ใบความรู้ วิชา การเขียนลวดลายไทย รหัสวิชา (20315-2107) หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประเภทวิชาศิลปกรรม สาขาวิชาช่างทองหลวง โดย นายพีระยศ แก้วปัญญา กาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง
7 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายตัวเหงา หน้า 1 ชื่อเรื่องการเรียนรู้ที่ 1 การเขียนลายตัวเหงา (สัปดาห์ที่ 1) วิวฒันาการของศิลปะไทย “ศิลปะไทย” หมายถึง ผลงานที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มชนที่มีถิ่นฐานบนผืนแผ่นดินที่เรียกว่า สุวรรณภูมิหรือ สยามประเทศ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นับเป็นวัฒนธรรมของชาติไทย ซึ่งมักจะปรากฏในสมุดข่อย ผนังตู้พระ ธรรม ผนังอาคาร เพดาน หรือเสาของพระอุโบสถ ศาลา ตลอดจนตามอาคารสถานที่โดยทั่วไป แม้กระทั่งในงาน ปูนปั้นและงานแกะสลัก รวมทั้งลายที่แฝงอยู่ในเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ผลงานศิลปะของไทยนั้นส่วนใหญ่จะ เกี่ยวข้องอยู่กับศาสนาและการด าเนินชีวิตประจ าวัน ที่เราเรียกว่า ศิลปหัตถกรรม ประณีตศิลป์ หรือมัณฑนศิลป์ (ศิลปะประยุกต์) โดยในระยะแรกนั้นงานศิลปะไทยจะได้รับอิทธิพลมาจากศิลปวัฒนธรรมและศาสนาพุทธและ ศาสนาพราหมณ์มาจากอินเดีย แต่ก็ได้มีการพัฒนาจนมีเอกลักษณ์เป็นแบบของไทย ลักษณะงานศิลปะของไทย นั้นจะมีความสัมพันธ์กับหน้าที่ใช้สอยในการประดับตกแต่งเครื่องใช้และอาคารสถานที่ ผสมผสานความงามกับ ความเชื่อและจินตนาการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ศาสนา สังคม และสภาพแวดล้อม ศิลปะลายไทย ค าว่า “ลาย” หมายถึง เส้นที่เขียนหรือแกะสลักให้เป็นรูปต่าง ๆ บ่งบอกถึงภูมิปัญญาของคนไทย ช่างไทย ที่ มีจินตนาการ Imagination ในเชิงสร้างสรรค์ที่มีแบบอย่างเฉพาะตัวนับเป็นงานประดิษฐ์กรรม Invention ในเชิง ศิลปะชั้นสูง โดยช่างมองเห็นความงามของธรรมชาติที่ต้องมีการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาจึงเกิดแรงจูงใจ Motivation ที่จะเก็บความงามของธรรมชาติไว้ให้คงอยู่โดยใช้วิธีการทางศิลปะ เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม เป็น ต้น จึงมีการให้ความหมายของลายไทยตามลักษณะวิธีการสร้างสรรค์ ดังนี้ • ลายไทยในเชิงจิตรกรรม หมายถึง ลักษณะของลายที่เขียนลงไปบนพื้นเรียบ ๆ เป็นการเขียนลวดลายที่มี ลักษณะเป็น 2 มิติ • ลายไทยในเชิงประติมากรรม หมายถึง ลายที่มีลักษณะยกจากพื้นขึ้นมาเล็กน้อย โดยจะมีความตื้นลึก มากกว่าลวดลายในงานจิตรกรรม อาจเป็นลายนูนต ่า ลายนูนสูง หรือลอยตัวก็ได้ • ลายไทยในเชิงสถาปัตยกรรม หมายถึง ลายที่ประกอบอยู่ในงานสถาปัตยกรรมมีทั้งแบบ 2 และ3 มิติ
8 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายตัวเหงา หน้า 2 ลกัษณะของงานศิลปะไทย การเปรียบเทียบเอกลักษณ์ศิลปะไทยกับศิลปะตะวันตกสามารถบอกความแตกต่างได้ดังนี้ คือ 1. ไม่เน้นความเหมือนจริงในธรรมชาติศิลปะไทยแตกต่างไปจากศิลปะตะวันตก คือ ศิลปะตะวันตก นั้นเป็นแบบธรรมชาตินิยมหรือศิลปะแบบ เหมือนจริง Realistic Art แต่ศิลปะไทยจะดัดแปลงธรรมชาติไปตามคติ นิยม จัดเป็นศิลปะแบบ อุดมคติ Idealistic Art หรือศิลปะไทยประเพณี ที่คิดสร้างสรรค์รูปแบบจากปรัชญา เช่น ความเชื่อในเรื่องสวรรค์นรกและก าหนดแบบแผนขึ้นที่เรียกว่าแบบครู เช่น มนุษย์ เทพ เทวดา สัตว์ หรือแม้แต่ ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมก็จะเป็นแบบที่ก าหนดขึ้นเอง 2. ได้รบัแรงบลัดาลใจจากธรรมชาติเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าธรรมชาตินั้นไม่ใช่ศิลปะ แต่เป็น ตัวกระตุ้นหรือแรงบันดาลใจ ที่เกิดจากความประทับใจในความงาม แล้วถ่ายทอดออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ลวดลาย ไทยบางอย่างก็ได้จากธรรมชาติ ต้นไม้ หรือสัตว์ เช่น ลายกนก ก็ได้แนวคิดจากใบไม้หรือบางคนก็ว่าได้จาก ลักษณะของเปลวไฟ หรือสัตว์ในวรรณคดีก็มีต้นแบบมาจากสัตว์ที่มีอยู่จริงในธรรมชาติ ผสมกับจินตนาการของ วรรณคดีในเรื่องต่าง ๆ 3. ได้รบัอิทธิพลความเชื่อเกี่ยวกบัศาสนาและไสยศาสตร์ - ความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา (Religon) คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ นิกายหินยานเป็นหลักและ ผสมผสานความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ สังคมไทยมีวัดเป็นศูนย์กลาง เป็นแหล่งรวมของศิลปะไทยทุกแขนง ไม่ ว่าจะเป็นการวางผังของศาสนสถาน การสร้างพระพุทธรูป การสร้างศิวลึงค์ - ความเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร์ เป็นความเชื่อที่มีมาก่อนที่จะนับถือ พุทธศาสนาเป็นความเชื่อในอ านาจ ที่เหนือธรรมชาติ วิญญาณ ภูตผีต่าง ๆ ที่ให้คุณให้โทษได้จึงต้องมีการประกอบพิธีกรรมเพื่อเอาชนะสิ่งเหล่านั้น เช่น การสร้างตุ๊กตาเสียกบาล ทวารบาล การสักยันต์ เป็นต้น นอกจากนี้เอกลักษณ์ที่เด่นชัดของศิลปะไทยก็คือลวดลายต่าง ๆ ที่ให้ความรู้สึกที่อ่อนช้อยงดงาม นุ่มนวล เคลื่อนไหวอย่างละมุนละไม เป็นลักษณะที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของคนไทยที่เป็นชาติเสรี รักอิสระ แสดง ถึงอุปนิสัยใจคอของคนไทย ศิลปะไทยจึงมีลักษณะของการวางรูปแบบวิธีการท าและลักษณะความงามต่าง ๆ เป็น แบบแผนที่แน่นอนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความรู้ทั ่วเกี่ยวกับลายไทย ลายไทย เป็นลวดลายที่สืบเนื่องมาแต่ครั้งโบราณกาล นับตั้งแต่มนุษย์รู้จักใช้สีเขียนเป็นลวดลายลงบน ร่างกายเพื่อให้เกิดความสวยงาม และน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น รวมทั้งการเขียนลวดลายลงบนภาชนะดินเผาศิลปะ ต่างๆ เหล่านี้ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นมรดกตกทอดมาตามยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน
9 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายตัวเหงา หน้า 3 ประวตัิลายไทย ฉาย เทวาภินิมมิตร (2446 : 2) กล่าวถึงต้นก าเนิดของลวดลายต่างๆ ว่า ลวดลายทุกลวดลายนั้นมี มาแล้วตั้งแต่สมัยดึกด าบรรพ์ แต่ใครจะเป็นคนคิดค้นก่อนนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถตอบได้ เชื่อกันว่ามนุษย์รู้จัก การท าลวดลายลงบนตัวเองเมื่อนานมากแล้ว ความมุ่งหมายในการขีดเขียนลวดลายลงบนร่างกายนั้น ก็เพื่อ เพิ่มความสวยงาม และความน่าเกรงขามแก่ศัตรูเวลาพบเห็น เมื่อมนุษย์เจริญขึ้นก็เกิดความคิดที่จะท าให้สีนั้น ติดแน่นอยู่กับร่างกายได้ โดยน าของเหลวมาจุ่มลงในสีที่ผสมขึ้นเป็นพิเศษ แล้วแทงลงไปบนผิวหนัง วิธีนี้เรา เรียกกันว่าสัก ต่อมาเมื่อมนุษย์รู้จักการท าเครื่องมือเครื่องใช้ขึ้นด้วยโลหะและกระดูกสัตว์ ก็นิยมเขียนลวดลาย ลงบนสิ่งของนั้นๆ แต่การขีดเขียนไม่คงทนถาวร มนุษย์จึงคิดค้นการจ าหลักลายขึ้น โดยอาศัยโลหะแหลมขีดลง ไปบนเส้นที่เขียนไว้ ต่อมาเมื่อมนุษย์เจริญมากขึ้นจึงอาศัยสิ่งที่เห็นจากธรรมชาติมาดัดแปลง ปรุงแต่งให้เป็น ลวดลายขึ้น ในขั้นต้นก็เขียนดอกไม้ ใบไม้ที่ง่ายๆ เป็นลายหยาบๆ ก่อน เมื่อได้เขียนสืบต่อกันเรื่อยมา ก็เกิด ความเชี่ยวชาญมากเข้า จึงเกิดความคิด อันจะดัดแปลงให้สวยงามยิ่งขึ้นเป็นล าดับ ลายกนกซึ่งเป็นแม่ลายของ ไทยนั้น ว่ากันว่าเกิดจากการน าเอาสิ่งของตามธรรมชาติ บางท่านก็ว่าจากดอกบัวผ่าซีก รวงข้าว เปลวไฟ (คลัง ปัญญาไทย. 2551 : ออนไลน์) ได้อธิบายอย่างสอดคล้องว่า การเขียนภาพลายไทยนี้มีมาตั้งแต่โบราณ ผู้เขียน ภาพลายไทยในกาลก่อนมีความรู้สึกนึกคิด ตามสิ่งที่เกิด ขึ้นตามธรรมชาติแล้วน ามาเขียนเป็นลวดลายหรือ ภาพต่างๆ ต่อมาได้รับอิทธิพล จากต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวอินเดีย ได้น าศิลปะหลายแขนงเข้ามา ครูอาจารย์ คนไทย ก็ได้เรียนรู้จากอาจารย์เหล่านั้น แล้วน ามาผสม ผสานกับศิลปะดั้งเดิม ของคนไทยสืบทอดกันมาจนถึง ปัจจุบันนี้ หลักฐานตามประวัติศาสตร์ลายไทย ได้เริ่ม ขึ้น ตั้งแต่สมัยเชียงแสน สืบทอดกันมาที่สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์แต่เดิมมีแต่ช่างตามวัดต่างๆ ต่อมาช่างเหล่านั้นได้ถวายตัวเพื่อรับใช้พระเจ้าแผ่นดินเรียก “ช่างหลวง” หรือ “ช่างสิบหมู่”
10 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายตัวเหงา หน้า 4 คลังปัญญาไทย (2551 : ออนไลน์) ได้อธิบายว่า อันเแบบแผนลายไทยเท่าที่ปรากฏ ให้เห็นอยู่ทุกวันนี้ ถือได้ว่าเป็นแบบแผนตายตัว เนื่องด้วยลายไทยได้วิวัฒนาการตัวเอง ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา และ รัตนโกสินทร์จนสู่จุดสมบูรณ์ กลายเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยจนถึงทุกวันนี้ ที่จริงในสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ลายไทยมิได้มีรูปร่างหน้าตาอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ จากการค้นคว้าลายรุ่นเก่า บนลายปูนปั้นและลาย จ าหลักศิลา บนใบเสมารุ่นอู่ทอง และสุโขทัย ซึ่งพบทั่วไปในดินแดนลุ่มแม่น ้าเจ้าพระยา ในท้องที่ของนคร เก่าแก่ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยเรื่อยมา ลงไปสุดใต้ที่นครศรีธรรมราช ลายอันปรากฏนั้น มิได้เป็นลายที่สืบต่อมาจาก ขอม หรือ ทวารวดี หากแต่เป็นลายที่ เกิดขึ้นจากการ “สลัดแอกอิทธิพลอินเดีย” เข้าสู่ความเป็นตนเอง โดยจะมี ลักษณะเหมือนธรรมชาติคือเป็นลายเครือเถา ลายก้านขด ประกอบด้วยรูปดอกไม้ ใบไม้ รูปนก สัตว์จตุบาท (สัตว์4 เท้า) ทวิบาท (สัตว์ 2 เท้า) ต่างๆ ซึ่งลายลักษณะนี้ เป็นลายคนละตระกูล กับลายอันมีอิทธิพลจาก อินเดีย ลายไทยนั้นได้มีวิวัฒนาการ และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยนับเริ่มต้นได้ตั้งแต่ ในสมัยอู่ทอง อยุธยา สุโขทัย ลายไทยในสมัยอยุธยาตอนต้น ตอนกลาง ลายไทยอันสง่างาม เลื่อนไหลเป็นเปลวไฟ ในสมัยอยุธยา ตอนปลาย จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ และศิลปะของเมืองหลวงปัจจุบัน ศิลปะไทย เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นชาติไทยเรา ศิลปะไทยได้มีการสืบทอดมาแต่โบราณ กาลแล้ว เป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยเราที่มีศิลปะประจ าชาติที่งดงามซึ่งนับวันมีแต่จะเลือนหายไป ศิลปะ ไทยไม่ว่าจะเป็นประเภทใด จะต้องเริ่มที่การเขียนลายก่อนเป็นล าดับแรก ฉะนั้นการฝึกหัดเขียนลายไทยเป็น พื้นหลังที่ส าคัญ ต้องมีใจรักและมีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขียนจนเกิดความช านาญและสามมารถผูกลาย ได้แล้วก็น าไปสร้างสรรค์งานศิลปะไทยแขนงอื่นๆ ได้ปัจจุบันนี้ ผู้คนได้ให้ความสนใจในแบบอย่างศิลปะ ตะวันตกมากขึ้นท าให้ศิลปะไทยขาดช่วงหายไป ไม่มีการพัฒนาการที่ต่อเนื่อง ดังนั้นการฝึกสอนการเขียนลาย ไทยจึงจ าเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้เยาวชนคนไทยรุ่นใหม่ที่สนใจในศิลปะไทย ได้ศึกษา เรียนรู้ สร้างสรรค์และ ประยุกต์งานศิลป์ สืบทอดและสานต่อความเป็นไทยให้คงอยู่ตลอดไป
11 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายตัวเหงา หน้า 5 ที่มาของลายไทย ฉาย เทวาภินิมมิตร (2486 : 2) ได้กล่าวว่า มนุษย์เจริญมากขึ้นจึงอาศัยสิ่งที่เห็นจากธรรมชาติมา ดัดแปลง ปรุงแต่งให้เป็นลวดลายขึ้น ในขั้นต้นก็เขียนดอกไม้ ใบไม้ที่ง่ายๆ เป็นลายหยาบๆ ก่อน เมื่อได้เขียนสืบ ต่อกันเรื่อยมา ก็เกิดความเชี่ยวชาญมากเข้า จึงเกิดความคิด อันจะดัดแปลงให้สวยงามยิ่งขึ้นเป็นล าดับ ลายกนก ซึ่งเป็นแม่ลายของไทยนั้น ว่ากันว่าเกิดจากการน าเอาสิ่งของตามธรรมชาติ บางท่านก็ว่าจากดอกบัวผ่าซีก รวง ข้าว เปลวไฟ และอื่นๆ อีก เช่น เวทมนต์ คาถา ฤกษ์ยาม นิยาย พิธี มนุษย์ พืช สัตว์นานาชนิด (คลังปัญญา ไทย. 2551 : ออนไลน์) กล่าวเพิ่มเติมอย่างสอดคล้องว่า ผู้เขียนภาพลายไทยในกาลก่อนมีความรู้สึกนึกคิด ตาม สิ่งที่เกิด ขึ้นตามธรรมชาติแล้วน ามาเขียนเป็นลวดลายหรือภาพต่างๆ น ามาผสม ผสานกับศิลปะดั้งเดิม ของคน ไทยสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ ความหมายของลวดลายไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2538 : 711) ได้ให้ความหมายของค าว่า “ลาย” หมายถึง รูปแบบซึ่งประกอบด้วยเส้นเขียน หรือแกะสลัก ชะลูด นิ่มเสมอ (2544 : 278) ให้ความหมายของค าว่า “ลาย” หมายถึง รูป ที่ท าขึ้นเพื่อตกแต่งสิ่งใด สิ่งหนึ่งให้สวยงาม ส่วนมากจะรูปซ ้าๆ ของแม่ลาย : ในจังหวะและลีลาต่างๆ เช่น ลายเครือเถา ลานกระหนก ลาย กุลั่น ฯลฯ พระพรหมพิจิตร (2508 : 24) ได้กล่าวถึง “ลาย” ว่า ค าน าหน้าชื่อแต่ละชนิดของศิลปกรรมไทยที่เรียก กันอยู่ขณะนี้ มักมีความเข้าใจกันว่าเส้นก็เรียกว่า ลาย บางทีก็เรียกว่า กระหนก ลายเป็นค าแทนค าชื่อชนิดหนึ่ง ของความหมาย และการกระท า เช่น ลายฝ้า หรือฝ้าลาย เป็นต้น พจนานุกรมนักเรียนฉบับปรับปรุง (2536 : 443) ให้ความหมายของค าว่า “ลวด” และ “ลวดลาย” ไว้ว่า ลวด น.สิ่งที่ท าเป็นเส้นขาวๆ เช่นลวดหนัง ลวดโลหะ ; ลายที่ออกเป็นเส้นกลมยาวไปตามขอบต้นไม้ต่างๆ ลวดลาย น.ลายต่างๆ ที่เขียนหรือแกะสลัก, ฝีมือที่แสดงให้ปรากฏ, โดยปริยายความหมายว่า มีลูกไม้หรือชั้นเชิง ต่างๆ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2530 : 720) ให้ความหมายของ “ลวดลาย” ว่า หมายถึงลาย ต่างๆ ที่เขียน หรือแกะสลัก น.ณ ปากน ้า (2522 : 377) ให้ความหมายของ “ลาย” คือ ลวดลายต่างๆ ในศิลปะไทย ภาพเขียนส่วน ใหญ่ที่ปรากฏบนตู้พระธรรมและจิตรกรรมฝาผนัง มักจะมีลวดลายปนกันทั้งสิ้น ลายกนก เรียกว่า ลายไทยถ้าเป็น ลายดอกไม้อย่างธรรมชาติ เรียก ลายเครือเถา
12 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายตัวเหงา หน้า 6 ความรู้ทั ่วเกี่ยวกับลายไทย ลายไทย เป็นลวดลายที่สืบเนื่องมาแต่ครั้งโบราณกาล นับตั้งแต่มนุษย์รู้จักใช้สีเขียนเป็นลวดลายลงบน ร่างกายเพื่อให้เกิดความสวยงาม และน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น รวมทั้งการเขียนลวดลายลงบนภาชนะดินเผาศิลปะ ต่าง ๆเหล่านี้ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นมรดกตกทอดมาตามยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน ศิลปะ อันสวยงามนี้ เกิดขึ้นด้วยฝีมือและสติปัญญาอันชาญฉลาด โดยได้รับแรงบันดาลใจและอาศัยรูปทรงจากพืช พันธุ์ไม้ สรรพสัตว์ และสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ใบไม้ หางไหล เปลวไฟ มาประดิษฐ์คิดดัดแปลง ให้เป็นลวดลายต่าง ๆ จัดวางรูปจังหวะให้เป็นระเบียบกลมกลืนเป็นอันดี โดยล้อเลียนของจริงตามธรรมชาติก่อน แล้วค่อย ๆ หายไปกลายเป็นลวดลายและภาพที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน จากความเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา เป็นเหตุส าคัญให้ช่าง หรือศิลปินประดิษฐ์ลายไทยโดยได้แนวคิด มาจาก ดอกบัว พวงมาลัย ควันธูป และเปลวเทียน เป็นต้น น ามาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นลวดลายต่างๆ เช่น ลายกนก ลายเปลวเพลิง ลายใบเทศ ลายพฤษชาติ ฯลฯ. จึงได้มีการศึกษาถึงที่มาของลายต่าง ๆ ดังนี้ คือ การพัฒนาลายมาจากดอกบัว เป็นการน ารูปดอกบัวชนิดต่าง ๆ เช่น บัวหลวง บัวสัตตบงกช บัว สัตตบุษย์ ฯลฯ. มาพัฒนาโดยใช้จินตนาการเชิงสร้างสรรค์ด้วยการแบ่งครึ่งดอกบัว การรวมดอกบัวเข้าด้วยกันท า ให้เกิดลายกนกสามตัวและคลี่คลายเป็นลายอื่น ๆ ต่อไป ดังภาพประกอบที่ 1-1 ภาพที่ 1-1 ลายมาจากดอกบัว ที่มา : โรงเรียนเทพศิริทร์ร่มเกล้า 606 . (มปป.). ลายไทย ภาพไทย. ออนไลน์.
13 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายตัวเหงา หน้า 7 ตัวเหงา ถือเป็นลายพื้นฐานการเขียนงานลวดลายไทย ค าว่าตัวเหงาไม่มีความหมายในพจนานุกรรมไทย มี นักวิชาการทางด้านงานศิลปกรรมไทยมีความเชื่อว่า ค าว่าตัวเหงา น่าจะมาจากค าว่ารากเหง้า ซึ่งมีความหมายใน พจนานุกรมไทยว่า ต้นก าเนิด ต้นวงศ์ ตัวเหงาในงานลวดลายไทยมีรูปทรงเหมือนรูปทรงใบเทศ เป็นรูปทรง ธรรมชาติเป็นรูปทรงใบไม้ กลีบดอกบัวหลวง การฝึกเขียนตัวเหงา ตัวบากลายไทยมี่ใช้ประกอบในการเขียนลาย ไทย มีรูปทรงเป็นรูปทรงลายกนก ดังภาพประกอบที่ 1-2 ภาพที่1- 2 ลายตัวเหงา
28 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายกนกสามตัว หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 2 การเขียนลายกนกสามตัว(สัปดาห์ที่ 2 ) ลายกนก ความหมายของกระหนก มีผู้รู้ได้ให้ความหมายของกระหนกไว้หลายท่าน ดังนี้ กนก คือ “ชื่อแบบลายไทยประเภทหนึ่ง ใช้ผูกเขียนเป็นลวดลาย มีทั้งระบายสีปิดทองรดน ้า ปั้น หรือ แกะสลัก” (ราชบัณฑิตยสถาน, 2530 : 60) กนก คือ เป็นลายที่ช่างไทยถือว่า เป็นแม่ลาย นอกจากสันนิษฐานว่าเกิดจากลายกระจังผ่าซีกแล้ว ยัง พบว่าน่าจะมีวิวัฒนาการมาจากลายของสกุลศิลปะอื่น ๆ อีก เช่น ศิลปะขอมและอู่ทอง แต่ที่เรียกว่าเป็นลาย กนกแท้นั้น น่าจะมีขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา เพราะลายกนกไทยจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ ปลาย ยอดลายจะไม่เรียบตรง แต่จะท าให้มีความอ่อนและสะบัดคล้ายกฤชชวา ซึ่งลักษณะนี้จะเริ่มมีปรากฏชัดใน ศิลปะอยุธยา ทั้งค าว่า กนก พจนานุกรมได้แปลว่า ทอง ดังนั้น ลายกนกน่าจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเขียนลายรด น ้าซึ่งเป็นลายทอง อันเป็นศิลปะที่เด่นชัดในสมัยอยุธยาเป็นต้นมา (ศิริพงษ์ พะยอมแย้ม, 2525 : 4) กนก คือ ลายที่มีความส าคัญมากในการประดิษฐ์ลายไทย ต้นก าเนิดลายกนกนั้นได้มาจากดอกไม้ ใบไม้ ตาไม้ ฯลฯ ซึ่งน ามาประดิษฐ์เป็นลายกนกมีหลายชนิด (มานิต หล่อพินิจ, 2543 : 8) กนก คือ ลายซึ่งผูกเขียนอยู่ภายในพื้นที่รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก บางทีก็เรียก “ลายกนก” ซึ่งแปลว่าทอง เหตุที่เรียกแม่ลายนี้ว่า “ลายกนก” หรือ “ลายทอง” แผกเพี้ยนไปกว่าชื่อแม่ลายของเก่าเค้าเดิม ดังนี้เห็นทีจะ เข้าใจไขว้เขวไปอย่างหนึ่งอย่างใด ดังค าอธิบายของอาจารย์พระพรหมพิจิตร(พรหม พรหมพิจิตร) ในเรื่อง “ค า ว่าลาย” ว่า “ส่วนค าว่า กระหนก ในปทานุกรมแปลว่า ทองและต้นไม้ที่มีหนาม เมื่อมานึกถึงค าว่าทองอาจเอาไป ท าเป็นกนกขึ้นอย่างหนึ่งก็ได้” แม่ลายกนกนั้น โดยความหมายแท้จริงหมายเอาลักษณะของตัวลายอันผูกท า ทรงปลายเรียวแหลม แล้วส่วนแง่บากกนกเป็นประดุจหนาม คล้ายกับต้นไม้ซึ่งมีหนามแหลม จึงเรียกแม่ลาย ลักษณะเช่นนี้ว่า แม่ลายกนก แม่ลายกระหนกนี้จัดว่าเป็นแม่ลายส าคัญ ใช้เป็นหลักในการผูกเขียนลวดลายแบบ ประจ าชาติ ตกแต่งแก่สิ่งของเครื่องใช้เป็นสิ่งประณีตสืบเนื่องกันมานาน จนถึงเวลาในปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ แม่ลาย กนกอาจประดิษฐ์เป็นตัวมีบากแบ่งตัด และย่อน าไปผูกเป็นลวดลายได้หลายกระบวน เป็นต้นว่า ผูกเป็นลาย เปลวเครือเถา ลายก้านขด ลายเกลียว หรือลายเครือกนก กนก คือ ลวดลายประดิษฐ์อยู่ในโครงรูปสามเหลี่ยม (มักเรียกว่า “กนก”) มีลักษณะเป็นลายประดิษฐ์ ประกอบด้วยตัว กนก กาบ เหงา อยู่ในโครงสร้างรูปสามเหลี่ยม ลายกนกสามตัวจัดว่าเป็นลายส าคัญมาก เท่ากับเป็นแม่บทของกนกต่าง ๆ ทุกชนิด หรือเรียกว่าเป็น “แม่ลาย” กนกทุกชนิดนับว่าแยกออกไปจากกนก สามตัว เช่น ลายกนกสามตัวเปลว หรือกนกหางหงส์ ลายกนกสามตัวใบเทศ ลายกนกสามตัวหางโต (บุญมา แฉ่งฉายา, 2533 : 67) ดังภาพประกอบที่ 2-1
29 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายกนกสามตัว หน้า 2 กนกสามตัวลายนาค กนกสามตัว กนกสามตัวเปลว กนกสามตัวใบเทศ ภาพที่ 2-1 ลายกนก ที่มา : บุญมา แฉ่งฉายา. (2533). ศิลปะลายไทย : 69 - 71. ส่วนประกอบของลายกนกสามตัว แม่ลายกนกสามตัว เป็นแม่ลายที่มีความส าคัญมากที่สุด เนื่องจากมีรูปแบบการแบ่งตัวลาย หรือ การบาก ได้ละเอียด สามารถแตกช่อลายให้วิจิตรสวยงาม ลายกนกต่าง ๆ จะต้องอาศัยการแบ่งตัวลายในรูปแบบของ กนกสามตัวทั้งสิ้น ลักษณะของกนกสามตัวประกอบไปด้วยตัวกาบ ตัวเหงาและตัวยอด ดังภาพประกอบที่ 2-2 ภาพที่ 2-2 ส่วนประกอบของกนกสามตัว
30 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายกนกสามต้ว หน้า 3 วิวฒันาการลายกนก ดังภาพประกอบที่ 2-3 สมัยอมราวดี สมัยทวาราวดี สมัยมถุรา สมัยคุปตะ สมัยคุปตะ สมัยคุปตะ สมัยทวาราวดี สมัยทวาราวดี สมัยทวาราวดี นครปฐม นครปฐม พระธาตุพนม ภาพที่ 2-3 วิวัฒนาการลายหนก
31 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายกนกสามตัว หน้า 4 สมัยศรีวิชัย สมัยลพบุรี บันท้ายศรี สมัยลพบุรี พิมาย สมัยอยุธยา สมัยอยุธยา สมัยอยุธยา วัดพระราม วัดราชบูรณะ วัดพระศรีสรรเพชญ์ สมัยอยุธยา สมัยอยุธยา สมัยอยุธยา วัดไชยวัฒนาราม วัดภูเขาทอง วัดใหญ่สุวรรณาราม ภาพที่ 2-3 วิวัฒนาการลายหนก (ต่อ)
32 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายกนกสามตัว หน้า 5 ลักษณะลายกนกสามตัว ดังภาพประกอบที่ 2-4 ภาพที่ 2-4 ส่วนประกอบของกนกสามตัว
47 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 3 การเขียนช่อลายกนก (สัปดาห์ที่ 3 ) ลักษณะของลายกนก ลายกนกแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ดังนี้คือ 1. ลายกนกก้านขด กนกก้านขด การผูกลวดลายชนิดที่เป็นเถาแบบหนึ่งเรียกว่า กนกก้านขดหรือลายก้านขดลวดลายแบบ นี้อาศัยเถาเป็นหลักในการผูกเขียน การผูกวางเถามีลักษณะเฉพาะที่ต้องไขว้ลงขมวดกันเป็นก้นหอยแม้ว่าการ เดินเถาแตกแยกออกไปสัดเท่าใดในพื้นซึ่งประสงค์ที่จะผูกลวดลายให้เต็มนั้นก็ตาม ก็จะต้องผูกเถาให้ขดเป็น ขมวดต่อเนื่องกันไปทั้งสิ้น เถาที่ผูกขดเป็นวงแต่ละวงจ าเป็นที่จะต้องน าเอาตัวกนกมาผูกประกอบเข้าด้วยกัน เป็นระยะ ทิ้งช่องไฟเป็นจังหวะตามล าดับเสมอกัน ตัวกนกที่น ามาผูกเข้ากับเถานี้สมมุติว่าเป็นใบเป็นช่อของ เถาไม้ตามปรกติในธรรมชาติ กนกก้านขดซึ่งผูกท าเถาเดินเป็นวงขมวดคล้ายก้นหอยนี้ตรงส่วนปลายเถาตรงใจ กลางวงมักจะท าเป็นช่อกนกหางโตบ้างพุ่มใบเทศบ้าง ท าเป็นรูปภาพราชสีห์ คชสีห์ หรือสัตว์หิมพานต์โผล่ ออกมาเพียงท่อนหัวบ้างหรือท าเป็นรูปอมนุษย์ รูปเทพยดาบ้างก็มีลวดลายกนกก้านขดซึ่งท ารูปภาพหรือ ลวดลายบางประเภทต่อออกไปเช่นที่ว่านี้ มักมีชื่อเรียกต่างๆ กันตามแบบที่ น ามาผูกเขียนนั้นๆเป็นต้นว่ากนก ก้านขดหน้าสิงห์ กนกก้านขดใบเทศ กนกก้านขดหางโต ฯลฯ กนกก้านขด เป็นลวดลายที่นิยมใช้ผูกส าหรับลายปูนปั้น สลักไม้ และลายประดับมุกเป็นส่วนมาก การ เขียนระบายสีหรือท าเป็นลายปิดทองรดน ้า ดังภาพประกอบที่ 3-1 ภาพที่ 3-1 ลายกนกก้านขด ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 47.
48 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 2 2. ลายกนกรวงข้าว กนกรวงข้าว เป็นการผูกลายกอกนกเลียนแบบต้นข้าวหรือต้นไม้ประเภทกอ มีทั้งผูกลายแบบเปลวและ ลายใบเทศลวดลายเป็นรูปช่อกนกอ่อนโอนคล้ายรวงข้าว รูปทรงช่อลายมักผูกเข้าตามกรอบจ ากัดหรือรูปทรงอิสระ ก็สามารถท าได้ มักใช้ ภาพสัตว์ตกแต่งคละเคล้าให้เกิดความสวยงามดูมีชีวิตชีวา ดังภาพประกอบที่ 3-2 ภาพที่ 3-2 ลายกนกรวงข้าว ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 46.
49 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 3 3. ลายกนกพะเนียง กนกพะเนียง คือการผูกลายเป็นลักษณะกอกนก แต่ลวดลายอยู่ในลักษณะพุ่งออกจากแกนกลางเป็น ดอกพุ่มข้าวบิณฑ์บ้าง เป็นกนกเปลวบ้าง เหมือนดอกไม้ไฟถูกจุดให้ลุกเป็นช่องาม เรียกว่า ไฟพะเนียง ดังภาพประกอบที่ 3-3 ภาพที่ 3-3 ลายกนกพะเนียง ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 46.
50 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 4 4. ลายกนกนาค กนกนาค เป็นกนกชนิดหนึ่งที่ช่างประดิษฐ์แผลงปลายลายเป็นเศียรนาค ซึ่งในทางด้านสถาปัตยกรรม ของไทยมีการค้นพบดินเผารูปหัวพญานาคในยุคสุโขทัย เป็นลักษณะของส่วนที่เป็นหางหงส์ของหลังคาเรียก หางหงส์หัวนาค ในด้านงานไม้แกะสลักแล้ว ราชรถที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเป็นกนกนาคที่จัดว่าสวยงาม มากที่สุด ในปัจจุบันกนกนาคที่ใช้ส าหรับหางหงส์ได้เปลี่ยนไป มีการน าศีรษะของสัตว์ต่างๆ มาประดิษฐ์แทน โดยช่างรุ่นใหม่ๆ ส่วนช่างปั้นปูนสดที่จังหวัดเพชรบุรี นิยมปั้นหางหงส์เป็นศีรษะมนุษย์ยักษ์ฯ หรือเลียนแบบ หน้าบุคคลส าคัญในปัจจุบัน กนกนาคโดยมากใช้ท าเครื่องโลหะรูปพรรณ ประดับประกอบริมหน้ากระถอบพระพุทธปฏิมากร ทรงเครื่องใหญ่ หรือที่ปลายสาหร่ายประกอบข้างเสาโบสถ์วิหารเป็นต้น ดังภาพประกอบที่ 3-4 ภาพที่ 3-4 ลายกนกนาค ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 46.
51 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 5 5. ลายกนกผักกูด กนกผักกูด มีทรงเหมือนกนกสามตัว แต่ส่วนปลายหรือส่วนยอดอยู่ในลักษณะขดหรือขมวดคล้ายผัก กูด บางทีเรียกว่ากนกยอกกลับ หรือกนกเขมร เป็นลายที่ประดิษฐ์ขึ้นมาโดยเลียนแบบลวดลายของขอม ไม่อยู่ ในท่วงทีของกนกแบบไทยจึงหน้าจะเรียกว่าลายผักกูดดังภาพประกอบที่ 3-5 ภาพที่ 3-5 ลายกนกผักกูด ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 53.
52 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 6 6. ลายกนกขบคาบ กนกขบคาบ คือการผูกลวดลายเป็นส่วนประกอบของช่อ เถา ก้าน เพื่อใช้เป็นตัวต่อลายและแยกลาย มี ลักษณะเป็นรูปหน้าสัตว์ด้านเสี้ยวที่เรียกว่า นกคาบ และเป็นรูปหน้าสัตว์ด้านอัดเรียก หน้าขบ ดังภาพประกอบ ที่ 3-6 ภาพที่ 3-6 ลายกนกขบคาบ ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 47.
53 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 7 7. ลายกนกนารี กนกนารีเกิดจาการแบ่งตัวลายในกนกสามตัวให้ละเอียด งดงาม เท่าที่จะแบ่งได้ในเนื้อที่กนกสามตัว ตามความเหมาะสม มีทั้งชนิดเปลวและใบเทศ กนกหางหงส์หรือ กนกหางกินนร เกิดจากการแบ่งตัวลายในกระหนกสามตัวให้ละเอียดขึ้นเหมือน กนกนารีดังภาพประกอบที่ 3-7 ภาพที่ 3-7 ลายกนกนารี ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 53.
54 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 8 8. ลายกนกหางโต กนกหางโต เป็นแม่ลายทรงเหมือนกนกสามตัวเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เทศหางโต เป็นแม่ลายประเภทช่อ การผูกลายมักใช้ใบเทศ และเปลว ตรงส่วนบนต่อจากก้านขึ้นไปอยู่ในทรงพุ่ม ดังภาพประกอบที่ 3-8 ภาพที่ 3-8 ลายกนกหางโต ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 46.
55 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนก หน้า 9 ลักษณะช่อลายกนก ดังภาพประกอบที่ 3-9 ภาพที่ 3-9 ลักษณะช่อลายกนก
75 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนกใบเทศ หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 4 การเขียนแม่ลายกนก (สัปดาห์ที่ 4) ลักษณะของลายกนก ลายกนกแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ดังนี้คือ 1. ลายกนกหางโต เป็นกนกแม่ลายอีกชนิดหนึ่ง ประเภทลายช่อ มีลักษณะทรงเป็นพู่คล้ายหางสิงโต บางครั้งอาจเรียกว่าเทศหางโต ลวดลายภายในใช้ใบเทศและเปลวประกอบ ดังภาพประกอบที่ 4-1และ 4-2 ภาพที่ 4-1 ขั้นตอนการเขียนลายกนกหางโต ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 38. ภาพที่ 4-2 กนกหางโตในรูปแบบต่าง ๆ ที่มา : เสน่ห์ หลวงสุนทร. (2542) . ศิลปไทย. : 105.
76 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนแม่ลายกนก หน้า 2 2. ลายกนกใบเทศ เป็นกนกแม่ลายชนิดหนึ่ง ในการแบ่งตัวใช้ใบเทศหรือแข้งสิงห์เกาะอยู่กับก้าน หาก ยอดกนกท ายอดลายให้สะบัดในลักษณะไหลเราเรียกว่าเปลวใบเทศ ดังภาพประกอบที่ 4-3 และ 4-4 ภาพที่ 4-3 ขั้นตอนการเขียนลายกนกใบเทศ ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย : 38. ภาพที่ 4-4 ภาพลายกนกใบเทศประดับซุ้ม ที่มา : วุฒิชัย พรมมะลา. (2546). ลายไทยเพื่อการออกแบบ.: 44.
77 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนช่อลายกนกใบเทศ หน้า 3 3. ลายกนกเปลว ลายกนกเปลว เป็นชื่อลายกนกชนิดหนึ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเปลวไฟ ลักษณะ การเขียนก็จะต้องเขียนให้ส่วนปลายของกนกเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ส่วนปลายพลิ้วสะบัด กนกเปลวส่วนใหญ่ นิยม ประดับสิ่งก่อสร้าง เช่น หน้าบันโบสถ์ วิหาร ประตู หน้าต่าง ปราสาท ราชฐาน ข้อสังเกต ในการเขียนกนกเปลว นั้น หลักใหญ่ก็จะต้องเขียน กาบ ก้าน กาบเลี้ยง และตัวกนก เป็นรูปทรงเรียวๆยอดสะบัดค่อยๆ ลื่นไหลเหมือนเปลว ไฟจริง ๆ ดังภาพประกอบที่ 4-5 และ 4-6 ภาพที่ 4-5 ขั้นตอนการเขียนลายกนกหางโต ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. (2541). ลายไทย ภาพไทย: 38. ภาพที่ 4-6 แม่ลายกนกเปลวแบบต่าง ๆ ที่มา : กฤษณะ ชวนคุณกร. (2546). วิชาศิลปะลวดลายไทย. (เอกสารประกอบวิชาศิลปะลวดลายไทย).
95 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายกนกสมัยรัตนโกสินทร์ หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนลายกนกสมยัรตันโกสินทร ์(สัปดาห์ที่ 5 ) วิวฒันาการลายกนกสมยัรตันโกสินทร ์ ดังภาพประกอบที่ 5-1 สมัยรัตนโกสินทร์ สมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 2 สมัยรัตนโกสินทร์ สมัยรัตนโกสินทร์ สมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 ภาพที่ 5-1 วิวัฒนาการลายกนกสมัยรัตนโกสินทร์
96 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายกนกสมัยรัตนโกสินทร์ หน้า 2 ลักษณะลายกนกสมยัรตันโกสินทร์ กนกสืบทอดมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีหลักฐานเหลืออยู่มากมาย ทั้งงานปั้น งานเขียน ในที่นี้ขอเสนอ เพียงแบบแผนของลายคัดลอกจากลายเขียนในสมุดต าราลายไทย ที่พระเทวาภินิมมิตเรีบนเรียง ดังภาพ ประกอบที่ 5-2 และ 5-3 ภาพที่ 5-2 ลักษณะลายกนกสมัยรัตนโกสินทร์ ที่มา : สันติ เล็กสุขุม. (2545). กนกในดินแดนไทย. : 40. กนกสามตัวใบเทศ กนกสามตัวผักกูด กนกสามตัวหางหงส์ กนกสามตัวลายนาค
97 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายกนก เรื่อง : การเขียนลายกนกสมัยรัตนโกสินทร์ หน้า 3 ภาพที่ 5-3 ลายกนกสมัยรัตนโกสินทร์แบบต่าง ๆ ที่มา : สมปอง อัครวงษ์. (2534). วิชาศิลปะไทย. (เอกสารประกอบวิชาศิลปะลวดลายไทย).
117 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวคว ่าบัวหงาย หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 6 การเขียนลายบัวคว ่าบัวหงาย (สัปดาห์ที่ 6 ) บัว เป็นพันธ์ไม้ที่นิยมใช้รูปดอกเป็นสัญลักษณ์ในศาสนาพุทธและพราหมณ์ รูปทรงของดอกบัวเป็นต้นเค้าหรือ บ่อเกิดของลายไทย โดยใช้เส้นรอบนอกอันอ่อนโค้งซึ่งถือว่างาม น ามาสร้างรูปต่างๆ ไม่ว่าจะปรากฏรูปร่างที่ เด่นชัดของกลีบบัวหรือไม่ก็ตาม บัวจึงเป็นลวดลายส าคัญยิ่งในการเขียนภาพ ปั้นสลักและสิ่งก่อสร้าง ปรากฏเป็น ชื่อลายอยู่ทั่วไป ลายเส้นที่ประดิษฐ์ให้มีส่วนนูน ส่วนเว้า บนพื้นระนาบที่เรียกว่า ท้องไม้มีความยาวต่อเนื่องรอบฐาน อุโบสถ วิหารหรือฐานเจดีย์ เรียกว่า ลวดบัว หากเป็นเส้นนูนโค้งไปตลอดเรียกว่า ลวดบัวลูกแก้ว แล้วลวดบัว ลูกแก้วท าเป็นเส้นแหลม เรียกว่า ลวดบัวลูกแก้วอกไก่ ตรงลูกแก้วของหัวเม็ดถ้าใส่ลายบัวลงไป เรียกว่า บัว ลูกแก้ว บัวคว ่า บัวหงาย เป็นลายคู่กัน บัวคว ่าอยู่ส่วนล่างของฐาน บัวหงายอยู่ส่วนบน ฐานนี้เรียก ฐานบัว หรือ ฐานปัทม์ลายบัวคว ่าหากมีส่วนลาดมากเรียก บัวถลา ซึ่งมักท ากลีบบัวแยกกันเป็นกลีบและมีกลีบซ้อนระหว่าง กลีบ บัวรวน เป็นบัวคว ่า บัวหงายอีกแบบหนึ่งซึ่งท าเป็นเส้นบัวขนานกันไป ตามส่วนโค้งของบัว คล้ายกระจัง รวนจึงอ่อนช้อยไม่แข็งกระด้างเหมือนบัวธรรมดา บุญมา แฉ่งฉายา (2533 : 75 – 83) กล่าวเกี่ยวกับ“ลายบัว” ว่า เป็นลายที่มีลักษณะคล้ายกลีบดอกบัว ดอกบัวที่เป็นบ่อเกิดของลวดลายไทยนั้น โดยมากจะใช้รูปดอกบัว 3 ชนิด ชนิดแรกคือ 1. บัวสัตตบงกช เป็นบ่อเกิดของลวดลายบัวกนก 2. บัวสัตบุตร เป็นบ่อเกิดของลวดลายกรวยเชิง 3. ดอกบัวหลวง เมื่อน าดอกบัวหลวงมาผ่าซีกตรงกลางจะเห็นส่วนโค้งเว้า คล้ายชายมุมฉากหรือ ชายธงเป็นบ่อเกิดของกระหนกนารี หรือกนกหางกินนร “ลายบัว” จะมีลักษณะต่อเนื่องกันไปตามแนวนอน ลายกลีบบัวนี้ยังสามารถแบ่งลายละเอียดภายในได้ อีกเช่น น าเอาลายของตัวกระจังเข้ามาใส่ในทรงกลีบบัวก็ได้ ผู้ออกแบบต่างก็ดัดแปลงทั้งส่วนละเอียดภายใน และรูปทรงไปบ้าง จึงมีชื่อเรียกเฉพาะไปแต่ละแบบๆ โอกาสที่จะใช้ลายบัวนั้นส่วนใหญ่จะใช้เป็นลายประกอบ ฐาน เช่น ใช้เป็นลายประดับที่ชั้นบัวหงาย หรือชั้นบัวคว ่า และบางชนิดก็ใช้เป็นบัวหัวเสา เช่น บัวกลีบขนุน และบัวกาบปลี เป็นต้น กล่าวคือลายกลีบบัวมักใช้ในองค์ประกอบทาง ศาสนศิลป์ เช่น ใช้เป็นที่รองรับพระพุทธ ปฏิมากร และเครื่องราชูปโภคโดยเฉพาะ ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมไทยก็มีมากดังเห็นได้จากโบสถ์ วิหาร เจดีย์ ได้มีลายบัวประดับตกแต่งอย่างงดงาม
118 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวคว ่าบัวหงาย หน้า 2 พระเทวาภินิมมิต (2537 : ไม่ปรากฏเลขหน้า) กล่าวว่า รูปดอกบัว เป็นบ่อเกิดแห่งลายได้มากกว่าอย่าง อื่น ลายบัวซึ่งได้มาจากกลีบหรือดอกบัวหลวงมีหลายลักษณะ เป็นพันธ์ไม้ที่นิยมใช้รูปดอกเป็นสัญลักษณ์ใน ศาสนาพุทธและพราหมณ์ รูปทรงของดอกบัวเป็นต้นเค้าหรือบ่อเกิดของลายไทย โดยใช้เส้นรอบนอกอันอ่อนโค้ง ซึ่งถือว่างาม น ามาสร้างรูปต่างๆ ไม่ว่าจะปรากฏรูปร่างที่เด่นชัดของกลีบบัวหรือไม่ก็ตาม บัวจึงเป็นลวดลาย ส าคัญยิ่งในการเขียนภาพ ปั้นสลักและสิ่งก่อสร้าง ปรากฏเป็นชื่อลายอยู่ทั่วไป ลายบัวคว ่า บัวหงาย บัวรวน ซึ่งประดิษฐ์มาจากกลีบดอกบัว และใบเทศ ลายบัวกลุ่ม อยู่ทรงเครื่องยอด กลมหรือแปดเหลี่ยม หรืออยู่ในฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้ 12 (คือย่อ มุมละ 3) ลายบัวกลีบขนุน ซึ่งใช้เป็นกลีบยอดปรางค์หรือชนิดซ้อนซึ่งใช้เป็นลายเสาและกลีบพาน ลายบัวจงกล ส่วนมากใช้เป็นบัวปลายเสาและกลีบพาน ลายบัวกาบปลี ใช้ตอนชั้นปลี เครื่องยอดมณฑป ลายบัวแวงหรือบัวเกสร ใช้เป็นลายฐานชั้นเชิงบาท ลายบัวกระจับหรือบัวคอเสือ ส่วนมากใช้ใต้ฐานบัลลังก์เครื่องยอด ลายบัวกระจาด ใช้ในการท ากระจาดบรรจุเครื่องไทยธรรมหรือเป็นกลีบฉัตรเบญจรงค์ ลายบัวฐานและบัวปากปลิง ประกอบอยู่ในฐานต่างๆ ของชั้นยอด ลายบัวหลังเจียด ส่วนมากใช้เป็นก าแพงวัดหรือตามพนักและราวบันไดปูน ลายบัวกระหนก ใช้เป็นลายเชิงฝ้าหรือสิ่งอื่นใดได้มากอย่าง ลายบัวฟันยักษ์ ใช้เป็นลายหน้ากระดานหรือลวดลายขนาดใหญ่ ลายบัวลูกแก้ว ใช้ในชั้นลูกแก้วของยอดหรือฐานชั้นต่างๆ ลายบัวถลาหรือบัวคว ่า น่าจะเป็นบัวระฆังองค์พระเจดีย์ ลายบัวกลีบบายศรี เป็นบัวเลียนแบบมาจากการเย็บบายศรี ดังภาพประกอบที่ 6-1
119 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวคว ่าบัวหงาย หน้า 3 ลายบัวจงกล ลายบัวกาบปลี ลายบัวคอเสื้อ ลายบัวกลุ่มหรือบัวฐานกลุ่มหรือบัวกลุ่มเครื่องยอด ลายบัวฟันยักษ์ ภาพที่ 6-1 ลายบัว ที่มา : บุญมา แฉ่งฉายา. (2533). ศิลปะลายไทย : 76 – 83.
120 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวคว ่าบัวหงาย หน้า 4 บัวหงาย และ บัวคว ่า ลายบัวคว ่าบัวหงาย รูปร่างลักษณะลวดลายคล้ายกลีบบัวหรือดอกบัว ซึ่งช่างแต่ละสมัยได้น ากลีบบัวนี้ มาประดิษฐ์เป็นลวดลาย และนิยมใช้กันแพร่หลายลักษณะลายบัวคว ่า ยอดกลีบบัวจะคว ่าชี้ลง ส่วนบัวลายหงาย ลักษณะยอดกลีบบัวจะ หงายขึ้น รูปทรงของลวดลาย อยู่ในสามเหลี่ยมยอดแหลม มุมที่ฐานสองมุมจะโค้งเท่ากัน มาจดฐานที่จะประดับ ข้าง จะบากขอบกลีบทั้งสองข้าง ตัวลายนูนหนาทั้งสองข้างตัว ลายนูนหนาตรงกลางจะค่อย ๆ บางเรียวไปทาง ขอบลาย ท าให้เห็นปริมาตรรายละเอียด ภายในลาย ช่างจะเดินเส้นเหมือนขอบลายด้านนอก อีกชั้นหนึ่ง หรือ สองชั้นตามขนาดที่น าไปใช้ เช่น ถ้าเป็นลายบัวคว ่าบัวหงาย ที่ขนาดโต อาจจะท าสามชั้น จะมีความหนาของ ปูนลดหลั่น จากชั้นในสุด ถึงชั้นนอกบางที่สุด เมื่อน าไปประดับสถาปัตยกรรม ลายบัวคว ่าจะเรียบเป็นลาย ให้ ยอดคว ่าลงเรียง ตามความยาวของหน้ากระดาน และจะอยู่ส่วนล่างของลาย บัวหงาย ลายบัวหงายจะจัดประดับ เอายอดกลีบลาย ตั้งเรียงติดต่อเช่นเดียวกัน ช่องว่างระหว่างยอดกลีบลาย ช่างจะ แก้ปัญหาช่องว่าง โดยการท าเป็นกลีบแทรก หรือกลีบดอกเล็ก ๆ เพิ่มขึ้น การน าไปประดับ มักจะใช้ประดับใน ส่วนฐานของ สถาปัตยกรรม เช่น ฐานโบสถ์ฐานซุ้มประตูโบสถ์ และฐานซุ้มประตูวัด หรือฐานของจั่วต่างๆ ลาย บัวคว ่าบัวหงายนี้มีลักษณะเช่นเดียวกันกับ ลายกระจังตาอ้อย เพราะลายกระจังตาอ้อย ถ้าน ามาปิดให้ยอดตั้ง เรียกว่า “บัวหงาย” และถ้าใช้บิดให้ยอดลง เรียกว่า “บัวคว ่า” และถ้าประดิษฐ์ให้ยอดเอน เรียกว่า “บัวรวน” (ช านาญ เสกบรรจง 2540:38) อิทธิพลจากการใช้ลายบัวแบบต่าง ๆ นี้ช่างลวดลายในอิสาน ก็น ามาประดิษฐ์ตกแต่งสถาปัตยกรรม ทางศาสนา โดยประดิษฐ์เป็น กลีบบัวยาว สันกลีบนูน ปลายกลีบโค้งเป็นจั่วแหลม สะบัดปลายงอโค้งออก เล็กน้อยเพื่อรับกับขื่อหรือคานด้านบน ลักษณะคล้ายลายกาบพรหมศร แต่หัวกลีบเล็กกว่า ภายในตัวลายสอด ไส้ เป็นกลีบเล็กหนึ่งชั้น ขนานกับขอบด้านนอก แนวกลางลายด้านตั้ง เป็นสันนูนลาดลงไปทั้งสองข้าง ขอบลาย บากเป็นกลีบเล็ก ด้วยเส้นลึกลงไปจนถึงปลายจั่วยอด ส่วนฐานลายประดิษฐ์เป็นกลีบบัวสั้น หรือคล้ายกระจังตา อ้อยปิดฐานลาย และสอดไส้ภายในหนึ่งขั้น พร้อมบากขอบกลีบ ทั้งชั้นนอกและชั้นนอกชั้นใน กลางสันกลีบมี ลักษณะนูน
121 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวคว ่าบัวหงาย หน้า 5 บัวหงายและบัวคว ่า ประกอบด้วยกระจังตาอ้อย หรือกระจังใบเทศ ใช้เขียนต่อกันไปทั้งซ้ายและขวา จนถึงที่เราต้องการ แล้วใช้กระจังใบเทศ ใช้เขียนต่อกันไปทั้งซ้ายและขวา จนถึงที่เราต้องการ แล้วใช้กระจัง ครั้งตัวห้ามทั้งสองข้าง ระหว่างตัวที่ว่างใช้กระจังแทรก ตัวแทรกนี้คือตัวกระจังนั้นเอง เอาเฉพาะตอนยอดของ กระจังมาใส่ถ้าเป็นลายยังขนาดโตก็ใช้ตัวแทรกขึ้นไปเป้นล ากับลายบัวหงาย-บัวคว ่า เป็นชายช่วยประกอบ ลายอื่นๆ ไม่มีใช้เฉพาะตัวของมันเอง หมายเลข 1 บัวหงาย หมายเลข 2 บังคว ่า ดังภาพประกอบที่ 6-2 ที่มา: พ.พรหมพิจิตร ,พุทธศิลปสถาปัตยกรรม ภาคต้น,พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์,2495.หน้า59. 1 บัวหงาย 2 บัวคว ่า ภาพที่ 6-2 ลายบัวคว ่าบัวหงาย
122 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวคว ่าบัวหงาย หน้า 6 บัวปากฐาน บัวถลา "บัว" เป็นรูปแบบศิลปะไทย ที่ช่างศิลป์ เกือบทุกแขนงน ามาใช้ในการตกแต่งอาคารต่างๆ โดย รูปแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากบัวหลวงในธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานตกแต่งสถาปัตยกรรมไทย พบว่ามีการเรียกชื่อ "บัว" น าหน้าหรือต่อท้าย อาจเป็นเพราะชิ้นส่วนเหล่านั้นมีเส้นขอบนอกของชิ้นส่วนเป็นรูป วงโค้งเหมือนกลีบดอกบัว เช่น บัวหัวเสา บัวคอเสื้อ ฐานปัทย์ ฐานบัวคว ่า ฐานบัวหงาย เป็นต้น ซึ่งบางครั้งมี การตกแต่งให้มองเห็นเป็นรูปลวดลายกลีบบัวโดยตรง ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงบัวในงานตกแจ่งสถาปัตยกรรมไทย ซึ่งถือกันได้ว่าเป้นส่วนประกอบส าคัญจนอาจกลายเป็นเอกลักษณ์ประจ าชาติที่นักออกแบบจะต้องศึกษาเรียนรู้ และน าไปใช้ให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะใช้ในเชิงอนุรักษ์ หรือดัดแปลงแบบร่วมสมัย ก็จ าเป็นต้องศึกษารูปแบบและ วิธีการใช้ วิธีการเขียน เพื่อจะน าไปสู่การออกแบบที่ถูกต้องสวยงามต่อไป บัวปากฐาน คือ ชื่อเรียกอีกอย่าง ของบัวหงาย คือบัวที่ซ้อนกันไม่มีบัวคว ่า บัวถลา คือ ชื่อเรียกอีกอย่างของบัวคว ่า ที่มีส่วนที่ลดมากกกว่า ปกติ ดังภาพประกอบที่ 6-3 ลายบัวปากฐาน บัวถลา ภาพที่ 6-3 ลายบัวปากฐาน บัวถลา
139 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวกลีบขนุน หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 7 การเขียนลายบัวลูกแก้ว (สัปดาห์ที่ 7 ) บัวกลีบขนุน คือ ชื่อเรียกอีกอย่างของบัวแวงที่มีการแบ่งกลีบหลายๆกลีบคล้ายชังขนุนในธรรมชาติ ลายบัวกลีบขนุนที่ประดับสถาปัตยกรรม ดังภาพประกอบที่ 7-1 ถึง 7-3 ภาพที่ 7-1 บัวกลีบขนุนที่ประดับบนเชิงบาตรของปรางค์ยุคแรกที่อยุธยา ที่มา : วรณัย พงศาชลากร. (2560). ปราสาทเขมร สู่ ความเป็นปรางค์ไทย 2 : ออนไลน์.
140 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวกลีบขนุน หน้า 2 ภาพที่ 7-2 บัวกลีบขนุนที่ประดับบนเชิงบาตร ที่มา : วรณัย พงศาชลากร. (2560). ปราสาทเขมร สู่ ความเป็นปรางค์ไทย 2 : ออนไลน์. ภาพที่ 7-3 แบบพานและพาน
141 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวกลีบขนุน หน้า 3 ลวดลายประดับพระโกศ ดังภาพประกอบที่ 7-4 ถึง 7-6 ภาพที่ 7-4 รูปแบบลวดลายบัวกลีบขนุน ชั้นองค์พระโกศทองใหญ่ (รัชกาลที่ 1)
142 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวกลีบขนุน หน้า 4 ลวดลายประดับพระโกศ ฟองนำ ้ ใบเทศ ประจำ ยำมกำ้นตอ่ ใบเทศ ภาพที่ 7-5 รูปแบบลวดลายบัวกลีบขนุน ชั้นองค์พระโกศทองใหญ่ (รัชกาลที่ 5)
143 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายบัว เรื่อง : การเขียนลายบัวกลีบขนุน หน้า 5 ภาพที่ 7-6 รูปแบบลวดลำยกลีบขนุนชั้นองค์พระโกศทองใหญ่ (รัชกำลที่ 9)
162 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 8 การเขียนลายก ้ านต่อดอก (สัปดาห์ที่ 8 ) ต้นก ำเนิดของลำยไทยก ำเนิดจำกรูปทรงธรรมชำติได้แก่ดอกบัว ดอกชัยพฤกษ์ ดอกมะลิ ดอกรัก ดอก พุดตำน ใบเทศ เปลวไฟ นอกจำกลำยที่เกิดจำกดอกบัวแล้ว ยังมีลำยที่เกิดขึ้นจำกใบไม้ต่ำง ๆ ใบฝ้ำย ใบเทศ ดอก ใบเทศ ก้ำนขดใบเทศ 1.ก้ำน เศรษฐมันตร์ กำญจนกุล (2535 : 4) ก้ำนเป็นค ำเรียกเถำสั้น ๆ ใช้เชื่อมต่อดอกหรือใบในกำรผูกลำยไทย เช่น ลำยก้ำนต่อดอก ลำยเกลียวและลำยก้ำนแย่ง ในกำรผูกลวดลำยชนิดที่เป็นเถำแบบหนึ่ง เรียกว่ำ กนกก้ำน ขด หรือลำยก้ำนขด ลวดลำยแบบนี้อำศัยเถำเป็นหลักในกำรผูกลำย กำรผูกวำงเถำมีลักษณะเฉพำะที่ต้องขมวด เป็นก้นหอย แม้ว่ำจะขยำยลำยออกไปเท่ำใดก็ต้องผูกประกอบเข้ำด้วยกัน ลักษณะคล้ำยช่อของเถำไม้ตำม ธรรมชำติ บำงครั้งในส่วนปลำยเถำในใจกลำงวง มักจะท ำเป็นช่อกนกหำงโตบ้ำง หรือสัตว์หิมพำนต์โผล่มำแต่ง เฉพำะส่วนหัวหรือท ำเป็นรูปเทวดำ อมนุษย์ก็มี จึงมีชื่อเรียกตำมแบบลำยที่ผูกขึ้น เช่น กนกก้ำนขด หน้ำสิงห์ กนกก้ำนขดใบเทศ ฯลฯ กนกก้ำนขดนี้ ในกำรแกะสลักไม้นิยมบนบำนประตูบำนหน้ำต่ำงโบสถ์ วิหำร 1.1ลำยก้ำนแย่ง ลำยไทยแบบหนึ่ง มีลักษณะกำรผูกเป็นแถวโค้งบรรจบกัน ตรงที่เถำบรรจบ กันนั้นผูกลำยเป็นดอกหรือเป็นพุ่มแบบต่ำง ๆ กัน ลงทุก ๆ ร่วมเถำ ท ำให้ดูคล้ำยกับว่ำเถำหรือก้ำนแย่งดอกกัน พบในกำรตกแต่งบนพื้นผนังหรือพื้นที่ที่มีควำมกว้ำงและพบเป็นลำยรดน ้ำในกลุ่มเรือรูปสัตว์ในกระบวนเรือพระ ยุหยำตรำ 1.2 ก้ำนต่อดอก ลำยไทยแบบหนึ่งเป็นลวดลำยผูกติดต่อ ซึ่งต่อเนื่องไปในพื้นที่หน้ำกระดำน ทำงตั้งลักษณะของลำยแบบนี้ ประกอบ ตัวแม่ลำยผูกเป็นช่อเล็ก ดอกจะต่อเรียงกันเป็นช่อขึ้นไป ถ้ำใช้กนก เปลวมำต่อเป็นดอกจะมีชื่อว่ำ ก้ำนต่อดอกกนกเปลว ถ้ำแม่ลำยประจ ำยำมมำผูก จะเรียกว่ำก้ำนต่อดอกประจ ำ ยำม 1.3 ก้ำนขด หมำยถึงลำยที่มีก้ำนม้วนขดเดินเป็นเถำรูปวงก้นหอยเรียงต่อเนื่องซ ้ำ ๆ กัน ก้ำนขดจัดเป็นลำยไทยชนิดหนึ่งที่มีวิวัฒนำกำรมำหลำยยุคหลำยสมัย หำกนับจำกหลักฐำนเก่ำแก่ น่าจะเริ่มมาจากศิลปะขอม มีการขดเป็นวงใหญ่ ๆ แทรกลวดลายภายในขดอย่างวิจิตรพิสดาร ลายก้านขดใน ประเทศไทยมีการค้นพบมาตั้งแต่สมัยทวารวดีและสมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งมักนิยมท าปลายก้านขดด้านในให้ สวยงาม การตกแต่งบางทีน ารูปสัตว์หิมพานต์ เทพ ยักษ์ มาประกับจึงมีชื่อตามที่ประดิษฐ์ลายก้านขดจะน ามาใช้ กับพื้นผิวที่เรียบเป็นหน้ากระดานที่มีความกว้าง การตกแต่งนี้พบบนการตกแต่งของเรือพระที่นั่ง ดังภาพประกอบที่ 8-1 ถึง 8-4
163 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 2 ภาพที่ 8-1 ลายก้านต่อดอก ที่มา : มานะ ทองสอดแสง. (2545). หนังสือต ารา ศึกษาศิลปะลายไทย : 53.
164 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 3 ลำยก้ำนต่อดอกพุ่มข้ำวบิณฑ์ ลำยก้ำนต่อดอกพุดตำน วัดรำชบุรณะ วัดรำชบุรณะ ภำพที่ 8-2 ลำยก้ำนต่อดอก วัดรำชบุรณะ
165 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 4 ลายก้านต่อดอกพุดตาน บริเวณโดยรอบพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ภาพที่ 8-3 ลายก้านต่อดอก วัดบวรนิเวศวิหาร
166 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายก้านต่อดอก หน้า 5 ลายก้านต่อกระหนกพุ่มข้าวบิณฑ์บานประตูพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ภาพที่ 8-4 ลายก้านต่อดอก วัดบวรนิเวศวิหาร
181 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายเกลียว หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 9 การเขียนลายเกลียว(สัปดาห์ที่ 9 ) ลายเกลียว บุญมา แฉ่งฉายา. (2543: 131) กล่าวว่า “ลายเกลียว” เป็นลายที่มีรูปทรงภายนอกทั้งสี่เหลี่ยมใบเทศ สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนในรูปทรงกลีบบัว ซึ่งแล้วแต่ลักษณะของที่น ามาประดิษฐ์ เช่น เป็นลายติดต่อกัน เหมือนลายหน้ากระดาน หรือลายกรอบ เป็นต้น เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล (2543 : 70) กล่าวว่า “ลายเกลียว” เป็นลักษณะรอยพันหรือบิดต่อเนื่อง อย่างเกลียวเชือกหรือสว่าน เป็นต้น ลายเกลียวเป็นลายประกอบอีกชนิดหนึ่ง เหมือนกับลายรักร้อยคือเป็น ลายประกอบเหมือนกัน ใช้ตามพื้นที่ราบซึ่งเป็นลายต่อเนื่องแบบหน้ากระดานเรียงไปในทิศทางเดียวกันและ เหมือนกัน เมื่อน าลายชนิดใดมาผูก ก็จะเรียกตามชื่อลายนั้นๆ เช่น เกลียวใบเทศ ใช้ลายใบเทศมาผูกลาย เกลียวเปลวใบเทศอย่างเดียวกันกับข้างต้น ผิดแต่ปลายจะสะบัดไหล เกลียวกระหนก ใช้ลายกระหนกมาผูก ลาย เกลียวมังกรคาบแก้วเป็นเกลียวที่เว้นวงใน ในลักษณะวงกลม เพื่อใส่สอดลายภายในวงกลมนั้น พระเทวาภินิมมิต (2537 : ไม่ปรากฏเลขหน้า) กล่าวเกี่ยวกับการน าลายเกลียวไปใช้ว่า ลายเกลียว ชนิดกระหนก, ใบเทศและมังกรคาบแก้ว ส่วนมากใช้เป็นลูกแก้วและใช้ในที่แบนราบ ส่วนลายเกลียวชนิด หางโตใช้ในที่เป็นหน้ากระดานแบบราบ ดังภาพประกอบที่ 9-1 ถึง 9-2
182 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายเกลียว หน้า 2 ภาพที่ 9-1 ลายเกลียว ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. ( 2541). ลายไทยภาพไทย : 215.
183 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายเกลียว หน้า 3 ภาพที่ 9-2 ลายเกลียวแบบต่างๆ ที่มา : ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. ( 2541). ลายไทยภาพไทย : 216.
197 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 1 เรื่องการเรียนรู้ที่ 10 การเขียนลายรักร้อย (สัปดาห์ที่ 10 ) ลายรักร้อย ความหมายของลายรักร้อย ลายรักร้อย หมายถึง ลายที่มีลักษณะเหมือนร้อยดอกไม้ชนิดต่างๆ เป็นพวงมาลัย โดยเริ่มต้นจากการแบ่ง ส่วน เขียนเค้าโครงของดอกไม้ที่จะออกแบบ แล้วต่อเติมส่วนละเอียดรวมทั้งก้านหรือใบด้วยก็ได้ แล้วแต่ความ ต้องการแต่ละส่วนๆ ให้ต่อเรียงกันไป เช่น ลายรักร้อยดอกไม้ ลายรักร้อยใบเทศ ลายรักร้อยเปลว และลายรักร้อย กาบปลี เป็นต้น (บุญมา แฉ่งฉายา. 2533 : 125) ลายรักร้อย หมายถึง ลายชนิดหนึ่งที่ช่วยประกอบลายอื่นๆ รูปทรงลายจะติดต่อกันเป็นหน้ากระดาน ใช้ แนวตั้งเป็นส่วนใหญ่ หากประดับฐานจะเป็นส่วนลูกแก้วอกไก่ อกเสาประตู และรัดอก รัดเอว มีต่างๆ กัน (เศรษฐ มันตร์ กาญจนกุล. 2543 : 68) จากความหมายของลายรักร้อยข้างต้น ผู้เขียนได้ก าหนดความหมายไว้ดังนี้ ลายรักร้อยเป็นลายติดต่อกัน เป็นหน้ากระดาน คล้ายดอกรักเรียงร้อยเป็นมาลัยเป็นแถวยาว ที่มาของลายรักร้อย เป็นลายที่มีลักษณะต่อเนื่องกันตัวลายซ ้าๆ กัน คล้ายกับลายหน้ากระดาน เข้าใจว่าลายรักร้อยน่าจะได้ชื่อ มาจากการประดิษฐ์ลายคล้ายการร้อยพวงมาลัย ส่วนใหญ่จะใช้งานลายรักร้อยแนวตั้งเสียส่วนใหญ่ (เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล. 2547 : 125) รูปทรงและส่วนประกอบของลายรักร้อย เป็นลายติดต่อกันเป็นหน้ากระดานตัวลายส่วนปลายทับส่วนล่างซึ่งกันและกัน ลายรักร้อยประกอบด้วย ลายประจ ายาม และลายกระจังตาอ้อย ลายรักร้อยใช้ลายประจ ายามเป็นตัวออกลาย เอากระจังใบเทศหรือกระจัง ตาอ้อยเรียงต่อกันไปทางซ้ายและขวาจนถึงที่ๆ ต้องการ (ปฏิพัทธ์ ดาระดาษ. 2541 : 204) การน าลายรักร้อยไปใช้ ดังนี้ 1. ใช้เป็นลายกรอบ ขอบในรูปทรงต่างๆ 2. ใช้เป็นลายประดับฐานพระจะอยู่ในส่วนลูกแก้ว 3. ใช้เป็นลายประดับสถาปัตยกรรม เช่น ลายที่อกเลาประตู รัดอก รัดเอว 4. ลายรักร้อยเป็นลายช่วยประกอบกับลายอื่นๆ โดยมากไม่มีใช้เฉพาะของตัวมันเอง ขั้นตอนการเขียนลายรักร้อย เป็นลายที่เขียนในแนวตั้งส่วนใหญ่ ลวดลายที่ประดิษฐ์มาจากดอกไม้ ใบไม้ วิธีการเขียนลายจะคล้ายลายหน้า กระดาน เพียงแต่ตัวลายด้านล่างเอาปลายทับซ้อนซึ่งกันและกัน
198 ใบความรู้ วิชา : การเขียนลวดลายไทย หน่วยการเรียนรู้ : การเขียนลายแม่ลายก้านต่อดอก เรื่อง : การเขียนลายรักร้อย หน้า 2 ลายรักร้อย ภาพที่ 10-1 ประเภทลายรักรอยสมัยต่างๆ ที่มา : สันติ เล็กสุขุม. (2545). กนกในดินแดนไทย. : 91. ดังภาพประกอบที่ 10-1 ถึง 10-7