The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วรรณสาร วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ ฉบับที่ ๖๑ ประจำเดือนกันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๒

สาขาวิชาภาษาไทย
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by D_mat Name, 2020-11-07 23:53:27

วรรณสาร วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ ฉบับที่ ๖๑

วรรณสาร วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ ฉบับที่ ๖๑ ประจำเดือนกันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๒

สาขาวิชาภาษาไทย
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

ว ร ร ณ ส ารฉบับที่ ๖๑ เดอื นกันยายน–ธนั วาคม ๒๕๖๒

สาขาวชิ าภาษาไทย

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

บอกกลา่ วเล่าเรื่อง

บรรณาธิการ

สวัสดีผู้อ่านที่สนับสนุนวรรณสารมาอย่างต่อเน่อื ง วรรณสาร “วิลาสวัฒนธรรมถ่ินใต้” ยังคงนาเสนอ

เร่ืองราวความเป็นวัฒนธรรม ผ่านวิถีชีวิต การเป็นอยู่ท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถ่ินภาคใต้ ร้อยเรียง

เรอื่ งราว เล่าส่กู นั ฟัง ผ่านรปู ลกั ษณ์และความงดงามทางภาษาจากผู้ถา่ ยทอดสู่ผู้อ่านทกุ คน

วรรณสาร “วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้” ฉบับน้ี มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนาเสนอสาระความรู้

ด้วยการนาเสนอเรื่องราวท่ีกาลังจะได้อ่าน เล่าผ่านคาโปรยของงานแต่ละคอลัมป์ ซ่ึงจะเป็นการเขียนใ น

รูปแบบคาประพันธ์ท่ีไม่ได้เคร่งครัดฉันทลักษณ์มากนัก แต่ละเล่าความเป็นมาของส่ิงที่จะได้อ่านเพื่อให้ไดร้ บั

อรรถรสในการอ่านมากยิง่ ขึ้น ประกอบกบั ภาษาท่ีใช้ในการเขียนได้มีการนาเสนอภาษาถิ่นเฉพาะพื้นท่ี มาเล่า

เร่ืองให้รู้สึกน่าติดตาม เป็นการนาเสนอความงดงามทางภาษาถ่ินใต้ ท่ีสามารถนามาเรียงร้อยสู่หน้าหนงั สือได้

อยา่ งลงตวั

หวังเป็นอย่างย่ิงว่าส่ิงท่ีนาเสนอผ่านรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ อรรถรสในการอ่าน

และยังได้รับความรู้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีสนใจ สนับสนุนงานวรรณสาร และเห็นคุณค่าของความเป็น

ภาษาไทย ต่อไป

สุดท้ายนี้กองบรรณาธิการขอขอบคุณสมาชิกผู้จัดทาวรรณสาร ที่ปรึกษาวรรณสาร รวมทั้งผู้อ่าน

ทุกทา่ นทใ่ี หก้ ารสนับสนุนเป็นอย่างดีเสมอมา เร่ืองราวของวลิ าสวฒั นธรรมถิ่นใต้จะได้รับการนาเสนอเพ่อื ให้ได้

หาอา่ นกันอกี ครง้ั ในฉบับตอ่ ไป

___________________________________________________________________________________________________________

ท่ปี รึกษา บรรณาธิการ พิสจู นอ์ ักษร

ผศ.ดร.ร่งุ รัตน์ ทองสกลุ นายอสิ มตั ดาวเรอื ง น.ส.ลัดดาวัลย์ สโิ ปด

ผศ.จุฬารัตน์ เสง่ียม น.ส.ภัทราภรณ์ เขยี วมา

ผศ.ดร.วรพงศ์ ไชฤกษ์ กองบรรณาธิการ

อ.ปรีดา สุวรรณจนั ทร์ นายวรวฒุ ิ ศิรบิ ุญชว่ ย จัดพิมพ์

อ.สุริยา ทองคา น.ส.ทิพยน์ ภา ทาเครือ่ ง น.ส.อรวรรยา ขลกิ คา

อ.พัชราภรณ์ คชินทร์ น.ส.กนกวรรณ นาคสงา่ น.ส.ชุตินนั ท์ ไพชานาญ

น.ส.ปิยาภรณ์ ทิพย์ทอง ศลิ ปกรรมปก
น.ส.ประสตุ า สง่ เสรมิ

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้

สารบัญ

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้
เดือนกนั ยายน – ธันวาคม ๒๕๖๒

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เรื่อง หน้า

สบื เนอ่ื งจากปก ๓
“ค่านทา ร่าง คา่ นต้าว เตอ โถวเมี่ยน” ดนู างใหด้ ู (เครือ่ ง) หัว

บทความสัมภาษณพ์ ิเศษ ๗
คนกบั กลอย ๑๑
“ยาเหลม้ ” สรรพคุณ ยา ศรัทธา ชวี ิต

เสริมสรา้ งประสบการณก์ บั โครงการดี ๆ ๑๔
ภาษาไทยยุคดิจิทลั สร้างสรรค์ ปรับตัว หรือเปลย่ี นผ่าน ๑๗
ลงมือ วิจัย “ภาษาไทย ภาษาถนิ่ ” ๒๐
โครงการ “เรียนรวู้ ิถีคนกับคตชิ นวิทยา”

ปลูกกล้านกั วจิ ยั ๒๒
วิเคราะห์การต้งั ชอ่ื นามสถานในอาเภอเกาะยาว จังหวัดพงั งา ๓๗
สถานภาพและบทบาทผู้หญิงในนวนยิ ายเรื่องกรงกรรม

กด Like วรรณกรรม ๕๓
โซเ่ วรี ๕๙
ชีวิตลิขิตเอง ๖๓
รักติดไฟแดง : ครอบครัวกลางถนน

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้

สารบญั (ตอ่ ) หนา้

เรื่อง ๖๘

ไขภาษากับไทยศลิ ปศาสตร์ ๗๒
คาไทย ใสใ่ จ รเู้ รื่อง ๗๗
๘๑
มมุ คาร้องมองอยา่ งนักวิจารณ์ ๘๕
เพลินเพลงในดวงใจ : แม่กาปอง
เพลนิ เพลงในดวงใจ : แก้มน้องนางน้ันแดงกวา่ ใคร ๘๙
เพลินเพลงในดวงใจ : บนั ไดสีแดง ๙๒
เพลินเพลงในดวงใจ : ตามตะวนั
๙๕
ศิษยเ์ ก่าเลา่ เรือ่ ง ๑๐๐
ล้อมวงเล่า เสวนา ประสาไทยไทย (นอกสถานที่) ๑๐๓
เรอื่ งเล่าจากรุ่นพ่ี : ไอลดา บุญจันทร์แก้ว ๑๐๖
๑๑๙
ชวนกนิ ชวนเท่ียว
กระบหี่ ัวเสา : ประตมิ ากรรมสญั ญาณไฟจราจร จังหวัดกระบี่ ๑๑๑
คนยู่ คันยอ ปลาพดุ นบพิตา ๑๑๑
เคย่ี วเบน ๑๑๒
เจะ๊ แมะ๊ ๑๑๒
“ตาหยาบ” หนมหรอยโด้ โหม้ตูลบ้านเรา

เจา้ บทเจ้ากลอน
แม่
ความรักของแม่
ข้าว
รุน่ ใหม่ไฟแรง

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่ินใต้

สารบญั (ตอ่ ) หนา้

เรอื่ ง ๑๑๓

นิราศเพอื่ นเยือนถลาง ๑๑๔
๑๑๗
เกร็ดความรู้ ๑๒๐
“บงู อฆาปา” ดีเมอนารอ
เรอ่ื งพรา้ ว พร้าว ๑๒๓
มาลายโู พน้ ทะเล เมืองลกิ อ ๑๒๕
๑๒๗
บันทึกภาพในความทรงจา
ข้าราชการดเี ดน่ ๑๓๐
ยกย่อง เชิดชเู กียรติ และสานสัมพันธส์ ร้างสรรคอ์ งคก์ ร ๑๓๓
ฉายาคณาจารยแ์ หง่ ครอบครัว ทศศ. ๑๓๕

วิลาสฯ ยกมาเลา่ : น่งั เคลา้ เล่านทิ าน ๑๓๗
ตานานผีจงั หวัดพัทลงุ : แค้นของมโนราห์
หนง่ึ บัย หน่ึงบุญ หนงึ่ บาป
เมอื งพบั แพว : เมืองเร้นลบั บนเขาพญาบังสา

ผเู้ รยี บเรยี ง

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้

ทัศนาวลิ าส

วลิ าสชม เชญิ ชม เชยวลิ าส
วิลาสชม วิลาส ศาสตรภ์ าษา
วิลาสชม วิลาส ภูมิปญั ญา
วลิ าสชม ทศั นา ทกั ษณิ คดี

วลิ าสแล้ว ดว้ ยรสถอ้ ย รอ้ ยเรียงเรอ่ื ง
วลิ าสเรือง ภัตตาหาร ผา่ นวถิ ี
วลิ าสเลา่ สรรพปญั ญา พาชวี ี

วิลาสศรี วลิ าสวฒั นา ธรรม เอย

...วิลาสวฒั นธรรม

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๒

สืบเนือ่ งจากปก

“ค่านทา รา่ ง ค่านต้าว เตอ โถวเมย่ี น” วัฒนธรรม ผลดั เปล่ยี น ผสมผสาน

นาเสนอ เป็นเครื่องแต่ง ประดับการณ์ ประเพณี สบื สาน วัฒนา

看她,让看到的头面
“คา่ นทา ร่าง ค่านตา้ ว เตอ โถวเมี่ยน” ดนู างใหด้ ู (เครอื่ ง) หวั

หนึ่งในวัฒนธรรมล้าค่าชาวตะก่ัวป่า คือ การแต่งกาย วัฒนธรรม
ชาวบาบ๋า วัฒนธรรมเพอรานากัน กลางพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ก่อนการท้า
เหมืองแรด่ บี ุกซึ่งเป็นปัจจยั หลักทดี่ งึ ดดู ชาวจนี เขา้ มายังเมืองตะกั่วป่า หรือ
“เต็กโกป่า” ตามส้าเนียงจนี ดว้ ยความอดุ มสมบูรณ์ของทรัพยากรในเมือง
ตะกั่วป่า บวกกับความขยันอดทนของชาวจีนยุคนัน ส่งผลให้เกิดความ
ร้่ารวย มั่งค่ัง บ้างก็คิดตังรกราก แต่งงานอยู่กินกับคนพืนถ่ินเดิม
มีลูกหลานสืบแซ่สกุลซึ่งมักเรียกกันว่า “ลูกบาบ๋า” สตรีบาบ๋า เมือง
ตะกั่วป่า ในยุคนันมักแต่งกายและสวมเคร่ืองประดับเพชร ทอง
อย่างสวยงามสมฐานะของแต่ละบ้าน ซ่ึงการแต่งกายเหล่านีส่ือให้เห็นถึง
ภาพสะท้อนของการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมได้อย่างกลมกลืนและมี
ความหลากหลาย เช่น วัฒนธรรมจีน-มาเลย์ พม่า อินโดนีเซีย เป็นต้น
โดยการแต่งกายท่ัวไป มักสวมเสือคอสูง กลัดกระดุมคอ ๒ เม็ดคล้ายคอจีน เป็นเสือไม่เข้ารูป ตัวเสือสันแค่
สะเอวคล้ายการแต่งกายแบบพมา่ แขนเสอื ยาวมีขอบ ๒ จบี คลา้ ยการแต่งกายแบบมาเลย์ สวมทบั ด้วยครุยสนั
ไม่กลัดกระดุม ใช้เข็มกลัดรูปช่อดอกไม้ หรือกลัด โกรส้าง (Kerosany) นุ่งโสร่งปาเต๊ะคล้ายการแต่งกายแบบ

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๓

อินโดนีเซีย ทรงผมเกล้ามวยกลางกระหม่อม ประดับด้วยปิ่นและดอกมะลิ หรือดอกพุด ใส่ต่างหูตุ้งติง
เหน็บผ้าเช็ดหน้า พวงกุญแจนากหรือทอง กระเป๋าตาข่ายทองหรือเงินใบเล็ก ๆ ท่ีสะเอว คาดเข็มขัดทอง
หรอื นาก นี่คือการแตง่ กายท่ีสตรบี าบ๋าสวมใส่กันเป็นปกติ ซง่ึ ปัจจุบนั ยังคงหลงเหลอื การแตง่ กายแบบนีอยู่

วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวบาบ๋า ยังสื่อให้เห็นผ่านชุดส้าหรับ
ใช้ในพิธีมงคลสมรส ซึ่งส้าหรับชุดแต่งงานของสตรีบาบ๋า ลักษณะการแต่ง
กายจะประกอบด้วยเสือตัวในจะเป็นคอสูงแขนยาวมีขอบแขนและจีบ
๒ จีบ เป็นเสือสันไม่เข้ารูปสวมทับด้วยครุยยาว (baju panjang) นิยมตัด
เย็บด้วยผ้าลูกไม้โปร่งหรือผ้าป่านแก้ว มีลวดลาย ผีเสือ และดอกไม้โทนสี
อ่อน นุ่งโสร่งปาเตะ สวมรองเทา้ ปักลูกปัดปดิ หวั เปิดสน้ ประดบั ประดาด้วย
เคร่ืองเพชร ทอง อย่างอลังการ อันประกอบด้วย สร้อยคอ จี แหวน ต่างหู
กา้ ไลขอ้ มอื ข้อเท้า

คุณจรินทร์ นีรนาทวโรดม เล่าว่าสตรีบาบ๋าที่แต่งกายด้วยชุด
เจ้าสาวบาบ๋า จะต้องท้าผมทรงชักอีโบย จะท้าผมมวยรวบตึงไม่ได้ เพราะ
งานแต่งแบบบาบ๋าต้องผมทรงชักอีโบยเท่านัน จุดเด่นของผมทรงนี
นอกจากท้าให้ประดับมงกุฎดอกไม้ไหวได้สวยแล้ว ปีกของผมท่ีดึงออกมาเปรียบเสมือนกับความงามของหงส์
ช่วยเสริมให้รูปศีรษะมีลักษณะเป็นหัวทุย คือ ลักษณะศีรษะท่ีสวยงามเสมือนตัวหงส์ และยังเป็นทรงผมที่ช่วย
เปดิ หน้าผากกวา้ งให้เหน็ ถึงวาสนาทีด่ ขี องเจ้าสาวน่นั เอง

นอกจากนี คณุ จรินทร์ นีรนาทวโรดม ยงั ได้กลา่ วถึงการใหค้ วามสา้ คัญในการประดบั ชดุ ไว้อีกว่า
“ดูนางให้ดูเครื่องหัว” คือ การเลือกคู่หรือการดูสตรีบาบ๋าว่ามีความพร้อมหรือมีความเหมาะสมท่ีจะเลือกมา
เป็นคคู่ รองนัน เราสามารถดู หรือสงั เกตได้จากการประดบั เครอ่ื งประดบั บนศีรษะของสตรบี าบ๋าได้

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๔

จากเครื่องประดับท่ีสตรีบาบ๋าได้ประดับบนศีรษะนันสามารถบ่งบอกถึงสถานะของแต่ละคนออกมา
และเคร่ืองประดับเหล่านันยังมีนัยส้าคัญที่แฝงอย่ทู ังสิน

มงกุฎเจ้าสาว หรือ ฮั่วก๋วน ประดิษฐ์จากดินเงินดินทองเป็นดอกไม้ไหว หรือเรียกว่า “ดอกเฉงก๊อ”
และลูกปัดแก้ว-ทอง โดยเจ้าสาวจะต้องเกล้าผมแบบโบราณท่ีเรียกว่า “ทรงชักอีโบย” ด้านบนท้ามวย
“หอยโขง่ ” ซึ่งประดับด้วย “หงส์”-“เฟิง” หรือเฟง่ิ หวาง (Feng-Huang) หรอื “ฟินิกซ”์ (Phoenix) นัยส้าคัญ
คือ หงส์เป็นใหญ่สดุ ในหมู่มวลสัตว์ปีกมีเสียงร้องกังวานดุจเสียงขลุ่ย หงส์ปรากฏตัวในแผ่นดินที่มีแต่ความสงบ
รม่ เยน็ จงึ เป็นนยั ยะทจ่ี ะสอนเจ้าสาววา่ เม่ือแต่งงานเข้าอยู่บา้ นสามีแลว้ ต้องมวี าจาท่ีอ่อนหวานดุจเสียงกังวาน
ของหงส์ ดูแลบา้ นสามใี หเ้ กิดความสงบร่มเยน็ และในภายภาคหน้าอาจจะไดเ้ ป็นใหญ่ดจุ นางพญาหงส์ของบ้าน
ด้านหน้าของมวยผมประดับด้วยดอกไม้และผีเสือ นัยส้าคัญ คือ การใช้ชีวิตคู่ และความรักความผูกพันท่ีมีต่อ
กันชัว่ กัลปาวสาน

ปนิ่ ปักผม ทา้ ด้วยทองคา้ ประดับเพชรฉีก สมยั ก่อนผู้หญงิ มกั ไว้ผมยาว มกี ารเกล้ามวยผมเปน็ สองแบบ
คือ แบบแรกเป็นการรวบผมตึงประมาณท้ายทอยแบบมวยต้่าใช้ป่ินปักมวยเพียงอันเดียวหรือสองอัน แบบที่
สองเปน็ การเกล้ามวยสงู หรือที่เรยี กวา่ “ชกั อโี บย” แบบนจี ะใช้เมอื่ แบบสวมชุดครุยยาว รอบมวยผมจะตกแต่ง
ด้วยดอกไม้ใช้ปิ่นปักมวยสามอัน ห้าอัน หรือเจ็ดอันเป็นจ้านวนเลขคี่ ถ้าเป็นเจ้าสาวต้องปักหกอันเท่านัน โดย
ผู้ทปี่ กั ทางขวา คือ สตรีที่ยงั ไม่ไดแ้ ต่งงาน ส่วนสตรีที่ปกั ทางด้านซา้ ย คอื สตรีทแ่ี ต่งงานแล้ว วิธปี กั อันแรกของ
ปิน่ ปักผมตอ้ งให้อยู่กลางหนา้ ผากหรือตรงกลางจมูกของเจ้าสาวถึงจะถูกต้องโดยการปักจะเร่ิมจากอันเล็กไล่ไป
อันใหญ่

วัฒนธรรมการแต่งกายชุดบาบ๋า ยังคงมีความงดงามท่ีอยู่คู่กับเมืองตะกั่วป่าจนถึงวันนี และนี่เป็นแค่
ส่วนหน่ึงของเร่ืองราวการแต่งกายแบบบาบ๋า และความเชื่อของบาบ๋าท่ียังคงสืบทอดอนุรักษ์อยู่ในตะกั่วป่า
ยังมีอีกหลายเรื่องราวท่ีน่าสนใจเก่ียวกับบาบ๋าตะกั่วป่า ถ่ายทอดเรื่องราวชาวบาบ๋าจากคุณจรินทร์
นีรนาทวโรดม ผู้ที่มีความรู้เร่ืองของบาบ๋าฝ่ังอันดามัน และยังเป็นผู้ท่ีอนุรักษ์วัฒนธรรมเหล่านีให้คงหลงเหลือ
อยู่ ความงดงามแหง่ วัฒนธรรมท่คี วรค่าแกก่ ารอนรุ กั ษ์ใหก้ ับคนรนุ่ หลงั สบื ต่อไป

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถนิ่ ใต้ หนา้ ๕

แปลไทยเปน็ ไทย : ศัพท์ไทยทอ้ งถ่นิ (ดินแดนตะก่ัวป่า)
เตก็ โกป่า = ตะกั่วป่า (ชอ่ื เรยี กเมืองตะก่วั ปา่ เป็นสา้ เนียงจีน)
ลูกบาบ๋า = ผู้ท่สี ืบทอดตระกลู เกิดจากคนพืนถน่ิ เดมิ เมอื งตะกั่วป่าแต่งงานกบั ชาวจนี
โกรส้าง = เขม็ กลดั รูปช่อดอกไม้
ฮัว่ กว๋ น = มงกฎุ เจ้าสาวในชุดบาบา๋
ดอกเฉงก๊อ = ดอกไม้ไหว ประดิษฐจ์ ากดนิ เงนิ -ทอง และลูกปดั แกว้ -ทอง
ชักอโี บย = ลกั ษณะทรงผมเกลา้ มวยสูงแบบโบราณ
แปลไทยเปน็ ไทย : นายจรินทร์ นรี นาทวโรดม : ปราชญ์ชาวบ้านท้องถนิ่ เมอื งตะกวั่ ป่า จังหวดั พังงา

ข้อมูล :
ภาพ : เพจ เช่าชุดเจา้ สาวบาบ๋า, เพจ bobo studio โบโบ้สตดู ิโอ
ชมรมชาวบาบ๋าฝง่ั ทะเลอนั ดามัน. อตั ลกั ษณแ์ ละการแตง่ กายชาวบาบ๋าฝั่งทะเลอันดามัน. [ออนไลน์],

เขา้ ถึงจาก : https://andaman๓๖๕.blogspot.com/๒๐๑๕/๑๐/baba_๒.html.
(๒๕๖๓, ๒๕ มีนาคม).
ปราณี สกุลพิพัฒน์ และคณะ. (๒๕๕๕). รายงานผลการจดั เกบ็ และรวบรวมขอ้ มลู มรดกภูมปิ ญั ญาทาง
วฒั นธรรม “การแต่งกายของชมุ ชนบาบา๋ เพอรานากัน”. กรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม.
วิมล โสภารตั น.์ เลา่ เร่ืองเมอื งตะก่วั ป่า. [ออนไลน์], เขา้ ถงึ จาก : http://www.kuapa.com.
(๒๕๖๓, ๒๕ มนี าคม).

“ค่านทา รา่ ง ค่านต้าว เตอ โถวเมยี่ น” ดนู างใหด้ ู (เคร่ือง) หัว
นายจรนิ ทร์ นีรนาทวโรดม : ปราชญ์ชาวบ้าน
นายวรวฒุ ิ ศริ บิ ญุ ชว่ ย : เล่าความ

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หนา้ ๖

บทความสมั ภาษณ์พเิ ศษ

สมั ภาษณค์ วาม เรียงเร่อื งราว ร้อยคาถ้อย “คนกับกลอย” วถิ ีชพี กับอาหาร

อีก “ยาเหล้ม” รักษาสตรี สูตรโบราณ ปราชญ์ชาวบ้าน บอกเลา่ เร่ืองราวเรยี ง

คนกบั กลอย

อาหาร เป็นมรดกทางวัฒนธรรมประเภทหนึ่ง นับเป็นบันทึกรสนิยมและภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษ
ถ่ายทอดให้แกอ่ นุชนรุ่นหลังสบื ทอดจนมาถึงปจั จุบนั ซ่งึ นอกจากจะเป็นความภาคภูมใิ จแลว้ ในยคุ โลกาภิวัตน์นี
ยังมีบทบาทในฐานะส่ือวัฒนธรรม ที่แสดงออกถึงวิถีชีวิตการเป็นอยู่ เนื่องจากอาหารเป็นสิ่งจ้าเป็นต่อการ
ด้ารงชีวิตซึ่งช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตของร่างกาย และช่วยในเรื่องการพัฒนาระบบต่าง ๆ ของร่างกาย
และอาหารยังแสดงออกให้เห็นถึงภูมิปัญญา ภูมิประเทศ ที่กลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในท้องถ่ินนัน ๆ ว่ามีลักษณะ
เฉพาะตัวของท้องถน่ิ

ชุมชนเกาะยาวน้อย อ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เป็นชุมชนเกาะท่ีต้องพ่ึงพาอาศัยความเป็น
ธรรมชาติเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยความเป็นเกาะที่หากใครจะเดินทางเข้าไป ต้องข้ามน้า ข้ามทะเลเพื่อไปยัง
เกาะ ส่ิงต่าง ๆ ท่ีเกิดขึนในพืนท่ีเกาะยาวน้อย จึงมีเรื่องราวความเป็นมาท่ีมีเสน่ห์ มีความเป็นท้องถ่ิน มีท่ีมา
ท่ีไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงการพ่ึงพาตนเองในเร่ืองการด้ารงชีพ วิถีชีวิตผู้คนกับอาหารการกินท่ีสัมพันธ์กับ
ธรรมชาติ เหตุการณบ์ ้านเมอื ง และความเป็นอยู่ของผู้คน เม่ือไม่มีขา้ วกิน

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หน้า ๗

“คนกับกลอย” ในเกาะยาว... ฉ า เ ริ ง ส มุ ท ร : ป ร า ช ญ์

ชาวบ้าน

กาลครังหน่ึงในพืนท่ีเกาะยาวน้อย มีเรื่องราวท่ีเป็นส่วนหนึ่งในหน้า

ประวัติศาสตร์ เล่ากันว่า ในสมัยสงครามโลกครังท่ี ๒ ได้มีการสู้รบกัน

โดยประเทศไทยถูกใช้เป็นเส้นทางหน่ึงในการท้าสงคราม สมรภูมิหน่ึงทาง

การทหาร ครังนนั ไดม้ เี คร่ืองบินส้รู บของทหารญ่ีปนุ่ บินข้ามผ่านบริเวณเกาะ

ยาวน้อย ท้าให้ผู้คนในชุมชนต่างหวาดระแวง ส่งผลต่อการใช้ชีวิต จากการ

ที่ได้เคยออกไปท้ามาหากิน ต้องใช้ชีวิตอยู่กับหลุมหลบภัย ขณะนันเป็นช่วง

ของฤดูการท้านา ก็ไม่สามารถท้านาได้ จึงต้องอาศัยการเข้าป่าหาอาหาร

รับประแทนข้าว หนึ่งในนัน คือ กลอย พืชท่ีมีหัวสีขาวอยู่ใต้ดิน ซึ่งมีพิษและ

อาจทา้ อนั ตรายถงึ ชีวิตได้

กลอย เป็นวัตถุดิบส้าหรับใช้เป็นอาหาร กลอย คือ พืชชนิดหน่ึงท่ีขึน

เองตามธรรมชาตใิ นเขตรอ้ นชนื ท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ของป่าและน้า เป็นพืชที่

มีโปรตีนสงู รับประทานแล้วท้าให้สามารถคงความอ่ิมไว้ได้นานเสมือนข้าวเจ้า

และข้าวเหนียว สรรพคุณทางยาตามต้าราไทยก็ระบุไว้ว่า “หัวใต้ดิน ใช้แก้

เถาดาน (อาการแขง็ เป็นลาในท้อง) หงุ เปน็ นามันใสแ่ ผล กดั ฝา้ กดั หนอง

หัวตากแห้งแก้นาเหลืองเสีย ขับปัสสาวะ แก้ปวดตามข้อ ฝีมะม่วง โรคซิฟิลิส ราก นามาบด
กับนามนั มะพรา้ ว ใบยาสูบ ใบลาโพง หรือพริก ใช้ทาหรือพอกฆ่าหนอนในแผลสตั ว์เลยี ง”

“กลอย” จากใต้ดนิ สู่อาหารการกินของคน... เสรี เรงิ สมทุ ร : ปราชญ์ชาวบ้าน

กลอย ถูกน้ามาท้าเป็นอาหารรับประทานหลักแทนข้าว ในช่วงที่ขาดข้าวขาดนา โดยวิธีการน้ากลอยมา

รับประทานนัน ย่อมต้องมีขันตอนการท้าท่ียากล้าบาก และต้องใช้เวลา รวมถึงการลองผิดลองถูกในการที่กว่า

จะน้ามาใช้เปน็ อาหารที่คนสามารถกนิ ได้ ชาวบา้ นได้ร้จู ักกับกลอยด้วยการเข้าป่าแลว้ สังเกตเหน็ สัตว์ ทคี่ อยคุ้ย

ดินกินหัวขาว ๆ (กลอย) อยู่บริเวณข้างล้าธาร จึงได้ลองขุดเอาหัวขาวนันขึนมา แต่เนื่องด้วยหัวขาวนันมีพิษ

เมอ่ื ขดุ ขนึ มาแล้วท้าให้ชาวบ้านเกดิ อาการคนั จากยางและจดุ ด้า ๆ ของกลอย เลยยงั ไมต่ ดั สนิ ใจกิน

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หนา้ ๘

ด้วยประสบการณ์จากการสังเกตและความสัมพันธ์
ระหว่างคนกับป่า ชาวบ้านจึงคิดวิธีแก้ปัญหาในการท้ากลอย
โดยการขุดเอากลอยมาวางไว้เพ่ือให้สัตว์อื่นได้ลองกิน โดยเล่า
ว่า “ครังหน่ึงเคยได้เอากลอยตังไว้แล้วให้หมูป่าได้เข้ามากิน
แต่หมู่ป่าได้แต่เข้ามาดม ๆ แต่ก็ไม่กิน เลยคิดเอาว่าหมูป่าคง
จะรู้ว่ามพี ษิ ”

จากนนั จึงนา้ กลอยมาผา่ ดดู ้านใน สังเกตเห็นเนือกลอยด้าน
ในเปน็ เนอื ท่ีไม่มจี ุดดา้ ๆ ประกอบกับว่าตงั ทิงไว้นาน ๆ ยาง
ขาว ๆ ท่ีท้าใหค้ นั ไดห้ ายไป จึงเป็นทม่ี าของกรรมวธิ ีการท้า
กลอยท่ีกวา่ จะได้กิน จะต้องขุดขนึ มาแล้วปอกเปลือกเอาเปลือก
สนี ้าตาลและจุดดา้ ๆ ออกให้เหลือเฉพาะเนือกลอยสีขาวนวล
ฝานเปน็ ชนิ ๆ และตังทิงไวใ้ ห้นา้ ยางขาว ๆ ออก โดยต่อมาไดใ้ ช้
เกลือหยาบผสมเข้าไปเพื่อกัดเอาน้าขาว ๆ ออกได้เร็วขึน
จากนันจึงน้ากลอยที่ไดไ้ ปแช่ในนา้ ซึ่งตอ้ งเปน็ ล้าธารทม่ี นี ้าไหล
อยู่ตลอดเวลา เพ่ือยางขาว ๆ และพิษทมี่ ีในเนอื กลอย
หายไปแล้วจงึ น้ามารับประทานเป็นอาหารได้

ครังหน่ึง ชาวบ้านเล่าว่า “ได้มีทหารญ่ีปุ่นเข้ามากบดานในป่าพืนที่เกาะยาวน้อย ซึ่งต้อง
ขนเสบียงอาหารเข้ามาเป็นจานวนมาก เม่ืออาหารเร่ิมหมด ทหารเห็นชาวบ้านขุดกลอยมา
กินจึงทาตาม แต่ด้วยการขาดประสบการณ์ ทหารทากลอยมาหุงกินโดยไม่ได้นาพิษของ
กลอยออก จงึ มีทหารล้มตายจากการกนิ กลอยเปน็ จานวนมาก”

สมพล เรงิ สมทุ ร : ปราชญ์ชาวบา้ น

“กลอย” วตั ถุดบิ จากดนิ สู่จาน... สมพล เริงสทุทร : ปราชญ์ชาวบา้ น

อาหารที่รังสรรค์โดยวตั ถุดิบ “กลอย” หลัก ๆ มีอยู่ ๒ อย่าง คือ กลอยคลุกมะพร้าวและต้มบวช
กลอย กลอยคลุกมะพร้าวจะต้องน้ากลอยที่ผ่านการช้าระล้างพิษออกหมดแล้วมาน่ึงจนสุก จากนันจึงใส่
มะพร้าวอ่อนลงไป ทานคู่กับน้าตาลทรายแดงใหร้ สชาติหวาน มนั กา้ ลงั ดี ต้มบวชกลอย คือ การนา้ กลอย
ได้ต้มกับน้ากะทิ เติมน้าตาล ตังให้เดือดจนกลอยสุกแล้วจึงรับประทาน เป็นการรังสรรค์วัตถุดิบจาก
ธรรมชาตสิ ู่เมนูอาหารพืนบ้านท่เี รยี บงา่ ย และมีเร่ืองราว

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถ่ินใต้ หนา้ ๙

เร่ืองราวอาหาร “กลอย” จากวิกฤตการณ์สู่การแก้ไขปัญหาเพ่ือการด้ารงชีวิตอยู่ของผู้คนในชุมชน
เกาะยาวน้อย อา้ เภอเกาะยาว จงั หวัดพงั งา เปน็ การน้าเสนอเรื่องราวจากเบืองหลังความเป็นมาของเมนูกลอย
ผ่านภูมิปัญญาของมนุษย์ สกู่ ารรบั ประทานเปน็ อาหารเสิร์ฟในจานทเ่ี รียบง่าย แต่มีเรอื่ งราวความเป็นมาที่ช่วย
ในการรับประทานเอร็ดอร่อยขึน มีอรรถรส และแฝงไปด้วยเสน่ห์แห่งกลอย อาหารพืนบ้านของ
“คนกบั กลอย” ชมุ ชนเกาะยาวน้อย อา้ เภอเกาะยาว จงั หวดั พังงา

“คนกบั กลอย”
นายฉา เรงิ สมทุ ร, นายเสรี เรงิ สมทุ ร, นายสมพล เริงสมทุ ร : ปราชญ์ชาวบ้าน “กลอย”

นายสราวธุ เสน็ สามารถ : เลา่ ความ

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถ่ินใต้ หนา้ ๑๐

“ยาเหล้ม” สรรพคณุ ยา ศรทั ธา ชวี ติ

การแพทย์พืนบ้าน นับเป็นส่วนหน่ึงของภูมิปัญญาด้านสุขภาพของท้องถิ่น และเป็นการดูแลสุขภาพ
ของกลุ่มชน โดยมีการใช้ความรู้ที่สืบทอดกันมาในชุมชนท้องถ่ิน ที่มีความสอดคล้องกับความคิด ความเชื่อ
ประเพณี วัฒนธรรม และทรัพยากรของท้องถิ่นนัน ๆ ตังแต่อดีตมาถึงในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นบทบาท
การด้ารงอยู่ของการแพทย์พืนบ้านในการมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของคนในชุมชน โดยหมอพืนบ้าน คือ
ปัจจัยส้าคัญ เพราะเป็นความรู้ในตวั บคุ คลที่ประกอบด้วยวิธีคิด วิธีปฏิบัติ การดูแลสุขภาพประชาชน ท่ีต้องใช้
กระบวนต่าง ๆ ในการรักษา จะเป็นกลไกให้หมอพืนบ้านได้มีส่วนในการดูแลสุขภาพประชาชนด้วยภมู ิปัญญา
การแพทย์พืนบ้าน ซึ่งรวมถึงทรัพยากรและเทคโนโลยีท้องถ่ินท่ีง่าย ประหยัด ประชาชนเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นหัวใจ
ส้าคัญของการดูแลสุขภาพด้วยวิธีท่ีพอเพียง ชุมชนสามารถพ่ึงตนเอง จัดการตนเองได้ เป็นหลักประกันของ
ความมั่นคงของระบบสุขภาพชุมชน

ชุมชนเกาะยาวน้อย อ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เป็นชุมชนเกาะที่ต้องพึ่งพาอาศัยความเป็น
ธรรมชาติเปน็ อย่างมาก เนอื่ งดว้ ยความเปน็ เกาะทห่ี ากใครจะเดินทางเข้าไป จะตอ้ งข้ามน้า ข้ามทะเลเพือ่ ไปยัง
เกาะไดเ้ ท่านนั สงิ่ ตา่ ง ๆ ที่เกดิ ขนึ ในพืนทเี่ กาะยาวน้อย จึงมีเรื่องราวความเป็นมาท่ีมีเสนห่ ์ มีความเป็นท้องถ่ิน
เฉพาะมีท่ีมาท่ีไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพึ่งพาตนเองในเร่ืองการด้ารงชีพ วิถีชีวิตผู้คนกับอาหารการกินท่ี
สัมพันธ์กับธรรมชาติ เหตุการณ์บ้านเมือง และความเป็นอยู่ของผู้คน รวมทังในช่วงที่เป็นวิกฤตทางชีวิต
กล่าวคือการเกดิ โรค ดว้ ยคนเกาะยาวอยู่ในพนื ท่ีเกาะ มกี ารเดนิ ทางที่ค่อนข้างล้าบาก คนเกาะยาวจงึ ตอ้ งมีการ
พ่ึงพาอาศัยธรรมชาติ กระทั่งกลายมาเป็นสูตรยา หรือการรักษาโรคโดยใช้สมุนไพร ท่ีรักษาไข้ท่ัวไป ยารักษา
โรคทเี่ ก่ียวกับเลือดลมยารักษาโรคท่ีเกยี่ วกบั โรคท่ีเกดิ ขนึ กับเด็ก และสูตรยาท่ีเกดิ จากการรกั ษาทางสตรี หรือที่
เรยี กว่า “ยาเหลม้ ”

ยาเหล้ม คือ ยาท่ีรักษาสตรีหลังคลอด ใช้บ้ารุงสตรีหลัง
คลอด เพ่อื บ้ารุงระบบภายในรา่ งกาย และบา้ รงุ ระบบเลือดภายใน
ร่างกายหลังจากการคลอดบุตร ขับน้าคาวปลา และรักษามดลูก
รวมทังเป็นยาท่ีช่วยเพ่ิมน้านม ซึ่งยาเหล้มมีมาตังแต่สมัยโบราณ
ควบคู่กันไปกับการอยู่ไฟหลังคลอด แต่ในปัจจุบันการอยู่ไฟหลัง
คลอดลดน้อยลง แต่ยังมีการกินยาสมุนไพรเพื่อรักษาระบบภายใน
ร่างกาย จากเล่านักปราชญ์ เสาวนีย์ เรืองดิษฐ์ โดยมีประเด็น
ค้าถาม ดงั นี

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๑๑

สมัยกอ่ นคนเกาะยาวเมือ่ เกิดโรคหรอื มไี ขม้ ีวธิ ีการรกั ษาอยา่ งไร
สมัยก่อนเกาะยาวค่อนข้างทุระกันดาร มีการเดินทางล้าบาก คนก็จะอยู่กับธรรมชาติกับทะเล

แต่โชคดีที่เกาะยาวมีความอุดมสมบูรณ์ทางทะเล คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับทะเล ท้ามาหากินกับ
ทะเลหาของในทะเลมาด้ารงชีพ รวมไปถึงการรักษาโรค ก็อาศัยพืชสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถ่ินมารักษาอาการไข้
อาการของโรคท่ีเป็นเกี่ยวกับทางเดินหายใจ รักษาโรคเด็กทารก รักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง และรักษาโรคที่
เกี่ยวกับผู้หญิง หรือเรียกว่าโรคสตรี เหล่านีจะใช้สมุนไพรท่ีมีอยู่ในเกาะยาว ทังพืชสมุนไพรที่อยู่บนบกและอยู่
ในทะเล โดยจะรักษาโดยคนท่เี ป็นผู้ทมี่ ีความรเู้ กี่ยวกับพชื สมนุ ไพร และการรกั ษาโรคตา่ ง ๆ ตามความถนดั ของ
หมอนัน ๆ ในเกาะยาวนีมีอยู่ประมาณ ๔ คน มีทังการรักษาโดยใช้สมุนไพร และไม่ใช้สมุนไพร ก็คือการนวด
เพ่อื รกั ษาอาการปวดเม่อื ย แตข่ องมะจะรักษาโรคที่เกยี่ วกบั ผู้หญิงเปน็ หลัก หรือสตรีหลังคลอด

โรคท่เี กี่ยวกับผหู้ ญิงมีอะไรบา้ ง อย่างไร
โรคที่เก่ียวกับผู้หญิง ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นโรคท่ีเก่ียวกับเลือดลม เกี่ยวกับมดลูก และโรคที่เกิดจาก

ภาวะผิดปกติของการมีประจ้าเดือน และโรคที่เกิดจากสตรีหลังคลอดบุตร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรคท่ีเก่ียวกับ
เลอื ด ในทนี่ ีก็จะมีการรกั ษาโดยใชส้ มนุ ไพรต่าง ๆ ทังอดตี และปัจจบุ นั ของมะจะมีการรักษาโดยใชย้ าเหลม้

ยาเหลม้ คืออะไร อย่างไร
ยาเหล้ม คือ ยารักษาสตรีหลังคลอด ผู้หญิงในสมัยก่อน เขาจะ

คลอดกับหมอต้าแย หรือเรียกว่าหมอบ้าน โดยหลังจากคลอดเสร็จ
ก็จะอยู่ไฟ และรับประทานยา ท่ีเรียกว่ายาเหล้ม ซ่ึงในปัจจุบันก็ยังมีอยู่
มะเป็นคนสืบทอดมาจากมะหญิงอีกที เพราะเมื่อก่อนมะหญิงเป็นหมอ
ต้าแย แต่ในส่วนของหมอต้าแยมะไม่ได้มีการสืบทอด มีการสืบทอด
เฉพาะตัวสูตรยาเหล้มเทา่ นัน โดยยาเหลม้ นที ้ามาจากสมุนไพรหลายอย่าง
ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ก่อนที่จะออกมาเป็นตัวยา ต้องท้าอย่างพิถีพิถัน
และยังมีความเช่ือซ่ึงเกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาอิสลาม เพราะคนเกาะ
ยาวส่วนใหญ่จะเป็นอิสลาม ก็คือมีการกล่าวดุอาร์ในการท้ายา ซ่ึงมะเกิด
มาในครอบครัวทีเ่ ป็นหมอบ้านก็จะเห็นมะหญิงอยู่กับยา กับคนท้องมาตังแต่เด็ก ๆ ก็เรียนรู้ซึมซับวิธีการรกั ษา
วิธีการปรุงยาต่าง ๆ มาโดยอัตโนมัติ ตอนเด็ก ๆ ก็ช่วยมะหญิงเก็บสมุนไพรมาท้ายาตอนนีมะก็ท้ายาเหล้มมา
หลายสิบปี ได้รับความนิยมจากคนในเกาะยาว คือ หลังคลอดเขาก็จะมาซือยาไปกิน บางคนเขามาจากพังงา
มาจากภูเกต็ มาซอื ยาเหลม้ ไปกนิ นบั ว่าได้รบั ความนิยมจากคนในท้องถน่ิ ระดับหนึ่ง

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๑๒

วิธีทา วธิ ีการรกั ษา การนาไปใช้
จะมีส่วนประกอบแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ประเภทใบ และประเภทหัว ประเภทใบได้แก่ ใบกะเม็ง

ใบพยับเมฆ และในสะเดา ประเภทหัวได้แก่ ข่าและขิง นอกจากนี จะมีการใช้พริกไทยและกระเทียมเป็น
ส่วนผสมด้วย

วิธีท้า ต้องน้าส่วนผสมทังหมดมาท้าให้สุกโดยการน้ามาตากแห้ง หลังจากนันน้ามาบดเป็นผง
แล้วน้ามาละลายใหเ้ หลวพอประมาณ แลว้ นา้ มาอัดเปน็ แทง่

การน้าไปใช้ รับประทานยาวันละ ๑ เม็ด ส้าหรับคนที่รับประทานยายากให้ละลายผสมกับน้าผึง
และกอ่ นรบั ประทานให้กลา่ ว “บสิ มิลละฮฺ” พระนามของอลั ลอฮ์

สรรพคณุ ของของยาเหลม้
ส้าหรับคนคลอดใหม่ ๆ ยาเหล้มมีสรรพคุณช่วยรักษามดลูก ช้าระสิ่งสกปรกขับน้าคาวปลา ขับเลือด

ท่สี กปรก ฆ่าเชือ รกั ษาแผลจากการคลอด
จะเห็นได้ว่าคุณค่าภูมิปัญญาการแพทย์พืนบ้านเป็นเร่ืองหนึ่งท่ีได้รับความสนใจและมีความส้าคัญกับ

คนในชุมชนเกาะยาว เพราะยารักษาโรค ถือเป็นปัจจัยท่ีมีความจ้าเป็นต่อการด้ารงอยู่ของมนุษย์ จึงท้าให้มี
ศกึ ษา ค้นหาวิธกี ารรักษาโรคต่าง ๆ เพือ่ ใช้รักษาผปู้ ่วยมาตงั แต่อดตี วธิ ีการรักษาโรคบางชนิดก็ยังคงสบื ทอดมา
จนถึงปัจจุบันในรูปแบบต่าง ๆ แม้จะเป็นที่ยอมรับว่า แพทย์แผนปัจจุบันมีวิธีการรักษาโรคด้วยวิธีต่าง ๆ ได้
แต่วิธีการรักษาโรคเหล่านันส่วนหน่ึงก็ได้จากการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างเพื่อ
ความสะดวก และรวดเร็ว ดังนันภูมิปัญญาการแพทย์พืนบ้านจึงเป็นที่ยอมรับในชุมชนเกาะยาว ถึงแม้ว่าใน
ปัจจุบันการแพทย์สมัยใหม่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการรกั ษาอาการเจ็บป่วย แต่ชาวบ้านในอ้าเภอเกาะ
ยาวกย็ ังคงมีความนยิ มทีจ่ ะรักษาดว้ ยวิธีการแพทย์พืนบ้านอยู่

ยาเหล้มเกิดจากภูมิปัญญาผ่านความเชื่อ และวัฒนธรรมของคนสู่การรักษาคน การแก้ไขปัญหาเพ่ือ
การด้ารงชีวิตอยู่ของผู้คนในชุมชนเกาะยาวน้อย อ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เป็นการน้าเสนอเรื่องราวจาก
การคิดค้นวธิ ีการรักษาโรค ผ่านภูมปิ ัญญามนุษย์ เพ่ือการดา้ รงชวี ติ ต่อไป

“ยาเหลม้ ” สรรพคณุ ยา ศรัทธา ชวี ิต”
เสาวนีย์ เรอื งดิษฐ์ : ปราชญ์ชาวบา้ น
ธีราพร วายภุ ักด์ิ : เลา่ ความ

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๑๓

เสริมสรา้ งประสบการณ์
กบั โครงการดี ๆ

“สัมมนาไขภาษากบั ไทยศิลปศาสตร์” คยุ ปญั หา ภาษาชาติ ยคุ เปลี่ยนผา่ น
“ลงวิจัย ภาษาไทย ภาษาถิ่น” ของบา้ นบา้ น อีกโครงการ “เรยี นร้วู ิถีคนกับคติชนวิทยา”

“สัมมนาไขภาษากับไทยศลิ ปศาสตร์”

“ภาษาไทยยุคดจิ ทิ ลั สรา้ งสรรค์ ปรับตวั หรือเปลย่ี นผา่ น”

เมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๒ สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ราชภัฏภูเก็ต จัดโครงการ “สัมมนาไขภาษาไทยกับไทยศิลปศาสตร์” ประจ้าปีการศึกษา ๒๕๖๒
ณ หอ้ งประชมุ MS Convention Hall อาคารคณะวิทยาการจัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ภเู ก็ต

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๑๔

สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์
และสังคมศาสตร์ มุ่งเน้นการเรียนการสอนควบคู่กับ
การจัดกิจกรรม เพ่ือผลักดันให้นักศึกษาได้เรียนรู้
กระบวนการและประสบการณ์การในการท้างาน
โดยตรง ผ่านการสร้างสรรค์งานด้านภาษาไทย
ซึ่งกระบวนการเรียนการสอนจัดอยู่ในหลักสูตรและ
ถ่ายทอดมาในรูปแบบรายวิชา การสัมมนา ซึ่งการจัด
กิจกรรมครังนี จัดขึนโดยนักศึกษาชันปีท่ี ๔ (ทสส.๕๙)
ขับเคลื่อนโครงการสัมมานาไขภาษากับไทยศิลปศาสตร์
ภายใต้หัวข้อ “ภาษาไทยยุคดิจิทัล สร้างสรรค์ ปรับตัว
หรือเปลยี่ นผา่ น”

การจัดโครงการในครังนี ได้รับเกียรติอย่างย่ิง
จาก นายธีรพงษ์ หนูไชยแก้ว คณบดีคณะมนุษศาสตร์
และสังคมศาสตร์ ได้กล่าวเปิดงานและต้อนรับวิทยากร
ผู้ถ่ายทอดความรู้ น้าโดยคุณวัชราพร ญาณโกมุก
ผู้ประกาศข่าวและนักจัดรายการวิทยุ คุณวรวรรณ
ทิ พ ย์ อุ ด ม ลั ก ษ ณ์ พิ ธี ก ร แ ล ะ ผู้ ป ร ะ ก า ศ ข่ า ว
และดร.วรพงศ์ ไชยฤกษ์ อาจารย์ประจ้าสาขาวิชา
ภาษาไทยในฐานะผู้จัดการเรียนการสอนด้านงาน
สื่อสารและวาทการ ได้มาถ่ายทอดความรู้ พร้อมทัง
ประสบการณ์ตรงจากห้องเรียนสู่สังคมวิชาชีพ อีกทังยัง
ไ ด้ เ ปิ ด โ อ ก า ส ใ ห้ นั ก ศึ ก ษ า ผู้ เ ข้ า ร่ ว ม โ ค ร ง ก า ร ไ ด้
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทิศทางการใช้ภาษาของยุค
แหง่ การเปลย่ี นแปลง

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถิ่นใต้ หนา้ ๑๕

การจัดโครงการในครังนี มีนักศึกษาผู้เข้าร่วมกิจกรรมซ่ึงนอกจากจะเป็นนักศึกษาภายในสาขาวิชา
ภาษาไทยแล้ว ยังมีนักศึกษานอกสาขาวิชาฯ ได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยาย พร้อมทังได้รับความรู้ ความคิดเหน็
และแนวทางการใช้ภาษาไทยสู่เส้นทางสังคมที่เปล่ียนแปลงไปอย่างยั่งยืน เป็นการเปิดโลกทัศน์การเรียนรทู้ าง
ภาษาสู่การต่อยอดเพ่ืออนุรักษ์ และเป็นการกระตุ้น
ใ ห้ นั ก ศึ ก ษ า ผู้ เ ป็ น บุ ค ล า ก ร สู่ สั ง ค ม ใ น อ น า ค ต
ไ ด้ ต ร ะ ห นั ก ถึ ง ก า ร ใ ช้ ภ า ษ า ไ ท ย ใ ห้ ค ง ง ด ง า ม
สร้างสรรค์ ตอ่ ไป

เพจ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ ม.ราชภัฏภเู ก็ต : ภาพ
นางสาวขวัญใจ สบื ตนั : เรียบเรียง

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๑๖

ลงมอื วจิ ยั “ภาษาไทย ภาษาถิ่น”

เม่ือวันที่ ๖-๘ กนั ยายน ๒๕๖๒ สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย
ราชภัฏภูเก็ต น้าโดยอาจารย์สุริยา ทองค้า และ ผศ.ดร.รุ่งรัตน์ ทองสกุล อาจารย์ประจ้าสาขาวิชาภาษาไทย
น้านักศกึ ษาลงพนื ทเ่ี กบ็ ขอ้ มูลทางวฒั นธรรมและภาษาถิน่ ณ อ้าเภอเกาะยาว จงั หวดั พังงา

กิจกรรมครังนี เป็นส่วนหนึ่งในรายวิชาภาษาถ่ิน
ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ ท้าความเข้าใจในภาษาถ่ิน
เรียนรู้โครงสร้างภาษา วิธีการวิเคราะห์ สังเคราะห์
ด้วยกระบวนการทางงานวิจัย โดยรายวิชาดังกล่าว
ก้าหนดให้มีการลงพืนที่เก็บข้อมูลภาษาถิ่นอย่างเป็น
ระบบ เพ่ือฝึกประสบการณ์การท้างานในพืนที่จริงให้แก่
นักศึกษา รวมทังเป็นการจัดเก็บ รวบรวม และเผยแพร่
มรดกทางภาษา วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชุมชน
เล็งเห็นถึงความส้าคัญ ในการจัดเก็บข้อมูลสู่การอนุรักษ์
เพ่ือประโยชน์แก่สาธารณชน

การลงพืนที่เก็บข้อมูลในครังนี เป็นการเก็บ
ข้อมูลโดยนักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย ทศศ. ๖๐ ซึ่งเป็น
ผู้เรียนรายวิชาภาษาถ่ิน ประจ้าปีการศึกษา ๒๕๖๒
ลงพืนที่เก็บข้อมูลอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อน้าข้อมูล รวบรวมเป็นรูปเล่มโดยผ่าน
กระบวนการวิจัยงานภาษาถ่ิน ซ่ึงพืนท่ีอ้าเภอเกาะยาว
จังหวัดพังงา มีลักษณะพืนท่ีเป็นเกาะ ๒ เกาะ ได้แก่
เกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ มีประชากรร้อยละ ๙๙
นับถือศาสนาอิสลาม อีกทังยังมีความโดดเด่นในเรื่องของวิถีชีวิต การเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนที่ยังคงมีอยู่
ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป น้าเสนอผ่านความเป็นเอกลักษณ์ทางภาษาถ่ิน และวิถีวัฒนธรรมท่ี
หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเปน็ เพลงพืนบา้ น เรอ่ื งเล่า ต้านาน นามสถาน เป็นต้น

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่ินใต้ หน้า ๑๗

การลงพืนที่เก็บข้อมูลในครังนีมี อ.สรุ ิยา ทองค้า อาจารย์ประจ้ารายวชิ าภาษาถิ่น และ ผศ.ดร.รุ่งรัตน์
ทองสกุล อาจารย์ผู้เช่ียวชาญด้านงานวิจัย ให้การสนับสนุนและเป็นท่ีปรึกษาในการเก็บข้อมูล โดยมี
นายอิสมตั ดาวเรอื ง และนางสาวนุจรี เริงสมทุ ร นกั ศกึ ษา ทศศ.๖๐ ซึง่ เป็นคนในพืนทแี่ ละเป็นท่ีรจู้ ักของคนใน
ท้องถน่ิ เปน็ อยา่ งดี ได้ประสานงานและอา้ นวยความสะดวกในการน้าทีมลงพนื ทเี่ ก็บขอ้ มลู

ก า ร ล ง พื น ที่ เ ก็ บ ข้ อ มู ล ใ น ค รั ง นี
มีระยะเวลาในการด้าเนินงาน ๓ วัน โดยใน
วันแรกเร่ิมเก็บข้อมูลในพืนท่ีเกาะยาวใหญ่
ซ่ึงได้รับความอนุเคราะห์จากผู้น้าชุมชน
ผู้อา้ นวยการโรงเรียนบ้านอ่าวกะพ้อ ซง่ึ ได้ให้
ก า ร อ้ า น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก ใ น ก า ร ใ ช้ พื น ที่
ภายในโรงเรยี นเป็นที่พบปะพดู คยุ สมั ภาษณ์
ผู้รู้ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้น้าชุมชน ก้านัน ครู
ผู้น้าศาสนา เกี่ยวกับข้อมูลทางภาษาถิ่นและ
วัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ อ้าเกาะยาว
วันที่ ๒ เป็นการเก็บข้อมูลในพืนท่ีเกาะยาวน้อย โดยได้รับความอนุเคราะห์จากก้านันผู้ใหญ่บ้าน
ต้าบลเกาะยาวน้อยได้ให้การต้อนรับ และน้าทีมพบปะผู้น้าชุมชน ผู้น้าศาสนา รวมทังผู้รู้ ปราชญ์ชาวบ้านที่มี
ความรูใ้ นด้านภาษาถิน่ และวัฒนธรรมท้องถิน่ อ้าเภอเกะยาว ซง่ึ การลงพนื ท่ใี นวนั ดังกล่าวได้มีการแบ่งนักศึกษา
ออกเปน็ ๔ กลมุ่ เพ่ือการเกบ็ ขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งเข้าถงึ พรอ้ มทงั เรียนรูว้ ัฒนธรรมทอ้ งถิ่นไดอ้ ยา่ งใกล้ชดิ กบั วถิ ีชุมชน
มากยิ่งขึน ซึ่งภายหลังจากการเก็บข้อมูล ได้มีการประชุมสรุปการลงพืนที่เก็บข้อมูล มีการน้าเสนอข้อมูล
การชีแนะแนวทางการท้างาน รวมไปถึงการ
น้าเสนอปัญหาท่ีพบและแนวทางการแก้ปัญหาใน
การลงพนื ที่ เพอ่ื กระบวนการเรยี นรู้สกู่ ารทา้ งานท่ี
สมบูรณ์มากย่ิงขึน วันที่ ๓ ภายหลังจากการ
น้าเสนอข้อมูล และประเมินการท้างานในการลง
พืนที่ ได้เปิดโอกาสให้นักศึกษา ลงพืนท่ีเก็บข้อมูล
อีกครงั เพือ่ เปน็ การส้ารวจและตรวจสอบข้อมูลใน
บางส่วนท่ยี ังคงตกคา้ ง จากผ้รู ู้ ปราชญช์ าวบ้านใน
ชุ ม ช น เ พื่ อ ข้ อ มู ล ที่ ส ม บู ร ณ์ พ ร้ อ ม เ ข้ า สู่
กระบวนการวิเคราะห์และจัดเก็บเป็นฐานข้อมูล
หลังจากนนั กไ็ ดเ้ ดินทางกลบั โดยสวสั ดิภาพ

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถ่ินใต้ หน้า ๑๘

จากการลงพืนท่ีเก็บข้อมูลในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ครังนี ได้ข้อมูลเกี่ยวกับภาษาถิ่นและ
วัฒนธรรมท้องถิ่นอ้าเภอเกาะยาว รวมทังข้อมูลท่ีสามารถต่อยอดสู่การศึกษาในแนวทางงานวิจัย เช่น
วรรณกรรมท้องถิ่น นามสถาน เป็นต้น ซ่ึงน้ามาสู่ขันตอนของการวิเคราะห์ข้อมูล และจัดท้าเป็นงานวิจัย
ทสี่ มบูรณแ์ บบ โดยขอ้ มูลดังกลา่ วน้าไปสู่การจัดท้าฐานข้อมลู เผยแพร่วัฒนธรรมทอ้ งถิ่นอา้ เภอเกาะยาวตอ่ ไป

ลงมือ วิจยั “ภาษาไทย ภาษาถ่นิ ”
นางสาวธญั รดา พิเคราะห์ : เรียบเรยี ง

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หนา้ ๑๙

โครงการ “เรียนรวู้ ถิ คี นกับคตชิ นวทิ ยา”

เม่ือวันที่ ๑๒ – ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภฏั ภเู ก็ต นา้ โดย ดร.วงพงศ์ ไชยฤกษ์ ประธานสาขาวชิ า จัดโครงการ “เรยี นรวู้ ิถีคนกับคติชน
วิทยา” น้านักศึกษา ทศศ.๖๑ เดินทางลงพีนที่เก็บ
ข้อมูลภาคสนาม พร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวใต้ตาม
แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล ท า ง ค ติ ช น วิ ท ย า ใ น พื น ที่ จั ง ห วั ด
นครศรธี รรมราช สงขลา ตรงั และพัทลงุ ส้าหรบั แหล่ง
เรียนร้คู ติชนวิทยาในครังนีประกอบด้วย

การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ สักการะวัดพระ
มหาธาตวุ รมหาวิหาร เทยี่ วชมของเกา่ แกใ่ นอดีตของ
พิพธิ ภณั ฑ์เมืองนครศรีธรรมราช

ต่อด้วยศึกษาพิพิธภัณฑ์ทักษิณคดีศึกษา
จ.สงขลา ชมภาพจ้าลองสมัยอดีตที่พืนที่แห่งนีได้เกิด
ลมมรสุมและภัยพิบัติต่าง ๆ จนได้ก่อตัวเป็นหมู่บ้าน
เล็ก ๆ น่ังเรือชมดอกบัวบานในยามเช้าที่อุทยานนกน้าทะเลน้อย เป็นพืนที่ชุ่มน้าที่มีความส้าคัญให้ถ่ายรูป
แวะซือของ ณ ตลาดใต้โหนด ชมธรรมชาติ ณ บ้านต้นไม้ร้อยหวันนอนฟังเสียงสายน้า จ.พัทลุง และเยือนวิถี
การสร้างรายได้ของชาวบ้านแหล่งผ้าทอนาหมื่นศรี ต.นาโยง จ.ตรัง โดยมีนักศึกษา ทศศ.๖๑ ศิษย์เก่า
และอาจารย์ เข้าร่วมโครงการประมาณ ๔๐ คน

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิ่นใต้ หน้า ๒๐

โครงการ “เรียนรู้วิถีคนกับคติชนวิทยา” นับเป็นโครงการดี ๆ ท่ีเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึก
ประสบการณ์การเก็บข้อมูลภาคสนาม และเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตคติชนวิทยา เพ่ือน้าความรู้ทังหมดใช้เป็น
แนวทางในการศกึ ษาตอ่ ไป

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ เพจ สาขาวชิ าภาษาไทยเพ่ือการสอื่ สาร : ภาพ
นางสาวกรรณกิ าร์ สขุ สมบรู ณ์ : เล่าความ

หนา้ ๒๑

ปลูกกลา้ นักวิจัย

วเิ คราะห์การตง้ั ชือ่ นามสถานในอาเภอเกาะยาว จังหวัดพงั งา

An analysis of naming toponyms in Koh Yao District, Phang Nga Province

กนกวรรณ นาคสง่า
บทคัดย่อ

การศึกษาครังนีมุ่งศึกษาวิเคราะห์การตังช่ือนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โดยมี
วัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาที่มาและความหมายของนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ๒) เพื่อ
วิเคราะห์โครงสร้างของค้า นามสถานอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา และ ๓) เพื่อวิเคราะห์ภาพสะท้อนและ
คณุ ค่าของนามสถานในอา้ เภอเกาะยาว จังหวัดพังงา

ผลการศึกษาวิเคราะห์การตังช่ือนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พบข้อมูลนามสถานที่มี
ท่ีมาและความหมายสัมพันธ์กับภาพสะท้อนและคุณค่าทังสิน ๑๓๕ ชื่อ โดยแบ่งออกเป็น ๘ ลักษณะ
เรียงล้าดับจากท่ีพบมากท่ีสุด คือ นามสถานที่ตังช่ือตามลักษณะภูมิประเทศ จ้านวน ๔๘ ชื่อ รองลงมา คือ
นามสถานที่ตังชื่อตามพรรณไม้ จ้านวน ๓๔ ช่ือ นามสถานท่ีตังตามชื่อ ช่ือสกุล หรือต้าแหน่งบุคคล จ้านวน
๑๘ ช่ือ นามสถานท่ีตังชอ่ื ตามเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ จ้านวน ๑๓ ชื่อ นามสถานท่ีตังชือ่ ตามการประกอบ
อาชีพ และนามสถานที่ตังชื่อตามชื่อสตั ว์ พบเท่ากัน จ้านวน ๑๐ ชื่อ และนามสถานท่ีพบจ้านวนน้อยที่สุด คือ
นามสถานท่ีตังช่ือตามความเชื่อและตามกลุ่มชาติพันธ์ุ พบเท่ากัน จ้านวน ๑ ช่ือ ด้านโครงสร้างของค้านาม
สถาน พบนามสถานที่ประกอบด้วยค้ามูล ๒ ค้า มากที่สุด จ้านวน ๘๔ ช่ือ รองลงมา คือ นามสถานท่ี
ประกอบด้วยค้ามูล ๑ ค้า จ้านวน ๔๐ ชื่อ นามสถานท่ีประกอบด้วยค้ามูล ๓ ค้า พบจ้านวน ๑๐ ช่ือ นาม
สถานท่ีพบน้อยท่สี ดุ คือ นามสถานท่ปี ระกอบดว้ ยคา้ มลู ๔ คา้ พบจ้านวน ๑ ชื่อ

คาสาคญั : นามสถาน อ้าเภอเกาะยาว จังหวดั พังงา

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หนา้ ๒๒

บทนา
ชุมชนเกาะยาวเป็นชุมชนหนง่ึ ท่ีมเี ร่ืองราวทางประวตั ิศาสตร์มาอย่างยาวนาน (Daoruang, personal

communication ๒๐๑๙) ปราชญ์ชาวบ้านอา้ เภอเกาะยาว ได้ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกับอ้าเภอเกาะยาววา่ ในอดีตเคย
เกดิ เหตกุ ารณส์ งครามเกา้ ทัพ ทพี่ มา่ ไดย้ กทัพมาท้าศึกกบั ประเทศไทย รวมถงึ หวั เมืองทางใต้ คอื เมอื งถลาง ณ
เวลานัน มีค้าส่ังจากทางราชการให้ส่งทหารมาช่วยท้าศึกกับทัพพม่า เจ้าเมืองไทรบุรีซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศ
ไทยได้ส่งทหารเดินทางโดยทางเรือเพื่อเข้ามาช่วยเหลือ โดยตังขบวนเรือมาตังแต่เมืองไทรบุรี ผ่านมายังเกาะ
ยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ระหว่างทางเกิดคล่ืนลมมรสุมบริเวณหัวแหลมท่ีเกาะยาวใหญ่ และด้วยลักษณะ
พืนที่ที่เป็นหัวแหลม เป็นท่ีบรรจบกันของทางน้าท้าให้น้าเชี่ยวกราก ส่งผลให้ทหารแต่ละนายต้องพายเรือฝ่า
คล่ืนลม และด้วยความเหน่ือยล้าบรรดาทหารจึงหยุดพักเหน่ือยระหว่างทาง การเดินทางจึงเป็นไปด้วยความ
ล่าช้าฝ่ายเมืองถลางเข้าใจผิดคิดว่าทัพทหารจากเมืองไทรบุรีไม่มาช่วยท้าศึก จึงถอนทัพกลับเมือง แม่ทัพคน
หน่ึงเดินทางกลับเมือง ส่วนแม่ทัพอีกคนไม่ได้ยกทัพกลับแต่ได้ขึนพักอาศัยที่เกาะยาวใหญ่ โดยมีทหารเอกพัก
อาศัยอย่ทู เี่ กาะยาวนอ้ ย อภิรกั ษ์ สกุลสนั และคณะ (ม.ป.ป., หน้า ๙) กลา่ วไว้ สรุปไดว้ า่ ขอ้ มูลอ้าเภอเกาะยาว
มรี ายละเอียดบางสว่ นทส่ี อดคล้อง และแตกต่างกันว่าบรรพบรุ ุษดังเดมิ ของชาวเกาะยาวอพยพมาจากชายฝง่ั เมือง
ตรัง สตูล และเมืองอ่ืน ๆ ท่ีอยู่ชายฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้ เมื่อสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ประมาณปี
พ.ศ. ๒๓๒๘ พมา่ ไดย้ กทัพมาตีหัวเมอื งทางภาคใต้ของประเทศไทย ผู้อพยพได้หลบหนีพม่ามาพบเกาะยาวน้อย
และเกาะยาวใหญ่ เม่ือเห็นว่าเกาะทังสองมีท้าเลท่ีตังเหมาะสมท่ีจะหลบภัย จึงยึดเอาพืนท่ีแห่งนีเป็นที่ตังหลัก
แหล่งทา้ มาหากนิ สบื ต่อกนั มาจนถึงปจั จบุ นั

ปัจจุบันอ้าเภอเกาะยาว คือ อ้าเภอหน่ึงในจังหวัดพังงา มีสภาพพืนที่เป็นเกาะ ประกอบด้วย
เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ตังอยู่ทางทิศใต้ของตัวจังหวัด มีระยะทางห่างประมาณ ๔๓ กิโลเมตร
ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาทอดยาวตลอดแนวเหนือใต้ บริเวณรอบเกาะมีที่ราบชายฝั่ง ทิศเหนือ ติดต่อกับ
อ่าวพังงา น่านน้า จังหวัดกระบ่ี ทิศใต้ ติดต่อกับทะเลอันดามัน ทิศตะวันออก ติดต่อกับ หมู่เกาะ และน่านน้า
จังหวัดกระบี่ ทิศตะวันตก ติดต่อกับน่านน้า จังหวัดภูเก็ต อ้าเภอเกาะยาว แบ่งเขตการปกครองออกเป็น
๒ เกาะ ๓ ต้าบล ได้แก่ ต้าบลเกาะยาวน้อย ตังอยู่บนพืนท่ีเกาะยาวน้อย ประกอบด้วย ๗ หมู่บ้าน ต้าบล
เกาะยาวใหญ่ ประกอบดว้ ย ๔ หมูบ่ า้ น และต้าบลพรใุ น ประกอบดว้ ย ๗ หมู่บา้ น ผคู้ นทอ่ี าศยั อยบู่ นเกาะส่วน
ใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ ๙๙ ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมจึงเป็นวิถีชีวิตของชาวไทย
มุสลิม เป็นหลัก ด้วยสภาพลักษณะทางภูมิประเทศต้าแหน่งท่ีตังของอ้าเภอเกาะยาว ตังอยู่ท่ามกลางบริเวณ
พืนท่ีครอบคลุม ๓ จังหวัด คือ จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ ท้าให้การติดต่อค้าขายหรือการสัญจรของผู้คนมี
ความเก่ียวเนอ่ื งสัมพันธ์กัน สังเกตได้จากการเดินทางไปยังอ้าเภอเกาะยาว ซึ่งสามารถใช้เส้นทางสัญจรหลักได้
๓ เส้นทาง คือ ท่าเรือท่าด่านจากจังหวัดพังงา ท่าเรือบางโรงจากจังหวัดภูเก็ต และท่าเรือท่าเลนจากจังหวัด
กระบี่ จึงท้าให้อ้าเภอเกาะยาวการสัญจร ติดต่อค้าขายท่ีมีความหลากหลายทางกลุ่มบุคคล ส่งผลต่อการสร้าง

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๒๓

สัมพันธภาพที่ดีต่อกันเกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้วัฒนธรรมจากภายนอกสู่ภายใน ปรับเปล่ียนจนท้าให้ผู้คนใน
อา้ เภอเกาะยาวมคี วามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไมว่ า่ จะเปน็ เรื่องของประเพณี การเปน็ อยู่ และอาชีพ (แนะน้า
เกาะยาว, ๒๕๕๑, หนา้ ๒๔)

ลกั ษณะความนา่ สนใจดังกล่าวจงึ ท้าให้ชุมชนเกาะยาวมีช่ือสถานท่ีตา่ ง ๆ ทมี่ ีความน่าสนใจ นามสถาน
จึงเป็นเอกลกั ษณ์ในหลายด้าน ทังด้านภาษา ความคดิ ความเช่ือ วิถชี ีวิต เป็นต้น ดังท่ี เรไร ไพรวรรณ์ (๒๕๕๑,
หน้า ๒๘๙) ได้ให้ความหมายของ ค้าว่า “นามสถาน” ไว้ว่า เป็นชื่อของแผ่นดิน และยังหมายรวมถึงช่ือของ
สถานท่ตี ่าง ๆ ท่ีเกดิ ขนึ ตามธรรมชาติ ได้แก่ ภูเขา แม่นา้ ล้าคลอง ห้วย ถา้ น้าตก และสง่ิ ทมี่ นุษย์สร้างขึนด้วย
เช่น ถนน สะพาน เขือ่ น หมบู่ า้ น เป็นต้น คา้ วา่ “นามสถาน” ในบางครังก็จะมผี ูใ้ ช้เรียกวา่ “ชื่อบา้ นนามเมอื ง”
ค้าศัพท์ท่ีเกี่ยวข้องอีกค้าหน่ึง คือ ค้าว่า “ภูมินามวิทยา” ซึ่งหมายถึง การศึกษาเร่ืองราวเก่ียวกับประวัติความ
เป็นมาของชื่อบ้านนามเมือง หรอื ไมก่ ม็ ุ่งเนน้ การศึกษาเพ่ือให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความสนใจและตระหนัก
ถึงคุณค่าของถ่ินฐานที่อยู่ ขนบธรรมเนียม วิถีชีวิต สภาพแวดล้อมของท้องถ่ินตน จากความหมายของนาม
สถานข้างต้น ปรากฏช่ือนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว เช่น อ่าวหินกอง อ่าวทึง อ่าวมอญ อ่าวต้นจิก น้าบ่อโต๊ะ
อีตา บ้านท่าค่าย บ้านทับกัด เกาะเหลาอันตู เกาะเหลาโหรย เกาะนัก บ้านอันเป้า บ้านน้าจืด ควนสมหมาย
แหลมยาจักร และท่าบ้านหลดั เปน็ ตน้ ดว้ ยลักษณะขอ้ มลู นามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพงั งา ที่นา่ สนใจ
ผู้ศึกษาจึงเห็นความส้าคัญที่จะศึกษาเร่ือง วิเคราะห์การตังชื่อนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา
จากการส้ารวจการศึกษาวิจัยในลักษณะดงั กลา่ ว ผู้ศกึ ษาพบว่ามีการศึกษาบ้างแล้วในพืนท่ีอ่ืน ๆ เช่น งานวิจัย
ของ สวัสด์ิ ชูสังข์ (๒๕๔๒) ศึกษาเรื่อง การศึกษาชื่อบ้านในอ้าเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง โอฬาร รัตนภักดี
และวิมลศิริ กล่นิ บบุ ผา (๒๕๕๑) ศกึ ษาเรอื่ ง ภูมินามของหม่บู า้ นในจังหวัดล้าปาง มาโนช ดินลานสกลู (๒๕๕๒)
ศึกษาเรื่อง ชื่อบ้านนามเมือง: เร่ืองเล่าชีวิตคน และชุมชนลุ่มทะเลสาบสงขลา และส้าราญ จูช่วย (๒๕๕๙)
ศกึ ษาเร่อื ง ภมู ินามวัดในอ้าเภอบางกรวย จงั หวดั นนทบุรี เปน็ ตน้

จากการศึกษางานวิจัยที่เก่ียวข้องข้างต้นแม้จะมีการศึกษาเกี่ยวกับนามสถานไว้บ้างแล้ว แต่ยังไม่มี
การศึกษาวิเคราะห์การตังชื่อนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ในประเด็นที่มาและความหมาย
โครงสร้างของค้า รวมทังภาพสะท้อนและคุณค่า ด้วยเหตุนีผู้ศึกษาจึงเหน็ ความส้าคัญของการศึกษานามสถาน
ในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เพ่ือเป็นการรวบรวมข้อมูลนามสถาน วิเคราะห์ และน้าเสนอเพ่ือการน้าไปใช้
ประโยชน์ต่อไป ทังนีผู้ศึกษาขอน้าเสนอข้อมูลนามสถานที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลตามประเด็นต่าง ๆ
เรียงตามลา้ ดบั คือ ทีม่ าและความหมาย โครงสรา้ งของคา้ ภาพสะทอ้ นและคณุ ค่าในการศึกษานามสถานครังนี
ผู้ศึกษาขอน้าเสนอข้อมูลโดยเรียงล้าดับตามช่ือนามสถานท่ีพบจ้านวนมากท่ีสุดจนถึงน้อยที่สุด ซ่ึงได้จากที่มา
การตังชื่อและการวิเคราะห์ภาพสะท้อนและคุณค่า คือ นามสถานท่ีต้ังชื่อตามลักษณะภูมิประเทศ นามสถาน
ท่ีตังชื่อตามพรรณไม้ นามสถานที่ตังตามช่ือ ช่ือสกุล หรือต้าแหน่งบุคคล นามสถานท่ีตังช่ือตามเหตุการณ์ใน

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หน้า ๒๔

ประวัติศาสตร์ นามสถานที่ตังช่ือตามการประกอบอาชีพ นามสถานที่ตังชื่อตามชอ่ื สัตว์ นามสถานท่ีตังช่ือตาม
ความเชอ่ื และนามสถานท่ตี ังชือ่ ตามกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ

วตั ถปุ ระสงค์ในการศึกษา
๑. เพอื่ ศึกษาท่ีมาและความหมายของนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา
๒. เพ่อื วิเคราะห์โครงสร้างของคา้ นามสถานอ้าเภอเกาะยาว จงั หวัดพังงา
๓. เพื่อวิเคราะห์ภาพสะท้อนและคณุ ค่าของนามสถานในอา้ เภอเกาะยาว จงั หวดั พงั งา

วธิ ีการศึกษา
๑. รวบรวมข้อมลู จากการลงพืนที่ โดยวธิ ีการสมั ภาษณ์จากผ้รู ู้ ปราชญ์ชาวบา้ น ผูน้ า้ ชุมชน ท่ีมีความรู้

เกยี่ วกับนามสถาน จา้ นวนทังหมด ๑๐ คน โดยการสมั ภาษณ์เชงิ ลึกทังการสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ และไม่
เปน็ ทางการด้วยการขออนุญาตบนั ทกึ เสยี งในขณะที่กา้ ลังสัมภาษณ์

๒. น้าข้อมูลทงั หมดทไ่ี ด้มาศึกษาทม่ี าและความหมาย วิเคราะห์โครงสรา้ งของคา้ รวมทังภาพสะท้อน
และคุณคา่ ตามกรอบแนวคิดของ โอฬาร รัตนภักดี และวิมลศิริ กลิน่ บบุ ผา (๒๕๕๑) ศึกษาเรือ่ ง ภมู นิ ามของ
หมบู่ ้านในจงั หวดั ลา้ ปาง ซงึ่ กรอบแนวคิดมีทังหมด ๓ ประเดน็ ไดแ้ ก่ ประเดน็ ท่ี ๑ ศึกษาประวตั ิความเป็นมา
ของภมู ินามหมบู่ ้านในจังหวดั ลาปาง ประเด็นที่ ๒ วิเคราะห์ลกั ษณะภาษาของภูมนิ ามหมู่บา้ นในจังหวดั ลาปาง
ทงั้ โครงสรา้ งทางภาษาและโครงสร้างทางความหมาย และประเด็นที่ ๓ วิเคราะห์คณุ ค่าของหมู่บ้านในจงั หวัด
ลาปาง ท่ีสะท้อนให้เหน็ ถึงลักษณะทางกายภาพ ตลอดจนสภาพทางสังคมและวัฒนธรรม โดยผู้ศกึ ษาปรับ
กรอบแนวคิด ๒ ประเด็น คือ ประเด็นท่ี ๑ ศกึ ษาท่ีมาและความหมาย ประเดน็ ที่ ๒ วเิ คราะหภ์ าพสะทอ้ นและ
คุณคา่ และตามกรอบแนวคดิ ของ สาราญ จชู ว่ ย (๒๕๖๑) ศึกษาเรื่อง ภมู ินามวัดในอาเภอบางกรวย จงั หวัด
นนทบรุ ี ซึ่งกรอบแนวคดิ มีทงั หมด ๓ ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ ๑ ศกึ ษาประวตั ิความเป็นมาของวัดในอาเภอ
บางกรวย จังหวัดนนทบรุ ี ประเดน็ ท่ี ๒ วิเคราะหน์ ามวดั ตามโครงสรา้ งภาษา และความหมายของช่ือวัดใน
อาเภอบางกรวย จงั หวัดนนทบรุ ี และประเดน็ ท่ี ๓ วิเคราะหค์ วามเชอื่ ท่มี ีตอ่ วถิ ีชวี ติ ของคนในอาเภอบางกรวย
จงั หวัดนนทบุรี โดยผ้ศู กึ ษาปรบั กรอบแนวคิดท่ใี ช้เพยี งประเดน็ เดยี ว คอื วเิ คราะหโ์ ครงสร้างของคา ดังนั้นใน
งานวจิ ัยเร่อื งน้ผี ูศ้ กึ ษาจึงไดป้ รบั กรอบแนวคิดทัง้ หมด ๓ ประเด็น ได้แก่ ประเดน็ ที่ ๑ ศึกษาประวตั ิความ
เปน็ มา ประเด็นที่ ๒ วเิ คราะห์โครงสร้างของค้า และประเดน็ ท่ี ๓ ภาพสะท้อนและคุณค่า

ผลการศกึ ษา
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์การตังชื่อนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พบข้อมูล

เก่ยี วกบั นามสถาน ดังนี

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หนา้ ๒๕

๑. ที่มาและความหมาย พบว่า การตังชือ่ นามสถานทัง ๑๓๕ ชื่อ มีที่มาและความหมาย แบง่ ออกเป็น
๘ ลักษณะ ดังนี

๑.๑ นามสถานท่ีตังชื่อตามลักษณะภูมปิ ระเทศ พบทังหมดจ้านวน ๔๘ ชื่อ คิดเป็นรอ้ ยละ ๓๕.๕๕
ดงั ตัวอยา่ ง

“อ่าวหินกอง” มีที่มาจากลักษณะของหินท่ีกองทับสลับกันอยู่ ซ่ึงบริเวณอ่าวแห่งนีแสดงถึง
จุดเด่นของสิ่งท่ีมีอยู่ คือ กองหิน และหินจ้านวนมากที่ปรากฏอยู่บริเวณอ่าวแห่งนี (Kuldee, personal
communication ๒๐๑๙)

๑.๒ นามสถานที่ตงั ช่อื ตามพรรณไม้ พบทงั หมดจ้านวน ๓๔ ชื่อ คิดเป็นรอ้ ยละ ๒๕.๑๘ ดงั ตวั อย่าง
“อ่าวทึง” มีทีม่ าจาก “ทงึ ” หมายถึง ต้นทงึ เน่ืองจากบรเิ วณอา่ วแหง่ นีเคยมีต้นทึงขึนเองตาม

ธรรมชาตใิ นช่วงสมัยอดตี (Pinyo, personal communication ๒๐๑๙)
๑.๓ นามสถานทต่ี ังตามชื่อ ชื่อสกุล หรือต้าแหน่งบคุ คล พบทังหมดจ้านวน ๑๘ ชอ่ื คิดเปน็ ร้อยละ

๑๓.๓๓ ดังตวั อยา่ ง
“น้าบ่อโต๊ะอีตา” มีที่มาจาก “โต๊ะ” ท่ีมาจาก ภาษามลายูแปลว่า ผู้อาวุโส ซ่ึงค้าว่าโต๊ะ

ใช้ส้าหรับเรียกแทนตัวผู้อาวุโสมีชื่อว่า “อีตา” เป็นบรรพบุรุษท่ีขุดบ่อน้าแห่งนัน (Roengsamud, personal
communication ๒๐๑๙)

๑.๔ นามสถานที่ตังช่ือตามเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ พบทังหมดจ้านวน ๑๓ ช่ือ คิดเป็นร้อยละ
๙.๖๒ ดงั ตวั อย่าง

“บ้านท่าค่าย” มีที่มาจาก “ท่า” หมายถึง ท่าเรือ และ “ค่าย” หมายถึง ท่ีตังทัพของทหาร
ญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครังที่ ๒ ท่ีเคยมีเหตุการณ์ศึกสงครามเกิดขึน จึงท้าให้พืนท่ีตรงนันกลายเป็นท่ีพักของ
ทหารในอดีต แต่ในปัจจุบันเมื่อเหตุการณ์สงบชาวบ้านก็ตังหมู่บ้านอยู่ท่ีบริเวณแห่งนัน (Roengsamud,
personal communication ๒๐๑๙)

๑.๕ นามสถานที่ตังช่ือตามการประกอบอาชีพ พบทังหมดจ้านวน ๑๐ ช่ือ คิดเป็นร้อยละ ๗.๔๐
ดังตวั อยา่ ง

“บา้ นทบั กดั ” มที ี่มาจาก “ทับ” หมายถึง ท่ีพกั หรือท่ีอยอู่ าศยั ในอดีตนันเคยมชี าวจนี มาตัง
ทพั อยูเ่ ปน็ ครอบครัว และคา้ วา่ “กัด” หมายถงึ อปุ กรณท์ ใี่ ช้เป็นเครอ่ื งมือจับปลาชนิดหนึ่ง (Pinyo, personal
communication ๒๐๑๙)

๑.๖ นามสถานทีต่ งั ช่ือตามชื่อสตั ว์ พบทังหมดจา้ นวน ๑๐ ชอื่ คดิ เป็นร้อยละ ๗.๔๐ ดงั ตวั อย่าง
“ตกู้ ุนมดแดง” มีที่มาจาก ค้าวา่ “ตู้” ท่ีมาจาก ภาษามลายู บาตู แปลว่า “หิน” และ กนุ

ที่มาจากภาษามลายู แปลวา่ “กอง” ส่วนมดแดง เนื่องจากมมี ดแดงมาอาศยั อยู่ท่ีบรเิ วณกองหนิ เหล่านนั
(Roengsamud, personal communication ๒๐๑๙)

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หนา้ ๒๖

๑.๗ นามสถานท่ีตงั ช่อื ตามความเช่อื พบจา้ นวนทงั หมด ๑ ชือ่ คิดเป็นร้อยละ ๐.๗๔ ไดแ้ ก่
“เกาะเหลาอันตู” มีท่ีมาจาก ค้าว่า “เหลา” ที่มาจาก ภาษามลายแู ปลว่า เกาะ “อันตู” ที่มา

จากภาษามลายูแปลวา่ ผี หรอื ญณิ เนื่องจากเกาะแห่งนเี ป็นเกาะทม่ี ีผอี ยู่ (Roengsamud, personal
communication ๒๐๑๙)

๑.๘ นามสถานทีต่ ังช่ือตามกลุ่มชาติพนั ธุ์ พบจ้านวนทังหมด ๑ ช่ือ คดิ เปน็ ร้อยละ ๐.๗๔ ไดแ้ ก่
“อ่าวมอญ” มีที่มาเน่ืองจากมีชาวมอญเดินทางเข้ามาท่ีอ่าวแห่งนี แล้วเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เสยี ชวี ิต

ลงท่ีอ่าวแห่งนี (Roengsamud, personal communication ๒๐๑๙)

สรุปได้ว่าจากการศึกษาเร่ือง นามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา มีท่ีมาและความหมายท่ี
สัมพันธ์กับวัฒนธรรมของชาวเกาะยาวผ่านชื่อนามสถาน ๘ ลักษณะ เรียงล้าดับจากท่ีพบมากที่สุด คือ
นามสถานท่ีตังช่ือตามลักษณะภูมิประเทศ จ้านวน ๔๘ ชื่อ รองลงมา คือ นามสถานท่ีตังช่ือตามพรรณไม้
จ้านวน ๓๔ ชื่อ นามสถานท่ีตังตามช่ือ ช่ือสกุล หรือต้าแหน่งบุคคล จ้านวน ๑๘ ช่ือ นามสถานที่ตังช่ือตาม
เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ จ้านวน ๑๓ ช่ือ นามสถานท่ีตังชื่อตามการประกอบอาชีพ และนามสถานที่ตังช่ือ
ตามช่ือสัตว์ พบเท่ากัน จ้านวน ๑๐ ช่ือ และนามสถานท่ีพบจ้านวนน้อยท่ีสุด คือ นามสถานท่ีตังชื่อตามความ
เชือ่ และตามกลุ่มชาตพิ ันธุ์ พบเท่ากัน จา้ นวน ๑ ชื่อ

๒. โครงสร้างของค้านามสถานทัง ๑๓๕ ช่อื สามารถวิเคราะห์โครงสรา้ งของคา้ ได้ดังนี
๒.๑ นามสถานท่ีประกอบด้วยค้ามูล ๓ คา้ ซ่ึงเปน็ นามสถานที่พบมากทส่ี ุด จา้ นวน ๘๔ ช่ือ คิดเปน็

รอ้ ยละ ๖๒.๒๐ ดงั ตวั อยา่ ง
“อา่ วหินกอง” เป็นนามสถานทป่ี ระกอบด้วยค้ามูล ๓ ค้า ๓ พยางค์ ซึง่ เป็นการสร้างค้าโดยน้า

คา้ มูลทม่ี อี ยเู่ ดิมมาประสมกนั ดังตารางที่ ๑.๑

ตารางท่ี ๑.๑ ตวั อย่างนามสถานท่ีตังชอ่ื ตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ

โครงสรา้ งของคา

นามสถาน คามูลที่ ๑ คามลู ท่ี ๒ คามลู คาที่ ๓ ความหมาย

อ่าวหนิ กอง อา่ ว หนิ กอง อ่าวที่มหี นิ กองอยแู่ ละมหี ิน
สลบั กันบริเวณหาดหรอื อ่าว

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หน้า ๒๗

๒.๒ นามสถานที่ประกอบด้วยคา้ มูล ๒ ค้า พบจา้ นวน ๔๐ ช่ือ คิดเปน็ รอ้ ยละ ๓๐.๓๗ ดงั ตวั อย่าง
“อา่ วทึง” เป็นนามสถานท่ีประกอบดว้ ยค้ามลู ๒ ค้า ๒ พยางค์ ซง่ึ เปน็ การสร้างคา้ โดยนา้ ค้า

มูลท่มี ีอย่เู ดิมมาประสมกัน ดังตารางท่ี ๑.๒

ตารางที่ ๑.๒ ตัวอย่างนามสถานทต่ี ังช่ือตามพรรณไม้

โครงสรา้ งของคา

นามสถาน คามลู ท่ี ๑ คามูลท่ี ๒ ความหมาย
อ่าวที่มตี น้ ทงึ อยู่ในบริเวณ
อา่ วทงึ อ่าว ทงึ พนื ทแี่ หง่ นนั ในชว่ วงสมัย

อดีต

๒.๓ นามสถานทป่ี ระกอบด้วยคา้ มูล ๓ คา้ พบจ้านวน ๑๐ ชอื่ คดิ เปน็ ร้อยละ ๗.๔๐ ดงั ตวั อยา่ ง
“นา้ บอ่ โตะ๊ อีตา” เป็นนามสถานทปี่ ระกอบดว้ ยคา้ มลู ๓ คา้ ๕ พยางค์ เปน็ การสรา้ งคา้ โดยน้า

คา้ มลู ทีม่ อี ย่เู ดิมมาประสมกนั ดงั ตารางที่ ๑.๓

ตารางที่ ๑.๓ ตวั อย่างนามสถานทีต่ ังตามชอื่ ชือ่ สกุล หรือตา้ แหน่งบุคคล

โครงสรา้ งของคา

นามสถาน คามลู ท่ี ๑ คามลู ท่ี ๒ คามลู ท่ี ๓ ความหมาย

น้าบ่อโตะ๊ อีตา น้า บอ่ (บอ่ น้า) โตะ๊ อตี า บ่อน้าท่ีขดุ โดยบรรพบรุ ษุ ท่ี
ช่ือวา่ โต๊ะอีตา

๒.๔ นามสถานที่ประกอบด้วยค้ามลู ๔ ค้า จ้านวน ๑ ชอื่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐.๗๔
“ตู้กุนมดแดง” เป็นนามสถานท่ีประกอบด้วยค้ามูล ๔ ค้า ๔ พยางค์ ซึ่งเป็นการสร้างค้าโดย

น้าค้ามลู ท่มี อี ยเู่ ดมิ มาประสมกนั ดงั ตารางที่ ๑.๔

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถ่นิ ใต้ หนา้ ๒๘

ตารางที่ ๑.๔ ตวั อย่างนามสถานที่ตังชือ่ ตามชอื่ สัตว์

โครงสร้างของคา

นามสถาน คามูลที่ คามูลท่ี ๒ คามูลที่ ๓ คามูลที่ ๔ ความหมาย
แดง
๑ กองหนิ ทม่ี ีมดแดง
อาศัยอยู่
ตู้กุนมด ตู้ (กอง) กุน (หนิ ) มด
แดง

สรุปได้ว่าจากการศึกษาเร่ือง วิเคราะห์การตังช่ือนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา
เมื่อวิเคราะห์ตามโครงสร้างของค้า ตามล้าดับนามสถานที่พบมากท่ีสุดประกอบด้วยค้ามูล ๒ ค้า จ้านวน ๘๔
ช่อื คิดเปน็ ร้อยละ ๖๒.๒๒ รองลงมา คือ นามสถานทีป่ ระกอบดว้ ยค้ามูล ๑ ค้า จ้านวน ๔๐ ชื่อ คดิ เปน็ รอ้ ยละ
๒๙.๖๒ นามสถานท่ีประกอบด้วยค้ามูล ๓ ค้า พบ ๑๐ ช่ือ คิดเป็นร้อยละ ๗.๔๐ นามสถานที่พบน้อยท่ีสุด
คอื นามสถานทีป่ ระกอบด้วยค้ามูล ๔ คา้ พบจ้านวน ๑ ชือ่ คิดเป็นรอ้ ยละ ๐.๗๔

๓. ภาพสะท้อนและคุณค่าพบว่า มีความสัมพันธ์กับท่ีมาและความหมายปรากฏทังสิน ๑๓๕ ช่ือ
โดยแบง่ ออกเปน็ ๘ ลักษณะ คือ

๓.๑ นามสถานท่ตี งั ชือ่ ตามลกั ษณะภมู ิประเทศ
“อ่าวหินกอง” เป็นนามสถานท่ีตังชื่อตามลักษณะภมู ิประเทศ ท่สี ะท้อนให้เห็นถึงการตังชื่อที่

น้าเอาลักษณะความโดดเด่นของลักษณะภูมิประเทศ ของสถานท่ีมาตังเป็นชื่อหลัก นั่นคือ ค้าว่า “อ่าว”
ส่วนค้าวา่ “หนิ กอง” เปน็ การน้าเอาลกั ษณะสภาพแวดล้อมที่โดนเด่นภายในรอบ ๆ ดว้ ยลกั ษณะความเป็นอ่าว
หมายถึง ลักษณะพืนท่ีชายฝ่ังติดกับทะเลเป็นเวา้ ทอดยาว ท้าให้อ่าวแห่งนีประกอบไปด้วยทรัพยากรทางทะเล
ทอี่ ยบู่ ริเวณอ่าว ท่ผี ู้คนเหน็ โดยทวั่ กนั และดว้ ยส่ิงท่ีถูกสรา้ งขึนมานัน จงึ ท้าให้คนในท้องถิ่นเกิดความเชื่อว่าส่ิงท่ี
พระเจ้าสร้างขึนมาให้อยู่ในท้องถ่ินนันเป็นส่ิงท่ีดี ควรแก่การดูแลรักษา ดังท่ี ปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน
บริเวณอ่าวแห่งนีมีความเป็นชื่อเฉพาะของพืนที่ เพราะอ่าวแห่งนีมีส่ิงที่เห็นได้ชัด คือ ความเป็นอ่าว สลับกับ
กองหินท่ีอยู่ในบริเวณอ่าว ซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงการน้าเอาทรัพยากรท่ีปรากฏในบริเวณนันมาตังเปน็ ช่ือสถานที่
และยังสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของอ่าวหินกองแห่งนีว่ามีความสัมพันธ์กับสภาพภูมิประเทศ นั่นก็คือ ค้าว่า
“อ่าว” ซ่ึงเป็นความสัมพันธ์กับภูมิประเทศเน่ืองจากเป็นสิ่งที่เกิดขึนเองตามธรรมชาติ และทรัพยากรท่ีอยู่ใน
บรเิ วณอา่ ว คอื กองหิน สง่ิ เหล่านียังสามารถน้าไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ได้อกี ไมว่ า่ จะนา้ ทรายทีอ่ ยบู่ ริเวณอ่าวไป
กอ่ สรา้ งเพื่อสรา้ งบ้านเรอื น รวมทังหนิ กส็ ามารถนา้ ไปใช้ประโยชนไ์ ดเ้ ช่นเดียวกัน

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๒๙

๓.๒ นามสถานท่ีตงั ชอื่ ตามพรรณไม้
“อ่าวทึง” เป็นนามสถานที่ตังช่ือตามพรรณไม้ ซ่ึงสะท้อนให้เห็นการตังชื่อที่น้าเอาลักษณะ

ความเด่นชัดของสภาพภูมิศาสตร์ท่ีมีลักษณะเป็นบริเวณอ่าวทอดยาวมาตังเป็นช่ือหลัก น่ันคือค้าว่า “อ่าว”
ส่วนค้าวา่ “ทึง” เปน็ การนา้ เอาทรัพยากรป่าไม้ทเี่ กดิ ขึนในบริเวณอ่าวแหง่ นันมาตังขยายต่อจากค้าว่าอ่าว เพ่ือ
แสดงให้เห็นถึงความเป็นชื่อเฉพาะของสถานที่ “อ่าวทึง” ท่ีถูกสร้างขึนมาให้ปรากฏอยู่ในชุมชนหมู่ท่ี ๗ บ้าน
อันเป้า ท่ีท้าให้อ่าวแห่งนีประกอบไปด้วยทรัพยากรทังทางทะเลและทางพืนดิน ซึ่งลักษณะเด่นของพืนดิน
บริเวณอ่าวทึงแห่งนีมีลักษณะพืนดินที่เป็นดินสีแดงผสมกับก้อนกรวดและก้อนหินเล็ก ๆ รอบ ๆ บริเวณอ่าว
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสภาพภูมิศาสตร์ท่ีเป็นลักษณะของพืนดินที่หลากหลายทางชีวภาพ จึงมีความ
เหมาะสมแก่การด้ารงชีวิตและเจริญเติบโตได้ดีตามริมทะเล ตามชายหาด หรือบริเวณของป่าชายเลน พืชไม้
ยืนต้นชนิดหน่ึงที่เรียกว่า “ต้นทึง หรือต้นสารภีทะเล” เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ใบหนาเป็นมัน ออกดอก
เป็นช่อมีกลีบดอกสีขาว มีเกสรสีเหลือง ดอกมีกล่ินหอม มีผลกลมสีเขียวและเม่ือเวลาผลแก่จัดจะมีสีน้าตาล
จะมีการออกดอกในฤดูแล้ง แต่ในปัจจุบันต้นทึงที่เคยมีปรากฏอยู่ ณ อ่าวแห่งนัน ไม่ได้มีให้เห็นอยู่อีกแล้ว
เน่อื งจากความเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมท่มี ีการพัฒนาบรเิ วณอ่าวโดยมีการน้าก้อนหนิ มาก่อขนึ เป็นผนัง
กันให้ดูสวยงาม และป้องกัน ดินสไลด์หรือดินถล่มลงมา และยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจส้าหรับ
นักท่องเที่ยวหรือคนในชุมชน นอกจากอ่าวทึงจะเป็นสถานท่ีท่องเท่ียวแล้วยังเป็นท่าเรือเพื่อจอดเรือขึนฝั่ง
ส้าหรับชาวบา้ นทีป่ ระกอบอาชีพประมงอีกด้วย และยังสะท้อนให้เหน็ ถึงคุณค่าของอ่าวทึง ในสมัยอดีตท่ีคนใน
สมัยนันมีความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญายาพืนบ้าน ที่รู้จักการน้าสรรพคุณทางด้านสมุนไพรของดอกทึงมาใช้ท้ายา
หอม โดยการน้าเมล็ดมาท้าน้ามันทาแก้ปวดเม่ือยตามข้อ การที่คนในชุมชนในสมัยอดีตมีความรู้เหล่านีล้วน
สะท้อนให้เห็นถึงการน้าส่ิงที่อยู่ในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทังใช้เป็นยารักษาโรค และเครื่องหอมท่ีใช้ใน
ชีวติ ประจา้ วนั

๓.๓ นามสถานท่ีตังตามชอ่ื ช่อื สกลุ หรอื ตา้ แหน่งบคุ คล
“น้าบ่อโต๊ะอีตา” เป็นนามสถานที่ตังตามชื่อ ชื่อสกุล หรือต้าแหน่งบุคคล ปรากฏอยู่ใน

หมู่บ้านท่าเขา โดยมีบรรพบุรุษในสมัยอดีตมาขุดน้าบ่อแห่งนีเป็นคนแรก ที่มีช่ือว่าโต๊ะอีตา จึงสะท้อนให้เห็น
การตังช่ือท่ีน้าเอาช่ือของบุคคลท่ีท้าคุณประโยชน์หรือมีการริเร่ิม บุกเบิกสร้างถิ่นฐานที่อยู่อาศัย แต่ด้วย
ระยะเวลาท่ียาวนานมาจนถึงปัจจุบัน บางครังบุคคลส้าคัญเหล่านีอาจล่วงลับไปแล้ว แต่ด้วยความดีที่ควรแก่
การน้ามาเผยแพร่จึงท้าให้บุคคลเหล่านีเป็นที่น่าจดจ้า และน่าสนใจของชาวบ้าน ท้าให้ชาวบ้านในสมัยนัน
ตงั ช่ือวา่ น้าบอ่ โตะ๊ อีตา และคนรนุ่ หลงั รู้จักกนั ในชือ่ ว่าน้าบอ่ โตะ๊ อตี าสืบตอ่ กันมา ซงึ่ เปน็ ลักษณะของน้าบ่อที่น้า
ในบ่อไม่เคยแห้งแม้จะอยู่ในช่วงฤดูไหนก็ตาม น้าในบ่อมีสีใสสะอาด ในสมัยก่อนถ้าหากใครที่ขาดแคลนน้า
อปุ โภคบรโิ ภค ก็จะเดินทางไปท่ีบ่อน้าแห่งนันเพ่ือท่ีจะน้าไปใช้ แต่ในปจั จบุ นั ได้มีการบูรณาการเข้ามาดูแลจาก
ทางหน่วยงานภาครัฐท่ีมีการก่อสร้างเพ่ิมเติมโดยการสร้างหลังคายกขึนสูงที่บ่อน้าแห่งนัน เพ่ือให้ผู้คนสะดวก

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้ หน้า ๓๐

แก่การมาใช้น้า จากการตังชื่อท่ีกล่าวมานันแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของนามสถานที่มีการน้าภาษามลายูเข้ามามี
บทบาทในการตังช่ือนามสถานที่เป็นภาษามลายูจากคนในชุมชน คือ “น้าบ่อโต๊ะอีตา” นอกจากนียังแสดงให้
เห็นถึงคุณค่าของนามสถานอีกประการหนึ่ง คือ วิถีชีวิตของคนในอ้าเภอเกาะยาวสมัยก่อนว่ามีการใช้
ทรัพยากรรว่ มกนั ภายในชุมชนได้เป็นอย่างดี

๓.๔ นามสถานที่ตงั ชื่อตามเหตกุ ารณ์ในประวตั ิศาสตร์
“บ้านท่าค่าย” เป็นนามสถานท่ีตังช่ือตามเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี

เคยเกิดเรื่องราวความเป็นมาที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึนในอดีต โดยลักษณะบริเวณบ้านท่าค่ายเป็น
หมู่บ้านทม่ี ีท่าเรอื ไวใ้ ช้สา้ หรับการเดินทางหรือการออกเดินเรือประกอบอาชีพประมง ดว้ ยลักษณะของหมู่บ้าน
ท่ีง่ายแก่การสัญจรไปมา เน่ืองด้วยพืนที่ความเป็นเกาะเส้นทางหลักท่ีใช้ในการสัญจร คือ การเดินทางโดยทาง
นา้ ซึ่ง “ทา่ ” ท่ีหมายถงึ ทา่ เรือ จึงมคี วามสา้ คญั และเอือต่อการใช้ประโยชน์ท่ีมากกว่าการคมนาคม ด้วยเหตุนี
จึงท้าใหบ้ รเิ วณแห่งนีในสมัยอดีตนัน เคยมกี ารตังเป็นท่ีพักของทหารญีป่ ุ่น เพอื่ สรู้ บกนั ระหวา่ งทหารญป่ี ุ่นและ
ข้าศึกที่ต้องการเข้ามารุกรานในพืนที่อ้าเภอเกาะยาว และเม่ือเกิดเหตุการณ์เช่นนีชาวบ้านไม่สามารถท่ีจะ
ออกมาต่อสู้ได้ เนื่องจากขาดแคลนอาวุธ และก้าลังพลท่ีจะต่อสู้ จึงท้าให้ชาวบ้านต้องหาสถานที่หลบภัยอยู่
ชวั่ คราว โดยการขุดหลมุ หลบภัยใกลบ้ รเิ วณนัน สาเหตุของการเขา้ มาของข้าศึกอาจเป็นเพราะความเอืออ้านวย
ของพืนท่ี ที่เหมาะแก่การเข้ามาสู้รบเน่ืองจากอยู่ใกล้กับท่าเรือ บ้านท่าค่ายในอดีตเมื่อเหตุการณ์การสงคราม
จบสินลง และในปัจจุบันสถานที่ตรงนนั ก็กลายมาเป็นชอื่ หมู่บ้าน และสถานที่แห่งนันก็เคยเป็นพืนท่ีแสดงหนัง
(หนังกางแปลง) ที่ผู้คนให้ความนิยมในสมัยนัน หรือคนในพืนท่ีอ้าเภอเกาะยาว เรียกว่า หน้าวิก หรือ ท่าค่าย
น่ันเอง ทังสองชื่อนีแม้จะเรียกต่างกันแต่ก็เป็นชื่อสถานที่เดียวกัน จากการตังชื่อที่กล่าวมานันแสดงให้เห็นถึง
คุณค่าของนามสถานที่มีการใช้เร่ืองราวเหตุการณ์ในอดีต และความนิยมในการดูหนังของคนในขณะนัน
ด้วยเหตุนจี งึ ท้าให้เกดิ ความสมั พันธใ์ นการตังชอื่ นามสถานแห่งนี คือ “บ้านทา่ คา่ ย”

๓.๕ นามสถานท่ีตงั ชอื่ ตามการประกอบอาชีพ
“บ้านทับกัด” เป็นนามสถานท่ีตังชื่อตามการประกอบอาชีพ เนื่องจากพืนท่ีบริเวณแห่งนันใน

สมัยอดีต มีชาวจีนอพยพมาตังถ่ินฐานอยู่หลายครัวเรือน โดยใช้เส้นทางการเดินเรือมาท่ีอ้าเภอเกาะยาว
จากนันเม่ือมาถึงก็ได้เห็นสภาพแวดล้อมภูมิศาสตร์ท่ีเอือต่อการด้ารงชีวิต พวกเขาจึงได้ตังรกรากอยู่ที่บริเวณ
นันจนกลายมาเป็นหมู่บ้านท่ีมีแต่ชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ในขณะนัน ซ่ึงลักษณะบ้านเรือนของชาวจีนจะเป็นบ้าน
ทรงยกสูงสองชัน เนื่องจากชาวจีนค่อนข้างจะเป็นคนท่ีมีฐานะและบางคนก็ร้่ารวย บริเวณนันไม่มีป่าโกงกาง
เป็นพืนที่โล่งแจ้งรอบ ๆ บริเวณหาดทับกัดมีทิวต้นสนสวยงามท่ีเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวหรือพักผ่อนด้วย
สภาพแวดลอ้ มรอบข้างสว่ นใหญข่ องชุมชนอา้ เภอเกาะยาว ผูค้ นที่อาศัยอยูน่ ันกจ็ ะต้องประกอบอาชพี ทม่ี ีความ
สอดคล้องกบั ทรัพยากรทม่ี ีอยู่ ไม่ว่าจะเปน็ การออกเดินเรือประมง การหาหอย การจบั ปู เปน็ ตน้ แตม่ ีเครอื่ งมือ
อุปกรณ์ชนิดหน่ึงท่ีจะต้องใช้ในขณะท่ีประกอบอาชีพ คือ “กัด” ซึ่งเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งท่ีใช้ดักจับปลา

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หน้า ๓๑

หรือใช้ในการวางอวนจับปลาใชส้ ้าหรับวางจับปลาอวนลอย ท่ีจะต้องใช้เรือล้าใหญ่เพื่อที่จะออกไปวางอวนจับ
ปลาท่ีฝ่ังแถบทะเลนอกใกล้ ๆ ฝ่ังของจังหวัดภูเก็ต ซ่ึงการออกเรือประมงนีไม่ใช่ใช้จับปลาแค่ในอาณาบริเวณ
อ้าเภอเกาะยาวเท่านัน เนื่องจากชาวจีนที่เดนิ ทางเข้ามาตังถิ่นฐานในขณะนนั เขามีเรอื ใหญ่เป็นของตนเองและ
ในเรือหน่ึงล้านัน ก็จะท้างานร่วมกันหลายคนล้วนแล้วก็เป็นเชอื สายเดียวกัน เมื่อมีการด้ารงชีพของชาวจนี เขา้
มาอย่างกว้างขวางขึน จึงท้าให้เกิดคุณค่าของนามสถานที่มีการน้าชื่ออุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบอาชีพมาตัง
ช่ือนามสถานแห่งนี คือ “บ้านทับกัด” อีกทังยังมีการรับวัฒนธรรมทางภาษาที่เป็นภาษาจีนเข้ามาใช้ในการตงั
ชื่อของหลุมฝังศพ คือ บ่องจีน หรอื สุสานของชาวจีน

๓.๖ นามสถานท่ตี งั ชือ่ ตามช่อื สตั ว์
“ตู้กุนมดแดง” เป็นนามสถานที่ตังช่ือตามชื่อสัตว์ เน่ืองจากบริเวณพืนท่ีแห่งนี

มีสภาพแวดล้อมท่ีเอือต่อการด้ารงอยู่ของสัตว์บางชนิด ซึ่งสัตว์ชนิดนีท่ีกล่าวถึง คือ มดแดง โดยปกติแล้วมด
แดงส่วนใหญ่จะใช้ไม้ยืนต้นในการสร้างรังของมัน หรือไม้พุ่มใหญ่ ๆ ท่ีใบดก ไม่ผลัดใบง่ายและใบไม้จะต้อง
ใหญ่จนพอสร้างรัง ใบไม้ชนิดที่มดแดงชอบสร้างรัง เช่น ต้นมะม่วง ต้นกระถิน ต้นหูกวาง และต้นหว้า เป็นต้น
พืนท่ีท่ีมดแดงใช้สร้างรังมักเป็นพืนท่ีรกร้าง และพืนท่ีเกษตรกรรม แต่จุดที่น่าสังเกต และน่าสนใจ คือ
ในอ้าเภอเกาะยาวนัน มีสัตว์ชนิดท่ีกล่าวมานันคือมดแดง ซ่ึงสร้างท่ีอยู่อาศัยบริเวณโขดหิน หรือกองหินเป็น
จ้านวนมาก โดยพืนที่ท่ีมดแดงไปอาศัยอยู่นันไม่ได้จัดอยู่ในปัจจัยของการสร้างที่อยู่อาศัยของสัตว์ชนิดนัน แต่
เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ จากสภาพแวดล้อมที่เอือต่อการด้ารงอยู่ จึงท้าให้พืนท่ีบริเวณหินตรงนันเป็นที่อยู่
ของมดแดง เมื่อชาวบ้านเห็นลักษณะที่ปรากฏอยู่ จึงน้าช่ือของสัตว์ชนิดนันมาตังชื่อนามสถาน คือ “ตู้กุนมด
แดง” ต่อมาได้มีการเปล่ียนช่ือสถานที่เป็นชื่อทางราชการว่า “หินมดแดง” ซึ่งเป็นการแปลความหมายมาจาก
ชื่อเดิม แต่ปัจจุบันชาวบ้านยังนิยมเรียกว่า “ตู้กุนมดแดง” มากกว่าเนื่องจากเป็นช่ือพืนบ้านท่ีใช้เรียกกันมา
ยาวนาน อีกทังยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของนามสถานที่มีการรับวัฒนธรรมทางภาษาที่เป็นภาษามลายูเข้ามา
เกย่ี วขอ้ งในการตังชื่อนามสถานอีกด้วย และยงั แสดงให้เหน็ ถงึ คณุ ค่าของชวี วิทยาเกย่ี วกบั สัตวช์ นิดนีท่ีอาศัยอยู่
ไดห้ ลากหลายพืนที่

๓.๗ นามสถานท่ตี ังชอ่ื ตามความเช่อื
“เกาะเหลาอันตู” เป็นนามสถานท่ีตังชื่อตามความเชื่อ เน่ืองจากสภาพพืนที่ที่เป็นเกาะ

และไม่ไดเ้ ปน็ เกาะทเี่ ปน็ สถานท่ที ่องเท่ยี วเหมือนเกาะอน่ื ๆ จงึ ทา้ ให้กลายเปน็ เกาะที่นา่ กลัว ผคู้ นไมไ่ ดใ้ หค้ วาม
นิยมกับเกาะแห่งนี แต่เกาะนีเป็นทางผ่านส้าหรับการสัญจรในการการออกเดินเรือประมงของชาวบ้าน
เนื่องจากเปน็ เกาะ ท่ตี ้องผ่านเม่อื ตอ้ งการเดินเรือประมง บางครังเมอื่ เกิดมรสุมในขณะท่ีก้าลังอยู่กลางทะเลนัน
ชาวบ้านท่ีเป็นชาวประมงโดยแท้จริงเขาจะร้วู ิธกี ารป้องกันตัวเองเพ่ือให้ปลอดภัยจากมรสุมตา่ ง ๆ โดยการเขา้
ไปหาทพี่ ักหลบช่ัวคราวในบริเวณท่ีเปน็ เกาะ พอทีจ่ ะสามารถจอดพักเรือก่อนได้ แลว้ ค่อยออกเรือไปต่อเมื่อทุก
อย่างกลับเป็นปกติ ด้วยเหตุนี เมื่อมีชาวบ้านที่เข้าไปพักที่เกาะแห่งนี หรือเดินเรือผ่านมักจะเจอกับวิญญาณ

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หน้า ๓๒

หรือ ญิณ อยู่ที่เกาะแห่งนี บางครังไม่ได้มาในรูปแบบของผีอย่างชัดเจนแต่อาจมาได้หลายรูปแบบ เช่น ผีรัง
สวนหรือผีหลังกลวง เพราะด้านหน้าของผีตนนีจะมีลักษณะสวย แต่ด้านหลังว่างเปล่า ด้วยเหตุนีเม่ือ
ชาวประมงเจอวิญญาณ หรือ ญิณ ชาวประมงก็จะต้องมีการขอดุอาร์ (ขอพร) จากพระผู้เป็นเจ้าให้คุ้มครอง
ตนเอง ก่อนที่จะออกเดินเรือโดยการละหมาดเพ่ือให้ตนเองได้รู้สึกปลอดภัยขณะออกไปประกอบอาชีพอยู่
ท่ามกลางทะเล ซึ่งสามารถเจอกับสิ่งท่ีไม่สามารถรับรู้ได้ล่วงหน้าตลอดเวลา แต่สิ่งที่จะช่วยได้คือความดีที่
ปฏิบัติและนับถือ จึงท้าให้การตังชื่อนามสถานแห่งนีเกิดการตังช่ือตามความเช่ือ คือ “เกาะเหลาอันตู” อีกทัง
ยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของนามสถานที่มีการรับวัฒนธรรมทางภาษาที่เป็นภาษามลายูเข้ามาเก่ียวข้องในการ
ตังชื่อนามสถานอีกด้วย และยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าความส้าคัญของศาสนาที่เข้ามามีบทบาทอย่างส้าคัญใน
การดา้ รงชีวติ ของมนุษย์

๓.๘ นามสถานทตี่ งั ช่ือตามกลุ่มชาติพันธ์ุ
“อ่าวมอญ” เป็นนามสถานท่ีตังช่ือตามกลุ่มชาติพันธุ์ เนื่องจากลักษณะของความเป็นอ่าวที่

เหมือนกบั อา่ วในพนื ท่ีอื่น ๆ ทีม่ ีความอดุ มสมบรู ณ์ทางธรรมชาติ ท่สี ามารถตงั ทอี่ ยู่อาศยั ได้ ท้าให้มกี ลมุ่ คนบางชนชาติ
อพยพไปอาศัยอยู่ นั่นคือ ชาวมอญ เมื่อเขาใช้ชีวิตอยู่ในเกาะแห่งนีเหมือนกับคนธรรมดาท่ัวไปด้วยการออกเดินเรือ
ประมงเพ่อื หาเลียงชพี เชน่ เดยี วกัน แต่ด้วยความเปน็ กลมุ่ ชนอนื่ การคลุกคลีกับชาวบ้านดังเดิมก็มนี ้อยเน่ืองจากภาษาท่ี
ใช้ต่างกัน จึงท้าให้การส่ือสารไม่สามารถที่จะส่ือสารใหเ้ ข้าใจต่อกันได้ แต่ด้วยความเป็นมิตรไมตรีของชาวอ้าเภอเกาะ
ยาวนัน ไม่ว่าจะเปน็ กลมุ่ ชนชาติใดทีเ่ ขา้ มาอยู่กจ็ ะไม่มีการระรานผู้อื่นใหเ้ ดือดร้อน เพราะชาวบา้ นท่ีนนั่ ชอบชว่ ยเหลือ
ผอู้ ื่นในยามตกทุกข์ไดย้ าก เพื่อตอ้ งการใหเ้ พื่อนมนุษย์ด้วยกันใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งจากเหตุการณ์ท่ีเกิดขึนในอ่าว
มอญแห่งนี คือ เคยมีชาวมอญที่อาศัยอยู่ที่อ่าวได้เสียชีวิตลง อาจด้วยสาเหตุจากการเป็นโรคแล้วไม่มียารักษา
หรือไม่มีการป้องกันท่ีดีเนื่องจากในสมัยก่อนผู้คนก็ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเร่ืองยาสมุนไพรหรือยารักษาโรค
ถ้าหากป่วยไม่สบายขึนมาก็ยากที่จะกลับมาหายเป็นปกติ ด้วยเหตุนี จึงท้าให้ชาวมอญที่เข้ามานันเสียชีวิต
แต่บริเวณแห่งนีไม่มีสถานท่ีฝังศพ จึงท้าให้ชาวบ้านในละแวกนันน้าร่างของชาวมอญไปฝังไว้อีกที่หน่ึง น่ันคือ
บริเวณอ่าวต้นจิก หลังจากนันมาชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์จึงตังชื่อตามกลุ่มชาติพันธุ์ คือ “อ่าวมอญ”
เนื่องจากเป็นอ่าวที่มีชาวมอญเสียชีวิตที่น่ัน อีกทังยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่าเกี่ยวกับเร่ืองราวในอดีตท่ีเกี่ยวข้องกับ
ประวตั ิศาสตร์ ทมี่ กี ารเข้ามาของกลุ่มชนชาวมอญ

สรปุ ได้วา่ จากการศึกษาเร่ือง วิเคราะหก์ ารตังชื่อนามสถานในอา้ เภอเกาะยาว จงั หวดั พงั งา ไดส้ ะท้อน
คุณค่าให้เห็นถึงวิถีชีวิตรวมถึงวัฒนธรรมของชาวเกาะยาวผ่านชื่อนามสถาน โดยแบ่งออกเป็น ๘ ลักษณะ
เรียงล้าดับจากท่ีพบมากที่สุด คือ นามสถานที่ตังช่ือตามลักษณะภูมิประเทศ จ้านวน ๔๘ ช่ือ คิดเป็นร้อยละ
๓๕.๕๕ รองลงมา คือ นามสถานที่ตังชื่อตามพรรณไม้ จ้านวน ๓๔ ชื่อ คิดเป็นร้อยละ ๒๕.๑๘ นามสถานที่ตัง
ตามช่ือ ชื่อสกุล หรือต้าแหน่งบุคคล จ้านวน ๑๘ ชื่อ คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๓๓ นามสถานท่ีตังชื่อตามเหตุการณ์

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิน่ ใต้ หนา้ ๓๓

ในประวัติศาสตร์ จ้านวน ๑๓ ช่ือ คิดเป็นร้อยละ ๙.๖๒ นามสถานที่ตังช่ือตามการประกอบอาชีพ และนาม
สถานท่ีตังช่ือตามช่ือสัตว์ พบเท่ากัน จ้านวน ๑๐ ช่ือ คิดเป็นร้อยละ ๗.๔๐ และนามสถานท่ีพบจ้านวนน้อย
ท่ีสุด คือ นามสถานที่ตังช่ือตามความเชื่อและตามกลุ่มชาติพันธ์ุ พบเท่ากัน จ้านวน ๑ ชื่อ คิดเป็น
ร้อยละ ๐.๗๔

สรปุ และอภิปรายผล
จากการศึกษาเร่ือง วิเคราะห์การตังชอ่ื นามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ผู้ศึกษาอภิปรายผล

ดังตอ่ ไปนี
ผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า พบว่าการตังช่ือนามสถานผ่านภาพสะท้อนและ

คุณค่าส่วนใหญ่จะมีความเก่ียวข้องกับสภาพภูมิประเทศ และส่งิ แวดล้อมรอบตวั เพราะท่ีมาของการตังชื่อจะมี
ความสัมพันธ์กับภาพสะท้อนและคุณค่า โดยการตังชือ่ จะมีเร่ืองราวที่บ่งบอกถึงสิ่งที่ผู้คนแสดงออกมาผ่านการ
ตงั ชือ่ ของนามสถานนัน ๆ โดยผ่านระบบความคิด หรือวฒั นธรรมอื่น ๆ ในทอ้ งถนิ่ ท่มี ีความสมั พนั ธ์และผูกพัน
กัน ดังนนั ผศู้ กึ ษาจงึ อภิปรายผลในประเดน็ ท่ีมาและความหมายพร้อมกบั ภาพสะท้อนและคุณค่า คอื การศกึ ษา
ที่ได้ในประเด็นที่มาและความหมายรวมทังภาพสะท้อนและคุณค่าของนามสถานในอ้าเภอเกาะยาว จังหวัด
พังงา เมอ่ื นา้ มาเปรียบเทยี บกับผลการศึกษาเรือ่ งท่ีมลี ักษณะท่ีคล้ายคลึงกัน เชน่ งานวจิ ัยของ โอฬาร รตั น
ภกั ดี และวมิ ลศริ ิ กลน่ิ บบุ ผา (๒๕๕๑) ศกึ ษาเรื่อง ภมู นิ ามของหมบู่ ้านในจงั หวดั ลา้ ปาง และงานวิจัยของสวัสดิ์
ชูสังข์ (๒๕๔๒) ศึกษาเร่ือง การศึกษาชื่อบ้านในอ้าเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ซึ่งผลการวิจัยของงานวิจัย
ดงั กลา่ วพบผลการวจิ ยั ตรงกันว่า ประวัตคิ วามเป็นมา และทม่ี าของชื่อจะมีความสัมพันธ์กับส่ิงรอบตัวของผู้คน
ที่อาศัยอยู่ มักจะเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิประเทศมากท่ีสุด ดังนันสิ่งท่ีสะท้อนจากนามสถาน แสดงให้เห็นว่า
ชาวบ้านหรอื ผคู้ นได้ใหค้ วามส้าคัญกบั ธรรมชาติสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก จงึ ได้มกี ารนา้ เอาความผกู พันจาก
สง่ิ ที่อยรู่ อบตัวหรอื เคยเกิดขึนรอบตัวมาใช้ในการตงั ชื่อนามสถาน เชน่ บ้านโล้ะโป๊ะ อา่ วโล้ะปาไล้ และอ่าวโล้ะ
พลู เป็นต้น อีกทังยังแสดงให้เห็นถึงแนวคิดความผูกพันระหว่างชาวบ้านกับพรรณพืชพรรณสัตว์ รวมไปถึง
ปรากฏร่องรอยของประวัติศาสตร์ท้องถ่ินของชื่อนามสถาน ทังท่ีเก่ียวกับเร่ืองราวหรือเหตุการณ์ส้าคัญ บุคคล
ส้าคัญ กล่มุ ชนหรอื ชาตพิ นั ธ์ุ และสถานที่ส้าคัญ

การศึกษาที่ได้ในประเด็นโครงสร้างของค้า นามสถานอ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ซึ่งเมื่อเปรียบกับ
งานวิจัยท่ีศึกษาในลักษณะเดียวกัน เช่น งานวิจัยของ ส้าราญ จูช่วย (๒๕๕๙) ศึกษาเร่ือง ภูมินามวัดในอ้าเภอ
บางกรวย จังหวัดนนทบุรี โดยศึกษาในประเด็นโครงสร้างของค้า ซ่ึงผลการวิเคราะห์พบว่า โครงสร้างของค้า
ส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างแบบค้ามูล ๒ ค้า อีกทังยังพบว่าสอดคล้องกับงานวิจัยของ โอฬาร รัตนภักดี
และวิมลศิริ กล่ินบุบผา (๒๕๕๑) ศึกษาเรื่อง ภูมินามของหมู่บ้านในจังหวัดล้าปาง พบว่าโครงสร้างของช่ือ

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถนิ่ ใต้ หน้า ๓๔

สถานท่ีประกอบด้วยหน่วยค้ามูลตังแต่ ๑-๗ หน่วยค้า ซ่ึงประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ ค้าหลัก+ค้าขยาย เช่น
อ่าวตน้ จกิ บ้านโล้โป๊ะ อา่ วกะพ้อ และแหลมไทร เป็นต้น

การศึกษาเร่ือง นามสถานในอา้ เภอเกาะยาว จงั หวัดพังงา นอกจากจะมีคุณค่าในแง่ทสี่ ะท้อนลักษณะ
ต่าง ๆ ของพืนท่ี ทังสภาพภูมิศาสตร์ และสังคมวัฒนธรรมตังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว ยังสามารถศึกษาชื่อ
นามสถานผ่านการวิเคราะหโ์ ครงสร้างแตล่ ะชอื่ ได้อีกด้วย

ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะสาหรับการนาผลการศกึ ษาคน้ ควา้ ไปใช้
๑. ผลจากการศกึ ษาครังนี สามารถน้าไปใช้ได้อย่างหลากหลาย เช่น การน้าไปเผยแพร่ เพื่อให้ผู้คนใน

ท้องถิ่นโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในท้องถ่ิน หรือสามารถน้าไปใช้เป็นข้อมูลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ
ชุมชน และผ้ทู ่สี นใจ

๒. ผลของการศึกษาครังนี สามารถน้าไปใช้ในการเรียนการสอนในเร่ืองท่ีเก่ียวข้องกับการวิเคราะห์
โครงสร้างของค้าท่มี าจากชื่อตา่ ง ๆ ได้

ขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาค้นคว้าครงั้ ตอ่ ไป
๑. ควรศึกษาในดา้ นอน่ื ๆ เช่น ดา้ นคุณค่าของภาษาท่รี บั เข้ามา ความรดู้ า้ นชวี วิทยา เปน็ ตน้
๒. ควรศึกษานามสถานของสถานที่ลักษณะอ่ืน ๆ เช่น นามสถานของแหล่งน้า และนามสถานของ
ภูเขา ของจังหวดั อน่ื ๆ ในภาคใต้

เอกสารอา้ งอิง
หนังสอื แนะนา้ เกาะยาว. (๒๕๕๑). หนังสือแนะนาเกาะยาว. คณะกรรมการ

ฝ่ายจดั ทา้ หนังสอื แนะนา้ เกาะยาว.
มาโนช ดินลานสกลู . (๒๕๕๒). ช่ือบา้ นนามเมือง : เรื่องเลา่ ชีวิตคน และชมุ ชนลมุ่ ทะเลสาบสงขลา.

ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ .
เรไร ไพรวรรณ์. (๒๕๕๑). วรรณกรรมทอ้ งถ่นิ . กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ธนบุรี.
สวสั ด์ิ ชูสงั ข์. (๒๕๔๒). การศกึ ษาชอ่ื บ้านในอาเภอปากพะยนู จงั หวัดพัทลงุ .

ศิลปศาสตรมหาบัณฑติ มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ.
ส้าราญ จูช่วย. (๒๕๕๙). ภมู นิ ามวดั ในอาเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี.

มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์.
อภิรักษ์ สกลุ สัน และคณะ. (ม.ป.ป.). วัฒนธรรมทอ้ งถิ่นอาเภอเกาะยาว. ม.ป.ท.

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๓๕

โอฬาร รตั นภักดี และวิมลศิริ กลนิ่ บุบผา. (๒๕๕๑). ภมู นิ ามของหมูบ่ า้ นในจงั หวดั ลาปาง.
วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร.์

สมั ภาษณ์
กอ้ เสน็ ดาวเรือง อายุ ๕๑ ปี อาชพี เกษตรกร ทอ่ี ยู่ ๒๓/๑ หมทู่ ่ี ๓ บา้ นใหญ่ ต้าบลเกาะยาวนอ้ ย

อา้ เภอเกาะยาว จงั หวัดพงั งา ๘๒๑๖๑ (๒๕๖๒, สัมภาษณ์)
เดชา เรงิ สมุทร อายุ ๗๗ ปี อาชีพ เกษตรกร ท่ีอยู่ ๑๓ หมูท่ ่ี ๓ บ้านใหญ่ ต้าบลเกาะยาวนอ้ ย

อ้าเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ๘๒๑๖๑ (๒๕๖๒, สัมภาษณ์)
สอุ ีด ภญิ โญ อายุ ๖๕ ปี อาชพี เกษตรกร ที่อยู่ ๔๙/๓ หมู่ที่ ๗ บา้ นอนั เป้า ต้าบลเกาะยาวนอ้ ย

อ้าเภอเกาะยาว จงั หวดั พังงา ๘๒๑๖๑ (๒๕๖๒, สัมภาษณ)์
อุดม กลู ดี อายุ ๔๙ ปี อาชพี ข้าราชการ ที่อยู่ ๓๓ หมูท่ ่ี ๓ บา้ นพรุใน ตา้ บลพรุใน

อ้าเภอเกาะยาว จงั หวัดพังงา ๘๓๐๐๐ (๒๕๖๒, สมั ภาษณ)์

______________________________________________________________________

บทความวิจัยเร่ืองนีผ่านการคัดเลือกให้น้าเสนอในงาน การประชุมทางวิชาการระดับปริญญาตรี
ด้านมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั ท่ี ๔ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หน้า ๓๖

สถานภาพและบทบาทผู้หญิงในนวนิยายเรื่องกรงกรรม
The status and role of female characters in the “krong kam” novel

วนุช อินทวงษ์

บทคดั ยอ่
การวิจัยเร่ืองสถานภาพและบทบาทผู้หญิงในนวนิยาย เร่ืองกรงกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์

สถานภาพและบทบาทผู้หญิงในนวนิยาย เรื่อง กรงกรรม โดยศึกษาจากตัวละครเอกผู้หญิงท่ีมีสถานภาพ
และบทบาท จา้ นวน ๖ ตวั ไดแ้ ก่ ยอ้ ย เรณู วรรณา พิไล บังอร และเพยี งเพ็ญ

ผลการศึกษาพบว่า สถานภาพและบทบาทผูห้ ญิงในนวนิยาย เร่อื ง กรงกรรม แบง่ ได้เป็น ๒ ประเด็น
คอื ๑) สถานภาพและบทบาทในครอบครัว พบวา่ มี ๔ สถานภาพ ไดแ้ ก่ ๑.๑) สถานภาพของแม่ พบวา่ แม่
มบี ทบาท ๔ บทบาท ได้แก่ มบี ทบาทในการอบรมเลยี งดลู ูก บทบาทในการสนับสนุนลูก บทบาทในการให้
ค้าแนะน้าเร่อื งการเลือกคู่ครอง และบทบาทในการเสียสละเพ่ือลูก ๑.๒) สถานภาพของภรรยา พบว่าภรรยามี
บทบาท ๔ บทบาท ได้แก่ มีบทบาทภรรยาท่ีดี บทบาทในการควบคมุ การเงนิ บทบาทในการตอบสนองความ
ต้องการทางเพศ และบทบาทในการตังครรภเ์ พือ่ มบี ตุ ร ๑.๓) สถานภาพพีส่ าวน้องสาว พบว่าพ่ีสาวและน้องสาว
มบี ทบาท ๔ บทบาท ได้แก่ มีบทบาทในการชว่ ยเหลอื เกือกลู กนั บทบาทในการชว่ ยท้างานภายในครอบครวั
บทบาทแสดงความรักและเคารพต่อญาติผูใ้ หญ่และบทบาทใหค้ วามรักความอบอุน่ เอืออาทรซ่งึ กันและกนั
๑.๔) สถานภาพลกู สะใภ้ พบว่าลูกสะใภ้มบี ทบาท ๓ บทบาท ได้แก่ มีบทบาทสะใภท้ ด่ี ี บทบาทเคารพเชื่อฟงั
ผู้ใหญ่ และบทบาทในการดแู ลค่าใช้จา่ ยในครอบครัว ๒) สถานภาพและบทบาทในสังคม พบวา่ มี ๒ ดา้ น ไดแ้ ก่
๒.๑) ด้านอาชพี พบวา่ ตัวละครผู้หญงิ มีอาชีพคา้ ขาย อาชีพเย็บผา้ และอาชีพโสเภณี ๒.๒) ด้านการศกึ ษา พบวา่
ตัวละครผู้หญงิ มีการศกึ ษาสายอาชีพหรืออาชวี ศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้และทกั ษะในการประกอบอาชีพโดย
เลือกเรียนตดั เย็บเสือผ้า

คาสาคัญ: สถานภาพ บทบาท ผหู้ ญิง นวนยิ าย กรงกรรม

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๓๗

บทนา
สถานภาพเป็นสิ่งท่ีบ่งบอกถงึ สถานะ ต้าแหนง่ ของบุคคลในกลุ่มหรอื สงั คม โดยมคี า่ นยิ มทางสงั คม

และวัฒนธรรม เป็นตัวก้าหนดบทบาท หรือพฤติกรรมของบุคคลท่ีแสดงออกมาตามหน้าท่ีหรือต้าแหน่งทาง
สังคมนนั ๆ ซึง่ ดา้ เนนิ ไปตามทสี่ งั คมนยิ ม ดงั ที่ ปราง ยอดเกตุ (๒๕๕๖, หนา้ ๑) ได้กลา่ วถงึ สถานภาพของสตรี
ว่า สถานภาพของสตรีไทยในประเทศไทยตังแต่สมัยอดีตไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม สตรีมักถูกมองเป็นสิ่งท่ีด้อย
คณุ ค่าไรค้ วามสามารถ ถกู กดขี่ ข่มเหง และกดี กนั ทังทางสังคม เศรษฐกจิ และ การเมือง ไมม่ สี ทิ ธแิ ละบทบาท
หรือฐานะใดในทางสังคม ซ่ึงไม่ได้รับความเสมอภาคเท่าเทียมผู้ชาย ทังท่ีสตรีเองก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกันกับ
ผู้ชาย สถานภาพความเป็นมนุษยน์ ันมีอยใู่ นตวั ของมนุษย์ทกุ คน โดยไม่ค้านึงถงึ เพศ วัย สญั ชาติ ศาสนา ทงั ยัง
เป็นสาระส้าคัญตามธรรมชาติความเป็นมนุษย์จึงไม่อาจจ้ากัดหรือท้าให้สญู เสียไปไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ การไม่
เคารพในสิทธิสตรี ตลอดจนการเลือกปฏิบัติต่อผู้เป็นสตรีนันแต่เดิมอาจเป็นเพราะสภาพสังคมสมัยโบราณที่มี
การถือปฏิบัติสืบต่อกันมาโดยที่ผู้ชายจะมีความรับผิดชอบในฐานะท่ีเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นสาเหตุท่ีท้าให้
บทบาทของผู้หญิงลดลง ซ่ึงสอดคล้องกับ กาญจนา แก้วเทพ (๒๕๔๓, หน้า ๑๐๖) ได้กล่าวถึง บทบาทผู้หญิง
สรุปได้ว่า บทบาทผู้หญิงนันเป็นกลไกท่ีเปิดโอกาสให้ผู้ชายได้ใช้อ้านาจ และเป็นช่องทางในการเอารัดเอา
เปรียบผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่ อีกทังการแบ่งแยกบทบาทผู้หญิงออกจากโลกสาธารณะ ท้าให้ผู้หญิงถูก
จ้ากัดเฉพาะ บทบาทความเป็นแม่เลียงลูกซง่ึ ผู้หญิงท้างานบา้ นเทา่ นนั และไมท่ ันโลกภายนอก ดังนัน การท่โี ลก
ของผู้หญิงถูกจ้ากัดให้อยู่ในบ้านเป็นหลัก ท้าให้ผู้หญิงไม่มีโอกาสออกจากพืนท่ีในบ้านไปสู่พืนที่สาธารณะ
ภายนอกบ้าน เนื่องจากงานในบ้านเป็นงานที่ใช้เวลา และไม่มีวันจบสิน การจ้ากัดเช่นนีท้าให้การจัดการและ
การตัดสินใจต่อทรัพยากรตกอยู่ในมือของผู้ชายฝ่ายเดียวเท่านัน ท้าให้บทบาททางเศรษฐกิจ และสังคมของ
ผู้หญิงจ้ากัดอยู่เพียงแค่ฐานะผู้ตามเท่านัน ซึ่งสถานภาพและบทบาทผู้หญิงมีการเสนอออกมาในรปู แบบต่าง ๆ
เช่น ศกึ ษาจากสภาพชวี ิตจรงิ ศึกษาจากกฎหมาย หรอื ศกึ ษาจากวรรณกรรม เป็นต้น

จุฬามณี เป็นนามปากกาของนิพนธ์ เที่ยงธรรม นักเขียนที่มีผลงานการแต่งนวนิยายในแนวสะท้อน
ภาพของผู้หญิงหลายเรือ่ ง เชน่ ชิงชัง สดุ แคน้ แสนรกั ราชนาวีท่ีรกั กหุ ลาบซอ่ นกลิ่น ทุง่ เสนห่ า วาสนารัก
กรงกรรม เป็นต้น

กรงกรรม เป็นนวนิยายที่ถ่ายทอดเร่ืองราววิถีชวี ติ ของคนในบา้ นหลังหน่งึ ซ่ึงมีผูห้ ญิงโดนเอารัดเปรียบ
ในเรื่องต่าง ๆ ซ่ึงเปรียบเสมือนกรงของกรรม ทังกรรมดีและกรรมช่ัวท่ีแต่ละคนได้กระท้าลงไป บางคนอาจ
กระหยิ่มยิมย่องว่าตนเองหนีพ้นจากผลกรรมนันได้ ถึงขนาดไม่เกรงกลัวต่อผลของกรรม จึงไม่ใส่ใจ และพากัน
แสวงหาส่ิงมาปรนเปรอความต้องการของตน ซึ่งในเรื่องนีมีแม่เป็นผู้บังคับบัญชาทุกคนในบ้าน จึงเกิดเป็น
เรื่องราวชีวิตของตัวละครท่ีโลดแล่นเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม (จุฬามณี ๒๕๖๐, ค้าน้า) ด้วยความน่าสนใจ
ของนวนิยายเร่ืองกรงกรรม จึงได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ไทยแนวชีวิตย้อนยุคสะท้อนภาพของผู้หญิง
และสะท้อนสังคมในปี พ.ศ. ๒๕๑๐

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หน้า ๓๘

ด้วยเหตุนีผู้วิจัยจึงเห็นความส้าคัญที่จะศึกษาเร่ือง “สถานภาพและบทบาทผู้หญิงในนวนิยายเร่ือง
“กรงกรรม” เพ่อื ศกึ ษาสถานภาพและบทบาทผหู้ ญิง ซง่ึ เปน็ องค์ประกอบหนึ่งในการท้าความเข้าใจปัญหา และ
แนวทางในการพัฒนาบทบาทของผ้หู ญิง

วัตถุประสงคใ์ นการศึกษา
เพอื่ ศึกษาสถานภาพและบทบาทผ้หู ญงิ ในนวนยิ ายเรื่อง กรงกรรม

วิธกี ารศกึ ษา
ศึกษาค้นคว้าเอกสาร และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพและบทบาท

เอกสารท่ีเก่ียวข้องกับสตรีนิยม เอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับนวนิยาย และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาและส้ารวจ
ข้อมูลเก่ียวกับสถานภาพและบทบาทของผู้หญิงในนวนิยาย เรื่อง กรงกรรม เก็บข้อมูล และน้าเสนอข้อมูล
ทังหมดมาวิเคราะห์ตามประเด็นที่ก้าหนดไว้ในขอบเขตด้านเนือหา สรุปผลการศึกษาค้นคว้า และน้าเสนอผล
การศึกษาด้วยวิธีพรรณนาวิเคราะห์ โดยผู้วิจัยได้ประยุกต์ใช้กรอบแนวคิดในการวิเคราะห์ของ ป่ินหล้า
ศิลาบุตร (๒๕๕๑) ศึกษาเรื่อง “สถานภาพและบทบาทของตัวละครหญิงในนวนิยายของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม”
ที่แบ่งตัวละครผู้หญิงมีสถานภาพและบทบาท ๒ ด้าน คือ ๑) สถานภาพและบทบาทในครอบครัว ได้แก่
สถานภาพของลูกสาว ภรรยา แม่ และญาติผู้ใหญ่ และ ๒) สถานภาพและบทบาทในสังคม ได้แก่
ดา้ นการศึกษาและการประกอบอาชีพ และการศกึ ษาของตัวละครหญงิ

ผลการศึกษา
การศึกษาเร่ือง สถานภาพและบทบาทผู้หญิงในนวนิยาย เร่ือง กรงกรรม พบว่าตัวละครเอกมี

สถานภาพและบทบาทดงั นี
สถานภาพและบทบาทในครอบครัว หมายถึง สถานภาพและบทบาทอันเป็นหน้าท่ีของสมาชิก

ภายในครอบครวั ในนวนยิ าย เร่อื ง กรงกรรม พบว่าตัวละครเอกมีสถานภาพและบทบาทในครอบครัว
๔ สถานภาพ ดงั นี

๑. สถานภาพของแม่ แบ่งเปน็ ๔ บทบาท ได้แก่
๑.๑ บทบาทในการอบรมเลี้ยงดลู กู ให้คา้ แนะนา้ ตักเตือน แม้ลูกจะเติบโตเป็นผ้ใู หญ่ แม่กย็ ังคงให้

ค้าปรึกษาแนะน้า สั่งสอนลูกในเรื่องต่าง ๆ บางเร่ืองท่ีแม่เห็นว่าลูกน่าจะท้าไม่ถูกต้องก็ให้ค้าตักเตือนเตือน
สติลูก เพื่อไม่ให้เกิดการกระท้าผิด ซ่ึงพบตัวละครที่ปรากฏบทบาทการอบรมเลียงดูลูก จ้านวน ๑ ตัว ได้แก่
ยอ้ ย

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถ่ินใต้ หน้า ๓๙

ตัวอยา่ ง ยอ้ ย
...ส้าหรับบตุ รชายทงั สคี่ น ค้าพูดของแมถ่ ือเปน็ “ประกาศติ ” นางย้อยเล่าให้ลกู ชายทังส่คี นฟงั เสมอว่า
กว่าจะมีวันนีได้นัน ตนและพ่อของพวกเขาล้าบากกันถึงเพียงไหน…ช่วงแรก ๆ ลูกยังเล็กยังต้องเรียนหนังสือ
ช่วยงานกันไม่ได้เต็มที่เจ๊กเซ้งยังต้องหาบของลงเรือไปตามบ้านเรือนเพ่อื เอาสนิ ค้าท่ีมีเสนอขายจนกระทง่ั ได้เงิน
ก้อนใหญ่ ยอ้ ยคอยสอนลกู ทกุ ๆ คนให้เป็นคนขยนั ท้างาน…

(หนา้ ๓๘)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความที่ย้อย หญิงสาวผู้เป็นแม่ท่ีมีความสู้ ขยัน อดทน มุ่งมานะ บากบ่ัน
ท้างานหนักมามากเพื่อครอบครัวของตน ซึ่งกว่าจะลงหลักปักฐานจนม่ันคง มีกิจการใหญ่โต ย้อยต้องอดทน
เลียงลูกชายถึง ๔ คน ด้วยความล้าบากที่มันคอยตอกย้าให้ย้อยเป็นคนขยันท้างาน ทังหมดก็เพื่อลูก ๆ หล่อน
คอยย้าสอนลูกทังสี่คนอยู่เสมอให้ขยันท้ามหากินคิดถึงตนเองให้ขยันท้างานเหมือนแม่ซ่ึงข้อความข้างต้น
ปรากฏบทบาทในการอบรมเลียงดูลูก

๑.๒ บทบาทในการสนับสนุนลูก ให้การสนับสนุนลูกในทุก ๆ เรื่องที่ลูกตัดสินใจ แม้บางเรื่องแม่
จะไม่เห็นด้วย แต่เพื่อความสุขของลูก แม่ก็พร้อมท่ีจะสนับสนุนลูก ให้ก้าลังใจ และอยู่เคียงข้างลูกแม้จะท้าใจ
ยอมรับได้ยาก แต่แม่ก็ยินยอมและยอมรับในส่ิงที่ลูกต้องการ ซ่ึงพบตัวละครท่ีปรากฏบทบาทในการสนับสนนุ
ลกู จ้านวน ๒ ตวั ได้แก่ ยอ้ ย เรณู

ตัวอย่าง ยอ้ ย
….นางย้อยพอต่นื แลว้ กร็ ีบหุงข้าว ทา้ กับข้าว …รถึ ้าใครอยากกนิ อะไรก็มาเอาเงนิ ไปซือกนิ แตน่ างย้อย
ไมไ่ ดใ้ หเ้ งินลูกชายทอี่ ย่ใู นบ้านใช้เป็นรายเดือนเหมอื นลูกคนเลก็ ทอี่ าศยั อยู่บ้าน ‘อาแปะ’ ท่ีปากน้าโพเพื่อให้
รา่้ เรยี นหนังสอื ….

(หนา้ ๗๙)
จากข้อความข้างต้นย้อยผู้เป็นแม่ได้มีส่งเสียให้ลูกคนที่ส่ีมีชื่อว่ามงคลเรียนหนังสือ มงคลเป็นนักเรียน
โรงเรียนช่างอยู่ท่ีปากน้าโพ ซึ่งได้รับการศึกษาเหมือนคนอื่น ๆ ซ่ึงความเป็นแม่ที่ดีจะต้องมีการสนับสนุนส่ิง
เหล่านีเพราะจะเป็นรากฐานให้ลูกมีชีวิตท่ีดียิ่งขึน มีฐานะม่ันคงมากย่ิงขึน จากข้อความข้างต้นจึงปรากฏ
บทบาทในการสนับสนนุ ลูก

๑.๓ บทบาทในการให้คาแนะนาเรื่องการเลือกคู่ครอง แม่มีบทบาทในการเลือกคู่ครองให้ลูก
เพราะเกรงว่าหากลูกตนเองนันได้คู่ครองท่ีไม่ดีไมเ่ หมาะสมกนั จะไม่ประสบความส้าเร็จในชีวิตคู่ พบว่าแม่เป็น
ผู้เลือกคู่ครองให้ลูกโดยไม่พิจารณาความสมัครใจของลูก ส่วนมากแล้วแม่จะเลือกคู่ครองให้ลูกโดยดูจากความ
เหมาะสม ซงึ่ พบตัวละครท่ปี รากฏบทบาทในการใหค้ า้ แนะนะเรื่องการเลือกคคู่ รอง จา้ นวน ๑ ตวั ไดแ้ ก่ ย้อย

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หน้า ๔๐

ตวั อย่าง ยอ้ ย
…มันกล้าเอาเมียกะหร่ีเข้าบ้าน ท้าให้พ่อแม่ ให้น้อง ๆ ขายขีหน้า มันก็ไม่ไช่ตั่วเฮียคนเดิมของแกแล้ว
มา้ ไปละ…

(หนา้ ๑๙)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความหลังจากที่ปฐมลูกชายคนแรกของตระกูลบ้านแบ้พาภรรยาของเขา
เข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านท้าให้ย้อยเกิดอาการไม่พอใจท่ีลูกของตนนันขัดค้าส่ังของผู้เป็นแม่ทังที่แม่นันได้เลือก
คู่ครองไวใ้ ห้ตนแล้ว ข้อความขา้ งต้นจึงปรากฏบทบาทในการใหค้ ้าแนะน้าเรือ่ งการเลือกคู่ครอง

๑.๔ บทบาทในการเสียสละเพ่ือลูก เป็นบทบาทที่ย่ิงใหญ่ของแม่ เพราะสามารถสละแม้แต่ชีวิต
หรือความสุขส่วนตัวให้ลูกได้ พบตัวละครที่ปรากฏบทบาทในการเสียสละเพื่อลูก จ้านวน ๒ ตัว ได้แก่ ย้อย
และ เรณู

ตวั อยา่ ง ย้อย
…ถา้ อย่างนันแกกก็ ลับไปอย่กู บั เขาทางโน้นเถอะนะ ไม่ต้องหว่ งม้า หว่ งนอ้ ง หว่ งอะไรทางนีหรอก
พวกเราอยู่กนั ได้…

(หนา้ ๗๗๑)
จากขอ้ ความข้างต้นเป็นข้อความหลังจากปฐมลูกชายคนแรกของย้อยพาภรรยาคนท่ีสองมาพบแม่ แต่
หล่อนไม่พอใจทจ่ี ะอยู่ที่บา้ นหลงั นันกับปฐม เนอ่ื งจากหล่อนเปน็ คนทม่ี ีฐานะค่อยข้างดีมีบ้านใหญโ่ ตเปน็ คุณหนู
อยู่สุขสบาย จึงอยากให้ปฐมพาหล่อนกลับไปอยู่ท่ีบ้าน ย้อยผู้เป็นแม่จึงไม่ขัดข้องใด ๆ แม้ปฐมจะต้องมีหน้าที่
ดูแลแม่ แต่แม่ยอมให้ลูกไปมีความสุขกับคนที่ลูกรักมากกว่าตนเอง ข้อความข้างต้นจึงปรากฏบทบาทในการ
เสยี สละเพอ่ื ลกู

๒. สถานภาพของภรรยา แบ่งเปน็ ๔ บทบาท ไดแ้ ก่
๒.๑ บทบาทภรรยาที่ดี เป็นภรรยาท่ยี ังคงดูแลเอาใจใส่สามี ปรนนบิ ัติสามีในเรอ่ื งตา่ ง ๆ ใหเ้ กยี รติ

สามี เป็นภรรยาท่ีท้างานด้วยตัวเองควบคู่กับการท้าหน้าที่ดูแลเอาใจใส่สามี พบตัวละครท่ีปรากฏบทบาท
ภรรยาท่ดี ี จ้านวน ๕ ตัว ได้แก่ เรณู ยอ้ ย พไิ ล เพียงเพ็ญ และบังอร

ตัวอยา่ ง เรณู
…เรณตู ื่นมาทา้ ข้าวตม้ คัว่ ถว่ั ลิสง เจยี วไขแ่ ลว้ กต็ ้านา้ พรกิ …ปลกุ ให้เขาขึนมากิน…

(หนา้ ๔๓)
จากข้อความข้างตน้ เปน็ ขอ้ ความหลังจากทเี่ รณูไดย้ ้ายเข้ามาอยใู่ นบ้านของปฐมแล้ว เรณูเปน็ ภรรยา
ของปฐมท่ีแม้ว่าจะไมไ่ ด้รบั การยอมรับจากแมส่ ามีกต็ าม แต่หล่อนกพ็ ยายามท้างานบา้ น ท้ากบั ข้าวปรนนิบตั ิ

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หนา้ ๔๑

รบั ใช้สามีของหล่อนอย่างสดุ ความสามารถ หลอ่ นมอบความรกั ความหวงั ดใี ห้สามขี องหล่อนเสมอ ขอ้ ความ
ขา้ งตน้ จงึ ปรากฏบทบาทภรรยาทดี่ ี

๒.๒ บทบาทในการควบคุมการเงิน เป็นภรรยาท่ีดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ดูแลทังรายรับ-
รายจ่าย ภรรยามีอ้านาจในการควบคุมสามีอีกด้วย ซึ่งภรรยาในเรื่อง กรงกรรม ต้องท้างานด้วยตนเองมีรายได้
เป็นของตนเอง เป็นท่ีภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสร้างฐานะไปด้วยกัน ซึ่งพบตัวละครท่ีปรากฏบทบาทในการควบคุม
การเงิน จา้ นวน ๑ ตวั ไดแ้ ก่ ย้อย

ตวั อยา่ ง ย้อย
…ทนี่ นี่ างเป็นเจา้ ของเตม็ ตวั นางจงึ ทุ่มเทแรงกาย เฟ้นสตปิ ัญญาทุกวิถีทางท่จี ะใหก้ ิจการรุง่ เรือง…

(หน้า ๑๗)
จากข้อความข้างตน้ เป็นข้อความหลังจากที่ย้อยได้แต่งงานกบั สามีของหล่อน และไดซ้ ือหาท้าเลใหม่ใน
การค้าขายท่ีอ้าเภอชุมแสง แล้วได้เร่ิมกจิ การด้วยกันคือเปิดร้านโชหว่ ยขายของ หล่อนมีความตังใจท้ามาหากิน
ในการค้าขายรู้จักเก็บหอมรอบริบ มีการท้าบันชีรายรับ-รายจ่ายต่าง ๆ ภายในบ้านซ่ึงสามีของหล่อนยกให้
หล่อนเปน็ คนทา้ หนา้ ทีต่ ่าง ๆ ด้วยตนเองทังหมด ขอ้ ความข้างต้นจงึ ปรากฏบทบาทในการควบคมุ การเงิน

๒.๓ บทบาทในการตอบสนองความต้องการทางเพศ เป็นภรรยาท่ีตอบสนองความต้องการทาง
เพศของสามี เพ่ือเอาอกเอาใจสามีในเรื่องนี โดยภรรยาตอบสนองความต้องการของสามีด้วยความยินดี เมื่อมี
ประสบการณ์ก็สามารถตอบสนองสามีได้อย่างทันที ซึ่งตัวละครที่ปรากฏบทบาทในการตอบสนองความ
ต้องการทางเพศจา้ นวน ๑ ตวั ได้แก่ เรณู

ตวั อยา่ ง เรณู
…พอเห็นสายตากรุ่มกร่ิมของเขา เรณูก็ยิมเอียงอาย หลังจากกินข้าว ล้างถ้วยล้างจานแล้ว จากท่ีต้อง
ไปโรงสีทันที แรงด้ากฤษณาหรือเป็นเพราะแรงราคะตามประสาวยั หนุ่ม เรณูก็ไม่อาจเดาได้ ท้าให้เขาชวนเรณู
กลับเขา้ ห้องนอนทังที่พระอาทติ ย์แผดแสงจ้า…

(หน้า ๔๔)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความหลังจากที่ปฐมและเรณูได้ย้ายไปอยู่บ้านหลังโรงสี เพียงล้าพัง
หลังจากรับประทานอาหารมือเท่ียงแล้วสามีของหล่อนเกิดมีความต้องการทางเพศกับหล่อน หล่อนก็เข้าใจ
และสามารถตอบสนองตอ่ สามีได้ ขอ้ ความข้างต้นจงึ ปรากฏบทบาทในการตอบสนองความตอ้ งการทางเพศ

๒.๔ บทบาทในการต้ังครรภ์เพ่ือมีบุตร หลังจากแต่งงานภรรยาต้องมีทายาทให้สามี เพ่ือสืบสกุล
ของตระกูล เพื่อทา้ ใหค้ รอบครัวพงึ พอใจ มคี วามสขุ และเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของคนในครอบครวั
ซึง่ ตัวละครทีป่ รากฏบทบาทในการตังครรภเ์ พ่ือมบี ตุ รจา้ นวน ๓ ตวั ไดแ้ ก่ เพยี งเพญ็ ย้อย และพิไล

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้ หน้า ๔๒

ตัวอย่าง เพยี งเพญ็
…ก็ไม่ให้เครียดได้อย่างไรเล่า เม่ือวานนเี พง่ิ เอะใจว่า ประจ้าเดอื นขาดหายไปถึงสิบห้าวนั ยังไม่สรุปแน่
ชัดว่าทอ้ งหรือไม่ทอ้ ง…

(หน้า ๒๔๙)
จากข้อความข้างตน้ เปน็ ข้อความที่หลงั จากเพยี งเพ็ญไปมีความสัมพนั ธฉ์ ันทช์ สู้ าวกบั ชายคนรักแลว้
เกิดท้องขนึ มาซงึ่ ชายผู้นันไมไ่ ดร้ บั การยอมรับจากครอบครัว เพราะมีอาชพี ท้านาจงึ มีฐานะยากลา้ บาก พ่อของ
หล่อนจงึ กลัวว่าจะเลียงลกู ของตนนันได้ไม่ดเี ท่าแตห่ ล่อนหาวธิ ใี หท้ ่ีจะให้พ่อของตนนันยอมรบั ตัวของชายคนรัก
จงึ คิดว่าหากมีลูกก็นา่ จะชว่ ยใหพ้ อ่ สงสารขนึ มาบา้ งข้อความขา้ งต้นจงึ ปรากฏบทบาทในการตังครรภเ์ พื่อมีบุตร
๓. สถานภาพพี่สาวนอ้ งสาว แบ่งเปน็ ๔ บทบาท ได้แก่

๓.๑ บทบาทในการช่วยเหลือเกอ้ื กูลกัน การเป็นสมาชิกของครอบครัวเดียวกันหรือเป็นพ่ีน้องกนั
จะต้องช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั มีสว่ นร่วมตอ่ กนั ในยามสุขและยามทุกข์ พบตัวละครจา้ นวน ๑ ตัว ได้แก่ เรณู

ตวั อยา่ ง เรณู
…ท่ีหนูส่งนังวรรณามันเรียนตัดเย็บผ้า เพราะมันชอบมองผู้หญิงแต่งตัวสวย ๆ หนูก็เลยอยากให้มันมี
ร้านขายเสือผหู้ ญิง…

จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความที่น้องสาวของเรณูก้าลังจะเดินทางมาอยู่ด้วยกันกับหล่อนท่ีอ้าเภอ
ชุมแสงก่อนหน้านีหล่อนกับน้องสาวต้องแยกกันท้าหน้าที่ตนเอง ซึ่งน้องสาวของหล่อนมีใจรักในการตัดเย็บ
เสือผ้าหล่อนจึงส่งเงินให้น้องสาว เรียนตามที่เขานันชอบ และอยากท่ีจะท้ามันจริง ๆ ซ่ึงหล่อนก็ได้ท้าหน้าท่ี
ของพสี่ าวอยา่ งดเี สมอมา ขอ้ ความข้างตน้ จึงปรากฏบทบาทในการชว่ ยเหลือเกอื กลู กัน

๓.๒ บทบาทในการช่วยทางานภายในครอบครัว การอยู่ร่วมกันในครอบครัวนันสมาชิกจะต้องมี
หน้าท่คี วามรับผดิ ชอบต้องร้จู ักทา้ มาหากินมีรายได้เลยี งดคู รอบครวั ช่วยเหลอื จนุ เจือครอบครัวของตน เพื่อแบ่ง
เบาภาระในเรื่องต่าง ๆ ช่วยดูแลซึ่งกันและกันให้ครอบครัวมีความสุข พบตัวละครจ้านวน ๒ ตัว ได้แก่ เรณู
และวรรณา

ตวั อยา่ ง เรณู
…ระหวา่ งทวี่ รรณานง่ั เฝา้ หาบแทนตน เรณูกเ็ อาหนงั สือแฟชัน่ และรูปถา่ ยท่ถี า่ ยกบั หมยุ่ จันตา

ซึ่งเป็นผลงานตัดเยบ็ โดยฝมี ือวรรณา ออกโฆษณาท่ัวตลาด โดยเรณูบอกว่าถ้ามีใคร สนใจจะตัดชุดสวย ๆ ก็ให้
ไปรีบซือผา้ แลว้ ไปวดั ตัวที่รา้ นนางยอ้ ยในตอนสาย ๆ…

(หนา้ ๓๒๗)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความหลังจากท่ีวรรณาย้ายเข้ามาอยู่กับเรณูที่อ้าเภอชุมแสงแล้ว และเมื่อ
น้องสาวของหล่อนเรียนจบ จึงคิดอยากจะเปิดร้านตัดเย็บเสือผ้าให้น้องของหล่อน แม่สามีได้เห็นฝีมือในการ

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิน่ ใต้ หนา้ ๔๓

ตัดเย็บเสือผ้าของวรรณาจึงคิดอยากจะเปิดร้านตัดเย็บเสือผ้าให้ ระหว่างที่วรรณารองานก็ช่วยเรณูท้างานไป
ดว้ ย ตวั อย่างขา้ งตน้ จงึ ปรากฏบทบาทในการช่วยทา้ งานภายในครอบครัว

๓.๓ บทบาทแสดงความรักและเคารพต่อญาติผู้ใหญ่ การอยู่ร่วมกันของสมาชิกภายในบ้านนัน
จะต้องรจู้ กั การปฏบิ ัตติ นในเรอ่ื ง ๆ ต่าง ตอ้ งแสดงออกด้วยความจริงใจต้องให้ความเคารพซึ่งกันและกนั มีน้าใจ
แบ่งปัน รู้จักกาลเทศะ รู้จักการเคารพผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโสกว่า และจะต้องรู้จักจัดล้าดับการวงตนท่ีถูกต้องตาม
ประเพณีทีว่ างเอาไว้เพอ่ื ความสงบสขุ ภายในบ้าน พบตวั ละครจ้านวน ๑ ตัว ได้แก่ เรณู

ตัวอย่าง เรณู
…อะไรที่เป็นความต้องการของนางย้อย เรณูจะปฏิบัติทันที หญิงสาวรีบวิง่ ละงานแล้วลุกขึนไปลา้ งมอื
ก่อนจะเดินกลบั มาควา้ เสอื จากมอื นางย้อยเดินไปเขา้ ห้องน้า…

(หน้า ๒๙๒)
จากข้อความข้างตน้ เปน็ ข้อความขณะทเี่ รณูกา้ ลังปั้นขนมเสนห่ จ์ ันทร์อยู่ ยอ้ ยก็เดินเข้ามาดูย้อยเห็นถุง
เสือวางอยู่ย้อยจึงเปิดออกดู จึงได้เห็นชุดเดรสยาวประมาณเข่า และได้เห็นถึงงานตัดเย็บที่พิถีพิถันในการตัด
ถึงกับเอ่ยปากชมน้องสาวของหล่อนว่าตัดเย็บเสือผ้าได้งดงามมาก ย้อยจึงให้เรณูลองสวมใส่ชุดเดรสนันดู
หลังจากท่ีเรณูได้รับค้าสั่งนนั ตนก็ได้หยดุ การท้าขนมท่ีอยใู่ นมือของหล่อน แล้วรีบเปลี่ยนชุดตามค้าส่ังของย้อย
ทันทีทันใด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหล่อนนันมีความเกรงอกเกรงใจผู้ใหญ่ส่ังให้ท้าอะไรก็จะเช่ือฟัง และปฏิบัติตาม
ตัวอยา่ งขา้ งตน้ จึงปรากฏบทบาทแสดงความรกั และเคารพต่อญาตผิ ูใ้ หญ่

๓.๔ บทบาทให้ความรักความอบอุ่นเอ้ืออาทรซึ่งกันและกัน เป็นการแสดงออกถึงความรักของ
สมาชกิ ในครอบครัวจะต้องเปน็ ผู้มเี มตตา ดว้ ยการคิด การพูด การใหก้ า้ ลงั ใจ และการกระท้าต่อการเป็นพี่เป็น
น้องซึ่งกันและกัน และมีความปรารถนาดีต่อกันของพ่ีน้องในครอบครัว ซึ่งจะท้าให้ครอบครัวนันมีความสุข
พบตวั ละครจ้านวน ๒ ตวั ไดแ้ ก่ เรณู และวรรณา

ตวั อยา่ ง วรรณา
…ไหนพี่เคยบอกว่าพ่ีมาไกลเกินจะย้อนกลับไง อย่างไรก็อย่าปล่อยให้ชีวติ ตกต้่าไปกว่าเดิม และพ่ีต้อง
ไมล่ ืมว่าพี่มีฉันอกี คน และพยี่ งั มีไอปอ๊ กอกี คน…

(หนา้ ๔๐๒)
ข้อความนีเป็นข้อความหลังจากที่พี่สาว และวรรณาโดนชาวบ้านขับไล่ออกจากอ้าเภอชุมแสง เพราะ
ถูกจับได้ว่ามีทังคู่ท้าของใส่แม่สามีซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวบ้านรับไม่ได้จึงย้ายไปอยู่ที่พยุหคีรีหล่อนจึงได้เข้าไปพูดกับ
พ่ีสาวเป็นการให้ก้าลังใจกันและกัน แม้ความจริงหล่อนจะไม่ได้เป็นคนท้าของใส่แม่สามีของพ่ีสาว แต่เมื่อเธอ
เห็นพ่ีของตนเองก้าลังล้าบากและโดนกล่าวหาว่าเป็นคนเลวแต่เธอไม่เคยมองพ่ีสาวของตนเองว่าเป็นคนไม่ดี
เลยแม้แต่น้อย ตวั อยา่ งข้างต้นปรากฏบทบาทการใหค้ วามรกั ความอบอุน่ เอืออาทรซง่ึ กันและกนั

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิ่นใต้ หน้า ๔๔

๔. สถานภาพลกู สะใภ้ แบง่ เปน็ ๓ บทบาท ไดแ้ ก่
๔.๑ บทบาทสะใภ้ทด่ี ี การเปน็ สว่ นหนึ่งของสมาชกิ ในครอบครวั หนึ่งแลว้ หลงั จากที่แต่งงานจะต้อง

มีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ีภายในบ้าน และการปฏิบัติตัวต่อบุคคลในครอบครัวของการเป็นสะใภ้เป็นเรื่อง
ส้าคญั อยา่ งย่ิงในครอบครวั พบตัวละครจา้ นวน ๔ ตวั ได้แก่ พไิ ล เรณู ยอ้ ย และบังอร

ตัวอย่าง พิไล
….พรุ่งนีเหน็ เขาวา่ จะทา้ ขนมต้มมาขาย เดยี๋ วหนูจะซือมาใหม้ ้าลองชมิ นะ…

(หนา้ ๒๒๓)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความที่พิไลพูดกับย้อยในฐานะลูกสะใภ้ หล่อนพยายามเอาอกเอาใจแม่
สามี โดยการทา้ ส่งิ ต่าง ๆ ไม่วา่ จะเปน็ การดูแลเอาใจใส่ในเร่อื งอาหารการกิน การชว่ ยดูแลกจิ การต่าง ๆ ภายใน
บ้านไม่ให้ขาดบกพร่อง แต่แม่สามีก็ไม่ได้ไว้วางใจมากนัก เพราะคิดว่าหล่อนนันยังไม่สามารถรับผิดชอบเรื่อง
ต่าง ๆ ได้ และไม่ไว้ใจ ท้าให้หล่อนรู้สกึ น้อยเนือต้่าใจ และคิดว่าแม่สามีนันไม่ได้รกั หล่อนอย่างจริงใจ แต่ความ
จริงแล้วส่ิงที่หล่อนท้าทุกส่ิงทุกอย่างให้แม่สามีนันก็เพราะต้องการที่จะได้สมบัติของแม่สามีเพียงเท่านัน
แต่ถึงแม้หล่อนจะกระท้าเพ่ือหวังผลบางอย่างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหล่อนก็ปฏิบัติหน้าท่ีของหล่อนได้อย่างดี
ตัวอยา่ งข้างตน้ จงึ ปรากฏบทบาทลูกสะใภ้ท่ีดี

๔.๒ บทบาทเคารพเช่ือฟังผู้ใหญ่ เป็นการให้เกียรติบุคคลในครอบครัวในการกระท้าส่ิงต่าง ๆ
พบตัวละครจา้ นวน ๓ ตัว ไดแ้ ก่ เรณู พไิ ล และจันตา

ตัวอยา่ ง เรณู
…เรณูยิมแหย ๆ ไม่ยอมแบมือ นางย้อยดังนันย่ิงรู้สึกว่าจะต้องให้ให้ได้จึงบอกจึงบอกเสียงเข้มแข็งว่า
“ผใู้ หญใ่ หข้ องก็รับไปสิ”

(หนา้ ๒๙๕)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความหลังจากจัดงานแต่งงานของกมลลูกชายคนท่ีเสร็จสนิ ไปแล้ว แม่สามี
รู้สกึ วา่ เรณูนันไม่เคยไดแ้ ต่งงาน หรอื รับทรัพย์สนิ ใด ๆ หลอ่ นจงึ ไดร้ บั ทองเป็นของขวัญ ซ่ึงความจรงิ แล้วหล่อน
นันไม่เคยรู้สึกอยากได้อยากมีทรพั ย์สนิ หรืออยากได้ของได้เงินใด ๆ จากแม่สามีเลยแมแ้ ต่นอ้ ย แต่แม่สามีเห็น
ถึงความดีความตังใจของหล่อน จึงเห็นสมควรว่าจะต้องให้อะไรแกหล่อนบ้างเพื่อไม่ให้เป็นขีปากของ
ชาวบ้าน ๆ ว่าเป็นถึงสะใภ้ใหญ่ของบ้านแบ้ แต่กลับไม่มีงานแต่งใด ๆ เงินทองก็ไม่มี แต่อย่างไรเม่ือแม่สามีย่ืน
มือมาให้ หล่อนก็ควรที่จะรับส่ิงนันไว้เพื่อเป็นการให้เกียรติ แม่สามีด้วย ข้อความข้างต้นจึงปรากฏบทบาท
เคารพเช่อื ฟงั ผูใ้ หญ่

๔.๓ บทบาทดูแลค่าใช้จ่ายในครอบครัว เป็นความรับผิดชอบของสมาชิกในครอบครัวท่ีจะต้อง
ดูแลรกั ษา ซงึ่ สิทธิหน้าท่ขี องการดูแลเรอ่ื งตา่ ง ๆ ภายในบ้าน พบตัวละครจา้ นวน ๒ ตัว ได้แก่ เรณู และยอ้ ย

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หน้า ๔๕

ตวั อย่าง เรณู
…เรณูรู้สึกว่าการท้าขนมขายใช้เงินทุนไม่มาก อุปกรณ์มี กระจาดมี กระด้งมี ไม้คานมี วัตถุดิบใน

สวนมี เธอจะต้องท้าให้แม่ผัวของเธอเห็นว่า เธอก็มีเลือดนักสไู้ มย่ ง่ิ หยอ่ นไปกว่าใคร…
(หนา้ ๕๑)

จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความหลังจากที่เรณูโดนไล่ให้ออกจากบ้านหลังใหญ่ให้ไปอยู่ท่ีบ้านหลัง
เล็ก ๆ หลังโรงสี ซ่ึงเรณูกับสามีของหล่อนก็มีความพยายามท่ีจะช่วยกันท้ามาหากิน แม้ว่าสามีของหล่อน
จะต้องไปเป็นทหาร หล่อนต้องต่อสู้ชีวิตเพียงล้าพังกับลูกในท้อง แต่หล่อนไม่ได้มีความคิดที่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ใด ๆ แม้ว่ามันจ้าล้าบากมากในการด้าเนินชีวิต การเป็นสะใภ้ของหล่อนมันไม่ได้ง่ายเลย หล่อนจะต้องท้างาน
ท้ามาหากินด้วยตัวเองต้องมีความรับผิดชอบของตนเอง หล่อนต้องท้าทุก ๆ อย่างเพื่อครอบครัวของหล่อน
เพ่ือสามี และเพื่อลูก ท่ีส้าคัญหล่อนอยากที่จะพิสูจน์ความสามารถว่าหล่อนสามารถหาเงินเลียงลูกด้วยตัวเอง
ไดไ้ ม่ต้องพึ่งใคร หรือขอเงนิ จากสามี ซง่ึ เป็นความรับผิดชอบทด่ี ีอย่างหนึง่ ของการเปน็ ลูกสะใภ้ ตัวอยา่ งข้างต้น
จงึ ปรากฏบทบาทดูแลค่าใช้จา่ ยในครอบครัว

สถานภาพและบทบาทในสังคม สถานภาพที่ได้จากการแสวงหาหรือได้มาจากความสามารถของ
ตนเองแบ่งได้ ๒ สถานภาพ ดังนี

๑. สถานภาพด้านการประกอบอาชีพ พบว่าตัวละครผู้หญิงมีอาชีพค้าขาย อาชีพเย็บผ้า และอาชีพ
โสเภณี ดังนี

๑.๑ อาชพี คา้ ขาย พบตวั ละครหญงิ จ้านวน ๓ ตัว ประกอบอาชีพคา้ ขาย ได้แก่ ยอ้ ย เรณู
ตัวอย่าง ยอ้ ย
…ที่นั่นแม้จะเหน่ือยยากล้าบากกาย ล้าบากใจยิ่งกว่าตอนเลียงหมูอยู่ที่ทับกฤช แต่ท่ีน่ันก็ท้าให้นาง
ย้อยเรยี นรวู้ ธิ กี ารค้าขายอย่างมืออาชพี …

(หนา้ ๑๗)
จากข้อความข้างต้นแสดงเป็นข้อความท่ีท้าให้ชีวิตของย้อยนันเปล่ียนไปจากสมัยก่อนที่หล่อนนันมี
อาชีพท้านา หลังจากท่ีหล่อนนันคลอดลูกคนท่ีสี่แม่ของสามีก็ได้ถึงแก่กรรมลงท้าให้หล่อน และสามีต้องย้าย
ครอบครวั มาอยู่ตลาดชุมแสง และได้เปิดรา้ นโชหว่ ยอยู่ท่ีตลาดชุมแสงร้านนีเปน็ รา้ นของหล่อน หลอ่ นพยายาม
สรา้ งเนอื สร้างตวั จากทน่ี ่ที งั ทุม่ เทแรงกายท้าทกุ วถิ ีทางในการทีท่ ้าให้กจิ การของหลอ่ นนันเจริญรุ่งเรอื งยงิ่ ๆ ขนึ
ไป หลอ่ นมีความตงั ใจ และคาดหวังในส่ิงท่ีท้ามาก เพราะอยากให้ว่าที่บรรดาลูกสะใภ้ของบ้านนันเห็นว่าหล่อน
นันต้องขึนช่ือว่าเป็นคนท่ีเก่งที่สุด แม้ว่านางจะเป็นคนไทยแท้ก็ตาม ซึ่งข้อความข้างต้นแสดงให้เห็นว่าย้อยมี
อาชพี คา้ ขาย

๑.๒ อาชพี เย็บผา้ พบตัวละครหญงิ จา้ นวน ๑ ตวั ประกอบอาชีพเยบ็ ผ้า ไดแ้ ก่ วรรณา

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หน้า ๔๖


Click to View FlipBook Version