The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by film_6316, 2022-03-23 03:28:05

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

เอกสารประกอบคมู อื ครู

กลมุ สาระการเรยี นรู สุขศกึ ษาและพลศึกษา

สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สาํ หรับครู

5ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี

ลักษณะเดน คูมือครู Version ใหม

ขยายพืน้ ที่รปู เลม ใหญข้นึ กวา เดมิ จดั แบงพน้ื ทีอ่ อกเปนโซน
เพ่ือคน หาขอมูลไดงา ย สะดวก รวดเร็ว และดเู ปน ระเบยี บ

กระตนุ Enคgวagาeมสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explore

เปา หมายการเรยี นรู
สมรรถนะของผูเ รียน
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค

โซน 1 หนา หนา โซน 1

หนังสือเรียน หนังสือเรียน

กระตนุ ความสนใจ Engage

สาํ รวจคน หา Explore

อธบิ ายความรู Explain

ขยายความเขา ใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอ สอบเนน กาNรTคิด เกร็ดแนะครู
แนว
นกั เรียนควรรู
ขอสอบ O-NET
บรู ณาการเชือ่ มสาระ โซน 2
โซน 2 โซน 3
โซน 3 บเศูรณราษกาฐรกิจพอเพียง
กจิ กรรมสรา งเสรมิ
กจิ กรรมทาทาย บรู ณาการอาเซียน

No. คูมอื ครู มุม IT
คมู อื ครู No.

โซน 1 ข้ันตอนการสอนแบบ 5Es โซน 2 ชว ยครเู ตรยี มสอน โซน 3 ชวยครูเตรยี มนักเรียน

เพ่อื ใหครเู ตรียมจดั กจิ กรรมการเรยี น เพือ่ ชวยลดภาระครผู สู อน โดยแนะนาํ เพอ่ื ใหค รสู ะดวกตอ การจดั กจิ กรรม โดยแนะนาํ
การสอน โดยแนะนาํ ขั้นตอนการสอนและ เกร็ดความรูสาํ หรับครู ความรูเสริมสาํ หรบั กิจกรรมบูรณาการเช่ือมระหวางกลุมสาระ วิชา
การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด นกั เรยี น รวมทง้ั บรู ณาการความรสู อู าเซยี น กจิ กรรมสรา งเสรมิ กจิ กรรมทา ทาย รวมถงึ เนอื้ หา
เพอื่ ใหนกั เรียนบรรลตุ ามตวั ชวี้ ดั และมุม IT ทเ่ี คยออกขอ สอบNT/O-NET เกง็ ขอ สอบNT/O-NET
และแนวขอสอบเนนการคิด พรอ มคําอธบิ าย
และเฉลยอยา งละเอียด

แถบสีและสัญลักษณ ที่ใชในคูมอื ครู

1. แถบสี 5Es แถบสีแสดงข้ันตอนการสอนและการจัดกิจกรรม
แบบ 5Es เพือ่ ใหค รูทราบวาเปนขั้นการสอนขัน้ ใด
สีแดง สีเขยี ว
สีสม สฟี า สีมว ง

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
2เสรม� Engage Explore Explain Expand
Evaluate
• เปนข้นั ทผ่ี สู อนเลอื กใช • เปน ขั้นทผี่ สู อน • เปนข้นั ทผ่ี ูสอน • เปน ขั้นทผี่ สู อน
เทคนคิ กระตุน ใหผ ูเรียนสาํ รวจ • เปน ขน้ั ที่ผสู อน
ความสนใจ เพื่อโยง ปญ หา และศึกษา ใหผเู รยี นคนหา ใหผูเรียนนาํ ความรู
เขาสูบทเรียน ขอ มลู คําตอบ จนเกดิ ความรู ไปคดิ คน ตอๆ ไป ประเมินมโนทัศน
เชิงประจกั ษ ของผเู รียน

2. สัญลักษณ

สญั ลกั ษณ วตั ถปุ ระสงค สญั ลกั ษณ วตั ถปุ ระสงค

• แสดงเปา หมายการเรียนรทู ีน่ กั เรยี น ขอสอบ O-NET • ชแี้ นะเนอื้ หาทเี่ คยออกขอ สอบ

ตอ งบรรลตุ ามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ (เฉพาะวชิ า ชน้ั ทสี่ อบ O-NET) O-NET โดยยกตวั อยา งขอ สอบ
ท่จี ะตองมี และคณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ เกิดขึ้น พรอ มวเิ คราะหค าํ ตอบ
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT อยา งละเอยี ด
เปา หมายการเรยี นรู กับนักเรียน
• เปน ตวั อยา งขอ สอบทม่ี งุ เนน
หลกั ฐานแสดง • แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน
ผลการเรยี นรู การคดิ ใหค รนู าํ ไปใชไ ดจ รงิ
เกรด็ แนะครู ทีค่ รูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรยี นรู รวมถงึ เปน การเกง็ ขอ สอบ O-NET
ตามตวั ชีว้ ดั ทจ่ี ะออก มที ง้ั ปรนยั - อตั นยั
พรอ มเฉลยอยา งละเอยี ด
• แทรกความรเู สรมิ สําหรับครู ขอ เสนอแนะ
ขอ สอบเนน กาNรTคดิ • แนวขอ สอบ NT ในระดบั
ขอควรระวัง ขอ สังเกต แนวทางการจัด แนว
กจิ กรรมและอนื่ ๆ เพ่ือประโยชนในการ ประถมศกึ ษา มที ง้ั ปรนยั - อตั นยั
จดั การเรยี นการสอน พรอ มเฉลยอยา งละเอยี ด

• ขยายความรูเพ่ิมเตมิ จากเนื้อหา เพอ่ื ให (เฉพาะวชิ า ชน้ั ทสี่ อบ NT)

นักเรียนควรรู ครนู ําไปใชอ ธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน กั เรียน • แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม
ไดมีความรูมากขนึ้

บรู ณาการเช่ือมสาระ เชอ่ื มกบั กลมุ สาระ ชน้ั
หรอื วชิ าอน่ื ทเี่ กย่ี วขอ ง
• กจิ กรรมเสรมิ สรา งพฤติกรรมและปลูกฝง
คา นยิ มตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
บูรณาการ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
• แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม
• ความรหู รอื กจิ กรรมเสรมิ ใหค รนู าํ ไปใช กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ซอ มเสรมิ สาํ หรบั นกั เรยี น
เตรยี มความพรอ มใหก บั นกั เรยี นกอ นเขา สู ทย่ี งั ไมเ ขา ใจเนอื้ หา
ประชาคมอาเซยี นใน พ.ศ. 2558 โดย
• แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม
บูรณาการอาเซยี น บรู ณาการกบั วชิ าทกี่ าํ ลงั เรยี น
ตอ ยอดสาํ หรบั นกั เรยี นทเ่ี รยี นรู
• แนะนําแหลง คนควาจากเว็บไซต เพอ่ื ให กิจกรรมทา ทาย เนอ้ื หาไดอ ยา งรวดเรว็ และ
ตอ งการทา ทายความสามารถ
ครแู ละนกั เรยี นไดเขา ถึงขอมลู ความรู ในระดบั ทสี่ งู ขนึ้

มุม IT ทห่ี ลากหลาย ทง้ั ไทยและตางประเทศ

คมู อื ครู

5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวฏั จกั รการเรยี นรู 5Es

ข้ันตอนการสอนที่สัมพันธกับข้ันตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ
วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซ่ึงผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย
ตามลาํ ดับขัน้ ตอนการเรยี นรู ดงั นี้

ข้นั ที่ 1 กระตุน ความสนใจ (Engage) เส3ร�ม

เปน ขน้ั ทผี่ สู อนนาํ เขา สบู ทเรยี น เพอื่ กระตนุ ความสนใจของผเู รยี นดว ยเรอื่ งราวหรอื เหตกุ ารณท นี่ า สนใจโดยใชเ ทคนคิ วธิ กี ารสอน
และคําถามทบทวนความรหู รือประสบการณเ ดมิ ของผเู รยี น เพอื่ เชือ่ มโยงผเู รยี นเขา สูค วามรขู องบทเรียนใหม ชวยใหผ เู รียนสามารถ
สรปุ ประเด็นสาํ คญั ทเ่ี ปน หวั ขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จงึ เปนขน้ั ตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรยี มความพรอม
และสรา งแรงจงู ใจใฝเรียนรแู กผเู รียน

ขน้ั ที่ 2 สาํ รวจคนหา (Explore)

เปน ขนั้ ทผี่ สู อนเปด โอกาสใหผ เู รยี นลงมอื ศกึ ษา สงั เกต หรอื รว มมอื กนั สาํ รวจ เพอื่ ใหเ หน็ ขอบขา ยของปญ หา รวมถงึ วธิ กี ารศกึ ษา
คน ควา การรวบรวมขอมลู ความรทู ี่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเดน็ ปญ หาน้ันๆ เม่อื ผูเรียนทาํ ความเขาใจในประเดน็ หัวขอที่จะ
ศกึ ษาคนควา อยางถอ งแทแลว กล็ งมือปฏบิ ตั เิ พ่ือเกบ็ รวบรวมขอ มูลความรู สาํ รวจตรวจสอบ โดยวธิ กี ารตางๆ เชน สมั ภาษณ ทดลอง
อานคน ควาขอมลู จากเอกสาร แหลง ขอ มลู ตางๆ จนไดข อมูลความรูตามทีต่ ้ังประเดน็ ศึกษาไว

ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู (Explain)

เปนข้นั ทีผ่ ูสอนมีปฏิสัมพันธก บั ผเู รยี น เชน ใหการแนะนํา ตั้งคาํ ถามกระตุนใหค ิด เพ่ือใหผูเรยี นคน หาคําตอบ และนําขอมูล
ความรูจากการศึกษาคนควาในข้ันที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลท่ีไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน
เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนน้ีฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและ
สังเคราะหอยางเปนระบบ

ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ (Expand)

เปนขน้ั ทผ่ี สู อนเลือกใชเทคนคิ วิธีการสอนตา งๆ ทส่ี ง เสริมใหผเู รยี นนาํ ความรูท ีเ่ กดิ ขึน้ ไปคดิ คน สืบคน ตอๆ ไป เพอื่ พฒั นาทักษะ
การเรียนรแู ละการทาํ งานรวมกันเปนกลมุ ระดมสมองเพอื่ คดิ สรางสรรครวมกนั ผูเรียนสามารถนําความรทู ีส่ รางขน้ึ ใหมไปเชอ่ื มโยง
กบั ประสบการณเ ดมิ โดยนาํ ขอ สรปุ ทไ่ี ดไ ปใชอ ธบิ ายเหตกุ ารณต า งๆ หรอื นาํ ไปปฏบิ ตั ใิ นสถานการณใ หมๆ ทเี่ กย่ี วขอ งกบั ชวี ติ ประจาํ วนั
ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางย่ิงข้ึน ในข้ันตอนน้ีฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเร่ิมสรางสรรคอยางมี
คณุ ภาพ เสรมิ สรางวิสัยทศั นใหก วางไกลออกไป

ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)

เปน ขนั้ ทผ่ี สู อนประเมนิ มโนทศั นข องผเู รยี น โดยตรวจสอบจากความคดิ ทเ่ี ปลย่ี นไปและความคดิ รวบยอดทเี่ กดิ ขน้ึ ใหม ตรวจสอบ
ทักษะ กระบวนการปฏบิ ัติ การแกป ญหา การตอบคาํ ถามรวบยอด และการเคารพความคดิ หรอื ยอมรับเหตุผลของคนอน่ื เพอ่ื การ
สรา งสรรคค วามรรู ว มกนั ผเู รยี นสามารถประเมนิ ผลการเรยี นรขู องตนเอง เพอื่ สรปุ ผลวา มคี วามรอู ะไรเพมิ่ ขนึ้ มาบา ง เกดิ ความเขาใจ
มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลาน้ันไปประยุกตใชในการเรียนรูเร่ืองอื่นๆ ไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติและเห็นคุณคาของ
ตนเองจากผลการเรยี นรูทีเ่ กดิ ข้ึน ซ่งึ เปน การเรียนรทู ่มี คี วามสขุ อยางแทจริง

การจัดกจิ กรรมการเรียนรตู ามขัน้ ตอนวฏั จกั รการสรางความรูแ บบ 5Es จึงเปน รูปแบบการเรียนการสอนท่เี นน
ผเู รยี นเปน สาํ คญั อยา งแทจ รงิ เพราะสง เสรมิ ใหผ เู รยี นไดล งมอื ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการสรา งความรดู ว ยตนเอง
และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลมุ อยางชํานาญ กอใหเกดิ ทกั ษะชีวิต ทกั ษะการทาํ งานและทกั ษะการ
เรยี นรทู ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สง ผลตอ การยกระดบั ผลสมั ฤทธข์ิ องผเู รยี น ตามเปา หมายของการปฏริ ปู การศกึ ษาทศวรรษที่ 2
(พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ

คมู อื ครู

คําอธิบายรายวิชา กลมุ สาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา
ภาคเรยี นที่ 1-2
รายวชิ า สขุ ศึกษาและพลศึกษา
ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี 5 เวลา 80 ชว่ั โมง/ป
รหัสวิชา พ…………………………………

เส4ร�ม อธบิ าย ระบุ แสดง คนหา วิเคราะห ความสําคญั ของระบบยอยอาหาร และระบบขบั ถาย ที่มีผลตอ
สุขภาพ การเจริญเติบโต และพัฒนาการ วิธีดูแลระบบยอยอาหาร และระบบขับถายใหทํางานตามปกติ
การเปลย่ี นแปลงทางเพศ การปฏบิ ตั ติ นไดเ หมาะสม ความสาํ คญั ของครอบครวั พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคแ ละไม
พงึ ประสงค ในการแกไ ขปญ หาความขดั แยง ในครอบครวั และกลมุ เพอื่ น หลกั การเขา รว มกจิ กรรมนนั ทนาการ
พฤติกรรมท่ีเห็นความสําคัญของการปฏิบัติตนตามสุขบัญญัติแหงชาติ ขอมูลขาวสารเพื่อใชสรางเสริม
สขุ ภาพ สอื่ โฆษณาในการตดั สนิ ใจเลอื กซอื้ อาหารและผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพ ปจ จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ การใชส ารเสพตดิ
ผลกระทบของการใชยาและสารเสพติดทม่ี ีผลตอ รางกาย จิตใจ อารมณ สงั คม และสติปญ ญา อทิ ธิพลของ
สือ่ ท่มี ตี อ พฤตกิ รรมสุขภาพ
ปฏิบัติตนเพ่ือความปลอดภัยจากการใชยา และหลีกเลี่ยงสารเสพติด การปองกันโรคท่ีพบบอยใน
ชวี ติ ประจาํ วนั การปองกนั อันตรายจากการเลนกีฬา
มีทักษะในการปฏิบัติ ควบคุม ทดสอบ กิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน เกมนําไปสูกีฬา
กิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบผลัด การเคล่ือนไหวในเร่ืองการรับแรง การใชแรง และความสมดุล กีฬาไทย
และกีฬาสากล ประเภทบุคคลและประเภททีม เกมที่ใชทักษะการคิดและตัดสินใจ กฎ กติกาการเลนเกม
กฬี าไทยและกีฬาสากลสมรรถภาพทางกาย
โดยใชทักษะกระบวนการปฏิบัติ ทักษะการเคลื่อนไหวรางกาย กระบวนการคิด ในการสืบคนขอมูล
การแกปญ หา และการอภิปราย
เพ่ือใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ
และนาํ ความรไู ปประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วนั มกี ารพฒั นาทางดา นรา งกาย จติ ใจ อารมณ สงั คม และมจี รยิ ธรรม
คุณธรรม และคา นยิ มที่เหมาะสม

ตัวชี้วดั
พ 1.1 ป.5/1 ป.5/2
พ 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3
พ 3.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ป.5/6
พ 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4
พ 4.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
พ 5.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5

รวม 25 ตัวชีว้ ดั

คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

˹§Ñ Ê×ÍàÃÂÕ ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾é¹× °Ò¹

ÊØ¢ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ ».õ

ª¹éÑ »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»·‚ èÕ õ

¡ÅØÁ‹ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 梯 ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ
µÒÁËÅ¡Ñ ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢Ñé¹¾×¹é °Ò¹ ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ

¼àÙŒ ÃÕºàÃÕ§
¹ÒÂªÙªÒµÔ ÃÍ´¶ÒÇÃ
¹ÒÂÀÒʡà ºÞØ ¹ÂÔ Á

¼ÙŒµÃǨ
¹Ò§ÊÁØ ÒÅÕ ¢ÍÁã¨à¾çªÃ
¹Ò§ªÞÒ´Ò ÊØ¢àÊÃÁÔ
¹Ò¾Թ¨Ô ˧ÉÀ Ù‹

ºÃóҸԡÒÃ
¹ÒºÞÑ ªÒ ªÒŒ §¾§É

¾ÔÁ¾¤ Ãé§Ñ ·èÕ ñòð

ʧǹÅÔ¢Ê·Ô ¸Ôµì ÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ Ô
ISBN : 978-616-203-508-1

ÃËÊÑ ÊÔ¹¤ÒŒ ñõññôôððððôò

¾ÁÔ ¾¤Ãé§Ñ ·Õè ñð

ÃËÑÊÊ¹Ô ¤ŒÒ ñõôôðññ

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

คําชีแ้ จงในการใชส ื่อ

ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹Ãʌ٠¢Ø È¡Ö ÉÒáÅоÅÈ¡Ö ÉÒ µÒÁËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹éÑ ¾¹é× °Ò¹
¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ È¡Ö ÉÒà¡ÂÕè Ç¡ºÑ àÃÍè× §¡ÒÃà¨ÃÞÔ àµºÔ âµ áÅо²Ñ ¹Ò¡ÒâͧÁ¹ÉØ Â ªÇÕ µÔ
áÅФÃͺ¤ÃÇÑ ¡ÒÃà¤ÅÍ×è ¹äËÇ ¡ÒÃÍÍ¡¡Òí Å§Ñ ¡Ò ¡ÒÃàŹ‹ à¡Á ¡ÌÕ Òä·Â ¡ÌÕ ÒÊÒ¡Å ¡ÒÃ
ÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ÊÁÃöÀÒ¾ ¡Òû͇ §¡¹Ñ âä áÅФÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ã¹ªÇÕ µÔ ÁàÕ »Ò‡ ËÁÒÂ
à¾Í×è ¡ÒôÒí ̤梯 ÀÒ¾ ¡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ¡Òþ²Ñ ¹Ò¤³Ø ÀÒ¾ªÇÕ µÔ ¢Í§º¤Ø ¤Å ¤Ãͺ¤ÃÇÑ
áÅЪÁØ ª¹ãËÂŒ §èÑ Â¹×

˹§Ñ ÊÍ× àÃÂÕ ¹ Ê¢Ø È¡Ö ÉÒáÅоÅÈ¡Ö ÉÒ ».õ ©ººÑ ¹Õé ÀÒÂã¹àÅÁ‹ ¹Òí àʹ͡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹
¡ÒÃÊ͹໹š ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã¤ŒÙ ú¶ÇŒ ¹µÒÁÁҵðҹµÇÑ ªÇéÕ ´Ñ ª¹Ñé »‚ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ
᡹¡ÅÒ§ â´Â๹Œ ¡ÒÃÍ͡Ẻ¡¨Ô ¡ÃÃÁãËÊŒ ÁÑ ¾¹Ñ ¸¡ ºÑ ¸ÃÃÁªÒµ¡Ô ÒÃàÃÂÕ ¹Ã¢ŒÙ ͧáµÅ‹ СÅÁ‹Ø
ÊÒÃÐ áÅФÇÒÁʹ㨢ͧ¼àŒÙ ÃÂÕ ¹áµÅ‹ Ф¹ â´Âä´»Œ ÃºÑ á¡äŒ ¢à¹Íé× ËÒã˶Œ ¡Ù µÍŒ §áÅÐÊÍ´¤ÅÍŒ §
µÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ ¤Ô ÇÒÁà·Ò‹ à·ÂÕ ÁÃÐËÇÒ‹ §à¾È ¾.È. òõõø ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ ¡Ô Òû͇ §¡¹Ñ
áÅÐá¡äŒ ¢»Þ˜ ËÒ¡Òõ§éÑ ¤ÃÃÀ㏠¹ÇÂÑ Ã¹‹Ø ¾.È. òõõù áÅС®ËÁÒÂ͹×è ·àèÕ ¡ÂÕè Ǣ͌ § «§Öè á¡äŒ ¢
»ÃºÑ »Ã§Ø à¹Í×é ËÒÀÒÂãµËŒ Å¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹éÑ ¾¹é× °Ò¹¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ â´Â
»ÃºÑ á¡äŒ ¢à¹Íé× ËÒã¹ÊÒÃзèÕ ñ ¡ÒÃà¨ÃÞÔ àµºÔ âµáÅо²Ñ ¹Ò¡ÒâͧÁ¹ÉØ Â ÊÒÃзÕè ò ªÇÕ µÔ
áÅФÃͺ¤ÃÇÑ ÊÒÃзèÕ ó ¡ÒÃà¤ÅÍè× ¹äËÇ ¡ÒÃÍÍ¡¡Òí Å§Ñ ¡Ò ¡ÒÃàŹ‹ à¡Á ¡ÌÕ Òä·Â áÅÐ
¡ÌÕ ÒÊÒ¡Å ÊÒÃзÕè ô ¡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ÊÁÃöÀÒ¾ áÅСÒû͇ §¡¹Ñ âä áÅÐÊÒÃÐ
·Õè õ ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ã¹ªÇÕ µÔ ੾ÒÐàÃÍè× §·àÕè ¡ÂÕè Ǣ͌ §¡ºÑ à¾ÈÇ¶Ô Õ ¤ÇÒÁà·Ò‹ à·ÂÕ ÁÃÐËÇÒ‹ §à¾È
¡Òû͇ §¡¹Ñ áÅÐá¡äŒ ¢»Þ˜ ËÒ¡Òõ§Ñé ¤ÃÃÀ㏠¹ÇÂÑ Ã¹‹Ø «§èÖ ä´¡Œ Òí ˹´¤Òí ÊÒí ¤ÞÑ ¤ÇÒÁËÁÒÂ
à¹Íé× ËÒ áÅеÇÑ ÍÂÒ‹ § «§èÖ ÊÒí ¹¡Ñ ÇªÔ Ò¡ÒÃáÅÐÁҵðҹ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ ÊÒí ¹¡Ñ §Ò¹¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒÃ
¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹×é °Ò¹ ÃÇ‹ Á¡ºÑ ¼·ŒÙ ç¤³Ø Ç²Ø ¨Ô ҡ˹Nj §ҹ·àÕè ¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ § áÅÐÀÒ¤»ÃЪÒ椄 ¤Á
ä´Œ¨Ñ´·íÒ¢éÖ¹ à¾×èÍ໚¹¡ÃͺáÅÐá¹Ç·Ò§ãËŒÊíҹѡ¾ÔÁ¾ãªŒã¹¡ÒûÃѺᡌ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
ã˶Œ ¡Ù µÍŒ §à»¹š ·àèÕ ¢ÒŒ 㨵ç¡¹Ñ ·¡Ø ÃдºÑ ª¹éÑ

·§éÑ ¹Õé ¡ÒÃ»ÃºÑ »Ã§Ø ˹§Ñ ÊÍ× àÃÂÕ ¹´§Ñ ¡ÅÒ‹ Ç Â§Ñ ¤§Â´Ö ¶Í× ÃÒ¡°Ò¹à´ÁÔ ¢Í§Ê§Ñ ¤Áä·Â
仾ÃÍŒ Á¡ºÑ ¡ÒÃà»ÅÂÕè ¹á»Å§¢Í§Ê§Ñ ¤ÁâÅ¡ «§èÖ ¨Ð໹š »ÃÐ⪹µ Í‹ ¹¡Ñ àÃÂÕ ¹ ¼»ŒÙ ¡¤Ãͧ ¤ÃÙ
áÅз¡Ø ¤¹ã¹Ê§Ñ ¤Á 㹡ÒÃÃÇ‹ ÁÊÃÒŒ §¤ÇÒÁà¢ÒŒ ã¨áÅÐÂÍÁÃºÑ ¡ÒÃà»ÅÂÕè ¹á»Å§·àèÕ ¡´Ô ¢¹Öé
ã¹ÈµÇÃÃÉ·Õè òñ ÍÂÒ‹ §à·Ò‹ à·ÂÕ Á仾ÃÍŒ Á¡¹Ñ



กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู ๑บทท่ี สาระสําคญั
เพศวิถศี ึกษา
กาํ หนดระดบั ความรคู วามสามารถ แกนความรทู เ่ี ปน ความเขา ใจ
ของผูเรยี นเมื่อเรยี นจบหนวย กจิ กรรมนÓสูก่ ารเรียน คงทนติดตวั ผูเ รียน

ò˹‹Ç¡ÒÃàÃี¹ÃÙŒที่ สาระส�าคัญ
ªÇÕ µÔ áÅФÃͺ¤ÃÑÇ เ พศโดยก�าเนิด หมายถึง ลักษณะท่ีแสดงตาม
สรรี ะและเพศทางกายภาพ คอื เพศชาย เพศหญงิ
เปา หมายการเรยี นรูประจําหนวยท่ี ๒ ไมส่ ามารถเปล่ยี นแปลงได้
เพศสภาพ หมายถงึ ความเปน็ ผู้หญงิ และความ
เมอ่ื เรยี นจบหนว ยนี้ ผเู รยี นจะมคี วามรคู วามสามารถตอ ไปนี้ เป็นผ้ชู าย ที่ไม่ได้กา� หนดโดยสรรี ะ แตถ่ กู กา� หนด
๑. อธิบายการเปล่ยี นแปลงทางเพศและปฏบิ ตั ิตน โดยสังคมและวัฒนธรรม

ไดเหมาะสม (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๑)
๒. อธบิ ายความสาํ คัญของการมีครอบครวั ทีอ่ บอุน

ตามวัฒนธรรมไทย (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๒)
๓. ระบพุ ฤติกรรมท่พี งึ ประสงคแ ละไมพงึ ประสงค

ในการแกไ ขปญ หาความขัดแยง ในครอบครัว
และกลมุ เพ่อื น (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๓)

?

๑. ทางกายภาพนกั เรยี นเปน็ เพศใด
๒. ในมิติทางกายภาพ นักเรียนต่างจาก

กิ เพ่ือนตา่ งเพศอย่างไร

จกรรมนาÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 15

เนอ้ื หา นําเขาสูบทเรียนใชกระตุนความสนใจ
และวัดประเมนิ ผลกอนเรียน
ครบตามหลักสูตรแกนกลางฯ
พ.ศ. ๒๕๕๑ นําเสนอเหมาะสม การดูแลรักษา ควรปฏบิ ัต ิ ดังนี้ กจิ กรรมการเรียนรูŒ
กับการเรียนการสอนในแตละ ๑) รกั ษาความสะอาดของรา่ งกายอยา่ งสมา�่ เสมอ อาบนา�้ ฟอกสบู่ และ
ระดับช้นั เช็ดตัวให้แห้งทกุ ครง้ั โดยเฉพาะบริเวณซอกตา่ งๆ เช่น รักแร้ ขาหนีบ เป็นตน้ ตอนที่ ๑ คา� ถามชวนคดิ
๒) ตดั เล็บมอื เล็บเทา้ ให้ส้ัน หม่ันล้างมอื ให้สะอาดและอยา่ เกา เพราะ เขยี นตอบคา� ถามต่อไปนีล้ งในสมุด
๑. การทํางานของระบบยอยอาหาร การเกาจะทา� ให้เช้อื ลกุ ลามไปท่ีอ่นื ได้
“ทาํ ไมเวลากนิ อาหารเขา ไปแลว อาหารจงึ ไมไ หลยอ นออกมาทางปาก” ๓) ปอ้ งกนั การแพรเ่ ชอื้ โดยการไม่ใชเ้ สอื้ ผา้ เครอ่ื งนงุ่ หม่ ปะปนกนั แลว้ ๑) นกั เรียนคดิ ว่าผลกระทบของการใชย้ าผดิ มอี ันตรายอย่างไร
การทอ่ี าหารไมไ หลยอ นกลบั ออกมาทางปาก เปน เพราะระบบยอ ยอาหาร ควรซักท�าความสะอาดและตากแดดใหแ้ ห้งทุกคร้ัง ๒) นักเรยี นเคยใชย้ าผิดบา้ งหรอื ไม่ อยา่ งไร
มีอวัยวะที่ทําหนาที่ปองกันไมใหอาหารไหลยอนกลับ และอวัยวะที่ทําหนาท่ี ๔) ไปพบแพทยเ์ พ่ือท�าการตรวจรักษา ๓) ถา้ บคุ คลในบา้ นของนกั เรียนไมส่ บาย นักเรียนจะมวี ธิ ีการแนะนา� ใหก้ ินยา
ยอ ยอาหารใหม ขี นาดเลก็ ลง จนทาํ ใหร า งกายสามารถนาํ ไปใชไ ด ระบบยอ ยอาหาร ๕) การรักษาโดยท่ัวไปจะใช้ยาทาวันละ ๒ - ๓ คร้ัง ติดต่อกันจนกว่า
มีอวยั วะที่สําคญั ดงั น้ี ผ่ืนจะหายไป โดยทายาที่บริเวณผ่ืนและบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ หลังจากผื่น อยา่ งถกู วิธีได้อย่างไร
หายแลว้ ควรทายาต่ออีกประมาณ ๒ สปั ดาห์
ปาก ตอนท่ี ๒ ชวนคิด ชวนทา�
เปนอวัยวะแรกของระบบยอยอาหาร การปอ้ งกนั ควรปฏิบัติ ดงั น้ี ดูภาพ แลว้ ตอบค�าถามลงในสมุด
ภายในประกอบดว ยลนิ้ ฟน และตอ ม ๑) รักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ ด้วยการอาบน�้าอย่างน้อย
นา้ํ ลาย ปากจะสง อาหารใหฟ น บดเคย้ี ว วนั ละ ๒ ครง้ั ๑ ๒ ยาËมÍ่ § ๓ ยาáกŒäÍ
ลิ้นรับรสชาติอาหารและคลุกเคลา ๒) หลังอาบน้�าเสร็จแล้ว ต้องเช็ดตัวให้แห้ง เพ่ือป้องกันไม่ให้ผิวหนัง
อาหารใหเขากับน้ําลาย เพื่อใหกลืน อับชน้ื เพราะจะท�าใหเ้ ปน็ โรคได้งา่ ย ยา´ม
อาหารไดง า ย ในนาํ้ ลายมนี า้ํ ยอ ยทชี่ ว ย ๓) สวมใสเ่ ส้อื ผา้ ที่ซักสะอาดแล้ว และไมค่ วรใส่เสอื้ ผ้ารว่ มกับผู้อน่ื
ยอยอาหารจําพวกแปงใหเ ปนน้ําตาล ๔) หลงั ท�ากจิ กรรมทมี่ เี หงือ่ ออกมากๆ ควรรีบอาบน�้าทันที ๑) ยาในขอ้ ใดบา้ งที่ไม่ควรนา� มากิน
โรคทพี่ บไดบ้ อ่ ยในชวี ติ ประจา� วนั มอี ยหู่ ลายโรค ถา้ เรารจู้ กั วธิ กี ารปอ้ งกนั ๒) ถา้ มบี าดแผล แล้วนา� ยาในขอ้ ๒ มาทาที่บาดแผล จะเกิดผลอย่างไร
หลอดอาหาร ตนเอง ไม่ใหเ้ ปน็ โรคต่างๆ ได้ จึงจะท�าใหเ้ ป็นผู้ท่ีมสี ุขภาพดี ๓) ถ้ามีอาการท้องเสีย สามารถใชย้ าในภาพไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด
เปนอวัยวะที่เปนทอกลวง สวนปลาย ๔) ถา้ ร้สู กึ เวียนศรี ษะ จะน�ายาในขอ้ ๑ มาใชไ้ ดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด
มีกลามเน้ือหูรูดท่ีทําหนาท่ีบีบตัวให ¤Çามร¤ÙŒ สÙ่ ขุ Àา¾ ๕) ถ้าใช้ยาในขอ้ ๓ แลว้ เกิดอาการคัน มีผนื่ แดง นักเรียนควรทา� อยา่ งไร
หลอดอาหารปด เพอ่ื ปอ งกนั ไมใหอ าหาร ตอนที่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์
ไหลยอนกลบั กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งท่ีหา แบง่ กลมุ่ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สบื คน้ ข้อมูลเกย่ี วกบั อนั ตรายของยา ความปลอดภัยในการใช้ยา
ไดง้ า่ ยและใชร้ กั ษาโรคเกลอ้ื นได้ โดยนา� กลบี กระเทยี ม ยาสมุนไพรพนื้ บ้านและวธิ ีใช้ แล้วผลดั กันออกมานา� เสนอผลงาน
ตับ มาฝานเป็นชิ้นบางๆ แล้วเอามาทาบริเวณผิวหนัง
เปนอวัยวะท่ีผลิตนํ้าดีแลวสงเก็บไวใน ทเ่ี ป็นเกล้อื นทกุ วัน วนั ละ ๒ ครั้ง 8๑
ถุงน้ําดีเพื่อใชในการยอยไขมันใหแตก
เปน เม็ดเล็กๆ ๖๘ กจิ กรรมการเรียนรูŒ

กระเพาะอาหาร ¤ÇÒÁÃÙ¤Œ ‹Ù ÊØ¢ÀÒ¾ มอบหมายผเู รียนฝก ปฏิบตั ิ
เปน อวยั วะทท่ี าํ หนา ทผ่ี ลติ นา้ํ ยอ ยออกมา สาระความรเู พ่มิ เติมสําหรบั นักเรยี น เพอื่ พฒั นาความรแู ละทกั ษะประจาํ หนว ย
เพ่ือยอยอาหารที่ใหสารอาหารโปรตีน



กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

ส า ร บั ญ

๑ห น ว ย ๑

การเรียนรทู ี่ ตวั เรา ๒

๒ห น บวทยท่ี ๑ ระบบในรา งกาย ๑๔

การเรยี นรูที่ ชีวิตและครอบครัว ๑๕
บทท่ี ๑ เพศวถิ ีศกึ ษา ๒๕
บทท่ี ๒ ครอบครัวและเพื่อน
๓๔
๓ห น ว ย
๓๕
การเรียนรทู ่ี สขุ ภาพของเรา ๔๔
บทท่ี ๑ สุขบญั ญตั แิ หงชาติ ๕๐
บทที่ ๒ ขา วสารสุขภาพ ๕๙
บทท่ี ๓ ส่อื โฆษณา อาหารและผลติ ภัณฑสุขภาพ
บทที่ ๔ โรคควรรู ๗๐

๔ห น ว ย ๗๑
๗๗
การเรยี นรูที่ ความปลอดภัยในชวี ิต ๘๒
บทที่ ๑ สารเสพตดิ
บทที่ ๒ ขอ ควรรูเกยี่ วกบั ยา ๘๙
บทท่ี ๓ ส่ือกับตวั เรา
๙๐
๕ห น ว ย ๙๗

การเรียนรทู ี่ กิจกรรมเคลื่อนไหวรางกาย ๑๐๒
บทท่ี ๑ เคลอื่ นไหวรางกายและยืดหยนุ ขัน้ พน้ื ฐาน
๑๐๓
๖ห น บวทยที่ ๒ กายบรหิ าร ๑๑๓
๑๓๑
การเรียนรูที่ กจิ กรรมทางกายและกีฬา ๑๓๔
บทท่ี ๑ เกมและกิจกรรมทางกาย
บทท่ี ๒ กฬี า
บทที่ ๓ กจิ กรรมนนั ทนาการ
บทท่ี ๔ สมรรถภาพทางกาย

บรรณานุกรม ๑๔๐

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

ñ µÇÑ àÃÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ÙŒ Õè ครถู ามคําถาม แลว ใหน ักเรยี นแสดงความ
เปา หมายการเรยี นรปู ระจําหนว ยที่ ๑ คิดเห็นอยางอสิ ระ
เมอ่ื เรยี นจบหนว ยน้ี ผเู รยี นจะมคี วามรคู วามสามารถตอ ไปนี้
๑. อธบิ ายความสาํ คญั ของระบบยอ ยอาหาร และระบบขบั ถา ย • นกั เรยี นทราบหรอื ไมว า เราด่ืมนาํ้ และกนิ
ทมี่ ผี ลตอสุขภาพ การเจริญเตบิ โต และพฒั นาการ อาหารไปเพือ่ อะไร
(มฐ. พ ๑.๑ ป.๕/๑) (แนวตอบ เราตอ งด่ืมน้าํ เพอื่ การดาํ รงชวี ติ
๒. อธบิ ายวธิ ีดแู ลระบบยอ ยอาหารและระบบขบั ถา ย เพราะน้ําเปน สว นประกอบของรางกายถึง
ใหท ํางานตามปกติ (มฐ. พ ๑.๑ ป.๕/๒) 70% ถา รางกายขาดนํ้าจะทําใหเซลลและ
ระบบในรา งกายทาํ งานผดิ ปกติ อาจเสยี ชวี ติ ได
และเราตอ งกินอาหารเพ่อื การเจริญเติบโต
เพราะสารอาหารจะไปเลย้ี งรา งกาย ใหร า งกาย
เจริญเตบิ โตสมวยั และระบบในรางกาย
ทาํ งานไดต ามปกต)ิ

• น้าํ และอาหารที่เราดมื่ และกนิ จะไปอยู
ท่ีสวนใดในรางกายของเรา
(แนวตอบ นา้ํ และอาหารเมือ่ เขา สูรา งกายแลว
จะถกู ดดู ซึมท่กี ระเพาะอาหารและลาํ ไสเลก็
น้ําจะเขา ไปเปน สว นประกอบของเซลลแ ละ
เลอื ด แลว จะถกู ขบั ออกมาในรปู ของเหงือ่
และปส สาวะ สว นอาหารจะถกู ยอยเปน
สารอาหารและถูกดูดซมึ เขาไปเลยี้ งรา งกาย
สวนกากอาหารที่เหลือจะถกู ขับออกมา
ในรปู ของอุจจาระ)

เกร็ดแนะครู

ครสู นทนากับนักเรยี นวา เมื่อกลา วถงึ คาํ วา “ตวั เรา” นกั เรยี นนกึ ถึงส่ิงใดบา ง
เชน รูปรา ง หนา ตา อวยั วะ จิตใจ เปนตน จากนั้นครใู หน กั เรยี นทบทวนเกยี่ วกับ
อวยั วะภายในและอวยั วะภายนอกรา งกาย โดยบอกช่อื ตาํ แหนง และหนา ทข่ี อง
อวัยวะแตล ะชนิด

ในการสอนเรอื่ งตวั เรา ถาครูมหี นุ จําลองระบบอวัยวะในรา งกายมาใชส าธิต
ในการสอน จะทาํ ใหนกั เรยี นเขาใจไดงายมากย่ิงข้ึน

คูม อื ครู 1

กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปา หมายการเรียนรู สาระสําคญั
ระบบยอ ยอาหาร ทาํ หนาที่ยอ ยอาหารเพื่อ
1. อธบิ ายความสําคญั ของระบบยอ ยอาหารและ ñº··èÕ ใหร างกายสามารถนาํ ไปใชได ระบบขบั ถา ย
ระบบขบั ถาย ที่มผี ลตอ สขุ ภาพ การเจริญเตบิ โต ระบบในรา งกาย ทาํ หนาทขี่ บั ถา ยของเสียออกจากรางกาย
และพฒั นาการ (มฐ. พ 1.1 ป.5/1) ระบบทงั้ ๒ ระบบนี้ มคี วามสาํ คญั ตอ รา งกาย
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ เราจึงตองดูแลรกั ษาอยา งถูกวิธี เพ่ือให
2. อธบิ ายวิธีดแู ลระบบยอยอาหาร และระบบ รางกายทาํ งานไดต ามปกติ
ขับถาย ใหท าํ งานตามปกติ (มฐ. พ 1.1 ป.5/2)
¶ÒŒ àÃÒ¡¹Ô ÍÒËÒÃ
สมรรถนะของผูเรียน ࢌÒä» áÅÇŒ Áѹ¨ÐÂÍ‹ Â

1. ความสามารถในการคิด ä´ÍŒ ‹ҧäùÐ
2. ความสามารถในการแกป ญหา
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค

1. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ มน่ั ในการทํางาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

ใหน กั เรียนดูภาพ หนา 2 แลวชว ยกันบอกวา ?
• อาหารที่เด็กในภาพกินเขาไป จะไปอยูสว นใด
àÁ×è͡ԹÍÒËÒÃà¢ÒŒ ä»áÅŒÇ ÍÒËÒèÐä»
ของรางกาย Í‹ٷèÊÕ Ç‹ ¹ã´ã¹Ã‹Ò§¡Ò¢ͧàÃÒ
(ตอบ อาหารทเี่ รากินเขาไปจะถูกฟน บดเคยี้ ว
ที่ปาก แลวเคลอื่ นตัวไปท่หี ลอดอาหาร ๒
หลอดอาหารจะบีบตวั ใหอ าหารเลือ่ นลงไป
ที่กระเพาะอาหาร เพ่อื ใหก ระเพาะอาหาร
ยอ ยอาหารใหมขี นาดเล็กลง และสงตอมายัง
ลําไสเลก็ ซึง่ จะยอ ยอาหารทุกประเภท
แลว ลาํ ไสเ ลก็ จะดดู ซมึ สารอาหารเขา สกู ระแสเลอื ด
เพอื่ สง ไปเลยี้ งสว นตา งๆ ของรา งกาย กากอาหาร
ที่ไมสามารถยอยไดก ็จะถกู สงมาท่ีลาํ ไสใ หญ
เพื่อขับถา ยเปนอุจจาระออกมา)

เกรด็ แนะครู

ครจู ดั กระบวนการเรียนรูโดยการใหน กั เรยี นปฏิบัติ ดังน้ี
• สบื คนขอมูล หนาที่ ความสาํ คญั และการดแู ลรกั ษาระบบอวยั วะในรา งกาย
• อภิปรายความสําคญั ของระบบอวัยวะในรา งกาย
• วิเคราะหจ ากประเดน็ คาํ ถามและภาพ
จนเกดิ ความรคู วามเขาใจวา ระบบยอยอาหารมหี นาที่ยอยอาหารเพอ่ื ให
รางกายสามารถนาํ สารอาหารมาใชใ นการเจริญเติบโต และทําใหร ะบบในรา งกาย
ทํางานเปนปกติ และระบบขับถา ยมีหนา ท่ีขบั ถายของเสยี ท่ีรางกายไมใชแลวออกมา
เพอื่ ใหร างกายทํางานไดตามปกติ

2 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
Explore Explain Explore
สาํ รวจคน หา

รางกายของเราตองการพลังงานในการดํารงชีวิตและเจริญเติบโต 1. ครนู าํ ภาพวาดแอปเปล 1 ลกู และระบบยอ ย
การท่ีรางกายจะไดรับพลังงานได เราจะตองกินอาหารเพ่ือใหระบบยอยอาหาร อาหารตงั้ แตป าก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร
รทาาํ งงกาานยแกล็จะะนทําําพใหลงัเ กงาดิ นขแอลงเะสสยีา1รรอาางหกาารยเจขงึา ตสอรู งา ขงกบั าขยองแเลสะยี กตราะงบๆวนอกอากรจทาํากงราานงขกอายง ลาํ ไสเ ล็ก ลําไสใ หญ และทวารหนัก ตดิ ลงบน
โดยไตจะทําหนา ท่กี รองของเสียออกจากเลือดและขับออกมาในรปู ของปส สาวะ กระดาน

ñ ÃкºÂÍ‹ ÂÍÒËÒà 2. ใหนกั เรยี นแบง กลุม และสบื คนวา ถานักเรียน
กนิ แอปเปล 1 ลกู น้ี เขา ไป แอปเปล ลกู นจี้ ะไป
“ระบบยอ ยอาหารมหี นา ทอ่ี ะไรบา ง” อยทู ่ใี ดในรางกาย แลวใหแ ตละกลุม ออกมา
ระบบยอยอาหารเปนระบบท่ีมีความสําคัญตอการดํารงชีวิต การเจริญ- อธิบาย
เตบิ โต และพฒั นาการของรางกายเรา เพราะเปน ระบบทเี่ ปลยี่ นอาหารทเี่ รากนิ
เขาไปใหกลายเปนสารอาหาร เพื่อใหรางกายนําสารอาหารเหลานั้นไปใชได 3. ใหนกั เรยี นแบงกลุมตามเดมิ ครนู ําภาพอวัยวะ
ทําใหสามารถดํารงชีวิตไดอยางปกติ ถาระบบยอยอาหารทํางานไมสมบูรณ ทเี่ กี่ยวของกบั ระบบยอยอาหารมาใหน กั เรยี นดู
จะสงผลใหรางกายไดรับสารอาหารไมเพียงพอ รางกายเจริญเติบโตไมเต็มท่ี แลว ใหน กั เรยี นสบื คน วา อวยั วะแตล ะอวัยวะ
ทาํ ใหพ ฒั นาการไมเปนไปตามวัย มหี นาท่อี ยา งไรในระบบยอ ยอาหาร
ระบบยอยอาหารจะทําหนาที่ยอยอาหารใหเปนสารอาหารขนาดเล็ก • ปาก • หลอดอาหาร
จากนั้นสารอาหารเหลานั้นจะถูกดูดซึมเขาสูระบบไหลเวียนโลหิต เพ่ือนําไป • ตบั • กระเพาะอาหาร
เลี้ยงสว นตา งๆ ของรา งกาย • ลําไสเล็ก • ลาํ ไสใหญ
ถาระบบยอยอาหารทํางานผดิ ปกติ รางกายของเราจะเปน อยางไร ?
• เมือ่ เรากนิ อาหารเขาไป อาหารจะไมถ ูกยอ ย อาจทําใหเ กิดอาการทอ งอดื อธบิ ายความรู Explain
ทองเฟอ
• เม่ืออาหารไมถูกยอย รางกายก็จะไมไดรับสารอาหารไปเลี้ยงรางกาย 1. ใหน กั เรียนแตละกลุมออกมาอธบิ ายวา
ทําใหอวัยวะตางๆ ทาํ งานผดิ ปกติ ถานักเรยี นกินแอปเปล 1 ลูก นี้ เขาไป
• เมอื่ อวยั วะตา งๆ ทาํ งานผดิ ปกตกิ จ็ ะทาํ ใหร า งกายไมแ ขง็ แรง ไมเ จรญิ เตบิ โต แอปเปล ลูกนจี้ ะไปอยูทใ่ี ดในรา งกาย
ไมมพี ัฒนาการทด่ี ี หรอื อาจทําใหเราเสียชีวิตไดในท่สี ุด
2. ครูอธิบายเพิม่ เติมโดยใชภ าพประกอบทีต่ ดิ
๓ บนกระดานวา
เม่อื เรากินแอปเปลเขา ไป ฟนจะบดเค้ียว
แอปเปลใหม ขี นาดเลก็ ลง และกลืนลงไปยงั
หลอดอาหาร หลอดอาหารจึงจะบบี ตัว
ใหแ อปเปลเคล่อื นท่ไี ปท่กี ระเพาะอาหาร
แอปเปลจะถูกยอยใหมีขนาดเลก็ ลง โดยการ
บีบตวั ของกลามเน้อื ทางเดินอาหาร และถูกสง
ไปยงั ลาํ ไสเล็ก ลาํ ไสเ ลก็ จะดูดซึมวติ ามินใน
แอปเปล คือ วติ ามินซี ไปใชในรา งกาย
จากนน้ั แอปเปล ทเี่ หลอื กถ็ ูกสง ไปใหล าํ ไสใหญ
ลาํ ไสใหญก ็จะดูดน้าํ ออกจากแอปเปลจนเปน
กากอาหาร รอขบั ถา ยเปนอุจจาระตอ ไป

ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู

การเค้ียวอาหารใหละเอียดมีผลดีตอ รางกายอยางไร ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ใหน กั เรยี นเขาใจวา ระบบอวยั วะตา งๆ ในรา งกายเรามกี าร
แนวตอบ ชวยทําใหก ารยอยอาหารในปาก กระเพาะอาหารและลาํ ไสเ ล็ก ทํางานสัมพันธกนั หากมีระบบอวัยวะใดทาํ งานผดิ ปกติ จะสงผลกระทบตอการ
เกดิ ขึน้ ไดงา ยและรวดเรว็ ข้นึ ทาํ งานของระบบอวยั วะอ่ืนๆ ดวย

นนกัักเเรรียยี นนคคววรรรรูู

1 ของเสยี คอื สารท่เี กดิ จากกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism)
ทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายในรา งกายของสิง่ มีชวี ิตท่ีไมม ปี ระโยชนตอ รางกาย เชน น้าํ
แกส คารบอนไดออกไซด ยเู รีย เปนตน และสารทม่ี ีประโยชนต อรางกายแตม ี
ปริมาณมากเกนิ ไป รา งกายกจ็ ะกําจดั ออก

เมตาบอลิซึม (Metabolism) คือ กระบวนการทเ่ี กดิ ขึน้ ภายในเซลลของ
ส่ิงมีชีวิตเทา นนั้ เชน การสรางพลงั งาน การเจรญิ เติบโต การซอ มแซมสว นที่
สึกหรอ ความคิด ความรสู ึก รวมทงั้ การกําจดั ของเสยี

คูมอื ครู 3

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหนกั เรยี นแตละกลุมออกมาอธบิ ายหนา ที่ ๑. การทาํ งานของระบบยอยอาหาร
ของอวัยวะในระบบยอ ยอาหารตามลาํ ดับการ
ทํางานของระบบยอ ยอาหาร “ทาํ ไมเวลากนิ อาหารเขา ไปแลว อาหารจงึ ไมไ หลยอ นออกมาทางปาก”
การทอี่ าหารไมไ หลยอ นกลบั ออกมาทางปาก เปน เพราะระบบยอ ยอาหาร
2. ครแู ละนกั เรียนสรุปการทํางานของอวัยวะ มีอวัยวะท่ีทําหนาที่ปองกันไมใหอาหารไหลยอนกลับ และอวัยวะท่ีทําหนาที่
ในระบบยอยอาหาร ยอ ยอาหารใหม ขี นาดเลก็ ลง จนทาํ ใหร า งกายสามารถนาํ ไปใชไ ด ระบบยอ ยอาหาร
มีอวยั วะที่สาํ คัญ ดงั น้ี
3. ครูถามนักเรยี นวา
• พฤตกิ รรมใดบา งทเ่ี ปนผลเสยี ตอ ระบบ ปาก
ยอยอาหาร และเปนผลเสยี อยางไร เปนอวัยวะแรกของระบบยอยอาหาร
(แนวตอบ นภาํ้าลยาในย1ปปราะกกจอะบสดง วอยาลห้ินารใฟหนฟ น แบลดะเตคอย้ี มว
- เค้ยี วอาหารไมละเอียด ทําใหระบบ ลิ้นรับรสชาติอาหารและคลุกเคลา
ยอยอาหาร ตอ งทํางานหนกั ขน้ึ ในการ อาหารใหเขากับนํ้าลาย เพ่ือใหกลืน
ยอ ยอาหารชน้ิ ใหญ อาหารไดง า ย ในนาํ้ ลายมนี าํ้ ยอ ยทช่ี ว ย
- กินอาหารไมต รงเวลา ทําใหนา้ํ ยอย ยอยอาหารจําพวกแปง ใหเ ปน นํ้าตาล
ถกู ผลติ ข้นึ มาในขณะท่ที องวา ง และอาจ หลอดอาหาร2
กัดผนงั กระเพาะอาหารจนเปนแผล เปนอวัยวะท่ีเปนทอกลวง สวนปลาย
- กนิ อาหารรสจดั ทาํ ใหระบบทางเดนิ อาหาร มีกลามเน้ือหูรูดที่ทําหนาท่ีบีบตัวให
ระคายเคือง เกดิ เปนแผลได หลอดอาหารปด เพอื่ ปอ งกนั ไมใหอ าหาร
- กนิ อาหารที่ไมส ะอาด สกุ ๆ ดบิ ๆ ทําให ไหลยอ นกลับ
เกดิ โรคระบบทางเดินอาหาร เชน ทอ งรวง
อหวิ าตกโรค เปนตน ตับ
- ไมแปรงฟน หรือแปรงฟน ไมส ะอาด ทาํ ให เปนอวัยวะท่ีผลิตน้ําดีแลวสงเก็บไวใน
ฟนผุ ประสิทธภิ าพในการเคี้ยวอาหาร ถุงนํ้าดีเพื่อใชในการยอยไขมันใหแตก
จึงลดลง กระเพาะอาหารตอ งทาํ งาน เปน เม็ดเลก็ ๆ
หนกั ขน้ึ )
กระเพาะอาหาร
4. ใหน กั เรยี นรว มกนั สรปุ การดแู ลระบบยอ ยอาหาร เปน อวยั วะทที่ าํ หนา ทผ่ี ลติ นา้ํ ยอ ยออกมา
เพือ่ ยอยอาหารที่ใหส ารอาหารโปรตีน



นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ถา เรากินอาหารประเภทเนอ้ื สตั วเ ขา ไป อาหารประเภทน้จี ะถกู ยอ ย
1 ตอมนํา้ ลาย เปน ตอมที่อยบู ริเวณชองปาก ทาํ หนาท่ผี ลิตนา้ํ ลาย ตอ มนาํ้ ลาย คร้ังแรกท่ีอวัยวะใด
มอี ยู 3 คู คอื แนวตอบ กระเพาะอาหาร เพราะกระเพาะอาหารจะผลติ นาํ้ ยอ ยที่ชว ย
ยอยโปรตนี ดงั นนั้ อาหารประเภทเน้ือสตั วท ่ใี หส ารอาหารประเภทโปรตีน
ตอ มนํ้าลายขา งกกหู จึงถูกยอยครัง้ แรกท่กี ระเพาะอาหาร

ตอมนํ้าลายใตลิน้
ตอ มน้าํ ลายใตข ากรรไกร

ตอ มน้ําลายทั้ง 3 คู จะสรางนํ้าลายทม่ี นี ้ํายอยอาหารจาํ พวกแปง
2 หลอดอาหารจะบบี ตวั ใหอาหารเคลอื่ นทไี่ ปท่กี ระเพาะอาหาร โดยการหดตวั
ของกลา มเนอ้ื ตามยาว และการหดตวั ของกลา มเนือ้ วงแหวน จากหลอดอาหารชวง
บนลงชวงลา ง จนมาถึงหรู ดู ตอนลางของหลอดอาหาร

4 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

ตบั ออน1 1. ใหนกั เรยี นเขียนอธบิ ายการทาํ งานของระบบ
เปนอวัยวะทผ่ี ลิตนา้ํ ยอยแลว สง ไปท่ลี ําไสเ ลก็ ยอ ยอาหารเปนแผนภาพ แลว สง ครู

ลําไสเลก็ 2. ใหนกั เรียนเขียนแผนผังความคิดแสดงวธิ ีดแู ล
เปนอวัยวะท่ีสําคัญท่ีสุด และมีความยาวที่สุด ทําหนาที่ยอยอาหารทุก ระบบยอ ยอาหารลงในสมุด
ประเภท และดูดซมึ สารอาหารเขาสหู ลอดเลอื ด
3. ใหน กั เรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 ขอ 2
ลําไสใหญ จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.5
เปน อวยั วะทเี่ ปน ทอ กลวงขนาดใหญ สว นปลายมกี ลา มเนอ้ื หรู ดู เรยี กวา
ทวารหนัก ลําไสใหญไมไดทําหนาที่ในการยอยอาหารแตจะดูดซึมน้ํา ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ
และเกลือแรบางสวนออกจากกากอาหาร ทําใหกากอาหารเปนกอน สุขศกึ ษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 1.1
ทเ่ี รยี กวา อจุ จาระ และขบั ถายออกจากรา งกาย แบบประเมนิ ตวั ช้�วัด พ 1.1 ป.5/1

โรคทเ่ี ก่ยี วของกับระบบยอ ยอาหาร ๒ ดูภาพ โยงเสนแลวเขียนการทํางานของอวัยวะในระบบยอยอาหาร (๑๕ คะแนน)
• ถาเรากินอาหารไมตรงเวลาหรือกินอาหารรสจัด หรือเกิด
๑) ปากและลน้ิ มหี นา ที่ …………………………………………………………………………………………………………………
ความเครียด จะทาํ ใหเ ปนโรคกระเพาะอาหาร
• ถาเรากินอาหารไมสะอาด มีแมลงวันตอม หรือหยิบจับ …●……ป…า…ก…ร…ับ……อ…า…ห…า…ร…แ…ล…ว…ส……ง…อ…า…ห…า…ร…ใ…ห…ฟ……น…บ……ด…เค……ย้ี …ว…………………………………………………………………..
…●……ล…้ิน…ร……บั …ร…ส…ช…า…ต……อิ …า…ห…า…ร……แ…ล…ะ…ค……ล…กุ …เ…ค…ล…า…อ…า…ห……าร……ให……เข…า…ก……บั …น…้าํ…ล……าย………เพ…อ่ื……ให……ก …ล…นื………..
อาหารเขาปากโดยท่ีไมไดลางมือ จะทําใหเปนโรคทองเสีย ………ได……ง…า…ย……ใ…น…น……ํ้า…ล…า…ย…ม…นี …ํ้า…ย……อ …ย…ย…อ …ย…อ…า…ห……าร……จ…ํา…พ…ว…ก…แ…ป……ง……………………………………………………..
โรคอหวิ าตกโรค เปนตน
• ถา เรากินอาหารมากเกินไป จะทาํ ใหม ีอาการทองอดื ทองเฟอ ๒) หลอดอาหาร มหี นา ที่ …………………………………….

…●……เป……น …ท…า…ง…ผ…า…น……ข…อ…ง…อ…า…ห…า…ร…ต……อ…ไ…ป…ย…งั ………………….
กระเพาะอาหาร………………………………………………………………………………………….

๓) ตบั มหี นา ที่ ……………………………………………………………

…●……ผ…ล…ติ …น……ํ้า…ด…ีใ…น…ก……า…ร…ย…อ …ย…ไ…ข…ม…นั ………เพ…่ือ……ท…ํา…ใ…ห… …….
………ไข…ม……ัน…แ…ต…ก……เป……น …เ…ม…ด็ …เ…ล…็ก…ๆ…………………………………….

เฉฉบลับย ๔) กระเพาะอาหาร มหี นา ท่ี …………………………….

…●……ผ…ล…ติ …น……า้ํ …ย…อ …ย…แ…ล…ะ…ย…อ…ย……อ…า…ห…า…ร…จ…าํ …พ…ว…ก……………….
โปรตนี………………………………………………………………………………………….

๕) ตบั ออ น มหี นา ที่ …………………………………………………

…●……ผ…ล…ติ …น……า้ํ …ย…อ …ย…เ…พ…ือ่ …ส……ง …ไ…ป…ย…งั …ล…าํ…ไ…ส…เ…ล…ก็……………….

………………………………………………………………………………………….

๖) ลาํ ไสเ ลก็ มหี นา ท่ี ……………………………………………….

…●……ย…อ …ย…อ…า…ห…า…ร…ท……กุ …ป…ร……ะเ…ภ…ท……………………………………….
…●……ด…ูด…ซ…ึม……ส…า…ร…อ…า…ห…า…ร…เ…ข…า…ส…หู ……ล…อ…ด…เ…ล…ือ…ด……………….

๗) ลาํ ไสใ หญ มีหนา ท่ี …………………………………………..

…●……ด…ดู …ซ…มึ……น…าํ้ …แ…ล…ะ…เ…ก…ล…อื …แ…ร…จ……าก……ก…า…ก…อ…า…ห…า…ร………….

………………………………………………………………………………………….



อวยั วะในระบบยอ ยอาหารตงั้ แตป าก หลอดอาหาร ตบั ตบั ออ น กระเพาะอาหาร และลาํ ไสเ ลก็ จะทาํ งานสมั พนั ธก นั
เพอื่ ยอ ยอาหารและดดู ซมึ สารอาหารเขา สรู า งกาย และสง ตอ ใหล าํ ไสใ หญ เพอ่ื ดดู นาํ้ และเกลอื แรก ลบั สรู า งกาย
และขับถา ยกากอาหารออกจากรางกายกลายเปน “อุจจาระ”



บูรณาการเชอ่ื มสาระ เกร็ดแนะครู

ครูบรู ณาการความรูในสาระสุขศึกษาฯ กับสาระวทิ ยาศาสตร เรอื่ งหนาท่ี ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมใหนกั เรยี นฟงวา การมีพฤตกิ รรมในการกินอาหารที่ไมถ ูก
ของอวัยวะในรา งกาย โดยเขียนแผนภาพแสดงหนา ทข่ี องอวัยวะในรา งกาย สขุ ลักษณะ อาจทําใหเกดิ โรคในระบบทางเดินอาหารได เชน
แลวอธิบายหนาท่ี เพื่อใหเกิดความเขา ใจวาอวัยวะในรางกายมกี ารทํางาน
ทสี่ มั พันธก นั • โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เกดิ จากการกนิ อาหารไมเปน เวลา กินอาหาร
รสจัด ด่มื นา้ํ อดั ลม หรอื เครอ่ื งดม่ื ทมี่ แี อลกอฮอล
กจิ กรรมทา ทาย
• โรคลําไสอักเสบ เกดิ จากการกินอาหารทมี่ เี ชอื้ โรคปะปนอยู ทาํ ใหเ กดิ
การตดิ เชือ้ ในลาํ ไส

ใหนักเรียนเขียนแผนผังความคิดแสดงอาหารที่มปี ระโยชนตอสุขภาพ นกั เรียนควรรู
การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการ โดยเกยี่ วของกับระบบยอยอาหาร
1 ตับออ น คอื ตอ มทเ่ี ชื่อมตอ กบั ทางเดนิ อาหาร มีหนาท่ผี ลติ และสง นาํ้ ยอย
ท่เี ต็มไปดวยเอนไซม ไปยงั ลาํ ไสเ ลก็ เพอ่ื ยอยอาหาร และตบั ออ นยังเปน สว นหนง่ึ
ของระบบตอ มไรทอและฮอรโมนสาํ คญั ๆ เชน ฮอรโ มนอนิ ซลู นิ เปนตน

คมู ือครู 5

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครถู ามนักเรียนวา นกั เรยี นจําไดหรอื ไมวา ๒. การขับถายอจุ จาระ1
จากการเรียนระบบยอยอาหาร เมือ่ อาหาร
ถูกยอ ยแลว สารอาหารจะถูกนาํ ไปใช กากอาหารทเี่ หลอื จากการยอ ยอาหาร จะถกู สง ใหล าํ ไสใ หญ เพอื่ ขบั ออก
ประโยชน สวนกากอาหารที่ไมไ ดใชป ระโยชน จากรางกายในรปู ของอจุ จาระ
จะถกู ขับออกมาในรูปของอะไร
(ตอบ อจุ จาระ) “กากอาหารจะถกู ขบั ออกจากรา งกายไดอ ยางไร”
การทกี่ ากอาหารถกู ขบั ออกจากรา งกายได เปน เพราะการทาํ งานรว มกนั
2. ครูอธิบายความรูเพม่ิ เตมิ การขับถา ยอจุ จาระ ของอวยั วะที่สําคัญ ดงั นี้
และการทํางานของการขับถา ยอุจจาระ
จากน้ันใหแ ตละกลมุ จดบนั ทึกความเขา ใจ ลาํ ไสใ หญ
การขับถา ยอจุ จาระลงในสมุด เปนลําไสที่ตอจากลําไสเล็ก ทําหนาที่
ดดู ซมึ นา้ํ และเกลอื แรอ อกจากกากอาหาร
3. ครถู ามนักเรียนวา และขับเมือกออกมาหลอล่ืนกากอาหาร
• ถา นักเรยี นไมไ ดข บั ถายอจุ จาระหลายวนั สว นทแี่ ขง็ ใหเ คลอ่ื นออกไปได
ตดิ ตอ กนั ผลจะเปนอยา งไร
(ตอบ ถา ไมไ ดขับถายอจุ จาระหลายวนั ทวารหนกั
ติดตอ กัน จะทําใหเกดิ อาการทองผูก อยตู อนปลายลาํ ไสใ หญ เปน กลา มเนอื้ หรู ดู
ขับถายลําบาก เนอ่ื งจากกอนอจุ จาระแข็ง ทําหนา ทีเ่ ปน ทางระบายอจุ จาระ
เพราะลําไสใหญจ ะดดู ซึมนํ้ากลบั เขาสู
รางกาย อาจทาํ ใหเปนโรครดิ สีดวงทวารได
และอาจทาํ ใหลมหายใจมกี ลิน่ เหม็น)

กลา มเนอ้ื บนผนังสําไสใหญ
มหี นาทหี่ ดตวั เพื่อให
อุจจาระเคลอ่ื นท่ีไปได

ถา ไมม ีการขบั ถายอุจจาระ เราจะเปน อยางไร ?
• เมอื่ เรากินอาหารเขา ไป กากอาหารทีเ่ หลอื จากการยอ ยอาหารก็จะสะสม

อยูในรางกาย
• เมอื่ กากอาหารสะสมอยใู นรา งกายนานๆ จะเกดิ อาการทอ งผกู ทาํ ใหล มหายใจ

มกี ล่ินเหม็น


เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ถา นกั เรยี นกลน้ั อจุ จาระเปน เวลานานๆ จะสง ผลเสยี ตอ อวยั วะอน่ื
ครูอาจสอนเร่ืองการขบั ถายอุจจาระตอ จากการสอนระบบยอยอาหาร เพือ่ ให หรอื ไม อยางไร
นกั เรยี นเกิดการเช่ือมโยงขอมลู และมคี วามเขา ใจมากยงิ่ ขนึ้ แนวตอบ การกลัน้ อุจจาระนานๆ มผี ลเสยี ตอ ระบบขับถาย รวมท้ัง
อวัยวะอ่ืน ไดแ ก กระเพาะอาหาร ตับ และลําไส โดยทําใหเกิดแกส ใน
นกั เรียนควรรู กระเพาะอาหาร เนอ่ื งจากอาหารท่ีกนิ เขา ไปหมักหมมและไมไดขบั ถายออก
จึงทาํ ใหเ กิดแกส และอุจจาระทต่ี กคางในลาํ ไส อาจทําใหลาํ ไสอักเสบ
1 อุจจาระ อจุ จาระปกตจิ ะมีสีนํ้าตาลออ นจนถึงนา้ํ ตาลเขม มีลกั ษณะออนนมุ เนื่องจากอุจจาระแข็งและเกาะทล่ี ําไสน านจนเกดิ การระคายเคอื ง หรอื อาจ
สขี องอุจจาระขนึ้ อยกู บั อาหารที่กิน แตอุจจาระปกตมิ กั จะมสี อี ยูระหวาง สีเขียว เกดิ โรคมะเรง็ ลําไสไ ด และตับตองทํางานหนกั ขึน้ เพ่ือกําจดั สารพิษของ
สเี หลอื ง สนี ้าํ ตาล ถาอจุ จาระมลี ักษณะผิดปกติ เชน มีเลอื ดปะปน มสี ดี าํ สนิท อุจจาระที่ตกคา งในรา งกาย
มสี ีขาวซดี มีมกู มหี นอง มีพยาธิ เปน ตน ควรรบี ไปพบแพทย

6 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

๓. การทาํ งานของการขบั ถา ยอจุ จาระ 1. นักเรยี นแตล ะคน สืบคนเรอ่ื งโครงสรางของ
ลําไสใหญ แลวอธบิ ายการทาํ งานของ
“เราจะรูไ ดอยา งไรวา เราตองขบั ถา ยอุจจาระออกจากรางกายแลว ” ลาํ ไสใหญเ ปนแผนภาพ
เมอ่ื กระบวนการยอ ยอาหารเสรจ็ สนิ้ แลว กากอาหารทเ่ี หลอื จากการยอ ย
จะเคลอ่ื นทผี่ า นมายงั ลาํ ไสใ หญ ผนงั ลาํ ไสใ หญจ ะทาํ หนา ทด่ี ดู ซมึ นา้ํ และเกลอื แร 2. แตล ะคนนาํ แผนภาพของตนเองรวบรวมไวใน
ออกจากกากอาหารกลับเขาสูรางกาย ทําใหกากอาหารแข็งตัว แลวลําไสใหญ กลมุ ของตนเอง แลว แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กนั
จะขับเมือกออกมาหลอลื่นใหกากอาหารสวนที่แข็งเคล่ือนท่ีผานไปสูปลาย
ลาํ ไสใหญ ซง่ึ เปนสว นทม่ี ีความไวตอ การสะสมของอจุ จาระ เมอื่ อุจจาระเขา มา
ในสว นนเ้ี ตม็ แลวจะทําใหร ูสกึ ปวด และทวารหนักก็จะเปดเพอ่ื ใหอจุ จาระออกมา

นา้ํ และเกลอื แร ถูกดดู ซึม
เขา ไปเลยี้ งสว นตา งๆ ของ
รางกาย

ทวารหนกั กากอาหารทแ่ี ข็ง
อจุ จาระ

โรคทเี่ ก่ยี วของกบั การขบั ถา ยอุจจาระ
• ถาลําไสใหญดูดน้ําออกจากกากอาหารมากเกินไป เนื่องจากกากอาหาร
ตกคา งอยูในลาํ ไสใ หญห ลายวนั จะทาํ ใหก ากอาหารแขง็ และขบั ถา ยลาํ บาก
ซง่ึ เรยี กวา ทอ งผกู ซง่ึ ถา ปลอ ยใหท อ งผกู เปน เวลานานๆ กจ็ ะทาํ ใหเ ปน โรค
ริดสดี วงทวาร
• ถากินอาหารท่ีมีเชื้อบิดเขาไป อาจทําใหเปนโรคลําไสอักเสบ ซ่ึงเกิดจาก
ความผิดปกติของลําไสใหญ
• การปวยเปนโรคท่ีเก่ียวของกับการขับถายบอย อาจนําไปสูการเปนมะเร็ง
ลาํ ไสใ หญ


ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

ถา เราทองผกู เปน เวลานาน จะสงผลอยา งไรตอรางกาย ครอู ธบิ ายความรูเพมิ่ เติมเรือ่ งนา รูเกยี่ วกบั ลําไสใ หญวา ภายในลําไสใ หญจ ะมี
แนวตอบ ถา เราทองผูกเปน เวลานานจะสง ผลเสยี ตอรางกาย ทาํ ใหก าร แบคทเี รียอยูม ากมาย ซ่งึ เปนแบคทเี รยี ทีด่ ี โดยชวยทําลายเชอื้ โรคท่เี ปนอนั ตราย
ขับถายลาํ บาก เกดิ การระคายเคอื งลาํ ไสใหญแ ละทวารหนกั อาจเปน ชวยยอ ยกากอาหารใหสลายตัวงายขึน้ และสารบางอยางเม่ือสลายตัวจะทําใหเ กดิ
โรคริดสดี วงทวารได และถา อจุ จาระกลบั เขา ไปในเลือด เลือดท่มี ีสารพิษ แกส และแกสเหลา นจ้ี ะถูกระบายออกมาโดยการ “ผายลม”
ก็จะไปเล้ียงสวนตางๆ ของรางกาย ทําใหเกิดกลิน่ เหมน็ จากลมหายใจ
เนอื่ งจากปอดกาํ จัดของเสียออกจากเลอื ด

กจิ กรรมทาทาย

ใหน กั เรยี นสบื คน ความสมั พนั ธข องระบบยอ ยอาหารกบั การขบั ถา ยอจุ จาระ
จากนัน้ นาํ มาเขยี นเปนแผนภาพ

คูมือครู 7

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครถู ามคําถาม แลวใหนักเรียนแสดงความ ๔. การดแู ลระบบยอยอาหารและการขบั ถา ยอจุ จาระ
คิดเห็นอยางอสิ ระ ๑) การดูแลระบบยอยอาหาร
• นกั เรยี นคดิ วาการกระทาํ ใดเปนผลดีตอ
ระบบยอ ยอาหารและการกระทาํ ใดเปน ผลเสยี “พอเปนโรคกระเพาะอาหาร ควรกนิ อาหารอยา งไรนะ”
ตอ ระบบยอ ยอาหาร เราค(ว๑ร)ดเแู คลี้ยรวะอบาบหยาอ ร1ยใหอลาหะเาอรียดดวกยอกานรกปลฏืนิบัตจิ ะดทังํานใ้ีหกระเพาะอาหาร
ไมต อ งทาํ งานหนกั เกนิ ไป ชว ยใหอ าหารถกู ดดู ซมึ ไดง า ยขน้ึ และการเคย้ี วอาหาร
2. แตละกลุมรวมกันเขียนแผนผงั การกระทํา ใหล ะเอยี ดจะทําใหเ รากินอาหารไดชา ลง สมองจึงสง สญั ญาณใหรา งกายรสู ึกอ่ิม
ท่ีเปนผลดีและผลเสยี ตอ ระบบยอยอาหาร ไดก อนทีเ่ ราจะกนิ อาหารในปริมาณเพ่มิ ขึ้น ทาํ ใหเ ราไมเ ปนโรคอวนไดง า ย
แลวออกมานาํ เสนอหนา ชัน้ เรยี นพรอ มบอก
เหตผุ ลประกอบ (๒) กินอาหารใหต รงเวลา และควรกินครบทง้ั ๓ มือ้ ชว ยทําให
นํา้ ยอยท่หี ล่ังออกมาทาํ งานไดตรงเวลา
3. ครูและนกั เรยี นรวมกันสรุปการดูแล
ระบบยอยอาหาร (๓) กนิ อาหารทปี่ รงุ สุกและสะอาด ไมค วรกนิ อาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ
หรอื ไมส ะอาด เพราะอาจทาํ ใหเ กดิ โรคในระบบทางเดนิ อาหาร เชน ทอ งเสยี เปน ตน

(๔) ไมก นิ อาหารทมี่ รี สจดั หรอื มกี รดในปรมิ าณมาก เชน นา้ํ อดั ลม
น้าํ สม พริกดอง เปนตน เพราะ2จะทําใหร ะคายเคอื งกระเพาะอาหารได

(๕) ควรดื่มนํ้าสะอาดในปริมาณท่ีเพียงพอกับความตองการ
ของรางกาย สังเกตไดจากสีของปสสาวะ ถามีสีใสดี แสดงวารางกายไดรับน้ํา
อยางเพยี งพอ แตถ าสีของปส สาวะมสี ีเหลอื งเขม แสดงวาเราดม่ื นํ้านอ ยเกินไป

(๖) รักษาฟนใหแข็งแรง ดวยการแปรงฟนหลังอาหารทุกม้ือ
และกอ นเขา นอน เพราะฟน เปน อวยั วะแรกทที่ าํ หนา ทเี่ คย้ี วอาหารใหม ชี น้ิ เลก็ ลง

(๗) ไมค วรออกกาํ ลงั กายหลงั จากกนิ อาหารทนั ที เพราะจะทาํ ให
เกดิ อาการจกุ ควรออกกาํ ลังกายหลังจากกนิ อาหารไปแลว ๒ ช่ัวโมง

(๘) ควรพกั ผอนใหเพยี งพออยางนอยวันละ ๘ - ๑๐ ชั่วโมง
(๙) ควรทาํ จติ ใจใหร าเริงแจม ใส ไมเ ครียด

¤ÇÒÁäŒÙ ʋ٠¢Ø ÀÒ¾

การยอยอาหารใหมีขนาดเล็กโดยการบดเค้ียว การบีบตัวของทางเดินอาหาร
เรยี กวา การยอยเชงิ กล สวนการยอยอาหารใหม ีขนาดเล็กท่สี ุด โดยการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี

๘ ระหวา งอาหารกบั นาํ้ โดยตรง และใชนา้ํ ยอ ยเขา มาชว ย เรียกวา การยอ ยทางเคมี

นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
การปฏิบตั ิในขอใด เปน การดแู ลระบบยอยอาหารและระบบขับถา ยทถ่ี ูกตอ ง
1 เค้ยี วอาหาร การเคี้ยวอาหารใหละเอยี ดและชา ลง ชว ยใหระบบยอ ยอาหาร 1. ดม่ื น้าํ อยางนอ ยวนั ละ 8 แกว
ทาํ งานไดดขี นึ้ มีผลตอการทาํ งานของสมองในหลายดาน เน่อื งจากการเคี้ยว 2. ดมื่ นมสดวันละ 2 แกว แทนอาหารเชา
จะไปกระตนุ ใหตอมนํา้ ลายใตล ้ินและตอ มนา้ํ ลายขา งกกหูหลั่งฮอรโมนออกมา 3. กนิ เฉพาะอาหารท่ีไมผานการปรุงรสชาติ
ขณะเดยี วกันก็ยังชว ยกระตนุ ใหมพี ลังในการคดิ และมสี มาธมิ ากขนึ้ 4. กนิ อาหารกอนออกกาํ ลงั กายอยางนอย 30 นาที
2 ด่ืมนํา้ ตอนเชา หลงั ตน่ื นอน กอ นแปรงฟน ใหด มื่ นาํ้ อนุ ประมาณ 3-4 แกว เพอ่ื วิเคราะหค ําตอบ การดม่ื นมแทนอาหารเชา และการกินเฉพาะอาหารที่
ใหน ้ําชะลางน้าํ ลายท่สี ะสมมาตัง้ แตข ณะนอนหลบั ใหลงไปในระบบทางเดนิ อาหาร ไมผา นการปรงุ รสอาจทาํ ใหรางกายไดร ับสารอาหารทไ่ี มเ พียงพอตอ
และระบบขับถาย เพราะในน้ําลายจะมีจุลินทรยี ท ่ีมีประโยชน สามารถฆาจลุ นิ ทรีย ความตอ งการของรางกาย การกินอาหารกอ นการออกกาํ ลังกายจะทาํ ใหเ กิด
ที่มพี ิษในระบบทางเดินอาหาร และชว ยทําใหร ะบบขับถายทาํ งานปกติ อาการจกุ เสียด เพราะกระเพาะอาหารยังทาํ งานเพ่อื ยอยอาหารอยู เมือ่ ไป
ออกกําลงั กาย รางกายตอ งทํางานเพมิ่ ข้ึน สง ผลใหกระบวนการยอยอาหาร
8 คมู ือครู ชะงกั เกดิ อาการดังกลาวได สว นการดื่มน้ําสะอาดวันละ 8 แกว ชวยให
ระบบยอ ยอาหารทาํ งานไดด ขี น้ึ เพราะนาํ้ ชวยลําเลียงอาหารไปทีก่ ระเพาะ
อาหาร จึงทําใหง า ยตอ การยอ ยอาหาร รวมถงึ นํ้าทาํ ใหกลามเน้ือหรู ูดมีความ
ดชมุังนชั้นื้นขขบั อ ถา 1ย.อจจุ จงึ าเประน งคา ยาํ ตรอะบบบทขถ่ี ับกู ถา ยไมต อ งทํางานหนกั

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู Explain

๒) การดแู ลการขบั ถา ยอจุ จาระ 1. ครถู ามคําถาม แลวใหน ักเรยี นแสดงความ
คดิ เหน็ อยา งอสิ ระ
“ถา เราไมอยากทองผกู เราควรทาํ อยางไรนะ” • นักเรยี นคิดวาการกระทาํ ใดเปนผลดีตอ การ
ขบั ถายอุจจาระ และการกระทาํ ใดเปน
เราควรดูแลการขบั ถายอุจจาระดว ยการปฏิบัติ ดังน้ี ผลเสยี ตอการขับถา ยอจุ จาระ
(๑) ไมกินอาหารที่มีรสจัด เชน เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เปนตน
เพราะจะทาํ ใหเกิดการระคายเคืองผนงั ลําไสใหญและทวารหนักได 2. แตล ะกลมุ รวมกนั เขียนแผนผงั การกระทําท่ี
(๒) กินอาหารที่ปรุงสุก สะอาด และไมกินอาหารสุกๆ ดิบๆ1 เปน ผลดีและผลเสยี ตอ การขบั ถา ยอุจจาระ
หรอื อาหารหมกั ดอง เพราะอาจทาํ ใหเกิดอาการทองเสียได แลว ออกมานาํ เสนอหนา ชัน้ เรยี น พรอ มบอก
(๓) ควรกินอาหารท่มี ีกากใยสงู เชน ถ่ัว ขาวกลอง ขาวซอ มมอื เหตผุ ลประกอบ

3. ครูและนกั เรยี นรว มกนั สรุปการดแู ล
การขบั ถายอุจจาระ

ผักและผลไมตางๆ เปนตน เพราะกากใยจะชวยเพิ่มปริมาณของเสีย และ ขยายความเขา ใจ Expand
เมื่อรวมกับกากอาหารที่ถูกยอยแลว จะทําใหเคลื่อนตัวไปตามลําไสไดงาย
และกากใยยงั ชวยอุม นา้ํ ซึ่งนา้ํ จะทําใหกากอาหารออ นนมุ ทาํ ใหข ับถายไดงา ย ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สบื คน โรคทเ่ี กย่ี วขอ งกบั
(๔) ดื่มน้ําสะอาดอยางนอยวันละ ๘ แกว เพื่อใหการขับถาย ระบบยอยอาหาร และการขับถายอจุ จาระ แลวทํา
ทํางานไดเ ปนปกติ เปน แผนความรมู ากลุมละ 5 โรค และสง ครู

(๕) ควรฝก การขบั ถา ยใหเ ปน เวลาทกุ วนั เพอื่ ปอ งกนั อาการทอ งผกู ตรวจสอบผล Evaluate
(๖) ควรลา งมอื ใหส ะอาดทกุ ครงั้ หลงั ขบั ถา ย เพอ่ื ปอ งกนั เชอ้ื โรค
1. ครูตรวจสอบความถูกตอ ง การอธบิ าย
¤ÇÒÁÃŒÙ¤Ù‹ÊØ¢ÀÒ¾ แผนภาพการทํางานของระบบยอยอาหาร

อาหารท่ีมีกากใยสูง เชน 2. ครูตรวจสอบความถกู ตองแผนผงั ความคิด
แสดงวธิ ดี ูแลระบบยอ ยอาหาร
ขาวกลอ ง ถว่ั ตา งๆ ผกั คะนา สม
3. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของการทาํ กิจกรรม
ถัว่ ลนั เตา แกวมังกร ฝรัง่ ขา วโพด ๙ รวบยอดท่ี 1.1 ขอ 2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ
ป.5

4. ครูตรวจแผนภาพโครงสรางและการทาํ งานของ
ลาํ ไสใหญ

5. ครูตรวจแผนผังการกระทาํ ทเี่ ปนผลดี
และผลเสยี ตอ ระบบยอ ยอาหาร

6. ครตู รวจแผนผังการกระทําทเ่ี ปนผลดี
และผลเสยี ตอการขับถายอุจจาระ

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

ถามีอาการทอ งผกู ควรทําอยางไร เพราะอะไร ครใู หนักเรียนแบง กลมุ แตละกลุมสืบคนอาหารท่มี กี ากใยสงู แลว รวบรวมขอ มูล
1. ออกกาํ ลังกาย เพราะทําใหลําไสม ีการบีบรดั ตัวไดด ี ทาํ เปน สมุดภาพ แลว นํามาสง ครู
2. กนิ ผักและผลไม เพราะมีเสน ใยทช่ี ว ยในการขบั ถา ย
3. พกั ผอนใหเพยี งพอ เพราะขณะหลับลําไสจะทํางานไดดี นกั เรียนควรรู
4. กนิ ยาระบาย เพราะทาํ ใหอุจจาระเหลว และขบั ถายไดงาย
วเิ คราะหค ําตอบ เมอ่ื มอี าการทอ งผกู ควรจะกินผักและผลไมมากๆ 1 อาหารสุกๆ ดิบๆ การกนิ อาหารสุกๆ ดบิ ๆ อาจทาํ ใหเ กิดอาหารเปนพษิ หรือ
เพราะมีเสน ใยทชี่ วยในการขบั ถา ย และควรกนิ ผักและผลไมเ ปนประจาํ เปน โรคทองเสียได เพราะอาหารไมสะอาด อาจมีเช้ือโรคปนเปอ น และไมถูกฆา
ดว ยความรอ น หรอื อาจมีไขพยาธเิ จือปน ทําใหม ีพยาธิเขาสูรางกาย เปนอนั ตราย
เพอ่ื สุขนิสยั ทีด่ ี มกี ารขบั ถา ยเปนปกติ ดังน้นั ขอ 2. จงึ เปนคําตอบที่ถูก ตอ สขุ ภาพ

คมู ือครู 9

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครถู ามคาํ ถาม แลว ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ ò ¡ÒâѺ¶Ò‹ ¢ͧàÊÕÂÍÍ¡¨Ò¡ÃÒ‹ §¡ÒÂ
อยา งอิสระ
การขับถายของเสียออกจากรางกายมีความสําคัญมากตอการดํารงชีวิต
• อจุ จาระเกดิ จากกากอาหารทร่ี า งกายขบั ออกมา ของเรา เพราะเปน การกาํ จดั ของเสยี ตา งๆ ออกจากรา งกาย เพอื่ ไมใหม กี ารสะสม
แลว ปสสาวะเกิดจากอะไร
ของของรเสะบยี ภบาขยบั ใถนรา ายงปกสาสยาทวําะ1ใหร า งกายเจรญิ เติบโตและมพี ัฒนาการท่ีสมวัย
• เพราะอะไรเวลาเราดม่ื นา้ํ มากๆ แลว จงึ ปวด
ปส สาวะบอย “ทําไมเวลาเราด่ืมน้าํ มากๆ แลว จึงปวดปส สาวะบอ ย”
ระบบขับถายปสสาวะ ทําหนาท่ีกรองของเสียและนํ้าสวนเกินออกจาก
สาํ รวจคน หา Explore กระแสเลือด และขบั ออกนอกรางกายในรปู ของปส สาวะ อวัยวะทีส่ าํ คัญในระบบ
ขบั ถายปสสาวะ ไดแก
ครใู หน ักเรยี นแบงกลมุ แตล ะกลมุ รวมกันสบื คน
ลกั ษณะของปส สาวะท่ปี กตแิ ละไมปกติ แลว ออกมา ไต
อธบิ ายหนาช้ันเรยี น เปนอวัยวะท่ีสําคัญท่ีสุดในระบบขับถาย
ปสสาวะ มีรูปรา งคลา ยเมล็ดถั่วแดง ขนาด
อธบิ ายความรู Explain ประมาณเทากาํ มือ มีสนี ้ําตาลแกมแดง

ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมใหน กั เรยี นเขา ใจวา ปกติ กรวยไต
ปส สาวะจะมลี กั ษณะใส ไมม ตี ะกอน สเี หลอื งออ น มีลักษณะเปนเสนๆ มารวมกันคลา ยกรวย
จนถึงสีเหลืองเขม หรอื สเี หลอื งนํา้ ตาล เรยี กวา เปน ทางผา นใหป ส สาวะไหลมารวมกนั และ
อําพนั สขี องปสสาวะจะสัมพันธกับจํานวนนาํ้ ชว ยกรองเอาเกลอื และสารทเ่ี ปน พษิ ออกมา
ท่ีรางกายไดร ับ ถา ไดร ับนาํ้ จํานวนมากปสสาวะ
สวนใหญจ ะไมมสี ี ถา ไดรับนา้ํ จาํ นวนนอย ปส สาวะ ทอไต
จะเปน สอี าํ พัน กลน่ิ ของปส สาวะจะมกี ล่ินออนๆ เปนทอขนาดเล็กๆ และมีผนังหนา โดย
แตถา ท้งิ ไวเปน เวลานาน อาจมีกล่นิ แอมโมเนยี ทําหนาท่ีเปนทางผานของนํ้าปสสาวะลงสู
กระเพาะปส สาวะ

กระเพาะปสสาวะ

อยตู อนลา งของชอ งทอ ง ตอ จากปลายทอ ไต ไตมหี นา ทข่ี บั ถายของเสียและกาํ จดั น้าํ สวนเกนิ
ทปี่ ลายกระเพาะปส สาวะจะมที อ ยนื่ ออกมา ออกจากรางกาย ซงึ่ เปน การชวยรกั ษาภาวะสมดุล
เรยี กวา ทอ ปส สาวะ กระเพาะปสสาวะของ
คนเราสามารถบรรจนุ า้ํ ปส สาวะไดป ระมาณ ภายในรา งกาย

๐.๕ ลิตร

๑๐

เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอ ใดไมใชส ิ่งท่ีระบบขับถา ยปส สาวะกาํ จัดออก
ครูใหนักเรียนออกมาวาดภาพอวัยวะในระบบขับถา ยปส สาวะบนกระดาน แลว 1. นาํ้ สว นเกนิ
ลากเสน โยงช่อื อวัยวะน้นั ๆ เพอื่ เปน ส่อื การสอนตอ ไป 2. ของเสยี ในเลือด
3. สารอาหารทรี่ างกายไมต อ งการ
นักเรยี นควรรู 4. กากอาหารทรี่ างกายไมต อ งการ
วเิ คราะหคาํ ตอบ ระบบขับถายปส สาวะจะกําจดั ของเสยี ออกจากเลอื ด
1 ขับถายปสสาวะ ในแตล ะวัน คนเราจะขบั ถา ยปส สาวะออกมาประมาณ นไจม้าํงึ ตสเปอว นงน กเคกาาํินรตรแอา ลงบะกทสาาถี่ยรจูกอะากหําาจรัดทอี่รอากงกมาายในไมรตูปอขงอกงาอรุจจสาว รนะกดากงั นอาั้นหขารอที่ร4า.งกาย
1 - 1.5 ลิตร ปริมาณทขี่ ับถายออกมาจะมากหรือนอ ยข้ึนอยูกับปรมิ าณนํ้าที่รางกาย
ไดร ับ ชนดิ ของอาหารหรือเครื่องดืม่ ที่เขา สูรา งกาย และการสูญเสียน้ําจากทางอนื่
เชน เหงื่อ เปนตน

10 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๑“ไ)ต1จกะากรรทองําปงสานสาขวอะงเรหะมบือบนขกบั บั ถเาคยร่ือปงสกสราอวงะน้าํ ไหมนะ” 1. ครใู หนกั เรยี นดูภาพระบบขับถายปสสาวะ
ที่นักเรยี นวาดบนกระดาน แลวถามนักเรยี นวา
เคร่ืองกรองนํ้าจะกรองส่ิงสกปรกออกจากนํ้า ทําใหเรามีนํ้าสะอาด ปส สาวะถูกขบั ออกมาทางไตไดอ ยางไร
ไวดื่ม เชนเดียวกับไตที่กรองของเสียออกจากเลือด และทํางานรวมกับอวัยวะ (ตอบ ปสสาวะจะถูกขบั ออกมาทางทอปสสาวะ
ทส่ี ําคญั ดังน้ี ทต่ี อกบั กระเพาะปสสาวะ โดยไตจะกรอง
ของเสียออกจากเลอื ด และรางกายจะดดู ซึม
๑ ไตกรองของเสยี ออกมาจากเลอื ด ของเหลวท่กี รองไดบ างสวนไปใชป ระโยชน
สวนสารทีไ่ มม ีประโยชนและนํ้าบางสว นจะถูก
ในรูปของปสสาวะ ขับออกมาในรูปของปส สาวะ แลว ถูกสงมายัง
กระเพาะปส สาวะ เพอื่ รอการขับออกมา)
๒ นาํ้ ปส สาวะไหลไปรวมกนั ทกี่ รวยไต
2. ครอู ธบิ ายความรเู พิม่ เตมิ ระบบขับถา ย
ไหลผา นทอ ไตและไหลไปเกบ็ สะสม ปส สาวะ และการทาํ งานของระบบขบั ถาย
ไวใ นกระเพาะปสสาวะ ปสสาวะ จากนัน้ ใหแ ตละกลุมบันทึกความ
เขาใจระบบขับถายปสสาวะลงในสมดุ
๓ เมอื่ ปสสาวะมปี ริมาณมาก
3. ใหน กั เรยี นอา นขอ มลู จากหนงั สอื เรยี น หนา 11
ผนงั กระเพาะปสสาวะจะยืดหดตวั แลว รวมกนั สรุปการทํางานของระบบขับถา ย
กระตนุ ใหเรารสู ึกปวดปส สาวะ ปสสาวะอีกครง้ั หน่งึ
เมื่อกระเพาะปสสาวะหดตัวกจ็ ะ
ขับปสสาวะออกมานอกรา งกาย 4. ใหน กั เรยี นรวมกนั ยกตวั อยา งการดูแลระบบ
ขบั ถา ยปสสาวะในชีวติ ประจาํ วัน
ปส สาวะจะมีปริมาณมากหรอื นอ ย
ขน้ึ อยูกับรา งกายตอ งการรกั ษานาํ้ ไว 5. ครตู ง้ั คาํ ถามวา
หรอื กาํ จดั นา้ํ ออกจากรา งกายเทา ใด • ถานกั เรยี นปวดปสสาวะขณะที่ครูกําลงั
สอนอยู นักเรียนควรทาํ อยา งไร เพราะอะไร
โรคทีเ่ กยี่ วของกบั ระบบขบั ถา ยปส สาวะ (แนวตอบ ขออนุญาตครไู ปหอ งน้าํ ทนั ที
• ถา เรากลั้นปส สาวะไวน านๆ อาจทําใหเปน โรคกระเพาะปส สาวะอักเสบ เพราะถา เรากล้นั ปสสาวะเปนเวลานาน
• ในเพศหญิง ถาทําความสะอาดหลังขับถายปสสาวะหรืออุจจาระไมดีพอ จะทาํ ใหก ระเพาะปสสาวะอกั เสบได)
อาจทาํ ใหเ ปนโรคกระเพาะปสสาวะอกั เสบ • ถานักเรยี นรสู กึ วาเกดิ อาการผดิ ปกติขณะ
• การดม่ื นา้ํ นอ ย การตดิ เชอื้ ในทางเดนิ ปส สาวะ การกนิ อาหารทที่ าํ ใหเ กดิ นว่ิ 1 ขบั ถา ยปสสาวะ นักเรียนควรทําอยางไร
อาจทําใหเ ปน โรคน่วิ ในอวัยวะในระบบขบั ถา ยปส สาวะ (แนวตอบ บอกพอ แม เพอื่ ใหทานพาไป
พบแพทย)

6. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั สบื คน ลกั ษณะของปส สาวะ
ที่ผดิ ปกติ แลว ออกมานําเสนอหนาชนั้ เรยี น

๑๑

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู
นชุ มอี าการปส สาวะกะปรดิ กะปรอย ปวดปส สาวะบอ ยแตป ส สาวะไมอ อก
เธอจงึ ไปใหหมอตรวจ ซ่ึงหมอกไ็ ดบ อกใหเธอปรับเปล่ียนพฤติกรรมในการ 1 ไต นอกจากจะมหี นาทก่ี รองของเสียออกจากรางกายแลว ยงั มหี นา ท่สี ราง
ปสสาวะ นุชมีอาการเจ็บปว ยเก่ยี วกบั อวยั วะใด ระบบใด และเธอตอง ฮอรโ มนกระตุน การสรา งเม็ดเลือดแดง และสรา งวติ ามินดี เพือ่ ควบคมุ การสรา ง
ปรับเปลีย่ นพฤติกรรมอยางไร (เลือกคําตอบจากกลุมท่ี 1, 2 และ 3) สมดุลของแคลเซยี ม
2 นวิ่ คอื กอ นหนิ เลก็ ๆ ทเ่ี กิดจากการจับตวั กันของกอนผลกึ ซึ่งตกเปน ตะกอน
คําตอบกลุมท่ี 1 คําตอบกลมุ ที่ 2 คําตอบกลมุ ท่ี 3 อยูใ นนํา้ ปส สาวะทเ่ี ขม ขน รวมตัวกนั เปน นิ่วในไตหรือระบบทางเดินปส สาวะ

ท่ี อวยั วะ ท่ี ระบบ ท่ี พฤติกรรม คูม อื ครู 11
ไมกนิ อาหาร
1 ตบั 1 ขบั ถาย A รสหวานจัด

2 กระเพาะปสสาวะ 2 ยอ ยอาหาร B ไมกินอาหารที่ไมสุก
3 ทวารหนัก 3 สบื พันธุ C ไมกลนั้ ปสสาวะ

วิเคราะหคาํ ตอบ นชุ มีอาการเจ็บปวยจากการปส สาวะ ดังน้ัน อวัยวะท่ี
เกยี่ วขอ งควรเปน กระเพาะปส สาวะ ซ่งึ เก่ียวขอ งกับระบบขบั ถา ย อาการ
ดังกลาวเปนอาการของกระเพาะปส สาวะอกั เสบ ซ่งึ อาจเกดิ จากการกลนั้

ปปวส ดสาดวงั ะนนั้นชุ คจาํ ึงตคอวบรปทรถ่ี บั กู เปคลอืย่ี นกพลฤมุ ตทกิ ่ีร1รม-2โด, ยกกลามุ รทไมี่ 2ก ล-้นั1ปแสลสะากวละเมุมทอื่ รี่ 3สู กึ-C

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ครใู หน กั เรยี นทาํ การทดลองโดยนาํ ขวดพลาสตกิ ๒) การดแู ลระบบขับถายปส สาวะ1
ตัดกน ออก เปด ฝาขวด นาํ ผาขาวบางมาปด ท่ี
ปากขวดและมดั ไวไมใหผ าหลดุ นําขวดไปวาง “ถา เราปวดปส สาวะแตข ับถา ยปส สาวะไมอ อก เราควรทาํ อยางไร”
คว่ําบนปากแกว ใส นาํ กรวด ดิน หรอื ทราย เราควรดูแลระบบขบั ถา ยปสสาวะ ดวยการปฏิบตั ิ ดงั น้ี
มาใสลงในขวด จากนน้ั ใหนาํ นํ้าเสียหรือน้าํ ท่ีมี และอาจทําใหเ ปน(๑โ)รคไไมต2กไดิน อาหารที่มีรสเค็มจัด เพราะทําใหไตทํางานหนัก
ลักษณะขนุ มาเทลงในขวด แลวใหนกั เรยี น อกั เสบ3 (๒) ไมค วรกลน้ั ปส สาวะนานๆ เพราะจะทําใหก ระเพาะปส สาวะ
สังเกตน้ําทีอ่ ยูในแกว แลวถามนกั เรยี นวา ขวด
เปรียบไดก ับอวยั วะใดในระบบขับถา ยปสสาวะ (๓) ไมควรกินอาหารที่มีสารออกซาเลท (Oxalate) ซึ่งเปน
แลว บนั ทกึ ผล สารกอนวิ่ ในปรมิ าณทีม่ ากเกนิ ไป ซงึ่ สารชนดิ นี้พบมากในผักตา งๆ โดยเฉพาะ
ใบ ยอด และตนออน เชน ใบชะพลู ใบยอ มันเทศ เปนตน หรอื ผลไม เชน
2. ใหน กั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 3 กลว ยไข สบั ปะรด เปนตน
ผลงานสรางสรรค
(๔) ดมื่ นํา้ สะอาดมากๆ อยางนอยวันละ ๘ แกว เพื่อชวยใหไ ต
3. ใหนกั เรยี นทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 ขอ 1 จาก ทํางานไดด ี
แบบวัดฯ สขุ ศึกษาฯ ป.5
(๕) ทําความสะอาดรางกายและบริเวณอวัยวะเพศใหสะอาด
ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ อยูเสมอ ในเพศหญิงควรทาํ ความสะอาดจากดานหนาไปดานหลัง
สขุ ศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดที่ 1.1
แบบประเมนิ ตัวชว้� ดั พ 1.1 ป.5/1 (๖) เมอ่ื เกิดอาการผดิ ปกติในการขบั ถา ยปส สาวะ เชน

แบบประเมนิ ผลการเรยี นรตู ามตวั ชีว้ ดั ประจาํ หนว ยท่ี ๑ บทที่ ๑ • ขบั ถา ยปส สาวะกะปรบิ กะปรอย
• ปวดปสสาวะแตขับถา ยปสสาวะไมอ อก
กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๑.๑ • มีเลือดปนออกมากบั ปส สาวะ
แบบประเมินตัวชวี้ ดั พ ๑.๑ ป.๕/๑ • รูสึกเจ็บอวัยวะเพศขณะขับถา ยปสสาวะ เปน ตน
 อธบิ ายความสาํ คญั ของระบบยอ ยอาหารและระบบขบั ถา ยทมี่ ผี ลตอ สขุ ภาพ การเจรญิ เตบิ โต
และพัฒนาการ ควรรีบบอกผปู กครองใหพาไปพบแพทยท นั ที

ชุดท่ี ๑ ๓๐ คะแนน อยางไรก็ตาม การขบั ถา ยของเสียในรา งกาย นอกจากการขบั ถายอจุ จาระ
และการขับถายปสสาวะแลว ยังมีการขับถายเหง่ือทางระบบผิวหนัง
๑ เรียงลําดบั และบอกหนาท่ีของอวยั วะในระบบขับถา ยปส สาวะ (๑๐ คะแนน) ซ่ึงจะขับน้ําและเกลือแรที่รางกายไมตองการแลวออกจากรางกาย และการ
ขับถายแกสคารบอนไดออกไซดทางระบบหายใจ ซ่ึงเปนของเสียท่ีเกิดจาก
❍๒ ❍๑ ❍๓ ❍๔ เฉฉบลับย ๑๒ การเผาผลาญอาหาร และการทาํ งานของเซลลในรา งกาย
๒) กรวยไต……………………………………………………………………..
๑) ไต……………………………………………………………………..
มหี นา ท่ี กรองของเสีย………………………………………………… มหี นา ที่ ……เ…ป…น……ท……า…ง…ผ…า…น……ใ…ห…… ……
…อ…อ…ก……จ…า…ก……เ…ล…ือ…ด……อ…อ……ก…ม…า…ใ…น……ร…ปู…….. …น……ํา้ …ป…ส ……ส…า…ว…ะ…ไ…ห……ล…ม……า…ร…ว…ม…ก……นั ………..
ของปส สาวะ…………………………………………………………………….. …แ…ล……ะก……ร…อ……ง…เ…อ…า…เ…ก…ล……อื ……แ…ล……ะ…………..
สารพิษออกมา……………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..

๓) ทอ ไต…………………………………………………………………….. ๔) กระเพาะปส สาวะ……………………………………………………………………..
มหี นา ท่ี ……เ…ป…น……ท……า…ง…ผ…า…น……ใ…ห…… …… มหี นา ที่ ……เ…ป…น……ท……่เี ก……็บ…ส……ะ…ส……ม………
…น……ํ้า…ป…ส ……ส…า…ว…ะ…ไ…ห……ล…ผ……า …น…ไ…ป……ย…งั ……….. …น……้ํา…ป…ส ……ส…า…ว…ะ…ก……อ…น……ถ…กู……ข…ับ……อ…อ…ก……..
กระเพาะปสสาวะ…………………………………………………………………….. จากรางกาย……………………………………………………………………..

…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..



นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

1 ปส สาวะ สขี องปสสาวะโดยปกติจะมสี ีเหลืองออ นๆ ถา หากมีสที ่ีแตกตาง ใหน ักเรยี นเขียนแสดงลําดับขัน้ ตอนของการทาํ งานของระบบขับถาย
ไปจากนี้ อาจเกดิ ความผิดปกตไิ ด ซึ่งเกดิ จากหลายสาเหตุ เชน การดืม่ น้าํ นอย ปสสาวะ
เกนิ ไป สีปสสาวะก็อาจเปนสเี หลืองเขมได
2 โรคไต เปนโรคท่เี กดิ จากความผิดปกตขิ องไตในการทํางานเพือ่ ขบั ถาย กิจกรรมทาทาย
ของเสยี ออกจากรา งกาย และรักษาความสมดุลของเกลอื และนาํ้ ในรา งกาย โรคไต
ทีพ่ บบอย เชน ไตวาย ไตอักเสบ เปน ตน ใหนักเรยี นสบื คนโรคท่เี กดิ กบั ระบบขับถายปส สาวะ จากน้นั นําขอ มลู
3 กระเพาะปสสาวะอักเสบ เปน อาการอักเสบของกระเพาะปส สาวะ สาเหตุ มาจัดปายนิเทศ
เกดิ จากเชื้อแบคทเี รยี เขาไปในกระเพาะปสสาวะ เนอ่ื งจากการกลน้ั ปส สาวะนานๆ
ทาํ ใหเ ชอ้ื แบคทเี รียไมถ ูกกาํ จัดออกไปทางปสสาวะ

12 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ตรวจบันทึกความเขาใจระบบขับถา ยปส สาวะ
2. ตรวจบนั ทึกผลการทดลอง
ตอนที่ ๑ คําถามชวนคดิ 3. ตรวจสอบความถกู ตองของการทาํ กิจกรรม
เขียนตอบคําถามตอไปนลี้ งในสมดุ
รวบยอดที่ 1.1 ขอ 1 จากแบบวัดฯ สุขศึกษาฯ
๑) นักเรยี นคดิ วาระบบยอยอาหาร และระบบขับถา ยปสสาวะมีความสาํ คัญอยางไร ป.5
๒) ถารา งกายของนักเรยี นยอ ยอาหารไมไ ด นักเรียนจะรูสึกอยา งไร
๓) นกั เรยี นเคยปวดปส สาวะขณะทน่ี กั เรยี นเรยี นอยใู นหอ งเรยี นหรอื ไม แลว นกั เรยี น หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู

ทาํ อยางไร 1. แผนภาพการทํางานของระบบยอ ยอาหาร
๔) ถา เพอ่ื นของนักเรยี นกลั้นปสสาวะบอ ยๆ นักเรียนควรแนะนาํ เพือ่ นอยา งไร 2. แผนภาพโครงสรา งและการทาํ งานของลาํ ไสใ หญ
ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ (ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมขึน้ อยูก ับดลุ ยพินจิ ของครผู ูสอน) 3. แผนผังการกระทําทเ่ี ปนผลดแี ละผลเสียของ
๑) ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา อาการอยางไรท่ีเรียกวา อาการระบบ
ระบบยอ ยอาหารและการขบั ถา ยอจุ จาระ
ยอยอาหารและระบบขับถายปส สาวะทํางานผดิ ปกติ 4. แผนความรโู รคทีเ่ กยี่ วของกบั ระบบยอ ยอาหาร
๒) แบงกลุม ใหแตละกลุมรวมกันอภิปรายวา ระบบยอยอาหารกับระบบขับถาย
และการขบั ถา ยอจุ จาระ
ปสสาวะ ทาํ งานอยางไร 5. แผนพบั การดแู ลระบบยอ ยอาหารและระบบ
๓) สบื คน ขอ มลู โรคทเี่ กย่ี วกบั ระบบยอ ยอาหารและระบบขบั ถา ยปส สาวะ บอกสาเหตุ
ขบั ถา ยปสสาวะ
อาการ วธิ ดี แู ล และวธิ ปี อ งกนั มาระบบละ ๑ โรค แลว ออกมานาํ เสนอในรปู แบบ
ของตนเอง
๔) สบื คนอาหารทม่ี ปี ระโยชนตอ ระบบยอยอาหาร และจดั ทําเปน ปา ยใหความรู
ตอนที่ ๓ ผลงานสรางสรรค (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมข้ึนอยูก บั ดลุ ยพนิ ิจของครูผสู อน)
แบงกลุม ใหแ ตละกลมุ จดั ทําแผนพบั ทใี่ หขอ มูลการดูแลระบบยอ ยอาหารและระบบ
ขบั ถา ยปส สาวะ โดยแตล ะกลมุ ชว ยกนั สบื คน ขอ มลู เพมิ่ เตมิ ออกแบบแผน พบั และจดั ภาพ
ประกอบใหดูนาสนใจ และผลดั กันออกมานาํ เสนอผลงาน

๑๓

เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1
คาํ ถามชวนคดิ

1) แนวตอบ ระบบยอ ยอาหารเปนระบบที่เปลย่ี นอาหารใหเ ปนสารอาหาร เพ่อื ใหรา งกายนําสารอาหารไปใช ทําใหรา งกาย
เจริญเติบโต อวยั วะในรางกายทํางานไดต ามปกติ สวนระบบขับถายปส สาวะเปนระบบทชี่ ว ยกําจัดของเสยี ออกจากเลือด
และรกั ษาสมดุลของน้าํ ในรา งกาย ทาํ ใหรา งกายทํางานไดอ ยา งปกติ

2) แนวตอบ รสู ึกอดึ อัดเหมือนมีลมอยูในทอ ง ทอ งอดื ทอ งเฟอ แนน ทอง
3) แนวตอบ ขึ้นอยกู ับนักเรยี นแตละคน
4) แนวตอบ ควรแนะนาํ ใหเ พ่ือนไปเขา หอ งนํา้ เมื่อรูสกึ ปวดปส สาวะ ไมค วรกลน้ั ปส สาวะไวนานๆ พรอมอธิบายเหตผุ ลวา

การกลน้ั ปส สาวะไวนานๆ จะทาํ ใหเกิดอนั ตรายตอ รางกายได เชน ทําใหเปนโรคนิ่ว ทําใหเปน โรคกระเพาะปส สาวะอกั เสบ
เปนตน

คมู ือครู 13

กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Engage

กระตนุ ความสนใจ

ครถู ามคําถาม แลวใหนกั เรยี นแสดงความ ò˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ èÕ
คิดเห็นอยา งอสิ ระ ªÕÇÔµáÅФÃͺ¤ÃÇÑ

• ครอบครวั ทม่ี ีความสุขเปนอยา งไร เปา หมายการเรยี นรปู้ ระจําหนว่ ยที่ ๒
(แนวตอบ ครอบครัวทีม่ คี วามสขุ คือ ครอบครัว
ท่ีมีความรัก ความเขา ใจ และชว ยเหลอื ซึง่ กัน เ มอื่ เรยี นจบหนว่ ยน ี้ ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้ี
และกัน ครอบครัวไทยเปนครอบครัวที่นับถือ ๑. อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงทางเพศและปฏิบตั ิตน
ญาติผูใ หญ ผทู ่ีอายนุ อ ยกวาจะใหค วามเคารพ
ผทู ม่ี อี ายมุ ากกวา สว นผทู มี่ อี ายมุ ากกวา จะคอย ไดเ้ หมาะสม (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๑)
อบรมสงั่ สอน ใหค วามรัก และความชวยเหลือ ๒. อ ธบิ ายความสา� คัญของการมีครอบครวั ทอี่ บอนุ่
ผทู ่ีอายุนอ ยกวา)
ตามวัฒนธรรมไทย (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๒)
๓. ระบุพฤตกิ รรมที่พงึ ประสงค์และไมพ่ งึ ประสงค์
ในการแกไ้ ขปญั หาความขัดแย้งในครอบครวั
และกล่มุ เพอื่ น (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๓)

เกร็ดแนะครู

ครเู ปด เพลง “Home” ใหนักเรยี นฟง จากน้ันครแู ละนกั เรียนรวมกนั อภปิ ราย
ความหมายของเนือ้ เพลง และใหน กั เรยี นบอกความรูสกึ ทไี่ ดจากการฟงเพลงนี้
จากนัน้ ครูถามนกั เรยี นวา “Home” สาํ หรบั นักเรียนคืออะไร

มุม IT

ครูดาวนโ หลดเพลง “Home” ไดท ่ี www.youtube.com

14 คูมอื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

ñº··Õè อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงทางเพศและปฏบิ ตั ติ น
เพศวถิ ีศกึ ษา ไดเ หมาะสม (มฐ. พ 2.1 ป.5/1)

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ สาระสําคญั สมรรถนะของผูเรยี น
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจะมีการเปล่ียนแปลงทางร่างกาย
จติ ใจ อารมณแ์ ละสงั คม เราจงึ ตอ้ งดแู ลตนเองเมอ่ื 1. ความสามารถในการคดิ
มกี ารเปลยี่ นแปลงทางเพศและวางตวั เหมาะสมกบั 2. ความสามารถในการแกปญหา
เพศวถิ ีของตนเอง 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ

คุณลักษณะอันพึงประสงค

1. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มุงมนั่ ในการทํางาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

? ใหน กั เรยี นดูภาพ หนา 17 แลว ชวยกนั บอกวา
• ทางกายภาพนกั เรียนเปนเพศใด
ñ. ·Ò§¡ÒÂÀÒ¾¹¡Ñ àÃÂÕ ¹à»¹š à¾Èã´
ò. ã¹ÁÔµÔ·Ò§¡ÒÂÀÒ¾ ¹Ñ¡àÃÕ¹µ‹Ò§¨Ò¡ (ตอบ คําตอบข้ึนอยกู ับนกั เรยี น ใหตอบ
ตามความเปน จริง)
à¾×è͹µ‹Ò§à¾ÈÍ‹ҧäà • ในมิติทางกายภาพ นกั เรยี นตา งจากเพ่ือน
ตา งเพศอยา งไร
1๕ (ตอบ คาํ ตอบขนึ้ อยูกับนกั เรยี น ใหตอบ
ตามความเปนจรงิ )

เกรด็ แนะครู

ครูจดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนักเรยี นปฏิบัติ ดังน้ี
• สาํ รวจ คน หาเก่ยี วกับการเปลย่ี นแปลงทางเพศโดยการใชแผนผังความคดิ
• สบื คนขอมลู การเปลี่ยนแปลงดา นจติ ใจ อารมณ และสงั คม
• อภิปรายการปฏบิ ตั ิตนใหเหมาะสมเม่ือมกี ารเปล่ียนแปลงทางเพศ
• วิเคราะหจ ากประเด็นคําถามและภาพเก่ยี วกับการเปลย่ี นแปลงทางเพศ
จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา เม่อื เราเจรญิ เตบิ โตข้ึนรางกายของเรากจ็ ะเกดิ
การเปลี่ยนแปลง วยั ของนกั เรียนมีการเปลย่ี นแปลงที่ชัดท่สี ดุ คือ การเปล่ียนแปลง
ทางเพศ เราจงึ ควรปฏบิ ัตติ นใหเ หมาะสมกับการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดข้นึ

คมู อื ครู 15

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. ใหนกั เรยี นแบงกลุม กลุมละ 3 - 4 คน แตละ ๑ ¡ÒÃà»ÅèÂÕ ¹á»Å§·Ò§à¾È
กลมุ เขยี นแผนผงั ความคิดลกั ษณะทางกายภาพ
ของเพศชายและเพศหญงิ พฒั นาการของวยั เดก็ ตอนปลายจนเขา้ สวู่ ยั รนุ่ จะมกี ารเปลยี่ นแปลงทาง
รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ และสงั คม ทั้งในเดก็ ชายและเด็กหญงิ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั
2. ใหนักเรยี นแตล ะกลุมออกมานาํ เสนอผลงาน
แลวครูสงั เกตแผนผังความคดิ ของนักเรียนวา ด ังน้ี ๑. การเปล่ยี นแปลงทางด้านรา่ งกาย
นกั เรยี นเขา ใจลกั ษณะทางกายภาพของเพศชาย
และเพศหญงิ อยางไร “กลาอรงเปสลงั ยเี่ กนตแรปา่ ลงงกทายางขดอา้ งนตรนา่ เงอกงาดยวูข่าอ งมเดีกกา็ รชเาปย1ลจีย่ ะนชแา้ กปวลา่ งเอดยก็ า่หงญไรงิ ”ประมาณ
๑ - ๒ ป  และการเปลยี่ นแปลงทางดา้ นรา่ งกายของเดก็ หญงิ จะเหน็ ไดช้ ดั เจนกวา่
3. ครูถามนักเรียนวา ซงึ่ การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นรา่ งกาย มีดงั นี้
• เมื่อนกั เรยี นเจรญิ เติบโตขนึ้ รา งกายของ
นกั เรยี นจะเปลี่ยนแปลงอยางไรบาง เพศชาย มีการเปล่ยี นแปลงเหล่านี้เกดิ ข้ึนหรอื ยงั ครับ
(แนวตอบ ๑) รปู รา่ งสูงขน้ึ น้�าหนกั ตัวเพ่มิ ขึ้น
เพศหญงิ หนาอกขยายใหญข ึ้น แขนขายาวเก้งกา้ ง ไหลก่ วา้ ง กล้ามเนอ้ื
เอวคอด สะโพกผาย มีขนขนึ้ ท่อี วยั วะเพศ เป็นมัด ๒กร) ะดเสูกยี แงลแะตกกล2 า้ แมหเบนหื้อแา้ วข็งแรง
มีประจําเดอื น ๓) มหี นวดเครา มีขนขนึ้ ตามแขน
เพศชาย รปู รา งสูงใหญข ึน้ แขนขายาว ขา หน้าแขง้ หน้าอก รกั แร้ และบริเวณ
เกงกาง มีหนวดเครา มขี นข้นึ ที่อวยั วะเพศ อวยั วะเพศ
เสียงแตกหา ว) ๔) มสี ิวขึ้นบรเิ วณใบหน้า หนา้ อก
หรอื หลัง
๕) มีพัฒนาการทางอวยั วะเพศ
ต่อมเพศจะหลัง่ ฮอร์โมนออกมา ท�าให้มีการ
สร้างตวั อสจุ ิ และสามารถหลง่ั น้า� อสจุ ิ
ในขณะที่หลบั ได ้ เรียกว่า ฝนเปย ก

16

นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถานกั เรียนอายุ 10 - 12 ป การเจรญิ เตบิ โตของรางกายทเ่ี หน็ ไดเดนชดั
1 การเปลี่ยนแปลงทางดานรา งกายของเดก็ ชาย ยงั มอี ีกสัญญาณหนึง่ ท่ีบง บอก ในวยั นี้ คืออะไร
ถงึ การเปล่ยี นแปลงทางเพศ คือ ฝนเปยก ซ่งึ เกิดข้ึนเน่อื งจากรา งกายมกี ารผลติ แนวตอบ การเจริญเตบิ โตทเี่ ห็นไดช ัดในวัยนี้ คอื
นา้ํ อสจุ ิเกบ็ สะสมไว และเมอ่ื มีปรมิ าณมากเกินไป รา งกายกจ็ ะหล่งั น้าํ อสจุ อิ อกมา เพศหญงิ เร่ิมมหี นา อก สะโพกพาย และเริ่มมปี ระจาํ เดอื น
ในขณะท่ีกําลังหลบั เพศชาย เรมิ่ มหี นวดเครา เสียงแตกหาว แขนและขายาวเกง กา ง
2 เสียงแตก ในวยั เดก็ เสน เสยี งทอ่ี ยภู ายในกลอ งเสยี งจะสนั้ ทาํ ใหเ สยี งมคี วามถสี่ งู อวยั วะเพศเริม่ ผลติ ตัวอสุจิ และเรม่ิ มฝี นเปยก
เสยี งของเราจงึ เลก็ แหลม แตเมอื่ เราเจรญิ เตบิ โตเขาสวู ยั รุน กลอ งเสียงกจ็ ะมีขนาด
ใหญขึ้น เสนเสียงจึงยาวข้นึ ทําใหเสยี งมคี วามถีต่ า่ํ ลง เสยี งของเรากจ็ ะทมุ ลง
โดยเสยี งแตกนจี้ ะสงั เกตไดชัดในเพศชายมากกวาเพศหญงิ

16 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

เพศหญงิ มีการเปลีย่ นแปลงเหลา่ นเ้ี กิดขนึ้ หรอื ยังคะ 1. ครูรวบรวมแผนผังความคิดลักษณะของ
๑) รูปร่างสูงข้นึ ภายนอกดูคล้ายกับ เพศชายและเพศหญงิ ของนกั เรียนแตละกลุม
ผใู้ หญม่ ากข้ึน แต่เนอ้ื จะน่ิมไมแ่ ขง็ เหมือน แลว ตดิ ไวบ นกระดาน
ผชู้ าย
๒) หนา้ อกเรม่ิ ขยายใหญ ่ เตา้ นม 2. ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ ลกั ษณะของเพศชายและ
เจริญเตบิ โตข้ึน สะโพกผายจึงท�าใหด้ ูวา่ เพศหญิง และการเปล่ียนแปลงทางเพศดา น
เอวคอด รางกายซ่ึงเปน ลกั ษณะทีส่ ังเกตไดชัดเจนทส่ี ุด
๓) เสียงเล็กแหลม
๔) มีไขมันเพมิ่ ขนึ้ ตามไหล่ หน้าอก
แขน ขา และสะโพก ทา� ให้รปู ร่างสมส่วน
๕) มขี นขน้ึ บรเิ วณรักแร้และอวยั วะเพศ
๖) มสี วิ ข้นึ บริเวณใบหนา้
๗) ต่อมเพศจะหล่ังฮอร์โมนออกมากระตุ้น
ใมหาร้จงั าไกขชต่ อ่ กงไคขลอ่ ออดก มเรายีเดกอืวน่า ลปะร ๑ะจ ใาํบเ ดทือา� นใ1หม้ เี ลอื ดออก

¤ÇÒÁÃÙŒ¤ÙÊ‹ ¢Ø ÀÒ¾

ฝนเปยก คือ การหลั่งน�้าอสุจิของเพศชายขณะนอนหลับ เป็นสัญญาณเตือน
วา่ รา่ งกายมีการพฒั นาทางเพศ และมีความพร้อมในการสบื เผ่าพันธุ์

ประจาํ เดอื น คอื การทรี่ า่ งกายของเพศหญงิ มกี ารตกไขใ่ นแตล่ ะรอบเดอื น เปน็ ภาวะ
ทแ่ี สดงว่ารา่ งกายพร้อมในการสบื เผา่ พันธ์ุ
การเปลยี่ นแปลงรา่ งกายนเี้ ปน็ ไปตามธรรมชาตขิ องแตล่ ะเพศ และเกดิ ขน้ึ กบั ทกุ คน
จงึ ไมค่ วรวิตกกังวล และสามารถด�าเนนิ ชวี ติ ได้ตามปกติ

1๗

ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู

ใครมกี ารเปลย่ี นแปลงทางดา นรางกายที่สมบรู ณ 1 ประจาํ เดอื น เกดิ จากการสลายตวั ของเยอื่ บมุ ดลกู ตอ มใตส มองจะผลติ ฮอรโ มน
1. ตมั้ ตวั สูงขึน้ แขนขายาวเกงกาง ไปกระตุนรังไขใ หผลติ ไขออกมาเพื่อเตรยี มผสมกับตัวอสุจิ เยือ่ บมุ ดลกู กจ็ ะหนาขึ้น
2. หนอ ยมีเสยี งเลก็ แหลม เพอ่ื เตรยี มรบั การฝง ตวั จากไขท ไี่ ดร บั การผสมกบั ตวั อสจุ ิ ถา หากไขไ มไ ดร บั การผสม
3. โอม หี นา อกใหญขึน้ กบั ตวั อสจุ ิ กจ็ ะสลายตวั และออกมาพรอ มกบั เยอ่ื บมุ ดลกู ออกมาเปน เลอื ดประจาํ เดอื น
4. แพรวมีประจาํ เดอื น
วิเคราะหค ําตอบ การเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายทส่ี มบูรณข อง
เพศหญิง คอื การมปี ระจําเดือน ซ่งึ แสดงถงึ การมพี ัฒนาการทางเพศที่
สมบูรณแ ละพรอ มตอ การสบื พนั ธุ ในเพศชายก็คือ การฝน เปย ก ซง่ึ แสดง
ถึงการมพี ฒั นาการทางเพศทีส่ มบูรณและพรอมตอ การสืบพันธุเชนกัน

ดังนัน้ ขอ 4. จึงเปนคําตอบทถี่ ูก

คมู ือครู 17

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหนกั เรียนแตละกลุมคนควา ขอมูลการ ๒. การเปลยี่ นแปลงทางด้านจิตใจ
เปลยี่ นแปลงทางดานจติ ใจ ดานอารมณ เดก็ วยั น้ี จะมีการเปล่ียนแปลงทางด้านจิตใจ ดงั น้ี
และดา นสงั คม จากอินเทอรเ น็ต หอ งสมุด ๑) แสดงความคิดเหน็ อย่างตรงไปตรงมา
หรอื แหลง คน ควา อน่ื ๆ แลว นาํ มาอภปิ ราย ๒) เชื่อมัน่ ในตนเอง แตก่ ต็ ้องการค�าแนะน�า
รวมกัน ๓) รักเพอื่ น ตามใจเพอ่ื น
๔) สสนนใใจจแเรลอื่ ะงตเพอ้ งศก1ารเรยี นร้เู ร่ืองเพศ แต่ขดั เขนิ
2. ครูและนกั เรียนแตละกลุม รวมกันอภิปราย ๕)
การเปล่ยี นแปลงทางดา นจติ ใจ ดา นอารมณ
และดานสังคม จากนนั้ ใหน กั เรยี นบันทกึ
การเปลี่ยนแปลงเปน แผนผงั ความคิด

๖) สนใจการแต่งกายตามยุคสมยั
๓. การเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์
เด็กวยั นี้ จะมีการเปล่ยี นแปลงทางดา้ นอารมณ์ ดงั นี้
๑) วติ กกงั วล โดยเฉพาะสบื เนอื่ งมาจากการเปลยี่ นแปลงของรา่ งกาย
๒) อารมณเ์ ปลยี่ นแปลงไดง้ ่ายและเรว็
๓) อารมณว์ ูว่ าม หงุดหงิด น้อยใจ โกรธง่าย และก้าวร้าว
๔) ชอบการเพ้อฝัน
๕) พยายามควบคุมพฤตกิ รรมไม่ให้แสดงความรนุ แรง
๖) ชอบท�าอะไรตามใจตนเอง
๗) เริม่ มคี วามต้องการทางเพศ
๔. การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นสังคม
เดก็ วยั น้ี จะมีการเปล่ยี นแปลงทางดา้ นสังคม ดงั นี้
๑) ต้องการเปน็ ทีย่ อมรับของเพื่อนๆ
๒) เรมิ่ เชอื่ ถือและฟังเพ่ือนมากกว่าพอ่ แมห่ รอื ผูป้ กครอง
๓) ชอบเลยี นแบบเพอ่ื นและสังคม
๔) ชอบเปรยี บเทียบตนเองกับเพ่อื นๆ
๕) เริ่มสนใจเร่ืองความรกั และความสัมพันธท์ างเพศ

18

เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
ขอใดเปนการเปลี่ยนแปลงทางดา นจติ ใจของเดก็ วยั 10 - 12 ป
ครูสอบถามนักเรียนวา นกั เรียนชอบดาราหรอื บคุ คลทม่ี ีชอ่ื เสียงคนใด 1. ตามใจเพ่ือน 2. ชอบอยคู นเดียว
พรอ มทั้งบอกเหตผุ ลทช่ี อบ จากนนั้ ครูสนทนากับนักเรยี นวา ในวัยของนักเรยี นอาจ 3. ไมก ลา แสดงออก 4. รังเกียจเพศตรงขา ม
ชืน่ ชอบบุคคลทม่ี ลี กั ษณะเดน เชน รปู รา งหนา ตาดี รองเพลงไพเราะ นสิ ยั ดี เปน ตน
ซ่งึ ไมใชส่งิ ทผี่ ดิ แตค วรแสดงความชืน่ ชอบอยางเหมาะสม แลวนาํ ขอดขี องบคุ คล วเิ คราะหค ําตอบ ในเด็กวยั อายุ 10 - 12 ป จะมีการเปล่ียนแปลงทาง
เหลาน้ันมาเปนแนวทางในการพฒั นาตนเอง ดานจิตใจ คือ รักเพอ่ื น ตามใจเพอ่ื น เพราะกลวั การอยูอยางโดดเด่ียว
จงึ ตอ งตามใจเพือ่ น เพราะคิดวาจะทําใหเ พอื่ นยอมรับตนเขากลมุ
นกั เรยี นควรรู
ดังนน้ั ขอ 1. จงึ เปนคาํ ตอบทถ่ี ูก
1 สนใจเร่ืองเพศ เปนเรื่องธรรมชาติของวัยท่ีมีการเปลี่ยนแปลงทางรางกาย
โดยเฉพาะการเปล่ียนแปลงทางเพศ เน่ืองมาจากฮอรโมนทางเพศทําใหเกิดอารมณ
ทางเพศ อารมณร กั ใคร สนใจและอยากสรา งความสมั พนั ธใ กลช ดิ กบั เพอื่ นทเี่ ราสนใจ

18 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ò ¡ÒôÙáŵ¹àͧàÁ×èÍÁÕ¡ÒÃà»ÅèÕ¹á»Å§·Ò§à¾È 1. ครถู ามนกั เรยี นวา เมื่อนักเรยี นทราบการ
เปล่ยี นแปลงทางเพศแลว นักเรยี นมวี ิธี
นักเรียนคดิ ว่า “ตนเองดแู ลสุขอนามัยทางเพศดแี ลว้ หรือยัง” การดูแลตนเองอยางไร โดยครใู หน ักเรยี น
ตอบคนละ 1 ขอ
เมอ่ื เราเจรญิ เตบิ โตขนึ้ จะมกี ารเปลยี่ นแปลงทางเพศซง่ึ ถอื เปน็ เรอื่ งปกติ
เราจึงไม่ควรวิตกกงั วลมาก แต่ควรดูแลสขุ อนามยั ทางเพศของตนให้ดี ด้วยการ 2. ใหน ักเรยี นแบงกลุม กลมุ ละเทาๆ กนั
ปฏิบัต ิ ดังนี้ แตล ะกลุมรวมกันบอกสุขปฏบิ ัตทิ างเพศ
แลวออกมานาํ เสนอขอ มูล
๑. ด้านรา่ งกาย
3. ครอู ธบิ ายความรูเพมิ่ เตมิ การดูแลตนเอง
เมอ่ื ย่างเข้าสูว่ ัยรนุ่ เราควรดูแลรักษาสุขอนามัยของร่างกาย ดงั น้ี เมือ่ มกี ารเปล่ียนแปลงทางเพศดา นรา งกาย

๑) เพศชาย ควรดแู ลร่างกายของตนเอง ดงั น้ี

(๑) อาบน�้าอยา่ งนอ้ ยวนั ละ ๒ ครง้ั เช้าและเยน็ และทกุ ครง้ั ควร
ทา� ความสะอาดอวยั วะเพศโดยการปลน้ิ หนงั หมุ้ ปลายออกมา แลว้ ทา� ความสะอาด
คราบไคล เรยี กวา่ ขเ้ี ปย ก ทห่ี มกั หมมอยู่ใตห้ นงั หมุ้ ปลายออกดว้ ยนา�้ สะอาดหรอื
ถูด้วยสบูอ่ อ่ นๆ เพ่ือไม่ให้สิ่งสกปรกหมักหมมท�าให้เกดิ กล่ินเหมน็ แล้วล้างออก
ดว้ ยนา้� สะอาดจนหมด
(๒) หลังอาบน�้าเสร็จแล้ว ควรใช้ผ้าขนหนูท่ีสะอาดเช็ดตัวและ
ซับอวัยวะเพศให้แหง้
(๓) สวมกางเกงในที่ไมเ่ ปย กชน้ื ขนาดพอดกี บั ตวั ไมค่ บั หรอื รดั
จนเกินไป เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ให้อวยั วะเพศตดิ เช้อื หรอื อกั เสบ
(๔) ไม่ใชก้ างเกงในหรอื ผ้าเชด็ ตัวรว่ มกับผู้อ่นื เพราะอาจทา� ให้
ติดโรคได้
อวัยวะเพ ศ1ห รือท(ว๕า)ร หหลนังกั ขทับกุ ถค่ารยง้ั ปแัสลสะาซวับะใหหรแ้ ือหองุ้จจาระเสร็จควรท�าความสะอาด
(๖) ระมัดระวังไม่ให้อวัยวะเพศได้รับการกระทบกระเทือนแรงๆ
เพราะจะท�าให้เจบ็ และอกั เสบได้
(๗) ควรหาเวลาวา่ งไปปฏบิ ตั กิ ิจกรรมต่างๆ เชน่ ท�างานอดิเรก
เลน่ กฬี า เลน่ ดนตรี เป็นตน้ เพอ่ื จะไดไ้ มไ่ ปหมกมุน่ เก่ยี วกบั เรือ่ งเพศ
มีหนองไ หลอ อก(ม๘า2) เหปา็นกตมน้ อี าคกวารรรผีบดิ ไปปกพตบเิ แกพย่ี วทกยบั ์เพอว่อื ยัทวา� ะกเาพรศร ักเษชน่า รสู้ ึกคนั บวม1 ๙

ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู

ขอ สอบป ’53 ออกเก่ยี วกับ สขุ ปฏิบัติทางเพศ 1 ทาํ ความสะอาดอวัยวะเพศ เพศชายใหท าํ ความสะอาดอวยั วะเพศหลงั ขบั ถา ย
ขอใดปฏิบัตผิ ดิ หลกั สขุ ปฏบิ ตั ิเกีย่ วกับอวยั วะเพศ (ขอ สอบมคี าํ ตอบทีถ่ ูก ปสสาวะ โดยใชน ้ําชําระลา งอวยั วะเพศภายนอก และเปด หนังหุมปลายอวยั วะเพศ
ใชน า้ํ ชาํ ระลา งใหส ะอาดแลว ใชผ า สะอาด หรอื กระดาษชาํ ระซบั อวยั วะภายนอกใหแ หง
3 ขอ ) และลางมือใหส ะอาดทุกครั้ง
1. ใชผ า เชด็ ตัวรว มกับเพื่อนสนทิ 2 มีหนองไหลออกมา เปน อาการผดิ ปกตขิ องอวยั วะเพศ ทเี่ กิดจากโรคตดิ ตอ
2. สวมชดุ ช้นั ในท่สี ะอาด มีขนาดรดั แนน ทางเพศสมั พันธ เชน หนองใน เปน ตน ในเพศชายจะมหี นองไหลออกมาทาง
3. อาบน้ําทุกวัน วนั ละ 2 คร้งั ทอ ปสสาวะ มักจะเกดิ กับคนท่มี ีเพศสมั พนั ธโดยไมใชถ ุงยางอนามัย
4. ลา งอวัยวะเพศใหสะอาดท้ังภายในและภายนอก
วเิ คราะหคําตอบ เราควรดูแลรกั ษาอวยั วะเพศโดยการอาบนา้ํ ทุกวนั

วนั ละ 2 ครง้ั ทกุ ครงั้ ควรลา งอวยั วะเพศภายนอกใหส ะอาด แลว ใชผ า เชด็ ตวั
สะอาดซบั ใหแ หง ไมค วรใชผ า เชด็ ตวั รว มกนั ผอู นื่ เพราะอาจเกดิ โรคตดิ ตอ ได
และควรสวมชดุ ช้ันในท่สี ะอาดและพอดีกบั ตวั ไมร ดั แนนหรอื หลวมเกินไป

เพราะทําใหเกิดความอับชื้น และทาํ ใหเกิดเชือ้ รา ดงั น้ัน ขอ 1., 2.,
และ 4. เปน การปฏบิ ัตทิ ผี่ ิดหลักสุขปฏบิ ตั ิเกยี่ วกบั อวัยวะเพศ

คมู อื ครู 19

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ นําแผนผังความคิด ๒) เพศหญงิ ควรดูแลรา่ งกายของตนเอง ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงทางดา นจิตใจ อารมณ และ (๑) อาบนา�้ อยา่ งนอ้ ยวนั ละ ๒ ครง้ั เชา้ และเยน็ และขณะอาบนา�้
สงั คมขนึ้ มาอกี ครง้ั ครถู ามนกั เรยี นวา นกั เรยี น ควรใชส้ บ่ถู ูอวัยวะเพศภายนอกให้สะอาด แล้วลา้ งนา�้ เอาสบ่อู อกให้หมด
มีวธิ ดี ูแลตนเองเมอื่ เกิดการเปลยี่ นแปลง (๒) หลังอาบน้�าเสร็จแล้ว ควรใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดเช็ดตัวและ
ทางดานจติ ใจ อารมณ และสังคมอยางไร ซบั อวยั วะเพศให้แหง้
โดยเขียนเชื่อมโยงกับแผนผังความคิดเดมิ (๓) สวมชดุ ช้ันในทแี่ หง้ สะอาด ไม่คบั หรอื รัดจนเกินไป
(๔) ไม่ใช้เส้ือผ้าหรือชุดช้ันในร่วมกับผู้อ่ืน เพราะอาจท�าให้
2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมานําเสนอ
แผนผงั ความคิดที่หนาชนั้

ตดิ เช้อื โรคได้
อ วัยวะเพ ศแ ละท(ว๕า)ร หหนลังัก1ขทับุกถค่ารย้ังป ัสโดสยาใวชะ้นห�้ารสือะออุจาจดาลระ้าเงสจรา็จก ดค้าวนรหทน�า้าคไวปาดม้าสนะหอาลดัง
เพอื่ ปอ้ งกันการติดเชอ้ื โรค และซบั ใหแ้ ห้งดว้ ยผ้าสะอาด
((๗๖)) รระะหมวดั า่รงะมวปังี ไรมะจ่ใหา� เ้อดวอื ัยนว2 ะคเวพรศรไกั ดษร้ าบั คกวาารมกสระะอทาบดกขรอะงเอทวอื ยั นวแะรเพงๆศ

อยู่เสมอ ใช้ผ้าอนามัยอย่างถูกวิธี และต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว
ควรห่อกระดาษใหเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ จึงท้งิ ถังขยะ
(๘) ถา้ มอี าการผดิ ปกตเิ กดิ ขนึ้ กบั อวยั วะเพศ เชน่ มตี กขาวมาก
คนั และมกี ล่นิ เหม็น เปน็ ต้น ควรรบี ไปปรึกษาแพทย์

¤ÇÒÁÃÙ¤Œ ʋ٠آÀÒ¾

วธิ กี ารใชผ้ า้ อนามยั

๑. สวมกางเกงในท่ีกระชับ ๒. ล อกแถบกาวด้านหลงั ของ ๓. วางผา้ อนามยั ดา้ นทม่ี แี ถบกาว
ไม่คบั หรอื หลวมเกนิ ไป ผ้าอนามัยออก ถ้าเป็นแบบ ลงตรงเปา้ กางเกงใน ถ้าเปน็
โดยสวมข้ึนมาไว้เหนอื เขา่ มีปก ให้ลอกแถบกาวออกด้วย แบบปกให้พบั โอบมาติด
เล็กน้อย
ด้านนอกกางเกงใน แลว้ สวม
กางเกงในตามปกติ

2๐

นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
การออกกําลงั กาย เปน สุขปฏบิ ตั ทิ างเพศทดี่ ีอยา งไร
1 ทาํ ความสะอาดอวัยวะเพศและทวารหนกั เพศหญิง ใหทําความสะอาด แนวตอบ การออกกาํ ลงั กายทาํ ใหร างกายแข็งแรง ระบบในรา งกาย
อวัยวะเพศโดยใชนาํ้ สะอาดชาํ ระลา งจากดานหนา (บริเวณอวัยวะเพศ) ทํางานเปนปกติ สงผลใหร ะบบอวัยวะเพศเปน ปกติ และยงั เปนการเบีย่ ง
ไปดานหลงั (ระบบขับถายอจุ จาระ) แลวใชก ระดาษชําระสะอาดซบั ใหแ หงจาก ความสนใจ ชว ยลดอารมณท างเพศ ทําใหเ ราไมหมกมนุ ในเร่อื งเพศ
ดา นหนาไปดานหลงั เชน กัน
2 ประจาํ เดือน หรือระดู ปกติประจําเดือนจะมาทกุ ๆ 28 วัน ถา มปี ระจําเดอื น
แลวมอี าการปวดทอง ควรนัง่ พกั หรือนอนพกั แลววางกระเปานํ้ารอนบรเิ วณ
ทองนอย หรอื กนิ ยาแกป วด และดื่มน้าํ อนุ เพอ่ื ชว ยบรรเทาอาการปวดทอ ง

20 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

¤ÇÒÁäŒÙ ÊÙ‹ ¢Ø ÀÒ¾ ใหนักเรยี นทําโปสเตอรก ารดแู ลตนเอง เมื่อมี
การเปลยี่ นแปลงทางเพศ โดยใหน กั เรยี นคดิ หวั ขอ เอง
วธิ ีการห่อผา้ อนามยั มีตัวอยา งหัวขอโปสเตอร ดงั นี้
๑๒๓
• การอาบน้ํา
๑. พับผา้ อนามัยที่ใชแ้ ล้ว โดยแบง่ เปน็ ๓ สว่ น ๒. วางผา้ อนามยั ลงบนมมุ ของกระดาษ • การใชผ าอนามัย
พบั ส่วนที ่ ๑ และ ๓ เขา้ หาส่วนท่ี ๒ ซ่ึงอยู่ แลว้ พบั มมุ กระดาษขนึ้ มาตดิ กบั แถบกาว • การเลอื กชุดช้ันใน
ตรงกลางโดยใชแ้ ถบกาวปิดกนั ไว้ • การนงั่ การยนื การเดนิ
• การแตงกายท่เี หมาะสมกบั สถานที่
• วิธกี ารคลายเครียด เปนตน

๓. พ ับกระดาษมว้ นผ้าอนามัย ๔. พ ับส่วนบนลงมา ๕. ส อดสว่ นมุมของกระดาษ
ขน้ึ มาอกี ๑ คร้งั จากนน้ั ลงในช่องวา่ งของกระดาษ
พับดา้ นขา้ งเขา้ มาทงั้ ๒ ข้าง แลว้ ทิง้ ลงถังขยะ

๒. ดา้ นจติ ใจ
การปฏบิ ัตติ ่อไปน้จี ะสง่ เสรมิ ใหเ้ ปน็ ผทู้ ่มี บี คุ ลกิ ภาพด้านจติ ใจทีด่ ี ดงั นี้
ซ งึ่ เปน็ ผ ลมา๑จ)า กยกอรมรมรบัพสนั ภธ1า ์ุ สพาคมวาารมถเปปรน็ บั จปรรงิ งขุ ไอดงด้ ตว้ นยเกอางร เกชนิ น่ อ ราปูหราา่รง อสองู หกกรอืา� ลตงัวั กเลาก็ย
และการพกั ผอ่ น ถา้ เรายอมรบั สง่ิ เหลา่ น้ีได ้ จะทา� ใหเ้ ราสามารถปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั
ผูอ้ ืน่ ไดง้ า่ ยและมั่นใจ
๒) ทา� จติ ใจใหแ้ จม่ ใสอยเู่ สมอ มองโลกในแงด่ ี มอี ารมณข์ นั ไมจ่ รงิ จงั
จนเกินไป จะทา� ใหเ้ ปน็ ที่รักใคร่ของทุกคน
๓) ปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ เพราะจะท�าให้เราอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได ้
ไมเ่ กดิ ความขัดแยง้ กัน
21

กิจกรรมทาทาย นกั เรียนควรรู

ใหนกั เรียนเขยี นแผนผังความคิดหรือแผนภาพสุขปฏิบัตทิ างเพศใหต รง 1 กรรมพนั ธุ หรอื พนั ธุกรรม คือ ลกั ษณะทไ่ี ดร ับการถายทอดมาจาก
กับเพศของตนเอง (ครูอาจทาํ แผนภาพตามตวั อยางใหน ักเรยี นเตมิ ) รุนบรรพบุรษุ หรอื รุน พอแมสูรุนลูกหรือรุนหลาน เชน ลกั ษณะของเสนผม สขี อง
ดวงตา สผี ิว เปนตน ลักษณะทางพันธุกรรมไมส ามารถเปลีย่ นแปลงได และจะถูก
สงไปใหรนุ ตอๆ ไป แตส ามารถปรบั ปรุงใหม ีลักษณะดีขึ้นได

เบศรู ณรากษารฐกจิ พอเพยี ง

นกั เรยี นควรใชก ระดาษทีไ่ มใชแ ลวมาหอ ผา อนามัย เพือ่ เปน การไมส ิน้ เปลอื ง
ทรพั ยากร

คูมอื ครู 21

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู Explain

ครใู หน ักเรยี นรวมกันยกตัวอยางเครอื่ งแตง กาย ก๓า. รปดรา้ บันปอราุงรตมนณเอ์ งให้สามารถควบคมุ อารมณ1ข์ องตนไดน้ น้ั จะทา� ให้เรา
ทเ่ี หมาะสมทน่ี กั เรยี นควรสวมใสใ นสถานการณต า งๆ สามารถสรา้ งบุคลกิ ภาพของตนใหด้ ีได้ ดังนี้
เชน ๑) พยายามสรา้ งความรสู้ กึ รกั คนอนื่ เพราะการรกั คนอนื่ จะไมท่ า� ให้
เราเห็นแกต่ วั และเสียสละเพอื่ ผูอ้ น่ื ได้
• ไปวดั ๒) ควบคมุ อารมณ์ท่ีไม่พอใจ และใหอ้ ภัยเมื่อถูกเพ่ือนลอ้ เลยี นการ
• ไปทะเล
• ไปสถานท่ีราชการ
• ไปเท่ยี วในวนั หยุด

เปลย่ี นแปลงดา้ นรา่ งกาย
๓) มีความจริงใจต่อผอู้ ่ืน มีความซื่อสัตย์ และความหวังดี
๔) คอยตักเตือนเม่ือผู้อื่นท�าผิดพลาด และรู้จักยกย่องชมเชย
เมื่อพบเห็นผู้อน่ื ท�าความดี
๕) ท�าจิตใจให้รา่ เรงิ แจม่ ใสอยเู่ สมอ และมองโลกในแง่ดี
๔. ด้านสังคม
เด็กในวัยนี้จะเร่ิมคบเพ่ือนมากขึ้น ทั้งเพื่อนเพศเดียวกันและเพ่ือน
ต่างเพศ ดังนั้นจงึ ควรเรียนรวู้ ธิ ปี รับตวั ดงั น้ี
๑) ฝกึ ความเข้าใจอารมณ์ และความรสู้ กึ ของตนเองและผู้อืน่
๒) ฝึกปฏิบัติในการแสดงกิริยามารยาทและการแสดงออกต่างๆ
ของตนใหเ้ หมาะสมกบั วัยและสถานภาพของผู้ทีเ่ ขา้ สงั คมด้วย
๓ไม) น่ เง่ั สยรกิมขสารห้ารงอื บนคุ ง่ั ลไิกขภวห่าพา้ งท2เีด่ ดีในิ หตก้ วั บั ตตรนงเไอมงเ่ ดเชนิ น่โยยกนืตตวั วั ไตมรเ่ ดงนิ หหลลงั งัไคมอ่่งมอ
นงั่ ขาชดิ กนั
เป็นตน้
นอกจากน้ี วัยรุ่นควรแต่งกายให้เหมาะสมกับวัยและกาลเทศะ
เช่น ขณะไปโรงเรียน ควรแต่งชุดนักเรียนให้เรียบร้อย เมื่ออยู่นอกเวลาเรียน
จงึ จะแตง่ กายดว้ ยชุดล�าลองได้ เป็นต้น
๔) แสดงความเคารพตอ่ สทิ ธขิ องตวั เอง และไมล่ ะเมดิ สทิ ธขิ องผอู้ น่ื
เช่น ในการท�างานกลุ่ม เราสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นได้ และเราควร
เปดิ โอกาสใหผ้ ู้อน่ื ไดร้ ว่ มแสดงความคิดเหน็ โดยไม่ต�าหนผิ ู้อนื่ เปน็ ต้น

22

นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถา มเี พื่อนลอ นกั เรยี นวา มีขนาดหนา อกใหญขนึ้ (เพศหญงิ ) หรือมีเสยี งท่ี
1 ควบคุมอารมณ การควบคมุ อารมณส ามารถทําไดห ลายวธิ ี เชน การมองโลก แตกหา ว (เพศชาย) นักเรียนควรทาํ อยางไร
ในแงด ี การเลน กฬี า การนบั เลขในใจ การสวดมนต เปนตน ซึง่ สิ่งเหลาน้จี ะทาํ ให แนวตอบ นักเรียนตองเขาใจธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงทางรา งกาย
เรามจี ติ ใจดี มีสติ และสามารถควบคมุ อารมณข องตนเองได ของตนเองวาเปนเรอ่ื งปกตขิ องทกุ คน ไมค วรโกรธหรือไมพ อใจท่ีเพื่อนลอ
2 นงั่ ไขวห า ง การนัง่ ไขวห างนอกจากจะทาํ ใหม บี คุ ลภิ าพทีไ่ มด แี ลว ยงั มผี ลเสีย ทําจติ ใจใหราเรงิ แจม ใส และบอกเพอื่ นวาตอไปเพือ่ นกต็ อ งเปนเหมือนเรา
ตอ รางกายอีกดวย โดยการนงั่ ไขวห างเปนเวลานาน จะทาํ ใหมอี าการชาและ แตถา เพอ่ื นยงั คงลอ และใชถอยคําท่รี นุ แรง นักเรยี นก็ไมควรยงุ กบั เพอื่ น
ปวดเม่อื ยขา เพราะเสนเลือดและเสน ประสาทบริเวณขาถกู กดทับ รวมถึงเวลา คนนนั้ และควรบอกครใู หทราบ เพอื่ ใหค รตู าํ หนิพฤติกรรมท่ีไมเหมาะสม
นัง่ ไขวหางลําตัวจะเอยี งไปอกี ดานทําใหก ระดูกสนั หลังคด กลา มเน้ือหลังเกิดความ ของเพือ่ นคนน้นั
ไมส มดลุ ทาํ ใหเ กดิ การปวดหลงั ได

22 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ó ¡ÒÃÇÒ§µÇÑ ·Õàè ËÁÒÐÊÁ¡Ñºà¾ÈÇÔ¶Õ 1. ครอู ธบิ ายความรเู พม่ิ เตมิ การวางตวั ทเ่ี หมาะสม
กบั เพศวถิ ี
นักเรยี นคดิ ว่า “ตนเองมกี ารวางตวั เหมาะสมกบั เพศวถิ หี รอื ไม”่
2. ใหน ักเรียนแบง กลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน จากนั้น
พฤตกิ รรมทางเพศ หมายถงึ การกระทา� หรอื การแสดงออกทางเพศทมี่ ี ใหน กั เรียนแสดงบทบาทสมมตุ ิ การวางตวั
พืน้ ฐานมาจากความร ู้ ทศั นคติ และประสบการณ ์ ซึง่ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละ ที่เหมาะสมกับเพศวถิ ี ตามหัวขอ ที่กาํ หนด
บคุ คล อาจตรงหรอื ไมต่ รงกบั เพศโดยกา� เนดิ และบทบาทหญงิ ชายทส่ี งั คมกา� หนด • อยา มอี ะไรกบั ฉัน เพราะเรายังอยใู นวยั เรยี น
ก็ได ้ ซง่ึ ในสงั คมหนงึ่ มกั กา� หนดพฤตกิ รรมทเี่ หมาะสมตามคา่ นยิ มและวฒั นธรรม (นักเรียนชว ยกนั คดิ สถานการณข้ึนมาเอง)
เช่น การให้เกียรติซ่ึงกันและกัน ถ้าเราปฏิบัติตามนั้นได้ก็จะได้รับการยอมรับ
ดังน้ัน เราจึงควรปฏิบตั ติ นให้เหมาะสมกับเพศวถิ ี ซึ่งปฏบิ ตั ไิ ด้ ดงั นี้ ขยายความเขา ใจ Expand
๑. แสดงบทบาทและวางตวั ใหเ้ หมาะสมทงั้ ตอ่ เพศเดยี วกนั เพอ่ื นตา่ งเพศ
และผมู้ คี วามหลากหลายทางเพศ เชน่ แสดงความมนี า�้ ใจตอ่ กนั พดู จาและแสดง 1. ใหนกั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1
กริ ยิ าสภุ าพ โดยไมแ่ สดงความรนุ แรงด้วยเหตแุ ห่งเพศ คาํ ถามชวนคิด และตอนท่ี 2 ชวนคดิ ชวนทาํ

2. ใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 3
ผลงานสรา งสรรค

3. ใหนกั เรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.1 จาก
แบบวัดฯ สขุ ศึกษา ป.5

ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ หมายถึง การกระท�า การพูด หรือการ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
แสดงออกอยา่ งรุนแรง หรอื การเลือกปฏิบัติตอ่ ผู้อ่ืน เน่ืองจากผูท้ กี่ ระท�า สุขศึกษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.1
มีความรังเกียจ เหยียดหยามผู้ถูกกระท�าด้วยสาเหตุจากความชอบหรือ แบบประเมนิ ตัวช�ว้ ดั พ 2.1 ป.5/1
แสดงออกทางเพศ หรือบุคคลน้นั มเี พศวถิ ีแตกต่างจากตน เช่น มคี วาม
ชอบเพศเดยี วกัน และมีการแสดงออกทางเพศไมต่ รงกบั เพศโดยกา� เนดิ แบบประเมนิ ผลการเรียนรูตามตวั ช้วี ัด ประจาํ หนว ยที่ ๒ บทที่ ๑

กจิ กรรมรวบยอดที่ ๒.๑

๒. ใหค้ วามสา� คญั กบั ความเท่าเทยี มระหว่างเพศ เชน่ การมีสิทธิในการ แบบประเมินตวั ชว้ี ดั พ ๒.๑ ป.๕/๑
 อธิบายการเปลยี่ นแปลงทางเพศและปฏิบัตติ นไดเ หมาะสม

ชุดท่ี ๑ ๑๕ คะแนน

แสดงความคดิ เหน็ ๑ เขยี นสรปุ ลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงตามเพศของตนเองและวธิ ปี ฏบิ ตั ติ นทเ่ี หมาะสมลงในตาราง
(ตัวอยา งคําตอบ)
(๑๐ คะแนน)

๓. แต่งกายใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมตามกาลเทศะและสถานที่ การเปล่ยี นแปลง ลักษณะการเปล่ียนแปลง วิธกี ารปฏิบตั ติ นทเ่ี หมาะสม

๔. หลกี เลย่ี งการมเี พศสมั พนั ธ์ในวยั เรยี น หรอื ในกรณที ี่ไมส่ ามารถหลกี เฉฉบลับย ดานรา งกาย …●……น…้าํ …ห…น……ัก……ส…ว…น……ส…ูง…เ…พ…่ิม……ข…้ึน…………… …●……ร…กั …ษ……า…ค…ว…า…ม…ส…ะ…อ……าด……ร…า…ง…ก…า…ย………
ดานจติ ใจ …●……แ…ข…น…ข…า…ย…า…ว…เ…ก…ง …ก…า…ง………………………… …●……อ…อ…ก……ก…ํา…ล…งั …ก……าย……ส…ม…าํ่ …เ…ส…ม…อ……………
ดานอารมณ มีหนวดเครา…●………………………………………………………………… …●……ก…ิน……อ…า…ห…า…ร…ท……มี่ …ีป…ร…ะ…โ…ย…ช…น…… …………
ดา นสงั คม
เลี่ยงได ้ ควรมีเพศสมั พนั ธ์ทีป่ ลอดภัยและมีความรบั ผดิ ชอบ รกั เพื่อน…●………………………………………………………………… …●……ท…าํ …จ…ิต……ใจ……ใ…ห…ร …า …เ…ร…ิง……แ…จ…ม…ใ…ส…………
๕. เมอ่ื มีปญั หาเก่ยี วกบั เรอ่ื งเพศ ควรปรกึ ษาผู้ใหญท่ ่ีไวใ้ จได้ เพอ่ื จะได้ ๑๒ …●……ส…น…ใ…จ…เ…พ…ศ……ต…ร…ง…ข…า …ม………………………… …●……ม…อ…ง…โ…ล…ก……ใ…น…แ…ง…ด……ี …………………………
…●……ส…น…ใ…จ…ก……า…ร…แ…ต…ง…ก……า…ย…ต…า…ม…ส……ม…ยั ……
……………………………………………………………………

แก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม …●……อ…า…ร…ม…ณ……เป……ล…ย่ี …น……แ…ป…ล…ง…บ……อ…ย………… …●……ย…อ…ม…ร…บั……ส…ภ…า…พ……ค…ว…า…ม…เป……น …จ…ร…งิ………
…●……ค…ว…บ…ค……มุ …อ…า…ร…ม…ณ……ไ…ด………………………… …●……ม…ีอ…า…ร…ม…ณ……ข…นั ………ย…ิม้ …แ…ย…ม ……………………

…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………

นักเรยี นทุกคน ควรเรยี นรู้การเปล่ียนแปลงของตนเอง ทั้งร่างกาย จิตใจ …●……ต…อ …ง…ก……า…ร…เข…า…ก……ับ…ก…ล……มุ …เพ……ื่อ…น………… …●……แ…ส…ด……ง…ก…ิร…ิย…า…ม…า…ร……ย…า…ท……………………
อารมณ ์ และสังคม เพื่อทจ่ี ะได้ปรับตวั และวางตัวไดเ้ หมาะสมกับเพศ 2๓ …●……ล…อ…ก……เล…ีย……น…พ…ฤ……ต…ิก…ร……ร…ม………………… ทีเ่ หมาะสม……………………………………………………………………
…●……ย…อ…ม…ร…ับ……ค…ว…า…ม…ค……ดิ …เห……น็ …………………… …●……ป…ร…บั……ป…ร…ุง…ต……น…เ…อ…ง…ใ…ห…เ …ข…า…ก…บั …………
ของเพอ่ื น…………………………………………………………………… ผอู ่ืนได……………………………………………………………………

ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู

ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกบั การปฏิบัติตนท่เี หมาะสมตามเพศ ครูใหนักเรียนแบงเปน 4 กลุม จากนั้นใหแตละกลุมรวมกันคิดวา การวางตัว
พฤติกรรมใดทเ่ี หมาะสมในการปฏบิ ตั ติ วั ตอ เพ่อื นเพศตรงขา ม หลังจาก ท่ีเหมาะสมกบั เพศควรปฏบิ ัตอิ ยา งไร จากน้นั สง ตัวแทนออกมารายงานหนา ช้ัน และ
รว มกนั สรปุ เพอ่ื เปนแนวทางการปฏิบตั ิตนตอไป
ไดร บั ชัยชนะในการแขง ขนั กฬี า
1. แสดงความดีใจดวยการกอดเพอ่ื นทุกคน
2. แสดงความดใี จดว ยการดม่ื ของมนึ เมา
3. แสดงความดใี จดวยการกระโดดตบมอื และยม้ิ ดว ยความยินดี
4. แสดงความดีใจดวยการปรบมือและกอดเพือ่ นทกุ คน
วิเคราะหคาํ ตอบ การปฏบิ ัติตนตอเพ่อื นเพศตรงขาม เราควรใหเกียรติ

เพศตรงขาม โดยการไมค วรถกู เน้อื ตอ งตัวเพศตรงขาม และมคี วามจริงใจ

ตอกัน ดงั นัน้ ขอ 3. จึงเปน คําตอบทีถ่ ูก

คูม อื ครู 23

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. ครูตรวจแผนผงั ความคิดการเปลย่ี นแปลงดา น ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
จติ ใจ อารมณ และสงั คม
ตอนท ี่ ๑ คําถามชวนคิด
2. ครตู รวจโปสเตอรการดูแลตนเองเมอื่ มีการ เขียนตอบคาํ ถามต่อไปนล้ี งในสมดุ (ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมขึน้ อยูกับดุลยพินจิ ของครผู สู อน)
เปล่ยี นแปลงทางเพศ ๑) การเปล่ียนแปลงด้านร่างกายทเ่ี กดิ ข้นึ กบั นักเรยี น ทา� ใหร้ ูส้ กึ อยา่ งไร
๒) เมอื่ นักเรียนรูส้ กึ ถึงการเปล่ยี นแปลงด้านรา่ งกายของตัวเอง นกั เรียนทา� อย่างไร
3. ครปู ระเมนิ บทบาทสมมตุ ิ การวางตวั ทเี่ หมาะสม ๓) ถา้ เพอ่ื นของนกั เรยี นรสู้ กึ เปน็ กงั วลกบั การเปลยี่ นแปลงทเี่ กดิ ขน้ึ นกั เรยี นจะชว่ ย
กบั เพศวถิ ี เพ่ือนอยา่ งไร

หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ตอนที ่ ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ (ผลการปฏิบตั ิกิจกรรม ขอ 1. ขึ้นอยูกบั ดุลยพินิจของครผู สู อน)
๑. สงั เกตการเปลย่ี นแปลงทางดา้ นรา่ งกายของตนเอง แล้ววาดภาพลงในสมุด
1. แผนผงั ความคดิ การเปลยี่ นแปลงดานจติ ใจ พรอ้ มทงั้ เขยี นอธิบายประกอบภาพ
อารมณ และสังคม ๒. อา่ นกรณศี กึ ษา แลว้ บอกว่าเป็นการกระทาํ ทีเ่ หมาะสมหรือไม ่ เพราะอะไร
และควรปรบั ปรุงแกไ้ ขอย่างไร จากน้นั บันทึกลงในสมดุ
2. โปสเตอรก ารดูแลตนเองเม่อื มกี ารเปลยี่ นแปลง
ทางเพศ ๑) วันนเ้ี ป็นวนั วสิ าขบูชา เพ่ือนๆ จงึ ชวนแกว้ ตาไปเวียนเทยี นทวี่ ัด แกว้ ตาเหน็ วา่
เป็นวัดใกล้บ้าน เธอจึงใสเ่ สื้อกล้ามและกางเกงขาสนั้ ไปเวียนเทียน
3. แบบประเมินบทบาทสมมตุ ิ การวางตวั ๒) ทรงพลชอบนักรอ้ งเกาหลีมาก เขาจึงฝึกเตน้ ใหเ้ หมือนกับนกั ร้องท่เี ขา
ท่เี หมาะสมกบั เพศวิถี ชน่ื ชอบ
๓) อนชุ ติ วงิ่ เล่นออกกา� ลังกายกับเพอ่ื นทกุ เยน็ เม่อื กลับถึงบ้านกเ็ หนื่อยมาก
เขามักเผลอหลบั กอ่ นอาบน�า้ ทุกคร้งั
๔) สมชายเหน็ กานดาเดนิ ถืออปุ กรณก์ ฬี าจะไปเก็บทีห่ ้องพลศกึ ษา สมชายจึงรบี
เขา้ ไปชว่ ยกานดา

ตอนท ่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบัติกจิ กรรมขึน้ อยูกับดุลยพนิ จิ ของครูผูสอน)
๑. แบ่งกลุ่ม จากน้ันให้แต่ละกลุ่มช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งใดที่ควรปฏิบัติ
และไม่ควรปฏิบัติกับเพ่ือนต่างเพศ แล้วเขียนความคิดเห็นลงในกระดาษ จากนั้น
นาํ มาอภิปรายรว่ มกบั กลุ่มอน่ื
๒. ศึกษารูปแบบการไหว้บุคคลต่างๆ แล้วออกมาสาธิตหน้าช้ันเรียน และฝกปฏิบัติ

2๔ จนเป็นนิสยั

เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 2
ชวนคดิ ชวนทาํ ขอ 2.

1) ตอบ เปน การกระทาํ ท่ีไมเหมาะสม เพราะวัดเปนสถานทีท่ ่ีควรใหความ
เคารพ แกว ตาไปวดั ควรแตงกายสภุ าพเรยี บรอ ย ปกปด รา งกายมิดชิด

2) ตอบ เปน การกระทําท่ีเหมาะสม เพราะการเตนเปน การออกกาํ ลังกาย
การไดเตนตามนักรองเกาหลี เปนการใชเวลาใหเกดิ ประโยชน

3) ตอบ เปนการกระทาํ ทไ่ี มเ หมาะสม อนชุ ิตควรอาบนาํ้ กอ นเขานอนทุกคร้งั
จะทาํ ใหร างกายสะอาด และไมเปนโรคผวิ หนัง

4) ตอบ เปนการกระทําทีเ่ หมาะสม เพราะการชวยเพื่อนถอื ของเปน การแสดง
ความมีนา้ํ ใจ

24 คูม ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

òº··èÕ 1. อธบิ ายความสําคญั ของการมคี รอบครัวที่
ครอบครัวและเพือ่ น สาระสาํ คญั อบอนุ ตามวฒั นธรรมไทย (มฐ. พ 2.1 ป.5/2)
● ครอบครัวจะมีความสุขได้เม่ือสมาชิก
ในครอบครัวรักใคร่สามัคคีกัน เคารพ 2. ระบพุ ฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคแ ละไมพ งึ ประสงค
และเช่ือฟังกัน เม่ือเกิดความขัดแย้งข้ึน ในการแกไขปญหาความขดั แยงในครอบครวั
ก็สามารถแก้ไขได้ดว้ ยดี และกลุมเพอ่ื น (มฐ. พ 2.1 ป.5/3)

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ ● เ พอ่ื นเปน็ คนมคี วามสา� คญั ต่อเรา เพราะ สมรรถนะของผูเรียน
เราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เราจึงควร
มีพฤติกรรมท่ีเหมาะสมต่อเพื่อน เพื่อ 1. ความสามารถในการคดิ
รกั ษาสมั พนั ธภาพทด่ี กี ับเพื่อน 2. ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค

1. มวี ินัย รับผิดชอบ
2. ใฝเรียนรู
3. มงุ ม่ันในการทํางาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

? ใหน กั เรียนดูภาพ หนา 25 แลวชวยกนั บอกวา
นักเรียนคาดเดาวาคนในภาพมีความสมั พันธก นั
¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò ¤¹ã¹ÀÒ¾ อยา งไร แลว พวกเขาควรปฏิบตั ิตอกนั อยา งไร
ÁÕ¤ÇÒÁÊÁÑ ¾¹Ñ ¸¡Ñ¹ÍÂÒ‹ §äà áÅÇŒ ¾Ç¡à¢Ò
(แนวตอบ คนในภาพนา จะเปนแมลกู กนั ลูกควร
¤Çû¯ºÔ ѵµÔ Í‹ ¡¹Ñ Í‹ҧäà เปน เดก็ ดเี ชอื่ ฟง แม ชว ยเหลอื งานบา นเทา ทจี่ ะทาํ ได
แมค วรอบรมสง่ั สอนลูกใหเ ปน คนดี ใหค วามรกั
2๕ ตอ ลกู )

เกร็ดแนะครู

ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหน กั เรยี นปฏิบตั ิ ดงั น้ี
• สบื คนขอมลู ลกั ษณะครอบครัวท่เี ปน สุข
• อภิปรายการปฏิบตั ติ นเปน ครอบครวั ท่เี ปนสุข
• วเิ คราะหจากประเด็นคาํ ถามและภาพ
จนเกิดเปนความรูความเขา ใจวา ความสขุ ของครอบครัวเกิดจากความรกั
ความเขาใจท่ีสมาชิกในครอบครวั มีตอกนั และชว ยกันแกไขปญหาความขดั แยง
และเราควรมีพฤตกิ รรมท่ีเหมาะสมตอ เพ่อื นจงึ อยูร วมกบั เพอ่ื นไดอยางมคี วามสุข

คูมือครู 25

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ ความสนใจ Engage

ใหน ักเรยี นดภู าพยนตรโฆษณาชดุ สรางกนั ใหม ๑ คร อบคครรวั 1อคอืบกคลมุ่รบัวคุ คลทผ่ี กู พนั กนั ทางการแตง่ งานทางสายเลอื ดทางการ
ครูถามนกั เรียนวา เมื่อนกั เรียนดูภาพยนตรโ ฆษณา
ชุดนแ้ี ลว นักเรียนคดิ วา ครอบครวั มีความสาํ คญั รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมและพ่อแม่บุญธรรม หรือความสัมพันธ์แบบคู่ชีวิต
อยางไร
๑. ลกั ษณะของครอบครวั ไทย
(แนวตอบ ครอบครวั เปนจดุ เริม่ ตน ของการพัฒนา
ไปสูสงั คมท่ดี ี) การอยู่ร่วมกันของครอบครวั ไทยมี ๔ ลกั ษณะ ดังน้ี
ครอบครวั เด่ยี ว คอื คนต้งั แต่ ๒ คนขน้ึ ไป ใชช้ ีวติ รว่ มกันและมคี วาม
สาํ รวจคน หา Explore
สมั พนั ธก์ นั เปน็ ครอบครวั มสี มาชกิ ประกอบดว้ ย พอ่ แมล่ กู สามภี รรยา คชู่ วี ติ ชาย
1. ใหน ักเรียนเขียนความเรียงส้นั ๆ ในหวั ขอ กบั ชาย หรอื หญงิ กบั หญงิ คชู่ วี ติ ชายกบั กระเทย ซงึ่ อาจมลี กู ตดิ หรอื ลกู บญุ ธรรม
“ครอบครวั ของฉนั ” (ลกั ษณะครอบครวั ของ
นกั เรียน กจิ กรรมทท่ี าํ รว มกัน และถา ไมมี ครอบครวั ขยาย คอื กลุ่มคนท่เี ป็นญาติพนี่ ้อง หรือบคุ คลอ่นื ที่ไม่ใชญ่ าติ
ครอบครัว นกั เรยี นจะเปน อยางไร) ใช้ชีวติ ร่วมกันและมคี วามสัมพันธเ์ ป็นครอบครวั มสี มาชกิ ประกอบด้วย พอ่ แม่
ลูก และมีญาติ เชน่ ปู่ ยา่ ตา ยาย ลุง ป้า นา้ อา
2. ครูสมุ นกั เรยี นออกมาเลา ความเรียงของตนเอง
4 - 5 คน (พจิ ารณาตามความเหมาะสม) ครอบครัวพอ่ แมเ่ ดี่ยว คอื ครอบครวั ทีส่ มาชกิ ประกอบด้วย พอ่ หรอื แม่
ฝา่ ยใดฝ่ายหนึง่ อยกู่ ับลูก หรือผ้ปู กครองคนเดียวอยู่กับเดก็ หรอื ครอบครวั ของ
3. ครูและนกั เรยี นรวมกันแสดงความคิดเหน็ ผู้มคี วามหลากหลายทางเพศ เช่น กระเทยกับลูกตดิ หรอื ลูกบญุ ธรรม
ความสาํ คญั ของครอบครัวท่มี ีตอนกั เรียน
ครอบครัวข้ามรุ่น คือ ครอบครัวที่มีสมาชิกประกอบด้วย หลานอยู่กับ
ปู่ ยา่ หรอื ตา ยาย เนื่องจากพ่อแม่สง่ ลูกไปอยกู่ บั ญาติ หรือพ่อแม่ไม่สามารถ
เลยี้ งลูกได้ หยา่ ร้าง หรอื เสียชวี ติ

๒. การนับถอื ผู้ใหญ่

ครอบครัวไทยเป็นครอบครัวท่ีให้ความส�าคัญในการนับถือผู้ใหญ่ ผู้ท่ีมี
อายุน้อยกว่าก็จะเคารพผู้ท่ีมีอายุมากกว่า ผู้ท่ีมีอายุมากกว่าก็จะเอ็นดูและให้
การดูแลผูท้ ีม่ ีอายนุ ้อยกวา่

ผูท้ เี่ ปน็ ผ้ใู หญ่ ผทู้ เ่ี ปน็ พอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง ผู้ทเ่ี ปน็ ลกู หลาน
● เป็นท่พี ง่ึ ของลูกหลาน ● ตอ้ งดูแลสมาชกิ ในบ้าน ● ต้องเคารพ เช่ือฟังพ่อ
● ปฏบิ ตั ติ นใหเ้ ปน็ ตวั อยา่ ง ● อบรมสั่งสอนลกู หลาน แมแ่ ละผ้ใู หญ่
ทดี่ ี ● เคารพเชอื่ ฟังพ่อ แม่ ● รกั ใครป่ รองดอง คอยให้
ญาตผิ ู้ใหญ่ ความชว่ ยเหลอื แกพ่ นี่ อ้ ง
● คอยให้ความช่วยเหลือ
26 ญาติของตน

มมุ IT ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT 2. ใหการเล้ยี งดู
ขอ ใดไมใ ชค วามสําคญั ของครอบครวั 4. ใหท่ีหลบซอนตวั
ครแู ละนักเรียนดภู าพยนตรโ ฆษณาชุดสรา งกันใหม ไดที่ www.sarnrak.net 1. ใหค วามรัก
3. ใหท ่อี ยอู าศัย
นกั เรยี นควรรู
วิเคราะหคาํ ตอบ ครอบครวั มคี วามสําคญั คอื ใหความรกั ความอบอุน
1 ครอบครวั คอื กลมุ บคุ คลตงั้ แต 2 คนขน้ึ ไป ทเี่ กย่ี วขอ งสมั พนั ธก นั โดยการเกดิ ใหการเลย้ี งดู อบรมสง่ั สอนใหเ ปนคนดี ใหที่อยอู าศัย แตไมใชท ่ีหลบซอ น
การแตง งาน หรอื การรับเปนบุตรบุญธรรม หรอื ความสมั พันธแ บบคูชวี ติ และอาศัย
อยรู วมกนั อาจจะเกย่ี วของทางสายเลอื ดหรือไมเก่ียวขอ งทางสายเลอื ดก็ได ตัวเมื่อทาํ ความผดิ ดังนน้ั ขอ 4. จงึ เปนคาํ ตอบที่ถกู

26 คมู อื ครู บูรณาการเชือ่ มสาระ
ครบู ูรณาการความรใู นสาระภาษาไทย กบั สาระสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
เรอื่ ง การเขยี น โดยใหนักเรียนเขียนความเรยี ง “ครอบครัวของฉัน” เพอ่ื ให
นักเรียนสามารถเขียนอธิบายความสาํ คญั ของครอบครวั ได

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ò Åั¡É³Ð¢อ§ครอบครัว·àÕè »¹š ÊØ¢ 1. ครอู ธิบายความรเู พม่ิ เติมลักษณะของครอบครวั
ทเ่ี ปน สขุ
นักเรยี นคิดวา่ “ครอบครวั ทีเ่ ปน็ สขุ มีลักษณะอย่างไร”
คนในสงั คมมกั อาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครวั ซึ่งแตล่ ะครอบครวั อาจจะ 2. ใหนกั เรียนดภู าพยนตรโ ฆษณาชดุ อาทติ ย
ประกอบไปด้วยสมาชิกท่ีต่างกัน เม่ือทุกคนมาอยู่ร่วมกัน สมาชิกทุกคนต่าง ละครง้ั ท่ี www.sarnrak.net แลว ครูถาม
ต้องการใหค้ รอบครวั ของตนมคี วามสุข นกั เรียนวา
การปฏิบัติตนของสมาชิกในครอบครัวเพ่ือให้ครอบครัวมีความสุข มี • การอยดู ว ยกันอาทติ ยล ะคร้งั นกั เรียนคิดวา
หลายวิธี ดงั นี้ มสี วนชว ยทาํ ใหครอบครวั เปนครอบครวั
๑. สมาชกิ ในครอบครวั ตอ้ งดแู ลเอาใจใส ่ มคี วามรกั ใคร ่ ความหว่ งใย ท่ีมคี วามสุขไดอ ยางไร
ซึ่งกันและกนั (แนวตอบ ข้นึ อยูกับคาํ ตอบของนักเรียน
๒. สมาชกิ ทกุ คนตอ้ งรจู้ กั บทบาทและหนา้ ท ่ี ปฏบิ ตั ติ นตามบทบาท แตละคน)
หนา้ ที่อยา่ งเตม็ ความสามารถ
๓. สมาชิกทุกคนต้องมีความเคารพนับถือและเชื่อฟังค�าแนะน�า 3. ใหนักเรียนแบง กลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน แลว ให
ค�าสั่งสอนของผู้ทม่ี อี าวุโสกวา่ แตละกลุมรวมกันแสดงความคดิ เห็นวา
๔. สมาชิกผู้ท่ีมีอาวุโสกว่าต้องให้การดูแล และคอยให้ความช่วย มีวธิ ีการใดบา งท่ีจะทาํ ใหค รอบครวั มคี วามสขุ
เหลือแก่สมาชิกทมี่ อี ายนุ ้อยกว่า จากนน้ั ใหแตละกลมุ สง ตัวแทนออกมาพดู
๕. สมาชกิ ในครอบครวั มีความอ่อนโยน ปฏิบัตติ ่อกนั อย่างนุ่มนวล เสนอความคิดเห็น
และใชเ้ หตผุ ลมากกว่าอารมณ์
๖. สมาชกิ ในครอบครวั รจู้ กั ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั ชว่ ยกนั สรา้ งฐานะ 4. ครูและนักเรียนรวมกันสรปุ วธิ ที ี่จะทาํ ให
และรักษาทรพั ยส์ มบัตขิ องครอบครัว ครอบครัวมีความสขุ
๗. สมาชิกทุกคนมีความสามัคคี เสียสละ และเห็นแก่ประโยชน์
สว่ นรวม 5. ใหนักเรยี นรว มกันแสดงความคิดเหน็ วา
๘. เมอื่ เกดิ ปญั หาในครอบครวั สมาชกิ ทกุ คนรว่ มใจกนั แกไ้ ขปญั หา มีอะไรบางทท่ี าํ ใหค รอบครัวไมมคี วามสขุ
โไดปยเลก่าาใรหพ้คูดนคนุยอแกลคะรใอชบ้เคหรตัวุผฟลงั1ในการแก้ปัญหา และไม่น�าปัญหาในครอบครัว

2๗

ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู

ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกับชวี ติ และครอบครวั ครูอาจสอบถามนกั เรยี นแตละคนเก่ียวกบั ขอ ตกลงหรอื กฎเกณฑของครอบครัว
กจิ กรรมวันหยดุ ขอ ใดทีท่ าํ ใหสมาชิกในครอบครวั มีสุขภาพดี และมี ของนกั เรียนวามอี ะไรบา ง และเพราะเหตใุ ดจงึ ตองมีกฎเกณฑหรือขอ ตกลงนี้
จากนัน้ รว มกนั สรปุ วา การมีขอ ตกลงหรอื กฎเกณฑในครอบครัว จะทาํ ใหเราอยู
ความสุขมากท่สี ดุ รว มกันในครอบครวั ไดอ ยางมีความสุข
1. พอแมไ ปตกี อลฟ สวนลูกเลนเกมท่ีบาน
2. พอแมสง ลูกไปอยูกบั ตายาย แลวไปทํางานพเิ ศษ นกั เรยี นควรรู
3. พอแมส ง ลกู ไปเรยี นพิเศษ แลวไปซ้อื ของท่ีหา งสรรพสนิ คา
4. ไปสวนสาธารณะเพอ่ื ออกกําลงั กายและกลบั มาทาํ อาหารรว มกนั 1 ไมนําปญ หาในครอบครัวไปเลา ใหคนนอกครอบครวั ฟง ตรงกับ สาํ นวนไทย
วเิ คราะหค ําตอบ กิจกรรมที่จะทําใหม สี ขุ ภาพดีและมคี วามสุขคอื ทวี่ า ไฟในอยา นาํ ออก ไฟนอกอยา นาํ เขา หมายถงึ เรอ่ื งภายในบา นอยา นาํ ไปเลา ให
คนนอกบา นฟง และเรื่องไมดนี อกบา นก็อยานาํ มาเลาใหคนในบา นฟง
กจิ กรรมทไี่ ดออกกําลังกาย และสามารถทาํ รวมกนั ได เพราะการทาํ กจิ กรรม

รวมกนั ทําใหเกดิ ความสัมพันธอันดีตอกนั ดงั น้ัน ขอ 4. จึงเปน คําตอบ
ทถ่ี ูก

คมู อื ครู 27

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหน กั เรยี นแบง กลุมตามเดมิ แลว ใหน กั เรียน ó ¾ÄµÔ¡รรÁ·Õäè Á¾‹ Ö§»รÐʧค㏠¹ครอบครวั
เขยี นแผนผังความคิดแสดงพฤตกิ รรมที่
ไมพ งึ ประสงคใ นครอบครัว นักเรียนมีสว่ นชว่ ยใหค้ รอบครวั มีความสุขได้อยา่ งไร
การอยู่ร่วมกันในครอบครัว อาจมีสาเหตุท่ีท�าให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พึง
2. ใหแ ตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอแผนผงั ความคดิ ประสงค์ในครอบครัว ส่งผลให้สมาชิกในครอบครัวอยรู่ ่วมกันอยา่ งไม่มคี วามสขุ
3. ครูอธบิ ายความรเู พิม่ เติมพฤติกรรมท่ีไมพงึ พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคส์ ว่ นใหญใ่ นครอบครวั เกดิ จากสาเหตตุ า่ งๆ ดงั นี้

ประสงคในครอบครวั วาเกดิ จากสาเหตใุ ด ๑. สาเหตทุ ที่ าํ ให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงคใ์ นครอบครวั
และมีผลกระทบอะไรบาง
4. ครถู ามนักเรียนวา นกั เรียนมวี ธิ กี ารแก
พฤติกรรมที่ไมพงึ ประสงคในครอบครัวอยา งไร
ใหน ักเรียนแตล ะกลุมรวมกันอภิปราย แลว
ออกมานาํ เสนอทหี่ นาช้ัน

การถกู เล้ยี งดอู ยา่ ง การบังคบั ให้ลูกเปน็ หรือ การขาดความเอาใจใส่
ปลอ่ ยปละละเลยหรอื ทา� ในแบบอยา่ งทต่ี อ้ งการ และไม่มเี วลาใหก้ ัน

เขม้ งวด

ความรนุ แรง ความเครียดจาก
ในครอบครัว การท�างาน

๒. พฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ในครอบครวั

ปรึกษาหารอื กนั รว่ มกัน มีความรัก ความเอาใจใส่ เด็กๆ รู้จกั ปรบั ตัวในทกุ
แสดงความคดิ เหน็ ให้กนั เสมอ สถานการณ์ได้ดี
ในครอบครวั

เลย้ี งดเู ดก็ ๆ มีกจิ กรรมท�าร่วมกนั
แบบประชาธปิ ไตย ในครอบครวั

28

เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอใดทที่ าํ ใหส มาชกิ ในครอบครวั มีความทกุ ข
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางประกอบสาเหตุของพฤติกรรมท่ีไมพึงประสงคใน 1. พอ แมท าํ งานนอกบาน
ครอบครัวในแตละประเด็น จากน้ันใหนักเรียนยกตัวอยางผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น 2. แมใ หล กู ชว ยทาํ งานบา น
จรงิ เชน นกั เรยี นทะเลาะกับพี่ เพราะแยงกนั ดูรายการโทรทัศนท่ีชอบ ทาํ ใหเกดิ การ 3. พอ ใหลกู ทาํ การบา นตอนเย็น
ลงไมล งมอื กัน อาจไดร ับบาดเจบ็ หรือถกู พอ แมล งโทษ เปน ตน จากน้ันใหนกั เรยี น 4. พอดม่ื สรุ าสังสรรคกับเพ่ือนทุกเย็น
บอกพฤติกรรมท่ีพึงประสงคในครอบครัว ท่ีทําใหเราอยูรวมกับครอบครัวไดอยาง วิเคราะหคําตอบ การดื่มสรุ า ทําใหส น้ิ เปลืองเงนิ ทองและอาจนําไปสู
มีความสุข การขาดสติ ทําใหเกดิ การทะเลาะกบั สมาชกิ ในครอบครวั ไดง าย ดังน้นั
ขอ 4. จึงเปน คําตอบทถ่ี กู

28 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ô ¾ÄµÔ¡ÃÃÁ㹡ÒÃᡌ䢻ޘ ËÒ¤ÇÒÁ¢´Ñ á§Œ 1. ใหนกั เรียนดภู าพยนตรโฆษณาชดุ มมุ มอง ที่
www.sarnrak.net แลว ถามนกั เรยี นวา นกั เรยี น
㹤Ãͺ¤ÃÑÇ รูสกึ อยา งไรเม่อื ดภู าพยนตรโ ฆษณาชุดน้ี

“นกั เรยี นร้สู กึ อย่างไร เมือ่ ตอ้ งเผชิญกับพฤติกรรมท่ีไมพ่ งึ ประสงค์” 2. ครูอธิบายใหน กั เรยี นเขา ใจวา ปญหาความ
ปัญหาในครอบครวั สามารถแกไ้ ขได้ ถา้ ทุกคนรหู้ ลักปฏบิ ตั ิท่ีถูกตอ้ งและ ขัดแยง ในครอบครัวสามารถแกไขไดดว ยการ
เหมาะสม ซงึ่ จะไม่นา� ไปสูก่ ารเกิดความรุนแรง เปลี่ยนมมุ มองความคดิ ของตนเอง โดยคดิ ใน
มุมมองของพอแม หรอื พอ แมก็คดิ ในมมุ มอง
๑. พฤตกิ รรมท่พี ึงประสงค์ในการแก้ไขปญหา ของลูก ปญหาความขดั แยงในครอบครัว
ก็จะลดนอยลงและสามารถอยูดวยกันอยาง
รจู้ ักอธิบาย เคารพสทิ ธขิ อง ถ้ายังอารมณ์รอ้ น มีความสขุ
เหตุผล สมาชกิ แต่ละคน ใหห้ ลีกเลย่ี งจาก
สถานการณน์ น้ั ก่อน 3. ใหน กั เรยี นทํากจิ กรรมรวบยอดท่ี 2.2 ขอ 2.
จากแบบวัดฯ สขุ ศึกษา ป.5

ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ
สขุ ศึกษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.2
ยอมรบั ฟงั ไมโ่ ตต้ อบด้วยคา� พดู แบบประเมินตวั ชว�้ ดั พ 2.1 ป.5/2
เมื่ออกี ฝา ยหนึ่ง หรอื การกระท�า
ช้แี จงเหตผุ ล ที่รุนแรง ๒ เขยี นแผนผงั ความคดิ แสดงวธิ ปี ฏบิ ตั ติ นทเ่ี หมาะสมทที่ าํ ใหค รอบครวั มคี วาม(ตอบวั ออนุ ย(า๕งคคะแํานตน)อบ)

รู้จักควบคุมอารมณ์ เชน่ บางปัญหาอาจแกไ้ ขได้ยาก ต้งั ใจเรียนหนงั สือ เคารพเชือ่ ฟงผใู หญ
หายใจเขา้ ออกชา้ ๆ บอกกับตนเองว่า ควรหาบุคคลทีค่ รอบครวั นบั ถือ
“ไมโ่ กรธ” “ไมโ่ มโห” หรือ “ไมเ่ ครียด” มาชว่ ยใหค้ �าแนะน�าในการแกไ้ ขปญั หา ใชเ หตุผลในการ วธิ ปี ฏบิ ตั ติ น
แกป ญ หา ทท่ี าํ ใหค รอบครวั
มคี วามอบอนุ ชวยทํางานบา น

๒. พฤตกิ รรมทไี่ มพึงประสงค์ในการแก้ไขปญหา ชว ยเหลอื นองๆ

เฉฉบลบั ย

ไมร่ ับฟงั เหตผุ ล ไม่ยอมให้อภัยผูอ้ ่นื ลงโทษอย่างรนุ แรง น่งิ เงยี บไม่พูดคุย ตวั ชีว้ ดั พ ๒.๑ ขอ ๒
ของอีกฝาย เกินความผิด ใหเ้ ข้าใจกนั
ñõไดคะแนน คะแนนเต็ม

ใช้ก�าลงั เข้าท�าร้าย ไม่ยอมรับวา่ ท�าทา่ ที บงั คบั ให้ผู้อ่ืนทา� ตาม เกณฑป ระเมินชิ้นงาน ๒.๕ คะแนน
ร่างกายกัน ตนเองกระท�าผิด ประชดประชนั ความตอ้ งการ ๒.๕ คะแนน
ของตนเอง ขอ ๑ การบอกลักษณะและผลกระทบ (๑๐ คะแนน ขอ ละ ๕ คะแนน) ๓ คะแนน
• บอกลกั ษณะของครอบครัวไดถ กู ตอ ง ตง้ั แต ๒ ขอ ข้นึ ไป ๑ คะแนน
พดู โตต้ อบดว้ ย เปรียบเทยี บนิสัย • บอกผลกระทบตอ ตวั นกั เรียนไดถกู ตอ ง ตั้งแต ๓ ขอ ข้นึ ไป ๑ คะแนน
ถ้อยคา� ทร่ี ุนแรง หรอื พฤตกิ รรมกับผู้อืน่
และก้าวรา้ ว ซึ่งจะทา� ให้เกดิ ปมดอ้ ย ขอ ๒ การเขยี นแผนผงั ความคดิ (๕ คะแนน)
• เขยี นแผนผงั ความคดิ แสดงขอมูลไดครบถวน
• จดั ลําดับขอมลู ในแผนผังความคดิ ไดช ดั เจน เขาใจงา ย
• ตกแตงแผนผงั ความคิดไดสวยงาม

๑๗

2๙

กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู

ครยู กตัวอยา งสถานการณทีอ่ าจเกดิ ความขดั แยง ในครอบครัว จากน้ัน ครแู นะนํานักเรียนวา ถานักเรยี นมคี วามคิดเห็นไมต รงกบั สมาชกิ ในครอบครัว
ใหน ักเรยี นเขยี นตวั อยา งคําพูดเพอ่ื ลดการขดั แยงในครอบครัว นักเรียนควรรบั ฟงความคดิ เห็นของผูอ ่ืน และแสดงความคิดเห็นอยางสรางสรรค
ดังนี้
กจิ กรรมทา ทาย
• รบั ฟง อยางตั้งใจ ไมร บี โตแยงออกไป
ใหน ักเรียนเขยี นสถานการณท ี่อาจเกดิ ความขดั แยง ในครอบครวั • แสดงความชืน่ ชมในความคิดเหน็ ของผูอ่ืน
จากนนั้ ใหนักเรยี นเขียนตัวอยางคาํ พูดเพ่อื ลดความขัดแยง ในครอบครวั • บอกความคิดเห็นท่ีเราไมเ ห็นดวย พรอ มขอ เสนอแนะ
และทําใหสถานการณด ขี น้ึ • ถามความคดิ เหน็ เพ่อื หาทางออกรว มกนั
• รูว าควรยุติการโตแ ยง เมื่อใด เพ่อื ไมใ หเ กิดความรุนแรง

คูม ือครู 29

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูสุม นกั เรียนออกมาหนา ชน้ั เรียน 2 - 3 คน õ à¾Íè× ¹1
แลว ถามนักเรียนวา
• นกั เรียนมเี พื่อนสนทิ ที่สุดช่อื วาอะไร “เพือ่ นสนิทของนกั เรยี นมลี ักษณะอย่างไร”
• เพอื่ นสนทิ ของนักเรยี นมีลกั ษณะอยางไร เพ่ือนเป็นคนที่รักใคร่สนิทสนมกับเรา เป็นคนท่ีท�าให้เรารู้สึกสบายใจ
• ทาํ ไมนักเรียนจงึ สนทิ กบั เพือ่ นคนนี้ และสนกุ เมอ่ื อยดู่ ว้ ย เพอ่ื นเปน็ ผทู้ ่ีใหค้ วามชว่ ยเหลอื เรา คอยปลอบใจ และรบั ฟงั
ความทกุ ข์ของเรา ดังนน้ั เพ่อื นจึงมคี วามส�าคญั อยา่ งมาก เราต้องร้จู ักเลอื กคบ
2. เมือ่ ครถู ามนกั เรยี นที่สมุ เลือกมาเสร็จแลว เพ่อื นทด่ี ี เพราะเพอ่ื นทด่ี จี ะชักจงู เราใหท้ า� ในส่งิ ทีด่ ี ซง่ึ จะทา� ให้เรามคี วามสุข
ครูถามนักเรยี นทัง้ ชน้ั เรียนวา เพื่อนมี
ความสาํ คัญอยา งไร ใหนกั เรียนรว มกนั การสร้างสมั พันธภาพกบั เพื่อน
อภปิ ราย
การมีสัมพันธภาพกับเพื่อน คือ การอยู่ร่วมกันกับเพื่อน มีการติดต่อ
3. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความสาํ คัญของ ส่ือสาร พดู คุย และท�ากิจกรรมร่วมกนั ดังนัน้ เราจงึ ควรสร้างสมั พันธภาพท่ีดี
เพอ่ื น และใหน กั เรยี นเขยี นการสรา งสมั พนั ธภาพ กบั เพ่ือน จึงทา� ให้เราอยรู่ ่วมกบั เพือ่ นอยา่ งมีความสุข ซงึ่ เราควรปฏิบัต ิ ดังน้ี
กับเพือ่ นเปน แผนผงั ความคดิ สง ครู ๑. มคี วามสภุ าพ อ่อนโยน ยิม้ แยม้ และเปน็ กนั เองกบั เพ่อื น
๒. มคี วามเข้าใจ เหน็ อกเหน็ ใจเพื่อน
๓. มีความจรงิ ใจ ใหค้ วามช่วยเหลอื เพอ่ื นด้วยความเต็มใจ
๔. พดู กบั เพื่อนดว้ ยถอ้ ยคา� ท่ีไพเราะ ไม่นินทาว่ารา้ ยเพื่อน
๕. มคี วามยุติธรรม ไมเ่ อารดั เอาเปรียบเพื่อน
๖. ยกยอ่ งชมเชยความรคู้ วามสามารถของเพอื่ นอยู่เสมอ
๗. รจู้ กั ควบคมุ อารมณข์ องตนเองเมอ่ื เกดิ ความรสู้ กึ ไมด่ ตี า่ งๆ กบั เพอื่ น
เชน่ โกรธ อิจฉา เปน็ ต้น

๓๐ สร้างสัมพนั ธภาพทด่ี ีกบั เพอ่ื นด้วยการท�ากิจกรรมร่วมกนั

เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ใครมคี ณุ สมบัตขิ องเพื่อนตาย
ครยู กตัวอยา งขอ ความที่วา “เพอ่ื นกินหางา ย เพอื่ นตายหายาก” จากนั้น 1. นอ ยชวนเพื่อนขา มถนนขณะรถติด
ใหน ักเรยี นรว มกันอธบิ ายความหมาย และยกตวั อยางประกอบ แลวใหน ักเรียน 2. หนอยยืมเงนิ เพ่อื นไปเลน เกมคอมพิวเตอร
วิเคราะหต นเองวาเปน เพอ่ื นประเภทใด พรอมทง้ั บอกเหตุผล 3. นิดหวั เราะขาํ เมอื่ เพอื่ นถกู ลอ เลยี นวา “ชางนอ ย”
4. นดิ ใหก าํ ลังใจเพอื่ นเมือ่ เพอ่ื นสอบไดคะแนนไมดี
นกั เรยี นควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ เพ่อื นตาย คือ เพอื่ นที่จรงิ ใจกับเรา ชกั ชวนเราใหท ํา
ในสิง่ ที่ดี คอยชวยเหลือหรอื ปลอบโยนเมอื่ เรามที กุ ข เชน เมือ่ เพ่ือนสอบ
1 เพื่อน มีสภุ าษติ ภาษาองั กฤษเกี่ยวกบั เพอื่ นวา “A friend inneed is a friend ไดค ะแนนไมด ี เราก็ควรปลอบใจเพื่อนใหหายโศกเศรา และพูดใหกําลงั ใจ
indeed” เพ่อื นยามยากคอื เพ่อื นแท มีความหมายคลา ยสภุ าษิตไทยวา เพื่อนกนิ ในการพยายามทบทวนบทเรยี น เพ่อื ใหส อบไดคะแนนดีขนึ้ ในครง้ั ตอไป
หางา ย เพอ่ื นตายหายาก ดังนนั้ ขอ 4. จึงเปน คําตอบทถี่ กู

30 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ö ¤ÇÒÁ¢´Ñ á§Œ ¡ºÑ à¾è×͹ 1. ครูถามคําถาม แลวใหน ักเรยี นเขยี นคําตอบ
ลงในกระดาษ
“นักเรยี นรสู้ ึกอยา่ งไร เม่อื เกดิ ความขัดแยง้ กบั เพือ่ น” • นกั เรยี นมเี พ่อื นสนทิ ท่ีสุดชอื่ วาอะไร
การอยู่ร่วมกันกับเพ่ือน บางคร้ังอาจเกิดความขัดแย้งกัน ซ่ึงสาเหตุ • ทําไมนกั เรียนจึงสนิทกับเพอื่ นคนนี้
ท่ีท�าให้เกิดความขัดแยง้ มีหลายสาเหต ุ และสง่ ผลกระทบ ดังน้ี • นักเรยี นเคยมีปญหากับเพอื่ นคนนี้หรอื ไม
อยา งไร สาเหตเุ กดิ จากอะไร
๑. สาเหตขุ องปญหาความขดั แย้งกบั เพอื่ น • เมอื่ มีปญหากบั เพื่อน สงผลกระทบอยา งไร
กบั นกั เรียน
ความเห็นแกต่ ัว พดู จาไม่ดีตอ่ กัน การเข้าใจผดิ กัน • นกั เรยี นมีวธิ กี ารแกป ญ หานีอ้ ยางไร

ความคิดเหน็ ความอจิ ฉา1 ปัญหาในการ มบี คุ ลิกและนิสัย 2. ครสู มุ นักเรยี นมา 1 คน จากกระดาษคําตอบ
ไม่ตรงกนั รษิ ยา ท�างาน ทต่ี า่ งกนั ทน่ี กั เรยี นสง มา อา นคําถามและคาํ ตอบของ
การลอ้ ปมด้อย นักเรยี น แลวอธบิ ายใหนักเรียนเขา ใจวา
ของเพอื่ น ความรสู้ ึกชอบ การเล่นกันด้วย การไม่รบั ผิดชอบ เมื่อมีปญ หากบั เพอื่ น เราควรคยุ กันดวย
หรอื ไม่ชอบ ความรนุ แรงหรอื ในหนา้ ที่ เหตุผล และรจู กั ขอโทษอยเู สมอ เพอื่ ลด
เพอื่ นคนนัน้ คนนี้ ความขัดแยง ทเี่ กดิ ขึ้น การขอโทษจะเปนวิธี
หยอกลอ้ กันรนุ แรง ทด่ี ที ่สี ุดในการแกป ญ หา และการใหอ ภยั
จะทําใหปญหาจบลงดวยดี

๒. ผลกระทบของการขดั แยง้ กบั เพื่อน

เกิดการใช้ เพอื่ นไมค่ บ เกดิ ความ
ความรุนแรง ไมอ่ ยากพูดคยุ บาดหมางกนั
ในการตัดสินปัญหา หรอื เลน่ ด้วย อยรู่ ่วมกันไมไ่ ด้
เกิดความเครียด
เกิดอารมณเ์ ศร้า เกดิ การแบ่งแยก
เมื่อเพ่อื นไม่คบ ออกเป็นกลมุ่ ๆ

ท�างานกลมุ่ ร่วมกัน ไม่มคี นคอยช่วยเหลอื
ไม่ได้ งานไม่ประสบ เม่อื เกดิ ปญั หา

ความส�าเรจ็

๓1

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

การกระทาํ ของใครท่อี าจทาํ ใหเกิดความขดั แยงกับเพ่ือน ครถู ามนกั เรียนวา เพอ่ื นท่นี กั เรียนชอบและไมชอบมลี ักษณะอยา งไร จากนน้ั
1. แตงใหเ พ่ือนยมื ปากกา ใหน กั เรยี นบอกวธิ ปี ฏบิ ตั ติ นตอ เพอ่ื นทชี่ อบและไมช อบ ครสู งั เกตคาํ ตอบของนกั เรยี น
2. ปอสอนการบา นเพ่อื น แลว เลอื กการปฏบิ ตั ติ นทอ่ี าจนาํ มาสคู วามขดั แยง เชน พดู จากระทบเพอ่ื น ลอ เลยี น
3. เดอื นขอเพ่ือนลอกการบาน เพื่อน เปนตน มาสนทนากบั นักเรยี นวา พฤตกิ รรมเหลา นีจ้ ะนาํ ไปสูค วามขัดแยง
4. บอลชวนเพอื่ นปลูกตน ไม
วเิ คราะหคําตอบ การแบงปนสิง่ ของใหเ พ่อื น คอยชว ยเหลอื เพอื่ น และ นกั เรยี นควรรู
ชกั ชวนเพ่ือนทาํ ส่ิงทดี่ ี เปน การสรางสัมพนั ธภาพท่ดี ีกบั เพ่อื น แตการขอ
ลอกการบา นเพื่อนโดยทเ่ี ราไมพยายามทาํ เอง อาจทาํ ใหเ พือ่ นไมพ อใจ 1 ความอจิ ฉารษิ ยา แยกเปน 2 คาํ ไดแ ก อจิ ฉา กับริษยา
อจิ ฉา หมายถึง เห็นเขาไดด ี แลว ไมพอใจอยากจะมหี รือเปนอยา งเขาบาง
และเกดิ ความขดั แยงกันได ดงั นัน้ ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูก
(มีความหมายเบากวาริษยา)
ริษยา หมายถงึ อาการที่ไมอ ยากใหค นอ่นื ไดด ี เหน็ เขาไดด ีแลว ทนน่ิงอยูไมได

คูม ือครู 31

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ใหนกั เรียนทาํ กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1 ÷ ¾ÄµÔ¡ÃÃÁ㹡ÒÃá¡äŒ ¢»˜ÞËÒ¤ÇÒÁ¢´Ñ áÂŒ§
คําถามชวนคดิ และตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทํา
¡ºÑ à¾èÍ× ¹
2. ใหน กั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรยี นรู ตอนที่ 3
ผลงานสรา งสรรค “นกั เรยี นใช้วธิ ีใดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง”
ปัญหาระหวา่ งเพอื่ นสามารถแก้ไขได้ ถา้ ทกุ คนปฏบิ ตั ิตนไดถ้ กู ตอ้ งและ
3. ใหนักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.3 จาก เหมาะสม
แบบวัดฯ สุขศกึ ษา ป.5
๑. พฤติกรรมที่พงึ ประสงค์ในการแก้ไขปญ หา
ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
สขุ ศกึ ษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดที่ 2.3
แบบประเมินตวั ช้ว� ดั พ 2.1 ป.5/3

กิจกรรมรวบยอดท่ี ๒.๓ รจู้ ักใหอ้ ภัยผู้อ่นื ไม่ใช้ก�าลังในการ มองโลกในแง่ดี
เมือ่ ผู้อนื่ ท�าผดิ ตดั สินปัญหา อยเู่ สมอ
แบบประเมินตัวชี้วดั พ ๒.๑ ป.๕/๓ พูดกันดว้ ย
 ระบุพฤติกรรมที่พึงประสงคและไมพึงประสงคในการแกไขปญหาความขัดแยงในครอบครัว ถอ้ ยคา� ท่ีไพเราะ ยอมรับฟังความคิดเหน็ ควบคมุ อารมณ์
ของเพอ่ื น ของตนเองเมื่อมีปญั หา
และกลมุ เพื่อน
ยอมรับผดิ เมื่อทา� ผดิ
ชดุ ท่ี ๑ ๑๐ คะแนน และกล่าวคา� “ขอโทษ”
อา นสถานการณทก่ี ําหนด แลวตอบคําถาม

โตงทํารายงานอยูกลุมเดียวกับตาย เมื่อประชุมการทํารายงาน ตายซ่ึงเปน
หัวหนา กลมุ ก็ใหเพือ่ นๆ ทกุ คนเสนอความคิดเหน็ โตง เปนคนเดยี วทม่ี ีความคดิ เหน็
ไมต รงกบั เพื่อน และโตงก็โตเ ถยี งกับทุกคนในกลมุ จนเกิดการทะเลาะวิวาทกนั ทาํ ให
สรปุ งานไมไ ด

เฉฉบลับย ๑) สาเหตคุ วามขดั แยง ทเี่ กดิ ขนึ้ ในสถานการณน ้ี คอื ค……ว…า…ม…ค…ิด…เ…ห…น็……ไ…ม…ต …ร…ง…ก……นั ………………

…แ…ล…ะ…โ…ต…ง …ไ…ม…ย …อ…ม…ร……บั …ฟ…ง…เ…ส…ยี…ง……ข…า ง……ม…า…ก…………………………………………………………………………………………………………..

๒) ปญ หาของความขดั แยง ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสถานการณน ้ี คอื ……เ…ก…ดิ …ก……าร……ท…ะ…เล……า…ะว…วิ…า…ท………
ทาํ ใหส รุปงานไมได…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

๓) ถา นกั เรยี นเปนเพอื่ นในกลุม น้ี นักเรียนจะทาํ อยา งไร ฟ……ง…ค…ว…า…ม…ค……ิด…เ…ห…็น……ข…อ…ง…โ…ต…ง..
…แ…ล…ะ…ใ…ช…เห……ต…ุผ…ล…ใ…น……ก…า…ร…ต…ัด……ส…นิ …ใ…จ……ไ…ม…ใ…ช…อ…า…ร…ม…ณ……ใ…น……ก…า…ร…แ…ก…ไ…ข…ป…ญ……ห…า……………………………………………….

๔) ถานักเรยี นเปน ตาย นกั เรียนจะทําอยางไร ใ…ช…ห …ล…กั……ป…ร…ะ…ช…า…ธ…ปิ …ไ…ต…ย……โ…ด…ย…ก…า…ร…ฟ…ง…เ…ส…ยี…ง…
…ข…าง……ม…า…ก……แ…ล…ะ…ฟ…ง…ก……า…ร…อ…ธ…บิ …า…ย…เ…ห…ต……ผุ …ล…ข…อ…ง…โ…ต…ง…………………………………………………………………………………………..

๕) โตง ควรปรับปรุงตนเองอยา งไร ……อ…ธ…ิบ…า…ย…เ…ห…ต…ุผ…ล……ใ…ห…เ พ……อ่ื …น…ฟ……ง……ย…อ…ม……ร…ับ…เ…ส…ีย…ง…ข…า …ง…ม…า…ก…
…แ…ล…ะ…ไ…ม…ใ …ช…อ…า…ร…ม…ณ……ใ …น…ก…า…ร…แ…ก……ไ …ข…ป…ญ …ห……า……………………………………………………………………………………………………….
๒. พฤตกิ รรมทไี่ มพึงประสงค์ในการแก้ไขปญหา
ตวั ช้วี ดั พ ๒.๑ ขอ ๓
ñðไดค ะแนน คะแนนเต็ม

เกณฑป ระเมนิ ชิน้ งาน ๒ คะแนน ใชก้ า� ลังในการ พดู จาใส่ร้ายเพื่อน ไมย่ อมฟังเหตุผล
๑ คะแนน ตดั สินปัญหา หรอื กล่าวโทษเพือ่ น ของคนอน่ื
การตอบคําถาม (มี ๕ ขอ ขอละ ๒ คะแนน) เพือ่ ใหต้ นเองพ้นผิด ยึดถือความคิด
• ตอบคาํ ถามไดถ ูกตอ ง และมเี หตุผลประกอบชดั เจน ใชอ้ ารมณ์ พูดจาด้วยถอ้ ยคา�
ตัดสินปญั หา ของตนเป็นหลกั
๑๘ • ตอบคาํ ถามได แตไ มมเี หตผุ ลประกอบ มากกว่าเหตุผล ทห่ี ยาบคาย

๓2

เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

ครใู หนกั เรยี นจบั คกู ับเพ่อื น แลว ใหหนั หนา เขาหากนั จากนน้ั ใหน ักเรยี น ใหน กั เรยี นเลอื กเพอ่ื นสนทิ มา 1 คน แลว ตดิ ภาพลงบนกระดาษ จากนน้ั
ทาํ หนาบ้งึ สลบั กับหนาย้ิมใสเ พือ่ น แลวใหนักเรียนบอกวา ชอบหนา แบบใดของเพื่อน เขียนขอ ปฏบิ ัติตนกบั เพ่ือนเพือ่ ลดปญหาการขดั แยง
มากกวา กนั จากนนั้ ครูใหนักเรียนคูเ ดิมผลดั กนั พดู “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ”
กบั เพื่อน แลว ใหเพื่อนบอกวา รูส กึ อยา งไร จากน้ันครูและนักเรยี นรวมกนั สรปุ วา กิจกรรมทา ทาย
การแสดงสหี นาท่ีดีและการกลา ว “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ” จะชว ยลดปญหา
ความขดั แยงได ใหนักเรยี นเขียนบทสนทนาสถานการณที่อาจทาํ ใหเ กิดปญหาความ
ขัดแยง กบั เพ่อื น แลว เขียนบทสนทนาท่ชี ว ยลดปญหาการขดั แยง จากนนั้
นํามาอานทีห่ นา ช้นั

32 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครตู รวจแผนผังความคดิ แสดงปญหา
ในครอบครวั
ตอนท ่ี ๑ คําถามชวนคิด
เขยี นตอบคําถามตอไปนี้ลงในสมดุ (ผลการปฏิบตั ิกิจกรรมขนึ้ อยกู ับดุลยพนิ ิจของครผู ูสอน) 2. ครูตรวจแผนผังความคดิ แสดงวธิ ีการแกป ญหา
๑) ในครอบครวั ของนกั เรยี นมกั มปี ญั หาอะไรทท่ี า� ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ กนั และนกั เรยี น ในครอบครวั
ร้สู ึกอย่างไรเมือ่ เกิดความขดั แยง้
๒) นกั เรยี นมีวิธีการแกไ้ ขปญั หาความขัดแย้งน้นั อย่างไร 3. ครตู รวจบัตรสอ่ื สัมพันธระหวางครอบครวั
๓) ถ้าเพื่อนมีลักษณะนิสัยที่นักเรียนไม่ชอบ นักเรียนรู้สึกอย่างไร และนักเรียน และเพอ่ื น
จะปฏิบัตติ นอยา่ งไรกบั เพอื่ นคนนน้ั
๔) นกั เรียนจะมวี ิธกี ารปรบั ปรุงนสิ ยั ที่ไม่ดีของตนเองอย่างไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู

ตอนท ่ี ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ (ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ขอ 1. ขนึ้ อยกู บั ดุลยพนิ ิจของครผู ูสอน) 1. แผนผงั ความคิดแสดงปญหาในครอบครัว
๑. แบงกลมุ ใหแ้ ตล ะกลมุ รวมกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั ลักษณะครอบครวั ท่ีมคี วามสุข และ 2. บตั รสือ่ สัมพนั ธร ะหวา งครอบครวั และเพือ่ น
ครอบครัวท่ีไมมีความสุข โดยบอกถึงสาเหตุและวิธีแก้ไข จากนั้นสงตัวแทนกลุม 3. กิจกรรมรวบยอดที่ 2.3 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษา
ออกมาสรปุ ผลหน้าชนั้
๒. อานวธิ ีแกไ้ ขปญ หาในครอบครัวท่กี าํ หนดให ้ แล้วบอกวาเหมาะสมหรอื ไมเหมาะสม ป.5
พรอ้ มทงั้ บอกเหตผุ ล และบันทึกลงในสมุด

๑) แปมขอโทษแม่ทท่ี �าแจกันของแมต่ กแตก
๒) แม่โทษพอ่ ท่ีไม่ดแู ลลกู จนลูกสอบตก
๓) พ่อชว่ ยแมท่ �างานบา้ นหลังจากทแ่ี ม่บน่ ว่าเหนอ่ื ย

ตอนที่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมขึ้นอยกู บั ดลุ ยพินิจของครูผูสอน)
นกั เรยี นแตล ะคนประดษิ ฐบ์ ตั รสื่อสัมพนั ธ ์ เพอ่ื สร้างความสมั พนั ธ์ระหวา งครอบครัวและ
เพอ่ื นอยา งละ ๑ ใบ พรอ้ มทง้ั เขยี นเหตุผลลงในบัตรวา ทาํ ไมถึงรักครอบครวั และเพ่ือน
คนน้นั เสรจ็ แล้วนาํ ไปให้สมาชกิ ในครอบครวั และเพื่อนทีต่ นเองรักมากที่สุด

๓๓

เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 2
ชวนคิด ชวนทํา ขอ 2

1) ตอบ เหมาะสม เพราะเมอ่ื ลูกทาํ ผิดกค็ วรขอโทษแม ผทู ่ที าํ ผดิ ตอ งรจู ักขอโทษจึงไดร ับการใหอ ภยั
2) ตอบ ไมเ หมาะสม เพราะการทล่ี กู สอบตกอาจเกดิ จากสาเหตอุ น่ื ไมค วรโทษใคร ควรถามลกู วา ทาํ ไมถงึ สอบตก แลว ชว ยกนั

หาวธิ ีแกปญหาท่ีถกู ตอ ง และไมค วรตอ วา ลูกท่ีลูกสอบตก ควรใหกําลังใจลกู ลูกจะไดม ีกําลงั ใจในการแกไ ขการสอบตก
3) ตอบ ไมเหมาะสม คนในครอบครัวเดียวกนั ควรชว ยเหลอื กันตงั้ แตต น ไมค วรปลอ ยใหคนหนง่ึ คนใดทําเพยี งผเู ดยี ว

จนเหนอ่ื ยลา

คูม ือครู 33

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Engage

กระตนุ ความสนใจ

1. ครูชวนนกั เรียนสนทนาวา ในชีวติ ประจําวัน ó˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·èÕ
นักเรียนเคยเลือกซ้อื ส่ิงตางๆ เองหรือไม ÊØ¢ÀÒ¾¢Í§àÃÒ
และนักเรียนมวี ิธเี ลือกซือ้ สนิ คาตางๆ อยางไร
อะไรเปน ปจ จัยทที่ าํ ใหนกั เรยี นตัดสินใจเลอื กซื้อ เป้าหมายการเรยี นร้ปู ระจา� หนว่ ยท่ี ๓
สินคา น้นั จากนัน้ ใหน ักเรยี นรว มกนั อภปิ ราย
เมอื่ เรยี นจบหนว่ ยน ้ี ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้ี
2. ครถู ามคาํ ถาม แลว ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ ๑. แสดงพฤติกรรมท่ีเห็นความสา� คญั ของการปฏบิ ตั ิตน
อยางอสิ ระ ตามสุขบญั ญัติแห่งชาต ิ (มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๑)
• จากภาพ หนา 34 นักเรียนคดิ วา นักเรยี น ๒. คน้ หาขอ้ มูลข่าวสารเพ่อื ใชส้ รา้ งเสรมิ สขุ ภาพ
จะมวี ธิ ีการเลือกซื้อนมไดอยางไร
(แนวตอบ กอ นเลอื กซอ้ื นม เราควรดบู รรจภุ ณั ฑ (มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๒)
วา่ อยใู นสภาพทีด่ หี รอื ไม ไมม ีรอยการเปด ๓. วิเคราะหส์ อ่ื โฆษณาในการตัดสนิ ใจเลือกซอ้ื อาหาร
กลองไมบบุ ดูวนั หมดอายุ และขอ มลู และผลติ ภัณฑ์สุขภาพอยา่ งมเี หตุผล
โภชนาการเพ่ือเปรยี บเทยี บนมแตละยีห่ อ)
(มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๓)
๔. ปฏิบตั ติ นในการปอ้ งกันโรคทพ่ี บบอ่ ยในชีวติ ประจ�าวนั

(มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๔)

เกรด็ แนะครู

กอนคาบเรียนทจ่ี ะสอนเร่ืองอาหารและผลิตภณั ฑส ขุ ภาพ ครใู หน กั เรียนเลือกนม
มาคนละ 1 ชิ้น แลวถามนกั เรียนวา นักเรยี นมีวิธใี นการเลอื กนมทีน่ ํามาอยางไร

34 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรยี นรู

ñº··Õè แสดงพฤติกรรมท่ีเห็นความสําคญั ของ
สุขบัญญตั แิ หง่ ชาติ การปฏบิ ัตติ นตามสขุ บัญญตั ิแหง ชาติ
(มฐ. พ 4.1 ป.5/1)
ก¨ิ กรรมนÓÊÙก่ ารàรÕÂน
สาระสา� คญั สมรรถนะของผเู รยี น
การมีสุขภาพดีต้องเริ่มจากการดูแลตนเอง
โดยการเหน็ ความส�าคญั ของการปฏบิ ตั ิตน 1. ความสามารถในการคดิ
ตามสุขบัญญัตแิ ห่งชาติ 2. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวติ

â͍ ! »Ç´·ŒÍ§¨§Ñ àÅ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค
äÁ‹¹Ò‹ ¡Ô¹¢Í§à¼ç´æ
1. มวี นิ ัย รับผิดชอบ
àÅÂàÃÒ 2. ใฝเรยี นรู
3. มงุ มนั่ ในการทํางาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

ใหน กั เรยี นดภู าพ หนา 35 แลวบอกวา
• นกั เรียนคดิ วาเดก็ ในภาพเปน อะไร

(แนวตอบ ปวดทองเน่อื งจากกินอาหารทม่ี ี
รสเผด็ )
• เดก็ ในภาพควรปฏิบตั ิตนอยา งไร
(แนวตอบ ไมก ินอาหารท่มี รี สเผด็ มากๆ)

?

à´ç¡ã¹ÀÒ¾¤Çû¯ºÔ µÑ Ôµ¹ÍÂÒ‹ §äÃ
¨§Ö ¨Ð·Òí ãËŒÁÕ梯 ÀÒ¾·Õ´è Õ

35

เกรด็ แนะครู

ครูจัดกระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรยี นปฏิบัติ ดังน้ี
• สบื คน ขอมูลสุขบัญญัตแิ หงชาติ 10 ประการ
• อภิปรายความรูเ กยี่ วกับสุขบญั ญัติแหง ชาติ
• วเิ คราะหจากประเด็นคาํ ถามและภาพ
จนเกิดเปนความรคู วามเขา ใจวา การปฏิบตั ิตามหลักสุขบัญญตั แิ หงชาติ
จะทาํ ใหเ รามีสขุ ภาพทดี่ ีทัง้ รางกายและจิตใจ

คูม ือครู 35

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. ครูถามนักเรียนวา สขุ ภาพ หมายถึง สขุ ภาวะทสี่ มบรู ณแ์ ละเช่ือมโยงกนั เปน็ องค์รวมอยา่ ง
• เม่ือวานน้ี ตัง้ แตตืน่ นอนจนถึงเขา นอน สมดุลทงั้ ทางรา่ งกาย คอื มรี า่ งกายแขง็ แรง จติ ใจ คอื มีจิตใจเปน็ สุข สงั คม คือ
นักเรียนทําอะไรบา ง ด�าเนนิ ชีวิตอยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างปกติสขุ และจิตวิญญาณ คือ มีปัญญาด ี รูด้ ีรูช้ ่ัว
(ตอบตามความเปน จรงิ เชน อาบนาํ้ แปรงฟน ซง่ึ มิได้หมายถึงเฉพาะความไมพ่ กิ าร และความไม่มโี รคเท่าน้ัน
รับประทานอาหาร เรยี นหนงั สือ ว่งิ เลนกับ การมีสุขภาพท่ีดีได้น้ันเราต้องมีสุขนิสัยท่ีดี โดยการปฏิบัติตามหลัก
เพือ่ น เปนตน) สุขบัญญัติแห่งชาติ ๑๐ ประการ ซ่ึงเป็นแนวทางการปฏิบัติตนด้านสุขภาพ
• วนั น้ี นกั เรียนทาํ อะไรไปแลวบาง ขน้ั พนื้ ฐาน เพอ่ื สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและชว่ ยลดความเสย่ี งจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ รวมทงั้
(ตอบตามความเปน จรงิ ) อันตรายตอ่ สขุ ภาพท่อี าจเกดิ ขนึ้ ในชีวิตประจ�าวัน
• นักเรียนรจู ักสขุ บญั ญัติแหง ชาติ 10 ประการ
หรือไม มอี ะไรบา ง ñ ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÞÑ ¢Í§Ê¢Ø ºÑÞÞµÑ áÔ Ë§‹ ªÒµÔ
(ตอบตามความเปนจรงิ )
“หลงั จากตื่นนอนตอนเชา้ นักเรยี นทา� อะไรบา้ งทเ่ี ปน็ การดแู ลสุขภาพ
2. ใหน กั เรียนรวมกนั สบื คนวา สขุ บัญญตั ิ ของตนเอง”
แหง ชาติ 10 ประการ มดี ังน้ี ปัจจุบันปัญหาด้านสุขภาพส่วนใหญ่เกิดจากการละเลยการดูแลสุขภาพ
1. ดูแลรักษารางกายและของใชใหสะอาด และมพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพที่ไมเ่ หมาะสม เชน่ การกนิ อาหารที่ไมม่ ปี ระโยชน ์ การกนิ
2. รกั ษาฟน ใหแ ขง็ แรง และแปรงฟน ทกุ วัน อาหารไมถ่ กู ตอ้ งตามหลกั โภชนาการ การออกกา� ลงั กายนอ้ ย ความเครยี ด เปน็ ตน้
อยางถูกตอ ง รวมไปถงึ การมโี อกาสเสย่ี งตอ่ โรคตดิ ตอ่ ทเี่ กดิ จากเชอ้ื โรคทปี่ ะปนอยรู่ อบๆ ตวั เรา
3. ลางมอื ใหส ะอาดกอนกนิ อาหารและหลงั การเกดิ ภยั พิบัตทิ างธรรมชาตทิ ี่สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพและทรพั ย์สิน
การขบั ถาย เด็กและเยาวชนท่ีปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติท้ัง ๑๐ ประการ
4. กินอาหารสกุ สะอาด ปราศจากสารอนั ตราย อย่างสม่�าเสมอและต่อเนื่องจนเป็นสุขนิสัย จะมีสุขภาพดีท้ังร่างกาย จิตใจ
และหลีกเล่ียงอาหารท่มี ีรสจดั สฉี ูดฉาด สงั คม และจิตวิญญาณอยา่ งยงั่ ยนื ตลอดไป
5. งดบหุ ร่ี สรุ า สารเสพตดิ การพนนั
และการสาํ สอนทางเพศ ¤ÇามรŒÙ¤่สÙ ุขÀา¾
6. สรา งความสมั พนั ธในครอบครวั ใหอบอนุ
7. ปองกันอุบัตภิ ยั ดวยการไมประมาท สุขบัญญัติ เป็นข้อก�าหนดพ้ืนฐานในการสร้างเสริมสุขภาพ ซ่ึงพัฒนามาจาก
8. ออกกําลงั กายสมาํ่ เสมอ และตรวจสุขภาพ “กติกาอนามัย” ท่ีเริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ คณะกรรมการสุขศึกษา
ประจาํ ป ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีได้ร่วมกันพิจารณาสุขบัญญัติ และน�าเสนอคณะรัฐมนตรี
9. ทําจติ ใจใหร าเรงิ แจมใสอยูเ สมอ พจิ ารณาอนมุ ตั ิ และประกาศใชเ้ ปน็ “สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาต”ิ ในวนั ท ่ี ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
10. มจี ิตสํานกึ ตอ สว นรวม รวมสรางสรรคส ังคม
3๖ กระทรวงสาธารณสขุ จงึ กา� หนดใหว้ นั ท ่ี ๒๘ พฤษภาคม ของทกุ ป ี เปน็ วนั สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาติ
3. ครถู ามนกั เรียนอกี ครัง้ วา สงิ่ ท่นี กั เรยี นทาํ
ตั้งแตต ่ืนนอนจนถึงเขานอน ตรงกบั สขุ บญั ญัติ
แหง ชาติขอ ใดบา ง

เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ประโยชนข องการปฏบิ ัตติ ามหลกั สุขบัญญัติแหงชาติทีม่ ตี อ รา งกาย
เพ่ือใหนักเรียนเขา ใจความสําคญั ของสขุ บญั ญัตแิ หงชาตมิ ากขึ้น ครูอาจยก จิตใจ และสงั คม มีอะไรบาง
ตัวอยางปญหาสขุ ภาพท่สี ามารถใชหลักสุขบญั ญัติแหง ชาติในการดแู ลสขุ ภาพได แนวตอบ
เชน โรคตดิ ตอ ที่เกิดจากภัยพบิ ัติทางธรรมชาติ เมอ่ื เกิดภยั พบิ ัติทางธรรมชาติ ดานรางกาย : ทําใหร า งกายแข็งแรง ไมม โี รค และปอ งกันตนเอง
เชน อุทกภัย หรือวาตภัย เปน ตน นอกจากจะทาํ ใหเกิดความเสียหายตอชวี ติ จากโรคติดตอได
และทรพั ยส นิ แลว ยงั อาจกอใหเ กิดการระบาดของโรคติดตออกี ดวย เนอ่ื งจาก ดา นจติ ใจ : ทาํ ใหมจี ิตใจราเริงแจม ใส ไมเ ครียด ไมวิตกกงั วล
ประชาชนที่อพยพหนีภัยตองมาอยอู าศยั รว มกันในพื้นทจี่ าํ กดั ทําใหเ กดิ การ เม่อื ประสบปญหากส็ ามารถแกไ ขได
แพรก ระจายของโรคติดตอ ไดง าย โดยเฉพาะโรคติดตอทีม่ นี า้ํ และอาหารเปน สื่อ ดา นสังคม : ทําใหอ ยูรวมกบั ผอู น่ื ได และมีความรับผดิ ชอบตอสังคม
เชน อุจจาระรว ง เปน ตน การใชหลักสุขบัญญัติแหงชาติ ไดแ ก การลางมือกอน ท่เี ราอยู
กินอาหาร และหลงั ขบั ถา ย รวมถึงการกินอาหารที่ปรงุ สกุ ดืม่ น้ําท่สี ะอาด จะชว ย
ปอ งกนั ไมใหเช้ือโรคท่ีปะปนมากับน้ําและอาหารเขาสูรางกาย เราจึงลดความเส่ียง
ในการติดตอและแพรกระจายของโรคอุจจาระรว งได

36 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ò ¢ÍŒ »¯ºÔ ѵԵÒÁËÅÑ¡ÊØ¢ºÞÑ ÞµÑ ÔáË‹§ªÒµÔ 1. ครูแบง นกั เรียนออกเปน 10 กลมุ แตละกลุมจบั
“นกั เรียนคดิ ว่าตนเองปฏบิ ตั ิตนในการดแู ลสขุ ภาพเพียงพอแล้วหรอื ไม่ ฉลากเลอื กหวั ขอตามหลักสุขบัญญัติแหง ชาติ
เพราะอะไร” 10 ประการ
1. ดแู ลรกั ษารางกายและของใชใ หสะอาด
การปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ เพ่ือให้เกิดพฤติกรรมท่ีน�าไปสู่ 2. รักษาฟน ใหแ ขง็ แรง และแปรงฟนทุกวัน
การมสี ขุ ภาพทด่ี ที ง้ั รา่ งกาย จติ ใจ สงั คม และจติ วญิ ญาณ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด ้ ดงั น้ี อยา งถกู ตอ ง
๑. ดแู ลรกั ษาร่างกายและของใชใ้ ห้สะอาด 3. ลางมอื ใหสะอาดกอนกินอาหารและหลงั
๑) ความสะอาดของร่างกาย การขบั ถา ย
• อาบน้�าให้สะอาดอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง โดยฟอกสบู่และถู 4. กนิ อาหารสุก สะอาด ปราศจากสาร
ให้ทั่วทุกซอกทกุ มมุ ของร่างกาย แลว้ ล้างดว้ ยน�้าสะอาด อนั ตรายและหลกี เลยี่ งอาหารทม่ี รี สจดั สฉี ดู ฉาด
• หมน่ั สระผมเปน็ ประจา� อยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ ๒ ครงั้ ควรเชด็ ผม 5. งดบุหรี่ สรุ า สารเสพตดิ การพนนั
ให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ไม่ควรนอนในขณะท่ีผมยังเปียกอยู่ เพราะความอับช้ืน และการสาํ สอนทางเพศ
อาจท�าให้เกิดเชอื้ ราบนหนงั ศรี ษะได้ 6. สรางความสมั พนั ธใ นครอบครวั ใหอบอุน
• ตดั เลบ็ มอื เลบ็ เทา้ ใหส้ นั้ อยเู่ สมอ เพราะเลบ็ เปน็ แหลง่ สะสมของ 7. ปอ งกันอบุ ตั ภิ ยั ดวยการไมประมาท
เชอื้ โรคและส่ิงสกปรกตา่ งๆ ที่จะนา� เขา้ สูร่ า่ งกายไดง้ ่าย 8. ออกกําลังกายสม่าํ เสมอ และตรวจสุขภาพ
๒ ) •ค วสาวมมสใสะเ่อสาอื้ ดผขา้ ทอส่ีงะใอชา้ ด ไมอ่ บั ชนื้ และเหมาะสมกบั สภาพอากาศ1 ประจําป
9. ทาํ จิตใจใหร า เรงิ แจมใสอยูเ สมอ
10. มจี ิตสาํ นกึ ตอสว นรวม รวมสรา งสรรค
• ซักเส้ือผ้าท่ีใส่แล้ว ซักถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ ให้สะอาด และ สงั คม
ตากแดดใหแ้ หง้ เพอ่ื กา� จัดเชือ้ โรคและกลน่ิ และไม่ใส่ขณะเปียกช้ืน
• ควรท�าความสะอาดห้องนอนทุกวัน จัดของให้เป็นระเบียบ 2. แตละกลมุ สืบคน ขอ มูลการปฏบิ ัตติ นตาม
และเปลยี่ นผา้ ปูท่ีนอน ปลอกหมอน เปน็ ประจ�า และนา� ผ้าหม่ ทน่ี อน หมอน มงุ้ หลกั สขุ บญั ญตั แิ หง ชาตหิ ัวขอ ท่ีตนเองได
แลว แสดงความคิดเหน็ รว มกัน

ไปตากแดดเพอื่ กา� จดั ฝนุ่ ละอองและเชอ้ื โรคทเี่ ปน็ ตน้ เหตขุ องโรคภมู แิ พแ้ ละหอบหดื
• ท�าความสะอาดและเก็บของในบา้ นให้เปน็ ระเบยี บ
• ทา� ความสะอาดตูเ้ ย็น ตู้กบั ข้าวทุกเดอื น
• ทา� ความสะอาดสง่ิ ของทใี่ ชม้ อื จบั สมั ผสั เปน็ ประจา� เชน่ โทรศพั ท์
คอมพิวเตอร ์ เมาส์ คยี บ์ อรด์ ลูกบดิ ประตู ราวบันได โดยใชน้ ้า� ผสมผงซกั ฟอก
เชด็ ท�าความสะอาด
๓) การดูแลสขุ อนามยั ประจ�าวัน
• กินผกั และผลไมเ้ ปน็ ประจ�า และด่มื น้�าอยา่ งนอ้ ยวันละ ๘ แก้ว
• ฝกึ ขับถ่ายอจุ จาระให้เป็นเวลาทกุ วัน
3๗

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู

ถา ด.ช. ตน ไปเทีย่ วภชู ้ีฟา จังหวดั เชยี งรายในชว งวันหยดุ ปใ หม เขาควร 1 เหมาะสมกับสถาพอากาศ การแตงกายใหเหมาะสมกบั สภาพอากาศ
แตง กายอยางไร เพ่ือรักษาสขุ ภาพของตนเองใหด ี ฤดูรอ น ควรใสเสือ้ ผา ทร่ี ะบายความรอนไดด ี เนื้อผา บาง เชน ผาฝา ย เปน ตน
ฤดูฝน ควรใสเส้ือผาท่ีแหง เร็ว เน้ือผาไมหนาจนเกนิ ไป เม่อื ถกู ละอองฝน
1. เสอ้ื กลาม กางเกงขาสั้น
2. เสื้อยดื คอกลม กางเกงขายาว จะแหงไดงา ย เชน ผา ฝาย ผาชฟี อง เปนตน
3. เสื้อกนั หนาว กางเกงขายาว ฤดูหนาว ควรใสเสื้อผา ท่มี ีความหนาและเพิม่ ความอบอนุ ใหแกรางกายได เชน
4. เสอ้ื ยืดคอกลม ผา พนั คอ กางเกงขาสน้ั
วเิ คราะหคาํ ตอบ ในชว งวนั หยุดปใ หม คอื ปลายเดอื นธนั วาคมถึง ผา ไหมพรม เปน ตน
ตน เดอื นมกราคม เปนชว งฤดหู นาวของประเทศไทยและจงั หวดั ในทาง
ภาคเหนือจะมอี ณุ หภูมติ า่ํ กวาภาคอื่นโดยเฉพาะบนยอดดอยหรอื ภูตางๆ
เราจึงควรสวมใสเสอื้ ผาหนาๆทใ่ี หค วามอบอนุ แกร างกายได ดงั นนั้

ขอ 3. จึงเปนคาํ ตอบท่ถี กู

คมู อื ครู 37

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. เมอ่ื แตละกลุมรแู ละเขา ใจขอมูลท่ีกลมุ ของตน ๒. รักษาฟนใหแ้ ขง็ แรง และแปรงฟนทกุ วนั อยา่ งถูกต้อง
รวมกนั สืบคน และแสดงความคิดเหน็ ไวแ ลว
ใหถ ือวา ตนเองเปน ผูเช่ียวชาญหลกั สุขบญั ญัติ • แปรงฟนั ให้สะอาดอย่างท่ัวถงึ ทุกซ่ี ทุกดา้ น นาน ๒ นาทขี นึ้ ไป
แหงชาติขอ ท่ีตนเองได โดยแปรงทุกวนั หลงั ตนื่ นอนตอนเชา้ และก่อนเข้านอนตอนกลางคนื
• เลือกใชย้ าสีฟันทมี่ สี ่วนผสมของฟลูออไรด์
2. ครูใหน กั เรยี นแบง กลุมใหม กลมุ ละ 10 คน
โดยแตละกลมุ จะมีตัวแทนจากหลกั สขุ บัญญตั ิ วิธีแปรงฟนใหส ะอาด
แหงชาติครบทง้ั 10 ขอ
๑ การแปรงฟน บน ขยับแปรงไปมา ๔ - ๕ ครง้ั ปดั ขนแปรงลง
3. ผเู ช่ียวชาญแตล ะหัวขออธิบายใหคนในกลุม ใหค้ รบทุกซ่ี
เขา ใจหลักสขุ บัญญัตแิ หง ชาติขอที่ตนเองได หงายแปรงขน้ึ
เอียงท�ามมุ เลก็ นอ้ ย

๒ การแปรงฟนล่าง ขยับแปรงไปมา ๔ - ๕ คร้ัง ปดั ขนแปรงขึน้
ใหค้ รบทุกซี่
คว�า่ แปรงลง
เอยี งท�ามมุ เล็กน้อย

๓ การแปรงฟน ดา้ นบดเคยี้ ว ๔ การแปรงลน้ิ ๕ การบว้ นปาก
ถแู ปรงไปมา ๔ - ๕ ครง้ั ปดั ขนแปรง ๑ - ๒ ครง้ั
บว้ นดว้ ยนา้� สะอาด

• ลา้ งแปรงสฟี นั ใหส้ ะอาดทกุ ครงั้ หลงั แปรงฟนั เคาะหรอื สะบดั และ
วางตงั้ ข้นึ หร•ือ แกขินวผนักใแนลทะที่ ผมี่ ลีอไมา1ก้ าเพศถ่อื ่าชยว่ เยทเสริมสรา้ งฟนั ใหแ้ ข็งแรง และมเี สน้ ใย
ท�าความสะอาดฟัน
• หลกี เลยี่ งการกนิ ลกู อม ขนมหวาน ทอฟฟ ี หรอื ขนมหวานเหนยี ว
• บ้วนปากใหส้ ะอาดทกุ ครัง้ หลังกินอาหาร
• ไม่ใช้ฟนั กดั ขบ ของแข็งๆ หรอื ใช้ฟนั ผดิ หนา้ ท่ ี เช่น เปดิ ฝาขวด
3๘ กัดดินสอ กดั• ปพากบกทาัน ตฉแีกพถุงทพยลเ์ พาส่อื ตตกิรว กจัดสุขเสภน้ าดพา้ ใยน ชเปอ่ ็นงปตาน้ กปีละ ๒ คร้งั 2

นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
เลอื กคาํ ตอบ 3 คําตอบ ที่เปนวิธดี ูแลสขุ ภาพฟน ตามหลักสขุ บญั ญัติ
1 ผักและผลไม มปี ระโยชนตอ ฟน เชน แหง ชาติไดถกู ตอ ง
• อาหารที่มีเสนใยสงู จะชว ยทาํ ความสะอาดฟน ไดแ ก ผักและผลไม 1. ตวั้ กินฝร่ังกอนนอนทกุ ครั้งเพ่ือเสริมสรา งฟนใหแ ขง็ แรง
เชน แตงกวา ชมพู ฝรง่ั มะเขอื เทศ เปนตน 2. ตัม้ แปรงฟนทกุ ครง้ั หลงั กนิ อาหารเสรจ็ เพือ่ ใหฟ นสะอาด
• อาหารท่มี ีวิตามินซี มีประโยชนใ นการรกั ษาเหงือก ฟน และกระดกู 3. โตงตรวจสุขภาพฟน ทุกๆ 6 เดอื นเพือ่ สุขภาพฟนทดี่ ี
เชน สม สบั ปะรด ฝรัง่ กะหลา่ํ ปลี เปน ตน 4. แตงแปรงลิ้นทุกครัง้ หลังแปลงฟน เพอื่ ใหช อ งปากสะอาด
วเิ คราะหคาํ ตอบ เราควรแปรงฟน กอ นนอนทกุ ครั้ง หรอื เมื่อกนิ อาหาร
2 ตรวจสขุ ภาพในชอ งปากปละ 2 คร้งั หรอื ทกุ ๆ 6 เดอื น เสร็จแลว และควรแปรงล้ินทุกครงั้ หลังแปรงฟน เพราะลิน้ เปน แหลง สะสม
ของเชอื้ โรคไดเ ชน กัน และเราควรไปพบทันตแพทยปล ะ 2 คร้ัง หรือทุกๆ
6 เดอื น การกนิ ฝร่งั เปนสิง่ ทดี่ ี เพราะฝรัง่ มวี ิตามินซีสูง ดีตอ ฟน แตเ รา
ไมค วรกินกอนเขานอน โดยไมแ ปรงฟน เพราะอาจจะทําใหฟ นผไุ ด
ดงั นน้ั ขอ 2., 3., และ 4. จงึ เปน คําตอบทถี่ ูก

38 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๓. ลา้ งมอื ให้สะอาด1กอ่ นกินอาหารและหลงั ขบั ถ่าย 1. ครูอธบิ ายความรูเพิม่ เติมการปฏบิ ตั ติ าม
หลกั สขุ บญั ญตั ิแหง ชาติ
• ล้างมือใหส้ ะอาดอย่างถูกวธิ ีด้วยน�้าสะอาดและสบู่ทกุ ครง้ั
2. ใหแ ตละกลุมแตง เพลงเกยี่ วกบั สขุ บัญญัติ
ล้างมอื กอ่ น ลา้ งมือหลงั แหง ชาติ แลวนําเสนอหนาช้ันเรยี น
• กินอาหาร • เขา้ หอ้ งนา�้
• เตรยี มและปรงุ อาหาร • ไอ จาม หรอื สั่งนา�้ มกู 3. ใหแ ตล ะกลมุ จัดทําโปสเตอรส ุขบญั ญัติ
• สัมผัสผปู้ ว่ ย หรอื เดก็ ออ่ น • จับตอ้ งอาหารดิบ วตั ถุดิบท่ีใช้ปรุงอาหาร โดยมีเน้อื เพลงและภาพประกอบสวยงาม
• ทา� กิจกรรมท่สี มั ผัสตา • เย่ยี มผปู้ ว่ ย
ปาก จมูก ใบหนา้ • สัมผสั สตั ว์ทุกชนิด
• เมอื่ รวู้ ่ามือเปอ น หรือหยิบจบั สิง่ สกปรก
• เดินทางถึงจดุ หมาย เช่น ถงึ บ้าน หรือโรงเรยี น เปน็ ตน้

• หา้ มใชม้ อื ที่ไมไ่ ดล้ า้ งจบั ตอ้ งบรเิ วณใบหนา้ เพราะจะทา� ใหเ้ ชอ้ื โรค
เข้าสู่ร่างกายทางเย่ือบุจมูกและตา รวมทั้งท�าให้ใบหน้าสกปรก และมีโอกาส
เกิดสิว
• ล้างมือใหส้ ะอาดดว้ ยวิธีการ ๗ ขนั้ ตอน โดยทุกขน้ั ตอนทา� ๕ ครั้ง
และทา� สลับกนั ท้ัง ๒ ข้าง ท้ังมอื ซ้ายและมอื ขวา

ñ ฝา มอื ถกู นั ò ฝา มือถูหลังมอื ó ฝามอื ถฝู ามือ

และน้ิวถซู อกน้วิ และนว้ิ ถูซอกน้วิ

เทนา้ํ ยาลา งมอื õ ถูน้วิ หวั แมมือ ö ปลายนิว้ ÷ ถรู อบขอ มอื
ลงบนฝามือ
โดยรอบดวยฝา มือ ถูขวางฝา มือ
ô หลังน้ิวมือ

ถูฝา มอื

3๙

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ใหน กั เรยี นทําแผนภาพวิธกี ารปฏบิ ตั ิตามหลกั สขุ บญั ญัตแิ หง ชาติ 1 ลา งมอื ใหส ะอาด
โดยเลือกมาเพียง 1 ขอ จาก 10 ขอ แลวเจาะจงเฉพาะเรื่องเพอ่ื นํามา • กอนกนิ อาหาร เพ่อื ปอ งกนั เชอ้ื โรคท่ีอยูบ นมือเขา สรู า งกายทางปาก ถา เรา
ทาํ เปนแผนภาพ ตกแตง ใหสวยงามแลว นาํ มาสง ครู ตวั อยา งเชน หยิบจบั อาหารเขา ปาก
• หลังขับถา ย เพ่อื ปอ งกนั การแพรเ ช้ือโรคหรอื ไขพ ยาธทิ ่ีตดิ อยูบนมือเขา สู
ขอทเี่ ลอื ก คือ ขอ 4 กนิ อาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และ รางกาย หรอื กระจายไปยงั ส่งิ ท่เี ราจบั ตอ ง
หลีกเล่ียงอาหารทม่ี ีรสจดั สฉี ูดฉาด

เร่อื งทเ่ี ลอื ก คือ อาหาร 5 หมู เปน ตน

คูม อื ครู 39

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูถามนกั เรยี นวา ถา นักเรยี นไมปฏบิ ตั ติ าม ๔. กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลี่ยง
สุขบัญญตั แิ หง ชาติ ผลจะเปนอยางไรบา ง อาหารรสจดั สีฉดู ฉาด
(เร่มิ ทลี ะขอ ต้งั แตขอ 1 - 10 ตามลาํ ดบั )
• กินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ ถูกหลักโภชนาการ โดยกินในปริมาณ
2. ใหน ักเรียนแตล ะกลมุ เขยี นแผนผงั ความคดิ ท่ีเหมาะสมกับอายุ เพศ และกิจกรรมประจา� วัน
แสดงผลของการไมป ฏบิ ตั ิตามหลักสขุ บญั ญตั ิ
แหง ชาตใิ นหวั ขอ ท่ีกลุมของตนได

3. ครูและนักเรียนรว มกนั สรปุ ความสําคัญของ
การปฏิบตั ติ นตามหลกั สขุ บัญญัตแิ หง ชาติ

หมูท่ ่ี ๑ หมูท่ ี่ ๒ หม่ทู ี่ ๓ หมู่ท ี่ ๔ หมู่ที่ ๕

• ดืม่ นมวนั ละ ๒ - ๓ แก้ว และด่มื น�า้ สะอาดอยา่ งน้อยวันละ ๘ แกว้
• กินอาหารท่ปี รุงสุกใหม่ๆ ไมก่ นิ อาหารกง่ึ สกุ ก่ึงดิบ
• หลกี เลยี่ งการกนิ อาหารรสจดั เชน่ กนิ หวานมาก เสยี่ งตอ่ การเกดิ
โรคอว้ น โรคเบาหวาน กนิ เคม็ มาก เสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคความดนั โลหติ สงู เปน็ ตน้
• ไม่กนิ อาหารประเภทหมกั ดอง อาหารที่ใสส่ ีฉูดฉาด เพราะมีสาร
อนั ตรายตอ่ สุขภาพ
• ใช้ชอ้ นกลางในการกนิ อาหารร่วมกบั ผู้อ่นื
• ใช้ฝาชคี รอบอาหาร ปอ้ งกนั แมลงวันตอมอาหาร

๕. งดบหุ ร ่ี สุรา สารเสพติด การพนัน และการส�าส่อนทางเพศ

• ไม่สูบบุหร ี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนนั และไมส่ �าสอ่ นทางเพศ
• สรา้ งเสรมิ ค่านิยม การรักเดียวใจเดียว รักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสกุ -
กอ่ นหา่ ม และมีคู่ครองเมอ่ื ถึงเวลาอนั สมควร

๖. สร้างความสัมพันธ์ในครอบครวั ให้อบอนุ่

• หาโอกาสทา� กจิ กรรมรว่ มกนั มเี วลาใกลช้ ดิ กนั ในครอบครวั อยเู่ สมอ
• เคารพเชอ่ื ฟังผู้ทีม่ อี าวุโสกวา่
• มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในครอบครวั
• ใหค้ วามสา� คญั และใหเ้ กยี รตกิ นั มนี า�้ ใจ เปน็ หว่ ง และถนอมนา้� ใจกนั
• เมอ่ื มปี ญั หาเกดิ ขน้ึ ควรพดู คยุ กนั ปรกึ ษา และแกไ้ ขปญั หารว่ มกนั
40 • สง่ เสริมค่านิยมการมคี วามสุขรว่ มกันในครอบครวั

มุม IT ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
ถา เกดิ โรคทอ งรวงระบาด นักเรียนจะใชห ลักสุขบญั ญตั แิ หงชาติ
ครใู หน กั เรียนชมสือ่ การต ูนแอนเิ มชันเก่ยี วกบั สุขบัญญัติแหงชาติ 10 ประการ ในการปองกันตนเองจากโรคทอ งรว งไดอ ยางไร
ไดที่ http://www.info.thaihealth.or.th/videos 1. กนิ อาหารครบ 5 หมู
2. ไมกินอาหารที่มสี ีสนั ฉดู ฉาด
บูรณาการอาเซียน 3. ลางมือทุกคร้ังกอนกินอาหาร
4. ดม่ื นา้ํ อยา งนอ ยวนั ละ 6 แกว
ครูใหนกั เรยี นสืบคน ขอมูลอาหารของแตล ะประเทศในกลมุ อาเซยี น จากนน้ั วเิ คราะหค าํ ตอบ โรคทอ งรว งเกดิ จากการกนิ อาหารไมส ะอาด เราจงึ ควร
เลอื กอาหารมา 1 ชนิด แลว บอกวาอาหารทน่ี กั เรยี นเลอื กมีสว นประกอบอะไรบา ง เลอื กใชห ลกั สขุ บญั ญตั แิ หง ชาติ ขอ 3. และขอ 4. มาปฏบิ ตั ิ โดยกนิ อาหาร
และมสี ารอาหารครบ 5 หมูห รอื ไม โดยจัดทาํ เปน ใบงานสงครู ทปี่ รงุ สกุ ใหมๆ ไมม แี มลงวนั ตอม และลา งมอื ทกุ ครง้ั กอ นกนิ อาหาร เพอ่ื
ปอ งกันเชื้อโรคเขา สูรา งกาย ดงั นนั้ ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบทถ่ี กู

40 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๗. ปอ้ งกนั อุบัตภิ ยั ดว้ ยการไม่ประมาท ครูใหน กั เรียนคดิ วิธเี ชิญชวนใหคนใน
ครอบครัว หรือคนทีน่ ักเรียนรูจ ักในโรงเรยี นหรือ
• ระมดั ระวังในการปอ้ งกันอบุ ัตภิ ัยในบ้าน เชน่ ไฟฟา้ เตาแก๊ส ของ ชุมชน เห็นความสําคญั และปฏิบตั ติ ามหลัก
มคี ม การจดุ ธปู เทยี นบชู าพระ ไมข้ ดี ไฟ เปน็ ตน้ สุขบัญญตั แิ หง ชาตเิ พ่อื การมสี ุขภาพทีด่ ี
• ระมัดระวังในการป้องกันอุบัติภัยในที่สาธารณะ เช่น ปฏิบัติตาม
กฎแหง่ ความปลอดภัยจากการจราจรทางบก ทางน้�า เป็นตน้

๘. ออกกา� ลงั กายอยา่ งสม�่าเสมอ และตรวจสขุ ภาพประจ�าปี

• ออกกา� ลงั กายอยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ ๓ ครง้ั โดยเลอื กออกกา� ลงั กาย
ตามความเหมาะสมกับสภาพรา่ งกายและวยั
• ออกกา� ลังกายหรอื เล่นกีฬาดว้ ยความสนุกสนาน
• ตรวจสขุ ภาพโดยแพทย์ หรือเจา้ หนา้ ท่สี าธารณสขุ อย่างนอ้ ยปีละ
๑ ครัง้

๙. ท�าจติ ใจใหร้ ่าเริงแจ่มใสอยูเ่ สมอ

• มองโลกในแงด่ ี คดิ ในแง่บวก รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
• พกั ผ่อนให้เพียงพอ
• รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง และฝึกทักษะการจัดการกับอารมณ์
ของตนเอง
• เมอ่ื เกดิ ปญั หาใหป้ รกึ ษาพอ่ แม ่ ญาตผิ ใู้ หญ ่ หรอื คนสนทิ ที่ไวใ้ จได้

๑๐. มีส�านึกตอ่ สว่ นรวม รว่ มสรา้ งสรรค์สังคม

• ใช้ทรัพยากรอยา่ งประหยดั เช่น ปดิ ไฟเมอ่ื ไม่ใช้แล้ว เปน็ ต้น
• อนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาสงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ ปา่ ไม ้ แหลง่ นา�้ สตั วป์ า่ เปน็ ตน้
และหลีกเล่ียงการใช้วัสดุอุปกรณ์ท่ีก่อให้เกิดมลภาวะต่อส่ิงแวดล้อม เช่น โฟม
พลาสติก เปน็ ต้น
• แยกขยะเพ่ือลดปริมาณขยะ และการน�าวัสดุบางอย่างหมนุ เวยี น
กลบั มาใช้ใหม่
• มีส�านึกในการป้องกันการแพร่กระจายของเช้ือโรคไปสู่บุคคลอื่น
เช่น ใสห่ นา้ กากอนามยั เมอื่ เปน็ หวดั เป็นต้น

41

ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT บูรณาการอาเซยี น

นกั เรียนจะมีสวนรวมในการใชว สั ดุอุปกรณทไ่ี มก อ ใหเ กดิ มลภาวะ ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ประเทศสมาชิกอาเซียนไดใหความสนใจกับปญหาสขุ ภาพ
ตอสิง่ แวดลอ มไดอยา งไร ที่คกุ คามประชาชนในประเทศ ซงึ่ มีความคลา ยคลงึ กนั ใน 3 เรื่องใหญ ไดแก
แนวตอบ ใชวัสดทุ ที่ าํ จากธรรมชาตแิ ทนวสั ดทุ ที่ าํ จากพลาสติก เชน
ใชใบตองหรอื กระดาษหออาหารแทนถงุ พลาสตกิ ใชถ งุ ผา หรอื ตะกรา 1. โรคไมตดิ ตอ ท่ีสาํ คัญคือ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู และการเพ่มิ
มาใสของแทนถงุ พลาสตกิ เปนตน การเขาถงึ บรกิ ารโดยเฉพาะการปองกนั เพอื่ ใหเขาสกู ระบวนการรกั ษาโดยเรว็ ท่สี ดุ
เพ่อื ลดความรุนแรงของโรค
กจิ กรรมสรา งเสรมิ
2. การควบคุมบุหรี่ โดยเฉพาะมาตรการเรื่องภาษี เรือ่ งขอตกลงการคาเสรี
ใหน กั เรยี นเลือกหลักสขุ บญั ญตั แิ หงชาติมา 2 ขอ แลว เขียนแผนผงั เร่อื งซีเอสอาร (CSR: Corporate Social Responsibility) หรือการรบั ผิดชอบตอ
ความคดิ แสดงผลของการไมป ฏบิ ตั ติ ามหลกั สขุ บญั ญตั แิ หง ชาติ ขอ ทเี่ ลอื กมา สังคม และการควบคุมบุหรีเ่ ถอื่ น

3. การควบคุมการบรโิ ภคเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล ซงึ่ เปนสาเหตขุ องการเกดิ มะเรง็
โรคหัวใจและหลอดเลอื ด ปญ หาสุขภาพจิต อุบตั ิเหตทุ างถนน และความรนุ แรงใน
สังคมและครอบครัว

คมู อื ครู 41


Click to View FlipBook Version