เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 10 ตอนที่ 3 การทดลองของเมนเดล ค าชี้แจง : ให้ศึกษาภาพการทดลองของเมนเดล แล้วเติมค าลงในช่องว่างให้ถูกต้อง เมนเดลเลือกท าการทดลองกับ _____________________________________ เหตุผลที่เมนเดลเลือกท าการทดลองกับพืชชนิดนี้ เพราะ 1) ________________________________________________________________ 2) ________________________________________________________________ 3) ________________________________________________________________ ลักษณะที่เมนเดลเลือกน ามาศึกษา ได้แก่ ลักษณะเมล็ด สีของเมล็ด สีของดอก รูปร่างของฝัก สีของฝัก ต าแหน่งของ ดอกที่เกิด เมล็ดเรียบ เมล็ดขรุขระ เมล็ดสีเหลือง เมล็ดสีเขียว ดอกสีม่วง ดอกสีขาว ฝักอวบ ฝักแฟบ ฝักสีเหลือง ฝักสีเขียว ดอกเกิดที่ล าต้น ดอกเกิดที่ยอด ความสูงของต้น ต้นสูง ต้นเตี้ย
เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 11 ค าชี้แจง : ให้นักเรียนฟังค าอธิบาย และศึกษาการถ่ายทอดลักษณะของต้นถั่วลันเตา โดยพิจารณาลักษณะ เดียวจากการทดลองของเมนเดลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 แล้วเติมค าตอบลงในตาราง ลักษณะของพ่อแม่พันธุ์แท้ที่ใช้ผสม ลักษณะที่ปรากฏ ลูกรุ่นที่ 1 ลูกรุ่นที่ 2 (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 7,400 ต้น ) เมล็ดเรียบ 5,550 ต้น เมล็ดขรุขระ 1,850 ต้น (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 8,000 ต้น ) เมล็ดสีเหลือง 6,000 ต้น เมล็ดสีเขียว 2,000 ต้น (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 928 ต้น ) ดอกสีม่วง 696 ต้น ดอกสีขาว 232 ต้น (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 1,180 ต้น ) ฝักอวบ 885 ต้น ฝักแฟบ 295 ต้น (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 608 ต้น ) ฝักสีเขียว 456 ต้น ฝักสีเหลือง 152 ต้น (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 828 ต้น ) ดอกเกิดที่ล าต้น 621 ต้น ดอกเกิดที่ยอด 207 ต้น (ถ้าลูกรุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 1,108 ต้น ) ต้นสูง 831 ต้น ต้นเตี้ย 277 ต้น เมล็ดเรียบ เมล็ดขรุขระ เมล็ดสีเหลือง เมล็ดสีเขียว ดอกสีม่วง ดอกสีขาว ฝักอวบ ฝักแฟบ ฝักสีเหลือง ฝักสีเขียว ดอกเกิดที่ล าต้น ดอกเกิดที่ยอด ต้นสูง ต้นเตี้ย
เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 12 6. กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEP (ชั่วโมงที่ 3) ขั้นที่ 1 การเรียนรู้การตั้งค าถาม สงสัย ใคร่รู้ (Learning to Question :Q) 1. ทบทวนความรู้เรื่อง การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล นักเรียนตอบค าถามดังนี้ - ใครเป็นบิดาของวิชาพันธุศาสตร์ - เมนเดลใช้พืชใดศึกษา - ถั่วลันเตามีลักษณะพิเศษอย่างไร - เมนเดลศึกษาลักษณะของถั่วลันเตากี่ลักษณะ อะไรบ้าง - ลักษณะเด่นจะพบในรุ่นใดบ้าง - ลักษณะด้อยจะพบในรุ่นใดบ้าง ขั้นที่ 2 การเรียนรู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) 1. นักเรียนอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนหน้าที่ 30-31 แล้วตอบค าถาม - แฟกเตอร์คืออะไร ใครเป็นคนคิดค านี้ขึ้นมา - กฎของเมนเดลมีกี่ข้อ อะไรบ้าง - กฎข้อที่ 1 กฎแห่งการแยก มีใจความว่าอย่างไร - กฎข้อที่ 2 กฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ มีใจความว่าอย่างไร - แอลลีลเด่น คืออะไร - แอลลีลด้อยคืออะไร 2. อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับยีนและแอลลีล จากเนื้อหาและภาพ 2.12 ในหนังสือเรียน หน้า 31 เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ยีนเป็นหน่วยควบคุมลักษณะของสิ่งมีชีวิต ยีนที่ควบคุมลักษณะเดียวกันอาจมีรูปแบบ ของ ยีนที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแอลลีลที่ได้รับมาจากพ่อและแม่ เช่น ยีนที่ควบคุมลักษณะของฝักมี2 รูปแบบหรือ 2 แอลลีล ได้แก่ แอลลีลที่ควบคุมลักษณะฝักแฟบ และแอลลีลควบคุมลักษณะฝักอวบ การเข้าคู่ กัน ของแอลลีลจะส่งผลให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างกันหรือเหมือนกัน 3. นักเรียนดูภาพ 2.12 จากหนังสือเรียนหน้าที่ 31 แล้วตอบค าถาม ยีนที่ควบคุมลักษณะใดของ ถั่วที่มีแอลลีลเหมือนกันและยีนที่ควบคุมลักษณะใดที่มีแอลลีลต่างกัน แนวค าตอบ ยีนที่ควบคุมต าแหน่งของ ดอกมีแอลลีลที่เหมือนกัน คือ แอลลีลควบคุมต าแหน่งของดอก เกิดที่ล าต้น ส่วนยีนที่ควบคุมลักษณะของฝัก
เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 13 และยีนที่ควบคุมความสูงของล าต้นมีแอลลีลต่างกัน คือ ยีนที่ควบคุมลักษณะของฝักมีแอลลีลควบคุมลักษณะ ฝักแฟบและแอลลีลควบคุมลักษณะฝักอวบ ยีนที่ควบคุมความ สูงของล าต้นมีแอลลีลควบคุมลักษณะต้นเตี้ย และแอลลีลควบคุมลักษณะต้นสูง 4. อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับแอลลีลเด่น แอลลีลด้อย การข่มอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งการเขียนแอลลีลเด่น และแอลลีลด้อยตาม รายละเอียดในหนังสือเรียนหน้า 31 แล้วให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า 1. แอลลีลเด่นหรือแอลลีลที่ควบคุมลักษณะเด่นของสิ่งมีชีวิต หมายถึง แอลลีลที่ท าให้สิ่งมีชีวิต แสดงลักษณะ เด่นนั้นออกมาได้แม้ว่าจะมีแอลลีลเด่นเพียงแอลลีลเดียว ส่วนแอลลีลด้อยหรือแอลลีลที่ควบคุม ลักษณะด้อย ของสิ่งมีชีวิต หมายถึง แอลลีลที่ท าให้สิ่งมีชีวิตแสดงลักษณะด้อยออกมาได้ เมื่อมีแอลลีลด้อยทั้ง สอง แอลลีล 2. สัญลักษณ์ที่ใช้แทนแอลลีลเด่นและแอลลีลด้อยใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่และเป็นตัว เอียงแทน แอลลีลเด่น และอักษรตัวพิมพ์เล็ก ตัวเอียง แทน แอลลีลด้อย เช่น T แทนแอลลีลเด่นที่ควบคุม ลักษณะต้น สูงของถั่วลันเตา และ t เป็นแอลลีลด้อยที่ควบคุมลักษณะต้นเตี้ยของถั่วลันเตา ดังนั้น TT แสดง ลักษณะ ต้นสูง ส่วน Tt จะแสดงลักษณะต้นสูงเช่นเดียวกัน เพราะ T ข่ม t ไม่ให้แสดงลักษณะออกมา การข่ม ใน ลักษณะนี้เรียกว่าการข่มอย่างสมบูรณ์ ส่วน tt แสดงลักษณะต้นเตี้ยซึ่งเป็นลักษณะด้อย เพราะต้องมีแอล ลีลด้อยทั้งสองแอลลีล ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ สรุป (Learning to Construct : C ) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน เลือก ประธาน รองประธาน และเลขานุการ 2. ครูน าเข้ากิจกรรมที่ 2.3 โอกาสเข้าคู่กันของแอลลีลเป็นเท่าใด 3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีด าเนินกิจกรรม ครูตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้ค าถาม ดังต่อไปนี้ • กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอะไร (การเข้าคู่ของแอลลีลโดยใช้ลูกปัดเป็นแบบจ าลอง) • กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (เพื่อค านวณและอธิบายโอกาสการเข้าคู่ของแอลลีล) • วิธีด าเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ใส่ลูกปัดสีแดงและสีขาวอย่างละ 5 เม็ดลงในกล่อง พลาสติก 2 ใบ คนให้ทั่ว จากนั้นหยิบลูกปัดจากกล่องทั้ง 2 ใบ ใบละ 1 เม็ดพร้อมกัน บันทึกรูปแบบของสี ลูกปัดที่หยิบได้ในแต่ ละครั้ง จากนั้นให้ใส่ลูกปัดกลับคืนลงในกล่อง ท าให้ครบ 100 ครั้ง ค านวณอัตราส่วน จ านวนครั้งของรูปแบบของ สีลูกปัดที่หยิบได้ทั้ง 3 แบบ น าผลการทดลองของทุกกลุ่มมารวมกันแล้วหา ค่าเฉลี่ย ค านวณอัตราส่วนของ จ านวนครั้งของรูปแบบของสีลูกปัดที่หยิบได้ของทั้งห้อง)
เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 14 • นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (รูปแบบของคู่สีที่หยิบได้และจ านวนครั้งของคู่สี ลูกปัดที่หยิบได้) ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการท ากิจกรรม ตอบค าถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของ กิจกรรมว่า การสุ่มหยิบลูกปัดแต่ละครั้งเปรียบเหมือนการ เข้าคู่กันของแอลลีลในไซโกตที่ได้จากการปฏิสนธิ ระหว่างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย ซึ่งมีโอกาสการเข้าคู่กัน 3 แบบ คือ สีแดง-แดง (TT) สีแดง-ขาว (Tt) สี ขาว-ขาว (tt) ในอัตราส่วนประมาณ 1 : 2 : 1 ต้นถั่วที่เกิดจากการผสม พันธุ์จึงมีอัตราส่วนระหว่างต้นสูงและ ต้นเตี้ยประมาณ 3 : 1 2. นักเรียนอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนหน้า 33 เพื่อเชื่อมโยงการทดลองของเมนเดลกับผลของการท า กิจกรรม ครูควร เน้นให้เห็นถึงความส าคัญของข้อมูลที่ใช้ต้องมีจ านวนมาก เพื่อน ามาค านวณหาอัตราส่วนของ จีโนไทป์ TT : Tt : tt ซึ่ง จะท าให้อัตราส่วนที่ค านวณได้ใกล้เคียงกับ 1 : 2 : 1 และอัตราส่วนระหว่างต้นสูง : ต้นเตี้ยใกล้เคียงกับ 3 : 1 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับจีโนไทป์เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า จีโนไทป์เป็นรูปแบบต่าง ๆ ของคู่ของ แอลลีล เช่น TT Tt tt 4. นักเรียนสังเกตภาพ 2.13 การผสมพันธุ์ระหว่างถั่วรุ่นพ่อแม่และการผสมกันระหว่างลูกรุ่นที่ 1 ใน หนังสือเรียน หน้า 34 อ่านเนื้อหาตามรายละเอียดในหนังสือเรียนหน้า 34-35 และร่วมกันอภิปรายความหมาย ของฟีโนไทป์ฮอมอไซกัสและเฮเทอโรไซกัสเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า 1. ฟีโนไทป์ เป็นลักษณะที่แสดงออกซึ่งเป็นผลมาจากจีโนไทป์ 2. คู่แอลลีลที่เหมือนกัน เช่น TT tt เรียกว่า ฮอมอไซกัส ส่วนคู่แอลลีลที่แตกต่างกัน เช่น Tt เรียกว่า เฮเทอโรไซกัส 5. ให้นักเรียนตอบค าถามระหว่างเรียนเพื่อตรวจสอบความเข้าใจในการเขียนแผนภาพเพื่อค านวณหา อัตราส่วนของจีโนไทป์และฟีโนไทป์ในรุ่นลูก และอ่านเกร็ดน่ารู้ เรื่อง ตารางพันเนตต์ ขั้นที่ 5 เรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม การให้บริการ (Serve : S) 1. นักเรียนน าความรู้ที่ได้มาท าแบบฝึกหัดจาก Liveworksheet ลิงค์ https://www.liveworksheets.com/zy2189412yo
เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 15 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่างการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 1) กิจกรรมที่ 2.3 2) แบบฝึกหัดจาก Liveworksheet - ตรวจกิจกรรมที่ 2.3 - ตรวจ แบบฝึกหัดจาก Liveworksheet - ใบกิจกรรมที่ 2.3 - แบบฝึกหัดจาก Liveworksheet ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การน าเสนอผลงาน/ ผลการปฏิบัติกิจกรรม - ประเมินการน าเสนอ ผลงาน/ผลการปฏิบัติ กิจกรรม - แบบประเมินการน าเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการท างาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการท างาน กลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ท างานกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย รับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการ ท างาน - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม 3) ใบกิจกรรมที่ 2.3 โอกาสเข้าคู่กันของแอลลีลเป็นเท่าใด 4) PowerPoint เรื่อง เมนเดล
เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 16 5) สมุดประจ าตัวนักเรียน 6) แบบฝึกหัดจาก Liveworksheet ลิงค์https://www.liveworksheets.com/zy2189412yo 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) อินเทอร์เน็ต 9. กิจกรรมเสนอแนะ 1. ครูควรดาวน์โหลดวีดีโอกฎของเมนเดลมาล่วงหน้า
เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 17 10. แบบบันทึกหลังการสอน ลงชื่อ............................................. ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .. .................................................................... .................................................................... .................................................................... ................................................................ .................................................................... .................................................................... ................................................................ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ... 1. ด้านความรู้ (K:Knowledge) 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P:Process) 3. ด้านคุณลักษณะ (A:Attitude) แผนที่ 3.2 เรื่อง กฎของเมนเดล รหภูมิธ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .. 4. ด้านสมรรถนะส าคัญ (C:Competency)
เอกสารหมายเลข ชก. กร.7 แผนการจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEPs ด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ร่วมกับการใช้กระดานสนทนา Padlet และ แอพลิเคชัน Quizizz 18
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง โครโมโซมและการแบ่งเซลล์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ชื่อรหัสวิชา ว23101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 3 ชั่วโมง จ านวนหน่วยกิต 1.5 หน่วยกิต ชื่อครูผู้สอน ครูดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง “ประชาพัฒนา” อ.เชียงกลาง จ.น่าน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความส าคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ว 1.3 ม.3/4 อธิบายความแตกต่างของการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายจ านวนโครโมโซมในสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันและสิ่งมีชีวิตต่างชนิดได้ (K) 2. สังเกตและเปรียบเทียบลักษณะของโครโมโซมของมนุษย์เพศชายและเพศหญิงได้ (K) 3. อธิบายความแตกต่างของการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิสได้ (K) 4. เปรียบเทียบความแตกต่างของการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิสได้ (P) 5. ตระหนักถึงความส าคัญของการแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต (A) 6. มีความใฝ่เรียนรู้และมุ่งมั่นในการท างาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ - การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส - การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 4. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีการแบ่งเซลล์ ซึ่งการแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อ เพิ่มจ านวนเซลล์ร่างกาย ผลจากการแบ่งเซลล์จะได้เซลล์ใหม่จ านวน 2 เซลล์ที่มีลักษณะและจ านวนโครโมโซม เหมือนเซลล์ตั้งต้น และการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ผลจากการแบ่ง เซลล์จะได้เซลล์ใหม่จ านวน 4 เซลล์ ที่มีจ านวนโครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ตั้งต้น เมื่อเกิดการปฏิสนธิของ เซลล์สืบพันธุ์ ลูกจะได้รับโครโมโซมจากพ่อและแม่คนละชุด ท าให้มีจ านวนโครโมโซมเท่ากับพ่อแม่และจะคงที่ ในทุกรุ่น ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะมีการแบ่งเซลล์ทั้ง 2 ประเภท ส่วนสิ่งมีชีวิตที่สืบพันธุ์แบบ ไม่อาศัยเพศจะมีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเพียงอย่างเดียว
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 2 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท างาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEP (ชั่วโมงที่ 1-2) ขั้นที่ 1 การเรียนรู้การตั้งค าถาม สงสัย ใคร่รู้ (Learning to Question :Q) 1. นักเรียนทบทวนค าศัพท์ทางพันธุศาสตร์วีดีโอจาก youtube ลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=WnvqfV8Hg0A 2. ทบทวนความรู้เรื่อง โครโมโซม ครูถามค าถามนักเรียน 5 ค าถาม ดังนี้ - ลักษณะส าคัญอะไรที่บ่งบอกได้ว่าเป็นโครโมโซม - โครงสร้างใดของเซลล์ที่พบโครโมโซม - โครโมโซมมีความส าคัญอย่างไร - นักเรียนคิดว่าจ านวนโครโมโซมของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีจ านวนเท่าไหร่ - แมลงหวี่กับช้างนักเรียนคิดว่าส่งมีชีวิตชนิดใดจะมีจ านวนโครโมโซมมากกว่ากัน 3. นักเรียนดูจ านวนโครโมโซมของสิ่งมีชีวิตจากตารางที่ 2.2 หน้าที่ 42 แล้วตอบค าถาม ดังนี้ - สิ่งมีชีวิตในตาราง 2.2 มีจ านวนโครโมโซมเท่ากันหรือต่างกัน อย่างไร - จ านวนโครโมโซมมีความสัมพันธ์กับขนาดของสิ่งมีชีวิตหรือไม่ อย่างไร ขั้นที่ 2 การเรียนรู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน เลือก ประธาน รองประธาน และเลขานุการ 2. ครูน าเข้ากิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างไร 3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีด าเนินกิจกรรม ครูตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้ค าถาม ดังต่อไปนี้ • กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอะไร (ลักษณะของโครโมโซมมนุษย์)
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 3 • กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (สังเกตและเปรียบเทียบลักษณะโครโมโซมมนุษย์เพศชายและเพศ หญิง) • วิธีด าเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สังเกตและจับคู่โครโฒโซมที่เหมือนกันของเพศชาย โดยเขียนหมายเลขเดียวกันก ากับไว้ในแต่ละคู่ ตัดคู่ของโครโมโซมออก แล้วน ามาเรียงล าดับจากใหญ่ไปหา เล็ก และท าซ้ าโดยเปลี่ยนเป็นของเพศหญิง และแยกโครโมโซมเพศไว้ล าดับสุดท้าย) • นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (ลักษณะโครโมโซมเพศชายและเพศหญิง เปรียบเทียบความเหมือนและความต่างของโครโมโซมเพศชายและเพศหญิง) ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ สรุป (Learning to Construct : C ) 1. นักเรียนตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างไร 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการท ากิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็น อย่างไร 3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปผลของกิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า มนุษย์มีจ านวนโครโมโซม 46 แท่งหรือ 23 คู่ โครโมโซม 22 คู่มีลักษณะ เหมือนกันทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ส่วนโครโมโซมอีก 1 คู่มีลักษณะแตกต่างกัน 4. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับออโตโซมและโครโมโซมเพศเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า โครโมโซมคู่ ที่ 1-22 เหมือนกันทั้งในเพศชายและเพศหญิง เรียกว่า ออโตโซม ส่วนโครโมโซมคู่ที่ 23 เรียกว่า โครโมโซมเพศ ซึ่งจะแตกต่างกันในเพศหญิงและชาย เพศหญิงมีโครโมโซมเพศเป็น XX เพศชายมีโครโมโซมเพศ เป็น XY ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) 1. นักเรียนท าแบบฝึกหัดทบทวนความรู้จาก Live worksheet ลิงค์ https://www.liveworksheets.com/ks2176654ud ขั้นที่ 5 เรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม การให้บริการ (Serve : S) 1. นักเรียนตอบค าถามตรวจสอบความเข้าใจจ านวน 6 ข้อ 2. นักเรียนน าค าศัพท์ทางพันธุศาสตร์ที่ได้เรียนในบทเรียนมาเขียนสรุปความหมายลงในสมุด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 4 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่างการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 1) กิจกรรมที่ 2.5 2) ค าถามท้ายกิจกรรม 3) ค าศัพท์ทางพันธุ ศาสตร์ 4) ค าถามตรวจสอบ ความเข้าใจ - ตรวจใบงานที่ 2.5 - ตรวจค าถามท้าย กิจกรรม - ตรวจสมุดค าศัพท์ทาง พันธุศาสตร์ - ใบงานที่ 2.5 - ค าถามท้ายกิจกรรม - สมุด - ค าถาม ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การน าเสนอผลงาน/ ผลการปฏิบัติกิจกรรม - ประเมินการน าเสนอ ผลงาน/ผลการปฏิบัติ กิจกรรม - แบบประเมินการน าเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการท างาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการท างาน กลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ท างานกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย รับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการ ท างาน - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม 3) กิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างไร 4) PowerPoint เรื่อง โครโมโซมและการแบ่งเซลล์ 5) สมุดประจ าตัวนักเรียน
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 5 6) ค าถามท้ายกิจกรรม 7) ค าศัพท์ทางพันธุศาสตร์วีดีโอจาก youtube ลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=WnvqfV8Hg0A 8) แบบฝึกหัดทบทวนความรู้จาก Live worksheet ลิงค์ https://www.liveworksheets.com/ks2176654ud 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) อินเทอร์เน็ต 9. กิจกรรมเสนอแนะ 1. ครูควรดาวน์โหลดวีดีโอค าศัพท์ทางพันธุศาสตร์ล่วงหน้า
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 6 10. แบบบันทึกหลังการสอน ลงชื่อ............................................. ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .. .................................................................... .................................................................... .................................................................... ................................................................ .................................................................... .................................................................... ................................................................ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ... 1. ด้านความรู้ (K:Knowledge) 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P:Process) 3. ด้านคุณลักษณะ (A:Attitude) แผนที่ 4.1 เรื่อง จ านวนโครโมโซมในมนุษย์ รหภูมิธ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .. 4. ด้านสมรรถนะส าคัญ (C:Competency)
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 7 6. กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน 5 STEP (ชั่วโมงที่ 2-3) ขั้นที่ 1 การเรียนรู้การตั้งค าถาม สงสัย ใคร่รู้ (Learning to Question :Q) 1. ทบทวนความรู้นักเรียนตอบค าถามดังนี้ • นักเรียนเกิดขึ้นมาได้อย่างไร (เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างเซลล์สืบพันธุ์ของพ่อ ได้แก่ อสุจิ และ เซลล์สืบพันธุ์ของ แม่ ได้แก่ เซลล์ไข่) • เซลล์ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิเรียกว่าอะไร (ไซโกต) • ไซโกต 1 เซลล์จะเจริญเติบโตเป็นร่างกายมนุษย์ที่ประกอบด้วยเซลล์เป็นจ านวนมากได้อย่างไร (นักเรียนตอบ ตามความเข้าใจ) • นักเรียนและพ่อแม่มีโครโมโซมเป็นเท่าไร (46 แท่ง) • เพราะเหตุใดโครโมโซมของนักเรียนจึงมีจ านวนโครโมโซมเท่ากับพ่อแม่ (ตอบตามความเข้าใจ) ขั้นที่ 2 การเรียนรู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) 1. ทบทวนความรู้เรื่องการแบ่งเซลล์นักเรียนตอบค าถาม ต่อไปนี้ - ท าไมต้องมีการแบ่งเซลล์ - การแบ่งเซลล์ใช้เวลานานเท่าใด - การแบ่งเซลล์มีกี่ประเภทอะไรบ้าง 2. นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่องการแบ่งแบบไมโทซิส จากวีดีโอจาก youtube ลิงค์ https://shorturl.at/ckopA 3. นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่องการแบ่งแบบไมโอซิส จากวีดีโอจาก youtube ลิงค์ https://shorturl.at/hzA38 ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ สรุป (Learning to Construct : C ) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน เลือก ประธาน รองประธาน และเลขานุการ 2. ครูน าเข้ากิจกรรมที่ 2.6 การแบ่งเซลล์แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร 3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีด าเนินกิจกรรม ครูตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้ค าถาม ดังต่อไปนี้ • กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอะไร (การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต) • กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (สังเกตและอธิบายความแตกต่างของการแบ่งเซลล์) • วิธีด าเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร สังเกตและเปรียบเทียบแผนภาพการแบ่งเซลล์แบบที่ 1 และแบบที่ 2 คาดคะเนและวาดภาพจ านวนโครโมโซมของเซลล์ใหม่ที่เกิดจากการรวมกันของเซลล์ 2 เซลล์
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 8 ที่ได้จากการแบ่ง เซลล์แบบที่ 1 และ 2 อภิปรายว่าการแบ่งเซลล์แบบใดเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์ สืบพันธุ์) • นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (สังเกตจ านวนเซลล์และจ านวนโครโมโซมของ เซลล์ตั้งต้นและ เซลล์ใหม่ที่ได้จากการแบ่งเซลล์ทั้ง 2 แบบ และน ามาเปรียบเทียบกัน) 4. ครูถามค าถามท้ายกิจกรรม ดังนี้ - จ านวนเซลล์หลังการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจะมีปริมาณเท่าใด เมื่อเทียบกับเซลล์ตั้งต้น (แนวตอบ : เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของเซลล์เดิม) - จ านวนโครโมโซมหลังจากการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจะมีปริมาณเท่าใด เมื่อเทียบกับเซลล์ตั้งต้น (แนวตอบ : เท่าเดิม) - เพราะเหตุใด เซลล์ของสิ่งมีชีวิตจึงต้องมีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (แนวตอบ : เพื่อเพิ่มจ านวนเซลล์ร่างกาย) 5. ครูถามค าถามท้ายกิจกรรม ดังนี้ - จ านวนเซลล์หลังการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสจะมีปริมาณเท่าใด เมื่อเทียบกับเซลล์ตั้งต้น (แนวตอบ : เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าของเซลล์ตั้งต้น) - จ านวนโครโมโซมหลังการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสจะมีปริมาณเท่าใด เมื่อเทียบกับเซลล์ตั้งต้น (แนวตอบ : ลดลงเป็นครึ่งหนึ่ง) - เพราะเหตุใด เซลล์ของสิ่งมีชีวิตจึงต้องมีการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส (แนวตอบ : เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์) 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการท ากิจกรรม ตอบค าถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของ กิจกรรมโดยใช้ค าถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทางเพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า การแบ่งเซลล์มี 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ได้เซลล์ใหม่2 เซลล์ที่มีจ านวนโครโมโซมเท่าเดิม แบบที่ 2 ได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ ที่มีจ านวนโครโมโซม ลดลงเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ตั้งต้นซึ่งเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ เมื่อเกิดการปฏิสนธิ ไซโกตที่ได้ จะมีจ านวนโครโมโซมเท่ากับพ่อแม่ ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) 1. นักเรียนน าความรู้เรื่องการแบ่งเซลล์มาท าแบบฝึกหัดจาก Liveworksheet ลิงค์ https://www.liveworksheets.com/xe2392448cl ขั้นที่ 5 เรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม การให้บริการ (Serve : S) 1. นักเรียนสรุปความรู้เรื่องการแบ่งเซลล์ลงในสมุดพร้อมตกแต่งให้สวยงามแล้วส่งงานลงในกระดาน padlet ของห้อง
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 9 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่างการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 1) กิจกรรมที่ 2.6 การแบ่ง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต 2) ท าแบบฝึกหัดจาก Liveworksheet - ตรวจกิจกรรมที่ 2.6 - ตรวจสมุด - ตรวจแบบฝึกหัดจาก Liveworksheet - กิจกรรมที่ 2.6 - สมุด - แบบฝึกหัดจาก Liveworksheet - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) ผลบันทึกการปฏิบัติ กิจกรรมที่ 2.6 การแบ่ง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต - ตรวจสมุด - สมุด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3) การน าเสนอผลงาน/ ผลการปฏิบัติกิจกรรม - ประเมินการน าเสนอ ผลงาน/ผลการปฏิบัติ กิจกรรม - แบบประเมินการน าเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 3 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการท างาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 3 ผ่านเกณฑ์ 5) พฤติกรรมการท างาน กลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 3 ผ่านเกณฑ์ 6) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย รับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการ ท างาน - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 3 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม 2) กิจกรรมที่ 2.6 การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต 3) เนื้อหาเรื่องการแบ่งแบบไมโทซิส จากวีดีโอจาก youtube ลิงค์https://shorturl.at/ckopA 4) เนื้อหาเรื่องการแบ่งแบบไมโอซิส จากวีดีโอจาก youtube ลิงค์https://shorturl.at/hzA38
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 10 5) สมุดประจ าตัวนักเรียน 6) แบบฝึกหัดจาก Liveworksheet ลิงค์ https://www.liveworksheets.com/xe2392448cl 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) อินเทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 11 10. แบบบันทึกหลังการสอน ลงชื่อ............................................. (นางดาราลักษณ์ อินปา) ต าแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .. .................................................................... .................................................................... .................................................................... ................................................................ .................................................................... .................................................................... ................................................................ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ... 1. ด้านความรู้ (K:Knowledge) 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P:Process) 3. ด้านคุณลักษณะ (A:Attitude) แผนที่ 4.2 เรื่อง การแบ่งเซลล์ รหภูมิธ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .. 4. ด้านสมรรถนะส าคัญ (C:Competency)
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/4 อธิบายความแตกต่างของการแบ่งเซลล์ แบบไมโทซิสและไมโอซิส การแบ่งบ่เซลล์แล์บบไมโทซิสซิเป็นป็การแบ่งบ่เซลล์เล์พื่อพื่เพิ่มพิ่จำ นวนเซลล์ร่ล์าร่งกาย ผลจากการแบ่งบ่เซลล์จล์ะได้ เซลล์ใล์หม่จำม่จำนวน 2 เซลล์ที่ล์มีที่ลัมีกลัษณะและจำ นวนโครโมโซมเหมือมืนเซลล์ตั้ล์ง ตั้ ต้นต้และการแบ่งบ่เซลล์แล์บบ ไมโอซิสซิเป็นป็การแบ่งบ่เซลล์เล์พื่อพื่สร้าร้งเซลล์สืล์บสืพันพัธุ์ ผลจากการแบ่งบ่เซลล์จล์ะได้เด้ซลล์ใล์หม่จำม่จำนวน 4 เซลล์ ที่มีที่จำมีจำนวนโครโมโซมเป็นป็ครึ่งรึ่หนึ่งนึ่ของเซลล์ตั้ล์ง ตั้ ต้นต้ - การแบ่งบ่เซลล์แ ล์ บบไมโทซิสซิ - การแบ่งบ่เซลล์แ ล์ บบไมโอซิสซิ 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทดสอบ Quizizz ผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนองาน เปรียบเทียบการแบ่งเซลล์ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการแบ่งบ่เซลล์แ ล์ บบไมโทซิสซิและไมโอซิสซิได้ นักนัเรียรีนเปรียรีบเทียทีบความแตกต่าต่งของการแบ่งบ่เซลล์แ ล์ บบไมโทซิสซิและไมโอซิสซิได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง เปรียบเทียบการแบ่งเซลล์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ทบทวนความรู้เรู้รื่อรื่งการแบ่งบ่เซลล์ โดยดูแดูผนภาพการแบ่งบ่เซลล์ 2.ครูกรูระตุ้นตุ้ ความสนใจของ นักนัเรียรีน โดยนักนัเรียรีนตอบคำ ถาม ร่วร่มกันกั -การแบ่งบ่เซลล์มีล์จุมีดจุประสงค์อค์ะไร -การแบ่งบ่เซลล์มีล์กี่มีแกี่บบ อะไรบ้าบ้ง -การแบ่งบ่เซลล์มีล์กี่มีขั้กี่นขั้ตอนย่อย่ยอะไรบ้าบ้ง 1.นักนัเรียรีนศึกศึษากระบวนการแบ่งบ่ เซลล์แล์บบไมโทซิสซิและไมโอซิสซิ 2.ทบทวนความรู้เรู้รื่อรื่งการแบ่งบ่เซลล์ แบบไมโทซิสซิและไมโอซิสซิจาก วีดีวีโดีอ youtube 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะคนเปรียรีบเทียทีบ การแบ่งบ่เซลล์แล์บบไมโทซิสซิและ แบบไมโอซิสซิ 2.นักนัเรียรีนและครูสรูรุปรุความรู้เรู้ปรียรีบ เทียทีบการแบ่งบ่เซลล์แล์บบไมโทซิสซิ และแบบไมโอซิสซิ ร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนทำ แบบฝึกฝึหัดหัทบทวน ความรู้ เรื่อรื่งการแบ่งบ่เซลล์ จาก Live worksheet 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามตรวจสอบ ความเข้าข้ใจจำ นวน 10 ข้อข้จาก Quizizz 2.นักนัเรียรีนนำ คำ ศัพศัท์เท์รื่อรื่งการแบ่งบ่ เซลล์ที่ล์ไที่ด้เด้รียรีนในบทเรียรีนมา เขียขีนสรุปรุความหมายลงในสมุดมุ ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/1 อธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้ แบบจำ ลอง ว 1.3 ม.3/2 อธิบายการ ถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมจากการผสมโดย พิจารณาลักษณะเดียวที่ แอลลีลเด่นข่มแอลลีลด้อย อย่างสมบูรณ์ ลักษณะทางพันุกรรมของสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง โดยมียีนเป็นหน่วยควบคุม ลักษณะทางพันธุกรรม โดยยีนเป็นส่วนหนึ่งของสายดีเอ็นเอ และดีเอ็นเอจะขดกันเป็นโครโมโซมอยู่ภายใน นิวเคลียสของเซลล์ เมนเดลเป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถั่ว ลันเตา พบว่า ผลการผสมพันธุ์ถั่วลันเตาที่มีลักษณะต่างกันในรุ่นพ่อแม่ ได้ลูกที่ปรากฏลักษณะเด่นในทุกรุ่น และลักษณะด้อยจะไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะปรากฏลักษณะด้อยในลูกรุ่นที่ 2 เมื่อนำ ลูกรุ่นที่ 1 มาผสม กันเอง ซึ่งนำ มาสู่หลักการพื้นฐานของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม - ความสัมสัพันพั ธ์รธ์ะหว่าว่งโครโมโซม ดีเดีอ็นอ็เอ และยีนยี - การถ่าถ่ยทอดลักลัษณะทางพันพั ธุกธุรรมจากการทดลองของเมนเดล 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทดสอบ Quizizz ผ่าน 60 % ประเมินจากการตอบคำ ถาม สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการแบ่งบ่เซลล์แ ล์ บบไมโทซิสซิและไมโอซิสซิได้ นักนัเรียรีนเปรียรีบเทียทีบความแตกต่าต่งของการแบ่งบ่เซลล์แ ล์ บบไมโทซิสซิและไมโอซิสซิได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง เปรียบเทียบการแบ่งเซลล์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง การ ถ่าถ่ยทอดลักลัษณะทางพันพัธุกธุรรม 2. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง ลักลัษณะ เด่นด่ลักลัษณะด้อด้ย 3. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง ประวัติวัติ เมนเดล 4. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง การ ทดลองของเมนเดล 5. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง กฎของ เมนเดล 1. ครูเรูปิดปิคะแนนเก็บก็จาก google sheet ให้นัห้กนัเรียรีนดูแดูละ ตรวจสอบผลคะแนน 2. ครูเรูปิดปิpadletให้นัห้กนัเรียรีนดู และตรวจสอบผลการส่งส่งาน 3. นักนัเรียรีนและครูเรูฉลยแบบ ฝึกฝึหัดหัการทดลองของเมนเดลร่วร่ม กันกั 1.นักนัเรียรีนทบทวนความรู้จรู้าก หนังนัสือสืเรียรีน 2.นักนัเรียรีนทำ แบบทดสอบ ออนไลน์คน์รั้ง รั้ ที่ 1 จาก Quizizz จำ นวน 25 ข้อข้ 1.นักนัเรียรีนตรวจสอบผลคะแนน ของตนเอง หากไม่ผ่ม่าผ่นให้ นักนัเรียรีนแก้ไก้ขอีกอีครั้ง รั้ 1.นักนัเรียรีนนำ ความรู้ไรู้ปใช้ใช้นการ ทำ ข้อข้สอบO-NET เรื่อรื่งพันพัธุกธุรรมปี ที่ผ่ที่าผ่นมาย้อย้นหลังลั ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/5 บอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของยีนหรือ โครโมโซมอาจทำ ให้เกิดโรค ทางพันธุกรรม พร้อมทั้ง ยกตัวอย่างโรคทางพันธุกรรม 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการตอบคำ ถามท้ายกิจกรรม ประเมินจากการนำ เสนองาน เปรียบเทียบการแบ่งเซลล์ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเปลี่ยลี่นแปลงของยีนยีหรือรืโครโมโซมส่งส่ผลให้เห้กิดกิการเปลี่ยลี่นแปลงลักลัษณะทางพันพัธุกธุรรมของสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิเช่นช่ โรคธาลัสลัซีเซีมียมีภาวะตาบอดสี โรคฮีโฮีมฟีเฟีลียลีล้วล้นเกิดกิจากการเปลี่ยลี่นแปลงของยีนยีกลุ่มลุ่ อาการดาวน์ เป็นป็กลุ่มลุ่ อาการเกิดกิจากการเปลี่ยลี่นแปลงจำ นวนของโครโมโซม กลุ่มลุ่ อาการคริดูริชดูา เป็นป็กลุ่มลุ่ อาการที่เที่กิดกิจากความผิดผิปกติ ที่เที่กิดกิขึ้น ขึ้ กับกัรูปรูร่าร่งโครโมโซม นอกจากนั้น นั้ โรคทางพันพัธุกธุรรมสามารถถ่าถ่ยทอดจากพ่อพ่แม่ไม่ปสู่รุ่สู่ นรุ่ ลูกลูได้ - ความผิดผิ ปกติทติางพันพั ธุกธุรรม - โรคทางพันพั ธุกธุรรม ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายและยกตัวตัอย่าย่งโรคที่เ ที่ กิดกิจากความผิดผิปกติทติางพันพัธุกธุรรมได้ นักนัเรียรีนสามารถวิเวิคราะห์แห์ละเสนอแนวทางการป้อป้งกันกัภาวะเสี่ย สี่ งของลูกลูที่เ ที่ กิดกิมาเป็นป็โรคทางพันพัธุกธุรรม นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง ความผิดปกติทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ครูกรูระตุ้นตุ้ ความสนใจของนักนัเรียรีน โดยให้นัห้กนัเรียรีนดูภดูาพเรื่อรื่งน่าน่รู้.รู้..ใน โลกของดาวน์ซิน์นซิ โดรม 2. นักนัเรียรีนตอบคำ ถาม -นักนัเรียรีนเคยเห็นห็คนที่คที่ล้าล้ยกับกัใน ภาพหรือรืไม่ -นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่เขามีกมีอาการต่าต่งจากคน ปกติหติ รือรืไม่ -นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่อะไรเป็นป็สาเหตุใตุห้ มีลัมีกลัษณะที่แที่ตกต่าต่ง 1.นักนัเรียรีนแบ่งบ่กลุ่มลุ่ กลุ่มลุ่ ละ 5-6 คน 2.ครูนำรูนำเข้าข้กิจกิกรรมที่ 2.7 โครโมโซมของทารกในครรภ์เภ์ป็นป็ ปกติหติ รือรืไม่ 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นชื่อชื่กิจกิกรรม จุดจุ ประสงค์ และวิธีวิดำธีดำเนินนิกิจกิกรรม 1.นักนัเรียรีนอ่าอ่นสถานการณ์ที่ณ์ที่ กำ หนดให้ สังสัเกตแผนภาพ โครโมโซม เปรียรีบเทียทีบกับกั โครโมโซมของคนปกติ หน้าน้ที่ 53 2.บันบัทึกทึผลจำ นวนโครโมโซมของ ทารก 3.นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายจำ นวน โครโมโซมของทารกร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม 2.นักนัเรียรีนออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม และสรุปรุผลการทำ กิจกิกรรม 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเรื่อรื่งจากหนังนัสือสื เรียรีนหน้าน้ที่ 54-55 และอภิปภิ ราย ร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเรื่อรื่งหนังนัสือสืหน้าน้57 การนำ ความรู้ไรู้ปใช้ปช้ระโยชน์ ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/6 ตระหนักถึง ประโยชน์ของความรู้เรื่องโรค ทาง พันธุกรรม โดยรู้ว่าก่อน แต่งงานควรปรึกษาแพทย์เพื่อ ตรวจและ วินิจฉัยภาวะเสี่ยง ของลูกที่อาจเกิดโรคทาง พันธุกรรม 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทดสอบ Quizizz ผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนองาน เปรียบเทียบการแบ่งเซลล์ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โรคทางพันพัธุกธุรรมบางโรคอาจมีกมีารถ่าถ่ยทอดจากพ่อพ่แม่ไม่ปสู่รุ่สู่ นรุ่ ลูกลูได้ หรือรือาจเกิดกิจากความผิดผิปกติขติอง โครโมโซมในเซลล์สืล์บสืพันพัธุ์ขธุ์องพ่อพ่หรือรืแม่ ดังดันั้น นั้ ก่อก่นแต่งต่งานหรือรืก่อก่นมีบุมีตบุร ควรป้อป้งกันกั โดยการตรวจเลือลืด เพื่อพื่วินิวิจนิฉัยฉัโรค และปรึกรึษาแพทย์ถึย์งถึภาวะเสี่ยสี่งของลูกลูที่อที่าจเกิดกิ โรคทางพันพัธุกธุรรม - โรคทางพันพั ธุกธุรรม ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. ........................................................................... แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายและยกตัวตัอย่าย่งโรคที่เ ที่ กิดกิจากความผิดผิปกติทติางพันพัธุกธุรรมได้ นักนัเรียรีนสามารถวิเวิคราะห์แห์ละเสนอแนวทางการป้อป้งกันกัภาวะเสี่ย สี่ งของลูกลูที่เ ที่ กิดกิมาเป็นป็โรคทางพันพัธุกธุรรม นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง โรคทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ทบทวนความรู้เรู้กี่ยกี่วกับกั โรคธาลัสลัซี เมียมี 2. นักนัเรียรีนตอบคำ ถาม -โรคธาลัสลัซีเซีมียมีเกิดกิจากสาเหตุใตุด -โรคธาลัสลัซีเซีมียมีถ่าถ่ยทอดจากพ่อพ่แม่ ไปสู่ลูสู่ กลูได้อด้ย่าย่งไร 1.นักนัเรียรีนแบ่งบ่กลุ่มลุ่ กลุ่มลุ่ ละ 5-6 คน 2.ครูนำรูนำเข้าข้กิจกิกรรมที่ 2.8 วางแผน ก่อก่นแต่งต่งานอย่าย่งไร 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นชื่อชื่กิจกิกรรม จุดจุ ประสงค์ และวิธีวิดำธีดำเนินนิกิจกิกรรม 1.นักนัเรียรีนหาโอกาสจีโจีนไทป์รุ่ป์นรุ่ ลูกลู โดยเลือลืกผสมจีโจีนไทป์ ของชาย และหญิงญิคู่ที่คู่ ที่ 1-5 2.บันบัทึกทึผลจีโจีนไทป์รุ่ป์นรุ่ ลูกลู 3.นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายโอกาส รุ่นรุ่ ลูกลูที่จที่ะเป็นป็โรคธาลัสลัซีเซีมียมี 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม 2.นักนัเรียรีนออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม และสรุปรุผลการทำ กิจกิกรรม 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเนื้อ นื้ หาจากหนังนัสือสื เรียรีนหน้าน้ที่ 59 และอภิปภิ รายร่วร่ม กันกั 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามตรวจสอบ ความเข้าข้ใจจำ นวน 10 ข้อข้จาก Quizizz ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/5 บอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของยีนหรือ โครโมโซมอาจทำ ให้เกิดโรค ทางพันธุกรรม พร้อมทั้ง ยกตัวอย่างโรคทางพันธุกรรม 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการตอบคำ ถามท้ายกิจกรรม ประเมินจากการนำ เสนองาน เปรียบเทียบการแบ่งเซลล์ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเปลี่ยลี่นแปลงของยีนยีหรือรืโครโมโซมส่งส่ผลให้เห้กิดกิการเปลี่ยลี่นแปลงลักลัษณะทางพันพัธุกธุรรมของสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิเช่นช่ โรคธาลัสลัซีเซีมียมีภาวะตาบอดสี โรคฮีโฮีมฟีเฟีลียลีล้วล้นเกิดกิจากการเปลี่ยลี่นแปลงของยีนยีกลุ่มลุ่ อาการดาวน์ เป็นป็กลุ่มลุ่ อาการเกิดกิจากการเปลี่ยลี่นแปลงจำ นวนของโครโมโซม กลุ่มลุ่ อาการคริดูริชดูา เป็นป็กลุ่มลุ่ อาการที่เที่กิดกิจากความผิดผิปกติ ที่เที่กิดกิขึ้น ขึ้ กับกัรูปรูร่าร่งโครโมโซม นอกจากนั้น นั้ โรคทางพันพัธุกธุรรมสามารถถ่าถ่ยทอดจากพ่อพ่แม่ไม่ปสู่รุ่สู่ นรุ่ ลูกลูได้ - ความผิดผิ ปกติทติางพันพั ธุกธุรรม - โรคทางพันพั ธุกธุรรม ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายและยกตัวตัอย่าย่งโรคที่เ ที่ กิดกิจากความผิดผิปกติทติางพันพัธุกธุรรมได้ นักนัเรียรีนสามารถวิเวิคราะห์แห์ละเสนอแนวทางการป้อป้งกันกัภาวะเสี่ย สี่ งของลูกลูที่เ ที่ กิดกิมาเป็นป็โรคทางพันพัธุกธุรรม นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง ความผิดปกติทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ครูกรูระตุ้นตุ้ ความสนใจของนักนัเรียรีน โดยให้นัห้กนัเรียรีนดูภดูาพเรื่อรื่งน่าน่รู้.รู้..ใน โลกของดาวน์ซิน์นซิ โดรม 2. นักนัเรียรีนตอบคำ ถาม -นักนัเรียรีนเคยเห็นห็คนที่คที่ล้าล้ยกับกัใน ภาพหรือรืไม่ -นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่เขามีกมีอาการต่าต่งจากคน ปกติหติ รือรืไม่ -นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่อะไรเป็นป็สาเหตุใตุห้ มีลัมีกลัษณะที่แที่ตกต่าต่ง 1.นักนัเรียรีนแบ่งบ่กลุ่มลุ่ กลุ่มลุ่ ละ 5-6 คน 2.ครูนำรูนำเข้าข้กิจกิกรรมที่ 2.7 โครโมโซมของทารกในครรภ์เภ์ป็นป็ ปกติหติ รือรืไม่ 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นชื่อชื่กิจกิกรรม จุดจุ ประสงค์ และวิธีวิดำธีดำเนินนิกิจกิกรรม 1.นักนัเรียรีนอ่าอ่นสถานการณ์ที่ณ์ที่ กำ หนดให้ สังสัเกตแผนภาพ โครโมโซม เปรียรีบเทียทีบกับกั โครโมโซมของคนปกติ หน้าน้ที่ 53 2.บันบัทึกทึผลจำ นวนโครโมโซมของ ทารก 3.นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายจำ นวน โครโมโซมของทารกร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม 2.นักนัเรียรีนออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม และสรุปรุผลการทำ กิจกิกรรม 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเรื่อรื่งจากหนังนัสือสื เรียรีนหน้าน้ที่ 54-55 และอภิปภิ ราย ร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเรื่อรื่งหนังนัสือสืหน้าน้57 การนำ ความรู้ไรู้ปใช้ปช้ระโยชน์ ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/6 ตระหนักถึง ประโยชน์ของความรู้เรื่องโรค ทาง พันธุกรรม โดยรู้ว่าก่อน แต่งงานควรปรึกษาแพทย์เพื่อ ตรวจและ วินิจฉัยภาวะเสี่ยง ของลูกที่อาจเกิดโรคทาง พันธุกรรม 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทดสอบ Quizizz ผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนองาน เปรียบเทียบการแบ่งเซลล์ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โรคทางพันพัธุกธุรรมบางโรคอาจมีกมีารถ่าถ่ยทอดจากพ่อพ่แม่ไม่ปสู่รุ่สู่ นรุ่ ลูกลูได้ หรือรือาจเกิดกิจากความผิดผิปกติขติอง โครโมโซมในเซลล์สืล์บสืพันพัธุ์ขธุ์องพ่อพ่หรือรืแม่ ดังดันั้น นั้ ก่อก่นแต่งต่งานหรือรืก่อก่นมีบุมีตบุร ควรป้อป้งกันกั โดยการตรวจเลือลืด เพื่อพื่วินิวิจนิฉัยฉัโรค และปรึกรึษาแพทย์ถึย์งถึภาวะเสี่ยสี่งของลูกลูที่อที่าจเกิดกิ โรคทางพันพัธุกธุรรม - โรคทางพันพั ธุกธุรรม ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. ........................................................................... แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายและยกตัวตัอย่าย่งโรคที่เ ที่ กิดกิจากความผิดผิปกติทติางพันพัธุกธุรรมได้ นักนัเรียรีนสามารถวิเวิคราะห์แห์ละเสนอแนวทางการป้อป้งกันกัภาวะเสี่ย สี่ งของลูกลูที่เ ที่ กิดกิมาเป็นป็โรคทางพันพัธุกธุรรม นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง โรคทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ทบทวนความรู้เรู้กี่ยกี่วกับกั โรคธาลัสลัซี เมียมี 2. นักนัเรียรีนตอบคำ ถาม -โรคธาลัสลัซีเซีมียมีเกิดกิจากสาเหตุใตุด -โรคธาลัสลัซีเซีมียมีถ่าถ่ยทอดจากพ่อพ่แม่ ไปสู่ลูสู่ กลูได้อด้ย่าย่งไร 1.นักนัเรียรีนแบ่งบ่กลุ่มลุ่ กลุ่มลุ่ ละ 5-6 คน 2.ครูนำรูนำเข้าข้กิจกิกรรมที่ 2.8 วางแผน ก่อก่นแต่งต่งานอย่าย่งไร 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นชื่อชื่กิจกิกรรม จุดจุ ประสงค์ และวิธีวิดำธีดำเนินนิกิจกิกรรม 1.นักนัเรียรีนหาโอกาสจีโจีนไทป์รุ่ป์นรุ่ ลูกลู โดยเลือลืกผสมจีโจีนไทป์ ของชาย และหญิงญิคู่ที่คู่ ที่ 1-5 2.บันบัทึกทึผลจีโจีนไทป์รุ่ป์นรุ่ ลูกลู 3.นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายโอกาส รุ่นรุ่ ลูกลูที่จที่ะเป็นป็โรคธาลัสลัซีเซีมียมี 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม 2.นักนัเรียรีนออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม และสรุปรุผลการทำ กิจกิกรรม 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเนื้อ นื้ หาจากหนังนัสือสื เรียรีนหน้าน้ที่ 59 และอภิปภิ รายร่วร่ม กันกั 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามตรวจสอบ ความเข้าข้ใจจำ นวน 10 ข้อข้จาก Quizizz ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เรื่องโรคทางพันธุกรรม โดยรู้ว่าก่อนแต่งงาน ควรปรึ กษาแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยภาวะเสี่ยง ของลูกที่อาจเกิดโรคทาง พันธุกรรม หมู่เลือดระบบเอบีโอ ( ABO blood group) เป็นหมู่เลือดที่ถูกกำ หนดโดยสารแอนติเจนที่อยู่บนผิวเม็ดเลือด แดงซึ่งมีสองชนิดคือ สารแอนติเจน ‘เอ’ ( A antigen) และแอนติเจน ‘บี’ (B antigen) โดยคน ที่ไม่มีสาร แอนติเจนชนิดใด ก็จะสร้างสารต้าน (antibody) ต่อสารแอนติเจนชนิดนั้น การตรวจเลือดด้วย แอนติเอและบี จึงอาศัยหลักการเข้ากันได้ของแอนติเจนและการตรวจการตกตะกอนของเลือด เพื่อระบุหมู่ เลือดและหมู่เลือด เป็นอีกหนึ่งหลักฐานในการใช้พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล - หมู่เมู่ ลือลืด ABO และ Rh - การให้-ห้รับรัเลือลืด - วิเวิคราะห์หห์มู่เมู่ ลือลืด 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทดสอบ Quizizz ผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมและการนำ เสนอ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายหลักลัการให้แห้ละรับรัเลือลืดได้ นักนัเรียรีนสามารถวิเวิคราะห์ห ห์ มู่เมู่ ลือลืดของหมู่โมู่ ดยใช้หช้ลักลัการตรวจแอนติเติจนได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง พันธุกรรมในหมู่เลือด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1. นักนัเรียรีนตอบคำ ถาม ดังดันี้ -นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่หมู่เมู่ ลือลืดแบ่งบ่เป็นป็กี่ หมู่ อะไรบ้าบ้ง - นักนัเรียรีนมีหมีมู่เมู่ ลือลืดใดบ้าบ้ง -นักนัเรียรีนมีลัมีกลัษณะนิสันิยสัเหมือมืนคำ ทำ นายหรือรืไม่ 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ศึกศึษาหมู่เมู่ ลือลืด ในระบบ ABO และ Rh จาก https://www.youtube.com/watch ?v=XYcbjgQq24w 2.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ศึกศึษาหลักลัการ ให้เห้ลือลืดและรับรัเลือลืด จากใบความรู้ 3. นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ สร้าร้งโมเดล เม็ดม็เลือลืดแดงและหมู่เมู่ ลือลืด ระบบ ABO 4.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลงในกระดานสนทนา Padlet 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะคนทำ แบบฝึกฝึหัดหั เรื่อรื่งโอกาสหมู่เมู่ ลือลืดในรุ่นรุ่ ลูกลู 2.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet 3.นักนัเรียรีนและครูเรูฉลยแบบ ฝึกฝึหัดหัร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนสรุปรุโอกาสหมู่เมู่ ลือลืดใน รุ่นรุ่ ลูกลู 2.นักนัเรียรีนสรุปรุหลักลัการให้แห้ละการ รับรัเลือลืด 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามตรวจสอบ ความเข้าข้ใจจำ นวน 10 ข้อข้จาก Quizizz ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เรื่องโรคทางพันธุกรรม โดย รู้ว่าก่อนแต่งงาน ควรปรึ กษาแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยภาวะเสี่ยงของ ลูกที่อาจเกิดโรคทาง พันธุกรรม ลักษณะทางพันุกรรมของสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง โดยมียีนเป็นหน่วยควบคุม ลักษณะทางพันธุกรรม โดยยีนเป็นส่วนหนึ่งของสายดีเอ็นเอ และดีเอ็นเอจะขดกันเป็นโครโมโซมอยู่ภายใน นิวเคลียสของเซลล์ เมนเดลเป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถั่ว ลันเตา พบว่า ผลการผสมพันธุ์ถั่วลันเตาที่มีลักษณะต่างกันในรุ่นพ่อแม่ ได้ลูกที่ปรากฏลักษณะเด่นในทุกรุ่น และลักษณะด้อยจะไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะปรากฏลักษณะด้อยในลูกรุ่นที่ 2 เมื่อนำ ลูกรุ่นที่ 1 มาผสม กันเอง ซึ่งนำ มาสู่หลักการพื้นฐานของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม - การให้แห้ละรับรัเลือลืด - หลักลัฐานทางนิตินิวิติทวิยาศาสตร์ 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการตอบคำ ถาม ผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมและการนำ เสนอ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1.นักนัเรียรีนอ่าอ่นและศึกศึษาคำ สอบสวนผู้ต้ผู้อต้งหา ประวัติวัแติละสมุดมุ บันบัทึกทึคำ ให้กห้ารผู้ต้ผู้อต้งหา 2.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ สรุปรุความ เชื่อชื่มโยงของหมู่เมู่ ลือลืด 3. นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ สรุปรุคดี ฆาตรกรรมและตอบคำ ถาม ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการให้แห้ละรับรัเลือลืดได้ นักนัเรียรีนสามารถสืบสืค้นค้รวบรวมข้อข้มูลมูและหลักลัฐานทางนิตินิวิติทวิยาศาสตร์ ด้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง ตามหาคนร้ายใครคือฆาตรกร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1. นักนัเรียรีนตอบคำ ถาม ดังดันี้ - นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่หมู่เมู่ ลือลืดแบ่งบ่เป็นป็ กี่หกี่มู่ อะไรบ้าบ้ง - นักนัเรียรีนมีหมีมู่เมู่ ลือลืดใดบ้าบ้ง - คนไทยส่วส่นมากจะมีเมีลือลืดหมู่ใมู่ ด มากที่สุที่ดสุแลละน้อน้ยที่สุที่ดสุ - หมู่เมู่ ลือลืดแต่ลต่ะหมู่สมู่ ามารถให้ เลือลืดแก่หก่มู่ใมู่ ดได้บ้ด้าบ้ง - หมู่เมู่ ลือลืดแต่ลต่ะหมู่สมู่ ามารถรับรั เลือลืดแก่หก่มู่ใมู่ ดได้บ้ด้าบ้ง 1. การพิสูพิจสูน์เน์อกลักลัษณ์ บุคบุคล คือคือะไร ตรวจได้ จากส่วส่นใดใน ร่าร่งกายบ้าบ้ง 2. สอบถามนักนัเรียรีนเกี่ยกี่วกับกัคดี ต่าต่งๆ เช่นช่คดีคุดีณคุแตงโม 3. นักนัเรียรีนศึกศึษาการวิเวิคราะห์หห์มู่ เลือลืด ระบบ ABO 4.นักนัเรียรีนตรวจวิเวิคราะห์หห์มู่เมู่ ลือลืด แต่ลต่ะหมู่ 5.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ สรุปรุหมู่เมู่ ลือลืด แต่ลต่ะหมู่ 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ออกมานำ เสนอผลการสรุปรุความเชื่อชื่มโยงของ หมู่เมู่ ลือลืด สรุปรุคดีฆดีาตรกรรมและ ตอบคำ ถาม 1.นักนัเรียรีนนำ ความรู้ไรู้ปใช้ใช้นการ ทำ ข้อข้สอบO-NET เรื่อรื่งพันพัธุกธุรรม ของหมู่เมู่ ลือลืดที่ผ่ที่าผ่นมาย้อย้นหลังลั ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/7 อธิบายการใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตดัด แปรพันธุกรรม และผลกระทบที่อาจมีต่อมนุษย์และสิ่ง แวดล้อมโดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการสรุปความรู้ ประเมินจากการนำ เสนองาน การสืบค้นข้อมูล สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรพันพัธุกธุรรม คือคืสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิที่มีที่กมีารเปลี่ยลี่นแปลงพันพัธุกธุรรมโดยมนุษนุย์ซึ่ย์งซึ่อาศัยศัความรู้ทรู้างพันพัธุ วิศวิวกรรม ซึ่งซึ่เป็นป็กระบวนการที่นที่อกเหนือนืไปจากการเปลี่ยลี่นแปลงตามธรรมชาติ การสร้าร้งสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิ ดัดแปรพันธุกรรม ทำ ได้โดยการถ่ายทอดยีนที่มีลักษณะที่ต้องการจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งเข้าไปอยู่ใน ดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ทำ ให้สิ่งมีชีวิตที่ได้รับยีนแสดงลักษณะตามที่ต้องการ และลักษณะ ดังกล่าวสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกและหลานต่อไปได้ โดยมนุษย์ใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตดัดแปร พันธุกรรมในด้านต่าง ๆ เช่น การผลิตอาหาร ด้านการแพทย์ ด้านการเกษตร ด้านอุตสาหกรรม - สิ่ง สิ่ มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรทางพันพั ธุกธุรรม - เทคโนโลยีชียีวชีภาพ - การตัดตัต่อต่ทางพันพั ธุกธุรรม ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการใช้ปช้ระโยชน์จน์ากสิ่ง สิ่ มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรพันพัธุกธุรรมและผลกระทบที่อ ที่ าจมีต่มีอต่มนุษนุย์ และสิ่ง สิ่ แวดล้อล้มได้ นักนัเรียรีนสามารถเปรียรีบเทียทีบประโยชน์แ น์ ละผลกระทบของสิ่ง สิ่ มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรพันพัธุกธุรรมได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง สิ่งมีชีวิตดัดแปรทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.นักนัเรียรีนดูภดูาพในหนังนัสือสืเรียรีน หน้าน้ที่ 60 แล้วล้ตอบคำ ถาม -นักนัเรียรีนรู้จัรู้กจัสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปร พันพัธุกธุรรมหรือรืไม่ -นักนัเรียรีนยกตัวตัอย่าย่งสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปร พันพัธุกธุรรม 2.นักนัเรียรีนดูวิดูดีวิ โดีอเกี่ยกี่วกับกั สิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดั แปรพันพัธุกธุรรม 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามทบทวนความ รู้ก่รู้อก่นเรียรีนหน้าน้ที่ 60 2.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเนื้อ นื้ หาหน้าน้ที่ 61-62 3.นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายร่วร่มกันกั เกี่ยกี่วกับกั สิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรทาง พันพัธุกธุรรม 1.นักนัเรียรีนแบ่งบ่กลุ่มลุ่ กลุ่มลุ่ ละ 5-6 คน 2.ศึกศึษากิจกิกรรมที่ 2.9 ประโยชน์ และผลกระทบของสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปร ทางพันพัธุกธุรรม 3.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ สืบสืค้นค้ข้อข้มูลมู เกี่ยกี่วกับกัประโยชน์แน์ละผลกระทบ ของสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรทางพันพัธุกธุรรม 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม 2.นักนัเรียรีนออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม และสรุปรุผลการทำ กิจกิกรรม 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเรื่อรื่งจากหนังนัสือสื เรียรีนหน้าน้ที่ 63-65และอภิปภิ รายร่วร่ม กันกั 1.นักนัเรียรีนเขียขีนสรุปรุความรู้เรู้ป็นป็ แผนผังผัมโนทัศทัน์สน์รุปรุความรู้ไรู้ปที่ ได้รัด้บรั ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/8 ตระหนักถึงประโยชน์และผลกระทบของสิ่งมีชีวิตดัด แปรพันธุกรรมที่อาจมีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยการเผยแพร่ ความรู้ที่ได้จากการโต้แย้งทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีข้อมูลสนับสนุน 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการตอบคำ ถามท้ายบท ประเมินจากการนำ เสนองานสถานการณ์ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ อย่าย่งไรก็ตก็าม สังสัคมก็ยัก็งยัมี ความกังกัวลเกี่ยกี่วความปลอดภัยภัในการบริโริภค และผลกระทบของสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปร พันพัธุกธุรรมที่มีที่ต่มีอต่สิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิและสิ่งสิ่แวดล้อล้ม ดังดันั้น นั้ ผลกระทบดังดักล่าล่วยังยัอยู่ใยู่ นการติดติตามและศึกศึษาต่อต่ ไป - ประโยชน์อ น์ งสิ่ง สิ่ มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรพันพั ธุกธุรรม - ผลกระทบของสิ่ง สิ่ มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรพันพั ธุกธุรรม ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถวิเวิคราะห์แห์ละตัดตัสินสิ ใจเลือลืกวิธีวิกธีารที่ถู ที่ กถูต้อต้ง เหมาะสม และคำ นึงนึถึงถึจริยริธรรมจาก สถานการณ์ นักนัเรียรีนสามารถวิเวิคราะห์ปห์ระโยชน์แน์ละผลกระทบของสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิดัดดัแปรพันพัธุกธุรรมที่อที่าจมีต่มีอต่มนุษนุย์แย์ละสิ่งสิ่แวดล้อล้ม นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง จริยธรรมด้านพันธุศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ทบทวนความรู้เรู้กี่ยกี่วกับกังมีชีมีวิชีตวิดัดดั แปรพันพัธุกธุรรม 2.นักนัเรียรีนยกตัวตัอย่าย่งงมีชีมีวิชีตวิดัดดั แปรพันพัธุกธุรรม 1.นักนัเรียรีนแบ่งบ่กลุ่มลุ่ กลุ่มลุ่ ละ 5-6 คน 2.ครูนำรูนำเข้าข้กิจกิกรรมท้าท้ยบท จริยริธรรมด้าด้นพันพัธุศธุาสตร์ 3.นักนัเรียรีนอ่าอ่นชื่อชื่กิจกิกรรม จุดจุ ประสงค์ และวิธีวิดำธีดำเนินนิกิจกิกรรม 1.นักนัเรียรีนอภิปภิ รายร่วร่มกันกัและ ตัดตัสินสิ ใจเลือลืกวิธีวิกธีาร และเหตุผตุลที่ เลือลืกทั้ง ทั้4สถานการณ์ 2.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม 3.นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายและสรุปรุ ร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม และสรุปรุผลการทำ กิจกิกรรม 2.นักนัเรียรีนทำ แบบฝึกฝึหัดหัท้าท้ยยทลง ในสมุดมุ 1.นักนัเรียรีนอ่าอ่นเนื้อ นื้ หาวิทวิยาศาสตร์ กับกัชีวิชีตวิลายพิมพิพ์ดีพ์เดีอ็นอ็เอ หน้าน้ที่ 73 ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 2.3 ม.3/10 สร้างแบบจำ ลองที่อธิบายการเกิดคลื่นและบรรยาย ส่วนประกอบของคลื่น คลื่นลื่เกิดกิจากการส่งส่ผ่าผ่นพลังลังานโดยอาศัยศัตัวตักลางและไม่อม่าศัยศัตัวตักลาง ในคลื่นลื่กลพลังลังานจะถูกถูถ่าถ่ยโอนผ่าผ่น ตัวตักลางโดยอนุภนุาคของตัวตักลางไม่เม่คลื่อลื่นที่ไที่ ปกับกัคลื่นลื่คลื่นลื่ที่แที่ผ่อผ่อกมาจากแหล่งล่กำ เนิดนิคลื่นลื่อย่าย่งต่อต่เนื่อนื่งและมี รูปรูแบบ ที่ซ้ำที่ ซ้ำกันกั โดยคลื่นลื่กลจะประกอบไปด้วด้ย สันสัคลื่นลื่ท้อท้งคลื่นลื่แอมพลิจูลิดจูความยาวคลื่นลื่และความถี่ คลื่นกลเป็นการส่งผ่านพลังงาน โดยอาศัยตัวกลางซึ่งอนุภาคของตัวกลางไม่เคลื่อนที่ไปกับคลื่น โดย พลังงานของคลื่นกลจะขึ้นอยู่กับแอมพลิจูด - คลื่น ลื่ กล - ส่วส่นประกอบของคลื่น ลื่ กล 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทำ แบบฝึกหัด ผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมที่ 3.1 สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการเกิดกิคลื่น ลื่ กลและบรรยายส่วส่นประกอบของคลื่น ลื่ กลได้ นักนัเรียรีนสามารถค้นค้หาข้อข้มูลมูสรุปรุองค์ค ค์ วามรู้เรู้กี่ย กี่ วกับกัส่วส่นประกอบของคลื่น ลื่ กลได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง คลื่นกล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ครูทรูบทวนความรู้เรู้ดิมดิของนักนัเรียรีน เรื่อรื่ง คลื่นลื่กล โดยใช้คำช้คำถาม ดังดันี้ - คลื่นลื่กลคือคือะไร - คลื่นลื่กลแบ่งบ่ออกเป็นป็กี่ชกี่นิดนิ 2. ครูนำรูนำเข้าข้สู่บสู่ ทเรียรีนเรื่อรื่งส่วส่น ประกอบของคลื่นลื่กล ร่วร่มอภิปภิ รายกับกั นักนัเรียรีนและใช้คำช้คำถาม ดังดันี้ - หากนักนัเรียรีนไปเที่ยที่วทะเลจะเห็นห็ คลื่นลื่ ในทะเลทราบหรือรืไม่ว่ม่าว่ส่วส่น ประกอบของคลื่นลื่มีอมีะไรบ้าบ้ง 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ศึกศึษาค้นค้คว้าว้ ข้อข้มูลมูจากอินอิเทอร์เร์น็ตน็หรือรืหนังนัสือสื เรียรีนเกี่ยกี่วกับกั ส่วส่นประกอบของ คลื่นลื่กล 2.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ทำ การทดลอง กิจกิกรรมที่ 3.1 คลื่นลื่กลเกิดกิขึ้น ขึ้ ได้ อย่าย่งไรและมีลัมีกลัษณะอย่าย่งไร 3. นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ บันบัทึกทึผล การทำ กิจกิกรรม 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ อภิปภิ รายผล การทำ กิจกิกรรมที่ 3.1 2.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม ลงในสมุดมุ 3.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet 4.นักนัเรียรีนและครูสรูรุปรุความรู้ร่รู้วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรมที่ 3.1 หน้าน้ ชั้น ชั้ เรียรีน 2. ครูแรูละนักนัเรียรีนเฉลยคำ ถามท้าท้ย กิจกิกรรมร่วร่มกันกั นักนัเรียรีนและครูสรูรุปรุผลการทำ กิจกิกรรมร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามตรวจสอบ ความเข้าข้ใจจำ นวน 2 ข้อข้จาก หนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 86 ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ วว 2.3 ม.3/10 สร้างแบบจำ ลองที่อธิบายการเกิดคลื่นและ บรรยายส่วนประกอบของคลื่น คลื่นลื่เกิดกิจากการส่งส่ผ่าผ่นพลังลังานโดยอาศัยศัตัวตักลางและไม่อม่าศัยศัตัวตักลาง ในคลื่นลื่กลพลังลังานจะถูกถูถ่าถ่ยโอนผ่าผ่น ตัวตักลางโดย อนุภนุาคของตัวตักลางไม่เม่คลื่อลื่นที่ไที่ ปกับกัคลื่นลื่คลื่นลื่ที่แที่ผ่อผ่อกมาจากแหล่งล่กำ เนิดนิคลื่นลื่อย่าย่งต่อต่เนื่อนื่งและมีรูมีปรูแบบ ที่ซ้ำที่ ซ้ำกันกั โดยคลื่นลื่กลจะประกอบไปด้วด้ย สันสัคลื่นลื่ท้อท้งคลื่นลื่แอมพลิจูลิดจูความยาวคลื่นลื่และความถี่ คลื่นกลเป็นการส่งผ่านพลังงาน โดยอาศัยตัวกลางซึ่งอนุภาคของตัวกลางไม่เคลื่อนที่ไปกับคลื่น โดยพลังงาน ของคลื่นกลจะขึ้นอยู่กับแอมพลิจูด - คลื่นลื่กล - คลื่นลื่ตามยาว - คลื่นลื่ตามขวาง 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทำ แบบฝึกหัดผ่าน 60 % ประเมินจากการตอบคำ ถาม สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1.นักนัเรียรีนศึกศึษาส่วส่นประกอบของคลื่นลื่ จากหนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 86-87 2. นักนัเรียรีนพิจพิารณาคลื่นลื่ก และ ข จาก หนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 88 โดยสรุปรุองค์คค์วาม รู้ไรู้ด้ว่ด้าว่คลื่นลื่ที่มีที่แมีอมพลิจูลิดจูต่ำ จะมี พลังลังานน้อน้ย คลื่นลื่ที่มีที่แมีอมพลิจูลิดจูสูงสูจะมี พลังลังานมาก 3.นักนัเรียรีนพิจพิารณาคลื่นลื่ก และ ข จาก หนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 90 โดยสรุปรุองค์ ความรู้ไรู้ด้ว่ด้าว่คลื่นลื่ที่มีที่คมีวามถี่ต่ำถี่ ต่ำ จะมี ความยาวคลื่นลื่มากคลื่นลื่ที่มีที่คมีวามถี่สูถี่งสูจะมี ความยาวคลื่นลื่น้อน้ย ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการเกิดกิคลื่น ลื่ กลและบรรยายส่วส่นประกอบของคลื่น ลื่ กลได้ นักนัเรียรีนสามารถค้นค้หาข้อข้มูลมูสรุปรุองค์ค ค์ วามรู้เรู้กี่ย กี่ วกับกัส่วส่นประกอบของคลื่น ลื่ กลได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง คลื่นกล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง คลื่นลื่กล 2. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง ส่วส่น ประกอบของคลื่นลื่กล 3. นักนัเรียรีนยกตัวตัอย่าย่งคลื่นลื่กลใน ชีวิชีตวิประจำ วันวั 1. นักนัเรียรีนศึกศึษาประเภทของ คลื่นลื่กลจากเนื้อ นื้ หาในหนังนัสือสื เรียรีนหน้าน้ที่ 85 2. นักนัเรียรีนทำ แบบฝึกฝึหัดหัใน หังหัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 86 3. นักนัเรียรีนและครูเรูฉลยแบบ ฝึกฝึหัดหัร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนและครูร่รูวร่มกันกัตอบ คำ ถามจากแบบฝึกฝึหัดหัในหนังนัสือสื เรียรีนหน้าน้87,91 1.นักนัเรียรีนนำ ความรู้ไรู้ปใช้ใช้นการ วิเวิคราะห์สห์ถานการณ์สึณ์นสึามิ ดังดันี้ -เพราะเหตุใตุดคลื่นลื่สึนสึามิจึมิงจึสร้าร้ง ความเสียสีหายให้กัห้บกัชีวิชีตวิและ ทรัพรัย์สิย์นสิ ริมริชายฝั่ง ฝั่ ทะเลได้มด้าก ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 2.3 ม.3/11 อธิบายคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้าและสเปกตรัม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากข้อมูล ที่รวบรวมได้ - คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นที่ ไม่อาศัยตัวกลางในการ เคลื่อนที่ มีความถี่ต่อเนื่อง เป็นช่วงกว้างมากเคลื่อนที่ใน สุญญากาศด้วยอัตราเร็วเท่ากัน แต่จะเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว ต่างกันในตัวกลางอื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบ่ง ออกเป็นช่วงความถี่ต่าง ๆ เรียกว่า สเปกตรัมของคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า แต่ละช่วง ความถี่มีชื่อเรียกต่างกัน ได้แก่คลื่นวิทยุไมโครเวฟ อินฟราเรด แสงที่มองเห็น อัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์และ รังสีแกมมา ซึ่งสามารถนำ ไปใช้ ประโยชน์ได้ เลเซอร์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มีความยาวคลื่นเดียว เป็น ลำ แสงขนานและมีความเข้มสูง นำ ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการสื่อสาร มีการใช้ เลเซอร์สำ หรับส่งสารสนเทศ ผ่านเส้นใยนำ แสง โดยอาศัย หลักการการสะท้อนกลับหมด ของแสง ด้านการแพทย์ใช้ ใน การผ่าตัด - คลื่น ลื่ แม่เม่หล็ก ล็ไฟฟ้าฟ้ 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทำ แบบฝึกหัด ผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมท้ายบท สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายคลื่น ลื่ แม่เม่หล็ก ล็ไฟฟ้าฟ้และสเปกตรัมรัของคลื่น ลื่ แม่เม่หล็ก ล็ไฟฟ้าฟ้ได้ นักนัเรียรีนสามารถค้นค้หาข้อข้มูลมูสรุปรุองค์ค ค์ วามรู้เรู้กี่ย กี่ วกับกัคลื่น ลื่ แม่เม่หล็ก ล็ไฟฟ้าฟ้ได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ครูทรูบทวนความรู้เรู้ดิมดิของนักนัเรียรีน เรื่อรื่ง คลื่นลื่กล โดยใช้คำช้คำถาม ดังดันี้ - คลื่นลื่กลคือคือะไร - คลื่นลื่กลแบ่งบ่ออกเป็นป็กี่ชกี่นิดนิ 2. ครูนำรูนำเข้าข้สู่บสู่ ทเรียรีนเรื่อรื่งส่วส่น ประกอบของคลื่นลื่แม่เม่หล็กล็ไฟฟ้าฟ้ร่วร่ม อภิปภิ รายกับกันักนัเรียรีนและใช้คำช้คำถาม ดังดันี้ - คลื่นลื่แม่เม่หล็กล็ไฟฟ้าฟ้ในแต่ลต่ะช่วช่ง ความถี่ ได้ก่ด้อก่ะไรบ้าบ้ง 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ศึกศึษาค้นค้คว้าว้ ข้อข้มูลมูจากหนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 96- 97 2.ครูแรูละนักนัเรียรีนอภิปภิ รายความ สัมสัพันพัธ์รธ์ะหว่าว่งความยาวคลื่นลื่ พลังลังานคลื่นลื่และความถี่ขถี่อง คลื่นลื่แม่เม่หล็กล็ไฟฟ้าฟ้ 3.ครูแรูละนักนัเรียรีนอภิปภิ รายอุณอุหภูมิภูมิ ของสีดสีาวฤกษ์ 4. ครูแรูละนักนัเรียรีนอภิปภิ รายคลื่นลื่ เสียสีงจากเครื่อรื่งรับรัวิทวิยุว่ยุาว่จัดจัเป็นป็ คลื่นลื่ ประเภทใด 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะคนทำ แบบฝึกฝึหัดหั ท้าท้ยบทจากหนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 102 2.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม ลงในสมุดมุ 3.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet 1.นักนัเรียรีนและครูเรูฉลยคำ ถามท้าท้ย กิจกิกรรมร่วร่มกันกั 2.นักนัเรียรีนและครูสรูรุปรุความรู้ร่รู้วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนสรุปรุความรู้เรู้รื่อรื่ง คลื่นลื่แม่เม่หล็กล็ไฟฟ้าฟ้แต่ลต่ะช่วช่ง ความถี่ นำ ไปใช้ปช้ระโยชน์ใน์นด้าด้น ใดบ้่าบ้่ง และก่อก่ ให้เห้กิดกิ โทษ อย่าย่งไรโดยสรุปรุเป็นป็แผนผังผัความ คิดคิ โดยใช้โช้ปรแกรม CANVA 2. นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรม]ง ในกระดานสนทนา Padlet ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ วว 2.3 ม.3/12 ตระหนักถึง ประโยชน์และอันตรายจาก คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดย นำ เสนอการใช้ประโยชน์ใน ด้านต่าง ๆ และอันตรายจาก คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใน ชีวิตประจำ วัน คคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านอกจาก จะสามารถนำ ไปใช้ประโยชน์ แล้ว ยังมีโทษต่อมนุษย์ด้วย เช่น ถ้ามนุษย์ได้รับรังสี อัลตราไวโอเลตมากเกินไป อาจจะทำ ให้เกิดมะเร็งผิวหนัง หรือ ถ้าได้รังสีแกมมาซึ่งเป็น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีพลังงาน สูง และสามารถทะลุผ่านเซลล์ และอวัยวะได้อาจทำ ลาย เนื้อเยื่อหรืออาจทำ ให้เสียชีวิต ได้เมื่อได้รับรังสีแกมมาใน ปริมาณสูง - คลื่น ลื่ แม่เม่หล็ก ล็ไฟฟ้าฟ้ - สเปกตรัมรัแสง 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทำ กิจกรรมกลุ่มผ่าน 70 % ประเมินจากการทำ กิจกรรมสืบค้นข้อมูล สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1.นักนัเรียรีนแบ่งบ่กลุ่มลุ่ ศึกศึษาค้นค้คว้าว้ คลื่น ลื่ แม่เม่หล็กล็ไฟฟ้าฟ้แต่ลต่ะช่วช่ง ความถี่ ดังดันี้ กลุ่มลุ่ ที่ 1 คลื่น ลื่ วิทวิยุ กลุ่มลุ่ ที่ 2 คลื่น ลื่ ไมโครเวฟ กลุ่มลุ่ ที่ 3 รังรัสีอิสีนอิ ฟาเรด กลุ่มลุ่ ที่ 4 รังรัสีอัสีลอัตราไวโอเลต กลุ่มลุ่ ที่ 5 รังรัสีเสีอ๊กอ๊ซ์ กลุ่มลุ่ ที่ 6 รังรัสีแสีกมมา ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถบอกประโยชน์แ น์ ละอันอัตรายจากคลื่น ลื่ แม่เม่หล็ก ล็ไฟฟ้าฟ้ได้ นักนัเรียรีนสามารถสืบสืค้นค้ข้อข้มูลมูประโยชน์แ น์ ละอันอัตรายจากคลื่น ลื่ แม่เม่หล็ก ล็ไฟฟ้าฟ้ได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง คลื่นลื่แม่เม่หล็กล็ไฟฟ้าฟ้ 1. นักนัเรียรีนศึกศึษาประเภทของ คลื่นลื่แม่เม่หล็กล็ไฟฟ้าฟ้จากหนังนัสือสื เรียรีนหน้าน้ที่ 96-97 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ส่งส่ตัวตัแทน ออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม หน้าน้ชั้น ชั้ เรียรีน 1.นักนัเรียรีนนำ ความรู้ไรู้ปใเผยแพร่ ในกระดานสนทนา CANVA ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี ● บันทึกหลังการสอน K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 1.3 ม.3/3 อธิบายการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูกและ คำ นวณอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูก Genotype หมายถึงถึลักลัษณะทางพันพัธุกธุรรมของสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิ ไม่สม่ามารถมองเห็นห็ได้ แต่สต่ามารถประเมินมิหรือรืวัดวั คำ นวณค่าค่ ได้จด้ากการทดลอง ถูกถูควบคุมคุโดย Gene ซึ่งซึ่อยู่ใยู่ นโครโมโซมในเซลล์ขล์องสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิเพื่อพื่ควบคุมคุให้สิ่ห้งสิ่ มีชีมีวิชีตวิมีลัมีกลัษณะต่าต่งๆ เมื่อมื่สิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิเจริญริเติบติ โตขึ้น ขึ้ ภายใต้สต้ภาพแวดล้อล้มหนึ่งนึ่ๆลักลัษณะทางพันพัธุ์จธุ์ะส่งส่ผลให้มีห้กมีาร ปรับรัตัวตัอย่าย่งค่อค่ยเป็นป็ค่อค่ยไปทำ เกิดกิรูปรูลักลัษณ์ที่ณ์เที่ ราสามารถมองเห็นห็ได้ ซึ่งซึ่ลักลัษณะภายนอกที่เที่ รามองเห็นห็ได้นั้ด้น นั้ เรียรีกว่าว่Phenotype (Phenotype = Genotype + Environment) - จีโจีนไทป์ Genotype - ฟีโฟีนไทป์ Phenotype A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทดสอบ Quizizz ผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมและหาอัตราส่วนของ จีโนไทป์และฟีโนไทป์ สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการเกิดกิจีโจีนไทป์ และฟีโฟีนไทป์ข ป์ องลูกลูได้ นักนัเรียรีนสามารถคำ นวณอัตอัราส่วส่นการเกิดกิจีโจีนไทป์ และฟีโฟีนไทป์ข ป์ องรุ่นรุ่ ลูกลูได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง จีโนไทป์และฟีโนไทป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ทบทวนความรู้คำรู้คำถามนักนัเรียรีน เพื่อพื่ทบทวนบทเรียรีนที่ผ่ที่าผ่นมา 2.ครูกรูระตุ้นตุ้ ความสนใจของ นักนัเรียรีน โดยนักนัเรียรีนตอบคำ ถาม ร่วร่มกันกั -สิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิที่มีที่ ฟีมี โฟีนไทป์เป์หมือมืนกันกั จะมีจีมีโจีนไทป์เป์หมือมืนกันกัหรือรืไม่ -จีโจีนไทป์ขป์องพ่อพ่และแม่ส่ม่งส่ผลต่อต่ ฟีโฟีนไทป์ขป์องลูกลูอย่าย่งไร 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ศึกศึษากิจกิกรรม ที่ 2.4 ฟีโฟีนไทป์ขป์องสัตสัว์ปว์ระหลาด เป็นป็อย่าย่งไร จากหนังนัสือสืเรียรีน หน้าน้ที่ 37 และอ่าอ่นสถานการณ์ 2.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ทำ การทดลอง กิจกิกรรมที่ 2.4 ฟีโฟีนไทป์ขป์องสัตสัว์ ประหลาดเป็นป็อย่าย่งไร โดยการ โยนเหรียรีญ2เหรียรีญดูลัดูกลัษณะของ เหรียรีญที่ไที่ด้ โดยเทียทีบกับกัตาราง ในหน้าน้ที่ 38 และบันบัทึกทึผลการ ทดลอง 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะคนนำ ลักลัษณะ ของพ่อพ่สัตสัว์ปว์ระหลาดมาวาด พร้อร้ม ตกแต่งต่ระบายสีใสีห้สห้วยงาม 2.นักนัเรียรีนวาดลักลัษณะของแม่สัม่ตสัว์ ประหลาดพร้อร้มตกแต่งต่ระบายสี 3.นักนัเรียรีนคำ นวณหาจีโจีนไทป์ขป์อง ลูกลูสัตสัว์ปว์ระหลาด 4.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม ลงในสมุดมุ 5.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม 2.นักนัเรียรีนนำ ลักลัษณะของสัตสัว์ ประหลาดตัวตัพ่อพ่ที่ไที่ด้จด้ากการทดลอง มาวิเวิคราะห์หห์าโอกาสของสัตสัว์ ประหลาดรุ่นรุ่ ลูกลูและหาอัตอัราส่วส่น ของจีโจีนไทป์แป์ละฟีโฟีนไทป์ 3..นักนัเรียรีนและครูสรูรุปรุความรู้ร่รู้วร่ม กันกั 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามตรวจสอบ ความเข้าข้ใจจำ นวน 10 ข้อข้จาก Quizizz ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี ● บันทึกหลังการสอน K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 2.3 ม.3/13 ออกแบบการทดลองและดำ เนินการทดลองด้วยวิธีที่เหมาะ สมในการอธิบายกฎ การสะท้อนของแสง ว 2.3 ม.3/14 เขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของแสง แสดงการเกิดภาพ จากกระจกเงา การมองเห็นห็วัตวัถุต้ถุอต้งมีแมีสงจากวัตวัถุเถุข้าข้ตา ในธรรมชาติแติหล่งล่กำ เนิดนิแสง เช่นช่ดวงอาทิตทิย์ ให้รัห้งรัสีขสีองแสงมากมายและตกกระ ทบวัตวัถุต่ถุาต่ง ๆ ที่มีที่อมียู่บยู่ นโลก แสงตกกระทบนี้จนี้ะสะท้อท้นตามกฎการสะท้อท้นรังรัสีขสีองแสงที่ตที่กกระทบและสะท้อท้นมากมายอยู่ ตลอด มีผมีลให้มห้นุษนุย์มย์องเห็นห็วัตวัถุต่ถุาต่ง ๆ ได้ ซึ่งซึ่กฎการสะท้อท้นของแสงกฎการสะท้อท้นแสง มี 2 ข้อข้คือคื 1. รังรัสีตสีกกระทบ รังรัสีสสีะท้อท้น และเส้นส้แนวตั้งตั้ฉากจะอยู่ใยู่ นในระนาบเดียดีวกันกั 2. มุมมุตกกระทบเท่าท่กับกัมุมมุสะท้อท้น ภาพจากกระจกเงาเกิดกิจากวัตวัถุตถุกกระทบกระจกแล้วล้สะท้อท้นตามกฎการสะท้อท้นของแสง เมื่อมื่ รังรัสีขสีองแสงตัดตักันกัจะเกิดกิภาพ โดย ถ้าถ้รังรัสีสสีะท้อท้นตัดตักันกัจริงริจะเกิดกิภาพจริงริถ้าถ้รังรัสีสสีะท้อท้นที่ตัที่ดตักันกัเกิดกิจากการต่อต่แนวรังรัสีอสีอกไปตัดตักันกัจะเกิดกิภาพเสมือมืน การเกิดกิ ภาพจากกระจกเงาราบเป็นป็ภาพเสมือมืนที่มีที่ขมีนาดเท่าท่กับกัวัตวัถุ มีรมีะยะภาพเท่าท่กับกัระยะวัตวัถุ - การสะท้อท้นของแสง - ภาพที่เ ที่ กิดกิจากกระจกเงาราบ A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทดสอบ Quizizz ผ่าน 70 % ประเมินจากการทำ กิจกรรมและการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมที่ 3.3 สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายกฎการสะท้อท้นของแสงได้ นักนัเรียรีนสามารถเขียขีนแผนภาพการเคลื่อ ลื่ นที่ข ที่ องแสง แสดงการเกิดกิภาพจากกระจกเงาได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง การสะท้อนของแสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ครูกรูระตุ้นตุ้ ความสนใจของนักนัเรียรีนทบทวน ความรู้เรู้พื่อพื่การสะท้อท้นของแสงโดยนักนัเรียรีน ตอบคำ ถามร่วร่มกันกั -นักนัเรียรีนมองเห็นห็สิ่งสิ่ของต่าต่งๆได้อด้ย่าย่งไร -ทำ ไมเรายืนยืหน้าน้กระจกแล้วล้มองเห็นห็ตัวตัเรา -ภาพที่เที่กิดกิขึ้นขึ้จากกระจกเงาเหมือมืนหรือรืต่าต่ง จากวัตวัถุจถุริงริหรือรืไม่ อย่าย่งไร -เวลาเราเซลฟี่หฟี่ รือรืใช้กช้ล้อล้งหน้าน้อัดอัวีดีวีโดีอ จากมือมืถือถืภาพจะมีลัมีกลัษณะเหมือมืนหรือรืต่าต่ง จากวัตวัถุอถุย่าย่งไร -นอกจากกระจกเงาราบยังยัมีกมีระจกแบบอื่นอื่ อีกอีหรือรืไม่ 1.นักนัเรียรีนหาความผิดผิปกติจติากภาพต่อต่ ไปนี้ พร้อร้มทั้งทั้ให้เห้หตุผตุลว่าว่ผิดผิปกติอติย่าย่งไร ที่มที่า https://beyinsizler.net/wpcontent/uploads/2016/08/yansimanedir-.jpg 2. นักนัเรียรีนอ่าอ่นข้อข้ความจากภาพตัวตั อักอัษรกลับลัด้าด้นและบอกวิธีวิกธีารอ่าอ่น ข้อข้ความนั้นนั้อย่าย่งไร ที่มที่า 3.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ทำ การทดลอง กิจกิกรรมที่ 3.3 ความสัมสัพันพัธ์รธ์ะหว่าว่งมุมมุ ตกกระทบและมุมมุสะท้อท้นเป็นป็อย่าย่งไร และบันบัทึกทึผลการทดลอง 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ทำ การทดลอง กิจกิกรรมที่ 3.3 ความสัมสัพันพัธ์รธ์ะหว่าว่งมุมมุ ตกกระทบและมุมมุสะท้อท้นเป็นป็อย่าย่งไร 2.นักนัเรียรีนวาดภาพ เขียขีนรังรัสีตสีกกระ ทบ รังรัสีสสีะท้อท้น มุมมุตกกระทบและมุมมุ สะท้อท้น 3.นักนัเรียรีนระบุตับุวตัแปรต้นต้ตัวตัแปรตาม และตัวตัแปรควบคุมคุ 4.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรมลง ในสมุดมุ 5.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลงใน กระดานสนทนา Padlet 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ออกมานำ เสนอ ผลการทำ กิจกิกรรมที่ 3.3 ความสัมสัพันพัธ์ ระหว่าว่งมุมมุตกกระทบและมุมมุสะท้อท้น เป็นป็อย่าย่งไร 2.นักนัเรียรีนและครูสรูรุปรุความรู้ร่รู้วร่มกันกัจาก กิจกิกรรม 3. นักนัเรียรีนศึกศึษาค้นค้คว้าว้กฎการสะท้อท้น ของแสงจากหนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้110-111 4.นักนัเรียรีนเปรียรีบเทียทีบภาพจาก หนังนัสือสืหน้าน้112 เพราะเหตุใตุดภาพจึงจึ แตกต่าต่งกันกั 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามตรวจสอบ ความเข้าข้ใจจำ นวน 10 ข้อข้จาก Quizizz ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 2.3 ม.3/13 ออกแบบ การทดลองและดำ เนินการ ทดลองด้วยวิธี ที่เหมาะสม ในการอธิบายกฎการสะท้อนของแสง แผ่นสะท้อนแสงผิวโค้งเว้าจะรวมแสงขนานที่มาตกกระทบวัตถุ ที่จุดจุดหนึ่งเรียกว่าจุดโฟกัส ในขณะที่แผ่นสะท้อนแสงผิวโค้ง นูนจะกระจายแสงออก ภาพของวัตถุที่ปรากฏจากกระจกเว้ามีทั้งภาพหัวตั้งและหัวกลับ ขนาดใหญ่กว่า เท่ากับ หรือเล็กกว่าวัตถุ และมีทั้งที่ปรากฎบนฉากและไม่ปรากฏบนฉาก ส่วนภาพที่เกิดจากกระจกนูนเป็นภาพหัวตั้งในกระจกซึ่งมีขนาดเล็กกว่าวัตถุเสมอ และไม่ปรากฎบนฉาก - การสะท้อท้นของแสงบนกระจกผิวผิโค้งค้เว้าว้ - การสะท้อท้นของแสงบนกระจกผิวผิโค้งค้นูนนู 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการตอบคำ ถามทผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมที่ 3.5 สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการเกิดกิภาพเนื่อ นื่ งจากการสะท้อท้นของแสงบนกระจกผิวผิโค้งค้ได้ นักนัเรียรีนสามารถเขียขีนแผนภาพการเคลื่อ ลื่ นที่ข ที่ องแสงแสดงการเกิดกิภาพจากกระจกเงาโค้งค้ได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง การสะท้อนของแสง 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ครูทรูบทวนความรู้เรู้ดิมดิของนักนัเรียรีน เรื่อรื่ง คลื่นลื่กล โดยใช้คำช้คำถาม ดังดันี้ -กระจกเงาเว้าว้กับกักระจกเงานูนนูมี ลักลัษณะ เหมือมืนกันกัหรือรืแตกต่าต่งกันกั หรือรืไม่ อย่าย่งไร -นักนัเรียรีนเคยใช้กช้ระจกเงาเว้าว้และ กระจกเงานูนนูในชีวิชีตวิประจำ วันวัอย่าย่งไร บ้าบ้ง -ภาพที่เที่กิดกิจากการวางวัตวัถุไถุว้หว้น้าน้ กระจกเงาเว้าว้และกระจกเงานูนนูจะ เหมือมืนหรือรืแตกต่าต่ง จากภาพที่เที่กิดกิจาก การนำ วัตวัถุวถุางไว้หว้น้าน้กระจกราบ อย่าย่งไร 1.นักนัเรียรีนทบทวนความเข้าข้ใจจาก การตอบคำ ถามหน้าน้ที่ 124 2.ครูอรูธิบธิายทางเดินดิของแสงเมื่อมื่ ผ่าผ่นกระจกโค้งค้เว้าว้และกระจกโค้งค้ นูนนู 3.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ศึกศึษาวิธีวิกธีาร ทดลอง กิจกิกรรมที่ 3.5 หน้าน้121 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะคนทำ กิจกิกรรมที่ 3.5 การสะท้อท้นของแสงจากแผ่นผ่ สะท้อท้นแสงผิวผิโค้งค้เป็นป็อย่าย่งไร โดยวาดผลการทำ กิจกิกรรมลงใน สมุดมุ 2.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม และสรุปรุลงในสมุดมุ 3.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรมที่ 3.5 หน้าน้ ชั้น ชั้ เรียรีน 2. ครูแรูละนักนัเรียรีนอภิปภิ รายผลการ ทำ กิจกิกรรมที่ 3.5 ร่วร่มกันกั 3.นักนัเรียรีนและครูสรูรุปรุกฏการ สะท้อท้นของแสงร่วร่มกันกั 1.นักนัเรียรีนตรวจสอบความเข้าข้ใจ ของตนเองจากการตอบคำ ถามใน หน้าน้124 2. นักนัเรียรีนอธิบธิายการสะท้อท้นของ แสงจากแผ่นผ่สะท้อท้นแสงผิวผิโค้งค้ ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ วว 2.3 ม.3/14 เขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของ แสง แสดงการ เกิดภาพจากกระจกเงา - ภาพของแสงบนกระจกผิวผิโค้งค้เว้าว้ - ภาพของแสงบนกระจกผิวผิโค้งค้นูนนู - 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทำ กิจกรรมแบบฝึกหัดผ่าน 70 % ประเมินการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมที่ 3.6 สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม และสรุปรุลงในสมุดมุ 3.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการเกิดกิภาพเนื่อ นื่ งจากการสะท้อท้นของแสงบนกระจกผิวผิโค้งค้ได้ นักนัเรียรีนสามารถเขียขีนแผนภาพการเคลื่อ ลื่ นที่ข ที่ องแสงแสดงการเกิดกิภาพจากกระจกเงาโค้งค้ได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง การสะท้อนของแสง 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง - การสะท้อท้นของแสงบนกระจกผิวผิ โค้งค้เว้าว้ - การสะท้อท้นของแสงบนกระจกผิวผิ โค้งค้นูนนู 1. นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ศึกศึษาวิธีวิกธีาร ทดลอง กิจกิกรรมที่ 3.6 หน้าน้126 2. นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ทำ กิจกิกรรมที่ 3.6 ภาพที่เที่กิดกิจากกระจกเงาโค้งค้ เป็นป็อย่าย่งไร โดยวาดผลการทำ กิจกิกรรมลงในสมุดมุ 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ส่งส่ตัวตัแทน ออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม หน้าน้ชั้น ชั้ เรียรีน 2. นักนัเรียรีนศึกศึษาภาพที่เที่กิดกิจาก กระจกผิวผิโค้งค้เว้าว้และกระจกผิวผิโค้งค้ นูนนูจากหนังนัสือสืหน้าน้ที่ 126 3. นักนัเรียรีน โดยศึกศึษาวิธีวิกธีารเขียขีน แผนภาพรังรัสีขสีองแสงจากหนังนัสือสื หน้าน้ที่ 127-128 1.ครูแรูละนักนัเรียรีนเฉลยคำ ตอบร่วร่ม กันกั ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน แภาพจากกระจกเงาเว้าเป็นได้ทั้งภาพจริงขนาดเล็กกว่าวัตถุ เท่ากับวัตถุ หรือใหญ่กว่าวัตถุ และ ภาพเสมือนขนาดใหญ่กว่าวัตถุ ส่วนภาพจากกระจกเงานูนจะเกิดภาพเสมือนที่มีขนาดเล็กกว่า วัตถุ การเกิดภาพจากกระจกเงาราบ กระจกเงาเว้า และกระจกเงานูนสามารถนำ ไปประยุกต์ใช้ ประโยชน์ได้หลากหลาย
● บันทึกหลังการสอน K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 2.3 ม.3/15 อธิบายการหักเหของแสง เมื่อผ่านตัวกลางโปร่งใสที่ แตกต่างกันและอธิบายการกระจายแสง ของแสงขาว เมื่อผ่าน ปริซึมจากหลักฐานเชิงประจักษ์ แสงเคลื่อนที่จากตัวกลางหนึ่งไปอีกตัวกลางหนึ่ง อัตราเร็วของแสงจะเปลี่ยนไป ซึ่งแสงอาจเปลี่ยน ทิศทางการเคลื่อนที่ได้ เรียกว่า การหักเหของแสง ถ้าแสงเคลื่อนที่จากตัวกลางที่แสงมีอัตราเร็ว มากกว่าไปยังตัวกลางที่แสงมีอัตราเร็วน้อยกว่า รังสีหักเหจะเบนเข้าหาเส้นแนวฉาก ในทางกลับกัน ถ้าแสงเคลื่อนที่จากตัวกลางที่แสงมีอัตราเร็วน้อยกว่าไปยังตัวกลางที่แสงมีอัตราเร็วมากกว่า รังสีหักเหจะ เบนออกจากเส้นแนวฉาก ยกเว้นเมื่อแสงทำ มุมตกกระทบเป็น ๐ องศา รังสีหักเหจะไม่เบนจากแนว เดิม แต่ยังคงกล่าวว่าเกิดการหักหของแสงเพราะอัตราเร็วของแสงเปลี่ยนไป - การหักหัเหของแสงจากตัวตักลางต่าต่งกันกั - ขนาดของมุมมุตกกระทบ และมุมมุหักหัเห 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการตอบคำ ถามผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมที่ 3.7 สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการหักหัเหของแสงผ่าผ่นตัวตักลางโปร่งร่ใสได้ นักนัเรียรีนสามารถเขียขีนแผนภาพรังรัสีขสีองแสงเมื่อ มื่ ผ่าผ่นตัวตักลางโปร่งร่ใสที่แ ที่ ตกต่าต่งกันกัได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง การหักเหของแสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ครูทรูบทวนความรู้เรู้ดิมดิของนักนัเรียรีน เรื่อรื่ง การหักหัเหของแสงโดยใช้คำช้คำถาม ดังดันี้ - เรามองเห็นห็หลอดพลาสติกติที่อที่ยู่ใยู่ น น้ำ ตาม บัตบัรภาพ พบว่าว่หลอด พลาสติกติมีลัมีกลัษณะงอ - นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่หลอดพลาสติกติมี ลักลัษณะงอได้ อย่าย่งไร 2. นักนัเรียรีนสังสัเกตภาพลูกลูศร จาก หนังนัสือสืหน้าน้ที่ 133 3. นักนัเรียรีนตอบคำ ถามทบทวนความรู้ จากหน้าน้133 จำ นวน 3 ข้อข้ 1.นักนัเรียรีนร่วร่มกันกัอภิปภิ รายเกี่ยกี่วกับกัการ หักหัเหของแสง โดยใช้คำช้คำถามต่อต่ ไปนี้ - เมื่อมื่ ให้แห้สงเคลื่อลื่นที่จที่ากอากาศไปยังยั น้ำ ใน ลักลัษณะตามบัตบัรภาพ พบว่าว่ แสงเปลี่ยลี่นทิศทิทางการเคลื่อลื่นที่ นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่แสงเปลี่ยลี่น ทิศทิทางการ เคลื่อลื่นที่ไที่ด้อด้ย่าย่งไร - ถ้าถ้ให้แห้สงเคลื่อลื่นที่อที่อกจากน้ำ ไปยังยั อากาศ นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่ทิศทิทางการ เคลื่อลื่นที่จที่ะเป็นป็อย่าย่งไร - นักนัเรียรีนคิดคิว่าว่อัตอัราเร็วร็ของแสงใน อากาศ เทียทีบกับกัในน้ำ เหมือมืนหรือรื แตกต่าต่งกันกัอย่าย่งไร 2. นักนัเรียรีนศึกศึษาข้อข้มูลมูการหักหัเหของ แสงจากหน้าน้134 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ทำ กิจกิกรรมที่ 3.7 มุมมุหักหัเมมีคมีวามสัมสัพันพัธ์กัธ์บกัมุมมุ ตกกระทบอย่าย่งไร โดยวาดผลการ ทำ กิจกิกรรมและบันบัทึกทึผลลงในสมุดมุ 2.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม และสรุปรุลงในสมุดมุ 3.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet 4. นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายอัตอัราเร็วร็ ของแสงในตัวตักลางโปร่งร่ ใสชนิดนิ ต่าต่งๆจากหนังนัสือสืหน้าน้137 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรมที่ 3.7 หน้าน้ ชั้น ชั้ เรียรีน 2. ครูแรูละนักนัเรียรีนอภิปภิ รายผลการ ทำ กิจกิกรรมที่ 3.7 ร่วร่มกันกั 3.นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายการ เคลื่อลื่นที่ขที่องแสงจากตัวตักลางต่าต่ง กันกั ในหนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 138- 139 1.นักนัเรียรีนตรวจสอบความเข้าข้ใจ ของตนเองจากการตอบคำ ถามใน หน้าน้1140 2. นักนัเรียรีนอธิบธิายการหักหัเหของ แสงจากตัวตักลางต่าต่งกันกั ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
● บันทึกหลังการสอน คลิกที่ รูปรู คลิกที่ รูปรู K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 2.3 ม.3/15 อธิบายการหักเหของแสง เมื่อผ่านตัวกลางโปร่งใสที่ แตกต่างกันและอธิบายการกระจายแสง ของแสงขาว เมื่อผ่าน ปริซึมจากหลักฐานเชิงประจักษ์ - การกระจายของแสงขาว - การสะท้อท้นกลับลัหมด 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการทำ กิจกรรมแบบฝึกหัดผ่าน 70 % ประเมินการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมที่ 3.8 และ3.9 สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1.นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม และสรุปรุลงในสมุดมุ 3.นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 24 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง คลื่นและแสง ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการสะท้อท้นกลับลัหมดของแสงเมื่อ มื่ ผ่าผ่นตัวตักลางโปร่งร่ใสได้ นักนัเรียรีนสามารถเขียขีนแผนภาพรังรัสีขสีองแสงของการสะท้อท้นกลับลัหมดของแสงได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง การสะท้อนกลับหมด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1. ทบทวนความรู้ เรื่อรื่ง - รุ้งรุ้หรือรืพระอาทิตทิย์ทย์รงกลดเกิดกิขึ้น ขึ้ ได้อด้ย่าย่งไร - รุ้งรุ้กินกิน้ำ เกิดกิขึ้น ขึ้ เวลาไหน - รุ้งรุ้กินกิน้ำ เกิดกิขึ้น ขึ้ ในทิศทิไหน 1. นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ศึกศึษาวิธีวิกธีาร ทดลอง กิจกิกรรมที่ 3.8 หน้าน้141 2. นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ทำ กิจกิกรรมที่ 3.8 การสะท้อท้นกลับลัหมดของแสง เป็นป็อย่าย่งไร โดยวาดผลการทำ กิจกิกรรมลงในสมุดมุ 3. นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ทำ กิจกิกรรมที่ 3.9 การกระจายของแสงขาวเป็นป็ อย่าย่งไร โดยวาดผลการทำ กิจกิกรรม ลงในสมุดมุ 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ส่งส่ตัวตัแทน ออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรม หน้าน้ชั้น ชั้ เรียรีน กิจกิกรรมที่ 3.8 และ 3.9 2. นักนัเรียรีนศึกศึษาความรู้จรู้ากหนังนัสือสื หน้าน้ที่ 143-145,148-150 3. นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายและ สรุปรุความรู้เรู้รื่อรื่งปรากฎการณ์มิณ์รมิาจ ร่วร่มกันกั 1.ครูแรูละนักนัเรียรีนร่วร่มกันกัอภิปภิ ราย ปรากฏการณ์มิณ์รมิาจและรุ้งรุ้กินกิน้ำ กับกั การกระจายของแสงขาวในชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน แสงเคลื่อนที่จากตัวกลางหนึ่งไปอีกตัวกลางหนึ่ง อัตราเร็วของแสงจะเปลี่ยนไป ซึ่งแสงอาจเปล่ีย นทิศทางการเคลื่อนที่ได้ เรียกว่า การหักเหของแสง ถ้าแสงเคลื่อนที่จากตัวกลางที่แสงมีอัตราเร็วน้อย กว่าไปยังตัวกลางที่แสงมีอัตราเร็วมากกว่า รังสีหักเหจะเบนออกจากเส้นแนวฉาก มุมหักเหของแสง จะกางกว้างกว่ามุมตกกระทบ ดังนั้นถ้าเพิ่มมุมตกกระทบมากขึ้น จะมีโอกาสที่มุมหักเหจะมากขึ้น จนถึง ๙๐ องศา และถ้ามุมตกกระทบยังคงเพิ่มขึ้นไปอีกแสงจะสะท้อนกลับไปยังตัวกลางเดิม เรียก ปรากฎการณ์นี้ว่า การสะท้อนกลับหมด
● บันทึกหลังการสอน K P ● มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ● สาระการเรียนรู้ ● สาระสำ คัญ ว 3.1 ม.3/1 อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วย แรงโน้มถ่วงจากสมการ F = (Gm1m2 )/r2 ดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางการโคจร ซึ่งดาวเคราะห์โคจรรอบดวง อาทิตย์ได้ด้วยแรงโน้มถ่วงที่ดวงอาทิตย์กระทำ กับดาวเคราะห์ ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงโน้มถ่วงคือมวลของ วัตถุและระยะห่างระหว่างวัตถุ โดยขนาดของแรงโน้มถ่วงจะมากขึ้นเมื่อมวลของวัตถุมากขึ้น และขนาดของแรง โน้มถ่วงจะลดลงเมื่อระยะห่างระหว่างวัตถุมากขึ้น ขนาดของแรงโน้มถ่วงขึ้นอยู่กับ มวลของวัตถุและระยะห่าง ระหว่างวัตถุ โดยแรงโน้มถ่วงจะลดลงเมื่อระยะห่างระหว่างวัตถุมากขึ้น และขนาดของแรงโน้มถ่วงจะมากขึ้นเมื่อ มวลของวัตถุมากขึ้น ซึ่งสามารถความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงโน้มถ่วงกับระยะห่างระหว่างวัตถุรวมได้จาก สมการ - ระบบสุริสุยริะ - การโคจรของดาวเคราะห์ - แรงโน้มน้ถ่วถ่งของโลก 1. ความสามารถในการสื่อ สื่ สาร 2. ความสามารถในการคิดคิ 3. ความสามารถในการใช้ทัช้กทัษะชีวิชีตวิ 4. ความสามารถในการแก้ปัก้ญปัหา 5. ความสามารถในการใช้เช้ทคโนโลยี A ● การวัดและประเมินผล ผลคะแนนจากการตอบคำ ถามผ่าน 60 % ประเมินจากการนำ เสนอผลการทำ กิจกรรมที่4.1 สังเกตจากการทำ งานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ● สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ K P A กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ ขั้นที่ 3 การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct : C ) ● จุดประสงค์การเรียนรู้ นักนัเรียรีนสามารถอธิบธิายการโคจรของดาวเคราะห์ร ห์ อบดวงอาทิตทิย์ด้ ย์ วด้ยแรงโน้มน้ถ่วถ่งจากสมการได้้ นักนัเรียรีนสามารถคำ นวณแรงโน้มน้ถ่วถ่งของดาวเคราะห์จห์ากสมการกฎของแรงโน้มน้ถ่วถ่งได้ นักนัเรียรีนมีคมีวามใฝ่เฝ่รียรีนรู้แรู้ ละมุ่งมุ่มั่น มั่ ในการทำ งาน ขั้นที่ 2 รู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) ขั้นที่ 1 การตั้งคำ ถาม สงสัย ไคร่รู้ (Learning to Question :Q) ลงชื่อ...............................ครูผู้สอน (นางดาราลักษณ์ อินปา) รายวิชา วิทยาศาสตร์ 5 (ว23101) เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 3คาบ ครูผู้รู ผู้สอน นางดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง "ประชาพัฒนา" ขั้นที่ 4 การการสื่อสาร (Learning to Communicate : C) ขั้นขั้ที่ 5 การตอบแทนสังสัคม การให้บห้ริกริาร (LearningtoServe:S) 1.ครูทรูบทวนความรู้เรู้ดิมดิของนักนัเรียรีนเรื่อรื่ง ระบบสุริสุยริะโดยใช้คำช้คำถาม ดังดันี้ - ถ้าถ้ไม่มีม่ดมีวงอาทิตทิย์โย์ลกจะเป็นป็อย่าย่งไร - ระบบสุริสุยริะประกอบด้วด้ยอะไรบ้าบ้ง - ทำ ไมโลกและดาวเคราะห์ถึห์งถึโคจรรอบ ดวงอาทิตทิย์ - ดวงอาทิตทิย์แย์ละดาวเคราะห์มีห์แมีรงโน้มน้ถ่วถ่ง หรือรืไม่ - ทำ ไมดาวเคราะห์ถึห์งถึไม่เม่คลื่อลื่นที่เที่ข้าข้หาดวง อาทิตทิย์ 2. นักนัเรียรีนอ่าอ่นเนื้อนื้หาจากหน้าน้ที่ 184-185 3. นักนัเรียรีนตอบคำ ถามทบทวนความรู้จรู้าก หน้าน้185 จำ นวน 5 ข้อข้ 1. นักนัเรียรีนศึกศึษากิจกิกรรมที่ 4.1 ขนาด ของแรงโน้มน้ถ่วถ่งขึ้นขึ้อยู่กัยู่ บกัอะไร หน้าน้ 186 2. นักนัเรียรีนเปรียรีบเทียทีบน้ำ หนักนัของ คน และขนาดของดาวเคราะห์ ที่ ตำ แหน่งน่ของดาวแต่ลต่ะดวง 3. นักนัเรียรีนตอบคำ ถามท้าท้ยกิจกิกรรม ลง ในสมุดมุ 1. นักนัเรียรีนส่งส่ผลการทำ กิจกิกรรมลง ในกระดานสนทนา Padlet 2. นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายน้ำ หนักนั และขนาดของแรงโน้มน้ถ่วถ่งจาก หนังนัสือสืหน้าน้187-190 1.นักนัเรียรีนแต่ลต่ะกลุ่มลุ่ ออกมานำ เสนอผลการทำ กิจกิกรรมที่ 4.1 หน้าน้ ชั้น ชั้ เรียรีน 2. ครูแรูละนักนัเรียรีนอภิปภิ รายผลการ ทำ กิจกิกรรมที่ 4.1ร่วร่มกันกั 3.นักนัเรียรีนและครูอรูภิปภิ รายการ เคลื่อลื่นที่ขที่องแสงจากตัวตักลางต่าต่ง กันกั ในหนังนัสือสืเรียรีนหน้าน้ที่ 191- 194 1.นักนัเรียรีนตรวจสอบความเข้าข้ใจ ของตนเองจากการทำ แบบฝึกฝึหัดหั ระบบสุริสุยริะ ● สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 26 เรื่อง การเกิดฤดูกาลและการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ระบบสุริยะ ชื่อรหัสวิชา ว23101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 3 ชั่วโมง จ านวนหน่วยกิต 1.5 หน่วยกิต ชื่อครูผู้สอน ครูดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง “ประชาพัฒนา” อ.เชียงกลาง จ.น่าน 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ ว 3.1 ม.3/2 สร้างแบบจ าลองที่อธิบายการเกิดฤดู และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการเกิดฤดูกาลได้ (K) 2. อธิบายการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ได้ (K) 3. สร้างแบบจ าลองที่อธิบายการเกิดฤดู และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ได้ (P) 4. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น และท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์(A) 3. สาระการเรียนรู้ - ฤดูกาล - การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ 4. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนโลกเอียงท ามุมประมาณ 23.5 องศา กับแนวตั้งฉาก ของระนาบทางโคจร ท าให้ส่วนต่าง ๆ บนโลกได้รับปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันในรอบปีเกิดเป็น ฤดูกาล (seasons) โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลา 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน โดยหมุนจากทิศตะวันตกไปยัง ทิศตะวันออก การหมุนรอบตัวเองของโลกท าให้เราสังเกตเห็นการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์จาก ทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก เรียกปรากฏการณ์ที่เกิดนี้ว่า การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ ซึ่งสังเกตเห็น ได้จากบริเวณขอบฟ้า เรียกบริเวณที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าว่า ทิศตะวันออก และเรียกบริเวณที่ ดวงอาทิตย์ตกจากขอบฟ้าว่า ทิศตะวันตก
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 2 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการทดลอง 2) ทักษะการสร้างแบบจ าลอง 3) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 4) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท างาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับการเกิดฤดูกาล จาก https://www.youtube.com/watch?v= ENMnNK1FOAc ให้นักเรียนดู จากนั้นครูตั้งประเด็นค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้ นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด ดังนี้ ฤดูกาลเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวตอบ : เกิดจากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในรอบ 1 ปี โดยแกนโลกเอียงท ามุม ประมาณ 23.5 องศากับแนวตั้งฉากของระนาบโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์จึงท าให้ส่วนต่าง ๆ ของโลกได้รับพลังงานความร้อนแตกต่างกัน) ในประเทศไทยมีกี่ฤดู อะไรบ้าง (แนวตอบ : มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว) ขั้นที่ 2 ส ารวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมา จับสลากเรื่องที่ศึกษา โดยครูเตรียมสลากฤดูกาลต่าง ๆ ไว้หน้าชั้นเรียนดังนี้ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 3 ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูใบไม้ผลิ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาตามเรื่องที่จับสลากได้ โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับการเกิด ฤดูกาลนั้น ลักษณะการหมุนของโลกรอบดวงอาทิตย์ ช่วงเวลาในการเกิดฤดูกาล ประเทศที่มี ฤดูกาลนั้น จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด QR Code เรื่อง การเกิดฤดูกาล 3. สมาชิกภายในกลุ่มร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจ าตัวนักเรียน 4. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการเกิดฤดูกาลจากชั่วโมงที่ผ่านมา โดยครูตั้งประเด็น ค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียน ดังนี้ สาเหตุที่โลกเกิดฤดูกาลที่แตกต่างกันมีอะไรบ้าง (แนวตอบ : โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์และแกนโลกเอียงท ามุม 23.5 องศา ส่วนต่าง ๆ บนโลก ได้รับปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันในรอบปี) เมื่อซีกโลกเหนือได้รับแสงสว่างและความร้อนจากดวงอาทิตย์มาก ซีกโลกใต้จะเป็นฤดูใด (แนวตอบ : ฤดูหนาว) 5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่ม 6 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรม แบบจ าลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติกิจกรรม ที่ถูกต้อง 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากิจกรรม แบบจ าลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปฏิสัมพันธ์ในระบบ สุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ โดยครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือมาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยก าหนดให้สมาชิกแต่ละคนภายในกลุ่มมีบทบาทหน้าที่ของตนเองดังนี้ สมาชิกคนที่ 1-2 ท าหน้าที่เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมแบบจ าลอง การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ สมาชิกคนที่ 3-4 ท าหน้าที่อ่านวิธีปฏิบัติกิจกรรม และน ามาอธิบายให้สมาชิกในกลุ่มฟัง สมาชิกคนที่ 5-6 ท าหน้าที่บันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรมลงในสมุดประจ าตัวนักเรียน 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผล ร่วมกัน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 9. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมแบบจ าลองการโคจรของโลกรอบ
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 4 ดวงอาทิตย์หน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียนน าเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจถูกต้อง 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันตอบค าถามท้ายกิจกรรม โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความ คิดเห็นเพื่อหาค าตอบ จากนั้นครูสุ่มนักเรียนให้ตอบค าถามท้ายกิจกรรม 11. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลท้ายกิจกรรมแบบจ าลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ และเฉลยค าถามท้ายกิจกรรม 12. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับวันที่ 21 มิถุนายน วันครีษมายันว่า “วันที่ 21 มิถุนายน เป็นวันครีษมายัน เวลากลางวันจะยาวที่สุดในรอบปี ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไป ทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาล เข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกเหนือ” ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 13. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุต่าง ๆ บนท้องฟ้าว่า “การเคลื่อนที่ของวัตถุในท้องฟ้า แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ 1) การเคลื่อนที่ปรากฏ เป็นการ เคลื่อนที่ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของโลก และ 2) การเคลื่อนที่แท้จริง เป็นการเคลื่อนที่ที่เกิด จากการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ หรือวัตถุในท้องฟ้านั้นจริง ดังนั้น การเคลื่อนที่ปรากฏของ ดวงอาทิตย์จริง ๆ แล้วเป็นการเคลื่อนที่ของโลก ซึ่งท าให้เราเห็นปรากฏการณ์การขึ้นและตกของ ดวงอาทิตย์” 14. ครูให้นักเรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏของดวง อาทิตย์ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปฏิสัมพันธ์ ในระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ หรือใบความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ จากนั้นเขียนสรุปความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจ าตัวนักเรียน 15. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดฤดูกาล และการเคลื่อนที่ปรากฏของ ดวงอาทิตย์ และให้ความรู้เพิ่มเติมจากค าถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การเกิด ฤดูกาล และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ในการอธิบายเพิ่มเติม 16. ครูตั้งประเด็นค าถาม โดยให้นักเรียนร่วมกันตอบค าถามว่า “การเกิดฤดูกาลมีผลต่อมนุษย์และ สิ่งแวดล้อมอย่างไร” (แนวตอบ : ฤดูกาลมีผลต่อการด ารงชีวิตของพืช สัตว์ และมนุษย์ เช่น มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วย แสงของพืช การปรับตัว การท าการเกษตรของมนุษย์) 16. นักเรียนแต่ละคนท าใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเกิดฤดูกาล จากนั้นครูมอบหมายให้นักเรียน ท าแบบฝึกหัด เรื่อง การเกิดฤดูกาล และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและ เทคโนโลยีอวกาศ เป็นการบ้านส่งชั่วโมงถัดไป
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 5 ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค าถาม พฤติกรรมการท างานรายบุคคล พฤติกรรมการท างานกลุ่ม และจากการน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรม แบบจ าลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ 3. ครูตรวจสอบผลการท าใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเกิดฤดูกาล 4. ครูตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง การเกิดฤดูกาล และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและ เทคโนโลยีอวกาศ 5. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดฤดูกาล และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) การเกิดฤดูกาลและ การเคลื่อนที่ปรากฏ ของดวงอาทิตย์ - ตรวจใบงานที่ 4.2 - ตรวจสมุดประจ าตัว หรือแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 - ใบงานที่ 4.2 - สมุดประจ าตัว หรือ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) ผลบันทึกการ ปฏิบัติกิจกรรม แบบจ าลองการ โคจรของโลกรอบ ดวงอาทิตย์ - ตรวจสมุดประจ าตัว หรือแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 - สมุดประจ าตัว หรือ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3) การน าเสนอ ผลงาน/การปฏิบัติ กิจกรรม - ประเมินการน าเสนอ ผลงาน/การปฏิบัติ กิจกรรม - แบบประเมินการ น าเสนอผลงาน/การ ปฏิบัติกิจกรรม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการ ท างานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5) พฤติกรรมการ ท างานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การท างานกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 6 รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 6) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย รับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการ ท างาน - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบ สุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปฏิสัมพันธ์ในระบบ สุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ 3) ใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเกิดฤดูกาล 4) ใบความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ 5) วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมแบบจ าลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ 6) PowerPoint เรื่อง การเกิดฤดูกาล และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ 7) สลากฤดูกาลต่าง ๆ 8) QR Code เรื่อง การเกิดฤดูกาล 9) วีดิทัศน์เกี่ยวกับการเกิดฤดูกาล จาก https://www.youtube.com/watch?v=ENMnNK1FOAc 10) สมุดประจ าตัวนักเรียน 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) อินเทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 7 9. แบบบันทึกหลังการสอน ลงชื่อ............................................. (นางดาราลักษณ์ อินปา) ต าแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .. .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ... 1. ด้านความรู้ (K:Knowledge) 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P:Process) 3. ด้านคุณลักษณะ (A:Attitude) แผนที่ 2 เรื่อง การเกิดฤดูกาลและการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ รหภูมิธ .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .. 4. ด้านสมรรถนะส าคัญ (C:Competency)
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดย รูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบวัฎจักร 5 ขั้น 5E 8 ใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเกิดฤดูกาล ค าชี้แจง : พิจารณาภาพการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์บนระนาบสุริยะวิถีและอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืนและการเกิดฤดูกาล ที่มา : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) การเกิดกลางวันกลางคืน การเกิดฤดูกาล .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ....................................................................................