พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาส อินทปญโญ) วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) อ.ไชยา จ.สรุ าษฎรธานี เปน ผู
รเิ ร่มิ กอ ตงั้ สวนโมกขพลารามเพ่ือใหเ ปนสถานท่ีปฏบิ ตั ิธรรมและสถานทเี่ ผยแผพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ผลงานของทานพุทธ
ทาสภิกขุยงั มปี รากฏอยมู ากมายท้งั ในรูปพระธรรม เทศนา และในงานเขียน โดยทา นตง้ั ใจทำการถายทอดพระพุทธศาสนาให
อยูในฐานะที่เปนพุทธะศาสนาอยาง แทจริง นั่นคือเปนศาสนาแหงความรู ไมเจือปนไปดวยความหลงผิดที่เขาแทรกจน
กลายเปนเนื้อรา ยที่คอยกัดกิน ไดแก เรอื่ ง พุทธพาณชิ ย, ไสยศาสตร และเร่อื งความหลงใหลในลาภยศของพระสงฆ ฯลฯ อีก
ทั้งคำสอนของทานพุทธทาสภิกขุกไ็ ดถูกถายทอดใหอยูในรูปแบบที่คนทัว่ ไป สามารถเขาถึงและเขาใจได โดยที่ยังคงเนื้อหา
สำคัญไวไดอ ยางครบถว น ซ่งึ คำสอนของทา นยงั รวมไปถงึ เรื่องทั่วๆ ไปดวย เชน การทำงาน, การเรียน ทส่ี ามารถนำไปประยกุ ตใช
ไดก บั ชวี ิตประจำวนั 01
อิทธิพลจากผลงานศิลปกรรม
สมดุ ภาพไตรภมู ิ เปน สมดุ ภาพไมเย็บเลม พบั กลับไปกลบั มา มีความหนา ภายในเปน ผลงานจิตรกรรมไทยประเพณี
เขียนเรือ่ งไตรภมู ิ และอาจประกอบดวยเร่ืองอ่ืนๆ เชน เรอื่ งทศชาติ โดยสรา งขน้ึ จากศรทั ธาท่ีมีตอวรรณกรรมเรอื่ งไตรภูมิพระ
รวง ซ่งึ เปนวรรณคดชี ้นั เยี่ยมทางพระพุทธศาสนา โดยเชือ่ กนั วาเปน บทพระราชนิพนธข องพญาลไิ ทย พระมหากษัตริยแหงกรงุ
สุโขทยั ทรงพระราชนพิ นธข ้นึ เม่ือประมาณพทุ ธศกั ราช 1888
ภาพท่ี 2 ภาพมหาโรรวุ ะนรก
ที่มา : กรมศลิ ปากร, สมุดภาพไตรภูมิฉบบั กรงุ ศรีอยธุ ยา-ฉบับกรุงธนบุรี เลม 1 (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542), 46.
1 Buddhavihara, พ ร ะ ธ ร ร ม โ ก ศ า จ า ร ย์ ( พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ปั ญ โ ญ ) , เ ข้ า ถึ ง เ มื่ อ 5 พ . ค . 2565, เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก
http://www.buddhavihara.ru/?page_id=237
191
อิทธพิ ลจากวรรณกรรมและภาพประกอบวรรณกรรม
บทประพันธเอง The Divine Comedy หรือ สุขนาฏกรรมของพระเจา เปนวรรณกรรมอปุ มานทิ ศั น ทเ่ี ขียนโดยกวี
ดันเต อลิกเิ อริ (Dante Alighieri) ระหวา งป ค.ศ. 1380 จนกระท่งั เสียชีวิตในป 1321 ดิไวน คอเมดี เปน กวีนพิ นธทเี่ ปนจนิ ตนิยาย
และอุปมานิทัศนของคริสเตียน สะทอนใหเห็นถึงการวิวัฒนาการของปรัชญายุคกลางในเรื่องเกี่ยวกับโรมันคาทอลิก บท
ประพันธน ไี้ ดร บั การยกยองวาเปนมหากาพยชิ้นสำคัญของอติ าลแี ละเปน วรรณกรรมชน้ิ เอกของโลก
ดิไวน คอเมดี ประกอบไปดวยสามภูมิ คือ Inferno (นรก), Purgatorio (แกนชำระบาป) และ Pardiso (สวรรค)
เรื่องเลานี้เปนการเดินของตัวกวีเองผานนรก ผานการชำระบาป และสุดทายไปสูสวรรค อันเปนที่มาของชื่อ Comedy ท่ี
ตอ งการสะทอนวาเร่ืองนี้จบลงดวยความสุข
ภาพที่ 3 ภาพผลงานของ Gustave Doré
ท่มี า : แบลค็ เมจกิ , สายน้ำแหง วิญญาณ (กรงุ เทพฯ : แบล็คเมจกิ ), 58.
ภาพประกอบของบทประพันธนี้เปนผลงานภาพพิมพโลหะ (Engraving) ของศิลปนชาวฝรั่งเศส ชื่อ กุสตาฟ โดเร
(Gustave Doré) งานของเขาเต็มไปดวยจินตนาการ กสุ ตาฟ โดเร ไดทำงานภาพประกอบหนังสอื หลายเลม รวมไปถึงพระคัมภีร
ไบเบิล แตท ส่ี รา งชือ่ เสียงใหม ากทสี่ ดุ คอื ภาพประกอบเรอ่ื ง ดิไวน คอเมดี
192
กระบวนการสรางสรรค
กระบวนการสรางสรรคผลงานศิลปะชดุ นี้ มีการผสมผสาน เทคนิดการวาดแบบดั้งเดิม และโปรแกรมคอมพวิ เตอร
เขา ดวยกนั
การศึกษาคน ควาขอ มลู
1. ขอมูลนามธรรม เกิดจากการหยุดคิด พิจารณาความรูสึกของตนเอง ที่เกิดจากประสบการณการรับรูสิ่ง
ตางๆ รอบๆ ตัวในการดำเนินชีวิตประจำวัน เชน สื่อตางๆ วรรณกรรม บทกวี ภาพยนตร ตลอดไปจนถึงการกระทำของ
ตัวเอง สิง่ เหลา นลี้ วนมีผลตอ อารมณค วามรสู กึ กอใหเกิดแรงบันดาลใจในการสรา งสรรคผลงานของขาพเจา
2. ขอ มลู รูปธรรม ในผลงานสรางสรรคข องขา พเจา สามารถแบงไดดังนค้ี ือ
2.1 ขอมูลจากธรรมชาติ รูปทรงในผลงานของขา พเจามาจากส่งิ มีชวี ิตทางธรรมชาตแิ ละชีวภาพเปนรูปทรง
อินทรียรปู (Organic Form) โดยเลือกรูปทรงของคน สัตว และพืชท่ีนาสนใจ ซึ่งกอใหเกิดจินตนาการอันไรข อบเขต นำไปสู
กระบวนการสรางสรรค
2.2 ขอมูลจากงานศิลปกรรม งานศิลปกรรมตางๆ ทุกแขนง เชน งานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพ
พิมพ ทั้งสมัยโบราณจนถึงรวมสมัย ขอมูลเหลานี้มีผลตอจินตนาการและแนวความคิด โดยขาพเจาไดนำขอมูลเหลานี้มา
ประมวล วเิ คราะห และถายทอดดวยอารมณความรูสกึ ผสมผสานกบั จินตนาการและความเชือ่
การสรางภาพรา ง (Sketch)
กระบวนการสรางภาพรา งของขาพเจา แบงเปน 3 ขั้นตอน คอื
1. การสรางรูปทรง จะเร่ิมตนจากการนำหมึกจนี ผสมนำ้ นิดหนอ ย มาสาดและหยดลงบนกระดาษสาท่ีเตรียมไว
ใหเกิดเปนรปู ทรงตางๆ เร่มิ จนิ ตนาการรูปและเรือ่ งราวจากภาพทป่ี รากฏข้ึน หลงั จากนั้นก็เรม่ิ ตนออกแบบรปู ทรงหลัก
2. การออกแบบรูปทรง (Character Design) โครงสรางของรูปทรงหลักๆ ในงานไดจากการศึกษาหาขอมูล
รูปทรงจากธรรมชาติ ตลอดจนงานศิลปกรรมโบราณและรวมสมัย นำมาคลี่คลายใหสอดคลองกับเนื้อหาโดยใสอารมณ
ความรูสกึ สวนตวั เขา ไป รปู ทรงใหมทีไ่ ดจะเปนรปู ทรงก่งึ นามธรรม (Semi Abstract) ทม่ี ลี ักษณะเฉพาะตวั
3. นำเอารูปทรงทอ่ี อกแบบไวมาเปนโครงสรางหลกั ในภาพราง จัดวางองคประกอบและเพ่มิ เตมิ เนอื้ หาลงไป ใน
ภาพรา งของขา พเจา จะมีโครงสรา งหลกั ๆ ของภาพ ขา พเจา ใหค วามสำคญั กับภาพรา ง แตง านของขา พเจารปู ทรงกับพื้นท่ีวาง
เปนสวนสำคญั มาก การทำเหมือนภาพรา งทุกอยา ง ทำใหง านของขา พเจาขาดอารมณความรสู กึ หลงั จากรา งโครงสรา งใหญๆ
ในงานจริงแลว ขาพเจาก็จะสังเกตพื้นที่วางที่เหลืออยูหลังจากนั้นก็จะจินตนาการรูปทรงใสเขาไปตามลักษณะของที่วางที่
ปรากฏ
193
วัสดุอุปกรณ
1. หมึกจีน
2. กระดาษสา 150 แกรม
3. สีอะครีลคิ
4. ไมแหลม
5. มเี ดียมสีอะคริลคิ ยหี่ อ LIQUITEX, Pouring Medium
6. พูก ัน
7. สไี มสขี าว
8. กระปอ งใสน้ำ
9. ปากกาหมกึ ดำ
ขน้ั ตอนและกระบวนการทำงาน
1. การสรางรูปทรง ใชหมึกจนี ผสมนำ้ นดิ หนอ ย สาดและหยดลงบนกระดาษสา 150 แกรม เม่อื กระดาษแหงดีแลว
ขาพเจาก็จะดูลักษณะรูปทรงและพน้ื ที่วางที่เหลอื อยู แลว ก็วเิ คราะหจ ินตนาการรูปทรงตางๆ ใสเ ขา ไปในสวนของรูปทรงและ
พื้นทีว่ า ง
2. การออกแบบรูปทรง (Character Design) ขาพเจาจะจินตนาการรูปทรงและเรื่องราวจากรอยท่ีเกิดจากการหยด
และสาดหมกึ จนี หลงั จากน้นั จะใชพูก ันจุมหมกึ จนี แลว สรา งรปู ทรงเพ่มิ จากรูปทรงเดิมที่เกิดจากการสาดหมึกจนี
3. ขั้นตอนการสรางรูปทรงของดอกไมในงาน เมื่อไดรูปทรงสีดำที่เกิดจากการสาดหมึกและใชพูกันวาดแลว
ขนั้ ตอนตอ มาคอื การระบายสดี อกไม ใชสอี ะครีลคิ ผสมมีเดียม (Pouring Medium) และนำ้ คนใหเ ขา กัน
4. ขน้ั ตอนการเขยี นรายละเอียดดว ยสีไม ใชสไี มส ีขาวเขยี นรายละเอยี ดตาง เชน ขนนก หนา ปาก แสงเงา
5. ขั้นตอนการเขียนรายละเอยี ดดว ยปากกา ใชสีไมสีขาวเขยี นรายละเอยี ดตา ง เชน ขนนก หนา ปาก แสงเงา
6. ขั้นตอนการปรับแตงดวยคอมพิวเตอร ถายรูปผลงาน และนำไปปรับแตงดวยคอมพิวเตอรโดยใชโปรแกรม
Photoshop
วเิ คราะหผ ลงาน
หลังจากที่ไดร วบรวมขอมูล ประมวล และวเิ คราะหจ ากประสบการณและการพัฒนาผลงานแลว ผลงานชุดน้ีขาพเจา
รูสึกพอใจกบั ผลงานท่ีไดส รา งสรรคม าอยางตอเนือ่ ง ทั้งในดานแนวความคิด รูปแบบ และอารมณความรูส ึกในงาน ผลงานมี
ความละเอยี ดซับซอนและมีพลงั มากย่ิงข้ึน กลุมของรูปทรงในชว งน้ีถกู แบงออกเปน 2 กลุมใหญๆ คือ รปู ทรงท่ีมีอยูจริง และ
รปู ทรงท่จี ติ นาการขึ้นมา ซึง่ ทั้ง 2 สว นนี้เปรยี บเหมอื นโลกแหง ความจรงิ และโลกในจิตนาการ กลมุ ของรูปทรงมคี วามนาสนใจ
และมีความเปนเอกภาพมากขึ้น ประสบการณ การเรียนรูตางๆ สามารถเปนแนวทางการศึกษาเพื่อใหเกิดการเปลี่ยนแปลง
และพฒั นาอยา งไมห ยดุ ยง้ั
194
ภาพท่ี 4 ช่ือภาพ : Cycles of Lift, Chapter 1 Inside Out.
เทคนคิ : Mixed Technique
ขนาด : 300 dpi
ปท ่ีสรา ง : 2564
วิเคราะหภาพ Cycles of Lift, Chapter 1 Inside Out.
195
1. แนวคิด
ผลงานชิ้นน้ีขาพเจา ตอ งการเสนอถึงราคะทอ่ี ยใู นจิตใจของมนษุ ย ซ่งึ เปน อารมณป รารถนาที่เกิดข้ึนภายใน
จติ ใจของทกุ คน โดยขาพเจาเลือกใชงูแทนสญั ลกั ษณของราคะ
งู มปี รากฏอยอู ยางแพรหลายทั่วไปในประวัติศาสตร และมกั เปน สัญลกั ษณแหงความช่ัวราย งูตัวผูมักจะ
ถูกจัดวา เกี่ยวกับราคะ12
ปก ในงานขา พเจา หมายถงึ จติ ท่โี บยบิน ซึ่งสามารถบินออกจากภาวะกเิ ลสได แตกลบั ถูกหลอลวงใหอยู
ในวงั วนของราคะ ในขณะเดียวกันปก ก็เปรียบเหมอื นสติ คนมีสตสิ ามารถท่ีจะโบยบินออกจากหว งอบายภมู ไิ ดแ ตก ลบั ปลอยให
กเิ ลสครอบงำใหห ลับใหลและจมลงสสู ภาวะดำด่ิง
ลูกไฟ เปนเหมือนสัญลักษณแ สดงถึงความเรา รอนแหงอารมณบง บอกถึงอารมณป รารถนาทางเพศ ที่ถูก
ปลดปลอ ย โดยไมสามารถควบคมุ และเก็บไวภายใน
2. การจดั องคป ระกอบ
รูปทรง (Form) ผลงานชิ้นน้ีอางอิงจากธรรมชาติทางชีวภาพ ผสมผสานกับจินตนาการสวนตัว เพื่อให
รูปทรงเปนไปตามแนวความคิดและแสดงออกทางความรูสึกอยา งชัดเจน โดยเลือกรปู ทรงของงเู ปนรูปทรงหลักเพือ่ สื่อความ
หมายถงึ ราคะ ภายในจิตใจของมนุษย
เสน (Line) เปนเสนที่เกิดจากการวาดเสนสีขาวลงบนสีดำ ชวยทำใหงานมีปริมาตรและระยะ ทำใหเกิด
น้ำหนักและแสงเงา ชว ยใหเ กิดอารมณความรสู ึกในงาน
สี (Colour) สีมีสวนทำใหงานมีความนาสนใจมากขึ้น ใชโทนสีขาว-ดำ ในงานเนื่องจากสีดำเปนสีที่ให
ความรสู กึ ถึงความนาหวาดกลัว เรน ลบั ดานมืด สงิ่ ทซี่ อ นเรน เลอื กใชสีดำมาเปน สหี ลกั ในงานสวนสแี ดงทำใหค วามรสู ึกถงึ ชีวิต
พื้นที่วาง (Space) พื้นที่วางในผลงาน ทำใหเกิดความรูส ึกทีไ่ มมีทีส่ ิ้นสุด พื้นที่วางชวยทำใหรปู ทรงเกิด
การเคลอื่ นไหว และยังชว ยเนนรูปทรงทำใหร ูปทรงชัดเจนและมพี ลงั มากขนึ้
น้ำหนักแสงและเงา (Tone-Light and Shadow) ผลงานใหน้ำหนักตัดกันอยางรุนแรงระหวางรูปทรง
และพ้นื ที่วาง เนือ่ งจากตองการบรรยากาศ ซ่ึงกอใหเ กดิ ความเคล่ือนไหวของรูปทรงและสรางความรสู ึกท่ีดูรุนแรง ลึกลับ นา
หวาดกลัว ตลอดจนความรูสกึ ถงึ การด้ินรนที่ไมมที ีส่ ิน้ สดุ
พนื้ ผิว (Texture) ในผลงานจะชวยเชอ่ื มระหวา งนำ้ หนักออนและเขม ลักษณะพื้นผิวในงานเกิดขึ้นจากการ
สาดหมกึ จนี ผสมน้ำ ทำใหเกิดลกั ษณะของคราบและรองรอยทน่ี า สนใจ
การกำหนดองคประกอบ (Composition) รูปทรงขนาดใหญกลางภาพ เพื่อใหรูปทรงสามารถส่ือ
ความหมายตามแนวความคิดไดอ ยางชดั เจน
สรุปและอภิปรายผล
ผลงานชุดนี้เริ่มตนจากตองการศึกษาถึงสภาวะอารมณจากการดำเนินชีวิตในแตละวัน การพบเห็นสิ่งตางๆ การ
เชื่อมโยงระหวา งภายนอกและภายใน สิ่งท่อี ยูภายในสวนลกึ ของจติ ใจ การตง้ั คำถามกบั ตวั เองและขยายเชอ่ื มโยงไปยังวงกวาง
ของสงั คม และสดุ ทายวกกลับมาเพื่อแกปญหาของตัวเอง ผลงานชุดนี้เปรียบเสมือนการคอยๆ คล่คี ลายปมในใจของขาพเจา
โดยการคิด พิจารณาถึงตัวตนสภาวะภายใน มโนภาพที่ถูกซอนเรน ขาพเจาสื่อความหมายของอารมณความรูสึกตางๆ โดย
ถายทอดเรอื่ งราว ผสมผสานแนวความคดิ และอารมณความรสู กึ ผา นสิ่งมชี วี ติ ในดินแดนโลกเสมอื นที่สรา งขึ้นมา
2สิงห์คาํ โต๊ะงาม, ไสยเวท อาถรรพณ์ ลกึ ลบั อานุภาพแห่งมายกิ (กรุงเทพฯ : อนิ ทรีย,์ 2521), 264.
196
การใชเ รอ่ื งราวจากคมั ภรี โ บราณ ไตรภมู ิ อีกทัง้ การใชสัญลักษณตางๆ มที ง้ั การนำมาใชโ ดยตรงและการพัฒนาจนมี
ลักษณะเปนสวนตัว นาจะไดรับผลสำเร็จทีส่ ามารถถายทอดความรูสึกลึกลบั และสามารถถายทอดใหผ ูท่ีไดตดิ ตามชื่นชมใน
ผลงานชุดน้ี ไดเ ขาถงึ แนวคิดหรือพทุ ธปรัชญา เพอื่ พัฒนาใหชีวิตไปในทางที่ดยี ่งิ ข้ึน
เอกสารอางอิง
หนงั สอื
กรมศิลปากร. (2542). สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บับกรงุ ศรอี ยุธยา-ฉบับกรงุ ธนบรุ ี เลม 1. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร.
. (2542). สมุดภาพไตรภูมฉิ บบั กรงุ ศรอี ยุธยา-ฉบบั กรุงธนบุรี เลม 2. กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร.
จอรจ เฟอรก สู ัน. (2549). เคร่อื งหมายและสญั ลกั ษณในครสิ ตศลิ ป.กรุงเทพฯ : อมรนิ ทร.
ชลดู นิ่มเสมอ. (2539). องคประกอบของศิลปะ. กรงุ เทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
ไบรอนั เคอรต นิ . (2553). Spiritual Disease. กรุงเทพฯ : พิมด.ี
พรี พล เทพประสทิ ธ.์ิ (2549). จติ วิทยาท่วั ไป. กรุงเทพฯ : ทรปิ เพล้ิ .
พทุ ธทาสภกิ ขุ. (2549). วา งจากกิเลส. กรงุ เทพฯ : เพชรประกาย.
. (2513). สมดุ ภาพปรศิ นาธรรมไทย. กรุงเทพฯ : อรณุ วทิ ยา.
วลิ เลยี ม ฮารท . (2553). ศลิ ปะในการดำเนนิ ชวี ิต. กรงุ เทพฯ : พมิ พด ี.
สิงหค ำ โตะ งาม. (2521). ไสยเวท อาถรรพณ ลึกลบั อานภุ าพแหงมายิก. กรงุ เทพฯ : อนิ ทรยี .
สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส
Buddhavihara, พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาส อินทปญ โญ). เขาถึงเม่ือ 5 พ.ค. 2565, เขาถงึ ไดจ าก
http://www.buddhavihara.ru/?page_id=237
197
จินตภาพแหง่ สายใยความผูกพัน
IMAGERY OF BONDS
วริ ายุทธ เสยี งเพราะ* (ศป.ม.ทศั นศิลป)์ 1
2 อาจารย์ท่ปี รกึ ษาหลัก รองศาสตราจารย์ศุภชยั สกุ ขโี ชติ
3 อาจารย์ทป่ี รึกษารว่ ม ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เมตตา สุวรรณศร
นกั ศกึ ษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาวชิ าทัศนศิลป์ บณั ฑติ ศกึ ษา สถาบันบัณฑติ พัฒนศิลป์
E-mail [email protected]
บทคัดยอ่
สถาบันครอบครัว เป็นสถาบันพ้ืนฐานที่สาคัญยิ่งของสังคม ดังจะเห็นได้จากครอบครัวไทยในอดีตนั้น เป็น
ครอบครัวแบบขยาย ประกอบไปด้วย ปู่ ย่า ตา ยาย อยู่ร่วมกัน ผู้สร้างสรรค์เกิดและเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ ทาให้ในวัย
เดก็ ถูกหลอ่ หลอมมาดว้ ยความรักความอบอนุ่ นบั ว่าครอบครวั มคี วามสาคญั ตอ่ ตวั ผ้สู รา้ งสรรค์มาก จากปัญหาดงั กล่าวนามาสู่
การศึกษาเพอ่ื สร้างสรรค์ผลงานโดยใช้เทคนคิ การถกั พัน สาน เส้นใยธรรมชาตแิ ละเสน้ ใยสังเคราะหส์ ขี าว แสดงออกใหเ้ ห็นถงึ
คณุ คา่ ความรัก ความผกู พัน ความอบอุ่นอันบริสทุ ธท์ิ ีไ่ ดร้ ับจากครอบครัว การถักสานเกาะเกี่ยวเส้นใยเส้นเล็ก ๆ แตล่ ะเส้นท่ีมี
ความอ่อนนุ่ม บอบบาง เม่ือเกาะเก่ียวกันเป็นจานวนมาก ก็สามารถสร้างความแข็งแรงให้กับรูปทรง ประดุจสายสัมพันธ์ท่ี
แข็งแรงของคนในครอบครัว เกิดเป็นผลงานประติมากรรมนุ่ม จากการศึกษาพบว่า ทฤษฎีความรักความผูกพันน้ัน ช่วยให้
สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกท่แี สดงออกในด้านบวก การมองโลกในแง่ดี รวมทั้งในข้นั ตอนการถักยังช่วยสร้างความสงบ
ทางใจในเวลาท่ีคิดถึงบ้าน การสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ ต้องการกระตุ้นเตือนให้ผู้คนในสังคมเห็นถึงคุณค่าของความรักความ
ผกู พันของคนในครอบครัว อนั เป็นพ้ืนฐานสาคัญแห่งชีวิต ท่ีคอยบ่มเพาะให้จิตใจอิ่มเอมด้วยความรัก ส่งผลให้มีแนวทางการ
ดาเนนิ ชีวติ ท่ีดงี ามตอ่ ไป
คาสาคัญ : จินตภาพ สายใย ความผูกพัน ประติมากรรมนมุ่
ABSTRACT
Family institution is the foundation in any given communities. This can also be observed from
Thai traditional families which is normally congregated as an extended family consisting of grandfather,
grandmother, living together. The creator of this work was born and raised in an extended family with love
and warmth throughout the childhood time. These memoirs greatly affect him and subsequently contribute
to the creation of this work. From the aforementioned reason, it led to the in-depth study and the
establishment of the work using the techniques of knitting, wrapping and weaving by means of natural fibers
and white synthetic fibers. This exhibits the value of love, bonding, and the pure warmth received from the
family. Despite the soft and fragile characteristic of fibers, when weaving together, they get strengthened
and strong enough that can be made into different forms and shapes. Likewise, this portraits as a strong
bond within family members. Thus, the work was born as a soft sculpture. The study found that love and
attachment within family significantly contribute to the positivity and optimism. With the knitting process,
the creator eventually found peace of mind when being homesick. Lastly, the creation of this work attempts
to encourage individuals in the society to see the value of love and family bonds that can be called as the
basis of life. As this will fill the mind with love resulting in a decent life.
Keywords: imagery, bonding, attachment, soft sculpture
บทนา
ครอบครัวเป็นสถาบันพ้ืนฐานที่เป็นหลักสาคัญที่สุดของสังคม ทาหน้าที่หล่อหลอมและขัดเกลา ให้แก่สมาชิกใน
ครอบครัว ด้วยการอบรมเลี้ยงดู ใหค้ วามรัก ความเอื้ออาทรเอาใจใส่ ให้ความช่วยเหลอื เกอื้ กูลกัน พร้อมท้ังปลูกฝงั คุณธรรม
จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และถ่ายทอดวัฒนธรรมของสังคมให้แก่สมาชิกในครอบครัว เพื่อใหเ้ ป็นบคุ คลทม่ี ีคุณภาพ พรอ้ มท่จี ะดาเนิน
198
ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพเป็นกาลังสาคัญให้กับประเทศชาติ จากท่ีกล่าวมาน้ันจะพบว่าในปัจจุบัน ครอบครัวไทยเป็น
ครอบครัวเดยี่ ว ที่บุคคลในครอบครัวประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก ต้องทางานจนขาดเวลาที่จะเอาใจใส่ ดูแลลูกหลาน เพราะ
ดว้ ยภาวะเศษฐกจิ ทบี่ ีบค้นั จนทาใหล้ ะเลยกบั การให้เวลาที่มคี ุณภาพกบั ลกู จนเกดิ เปน็ ปัญหาสงั คมหลายอยา่ ง อาทิเชน่ เด็กติด
เกม การขาดเรยี นมวั่ สุม จากปัญหาท่ีกลา่ วมานัน้ ผ้สู ร้างสรรค์เองกพ็ บกับปญั หาที่ใหญ่หลวงท่ีสุดในชีวิตเช่นกนั คอื การสูญเสยี
บิดามารดา ในชว่ งวยั ทผี่ สู้ ร้างสรรค์ยงั เด็ก ที่ยงั ต้องการคาชีแ้ นะ อบรม ในภาวะนนั้ ผูส้ ร้างสรรค์รู้สึกเควง้ คว้างขาดหลกั ยึด แต่
เหตุการณ์กับไม่เป็นเช่นน้ัน เม่ือสูญเสียทั้ง บิดา มารดา ไปกลับได้รับความรักความเมตตา ดูแลจากญาติพ่ีน้อง เสมือนเป็น
ลูกหลานที่รัก ได้มอบโอกาสทางการศึกษาและเอาใจใส่ ทาให้ผู้สร้างสรรค์รู้สึกเติมเต็มทางใจ และไม่รู้สึกขาดหายทาง
ความรู้สึก นับเป็นการทดแทนความรักที่มีค่ายิ่งตอ่ ชีวิต การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ ชุด จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน
จึงเป็นการนาเสนอแง่มุมของสายสัมพันธ์รักอันอบอุ่น โยงใย เช่ือมต่อ จนก่อเกิดความรู้สึกถึงความรักความอบอุ่น ท่ีจะเป็น
การหล่อหลอมใหผ้ ู้สร้างสรรคเ์ ตบิ โตและก้าวเดินไปในอนาคตอย่างมั่นใจ
ท่ีมาและความสาคัญของปัญหา
ครอบครัวไทยในปัจจบุ นั เปล่ยี นแปลงไปอย่างมาก อันเกิดจากการเจริญรดุ หนา้ ทางเทคโนโลยที าใหผ้ คู้ นต้องด้ินรน
เพ่อื ได้มาซึ่งสิ่งทต่ี อ้ งการในชีวิต จนหลงลืมเอาเวลาใหค้ นทีร่ กั ให้ครอบครัว จนเกดิ เป็นปญั หาสังคมในวงกวา้ ง จากทก่ี ลา่ วมา
นน้ั ตัวผ้สู รา้ งสรรคเ์ องกเ็ ป็นผู้หน่ึงทีต่ อ้ งใชช้ วี ติ อยูเ่ พยี งลาพงั เนอื่ งมาจากบดิ า มารดา ของผสู้ รา้ งสรรคไ์ ด้จากไปแล้วดว้ ย
โรคมะเร็งทั้งสองคน ทาให้เกิดความรู้สกึ เควง้ ควา้ ง เหงา คิดถึงพ่อและแม่ แต่โชคดีทผ่ี ู้สร้างสรรคน์ นั้ เกดิ มาในครอบครวั ทมี่ ี
ญาติที่คอยดแู ลใหก้ าลงั ใจ คอยสนบั สนนุ อุ้มชู ดูแล ทดแทนความรักท่ขี าดหายไปจากการสูญเสยี พอ่ และแม่ จากทกี่ ลา่ วมานน้ั
ทาให้ผูส้ รา้ งสรรคเ์ กิดความรสู้ ึกประทับใจ ในความรักทไ่ี ดร้ ับจากญาติพ่นี อ้ งทางบ้าน จงึ เปน็ แรงบนั ดาลใจทจี่ ะสรา้ งสรรค์
ผลงานทต่ี ้องการกระต้นุ เตอื นใหผ้ คู้ นในสังคมหันมาเหน็ คณุ ค่าของความรักความผกู พนั ของคนในครอบครัว
วัตถุประสงค์
1. เพอ่ื สรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ในหัวข้อ “จนิ ตภาพแหง่ สายใยความผูกพันธ”์ เพ่ือแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความรกั ความหว่ งใยของ
คนในครอบครัวท่ีมีใหก้ ัน โดยศึกษาทฤษฎีความรกั ความผกู พันและแนวคดิ ทฤษฎีทางศิลปะกลุ่มเสน้ ใย
2. เพอ่ื สร้างสรรคผ์ ลงานในเทคนคิ ประตมิ ากรรมนมุ่ โดยใช้เส้นใยจากธรรมชาติและเส้นใยสงั เคราะห์ 1 ชดุ
3. เพ่อื กระตนุ้ เตอื นใหเ้ ห็นถงึ คณุ คา่ ความรกั ความผูกพัน ทีไ่ ดร้ บั จากครอบครวั อนั เป็นพนื้ ฐานทสี่ าคญั ของชีวิต
วิธีการศกึ ษา
การสร้างสรรค์ผลงานทศั นศลิ ปใ์ นหวั ข้อ "จนิ ตภาพแห่งสายใยความผกู พันธ"์ ประกอบด้วยการศกึ ษาค้นคว้าข้อมูล
ทางวิชาการ ทงั้ จากตารา และศกึ ษาดผู ลงานท่ีเก่ยี วข้อง เรอ่ื งทมี่ ีเนอื้ หาดา้ นรปู ทรงของความสัมพันธ์ เพอ่ื รวบรวมเป็นภาพรวม
ชองขอ้ มูลพืน้ ฐาน เรือ่ งความรกั ความหว่ งใยท่ไี ด้รบั จากคนในครอบครวั ซึ่งมีให้กัน จากการศึกษาหนงั สอื ตารา อนิ เทอร์เนต็
และการศกึ ษาดงู านจากสถานที่จริง รวมถงึ ศึกษาจากผลงานและแนวคิดจากศิลปนิ ทสี่ รา้ งสรรค์ผลงานลักษณะดงั กลา่ ว
ขน้ั ตอนของการศึกษาและการสรา้ งสรรค์ เพ่อื การนาเสนอผลงานหวั ขอ้ "จินตภาพแหง่ สายใยของความผกู พันธ"์ ทส่ี มบรู ณ์ใน
ฐานะผลงานวจิ ยั โดยสามารถจดั แบง่ ขน้ั ตอนของการศกึ ษาและการสร้างสรรคไ์ ดด้ งั ต่อไปนี้
ทฤษฎคี วามรกั และความผกู พนั
จอหน์ โบลบี้ เชือ่ วา่ ความโน้มเอยี งของมนษุ ย์ทจ่ี ะผกู พนั กบั คนเลีย้ งท่ีคุน้ เคย เพราะพฤตกิ รรมความผกู พัน ช่วยให้
รอดชวี ติ เม่ือเผชิญกับอันตรายเช่น การถูกลา่ หรือตอ้ งเผชิญกบั สง่ิ แวดลอ้ ม (Duschinsky, 2013, 326–338) มนษุ ย์จาเป็นต้อง
สร้างความสมั พนั ธก์ ับใครสกั คนเพอ่ื เรียนรู้การอยใู่ นสงั คม โดยเฉพาะเร่ืองอารมณแ์ ละการควบคมุ ทีม่ นุษย์พึงมีให้เปน็ ไปใน
ทิศทางท่ดี ี สอดคล้องกับ ฟรดี แมน กลา่ วว่าระบบครอบครวั ประกอบด้วยบุคคลซึ่งมีสว่ นร่วมในการติดต่อส่อื สารซึ่งกันและกนั
โดยในครอบครวั ทมี่ ีการสอ่ื สารทีด่ จี ะช่วยสง่ เสรมิ อบรมเลย้ี งดู ทาให้สมาชิกในครอบครัวรสู้ กึ มคี ณุ คา่ ในตนเองเพิม่ ขึน้ มคี วาม
เปน็ อันหน่ึงอันเดยี วกนั ตลอดจนรบั รอู้ ารมณแ์ ละความรสู้ ึกของตนเองและผูอ้ ื่น ซ่ึงจะเป็นแนวทางในการทาใหร้ ู้จกั ตนเองและ
สมาชกิ ในครอบครัวไดด้ ขี ึ้น (Milton Friedman, 1998, 85)
199
อทิ ธิพลจากชว่ งเวลาความผูกพันในครอบครัวของผ้สู ร้างสรรค์
ครอบครัวคือบ้านหลังแรกที่ก่อกาเนิดชีวิตให้ผู้สร้างสรรค์ ได้เกิดและเติบโตอยู่ท่ามกลางวิถีชีวิตที่อบอุ่น เป็นสาย
สมั พันธ์ท่แี นบแน่นจากสายโลหิต สง่ ถ่ายสู่จิตใจของบุคคลในครอบครวั ทุกคน ให้มคี วามรกั สามัคคี เอื้ออาทรตอ่ กัน แมว้ ่าวัน
เวลาหนึง่ นนั้ ชีวิตจะเกดิ การเปลี่ยนแปลงไปในทศิ ทางใด กจ็ ะทาใหไ้ มร่ สู้ ึกโดดเด่ียว จวบจนเวลาผา่ นไปนานเท่าใดกไ็ ม่สามารถ
คลายความผูกพันนั้นลงได้ จากสภาพสังคมในปจั จุบันท่ีมีการแข่งขันสูงขึ้น ก่อให้เกิดความกดดนั เพ่ือแก่งแย่งแข่งขัน เอารัด
เอาเปรียบ หวงั เพยี งได้มาซงึ่ ส่ิงท่ีตอ้ งการ ทาใหร้ ่างกายและจิตใจเหนอื่ ยลา้ ทดท้อ จนในทีส่ ดุ มนษุ ย์ก็จะต้องหากาลังใจมาเติม
เต็ม จากการท่ีผสู้ รา้ งสรรค์ต้องจากบ้านมาใชช้ วี ติ ในเมอื งหลวงทีเ่ ตม็ ไปดว้ ยผคู้ นนานนับปี กวา่ จะไดม้ ีโอกาสกลับไปเยี่ยมบา้ น
ซงึ่ เป็นชว่ งเวลาทแี่ สนสขุ และมีความหมายต่อจิตใจเป็นอย่างมาก ท่ีได้ใช้เวลาร่วมกนั กับคนในครอบครวั อยา่ งมีความสขุ ไดร้ ับ
ฟังปัญหา พูดคุยเร่ืองราว สุข ทุกข์ ก่อเกิดสายใยสัมพันธ์จากการเล่าสู่กันฟังในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันเวลาที่ห่างไกล
บ้าน การได้ร่วมประกอบอาหารและรับประทานในมื้อที่พร้อมหน้า ช่างเป็นช่วงเวลาที่อภิรมย์ราวกับการเติมพลังแรงกาย
แรงใจจากความเหนอื่ ยลา้ ที่สัง่ สมมาเป็นเวลานาน ความวิตกกงั วลและความทุกข์ทีเ่ กิดขนึ้ กผ็ อ่ นคลายลง จากการได้กลบั สู่อ้อม
กอดแหง่ บา้ นและครอบครัว ครอบครัวจึงกลายเปน็ ทพ่ี กั พิงทางใจ เพอ่ื คลายความเหงา เปล่าเปล่ยี วอ้างว้าง จากปัญหา และ
ความคิดถงึ บา้ นเกิด เฝ้ารอวันท่ีได้กลบั บา้ นมาพร้อมหน้ากนั ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ
อิทธพิ ลจากขนมลา
ขนมลาเป็นขนมทางภาคใต้ทท่ี าจากแปง้ ข้าวเจา้ มมี าอย่างช้านาน ไมป่ รากฏหลกั ฐานแน่ชัดว่าเกิดข้ึนเม่อื ใด ทาขนึ้ เพอ่ื
ใช้แทนแพรพรรณอุทศิ ให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลบั ดว้ ยลักษณะการสอดผสานของเสน้ ขนมราวกับเสน้ ไหมที่มีร้ิวเปน็ สที องอันวจิ ติ ร
จากช่างทอผ้าผูม้ คี วามชานาญ ในสมยั กอ่ น ใช้กะลาเจาะรูเล็ก ๆ หลายรู เพ่ือตักแป้งแล้วแกว่งในกระทะทอดเป็นวงกลม เส้น
แป้งมีความตอ่ เนื่องไม่ขาดสาย เสมอื นเส้นดา้ ยที่มีสีแวววาวเป็นประกายสะทอ้ นแสงกับนา้ มนั ดว้ ยความเช่ือทีว่ ่า เส้นแป้งท่ีมี
ขนาดใหญ่เกนิ ไป เปรตในอบายภมู ิไม่สามารถกนิ ได้ จากความเชือ่ ดังกล่าวผู้สรา้ งสรรค์เองกส็ นใจในลักษณะของการใช้เสน้ ใยท่ี
มีลักษณะยาวต่อเน่ืองกัน และคนโบราณก็สามารถนาความเช่ือมาสอดผสานให้เกิดเป็นแนวคิดทางศาสนา เพื่อสอนและ
เตือนใจคน ซ่ึงตัวผู้สร้างสรรค์น้นั ในวัยเยาว์ ขนมลาเป็นดังของหวานที่ทรงคุณค่า ตราตรึง และหวนให้นึกถึงวันเวลาอันหอม
หวานราวกับกลิ่นขนมลาซึ่งหาทานได้เฉพาะช่วงเทศกาลเดือนสิบ ความผูกพันของวันเวลาทาให้บรรยากาศแห่งกันแบ่งปัน
หยอกลอ้ สนุกสนานจากการได้กินหรอื แมแ้ ต่ตอนร่วมกนั ทาขนมลา หรืออีกนัยยะหน่ึงของการถกั ทอเสน้ ขนมลาท่ีทับกนั ไปมา
จนเกดิ ความเหนยี วแน่น เหมอื นญาติพ่ีนอ้ งทไ่ี มว่ ่าอยู่ไกลหรอื ใกล้ แหง่ หนใด เมื่อถึงงานบุญเดอื นสิบก็จะต้องกลับมาพบปะกัน
อย่างพร้อมเพรยี งคงใหเ้ หน็ ถึงคุณคา่ แหง่ สายใยในครอบครวั ท่ีเมื่อรวมกล่มุ กนั ก็สามารถสรา้ งความเขม้ แข็งใหเ้ กิดขนึ้ ได้
แนวคดิ ทางเทคนิคประตมิ ากรรมนุ่ม (Soft Sculpture)
ประตมิ ากรรมน่มุ เป็นแนวทางการสรา้ งสรรค์ใหป้ ระตมิ ากรรมมคี วามละมนุ ซึง่ มกี ารใช้คาไมค่ ่อยแพร่หลายนกั มักใช้
คาว่า Soft Sculpture เพ่ิงใหค้ วามหมายของงานประตมิ ากรรมทเ่ี ปล่ียนไป ด้วยความที่ตอ้ งแขง็ แรงหนกั แน่นและมนั่ คงเปน็
สญั ลกั ษณแ์ หง่ เพศชายตรงกนั ข้ามกบั Soft Sculpture ท่มี ีความนุ่มนวล บางเบา แปรเปลยี่ นไปได้ทกุ สถานท่รี าวกบั สตรี Soft
Sculpture เป็นประติมากรรมทถ่ี ูกสร้างขน้ึ จากวสั ดทุ ม่ี ีความละมนุ สัมผสั บางเบา ราวกับเครื่องนอน เช่น ผา้ หรอื เสน้ ใยชนิด
ต่าง ๆ จากความชนื่ ชอบหรอื ความต้องการนาเสนอของศลิ ปิน "ประติมากรรมนุ่ม หมายถึงประตมิ ากรรมประกอบดว้ ยวสั ดุท่ี
ออ่ นนมุ่ เชน่ ยาง ผ้า ซงึ่ เปน็ การทาลายความคิดด้ังเดมิ เกย่ี วกบั ประตมิ ากรรม จากปกตจิ ะทาดว้ ยวัสดทุ ่ีมคี วามแข็งแรง ทนทาน
และชั้นสงู เชน่ หินอ่อน บรอนซ"์ (Artsy. Soft Sculpture [online], February 24, 2016.
https://www.artsy.net/gene/soft-sculpturc) จากแนวความคดิ ข้างต้นทาให้เห็นถงึ ความกล้าหาญของศลิ ปินในการ
เลือกใชว้ ัสดุท่ีแตกตา่ งจากรูปแบบดั้งเดิม โดยอาจมีหรือไมม่ โี ครงสรา้ งภายใน กไ็ ดท้ าให้รปู แบบผลงานเปน็ ภาพปรากฏใหม่จาก
ประตมิ ากรรมแบบดัง้ เดิมข้อมลู อทิ ธิพลจากศลิ ปะไฟเบอรอ์ าร์ต (Fiber art) และ Yarn Bombing
ศิลปินไฟเบอร์อาร์ตกลุ่มไฟเบอร์อาร์ต (Fiber art) ถูกเรียกขึ้นโดยภัณฑารักษ์และนักประวัติศาสตร์ศิลป์เพื่ออธิบาย
การทางานศิลปะของศิลปินในยุค 80 ที่สะทอ้ นแนวคดิ การแสดงออก และอัตลกั ษณ์ท่ีทดลองนาวัสดุเส้นใยหลายประเภทมา
สร้างสรรค์ เส้นใยในงานไฟเบอร์อาร์ตที่พัฒนาแนวคิดไปเร่ือย ๆ ตามอิทธิพลจากยุคโพสโมเดิร์น นาเสนอภาพลักษณ์ที่
แตกต่างออกไปจากงานช่างฝีมอื ในอดีต ผา่ นการถัก ทอ ขยายเพ่ิมเติมซ่ึงสร้างความต่ืนตาต่ืนใจให้ผู้ชมรบั รู้ผ่านแนวความคิด
เร่ืองความรัก ความเช่ือ หรือความช่ืนชอบของศิลปินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาเสนอวิธีการผ่านรูปแบบที่ใช้เส้นใยจาก
ธรรมชาตแิ ละเส้นใยสังเคราะห์ โดยเสน้ ใยเหล่านั้นอาจมผี ิวมันวาว กระด้าง โปรง่ ใส ทึบตัน ยืดหดได้ หรือเส้นใยท่ีเปราะบาง
200
ศิลปินสร้างวธิ ีการทางานและถ่ายทอดผลงานโดยการสอด ผูก มัด เยบ็ ปัก ถัก ร้อย ดุน กระทุ้ง หรือวิธีอีกมากมายที่สามารถ
นามาใชก้ ับเส้นใยได้ ตามประสบการณ์ วถิ ีชีวติ หรือแนวความคดิ เพ่ือเพ่อื ตอบสนองความคดิ
อีกประเภทหน่ึงของศิลปะเส้นใยคือ Yarn Bombing และ Graffiti Knitting ซ่ึงถือกาเนิดขึ้นมาเป็นความน่ารักของ
การใช้เส้นใยถักห่อหุ้มวัตถุต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันแล้วพลันใหเ้ กิดแรงบันดาลใจในการห่อหมุ้ วัตถุที่อยู่ในพื้นท่ีสาธารณะมาก
ขน้ึ งานศิลปะ yarn bombing ไม่ได้มีเพียงความสวยงามที่ผู้ชมมองเห็นหรือสัมผัสได้ ด้วยผลงานที่สามารถอดออกไดแ้ ละไม่
คงทนถาวรจงึ ไม่ได้ทาลายทัศนียภาพหรือวัตถุที่ไปห่อคลุม ในรัฐ Texas มีศิลปินที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ Knitta Please
และ Magda Sayeg เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการถักหุ้มสถาปัตยกรรม เสาไฟ ป้ายจราจร และส่ิงสาธารณะอื่น ๆ อีก
มาก ปัจจุบันศิลปะ Yarn Bombing กระจายตัวอยู่บนพื้นที่ต่าง ๆ มากมายทั่วทุกมุมโลกในการสร้างนัยยะที่แตกต่างกันไป
และเพ่ือเปลี่ยนส่ิงอันคุ้นชินให้แตกต่างแปลกตาออกไป ท้ังยังเป็นส่วนในการทาให้ผู้คนหันมาสนใจและมีความสัมพันธ์กับ
สง่ิ กอ่ สรา้ ง รอบตัวได้ดีย่ิงข้นึ
จติ วิทยาของสี
แสงและสีมีผลทางจิตวิทยาสามารถสะท้อนอารมณ์ได้มากมาย โดยผลงานท่ีมีสีสันสื่ออารมณ์ได้นั้นมักวิเคราะห์
จติ วิทยาของสีแล้วสามารถทาให้เป็นผลงานที่มีการสื่ออารมณ์ท่ียอดเยี่ยมได้ ก่อให้เกิดการดึงความรู้สึกของผู้ชมให้มีอารมณ์
ร่วมตามที่ผู้สร้างสรรค์นาเสนอ จึงเห็นได้ว่าแสงและสีมีความสาคัญในการนามาใช้ประกอบชิ้นงาน และการนาเสนอผลงาน
เพื่อส่ืออารมณ์ได้อย่างชัดเจน สร้างอารมณ์ให้ผู้ชมได้เป็นอย่างดี การรับรู้เกี่ยวกับสี จากหนังสือ Graphics for Visual
Communication ได้เรยี บเรยี งเรอื่ งราวเกีย่ วกับสีว่า “เรอื่ งราวของสีมมี ากมายเกินกว่าจะจาได้ การใช้สีก็ไม่มีกฎเกณฑต์ ายตวั
เหมือนคณิตศาสตร์อาจขยายวงกว้างออกไปหรอื ทาให้แคบลงกไ็ ด้ และในเม่ือ สไี ม่ได้เปน็ ไปตามกฎเกณฑ์ทางกายภาพของสิ่ง
หน่ึงอาจมีสีหน่ึงเมื่ออยู่ตามลาพังแต่การรับรู้เก่ียวกับสีกลับข้ึนอยู่กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว (Denton, 1992, 102-114) ปัจจัยที่
สาคัญในการสร้างสรรค์ของศิลปะหลากหลายแขนงคือสีและแสง เพ่ือบง่ บอกให้รู้ถึงเรื่องราวหรือเหตกุ ารณแ์ ละสภาพอารมณ์
ของชิ้นงานนั้น ๆ อาจใช้รูปแบบการวิเคราะห์แนวความคิดจากสภาวะสังคมการเมือง ครอบครัวหรือปรัชญาต่าง ๆ มา
สร้างสรรค์ และถ่ายทอดให้ผูช้ มได้รับความร้สู ึกตามจุดมุ่งหมาย การจดั แสงจะให้อารมณต์ ่าง ๆ แสงสที องยามบ่ายพ่งุ เปน็ ลา
จากหน้าต่าง ให้ความรู้สึกโดดเด่ียว แสงนวลสีฟ้าจากดวงจันทร์ให้ความรู้สึกว้าเหว่ ลึกลับ แสงสว่างโล่ทั้งภาพให้ความรู้สึก
สบายใจ ไม่อึดอัด ต่างกับแสงเข้มจัดสว่างจัดท่ีทาให้เกิดความรู้สึกน่ากลัว อารมณ์ของแสงเปน็ หนงึ่ ใน mise en scene ที่จะ
ทาให้ มคี ุณคา่ ทางศิลปะ (ผศ.ปกรณ์ พรหมวิทกั ษ์, 2555, 22)
ผู้สร้างสรรค์พบว่าสีมีอิทธิพลทางความรู้สึกของมนุษย์ เพราะสีสามารถกระตุ้นอารมณ์ให้เกิดความสุข สงบ หรือ
ตืน่ ตัว ตื่นเต้น เร้าใจ หรอื กระตุ้นการเติบโต จากทก่ี ล่าวมานัน้ ในการสรา้ งสรรค์ผลงานชดุ “จินตภาพแหง่ สายใยความผกู พนั ”
ผู้สร้างสรรค์ได้นาแนวคิดที่ได้จากจิตวิทยาของสีมาศึกษาและคัดเลือกสีขาว มาใช้เป็นสื่อสัญลักษณ์แทนความรักอันบริสุทธิ์
ของครอบครัว เพราะสีขาวให้ความรู้สึกอ่อนโยนและไร้เดียงสา บริสุทธ์ิ ว่างเปล่า สะอาด สดใส เบาบาง ความเมตตาและ
ศรัทธา ความสงบสุขและเรียบง่ายช่วยเพิ่มพ้นื ที่ว่างใหก้ ับความคดิ ใหม่ ๆ
3. เก็บข้อมูลศิลปนิ ทไ่ี ดร้ ับแรงบนั ดาลใจจากศลิ ปินไทยและศลิ ปนิ ตา่ งประเทศทสี่ ร้างสรรคผ์ ลงานด้วยการใช้เสน้ ใย
ประกอบด้วย ภาพท่ี 1 ภาพผลงานของ อม่ิ หทยั สุวฒั นศิลป์ (ก) My Father's Pigtail, ส่ือผสม, 2551 (ข) หมอนของพ่อ,
(ก) (ข)
สื่อผสม, 2551 201
ทม่ี า: มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, วิทยานิพนธ์ [ออนไลน]์ เข้าถึงขอ้ มลู เมอื่ วนั ที่: 7 ตุลาคม 2564
เข้าถึงได้จาก:
http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/thapra/Imhathai_Suwatthanasilp/Fulltext.pdf
3.1 อิม่ หทยั สวุ ัฒนศลิ ป์
ศิลปินมีจุดเร่ิมต้นเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวท่ีศิลปินมีต่อบุคคลในครอบครัว ทั้งที่มีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้ว นา
ให้ผลงานศิลปะมุ่งสู่แนวคิดท่ีเกีย่ วกับสายใยแห่งครอบครัว โดยอาศัยเส้นผมที่เป็นส่วนประกอบหลักแสดงออกถึงตัวตนและ
บุคลิกภาพของมนุษย์ อีกท้ังเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้พันธุกรรมและความสัมพันธ์ทางสายเลือด
ศิลปินมองเหน็ เร่ืองของวันเวลา และการเปล่ียนแปลงในวัสดทุ ีน่ ามาใช้ไม่วา่ จะเปน็ ขนาด สี การหลดุ ร่วง และงอกข้ึนใหม่ เฉก
เช่นกฎแห่งไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เรื่องราวของการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเปรียบเสมือนเส้นผมท่ีอยู่บน
รา่ งกาย มกี ารงอกยาว หลุดรว่ ง ทม่ี ีความรักความอบอุ่นและความผกู พันระหว่างกัน จึงหยิบยกเอาเส้นผมมาทาการเรียบเรยี ง
ดว้ ยการ มดั เย็บ ปัก ถัก ผูก ร้อย และการคลุมหอ่ เข้าด้วยกนั เหมือนตน้ ไม้ท่ีงอกเงยขึ้นใหมร่ าวกับชีวติ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว
เช่นเดียวกันกับคนในครอบครัวนอกจากเส้นผมที่ศิลปินเลือกใช้แล้วยังประกอบไปด้วยวัตถุสิ่งของท่ีคนในครอบครัวใช้ ณ
ชว่ งเวลาหน่ึง ดว้ ยความเชือ่ ที่ว่า “ทกุ สงิ่ ลว้ นมีประสบการณ์รว่ ม ใหห้ วนระลกึ ถงึ เหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ข้ึนต่อวตั ถแุ ละผใู้ ช้ในช่วงเวลา
น้ัน” เช่น การนาหมอนใบหนึ่งที่ผู้เป็นบิดาใช้รองศีรษะแทนความรู้สึกในขณะที่บิดาของศิลปินป่วย ราวกับการดูดซับความ
เจบ็ ปวดทางร่างกายกดทับลงบนรอยนุ่นที่ยุบลงไปอย่างอาวร หมอนใบใหญ่ที่ผ่านการใช้งานอย่างยาวนานของมารดาสะท้อน
เรอื่ งราวของความเศร้าและคราบนา้ ตาของการดาเนินชีวติ ในชว่ งเวลาอันแสนลาบากน้นั ถ่ายทอดสูผ่ ู้ชมไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ตกุกตาผ้า
เก่ากับของเล่นในวัยเยาว์ท่ีมีความผูกพันสะท้อนความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้เป็นฝาแฝดของศิลปิน โดยอาศัยลักษณะเฉพาะ
ของวัตถทุ ี่มีความนนุ่ ละมนุ ออ่ นโยน และเป็นสญั ลักษณ์แหง่ ปฐมวยั มานาเสนอในงานสร้างสรรคส์ ะทอ้ นความสดใส ไร้เดยี งสา
และความโหยหาแห่งวัยอันล่วงเลย ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานเพ่ืออุทิศให้แก่สมาชิกในครอบครัวอันเป็นท่ีรักยิ่ง โดยเริ่มใช้เส้น
ผมที่หลุดร่วงของตนเองเพื่อแทนสายใยของครอบครัว แล้วมีการพัฒนารูปแบบเทคนิค วิธีการเพ่ือหยิบยกเอาศิลปะวัตถุใน
ความหมายของสายใยแหง่ ครอบครัว ประกอบกับการนาภาพถ่ายท่ีบันทึกเวลาอนั มคี ่า มีความหมาย อารมณ์ ความรู้สึก และ
เหตกุ ารณท์ ีส่ อดคล้องกับผลงานแต่ละชน้ิ จัดแสดงรว่ มกัน แสดงออกดว้ ยการผูก มดั เยบ็ ปกั ถกั ร้อย คลมุ และห่อผสมผสาน
กับวตั ถขุ องผคู้ นในครอบครวั ทีม่ ีความผูกพนั กนั
ภาพท่ี 2 The State of suffering, mixed media, installation, 2018, size variable
ท่ีมา: BKK Art Biennale เขา้ ถงึ ข้อมลู เมอื่ วนั ที:่ 7 ตุลาคม 2564
เข้าถงึ ไดจ้ าก: http://bab18.bkkartbiennale.com/project/power-of-arts-unleashed/
3.2 สุนันทา ผาสมวงศ์
จากจุดเร่ิมต้นท่ีศิลปินได้รับความเศร้าโศกจากการสูญเสีย ความรัก และความอบอุ่นอันเป็นปัจเจกที่พลัดพรากจาก
บิดา ส่ิงน้สี ง่ ผลต่อความรู้สกึ อยเู่ สมอส่งผลให้การสรา้ งสรรคผ์ ลงานของเขามีรูปแบบทห่ี ้อยแขวนด่ิงลง ลักษณะของเส้นท่ีก่อรปู
เป็นโครงสร้างคล้ายเรือนร่างมนุษย์ท่ีขาดแหว่ง สะท้อนเรื่องราวเกิดจากข้าวของ ความทรงจา และความผูกพันในอดีตที่ถูก
ทาลาย ซ่ึงศิลปินนาเสนอการ “สรา้ งปมปัญหา” ตอ่ ความคิดอารมณ์ซึง่ เปน็ ความโหยหาพรากจากสิ่งท่รี กั ในทางลบ เขามีแงม่ ุม
และทัศนคติต่อประสบการณ์อันเลวร้ายที่พลัดพรากจากบุคคลอันเป็นท่ีรักนี้ จากเวลาอันยาวนานแล้วถ่ายทอดออกมาผ่าน
202
ทัศนธาตทุ ่ีมลี ักษณะของเส้นทับซ้อนกัน ราวกับสายใยผกู มัดจิตใจ ดงึ รั้งความรู้สกึ เอาไว้ไม่ยอมผ่อนคลาย รปู ทรงย่อยท่ีคล้าย
กับส่วนท่ีเป็นอวัยวะของมนุษย์ เปรียบเปรยระหว่างความแข็งแรงและเปราะบางที่มีอารมณ์ความรู้สึกผันแปรอยู่ตลอดเวลา
เขาความนาความทุกข์ที่เกิดข้นึ ถา่ ยทอดผ่านการบาบดั ด้วยการทางานศลิ ปะ อีกทางหนง่ึ ในขณะที่ศลิ ปนิ สร้างสรรคผ์ ลงานกย็ ัง
เปน็ การละลายความหมน่ หมองในจิตใจใหเ้ บาสบายและผอ่ นคลาย ปล่อยวางความทกุ ข์น้ันจนปรากฏรปู ขึ้นเป็นผลงาน วัสดุท่ี
เขาเลือกใช้มีความโดดเดน่ ด้วยความเปน็ เส้นใยโลหะเชน่ ลวดอลมู ิเนียม ลวดสีเงนิ สที อง สดี า และท่ีเป็นเสน้ ทองแดง มคี วาม
น่ิม เล็ก ผ่านกระบวนการถัก กด ทับ และดัดจนปรากฏเส้นท่ีทับซ้อนเกี่ยวพันกันเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ท่ีเป็นกึ่งนามธรรม
ผสมผสานกบั รูปทรงทางองคป์ ระกอบศิลป์เพ่อื ให้เกดิ สนุ ทรียภาพแล้วติดตัง้ ในรูปแบบของศลิ ปะจัดวางเฉพาะพ้นื ที่ สามารถให้
ผู้ชมเข้าไปในพ้ืนที่ของผลงานเพื่อรับรู้และสัมผัส ถึงความรู้สึกที่ต้องการแสดงออกมาผ่านกระบวนการท่ีไม่สามารถผลิตซ้า
อย่างเดิมได้ ผลงานมคี วามงามทางด้านความคิดและกระบวนการ อีกท้ังยังมีความงามของรูปทรงเม่ืออยใู่ นพื้นที่อันเหมาะสม
แล้วเกิดเป็นเอกภาพ การทับซ้อนของรูปทรงที่เกิดจากการถักดัดด้วยเส้นใยโลหะประสานกับพ้ืนท่ีว่าง ขับ เน้นให้รูปทรง
แสดงออกให้ความหมายตามแนวคิดที่มุ่งนาเสนอ อาศัยเส้นเป็นตัวแทนของความรู้สึกท่ีทับถมกัน จนเกิดเป็นรูปทรงมีมวล
ปริมาตรราวกับปมในชีวิตท่ีได้รับมา ติดต้ังโดยการแขวนลอยจากเพดานและให้แสงกับเงาทาหน้าท่ีขับเน้นผลงานจนเกิดมิติ
มากข้ึนในพ้นื ท่ีว่าง อกี ทั้งยังสร้างสรรค์ผลงานท่ีมีความหลากหลายในการติดตั้งท้ังบนผนัง เพดาน พ้ืนหรืออาจเป็นพ้ืนท่ีห้อง
มมุ หนง่ึ ในของตัวอาคาร
ภาพที่ 4 Yeon-gi 8460, 2013, stainless steel mesh, 600 x 400 cm 215x30x220 cm
ทีม่ า: seungmopark [online] เขา้ ถึงขอ้ มูลเมอ่ื วนั ท่ี: 7 ตุลาคม 2564
เข้าถึงได้จาก: https://www.seungmopark.com/copy-of-maya-1
3.4 ซงึ โม ปารค์ (Seung Mo Park)
ศิลปนิ สรา้ งสรรคผ์ ลงานจากภาพ portrait ขนาดใหญด่ ว้ ยการวางโครงลวดตาขา่ ยเข้าด้วยกนั และตัดเลเยอร์ทบั ซ้อน
เพื่อสร้างความตนื้ ลึกของผลงาน งานแต่ละช้ินเริ่มต้นด้วยการสร้างภาพถ่ายทีซ่ ้อนทับกันโดยอาศัยชั้นลวดสอนพับและค่อยๆ
ตัดฉีกพื้นท่ีตาข่ายที่ไม่ต้องการออก ด้วยมิติของภาพท่ีทับซ้อนดูเคลื่อนไหวมีส่วนลึกส่วนต้ืนของผลงานทาให้ช้ินงานมีความ
หนาและกินพื้นที่ไปในอากาศ เกิดเป็นจินตนาการและมิติราวกับว่าเป็นวัตถุสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจนพัฒนาต่อไปยังภาพทิวทัศน์ท่ี
นาเสนอส่ิงสาคัญให้ผู้ชมได้เห็นในการซ้อนทับกันระหว่างผลงานและความเป็นจริง เขาต้องการให้เหน็ ถึงขณะหนง่ึ ที่ผู้ชมมอง
ภาพผืนปา่ ของเขาท่ีมีความสงบของป่าไม้ แสง และโครงสร้างของต้นไม้ค่อยๆกระจัดกระจายเมอ่ื ผู้ชมเข้าไปใกล้ก็เหลือเพียง
เส้นลวดทที่ ับซ้อนกัน แต่เมอ่ื ถอยห่างออกมาภาพผืนป่านัน้ กป็ รากฏข้ึนอีกครง้ั อีกแนวความคิดหนึ่งของเขามีการเชือ่ มโยงกับ
ปรัชญาทางพทุ ธศาสนาที่ทกุ ๆ อย่างเกิดข้ึนและพง่ึ พาซึ่งกนั และกนั สรรพสิ่งลว้ นเกิดจากเหตปุ จั จยั หลายประการท่ีสนับสนุน
ให้กันและกัน เม่ือผู้ชมเข้ามาใกล้ผลงานรูปร่างจะกระจัดกระจายจนในท่ีสุดก็มองไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร แต่ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งท่ี
หลงเหลืออยู่คอื น้าหนกั ของลวดและมกี ารเปลย่ี นแปลงของคุณสมบัติ หากถอยออกมาในระยะหนึ่งเราก็จะพบความงามในอีก
รูปแบบหนึ่ง เรากับมนุษย์เราที่ย่อมมีระยะท่ีเหมาะสมในการทาส่ิงต่าง ๆ อีกนัยยะท่ีนาเสนอคือ การที่ผู้ชมจารูปภาพน้ันได้
อย่างชัดเจนว่าเปน็ ภาพอะไรจากการมองในระยะไกล เมือ่ เขา้ ไปใกล้แลว้ ผลงานที่คอ่ ย ๆจางลง จางลง จนรู้สึกแปลกไปก็ย่อม
ทาให้ผู้ชมต้องยอ้ นกลับมาดูอกี คร้ัง พร้อมตงั้ คาถามว่าสิง่ ที่เห็นน้ันเป็นเช่นไรและ “มีจริงหรือไม่” เขาได้พบกับผู้หญิงคนหน่ึง
203
แล้วรู้สึกประทับใจมากราวกับตกอยู่ในห้วงของภวังค์ พอรู้สึกตัวอีกทีก็ราวกับตื่นข้ึนด้วยความสับสนว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือ
เรื่องฝัน จงึ กอ่ เกดิ เปน็ ผลงานข้างต้นทีก่ ลา่ วมาและนาเสนอนทิ รรศการที่เขานาเสนอผลงานในชอื่ “มายา” ในภาษาสนั สกฤตท่ี
แปลว่าภาพลวงตา เรากลบั มีตัวตนทแ่ี ท้จริงเปิดเผยอยู่แต่กลับถูกปิดกั้นดว้ ยความว่างเปลา่ จนในทสี่ ุดทกุ สง่ิ ท่ีดูเหมือนมอี ยจู่ ริง
น้นั ก็อาจจะไม่ไดม้ ีอยู่เลยและมองไปถงึ การมีชีวติ อยู่ที่แยกไม่ออกของชอ่ งว่างระหว่างคนเปน็ และคนตาย เขาจงึ เปรยี บงานที่
สรา้ งขึ้นว่ามนั ไม่เคยเป็นไม่เคยมไี ม่มวี นั จะเปน็ เราไมเ่ คยเกิดเราไมเ่ คยตายและจะไมม่ วี นั เกดิ
ภาพท่ี 3 Staircase-V, 2008, Polyester and stainless steel tubes, edition Installation view
ทมี่ า: Tate [online] เข้าถงึ ขอ้ มลู เม่อื วนั ที่: 16 ตลุ าคม 2564
เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://www.tate.org.uk/art/artists/do-ho-suh-12799
3.3 ดู โฮ ซู (Do Ho Suh)
เป็นศิลปินท่ีมีชอื่ เสียงซ่ึงเป็นผู้นาการเคล่ือนไหวทางศิลปะในปี 1960 เป็นการผสมผสานภาพวาดแบบด้ังเดิมผสมกับ
แนวคิดสมัยใหม่ ภายหลงั การยา้ ยถ่ินฐานไปอาศยั อยูใ่ นสหรัฐอเมริกาทาใหเ้ ขาตีความเรื่องบ้านและวิถีชีวิตดัง้ เดิมของเขาไปสู่
ผลงานท่สี ื่อถึงพ้ืนท่ีว่างและพน้ื ท่ใี ช้สอยภายในบ้านซึง่ เป็นแบบจาลองบ้านในวัยเด็กของเขา การทางานที่อาศัยสถาปัตยกรรม
พ้ืนที่และอัตลักษณ์ส่วนตวั โดยผลงานทสี่ รา้ งช่อื เสียงให้เขามากท่ีสดุ ทาจากผ้าไนลอนที่เยบ็ กันอยา่ งชานาญ จาลองพ้ืนทีจ่ าก
บันไดอพาร์ทเม้นท์สไตล์ตะวันตกที่เขาอาศัยอยู่ร่วมกับบ้านในวัยเยาว์ของเขาเป็นบันไดที่พ่อกบั แม่ของเขาในเกาหลีใต้มีการ
เช่ือมตอ่ ระหว่างพนื้ ท่ีของวัฒนธรรมและความทรงจาส่วนตวั ของเขาจากแรงบันดาลใจท่ีว่าบันไดประตูและสะพานพวกมันทา
หน้าท่เี ช่อื มต่อแตล่ ะพ้ืนทเี่ ขา้ ดว้ ยกันพื้นที่ทั้งหมดนน้ั แยกกันและอยใู่ นจิตของตนซ่ึงเปน็ ความคดิ ท่ีแสดงถึงตวั ตนของเขาไดเ้ ปน็
อย่างดี วัสดุที่เขาเลือกนามาใช้คือผ้าโพลีเอสเตอร์สีชมพู เป็นเนื้อผ้าท่ีมีลักษณะโปร่งบางเกิดความรู้สึกคล้ายกับมุ้งและติด
ครอบคลุมไปบนโครงลวดสแตนเลส โครงสร้างท่ีถูกจัดวางอย่างงดงามและแม่นยาด้วยความเอาใจใส่ เขาวัดขนาดของพ้ืนที่
และตัววัตถุอย่างพิถีพิถนั เป็นระบบ เพ่อื ความสมบรู ณข์ องช้นิ งาน สีสนั ในวัสดทุ ี่มีความเบาบางโปร่งแสงผนวกกั โครงสรา้ งที่
แข็งแรงและสมจริง ให้ความรู้สึกเหมือนก่ึงหลับกึ่งตื่น ก่ึงจริง กึ่งฝัน ดูเสมือนจริงแต่ก็ไม่เหมือนจริง ผู้ชมจะได้รับรู้ถึง
สนุ ทรยี ภาพทางสายตา มคี วามนุ่มนวลสบาย ชวนให้นกึ ถึงอดีตความทรงจาความผกู พนั และ
ครอบครัว สิ่งเหล่านี้ผุดข้ึนเป็นความรู้สึกมาในหัว บันไดแต่ละข้ันท่ีทอดยาวขึ้นไปจนเห็นชั้นบน ทาให้เกิดคาถามว่า
เป็นอะไรหรอื เป็นอย่างไร ศิลปินเว้นว่างไว้ทาไม ราวกบั เชิญชวนใหผ้ ู้ชมไดจ้ ินตนาการต่อรว่ มกบั เขาแต่ไม่ได้มเี พยี งความทรง
จาเท่านั้นท่ีงานช้ินนี้สอื่ สารกับผู้ชม ตัวงานยงั พูดถึงความเปล่ยี นแปลงแปรผันและการประสานแทรกกันของวัฒนธรรม ความ
บางของผ้าที่แสงส่องผ่านและมองทะลุได้เหมือนการไม่ปิดกั้นความแปรผันของวันเวลาและส่ิงต่าง ๆ ด้วยกายภาพของผ้าท่ี
เคลอ่ื นไหวเมอื่ ต้องลมสนุ ทรยี ะทไี่ ดจ้ ากแสงอันเปลีย่ นไปจงึ สง่ ใหง้ านชิ้นนี้มีความงดงามยงิ่ ขนึ้
ภาพที่ 5 SILK SPUN ON A REMOVABLE SCAFFOLDING STRUCTURE, 2013, SILK
(ก) SILKWORM TEMPLATED RESPONSE TO HEIGHT
(ข) SILK SPUN ON A REMOVABLE SCAFFOLDING STRUCTURE
(ค) BIOLOGICALLY-SPUN SILK OVER ROBOTICALLY-SPUN SILK
(ง) 6,500 SILKWORMS SPUN FOR 3 WEEKS TO COMPLETE THE STRUCTURE
ทีม่ า: Neri Oxman เขา้ ถึงข้อมูลเม่อื วนั ที่: 7 ตลุ าคม 2564
เขา้ ถงึ ได้จาก: https://oxman.com/projects/silk-pavilion-i
204
(ก) (ข)
(ค) (ง)
3.5 เนริ ออ็ กซ์แมน (Neri Oxman)
ผลงานของเขาสะท้อนถึงการออกแบบด้านสิ่งแวดลอ้ ม และสร้างรูปส่งผ่านวิธีการทางดิจิตอลโดยสะท้อนแรงบนั ดาล
ใจจากธรรมชาติและชีววิทยา ผลงานของเขาเก็บสะสมอยู่ในคลังสะสมถาวรของ Paola Antonelli ผู้เป็นภัณฑารักษ์ของ
MOMA และให้สมญานามเธอว่าเป็น “คนท่ีก้าวหน้าจากยุคของตัวเองไปแล้ว” มีผลงานแตกต่างและโดดเด่นกว่าศิลปินรุ่น
เดียวกัน ผลงานของเขาได้รับการจัดแสดงทั่วโลกและมีเก็บสะสมในการสะสมของพิพิธภัณฑ์ช้ันนาต่าง ๆ ทั่วโลก เขาศึกษา
สารวจความสัมพันธ์ของระบบทางชีวภาพชีวิตที่เกิดข้ึน และการคานวนการก่อเกิดนั้นโดยผสมผสานการทอเส้นใยด้วย
เคร่ืองจักรทไ่ี ด้รับแรงบนั ดาลใจจากการสรา้ งรงั ของหนอนไหม ในขณะเดยี วกนั กใ็ ช้ฝงู หนอนไหมที่มชี ีวติ จริงจานวน 6,500 ตัว
ให้สร้างรังไหมไปพร้อมกันกับเคร่ืองจักรทส่ี รา้ งใยไหมเทยี มเพ่ือศึกษาระยะเวลาและรูปแบบพฤติกรรมการปนั่ ด้ายรวมถึงการ
เคล่ือนที่ของตัวไหมในการสร้างรัง จากใยไหมที่มีลักษณะเป็น 2 มิติ สู่การก่อเกิดเป็น 3 มิติ การศึกษาษาสิ่งเหล่าเขามี
จุดมงุ่ หมายทจี่ ะให้วสั ดมุ ่อี ยใู่ นธรรมชาติเพื่อให้เกิดใหม่ ๆ ข้ึนเพ่อื ใหม้ นุษย์มีความสัมพันธ์กับธรรมชาตมิ ากข้นึ
แนวคดิ ทางศลิ ปะจัดวาง (Installation Art)
ศิลปะจัดวาง (Installation Art) ปรากฎให้เห็นต้ังแต่คริสต์ศตวรรษ 1950 โดยเร่ิมได้รับความนิยมจากศิลปินใน
สหรัฐอเมริกาและยุโรปเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (สุธี คุณวิชยานนท์, ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย : ตะวันตกและไทย, 2561,
150) เปน็ การนาเสนอวตั ถุให้เกิดความสมั พันธ์กับพื้นที่เพือ่ สรา้ งความหมายควบคู่กนั ไป โดยสว่ นใหญ่เปน็ งานศิลปะ 3 มติ ิ มุ่ง
นาเสนอการรับรคู้ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างพืน้ ท่แี ละสง่ิ โดยรอบ อาจตดิ ต้ังท้ังภายในอาคารและภายนอกอาคารสง่ิ กอ่ สรา้ ง โดยสว่ น
ใหญ่มักแสดงในพ้ืนที่ของหอศิลป์หรือพิพิธภัณฑ์ และอาจเป็นพ้ืนท่ีท่ีเลือกโดยศิลปินอย่างจาเพาะเจาะจง( Alternative
space) หากจัดวางภายนอกอาคารมักถูกเรียกว่า แลนด์อาร์ต (Land Art) หรือ เอนไว-รอนเมนทัลอาร์ต (Environmental
Art) หรือที่รู้จักกันในภาไทยวา่ ภมู ศิ ิลป์
ศลิ ปะจดั วางถูกใช้เพอ่ื อธิบายผลงานสอ่ื ผสม (Mixed Media Art) หรอื การจดั วางโครงสรา้ งทมี่ ขี นาดใหญ่ บ่อยคร้ังมกั
ไดร้ บั การออกแบบใหม้ คี วามหมายสัมพนั ธไ์ ปกบั พนื้ ทีเ่ ฉพาะ หรือเปน็ เพยี งปรากฏการณ์ ณ ชว่ งเวลาหนงึ่ (Tate,
Installation Art [online], November 4, 2019, available from https://www.tate.org.uk/art/art-
terms/installation-art) โดยท่ีศลิ ปะจดั วางนี้อาจมีการติดตง้ั แบบถาวรหรอื แบบช่ัวคราวตามความเหมาะสม ท้ังนี้ มาร์ค โร
เชนซลั (Mark Rosenthal) ไดแ้ บง่ ประเภทผลงานศลิ ปะ จัดวางไว้ 2 ประเภทคือ Site-specific และ FIlled-space (Mark
Rosenthal,
Art New York, 1997, 28)
Site-specific หมายถงึ ศิลปะจดั วางแบบจาเพาะเจาะจงสถานท่ี ท้งั น้วี ตั ถศุ ลิ ปะกบั พืน้ ที่จดั แสดงจะมคี วามสัมพนั ธใ์ น
ด้านการสอ่ื สารความหมาย
205
FIlled-space หมายถงึ ศลิ ปะจดั วางทวี่ ตั ถุมีความสมั พันธซ์ งึ่ กันและกัน โดยวตั ถดุ งั กลา่ วสามารถสอ่ื สารความหมายใน
ตัวเองได้อยา่ งสมบูรณ์ ไมจ่ าเป็นตอ้ งอาศัยความหมายของพื้นท่จี ดั แสดง
ภาพท่ี 6 ภาพผลงานชดุ “จนิ ตภาพแห่งสายใยความผกู พนั ”
ผู้สร้างสรรค์ นายวริ ายทุ ธ เสยี งเพราะ, 2564
4. การวิเคราะห์ผลงาน
จากการใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัวเกษตรกรปาล์มน้ามัน ที่ดาเนินชีวิตไปอยา่ งมีความสุข ด้วยความรัก ความเอา
ใจใส่ของญาติพ่ีน้องที่คอยดูแลเก้ือกูลกัน ไม่ว่าจะเติบโตข้ึนเพียงใดหากพบเจอปัญหาในชีวิต ก็ไม่เคยปล่อยให้เปล่าเปล่ียว
อ้างว้าง ทาให้ผู้สร้างสรรค์ตระหนักถึงคุณค่าและความสาคัญของสถาบันครอบครัวอยู่ตลอดเวลา โดยได้รับแรงบันดาลใจใน
เทคนิคการสานเส้นใยจากการทาขนมลา จากความประทับใจในวัยเยาว์ของผู้สร้างสรรค์ท่ีชื่นชอบขนมลาเปน็ อย่างมาก ขนม
ลา ทาจากแปง้ น้าตาล มโี ปรตีนจากไข่แดง และประกอบกับมีไขมันอยดู่ ว้ ย เปน็ ขนมที่แสดงถงึ ศิลปะการผลติ ท่ีประณีตบรรจง
อยา่ งยิ่งจากแปง้ ขา้ วเจา้ ผสมน้าผึ้ง (หมายถึง น้าตาลทไี่ ดจ้ ากตน้ ตาลโตนด ส่วนนา้ ผึ้งที่ไดจ้ ากรวงผึง้ คนใต้จะเรียก นา้ ผึ้งรวง)
แลว้ คอ่ ยๆ ละเลงลงบนกระทะนา้ มนั ทร่ี อ้ นระอุ กลายเป็นแผน่ ขนมลาท่ีมีเส้นเล็กบางราวใยไหมและสอดสานกันเปน็ รา่ งแห จึง
สังเกตเห็นว่าเส้นใยในการทาขนมลาให้ออกมาเป็นแผ่นมีความน่าสนใจราวกับญาติพ่ีน้องที่รวมกันเป็นปึกแผ่น ด้วยการทับ
ซอ้ นของเสน้ ใยน้ีจึงทาการศึกษาวธิ ีทาขนมลา และหาวธิ ีการทีม่ ลี ักษณะคลา้ ยคลึงกัน
ผสู้ ร้างสรรคไ์ ด้นาอปุ กรณ์ซึง่ มคี วามเหมาะสมทจี่ ะใชเ้ ปน็ เครือ่ งมือในการสร้างสรรคผ์ ลงาน จากวัสดุท่ีทาการศึกษา
มาสรา้ งสรรค์ผลงานประตมิ ากรรมนุ่มพบวา่ วสั ดุที่นามาทาโครงสรา้ งมีความอ่อนตัว สามารถตอบสนองความรู้สกึ ได้ดี รวมถึง
วสั ดุทงั้ หมดที่มีความเหนยี ว ยืดหยุ่น อีกท้งั ยงั มสี ีขาวและผิวสัมผัสท่ีบอบบางซึ่งเปน็ คุณสมบัติที่เหมาะสม ตรงตามแนวคิดท่ีผู้
สร้างสรรค์ต้องการแสดงความรู้สึกของประสบการณ์ท่ีดตี ่อครอบครัว เมื่อกลา่ วถึงเสน้ ใยซ่ึงสามารถกอ่ รปู ทรงขนึ้ มาไดม้ วี ิธีตา่ ง
ๆ มากมายทั้งท่ีมีโครงสร้างภายในและอาศัยการห้อยแขวนเช่นเดียวกับโคมไฟ ผู้สร้างสรรค์เลือกการใช้วิธีสร้างโคมไฟจ าก
เส้นด้ายด้วยการนาเส้นด้ายมาชุบกาว สร้างสรรค์ผลงานเพื่อนาเสนอให้สอดคล้องกับแนวความคิดและมีความคล้ายคลึงกับ
วิธีการทาขนมลา เพื่อสามารถทาใหเ้ ส้นใยสามารถทับซ้อนประสานกนั จนกอ่ เปน็ รูปรา่ งแลว้ สามารถนามาประกอบเป็นรูปทรง
ได้ จึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมนุ่มด้วยเทคนิคการชุบด้ายด้วยกาว สามารถแสดงออกให้เห็นถึง
ความรักความอบอุ่นของครอบครวั โดยใชก้ ารถักสานเส้นใย ที่แทนความผูกพนั เชื่อมโยงทุกคนในครอบครวั ไว้ด้วยกัน กอ่ เกิด
เปน็ รูปทรงที่ออ่ นน่มุ หุ้มห่ม โครงสร้างท่ีสลับซับซ้อน แต่แผงไวด้ ้วยความสะอาดบรสิ ุทธิ์ เป็นสายใยแหง่ ความรักความผูกพัน
จากการดูแลเอาใจใส่ และหว่ งใยของครอบครวั
สรุป
ผลงานสร้างสรรค์ ชุด จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน โดยใช้เทคนิคการถัก พัน สาน เส้นใยธรรมชาติและเส้นใย
สังเคราะหส์ ขี าว แสดงออกให้เห็นถึงคณุ คา่ ความรกั ความผูกพัน ความอบอ่นุ อันบริสุทธ์ทิ ีไ่ ดร้ บั จากครอบครวั การถกั สานเกาะ
206
เก่ียวเส้นใยเส้นเล็ก ๆ แต่ละเส้นท่ีมีความอ่อนนุ่ม บอบบาง เม่ือเกาะเก่ียวกันเป็นจานวนมาก ก็สามารถสร้างความแข็งแรง
ให้กบั รปู ทรง ประดจุ สายสมั พนั ธท์ ี่แข็งแรงของคนในครอบครวั เกดิ เปน็ ผลงานประติมากรรมนมุ่ โดยการศึกษาทฤษฎีความรัก
ความผกู พันพบวา่ การสร้างสรรค์ผลงานน้ันการเลือกใช้เสน้ ใย ก่อเกิดเป็นรปู ทรงเชิงสัญลักษณ์ อันได้รับแรงบนั ดาลใจมาจาก
ประสบการณ์ที่ได้รับจากวิถีชีวิตของผู้สร้างสรรค์ ที่ได้รับความรักการดูแลเอาใจใส่จากญาติพี่น้อง แทนการดูแลจากบิดา
มารดาเน่ืองจากท่านได้เสียชีวิตลงนั้น สร้างความรู้สึกประทับใจที่ญาติทุกคนช่วยกันเอาใจใส่ ให้ความรัก ความรักจึงเป็นส่ิง
สาคญั สอดคล้องกับแนวคดิ ของจอห์น โบลบ้ี เชื่อว่า ความโน้มเอยี งของมนษุ ย์ทีจ่ ะผกู พันกับคนเลยี้ งทีค่ ้นุ เคย เพราะพฤติกรรม
ความผูกพัน ช่วยให้รอดชีวิตเม่ือเผชิญกับอันตรายที่ต้องเผชิญกับส่ิงแวดล้อม (Duschinsky, 2013, 326–338) มนุษย์
จาเป็นต้องสรา้ งความสัมพันธ์กับใครสักคนเพ่ือเรียนรู้การอยู่ในสังคม โดยเฉพาะเร่ืองอารมณ์และการควบคุมที่มนุษยพ์ ึงมีให้
เปน็ ไปในทศิ ทางท่ีดี จากแนวคดิ ดังกลา่ วผสู้ รา้ งสรรค์ไดท้ าการศึกษาแนวคิดการสร้างสรรคศ์ ิลปะเส้นใย (Fiber art) และศกึ ษา
ศิลปินท่ีสร้างสรรค์ผลงานในแนวทางน้ี พบว่า การใช้เส้นใยสามารถแทนค่าความรู้สึกในเชิงสัญลักษณ์ของความรัก ความ
ผูกพัน สายใยเกาะเกยี่ วกนั จนเกดิ อารมณค์ วามรู้สึกท่ีลึกซึ้งได้ ศิลปนิ อมิ่ หทัย สุวัฒนศิลป์ ศลิ ปินใชเ้ สน้ ผมเป็นวัสดหุ ลกั ในการ
สร้างสรรค์ผลงานด้วยวิธีการถักโครเชต์ แทนความรู้สึกที่มีต่อบดิ าที่จากไปจึงหยิบยกเอาเส้นผมมาทาการเรียบเรียงด้วยการ
มัด เย็บ ปัก ถัก ผูก ร้อย และการคลุมห่อเข้าด้วยกันเหมือนต้นไม้ท่ีงอกเงยขึ้นใหม่ราวกับชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาว
เช่นเดียวกันกับคนในครอบครัว อีกแนวความคิดหน่ึงของซึงโม ปาร์ค เขามีการเชื่อมโยงกับปรัชญาทางพุทธศาสนาท่ีทุก ๆ
อย่างเกิดข้ึนและพึ่งพาซึง่ กันและกนั สรรพสิ่งลว้ นเกิดจากเหตุปัจจยั หลายประการทส่ี นับสนนุ ให้กนั และกันเม่อื ผชู้ มเข้ามาใกล้
ผลงานรปู ร่างจะกระจัดกระจายจนในท่ีสดุ กม็ องไมร่ ้วู า่ เปน็ ภาพอะไร แตก่ ส็ ัมผัสได้ถึงสิ่งทห่ี ลงเหลืออยู่คอื นา้ หนักของลวดและ
มกี ารเปลี่ยนแปลงของคณุ สมบตั ิ หากถอยออกมาในระยะหนึง่ เรากจ็ ะพบความงามในอีกรูปแบบหนึง่ เรากบั มนุษย์เราท่ยี อ่ มมี
ระยะที่เหมาะสมในการทาส่ิงต่าง ๆ เช่นเดียวกับ ดู โฮ ซู การให้ความสาคัญกับพ้ืนที่ว่างเป็นอย่างมากเพื่อให้ช่องว่างน้ัน
สามารถเติมเต็มได้จากผู้ชมเป็นพ้ืนที่แห่งจิตและจินตนาการเสมือนบ้านท่ีมักมีความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและผู้คนที่
ผสมกลมเกลียวกันได้เสมอสอดคล้องกับผสู้ รา้ งสรรค์ ทม่ี แี นวคิดการนาเสนอแรงบันดาลใจอันเกดิ จากความรักความอบอุ่น วิถี
ชีวิตของคนในครอบครัวมาเป็นแรงบันดาลใจต้ังต้นในการสร้างสรรค์ และรูปแบบวิธีท่ีใช้เส้นใยในการถักร้อยให้เกิดรูปทรง
สะทอ้ นถึงความรู้สึกโหยหาความรักความอบอ่นุ ทเ่ี กดิ ข้ึนภายในครอบครวั ในชว่ งเวลาท่ีผ่านมา ถ่ายทอดแรงบันดาลใจใหผ้ ู้ชม
ได้ตระหนักถึงเรื่องครอบครัว เพราะงานในแนวทางนี้ ต้องใช้สมาธิ และความอดทนในการสร้างสรรค์เปรียบเสมือนการสร้าง
ความรักความสัมพนั ธใ์ หป้ รากฏรูปรา่ งออกมานน้ั ก็ไมง่ า่ ยเลยเชน่ กนั อีกทง้ั เลอื กใช้สีขาวแทนความรกั อนั บรสิ ทุ ธ์ิ ทงี่ ดงาม ของ
คนในครอบครวั ที่มใี ห้กนั ดว้ ยดีตลอดมา
เอกสารอ้างองิ
กาจร สุนพงษ์ศร.ี ประวตั ิศาสตร์ศลิ ปะตะวันตก 2 (ศิลปะยคุ กลาง). กรงุ เทพ ฯ :จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย, 2551.
จอห์น โบลบ้ี (2546).ความผูกพนั ทางอารมณ.์ [ออนไลน]์ สืบคน้ เม่ือ 8 พฤษภาคม 2563. จาก
https://urbancreature.co/a-bond-of-love/
สานกั งานศลิ ปวัฒนธรรมร่วมสมัย. (2561). ประตมิ ากรรมนมุ่ . [ออนไลน]์ สบื คน้ เมือ่ 1 กรกฎาคม2563. จาก
https://www.hiso.or.th/hiso/tonkit/tonkits_53
Anna, hergert. Fiber Art – A Definition. Accessed November 6, 2016. Available from
https://annahergert.me/2013/04/16/fiber-art-a-definition/
Fiberartnow. What makes fiber art?. Accessed December 11, 2016. Available from http://fiberartnow.net/
Rosenthal, Mark. Understanding Installation Art. New York: Bowker, 1997.
207
รปู ทรงแหง จนิ ตนาการของเทคโนโลยีเขา แทนทีธ่ รรมชาติ
THE IMAGINATION FORM OF TECHNOLOGY REPLACES NATURE
พงศธร รอดจากทกุ ข* (ศป.ม.ทัศนศิลป)1
2 อาจารยที่ปรกึ ษาหลกั ดร.เมตตา สุวรรณศร
3 อาจารยท ่ีปรึกษารวม ผชู ว ยศาสตราจารยรองศาสตราจารยศุภชยั สกุ ขโี ชติ
นกั ศกึ ษาหลักสตู รศิลปมหาบณั ฑิต สาขาวิชาทศั นศิลป บณั ฑติ ศกึ ษา สถาบนั บัณฑติ พัฒนศิลป
4 ไดรบั การอุดหนนุ การทำกิจกรรมสงเสรมิ และสนับสนุนการวจิ ัยและนวตั กรรมจากสำนกั งานการวจิ ัยแหง ชาติ
E-mail [email protected]
บทคดั ยอ
การวจิ ัยสรา งสรรคน้ีมวี ัตถปุ ระสงคเ พอ่ื 1) เพื่อสรางสรรคผ ลงานในหวั ขอ รูปทรงแหง จินตนาการของเทคโนโลยีเขา
แทนทีธ่ รรมชาติ เพ่ือแสดงออกใหเ หน็ ถึงรปู ทรงทีถ่ กู สรา งสรรคข ้ึนจากจินตนาการคิดฝนที่ไมม อี ยูจ ริง รวมกับการศึกษาทฤษฎี
จินตนาการ ประสบการณน ิยมและผลงานศลิ ปะของศลิ ปน ทเี่ ก่ียวของ 2) เพ่อื สรา งสรรคผลงานเทคนิคประตมิ ากรรมส่อื ผสม
โดยการผสมผสานวสั ดุทางเทคโนโลยรี วมกับวัสดุทางธรรมชาติ 3) เพื่อสรางสรรครูปทรงทางจินตนาการ ที่กระตุนเตือนให
ผูค นตระหนกั ถงึ คณุ คาของธรรมชาติ ท่กี ำลงั ถกู กลนื หายไปจากการรกุ รานของมนุษย ทำใหเ กดิ ปญ หาระบบนเิ วศนข้นึ มากมาย
หากมนุษยไ มหยดุ คิดถึงปญหาดงั กลา ว ธรรมชาตอิ าจหมดลงอยา งมิอาจฟน คืนกลับมาได
ผลการศึกษาพบวา การสรา งสรรคผ ลงานดว ยเทคนคิ ประติมากรรมสือ่ ผสม ท่ีเลือกใชวัสดเุ ก็บตกและวัสดสุ ำเร็จรูปท่ี
รับมาจากการผลติ ทางเทคโนโลยีทม่ี ีมากลนเกนิ ความจำเปน รวมกับวัสดทุ างธรรมชาตินั้น ทำใหเหน็ วาวสั ดุที่เปนขยะทาง
เทคโนโลยีสามารถนำมาสรางสรรคประกอบสรางจนเกิดเปนรูปทรงที่ลอเลียนใกลเคียงกับสัตวในธรรมชาติหลายประเภท
สอดคลอ งกบั แนวคิดของศิลปะแนวดาดา อิสซึม ทีม่ งุ เนนการเสียดสี ประชดประชนั สงั คมเพ่ือใหเห็นถงึ โทษและปญหาของ
การบริโภควัตถุนิยมจนเกินพอดี กอปญหาตอสภาพแวดลอมจนสัตวหลายประเภทถูกรุกรานไรบาน จากที่กลาวมาผูสราง
สรรคจงึ ไดห ยิบยกนำแนวคิดนี้มาสรางผลงานใหเกิดเปนรูปทรงของสัตวใ นจินตนาการที่ไมมอี ยูจ ริงในธรรมชาติ เสมือนเปน
การกลายพันธุส อดคลองกับศิลปะแบบแฟนตาซี ท่มี งุ เนน จนิ ตนาการเปนสำคัญ การสรางสรรคผ ลงานชดุ น้ีจึงเปน เหมอื นการ
กระตุนเตอื นใหผ ูคนตระหนกั ถึงโทษ และการรุกรานของเทคโนโลยที ม่ี ตี อ ธรมชาตทิ นี่ บั วันจะเปน ปญหาที่ยากจะแกไ ข
คำสำคญั : เทคโนโลยี ธรรมชาติ สตั วในจนิ ตนาการ รปู ทรงแหง จนิ ตนาการ
ABSTRACT
This creative research aims to 1) To create works on the topic the imagination form of technology
replaces nature. To express the shape created by the imagination of dreams that do not exist. Together
with the study of the theory of imagination Experiences and artworks of related artists. 2) To create works
of mixed media sculpture techniques by combining technological materials with natural materials. 3) To
create imaginary shapes that encourages people to realize the value of nature that are being swallowed
up by human invasion causing many ecological problems If human beings don't stop thinking about such
problems nature may inevitably expire.
208
The results of the study showed that creating works with mixed media sculpture techniques. That
chooses to use the found objects and the readymade objects obtained from the technological production
that is too much than necessary. Together with natural materials. It shows that technological waste
materials can be used to create, Assemble, and create a shape that mimics many types of animals in nature.
In line with the concept of Dadaism art. Focused on satire. Social sarcasm to see the blame and problems
of excessive consumption of materialism. Causing problems to the environment until many types of
animals are invaded by the homeless. From the foregoing, the creators have brought up this idea to create
works of imaginary animals that do not exist in nature. As a mutation in accordance with fantasy art. Focusing
on imagination is important. The creation of this series of works is like a wake-up call to make people aware
of the dangers. And the invasion of technology towards nature is an increasingly difficult problem to solve.
KEYWORDS: technology , nature , imagination animal ,the imagination form
บทนำ
สงิ่ มชี วี ติ ทงั้ หลายบนโลกน้ีประกอบดวยมนษุ ย สตั วแ ละพชื ซงึ่ ลวนเปนสวนหนงึ่ ในธรรมชาตแิ ละทรพั ยากร มนุษย
นั้นเปนสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ฉลาดที่สุด สิ่งมีชีวิตตองดำรงเพื่อความอยูรอด มนุษยจึงพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยใหทันตอการ
เปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งทางดานเศรฐกิจและสังคมจนสรางผลกระทบมากมายใหกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตดวยกัน
ในรปู แบบทห่ี ลากหลายท้ังยังทำใหสูญเสยี สภาพสิง่ แวดลอ มในธรรมชาตทิ ีม่ ีอยูเดิมกลายสภาพเปนเมืองคอนกรตี จากปญหา
ที่กลาวมานั้น ผูสรางสรรคเองเกิดและเติบโตในชนบทที่เต็มไปดวยธรรมชาติที่งดงามสะอาดตา ทำใหผูสรางสรรคเกิด
ความรูสึกประทบั ใจ เมื่อไดเห็นความงามของธรรมชาติและสง่ิ มชี ีวติ ท่เี คยสมั ผสั ทำใหผ สู รางสรรคเกดิ การตัง้ คำถามดวยความ
รักและหวงแหนในธรรมชาติ หากสถานการณของการขยายตัวของเทคโนโลยียังคงเดินหนาตอไปทำลายลางของพื้นที่ทาง
ธรรมชาตลิ ง รวมทั้งการใชสารเคมีกับสภาพแวดลอม คน สัตว พืช ทุกระบบ ถูกรบกวนดว ยสงั คมบริโภคนยิ ม มุงเนน
หาผลประโยชนจนลืมนึกถึงปญหาสภาพแวดลอมในอนาคต อันจะเห็นไดวาธรรมชาติเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในทางลบ
สัตวหลายชนิดสูญพันธ บางชนิดกลายพันธ อันเกิดจากน้ำมือของมนุษย ผูสรางสรรค จึงเกิดจินตนาการถึงสิ่งมีชีวิตใน
อนาคตวา จะเปนเชน ไร
จากท่กี ลาวมานน้ั ผูสรา งสรรคจึงไดร บั แรงบันดาลใจ ในการสรา งสรรคผ ลงานท่ีตองการแสดงออกใหเห็นถึงปญหา
ของการรกุ รานจากเทคโนโลยีท่ีมผี ลตอการเปลยี่ นแปลงของธรรมชาติ โดยการสรา งรูปทรงมาเปน สื่อสญั ลักษณ เพือ่ ประชด
ประชันเสียดสีใหสังคมตระหนักถึงโทษและปญหาที่กำลังเกิดกับธรรมชาติ รูปทรงที่สรางขึ้นนั้นเปนรูปทรงที่เกิดจาก
จนิ ตนาการอนั ผสมผสานความสนุกสนานของเดก็ ผชู ายในวัยเยาว ทชี่ อบตอประกอบรปู ทรงอยางอิสระ และส่ิงนี้จึงเปนที่มา
ของการสรา งสรรคผลงานในรปู แบบศิลปะสือ่ ผสม โดยการนำเอาวัสดุหลายประเภท อาทิ เชน วัสดุสำเร็จรูป วัสดุเก็บตก
วสั ดุทางธรรมชาติ และวัสดทุ างเทคโนโลยี มาสรา งสรรคเ ปน สตั วในจินตนาการประเภทตาง ๆ ทไ่ี มเ คยมอี ยูจริง ใหผูชมได
เช่อื มโยงและตคี วามวานคี่ ือสัตวป ระเภทใด อันแสดงออกใหเ หน็ ถึงการเขาแทนทธ่ี รรมชาติดว ยเทคโนโลยอี ันไรชีวิต
209
วัตถุประสงคใ นการสรา งสรรค
1.เพ่อื สรางสรรคผ ลงานในหัวขอ รปู ทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนท่ีธรรมชาติ เพ่อื แสดงออกใหเ ห็นถึง
รูปทรงที่ถูกสรางสรรคขึ้นจากจินตนาการคิดฝนที่ไมมีอยูจริง รวมกับการศึกษาทฤษฎีจินตนาการ ประสบการณนิยมและ
ผลงานศลิ ปะของศลิ ปน ทีเ่ กีย่ วของ
2.เพื่อสรางสรรคผลงานเทคนิคประติมากรรมศิลปะสือ่ ผสม โดยการผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีรวมกับวัสดุทาง
ธรรมชาติ
3.เพอ่ื สรา งสรรคร ปู ทรงทางจนิ ตนาการ ท่กี ระตุน เตือนใหผ คู นตระหนักถึงคณุ คา ของธรรมชาติ ที่กำลังถูกกลืนหายไป
จากการรุกรานของมนุษย ทำใหเกดิ ปญ หาระบบนเิ วศนขึ้นมากมาย หากมนษุ ยไ มห ยุดคิดถงึ ปญหาดงั กลา ว ธรรมชาติอาจหมด
ลงอยางมิอาจฟน คนื กลบั มาได
ขอบเขตของการสรางสรรค
เพื่อดำเนินการสรางสรรควิทยานิพนธหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” เปน
ผลงานประติมากรรมสื่อผสม ดวยการผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีรวมกับวัสดุทางธรรมชาติ อันเปนรูปทรงที่เกิดจาก
จนิ ตนาการความคดิ ฝนในแนวทางศลิ ปะแฟนตาซี
นอกจากนผ้ี ลงานชุด “รปู ทรงแหงจนิ ตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนทธี่ รรมชาต”ิ 1 ชดุ จำนวน 4 ชิน้ ในลักษณะ
3 มิติ ตามระยะเวลาของโครงการนำเสนอผลงานเผยแพรออกสูสาธารณะเพื่อใหผูคนไดเห็นและศึกษาเรียนรู โดยมี
วัตถปุ ระสงคกระตุนเตือนใหผคู นตระหนักถึงคณุ คาของธรรมชาติ ที่กำลังถกู แทนทดี่ ว ยวัตถุทางเทคโนโลยี
ขน้ั ตอนในการสรา งสรรค
การสรางสรรคผ ลงานทศั นศิลปในหวั ขอ “รปู ทรงแหง จนิ ตนาการของเทคโนโลยีเขา แทนท่ีธรรมชาต”ิ ประกอบดวย
การเก็บขอมูลแบบปฐมภูมิ ทุติยภูมิ รวมกับประสบการณของผูสรางสรรค ดวยการลงพื้นที่ศึกษาขอมูลจากสิ่งมีชีวิตจรงิ
รวมทั้งเอกสารศลิ ปะท่ีเกีย่ วขอ ง เชน แนวคดิ ศิลปะแฟนตาซี แนวคิดจินตนาการ แนวคิดดาดาอสิ ซึม แนวคิดแบบเซอรเรีย
ลิสม เพื่อศึกษาขอมูลทางดานวิชาการเพื่อรวบรวมเปนขอมูลพื้นฐานในการพัฒนาผลงานสรางสรรค รวมถึงศึกษาศิลปน
กรณศี ึกษา ดา นแนวความคิด เทคนคิ วิธี วธิ ีการนำเสนอ เพื่อนำมาพัฒนาปรับใชก ับผูส รางสรรคใ นผลงานชุด “รูปทรงแหง
จินตนาการของเทคโนโลยเี ขา แทนทธี่ รรมชาต”ิ โดยสามารถจัดแบงข้นั ตอนการศกึ ษาและสรา งสรรคไ ดดังตอ ไปนี้
1.ศึกษาเอกสารทางวชิ าการ
2. ศกึ ษาเทคนิคในการสรางสรรค
3. ศึกษาวิธีการนำเสนอผลงาน
4. วิเคราะหศึกษารวบรวมขอมูลอยางมีระบบเพื่อนำมาวิเคราะหเปนภาพรางผลงานที่ตรงตาม
วัตถปุ ระสงคใ นการสรางสรรค
5. สรางสรรคผ ลงานจรงิ ตามภาพรางดวยเทคนคิ สอ่ื ผสม
6. เสนอและเรยี บเรยี งผลงานการคน ควา ในรูปแบบของงานวิจยั
7.นำเสนอผลงาน “รูปทรงแหงจนิ ตนาการของเทคโนโลยเี ขา แทนทธี่ รรมชาติ” ในพื้นที่สาธารณะ
210
แนวคดิ / ทฤษฎที ีเ่ กีย่ วขอ ง
วิทยานพิ นธในชุด “รูปทรงแหง จินตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนทีธ่ รรมชาติ” น้นั เปนการสรางสรรคทจ่ี ำเปนตอง
ทำการศึกษาทางดานแนวคิด เทคนิค วิธีการนำเสนอ รวมทั้งแนวคิดทฤษฎีดวยการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวของ และ
ศกึ ษาผลงานของศิลปน กรณศี ึกษาเกี่ยวกับเร่อื งจินตนาการความคิดสรางสรรคและนำมาวเิ คราะหอยางมรี ะบบขน้ั ตอน เพื่อ
นำมาวิเคราะหใหเห็นลักษณะเฉพาะของผลงานผูสรางสรรค การจะพัฒนาผลงานไดนั้นจำเปนตองทำการศึกษาทฤษฎี
ดังตอ ไปน้ี
ศิลปะแฟนตาซ(ี Fantasy)
ศิลปะแฟนตาซี หมายถงึ การสรา งสรรคร ูปลกั ษณต าง ๆ ตามความรูสึก จนิ ตนาการ ความคดิ สรางสรรคของมนษุ ย
(ฉลอง สุนทรนนท, 2562) เปนคำท่ใี ชสอื่ ถึงจินตนาการ ความรูสึกทหี่ ลดุ พน ไปจากโลกแหง ความจรงิ ในการศกึ ษาทางดาน
จติ วทิ ยา มีการแบง ออกไปเปน แฟนตาซี 2 ประเภท ไดแก แฟนตาซีในระดบั จิตสำนึก (Concious fantasy) และ แฟนตาซีใน
ระดับไรจ ติ สำนึก (Unconcious fantasy “แฟนตาซี” ทใ่ี ชใ นงานทางดานจติ วิทยา แตจะนำเสนอ “แนวคิดรวบยอดแบบ
แฟนตาซี” โดยยดึ คำนิยาม ความหมาย และการใชงานในวงการของศลิ ปะจินตนาการ คิดฝน ซง่ึ ผลงานของผสู รา งสรรคน ั้น
ไดน ำแนวคิดของศิลปะ แฟนตาซี (Fantasy) ท่ีสอ่ื ถงึ ท้ังความฝนและจนิ ตนาการ ลวนเปนการแสดงออกของความปรารถนา
ทถ่ี ูกเก็บไวในจิตใตสำนกึ ความรสู ึกทห่ี ลุดพน ไปจากโลกแหง ความจรงิ โดยจินตนาการถึงรปู ทรงของสตั วท่ไี มเคยมีอยจู ริง
ศลิ ปะเหนอื จรงิ (Surrealism)
ศิลปะเหนอื จริง เปน แนวคิดทางการสรา งสรรคของผสู รางสรรคไดศึกษาแนวคิดมาจากลัทธเิ หนือจรงิ ซ่ึงแตกตาง
จากแนวคดิ แบบเหมือนจรงิ โดยศิลปะแบบเหนอื จรงิ นั้นมงุ เนน ไปที่ การแสดงที่สิ่งทีไ่ มใชความจรงิ ของโลกท่ปี รากฏใหเหน็ ได
ดวยตา แตตอ งการแสดงส่ิงทไ่ี มมอี ยูจริงทใ่ี หป รากฏรปู หรอื กลาวอีกนยั หน่งึ ตองการจะแสดงส่งิ ซ่งึ อยเู หนอื โลกนี้ เพราะส่งิ
ที่ปรากฏเห็นลวนเปน มายา คอื เปนความจริงโดยสมมตุ ิเทานั้น สิง่ ที่เปน สาระอยูเหนอื จรงิ นัน้ ซ่ึงศลิ ปนตองการแสดงออก
ใหป รากฏเหน็ (สดชื่น ชัยประสาธน, 2539) โดยแฝงดวยการใชส ัญลักษณ (Symbolic) ผลงานผูสรา งสรรคเ ปนการนำความ
จรงิ ในจนิ ตนาการมาสรา งใหเ กดิ เปนรูปทรงของสงิ่ มชี วี ติ ส่ิงใหม มุง สกู ารสรางจนิ ตภาพของโลกใหมเปน สวนประกอบทเี่ ปน การ
พบกนั โดยบงั เอญิ ของวสั ดุ สองประเภท โดยใชว สั ดทุ ่ีเกบ็ ตกท้งั ในธรรมชาติจำพวก เขาสัตว หนังสตั ว และวัสดุเกบ็ ตกอันสิง่ ที่
ผลิตข้นึ ใหมต ามเทคโนโลยใี นปจจุบนั เชน ชิ้นสว นจากอุตสาหกรรมตา ง ๆ แตวสั ดุที่เลอื กมาน้ันศลิ ปนเลือกนำมาสรา งสรรค
ผลงานศลิ ปะ สวนมากเปน วสั ดทุ พี่ บเห็นเปนประจำหาไดไ มย าก รวมไปถงึ วัสดทุ ี่อาจจะมรี ปู ทรงทีแ่ ปลกตาไปจากเดิม เพราะ
ผา นการใชงานมาแลว จึงเปนผลดสี ำหรบั ศลิ ปนที่หยบิ จับ วสั ดเุ ก็บตกเหลาน้ี มาสรา งสรรคเ ปนผลงานศลิ ปะในรปู แบบ
ใหมตีความใหม กอ เกดิ ความนา สนใจเพิม่ พนู อรรถรสใหมใหก บั ผชู มผลงาน ขึน้ ไปโดยท่ีไมมคี วามเชอ่ื มโยงสมั พนั ธก ันแตมามา
อยูรว มกนั อยา งลงตวั
ลัทธิดาดา (DADAISM)
ลัทธิดาดา เกิดจากการรวมกลุมของศิลปน AVANT-GARDE ชวงตนคริสตศตวรรษที่ 20 เพื่อตองการตอตาน
กฎเกณฑความงามศิลปะแบบเดมิ ๆ รวมไปถึงเสยี ดสีสภาพแวดลอ มทางสงั คม (กำจร สนุ พงษศ ร,ี 2555) และปฏิเสธในส่ิง
สวยงามที่สมบูรณแบบอยางมีแบบแผนชัดเจนวาเปนสิ่งที่เพอฝนเสแสรง ผิดแปลกไปจากความเปนจริง ที่วาโลกไมได
ประกอบข้ึนดวยความสวยงามและความสมบูรณแบบ อีกทั้งดาดามองเห็นทุกอยางเปนศลิ ปะ และตอตานแนวคิดของพวก
ทนุ นิยมทนี่ ำพาไปสูการขัดแยง ซึ่งพวกเขาแสดงออกดวยการประชดประชนั เยาะเยย ถากถาง และทำใหม นั กลายเปนเรื่องไร
สาระ ดูตลก ทำลายความสมบูรณแบบลง ใชเทคนิคในการสรางสรรคดวยวิธีที่ผิดปกติ โดยนำวัสดุสำเร็จรูปมาดัดแปลง
211
ปรับเปลี่ยน เพื่อใหเกิดมุมมองใหมทางศิลปะซึ่งทำใหงานออกมามีลักษณะที่แปลกใหมไปจากงานศิลปะดั้งเดิม
ทำใ ห วั ตถุ ช ิ ้ นห นึ ่ ง ใ นช ี วิ ตม าวาง ใ นบ ร ิ บ ทใ ห ม เพื่อกร ะ ตุนใ ห เกิดแนวค ิดใ ห มๆ เกี่ยวกับวัต ถ ุ น้ั น
ศ ิ ล ป ะ ไ ม จ ำ เ ป น ต อ ง ค ั ด ล อ ก เ ล ี ย น แ บ บ ธ ร ร ม ช า ติ ผ า น พ ล ั ง ส ร า ง ส ร ร ค
และการจนิ ตนาการผนวกกับแนวความคิดแบบคอนเซป็ ชวลอารต (Conceptual art) พรอมทงั้ ท้งิ คำถามใหกับสงั คมผานทาง
งานศลิ ปะท่ีสรา งสรรคข ้ึน
ทฤษฎีจนิ ตนาการของอัลเบิรต ไอนสไตน และขอ มูลทางวิชาการความคิดฝน การจนิ ตนาการ
จินตนาการ เปนความพิเศษของมนุษยดังคำกลาวของ อัลเบิรต ไอนสไตน "จินตนาการสำคัญกวาความรู ความรูมี
จำกัด แตจินตนาการมีทกุ พ้นื ท่ขี องโลก" (อลั เบริ ต ไอนสไตน, 2472) จินตนาการ(Imagination) คอื การใชจ ติ สรา งภาพความ
ฝนในใจ ใหตรงตามความคิดที่อยากจะใหเปน จินตนาการจะทำใหเกิดภาพในจิตสำนึก เราเรียกรูปที่ปรากฏใหเห็นใน
ลักษณะนี้วา จินตภาพ(Image) ซึ่งจะเชื่อมโยงกับประสบการณที่ไดรับจากเหตุการณที่เคยพบเจอมา ถาศิลปนปราศจาก
จินตนาการแลว จะสรางงานไมม ีชวี ิตชวี า และไมกระตุนทำใหผดู ูเกิดจินตนาการดว ย จนิ ตนาการเปน เร่ืองเฉพาะของแตละ
บุคคล” (โกสมุ สายใจ,2544) ซง่ึ ผูสรา งสรรคไดผ สมผสานจินตนาการทไ่ี ดถ า ยทอดอารมณความรูสึกจากประสบการณอ อกมา
เปนรูปแบบศิลปะจินตนาการ ที่มุงเนนปลุกจิตสำนึกกระตุนเตือนชวยใหเราเห็นคุณคาของธรรมชาติ ที่ผูสรางสรรคได
ตั้งเปาหมายไว จากการสรางสรรคผลงานผูสรางสรรคไดทำการศึกษาศิลปน ที่มีความเกี่ยวของกับศิลปะสื่อผสม ดังศิลปน
ตอไปน้ี
ศลิ ปน กรณีศึกษา
Bill Wooddrow
Bill Wooddrow มีแนวคิดในเรื่องของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ไดกอเกิดความขัดแยงขึ้น เกิดเปนผลงาน
ที่มอี งคป ระกอบในลกั ษณะเชิงบรรยายและเชงิ สญั ลกั ษณ ปรากฏขน้ึ มานำเสนอโดยการใชวัสดุขนาดเลก็ ท่ีมคี วามหลากหลาย
เปนวัตถุดิบของศิลปนในผลงาน ตอมาศิลปนไดเปลี่ยนแปลงไปใชวัตถุดิบเปนสินคาอุปโภคบริโภคขนาดใหญขึ้นที่ไดมา
จากอุตสาหกรรมผลิต โดยที่ยังคงโครงสรางของวัตถุตนแบบโดยศิลปน ดัดแปลงตัดบางสวนออกจากวัตถุตนแบบ
ซึง่ ถูกสรางสรรคดวยวัสดทุ ีเ่ ลือกมาเปน การออกแบบเชงิ สัญลักษณ
ภาพท่ี 3: Elephant ผลงาน Bill Wooddrow 1984
ท่ีมา: เขาถงึ ไดจาก https://www.tate.org.uk/art/artworks/woodrow-elephant-t07169/, สืบคนเมื่อ 13 พฤษภาคม
2565
212
Sayaka Ganz
Sayaka Ganz เกิด พ.ศ. 2519 โยะโกะฮะมะ ประเทศญ่ปี ุน
ผลงานของ Sayaka Ganz มีแนวคิดการลดปริมาณขยะพลาสติกบนโลกดวยการนำมันมาสรางงานศิลปะ
เพื่อชวยใหผูคนตระหนักถึงปญหาของขยะพลาสติก นำเสนอเปนผลงานที่ทรงพลังมากดวยความที่เธอเกิดมาในครอบครวั
ที่นับถือลัทธิชินโตมาตั้งแตเกิด เธอจึงนำคำสอนของลัทธิที่วา วัตถุทุกชิ้น ทุกสิ่งทุกอยางนัน้ มันมีจิตวิญญาณซอนอยูภายใน
เธอหยิบเอาความคิดนี้มาใชใ นการสรางสรรคผลงานศิลปะ โดยศิลปนมกั ใชรปู ทรงที่ไดจากสตั วมาสรางสรรคม าเปนผลงาน
ประตมิ ากรรม ท่ผี สมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีที่ไรค า มาทำใหเกดิ เปนคุณคาใหมใ นเชงิ ศลิ ปะจงึ นบั ไดวา ศิลปนสามารถสื่อ
อารมณความงดงามภายใตว ตั ถุเหลือใชไดอยา งนา สนใจ ( https://sayakaganz.com/ )
ภาพท่ี 3: ผลงาน Sayaka Ganz
ทม่ี า: เขาถงึ ไดจ าก https://sayakaganz.com/plastics/nanami , สบื คน เมอื่ 13 พฤษภาคม 2565
Xu bing
Xu bing เกิด พ.ศ. 2498 ฉงชิง ประเทศจีน
ผลงานของ Xu bing แรงบันดาลใจจากความเปน จริงรวมสมัยของประเทศจีนที่เปลีย่ นแปลงอยางรวดเรว็ ใชเวลา
สองปใ นการสรางผลงานนกฟนิกซ สรา งขึ้นดว ยวัสดุทีเ่ ก็บไดจ ากสถานที่กอสรา งในเมืองจีน รวมทง้ั เศษซากจากการรื้อถอน
คานเหล็ก เครื่องมือ และของใชในชีวิตประจำวันของแรงงานขามชาติ นกฟนิกซในตำนานเปนพยานถึงความเชื่อมโยง
ความสัมพันธอันซับซอนของประวัติศาสตร ในการพัฒนาเชิงพาณิชยของประเทศจีนที่มีความมั่งคั่ง ร่ำรวยอยางรวดเร็ว
ในประเทศจีนปจจุบัน ผลงานสรางสรรคชิ้นนี้ ไดแสดงออกใหเห็นคุณคาของเศษวัสดุประเภทเหล็กจนเกิดเปนผลงาน
ประติมากรรมขนาดใหญที่เปนนกฟนิกซหอยแขวนลงจากบนเพดานเสมือนนกฟนิกซกำลังโบยบินอยู ซึ่งทำใหเกิดความ
นาสนใจกับผูชม และเกิดการตีความไปในทิศทาง ที่เสียดสีโลกของวัตถุนิยมที่กำลังเขาแทนที่ธรรมชาติ
(http://www.xubing.com/ )
213
ภาพที่ 4: ผลงาน Xu bing PHOENIX 2010
ท่มี า: เขา ถึงไดจ าก http://www.xubing.com/ , สืบคนเมือ่ 13 พฤษภาคม 2565
แมนดี บารเ กอร
การสรางสรรคผลงานของ บาเกอร ไดรับแรงบันดาลใจมาจากในวัยเด็กบารเกอรเดินทางไปที่ชายหาด
สังเกตเห็นความไมใสใจของผูคนที่มีตอภาพของขยะที่กระจัดกระจายไปทั่วชายหาด จึงเกิดความคิดในการสรางสรรค
ผลงานศิลปะจากขยะพลาสติก ดังนั้นเธอจึงเริ่มจากการเก็บเศษขยะพลาสติก และนำมาถายภาพ โดยมีจุดมุงหมาย เพ่ือ
สรางสรรคผลงาน ที่ทำใหผูคนรูสึกมีสวนรวมกับปญ หาขยะที่เกิดขึ้นดังกลาว โดยศิลปนทำโครงการถายภาพสถานที่ตาง ๆ
เพื่อตแี ผปญ หาของขยะพลาสตกิ ท่มี ีอยูรอบตวั เรา ศิลปน มีความคิดเหน็ วาขยะสามารถเดินทางไดไ กล และมอี ายุยาวนานกวา
จะยอยสลายศลิ ปนจึงนำเสนอผลกระทบทพ่ี ลาสตกิ ท่ีมีตอ สงิ่ แวดลอ มทางธรรมชาติ (https://www.mandy-barker.com/)
ภาพท่ี 5: ผลงาน ชางภาพ แมนดี บารเกอร 2014
ที่มา: เขา ถึงไดจาก https://www.mandy-barker.com/ , สบื คนเมอื่ 23 พฤษภาคม 2565
214
ไทยวจิ ติ พง่ึ เกษมสมบูรณ
ผลงานของ ไทวิจิต พึ่งแบบสมบูรณ ที่นำเสนอการหนีเอาชีวิตรอดในลักษณะของสังคมแบบ (Dystopia)
ที่เขาไดเผชิญกับอันตราย ที่มนุษยสรางขึ้นดวยการใชสำนวนสุภาษิตหนีเสือปะจระเข อรรถาธิบายถึงหายนะ
ของโลกและสิ่งแวดลอม ที่กำลังถูกทำลายลงอยางยอยยับจากการพัฒนากาวกระโดดของมนุษย ดวยการพัฒนา
เทคโนโลยีทคี่ วบคมุ โลกในนี้ อยา งตอ เน่อื งไมอาจหยดุ ยั้งได มาจากภาพทีก่ ำลังแสดงถึงภาวะโลกรอน ทเี่ กดิ จากขยะมหาศาล
จนทำใหสิ่งแวดลอมเปนพิษ โดยการสรา งสรรคผ ลงานประติมากรรมส่อื ผสมขนาดใหญ อันประกอบไปดวยรูปทรงจระเขเหลก็
หลายตัวที่ชี้ชวนผูชนใหเขาไป เดินทองโลกแหงภยันอันตรายในเชิงลอเลียนเสียดสี และประติมากรรมกึ่งนามธรรม
ที่สรางดวยโครงเหล็กขนาดใหญ รูปรางคลายเครื่องมือจับปลา ที่ไดแนวคิดมาจากวัฒนธรรมและภูมิปญญาชาวบานท่ี
ประดิษฐไซดักปลา ที่ศิลปนเคยไดรับประสบการณซึมซับมาจากวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่น เพียงแตปรับเปลี่ยนการดักปลา
เปนการดักขยะพลาสติกแทน ไทวิจิต มีความเชี่ยวชาญในการนำสิ่งของ ที่ไมไดใชหรือเรียกวาเปนขยะที่ถูกทิ้ง
มาสรา งสรรคผ ลงานศิลปะ ในการพลิกผนั ส่งิ ที่ไรคา โดยเปลี่ยนบรบิ ทมนั ไปสคู วามงามและ ความหมายใหมข องวสั ดุ
ภาพท่ี 6: ผลงานไทยวจิ ิต พ่ึงเกษมสมบูรณ BAB 2020
ทีม่ า: ผูเขียนบทความ , สบื คนเม่อื 23 พฤษภาคม 2564
กระบวนการสรางสรรค
การสรางสรรคผ ลงานทัศนศิลปในหัวขอ “รูปทรงแหง จินตนาการของเทคโนโลยเี ขา แทนที่ธรรมชาติ” เปนผลงาน
ประติมากรรมสื่อผสม การผสมผสานวสั ดทุ างเทคโนโลยีรวมกับวสั ดุทางธรรมชาติ ท่ีไดรบั มาจากประสบการณโดยตรงของผู
สรางสรรค โดยการคนควา ขอมูล ทางวิชาการ ทั้งจากตำราและศึกษาผลงานศิลปะที่เกี่ยวของกบั เนื้อหาดา นรูปทรงแหง
จินตนาการ รวมกับทฤษฎีประสบการณนิยม เพื่อรวบรวมเปน ขอมูลพื้นฐาน อันไดแก หนังสอื ตำรา อินเทอรเ น็ต รวมถึง
ศึกษาจากผลงานและแนวคดิ จากศิลปน ท่ีสรางสรรคผ ลงานลกั ษณะดงั กลา ว ข้ันตอนของการศกึ ษาและการสรา งสรรคจ ะเริ่ม
ขึ้น จากการศึกษา เพื่อการนำเสนอผลงานหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนที่ธรรมชาติ” โดยสามารถ
จดั แบง ขน้ั ตอนของการศึกษาและการสรา งสรรคไ ดด งั ตอไปนี้ กอ เกดิ เปนรปู ทรงทีก่ ระตุนเตอื นใหผคู นตระหนักถึงคุณคาของ
ธรรมชาติ ท่กี ำลังถูกแทนที่ดวยวัตถุทางเทคโนโลยี จนในทีส่ ดุ ธรรมชาติอาจถกู กลืนหายไปอยางนาเสยี ดาย
วิธีการสรา งสรรค
การสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปใ นหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขา แทนท่ีธรรมชาต”ิ ประกอบดวย
ประสบการณของผูสรางสรรค การสอบถามขอมูล การลงพื้นที่ศึกษาขอมูลจากสิ่งมีชีวิตจริง รวมทั้งเอกสารศิลปะการ
จินตนาการ เพื่อศึกษาขอมูลทางดานวิชาการเพื่อรวบรวมเปนขอมูลพื้นฐานเรื่องของจินตนาการ รวมถึงศึกษาศิลปนที่มี
215
ผลงานแนวความคิด วธิ ีการสรา งสรรค และเทคนิคทีส่ รางสรรคผลงานใกลเคยี งกบั ผสู รางสรรค โดยศกึ ษาขั้นตอนของการ
สรา งสรรคและศึกษาวิธีการนำเสนอผลงานของศลิ ปน เพือ่ นำมาพัฒนาปรบั ใชกับผสู รางสรรค
1. ศึกษาขอมูลที่ไดจากประสบการณตรงจากสภาพแวดลอม นำมาวิเคราะหจนเกิดเปนแนวคิด ที่ไดรับจาก
สภาพแวดลอมสอดคลองกับแนวคิดทฤษฎีประสบการณนิยม (John Dewey) อยูบนพื้นฐานมาจากประสบการณผาน
ประสาทสมั ผสั การรบั รขู องมนุษย ทงั้ สวนทเ่ี กดิ จากความตง้ั ใจและไมตั้งใจ แนวคดิ น้ีใหค วามสำคญั กบั ประสบการณตรงทส่ี ่ัง
สมมาในระยะเวลาที่ยาวนานเกิดการบมเพาะจนฝงอยูในจิตใตสำนึก ตามคำกลาวที่วา“ประสบการณคือการสัมพันธกับ
สิง่ แวดลอม การมปี ฏิกิรยิ ากบั สง่ิ แวดลอม” (ชลูด นม่ิ เสมอ,2553) จากการดำเนินชีวิตของผูสรางสรรคท่ีเกิดและเติบโตมา
ทามกลางธรรมชาติในชนบท ทา มกลางธรรมชาตทิ ี่สะอาดบรสิ ทุ ธ ทอ งทุงทเ่ี ขยี วขจี สุดลูกหลู ูกตา ซ่งึ แตกตางจากวิถีชีวิตใน
เมืองใหญ ซึงผสู รางสรรคต องเดินทางเขามาศึกษาตอ และประกอบอาชพี ย่งิ ทำใหผสู รา งสรรคเกิดการเปรยี บเทียบเห็นความ
แตกตางของวถิ ีชีวิตในชนบทและวถิ ชี ีวิตในเมือง ซ่งึ เตม็ ไปดว ยความแออดั เบยี ดเสยี ด แกงแยง ชงิ่ ดี ซ่งึ ตัวผูสรา งสรรคนั้น ก็
ตกอยูทามกลางกระแสของเทคโนโลยอี ยางหลีกเหลี่ยงไมได แตจากประสบการณที่ไดรับมานั้น ทำใหเกิดแรงบันดาลใจใน
การสรางสรรคผลงานทีน่ ำเอาประสบการณมาสรางรูปทรง คลายสิง่ มีชวี ิตในธรรมชาติท่ีผูสรางสรรครัก แตสรางใหไรชีวติ
เปน กลไกลเคร่อื งจักรทไ่ี รห วั ใจ เปรียบเปนการเสียดสปี ระชดประชันกับผคู นทีห่ ลงกบั เทคโนโลยีอนั ลวงตา จากท่ีกลา วนน้ั เปน
แรงบันดาลใจที่รับจากธรรมชาติ และสภาพแวดลอมและเปนแรงขับเคลื่อนเปนรูปทรงที่แปลกประหลาด การจะพัฒนา
ผลงานไดต รงตามแนวคดิ นน้ั
2. ศึกษาขอ มลู จากศลิ ปนไทยประกอบดวย ไทวิจติ พ่ึงเกษมสมบรู ณ ศกึ ษาศิลปนตางประเทศ Bill Wooddrow ,
Sayaka Ganz, Xu bing , แมนดี บารเกอร ที่สรางสรรคผลงานดวยเทคนคิ ศิลปะในรปู แบบตา ง ๆ ที่แสดงออกใหเห็นถึง
คุณคาของธรรมชาติ ที่กำลังถกู แทนท่ีดว ยวัตถทุ างเทคโนโลยี ปรชั ญาทางศลิ ปะแฟนตาซีและศลิ ปะเหนอื จริง ศึกษาศิลปนท่ี
สรางสรรคผ ลงานในรูปแบบประติมากรรมสื่อผสม ไดแก ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ, Bill Wooddrow, Sayaka Ganz , Xu
bing, แมนดี บารเกอร
3. ศึกษากรอบทฤษฎีและศกึ ษาเอกสารทางวิชาการ โดยใชท ฤษฎีประสบการณน ยิ ม (John Dewey) รว มทฤษฎี
จนิ ตนาการของอลั เบิรต ไอนส ไตน ช้ีใหเ หน็ ถงึ สิง่ มชี วี ิตทง้ั มวลจะมรี ูปรา งรปู ทรงอยใู นธรรมชาตอิ ยา งไร โดยการจินตนาการ
ถึงสิ่งมีชีวิตในอนาคต รวมกับแนวคิดศิลปะแนวแฟนตาซี(Fantasy) และ ศิลปะเหนือจริง (Surrealism) ชี้ใหเห็นถึงคณุ คา
ความงามของธรรมชาติและสง่ิ มชี ีวิต อันจะเปน การกระตุนเตอื นใหค นเห็นตระหนักคุณคา ของธรรมชาติ ทก่ี ำลงั ถูกแทนท่ีดวย
วัตถุทางเทคโนโลยี จนในที่สุดธรรมชาตอิ าจถกู กลืนหายไป โดยการศกึ ษาและเก็บขอมูลศิลปน ที่ไดรับแรงบันดาลใจ ศิลปน
ไทยประกอบดว ย ไทวิจิต พงึ่ เกษมสมบรู ณ ศลิ ปน ตา งประเทศ ไดแก Bill Wooddrow , Sayaka Ganz , Xu bing , แมนดี
บารเกอร ทไี่ ดรับการยอมรับเพื่อนำมาพัฒนาตอยอดความคิดใหเกดิ เปนผลงานลกั ษณะเฉพาะตวั
4. สรา งภาพรา ง (Sketch) ใหต รงตามแนวคดิ “รูปทรงแหง จนิ ตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนทธ่ี รรมชาติ” นำภาพ
รางมาวิเคราะหวจิ ารณ โดยคณาจารยท ี่ทรงคณุ วฒุ ิทางดา นทศั นศลิ ป เพือ่ ใหผ ลงานมกี ารพฒั นาในการสรา งสรรคผ ลงานใหมี
คณุ ภาพ
5. ทำการสรา งสรรคผลงานจรงิ ดว ยกระบวนการเทคนคิ ศลิ ปะสือ่ ผสมดว ยการเลือกวสั ดเุ ทคโนโลยีกับวสั ดุธรรมชาติ
และวัสดุสำเร็จรปู การเลือกวัสดทุ ีเ่ กดิ จากเทคโนโลยี ท่มี อี ยูในสงั คมเมอื ง เทคนิคการปดทองดว ยแผน ทองคำเปลวของวตั ถุ
เทคนคิ การหลอไฟเบอรกลาส การปน ปนู สด และเทคนิคการประกอบวัสดุ นำมาดำเนินการสรางสรรคผ ลงาน โดยศึกษา
ประตมิ ากรรมดว ยเทคนคิ ศิลปะสอ่ื ผสม (Mixed Media) รวมกับวสั ดุทต่ี รงตามแนวคิด
216
6. ทำการวิเคราะหกระบวนการสรางสรรคผลงานอยา งเปนระบบขั้นตอน ในรูปแบบเอกสาร (วิทยานิพนธ) และ
ผลงานจรงิ นำผลงานที่เสร็จสมบูรณเผยแพรอ อกสูส าธารณะชนในรปู แบบของนิทรรศการสูจิบัตรส่ือสง่ิ พิมพแ ละสื่อออนไลน
สรุปผลการศกึ ษา
จากการสรา งสรรคผ ลงานประติมากรรมสื่อผสมในหัวขอ รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนทธ่ี รรทมชาติ
พบวาการนำวัสดุสำเร็จรูป และวัตถุเก็บตกมาเปนสื่อสัญลักษณในการสรางรูปทรงของสัตวในธรรมชาติ เปนสัตวที่ไมเคย
ปรากฏมากอ นไมม ีอยูจรงิ ผสู รางสรรคไ ดผ สมผสานสตั วห ลายประเภทเขาดวยกนั ทำใหเ กิดความแปลกตาชวนสงสัยวาเปน
สตั วช นิดใดกันแน โดยคัดเลือกวัสวสั ดสุ ำเร็จรูปในชีวิตประจำวัน ผา นชอ งทางจินตนาการคิดฝนวาวัสดุสิ่งน้ันใกลเคียงหรือ
คลายกับสัตวอะไร สอดคลองกับแนวคิดของศลิ ปะกลุมเซอรเรียลสิ ม ท่ีมีแนวคิดทว่ี าวัสดุสองประเภททไ่ี มมีความเกี่ยวของกัน
มาพบกันโดยบังเอญิ กอเกิดรูปทรงแปลกประหลาด ซึ่งผูส รางสรรคม คี วามสนใจในการใชจินตนาการในการสรางรปู ทรงท่ี
แปลกตา แปลคา วัสดจุ ากสงิ่ ของไรชีวติ กลายเปนสตั วม ชี ีวติ แนวคดิ นมี้ ักพบไดในศิลปะแฟนตาซที ี่จะใชจนิ ตนาการนำทางใน
การตั้งตนเลาเรอื่ ง ซง่ึ ผสู รางสรรคไ ดน ำแนวคดิ ในเรอ่ื งของจนิ ตนาการมาตอยอดผา นการเลือกสรรคว สั ดุทัง้ จากธรรมชาติและ
วสั ดุทเ่ี กบ็ ตกได จากสภาพแวดลอ มทง้ั จากในเมืองและชนบท ผลงานชุดน้จี งึ เปนเสมือนส่อื ทก่ี ระตนุ เตอื นใหผูคนตระหนักถึง
โทษของการเสพวัตถุทางเทคโนโลยจี นเกินความพอดี ดังจะเหน็ ไดจากสภาพแวดลอ มในปจจุบัน
ภาพท่ี 7: ผลงานชดุ “รปู ทรงแหง จนิ ตนาการของเทคโนโลยเี ขาแทนท่ีธรรมชาต”ิ
ท่ีมา: ผเู ขียนบทความ , สืบคน เมือ่ 23 พฤษภาคม 2565
217
วจิ ารณแ ละสรปุ ผล
ผลงานทัศนศิลปในหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” นั้นเปนการ สรางสรรค
ผลงานโดยมุงเนนจการสรา งรปู ทรงทีใ่ ชจนิ ตนาการ ผสมผสานประสบการณช ีวติ ทร่ี กั และผูกพันกับธรรมชาติแตวัยเดก็ ทำให
รูสึกหวงแหนธรรมชาติที่นับวันจะถูกทำลายลงดวยเทคโนโลยี ที่เขามามีบทบาทกับชีวิตมนุษยจนยากที่จะแกไข การ
สรา งสรรคผ ลงานน้จี ึงจำเปนตอ งทำการศึกษาแนวคิดทฤษฎีท่ีเก่ียวของ อาทิ เชน ศิลปะแนวแฟนตาซที ีม่ ีความนา สนใจในดาน
การใชจินตนาดานการประกอบสรางรูปทรงที่พิเศษแปลกตา สอดคลองกับศิลปะลทั ธิเซอรเรียลิสมที่มุงเนนการพบกันโดย
บงั เอญิ ของวัตถุ ตงั้ แต 2 ประเภทมาผสมผสานกนั จนเกิดเปนรูปทรงที่ไมเ คยปรากฏมากอน ซึง่ เปน การเปด มุมมองในเรื่องการ
เลือกใชวัสดุประเภทเก็บตกรวมกับวัสดุสำเร็จรูปและวัสดุที่หาไดตามธรรมชาติ เมื่อผลงานเสร็จสมบูรณ ทำใหเกิดการ
ตีความหมายใหกับผลงานประตมิ ากรรม ดวยรูปทรงแบบใหม เพราะการชมผลงานนน้ั ตอ งอาศยั ประสบการณของผูดูรวมดวย
จึงจะเกิดความสนุก เปนรูปทรงที่มีลักษณะเฉพาะตนอยางนาสนใจ รวมถึงมีความงามทางสุนทรียเกิดขึ้น และกระตุนเตือน
ผคู นใหหันมาเหน็ คุณคาของธรรมชาตอิ ีกทางหนงึ่
เอกสารอางองิ (References)
กำจร สุนพงษศร.ี (2555). สุนทรยี ศาสตร. พมิ พค ร้งั ที่ 1. กรงุ เทพฯ: สำนกั พมิ พจฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย
ชลดู น่มิ เสมอ. (2559). องคประกอบของศลิ ปะ พมิ พค รั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพอมรินทร
พิชยั ตุรงคินานนท. (2544). มัลติเพิล อารต : พาหนะแหง การสื่อสารของ โจเซฟ บอยส พิมพค ร้ังที่ 1กรงุ เทพฯ
แมกซ แอรน สท.(2551). สี แสงอินทร พมิ พครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพจฬุ าลงกรณม หาวทิ ยาลยั
มัย ตะตยิ ะ. (2547). สุนทรยี ภาพทางทัศนศลิ ป, กรงุ เทพฯ : วาดศลิ ป
วโิ ชค มุกดามณ.ี (2550).การแสดงงานจิตรกรรม
วิโชค มกุ ดามณี. (2546). 6 ทศวรรษศิลปกรรมรวมสมยั ในประเทศไทย.กรงุ เทพฯ : หอศลิ ปม หาวทิ ยาลัยศิลปากร
สดชืน่ ชัยประสาธน. (2539).จิตรกรรมและวรรณกรรมแนวเซอรเ รียลิสต. พิมพค ร้ังท่ี 10. กรุงเทพฯ:
บรษิ ทั ดานสุทธารพมิ พจำกดั
สมพร รอดบญุ . (2534). วสั ดุในศลิ ปะ. ทองโลกศิลป, กรงุ เทพฯ
อารี สทุ ธพิ นั ธ.(2535). ศลิ ปนิยม พมิ พค รัง้ ที่ 4. กรุงเทพฯ:สำนักพมิ พโอเดียนสโตร
เดวิน คอตตงิ ตัน, (2554). ศิลปะสมยั ใหม ความรฉู บับพกพา. แปลจาก Modern Art, แปลโดย จณัญญา เตรียมอนุรักษ.
กรงุ เทพฯ : โอเพนเวลิ ด
218
แนวทางการใชผา ขาวมา ในการออกแบบเคร่อื งแตง กายและผลติ ภัณฑก ีฬาฟตุ บอล
: กรณีศึกษาโครงการผา ขาวมา ทอ งถน่ิ หัตถศลิ ปไ ทย
Guidelines for using loincloth in the design of apparel and football products.
: Case study of the local loincloth project, Thai handicrafts
จักรพนั ธ สุระประเสริฐ* (ศป.ม.)1
1 ผูช ว ยศาสตราจารย มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บัณฑิตย E-mail [email protected]
บทคดั ยอ
บทความนี้นำเสนอแนวทางการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล มี
วัตถุประสงคเพอื่ ศึกษาแนวทางการใชผาขาวมา ในการออกแบบเคร่ืองแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล โดยมีตวั อยางเครื่อง
แตงกายกีฬาทีน่ ำมาศกึ ษาจำนวน 29 ชิ้น ตัวอยางผลิตภัณฑกีฬาจำนวน 24 ชิ้น จาก 4 สโมสรทีเ่ ขารว มโครงการผา ขาวมา
ทอ งถ่นิ หัตถศิลปไ ทย ป พ.ศ.2564 มีคุณสมบัตติ ามเกณฑ กลาวคือ เปน เครอื่ งแตง กายกีฬาฟุตบอล และผลิตภัณฑกีฬาท่ีใช
ผา ขาวมาจากชุมชนในพื้นที่จงั หวัดที่สโมสรฟุตบอลน้ันตัง้ อยู โดยใชแ นวคิดจากศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี สญั ลักษณประจำ
จังหวัด ในการออกแบบ มีเครือ่ งมือในการวิจัยคือ ตาราง Matrix Analysis ดำเนนิ การวิเคราะหขอ มลู จากการออกแบบและ
การใชผ า ขาวมา ของผลติ ภณั ฑต ังอยา ง และสรุปผลโดยใชสถิติบรรยายเปนรอยละ
ผลวิจัยพบวาการใชผาขาวมาในเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล ในสวนของชุดสำหรับแขงขันนั้นยังทำไดนอย เพราะ
คุณสมบตั ขิ องผา ขาวมายงั ตอบสนองสว นนไี้ มไ ด ทำใหนักออกแบบนำผา ขาวมามาใชในชุดแขงขันไมได แตยงั สามารถนำมาใช
กับการออกแบบเครือ่ งแตง กายรปู แบบอน่ื ๆของสโมสรฟตุ บอลได ในสว นของการใชผาขาวมา ในผลติ ภัณฑกีฬาพบวา คณุ สมบัติ
ของผาขาวมาตอบสนองการออกแบบไดเปนอยางดี อยางเชนผลิตภัณฑกระเปา หมวก ผาพันคอ และยังสามารถพัฒนา
รูปแบบตอไปไดอีกมาก การนำแรงบันดาลใจจากศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี สัญลักษณประจำจังหวัด และสีประจำสโมสร
ฟุตบอล มาใชใ นงานออกแบบทำใหเกิดการทอผาขาวมาดวยสที ีแ่ ตกตางไปจากเดิม
คำสำคัญ: ผา ขาวมา เครอื่ งแตงกายกีฬาฟตุ บอล ผลติ ภณั ฑก ฬี า
ABSTRACT
This article presents guidelines for using loincloth in the design of apparel and football products.
The objective of this study was to study the guidelines for using loincloth in the design of apparel and
football products. 29 samples of sports apparel were included in the study, 24 samples of sports products
from 4 clubs participating in the local loincloth project, Thai handicrafts in 2021. Qualified according to the
criteria, that is, it is a football sport apparel. and sports products using loincloth from the community in the
province where the football club is located. Using concepts from arts, culture, traditions, and provincial
symbols in the design, the research tool is a Matrix Analysis table. Data was analyzed from the design and
use of loincloths of the sample products. and summarize the results using descriptive statistics as a
percentage.
The results showed that the use of loincloth in football apparel As for the outfits for the
competition, it still does little. because the properties of loincloth still cannot meet this part. Causing
designers to not be able to use loincloth in competition outfits But it can also be applied to other football
219
club apparel designs. As for the use of loincloth in sports products, it was found that the properties of
loincloth were responsive to the design. such as bags, hats, scarves, and can be developed further. Taking
inspiration from arts, culture, traditions, provincial symbols and the colors of the football club used in the
design, resulting in the weaving of loincloth with different colors from the original.
KEYWORDS: loincloth soccer sports apparel sports products
บทนำ (Introduction)
จากขอมลู ศนู ยสง เสรมิ ศลิ ปาชีพระหวางประเทศ (องคก ารมหาชน) หรือ SACICT ปจจุบนั คนไทยเรารูจักผาขาวมา
กันนอยลง โดยเฉพาะคนรนุ ใหมทสี่ วนใหญไมเคยเหน็ ผาขาวมา ท้ังท่ีสมยั กอนผาขาวมา เปน ผาที่อยใู นวิถีชีวิตคนไทย ท้ังใชใส
นงุ อาบนำ้ เช็ดตัว หอ ของ คาดเอว ใชเปนผา ปดไลแมลงและอกี สารพัดประโยชน
แตเมื่อวิถกี ารใชชีวิตของคนไทยเปลีย่ นไปจากสิ่งอำนวยความสะดวกท่ีมาทดแทน บทบาทของผาขาวมาของไทยก็
ลดนอยลง แตในตางจังหวัดผาขาวมา ยงั เปนท่ีนิยมของคนไทยใชในชีวิตประจำวัน บางก็ใชเ ปน ผามอบใหเปนของขวัญท่ีมีคา
แกก นั เปน ผาสารพดั ประโยชนในครอบครวั ในวฒั นธรรมของแตละภาคจะมคี วามแตกตางกัน เชน ภาคอีสานจะมีวัฒนธรรม
การทอผา ขาวมาดวยผา ไหม มีผาขาวมา ประจำตระกูล ทางภาคกลางก็จะทำจากผา ฝายเปน สว นใหญ
ดงั น้นั บทบาทของผาขาวมาท่ีเปลี่ยนไป การใชผาขาวมาลดลง ทำใหช ุมชนทีเ่ คยทอผาขาวมา เพ่อื สรางรายไดประสบ
ปญ หาเชงิ เศรษฐกจิ และยงั สงผลถึงปญหาทางศลิ ปะวฒั นธรรม เพราะไมมีคนมาสานตอ การทอผา ขาวมา
ทางภาครฐั ไดมีการจดั หนวยงานลงพื้นท่เี พ่ือพัฒนาผลติ ภัณฑจากผาขาวมาใหก ับชมุ ชน แตย งั ไมเ พยี งพอ เน่ืองจาก
การเติบโตของวงการฟุตบอลไทยกอใหเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเปนจำนวนมาก โดยสงผานมายังธุรกิจที่
เกี่ยวเนื่องอยางการลงทุนในการทำทมี ฟตุ บอล คาลิขสิทธิ์ในการถายทอดสดการแขงขัน อุปกรณกฬี า สินคาเสื้อกีฬา ของที่
ระลึก ธุรกิจคาปลกี ธุรกิจคมนาคมขนสง สถาบันสอนกีฬา และยังกอใหเกิดการจางงานจากการเกิดขึน้ ของอาชีพใหมๆ ท้ัง
ทางตรงและทางออม ซึ่งเกิดจากการที่คนไทยรับชมการแขงขันฟุตบอลไทยเพิ่มขึ้น สมาคมฟุตบอลไทยจึงไดมีการปรับ
โครงสรางทีมฟุตบอลสโมสร โดยใหเปนการกอตั้งจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร มีการสนับสนุนใหส โมสรเดิมหาพันธมิตรเปนจาก
จังหวัดตางๆในประเทศ และสนับสนุนใหแตละจังหวัดกอตั้งสโมสรฟุตบอลเพื่อเขาแขงขันในรายการของสมาคม โดยมี
หนวยงานเอกชนหลายแหงใหก ารสนับสนุน ทำใหแ ตล ะสโมสรมฐี านแฟนบอลข้ึนมา เนอ่ื งจากความรกั ในจังหวัดหรือถ่ินฐาน
ของตนเอง สง ผลใหมีการสนบั สนุนจากแฟนบอลเขามาอีกทาง รายไดข องแตละสโมสรมีมากขึ้นจากคา เขา ชม จากการขายของ
ทร่ี ะลึก
ภาคเอกชนทีเ่ ห็นถึงความสำคัญของเรือ่ งนจ้ี งึ เขาชวยสงเสรมิ โดยจดั เปนโครงการตา งๆข้นึ ดงั เชน บริษัท ไทยเบฟ
เวอเรจ จำกัด โดยโครงการ eisa โครงการผาขาวมาทองถ่ิน หตั ถศิลปไ ทย ไดรว มมือกับ สโมสรฟตุ บอลประจำจงั หวัด ชุมชน
ผา ขาวมา และมหาวทิ ยาลยั โดยมกี ารเขารวมกนั ดงั น้ี
1.ชุมชนบานหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย สโมสรฟุตบอลสุโขทัย เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยธุรกิจ
บณั ฑติ ย
2.ชมุ ชนบานดอนแร (ดลมณ)ี จังหวดั ราชบุรี สโมสรฟตุ บอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี วทิ ยาลยั เพาะชาง มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร
3.ชมุ ชนบานหนองลิง จงั หวดั สุพรรณบรุ ี สโมสรฟตุ บอลสุพรรณบรุ ี เอฟซี คณะศลิ ปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยราช
ภฎั สวนสุนันทา
220
4.ชุมชนคอตตอนดีไซน จังหวัดปทุมธานี สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัย
กรุงเทพ
ทง้ั น้ตี วั แทนของแตล ะมหาวทิ ยาลยั ไดน ำผา ขาวมา ของแตล ะชุมชน มาพฒั นาเปนเครื่องแตง กายและผลิตภัณฑกีฬา
ใหกับสโมสรฟุตบอล มีการลงพื้นที่เก็บขอมูลจากชุมชน สโมสรฟุตบอล และความตองการของกลุมเปาหมายของสโมสร
ฟตุ บอล เพ่ือหาแรงบันดาลใจในการสรา งแนวคิดในการออกแบบ และผลิตตน แบบออกมา
ภาพท่ี 1: งานแสดงผลงานผา ขาวมาทอ งถ่ินหัตถศิลปไ ทย
ท่มี า: www.siamsport.co.th พ.ศ.2564
ดงั น้นั การศกึ ษาการใชผ าขาวมากบั เคร่ืองแตงกายและผลิตภัณฑกฬี าใหกับสโมสรฟุตบอล จงึ มีความจำเปนอยางยิ่ง
ในการพัฒนาแนวทางการออกแบบเครอ่ื งแตงกายและผลิตภัณฑกฬี าจากผา ขาวมา ใหทันสมยั เปน ท่ีนยิ มของกลุมเปาหมาย
ของสโมสรฟุตบอล เกิดการพัฒนาท่ีมีคณุ ภาพ และสรางรายไดใหก ับชุมชน
วัตถปุ ระสงค
ศึกษาแนวทางการใชผาขาวมา ในการออกแบบเคร่ืองแตง กายและผลิตภัณฑกฬี าฟุตบอล
ขอบเขตในการวจิ ยั
ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ศึกษาเฉพาะการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล
สำหรบั กลุมเปาหมายของสโมสรฟุตบอล โดยตวั อยางเครื่องแตง กายและผลิตภณั ฑกีฬาฟตุ บอล ที่นำมาศึกษาจำนวน 53 ช้ิน
จาก 4 สโมสรฟุตบอลในประเทศไทย มีคุณสมบัติตามเกณฑของลักษณะของเคร่ืองแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลที่ใช
ผาขาวมาในการออกแบบ สามารถสะทอนอัตลักษณข องสโมสรฟุตบอลแตละสโมสรไดเ ปน อยางดี
วธิ กี ารดำเนนิ การวิจัย
1.ศกึ ษาขอมูลเบอ้ื งตนจากเอกสาร หนงั สือ บทความ เกีย่ วกบั ผา ขาวมา หลกั การออกแบบเครอ่ื งแตงกายกีฬา การ
ออกแบบผลติ ภัณฑทองถ่นิ แนวคิดในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลติ ภัณฑก ีฬาฟุตบอลของ 4 สโมสร และศกึ ษารปู แบบ
การพฒั นาเครอื่ งมือท่ีใชในการวิจยั
2. สำรวจและคดั เลอื กกลุม ตัวอยา งเครือ่ งแตงกายและผลติ ภัณฑก ฬี าฟุตบอลจากสโมสรฟุตบอลท่เี ขารว มโครงการ
3. สรางและพัฒนาเครื่องมือที่ใชในการวิจัย โดยใชตาราง Matrix จัดกลุมในการวเิ คราะหขอมลู ความสัมพันธของ
คุณลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพและเชิงปริมาณของเคร่ืองแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลโดยแยกองคประกอบจาก ประเภทการ
ออกแบบ วสั ดุ การออกแบบ แรงบันดาลใจ และสี โดยเนนไปท่กี ารใชผ า ขาวมาในงานออกแบบ
221
4. ดำเนินการวิเคราะหขอมูลจากคุณลักษณะของเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลจากผาขาวมา และ
สรุปผลโดยใชส ถติ บิ รรยาย ไดแก คารอ ยละ จากตาราง Matrix Analysis
5. อภิปรายผลถงึ รูปแบบและแนวทางการใชผา ขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภณั ฑกฬี าฟุตบอล
เนื้อหา (Content)
1.ผาขาวมา ไมใชคำไทยแท แตเปนภาษาเปอรเซียที่มีคำเต็มวา “กามารบันต” (Kamar band) “กามาร”
หมายถึง เอว หรอื ทอนลางของรา งกาย “บนั ด” แปลวา พัน รัด หรือคาด เมื่อนำท้งั สองคำมารวมกัน จงึ หมายถึง เข็มขัด ผา
พัน หรือคาดสะเอว คำวา “กามารบันด” ยังปรากฏอยูในภาษาอื่นๆอีก เชน ภาษามลายู มีคำวา“กามารบัน” (Kamaban)
ภาษาฮินดี้ ใชคำวา“กามารบันด”เชนเดียวกับภาษาเปอรเซีย แตภาษาอังกฤษใชคำวา “คัมเมอรบันด” (Commer band)
หมายถึง ผารดั เอวในชดุ ทคั ซโิ ด (Tuxedo) ซ่งึ เปน ชดุ สำหรบั ออกงานราตรสี โมสร นอกจากนี้งานวจิ ยั เรอ่ื ง “ผา ขาวมา ” ของ
อาภรณพันธ จนั ทรสวา ง อธิบายวา “ผาขาวมา” เปนคำทเี่ พย้ี นมาจากคำวา “กามา” (Kamar) ซึ่งเปนภาษาอิหรานที่ใชกัน
อยูใ นประเทศสเปน เขา ใจวาสเปนไดน ำเอาคำวา “กามา” ซ่งึ เปน ภาษาแขกไปใชด ว ยเพราะในประวัติศาสตร ประเทศทง้ั สอง
นาจะมีความสมั พันธติดตอกันมาชานาน (อาภรณพนั ธ จันทรส วา ง. 2523) มาตรฐานผลิตภณั ฑชุมชน (มผช.197/2546) ได
กำหนดมาตรฐานของผาขาวมาวาหมายถึง ผาทอลายขัดแบบตาหมากรุกหรือรูปลายสี่เหลี่ยมที่ไดจากการขัดกันระหวาง
เสนดายยืนกับเสนดายพุงสลับสกี ันเปนชวง โดยใชเสนดายยืนสลับสกี นั และใชเสน ดายพุงซึ่งอาจมีสีเดียวกันกับเสนดายยนื
หรอื ไมก ็ไดทอสลับสีกันเปน ชวง ทีช่ ายผาท้ังสองดานตองมีลวดลายเปนเสนตรงตามแนวเสนดา ยยืนอาจนำลายทออ่ืนมาเปน
ลายประกอบหรอื ลายคนั่ ดว ยก็ไดเชน ลายขดิ ลายยกดอก (เสาวลกั ษณ คงคาฉยุ ฉายและคณะ. 2556: 6)
2.การออกแบบผลิตภัณฑของที่ระลึก จารุพรรณ ทรัพยปรุง (2548) จำแนกการออกแบบประยุกตศิลปเปน 2
ประเภท คือ การออกแบบโครงสรา งและการออกแบบตกแตง โดยแตล ะประเภทมีคุณลักษณะการออกแบบทีแ่ ตกตางกัน การ
ออกแบบโครงสราง เปนการออกแบบที่มีความเกีย่ วพันกับขนาด รูปราง และรูปทรงของวัตถุชิ้นหนึ่ง คุณลักษณะที่มีความ
จำเปนสำหรับงานออกแบบโครงสรา ง ไดแก ความมั่นคงแข็งแรง สัดสวนที่ดี และความเหมาะสมของวัสดุที่นำมาใชในการ
ออกแบบ การออกแบบตกแตง เปน การออกแบบลวดลาย รายละเอยี ด การวางตำแหนง สี เสน และพ้นื ผิวใหกับโครงสรา ง การ
ออกแบบตกแตงที่เพิ่มเติมเขาไป หากเปนเอกภาพจัดเปนการออกแบบโครงสราง แตถาดูโดดเดนเปนพิเศษก็จัดเปนการ
ออกแบบตกแตง
3.การออกแบบและผลิตอุปกรณกีฬา เกี่ยวของกับศาสตร ทางดานวิศวกรรม และ วิทยาศาสตร การแพทย โดย
ทางวศิ วกรรม จะเนนไปที่การพฒั นาวสั ดุชนิดใหม ท่ีชวยเพิม่ ขีด ความสามารถของนักกีฬา สำหรบั ดานวทิ ยาศาสตรการแพทย
จะมงุ ไปท่ีเรอ่ื งสรรี วิทยาของนักกฬี า เพื่อปองกนั ผเู ลนกีฬาจากการเส่ียงตอการบาดเจ็บ โดยจะเกี่ยวขอ งกบั ศาสตรตาง ๆ เชน
กลศาสตรทางชีวภาพ (biomechanics) กลศาสตรวาดวยการเคลื่อนไหว (dynamics) และ จลนศาสตร (kinetics) เปนตน
การออกแบบและผลติ อปุ กรณกฬี า จำเปน ตองพิจารณาถงึ แรงกลศาสตรต า ง ๆ ที่กระทำตอ รางกายของคนเรา ซ่งึ จะแตกตาง
กันออกไปตามประเภทของกีฬา อุปกรณกีฬาหรือชุดกีฬายอมผานกระบวนการออกแบบเพื่อใหเกิดประโยชนตอนักกีฬา
ขณะเดียวกันยังเปนการออกแบบ เพอ่ื สรางความได เปรียบในการแขง ขนั ดวย เปนความ ไดเปรียบท่มี ิใชแตเ พียงในสนามกีฬา
เทานนั้ หากทวาในสนามการคา การชวงชิงความไดเปรยี บ ในเรอื่ งความกาวหนาทางเทคโนโลยีการออกแบบตลอดจนวัสดทุ ่ีใช
ก็สามารถทำให บริษทั เครือ่ งกฬี า กลายเปนผูนำหรอื ผคู รองตลาดอุปกรณก ฬี า ไดเ ชน กัน ดงั น้นั ราคาสินคา กีฬา ทีค่ อ นขา งสูง
นอกจากจะมีปจจัยจาก การสรางความนาเชื่อถือ ในเครื่องหมายการคาแลว ยังเปนผลมาจาก เทคโนโลยีวัสดุ และการ
ออกแบบที่แตละบริษัททุม เทในการวจิ ัยและพฒั นา อันเปนนัยยะบงบอกถึงคุณภาพ และประสิทธภิ าพของอุปกรณ หรือชุด
กีฬานัน้ ๆ ไปในตัว
222
3.1 การออกแบบและการเลือกประเภทวัสดุสำหรับอุปกรณกีฬา เครื่องแตงกายนักกีฬานั้น เปน
องคป ระกอบทส่ี ำคัญยง่ิ ตอการเลน กีฬา ไมเพยี งแต จะมีสวน ทำใหอ ุปกรณก ีฬามีความสวยงามนาใชงาน หรอื สงผลใหน กั กฬี า
เปนผูกำชัยชนะเทาน้ัน หากยงั มีผลตอสขุ ภาพรางกายของนกั กฬี าดวย การออกแบบและการเลือก ประเภทวสั ดุ ท่ีเหมาะสม
จึงเปนการปองกันผูเลนกฬี าจากความเสี่ยงตอการบาดเจ็บ ดังตัวอยางเชน รองเทากีฬา ซึ่งมีหลายรูปแบบข้ึนอยูกับ การใช
งานใหเหมาะสำหรับ กฬี าแตละประเภท การออกแบบรองเทา กฬี า จงึ ตอ งคำนึงถงึ การรบั แรงกระแทก และ การรักษารูปรา ง
ของเทา ในขณะเคลอ่ื นไหว วัสดุท่ใี ชท ำรองเทาจึงตองมีความยืดหยุน ท่ดี ี ซึ่งจะชวยลดความเจ็บปวดหรืออนั ตรายท่ีอาจเกิดข้ึน
ระหวางการเลน กฬี า หรือ 'สปอรตบรา' (sport bra หรือ jog bra) ซึ่งปจจุบันเปนท่ีนยิ มในกลุมผูหญิงที่เลนกีฬา ทั้งนี้ก็เพ่ือ
ความกระชับและความคลอ งตัว ในการออกกำลังกาย สปอรตบราไดร บั การพฒั นา ใหผูเลนสามารถเลือกใสใหเหมาะสมกบั
ประเภทกฬี าทเ่ี ลน (จากเดมิ ท่ีออกแบบมา เพียง แบบเดียวใชกับกฬี าทุกประเภท) โดยมสี วนประกอบ 2 ชั้น คือ ช้ันนอกเปน
เสนใยฝาย ผสมโพลิเอสเทอร (stretchable cotton - poly fabric) ที่ใหความยืดหยุน และชั้นในเปน เสนใยไลครา (lycra)
ซึ่งเปนเสนใยสังเคราะหที่มีสวนประกอบของโพลิยูรีเทนแบบแข็ง (rigid polyurethane) และโพลิไซสไตรีน
(polyxyethylene) มลี ักษณะคลายสปริงทีม่ คี วามยืดหยนุ สงู โดยโพลยิ รู ีเทนชนดิ แข็งเปนสวนทใ่ี หค วามแข็งแกเ สนใย และทำ
ใหโ มเลกลุ ของเสน ใย ไมเคลื่อนตัวออกจากกันเมือ่ ถูกดึงใหยืดออก สำหรับโพลไิ ซสไตรนี ใหความยดื หยุนแกเ สนใย สามารถ
คืนรูปไดถึง 500 % ไมทำใหเสนใยเสียรปู จึงทำใหผูส วมใส คลายความกังวล ในเรื่อง แรงดึงรั้งของชุดขณะเลนกีฬา ในสวน
ของการออกแบบลาย ปจ จบุ นั มีเทคโนโลยีการพิมพผา ทีต่ อบสนองการออกแบบไดอ ยา งมีคณุ ภาพ สะดวก และราคาไมส ูงนัก
ชดุ กีฬาพิมพลาย คอื การพิมพล วดลายท่ีออกแบบลงไปในผาแลวนำไปตดั เยบ็ เหมือนการพิมพล งบนกระดาษรูปภาพ ขอดีของ
การพิมพคือสามารถตอบสนองการออกแบบชดุ กีฬาไดท ุกรูปแบบ แมกระท่ังการ พิมพรูปเสมือนจรงิ (รูปภาพคน) ลงไปท่ชี ุด
กีฬา ทำใหวงการกีฬา ดูมีสีสันแปลกตา และโดดเดนมากยิง่ ข้ึน เชน ถาจะนำผาขาวมามาใชในการออกแบบชุดกีฬาสำหรบั
แขงขันจริง อาจจะมีผลตอการเคลื่อนไหว และการระบายความรอน การระบายเหงื่อ แตถาใชการพิมพทำลายเสมือน
ผาขาวมา ลงบนผาใยสงั เคราะหส ำหรับชดุ กีฬา จะทำใหไ ดท้งั อตั ลักษณแ ละการใชง านทเี่ หมาะสม
3.2 ชุดกีฬาฟุตบอล หมายถึง อุปกรณมาตรฐานและเครื่องแตงกายของนักฟุตบอล ในภาษาอังกฤษ
สำเนยี งบริเตนใชค ำวา "kit" หรอื "strip" และสำเนียงอเมรกิ ันใชค ำวา "uniform" ตามกติกาน้นั กำหนดใหใ ชชดุ กฬี า และหาม
ไมใหสวมใสสิ่งที่กอใหเกิดอันตรายตอตนเองและผูเลน อื่น ในการแขงขันแตล ะแหงนัน้ อาจระบเุ งือ่ นไขเฉพาะ เชน กฎบังคับ
ดานขนาดของโลโกที่แสดงบนเสื้อและกลาววา ในการแขงขันแตละนัดระหวาง 2 ทีมนั้น หากสีของชุดกีฬาเหมือนหรือ
คลา ยกนั ทมี เยอื นจะตอ งเปล่ียนไปเปนอีกชุด โดยปกตแิ ลว นักฟตุ บอลจะมหี มายเลขอยูดานหลงั ของเสื้อ โดยทีมแรกจะสวม
เสือ้ ต้ังแตหมายเลข 1 ถึง 11 เพือ่ ใหพ อสอดคลองกบั ตำแหนงการเลน แตในระดบั อาชีพแลว หมายเลขของผเู ลน เขา ใหมมักจะ
ถกู กำหนดจากหมายเลขของผเู ลนคนอ่ืนในทีม ซ่ึงผเู ลน แตละคนในทีมจะถกู กำหนดหมายเลขตายตัวในฤดูกาลนั้น ๆ สโมสร
อาชีพมักจะแสดงนามสกุลหรือชื่อเลนบนเสื้อ อาจจะอยูเหนือ (มีบางครั้งที่อยูต่ำกวา) หมายเลขเสื้อ ชุดฟุตบอลนั้นมีการ
พัฒนา แตเ ดมิ ผเู ลนจะสวมเสื้อผาฝายหนา ๆ กางเกงทรงหลวมยาวถงึ เขาและรองเทา หนงั แขง็ ๆ หนกั ๆ ตอ มาในศตวรรษท่ี
20 รองเทาเบาและออ นลง สว นกางเกงสน้ั ลง และการพัฒนาดานการผลิต การเตบิ โตของการโฆษณาในศตวรรษท่ี 20 ทำให
เกดิ โลโกของผสู นบั สนนุ บนเสื้อผา และมีการผลิตเสอ้ื ใหแฟนฟุตบอลไดซ ้ือหากนั กอใหเกิดรายไดจ ำนวนมากสสู โมสร
4.แนวคดิ ในการออกแบบการเครอ่ื งแตง กายและผลิตภณั ฑก ีฬาฟุตบอลของ 4 สโมสร
4.1 ชมุ ชนบานหาดเส้ียว จงั หวดั สุโขทัย สโมสรฟุตบอลสุโขทยั เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัย
ธุรกจิ บณั ฑติ ย ใชแ นวคดิ ปรับภาพลักษณส ินคาสโสมสรใหเ ปนสินคาท่ชี าวสุโขทัยนำไปใชใ นชีวิตประจำวันได โดยการนำลาย
จกคา งคาวและผาขาวมา บานหาดเส้ียว มาประยกุ ตเปน สินคาใหก ับสโมสร
223
ภาพที่ 2: ผลงานออกแบบสโมสรฟุตบอลสโุ ขทัย เอฟซี
4.2 ชุมชนบานดอนแร (ดลมณี) จังหวัดราชบุรี สโมสรฟุตบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี วิทยาลัยเพาะชาง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสินทร ใชแนวคิดทางวัฒนธรรม ศาสนา มาประยุกตในงานออกแบบ
ภาพท่ี 3: ผลงานออกแบบสโมสรฟตุ บอลราชบรุ ี มิตรผล เอฟซี
4.3 ชุมชนบานหนองลิง จังหวัดสุพรรณบุรี สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร
มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สวนสนุ นั ทา ใชแนวคดิ ความหลากหลายทางชาตพิ ันธุ ศลิ ปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี
224
ภาพที่ 4: ผลงานออกแบบสโมสรฟตุ บอลสุพรรณบรุ ี เอฟซี
4.4 ชุมชนคอตตอนดีไซน จังหวัดปทุมธานี สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร
มหาวิทยาลัยกรงุ เทพ ใชแ นวคิดความเปน ปก แผน วถิ ีชมุ ชน
ภาพท่ี 5: ผลงานออกแบบสโมสรฟตุ บอลโปลศิ เทโร เอฟซี
225
ภาพที่ 6: ผลงานออกแบบสโมสรฟตุ บอลโปลศิ เทโร เอฟซี
5.การวิเคราะหฐานขอ มูลการออกแบบ
พรเทพ เลิศเทวศริ ิ (2547) กลาวถงึ Matrix Analysis วา เปนการวิเคราะหขอ มูลที่อธิบายความสัมพันธระหวางตัว
แปรที่จัดเรียงตำแหนงอยางเปนระบบ โดยอาศัยแถวและคอลัมน โครงสรางของการวิเคราะหฐานขอมูลการออกแบบดวย
Matrix ประกอบดวย ตาราง (Table) ตัวแปรคุณลักษณะ (Characteristics)และกลุมตัวอยางที่เปนผลงานออกแบบ
(Samples) ทเ่ี กยี่ วของมาไมต ำ่ กวา 20 ผลงาน เพอ่ื ความนาเชอ่ื ถือในขอ มลู การวิเคราะหฐานขอ มลู การออกแบบดว ย Matrix
นน้ั มีการวเิ คราะห 3 กรอบแนวทาง คือ การหาคา เฉล่ีย (Average) ทำใหทราบและทำความเขา ใจในภาพรวมเชงิ ปริมาณ การ
หาคารอยละ (Percentage) ของแตละตัวแปรคณุ ลักษณะ สามารถจำแนกและอธบิ ายคุณลกั ษณะในเชงิ ปริมาณ และการหา
ความสัมพันธ (Relationship) การศึกษาภาพลกั ษณของผลิตภัณฑน้ันจำเปนตองใชผลิตภัณฑคูแขง และขอมูลพื้นฐานของ
ผลติ ภัณฑนำมาเปนกลุมตัวอยาง (Sample) เพ่ือใชใ นการวเิ คราะหขอ มลู ตวั อยา งผลติ ภัณฑควรมีคุณสมบตั ใิ นทศิ ทางเดยี วกัน
เชน หากศึกษาเพื่อออกแบบนาิกาขอมือ กลุมตัวอยางก็ควรเปนนาิกาขอมือเทานั้น ยิ่งมีกลุมตัวอยางมากเทาใด การ
วิเคราะหยอมมีความเชือ่ มั่นในขอมูลสูง วิธีการวิเคราะหจะใชน ฐานขอมูลเกี่ยวกับ คูสี Graphic รูปทรง อารมณ ความรูสึก
หรือรูปแบบของผลิตภัณฑ เพื่อศึกษาโครงสรางความสัมพันธและทิศทางระหวางคุณลักษณะกับกลุมตัวอยางวาจะมีการ
จำแนกกลุม และมีทศิ ทางไปในทางใด จากนั้นจึงนำมาทำการอภปิ รายถงึ โครงสรา งของความสัมพันธะหวางคณุ ลักษณะกบั กลุม
ตัวอยาง วามีความเกี่ยวของกันอยางไรและสามารถอภิปรายไดในแงมุมใด โดยการวิเคราะหในครั้งนี้จะเนนไปที่การใช
ผา ขาวมากบั การออกแบบเปนหลัก เชน ปรมิ าณของผาขาวมาท่ีใชใ นผลิตภณั ฑ ลกั ษณะการนำไปใช แรงบนั ดาลใจท่ีนำมาใช
เพือ่ หาแนวทางท่ีเหมาะสม
226
ผลการศึกษา/ทดลอง (Results)
ตารางที่ 1 วิเคราะหการใชผ าขาวมา ในเคร่อื งแตง กายกีฬาฟุตบอล
ที่ รูปภาพ ประเภทการออกแบบ วัสดุ ลักษณะ แรงบนั ดาลใจ สี
(ผาขาวมา) วธิ ีการนำ
ผาขาวมา มา
ปริมาณการใช ใชในงาน
ออกแบบ
เส้ือแขงขัน
กางเกงแขงขัน
แจ็คเ ็กต
กางเกงวอ รม
เสื้อคอกลม
เสื้อโปโล
ไ ม ีม
เฉพาะสวนตกแ ตง
ใชเปน ัวส ุดหลัก
ัตดเย็บ ัตด ตอ
ตกแ ตง
ลายพิมพ
ศิลปะพื้นบาน
ัวฒนธรรม
สังคม
สถานที่ทองเท่ียว
สัญลักษณประจำ
ัจงห ัวด
แรงบันดาลใจ
สีประจำสโมสร
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
227
ตารางที่ 2 วิเคราะหก ารใชผา ขาวมา ในผลิตภณั ฑกฬี า
ท่ี รูปภาพ ประเภทการออกแบบ วสั ดุ ลักษณะการ แรงบันดาลใจ สี
(ผา ขาวมา) นำผาขาวมา
มาใชใ นงาน
ปรมิ าณการใช ออกแบบ
ผาพันคอ
กระเปา
mask
ุตกตา
ธง
หมวก
ไ ม ีม
เฉพาะสวนตกแ ตง
ใชเปน ัวส ุดหลัก
ัตดเย็บ ัตด ตอ
ตกแ ตง
ลายพิมพ
ศิลปะพื้นบาน
ัวฒนธรรม
สังคม
สถานที่ทองเท่ียว
สัญลักษณประจำ
ัจงห ัวดห ืรอสโมสร
แรงบันดาลใจ
สีประจำสโมสร
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
228
การวิเคราะหฐานขอมูลการออกแบบดวย Matrix Analysis ที่อธิบายความสัมพันธระหวางการใชผาขาวมาในการ
ออกแบบเครอ่ื งแตงกายและผลติ ภณั ฑก ีฬาฟุตบอล จากกลุม ตวั อยา งกับคณุ ลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพและเชงิ ปริมาณ โดยตัวอยาง
เครื่องแตงกายกีฬาที่นำมาศึกษาจำนวน 29 ชิ้น จาก 4 สโมสรที่เขารวมโครงการซึ่งมีแนวคิดเพื่อการพัฒนาแนวทางการ
ออกแบบผาขาวมา สามารถสรุปผลได ดังน้ี ประเภทการออกแบบ 6 ประเภท แบงเปนเส้ือคอกลมรอ ยละ 3.45 เส้ือโปโลรอย
ละ 6.90 กางเกงแขง ขนั รอ ยละ 13.79 เสอ้ื แขง ขันรอยละ 20.69 กางเกงวอรมรอ ยละ 24.14 และมากทส่ี ดุ คอื เสอื้ แจคเก็ตรอ ย
ละ 31.03 ของรปู แบบการออกแบบท้ังหมด ปรมิ าณการนำผา ขาวมาใชในเคร่ืองแตงกายกฬี า ใชเปนวัสดุหลกั รอ ยละ 3.45 ใช
ในสวนตกแตงรอ ยละ 37.93 และไมใ ชม ากท่สี ดุ คือรอ ยละ 58.62 ลักษณะวิธกี ารนำผาขาวมา มาใชใ นงานออกแบบ ใชเ ปน สว น
ตกแตง รอยละ 34.48 ใชในการตดั เยบ็ ตดั ตอ รอ ยละ 37.93 และนำมาประยกุ ตใชเปน ลายพิมพร อ ยละ 44.83 แรงบนั ดาบใจ
ที่นำมาใชในการออกแบบ จากวัฒนธรรมรอยละ 13.79 จากศิลปะพื้นบานรอยละ 58.62 และมากที่สุดคือจากสัญลักษณ
ประจำจงั หวัด รอยละ 65.52 ท่ีมาของสที ีน่ ำมาใชในงานออกแบบ จากแรงบันดาลใจรอยละ 20.69 และจากสีประจำสโมสร
รอ ยละ 100
จากตัวอยา งผลิตภัณฑกฬี าจำนวน 24 ชิ้น จาก 4 สโมสรที่เขารว มโครงการซึ่งมีแนวคดิ เพอ่ื การพฒั นาแนวทางการ
ออกแบบผาขาวมา สามารถสรุปผลได ดังนี้ ประเภทการออกแบบ 6 ประเภท แบง เปน ตกุ ตารอยละ 4.17 หนา กากผารอยละ
8.33 ธงรอยละ 8.33 หมวกรอยละ 8.33 ผาพันคอรอยละ 16.67 และมากที่สุดคือกระเปารอยละ 54.17 ของรูปแบบ
ผลิตภณั ฑท้งั หมด ปริมาณการนำผาขาวมาใชใ นผลติ ภัณฑ ไมใชร อยละ 12.5 ใชในสวนตกแตง รอยละ 33.33 ใชเปนวัสดุหลัก
รอยละ 54.17 ลักษณะวิธีการนำผาขาวมามาใชในงานออกแบบ นำมาประยุกตใชเปนลายพิมพรอยละ 8.33 ใชเปนสวน
ตกแตงรอยละ 41.67 ใชในการตัดเย็บ ตัดตอ รอยละ 50 แรงบันดาบใจที่นำมาใชในการออกแบบ สัญลักษณประจำจังหวัด
หรือสโมสรรอยละ 75 ศลิ ปะพืน้ บา นรอ ยละ 91.67 ท่มี าของสที น่ี ำมาใชในงานออกแบบ จากแรงบันดาลใจรอ ยละ 45.83 และ
จากสีประจำสโมสรรอยละ 75
สรุปและอภิปรายผล
จากผลที่ไดแสดงใหเ ห็นวาการใชผ าขาวมาในเครือ่ งแตงกายกีฬาฟุตบอล ในสวนของชดุ สำหรบั แขงขนั นั้นยังทำได
นอยมาก กลาวคือ ชุดแขงขันตอ งการความคลองตัว การระบายอากาศ การระบายน้ำในระดับสูง เพื่อความไดเ ปรียบในการ
แขงขันซึ่งถือเปนวัตถุประสงคหลักของทุกสโมสรฟุตบอล แตคุณสมบัติของผาขาวมายังตอบสนองสวนนี้ไมได ทำใหนัก
ออกแบบนำผาขาวมามาใชในชุดแขงขันไมได แตยังสามารถนำมาใชกับการออกแบบเครือ่ งแตงกายรูปแบบอื่นๆของสโมสร
ฟตุ บอลเพือ่ ใชจำหนายใหก บั แฟนบอลของแตล ะสโมสรได ซ่งึ นำมาใชใ นลกั ษณะของสวนตกแตง เปน สว นมาก เนื่องจากสโมสร
เปนแบรนดกีฬา ลักษณะเครื่องแตงกายที่วางจำหนายจะเนนไปท่ีความคลอ งตัว แตยังสามารถเปนชองทางทีเ่ พ่ิมรายไดจาก
การผลิตผา ขาวมาใหก บั ชุมชนได อาจจะไมใ ชการจำหนา ยผาทง้ั ผนื ดังนน้ั การนำเศษผาขาวมาทเ่ี หลือจากการแปรรูปมาใชใน
สวนน้ี เปนแนวทางที่เหมาะสมอยางยิ่ง ถาเทียบกับปริมาณการใชผาขาวมาในเครื่องแตงกายกีฬา ในสวนของการหาแรง
บันดาลใจมาใชในงานออกแบบเคร่ืองแตงกายกีฬารวมกับผาขาวมา จากผลที่ไดแสดงใหเหน็ วา นักออกแบบไดนำเรื่องราว
ศิลปะพื้นบาน วัฒนธรรม สัญลักษณประจำจังหวัดหรอื สโมสรในจังหวัด มาใชสรางแนวคิดในการออกแบบใหส อดคลองกบั
ผาขาวมา และยงั เปน การเขาถงึ กลมุ แฟนบอลประจำจงั หวัดไดเปนอยางดี ในสวนของการเลือกใชส ี นกั ออกแบบสวนใหญใชสี
ประจำของสโมสรฟุต เนื่องจากเปนขอบังคับของการแขงขัน ดังนั้นจึงสงผลดีตอชุมชนที่ไดเพิ่มการผลิตผาขาวมาจากสีท่ี
แตกตางจากท่ผี ลิตอยูเ ดมิ
สำหรับการใชผาขาวมาในผลิตภัณฑก ีฬาผลที่ไดจะแตกตางจากเครื่องแตงกายกฬี าฟุตบอลอยางชัดเจน กลาวคอื
ผลิตภณั ฑกีฬาซึง่ รูปแบบสวนมากเปนกระเปา ตองใชความคงทน แขง็ แรง รบั น้ำหนกั ไดด ี ซึง่ ตรงกบั คุณสมบัติของผาขาวมา
และสามารถพัฒนารูปแบบตอไปไดอีกมากตามยุคสมัย ในประเดน็ ของการออกแบบ การนำแรงบนั ดาลใจจากศิลปะพื้นบาน
229
สัญลักษณประจำจังหวัดหรือสโมสร มาผสมผสานประยุกตใชในงานออกแบบที่ทันสมยั ทำใหผลติ ภัณฑเ ปนท่นี าสนใจแกกลุม
แฟนบอล ซึ่งจะสามารถเพิ่มชองทางทางการตลาดใหก ับสโมสรและชุมชนได เชน ชุมชนทอผาไดสีใหมซึง่ เปนสีประจำของ
สโมสรฟตุ บอล มาใชในการทอผา และผลติ ผลิตภัณฑใหกับสโสมร
ขอ เสนอแนะ
จากผลการศึกษาแนวทางการใชผา ขาวมาในการออกแบบเครอื่ งแตง กายกีฬาฟุตบอล มีขอเสนอแนะดังนี้ 1.การใช
ผาขาวมาในชุดสำหรับแขงขันยังคงเปนเรื่องที่ตองศึกษาและพัฒนาเพิ่มเติมในเรื่องของเสนใยที่จะนำมาใช หรือการใช
เทคโนโลยกี ารพิมพลายทดแทนเพอ่ื เปนการสบื สารวัฒนธรรมไว 2. จากตัวอยางเคร่อื งแตงกายกีฬาฟตุ บอล จะเหน็ ไดว า มีการ
ใชผาขาวมาในสวนตกแตง และในงานออกแบบแตละชิน้ ปริมาณหรือขนาดชิ้นของผาขาวมาสวนใหญจะมีขนาดเล็ก ซึ่งเปน
ประเด็นที่ควรศึกษาตอ ไปในเรื่องของการนำเศษผาขาวมาทีเ่ หลือจากการผลติ มาใชใ นการทำสวนตกแตง ซึง่ จะทำใหชมุ ชนได
ใชประโยชนจากผา ขาวมาไดอ ยา งคุมคา
จากผลการศึกษาแนวทางการใชผาขาวมาในผลิตภัณฑกีฬา ผาขาวมามีบทบาทในสวนนี้เปน อยางมาก ดังนั้นถามี
การสนับสนุนให สโมสรฟุตบอลหรือสโมสรกีฬาอื่นๆซึง่ มีกลุมแฟนบอลสนับสนุน รวมมือกบั ชุมชนในพื้นที่หรือจังหวัดท่ีเปน
ทต่ี ้ังของสโมสร จะทำใหเกิดรายไดใหก ับชมุ ชนและสโมสร และยงั เปน การสืบสานผา ขาวมาไทยใหค งอยูตอ ไป
เอกสารอา งองิ (References)
ในเนื้อเรื่อง ใชระบบนามป เปนการอางอิงที่อยูรวมกันกับเนื้อหาไมแยกสวนโดยอาจเขียนชื่อผูแตงที่ใชอางอิงให
กลมกลืนไปกับเน้ือหาหรือจะแยกใสในวงเล็บทายขอความอางอิงก็ได เอกสารภาษาไทยเขียนชื่อผูแตงและนามสกุล เอกสาร
ตางประเทศเขยี นเฉพาะชื่อสกลุ เทาน้นั ตามดว ยป ค.ศ. ดังตวั อยางเชน
- ผวู ิจัยใชทฤษฎีของ เบสต ที่กลา วไวว าการแปลความหมายระดบั ความพึงพอใจที่มีตอผลิตภัณฑ (Best,
1986 อา งถงึ ใน พวงรตั น ทวีรตั น, 2543)
- การผสมผสานระหวางรูปแบบชิ้นสวนแตละช้ินในจินตนาการ ใหเกิดรูปลักษณใหมทีย่ งั คงความรูสกึ ถงึ
ประโยชนใ นการประดับตกแตง ตัวอาคาร (นวลนอย บญุ วงษ, 2539)
- สวนการคัดลอกขอความ ใชระบบนามนามปพรอมระบุเลขหนาและใหขอความที่คัดลอกมาอยูใน
เครอื่ งหมาย “………”
- ในการอางอิงทายเรื่อง เอกสารที่อางถึงในเนือ้ เรื่อง ตองเขียนไวในรายการเอกสารอางอิงทายเรื่องทกุ
เร่อื ง โดยเรียงเอกสารภาษาไทยไวกอนภาษาตา งประเทศ ตามลำดับตวั อกั ษรตัวแรกของชอื่ ผูแ ตงไมตอ งใชหมายเลขกำกบั ชื่อ
ผูแตงภาษาอังกฤษเรียงตามอกั ษรตัวแรกของช่ือสกุล และถาอักษรตัวแรกเหมือนกันใหเรยี งตามอักษรตัวถดั ไป ถาผูแตงคน
เดยี วกนั ใหเ รยี งลำดับตามปท ่ีพิมพ
- การพิมพว ัสดอุ า งองิ แตล ะรายการ ใหพมิ พชิดขอบดา นซา ย บรรทดั ตอไปใหยอโดยตงั้ Tab 0.63 นวิ้
เสรี วงษมณฑา. (2540). ครบเคร่ืองเรือ่ งการสื่อสารทางการตลาด. กรงุ เทพฯ : วสิทธพ์ิ ัฒนา.
American Psychological Association. (2010). Publication manual of the American Psychological Association
(6th ed.). Washington, DC: American Psychological Association.
พิเชษฐ รุงลาวัลย, บรรณาธิการ. (2553). คนละไมคนละมือ. ราชบุรี: ศูนยประสานงานชมรมศิษยเกาสามเณรลัย
แมพระนริ มล.
Diener, H.C., & Wilkinson, M., Eds. (1988). Drug-induced headache. New York: Springerverlag.
230
โกเมศ คันธิก (2557). การออกแบบบล็อกผนังเครื่องเคลือบดินเผา ดวยเรื่องราวจากทะเล. วิทยานิพนธศิลปศาสตร
มหาบัณฑติ , สาขาทศั นศิลปแ ละการออกแบบ, คณะศลิ ปกรรมศาสตร, มหาวทิ ยาลยั บูรพา.
นวลพรรณ ออนนอม. (2557). การพัฒนางานออกแบบเพื่อบูรณาดานแนวคิด. วารสารคณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยบูรพา,
22(2), 1-14.
วสันต ศรสี วสั ด.์ิ (2551). ความสมั พันธร ะหวางงานออกแบบและองคป ระกอบในงานศลิ ปกรรมกรรม. ในการประชุมวิชาการ
และเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ “ราชนครินทรวชิ าการและวิจัย ครั้งที่ 3”, (หนา 1-13). ฉะเชิงเทรา: สถาบันวิจัย
และพัฒนา มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ราชนครินทร.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและวัฒนธรรมแหงชาติ. (2554).แผนพัฒนาสังคมและวัฒนธรรมแหงชาติ
ฉบบั ท่ี 5 (พ.ศ.2550 – 2554). สืบคน ขอ มลู เมื่อ 30 สงิ หาคม 2557, เขา ถึงไดจาก http://www.Idd.go
https://www.posttoday.com/life/healthy/559412
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ. (2555). สถิติการสงออก (Export) ขาวหอมมะลิ: ปริมาณและ
มูลคาการสงออกรายเดือน. สืบคนขอมูลเมื่อ 30 สิงหาคม 2557, เขาถึงไดจาก http://www.oae.go.th/
oae_report/export_import/export_result.php
231