (P)

3. ใหค้ วามรว่ มมือในการทากิจกรรมกลุ่มได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ

ดวงอาทิตยเ์ ปน็ ดาวฤกษ์ท่เี ป็นศูนยก์ ลางของระบบ พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

สุริยะ และมบี รวิ ารโคจรอยโู่ ดยรอบ ซึง่ ดาวเคราะห์

แต่ละดวงจะมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตยแ์ ตกต่าง

กนั

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1-2

1.นักเรียนรวมกลุ่มเดิม จากน้ันช่วยกันสร้างแบบจาลองตามท่ีได้ออกแบบไว้ โดยใช้อุปกรณ์จากกิจกรรมท่ี 1 เร่ือง
แบบจาลองระบบสุรยิ ะ จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 43

ข้ันอธิบายความรู้ (Explain)
1.ครูตง้ั คาถามเพือ่ ทบทวนความรนู้ ักเรยี นว่า ดาวดวงใดเป็นศนู ยก์ ลางของระบบสรุ ิยะ (แนวตอบ : ดวงอาทิตย์)
2.นักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอแบบจาลองที่ได้สรา้ งขึ้นหน้าชน้ั เรียนพรอ้ มอธิบายส่วนประกอบของระบบสรุ ิยะและ
คาบการโคจรของดาวเคราะหต์ ่างๆ ในระบบสรุ ยิ ะ โดยมีครคู อยแนะนาเพม่ิ เตมิ ในส่วนท่ีบกพร่อง

คาบที่ 3

3.นกั เรยี นทกุ คนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นจนไดข้ ้อสรุปว่า ระบบสรุ ิยะเปน็ ระบบท่ีมีดวงอาทิตย์ เป็นศนู ย์กลาง และมี
ดาวบรวิ ารโคจรอย่โู ดยรอบ ระบบสรุ ยิ ะประกอบดว้ ย ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ 8 ดวงรวมทั้งดวงจนั ทรบ์ รวิ าร ดาว
เคราะหแ์ คระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง อุกกาบาต และวัตถขุ นาดเล็กอ่นื ๆดาวเคราะห์ทม่ี ีคาบการโคจรรอบดวง
อาทติ ยส์ ั้นท่ีสุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้ง 8 ดวง คอื ดาวพุธ และดาวเคราะห์ทมี่ คี าบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ยาวทีส่ ุด
คอื ดาวเนปจูน

ขั้นสรุป

ข้ันขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1.นักเรียนแต่ละคนทากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 43 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียนหรือทาใน

แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ หน้า 58-59

2.นักเรยี นแต่ละคนทากิจกรรมสรุปความรู้ประจาบทท่ี 1 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียนหรือทาในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์

หน้า 60 คาบที่ 4

3.นกั เรียนแต่ละคนทากิจกรรมฝึกทักษะบทที่ 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 60-61 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน
หรือทาในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 61-64

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผล วิธกี ารวัดผล เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ 1.คาถามกระตุ้นความคิด ประเมนิ ผล

ความรู้ความ 1. อธิบายเปรยี บเทียบคาบการ 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
เขา้ ใจ (K) โคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาว ผา่ นเกณฑ์การ
เคราะห์ได้ ประเมิน

ทักษะ/ 1.สร้างแบบจาลองเพ่ืออธิบาย 1. แบบจาลองสว่ น 70% ขึ้นไป ถอื ว่า
กระบวนการ (P) ส่วนประกอบของระบบสรุ ิยะ
และคาบการโคจรรอบดวง ประกอบของระบบสุริยะ ผ่านเกณฑ์การ
คุณลกั ษณะนิสยั (A) อาทิตย์ของดาวเคราะห์ได้
และคาบการโคจรรอบดวง ประเมนิ
1. ให้ความร่วมมือในการทา
กจิ กรรมกลมุ่ ได้ อาทติ ย์ของดาวเคราะห์

1. แบบสังเกตพฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่

ผ่านเกณฑ์การ

ประเมนิ

7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 ระบบสรุ ยิ ะและการปรากฏของดวงจันทร์

2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4ระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจันทร์

3) วัสดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมท่ี 1 เชน่ ฟิวเจอรบ์ อร์ด กระดาษแข็ง กระดาษสี ลกู ปิงปอง ดินนา้ มนั ลกู

บอลพลาสติก กาว กรรไกร สีไม้ เป็นตน้

4) บัตรภาพดาวเคราะห์ในระบบสรุ ิยะ

5) สมดุ ประจาตัวนักเรียน

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) ห้องเรยี น
3) อินเทอรเ์ นต็

8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผสู้ อน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ...................................................ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ่ี 14

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนที่……2…/………... ชอ่ื ผสู้ อน….…...................................................……...

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 จานวน 4 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบสุริยะการปรากฏของดวงจนั ทร์ เร่อื ง แบบจาลองระบบสรุ ิยะ

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์

และระบบสุรยิ ะ รวมทั้งปฏสิ ัมพนั ธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะที่สง่ ผลตอ่ ส่ิงมชี ีวติ และการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ

ตวั ช้วี ัด ป.4/3 สร้างแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุรยิ ะ และอธบิ ายเปรียบเทียบคาบการโคจรของ

ดาวเคราะหต์ า่ งๆ จากแบบจาลอง

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

ระบบสุรยิ ะเป็นระบบที่มดี วงอาทิตยเ์ ป็นศนู ยก์ ลาง และมดี าวบรวิ ารโคจรอย่โู ดยรอบ คือ ดาวเคราะห์ แปดดวง

คือ ดาวพธุ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจูน นอกจากน้รี ะบบสุริยะยังมีดวง

จนั ทรท์ ีเ่ ป็นดาวบรวิ ารของดาวเคราะห์ ดาวเคราะหแ์ คระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง อุกกาบาต และวตั ถขุ นาดเล็กอื่นๆ
ซง่ึ ดาวพุธ คอื ดาวเคราะห์ที่มีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ส้ันที่สุด และดาวเนปจนู คือดาวท่ีมคี าบการโคจรรอบดวง

อาทิตยย์ าวท่ีสุด

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายเปรยี บเทียบคาบการโคจรรอบดวงอาทิตยข์ องดาวเคราะห์ได้ (K)

2. สร้างแบบจาลองเพอ่ื อธิบายสว่ นประกอบของระบบสุริยะและคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ได้ (P)

3. ให้ความร่วมมือในการทากิจกรรมกลุ่มได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่นิ

ดวงอาทิตย์เปน็ ดาวฤกษ์ทเี่ ป็นศนู ย์กลางของระบบ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

สุรยิ ะ และมบี รวิ ารโคจรอยโู่ ดยรอบ ซึง่ ดาวเคราะห์

แตล่ ะดวงจะมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตยแ์ ตกต่าง

กัน

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

ข้นั นา

คาบท่ี 1

4.นักเรียนแตล่ ะคนทากิจกรรมทา้ ทายการคิดขึ้นสูงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 65 5.นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรม
สรา้ งสรรคผ์ ลงานบทท่ี 1 จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ หนา้ 61 หรือในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 66
ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate)
1.ให้นักเรยี นดตู ารางตรวจสอบตนเอง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 59 จากน้ันครูถามนักเรียนเป็นรายบุคคลตาม
รายการข้อ 1-5 จากตาราง เพ่ือเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียนหลังจากการเรียน หากนักเรียนคนใด
ตรวจสอบตนเองโดยให้อยู่ในเกณฑ์ท่ีควรปรับปรุง ให้ครูทบทวนบทเรียนหรือหากิจกรรมอื่นซ่อมเสริม เพ่ือให้นักเรียนมี
ความรคู้ วามใจในบทเรยี นมากข้นึ

คาบท่ี 2

2.ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการทางาน
กลมุ่ และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชนั้ เรยี น

คาบท่ี 3

3.ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมท่ี 1 เรื่อง แบบจาลองระบบสุริยะในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ หน้า 56-57
4.ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมหนตู อบไดใ้ นสมดุ ประจาตวั นกั เรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตรห์ น้า 58-59
5.ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมสรปุ ความรบู้ ทที่ 1 ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 60
6.ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมฝกึ ทกั ษะบทที่ 1ในสมดุ ประจาตวั นกั เรยี นหรอื ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตรห์ นา้ 61-64
7.ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมทา้ ทายการคดิ ขนั้ สงู บทที่ 1 ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์หน้า 65
8.ครตู รวจชน้ิ งานเกมท่ีชว่ ยในการเรียนร้เู ก่ียวกับระบบสรุ ยิ ะ และการนาเสนอชน้ิ งาน/ผลงานหน้าช้นั เรยี น

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์ 1.คาถามกระตุ้นความคิด ประเมินผล

ความรู้ความ 1. อธิบายเปรยี บเทยี บคาบการ 70% ขึน้ ไป ถือวา่
เข้าใจ (K) โคจรรอบดวงอาทติ ยข์ องดาว ผ่านเกณฑ์การ
เคราะห์ได้ ประเมิน

ทักษะ/ 1.สรา้ งแบบจาลองเพื่ออธิบาย 1. แบบจาลองสว่ น 70% ข้นึ ไป ถือว่า
กระบวนการ (P) ส่วนประกอบของระบบสรุ ยิ ะ
และคาบการโคจรรอบดวง ประกอบของระบบสุรยิ ะ ผ่านเกณฑ์การ
อาทติ ย์ของดาวเคราะห์ได้
และคาบการโคจรรอบดวง ประเมนิ

อาทติ ย์ของดาวเคราะห์

คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 1. ใหค้ วามร่วมมือในการทา 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
กิจกรรมกลุ่มได้ ผ่านเกณฑ์การ
ประเมนิ

7. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้

7.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 ระบบสรุ ิยะและการปรากฏของดวงจนั ทร์

2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4ระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจันทร์

3) วัสดุ-อปุ กรณ์การทดลองในกิจกรรมท่ี 1 เช่น ฟิวเจอร์บอร์ด กระดาษแขง็ กระดาษสี ลกู ปิงปอง ดินนา้ มนั ลกู

บอลพลาสติก กาว กรรไกร สีไม้ เปน็ ตน้

4) บัตรภาพดาวเคราะห์ในระบบสุรยิ ะ

5) สมดุ ประจาตวั นักเรยี น

7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องเรียน
3) อินเทอรเ์ น็ต

8.กิจกรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงช่อื ............................................ครผู ูส้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ...................................................ผู้บรหิ าร
(...........................................................)

บตั รภาพ

ดาวพธุ
ดาวศุกร์

บตั รภาพ 

โลก

ดาวอังคาร

บตั รภาพ 

ดาวพฤหสั บดี

ดาวเสาร์

บตั รภาพ 

ดาวมฤตยหู รอื ดาวยเู รนัส

ดาวสมุทร หรอื ดาวเกตุ หรอื ดาวเนปจูน

สปั ดาหท์ ี่ 15

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่……2…/………... ชอ่ื ผู้สอน….…................................................

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 จานวน 4 คาบ

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 ระบบสุริยะการปรากฏของดวงจันทร์ เรื่อง การขึน้ และตกของดวงจันทร์

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์
และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏสิ ัมพันธภ์ ายในระบบสรุ ิยะท่สี ง่ ผลตอ่ สง่ิ มชี วี ิต และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ

ตัวชว้ี ัด ป.4/1 อธิบายแบบรูปเส้นทางการขึน้ และตกของดวงจนั ทร์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การข้ึนและตกของดวงจันทร์เกดิ จากดวงจนั ทร์หมนุ รอบตวั เองในทิศทางทวนเขม็ นาฬิกาเช่นเดยี วกับโลก โดยที่
ดวงจนั ทร์ใชเ้ วลาการโคจรรอบโลกนานกวา่ เวลาทีโ่ ลกหมุนรอบตวั เองซึ่งดวงจันทรป์ รากฏข้ึนทางด้านทิศตะวันออกและ

ตกทางด้านทศิ ตะวนั ตกหมุนเวยี นเป็นแบบรูปซ้า ๆ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายแบบรูปเส้นทางการขนึ้ และตกของดวงจันทร์ได้ (K)
2. ใหค้ วามรว่ มมือในการทากิจกรรมกลมุ่ และมีความรับผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่

ดวงจนั ทร์ปรากฏขึ้นทางด้านทศิ ตะวันออกและตก พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

ทางดา้ นทิศตะวนั ตกหมุนเวียนเป็นแบบรูปซา้ ๆ

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1
ขนั้ นา

ข้ันกระตุ้นความสนใจ (Engage)
1.ครูสนทนากับนกั เรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันน้ีจะได้เรียนรู้เก่ียวกับเรื่องอะไร แล้วให้นักเรียน
ชว่ ยกนั ตอบคาถาม จากนั้นครูแจ้งชื่อเร่อื งท่ีจะเรียนรู้ และตัวชว้ี ัดใหท้ ราบ

2.นกั เรียนเรียนร้คู าศัพทท์ ีเ่ ก่ยี วข้องกับการเรียนในหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 บทที่ 2 จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2
หน้า 62 โดยครสู มุ่ เลอื กตัวแทนหรือขออาสาสมคั รนักเรียน 1 คน ออกมาหน้าชั้นเรียนเพ่ือเป็นผู้อ่านนา และให้เพื่อนคน
อ่นื ๆ อ่านตาม ดงั นี้

Sky (สไก) ทอ้ งฟ้า
Moon (มนู ) ดวงจนั ทร์
Light part (ไลทพาท) สว่ นสวา่ ง
Dark part (ดาคพาท) ส่วนมืด
Night (ไนท) กลางคืน

(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

คาบท่ี 2

3.นกั เรียนทกุ คนดูภาพจากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ หน้า 62 จากน้ันถามคาถามสาคญั ประจาบทว่า ดวงจันทร์ในแต่ละ
คืนมีลกั ษณะเหมือนกันหรอื ไม่ อย่างไร แลว้ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ อย่างอิสระในการตอบคาถาม
(แนวตอบ :ดวงจันทรใ์ นแตล่ ะคืนมีลักษณะไม่เหมือนกัน เพราะในบางคืนเราจะมองเห็นรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์เป็น
รปู เส้ยี ว ครง่ึ ดวง เตม็ ดวง หรอื ในบางคนื อาจมองไม่เหน็ ดวงจันทร์เลย)
4.นักเรียนแต่ละคนสังเกตดวงจันทร์ แล้ววาดภาพพร้อมระบายสีลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือทากิจกรรมนาสู่การ
เรยี นลงในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 67

คาบที่ 3

ข้ันสอน

ขั้นสารวจค้นหา (Explore)
1.นักเรียนทุกคนอ่านข้อมูลและดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 63 จากน้ันครูตั้งคาถามถามนักเรียน แล้วให้
นักเรยี นตอบคาถามลงในสมดุ ดงั น้ี

1) การขึน้ และตกของดวงจันทร์เกดิ ขึ้นในทิศทางใด

(แนวตอบ :ดวงจนั ทร์ขน้ึ ทางทศิ ตะวันตก และตกทางทิศตะวนั ออก)

2) การขน้ึ และตกของดวงจนั ทร์มลี กั ษณะแตกต่างจากการขึ้นและตกของดวงอาทติ ย์หรือไม่ อย่างไร

(แนวตอบ :การขน้ึ และตกของดวงจันทรแ์ ละดวงอาทติ ย์มีทศิ ทางเดยี วกัน คือ ข้นึ ทางทิศตะวนั ตก และ

ตกทางทิศตะวนั ออก)

2.ครูขออาสาสมัครหรือสุ่มเลือกนักเรียนจากเลขท่ี 4-5 คน ให้ออกมาอธิบายเฉลยคาตอบโดยมีครูคอยตรวจสอบความ
ถูกตอ้ ง
3.ครูให้คาชมเชยหรือมอบรางวัลให้ตัวแทนนักเรียนที่ออกมาตอบคาถามได้ถูกต้อง เพ่ือเป็นการเสริมแรงในการกล้า
แสดงออก และใหค้ าชมเชยนกั เรยี นทุกคนที่ชว่ ยกนั อภปิ รายคาตอบจากคาถามทีค่ รูต้ังไว้

คาบที่ 4

ข้ันสารวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
1.ครูตง้ั คาถามเพือ่ กระต้นุ ความคิดนกั เรียนว่า นกั เรยี นคิดวา่ การข้ึนและตกของดวงจันทรเ์ กิดขน้ึ ได้อย่างไร และให้
นกั เรียนตอบคาถามโดยอสิ ระ ซงึ่ ครยู ังไมเ่ ฉลยคาตอบ
2.ครชู ี้แจงใหน้ กั เรยี นฟงั ว่า นกั เรียนจะไดค้ าตอบจากการทากจิ กรรมท่ี 1 เรอื่ ง การขน้ึ และตกของดวงจันทร์
3.ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถ (เก่ง-ปานกลาง-อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน กาหนดกลุ่มละ 4-5 คน คละ
เพศหญิง–ชาย โดยครเู ป็นผูเ้ ลอื กนักเรยี นเข้ากล่มุ
4.ครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิคแบ่งปันความสาเร็จ (STAD : Student Teams Achievement Division)
โดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนในกลุ่มช่วยกันศึกษาข้ันตอนการทากิจกรรมที่ 1 เร่ือง การขึ้นและตกของดวงจันทร์ จากหนังสือ
เรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 64
5.นกั เรียนแตล่ ะคนในกลมุ่ ทากจิ กรรมที่ 1 เร่อื ง การขน้ึ และตกของดวงจนั ทร์ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 64 โดย
ปฏิบตั ิกจิ กรรม ดังนี้

1) สังเกตการณ์ข้ึนและตกของดวงจันทร์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากน้ันบันทึกผลลงในสมุดประจาตัวนักเรียน

หรือบันทึกลงในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 69

2) นาผลการสงั เกตมาอภิปรายรว่ มกันภายในกล่มุ

3) สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการขึ้นและตกของดวงจันทร์เพ่ิมเติม จากน้ันนาข้อมูลที่ได้มาวาดแสดงรูปแบบการ

ขึ้นและตกของดวงจันทรล์ งในกระดาษแขง็ พร้อมตกแตง่ ให้สวยงาม

(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผล วิธีการวัดผล เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์

ประเมนิ ผล

ความรูค้ วาม 1. อธิบายแบบรปู เส้นทางการ 1.คาถามกระตุน้ ความคิด 70% ขึ้นไป ถอื ว่า
เข้าใจ (K) ขนึ้ และตกของดวงจันทร์ได้
ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมิน

ทกั ษะ/ - 1. ใบงานที่ 4.2 เรอ่ื งการ 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่
กระบวนการ (P) ข้ึนและตกของดวงจันทร์ ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

คุณลักษณะนสิ ัย (A) 1. ให้ความร่วมมอื ในการทา 1. แบบสงั เกตพฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่

กจิ กรรมกล่มุ และมคี วาม ผา่ นเกณฑ์การ

รับผดิ ชอบในการสง่ งานตรงเวลา ประเมิน

7. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้

7.1 สื่อการเรยี นรู้
1.หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4ระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจนั ทร์
2. แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4ระบบสุรยิ ะและการปรากฏของดวงจันทร์
3. วสั ดุ-อุปกรณ์การทดลองในกจิ กรรมที่ 1 เชน่ สไี ม้ กระดาษแขง็ แผ่นใหญ่ เปน็ ตน้
4.ใบงานที่ 4.2 เร่อื ง การขึ้นและตกของดวงจนั ทร์
5. QR Code เร่ืองการขึ้นและตกของดวงจันทร์
6. สมดุ ประจาตัวนักเรยี น

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องเรียน
3) อนิ เทอรเ์ นต็

8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครผู ้สู อน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ...................................................ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 16

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี……2…/………... ชื่อผู้สอน….…................................................

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 จานวน 4 คาบ

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบสุรยิ ะการปรากฏของดวงจันทร์ เร่อื ง การขน้ึ และตกของดวงจันทร์

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์
และระบบสุรยิ ะ รวมท้ังปฏสิ ัมพันธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะทสี่ ง่ ผลต่อสง่ิ มีชีวิต และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ

ตัวชว้ี ดั ป.4/1 อธบิ ายแบบรูปเส้นทางการข้นึ และตกของดวงจันทร์ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษ์

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การขึ้นและตกของดวงจนั ทรเ์ กิดจากดวงจนั ทร์หมนุ รอบตวั เองในทิศทางทวนเขม็ นาฬิกาเชน่ เดียวกับโลก โดยที่
ดวงจนั ทร์ใช้เวลาการโคจรรอบโลกนานกว่าเวลาทโี่ ลกหมุนรอบตวั เองซึ่งดวงจนั ทร์ปรากฏขน้ึ ทางด้านทิศตะวันออกและ

ตกทางด้านทศิ ตะวนั ตกหมุนเวยี นเป็นแบบรปู ซา้ ๆ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายแบบรปู เส้นทางการขึน้ และตกของดวงจันทร์ได้ (K)
2. ให้ความรว่ มมอื ในการทากิจกรรมกลุ่มและมีความรับผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น

ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นทางด้านทศิ ตะวันออกและตก พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

ทางดา้ นทิศตะวันตกหมุนเวียนเป็นแบบรูปซ้าๆ

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ขน้ั อธิบายความรู้ (Explain)
1.ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรมภายในกลุ่มและช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องเพ่ือเตรียม
ความพรอ้ มในการนาเสนอหนา้ ชั้นเรียน

คาบท่ี 2

2.ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหนา้ ช้ันเรียนทลี ะกล่มุ จนครบทุกกลุม่
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ )

คาบท่ี 3

ขน้ั สรปุ

ข้นั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1.ครูทบสอบความรขู้ องนกั เรียนรายบคุ คล โดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนทาใบงานท่ี 4.2 เรื่อง การข้นึ และตกของดวงจันทร์

2.ครูตรวจใบงานที่ 4.2 เรื่อง การข้ึนและตกของดวงจันทร์ จากน้ันนาคะแนนของสมาชิกทุกคนในกลุ่มมารวมกันเป็น
คะแนนกลุ่ม
3.ครูสมั ภาษณก์ ลุ่มที่ได้คะแนนสูงทส่ี ุดวา่ มวี ธิ กี ารทางานรว่ มกันอยา่ งไร จงึ ทาใหไ้ ดค้ ะแนนรวมสงู ที่สุด
4.ครูให้คาชมเชยหรือมอบรางวัลให้กลมุ่ ท่ไี ดค้ ะแนนรวมสงู ท่ีสุด เพื่อเป็นการเสริมแรงในการทากิจกรรม และให้คาชมเชย
นกั เรียนทุกคนทีช่ ว่ ยกันทากจิ กรรมภายในกลมุ่
5.นักเรียนแต่ละคนทากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 64 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียนหรือทาใน
แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 70 เป็นการบา้ น แล้วนามาสง่ ในช่ัวโมงเรียนถัดไป

(หมายเหตุ :ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

คาบที่ 4

6.นักเรยี นทกุ คนศกึ ษาข้อมลู การขนึ้ และตกของดวงจนั ทร์จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 65-66
7.นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนแล้วไปเรียนรู้ข้อมูลเก่ียวกับการข้ึนและตกของดวงจันทร์เพ่ิมเติมจากส่ือดิจิทัลจากหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 65 โดยใช้โทรศพั ท์มอื ถอื สแกน QR Code เรือ่ งการขึน้ และตกของดวงจนั ทร์

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผล วิธกี ารวัดผล เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ าร
จุดประสงค์

ประเมินผล

ความรูค้ วาม 1. อธิบายแบบรปู เส้นทางการ 1.คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขึน้ ไป ถอื วา่
เข้าใจ (K) ขนึ้ และตกของดวงจนั ทร์ได้
ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมิน

ทักษะ/ - 1. ใบงานที่ 4.2 เรือ่ งการ 70% ขน้ึ ไป ถือวา่
กระบวนการ (P) ขน้ึ และตกของดวงจันทร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

คุณลกั ษณะนิสัย (A) 1. ให้ความร่วมมอื ในการทา 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรม 70% ข้ึนไป ถอื ว่า

กิจกรรมกลุม่ และมีความ ผา่ นเกณฑ์การ

รบั ผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา ประเมิน

7. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้

7.1 ส่อื การเรยี นรู้
1.หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4ระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจนั ทร์
2. แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4ระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจันทร์
3. วัสดุ-อปุ กรณ์การทดลองในกจิ กรรมที่ 1 เช่น สไี ม้ กระดาษแข็งแผน่ ใหญ่ เปน็ ต้น
4.ใบงานที่ 4.2 เรอ่ื ง การขน้ึ และตกของดวงจันทร์
5. QR Code เรื่องการขึ้นและตกของดวงจันทร์
6. สมดุ ประจาตัวนกั เรียน

7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องเรียน
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครผู ู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวชิ าการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ...................................................ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 17

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี……2…/………... ช่ือผสู้ อน….…................................................

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 จานวน 3 คาบ

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ระบบสุริยะการปรากฏของดวงจนั ทร์ เร่ือง การข้ึนและตกของดวงจนั ทร์

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์
และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏสิ ัมพันธภ์ ายในระบบสรุ ิยะทสี่ ่งผลตอ่ ส่งิ มชี ีวติ และการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ

ตวั ช้วี ัด ป.4/1 อธบิ ายแบบรูปเส้นทางการข้ึนและตกของดวงจันทร์ โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การข้นึ และตกของดวงจันทร์เกิดจากดวงจนั ทรห์ มุนรอบตวั เองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเชน่ เดียวกับโลก โดยท่ี
ดวงจันทรใ์ ชเ้ วลาการโคจรรอบโลกนานกว่าเวลาทโ่ี ลกหมุนรอบตัวเองซ่ึงดวงจันทร์ปรากฏขนึ้ ทางดา้ นทิศตะวนั ออกและ

ตกทางด้านทศิ ตะวนั ตกหมุนเวียนเปน็ แบบรูปซ้า ๆ

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายแบบรปู เสน้ ทางการขน้ึ และตกของดวงจันทร์ได้ (K)
2. ใหค้ วามรว่ มมือในการทากิจกรรมกลมุ่ และมีความรับผดิ ชอบในการส่งงานตรงเวลา (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่

ดวงจนั ทร์ปรากฏขึ้นทางดา้ นทศิ ตะวันออกและตก พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

ทางดา้ นทิศตะวนั ตกหมนุ เวียนเป็นแบบรูปซ้าๆ

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

1 .นักเรียนแต่ละคู่นาความรู้ที่ได้จากการศึกษาข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 65-66 และความรู้จากการแส
กน QR Code เร่ืองการข้ึนและตกของดวงจันทร์ มาอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะการขึ้นและตกของดวงจันทร์ และร่วมกัน
สรุปภายในชนั้ เรยี น โดยให้ครูคอยอธบิ ายเสริมเพมิ่ เตมิ
2. ครูถามคาถามท้าทายการคิดขั้นสูงนักเรียนว่า “การข้ึนและตกของดวงจันทร์เหมือนการข้ึนและตกของดวงอาทิตย์”
จากข้อความดงั กลา่ ว นกั เรยี นเหน็ ด้วยหรอื ไม่ เพราะอะไร

(แนวตอบ :เหน็ ด้วย เพราะดวงจันทร์ข้นึ ทางทิศตะวนั ออกและตกทางทศิ ตะวันตก เช่นเดียวกับการขึ้นและตก
ของดวงอาทติ ย์)

คาบท่ี 2

ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1.ครูสมุ่ นกั เรียน4-5 คน แลว้ ให้สรุปความรเู้ กีย่ วกับการข้นึ และตกของดวงจนั ทร์

คาบที่ 3

2.ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมนาสู่การเรยี นในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์หน้า 67
3.ครปู ระเมินผลนกั เรยี น โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบคุ คล พฤตกิ รรมการทางาน
กลมุ่ และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าช้นั เรียน
4.ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมท่ี 1 เรื่อง การขึ้นและตกของดวงจันทร์ในสมุดประจาตัวนักเรียนหรือในแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ หน้า 69
5.ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 4.2 เรอ่ื ง การขนึ้ และตกของดวงจนั ทร์
6.ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมหนูตอบไดใ้ นสมดุ ประจาตัวนักเรยี น หรือในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์หนา้ 70

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผล วิธีการวดั ผล เครือ่ งมอื วดั เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์

ประเมินผล

ความรู้ความ 1. อธิบายแบบรปู เสน้ ทางการ 1.คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขึ้นไป ถือวา่
เขา้ ใจ (K) ขนึ้ และตกของดวงจันทร์ได้
ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

ทักษะ/ - 1. ใบงานที่ 4.2 เร่ืองการ 70% ขึน้ ไป ถือว่า
กระบวนการ (P) ข้นึ และตกของดวงจนั ทร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

คุณลักษณะนิสัย (A) 1. ให้ความร่วมมอื ในการทา 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 70% ขึ้นไป ถอื ว่า

กิจกรรมกลุ่มและมคี วาม ผ่านเกณฑ์การ

รบั ผดิ ชอบในการสง่ งานตรงเวลา ประเมนิ

7. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้

7.1 สือ่ การเรยี นรู้
1.หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4ระบบสรุ ิยะและการปรากฏของดวงจันทร์
2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4ระบบสรุ ยิ ะและการปรากฏของดวงจันทร์
3. วสั ดุ-อุปกรณ์การทดลองในกจิ กรรมท่ี 1 เช่น สีไม้ กระดาษแข็งแผน่ ใหญ่ เป็นตน้
4.ใบงานท่ี 4.2 เร่ือง การข้ึนและตกของดวงจนั ทร์
5. QR Code เรอื่ งการข้ึนและตกของดวงจนั ทร์
6. สมดุ ประจาตวั นักเรยี น

7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) หอ้ งเรยี น
3) อนิ เทอรเ์ นต็

8.กจิ กรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ...................................................ผู้บรหิ าร
(...........................................................)

ใบงานท่ี 4.2

เร่อื ง การขน้ึ และตกของดวงจนั ทร์
คาชแ้ี จง : 1. วาดภาพแสดงทศิ ทางการขน้ึ และตกของดวงจนั ทร์

คาชแ้ี จง : 2. ขดี หนา้ ข้อความทก่ี ลา่ วเก่ียวกบั การขึ้นและตกของดวงจันทรไ์ ดถ้ ูกต้อง
…......1) ดวงจันทร์มีการเคลือ่ นที่ในทศิ ทางทต่ี รงข้ามโลก
……...2) ดวงจันทร์โคจรรอบโลกในทิศทางตามเข็มนาฬกิ า
…......3) ดวงจันทรใ์ ชเ้ วลาโคจรรอบโลกนานกว่าเวลาทีโ่ ลกหมนุ รอบตัวเอง
…......4) การขน้ึ และตกของดวงจนั ทรม์ ีทศิ ทางเดียวกับการขน้ึ และตกของดวงอาทติ ย์
…......5) ดวงจนั ทร์ลอยสูงขึน้ ทางทิศตะวนั ออกและลอยต่าลงมาจนกระทัง่ ลับขอบฟ้า

ไปทางทศิ ตะวนั ตก

ใบงานท่ี 4.2 เฉลย

เรอ่ื ง การขน้ึ และตกของดวงจันทร์

คาช้แี จง : 1. วาดภาพแสดงทิศทางการขน้ึ และตกของดวงจันทร์

คาช้ีแจง : 2. ขีด หน้าขอ้ ความท่กี ล่าวเกีย่ วกับการขนึ้ และตกของดวงจันทรไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง

…......1) ดวงจันทรม์ ีการเคลือ่ นที่ในทิศทางที่ตรงขา้ มโลก
……...2) ดวงจันทร์โคจรรอบโลกในทิศทางตามเขม็ นาฬกิ า

…......3) ดวงจนั ทรใ์ ช้เวลาโคจรรอบโลกนานกว่าเวลาท่ีโลกหมุนรอบตัวเอง
…......4) การขึ้นและตกของดวงจันทร์มีทศิ ทางเดียวกับการข้นึ และตกของดวงอาทติ ย์
…......5) ดวงจนั ทร์ลอยสูงขนึ้ ทางทศิ ตะวนั ออกและลอยต่าลงมาจนกระทง่ั ลบั ขอบฟา้

ไปทางทิศตะวันตก

สัปดาห์ท่ี 17- 18

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่……2…/………... ชอื่ ผู้สอน….…...................................................……...

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 จานวน 3 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบสุรยิ ะการปรากฏของดวงจนั ทร์เรือ่ ง การเปลีย่ นแปลงรปู ร่างของดวงจนั ทร์

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์
และระบบสุริยะ รวมท้งั ปฏิสัมพนั ธภ์ ายในระบบสุรยิ ะท่ีส่งผลต่อสิ่งมชี ีวติ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ

ตวั ชวี้ ดั ป.4/2 สร้างแบบจาลองท่ีอธบิ ายแบบรปู การเปล่ียนแปลงรูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทรแ์ ละพยากรณ์
รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทร์

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ดวงจันทรท์ ่มี องเหน็ หรือรปู รา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์บนท้องฟ้าแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะวัน โดยบางวันดวงจนั ทร์
จะมรี ูปรา่ งปรากฏเป็นเสี้ยว เต็มดวง หรอื บางวันมองไม่เห็นดวงจันทร์เลย การเปล่ียนแปลงเชน่ นเ้ี ป็นแบบรปู ซ้ากันทุก
เดอื น

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายแบบรปู การเปลีย่ นแปลงรปู ร่างปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณร์ ปู ร่างปรากฏของ
ดวงจันทร์ได้ (K)
2. สร้างแบบจาลองเพือ่ อธบิ ายแบบรูปการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างปรากฏของดวงจนั ทร์และพยากรณ์
รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ได้ (P)
3. ใหค้ วามรว่ มมือในการทากจิ กรรมกลมุ่ และมีความรับผิดชอบในการสง่ งานตรงเวลา(A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น

ดวงจนั ทรท์ ีม่ องเห็นหรือรปู ร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

บนท้องฟา้ แตกตา่ งกันไปในแตล่ ะวนั ซง่ึ จะเปน็ แบบรูป

ซ้ากนั ทุกเดอื น

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1

ขัน้ นา

ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นโดยถามนักเรียนวา่ นกั เรยี นทราบหรือไม่ว่า วันนี้จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเร่ืองอะไร แล้วให้นักเรียน

ชว่ ยกันตอบคาถาม จากน้ันครูแจ้งชอ่ื เรอื่ งท่ีจะเรยี นรู้ และตัวช้ีวัดใหท้ ราบ
2. นักเรียนทกุ คนอ่านข้อมลู และดูภาพในหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 67 จากนั้นครูถามคาถามนักเรียนว่า

รูปร่างของดวงจันทร์ในแต่ละคนื มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ :รปู รา่ งของดวงจันทร์ในแตล่ ะคืนมีลักษณะแตกต่างกัน คือในบางคืนดวงจันทรจ์ ะเต็มดวง บางคนื ครึ่งดวง บาง
คนื รปู เส้ียว และในบางคนื อาจมองไมเ่ หน็ ดวงจนั ทรเ์ ลย)

ข้นั สอน

ขั้นสารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูตั้งคาถามเพ่ือกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า นักเรียนคิดว่า หากวันน้ีดวงจันทร์เต็มดวงวันแรก เม่ือผ่านไป 2 สัปดาห์
ดวงจนั ทร์จะยังเต็มดวงอยหู่ รือไม่ เพราะอะไร และให้นักเรียนตอบคาถามโดยอิสระ ซง่ึ ครยู ังไมเ่ ฉลยคาตอบ
(แนวตอบ :ดวงจันทร์จะมีรูปร่างเปล่ียนไป เพราะดวงจันทร์มีการโคจรรอบโลก จึงทาให้คนบนโลกมองเห็นแสงสะท้อน
จากดวงจนั ทร์มีลักษณะแตกตา่ งกันไปในแตล่ ะคนื )
2. ครูช้แี จงใหน้ กั เรยี นฟงั วา่ นักเรียนจะได้คาตอบจากการทากิจกรรมท่ี 2 เรอื่ ง การเปลีย่ นรปู ของดวงจันทร์

คาบที่ 2

3. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถ (เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง-อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน กาหนดกลุ่มละ
3-4 คน โดยครเู ปน็ ผเู้ ลือกนักเรียนเข้ากล่มุ
4. นักเรียนแต่ละกลุม่ ทากิจกรรมท่ี 2 เรอ่ื งการเปลย่ี นรูปของดวงจันทร์ ข้อ 1.-2. จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 68
แล้วบันทึกผลลงในสมดุ ประจาตวั นักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 73

คาบท่ี 3

ขั้นสารวจคน้ หา (Explore)(ต่อ)
1.ครูใช้วธิ สี อนโดยใชก้ ารสาธติ (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาข้ันตอน
การทากิจกรรมที่ 2 เร่อื งการเปล่ียนรูปของดวงจนั ทร์ขอ้ 3. จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 69
2. ครจู บั ฉลากเลือกนกั เรียน 2 กลุม่ จากน้ันใหอ้ อกมาสาธิตการทากจิ กรรมตามท่ีได้ศกึ ษาขัน้ ตอนการทากิจกรรม
3. เพ่อื นนกั เรียนกลมุ่ อน่ื ๆ ชว่ ยกันสงั เกตการสาธติ การทากิจกรรมจากกลมุ่ ที่ทาการสาธิต จากน้นั นาผลการสงั เกตบันทึก
ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรอื ในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตรห์ นา้ 74

(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี นโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)

คาบท่ี 4

ขัน้ อธิบายความรู้ (Explain)
1.นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายผลจากการสงั เกตการสาธิตเกยี่ วกับเร่ืองการเปลยี่ นรูปของดวงจนั ทร์ภายในกลมุ่
และช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องเพ่ือเตรียมความพร้อมในการนาเสนอหน้าชัน้ เรียน
2.นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชนั้ เรยี นทีละกลุ่ม

(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ )

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผล วิธกี ารวัดผล เครื่องมือวดั เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล
ความร้คู วาม 1.อธบิ ายแบบรปู การ 1.คาถามกระตุ้นความคิด 70% ขึน้ ไป ถือ
เข้าใจ (K) เปล่ียนแปลงรูปร่างปรากฏของ ว่าผ่านเกณฑ์
ดวงจันทรแ์ ละพยากรณ์รปู ร่าง การประเมนิ
ทกั ษะ/ ปรากฏของดวงจนั ทร์ได้
กระบวนการ (P) 70% ขึ้นไป ถอื
1.สรา้ งแบบจาลองเพอ่ื อธบิ าย 1. ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง การ ว่าผา่ นเกณฑ์
คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) แบบรปู การเปล่ยี นแปลงรูปร่าง จาแนกสิง่ มชี วี ิต การประเมนิ
ปรากฏของดวงจนั ทร์และ
พยากรณร์ ูปร่างปรากฏของดวง 70% ขึ้นไป ถือ
จันทร์ได้ ว่าผ่านเกณฑ์
การประเมนิ
1. ใหค้ วามรว่ มมือในการทา 1. แบบสงั เกต

กิจกรรมกลุ่มและมคี วาม พฤติกรรม

รับผิดชอบในการสง่ งานตรงเวลา

7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

7.1 สอ่ื การเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 ระบบสุรยิ ะและการปรากฏของดวงจนั ทร์
2. แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจันทร์
3. วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 เชน่ สีไม้ ไฟฉาย ลกู ปงิ ปองเสยี บไม้ เปน็ ตน้
4. สมดุ ประจาตวั นกั เรยี น

7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมดุ
2) ห้องเรยี น
3) อินเทอร์เนต็

8.กิจกรรมเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ...................................................ผู้บรหิ าร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 18-19

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี……2…/………... ชอ่ื ผูส้ อน….…...................................................……...

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน 4 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ระบบสุรยิ ะการปรากฏของดวงจันทร์เร่ือง การเปลี่ยนแปลงรปู ร่างของดวงจันทร์

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด

มาตรฐาน ว 3.1เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์
และระบบสุริยะ รวมทง้ั ปฏสิ ัมพนั ธ์ภายในระบบสรุ ิยะที่ส่งผลต่อสง่ิ มีชีวติ และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ

ตวั ชี้วดั ป.4/2 สรา้ งแบบจาลองท่ีอธบิ ายแบบรปู การเปลีย่ นแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจนั ทร์และพยากรณ์
รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

ดวงจันทรท์ ี่มองเหน็ หรือรูปรา่ งปรากฏของดวงจันทรบ์ นท้องฟา้ แตกต่างกันไปในแต่ละวัน โดยบางวนั ดวงจนั ทร์
จะมรี ูปร่างปรากฏเปน็ เสีย้ ว เตม็ ดวง หรือบางวนั มองไมเ่ ห็นดวงจนั ทร์เลย การเปลยี่ นแปลงเชน่ น้เี ปน็ แบบรูปซา้ กนั ทุก
เดอื น

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายแบบรูปการเปลย่ี นแปลงรูปรา่ งปรากฏของดวงจันทรแ์ ละพยากรณร์ ูปรา่ งปรากฏของ
ดวงจนั ทร์ได้ (K)
2. สรา้ งแบบจาลองเพ่ืออธิบายแบบรปู การเปล่ยี นแปลงรปู รา่ งปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณ์
รปู รา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ได้ (P)
3. ให้ความรว่ มมือในการทากิจกรรมกลมุ่ และมีความรับผดิ ชอบในการส่งงานตรงเวลา(A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ

ดวงจนั ทรท์ ี่มองเห็นหรือรปู ร่างปรากฏของดวงจันทร์ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

บนทอ้ งฟ้าแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ซึ่งจะเปน็ แบบรูป

ซา้ กันทุกเดือน


Click to View FlipBook Version