The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วรรณสาร วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ ฉบับที่ ๖๑ ประจำเดือนกันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๒

สาขาวิชาภาษาไทย
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by D_mat Name, 2020-11-07 23:53:27

วรรณสาร วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ ฉบับที่ ๖๑

วรรณสาร วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ ฉบับที่ ๖๑ ประจำเดือนกันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๒

สาขาวิชาภาษาไทย
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

ตวั อย่าง วรรณา
…หลังจากแต่งงานแล้ว วรรณาก็ยังตัดผ้า ขายผ้า ช่วยเรณูอยู่ที่ร้านในช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนก็
กลับไปอยทู่ บี่ ้านพักของหลวงหลังท่วี า่ การอ้าเภอ…

(หน้า ๗๙๕)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความหลังจากท่ีวรรณาน้องสาวเรณูนันได้แต่งงานกับคุณปลัดสามีของ
หล่อนแล้วแต่ยังคงอยู่กับพี่สาวของหล่อน เน่ืองจากว่าสามีของหล่อนนันต้องย้ายไปอยู่อ้าเภออื่น แต่หล่อนไม่
สามารถย้ายตามสามีไปได้ เพราะหล่อนนันเป็นห่วงเร่ืองงานห่วงเร่ืองเงิน และอยู่ในช่วงที่หลานของหล่อนนัน
ก้าลังเล็กอยู่ แต่พ่ีสาวของหล่อนก็ไม่ยอมให้หล่อนอยู่กับตน เพราะกลัวว่าสามีของน้องนันจะไปอยู่กับหญิงอื่น
จึงได้พูดคล้อยตามให้หล่อนไปอยู่กับสามีดีกว่า สุดท้ายท้าให้หล่อนต้องย้ายตามไปแต่ถึงอย่างไรหล่อนก็ยังยึด
อาชีพเปิดรา้ นขายเสอื ผา้ เย็บผ้าหารายไดเ้ ขา้ ครอบครัว ซ่งึ จากขอ้ ความนีแสดงให้เหน็ ว่า วรรณามีอาชพี เย็บผา้

๑.๓ อาชีพโสเภณี พบตัวละครหญิง ๑ ตัว ประกอบอาชีพโสเภณี ได้แก่ เรณู แต่ภายหลังหันมา
ค้าขาย

ตวั อย่าง เรณู
…หญงิ สาวในชดุ กางเกงเอวสูงสีเขียว เสือตดั จากผา้ ชฟี องพนื เหลืองดอกสีด้าจบี รอบคอสอดชายเสือไว้
ในกางเกงคาดแว่นกันแดดปิดบงั สายตาไว้ กลิ่นน้าหอมฟุ้ง…

(หน้า ๙)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความที่เรณูได้เดินทางมาพร้อมกับปฐมสามีของหล่อนเพื่อท่ีจะเข้ามาอยู่ที่
อ้าเภอชุมแสง บ้านของสามีแต่ก่อนที่จะได้อยู่นันก็ได้เจออุปสรรคในการเข้ามาอยู่น่ันก็คือแม่ของสามีนั่นเอง
แม่สามีรู้ทันทีว่าลูกชายนนั ได้พาหญิงสาวที่มอี าชีพขายบริการมาอยู่ในบ้าน เน่ืองจากการแต่งตัวของหลอ่ นนนั
ก็สามารถบ่งบอกรสนิยมได้ในสมัยนันทังทาปากแดงทังสายตา และท่าทางการแสดงออกต่าง ๆ ท้าให้แม่สามี
เกิดอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก และกีดกันลูกชายไม่ให้ไปยุ่งเก่ียวกับคนพวกนี เพราะครอบครัวคนจีนไม่
สามารถรับผู้หญิงท่ีมีอาชีพนีเข้ามาอยู่ในตระกูลได้ แต่หลังจากหล่อนได้ย้ายมาอยู่ที่ชมุ แสงก็ไม่เคยได้ท้าอาชพี
โสเภณอี ีกเลย และหันมาคา้ ขายแทน
๒. ดา้ นการศกึ ษา พบวา่ ตัวละครผู้หญิงมีการศึกษาสายอาชีพ หรืออาชวี ศกึ ษา เพ่ือพฒั นาความรู้และ
ทักษะในการประกอบอาชีพโดยเลือกเรียนเย็บผ้า ซ่ึงตัวละครผู้หญิงในเร่ือง กรงกรรม ส่วนใหญ่ไม่ได้รับ
การศึกษาท่ีได้รับการศึกษาพบว่ามีจ้านวน ๑ ตัว ท่ีได้รับการศึกษา ได้แก่ วรรณา เน่ืองจากผู้หญิงจะต้องมี
ฐานะดีจึงจะได้เรียนหนังสือ ส่วนคนทม่ี ฐี านะยากจนและลา้ บากสว่ นมากจะต้องท้างานช่วยเหลือครอบครวั

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิน่ ใต้ หนา้ ๔๗

ตัวอยา่ ง วรรณา
…วรรณาเรยี นอยหู่ ลายปี ตอนนยี งั เปน็ ลูกมือฝกึ งานอยทู่ น่ี นั่ จะ้ …

(หนา้ ๒๙๑)
จากข้อความข้างต้นเป็นข้อความทย่ี ้อยสนทนากับเรณูที่ก้าลังน่ังท้าขนมออกไปขาย เพ่ือท่จี ะได้น้าเงิน
มาใช้จ่ายในครอบครัว และท่ีส้าคัญต้องคอยส่งเสียให้วรรณาเรียนหนังสือ ซ่ึงพ่ีสาวของหล่อนพยายามหาเงิน
ท้าทุกวิถีทางให้น้องสาวหล่อนได้เรียนถึงแม้ว่าเงินอาจจะหายาก แต่พ่ีสาวก็มีความมุ่งม่ัน มีความปรารถนาให้
น้องสาวทก่ี า้ ลังเรียนตัดเย็บเสือผ้าอยู่ทีป่ ากนา้ โพนันประสบความสา้ เรจ็ ในหนา้ ท่ีการงาน มีรา้ นเปน็ ของตนเอง
หากจบแล้วก็จะเปดิ ร้านใหน้ อ้ งสาวทันที โดยตวั ของวรรณานนั เลอื กท่จี ะเรยี นในสาขาท่ีหล่อนต้องการก็คือการ
ตัดเย็บเสือผ้าเพราะจะเป็นการฝึกพัฒนาทักษะได้มีวิชาติดตัว และหล่อนคิดว่าแม้จะทางบ้านไม่ได้มีเงิน
มากมายนกั แต่หล่อนก็สามารถเลยี งครอบครัวได้ซ่ึงก็จะชว่ ยยกระดับฐานะของหล่อนให้ดขี ึนด้วย จากตัวอย่าง
ข้างตน้ แสดงให้เหน็ วา่ วรรณามีอาชีพตัดเยบ็ เสือผ้า

สรปุ และอธิปรายผล
สรุปผลการศกึ ษาสถานภาพและบทบาทผหู้ ญิงในนวนยิ าย เรือ่ ง กรงกรรม แบ่งได้เปน็ ๒ ประเด็น
๑. สถานภาพและบทบาทในครอบครวั พบว่ามี ๔ สถานภาพ ได้แก่
๑.๑. สถานภาพของแม่ พบว่าแม่มีบทบาท ๔ บทบาท ได้แก่ มีบทบาทในการอบรมเลียงดูลูก

บทบาทในการสนับสนุนลูก บทบาทในการให้ค้าแนะน้าเรื่องการเลือกคู่ครอง และบทบาทในการเสียสละ
เพื่อลกู

๑.๒. สถานภาพของภรรยา พบว่าภรรยามีบทบาท ๔ บทบาท ได้แก่ มีบทบาทภรรยาที่ดี บทบาท
ในการควบคุมการเงนิ บทบาทในการตอบสนองความตอ้ งการทางเพศ และบทบาทในการตังครรภเ์ พ่ือมีบตุ ร

๑.๓. สถานภาพพ่ีสาวน้องสาว พบว่าพ่ีสาวและน้องสาวมีบทบาท ๔ บทบาท ได้แก่ มีบทบาทใน
การช่วยเหลือเกือกูลกัน บทบาทในการช่วยท้างานภายในครอบครัว บทบาทแสดงความรักและเคารพต่อญาติ
ผ้ใู หญ่ และบทบาทให้ความรกั ความอบอ่นุ เอืออาทรซง่ึ กนั และกัน

๑.๔. สถานภาพลูกสะใภ้ พบว่าลูกสะใภ้มีบทบาท ๓ บทบาท ได้แก่ มีบทบาทสะใภ้ที่ดี บทบาท
เคารพเช่ือฟงั ผู้ใหญ่ และบทบาทในการดูแลคา่ ใช้จา่ ยในครอบครัว

๒. สถานภาพและบทบาทในสังคม พบว่ามี ๒ ดา้ น ไดแ้ ก่
๒.๑. ดา้ นอาชีพ พบวา่ ตัวละครผู้หญิงมอี าชีพค้าขาย อาชีพเยบ็ ผ้าและอาชพี โสเภณี
๒.๒. ด้านการศึกษา พบว่าตัวละครผู้หญิงมีการศึกษาสายอาชีพ หรืออาชีวศึกษา เพ่ือพัฒนา

ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพโดยเลือกเรียนเย็บผ้า

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถิ่นใต้ หนา้ ๔๘

อภปิ รายผลการศึกษาสถานภาพและบทบาทผูห้ ญงิ ในนวนยิ าย เร่อื ง กรงกรรม ดงั ต่อไปนี
๑. สถานภาพในครอบครวั ดงั นี

สถานภาพของแม่ มีบทบาทในการอบรมเลียงดูลูก บทบาทในการสนับสนุนลูก บทบาทในการให้
ค้าแนะน้าเร่ืองการเลือกคู่ครอง และบทบาทในการเสียสละเพ่ือลูก มีความสอดคล้องกันกับงานวิจัยของ
ป่ินหล้า ศิลาบุตร (๒๕๕๑) ได้ศึกษาสถานภาพและบทบาทของตัวละครหญิงในนวนิยายของ ปิยะพร
ศกั ดเิ์ กษม ผลการวิจัยพบวา่ ตัวละครหญิงในนวนิยายของ ปิยะพร ศกั ดิเ์ กษม มีสถานภาพและบทบาท ๒ ดา้ น
คือ ด้านสถานภาพและบทบาทในครอบครัว ได้แก่ สถานภาพของลูกสาว สถานภาพของภรรยามีบทบาทซ่ึงใน
ด้านสถานภาพและบทบาทของภรรยา พบบทบาทภรรยา ในการดูแลเอาใจใส่และให้เกียรติสามี บทบาทใน
การแบง่ เบาภาระทางเศรษฐกิจ และบทบาทในการตอบสนองความต้องการทางเพศ สถานภาพของแม่ มี
บทบาทในการอบรมเลียงดูลูก บทบาทในการสนบั สนุนลูก บทบาทในการแนะนา้ ในการเลือกคู่ครอง และ
บทบาทในการเสยี สละเพ่อื ลูก

สถานภาพของภรรยา มีบทบาทในการดูแลเอาใจใส่ ให้เกียรติเคารพและเช่อื ฟังสามี ยอมรับบทบาท
ในการเป็นหัวหน้าครอบครัวของสามี บทบาทในการตังครรภ์เพ่ือมีบุตร เน่ืองจากผู้หญิงรู้ว่าหน้าท่ีของภรรยา
คืออะไร ต้องท้าอะไรเพ่ือให้ครอบครัวมีความสุขและเป็นบทบาทที่ยอมรับตังแต่ได้แต่งงานมีสามีและมีบุตร
ซ่ึงสอดคล้องกับ สุภา สกุลเงิน (๒๕๔๕) ได้กล่าวไว้ว่า การปฏิบัติตามบทบาทหน้าท่ีของบุคคลเป็นบทบาทที่
เจ้าของสถานภาพแสดงออกจริง อาจจะเป็นบทบาทตามที่สังคมคาดหวังหรือเป็นบทบาทตามการรับรู้ผ่าน
ประสบการณ์ท่ีตนเองมี และสอดคล้องกับการศึกษาของ ป่ินหล้า ศิลาบุตร (๒๕๕๑) พบว่า สถานภาพและ
บทบาทในครอบครัว ได้แก่ สถานภาพของภรรยามีบทบาทในการดูแลเอา ใจใส่และให้เกียรติสามี บทบาทใน
การบ่งเบาภาระทางเศรษฐกจิ และบทบาทในการตอบสนองความต้องการทางเพศ

สถานภาพของแม่ บทบาทในการดแู ลและเอาใจใสล่ ูก ส่งเสรมิ ใหล้ ูกประสบความสา้ เร็จในชวี ติ
ตัวปจั จยั ส้าคญั ท่มี สี ว่ นในการก้าหนดบทบาทเพศชายและหญิง คอื ปจั จัยทางโครงสร้างครอบครัว ซง่ึ เป็น
ปจั จัยท่ที า้ ให้มีการแบง่ งานระหว่างเพศและทา้ ให้เกดิ ความไมท่ ัดเทยี มในสถานภาพของชายและหญงิ แต่ไม่ได้
จ้ากดั สถานภาพในการท้าสิ่งต่าง ๆ ได้ ผหู้ ญงิ ไม่จ้าเป็นต้องพงึ่ พาผู้ชายทังหมดทังทางสงั คมและเศรษฐกิจ ซ่ึงมี
ความขัดแย้งกับงานวิจยั ของ ทดั จันทร์ เกตุสิงหส์ รอ้ ย (๒๕๕๔) ศกึ ษา เร่ือง วเิ คราะห์สถานภาพและบทบาท
ของตวั ละครของแมใ่ นนวนยิ าย “ลับแล แกง่ คอย” พบว่า แม่ถูกนา้ เสนอในบทบาททจี่ ้ากัดอยทู่ คี่ วามเป็นเมยี
และแม่ตามกรอบจารตี ประเพณี และมายาคติที่สงั คมวางไว้ โดยไม่ไดร้ สู้ กึ วา่ ตนเองนันอยู่ในสภาวะท่ตี กเป็น
รองอยู่ใตอ้ ้านาจปิตาธปิ ไตยของพ่อและลกู ชาย และในขณะเดียวกนั ก็พยายามที่จะตอ่ สู้และต่อต้านอ้านาจ
ปิตาธิปไตย นนั ดว้ ยกลวธิ ตี อบโตแ้ บบทางตรงและทางอ้อม

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หน้า ๔๙

สถานภาพของพ่ีสาวน้องสาว ในบทบาทการช่วยเหลือเกือกูลกัน ซ่ึงการเป็นสมาชิกของครอบครัว
เดยี วกันหรือเป็นพ่ีน้องกันจะต้องช่วยเหลือซึ่งกนั และกันเพื่อจุดมุ่งหมายเดยี วกนั มีส่วนร่วมตอ่ กนั ทังในยามสุข
และยามทุกข์ เปน็ หนุ้ สว่ นกัน ทังในปัจจบุ นั และอนาคต และต้องไม่มีความรู้สึกหวงแหนและเห็นแก่ตวั พ่ีน้อง
จะตอ้ งแบง่ ปันกัน ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั วิจยั ของ ณัฐรดา เบา้ คา้ (๒๕๕๙) ศกึ ษา เร่ือง “สถานภาพและบทบาทของ
ตัวละครเอกชายในนวนิยายสุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ได้แบ่งสถานภาพของชนชันทางสังคม ได้แก่ สถานภาพ
หลานชาย สถานภาพการเป็นพ่นี อ้ ง

สถานภาพลูกสะใภ้ มีบทบาทสะใภ้ที่ดี ส่งเสริมสามีในทุก ๆ เรื่องรู้จักปรนนิบัติสามี ซ่ึงการเป็นสะใภ้
ในตระกูลจีน คนท่ีเป็นผู้ปกครองของบ้าน หรือเจ้าของบ้านตามธรรมเนียมของคนจีน มักจะช่ืนชอบลูกสะใภท้ ่ี
เปน็ จีนเหมอื นกนั เพราะตอ้ งเขา้ มาชว่ ยกันท้ามาหากิน ทา้ งานชว่ ยเหลอื กนั ดงั ท่ี บญุ ยง ชืน่ สุวิมล (๒๕๔๓) ได้
กลา่ วถงึ ครอบครวั จนี วา่ การแตง่ งานต้องถูกการยอมรับของสังคมคนจนี พ่อแมค่ าดหวังอย่างมากในการเลือกผู้
เหมาะสมให้แก่ลูกเมื่อถึงวยั อันควร โดยอาจเก่ียวข้องกันเน่ืองกับผลประโยชน์ ครอบครัวที่จะมาเก่ียวดองด้วย
นันจะต้องมีสถานะทางสังคม และเศรษฐกิจอยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุมณฑา
บุญวัฒนะกุล (๒๕๕๐) ศึกษาเร่ือง “ตัวละครหญิงในนวนิยายของบุญเหลือ” พบว่า สถานภาพและบทบาทใน
ครอบครัวและด้านสังคม ประกอบด้วยบทบาทบุตรสะใภ้ ว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักปรับตัว เข้าใจและยินยอม
รับแมว้ า่ จะต้องเจออุปสรรคใด ๆ จากครอบครวั แต่กส็ ามารถแสดงบทบาทตามแบบฉบบั ของสะใภ้ทด่ี ีได้

๒. สถานภาพทางสังคม
ด้านอาชีพ บทบาทการประกอบอาชีพ พบว่า มีความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพทางอาชีพแบบ

สอดคล้องกันกับตัวละครหญิงทุกตัวในนวนิยาย เร่ือง กรงกรรม ซึ่งมีอาชีพที่หลากหลายตรงตามความถนัด
และระดับการศึกษาของตัวละครแต่ละตัว และตัวละครแต่ละตัวไดว้ างแผนการประกอบอาชีพ การดา้ เนนิ ชีวิต
ไว้อย่างมีเป้าหมายชัดเจน ซ่ึงสอดคล้องกับผลการศึกษาของ วีรวัฒน์ อินทรพร (๒๕๔๑) ศึกษาเรื่อง แนวคิด
สทิ ธิสตรสี ตรใี นนวนยิ ายของ โบตั๋นทพี่ บว่า ความสา้ เรจ็ ในหน้าท่กี ารงานของตัวละครนนั ไม่ใชม่ าจากโชคชะตา
หรือเหตบุ ังเอญิ แต่อย่างใด แต่เป็นผลมาจากความเพยี รพยายาม และความอดทนในการสร้างเนือสร้างตวั กลา้
คิดกล้าท้า มีลักษณะของการคิดวางแผนทุกอยา่ งในชวี ิต ก็สามารถน้าพาตัวเองไปยังจดุ หมายที่ตนเองต้องการ
ใหเ้ ป็นได้

ด้านการศึกษา พบว่าตัวละครในนวนิยายเร่ือง กรงกรรม ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษา แต่ผู้หญิง
ประกอบอาชีพเพ่ือหารายได้ ซึ่งเม่ือเปรียบเทียบกับผลการศึกษาของ ศรีจันทร์ พันธ์ุพานิช (๒๕๓๔) ศึกษา
เอกสารและงานวิจัยที่เกยี่ วกับสถานภาพและบทบาทของผูห้ ญงิ จากวรรณคดี พบว่า ผหู้ ญงิ ถกู จา้ กัดสถานภาพ
ท้าให้บทบาททางด้านอาชีพก็ถูกจ้ากัดแต่เพียงงานบ้าน ผู้หญิงจึงไม่มีโอกาสที่จะได้ท้างานนอกบ้าน
เช่นเดียวกับผู้ชาย ซ่ึงเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่าค่านิยมของสังคมไทยที่มีต่อผู้หญิงเปลี่ยนแปลงไปในยุค
สมัยใหมพ่ บว่าผ้หู ญงิ ประกอบอาชพี เพื่อหารายได้ และพงึ่ พาตนเองได้

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่ินใต้ หน้า ๕๐

ข้อเสนอแนะ
ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การนาไปใชป้ ระโยชน์
๑. ทา้ ให้ทราบถงึ สถานภาพและบทบาทในนวนยิ าย เรื่องกรงกรรม
๒. ท้าให้ผู้หญิงรู้จักคุณค่าในตัวเอง และสามารถเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนในการรักษาซึ่งสิทธิ

สตรขี องตนเองได้
๓. ท้าให้เขา้ ใจถึงความเป็นผหู้ ญิงมากขนึ และท้าใหส้ มาชกิ ในครอบครวั เข้าใจ และอย่รู ่วมกนั อย่างมี

ความสุข และสง่ เสรมิ การท้างานขององคก์ รผูห้ ญงิ ใหก้ ว้างขนึ
ขอ้ เสนอแนะเพื่อการวิจยั ครง้ั ตอ่ ไป
๑. ควรมีการศึกษาลักษณะตัวละครหญิงของนักเขียนท่านอื่น ๆ ท่ีมีผลงานร่วมสมัยกับจุฬามณี

เพื่อเปรียบเทียบว่าสถานภาพและบทบาทผู้หญิงในนวนิยานของนักเขียนแต่ละท่านมีนีมีลักษณะเหมือนหรือ
แตกตา่ งกันอยา่ งไร

๒. ควรศึกษาสถานภาพและบทบาทผู้หญิงในด้านอื่น ๆ เช่น สถานภาพและบทบาทผู้หญิงในสังคม
ดา้ นการเมอื งการปกครอง

๓. ควรศึกษานวนิยาย เร่ือง กรงกรรม ในประเด็นอื่น ๆ เช่น กลวิธีการประพันธ์ สถานภาพและ
บทบาทผชู้ าย เปน็ ต้น

เอกสารอา้ งอิง
กาญจนา แก้วเทพ. (๒๕๔๓). ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในสอ่ื มวลชน. กรงุ เทพฯ :

โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
จฬุ ามณี (นามปากกา). (๒๕๖๐). กรงกรรม. กรงุ เทพฯ : ส้านกั พมิ พแ์ สงดาว จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
ณัฐรดา เบา้ คา้ . (๒๕๕๙). สถานภาพและบทบาทของตัวละครเอกชายในนวนิยายสภุ าพบุรษุ จุฑาเทพ.

กรุงเทพฯ : อกั ษรศาสตรมหาบัณฑิต บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
ทัดจันทร์ เกตุสิงห์สรอ้ ย. (๒๕๕๔). การวิเคราะห์สถานภาพและบทบาทของแม่ในนวนิยาย

“ลบั แล แก่ง คอย”. กรงุ เทพฯ : ศิลปศาสตรมหาบัณฑติ บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศลิ ปากร.
บุญยง ชื่นสวุ ิมล. (๒๕๔๓). สถาบนั ครอบครวั ของกลุ่มชาตพิ ันธ์ใุ นเขตกรุงเทพมหานคร : ระบบครอบครัว

และความสัมพันธท์ างสังคมของคนไทยเช้ือสายจนี ในชุมชนโบ๊เบ๊.
กรุงเทพฯ : รายงานผลการวิจยั
ปราง ยอดเกตุ (๒๕๕๖). ประชาสังคมกับความเสมอภาคทางเพศและสทิ ธิสตรี :
กรณีศึกษามลู นิธิเพื่อนหญิง. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศลิ ปากร.

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถิน่ ใต้ หนา้ ๕๑

ป่นิ หลา้ ศลิ าบตุ ร. (๒๕๕๑). สถานภาพและบทบาทของตวั ละครหญิงในนวนิยายของปยิ ะพร ศักด์เิ กษม.
วทิ ยานพิ นธอ์ ักษรศาสตร์มหาบัณฑติ มหาวิทยาลยั ศิลปากร.

วรี วัฒน์ อินทรพร. (๒๕๔๑). การศึกษาแนวคิดสทิ ธสิ ตรีในนวนยิ ายของโบตน๋ั . กรงุ เทพฯ :
วิทยานิพนธ์ ศึกษามหาบัณฑิต บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.

ศรีจันทร์ พนั ธุ์พานิช. (๒๕๓๔). การวิเคราะห์ตัวละครผูห้ ญงิ ในนวนิยายของ ว.วนิ จิ ฉยั กลุ . กรงุ เทพฯ :
วิทยานพิ นธ์ ศึกษามหาบัณฑิต บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมติ ร.
สภุ า สกุลเงิน. (๒๕๔๕). ประสิทธภิ าพในการปฏิบตั หิ น้าทข่ี องกานนั ผู้ใหญบ่ า้ นหลงั การจัดต้ังองคก์ รการ

บริหารสว่ นตาบลในทศั นะของกานันผู้ใหญ่บ้าน : ศกึ ษาเฉพาะกรณีอาเภอกระทุ่มแบนจงั หวดั
สมทุ รสาคร. กรุงเทพมหานคร : วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลยั รามคา้ แหง.
สุมณฑา บุญวัฒนะกลุ . (๒๕๕๐). ตวั ละครหญงิ ในนวนิยายของบญุ เหลือ. สารนิพนธ์ กศ.ม.(ภาษาไทย).
กรงุ เทพฯ : บณั ทติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ.

______________________________________________________________________

บทความวิจัยเร่ืองนีผ่านการคัดเลือกให้น้าเสนอในงาน การประชุมทางวิชาการระดับปริญญาตรี
ด้านมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตรร์ ะดับชาติ ครังท่ี ๔ ณ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หน้า ๕๒

กด Like วรรณกรรม

วรรณกรรม นาเสนอ เร่อื งราวที่ “โซ่เวร”ี อารมณร์ กั แสนโศกสรร
“ชีวติ ลิขิตเอง” หน่ึงหัวใจ สามผูกพนั รักเร็วพลัน บนถนน ติดไฟแดง “ครอบครัวกลางถนน”

โซเ่ วรี

ปัญหาที่เกิดขึนในสังคม ส่วนหน่ึงอาจมาจากสถาบันครอบครัวที่ขาดการขัดเกลาจิตใจที่ดีต่อการอยู่
ร่วมกนั กับผู้อ่นื ซ่งึ บางครงั การทคี่ นคนหนึ่งขาดความรักจากครอบครวั อาจท้าให้เขาเกดิ ความคดิ ที่เป็นผลร้าย
ต่อคนรอบข้างของตน ซ่ึงคนที่ถูกกระท้าอาจไม่รู้ตัวเน่ืองจากมีความไว้เนือเชื่อใจจากคนที่เรียกว่า “เพื่อน”
เพื่อนในที่นีอาจไม่ได้กล่าวหมายรวมถึงเพื่อนทุกคนที่เราคบหา แต่เพื่อนท่ีกล่าวถึงนีเป็นแค่ส่วนน้อยท่ีมี
ลักษณะนิสัยจ้องท่ีจะท้าร้าย หรือน้าพาให้เพื่อนของตนตกด่ิงลงไปในทางท่ีไม่ดี โดยเรื่องราวข่าวสารเหล่านี
มักจะเกิดขึนให้เห็นแทบทุกวันผ่านทางโทรทัศน์ และส่ือสังคมออนไลน์ เช่น ข่าวการถูกเพ่ือนชักน้าให้ทดลอง
ใช้ยาเสพติด หรือข่าวการถูกเพ่ือนหลอกล่อให้ขายตวั (คา้ ประเวณี) เป็นต้น ซึง่ ลักษณะของข่าวรปู แบบนีมักจะ
เกิดผลเสียที่รุนแรงและมักจบลงด้วยความโศกเศร้าเสียใจ แต่บางครังอาจท้าให้เร่ืองราวเหล่านีมีการหักมุมไป
ในทางท่ีดี โดยในปัจจุบันมีการน้าเรื่องราวท้านองนีมาถ่ายทอดสู่งานวรรณกรรม เช่น งานเขียนของ ณารา
หรือ ณิชา ตันติเฉลิมสิน เจ้าของนวนิยายหลากเรื่อง หลายแนวมีความโดดเด่นเก่ียวกับการสะท้อนเร่ืองราว
ความรักทีเ่ กิดจากสถาบนั ครอบครวั เช่น เกมพิฆาตใจ ๙ เลห่ ์ รัก ร้าย ไฟฝันวนั รัก โซ่เวรี เป็นตน้

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิ่นใต้ หนา้ ๕๓

วรรณกรรม เรื่อง โซ่เวรี เป็นนวนิยายภายใต้

นามปาก “ณารา” นักเขียนโรมานซ์ของส้านักพิมพ์

“พิมพ์ค้า” ซึ่งมีผลงานหลากหลายเร่ืองท่ีถูกสร้างเป็น

ละครโทรทัศน์ ท้าให้ผู้คนรู้จักกันทั่วบ้านท่ัวเมือง

นวนิยายเร่ือง โซ่เวรี ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจน

น้าไปสู่การสร้างละครโทรทัศน์ ซ่ึงได้รับความนิยมจาก

ผู้ชมอยู่ในขณะนี เนื่องจากเนือหาเรื่องราวสะท้อน

ภาพลกั ษณ์ของครอบครวั ๒ ครอบครวั ที่มีฐานะร้่ารวย

มกี จิ การโรงแรมหรเู ป็นของตนเอง จงึ ส่งผลต่อการเลียง

ลูกท่ีเน้นไปในทางการมอบความอิสระในการใช้ชีวิต

ตังแต่เล็กจนโต ด้วยเหตุนีเร่ืองราวต่าง ๆ จึงเกิดขึนมา

จากพ่อและแม่ ซ่ึงผู้ถูกกระท้า คือ ลูก เขาจึงต้องเผชญิ

กับเร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีไม่สามารถบอกเล่ากับครอบครัว

ภาพ : www.satapornbooks.co.th (๒๕๖๓). ตนเองได้ ดงั นนั ผูศ้ กึ ษาจงึ เลอื กศกึ ษา นวนยิ ายเรอ่ื ง
โซ่เวรี โดยใช้ทฤษฎีโครงสร้าง ในส่วนของประเด็นแก่น

เร่อื ง โครงเร่อื ง การเปดิ เรือ่ ง การดา้ เนนิ เร่อื ง และการปิดเรอ่ื ง ซง่ึ สามารถวเิ คราะห์ลักษณะได้ ดังนี

๑. แก่นเรอ่ื ง
นวนิยายเรื่อง โซ่เวรี ของ ณารา หรือ ณิชา ตันติเฉลิมสิน ผู้เขียนต้องการจะสะท้อนให้เห็นถึง

ปัญหาของสถาบันครอบครัวในด้านของความรัก และอิสระในการใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคม เม่ือผู้ท่ีได้ช่ือว่า
เป็นพ่อแม่มอบความอิสระที่เกินลิมิตให้กับลูกจนมากเกินไป โดยบางครังขาดการยับยังหรือให้ข้อแนะน้าท่ีดี
จนท้าให้ลูกรู้สึกว่าสังคมภายนอกเป็นสังคมท่ีสวยงามปราศจากคนที่คิดร้ายกับเรา แต่หาไม่ว่าภัยร้ายเหล่านัน
อาจมาจากคนที่เราเรียกว่า “เพ่ือน” ซ่ึงเป็นจุดต้นเหตุที่น้าพาปัญหาต่าง ๆ เข้ามา จนต้องคิดหาวิธีแก้ไขแต่ก็
ไมส่ ามารถอธบิ ายเร่อื งราวอันเลวรา้ ยท่ีเกิดขึนใหค้ รอบครัวรบั รไู้ ด้

๒. โครงเร่ือง
โครงเร่ือง หมายถึง เหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดขึนตามล้าดับภายในเรอ่ื ง ซึ่งจะมีความสัมพันธต์ ่อเนอ่ื ง

เป็นเหตุเป็นผลกัน ในนวนิยายเร่ือง โซ่เวรี ผู้เขียนมีกลวิธีการวางโครงเรื่องโดยมีการจัด ล้าดับเรื่องราว
และเหตุการณ์ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ซง่ึ ผูเ้ ขียนได้กล่าวถึง การเปิดเรอื่ ง การด้าเนนิ เรือ่ ง และการปิดเรือ่ งไว้ ดงั นี

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หนา้ ๕๔

๒.๑ การเปิดเรอ่ื ง
การเปิดเร่ือง มีการเปิดเร่ืองโดยในฉากแรกของการเร่ิมเรื่องนันผู้เขียนได้บรรยายให้เห็นถึง

ความสวยงามของฉาก ซง่ึ เปน็ ฉาก ณ โรงแรมหรู ที่มีแสงเลเซอร์สเี ขียวสแี ดงนับสิบเส้น บวกเขา้ กับแสงวูบวาบ
ท่ีสะท้อนจากลูกบอลติดด้วยกระจกชินเล็ก ๆ จนเต็มตรงกลางเหนือฟลอร์เต้นร้าใกล้สปอตไลต์หลากสีสัน
พร้อมกบั เสยี งเพลงอนั เรา้ ใจ เปน็ เพลงที่กา้ ลังท็อปฮติ ดงั กระห่ึมไปทวั่ ห้อง ดงั ข้อความท่ีปรากฏในเรอ่ื งวา่

“ณ โรงแรมหรู ท่ีมีแสงเลเซอร์สีเขียวสีแดงนับสิบเส้น สาดเป็นทางยาวตัดไขว้
กันไปมาข้ามห้องมืด ๆ ไปยังผนังอีกด้านหนึ่งของห้อง บวกเข้ากับแสงวูบวาบท่ีสะท้อน
จากลูกบอลติดด้วยกระจกชินเล็ก ๆ จนเต็มตรงกลางเหนือฟลอร์เต้นร้าใกล้สปอตไลต์
หลากสีสัน พร้อมกับเสียงเพลงอันเร้าใจ เป็นเพลงท่ีก้าลังท็อปฮิตติดอันดับบนชาร์ต
ประจ้าสัปดาห์ดังกระหึ่มไปทั่วห้อง บวกเข้ากับแอลกอฮอล์ในสายเลือดที่ส่วนใหญ่จะด่ืม
กนั อย่างไม่บันยะบนั ยัง”

(หนา้ ๗)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า ผู้เขียนต้องการเปิดเร่ืองด้วยการบรรยายบรรยากาศของฉากท่ีเป็น
โรงแรมหรู ซ่ึงมีการเปิดเร่ืองที่แสดงให้เห็นถึงความหรูหราไฮโซของของฉากนี จนกระทั่งท้าให้ผู้อ่านอยากรู้ว่า
โรงแรมหรแู หง่ นจี ะมจี ุดเรม่ิ ตน้ ของความสัมพนั ธแ์ ละเร่ืองราวภายในเร่ืองต่อไปอย่างไร

๒.๒ การดาเนินเรื่อง
การด้าเนินเร่อื ง มกี ารดา้ เนนิ เร่ืองด้วยตัวละครหลกั ทังหมด ๖ ตัว คอื ตัวละครทเ่ี ปน็ เพื่อนสนิท

กนั และตวั ละครทม่ี าจากครอบครัว โดยการดา้ เนินเรื่องจะนา้ เสนอเร่อื งราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเพ่ือนสนทิ
ทีม่ ีลักษณะนสิ ยั ใจคอทต่ี า่ งกันอย่างลึกลบั และการดา้ เนินเรื่องภายในครอบครัวซงึ่ ทมี่ ธี ุรกจิ โรงแรมระดบั ห้า
ดาว ดงั ขอ้ ความท่ีปรากฏในเรื่องวา่

ตวั อย่างกลมุ่ เพ่ือนสนิทท่ีกา้ ลังด่ืมดา่้ กับบรรยากาศสดุ หรู
นภาสิริ : ฉนั ว่าผชู้ ายคนนันเขาสนใจเธอนะปารมิตา
ปารมิตา : ไม่จรงิ หรอก เขามองเธอต่างหากละ่ แม่นางแบบสาวสวย

“นภาสิริเดินมุ่งตรงไปยังบาร์เทนเดอร์ พร้อมกับเรียกหาบาร์เทนเดอร์คนเดิมที่
เคยแนะน้าให้เขาใช้ยาปลุกเซ็กส์ และถามเพื่อให้แน่ใจว่ายาน่ันสามารถออกฤทธ์ิกับ
ผู้หญิงได้เช่นกัน จากนันร่างของปารมิตาก็ทิงตัวลงบนที่นอนด้วยด้วยความมึนจัดและ
เธอโบกมือให้นภาสิริที่ช่วยประคับประคองมาถึงห้อง หลังจากที่ยาตัวนันออกฤทธ์ิและ
อาการของเพ่ือนสาวเป็นไปอย่างที่บาร์เทนเดอร์อธิบายทุกอย่าง พอยาเร่ิมออกฤทธิ์

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถ่ินใต้ หน้า ๕๕

ร่างกายก็จะร้อนผ่าว นภาสิริจึงท้าแกล้งอาสาพาเธอมาท่ีห้องนอน เน่ืองจากมีข้อตกลง
กบั ปรนิ ทร์”

(หนา้ ๑๕)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า นภาสิริไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีส้าหรับปารมิตา เน่ืองจากนภาสิริต้องการ
เงินมากกว่าการรักษามิตรภาพท่ีดีต่อเพื่อนเอาไว้ เพราะเธอได้มีข้อตกลงกับปรินทร์ว่าจะขายปารมิตาให้กับ
ปรนิ ทรใ์ นคนื นนั ดว้ ยเหตุนจี ึงทา้ ให้ปารมิตาต้องแปดเปื้อนไปด้วยมลทิน
ตวั อยา่ งบทสนทนาครอบครัวของปารมติ า

“ปารมินทร์ : คราวนีพ่อตังความหวังไว้มากนะลูก พ่อเสียหน้ามาเยอะแล้ว
เพราะสริ ิมินตราชงิ ตดั หนา้ โครงการไปไดห้ มด พอ่ ลูกกลับมาชว่ ยงานพอ่ กห็ วังเหลือเกิน
ว่าลูกจะน้าพาความส้าเร็จมาให้พ่อ อย่างน้อยโครงการแรกพ่อก็อยากให้ลูกสร้าง
ผลงาน”

(หนา้ ๗๘)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า ความหวังของพ่อที่มีต่อลูกย่อมมีการวางเป้าหมายไว้สูงสุดเสมอ
เน่อื งจากลูกเปรียบเสมือนตัวแทนของตน เพราะความหวังของครอบครัวเมื่อส่งลูกไปเรยี นต่างแดนแล้ว กย็ ่อม
ท่จี ะหวงั วา่ เมอ่ื ลูกส้าเรจ็ การศกึ ษา เขาจะต้องกลบั มาช่วยงานครอบครัวไดอ้ ยา่ งสมบูรณแ์ นน่ อน

“ปารมิตา เธอรักลูกชายของค่อู ริของครอบครวั แมร้ ู้ดีวา่ เป็นเรอื่ งไม่ควร แต่เธอก็
ตกลงแต่งงานกับปรนิ ทร์ และจะฝา่ ฝันปัญหาอปุ สรรคเพื่อให้พ่อของเธอยอมรับในตัวคน
รกั ไม่ดว่ นตัดสนิ ใจทันที แตร่ อใหพ้ ่อแมย่ อมรับ และยนิ ยอมใหแ้ ต่งงาน”

(หนา้ ๓๘๐)
จากข้อความข้างตน้ ความเปน็ ลูกสาวเธอก็ยงั เช่ือฟงั พ่อแม่ แมล้ กู สาวสมยั ใหม่จะตัดสนิ ใจเลอื กคู่ครอง
ตนเอง แตก่ ไ็ มต่ ดั สนิ ใจแต่งงานโดยพลการ แตจ่ ะแตง่ งานกต็ ่อเม่ือได้รบั การยอมรับ และยินยอมจากครอบครัว
ก่อน

๒.๓ การปิดเร่ือง
ตอนสดุ ท้ายของนวนิยายเร่ือง โซ่เวรี ใชก้ ารปิดเรื่องโดยการแก้ปมปัญหาต่าง ๆ ท่เี คยเกิดขึน

ในอดีต เพ่ือใหผ้ ู้อ่านคลี่คลายเรื่องราวท่ีต้องคอยลนุ้ มาจนถงึ จุดคล่ีคลายปมค้างคาใจมาตลอด ซึ่งนวนิยายเรื่อง
นีเปน็ การจบเรอ่ื งท่ีสมบูรณ์แบบ โดยไมต่ อ้ งรอหาคา้ ตอบว่าตอนจบจะมีการด้าเนนิ เรื่องราวอยา่ งไร
ดงั ข้อความท่ปี รากฏในเรอื่ งว่า

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หน้า ๕๖

“กันยเ์ องก็ทังรักและหลงเด็กชายปฐพี เขามกั จะอมุ้ เด็กน้อยเดินรอบรีสอรต์ จน
ปรินทร์ต้องบอกให้เขารีบหาภรรยาได้แล้ว จะได้อุ้มลูกของตัวเองเสียที แต่กันย์ดูจะยัง
เข็ดกับการแต่งงาน เขาบอกว่าอยู่เป็นโสดดีกว่าถูกผูกมดั ปรนิ ทร์ยืนยันวา่ ชวี ิตแตง่ งานท่ี
มคี ูช่ วี ติ ท่เี ขา้ ใจกันนนั ทา้ ให้เขามีความสขุ ทส่ี ุด กนั ย์กลบั แยง้ เรยี บ ๆ ว่าเขาคงจะไม่โชคดี
อยา่ งปรินทร์”

(หนา้ ๔๘๖)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า การปิดเรื่องผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์คล้อยตามโดยการ
ด้าเนินเร่ือง การเปิดเร่ือง และการปิดเรื่อง เพื่อมุ่งให้ผู้อ่านมีความสุขไปกับนวนิยายเร่ือง โซ่เวรี เรื่องนีเพราะ
สามารถชใี ห้เหน็ ว่าการเร่ิมต้นชีวิตด้วยเรื่องทเ่ี ลวร้าย หรือการหลงผิดเพียงแคช่ ่วั วูบอารมณ์ ไม่สามารถท้าลาย
ชีวิตทังชีวิตของคนหน่ึงคนได้ แต่ถ้าหากเราสามารถน้าความผิดพลาดท่ีเกิดขึนมาสร้างเป็นแรงบันดาลใจและ
รู้จักการแก้ปัญหา อีกหนึ่งอย่างที่ส้าคัญ คือ การยอมรับกับปัญหาท่ีเกิดขึน การให้อภัยตัวเองและผู้อื่นถือเป็น
สิ่งทส่ี ้าคญั ในชวี ิต
“โซ่เวรี” เป็นนวนิยายท่ีสะท้อนให้เห็นถึงสถาบันครอบครัว ที่จะต้องมีพ่อและแม่คอยให้ค้าปรึกษา
ชีแนะในเรื่องของการด้าเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการคบเพ่ือน หรือแม้แต่การเลอื กคู่ครองเพราะในปัจจุบันการใช้
ชีวิตไม่ได้เหมือนกับสมัยก่อน เพราะปัจจุบันนียุคเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ความคิดของคนรอบข้างท่ีเรามองว่าเขา
เพ่ือนที่ดีส้าหรับเราแต่อันที่จริงแล้ว โลกภายนอกไม่ได้สวยงามเสมออย่างที่เราคิด เพราะถ้าหากการใช้ชีวิต
ของเราขาดสติและการมองโลกอย่างความจริง ชีวิตของเราก็จะเจอกับปัญหาท่ีเกิดขึนเหมือนกับตอนเปิดเร่ือง
ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยผู้เขียนเรื่องโซ่เวรี ตังใจท่ีจะด้าเนินการจบเร่ืองด้วยการแก้ปมและปัญหาต่าง ๆ
ท่ีเกิดขึน จึงท้าให้แต่คนที่เคยโกรธแค้นต่อกันกลบั มารักกันและมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งนวนิยายเรื่องนมี ี
เนือหา และการด้าเนินเรื่องเป็นไปตามล้าดับ ไม่ซับซ้อน ตลอดจนมีข้อคิดค้าสอนต่าง ๆ ท่ีเก่ียวกับผู้หญิงเรื่อง
การรักนวลสงวนตวั และการมองคนอื่นด้วยความคิดที่ไม่ใช่การมองด้วยความรู้สกึ ทสี่ อดแทรกอยู่ภายในเรื่องมี
เนือหาสาระท่ีน่าอ่าน และน่าติดตามตลอดจนปิดเรื่อง ซ่ึงผู้อ่านสามารถถ่ายทอดผลงานวรรณกรรมออกมาได้
เปน็ อย่างดีสามารถท้าใหผ้ ูอ้ า่ นเข้าถงึ แก่นเร่ืองได้อย่างละเอยี ด

“สองครอบครัวในธุรกิจโรงแรมระดับประเทศแก่งแย่งแข่งขันกันมาตังแต่

รุ่นปู่ จากมิตรกลายเป็นศัตรู ปรินทร์ไม่เคยรู้ว่าตนจะเป็นส่วนหนึ่งในความ
ขัดแย้งระหว่างสองตระกูลเมื่อบิดาของเขาเป็นเพียงเขยแห่งสิริมันตรา และ
มารดาเป็นเมียเก็บที่ถูกทอดทิงไว้ท่ีอเมริกา จนกระทั่งเขาเติบโตมาเป็นหนุ่มค้า
ว่า “พ่อ” จงึ ไมใ่ ช่ค้าทีเ่ ขาคุ้นเคย

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หน้า ๕๗

ปารมิตา ทายาทเพียงคนเดียวของดิเอ็มเพอเรอร์ถูกดึงเข้าสู่วังวนแห่งความ
ขัดแยง้ เม่อื เธอถกู วางยาและถูกส่งงตวั ไปใหเ้ ขาเพ่ือแลกกับเงนิ ก้อนโต

สี่ปีต่อมาเธอกลับเมืองไทยมาพร้อมเด็กฝาแฝดชายหญิงที่บอกกล่าวกับสงั คมว่า
เป็นเพยี งนอ้ งของเธอเทา่ นนั เธอกับปรินทร์พบกันอีกครัง เมื่อตา่ งยนื อยขู่ ้างฝ่าย
ของตนเองและต้องการแก้แค้นในส่ิงท่ีเขาท้ากับเธอ แผนการทุกอย่างจึงเริ่มต้น
ขนึ โดยมีโซ่เล็ก ๆ มใิ ช่โซ่แห่งรกั แต่คือโซ่ที่คล้องศตั รทู ังสองเขา้ ด้วยกันโดย

ไม่เต็มใจ”

“โซเ่ วร”ี ณารา

ณิชา ตันติเฉลมิ สนิ . ๒๕๕๔. โซ่เวรี (พิมพ์ครงั ที่ ๒). กรุงเทพฯ : วพี รินท์. : บรรณานกุ รม
นางสาววณชิ ยา หวังผล : เล่าความ

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่ินใต้ หนา้ ๕๘

ชวี ติ ลขิ ติ เอง

ผู้หญิงสามผัว เป็นหนังสือท่ีรวบรวมเร่ืองสัน แต่งโดย มาลัย ชูพินิจ นามปากว่า แม่อนงค์ ซึ่งเป็น
นักเขียนที่ได้รับการยอมรับนับถือจากทุกวงการ ได้รับรางวัลพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ
สาขาวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกทังยังมีผลงานที่มีชื่อเสียง เช่น เรื่องช่ัวฟ้าดินสลาย
ท่งุ มหาราช ล่องไพร เปน็ ตน้ โดยสว่ นใหญ่บทประพนั ธ์ มาลยั ชพู นิ ิจ จะสะทอ้ นให้เห็นในเร่ืองราวของความรัก
และความเปน็ อย่ขู องมนษุ ย์ทน่ี า้ ไปสหู่ นทางแห่งความสุข

ผู้หญิงสามผัว เป็นเร่ืองราวของครอบครัวหนึ่งที่มีพ่อช่ือก้านันจันทร์ มีลูกสาวชื่อว่านางล้าจวน ได้มี
ผู้ชายมาสู่ขอนางล้าจวนด้วยกันถึงสามคน โดยแต่ละคนก็มีฐานะที่ต่างกันออกไป แต่เป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิง จะมี
สามีได้ถึงสามคน ก้านันจันทร์เลยให้ล้าจวนตัดสินใจที่จะเลือกชายใดมาเป็นสามี แต่ค้าตอบของนางล้าจวน
กลบั ไม่เป็นดง่ั ใจทีก่ ้านันจนั ทรค์ ิดไว้ จึงเป็นเหตทุ ท่ี ้าใหเ้ กดิ เรือ่ งราวนขี นึ

เร่ืองผู้หญิงสามผัว เร่ิมต้นมาจากมีผู้ชายสามคนได้มาสู่ขอล้าจวนแต่เป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงจะมีสามี
พร้อมกันถึงสามคน จึงท้าให้ก้านันจันทร์ตัดสินใจไปถามล้าจวนว่าจะเลือกชายคนใด ล้าจวนก็ตอบกลับไปว่า
เลือกทังสามคน ก้านันจันทร์เลยตัดสินใจที่จะให้ชายทังสามคนไปมาหาสู่กับล้าจวนเป็นเวลาเกือบปี หลังจาก
นันจึงตัดสินใจที่จะถามล้าจวนอีกครังว่าจะเลือกชายคนใด ซึ่งในใจของก้านันจันทร์อยากได้พ่อค้ามาเป็นเขย
เพราะในสมัยก่อนพ่อค้าเป็นคนท่ีมฐี านะดีและอาชีพที่มั่นคง และเมอ่ื ได้ฟังค้าตอบจากล้าจวนนันกเ็ ป็นค้าตอบ
ซ่ึงเหมือนกับครังก่อน เลยท้าให้ก้านันจันทร์โกรธมากเลยทุบตีลา้ จวน และขังไว้ท่ีเสาหน้าบา้ น จนรุ่งเช้าก้านนั
จันทร์ได้มาดูก็พบเพียงโซ่ที่ล่ามไว้ แล้วล้าจวนก็หนีตามนายเรือเมย์หน้าโง่ ๆ คนนันไป จากเรื่องย่อท่ีกล่าวมา
ด้วยลักษณะเด่นของเร่ืองนันมีเนือหาท่ีสะท้อนถึงชีวิตของผู้หญิงท่ีเป็นลูกสาวคนเดียว ซ่ึงผู้ศึกษาเล็งเห็นว่า
เร่ืองนีมีความน่าสนใจอย่างมาก ดังนันผู้ศึกษาจึงเลือกศึกษาเรื่องสันเร่ือง “ผู้หญิงสามผัว” โดยใช้ทฤษฎีสตรี
นยิ ม ซ่ึงมลี กั ษณะดังนี

ทฤษฎสี ตรีนิยม
สตรีนิยม หมายถึง สิ่งที่เป็นทังวิถีระบบความคิด การกระท้า กระบวนการทางสังคมที่พยายาม

เปลี่ยนแปลงสภาพทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง ซ่ึงตังอยู่บนพืนฐานท่ีว่าผู้ชายอยู่ในฐานะ
ที่ได้เปรียบและผู้หญิงอยู่ในสภาพที่เป็นรอง นอกจากนียังให้ความสนใจในประเด็นท่ีเกี่ยวกับอิสรภาพส่วน
บุคคล ครอบครัว รัฐ การกระจายอ้านาจที่ไม่เท่าเทียมกันทางเพศในเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมวัฒนธรรม
ซง่ึ ทฤษฎสี ตรีนยิ มไดม้ ีความสอดคลอ้ งกบั เรื่องสัน เรอ่ื งผู้หญิงสามผัว อกี ดว้ ย

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถนิ่ ใต้ หนา้ ๕๙

ในเร่ืองนีมีตัวละครท่ีเป็นตัวละครเด่นอยู่สองตัวละคร คือ ก้านันจันทร์และล้าจวน โดยก้านันจันทร์
เคยเป็นอดีตก้านันผู้ใหญ่บ้านในต้าบลบรรพตพิสัย ซ่ึงเป็นบุคคลท่ีมีผู้น้านับหน้าถือตาอย่างเป็นจ้านวนมาก
ชาวบ้านในชุมชนต่างเคารพนับถือ ซึ่งลักษณะนิสัยของก้านันจันทร์เป็นคนเจ้าระเบียบ มีความรู้ความคิดเป็น
ผู้น้าสูง กล้าคิดกล้าท้า อีกทังยังเป็นคนที่คอยรับฟังปัญหาต่าง ๆ ของลูกบ้าน เลยท้าให้ตัวของก้านันจันทร์เอง
รับฟังแต่ผู้อ่ืน แต่ปัญหาเร่ืองของตนเองที่มีอยู่ภายในจิตใจนัน กลับไม่สามารถพูดกับใครได้ จึงท้าให้กลายเป็น
เกดิ ความเครียดและชอบใช้อ้านาจ ชอบใชค้ วามรุนแรง จงึ ต้องน้าปัญหานันไปลงกับคนในครอบครวั ซึ่งบุคคล
ทีได้รับผลนั่นก็คือ ล้าจวน ท่ีเป็นลูกสาวของก้านันจันทร์ ล้าจวนเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหุ่นดี ผมยาวสลวย
หน้าตาสวยคม ซึ่งลักษณะนิสัยจิตใจของล้าจวน เป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเองซะส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับฟัง
คนอ่ืน และเชื่อม่ันในตนเองสูงโดยไม่ได้คิดไตรตรองให้ถ่ีถ้วน จึงท้าให้บางครังนันก็อาจจะเกิดปัญหาตามได้
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ล้าจวนได้ถูกก้านันจันทร์เลียงดูในทางท่ีผิด รักลูกด่ังไข่ในหิน ให้อยู่ในกรอบท่ีมีพ่อเป็น
คนวางไว้ตลอด โดยมักจะใช้ความคิดเห็นของตนเองมาตัดสิน ไม่ให้ล้าจวนได้แสดงความคิดของตนเองออกมา
เพราะความรักลูกมากเกินไปของก้านันจันทร์ จึงท้าให้จิตใจของล้าจวนมีแต่ความเก็บกด รอวันท่ีจะระเบิด
ออกมาจนสุดท้ายวันนันก็มาถึงท้าจวนเลยเลือกเส้นทางให้กลับชีวิตของตัวเอง ท่ีไม่ใช่ก้านันจันทร์เป็นคนบ่ง
การเส้นทางชวี ติ ของเขาตอ่ ไป ดังขอ้ ความท่ปี รากฏว่า

“ลูกหมายว่า พอใจเขาทัง ๓ คน ผู้หญิงจะแต่งงานกับผู้ชายทีเดียว ๓ คน ไม่ได้ ลูกต้อง
ตกลงใจชั่งน้าหนกั ดใู หด้ ี ว่าตอ้ งการคนไหนมากกวา่ เพ่อื น พ่อจะไดห้ มนั คนนัน”

(หน้า ๔๓๒)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า การเลือกคู่บางครังต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ความเหมาะสมและ
เหตุผลมาสนบั สนุน เม่ือมีผคู้ นเข้ามาในชีวติ ก็ย่อมจะต้องพิจารณาให้ถี่ถว้ น

“หนูต้องการทงั ๓ คน !”
(หน้า ๔๓๒)

จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า การเลือกคู่บางครังต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ไม่ใช้อารมณ์ในการ
ตดั สนิ ใจ

“คุณเองเป็นนักเขียน ฉะนนั จึงน่าจะเข้าใจในชีวิตของมนุษย์ ถ้าคุณตอ้ งเขียนเรื่อง
ของผ้หู ญงิ อย่างนางน้องสาวของคุณคนนี คุณจะลงเอยอย่างไร?”

(หนา้ ๔๓๓)

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๖๐

จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า ชีวิตของการเป็นนักเขียนต้องท้างานหนัก อีกทังยังไม่ค่อยมีเวลา
ให้แก่ครอบครัว เงินเดือนน้อยถ้าหากจะมีครอบครัวต้องมีความมั่นใจในการสร้างฐานะให้ม่ันคง เพราะการ
ครองเรือนต้องมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน อีกทังต้องมีความรับผิดชอบท้าหน้าทขี่ องตนเองและพร้อมที่จะเปน็
เสาหลักใหแ้ กค่ นในครอบครัวไดพ้ ึง่ พา

“ถ้ามันเป็นความปรารถนาของล้าจวนเช่นนันอย่างจริงจัง ท้าไมท่านก้านันไม่ลองเปิด
โอกาสใหล้ า้ จวนไดร้ จู้ ักผชู้ ายทงั ๓ คนนันอยา่ งใกลช้ ิด พวกผหู้ ญิงมักไม่ค่อยจะรู้ ว่าตวั ตอ้ งการ
อะไรจากผู้ชายชนิดไหนจนกว่าจะได้รู้จักตัวจริงของเขาสัก ๖ เดือน หรือ ๑ ปี บางทีจะเข้าใจ
และความต้องการของตัวเองดี ขึนว่าควรจะแต่งงานกับใคร ให้เขาได้พบปะสนทนาและ
เที่ยวเตร่ดว้ ยความสนิทสนมกัน”

(หน้า ๔๓๔)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า ในสมัยก่อนสถาบันทางครอบครัวเป็นส่ิงท่ีเกิดความสัมพันธ์ท่ีดี
และคนในครอบครวั มักจะเปน็ ผตู้ ัดสินในการเลือกค่คู รองให้แกล่ ูกเสมอ จนบางครงั ความปรารถนาดีของคนใน
ครอบครัวมักจะเป็นส่ิงทีล่ กู ไม่ไดต้ ้องการเสมอไป

“บอกพอ่ เถิดว่าหนูตอ้ งการคนไหน?”
“ทงั สามคนค่ะ!”
“มอี ย่างหรอื มนั พดู ถงึ การมผี วั เหมือนการซอื หมวกใหม่”
“บังเอิญเกิดบ้ามีผู้ชายมาสู่ขอมันเป็นโหล มิต้องการไปหมดทุกคนหรือ? คุณจะว่าผม
ยังคร่้าครึเปน็ คนโบราณอยู่หรืออะไรก็ไดต้ ามทีเถอะครบั ความโมโหทา้ ให้ผมจับมันลา่ มโซ่ไว้กับ
เสาเรือนทเ่ี ฉลยี งหน้าบา้ นอยู่ตงั นาน”

(หน้า ๔๓๗)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า ค้าพูดที่ไม่ได้ไตร่ตรองพูดเพียงแค่อยากจะให้มันผ่านไป ซ่ึงค้าพูด
เครื่องมือในการตัดสินใจแต่ก่อนท่ีจะพูดออกมานันต้องมีสติก่อนเสมอ ค้าบางค้าท้าให้ผู้ที่ฟังนันเกิดอารมณ์
โกรธตามมาและเป็นสาเหตุของการทะเลาะตบตีกันของคนในครอบครัวและน้ามาสู่เหตุการณ์ท่ีไม่มีใคร
อยากจะให้เกิดขึน การกระท้าอยา่ งนันเปน็ การกระทา้ อย่างป่าเถื่อนนนั เอง

สุดท้ายแล้วเร่ืองนีท้าให้เห็นถึงบุคลิกภาพของแต่ละตัวละคร ท่ีสะท้อนให้เห็นแรงกดดันภายในจิตใจ
ของล้าจวน ท่ีสะสมนานวันเข้าก็ท้าให้มันล้นออกมาเกินที่จะรับมันไหว จึงต้องตัดสินใจที่จะต้องท้าอย่างนี

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หนา้ ๖๑

ต้องหนีตามนายเรือเมย์หน้าโง่ ๆ ไป และสุดท้ายคนท่ีกลับเสียใจมากท่ีสุดก็คือ ก้านันจันทร์เพราะการที่รักลูก
มากเกนิ ไป และมกั จะใช้ความรนุ แรงในการตดั สนิ ใจ ใช้ก้าลงั ทา้ ร้ายรา่ งกาย และรักลูกในทางทผ่ี ิดน่ันเอง

เรื่องสันเร่ืองนี เป็นอีกเร่ืองหนึ่งท่ีมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยสะท้อนให้เห็นค่านิยมในยุคสมัย
ซ่ึงในตอนนันสถาบันทางครอบครัวหรือหัวหน้าครอบครัว ซ่ึงพ่อจะต้องเป็นช้างเท้าหน้าที่ต้องดูแลคนใน
ครอบครัว และมีอ้านาจในการตัดสินใจในเร่ืองต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัว และในสมัยนันการที่ลูก
สาวจะออกเรือนไปแต่งงานก็เป็นเรื่องที่พ่อแม่มักจะตัดสินใจให้เอง จึงอยากให้ลูกแต่งงานกับคนท่ีมีฐานะ
ทางการท่ีดีหรือร้่ารวย เพราะลูกจะได้สบายไม่ล้าบากในภายภาคหน้า โดยไม่ถามความพึงพอใจจากลูก ไม่ให้
สิทธิ์ในพิจารณาเลือกคู่ครองด้วยตนเอง จึงท้าให้เกิดปัญหาตามมา และเรื่องราวนียังสะท้อนให้เห็นความคิด
ความกลา้ เช่ือม่ันในตนเอง ของคนทกี่ ล้าจะออกจากการกฎข้อบังคับ โดยไม่อาจทราบว่าวนั ข้างหน้านันจะเป็น
อย่างไร แต่เม่อื เลอื กแล้วก็ยอ่ มจะต้องรับผลของมันให้ได้นันเอง ดิฉนั จึงคิดว่าเรื่องสนั เรือ่ งนีมีประโยชน์และให้
ข้อคิดที่ดีแก่ผอู้ ่านไดเ้ ป็นอยา่ งดี

มาลัย ชูพนิ จิ . ๒๕๔๖. ผ้หู ญงิ สามผวั . กรงุ เทพฯ : ศลิ ปาบรรณาคาร. : บรรณานุกรม
ทพิ ย์นภา ทา้ เคร่ือง : เลา่ ความ

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๖๒

รกั ตดิ ไฟแดง : ครอบครัวกลางถนน

เรื่องสันเรื่อง “ครอบครัวกลางถนน” แต่งโดย ศิลา โคมฉาย ซึ่งเป็นนามปากกาของ วินัย บุญช่วย
ซึ่งเขาเป็นนักเขียนผู้หนึ่งท่ีประสบความส้าเร็จจากการเป็นนักเขียน นอกจากนีเขายังเป็นเจ้าของรางวัลซีไรต์
หลายรางวัล ส้าหรับเรื่องสันเรื่อง “ครอบครัวครัวกลางถนน” มาจากหนังสือรวมเร่ืองสันครอบครัวกลางถนน
เป็นหนังสอื ที่ได้รับรางวัลซีไรต์ โดยผเู้ ขียนไดใ้ ช้ความหลักแหลมแยบยล สร้างสรรค์งานขึนจากความเขา้ ใจชีวิต
และสังคมรอบตัว และการเขียนที่สมบูรณ์ด้วยกลวิธีทางวรรณศิลป์ รวมทังการใช้ส้านวนโวหารท่ีสร้าง
บรรยากาศและจินตภาพ ท้าให้ผู้อ่านสามารถสัมผัสอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้อย่างแนบเนียน
นอกจากนียังมีเรื่องสันอีก ๑๓ เร่ืองด้วยกัน หนึ่งในนันคือเรื่อง “ครอบครัวกลางถนน” ที่ผู้ศึกษาจะน้ามา
วิจารณ์ โดยส่วนใหญ่ผู้เขียนจะเขียนเป็นเร่ืองราวท่ีแสดงถึงภาพชีวิตของผู้คนชนชันกลางในเมืองหลวงที่ก้าลัง
ต่อสู้ดินรน ท่ามกลางความผันแปรของสังคมในปัจจุบัน ซ่ึงปัญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดขึนในปัจจุบัน มีหลากหลาย
แง่มุมมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว เช่น ความสัมพันธ์ และความขัดแย้งของคนในครอบครัว การดินรนเพ่ือความ
อยูร่ อด การแกง่ แย่งชิงดีในวงการธุรกิจ และการเมือง ความเครยี ดท่ถี ูกสังคมบีบคันเพิ่มความสุข จนกระทั่งหา
ทางออกไม่ได้ตีพิมพ์ครังแรกเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ในปีเดียวกับที่ได้รับรางวัลซีไรต์ โดยวรรณกรรมเร่ืองสนั เล่มนี
มีความดีเด่นสมควรแก่การยกย่องให้เป็นวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเย่ียมแห่งอาเซียนของประเทศไทย
ประจา้ ปี พ.ศ. ๒๕๓๖

เรอื่ งย่อของครอบครวั กลางถนน เป็นเรื่องราวของสองสามีภรรยาวยั กลางคนชนขนั กลาง ซึง่ ใฝฝ่ ันท่ีจะ
มีกิจการเป็นของตนเอง ทังคู่คิดว่านอกจากมีบ้านและรถยนต์แล้วยังจ้าเป็นต้องเพ่ิมพูนฐานะด้วย ท้าให้
วัน ๆ จึงท้าแต่งาน จึงท้าให้ทังคู่มีความจ้าเป็นต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในรถยนต์ ด้วยวัย ๓๘ ปีเศษ ของเขา
ทุก ๆ วันเมื่อกลับถึงบ้านราว ๕ ทุ่ม จึงแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะท้าสิ่งใดได้อีก ส้าหรับเขาการมีรถเป็นเร่ือง
จ้าเป็นอย่างย่ิง เพราะเป็นท่ีพักพิงอาศัยในสัดส่วนเวลาพอ ๆ กับท่ีบ้านและท่ีท้างานเลยทีเดียว ย่ิงภรรยาของ
เขาจัดแจงให้บนรถมีทุกอย่างครบทังของกินของใช้ราวกับว่าบ้านหลังที่สอง หรือส้านักงานเคล่ือนที่ทีเดียว
ในความเข้าใจเช่นนี เขาจึงเร่ิมชินกับการใช้รถใช้ถนนกรุงเทพ ฯ จนท้าให้เขาเร่ิมจะชอบสภาพชีวิตในรถและ
เขาเร่ิมมีความคิดท้านองว่าครอบครัวก็ได้ใกล้ชิดแนบแน่นไปอีกแบบ บางทีได้ทานอาหารกลางวันกันบนทาง
ดว่ น ประสาครอบครัวอบอุ่น มีเรอ่ื งไดห้ ัวเราะตอ่ กระซกิ เชน่ เมอื่ รถตดิ นานเป็นชั่วโมง ทังคกู่ ม็ ีเกมสนุกเล่นกัน
อยู่ในรถ เป็นต้น จากเรื่องย่อที่กล่าวมา ด้วยลักษณะเด่นขององค์ประกอบเรื่องที่น่าสนใจ ดังนันผู้ศึกษาจึง
เลือกศึกษาเร่ืองสันเร่ือง “ครอบครัวกลางถนน” โดยใช้ทฤษฎีโครงสร้าง ในประเด็นของแก่นเร่ือง โครงเรื่อง
การเปิดเรือ่ ง การด้าเนินเร่ือง และการปิดเรอ่ื ง ซง่ึ มลี กั ษณะดงั นี

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หน้า ๖๓

๑. แกน่ เรือ่ ง
เร่ืองสันเรื่อง ครอบครัวกลางถนน ของศิลา โคมฉาย ผู้เขียนต้องการท่ีจะสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ชวี ติ
ที่มีข้อจ้ากัดด้วยเวลา แม้กระท่ังการมีความสุขหรือการใชช้ ีวิตโดยทั่ว ๆ ไปส่วนใหญ่จะอยู่ในรถ เพราะต้องเร่ง
รีบแข่งขันกับเวลาที่จะไปท้าหน้าที่ของตนเองในขณะเดียวกันการที่ผู้หญิงและผู้ชายที่แต่งงานอยู่ด้วยกันแล้ว
แต่เขาไม่ค่อยมีเวลาท่ีจะใช้ชีวิตเหมือนคู่รักคู่อ่ืน ๆ เพราะเขาทังสองจะต้องท้างาน แต่ด้วยสาเหตุและปัจจัย
บางอย่างที่ท้าให้ฉุดความคิดของเขาทังคู่ขึนมาให้เกิดความสัมพันธ์กันในรถของตัวเอง เป็นเพราะการใช้ชีวิต
บนรถมีมากกวา่ การใช้ชวี ติ ครอบครัวอยู่ในบ้าน ท้าให้ความสัมพันธ์ต่าง ๆ เหล่านเี กดิ ขึนมา

๒. โครงเรือ่ ง
โครงเรื่อง หมายถึง เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึนภายในเรื่อง ซึ่งมีความต่อเน่ืองเป็นเหตุเป็นผลกัน
ในเรื่องสันเร่ือง ครอบครัวกลางถนน ผู้เขียนได้วางโครงเร่ืองโดยมีการจัดล้าดับเรื่องราว และเหตุการณ์ได้ดี
ซ่ึงผเู้ ขยี นไดก้ ลา่ วถงึ การเปิดเรื่อง การด้าเนินเรอ่ื ง และการปดิ เร่อื ง ไว้ดังนี

๒.๑ การเปดิ เร่ือง
การเปิดเร่ือง มีการเปิดเร่ือง โดยในฉากแรกเริ่มของเรื่องนัน ผู้เขียนได้บรรยายให้เห็นถึงการ

วางแผนของผทู้ ี่เปน็ ภรรยา เพื่อเตรียมตัวในการออกไปท้างาน เนื่องจากผู้เปน็ สามีนันมีนัดส้าคญั ตอนบ่ายสาม
โมง ที่ริมแม่น้าแถวคลองสาน รวมถึงตัวเธอเองก็มีงานแถวสะพานควายก่อนเที่ยงในวันพรุ่งนี ซ่ึงเป็นฉากท่ีมี
การวางแผนขณะอย่ทู บี่ ้าน ดังข้อความทป่ี รากฏวา่

“ภรรยาของผมแสนรอบคอบ พอบอกว่ามีนัดส้าคัญตอนบ่ายสามโมง ต้องร่วม
ทีมกับเจ้านายพบลูกค้ารายใหญ่ที่โรงแรมริมแม่น้าแถวคลองสาน เธอบอกว่าต้องออก
จากบ้านตอนเก้าโมงเช้า เธอเองมีงานแถวสะพานควายก่อนเที่ยง ระยะเวลาส้าหรับการ
เดนิ ทางขนาดนกี ้าลงั พอดี...”

(หนา้ ๗๗)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า เม่ือคนเรามีอายุมากขึนด้วยประสบการณ์ท่ีพบเจอทุก ๆ วัน
และความรู้ท่ีได้สะสมมา จะท้าให้เกิดการกระท้าในเรื่องใด ๆ อย่างมีระบบ รวมทังการรู้จักที่จะวางแผนได้
อย่างรอบคอบมากยิ่งขนึ

๒.๒ การดาเนนิ เรื่อง
การด้าเนินเร่ือง มีการด้าเนินเร่ืองด้วยตัวละครหลักทังหมด ๒ ตัว คือตัวละครท่ีเป็นสามี

และตัวละครท่ีเป็นภรรยา โดยการด้าเนินเรื่องจะน้าเสนอเร่ืองราวเกี่ยวกับครอบครัว ท่ีใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใน

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หน้า ๖๔

รถยนต์ โดยการมีรถของเขาทังสองเป็นเร่ืองจ้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นท่ีพักพิงอาศัยในสัดส่วนเวลาพอ ๆ
กับท่ีบ้านและทท่ี ้างานเลยทีเดยี ว ดงั ข้อความทีป่ รากฏในเรอื่ งว่า

“...การมีรถเป็นเรื่องจ้าเป็น เพราะเป็นท่ีพักพิงอาศัยในสัดส่วนเวลาพอ ๆ กับ
บ้านและที่ท้างาน ยิ่งเม่ือภรรยาจัดให้เกิดสิ่งอ้านวยความสะดวกดีขึน กลายเป็นบ้าน
ส้านักงานเคล่ือนท่ี ในความเข้าใจเช่นนี ผลเลิกเครียดกับการใช้รถใช้ถนน กรุงเทพฯ
จะมรี ถสักก่ีล้านคนั ไมเ่ หน็ แปลก จะหยดุ ชะงกั จนแทบพักแรมกลางถนนเป็นเรื่องธรรมดา
และอาจเปน็ เพราะผมเริ่มชอบสภาพชวี ิตในรถ ครอบครวั ของเราใกล้ชิดแนบแนน่ บางที
ได้ทานอาหารกลางวันด้วยกันบนทางด่วนประสาครอบครัวอบอุ่น มีเรื่องได้หัวเราะต่อ
กระซิก เชน่ เมือ่ รถติดตายนานเป็นชั่วโมง เราอาจมเี กมเลน่ กนั เปน็ ต้น...”

(หนา้ ๗๙)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า จากส่ิงแวดล้อมและสังคมเมืองในปัจจุบัน มีผลให้ผู้ท่ีอยู่อาศัยใน
สังคมเมืองต้องมีการปรับตัวอย่างมาก จากเร่ืองเวลาทังครอบครัวและท้างาน ท้าให้ต้องมีการเตรียมพร้อมอยู่
เสมอ ทงั ในเรือ่ งสง่ิ ของอา้ นวยความสะดวกและอาหาร อีกทงั ค่านิยมทางความคิดของแต่ละคน ซง่ึ แต่ละสังคม
มีความแตกต่างกันไม่มากก็น้อย คนท่ีจนไม่มีเงินก็อาจหวังให้มีกินไปวัน ๆ แต่คนท่ีมีฐานะปานกลางก็อาจ
จะบอกวา่ ตอ้ งมีบา้ น รถ เป็นตน้

“...ผมคึกคักเหมือนได้ลงสนามเป็นตัวจริง หันมามองจับใบหน้าภรรยาอย่าง
พินิจ คล้ายจะสวยกว่าปกติ ไล่ต่้าลงถึงอกอวบ ท่อนขากลมกลึงเนียนผ่อง เธอนุ่ง
กระโปรงสนั ยามขับรถเพอ่ื ความถนดั ในการใชเ้ ท้าต้องถกสูงขนึ อีกเกือบล่อแหลม

สามี : “ขาคณุ สวยจัง...” เสยี งผมส่ัน อกใจรวั ระทึกประหลาด
ภรรยา : “จะบา้ เรอะ”...”

(หนา้ ๘๐)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า สังคมสามารถที่จะสร้างและกระตุ้นความคิดของบุคคล ให้ต้องมี
ปฏสิ มั พนั ธต์ อ่ กนั โดยเฉพาะความสมั พนั ธ์ของสามีภรรยา เพ่อื สนองความตอ้ งการเดยี วกนั

“สามี : “เปน็ อะไรไป ?” ผมตะหนกกับสารรูปทเี่ หน็
ภรรยา : “มันวิงเวียน แล้วคลนื่ ใส้เป็นบา้ เลย”
สามี : “หนักเลยหรือ ทนไหวไหม เดย๋ี วจะได้แวะหาหมอ”
ภรรยา : “คงไม่เปน็ ไรมากหรอก” เธอว่า แขง็ ใจเงยหน้าจ้องตาผมอึดใจใหญ่
“เมนสไ์ ม่มาเกือบสองเดือนแลว้ สงสัยจะทอ้ ง...”

(หนา้ ๘๕)

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หน้า ๖๕

จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า การให้เวลากบั ครอบครวั สรา้ งความใกลช้ ิดกัน ไม่ได้ขนึ กับสถานท่ี
และเวลาอยู่ที่ครอบครัวนนั ๆ จะมวี ธิ ีการอยา่ งไรมากกวา่

๒.๓ การปดิ เร่ือง
ตอนสุดท้ายของเร่ืองสันเรื่อง ครอบครัวกลางถนน ใช้การปิดเรื่องโดยให้ผู้อ่านนันมีความสุข

ตามไปด้วย เพราะท้าให้ผู้อ่านนันเห็นถึงความต้องการของสามีภรรยาท่ีต้องการจะมีบุตร แต่เนื่องจากใช้เวลา
ในการท้างานมากกว่าใช้เวลาในการอยู่บ้าน ท้าให้ไม่มีเวลาในการมอบความสุขให้แก่กันและกัน แต่ก็มี
สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึน ท้าให้มีทังคู่มีการท้ากิจกรรมปฏิสัมพันธ์กันในรถ จนท้าให้ทังคู่มีสมาชิกเพ่ิมมา
อกี คนดังข้อความทีป่ รากฏในเร่ืองวา่

“สามี : “...เมยี ผมทอ้ งแลว้ โว้ย ทอ้ งกลางถนน...”
ผมเปล่ียนมาเป็นคนขับ เม่ือรถเคล่ือนตัวได้อีกครัง คิดถึงเจ้าตัวเล็ก ผู้เติมแต้ม
ชีวิตครอบครัวสมบูรณ์ คิดถึงรถคันใหญ่ เนือท่ีกว้างขวางพอส้าหรับพ่อ-แม่-ลูก ข้าวของ
เครอ่ื งใช้กบั กจิ กรรมในครอบครัวเร่งดว่ นและจา้ เป็น เพือ่ ความสขุ ของชีวิตกลางถนนแห่ง
กรงุ เทพฯ”

(หนา้ ๘๕)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า การมีบุตรนันเป็นส่ิงหนึ่งท่ีดีท่ีจะท้าให้ครอบครัวนันสมบูรณ์แบบ
และมคี วามสุขมากย่ิงขนึ

“ครอบครัวกลางถนน” เปน็ เรอ่ื งสันที่มเี นือเรื่องสะท้อนชีวิตไดช้ ัดเจนของชาวกรุง ทย่ี อมรบั กับสภาพ
รถตดิ ได้ จนกลายเปน็ ชวี ิตประจา้ วันส่วนหนงึ่ ไปอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ จงึ จ้าเป็นทีจ่ ะต้องปรบั ตวั ใหส้ อดคล้องกับ
วิถีชีวิตของคนยุคใหม่ การท่ีรถติดนาน ๆ ก็ออกมาเดินเล่น หรือแม้กระท่ังผูกมิตร พูดคุย ทักทาย
วิพากษ์วิจารณ์ จนอาจจะมีความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจต่อไปและสอดคล้องกับชีวิตในสังคม เพราะเป็นเรื่องราว
ของสองสามภี รรยาวยั กลางคน ชนขันกลาง ซง่ึ ใฝ่ฝันที่จะมกี ิจการเป็นของตนเอง ทงั คู่คดิ วา่ นอกจากมบี ้านและ
รถยนต์แลว้ ยังจา้ เปน็ ตอ้ งเพิ่มพูนฐานะด้วย วนั ๆ จงึ ทา้ แตง่ าน ทา้ ใหท้ งั คู่มีความจ้าเป็นต้องใช้ชวี ติ สว่ นใหญ่อยู่
ในรถยนต์ เช่น รับประทานอาหาร หรือแม้กระทั่งท้ากิจกรรมบนรถ เป็นต้น หลังจากวันนันท้าให้ทังคู่ได้มี
ครอบครัวท่ีสมบูรณ์แบบ นั่นคือ พ่อ แม่ ลูก เร่ืองสันเร่ืองนีมีเนือหาและการด้าเนินเรื่องเป็นไปตามล้าดับ
ไม่ซับซ้อน และยังมีแง่คิดค้าสอนต่าง ๆ ท่ีสอดแทรกอยู่ภายในเร่ือง มีเนือเร่ืองท่ีน่าอ่าน และน่าติดตามอย่าง
ต่อเน่ือง ซ่ึงผเู้ ขียนสามารถถ่ายทอดผลงานออกมาได้ดี ทา้ ใหผ้ ้อู า่ นเขา้ ใจถึงแกน่ เรือ่ งท่ีแทจ้ รงิ

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๖๖

ศลิ า โคมฉาย. ๒๕๓๖. ครอบครวั กลางถนน. (พมิ พ์ครังท่ี ๑๓) กรงุ เทพฯ : วิญญู. : บรรณานกุ รม
นางสาวโรฮานี ต้าแดสา : เล่าความ

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถ่ินใต้ หน้า ๖๗

ไขภาษากับไทยศิลปศาสตร์

ไขภาษา ถกปัญหา คนไทยใช้ คาไทยไทย “คะ คะ่ ” ยงั สบั สน
“นักเรยี นจ้ะ ขอโทษจ๊ะ” ชกั ชอบกล คลายฉงน อา่ น “คาไทย ใส่ใจ รู้เรื่อง” เอย

คาไทย ใส่ใจ รู้เร่อื ง!

ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยได้ไม่ดีพอ สาเหตุส่วนหน่ึงมาจากการจดจ้าการใช้ภาษาไทยที่

ผิด ๆ ทังการเขียนและการอ่าน เกิดจากการท่ีทุกคนใช้ภาษาตามความสะดวกของตนเอง โดยไม่ค้านึงถึงหลัก

ของความถกู ตอ้ ง จนท้าใหภ้ าษาทใ่ี ช้ผดิ เพยี นไป และหลงลมื ลักษณะการใช้ภาษาอยา่ งถูกวธิ ี ดว้ ยเหตุนี จึง

รวบรวมลักษณะค้าไทยที่มักใช้สนทนามาในชีวิตประจ้าวันมาน้าเสนอ ทังลักษณะการเขียน ตัวอย่างการใช้ค้า

และความหมายของค้าท่ีใช้ในชีวิตประจ้าวันเพ่ือให้ได้ทราบถึงหลักการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง ถูกวิธี มี

ลักษณะคา้ ดงั ตอ่ ไปนี

คา ความหมาย การใช้ ตวั อยา่ งการใชค้ า

ราชบณั ฑติ ยสถานไดใ้ ห้ความหมาย ใชท้ ้ายคา้ ถามและใช้ อะไรวะ ? ไปสิวะ

ของคา้ วา่ วะ หมายถงึ คา้ ทเี่ ปลง่ หลงั ค้า สิ นะ อย่ไู หนวะ ? มเี งนิ ก็ใช้สิวะ

“วะ” ออกมาแสดงอารมณผ์ ดิ คาดหรือ ทา้ นองวา่ สง่ั บอกให้ เม่อื ไหร่จะถึงวะ ? อย่าเสียงดัง
ผดิ หวังและเป็นคา้ บอกเสียงต่อท้าย
ทา้ หรอื บอกเล่า สวิ ะ
ประโยคแสดงความคุน้ เคย เป็น

กนั เอง

ราชบณั ฑิตยสถานได้ใหค้ วามหมาย ใชท้ า้ ยประโยคท่ี สดุ ยอดว่ะ ไมอ่ ยวู่ ะ่

“ว่ะ” ของค้าว่า วะ่ หมายถึง ค้าทเ่ี ปลง่ ไม่ใชค่ า้ ถามมกั เปน็ ไมไ่ หวแลว้ วะ่ เจ็บว่ะ
ออกมาเพ่ือต่อท้ายค้าพูดท่ีไม่ค่อย
ประโยคบอกเลา่ แยว่ ่ะ ขเี กยี จว่ะ

สุภาพ

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถ่นิ ใต้ หนา้ ๖๘

คา ความหมาย การใช้ ตวั อยา่ งการใช้คา

ราชบณั ฑิตยสถานไดใ้ หค้ วามหมาย ใชล้ งทา้ ยประโยค คณุ ครูคะ เข้าใจไหมคะ
ของคา้ ว่า คะ หมายถงึ ค้าลงทา้ ยที่
“คะ” ผู้หญิงใช้ต่อจากค้าถามหรือค้าแสดง ค้าถามหรือเรียกดว้ ย ไปไหนคะ ราคาเทา่ ไหร่คะ
ความสงสัยเพื่อแสดงความสุภาพ
ความสภุ าพ ทา้ อะไรคะ ไปเทย่ี วกนั ไหมคะ

ราชบณั ฑิตยสถานได้ใหค้ วามหมาย ใช้ลงท้ายประโยค ใชค่ ่ะ ขอโทษค่ะ
ตกลงค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ
ของคา้ ว่า คะ่ หมายถงึ ค้ารบั ท่ีผหู้ ญิง บอกเลา่ ตอบรับ สวสั ดีคะ่ ขอบคุณค่ะ

“ค่ะ” ใช้อย่างเดยี วกบั จ้ะหรอื คา้ ลงท้ายที่ หรือตอบค้าถาม ท่ีมา เพจเฟซบุ๊กรักษ์ภาษาไทย
ผู้หญิงใช้ในการบอกให้ทราบอยา่ ง

สภุ าพออกมาเพ่ือต่อทา้ ยคา้ พูดทไี่ ม่

ค่อยสภุ าพ

คา ความหมาย การใช้ ตวั อยา่ งการใชค้ า

ราชบณั ฑติ ยสถานได้ให้ความหมาย ใช้ลงท้ายประโยค นกั เรยี นจ๊ะ เข้าใจไหมจ๊ะ

“จ๊ะ” ของค้าว่า จะ๊ หมายถึง คา้ ต่อทา้ ยคา้ คา้ ถาม หรือเรียกช่อื ไปไหนจ๊ะ ราคาเทา่ ไหรจ่ ะ๊

เชญิ ชวนหรือตอ่ ทา้ ยค้าถาม คน ทา้ อะไรจ๊ะ ไปเทย่ี วกันไหมจ๊ะ

ราชบัณฑติ ยสถานไดใ้ ห้ความหมาย ใช้ลงท้ายประโยค ใช่จ้ะ ขอโทษจะ้
ตกลงจ้ะ ไม่เปน็ ไรจะ้
“จ้ะ” ของค้าวา่ จ้ะ หมายถึง ค้ารบั (ใชเ้ ปน็ บอกเลา่ ตอบรบั สวสั ดีจะ้ ขอบคุณจ้ะ

สามญั ทัว่ ไป) หรอื ตอบคา้ ถาม ท่มี า เพจเฟซบุ๊กรกั ษภ์ าษาไทย

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถ่ินใต้ หน้า ๖๙

คา ความหมาย การใช้ ตวั อยา่ งการใชค้ า

ราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมาย ท้าแบบนลี ะกนั ดมื่ กาแฟละกัน
เอาอย่างนีละกนั
“ละ” ของคา้ วา่ ละ หมายถึง อาการท่ี ใชใ้ นประโยคบอกเลา่ อยา่ คิดมากละกนั
แยกตัวใหพ้ ้นจากส่ิงใดสง่ิ หน่งึ ซงึ่ ใช้รถฉนั ละกัน
ผมเลือกบา้ นละกัน
เกีย่ วขอ้ งอยู่

ทา้ ไมทา้ แบบนลี ่ะ

ราชบัณฑิตยสถานไดใ้ หค้ วามหมาย เธอชอบอะไรล่ะ

“ละ่ ” ของคา้ วา่ ล่ะ หมายถึง คา้ ใช้ ใชใ้ นประโยคคา้ ถาม เพ่อื นกนั ใชไ่ หมล่ะ
ประกอบข้อความข้างหน้าเพื่อยืนยัน บ้านเธออยู่ไหนละ่

ใหม้ ีน้าหนักขึน บา้ นเธอใชไ่ หมล่ะ

สนุ ขั เธอช่ืออะไรละ่

ทม่ี า เพจเฟซบุ๊กรักษ์ภาษาไทย

คา ความหมาย การใช้ ตัวอยา่ งการใช้คา

ราชบณั ฑิตยสถานไดใ้ หค้ วามหมาย ใชเ้ ป็นคา้ ประกอบ นา่ จะทา้ อย่างนนั
“น่า” ของคา้ ว่า น่า หมายถึง ค้าประกอบ หนา้ กริยา หนงั สอื เลม่ นันน่าสนใจ

หนา้ กรยิ า หมายความวา่ ควร

ราชบณั ฑิตยสถานได้ใหค้ วามหมาย ใชก้ บั ซกี ของรา่ งกาย หน้าขนม
ของค้าวา่ หนา้ หมายถึง ส่วนของ ท่ตี รงข้ามกบั หลัง ใช้ หนา้ ปกหนงั สอื
ศรี ษะตังแต่หนา้ ผากลงมาจดคางหรอื กบั สว่ นบนของบาง
“หน้า” ซกี ของกายที่ตรงขา้ มกับหลัง,ดา้ น สง่ิ
ของสิ่งใดส่งิ หน่งึ ท่ีอยู่ตรงข้ามกบั
สายตาของเราหรือดา้ นทีเ่ ผชิญหนา้
กับสายตาของเรา

ท่มี า เพจเฟซบุ๊กภาษาและวรรณกรรม

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๗๐

คา ความหมาย การใช้ ตวั อย่างการใช้คา
“นะคะ” กลับกอ่ นนะคะ
ราชบณั ฑติ ยสถานไดใ้ ห้ ใช้ลงท้ายประโยค ขอโทษดว้ ยนะคะ
“นะจะ๊ ” ความหมายของค้าว่า นะคะ บอกเลา่ หรือถาม ทา้ แบบนีนะคะ
หมายถงึ ค้าลงทา้ ยทผี่ หู้ ญงิ ใช้ใน ตอบ ไวพ้ บกนั ใหมน่ ะคะ
การแสดงความสุภาพ ขอตวั ก่อนนะคะ
ใชล้ งท้ายประโยค ขอบคุณมากนะคะ
ราชบัณฑติ ยสถานได้ให้ บอกเล่า หรือตอบรับ กลบั กอ่ นนะจ๊ะ
ความหมายของคา้ วา่ นะจะ๊ ขอโทษดว้ ยนะจะ๊
หมายถึง ค้าลงท้ายท่ผี ู้หญิงใช้กับ ท้าแบบนนี ะจ๊ะ
คนทีส่ นิทสนมกนั และใช้อยา่ งไม่ ไว้พบกนั ใหมน่ ะจ๊ะ
เปน็ ทางการ ขอตัวก่อนนะจ๊ะ ขอบใจนะจะ๊

ที่มา เพจเฟซบุ๊กรักษ์ภาษาไทย

จากตัวอย่างการใช้ค้าท่ถี ูกต้องข้างต้นนัน ท้าให้เห็นถึงเสน่ห์ของการใช้ค้าอยา่ งหลากหลาย เช่น ใช้ใน
การท้างานด้านการเขียนเพราะหากเขียนถูกต้องงานนันก็จะเป็นงานที่มีทักษะด้านการเขียนท่ีดีหรือแม้แต่ใน
การสมัครงานนัน หากคณุ เขียนใบสมัครงานโดยใช้ค้าทผี่ ดิ อาจท้าให้คุณไม่มีโอกาสได้งานนันก็เป็นได้ ตวั อย่าง
ที่ยกมานีท้าให้เล็งเห็นถึงความส้าคัญในการใช้ค้าที่ถูกต้องบ้างหรือยัง ขอขอบคุณข้อมูลการใช้ภาษาไทย
โดย Facebook เพจ รักษ์ภาษาไทย และ เพจ ภาษาและวรรณกรรม “ภาษาไทย ใช้ง่าย แค่ใส่ใจ” ใส่ใจการ
ใชภ้ าษาไทย ความงดงามทางภาษาที่เปน็ เอกลกั ษณข์ องพวกเราคนไทยทุกคน

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้ “คาไทย ใส่ใจ ร้เู รอ่ื ง!”
นางสาวขวัญใจ สืบตนั : เลา่ ความ

หนา้ ๗๑

มมุ คาร้อง
มองอย่างนกั วิจารณ์

สบ่ี ทเพลง สอ่ื เรื่องราว ผ่านคารอ้ ง “แมก่ าปอง” รกั โศกสรร แสนสดใส

รักพาเกียว “แก้มน้องนางนันแดงกวา่ ใคร” รกั ต้องใจ “บันไดสแี ดง” “ตามตะวนั ”

เพลินเพลงในดวงใจ : แมก่ าปอง

บทเพลง คือ ศิลปะแขนงหน่ึงเกิดขึนจากถ้อยค้าท่ีนักประพันธ์เรียงร้อย เรียบเรียงขึนผ่าน
องค์ประกอบต่าง ๆ ของบทเพลง ได้แก่ เนือร้อง ท้านอง จังหวะ เพื่อท้าให้เกิดความไพเราะและสร้างความ
เพลิดเพลินให้แก่ผู้ฟัง บทเพลงมีคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ทังด้านการเลือกสรรค้าท่ีใช้ในการแต่ง การเรียบเรียง
ประโยค รวมไปถึงการใช้โวหารในการประพันธ์บทเพลง โดยท่ีบทเพลงนันอาจให้ข้อคิดในการด้าเนินชีวิตแก่
ผู้ฟงั ผ่านการสอ่ื สารถอ้ ยคา้ ผสมผสานกับส้าเนียงการขบั รอ้ งและทว่ งท้านองของดนตรี

เพลง : แม่กาปอง
ศิลปนิ : T_๐๔๗

หมอกคลุง้ ลงเคลา้ ทีส่ องเราออกเดินทาง
แวะแอว่ ถาม วา่ ไข่ป่ามเป็นจะได
ค่อยใช้ชีวติ ใหช้ า้ เหมอื นเวลาไม่มีอยูจ่ รงิ
มองลา้ ธารที่ไหลไป จงมองใหเ้ หน็ ใจตัวเองตอนนี
ความเงียบงัน ทีท่ ้าให้ฉนั ได้ยินเสียงตวั เอง
หมนู่ กท่รี ้องบรรเลง เป็นบทเพลงจากปา่ เขา

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิน่ ใต้ หนา้ ๗๒

เหมอื นโลกใบนี มเี พียงแคส่ องเรา มเี พียงแค่สองเรา

ธรรมชาติ โปรดท้าให้เธอได้ลมื ทกุ ส่งิ

ท่ีตรงนไี มม่ ี อดีตไมม่ แี ม้กาลเวลา

อยู่กับชีวติ ท่ีธรรมดา ไม่มีอะไรใหม้ องหา

ทแ่ี ม่ก้าปอง มเี พียงแคส่ องเรา (ทต่ี รงนฉี นั มเี ธออย)ู่

วนั นที ีแ่ มก่ ้าปอง มีเพียงแค่สองเรา (ที่ตรงนฉี นั มเี ธออย)ู่

ในยามเชา้ มแี สงนา้ ทาง จงเปิดทางท่ี ๆ เธอต้องไป

โอ้ลมหนาวชว่ ยโอบกอดเธอไว้ ไมม่ ีอะไรทา้ ร้ายเธอในท่แี หง่ นี

๑. ลักษณะทวั่ ไป

๑.๑ ความเปน็ มาของเพลง
บทเพลง “แมก่ ้าปอง” เรยี บเรียงโดย ณฐั ธรี ์ อคั รพลธนรักษ์ (T_๐๔๗) ผู้ประพนั ธ์ได้เรียบเรียงบท

เพลงทังหมดขึนมาผ่านเรื่องราวที่เกิดขึน ณ สถานท่ีท่องเที่ยวแห่งหน่ึงในจังหวัดเชียงใหม่ น่ันก็คือ
“แม่ก้าปอง” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวท่ีก้าลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยในบทเพลงดังกล่าว ผู้ประพันธ์
ต้องการที่จะบอกเล่าถึงความธรรมดา ความเรียบง่ายในการใช้ชีวิตของมนุษย์ผ่านการร้อยเรียงถ้อยค้า
ท่วงท้านองเกิดเป็นบทเพลงสมัยใหม่ท่ีผสมผสานด้วยเครื่องดนตรีน้อยชิน ซึ่งฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย และเพื่อ
ปลอบประโลมวัยรุ่นในยุคปัจจุบันท่ีพยายามตามหาความหมายของความรัก รวมถึงการใช้ชีวิตท่ีไม่ยึดติดกับ
อดตี ซึ่งภายในบทเพลงมีการบอกเล่าถึงการเดินทาง เปรียบการเดินทางเป็นเสมือนการก้าวเดนิ ต่อไปสู่อนาคต
โดยมุ่งให้ผู้ฟงั ได้คิดตามเก่ียวกบั การใช้ชวี ิตอยา่ งมีจุดหมาย จงึ เกิดเป็นบทเพลงนีขึน

๑.๒ ความหมายของเนือ้ เพลง
บทเพลง “แมก่ ้าปอง” ส่อื ใหเ้ ห็นถึงเร่ืองราวของความรกั ในอดีตทยี่ ังคงฝังใจและค่อย ๆ เลือนไป

ตามกาลเวลา โดยเปรียบเทียบกับการเดินทางเสมือนการก้าวหนา้ เดินต่อ ใช้ชีวิตอย่างมีจุดหมาย เช่นเดียวกบั
การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวภายในบทเพลง น่ันคือ “แม่ก้าปอง” บทเพลงยังสื่อความหมายถึง
การมองเห็นคุณค่าจากการเดินทางไปยังสถานดังกล่าวภายในบทเพลง ซ่ึงเป็นสิ่งทอ่ี ยู่ใกล้ตัวจนบางครังเราเอง
ก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามส่ิงเหล่านันไปได้ เช่น ธรรมชาติ ต้นไม้ ป่าเขา ล้าธาร เม่ือเรามองเห็นคุณค่าของสิ่ง
ต่าง ๆ เหล่านี สิ่งท่ีจะตามมาก็คือความสบายใจ เสมือนการมองโลกในแง่บวก การพร้อมที่จะก้าวต่อ และให้
ความส้าคัญกับปัจจุบันมากกว่าอดีต โดยท่ีมีท่วงท้านองของเสียงของธรรมชาติ เช่น เสียงนกร้อง มาประกอบ
ภายในบทเพลง เพ่ือท้าให้ผู้ฟังได้รู้สึกผ่อนคลาย คล้อยตามและจินตนาการว่าตัวเองก้าลังเดินทางไปยัง

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หนา้ ๗๓

แม่ก้าปอง นอกจากนี บทเพลงยังสอดแทรกข้อคิดในการด้าเนินชีวิตแก่ผู้ฟัง ให้ได้คิดและมีความตระหนักใน
การใชช้ วี ติ การใสใ่ จกบั สง่ิ รอบข้าง สงิ่ ใกลต้ ัว เพอ่ื ความสขุ ของตวั เองผ่านการเลา่ เรอื่ งราวในบทเพลง

๒. คาร้อง

๒.๑ รปู แบบการประพันธ์คาร้อง
เพลง “แม่ก้าปอง” เป็นค้าประพันธ์ประเภทกลอนตลาด มีจ้านวนค้าตังแต่ ๕ – ๙ ค้า ซ่ึงการ

สมั ผัสเปน็ ไปตามหลักการสัมผัสของกลอนตลาด มกี ารใชส้ า้ นวนค้า ภาษา ทเี่ ป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการส่ือ
ความหมายอยา่ งชัดเจน มกี ารเล่น คา้ ซา้ การสมั ผัสนอก สมั ผสั ใน และการเลน่ เสยี งพยัญชนะ ดงั นี

๒.๒.๑ สัมผัสนอก สัมผสั นอกกลอยตลาด มีดงั นี

- คา้ สุดท้ายของวรรคที่ ๑ สมั ผัสกับคา้ ที่สามของวรรคท่ี ๒

- คา้ สดุ ท้ายของวรรคที่ ๒ สมั ผัสกับค้าสดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๓

- ค้าสุดท้ายของวรรคที่ ๓ สมั ผัสกบั ค้าทีส่ ามของวรรคที่ ๔

ตัวอยา่ งการสัมผัสนอกภายในบทเพลง

หมอกคลุ้งลงเคลา้ ท่สี องเราออกเดินทาง

แวะแอว่ ถาม วา่ ไขป่ า่ มเป็นจะได…

๒.๒.๒ สัมผัสใน การสัมผัสใน มีดังนี
ตัวอย่างการสมั ผัสใน ภายในบทเพลง มีดังนี
...มองล้าธารที่ไหลไป จงมองใหเ้ หน็ ใจตวั เองตอนนี…
- คา้ วา่ ไหล สัมผสั กับค้าว่า ไป ในวรรคเดียวกัน
- คา้ ว่า ให้ สมั ผสั กบั ค้าว่า ใจ ในวรรคเดียวกนั เป็นตน้

๒.๒.๓ การเลน่ เสียงพยัญชนะ
ตวั อย่างการเล่นเสียงพยญั ชนะ
...หมอกคล้งุ ลงเคล้าท่สี องเราออกเดนิ ทาง...
- คา้ วา่ คลงุ้ เล่นเสียงพยญั ชนะควบกลา้ ค ล
- คา้ ว่า เคลา้ เลน่ เสียงพยัญชนะควบกลา้ ค ล

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถนิ่ ใต้ หน้า ๗๔

๒.๒ การใช้ภาษา
บทเพลง “แม่ก้าปอง” มีลักษณะเด่น คือ มกี ารใช้ค้าและภาษาที่สามารถท้าความเข้าใจถึง

ความหมายของเพลงได้ง่าย และเลือกสรรค้าเพ่ือให้เกิดความไพเราะและงดงามของภาษา โดยที่สามารถส่ือ
ความหมายของบทเพลงไปสู่ผู้ฟังได้อย่างตรงไปตรงมา ท้าให้ผู้ฟังรู้สึกเคลิบเคลิมไปกับเนือหาของบทเพลง
ซง่ึ ภายในเพลงมีการใช้คา้ ภาษา ท่มี ีการสมั ผัสภายในวรรคเพ่อื ความไพเราะ และมีเนอื หาทผ่ี ู้ประพันธ์ต้องการ
สะท้อนใหเ้ หน็ ถึงการใช้ชีวติ ท่ไี มย่ ึดติดกับอดตี และให้ความสา้ คัญ รวมทังมองเห็นคณุ ค่าของสิ่งรอบขา้ งน่ันก็คือ
ธรรมชาตทิ ่ปี รากฏภายในบทเพลงจากสถานท่ที ่องเท่ยี ว “แมก่ า้ ปอง” ดังเนอื หาตอนหนงึ่ ของเพลงทว่ี ่า

...ธรรมชาติ โปรดทา้ ใหเ้ ธอได้ลืมทุกสงิ่
ทต่ี รงนไี ม่มี อดีตไม่มีแม้กาลเวลา
อยกู่ บั ชวี ิตที่ธรรมดา ไม่มีอะไรให้มองหา…

๒.๓ ภาพสะทอ้ น
บทเพลง “แม่ก้าปอง” เป็นบทเพลงหนึ่งท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงในการใช้ชีวิต

ของมนุษย์ท่ีไม่ควรยึดติดกับเร่ืองราวท่ีเกิด เมื่อไรก็ตามท่ีเรายึดติดกับอะไรมาก ๆ เมื่อนันเองความเจ็บปวด
ความเศร้า ความผิดหวังจะมาหา เพราะว่าความสุขนันก็ไม่ได้อยู่ตลอดเช่นเดียวกันกับความทุกข์ ซึ่งส่ิงเหล่านี
จะเข้ามาแล้วก็หายไป บทเพลงยังสะท้อนให้เห็นถึงการมีสติในการใช้ชีวิตให้มากที่สุด และมองเห็นถึง
ความส้าคัญของสิ่งรอบข้าง ให้เดินหน้าต่อเสมือนการเดินทางไปอย่างมีจดุ หมาย เช่นเดียวกับการท่ีเดินทางไป
ยงั แมก่ ้าปอง

จากการวิเคราะห์บทเพลงข้างต้น จะเห็นถึงมุมมองความคิดท่ีสะท้อนออกมาเป็นบทเพลงให้ผู้ฟังได้
เลือกฟังตามอารมณ์ความรู้สึก มุ่งให้เห็นถึงคุณค่าและความงามที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากค้าร้องและ
ท่วงท้านอง โดยท่ีเรื่องราวทังหมดท่ีถูกถ่ายทอดออกมาล้วนมาจากอารมณ์ความรู้สึกของผู้ประพันธ์ท่ีต้องการ
สื่อออกมา บทเพลง “แม่ก้าปอง” เป็นอีกหน่ึงบทเพลงที่สามารถเตือนสติในเร่ืองของการใช้ชีวิตที่ไม่ยึดติดกับ
อดีต เดินหน้าต่อเช่นเดียวกับการเดินทางไปยังจุดหมาย นั่นก็คือ แม่ก้าปอง ซ่ึงแน่นอนว่าทุกข์สขุ นันอยู่กับเรา
ไดแ้ ค่เพียงชัว่ คราว หากเราปลอ่ ยวางแลว้ เดินหน้าต่อก็จะท้าใหเ้ ราพบเจอแตเ่ รื่องราวดี ๆ ที่รอใหเ้ ราได้ออกไป
เผชิญ รวมถึงการมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว มองเห็นความส้าคัญของส่ิงที่เราไม่ควรจะมองข้าม เพราะ
ส่ิงเหลา่ นอี าจจะเป็นสิ่งทสี่ ามารถปลอบประโลมใจเราให้รสู้ ึกผ่อนคลาย และมีความสุขในการใชช้ วี ติ มากย่ิงขึน
ดังในบทเพลงท่ีกล่าวถึงธรรมชาติ ซึ่งอาจจะเป็นส่ิงท่ีสามารถบ้าบัดความทุกข์ให้ออกจากความคิดเราไปได้

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่ินใต้ หนา้ ๗๕

และส่ิงส้าคัญที่สุดก็คือการเลือกจดจ้าแต่สิ่งดี ๆ เพราะสิ่งเหล่านีอาจจะกลายเป็นแรงผลักดันที่ท้าให้เรา
สามารถเดนิ หนา้ ใชช้ วี ติ ต่อไปได้อย่างมคี วามสขุ

“เพลินเพลงในดวงใจ : แม่กาปอง”
นางสาวภทั ราภรณ์ สุคนธากรณ์ : เลา่ ความ

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถ่ินใต้ หน้า ๗๖

เพลินเพลงในดวงใจ : แก้มนอ้ งนางนนั้ แดงกว่าใคร

เช่ือว่าใครหลาย ๆ คนต่างก็ชื่นชอบในการฟังเพลง เพราะเพลงนันเปรียบเสมือนตัวแทนของอารมณ์
ความรสู้ กึ ภายในใจ ทังอารมณ์รัก อารมณ์เศรา้ และอารมณท์ ส่ี นุกสนาน ซงึ่ เพลงแตล่ ะเพลงนนั สรรสร้างมาจาก
ประสบการณ์ความรู้สึกและจินตนาการของผู้แต่ง จนเกิดมาเป็นเพลงท่ีเข้าถึงใจ เข้าถึงอารมณ์ของผู้ฟัง
เช่นเดียวกับเพลงต่อไปนีท่ีผู้แต่งได้น้าเอาประสบการณ์จริง มาถ่ายทอดให้แก่ผู้รับฟังได้ท้าความเข้าใจและมี
อารมณร์ ่วมไปตามเพลง

เพลง : แกม้ น้องนางนน้ั แดงกว่าใคร
ศิลปิน : เขียนไขและวานชิ

วอนใหล้ มช่วยพดั หัวใจพล่ี อยไป จากดนิ แดนถน่ิ เหนือที่ไกลแสนไกล
สดุ ขอบฟา้ ที่ไกลแสนไกลลอ่ งลอยไป วอนให้ลมช่วยพัดหวั ใจพี่ไปใหถ้ ึง
ฝากดวงใจพลี่ อยลอ่ งไปบนนภา สดุ ขอบฟ้าหัวใจพจี่ ะไปถงึ
ไดส้ บตาแค่เพยี งครังหนึ่ง หวั ใจพแี่ ทบติดตรึง
เพ้อรา้ พึงรา้ พันถงึ แม่นวลน้อง
ใจพ่ีจมแทบพสุธา
แกม้ น้องนางนนั แดงกว่าใคร ดุจดวงดาราดวงดาวดวงไหน
ดวงฤทยั หรอื ดวงแก้วตา วอนให้ใจนอ้ งไม่มีใคร
วอนให้ชายทุกคนเดินผา่ น
วอนใหล้ มพดั พาหวั ใจพไ่ี ปถงึ สุดขอบฟา้ หวั ใจพ่ีจะไปถงึ
หัวใจพีแ่ ทบติดตรึง
ฝากดวงใจพ่ลี อยล่องไปบนนภา ฝากดวงใจพ่ีลอยล่องไปบนนภา
ไดส้ บตาแค่เพยี งครงั หน่งึ ได้สบตาแค่เพยี งครังหนง่ึ
เพอ้ ร้าพงึ ร้าพันถงึ แมน่ วลน้อง เพ้อร้าพงึ ร้าพนั ถงึ แมน่ วลนอ้ ง
สดุ ขอบฟา้ หัวใจพี่จะไปถึง
หัวใจพแ่ี ทบติดตรึง

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๗๗

๑. ลักษณะท่วั ไป

๑.๑ ความเปน็ มาของเพลง
บทเพลง “แก้มน้องนางนันแดงกว่าใคร” ผู้แต่ง โจ้ สาโรจน์ ยอดย่ิง ศิลปินชาวเชียงใหม่ที่

รูจ้ กั กันในนาม “เขียนไขและวานชิ ” ไดถ้ ่ายทอดบทเพลงนีขึน โดยมจี ดุ เรม่ิ ตน้ จากการแอบชอบสาวนา่ นทเี่ รียน
ด้วยกันในมหาวิทยาลัยและมีโอกาสได้ไปเที่ยวจังหวัดน่านบ้านเกิดของเธอ จึงน้าประสบการณ์นีมาเขียนเป็น
เพลงเพื่อระบายความรู้สึกภายในใจท่ีก่อตัวขึนจากความประทับใจตลอดการท่องเท่ียวจังหวัดน่านกับเธอ
จนเกดิ เป็นบทเพลงนีขึน เพื่อเธอท่ีไม่มีโอกาสมอบให้ในวนั นันเพราะความรู้สึกเขินอาย จนเวลาล่วงเลยผ่านไป
หลายปีก็ได้มีโอกาสน้าเพลงนีมาร้องและเผยแพร่จนเป็นท่ีรู้จัก และแล้วบทเพลงนีก็ได้ส่งไปถึงหญิงสาวผู้นัน
พร้อมกับคา้ “ขอบคณุ ” ท่ีเธอมอบให้กลับมา

๑.๒ ความหมายของเนื้อเพลง
เนือเพลงส่อื ใหเ้ หน็ ถงึ อารมณ์ของคนท่ีก้าลงั แอบรักแอบชอบใครสักคน เปน็ การเพ้อร้าพึงถึงสาว

เจ้าที่ใจเฝ้าใฝ่หา เห็นได้จากการเพ้อวอนขอลมขอฟ้าให้ช่วยพัดผ่านพาความรู้สึกของตนท่ีมันเอ่อล้นจากใจ
ให้ลมฟ้าช่วยส่งความรู้สึกนีไปให้ถึงเธอ เพื่อเธอผู้อยู่ห่างไกลได้รับรู้และไม่มองใครแม้มีผู้คนมากมายผ่านมา
โดยผู้แต่งต้องการส่ือให้เห็นว่าหญิงสาวในเพลงนันเป็นสาวผิวขาว เนื่องจากผิวท่ีขาวยามโดนแดดร้อนหรือ
ก้าลังเหน่ือยจึงท้าให้แก้มแดงระเรื่ออย่างเห็นไดช้ ัด ซ่ึงในสายตาและความคดิ ของคนแอบชอบ การได้เห็นภาพ
แก้มของเธอที่แดงระเร่ือนันชั่งน่ารักน่ามองย่ิงกว่าของใครอ่ืน แม้จะเป็นเพียงภาพพฤติกรรมที่ปกติธรรมดา
สามารถเหน็ ไดท้ ่วั ไปแต่กลบั เป็นส่ิงทีต่ ราตรงึ ใจ จนไมอ่ าจจะลมหรอื ลืมเลือนไปจากใจและความทรงจ้าได้เพียง
เพราะภาพนนั เป็นภาพของผหู้ ญิงที่แอบชอบ

๒. คาร้อง

๒.๑ รูปแบบการประพนั ธ์คาร้อง เพลง “ แกม้ นอ้ งนางนันแดงกว่าใคร” เปน็ ค้าประพนั ธ์
ประเภทกลอนตลาดมีจา้ นวนค้าตังแต่ ๖ – ๑๐ ค้า ซงึ่ การสัมผัสจะเปน็ ไปตามหลกั การสมั ผสั ของกลอนตลาด
มีการใช้คา้ ทเ่ี ป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสื่อความหมายอย่างชดั เจน รวมถงึ มีการใชส้ มั ผสั นอก สมั ผัสใน
การเลน่ คา้ ซ้า และการเล่นเสียงพยญั ชนะ ดงั นี

๒.๒.๑ สัมผสั นอก สมั ผัสนอกกลอนตลาด มดี ังนี
- ค้าสดุ ท้ายของวรรคท่ี ๑ สัมผสั กบั คา้ แรกของวรรคที่ ๒
- ค้าสุดท้ายของวรรคท่ี ๒ สมั ผสั กับค้าสุดทา้ ยของวรรคที่ ๓
- คา้ สดุ ท้ายของวรรคที่ ๓ สัมผสั กบั คา้ ทส่ี ามของวรรคท่ี ๔

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หน้า ๗๘

ตัวอย่างการสมั ผสั นอกในบทเพลง

แกม้ น้องนางนนั แดงกวา่ ใคร ใจพ่ีจมแทบพสุธา

ดวงฤทัยหรือดวงแกว้ ตา ดจุ ดวงดาราดวงดาวดวงไหน…

๒.๒.๒ สัมผสั ใน

ตัวอย่างการสมั ผสั ใน

วอนใหล้ มช่วยพดั หวั ใจพีล่ อยไป จากดนิ แดนถน่ิ เหนือที่ไกลแสนไกล…

- ค้าว่า ให้ สมั ผสั กับค้าว่า ใจ และ ไป ในวรรคเดียวกัน
- คา้ วา่ ดิน สมั ผสั กบั คา้ วา่ ถ่นิ ในวรรคเดยี วกนั เปน็ ตน้

๒.๒.๓ การเล่นคาซา้
ตวั อยา่ งการเล่นค้าซา้

...สุดขอบฟ้าที่ไกลแสนไกลล่องลอยไป วอนใหล้ มช่วยพัดหัวใจพ่ีไปให้ถึง…

ดวงฤทยั หรอื ดวงแก้วตา ดจุ ดวงดาราดวงดาวดวงไหน…

- คา้ วา่ ไกล
- ค้าวา่ ให้
- ค้าวา่ ดวง

๒.๒.๔ การเลน่ เสยี งพยัญชนะ
ตวั อย่างการเลน่ เสียงพยญั ชนะ

...เพ้อร้าพึงร้าพันถงึ แมน่ วลน้อง...

- คา้ ว่า เพอ้ เสยี งพยัญชนะต้นเสียงเดยี วกัน คือ พ
- ค้าว่า พึง เล่นเสยี งพยญั ชนะตน้ เสียงเดียวกัน คอื พ
- ค้าว่า พัน เลน่ เสียงพยญั ชนะต้นเสียงเดียวกนั คือ พ

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๗๙

๒.๒ การใชภ้ าษา
เพลง แก้มน้องนางนันแดงกว่าใคร มีลักษณะเด่น คือ การใช้ส้านวนภาษาท่ีมีความสละสลวย

ในขณะเดียวกันก็ใช้ส้านวนภาษาท่ีเรียบง่ายตรงไปตรงมา เป็นการใช้ส้านวนภาษาร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
เป็นเพลงท่ีมีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการเพ้อถึงคนที่ตนก้าลังแอบรักแอบชอบ ท้าให้เมื่อรวมกับเข้ากับ
เสยี งดนตรยี ง่ิ ถ่ายทอดอารมณ์ความรสู้ กึ ของเพลงออกมาได้อย่างลกึ ซงึ กินใจ ดังเนือหาตอนหนง่ึ ของเพลงท่วี ่า

...แก้มนอ้ งนางนนั แดงกว่าใคร ใจพ่จี มแทบพสุธา

ดวงฤทยั หรอื ดวงแก้วตา ดุจดวงดาราดวงดาวดวงไหน…

๒.๓ ภาพสะทอ้ น
เพลง แก้มน้องนางนันแดงกว่าใคร เป็นเพลงหน่ึงท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความรักอีกรูปแบบของ

มนุษย์ เป็นรักที่ไม่ต้องการมาครอบครองเป็นของตน แต่เป็นรักท่ีหวังดี หยอกล้อ เป็นความรู้สึกรักที่สัมผัสได้
ถึงความอบอุ่น หวานละมุนและแฝงด้วยความเศร้า แต่เป็นเศร้าที่มีความสุข สุขในการแอบชอบ แอบมองและ
ช่ืนชมอยู่ในใจ สุขใจที่เห็นเขามีความสุขและเขาจะสวยงามในความทรงจ้าของเราเสมอ ดังนันความรักของ
มนุษย์มีหลายรูปแบบ ซึ่งจะแสดงออกแตกต่างกัน ทังรักที่หวงห่วง รักหลงจนท้าผดิ รักท่ีห่วงใย รักไม่ต้องการ
ส่ิงใดตอบแทน และไม่ว่าจะรกั แบบใดมนั กค็ ือรัก แต่ต้องรักอยา่ งมสี ติ

จากการวิเคราะห์เพลงข้างต้น จะเห็นได้ว่าบทเพลงเป็นส่ิงที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึน โดยอาจจะสร้างมา
จากความเป็นจริงหรือจินตนาการของมนุษย์ แต่ไม่ว่าจะเป็นการสร้างจากแบบใดบทเพลงก็สอนให้เราเห็นถึง
ความงาม คุณค่า และการเตือนสติ ซึ่งเพลงเป็นสิ่งที่สามารถหาได้ง่ายและใกล้ตัว เพราะเพลงแฝงอยู่ใน
ชีวติ ประจา้ วันของมนษุ ย์ หากท้าความเข้าใจในเพลงแต่ละเพลง เราจะเห็นถึงความคิด ชวี ติ ทัศนคติ ของ
มนษุ ยใ์ นเรือ่ งราวต่าง ๆ ผ่านเพลงใหเ้ ราฉกุ คดิ และเปลย่ี นแปลง

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่ินใต้ “เพลินเพลงในดวงใจ : แก้มน้องนางนนั แดงกวา่ ใคร”
นางสาวอรวรรยา ขลกิ คา้ : เลา่ ความ

หนา้ ๘๐

เพลินเพลงในดวงใจ : บนั ไดสีแดง

บทเพลง คือ วรรณกรรมอย่างหน่ึงท่ีน้าเสนอเรื่องราวผ่านการเรียงร้อยถ้อยค้า ประกอบกับเสียงร้อง
หรือท้านองดนตรีออกมาเป็นบทเพลง ซ่ึงเป็นสิ่งหน่ึงที่ใช้ขัดเกลาจิตใจมนุษย์ บ้างก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
บ้างก็เป็นแรงผลักดัน เป็นแรงใจ ก้าลังใจให้สู้ต่อ นอกจากนี บทเพลงยังถูกใช้เป็นสื่อในการน้าเสนอเร่ืองราว
มุมมองความคิดของคน การใช้ชีวิต การด้ารงชีพอยู่กับสังคมแห่งความเป็นจริงท่ีเกิด เป็นเครื่องมือท่ีใช้เล่า
เรื่องราวชีวิตผ่านประสบการณ์ และการเรียนรู้ของคนสู่การร้อยเรียงเป็นถ้อยค้า ดังเช่น บทเพลง
“บนั ไดสีแดง” เปน็ บทเพลงซึ่งน้าเสนอเรื่องราวสะท้อนอาชพี อีกมุมหน่ึงของสังคมให้รับรูแ้ ละรบั ทราบผ่านการ
ประดษิ ฐ์ ตกแต่งเพือ่ สอ่ื สารเนอื หาสาระของผู้แตง่ หรือผู้ประพันธเ์ พลงส่ผู ู้รบั สารหรือผู้ฟงั

เพลง บนั ไดสีแดง
ศิลปิน ฮิวโก้ จลุ จักร จักรพงษ์

เจ้านายเอย้ เพ่ิงเคยเข้ามาทนี่ ี่หรอื เปลา่
ที่น่ีมีความฝนั ทน่ี ี่มคี วามกดดันของคนเหลา่ นัน ขา้ งบนบันไดสีแดง

ถา้ ใครจะมาท่ิมแทง กท็ งิ เงนิ ไว้
ท่นี ่ีไม่โหดร้าย เลือกตามสบายตามใจ
เจา้ นายเอย้ ต้องอะไรแบบไหน นายลองบอก
แต่ไม่มคี วามรัก และไม่มีความผกู พนั ธ์
สวรรคบ์ นนนั มนั มแี ต่ความร้อนแรง
ด้วยเงินราคาไมแ่ พงทนี่ ายจ่ายไหว
แต่ถา้ หากโชครา้ ย ก็คงต้องจา่ ยดว้ ยชวี ติ

ชีวิตทน่ี ายนนั ควรจะไดใ้ ช้
ใช้เพอ่ื คนทีน่ ายควรได้รกั
หากจะใช้เม็ดเงินเพือ่ ร้จู กั กับความรัก

ท่ีน่ีคงไมม่ ี
แคค่ วามสาวทีน่ ายไดก้ อดไว้

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วิลาสวฒั นธรรมถ่ินใต้ หนา้ ๘๑

แค่ความหลงครอบง้าใหม้ งุ่ ไป
หากแค่นีทใ่ี จนายฝนั ใฝ่

บอกเลยผมยนิ ดรี บั ใช.้ ..เชญิ ตรงบนั ไดสแี ดง

๑. ลกั ษณะท่ัวไป

๑.๑ ความเปน็ มาของเพลง
บทเพลง บันไดสีแดง ขับร้องโดย ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ น้าเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก

ในอกี ดา้ นหน่ึงของสังคมทเ่ี กดิ ขึน น้าเสนอเร่ืองราวผ่านตัวละครทส่ี ร้างขนึ ในบทเพลง คือ พนักงานเชียรแ์ ขกใน
สถานบริการกลางคืน ซ่ึงเป็นอาชีพหน่ึงท่ีมีอยู่ในสังคมปัจจุบัน น้าเสนอมุมมองความรักที่สื่อถึงความเส่ียงที่
เกิดขึนผ่านการใช้บริการของลกู ค้าผู้เข้ามาแสวงหาความรื่นรมย์ในกาม ใช้เงินแลกกับความสุข ซ่ึงผลท่ีตามมา
อาจเป็นเพยี งความสขุ ชว่ั ขณะหน่งึ หรืออาจจมปลกั อยูก่ บั ความรกั ทีข่ นึ คา่ ดว้ ยเงนิ

๑.๒ ความหมายของเนื้อเพลง
บทเพลง บันไดสีแดง เป็นบทเพลงท่ีถ่ายทอดเร่ืองราวความรัก ความหลงใหลในความรัก

ความหลงระทมอยู่กับความรักในเร่ืองกามารมณ์ ซ่ึงเกิดจากความต้องการของผู้คน เดินทางเข้ามาใช้บริการ
สถานบันเทิง โดยเนือเพลงถ่ายทอดเร่ืองราวความรักผ่านพนักงานเชียร์แขก ผู้ซ่ึงท้าหน้าที่บริการลูกค้า แต่ใน
ขณะเดียวกัน บทเพลงกลับน้าเสนอหรือวางบทบาทของพนักงานเชียร์แขกจากที่ต้องเป็นผู้อยู่ใต้การบังคับ
กลับเป็นผู้ที่ต้องมาคอยให้ค้าแนะน้า เสมือนการสั่งสอนในเร่ืองมุมมองความรักที่ก้าลังจะเกิดขึนให้กับเจ้านาย
หรือลกู ค้าท่ีมาใชบ้ รกิ าร เป็นการน้าเสนอความรักผ่านข้อเง่อื นไขที่เรียกวา่ เงิน เพอ่ื แลกมาซง่ึ สง่ิ ที่ต้องการหรือ
ปรารถนา และยังได้น้าเสนอข้อคิดหลังจากการเข้ามาเลือกใช้ความรักท่ีแลกกับเงินตราว่า หากมีสติ
คิดแยกแยะส่งิ ทเ่ี กดิ ขึนไว้เป็นเพยี งแค่การบริการทางกามารมณ์ ซง่ึ แลกมาด้วยเงินตราเพียงเท่านัน ก็ย่อมได้ใน
ส่ิงท่ีตนจะได้ แต่หากคิดเกิดความสัมพันธ์ มีความรู้สึกอันดีต่อกันภายหลังจากการบริการ ความรักท่ีเกิดขึนก็
ย่อมนา้ ทางไปส่คู วามรกั ท่ีไม่สมหวงั ได้เช่นกนั

๒. คารอ้ ง

๒.๑ รูปแบบการประพันธค์ ารอ้ ง
เพลงบันไดสีแดง เป็นค้าประเภทกลอนตลาด แต่ละวรรคจะมีจ้านวนตังแต่ ๔-๗ ค้า

เป็นตามสมั ผัสของประเภทกลอนตลาดมกี ารใช้ถอ้ ยค้าสละสลวย มสี ัมผสั นอก สัมผสั ใน

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถิ่นใต้ หนา้ ๘๒

๒.๒.๑ สัมผัสนอก สัมผัสนอกของกลอนตลาดมสี ัมผัสนอก ดงั นี

- คา้ สดุ ทา้ ยของวรรคทห่ี น่งึ สมั ผัสกบั คา้ ที่สองของวรรคท่ี ๒
- คา้ สุดทา้ ยของวรรคท่ีสาม สัมผัสกับค้าทีห่ กของวรรคท่ี ๔
ตวั อยา่ งเช่น
เพิง่ เคยเขา้ มาทนี่ หี่ รือเปลา่
เจ้านายเอ้ย ท่ีน่มี ีความกดดันของคนเหลา่ นัน
ที่นีม่ คี วามฝัน

๒.๒.๒ สัมผสั ใน
ตวั อยา่ งการสัมผัสใน ภายในบทเพลงมดี งั นี

แค่ความสาวทนี่ ายได้กอดไว้ แค่ความหลงครอบง้าใหม้ งุ่ ไป

หากแคน่ ที้ ่ีใจนายฝันใฝ่ บอกเลยผมยนิ ดรี บั ใช้

- คา้ ว่า ได้ สมั ผสั กบั ค้าว่า ไว้ ในวรรคเดียวกัน
- คา้ ว่า ให้ สมั ผัสกับค้าว่า ไป ในวรรคเดยี วกัน
- คา้ วา่ นี สัมผสั กับคา้ ว่า ท่ี ในวรรคเดียวกัน

๒.๒ การใชภ้ าษา
บทเพลง บันไดสีแดง มีการแบ่งช่วงเนือหาของเพลงได้ดีมาก ๆ ใช้ภาษาได้ดีและเหมาะสม

มีเล่นค้ามีสัมผัสท่ีไหลล่ืน สละสลวยดี ส่ือความรู้สึกได้ถึงความหลงใหล อันตราย เมื่อได้ฟังและได้ร้องตามก็จะ
ท้าให้มีความคิดต่อ การใช้ค้าที่สามารถเข้าใจถึงความหมายของเพลงได้ง่าย และเลือกสรรค้าเพื่อให้เกิดความ
ไพเราะเนือหาที่ผู้ประพันธ์ต้องการสะท้อนให้เห็นถึง ผู้ชายท่ีเที่ยวกลางคืน ที่ใช่เงินเพ่ือแลกกับความสุขของ
ตนเอง ดังเนือหาตอนหนึ่งของเพลงที่วา่

มันมีแต่ความรอ้ นแรง ด้วยเงินราคาไมแ่ พงทนี่ ายจา่ ยไหว
แตถ่ ้าหากโชครา้ ย ก็คงตอ้ งจา่ ยด้วยชวี ิต
ชวี ติ ที่นายนันควรจะได้ใช้ ใช้เพอื่ คนท่ีนายควรไดร้ ัก
หากจะใช้เม็ดเงินเพอ่ื รจู้ ักกับความรัก ท่นี ่คี งไมม่ ี

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หนา้ ๘๓

๒.๓ ภาพสะทอ้ น
บทเพลง บันไดสีแดง สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเกิดขึนจากความเป็น

อาชีพของคนท่ีเลือกใช้ความสามารถท่ีมีสู่การแลกเปล่ียนเป็นเงินตรา ผ่านการสะท้อนอาชีพการบริการและ
พนักงานเชียร์แขกในสถานบันเทิง เป็นมุมมองความรักท่ีไม่มีความแน่นอน ไม่มีความจีรังย่ังยืน เป็นความรักท่ี
เกิดขึนชั่วขณะ ผสมผสานกับความใคร่ในกามารมณ์ของความเป็นคน ซึ่งหากหลงระเริงรื่นรมย์ หลงใหลใน
ความรักที่เกิดขึนในรูปแบบเช่นนันแล้ว สิ่งที่ตามมาย่อมไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความผิดหวังในความรักเพียงอย่าง
เดียว แต่ยังมัวเมาในความรู้สึกจนสุดท้ายกลายเป็นทาสแห่งอารมณ์ในที่สุด ซ่ึงเป็นสิ่งท่ีมีอยู่จริงในสังคม
ปจั จบุ ัน

บทเพลงบนั ไดสีแดง สะท้อนอาชพี ดา้ นมืดท่มี ีอยจู่ ริงในสังคม และแฝงแง่คิดในการใชช้ ีวิตดา้ นความรัก
นา้ เสนอผ่านการใช้ภาษาทีส่ ละสลวย ส่อื ความหมายได้อย่างชัดเจน สอื่ ให้เห็นถึงสภาพความเปน็ จริงในสังคม
ปจั จบุ นั และเปน็ ประโยชน์ต่อผูร้ ับสารหรอื ผู้ฟงั ในเร่ืองแง่คิดชวี ติ ความรักในสังคมปจั จุบนั ได้อยา่ งลงตวั

“เพลินเพลงในดวงใจ : บันไดสแี ดง”
นางสาวจันทมิ า สิงห์ภมร : เล่าความ

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๘๔

เพลนิ เพลงในดวงใจ : ตามตะวัน

บทเพลงท่ีไพเราะสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้ฟัง เพลงหน่ึงเพลงประกอบด้วย ท้านอง จังหวะ
และเนือร้อง ที่ต้องมีการเลือกสรรถ้อยค้ามาใช้ในการแต่งเป็นเพลง ถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์
ซ่ึงเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการด้าเนินชีวิต ตลอดจนสื่อความหมายให้คิดในมุมมองที่หลากหลาย เป็นการเล่า
เร่ืองราวต่าง ๆ ตามส่ิงแวดล้อม ประสบการณ์ของผู้ประพันธ์ ผ่านยุคสมัยของสัมคมที่มีการเปลี่ยนแปลงซ่ึง
สามารถสรา้ งความรู้สกึ ที่แตกตา่ งกนั ไป เช่นเดยี วกบั เพลง “ตามตะวัน”

เดินตามดวงตะวนั ไป บทเพลง: ตามตะวนั
ก้าวไปบนเสน้ ทางทฝี่ นั นกั รอ้ ง: หนมุ่ กะลา
มองตะวนั ลับขอบฟ้า หมายจะตามไปให้ทัน
ยิ่งกา้ วตามตะวันยิ่งไกล แตเ่ หมือนว่ามันจะยงิ่ ไกล
ลองหนั กลับไปมองเส้นทางท่ีมา มนั ลับตาแล้วทอ้ ใจ
แคก่ ลับหลงั แลว้ เดนิ กลบั คนื ท่ีมา เสียงหัวใจมนั บอกใหฉ้ นั เลกิ ตาม
เด๋ยี วตะวันจะคนื กลับมาหาเอง เปดิ หัวใจลองดนู ั่นดาวเต็มฟา้
ตามไม่ทนั ก็เพียงแค่ย้อนคืนไป อยา่ เพ่ิงถอดใจ
เสน้ ทางท่ฝี นั กบั ทางกลับบา้ นคือเสน้ เดียวกนั ดวงท่ีมันลับลงตรงทะเลใจ
อดทนอีกนิดเถอะนะอีกเด๋ียวก็ได้สบตาตะวัน สู่ทิศตะวันออก
ไม่มีคืนใดย่งั ยนื นาน ถ้าเข้าใจแลว้ กล็ ุกขนึ เดนิ ไปตามทใ่ี จฝนั
พน้ ราตรกี ็มีทิวา แค่เดินตามดาวน้าทางดวงนนั เดี๋ยวมนั กเ็ ชา้
ใหค้ วามรักน้าทางไป และไมม่ วี ันใดไม่เลิกรา
สกั วันหนงึ่ ความจรงิ ความฝัน ย้อนคืนมาใหเ้ ข้าใจ
เส้นทางที่ฝนั กบั ทางกลบั บ้านคือเส้นเดยี วกนั ใกลห้ รอื ไกลก็ไมส่ า้ คญั
อดทนอีกนิดเถอะนะอีกเดี๋ยวก็ไดส้ บตาตะวัน จะได้พบกนั ตรงทิศตะวนั ตน่ื
ไมม่ ีคนื ใดยง่ั ยืนนาน ถ้าเขา้ ใจแล้วกล็ กุ ขึนเดินไปตามท่ีใจฝนั
พน้ ราตรกี ็มที วิ า แค่เดินตามดาวนา้ ทางดวงนนั เดย๋ี วมนั กเ็ ชา้
และไม่มีวันใดไมเ่ ลกิ รา
ย้อนคนื มาให้เข้าใจ

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถ่ินใต้ หนา้ ๘๕

ให้ความรกั น้าทางไป ใกล้หรือไกลก็ไม่ส้าคญั
สักวนั หน่ึงความจรงิ ความฝนั จะได้พบกันตรงทิศตะวันตน่ื

๑. ลักษณะทั่วไป
๑.๑ ความเปน็ มาของเพลง
เพลงตามตะวันของหนุ่มกะลา เป็นเพลงที่โด่งดังมาแรงมากได้รบั ความนิยมอยา่ งแพร่หลาย

ซึง่ เพลงนีไดส้ ะท้อนความเปน็ จรงิ ของคนในสังคมทเี่ กิดขึน

๑.๒ ความหมายของเนอื้ เพลง
ผู้แต่งเพลงได้สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนเราที่ต้องดินรนให้รอดพ้นจากอุปสรรคที่เข้ามา

บนถนนแห่งการต่อสู้กับความยากจน รวมถึงหน้าท่ีท่ีต้องรับผิดชอบ ซึ่งหน้าที่ท้าอยู่ท้าด้วยใจอย่างเต็มไปด้วย
ความรักที่ก้าลังจะหมดลงเพราะจากสถานการณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ คนหรือส่ิงที่ต้องพบเจอในแต่ล่ะวัน
จึงไม่สามารถเล่าทุกอย่างท่ีผ่านเข้ามาในชีวิตทังหมดได้ เพียงแค่หวังว่าที่จะก้าวออกมาจากตรงนีตอนที่
มนั สดุ ๆ แลว้ ความรสู้ ึกท่ีเต็มไปดว้ ยความหว่ งใยคิดถงึ คนทางบ้าน แตด่ ้วยความรักและความพยายามก็ย่อมท้า
ใหเ้ กิดแตส่ ่งิ ท่ดี ี ๆ จนทา้ ให้เขาได้ประสบความส้าเรจ็ ตามมาทังดา้ นการใชช้ ีวติ การทา้ งาน ความรกั และ
ความส้าเร็จ เส้นทางชีวิตเป็นส่ิงที่เราต้องเลือกแต่เส้นทางความฝันเป็นสิ่งที่เราต้องพยายามเพื่อจะได้น้าไปสู่
หนทางแหง่ ความสา้ เร็จ

๒. คาร้อง

๒.๑ รูปแบบการประพันธ์คารอ้ ง

เพลงสาวตามตะวันเป็นบทเพลงท่ีมีค้าประพันธ์ประเภทกลอนตลาด แต่ละวรรคมีจ้านวนค้า

ตังแต่ ๗-๑๐ ค้า ซึ่งเป็นไปตามหลักการสัมผัสประเภทกลอนตลาด โดยในเพลงตามตะวันมีการใช้ถ้อยค้าที่

สละสลวย มที งั สมั ผสั นอกและสมั ผสั อักษร ดงั นี

๒.๑.๑ สัมผัสนอก สมั ผสั นอกของกลอนตลาดมสี มั ผสั ดังนี

- ค้าสุดทา้ ยของวรรคแรกสัมผัสกบั ค้าที่ ๔ ของวรรคท่ี ๒

- ค้าสุดท้ายของวรรคที่ ๒ สมั ผสั กบั คา้ สดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๓

ตัวอย่างสมั ผัสนอก เชน่

...มองตะวันลับขอบฟา้ มันลบั ตาแล้วทอ้ ใจ

ยิ่งกา้ วตามตะวันยงิ่ ไกล เสยี งหัวใจบอกใหฉ้ ันเลิกตาม

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถิน่ ใต้ หนา้ ๘๖

๒.๑.๒ สัมผสั ใน สัมผสั นอกของกลอนตลาดมีสัมผสั ดงั นี

ตวั อย่างสัมผัสสระและสมั ผสั อักษร เชน่

...ไม่มคี นื ใดยั่งยนื นาน และไม่มีวนั ใดไม่เลิกรา

พน้ ราตรกี ็มที ิวา ย้อนคนื มาใหเ้ ขา้ ใจ

ใหค้ วามรักน้าทางไป ใกลห้ รอื ไกลก็ไมส่ ้าคัญ

สกั วนั หนึง่ ความจริงความฝนั จะได้พบกันตรงทิศตะวนั ตนื่

สัมผัสสระ คอื ค้าที่ ๑ สมั ผัสกับคา้ ท่ี ๔ ของวรรคที่ ๑

ค้าท่ี ๒ สมั ผัสกับค้าที่ ๗ ของวรรคท่ี ๓

ค้าท่ี ๔ สมั ผัสกับคา้ ที่ ๖ ของวรรคท่ี ๔

ค้าท่ี ๑ สมั ผสั กบั คา้ ท่ี ๖ ของวรรคท่ี ๕

คา้ ที่ ๒ สมั ผัสกับคา้ ที่ ๗ ของวรรคท่ี ๗

ค้าที่ ๑ สัมผัสกบั ค้าที่ ๗ ของวรรคท่ี ๘

สัมผสั อกั ษร คือ คา้ ท่ี ๕ สมั ผสั กบั คา้ ที่ ๖ ของวรรคท่ี ๑

นอกจากนี เพลงตามตะวนั ยังมีการซา้ คา้ ดงั ตัวอยา่ ง คา้ ว่า ตะวนั

เดนิ ตามดวงตะวันไป หมายจะตามไปให้ทนั

ก้าวไปบนเส้นทางทีฝ่ ัน แตเ่ หมือนวา่ มนั จะยง่ิ ไกล

มองตะวนั ลับขอบฟา้ มนั ลบั ตาแลว้ ท้อใจ

ยงิ่ กา้ วตามตะวนั ยง่ิ ไกล เสียงหวั ใจมนั บอกให้ฉนั เลิกตาม

ลองหนั กลับไปมองเส้นทางที่มา เปดิ หวั ใจลองดูนน่ั ดาวเต็มฟา้

แคก่ ลับหลงั แล้วเดินกลบั คนื ที่มา อย่าเพิ่งถอดใจ

เดีย๋ วตะวนั จะคืนกลับมาหาเอง ดวงท่มี นั ลับลงตรงทะเลใจ

ตามไม่ทนั ก็เพียงแค่ยอ้ นคนื ไป สู่ทศิ ตะวันออก

เส้นทางทฝ่ี นั กบั ทางกลับบ้านคือเสน้ เดียวกัน ถา้ เขา้ ใจแลว้ กล็ ุกขนึ เดินไปตามทีใ่ จฝนั

อดทนอีกนดิ เถอะนะอีกเดีย๋ วก็ได้สบตาตะวัน แค่เดนิ ตามดาวน้าทางดวงนันเด๋ียวมันก็เชา้

ไมม่ ีคืนใดยงั่ ยืนนาน และไมม่ ีวนั ใดไม่เลิกรา

พน้ ราตรกี ็มีทิวา ย้อนคนื มาให้เข้าใจ

ให้ความรกั น้าทางไป ใกล้หรอื ไกลก็ไม่ส้าคัญ

สักวันหนง่ึ ความจรงิ ความฝัน จะได้พบกันตรงทศิ ตะวันตื่น

เสน้ ทางท่ีฝันกับทางกลบั บ้านคือเส้นเดียวกัน ถา้ เขา้ ใจแล้วกล็ ุกขนึ เดนิ ไปตามท่ีใจฝนั

อดทนอกี นิดเถอะนะอีกเดยี๋ วกไ็ ดส้ บตาตะวนั แคเ่ ดินตามดาวนา้ ทางดวงนันเดยี๋ วมนั กเ็ ช้า

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หนา้ ๘๗

ไมม่ ีคนื ใดย่ังยืนนาน และไม่มีวนั ใดไม่เลกิ รา
พ้นราตรีก็มที วิ า ยอ้ นคืนมาใหเ้ ข้าใจ
ให้ความรกั นา้ ทางไป ใกล้หรือไกลก็ไม่สา้ คญั
สกั วันหนง่ึ ความจริงความฝัน จะได้พบกนั ตรงทิศตะวนั ตน่ื

๒.๒ การใชภ้ าษา
ในบทเพลงตามตะวันมีการใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ฟังแล้วท้าให้เข้าใจเนือหาในบทเพลงท่ีมีความ

เก่ียวข้องกับการเส้นทางแห่งชีวิตที่เมื่อเลือกแล้วก็ต้องเดินตามทางท่ีเลือก ส่ิงท่ีต้องเจอและหน้าท่ีที่ต้อง
รบั ผิดชอบ

๒.๓ ภาพสะทอ้ น
จากบทเพลงตามตะวัน บทเพลงนีสะท้อนให้เห็นสภาพการใช้ชีวติ และปัญหาความอยากจนที่ทา้

ให้ผู้คนนันต้องดินรนเพ่ือผ่านพ้นปัญหาในแต่ละวัน เส้นทางชีวิตที่ก้าลังไปได้อย่างราบรื่นก็ย่อมจะพบเจอ
อุปสรรคทังในเรื่องของการท้างาน ความรัก และสิ่งท่ีไม่คาดเดาได้ที่มาโดยไม่ทันตังตัว ก็คือโรคระบาดท่ีท้าให้
เค้านนั ต้องหยุดงานขาดรายได้ แตเ่ พราะเส้นทางทเ่ี ขาเลือกแล้วจึงท้าให้กลับมาคิดทบทวน และเร่ิมต้นตังหลัก
ใหม่ เพียงเพือ่ อยากทา้ ให้ครอบครัวสบาย ซึ่งในทกุ ครงั ท่รี สู้ กึ ทอ้ ใจหรอื เหนื่อยใจเพียงไหนแต่แคห่ นั กลบั ไปมอง
คนท่ีรออยู่ที่บ้านก็สามารถท้าให้เพิ่มก้าลังใจขึนมาทันทีสุดท้าย แม้ว่าชีวิตจะล้มลุกคลุกคลานแค่ไหนถ้าหากมี
ความพยายามกย็ อ่ มจะท้าให้ขา้ มผ่านอุปสรรคนนั ไปได้

บทเพลง “ตามตะวัน” น้าเสนอเนือหาที่กินใจและลึกซึงของเพลง ท้าให้เกิดสุนทรียภาพที่ท้าให้ผู้ฟัง
นันเกิดความคล้อยตาม เนือหาในบทเพลงสะท้อนให้เห็นค่านิยมการใช้ชีวิตของคนสอดแทรกเนือหาสาระท่ีดี
มีขอ้ คิดเตือนใจในการเลือกเส้นทางชวี ิต ความกตัญญูต่อผู้เปน็ แม่ และเป้าหมายของการท้าอะไรบางอย่างเพื่อ
สิ่งท่ีต้องการ ส่ือถึงความตังใจ ฝันฝ่าอุปสรรค สู่เส้นทางชีวิตแห่งความส้าเร็จท่ีอาจไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
แต่กไ็ ม่มีส่งิ ใดเกินคา่ เหนือความพยายาม

เพลินเพลงในดวงใจ : ตามตะวัน
นางสาวทพิ ย์นภา ทา้ เคร่ือง : เล่าความ

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถิน่ ใต้ หนา้ ๘๘

ศษิ ยเ์ ก่าเลา่ เรอ่ื ง

ศษิ ย์เก่า “ล้อมวงเลา่ เสวนา ประสาไทยไทย”
ศิษยเ์ ก่า เลา่ ความใน “เรอื่ งเล่าจากรนุ่ พ่ี : ไอลดา บุญจันทร์แกว้ ” ศษิ ย์เกา่ เรยี นรา่ ฉายแวว

ศิษยเ์ ก่า “พี่มีงาน น้องดใี จ : รีววิ พ่ีไทย ทสส.๕๙”

ล้อมวงเล่า เสวนา ประสาไทยไทย (นอกสถานที)่

เม่ือวันท่ี ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา สาขาวิชาภาษาไทย จัดกิจกรรมเสวนานอกสถานท่ี เนื่องใน
โอกาสการจัดโครงการ “เรียนรู้วิถีคนกับคตชิ นวิทยา” ซง่ึ ไดล้ งพืนที่เกบ็ ขอ้ มูลด้านคตชิ นภาคใต้ ผ่านการเรยี นรู้
วิถีชีวิตชุมชน และได้มีโอกาสพบปะ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ทังจากผู้คนในชุมชนและศิษย์เก่าในพืนท่ี ท่ีครังหนึ่ง
เคยไดเ้ รยี นรู้จากชายคาไทยศิลปศาสตร์ สู่การสงั คมการท้างานอยา่ งจริงจัง

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หนา้ ๘๙

จากความคุ้นเคยสู่ความคิดถึง จึงได้จัดเวทีเสวนาขึน เพ่ือให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้วได้พบเจอครอบครัว
ไทยศิลปศาสตร์อีกครัง พร้อมทังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ชีวิตการท้างานกับการเรียน จากภาษาไทยสู่ภาษาสังคม
พถี่ งึ นอ้ ง ผองเราชาว ทสส. ทศศ.

กิจกรรม “..ล้อมวงเล่า เสวนา ประสาไทยไทย..” เริ่มต้นขึน ซ่ึงมีผู้ร่วมเสวนาน้าโดย ผศ.ดร.รุ่งรัตน์
ทองสกุล แม่ใหญ่แห่ง ทศศ. ผศ.สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ อาจารย์ปู่ ไอ สไตร์ ตัวแทนศิษย์ปัจจุบัน รวมไปถึง
พ่ีไตเติลและพี่นิว รุ่นพี่ผู้มากประสบการณ์ที่จะมาเล่าเรื่องราวความเป็นไทย ภายใต้หัวข้อ “เรียนไทยได้อะไร
ทา้ ไมตอ้ งเรยี นไทยศิลปศาสตร์”

“...เรยี นไทยศิลปศาสตร์ได้อะไร ทาไมต้องเรยี นไทยศิลปศาสตร.์ ..”
ผศ.ดร.รุ่งรัตน์ ทองสกุล

“...อยากให้ปญั ญากับคนทเ่ี ข้ามาเรียนไทยศลิ ปศาสตร์
ปัญญาตัวน้ี คือ ปญั ญาสาหรับพวกเราทกุ คน

เราอยากเห็นคน ท่จี ะให้คนดูเปน็ มนุษย์ มนษุ ย์คือส่งิ ที่มีจิตใจสงู
ดังนั้น เราอยากใหค้ นท่ีเรียนไทยศิลปศาสตรไ์ ด้เปน็ มนษุ ย์
สรา้ งมนษุ ยจ์ ากตัวตน นนั่ หมายถงึ เราสรา้ งคณุ
เพอื่ จะให้ดคู ุณเปน็ คณุ ...”
ปสู่ มหมาย ปนิ่ พทุ ธศิลป์

“...หากถามว่าไดใ้ ช้อะไรท่ีได้จากภาษาไทยศิลปศาสตรใ์ นการในการทางาน
ตอบไดเ้ ลยคะ่ ว่าหลกั ภาษา คาไหนผิด คาไหนถูก

เพราะการสอนเดก็ ตอ้ งคอยเนน้ ยา้ เพอื่ ให้เค้าเกิดความจา...”

พี่นิว

“...จากการทีม่ าเรียนไทยศลิ ปศาสตร์ จากทีเ่ ปน็ คนพูดไรส้ าระ พูดเร่อื ยเป่ือย
ทาให้เราเรียนรู้หลาย ๆ อยา่ ง เรียนรจู้ ะปรับตัวใหอ้ ยู่กับเพ่ือน ๆ กับคณะ กบั สาขา ไดด้ ขี ึน้ ...”

นอ้ งฟา้

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถน่ิ ใต้ หน้า ๙๐

“...เมื่อไมร่ ้วู า่ ต้องเรยี นต่ออะไร สิ่งที่คิดในตอนน้นั คอื ส่งท่ีร้แู ละติดตวั มาตง้ั แต่เกดิ
จะได้หรอื ไม่ไดอ้ ยา่ งไร ได้มากไดน้ ้อยอยา่ งไร อยา่ งน้อยเราเปน็ คนไทย
เราพดู ภาษาไทยได้ ก็เลยตัดสนิ ใจว่าไปเรียนภาษาไทยศลิ ปศาสตร์...”

พไี่ ตเติล้

“...ไทยศิลปศาสตรท์ าให้เรารวู้ า่ เราบกพรอ่ งตรงไหน
ทาใหเ้ รารู้จักตัวเราใหม้ ากท่ีสุด รู้จกั ขอ้ บกพร่องของเรา และดึงมันออกมา แลว้ พัฒนา

ดังน้นั สรปุ ได้ว่า สาขาภาษาไทยสอนใหค้ นทางานเปน็
สอนให้คนรู้จกั ความสมบรู ณ์แบบ ทไ่ี มส่ มบรู ณ์ และพฒั นาจนกระทั่งสมบูรณแ์ บบในตัวตวั ของมนั ...”

พอี่ ิสมัต

กิจกรรมครังนี แม้จะเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ ด้าเนินการในช่วงเวลาสัน ๆ แต่ก็มากด้วยความรู้
จากประสบการณ์จรงิ ของผ้รู ่วมเสวนา ถา่ ยทอดความเปน็ ตวั ตนสู่การแนวทางการเปน็ อยู่ให้กบั น้อง ๆ ได้อย่าง
ลงตัวและเป็นประโยชน์มากที่สุด นอกเหนือจากสาระความรู้ท่ีได้แล้วนัน การจัดกิจกรรมครังนียังได้รับความ
อบอุ่นจากทังอาจารย์และนักศึกษา ท่ีไม่ว่าจะยังเรียนอยู่หรือจบไปนานแค่ไหนก็ไม่อาจท้าให้ไออุ่นที่เคยสัมผสั
ลดเลือนหายไปเลย ขอขอบพระคุณสาขาวิชาภาษาไทยอีกครังท่ีได้จัดกิจกรรมดี ๆ แบบนีขึน และหวังเป็น
อย่างยงิ่ วา่ จะไดก้ ลบั มา “...ลอ้ มวงเล่า เสวนา ประสาไทยไทย...” กันอีกในครังตอ่ ไป ขอบคุณครับ

“ลอ้ มวงเล่า เสวนา ประสาไทยไทย (นอกสถานที่)”
สราวุธ เสน็ สามารถ : เลา่ ความ

วรรณสารฉบับที่ ๖๑ วลิ าสวฒั นธรรมถ่นิ ใต้ หน้า ๙๑

เร่ืองเลา่ จากรนุ่ พ่ี : ไอลดา บญุ จันทรแ์ ก้ว

สาขาวิชาภาษาไทย มุ่งเน้นจัดการเรียนการสอนเก่ียวกับศาสตร์แห่งภาษาไทยโดยเฉพาะ และผลิต
นกั ศึกษาให้มีคณุ ภาพ มีความรู้เกยี่ วกับศาสตร์ภาษาไทยที่เข้มข้น พร้อมทังการปลูกฝังให้มีจิตบริการ การมีจิต
สาธารณะ ความอ่อนน้อมถ่อมตน และคุณธรรมที่นักศึกษาทุกคนพึงมี เพ่ืออนาคตในการท้างานภายในองค์กร
ตา่ ง ๆ นักศกึ ษาสามารถนา้ องค์ความร้ทู ี่ไดไ้ ปปรับใชอ้ ยู่รว่ มกับผู้อน่ื ในสงั คมการท้างานได้

เม่ือนักศึกษาจบไปเป็นบัณฑิต สู่สังคมแห่งการท้างานอย่างจริงจงั ย่อมมีสายงานรองรับทห่ี ลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการสอน งานเลขานุการ งานธุรการ งานพิธีกร งานกองบรรณาธิการ และอาชีพอื่น ๆ
อีกมากมาย เช่นเดียวกับนักศึกษาหรือรุ่นพ่ีที่เพ่ิงจบไปล่าสุด นั่นคือ ทสส.๕๙ ที่เรียนจบปุ๊บก็มีงานท้าป๊ับ
ซงึ่ หน่ึงในร่นุ พ่ที ่ีเพงิ่ จบไป นัน่ คอื พี่ไอลดา บุญจันทร์แก้ว จะมาเล่าประสบการณ์การเปน็ อยู่และการหางานท้า
ใหไ้ ดง้ านท้าท่ดี ี ไปทา้ ความรู้จกั กันเลยคะ่

นางสาวไอลดา บญุ จนั ทร์แกว้
อาชีพ : คุณครสู อนอนุบาล

โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา จังหวดั ภูเกต็

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หน้า ๙๒

๑. จบจากสาขานี้แล้วมีการวางแผนในการทางานยังไงบ้างคะ
ความรู้สกึ แรกพอจบมาแล้วกร็ ูส้ ึกได้เลยวา่ ตอนเรยี นอยู่ดีกวา่ แต่สา้ หรบั พี่ไมว่ ่าตอนเรียนหรือตอน

จบมา พ่ีก็ตอ้ งทา้ งานอยแู่ ล้วกเ็ ลยรู้สึกปกติมาก พ่ีก็ไม่ไดว้ างแผนอะไรไวเ้ ยอะ แต่ก็แอบคดิ วา่ ไหน ๆ กเ็ รยี นจบ
แล้วก็อยากท้างานให้มันคุ้มกับท่ีเรียนมา พี่ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงาน Part-time แล้วไปสมัครงานใหม่
ซงึ่ คิดว่าอยากจะหางานให้ตรงกบั ท่ีเรียนมาให้มากที่สุดค่ะ สิ่งเดียวท่คี ดิ ว่าใช่นั่นก็คอื คุณครู คะ่

๒. พี่มเี ทคนคิ หรือวิธกี ารหางานยังไงบ้างคะ
เนื่องจากมีนักศึกษาจบใหม่ค่อนข้างเยอะและต้องการหางานในสายงานที่พ่ีตังไว้เป็นจ้านวนมาก

นั่นก็คือ ครูโรงเรียนนานาชาติ จึงท้าให้โอกาสที่จะได้งานนันมีความยากเพิ่มมากขึน ส่ิงแรกท่ีพี่คิดขึนมาในหัว
คือต้องพึ่งส่ิงศักด์ิสิทธิ์บ้างแล้วแหละงานนี จนกระทั่งพ่ีมีโอกาสได้ไปขอพร ณ ที่แห่งหน่ึง มาถึงท่ีแล้วก็จัด
เลยจ้า…

“...ขอให้หนมู ีงานทา ไปสมัครงานทีแ่ รกทเี่ ดยี วกไ็ ด้ทางานทนี่ น่ั เลยนะ สาธุ...”

ห ลั งจ ากนั น กลั บ มาก็เ ห็ น ป้ าย ป ร ะกาศรั บ สมัคร คุณครู ส อน อนุ บ าลท่ีโ ร งเรี ย น ขจร เ กีย ร ติ พัฒนา
กต็ ดั สินใจชวนเพอื่ นไปสมคั รดว้ ยกัน กรอกใบสมัครเรยี บร้อย เวลาผ่านไป ๓-๔ วัน ทางโรงเรียนโทรศพั ท์มาให้
ไปสัมภาษณ์งาน และให้เร่มิ งานได้เลยค่ะ

๓. งานท่ีทาเปน็ ยังไงบ้างคะ
งานท่ีท้าส่วนใหญ่ก็เน้นสอนนักเรียนให้ฟัง พูด อ่าน เขียน ท้าส่ือการสอน ท้าแบบฝึกหัด ดูแล

นักเรียน อะไรประมาณนีค่ะ ตอนไปท้าช่วงแรก ๆ ทางโรงเรียนก็ให้พ่ีทดลองงาน คอยสังเกตและเรียนรู้งาน
จากคุณครูท่านอื่นด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด แล้วก็ต้องปรับตัวให้ได้ ต้องตื่นเช้า มีความรับผิดชอบ ละเอียด
รอบคอบให้มากที่สุด เพราะเราต้องเป็นแบบอยา่ งให้กับนักเรียน เป็นการก้าวสูช่ วี ิตการท้างานอย่างเป็นระบบ
ระเบียบอีกครังค่ะ

๔. ในการทางานสามารถนาความรู้ที่ไดจ้ ากสาขาวิชาไปใช้ยังไงไดบ้ า้ ง
เรื่องการอ่านออกเสียง ร ล ค้าควบกล้าท่ีต้องชัดเจน เรื่องนีส้าคัญและได้น้ามาใช้ได้ดีมาก ๆ ค่ะ

โดยเฉพาะการสอนนักเรียนชันอนุบาล เพราะนักเรียนจะต้องพูดออกเสียงตามคุณครู ถ้าผิดเพียนไป
ก็คือผิดเลยค่ะ และอีกเร่ือง คือ การแต่งกลอน แต่งค้าคล้องจอง แต่งเพลงต่าง ๆ เพราะนักเรียนยังเล็ก

วรรณสารฉบบั ท่ี ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถิ่นใต้ หน้า ๙๓

จะต้องหาอะไรท่ีมันท้าให้นักเรียนจ้าได้ง่าย จ้าได้ไว และจะต้องมีความหลากหลาย มีความน่าสนใจจะท้าให้
นักเรยี นไมเ่ บ่ือคะ่

๕. สดุ ท้ายน้ีฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่สาขาฯ บา้ งคะ
ส้าหรับน้อง ๆ ท่ีสนใจอยากเป็นคุณครู พ่ีอยากฝากเรื่องลายมือ การเขียน ก-ฮ หัดเขียนในสมุด

บรรทัด ๕ เส้น หาแบบมาดูว่าจะต้องม้วนหัวตรงบรรทัดที่เท่าไหร่ ลากเส้นพยัญชนะอย่างไร ความแตกต่าง
ของพยญั ชนะก็จะต้องชัดเจน คือ ง่าย ๆ เลยฝึกคดั ลายมือจ้า และทสี่ ้าคัญเทคนิคการสอนจากทงั อาจารย์และ
การได้ออกค่ายรักษ์ภาษาไทย เป็นส่วนส้าคัญที่ท้าให้เราได้ฝึกเป็นครู เพื่อจะได้ประกอบอาชีพครูจริง ๆ
ในอนาคต สู้ ๆ นะคะ ขอบคุณคะ่

ขอขอบคุณพ่ีไอลดาเป็นอย่างย่ิง ที่ได้มาร่วมแลกเปล่ียนประสบการณ์ ซ่ึงจะเป็นปนะโยชน์กับน้อง ๆ
นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทยให้ได้รู้ถึงแนวทางการเตรียมตัว การเรียน สู่การฝึกประสบการณ์และประกอบ
อาชีพในอนาคต ขอบคุณในความห่วงใยของเราเหล่าชาวไทย ทสส. สู่ ทศศ. ครอบครัวไทยศิลปศาสตร์อีกครัง
ค่ะ ขอบคุณคะ่

“เร่อื งเล่าจากร่นุ พ่ี : ไอลดา บญุ จันทร์แกว้ ”
ไอลดา บญุ จันทรแ์ ก้ว : ให้สมั ภาษณ์
ธัญรดา พเิ คราะห์ : เลา่ ความ

วรรณสารฉบับท่ี ๖๑ วลิ าสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หนา้ ๙๔

ชวนกนิ ชวนเที่ยว

ชวนไปดู ปูนป้ัน “กระบห่ี ัวเสา” ประติมากรรม บอกเร่อื งราว เลา่ วิถี
คนกับคลอง ผูกพัน สายวารี “คนยทู่ ี่ คนั ยอ ปลาพดุ นบพิตา”
แกง “เค่ียวเบน” อาหารเกาะของท้องถิน่ หอมชวนกิน หัวมนั ต้อม เอามาหยา
ช่ือ “เจะ๊ แมะ” ของดี นราฯ ทา “ตาหยาบ” ขา หนมหรอยโด้ โหม้ตลู เรา

“กระบี่หัวเสา”: ประติมากรรมสญั ญาณไฟจราจร จงั หวัดกระบี่

จังหวัดกระบี่ เป็นจังหวัดท่ีมีทรัพยากรทางธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีสถานท่ีท่องเท่ียวหลากหลายทัง
ทางบกและทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นขุนเขา สายน้า ล้าธาร น้าตก
หาดทราย ชายทะเล และเกาะแก่งต่าง ๆ มีอาหารการกินที่เป็น
เอกลักษณ์ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่พร้อมตอบสนองความต้องการ
ของคนทุกกลุ่ม เหล่านีคือมนต์เสน่ห์ที่ท้าให้จังหวัดกระบ่ีกลายเป็น
จังหวัดในฝันของนักท่องเที่ยวทงั ชาวไทยและชาวต่างชาติ

ไม่เพียงเท่านัน จังหวัดกระบี่ยังถูกจัดให้เป็นเมืองแห่ง
ศิลปวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ท่ีโดดเด่นอันดับต้น ๆ ของภาคใต้ฝ่ัง
อันดามัน อย่างเช่นการบอกเล่าประวัติศาสตร์ของจังหวัดผ่าน
ประติมากรรมท่ีสร้างขึนเป็นส่ีแยกจราจรรูปร่างแปลกตาและเป็นท่ี
จดจ้าแก่ผู้คนท่ีมาเยือน โดยที่แต่ละแยกจะส่ือถึงเร่ืองราวและความ
ของมาจงั หวดั กระบี่ มที ังหมด ๔ แหง่ ดว้ ยกัน ไดแ้ ก่

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถิน่ ใต้ หนา้ ๙๕

๑. ประติมากรรมสัญญาณไฟจราจรมนุษย์โบราณ
ประติมากรรมสัญญาณไฟจราจรมนุษย์โบราณ จัดเป็นประติมากรรมแรกท่ีสร้างขึน โดยมีประวัติ

ความเป็นมาจากการขุดพบซากฟอสซิลมนุษย์ในส่วนกรามบนด้านขวาพร้อมฟัน ๕ ซ่ี และกรามด้านล่างขวา
พรอ้ มฟนั ๒ ซ่ี ณ เหมืองถา่ นหินลกิ ไนท์ อ้าเภอเหนือคลอง จงั หวดั กระบี่ ซึ่งไดน้ า้ มาสกู่ ารบนั ทึกประวตั ศิ าสตร์
หน้าใหม่ว่า จังหวัดกระบี่เป็นแหล่งก้าเนิดของมนุษย์เอเชีย โดยพบชินส่วนของมนุษย์โบราณที่มีอายุถึง
๓๕ ลา้ นปี มชี อ่ื ว่า “สยามโมพิเทคัส อโี อซีนสั ” จัดอยู่ในสายพนั ธ์ุ “โฮมินิดส์ หรอื โฮมนิ อยด์” นอกจากนันยัง
ขุดพบโครงกระดูกของมนุษย์ที่เพิงผาหลังโรงเรียนบ้านทับปริก อ้าเภอเมือง มีอายุ ๔๓,๐๐๐ ปี และท่ีถ้าหมอ
เขียว ซง่ึ มอี ายุ ๒๕,๐๐๐ ปี ทงั นกี ารสร้างประตมิ ากรรมส่ีแยกมนษุ ยโ์ บราณนนั นอกจากจะเป็นการจดั ระเบียบ
จราจรในเมอื งกระบ่ีแลว้ ยังเปน็ การบอกเล่าเร่ืองราวดา้ นประวตั ิศาสตร์ในคนท่วั ไปไดร้ ับทราบ รวมทังเปน็ การ
ส่งเสริมการท่องเท่ียวให้กับจังหวัดกระบ่ีด้วย โดยที่ประติมากรรมส่ีแยกมนุษย์โบราณนี ตังอยู่ที่ถนนมหาราช
แยกสุคนธ์และถนนเหมทานนท์ใกล้ ๆ ศูนย์การค้าโวคกระบี่ ซ่ึงในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น เทศกาลปีใหม่ไทย
หรือเทศกาลสงกรานต์ ก็จะมีการน้าเสือผ้ามาสวมใส่ให้กับมนุษย์โบราณ เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์และ
เพ่มิ ความน่าสนใจใหก้ บั สญั ญาณไฟจราจรแหง่ นดี ว้ ย

๒. ประติมากรรมสญั ญาณไฟจราจรเสือเขี้ยวดาบ
ประติมากรรมสัญญาณไฟจราจรเสือเขียวดาบ

เป็นประติมากรรมท่ีเกิดขึนจากการขุดพบซากดึกด้าบรรพ์
ของ “เสือเขยี วดาบ” ณ เหมืองถ่านหินลิกไนท์ อา้ เภอเหนือ
คลอง จังหวัดกระบี่ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓ โดยขุดพบเขียวความ
ยาวประมาณ ๖ เซนติเมตร รวมทังกระดูกชินอ่ืน ๆ อายุ
๓๕-๔๐ ล้านปี เสือเขียวดาบ เป็นสัตว์ดึกด้าบรรพ์เลียงลูก
ด้วยนม อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ และ
เอเชีย สูญพันธ์ุไปเมื่อ ๑๐,๐๐๐ ปีก่อน มีขนาดและรูปร่าง
คล้ายเสือทั่วไป แต่ขาหน้าจะยาวกว่าขาหลัง หางสัน เขียว
ขา้ งบนจะมลี ักษณะแบนและโค้งแบบมดี ดาบ ยาวประมาณ
๒๕-๓๐ เซนติเมตร สามารถจู่โจมและฉกี กระชากเหยื่อด้วยเขียวที่แหลมคมได้อยา่ งรวดเร็ว

ด้วยลักษณะที่น่าสนใจนี ท้าให้เทศบาลเมืองกระบ่ีได้สร้างประติมากรรมเสอื เขียวดาบไว้เพื่อให้อนชุ น
รุ่นหลังได้มีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ดึกด้าบรรพ์ที่เคยมีในจังหวัดกระบี่ และยังส่ือให้เห็นว่าพืนท่ีเมืองกระบี่นันมี
ความอุดมสมบูรณ์ มีเสือโคร่งและเสือด้าอาศัยอยู่เป็นจ้านวนมาก รวมทังยังเป็นการส่งเสริมการท่องเท่ียวอีก

วรรณสารฉบบั ที่ ๖๑ วิลาสวัฒนธรรมถนิ่ ใต้ หนา้ ๙๖


Click to View FlipBook Version