เอกสารประกอบคมู อื ครู
กลมุ สาระการเรยี นรู สุขศกึ ษาและพลศึกษา
สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สาํ หรับครู
5ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี
ลักษณะเดน คูมือครู Version ใหม
ขยายพืน้ ที่รปู เลม ใหญข้นึ กวา เดมิ จดั แบงพน้ื ทีอ่ อกเปนโซน
เพ่ือคน หาขอมูลไดงา ย สะดวก รวดเร็ว และดเู ปน ระเบยี บ
กระตนุ Enคgวagาeมสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explore
เปา หมายการเรยี นรู
สมรรถนะของผูเ รียน
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค
โซน 1 หนา หนา โซน 1
หนังสือเรียน หนังสือเรียน
กระตนุ ความสนใจ Engage
สาํ รวจคน หา Explore
อธบิ ายความรู Explain
ขยายความเขา ใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอ สอบเนน กาNรTคิด เกร็ดแนะครู
แนว
นกั เรียนควรรู
ขอสอบ O-NET
บรู ณาการเชือ่ มสาระ โซน 2
โซน 2 โซน 3
โซน 3 บเศูรณราษกาฐรกิจพอเพียง
กจิ กรรมสรา งเสรมิ
กจิ กรรมทาทาย บรู ณาการอาเซียน
No. คูมอื ครู มุม IT
คมู อื ครู No.
โซน 1 ข้ันตอนการสอนแบบ 5Es โซน 2 ชว ยครเู ตรยี มสอน โซน 3 ชวยครูเตรยี มนักเรียน
เพ่อื ใหครเู ตรียมจดั กจิ กรรมการเรยี น เพือ่ ชวยลดภาระครผู สู อน โดยแนะนาํ เพอ่ื ใหค รสู ะดวกตอ การจดั กจิ กรรม โดยแนะนาํ
การสอน โดยแนะนาํ ขั้นตอนการสอนและ เกร็ดความรูสาํ หรับครู ความรูเสริมสาํ หรบั กิจกรรมบูรณาการเช่ือมระหวางกลุมสาระ วิชา
การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด นกั เรยี น รวมทง้ั บรู ณาการความรสู อู าเซยี น กจิ กรรมสรา งเสรมิ กจิ กรรมทา ทาย รวมถงึ เนอื้ หา
เพอื่ ใหนกั เรียนบรรลตุ ามตวั ชวี้ ดั และมุม IT ทเ่ี คยออกขอ สอบNT/O-NET เกง็ ขอ สอบNT/O-NET
และแนวขอสอบเนนการคิด พรอ มคําอธบิ าย
และเฉลยอยา งละเอียด
แถบสีและสัญลักษณ ที่ใชในคูมอื ครู
1. แถบสี 5Es แถบสีแสดงข้ันตอนการสอนและการจัดกิจกรรม
แบบ 5Es เพือ่ ใหค รูทราบวาเปนขั้นการสอนขัน้ ใด
สีแดง สีเขยี ว
สีสม สฟี า สีมว ง
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
2เสรม� Engage Explore Explain Expand
Evaluate
• เปนข้นั ทผ่ี สู อนเลอื กใช • เปน ขั้นทผี่ สู อน • เปนข้นั ทผ่ี ูสอน • เปน ขั้นทผี่ สู อน
เทคนคิ กระตุน ใหผ ูเรียนสาํ รวจ • เปน ขน้ั ที่ผสู อน
ความสนใจ เพื่อโยง ปญ หา และศึกษา ใหผเู รยี นคนหา ใหผูเรียนนาํ ความรู
เขาสูบทเรียน ขอ มลู คําตอบ จนเกดิ ความรู ไปคดิ คน ตอๆ ไป ประเมินมโนทัศน
เชิงประจกั ษ ของผเู รียน
2. สัญลักษณ
สญั ลกั ษณ วตั ถปุ ระสงค สญั ลกั ษณ วตั ถปุ ระสงค
• แสดงเปา หมายการเรียนรทู ีน่ กั เรยี น ขอสอบ O-NET • ชแี้ นะเนอื้ หาทเี่ คยออกขอ สอบ
ตอ งบรรลตุ ามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ (เฉพาะวชิ า ชน้ั ทสี่ อบ O-NET) O-NET โดยยกตวั อยา งขอ สอบ
ท่จี ะตองมี และคณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ เกิดขึ้น พรอ มวเิ คราะหค าํ ตอบ
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT อยา งละเอยี ด
เปา หมายการเรยี นรู กับนักเรียน
• เปน ตวั อยา งขอ สอบทม่ี งุ เนน
หลกั ฐานแสดง • แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน
ผลการเรยี นรู การคดิ ใหค รนู าํ ไปใชไ ดจ รงิ
เกรด็ แนะครู ทีค่ รูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรยี นรู รวมถงึ เปน การเกง็ ขอ สอบ O-NET
ตามตวั ชีว้ ดั ทจ่ี ะออก มที ง้ั ปรนยั - อตั นยั
พรอ มเฉลยอยา งละเอยี ด
• แทรกความรเู สรมิ สําหรับครู ขอ เสนอแนะ
ขอ สอบเนน กาNรTคดิ • แนวขอ สอบ NT ในระดบั
ขอควรระวัง ขอ สังเกต แนวทางการจัด แนว
กจิ กรรมและอนื่ ๆ เพ่ือประโยชนในการ ประถมศกึ ษา มที ง้ั ปรนยั - อตั นยั
จดั การเรยี นการสอน พรอ มเฉลยอยา งละเอยี ด
• ขยายความรูเพ่ิมเตมิ จากเนื้อหา เพอ่ื ให (เฉพาะวชิ า ชน้ั ทสี่ อบ NT)
นักเรียนควรรู ครนู ําไปใชอ ธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน กั เรียน • แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม
ไดมีความรูมากขนึ้
บรู ณาการเช่ือมสาระ เชอ่ื มกบั กลมุ สาระ ชน้ั
หรอื วชิ าอน่ื ทเี่ กย่ี วขอ ง
• กจิ กรรมเสรมิ สรา งพฤติกรรมและปลูกฝง
คา นยิ มตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
บูรณาการ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
• แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม
• ความรหู รอื กจิ กรรมเสรมิ ใหค รนู าํ ไปใช กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ซอ มเสรมิ สาํ หรบั นกั เรยี น
เตรยี มความพรอ มใหก บั นกั เรยี นกอ นเขา สู ทย่ี งั ไมเ ขา ใจเนอื้ หา
ประชาคมอาเซยี นใน พ.ศ. 2558 โดย
• แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม
บูรณาการอาเซยี น บรู ณาการกบั วชิ าทกี่ าํ ลงั เรยี น
ตอ ยอดสาํ หรบั นกั เรยี นทเ่ี รยี นรู
• แนะนําแหลง คนควาจากเว็บไซต เพอ่ื ให กิจกรรมทา ทาย เนอ้ื หาไดอ ยา งรวดเรว็ และ
ตอ งการทา ทายความสามารถ
ครแู ละนกั เรยี นไดเขา ถึงขอมลู ความรู ในระดบั ทสี่ งู ขนึ้
มุม IT ทห่ี ลากหลาย ทง้ั ไทยและตางประเทศ
คมู อื ครู
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวฏั จกั รการเรยี นรู 5Es
ข้ันตอนการสอนที่สัมพันธกับข้ันตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ
วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซ่ึงผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย
ตามลาํ ดับขัน้ ตอนการเรยี นรู ดงั นี้
ข้นั ที่ 1 กระตุน ความสนใจ (Engage) เส3ร�ม
เปน ขน้ั ทผี่ สู อนนาํ เขา สบู ทเรยี น เพอื่ กระตนุ ความสนใจของผเู รยี นดว ยเรอื่ งราวหรอื เหตกุ ารณท นี่ า สนใจโดยใชเ ทคนคิ วธิ กี ารสอน
และคําถามทบทวนความรหู รือประสบการณเ ดมิ ของผเู รยี น เพอื่ เชือ่ มโยงผเู รยี นเขา สูค วามรขู องบทเรียนใหม ชวยใหผ เู รียนสามารถ
สรปุ ประเด็นสาํ คญั ทเ่ี ปน หวั ขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จงึ เปนขน้ั ตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรยี มความพรอม
และสรา งแรงจงู ใจใฝเรียนรแู กผเู รียน
ขน้ั ที่ 2 สาํ รวจคนหา (Explore)
เปน ขนั้ ทผี่ สู อนเปด โอกาสใหผ เู รยี นลงมอื ศกึ ษา สงั เกต หรอื รว มมอื กนั สาํ รวจ เพอื่ ใหเ หน็ ขอบขา ยของปญ หา รวมถงึ วธิ กี ารศกึ ษา
คน ควา การรวบรวมขอมลู ความรทู ี่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเดน็ ปญ หาน้ันๆ เม่อื ผูเรียนทาํ ความเขาใจในประเดน็ หัวขอที่จะ
ศกึ ษาคนควา อยางถอ งแทแลว กล็ งมือปฏบิ ตั เิ พ่ือเกบ็ รวบรวมขอ มูลความรู สาํ รวจตรวจสอบ โดยวธิ กี ารตางๆ เชน สมั ภาษณ ทดลอง
อานคน ควาขอมลู จากเอกสาร แหลง ขอ มลู ตางๆ จนไดข อมูลความรูตามทีต่ ้ังประเดน็ ศึกษาไว
ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู (Explain)
เปนข้นั ทีผ่ ูสอนมีปฏิสัมพันธก บั ผเู รยี น เชน ใหการแนะนํา ตั้งคาํ ถามกระตุนใหค ิด เพ่ือใหผูเรยี นคน หาคําตอบ และนําขอมูล
ความรูจากการศึกษาคนควาในข้ันที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลท่ีไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน
เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนน้ีฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและ
สังเคราะหอยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ (Expand)
เปนขน้ั ทผ่ี สู อนเลือกใชเทคนคิ วิธีการสอนตา งๆ ทส่ี ง เสริมใหผเู รยี นนาํ ความรูท ีเ่ กดิ ขึน้ ไปคดิ คน สืบคน ตอๆ ไป เพอื่ พฒั นาทักษะ
การเรียนรแู ละการทาํ งานรวมกันเปนกลมุ ระดมสมองเพอื่ คดิ สรางสรรครวมกนั ผูเรียนสามารถนําความรทู ีส่ รางขน้ึ ใหมไปเชอ่ื มโยง
กบั ประสบการณเ ดมิ โดยนาํ ขอ สรปุ ทไ่ี ดไ ปใชอ ธบิ ายเหตกุ ารณต า งๆ หรอื นาํ ไปปฏบิ ตั ใิ นสถานการณใ หมๆ ทเี่ กย่ี วขอ งกบั ชวี ติ ประจาํ วนั
ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางย่ิงข้ึน ในข้ันตอนน้ีฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเร่ิมสรางสรรคอยางมี
คณุ ภาพ เสรมิ สรางวิสัยทศั นใหก วางไกลออกไป
ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
เปน ขนั้ ทผ่ี สู อนประเมนิ มโนทศั นข องผเู รยี น โดยตรวจสอบจากความคดิ ทเ่ี ปลย่ี นไปและความคดิ รวบยอดทเี่ กดิ ขน้ึ ใหม ตรวจสอบ
ทักษะ กระบวนการปฏบิ ัติ การแกป ญหา การตอบคาํ ถามรวบยอด และการเคารพความคดิ หรอื ยอมรับเหตุผลของคนอน่ื เพอ่ื การ
สรา งสรรคค วามรรู ว มกนั ผเู รยี นสามารถประเมนิ ผลการเรยี นรขู องตนเอง เพอื่ สรปุ ผลวา มคี วามรอู ะไรเพมิ่ ขนึ้ มาบา ง เกดิ ความเขาใจ
มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลาน้ันไปประยุกตใชในการเรียนรูเร่ืองอื่นๆ ไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติและเห็นคุณคาของ
ตนเองจากผลการเรยี นรูทีเ่ กดิ ข้ึน ซ่งึ เปน การเรียนรทู ่มี คี วามสขุ อยางแทจริง
การจัดกจิ กรรมการเรียนรตู ามขัน้ ตอนวฏั จกั รการสรางความรูแ บบ 5Es จึงเปน รูปแบบการเรียนการสอนท่เี นน
ผเู รยี นเปน สาํ คญั อยา งแทจ รงิ เพราะสง เสรมิ ใหผ เู รยี นไดล งมอื ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการสรา งความรดู ว ยตนเอง
และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลมุ อยางชํานาญ กอใหเกดิ ทกั ษะชีวิต ทกั ษะการทาํ งานและทกั ษะการ
เรยี นรทู ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สง ผลตอ การยกระดบั ผลสมั ฤทธข์ิ องผเู รยี น ตามเปา หมายของการปฏริ ปู การศกึ ษาทศวรรษที่ 2
(พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ
คมู อื ครู
คําอธิบายรายวิชา กลมุ สาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา
ภาคเรยี นที่ 1-2
รายวชิ า สขุ ศึกษาและพลศึกษา
ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี 5 เวลา 80 ชว่ั โมง/ป
รหัสวิชา พ…………………………………
เส4ร�ม อธบิ าย ระบุ แสดง คนหา วิเคราะห ความสําคญั ของระบบยอยอาหาร และระบบขบั ถาย ที่มีผลตอ
สุขภาพ การเจริญเติบโต และพัฒนาการ วิธีดูแลระบบยอยอาหาร และระบบขับถายใหทํางานตามปกติ
การเปลย่ี นแปลงทางเพศ การปฏบิ ตั ติ นไดเ หมาะสม ความสาํ คญั ของครอบครวั พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคแ ละไม
พงึ ประสงค ในการแกไ ขปญ หาความขดั แยง ในครอบครวั และกลมุ เพอื่ น หลกั การเขา รว มกจิ กรรมนนั ทนาการ
พฤติกรรมท่ีเห็นความสําคัญของการปฏิบัติตนตามสุขบัญญัติแหงชาติ ขอมูลขาวสารเพื่อใชสรางเสริม
สขุ ภาพ สอื่ โฆษณาในการตดั สนิ ใจเลอื กซอื้ อาหารและผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพ ปจ จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ การใชส ารเสพตดิ
ผลกระทบของการใชยาและสารเสพติดทม่ี ีผลตอ รางกาย จิตใจ อารมณ สงั คม และสติปญ ญา อทิ ธิพลของ
สือ่ ท่มี ตี อ พฤตกิ รรมสุขภาพ
ปฏิบัติตนเพ่ือความปลอดภัยจากการใชยา และหลีกเลี่ยงสารเสพติด การปองกันโรคท่ีพบบอยใน
ชวี ติ ประจาํ วนั การปองกนั อันตรายจากการเลนกีฬา
มีทักษะในการปฏิบัติ ควบคุม ทดสอบ กิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน เกมนําไปสูกีฬา
กิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบผลัด การเคล่ือนไหวในเร่ืองการรับแรง การใชแรง และความสมดุล กีฬาไทย
และกีฬาสากล ประเภทบุคคลและประเภททีม เกมที่ใชทักษะการคิดและตัดสินใจ กฎ กติกาการเลนเกม
กฬี าไทยและกีฬาสากลสมรรถภาพทางกาย
โดยใชทักษะกระบวนการปฏิบัติ ทักษะการเคลื่อนไหวรางกาย กระบวนการคิด ในการสืบคนขอมูล
การแกปญ หา และการอภิปราย
เพ่ือใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ
และนาํ ความรไู ปประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วนั มกี ารพฒั นาทางดา นรา งกาย จติ ใจ อารมณ สงั คม และมจี รยิ ธรรม
คุณธรรม และคา นยิ มที่เหมาะสม
ตัวชี้วดั
พ 1.1 ป.5/1 ป.5/2
พ 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3
พ 3.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ป.5/6
พ 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4
พ 4.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
พ 5.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
รวม 25 ตัวชีว้ ดั
คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
˹§Ñ Ê×ÍàÃÂÕ ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾é¹× °Ò¹
ÊØ¢ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ ».õ
ª¹éÑ »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»·‚ èÕ õ
¡ÅØÁ‹ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 梯 ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ
µÒÁËÅ¡Ñ ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢Ñé¹¾×¹é °Ò¹ ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ
¼àÙŒ ÃÕºàÃÕ§
¹ÒÂªÙªÒµÔ ÃÍ´¶ÒÇÃ
¹ÒÂÀÒʡà ºÞØ ¹ÂÔ Á
¼ÙŒµÃǨ
¹Ò§ÊÁØ ÒÅÕ ¢ÍÁã¨à¾çªÃ
¹Ò§ªÞÒ´Ò ÊØ¢àÊÃÁÔ
¹Ò¾Թ¨Ô ˧ÉÀ Ù‹
ºÃóҸԡÒÃ
¹ÒºÞÑ ªÒ ªÒŒ §¾§É
¾ÔÁ¾¤ Ãé§Ñ ·èÕ ñòð
ʧǹÅÔ¢Ê·Ô ¸Ôµì ÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ Ô
ISBN : 978-616-203-508-1
ÃËÊÑ ÊÔ¹¤ÒŒ ñõññôôððððôò
¾ÁÔ ¾¤Ãé§Ñ ·Õè ñð
ÃËÑÊÊ¹Ô ¤ŒÒ ñõôôðññ
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
คําชีแ้ จงในการใชส ื่อ
ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹Ãʌ٠¢Ø È¡Ö ÉÒáÅоÅÈ¡Ö ÉÒ µÒÁËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹éÑ ¾¹é× °Ò¹
¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ È¡Ö ÉÒà¡ÂÕè Ç¡ºÑ àÃÍè× §¡ÒÃà¨ÃÞÔ àµºÔ âµ áÅо²Ñ ¹Ò¡ÒâͧÁ¹ÉØ Â ªÇÕ µÔ
áÅФÃͺ¤ÃÇÑ ¡ÒÃà¤ÅÍ×è ¹äËÇ ¡ÒÃÍÍ¡¡Òí Å§Ñ ¡Ò ¡ÒÃàŹ‹ à¡Á ¡ÌÕ Òä·Â ¡ÌÕ ÒÊÒ¡Å ¡ÒÃ
ÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ÊÁÃöÀÒ¾ ¡Òû͇ §¡¹Ñ âä áÅФÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ã¹ªÇÕ µÔ ÁàÕ »Ò‡ ËÁÒÂ
à¾Í×è ¡ÒôÒí ̤梯 ÀÒ¾ ¡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ¡Òþ²Ñ ¹Ò¤³Ø ÀÒ¾ªÇÕ µÔ ¢Í§º¤Ø ¤Å ¤Ãͺ¤ÃÇÑ
áÅЪÁØ ª¹ãËÂŒ §èÑ Â¹×
˹§Ñ ÊÍ× àÃÂÕ ¹ Ê¢Ø È¡Ö ÉÒáÅоÅÈ¡Ö ÉÒ ».õ ©ººÑ ¹Õé ÀÒÂã¹àÅÁ‹ ¹Òí àʹ͡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹
¡ÒÃÊ͹໹š ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã¤ŒÙ ú¶ÇŒ ¹µÒÁÁҵðҹµÇÑ ªÇéÕ ´Ñ ª¹Ñé »‚ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ
᡹¡ÅÒ§ â´Â๹Œ ¡ÒÃÍ͡Ẻ¡¨Ô ¡ÃÃÁãËÊŒ ÁÑ ¾¹Ñ ¸¡ ºÑ ¸ÃÃÁªÒµ¡Ô ÒÃàÃÂÕ ¹Ã¢ŒÙ ͧáµÅ‹ СÅÁ‹Ø
ÊÒÃÐ áÅФÇÒÁʹ㨢ͧ¼àŒÙ ÃÂÕ ¹áµÅ‹ Ф¹ â´Âä´»Œ ÃºÑ á¡äŒ ¢à¹Íé× ËÒã˶Œ ¡Ù µÍŒ §áÅÐÊÍ´¤ÅÍŒ §
µÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ ¤Ô ÇÒÁà·Ò‹ à·ÂÕ ÁÃÐËÇÒ‹ §à¾È ¾.È. òõõø ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ ¡Ô Òû͇ §¡¹Ñ
áÅÐá¡äŒ ¢»Þ˜ ËÒ¡Òõ§éÑ ¤ÃÃÀã ¹ÇÂÑ Ã¹‹Ø ¾.È. òõõù áÅС®ËÁÒÂ͹×è ·àèÕ ¡ÂÕè Ǣ͌ § «§Öè á¡äŒ ¢
»ÃºÑ »Ã§Ø à¹Í×é ËÒÀÒÂãµËŒ Å¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹éÑ ¾¹é× °Ò¹¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ â´Â
»ÃºÑ á¡äŒ ¢à¹Íé× ËÒã¹ÊÒÃзèÕ ñ ¡ÒÃà¨ÃÞÔ àµºÔ âµáÅо²Ñ ¹Ò¡ÒâͧÁ¹ÉØ Â ÊÒÃзÕè ò ªÇÕ µÔ
áÅФÃͺ¤ÃÇÑ ÊÒÃзèÕ ó ¡ÒÃà¤ÅÍè× ¹äËÇ ¡ÒÃÍÍ¡¡Òí Å§Ñ ¡Ò ¡ÒÃàŹ‹ à¡Á ¡ÌÕ Òä·Â áÅÐ
¡ÌÕ ÒÊÒ¡Å ÊÒÃзÕè ô ¡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ÊÁÃöÀÒ¾ áÅСÒû͇ §¡¹Ñ âä áÅÐÊÒÃÐ
·Õè õ ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ã¹ªÇÕ µÔ ੾ÒÐàÃÍè× §·àÕè ¡ÂÕè Ǣ͌ §¡ºÑ à¾ÈÇ¶Ô Õ ¤ÇÒÁà·Ò‹ à·ÂÕ ÁÃÐËÇÒ‹ §à¾È
¡Òû͇ §¡¹Ñ áÅÐá¡äŒ ¢»Þ˜ ËÒ¡Òõ§Ñé ¤ÃÃÀã ¹ÇÂÑ Ã¹‹Ø «§èÖ ä´¡Œ Òí ˹´¤Òí ÊÒí ¤ÞÑ ¤ÇÒÁËÁÒÂ
à¹Íé× ËÒ áÅеÇÑ ÍÂÒ‹ § «§èÖ ÊÒí ¹¡Ñ ÇªÔ Ò¡ÒÃáÅÐÁҵðҹ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ ÊÒí ¹¡Ñ §Ò¹¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒÃ
¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹×é °Ò¹ ÃÇ‹ Á¡ºÑ ¼·ŒÙ ç¤³Ø Ç²Ø ¨Ô ҡ˹Nj §ҹ·àÕè ¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ § áÅÐÀÒ¤»ÃЪÒ椄 ¤Á
ä´Œ¨Ñ´·íÒ¢éÖ¹ à¾×èÍ໚¹¡ÃͺáÅÐá¹Ç·Ò§ãËŒÊíҹѡ¾ÔÁ¾ãªŒã¹¡ÒûÃѺᡌ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
ã˶Œ ¡Ù µÍŒ §à»¹š ·àèÕ ¢ÒŒ 㨵ç¡¹Ñ ·¡Ø ÃдºÑ ª¹éÑ
·§éÑ ¹Õé ¡ÒÃ»ÃºÑ »Ã§Ø ˹§Ñ ÊÍ× àÃÂÕ ¹´§Ñ ¡ÅÒ‹ Ç Â§Ñ ¤§Â´Ö ¶Í× ÃÒ¡°Ò¹à´ÁÔ ¢Í§Ê§Ñ ¤Áä·Â
仾ÃÍŒ Á¡ºÑ ¡ÒÃà»ÅÂÕè ¹á»Å§¢Í§Ê§Ñ ¤ÁâÅ¡ «§èÖ ¨Ð໹š »ÃÐ⪹µ Í‹ ¹¡Ñ àÃÂÕ ¹ ¼»ŒÙ ¡¤Ãͧ ¤ÃÙ
áÅз¡Ø ¤¹ã¹Ê§Ñ ¤Á 㹡ÒÃÃÇ‹ ÁÊÃÒŒ §¤ÇÒÁà¢ÒŒ ã¨áÅÐÂÍÁÃºÑ ¡ÒÃà»ÅÂÕè ¹á»Å§·àèÕ ¡´Ô ¢¹Öé
ã¹ÈµÇÃÃÉ·Õè òñ ÍÂÒ‹ §à·Ò‹ à·ÂÕ Á仾ÃÍŒ Á¡¹Ñ
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู ๑บทท่ี สาระสําคญั
เพศวิถศี ึกษา
กาํ หนดระดบั ความรคู วามสามารถ แกนความรทู เ่ี ปน ความเขา ใจ
ของผูเรยี นเมื่อเรยี นจบหนวย กจิ กรรมนÓสูก่ ารเรียน คงทนติดตวั ผูเ รียน
ò˹‹Ç¡ÒÃàÃี¹ÃÙŒที่ สาระส�าคัญ
ªÇÕ µÔ áÅФÃͺ¤ÃÑÇ เ พศโดยก�าเนิด หมายถึง ลักษณะท่ีแสดงตาม
สรรี ะและเพศทางกายภาพ คอื เพศชาย เพศหญงิ
เปา หมายการเรยี นรูประจําหนวยท่ี ๒ ไมส่ ามารถเปล่ยี นแปลงได้
เพศสภาพ หมายถงึ ความเปน็ ผู้หญงิ และความ
เมอ่ื เรยี นจบหนว ยนี้ ผเู รยี นจะมคี วามรคู วามสามารถตอ ไปนี้ เป็นผ้ชู าย ที่ไม่ได้กา� หนดโดยสรรี ะ แตถ่ กู กา� หนด
๑. อธิบายการเปล่ยี นแปลงทางเพศและปฏบิ ตั ิตน โดยสังคมและวัฒนธรรม
ไดเหมาะสม (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๑)
๒. อธบิ ายความสาํ คัญของการมีครอบครวั ทีอ่ บอุน
ตามวัฒนธรรมไทย (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๒)
๓. ระบพุ ฤติกรรมท่พี งึ ประสงคแ ละไมพงึ ประสงค
ในการแกไ ขปญ หาความขัดแยง ในครอบครัว
และกลมุ เพ่อื น (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๓)
?
๑. ทางกายภาพนกั เรยี นเปน็ เพศใด
๒. ในมิติทางกายภาพ นักเรียนต่างจาก
กิ เพ่ือนตา่ งเพศอย่างไร
จกรรมนาÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 15
เนอ้ื หา นําเขาสูบทเรียนใชกระตุนความสนใจ
และวัดประเมนิ ผลกอนเรียน
ครบตามหลักสูตรแกนกลางฯ
พ.ศ. ๒๕๕๑ นําเสนอเหมาะสม การดูแลรักษา ควรปฏบิ ัต ิ ดังนี้ กจิ กรรมการเรียนรูŒ
กับการเรียนการสอนในแตละ ๑) รกั ษาความสะอาดของรา่ งกายอยา่ งสมา�่ เสมอ อาบนา�้ ฟอกสบู่ และ
ระดับช้นั เช็ดตัวให้แห้งทกุ ครง้ั โดยเฉพาะบริเวณซอกตา่ งๆ เช่น รักแร้ ขาหนีบ เป็นตน้ ตอนที่ ๑ คา� ถามชวนคดิ
๒) ตดั เล็บมอื เล็บเทา้ ให้ส้ัน หม่ันล้างมอื ให้สะอาดและอยา่ เกา เพราะ เขยี นตอบคา� ถามต่อไปนีล้ งในสมุด
๑. การทํางานของระบบยอยอาหาร การเกาจะทา� ให้เช้อื ลกุ ลามไปท่ีอ่นื ได้
“ทาํ ไมเวลากนิ อาหารเขา ไปแลว อาหารจงึ ไมไ หลยอ นออกมาทางปาก” ๓) ปอ้ งกนั การแพรเ่ ชอื้ โดยการไม่ใชเ้ สอื้ ผา้ เครอ่ื งนงุ่ หม่ ปะปนกนั แลว้ ๑) นกั เรียนคดิ ว่าผลกระทบของการใชย้ าผดิ มอี ันตรายอย่างไร
การทอ่ี าหารไมไ หลยอ นกลบั ออกมาทางปาก เปน เพราะระบบยอ ยอาหาร ควรซักท�าความสะอาดและตากแดดใหแ้ ห้งทุกคร้ัง ๒) นักเรยี นเคยใชย้ าผิดบา้ งหรอื ไม่ อยา่ งไร
มีอวัยวะที่ทําหนาที่ปองกันไมใหอาหารไหลยอนกลับ และอวัยวะที่ทําหนาท่ี ๔) ไปพบแพทยเ์ พ่ือท�าการตรวจรักษา ๓) ถา้ บคุ คลในบา้ นของนกั เรียนไมส่ บาย นักเรียนจะมวี ธิ ีการแนะนา� ใหก้ ินยา
ยอ ยอาหารใหม ขี นาดเลก็ ลง จนทาํ ใหร า งกายสามารถนาํ ไปใชไ ด ระบบยอ ยอาหาร ๕) การรักษาโดยท่ัวไปจะใช้ยาทาวันละ ๒ - ๓ คร้ัง ติดต่อกันจนกว่า
มีอวยั วะที่สําคญั ดงั น้ี ผ่ืนจะหายไป โดยทายาที่บริเวณผ่ืนและบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ หลังจากผื่น อยา่ งถกู วิธีได้อย่างไร
หายแลว้ ควรทายาต่ออีกประมาณ ๒ สปั ดาห์
ปาก ตอนท่ี ๒ ชวนคิด ชวนทา�
เปนอวัยวะแรกของระบบยอยอาหาร การปอ้ งกนั ควรปฏิบัติ ดงั น้ี ดูภาพ แลว้ ตอบค�าถามลงในสมุด
ภายในประกอบดว ยลนิ้ ฟน และตอ ม ๑) รักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ ด้วยการอาบน�้าอย่างน้อย
นา้ํ ลาย ปากจะสง อาหารใหฟ น บดเคย้ี ว วนั ละ ๒ ครง้ั ๑ ๒ ยาËมÍ่ § ๓ ยาáกŒäÍ
ลิ้นรับรสชาติอาหารและคลุกเคลา ๒) หลังอาบน้�าเสร็จแล้ว ต้องเช็ดตัวให้แห้ง เพ่ือป้องกันไม่ให้ผิวหนัง
อาหารใหเขากับน้ําลาย เพื่อใหกลืน อับชน้ื เพราะจะท�าใหเ้ ปน็ โรคได้งา่ ย ยา´ม
อาหารไดง า ย ในนาํ้ ลายมนี า้ํ ยอ ยทชี่ ว ย ๓) สวมใสเ่ ส้อื ผา้ ที่ซักสะอาดแล้ว และไมค่ วรใส่เสอื้ ผ้ารว่ มกับผู้อน่ื
ยอยอาหารจําพวกแปงใหเ ปนน้ําตาล ๔) หลงั ท�ากจิ กรรมทมี่ เี หงือ่ ออกมากๆ ควรรีบอาบน�้าทันที ๑) ยาในขอ้ ใดบา้ งที่ไม่ควรนา� มากิน
โรคทพี่ บไดบ้ อ่ ยในชวี ติ ประจา� วนั มอี ยหู่ ลายโรค ถา้ เรารจู้ กั วธิ กี ารปอ้ งกนั ๒) ถา้ มบี าดแผล แล้วนา� ยาในขอ้ ๒ มาทาที่บาดแผล จะเกิดผลอย่างไร
หลอดอาหาร ตนเอง ไม่ใหเ้ ปน็ โรคต่างๆ ได้ จึงจะท�าใหเ้ ป็นผู้ท่ีมสี ุขภาพดี ๓) ถ้ามีอาการท้องเสีย สามารถใชย้ าในภาพไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด
เปนอวัยวะที่เปนทอกลวง สวนปลาย ๔) ถา้ ร้สู กึ เวียนศรี ษะ จะน�ายาในขอ้ ๑ มาใชไ้ ดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด
มีกลามเน้ือหูรูดท่ีทําหนาท่ีบีบตัวให ¤Çามร¤ÙŒ สÙ่ ขุ Àา¾ ๕) ถ้าใช้ยาในขอ้ ๓ แลว้ เกิดอาการคัน มีผนื่ แดง นักเรียนควรทา� อยา่ งไร
หลอดอาหารปด เพอ่ื ปอ งกนั ไมใหอ าหาร ตอนที่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์
ไหลยอนกลบั กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งท่ีหา แบง่ กลมุ่ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สบื คน้ ข้อมูลเกย่ี วกบั อนั ตรายของยา ความปลอดภัยในการใช้ยา
ไดง้ า่ ยและใชร้ กั ษาโรคเกลอ้ื นได้ โดยนา� กลบี กระเทยี ม ยาสมุนไพรพนื้ บ้านและวธิ ีใช้ แล้วผลดั กันออกมานา� เสนอผลงาน
ตับ มาฝานเป็นชิ้นบางๆ แล้วเอามาทาบริเวณผิวหนัง
เปนอวัยวะท่ีผลิตนํ้าดีแลวสงเก็บไวใน ทเ่ี ป็นเกล้อื นทกุ วัน วนั ละ ๒ ครั้ง 8๑
ถุงน้ําดีเพื่อใชในการยอยไขมันใหแตก
เปน เม็ดเล็กๆ ๖๘ กจิ กรรมการเรียนรูŒ
กระเพาะอาหาร ¤ÇÒÁÃÙ¤Œ ‹Ù ÊØ¢ÀÒ¾ มอบหมายผเู รียนฝก ปฏิบตั ิ
เปน อวยั วะทท่ี าํ หนา ทผ่ี ลติ นา้ํ ยอ ยออกมา สาระความรเู พ่มิ เติมสําหรบั นักเรยี น เพอื่ พฒั นาความรแู ละทกั ษะประจาํ หนว ย
เพ่ือยอยอาหารที่ใหสารอาหารโปรตีน
๔
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ส า ร บั ญ
๑ห น ว ย ๑
การเรียนรทู ี่ ตวั เรา ๒
๒ห น บวทยท่ี ๑ ระบบในรา งกาย ๑๔
การเรยี นรูที่ ชีวิตและครอบครัว ๑๕
บทท่ี ๑ เพศวถิ ีศกึ ษา ๒๕
บทท่ี ๒ ครอบครัวและเพื่อน
๓๔
๓ห น ว ย
๓๕
การเรียนรทู ่ี สขุ ภาพของเรา ๔๔
บทท่ี ๑ สุขบญั ญตั แิ หงชาติ ๕๐
บทที่ ๒ ขา วสารสุขภาพ ๕๙
บทท่ี ๓ ส่อื โฆษณา อาหารและผลติ ภัณฑสุขภาพ
บทที่ ๔ โรคควรรู ๗๐
๔ห น ว ย ๗๑
๗๗
การเรยี นรูที่ ความปลอดภัยในชวี ิต ๘๒
บทที่ ๑ สารเสพตดิ
บทที่ ๒ ขอ ควรรูเกยี่ วกบั ยา ๘๙
บทท่ี ๓ ส่ือกับตวั เรา
๙๐
๕ห น ว ย ๙๗
การเรียนรทู ี่ กิจกรรมเคลื่อนไหวรางกาย ๑๐๒
บทท่ี ๑ เคลอื่ นไหวรางกายและยืดหยนุ ขัน้ พน้ื ฐาน
๑๐๓
๖ห น บวทยที่ ๒ กายบรหิ าร ๑๑๓
๑๓๑
การเรียนรูที่ กจิ กรรมทางกายและกีฬา ๑๓๔
บทท่ี ๑ เกมและกิจกรรมทางกาย
บทท่ี ๒ กฬี า
บทที่ ๓ กจิ กรรมนนั ทนาการ
บทท่ี ๔ สมรรถภาพทางกาย
บรรณานุกรม ๑๔๐
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
ñ µÇÑ àÃÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ÙŒ Õè ครถู ามคําถาม แลว ใหน ักเรยี นแสดงความ
เปา หมายการเรยี นรปู ระจําหนว ยที่ ๑ คิดเห็นอยางอสิ ระ
เมอ่ื เรยี นจบหนว ยน้ี ผเู รยี นจะมคี วามรคู วามสามารถตอ ไปนี้
๑. อธบิ ายความสาํ คญั ของระบบยอ ยอาหาร และระบบขบั ถา ย • นกั เรยี นทราบหรอื ไมว า เราด่ืมนาํ้ และกนิ
ทมี่ ผี ลตอสุขภาพ การเจริญเตบิ โต และพฒั นาการ อาหารไปเพือ่ อะไร
(มฐ. พ ๑.๑ ป.๕/๑) (แนวตอบ เราตอ งด่ืมน้าํ เพอื่ การดาํ รงชวี ติ
๒. อธบิ ายวธิ ีดแู ลระบบยอ ยอาหารและระบบขบั ถา ย เพราะน้ําเปน สว นประกอบของรางกายถึง
ใหท ํางานตามปกติ (มฐ. พ ๑.๑ ป.๕/๒) 70% ถา รางกายขาดนํ้าจะทําใหเซลลและ
ระบบในรา งกายทาํ งานผดิ ปกติ อาจเสยี ชวี ติ ได
และเราตอ งกินอาหารเพ่อื การเจริญเติบโต
เพราะสารอาหารจะไปเลย้ี งรา งกาย ใหร า งกาย
เจริญเตบิ โตสมวยั และระบบในรางกาย
ทาํ งานไดต ามปกต)ิ
• น้าํ และอาหารที่เราดมื่ และกนิ จะไปอยู
ท่ีสวนใดในรางกายของเรา
(แนวตอบ นา้ํ และอาหารเมือ่ เขา สูรา งกายแลว
จะถกู ดดู ซึมท่กี ระเพาะอาหารและลาํ ไสเลก็
น้ําจะเขา ไปเปน สว นประกอบของเซลลแ ละ
เลอื ด แลว จะถกู ขบั ออกมาในรปู ของเหงือ่
และปส สาวะ สว นอาหารจะถกู ยอยเปน
สารอาหารและถูกดูดซมึ เขาไปเลยี้ งรา งกาย
สวนกากอาหารที่เหลือจะถกู ขับออกมา
ในรปู ของอุจจาระ)
เกร็ดแนะครู
ครสู นทนากับนักเรยี นวา เมื่อกลา วถงึ คาํ วา “ตวั เรา” นกั เรยี นนกึ ถึงส่ิงใดบา ง
เชน รูปรา ง หนา ตา อวยั วะ จิตใจ เปนตน จากนั้นครใู หน กั เรยี นทบทวนเกยี่ วกับ
อวยั วะภายในและอวยั วะภายนอกรา งกาย โดยบอกช่อื ตาํ แหนง และหนา ทข่ี อง
อวัยวะแตล ะชนิด
ในการสอนเรอื่ งตวั เรา ถาครูมหี นุ จําลองระบบอวัยวะในรา งกายมาใชส าธิต
ในการสอน จะทาํ ใหนกั เรยี นเขาใจไดงายมากย่ิงข้ึน
คูม อื ครู 1
กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปา หมายการเรียนรู สาระสําคญั
ระบบยอ ยอาหาร ทาํ หนาที่ยอ ยอาหารเพื่อ
1. อธบิ ายความสําคญั ของระบบยอ ยอาหารและ ñº··èÕ ใหร างกายสามารถนาํ ไปใชได ระบบขบั ถา ย
ระบบขบั ถาย ที่มผี ลตอ สขุ ภาพ การเจริญเตบิ โต ระบบในรา งกาย ทาํ หนาทขี่ บั ถา ยของเสียออกจากรางกาย
และพฒั นาการ (มฐ. พ 1.1 ป.5/1) ระบบทงั้ ๒ ระบบนี้ มคี วามสาํ คญั ตอ รา งกาย
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ เราจึงตองดูแลรกั ษาอยา งถูกวิธี เพ่ือให
2. อธบิ ายวิธีดแู ลระบบยอยอาหาร และระบบ รางกายทาํ งานไดต ามปกติ
ขับถาย ใหท าํ งานตามปกติ (มฐ. พ 1.1 ป.5/2)
¶ÒŒ àÃÒ¡¹Ô ÍÒËÒÃ
สมรรถนะของผูเรียน ࢌÒä» áÅÇŒ Áѹ¨ÐÂÍ‹ Â
1. ความสามารถในการคิด ä´ÍŒ ‹ҧäùÐ
2. ความสามารถในการแกป ญหา
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค
1. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ มน่ั ในการทํางาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
ใหน กั เรียนดูภาพ หนา 2 แลวชว ยกันบอกวา ?
• อาหารที่เด็กในภาพกินเขาไป จะไปอยูสว นใด
àÁ×è͡ԹÍÒËÒÃà¢ÒŒ ä»áÅŒÇ ÍÒËÒèÐä»
ของรางกาย Í‹ٷèÊÕ Ç‹ ¹ã´ã¹Ã‹Ò§¡Ò¢ͧàÃÒ
(ตอบ อาหารทเี่ รากินเขาไปจะถูกฟน บดเคยี้ ว
ที่ปาก แลวเคลอื่ นตัวไปท่หี ลอดอาหาร ๒
หลอดอาหารจะบีบตวั ใหอ าหารเลือ่ นลงไป
ที่กระเพาะอาหาร เพ่อื ใหก ระเพาะอาหาร
ยอ ยอาหารใหมขี นาดเล็กลง และสงตอมายัง
ลําไสเลก็ ซึง่ จะยอ ยอาหารทุกประเภท
แลว ลาํ ไสเ ลก็ จะดดู ซมึ สารอาหารเขา สกู ระแสเลอื ด
เพอื่ สง ไปเลยี้ งสว นตา งๆ ของรา งกาย กากอาหาร
ที่ไมสามารถยอยไดก ็จะถกู สงมาท่ีลาํ ไสใ หญ
เพื่อขับถา ยเปนอุจจาระออกมา)
เกรด็ แนะครู
ครจู ดั กระบวนการเรียนรูโดยการใหน กั เรยี นปฏิบัติ ดังน้ี
• สบื คนขอมูล หนาที่ ความสาํ คญั และการดแู ลรกั ษาระบบอวยั วะในรา งกาย
• อภิปรายความสําคญั ของระบบอวัยวะในรา งกาย
• วิเคราะหจ ากประเดน็ คาํ ถามและภาพ
จนเกดิ ความรคู วามเขาใจวา ระบบยอยอาหารมหี นาที่ยอยอาหารเพอ่ื ให
รางกายสามารถนาํ สารอาหารมาใชใ นการเจริญเติบโต และทําใหร ะบบในรา งกาย
ทํางานเปนปกติ และระบบขับถา ยมีหนา ท่ีขบั ถายของเสยี ท่ีรางกายไมใชแลวออกมา
เพอื่ ใหร างกายทํางานไดตามปกติ
2 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
Explore Explain Explore
สาํ รวจคน หา
รางกายของเราตองการพลังงานในการดํารงชีวิตและเจริญเติบโต 1. ครนู าํ ภาพวาดแอปเปล 1 ลกู และระบบยอ ย
การท่ีรางกายจะไดรับพลังงานได เราจะตองกินอาหารเพ่ือใหระบบยอยอาหาร อาหารตงั้ แตป าก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร
รทาาํ งงกาานยแกล็จะะนทําําพใหลงัเ กงาดิ นขแอลงเะสสยีา1รรอาางหกาารยเจขงึา ตสอรู งา ขงกบั าขยองแเลสะยี กตราะงบๆวนอกอากรจทาํากงราานงขกอายง ลาํ ไสเ ล็ก ลําไสใ หญ และทวารหนัก ตดิ ลงบน
โดยไตจะทําหนา ท่กี รองของเสียออกจากเลือดและขับออกมาในรปู ของปส สาวะ กระดาน
ñ ÃкºÂÍ‹ ÂÍÒËÒà 2. ใหนกั เรยี นแบง กลุม และสบื คนวา ถานักเรียน
กนิ แอปเปล 1 ลกู น้ี เขา ไป แอปเปล ลกู นจี้ ะไป
“ระบบยอ ยอาหารมหี นา ทอ่ี ะไรบา ง” อยทู ่ใี ดในรางกาย แลวใหแ ตละกลุม ออกมา
ระบบยอยอาหารเปนระบบท่ีมีความสําคัญตอการดํารงชีวิต การเจริญ- อธิบาย
เตบิ โต และพฒั นาการของรางกายเรา เพราะเปน ระบบทเี่ ปลยี่ นอาหารทเี่ รากนิ
เขาไปใหกลายเปนสารอาหาร เพื่อใหรางกายนําสารอาหารเหลานั้นไปใชได 3. ใหนกั เรยี นแบงกลุมตามเดมิ ครนู ําภาพอวัยวะ
ทําใหสามารถดํารงชีวิตไดอยางปกติ ถาระบบยอยอาหารทํางานไมสมบูรณ ทเี่ กี่ยวของกบั ระบบยอยอาหารมาใหน กั เรยี นดู
จะสงผลใหรางกายไดรับสารอาหารไมเพียงพอ รางกายเจริญเติบโตไมเต็มท่ี แลว ใหน กั เรยี นสบื คน วา อวยั วะแตล ะอวัยวะ
ทาํ ใหพ ฒั นาการไมเปนไปตามวัย มหี นาท่อี ยา งไรในระบบยอ ยอาหาร
ระบบยอยอาหารจะทําหนาที่ยอยอาหารใหเปนสารอาหารขนาดเล็ก • ปาก • หลอดอาหาร
จากนั้นสารอาหารเหลานั้นจะถูกดูดซึมเขาสูระบบไหลเวียนโลหิต เพ่ือนําไป • ตบั • กระเพาะอาหาร
เลี้ยงสว นตา งๆ ของรา งกาย • ลําไสเล็ก • ลาํ ไสใหญ
ถาระบบยอยอาหารทํางานผดิ ปกติ รางกายของเราจะเปน อยางไร ?
• เมือ่ เรากนิ อาหารเขาไป อาหารจะไมถ ูกยอ ย อาจทําใหเ กิดอาการทอ งอดื อธบิ ายความรู Explain
ทองเฟอ
• เม่ืออาหารไมถูกยอย รางกายก็จะไมไดรับสารอาหารไปเลี้ยงรางกาย 1. ใหน กั เรียนแตละกลุมออกมาอธบิ ายวา
ทําใหอวัยวะตางๆ ทาํ งานผดิ ปกติ ถานักเรยี นกินแอปเปล 1 ลูก นี้ เขาไป
• เมอื่ อวยั วะตา งๆ ทาํ งานผดิ ปกตกิ จ็ ะทาํ ใหร า งกายไมแ ขง็ แรง ไมเ จรญิ เตบิ โต แอปเปล ลูกนจี้ ะไปอยูทใ่ี ดในรา งกาย
ไมมพี ัฒนาการทด่ี ี หรอื อาจทําใหเราเสียชีวิตไดในท่สี ุด
2. ครูอธิบายเพิม่ เติมโดยใชภ าพประกอบทีต่ ดิ
๓ บนกระดานวา
เม่อื เรากินแอปเปลเขา ไป ฟนจะบดเค้ียว
แอปเปลใหม ขี นาดเลก็ ลง และกลืนลงไปยงั
หลอดอาหาร หลอดอาหารจึงจะบบี ตัว
ใหแ อปเปลเคล่อื นท่ไี ปท่กี ระเพาะอาหาร
แอปเปลจะถูกยอยใหมีขนาดเลก็ ลง โดยการ
บีบตวั ของกลามเน้อื ทางเดินอาหาร และถูกสง
ไปยงั ลาํ ไสเล็ก ลาํ ไสเ ลก็ จะดูดซึมวติ ามินใน
แอปเปล คือ วติ ามินซี ไปใชในรา งกาย
จากนน้ั แอปเปล ทเี่ หลอื กถ็ ูกสง ไปใหล าํ ไสใหญ
ลาํ ไสใหญก ็จะดูดน้าํ ออกจากแอปเปลจนเปน
กากอาหาร รอขบั ถา ยเปนอุจจาระตอ ไป
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
การเค้ียวอาหารใหละเอียดมีผลดีตอ รางกายอยางไร ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ใหน กั เรยี นเขาใจวา ระบบอวยั วะตา งๆ ในรา งกายเรามกี าร
แนวตอบ ชวยทําใหก ารยอยอาหารในปาก กระเพาะอาหารและลาํ ไสเ ล็ก ทํางานสัมพันธกนั หากมีระบบอวัยวะใดทาํ งานผดิ ปกติ จะสงผลกระทบตอการ
เกดิ ขึน้ ไดงา ยและรวดเรว็ ข้นึ ทาํ งานของระบบอวยั วะอ่ืนๆ ดวย
นนกัักเเรรียยี นนคคววรรรรูู
1 ของเสยี คอื สารท่เี กดิ จากกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism)
ทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายในรา งกายของสิง่ มีชวี ิตท่ีไมม ปี ระโยชนตอ รางกาย เชน น้าํ
แกส คารบอนไดออกไซด ยเู รีย เปนตน และสารทม่ี ีประโยชนต อรางกายแตม ี
ปริมาณมากเกนิ ไป รา งกายกจ็ ะกําจดั ออก
เมตาบอลิซึม (Metabolism) คือ กระบวนการทเ่ี กดิ ขึน้ ภายในเซลลของ
ส่ิงมีชีวิตเทา นนั้ เชน การสรางพลงั งาน การเจรญิ เติบโต การซอ มแซมสว นที่
สึกหรอ ความคิด ความรสู ึก รวมทงั้ การกําจดั ของเสยี
คูมอื ครู 3
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหนกั เรยี นแตละกลุมออกมาอธบิ ายหนา ที่ ๑. การทาํ งานของระบบยอยอาหาร
ของอวัยวะในระบบยอ ยอาหารตามลาํ ดับการ
ทํางานของระบบยอ ยอาหาร “ทาํ ไมเวลากนิ อาหารเขา ไปแลว อาหารจงึ ไมไ หลยอ นออกมาทางปาก”
การทอี่ าหารไมไ หลยอ นกลบั ออกมาทางปาก เปน เพราะระบบยอ ยอาหาร
2. ครแู ละนกั เรียนสรุปการทํางานของอวัยวะ มีอวัยวะท่ีทําหนาที่ปองกันไมใหอาหารไหลยอนกลับ และอวัยวะท่ีทําหนาที่
ในระบบยอยอาหาร ยอ ยอาหารใหม ขี นาดเลก็ ลง จนทาํ ใหร า งกายสามารถนาํ ไปใชไ ด ระบบยอ ยอาหาร
มีอวยั วะที่สาํ คัญ ดงั น้ี
3. ครูถามนักเรยี นวา
• พฤตกิ รรมใดบา งทเ่ี ปนผลเสยี ตอ ระบบ ปาก
ยอยอาหาร และเปนผลเสยี อยางไร เปนอวัยวะแรกของระบบยอยอาหาร
(แนวตอบ นภาํ้าลยาในย1ปปราะกกจอะบสดง วอยาลห้ินารใฟหนฟ น แบลดะเตคอย้ี มว
- เค้ยี วอาหารไมละเอียด ทําใหระบบ ลิ้นรับรสชาติอาหารและคลุกเคลา
ยอยอาหาร ตอ งทํางานหนกั ขน้ึ ในการ อาหารใหเขากับนํ้าลาย เพ่ือใหกลืน
ยอ ยอาหารชน้ิ ใหญ อาหารไดง า ย ในนาํ้ ลายมนี าํ้ ยอ ยทช่ี ว ย
- กินอาหารไมต รงเวลา ทําใหนา้ํ ยอย ยอยอาหารจําพวกแปง ใหเ ปน นํ้าตาล
ถกู ผลติ ข้นึ มาในขณะท่ที องวา ง และอาจ หลอดอาหาร2
กัดผนงั กระเพาะอาหารจนเปนแผล เปนอวัยวะท่ีเปนทอกลวง สวนปลาย
- กนิ อาหารรสจดั ทาํ ใหระบบทางเดนิ อาหาร มีกลามเน้ือหูรูดที่ทําหนาท่ีบีบตัวให
ระคายเคือง เกดิ เปนแผลได หลอดอาหารปด เพอื่ ปอ งกนั ไมใหอ าหาร
- กนิ อาหารที่ไมส ะอาด สกุ ๆ ดบิ ๆ ทําให ไหลยอ นกลับ
เกดิ โรคระบบทางเดินอาหาร เชน ทอ งรวง
อหวิ าตกโรค เปนตน ตับ
- ไมแปรงฟน หรือแปรงฟน ไมส ะอาด ทาํ ให เปนอวัยวะท่ีผลิตน้ําดีแลวสงเก็บไวใน
ฟนผุ ประสิทธภิ าพในการเคี้ยวอาหาร ถุงนํ้าดีเพื่อใชในการยอยไขมันใหแตก
จึงลดลง กระเพาะอาหารตอ งทาํ งาน เปน เม็ดเลก็ ๆ
หนกั ขน้ึ )
กระเพาะอาหาร
4. ใหน กั เรยี นรว มกนั สรปุ การดแู ลระบบยอ ยอาหาร เปน อวยั วะทที่ าํ หนา ทผ่ี ลติ นา้ํ ยอ ยออกมา
เพือ่ ยอยอาหารที่ใหส ารอาหารโปรตีน
๔
นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ถา เรากินอาหารประเภทเนอ้ื สตั วเ ขา ไป อาหารประเภทน้จี ะถกู ยอ ย
1 ตอมนํา้ ลาย เปน ตอมที่อยบู ริเวณชองปาก ทาํ หนาท่ผี ลิตนา้ํ ลาย ตอ มนาํ้ ลาย คร้ังแรกท่ีอวัยวะใด
มอี ยู 3 คู คอื แนวตอบ กระเพาะอาหาร เพราะกระเพาะอาหารจะผลติ นาํ้ ยอ ยที่ชว ย
ยอยโปรตนี ดงั นนั้ อาหารประเภทเน้ือสตั วท ่ใี หส ารอาหารประเภทโปรตีน
ตอ มนํ้าลายขา งกกหู จึงถูกยอยครัง้ แรกท่กี ระเพาะอาหาร
ตอมนํ้าลายใตลิน้
ตอ มน้าํ ลายใตข ากรรไกร
ตอ มน้ําลายทั้ง 3 คู จะสรางนํ้าลายทม่ี นี ้ํายอยอาหารจาํ พวกแปง
2 หลอดอาหารจะบบี ตวั ใหอาหารเคลอื่ นทไี่ ปท่กี ระเพาะอาหาร โดยการหดตวั
ของกลา มเนอ้ื ตามยาว และการหดตวั ของกลา มเนือ้ วงแหวน จากหลอดอาหารชวง
บนลงชวงลา ง จนมาถึงหรู ดู ตอนลางของหลอดอาหาร
4 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
ตบั ออน1 1. ใหนกั เรยี นเขียนอธบิ ายการทาํ งานของระบบ
เปนอวัยวะทผ่ี ลิตนา้ํ ยอยแลว สง ไปท่ลี ําไสเ ลก็ ยอ ยอาหารเปนแผนภาพ แลว สง ครู
ลําไสเลก็ 2. ใหนกั เรียนเขียนแผนผังความคิดแสดงวธิ ีดแู ล
เปนอวัยวะท่ีสําคัญท่ีสุด และมีความยาวที่สุด ทําหนาที่ยอยอาหารทุก ระบบยอ ยอาหารลงในสมุด
ประเภท และดูดซมึ สารอาหารเขาสหู ลอดเลอื ด
3. ใหน กั เรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 ขอ 2
ลําไสใหญ จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.5
เปน อวยั วะทเี่ ปน ทอ กลวงขนาดใหญ สว นปลายมกี ลา มเนอ้ื หรู ดู เรยี กวา
ทวารหนัก ลําไสใหญไมไดทําหนาที่ในการยอยอาหารแตจะดูดซึมน้ํา ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ
และเกลือแรบางสวนออกจากกากอาหาร ทําใหกากอาหารเปนกอน สุขศกึ ษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 1.1
ทเ่ี รยี กวา อจุ จาระ และขบั ถายออกจากรา งกาย แบบประเมนิ ตวั ช้�วัด พ 1.1 ป.5/1
โรคทเ่ี ก่ยี วของกับระบบยอ ยอาหาร ๒ ดูภาพ โยงเสนแลวเขียนการทํางานของอวัยวะในระบบยอยอาหาร (๑๕ คะแนน)
• ถาเรากินอาหารไมตรงเวลาหรือกินอาหารรสจัด หรือเกิด
๑) ปากและลน้ิ มหี นา ที่ …………………………………………………………………………………………………………………
ความเครียด จะทาํ ใหเ ปนโรคกระเพาะอาหาร
• ถาเรากินอาหารไมสะอาด มีแมลงวันตอม หรือหยิบจับ …●……ป…า…ก…ร…ับ……อ…า…ห…า…ร…แ…ล…ว…ส……ง…อ…า…ห…า…ร…ใ…ห…ฟ……น…บ……ด…เค……ย้ี …ว…………………………………………………………………..
…●……ล…้ิน…ร……บั …ร…ส…ช…า…ต……อิ …า…ห…า…ร……แ…ล…ะ…ค……ล…กุ …เ…ค…ล…า…อ…า…ห……าร……ให……เข…า…ก……บั …น…้าํ…ล……าย………เพ…อ่ื……ให……ก …ล…นื………..
อาหารเขาปากโดยท่ีไมไดลางมือ จะทําใหเปนโรคทองเสีย ………ได……ง…า…ย……ใ…น…น……ํ้า…ล…า…ย…ม…นี …ํ้า…ย……อ …ย…ย…อ …ย…อ…า…ห……าร……จ…ํา…พ…ว…ก…แ…ป……ง……………………………………………………..
โรคอหวิ าตกโรค เปนตน
• ถา เรากินอาหารมากเกินไป จะทาํ ใหม ีอาการทองอดื ทองเฟอ ๒) หลอดอาหาร มหี นา ที่ …………………………………….
…●……เป……น …ท…า…ง…ผ…า…น……ข…อ…ง…อ…า…ห…า…ร…ต……อ…ไ…ป…ย…งั ………………….
กระเพาะอาหาร………………………………………………………………………………………….
๓) ตบั มหี นา ที่ ……………………………………………………………
…●……ผ…ล…ติ …น……ํ้า…ด…ีใ…น…ก……า…ร…ย…อ …ย…ไ…ข…ม…นั ………เพ…่ือ……ท…ํา…ใ…ห… …….
………ไข…ม……ัน…แ…ต…ก……เป……น …เ…ม…ด็ …เ…ล…็ก…ๆ…………………………………….
เฉฉบลับย ๔) กระเพาะอาหาร มหี นา ท่ี …………………………….
…●……ผ…ล…ติ …น……า้ํ …ย…อ …ย…แ…ล…ะ…ย…อ…ย……อ…า…ห…า…ร…จ…าํ …พ…ว…ก……………….
โปรตนี………………………………………………………………………………………….
๕) ตบั ออ น มหี นา ที่ …………………………………………………
…●……ผ…ล…ติ …น……า้ํ …ย…อ …ย…เ…พ…ือ่ …ส……ง …ไ…ป…ย…งั …ล…าํ…ไ…ส…เ…ล…ก็……………….
………………………………………………………………………………………….
๖) ลาํ ไสเ ลก็ มหี นา ท่ี ……………………………………………….
…●……ย…อ …ย…อ…า…ห…า…ร…ท……กุ …ป…ร……ะเ…ภ…ท……………………………………….
…●……ด…ูด…ซ…ึม……ส…า…ร…อ…า…ห…า…ร…เ…ข…า…ส…หู ……ล…อ…ด…เ…ล…ือ…ด……………….
๗) ลาํ ไสใ หญ มีหนา ท่ี …………………………………………..
…●……ด…ดู …ซ…มึ……น…าํ้ …แ…ล…ะ…เ…ก…ล…อื …แ…ร…จ……าก……ก…า…ก…อ…า…ห…า…ร………….
………………………………………………………………………………………….
๔
อวยั วะในระบบยอ ยอาหารตงั้ แตป าก หลอดอาหาร ตบั ตบั ออ น กระเพาะอาหาร และลาํ ไสเ ลก็ จะทาํ งานสมั พนั ธก นั
เพอื่ ยอ ยอาหารและดดู ซมึ สารอาหารเขา สรู า งกาย และสง ตอ ใหล าํ ไสใ หญ เพอ่ื ดดู นาํ้ และเกลอื แรก ลบั สรู า งกาย
และขับถา ยกากอาหารออกจากรางกายกลายเปน “อุจจาระ”
๕
บูรณาการเชอ่ื มสาระ เกร็ดแนะครู
ครูบรู ณาการความรูในสาระสุขศึกษาฯ กับสาระวทิ ยาศาสตร เรอื่ งหนาท่ี ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมใหนกั เรยี นฟงวา การมีพฤตกิ รรมในการกินอาหารที่ไมถ ูก
ของอวัยวะในรา งกาย โดยเขียนแผนภาพแสดงหนา ทข่ี องอวัยวะในรา งกาย สขุ ลักษณะ อาจทําใหเกดิ โรคในระบบทางเดินอาหารได เชน
แลวอธิบายหนาท่ี เพื่อใหเกิดความเขา ใจวาอวัยวะในรางกายมกี ารทํางาน
ทสี่ มั พันธก นั • โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เกดิ จากการกนิ อาหารไมเปน เวลา กินอาหาร
รสจัด ด่มื นา้ํ อดั ลม หรอื เครอ่ื งดม่ื ทมี่ แี อลกอฮอล
กจิ กรรมทา ทาย
• โรคลําไสอักเสบ เกดิ จากการกินอาหารทมี่ เี ชอื้ โรคปะปนอยู ทาํ ใหเ กดิ
การตดิ เชือ้ ในลาํ ไส
ใหนักเรียนเขียนแผนผังความคิดแสดงอาหารที่มปี ระโยชนตอสุขภาพ นกั เรียนควรรู
การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการ โดยเกยี่ วของกับระบบยอยอาหาร
1 ตับออ น คอื ตอ มทเ่ี ชื่อมตอ กบั ทางเดนิ อาหาร มีหนาท่ผี ลติ และสง นาํ้ ยอย
ท่เี ต็มไปดวยเอนไซม ไปยงั ลาํ ไสเ ลก็ เพอ่ื ยอยอาหาร และตบั ออ นยังเปน สว นหนง่ึ
ของระบบตอ มไรทอและฮอรโมนสาํ คญั ๆ เชน ฮอรโ มนอนิ ซลู นิ เปนตน
คมู ือครู 5
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครถู ามนักเรียนวา นกั เรยี นจําไดหรอื ไมวา ๒. การขับถายอจุ จาระ1
จากการเรียนระบบยอยอาหาร เมือ่ อาหาร
ถูกยอ ยแลว สารอาหารจะถูกนาํ ไปใช กากอาหารทเี่ หลอื จากการยอ ยอาหาร จะถกู สง ใหล าํ ไสใ หญ เพอื่ ขบั ออก
ประโยชน สวนกากอาหารที่ไมไ ดใชป ระโยชน จากรางกายในรปู ของอจุ จาระ
จะถกู ขับออกมาในรูปของอะไร
(ตอบ อจุ จาระ) “กากอาหารจะถกู ขบั ออกจากรา งกายไดอ ยางไร”
การทกี่ ากอาหารถกู ขบั ออกจากรา งกายได เปน เพราะการทาํ งานรว มกนั
2. ครูอธิบายความรูเพม่ิ เตมิ การขับถา ยอจุ จาระ ของอวยั วะที่สําคัญ ดงั นี้
และการทํางานของการขับถา ยอุจจาระ
จากน้ันใหแ ตละกลมุ จดบนั ทึกความเขา ใจ ลาํ ไสใ หญ
การขับถา ยอจุ จาระลงในสมุด เปนลําไสที่ตอจากลําไสเล็ก ทําหนาที่
ดดู ซมึ นา้ํ และเกลอื แรอ อกจากกากอาหาร
3. ครถู ามนักเรียนวา และขับเมือกออกมาหลอล่ืนกากอาหาร
• ถา นักเรยี นไมไ ดข บั ถายอจุ จาระหลายวนั สว นทแี่ ขง็ ใหเ คลอ่ื นออกไปได
ตดิ ตอ กนั ผลจะเปนอยา งไร
(ตอบ ถา ไมไ ดขับถายอจุ จาระหลายวนั ทวารหนกั
ติดตอ กัน จะทําใหเกดิ อาการทองผูก อยตู อนปลายลาํ ไสใ หญ เปน กลา มเนอื้ หรู ดู
ขับถายลําบาก เนอ่ื งจากกอนอจุ จาระแข็ง ทําหนา ทีเ่ ปน ทางระบายอจุ จาระ
เพราะลําไสใหญจ ะดดู ซึมนํ้ากลบั เขาสู
รางกาย อาจทาํ ใหเปนโรครดิ สีดวงทวารได
และอาจทาํ ใหลมหายใจมกี ลิน่ เหม็น)
กลา มเนอ้ื บนผนังสําไสใหญ
มหี นาทหี่ ดตวั เพื่อให
อุจจาระเคลอ่ื นท่ีไปได
ถา ไมม ีการขบั ถายอุจจาระ เราจะเปน อยางไร ?
• เมอื่ เรากินอาหารเขา ไป กากอาหารทีเ่ หลอื จากการยอ ยอาหารก็จะสะสม
อยูในรางกาย
• เมอื่ กากอาหารสะสมอยใู นรา งกายนานๆ จะเกดิ อาการทอ งผกู ทาํ ใหล มหายใจ
มกี ล่ินเหม็น
๖
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ถา นกั เรยี นกลน้ั อจุ จาระเปน เวลานานๆ จะสง ผลเสยี ตอ อวยั วะอน่ื
ครูอาจสอนเร่ืองการขบั ถายอุจจาระตอ จากการสอนระบบยอยอาหาร เพือ่ ให หรอื ไม อยางไร
นกั เรยี นเกิดการเช่ือมโยงขอมลู และมคี วามเขา ใจมากยงิ่ ขนึ้ แนวตอบ การกลัน้ อุจจาระนานๆ มผี ลเสยี ตอ ระบบขับถาย รวมท้ัง
อวัยวะอ่ืน ไดแ ก กระเพาะอาหาร ตับ และลําไส โดยทําใหเกิดแกส ใน
นกั เรียนควรรู กระเพาะอาหาร เนอ่ื งจากอาหารท่ีกนิ เขา ไปหมักหมมและไมไดขบั ถายออก
จึงทาํ ใหเ กิดแกส และอุจจาระทต่ี กคางในลาํ ไส อาจทําใหลาํ ไสอักเสบ
1 อุจจาระ อจุ จาระปกตจิ ะมีสีนํ้าตาลออ นจนถึงนา้ํ ตาลเขม มีลกั ษณะออนนมุ เนื่องจากอุจจาระแข็งและเกาะทล่ี ําไสน านจนเกดิ การระคายเคอื ง หรอื อาจ
สขี องอุจจาระขนึ้ อยกู บั อาหารที่กิน แตอุจจาระปกตมิ กั จะมสี อี ยูระหวาง สีเขียว เกดิ โรคมะเรง็ ลําไสไ ด และตับตองทํางานหนกั ขึน้ เพ่ือกําจดั สารพิษของ
สเี หลอื ง สนี ้าํ ตาล ถาอจุ จาระมลี ักษณะผิดปกติ เชน มีเลอื ดปะปน มสี ดี าํ สนิท อุจจาระที่ตกคา งในรา งกาย
มสี ีขาวซดี มีมกู มหี นอง มีพยาธิ เปน ตน ควรรบี ไปพบแพทย
6 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
๓. การทาํ งานของการขบั ถา ยอจุ จาระ 1. นักเรยี นแตล ะคน สืบคนเรอ่ื งโครงสรางของ
ลําไสใหญ แลวอธบิ ายการทาํ งานของ
“เราจะรูไ ดอยา งไรวา เราตองขบั ถา ยอุจจาระออกจากรางกายแลว ” ลาํ ไสใหญเ ปนแผนภาพ
เมอ่ื กระบวนการยอ ยอาหารเสรจ็ สนิ้ แลว กากอาหารทเ่ี หลอื จากการยอ ย
จะเคลอ่ื นทผี่ า นมายงั ลาํ ไสใ หญ ผนงั ลาํ ไสใ หญจ ะทาํ หนา ทด่ี ดู ซมึ นา้ํ และเกลอื แร 2. แตล ะคนนาํ แผนภาพของตนเองรวบรวมไวใน
ออกจากกากอาหารกลับเขาสูรางกาย ทําใหกากอาหารแข็งตัว แลวลําไสใหญ กลมุ ของตนเอง แลว แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กนั
จะขับเมือกออกมาหลอลื่นใหกากอาหารสวนที่แข็งเคล่ือนท่ีผานไปสูปลาย
ลาํ ไสใหญ ซง่ึ เปนสว นทม่ี ีความไวตอ การสะสมของอจุ จาระ เมอื่ อุจจาระเขา มา
ในสว นนเ้ี ตม็ แลวจะทําใหร ูสกึ ปวด และทวารหนักก็จะเปดเพอ่ื ใหอจุ จาระออกมา
นา้ํ และเกลอื แร ถูกดดู ซึม
เขา ไปเลยี้ งสว นตา งๆ ของ
รางกาย
ทวารหนกั กากอาหารทแ่ี ข็ง
อจุ จาระ
โรคทเี่ ก่ยี วของกบั การขบั ถา ยอุจจาระ
• ถาลําไสใหญดูดน้ําออกจากกากอาหารมากเกินไป เนื่องจากกากอาหาร
ตกคา งอยูในลาํ ไสใ หญห ลายวนั จะทาํ ใหก ากอาหารแขง็ และขบั ถา ยลาํ บาก
ซง่ึ เรยี กวา ทอ งผกู ซง่ึ ถา ปลอ ยใหท อ งผกู เปน เวลานานๆ กจ็ ะทาํ ใหเ ปน โรค
ริดสดี วงทวาร
• ถากินอาหารท่ีมีเชื้อบิดเขาไป อาจทําใหเปนโรคลําไสอักเสบ ซ่ึงเกิดจาก
ความผิดปกติของลําไสใหญ
• การปวยเปนโรคท่ีเก่ียวของกับการขับถายบอย อาจนําไปสูการเปนมะเร็ง
ลาํ ไสใ หญ
๗
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
ถา เราทองผกู เปน เวลานาน จะสงผลอยา งไรตอรางกาย ครอู ธบิ ายความรูเพมิ่ เติมเรือ่ งนา รูเกยี่ วกบั ลําไสใ หญวา ภายในลําไสใ หญจ ะมี
แนวตอบ ถา เราทองผูกเปน เวลานานจะสง ผลเสยี ตอรางกาย ทาํ ใหก าร แบคทเี รียอยูม ากมาย ซ่งึ เปนแบคทเี รยี ทีด่ ี โดยชวยทําลายเชอื้ โรคท่เี ปนอนั ตราย
ขับถายลาํ บาก เกดิ การระคายเคอื งลาํ ไสใหญแ ละทวารหนกั อาจเปน ชวยยอ ยกากอาหารใหสลายตัวงายขึน้ และสารบางอยางเม่ือสลายตัวจะทําใหเ กดิ
โรคริดสดี วงทวารได และถา อจุ จาระกลบั เขา ไปในเลือด เลือดท่มี ีสารพิษ แกส และแกสเหลา นจ้ี ะถูกระบายออกมาโดยการ “ผายลม”
ก็จะไปเล้ียงสวนตางๆ ของรางกาย ทําใหเกิดกลิน่ เหมน็ จากลมหายใจ
เนอื่ งจากปอดกาํ จัดของเสียออกจากเลอื ด
กจิ กรรมทาทาย
ใหน กั เรยี นสบื คน ความสมั พนั ธข องระบบยอ ยอาหารกบั การขบั ถา ยอจุ จาระ
จากนัน้ นาํ มาเขยี นเปนแผนภาพ
คูมือครู 7
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครถู ามคําถาม แลวใหนักเรียนแสดงความ ๔. การดแู ลระบบยอยอาหารและการขบั ถา ยอจุ จาระ
คิดเห็นอยางอสิ ระ ๑) การดูแลระบบยอยอาหาร
• นกั เรยี นคดิ วาการกระทาํ ใดเปนผลดีตอ
ระบบยอ ยอาหารและการกระทาํ ใดเปน ผลเสยี “พอเปนโรคกระเพาะอาหาร ควรกนิ อาหารอยา งไรนะ”
ตอ ระบบยอ ยอาหาร เราค(ว๑ร)ดเแู คลี้ยรวะอบาบหยาอ ร1ยใหอลาหะเาอรียดดวกยอกานรกปลฏืนิบัตจิ ะดทังํานใ้ีหกระเพาะอาหาร
ไมต อ งทาํ งานหนกั เกนิ ไป ชว ยใหอ าหารถกู ดดู ซมึ ไดง า ยขน้ึ และการเคย้ี วอาหาร
2. แตละกลุมรวมกันเขียนแผนผงั การกระทํา ใหล ะเอยี ดจะทําใหเ รากินอาหารไดชา ลง สมองจึงสง สญั ญาณใหรา งกายรสู ึกอ่ิม
ท่ีเปนผลดีและผลเสยี ตอ ระบบยอยอาหาร ไดก อนทีเ่ ราจะกนิ อาหารในปริมาณเพ่มิ ขึ้น ทาํ ใหเ ราไมเ ปนโรคอวนไดง า ย
แลวออกมานาํ เสนอหนา ชัน้ เรยี นพรอ มบอก
เหตผุ ลประกอบ (๒) กินอาหารใหต รงเวลา และควรกินครบทง้ั ๓ มือ้ ชว ยทําให
นํา้ ยอยท่หี ล่ังออกมาทาํ งานไดตรงเวลา
3. ครูและนกั เรยี นรวมกันสรุปการดูแล
ระบบยอยอาหาร (๓) กนิ อาหารทปี่ รงุ สุกและสะอาด ไมค วรกนิ อาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ
หรอื ไมส ะอาด เพราะอาจทาํ ใหเ กดิ โรคในระบบทางเดนิ อาหาร เชน ทอ งเสยี เปน ตน
(๔) ไมก นิ อาหารทมี่ รี สจดั หรอื มกี รดในปรมิ าณมาก เชน นา้ํ อดั ลม
น้าํ สม พริกดอง เปนตน เพราะ2จะทําใหร ะคายเคอื งกระเพาะอาหารได
(๕) ควรดื่มนํ้าสะอาดในปริมาณท่ีเพียงพอกับความตองการ
ของรางกาย สังเกตไดจากสีของปสสาวะ ถามีสีใสดี แสดงวารางกายไดรับน้ํา
อยางเพยี งพอ แตถ าสีของปส สาวะมสี ีเหลอื งเขม แสดงวาเราดม่ื นํ้านอ ยเกินไป
(๖) รักษาฟนใหแข็งแรง ดวยการแปรงฟนหลังอาหารทุกม้ือ
และกอ นเขา นอน เพราะฟน เปน อวยั วะแรกทที่ าํ หนา ทเี่ คย้ี วอาหารใหม ชี น้ิ เลก็ ลง
(๗) ไมค วรออกกาํ ลงั กายหลงั จากกนิ อาหารทนั ที เพราะจะทาํ ให
เกดิ อาการจกุ ควรออกกาํ ลังกายหลังจากกนิ อาหารไปแลว ๒ ช่ัวโมง
(๘) ควรพกั ผอนใหเพยี งพออยางนอยวันละ ๘ - ๑๐ ชั่วโมง
(๙) ควรทาํ จติ ใจใหร าเริงแจม ใส ไมเ ครียด
¤ÇÒÁäŒÙ ʋ٠¢Ø ÀÒ¾
การยอยอาหารใหมีขนาดเล็กโดยการบดเค้ียว การบีบตัวของทางเดินอาหาร
เรยี กวา การยอยเชงิ กล สวนการยอยอาหารใหม ีขนาดเล็กท่สี ุด โดยการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี
๘ ระหวา งอาหารกบั นาํ้ โดยตรง และใชนา้ํ ยอ ยเขา มาชว ย เรียกวา การยอ ยทางเคมี
นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
การปฏิบตั ิในขอใด เปน การดแู ลระบบยอยอาหารและระบบขับถา ยทถ่ี ูกตอ ง
1 เค้ยี วอาหาร การเคี้ยวอาหารใหละเอยี ดและชา ลง ชว ยใหระบบยอ ยอาหาร 1. ดม่ื น้าํ อยางนอ ยวนั ละ 8 แกว
ทาํ งานไดดขี นึ้ มีผลตอการทาํ งานของสมองในหลายดาน เน่อื งจากการเคี้ยว 2. ดมื่ นมสดวันละ 2 แกว แทนอาหารเชา
จะไปกระตนุ ใหตอมนํา้ ลายใตล ้ินและตอ มนา้ํ ลายขา งกกหูหลั่งฮอรโมนออกมา 3. กนิ เฉพาะอาหารท่ีไมผานการปรุงรสชาติ
ขณะเดยี วกันก็ยังชว ยกระตนุ ใหมพี ลังในการคดิ และมสี มาธมิ ากขนึ้ 4. กนิ อาหารกอนออกกาํ ลงั กายอยางนอย 30 นาที
2 ด่ืมนํา้ ตอนเชา หลงั ตน่ื นอน กอ นแปรงฟน ใหด มื่ นาํ้ อนุ ประมาณ 3-4 แกว เพอ่ื วิเคราะหค ําตอบ การดม่ื นมแทนอาหารเชา และการกินเฉพาะอาหารที่
ใหน ้ําชะลางน้าํ ลายท่สี ะสมมาตัง้ แตข ณะนอนหลบั ใหลงไปในระบบทางเดนิ อาหาร ไมผา นการปรงุ รสอาจทาํ ใหรางกายไดร ับสารอาหารทไ่ี มเ พียงพอตอ
และระบบขับถาย เพราะในน้ําลายจะมีจุลินทรยี ท ่ีมีประโยชน สามารถฆาจลุ นิ ทรีย ความตอ งการของรางกาย การกินอาหารกอ นการออกกาํ ลังกายจะทาํ ใหเ กิด
ที่มพี ิษในระบบทางเดินอาหาร และชว ยทําใหร ะบบขับถายทาํ งานปกติ อาการจกุ เสียด เพราะกระเพาะอาหารยังทาํ งานเพ่อื ยอยอาหารอยู เมือ่ ไป
ออกกําลงั กาย รางกายตอ งทํางานเพมิ่ ข้ึน สง ผลใหกระบวนการยอยอาหาร
8 คมู ือครู ชะงกั เกดิ อาการดังกลาวได สว นการดื่มน้ําสะอาดวันละ 8 แกว ชวยให
ระบบยอ ยอาหารทาํ งานไดด ขี น้ึ เพราะนาํ้ ชวยลําเลียงอาหารไปทีก่ ระเพาะ
อาหาร จึงทําใหง า ยตอ การยอ ยอาหาร รวมถงึ นํ้าทาํ ใหกลามเน้ือหรู ูดมีความ
ดชมุังนชั้นื้นขขบั อ ถา 1ย.อจจุ จงึ าเประน งคา ยาํ ตรอะบบบทขถ่ี ับกู ถา ยไมต อ งทํางานหนกั
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู Explain
๒) การดแู ลการขบั ถา ยอจุ จาระ 1. ครถู ามคําถาม แลวใหน ักเรยี นแสดงความ
คดิ เหน็ อยา งอสิ ระ
“ถา เราไมอยากทองผกู เราควรทาํ อยางไรนะ” • นักเรยี นคิดวาการกระทาํ ใดเปนผลดีตอ การ
ขบั ถายอุจจาระ และการกระทาํ ใดเปน
เราควรดูแลการขบั ถายอุจจาระดว ยการปฏิบัติ ดังน้ี ผลเสยี ตอการขับถา ยอจุ จาระ
(๑) ไมกินอาหารที่มีรสจัด เชน เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เปนตน
เพราะจะทาํ ใหเกิดการระคายเคืองผนงั ลําไสใหญและทวารหนักได 2. แตล ะกลมุ รวมกนั เขียนแผนผงั การกระทําท่ี
(๒) กินอาหารที่ปรุงสุก สะอาด และไมกินอาหารสุกๆ ดิบๆ1 เปน ผลดีและผลเสยี ตอ การขบั ถา ยอุจจาระ
หรอื อาหารหมกั ดอง เพราะอาจทาํ ใหเกิดอาการทองเสียได แลว ออกมานาํ เสนอหนา ชัน้ เรยี น พรอ มบอก
(๓) ควรกินอาหารท่มี ีกากใยสงู เชน ถ่ัว ขาวกลอง ขาวซอ มมอื เหตผุ ลประกอบ
3. ครูและนกั เรยี นรว มกนั สรุปการดแู ล
การขบั ถายอุจจาระ
ผักและผลไมตางๆ เปนตน เพราะกากใยจะชวยเพิ่มปริมาณของเสีย และ ขยายความเขา ใจ Expand
เมื่อรวมกับกากอาหารที่ถูกยอยแลว จะทําใหเคลื่อนตัวไปตามลําไสไดงาย
และกากใยยงั ชวยอุม นา้ํ ซึ่งนา้ํ จะทําใหกากอาหารออ นนมุ ทาํ ใหข ับถายไดงา ย ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สบื คน โรคทเ่ี กย่ี วขอ งกบั
(๔) ดื่มน้ําสะอาดอยางนอยวันละ ๘ แกว เพื่อใหการขับถาย ระบบยอยอาหาร และการขับถายอจุ จาระ แลวทํา
ทํางานไดเ ปนปกติ เปน แผนความรมู ากลุมละ 5 โรค และสง ครู
(๕) ควรฝก การขบั ถา ยใหเ ปน เวลาทกุ วนั เพอื่ ปอ งกนั อาการทอ งผกู ตรวจสอบผล Evaluate
(๖) ควรลา งมอื ใหส ะอาดทกุ ครงั้ หลงั ขบั ถา ย เพอ่ื ปอ งกนั เชอ้ื โรค
1. ครูตรวจสอบความถูกตอ ง การอธบิ าย
¤ÇÒÁÃŒÙ¤Ù‹ÊØ¢ÀÒ¾ แผนภาพการทํางานของระบบยอยอาหาร
อาหารท่ีมีกากใยสูง เชน 2. ครูตรวจสอบความถกู ตองแผนผงั ความคิด
แสดงวธิ ดี ูแลระบบยอ ยอาหาร
ขาวกลอ ง ถว่ั ตา งๆ ผกั คะนา สม
3. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของการทาํ กิจกรรม
ถัว่ ลนั เตา แกวมังกร ฝรัง่ ขา วโพด ๙ รวบยอดท่ี 1.1 ขอ 2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ
ป.5
4. ครูตรวจแผนภาพโครงสรางและการทาํ งานของ
ลาํ ไสใหญ
5. ครูตรวจแผนผังการกระทาํ ทเี่ ปนผลดี
และผลเสยี ตอ ระบบยอ ยอาหาร
6. ครตู รวจแผนผังการกระทําทเ่ี ปนผลดี
และผลเสยี ตอการขับถายอุจจาระ
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
ถามีอาการทอ งผกู ควรทําอยางไร เพราะอะไร ครใู หนักเรียนแบง กลมุ แตละกลุมสืบคนอาหารท่มี กี ากใยสงู แลว รวบรวมขอ มูล
1. ออกกาํ ลังกาย เพราะทําใหลําไสม ีการบีบรดั ตัวไดด ี ทาํ เปน สมุดภาพ แลว นํามาสง ครู
2. กนิ ผักและผลไม เพราะมีเสน ใยทช่ี ว ยในการขบั ถา ย
3. พกั ผอนใหเพยี งพอ เพราะขณะหลับลําไสจะทํางานไดดี นกั เรียนควรรู
4. กนิ ยาระบาย เพราะทาํ ใหอุจจาระเหลว และขบั ถายไดงาย
วเิ คราะหค ําตอบ เมอ่ื มอี าการทอ งผกู ควรจะกินผักและผลไมมากๆ 1 อาหารสุกๆ ดิบๆ การกนิ อาหารสุกๆ ดบิ ๆ อาจทาํ ใหเ กิดอาหารเปนพษิ หรือ
เพราะมีเสน ใยทชี่ วยในการขบั ถา ย และควรกนิ ผักและผลไมเ ปนประจาํ เปน โรคทองเสียได เพราะอาหารไมสะอาด อาจมีเช้ือโรคปนเปอ น และไมถูกฆา
ดว ยความรอ น หรอื อาจมีไขพยาธเิ จือปน ทําใหม ีพยาธิเขาสูรางกาย เปนอนั ตราย
เพอ่ื สุขนิสยั ทีด่ ี มกี ารขบั ถา ยเปนปกติ ดังน้นั ขอ 2. จงึ เปนคําตอบที่ถูก ตอ สขุ ภาพ
คมู ือครู 9
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครถู ามคาํ ถาม แลว ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ ò ¡ÒâѺ¶Ò‹ ¢ͧàÊÕÂÍÍ¡¨Ò¡ÃÒ‹ §¡ÒÂ
อยา งอิสระ
การขับถายของเสียออกจากรางกายมีความสําคัญมากตอการดํารงชีวิต
• อจุ จาระเกดิ จากกากอาหารทร่ี า งกายขบั ออกมา ของเรา เพราะเปน การกาํ จดั ของเสยี ตา งๆ ออกจากรา งกาย เพอื่ ไมใหม กี ารสะสม
แลว ปสสาวะเกิดจากอะไร
ของของรเสะบยี ภบาขยบั ใถนรา ายงปกสาสยาทวําะ1ใหร า งกายเจรญิ เติบโตและมพี ัฒนาการท่ีสมวัย
• เพราะอะไรเวลาเราดม่ื นา้ํ มากๆ แลว จงึ ปวด
ปส สาวะบอย “ทําไมเวลาเราด่ืมน้าํ มากๆ แลว จึงปวดปส สาวะบอ ย”
ระบบขับถายปสสาวะ ทําหนาท่ีกรองของเสียและนํ้าสวนเกินออกจาก
สาํ รวจคน หา Explore กระแสเลือด และขบั ออกนอกรางกายในรปู ของปส สาวะ อวัยวะทีส่ าํ คัญในระบบ
ขบั ถายปสสาวะ ไดแก
ครใู หน ักเรยี นแบงกลมุ แตล ะกลมุ รวมกันสบื คน
ลกั ษณะของปส สาวะท่ปี กตแิ ละไมปกติ แลว ออกมา ไต
อธบิ ายหนาช้ันเรยี น เปนอวัยวะท่ีสําคัญท่ีสุดในระบบขับถาย
ปสสาวะ มีรูปรา งคลา ยเมล็ดถั่วแดง ขนาด
อธบิ ายความรู Explain ประมาณเทากาํ มือ มีสนี ้ําตาลแกมแดง
ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมใหน กั เรยี นเขา ใจวา ปกติ กรวยไต
ปส สาวะจะมลี กั ษณะใส ไมม ตี ะกอน สเี หลอื งออ น มีลักษณะเปนเสนๆ มารวมกันคลา ยกรวย
จนถึงสีเหลืองเขม หรอื สเี หลอื งนํา้ ตาล เรยี กวา เปน ทางผา นใหป ส สาวะไหลมารวมกนั และ
อําพนั สขี องปสสาวะจะสัมพันธกับจํานวนนาํ้ ชว ยกรองเอาเกลอื และสารทเ่ี ปน พษิ ออกมา
ท่ีรางกายไดร ับ ถา ไดร ับนาํ้ จํานวนมากปสสาวะ
สวนใหญจ ะไมมสี ี ถา ไดรับนา้ํ จาํ นวนนอย ปส สาวะ ทอไต
จะเปน สอี าํ พัน กลน่ิ ของปส สาวะจะมกี ล่ินออนๆ เปนทอขนาดเล็กๆ และมีผนังหนา โดย
แตถา ท้งิ ไวเปน เวลานาน อาจมีกล่นิ แอมโมเนยี ทําหนาท่ีเปนทางผานของนํ้าปสสาวะลงสู
กระเพาะปส สาวะ
กระเพาะปสสาวะ
อยตู อนลา งของชอ งทอ ง ตอ จากปลายทอ ไต ไตมหี นา ทข่ี บั ถายของเสียและกาํ จดั น้าํ สวนเกนิ
ทปี่ ลายกระเพาะปส สาวะจะมที อ ยนื่ ออกมา ออกจากรางกาย ซงึ่ เปน การชวยรกั ษาภาวะสมดุล
เรยี กวา ทอ ปส สาวะ กระเพาะปสสาวะของ
คนเราสามารถบรรจนุ า้ํ ปส สาวะไดป ระมาณ ภายในรา งกาย
๐.๕ ลิตร
๑๐
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอ ใดไมใชส ิ่งท่ีระบบขับถา ยปส สาวะกาํ จัดออก
ครูใหนักเรียนออกมาวาดภาพอวัยวะในระบบขับถา ยปส สาวะบนกระดาน แลว 1. นาํ้ สว นเกนิ
ลากเสน โยงช่อื อวัยวะน้นั ๆ เพอื่ เปน ส่อื การสอนตอ ไป 2. ของเสยี ในเลือด
3. สารอาหารทรี่ างกายไมต อ งการ
นักเรยี นควรรู 4. กากอาหารทรี่ างกายไมต อ งการ
วเิ คราะหคาํ ตอบ ระบบขับถายปส สาวะจะกําจดั ของเสยี ออกจากเลอื ด
1 ขับถายปสสาวะ ในแตล ะวัน คนเราจะขบั ถา ยปส สาวะออกมาประมาณ นไจม้าํงึ ตสเปอว นงน กเคกาาํินรตรแอา ลงบะกทสาาถี่ยรจูกอะากหําาจรัดทอี่รอากงกมาายในไมรตูปอขงอกงาอรุจจสาว รนะกดากงั นอาั้นหขารอที่ร4า.งกาย
1 - 1.5 ลิตร ปริมาณทขี่ ับถายออกมาจะมากหรือนอ ยข้ึนอยูกับปรมิ าณนํ้าที่รางกาย
ไดร ับ ชนดิ ของอาหารหรือเครื่องดืม่ ที่เขา สูรา งกาย และการสูญเสียน้ําจากทางอนื่
เชน เหงื่อ เปนตน
10 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๑“ไ)ต1จกะากรรทองําปงสานสาขวอะงเรหะมบือบนขกบั บั ถเาคยร่ือปงสกสราอวงะน้าํ ไหมนะ” 1. ครใู หนกั เรยี นดูภาพระบบขับถายปสสาวะ
ที่นักเรยี นวาดบนกระดาน แลวถามนักเรยี นวา
เคร่ืองกรองนํ้าจะกรองส่ิงสกปรกออกจากนํ้า ทําใหเรามีนํ้าสะอาด ปส สาวะถูกขบั ออกมาทางไตไดอ ยางไร
ไวดื่ม เชนเดียวกับไตที่กรองของเสียออกจากเลือด และทํางานรวมกับอวัยวะ (ตอบ ปสสาวะจะถูกขบั ออกมาทางทอปสสาวะ
ทส่ี ําคญั ดังน้ี ทต่ี อกบั กระเพาะปสสาวะ โดยไตจะกรอง
ของเสียออกจากเลอื ด และรางกายจะดดู ซึม
๑ ไตกรองของเสยี ออกมาจากเลอื ด ของเหลวท่กี รองไดบ างสวนไปใชป ระโยชน
สวนสารทีไ่ มม ีประโยชนและนํ้าบางสว นจะถูก
ในรูปของปสสาวะ ขับออกมาในรูปของปส สาวะ แลว ถูกสงมายัง
กระเพาะปส สาวะ เพอื่ รอการขับออกมา)
๒ นาํ้ ปส สาวะไหลไปรวมกนั ทกี่ รวยไต
2. ครอู ธบิ ายความรเู พิม่ เตมิ ระบบขับถา ย
ไหลผา นทอ ไตและไหลไปเกบ็ สะสม ปส สาวะ และการทาํ งานของระบบขบั ถาย
ไวใ นกระเพาะปสสาวะ ปสสาวะ จากนัน้ ใหแ ตละกลุมบันทึกความ
เขาใจระบบขับถายปสสาวะลงในสมดุ
๓ เมอื่ ปสสาวะมปี ริมาณมาก
3. ใหน กั เรยี นอา นขอ มลู จากหนงั สอื เรยี น หนา 11
ผนงั กระเพาะปสสาวะจะยืดหดตวั แลว รวมกนั สรุปการทํางานของระบบขับถา ย
กระตนุ ใหเรารสู ึกปวดปส สาวะ ปสสาวะอีกครง้ั หน่งึ
เมื่อกระเพาะปสสาวะหดตัวกจ็ ะ
ขับปสสาวะออกมานอกรา งกาย 4. ใหน กั เรยี นรวมกนั ยกตวั อยา งการดูแลระบบ
ขบั ถา ยปสสาวะในชีวติ ประจาํ วัน
ปส สาวะจะมีปริมาณมากหรอื นอ ย
ขน้ึ อยูกับรา งกายตอ งการรกั ษานาํ้ ไว 5. ครตู ง้ั คาํ ถามวา
หรอื กาํ จดั นา้ํ ออกจากรา งกายเทา ใด • ถานกั เรยี นปวดปสสาวะขณะที่ครูกําลงั
สอนอยู นักเรียนควรทาํ อยา งไร เพราะอะไร
โรคทีเ่ กยี่ วของกบั ระบบขบั ถา ยปส สาวะ (แนวตอบ ขออนุญาตครไู ปหอ งน้าํ ทนั ที
• ถา เรากลั้นปส สาวะไวน านๆ อาจทําใหเปน โรคกระเพาะปส สาวะอักเสบ เพราะถา เรากล้นั ปสสาวะเปนเวลานาน
• ในเพศหญิง ถาทําความสะอาดหลังขับถายปสสาวะหรืออุจจาระไมดีพอ จะทาํ ใหก ระเพาะปสสาวะอกั เสบได)
อาจทาํ ใหเ ปนโรคกระเพาะปสสาวะอกั เสบ • ถานักเรยี นรสู กึ วาเกดิ อาการผดิ ปกติขณะ
• การดม่ื นา้ํ นอ ย การตดิ เชอื้ ในทางเดนิ ปส สาวะ การกนิ อาหารทที่ าํ ใหเ กดิ นว่ิ 1 ขบั ถา ยปสสาวะ นักเรียนควรทําอยางไร
อาจทําใหเ ปน โรคน่วิ ในอวัยวะในระบบขบั ถา ยปส สาวะ (แนวตอบ บอกพอ แม เพอื่ ใหทานพาไป
พบแพทย)
6. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั สบื คน ลกั ษณะของปส สาวะ
ที่ผดิ ปกติ แลว ออกมานําเสนอหนาชนั้ เรยี น
๑๑
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู
นชุ มอี าการปส สาวะกะปรดิ กะปรอย ปวดปส สาวะบอ ยแตป ส สาวะไมอ อก
เธอจงึ ไปใหหมอตรวจ ซ่ึงหมอกไ็ ดบ อกใหเธอปรับเปล่ียนพฤติกรรมในการ 1 ไต นอกจากจะมหี นาทก่ี รองของเสียออกจากรางกายแลว ยงั มหี นา ท่สี ราง
ปสสาวะ นุชมีอาการเจ็บปว ยเก่ยี วกบั อวยั วะใด ระบบใด และเธอตอง ฮอรโ มนกระตุน การสรา งเม็ดเลือดแดง และสรา งวติ ามินดี เพือ่ ควบคมุ การสรา ง
ปรับเปลีย่ นพฤติกรรมอยางไร (เลือกคําตอบจากกลุมท่ี 1, 2 และ 3) สมดุลของแคลเซยี ม
2 นวิ่ คอื กอ นหนิ เลก็ ๆ ทเ่ี กิดจากการจับตวั กันของกอนผลกึ ซึ่งตกเปน ตะกอน
คําตอบกลุมท่ี 1 คําตอบกลมุ ที่ 2 คําตอบกลมุ ท่ี 3 อยูใ นนํา้ ปส สาวะทเ่ี ขม ขน รวมตัวกนั เปน นิ่วในไตหรือระบบทางเดินปส สาวะ
ท่ี อวยั วะ ท่ี ระบบ ท่ี พฤติกรรม คูม อื ครู 11
ไมกนิ อาหาร
1 ตบั 1 ขบั ถาย A รสหวานจัด
2 กระเพาะปสสาวะ 2 ยอ ยอาหาร B ไมกินอาหารที่ไมสุก
3 ทวารหนัก 3 สบื พันธุ C ไมกลนั้ ปสสาวะ
วิเคราะหคาํ ตอบ นชุ มีอาการเจ็บปวยจากการปส สาวะ ดังน้ัน อวัยวะท่ี
เกยี่ วขอ งควรเปน กระเพาะปส สาวะ ซ่งึ เก่ียวขอ งกับระบบขบั ถา ย อาการ
ดังกลาวเปนอาการของกระเพาะปส สาวะอกั เสบ ซ่งึ อาจเกดิ จากการกลนั้
ปปวส ดสาดวงั ะนนั้นชุ คจาํ ึงตคอวบรปทรถ่ี บั กู เปคลอืย่ี นกพลฤมุ ตทกิ ่ีร1รม-2โด, ยกกลามุ รทไมี่ 2ก ล-้นั1ปแสลสะากวละเมุมทอื่ รี่ 3สู กึ-C
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ครใู หน กั เรยี นทาํ การทดลองโดยนาํ ขวดพลาสตกิ ๒) การดแู ลระบบขับถายปส สาวะ1
ตัดกน ออก เปด ฝาขวด นาํ ผาขาวบางมาปด ท่ี
ปากขวดและมดั ไวไมใหผ าหลดุ นําขวดไปวาง “ถา เราปวดปส สาวะแตข ับถา ยปส สาวะไมอ อก เราควรทาํ อยางไร”
คว่ําบนปากแกว ใส นาํ กรวด ดิน หรอื ทราย เราควรดูแลระบบขบั ถา ยปสสาวะ ดวยการปฏิบตั ิ ดงั น้ี
มาใสลงในขวด จากนน้ั ใหนาํ นํ้าเสียหรือน้าํ ท่ีมี และอาจทําใหเ ปน(๑โ)รคไไมต2กไดิน อาหารที่มีรสเค็มจัด เพราะทําใหไตทํางานหนัก
ลักษณะขนุ มาเทลงในขวด แลวใหนกั เรยี น อกั เสบ3 (๒) ไมค วรกลน้ั ปส สาวะนานๆ เพราะจะทําใหก ระเพาะปส สาวะ
สังเกตน้ําทีอ่ ยูในแกว แลวถามนกั เรยี นวา ขวด
เปรียบไดก ับอวยั วะใดในระบบขับถา ยปสสาวะ (๓) ไมควรกินอาหารที่มีสารออกซาเลท (Oxalate) ซึ่งเปน
แลว บนั ทกึ ผล สารกอนวิ่ ในปรมิ าณทีม่ ากเกนิ ไป ซงึ่ สารชนดิ นี้พบมากในผักตา งๆ โดยเฉพาะ
ใบ ยอด และตนออน เชน ใบชะพลู ใบยอ มันเทศ เปนตน หรอื ผลไม เชน
2. ใหน กั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 3 กลว ยไข สบั ปะรด เปนตน
ผลงานสรางสรรค
(๔) ดมื่ นํา้ สะอาดมากๆ อยางนอยวันละ ๘ แกว เพื่อชวยใหไ ต
3. ใหนกั เรยี นทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 ขอ 1 จาก ทํางานไดด ี
แบบวัดฯ สขุ ศึกษาฯ ป.5
(๕) ทําความสะอาดรางกายและบริเวณอวัยวะเพศใหสะอาด
ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ อยูเสมอ ในเพศหญิงควรทาํ ความสะอาดจากดานหนาไปดานหลัง
สขุ ศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดที่ 1.1
แบบประเมนิ ตัวชว้� ดั พ 1.1 ป.5/1 (๖) เมอ่ื เกิดอาการผดิ ปกติในการขบั ถา ยปส สาวะ เชน
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรตู ามตวั ชีว้ ดั ประจาํ หนว ยท่ี ๑ บทที่ ๑ • ขบั ถา ยปส สาวะกะปรบิ กะปรอย
• ปวดปสสาวะแตขับถา ยปสสาวะไมอ อก
กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๑.๑ • มีเลือดปนออกมากบั ปส สาวะ
แบบประเมินตัวชวี้ ดั พ ๑.๑ ป.๕/๑ • รูสึกเจ็บอวัยวะเพศขณะขับถา ยปสสาวะ เปน ตน
อธบิ ายความสาํ คญั ของระบบยอ ยอาหารและระบบขบั ถา ยทมี่ ผี ลตอ สขุ ภาพ การเจรญิ เตบิ โต
และพัฒนาการ ควรรีบบอกผปู กครองใหพาไปพบแพทยท นั ที
ชุดท่ี ๑ ๓๐ คะแนน อยางไรก็ตาม การขบั ถา ยของเสียในรา งกาย นอกจากการขบั ถายอจุ จาระ
และการขับถายปสสาวะแลว ยังมีการขับถายเหง่ือทางระบบผิวหนัง
๑ เรียงลําดบั และบอกหนาท่ีของอวยั วะในระบบขับถา ยปส สาวะ (๑๐ คะแนน) ซ่ึงจะขับน้ําและเกลือแรที่รางกายไมตองการแลวออกจากรางกาย และการ
ขับถายแกสคารบอนไดออกไซดทางระบบหายใจ ซ่ึงเปนของเสียท่ีเกิดจาก
❍๒ ❍๑ ❍๓ ❍๔ เฉฉบลับย ๑๒ การเผาผลาญอาหาร และการทาํ งานของเซลลในรา งกาย
๒) กรวยไต……………………………………………………………………..
๑) ไต……………………………………………………………………..
มหี นา ท่ี กรองของเสีย………………………………………………… มหี นา ที่ ……เ…ป…น……ท……า…ง…ผ…า…น……ใ…ห…… ……
…อ…อ…ก……จ…า…ก……เ…ล…ือ…ด……อ…อ……ก…ม…า…ใ…น……ร…ปู…….. …น……ํา้ …ป…ส ……ส…า…ว…ะ…ไ…ห……ล…ม……า…ร…ว…ม…ก……นั ………..
ของปส สาวะ…………………………………………………………………….. …แ…ล……ะก……ร…อ……ง…เ…อ…า…เ…ก…ล……อื ……แ…ล……ะ…………..
สารพิษออกมา……………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..
๓) ทอ ไต…………………………………………………………………….. ๔) กระเพาะปส สาวะ……………………………………………………………………..
มหี นา ท่ี ……เ…ป…น……ท……า…ง…ผ…า…น……ใ…ห…… …… มหี นา ที่ ……เ…ป…น……ท……่เี ก……็บ…ส……ะ…ส……ม………
…น……ํ้า…ป…ส ……ส…า…ว…ะ…ไ…ห……ล…ผ……า …น…ไ…ป……ย…งั ……….. …น……้ํา…ป…ส ……ส…า…ว…ะ…ก……อ…น……ถ…กู……ข…ับ……อ…อ…ก……..
กระเพาะปสสาวะ…………………………………………………………………….. จากรางกาย……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
๓
นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 ปส สาวะ สขี องปสสาวะโดยปกติจะมสี ีเหลืองออ นๆ ถา หากมีสที ่ีแตกตาง ใหน ักเรยี นเขียนแสดงลําดับขัน้ ตอนของการทาํ งานของระบบขับถาย
ไปจากนี้ อาจเกดิ ความผิดปกตไิ ด ซึ่งเกดิ จากหลายสาเหตุ เชน การดืม่ น้าํ นอย ปสสาวะ
เกนิ ไป สีปสสาวะก็อาจเปนสเี หลืองเขมได
2 โรคไต เปนโรคท่เี กดิ จากความผิดปกตขิ องไตในการทํางานเพือ่ ขบั ถาย กิจกรรมทาทาย
ของเสยี ออกจากรา งกาย และรักษาความสมดุลของเกลอื และนาํ้ ในรา งกาย โรคไต
ทีพ่ บบอย เชน ไตวาย ไตอักเสบ เปน ตน ใหนักเรยี นสบื คนโรคท่เี กดิ กบั ระบบขับถายปส สาวะ จากน้นั นําขอ มลู
3 กระเพาะปสสาวะอักเสบ เปน อาการอักเสบของกระเพาะปส สาวะ สาเหตุ มาจัดปายนิเทศ
เกดิ จากเชื้อแบคทเี รยี เขาไปในกระเพาะปสสาวะ เนอ่ื งจากการกลน้ั ปส สาวะนานๆ
ทาํ ใหเ ชอ้ื แบคทเี รียไมถ ูกกาํ จัดออกไปทางปสสาวะ
12 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ตรวจบันทึกความเขาใจระบบขับถา ยปส สาวะ
2. ตรวจบนั ทึกผลการทดลอง
ตอนที่ ๑ คําถามชวนคดิ 3. ตรวจสอบความถกู ตองของการทาํ กิจกรรม
เขียนตอบคําถามตอไปนลี้ งในสมดุ
รวบยอดที่ 1.1 ขอ 1 จากแบบวัดฯ สุขศึกษาฯ
๑) นักเรยี นคดิ วาระบบยอยอาหาร และระบบขับถา ยปสสาวะมีความสาํ คัญอยางไร ป.5
๒) ถารา งกายของนักเรยี นยอ ยอาหารไมไ ด นักเรียนจะรูสึกอยา งไร
๓) นกั เรยี นเคยปวดปส สาวะขณะทน่ี กั เรยี นเรยี นอยใู นหอ งเรยี นหรอื ไม แลว นกั เรยี น หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู
ทาํ อยางไร 1. แผนภาพการทํางานของระบบยอ ยอาหาร
๔) ถา เพอ่ื นของนักเรยี นกลั้นปสสาวะบอ ยๆ นักเรียนควรแนะนาํ เพือ่ นอยา งไร 2. แผนภาพโครงสรา งและการทาํ งานของลาํ ไสใ หญ
ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ (ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมขึน้ อยูก ับดลุ ยพินจิ ของครผู ูสอน) 3. แผนผังการกระทําทเ่ี ปนผลดแี ละผลเสียของ
๑) ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา อาการอยางไรท่ีเรียกวา อาการระบบ
ระบบยอ ยอาหารและการขบั ถา ยอจุ จาระ
ยอยอาหารและระบบขับถายปส สาวะทํางานผดิ ปกติ 4. แผนความรโู รคทีเ่ กยี่ วของกบั ระบบยอ ยอาหาร
๒) แบงกลุม ใหแตละกลุมรวมกันอภิปรายวา ระบบยอยอาหารกับระบบขับถาย
และการขบั ถา ยอจุ จาระ
ปสสาวะ ทาํ งานอยางไร 5. แผนพบั การดแู ลระบบยอ ยอาหารและระบบ
๓) สบื คน ขอ มลู โรคทเี่ กย่ี วกบั ระบบยอ ยอาหารและระบบขบั ถา ยปส สาวะ บอกสาเหตุ
ขบั ถา ยปสสาวะ
อาการ วธิ ดี แู ล และวธิ ปี อ งกนั มาระบบละ ๑ โรค แลว ออกมานาํ เสนอในรปู แบบ
ของตนเอง
๔) สบื คนอาหารทม่ี ปี ระโยชนตอ ระบบยอยอาหาร และจดั ทําเปน ปา ยใหความรู
ตอนที่ ๓ ผลงานสรางสรรค (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมข้ึนอยูก บั ดลุ ยพนิ ิจของครูผสู อน)
แบงกลุม ใหแ ตละกลมุ จดั ทําแผนพบั ทใี่ หขอ มูลการดูแลระบบยอ ยอาหารและระบบ
ขบั ถา ยปส สาวะ โดยแตล ะกลมุ ชว ยกนั สบื คน ขอ มลู เพมิ่ เตมิ ออกแบบแผน พบั และจดั ภาพ
ประกอบใหดูนาสนใจ และผลดั กันออกมานาํ เสนอผลงาน
๑๓
เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1
คาํ ถามชวนคดิ
1) แนวตอบ ระบบยอ ยอาหารเปนระบบที่เปลย่ี นอาหารใหเ ปนสารอาหาร เพ่อื ใหรา งกายนําสารอาหารไปใช ทําใหรา งกาย
เจริญเติบโต อวยั วะในรางกายทํางานไดต ามปกติ สวนระบบขับถายปส สาวะเปนระบบทชี่ ว ยกําจัดของเสยี ออกจากเลือด
และรกั ษาสมดุลของน้าํ ในรา งกาย ทาํ ใหรา งกายทํางานไดอ ยา งปกติ
2) แนวตอบ รสู ึกอดึ อัดเหมือนมีลมอยูในทอ ง ทอ งอดื ทอ งเฟอ แนน ทอง
3) แนวตอบ ขึ้นอยกู ับนักเรยี นแตละคน
4) แนวตอบ ควรแนะนาํ ใหเ พ่ือนไปเขา หอ งนํา้ เมื่อรูสกึ ปวดปส สาวะ ไมค วรกลน้ั ปส สาวะไวนานๆ พรอมอธิบายเหตผุ ลวา
การกลน้ั ปส สาวะไวนานๆ จะทาํ ใหเกิดอนั ตรายตอ รางกายได เชน ทําใหเปนโรคนิ่ว ทําใหเปน โรคกระเพาะปส สาวะอกั เสบ
เปนตน
คมู ือครู 13
กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Engage
กระตนุ ความสนใจ
ครถู ามคําถาม แลวใหนกั เรยี นแสดงความ ò˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ èÕ
คิดเห็นอยา งอสิ ระ ªÕÇÔµáÅФÃͺ¤ÃÇÑ
• ครอบครวั ทม่ี ีความสุขเปนอยา งไร เปา หมายการเรยี นรปู้ ระจําหนว่ ยที่ ๒
(แนวตอบ ครอบครัวทีม่ คี วามสขุ คือ ครอบครัว
ท่ีมีความรัก ความเขา ใจ และชว ยเหลอื ซึง่ กัน เ มอื่ เรยี นจบหนว่ ยน ี้ ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้ี
และกัน ครอบครัวไทยเปนครอบครัวที่นับถือ ๑. อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงทางเพศและปฏิบตั ิตน
ญาติผูใ หญ ผทู ่ีอายนุ อ ยกวาจะใหค วามเคารพ
ผทู ม่ี อี ายมุ ากกวา สว นผทู มี่ อี ายมุ ากกวา จะคอย ไดเ้ หมาะสม (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๑)
อบรมสงั่ สอน ใหค วามรัก และความชวยเหลือ ๒. อ ธบิ ายความสา� คัญของการมีครอบครวั ทอี่ บอนุ่
ผทู ่ีอายุนอ ยกวา)
ตามวัฒนธรรมไทย (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๒)
๓. ระบุพฤตกิ รรมที่พงึ ประสงค์และไมพ่ งึ ประสงค์
ในการแกไ้ ขปญั หาความขัดแย้งในครอบครวั
และกล่มุ เพอื่ น (มฐ. พ ๒.๑ ป.๕/๓)
เกร็ดแนะครู
ครเู ปด เพลง “Home” ใหนักเรยี นฟง จากน้ันครแู ละนกั เรียนรวมกนั อภปิ ราย
ความหมายของเนือ้ เพลง และใหน กั เรยี นบอกความรูสกึ ทไี่ ดจากการฟงเพลงนี้
จากนัน้ ครูถามนกั เรยี นวา “Home” สาํ หรบั นักเรียนคืออะไร
มุม IT
ครูดาวนโ หลดเพลง “Home” ไดท ่ี www.youtube.com
14 คูมอื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
ñº··Õè อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงทางเพศและปฏบิ ตั ติ น
เพศวถิ ีศกึ ษา ไดเ หมาะสม (มฐ. พ 2.1 ป.5/1)
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ สาระสําคญั สมรรถนะของผูเรยี น
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจะมีการเปล่ียนแปลงทางร่างกาย
จติ ใจ อารมณแ์ ละสงั คม เราจงึ ตอ้ งดแู ลตนเองเมอ่ื 1. ความสามารถในการคดิ
มกี ารเปลยี่ นแปลงทางเพศและวางตวั เหมาะสมกบั 2. ความสามารถในการแกปญหา
เพศวถิ ีของตนเอง 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มุงมนั่ ในการทํางาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
? ใหน กั เรยี นดูภาพ หนา 17 แลว ชวยกนั บอกวา
• ทางกายภาพนกั เรียนเปนเพศใด
ñ. ·Ò§¡ÒÂÀÒ¾¹¡Ñ àÃÂÕ ¹à»¹š à¾Èã´
ò. ã¹ÁÔµÔ·Ò§¡ÒÂÀÒ¾ ¹Ñ¡àÃÕ¹µ‹Ò§¨Ò¡ (ตอบ คําตอบข้ึนอยกู ับนกั เรยี น ใหตอบ
ตามความเปน จริง)
à¾×è͹µ‹Ò§à¾ÈÍ‹ҧäà • ในมิติทางกายภาพ นกั เรยี นตา งจากเพ่ือน
ตา งเพศอยา งไร
1๕ (ตอบ คาํ ตอบขนึ้ อยูกับนกั เรยี น ใหตอบ
ตามความเปนจรงิ )
เกรด็ แนะครู
ครูจดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนักเรยี นปฏิบัติ ดังน้ี
• สาํ รวจ คน หาเก่ยี วกับการเปลย่ี นแปลงทางเพศโดยการใชแผนผังความคดิ
• สบื คนขอมลู การเปลี่ยนแปลงดา นจติ ใจ อารมณ และสงั คม
• อภิปรายการปฏบิ ตั ิตนใหเหมาะสมเม่ือมกี ารเปล่ียนแปลงทางเพศ
• วิเคราะหจ ากประเด็นคําถามและภาพเก่ยี วกับการเปลย่ี นแปลงทางเพศ
จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา เม่อื เราเจรญิ เตบิ โตข้ึนรางกายของเรากจ็ ะเกดิ
การเปลี่ยนแปลง วยั ของนกั เรียนมีการเปลย่ี นแปลงที่ชัดท่สี ดุ คือ การเปล่ียนแปลง
ทางเพศ เราจงึ ควรปฏบิ ัตติ นใหเ หมาะสมกับการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดข้นึ
คมู อื ครู 15
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
สาํ รวจคน หา Explore
1. ใหนกั เรยี นแบงกลุม กลุมละ 3 - 4 คน แตละ ๑ ¡ÒÃà»ÅèÂÕ ¹á»Å§·Ò§à¾È
กลมุ เขยี นแผนผงั ความคิดลกั ษณะทางกายภาพ
ของเพศชายและเพศหญงิ พฒั นาการของวยั เดก็ ตอนปลายจนเขา้ สวู่ ยั รนุ่ จะมกี ารเปลยี่ นแปลงทาง
รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ และสงั คม ทั้งในเดก็ ชายและเด็กหญงิ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั
2. ใหนักเรยี นแตล ะกลุมออกมานาํ เสนอผลงาน
แลวครูสงั เกตแผนผังความคดิ ของนักเรียนวา ด ังน้ี ๑. การเปล่ยี นแปลงทางด้านรา่ งกาย
นกั เรยี นเขา ใจลกั ษณะทางกายภาพของเพศชาย
และเพศหญงิ อยางไร “กลาอรงเปสลงั ยเี่ กนตแรปา่ ลงงกทายางขดอา้ งนตรนา่ เงอกงาดยวูข่าอ งมเดีกกา็ รชเาปย1ลจีย่ ะนชแา้ กปวลา่ งเอดยก็ า่หงญไรงิ ”ประมาณ
๑ - ๒ ป และการเปลยี่ นแปลงทางดา้ นรา่ งกายของเดก็ หญงิ จะเหน็ ไดช้ ดั เจนกวา่
3. ครูถามนักเรียนวา ซงึ่ การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นรา่ งกาย มีดงั นี้
• เมื่อนกั เรยี นเจรญิ เติบโตขนึ้ รา งกายของ
นกั เรยี นจะเปลี่ยนแปลงอยางไรบาง เพศชาย มีการเปล่ยี นแปลงเหล่านี้เกดิ ข้ึนหรอื ยงั ครับ
(แนวตอบ ๑) รปู รา่ งสูงขน้ึ น้�าหนกั ตัวเพ่มิ ขึ้น
เพศหญงิ หนาอกขยายใหญข ึ้น แขนขายาวเก้งกา้ ง ไหลก่ วา้ ง กล้ามเนอ้ื
เอวคอด สะโพกผาย มีขนขนึ้ ท่อี วยั วะเพศ เป็นมัด ๒กร) ะดเสูกยี แงลแะตกกล2 า้ แมหเบนหื้อแา้ วข็งแรง
มีประจําเดอื น ๓) มหี นวดเครา มีขนขนึ้ ตามแขน
เพศชาย รปู รา งสูงใหญข ึน้ แขนขายาว ขา หน้าแขง้ หน้าอก รกั แร้ และบริเวณ
เกงกาง มีหนวดเครา มขี นข้นึ ที่อวยั วะเพศ อวยั วะเพศ
เสียงแตกหา ว) ๔) มสี ิวขึ้นบรเิ วณใบหน้า หนา้ อก
หรอื หลัง
๕) มีพัฒนาการทางอวยั วะเพศ
ต่อมเพศจะหลัง่ ฮอร์โมนออกมา ท�าให้มีการ
สร้างตวั อสจุ ิ และสามารถหลง่ั น้า� อสจุ ิ
ในขณะที่หลบั ได ้ เรียกว่า ฝนเปย ก
16
นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถานกั เรียนอายุ 10 - 12 ป การเจรญิ เตบิ โตของรางกายทเ่ี หน็ ไดเดนชดั
1 การเปลี่ยนแปลงทางดานรา งกายของเดก็ ชาย ยงั มอี ีกสัญญาณหนึง่ ท่ีบง บอก ในวยั นี้ คืออะไร
ถงึ การเปล่ยี นแปลงทางเพศ คือ ฝนเปยก ซ่งึ เกิดข้ึนเน่อื งจากรา งกายมกี ารผลติ แนวตอบ การเจริญเตบิ โตทเี่ ห็นไดช ัดในวัยนี้ คอื
นา้ํ อสจุ ิเกบ็ สะสมไว และเมอ่ื มีปรมิ าณมากเกินไป รา งกายกจ็ ะหล่งั น้าํ อสจุ อิ อกมา เพศหญงิ เร่ิมมหี นา อก สะโพกพาย และเริ่มมปี ระจาํ เดอื น
ในขณะท่ีกําลังหลบั เพศชาย เรมิ่ มหี นวดเครา เสียงแตกหาว แขนและขายาวเกง กา ง
2 เสียงแตก ในวยั เดก็ เสน เสยี งทอ่ี ยภู ายในกลอ งเสยี งจะสนั้ ทาํ ใหเ สยี งมคี วามถสี่ งู อวยั วะเพศเริม่ ผลติ ตัวอสุจิ และเรม่ิ มฝี นเปยก
เสยี งของเราจงึ เลก็ แหลม แตเมอื่ เราเจรญิ เตบิ โตเขาสวู ยั รุน กลอ งเสียงกจ็ ะมีขนาด
ใหญขึ้น เสนเสียงจึงยาวข้นึ ทําใหเสยี งมคี วามถีต่ า่ํ ลง เสยี งของเรากจ็ ะทมุ ลง
โดยเสยี งแตกนจี้ ะสงั เกตไดชัดในเพศชายมากกวาเพศหญงิ
16 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
เพศหญงิ มีการเปลีย่ นแปลงเหลา่ นเ้ี กิดขนึ้ หรอื ยังคะ 1. ครูรวบรวมแผนผังความคิดลักษณะของ
๑) รูปร่างสูงข้นึ ภายนอกดูคล้ายกับ เพศชายและเพศหญงิ ของนกั เรียนแตละกลุม
ผใู้ หญม่ ากข้ึน แต่เนอ้ื จะน่ิมไมแ่ ขง็ เหมือน แลว ตดิ ไวบ นกระดาน
ผชู้ าย
๒) หนา้ อกเรม่ิ ขยายใหญ ่ เตา้ นม 2. ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ ลกั ษณะของเพศชายและ
เจริญเตบิ โตข้ึน สะโพกผายจึงท�าใหด้ ูวา่ เพศหญิง และการเปล่ียนแปลงทางเพศดา น
เอวคอด รางกายซ่ึงเปน ลกั ษณะทีส่ ังเกตไดชัดเจนทส่ี ุด
๓) เสียงเล็กแหลม
๔) มีไขมันเพมิ่ ขนึ้ ตามไหล่ หน้าอก
แขน ขา และสะโพก ทา� ให้รปู ร่างสมส่วน
๕) มขี นขน้ึ บรเิ วณรักแร้และอวยั วะเพศ
๖) มสี วิ ข้นึ บริเวณใบหนา้
๗) ต่อมเพศจะหล่ังฮอร์โมนออกมากระตุ้น
ใมหาร้จงั าไกขชต่ อ่ กงไคขลอ่ ออดก มเรายีเดกอืวน่า ลปะร ๑ะจ ใาํบเ ดทือา� นใ1หม้ เี ลอื ดออก
¤ÇÒÁÃÙŒ¤ÙÊ‹ ¢Ø ÀÒ¾
ฝนเปยก คือ การหลั่งน�้าอสุจิของเพศชายขณะนอนหลับ เป็นสัญญาณเตือน
วา่ รา่ งกายมีการพฒั นาทางเพศ และมีความพร้อมในการสบื เผ่าพันธุ์
ประจาํ เดอื น คอื การทรี่ า่ งกายของเพศหญงิ มกี ารตกไขใ่ นแตล่ ะรอบเดอื น เปน็ ภาวะ
ทแ่ี สดงว่ารา่ งกายพร้อมในการสบื เผา่ พันธ์ุ
การเปลยี่ นแปลงรา่ งกายนเี้ ปน็ ไปตามธรรมชาตขิ องแตล่ ะเพศ และเกดิ ขน้ึ กบั ทกุ คน
จงึ ไมค่ วรวิตกกังวล และสามารถด�าเนนิ ชวี ติ ได้ตามปกติ
1๗
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู
ใครมกี ารเปลย่ี นแปลงทางดา นรางกายที่สมบรู ณ 1 ประจาํ เดอื น เกดิ จากการสลายตวั ของเยอื่ บมุ ดลกู ตอ มใตส มองจะผลติ ฮอรโ มน
1. ตมั้ ตวั สูงขึน้ แขนขายาวเกงกาง ไปกระตุนรังไขใ หผลติ ไขออกมาเพื่อเตรยี มผสมกับตัวอสุจิ เยือ่ บมุ ดลกู กจ็ ะหนาขึ้น
2. หนอ ยมีเสยี งเลก็ แหลม เพอ่ื เตรยี มรบั การฝง ตวั จากไขท ไี่ ดร บั การผสมกบั ตวั อสจุ ิ ถา หากไขไ มไ ดร บั การผสม
3. โอม หี นา อกใหญขึน้ กบั ตวั อสจุ ิ กจ็ ะสลายตวั และออกมาพรอ มกบั เยอ่ื บมุ ดลกู ออกมาเปน เลอื ดประจาํ เดอื น
4. แพรวมีประจาํ เดอื น
วิเคราะหค ําตอบ การเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายทส่ี มบูรณข อง
เพศหญิง คอื การมปี ระจําเดือน ซ่งึ แสดงถงึ การมพี ัฒนาการทางเพศที่
สมบูรณแ ละพรอ มตอ การสบื พนั ธุ ในเพศชายก็คือ การฝน เปย ก ซง่ึ แสดง
ถึงการมพี ฒั นาการทางเพศทีส่ มบูรณและพรอมตอ การสืบพันธุเชนกัน
ดังนัน้ ขอ 4. จึงเปนคําตอบทถี่ ูก
คมู ือครู 17
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหนกั เรียนแตละกลุมคนควา ขอมูลการ ๒. การเปลยี่ นแปลงทางด้านจิตใจ
เปลยี่ นแปลงทางดานจติ ใจ ดานอารมณ เดก็ วยั น้ี จะมีการเปล่ียนแปลงทางด้านจิตใจ ดงั น้ี
และดา นสงั คม จากอินเทอรเ น็ต หอ งสมุด ๑) แสดงความคิดเหน็ อย่างตรงไปตรงมา
หรอื แหลง คน ควา อน่ื ๆ แลว นาํ มาอภปิ ราย ๒) เชื่อมัน่ ในตนเอง แตก่ ต็ ้องการค�าแนะน�า
รวมกัน ๓) รักเพอื่ น ตามใจเพอ่ื น
๔) สสนนใใจจแเรลอื่ ะงตเพอ้ งศก1ารเรยี นร้เู ร่ืองเพศ แต่ขดั เขนิ
2. ครูและนกั เรียนแตละกลุม รวมกันอภิปราย ๕)
การเปล่ยี นแปลงทางดา นจติ ใจ ดา นอารมณ
และดานสังคม จากนนั้ ใหน กั เรยี นบันทกึ
การเปลี่ยนแปลงเปน แผนผงั ความคิด
๖) สนใจการแต่งกายตามยุคสมยั
๓. การเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์
เด็กวยั นี้ จะมีการเปล่ยี นแปลงทางดา้ นอารมณ์ ดงั นี้
๑) วติ กกงั วล โดยเฉพาะสบื เนอื่ งมาจากการเปลยี่ นแปลงของรา่ งกาย
๒) อารมณเ์ ปลยี่ นแปลงไดง้ ่ายและเรว็
๓) อารมณว์ ูว่ าม หงุดหงิด น้อยใจ โกรธง่าย และก้าวร้าว
๔) ชอบการเพ้อฝัน
๕) พยายามควบคุมพฤตกิ รรมไม่ให้แสดงความรนุ แรง
๖) ชอบท�าอะไรตามใจตนเอง
๗) เริม่ มคี วามต้องการทางเพศ
๔. การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นสังคม
เดก็ วยั น้ี จะมีการเปล่ยี นแปลงทางดา้ นสังคม ดงั นี้
๑) ต้องการเปน็ ทีย่ อมรับของเพื่อนๆ
๒) เรมิ่ เชอื่ ถือและฟังเพ่ือนมากกว่าพอ่ แมห่ รอื ผูป้ กครอง
๓) ชอบเลยี นแบบเพอ่ื นและสังคม
๔) ชอบเปรยี บเทียบตนเองกับเพ่อื นๆ
๕) เริ่มสนใจเร่ืองความรกั และความสัมพันธท์ างเพศ
18
เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
ขอใดเปนการเปลี่ยนแปลงทางดา นจติ ใจของเดก็ วยั 10 - 12 ป
ครูสอบถามนักเรียนวา นกั เรียนชอบดาราหรอื บคุ คลทม่ี ีชอ่ื เสียงคนใด 1. ตามใจเพ่ือน 2. ชอบอยคู นเดียว
พรอ มทั้งบอกเหตผุ ลทช่ี อบ จากนนั้ ครูสนทนากับนักเรยี นวา ในวัยของนักเรยี นอาจ 3. ไมก ลา แสดงออก 4. รังเกียจเพศตรงขา ม
ชืน่ ชอบบุคคลทม่ี ลี กั ษณะเดน เชน รปู รา งหนา ตาดี รองเพลงไพเราะ นสิ ยั ดี เปน ตน
ซ่งึ ไมใชส่งิ ทผี่ ดิ แตค วรแสดงความชืน่ ชอบอยางเหมาะสม แลวนาํ ขอดขี องบคุ คล วเิ คราะหค ําตอบ ในเด็กวยั อายุ 10 - 12 ป จะมีการเปล่ียนแปลงทาง
เหลาน้ันมาเปนแนวทางในการพฒั นาตนเอง ดานจิตใจ คือ รักเพอ่ื น ตามใจเพอ่ื น เพราะกลวั การอยูอยางโดดเด่ียว
จงึ ตอ งตามใจเพือ่ น เพราะคิดวาจะทําใหเ พอื่ นยอมรับตนเขากลมุ
นกั เรยี นควรรู
ดังนน้ั ขอ 1. จงึ เปนคาํ ตอบทถ่ี ูก
1 สนใจเร่ืองเพศ เปนเรื่องธรรมชาติของวัยท่ีมีการเปลี่ยนแปลงทางรางกาย
โดยเฉพาะการเปล่ียนแปลงทางเพศ เน่ืองมาจากฮอรโมนทางเพศทําใหเกิดอารมณ
ทางเพศ อารมณร กั ใคร สนใจและอยากสรา งความสมั พนั ธใ กลช ดิ กบั เพอื่ นทเี่ ราสนใจ
18 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ò ¡ÒôÙáŵ¹àͧàÁ×èÍÁÕ¡ÒÃà»ÅèÕ¹á»Å§·Ò§à¾È 1. ครถู ามนกั เรยี นวา เมื่อนักเรยี นทราบการ
เปล่ยี นแปลงทางเพศแลว นักเรยี นมวี ิธี
นักเรียนคดิ ว่า “ตนเองดแู ลสุขอนามัยทางเพศดแี ลว้ หรือยัง” การดูแลตนเองอยางไร โดยครใู หน ักเรยี น
ตอบคนละ 1 ขอ
เมอ่ื เราเจรญิ เตบิ โตขนึ้ จะมกี ารเปลยี่ นแปลงทางเพศซง่ึ ถอื เปน็ เรอื่ งปกติ
เราจึงไม่ควรวิตกกงั วลมาก แต่ควรดูแลสขุ อนามยั ทางเพศของตนให้ดี ด้วยการ 2. ใหน ักเรยี นแบงกลุม กลมุ ละเทาๆ กนั
ปฏิบัต ิ ดังนี้ แตล ะกลุมรวมกันบอกสุขปฏบิ ัตทิ างเพศ
แลวออกมานาํ เสนอขอ มูล
๑. ด้านรา่ งกาย
3. ครอู ธบิ ายความรูเพมิ่ เตมิ การดูแลตนเอง
เมอ่ื ย่างเข้าสูว่ ัยรนุ่ เราควรดูแลรักษาสุขอนามัยของร่างกาย ดงั น้ี เมือ่ มกี ารเปล่ียนแปลงทางเพศดา นรา งกาย
๑) เพศชาย ควรดแู ลร่างกายของตนเอง ดงั น้ี
(๑) อาบน�้าอยา่ งนอ้ ยวนั ละ ๒ ครง้ั เช้าและเยน็ และทกุ ครง้ั ควร
ทา� ความสะอาดอวยั วะเพศโดยการปลน้ิ หนงั หมุ้ ปลายออกมา แลว้ ทา� ความสะอาด
คราบไคล เรยี กวา่ ขเ้ี ปย ก ทห่ี มกั หมมอยู่ใตห้ นงั หมุ้ ปลายออกดว้ ยนา�้ สะอาดหรอื
ถูด้วยสบูอ่ อ่ นๆ เพ่ือไม่ให้สิ่งสกปรกหมักหมมท�าให้เกดิ กล่ินเหมน็ แล้วล้างออก
ดว้ ยนา้� สะอาดจนหมด
(๒) หลังอาบน�้าเสร็จแล้ว ควรใช้ผ้าขนหนูท่ีสะอาดเช็ดตัวและ
ซับอวัยวะเพศให้แหง้
(๓) สวมกางเกงในที่ไมเ่ ปย กชน้ื ขนาดพอดกี บั ตวั ไมค่ บั หรอื รดั
จนเกินไป เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ให้อวยั วะเพศตดิ เช้อื หรอื อกั เสบ
(๔) ไม่ใชก้ างเกงในหรอื ผ้าเชด็ ตัวรว่ มกับผู้อ่นื เพราะอาจทา� ให้
ติดโรคได้
อวัยวะเพ ศ1ห รือท(ว๕า)ร หหลนังกั ขทับกุ ถค่ารยง้ั ปแัสลสะาซวับะใหหรแ้ ือหองุ้จจาระเสร็จควรท�าความสะอาด
(๖) ระมัดระวังไม่ให้อวัยวะเพศได้รับการกระทบกระเทือนแรงๆ
เพราะจะท�าให้เจบ็ และอกั เสบได้
(๗) ควรหาเวลาวา่ งไปปฏบิ ตั กิ ิจกรรมต่างๆ เชน่ ท�างานอดิเรก
เลน่ กฬี า เลน่ ดนตรี เป็นตน้ เพอ่ื จะไดไ้ มไ่ ปหมกมุน่ เก่ยี วกบั เรือ่ งเพศ
มีหนองไ หลอ อก(ม๘า2) เหปา็นกตมน้ อี าคกวารรรผีบดิ ไปปกพตบเิ แกพย่ี วทกยบั ์เพอว่อื ยัทวา� ะกเาพรศร ักเษชน่า รสู้ ึกคนั บวม1 ๙
ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู
ขอ สอบป ’53 ออกเก่ยี วกับ สขุ ปฏิบัติทางเพศ 1 ทาํ ความสะอาดอวัยวะเพศ เพศชายใหท าํ ความสะอาดอวยั วะเพศหลงั ขบั ถา ย
ขอใดปฏิบัตผิ ดิ หลกั สขุ ปฏบิ ตั ิเกีย่ วกับอวยั วะเพศ (ขอ สอบมคี าํ ตอบทีถ่ ูก ปสสาวะ โดยใชน ้ําชําระลา งอวยั วะเพศภายนอก และเปด หนังหุมปลายอวยั วะเพศ
ใชน า้ํ ชาํ ระลา งใหส ะอาดแลว ใชผ า สะอาด หรอื กระดาษชาํ ระซบั อวยั วะภายนอกใหแ หง
3 ขอ ) และลางมือใหส ะอาดทุกครั้ง
1. ใชผ า เชด็ ตัวรว มกับเพื่อนสนทิ 2 มีหนองไหลออกมา เปน อาการผดิ ปกตขิ องอวยั วะเพศ ทเี่ กิดจากโรคตดิ ตอ
2. สวมชดุ ช้นั ในท่สี ะอาด มีขนาดรดั แนน ทางเพศสมั พันธ เชน หนองใน เปน ตน ในเพศชายจะมหี นองไหลออกมาทาง
3. อาบน้ําทุกวัน วนั ละ 2 คร้งั ทอ ปสสาวะ มักจะเกดิ กับคนท่มี ีเพศสมั พนั ธโดยไมใชถ ุงยางอนามัย
4. ลา งอวัยวะเพศใหสะอาดท้ังภายในและภายนอก
วเิ คราะหคําตอบ เราควรดูแลรกั ษาอวยั วะเพศโดยการอาบนา้ํ ทุกวนั
วนั ละ 2 ครง้ั ทกุ ครงั้ ควรลา งอวยั วะเพศภายนอกใหส ะอาด แลว ใชผ า เชด็ ตวั
สะอาดซบั ใหแ หง ไมค วรใชผ า เชด็ ตวั รว มกนั ผอู นื่ เพราะอาจเกดิ โรคตดิ ตอ ได
และควรสวมชดุ ช้ันในท่สี ะอาดและพอดีกบั ตวั ไมร ดั แนนหรอื หลวมเกินไป
เพราะทําใหเกิดความอับชื้น และทาํ ใหเกิดเชือ้ รา ดงั น้ัน ขอ 1., 2.,
และ 4. เปน การปฏบิ ัตทิ ผี่ ิดหลักสุขปฏบิ ตั ิเกยี่ วกบั อวัยวะเพศ
คมู อื ครู 19
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ นําแผนผังความคิด ๒) เพศหญงิ ควรดูแลรา่ งกายของตนเอง ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงทางดา นจิตใจ อารมณ และ (๑) อาบนา�้ อยา่ งนอ้ ยวนั ละ ๒ ครง้ั เชา้ และเยน็ และขณะอาบนา�้
สงั คมขนึ้ มาอกี ครง้ั ครถู ามนกั เรยี นวา นกั เรยี น ควรใชส้ บ่ถู ูอวัยวะเพศภายนอกให้สะอาด แล้วลา้ งนา�้ เอาสบ่อู อกให้หมด
มีวธิ ดี ูแลตนเองเมอื่ เกิดการเปลยี่ นแปลง (๒) หลังอาบน้�าเสร็จแล้ว ควรใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดเช็ดตัวและ
ทางดานจติ ใจ อารมณ และสังคมอยางไร ซบั อวยั วะเพศให้แหง้
โดยเขียนเชื่อมโยงกับแผนผังความคิดเดมิ (๓) สวมชดุ ช้ันในทแี่ หง้ สะอาด ไม่คบั หรอื รัดจนเกินไป
(๔) ไม่ใช้เส้ือผ้าหรือชุดช้ันในร่วมกับผู้อ่ืน เพราะอาจท�าให้
2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมานําเสนอ
แผนผงั ความคิดที่หนาชนั้
ตดิ เช้อื โรคได้
อ วัยวะเพ ศแ ละท(ว๕า)ร หหนลังัก1ขทับุกถค่ารย้ังป ัสโดสยาใวชะ้นห�้ารสือะออุจาจดาลระ้าเงสจรา็จก ดค้าวนรหทน�า้าคไวปาดม้าสนะหอาลดัง
เพอื่ ปอ้ งกันการติดเชอ้ื โรค และซบั ใหแ้ ห้งดว้ ยผ้าสะอาด
((๗๖)) รระะหมวดั า่รงะมวปังี ไรมะจ่ใหา� เ้อดวอื ัยนว2 ะคเวพรศรไกั ดษร้ าบั คกวาารมกสระะอทาบดกขรอะงเอทวอื ยั นวแะรเพงๆศ
อยู่เสมอ ใช้ผ้าอนามัยอย่างถูกวิธี และต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว
ควรห่อกระดาษใหเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ จึงท้งิ ถังขยะ
(๘) ถา้ มอี าการผดิ ปกตเิ กดิ ขนึ้ กบั อวยั วะเพศ เชน่ มตี กขาวมาก
คนั และมกี ล่นิ เหม็น เปน็ ต้น ควรรบี ไปปรึกษาแพทย์
¤ÇÒÁÃÙ¤Œ ʋ٠آÀÒ¾
วธิ กี ารใชผ้ า้ อนามยั
๑. สวมกางเกงในท่ีกระชับ ๒. ล อกแถบกาวด้านหลงั ของ ๓. วางผา้ อนามยั ดา้ นทม่ี แี ถบกาว
ไม่คบั หรอื หลวมเกนิ ไป ผ้าอนามัยออก ถ้าเป็นแบบ ลงตรงเปา้ กางเกงใน ถ้าเปน็
โดยสวมข้ึนมาไว้เหนอื เขา่ มีปก ให้ลอกแถบกาวออกด้วย แบบปกให้พบั โอบมาติด
เล็กน้อย
ด้านนอกกางเกงใน แลว้ สวม
กางเกงในตามปกติ
2๐
นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
การออกกําลงั กาย เปน สุขปฏบิ ตั ทิ างเพศทดี่ ีอยา งไร
1 ทาํ ความสะอาดอวัยวะเพศและทวารหนกั เพศหญิง ใหทําความสะอาด แนวตอบ การออกกาํ ลงั กายทาํ ใหร างกายแข็งแรง ระบบในรา งกาย
อวัยวะเพศโดยใชนาํ้ สะอาดชาํ ระลา งจากดานหนา (บริเวณอวัยวะเพศ) ทํางานเปนปกติ สงผลใหร ะบบอวัยวะเพศเปน ปกติ และยงั เปนการเบีย่ ง
ไปดานหลงั (ระบบขับถายอจุ จาระ) แลวใชก ระดาษชําระสะอาดซบั ใหแ หงจาก ความสนใจ ชว ยลดอารมณท างเพศ ทําใหเ ราไมหมกมนุ ในเร่อื งเพศ
ดา นหนาไปดานหลงั เชน กัน
2 ประจาํ เดือน หรือระดู ปกติประจําเดือนจะมาทกุ ๆ 28 วัน ถา มปี ระจําเดอื น
แลวมอี าการปวดทอง ควรนัง่ พกั หรือนอนพกั แลววางกระเปานํ้ารอนบรเิ วณ
ทองนอย หรอื กนิ ยาแกป วด และดื่มน้าํ อนุ เพอ่ื ชว ยบรรเทาอาการปวดทอ ง
20 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
¤ÇÒÁäŒÙ ÊÙ‹ ¢Ø ÀÒ¾ ใหนักเรยี นทําโปสเตอรก ารดแู ลตนเอง เมื่อมี
การเปลยี่ นแปลงทางเพศ โดยใหน กั เรยี นคดิ หวั ขอ เอง
วธิ ีการห่อผา้ อนามยั มีตัวอยา งหัวขอโปสเตอร ดงั นี้
๑๒๓
• การอาบน้ํา
๑. พับผา้ อนามัยที่ใชแ้ ล้ว โดยแบง่ เปน็ ๓ สว่ น ๒. วางผา้ อนามยั ลงบนมมุ ของกระดาษ • การใชผ าอนามัย
พบั ส่วนที ่ ๑ และ ๓ เขา้ หาส่วนท่ี ๒ ซ่ึงอยู่ แลว้ พบั มมุ กระดาษขนึ้ มาตดิ กบั แถบกาว • การเลอื กชุดช้ันใน
ตรงกลางโดยใชแ้ ถบกาวปิดกนั ไว้ • การนงั่ การยนื การเดนิ
• การแตงกายท่เี หมาะสมกบั สถานที่
• วิธกี ารคลายเครียด เปนตน
๓. พ ับกระดาษมว้ นผ้าอนามัย ๔. พ ับส่วนบนลงมา ๕. ส อดสว่ นมุมของกระดาษ
ขน้ึ มาอกี ๑ คร้งั จากนน้ั ลงในช่องวา่ งของกระดาษ
พับดา้ นขา้ งเขา้ มาทงั้ ๒ ข้าง แลว้ ทิง้ ลงถังขยะ
๒. ดา้ นจติ ใจ
การปฏบิ ัตติ ่อไปน้จี ะสง่ เสรมิ ใหเ้ ปน็ ผทู้ ่มี บี คุ ลกิ ภาพด้านจติ ใจทีด่ ี ดงั นี้
ซ งึ่ เปน็ ผ ลมา๑จ)า กยกอรมรมรบัพสนั ภธ1า ์ุ สพาคมวาารมถเปปรน็ บั จปรรงิ งขุ ไอดงด้ ตว้ นยเกอางร เกชนิ น่ อ ราปูหราา่รง อสองู หกกรอืา� ลตงัวั กเลาก็ย
และการพกั ผอ่ น ถา้ เรายอมรบั สง่ิ เหลา่ น้ีได ้ จะทา� ใหเ้ ราสามารถปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั
ผูอ้ ืน่ ไดง้ า่ ยและมั่นใจ
๒) ทา� จติ ใจใหแ้ จม่ ใสอยเู่ สมอ มองโลกในแงด่ ี มอี ารมณข์ นั ไมจ่ รงิ จงั
จนเกินไป จะทา� ใหเ้ ปน็ ที่รักใคร่ของทุกคน
๓) ปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ เพราะจะท�าให้เราอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได ้
ไมเ่ กดิ ความขัดแยง้ กัน
21
กิจกรรมทาทาย นกั เรียนควรรู
ใหนกั เรียนเขยี นแผนผังความคิดหรือแผนภาพสุขปฏิบัตทิ างเพศใหต รง 1 กรรมพนั ธุ หรอื พนั ธุกรรม คือ ลกั ษณะทไ่ี ดร ับการถายทอดมาจาก
กับเพศของตนเอง (ครูอาจทาํ แผนภาพตามตวั อยางใหน ักเรยี นเตมิ ) รุนบรรพบุรษุ หรอื รุน พอแมสูรุนลูกหรือรุนหลาน เชน ลกั ษณะของเสนผม สขี อง
ดวงตา สผี ิว เปนตน ลักษณะทางพันธุกรรมไมส ามารถเปลีย่ นแปลงได และจะถูก
สงไปใหรนุ ตอๆ ไป แตส ามารถปรบั ปรุงใหม ีลักษณะดีขึ้นได
เบศรู ณรากษารฐกจิ พอเพยี ง
นกั เรยี นควรใชก ระดาษทีไ่ มใชแ ลวมาหอ ผา อนามัย เพือ่ เปน การไมส ิน้ เปลอื ง
ทรพั ยากร
คูมอื ครู 21
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู Explain
ครใู หน ักเรยี นรวมกันยกตัวอยางเครอื่ งแตง กาย ก๓า. รปดรา้ บันปอราุงรตมนณเอ์ งให้สามารถควบคมุ อารมณ1ข์ องตนไดน้ น้ั จะทา� ให้เรา
ทเ่ี หมาะสมทน่ี กั เรยี นควรสวมใสใ นสถานการณต า งๆ สามารถสรา้ งบุคลกิ ภาพของตนใหด้ ีได้ ดังนี้
เชน ๑) พยายามสรา้ งความรสู้ กึ รกั คนอนื่ เพราะการรกั คนอนื่ จะไมท่ า� ให้
เราเห็นแกต่ วั และเสียสละเพอื่ ผูอ้ น่ื ได้
• ไปวดั ๒) ควบคมุ อารมณ์ท่ีไม่พอใจ และใหอ้ ภัยเมื่อถูกเพ่ือนลอ้ เลยี นการ
• ไปทะเล
• ไปสถานท่ีราชการ
• ไปเท่ยี วในวนั หยุด
เปลย่ี นแปลงดา้ นรา่ งกาย
๓) มีความจริงใจต่อผอู้ ่ืน มีความซื่อสัตย์ และความหวังดี
๔) คอยตักเตือนเม่ือผู้อื่นท�าผิดพลาด และรู้จักยกย่องชมเชย
เมื่อพบเห็นผู้อน่ื ท�าความดี
๕) ท�าจิตใจให้รา่ เรงิ แจม่ ใสอยเู่ สมอ และมองโลกในแง่ดี
๔. ด้านสังคม
เด็กในวัยนี้จะเร่ิมคบเพ่ือนมากขึ้น ทั้งเพื่อนเพศเดียวกันและเพ่ือน
ต่างเพศ ดังนั้นจงึ ควรเรียนรวู้ ธิ ปี รับตวั ดงั น้ี
๑) ฝกึ ความเข้าใจอารมณ์ และความรสู้ กึ ของตนเองและผู้อืน่
๒) ฝึกปฏิบัติในการแสดงกิริยามารยาทและการแสดงออกต่างๆ
ของตนใหเ้ หมาะสมกบั วัยและสถานภาพของผู้ทีเ่ ขา้ สงั คมด้วย
๓ไม) น่ เง่ั สยรกิมขสารห้ารงอื บนคุ ง่ั ลไิกขภวห่าพา้ งท2เีด่ ดีในิ หตก้ วั บั ตตรนงเไอมงเ่ ดเชนิ น่โยยกนืตตวั วั ไตมรเ่ ดงนิ หหลลงั งัไคมอ่่งมอ
นงั่ ขาชดิ กนั
เป็นตน้
นอกจากน้ี วัยรุ่นควรแต่งกายให้เหมาะสมกับวัยและกาลเทศะ
เช่น ขณะไปโรงเรียน ควรแต่งชุดนักเรียนให้เรียบร้อย เมื่ออยู่นอกเวลาเรียน
จงึ จะแตง่ กายดว้ ยชุดล�าลองได้ เป็นต้น
๔) แสดงความเคารพตอ่ สทิ ธขิ องตวั เอง และไมล่ ะเมดิ สทิ ธขิ องผอู้ น่ื
เช่น ในการท�างานกลุ่ม เราสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นได้ และเราควร
เปดิ โอกาสใหผ้ ู้อน่ื ไดร้ ว่ มแสดงความคิดเหน็ โดยไม่ต�าหนผิ ู้อนื่ เปน็ ต้น
22
นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถา มเี พื่อนลอ นกั เรยี นวา มีขนาดหนา อกใหญขนึ้ (เพศหญงิ ) หรือมีเสยี งท่ี
1 ควบคุมอารมณ การควบคมุ อารมณส ามารถทําไดห ลายวธิ ี เชน การมองโลก แตกหา ว (เพศชาย) นักเรียนควรทาํ อยางไร
ในแงด ี การเลน กฬี า การนบั เลขในใจ การสวดมนต เปนตน ซึง่ สิ่งเหลาน้จี ะทาํ ให แนวตอบ นักเรียนตองเขาใจธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงทางรา งกาย
เรามจี ติ ใจดี มีสติ และสามารถควบคมุ อารมณข องตนเองได ของตนเองวาเปนเรอ่ื งปกตขิ องทกุ คน ไมค วรโกรธหรือไมพ อใจท่ีเพื่อนลอ
2 นงั่ ไขวห า ง การนัง่ ไขวห างนอกจากจะทาํ ใหม บี คุ ลภิ าพทีไ่ มด แี ลว ยงั มผี ลเสีย ทําจติ ใจใหราเรงิ แจม ใส และบอกเพอื่ นวาตอไปเพือ่ นกต็ อ งเปนเหมือนเรา
ตอ รางกายอีกดวย โดยการนงั่ ไขวห างเปนเวลานาน จะทาํ ใหมอี าการชาและ แตถา เพอ่ื นยงั คงลอ และใชถอยคําท่รี นุ แรง นักเรยี นก็ไมควรยงุ กบั เพอื่ น
ปวดเม่อื ยขา เพราะเสนเลือดและเสน ประสาทบริเวณขาถกู กดทับ รวมถึงเวลา คนนนั้ และควรบอกครใู หทราบ เพอื่ ใหค รตู าํ หนิพฤติกรรมท่ีไมเหมาะสม
นัง่ ไขวหางลําตัวจะเอยี งไปอกี ดานทําใหก ระดูกสนั หลังคด กลา มเน้ือหลังเกิดความ ของเพือ่ นคนน้นั
ไมส มดลุ ทาํ ใหเ กดิ การปวดหลงั ได
22 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ó ¡ÒÃÇÒ§µÇÑ ·Õàè ËÁÒÐÊÁ¡Ñºà¾ÈÇÔ¶Õ 1. ครอู ธบิ ายความรเู พม่ิ เตมิ การวางตวั ทเ่ี หมาะสม
กบั เพศวถิ ี
นักเรยี นคดิ ว่า “ตนเองมกี ารวางตวั เหมาะสมกบั เพศวถิ หี รอื ไม”่
2. ใหน ักเรียนแบง กลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน จากนั้น
พฤตกิ รรมทางเพศ หมายถงึ การกระทา� หรอื การแสดงออกทางเพศทมี่ ี ใหน กั เรียนแสดงบทบาทสมมตุ ิ การวางตวั
พืน้ ฐานมาจากความร ู้ ทศั นคติ และประสบการณ ์ ซึง่ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละ ที่เหมาะสมกับเพศวถิ ี ตามหัวขอ ที่กาํ หนด
บคุ คล อาจตรงหรอื ไมต่ รงกบั เพศโดยกา� เนดิ และบทบาทหญงิ ชายทส่ี งั คมกา� หนด • อยา มอี ะไรกบั ฉัน เพราะเรายังอยใู นวยั เรยี น
ก็ได ้ ซง่ึ ในสงั คมหนงึ่ มกั กา� หนดพฤตกิ รรมทเี่ หมาะสมตามคา่ นยิ มและวฒั นธรรม (นักเรียนชว ยกนั คดิ สถานการณข้ึนมาเอง)
เช่น การให้เกียรติซ่ึงกันและกัน ถ้าเราปฏิบัติตามนั้นได้ก็จะได้รับการยอมรับ
ดังน้ัน เราจึงควรปฏิบตั ติ นให้เหมาะสมกับเพศวถิ ี ซึ่งปฏบิ ตั ไิ ด้ ดงั นี้ ขยายความเขา ใจ Expand
๑. แสดงบทบาทและวางตวั ใหเ้ หมาะสมทงั้ ตอ่ เพศเดยี วกนั เพอ่ื นตา่ งเพศ
และผมู้ คี วามหลากหลายทางเพศ เชน่ แสดงความมนี า�้ ใจตอ่ กนั พดู จาและแสดง 1. ใหนกั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1
กริ ยิ าสภุ าพ โดยไมแ่ สดงความรนุ แรงด้วยเหตแุ ห่งเพศ คาํ ถามชวนคิด และตอนท่ี 2 ชวนคดิ ชวนทาํ
2. ใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 3
ผลงานสรา งสรรค
3. ใหนกั เรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.1 จาก
แบบวัดฯ สขุ ศึกษา ป.5
ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ หมายถึง การกระท�า การพูด หรือการ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
แสดงออกอยา่ งรุนแรง หรอื การเลือกปฏิบัติตอ่ ผู้อ่ืน เน่ืองจากผูท้ กี่ ระท�า สุขศึกษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.1
มีความรังเกียจ เหยียดหยามผู้ถูกกระท�าด้วยสาเหตุจากความชอบหรือ แบบประเมนิ ตัวช�ว้ ดั พ 2.1 ป.5/1
แสดงออกทางเพศ หรือบุคคลน้นั มเี พศวถิ ีแตกต่างจากตน เช่น มคี วาม
ชอบเพศเดยี วกัน และมีการแสดงออกทางเพศไมต่ รงกบั เพศโดยกา� เนดิ แบบประเมนิ ผลการเรียนรูตามตวั ช้วี ัด ประจาํ หนว ยที่ ๒ บทที่ ๑
กจิ กรรมรวบยอดที่ ๒.๑
๒. ใหค้ วามสา� คญั กบั ความเท่าเทยี มระหว่างเพศ เชน่ การมีสิทธิในการ แบบประเมินตวั ชว้ี ดั พ ๒.๑ ป.๕/๑
อธิบายการเปลยี่ นแปลงทางเพศและปฏิบัตติ นไดเ หมาะสม
ชุดท่ี ๑ ๑๕ คะแนน
แสดงความคดิ เหน็ ๑ เขยี นสรปุ ลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงตามเพศของตนเองและวธิ ปี ฏบิ ตั ติ นทเ่ี หมาะสมลงในตาราง
(ตัวอยา งคําตอบ)
(๑๐ คะแนน)
๓. แต่งกายใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมตามกาลเทศะและสถานที่ การเปล่ยี นแปลง ลักษณะการเปล่ียนแปลง วิธกี ารปฏิบตั ติ นทเ่ี หมาะสม
๔. หลกี เลย่ี งการมเี พศสมั พนั ธ์ในวยั เรยี น หรอื ในกรณที ี่ไมส่ ามารถหลกี เฉฉบลับย ดานรา งกาย …●……น…้าํ …ห…น……ัก……ส…ว…น……ส…ูง…เ…พ…่ิม……ข…้ึน…………… …●……ร…กั …ษ……า…ค…ว…า…ม…ส…ะ…อ……าด……ร…า…ง…ก…า…ย………
ดานจติ ใจ …●……แ…ข…น…ข…า…ย…า…ว…เ…ก…ง …ก…า…ง………………………… …●……อ…อ…ก……ก…ํา…ล…งั …ก……าย……ส…ม…าํ่ …เ…ส…ม…อ……………
ดานอารมณ มีหนวดเครา…●………………………………………………………………… …●……ก…ิน……อ…า…ห…า…ร…ท……มี่ …ีป…ร…ะ…โ…ย…ช…น…… …………
ดา นสงั คม
เลี่ยงได ้ ควรมีเพศสมั พนั ธ์ทีป่ ลอดภัยและมีความรบั ผดิ ชอบ รกั เพื่อน…●………………………………………………………………… …●……ท…าํ …จ…ิต……ใจ……ใ…ห…ร …า …เ…ร…ิง……แ…จ…ม…ใ…ส…………
๕. เมอ่ื มีปญั หาเก่ยี วกบั เรอ่ื งเพศ ควรปรกึ ษาผู้ใหญท่ ่ีไวใ้ จได้ เพอ่ื จะได้ ๑๒ …●……ส…น…ใ…จ…เ…พ…ศ……ต…ร…ง…ข…า …ม………………………… …●……ม…อ…ง…โ…ล…ก……ใ…น…แ…ง…ด……ี …………………………
…●……ส…น…ใ…จ…ก……า…ร…แ…ต…ง…ก……า…ย…ต…า…ม…ส……ม…ยั ……
……………………………………………………………………
แก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม …●……อ…า…ร…ม…ณ……เป……ล…ย่ี …น……แ…ป…ล…ง…บ……อ…ย………… …●……ย…อ…ม…ร…บั……ส…ภ…า…พ……ค…ว…า…ม…เป……น …จ…ร…งิ………
…●……ค…ว…บ…ค……มุ …อ…า…ร…ม…ณ……ไ…ด………………………… …●……ม…ีอ…า…ร…ม…ณ……ข…นั ………ย…ิม้ …แ…ย…ม ……………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
นักเรยี นทุกคน ควรเรยี นรู้การเปล่ียนแปลงของตนเอง ทั้งร่างกาย จิตใจ …●……ต…อ …ง…ก……า…ร…เข…า…ก……ับ…ก…ล……มุ …เพ……ื่อ…น………… …●……แ…ส…ด……ง…ก…ิร…ิย…า…ม…า…ร……ย…า…ท……………………
อารมณ ์ และสังคม เพื่อทจ่ี ะได้ปรับตวั และวางตัวไดเ้ หมาะสมกับเพศ 2๓ …●……ล…อ…ก……เล…ีย……น…พ…ฤ……ต…ิก…ร……ร…ม………………… ทีเ่ หมาะสม……………………………………………………………………
…●……ย…อ…ม…ร…ับ……ค…ว…า…ม…ค……ดิ …เห……น็ …………………… …●……ป…ร…บั……ป…ร…ุง…ต……น…เ…อ…ง…ใ…ห…เ …ข…า…ก…บั …………
ของเพอ่ื น…………………………………………………………………… ผอู ่ืนได……………………………………………………………………
ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู
ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกบั การปฏิบัติตนท่เี หมาะสมตามเพศ ครูใหนักเรียนแบงเปน 4 กลุม จากนั้นใหแตละกลุมรวมกันคิดวา การวางตัว
พฤติกรรมใดทเ่ี หมาะสมในการปฏบิ ตั ติ วั ตอ เพ่อื นเพศตรงขา ม หลังจาก ท่ีเหมาะสมกบั เพศควรปฏบิ ัตอิ ยา งไร จากน้นั สง ตัวแทนออกมารายงานหนา ช้ัน และ
รว มกนั สรปุ เพอ่ื เปนแนวทางการปฏิบตั ิตนตอไป
ไดร บั ชัยชนะในการแขง ขนั กฬี า
1. แสดงความดีใจดวยการกอดเพอ่ื นทุกคน
2. แสดงความดใี จดว ยการดม่ื ของมนึ เมา
3. แสดงความดใี จดวยการกระโดดตบมอื และยม้ิ ดว ยความยินดี
4. แสดงความดีใจดวยการปรบมือและกอดเพือ่ นทกุ คน
วิเคราะหคาํ ตอบ การปฏบิ ัติตนตอเพ่อื นเพศตรงขาม เราควรใหเกียรติ
เพศตรงขาม โดยการไมค วรถกู เน้อื ตอ งตัวเพศตรงขาม และมคี วามจริงใจ
ตอกัน ดงั นัน้ ขอ 3. จึงเปน คําตอบทีถ่ ูก
คูม อื ครู 23
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
1. ครูตรวจแผนผงั ความคิดการเปลย่ี นแปลงดา น ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
จติ ใจ อารมณ และสงั คม
ตอนท ี่ ๑ คําถามชวนคิด
2. ครตู รวจโปสเตอรการดูแลตนเองเมอื่ มีการ เขียนตอบคาํ ถามต่อไปนล้ี งในสมดุ (ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมขึน้ อยูกับดุลยพินจิ ของครผู สู อน)
เปล่ยี นแปลงทางเพศ ๑) การเปล่ียนแปลงด้านร่างกายทเ่ี กดิ ข้นึ กบั นักเรยี น ทา� ใหร้ ูส้ กึ อยา่ งไร
๒) เมอื่ นักเรียนรูส้ กึ ถึงการเปล่ยี นแปลงด้านรา่ งกายของตัวเอง นกั เรียนทา� อย่างไร
3. ครปู ระเมนิ บทบาทสมมตุ ิ การวางตวั ทเี่ หมาะสม ๓) ถา้ เพอ่ื นของนกั เรยี นรสู้ กึ เปน็ กงั วลกบั การเปลยี่ นแปลงทเี่ กดิ ขน้ึ นกั เรยี นจะชว่ ย
กบั เพศวถิ ี เพ่ือนอยา่ งไร
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ตอนที ่ ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ (ผลการปฏิบตั ิกิจกรรม ขอ 1. ขึ้นอยูกบั ดุลยพินิจของครผู สู อน)
๑. สงั เกตการเปลย่ี นแปลงทางดา้ นรา่ งกายของตนเอง แล้ววาดภาพลงในสมุด
1. แผนผงั ความคดิ การเปลยี่ นแปลงดานจติ ใจ พรอ้ มทงั้ เขยี นอธิบายประกอบภาพ
อารมณ และสังคม ๒. อา่ นกรณศี กึ ษา แลว้ บอกว่าเป็นการกระทาํ ทีเ่ หมาะสมหรือไม ่ เพราะอะไร
และควรปรบั ปรุงแกไ้ ขอย่างไร จากน้นั บันทึกลงในสมดุ
2. โปสเตอรก ารดูแลตนเองเม่อื มกี ารเปลยี่ นแปลง
ทางเพศ ๑) วันนเ้ี ป็นวนั วสิ าขบูชา เพ่ือนๆ จงึ ชวนแกว้ ตาไปเวียนเทยี นทวี่ ัด แกว้ ตาเหน็ วา่
เป็นวัดใกล้บ้าน เธอจึงใสเ่ สื้อกล้ามและกางเกงขาสนั้ ไปเวียนเทียน
3. แบบประเมินบทบาทสมมตุ ิ การวางตวั ๒) ทรงพลชอบนักรอ้ งเกาหลีมาก เขาจึงฝึกเตน้ ใหเ้ หมือนกับนกั ร้องท่เี ขา
ท่เี หมาะสมกบั เพศวิถี ชน่ื ชอบ
๓) อนชุ ติ วงิ่ เล่นออกกา� ลังกายกับเพอ่ื นทกุ เยน็ เม่อื กลับถึงบ้านกเ็ หนื่อยมาก
เขามักเผลอหลบั กอ่ นอาบน�า้ ทุกคร้งั
๔) สมชายเหน็ กานดาเดนิ ถืออปุ กรณก์ ฬี าจะไปเก็บทีห่ ้องพลศกึ ษา สมชายจึงรบี
เขา้ ไปชว่ ยกานดา
ตอนท ่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบัติกจิ กรรมขึน้ อยูกับดุลยพนิ จิ ของครูผูสอน)
๑. แบ่งกลุ่ม จากน้ันให้แต่ละกลุ่มช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งใดที่ควรปฏิบัติ
และไม่ควรปฏิบัติกับเพ่ือนต่างเพศ แล้วเขียนความคิดเห็นลงในกระดาษ จากนั้น
นาํ มาอภิปรายรว่ มกบั กลุ่มอน่ื
๒. ศึกษารูปแบบการไหว้บุคคลต่างๆ แล้วออกมาสาธิตหน้าช้ันเรียน และฝกปฏิบัติ
2๔ จนเป็นนิสยั
เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 2
ชวนคดิ ชวนทาํ ขอ 2.
1) ตอบ เปน การกระทาํ ท่ีไมเหมาะสม เพราะวัดเปนสถานทีท่ ่ีควรใหความ
เคารพ แกว ตาไปวดั ควรแตงกายสภุ าพเรยี บรอ ย ปกปด รา งกายมิดชิด
2) ตอบ เปน การกระทําท่ีเหมาะสม เพราะการเตนเปน การออกกาํ ลังกาย
การไดเตนตามนักรองเกาหลี เปนการใชเวลาใหเกดิ ประโยชน
3) ตอบ เปนการกระทาํ ทไ่ี มเ หมาะสม อนชุ ิตควรอาบนาํ้ กอ นเขานอนทุกคร้งั
จะทาํ ใหร างกายสะอาด และไมเปนโรคผวิ หนัง
4) ตอบ เปนการกระทําทีเ่ หมาะสม เพราะการชวยเพื่อนถอื ของเปน การแสดง
ความมีนา้ํ ใจ
24 คูม ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
òº··èÕ 1. อธบิ ายความสําคญั ของการมคี รอบครัวที่
ครอบครัวและเพือ่ น สาระสาํ คญั อบอนุ ตามวฒั นธรรมไทย (มฐ. พ 2.1 ป.5/2)
● ครอบครัวจะมีความสุขได้เม่ือสมาชิก
ในครอบครัวรักใคร่สามัคคีกัน เคารพ 2. ระบพุ ฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคแ ละไมพ งึ ประสงค
และเช่ือฟังกัน เม่ือเกิดความขัดแย้งข้ึน ในการแกไขปญหาความขดั แยงในครอบครวั
ก็สามารถแก้ไขได้ดว้ ยดี และกลุมเพอ่ื น (มฐ. พ 2.1 ป.5/3)
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ ● เ พอ่ื นเปน็ คนมคี วามสา� คญั ต่อเรา เพราะ สมรรถนะของผูเรียน
เราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เราจึงควร
มีพฤติกรรมท่ีเหมาะสมต่อเพื่อน เพื่อ 1. ความสามารถในการคดิ
รกั ษาสมั พนั ธภาพทด่ี กี ับเพื่อน 2. ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค
1. มวี ินัย รับผิดชอบ
2. ใฝเรียนรู
3. มงุ ม่ันในการทํางาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
? ใหน กั เรียนดูภาพ หนา 25 แลวชวยกนั บอกวา
นักเรียนคาดเดาวาคนในภาพมีความสมั พันธก นั
¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò ¤¹ã¹ÀÒ¾ อยา งไร แลว พวกเขาควรปฏิบตั ิตอกนั อยา งไร
ÁÕ¤ÇÒÁÊÁÑ ¾¹Ñ ¸¡Ñ¹ÍÂÒ‹ §äà áÅÇŒ ¾Ç¡à¢Ò
(แนวตอบ คนในภาพนา จะเปนแมลกู กนั ลูกควร
¤Çû¯ºÔ ѵµÔ Í‹ ¡¹Ñ Í‹ҧäà เปน เดก็ ดเี ชอื่ ฟง แม ชว ยเหลอื งานบา นเทา ทจี่ ะทาํ ได
แมค วรอบรมสง่ั สอนลูกใหเ ปน คนดี ใหค วามรกั
2๕ ตอ ลกู )
เกร็ดแนะครู
ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหน กั เรยี นปฏิบตั ิ ดงั น้ี
• สบื คนขอมลู ลกั ษณะครอบครัวท่เี ปน สุข
• อภิปรายการปฏิบตั ติ นเปน ครอบครวั ท่เี ปนสุข
• วเิ คราะหจากประเด็นคาํ ถามและภาพ
จนเกิดเปนความรูความเขา ใจวา ความสขุ ของครอบครัวเกิดจากความรกั
ความเขาใจท่ีสมาชิกในครอบครวั มีตอกนั และชว ยกันแกไขปญหาความขดั แยง
และเราควรมีพฤตกิ รรมท่ีเหมาะสมตอ เพ่อื นจงึ อยูร วมกบั เพอ่ื นไดอยางมคี วามสุข
คูมือครู 25
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ ความสนใจ Engage
ใหน ักเรยี นดภู าพยนตรโฆษณาชดุ สรางกนั ใหม ๑ คร อบคครรวั 1อคอืบกคลมุ่รบัวคุ คลทผ่ี กู พนั กนั ทางการแตง่ งานทางสายเลอื ดทางการ
ครูถามนกั เรียนวา เมื่อนกั เรียนดูภาพยนตรโ ฆษณา
ชุดนแ้ี ลว นักเรียนคดิ วา ครอบครวั มีความสาํ คญั รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมและพ่อแม่บุญธรรม หรือความสัมพันธ์แบบคู่ชีวิต
อยางไร
๑. ลกั ษณะของครอบครวั ไทย
(แนวตอบ ครอบครวั เปนจดุ เริม่ ตน ของการพัฒนา
ไปสูสงั คมท่ดี ี) การอยู่ร่วมกันของครอบครวั ไทยมี ๔ ลกั ษณะ ดังน้ี
ครอบครวั เด่ยี ว คอื คนต้งั แต่ ๒ คนขน้ึ ไป ใชช้ ีวติ รว่ มกันและมคี วาม
สาํ รวจคน หา Explore
สมั พนั ธก์ นั เปน็ ครอบครวั มสี มาชกิ ประกอบดว้ ย พอ่ แมล่ กู สามภี รรยา คชู่ วี ติ ชาย
1. ใหน ักเรียนเขียนความเรียงส้นั ๆ ในหวั ขอ กบั ชาย หรอื หญงิ กบั หญงิ คชู่ วี ติ ชายกบั กระเทย ซงึ่ อาจมลี กู ตดิ หรอื ลกู บญุ ธรรม
“ครอบครวั ของฉนั ” (ลกั ษณะครอบครวั ของ
นกั เรียน กจิ กรรมทท่ี าํ รว มกัน และถา ไมมี ครอบครวั ขยาย คอื กลุ่มคนท่เี ป็นญาติพนี่ ้อง หรือบคุ คลอ่นื ที่ไม่ใชญ่ าติ
ครอบครัว นกั เรยี นจะเปน อยางไร) ใช้ชีวติ ร่วมกันและมคี วามสัมพันธเ์ ป็นครอบครวั มสี มาชกิ ประกอบด้วย พอ่ แม่
ลูก และมีญาติ เชน่ ปู่ ยา่ ตา ยาย ลุง ป้า นา้ อา
2. ครูสมุ นกั เรยี นออกมาเลา ความเรียงของตนเอง
4 - 5 คน (พจิ ารณาตามความเหมาะสม) ครอบครัวพอ่ แมเ่ ดี่ยว คอื ครอบครวั ทีส่ มาชกิ ประกอบด้วย พอ่ หรอื แม่
ฝา่ ยใดฝ่ายหนึง่ อยกู่ ับลูก หรือผ้ปู กครองคนเดียวอยู่กับเดก็ หรอื ครอบครวั ของ
3. ครูและนกั เรยี นรวมกันแสดงความคิดเหน็ ผู้มคี วามหลากหลายทางเพศ เช่น กระเทยกับลูกตดิ หรอื ลูกบญุ ธรรม
ความสาํ คญั ของครอบครัวท่มี ีตอนกั เรียน
ครอบครัวข้ามรุ่น คือ ครอบครัวที่มีสมาชิกประกอบด้วย หลานอยู่กับ
ปู่ ยา่ หรอื ตา ยาย เนื่องจากพ่อแม่สง่ ลูกไปอยกู่ บั ญาติ หรือพ่อแม่ไม่สามารถ
เลยี้ งลูกได้ หยา่ ร้าง หรอื เสียชวี ติ
๒. การนับถอื ผู้ใหญ่
ครอบครัวไทยเป็นครอบครัวท่ีให้ความส�าคัญในการนับถือผู้ใหญ่ ผู้ท่ีมี
อายุน้อยกว่าก็จะเคารพผู้ท่ีมีอายุมากกว่า ผู้ท่ีมีอายุมากกว่าก็จะเอ็นดูและให้
การดูแลผูท้ ีม่ ีอายนุ ้อยกวา่
ผูท้ เี่ ปน็ ผ้ใู หญ่ ผทู้ เ่ี ปน็ พอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง ผู้ทเ่ี ปน็ ลกู หลาน
● เป็นท่พี ง่ึ ของลูกหลาน ● ตอ้ งดูแลสมาชกิ ในบ้าน ● ต้องเคารพ เช่ือฟังพ่อ
● ปฏบิ ตั ติ นใหเ้ ปน็ ตวั อยา่ ง ● อบรมสั่งสอนลกู หลาน แมแ่ ละผ้ใู หญ่
ทดี่ ี ● เคารพเชอื่ ฟังพ่อ แม่ ● รกั ใครป่ รองดอง คอยให้
ญาตผิ ู้ใหญ่ ความชว่ ยเหลอื แกพ่ นี่ อ้ ง
● คอยให้ความช่วยเหลือ
26 ญาติของตน
มมุ IT ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT 2. ใหการเล้ยี งดู
ขอ ใดไมใ ชค วามสําคญั ของครอบครวั 4. ใหท่ีหลบซอนตวั
ครแู ละนักเรียนดภู าพยนตรโ ฆษณาชุดสรา งกันใหม ไดที่ www.sarnrak.net 1. ใหค วามรัก
3. ใหท ่อี ยอู าศัย
นกั เรยี นควรรู
วิเคราะหคาํ ตอบ ครอบครวั มคี วามสําคญั คอื ใหความรกั ความอบอุน
1 ครอบครวั คอื กลมุ บคุ คลตงั้ แต 2 คนขน้ึ ไป ทเี่ กย่ี วขอ งสมั พนั ธก นั โดยการเกดิ ใหการเลย้ี งดู อบรมสง่ั สอนใหเ ปนคนดี ใหที่อยอู าศัย แตไมใชท ่ีหลบซอ น
การแตง งาน หรอื การรับเปนบุตรบุญธรรม หรอื ความสมั พันธแ บบคูชวี ติ และอาศัย
อยรู วมกนั อาจจะเกย่ี วของทางสายเลอื ดหรือไมเก่ียวขอ งทางสายเลอื ดก็ได ตัวเมื่อทาํ ความผดิ ดังนน้ั ขอ 4. จงึ เปนคาํ ตอบที่ถกู
26 คมู อื ครู บูรณาการเชือ่ มสาระ
ครบู ูรณาการความรใู นสาระภาษาไทย กบั สาระสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
เรอื่ ง การเขยี น โดยใหนักเรียนเขียนความเรยี ง “ครอบครัวของฉัน” เพอ่ื ให
นักเรียนสามารถเขียนอธิบายความสาํ คญั ของครอบครวั ได
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ò Åั¡É³Ð¢อ§ครอบครัว·àÕè »¹š ÊØ¢ 1. ครอู ธิบายความรเู พม่ิ เติมลักษณะของครอบครวั
ทเ่ี ปน สขุ
นักเรยี นคิดวา่ “ครอบครวั ทีเ่ ปน็ สขุ มีลักษณะอย่างไร”
คนในสงั คมมกั อาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครวั ซึ่งแตล่ ะครอบครวั อาจจะ 2. ใหนกั เรียนดภู าพยนตรโ ฆษณาชดุ อาทติ ย
ประกอบไปด้วยสมาชิกท่ีต่างกัน เม่ือทุกคนมาอยู่ร่วมกัน สมาชิกทุกคนต่าง ละครง้ั ท่ี www.sarnrak.net แลว ครูถาม
ต้องการใหค้ รอบครวั ของตนมคี วามสุข นกั เรียนวา
การปฏิบัติตนของสมาชิกในครอบครัวเพ่ือให้ครอบครัวมีความสุข มี • การอยดู ว ยกันอาทติ ยล ะคร้งั นกั เรียนคิดวา
หลายวิธี ดงั นี้ มสี วนชว ยทาํ ใหครอบครวั เปนครอบครวั
๑. สมาชกิ ในครอบครวั ตอ้ งดแู ลเอาใจใส ่ มคี วามรกั ใคร ่ ความหว่ งใย ท่ีมคี วามสุขไดอ ยางไร
ซึ่งกันและกนั (แนวตอบ ข้นึ อยูกับคาํ ตอบของนักเรียน
๒. สมาชกิ ทกุ คนตอ้ งรจู้ กั บทบาทและหนา้ ท ่ี ปฏบิ ตั ติ นตามบทบาท แตละคน)
หนา้ ที่อยา่ งเตม็ ความสามารถ
๓. สมาชิกทุกคนต้องมีความเคารพนับถือและเชื่อฟังค�าแนะน�า 3. ใหนักเรียนแบง กลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน แลว ให
ค�าสั่งสอนของผู้ทม่ี อี าวุโสกวา่ แตละกลุมรวมกันแสดงความคดิ เห็นวา
๔. สมาชิกผู้ท่ีมีอาวุโสกว่าต้องให้การดูแล และคอยให้ความช่วย มีวธิ ีการใดบา งท่ีจะทาํ ใหค รอบครวั มคี วามสขุ
เหลือแก่สมาชิกทมี่ อี ายนุ ้อยกว่า จากนน้ั ใหแตละกลมุ สง ตัวแทนออกมาพดู
๕. สมาชกิ ในครอบครวั มีความอ่อนโยน ปฏิบัตติ ่อกนั อย่างนุ่มนวล เสนอความคิดเห็น
และใชเ้ หตผุ ลมากกว่าอารมณ์
๖. สมาชกิ ในครอบครวั รจู้ กั ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั ชว่ ยกนั สรา้ งฐานะ 4. ครูและนักเรียนรวมกันสรปุ วธิ ที ี่จะทาํ ให
และรักษาทรพั ยส์ มบัตขิ องครอบครัว ครอบครัวมีความสขุ
๗. สมาชิกทุกคนมีความสามัคคี เสียสละ และเห็นแก่ประโยชน์
สว่ นรวม 5. ใหนักเรยี นรว มกันแสดงความคิดเหน็ วา
๘. เมอื่ เกดิ ปญั หาในครอบครวั สมาชกิ ทกุ คนรว่ มใจกนั แกไ้ ขปญั หา มีอะไรบางทท่ี าํ ใหค รอบครัวไมมคี วามสขุ
โไดปยเลก่าาใรหพ้คูดนคนุยอแกลคะรใอชบ้เคหรตัวุผฟลงั1ในการแก้ปัญหา และไม่น�าปัญหาในครอบครัว
2๗
ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู
ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกับชวี ติ และครอบครวั ครูอาจสอบถามนกั เรยี นแตละคนเก่ียวกบั ขอ ตกลงหรอื กฎเกณฑของครอบครัว
กจิ กรรมวันหยดุ ขอ ใดทีท่ าํ ใหสมาชิกในครอบครวั มีสุขภาพดี และมี ของนกั เรียนวามอี ะไรบา ง และเพราะเหตใุ ดจงึ ตองมีกฎเกณฑหรือขอ ตกลงนี้
จากนัน้ รว มกนั สรปุ วา การมีขอ ตกลงหรอื กฎเกณฑในครอบครัว จะทาํ ใหเราอยู
ความสุขมากท่สี ดุ รว มกันในครอบครวั ไดอ ยางมีความสุข
1. พอแมไ ปตกี อลฟ สวนลูกเลนเกมท่ีบาน
2. พอแมสง ลูกไปอยูกบั ตายาย แลวไปทํางานพเิ ศษ นกั เรยี นควรรู
3. พอแมส ง ลกู ไปเรยี นพิเศษ แลวไปซ้อื ของท่ีหา งสรรพสนิ คา
4. ไปสวนสาธารณะเพอ่ื ออกกําลงั กายและกลบั มาทาํ อาหารรว มกนั 1 ไมนําปญ หาในครอบครัวไปเลา ใหคนนอกครอบครวั ฟง ตรงกับ สาํ นวนไทย
วเิ คราะหค ําตอบ กิจกรรมที่จะทําใหม สี ขุ ภาพดีและมคี วามสุขคอื ทวี่ า ไฟในอยา นาํ ออก ไฟนอกอยา นาํ เขา หมายถงึ เรอ่ื งภายในบา นอยา นาํ ไปเลา ให
คนนอกบา นฟง และเรื่องไมดนี อกบา นก็อยานาํ มาเลาใหคนในบา นฟง
กจิ กรรมทไี่ ดออกกําลังกาย และสามารถทาํ รวมกนั ได เพราะการทาํ กจิ กรรม
รวมกนั ทําใหเกดิ ความสัมพันธอันดีตอกนั ดงั น้ัน ขอ 4. จึงเปน คําตอบ
ทถ่ี ูก
คมู อื ครู 27
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหน กั เรยี นแบง กลุมตามเดมิ แลว ใหน กั เรียน ó ¾ÄµÔ¡รรÁ·Õäè Á¾‹ Ö§»รÐʧคã ¹ครอบครวั
เขยี นแผนผังความคิดแสดงพฤตกิ รรมที่
ไมพ งึ ประสงคใ นครอบครัว นักเรียนมีสว่ นชว่ ยใหค้ รอบครวั มีความสุขได้อยา่ งไร
การอยู่ร่วมกันในครอบครัว อาจมีสาเหตุท่ีท�าให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พึง
2. ใหแ ตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอแผนผงั ความคดิ ประสงค์ในครอบครัว ส่งผลให้สมาชิกในครอบครัวอยรู่ ่วมกันอยา่ งไม่มคี วามสขุ
3. ครูอธบิ ายความรเู พิม่ เติมพฤติกรรมท่ีไมพงึ พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคส์ ว่ นใหญใ่ นครอบครวั เกดิ จากสาเหตตุ า่ งๆ ดงั นี้
ประสงคในครอบครวั วาเกดิ จากสาเหตใุ ด ๑. สาเหตทุ ที่ าํ ให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงคใ์ นครอบครวั
และมีผลกระทบอะไรบาง
4. ครถู ามนักเรียนวา นกั เรียนมวี ธิ กี ารแก
พฤติกรรมที่ไมพงึ ประสงคในครอบครัวอยา งไร
ใหน ักเรียนแตล ะกลุมรวมกันอภิปราย แลว
ออกมานาํ เสนอทหี่ นาช้ัน
การถกู เล้ยี งดอู ยา่ ง การบังคบั ให้ลูกเปน็ หรือ การขาดความเอาใจใส่
ปลอ่ ยปละละเลยหรอื ทา� ในแบบอยา่ งทต่ี อ้ งการ และไม่มเี วลาใหก้ ัน
เขม้ งวด
ความรนุ แรง ความเครียดจาก
ในครอบครัว การท�างาน
๒. พฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ในครอบครวั
ปรึกษาหารอื กนั รว่ มกัน มีความรัก ความเอาใจใส่ เด็กๆ รู้จกั ปรบั ตัวในทกุ
แสดงความคดิ เหน็ ให้กนั เสมอ สถานการณ์ได้ดี
ในครอบครวั
เลย้ี งดเู ดก็ ๆ มีกจิ กรรมท�าร่วมกนั
แบบประชาธปิ ไตย ในครอบครวั
28
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอใดทที่ าํ ใหส มาชกิ ในครอบครวั มีความทกุ ข
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางประกอบสาเหตุของพฤติกรรมท่ีไมพึงประสงคใน 1. พอ แมท าํ งานนอกบาน
ครอบครัวในแตละประเด็น จากน้ันใหนักเรียนยกตัวอยางผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น 2. แมใ หล กู ชว ยทาํ งานบา น
จรงิ เชน นกั เรยี นทะเลาะกับพี่ เพราะแยงกนั ดูรายการโทรทัศนท่ีชอบ ทาํ ใหเกดิ การ 3. พอ ใหลกู ทาํ การบา นตอนเย็น
ลงไมล งมอื กัน อาจไดร ับบาดเจบ็ หรือถกู พอ แมล งโทษ เปน ตน จากน้ันใหนกั เรยี น 4. พอดม่ื สรุ าสังสรรคกับเพ่ือนทุกเย็น
บอกพฤติกรรมท่ีพึงประสงคในครอบครัว ท่ีทําใหเราอยูรวมกับครอบครัวไดอยาง วิเคราะหคําตอบ การดื่มสรุ า ทําใหส น้ิ เปลืองเงนิ ทองและอาจนําไปสู
มีความสุข การขาดสติ ทําใหเกดิ การทะเลาะกบั สมาชกิ ในครอบครวั ไดง าย ดังน้นั
ขอ 4. จึงเปน คําตอบทถ่ี กู
28 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ô ¾ÄµÔ¡ÃÃÁ㹡ÒÃᡌ䢻ޘ ËÒ¤ÇÒÁ¢´Ñ á§Œ 1. ใหนกั เรียนดภู าพยนตรโฆษณาชดุ มมุ มอง ที่
www.sarnrak.net แลว ถามนกั เรยี นวา นกั เรยี น
㹤Ãͺ¤ÃÑÇ รูสกึ อยา งไรเม่อื ดภู าพยนตรโ ฆษณาชุดน้ี
“นกั เรยี นร้สู กึ อย่างไร เมือ่ ตอ้ งเผชิญกับพฤติกรรมท่ีไมพ่ งึ ประสงค์” 2. ครูอธิบายใหน กั เรยี นเขา ใจวา ปญหาความ
ปัญหาในครอบครวั สามารถแกไ้ ขได้ ถา้ ทุกคนรหู้ ลักปฏบิ ตั ิท่ีถูกตอ้ งและ ขัดแยง ในครอบครัวสามารถแกไขไดดว ยการ
เหมาะสม ซงึ่ จะไม่นา� ไปสูก่ ารเกิดความรุนแรง เปลี่ยนมมุ มองความคดิ ของตนเอง โดยคดิ ใน
มุมมองของพอแม หรอื พอ แมก็คดิ ในมมุ มอง
๑. พฤตกิ รรมท่พี ึงประสงค์ในการแก้ไขปญหา ของลูก ปญหาความขดั แยงในครอบครัว
ก็จะลดนอยลงและสามารถอยูดวยกันอยาง
รจู้ ักอธิบาย เคารพสทิ ธขิ อง ถ้ายังอารมณ์รอ้ น มีความสขุ
เหตุผล สมาชกิ แต่ละคน ใหห้ ลีกเลย่ี งจาก
สถานการณน์ น้ั ก่อน 3. ใหน กั เรยี นทํากจิ กรรมรวบยอดท่ี 2.2 ขอ 2.
จากแบบวัดฯ สขุ ศึกษา ป.5
ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ
สขุ ศึกษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.2
ยอมรบั ฟงั ไมโ่ ตต้ อบด้วยคา� พดู แบบประเมินตวั ชว�้ ดั พ 2.1 ป.5/2
เมื่ออกี ฝา ยหนึ่ง หรอื การกระท�า
ช้แี จงเหตผุ ล ที่รุนแรง ๒ เขยี นแผนผงั ความคดิ แสดงวธิ ปี ฏบิ ตั ติ นทเ่ี หมาะสมทที่ าํ ใหค รอบครวั มคี วาม(ตอบวั ออนุ ย(า๕งคคะแํานตน)อบ)
รู้จักควบคุมอารมณ์ เชน่ บางปัญหาอาจแกไ้ ขได้ยาก ต้งั ใจเรียนหนงั สือ เคารพเชือ่ ฟงผใู หญ
หายใจเขา้ ออกชา้ ๆ บอกกับตนเองว่า ควรหาบุคคลทีค่ รอบครวั นบั ถือ
“ไมโ่ กรธ” “ไมโ่ มโห” หรือ “ไมเ่ ครียด” มาชว่ ยใหค้ �าแนะน�าในการแกไ้ ขปญั หา ใชเ หตุผลในการ วธิ ปี ฏบิ ตั ติ น
แกป ญ หา ทท่ี าํ ใหค รอบครวั
มคี วามอบอนุ ชวยทํางานบา น
๒. พฤตกิ รรมทไี่ มพึงประสงค์ในการแก้ไขปญหา ชว ยเหลอื นองๆ
เฉฉบลบั ย
ไมร่ ับฟงั เหตผุ ล ไม่ยอมให้อภัยผูอ้ ่นื ลงโทษอย่างรนุ แรง น่งิ เงยี บไม่พูดคุย ตวั ชีว้ ดั พ ๒.๑ ขอ ๒
ของอีกฝาย เกินความผิด ใหเ้ ข้าใจกนั
ñõไดคะแนน คะแนนเต็ม
ใช้ก�าลงั เข้าท�าร้าย ไม่ยอมรับวา่ ท�าทา่ ที บงั คบั ให้ผู้อ่ืนทา� ตาม เกณฑป ระเมินชิ้นงาน ๒.๕ คะแนน
ร่างกายกัน ตนเองกระท�าผิด ประชดประชนั ความตอ้ งการ ๒.๕ คะแนน
ของตนเอง ขอ ๑ การบอกลักษณะและผลกระทบ (๑๐ คะแนน ขอ ละ ๕ คะแนน) ๓ คะแนน
• บอกลกั ษณะของครอบครัวไดถ กู ตอ ง ตง้ั แต ๒ ขอ ข้นึ ไป ๑ คะแนน
พดู โตต้ อบดว้ ย เปรียบเทยี บนิสัย • บอกผลกระทบตอ ตวั นกั เรียนไดถกู ตอ ง ตั้งแต ๓ ขอ ข้นึ ไป ๑ คะแนน
ถ้อยคา� ทร่ี ุนแรง หรอื พฤตกิ รรมกับผู้อืน่
และก้าวรา้ ว ซึ่งจะทา� ให้เกดิ ปมดอ้ ย ขอ ๒ การเขยี นแผนผงั ความคดิ (๕ คะแนน)
• เขยี นแผนผงั ความคดิ แสดงขอมูลไดครบถวน
• จดั ลําดับขอมลู ในแผนผังความคดิ ไดช ดั เจน เขาใจงา ย
• ตกแตงแผนผงั ความคิดไดสวยงาม
๑๗
2๙
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู
ครยู กตัวอยา งสถานการณทีอ่ าจเกดิ ความขดั แยง ในครอบครัว จากน้ัน ครแู นะนํานักเรียนวา ถานักเรยี นมคี วามคิดเห็นไมต รงกบั สมาชกิ ในครอบครัว
ใหน ักเรยี นเขยี นตวั อยา งคําพูดเพอ่ื ลดการขดั แยงในครอบครัว นักเรียนควรรบั ฟงความคดิ เห็นของผูอ ่ืน และแสดงความคิดเห็นอยางสรางสรรค
ดังนี้
กจิ กรรมทา ทาย
• รบั ฟง อยางตั้งใจ ไมร บี โตแยงออกไป
ใหน ักเรียนเขยี นสถานการณท ี่อาจเกดิ ความขดั แยง ในครอบครวั • แสดงความชืน่ ชมในความคิดเหน็ ของผูอ่ืน
จากนนั้ ใหนักเรยี นเขียนตัวอยางคาํ พูดเพ่อื ลดความขัดแยง ในครอบครวั • บอกความคิดเห็นท่ีเราไมเ ห็นดวย พรอ มขอ เสนอแนะ
และทําใหสถานการณด ขี น้ึ • ถามความคดิ เหน็ เพ่อื หาทางออกรว มกนั
• รูว าควรยุติการโตแ ยง เมื่อใด เพ่อื ไมใ หเ กิดความรุนแรง
คูม ือครู 29
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูสุม นกั เรียนออกมาหนา ชน้ั เรียน 2 - 3 คน õ à¾Íè× ¹1
แลว ถามนักเรียนวา
• นกั เรียนมเี พื่อนสนทิ ที่สุดช่อื วาอะไร “เพือ่ นสนิทของนกั เรยี นมลี ักษณะอย่างไร”
• เพอื่ นสนทิ ของนักเรยี นมีลกั ษณะอยางไร เพ่ือนเป็นคนที่รักใคร่สนิทสนมกับเรา เป็นคนท่ีท�าให้เรารู้สึกสบายใจ
• ทาํ ไมนักเรียนจงึ สนทิ กบั เพือ่ นคนนี้ และสนกุ เมอ่ื อยดู่ ว้ ย เพอ่ื นเปน็ ผทู้ ่ีใหค้ วามชว่ ยเหลอื เรา คอยปลอบใจ และรบั ฟงั
ความทกุ ข์ของเรา ดังนน้ั เพ่อื นจึงมคี วามส�าคญั อยา่ งมาก เราต้องร้จู ักเลอื กคบ
2. เมือ่ ครถู ามนกั เรยี นที่สมุ เลือกมาเสร็จแลว เพ่อื นทด่ี ี เพราะเพอ่ื นทด่ี จี ะชักจงู เราใหท้ า� ในส่งิ ทีด่ ี ซง่ึ จะทา� ให้เรามคี วามสุข
ครูถามนักเรยี นทัง้ ชน้ั เรียนวา เพื่อนมี
ความสาํ คัญอยา งไร ใหนกั เรียนรว มกนั การสร้างสมั พันธภาพกบั เพื่อน
อภปิ ราย
การมีสัมพันธภาพกับเพื่อน คือ การอยู่ร่วมกันกับเพื่อน มีการติดต่อ
3. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความสาํ คัญของ ส่ือสาร พดู คุย และท�ากิจกรรมร่วมกนั ดังนัน้ เราจงึ ควรสร้างสมั พันธภาพท่ีดี
เพอ่ื น และใหน กั เรยี นเขยี นการสรา งสมั พนั ธภาพ กบั เพ่ือน จึงทา� ให้เราอยรู่ ่วมกบั เพือ่ นอยา่ งมีความสุข ซงึ่ เราควรปฏิบัต ิ ดังน้ี
กับเพือ่ นเปน แผนผงั ความคดิ สง ครู ๑. มคี วามสภุ าพ อ่อนโยน ยิม้ แยม้ และเปน็ กนั เองกบั เพ่อื น
๒. มคี วามเข้าใจ เหน็ อกเหน็ ใจเพื่อน
๓. มีความจรงิ ใจ ใหค้ วามช่วยเหลอื เพอ่ื นด้วยความเต็มใจ
๔. พดู กบั เพื่อนดว้ ยถอ้ ยคา� ท่ีไพเราะ ไม่นินทาว่ารา้ ยเพื่อน
๕. มคี วามยุติธรรม ไมเ่ อารดั เอาเปรียบเพื่อน
๖. ยกยอ่ งชมเชยความรคู้ วามสามารถของเพอื่ นอยู่เสมอ
๗. รจู้ กั ควบคมุ อารมณข์ องตนเองเมอ่ื เกดิ ความรสู้ กึ ไมด่ ตี า่ งๆ กบั เพอื่ น
เชน่ โกรธ อิจฉา เปน็ ต้น
๓๐ สร้างสัมพนั ธภาพทด่ี ีกบั เพอ่ื นด้วยการท�ากิจกรรมร่วมกนั
เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ใครมคี ณุ สมบัตขิ องเพื่อนตาย
ครยู กตัวอยา งขอ ความที่วา “เพอ่ื นกินหางา ย เพอื่ นตายหายาก” จากนั้น 1. นอ ยชวนเพื่อนขา มถนนขณะรถติด
ใหน ักเรยี นรว มกันอธบิ ายความหมาย และยกตวั อยางประกอบ แลวใหน ักเรียน 2. หนอยยืมเงนิ เพ่อื นไปเลน เกมคอมพิวเตอร
วิเคราะหต นเองวาเปน เพอ่ื นประเภทใด พรอมทง้ั บอกเหตุผล 3. นิดหวั เราะขาํ เมอื่ เพอื่ นถกู ลอ เลยี นวา “ชางนอ ย”
4. นดิ ใหก าํ ลังใจเพอื่ นเมือ่ เพอ่ื นสอบไดคะแนนไมดี
นกั เรยี นควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ เพ่อื นตาย คือ เพอื่ นที่จรงิ ใจกับเรา ชกั ชวนเราใหท ํา
ในสิง่ ที่ดี คอยชวยเหลือหรอื ปลอบโยนเมอื่ เรามที กุ ข เชน เมือ่ เพ่ือนสอบ
1 เพื่อน มีสภุ าษติ ภาษาองั กฤษเกี่ยวกบั เพอื่ นวา “A friend inneed is a friend ไดค ะแนนไมด ี เราก็ควรปลอบใจเพื่อนใหหายโศกเศรา และพูดใหกําลงั ใจ
indeed” เพ่อื นยามยากคอื เพ่อื นแท มีความหมายคลา ยสภุ าษิตไทยวา เพื่อนกนิ ในการพยายามทบทวนบทเรยี น เพ่อื ใหส อบไดคะแนนดีขนึ้ ในครง้ั ตอไป
หางา ย เพอ่ื นตายหายาก ดังนนั้ ขอ 4. จึงเปน คําตอบทถี่ กู
30 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ö ¤ÇÒÁ¢´Ñ á§Œ ¡ºÑ à¾è×͹ 1. ครูถามคําถาม แลวใหน ักเรยี นเขยี นคําตอบ
ลงในกระดาษ
“นักเรยี นรสู้ ึกอยา่ งไร เม่อื เกดิ ความขัดแยง้ กบั เพือ่ น” • นกั เรยี นมเี พ่อื นสนทิ ท่ีสุดชอื่ วาอะไร
การอยู่ร่วมกันกับเพ่ือน บางคร้ังอาจเกิดความขัดแย้งกัน ซ่ึงสาเหตุ • ทําไมนกั เรียนจึงสนิทกับเพอื่ นคนนี้
ท่ีท�าให้เกิดความขัดแยง้ มีหลายสาเหต ุ และสง่ ผลกระทบ ดังน้ี • นักเรยี นเคยมีปญหากับเพอื่ นคนนี้หรอื ไม
อยา งไร สาเหตเุ กดิ จากอะไร
๑. สาเหตขุ องปญหาความขดั แย้งกบั เพอื่ น • เมอื่ มีปญหากบั เพื่อน สงผลกระทบอยา งไร
กบั นกั เรียน
ความเห็นแกต่ ัว พดู จาไม่ดีตอ่ กัน การเข้าใจผดิ กัน • นกั เรยี นมีวธิ กี ารแกป ญ หานีอ้ ยางไร
ความคิดเหน็ ความอจิ ฉา1 ปัญหาในการ มบี คุ ลิกและนิสัย 2. ครสู มุ นักเรยี นมา 1 คน จากกระดาษคําตอบ
ไม่ตรงกนั รษิ ยา ท�างาน ทต่ี า่ งกนั ทน่ี กั เรยี นสง มา อา นคําถามและคาํ ตอบของ
การลอ้ ปมด้อย นักเรยี น แลวอธบิ ายใหนักเรียนเขา ใจวา
ของเพอื่ น ความรสู้ ึกชอบ การเล่นกันด้วย การไม่รบั ผิดชอบ เมื่อมีปญ หากบั เพอื่ น เราควรคยุ กันดวย
หรอื ไม่ชอบ ความรนุ แรงหรอื ในหนา้ ที่ เหตุผล และรจู กั ขอโทษอยเู สมอ เพอื่ ลด
เพอื่ นคนนัน้ คนนี้ ความขัดแยง ทเี่ กดิ ขึ้น การขอโทษจะเปนวิธี
หยอกลอ้ กันรนุ แรง ทด่ี ที ่สี ุดในการแกป ญ หา และการใหอ ภยั
จะทําใหปญหาจบลงดวยดี
๒. ผลกระทบของการขดั แยง้ กบั เพื่อน
เกิดการใช้ เพอื่ นไมค่ บ เกดิ ความ
ความรุนแรง ไมอ่ ยากพูดคยุ บาดหมางกนั
ในการตัดสินปัญหา หรอื เลน่ ด้วย อยรู่ ่วมกันไมไ่ ด้
เกิดความเครียด
เกิดอารมณเ์ ศร้า เกดิ การแบ่งแยก
เมื่อเพ่อื นไม่คบ ออกเป็นกลมุ่ ๆ
ท�างานกลมุ่ ร่วมกัน ไม่มคี นคอยช่วยเหลอื
ไม่ได้ งานไม่ประสบ เม่อื เกดิ ปญั หา
ความส�าเรจ็
๓1
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
การกระทาํ ของใครท่อี าจทาํ ใหเกิดความขดั แยงกับเพ่ือน ครถู ามนกั เรียนวา เพอ่ื นท่นี กั เรียนชอบและไมชอบมลี ักษณะอยา งไร จากนน้ั
1. แตงใหเ พ่ือนยมื ปากกา ใหน กั เรยี นบอกวธิ ปี ฏบิ ตั ติ นตอ เพอ่ื นทชี่ อบและไมช อบ ครสู งั เกตคาํ ตอบของนกั เรยี น
2. ปอสอนการบา นเพ่อื น แลว เลอื กการปฏบิ ตั ติ นทอ่ี าจนาํ มาสคู วามขดั แยง เชน พดู จากระทบเพอ่ื น ลอ เลยี น
3. เดอื นขอเพ่ือนลอกการบาน เพื่อน เปนตน มาสนทนากบั นักเรยี นวา พฤตกิ รรมเหลา นีจ้ ะนาํ ไปสูค วามขัดแยง
4. บอลชวนเพอื่ นปลูกตน ไม
วเิ คราะหคําตอบ การแบงปนสิง่ ของใหเ พ่อื น คอยชว ยเหลอื เพอื่ น และ นกั เรยี นควรรู
ชกั ชวนเพ่ือนทาํ ส่ิงทดี่ ี เปน การสรางสัมพนั ธภาพท่ดี ีกบั เพ่อื น แตการขอ
ลอกการบา นเพื่อนโดยทเ่ี ราไมพยายามทาํ เอง อาจทาํ ใหเ พือ่ นไมพ อใจ 1 ความอจิ ฉารษิ ยา แยกเปน 2 คาํ ไดแ ก อจิ ฉา กับริษยา
อจิ ฉา หมายถึง เห็นเขาไดด ี แลว ไมพอใจอยากจะมหี รือเปนอยา งเขาบาง
และเกดิ ความขดั แยงกันได ดงั นัน้ ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูก
(มีความหมายเบากวาริษยา)
ริษยา หมายถงึ อาการที่ไมอ ยากใหค นอ่นื ไดด ี เหน็ เขาไดด ีแลว ทนน่ิงอยูไมได
คูม ือครู 31
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ใหนกั เรียนทาํ กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1 ÷ ¾ÄµÔ¡ÃÃÁ㹡ÒÃá¡äŒ ¢»˜ÞËÒ¤ÇÒÁ¢´Ñ áÂŒ§
คําถามชวนคดิ และตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทํา
¡ºÑ à¾èÍ× ¹
2. ใหน กั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรยี นรู ตอนที่ 3
ผลงานสรา งสรรค “นกั เรยี นใช้วธิ ีใดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง”
ปัญหาระหวา่ งเพอื่ นสามารถแก้ไขได้ ถา้ ทกุ คนปฏบิ ตั ิตนไดถ้ กู ตอ้ งและ
3. ใหนักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.3 จาก เหมาะสม
แบบวัดฯ สุขศกึ ษา ป.5
๑. พฤติกรรมที่พงึ ประสงค์ในการแก้ไขปญ หา
ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
สขุ ศกึ ษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดที่ 2.3
แบบประเมินตวั ช้ว� ดั พ 2.1 ป.5/3
กิจกรรมรวบยอดท่ี ๒.๓ รจู้ ักใหอ้ ภัยผู้อ่นื ไม่ใช้ก�าลังในการ มองโลกในแง่ดี
เมือ่ ผู้อนื่ ท�าผดิ ตดั สินปัญหา อยเู่ สมอ
แบบประเมินตัวชี้วดั พ ๒.๑ ป.๕/๓ พูดกันดว้ ย
ระบุพฤติกรรมที่พึงประสงคและไมพึงประสงคในการแกไขปญหาความขัดแยงในครอบครัว ถอ้ ยคา� ท่ีไพเราะ ยอมรับฟังความคิดเหน็ ควบคมุ อารมณ์
ของเพอ่ื น ของตนเองเมื่อมีปญั หา
และกลมุ เพื่อน
ยอมรับผดิ เมื่อทา� ผดิ
ชดุ ท่ี ๑ ๑๐ คะแนน และกล่าวคา� “ขอโทษ”
อา นสถานการณทก่ี ําหนด แลวตอบคําถาม
โตงทํารายงานอยูกลุมเดียวกับตาย เมื่อประชุมการทํารายงาน ตายซ่ึงเปน
หัวหนา กลมุ ก็ใหเพือ่ นๆ ทกุ คนเสนอความคิดเหน็ โตง เปนคนเดยี วทม่ี ีความคดิ เหน็
ไมต รงกบั เพื่อน และโตงก็โตเ ถยี งกับทุกคนในกลมุ จนเกิดการทะเลาะวิวาทกนั ทาํ ให
สรปุ งานไมไ ด
เฉฉบลับย ๑) สาเหตคุ วามขดั แยง ทเี่ กดิ ขนึ้ ในสถานการณน ้ี คอื ค……ว…า…ม…ค…ิด…เ…ห…น็……ไ…ม…ต …ร…ง…ก……นั ………………
…แ…ล…ะ…โ…ต…ง …ไ…ม…ย …อ…ม…ร……บั …ฟ…ง…เ…ส…ยี…ง……ข…า ง……ม…า…ก…………………………………………………………………………………………………………..
๒) ปญ หาของความขดั แยง ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสถานการณน ้ี คอื ……เ…ก…ดิ …ก……าร……ท…ะ…เล……า…ะว…วิ…า…ท………
ทาํ ใหส รุปงานไมได…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๓) ถา นกั เรยี นเปนเพอื่ นในกลุม น้ี นักเรียนจะทาํ อยา งไร ฟ……ง…ค…ว…า…ม…ค……ิด…เ…ห…็น……ข…อ…ง…โ…ต…ง..
…แ…ล…ะ…ใ…ช…เห……ต…ุผ…ล…ใ…น……ก…า…ร…ต…ัด……ส…นิ …ใ…จ……ไ…ม…ใ…ช…อ…า…ร…ม…ณ……ใ…น……ก…า…ร…แ…ก…ไ…ข…ป…ญ……ห…า……………………………………………….
๔) ถานักเรยี นเปน ตาย นกั เรียนจะทําอยางไร ใ…ช…ห …ล…กั……ป…ร…ะ…ช…า…ธ…ปิ …ไ…ต…ย……โ…ด…ย…ก…า…ร…ฟ…ง…เ…ส…ยี…ง…
…ข…าง……ม…า…ก……แ…ล…ะ…ฟ…ง…ก……า…ร…อ…ธ…บิ …า…ย…เ…ห…ต……ผุ …ล…ข…อ…ง…โ…ต…ง…………………………………………………………………………………………..
๕) โตง ควรปรับปรุงตนเองอยา งไร ……อ…ธ…ิบ…า…ย…เ…ห…ต…ุผ…ล……ใ…ห…เ พ……อ่ื …น…ฟ……ง……ย…อ…ม……ร…ับ…เ…ส…ีย…ง…ข…า …ง…ม…า…ก…
…แ…ล…ะ…ไ…ม…ใ …ช…อ…า…ร…ม…ณ……ใ …น…ก…า…ร…แ…ก……ไ …ข…ป…ญ …ห……า……………………………………………………………………………………………………….
๒. พฤตกิ รรมทไี่ มพึงประสงค์ในการแก้ไขปญหา
ตวั ช้วี ดั พ ๒.๑ ขอ ๓
ñðไดค ะแนน คะแนนเต็ม
เกณฑป ระเมนิ ชิน้ งาน ๒ คะแนน ใชก้ า� ลังในการ พดู จาใส่ร้ายเพื่อน ไมย่ อมฟังเหตุผล
๑ คะแนน ตดั สินปัญหา หรอื กล่าวโทษเพือ่ น ของคนอน่ื
การตอบคําถาม (มี ๕ ขอ ขอละ ๒ คะแนน) เพือ่ ใหต้ นเองพ้นผิด ยึดถือความคิด
• ตอบคาํ ถามไดถ ูกตอ ง และมเี หตุผลประกอบชดั เจน ใชอ้ ารมณ์ พูดจาด้วยถอ้ ยคา�
ตัดสินปญั หา ของตนเป็นหลกั
๑๘ • ตอบคาํ ถามได แตไ มมเี หตผุ ลประกอบ มากกว่าเหตุผล ทห่ี ยาบคาย
๓2
เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ครใู หนกั เรยี นจบั คกู ับเพ่อื น แลว ใหหนั หนา เขาหากนั จากนน้ั ใหน ักเรยี น ใหน กั เรยี นเลอื กเพอ่ื นสนทิ มา 1 คน แลว ตดิ ภาพลงบนกระดาษ จากนน้ั
ทาํ หนาบ้งึ สลบั กับหนาย้ิมใสเ พือ่ น แลวใหนักเรียนบอกวา ชอบหนา แบบใดของเพื่อน เขียนขอ ปฏบิ ัติตนกบั เพ่ือนเพือ่ ลดปญหาการขดั แยง
มากกวา กนั จากนนั้ ครูใหนักเรียนคูเ ดิมผลดั กนั พดู “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ”
กบั เพื่อน แลว ใหเพื่อนบอกวา รูส กึ อยา งไร จากน้ันครูและนักเรยี นรวมกนั สรปุ วา กิจกรรมทา ทาย
การแสดงสหี นาท่ีดีและการกลา ว “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ” จะชว ยลดปญหา
ความขดั แยงได ใหนักเรยี นเขียนบทสนทนาสถานการณที่อาจทาํ ใหเ กิดปญหาความ
ขัดแยง กบั เพ่อื น แลว เขียนบทสนทนาท่ชี ว ยลดปญหาการขดั แยง จากนนั้
นํามาอานทีห่ นา ช้นั
32 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครตู รวจแผนผังความคดิ แสดงปญหา
ในครอบครวั
ตอนท ่ี ๑ คําถามชวนคิด
เขยี นตอบคําถามตอไปนี้ลงในสมดุ (ผลการปฏิบตั ิกิจกรรมขนึ้ อยกู ับดุลยพนิ ิจของครผู ูสอน) 2. ครูตรวจแผนผังความคดิ แสดงวธิ ีการแกป ญหา
๑) ในครอบครวั ของนกั เรยี นมกั มปี ญั หาอะไรทท่ี า� ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ กนั และนกั เรยี น ในครอบครวั
ร้สู ึกอย่างไรเมือ่ เกิดความขดั แยง้
๒) นกั เรยี นมีวิธีการแกไ้ ขปญั หาความขัดแย้งน้นั อย่างไร 3. ครตู รวจบัตรสอ่ื สัมพันธระหวางครอบครวั
๓) ถ้าเพื่อนมีลักษณะนิสัยที่นักเรียนไม่ชอบ นักเรียนรู้สึกอย่างไร และนักเรียน และเพอ่ื น
จะปฏิบัตติ นอยา่ งไรกบั เพอื่ นคนนน้ั
๔) นกั เรียนจะมวี ิธกี ารปรบั ปรุงนสิ ยั ที่ไม่ดีของตนเองอย่างไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู
ตอนท ่ี ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ (ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ขอ 1. ขนึ้ อยกู บั ดุลยพนิ ิจของครผู ูสอน) 1. แผนผงั ความคิดแสดงปญหาในครอบครัว
๑. แบงกลมุ ใหแ้ ตล ะกลมุ รวมกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั ลักษณะครอบครวั ท่ีมคี วามสุข และ 2. บตั รสือ่ สัมพนั ธร ะหวา งครอบครวั และเพือ่ น
ครอบครัวท่ีไมมีความสุข โดยบอกถึงสาเหตุและวิธีแก้ไข จากนั้นสงตัวแทนกลุม 3. กิจกรรมรวบยอดที่ 2.3 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษา
ออกมาสรปุ ผลหน้าชนั้
๒. อานวธิ ีแกไ้ ขปญ หาในครอบครัวท่กี าํ หนดให ้ แล้วบอกวาเหมาะสมหรอื ไมเหมาะสม ป.5
พรอ้ มทงั้ บอกเหตผุ ล และบันทึกลงในสมุด
๑) แปมขอโทษแม่ทท่ี �าแจกันของแมต่ กแตก
๒) แม่โทษพอ่ ท่ีไม่ดแู ลลกู จนลูกสอบตก
๓) พ่อชว่ ยแมท่ �างานบา้ นหลังจากทแ่ี ม่บน่ ว่าเหนอ่ื ย
ตอนที่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมขึ้นอยกู บั ดลุ ยพินิจของครูผูสอน)
นกั เรยี นแตล ะคนประดษิ ฐบ์ ตั รสื่อสัมพนั ธ ์ เพอ่ื สร้างความสมั พนั ธ์ระหวา งครอบครัวและ
เพอ่ื นอยา งละ ๑ ใบ พรอ้ มทง้ั เขยี นเหตุผลลงในบัตรวา ทาํ ไมถึงรักครอบครวั และเพ่ือน
คนน้นั เสรจ็ แล้วนาํ ไปให้สมาชกิ ในครอบครวั และเพื่อนทีต่ นเองรักมากที่สุด
๓๓
เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 2
ชวนคิด ชวนทํา ขอ 2
1) ตอบ เหมาะสม เพราะเมอ่ื ลูกทาํ ผิดกค็ วรขอโทษแม ผทู ่ที าํ ผดิ ตอ งรจู ักขอโทษจึงไดร ับการใหอ ภยั
2) ตอบ ไมเ หมาะสม เพราะการทล่ี กู สอบตกอาจเกดิ จากสาเหตอุ น่ื ไมค วรโทษใคร ควรถามลกู วา ทาํ ไมถงึ สอบตก แลว ชว ยกนั
หาวธิ ีแกปญหาท่ีถกู ตอ ง และไมค วรตอ วา ลูกท่ีลูกสอบตก ควรใหกําลังใจลกู ลูกจะไดม ีกําลงั ใจในการแกไ ขการสอบตก
3) ตอบ ไมเหมาะสม คนในครอบครัวเดียวกนั ควรชว ยเหลอื กันตงั้ แตต น ไมค วรปลอ ยใหคนหนง่ึ คนใดทําเพยี งผเู ดยี ว
จนเหนอ่ื ยลา
คูม ือครู 33
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Engage
กระตนุ ความสนใจ
1. ครูชวนนกั เรียนสนทนาวา ในชีวติ ประจําวัน ó˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·èÕ
นักเรียนเคยเลือกซ้อื ส่ิงตางๆ เองหรือไม ÊØ¢ÀÒ¾¢Í§àÃÒ
และนักเรียนมวี ิธเี ลือกซือ้ สนิ คาตางๆ อยางไร
อะไรเปน ปจ จัยทที่ าํ ใหนกั เรยี นตัดสินใจเลอื กซื้อ เป้าหมายการเรยี นร้ปู ระจา� หนว่ ยท่ี ๓
สินคา น้นั จากนัน้ ใหน ักเรยี นรว มกนั อภปิ ราย
เมอื่ เรยี นจบหนว่ ยน ้ี ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้ี
2. ครถู ามคาํ ถาม แลว ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ ๑. แสดงพฤติกรรมท่ีเห็นความสา� คญั ของการปฏบิ ตั ิตน
อยางอสิ ระ ตามสุขบญั ญัติแห่งชาต ิ (มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๑)
• จากภาพ หนา 34 นักเรียนคดิ วา นักเรยี น ๒. คน้ หาขอ้ มูลข่าวสารเพ่อื ใชส้ รา้ งเสรมิ สขุ ภาพ
จะมวี ธิ ีการเลือกซื้อนมไดอยางไร
(แนวตอบ กอ นเลอื กซอ้ื นม เราควรดบู รรจภุ ณั ฑ (มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๒)
วา่ อยใู นสภาพทีด่ หี รอื ไม ไมม ีรอยการเปด ๓. วิเคราะหส์ อ่ื โฆษณาในการตัดสนิ ใจเลือกซอ้ื อาหาร
กลองไมบบุ ดูวนั หมดอายุ และขอ มลู และผลติ ภัณฑ์สุขภาพอยา่ งมเี หตุผล
โภชนาการเพ่ือเปรยี บเทยี บนมแตละยีห่ อ)
(มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๓)
๔. ปฏิบตั ติ นในการปอ้ งกันโรคทพ่ี บบอ่ ยในชีวติ ประจ�าวนั
(มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๔)
เกรด็ แนะครู
กอนคาบเรียนทจ่ี ะสอนเร่ืองอาหารและผลิตภณั ฑส ขุ ภาพ ครใู หน กั เรียนเลือกนม
มาคนละ 1 ชิ้น แลวถามนกั เรียนวา นักเรยี นมีวิธใี นการเลอื กนมทีน่ ํามาอยางไร
34 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
ñº··Õè แสดงพฤติกรรมท่ีเห็นความสําคญั ของ
สุขบัญญตั แิ หง่ ชาติ การปฏบิ ัตติ นตามสขุ บัญญตั ิแหง ชาติ
(มฐ. พ 4.1 ป.5/1)
ก¨ิ กรรมนÓÊÙก่ ารàรÕÂน
สาระสา� คญั สมรรถนะของผเู รยี น
การมีสุขภาพดีต้องเริ่มจากการดูแลตนเอง
โดยการเหน็ ความส�าคญั ของการปฏบิ ตั ิตน 1. ความสามารถในการคดิ
ตามสุขบัญญัตแิ ห่งชาติ 2. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวติ
âÍ ! »Ç´·ŒÍ§¨§Ñ àÅ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค
äÁ‹¹Ò‹ ¡Ô¹¢Í§à¼ç´æ
1. มวี นิ ัย รับผิดชอบ
àÅÂàÃÒ 2. ใฝเรยี นรู
3. มงุ มนั่ ในการทํางาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
ใหน กั เรยี นดภู าพ หนา 35 แลวบอกวา
• นกั เรียนคดิ วาเดก็ ในภาพเปน อะไร
(แนวตอบ ปวดทองเน่อื งจากกินอาหารทม่ี ี
รสเผด็ )
• เดก็ ในภาพควรปฏิบตั ิตนอยา งไร
(แนวตอบ ไมก ินอาหารท่มี รี สเผด็ มากๆ)
?
à´ç¡ã¹ÀÒ¾¤Çû¯ºÔ µÑ Ôµ¹ÍÂÒ‹ §äÃ
¨§Ö ¨Ð·Òí ãËŒÁÕ梯 ÀÒ¾·Õ´è Õ
35
เกรด็ แนะครู
ครูจัดกระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรยี นปฏิบัติ ดังน้ี
• สบื คน ขอมูลสุขบัญญัตแิ หงชาติ 10 ประการ
• อภิปรายความรูเ กยี่ วกับสุขบญั ญัติแหง ชาติ
• วเิ คราะหจากประเด็นคาํ ถามและภาพ
จนเกิดเปนความรคู วามเขา ใจวา การปฏิบตั ิตามหลักสุขบัญญตั แิ หงชาติ
จะทาํ ใหเ รามีสขุ ภาพทดี่ ีทัง้ รางกายและจิตใจ
คูม ือครู 35
กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
สาํ รวจคน หา Explore
1. ครูถามนักเรียนวา สขุ ภาพ หมายถึง สขุ ภาวะทสี่ มบรู ณแ์ ละเช่ือมโยงกนั เปน็ องค์รวมอยา่ ง
• เม่ือวานน้ี ตัง้ แตตืน่ นอนจนถึงเขา นอน สมดุลทงั้ ทางรา่ งกาย คอื มรี า่ งกายแขง็ แรง จติ ใจ คอื มีจิตใจเปน็ สุข สงั คม คือ
นักเรียนทําอะไรบา ง ด�าเนนิ ชีวิตอยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างปกติสขุ และจิตวิญญาณ คือ มีปัญญาด ี รูด้ ีรูช้ ่ัว
(ตอบตามความเปน จรงิ เชน อาบนาํ้ แปรงฟน ซง่ึ มิได้หมายถึงเฉพาะความไมพ่ กิ าร และความไม่มโี รคเท่าน้ัน
รับประทานอาหาร เรยี นหนงั สือ ว่งิ เลนกับ การมีสุขภาพท่ีดีได้น้ันเราต้องมีสุขนิสัยท่ีดี โดยการปฏิบัติตามหลัก
เพือ่ น เปนตน) สุขบัญญัติแห่งชาติ ๑๐ ประการ ซ่ึงเป็นแนวทางการปฏิบัติตนด้านสุขภาพ
• วนั น้ี นกั เรียนทาํ อะไรไปแลวบาง ขน้ั พนื้ ฐาน เพอ่ื สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและชว่ ยลดความเสย่ี งจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ รวมทงั้
(ตอบตามความเปน จรงิ ) อันตรายตอ่ สขุ ภาพท่อี าจเกดิ ขนึ้ ในชีวิตประจ�าวัน
• นักเรียนรจู ักสขุ บญั ญัติแหง ชาติ 10 ประการ
หรือไม มอี ะไรบา ง ñ ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÞÑ ¢Í§Ê¢Ø ºÑÞÞµÑ áÔ Ë§‹ ªÒµÔ
(ตอบตามความเปนจรงิ )
“หลงั จากตื่นนอนตอนเชา้ นักเรยี นทา� อะไรบา้ งทเ่ี ปน็ การดแู ลสุขภาพ
2. ใหน กั เรียนรวมกนั สบื คนวา สขุ บัญญตั ิ ของตนเอง”
แหง ชาติ 10 ประการ มดี ังน้ี ปัจจุบันปัญหาด้านสุขภาพส่วนใหญ่เกิดจากการละเลยการดูแลสุขภาพ
1. ดูแลรักษารางกายและของใชใหสะอาด และมพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพที่ไมเ่ หมาะสม เชน่ การกนิ อาหารที่ไมม่ ปี ระโยชน ์ การกนิ
2. รกั ษาฟน ใหแ ขง็ แรง และแปรงฟน ทกุ วัน อาหารไมถ่ กู ตอ้ งตามหลกั โภชนาการ การออกกา� ลงั กายนอ้ ย ความเครยี ด เปน็ ตน้
อยางถูกตอ ง รวมไปถงึ การมโี อกาสเสย่ี งตอ่ โรคตดิ ตอ่ ทเี่ กดิ จากเชอ้ื โรคทปี่ ะปนอยรู่ อบๆ ตวั เรา
3. ลางมอื ใหส ะอาดกอนกนิ อาหารและหลงั การเกดิ ภยั พิบัตทิ างธรรมชาตทิ ี่สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพและทรพั ย์สิน
การขบั ถาย เด็กและเยาวชนท่ีปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติท้ัง ๑๐ ประการ
4. กินอาหารสกุ สะอาด ปราศจากสารอนั ตราย อย่างสม่�าเสมอและต่อเนื่องจนเป็นสุขนิสัย จะมีสุขภาพดีท้ังร่างกาย จิตใจ
และหลีกเล่ียงอาหารท่มี ีรสจดั สฉี ูดฉาด สงั คม และจิตวิญญาณอยา่ งยงั่ ยนื ตลอดไป
5. งดบหุ ร่ี สรุ า สารเสพตดิ การพนนั
และการสาํ สอนทางเพศ ¤ÇามรŒÙ¤่สÙ ุขÀา¾
6. สรา งความสมั พนั ธในครอบครวั ใหอบอนุ
7. ปองกันอุบัตภิ ยั ดวยการไมประมาท สุขบัญญัติ เป็นข้อก�าหนดพ้ืนฐานในการสร้างเสริมสุขภาพ ซ่ึงพัฒนามาจาก
8. ออกกําลงั กายสมาํ่ เสมอ และตรวจสุขภาพ “กติกาอนามัย” ท่ีเริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ คณะกรรมการสุขศึกษา
ประจาํ ป ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีได้ร่วมกันพิจารณาสุขบัญญัติ และน�าเสนอคณะรัฐมนตรี
9. ทําจติ ใจใหร าเรงิ แจมใสอยูเ สมอ พจิ ารณาอนมุ ตั ิ และประกาศใชเ้ ปน็ “สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาต”ิ ในวนั ท ่ี ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
10. มจี ิตสํานกึ ตอ สว นรวม รวมสรางสรรคส ังคม
3๖ กระทรวงสาธารณสขุ จงึ กา� หนดใหว้ นั ท ่ี ๒๘ พฤษภาคม ของทกุ ป ี เปน็ วนั สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาติ
3. ครถู ามนกั เรียนอกี ครัง้ วา สงิ่ ท่นี กั เรยี นทาํ
ตั้งแตต ่ืนนอนจนถึงเขานอน ตรงกบั สขุ บญั ญัติ
แหง ชาติขอ ใดบา ง
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ประโยชนข องการปฏบิ ัตติ ามหลกั สุขบัญญัติแหงชาติทีม่ ตี อ รา งกาย
เพ่ือใหนักเรียนเขา ใจความสําคญั ของสขุ บญั ญัตแิ หงชาตมิ ากขึ้น ครูอาจยก จิตใจ และสงั คม มีอะไรบาง
ตัวอยางปญหาสขุ ภาพท่สี ามารถใชหลักสุขบญั ญัติแหง ชาติในการดแู ลสขุ ภาพได แนวตอบ
เชน โรคตดิ ตอ ที่เกิดจากภัยพบิ ัติทางธรรมชาติ เมอ่ื เกิดภยั พบิ ัติทางธรรมชาติ ดานรางกาย : ทําใหร า งกายแข็งแรง ไมม โี รค และปอ งกันตนเอง
เชน อุทกภัย หรือวาตภัย เปน ตน นอกจากจะทาํ ใหเกิดความเสียหายตอชวี ติ จากโรคติดตอได
และทรพั ยส นิ แลว ยงั อาจกอใหเ กิดการระบาดของโรคติดตออกี ดวย เนอ่ื งจาก ดา นจติ ใจ : ทาํ ใหมจี ิตใจราเริงแจม ใส ไมเ ครียด ไมวิตกกงั วล
ประชาชนที่อพยพหนีภัยตองมาอยอู าศยั รว มกันในพื้นทจี่ าํ กดั ทําใหเ กดิ การ เม่อื ประสบปญหากส็ ามารถแกไ ขได
แพรก ระจายของโรคติดตอ ไดง าย โดยเฉพาะโรคติดตอทีม่ นี า้ํ และอาหารเปน สื่อ ดา นสังคม : ทําใหอ ยูรวมกบั ผอู น่ื ได และมีความรับผดิ ชอบตอสังคม
เชน อุจจาระรว ง เปน ตน การใชหลักสุขบัญญัติแหงชาติ ไดแ ก การลางมือกอน ท่เี ราอยู
กินอาหาร และหลงั ขบั ถา ย รวมถึงการกินอาหารที่ปรงุ สกุ ดืม่ น้ําท่สี ะอาด จะชว ย
ปอ งกนั ไมใหเช้ือโรคท่ีปะปนมากับน้ําและอาหารเขาสูรางกาย เราจึงลดความเส่ียง
ในการติดตอและแพรกระจายของโรคอุจจาระรว งได
36 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ò ¢ÍŒ »¯ºÔ ѵԵÒÁËÅÑ¡ÊØ¢ºÞÑ ÞµÑ ÔáË‹§ªÒµÔ 1. ครูแบง นกั เรียนออกเปน 10 กลมุ แตละกลุมจบั
“นกั เรียนคดิ ว่าตนเองปฏบิ ตั ิตนในการดแู ลสขุ ภาพเพียงพอแล้วหรอื ไม่ ฉลากเลอื กหวั ขอตามหลักสุขบัญญัติแหง ชาติ
เพราะอะไร” 10 ประการ
1. ดแู ลรกั ษารางกายและของใชใ หสะอาด
การปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ เพ่ือให้เกิดพฤติกรรมท่ีน�าไปสู่ 2. รักษาฟน ใหแ ขง็ แรง และแปรงฟนทุกวัน
การมสี ขุ ภาพทด่ี ที ง้ั รา่ งกาย จติ ใจ สงั คม และจติ วญิ ญาณ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด ้ ดงั น้ี อยา งถกู ตอ ง
๑. ดแู ลรกั ษาร่างกายและของใชใ้ ห้สะอาด 3. ลางมอื ใหสะอาดกอนกินอาหารและหลงั
๑) ความสะอาดของร่างกาย การขบั ถา ย
• อาบน้�าให้สะอาดอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง โดยฟอกสบู่และถู 4. กนิ อาหารสุก สะอาด ปราศจากสาร
ให้ทั่วทุกซอกทกุ มมุ ของร่างกาย แลว้ ล้างดว้ ยน�้าสะอาด อนั ตรายและหลกี เลยี่ งอาหารทม่ี รี สจดั สฉี ดู ฉาด
• หมน่ั สระผมเปน็ ประจา� อยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ ๒ ครงั้ ควรเชด็ ผม 5. งดบุหรี่ สรุ า สารเสพตดิ การพนนั
ให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ไม่ควรนอนในขณะท่ีผมยังเปียกอยู่ เพราะความอับช้ืน และการสาํ สอนทางเพศ
อาจท�าให้เกิดเชอื้ ราบนหนงั ศรี ษะได้ 6. สรางความสมั พนั ธใ นครอบครวั ใหอบอุน
• ตดั เลบ็ มอื เลบ็ เทา้ ใหส้ นั้ อยเู่ สมอ เพราะเลบ็ เปน็ แหลง่ สะสมของ 7. ปอ งกันอบุ ตั ภิ ยั ดวยการไมประมาท
เชอื้ โรคและส่ิงสกปรกตา่ งๆ ที่จะนา� เขา้ สูร่ า่ งกายไดง้ ่าย 8. ออกกําลังกายสม่าํ เสมอ และตรวจสุขภาพ
๒ ) •ค วสาวมมสใสะเ่อสาอื้ ดผขา้ ทอส่ีงะใอชา้ ด ไมอ่ บั ชนื้ และเหมาะสมกบั สภาพอากาศ1 ประจําป
9. ทาํ จิตใจใหร า เรงิ แจมใสอยูเ สมอ
10. มจี ิตสาํ นกึ ตอสว นรวม รวมสรา งสรรค
• ซักเส้ือผ้าท่ีใส่แล้ว ซักถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ ให้สะอาด และ สงั คม
ตากแดดใหแ้ หง้ เพอ่ื กา� จัดเชือ้ โรคและกลน่ิ และไม่ใส่ขณะเปียกช้ืน
• ควรท�าความสะอาดห้องนอนทุกวัน จัดของให้เป็นระเบียบ 2. แตละกลมุ สืบคน ขอ มูลการปฏบิ ัตติ นตาม
และเปลยี่ นผา้ ปูท่ีนอน ปลอกหมอน เปน็ ประจ�า และนา� ผ้าหม่ ทน่ี อน หมอน มงุ้ หลกั สขุ บญั ญตั แิ หง ชาตหิ ัวขอ ท่ีตนเองได
แลว แสดงความคิดเหน็ รว มกัน
ไปตากแดดเพอื่ กา� จดั ฝนุ่ ละอองและเชอ้ื โรคทเี่ ปน็ ตน้ เหตขุ องโรคภมู แิ พแ้ ละหอบหดื
• ท�าความสะอาดและเก็บของในบา้ นให้เปน็ ระเบยี บ
• ทา� ความสะอาดตูเ้ ย็น ตู้กบั ข้าวทุกเดอื น
• ทา� ความสะอาดสง่ิ ของทใี่ ชม้ อื จบั สมั ผสั เปน็ ประจา� เชน่ โทรศพั ท์
คอมพิวเตอร ์ เมาส์ คยี บ์ อรด์ ลูกบดิ ประตู ราวบันได โดยใชน้ ้า� ผสมผงซกั ฟอก
เชด็ ท�าความสะอาด
๓) การดูแลสขุ อนามยั ประจ�าวัน
• กินผกั และผลไมเ้ ปน็ ประจ�า และด่มื น้�าอยา่ งนอ้ ยวันละ ๘ แก้ว
• ฝกึ ขับถ่ายอจุ จาระให้เป็นเวลาทกุ วัน
3๗
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู
ถา ด.ช. ตน ไปเทีย่ วภชู ้ีฟา จังหวดั เชยี งรายในชว งวันหยดุ ปใ หม เขาควร 1 เหมาะสมกับสถาพอากาศ การแตงกายใหเหมาะสมกบั สภาพอากาศ
แตง กายอยางไร เพ่ือรักษาสขุ ภาพของตนเองใหด ี ฤดูรอ น ควรใสเสือ้ ผา ทร่ี ะบายความรอนไดด ี เนื้อผา บาง เชน ผาฝา ย เปน ตน
ฤดูฝน ควรใสเส้ือผาท่ีแหง เร็ว เน้ือผาไมหนาจนเกนิ ไป เม่อื ถกู ละอองฝน
1. เสอ้ื กลาม กางเกงขาสั้น
2. เสื้อยดื คอกลม กางเกงขายาว จะแหงไดงา ย เชน ผา ฝาย ผาชฟี อง เปนตน
3. เสื้อกนั หนาว กางเกงขายาว ฤดูหนาว ควรใสเสื้อผา ท่มี ีความหนาและเพิม่ ความอบอนุ ใหแกรางกายได เชน
4. เสอ้ื ยืดคอกลม ผา พนั คอ กางเกงขาสน้ั
วเิ คราะหคาํ ตอบ ในชว งวนั หยุดปใ หม คอื ปลายเดอื นธนั วาคมถึง ผา ไหมพรม เปน ตน
ตน เดอื นมกราคม เปนชว งฤดหู นาวของประเทศไทยและจงั หวดั ในทาง
ภาคเหนือจะมอี ณุ หภูมติ า่ํ กวาภาคอื่นโดยเฉพาะบนยอดดอยหรอื ภูตางๆ
เราจึงควรสวมใสเสอื้ ผาหนาๆทใ่ี หค วามอบอนุ แกร างกายได ดงั นนั้
ขอ 3. จึงเปนคาํ ตอบท่ถี กู
คมู อื ครู 37
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. เมอ่ื แตละกลุมรแู ละเขา ใจขอมูลท่ีกลมุ ของตน ๒. รักษาฟนใหแ้ ขง็ แรง และแปรงฟนทกุ วนั อยา่ งถูกต้อง
รวมกนั สืบคน และแสดงความคิดเหน็ ไวแ ลว
ใหถ ือวา ตนเองเปน ผูเช่ียวชาญหลกั สุขบญั ญัติ • แปรงฟนั ให้สะอาดอย่างท่ัวถงึ ทุกซ่ี ทุกดา้ น นาน ๒ นาทขี นึ้ ไป
แหงชาติขอ ท่ีตนเองได โดยแปรงทุกวนั หลงั ตนื่ นอนตอนเชา้ และก่อนเข้านอนตอนกลางคนื
• เลือกใชย้ าสีฟันทมี่ สี ่วนผสมของฟลูออไรด์
2. ครูใหน กั เรยี นแบง กลุมใหม กลมุ ละ 10 คน
โดยแตละกลมุ จะมีตัวแทนจากหลกั สขุ บัญญตั ิ วิธีแปรงฟนใหส ะอาด
แหงชาติครบทง้ั 10 ขอ
๑ การแปรงฟน บน ขยับแปรงไปมา ๔ - ๕ ครง้ั ปดั ขนแปรงลง
3. ผเู ช่ียวชาญแตล ะหัวขออธิบายใหคนในกลุม ใหค้ รบทุกซ่ี
เขา ใจหลักสขุ บัญญัตแิ หง ชาติขอที่ตนเองได หงายแปรงขน้ึ
เอียงท�ามมุ เลก็ นอ้ ย
๒ การแปรงฟนล่าง ขยับแปรงไปมา ๔ - ๕ คร้ัง ปดั ขนแปรงขึน้
ใหค้ รบทุกซี่
คว�า่ แปรงลง
เอยี งท�ามมุ เล็กน้อย
๓ การแปรงฟน ดา้ นบดเคยี้ ว ๔ การแปรงลน้ิ ๕ การบว้ นปาก
ถแู ปรงไปมา ๔ - ๕ ครง้ั ปดั ขนแปรง ๑ - ๒ ครง้ั
บว้ นดว้ ยนา้� สะอาด
• ลา้ งแปรงสฟี นั ใหส้ ะอาดทกุ ครงั้ หลงั แปรงฟนั เคาะหรอื สะบดั และ
วางตงั้ ข้นึ หร•ือ แกขินวผนักใแนลทะที่ ผมี่ ลีอไมา1ก้ าเพศถ่อื ่าชยว่ เยทเสริมสรา้ งฟนั ใหแ้ ข็งแรง และมเี สน้ ใย
ท�าความสะอาดฟัน
• หลกี เลยี่ งการกนิ ลกู อม ขนมหวาน ทอฟฟ ี หรอื ขนมหวานเหนยี ว
• บ้วนปากใหส้ ะอาดทกุ ครัง้ หลังกินอาหาร
• ไม่ใช้ฟนั กดั ขบ ของแข็งๆ หรอื ใช้ฟนั ผดิ หนา้ ท่ ี เช่น เปดิ ฝาขวด
3๘ กัดดินสอ กดั• ปพากบกทาัน ตฉแีกพถุงทพยลเ์ พาส่อื ตตกิรว กจัดสุขเสภน้ าดพา้ ใยน ชเปอ่ ็นงปตาน้ กปีละ ๒ คร้งั 2
นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
เลอื กคาํ ตอบ 3 คําตอบ ที่เปนวิธดี ูแลสขุ ภาพฟน ตามหลักสขุ บญั ญัติ
1 ผักและผลไม มปี ระโยชนตอ ฟน เชน แหง ชาติไดถกู ตอ ง
• อาหารที่มีเสนใยสงู จะชว ยทาํ ความสะอาดฟน ไดแ ก ผักและผลไม 1. ตวั้ กินฝร่ังกอนนอนทกุ ครั้งเพ่ือเสริมสรา งฟนใหแ ขง็ แรง
เชน แตงกวา ชมพู ฝรง่ั มะเขอื เทศ เปนตน 2. ตัม้ แปรงฟนทกุ ครง้ั หลงั กนิ อาหารเสรจ็ เพือ่ ใหฟ นสะอาด
• อาหารท่มี ีวิตามินซี มีประโยชนใ นการรกั ษาเหงือก ฟน และกระดกู 3. โตงตรวจสุขภาพฟน ทุกๆ 6 เดอื นเพือ่ สุขภาพฟนทดี่ ี
เชน สม สบั ปะรด ฝรัง่ กะหลา่ํ ปลี เปน ตน 4. แตงแปรงลิ้นทุกครัง้ หลังแปลงฟน เพอื่ ใหช อ งปากสะอาด
วเิ คราะหคาํ ตอบ เราควรแปรงฟน กอ นนอนทกุ ครั้ง หรอื เมื่อกนิ อาหาร
2 ตรวจสขุ ภาพในชอ งปากปละ 2 คร้งั หรอื ทกุ ๆ 6 เดอื น เสร็จแลว และควรแปรงล้ินทุกครงั้ หลังแปรงฟน เพราะลิน้ เปน แหลง สะสม
ของเชอื้ โรคไดเ ชน กัน และเราควรไปพบทันตแพทยปล ะ 2 คร้ัง หรือทุกๆ
6 เดอื น การกนิ ฝร่งั เปนสิง่ ทดี่ ี เพราะฝรัง่ มวี ิตามินซีสูง ดีตอ ฟน แตเ รา
ไมค วรกินกอนเขานอน โดยไมแ ปรงฟน เพราะอาจจะทําใหฟ นผไุ ด
ดงั นน้ั ขอ 2., 3., และ 4. จงึ เปน คําตอบทถี่ ูก
38 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๓. ลา้ งมอื ให้สะอาด1กอ่ นกินอาหารและหลงั ขบั ถ่าย 1. ครูอธบิ ายความรูเพิม่ เติมการปฏบิ ตั ติ าม
หลกั สขุ บญั ญตั ิแหง ชาติ
• ล้างมือใหส้ ะอาดอย่างถูกวธิ ีด้วยน�้าสะอาดและสบู่ทกุ ครง้ั
2. ใหแ ตละกลุมแตง เพลงเกยี่ วกบั สขุ บัญญัติ
ล้างมอื กอ่ น ลา้ งมือหลงั แหง ชาติ แลวนําเสนอหนาช้ันเรยี น
• กินอาหาร • เขา้ หอ้ งนา�้
• เตรยี มและปรงุ อาหาร • ไอ จาม หรอื สั่งนา�้ มกู 3. ใหแ ตล ะกลมุ จัดทําโปสเตอรส ุขบญั ญัติ
• สัมผัสผปู้ ว่ ย หรอื เดก็ ออ่ น • จับตอ้ งอาหารดิบ วตั ถุดิบท่ีใช้ปรุงอาหาร โดยมีเน้อื เพลงและภาพประกอบสวยงาม
• ทา� กิจกรรมท่สี มั ผัสตา • เย่ยี มผปู้ ว่ ย
ปาก จมูก ใบหนา้ • สัมผสั สตั ว์ทุกชนิด
• เมอื่ รวู้ ่ามือเปอ น หรือหยิบจบั สิง่ สกปรก
• เดินทางถึงจดุ หมาย เช่น ถงึ บ้าน หรือโรงเรยี น เปน็ ตน้
• หา้ มใชม้ อื ที่ไมไ่ ดล้ า้ งจบั ตอ้ งบรเิ วณใบหนา้ เพราะจะทา� ใหเ้ ชอ้ื โรค
เข้าสู่ร่างกายทางเย่ือบุจมูกและตา รวมทั้งท�าให้ใบหน้าสกปรก และมีโอกาส
เกิดสิว
• ล้างมือใหส้ ะอาดดว้ ยวิธีการ ๗ ขนั้ ตอน โดยทุกขน้ั ตอนทา� ๕ ครั้ง
และทา� สลับกนั ท้ัง ๒ ข้าง ท้ังมอื ซ้ายและมอื ขวา
ñ ฝา มอื ถกู นั ò ฝา มือถูหลังมอื ó ฝามอื ถฝู ามือ
และน้ิวถซู อกน้วิ และนว้ิ ถูซอกน้วิ
เทนา้ํ ยาลา งมอื õ ถูน้วิ หวั แมมือ ö ปลายนิว้ ÷ ถรู อบขอ มอื
ลงบนฝามือ
โดยรอบดวยฝา มือ ถูขวางฝา มือ
ô หลังน้ิวมือ
ถูฝา มอื
3๙
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ใหน กั เรยี นทําแผนภาพวิธกี ารปฏบิ ตั ิตามหลกั สขุ บญั ญัตแิ หง ชาติ 1 ลา งมอื ใหส ะอาด
โดยเลือกมาเพียง 1 ขอ จาก 10 ขอ แลวเจาะจงเฉพาะเรื่องเพอ่ื นํามา • กอนกนิ อาหาร เพ่อื ปอ งกนั เชอ้ื โรคท่ีอยูบ นมือเขา สรู า งกายทางปาก ถา เรา
ทาํ เปนแผนภาพ ตกแตง ใหสวยงามแลว นาํ มาสง ครู ตวั อยา งเชน หยิบจบั อาหารเขา ปาก
• หลังขับถา ย เพ่อื ปอ งกนั การแพรเ ช้ือโรคหรอื ไขพ ยาธทิ ่ีตดิ อยูบนมือเขา สู
ขอทเี่ ลอื ก คือ ขอ 4 กนิ อาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และ รางกาย หรอื กระจายไปยงั ส่งิ ท่เี ราจบั ตอ ง
หลีกเล่ียงอาหารทม่ี ีรสจดั สฉี ูดฉาด
เร่อื งทเ่ี ลอื ก คือ อาหาร 5 หมู เปน ตน
คูม อื ครู 39
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูถามนกั เรยี นวา ถา นักเรยี นไมปฏบิ ตั ติ าม ๔. กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลี่ยง
สุขบัญญตั แิ หง ชาติ ผลจะเปนอยางไรบา ง อาหารรสจดั สีฉดู ฉาด
(เร่มิ ทลี ะขอ ต้งั แตขอ 1 - 10 ตามลาํ ดบั )
• กินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ ถูกหลักโภชนาการ โดยกินในปริมาณ
2. ใหน ักเรียนแตล ะกลมุ เขยี นแผนผงั ความคดิ ท่ีเหมาะสมกับอายุ เพศ และกิจกรรมประจา� วัน
แสดงผลของการไมป ฏบิ ตั ิตามหลักสขุ บญั ญตั ิ
แหง ชาตใิ นหวั ขอ ท่ีกลุมของตนได
3. ครูและนักเรียนรว มกนั สรปุ ความสําคัญของ
การปฏิบตั ติ นตามหลกั สขุ บัญญัตแิ หง ชาติ
หมูท่ ่ี ๑ หมูท่ ี่ ๒ หม่ทู ี่ ๓ หมู่ท ี่ ๔ หมู่ที่ ๕
• ดืม่ นมวนั ละ ๒ - ๓ แก้ว และด่มื น�า้ สะอาดอยา่ งน้อยวันละ ๘ แกว้
• กินอาหารท่ปี รุงสุกใหม่ๆ ไมก่ นิ อาหารกง่ึ สกุ ก่ึงดิบ
• หลกี เลยี่ งการกนิ อาหารรสจดั เชน่ กนิ หวานมาก เสยี่ งตอ่ การเกดิ
โรคอว้ น โรคเบาหวาน กนิ เคม็ มาก เสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคความดนั โลหติ สงู เปน็ ตน้
• ไม่กนิ อาหารประเภทหมกั ดอง อาหารที่ใสส่ ีฉูดฉาด เพราะมีสาร
อนั ตรายตอ่ สุขภาพ
• ใช้ชอ้ นกลางในการกนิ อาหารร่วมกบั ผู้อ่นื
• ใช้ฝาชคี รอบอาหาร ปอ้ งกนั แมลงวันตอมอาหาร
๕. งดบหุ ร ่ี สุรา สารเสพติด การพนัน และการส�าส่อนทางเพศ
• ไม่สูบบุหร ี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนนั และไมส่ �าสอ่ นทางเพศ
• สรา้ งเสรมิ ค่านิยม การรักเดียวใจเดียว รักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสกุ -
กอ่ นหา่ ม และมีคู่ครองเมอ่ื ถึงเวลาอนั สมควร
๖. สร้างความสัมพันธ์ในครอบครวั ให้อบอนุ่
• หาโอกาสทา� กจิ กรรมรว่ มกนั มเี วลาใกลช้ ดิ กนั ในครอบครวั อยเู่ สมอ
• เคารพเชอ่ื ฟังผู้ทีม่ อี าวุโสกวา่
• มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในครอบครวั
• ใหค้ วามสา� คญั และใหเ้ กยี รตกิ นั มนี า�้ ใจ เปน็ หว่ ง และถนอมนา้� ใจกนั
• เมอ่ื มปี ญั หาเกดิ ขน้ึ ควรพดู คยุ กนั ปรกึ ษา และแกไ้ ขปญั หารว่ มกนั
40 • สง่ เสริมค่านิยมการมคี วามสุขรว่ มกันในครอบครวั
มุม IT ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
ถา เกดิ โรคทอ งรวงระบาด นักเรียนจะใชห ลักสุขบญั ญตั แิ หงชาติ
ครใู หน กั เรียนชมสือ่ การต ูนแอนเิ มชันเก่ยี วกบั สุขบัญญัติแหงชาติ 10 ประการ ในการปองกันตนเองจากโรคทอ งรว งไดอ ยางไร
ไดที่ http://www.info.thaihealth.or.th/videos 1. กนิ อาหารครบ 5 หมู
2. ไมกินอาหารที่มสี ีสนั ฉดู ฉาด
บูรณาการอาเซียน 3. ลางมือทุกคร้ังกอนกินอาหาร
4. ดม่ื นา้ํ อยา งนอ ยวนั ละ 6 แกว
ครูใหนกั เรยี นสืบคน ขอมูลอาหารของแตล ะประเทศในกลมุ อาเซยี น จากนน้ั วเิ คราะหค าํ ตอบ โรคทอ งรว งเกดิ จากการกนิ อาหารไมส ะอาด เราจงึ ควร
เลอื กอาหารมา 1 ชนิด แลว บอกวาอาหารทน่ี กั เรยี นเลอื กมีสว นประกอบอะไรบา ง เลอื กใชห ลกั สขุ บญั ญตั แิ หง ชาติ ขอ 3. และขอ 4. มาปฏบิ ตั ิ โดยกนิ อาหาร
และมสี ารอาหารครบ 5 หมูห รอื ไม โดยจัดทาํ เปน ใบงานสงครู ทปี่ รงุ สกุ ใหมๆ ไมม แี มลงวนั ตอม และลา งมอื ทกุ ครง้ั กอ นกนิ อาหาร เพอ่ื
ปอ งกันเชื้อโรคเขา สูรา งกาย ดงั นนั้ ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบทถ่ี กู
40 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๗. ปอ้ งกนั อุบัตภิ ยั ดว้ ยการไม่ประมาท ครูใหน กั เรียนคดิ วิธเี ชิญชวนใหคนใน
ครอบครัว หรือคนทีน่ ักเรียนรูจ ักในโรงเรยี นหรือ
• ระมดั ระวังในการปอ้ งกันอบุ ัตภิ ัยในบ้าน เชน่ ไฟฟา้ เตาแก๊ส ของ ชุมชน เห็นความสําคญั และปฏิบตั ติ ามหลัก
มคี ม การจดุ ธปู เทยี นบชู าพระ ไมข้ ดี ไฟ เปน็ ตน้ สุขบัญญตั แิ หง ชาตเิ พ่อื การมสี ุขภาพทีด่ ี
• ระมัดระวังในการป้องกันอุบัติภัยในที่สาธารณะ เช่น ปฏิบัติตาม
กฎแหง่ ความปลอดภัยจากการจราจรทางบก ทางน้�า เป็นตน้
๘. ออกกา� ลงั กายอยา่ งสม�่าเสมอ และตรวจสขุ ภาพประจ�าปี
• ออกกา� ลงั กายอยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ ๓ ครง้ั โดยเลอื กออกกา� ลงั กาย
ตามความเหมาะสมกับสภาพรา่ งกายและวยั
• ออกกา� ลังกายหรอื เล่นกีฬาดว้ ยความสนุกสนาน
• ตรวจสขุ ภาพโดยแพทย์ หรือเจา้ หนา้ ท่สี าธารณสขุ อย่างนอ้ ยปีละ
๑ ครัง้
๙. ท�าจติ ใจใหร้ ่าเริงแจ่มใสอยูเ่ สมอ
• มองโลกในแงด่ ี คดิ ในแง่บวก รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
• พกั ผ่อนให้เพียงพอ
• รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง และฝึกทักษะการจัดการกับอารมณ์
ของตนเอง
• เมอ่ื เกดิ ปญั หาใหป้ รกึ ษาพอ่ แม ่ ญาตผิ ใู้ หญ ่ หรอื คนสนทิ ที่ไวใ้ จได้
๑๐. มีส�านึกตอ่ สว่ นรวม รว่ มสรา้ งสรรค์สังคม
• ใช้ทรัพยากรอยา่ งประหยดั เช่น ปดิ ไฟเมอ่ื ไม่ใช้แล้ว เปน็ ต้น
• อนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาสงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ ปา่ ไม ้ แหลง่ นา�้ สตั วป์ า่ เปน็ ตน้
และหลีกเล่ียงการใช้วัสดุอุปกรณ์ท่ีก่อให้เกิดมลภาวะต่อส่ิงแวดล้อม เช่น โฟม
พลาสติก เปน็ ต้น
• แยกขยะเพ่ือลดปริมาณขยะ และการน�าวัสดุบางอย่างหมนุ เวยี น
กลบั มาใช้ใหม่
• มีส�านึกในการป้องกันการแพร่กระจายของเช้ือโรคไปสู่บุคคลอื่น
เช่น ใสห่ นา้ กากอนามยั เมอื่ เปน็ หวดั เป็นต้น
41
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT บูรณาการอาเซยี น
นกั เรียนจะมีสวนรวมในการใชว สั ดุอุปกรณทไ่ี มก อ ใหเ กดิ มลภาวะ ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ประเทศสมาชิกอาเซียนไดใหความสนใจกับปญหาสขุ ภาพ
ตอสิง่ แวดลอ มไดอยา งไร ที่คกุ คามประชาชนในประเทศ ซงึ่ มีความคลา ยคลงึ กนั ใน 3 เรื่องใหญ ไดแก
แนวตอบ ใชวัสดทุ ที่ าํ จากธรรมชาตแิ ทนวสั ดทุ ที่ าํ จากพลาสติก เชน
ใชใบตองหรอื กระดาษหออาหารแทนถงุ พลาสตกิ ใชถ งุ ผา หรอื ตะกรา 1. โรคไมตดิ ตอ ท่ีสาํ คัญคือ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู และการเพ่มิ
มาใสของแทนถงุ พลาสตกิ เปนตน การเขาถงึ บรกิ ารโดยเฉพาะการปองกนั เพอื่ ใหเขาสกู ระบวนการรกั ษาโดยเรว็ ท่สี ดุ
เพ่อื ลดความรุนแรงของโรค
กจิ กรรมสรา งเสรมิ
2. การควบคุมบุหรี่ โดยเฉพาะมาตรการเรื่องภาษี เรือ่ งขอตกลงการคาเสรี
ใหน กั เรยี นเลือกหลักสขุ บญั ญตั แิ หงชาติมา 2 ขอ แลว เขียนแผนผงั เร่อื งซีเอสอาร (CSR: Corporate Social Responsibility) หรือการรบั ผิดชอบตอ
ความคดิ แสดงผลของการไมป ฏบิ ตั ติ ามหลกั สขุ บญั ญตั แิ หง ชาติ ขอ ทเี่ ลอื กมา สังคม และการควบคุมบุหรีเ่ ถอื่ น
3. การควบคุมการบรโิ ภคเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล ซงึ่ เปนสาเหตขุ องการเกดิ มะเรง็
โรคหัวใจและหลอดเลอื ด ปญ หาสุขภาพจิต อุบตั ิเหตทุ างถนน และความรนุ แรงใน
สังคมและครอบครัว
คมู อื ครู 41