The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการใช้หลักสูตร รายวิชา สค 33108 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sreepanya Kwakhai, 2020-10-06 23:46:58

คู่มือการใช้หลักสูตร รายวิชา สค 33108 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

คู่มือการใช้หลักสูตร รายวิชา สค 33108 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Keywords: คู่มือการใช้หลักสูตร

97

บรรณานกุ รม

98

บรรณานุกรม

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งประจวบครี ีขนั ธ์. (2560). หลักสตู ร
กกกกกกกรายวิชา สค33108 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลทีเ่ กา้ 3.
กกกกกกกประจวบครี ขี ันธ์ : ม.ป.พ..

. (2560). หนังสอื เรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ า สค33108 หนา้ ท่พี ลเมือง
กกกกกกกตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทเี่ ก้า 3. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพเ์ อกพิมพไ์ ท.
สานักงานสํงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. (2552). หลักสูตรการศกึ ษา
กกกกกกกนอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ..

. (2555). คู่มอื การดาเนนิ งานหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน
กกกกกกกพุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศกั ราช 2555). พิมพ์ครัง้ ที่ 2. กรุงเทพมหานคร :
กกกกกกกรังษกี ารพิมพ์.

99

ภาคผนวก

100

ภาคผนวก ก.
ใบความรู้

101

ใบความรู้
เร่ืองท่ี 1 สทิ ธแิ ละหน้าที่พลเมอื ง

วตั ถปุ ระสงค์
กกกกกกก1. เพ่ือใหน๎ ักศึกษามคี วามร๎ูความเข๎าใจเรือ่ งสทิ ธแิ ละหนา๎ ท่ีพลเมือง
กกกกกกก2. เพอ่ื ใหน๎ ักศึกษามีทักษะการแสวงหาความร๎ูเรือ่ งสิทธแิ ละหน๎าทพี่ ลเมือง
กกกกกกก3. เพือ่ ใหน๎ ักศึกษามคี วามตระหนักถงึ ความสาคญั เรอื่ งสิทธิและหนา๎ ท่ีพลเมอื ง

เนื้อหา
กกกกกกก1. ความหมายของพลเมือง

พลเมอื ง หมายถึง พลงั หรอื กาลงั คนของประเทศ ซึง่ อยใํู นฐานะเปน็ เจ๎าของ ประเทศ
ท่ีมีสัญชาติของประเทศนั้น ๆ มีสิทธิและหน๎าที่ ตามกฎหมายของประเทศนั้นมีคํานิยม มีสํวนรํวม
ทางการเมือง เป็นผ๎ูสนบั สนนุ ผ๎ูปกครอง ในการควบคุมดูแลบุคคลในประเทศให๎อยรูํ ํวมกนั อยาํ ง
มคี วามสขุ

พลเมืองมีความหมายตํางจากบุคคล ซ่ึงหมายถึง สิ่งซึ่งมีสิทธิและหน๎าที่ตามกฎหมาย
ซง่ึ ได๎แกํ บคุ คลธรรมดาและนติ บิ คุ คล

เมื่อกลําวถึงพลเมืองของประเทศใด ยํอมหมายถึงบุคคลทั้งหลายที่มีสัญชาติของ
ประเทศนั้น ๆ ตามกฎหมายของแตํละประเทศ เชํน เมื่อกลําวถึงพลเมืองของประเทศไทยยํอม
หมายถึง คนท้ังหลายท่ีมีสัญชาติไทยตามกฎหมายไทย พลเมืองของแตํละประเทศยํอมมีสิทธิและ
หน๎าท่ีตามกฎหมายของประเทศน้ัน บุคคลตํางสัญชาติท่ีเข๎าไปอยํูอาศัยซึ่งเรียกวําคนตํางด๎าว
ไมํมีสิทธิเทําเทียมกับพลเมือง และมีหน๎าท่ีแตกตํางออกไป เชํน อาจมีหน๎าท่ีเสียภาษี หรือ
คาํ ธรรมเนียมเพมิ่ ข้นึ ตามที่กฎหมายของแตํละประเทศบัญญัตไิ ว๎

สิทธิและหน๎าที่เป็นส่ิงคํูกัน เมื่อมีสิทธิก็ต๎องมีหน๎าที่ พลเมืองของทุกประเทศมีทั้งสิทธิ
และหน๎าที่ แตํจะมีมากน๎อยเพียงใดข้ึนอยํูกับกฎหมายของประเทศน้ัน ๆ และแนํนอนวําประเทศ
ที่ปกครองด๎วยระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิมากกวําการปกครองในระบอบอื่น เพราะมีสิทธิ
ทสี่ าคัญท่ีสุด คือ สิทธิในการปกครองตนเอง
กกกกกกกกก พลเมืองดี หมายถึง ผ๎ูท่ีปฏิบัติหน๎าท่ีพลเมืองได๎ครบถ๎วน ท้ังกิจที่ต๎องทา และกิจท่ีควร
ทา พลเมอื งดีมีหนา๎ ทตี่ ๎องปฏิบตั ิตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติคาส่ัง
สอนของพอํ แมํ ครู อาจารย์ มีความสามคั คี เอือ้ เฟ้อื เผื่อแผํซ่ึงกันและกัน ร๎ูจักรับผิดชอบช่ัวดีตามหลัก
จริยธรรม และหลกั ธรรมของศาสนา มีความรอบรู๎ มีสติปัญญา ขยันขันแข็ง สร๎างความเจริญก๎าวหน๎า
ให๎แกํตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ

102

กกกกกกก2. ความหมายของคาวาํ “สทิ ธิ” “เสรีภาพ” และ “หนา๎ ท่ี”
กกกกกกก2. 2.1 สทิ ธิ หมายถึง อานาจหรือผลประโยชนข์ องบุคคลท่ีกฎหมายใหค๎ วาม

คมุ๎ ครอง เชํน สทิ ธิเลือกตงั้ กฎหมายกาหนดให๎บคุ คลท่ีมีอายุ 18 ปีบรบิ ูรณ์มคี ุณสมบตั ิถูกต๎องตาม
กฎหมายมีสทิ ธเิ ลอื กสมาชิกสภาผู๎แทนราษฎร

กกกกกกก2. 2.1 คาวํา “สทิ ธิ” และ “เสรภี าพ” เปน็ คาทีม่ ักอยํูควบคํกู ัน โดยรฐั ธรรมนญู

ทุกฉบับที่ผํานมาได๎กาหนดเรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยไว๎อยํางชัดเจน ท้ังนี้คาวํา “สิทธิ” มีคา
คูกํ ันอยูํคอื “หน๎าท่ี” ไมํวาํ เรอ่ื งใด ๆ ก็ตาม เม่ือมี“สิทธิ” ก็ยํอมมี “หน๎าท่ี” คูํกันเสมอ เมื่อเราเกิดมา
เป็นคนไทยมีสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญไทยกาหนด เราก็ยํอมมีหน๎าท่ีที่จะต๎องปฏิบัติในฐานะเป็น
คนไทยดว๎ ยเชนํ กัน ดังน้ันเพอ่ื ใหเ๎ กิดความเขา๎ ใจทถี่ ูกตอ๎ ง และเห็นความสาคัญของการปฏิบัติตนเป็น
พลเมอื งดใี นระบอบประชาธปิ ไตย เราจึงควรมาทา ความเข๎าใจความหมายท่ีแท๎จริงของคาท่ีเกี่ยวข๎อง
เหลําน้ีกันเสียกํอนในเบ้ืองต๎น “สิทธิ” คือ ประโยชน์หรืออานาจของบุคคลที่กฎหมายรับรอง
และค๎ุมครองมิให๎มีการละเมิด รวมทั้งบังคับการให๎เป็นไปตามสิทธิ ในกรณีที่มีการละเมิดด๎วย
เชํน สิทธิในครอบครัว สิทธิความเป็นอยูํสํวนตัว สิทธิในเกียรติยศ ช่ือเสียง สิทธิในการเลือกอาชีพ
ถิ่นท่ีอยํู การเดนิ ทาง สิทธิในทรัพย์สนิ เป็นต๎น

กกกกกกก2. 2.2 เสรีภาพ หมายถึง ความมีอิสระในการกระทาของบุคคลท่ีอยูํในขอบเขตของ

กฎหมาย เชนํ เสรีภาพในการพูด การเขยี น เปน็ ต๎น

กกกกกกก2. 2.2 เสรีภาพ เป็นคาที่ถูกใช๎เคียงคูํกับคาวาํ “สิทธิ” เสมอวํา “สทิ ธเิ สรภี าพ”

จนเข๎าใจวํามีความหมายอยํางเดียวกัน ท้ังท่ีแท๎จริงแล๎วคาวํา “เสรีภาพ” หมายถึง อานาจตัดสินใจ
ด๎วยตนเองของมนุษย์ ท่ีจะเลือกดาเนินพฤติกรรมของตนเอง โดยไมํมีบุคคลอ่ืนใด อ๎างหรือใช๎อานาจ
แทรกแซงเกี่ยวข๎องกับการตัดสินใจน้ัน และเป็นการตัดสินใจด๎วยตนเองที่จะกระทา หรือไมํกระทา
การส่ิงหน่ึงสิ่งใดอันไมํเป็นการฝุาฝืนตํอกฎหมาย แตํการท่ีมนุษย์ดารงชีวิตอยูํในสังคมแล๎ว แตํละคน
จะตัดสินใจกระทาการ หรือไมํกระทาการส่ิงใดนอกเหนือนอกจากต๎องปฏิบัติตามกฎหมายแล๎ว
ยอํ มตอ๎ งคานึงถงึ กฎเกณฑต์ าํ ง ๆ ของสังคม ขนบธรรมเนยี ม และวฒั นธรรม

กกกกกกก2. 2.3 หน๎าท่ี หมายถึง กิจทตี่ ๎องทา หรอื ควรทา เป็นสง่ิ ท่กี าหนดใหท๎ า หรือหา๎ มมิให๎

กระทา ถ๎าทาก็จะกํอให๎เกิดผลดี เกิดประโยชน์ตํอตนเอง ครอบครัว หรือสังคมสํวนรวมแล๎วแตํกรณี
ถ๎าไมํทาหรือไมํละเว๎นการกระทาตามที่กาหนดจะได๎รับผลเสียโดยตรง คือ ได๎รับโทษ หรือถูกบังคับ
เชนํ ปรบั จาคกุ หรอื ประหารชวี ิต เป็นตน๎ โดยทั่วไปสงิ่ ท่ีระบกุ จิ ทตี่ ๎องทา ได๎แกํ กฎหมาย เปน็ ต๎น

กกกกกกก2. 2.2 คาวํา “หน๎าท่ี” ตามพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2544 หมายถงึ

กิจที่จะต๎องทาด๎วยความรับผิดชอบ แตํเมื่อนาคาวํา “หน๎าท่ี” รวมกับคาวํา “ชนชาวไทย”
เป็น “หนา๎ ท่ีของชนชาวไทย” ดังที่ปรากฏในหมวด 4 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได๎ให๎ความหมาย
วํา คือภาระและความรับผิดชอบท่ีรัฐธรรมนูญกาหนด บังคับให๎บุคคลซ่ึงเป็นชนชาวไทยต๎องปฏิบัติ
หรือกระทาให๎เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เม่ือรัฐธรรมนูญกาหนดวําการกระทาใดเป็น
หน๎าท่ขี องพลเมืองแล๎ว ถ๎าหากผู๎ใดไมํปฏิบัติ หรือละเว๎นการปฏิบัติถือวําเป็นการฝุาฝืนกฎหมายและ
จะถูกลงโทษ อยํางไรก็ตามหน๎าท่ีของชนชาวไทยถือวําเป็นภาระและความรับผิดชอบของประชาชน
ชาวไทยทุกคนท่ีต๎องยึดถือปฏิบัติน่ันเอง สิทธิและหน๎าท่ีจึงเป็นส่ิงคูํกัน เม่ือมีสิทธิก็ต๎องมีหน๎าท่ี

103

ประชาชนของทุกประเทศมีทั้งสิทธิและหน๎าท่ีแตํจะมีมากน๎อยเพียงใดข้ึนอยํูกับกฎหมายของประเทศ
น้ัน ๆ และแนํนอนวําประเทศท่ีปกครองด๎วยระบอบประชาธิปไตย ประชาชนยํอมมีสิทธิมากกวํา
การปกครองในระบอบอืน่ เพราะมสี ทิ ธิท่ีสาคญั ทีส่ ดุ คอื สิทธใิ นการปกครองตนเอง

กกกกกกก3. สิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ได๎นา เรื่องการคุ๎มครองสิทธิ
และเสรีภาพของประชาชนมาบัญญัติไว๎ เป็นครั้งแรกวํา “บุคคลยํอมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือ
ศาสนาหรือลัทธิใด ๆ และมีเสรีภาพในการปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน เม่ือไมํเป็น
ปฏิปักษ์ตํอหน๎าท่ีของพลเมือง และไมํเป็นการขัดตํอความสงบเรียบร๎อยหรือศีลธรรมของประชาชน”
และ “ภายในบังคับแหํงกฎหมาย บุคคลยํอมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในรํางกาย เคหสถาน ทรัพย์สิน
การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การประชุม โดยเปิดเผย การต้ังสมาคมการอาชีพ”
แมว๎ าํ จะวางหลกั ไว๎อยาํ งกว๎าง ๆ เพือ่ เป็นแนวทางปฏิบตั ิ แตใํ นเม่ือไมํมีกฎหมายมารองรับ ในบางเร่ือง
จึงมีการละเมิดจนเกิดผลเสียตํอการปกครองบ๎านเมือง เชํน การตั้งสมาคมคณะราษฎร ท่ีมีกิจกรรม
ในทางการเมืองประหน่ึง เป็นพรรคการเมืองที่มํุงเน๎นสํงผ๎ูสมัครรับเลือกต้ัง จนกระท่ังนาไปสูํความ
ขัดแย๎งทางการเมืองระหวํางคณะราษฎรกับขุนนางช้ันสูง เป็นต๎น นับแตํนั้นมาในการจัดทา
รัฐธรรมนูญแตํละฉบับ ผู๎ที่เก่ียวข๎อง จะคานึงถึงการค๎ุมครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็น
ประการสาคัญเสมอ เพราะมองวําสิทธิและเสรีภาพเป็นเกียรติยศ และศักด์ิศรีของความเป็นมนุษย์
และประเทศท่ีปกครองในระบอบประชาธิปไตย หากละเลยหรือไมํคมุ๎ ครองเรอ่ื งเหลํานี้ ยํอมสํงผลตํอ
เกียรติภูมิของประเทศชาติอีกด๎วย ดังจะเห็นได๎จากในการจัดทารัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2540 สภารํางรัฐธรรมนูญได๎กาหนด กรอบการจัดทาไว๎วํา “...มีสาระสาคัญเป็นการ
สํงเสริมค๎ุมครองสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน ให๎ประชาชนมีสํวนรํวมในการปกครองและ
ตรวจสอบการใช๎อานาจรัฐเพิ่มข้ึน...” และในการจัดทารัฐธรรมนูญ แหํงราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 สภารํางรัฐธรรมนูญก็ได๎ ยึดกรอบดังกลําว และได๎ขยายขอบเขตการค๎ุมครองสิทธิ
เสรีภาพ ให๎กว๎างขวางข้ึน พร๎อมท้ังได๎กาหนดออกมาเป็นสํวน ๆ เพ่ือความเข๎าใจของประชาชน
ผไู๎ ด๎รบั การคม๎ุ ครองโดยรัฐธรรมนูญ

กกกกกกก4. สทิ ธขิ องปวงชนชาวไทย

4.1 สทิ ธใิ นครอบครวั และความเปน็ อยสูํ ํวนตวั ชาวไทยทกุ คนยํอมได๎รับความค๎มุ ครอง
เกยี รตยิ ศ ช่อื เสยี ง และความเป็นอยํูสํวนตัว

4.2 สิทธอิ นุรักษ์ฟน้ื ฟจู ารีตประเพณี บคุ คลในท๎องถ่ินและชุมชนตอ๎ งชวํ ยกันอนรุ กั ษ์
ฟนื้ ฟูจารีตประเพณี วฒั นธรรมอันดงี าม ภูมิปัญญาทอ๎ งถน่ิ เพื่อรักษาไว๎ใหค๎ งอยูตํ ลอดไป

4.3 สิทธใิ นทรพั ย์สิน บคุ คลจะได๎รับการค๎ุมครองสิทธใิ นการครอบครองทรัพยส์ นิ ของ
ตนและการสืบทอดมรดก

4.4 สิทธใิ นการรับการศึกษาอบรม บุคคลยอํ มมีความเสมอภาคในการเข๎ารบั
การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน 12 ปี อยาํ งมีคณุ ภาพและทวั่ ถงึ โดยไมํเสยี คาํ ใช๎จําย

4.5 สทิ ธใิ นการรับบรกิ ารทางด๎านสาธารณสุขอยํางเสมอภาค และได๎มาตรฐาน
สาหรบั ผ๎ยู ากไร๎จะได๎รบั สิทธใิ นการรกั ษาพยาบาลจากสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรัฐ โดยไมเํ สีย
คําใชจ๎ าํ ย

104

4.6 สิทธิท่ีจะได๎รับการค๎ุมครองโดยรัฐ เด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในสังคมท่ีได๎รับ
การปฏิบัตอิ ยํางรุนแรง และไมเํ ป็นธรรมจะไดร๎ บั การค๎ุมครองโดยรฐั

4.7 สทิ ธทิ ่ีจะได๎รบั การชํวยเหลอื จากรฐั เชนํ บุคคลทมี่ ีอายเุ กนิ หกสบิ ปี และรายได๎ไมํ
พอตํอการยังชพี รัฐจะให๎ความชวํ ยเหลอื เปน็ ตน๎

4.8 สิทธทิ ี่จะไดส๎ ่ิงอานวยความสะดวกอนั เป็นสาธารณะ โดยรฐั จะให๎ความชวํ ยเหลือ
และอานวยความสะดวกอนั เปน็ สาธารณะแกํบุคคลในสงั คม

4.9 สิทธิของบคุ คลท่ีจะมสี วํ นรํวมกบั รฐั และชุมชน ในการบารุงรักษาและการได๎
ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติ

4.10 สทิ ธิทจ่ี ะได๎รับทราบข๎อมลู ขาํ วสารจากหนวํ ยงานของรัฐ รฐั วสิ าหกิจหรือราชกา
สวํ นท๎องถน่ิ อยํางเปดิ เผย เวน๎ แตํการเปิดเผยข๎อมูลนนั้ จะมผี ลตอํ ความมน่ั คงของรัฐ หรอื ความ
ปลอดภยั ของประชาชนสวํ นรวม หรอื เปน็ สํวนได๎สํวนเสียของบคุ คลซ่งึ มีสทิ ธิได๎รับความค๎มุ ครอง

4.11 สทิ ธเิ สนอเร่ืองราวร๎องทุกขโ์ ดยไดร๎ ับแจง๎ ผลการพิจารณาภายในเวลาอันควร
ตามบทบัญญัติของกฎหมาย

4.12 สทิ ธิทบี่ ุคคลสามารถฟูองรอ๎ งหนวํ ยงานราชการ รัฐวสิ าหกิจ ราชการ
สํวนท๎องถิน่ หรือองค์กรของรัฐทเี่ ปน็ นิติบคุ คลใหร๎ บั ผดิ ชอบการกระทาหรอื ละเว๎นการกระทา
ตามกฎหมายของเจ๎าหน๎าที่ของรัฐภายในหนวํ ยงานน้ัน

กกกกกกก5. การปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดี
กกกกกกก5. บคุ คลจะเป็นพลเมอื งดีของสงั คมนัน้ ตอ๎ งตระหนกั ถึงบทบาทหนา๎ ท่ี ทีจ่ ะตอ๎ งปฏบิ ัติ

และมํงุ ม่นั เพ่ือให๎บรรลเุ ปูาหมาย ด๎วยความรับผิดชอบอยํางเต็มที่ สอดคล๎องกับหลักธรรม วัฒนธรรม
ประเพณี และรฐั ธรรมนญู ที่กาหนดไว๎ รวมท้ังบทบาททางสังคมท่ีตนดารงอยํู เพื่อให๎เกิดประสิทธิภาพ
สูงสุด และได๎ประสิทธิผลทั้งในสํวนตนและสังคม เมื่อสามารถปฏิบัติหน๎าที่ได๎อยํางถูกต๎องสมบูรณ์
ยอํ มเกิดความภาคภูมิใจ และเกดิ ผลดีทั้งตอํ ตนเอง และสงั คม ดว๎ ยการเปน็ พลเมืองดที ่ีเคารพกฎหมาย
เคารพสิทธิเสรีภาพของผอู๎ ่นื มคี วามกระตอื รือรน๎ ท่ีจะเข๎ามามีสํวนรํวมในการแก๎ปัญหาของชุมชนและ
สังคม มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นหลักในการดาเนินชีวิตอยํางผาสุก พลเมืองดี มีหน๎าที่ต๎องปฏิบัติ
ดังนี้

กกกกกกก5. 5.1 หนา๎ ทขี่ องพลเมืองดีตํอประเทศชาติ
กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 จงรกั ภกั ดแี ละรกั ษาไวซ๎ ่ึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สถาบนั

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ เป็นสถาบันสูงสดุ ของชาติ เปน็ ทเ่ี คารพสักการะบชู า ของประชาชน
ชาวไทยทุกคนนอกจากนสี้ ถาบันดงั กลําว ยงั เปน็ เอกลักษณ์ของชาติไทยดว๎ ย ดงั นั้นตราบใดที่สถาบัน
ท้ังสามยงั คงอยํูคนไทยกจ็ ะดารงอยไํู ด๎

กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 1) การรักษาชาติ บุคคลมหี น๎าทีร่ ักษาไวซ๎ ่ึงชาติ มหี นา๎ ท่ีรักษา

ก็ตอ๎ งดแู ล และปูองกนั ชาติ มใิ ห๎ผ๎ูใดใชข๎ อ๎ อ๎างใด ๆ เพื่อแบํงแยกแผํนดินไทย ด๎วยเหตุผลทางการเมือง
การปกครอง หรือศาสนา เพราะรัฐธรรมนูญกาหนดวํา “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่ง
อันเดียวจะแบํงแยกมิได๎” ดังนั้น ผ๎ูใดจะมาชักจูง โน๎มน๎าวเราด๎วยเหตุผลใด ๆ ถือวําเป็นผู๎ทาลาย
ประเทศชาติ คนไทยทุกคนมหี น๎าทีร่ ักษาชาติให๎มเี สถยี รภาพ มน่ั คงถาวรและเปน็ เอกภาพตลอดไป

105

กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การรกั ษาศาสนา เน่ืองจากประเทศไทยให๎เสรีภาพในการนบั ถือ

ศาสนา และสามารถประกอบพิธีกรรมตามศาสนาได๎ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภ์
คือ ทรงอุปถัมภ์ทุกศาสนาในประเทศไทย รัฐธรรมนูญจึงกาหนดให๎เป็นหน๎าที่ที่เราทุกคนต๎องรักษาไว๎
ซ่งึ ศาสนา ซึง่ นาํ จะหมายถงึ การบารงุ รักษาและเสรมิ สรา๎ งศรัทธา เพ่ือให๎ศาสนาคงอยํูคํูบ๎านเมืองและ
เป็นหลักยึดเหนี่ยวในด๎านคุณธรรมสืบไป คนไทยทุกคนต๎องชํวยกันสอดสํองดูแล ท้ังฆราวาสและ
บรรพชติ ให๎มีวัตรจริยาอนั เหมาะสมตํอศาสนา หรือลัทธิของตนจะอาศัยพระวินัย หรือนักบวชแตํเพียง
อยํางเดยี วไมไํ ด๎

กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 3) การรักษาพระมหากษตั รยิ ์และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย

อันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข ภารกจิ น้เี ป็นหนา๎ ทย่ี ่ิงใหญขํ องคนไทยทุกคน เพราะประเทศไทย
ดารงอยูํได๎ และคนไทยอยํูอยํางรํมเย็นเป็นสุขยืนยงมาทุกวันน้ี ด๎วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์
ทุกพระองค์ปกอยูํเหนือเกล๎าฯ ชาวไทยทุกคน เพราะแตํละพระองค์จะครองราชย์สมบัติ
ดูแลบ๎านเมืองอยูํได๎นานกวําประมุขท่ีมาจากการเลือกต้ัง ทั้งมีความร๎ูสึกผูกพัน ตั้งแตํโบราณกาลถึง
ปัจจุบัน ยํอมจารึกอยํูในดวงใจของชาวไทยทั้งประเทศ ฉะน้ันจึงเป็นหน๎าที่ที่คนไทยต๎องดูแลรักษา
และเทิดทูนสถาบันและองค์พระมหากษัตริย์ไว๎ด๎วยชีวิต อีกท้ังต๎องปูองกันภัยพาลอันเกิดจากวาจา
หรอื ความคดิ ที่ไมํสุจรติ ท้ังปวง การปกครองของไทยจึงเปน็ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
เปน็ ประมขุ แนํวแนมํ น่ั คงเพราะพระองค์ คือ สญั ลักษณ์แหํงคุณธรรมและสนั ติสุข

กกกกกกก5. 5.1 5.1.2 รักษาไว๎ซง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยปกครองโดย

ระบอบประชาธิปไตย ซ่ึงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของ
ประเทศไทย ประชาชนทุกคนจึงมีหน๎าท่ีรักษาไว๎ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย และ
รัฐธรรมนูญของชาติก็ได๎กาหนดไว๎วํา เป็นหน๎าที่ของคนไทยทุกคนท่ีจะต๎องดารงรักษาไว๎ซึ่งการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตย

กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 1) การปฏิบตั ติ ามกฎหมาย บคุ คลมีหน๎าท่ีปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย

ซึ่งรฐั ธรรมนญู ไดร๎ ะบุไว๎กวา๎ ง ๆ แตมํ ีความหมายครอบคลุมกฎหมายทกุ ประเภท ไมํวําจะเป็นกฎหมาย
เอกชน มหาชน หรือกฎหมายระหวํางประเทศ รวมท้ังกฎหมายระดับตําง ๆ เชํน พระราชบัญญัติ
พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง เป็นต๎น เมื่อเราต๎องเก่ียวข๎อง หรือสัมพันธ์กับกฎหมายใด ก็ต๎อง
ปฏบิ ัติตามกฎหมายนัน้ ๆ อยํางเครงํ ครัด เพราะกฎหมายแตํละฉบับน้ันได๎มีการรํางและประกาศใช๎ใน
ราชกิจจานุเบกษาอยํางเปิดเผยตํอสาธารณชน จึงเป็นหน๎าที่ของชาวไทยทุกคนท่ีจะต๎องศึกษา
และทาความเข๎าใจเรื่องกฎหมาย เพอ่ื ไมใํ ห๎เสยี เปรียบ หรอื ได๎รับโทษโดยร๎เู ทาํ ไมํถึงการณ์

กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การไปใช๎สิทธเิ ลือกตงั้ บุคคลมีหน๎าท่ีไปใช๎สทิ ธเิ ลอื กตง้ั การใชส๎ ทิ ธิ

เลือกตั้งมีท้ังในประเทศท่ีปกครองด๎วยระบอบประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองของประชาชน
โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ท่ีถือเสียงข๎างมากเป็นสาคัญ แตํก็เคารพสิทธิเสรีภาพของเสียง
ข๎างนอ๎ ย ในระบอบประชาธปิ ไตยจงึ มีการเลือกตั้งผู๎แทนไปปฏิบัติหน๎าที่แทนประชาชน ซ่ึงอาจจะเป็น
การเลือกผู๎แทนเข๎าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ หรืออาจเป็นการเลือกผ๎ูแทนไปเป็นหัวหน๎าฝุาย
บริหารโดยตรงก็ได๎ แล๎วแตํรูปแบบการปกครองของแตํละประเทศ ท่ีกาหนดไว๎ในรัฐธรรมนูญ
การเลือกตั้งจึงถือเป็นกิจกรรมที่จาเป็นอยํางหนึ่งในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย การได๎มี

106

โอกาสใช๎สิทธใิ นการเลอื กตง้ั จงึ เป็นความภาคภูมใิ จของประชาชนท่ีอยํูในประเทศประชาธิปไตย การมี
สวํ นรํวมของประชาชนท่สี าคัญคือ การเลอื กต้ัง ดงั นั้น ประชาชนควรภาคภูมิใจที่จะไปใช๎สิทธิเลือกตั้ง
โดยเสรี ดงั น้ันการเลอื กต้งั จงึ เปน็ หนา๎ ทีท่ ่ีสาคัญของคนไทย บุคคลใดท่ีไมํไปเลือกตั้งโดยไมํแจ๎งเหตุอัน
สมควรท่ีทาให๎ไมอํ าจไปเลือกตงั้ ไดย๎ ํอมเสียสทิ ธติ ามกฎหมาย

กกกกกกก5. 5.1 5.1.3 ชวํ ยกันปูองกันประเทศ ประเทศชาตเิ ป็นของประชาชนไทยทุกคน

ดังนั้นในฐานะท่ีเราเป็นสํวนหนึ่งของประเทศ จึงต๎องมีหน๎าที่รักษาไว๎ซึ่งความเป็นเอกราช และความ
ม่นั คงของชาติ โดยการปอู งกันประเทศชาตใิ ห๎พ๎นจากภัยอันตรายตําง ๆ ซงึ่ เกิดจากศัตรูทั้งภายในและ
ภายนอกประเทศ เม่ือมีเหตุร๎ายข้ึนในประเทศ ตํางก็ต๎องชํวยกันปราบปรามให๎ความรํวมมือกับ
เจ๎าหน๎าที่ของบ๎านเมืองอยํางเต็มที่ โดยเฉพาะอยํางยิ่งเป็นงานโดยตรงที่ชายไทยทุกคนจะต๎องเข๎ารับ
ราชการ

1) การปูองกนั ประเทศ เป็นหนา๎ ท่ขี องคนไทยทุกคน

กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การรับราชการทหาร พระราชบัญญัติการตรวจเลือกรับราชการ

พ.ศ.2497 กาหนดให๎เป็นหน๎าที่ของชายไทยทุกคนต๎องไปรับการตรวจเลือก หรือท่ีเรียกวํา
เกณฑ์ทหาร เม่ืออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ แตํผู๎อยํูในวัยศึกษาเลําเรียนสามารถผํอนผันได๎ โดยผ๎ูที่
ขอผํอนผันต๎องไปรายงานตัวทุกปี เม่ือมีการเกณฑ์ทหาร จนกวําจะสาเร็จการศึกษา และเม่ือสาเร็จ
การศึกษาแล๎วก็ต๎องไปเข๎ารับการคัดเลือกตามท่ีกฎหมายกาหนดไว๎ สาหรับผู๎ฝุาฝืนไมํไปเข๎ารับการ
ตรวจเลือก หรือหนที หาร จะได๎รบั โทษทางอาญาสถานเดียว คอื จาคกุ ตั้งแตํ 1 เดือน ถงึ 3 ปี

กกกกกกก5. 5.1 5.1.4 ปฏิบตั ติ ามกฎหมายบ๎านเมอื งอยํางเครงํ ครดั กฎหมายบา๎ นเมอื ง

หมายถึง กติกาหรือระเบียบกฎเกณฑ์ท่ีวางไว๎ให๎ประชาชนทุกคนปฏิบัติ เพื่อความสงบเรียบร๎อยของ
บ๎านเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ได๎กาหนดให๎ประชาชนทุกคนมีสํวนรํวมในการ
พิจารณาเห็นชอบและกาหนดกฎหมายขึ้นใช๎ในประเทศ โดยการเลือกต้ังผู๎แทนตน เพ่ือไปปฏิบัติ
หน๎าท่ีออกกฎหมายในสภานิติบัญญัติจึงเทํากับวําประชาชนทุกคนรํวมกันตรากฎหมายออกมาใช๎
รํวมกนั ประชาชนทุกคนจงึ ควรปฏบิ ัติอยาํ งเครํงครดั เพือ่ ความสงบเรียบร๎อยและความผาสุกรํวมกัน

กกกกกกก5. 5.1 5.1.5 ให๎ความรวํ มมือชวํ ยเหลือแกรํ าชการ เจา๎ หน๎าทเ่ี ปน็ ตัวแทนของรฐั บาลใน

การทจ่ี ะให๎บริการแกํประชาชน และปฏิบัติงานให๎เป็นไปตามกฎหมายของบ๎านเมืองชํวยเป็นหูเป็นตา
แกํเจ๎าหน๎าที่บ๎านเมือง เพ่ือชํวยปูองกันปราบปรามโจรผ๎ูร๎าย หรือผู๎เป็นภัยตํอความสงบสุขของ
บ๎านเมือง เมื่อประชาชนทุกคนตํางให๎ความรํวมมือกัน รักษาความสงบเรียบร๎อยของบ๎านเมือง
ประเทศชาติกจ็ ะอยํอู ยํางสงบสุขและปลอดภัยจากศตั รูทั้งภายในและภายนอก

กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 เสยี ภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัตไิ ว๎ ประเทศชาติจะรุํงเรืองและ

ประชาชนจะมีความสงบสขุ อยูไํ ด๎ กต็ ๎องอาศัยการบรหิ ารราชการแผํนดินของรฐั บาล เป็นหน๎าท่ีสาคัญ
ทีป่ ระชาชนชาวไทยจะต๎องชวํ ยกันเสียภาษอี ากร เพื่อเราจะไดม๎ กี าลังทหารไวป๎ ูองกนั เอกสารของชาติ
มถี นนทางดี ๆ ไวใ๎ ช๎ มีโรงเรยี นใหล๎ กู หลานไดศ๎ ึกษาเลาํ เรียน มโี รงพยาบาลสาหรบั รักษาเมือ่ เราเจบ็ ไข๎
ไดป๎ ุวย โดยจะต๎องภาษี ตามทกี่ ฎหมายกาหนดไว๎ดงั นี้

กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 1) ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา เป็นภาษีที่รัฐเก็บจากประชาชนทุกคนท่ีมี

รายได๎

107

กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 2) ภาษีเงินได๎นิติบุคคล เปน็ ภาษีที่รัฐเก็บจากบรษิ ทั ห๎างร๎านท่ีเป็น

นิติบคุ คล องคก์ ารของรัฐบาลตํางประเทศ กจิ การรํวมค๎า มลู นิธิและสมาคม

กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 3) ภาษีการค๎า เป็นภาษีท่ีรัฐเก็บจากผู๎ประกอบการค๎า หรือผ๎ูท่ีถือวํา

ประกอบการค๎าตามอัตราท่ีกาหนดไว๎ ภาษีผ๎ูประกอบการค๎าสามารถผลักภาระให๎ผู๎บริโภครับภาระ
ภาษีนไ้ี ด๎ โดยรวมไวใ๎ นราคาสนิ ค๎า เชํน ภาษีมลู คาํ เพม่ิ (VAT)

กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 4) คําอากรแสตมป์ เป็นการเก็บภาษีชนิดหน่ึง ซ่ึงกฎหมายกาหนดให๎มี

การปิดอากรแสตมป์บนตราสินค๎าบางอยําง โดยเอามูลคําของตราสารเป็นตัวต้ังในการคานวณ
คาํ อากร

กกกกกกก5. 5.2 หนา๎ ท่ขี องพลเมืองดตี อํ สงั คม
กกกกกกก5. 5.2 5.2.1 ด๎านกฎหมาย คือ เป็นกฎเกณฑ์ ข๎อบังคับท่ีใช๎ควบคุมความประพฤติของ

มนุษย์ในสังคม กฎหมาย มีลักษณะเป็นคาสั่ง ข๎อห๎าม ท่ีมาจากผู๎มีอานาจสูงสุดในสังคมใช๎บังคับได๎
ทั่วไป ใครฝุาฝืนจะต๎องได๎รับโทษ หรือสภาพบังคับอยํางใดอยํางหนึ่ง พลเมืองทุกคนต๎องปฏิบัติตาม
กฎ ระเบยี บ ขอ๎ บงั คบั ของสงั คม และบทบญั ญตั ิของกฎหมาย เชํน ไมํลํวงละเมิดสิทธิของผ๎ูอ่ืน หรือไมํ
กระทาความผิดตามทกี่ ฎหมายกาหนด ก็จะทาให๎รัฐไมํต๎องเสียงบประมาณในการปูองกัน ปราบปราม
และจับกุมผู๎ท่ีกระทาความผิดมาลงโทษ นอกจากน้ียังทาให๎สังคมมีความเป็นระเบียบสงบสุข
ทุกคนอยูํรํวมกันอยํางสมานฉันท์ ไมํหวาดระแวงคิดร๎ายตํอกัน พลเมืองดีต๎องเคารพกฎหมายและ
ทาตามกฎหมายรัฐธรรมนญู

กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 ดา๎ นวฒั นธรรม คือ แบบแผนการกระทา หรือผลการกระทาทพ่ี ฒั นาจาก

สภาพเดิมตามธรรมชาติให๎ดีงามย่ังยืนจนเป็นท่ียอมรับของคนในสังคม เชํน กิริยา มารยาท การพูด
การแตํงกาย การรับประทานอาหาร เป็นต๎น วัฒนธรรมการไหว๎ เป็นวัฒนธรรมภายนอกท่ีมักได๎รับ
การตอบสนองจากผู๎ได๎รับด๎วยการไหว๎ตอบ นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมไทยอ่ืน ๆ ที่งดงาม
เชํน การกราบ การทาบุญตักบาตร การแตํงกายแบบไทย เปน็ ต๎น

กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 1) พลเมืองดยี อํ มเป็นท่ตี ๎องการของสังคมทุกสงั คม สถาบนั และสถานะ

ของตนเอง ดังนั้น พลเมืองดีจึงต๎องได๎รับการปลูกฝังวัฒนธรรมส่ิงท่ีดีงาม โดยเฉพาะสังคมแรก
คือ ครอบครัว ต๎องอบรมให๎คนไทยมีสัมมาคารวะตํอผ๎ูอาวุโส มีความเสียสละ ซ่ือสัตย์สุจริต ตรงตํอ
เวลา เป็นต๎น

กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 2) สอนใหเ๎ ยาวชนรจู๎ ักและปฏิบตั ิตนตามสถานภาพและบทบาทของ

ตนเองโดยมีความรับผดิ ชอบ รบั ฟังความคดิ เหน็ ของผู๎อืน่ เคารพกฎหมาย ปฏบิ ัติตามขนบธรรมเนยี ม
ประเพณแี ละวัฒนธรรมการปลกู ฝังสิ่งท่ีดีงาม

กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 3) พลเมอื งดีทกุ คนต๎องปฏบิ ตั ิตามวฒั นธรรมของสงั คมท่ีตนเองเปน็

สมาชิก

กกกกกกก5. 5.2 5.2.3 ดา๎ นประเพณีไทย คือ กิจกรรมท่ีสืบทอดตํอกนั มายาวนานและ

สงั คมยอมรบั วาํ เปน็ สิง่ ทด่ี งี าม สิ่งทีง่ ดงามของแตลํ ะสังคมอาจเหมือนกัน คล๎ายกัน หรือแตกตํางกันได๎
และส่งิ ทง่ี ดงามของสังคมหนึง่ เมือ่ เวลาผาํ นไปสงั คมอาจเป็นสงิ่ ทไี่ มํงดงามได๎ ดังน้ันประเพณีไทยอาจ

108

มีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงไปกับสภาพสังคม พลเมืองดีจึงควรรักษาประเพณี แตํถ๎าพบวําประเพณี
มคี วามลา๎ หลัง ไมํทันสมยั ก็สามารถปรบั ปรงุ ให๎เหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปล่ียนไป

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 ดา๎ นสทิ ธิหนา๎ ท่ตี าม ระบอบประชาธิปไตย การเป็นสมาชิกท่ีดีของสงั คม

ตามสิทธหิ นา๎ ท่ีตามระบอบประชาธปิ ไตย มี 4 ระดบั ดังนี้

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) ระดับครอบครัว หนา๎ ที่ของครอบครัวผลิตสมาชิกให๎แกํสงั คม อบรม

บํมเพาะคํานิยมท่ีดีงาม ปลูกฝังขนบธรรมเนียม แบบแผนทางสังคม และกลํอมเกลาให๎สมาชิกใน
ครอบครัว เพื่อเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมตํอไป ให๎ความอบอํุนแกํสมาชิกในครอบครัว เพ่ือให๎สมาชิกผ๎ู
น้ันเข๎าสูํสังคม และเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ให๎การศึกษาแกํสมาชิกของครอบครัว ซึ่งหน๎าที่ของ
สมาชิกในครอบครัว หลักสาคัญตามระบอบประชาธิปไตยมี 7 ขอ๎ คือ

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) ใหค๎ วามเคารพเช่ือฟังผน๎ู าในครอบครวั
กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) ดแู ลครอบครัวใหส๎ ามารถอยํไู ด๎ท้งั ด๎านเศรษฐกจิ และความเป็นอยํู

อน่ื ๆ

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) ไมํสรา๎ งความแตกแยก แกํครอบครวั
กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) ไมํสรา๎ งความเดือดรอ๎ นแกคํ รอบครัว
กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (5) เคารพกฎเกณฑ์ของครอบครัวและแบบแผนทางสังคม
กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (6) สร๎างอาชีพและรายไดใ๎ ห๎เพยี งพอกับสมาชกิ ในครอบครวั
กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (7) ทานบุ ารุงครอบครัว ดแู ลสมาชกิ ท่ี เจ็บปุวย และสมาชกิ ท่ี

ชํวยเหลือตัวเองไมํได๎

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 2) ระดับโรงเรียน เป็นสถานที่ทใ่ี หค๎ วามรซ๎ู ึง่ เราต๎องอยํูรวํ มกับคน

อน่ื ๆ อีกมากมาย ดงั น้นั เราจึงจาเปน็ ตอ๎ งปฏิบตั ติ ามกฎระเบยี บของห๎องเรียนและโรงเรยี น เพ่อื ทจ่ี ะ
ไดอ๎ ยรูํ วํ มกันอยาํ งมคี วามสขุ และเกดิ ความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ๎ ย บทบาทหน๎าทตี่ ามระบอบ
ประชาธิปไตยในโรงเรียนมีดังนี้

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) เมอื่ มาโรงเรียน เราตอ๎ งปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บของโรงเรียน

เชนํ แตงํ กายใหถ๎ ูกต๎องตามระเบียบ มาให๎ทนั เข๎าแถวเคารพธงชาตใิ นตอนเชา๎

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) เมอื่ อยํูในโรงเรียน เราต๎องชํวยกันรกั ษาความสะอาดในหอ๎ งเรียน

และในบรเิ วณตาํ ง ๆ ของโรงเรยี น ท้งิ ขยะลงในถังขยะทโ่ี รงเรียนจดั ให๎

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) ใหค๎ วามเคารพเช่ือฟังครอู าจารย์ ตั้งใจเรียนหนังสือ รวมทัง้

ทางานตําง ๆ ที่ครูมอบหมายดว๎ ยความต้ังใจและเอาใจใสํ

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) ปฏบิ ตั ใิ นการเปน็ ผูน๎ าและผต๎ู ามท่ีดีในหอ๎ งเรยี นและโรงเรยี น

ต๎องรู๎วําเม่ือเราเปน็ ผ๎ูนาในการทากจิ กรรมตําง ๆ ควรปฏบิ ัติตนอยาํ งไร และเม่ือเปน็ ผูต๎ ามควรปฏบิ ัติ
ตนอยาํ งไร

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (5) รจู๎ กั แสดงความคิดเห็นตามสิทธขิ องตนเองในห๎องเรียนและ

โรงเรียน รวมทง้ั รจ๎ู กั รบั ฟังความคดิ เห็นของผู๎อ่ืน และเคารพข๎อตกลงของคนสํวนใหญํ

109

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (6) ถา๎ เกิดข๎อขัดแย๎งกนั ในห๎องเรยี นและโรงเรียน ใหแ๎ ก๎ปัญหาด๎วย

หลักเหตุผล ไมใํ ชอ๎ ารมณห์ รอื พละกาลงั ในการแก๎ปญั หา เพราะไมํใชวํ ธิ แี ก๎ปัญหาที่ถูกต๎อง แตํกลบั จะ
ทาใหเ๎ กิดปัญหาอ่นื ๆ ตามมา

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (7) ในการแขํงขนั ทากจิ กรรมตาํ ง ๆ ของโรงเรยี น เชนํ การแขํงกีฬา

การประกวดในดา๎ นตาํ ง ๆ ต๎องฝึกฝนตนเองใหเ๎ ปน็ ผ๎ูร๎จู ักแพ๎ ชนะ และให๎อภัย รวมทง้ั ยอมรบั ในคา
ตดั สินของคณะกรรมการ

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 3) ระดับท๎องถนิ่ การปฏบิ ัติตนในฐานะสมาชกิ ของชุมชน บคุ คล

สามารถปฏิบตั ติ นเองตามระบอบประชาธปิ ไตยได๎หลายวิธี ดังน้ี

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) ปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบียบของชมุ ชน เชํน ปฏบิ ตั ติ ามกฎจราจร

โดยข๎ามถนนตรงทางม๎าลาย หรอื สะพานลอย ไมวํ ่งิ ขา๎ มถนนตดั หนา๎ รถ ไมํทง้ิ ขยะลงในทีส่ าธารณะ
ไมํทาลายส่งิ ของทเ่ี ปน็ ของสาธารณะ และทรพั ย์สินสํวนตวั ของผ๎ูอ่ืนให๎ไดร๎ บั ความเสยี หายเพราะความ
สนุกสนานของตนเอง

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) เข๎ารวํ มกิจกรรมของชุมชน เพ่ือชํวยรกั ษาและเผยแพรํวฒั นธรรม

ประเพณีของชุมชนไว๎ ในแตํละชุมชนจะมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ ปฏิบัติสืบทอดกันมา
เชนํ ประเพณีการทาบุญเมอ่ื ถึงวันสาคญั ทางศาสนา ประเพณีวนั สงกรานต์ ประเพณวี ันลอยกระทง

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) บาเพ็ญประโยชน์ตอํ ชุมชน เชํน ชํวยเกบ็ เศษขยะท่ีพบเหน็ ใน

บริเวณตําง ๆ ชวํ ยดแู ลต๎นไม๎ ดอกไม๎ในสวนสาธารณะของชมุ ชน

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) รํวมกันอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ๎ มในชุมชน

โดยให๎ทุกคนในชุมชนมีจิตสานึกในการรักษาส่ิงแวดล๎อม เชํน ชุมชนท่ีมีปุาชายเลน ควรจะรํวมใจกัน
อนุรักษ์ปุาชายเลน เพื่อให๎เป็นท่ีอยูํของสัตว์ตําง ๆ รวมท้ังยังเป็นแหลํงหลบภัยของลูกสัตว์น้า
และชุมชนที่อยตูํ ิดชายทะเล ควรรวํ มใจกันรกั ษาความสะอาดของชายหาด เพื่อให๎เป็นแหลํงทํองเท่ียว
ท่ีย่ังยืนของชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อมในชุมชนควรเป็นความรํวมมือกัน
หลายฝุายระหวาํ งบา๎ น โรงเรยี น และชมุ ชน

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 4) ระดบั ประเทศ บุคคลปฏิบตั ติ นในการเป็นสมาชกิ ที่ดีของประเทศตาม

ระบอบประชาธิปไตย ดว๎ ยการมีสํวนรํวมในกจิ กรรมทางการเมืองการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย ประชาชนสามารถมีสํวนรวํ มได๎ ดังน้ี

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) การใชส๎ ิทธิในการเลอื กต้ังระดบั ตําง ๆ เม่อื อายุครบ 18 ปี

บริบูรณ์ทุกคนต๎องไปใช๎สิทธิเลือกตั้งท้ังในระดับประเทศ เชํนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผ๎ูแทนราษฎร
การเลือกตัง้ สมาชิกวฒุ ิสภา และการเลอื กต้ังระดับท๎องถิ่น เชนํ การเลอื กตงั้ ผ๎ูวาํ กรุงเทพมหานคร
การเลอื กตง้ั สมาชิกองค์กรสํวนท๎องถิ่น เปน็ ตน๎ เพ่ือเลอื กตัวแทนไปทาหนา๎ ท่ีบริหารประเทศ
หรือท๎องถิ่นทวั่ ไป

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) การมสี วํ นรํวมในการตรวจสอบการใชอ๎ านาจรฐั ในการปกครอง

ระบอบประชาธิปไตยน้ัน ประชาชนทุกคนต๎องมีสํวนรํวมในการชํวยกันสอดสํองดูแลการบริหาร
ราชการแผํนดินของรัฐบาล หรือตรวจสอบการทางานของเจ๎าหน๎าท่ีในองค์กรตําง ๆ เพ่ือไมํให๎ใช๎
อานาจไปในทางทไ่ี มํถูกตอ๎ ง

110

กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) การเป็นแกนนาปลุกจิตสานกึ ให๎แกํผู๎อืน่ ในการรํวมกิจกรรม

ทางการเมอื งการปกครอง ได๎แกํ การใชส๎ ทิ ธิเลอื กต้งั และการมีสํวนรํวมในการตรวจสอบอานาจของรฐั
โดยการเป็นแกนนานนั้ สามารถปฏบิ ัตไิ ด๎หลายอยําง เชํน ประกาศโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ การเขา๎ ไป
ชแี้ จงเป็นรายบุคคล การจดั ให๎มีการประชุมเพ่ือแสดงความคิดเหน็ ตํอประเดน็ ที่มีผลกระทบตอํ สังคม

กกกกกกก6. คุณธรรมของการเปน็ พลเมืองดี มี 8 ขอ๎ ได๎แกํ
กกกกกกก6. 6.1 ความจงรักภักดีตํอชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ หมายถงึ การที่บคุ คล

มีความนึกถึงความสาคัญของความเป็นคนไทย มีจิตใจฝักใฝุศาสนา และตระหนักถึง
พระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนในการผดุงรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และ
พระมหากษัตรยิ ์ใหค๎ งอยํูคสํู งั คมไทย ตลอดไป

กกกกกกก6. 6.2 การยึดมั่นในหลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนเองนับถือ ทุกศาสนามีหลักศลี ธรรมทีช่ วํ ย

สร๎างจิตใจของคนให๎กระทาดี ไมํเบียดเบียนกัน มีใจเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผํแกํกัน สมาชิกในสังคมสมควร
ศรทั ธาในศาสนาทตี่ นนับถือ แล๎วปฏบิ ัตติ ามหลกั ศลี ธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถอื อยํางสม่าเสมอ

กกกกกกก6. 6.3 ความซื่อสัตย์ หมายถงึ การกระทาทถ่ี ูกต๎องตรงไปตรงมา ไมยํ ึดเอาสง่ิ ของผ๎ูอ่นื

มาเปน็ ของตน บุคคลควรซื่อสตั ยต์ อํ ตนเอง คือ กระทาตนให๎เปน็ คนดี และบคุ คลควรซื่อสัตย์ตํอบุคคล
อื่น ๆ หมายถงึ กระทาดี และถกู ต๎องตามหนา๎ ท่ีตอํ ผ๎ูอนื่

กกกกกกก6. 6.4 ความเสยี สละ หมายถงึ การคานึงถงึ ประโยชน์ของสงั คมสวํ นรวมมากกวํา

ประโยชนส์ ํวนตน และยอมเสียสละประโยชน์สวํ นตนเพื่อประโยชน์แกผํ อ๎ู ่ืนและสวํ นรวม

กกกกกกก6. 6.5 ความรบั ผิดชอบ หมายถงึ การยอมรบั การกระทาของตนเอง หรือการทางานตาม

หน๎าทีท่ ่ไี ดร๎ บั มอบหมายให๎สาเร็จลลุ ํวง

กกกกกกก6. 6.6 การมรี ะเบียบวนิ ยั หมายถึง การกระทาท่ีถกู ต๎องตามกฎเกณฑ์ท่ีสังคมกาหนดไว๎
กกกกกกก6. 6.7 การตรงตอํ เวลา หมายถึง การทางานหรอื ทาหน๎าที่ทไ่ี ด๎รบั มอบหมายให๎สาเรจ็

ลุลวํ ง ทันตรงตามเวลาทีก่ าหนดโดยใช๎เวลาอยาํ งคุ๎มคาํ

กกกกกกก6. 6.8 ความกลา๎ หาญทางจริยธรรม หมายถึง การกระทาทีแ่ สดงออกในทางทีถ่ กู ที่ควร

โดยไมํเกรงกลัว อทิ ธิพลใด ๆ ความกลา๎ น้ไี มใํ ชกํ ารอวดดี แตํเป็นการแสดงออกอยํางมเี หตุผล
เพ่ือความถูกตอ๎ ง

สรปุ

กกกกกกกพลเมืองดี จึงเปน็ ผ๎ทู ี่ประพฤติปฏบิ ัตติ น ตามหลกั กฎหมายท่เี ป็นกฎระเบียบหรอื
ข๎อบังคับ ให๎พลเมืองของสังคมน้ันได๎ถือปฏิบัติรํวมกัน ตลอดจนรู๎จักบทบาทหน๎าท่ีของตนเอง
เคารพความคิดเห็นของผู๎อ่ืน และดารงตนเป็นประโยชน์ตํอสังคม ซึ่งพลเมืองยํอมมีสิทธิและหน๎าที่
ตามกฎหมายของประเทศนั้น บุคคลตํางสัญชาติ ที่เข๎าไปอยูํอาศัย ซ่ึงเรียกวํา คนตํางด๎าว ไมํมีสิทธิ
เทําเทียมกับพลเมือง และมีหน๎าท่ีแตกตํางกันออกไป เชํน อาจมีหน๎าท่ีเสียภาษี หรือ คําธรรมเนียม
เพิ่มขึ้น ตามที่กฎหมายแตํละประเทศบัญญัติไว๎ ซึ่งประชาชน ในประเทศจะต๎องฝึกฝนและพัฒนา
ตนเองเพื่อความเป็นพลเมือง ซึ่งมีความเข๎าใจและตระหนักถึงบทบาทหน๎าท่ีของตนในสังคมด๎วย

111

ความรับผิดชอบอยํางเตม็ ที่ รวมทงั้ มีความกระตอื รือร๎นในการรักษาสิทธิตําง ๆ ของตนและชุมชนของ
ตนเองอยาํ งเข๎มแขง็ ทสี่ าคัญคอื ประชาชนควรเข๎ามามีสํวนรํวมทางการเมือง ด๎วยความเต็มใจโดยการ
แสดงออกซ่ึงสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอยํางเสรี มีเหตุมีผล เพ่ือสร๎างสรรค์และ
จรรโลงสังคม โดยรวม ตลอดจนยึดหลักการพ้ืนฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็น
แนวทางในการดาเนินชีวิตในสังคม มีการปฏิบัติตนตามกฎหมายอยํางเครํงครัด และยึดมั่นในหลัก
ศีลธรรมและคุณธรรม ของศาสนาควบคูํกันไปด๎วยพร๎อม ๆ กับดารงตนเป็นประโยชน์ ตํอสังคม
สํวนรวม โดยมีการชํวยเหลือเกื้อกูลกันอยํางจริงใจ อันจะกํอให๎เกิดการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ
ตอํ ไป

112

ใบความรู้
เรอ่ื งที่ 2 การเรียนร้ตู ามรอยพระยุคลบาท

วัตถุประสงค์

1. เพ่ือให๎นกั ศึกษามีความรู๎ความเขา๎ ใจ เร่อื ง การเรยี นรูต๎ ามรอยพระยคุ ลบาท
2. เพ่ือให๎นกั ศึกษามีทักษะการแสวงหาความร๎ู เร่ือง การเรียนรู๎ตามรอยพระยุคลบาท
3. เพ่ือใหน๎ ักศกึ ษามีความตระหนกั ถึงความสาคญั เร่อื ง การเรียนรตู๎ ามรอยพระยุคลบาท

เนอ้ื หา

การเรียนร๎ตู ามรอยพระยุคลบาท หมายถึง การเรยี นร๎ูเพ่ือการปฏิบัติ การปฏิบัตขิ องคนใน
สังคมตามพระราชปฏิญญาพระบรมราโชวาท และหลักปฏิบัติพระราชภารกิจของพระบาทสมเด็จ
พระเจา๎ อยูํหวั เพ่ือเป็นแนวทางปฏิบตั ิตน และปฏิบตั ภิ ารกิจหน๎าที่ การงานอันนาไปสํูทศพิธราชธรรม
หรือการบริหารกิจการบ๎านเมืองท่ีดี สํงผลให๎บังเกิดความเจริญรุํงเรือง ความสงบเรียบร๎อยของสังคม
ความผาสุกของประชาชน และความมน่ั คงของประเทศชาติ

1. ด๎านหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หมายถึง เป็นปรชั ญาชถี้ ึงแนวทางการดารงอยูํ
และปฏบิ ัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตงั้ แตรํ ะดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการ
พฒั นาและบริหารประเทศใหด๎ าเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพ่ือก๎าวทันตํอ
โลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึง
ความจาเป็นท่ีจะต๎องมีระบบภูมิคุ๎มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการ
เปล่ียนแปลงท้ังภายนอกและภายใน ท้ังนี้จะต๎องอาศัย ความรอบร๎ู ความรอบคอบ และความ
ระมัดระวัง อยํางย่ิง ในการนาวิชาการตําง ๆ มาใช๎ในการวางแผน และการดาเนินการทุกขั้นตอน
และขณะเดยี วกนั จะตอ๎ งเสรมิ สรา๎ งพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ๎าหน๎าที่ของรัฐ นักทฤษฎี
และนกั ธุรกิจในทุกระดับ ให๎มีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให๎มีความรอบร๎ู ที่เหมาะสม
ดาเนินชีวติ ดว๎ ยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให๎สมดุล และพร๎อมการ
รองรับการเปล่ียนแปลงอยํางรวดเร็ว และกว๎างขวางทั้งด๎านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล๎อม และ วัฒนธรรม
จากโลกภายนอกได๎เป็นอยํางดี และได๎ทรงเน๎นย้าแนวทางการพัฒนา ท่ีตั้งอยํูบนพื้นฐานของทาง
สายกลาง และความไมํประมาท โดยคานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร๎างภูมิค๎ุมกัน
ในตัวที่ดี ตลอดจนใช๎คุณธรรม ความร๎ู และดาเนินชีวิตด๎วยความเพียร เพ่ือปูองกันตนเองให๎รอดพ๎น
จากวิกฤต และสามารถดารงอยูํได๎อยํางมั่นคงและย่ังยืน ภายใต๎กระแสโลกาภิวัตน์และการ
เปล่ยี นแปลงตําง ๆ

ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ แนวทางการดาเนินชีวิต และวิถีปฏิบตั ินาสํูความสมดลุ
ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดตี ํอความจาเป็น และเหมาะสมกบั ฐานะของตนเอง
อันสํงผลใหม๎ คี วามสุขอยาํ งย่ังยืน โดยมีองค์ประกอบสาคญั ดังนี้ สงั คมส่ิงแวดล๎อมรวมท้ังวฒั นธรรม
ในแตลํ ะท๎องถน่ิ ไมํมากเกนิ ไป ไมํน๎อยเกินไป และต๎องไมํเบียดเบยี นตนเองและผอ๎ู ่นื

113

ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจดาเนนิ การอยํางมีเหตผุ ล ตามหลักวิชาการ
หลักกฎหมาย หลักคุณธรรม และวัฒนธรรมท่ีดีงาม โดยคานึงถึงปัจจัยท่ีเก่ียวข๎องอยํางถ๎วนถ่ี
“รู๎จุดอํอน จุดแข็ง โอกาส อุปสรรค” และคาดการณ์ผลท่ีจะเกิดข้ึนอยํางรอบคอบ “รู๎เขา ร๎ูเรา ร๎ูจัก
เลอื กนาสิ่งท่ดี ี และเหมาะสมมาประยุกต์ใช๎”

การมภี ูมคิ มุ๎ กนั ในตวั ที่ดี หมายถงึ การเตรยี มตัวให๎พร๎อมรับผลกระทบและการ
เปลี่ยนแปลงด๎านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล๎อม และวัฒนธรรมจากท้ังในและตํางประเทศ
เพ่ือให๎สามารถบริหารความเสี่ยง ปรับตัว และรับมือได๎อยํางทันทํวงที การปฏิบัติเพ่ือให๎เกิดความ
พอเพยี งนัน้ จะตอ๎ งเสรมิ สร๎างใหค๎ นในชาติมีพนื้ ฐานจติ ใจในการปฏิบตั ิตน

มคี ุณธรรม ทง้ั น้ีบุคคล ครอบครัว องค์กร และชมุ ชน ที่จะนาปรชั ญาของเศรษฐกจิ
พอเพียงไปใช๎ ต๎องนาระบบคุณธรรม และความซ่ือสัตย์สุจริตมาประพฤติปฏิบัติกํอน โดยเริ่มจาก
การอบรมเล้ียงดูในครอบครัว การศึกษาอบรมในโรงเรียน การส่ังสอนศีลธรรมจากศาสนา ตลอดจน
การฝึกจติ ขมํ ใจของตนเอง

ใช๎หลกั วชิ า-ความร๎ู โดยนาหลกั วชิ าและความร๎เู ทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมมาใช๎ ท้งั ในขน้ั การ
วางแผนและปฏบิ ัติ ด๎วยความดาเนนิ ชีวติ ด๎วยความเพียร ความอดทน มสี ตปิ ัญญา และความ
รอบคอบ รอบรู๎ และระมัดระวงั อยาํ งยงิ่

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วนั ท่ี
10 กรกฎาคม พ.ศ. 2517

“การพัฒนาประเทศจาเป็นต๎องทาตามลาดับขนั้ ตอน ต๎องสร๎างพื้นฐาน คอื ความพอมี พอ
กิน พอใช๎ ของประชาชนสวํ นใหญเํ ปน็ เบ้ืองตน๎ กํอน เมื่อได๎พนื้ ฐานม่นั คงพร๎อมพอควรและปฏบิ ัติได๎
แล๎ว จงึ คอํ ยสร๎าง คํอยเสรมิ ความเจริญ และฐานะเศรษฐกิจชัน้ ทสี่ งู ขึ้นโดยลาดับตํอไป”

2. ด๎านความเจรญิ หมายถึง ความงอกงาม ความเพิ่มพูนมากขึน้ และคาวํา “รุงํ เรือง”
ก็หมายความถึงความอุดมสมบูรณ์ เม่ือรวมคาวําเจริญ และรุํงเรืองเข๎าด๎วยกันเป็น “ความ
เจริญรุํงเรือง” แล๎ว ณ ท่ีน้ี จึงหมายถึง ความงอกงามไพบูลย์ ความเพ่ิมพูน ความอุดมสมบูรณ์
แหํงมนุษยสมบัติ เคร่ืองปลื้มใจของมนุษย์ได๎แกํ รูปสมบัติ 1 น้ีรวมท้ังบุคลิกภาพ กิริยามารยาทที่ดี
งาม และยศถาบรรดาศักด์ิด๎วย เป็นต๎น ทรัพย์สมบัติ 1 ได๎แกํ ทรัพย์สินเงินทอง เคร่ืองใช๎สอย
เครอื่ งอานวยความสะดวกท่ีชอบใจ เป็นต๎น บริวารสมบัติ 1 ได๎แกํ พวกพ๎อง บริษัท บริวาร ญาติมิตร
ท่ีดีอีกด๎วย และคุณสมบัติ 1 คือ ความรู๎ สติปัญญา ความสามารถ และคุณธรรม ให๎เจริญถึงสวรรค์
สมบัติ ท่ีละเอียดประณีตกวํามนุษยสมบัติและให๎ถึงมรรคผล นิพพาน ช่ือวํานิพพานสมบัติท่ีสิ้นสุด
แหงํ ทุกขท์ ง้ั ปวง และทเ่ี ปน็ บรมสุข

2. พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ
อาชวี ศึกษา ณ อาคารใหมํ สวนอมั พร วนั ท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2530

2. “ความเจริญของบ๎านเมืองนั้น แท๎จริงเกิดจากความเจริญของบุคคลแตํละคนประกอบ
กันขึ้น เพราะฉะนั้น ผู๎ที่มีความร๎ูความสามารถท้ังหลายควรจะได๎ถือเป็นภาระรับผิดชอบสาคัญ
ที่จะต๎องต้ังใจพยายามทางานของตนให๎ประสบผลสาเร็จและเจริญก๎าวหน๎า ความเจริญของแตํละคน
จักได๎ประกอบเกื้อกูลกัน สํงให๎บ๎านเมืองมีความเจริญม่ันคงขึ้นด๎วย วันนี้จึงใครํแนะนาหลักการ
ปฏิบัติงานแกํทุก ๆ คน เบื้องต๎นจะทางานสิ่งใด ไมํวําใหญํหรือเล็ก ขอให๎พิจารณาจุดมํุงหมายและ

114

ประโยชน์ของงานน้ันเห็นได๎ชัด จนเกิดความม่ันใจ และพอใจท่ีจะกระทา เม่ือม่ันใจแล๎วจึงกาหนด
ขัน้ ตอนทางานใหเ๎ หมาะแกกํ ารปฏบิ ตั ิ และลงมือปฏิบตั ใิ หไ๎ ด๎ครบถ๎วนตามข้ันตอนน้ัน ๆ โดยสม่าเสมอ
จนกวําจะสาเร็จ ขณะที่ปฏิบัติเอาใจใสํจดจํอไมํวางมือให๎ลําช๎าเสียหายท้ังพยายามให๎ความพินิจ
พิจารณา ปรับปรุงการปฏิบัติให๎เหมาะสม และก๎าวหน๎าอยํูตลอดเวลา เพ่ือให๎บรรลุผลท่ีสมบูรณ์
ทํานทั้งหลายทาได๎อยํางน้ีก็จะได๎ช่ือวําเป็นนักปฏิบัติท่ีดี ที่กระทาการงานทุกอยํางด๎วยหลักวิชาด๎วย
ความสามารถ ด๎วยความพากเพียรเอาใจใสํ และด๎วยวิธีการอันแยบคายซึ่งจะชํวยให๎ประสบ
ความสาเรจ็ ความเจริญทกุ สิง่ ได๎ตามประสงค์”

3. ความดี หมายถึง การทาใหเ๎ กิดผลดีอยาํ งมีคุณคําตํอผ๎อู ื่น ตอํ สํวนรวม รวมถึงตอํ ตนเอง
พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกผํ ๎สู าเรจ็ การศึกษาจาก
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ วันท่ี 20 ตลุ าคม พ.ศ. 2520
“ บัณฑิตท้ังหลายคงจะมีความหวังตั้งใจอยํูเต็มเปี่ยมท่ีจะออกไปทางานด๎วยความร๎ู
ความสามารถ ด๎วยความบริสุทธิ์ใจ และด๎วยความเพียรเข๎มแข็ง เพื่อให๎บังเกิดความเจริญก๎าวหน๎าแกํ
ชาติบ๎านเมอื ง แตบํ างคนกอ็ าจกาลงั คดิ อยํูดว๎ ยวํา ถา๎ เราทาดแี ล๎วคนอ่นื เขาไมํทาด๎วยจะมิเสียแรงเปลํา
หรือ ความร๎ู ความตัง้ ใจ ความอุตสาหะพากเพียรของเราทง้ั หมดจะมีประโยชน์อันใด ข๎าพเจ๎าขอให๎ทุก
คนทาความเข๎าใจเสียใหมํให๎ชัดแจ๎งตั้งแตํต๎นนี้วํา การทาความดีน้ันสาคัญที่สุดอยํูท่ีตัวเอง ผู๎อื่นไมํ
สาคัญและไมํมีความจาเปน็ อันใดที่จะตอ๎ งเปน็ หํวง หรือต๎องรอคอยเขาด๎วย เม่ือได๎ลงมือลงแรงกระทา
แลว๎ ถงึ แม๎จะมใี ครรํวมมอื ด๎วยหรอื ไมกํ ต็ าม ผลดีทที่ าจะต๎องเกิดขึ้นแนํนอนและยิ่งทามากเข๎า นานเข๎า
ย่ังยืนเข๎า ผลดีก็ย่ิงเพิ่มพูนมากขึ้น และแผํขยายกว๎างออกไปทุกที คนท่ีไมํเคยทาดี เพราะเขาไมํเคย
เห็นผลกจ็ ะได๎เห็น และหันเข๎ามาอยํางเต็มหลักประกันสาคัญในการทาดีจึงอยํูท่ีวําแตํละคนต๎องทาใจ
ให๎มั่นคง ไมํหวั่นไหวกับสิ่งแวดล๎อมที่เห็นอยํู ทราบอยํูมากเกินไปจนเกิดความท๎อถอย เมื่อใจม่ันคง
แล๎วก็ขอให๎ต้ังอกต้ังใจสร๎างนิมิต และคํานิยมใหมํข้ึนสาหรับตัวตามที่พิจารณาเห็นดี ด๎วยเหตุผลอัน
ถกู ต๎องเที่ยงตรงแล๎ว แล๎วมุํงหน๎าปฏิบัติดาเนินไปให๎เต็มกาลังจนบรรลุผลสาเร็จในท่ีสุด ความดีความ
เจรญิ ทป่ี รารถนาก็จะเกิดทวขี ้นึ และจะเอาชนะความเสื่อมทรามตาํ ง ๆ ได๎ไมนํ านเกินรอ”
4. ด๎านความรู๎ หมายถึง สิ่งท่ีสั่งสมมาจากการศึกษาเลําเรียน การค๎นคว๎าหรือจาก
ประสบการณ์ รวมท้ังความสามารถเชิงปฏิบัติ และทักษะความเข๎าใจ หรือสารสนเทศที่ได๎รับมาจาก
ประสบการณอ์ งคว์ ิชาในแตํละสาขา
พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรแกบํ ัณฑิตมหาวทิ ยาลัยศรนี ครินรวิโรฒ
ณ สวนอมั พร วันท่ี 22 มิถุนายน พ.ศ. 2524
“ความรู๎นั้นสาคัญย่ิงใหญํ เพราะเป็นปัจจัยให๎เกิดความฉลาดสามารถ และความ
เจริญก๎าวหน๎า มนุษย์จึงใฝุศึกษากันอยํางไมํร๎ูจบส้ิน เม่ือพิเคราะห์ดูแล๎ว การเรียนความรู๎แม๎มากมาย
เพยี งใดบางทีกไ็ มํชวํ ยใหฉ๎ ลาด หรือเจรญิ ได๎เทําใดนัก ถา๎ หากเรียนไมํถูกถ๎วน ไมํร๎ูจริงแท๎ การศึกษาหา
ความรู๎จึงสาคัญตรงทว่ี าํ ตอ๎ งศึกษา ความฉลาดรู๎ คือ รูแ๎ ลว๎ สามารถนามาใช๎ประโยชน์ได๎จริง ๆ โดยไมํ
เป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพ่ือความฉลาดร๎ู มีข๎อปฏิบัติท่ีนําจะยืดเป็นหลักอยํางน๎อยสองประการ
ประการแรก เมื่อจะศึกษาสิ่งใดให๎ร๎ูจริงควรจะศึกษาให๎ตลอดครบถ๎วนทุกแงํทุกมุม ไมํใชํเรียนร๎ูแตํ
เพียงบางสํวนบางตอน หรือเพํงเล็งเฉพาะแตํบางสํวนบางมุม อีกประการหน่ึงซึ่งจะต๎องปฏิบัติ
ประกอบพร๎อมกันไปด๎วยเสมอ คือ ต๎องพิจารณาศึกษาเร่ืองน้ัน ๆ ด๎วยความคิดจิตใจที่ต้ังม่ัน

115

เป็นปรกติ และเท่ียงตรง เป็นกลาง ไมํยอมให๎รู๎เห็น และเข๎าใจตามอานาจความเหนี่ยวนาของอคติ
อคตฝิ ุายชอบหรอื ฝาุ ยชงั มฉิ ะนน้ั ความร๎ูสึกท่ีเกิดขึ้นจะไมํเป็นความรู๎แท๎ หากเป็นแตํความรู๎ท่ีอาพราง
ไว๎ หรือที่คลาดเคลื่อนวิปริตไปตําง ๆ จะนาไปใช๎ให๎เป็นประโยชน์จริง ๆ โดยปราศจากโทษไมํได๎
บัณฑิตท้ังหลายได๎ช่ือวําเป็นผู๎มีปัญญาเป็นนักศึกษาค๎นคว๎า ขอให๎มีหลักในการเรียนร๎ูอยํางน๎อยก็
ตามท่ีได๎กลําว คือ จะศึกษาสิ่งใดก็พิจารณาศึกษาให๎หมดจดทุกแงํทุกมุมด๎วยจิตใจที่เที่ยงตรงเป็น
กลางจึงจะไดร๎ บั ประโยชน์จากการศกึ ษาค๎นควา๎ สมบรู ณบ์ รบิ ูรณด์ งั ท่ีพงึ ประสงค์”

5. ด๎านความสามัคคี หมายถึง ความพร๎อมเพรียงกัน ความกลมเกลียวเป็นน้าหนึ่งใจ
เดียวกัน ไมํทะเลาะเบาะแว๎ง วิวาทบาดหมางซึ่งกันและกัน ความสามัคคี มีด๎วยกัน 2 ประการ
1) ความสามัคคีทางกาย ได๎แกํ การรํวมแรงรํวมใจกันในการทางาน 2) ความสามัคคีทางใจ ได๎แกํ
การรํวมประชุมปรกึ ษาหารือกันในเมือ่ เกิดปัญหาขึ้น

พระราชดารสั ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพธิ ีเฉลิมพระชนมพรรษา
พุทธศักราช 2535 วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2535

“คนไทย แม๎จะมีนิสัยรักความสะดวกสบาย และมักทาตามใจตัวกันเป็นปรกติ แตํในสํวน
ลึก กเ็ ป็นคนมีเหตุผล มีความจริงใจ และความสานึกในชาติบ๎านเมืองอยํูด๎วยกันแทบทุกตัวตน เราจึง
รวมกนั อยูํได๎เหนยี วแนนํ มีชาติ มีประเทศอนั ต้ังม่นั เปน็ อิสรเสรีมาช๎านาน ท้ังสามารถสร๎างสรรค์ความ
ดีความเจริญตําง ๆ ไว๎เป็นสมบัติของชาติมากมาย ปัจจุบันน้ีร๎ูสึกวําบ๎านเมืองมีปัญหาและความ
ขัดข๎องเกิดข้ึนไมํสรํางซาเกือบทุกวงการ เป็นเครื่องบํงบอกชัดเจนวําถึงเวลาแล๎วที่ทุกคนทุกฝุาย
จะตอ๎ งลดความถอื ดี และการทาตามใจตวั เองแลว๎ หนั มาหาเหตุผล ความถูกต๎อง และความรับผิดชอบ
ตํอสํวนรวมกันอยํางจริงจัง เพื่อกาจัดอคติ และสร๎างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน จักได๎
สามารถรํวมกันเรงํ รัดปฏิบัตสิ รรพกจิ การงานให๎ประสานสอดคลอ๎ ง และปรองดองเกื้อกูลกันให๎สัมฤทธ์ิ
ประโยชนส์ งู สุดในการธารงรกั ษาอิสรภาพอธิปไตย และความเป็นไทยให๎ยนื ยงมั่นคงอยูตํ ลอดไป”

สรปุ

กกกกกกกการเรียนรู๎ตามรอยพระยุคลบาท คือ การเรียนรู๎เพ่ือการปฏิบตั ิ การปฏิบัตขิ องคนในสงั คม
ตามพระราชปฏิญญาพระบรมราโชวาท และหลักปฏบิ ัติพระราชภารกจิ ของพระบาทสมเด็จ
พระเจ๎าอยํูหัวเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตน และปฏิบัติภารกิจหน๎าท่ีการงานอันนาไปสํูทศพิธราชธรรม
หรือการบริหารกิจการบ๎านเมืองที่ดีสํงผลให๎บังเกิดความเจริญรํุงเรือง ความสงบเรียบร๎อยของสังคม
ความผาสุกของประชาชน และความมั่นคงของประเทศชาติ การเรียนร๎ูตามรอยพระยุคคลบาท
สามารถนาไปปฏบิ ตั ิได๎หลายวิธี เชํน ด๎านปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด๎านความเจริญ ด๎านความดี
ดา๎ นความรู๎ และด๎านความสามคั คี เป็นต๎น

116

ใบความรู้
เรอื่ งท่ี 3 ทศพธิ ราชธรรม

วัตถุประสงค์

กกกกกกก1. เพอ่ื ใหน๎ ักศึกษามีความรค๎ู วามเขา๎ ใจเร่ือง ทศพิธราชธรรม
กกกกกกก2. เพ่อื ใหน๎ ักศึกษามที กั ษะการแสวงหาความร๎เู ร่ือง ทศพิธราชธรรม
กกกกกกก3. เพ่อื ใหน๎ ักศึกษามีความตระหนกั ถึงความสาคัญเรือ่ ง ทศพิธราชธรรม

เนือ้ หา

กกกกกกกความหมาย “ทศพิธราชธรรม”
กกกกกกกทศพิธราชธรรม หรอื ราชธรรม 10 คอื จรยิ วัตร 10 ประการท่ีพระเจ๎าแผํนดินทรงประพฤติ
เป็นหลักธรรมประจาพระองค์ หรือเป็นคุณธรรมประจาตนของผ๎ูปกครองบ๎านเมือง ให๎มีความเป็นไป
โดยธรรม และยังประโยชน์สุขให๎เกิดแกํประชาชน จนเกิดความช่ืนชมยินดี ซ่ึงความจริงแล๎วไมํได๎
จาเพาะเจาะจง สาหรับพระเจ๎าแผํนดิน หรือผู๎ปกครองแผํนดินเทําน้ัน บุคคลธรรมดาที่เป็นผู๎บริหาร
ระดบั สูงในทุกองคก์ รก็พงึ ใช๎หลักธรรมเหลํานี้
กกกกกกกทศพิธราชธรรม มี 10 ประการ คอื
กกกกกกก1. ทาน คอื การให๎ หมายถงึ การสละทรพั ย์ สง่ิ ของ เพือ่ ชวํ ยเหลือคนทด่ี ๎อยและ
ออํ นแอกวาํ
กกกกกกก2. ศีล คอื การตัง้ อยใํู นศลี หมายถงึ มีความประพฤตดิ ีงาม เป็นตัวอยํางทดี่ ีแกคํ นทั่วไป
กกกกกกก3. ปริจจาคะ คือ บรจิ าค หมายถึง การเสยี สละความสุขสาราญของตนเพ่ือประโยชนส์ ขุ
ของหมูํคณะ
กกกกกกก4. อาชชวะ คอื ความซอ่ื ตรง หมายถึง มีความซ่อื สตั ยส์ จุ ริต มีความจริงใจ ไมํกลับกลอก
กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความอํอนโยน หมายถงึ มีกิรยิ าสุภาพ มสี ัมมาคารวะ วาจาอํอนหวาน
มีความนํุมนวล ไมเํ ยํอหย่ิง ไมํหยาบคาย
กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพียร หมายถงึ การเพยี รพยายามไมํให๎ความมัวเมาเข๎าครอบงาจติ ใจ
ไมลํ มุํ หลงกบั อบายมุขและส่งิ ช่วั ร๎าย ไมํหมกมนํุ กับความสขุ สาราญ
กกกกกกก7. อกั โกธะ คือ ความไมโํ กรธ หมายถึง มีจิตใจม่ันคง มีความสุขมุ เยือกเย็น อดกลน้ั
ไมแํ สดงความโกรธ หรือความไมพํ อใจใหป๎ รากฏ
กกกกกกก8. อวหิ ิงสา คือ ความไมํเบยี ดเบยี น หมายถงึ ไมํกดข่ีขมํ เหง กล่นั แกล๎งรังแกคนอน่ื
ไมํหลงในอานาจ ทาอนั ตรายตํอราํ งกาย และทรัพย์สินผ๎ูอื่นตามอาเภอใจ
กกกกกกก9. ขันติ คือ ความอดทน หมายถงึ การอดทนตํอส่งิ ทั้งปวง สามารถอดทนตอํ งานหนกั
ความยากลาบาก ท้ังอดทน อดกลั้นตํอคาติฉินนนิ ทา
กกกกกกก10. อวิโรธนะ คอื ความเท่ียงธรรม หมายถึง ไมํประพฤตผิ ดิ ประพฤติปฏบิ ัติตนอยใํู น
ความดงี าม ไมหํ วัน่ ไหวในเรื่องดีเรอื่ งรา๎ ย

117

กกกกกกกทศพธิ ราชธรรม ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9
กกกกกกกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 9 แหํง
ราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 ตํอมาทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่
5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 และพระองค์ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการวํา “เราจะครองแผํนดิน
โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแหํงมหาชนชาวสยาม” โดยคาวํา “ครองแผํนดินโดยธรรม” หมายถึง
“ครองแผํนดินโดยทศพิธราชธรรม” ซง่ึ “ทศพธิ ราชธรรม” มี 10 ประการคือ
กกกกกกก1. ทาน คือ การให๎ การเสียสละ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช
รัชกาลท่ี 9 ทรงเสียสละพระราชทรัพย์เพ่ือบาเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทั้งในด๎านบารุงพระพุทธ
ศาสนา และบรรเทาความยากไร๎ ให๎ประชาชนอยูํเป็นกิจวัตร ทั้งยังทรงเป็นผู๎นาในการบริจาค
พระราชทรัพย์เพื่อชํวยเหลือผู๎ตกทุกข์ได๎ยาก จากภัยธรรมชาติหลายตํอหลายครั้ง นอกจาก
ทรัพย์แล๎ว ทาน ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังหมายถึง
พระราชทานความร๎ู เพื่อประชาชนจะได๎ใช๎เป็นเคร่ืองมือเลี้ยงชีพได๎อยํางย่ังยืน
กกกกกกก2. ศีล คือ ความประพฤติดีงาม เป็นความดีงามของกาย วาจา ใจ ท่ีประชาชนจะ
เห็นได๎ในทุกพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ทั้งกาย วาจา และพระราชหฤทัยของพระองค์ทํานเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งยัง
หมายถึง ศีลในการปกครองอันได๎แกํ กฎหมายและนิติราชประเพณี และในทางศาสนาที่
พระองค์ทรงออกผนวชเพื่อศึกษาและปฏิบัติพระธรรมวินัย ทั้งอุทิศพระราชกุศลพระราชทาน
แกํปวงชนชาวไทย
กกกกกกก3. ปริจจาคะ คือ การเสียสละความสุขสํวนตน เพ่ือความสุขสํวนรวม เสียสละ
ความสุขสํวนพระองค์ เพื่อประชาชนมีความสุข ในพระราชกรณียกิจที่เป็นไปเพื่อแก๎ปัญหา
ความเดือดร๎อนของประชาชนนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ต๎องเสียสละความสุขสํวนพระองค์ ต๎องทนลาบากในการเดินทาง อดทนตํอความแปรปรวนของ
อากาศ ความร๎อนหนาว ก็เพื่อสร๎างความสุขให๎ประชาชนทั้งส้ิน
กกกกกกก4. อาชชวะ คือ ความซ่ือตรงสุจริต สิ่งนี้สะท๎อนให๎เห็นผํานความแนํวแนํตํอพระราช
ดารัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่เคยตรัสไว๎ อันเป็น
ปฐมบรมราชโองการเมื่อทรงครองราชย์ เราจะครองแผํนดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแหํง
มหาชนชาวสยาม ซึ่งพระองค์ทรงกระทาตามพระราชดารัสเสมอมา รวมถึงความสุจริตตํอมิตร
ประเทศ พระราชวงศ์ ข๎าทูลละอองธุลีพระบาท
กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความสุภาพ อํอนโยนของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพล
อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเป็น พระมหากษัตริย์ที่ไมํถือพระองค์ โดยเฉพาะกับประชาชน
ทรงมีสัมมาคารวะตํอพระสงฆ์ ตํอผู๎เจริญโดยวัยและโดยคุณ ทรงรับฟังปัญหา คาชี้แนะ
และแก๎ไขด๎วยเหตุผล ด๎วยความเมตตาและอํอนโยน
กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพียร ความอุตสาหะ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพล
อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีความอุตสาหะวิริยะในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจด๎วยความ
อดทน ปราศจากความเกียจคร๎าน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและบ๎านเมือง ไมํยํอท๎อ

118

แม๎บางขณะจะทรงพระประชวร แม๎ในบางพื้นที่บางเหตุการณ์จะเต็มไปด๎วยอันตราย ซึ่งสิ่งนี้
สะท๎อนให๎เห็นจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ท่ีพระราชทานให๎ปวงชนชาวไทย
กกกกกกก7. อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระนิสัยที่ไมํโกรธ ทั้งทรงสามารถระงับความโกรธด๎วยมีพระเมตตาเป็นที่ตั้ง
ทาให๎ทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหา และหนทางแก๎ไขปัญหานั้นได๎โดยสงบ ทั้งยังไมํทรงใช๎
พระราชอานาจเพ่ือมํุงร๎ายผ๎ูอื่น แตํทรงใช๎เพ่ือพระราชทานอภัยโทษตามควรแกํเหตุ
กกกกกกก8. อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน ด๎วยพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเดจ็
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่เปี่ยมไปด๎วยพระเมตตา พระองค์จึงทรงตั้งอยํู
ด๎วยการไมํเบียดเบียนทั้งราชวงศ์และข๎าพระบาท รวมถึงประชาชน ให๎ต๎องเดือดร๎อนด๎วยเหตุ
อันไมํควร
กกกกกกก9. ขันติ คือ ความอดทน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล
ที่ 9 ทรงมีความอดทน ตํอความทุกข์อันเกิดจากความยากลาบากในการเข๎าหาประชาชนในถิ่น
ทุรกันดาร ทรงอดทนตํอความไมํสบายพระวรกาย ทรงอดทนตํอทุกข์อันเกิดจากโรคภัย ไมํให๎
เป็นอุปสรรคตํอการชํวยเหลือประชาชน
กกกกกกก10. อวิโรธนะ คือ ความหนักแนํน เที่ยงธรรม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา
ภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงรักษาความเที่ยงธรรม และความยุติธรรมไมํให๎เบี่ยงเบนไปจาก
ความถูกต๎อง ทั้งในพระราชจริยวัตรและพระราชวินิจฉัย ไมํเอนเอียงหวั่นไหว ไมํยินดียินร๎าย
ตํออคติท้ังปวง ไมํประพฤติผิดไปจากพระราชประเพณี
กกกกกกกด๎วย ทศพิธราชธรรม เชํนนี้เองที่ทาให๎ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย
เดช รัชกาลที่ 9 มิใชํจะทรงครองแผํนดินเทําน้ัน แตํยังทรงครองหัวใจคนทั้งปวงเอาไว๎อีกด๎วย
กกกกกกก“ทศพธิ ราชธรรม : ธรรมของพระราชา ข้อปฏิบัตทิ ่ีคนธรรมดากท็ าได้”
กกกกกกกเมอ่ื เอํยถึง ทศพิธราชธรรม อันมคี วามหมายถึง ราชธรรม หรอื ธรรมของพระราชา ซง่ึ มีอยํู
ด๎วยกนั 10 ข๎อ หลายคนอาจจะรูส๎ ึกวํา ธรรมดังกลําวเป็นของสงู หรอื ไกลตวั และควรจะเป็นเร่ืองของ
พระราชา หรือผ๎ูนาในระดับสงู เทําน้ัน แตํโดยแทจ๎ รงิ แล๎ว แมท๎ ศพธิ ราชธรรมจะได๎ชื่อวําเป็นหลักธรรม
หรือคุณสมบัติท่ีผ๎ูเป็นใหญํในแผํนดิน ต้ังแตํพระมหากษัตริย์ ผ๎ูปกครองรัฐ หรือผู๎นาประเทศจะพึง
ปฏิบัติ แตบํ คุ คลธรรมดาก็สามารถนาไปปฏิบัติได๎ในชีวิตประจาวัน เพราะนอกจากจะเป็นหนทางไปสูํ
ความเจริญกา๎ วหนา๎ ในชวี ติ แล๎ว ยงั ได๎ช่อื วําได๎ดาเนนิ รอยตามเบ้ืองยุคลบาท ดังที่ ดร.สเุ มธ ตันติเวชกุล
เลขาธิการมลู นธิ ิชยั พัฒนา ไดเ๎ ชิญชวนให๎ประชาชนชาวไทยปฏบิ ตั ิ ตามพระราชจริยวตั รของพระบาท
สมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ซ่งึ แนวทางในการปฏิบัติตามทศพิธราชธรรมใน
ระดับประชาชน มดี ังตอํ ไปนี้
กกกกกกก1. ทาน คอื การให๎ นอกเหนือจากการบรจิ าคเป็นทรัพยส์ ิน หรอื สิ่งของแกํผู๎ยากไร๎
ผ๎ูด๎อยโอกาส และผ๎ูตกทุกข์ได๎ยากตามท่ีเราทาอยํูเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎น้าใจแกํผ๎ูอ่ืนได๎
เชํน ให๎กาลงั ใจแกผํ ูต๎ กอยูใํ นห๎วงทกุ ข์ ให๎ข๎อแนะนาทีเ่ ปน็ ความรู๎แกผํ ร๎ู วํ มงาน หรอื ผู๎ใต๎บังคับบัญชา ให๎
รอยยมิ้ และ ปิยวาจาแกํญาตพิ ีน่ ๎อง เพ่อื นฝูง รวมถงึ บคุ คลท่ีมารับบริการจากเรา เป็นต๎น

119

กกกกกกก2. ศีล คือ ความประพฤตทิ ่ดี ีงาม ตามหลกั ศาสนาของตน อยํางน๎อยก็ขอให๎เราไดป๎ ฏิบัติ
ตามศีล 5 คอื ไมํฆาํ สัตวต์ ดั ชีวติ ไมลํ กั ขโมยของของผู๎อืน่ ไมํลวํ งละเมดิ ลูกเมยี เขา ไมํพูดโกหก หรือพูด
สํอเสียดยุยงให๎คนเขาทะเลาะเบาะแว๎งกัน และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหรี่ หรืออบายมุข
ตําง ๆ เพราะสิ่งเหลํานี้ นอกจากจะทาให๎เราเสียเงินแล๎ว ยังเสียสุขภาพกายและใจทั้งของตัวเราเอง
และคนใกล๎ชิดเราดว๎ ย
กกกกกกก3. ปรจิ จาคะ คือ ความเสียสละ หมายถงึ การเสียสละความสุขสวํ นตนเพ่ือความสุขหรือ
ประโยชน์ของสํวนรวม ซึ่งอาจจะเป็นครอบครัว หนํวยงาน หรือเพ่ือนรํวมงานของเราก็ได๎
เชํน ครอบครัว พํอบ๎านเสียสละความสุขสํวนตัวด๎วยการเลิกด่ืมเหล๎า ทาให๎ลูกเมียมีความสุข และ
เพื่อนบา๎ นก็สุขดว๎ ย เพราะไมตํ ๎องฟงั เสียงอาละวาด ดําทอทุบตีกัน หรือเราอาจจะเสียสละเวลาอยํูเย็น
ชวํ ยเพือ่ นทางาน หรอื ไปเขา๎ คํายพฒั นาชนบท อาสาไปดูแลเด็กในสถานเล้ียงเด็กกาพร๎าเป็นครั้งคราว
หรือเสียสละรํางกาย /อวัยวะหลังตายแล๎วเพ่ือการศึกษา เป็นต๎น ซ่ึงการเสียสละดังกลําวถือวําได๎บุญ
มากเพราะมใิ ชจํ ะสละกนั ไดง๎ ําย ๆ โดยทัว่ ไป การเสียสละไมวํ ําสิ่งใดก็ตาม ถือเป็นการลดความเห็นแกํ
ตวั ซึง่ ลว๎ นมสี วํ นชวํ ยให๎สังคมดีข้นึ ท้งั สิน้
กกกกกกก4. อาชชวะ คอื ความซอื่ ตรง หมายถึง ดาเนินชีวิตและปฏิบตั ิภารกิจ/หน๎าท่ีการงานตําง ๆ
ด๎วยความซื่อสัตย์สุจริต ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวงผ๎ูอ่ืน เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอาของไมํดีไป
หลอกขายลูกค๎า เป็นข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปชั่นท้ังเวลา ทรัพย์สินของ
หนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคน เอาเปรียบหรือโกงกิน นอกจากจะทาให๎หนํวยงานเราไมํเป็ นที่
นาํ เชือ่ ถือของผเู๎ กยี่ วข๎องแลว๎ ในระยะยาว อาจทาให๎หนํวยงานเราล๎ม ผ๎ูท่ีเดือดร๎อนก็คือเรา แม๎เราจะ
ได๎ทรัพย์สินไปมากมาย แตํเงินบาปที่ได๎ก็จะเป็นส่ิงอัปมงคลที่ทาให๎เราไมํเจริญก๎าวหน๎า ถูกคนรุม
สาปแชํง และแม๎คนอ่ืนจะไมํร๎ู แตํตัวเรายํอมร๎ูอยูํแกํใจ และไมํมีวันจะมีความสุขกาย สบายใจ เพราะ
กลัวคนอื่นจะมารู๎ความลับตลอดเวลา ผู๎ท่ีประพฤติตนด๎วยความซื่อตรง แม๎ไมํร่ารวยเงินทอง แตํจะ
มงั่ คงั่ ดว๎ ยมิตรทจ่ี รงิ ใจ ตายก็ตายตาหลับ ลูกหลานก็ภาคภมู ิใจ เพราะไมํต๎องแบกรบั ความอบั อายทีม่ ี
บรรพบุรษุ ขี้โกง
กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความสภุ าพอํอนโยน มีอัธยาศัยไมตรี กลาํ วคอื การทาตัวสภุ าพ นุํมนวล
ไมํเยํอหยิ่ง ถอื ตัว หรือหยาบคายกับใคร ไมํวําจะเปน็ ผ๎ูใหญํ ผนู๎ ๎อย หรือเพื่อนในระดับเดียวกัน การทา
ตัวเป็นผ๎ูที่มีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทาให๎ไปที่ไหนคนก็ต๎อนรับ เพราะอยูํใกล๎แล๎วสบายใจ
ไมํรอ๎ นรมุํ หากเราหยาบคาย ก๎าวรา๎ ว คนก็ถอยหาํ ง ดงั นั้น หลักธรรมข๎อนี้ จงึ เปน็ การสรา๎ งเสนหํ ์อยาํ ง
หนึ่งใหแ๎ กตํ วั เราด๎วย
กกกกกกก6. ตบะ คอื ความเพยี ร เป็นหลักธรรมทีส่ อนให๎เราไมํยํอท๎อ แตํให๎ปฏบิ ตั ิหนา๎ ทกี่ ารงาน
ด๎วยความมุมานะ ฝุาฟันอุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสาเร็จ ซ่ึงความพากเพียรน้ีจะทาให๎เรา
ภาคภูมิใจเม่ืองานสาเร็จ และจะทาให๎เรามีประสบการณ์เกํงกล๎าขึ้น นอกจากนี้ ยังสอนให๎เราสู๎ชีวิต
ไมยํ อมแพ๎อะไรงําย ๆ
กกกกกกก7. อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ แม๎ในหลาย ๆ สถานการณ์จะทาไดย๎ าก แตหํ ากเราสามารถ
ฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับย้ังความโกรธอยูํเสมอ จะเป็นประโยชน์ตํอเรา
หลายอยาํ ง เชํน ทาให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส ข๎อสาคัญ ทาให๎เรารักษามิตรไมตรีกับผ๎ูอื่นไว๎ได๎
อันมผี ลใหค๎ นรักและเกรงใจ

120

กกกกกกก8. อวิหงิ สา คือ การไมเํ บียดเบยี น หรอื บบี ค้ันกดขี่ผ๎อู ืน่ รวมไปถงึ การไมํใชอ๎ านาจไปบงั คับ
หรือหาเหตกุ ลั่นแกลง๎ คนอื่นด๎วย เชนํ ไมํไปขํมเหงรังแกผ๎ูด๎อยกวํา ไมํไปขํมขํูให๎เขากลัวเรา หรือไปบีบ
บังคับเอาของรักของหวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียนคนด๎วยกันแล๎ว เรายังไมํควร
เบียดเบยี นธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ๎ ม และสตั ว์อกี ดว๎ ย เพราะมิฉะนั้น ผลรา๎ ยจะยอ๎ นกลบั มาสํเู รา และ
สงั คม อยาํ งท่เี หน็ ในปจั จบุ ันจากภยั ธรรมชาติตําง ๆ
กกกกกกก9. ขันติ คอื ความอดทน หมายถึง ใหเ๎ ราอดทนตอํ ความยากลาบาก ไมํทอ๎ ถอย และ
ไมํหมดกาลังกาย กาลังใจท่ีจะดาเนินชีวิต และทาหน๎าที่การงานตํอไปจนสาเร็จ รวมทั้งไมํยํอท๎อตํอ
การทาคณุ งามความดี ความอดทนจะทาใหเ๎ ราชนะอุปสรรคทัง้ ปวงไมวํ าํ เล็กหรือใหญํ และจะทาให๎เรา
แกรํงข้ึน เข๎มแขง็ ขึ้น
กกกกกกก10. อวิโรธนะ คือ ความยุตธิ รรม หนักแนํน ถือความถูกต๎อง เท่ยี งธรรมเป็นหลัก
ไมํเอนเอียงหว่ันไหวด๎วยคาพูด อารมณ์ หรือลาภสักการะใด ๆ ท้ังในทางนิติธรรม คือ ระเบียบแบบ
แผนหลักปกครอง หรือในเรือ่ งขนบธรรมเนยี มประเพณที ่ีดีงาม กไ็ มํประพฤติ ให๎ผิดทานองคลองธรรม
กลาํ วคอื ให๎ทาอะไรด๎วยความถูกต๎อง มิใชํด๎วยความถกู ใจ
กกกกกกกจะเห็นได๎วํา หลักธรรมท้งั 10 ข๎อ หรือทศพิธราชธรรม น้ี มใิ ชขํ ๎อปฏบิ ัติท่ยี าก จนเกนิ ความ
สามารถของคนธรรมดาสามัญที่จะทาตามได๎ หลาย ๆ ข๎อก็เป็นสิ่งท่ีเราปฏิบัติอยํูแล๎ว จะโดยรู๎ตัวไมํ
ก็ตาม แตํหากเรามีความต้ังใจจริง หลักธรรมดังกลําวก็จะเป็นทุนที่ชํวยหนุนนาให๎เราได๎พัฒนาชีวิต
ไปสคํู วามดีงาม ความมัน่ คง และความสาเร็จที่เราปรารถนาทกุ ประการ

สรุป

กกกกกกกทศพิธราชธรรม เปน็ หลักธรรมสาหรบั พระมหากษตั ริย์จะพงึ ถือปฏบิ ตั ิมาแตโํ บราณกาล
ซง่ึ คนธรรมดาสามญั ทจ่ี ะทาตามได๎ หลักทศพธิ ราชธรรม มี 10 ประการ ดงั นี้
กกกกกกก1. ทาน หมายถึง การให๎ การเสยี สละ นอกจากเสียสละทรพั ย์สงิ่ ของแลว ยังหมายถงึ การ
ให๎นา้ ใจแกผํ ู๎อน่ื ดว๎ ย
กกกกกกก2. ศีล หมายถึง ความประพฤตทิ ี่ดีงาม ทัง้ กาย วาจา และใจ ให๎ปราศจากโทษท้ังในการ
ปกครอง อนั ไดแก กฎหมายและนติ ริ าชประเพณี และในทางศาสนา
กกกกกกก3. ปริจจาคะ (บริจาค) หมายถึง การเสยี สละความสุขสํวนตน เพอ่ื ความสุขสํวนรวม
กกกกกกก4. อาชชวะ หมายถึง ความซ่ือตรงในฐานะทีเ่ ป็นผ๎ูปกครอง ดารงอยูํในสัตย์สจุ รติ
กกกกกกก5. มัททวะ หมายถึง การมีอัธยาศยั ออนโยน เคารพในเหตุผลท่ีควร มสี มั มาคารวะตอ
ผูอาวโุ ส และออนโยนตอบุคคลท่ีเสมอกนั และต่ากวา
กกกกกกก6. ตบะ หมายถงึ มีความอุตสาหะในการปฏิบตั ิงาน โดยปราศจากความเกยี จคราน
กกกกกกก7. อกั โกธะ หมายถงึ ความไมแสดงความโกรธให๎ปรากฎ ไมมงุ รายผูอ่ืน แมจะลงโทษ
ผูทาผิด ก็ทาตามเหตผุ ล
กกกกกกก8. อวหิ งิ สา หมายถงึ การไมเบียดเบยี นหรือบีบคน้ั ไมกอทุกขหรือเบยี ดเบียนผูอ๎ ่ืน
กกกกกกก9. ขนั ติ หมายถงึ การมคี วามอดทนตอสงิ่ ท้ังปวง รกั ษาอาการกาย วาจา ใจ ใหเรยี บรอย

121

กกกกกกก10. อวิโรธนะ หมายถงึ ความหนักแนน ถือความถกู ตอง เที่ยงธรรมเปนหลกั ไมเอนเอยี ง
หวน่ั ไหวดวยคาพดู อารมณหรือลาภสกั การะใด ๆ

122

ใบความรู้
เร่ืองที่ 4 ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเง่อื นไขความรู้ค่คู ุณธรรม

วตั ถุประสงค์

1. เพ่อื ใหน๎ กั ศึกษามีความรคู๎ วามเขา๎ ใจเร่ือง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเงอ่ื นไขความรู๎
คคูํ ณุ ธรรม

2. เพ่ือใหน๎ กั ศกึ ษามีทกั ษะการแสวงหาความร๎ูเร่ืองปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเง่อื นไข
ความรค๎ู ูคํ ุณธรรม

3. เพ่ือให๎นักศึกษามีความตระหนักถึงความสาคญั เรือ่ งปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
เงอ่ื นไขความรู๎คูคํ ุณธรรม

เนอ้ื หา
กกกกกกกปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง คือ ปรชั ญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา

ภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 พระราชทานพระราชดารชิ แ้ี นะแนวทางการดาเนนิ ชีวิต แกํพสกนิกร
ชาวไทยในทุกระดับ ตั้งแตํระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหาร
ประเทศให๎ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให๎ก๎าวทันตํอโลกยุค
โลกาภวิ ฒั น์

กกกกกกกหลักการปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ ปรชั ญาท่ยี ดึ หลักการเดนิ ทางสายกลาง

ท่ีชี้แนะแนวทางการดารงอยํู และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับ ประกอบด๎วย 3 หํวง 2 เงื่อนไข
คือ ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล ความมภี มู คิ ๎ุมกนั เงอื่ นไขความรู๎ และ เงอ่ื นไขคุณธรรม

กกกกกกกความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีท่ีไมนํ ๎อยเกินไป และไมมํ ากเกนิ ไป โดยไมํ

เบยี ดเบยี นตนเอง และไมํทาให๎ผอ๎ู ่ืนเดอื ดร๎อน เชํน การผลิต และการบรโิ ภคท่ีอยูใํ นระดับพอประมาณ

กกกกกกกความมีเหตผุ ล หมายถึง การตดั สินใจเก่ียวกบั ระดบั ความพอเพียงนนั้ จะต๎องเป็นไปอยาํ ง

มเี หตผุ ล โดยพจิ ารณาจากปจั จยั ทเี่ ก่ยี วข๎อง ตลอดจนคานงึ ถึงผลท่ีคาดวําจะเกดิ ขนึ้ ในอนาคตทง้ั ใกล๎
และไกล

กกกกกกกการมภี ูมคิ มุ๎ กันในตัว หมายถึง การเตรยี มตัวรบั ผลกระทบ และการเปลย่ี นแปลง

ดา๎ นตาํ ง ๆ ทจี่ ะเกิดขนึ้ โดยคานึงถงึ ความเป็นไปได๎ของสถานการณต์ าํ งๆ ทค่ี าดวาํ จะเกิดข้นึ ใน
อนาคตท้งั ใกลแ๎ ละไกล

กกกกกกกเงอ่ื นไขความร๎ู หมายถึง ความรู๎เกยี่ วกบั วชิ าการตาํ ง ๆ ท่เี ก่ียวข๎องอยํางรอบดา๎ น

ความรอบคอบทจ่ี ะนาความรเ๎ู หลาํ น้นั มาพจิ ารณาใหเ๎ ชื่อมโยงกนั เพ่ือประกอบการวางแผน และความ
ระมดั ระวงั ในข้นั ตอนการปฏิบัติ

กกกกกกกเง่ือนไขคณุ ธรรม หมายถึง การยึดถือคณุ ธรรมตําง ๆ อาทิ ความซื่อสัตย์สจุ ริต ความ

อดทน ความเพียร การมํงุ ตอํ ประโยชนส์ วํ นรวมและการแบํงปัน

123

กกกกกกกพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 มพี ระบรมราโชวาท

เกยี่ วกับ “เง่ือนไขความรู๎” ในปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง โดยมเี น้อื ความทส่ี าคญั ตอนหนง่ึ วาํ “ความร๎ู
น้ันเป็น หลักของการงาน ผู๎ที่จะทางานอยํางใดจาต๎องมีความร๎ูในเรื่องน้ันกํอนในเบ้ืองต๎น
สํวนความคิดเป็นเครื่องชํวยความร๎ู คือ ชํวยให๎ใช๎ความรู๎ให๎ถูกต๎อง เชํน จะใช๎อยํางไร ท่ีไหน เมื่อใด
เมอ่ื มีความรู๎ สาหรบั งานมคี วามคดิ สาหรับพิจารณาใช๎ความรู๎ให๎ถูกต๎องแล๎ว ยํอมทางานได๎ผลสมบูรณ์
ดี ยากท่จี ะผดิ พลาด ความรกู๎ ับความคิดจึงไมคํ วรแยกจากกนั ” กลําวไดว๎ าํ ความร๎ูท่ีจาเป็นสาหรับการ
ดาเนินชวี ติ อาจแบํงออกได๎เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ความร๎ูสาหรบั การทางาน และความรส๎ู าหรับ
การจัดการทรัพยส์ นิ ของตนเอง

กกกกกกกความร๎สู าหรับการทางาน นอกจากความร๎จู ากการศึกษาเลําเรยี นในโรงเรยี น หรือ

มหาวิทยาลัย ทเ่ี ราจะนามาใช๎ในการทางาน หรืออาชีพของเราแล๎ว การศึกษาหาความร๎ูเพ่ิมเติมก็เป็น
สิ่งสาคัญ อยํางเชํน ใครที่ทางานประจา หรือเป็นพนักงานบริษัท ประสบการณ์ความรู๎ใหมํ ๆ จะชํวย
ให๎เราก๎าวหน๎าในตาแหนํงหน๎าที่การงานได๎ หรือใครท่ีทาธุรกิจสํวนตัว มีกิจการเป็นของตนเอง ก็ควร
หาความรู๎เพ่ิมเติม วําจะทาอยํางไรให๎กิจการของเราอยํูรอด หรือจะทาอยํางไรให๎กิจการเติบโตอยําง
ยั่งยืน เป็นต๎น ซ่ึง การหาความรู๎เพิ่มเติมสามารถทาได๎หลากหลายวิธีไมํวําจะเป็นการเข๎ารํวมงาน
อบรมสมั มนาตาํ ง ๆ การอาํ นหนังสอื รวมถึงการพดู คุยแลกเปล่ยี นประสบการณก์ ับผอ๎ู น่ื ก็ชํวย
เพมิ่ พูนความร๎ูได๎

กกกกกกกความรสู๎ าหรับการจัดการทรัพยส์ ินของตนเอง จากบทความเรื่อง “เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั

ความพอประมาณ” ท่ีได๎แนะนาการจัดการเงินโดยการออมใช๎ มีการสารองเงินเพ่ือใช๎จํายยามจาเป็น
และรจู๎ ักบริหารเงนิ ใหง๎ อกเงยข้ึน ซ่ึงวิธกี ารที่ทาให๎เงนิ งอกเงยขึ้น นนั่ คอื การลงทุน การศกึ ษาทา
ความเขา๎ ใจจะชํวยลดความเส่ียงจากการลงทุนได๎

กกกกกกกสาหรบั เงือ่ นไขคุณธรรม นนั้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาล

ท่ี 9 มีพระบรมราโชวาทเกยี่ วกับคุณธรรมโดยมีใจความสาคัญวาํ “คุณธรรมท่ีทุกคนควรจะศึกษาและ
น๎อมนามาปฏิบัติมีอยูํ 4 ประการ ประการแรกคือ การท่ีทุกคนคิด พูด ทา ด๎วยความเมตตา มุํงดี
มุํงเจริญตํอกัน ประการท่ีสอง คือ การท่ีแตํละคนชํวยเหลือเก้ือกูลกัน ประสานงาน ประสาน
ประโยชน์กัน ให๎งานที่สาเร็จผล ท้ังแกํตนเอง แกํผ๎ูอื่น และกับประเทศชาติ ประการท่ีสาม คือ การที่
ทกุ คนประพฤติปฏิบตั ิตนอยํใู นความซ่อื สัตย์สุจรติ ในกฎกตกิ า และในระเบียบแบบแผน โดยเทําเทียม
เสมอกนั ประการที่ส่ี คอื การทต่ี าํ งคนตํางพยายาม ทาความคิด ความเห็นของตนให๎ถูกต๎อง เท่ียงตรง
และม่ันคงอยูํในเหตุในผล หากความคิด จิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยกันในทางที่ดี ”
คุณธรรมทั้งส่ีประการน้ันเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรน๎อมนามาปฏิบัติในการดาเนินชีวิต เนื่องจากการมี
เจตนา การพดู การกระทาท่ีมํุงดี มีเมตตา และมํุงชํวยเหลือเกื้อกูลตํอผ๎ูท่ีเราติดตํอด๎วย ยํอมทาให๎ผ๎ูท่ี
มีปฏิสมั พนั ธ์กับเราน้ันรับรู๎ได๎ถึงความจริงใจท่ีเราสื่อออกไป นอกจากน้ี การท่ีเราประกอบการงานอยํู
ในความสัตย์สุจริต และพยายามมีหลักการสาหรับความคิดเห็นของตนเองให๎ถูกต๎อง มีเหตุผล
จะนามาซงึ่ ความไว๎วางใจจากเพื่อนรํวมงาน หัวหน๎างาน สังคม และประเทศชาติ จะทาให๎งานแตํละ
อยํางสาเร็จลุลํวงไปได๎ด๎วยดี ไมํเกิดความเสียหาย ทุกคนที่เก่ียวข๎องยํอมมีความสุขความเจริญกัน
ถ๎วนหน๎า เปน็ การใชค๎ วามรูข๎ องตนเองยกระดับสงั คมให๎นําอยํูดว๎ ยการมีคุณธรรมประจาใจ

124

กกกกกกกการมีความรูแ๎ ตํเพียงอยํางเดยี ว ยังไมํพอท่ีจะทาใหง๎ านสาเรจ็ ลลุ ํวงไปดว๎ ยดี ต๎องมี

คณุ ธรรมประกอบด๎วย เปรยี บดงั ทีว่ าํ เงื่อนไขความรูเ๎ หมือนกับเป็นแรงผลักดนั ให๎ประสบความสาเรจ็
แตํเง่ือนไขคุณธรรมน้ันจะเป็นเหมอื นเข็มทิศนาทางใหม๎ ุงํ ไปสูํทางที่ถูกท่ีควร

สรุป

เศรษฐกจิ พอเพียง คือ หลักการดาเนินชวี ติ ท่ีจรงิ แทท๎ ส่ี ดุ กรอบแนวคดิ ของหลักปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพียงมํงุ เน๎นความมน่ั คง และความยั่งยนื ของการพฒั นา อนั มคี ุณลักษณะทีส่ าคัญ
คอื สามารถประยุกต์ใช๎ในทุกระดับ ตลอดจนให๎ความสาคัญกับคาวําพอเพยี ง ทีป่ ระกอบดว๎ ย ความ
พอประมาณ ความมเี หตุ มผี ล มภี มู ิค๎ุมกันที่ดใี นตวั ภายใต๎เง่อื นไขของการตัดสินใจ และการดาเนนิ
กจิ กรรมท่ีตอ๎ งอาศัยเง่ือนไขความร๎ู และเงอ่ื นไขคณุ ธรรม

125

ใบความรู้
เร่อื งที่ 5 หลกั การทรงงานของรัชกาลที่ 9

วตั ถุประสงค์

1. เพอ่ื ใหน๎ ักศึกษามีความรค๎ู วามเข๎าใจเร่ืองหลักการทรงงานของรัชกาลท่ี 9
2. เพ่ือใหน๎ ักศกึ ษามีทกั ษะการแสวงหาความรเ๎ู ร่อื งหลักการทรงงานของรัชกาลที่ 9
3. เพอ่ื ใหน๎ ักศกึ ษามีความตระหนักถึงความสาคญั เรอ่ื งหลักการทรงงานของ
รชั กาลที่ 9

เนือ้ หา

กกกกกกก1. หลักการทรงงาน
1.1 ความหมายของหลกั การทรงงาน
การปฏบิ ตั หิ นา๎ ท่ี หรือภารกิจ หรือกิจกรรมของพระมหากษัตริยท์ รงยึดการ

ดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับสิ่งที่อยูํรอบตัว และสามารถปฏิบัติได๎จริง
ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนา เพื่อมุํงสูํประโยชน์ตํอประชาชนสูงสุด
ซ่ึงพระมหากษัตริย์ในท่ีนี้คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ผม๎ู คี ุณปู การตํอประชาชนชาวไทย และประชาคมโลก

1.2 หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาล
ที่ 9 มี 23 ขอ๎ คือ

1.2.1 ศกึ ษาข๎อมลู ให๎เป็นระบบ
1.2.1 การที่จะพระราชทานโครงการใดโครงการหน่งึ จะทรงศกึ ษาข๎อมูล
รายละเอียดอยํางเป็นระบบ ท้ังจากข๎อมูลเบ้ืองต๎นจากเอกสาร แผนที่สอบถามจากเจ๎าหน๎าที่
นักวิชาการและราษฎรในพ้ืนที่ ให๎ได๎รายละเอียดที่ถูกต๎อง เพ่ือที่จะพระราชทานความชํวยเหลือได๎
อยาํ งถกู ตอ๎ ง รวดเรว็ ตรงตามความตอ๎ งการของประชาชน
1.2.1 การศกึ ษาข๎อมลู อยํางเป็นระบบ ดว๎ ยวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์
ศิลปวฒั นธรรมของชุมชน ฐานข๎อมูลดงั กลําวชํวยให๎พระราชกรณียกิจตําง ๆ ดาเนินสจํู ุดประสงค์
“เพ่ือประโยชน์สุขแหงํ มหาชนชาวสยาม”
1.2.2 ระเบิดจากภายใน
1.2.1 พระองค์ทรงมํุงเนน๎ เรอ่ื งการพฒั นาคนให๎เกิดความรคู๎ วามเขา๎ ใจ และ
มองเห็นผลประโยชน์ของการพัฒนาวาํ มีตํอตนเองและสงั คมอยํางไร เมื่อคนเข๎าใจเกดิ ความตอ๎ งการ
อยาํ งเหมาะสม คนในชมุ ชนก็พรอ๎ มท่ีจะรวํ มดาเนนิ การพัฒนา

126

1.2.1 ดงั นน้ั ความพร๎อมในการเตรยี มชุมชนจึงเปน็ สงิ่ สาคญั ความพรอ๎ ม
การยอมรบั ของชุมชนตอ๎ งเกดิ จากภายในชุมชน มใิ ชํภายนอกยดั เยียด หรอื ต๎องระเบิดจากขา๎ งใน
แตกํ ารระเบดิ ขา๎ งใน ก็ต๎องแตกตํางกันตามหลักภูมิสังคม หรือแตกตํางตามสภาพภูมิศาสตร์และสังคม
วัฒนธรรม ของแตํละพื้นท่ี แตํละกลุํมคน ภูมิปัญญาเดิมมีความสาคัญในการพัฒนาจากข๎างในไมํใชํ
เอาทฤษฎีใหมมํ าทาลายทฤษฎีเกํา

1.2.3 แกป๎ ัญหาจากจุดเล็ก
1.2.1 ควรมองปญั หาภาพรวมกอํ นเสมอ แตํเม่ือจะลงมือแก๎ปัญหานน้ั ควรมอง
ในสิ่งทีค่ นมักจะมองขา๎ ม แล๎วเร่ิมแกป๎ ัญหาจากจุดเล็ก ๆ เสยี กํอน เม่ือสาเร็จแล๎วจึงคํอย ๆ ขยับขยาย
แก๎ไปเร่ือย ๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช๎กับการทางานได๎ โดยมองไปที่เปูาหมายใหญํของ
งานแตํละชน้ิ แลว๎ เริม่ ลงมือทาจากจดุ เลก็ ๆ กํอน คํอย ๆ ทา คํอย ๆ แก๎ไปทีละจุด งานแตํละชิ้นก็จะ
ลลุ ํวงไปได๎ตามเปูาหมายทวี่ างไว๎ “ ถา๎ ปวดหวั คดิ อะไรไมอํ อก ก็ตอ๎ งแก๎ไขการปวดหัวนี้กํอน มันไมํได๎
แกอ๎ าการจริง แตํต๎องแกป๎ ญั หาท่ีทาใหเ๎ ราปวดหวั ใหไ๎ ด๎เสยี กํอน เพือ่ จะให๎อยูใํ นสภาพทด่ี ไี ด๎… ”
1.2.4 ทาตามลาดบั ขน้ั
1.2.4 ในการทรงงาน พระองค์จะทรงเร่ิมตน๎ จากสิง่ ทจี่ าเปน็ ของประชาชน
ท่ีสุดกํอน ได๎แกํ สาธารณสุข เม่ือมีรํางกายสมบูรณ์แข็งแรงแล๎ว ก็จะสามารถทาประโยชน์ด๎านอื่น ๆ
ตอํ ไปได๎ จากนัน้ จะเป็นเรื่องสาธารณูปโภคข้ันพ้ืนฐาน และสิ่งจาเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน
แหลํงน้าเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค ท่ีเอื้อประโยชน์ตํอประชาชน โดยไมํทาลาย
ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให๎ความร๎ูทางวิชาการ และเทคโนโลยีท่ีเรียบงําย เน๎นการปรับใช๎
ภูมปิ ัญญาท๎องถน่ิ ท่ีราษฎรสามารถนาไปปฏิบัติได๎ และเกดิ ประโยชนส์ ูงสุด ดังพระบรมราโชวาทความ
ตอนหนึง่ วาํ
1.2.4 “...การพัฒนาประเทศจาเป็นต๎องทาตามลาดับข้ัน ต๎องสร๎างพ้ืนฐานคือ
ความพอมี พอกิน พอใช๎ของประชาชนสํวนใหญํเป็นเบื้องต๎นกํอน ใช๎วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด
แตํถูกต๎องตามหลักวิชาการ เม่ือไดพ๎ น้ื ฐานที่มั่นคงพรอ๎ มพอสมควรและปฏบิ ัตไิ ด๎แล๎ว จึงคํอยสร๎างคํอย
เสริมความเจริญ และฐานะเศรษฐกิจขั้นท่ีสูงข้ึนโดยลาดับตํอไป หากมุํงแตํจะทํุมเทสร๎างความเจริญ
ยกเศรษฐกจิ ให๎รวดเร็วแตํประการเดียว โดยไมํให๎แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และ
ของประชาชน โดยสอดคล๎องด๎วย ก็จะเกิดความไมํสมดุลในเร่ืองตําง ๆ ขึ้น ซ่ึงอาจกลายเป็นความ
ยํุงยากล๎มเหลวได๎ในที่สุด ดังเห็นได๎ที่อารยประเทศกาลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอยํางรุนแรงใน
เวลาน้ี การชํวยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ และต้ังตัวให๎มีความพอกิน พอใช๎
กํอนอื่นเปน็ พ้ืนฐานนั้น เป็นส่ิงสาคัญอยํางย่ิงยวด เพราะผู๎ที่มีอาชีพ และฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง
ยํอมสามารถสร๎างความเจริญก๎าวหน๎าระดับที่สูงได๎ตํอไปโดยแนํนอน สํวนการถือหลักท่ีจะสํงเสริม
ความเจริญให๎คํอยเป็นไปตามลาดับ ด๎วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดนั้น ก็เพ่ือปูองกัน
ความผดิ พลาดลม๎ เหลวและเพื่อให๎บรรลุผลสาเร็จได๎แนํนอนบรบิ รู ณ.์ ..”
1.2.5 ภูมสิ งั คม ภูมศิ าสตร์ สงั คมศาสตร์
1.2.5 ภูมิ หมายความถงึ ลกั ษณะของภูมปิ ระเทศ ซึง่ ก็คอื สภาพแวดล๎อมที่อยูํ
รอบ ๆ ตัวเรานนั่ เอง พดู แบบชาวบา๎ นกค็ อื ดนิ นา้ ลม ไฟ น่นั เอง เพราะสภาพภมู ปิ ระเทศในแตํละ

127

ภมู ิภาคนัน้ แตกตํางกนั ไปมาก ตัวอยํางเชํน อุณหภูมิความหนาวร๎อน ความแหง๎ แล๎ง และชุมํ ฉา่
แตกตาํ งกันไป อยาํ งในประเทศไทย ภาคเหนือสํวนใหญํเป็นภูเขา ทางใตเ๎ ป็นพน้ื ท่ีพรุ ภาคกลางเป็นท่ี
ราบลุมํ สํวนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เป็นท่รี าบสูงแห๎งแลง๎ ในบางสวํ น เปน็ ตน๎

1.2.5 สงั คม คือ สภาพแวดล๎อมทางวัฒนธรรม จารตี ประเพณี วถิ ีชีวิต แนวคดิ
ทัศนคติ ที่แตกตํางกนั และอยลํู อ๎ มรอบผู๎คนที่มีชีวติ อยูํในพื้นทนี่ น้ั นกั วางแผนพัฒนาจะตอ๎ งไมํ
ประเมนิ หรอื คาดการณว์ ําผ๎ูคนในพนื้ ท่ีใดพืน้ ทีห่ น่ึงจะมวี ฒั นธรรม คาํ นิยม และการชอบ หรอื ไมชํ อบ
สิง่ ใดเหมอื นกันไปหมดเป็นบรรทดั ฐาน เราจะต๎องไมไํ ปตัดสินใจแทนเขาในเร่ืองของความต๎องการและ
ความพงึ พอใจตามแนวคดิ ที่ผูกพนั อยูกํ บั เรา

1.2.5 การพฒั นาใด ๆ ต๎องคานึงถึงสภาพภูมปิ ระเทศของบริเวณนั้นวํา
เป็นอยํางไร และสังคมวิทยาเก่ียวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีแตํละ
ทอ๎ งถนิ่ ทมี่ ีความแตกตํางกนั

1.2.6 ทางานแบบองคร์ วม
1.2.5 ทรงมวี ธิ คี ดิ อยํางองค์รวม (Holistic) หรอื มองอยาํ งครบวงจร ในการท่จี ะ
พระราชทานพระราชดาริเก่ียวกับโครงการหนึ่งน้ัน จะทรงมองเหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้น และแนวทาง
แกไ๎ ขอยาํ งเชอ่ื มโยง ดงั เชนํ กรณขี อง “ทฤษฎีใหม”ํ ทีพ่ ระราชทานใหแ๎ กํปวงชนชาวไทย เป็นแนวทาง
ในการประกอบอาชีพแนวทางหนึ่งท่ีพระองค์ทรงมองอยํางองค์รวม ต้ังแตํการถือครองที่ดินโดยเฉล่ีย
ของประชาชนคนไทย ประมาณ 10 - 15 ไรํ การบริหารจัดการที่ดินและแหลํงน้า อันเป็น
ปัจจยั พน้ื ฐานท่ีสาคญั ในการประกอบอาชีพ เม่ือมีน้าในการทาเกษตรแล๎ว จะสงํ ผลให๎ผลผลิตดีข้ึนและ
หากมีผลผลิตเพ่ิมมากขึ้น เกษตรกรจะต๎องรู๎จักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึงการรวมกลุํมรวม
พลังชุมชนให๎มีความเข๎มแข็ง เพ่ือพร๎อมท่ีจะออกสูํการเปลี่ยนแปลงของสังคมภายนอกได๎อยํางครบ
วงจรน่ัน คอื ทฤษฎใี หมํ ข้นั ท่ี 1, 2 และ 3
1.2.7 ไมํตดิ ตารา
1.2.5 เม่ือเราจะทาการใดน้ัน ควรทางานอยํางยืดหยํุนกับสภาพและสถานการณ์
น้ัน ๆ ไมใํ ชํการยดึ ตดิ อยูํกับแคใํ นตาราวิชาการ เพราะบางท่ี ความร๎ูทํวมหัว เอาตัวไมํรอด บางคร้ังเรา
ยึดติดทฤษฎีมากจนเกินไปจนทาอะไรไมํได๎เลย สิ่งที่เราทาบางครั้งต๎องโอบอ๎อมตํอสภาพธรรมชาติ
สิ่งแวดล๎อม สังคม และจติ วิทยาด๎วย
1.2.8 ประหยัด เรยี บงาํ ย ได๎ประโยชน์สูงสุด
1.2.5 ในเรอื่ งของความประหยดั น้ี ประชาชนชาวไทยทราบกันดีวาํ เรื่องสํวน
พระองค์ก็ทรงประหยัดมากดังที่เราเคยเห็นวํา หลอดยาสีพระทนต์นั้น ทรงใช๎อยํางคุ๎มคําอยํางไร
หรือฉลองพระองค์แตํละองค์ทรงใช๎อยูํเป็นเวลานาน ดังท่ีนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัย
พัฒนา เคยเลําวํา “...กองงานในพระองค์โดยทํานผู๎หญิงบุตรี วีระไวทยะ บอกวําปีหน่ึงพระองค์เบิก
ดนิ สอ 12 แทงํ เดอื นละแทงํ ใช๎จนกระทัง่ กุด ใครอยําไปท้ิงของทํานนะ จะกริ้วเลย ประหยัดทุกอยําง
เป็นต๎นแบบทุกอยําง ทุกอยํางนี้มีคําสาหรับพระองค์หมด ทุกบาททุกสตางค์จะใช๎อยํางระมัดระวัง
จะส่ังให๎เราปฏิบัติงานด๎วยความรอบคอบ...” ขณะเดียวกันการพัฒนาและชํวยเหลือราษฎร ทรงใช๎
หลักในการแก๎ไขปัญหาด๎วยความเรียบงํายและประหยัด ราษฎรสามารถทาได๎เองหาได๎ในท๎องถิ่น

128

และประยุกต์ใช๎สิ่งที่มีอยูํในภูมิภาคนั้น ๆ มาแก๎ไขปัญหาโดยไมํต๎องลงทุนสูง หรือใช๎เทคโนโลยีท่ีไมํ
ยํุงยากนกั

1.2.9 ทาให๎งาํ ย
1.2.5 ดว๎ ยพระอจั ฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในพระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทาให๎การคิดค๎น ดัดแปลง ปรับปรุง และแก๎ไขงานการ
พัฒนาประเทศตามแนวพระราชดาริดาเนินไปได๎โดยงําย ไมํยํุงยากซับซ๎อน และท่ีสาคัญอยํางยิ่ง
คอื สอดคล๎องกับสภาพความเปน็ อยแูํ ละระบบนิเวศโดยสํวนรวม ตลอดจนสภาพทางสังคมของชุมชน
น้ัน ๆ ทรงโปรดที่จะทาส่ิงท่ียากให๎กลายเป็นงําย ทาสิ่งท่ีสลับซับซ๎อนให๎เข๎าใจงําย อันเป็นการ
แก๎ปัญหาด๎วยการใช๎กฎแหํงธรรมชาติเป็นแนวทางน่ันเอง แตํการทาสิ่งยาก ให๎กลายเป็นงํายน้ันเป็น
ของยาก ฉะนั้นคาวํา “ทาให๎งําย” หรือ “Simplicity” จึงเป็นหลักคิดสาคัญที่สุดของการพัฒนา
ประเทศในรูปแบบของโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ
1.2.10 การมสี ํวนรํวม มีสํวนรํวมและคดิ ถึงสวํ นรวม
1.2.10 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเป็น
นักประชาธปิ ไตย จงึ ทรงนา “ประชาพจิ ารณ์” มาใช๎ในการบรหิ ารเพื่อเปิดโอกาสให๎สาธารณชน
ประชาชน หรอื เจ๎าหน๎าทท่ี ุกระดับได๎มารํวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องที่จะตอ๎ งคานึงถึงความ
คดิ เห็นของประชาชน หรอื ความตอ๎ งการของสาธารณสุข ดังพระราชดารสั ตอนหนึง่ วาํ
1.2.10 “...สาคัญที่สุดจะตอ๎ งหัดทาใจให๎กว๎างขวางหนักแนนํ ร๎จู กั รับฟงั ความ
คิดเห็น แม๎กระท่ังความวพิ ากษ์วิจารณจ์ ากผอู๎ ่นื อยํางฉลาด เพราะการรูจ๎ กั รบั ฟงั อยํางฉลาดน้นั แท๎จริง
คือ การระดมสตปิ ัญญาและประสบการณ์อนั หลากหลาย มาอานวยการปฏิบตั ิบรหิ ารงานใหป๎ ระสบ
ความสาเร็จที่สมบรู ณ์น่นั เอง...”
1.2.11 ตอ๎ งยึดประโยชนส์ วํ นรวม
1.2.10 การปฏิบตั พิ ระราชกรณียกจิ และการพระราชทานพระราชดาริในการ
พัฒนาและชํวยเหลือพสกนิกร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9
ทรงระลึกถึงประโยชน์ของสํวนรวมเป็นสาคัญ ดังพระราชดารัสความตอนหน่ึงวํา “...ใครตํอใครบอก
วําขอให๎เสียสละสํวนตัวเพื่อสํวนรวม อันน้ีฟังจนเบื่อ อาจจะราคาญด๎วยซ้าวํา ใครตํอใครมาก็บอกวํา
ขอใหค๎ ิดถงึ ประโยชนส์ ํวนรวม อาจมานึกในใจวํา ให๎ ๆ อยูํเรื่อยแล๎วสํวนตัวจะได๎อะไร ขอให๎คิดวําคน
ท่ีให๎เพื่อสํวนรวมนั้น มิได๎ให๎สํวนรวมแตํอยํางเดียว เป็นการให๎เพ่ือตัวเองสามารถท่ีจะมีสํวนรวมท่ีจะ
อาศัยได๎...”
1.2.12 บริการรวมที่จุดเดียว
1.2.12 การบริการรวมที่จดุ เดยี ว เปน็ รปู แบบการบริการแบบเบ็ดเสร็จ
หรือ One Stop Services ท่ีเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในระบบบริหารราชการแผํนดินของประเทศไทย
โดยทรงให๎ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริเป็นต๎นแบบในการบริการรวมท่ีจุดเดียว
เพื่อประโยชน์ตํอประชาชนท่ีมาขอใช๎บริการ จะประหยัดเวลาและคําใช๎จําย โดยมีหนํวยงานราชการ
ตําง ๆ มารํวมดาเนินการและให๎บริการประชาชน ณ ท่ีแหํงเดียว ดังพระราชดารัสความตอนหนึ่งวํา
1.2.12 “...กรม กองตําง ๆ ที่เกี่ยวข๎องกับชีวิตประชาชนทุกด๎านได๎สามารถ
แลกเปล่ียนความคิดเห็น ปรองดองกัน ประสานกันตามธรรมดาแตํละฝุายต๎องมีศูนย์ของตน แตํวํา

129

อาจจะมีงานถือวําเป็นศูนย์ของตัวเอง คนอื่นไมํเก่ียวข๎อง และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเป็นศูนย์ที่
รวบรวมกาลังทงั้ หมดของเจา๎ หน๎าทท่ี ุกกรม กอง ทงั้ ในด๎านเกษตร หรือในด๎านสังคม ท้ังในด๎านหางาน
การสงํ เสรมิ การศกึ ษามาอยูดํ ว๎ ยกัน กห็ มายความวาํ ประชาชน ซ่ึงจะต๎องใช๎วิชาการทั้งหลายก็สามารถ
ที่จะมาดู สํวนเจ๎าหน๎าท่ีจะให๎ความอนุเคราะห์แกํประชาชนก็มาอยํูพร๎อมกันในท่ีเดียวกัน เหมือนกัน
ซ่งึ เปน็ สองด๎าน กห็ มายถงึ วาํ ทส่ี าคัญปลายทางคือ ประชาชนจะไดร๎ ับประโยชน์และต๎นทางของผู๎เป็น
เจา๎ หนา๎ ท่ีจะใหป๎ ระโยชน.์ ..”

1.2.13 ใชธ๎ รรมชาติชํวยธรรมชาติ
1.2.13 การเข๎าใจถึงธรรมชาติ และต๎องการให๎ประชาชนใกลช๎ ดิ กบั ธรรมชาติ ทรง
มองอยํางละเอียดถึงปัญหาของธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติจะต๎องใช๎ธรรมชาติเข๎า
ชํวยเหลือ เชํน การแก๎ไขปัญหาปุาเสื่อมโทรม โดยพระราชทานพระราชดาริ การปลูกปุาโดยไมํต๎อง
ปลูก (ต๎นไม๎) ปลํอยให๎ธรรมชาติชํวยในการฟ้ืนฟูธรรมชาติ และต๎องการให๎ประชาชนใกล๎ชิดกับ
ธรรมชาติ ทรงมองอยํางละเอียดถึงปัญหาธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติ จะต๎องใช๎
ธรรมชาติเข๎าชํวยเหลือ อาทิ การแก๎ไขปัญหาปุาเส่ือมโทรมได๎พระราชทานพระราชดาริ การปลูกปุา
โดยไมํต๎องปลูก ปลํอยให๎ธรรมชาติชํวยในการฟื้นฟูธรรมชาติ หรือแม๎กระทั่ง การปลูกปุา 3 อยําง
ประโยชน์ 4 อยาํ ง ได๎แกํ ปลูกไม๎เศรษฐกิจ ไม๎ผล และไม๎ฟืน นอกจากได๎ประโยชน์ตามช่ือของไม๎แล๎ว
ยงั ชํวยรกั ษาความชมํุ ชืน้ ใหแ๎ กพํ ้ืนดินด๎วย จะเห็นได๎วําทรงเข๎าใจธรรมชาติ และมนุษย์อยํางเกื้อกูลกัน
ทาให๎คนอยํูรํวมกับปุาได๎อยํางย่ังยืน เชํน การแก๎ไขปัญหาปุาเสื่อมโทรมได๎ พระราชทาน
พระราชดาริ การปลูกปุา
1.2.14 ใช๎อธรรมปราบอธรรม
1.2.14 นอกเหนือจากการ “ทาให๎งําย” แล๎ว ยังทรงนาความจริงในเรื่องความ
เปน็ ไปแหํงธรรมชาติ และกฎเกณฑข์ องธรรมชาติมาเป็นหลักการ แนวปฏิบัติที่สาคัญในการแก๎ปัญหา
และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาวะท่ีไมํปรกติ ให๎เข๎าสํูระบบท่ีเป็นปรกติ เชํน การนาน้าดีขับไลํน้าเสีย
หรือเจือจางน้าเสียให๎กลับเป็นน้าดี ตามจังหวะการข้ึนลงตามธรรมชาติของน้า การบาบัดน้าเนําเสีย
โดยใช๎ผักตบชวา ซ่ึงมีตามธรรมชาติให๎ดูดซับส่ิงสกปรกปนเป้ือนในน้าดังพระราชดารัสวํา “ใช๎อธรรม
ปราบอธรรม” แนวพระราชดาริท่ีพระราชทานในด๎านสิ่งแวดล๎อม ซึ่งเร่ืองใกล๎ชิดประชาชนมากท่ีสุด
คือ การแก๎ไขปัญหาขยะ และน้าเสีย ท่ีนับวันจะกํอตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเขต
ชุมชนเมือง ท่ีมีกิจกรรมการผลิตหลากหลาย เชํน อาคาร ห๎างร๎าน โรงงานอุตสาหกรรม บ๎านเรือน
ภาคการเกษตร ล๎วนมีสํวนทาให๎เกิดน้าเสีย และขยะจนกลายเป็นปัญหาใหญํของหลายเมือง ทั้งใน
ด๎านของสถานท่ีกาจัดขยะ ความร๎ูและเทคโนโลยีการจัดการ รวมถึงงบประมาณที่ใช๎ในปริมาณสูง
1.2.15 ปลกู ปาุ ในใจคน
1.2.15 ตอ๎ งปลกู ปาุ ท่จี ิตสานึกกํอน ต๎องใหเ๎ ห็นคณุ คาํ กํอนท่จี ะลงมอื ทา
การดูแลปัญหายาเสพติด ถ๎าคนทาหน๎าท่ีนี้ยังทา เพราะเป็นหน๎าที่งานสาเร็จได๎ยาก แตํถ๎าทาด๎วย
ความดีใจที่ได๎ชํวยลูกเขาให๎กลับคืนสํูอ๎อมอกพํอแมํได๎เพียงหน่ึงคน ซึ่งคุ๎มคํากวําได๎เงินทองเป็นล๎าน
แสดงวําพลังตํอส๎ูกับยาเสพติดได๎เกิดข้ึนในใจของทํานแล๎ว จงปลุกสิงโตทองคาในหัวใจ
ให๎ตื่นข้ึนมาให๎ได๎กํอน เป็นการปลูกปุาลงบนแผํนดินด๎วย ความต๎องการอยํูรอดของมนุษย์ ทาให๎ต๎อง
มีการบริโภคและใช๎ทรัพยากรธรรมชาติอยํางส้ินเปลือง เพ่ือประโยชน์ของตนเอง และสร๎างความ

130

เสียหายให๎แกํส่ิงแวดล๎อม ปัญหา ความไมํสมดุลจึงบังเกิดขึ้น ดังนั้น ในการที่จะฟ้ืนฟู
ทรัพยากรธรรมชาติให๎กลับคืนมา จะต๎องปลูกจิตสานึกในการรักผืนปุาให๎แกํคนเสียกํอน ดังพระราช
ดารัสความตอนหนง่ึ วาํ “...เจ๎าหนา๎ ท่ีปุาไมค๎ วรจะปลูกต๎นไม๎ ลงในใจคนเสียกํอน แล๎วคนเหลํานั้นก็จะ
พากนั ปลกู ต๎นไม๎ลงบนแผํนดินและรกั ษาต๎นไม๎ด๎วยตนเองกอํ น”

1.2.16 ขาดทุนคอื กาไร
1.2.15 “...ขาดทนุ คอื กาไร Our loss is our gain...การเสยี คอื การได๎
ประเทศชาตกิ จ็ ะก๎าวหนา๎ และการท่ีคนอยูํดีมีสุขนั้นเป็นการนับที่เป็นมูลคําเงินไมํได๎...” จากพระราช
ดารัสดังกลําว คือ หลักการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่มีตํอ
พสกนกิ รไทย “การให๎” และ “การเสียสละ” เป็นการกระทาอันมีผลเป็นกาไร คือความอยูํดีมีสุขของ
ราษฎร ซึ่งสามารถสะท๎อนให๎เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนได๎ ถ๎าอยากให๎ประชาชนอยํูดี กินดี ก็ต๎องลงทุน
ต๎องสร๎างโครงสร๎าง ซึ่งต๎องใช๎เงิน เป็นร๎อย พัน หมื่นล๎าน ถ๎าทาไปเป็นการจํายเงินของรัฐบาล แตํใน
ไมํช๎าประชาชนจะได๎รับผล ราษฎรอยูํดี กินดี ราษฎรได๎กาไรไป ถ๎าราษฎรมีรายได๎ รัฐบาลก็เก็บภาษี
ได๎สะดวก เพื่อให๎รัฐบาลได๎ทาโครงการตํอไป เพื่อความก๎าวหน๎าของประเทศชาติ ถ๎ารู๎รัก สามัคคี
ร๎ูเสียสละ คือ การได๎ประเทศชาติก็จะก๎าวหน๎า และการที่คนอยํูดีมีสุขนั้นเป็นการนับที่เป็นมูลคําเงิน
ไมไํ ด๎
1.2.17 การพึ่งตนเอง
1.2.15 การพฒั นาตามแนวพระราชดารัส เพอื่ แกไ๎ ขปญั หาในเบ้ืองต๎นด๎วยการ
แก๎ไขปัญหาเฉพาะหน๎า เพื่อให๎มีความแข็งแรง พอที่จะดารงชีวิตไดต๎ ํอไป แล๎วขัน้ ตํอไป ก็คือการ
พัฒนาใหป๎ ระชาชนสามารถอยํใู นสงั คมไดต๎ ามสภาพแวดลอ๎ มและสามารถ “พง่ึ ตนเองได๎” ในทีส่ ุด
หลกั การพ่งึ ตนเองต๎องมีความพอดี 5 ประการ
1.2.15 1. ความพอดีด๎านจิตใจต๎องเข๎มแข็ง พงึ่ ตนเองได๎ มจี ติ สานึกท่ีดี
เอือ้ อาทรและนกึ ถึงประโยชนส์ ํวนรวม
1.2.15 2. ความพอดีด๎านสังคมตอ๎ งชํวยเหลือเกอ้ื กูลกนั สรา๎ งความเขม๎ แข็งให๎
ชุมชนรูจ๎ ักผนึกกาลัง และมีกระบวนการเรยี นรท๎ู ี่เกิดจากรากฐานที่ม่นั คงและแขง็ แรง
1.2.15 3. ความพอดีด๎านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ๎ ม ร๎จู ักใชแ๎ ละ
จดั การอยาํ งฉลาดรอบคอบ เพือ่ ให๎เกิดความยัง่ ยนื สูงสดุ และใช๎ทรัพยากรในประเทศเพื่อพฒั นา
ประเทศใหม๎ ่ันคงอยูํเปน็ ขน้ั เป็นตอนตํอไป
1.2.15 4. ความพอดีด๎านเทคโนโลยี รู๎จักใช๎เทคโนโลยีท่เี หมาะสมและ
สอดคล๎องกบั ความต๎องการ และควรพัฒนาเทคโนโลยจี ากภมู ปิ ัญญาชาวบา๎ นของเราเอง
เพอื่ สอดคล๎องและเป็นประโยชนต์ ํอสภาพแวดล๎อมของเราเอง
1.2.15 5. ความพอดีด๎านเศรษฐกจิ เพื่อรายได๎ ลดรายจาํ ย ดารงชีวิตอยาํ ง
พอควร
1.2.18 พออยํูพอกิน
1.2.18 เป็นแนวทางในการดาเนนิ ชีวติ ประจาวัน ให๎สามารถอยํูรํวมกับคนใน
หนํวยงานได๎อยํางมคี วามสุข การพออยูํพอกินจะทาให๎เรามีความสุข และประหยัดเงินเอาไว๎ใช๎ในยาม
จาเป็น การใช๎เงินอยํางสุรํุยสุรํายจะทาให๎เราไมํมีเงินเก็บ การที่จะต๎องการเงินมาใช๎ก็ไมํมีจะต๎องไป

131

หยิบยืมจากผู๎อื่น ทาให๎ผ๎ูอ่ืนเดือดร๎อนไปด๎วย และถ๎าก๎ูเงินก็จะโดนดอกเบี้ยทาให๎เราต๎องหาเงินเพ่ิม
มากกวําที่ตัวเองไปก๎ูเค๎ามา ทาให๎ตัวเองเป็นทุกข์ ยึดความประหยัด ตัดทอนคําใช๎จํายท่ีไมํจาเป็น
ความฟุมเฟอื ย รูจ๎ กั คาวํา “พอ”

1.2.18 พออยูํ คือ การทีเ่ ราปลูกปาุ ท่ีใหไ๎ ม๎พืช ทจี่ าเป็นตอํ การนามาใชท๎ าที่อยํู
อาศัยตาํ ง ๆ เชํน ไม๎ทาเสา ไม๎ทาพ้นื ไมท๎ าฝา ไม๎ทาโครงสร๎างบ๎านตําง ๆ เป็นตน๎ ครัน้ เมื่อเหลือใช๎
เรากแ็ บํง จาํ ย แจก ขาย เปน็ รายได๎เสริมให๎ครอบครัวได๎

1.2.18 พอกิน คือ การที่เราปลูกปุาเพื่อให๎ได๎พืชที่เราจะนามาใช๎กินได๎
อยาํ งพอเพยี ง เชํน ขา๎ ว ผกั ฯลฯ เมื่อเหลือกนิ แล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายไดเ๎ สรมิ ไดเ๎ ราจะต๎องใช๎ใน
ชวี ิตประจาวัน เชนํ ยา ขนม ผลไม๎ เครือ่ งปรุง เป็นตน๎ คร้ันเมือ่ เราใช๎ได๎อยาํ งพอเพียงแลว๎ เรากแ็ บํง
ออกขายหารายไดใ๎ ห๎แกคํ รอบครัวได๎

1.2.18 พอใช๎ คือ การปลกู ปุาใหม๎ พี ืชที่เราจะตอ๎ งใช๎ในชีวิตประจาวัน เชนํ
ยา ขนม ผลไม๎ เคร่ืองปรุง เป็นต๎น คร้ันเมื่อเราใช๎ได๎อยํางพอเพียงแล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายได๎
แกํครอบครัวได๎

1.2.18 พอมพี อกนิ กแ็ ปลวาํ เศรษฐกิจพอเพียงน่ันเอง ถ๎าแตํละคนมีพอมีพอกิน
ก็ใช๎ได๎ ยิง่ ถา๎ ท้ังประเทศพอมพี อกนิ ก็ย่งิ ดี

1.2.19 เศรษฐกจิ พอเพยี ง ยดึ แนวคดิ ประหยัด เรยี บงําย ประโยชนส์ ูงสุด
1.2.19 เศรษฐกจิ พอเพียง คือ พระราชปรชั ญาซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงพระกรุณาพระราชทานแกพํ สกนกิ รชาวไทย เพ่ือให๎สงั คมไทยมี
ชีวิตดารงอยไูํ ด๎อยาํ งม่นั คงและย่ังยืน ไมํวําเมอ่ื ต๎องเผชิญกับวิกฤตการณ์ หรอื การเปล่ยี นแปลงใด ๆ
บนพนื้ ฐานวถิ ชี ีวติ ดง้ั เดมิ ของสังคมไทยนามาประยุกต์ใช๎
1.2.19 “ความพอเพยี ง” หมายถงึ ความพอประมาณอยาํ งมเี หตุผลโดยสร๎าง
ภูมิคุ๎มกันในตัวท่ีดีพอสมควร เพื่อที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงท่ีรวดเร็ว กว๎างขวาง ทั้งทางด๎านวัตถุ
สังคม สิ่งแวดล๎อม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได๎เป็นอยาํ งดี โดยอาศัยความรอบรู๎ รอบคอบ และ
ความระมัดระวังในการนาวิชาการตําง ๆ มาใช๎วางแผน และดาเนินการทุกขั้นตอน ควบคูํไปกับการ
สร๎างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติทุกระดับให๎สานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ดาเนินชีวิตด๎วย
ความอดทน ความเพียร ความมีสติปัญญา และความรอบคอบ มีเหตุผล โดยที่ความพอประมาณนั้น
หมายถึง ความพอดีท่ีไมํน๎อยเกินไป และไมํมากเกินไป ไมํเบียดเบียนตนเองและผู๎อื่น การนาหลัก
เศรษฐกิจพอเพียงมาใช๎นั้นข้ันแรกต๎องยึดหลัก “พึ่งตนเอง” คือพยายามพึ่งตนเองให๎ได๎กํอนในแตํละ
ครอบครวั มกี ารบรหิ ารจัดการอยํางพอดี ประหยัด ไมํฟุมเฟือย สมาชิกในครอบครัวแตํละคนต๎องรู๎จัก
ตนเอง เชํน ข๎อมูล รายรับ-รายจําย ในครอบครัวของตนเองสามารถรักษาระดับการใช๎จํายของตน
ไมํใหเ๎ ปน็ หน้ี และร๎จู ักดึงศักยภาพในตัวเองในเร่ืองของปจั จยั สใ่ี ห๎ไดใ๎ นระดบั หนึ่ง การพัฒนาตนเองให๎
สามารถ “อยํูได๎อยํางพอเพียง” คือ ดาเนินชีวิตโดยยึดหลักทางสายกลางให๎อยํูได๎อยํางสมดุล คือ
มคี วามสุขที่แท๎ ไมใํ ห๎รูส๎ กึ ขาดแคลน จนต๎องเบยี ดเบียนตนเอง หรือดาเนนิ ชวี ิตอยํางเกินพอดี

132

1.2.20 ความซื่อสตั ยส์ ุจรติ จริงใจตอํ กัน

1.2.20 ซ่ือสตั ย์สจุ ริต มีความหมายวํา ความประพฤติดี ความประพฤติ

ชอบ ประพฤตติ รง และจริงใจ ไมคํ ดิ คดทรยศ ไมํคดโกง และไมหํ ลอกลวง คนจะได๎ชื่อวาํ มีความ

ซือ่ สัตย์ ต๎องมีความจรงิ 5 ประการ คือ

1.2.20 1. จริงตอํ การงาน หมายถงึ ทาอะไรทาจรงิ มํุงให๎งานสาเรจ็ เกิด

ประโยชนส์ วํ นตน หรือสวํ นรวมไดจ๎ รงิ ๆ

1.2.20 2. จริงตอํ หน๎าที่ หมายถงึ ทาจริงในงานที่ไดร๎ บั มอบหมาย ซึง่ เรยี กวํา

หน๎าท่ีทางานเพื่องาน ทางานใหด๎ ที ส่ี ุด ไมํเลินเลํอ ไมํหละหลวม ไมหํ ลกี เล่ียง บดิ พล้ิว

คือ หลีกเล่ยี งไมํปฏบิ ตั ิตามหนา๎ ที่ต๎องเอาใจใสหํ น๎าที่ให๎งานสาเรจ็ เกิดผลดี

1.2.20 3. จรงิ ตํอวาจา หมายถงึ การพดู ความจริง ไมํกลับกลอก รักษาวาจา

สตั ย์อยํางเครํงครดั พดู จริงทาจริงตามท่ีพูด

1.2.20 4. จรงิ ตอํ บคุ คล หมายถึง มีความจริงใจตํอคนทีเ่ ก่ียวข๎อง ตอํ มิตร

และผร๎ู ํวมงาน จรงิ ใจตํอเจ๎านายของตน เรียกวาํ มคี วามจงรักภักดี จริงใจตํอผู๎มพี ระคุณ เรยี กวาํ

มีความกตัญญูกตเวที

1.2.20 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9

พระราชทานพระราชดารัส เร่ือง ความซื่อสตั ย์สุจริต จรงิ ใจตอํ กนั อยํางตํอเนื่องตลอดมา เพราะทรง

เห็นวําหากคนไทยทกุ คนได๎รวํ มมือกันชํวยชาติ พัฒนาชาตดิ ๎วยความซื่อสตั ย์สุจริต จริงใจตอํ กันแลว๎

ประเทศไทยจะเจริญก๎าวหนา๎ อยาํ งมาก

1.2.21 ทางานอยํางมีความสขุ

1.2.21 ทางานต๎องมีความสขุ ดว๎ ย ถ๎าเราทาอยาํ งไมมํ ีความสขุ เราจะแพ๎ แตํถา๎

เรามีความสุข เราจะชนะ สนุกกับการทางานเพียงเทํานั้น ถือวําเราชนะแล๎ว หรือจะทางานโดย

คานึงถึงความสุขท่ีเกิดจากการได๎ทาประโยชน์ให๎กับผู๎อ่ืนก็สามารถทาได๎ พระบาทสมเด็จ

พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเกษมสาราญ และทรงมีความสุขทุกคราที่จะ

ชํวยเหลอื ประชาชน

1.2.22 ความเพียร

1.2.21 ความเพียร หมายถึง ความก๎าวไปข๎างหน๎า ความดาเนินไป ความบากบั่น

ความพยายาม ความอุตสาหะ ความหม่ัน ความออกแรง ความไมํถอยหลัง ความทรงไว๎ ความไมํยํอ

หยํอน ความไมํทอดทิ้ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงริเริ่ม

ดาเนนิ งานโครงการตาํ ง ๆ ในระยะแรกท่ีไมํได๎มีความพร๎อมในการดาเนินงานมากนัก และทรงใช๎พระ

ราชทรัพย์สํวนพระองค์ท้ังส้ิน แตํพระองค์ก็มิได๎ท๎อพระราชหฤทัย ทรงอดทน และมํุงม่ันดาเนินงาน

นน้ั ๆ ให๎สาเร็จลุลํวง จากตวั อยาํ งบทพระราชนพิ นธพ์ ระมหาชนก พระมหาชนกเพียรวํายน้าอยํู 7 วัน

7 คืน แม๎จะมองไมํเห็นฝ่ังแตํยังคงวํายตํอไป ไมํจมลง จนกลายเป็นอาหารของปลา และได๎รับความ

ชํวยเหลือจน ถงึ ฝั่งไดใ๎ นทส่ี ดุ

1.2.23 ร๎ู รัก สามคั คี คิ ด เ พื่ อ ง า น

1.2.21 คิดเพอ่ื งาน

รู๎ = ต๎องรป๎ู จั จัย รป๎ู ัญหา รู๎ทางออกของปญั หา

133

รกั = เมอื่ ร๎แู ล๎ว ต๎องเกิดความอยากในทางทด่ี กี ํอน คอื ฉนั ทะเหน็ วาํ เป็น
ประโยชนต์ อํ ประเทศชาติ ภมู ใิ จ อยากทา

1.2.21 สามัคคี = ลงมือปฏบิ ัติ ต๎องรํวมมอื เพื่อเกิดพลงั แยกกันไร๎คํา รวมกัน
ไร๎เทียมทาน คดิ เพอ่ื ตวั เราเอง ร๎ู = ร๎ูจกั ทกุ คนทั้งหน๎าที่การงาน ชีวติ ครอบครวั ทาอยาํ งไร จึงจะร๎จู กั
ใหด๎ ไี ด๎ รู๎จดุ อํอน จุดแข็ง โดยเฉพาะผูบ๎ งั คบั บญั ชา รกั = เน๎นความดี ใสํใจกนั และกนั มองกันในแงดํ ี
สามัคคี = จงึ จะเกดิ
กกกกกกกจากหลกั การทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
จานวน 23 ขอ๎ ข๎างต๎น เมื่อวิเคราะหใ์ นสํวนทีเ่ กีย่ วขอ๎ งกบั คุณธรรมของพลเมืองดี มี 9 ข๎อ ซึง่ พลเมือง
ดีควรนาไปปฏบิ ตั ใิ หเ๎ ป็นรปู ธรรม คอื
กกกกกกกขอ๎ ที่ 10 การมสี ํวนรวํ ม มสี วํ นรํวมและคดิ ถึงสํวนรวม
กกกกกกกขอ๎ ที่ 11 ต๎องยึดประโยชนส์ วํ นรวม
กกกกกกกขอ๎ ท่ี 12 บรกิ ารจดุ เดียว
กกกกกกกขอ๎ ที่ 16 ขาดทนุ คือกาไร
กกกกกกกขอ๎ ท่ี 17 การพึง่ ตนเอง
กกกกกกกขอ๎ ท่ี 20 ความซื่อสตั ยส์ จุ รติ จรงิ ใจตํอกัน
กกกกกกกขอ๎ ท่ี 21 ทางานอยาํ งมีความสขุ
กกกกกกกข๎อที่ 22 ความเพียร
กกกกกกกข๎อท่ี 23 ร๎ู รกั สามัคคี
กกกกกกก2. แนวทางการปฏบิ ัตหิ น้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9
ตามหลกั การทรงงาน

2.1 การมีสํวนรํวม มีสํวนรวํ มและคดิ ถงึ สวํ นรวม
หนา๎ ทพี่ ลเมอื งที่ดมี ีแนวปฏิบัติ คอื ภารกิจสํวนรวม ทกุ คนควรเขา๎ ไปมีสํวนรํวม

คิด รํวมทาเพื่อให๎ภารกจิ นัน้ สาเร็จลลุ ํวง ถงึ แมว๎ าํ บางคร้งั การคิดของแตํละคนอาจจะไมํตรงกันกต็ าม
แตํเราต๎องปฏิบัติตามถ๎าเปน็ มตคิ วามคิดเหน็ ของสวํ นใหญํ

2.2 ต๎องยดึ ประโยชนส์ วํ นรวม
หน๎าทีพ่ ลเมอื งทดี่ ีมแี นวปฏบิ ัติ คอื จะตอ๎ งมคี วามเสียสละ ในเรื่องท่จี าเปน็

เพ่ือผลประโยชน์ของสํวนรวมและรักษาไว๎ซ่ึงสังคมประชาธิปไตย เป็นการสํงผลตํอความม่ันคงและ
ความก๎าวหน๎าขององค์กร ซ่ึงสุดท๎ายแล๎วผลประโยชน์ดังกลําวก็ย๎อนกลับมาสํูสมาชิกของสังคม
เชํนการไปใช๎สิทธิเลือกตั้ง ถึงแม๎วําเราจะมีอาชีพบางอยํางที่มีรายได๎ตลอดเวลา เชํนค๎าขาย แตํก็ยอม
เสียเวลาค๎าขายเพ่ือไปลงสิทธิเลือกต้ัง บางครั้งเราต๎องมีน้าใจชํวยเหลือกิจกรรมสํวนรํวม
เชํน การสมัครเปน็ กรรมการเลือกตั้ง หรอื สมาคมบาเพ็ญประโยชน์สวํ นรวม เปน็ ต๎น

2.3 บรกิ ารจดุ เดยี ว
หน๎าที่พลเมืองที่ดีมีแนวปฏิบัติ คือ พลเมืองหลากหลายอาชีพซ่ึงมีความร๎ูและ

ประสบการณ์ที่แตกตํางกัน การรํวมกันแก๎ไขปัญหาหรือการบริการรํวมกัน ณ จุดเดียวกัน เพื่อให๎
สมาชกิ ในสังคมได๎รบั บรกิ ารเบด็ เสร็จ

134

2.4 ขาดทนุ คือกาไร
หน๎าทพี่ ลเมอื งที่ดมี ีแนวปฏิบตั ิ คอื การเสียสละผลประโยชน์ทตี่ นเองจะไดร๎ ับให๎

กันสํวนรวมแทน เพราะเมื่อสํวนรวมไดร๎ ับผลประโยชนน์ ี่ เราในฐานะเป็นสํวนหน่ึงของสมาชกิ สังคมก็
ไดร๎ บั ผลประโยชนด์ ว๎ ย

2.5 การพ่ึงตนเอง
หน๎าทพ่ี ลเมืองที่ดมี ีแนวปฏิบตั ิ คือ พยายามพ่งึ ตนเองให๎มากทีส่ ดุ ลดการพ่งึ พา

ภายนอก จะทาใหส๎ ามารถแก๎ไขปญั หาในเบ้อื งต๎นได๎
2.6 ความซ่ือสัตยส์ จุ รติ จริงใจตํอกนั
หน๎าที่พลเมืองท่ีดีมีแนวปฏิบัติ คือ การปฏิบัติตน ทางกาย วาจา จิตใจ ที่ตรงไปตรงมา

ไมํแสดงความคดโกงไมํหลอกลวง ไมํเอาเปรยี บผู๎อื่น ล่ันวาจาวําจะทางานส่ิงใดก็ต๎องทาให๎สาเร็จเป็น
อยํางดี ไมํกลบั กลอก มคี วามจริงใจตอํ ทกุ คน จนเปน็ ท่ีไวว๎ างใจของคนทุกคน

2.7 ทางานอยํางมีความสขุ
หนา๎ ท่ีพลเมืองทีด่ ีมีแนวปฏบิ ตั ิ คือ ขณะทางานต๎องมีความสขุ ดว๎ ย ถา๎ เราทาอยาํ ง

ไมํมีความสุข เราจะแพ๎ แตถํ ๎าเรามีความสุข เราจะชนะ สนุกกับการทางานเพยี งเทาํ นนั้ ถอื วาํ เราชนะ
แลว๎ หรือจะทางานโดยคานงึ ถึงความสุขทีเ่ กดิ จากการไดท๎ าประโยชน์ใหก๎ บั ผู๎อนื่ ก็สามารถทาได๎

2.8 ความเพยี ร
หนา๎ ท่พี ลเมืองทีด่ มี ีแนวปฏิบัติ คือ การเร่ิมตน๎ ทางาน หรอื ทาสิง่ ใดนัน้ อาจไมมํ ี

ความพร๎อมแตํต๎องอาศัยความอดทนและความมุงํ ม่นั เพียรพยายามให๎งานน้ันสาเร็จลลุ ํวงไปได๎
2.9 ร๎ู รัก สามคั คี
หน๎าท่ีพลเมืองที่ดีมีแนวปฏบิ ัติ คอื ต๎องมคี วามรใู๎ นงานที่ตนเองทาเป็นอยาํ งดกี ํอน

ตอํ จากนัน้ ใหท๎ างานดว๎ ยความรกั และเมื่อลงมอื ปฏบิ ัติ ถา๎ ทาคนเดยี วไมสํ าเรจ็ ก็ต๎องใช๎บุคคลอน่ื มาชวํ ย
ทารํวมกนั อยํางมีความสามคั คี

สรปุ
กกกกกกกหลกั การทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
มีจานวน 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลให๎เป็นระบบ (2) ระเบิดจากภายใน (3) แก๎ปัญหาจากจุดเล็ก
(4) ทาตามลาดับข้ัน (5) ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ (6) ทางานแบบองค์รวม (7) ไมํติดตารา
(8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน์สูงสุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม มีสํวนรํวมและคิดถึง
สํวนรวม (11) ต๎องยึดประโยชน์สํวนรวม (12) บริการรวมจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติชํวยธรรมชาติ
(14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง
(18) พออยํพู อกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง ยึดแนวคิดประหยัด เรียบงําย ประโยชน์สูงสุด (20) ความ
ซือ่ สตั ย์สจุ รติ จรงิ ใจตอํ กัน (21) ทางานอยาํ งมีความสขุ (22) ความเพียร (23) รู๎ รกั สามคั คี

135

ใบความรู้
หวั เร่ืองที่ 6 การเจรญิ พระราชไมตรี ณ ประเทศเครือรัฐออสเตรเลยี
และการนาพระราชกรณยี กิจไปใชข้ องประเทศสธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์

วัตถปุ ระสงค์

กกกกกกก1. เพอื่ ใหน๎ ักศึกษามีความรค๎ู วามเขา๎ ใจ เรื่อง การเจริญพระราชไมตรี ณ ประเทศเครือรัฐ
ออสเตรเลีย
กกกกกกก2. เพ่อื ให๎นกั ศึกษามที ักษะการแสวงหาความร๎ู เรอ่ื ง การเจริญพระราชไมตรี ณ ประเทศ
เครือรฐั ออสเตรเลยี
กกกกกกก3. เพ่ือให๎นกั ศึกษาตระหนักถึงความสาคัญ เร่อื ง การนาพระราชกรณยี กิจไปใช๎ของ
ประเทศสาธารณรฐั แหํงประเทศสหภาพเมยี นมาร์

เนอื้ หา

กกกกกกก1. การเจรญิ พระราชไมตรี ณ ประเทศเครือรัฐออสเตรเลยี
กกกกกกก1. พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเปย่ี มด๎วยพระอัฉรยิ ภาพ
วางพระองค์ได๎สงํางามและทรงมขี นั ติ แจ๎งประจักษต์ ํอสายตาชาวตํางชาติ ราลกึ เหตุครง้ั ทรงโดนหลํู
พระเกียรติ ณ เครือรัฐออสเตรเลีย
กกกกกกก1. ย๎อนเรื่องราวเม่ือคร้ังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเยือน
ออสเตรเลีย และถกู นักศกึ ษามหาวทิ ยาลัยเมลเบริ น์ ลบหลพํู ระเกียรติ แตพํ ระองค์ก็เปี่ยมไปดว๎ ย
พระราชธรรม “อกโกธ “ คือ กริยาที่ไมํแสดงความโกรธให๎ปรากฏ พร๎อมแสดงพระอัจฉริยะภาพใน
การรับมือกับปัญญาเฉพาะหน๎าได๎อยํางดีเยี่ยม เรื่องราวดังกลําว เม่ือวันท่ี 3 กันยายน 2505
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ นพิธีทูลเกล๎าฯ ถวายปริญญานิติศาสตร
ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ณ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในคร้ังนั้น พระบาทสมเด็จ
พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ทรงถูกท๎าทายจากนักศึกษากลุํมหนึ่งท่ีมีความคิดรุนแรง ไมํเข๎าใจ
พระองค์และเมืองไทยเปูนอยํางดี โดยบ๎างก็ถือปูายที่มีข๎อความกลําวร๎ายตํอพระองค์ทําน บ๎างก็สํง
เสยี งโหปํ นฮา ลบหลูพํ ระเกียรติ และเกยี รตภิ มู ขิ องชาตไิ ทยอยํางแรง
กกกกกกก1. สมเดจ็ พระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ซ่งึ รํวมเสดจ็ ฯดว๎ ยในครงั นน้ั ได๎ทรงบรรยายกก
กกกกกกก1. “ตํอจากนัน้ ก็ถึงเวลาที่พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะเสด็จฯ
ไปพระราชทานพระราชดารชั ทเ่ี ครื่องขยายเสียงกลางเวที ยังไมํทันจะอะไรก็มีเสียงโหํ ปนฮาดังขึ้นมา
จากกลมุํ ปัญญาชนขา๎ งนอกอีกแลว๎ ข๎าพเจา๎ รู๎สึกวํามือเย็นเฉียบ หัวใจหวิวๆ อยํางไรพิกล ร๎ูสึกสํงสาร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนทาอะไรไมํถูก ไมํกล๎าแม๎แตํจะบอกขึ้นดูพระ
พักตร์ทํานด๎วยความสงสารและเห็นพรัย ในท่ีสุดก็ฝืนใจมองข้ึนไปเพ่ือถวายกาลังพระทัย แตํแล๎ว
ข๎าพเจ๎านั้นเองและที่เป็นผู๎ได๎กาลังใจกลับคืนมา เพราะมองดูทํานขณะท่ีทรงพระดาเนินไปยืนกลาง

136

เวทเี หน็ พระพกั ตรส์ งบเฉยทันใดนนั้ เองคนทอ่ี ยํูในหอประชุมท้ังหมดก็ปรบมือเสียงสน่ันหวั่นไหวคล๎าย
จะถวายกาลังพระทัยทําน
กกกกกกก1. พอเสยี งปรมมือเงยี บลง คราวนีข้ ๎าพเจ๎ามองข้ึนไปบนเวทีอีกก็เห็นพระบาทสมเด็จพระ
ปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปดิ พระมาลาที่ทรงคูํกับฉลองพระองค์ครยุ แลว๎ หนั พระองค์ไป
โค๎งคานบั กลุมํ ทส่ี งํ เสียงเอะอะอยํูข๎างนอกอยํางงดงาม และนําดูที่สดุ พระพกั ตรย์ ้ิมนดิ ๆ พระเนตรมี
แววเยาะหนอํ ยๆ แตํพระสุรเสยี งราบเรียบยิ่งนัก
กกกกกกก1. “ขอขอบใจทํานทง้ั หลายเปน็ อนั มาก ในการต๎อนรับอันอบอํุนและสุภาพเรยี บร๎อยท่ีทําน
แสดงตอํ แขกเมืองของทาํ น”
กกกกกกก1. รับสงั่ เพยี งเทําน้นั เอง แล๎วก็หันพระองค์มารบั สงั่ ตอํ กับผทู๎ ี่นั่งฟังอยํใู นหอประชุม ตอนน้ี
ขา๎ พเจา๎ อยากจะหวั เราะออกมาดังๆ ด๎วยความสะใจ เพราะเสียงฮานัน้ เงียบลงทนั ทรี าวกับปิดสวทิ ช์
แล๎วตั้งแตํนั้นกไ็ มํมีอะไรเลย ทกุ คนข๎างนอกข๎างในตํางนั่งฟังพระราชดารัสเฉย ทําทางดขู บคิด ข๎าพเจา๎
เหน็ วําพระราชดารัสวนั น้ันดมี าก รบั สง่ั สดๆโดยไมสํ งใช๎กระดาษเลย
กกกกกกก2. การนาพระราชกรณยี กิจไปใช๎ของประเทศสาธารณรัฐแหํงสหภาพเมียนมาร์
กกกกกกก1. ความเปน็ มาของโครงการ
กกกกกกก1. พืน้ ที่แห๎งแลง๎ ดอนกลางของเมียนมาร์ (Central Dry Zone) เป็นทีร่ จู๎ ักกนั ดีในฐานะ
พ้นื ที่เขตแลง๎ และยากจนทีส่ ุดของประเทศเมียนมาร์เมือ่ พ.ศ. 2522 องคก์ รระวาํ งประเทศมํุงให๎ความ
สนใจพัฒนาพื้นท่ีประสบภัยพิบัติจากพายุไซโคลนนาร์กีสโยเฉพาะรัฐบาลเมียนมาร์ น้ันขณะน้ันจึง
เรียนรอ๎ งให๎องคก์ รระหวาํ งประเทศตํางๆ เข๎าไปพัฒนาในเขตพน้ื ทีแ่ ห๎งแล๎งหลงั ดอนกลางเพม่ิ มากข้นึ
กกกกกกก1. ในเดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2553 มูลนิธิแมฟํ าู หลวงฯดว๎ ยการสนบั สนุนดา๎ นงบประมาณจาก
สานักงานคณะกรรมการปูองกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสานักงานความรํวมมือเพื่อ
การพัฒนาระหวํางประเทศ กระทรวงการตํางประเทศ ได๎ลงนามในบันทึกความเข๎าใจรํวมกับกรม
ปศุสัตว์ กระทรวงปศุสัตว์ และประมงของเมียนมาร์ในขณะนั้น เพ่ือดาเนินโครงการพัฒนาทางเลือก
ในการดารงชีวิตที่ย่ังยืนในเขตอาเภอเยยันซอง ซ่ึงเป็นเขตพ้ืนที่ยากจนที่สุดในภาคมะกวย
โดยครอบคลุม 16 หมูํบ๎าน ใน 4 ตาบล เม่ือ พ.ศ. 2554 กํอนจะขยายเพิ่มเติมอีก 13 หมํูบ๎าน
ใน 2 ตาบล ตามคารอ๎ งขอจากชุมชนเมือ่ พ.ศ. 2556
กกกกกกก1. กจิ กรรมการพฒั นา
กกกกกกก1. โครงการพัฒนาทอ่ี าเภอเยนนั ซอง มรี ะยะเวลาดาเนนิ การท้ังสน้ิ 6 ปี เพอื่ ใหส๎ ามารถ
แก๎ปัญหาตํางๆ อยํางเป็นข้ันเป็นตอน และพัฒนาศักยภาพของชาวบ๎านในพื้นท่ีได๎ตามกรอบเวลาที่
เหมาะสม โครงการ มีจุดมุํงหมายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ๎านให๎ดีขึ้นอยํางยั่งยืน ผํานการ
สร๎างความม่ันคงทางอาหาร ลดรายจํายในครวั เรอื น และสร๎างรายไดเ๎ พม่ิ เตมิ ใหแ๎ กํครัวเรือน
กกกกกกก1. การพฒั นามาใน 3 ปแี รก มุํงเน๎นการแกป๎ ัญหา “อยูํรอด”และความต๎องการพื้นฐานของ
ชุมชน กิจกรรมดังกลําวครอบคลมุ การพัฒนาแหลํงน้า การจัดต้ังกองทุนเซรํุมแก๎พิษงูเพ่ือชํวยคนท่ีถูก
งกู ดั การพฒั นาด๎านพลังงานทางเลอื ก และการพฒั นาด๎านปศสุ ัตว์ ทงั้ นี้ ปญั หาการขาดแคลนน้าสํงผล
ใหศ๎ ักยภาพด๎านการเกษตรมีจากดั วถิ ีชวี ิตของชุมชนท่นี ่ีจึงพ่ึงพาปสุสัตว์เป็นหลัก และปศุสัตว์นับเป็น
สนิ ทรพั ย์สาคญั ของผูค๎ นในเขตพ้ืนทแี่ ห๎งแลง๎ นี้ ดังนั้น โครงการจงึ ให๎ความสาคัญเป็นพิเศษแกํโครงการ
พัฒนาด๎านปศสุ ตั ว์แบบครบวงจร ไมํวําจะเป็นการฝึกอบรมเจ๎าหน๎าท่ีสัตวบาล การจัดตั้งกองทุน

137

ยารักษาสัตว์ หรือการเพ่ิมปริมาณปศุสัตว์ในพื้นท่ี โดยปลํอยกู๎แพะให๎แกํครัวเรือนท่ียากจนท่ีสุด
ผาํ นโครงการ “ธนาคารแพะ” รวมถึงการพัฒนาอาหารสัตว์ ท้งั นี้ การพัฒนาอาสาสมัครพัฒนาชุมชน
ให๎เป็นเจา๎ หนา๎ ทสี่ ัตวบาลนี้ ไมํเพียงพอตอํ โจทยใ์ นเร่ืองการดแู ลสขุ ภาพสุขภาพสัตว์เทําน้ัน แตํยังชํวย
พัฒนาศักยภาพให๎พวกเขาเป็นส่ือกลางระหวํางโครงการและชุมชน ให๎คนในพื้นที่เป็นศูนย์กลางของ
กระบวนการพฒั นาด๎วยตนเอง และสามารถพง่ึ พาตนเองไดใ๎ นระยะยาว
กกกกกกก1. กํอนส้นิ สุดปีท่ี 3 ของการดาเนนิ วาน มลู นิธแิ มํฟาู หลวงฯ ของการดาเนินงานมลู นิธิ
แมํฟูาหลวงฯ ได๎รํวมกับชุมชนในการสร๎างทางเลือกเพ่ือชีวิตความเป็นอยูํท่ีย่ังยืนตํอไปในอนาคต
โดยมุํงเน๎นกิจกรรมแปรรูปสร๎างมูลคําเพิ่มแกํวัฒถุดิบในท๎องถ่ิน เชํน ถั่วลิสง งา และน้าตาลโตนด
มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตามความต๎องการของตลาด จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์
คุกก้ีถั่ว ถ่ัวตัด งาตัด และถ่ัวลิสงค่ัว ภายใต๎แบรนด์ “Happy Orl” ซ่ึงถือเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่จะ
พฒั นาความเปน็ อยขูํ องคนในชุมชนได๎อยาํ งยั่งยนื หลังจากโครงการฯสน้ิ สดุ ลงในพ.ศ. 2559

สรุป

กกกกกกกพระบาทสมเด็จพระปรมนิ มหาภมู ิพลอดุลยเดช พรอ๎ มด๎วยสมเดจ็ พระนางเจ๎าสริ ิกิติ์
พระบรมราชนิ ีนาถ ได๎เสดจ็ พระราชดาเนินเยอื นประเทศเครือรัฐออสเตรเลีย เสด็จฯ ในพิธีทูลเกล๎าฯ
ถวายปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ ณ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
ถูกนักศึกษามหาวิทยาลัยเมลเบิร์นลบหลูํพระเกียรติ แตํพระองค์ก็เป่ียมไปด๎วยพระราชธรรม
“อกโกธ” คือ กริยาที่ไมํแสดงความโกรธให๎ปรากฏ พร๎อมแสดงพระอัจฉริยะภาพในการรับมือกับ
ปญั ญาเฉพาะหน๎าได๎อยํางดเี ยย่ี ม พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช จึงเป็นที่ยอมรับ
ของนานาประเทศ เพ่อื เป็นการเจรญิ พระราชไมตรกี บั บรรดามิตรประเทศ และเพื่อนาความปรารถนา
ดีของประชาชนชาวไทยไปมอบให๎กับประชาชนในประเทศตํางๆ เป็นการกระชับความสัมพันธ์ท่ีแนบ
แนํนกับประเทศที่สัมพันธ์ดีกับไทย จึงเป็นการแสดง ไมตรีจิต และยืนยันความสัมพันธ์ที่อาจนาไปสํู
การสานตํอความสัมพันธ์ด๎านการค๎าและการลงทุน หรือยกระดับความสัมพันธ์กับประเทศที่ไมํได๎
ใกล๎ชิดกับประเทศไทย อกี ท้ังยังชวํ ยเสรมิ สร๎างความเขา๎ ใจอนั ดี และชํวยกระชับความสัมพันธ์ทางด๎าน
การเมือง เศรษฐกิจ สังคม
กกกกกกกในดา๎ นพระราชกรณยี กิจพระองค์ได๎รวมพฒั นาประเทศสาธารณรฐั แหํงสภาพเมยี นมาร์
ที่อาเภอเยนันซอง มีระยะเวลาดาเนินการทั้งส้ิน 6 ปี เพ่ือให๎สามารถแก๎ปัญหาตําง ๆ อยํางเป็น
ขั้นเป็นตอน และพัฒนาศักยภาพของชาวบ๎านในพ้ืนท่ีได๎ตามกรอบเวลาที่เหมาะสม โครงการ
มีจุดมงุํ หมายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ๎านให๎ดีขึ้นอยํางย่ังยืน ผํานการสร๎างความมั่นคงทาง
อาหาร ลดรายจํายในครัวเรือน และสรา๎ งรายไดเ๎ พ่มิ เตมิ ให๎แกคํ รัวเรอื น

138

ใบความรู้
หัวเรื่องท่ี 7 การนอ้ มนาพระราชจรยิ วตั รและพระราชกรณยี กิจ

ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั

วัตถปุ ระสงค์

กกกกกกก1. เพ่อื ใหน๎ ักศึกษามคี วามรู๎ความเข๎าใจเร่ือง การนอ๎ มนาพระราชจรยิ วัตรและพระราช
กรณียกจิ ไปใช๎ในชีวติ ประจาวัน
กกกกกกก2. เพอ่ื ให๎นักศึกษามที ักษะการแสวงหาความรู๎เร่ือง การน๎อมนาพระราชจริยวัตรและ
พระราชกรณียกจิ ไปใช๎ในชีวติ ประจาวนั
กกกกกกก3. เพื่อใหน๎ ักศึกษามีความตระหนกั ถึงความสาคัญเรอื่ ง การน๎อมนาพระราชจริยวตั รและ
พระราชกรณยี กจิ ไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวัน

เน้ือหา

กกกกกกก1. การน้อมนาพระราชจริยวตั รไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
กกกกกกก1. 1.1 พระราชจรยิ วัตรไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวัน
กกกกกกก1. 1.1 พระราชจริยวตั รของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาล
ท่ี 9 ในเรื่องความประหยัด เรียบงําย เป็นหน่ึงในพระราชจริยวัตรท่ีปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตาม
อยํางยิ่ง แม๎จะทรงเป็นราชาผู๎ย่ิงใหญํแตํจรยิ วตั รแสนเรยี บงาํ ยนั้น กลับยง่ิ ทาให๎ปวงชนชาวไทยยกยํอง
สรรเสริญมากย่ิงขึ้น พระราชจริยวัตร 5 ประการตํอไปน้ี เป็นจริยวัตรท่ีพระองค์ทรงทาตลอด
พระชนมช์ พี โดยยึดถอื คตสิ ัน้ ๆท่ีวาํ "ประหยดั เรียบงาํ ย ได๎ประโยชน์สงู สดุ " ดังนี้
กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 ดินสอไม๎ทรงงาน ทรงใช๎ดินสอไมใ๎ นการทรงงานตํางๆ และจะใช๎จนกดุ สน้ั
ดงั เชนํ ทมี่ ีคาบอกเลาํ จาก กองงานในพระองค์ คือ ทํานผู๎หญิงบุตรี วีระไวทยะ บอกวําปีหนึง่ พระองค์
ทรงเบิกดินสอ 12 แทํง เดือนละแทํงใช๎จนกระทั่งกุด ใครอยําไปท้ิงของทํานนะจะกร้ิวเลยโดยทรง
ประหยัดทุกอยําง ทรงใช๎ดินสอไม๎ราคาไมํแพง มียางลบติดอยํูตรงปลายดินสอเพื่อลบคาที่เขียนผิด
ออกได๎งําย ไมํเปลืองกระดาษเหมือนใช๎ปากกา และจะทรงเหลาดินสอด๎วยพระองค์เองเหน็บไว๎ท่ี
กระเปา๋ ฉลองพระองค์เดอื นละน่งึ แทํง ใชจ๎ นกดุ ส้ัน
กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 หลอดยาสีพระทนต์ ดร.สุเมธ ตันตเิ วชกุล เลขาธิการมูลนธิ ชิ ัยพฒั นา
ได๎เลําไว๎ในหนังสือตามรอยพระยุคลบาท ครูแหํงแผํนดิน (2556, หน๎า 94) ความตอนหนึ่งวํา
“พระองค์ทรงไมํยดึ ติดกับวตั ถุ ทรงประหยดั มาก คงเคยเห็นภาพหลอดยาสีฟัน พระองค์ทรงบีบหลอด
ยาสีฟันจนลีบ มหาดเล็กเชิญออก นาหลอดใหมํมาวาง ทรงมีรับส่ังให๎นากลับมา แล๎วรับส่ังกับ
ทนั ตแพทยว์ าํ ท่ีเหลอื อยนํู ี้ฉนั ใชต๎ อํ ได๎อกี 5 วนั ”

139

กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 ไมํโปรดการสวมใสเํ ครือ่ งประดบั มากมาย สวมเพียงนาฬกิ าขอ๎ มือ
เวลาเสดจ็ ฯ ปฏิบัตพิ ระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไมํโปรดสวม
เครื่องประดับ แหวน สร๎อยใดๆ ทรงสวมเพียงนาฬิกาข๎อพระหัตถ์ ดูพระองค์ทํานมีอะไรนาฬิกาของ
พระองคท์ ํานพระองคเ์ รียกของพระองคเ์ องวาํ “ย่หี อ๎ ใสํแล๎วโก๎” ทาํ นบอก “นาฬิกาฉันย่ีห๎อใสํแล๎วโก๎”
ไมํกี่ร๎อยบาทนะครับ ในขณะท่ีพวกเราต๎องจอเป็นสัญญลักษณ์ที่ทาอยํางนั้น แสดงวําในตัวไมํมีอะไร
เลย เพราะฉะนั้นต๎องการเฟอร์นิเจอร์มาประดับเพราะไส๎ในไมํมีอะไรเลย คนที่เขามีอะไรแล๎ว เขาไมํ
สนใจพวกอะไรสิ่งตาํ งๆเหลาํ น้ี จาหลกั ไวอ๎ ันหน่ึง โหงวเฮ๎งมันฟูอง คนที่พอกอะไรไว๎แสดงวําในตัวไมํมี
อะไรเลย เปลือก จะเข๎ากับกรณีใครก็ไมํร๎ูดูกันเอาเอง แตํถ๎าเป็นคนท่ีเขาไมํสนใจอะไร มันไร๎สาระ
ยกตัวอยําง เชํน การร๎จู ักประหยัด ออํ นนอ๎ มถอํ มตน เรียบงําย เปน็ สิง่ ทีค่ วรจะยึดถือ
กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 ยานพาหนะ ทรงเลือกใชย๎ านพาหนะท่ไี มใํ ช๎เชอ้ื เพลงิ จากฟอสซิล
ยามน้ามันมีราคาสูง รวมถึงพระราชดารัสที่วํา "นั่งรถหารสอง" ทรงรับส่ังกับข๎าราชบริพารเสมอวํา
การนง่ั รถคนละคันเปน็ การส้ินเปลืองจงึ ใหน๎ ่งั รวมกนั ไมํโปรดให๎มขี บวนรถยาวเหยยี ด
กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 ทรงฉลองพระองค์และสนบั เพลา จะทรงใชจ๎ นกวาํ จะเกําและเลอื กท่ี
ราคาถูก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได๎กลําวถึงพระราชดาริและพระราช
จรยิ วตั รในพระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยูํหัวตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ได๎นาคากลําวของกองงาน
ในพระองค์ โดยทํานผ๎ูหญิงบุตรี วีระไวทยะ มาบอกกลําวให๎ฟังวํา "หากนาพระบรมฉายาลักษณ์เกําๆ
มาเปรียบเทียบกันในระยะเวลาหํางกันสิบปี ย่ีสิบปี จะสังเกตเห็นได๎วํา ฉลองพระองค์และสนับเพลา
หลายองค์ก็ยังทรงใช๎อยูํ ดังเชํน ฉลองพระบาทใบ (ร๎องเท๎าผ๎าใบ) ก็ยังทรงใช๎แบบเดิม ราคาไมํกี่
รอ๎ ยบาท"
กกกกกกก1. 1.1 กลําวโดยสรปุ นักศึกษาควรน๎อมนาพระราชจริยวัตรในเรื่องความเรยี บงาํ ย
ประหยัดมาใช๎กับตนเองในด๎านการศึกษา ด๎วยการที่นักเรียน นักศึกษารู๎จักใช๎วัสดุการศึกษาให๎
ประหยดั เรยี บงาํ ย ราคาถกู และสามารถใช๎ประโยชน์ในการศกึ ษาได๎คมุ๎ คาํ สูงสุด
กกกกกกก1. 1.2 พระราชจรยิ วัตรท่เี กี่ยวข๎องกับครอบครัว
กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 ในฐานะบตุ ร พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาล
ท่ี 9 ในฐานะเปน็ บุตร ทรงเช่อื ฟงั ในคาสั่งสอนของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นอยํางย่ิง
ทรงจดบันทึกคาสั่งสอนแล๎วนามาปฏิบัติ ดังพระราโชวาทหน่ึงที่มีความวํา “ในครอบครัวเรา ความ
รับผิดชอบเป็นของท่ีไมํต๎องคิด เป็นธรรมชาติ สิ่งท่ีสอนอันแรกคือ เราจะทาอะไรให๎เมืองไทย ถ๎าไมํมี
ความรับผิดชอบจะไปชํวยเมืองไทยได๎อยํางไร” ในทุกครั้งที่สมเด็จยําหรือสมเด็จพระศรีนครินทราบ
รมราชชนนี ตรัสสอนไมํวําเรื่องใด ในหลวงจะทรงนากระดาษมาจดและมีพระราชดารัสตอบวํา
“อยากฟังแมํสอนอีก” อยํูเสมอ นอกจากน้ีพสกนิกรชาวไทยยังได๎เห็นภาพความประทับใจของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท9่ี ได๎แสดงความรัก ความกตัญญู ด๎วยการ
เอาใจใสํดูแลให๎สมเด็จยําได๎รับความสะดวกสบายอยํูเป็นนิจ รวมถึงภาพแสดงออกถึงความรักที่มีตํอ
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นที่ประจักษ์อยํางตํอเนื่องสม่าเสมอทุกตั้งท่ีได๎พบกับสมเด็จ
พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี

140

กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 หน๎าทพี่ ลเมืองท่ีดี มแี นวปฏบิ ัติ ในฐานะลูก ควรเช่อื ฟังคาสงั่ สอนของบดิ า
มารดาโดยเฉพาะในเรื่องของความรบั ผดิ ชอบ ควรมกี ารนาไปปฏิบตั อิ ยํางเครงํ ครัด นอกจากน้ีใน
ฐานะบตุ รตอ๎ งมีความกตญั ญูตอํ บิดามารดา และควรแสดงความรักเคารพตํอบดิ ามารดา
กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 ในฐานะพํอ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาล
ที่ 9 แม๎มีพระราชกรณียกิจมากมายและทรงงานอยํางหนัก แตํพระองค์ทรงอบรมดูแลพระราชโอรส
และพระราชธิดาทั้ง 4 พระองค์ด๎วย ความรัก โดยมีพระราชประสงค์ในการอบรมทุกพระองค์ให๎รู๎จัก
ชีวิตของคนสามัญมากที่สุด ไมํทรงต๎องการให๎พระราชโอรสพระราชธิดาถือตนวําเป็นลูกเจ๎า ดังพระ
ราชดารัสในสมเด็จนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่9 ได๎พระราชทานให๎แกํคณะบุคคลตํางๆ
ที่มาเข๎าเฝูาฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราช
วังดุสิต เม่ือวันท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ. 2522 ความวํา “พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวทรงสอนลูกๆ
ทกุ คน สอนข๎าพเจา๎ กอํ น และกส็ อนลกู วํา เมอื่ คนเขายกยํองนบั ถือใหเ๎ ป็นประมุขเทําไร เราต๎องร๎ูสึกวํา
เราต๎องทางานให๎หนักกวําทุกคน ต๎องมีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ข๎อสาคัญเป็นคนดีให๎รู๎จัก
เสียสละ ยิ่งเกิดมาในตาแหนํงของลูกของประมุขแล๎วก็ย่ิงต๎องเสียสละมากข้ึน ต๎องทั้งเรียนและต๎อง
ทางานไปด๎วยและก็ตอ๎ งพยายามทาให๎ได๎ดี”
กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองท่ีดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ต๎องอบรมสั่งสอนบุตรใหเ๎ ป็นคนดมี ีความ
เสยี สละ รับผิดชอบหนา๎ ที่ทตี่ ๎องปฏบิ ตั ใิ หด๎ ี โดยเฉพาะในวัยเยาวต์ ๎องตั้งใจศกึ ษาเลําเรียนและทางานที่
พํอแมํหรือครมู อบหมายให๎ทาเปน็ อยาํ งดี นอกจากนพ้ี ํอแมํตอ๎ งสํงเสริมใหบ๎ ตุ รได๎ออกกาลังกาย
เพื่อให๎ราํ งกายแข็งแรง ใช๎เวลาวํางใหเ๎ ปน็ ประโยชน์ รวมถงึ แนะนาสงํ เสรมิ ใหบ๎ ุตรได๎เรยี นรู๎ ศิลปะ
ดนตรี เพ่อื ขัดเกลาจิตใจให๎อํอนโยน
กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 ในฐานะสามี พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาล
ที่ 9 ในฐานะพระสวามีสมเด็จนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่9 ได๎ทรงให๎เกียรติตั้งแตํวันที่มี
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสโปรดให๎มีการจดทะเบียนสมรส นอกจากนี้ยังทรงดูแลในฐานะสามีต๎อง
ดูแลภรรยาเม่ือปฏิบัติงานหรือปฏิบัติพระราชกรณียกิจเย่ียมราษฎร ภาพท่ีพสกนิกรได๎พบเห็นมักจะ
เป็นภาพท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี9 ยืนพระกร (แขน) หรือพระ
หัตถ์ (มือ) ให๎สมเด็จนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลท่ี9 ได๎จับขณะทรงเดินไปในท่ีตํางๆของ
แผํนดินไทย รวมถึงการให๎เกียรติในฐานะภรรยา เมื่อมีพระราชอาคันตุกะได๎เข๎าเฝูา พสกนิกรมักทรง
ไดเ๎ ห็นภาพให๎สมเด็จนางเจา๎ ฯ พระบรมราชินนี าถ ในรชั กาลที9่ นัง่ เคียงข๎างหรือทรงประทับยืนเคียงคูํ
กนั ปฏบิ ตั ิพระราชกรณียกิจ ตลอดจนบางครัง้ ท้งั สองพระองคส์ มั ผัสพระหตั ถใ์ ห๎กาลังพระราชหฤทัยซ่ึง
กันและกันดว๎ ย
กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 หน๎าท่ีพลเมืองที่ ดีมีแนวปฏิบัติ โดยสามีในฐานะเป็นสุภาพบุรุษต๎องให๎
เกียรติเกียรติสุภาพสตรี ดูแลคํูครองด๎วยความรัก ให๎เกียรติกันและกัน เม่ือพบปัญหาต๎องรํวมกัน
ตดั สินใจแกไ๎ ขปญั หาอยํางตง้ั มัน่ ในความซอื่ สตั ย์สุจรติ และความปรารถนาดี
กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 ในฐานะผู๎นาครอบครวั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่9 ได๎ทรงเป็นผู๎ครอบครัวที่ดี พระองค์ทรงเป็นแบบอยํางให๎สมเด็จนางเจ๎าฯ
พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลท่ี9 พระราชโอรสและพระราชธิดาในการทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของ
พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด นอกจากน้ีพระองค์ยังได๎ทรงสั่งสอนทุกพระองค์ให๎ทรงงานด๎วยความ

141

มุํงม่ัน เสียสละ และชํวยพสกนิกรให๎พ๎นจากความทุกข์ยากลาบาก พสกนิกรจึงได๎เห็นทุกพระองค์ได๎
รํวมกันทางาน บาบัดทุกข์บารุงสุขให๎กับราษฎรมาอยํางตํอเน่ือง นอกจากนี้พระองค์ทํานยังได๎ทรง
ประทานพระราชโชวาทให๎กับประชาชนอยํางตํอเนื่องในฐานะผู๎นาครอบครัวของชนชาวไทย เพ่ือให๎
สามารถดาเนินชวี ิตไดอ๎ ยํางมีความสุข
กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งทดี่ ี มีแนวปฏิบัติ ในฐานะผู๎นาครอบครัว ต๎องเป็นแบบอยําง
ในการปฏิบัติได๎ ปฏบิ ัตชิ อบ ให๎บุตรได๎เหน็ และทาตาม รวมถึงสั่งสอนให๎บุตรทางานที่เป็นบทบาทของ
ตนเองใหด๎ ที ่ีสุด
กกกกกกก2. การนอ้ มนาพระราชกรณียกิจไปใช้ในชีวิตประจาวนั
กกกกกกก2. 2.1 โรงเรียน
กกกกกกก2. 2.1 พระองค์มีแนวพระราชดาริใหว๎ างรากฐานความรู๎และการศึกษาอยํางทั่วถงึ และ
เพียงพอ ซ่ึงจะสํงผลตํอการสร๎างคนให๎มาพัฒนาประเทศตํอไป โดย “สร๎างโอกาสให๎ประชาชนได๎รับ
ความรู๎” ในทุกระดับของการศกึ ษาทัง้ ในระบบและนอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยนับต้ังแตํใน
ระดับปัจเจกบุคคล จนถึงระดับประเทศและทรง “สร๎างรากฐานอยํางทั่วถึง” โดยพระราชทาน
พระราชดาริใหร๎ าษฎรทดี่ ๎อยโอกาส ไมไํ ด๎รับการศกึ ษาในโรงเรยี น ให๎ได๎รบั การศกึ ษาอยํางเทําเทียมกัน
ดังเห็นได๎จากการพระราชทานพระราชทรัพย์สํวนพระองค์หรือที่ดิน ในการจัดสร๎างโรงเรียนตํางๆ
สาหรับจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ์ ไดแ๎ กํ โรงเรยี นวงั ไกลกงั วล อาเภอหัวหนิ จงั หวดั ประจวบคีรีขันธ์
กกกกกกก2. 2.1 โรงเรียนวงั ไกลกังวล ตงั้ อยํทู ี่อาเภอหัวหนิ จงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์ เป็นโรงเรียนท่ี
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลมีพระบรมราชานุญาตให๎จัดต้ังข้ึน เมื่อวันที่
22มถิ นุ ายน พ.ศ. 2481 โดยมวี ตั ถุประสงค์เพื่อให๎การศึกษาแกํบุตรหลานของเจ๎าหน๎าท่ีผ๎ูรักษาวังไกล
กังวล ซ่ึงมีอยูํจานวนมากแตํไมํมีสถานท่ีเลําเรียน มีฐานะเป็นโรงเรียนราษฎร์ท่ีได๎พระราชอุปการะ
คําใช๎จํายจากเงนิ พระราชกุศลเปน็ รายปี
กกกกกกก2. 2.1 โรงเรยี นวงั ไกลวังกล เปดิ สอนนักเรยี นตั้งแตํช้นั เดก็ เล็กขึ้นไปจนถึงชั้นมธั ยมศึกษา
ปีที่ 6 และเปิดสอนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นเพ่ิมเติมด๎วย โรงเรียนวังไกลกังวลได๎อยํูในพระบรม
ราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและได๎มีการพัฒนาปรัปปรุงมาเป็น
ลาดับ อาทิ พ.ศ. 2497 ทรงพระกรุณาโปรดเกล๎าฯ พระราชทานอาคารท่ีพักกองรักษาการณ์วังไกล
กังวลให๎เป็นอาคารเรียนแทนอาคารไม๎เกําท่ีชารุดทรุดโทรมมาก อาณาบริเวณน้ีมีเนื้อท่ี 14 ไรํ 2 งาน
7 ตารางวา ตํอมาได๎สร๎างอาคารเรียนเพ่ิมข้ึนอีก ใน พ.ศ. 2522 ทรงพระกรุณาโปรดเกล๎าฯ
ใหเ๎ ปลีย่ นแปลงการบริหารโรงเรียนวังไกลกงั วล จากการบรหิ ารโดยมีครูใหญํเป็นผ๎ูบริหารด๎านวิชาการ
หัวหน๎าแผนกวังไกลกังวล ปัจจุบันเรียกหัวหน๎าสํวนวังไกลกังวลเป็นทั้งเจ๎าของและผู๎จัดการ
ควบคุมดูแลท่ัวไป เปล่ียนมาเป็นการบริหารโดยคณะกรรมการเรียกวํา "กรรมการบริหารโรงเรียน
วงั ไกลกังวล" ประกอบด๎วยผ๎ูทรงคุณวุฒิทางด๎านการบริหารโรงเรียน และทางด๎านวิชาการข๎าราชการ
ช้ันผ๎ูใหญํฝุายกระทรวง ศึกษาธิการและฝุายบ๎านเมืองตลอดจนเจ๎าหน๎าที่ช้ันผู๎ใหญํของสานัก
พระราชวังและของโรงเรียน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให๎ผ๎ูแทนสมาคมผู๎ปกครองเป็นกรรมการด๎วย
ทั้งนี้เพื่อให๎โรงเรียนวังไกลกังวลเป็นโรงเรียนท่ีมีสมรรถภาพ สามารถประสิทธ์ิประสาทวิทยาการแกํ
นักเรียนได๎ดีข้ึน ใน พ.ศ. 2526 คณะกรรมการบริหารโรงเรียนได๎จัดให๎มีศูนย์พัฒนาเด็กกํอนวัยเรียน
เพ่ือให๎การศึกษาอบรมเล้ียงดูแกํเด็กกํอนวัยเรียน ใน พ.ศ. 2527 คณะกรรมการบริหารโรงเรียนได๎

142

ประสานงานกบั กรมอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการจัดสรรงบประมาณสร๎างอาคารเรียนสารพัดชําง
วงั ไกลกังวล เพื่อเปิดสอนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชํางฝีมือ (ปชม.)
และหลกั สูตรประกาศ นยี บตั รวชิ าชพี (วช.1 หรือ วช.2) วิชาท่ีเปิดสอนจะคานึงถึงอาชีพของท๎องถ่ิน
เป็นสาคัญ อันเป็นการสนองโครงการตามพระราชดาริเก่ียวกับศิลปาชีพพิเศษด๎วย แ ละใน
ขณะเดียวกันนักเรียนของโรงเรียนวังไกลกังวลสามารถใช๎ห๎องฝึกงานของโรงเรียนสารพัดชํางเป็นท่ี
ฝกึ งานในชวั่ โมงเรียนวชิ าการงานพืน้ ฐานอาชีพได๎อีกด๎วย
กกกกกกก2. 2.1 นอกจากนใ้ี นปฉี ลองสิริราชสมบตั ิครบ 50 ปี กระทรวงศึกษาธกิ ารโดยการ
ประสานงานจากนายขวัญแก๎ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวังเสนอให๎กรมสามัญศึกษาจัด
การศึกษาระดับมัธยมศึกษา ด๎วยระบบทางไกลผํานดาวเทียม เพ่ือเฉลิมพระเกียรติในปีฉลองสิริราช
สมบัติครบ 50 ปี และถวายเป็นพระราชกุศลแดํสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีพระมหา
กรุณาธิคุณใหญํหลวงตํอการเสริมสร๎าง ยกระดับการศึกษาและคุณภาพชีวิตของปวงประชาราษฎร์
อยํางทั่วถึงตลอดมา การศึกษาทางไกลผํานดาวเทียม นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการทาให๎นักเรียน
ในสํวนภูมิภาคหรือชนบทหํางไกล ได๎มีโอกาสรับประสบการณ์การเรียนร๎ูท่ีมีคุณภาพไมํด๎อยกวํา
โรงเรียนที่มีคุณภาพและได๎มาตรฐานแล๎ว ยังจะใช๎เป็นส่ือในการเผยแพรํแลกเปลี่ยนข๎อมูลขําวสารที่
เป็นประโยชน์ตํอการพัฒนาการศึกษาได๎อยํางมีประสิทธิภาพอีกด๎วย โดยได๎ติดตั้งสถานีสํงสัญญาณ
ผํานดาวเทียม เพ่ือออกอากาศการเรียนการสอนและรายการทางการศึกษา ณ โรงเรียนวังไกลกังวล
จงั หวัดประจวบคีรี ขันธ์ ซึ่งได๎ทดลองออกอากาศตั้งแตํวันที่ 5 ธันวาคม 2538 เป็นต๎นมา ดาเนินการ
ออกอากาศรายการสอน ระดบั มัธยมศึกษาสายสามญั ตลอดจนรายการทางการศึกษาที่เก่ียวข๎อง และ
ตดิ ตงั้ สถานีรบั สัญญาณในโรงเรยี นมธั ยมศึกษา ในปีการศึกษา 2538 จานวนไมํต่ากวํา 100 โรงเรียน
และขยายสถานีรบั ในสวํ นของโรงเรียนสังกดั กรมสามัญศึกษา ปลี ะ 800 แหงํ จนครบ 2,500 โรงเรียน
ในสนิ้ ปี 2544
กกกกกกก2. 2.1 โรงเรยี นรมํ เกลา๎ กเ็ ป็นสถานศกึ ษาในระดับมธั ยมศกึ ษา ในหลายจังหวัดท่ีเกิดข้นึ
จากพระราชดาริ ที่จะใหท๎ หารออกไปปฏิบัติภารกิจในท๎องท่ีทุรกันดาร ได๎ทาประโยชน์ตํอชุมชน และ
มีสํวนชํวยเหลือประชาชนในด๎านการศึกษา ตามโอกาสอันควร โดยพระราชทานพระราชทรัพย์สํวน
พระองค์ ให๎ทหารจัดสร๎างโรงเรียนข้ึนในจังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร จังหวัดนราธิวาส จังหวัด
ปราจีนบุรีและจังหวัดแมํฮํองสอน เป็นต๎น เพ่ือชํวยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนสถานศึกษาสาหรับ
เยาวชน และยังเป็นการสํงเสริมความเข๎าใจอันดี ระหวํางเจ๎าหน๎าที่ทหารท่ีไปปฏิบัติภารกิจในพ้ืนท่ี
นนั้ ๆ กับราษฎรเจ๎าของทอ๎ งทอ่ี กี โสตหน่งึ ด๎วย ซ่ึงในการดาเนินงานจัดสร๎างโรงเรียน ทางฝุายทหารได๎
ติดตํอประสานงานกับเจ๎าหน๎าท่ีฝุายปกครอง และฝุายศึกษาธิการ เพ่ือเลือกสถานที่ต้ังโรงเรียนที่
เหมาะสมกับความจาเป็นท่ีสุด ซ่ึงปรากฎวําราษฎรในท๎องที่ที่มีการสร๎างโรงเรียน ได๎พากันรํวมอุทิศ
แรงกายชํวยในการกํอสร๎าง ตลอดจนอุทิศทุนทรัพย์สมทบเป็นทุนในการจัดซ้ืออุปกรณ์ตํางๆ ท่ีจะ
นาไปใชใ๎ นการกํอสร๎างโรงเรียน เพื่อเป็นการโดยเสด็จพระราชกุศลด๎วย และเม่ือการกํอสร๎างโรงเรียน
แล๎วเสร็จ พระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํูหัว ไดเ๎ สด็จพระราชดาเนนิ ไปทรงเปิดโรงเรียนเหลําน้ัน พร๎อมทั้ง
พระราชทานนามวํา โรงเรียนรํมเกล๎า ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งโรงเรียนระดับประถมศึกษา และระดับ
มัธยมศึกษา ควรน๎อมนามาใช๎ด๎วยการท่ีเห็นความสาคัญด๎านการศึกษา ปฏิบัติตนเป็นแบบอยําง ใน
เร่ืองการมีระเบียบวินัยความสามคั คี ในเรอ่ื งซอื่ สตั ย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทน ใฝุหาความรู๎ ให๎เป็น

143

พลเมืองทดี่ ีมคี วามร๎ูความสามารถ มที กั ษะกระบวนการคิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์มีคุณธรรม และ
อยูํรํวมกับผ๎ูอ่ืนได๎อยํางมีความสุข และควรทาตัวเป็นคนดี ทาตัวให๎เกิดประโยชน์แกํประเทศชาติให๎
มากทส่ี ดุ
กกกกกกก2. 2.2 ทอ๎ งถิน่
กกกกกกก2. 2.2 ส่ิงหนงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยหูํ วั ทรงเปน็ หวํ งและทรงหาวิธีการแก๎ไขอยํูก็คือ
เร่ืองการพัฒนาชนบทให๎เจริญก๎าวหน๎า เพราะทรงทราบดีวํามีข๎อจากัดและมีอุปสรรคในด๎านตําง ๆ
มาก ท้ังด๎านเศรษฐกิจและสังคม ด๎านการเปล่ียนแปลงทัศนคติของราษฎรในท๎องถ่ิน ท่ีสาคัญคือชาว
ชนบทขาดความร๎ูความสามารถ และสิ่งจาเป็นข้ันพ้ืนฐานในการดารงชีวิต โดยเฉพาะอยํางย่ิงการท่ี
เกษตรกรขาดความร๎ู ในเรื่องการประกอบอาชีพเกษตรกรรม อยํางมีหลักวิชา รวมทั้งอุปสรรคปัญหา
อื่น ๆ เชํนขาดท่ีดินทากินเป็นของตนเอง ขาดแคลนแหลํงน้าที่จะใช๎ทาการเกษตรและใช๎อุปโภค
บริโภคเป็นต๎น แตํด๎วยพระราชหฤทัยท่ีมุํงมั่นในการชํวยเหลือราษฎรให๎พ๎นหรือบรรเทาจากความ
เดือดร๎อน ดังนั้น แนวพระราชดาริท่ีจะชํวยพัฒนาชนบทจึงออกมาในรูปของโครงการตําง ๆ
อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ซึ่งมีลักษณะแตํละโครงการแตกตํางกันออกไปตามปัญหาและสภาพ
ภูมิประเทศในแตํละ แหํง แตํมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ การพัฒนาบทเพื่อให๎ราษฎรในชนบทได๎มี
ความเป็นอยูํตลอดจนสามารถประกอบอาชพี เลี้ยงครอบครวั ให๎ดีขึ้น แนวพระราชดาริท่ีสาคัญในเรื่อง
การพัฒนาชนบท คือมีพระราชประสงค์ท่ีจะมุํงชํวยให๎ชาวชนบทน่ันเองได๎สามารถชํวยเหลือพ่ึง
ตน เองได๎ จะสังเกตเห็นได๎วําโครงการตําง ๆ อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ท่ีขยายตัวครอบคลุมพื้นที่
สํวนตําง ๆ ของประเทศนั้น จุดมุํงหมายสาคัญประการสุดท๎ายก็คือทาให๎ชาวชนบทสามารถพ่ึงพา
ตนเองได๎ทั้ง ส้ิน ได๎ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด๎านน้ีโดยการสร๎างพื้นฐานหลักท่ีจาเป็นตํอการ
ผลติ ให๎แกรํ าษฎรเหลํานนั้ อนั จะเป็นรากฐานท่ีจะนาพาไปสํูการพึ่งตนเองได๎ในที่สุด ในเวลาเดียวกันก็
ทรงสงํ เสริมให๎ชาวชนบทได๎มคี วามร๎ใู นเรือ่ งของการประกอบ อาชพี อยาํ งถกู วธิ ี โดยเผยแพรํความร๎ูน้ัน
แกํชาวชนบทอยํางคํอยเป็นคํอยไปในลักษณะท่ีเป็นระบบ อยํางตํอเนื่อง และให๎สอดคล๎องแกํความ
จาเป็นของแตํละท๎องถ่ิน ซึ่งเร่ืองการพัฒนาชนบทนั้นไมํใชํเร่ืองงําย เพราะต๎องอาศัยเคร่ืองไม๎
เครอื่ งมือหลายชนดิ
กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวเสด็จฯ ไปทุกหนแหํงไมํวําดินแดนแหํงน้ันจะ
ทุรกันดารเพียงใด ไมํวําใกล๎ไกลแคํไหน พระองค์จัดทาโครงการพัฒนาชนบทตามแนวพระราชดาริ
ควบคูํไปในทุก ๆ ด๎าน ไมํเน๎นด๎านใดด๎านหน่ึง พระองค์มีจุดประสงค์เดียวคือ เพ่ือขจัดความทุกข์ยาก
ของชาวชนบท และสนับสนุนสํงเสริมให๎มีความเป็นอยูํท่ีดีข้ึน รวมท้ังแก๎ปัญหาสังคมเมืองให๎ดีขึ้น
โดยจะเห็นได๎จากโครงการในพระราชดาริหลายโครงการท่ีเกิดข้ึนจากความรับผิดชอบของหนํวยงาน
ตาํ ง ๆ
กกกกกกก2. 2.2 โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดารจิ ะเป็นโครงการเกี่ยวกับปรับปรุงถนนหนทาง
การกํอสร๎างถนนเพ่ือการ สัญจรไปมาได๎สะดวกและทั่วถึง การคมนาคมเป็นปัจจัยพ้ืนฐานที่ สาคัญ
ของการนาความเจริญไปสูํชนบท การสื่อสาร ติดตํอท่ีดียังผล สาคัญทาให๎เศรษฐกิจของราษฎรใน
พ้ืนท่ีดีขึ้น ราษฎรก็มีความเป็นอยูํที่ดีขึ้น ในการพัฒนาชนบทน้ัน การคมนาคม เป็นปัจจัยพ้ืนฐานท่ี
สาคญั ท่ีจะมองข๎ามไปเสยี มไิ ด๎ เพราะเป็นเสมอื นประตเู ช่ือม ระหวํางในเมือง และชนบท ดังนั้น การท่ี

144

จะเริม่ โครงการพัฒนาใด ๆ นั้นจะต๎องเร่ิมจากการปรับปรุง และการกํอสร๎างถนนหนทางเป็นการเปิด
ประตูนาความเจรญิ เข๎าไปสูํพ้ืนท่ี ควรน๎อมนามาใช๎ด๎วยการทที่ ุกคนสามารถรวมกลํมุ ทาประโยชนเ์ พ่ือ
สํวนรวม โดยอาศยั ภมู ปิ ญั ญาและความสามารถของตนและคนในท๎องถนิ่ มีความเอ้ืออาทรระหวําง
สมาชิกทอ๎ งถนิ่ ส่งิ เหลาํ นจ้ี ะทาให๎เกดิ พลงั ทางสังคม พฒั นาทอ๎ งถ่ินของตนเองไปสเํู ครือขํายระหวาํ ง
ทอ๎ งถ่ินตาํ งๆ มีความอดทนไมํยอํ ท๎อใจตํอข๎อวิพากษ์วจิ ารณ์ ให๎มํงุ ม่นั พฒั นา และรวบรวมผล
ปฏบิ ตั ิการและประสบการณแ์ ล๎วบันทึกไวเ๎ ปน็ ตาราของคนรุํนหลังสบื ไป
กกกกกกก2. 2.3 ประเทศ
กกกกกกก2. 2.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงตระหนัก เป็นอยํางดวี าํ
พื้นที่นับล๎านไรํในภูมิภาคตําง ๆ ของประเทศมีปัญหาท้ังทางเคมี และทางฟิสิกส์อยํูหลายลักษณะ
และดินขาดความอุดมสมบรู ณ์ ราษฎรทาการเพาะปลูกได๎ผลผลิตต่า จึงมีฐานะ ยากจน เชํน พื้นท่ีดิน
พรุ พื้นที่ดินเปร้ียวจัด พ้ืนที่ดินเค็ม พื้นท่ีดินทราย และพ้ืนที่ดินเค็มในหลายภูมิภาค จึงพระราชทาน
พระราชดาริให๎จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริขึ้น โดยให๎ต้ังอยูํในพ้ืนที่ที่ดิน
มีปัญหาให๎การพัฒนาพื้นท่ีให๎เป็นตัวอยําง โดยเน๎นการพัฒนาด๎านการเกษตรสมบูรณ์แบบ ทั้งการ
แก๎ไขปัญหาเดิมของดิน การพัฒนาให๎ดินมีความอุดมสมบูรณ์ย่ิงขึ้น การจัดระบบเพาะปลูกและเล้ียง
สัตว์อยํางเหมาะสม การพัฒนาแหลํงน้า การฟ้ืนฟูสภาพปุาและการสํงเสริมศิลปาชีพและหัตถกรรม
พื้นบ๎านเพื่อเป็นแหลํงรายได๎เสริม พระองค์จึงทรงพระราชทานแนวพระราชดาริให๎จัดตั้งศูนย์ศึกษา
การพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ในภูมิภาคตํางๆ เพ่ือเป็นแนวทางในการแก๎ปัญหาของ
เกษตรกร มีหลักการ คือ ทาให๎ชุมชนมีความเข๎มแข็งและประชาชนสามารถพ่ึงตนเองได๎ ศูนย์ศึกษา
การพัฒนาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ ในพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช จะมีสํวน
สาคัญในการพัฒนาความร๎ู เทคนิคและวิชาการสมัยใหมํแกํเกษตรกร รวมถึงการแก๎ปัญหาของ
เกษตรกรท่ีกาลังประสบอยูํได๎เป็นอยํางดี เกษตรกรท้ังหลายจึงควรจะแสวงหาโอกาสไปศึกษาเรียนรู๎
ในเฉพาะเรื่องที่สนใจของแตํละบุคคลจากศูนย์ฯ ทั้ง 6 แหํงนี้ เพราะความร๎ู เทคนิคและวิชาการ
สมยั ใหมํท้ังมวลลว๎ นเป็น “ศาสตร์แหํงพระราชา” ซ่ึงจะนาไปสํูการเพมิ่ ขีดความสามารถของเกษตรกร
และยกระดับการประกอบอาชีพเกษตรกรรมให๎มีความเข๎มแข็ง และย่ังยืน โดยเกษตรกรสามารถ
พึ่งพาตนเองได๎อยํางแท๎จริง การน๎อมนาพระราชกรณียกิจ ได๎แกํ ศูนย์การศึกษาการพัฒนา
อันเนื่องมาจากพระราชดาริ 6 แหํง ท่ัวประเทศ ประชาชนชาวไทย ควรน๎อมนาด๎วยการ
(1) ควรศกึ ษาเรยี นร๎ูกระบวนการในการทางานของศนู ยพ์ ฒั นาทอ่ี ยํูใกลบ๎ ๎านหรือชุมชนนามาปรับใช๎ใน
ชีวิตประจาวันเพื่อชํวยพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองหรือชํวยพัฒนาชุมชน สังคม ให๎เข๎มแข็ง
(2) ชํวยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมให๎เป็นประโยชน์ตํอสํวนรวม (3) นาแนวทาง
การปฏิบัติงานรํวมกันของทุกฝุายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริมาปรับใช๎ใน
เร่ืองการทางานเป็นทีม เป็นคณะต๎องร๎ูรักสามัคคี และ (4) ควรยึดหลักการพ่ึงพาตนเองลดการพึ่งพา
ภายนอก และดาเนนิ ชีวิตแบบพอเพยี ง
กกกกกกก2. 2.4 โลก
กกกกกกก2. 2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ไดส๎ รา๎ งความสมั พันธก์ บั นานา
ประเทศด๎วยดเี สมอมา ตลอดระยะเวลาของการขึ้นครองราชย์ โดยในระหวํางปี พ.ศ. 2502 ถึง 2510
พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว พร๎อมด๎วยสมเด็จพระนางเจ๎าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ได๎เสด็จ

145

พระราชดาเนินเยือนประเทศตํางๆ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา เพ่ือเป็นการเจริญพระราช
ไมตรีกับบรรดามิตรประเทศเหลําน้ันให๎มีความสัมพันธ์แนํนแฟูนยิ่งขึ้น และเพื่อนาความปรารถนาดี
ของประชาชนชาวไทยไปมอบให๎กับประชาชนในประเทศตํางๆ โดยรายชื่อประเทศตํางๆ
ท่พี ระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยูํหวั เสดจ็ พระราชดาเนนิ เยือน หลายประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยทั้ง
ในมิติของความสัมพันธ์ระหวํางราชวงศ์ตํอราชวงศ์ ความสัมพันธ์ระหวํางรัฐบาล ความสัมพันธ์
ทางการทูต และความสัมพันธ์ทางการค๎าระหวํางประเทศ การมาคร้ังนี้จึงเป็นการแสดงไมตรีจิต
และยนื ยนั ความสัมพันธท์ ีอ่ าจนาไปสํกู ารสานตอํ ความสัมพันธด์ ๎านการคา๎ และการลงทุน เชํน ประเทศ
คูเวตที่มีความสัมพันธ์ทางการค๎าและแรงงานที่ดีกับไทยตลอดมา ประเทศญ่ีปุนท่ีมีความสัมพันธ์ทาง
ราชวงศ์ที่ดีตํอกันเห็นได๎จากการเสด็จเยือนกันและกันมาโดยตลอด ประเทศมาเลเซียท่ีแสดงออก
อยํางชัดเจนในความสัมพันธ์ท่ีดีโดยการปลํอยตัวคนไทยท่ีกระทาความผิด 121 คนกลับสูํมาตุภูมิ
นอกจากนี้ผู๎นาของประเทศอื่นท่ีไมํมีพระมหากษัตริย์ตํางรํวมแสดงความยินดี ยกยํองและแสดงทําที
ยืนยันสถาปนาความสัมพันธ์ระหวํางประเทศให๎ยืนนาน อาทิ การสํงสาสน์ถวายพระพรชัยมงคลจาก
ผู๎นาประเทศจีน ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก รวมถึงข๎อมติรํวมของรัฐสภาสหรัฐอเมริกาท่ี 409 และหนังสือ
จากประธานาธิบดีประเทศสิงคโปร์ ท่ยี นื ยันที่จะสานสัมพันธท์ ่ีดีกับไทยให๎ยืนนาน
กกกกกกก2. 2.3 การน๎อมนาพระราชกรณียกิจที่เกยี่ วข๎องกบั โลกหรือนานาประเทศ ท่ไี ดน๎ อ๎ มนา
พระราชดาริ หรือกระบวนการพัฒนาตามศาสตร์ท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลท่ี 9 ทรงใช๎ในการพัฒนาประเทศไทยไปปรับประยุกต์ใช๎ ประชาชนชาวไทย ควรน๎อมนามาใช๎
ด๎วยการ คานึงการพัฒนาหรือการกระทา การสิ่งใดท่ีมีความสัมพันธ์เช่ือมโยงกันตั้งแตํ ระดับบุคคล
ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศรวมโลกของเราด๎วยการกระทาทุกอยําง จะสํงผลกระทบตํอผ๎ูท่ี
อยูํรอบข๎างท้ังทางตรงและทางอ๎อม นอกจากน้ี ควรมีสัมพันธภาพที่ดีตํอกัน ท้ังเป็นบุคคลในประเทศ
ไทยหรือบคุ คลตาํ งประเทศ ท่ีมาทํองเทย่ี วหรือมาทาธุรกิจ

146

ภาคผนวก ข.
ใบงาน


Click to View FlipBook Version