The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Larpluck Boonyakom, 2022-08-05 04:45:06

บทความเต็ม_4U

บทความเต็ม_4U

พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาส อินทปญโญ) วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) อ.ไชยา จ.สรุ าษฎรธานี เปน ผู
รเิ ร่มิ กอ ตงั้ สวนโมกขพลารามเพ่ือใหเ ปนสถานท่ีปฏบิ ตั ิธรรมและสถานทเี่ ผยแผพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ผลงานของทานพุทธ
ทาสภิกขุยงั มปี รากฏอยมู ากมายท้งั ในรูปพระธรรม เทศนา และในงานเขียน โดยทา นตง้ั ใจทำการถายทอดพระพุทธศาสนาให
อยูในฐานะที่เปนพุทธะศาสนาอยาง แทจริง นั่นคือเปนศาสนาแหงความรู ไมเจือปนไปดวยความหลงผิดที่เขาแทรกจน
กลายเปนเนื้อรา ยที่คอยกัดกิน ไดแก เรอื่ ง พุทธพาณชิ ย, ไสยศาสตร และเร่อื งความหลงใหลในลาภยศของพระสงฆ ฯลฯ อีก
ทั้งคำสอนของทานพุทธทาสภิกขุกไ็ ดถูกถายทอดใหอยูในรูปแบบที่คนทัว่ ไป สามารถเขาถึงและเขาใจได โดยที่ยังคงเนื้อหา
สำคัญไวไดอ ยางครบถว น ซ่งึ คำสอนของทา นยงั รวมไปถงึ เรื่องทั่วๆ ไปดวย เชน การทำงาน, การเรียน ทส่ี ามารถนำไปประยกุ ตใช
ไดก บั ชวี ิตประจำวนั 01
อิทธิพลจากผลงานศิลปกรรม

สมดุ ภาพไตรภมู ิ เปน สมดุ ภาพไมเย็บเลม พบั กลับไปกลบั มา มีความหนา ภายในเปน ผลงานจิตรกรรมไทยประเพณี
เขียนเรือ่ งไตรภมู ิ และอาจประกอบดวยเร่ืองอ่ืนๆ เชน เรอื่ งทศชาติ โดยสรา งขน้ึ จากศรทั ธาท่ีมีตอวรรณกรรมเรอื่ งไตรภูมิพระ
รวง ซ่งึ เปนวรรณคดชี ้นั เยี่ยมทางพระพุทธศาสนา โดยเชือ่ กนั วาเปน บทพระราชนิพนธข องพญาลไิ ทย พระมหากษัตริยแหงกรงุ
สุโขทยั ทรงพระราชนพิ นธข ้นึ เม่ือประมาณพทุ ธศกั ราช 1888

ภาพท่ี 2 ภาพมหาโรรวุ ะนรก
ที่มา : กรมศลิ ปากร, สมุดภาพไตรภูมิฉบบั กรงุ ศรีอยธุ ยา-ฉบับกรุงธนบุรี เลม 1 (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542), 46.

1 Buddhavihara, พ ร ะ ธ ร ร ม โ ก ศ า จ า ร ย์ ( พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ปั ญ โ ญ ) , เ ข้ า ถึ ง เ มื่ อ 5 พ . ค . 2565, เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก
http://www.buddhavihara.ru/?page_id=237

191

อิทธพิ ลจากวรรณกรรมและภาพประกอบวรรณกรรม
บทประพันธเอง The Divine Comedy หรือ สุขนาฏกรรมของพระเจา เปนวรรณกรรมอปุ มานทิ ศั น ทเ่ี ขียนโดยกวี

ดันเต อลิกเิ อริ (Dante Alighieri) ระหวา งป ค.ศ. 1380 จนกระท่งั เสียชีวิตในป 1321 ดิไวน คอเมดี เปน กวีนพิ นธทเี่ ปนจนิ ตนิยาย
และอุปมานิทัศนของคริสเตียน สะทอนใหเห็นถึงการวิวัฒนาการของปรัชญายุคกลางในเรื่องเกี่ยวกับโรมันคาทอลิก บท
ประพันธน ไี้ ดร บั การยกยองวาเปนมหากาพยชิ้นสำคัญของอติ าลแี ละเปน วรรณกรรมชน้ิ เอกของโลก

ดิไวน คอเมดี ประกอบไปดวยสามภูมิ คือ Inferno (นรก), Purgatorio (แกนชำระบาป) และ Pardiso (สวรรค)
เรื่องเลานี้เปนการเดินของตัวกวีเองผานนรก ผานการชำระบาป และสุดทายไปสูสวรรค อันเปนที่มาของชื่อ Comedy ท่ี
ตอ งการสะทอนวาเร่ืองนี้จบลงดวยความสุข

ภาพที่ 3 ภาพผลงานของ Gustave Doré
ท่มี า : แบลค็ เมจกิ , สายน้ำแหง วิญญาณ (กรงุ เทพฯ : แบล็คเมจกิ ), 58.
ภาพประกอบของบทประพันธนี้เปนผลงานภาพพิมพโลหะ (Engraving) ของศิลปนชาวฝรั่งเศส ชื่อ กุสตาฟ โดเร
(Gustave Doré) งานของเขาเต็มไปดวยจินตนาการ กสุ ตาฟ โดเร ไดทำงานภาพประกอบหนังสอื หลายเลม รวมไปถึงพระคัมภีร
ไบเบิล แตท ส่ี รา งชือ่ เสียงใหม ากทสี่ ดุ คอื ภาพประกอบเรอ่ื ง ดิไวน คอเมดี

192

กระบวนการสรางสรรค
กระบวนการสรางสรรคผลงานศิลปะชดุ นี้ มีการผสมผสาน เทคนิดการวาดแบบดั้งเดิม และโปรแกรมคอมพวิ เตอร

เขา ดวยกนั

การศึกษาคน ควาขอ มลู
1. ขอมูลนามธรรม เกิดจากการหยุดคิด พิจารณาความรูสึกของตนเอง ที่เกิดจากประสบการณการรับรูสิ่ง

ตางๆ รอบๆ ตัวในการดำเนินชีวิตประจำวัน เชน สื่อตางๆ วรรณกรรม บทกวี ภาพยนตร ตลอดไปจนถึงการกระทำของ
ตัวเอง สิง่ เหลา นลี้ วนมีผลตอ อารมณค วามรสู กึ กอใหเกิดแรงบันดาลใจในการสรา งสรรคผลงานของขาพเจา

2. ขอ มลู รูปธรรม ในผลงานสรางสรรคข องขา พเจา สามารถแบงไดดังนค้ี ือ
2.1 ขอมูลจากธรรมชาติ รูปทรงในผลงานของขา พเจามาจากส่งิ มีชวี ิตทางธรรมชาตแิ ละชีวภาพเปนรูปทรง

อินทรียรปู (Organic Form) โดยเลือกรูปทรงของคน สัตว และพืชท่ีนาสนใจ ซึ่งกอใหเกิดจินตนาการอันไรข อบเขต นำไปสู
กระบวนการสรางสรรค

2.2 ขอมูลจากงานศิลปกรรม งานศิลปกรรมตางๆ ทุกแขนง เชน งานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพ
พิมพ ทั้งสมัยโบราณจนถึงรวมสมัย ขอมูลเหลานี้มีผลตอจินตนาการและแนวความคิด โดยขาพเจาไดนำขอมูลเหลานี้มา
ประมวล วเิ คราะห และถายทอดดวยอารมณความรูสกึ ผสมผสานกบั จินตนาการและความเชือ่

การสรางภาพรา ง (Sketch)
กระบวนการสรางภาพรา งของขาพเจา แบงเปน 3 ขั้นตอน คอื
1. การสรางรูปทรง จะเร่ิมตนจากการนำหมึกจนี ผสมนำ้ นิดหนอ ย มาสาดและหยดลงบนกระดาษสาท่ีเตรียมไว

ใหเกิดเปนรปู ทรงตางๆ เร่มิ จนิ ตนาการรูปและเรือ่ งราวจากภาพทป่ี รากฏข้ึน หลงั จากนั้นก็เรม่ิ ตนออกแบบรปู ทรงหลัก
2. การออกแบบรูปทรง (Character Design) โครงสรางของรูปทรงหลักๆ ในงานไดจากการศึกษาหาขอมูล

รูปทรงจากธรรมชาติ ตลอดจนงานศิลปกรรมโบราณและรวมสมัย นำมาคลี่คลายใหสอดคลองกับเนื้อหาโดยใสอารมณ
ความรูสกึ สวนตวั เขา ไป รปู ทรงใหมทีไ่ ดจะเปนรปู ทรงก่งึ นามธรรม (Semi Abstract) ทม่ี ลี ักษณะเฉพาะตวั

3. นำเอารูปทรงทอ่ี อกแบบไวมาเปนโครงสรางหลกั ในภาพราง จัดวางองคประกอบและเพ่มิ เตมิ เนอื้ หาลงไป ใน
ภาพรา งของขา พเจา จะมีโครงสรา งหลกั ๆ ของภาพ ขา พเจา ใหค วามสำคญั กับภาพรา ง แตง านของขา พเจารปู ทรงกับพื้นท่ีวาง
เปนสวนสำคญั มาก การทำเหมือนภาพรา งทุกอยา ง ทำใหง านของขา พเจาขาดอารมณความรสู กึ หลงั จากรา งโครงสรา งใหญๆ
ในงานจริงแลว ขาพเจาก็จะสังเกตพื้นที่วางที่เหลืออยูหลังจากนั้นก็จะจินตนาการรูปทรงใสเขาไปตามลักษณะของที่วางที่
ปรากฏ

193

วัสดุอุปกรณ
1. หมึกจีน
2. กระดาษสา 150 แกรม
3. สีอะครีลคิ
4. ไมแหลม
5. มเี ดียมสีอะคริลคิ ยหี่ อ LIQUITEX, Pouring Medium
6. พูก ัน
7. สไี มสขี าว
8. กระปอ งใสน้ำ
9. ปากกาหมกึ ดำ

ขน้ั ตอนและกระบวนการทำงาน
1. การสรางรูปทรง ใชหมึกจนี ผสมนำ้ นดิ หนอ ย สาดและหยดลงบนกระดาษสา 150 แกรม เม่อื กระดาษแหงดีแลว

ขาพเจาก็จะดูลักษณะรูปทรงและพน้ื ที่วางที่เหลอื อยู แลว ก็วเิ คราะหจ ินตนาการรูปทรงตางๆ ใสเ ขา ไปในสวนของรูปทรงและ
พื้นทีว่ า ง

2. การออกแบบรูปทรง (Character Design) ขาพเจาจะจินตนาการรูปทรงและเรื่องราวจากรอยท่ีเกิดจากการหยด
และสาดหมกึ จนี หลงั จากน้นั จะใชพูก ันจุมหมกึ จนี แลว สรา งรปู ทรงเพ่มิ จากรูปทรงเดิมที่เกิดจากการสาดหมึกจนี

3. ขั้นตอนการสรางรูปทรงของดอกไมในงาน เมื่อไดรูปทรงสีดำที่เกิดจากการสาดหมึกและใชพูกันวาดแลว
ขนั้ ตอนตอ มาคอื การระบายสดี อกไม ใชสอี ะครีลคิ ผสมมีเดียม (Pouring Medium) และนำ้ คนใหเ ขา กัน

4. ขน้ั ตอนการเขยี นรายละเอียดดว ยสีไม ใชสไี มส ีขาวเขยี นรายละเอยี ดตาง เชน ขนนก หนา ปาก แสงเงา
5. ขั้นตอนการเขียนรายละเอยี ดดว ยปากกา ใชสีไมสีขาวเขยี นรายละเอยี ดตา ง เชน ขนนก หนา ปาก แสงเงา
6. ขั้นตอนการปรับแตงดวยคอมพิวเตอร ถายรูปผลงาน และนำไปปรับแตงดวยคอมพิวเตอรโดยใชโปรแกรม
Photoshop

วเิ คราะหผ ลงาน
หลังจากที่ไดร วบรวมขอมูล ประมวล และวเิ คราะหจ ากประสบการณและการพัฒนาผลงานแลว ผลงานชุดน้ีขาพเจา

รูสึกพอใจกบั ผลงานท่ีไดส รา งสรรคม าอยางตอเนือ่ ง ทั้งในดานแนวความคิด รูปแบบ และอารมณความรูส ึกในงาน ผลงานมี
ความละเอยี ดซับซอนและมีพลงั มากย่ิงข้ึน กลุมของรูปทรงในชว งน้ีถกู แบงออกเปน 2 กลุมใหญๆ คือ รปู ทรงท่ีมีอยูจริง และ
รปู ทรงท่จี ติ นาการขึ้นมา ซึง่ ทั้ง 2 สว นนี้เปรยี บเหมอื นโลกแหง ความจรงิ และโลกในจิตนาการ กลมุ ของรูปทรงมคี วามนาสนใจ
และมีความเปนเอกภาพมากขึ้น ประสบการณ การเรียนรูตางๆ สามารถเปนแนวทางการศึกษาเพื่อใหเกิดการเปลี่ยนแปลง
และพฒั นาอยา งไมห ยดุ ยง้ั

194

ภาพท่ี 4 ช่ือภาพ : Cycles of Lift, Chapter 1 Inside Out.
เทคนคิ : Mixed Technique
ขนาด : 300 dpi
ปท ่ีสรา ง : 2564

วิเคราะหภาพ Cycles of Lift, Chapter 1 Inside Out.

195

1. แนวคิด
ผลงานชิ้นน้ีขาพเจา ตอ งการเสนอถึงราคะทอ่ี ยใู นจิตใจของมนษุ ย ซ่งึ เปน อารมณป รารถนาที่เกิดข้ึนภายใน

จติ ใจของทกุ คน โดยขาพเจาเลือกใชงูแทนสญั ลกั ษณของราคะ
งู มปี รากฏอยอู ยางแพรหลายทั่วไปในประวัติศาสตร และมกั เปน สัญลกั ษณแหงความช่ัวราย งูตัวผูมักจะ

ถูกจัดวา เกี่ยวกับราคะ12
ปก ในงานขา พเจา หมายถงึ จติ ท่โี บยบิน ซึ่งสามารถบินออกจากภาวะกเิ ลสได แตกลบั ถูกหลอลวงใหอยู

ในวงั วนของราคะ ในขณะเดียวกันปก ก็เปรียบเหมอื นสติ คนมีสตสิ ามารถท่ีจะโบยบินออกจากหว งอบายภมู ไิ ดแ ตก ลบั ปลอยให
กเิ ลสครอบงำใหห ลับใหลและจมลงสสู ภาวะดำด่ิง

ลูกไฟ เปนเหมือนสัญลักษณแ สดงถึงความเรา รอนแหงอารมณบง บอกถึงอารมณป รารถนาทางเพศ ที่ถูก
ปลดปลอ ย โดยไมสามารถควบคมุ และเก็บไวภายใน

2. การจดั องคป ระกอบ
รูปทรง (Form) ผลงานชิ้นน้ีอางอิงจากธรรมชาติทางชีวภาพ ผสมผสานกับจินตนาการสวนตัว เพื่อให

รูปทรงเปนไปตามแนวความคิดและแสดงออกทางความรูสึกอยา งชัดเจน โดยเลือกรปู ทรงของงเู ปนรูปทรงหลักเพือ่ สื่อความ
หมายถงึ ราคะ ภายในจิตใจของมนุษย

เสน (Line) เปนเสนที่เกิดจากการวาดเสนสีขาวลงบนสีดำ ชวยทำใหงานมีปริมาตรและระยะ ทำใหเกิด
น้ำหนักและแสงเงา ชว ยใหเ กิดอารมณความรสู ึกในงาน

สี (Colour) สีมีสวนทำใหงานมีความนาสนใจมากขึ้น ใชโทนสีขาว-ดำ ในงานเนื่องจากสีดำเปนสีที่ให
ความรสู กึ ถึงความนาหวาดกลัว เรน ลบั ดานมืด สงิ่ ทซี่ อ นเรน เลอื กใชสีดำมาเปน สหี ลกั ในงานสวนสแี ดงทำใหค วามรสู ึกถงึ ชีวิต

พื้นที่วาง (Space) พื้นที่วางในผลงาน ทำใหเกิดความรูส ึกทีไ่ มมีทีส่ ิ้นสุด พื้นที่วางชวยทำใหรปู ทรงเกิด
การเคลอื่ นไหว และยังชว ยเนนรูปทรงทำใหร ูปทรงชัดเจนและมพี ลงั มากขนึ้

น้ำหนักแสงและเงา (Tone-Light and Shadow) ผลงานใหน้ำหนักตัดกันอยางรุนแรงระหวางรูปทรง
และพ้นื ที่วาง เนือ่ งจากตองการบรรยากาศ ซ่ึงกอใหเ กดิ ความเคล่ือนไหวของรูปทรงและสรางความรสู ึกท่ีดูรุนแรง ลึกลับ นา
หวาดกลัว ตลอดจนความรูสกึ ถงึ การด้ินรนที่ไมมที ีส่ ิน้ สดุ

พนื้ ผิว (Texture) ในผลงานจะชวยเชอ่ื มระหวา งนำ้ หนักออนและเขม ลักษณะพื้นผิวในงานเกิดขึ้นจากการ
สาดหมกึ จนี ผสมน้ำ ทำใหเกิดลกั ษณะของคราบและรองรอยทน่ี า สนใจ

การกำหนดองคประกอบ (Composition) รูปทรงขนาดใหญกลางภาพ เพื่อใหรูปทรงสามารถส่ือ
ความหมายตามแนวความคิดไดอ ยางชดั เจน

สรุปและอภิปรายผล
ผลงานชุดนี้เริ่มตนจากตองการศึกษาถึงสภาวะอารมณจากการดำเนินชีวิตในแตละวัน การพบเห็นสิ่งตางๆ การ

เชื่อมโยงระหวา งภายนอกและภายใน สิ่งท่อี ยูภายในสวนลกึ ของจติ ใจ การตง้ั คำถามกบั ตวั เองและขยายเชอ่ื มโยงไปยังวงกวาง
ของสงั คม และสดุ ทายวกกลับมาเพื่อแกปญหาของตัวเอง ผลงานชุดนี้เปรียบเสมือนการคอยๆ คล่คี ลายปมในใจของขาพเจา
โดยการคิด พิจารณาถึงตัวตนสภาวะภายใน มโนภาพที่ถูกซอนเรน ขาพเจาสื่อความหมายของอารมณความรูสึกตางๆ โดย
ถายทอดเรอื่ งราว ผสมผสานแนวความคดิ และอารมณความรสู กึ ผา นสิ่งมชี วี ติ ในดินแดนโลกเสมอื นที่สรา งขึ้นมา

2สิงห์คาํ โต๊ะงาม, ไสยเวท อาถรรพณ์ ลกึ ลบั อานุภาพแห่งมายกิ (กรุงเทพฯ : อนิ ทรีย,์ 2521), 264.

196

การใชเ รอ่ื งราวจากคมั ภรี โ บราณ ไตรภมู ิ อีกทัง้ การใชสัญลักษณตางๆ มที ง้ั การนำมาใชโ ดยตรงและการพัฒนาจนมี
ลักษณะเปนสวนตัว นาจะไดรับผลสำเร็จทีส่ ามารถถายทอดความรูสึกลึกลบั และสามารถถายทอดใหผ ูท่ีไดตดิ ตามชื่นชมใน
ผลงานชุดน้ี ไดเ ขาถงึ แนวคิดหรือพทุ ธปรัชญา เพอื่ พัฒนาใหชีวิตไปในทางที่ดยี ่งิ ข้ึน
เอกสารอางอิง
หนงั สอื
กรมศิลปากร. (2542). สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บับกรงุ ศรอี ยุธยา-ฉบับกรงุ ธนบรุ ี เลม 1. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร.

. (2542). สมุดภาพไตรภูมฉิ บบั กรงุ ศรอี ยุธยา-ฉบบั กรุงธนบุรี เลม 2. กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร.
จอรจ เฟอรก สู ัน. (2549). เคร่อื งหมายและสญั ลกั ษณในครสิ ตศลิ ป.กรุงเทพฯ : อมรนิ ทร.
ชลดู นิ่มเสมอ. (2539). องคประกอบของศิลปะ. กรงุ เทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
ไบรอนั เคอรต นิ . (2553). Spiritual Disease. กรุงเทพฯ : พิมด.ี
พรี พล เทพประสทิ ธ.์ิ (2549). จติ วิทยาท่วั ไป. กรุงเทพฯ : ทรปิ เพล้ิ .
พทุ ธทาสภกิ ขุ. (2549). วา งจากกิเลส. กรงุ เทพฯ : เพชรประกาย.

. (2513). สมดุ ภาพปรศิ นาธรรมไทย. กรุงเทพฯ : อรณุ วทิ ยา.
วลิ เลยี ม ฮารท . (2553). ศลิ ปะในการดำเนนิ ชวี ิต. กรงุ เทพฯ : พมิ พด ี.
สิงหค ำ โตะ งาม. (2521). ไสยเวท อาถรรพณ ลึกลบั อานภุ าพแหงมายิก. กรงุ เทพฯ : อนิ ทรยี .
สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส
Buddhavihara, พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาส อินทปญ โญ). เขาถึงเม่ือ 5 พ.ค. 2565, เขาถงึ ไดจ าก
http://www.buddhavihara.ru/?page_id=237

197

จินตภาพแหง่ สายใยความผูกพัน
IMAGERY OF BONDS
วริ ายุทธ เสยี งเพราะ* (ศป.ม.ทศั นศิลป)์ 1
2 อาจารย์ท่ปี รกึ ษาหลัก รองศาสตราจารย์ศุภชยั สกุ ขโี ชติ
3 อาจารย์ทป่ี รึกษารว่ ม ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เมตตา สุวรรณศร

นกั ศกึ ษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาวชิ าทัศนศิลป์ บณั ฑติ ศกึ ษา สถาบันบัณฑติ พัฒนศิลป์
E-mail [email protected]

บทคัดยอ่
สถาบันครอบครัว เป็นสถาบันพ้ืนฐานที่สาคัญยิ่งของสังคม ดังจะเห็นได้จากครอบครัวไทยในอดีตนั้น เป็น

ครอบครัวแบบขยาย ประกอบไปด้วย ปู่ ย่า ตา ยาย อยู่ร่วมกัน ผู้สร้างสรรค์เกิดและเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ ทาให้ในวัย
เดก็ ถูกหลอ่ หลอมมาดว้ ยความรักความอบอนุ่ นบั ว่าครอบครวั มคี วามสาคญั ตอ่ ตวั ผ้สู รา้ งสรรค์มาก จากปัญหาดงั กล่าวนามาสู่
การศึกษาเพอ่ื สร้างสรรค์ผลงานโดยใช้เทคนคิ การถกั พัน สาน เส้นใยธรรมชาตแิ ละเสน้ ใยสังเคราะหส์ ขี าว แสดงออกใหเ้ ห็นถงึ
คณุ คา่ ความรัก ความผกู พัน ความอบอุ่นอันบริสทุ ธท์ิ ีไ่ ดร้ ับจากครอบครัว การถักสานเกาะเกี่ยวเส้นใยเส้นเล็ก ๆ แตล่ ะเส้นท่ีมี
ความอ่อนนุ่ม บอบบาง เม่ือเกาะเก่ียวกันเป็นจานวนมาก ก็สามารถสร้างความแข็งแรงให้กับรูปทรง ประดุจสายสัมพันธ์ท่ี
แข็งแรงของคนในครอบครัว เกิดเป็นผลงานประติมากรรมนุ่ม จากการศึกษาพบว่า ทฤษฎีความรักความผูกพันน้ัน ช่วยให้
สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกท่แี สดงออกในด้านบวก การมองโลกในแง่ดี รวมทั้งในข้นั ตอนการถักยังช่วยสร้างความสงบ
ทางใจในเวลาท่ีคิดถึงบ้าน การสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ ต้องการกระตุ้นเตือนให้ผู้คนในสังคมเห็นถึงคุณค่าของความรักความ
ผกู พันของคนในครอบครัว อนั เป็นพ้ืนฐานสาคัญแห่งชีวิต ท่ีคอยบ่มเพาะให้จิตใจอิ่มเอมด้วยความรัก ส่งผลให้มีแนวทางการ
ดาเนนิ ชีวติ ท่ีดงี ามตอ่ ไป

คาสาคัญ : จินตภาพ สายใย ความผูกพัน ประติมากรรมนมุ่

ABSTRACT
Family institution is the foundation in any given communities. This can also be observed from

Thai traditional families which is normally congregated as an extended family consisting of grandfather,
grandmother, living together. The creator of this work was born and raised in an extended family with love
and warmth throughout the childhood time. These memoirs greatly affect him and subsequently contribute
to the creation of this work. From the aforementioned reason, it led to the in-depth study and the
establishment of the work using the techniques of knitting, wrapping and weaving by means of natural fibers
and white synthetic fibers. This exhibits the value of love, bonding, and the pure warmth received from the
family. Despite the soft and fragile characteristic of fibers, when weaving together, they get strengthened
and strong enough that can be made into different forms and shapes. Likewise, this portraits as a strong
bond within family members. Thus, the work was born as a soft sculpture. The study found that love and
attachment within family significantly contribute to the positivity and optimism. With the knitting process,
the creator eventually found peace of mind when being homesick. Lastly, the creation of this work attempts
to encourage individuals in the society to see the value of love and family bonds that can be called as the
basis of life. As this will fill the mind with love resulting in a decent life.

Keywords: imagery, bonding, attachment, soft sculpture

บทนา
ครอบครัวเป็นสถาบันพ้ืนฐานที่เป็นหลักสาคัญที่สุดของสังคม ทาหน้าที่หล่อหลอมและขัดเกลา ให้แก่สมาชิกใน

ครอบครัว ด้วยการอบรมเลี้ยงดู ใหค้ วามรัก ความเอื้ออาทรเอาใจใส่ ให้ความช่วยเหลอื เกอื้ กูลกัน พร้อมท้ังปลูกฝงั คุณธรรม
จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และถ่ายทอดวัฒนธรรมของสังคมให้แก่สมาชิกในครอบครัว เพื่อใหเ้ ป็นบคุ คลทม่ี ีคุณภาพ พรอ้ มท่จี ะดาเนิน

198

ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพเป็นกาลังสาคัญให้กับประเทศชาติ จากท่ีกล่าวมาน้ันจะพบว่าในปัจจุบัน ครอบครัวไทยเป็น
ครอบครัวเดยี่ ว ที่บุคคลในครอบครัวประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก ต้องทางานจนขาดเวลาที่จะเอาใจใส่ ดูแลลูกหลาน เพราะ
ดว้ ยภาวะเศษฐกจิ ทบี่ ีบค้นั จนทาใหล้ ะเลยกบั การให้เวลาที่มคี ุณภาพกบั ลกู จนเกดิ เปน็ ปัญหาสงั คมหลายอยา่ ง อาทิเชน่ เด็กติด
เกม การขาดเรยี นมวั่ สุม จากปัญหาท่ีกลา่ วมานัน้ ผ้สู ร้างสรรค์เองกพ็ บกับปญั หาที่ใหญ่หลวงท่ีสุดในชีวิตเช่นกนั คอื การสูญเสยี
บิดามารดา ในชว่ งวยั ทผี่ สู้ ร้างสรรค์ยงั เด็ก ที่ยงั ต้องการคาชีแ้ นะ อบรม ในภาวะนนั้ ผูส้ ร้างสรรค์รู้สึกเควง้ คว้างขาดหลกั ยึด แต่
เหตุการณ์กับไม่เป็นเช่นน้ัน เม่ือสูญเสียทั้ง บิดา มารดา ไปกลับได้รับความรักความเมตตา ดูแลจากญาติพ่ีน้อง เสมือนเป็น
ลูกหลานที่รัก ได้มอบโอกาสทางการศึกษาและเอาใจใส่ ทาให้ผู้สร้างสรรค์รู้สึกเติมเต็มทางใจ และไม่รู้สึกขาดหายทาง
ความรู้สึก นับเป็นการทดแทนความรักที่มีค่ายิ่งตอ่ ชีวิต การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ ชุด จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน
จึงเป็นการนาเสนอแง่มุมของสายสัมพันธ์รักอันอบอุ่น โยงใย เช่ือมต่อ จนก่อเกิดความรู้สึกถึงความรักความอบอุ่น ท่ีจะเป็น
การหล่อหลอมใหผ้ ู้สร้างสรรคเ์ ตบิ โตและก้าวเดินไปในอนาคตอย่างมั่นใจ

ท่ีมาและความสาคัญของปัญหา
ครอบครัวไทยในปัจจบุ นั เปล่ยี นแปลงไปอย่างมาก อันเกิดจากการเจริญรดุ หนา้ ทางเทคโนโลยที าใหผ้ คู้ นต้องด้ินรน

เพ่อื ได้มาซึ่งสิ่งทต่ี อ้ งการในชีวิต จนหลงลืมเอาเวลาใหค้ นทีร่ กั ให้ครอบครัว จนเกดิ เป็นปญั หาสังคมในวงกวา้ ง จากทก่ี ลา่ วมา
นน้ั ตัวผ้สู รา้ งสรรคเ์ องกเ็ ป็นผู้หน่ึงทีต่ อ้ งใชช้ วี ติ อยูเ่ พยี งลาพงั เนอื่ งมาจากบดิ า มารดา ของผสู้ รา้ งสรรคไ์ ด้จากไปแล้วดว้ ย
โรคมะเร็งทั้งสองคน ทาให้เกิดความรู้สกึ เควง้ ควา้ ง เหงา คิดถึงพ่อและแม่ แต่โชคดีทผ่ี ู้สร้างสรรคน์ นั้ เกดิ มาในครอบครวั ทมี่ ี
ญาติที่คอยดแู ลใหก้ าลงั ใจ คอยสนบั สนนุ อุ้มชู ดูแล ทดแทนความรักท่ขี าดหายไปจากการสูญเสยี พอ่ และแม่ จากทกี่ ลา่ วมานน้ั
ทาให้ผูส้ รา้ งสรรคเ์ กิดความรสู้ ึกประทับใจ ในความรักทไ่ี ดร้ ับจากญาติพ่นี อ้ งทางบ้าน จงึ เปน็ แรงบนั ดาลใจทจี่ ะสรา้ งสรรค์
ผลงานทต่ี ้องการกระต้นุ เตอื นใหผ้ คู้ นในสังคมหันมาเหน็ คณุ ค่าของความรักความผกู พนั ของคนในครอบครัว

วัตถุประสงค์
1. เพอ่ื สรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ในหัวข้อ “จนิ ตภาพแหง่ สายใยความผูกพันธ”์ เพ่ือแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความรกั ความหว่ งใยของ
คนในครอบครัวท่ีมีใหก้ ัน โดยศึกษาทฤษฎีความรกั ความผกู พันและแนวคดิ ทฤษฎีทางศิลปะกลุ่มเสน้ ใย
2. เพอ่ื สร้างสรรคผ์ ลงานในเทคนคิ ประตมิ ากรรมนมุ่ โดยใช้เส้นใยจากธรรมชาติและเส้นใยสงั เคราะห์ 1 ชดุ
3. เพ่อื กระตนุ้ เตอื นใหเ้ ห็นถงึ คณุ คา่ ความรกั ความผูกพัน ทีไ่ ดร้ บั จากครอบครวั อนั เป็นพนื้ ฐานทสี่ าคญั ของชีวิต

วิธีการศกึ ษา
การสร้างสรรค์ผลงานทศั นศลิ ปใ์ นหวั ข้อ "จนิ ตภาพแห่งสายใยความผกู พันธ"์ ประกอบด้วยการศกึ ษาค้นคว้าข้อมูล

ทางวิชาการ ทงั้ จากตารา และศกึ ษาดผู ลงานท่ีเก่ยี วข้อง เรอ่ื งทมี่ ีเนอื้ หาดา้ นรปู ทรงของความสัมพันธ์ เพอ่ื รวบรวมเป็นภาพรวม
ชองขอ้ มูลพืน้ ฐาน เรือ่ งความรกั ความหว่ งใยท่ไี ด้รบั จากคนในครอบครวั ซึ่งมีให้กัน จากการศึกษาหนงั สอื ตารา อนิ เทอร์เนต็
และการศกึ ษาดงู านจากสถานที่จริง รวมถงึ ศึกษาจากผลงานและแนวคิดจากศิลปนิ ทสี่ รา้ งสรรค์ผลงานลักษณะดงั กลา่ ว
ขน้ั ตอนของการศึกษาและการสรา้ งสรรค์ เพ่อื การนาเสนอผลงานหวั ขอ้ "จินตภาพแหง่ สายใยของความผกู พันธ"์ ทส่ี มบรู ณ์ใน
ฐานะผลงานวจิ ยั โดยสามารถจดั แบง่ ขน้ั ตอนของการศกึ ษาและการสร้างสรรคไ์ ดด้ งั ต่อไปนี้

ทฤษฎคี วามรกั และความผกู พนั
จอหน์ โบลบี้ เชือ่ วา่ ความโน้มเอยี งของมนษุ ย์ทจ่ี ะผกู พนั กบั คนเลีย้ งท่ีคุน้ เคย เพราะพฤตกิ รรมความผกู พัน ช่วยให้

รอดชวี ติ เม่ือเผชิญกับอันตรายเช่น การถูกลา่ หรือตอ้ งเผชิญกบั สง่ิ แวดลอ้ ม (Duschinsky, 2013, 326–338) มนษุ ย์จาเป็นต้อง
สร้างความสมั พนั ธก์ ับใครสกั คนเพอ่ื เรียนรู้การอยใู่ นสงั คม โดยเฉพาะเร่ืองอารมณแ์ ละการควบคมุ ทีม่ นุษย์พึงมีให้เปน็ ไปใน
ทิศทางท่ดี ี สอดคล้องกับ ฟรดี แมน กลา่ วว่าระบบครอบครวั ประกอบด้วยบุคคลซึ่งมีสว่ นร่วมในการติดต่อส่อื สารซึ่งกันและกนั
โดยในครอบครวั ทมี่ ีการสอ่ื สารทีด่ จี ะช่วยสง่ เสรมิ อบรมเลย้ี งดู ทาให้สมาชิกในครอบครัวรสู้ กึ มคี ณุ คา่ ในตนเองเพิม่ ขึน้ มคี วาม
เปน็ อันหน่ึงอันเดยี วกนั ตลอดจนรบั รอู้ ารมณแ์ ละความรสู้ ึกของตนเองและผูอ้ ื่น ซ่ึงจะเป็นแนวทางในการทาใหร้ ู้จกั ตนเองและ
สมาชกิ ในครอบครัวไดด้ ขี ึ้น (Milton Friedman, 1998, 85)

199

อทิ ธิพลจากชว่ งเวลาความผูกพันในครอบครัวของผ้สู ร้างสรรค์
ครอบครัวคือบ้านหลังแรกที่ก่อกาเนิดชีวิตให้ผู้สร้างสรรค์ ได้เกิดและเติบโตอยู่ท่ามกลางวิถีชีวิตที่อบอุ่น เป็นสาย

สมั พันธ์ท่แี นบแน่นจากสายโลหิต สง่ ถ่ายสู่จิตใจของบุคคลในครอบครวั ทุกคน ให้มคี วามรกั สามัคคี เอื้ออาทรตอ่ กัน แมว้ ่าวัน
เวลาหนึง่ นนั้ ชีวิตจะเกดิ การเปลี่ยนแปลงไปในทศิ ทางใด กจ็ ะทาใหไ้ มร่ สู้ ึกโดดเด่ียว จวบจนเวลาผา่ นไปนานเท่าใดกไ็ ม่สามารถ
คลายความผูกพันนั้นลงได้ จากสภาพสังคมในปจั จุบันท่ีมีการแข่งขันสูงขึ้น ก่อให้เกิดความกดดนั เพ่ือแก่งแย่งแข่งขัน เอารัด
เอาเปรียบ หวงั เพยี งได้มาซงึ่ ส่ิงท่ีตอ้ งการ ทาใหร้ ่างกายและจิตใจเหนอื่ ยลา้ ทดท้อ จนในทีส่ ดุ มนษุ ย์ก็จะต้องหากาลังใจมาเติม
เต็ม จากการท่ีผสู้ รา้ งสรรค์ต้องจากบ้านมาใชช้ วี ติ ในเมอื งหลวงทีเ่ ตม็ ไปดว้ ยผคู้ นนานนับปี กวา่ จะไดม้ ีโอกาสกลับไปเยี่ยมบา้ น
ซงึ่ เป็นชว่ งเวลาทแี่ สนสขุ และมีความหมายต่อจิตใจเป็นอย่างมาก ท่ีได้ใช้เวลาร่วมกนั กับคนในครอบครวั อยา่ งมีความสขุ ไดร้ ับ
ฟังปัญหา พูดคุยเร่ืองราว สุข ทุกข์ ก่อเกิดสายใยสัมพันธ์จากการเล่าสู่กันฟังในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันเวลาที่ห่างไกล
บ้าน การได้ร่วมประกอบอาหารและรับประทานในมื้อที่พร้อมหน้า ช่างเป็นช่วงเวลาที่อภิรมย์ราวกับการเติมพลังแรงกาย
แรงใจจากความเหนอื่ ยลา้ ที่สัง่ สมมาเป็นเวลานาน ความวิตกกงั วลและความทุกข์ทีเ่ กิดขนึ้ กผ็ อ่ นคลายลง จากการได้กลบั สู่อ้อม
กอดแหง่ บา้ นและครอบครัว ครอบครัวจึงกลายเปน็ ทพ่ี กั พิงทางใจ เพอ่ื คลายความเหงา เปล่าเปล่ยี วอ้างว้าง จากปัญหา และ
ความคิดถงึ บา้ นเกิด เฝ้ารอวันท่ีได้กลบั บา้ นมาพร้อมหน้ากนั ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ

อิทธพิ ลจากขนมลา
ขนมลาเป็นขนมทางภาคใต้ทท่ี าจากแปง้ ข้าวเจา้ มมี าอย่างช้านาน ไมป่ รากฏหลกั ฐานแน่ชัดว่าเกิดข้ึนเม่อื ใด ทาขนึ้ เพอ่ื

ใช้แทนแพรพรรณอุทศิ ให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลบั ดว้ ยลักษณะการสอดผสานของเสน้ ขนมราวกับเสน้ ไหมที่มีร้ิวเปน็ สที องอันวจิ ติ ร
จากช่างทอผ้าผูม้ คี วามชานาญ ในสมยั กอ่ น ใช้กะลาเจาะรูเล็ก ๆ หลายรู เพ่ือตักแป้งแล้วแกว่งในกระทะทอดเป็นวงกลม เส้น
แป้งมีความตอ่ เนื่องไม่ขาดสาย เสมอื นเส้นดา้ ยที่มีสีแวววาวเป็นประกายสะทอ้ นแสงกับนา้ มนั ดว้ ยความเช่ือทีว่ ่า เส้นแป้งท่ีมี
ขนาดใหญ่เกนิ ไป เปรตในอบายภมู ิไม่สามารถกนิ ได้ จากความเชือ่ ดังกล่าวผู้สรา้ งสรรค์เองกส็ นใจในลักษณะของการใช้เสน้ ใยท่ี
มีลักษณะยาวต่อเน่ืองกัน และคนโบราณก็สามารถนาความเช่ือมาสอดผสานให้เกิดเป็นแนวคิดทางศาสนา เพื่อสอนและ
เตือนใจคน ซ่ึงตัวผู้สร้างสรรค์น้นั ในวัยเยาว์ ขนมลาเป็นดังของหวานที่ทรงคุณค่า ตราตรึง และหวนให้นึกถึงวันเวลาอันหอม
หวานราวกับกลิ่นขนมลาซึ่งหาทานได้เฉพาะช่วงเทศกาลเดือนสิบ ความผูกพันของวันเวลาทาให้บรรยากาศแห่งกันแบ่งปัน
หยอกลอ้ สนุกสนานจากการได้กินหรอื แมแ้ ต่ตอนร่วมกนั ทาขนมลา หรืออีกนัยยะหน่ึงของการถกั ทอเสน้ ขนมลาท่ีทับกนั ไปมา
จนเกดิ ความเหนยี วแน่น เหมอื นญาติพ่ีนอ้ งทไ่ี มว่ ่าอยู่ไกลหรอื ใกล้ แหง่ หนใด เมื่อถึงงานบุญเดอื นสิบก็จะต้องกลับมาพบปะกัน
อย่างพร้อมเพรยี งคงใหเ้ หน็ ถึงคุณคา่ แหง่ สายใยในครอบครวั ท่ีเมื่อรวมกล่มุ กนั ก็สามารถสรา้ งความเขม้ แข็งใหเ้ กิดขนึ้ ได้

แนวคดิ ทางเทคนิคประตมิ ากรรมนุ่ม (Soft Sculpture)
ประตมิ ากรรมน่มุ เป็นแนวทางการสรา้ งสรรค์ใหป้ ระตมิ ากรรมมคี วามละมนุ ซึง่ มกี ารใช้คาไมค่ ่อยแพร่หลายนกั มักใช้

คาว่า Soft Sculpture เพ่ิงใหค้ วามหมายของงานประตมิ ากรรมทเ่ี ปล่ียนไป ด้วยความที่ตอ้ งแขง็ แรงหนกั แน่นและมนั่ คงเปน็
สญั ลกั ษณแ์ หง่ เพศชายตรงกนั ข้ามกบั Soft Sculpture ท่มี ีความนุ่มนวล บางเบา แปรเปลยี่ นไปได้ทกุ สถานท่รี าวกบั สตรี Soft
Sculpture เป็นประติมากรรมทถ่ี ูกสร้างขน้ึ จากวสั ดทุ ม่ี ีความละมนุ สัมผสั บางเบา ราวกับเครื่องนอน เช่น ผา้ หรอื เสน้ ใยชนิด
ต่าง ๆ จากความชนื่ ชอบหรอื ความต้องการนาเสนอของศลิ ปิน "ประติมากรรมนุ่ม หมายถึงประตมิ ากรรมประกอบดว้ ยวสั ดุท่ี
ออ่ นนมุ่ เชน่ ยาง ผ้า ซงึ่ เปน็ การทาลายความคิดด้ังเดมิ เกย่ี วกบั ประตมิ ากรรม จากปกตจิ ะทาดว้ ยวัสดทุ ่ีมคี วามแข็งแรง ทนทาน
และชั้นสงู เชน่ หินอ่อน บรอนซ"์ (Artsy. Soft Sculpture [online], February 24, 2016.
https://www.artsy.net/gene/soft-sculpturc) จากแนวความคดิ ข้างต้นทาให้เห็นถงึ ความกล้าหาญของศลิ ปินในการ
เลือกใชว้ ัสดุท่ีแตกตา่ งจากรูปแบบดั้งเดิม โดยอาจมีหรือไมม่ โี ครงสรา้ งภายใน กไ็ ดท้ าให้รปู แบบผลงานเปน็ ภาพปรากฏใหม่จาก
ประตมิ ากรรมแบบดัง้ เดิมข้อมลู อทิ ธิพลจากศลิ ปะไฟเบอรอ์ าร์ต (Fiber art) และ Yarn Bombing

ศิลปินไฟเบอร์อาร์ตกลุ่มไฟเบอร์อาร์ต (Fiber art) ถูกเรียกขึ้นโดยภัณฑารักษ์และนักประวัติศาสตร์ศิลป์เพื่ออธิบาย
การทางานศิลปะของศิลปินในยุค 80 ที่สะทอ้ นแนวคดิ การแสดงออก และอัตลกั ษณ์ท่ีทดลองนาวัสดุเส้นใยหลายประเภทมา
สร้างสรรค์ เส้นใยในงานไฟเบอร์อาร์ตที่พัฒนาแนวคิดไปเร่ือย ๆ ตามอิทธิพลจากยุคโพสโมเดิร์น นาเสนอภาพลักษณ์ที่
แตกต่างออกไปจากงานช่างฝีมอื ในอดีต ผา่ นการถัก ทอ ขยายเพ่ิมเติมซ่ึงสร้างความต่ืนตาต่ืนใจให้ผู้ชมรบั รู้ผ่านแนวความคิด
เร่ืองความรัก ความเช่ือ หรือความช่ืนชอบของศิลปินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาเสนอวิธีการผ่านรูปแบบที่ใช้เส้นใยจาก
ธรรมชาตแิ ละเส้นใยสังเคราะห์ โดยเสน้ ใยเหล่านั้นอาจมผี ิวมันวาว กระด้าง โปรง่ ใส ทึบตัน ยืดหดได้ หรือเส้นใยท่ีเปราะบาง

200

ศิลปินสร้างวธิ ีการทางานและถ่ายทอดผลงานโดยการสอด ผูก มัด เยบ็ ปัก ถัก ร้อย ดุน กระทุ้ง หรือวิธีอีกมากมายที่สามารถ
นามาใชก้ ับเส้นใยได้ ตามประสบการณ์ วถิ ีชีวติ หรือแนวความคดิ เพ่ือเพ่อื ตอบสนองความคดิ

อีกประเภทหน่ึงของศิลปะเส้นใยคือ Yarn Bombing และ Graffiti Knitting ซ่ึงถือกาเนิดขึ้นมาเป็นความน่ารักของ
การใช้เส้นใยถักห่อหุ้มวัตถุต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันแล้วพลันใหเ้ กิดแรงบันดาลใจในการห่อหมุ้ วัตถุที่อยู่ในพื้นท่ีสาธารณะมาก
ขน้ึ งานศิลปะ yarn bombing ไม่ได้มีเพียงความสวยงามที่ผู้ชมมองเห็นหรือสัมผัสได้ ด้วยผลงานที่สามารถอดออกไดแ้ ละไม่
คงทนถาวรจงึ ไม่ได้ทาลายทัศนียภาพหรือวัตถุที่ไปห่อคลุม ในรัฐ Texas มีศิลปินที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ Knitta Please
และ Magda Sayeg เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการถักหุ้มสถาปัตยกรรม เสาไฟ ป้ายจราจร และส่ิงสาธารณะอื่น ๆ อีก
มาก ปัจจุบันศิลปะ Yarn Bombing กระจายตัวอยู่บนพื้นที่ต่าง ๆ มากมายทั่วทุกมุมโลกในการสร้างนัยยะที่แตกต่างกันไป
และเพ่ือเปลี่ยนส่ิงอันคุ้นชินให้แตกต่างแปลกตาออกไป ท้ังยังเป็นส่วนในการทาให้ผู้คนหันมาสนใจและมีความสัมพันธ์กับ
สง่ิ กอ่ สรา้ ง รอบตัวได้ดีย่ิงข้นึ

จติ วิทยาของสี
แสงและสีมีผลทางจิตวิทยาสามารถสะท้อนอารมณ์ได้มากมาย โดยผลงานท่ีมีสีสันสื่ออารมณ์ได้นั้นมักวิเคราะห์

จติ วิทยาของสีแล้วสามารถทาให้เป็นผลงานที่มีการสื่ออารมณ์ท่ียอดเยี่ยมได้ ก่อให้เกิดการดึงความรู้สึกของผู้ชมให้มีอารมณ์
ร่วมตามที่ผู้สร้างสรรค์นาเสนอ จึงเห็นได้ว่าแสงและสีมีความสาคัญในการนามาใช้ประกอบชิ้นงาน และการนาเสนอผลงาน
เพื่อส่ืออารมณ์ได้อย่างชัดเจน สร้างอารมณ์ให้ผู้ชมได้เป็นอย่างดี การรับรู้เกี่ยวกับสี จากหนังสือ Graphics for Visual
Communication ได้เรยี บเรยี งเรอื่ งราวเกีย่ วกับสีว่า “เรอื่ งราวของสีมมี ากมายเกินกว่าจะจาได้ การใช้สีก็ไม่มีกฎเกณฑต์ ายตวั
เหมือนคณิตศาสตร์อาจขยายวงกว้างออกไปหรอื ทาให้แคบลงกไ็ ด้ และในเม่ือ สไี ม่ได้เปน็ ไปตามกฎเกณฑ์ทางกายภาพของสิ่ง
หน่ึงอาจมีสีหน่ึงเมื่ออยู่ตามลาพังแต่การรับรู้เก่ียวกับสีกลับข้ึนอยู่กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว (Denton, 1992, 102-114) ปัจจัยที่
สาคัญในการสร้างสรรค์ของศิลปะหลากหลายแขนงคือสีและแสง เพ่ือบง่ บอกให้รู้ถึงเรื่องราวหรือเหตกุ ารณแ์ ละสภาพอารมณ์
ของชิ้นงานนั้น ๆ อาจใช้รูปแบบการวิเคราะห์แนวความคิดจากสภาวะสังคมการเมือง ครอบครัวหรือปรัชญาต่าง ๆ มา
สร้างสรรค์ และถ่ายทอดให้ผูช้ มได้รับความร้สู ึกตามจุดมุ่งหมาย การจดั แสงจะให้อารมณต์ ่าง ๆ แสงสที องยามบ่ายพ่งุ เปน็ ลา
จากหน้าต่าง ให้ความรู้สึกโดดเด่ียว แสงนวลสีฟ้าจากดวงจันทร์ให้ความรู้สึกว้าเหว่ ลึกลับ แสงสว่างโล่ทั้งภาพให้ความรู้สึก
สบายใจ ไม่อึดอัด ต่างกับแสงเข้มจัดสว่างจัดท่ีทาให้เกิดความรู้สึกน่ากลัว อารมณ์ของแสงเปน็ หนงึ่ ใน mise en scene ที่จะ
ทาให้ มคี ุณคา่ ทางศิลปะ (ผศ.ปกรณ์ พรหมวิทกั ษ์, 2555, 22)

ผู้สร้างสรรค์พบว่าสีมีอิทธิพลทางความรู้สึกของมนุษย์ เพราะสีสามารถกระตุ้นอารมณ์ให้เกิดความสุข สงบ หรือ
ตืน่ ตัว ตื่นเต้น เร้าใจ หรอื กระตุ้นการเติบโต จากทก่ี ล่าวมานัน้ ในการสรา้ งสรรค์ผลงานชดุ “จินตภาพแหง่ สายใยความผกู พนั ”
ผู้สร้างสรรค์ได้นาแนวคิดที่ได้จากจิตวิทยาของสีมาศึกษาและคัดเลือกสีขาว มาใช้เป็นสื่อสัญลักษณ์แทนความรักอันบริสุทธิ์
ของครอบครัว เพราะสีขาวให้ความรู้สึกอ่อนโยนและไร้เดียงสา บริสุทธ์ิ ว่างเปล่า สะอาด สดใส เบาบาง ความเมตตาและ
ศรัทธา ความสงบสุขและเรียบง่ายช่วยเพิ่มพ้นื ที่ว่างใหก้ ับความคดิ ใหม่ ๆ

3. เก็บข้อมูลศิลปนิ ทไ่ี ดร้ ับแรงบนั ดาลใจจากศลิ ปินไทยและศลิ ปนิ ตา่ งประเทศทสี่ ร้างสรรคผ์ ลงานด้วยการใช้เสน้ ใย
ประกอบด้วย ภาพท่ี 1 ภาพผลงานของ อม่ิ หทยั สุวฒั นศิลป์ (ก) My Father's Pigtail, ส่ือผสม, 2551 (ข) หมอนของพ่อ,

(ก) (ข)

สื่อผสม, 2551 201

ทม่ี า: มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, วิทยานิพนธ์ [ออนไลน]์ เข้าถึงขอ้ มลู เมอื่ วนั ที่: 7 ตุลาคม 2564
เข้าถึงได้จาก:
http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/thapra/Imhathai_Suwatthanasilp/Fulltext.pdf

3.1 อิม่ หทยั สวุ ัฒนศลิ ป์
ศิลปินมีจุดเร่ิมต้นเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวท่ีศิลปินมีต่อบุคคลในครอบครัว ทั้งที่มีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้ว นา

ให้ผลงานศิลปะมุ่งสู่แนวคิดท่ีเกีย่ วกับสายใยแห่งครอบครัว โดยอาศัยเส้นผมที่เป็นส่วนประกอบหลักแสดงออกถึงตัวตนและ
บุคลิกภาพของมนุษย์ อีกท้ังเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้พันธุกรรมและความสัมพันธ์ทางสายเลือด
ศิลปินมองเหน็ เร่ืองของวันเวลา และการเปล่ียนแปลงในวัสดทุ ีน่ ามาใช้ไม่วา่ จะเปน็ ขนาด สี การหลดุ ร่วง และงอกข้ึนใหม่ เฉก
เช่นกฎแห่งไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เรื่องราวของการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเปรียบเสมือนเส้นผมท่ีอยู่บน
รา่ งกาย มกี ารงอกยาว หลุดรว่ ง ทม่ี ีความรักความอบอุ่นและความผกู พันระหว่างกัน จึงหยิบยกเอาเส้นผมมาทาการเรียบเรยี ง
ดว้ ยการ มดั เย็บ ปัก ถัก ผูก ร้อย และการคลุมหอ่ เข้าด้วยกนั เหมือนตน้ ไม้ท่ีงอกเงยขึ้นใหมร่ าวกับชีวติ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว
เช่นเดียวกันกับคนในครอบครัวนอกจากเส้นผมที่ศิลปินเลือกใช้แล้วยังประกอบไปด้วยวัตถุสิ่งของท่ีคนในครอบครัวใช้ ณ
ชว่ งเวลาหน่ึง ดว้ ยความเชือ่ ที่ว่า “ทกุ สงิ่ ลว้ นมีประสบการณ์รว่ ม ใหห้ วนระลกึ ถงึ เหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ข้ึนต่อวตั ถแุ ละผใู้ ช้ในช่วงเวลา
น้ัน” เช่น การนาหมอนใบหนึ่งที่ผู้เป็นบิดาใช้รองศีรษะแทนความรู้สึกในขณะที่บิดาของศิลปินป่วย ราวกับการดูดซับความ
เจบ็ ปวดทางร่างกายกดทับลงบนรอยนุ่นที่ยุบลงไปอย่างอาวร หมอนใบใหญ่ที่ผ่านการใช้งานอย่างยาวนานของมารดาสะท้อน
เรอื่ งราวของความเศร้าและคราบนา้ ตาของการดาเนินชีวติ ในชว่ งเวลาอันแสนลาบากน้นั ถ่ายทอดสูผ่ ู้ชมไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ตกุกตาผ้า
เก่ากับของเล่นในวัยเยาว์ท่ีมีความผูกพันสะท้อนความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้เป็นฝาแฝดของศิลปิน โดยอาศัยลักษณะเฉพาะ
ของวัตถทุ ี่มีความนนุ่ ละมนุ ออ่ นโยน และเป็นสญั ลักษณ์แหง่ ปฐมวยั มานาเสนอในงานสร้างสรรคส์ ะทอ้ นความสดใส ไร้เดยี งสา
และความโหยหาแห่งวัยอันล่วงเลย ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานเพ่ืออุทิศให้แก่สมาชิกในครอบครัวอันเป็นท่ีรักยิ่ง โดยเริ่มใช้เส้น
ผมที่หลุดร่วงของตนเองเพื่อแทนสายใยของครอบครัว แล้วมีการพัฒนารูปแบบเทคนิค วิธีการเพ่ือหยิบยกเอาศิลปะวัตถุใน
ความหมายของสายใยแหง่ ครอบครัว ประกอบกับการนาภาพถ่ายท่ีบันทึกเวลาอนั มคี ่า มีความหมาย อารมณ์ ความรู้สึก และ
เหตกุ ารณท์ ีส่ อดคล้องกับผลงานแต่ละชน้ิ จัดแสดงรว่ มกัน แสดงออกดว้ ยการผูก มดั เยบ็ ปกั ถกั ร้อย คลมุ และห่อผสมผสาน
กับวตั ถขุ องผคู้ นในครอบครวั ทีม่ ีความผูกพนั กนั

ภาพท่ี 2 The State of suffering, mixed media, installation, 2018, size variable
ท่ีมา: BKK Art Biennale เขา้ ถงึ ข้อมลู เมอื่ วนั ที:่ 7 ตุลาคม 2564

เข้าถงึ ไดจ้ าก: http://bab18.bkkartbiennale.com/project/power-of-arts-unleashed/

3.2 สุนันทา ผาสมวงศ์
จากจุดเร่ิมต้นท่ีศิลปินได้รับความเศร้าโศกจากการสูญเสีย ความรัก และความอบอุ่นอันเป็นปัจเจกที่พลัดพรากจาก

บิดา ส่ิงน้สี ง่ ผลต่อความรู้สกึ อยเู่ สมอส่งผลให้การสรา้ งสรรคผ์ ลงานของเขามีรูปแบบทห่ี ้อยแขวนด่ิงลง ลักษณะของเส้นท่ีก่อรปู
เป็นโครงสร้างคล้ายเรือนร่างมนุษย์ท่ีขาดแหว่ง สะท้อนเรื่องราวเกิดจากข้าวของ ความทรงจา และความผูกพันในอดีตที่ถูก
ทาลาย ซ่ึงศิลปินนาเสนอการ “สรา้ งปมปัญหา” ตอ่ ความคิดอารมณ์ซึง่ เปน็ ความโหยหาพรากจากสิ่งท่รี กั ในทางลบ เขามีแงม่ ุม
และทัศนคติต่อประสบการณ์อันเลวร้ายที่พลัดพรากจากบุคคลอันเป็นท่ีรักนี้ จากเวลาอันยาวนานแล้วถ่ายทอดออกมาผ่าน

202

ทัศนธาตทุ ่ีมลี ักษณะของเส้นทับซ้อนกัน ราวกับสายใยผกู มัดจิตใจ ดงึ รั้งความรู้สกึ เอาไว้ไม่ยอมผ่อนคลาย รปู ทรงย่อยท่ีคล้าย
กับส่วนท่ีเป็นอวัยวะของมนุษย์ เปรียบเปรยระหว่างความแข็งแรงและเปราะบางที่มีอารมณ์ความรู้สึกผันแปรอยู่ตลอดเวลา
เขาความนาความทุกข์ที่เกิดข้นึ ถา่ ยทอดผ่านการบาบดั ด้วยการทางานศลิ ปะ อีกทางหนง่ึ ในขณะที่ศลิ ปนิ สร้างสรรคผ์ ลงานกย็ ัง
เปน็ การละลายความหมน่ หมองในจิตใจใหเ้ บาสบายและผอ่ นคลาย ปล่อยวางความทกุ ข์น้ันจนปรากฏรปู ขึ้นเป็นผลงาน วัสดุท่ี
เขาเลือกใช้มีความโดดเดน่ ด้วยความเปน็ เส้นใยโลหะเชน่ ลวดอลมู ิเนียม ลวดสีเงนิ สที อง สดี า และท่ีเป็นเสน้ ทองแดง มคี วาม
น่ิม เล็ก ผ่านกระบวนการถัก กด ทับ และดัดจนปรากฏเส้นท่ีทับซ้อนเกี่ยวพันกันเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ท่ีเป็นกึ่งนามธรรม
ผสมผสานกบั รูปทรงทางองคป์ ระกอบศิลป์เพ่อื ให้เกดิ สนุ ทรียภาพแล้วติดตัง้ ในรูปแบบของศลิ ปะจัดวางเฉพาะพ้นื ที่ สามารถให้
ผู้ชมเข้าไปในพ้ืนที่ของผลงานเพื่อรับรู้และสัมผัส ถึงความรู้สึกที่ต้องการแสดงออกมาผ่านกระบวนการท่ีไม่สามารถผลิตซ้า
อย่างเดิมได้ ผลงานมคี วามงามทางด้านความคิดและกระบวนการ อีกท้ังยังมีความงามของรูปทรงเม่ืออยใู่ นพื้นที่อันเหมาะสม
แล้วเกิดเป็นเอกภาพ การทับซ้อนของรูปทรงที่เกิดจากการถักดัดด้วยเส้นใยโลหะประสานกับพ้ืนท่ีว่าง ขับ เน้นให้รูปทรง
แสดงออกให้ความหมายตามแนวคิดที่มุ่งนาเสนอ อาศัยเส้นเป็นตัวแทนของความรู้สึกท่ีทับถมกัน จนเกิดเป็นรูปทรงมีมวล
ปริมาตรราวกับปมในชีวิตท่ีได้รับมา ติดต้ังโดยการแขวนลอยจากเพดานและให้แสงกับเงาทาหน้าท่ีขับเน้นผลงานจนเกิดมิติ
มากข้ึนในพ้นื ท่ีว่าง อกี ทั้งยังสร้างสรรค์ผลงานท่ีมีความหลากหลายในการติดตั้งท้ังบนผนัง เพดาน พ้ืนหรืออาจเป็นพ้ืนท่ีห้อง
มมุ หนง่ึ ในของตัวอาคาร

ภาพที่ 4 Yeon-gi 8460, 2013, stainless steel mesh, 600 x 400 cm 215x30x220 cm
ทีม่ า: seungmopark [online] เขา้ ถึงขอ้ มูลเมอ่ื วนั ท่ี: 7 ตุลาคม 2564
เข้าถึงได้จาก: https://www.seungmopark.com/copy-of-maya-1

3.4 ซงึ โม ปารค์ (Seung Mo Park)
ศิลปนิ สรา้ งสรรคผ์ ลงานจากภาพ portrait ขนาดใหญด่ ว้ ยการวางโครงลวดตาขา่ ยเข้าด้วยกนั และตัดเลเยอร์ทบั ซ้อน

เพื่อสร้างความตนื้ ลึกของผลงาน งานแต่ละช้ินเริ่มต้นด้วยการสร้างภาพถ่ายทีซ่ ้อนทับกันโดยอาศัยชั้นลวดสอนพับและค่อยๆ
ตัดฉีกพื้นท่ีตาข่ายที่ไม่ต้องการออก ด้วยมิติของภาพท่ีทับซ้อนดูเคลื่อนไหวมีส่วนลึกส่วนต้ืนของผลงานทาให้ช้ินงานมีความ
หนาและกินพื้นที่ไปในอากาศ เกิดเป็นจินตนาการและมิติราวกับว่าเป็นวัตถุสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจนพัฒนาต่อไปยังภาพทิวทัศน์ท่ี
นาเสนอส่ิงสาคัญให้ผู้ชมได้เห็นในการซ้อนทับกันระหว่างผลงานและความเป็นจริง เขาต้องการให้เหน็ ถึงขณะหนง่ึ ที่ผู้ชมมอง
ภาพผืนปา่ ของเขาท่ีมีความสงบของป่าไม้ แสง และโครงสร้างของต้นไม้ค่อยๆกระจัดกระจายเมอ่ื ผู้ชมเข้าไปใกล้ก็เหลือเพียง
เส้นลวดทที่ ับซ้อนกัน แต่เมอ่ื ถอยห่างออกมาภาพผืนป่านัน้ กป็ รากฏข้ึนอีกครง้ั อีกแนวความคิดหนึ่งของเขามีการเชือ่ มโยงกับ
ปรัชญาทางพทุ ธศาสนาที่ทกุ ๆ อย่างเกิดข้ึนและพง่ึ พาซึ่งกนั และกนั สรรพสิ่งลว้ นเกิดจากเหตปุ จั จยั หลายประการท่ีสนับสนุน
ให้กันและกัน เม่ือผู้ชมเข้ามาใกล้ผลงานรูปร่างจะกระจัดกระจายจนในท่ีสุดก็มองไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร แต่ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งท่ี
หลงเหลืออยู่คอื น้าหนกั ของลวดและมกี ารเปลย่ี นแปลงของคุณสมบัติ หากถอยออกมาในระยะหนึ่งเราก็จะพบความงามในอีก
รูปแบบหนึ่ง เรากับมนุษย์เราที่ย่อมมีระยะท่ีเหมาะสมในการทาส่ิงต่าง ๆ อีกนัยยะท่ีนาเสนอคือ การที่ผู้ชมจารูปภาพน้ันได้
อย่างชัดเจนว่าเปน็ ภาพอะไรจากการมองในระยะไกล เมือ่ เขา้ ไปใกล้แลว้ ผลงานที่คอ่ ย ๆจางลง จางลง จนรู้สึกแปลกไปก็ย่อม
ทาให้ผู้ชมต้องยอ้ นกลับมาดูอกี คร้ัง พร้อมตงั้ คาถามว่าสิง่ ที่เห็นน้ันเป็นเช่นไรและ “มีจริงหรือไม่” เขาได้พบกับผู้หญิงคนหน่ึง

203

แล้วรู้สึกประทับใจมากราวกับตกอยู่ในห้วงของภวังค์ พอรู้สึกตัวอีกทีก็ราวกับตื่นข้ึนด้วยความสับสนว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือ
เรื่องฝัน จงึ กอ่ เกดิ เปน็ ผลงานข้างต้นทีก่ ลา่ วมาและนาเสนอนทิ รรศการที่เขานาเสนอผลงานในชอื่ “มายา” ในภาษาสนั สกฤตท่ี
แปลว่าภาพลวงตา เรากลบั มีตัวตนทแ่ี ท้จริงเปิดเผยอยู่แต่กลับถูกปิดกั้นดว้ ยความว่างเปลา่ จนในทสี่ ุดทกุ สง่ิ ท่ีดูเหมือนมอี ยจู่ ริง
น้นั ก็อาจจะไม่ไดม้ ีอยู่เลยและมองไปถงึ การมีชีวติ อยู่ที่แยกไม่ออกของชอ่ งว่างระหว่างคนเปน็ และคนตาย เขาจงึ เปรยี บงานที่
สรา้ งขึ้นว่ามนั ไม่เคยเป็นไม่เคยมไี ม่มวี นั จะเปน็ เราไมเ่ คยเกิดเราไมเ่ คยตายและจะไมม่ วี นั เกดิ

ภาพท่ี 3 Staircase-V, 2008, Polyester and stainless steel tubes, edition Installation view
ทมี่ า: Tate [online] เข้าถงึ ขอ้ มลู เม่อื วนั ที่: 16 ตลุ าคม 2564

เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://www.tate.org.uk/art/artists/do-ho-suh-12799

3.3 ดู โฮ ซู (Do Ho Suh)
เป็นศิลปินท่ีมีชอื่ เสียงซ่ึงเป็นผู้นาการเคล่ือนไหวทางศิลปะในปี 1960 เป็นการผสมผสานภาพวาดแบบด้ังเดิมผสมกับ

แนวคิดสมัยใหม่ ภายหลงั การยา้ ยถ่ินฐานไปอาศยั อยูใ่ นสหรัฐอเมริกาทาใหเ้ ขาตีความเรื่องบ้านและวิถีชีวิตดัง้ เดิมของเขาไปสู่
ผลงานท่สี ื่อถึงพ้ืนท่ีว่างและพน้ื ท่ใี ช้สอยภายในบ้านซึง่ เป็นแบบจาลองบ้านในวัยเด็กของเขา การทางานที่อาศัยสถาปัตยกรรม
พ้ืนที่และอัตลักษณ์ส่วนตวั โดยผลงานทสี่ รา้ งช่อื เสียงให้เขามากท่ีสดุ ทาจากผ้าไนลอนที่เยบ็ กันอยา่ งชานาญ จาลองพ้ืนทีจ่ าก
บันไดอพาร์ทเม้นท์สไตล์ตะวันตกที่เขาอาศัยอยู่ร่วมกับบ้านในวัยเยาว์ของเขาเป็นบันไดที่พ่อกบั แม่ของเขาในเกาหลีใต้มีการ
เช่ือมตอ่ ระหว่างพนื้ ท่ีของวัฒนธรรมและความทรงจาส่วนตวั ของเขาจากแรงบันดาลใจท่ีว่าบันไดประตูและสะพานพวกมันทา
หน้าท่เี ช่อื มต่อแตล่ ะพ้ืนทเี่ ขา้ ดว้ ยกันพื้นที่ทั้งหมดนน้ั แยกกันและอยใู่ นจิตของตนซ่ึงเปน็ ความคดิ ท่ีแสดงถึงตวั ตนของเขาไดเ้ ปน็
อย่างดี วัสดุที่เขาเลือกนามาใช้คือผ้าโพลีเอสเตอร์สีชมพู เป็นเนื้อผ้าท่ีมีลักษณะโปร่งบางเกิดความรู้สึกคล้ายกับมุ้งและติด
ครอบคลุมไปบนโครงลวดสแตนเลส โครงสร้างท่ีถูกจัดวางอย่างงดงามและแม่นยาด้วยความเอาใจใส่ เขาวัดขนาดของพ้ืนที่
และตัววัตถุอย่างพิถีพิถนั เป็นระบบ เพ่อื ความสมบรู ณข์ องช้นิ งาน สีสนั ในวัสดทุ ี่มีความเบาบางโปร่งแสงผนวกกั โครงสรา้ งที่
แข็งแรงและสมจริง ให้ความรู้สึกเหมือนก่ึงหลับกึ่งตื่น ก่ึงจริง กึ่งฝัน ดูเสมือนจริงแต่ก็ไม่เหมือนจริง ผู้ชมจะได้รับรู้ถึง
สนุ ทรยี ภาพทางสายตา มคี วามนุ่มนวลสบาย ชวนให้นกึ ถึงอดีตความทรงจาความผกู พนั และ

ครอบครัว สิ่งเหล่านี้ผุดข้ึนเป็นความรู้สึกมาในหัว บันไดแต่ละข้ันท่ีทอดยาวขึ้นไปจนเห็นชั้นบน ทาให้เกิดคาถามว่า
เป็นอะไรหรอื เป็นอย่างไร ศิลปินเว้นว่างไว้ทาไม ราวกบั เชิญชวนใหผ้ ู้ชมไดจ้ ินตนาการต่อรว่ มกบั เขาแต่ไม่ได้มเี พยี งความทรง
จาเท่านั้นท่ีงานช้ินนี้สอื่ สารกับผู้ชม ตัวงานยงั พูดถึงความเปล่ยี นแปลงแปรผันและการประสานแทรกกันของวัฒนธรรม ความ
บางของผ้าที่แสงส่องผ่านและมองทะลุได้เหมือนการไม่ปิดกั้นความแปรผันของวันเวลาและส่ิงต่าง ๆ ด้วยกายภาพของผ้าท่ี
เคลอ่ื นไหวเมอื่ ต้องลมสนุ ทรยี ะทไี่ ดจ้ ากแสงอันเปลีย่ นไปจงึ สง่ ใหง้ านชิ้นนี้มีความงดงามยงิ่ ขนึ้

ภาพที่ 5 SILK SPUN ON A REMOVABLE SCAFFOLDING STRUCTURE, 2013, SILK
(ก) SILKWORM TEMPLATED RESPONSE TO HEIGHT

(ข) SILK SPUN ON A REMOVABLE SCAFFOLDING STRUCTURE
(ค) BIOLOGICALLY-SPUN SILK OVER ROBOTICALLY-SPUN SILK
(ง) 6,500 SILKWORMS SPUN FOR 3 WEEKS TO COMPLETE THE STRUCTURE

ทีม่ า: Neri Oxman เขา้ ถึงข้อมูลเม่อื วนั ที่: 7 ตลุ าคม 2564
เขา้ ถงึ ได้จาก: https://oxman.com/projects/silk-pavilion-i

204

(ก) (ข)

(ค) (ง)

3.5 เนริ ออ็ กซ์แมน (Neri Oxman)
ผลงานของเขาสะท้อนถึงการออกแบบด้านสิ่งแวดลอ้ ม และสร้างรูปส่งผ่านวิธีการทางดิจิตอลโดยสะท้อนแรงบนั ดาล

ใจจากธรรมชาติและชีววิทยา ผลงานของเขาเก็บสะสมอยู่ในคลังสะสมถาวรของ Paola Antonelli ผู้เป็นภัณฑารักษ์ของ
MOMA และให้สมญานามเธอว่าเป็น “คนท่ีก้าวหน้าจากยุคของตัวเองไปแล้ว” มีผลงานแตกต่างและโดดเด่นกว่าศิลปินรุ่น
เดียวกัน ผลงานของเขาได้รับการจัดแสดงทั่วโลกและมีเก็บสะสมในการสะสมของพิพิธภัณฑ์ช้ันนาต่าง ๆ ทั่วโลก เขาศึกษา
สารวจความสัมพันธ์ของระบบทางชีวภาพชีวิตที่เกิดข้ึน และการคานวนการก่อเกิดนั้นโดยผสมผสานการทอเส้นใยด้วย
เคร่ืองจักรทไ่ี ด้รับแรงบนั ดาลใจจากการสรา้ งรงั ของหนอนไหม ในขณะเดยี วกนั กใ็ ช้ฝงู หนอนไหมที่มชี ีวติ จริงจานวน 6,500 ตัว
ให้สร้างรังไหมไปพร้อมกันกับเคร่ืองจักรทส่ี รา้ งใยไหมเทยี มเพ่ือศึกษาระยะเวลาและรูปแบบพฤติกรรมการปนั่ ด้ายรวมถึงการ
เคล่ือนที่ของตัวไหมในการสร้างรัง จากใยไหมที่มีลักษณะเป็น 2 มิติ สู่การก่อเกิดเป็น 3 มิติ การศึกษาษาสิ่งเหล่าเขามี
จุดมงุ่ หมายทจี่ ะให้วสั ดมุ ่อี ยใู่ นธรรมชาติเพื่อให้เกิดใหม่ ๆ ข้ึนเพ่อื ใหม้ นุษย์มีความสัมพันธ์กับธรรมชาตมิ ากข้นึ

แนวคดิ ทางศลิ ปะจัดวาง (Installation Art)
ศิลปะจัดวาง (Installation Art) ปรากฎให้เห็นต้ังแต่คริสต์ศตวรรษ 1950 โดยเร่ิมได้รับความนิยมจากศิลปินใน

สหรัฐอเมริกาและยุโรปเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (สุธี คุณวิชยานนท์, ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย : ตะวันตกและไทย, 2561,
150) เปน็ การนาเสนอวตั ถุให้เกิดความสมั พันธ์กับพื้นที่เพือ่ สรา้ งความหมายควบคู่กนั ไป โดยสว่ นใหญ่เปน็ งานศิลปะ 3 มติ ิ มุ่ง
นาเสนอการรับรคู้ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างพืน้ ท่แี ละสง่ิ โดยรอบ อาจตดิ ต้ังท้ังภายในอาคารและภายนอกอาคารสง่ิ กอ่ สรา้ ง โดยสว่ น
ใหญ่มักแสดงในพ้ืนที่ของหอศิลป์หรือพิพิธภัณฑ์ และอาจเป็นพ้ืนท่ีท่ีเลือกโดยศิลปินอย่างจาเพาะเจาะจง( Alternative
space) หากจัดวางภายนอกอาคารมักถูกเรียกว่า แลนด์อาร์ต (Land Art) หรือ เอนไว-รอนเมนทัลอาร์ต (Environmental
Art) หรือที่รู้จักกันในภาไทยวา่ ภมู ศิ ิลป์

ศลิ ปะจดั วางถูกใช้เพอ่ื อธิบายผลงานสอ่ื ผสม (Mixed Media Art) หรอื การจดั วางโครงสรา้ งทมี่ ขี นาดใหญ่ บ่อยคร้ังมกั
ไดร้ บั การออกแบบใหม้ คี วามหมายสัมพนั ธไ์ ปกบั พนื้ ทีเ่ ฉพาะ หรือเปน็ เพยี งปรากฏการณ์ ณ ชว่ งเวลาหนงึ่ (Tate,
Installation Art [online], November 4, 2019, available from https://www.tate.org.uk/art/art-
terms/installation-art) โดยท่ีศลิ ปะจดั วางนี้อาจมีการติดตง้ั แบบถาวรหรอื แบบช่ัวคราวตามความเหมาะสม ท้ังนี้ มาร์ค โร
เชนซลั (Mark Rosenthal) ไดแ้ บง่ ประเภทผลงานศลิ ปะ จัดวางไว้ 2 ประเภทคือ Site-specific และ FIlled-space (Mark
Rosenthal,
Art New York, 1997, 28)

Site-specific หมายถงึ ศิลปะจดั วางแบบจาเพาะเจาะจงสถานท่ี ท้งั น้วี ตั ถศุ ลิ ปะกบั พืน้ ที่จดั แสดงจะมคี วามสัมพนั ธใ์ น
ด้านการสอ่ื สารความหมาย

205

FIlled-space หมายถงึ ศลิ ปะจดั วางทวี่ ตั ถุมีความสมั พันธซ์ งึ่ กันและกัน โดยวตั ถดุ งั กลา่ วสามารถสอ่ื สารความหมายใน
ตัวเองได้อยา่ งสมบูรณ์ ไมจ่ าเป็นตอ้ งอาศัยความหมายของพื้นท่จี ดั แสดง

ภาพท่ี 6 ภาพผลงานชดุ “จนิ ตภาพแห่งสายใยความผกู พนั ”
ผู้สร้างสรรค์ นายวริ ายทุ ธ เสยี งเพราะ, 2564

4. การวิเคราะห์ผลงาน
จากการใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัวเกษตรกรปาล์มน้ามัน ที่ดาเนินชีวิตไปอยา่ งมีความสุข ด้วยความรัก ความเอา

ใจใส่ของญาติพ่ีน้องที่คอยดูแลเก้ือกูลกัน ไม่ว่าจะเติบโตข้ึนเพียงใดหากพบเจอปัญหาในชีวิต ก็ไม่เคยปล่อยให้เปล่าเปล่ียว
อ้างว้าง ทาให้ผู้สร้างสรรค์ตระหนักถึงคุณค่าและความสาคัญของสถาบันครอบครัวอยู่ตลอดเวลา โดยได้รับแรงบันดาลใจใน
เทคนิคการสานเส้นใยจากการทาขนมลา จากความประทับใจในวัยเยาว์ของผู้สร้างสรรค์ท่ีชื่นชอบขนมลาเปน็ อย่างมาก ขนม
ลา ทาจากแปง้ น้าตาล มโี ปรตีนจากไข่แดง และประกอบกับมีไขมันอยดู่ ว้ ย เปน็ ขนมที่แสดงถงึ ศิลปะการผลติ ท่ีประณีตบรรจง
อยา่ งยิ่งจากแปง้ ขา้ วเจา้ ผสมน้าผึ้ง (หมายถึง น้าตาลทไี่ ดจ้ ากตน้ ตาลโตนด ส่วนนา้ ผึ้งที่ไดจ้ ากรวงผึง้ คนใต้จะเรียก นา้ ผึ้งรวง)
แลว้ คอ่ ยๆ ละเลงลงบนกระทะนา้ มนั ทร่ี อ้ นระอุ กลายเป็นแผน่ ขนมลาท่ีมีเส้นเล็กบางราวใยไหมและสอดสานกันเปน็ รา่ งแห จึง
สังเกตเห็นว่าเส้นใยในการทาขนมลาให้ออกมาเป็นแผ่นมีความน่าสนใจราวกับญาติพ่ีน้องที่รวมกันเป็นปึกแผ่น ด้วยการทับ
ซอ้ นของเสน้ ใยน้ีจึงทาการศึกษาวธิ ีทาขนมลา และหาวธิ ีการทีม่ ลี ักษณะคลา้ ยคลึงกัน

ผสู้ ร้างสรรคไ์ ด้นาอปุ กรณ์ซึง่ มคี วามเหมาะสมทจี่ ะใชเ้ ปน็ เครือ่ งมือในการสร้างสรรคผ์ ลงาน จากวัสดุท่ีทาการศึกษา
มาสรา้ งสรรค์ผลงานประตมิ ากรรมนุ่มพบวา่ วสั ดุที่นามาทาโครงสรา้ งมีความอ่อนตัว สามารถตอบสนองความรู้สกึ ได้ดี รวมถึง
วสั ดุทงั้ หมดที่มีความเหนยี ว ยืดหยุ่น อีกท้งั ยงั มสี ีขาวและผิวสัมผัสท่ีบอบบางซึ่งเปน็ คุณสมบัติที่เหมาะสม ตรงตามแนวคิดท่ีผู้
สร้างสรรค์ต้องการแสดงความรู้สึกของประสบการณ์ท่ีดตี ่อครอบครัว เมื่อกลา่ วถึงเสน้ ใยซ่ึงสามารถกอ่ รปู ทรงขนึ้ มาไดม้ วี ิธีตา่ ง
ๆ มากมายทั้งท่ีมีโครงสร้างภายในและอาศัยการห้อยแขวนเช่นเดียวกับโคมไฟ ผู้สร้างสรรค์เลือกการใช้วิธีสร้างโคมไฟจ าก
เส้นด้ายด้วยการนาเส้นด้ายมาชุบกาว สร้างสรรค์ผลงานเพื่อนาเสนอให้สอดคล้องกับแนวความคิดและมีความคล้ายคลึงกับ
วิธีการทาขนมลา เพื่อสามารถทาใหเ้ ส้นใยสามารถทับซ้อนประสานกนั จนกอ่ เปน็ รูปรา่ งแลว้ สามารถนามาประกอบเป็นรูปทรง
ได้ จึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมนุ่มด้วยเทคนิคการชุบด้ายด้วยกาว สามารถแสดงออกให้เห็นถึง
ความรักความอบอุ่นของครอบครวั โดยใชก้ ารถักสานเส้นใย ที่แทนความผูกพนั เชื่อมโยงทุกคนในครอบครวั ไว้ด้วยกัน กอ่ เกิด
เปน็ รูปทรงที่ออ่ นน่มุ หุ้มห่ม โครงสร้างท่ีสลับซับซ้อน แต่แผงไวด้ ้วยความสะอาดบรสิ ุทธิ์ เป็นสายใยแหง่ ความรักความผูกพัน
จากการดูแลเอาใจใส่ และหว่ งใยของครอบครวั
สรุป

ผลงานสร้างสรรค์ ชุด จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน โดยใช้เทคนิคการถัก พัน สาน เส้นใยธรรมชาติและเส้นใย
สังเคราะหส์ ขี าว แสดงออกให้เห็นถึงคณุ คา่ ความรกั ความผูกพัน ความอบอ่นุ อันบริสุทธ์ทิ ีไ่ ดร้ บั จากครอบครวั การถกั สานเกาะ

206

เก่ียวเส้นใยเส้นเล็ก ๆ แต่ละเส้นท่ีมีความอ่อนนุ่ม บอบบาง เม่ือเกาะเก่ียวกันเป็นจานวนมาก ก็สามารถสร้างความแข็งแรง
ให้กบั รปู ทรง ประดจุ สายสมั พนั ธท์ ี่แข็งแรงของคนในครอบครวั เกดิ เปน็ ผลงานประติมากรรมนมุ่ โดยการศึกษาทฤษฎีความรัก
ความผกู พันพบวา่ การสร้างสรรค์ผลงานน้ันการเลือกใช้เสน้ ใย ก่อเกิดเป็นรปู ทรงเชิงสัญลักษณ์ อันได้รับแรงบนั ดาลใจมาจาก
ประสบการณ์ที่ได้รับจากวิถีชีวิตของผู้สร้างสรรค์ ที่ได้รับความรักการดูแลเอาใจใส่จากญาติพี่น้อง แทนการดูแลจากบิดา
มารดาเน่ืองจากท่านได้เสียชีวิตลงนั้น สร้างความรู้สึกประทับใจที่ญาติทุกคนช่วยกันเอาใจใส่ ให้ความรัก ความรักจึงเป็นส่ิง
สาคญั สอดคล้องกับแนวคดิ ของจอห์น โบลบ้ี เชื่อว่า ความโน้มเอยี งของมนษุ ย์ทีจ่ ะผกู พันกับคนเลยี้ งทีค่ ้นุ เคย เพราะพฤติกรรม
ความผูกพัน ช่วยให้รอดชีวิตเม่ือเผชิญกับอันตรายที่ต้องเผชิญกับส่ิงแวดล้อม (Duschinsky, 2013, 326–338) มนุษย์
จาเป็นต้องสรา้ งความสัมพันธ์กับใครสักคนเพ่ือเรียนรู้การอยู่ในสังคม โดยเฉพาะเร่ืองอารมณ์และการควบคุมที่มนุษยพ์ ึงมีให้
เปน็ ไปในทศิ ทางท่ีดี จากแนวคดิ ดังกลา่ วผสู้ รา้ งสรรค์ไดท้ าการศึกษาแนวคิดการสร้างสรรคศ์ ิลปะเส้นใย (Fiber art) และศกึ ษา
ศิลปินท่ีสร้างสรรค์ผลงานในแนวทางน้ี พบว่า การใช้เส้นใยสามารถแทนค่าความรู้สึกในเชิงสัญลักษณ์ของความรัก ความ
ผูกพัน สายใยเกาะเกยี่ วกนั จนเกดิ อารมณค์ วามรู้สึกท่ีลึกซึ้งได้ ศิลปนิ อมิ่ หทัย สุวัฒนศิลป์ ศลิ ปินใชเ้ สน้ ผมเป็นวัสดหุ ลกั ในการ
สร้างสรรค์ผลงานด้วยวิธีการถักโครเชต์ แทนความรู้สึกที่มีต่อบดิ าที่จากไปจึงหยิบยกเอาเส้นผมมาทาการเรียบเรียงด้วยการ
มัด เย็บ ปัก ถัก ผูก ร้อย และการคลุมห่อเข้าด้วยกันเหมือนต้นไม้ท่ีงอกเงยขึ้นใหม่ราวกับชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาว
เช่นเดียวกันกับคนในครอบครัว อีกแนวความคิดหน่ึงของซึงโม ปาร์ค เขามีการเชื่อมโยงกับปรัชญาทางพุทธศาสนาท่ีทุก ๆ
อย่างเกิดข้ึนและพึ่งพาซึง่ กันและกนั สรรพสิ่งลว้ นเกิดจากเหตุปัจจยั หลายประการทส่ี นับสนนุ ให้กนั และกันเม่อื ผชู้ มเข้ามาใกล้
ผลงานรปู ร่างจะกระจัดกระจายจนในท่ีสดุ กม็ องไมร่ ้วู า่ เปน็ ภาพอะไร แตก่ ส็ ัมผัสได้ถึงสิ่งทห่ี ลงเหลืออยู่คอื นา้ หนักของลวดและ
มกี ารเปลี่ยนแปลงของคณุ สมบตั ิ หากถอยออกมาในระยะหนึง่ เรากจ็ ะพบความงามในอีกรูปแบบหนึง่ เรากบั มนุษย์เราท่ยี อ่ มมี
ระยะที่เหมาะสมในการทาส่ิงต่าง ๆ เช่นเดียวกับ ดู โฮ ซู การให้ความสาคัญกับพ้ืนที่ว่างเป็นอย่างมากเพื่อให้ช่องว่างน้ัน
สามารถเติมเต็มได้จากผู้ชมเป็นพ้ืนที่แห่งจิตและจินตนาการเสมือนบ้านท่ีมักมีความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและผู้คนที่
ผสมกลมเกลียวกันได้เสมอสอดคล้องกับผสู้ รา้ งสรรค์ ทม่ี แี นวคิดการนาเสนอแรงบันดาลใจอันเกดิ จากความรักความอบอุ่น วิถี
ชีวิตของคนในครอบครัวมาเป็นแรงบันดาลใจต้ังต้นในการสร้างสรรค์ และรูปแบบวิธีท่ีใช้เส้นใยในการถักร้อยให้เกิดรูปทรง
สะทอ้ นถึงความรู้สึกโหยหาความรักความอบอ่นุ ทเ่ี กดิ ข้ึนภายในครอบครวั ในชว่ งเวลาท่ีผ่านมา ถ่ายทอดแรงบันดาลใจใหผ้ ู้ชม
ได้ตระหนักถึงเรื่องครอบครัว เพราะงานในแนวทางนี้ ต้องใช้สมาธิ และความอดทนในการสร้างสรรค์เปรียบเสมือนการสร้าง
ความรักความสัมพนั ธใ์ หป้ รากฏรูปรา่ งออกมานน้ั ก็ไมง่ า่ ยเลยเชน่ กนั อีกทง้ั เลอื กใช้สีขาวแทนความรกั อนั บรสิ ทุ ธ์ิ ทงี่ ดงาม ของ
คนในครอบครวั ที่มใี ห้กนั ดว้ ยดีตลอดมา

เอกสารอ้างองิ
กาจร สุนพงษ์ศร.ี ประวตั ิศาสตร์ศลิ ปะตะวันตก 2 (ศิลปะยคุ กลาง). กรงุ เทพ ฯ :จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย, 2551.

จอห์น โบลบ้ี (2546).ความผูกพนั ทางอารมณ.์ [ออนไลน]์ สืบคน้ เม่ือ 8 พฤษภาคม 2563. จาก
https://urbancreature.co/a-bond-of-love/
สานกั งานศลิ ปวัฒนธรรมร่วมสมัย. (2561). ประตมิ ากรรมนมุ่ . [ออนไลน]์ สบื คน้ เมือ่ 1 กรกฎาคม2563. จาก
https://www.hiso.or.th/hiso/tonkit/tonkits_53
Anna, hergert. Fiber Art – A Definition. Accessed November 6, 2016. Available from
https://annahergert.me/2013/04/16/fiber-art-a-definition/
Fiberartnow. What makes fiber art?. Accessed December 11, 2016. Available from http://fiberartnow.net/
Rosenthal, Mark. Understanding Installation Art. New York: Bowker, 1997.

207

รปู ทรงแหง จนิ ตนาการของเทคโนโลยีเขา แทนทีธ่ รรมชาติ

THE IMAGINATION FORM OF TECHNOLOGY REPLACES NATURE

พงศธร รอดจากทกุ ข* (ศป.ม.ทัศนศิลป)1
2 อาจารยที่ปรกึ ษาหลกั ดร.เมตตา สุวรรณศร
3 อาจารยท ่ีปรึกษารวม ผชู ว ยศาสตราจารยรองศาสตราจารยศุภชยั สกุ ขโี ชติ
นกั ศกึ ษาหลักสตู รศิลปมหาบณั ฑิต สาขาวิชาทศั นศิลป บณั ฑติ ศกึ ษา สถาบนั บัณฑติ พัฒนศิลป
4 ไดรบั การอุดหนนุ การทำกิจกรรมสงเสรมิ และสนับสนุนการวจิ ัยและนวตั กรรมจากสำนกั งานการวจิ ัยแหง ชาติ

E-mail [email protected]

บทคดั ยอ
การวจิ ัยสรา งสรรคน้ีมวี ัตถปุ ระสงคเ พอ่ื 1) เพื่อสรางสรรคผ ลงานในหวั ขอ รูปทรงแหง จินตนาการของเทคโนโลยีเขา

แทนทีธ่ รรมชาติ เพ่ือแสดงออกใหเ หน็ ถึงรปู ทรงทีถ่ กู สรา งสรรคข ้ึนจากจินตนาการคิดฝนที่ไมม อี ยูจ ริง รวมกับการศึกษาทฤษฎี
จินตนาการ ประสบการณน ิยมและผลงานศลิ ปะของศลิ ปน ทเี่ ก่ียวของ 2) เพ่อื สรา งสรรคผลงานเทคนิคประตมิ ากรรมส่อื ผสม
โดยการผสมผสานวสั ดุทางเทคโนโลยรี วมกับวัสดุทางธรรมชาติ 3) เพื่อสรางสรรครูปทรงทางจินตนาการ ที่กระตุนเตือนให
ผูค นตระหนกั ถงึ คณุ คาของธรรมชาติ ท่กี ำลงั ถกู กลนื หายไปจากการรกุ รานของมนุษย ทำใหเ กดิ ปญ หาระบบนเิ วศนข้นึ มากมาย
หากมนุษยไ มหยดุ คิดถึงปญหาดงั กลา ว ธรรมชาตอิ าจหมดลงอยา งมิอาจฟน คืนกลับมาได

ผลการศึกษาพบวา การสรา งสรรคผ ลงานดว ยเทคนคิ ประติมากรรมสือ่ ผสม ท่ีเลือกใชวัสดเุ ก็บตกและวัสดสุ ำเร็จรูปท่ี
รับมาจากการผลติ ทางเทคโนโลยีทม่ี ีมากลนเกนิ ความจำเปน รวมกับวัสดทุ างธรรมชาตินั้น ทำใหเหน็ วาวสั ดุที่เปนขยะทาง
เทคโนโลยีสามารถนำมาสรางสรรคประกอบสรางจนเกิดเปนรูปทรงที่ลอเลียนใกลเคียงกับสัตวในธรรมชาติหลายประเภท
สอดคลอ งกบั แนวคิดของศิลปะแนวดาดา อิสซึม ทีม่ งุ เนนการเสียดสี ประชดประชนั สงั คมเพ่ือใหเห็นถงึ โทษและปญหาของ
การบริโภควัตถุนิยมจนเกินพอดี กอปญหาตอสภาพแวดลอมจนสัตวหลายประเภทถูกรุกรานไรบาน จากที่กลาวมาผูสราง
สรรคจงึ ไดห ยิบยกนำแนวคิดนี้มาสรางผลงานใหเกิดเปนรูปทรงของสัตวใ นจินตนาการที่ไมมอี ยูจ ริงในธรรมชาติ เสมือนเปน
การกลายพันธุส อดคลองกับศิลปะแบบแฟนตาซี ท่มี งุ เนน จนิ ตนาการเปนสำคัญ การสรางสรรคผ ลงานชดุ น้ีจึงเปน เหมอื นการ
กระตุนเตอื นใหผ ูคนตระหนกั ถึงโทษ และการรุกรานของเทคโนโลยที ม่ี ตี อ ธรมชาตทิ นี่ บั วันจะเปน ปญหาที่ยากจะแกไ ข

คำสำคญั : เทคโนโลยี ธรรมชาติ สตั วในจนิ ตนาการ รปู ทรงแหง จนิ ตนาการ

ABSTRACT
This creative research aims to 1) To create works on the topic the imagination form of technology

replaces nature. To express the shape created by the imagination of dreams that do not exist. Together
with the study of the theory of imagination Experiences and artworks of related artists. 2) To create works
of mixed media sculpture techniques by combining technological materials with natural materials. 3) To
create imaginary shapes that encourages people to realize the value of nature that are being swallowed
up by human invasion causing many ecological problems If human beings don't stop thinking about such
problems nature may inevitably expire.

208

The results of the study showed that creating works with mixed media sculpture techniques. That
chooses to use the found objects and the readymade objects obtained from the technological production
that is too much than necessary. Together with natural materials. It shows that technological waste
materials can be used to create, Assemble, and create a shape that mimics many types of animals in nature.
In line with the concept of Dadaism art. Focused on satire. Social sarcasm to see the blame and problems
of excessive consumption of materialism. Causing problems to the environment until many types of
animals are invaded by the homeless. From the foregoing, the creators have brought up this idea to create
works of imaginary animals that do not exist in nature. As a mutation in accordance with fantasy art. Focusing
on imagination is important. The creation of this series of works is like a wake-up call to make people aware
of the dangers. And the invasion of technology towards nature is an increasingly difficult problem to solve.

KEYWORDS: technology , nature , imagination animal ,the imagination form

บทนำ
สงิ่ มชี วี ติ ทงั้ หลายบนโลกน้ีประกอบดวยมนษุ ย สตั วแ ละพชื ซงึ่ ลวนเปนสวนหนงึ่ ในธรรมชาตแิ ละทรพั ยากร มนุษย

นั้นเปนสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ฉลาดที่สุด สิ่งมีชีวิตตองดำรงเพื่อความอยูรอด มนุษยจึงพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยใหทันตอการ
เปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งทางดานเศรฐกิจและสังคมจนสรางผลกระทบมากมายใหกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตดวยกัน
ในรปู แบบทห่ี ลากหลายท้ังยังทำใหสูญเสยี สภาพสิง่ แวดลอ มในธรรมชาตทิ ีม่ ีอยูเดิมกลายสภาพเปนเมืองคอนกรตี จากปญหา
ที่กลาวมานั้น ผูสรางสรรคเองเกิดและเติบโตในชนบทที่เต็มไปดวยธรรมชาติที่งดงามสะอาดตา ทำใหผูสรางสรรคเกิด
ความรูสึกประทบั ใจ เมื่อไดเห็นความงามของธรรมชาติและสง่ิ มชี ีวติ ท่เี คยสมั ผสั ทำใหผ สู รางสรรคเกดิ การตัง้ คำถามดวยความ
รักและหวงแหนในธรรมชาติ หากสถานการณของการขยายตัวของเทคโนโลยียังคงเดินหนาตอไปทำลายลางของพื้นที่ทาง
ธรรมชาตลิ ง รวมทั้งการใชสารเคมีกับสภาพแวดลอม คน สัตว พืช ทุกระบบ ถูกรบกวนดว ยสงั คมบริโภคนยิ ม มุงเนน
หาผลประโยชนจนลืมนึกถึงปญหาสภาพแวดลอมในอนาคต อันจะเห็นไดวาธรรมชาติเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในทางลบ
สัตวหลายชนิดสูญพันธ บางชนิดกลายพันธ อันเกิดจากน้ำมือของมนุษย ผูสรางสรรค จึงเกิดจินตนาการถึงสิ่งมีชีวิตใน
อนาคตวา จะเปนเชน ไร

จากท่กี ลาวมานน้ั ผูสรา งสรรคจึงไดร บั แรงบันดาลใจ ในการสรา งสรรคผ ลงานท่ีตองการแสดงออกใหเห็นถึงปญหา
ของการรกุ รานจากเทคโนโลยีท่ีมผี ลตอการเปลยี่ นแปลงของธรรมชาติ โดยการสรา งรูปทรงมาเปน สื่อสญั ลักษณ เพือ่ ประชด
ประชันเสียดสีใหสังคมตระหนักถึงโทษและปญหาที่กำลังเกิดกับธรรมชาติ รูปทรงที่สรางขึ้นนั้นเปนรูปทรงที่เกิดจาก
จนิ ตนาการอนั ผสมผสานความสนุกสนานของเดก็ ผชู ายในวัยเยาว ทชี่ อบตอประกอบรปู ทรงอยางอิสระ และส่ิงนี้จึงเปนที่มา
ของการสรา งสรรคผลงานในรปู แบบศิลปะสือ่ ผสม โดยการนำเอาวัสดุหลายประเภท อาทิ เชน วัสดุสำเร็จรูป วัสดุเก็บตก
วสั ดุทางธรรมชาติ และวัสดทุ างเทคโนโลยี มาสรา งสรรคเ ปน สตั วในจินตนาการประเภทตาง ๆ ทไ่ี มเ คยมอี ยูจริง ใหผูชมได
เช่อื มโยงและตคี วามวานคี่ ือสัตวป ระเภทใด อันแสดงออกใหเ หน็ ถึงการเขาแทนทธ่ี รรมชาติดว ยเทคโนโลยอี ันไรชีวิต

209

วัตถุประสงคใ นการสรา งสรรค

1.เพ่อื สรางสรรคผ ลงานในหัวขอ รปู ทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนท่ีธรรมชาติ เพ่อื แสดงออกใหเ ห็นถึง
รูปทรงที่ถูกสรางสรรคขึ้นจากจินตนาการคิดฝนที่ไมมีอยูจริง รวมกับการศึกษาทฤษฎีจินตนาการ ประสบการณนิยมและ
ผลงานศลิ ปะของศลิ ปน ทีเ่ กีย่ วของ

2.เพื่อสรางสรรคผลงานเทคนิคประติมากรรมศิลปะสือ่ ผสม โดยการผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีรวมกับวัสดุทาง
ธรรมชาติ

3.เพอ่ื สรา งสรรคร ปู ทรงทางจนิ ตนาการ ท่กี ระตุน เตือนใหผ คู นตระหนักถึงคณุ คา ของธรรมชาติ ที่กำลังถูกกลืนหายไป
จากการรุกรานของมนุษย ทำใหเกดิ ปญ หาระบบนเิ วศนขึ้นมากมาย หากมนษุ ยไ มห ยุดคิดถงึ ปญหาดงั กลา ว ธรรมชาติอาจหมด
ลงอยางมิอาจฟน คนื กลบั มาได

ขอบเขตของการสรางสรรค

เพื่อดำเนินการสรางสรรควิทยานิพนธหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” เปน
ผลงานประติมากรรมสื่อผสม ดวยการผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีรวมกับวัสดุทางธรรมชาติ อันเปนรูปทรงที่เกิดจาก
จนิ ตนาการความคดิ ฝนในแนวทางศลิ ปะแฟนตาซี

นอกจากนผ้ี ลงานชุด “รปู ทรงแหงจนิ ตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนทธี่ รรมชาต”ิ 1 ชดุ จำนวน 4 ชิน้ ในลักษณะ
3 มิติ ตามระยะเวลาของโครงการนำเสนอผลงานเผยแพรออกสูสาธารณะเพื่อใหผูคนไดเห็นและศึกษาเรียนรู โดยมี
วัตถปุ ระสงคกระตุนเตือนใหผคู นตระหนักถึงคณุ คาของธรรมชาติ ที่กำลังถกู แทนทดี่ ว ยวัตถุทางเทคโนโลยี

ขน้ั ตอนในการสรา งสรรค

การสรางสรรคผ ลงานทศั นศิลปในหวั ขอ “รปู ทรงแหง จนิ ตนาการของเทคโนโลยีเขา แทนท่ีธรรมชาต”ิ ประกอบดวย
การเก็บขอมูลแบบปฐมภูมิ ทุติยภูมิ รวมกับประสบการณของผูสรางสรรค ดวยการลงพื้นที่ศึกษาขอมูลจากสิ่งมีชีวิตจรงิ
รวมทั้งเอกสารศลิ ปะท่ีเกีย่ วขอ ง เชน แนวคดิ ศิลปะแฟนตาซี แนวคิดจินตนาการ แนวคิดดาดาอสิ ซึม แนวคิดแบบเซอรเรีย
ลิสม เพื่อศึกษาขอมูลทางดานวิชาการเพื่อรวบรวมเปนขอมูลพื้นฐานในการพัฒนาผลงานสรางสรรค รวมถึงศึกษาศิลปน
กรณศี ึกษา ดา นแนวความคิด เทคนคิ วิธี วธิ ีการนำเสนอ เพื่อนำมาพัฒนาปรับใชก ับผูส รางสรรคใ นผลงานชุด “รูปทรงแหง
จินตนาการของเทคโนโลยเี ขา แทนทธี่ รรมชาต”ิ โดยสามารถจัดแบงข้นั ตอนการศกึ ษาและสรา งสรรคไ ดดังตอ ไปนี้

1.ศึกษาเอกสารทางวชิ าการ

2. ศกึ ษาเทคนิคในการสรางสรรค

3. ศึกษาวิธีการนำเสนอผลงาน

4. วิเคราะหศึกษารวบรวมขอมูลอยางมีระบบเพื่อนำมาวิเคราะหเปนภาพรางผลงานที่ตรงตาม
วัตถปุ ระสงคใ นการสรางสรรค

5. สรางสรรคผ ลงานจรงิ ตามภาพรางดวยเทคนคิ สอ่ื ผสม

6. เสนอและเรยี บเรยี งผลงานการคน ควา ในรูปแบบของงานวิจยั

7.นำเสนอผลงาน “รูปทรงแหงจนิ ตนาการของเทคโนโลยเี ขา แทนทธี่ รรมชาติ” ในพื้นที่สาธารณะ

210

แนวคดิ / ทฤษฎที ีเ่ กีย่ วขอ ง

วิทยานพิ นธในชุด “รูปทรงแหง จินตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนทีธ่ รรมชาติ” น้นั เปนการสรางสรรคทจ่ี ำเปนตอง
ทำการศึกษาทางดานแนวคิด เทคนิค วิธีการนำเสนอ รวมทั้งแนวคิดทฤษฎีดวยการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวของ และ
ศกึ ษาผลงานของศิลปน กรณศี ึกษาเกี่ยวกับเร่อื งจินตนาการความคิดสรางสรรคและนำมาวเิ คราะหอยางมรี ะบบขน้ั ตอน เพื่อ
นำมาวิเคราะหใหเห็นลักษณะเฉพาะของผลงานผูสรางสรรค การจะพัฒนาผลงานไดนั้นจำเปนตองทำการศึกษาทฤษฎี
ดังตอ ไปน้ี

ศิลปะแฟนตาซ(ี Fantasy)

ศิลปะแฟนตาซี หมายถงึ การสรา งสรรคร ูปลกั ษณต าง ๆ ตามความรูสึก จนิ ตนาการ ความคดิ สรางสรรคของมนษุ ย
(ฉลอง สุนทรนนท, 2562) เปนคำท่ใี ชสอื่ ถึงจินตนาการ ความรูสึกทหี่ ลดุ พน ไปจากโลกแหง ความจรงิ ในการศกึ ษาทางดาน
จติ วทิ ยา มีการแบง ออกไปเปน แฟนตาซี 2 ประเภท ไดแก แฟนตาซีในระดบั จิตสำนึก (Concious fantasy) และ แฟนตาซีใน
ระดับไรจ ติ สำนึก (Unconcious fantasy “แฟนตาซี” ทใ่ี ชใ นงานทางดานจติ วิทยา แตจะนำเสนอ “แนวคิดรวบยอดแบบ
แฟนตาซี” โดยยดึ คำนิยาม ความหมาย และการใชงานในวงการของศลิ ปะจินตนาการ คิดฝน ซง่ึ ผลงานของผสู รา งสรรคน ั้น
ไดน ำแนวคิดของศิลปะ แฟนตาซี (Fantasy) ท่ีสอ่ื ถงึ ท้ังความฝนและจนิ ตนาการ ลวนเปนการแสดงออกของความปรารถนา
ทถ่ี ูกเก็บไวในจิตใตสำนกึ ความรสู ึกทห่ี ลุดพน ไปจากโลกแหง ความจรงิ โดยจินตนาการถึงรปู ทรงของสตั วท่ไี มเคยมีอยจู ริง

ศลิ ปะเหนอื จรงิ (Surrealism)

ศิลปะเหนอื จริง เปน แนวคิดทางการสรา งสรรคของผสู รางสรรคไดศึกษาแนวคิดมาจากลัทธเิ หนือจรงิ ซ่ึงแตกตาง
จากแนวคดิ แบบเหมือนจรงิ โดยศิลปะแบบเหนอื จรงิ นั้นมงุ เนน ไปที่ การแสดงที่สิ่งทีไ่ มใชความจรงิ ของโลกท่ปี รากฏใหเหน็ ได
ดวยตา แตตอ งการแสดงส่ิงทไ่ี มมอี ยูจริงทใ่ี หป รากฏรปู หรอื กลาวอีกนยั หน่งึ ตองการจะแสดงส่งิ ซ่งึ อยเู หนอื โลกนี้ เพราะส่งิ
ที่ปรากฏเห็นลวนเปน มายา คอื เปนความจริงโดยสมมตุ ิเทานั้น สิง่ ที่เปน สาระอยูเหนอื จรงิ นัน้ ซ่ึงศลิ ปนตองการแสดงออก
ใหป รากฏเหน็ (สดชื่น ชัยประสาธน, 2539) โดยแฝงดวยการใชส ัญลักษณ (Symbolic) ผลงานผูสรา งสรรคเ ปนการนำความ
จรงิ ในจนิ ตนาการมาสรา งใหเ กดิ เปนรูปทรงของสงิ่ มชี วี ติ ส่ิงใหม มุง สกู ารสรางจนิ ตภาพของโลกใหมเปน สวนประกอบทเี่ ปน การ
พบกนั โดยบงั เอญิ ของวสั ดุ สองประเภท โดยใชว สั ดทุ ่ีเกบ็ ตกท้งั ในธรรมชาติจำพวก เขาสัตว หนังสตั ว และวัสดุเกบ็ ตกอันสิง่ ที่
ผลิตข้นึ ใหมต ามเทคโนโลยใี นปจจุบนั เชน ชิ้นสว นจากอุตสาหกรรมตา ง ๆ แตวสั ดุที่เลอื กมาน้ันศลิ ปนเลือกนำมาสรา งสรรค
ผลงานศลิ ปะ สวนมากเปน วสั ดทุ พี่ บเห็นเปนประจำหาไดไ มย าก รวมไปถงึ วัสดทุ ี่อาจจะมรี ปู ทรงทีแ่ ปลกตาไปจากเดิม เพราะ
ผา นการใชงานมาแลว จึงเปนผลดสี ำหรบั ศลิ ปนที่หยบิ จับ วสั ดเุ ก็บตกเหลาน้ี มาสรา งสรรคเ ปนผลงานศลิ ปะในรปู แบบ
ใหมตีความใหม กอ เกดิ ความนา สนใจเพิม่ พนู อรรถรสใหมใหก บั ผชู มผลงาน ขึน้ ไปโดยท่ีไมมคี วามเชอ่ื มโยงสมั พนั ธก ันแตมามา
อยูรว มกนั อยา งลงตวั

ลัทธิดาดา (DADAISM)

ลัทธิดาดา เกิดจากการรวมกลุมของศิลปน AVANT-GARDE ชวงตนคริสตศตวรรษที่ 20 เพื่อตองการตอตาน
กฎเกณฑความงามศิลปะแบบเดมิ ๆ รวมไปถึงเสยี ดสีสภาพแวดลอ มทางสงั คม (กำจร สนุ พงษศ ร,ี 2555) และปฏิเสธในส่ิง
สวยงามที่สมบูรณแบบอยางมีแบบแผนชัดเจนวาเปนสิ่งที่เพอฝนเสแสรง ผิดแปลกไปจากความเปนจริง ที่วาโลกไมได
ประกอบข้ึนดวยความสวยงามและความสมบูรณแบบ อีกทั้งดาดามองเห็นทุกอยางเปนศลิ ปะ และตอตานแนวคิดของพวก
ทนุ นิยมทนี่ ำพาไปสูการขัดแยง ซึ่งพวกเขาแสดงออกดวยการประชดประชนั เยาะเยย ถากถาง และทำใหม นั กลายเปนเรื่องไร
สาระ ดูตลก ทำลายความสมบูรณแบบลง ใชเทคนิคในการสรางสรรคดวยวิธีที่ผิดปกติ โดยนำวัสดุสำเร็จรูปมาดัดแปลง

211

ปรับเปลี่ยน เพื่อใหเกิดมุมมองใหมทางศิลปะซึ่งทำใหงานออกมามีลักษณะที่แปลกใหมไปจากงานศิลปะดั้งเดิม
ทำใ ห  วั ตถุ ช ิ ้ นห นึ ่ ง ใ นช ี วิ ตม าวาง ใ นบ ร ิ บ ทใ ห ม เพื่อกร ะ ตุนใ ห เกิดแนวค ิดใ ห มๆ เกี่ยวกับวัต ถ ุ น้ั น
ศ ิ ล ป ะ ไ ม  จ ำ เ ป  น ต  อ ง ค ั ด ล อ ก เ ล ี ย น แ บ บ ธ ร ร ม ช า ติ ผ  า น พ ล ั ง ส ร  า ง ส ร ร ค
และการจนิ ตนาการผนวกกับแนวความคิดแบบคอนเซป็ ชวลอารต (Conceptual art) พรอมทงั้ ท้งิ คำถามใหกับสงั คมผานทาง
งานศลิ ปะท่ีสรา งสรรคข ้ึน
ทฤษฎีจนิ ตนาการของอัลเบิรต ไอนสไตน และขอ มูลทางวิชาการความคิดฝน การจนิ ตนาการ

จินตนาการ เปนความพิเศษของมนุษยดังคำกลาวของ อัลเบิรต ไอนสไตน "จินตนาการสำคัญกวาความรู ความรูมี
จำกัด แตจินตนาการมีทกุ พ้นื ท่ขี องโลก" (อลั เบริ ต ไอนสไตน, 2472) จินตนาการ(Imagination) คอื การใชจ ติ สรา งภาพความ
ฝนในใจ ใหตรงตามความคิดที่อยากจะใหเปน จินตนาการจะทำใหเกิดภาพในจิตสำนึก เราเรียกรูปที่ปรากฏใหเห็นใน
ลักษณะนี้วา จินตภาพ(Image) ซึ่งจะเชื่อมโยงกับประสบการณที่ไดรับจากเหตุการณที่เคยพบเจอมา ถาศิลปนปราศจาก
จินตนาการแลว จะสรางงานไมม ีชวี ิตชวี า และไมกระตุนทำใหผดู ูเกิดจินตนาการดว ย จนิ ตนาการเปน เร่ืองเฉพาะของแตละ
บุคคล” (โกสมุ สายใจ,2544) ซง่ึ ผูสรา งสรรคไดผ สมผสานจินตนาการทไ่ี ดถ า ยทอดอารมณความรูสึกจากประสบการณอ อกมา
เปนรูปแบบศิลปะจินตนาการ ที่มุงเนนปลุกจิตสำนึกกระตุนเตือนชวยใหเราเห็นคุณคาของธรรมชาติ ที่ผูสรางสรรคได
ตั้งเปาหมายไว จากการสรางสรรคผลงานผูสรางสรรคไดทำการศึกษาศิลปน ที่มีความเกี่ยวของกับศิลปะสื่อผสม ดังศิลปน
ตอไปน้ี
ศลิ ปน กรณีศึกษา
Bill Wooddrow

Bill Wooddrow มีแนวคิดในเรื่องของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ไดกอเกิดความขัดแยงขึ้น เกิดเปนผลงาน
ที่มอี งคป ระกอบในลกั ษณะเชิงบรรยายและเชงิ สญั ลกั ษณ ปรากฏขน้ึ มานำเสนอโดยการใชวัสดุขนาดเลก็ ท่ีมคี วามหลากหลาย
เปนวัตถุดิบของศิลปนในผลงาน ตอมาศิลปนไดเปลี่ยนแปลงไปใชวัตถุดิบเปนสินคาอุปโภคบริโภคขนาดใหญขึ้นที่ไดมา
จากอุตสาหกรรมผลิต โดยที่ยังคงโครงสรางของวัตถุตนแบบโดยศิลปน ดัดแปลงตัดบางสวนออกจากวัตถุตนแบบ
ซึง่ ถูกสรางสรรคดวยวัสดทุ ีเ่ ลือกมาเปน การออกแบบเชงิ สัญลักษณ

ภาพท่ี 3: Elephant ผลงาน Bill Wooddrow 1984
ท่ีมา: เขาถงึ ไดจาก https://www.tate.org.uk/art/artworks/woodrow-elephant-t07169/, สืบคนเมื่อ 13 พฤษภาคม

2565

212

Sayaka Ganz
Sayaka Ganz เกิด พ.ศ. 2519 โยะโกะฮะมะ ประเทศญ่ปี ุน
ผลงานของ Sayaka Ganz มีแนวคิดการลดปริมาณขยะพลาสติกบนโลกดวยการนำมันมาสรางงานศิลปะ

เพื่อชวยใหผูคนตระหนักถึงปญหาของขยะพลาสติก นำเสนอเปนผลงานที่ทรงพลังมากดวยความที่เธอเกิดมาในครอบครวั
ที่นับถือลัทธิชินโตมาตั้งแตเกิด เธอจึงนำคำสอนของลัทธิที่วา วัตถุทุกชิ้น ทุกสิ่งทุกอยางนัน้ มันมีจิตวิญญาณซอนอยูภายใน
เธอหยิบเอาความคิดนี้มาใชใ นการสรางสรรคผลงานศิลปะ โดยศิลปนมกั ใชรปู ทรงที่ไดจากสตั วมาสรางสรรคม าเปนผลงาน
ประตมิ ากรรม ท่ผี สมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีที่ไรค า มาทำใหเกดิ เปนคุณคาใหมใ นเชงิ ศลิ ปะจงึ นบั ไดวา ศิลปนสามารถสื่อ
อารมณความงดงามภายใตว ตั ถุเหลือใชไดอยา งนา สนใจ ( https://sayakaganz.com/ )

ภาพท่ี 3: ผลงาน Sayaka Ganz
ทม่ี า: เขาถงึ ไดจ าก https://sayakaganz.com/plastics/nanami , สบื คน เมอื่ 13 พฤษภาคม 2565
Xu bing
Xu bing เกิด พ.ศ. 2498 ฉงชิง ประเทศจีน
ผลงานของ Xu bing แรงบันดาลใจจากความเปน จริงรวมสมัยของประเทศจีนที่เปลีย่ นแปลงอยางรวดเรว็ ใชเวลา
สองปใ นการสรางผลงานนกฟนิกซ สรา งขึ้นดว ยวัสดุทีเ่ ก็บไดจ ากสถานที่กอสรา งในเมืองจีน รวมทง้ั เศษซากจากการรื้อถอน
คานเหล็ก เครื่องมือ และของใชในชีวิตประจำวันของแรงงานขามชาติ นกฟนิกซในตำนานเปนพยานถึงความเชื่อมโยง
ความสัมพันธอันซับซอนของประวัติศาสตร ในการพัฒนาเชิงพาณิชยของประเทศจีนที่มีความมั่งคั่ง ร่ำรวยอยางรวดเร็ว
ในประเทศจีนปจจุบัน ผลงานสรางสรรคชิ้นนี้ ไดแสดงออกใหเห็นคุณคาของเศษวัสดุประเภทเหล็กจนเกิดเปนผลงาน
ประติมากรรมขนาดใหญที่เปนนกฟนิกซหอยแขวนลงจากบนเพดานเสมือนนกฟนิกซกำลังโบยบินอยู ซึ่งทำใหเกิดความ
นาสนใจกับผูชม และเกิดการตีความไปในทิศทาง ที่เสียดสีโลกของวัตถุนิยมที่กำลังเขาแทนที่ธรรมชาติ
(http://www.xubing.com/ )

213

ภาพที่ 4: ผลงาน Xu bing PHOENIX 2010
ท่มี า: เขา ถึงไดจ าก http://www.xubing.com/ , สืบคนเมือ่ 13 พฤษภาคม 2565
แมนดี บารเ กอร
การสรางสรรคผลงานของ บาเกอร ไดรับแรงบันดาลใจมาจากในวัยเด็กบารเกอรเดินทางไปที่ชายหาด
สังเกตเห็นความไมใสใจของผูคนที่มีตอภาพของขยะที่กระจัดกระจายไปทั่วชายหาด จึงเกิดความคิดในการสรางสรรค
ผลงานศิลปะจากขยะพลาสติก ดังนั้นเธอจึงเริ่มจากการเก็บเศษขยะพลาสติก และนำมาถายภาพ โดยมีจุดมุงหมาย เพ่ือ
สรางสรรคผลงาน ที่ทำใหผูคนรูสึกมีสวนรวมกับปญ หาขยะที่เกิดขึ้นดังกลาว โดยศิลปนทำโครงการถายภาพสถานที่ตาง ๆ
เพื่อตแี ผปญ หาของขยะพลาสตกิ ท่มี ีอยูรอบตวั เรา ศิลปน มีความคิดเหน็ วาขยะสามารถเดินทางไดไ กล และมอี ายุยาวนานกวา
จะยอยสลายศลิ ปนจึงนำเสนอผลกระทบทพ่ี ลาสตกิ ท่ีมีตอ สงิ่ แวดลอ มทางธรรมชาติ (https://www.mandy-barker.com/)

ภาพท่ี 5: ผลงาน ชางภาพ แมนดี บารเกอร 2014
ที่มา: เขา ถึงไดจาก https://www.mandy-barker.com/ , สบื คนเมอื่ 23 พฤษภาคม 2565

214

ไทยวจิ ติ พง่ึ เกษมสมบูรณ

ผลงานของ ไทวิจิต พึ่งแบบสมบูรณ ที่นำเสนอการหนีเอาชีวิตรอดในลักษณะของสังคมแบบ (Dystopia)
ที่เขาไดเผชิญกับอันตราย ที่มนุษยสรางขึ้นดวยการใชสำนวนสุภาษิตหนีเสือปะจระเข อรรถาธิบายถึงหายนะ
ของโลกและสิ่งแวดลอม ที่กำลังถูกทำลายลงอยางยอยยับจากการพัฒนากาวกระโดดของมนุษย ดวยการพัฒนา
เทคโนโลยีทคี่ วบคมุ โลกในนี้ อยา งตอ เน่อื งไมอาจหยดุ ยั้งได มาจากภาพทีก่ ำลังแสดงถึงภาวะโลกรอน ทเี่ กดิ จากขยะมหาศาล
จนทำใหสิ่งแวดลอมเปนพิษ โดยการสรา งสรรคผ ลงานประติมากรรมส่อื ผสมขนาดใหญ อันประกอบไปดวยรูปทรงจระเขเหลก็
หลายตัวที่ชี้ชวนผูชนใหเขาไป เดินทองโลกแหงภยันอันตรายในเชิงลอเลียนเสียดสี และประติมากรรมกึ่งนามธรรม
ที่สรางดวยโครงเหล็กขนาดใหญ รูปรางคลายเครื่องมือจับปลา ที่ไดแนวคิดมาจากวัฒนธรรมและภูมิปญญาชาวบานท่ี
ประดิษฐไซดักปลา ที่ศิลปนเคยไดรับประสบการณซึมซับมาจากวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่น เพียงแตปรับเปลี่ยนการดักปลา
เปนการดักขยะพลาสติกแทน ไทวิจิต มีความเชี่ยวชาญในการนำสิ่งของ ที่ไมไดใชหรือเรียกวาเปนขยะที่ถูกทิ้ง
มาสรา งสรรคผ ลงานศิลปะ ในการพลิกผนั ส่งิ ที่ไรคา โดยเปลี่ยนบรบิ ทมนั ไปสคู วามงามและ ความหมายใหมข องวสั ดุ

ภาพท่ี 6: ผลงานไทยวจิ ิต พ่ึงเกษมสมบูรณ BAB 2020
ทีม่ า: ผูเขียนบทความ , สบื คนเม่อื 23 พฤษภาคม 2564

กระบวนการสรางสรรค

การสรางสรรคผ ลงานทัศนศิลปในหัวขอ “รูปทรงแหง จินตนาการของเทคโนโลยเี ขา แทนที่ธรรมชาติ” เปนผลงาน
ประติมากรรมสื่อผสม การผสมผสานวสั ดทุ างเทคโนโลยีรวมกับวสั ดุทางธรรมชาติ ท่ีไดรบั มาจากประสบการณโดยตรงของผู
สรางสรรค โดยการคนควา ขอมูล ทางวิชาการ ทั้งจากตำราและศึกษาผลงานศิลปะที่เกี่ยวของกบั เนื้อหาดา นรูปทรงแหง
จินตนาการ รวมกับทฤษฎีประสบการณนิยม เพื่อรวบรวมเปน ขอมูลพื้นฐาน อันไดแก หนังสอื ตำรา อินเทอรเ น็ต รวมถึง
ศึกษาจากผลงานและแนวคดิ จากศิลปน ท่ีสรางสรรคผ ลงานลกั ษณะดงั กลา ว ข้ันตอนของการศกึ ษาและการสรา งสรรคจ ะเริ่ม
ขึ้น จากการศึกษา เพื่อการนำเสนอผลงานหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนที่ธรรมชาติ” โดยสามารถ
จดั แบง ขน้ั ตอนของการศึกษาและการสรา งสรรคไ ดด งั ตอไปนี้ กอ เกดิ เปนรปู ทรงทีก่ ระตุนเตอื นใหผคู นตระหนักถึงคุณคาของ
ธรรมชาติ ท่กี ำลังถูกแทนที่ดวยวัตถุทางเทคโนโลยี จนในทีส่ ดุ ธรรมชาติอาจถกู กลืนหายไปอยางนาเสยี ดาย

วิธีการสรา งสรรค

การสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปใ นหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขา แทนท่ีธรรมชาต”ิ ประกอบดวย
ประสบการณของผูสรางสรรค การสอบถามขอมูล การลงพื้นที่ศึกษาขอมูลจากสิ่งมีชีวิตจริง รวมทั้งเอกสารศิลปะการ
จินตนาการ เพื่อศึกษาขอมูลทางดานวิชาการเพื่อรวบรวมเปนขอมูลพื้นฐานเรื่องของจินตนาการ รวมถึงศึกษาศิลปนที่มี

215

ผลงานแนวความคิด วธิ ีการสรา งสรรค และเทคนิคทีส่ รางสรรคผลงานใกลเคยี งกบั ผสู รางสรรค โดยศกึ ษาขั้นตอนของการ
สรา งสรรคและศึกษาวิธีการนำเสนอผลงานของศลิ ปน เพือ่ นำมาพัฒนาปรบั ใชกับผสู รางสรรค

1. ศึกษาขอมูลที่ไดจากประสบการณตรงจากสภาพแวดลอม นำมาวิเคราะหจนเกิดเปนแนวคิด ที่ไดรับจาก
สภาพแวดลอมสอดคลองกับแนวคิดทฤษฎีประสบการณนิยม (John Dewey) อยูบนพื้นฐานมาจากประสบการณผาน
ประสาทสมั ผสั การรบั รขู องมนุษย ทงั้ สวนทเ่ี กดิ จากความตง้ั ใจและไมตั้งใจ แนวคดิ น้ีใหค วามสำคญั กบั ประสบการณตรงทส่ี ่ัง
สมมาในระยะเวลาที่ยาวนานเกิดการบมเพาะจนฝงอยูในจิตใตสำนึก ตามคำกลาวที่วา“ประสบการณคือการสัมพันธกับ
สิง่ แวดลอม การมปี ฏิกิรยิ ากบั สง่ิ แวดลอม” (ชลูด นม่ิ เสมอ,2553) จากการดำเนินชีวิตของผูสรางสรรคท่ีเกิดและเติบโตมา
ทามกลางธรรมชาติในชนบท ทา มกลางธรรมชาตทิ ี่สะอาดบรสิ ทุ ธ ทอ งทุงทเ่ี ขยี วขจี สุดลูกหลู ูกตา ซ่งึ แตกตางจากวิถีชีวิตใน
เมืองใหญ ซึงผสู รางสรรคต องเดินทางเขามาศึกษาตอ และประกอบอาชพี ย่งิ ทำใหผสู รา งสรรคเกิดการเปรยี บเทียบเห็นความ
แตกตางของวถิ ีชีวิตในชนบทและวถิ ชี ีวิตในเมือง ซ่งึ เตม็ ไปดว ยความแออดั เบยี ดเสยี ด แกงแยง ชงิ่ ดี ซ่งึ ตัวผูสรา งสรรคนั้น ก็
ตกอยูทามกลางกระแสของเทคโนโลยอี ยางหลีกเหลี่ยงไมได แตจากประสบการณที่ไดรับมานั้น ทำใหเกิดแรงบันดาลใจใน
การสรางสรรคผลงานทีน่ ำเอาประสบการณมาสรางรูปทรง คลายสิง่ มีชวี ิตในธรรมชาติท่ีผูสรางสรรครัก แตสรางใหไรชีวติ
เปน กลไกลเคร่อื งจักรทไ่ี รห วั ใจ เปรียบเปนการเสียดสปี ระชดประชันกับผคู นทีห่ ลงกบั เทคโนโลยีอนั ลวงตา จากท่ีกลา วนน้ั เปน
แรงบันดาลใจที่รับจากธรรมชาติ และสภาพแวดลอมและเปนแรงขับเคลื่อนเปนรูปทรงที่แปลกประหลาด การจะพัฒนา
ผลงานไดต รงตามแนวคดิ นน้ั

2. ศึกษาขอ มลู จากศลิ ปนไทยประกอบดวย ไทวิจติ พ่ึงเกษมสมบรู ณ ศกึ ษาศิลปนตางประเทศ Bill Wooddrow ,
Sayaka Ganz, Xu bing , แมนดี บารเกอร ที่สรางสรรคผลงานดวยเทคนคิ ศิลปะในรปู แบบตา ง ๆ ที่แสดงออกใหเห็นถึง
คุณคาของธรรมชาติ ที่กำลังถกู แทนท่ีดว ยวัตถทุ างเทคโนโลยี ปรชั ญาทางศลิ ปะแฟนตาซีและศลิ ปะเหนอื จริง ศึกษาศิลปนท่ี
สรางสรรคผ ลงานในรูปแบบประติมากรรมสื่อผสม ไดแก ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ, Bill Wooddrow, Sayaka Ganz , Xu
bing, แมนดี บารเกอร

3. ศึกษากรอบทฤษฎีและศกึ ษาเอกสารทางวิชาการ โดยใชท ฤษฎีประสบการณน ยิ ม (John Dewey) รว มทฤษฎี
จนิ ตนาการของอลั เบิรต ไอนส ไตน ช้ีใหเ หน็ ถงึ สิง่ มชี วี ิตทง้ั มวลจะมรี ูปรา งรปู ทรงอยใู นธรรมชาตอิ ยา งไร โดยการจินตนาการ
ถึงสิ่งมีชีวิตในอนาคต รวมกับแนวคิดศิลปะแนวแฟนตาซี(Fantasy) และ ศิลปะเหนือจริง (Surrealism) ชี้ใหเห็นถึงคณุ คา
ความงามของธรรมชาติและสง่ิ มชี ีวิต อันจะเปน การกระตุนเตอื นใหค นเห็นตระหนักคุณคา ของธรรมชาติ ทก่ี ำลงั ถูกแทนท่ีดวย
วัตถุทางเทคโนโลยี จนในที่สุดธรรมชาตอิ าจถกู กลืนหายไป โดยการศกึ ษาและเก็บขอมูลศิลปน ที่ไดรับแรงบันดาลใจ ศิลปน
ไทยประกอบดว ย ไทวิจิต พงึ่ เกษมสมบรู ณ ศลิ ปน ตา งประเทศ ไดแก Bill Wooddrow , Sayaka Ganz , Xu bing , แมนดี
บารเกอร ทไี่ ดรับการยอมรับเพื่อนำมาพัฒนาตอยอดความคิดใหเกดิ เปนผลงานลกั ษณะเฉพาะตวั

4. สรา งภาพรา ง (Sketch) ใหต รงตามแนวคดิ “รูปทรงแหง จนิ ตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนทธ่ี รรมชาติ” นำภาพ
รางมาวิเคราะหวจิ ารณ โดยคณาจารยท ี่ทรงคณุ วฒุ ิทางดา นทศั นศลิ ป เพือ่ ใหผ ลงานมกี ารพฒั นาในการสรา งสรรคผ ลงานใหมี
คณุ ภาพ

5. ทำการสรา งสรรคผลงานจรงิ ดว ยกระบวนการเทคนคิ ศลิ ปะสือ่ ผสมดว ยการเลือกวสั ดเุ ทคโนโลยีกับวสั ดุธรรมชาติ
และวัสดุสำเร็จรปู การเลือกวัสดทุ ีเ่ กดิ จากเทคโนโลยี ท่มี อี ยูในสงั คมเมอื ง เทคนิคการปดทองดว ยแผน ทองคำเปลวของวตั ถุ
เทคนคิ การหลอไฟเบอรกลาส การปน ปนู สด และเทคนิคการประกอบวัสดุ นำมาดำเนินการสรางสรรคผ ลงาน โดยศึกษา
ประตมิ ากรรมดว ยเทคนคิ ศิลปะสอ่ื ผสม (Mixed Media) รวมกับวสั ดุทต่ี รงตามแนวคิด

216

6. ทำการวิเคราะหกระบวนการสรางสรรคผลงานอยา งเปนระบบขั้นตอน ในรูปแบบเอกสาร (วิทยานิพนธ) และ
ผลงานจรงิ นำผลงานที่เสร็จสมบูรณเผยแพรอ อกสูส าธารณะชนในรปู แบบของนิทรรศการสูจิบัตรส่ือสง่ิ พิมพแ ละสื่อออนไลน
สรุปผลการศกึ ษา

จากการสรา งสรรคผ ลงานประติมากรรมสื่อผสมในหัวขอ รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนทธ่ี รรทมชาติ
พบวาการนำวัสดุสำเร็จรูป และวัตถุเก็บตกมาเปนสื่อสัญลักษณในการสรางรูปทรงของสัตวในธรรมชาติ เปนสัตวที่ไมเคย
ปรากฏมากอ นไมม ีอยูจรงิ ผสู รางสรรคไ ดผ สมผสานสตั วห ลายประเภทเขาดวยกนั ทำใหเ กิดความแปลกตาชวนสงสัยวาเปน
สตั วช นิดใดกันแน โดยคัดเลือกวัสวสั ดสุ ำเร็จรูปในชีวิตประจำวัน ผา นชอ งทางจินตนาการคิดฝนวาวัสดุสิ่งน้ันใกลเคียงหรือ
คลายกับสัตวอะไร สอดคลองกับแนวคิดของศลิ ปะกลุมเซอรเรียลสิ ม ท่ีมีแนวคิดทว่ี าวัสดุสองประเภททไ่ี มมีความเกี่ยวของกัน
มาพบกันโดยบังเอญิ กอเกิดรูปทรงแปลกประหลาด ซึ่งผูส รางสรรคม คี วามสนใจในการใชจินตนาการในการสรางรปู ทรงท่ี
แปลกตา แปลคา วัสดจุ ากสงิ่ ของไรชีวติ กลายเปนสตั วม ชี ีวติ แนวคดิ นมี้ ักพบไดในศิลปะแฟนตาซที ี่จะใชจนิ ตนาการนำทางใน
การตั้งตนเลาเรอื่ ง ซง่ึ ผสู รางสรรคไ ดน ำแนวคดิ ในเรอ่ื งของจนิ ตนาการมาตอยอดผา นการเลือกสรรคว สั ดุทัง้ จากธรรมชาติและ
วสั ดุทเ่ี กบ็ ตกได จากสภาพแวดลอ มทง้ั จากในเมืองและชนบท ผลงานชุดน้จี งึ เปนเสมือนส่อื ทก่ี ระตนุ เตอื นใหผูคนตระหนักถึง
โทษของการเสพวัตถุทางเทคโนโลยจี นเกินความพอดี ดังจะเหน็ ไดจากสภาพแวดลอ มในปจจุบัน

ภาพท่ี 7: ผลงานชดุ “รปู ทรงแหง จนิ ตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนท่ีธรรมชาต”ิ
ท่ีมา: ผเู ขียนบทความ , สืบคน เมือ่ 23 พฤษภาคม 2565

217

วจิ ารณแ ละสรปุ ผล
ผลงานทัศนศิลปในหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” นั้นเปนการ สรางสรรค

ผลงานโดยมุงเนนจการสรา งรปู ทรงทีใ่ ชจนิ ตนาการ ผสมผสานประสบการณช ีวติ ทร่ี กั และผูกพันกับธรรมชาติแตวัยเดก็ ทำให
รูสึกหวงแหนธรรมชาติที่นับวันจะถูกทำลายลงดวยเทคโนโลยี ที่เขามามีบทบาทกับชีวิตมนุษยจนยากที่จะแกไข การ
สรา งสรรคผ ลงานน้จี ึงจำเปนตอ งทำการศึกษาแนวคิดทฤษฎีท่ีเก่ียวของ อาทิ เชน ศิลปะแนวแฟนตาซที ีม่ ีความนา สนใจในดาน
การใชจินตนาดานการประกอบสรางรูปทรงที่พิเศษแปลกตา สอดคลองกับศิลปะลทั ธิเซอรเรียลิสมที่มุงเนนการพบกันโดย
บงั เอญิ ของวัตถุ ตงั้ แต 2 ประเภทมาผสมผสานกนั จนเกิดเปนรูปทรงที่ไมเ คยปรากฏมากอน ซึง่ เปน การเปด มุมมองในเรื่องการ
เลือกใชวัสดุประเภทเก็บตกรวมกับวัสดุสำเร็จรูปและวัสดุที่หาไดตามธรรมชาติ เมื่อผลงานเสร็จสมบูรณ ทำใหเกิดการ
ตีความหมายใหกับผลงานประตมิ ากรรม ดวยรูปทรงแบบใหม เพราะการชมผลงานนน้ั ตอ งอาศยั ประสบการณของผูดูรวมดวย
จึงจะเกิดความสนุก เปนรูปทรงที่มีลักษณะเฉพาะตนอยางนาสนใจ รวมถึงมีความงามทางสุนทรียเกิดขึ้น และกระตุนเตือน
ผคู นใหหันมาเหน็ คุณคาของธรรมชาตอิ ีกทางหนงึ่

เอกสารอางองิ (References)
กำจร สุนพงษศร.ี (2555). สุนทรยี ศาสตร. พมิ พค ร้งั ที่ 1. กรงุ เทพฯ: สำนกั พมิ พจฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย
ชลดู น่มิ เสมอ. (2559). องคประกอบของศลิ ปะ พมิ พค รั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพอมรินทร
พิชยั ตุรงคินานนท. (2544). มัลติเพิล อารต : พาหนะแหง การสื่อสารของ โจเซฟ บอยส พิมพค ร้ังที่ 1กรงุ เทพฯ
แมกซ แอรน สท.(2551). สี แสงอินทร พมิ พครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพจฬุ าลงกรณม หาวทิ ยาลยั
มัย ตะตยิ ะ. (2547). สุนทรยี ภาพทางทัศนศลิ ป, กรงุ เทพฯ : วาดศลิ ป
วโิ ชค มุกดามณ.ี (2550).การแสดงงานจิตรกรรม
วิโชค มกุ ดามณี. (2546). 6 ทศวรรษศิลปกรรมรวมสมยั ในประเทศไทย.กรงุ เทพฯ : หอศลิ ปม หาวทิ ยาลัยศิลปากร
สดชืน่ ชัยประสาธน. (2539).จิตรกรรมและวรรณกรรมแนวเซอรเ รียลิสต. พิมพค ร้ังท่ี 10. กรุงเทพฯ:

บรษิ ทั ดานสุทธารพมิ พจำกดั
สมพร รอดบญุ . (2534). วสั ดุในศลิ ปะ. ทองโลกศิลป, กรงุ เทพฯ
อารี สทุ ธพิ นั ธ.(2535). ศลิ ปนิยม พมิ พค รัง้ ที่ 4. กรุงเทพฯ:สำนักพมิ พโอเดียนสโตร
เดวิน คอตตงิ ตัน, (2554). ศิลปะสมยั ใหม ความรฉู บับพกพา. แปลจาก Modern Art, แปลโดย จณัญญา เตรียมอนุรักษ.

กรงุ เทพฯ : โอเพนเวลิ ด

218

แนวทางการใชผา ขาวมา ในการออกแบบเคร่อื งแตง กายและผลติ ภัณฑก ีฬาฟตุ บอล
: กรณีศึกษาโครงการผา ขาวมา ทอ งถน่ิ หัตถศลิ ปไ ทย

Guidelines for using loincloth in the design of apparel and football products.
: Case study of the local loincloth project, Thai handicrafts
จักรพนั ธ สุระประเสริฐ* (ศป.ม.)1
1 ผูช ว ยศาสตราจารย มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บัณฑิตย E-mail [email protected]

บทคดั ยอ
บทความนี้นำเสนอแนวทางการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล มี

วัตถุประสงคเพอื่ ศึกษาแนวทางการใชผาขาวมา ในการออกแบบเคร่ืองแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล โดยมีตวั อยางเครื่อง
แตงกายกีฬาทีน่ ำมาศกึ ษาจำนวน 29 ชิ้น ตัวอยางผลิตภัณฑกีฬาจำนวน 24 ชิ้น จาก 4 สโมสรทีเ่ ขารว มโครงการผา ขาวมา
ทอ งถ่นิ หัตถศิลปไ ทย ป พ.ศ.2564 มีคุณสมบัตติ ามเกณฑ กลาวคือ เปน เครอื่ งแตง กายกีฬาฟุตบอล และผลิตภัณฑกีฬาท่ีใช
ผา ขาวมาจากชุมชนในพื้นที่จงั หวัดที่สโมสรฟุตบอลน้ันตัง้ อยู โดยใชแ นวคิดจากศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี สญั ลักษณประจำ
จังหวัด ในการออกแบบ มีเครือ่ งมือในการวิจัยคือ ตาราง Matrix Analysis ดำเนนิ การวิเคราะหขอ มลู จากการออกแบบและ
การใชผ า ขาวมา ของผลติ ภณั ฑต ังอยา ง และสรุปผลโดยใชสถิติบรรยายเปนรอยละ

ผลวิจัยพบวาการใชผาขาวมาในเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล ในสวนของชุดสำหรับแขงขันนั้นยังทำไดนอย เพราะ
คุณสมบตั ขิ องผา ขาวมายงั ตอบสนองสว นนไี้ มไ ด ทำใหนักออกแบบนำผา ขาวมามาใชในชุดแขงขันไมได แตยงั สามารถนำมาใช
กับการออกแบบเครือ่ งแตง กายรปู แบบอน่ื ๆของสโมสรฟตุ บอลได ในสว นของการใชผาขาวมา ในผลติ ภัณฑกีฬาพบวา คณุ สมบัติ
ของผาขาวมาตอบสนองการออกแบบไดเปนอยางดี อยางเชนผลิตภัณฑกระเปา หมวก ผาพันคอ และยังสามารถพัฒนา
รูปแบบตอไปไดอีกมาก การนำแรงบันดาลใจจากศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี สัญลักษณประจำจังหวัด และสีประจำสโมสร
ฟุตบอล มาใชใ นงานออกแบบทำใหเกิดการทอผาขาวมาดวยสที ีแ่ ตกตางไปจากเดิม

คำสำคัญ: ผา ขาวมา เครอื่ งแตงกายกีฬาฟตุ บอล ผลติ ภณั ฑก ฬี า

ABSTRACT
This article presents guidelines for using loincloth in the design of apparel and football products.

The objective of this study was to study the guidelines for using loincloth in the design of apparel and
football products. 29 samples of sports apparel were included in the study, 24 samples of sports products
from 4 clubs participating in the local loincloth project, Thai handicrafts in 2021. Qualified according to the
criteria, that is, it is a football sport apparel. and sports products using loincloth from the community in the
province where the football club is located. Using concepts from arts, culture, traditions, and provincial
symbols in the design, the research tool is a Matrix Analysis table. Data was analyzed from the design and
use of loincloths of the sample products. and summarize the results using descriptive statistics as a
percentage.

The results showed that the use of loincloth in football apparel As for the outfits for the
competition, it still does little. because the properties of loincloth still cannot meet this part. Causing
designers to not be able to use loincloth in competition outfits But it can also be applied to other football

219

club apparel designs. As for the use of loincloth in sports products, it was found that the properties of
loincloth were responsive to the design. such as bags, hats, scarves, and can be developed further. Taking
inspiration from arts, culture, traditions, provincial symbols and the colors of the football club used in the
design, resulting in the weaving of loincloth with different colors from the original.

KEYWORDS: loincloth soccer sports apparel sports products

บทนำ (Introduction)
จากขอมลู ศนู ยสง เสรมิ ศลิ ปาชีพระหวางประเทศ (องคก ารมหาชน) หรือ SACICT ปจจุบนั คนไทยเรารูจักผาขาวมา

กันนอยลง โดยเฉพาะคนรนุ ใหมทสี่ วนใหญไมเคยเหน็ ผาขาวมา ท้ังท่ีสมยั กอนผาขาวมา เปน ผาที่อยใู นวิถีชีวิตคนไทย ท้ังใชใส
นงุ อาบนำ้ เช็ดตัว หอ ของ คาดเอว ใชเปนผา ปดไลแมลงและอกี สารพัดประโยชน

แตเมื่อวิถกี ารใชชีวิตของคนไทยเปลีย่ นไปจากสิ่งอำนวยความสะดวกท่ีมาทดแทน บทบาทของผาขาวมาของไทยก็
ลดนอยลง แตในตางจังหวัดผาขาวมา ยงั เปนท่ีนิยมของคนไทยใชในชีวิตประจำวัน บางก็ใชเ ปน ผามอบใหเปนของขวัญท่ีมีคา
แกก นั เปน ผาสารพดั ประโยชนในครอบครวั ในวฒั นธรรมของแตละภาคจะมคี วามแตกตางกัน เชน ภาคอีสานจะมีวัฒนธรรม
การทอผา ขาวมาดวยผา ไหม มีผาขาวมา ประจำตระกูล ทางภาคกลางก็จะทำจากผา ฝายเปน สว นใหญ

ดงั น้นั บทบาทของผาขาวมาท่ีเปลี่ยนไป การใชผาขาวมาลดลง ทำใหช ุมชนทีเ่ คยทอผาขาวมา เพ่อื สรางรายไดประสบ
ปญ หาเชงิ เศรษฐกจิ และยงั สงผลถึงปญหาทางศลิ ปะวฒั นธรรม เพราะไมมีคนมาสานตอ การทอผา ขาวมา

ทางภาครฐั ไดมีการจดั หนวยงานลงพื้นท่เี พ่ือพัฒนาผลติ ภัณฑจากผาขาวมาใหก ับชมุ ชน แตย งั ไมเ พยี งพอ เน่ืองจาก
การเติบโตของวงการฟุตบอลไทยกอใหเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเปนจำนวนมาก โดยสงผานมายังธุรกิจที่
เกี่ยวเนื่องอยางการลงทุนในการทำทมี ฟตุ บอล คาลิขสิทธิ์ในการถายทอดสดการแขงขัน อุปกรณกฬี า สินคาเสื้อกีฬา ของที่
ระลึก ธุรกิจคาปลกี ธุรกิจคมนาคมขนสง สถาบันสอนกีฬา และยังกอใหเกิดการจางงานจากการเกิดขึน้ ของอาชีพใหมๆ ท้ัง
ทางตรงและทางออม ซึ่งเกิดจากการที่คนไทยรับชมการแขงขันฟุตบอลไทยเพิ่มขึ้น สมาคมฟุตบอลไทยจึงไดมีการปรับ
โครงสรางทีมฟุตบอลสโมสร โดยใหเปนการกอตั้งจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร มีการสนับสนุนใหส โมสรเดิมหาพันธมิตรเปนจาก
จังหวัดตางๆในประเทศ และสนับสนุนใหแตละจังหวัดกอตั้งสโมสรฟุตบอลเพื่อเขาแขงขันในรายการของสมาคม โดยมี
หนวยงานเอกชนหลายแหงใหก ารสนับสนุน ทำใหแ ตล ะสโมสรมฐี านแฟนบอลข้ึนมา เนอ่ื งจากความรกั ในจังหวัดหรือถ่ินฐาน
ของตนเอง สง ผลใหมีการสนบั สนุนจากแฟนบอลเขามาอีกทาง รายไดข องแตละสโมสรมีมากขึ้นจากคา เขา ชม จากการขายของ
ทร่ี ะลึก

ภาคเอกชนทีเ่ ห็นถึงความสำคัญของเรือ่ งนจ้ี งึ เขาชวยสงเสรมิ โดยจดั เปนโครงการตา งๆข้นึ ดงั เชน บริษัท ไทยเบฟ
เวอเรจ จำกัด โดยโครงการ eisa โครงการผาขาวมาทองถ่ิน หตั ถศิลปไ ทย ไดรว มมือกับ สโมสรฟตุ บอลประจำจงั หวัด ชุมชน
ผา ขาวมา และมหาวทิ ยาลยั โดยมกี ารเขารวมกนั ดงั น้ี

1.ชุมชนบานหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย สโมสรฟุตบอลสุโขทัย เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยธุรกิจ
บณั ฑติ ย

2.ชมุ ชนบานดอนแร (ดลมณ)ี จังหวดั ราชบุรี สโมสรฟตุ บอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี วทิ ยาลยั เพาะชาง มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร

3.ชมุ ชนบานหนองลิง จงั หวดั สุพรรณบรุ ี สโมสรฟตุ บอลสุพรรณบรุ ี เอฟซี คณะศลิ ปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยราช
ภฎั สวนสุนันทา

220

4.ชุมชนคอตตอนดีไซน จังหวัดปทุมธานี สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัย
กรุงเทพ

ทง้ั น้ตี วั แทนของแตล ะมหาวทิ ยาลยั ไดน ำผา ขาวมา ของแตล ะชุมชน มาพฒั นาเปนเครื่องแตง กายและผลิตภัณฑกีฬา
ใหกับสโมสรฟุตบอล มีการลงพื้นที่เก็บขอมูลจากชุมชน สโมสรฟุตบอล และความตองการของกลุมเปาหมายของสโมสร
ฟตุ บอล เพ่ือหาแรงบันดาลใจในการสรา งแนวคิดในการออกแบบ และผลิตตน แบบออกมา

ภาพท่ี 1: งานแสดงผลงานผา ขาวมาทอ งถ่ินหัตถศิลปไ ทย
ท่มี า: www.siamsport.co.th พ.ศ.2564

ดงั น้นั การศกึ ษาการใชผ าขาวมากบั เคร่ืองแตงกายและผลิตภัณฑกฬี าใหกับสโมสรฟุตบอล จงึ มีความจำเปนอยางยิ่ง
ในการพัฒนาแนวทางการออกแบบเครอ่ื งแตงกายและผลิตภัณฑกฬี าจากผา ขาวมา ใหทันสมยั เปน ท่ีนยิ มของกลุมเปาหมาย
ของสโมสรฟุตบอล เกิดการพัฒนาท่ีมีคณุ ภาพ และสรางรายไดใหก ับชุมชน

วัตถปุ ระสงค
ศึกษาแนวทางการใชผาขาวมา ในการออกแบบเคร่ืองแตง กายและผลิตภัณฑกฬี าฟุตบอล

ขอบเขตในการวจิ ยั
ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ศึกษาเฉพาะการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล

สำหรบั กลุมเปาหมายของสโมสรฟุตบอล โดยตวั อยางเครื่องแตง กายและผลิตภณั ฑกีฬาฟตุ บอล ที่นำมาศึกษาจำนวน 53 ช้ิน
จาก 4 สโมสรฟุตบอลในประเทศไทย มีคุณสมบัติตามเกณฑของลักษณะของเคร่ืองแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลที่ใช
ผาขาวมาในการออกแบบ สามารถสะทอนอัตลักษณข องสโมสรฟุตบอลแตละสโมสรไดเ ปน อยางดี
วธิ กี ารดำเนนิ การวิจัย

1.ศกึ ษาขอมูลเบอ้ื งตนจากเอกสาร หนงั สือ บทความ เกีย่ วกบั ผา ขาวมา หลกั การออกแบบเครอ่ื งแตงกายกีฬา การ
ออกแบบผลติ ภัณฑทองถ่นิ แนวคิดในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลติ ภัณฑก ีฬาฟุตบอลของ 4 สโมสร และศกึ ษารปู แบบ
การพฒั นาเครอื่ งมือท่ีใชในการวิจยั

2. สำรวจและคดั เลอื กกลุม ตัวอยา งเครือ่ งแตงกายและผลติ ภัณฑก ฬี าฟุตบอลจากสโมสรฟุตบอลท่เี ขารว มโครงการ
3. สรางและพัฒนาเครื่องมือที่ใชในการวิจัย โดยใชตาราง Matrix จัดกลุมในการวเิ คราะหขอมลู ความสัมพันธของ
คุณลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพและเชิงปริมาณของเคร่ืองแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลโดยแยกองคประกอบจาก ประเภทการ
ออกแบบ วสั ดุ การออกแบบ แรงบันดาลใจ และสี โดยเนนไปท่กี ารใชผ า ขาวมาในงานออกแบบ

221

4. ดำเนินการวิเคราะหขอมูลจากคุณลักษณะของเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลจากผาขาวมา และ
สรุปผลโดยใชส ถติ บิ รรยาย ไดแก คารอ ยละ จากตาราง Matrix Analysis

5. อภิปรายผลถงึ รูปแบบและแนวทางการใชผา ขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภณั ฑกฬี าฟุตบอล
เนื้อหา (Content)

1.ผาขาวมา ไมใชคำไทยแท แตเปนภาษาเปอรเซียที่มีคำเต็มวา “กามารบันต” (Kamar band) “กามาร”
หมายถึง เอว หรอื ทอนลางของรา งกาย “บนั ด” แปลวา พัน รัด หรือคาด เมื่อนำท้งั สองคำมารวมกัน จงึ หมายถึง เข็มขัด ผา
พัน หรือคาดสะเอว คำวา “กามารบันด” ยังปรากฏอยูในภาษาอื่นๆอีก เชน ภาษามลายู มีคำวา“กามารบัน” (Kamaban)
ภาษาฮินดี้ ใชคำวา“กามารบันด”เชนเดียวกับภาษาเปอรเซีย แตภาษาอังกฤษใชคำวา “คัมเมอรบันด” (Commer band)
หมายถึง ผารดั เอวในชดุ ทคั ซโิ ด (Tuxedo) ซ่งึ เปน ชดุ สำหรบั ออกงานราตรสี โมสร นอกจากนี้งานวจิ ยั เรอ่ื ง “ผา ขาวมา ” ของ
อาภรณพันธ จนั ทรสวา ง อธิบายวา “ผาขาวมา” เปนคำทเี่ พย้ี นมาจากคำวา “กามา” (Kamar) ซึ่งเปนภาษาอิหรานที่ใชกัน
อยูใ นประเทศสเปน เขา ใจวาสเปนไดน ำเอาคำวา “กามา” ซ่งึ เปน ภาษาแขกไปใชด ว ยเพราะในประวัติศาสตร ประเทศทง้ั สอง
นาจะมีความสมั พันธติดตอกันมาชานาน (อาภรณพนั ธ จันทรส วา ง. 2523) มาตรฐานผลิตภณั ฑชุมชน (มผช.197/2546) ได
กำหนดมาตรฐานของผาขาวมาวาหมายถึง ผาทอลายขัดแบบตาหมากรุกหรือรูปลายสี่เหลี่ยมที่ไดจากการขัดกันระหวาง
เสนดายยืนกับเสนดายพุงสลับสกี ันเปนชวง โดยใชเสนดายยืนสลับสกี นั และใชเสน ดายพุงซึ่งอาจมีสีเดียวกันกับเสนดายยนื
หรอื ไมก ็ไดทอสลับสีกันเปน ชวง ทีช่ ายผาท้ังสองดานตองมีลวดลายเปนเสนตรงตามแนวเสนดา ยยืนอาจนำลายทออ่ืนมาเปน
ลายประกอบหรอื ลายคนั่ ดว ยก็ไดเชน ลายขดิ ลายยกดอก (เสาวลกั ษณ คงคาฉยุ ฉายและคณะ. 2556: 6)

2.การออกแบบผลิตภัณฑของที่ระลึก จารุพรรณ ทรัพยปรุง (2548) จำแนกการออกแบบประยุกตศิลปเปน 2
ประเภท คือ การออกแบบโครงสรา งและการออกแบบตกแตง โดยแตล ะประเภทมีคุณลักษณะการออกแบบทีแ่ ตกตางกัน การ
ออกแบบโครงสราง เปนการออกแบบที่มีความเกีย่ วพันกับขนาด รูปราง และรูปทรงของวัตถุชิ้นหนึ่ง คุณลักษณะที่มีความ
จำเปนสำหรับงานออกแบบโครงสรา ง ไดแก ความมั่นคงแข็งแรง สัดสวนที่ดี และความเหมาะสมของวัสดุที่นำมาใชในการ
ออกแบบ การออกแบบตกแตง เปน การออกแบบลวดลาย รายละเอยี ด การวางตำแหนง สี เสน และพ้นื ผิวใหกับโครงสรา ง การ
ออกแบบตกแตงที่เพิ่มเติมเขาไป หากเปนเอกภาพจัดเปนการออกแบบโครงสราง แตถาดูโดดเดนเปนพิเศษก็จัดเปนการ
ออกแบบตกแตง

3.การออกแบบและผลิตอุปกรณกีฬา เกี่ยวของกับศาสตร ทางดานวิศวกรรม และ วิทยาศาสตร การแพทย โดย
ทางวศิ วกรรม จะเนนไปที่การพฒั นาวสั ดุชนิดใหม ท่ีชวยเพิม่ ขีด ความสามารถของนักกีฬา สำหรบั ดานวทิ ยาศาสตรการแพทย
จะมงุ ไปท่ีเรอ่ื งสรรี วิทยาของนักกฬี า เพื่อปองกนั ผเู ลนกีฬาจากการเส่ียงตอการบาดเจ็บ โดยจะเกี่ยวขอ งกบั ศาสตรตาง ๆ เชน
กลศาสตรทางชีวภาพ (biomechanics) กลศาสตรวาดวยการเคลื่อนไหว (dynamics) และ จลนศาสตร (kinetics) เปนตน
การออกแบบและผลติ อปุ กรณกฬี า จำเปน ตองพิจารณาถงึ แรงกลศาสตรต า ง ๆ ที่กระทำตอ รางกายของคนเรา ซ่งึ จะแตกตาง
กันออกไปตามประเภทของกีฬา อุปกรณกีฬาหรือชุดกีฬายอมผานกระบวนการออกแบบเพื่อใหเกิดประโยชนตอนักกีฬา
ขณะเดียวกันยังเปนการออกแบบ เพอ่ื สรางความได เปรียบในการแขง ขนั ดวย เปนความ ไดเปรียบท่มี ิใชแตเ พียงในสนามกีฬา
เทานนั้ หากทวาในสนามการคา การชวงชิงความไดเปรยี บ ในเรอื่ งความกาวหนาทางเทคโนโลยีการออกแบบตลอดจนวัสดทุ ่ีใช
ก็สามารถทำให บริษทั เครือ่ งกฬี า กลายเปนผูนำหรอื ผคู รองตลาดอุปกรณก ฬี า ไดเ ชน กัน ดงั น้นั ราคาสินคา กีฬา ทีค่ อ นขา งสูง
นอกจากจะมีปจจัยจาก การสรางความนาเชื่อถือ ในเครื่องหมายการคาแลว ยังเปนผลมาจาก เทคโนโลยีวัสดุ และการ
ออกแบบที่แตละบริษัททุม เทในการวจิ ัยและพฒั นา อันเปนนัยยะบงบอกถึงคุณภาพ และประสิทธภิ าพของอุปกรณ หรือชุด
กีฬานัน้ ๆ ไปในตัว

222

3.1 การออกแบบและการเลือกประเภทวัสดุสำหรับอุปกรณกีฬา เครื่องแตงกายนักกีฬานั้น เปน
องคป ระกอบทส่ี ำคัญยง่ิ ตอการเลน กีฬา ไมเพยี งแต จะมีสวน ทำใหอ ุปกรณก ีฬามีความสวยงามนาใชงาน หรอื สงผลใหน กั กฬี า
เปนผูกำชัยชนะเทาน้ัน หากยงั มีผลตอสขุ ภาพรางกายของนกั กฬี าดวย การออกแบบและการเลือก ประเภทวสั ดุ ท่ีเหมาะสม
จึงเปนการปองกันผูเลนกฬี าจากความเสี่ยงตอการบาดเจ็บ ดังตัวอยางเชน รองเทากีฬา ซึ่งมีหลายรูปแบบข้ึนอยูกับ การใช
งานใหเหมาะสำหรับ กฬี าแตละประเภท การออกแบบรองเทา กฬี า จงึ ตอ งคำนึงถงึ การรบั แรงกระแทก และ การรักษารูปรา ง
ของเทา ในขณะเคลอ่ื นไหว วัสดุท่ใี ชท ำรองเทาจึงตองมีความยืดหยุน ท่ดี ี ซึ่งจะชวยลดความเจ็บปวดหรืออนั ตรายท่ีอาจเกิดข้ึน
ระหวางการเลน กฬี า หรือ 'สปอรตบรา' (sport bra หรือ jog bra) ซึ่งปจจุบันเปนท่ีนยิ มในกลุมผูหญิงที่เลนกีฬา ทั้งนี้ก็เพ่ือ
ความกระชับและความคลอ งตัว ในการออกกำลังกาย สปอรตบราไดร บั การพฒั นา ใหผูเลนสามารถเลือกใสใหเหมาะสมกบั
ประเภทกฬี าทเ่ี ลน (จากเดมิ ท่ีออกแบบมา เพียง แบบเดียวใชกับกฬี าทุกประเภท) โดยมสี วนประกอบ 2 ชั้น คือ ช้ันนอกเปน
เสนใยฝาย ผสมโพลิเอสเทอร (stretchable cotton - poly fabric) ที่ใหความยืดหยุน และชั้นในเปน เสนใยไลครา (lycra)
ซึ่งเปนเสนใยสังเคราะหที่มีสวนประกอบของโพลิยูรีเทนแบบแข็ง (rigid polyurethane) และโพลิไซสไตรีน
(polyxyethylene) มลี ักษณะคลายสปริงทีม่ คี วามยืดหยนุ สงู โดยโพลยิ รู ีเทนชนดิ แข็งเปนสวนทใ่ี หค วามแข็งแกเ สนใย และทำ
ใหโ มเลกลุ ของเสน ใย ไมเคลื่อนตัวออกจากกันเมือ่ ถูกดึงใหยืดออก สำหรับโพลไิ ซสไตรนี ใหความยดื หยุนแกเ สนใย สามารถ
คืนรูปไดถึง 500 % ไมทำใหเสนใยเสียรปู จึงทำใหผูส วมใส คลายความกังวล ในเรื่อง แรงดึงรั้งของชุดขณะเลนกีฬา ในสวน
ของการออกแบบลาย ปจ จบุ นั มีเทคโนโลยีการพิมพผา ทีต่ อบสนองการออกแบบไดอ ยา งมีคณุ ภาพ สะดวก และราคาไมส ูงนัก
ชดุ กีฬาพิมพลาย คอื การพิมพล วดลายท่ีออกแบบลงไปในผาแลวนำไปตดั เยบ็ เหมือนการพิมพล งบนกระดาษรูปภาพ ขอดีของ
การพิมพคือสามารถตอบสนองการออกแบบชดุ กีฬาไดท ุกรูปแบบ แมกระท่ังการ พิมพรูปเสมือนจรงิ (รูปภาพคน) ลงไปท่ชี ุด
กีฬา ทำใหวงการกีฬา ดูมีสีสันแปลกตา และโดดเดนมากยิง่ ข้ึน เชน ถาจะนำผาขาวมามาใชในการออกแบบชุดกีฬาสำหรบั
แขงขันจริง อาจจะมีผลตอการเคลื่อนไหว และการระบายความรอน การระบายเหงื่อ แตถาใชการพิมพทำลายเสมือน
ผาขาวมา ลงบนผาใยสงั เคราะหส ำหรับชดุ กีฬา จะทำใหไ ดท้งั อตั ลักษณแ ละการใชง านทเี่ หมาะสม

3.2 ชุดกีฬาฟุตบอล หมายถึง อุปกรณมาตรฐานและเครื่องแตงกายของนักฟุตบอล ในภาษาอังกฤษ
สำเนยี งบริเตนใชค ำวา "kit" หรอื "strip" และสำเนียงอเมรกิ ันใชค ำวา "uniform" ตามกติกาน้นั กำหนดใหใ ชชดุ กฬี า และหาม
ไมใหสวมใสสิ่งที่กอใหเกิดอันตรายตอตนเองและผูเลน อื่น ในการแขงขันแตล ะแหงนัน้ อาจระบเุ งือ่ นไขเฉพาะ เชน กฎบังคับ
ดานขนาดของโลโกที่แสดงบนเสื้อและกลาววา ในการแขงขันแตละนัดระหวาง 2 ทีมนั้น หากสีของชุดกีฬาเหมือนหรือ
คลา ยกนั ทมี เยอื นจะตอ งเปล่ียนไปเปนอีกชุด โดยปกตแิ ลว นักฟตุ บอลจะมหี มายเลขอยูดานหลงั ของเสื้อ โดยทีมแรกจะสวม
เสือ้ ต้ังแตหมายเลข 1 ถึง 11 เพือ่ ใหพ อสอดคลองกบั ตำแหนงการเลน แตในระดบั อาชีพแลว หมายเลขของผเู ลน เขา ใหมมักจะ
ถกู กำหนดจากหมายเลขของผเู ลนคนอ่ืนในทีม ซ่ึงผเู ลน แตละคนในทีมจะถกู กำหนดหมายเลขตายตัวในฤดูกาลนั้น ๆ สโมสร
อาชีพมักจะแสดงนามสกุลหรือชื่อเลนบนเสื้อ อาจจะอยูเหนือ (มีบางครั้งที่อยูต่ำกวา) หมายเลขเสื้อ ชุดฟุตบอลนั้นมีการ
พัฒนา แตเ ดมิ ผเู ลนจะสวมเสื้อผาฝายหนา ๆ กางเกงทรงหลวมยาวถงึ เขาและรองเทา หนงั แขง็ ๆ หนกั ๆ ตอ มาในศตวรรษท่ี
20 รองเทาเบาและออ นลง สว นกางเกงสน้ั ลง และการพัฒนาดานการผลิต การเตบิ โตของการโฆษณาในศตวรรษท่ี 20 ทำให
เกดิ โลโกของผสู นบั สนนุ บนเสื้อผา และมีการผลิตเสอ้ื ใหแฟนฟุตบอลไดซ ้ือหากนั กอใหเกิดรายไดจ ำนวนมากสสู โมสร

4.แนวคดิ ในการออกแบบการเครอ่ื งแตง กายและผลิตภณั ฑก ีฬาฟุตบอลของ 4 สโมสร
4.1 ชมุ ชนบานหาดเส้ียว จงั หวดั สุโขทัย สโมสรฟุตบอลสุโขทยั เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัย

ธุรกจิ บณั ฑติ ย ใชแ นวคดิ ปรับภาพลักษณส ินคาสโสมสรใหเ ปนสินคาท่ชี าวสุโขทัยนำไปใชใ นชีวิตประจำวันได โดยการนำลาย
จกคา งคาวและผาขาวมา บานหาดเส้ียว มาประยกุ ตเปน สินคาใหก ับสโมสร

223

ภาพที่ 2: ผลงานออกแบบสโมสรฟุตบอลสโุ ขทัย เอฟซี
4.2 ชุมชนบานดอนแร (ดลมณี) จังหวัดราชบุรี สโมสรฟุตบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี วิทยาลัยเพาะชาง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสินทร ใชแนวคิดทางวัฒนธรรม ศาสนา มาประยุกตในงานออกแบบ

ภาพท่ี 3: ผลงานออกแบบสโมสรฟตุ บอลราชบรุ ี มิตรผล เอฟซี
4.3 ชุมชนบานหนองลิง จังหวัดสุพรรณบุรี สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร
มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สวนสนุ นั ทา ใชแนวคดิ ความหลากหลายทางชาตพิ ันธุ ศลิ ปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี

224

ภาพที่ 4: ผลงานออกแบบสโมสรฟตุ บอลสุพรรณบรุ ี เอฟซี
4.4 ชุมชนคอตตอนดีไซน จังหวัดปทุมธานี สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร
มหาวิทยาลัยกรงุ เทพ ใชแ นวคิดความเปน ปก แผน วถิ ีชมุ ชน

ภาพท่ี 5: ผลงานออกแบบสโมสรฟตุ บอลโปลศิ เทโร เอฟซี

225

ภาพที่ 6: ผลงานออกแบบสโมสรฟตุ บอลโปลศิ เทโร เอฟซี

5.การวิเคราะหฐานขอ มูลการออกแบบ
พรเทพ เลิศเทวศริ ิ (2547) กลาวถงึ Matrix Analysis วา เปนการวิเคราะหขอ มูลที่อธิบายความสัมพันธระหวางตัว
แปรที่จัดเรียงตำแหนงอยางเปนระบบ โดยอาศัยแถวและคอลัมน โครงสรางของการวิเคราะหฐานขอมูลการออกแบบดวย
Matrix ประกอบดวย ตาราง (Table) ตัวแปรคุณลักษณะ (Characteristics)และกลุมตัวอยางที่เปนผลงานออกแบบ
(Samples) ทเ่ี กยี่ วของมาไมต ำ่ กวา 20 ผลงาน เพอ่ื ความนาเชอ่ื ถือในขอ มลู การวิเคราะหฐานขอ มลู การออกแบบดว ย Matrix
นน้ั มีการวเิ คราะห 3 กรอบแนวทาง คือ การหาคา เฉล่ีย (Average) ทำใหทราบและทำความเขา ใจในภาพรวมเชงิ ปริมาณ การ
หาคารอยละ (Percentage) ของแตละตัวแปรคณุ ลักษณะ สามารถจำแนกและอธบิ ายคุณลกั ษณะในเชงิ ปริมาณ และการหา
ความสัมพันธ (Relationship) การศึกษาภาพลกั ษณของผลิตภัณฑน้ันจำเปนตองใชผลิตภัณฑคูแขง และขอมูลพื้นฐานของ
ผลติ ภัณฑนำมาเปนกลุมตัวอยาง (Sample) เพ่ือใชใ นการวเิ คราะหขอ มลู ตวั อยา งผลติ ภัณฑควรมีคุณสมบตั ใิ นทศิ ทางเดยี วกัน
เชน หากศึกษาเพื่อออกแบบนาิกาขอมือ กลุมตัวอยางก็ควรเปนนาิกาขอมือเทานั้น ยิ่งมีกลุมตัวอยางมากเทาใด การ
วิเคราะหยอมมีความเชือ่ มั่นในขอมูลสูง วิธีการวิเคราะหจะใชน ฐานขอมูลเกี่ยวกับ คูสี Graphic รูปทรง อารมณ ความรูสึก
หรือรูปแบบของผลิตภัณฑ เพื่อศึกษาโครงสรางความสัมพันธและทิศทางระหวางคุณลักษณะกับกลุมตัวอยางวาจะมีการ
จำแนกกลุม และมีทศิ ทางไปในทางใด จากนั้นจึงนำมาทำการอภปิ รายถงึ โครงสรา งของความสัมพันธะหวางคณุ ลักษณะกบั กลุม
ตัวอยาง วามีความเกี่ยวของกันอยางไรและสามารถอภิปรายไดในแงมุมใด โดยการวิเคราะหในครั้งนี้จะเนนไปที่การใช
ผา ขาวมากบั การออกแบบเปนหลัก เชน ปรมิ าณของผาขาวมาท่ีใชใ นผลิตภณั ฑ ลกั ษณะการนำไปใช แรงบนั ดาลใจท่ีนำมาใช
เพือ่ หาแนวทางท่ีเหมาะสม

226

ผลการศึกษา/ทดลอง (Results)

ตารางที่ 1 วิเคราะหการใชผ าขาวมา ในเคร่อื งแตง กายกีฬาฟุตบอล

ที่ รูปภาพ ประเภทการออกแบบ วัสดุ ลักษณะ แรงบนั ดาลใจ สี
(ผาขาวมา) วธิ ีการนำ
ผาขาวมา มา
ปริมาณการใช ใชในงาน
ออกแบบ

เส้ือแขงขัน
กางเกงแขงขัน
แจ็คเ ็กต
กางเกงวอ รม
เสื้อคอกลม
เสื้อโปโล
ไ ม ีม
เฉพาะสวนตกแ ตง
ใชเปน ัวส ุดหลัก
ัตดเย็บ ัตด ตอ
ตกแ ตง
ลายพิมพ
ศิลปะพื้นบาน
ัวฒนธรรม
สังคม
สถานที่ทองเท่ียว
สัญลักษณประจำ
ัจงห ัวด
แรงบันดาลใจ
สีประจำสโมสร

1
2
3
4
5

6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19

20
21
22
23
24
25
26
27
28
29

227

ตารางที่ 2 วิเคราะหก ารใชผา ขาวมา ในผลิตภณั ฑกฬี า

ท่ี รูปภาพ ประเภทการออกแบบ วสั ดุ ลักษณะการ แรงบันดาลใจ สี
(ผา ขาวมา) นำผาขาวมา
มาใชใ นงาน
ปรมิ าณการใช ออกแบบ

ผาพันคอ
กระเปา
mask
ุตกตา
ธง
หมวก
ไ ม ีม
เฉพาะสวนตกแ ตง
ใชเปน ัวส ุดหลัก
ัตดเย็บ ัตด ตอ
ตกแ ตง
ลายพิมพ
ศิลปะพื้นบาน
ัวฒนธรรม
สังคม
สถานที่ทองเท่ียว
สัญลักษณประจำ
ัจงห ัวดห ืรอสโมสร
แรงบันดาลใจ
สีประจำสโมสร

1
2
3

4

5
6
7

8
9
10

11
12
13

14

15
16

17
18
19
20
21

22
23

24

228

การวิเคราะหฐานขอมูลการออกแบบดวย Matrix Analysis ที่อธิบายความสัมพันธระหวางการใชผาขาวมาในการ
ออกแบบเครอ่ื งแตงกายและผลติ ภณั ฑก ีฬาฟุตบอล จากกลุม ตวั อยา งกับคณุ ลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพและเชงิ ปริมาณ โดยตัวอยาง
เครื่องแตงกายกีฬาที่นำมาศึกษาจำนวน 29 ชิ้น จาก 4 สโมสรที่เขารวมโครงการซึ่งมีแนวคิดเพื่อการพัฒนาแนวทางการ
ออกแบบผาขาวมา สามารถสรุปผลได ดังน้ี ประเภทการออกแบบ 6 ประเภท แบงเปนเส้ือคอกลมรอ ยละ 3.45 เส้ือโปโลรอย
ละ 6.90 กางเกงแขง ขนั รอ ยละ 13.79 เสอ้ื แขง ขันรอยละ 20.69 กางเกงวอรมรอ ยละ 24.14 และมากทส่ี ดุ คอื เสอื้ แจคเก็ตรอ ย
ละ 31.03 ของรปู แบบการออกแบบท้ังหมด ปรมิ าณการนำผา ขาวมาใชในเคร่ืองแตงกายกฬี า ใชเปนวัสดุหลกั รอ ยละ 3.45 ใช
ในสวนตกแตงรอ ยละ 37.93 และไมใ ชม ากท่สี ดุ คือรอ ยละ 58.62 ลักษณะวิธกี ารนำผาขาวมา มาใชใ นงานออกแบบ ใชเ ปน สว น
ตกแตง รอยละ 34.48 ใชในการตดั เยบ็ ตดั ตอ รอ ยละ 37.93 และนำมาประยกุ ตใชเปน ลายพิมพร อ ยละ 44.83 แรงบนั ดาบใจ
ที่นำมาใชในการออกแบบ จากวัฒนธรรมรอยละ 13.79 จากศิลปะพื้นบานรอยละ 58.62 และมากที่สุดคือจากสัญลักษณ
ประจำจงั หวัด รอยละ 65.52 ท่ีมาของสที ีน่ ำมาใชในงานออกแบบ จากแรงบันดาลใจรอยละ 20.69 และจากสีประจำสโมสร
รอ ยละ 100

จากตัวอยา งผลิตภัณฑกฬี าจำนวน 24 ชิ้น จาก 4 สโมสรที่เขารว มโครงการซึ่งมีแนวคดิ เพอ่ื การพฒั นาแนวทางการ
ออกแบบผาขาวมา สามารถสรุปผลได ดังนี้ ประเภทการออกแบบ 6 ประเภท แบง เปน ตกุ ตารอยละ 4.17 หนา กากผารอยละ
8.33 ธงรอยละ 8.33 หมวกรอยละ 8.33 ผาพันคอรอยละ 16.67 และมากที่สุดคือกระเปารอยละ 54.17 ของรูปแบบ
ผลิตภณั ฑท้งั หมด ปริมาณการนำผาขาวมาใชใ นผลติ ภัณฑ ไมใชร อยละ 12.5 ใชในสวนตกแตง รอยละ 33.33 ใชเปนวัสดุหลัก
รอยละ 54.17 ลักษณะวิธีการนำผาขาวมามาใชในงานออกแบบ นำมาประยุกตใชเปนลายพิมพรอยละ 8.33 ใชเปนสวน
ตกแตงรอยละ 41.67 ใชในการตัดเย็บ ตัดตอ รอยละ 50 แรงบันดาบใจที่นำมาใชในการออกแบบ สัญลักษณประจำจังหวัด
หรือสโมสรรอยละ 75 ศลิ ปะพืน้ บา นรอ ยละ 91.67 ท่มี าของสที น่ี ำมาใชในงานออกแบบ จากแรงบันดาลใจรอ ยละ 45.83 และ
จากสีประจำสโมสรรอยละ 75

สรุปและอภิปรายผล
จากผลที่ไดแสดงใหเ ห็นวาการใชผ าขาวมาในเครือ่ งแตงกายกีฬาฟุตบอล ในสวนของชดุ สำหรบั แขงขนั นั้นยังทำได

นอยมาก กลาวคือ ชุดแขงขันตอ งการความคลองตัว การระบายอากาศ การระบายน้ำในระดับสูง เพื่อความไดเ ปรียบในการ
แขงขันซึ่งถือเปนวัตถุประสงคหลักของทุกสโมสรฟุตบอล แตคุณสมบัติของผาขาวมายังตอบสนองสวนนี้ไมได ทำใหนัก
ออกแบบนำผาขาวมามาใชในชุดแขงขันไมได แตยังสามารถนำมาใชกับการออกแบบเครือ่ งแตงกายรูปแบบอื่นๆของสโมสร
ฟตุ บอลเพือ่ ใชจำหนายใหก บั แฟนบอลของแตล ะสโมสรได ซ่งึ นำมาใชใ นลกั ษณะของสวนตกแตง เปน สว นมาก เนื่องจากสโมสร
เปนแบรนดกีฬา ลักษณะเครื่องแตงกายที่วางจำหนายจะเนนไปท่ีความคลอ งตัว แตยังสามารถเปนชองทางทีเ่ พ่ิมรายไดจาก
การผลิตผา ขาวมาใหก บั ชุมชนได อาจจะไมใ ชการจำหนา ยผาทง้ั ผนื ดังนน้ั การนำเศษผาขาวมาทเ่ี หลือจากการแปรรูปมาใชใน
สวนน้ี เปนแนวทางที่เหมาะสมอยางยิ่ง ถาเทียบกับปริมาณการใชผาขาวมาในเครื่องแตงกายกีฬา ในสวนของการหาแรง
บันดาลใจมาใชในงานออกแบบเคร่ืองแตงกายกีฬารวมกับผาขาวมา จากผลที่ไดแสดงใหเหน็ วา นักออกแบบไดนำเรื่องราว
ศิลปะพื้นบาน วัฒนธรรม สัญลักษณประจำจังหวัดหรอื สโมสรในจังหวัด มาใชสรางแนวคิดในการออกแบบใหส อดคลองกบั
ผาขาวมา และยงั เปน การเขาถงึ กลมุ แฟนบอลประจำจงั หวัดไดเปนอยางดี ในสวนของการเลือกใชส ี นกั ออกแบบสวนใหญใชสี
ประจำของสโมสรฟุต เนื่องจากเปนขอบังคับของการแขงขัน ดังนั้นจึงสงผลดีตอชุมชนที่ไดเพิ่มการผลิตผาขาวมาจากสีท่ี
แตกตางจากท่ผี ลิตอยูเ ดมิ

สำหรับการใชผาขาวมาในผลิตภัณฑก ีฬาผลที่ไดจะแตกตางจากเครื่องแตงกายกฬี าฟุตบอลอยางชัดเจน กลาวคอื
ผลิตภณั ฑกีฬาซึง่ รูปแบบสวนมากเปนกระเปา ตองใชความคงทน แขง็ แรง รบั น้ำหนกั ไดด ี ซึง่ ตรงกบั คุณสมบัติของผาขาวมา
และสามารถพัฒนารูปแบบตอไปไดอีกมากตามยุคสมัย ในประเดน็ ของการออกแบบ การนำแรงบนั ดาลใจจากศิลปะพื้นบาน

229

สัญลักษณประจำจังหวัดหรือสโมสร มาผสมผสานประยุกตใชในงานออกแบบที่ทันสมยั ทำใหผลติ ภัณฑเ ปนท่นี าสนใจแกกลุม
แฟนบอล ซึ่งจะสามารถเพิ่มชองทางทางการตลาดใหก ับสโมสรและชุมชนได เชน ชุมชนทอผาไดสีใหมซึง่ เปนสีประจำของ
สโมสรฟตุ บอล มาใชในการทอผา และผลติ ผลิตภัณฑใหกับสโสมร

ขอ เสนอแนะ
จากผลการศึกษาแนวทางการใชผา ขาวมาในการออกแบบเครอื่ งแตง กายกีฬาฟุตบอล มีขอเสนอแนะดังนี้ 1.การใช

ผาขาวมาในชุดสำหรับแขงขันยังคงเปนเรื่องที่ตองศึกษาและพัฒนาเพิ่มเติมในเรื่องของเสนใยที่จะนำมาใช หรือการใช
เทคโนโลยกี ารพิมพลายทดแทนเพอ่ื เปนการสบื สารวัฒนธรรมไว 2. จากตัวอยางเคร่อื งแตงกายกีฬาฟตุ บอล จะเหน็ ไดว า มีการ
ใชผาขาวมาในสวนตกแตง และในงานออกแบบแตละชิน้ ปริมาณหรือขนาดชิ้นของผาขาวมาสวนใหญจะมีขนาดเล็ก ซึ่งเปน
ประเด็นที่ควรศึกษาตอ ไปในเรื่องของการนำเศษผาขาวมาทีเ่ หลือจากการผลติ มาใชใ นการทำสวนตกแตง ซึง่ จะทำใหชมุ ชนได
ใชประโยชนจากผา ขาวมาไดอ ยา งคุมคา

จากผลการศึกษาแนวทางการใชผาขาวมาในผลิตภัณฑกีฬา ผาขาวมามีบทบาทในสวนนี้เปน อยางมาก ดังนั้นถามี
การสนับสนุนให สโมสรฟุตบอลหรือสโมสรกีฬาอื่นๆซึง่ มีกลุมแฟนบอลสนับสนุน รวมมือกบั ชุมชนในพื้นที่หรือจังหวัดท่ีเปน
ทต่ี ้ังของสโมสร จะทำใหเกิดรายไดใหก ับชมุ ชนและสโมสร และยงั เปน การสืบสานผา ขาวมาไทยใหค งอยูตอ ไป

เอกสารอา งองิ (References)

ในเนื้อเรื่อง ใชระบบนามป เปนการอางอิงที่อยูรวมกันกับเนื้อหาไมแยกสวนโดยอาจเขียนชื่อผูแตงที่ใชอางอิงให
กลมกลืนไปกับเน้ือหาหรือจะแยกใสในวงเล็บทายขอความอางอิงก็ได เอกสารภาษาไทยเขียนชื่อผูแตงและนามสกุล เอกสาร
ตางประเทศเขยี นเฉพาะชื่อสกลุ เทาน้นั ตามดว ยป ค.ศ. ดังตวั อยางเชน

- ผวู ิจัยใชทฤษฎีของ เบสต ที่กลา วไวว าการแปลความหมายระดบั ความพึงพอใจที่มีตอผลิตภัณฑ (Best,
1986 อา งถงึ ใน พวงรตั น ทวีรตั น, 2543)

- การผสมผสานระหวางรูปแบบชิ้นสวนแตละช้ินในจินตนาการ ใหเกิดรูปลักษณใหมทีย่ งั คงความรูสกึ ถงึ
ประโยชนใ นการประดับตกแตง ตัวอาคาร (นวลนอย บญุ วงษ, 2539)

- สวนการคัดลอกขอความ ใชระบบนามนามปพรอมระบุเลขหนาและใหขอความที่คัดลอกมาอยูใน
เครอื่ งหมาย “………”

- ในการอางอิงทายเรื่อง เอกสารที่อางถึงในเนือ้ เรื่อง ตองเขียนไวในรายการเอกสารอางอิงทายเรื่องทกุ
เร่อื ง โดยเรียงเอกสารภาษาไทยไวกอนภาษาตา งประเทศ ตามลำดับตวั อกั ษรตัวแรกของชอื่ ผูแ ตงไมตอ งใชหมายเลขกำกบั ชื่อ
ผูแตงภาษาอังกฤษเรียงตามอกั ษรตัวแรกของช่ือสกุล และถาอักษรตัวแรกเหมือนกันใหเรยี งตามอักษรตัวถดั ไป ถาผูแตงคน
เดยี วกนั ใหเ รยี งลำดับตามปท ่ีพิมพ

- การพิมพว ัสดอุ า งองิ แตล ะรายการ ใหพมิ พชิดขอบดา นซา ย บรรทดั ตอไปใหยอโดยตงั้ Tab 0.63 นวิ้
เสรี วงษมณฑา. (2540). ครบเคร่ืองเรือ่ งการสื่อสารทางการตลาด. กรงุ เทพฯ : วสิทธพ์ิ ัฒนา.
American Psychological Association. (2010). Publication manual of the American Psychological Association

(6th ed.). Washington, DC: American Psychological Association.
พิเชษฐ รุงลาวัลย, บรรณาธิการ. (2553). คนละไมคนละมือ. ราชบุรี: ศูนยประสานงานชมรมศิษยเกาสามเณรลัย

แมพระนริ มล.
Diener, H.C., & Wilkinson, M., Eds. (1988). Drug-induced headache. New York: Springerverlag.

230

โกเมศ คันธิก (2557). การออกแบบบล็อกผนังเครื่องเคลือบดินเผา ดวยเรื่องราวจากทะเล. วิทยานิพนธศิลปศาสตร
มหาบัณฑติ , สาขาทศั นศิลปแ ละการออกแบบ, คณะศลิ ปกรรมศาสตร, มหาวทิ ยาลยั บูรพา.

นวลพรรณ ออนนอม. (2557). การพัฒนางานออกแบบเพื่อบูรณาดานแนวคิด. วารสารคณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยบูรพา,
22(2), 1-14.

วสันต ศรสี วสั ด.์ิ (2551). ความสมั พันธร ะหวางงานออกแบบและองคป ระกอบในงานศลิ ปกรรมกรรม. ในการประชุมวิชาการ
และเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ “ราชนครินทรวชิ าการและวิจัย ครั้งที่ 3”, (หนา 1-13). ฉะเชิงเทรา: สถาบันวิจัย
และพัฒนา มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ราชนครินทร.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและวัฒนธรรมแหงชาติ. (2554).แผนพัฒนาสังคมและวัฒนธรรมแหงชาติ
ฉบบั ท่ี 5 (พ.ศ.2550 – 2554). สืบคน ขอ มลู เมื่อ 30 สงิ หาคม 2557, เขา ถึงไดจาก http://www.Idd.go
https://www.posttoday.com/life/healthy/559412

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ. (2555). สถิติการสงออก (Export) ขาวหอมมะลิ: ปริมาณและ
มูลคาการสงออกรายเดือน. สืบคนขอมูลเมื่อ 30 สิงหาคม 2557, เขาถึงไดจาก http://www.oae.go.th/
oae_report/export_import/export_result.php

231


Click to View FlipBook Version