กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ใหนักเรยี นแตละกลมุ จัดทาํ ปา ยความรูวา ó »ÃÐ⪹¢ ͧ¡Òû¯ºÔ µÑ µÔ ¹µÒÁËÅ¡Ñ Ê¢Ø ºÞÑ ÞµÑ Ô
การปฏิบตั ิตามสขุ บญั ญตั แิ หง ชาตทิ ก่ี ลมุ ของ
ตนเองไดน น้ั สามารถปองกันโรคอะไรไดบ าง á˧‹ ªÒµÔ
ยกตัวอยา งกลมุ ละ 1 โรค โดยบอกชือ่ โรค
สาเหตุ อาการ การรักษา และการปอ งกัน “นกั เรียนคิดว่า ผู้ทีป่ ฏบิ ัติตนตามหลกั สขุ บัญญัตแิ หง่ ชาต ิ จะมลี ักษณะ
พรอมทง้ั ตกแตง ใหสวยงาม แลวนํามาจัดปาย อย่างไร”
นิเทศรวมกันภายในหวั ขอ “ไมปฎิบัตติ าม
สุขบัญญัติแหงชาตเิ ปนโรคอะไรไดบา ง” การปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติจนเป็นสุขนิสัย จะท�าให้เกิด
ประโยชน์ ดงั นี้
2. ใหนกั เรียนทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 3.1 ขอ 1 ๑. มีสขุ ภาพแข็งแรงทัง้ รา่ งกายและจิตใจ
จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.5 ๒. มีความสัมพนั ธอ์ ันดีท้ังในครอบครัวและในสงั คม
๓. อยรู่ ว่ มกันในสงั คมภายใต้สภาพแวดลอ้ มทดี่ ไี ด้อยา่ งมคี วามสขุ
ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๔. ดแู ลและปอ้ งกันตนเองจากโรคภยั ไข้เจบ็ และอบุ ตั ิเหตุได้
สขุ ศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.1 ๕. ปอ้ งกนั ตนเองจากสารเสพติดและอบายมุข
แบบประเมินตวั ช้ว� ัด พ 4.1 ป.5/1 การปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติจะท�าให้เรามีสุขภาพท่ีดีท้ัง
ร่างกายและจิตใจ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มีความปลอดภัย
แบบประเมินผลการเรียนรตู ามตัวช้ีวัด ประจาํ หนวยท่ี ๓ บทท่ี ๑ ในการใช้ชวี ติ และเกดิ สันติสขุ ในสังคม กลายเปน็ สงั คมท่นี า่ อยู่และมีคณุ ภาพ
กิจกรรมรวบยอดที่ ๓.๑ ก¨ิ กรรมการàรÕÂนรÙŒ
แบบประเมินตวั ช้วี ัด พ ๔.๑ ป.๕/๑
แสดงพฤตกิ รรมทีเ่ หน็ ความสําคญั ของการปฏิบัติตนตามสุขบญั ญตั ิแหงชาติ
ชดุ ท่ี ๑ ๑๕ คะแนน
๑ อานการต ูนทกี่ าํ หนดให แลวตอบคาํ ถาม (๕ คะแนน)
âÍ⌠Ë! ਴ç âÁ§¡ÇÒ‹ äÁ´Í‹¡Õ ÒǺҋ ¹à´Òéí ÂëÕ áÇ»äÁ÷‹§¿¹Ñ ¹˜ ÊÇÊÑ ´¤Õ ÃºÑ ·¡Ø ¤¹!
áÅÇŒ ËÃÍ
เฉฉบลบั ย ตอนที ่ ๑ คา� ถามชวนคดิ
เขียนตอบค�าถามต่อไปนลี้ งในสมุด
๑) จากภาพ เด็กไมป ฏิบตั ิตนตามหลักสขุ บัญญตั แิ หงชาติขอ ใดบาง ๑) เมื่อนักเรียนได้รู้การปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติแล้ว นักเรียนคิดว่า
ขอ ๑ และขอ ๒…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ตนเองสามารถปฏบิ ัติตามไดห้ รอื ไม ่ อยา่ งไร
๒) ในชีวิตประจ�าวันนักเรียนปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติข้อใดบ้าง
๒) จากภาพ เดก็ ปฏิบัตถิ กู ตองหรือไม เพราะเหตใุ ด และปฏบิ ตั ไิ ด้ถูกตอ้ งหรอื ไม่ อยา่ งไร
…ไม……ถ …กู …ต……อ …ง……เ…พ…ร…า…ะ…เ…ร…า…ค……ว…ร…แ…ป…ร……ง…ฟ…น ……แ…ล…ะ…อ…า…บ……น…า…ํ้ ห……ล…งั……ต…่นื ……น…อ……น…ต……อ…น……เช…า……………………………. ๓) นกั เรยี นจะน�าหลกั สขุ บัญญตั แิ ห่งชาตไิ ปใชใ้ นการด�าเนนิ ชีวติ อย่างไร
๔) ในฐานะที่เป็นสมาชิกของครอบครัว นักเรียนจะมีวิธีการอย่างไรในการชักชวน
๓) ถา นกั เรียนเปนเด็กในภาพ นกั เรยี นจะปฏิบัติอยางนหี้ รือไม เพราะเหตใุ ด
…ไม……ป…ฏ……ิบ…ตั ……ิ …เพ……ร…า…ะ…เ…ป…น ……ก…า…ร…ก……ร…ะ…ท……ํา…ท…ี่ไ…ม…ถ ……ูก…ต…อ……ง……ท…ํา…ใ…ห……ร …า…ง…ก……า…ย…ส……ก…ป…ร……ก…………………………. 4๒ ให้คนในครอบครวั ปฏิบตั ิตามหลกั สขุ บญั ญตั ิแห่งชาติ
เพือ่ นๆ รงั เกียจ และอาจกอ ใหเ กดิ โรคได…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๔) นักเรยี นคดิ วา เดก็ ในภาพควรปรบั ปรุงตวั อยางไร
…ค…ว…ร…ต……น่ื …ใ…ห……เช……า …ก…ว…า…น……ี้ …แ…ล…ว…แ…ป……ร…ง…ฟ……น ……แ…ล…ะ…อ…า…บ……น……ํ้า…ห…ล…งั……จ…า…ก…ต……่นื …น……อ…น……แ…ล……ว……………………….
๕) จากภาพ ถา นกั เรยี นเปนเพือ่ นของเด็กคนนี้ จะแนะนาํ เขาวา อยา งไร(ตัวอยา งคาํ ตอบ)
…แ…น…ะ…น……าํ …ว…า …ต…อ …ง……แ…ป…ร…ง……ฟ…น ……แ…ล…ะ…อ…า…บ……น……า้ํ …ท…กุ …ว…นั………ร…า…ง……ก…า…ย…จ…ะ…ไ…ด……ส …ะ…อ…า…ด………แ…ล…ะ…ไ…ม…เ… ป……น …โ…ร…ค….
๒๓
3. ใหน กั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรียนรู ตอนที่ 1
คาํ ถามชวนคดิ และตอนท่ี 2 ชวนคดิ ชวนทาํ
4. ใหนกั เรียนทํากจิ กรรมการเรียนรู ตอนที่ 3
ผลงานสรา งสรรค
เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1
ขอ 1., 2. คําตอบข้นึ อยูกับนักเรียน
3. แนวตอบ ใชใ นการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพทไ่ี มเหมาะสมใหดขี นึ้ เมอื่ เรามีพฤติกรรมสุขภาพทดี่ ี กจ็ ะสง ผลใหเรามรี างกายและจิตใจ
ที่แขง็ แรงมคี วามปลอดภัยในการดําเนนิ ชวี ติ และอยรู วมกับผูอนื่ ไดอยางมคี วามสุข
4. แนวตอบ ปฏบิ ัติตนเปน ตัวอยา ง เชน ลางมือใหสะอาดกอ นกนิ อาหารและหลงั ขบั ถาย พรอมท้งั แนะนาํ วา การปฏิบัตเิ ชน นี้จะทําให
ไมเปนโรคอุจจาระรว ง เปน ตน
42 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
ตอนท ี่ ๒ ชวนคดิ ชวนท�า (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมขน้ึ อยกู ับดลุ ยพนิ ิจของครูผสู อน) 1. ครตู รวจโปสเตอรส ขุ บญั ญัตแิ หง ชาติ
2. ครตู รวจแผนผังความคิดผลของการปฏบิ ตั ิ
ใช้ตารางบันทกึ การปฏิบัติตนตามหลักสุขบญั ญตั ิแหง่ ชาตขิ องตนเองเป็นเวลา ๗ วัน
ตามหลกั สขุ บัญญตั ิแหงชาติ
การปฏิบตั ิตนตามสขุ บัญญตั ิแหง่ ชาติ การปฏิบตั ติ น 3. ครูตรวจสอบความถูกตอ ง และความสวยงาม
✓ ปฏิบตั ิ ✗ ไมป่ ฏิบตั ิ ของปายนิเทศ “ไมป ฏิบัตติ ามสขุ บัญญัติ
แหง ชาติ เปน โรคอะไรไดบ า ง”
๑) อาบน้า� ทุกวนั หลงั จากตื่นนอน .................................... .................................... 4. ครปู ระเมินโครงการสรางเสรมิ สขุ ภาพ
ตามหลักสขุ บัญญัติแหงชาติ
๒) เปลยี่ นเสอ้ื ผ้าใหม่หลงั จากอาบน�า้ .................................... ....................................
๓) ตัดเลบ็ มือเล็บเท้าใหส้ นั้ อย่เู สมอ .................................... ....................................
๔) แปรงฟนั ก่อนเขา้ นอน .................................... .................................... หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๕) บว้ นปากหลังกนิ อาหารเสร็จแลว้ .................................... .................................... 1. โปสเตอรส ขุ บญั ญัตแิ หง ชาติ
2. แผนผงั ความคิดผลของการไมปฏบิ ัตติ าม
๖) ขับถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทกุ วัน .................................... ....................................
หลกั สุขบญั ญตั แิ หง ชาติ
๗) ล้างมอื หลงั จากขบั ถา่ ย .................................... .................................... 3. ปา ยนเิ ทศ “ไมป ฏบิ ตั ิตามสุขบัญญตั ิแหงชาติ
๘) กินผกั และผลไมท้ ุกวัน .................................... .................................... เปน โรคอะไรไดบา ง”
4. โครงการสรา งเสรมิ สุขภาพตามหลกั สขุ บญั ญตั ิ
๙) ไมก่ นิ อาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ .................................... ....................................
แหง ชาติ
๑๐) ใช้ช้อนกลางกนิ อาหารรว่ มกับผอู้ น่ื .................................... ....................................
๑๑) ไมส่ ูบบุหร ี่ .................................... ....................................
๑๒) ออกกา� ลงั กายอยา่ งน้อยสปั ดาห์ละ ๓ ครง้ั .................................... ....................................
๑๓) ชว่ ยพ่อแม่ท�างานบา้ น .................................... ....................................
๑๔) ขา้ มถนนตรงทางมา้ ลาย หรือสะพานลอย .................................... ....................................
๑๕) ออกกา� ลงั กายหลงั เลกิ เรียน .................................... ....................................
๑๖) นอนหลบั อยา่ งน้อยวนั ละ ๘ ชั่วโมง .................................... ....................................
๑๗) ปิดไฟฟ้าเมอื่ ไม่ใชง้ าน .................................... ....................................
๑๘) มีจิตใจร่าเรงิ แจม่ ใส .................................... ....................................
ตอนท่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมขน้ึ อยูกบั ดุลยพนิ จิ ของครูผูสอน)
แบง่ กลมุ่ รว่ มกนั คดิ โครงการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพตามหลกั สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาตมิ า ๑ โครงการ
เขียนรายละเอียด แล้วนา� ไปปฏิบตั ิ บันทกึ ผล แล้วออกมานา� เสนอหน้าชนั้ เรียน 43
ใครปฏบิ ตั ิตนผิดหลกั สขุ บญั ญตั ิแหง ชาติ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
1. หนอ ยแปรงฟน กอนนอนวนั ละ 2 ครงั้
2. ตา ยลา งมอื ทกุ ครัง้ กอนกนิ อาหารและหลงั ขับถาย
3. เตย ท้งิ ถุงกระดาษลงในถังขยะรีไซเคิล
4. โหนง กินราดหนา หมสู ับและฝร่งั สด
วิเคราะหค ําตอบ
1. เราควรแปรงฟนใหส ะอาดอยางนอยวนั ละ 2 ครั้ง ท้งั ตอนเชาและกอ นนอน หนอ ยแปรงฟน วนั ละ 2 ครง้ั
แตแ ปรงฟน เฉพาะกอ นนอน ไมไ ดแ ปรงตอนเชา หลงั ตน่ื นอน จะทาํ ใหฟ น มคี ราบนา้ํ ลาย และฟน ผไุ ด
2. เราควรลางมือทุกครง้ั กอนกินอาหาร และหลังขบั ถาย
3. เราควรทง้ิ ถงุ กระดาษในถงั ขยะรไี ซเคลิ เพราะสามารถนาํ ถงุ กระดาษมารไี ซเคลิ แลว นาํ กลบั มาใชใ หมไ ด
4. ราดหนาหมูสบั มสี ารอาหารในหมู 1 คอื เน้ือสัตว หมู 2 คอื เสน กวยเต๋ยี ว หมู 3 คอื ผักคะนา
หมู 5 คือ น้ํามนั สวนฝร่ังมีสารอาหารอยูในหมู 4 ดงั นนั้ โหนง จงึ เลอื กกนิ อาหารไดค รบทงั้ 5 หมู
ดงั นน้ั ขอ 1. จงึ เปน คาํ ตอบทถี่ กู
คูมอื ครู 43
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปาหมายการเรยี นรู
คน หาขอ มูลขาวสารเพอื่ ใชส รา งเสริมสขุ ภาพ òº··Õè
(มฐ. พ 4.1 ป.5/2) ขา่ วสารสุขภาพ
สมรรถนะของผเู รยี น ก¨ิ กรรมนÓÊÙก่ ารàรÕÂน สาระสา� คญั
การรับข่าวสารสุขภาพทางช่องทางตา่ งๆ
1. ความสามารถในการคิด มปี ระโยชนใ์ นการนา� มาใชส้ รา้ งเสรมิ สขุ ภาพ
2. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มุง ม่นั ในการทาํ งาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
ใหนกั เรยี นดภู าพ หนา 44 แลวชวยกันบอกวา
นักเรยี นจะทราบขาวสารสขุ ภาพจากสถานที่
ประเภทนไ้ี ดอ ยา งไร
(แนวตอบ เราสามารถทราบขอ มูลการรักษา
พยาบาล การปอ งกันโรค รวมไปถงึ การบริการตา งๆ
เชน การฉีดวัคซีน เปนตน ไดจ ากโรงพยาบาล
สถานีอนามัย ศนู ยบริการสาธารณสขุ )
?
¹Í¡¨Ò¡âç¾ÂÒºÒÅ ¹¡Ñ àÃÕ¹ÊÒÁÒö
ËÒ¢‹ÒÇÊÒÃÊØ¢ÀÒ¾¨Ò¡áËŧ‹ ã´ä´ŒÍ¡Õ ºŒÒ§
44
เกรด็ แนะครู
ครจู ดั กระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรยี นปฏิบัติ ดังน้ี
• สํารวจคนหาขอ มูลโรคระบาดในปจ จบุ นั จากแหลง ขอมูลตา งๆ
• อธิบายแหลงขอมลู ท่ใี ชสบื คนขอ มลู เก่ยี วกับสขุ ภาพ
• วิเคราะหจ ากประเด็นคาํ ถามและภาพ
จนเกดิ เปนความรูความเขา ใจวา การท่ีเราจะมีสุขภาพดี สามารถปอ งกันตนเอง
จากโรคได เราควรรูจักหาขอ มูลขา วสารสขุ ภาพ เพอื่ นาํ มาใชส รางเสริมสขุ ภาพ
ของเราใหด ี
44 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explain Expand Evaluate
Explore Explore
สาํ รวจคน หา
สุขภาพเป็นเรื่องที่เก่ียวข้องกับคนทุกคน การท่ีคนเราจะมีสุขภาพดีได้ 1. ใหน ักเรียนแบง กลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน
ต้องรู้จักดูแลตนเอง รวมทั้งรู้จักแสวงหาข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการ สบื คนขอ มลู โรคทกี่ าํ ลังระบาดในปจจบุ นั
ดูแล ป้องกัน และสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (ถา ไมม ี ครูยกตัวอยา งโรคระบาดก็ได เชน
โรคอหิวาตกโรค โรคไขเ ลือดออก เปนตน
ñ ¢ÍŒ ÁÙÅ¢‹ÒÇÊÒÃ梯 ÀÒ¾ หรือโรคท่ตี อ งแจง เมอ่ื เกดิ การระบาด
เชน โรคไขหวัดนก เปนตน )
“นักเรยี นคิดวา่ ข้อมลู ข่าวสารสุขภาพ คืออะไร”
ข้อมลู ข่าวสาร คือ สิ่งทีส่ อ่ื ให้ทราบถงึ เรือ่ งราวหรือขอ้ เท็จจรงิ เรอื่ งหน่ึง 2. ใหน ักเรยี นทําเปน รายงาน โดยบอกแหลงขอ มูล
เร่ืองใด ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่สื่อให้ทราบถึงเร่ืองราวหรือ ท่นี ักเรยี นสืบคนมา อยางนอ ย 3 แหลง และ
ข้อเทจ็ จรงิ ดา้ นสุขภาพ เพื่อให้เราใชใ้ นการดแู ล ป้องกนั และสร้างเสรมิ สุขภาพ บอกวธิ ีการหาขอมลู จากแหลง ขอ มูลท่ีนักเรียน
ได้อยา่ งถกู ต้อง สืบคนมา
ขา่ วสารท่ีใชเ้ พอื่ การดแู ลและสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพมหี ลายประเภท เชน่ การ
เลอื กรบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสม การใชผ้ ลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพทป่ี ลอดภยั วธิ กี าร 3. ครูอาจแนะนาํ แหลง ขอมลู และวธิ กี ารสบื คน หา
ก่ียวข้องกับคนทุกอคอนก กก�าาลรงั ทกี่คานยเทรีถ่าจูกะตม้อีสงุข วภธิ าีกพาดรีไปด้อ้ งกันโรคระบาด ความคุม้ ครองจากการบรโิ ภค ขอมลู ขาวสารทางสขุ ภาพ และการใชข อ มูล
ทั้งรู้จักแสวงหาข้อมสูลง่ิ ตข่างวๆส าเรปท็น่ีเปต็น้ ป รซะึ่งโขยอ้ชมนูล์ตข่อา่กวาสรารเหล่านีจ้ ะท�าให้ผ้บู ริโภคร้จู ักคิดและพิจารณา ขา วสารในการสรา งเสริมสุขภาพ โดยการ
มสขุ ภาพ ก่อนเลือกซ้อื หรือใชผ้ ลติ ภณั ฑต์ ่างๆ เพอ่ื ความปลอดภยั แกผ่ ูบ้ รโิ ภคเอง ยกตวั อยางเว็บไซตท เ่ี กี่ยวกับสุขภาพ แลว
อธบิ ายวา เว็บไซตน น้ั ใหขอมลู อะไรบาง เพ่อื เปน
แนวทางใหนักเรยี นสามารถสืบคนไดดวยตนเอง
ÊÒÃÊØ¢ÀÒ¾ ò áËÅ‹§¢ÍŒ ÁÙÅáÅÐÇ¸Ô Õ¡Ò乌 ËÒ¢ŒÍÁÅÙ ¢Ò‹ ÇÊÒà 45
มลู ข่าวสารสุขภาพ คอื อะไร” ÊØ¢ÀÒ¾
สิง่ ท่สี ่อื ให้ทราบถงึ เร่อื งราขวหอ้ มรือลู ขขอ้า่ เวทส็จาจรสริงขุ เภรอื่าพงหทนพ่ี ึ่งบ
สารสุขภาพ จึงเปใ็นสปิ่งัจทจี่สุบื่อันให ้ทสราามบาถรึงถเสรืบ่องคร้นาไวดห้จราือก
อใหเ้ ราใช้ในการดแู แลห ลปง่้อขงอ้กมนั ลู แตล่าะงสๆร า้ดงงั เนสร้ี ิมสุขภาพ
กรหดามรแู าปละ้อแสงลมกะ กสันารโรรา้ คใงชเรสผ้ะรบลมิ“โทติาถรสด่ีใภค้าดขุ ณัเไภคไรขดวฑาา้ห้บาอพส์ วมย้ามขุัดงคาหีภน”กุ้มลากทคาพ รรยทเอาปรป่ีบงารจลจขะาอเะ้อภกสดมกทืบภูลา คยัเเรชก้น บวน่ย่ีจรธิ วาิโกกี ภกกาาคบัรร
ข่าวสารเหล่านี้จะท�าให้ผู้บริโภครจู้ ักคดิ และพจิ ารณา
ณฑต์ า่ งๆ เพือ่ ความปลอดภัยแก่ผูบ้ รโิ ภคเอง
ÁÙÅáÅÐÇÔ¸¡Õ Ò乌 ËÒ¢ŒÍÁÅÙ ¢‹ÒÇÊÒà ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
าพทพ่ี บ ครอู าจนาํ นกั เรยี นไปสถานบรกิ ารสขุ ภาพ หรอื นทิ รรศการในกระทรวงสาธารณสขุ
ได้จาก หรือหนวยงานเกยี่ วกับสขุ ภาพ แลว ใหนกั เรียนสาํ รวจวา ในสถานบริการสขุ ภาพน้ัน
ยวกับ ใหขอ มลู ขา วสารสขุ ภาพอะไรบา ง ดวยวธิ ใี ด ใหจ ดบันทึก แลว ออกมานาํ เสนอ
นจาก หนาชั้นเรยี น
ขอใดไมใ ชข อ มูลทีไ่ ดจากภาพนี้ 2. วิธ4ีกา5รลางมอื
1. การลา งมอื ปอ งกันโรคหวัด
3. แหลง ขอ มูล 4. การลา งมอื ยบั ย้งั เช้ือโรค
วเิ คราะหคําตอบ ภาพน้ีไมไ ดบ อกวธิ ีการลางมอื
ดังน้นั ขอ 2. จงึ เปน คาํ ตอบทีถ่ ูก
คูมอื ครู 45
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหแ ตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอรายงานของกลมุ ตน ๑. สถานบรกิ ารสขุ ภาพ สถาน
2. ใหนกั เรียนอธบิ ายวา แหลงขอ มลู ท่กี ลุมของตน บรกิ ารสขุ ภาพ
สถานบรกิ ารสขุ ภาพ เปน็ สถานที่ที่ให้บริการ
คน หาน้ันใหข อมูลใดบา ง และมีความนาเชอ่ื ถอื ทางด้านสขุ ภาพตา่ งๆ แกป่ ระชาชน เชน่
มากนอ ยเพียงใด
3. ใหนักเรยี นรวมกันสรุปวธิ ีคนหาขอ มลู สุขภาพ
จากแหลงขอมูลท่เี ก่ยี วของ
โรงพยาบาล โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพต�าบล
ใหบ้ ริการด้านการตรวจรักษา ใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพแกป่ ระชาชนระดับ
ส่งเสรมิ สขุ ภาพและป้องกนั โรค ตา� บล ในเรอ่ื งเกยี่ วกบั อนามยั เบอื้ งตน้
ศูนยบ์ ริการสาธารณสขุ สาธารณสุขจังหวัด
ใหบ้ รกิ ารดา้ นการตรวจรกั ษา ให้บริการด้านขอ้ มูลขา่ วสารท่เี กย่ี วขอ้ ง
สง่ เสริมสขุ ภาพและป้องกันโรค
ในเขตเทศบาลและกรงุ เทพมหานคร กับการสง่ เสรมิ สุขภาพและการ
ป้องกันโรคแก่ประชาชนในจังหวัด
๒. สายดว่ นสุขภาพ
สายดว่ นสุขภาพ เป็นการใช้โทรศัพท์โทรไปยงั หมายเลขโทรศัพท์ ๔ ตวั
เพือ่ สอบถามหรอื ฟงั ขอ้ มูลสขุ ภาพดา้ นต่างๆ เชน่
สายดว่ น ชอ่ื รายละเอยี ด
ข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพตดิ การบา� บดั รักษาผ้ตู ิดยาเสพติด
1165 ยาเสพตดิ
1166 สคบ. ส�านักงานคณะกรรมการคุ้มครองผบู้ ริโภค
1330 สา� นกั งานหลกั ประกนั ข้อมลู เกยี่ วกบั การสร้างหลกั ประกนั สุขภาพถว้ นหน้า
สุขภาพแหง่ ชาติ
1556 ผบู้ ริโภค กบั อย. ขอ้ มลู ผลิตภัณฑส์ ขุ ภาพ
1600 สายด่วนเลิกบหุ รี่ ใหค้ า� แนะนา� และคา� ปรกึ ษาในการเลิกสบู บหุ ร่ี
1667 สขุ ภาพจิต ปรึกษาปญั หาสขุ ภาพจิต
1675 กนิ ดี สขุ ภาพดี ขอ้ มูลดา้ นสง่ เสรมิ สขุ ภาพ และอนามยั สิ่งแวดล้อม
4๖
บูรณาการอาเซียน ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถานักเรยี นหรอื คนในครอบครวั มีความเครียด นกั เรียนจะหาขอมูล
ครูอธบิ ายใหนกั เรยี นเขา ใจวา อาเซียนไดใ หค วามสาํ คญั ในการรว มกนั หา สุขภาพ หรือปรกึ ษาจากทีใ่ ดไดบาง
มาตรการควบคมุ “โรคไมตดิ ตอ หรอื โรคเร้อื รงั ” ท่กี าํ ลงั เปนปญหาสาธารณสุขสาํ คญั แนวตอบ เราจะหาขอ มลู สขุ ภาพไดจ ากสถานบรกิ ารสขุ ภาพเกย่ี วกบั
โดย 4 โรคทีน่ า หว งท่ีสดุ คือ โรคความดันโลหติ สงู โรคหัวใจ โรคปอด และ สขุ ภาพจติ เชน โรงพยาบาล คลนิ ิกสุขภาพจติ เปน ตน หรือสบื คนขอ มูล
โรคเบาหวาน ซ่งึ ในอาเซียนพบวา มีผเู สียชีวติ ทงั้ สนิ้ 4 ลานคนตอ ป ในจํานวนน้ี จากเว็บไซตของกรมสุขภาพจติ หรือโทร 1323 สายดว นสุขภาพจติ เพือ่
กวารอยละ 60 หรือประมาณ 2.5 ลา นคน เสียชวี ิตจากโรคไมต ิดตอกลุมนี้ พดู คยุ ขอคาํ ปรกึ ษาเรอื่ งสขุ ภาพจติ และโทร 1667 ซึ่งเปน ระบบอตั โนมัติ
เพือ่ รบั ความรตู า งๆ เกย่ี วกับสขุ ภาพจติ เปนตน
46 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๓. อินเทอรเ์ นต็ (Internet) 1. ครยู กตวั อยา งเวบ็ ไซตต างๆ มาใหน ักเรียน
ใชเปน หลกั ในการเลอื กใชข อ มลู ขา วสารวา
ทง้ั ภาครอฐั นิแเลทะอภราเ์ คนเต็ อ กเปชน็ นแมหเี วลบ็ง่ สไซบื ตค1 ์น้(wขeอ้ bมsลู itขeา่) วไสวาใ้ หรทบ้ สี่รกาิ� คารญั ดใา้นนปขจั อ้จมบุ ลูนั ข หา่ นวสว่ ายรงแานก่ นกั เรยี นจะเลอื กเวบ็ ไซตใ ดบา ง เพราะอะไร
ประชาชนทั่วไป ซ่งึ เวบ็ ไซต์สา� คัญท่ีนกั เรียนสามารถสบื ค้นข้อมลู ได ้ เชน่ แลว ใหนกั เรยี นบอกวา นกั เรยี นเลอื กใชข อ มลู
เหลา นนั้ ในการสรา งเสรมิ สุขภาพไดอยา งไร
เว็บไซต์ หนว่ ยงาน
www.moph.go.th กระทรวงสาธารณสขุ 2. ครูอธิบายวิธกี ารสบื คน ขอมลู จากเวบ็ ไซต
ใหบริการสืบคนขอ มลู วา
www.anamai.moph.go.th กรมอนามยั • เม่ือพมิ พคาํ หรอื ขอความทต่ี องการแลวคลกิ
คนหา จะปรากฏเวบ็ ไซตต างๆ ท่ตี รงกบั
www.dmh.go.th กรมสุขภาพจิต คาํ คนหาของนักเรียน โดยนกั เรยี นสามารถ
คลกิ ที่เว็บไซตที่ตองการไดทนั ที
www.oncb.go.th สา� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ (ป.ป.ส.)
www.ocpb.go.th ส�านกั งานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บรโิ ภค (สคบ.)
www.thaihealth.or.th ส�านกั งานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสริมคณุ ภาพ (สสส.)
ตวั อยา่ งการสบื ค้น • หรอื หากตองการคน หาภาพ หรอื กําหนด
ถ้าเราต้องการทราบข้อมูลเก่ียวกับสุขภาพ เราสามารถสืบค้นได้จากค�าที่เก่ียวข้อง ชว งเวลาของขอมลู นักเรยี นสามารถคลิก
เช่น เลอื กไดจ ากแถบดา นบน
๑ พมิ พค์ า� สา� คญั ทเี่ ราตอ้ งการสบื คน้ เชน่ ไขห้ วดั นก
ไข้หวัดนก
๒ คลกิ คา� ว่า ค้นหา
เราควรหลีกเล่ียงการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่หลอกลวงหรือมีภาพ
ลามกอนาจาร ถ้าเราบงั เอิญเปิดไปพบเว็บไซตเ์ หล่าน ้ี ควรรีบปดิ ทนั ที
4๗
กิจกรรมทาทาย นกั เรียนควรรู
ใหนกั เรียนสืบคนขอ มลู สุขภาพ หัวขอทส่ี นใจ เชน การดูแลระบบ 1 เว็บไซต เราสามารถคน ควา ขอ มลู สุขภาพไดจากเว็บไซตของหนว ยงานท่ี
อวัยวะในรางกาย การรับประทานอาหารท่เี หมาะกับวัย การออกกาํ ลังกาย เกี่ยวขอ ง ดงั น้ี
เปน ตน จากนัน้ นาํ ขอ มูลมาเรียบเรียงโดยใชโ ปรแกรมสําเรจ็ รปู Microsoft
Word แลว พิมพงานออกมาจัดปา ยนิเทศ • สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา คอื www.fda.moph.go.th
• สํานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแหง ชาติ คือ www.nhso.go.th
• กรมควบคุมโรค คือ www.ddc.moph.go.th
• กองสขุ ศกึ ษา คอื www.hed.go.th
• กรมอนามยั คือ www.anamai.moph.go.th
• สํานักงานประกันสงั คม คือ www.sso.go.th
คูมอื ครู 47
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ครถู ามนักเรยี นวา นักเรยี นมีปญหาสุขภาพ ๔. สือ่ อื่นๆ
หรือไม อยา งไร แลว นักเรียนจะหาขอ มูล
สขุ ภาพเพอื่ แกไ ขปญหาสขุ ภาพของตนเอง ส่ือส่ิงพิมพ์ เป็นส่ือที่เผยแพร่ด้วยข้อความ รูปภาพ ลงบนกระดาษ
ไดอยา งไร และใหน กั เรยี นปฏบิ ัตติ ามขอ มลู เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน ซ่ึงเราสามารถรับข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับสุขภาพได้จาก
ท่ีนกั เรยี นหามาไดเ ปนเวลา 1 - 3 เดือน สื่อสิ่งพมิ พ์ต่างๆ เชน่ แผ่นพับ โปสเตอร์ นติ ยสาร เป็นตน้
แลวสรปุ ผล
ó ¡ÒÃ㪌¢ŒÍÁÙÅ¢‹ÒÇÊÒÃ㹡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÔÁÊØ¢ÀÒ¾
2. ใหน ักเรียนทาํ กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1
คําถามชวนคิด และตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทาํ “การใชข้ อ้ มลู ขา่ วสารสขุ ภาพสามารถสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของเราไดอ้ ยา่ งไร”
เมอื่ เรารูว้ ธิ สี ืบค้นขอ้ มลู ขา่ วสารสขุ ภาพแล้ว เราก็สามารถน�าขอ้ มูลน้ัน
3. ใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 3 มาสรา้ งเสริมสขุ ภาพของเราได ้ เชน่ 1
ผลงานสรางสรรค
เมือ่ เกิดโรคไขห้ วัดนกแพรร่ ะบาด
เราสืบคน ความรเู ร่ืองโรค เมื่อเรารู้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั โรค เราจงึ สืบคนวธิ กี ารลา งมอื
ไขห วัดนก ถงึ ลักษณะของ ไขห้ วดั นกแลว้ เราจงึ สบื คน้ ทีถ่ ูกตอง เพ่ือปอ งกนั
โรค สาเหตุ การตดิ ตอ ขอ้ มลู การป้องกนั โรค ตนเองจากโรคไขห วดั นก
อาการ ไดจากแผนพบั ที่ ไข้หวัดนกจากโปสเตอร์ที่ ไดจากโปสเตอรท ี่มีการ
เผยแพรทางอินเทอรเน็ต เผยแพร่ทางอนิ เทอร์เนต็ เผยแพรท างอนิ เทอรเนต็
โดยหนว ยงานที่มีความ พบวา่ การป้องกันโรค แลว นําไปปฏบิ ัติในชีวติ
นา เช่ือถือ ไขห้ วัดนกไดด้ ีวิธีหนึ่ง คอื ประจาํ วนั
การล้างมือ
ข้อมลู ขา่ วสารสขุ ภาพทา� ใหเ้ ราสามารถปฏิบัติตนเพอ่ื สร้างเสริมสขุ ภาพ
และปอ้ งกนั โรคตา่ งๆ ได ้ และยงั สามารถนา� ความรทู้ ่ีไดจ้ ากขอ้ มลู ขา่ วสารสขุ ภาพ
4๘ไปเผยแพร่เพอ่ื ใหค้ นรอบขา้ งมีสขุ ภาพทีด่ ี
เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถานักเรยี นตอ งการกําจัดยงุ ลาย เพื่อปองกันโรคไขเลอื ดออก นักเรยี น
ครูใหนกั เรียนสรา งส่อื ในการสรางเสริมสขุ ภาพมา 1 เรอื่ ง โดยสบื คนขอ มลู จาก ควรศกึ ษาขอ มลู ในขอใด
แหลงทีน่ า เชอ่ื ถอื แลวนํามาสง ครู 1. ลกั ษณะของยุงลาย
2. แหลงเพาะพันธยุ ุงลาย
นกั เรยี นควรรู 3. วงจรชวี ิตของยุงลาย
4. โรคทม่ี ียงุ ลายเปนพาหะ
1 โรคไขห วัดนก แตก อ นนั้นพบการแพรร ะบาดของโรคเฉพาะในสตั วปก เทา นัน้ วเิ คราะหคาํ ตอบ การกาํ จัดยุงลาย นกั เรียนตอ งศกึ ษาขอมูลวงจรชวี ติ
แตใ นเวลาตอ มาเชื้อมกี ารกลายพันธุ และสามารถติดตอ จากสตั วสูคนได โดยพบ ของยงุ ลาย เพอื่ สามารถทําลายแหลงท่ียุงลายสามารถวางไขไ ด กําจัด
การตดิ ตอจากสัตวสูค นครง้ั แรกในป พ.ศ. 2540 ท่ปี ระเทศฮองกง กอ นจะเริม่ ลกู น้าํ โดยการปองกันไมใ หลกู นาํ้ เจรญิ เตบิ โตเปน ยุงลายได ดังน้นั ขอ 3.
มกี ารแพรระบาดตามประเทศตางๆ ในเวลาตอ มา รวมถึงประเทศไทยดว ย จึงเปน คําตอบที่ถูก
48 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
ก¨ิ กรรมการàรÕÂนรÙŒ 1. ครูตรวจรายงานโรคระบาดในปจ จุบนั
2. ครูตรวจผลงานวิธีการใหขอมลู เก่ยี วกบั
โรคตดิ ตอทส่ี ําคัญในปจ จุบนั
ตอนท ่ี ๑ คา� ถามชวนคดิ (ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมขน้ึ อยกู บั ดุลยพินิจของครผู สู อน) หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู
เขียนตอบค�าถามต่อไปนล้ี งในสมดุ
๑) นักเรียนคิดวา่ ขา่ วสารสุขภาพมีความสา� คัญอย่างไร 1. รายงานโรคระบาดในปจจุบัน
๒) นักเรยี นเคยใช้ขา่ วสารสขุ ภาพใดในการดแู ลสุขภาพของตนเองบา้ ง อย่างไร 2. ผลงานวธิ กี ารใหขอ มูลเกย่ี วกบั โรคตดิ ตอ
๓) ถา้ นักเรียนต้องการทราบขอ้ มูลเก่ยี วกับโรคไขห้ วัดใหญ ่ ๒๐๐๙
นกั เรยี นควรท�าอย่างไร ท่ีสาํ คญั ในปจ จุบัน
ตอนท ี่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า (ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมขอ 2. ขนึ้ อยกู ับดลุ ยพินจิ ของครผู ูสอน)
๑. อ่านขอ้ ความทกี่ �าหนดให้ แลว้ บอกแหล่งขอ้ มูลท่ใี ชค้ น้ ควา้ ตามเรื่องท่กี า� หนด
๑) ขา่ วประกาศว่าโรคอีสกุ อีใสกา� ลงั ระบาดในเดก็ เล็ก พลจึงต้องการฉีดวัคซีน
เพ่อื ปอ้ งกนั โรค พลควรหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานทท่ี ่ีรบั ฉดี วัคซนี จากแหลง่ ใด
๒) แกว้ ไปซื้อของทตี่ ลาดนัด และพบวา่ ปลากระป๋องที่พอ่ คา้ นา� มาขายไม่มีฉลาก
ระบุทข่ี ้างกระป๋อง แก้วควรไปแจง้ ทีห่ น่วยงานใด
๓) โดง่ เห็นเพอื่ นมคี วามซึมเศรา้ และเครยี ดจากปญั หาทางบ้าน โดง่ จงึ ต้องการหา
หนว่ ยงานทมี่ าใหค้ า� แนะน�าเพอื่ น โด่งควรสืบค้นจากแหลง่ ใด
๔) เอกไปซ้ืออาหารท่รี ้านขายอาหารแห่งหน่ึง แลว้ พบวา่ รา้ นอาหารรา้ นน้ี
ขายอาหารราคาแพงกวา่ รา้ นอ่นื ๆ ๑๐ เทา่ เอกควรทา� อย่างไร
๕) น้องของหน่อยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก หน่อยจะหาข้อมูลเก่ียวกับการดูแล
รักษาโรคไขเ้ ลือดออกไดอ้ ย่างไร
๒. แบ่งกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มรวบรวมแหล่งข้อมูลข่าวสารสุขภาพในท้องถ่ินของตนเอง
แลว้ บนั ทกึ ขอ้ มลู ลงในสมดุ พรอ้ มกบั บอกรายละเอยี ดของการใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู ขา่ วสาร
สขุ ภาพแกป่ ระชาชน
ตอนท่ ี ๓ ผลงานสร้างสรรค์ (ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมข้ึนอยูก ับดุลยพนิ ิจของครูผูสอน)
แบง่ กลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ เสนอหาวธิ กี ารตรวจสอบขอ้ มลู ขา่ วสารทเี่ ปน็ ประโยชนจ์ ากสอ่ื ตา่ งๆ
และนา� มาใช้กับตนเอง ๑ ตวั อย่าง แล้วออกมาน�าเสนอหนา้ ช้ันเรียน
4๙
เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 2
ชวนคดิ ชวนทํา ขอ 1.
1) แนวตอบ พลควรหาขอมลู การฉีดวัคซนี จากสถานพยาบาล เชน สถานีอนามัย
โรงพยาบาล ศูนยบ ริการสาธารณสุข
2) ตอบ แกวควรแจง สํานกั งานคณะกรรมการคมุ ครองผบู รโิ ภคเพอ่ื ใหช วยตรวจ
สอบคุณภาพของปลากระปองยี่หอน้นั
3) ตอบ โดงควรสอบถามขอ มูลจากสถานพยาบาล หรือสบื คนขอ มลู จาก
อนิ เทอรเ นต็ เพอื่ หาหนว ยงานทเี่ กย่ี วขอ งในการขอรบั คาํ ปรกึ ษาปญ หาสขุ ภาพจติ
4) ตอบ เอกควรแจงสํานักงานคณะกรรมการคุมครองผูบริโภคใหมาตรวจสอบ
ราคาสินคา
5) ตอบ หนอยควรถามขอมูลจากหมอ และสถานพยาบาล หรอื หาความรจู าก
ส่ืออนิ เทอรเนต็ ทม่ี คี วามนาเชือ่ ถือ
คมู ือครู 49
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปาหมายการเรียนรู
วิเคราะหส อื่ โฆษณาในการตัดสินใจเลอื กซ้ือ óº··Õè
อาหารและผลิตภัณฑส ุขภาพอยางมเี หตุผล สอื่ โฆษณา อาหาร
(มฐ. พ 4.1 ป.5/3) และผลติ ภณั ฑ์
สุขภาพ
สมรรถนะของผูเรยี น สาระสา� คัญ
ก¨ิ กรรมนÓÊÙก่ ารàรÕÂน สื่อโฆษณามอี ทิ ธพิ ลต่อการเลอื กซ้อื อาหาร
1. ความสามารถในการคดิ และผลติ ภณั ฑ์สุขภาพ เราจงึ ควรวเิ คราะห์
2. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ิต ส่ือโฆษณาก่อนการเลอื กซ้อื อาหารและ
ผลิตภณั ฑส์ ุขภาพกอ่ นเสมอ
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค Å´ÊØ´¤ŒØÁ
1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ มน่ั ในการทาํ งาน
กระตนุ ความสนใจ Engage 35 - 100 -
ไก ่ 1 ตวั 165 - สันในหม ู กก. ละ 165 -
ใหน ักเรียนดภู าพ หนา 50 แลว ชวยกันบอกวา + 199 -
นกั เรยี นจะมีวิธีการเลือกซื้ออาหาร หรอื ผลิตภณั ฑ ครมี หนา้ เด้ง 285 -
สุขภาพในภาพอยางไร ยาสฟี ัน 40 -
ซื้อ 1 แถม 1
(แนวตอบ จากภาพมเี นอื้ หมู เราควรเลอื กเนอ้ื หมทู ่ี
มสี ีอมชมพู ไมเขยี วคลา้ํ ไมม กี ลน่ิ เหม็นเนา )
+ ?
น�า้ ยาบว้ นปาก 199 - ¹Ñ¡àÃÕ¹¨ÐàÅÍ× ¡«Íé× Ê¹Ô ¤ŒÒ
ซื้อ 2 แถม 1 µÒÁ¤íÒâ¦É³Ò¹éËÕ Ã×ÍäÁ‹
à¾ÃÒÐÍÐäÃ
50
เกร็ดแนะครู
ครูจดั กระบวนการเรียนรโู ดยการใหนกั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดังนี้
• สืบคนขอมูลเกี่ยวกับอาหารและผลติ ภณั ฑสขุ ภาพ
• วิเคราะหขอมลู เกี่ยวกบั อาหารและผลิตภัณฑสขุ ภาพ
• วิเคราะหจากประเด็นคําถามและภาพ
จนเกิดเปน ความรคู วามเขา ใจวา สอื่ โฆษณามคี วามสําคญั ในการตดั สินใจเลอื ก
ซื้ออาหารและผลติ ภัณฑส ุขภาพ เราจึงควรรหู ลกั การเลือกซ้ืออาหารและผลติ ภณั ฑ
สขุ ภาพ เพอ่ื ความปลอดภยั ในชวี ติ และสามารถวเิ คราะหส อื่ โฆษณาไดอ ยา งมเี หตผุ ล
50 คูมือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
ปัจจุบันส่ือต่างๆ มีอิทธิพลต่อการด�าเนินชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเป็น ครูถามคําถามใหน ักเรียนตอบ
อยา่ งมาก โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สอ่ื โฆษณาการเชญิ ชวนใหซ้ อ้ื อาหารและผลติ ภณั ฑ์ • สอื่ โฆษณา อาหาร และผลิตภัณฑส ุขภาพ
สขุ ภาพตา่ งๆ ซง่ึ ใชว้ ธิ กี ารนา� เสนอทน่ี า่ สนใจ สามารถโนม้ นา้ วใจของผบู้ รโิ ภคได้
เป็นอยา่ งดี มีความหมายวาอยา งไร
• มีสือ่ โฆษณาใดบา งท่นี กั เรียนไดดู หรือไดฟง
ñ Ê×Íè â¦É³Ò ÍÒËÒÃáÅÐ¼ÅµÔ À³Ñ ±Ê¢Ø ÀÒ¾
แลวเกิดความสนใจ
“มีสื่อโฆษณาใดบ้างที่นกั เรยี นได้ดหู รือได้ฟงั แลว้ เกดิ ความสนใจ”
สอื่ โฆษณา คอื สงิ่ ที่ใช้เป็นสอ่ื ในการโฆษณา เชน่ หนังสอื พิมพ ์ ส่งิ พิมพ ์ สาํ รวจคน หา Explore
วทิ ยุกระจายเสยี ง วิทยุโทรทัศน ์ ไปรษณีย์โทรเลข โทรศพั ท ์ หรือป้าย
อาหาร เป็นสิ่งท่ีเราบริโภคเข้าไป และท�าให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ ครูใหน กั เรยี นแบง กลุม กลุมละเทาๆ กนั
เปน็ ประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย แลว สบื คน ขอมลู ท่คี วรมีในผลิตภณั ฑสุขภาพ
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ คือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจ�าวัน และ รวบรวมขอ มูลไวแ สดงความคดิ เหน็ รวมกัน
สุขอนามัยของประชาชนท่ัวไป รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบ
ผวิชลติาชภีพณั ดฑ้าอ์ นาหกาารร แยพา ทเคยร์แอื่ ลงสะา�สอาาธงา วรตัณถสอุ ุขนั ตผราลยิตทภี่ใชัณใ้ นฑบ์สา้ ุขนภเราอื พนป เรคะรกอ่ื องมบอืไแปพดท้วยย1์
และวตั ถเุ สพติด
ผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพทกุ ชนดิ ต้องประกอบดว้ ยข้อมูล ดงั นี้
๑. ฉลากภาษาไทยทแี่ สดงชอ่ื ผลติ ภัณฑ์
๒. ช่ือและทต่ี ง้ั ของผผู้ ลิต หรอื ผแู้ ทนจ�าหนา่ ย
๓. วนั เดอื น ปี ทผ่ี ลิต หรอื หมดอายุ
๔. ผลิตภัณฑบ์ างประเภทจะมกี ารแสดงสว่ นประกอบหรอื สตู รต�ารบั
๕. วธิ กี ารบรโิ ภค หรอื วิธกี ารใช้
๖. ขอ้ ควรระวงั ในการใช้
๗. ข้อความจา� เพาะอน่ื ๆ ของแตล่ ะผลติ ภัณฑ์
51
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
ขอ มูลในขอ ใดท่ไี มจ ําเปน ตองมบี นฉลากผลิตภัณฑส ุขภาพ
1. ยห่ี อ 2. สวนประกอบ ครคู วรเตรยี มตวั อยา งโฆษณาอาหารและผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพหลากหลายประเภทให
3. ช่ือผูคิดผลิตภณั ฑ 4. ขอ ควรระวงั ในการใช นกั เรยี นดู และใหน กั เรยี นเตรยี มโฆษณารปู แบบตา งๆ เพอ่ื ใชใ นการเรยี นการสอน
วิเคราะหค าํ ตอบ ขอ มูลผลติ ภัณฑป ระกอบไปดวย นกั เรยี นควรรู
1. ฉลากภาษาไทยท่แี สดงชอ่ื ผลิตภณั ฑ 1 เครื่องมือแพทย คือ เครอื่ งมอื เครือ่ งใช เครอื่ งกล วตั ถุ หรอื อุปกรณที่ใชใ นการ
2. ช่อื และทีต่ ง้ั ของผูผลติ หรอื ผแู ทนจาํ หนา ย ตรวจรักษา หรอื วนิ จิ ฉยั โรค โดยแบงเปน 4 ประเภทใหญๆ ไดแ ก
3. วนั เดอื น ป ท่ีผลิตหรือหมดอายุ
4. ผลติ ภณั ฑบ างประเภทจะมกี ารแสดงสว นประกอบหรอื สตู รตน ตาํ หรบั 1. อปุ กรณผ าตัดและอปุ กรณการแพทย เชน มดี ผาตัด เครอื่ งวดั ความดนั
5. วธิ กี ารบรโิ ภค ปรอทวัดไข เปน ตน
6. ขอควรระวงั ในการใช
7. ขอความจาํ เพาะอน่ื ๆ ของแตล ะผลติ ภัณฑ 2. บริภัณฑก ารแพทย เชน เคร่อื งเอกซเรย เปนตน
3. วสั ดกุ ารแพทยและวัสดฝุ งในทางศลั ยกรรม เชน ถงุ มือยาง ผา กอซ เปนตน
ดังน้ัน ขอ 3. จึงเปน คาํ ตอบทีถ่ กู 4. เครือ่ งมอื แพทยเฉพาะทาง เชน เคร่ืองมือทนั ตกรรม เปนตน
คมู ือครู 51
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหน กั เรยี นดสู อ่ื โฆษณา โปสเตอร หรือฟง ò ÊèÍ× â¦É³Ò¡Ñº¡ÒÃµÑ´Ê¹Ô ã¨àÅÍ× ¡«é×ÍÍÒËÒÃ
โฆษณาวิทยุของสนิ คา ชนิดตางๆ แลวให
นักเรยี นจดบันทึกวา นักเรียนไดขอ มลู อะไร áÅÐ¼ÅµÔ À³Ñ ±Ê¢Ø ÀÒ¾
จากสอ่ื เหลาน้ีบา ง
â»ÃâÁªÑè¹ ºÒ· ¿ÃªµÕ´Ø ءʵش¤ÒËØÁŒ ÁÕ
2. ใหน ักเรยี นออกมาเลา ขอมูลท่ีนักเรียน
จดบันทึกได à¾ÂÕ § 199
3. จากขอมลู ท่นี ักเรียนเลา ครูถามนักเรียนวา
นักเรยี นจะเลอื กสินคาชนิดน้ีหรือไม
เพราะอะไร
“จากภาพทน่ี กั เรยี นเหน็ นกั เรยี นจะเลอื กซอื้ สนิ คา้ นห้ี รอื ไม ่ เพราะอะไร”
ในปัจจุบันการโฆษณาเป็นวิธีหน่ึงท่ีช่วยส่งเสริมการขายอาหารและ
ผลิตภัณฑต์ า่ งๆ โดยมีวิธกี ารโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เพ่ือกระตนุ้ ใหผ้ ู้บริโภค
สนใจและซอื้ ผลติ ภณั ฑน์ น้ั ๆ ขอ้ มลู ท่ีโฆษณาจงึ มกั จะแสดงเฉพาะสว่ นทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ
ผลดีต่อการขายผลิตภัณฑ์ ข้อเสียของผลิตภัณฑ์มกั ถกู ปกปดิ ซง่ึ บางครง้ั การ
ไดร้ บั ขอ้ มลู ท่ีไมค่ รบถว้ น ก็อาจท�าให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิด ถูกเอาเปรียบ
หรอื อาจเกดิ อนั ตรายจากการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ได้
๑. ปญหาทเี่ กดิ จากการโฆษณา
การโฆษณาผลิตภัณฑ์ท่อี าจทา� ใหเ้ กดิ ปญั หา มีดงั นี้
๑) นา� เสนอความจรงิ เพยี งบางสว่ น สว่ นที่ไมน่ า� เสนออาจเปน็ ขอ้ มลู
จ�าเปน็ ที่ผูบ้ รโิ ภคควรรู้
๒) อ้างสรรพคุณเกินกว่าชนิดของอาหารและผลิตภัณฑ์โดยอาจ
แสดงสรรพคุณไปทางยา
5๒
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอ ความจากโฆษณาในหนังสือนติ ยสาร “กาแฟมหัศจรรย 25 วัน
ใหน ักเรียนหาคําโฆษณาทเี่ กนิ ความจริงจากสื่อสิ่งพิมพ หรือตามเวบ็ ไซต ลดนา้ํ หนัก พรอมกระชับสัดสวน บาํ รงุ ผวิ ขาวใสอมชมพู เอล องแลวคะ
แลว นาํ มาตดิ ลงบนกระดาษพรอมอธบิ ายเหตุผลประกอบวา คาํ โฆษณาน้นี าเชอื่ ถือ คอนเฟร ม” นักเรียนควรมีความคิดเหน็ ตอ โฆษณานีอ้ ยางไรจึงจะเหมาะสม
หรือไม อยา งไร 1. คนอว นตองซ้อื มาใชเ พอื่ ใหน าํ้ หนกั ลดลง
2. ถาผอู ่ืนซอื้ มาใชแ ลวผอมลง ก็ซื้อมาใชบ า ง
มุม IT 3. ถาใชแ ลวจะเกดิ ผลกระทบตอสุขภาพหรอื ไม
4. สรรพคุณครบถวนทงั้ ลดนํา้ หนักและผิวขาว ตองรบี ซ้อื มาใช
ครูใหนกั เรียนศกึ ษาขอ มูลผลติ ภัณฑส ขุ ภาพผดิ กฎหมาย ไดจ าก วเิ คราะหค าํ ตอบ โฆษณาผลติ ภณั ฑน ี้ เปน โฆษณาทยี่ งั ไมม คี วามนา เชอ่ื ถอื
http://www.fda.moph.go.th/project/ProductBe llegal/ ndex.html เพราะมีแตค าํ กลาวอางสรรพคณุ โดยยังไมมีการยืนยันจากหนวยงานที่
นา เช่ือถือรบั รอง ดังนนั้ ผูทอ่ี านโฆษณานี้ จึงยงั ไมค วรเชอื่ ถือและซือ้ มาใช
แตค วรต้ังคาํ ถามกอ นวา ถา ใชแ ลว จะเกดิ ผลเสียตอ สุขภาพหรอื ไม
เพ่ือจะไดห าคําตอบกอ นเลอื กซ้อื ดังนัน้ ขอ 3. จึงเปน คําตอบท่ถี ูก
52 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๓) นา� เทคโนโลยตี า่ งๆ มาใช้ 1. แตล ะกลุมรว มกนั แสดงความคิดเหน็ วา
ในการสร้างส่ือโฆษณาแสดงสรรพคุณ สอื่ โฆษณามสี ว นสาํ คญั อยา งไร ในการเลอื กซอ้ื
เกินความจรงิ เชน่ ภาพถา่ ย เปน็ ต้น 1 สนิ คาของนกั เรยี น
๔) อ้างแหล่งที่น่าเช่ือถือ ภาพจริง
ภาพในโฆษณา 2. จดบันทึก สรปุ ความคิดเห็น แลวออกมา
นําเสนอหนาชัน้ เรียน
หรือสถานท่ีที่มีชื่อเสียงให้การรับรอง เช่น ดารา นักร้อง สถาบันที่มีชื่อเสียง
ห้องทดลอง ห้องปฏบิ ตั ิการ เป็นต้น
๒. หลกั การพจิ ารณาส่อื โฆษณาก่อนเลือกซือ้
การพิจารณาส่ือโฆษณาก่อนการเลือกซ้ืออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ควรพจิ ารณา ดังน้ี
๑) พจิ ารณาขอ้ ความในโฆษณาวา่ เกนิ หลกั ความจริงหรือไม่
๒) ไม่ควรเชือ่ หรือซือ้ สินค้า เพราะมีบุคคลทม่ี ชี ่อื เสยี งใช้
๓) เปรียบเทยี บคุณสมบตั ิของสินคา้ ชนดิ เดียวกนั แต่ต่างย่หี ้อก่อน
ตัดสินใจเลอื กซ้ือ
๔) ศึกษาข้อมูลของสินค้าก่อนว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร เพราะ
โฆษณามักไม่บอกจดุ เสยี ของสินคา้
สื่อโฆษณานี้ใครเปน็ ผูผ้ ลิต สือ่ โฆษณานถ้ี กู นา� เสนอด้วยวธิ ีใด
â»ÃâÁªèѹ ºÒ· ¿ÃªÕµØ´Ø¡ÊµØ´¤ÒËÁØŒ ÁÕ
à¾ÂÕ § 199
ส่ือโฆษณานี้น�าเสนออะไร ส่ือโฆษณาน้ีหวงั ผลอะไร
และอะไรท่ีไม่ถกู น�าเสนอ
53
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
คาํ โฆษณาในขอ ใดนา เชอื่ ถือไดมากท่สี ดุ ครยู กตวั อยา งขอ ความโฆษณาทก่ี ลา วเกนิ ความเปน จรงิ ทส่ี ามารถพบเหน็ ไดบ อ ยๆ
1. อาหารเสริมเอบีซี กินเม็ดเดียวไดครบทง้ั 5 หมู อยา งเพยี งพอ ใหน กั เรยี นฟง เพอ่ื ใหน กั เรยี นเกดิ ความเขา ใจมากขน้ึ
2. ครีมหนา เด็ก กระปกุ เดียวหนาเด็กไป 10 ป
3. น้าํ ดื่มววี ี ดบั กระหายคลายรอน นกั เรียนควรรู
4. นมแคลเซยี มสงู ด่มื ทกุ วนั สงู ทุกวัน
วตในเิอครงรากางาะกรหาขยคอทํางตาํรงาอางบนกาไดย1เ.ปแเนลระปาเตกปอตนงิ กกกานิารรอโกาฆนิหษอาณราทหาเม่ีากรปี นิ เรสจะรรโิมิงยอชานจ ไเมพเ่อื พใียหงกพรอะตบอวคนวกาามร 1 ภาพในโฆษณา ในส่ือโฆษณามกั จะมีคาํ วา “ภาพเพือ่ ใชในการโฆษณา
2. ครีมหนา เดก็ เปน การโฆษณาเกินความจรงิ เทา นน้ั ” หรอื “ภาพนี้ใชเ พอ่ื การโฆษณาเทา นนั้ ” เพือ่ ใหผ บู ริโภคเขาใจวา ภาพจรงิ
3. การดืม่ น้าํ จะชวยใหด ับกระหายคลายรอนได อาจไมเ หมือนกับภาพในโฆษณา
4. ความสงู ของแตล ะคนข้นึ อยกู บั ปจจยั ตางๆ เชน พันธุกรรม การกนิ อาหาร
การออกกําลังกาย เปนตน ซงึ่ เม่ือถงึ จุดหนึ่งความสูงของคนเราก็จะคงที่ คมู ือครู 53
ดังนน้ั การด่ืมนมทุกวนั จงึ ไมท าํ ใหส งู ขึ้นทกุ วนั
ดังน้นั ขอ 3. จึงเปนคาํ ตอบท่ถี กู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหน กั เรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 3-4 คน แตละ ó ËÅ¡Ñ ã¹¡ÒÃàÅÍ× ¡«Íé× ÍÒËÒÃáÅÐ¼ÅµÔ À³Ñ ±Ê ¢Ø ÀÒ¾
กลมุ คนควา ขอมูลหลักในการเลือกซอ้ื อาหาร
และผลติ ภณั ฑสุขภาพ ตามหวั ขอทีก่ าํ หนด Å´¤ÃÑé§Â§èÔ ãËÞ‹ “สนิ ค้าตามใบปลิวโฆษณาทล่ี ดราคา
แลวสงตัวแทนออกมานาํ เสนอทีห่ นา ชัน้ เป็นจ�านวนมาก ควรพิจารณาเลือกซื้อให้ด ี
• การเลือกซ้อื อาหารสด 100 - เพราะอาจได้ของถูกทม่ี คี ณุ ภาพไมด่ ไี ด้”
• การเลือกซ้ืออาหารแหง สนั ในหม ู กก. ละ 165 -
• การเลอื กซื้ออาหารกระปอง
• การเลอื กซอื้ ยา อาหารและผลติ ภัณฑ์สุขภาพ เป็นส่ิงจ�าเปน็ ต่อชีวิตคนเรา อาหารท�าให้
• การเลอื กซอื้ วัตถอุ ันตราย รา่ งกายเจริญเตบิ โต ส่วนผลิตภัณฑ์สขุ ภาพจะช่วยสร้างเสรมิ สขุ ภาพที่ดี ดงั นนั้
• การเลอื กซอ้ื เคร่ืองมือแพทย นอกจากเราจะต้องวิเคราะห์สื่อโฆษณาในการเลือกซ้ืออาหารและผลิตภัณฑ์
• การเลือกซื้อวตั ถุเสพตดิ สุขภาพแล้ว เรายังต้องมีความรู้ในการเลือกซ้ืออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
• การเลอื กซื้อเครื่องสําอาง ซงึ่ ปฏบิ ตั ไิ ด ้ ดงั นี้
2. ใหน กั เรียนกลมุ เดิมคดิ วธิ กี ารนําเสนอหลกั ๑. การเลอื กซอ้ื อาหารสด
ในการเลือกซื้ออาหารและผลิตภณั ฑส ขุ ภาพ
ตามหวั ขอท่ีได (เชน แผนภาพ บทบาทสมมตุ ิ การเลือกซอ้ื อาหารสด ควรเลือกอาหารท่สี ดใหม ่ ซ่ึงมหี ลกั การเลอื กซ้อื
การอธบิ ายประกอบสนิ คาจริง) ดังนี้
3. ครอู ธบิ ายความรูเพ่มิ เตมิ หลกั การเลอื กซอ้ื
อาหารและผลิตภัณฑสุขภาพ
เนอ้ื หมแู ละเนอ้ื ววั 1 ปลา ผกั และผลไม้
ควรเลือกเนอื้ หมทู ่มี สี ีชมพอู อ่ น ควรเลอื กปลาท่ีมี เลอื กซอ้ื ผกั และผลไมท้ ส่ี ด
นุม่ เปน็ มัน ไมม่ ีกล่ินเหม็นเนา่ เหงอื กสีแดงสด ไม่มรี อยชา้� หรือรอย
ส่วนเนือ้ ววั ควรเลอื กเน้อื วัวที่มี ลูกตาใส เกลด็ ไม่ แมลงกดั กนิ จนเสียหาย
สแี ดงสด ไม่มกี ล่นิ เหม็นเปรี้ยว หลดุ ง่าย กดเนอื้ ควรเลือกซอ้ื ผักและผลไม้
และท้งั เนอ้ื หม ู และเนอื้ วัวต้อง แลว้ ไมบ่ ุม ที่หาไดง้ ่ายและมีตาม
ไม่มีเมด็ สีขาวใสคลา้ ยเม็ดสาค ู ฤดูกาล
เพราะเปน็ ตวั ออ่ นของพยาธิ
ตวั ตืด
54
นักเรยี นควรรู ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั การเลอื กซือ้ อาหาร
1 เนอ้ื หมูและเนือ้ วัว ตอ งไมม เี ม็ดสีขาวใสคลา ยเมด็ สาคู เพราะน่นั คอื ลกั ษณะ ฟา ใสควรเลือกอาหารสดขอใดจึงจะปลอดภัยและมีประโยชนทส่ี ุด
ตัวออ นของพยาธิตัวตืด ซ่งึ มีลกั ษณะดังภาพ 1. ไขไก เน้อื หมู ลกู ช้นิ เดง
2. ไขไก ผกั กาดขาว ปลาทู
3. ไขไก หนอ ไมด อง ลูกช้นิ เดง
4. เนื้อหมู ผักกาดดอง กุนเชยี งสีแดง
วิเคราะหคําตอบ อาหารที่ฟา ใสเลอื กซ้ือควรเปน อาหารท่ีสด สะอาด
ไมมีการเจือสีหรือเติมสารเคมลี งในอาหาร เชน กุนเชียงสีแดง หนอ ไมดอง
ลกู ชน้ิ เดง เพราะอาจเกิดอันตรายตอรางกายได ดังนนั้ ขอ 2. จึงเปน
คําตอบทถ่ี กู
ตวั ออ นของพยาธติ วั ตดื
54 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๒. การเลอื กซื้ออาหารแหง้ 1 1. ใหแตละกลุม ออกมานําเสนอผลงาน
และจดบนั ทึกขอมลู ของเพือ่ นกลุม อ่ืน
อาหารแห้งเปน็ อาหารที่ไดผ้ า่ นกระบวนการอบหรือตากแห้ง เพ่ือท�าให้
สว่ นที่เป็นนา้� ถูกกา� จัดออกไป ซง่ึ ถ้าเกบ็ รักษาไม่ดอี าหารแหง้ กจ็ ะเสอ่ื มคณุ ภาพ 2. ใหแตละกลุมตง้ั คําถามถามเพือ่ นๆ 5 คาํ ถาม
เราจึงมวี ธิ กี ารเลือกซอ้ื ดงั นี้ เพ่อื ถามเม่อื นําเสนอผลงานจบ แตละคนตอ ง
๑) ต้องแห้งสนิท ไม่อับช้นื ไม่มีกล่นิ เหม็นหนื ไม่มีเชอ้ื ราข้ึน ตอบคําถามลงในกระดาษ (หรอื เลน เกม
๒) ถา้ เปน็ เมลด็ พชื จะต้องมีเมลด็ ท่สี มบูรณ์ เน้อื แนน่ ไม่ลบี ไมฝ่ อ่ กลมุ ใดยกมอื กอ นและตอบถกู จะไดค ะแนนไป)
ท่ีสา� คญั ตอ้ งแห้งสนิท ไม่มกี ารงอกของเมลด็
๓) บรรจอุ ยู่ในบรรจภุ ณั ฑ์ที่สะอาดและปดิ สนทิ 3. ใหน กั เรยี นทาํ แบบฝก กิจกรรม เร่อื ง เลือกกิน
และใชอ ยา งไร จากแบบวดั ฯ สขุ ศึกษาฯ ป.5
๓. การเลือกซอ้ื อาหารกระปอ๋ ง
ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
หลกั การเลือกซ้อื อาหารกระป๋อง มีดังน้ี
๑) กระป๋องไม่มีรอยบบุ หรือโปง่ นนู และไมม่ ีสนิม สขุ ศึกษาฯ ป.5 แบบฝก กิจกรรม
๒) ฉลากตอ้ งมชี อื่ ทางการคา้ ระบเุ ลขทะเบยี นอาหารและยา สถานท่ี เร่�อง เลอื กกินและใชอ ยางไร
ทผ่ี ลิต วันเดือนปีที่ผลติ วันหมดอายุ น�้าหนกั บอกวตั ถุเจอื ปนในอาหาร เชน่
วตั ถกุ นั เสยี เป็นต้น ๓บทท่ี อาหารและผลิตภัณฑส ุขภาพ
๔. การเลอื กซอ้ื ยา แบบฝกกิจกรรม เลอื กกนิ และใชอ ยา งไร
คาํ ช้แี จง : อาหารและผลิตภัณฑสุขภาพ เปนสิ่งที่เราใชในชีวิตประจําวัน
ยา เป็นผลิตภัณฑ์ท่ีช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรค เราสามารถ
เลอื กซอ้ื ยาสามญั ประจา� บา้ นไดด้ ว้ ยตนเองทรี่ า้ นขายยาทม่ี เี ภสชั กรทมี่ ีใบอนญุ าต ดังนั้นเราจึงควรมีหลักในการเลือกซื้อ เพ่ือใหไดอาหารและ
ประจา� อยู่ ไมค่ วรซอ้ื ยาที่ไมม่ กี ารรบั รอง เชน่ ยาชดุ ยาหมอ้ ยาลกู กลอน เปน็ ตน้ ผลิตภณั ฑสุขภาพท่ีมีคณุ ภาพ
ไม่ควรซื้อยาอันตรายด้วยตนเอง ควรซื้อตามท่ีแพทย์ออกใบสั่งยาให้เท่านั้น
จึงจะปลอดภยั จากการใชย้ า อธบิ ายวิธีการเลอื กซอื้ อาหารจากภาพท่กี าํ หนดให
๕. การเลือกซอ้ื วัตถุอันตราย ๑) เนอ้ื หมู มีวิธีการเลือกซอื้ ดังน้ี เฉฉบลับย
…●……เล……อื …ก…เ…น…้ือ……ห…ม…ูท……ี่ม…สี …ีช…ม……พ…ูอ…อ……น……เ…ป…น ……ม…นั ……………………………………..
วตั ถอุ นั ตรายในทน่ี หี้ มายถงึ วตั ถอุ นั ตรายท่ีใชใ้ นบา้ นเรอื น เชน่ ผลติ ภณั ฑ์ ไมมีกลน่ิ เหม็นเนา…●…………………………………………………………………………………………………………………….
ป้องกันก�าจัดแมลง ผลิตภณั ฑ์ล้างหอ้ งนา้� เปน็ ตน้ มักแสดงสรรพคุณอวดอ้าง …●……ไ…ม…ม …ีเ…ม…็ด…ส……ขี …า…ว…ใส……ค…ล……า …ย…เม……็ด…ส…า…ค……ู …………………………………………….
เกนิ จรงิ หรอื ระบวุ า่ ไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ เราควรเลอื กซอื้ ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี ฉี ลาก
แสดงขอ้ ความภาษาไทย ระบวุ ธิ กี ารใช้ การเกบ็ รกั ษา คา� เตอื น การแกพ้ ษิ เบอื้ งตน้ ……………………………………………………………………………………………………………………….
ชอ่ื ทอี่ ยผู่ ผู้ ลติ และผนู้ า� เขา้ บรรจอุ ยู่ในภาชนะทมี่ สี ภาพเรยี บรอ้ ย ไมบ่ หุ รอื กรอ่ น
๒) ไข มวี ธิ ีการเลือกซื้อ ดังน้ี
55 …●……เล……ือ…ก…ไ…ข…ท ……ี่ม…เี ป……ล…ือ…ก……น…ว…ล……เก……ล…้ีย…ง………………………………………………….
…●……เป……ล…ือ…ก……ไข…ไ…ม……ม…รี …อ…ย…ด……า …ง……ร…อ…ย…ร……า…ว…………………………………………….
เขยา แลวไมคลอน…●…………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………….
๓) ปลากระปอ ง มวี ิธีการเลอื กซ้ือ ดังน้ี
…●……ก…ร…ะ…ป…อ……ง…ไ…ม…ม…รี …อ……ย…บ…ุบ……ห…ร…ือ…โ…ป……ง …น…ูน………ไ…ม…เ …ป…น……ส…น……มิ …………….
…●……ม…ีฉ…ล……า…ก…ร…ะ…บ……วุ …ัน…ผ…ล……ิต……ว…ัน……ห…ม…ด…อ……า…ย…ุ ……………………………………….
มีเครื่องหมาย อย.…●…………………………………………………………………………………………………………………….
บอกวัตถุเจอื ปน…●…………………………………………………………………………………………………………………….
๒๙
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
ถา นักเรียนตอ งเลอื กซอ้ื กระเทียมเพือ่ นํามาทําปลาหมึกทอดกระเทยี ม ครใู หน กั เรยี นสาํ รวจตลาดสด แลว สงั เกตวา ทตี่ ลาดสดมอี ะไรขายบา ง จดบนั ทกึ
พรกิ ไทย นักเรียนจะมีวิธีเลอื กซอ้ื อยา งไร มา 5 ชนดิ จากน้ันกลับมาสบื คน ขอ มลู การเลือกซอ้ื สง่ิ ท่นี ักเรยี นจดบันทึกไวท งั้
แนวตอบ เราควรเลือกซอ้ื กระเทยี มที่แหงสนิท เนือ้ แนน กลบี ไมลบี 5 ชนดิ แลว ออกมานําเสนอ
หรอื ฝอ ไมมีรอยจุดดําหรือราสเี ขียว
นกั เรยี นควรรู
กจิ กรรมทาทาย
1 อาหารแหง เปนอาหารท่ีผา นกระบวนการอบหรอื ตากแหง ทาํ ใหสวนทเ่ี ปนน้ํา
ใหนกั เรยี นสบื คนขอมูลอาหารท่มี ีลกั ษณะผดิ ปกติ คนละ 1 ชนดิ เชน ถกู กําจัดไป เพอื่ ลด ยบั ยงั้ และปอ งกนั ปฏิกริ ิยาทางเคมแี ละการเจรญิ เตบิ โตของ
เน้อื หมูมีสีแดงสด กงุ แหงมีสแี ดงสดหรอื สสี มสด ถ่วั งอกท่ขี าวผิดปกติ จุลนิ ทรียท ุกชนิด อาหารจงึ ไมบูดหรอื เนาเสยี ไดง าย และเกบ็ ไวไดนาน
เปน ตน วิเคราะหวา การผิดปกตินัน้ เกดิ จากอะไร และมอี ันตรายอยา งไร
แลวเขียนเปนใบงานสงครู
คมู อื ครู 55
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. หลังจากทแ่ี ตล ะกลุมออกมานาํ เสนอผลงาน ๖. การเลือกซ้อื เครื่องมอื แพทย์
และฟง ครูใหความรแู ลว ครใู หแตละกลมุ ทํา
โปสเตอรโ ฆษณาสินคา ของตนเองใหเ กนิ เคร่ืองมือแพทย์ เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อยู่ในความรับผิดชอบของ
ความจรงิ แลวออกมาโฆษณาหนา ชั้นเรียน สา� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซงึ่ มกั จะพบโฆษณาทอี่ วดอา้ งเกนิ จรงิ
เพ่ือใหเ พอ่ื นกลุม อื่นรว มกันแสดงความคิดเห็น หรอื ใชก้ ารรบั รองจากบุคคลทมี่ คี วามน่าเชื่อถอื เราควรเลือกซื้อเครือ่ งมอื แพทย์
วา ควรเลือกสนิ คาชนิดนี้หรือไม (นักเรยี น ที่ได้รับการอนุญาตจากส�านักงานคณะกรรมการอาหารและยา เครื่องมือแพทย์
สามารถบอกจดุ ทีไ่ มนา เชอ่ื ถอื และแกไข ท่ีใกลต้ วั นกั เรยี น ไดแ้ ก ่ ถงุ มอื ยางหรอื ถงุ มอื แพทย ์ สามารถเลอื กซอ้ื ไดโ้ ดยดจู าก
ใหถกู ตอง) ภาชนะบรรจุต้องมีฉลากภาษาไทย ระบุชื่อการค้า วัสดุท่ีใช้ท�า วัน เดือน ปี
ทีผ่ ลิตหรอื หมดอาย ุ เป็นตน้
2. นกั เรียนรวมกันสรปุ หลกั ในการเลือกซอ้ื สนิ คา
และผลิตภณั ฑสขุ ภาพ ๗. การเลอื กซอื้ วตั ถุเสพติด
วตั ถเุ สพตดิ ในทนี่ ห้ี มายถงึ วตั ถทุ ม่ี กี ารใชป้ ระโยชนท์ างการแพทย ์ วตั ถทุ ี่
ออกฤทธ์ิต่อจิตและประสาท เช่น ยานอนหลับ เป็นตน้ เราควรได้รบั การอนุญาต
จากแพทยเ์ ปน็ ผู้สั่งยาให้เทา่ นนั้ วตั ถุเสพติดที่ใกล้ตวั ทเ่ี ราสามารถซื้อเพือ่ รักษา
อาการเจ็บป่วยได้ เช่น ยาแก้ไอ เป็นต้น เราควรเลือกซื้อจากร้านขายยาท่ีมี
เภสชั กร โดยดูฉลากยาและใชต้ ามขนาดที่ระบุไว้จงึ จะปลอดภยั
๘. การเลอื กซอื้ เคร่อื งส�าอาง
เครื่องส�าอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกาย เพื่อความสะอาด ความ
สวยงาม และแตง่ กลนิ่ หอม เชน่ สบ่ ู ยาสีฟนั แชมพูสระผม ครีมนวดผม น�้ายา
บว้ นปาก เปน็ ตน้ เครอ่ื งส�าอางในปจั จุบนั มอี ย่มู ากมายหลายชนิด ซง่ึ แตล่ ะชนดิ
มหี ลักในการเลอื กซ้อื แตกตา่ งกัน ตัวอยา่ งเช่น
๑) การเลอื กซอื้ ยาสฟี น ยาสฟี นั แตล่ ะยห่ี อ้ โดยทว่ั ไปจะมคี ณุ สมบตั ิ
ใกล้เคยี งกัน ดังน้นั เราควรพิจารณาจากส่ิงตา่ งๆ ตอ่ ไปน้ี
เคร่อื งหมาย อย.1 ส่วนประกอบ ปริมาณสทุ ธิ
ค�าเตือน ช่อื ทางการคา้
5๖ ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเก่ยี วกบั การเลือกซ้อื ผลิตภัณฑสุขภาพ
เกรด็ แนะครู ในการเลือกซือ้ ผลติ ภณั ฑเสริมความงาม นักเรยี นมีหลักในการ
เลอื กซอ้ื อยา งไร
ครใู หนกั เรียนเปรียบเทียบยาสฟี นหลายๆ ย่หี อ และเลือกวานกั เรยี นจะเลอื ก 1. เชื่อตามคําโฆษณาในวทิ ยุและโทรทัศน
ยี่หอ ใด เพราะอะไร (ยาสฟี นทน่ี ักเรยี นเลอื กอาจเลือกใหตรงกับความตองการหรอื 2. เชอ่ื ตามคาํ แนะนําในแผนโฆษณา
ปญ หาทีน่ กั เรยี นเปน เชน นกั เรยี นตองการใหฟน ขาวข้ึน หรอื ตองการใหเหงือก 3. ศึกษาจากฉลากแนะนําผลิตภัณฑ
แข็งแรง เพราะนักเรียนมีเลอื ดออกตามไรฟน ครคู วรพจิ ารณาสอนใหน กั เรียน 4. เลือกตามคาํ แนะนําของเพื่อน
สามารถเลือกไดถ ูกวิธีเพ่ือสรางเสริมสขุ ภาพของตนเอง) วิเคราะหค าํ ตอบ การเลือกซอ้ื ผลติ ภัณฑเสรมิ ความงาม ควรอานฉลาก
แนะนาํ ผลติ ภณั ฑ โดยดสู ว นประกอบ วธิ ีการใช คําเตือน สถานที่ผลิต และ
นกั เรียนควรรู เครอื่ งหมายรับรองคณุ ภาพและความปลอดภัย อยาหลงเชือ่ ตามคําบอกเลา
หรอื คําชกั ชวนตามโฆษณา ดังนัน้ ขอ 3. จึงเปนคาํ ตอบทถ่ี กู
1 เคร่ืองสาํ อางควบคุมพิเศษ เปนเคร่ืองสาํ อางท่ีมคี วามเสยี่ งสงู ตอ การเกิด
อันตรายตอผูบ รโิ ภค เนื่องจากพษิ ภยั หรอื อันตรายของสารเคมีทีเ่ ปน สว นผสม
ยาสฟี นทมี่ ีสวนผสมของฟลอู อไรดเปนเครือ่ งสาํ อางควบคมุ พเิ ศษ จึงตองมี
ขอ ความวา “เครื่องสาํ อางควบคมุ พิเศษ” เน่ืองจากถา รา งกายไดรับฟลูออไรด
ในปริมาณมากเกินไป จะทาํ ใหเกิดโรคฟน ตกกระได
56 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand
Expand
ขยายความเขา ใจ
๒) การเลอื กซอื้ นา้� ยาบว้ นปาก1 นา�้ ยาบว้ นปาก เปน็ สารละลาย ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 3.3 จาก
แบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.5
ที่ใช้เพื่ออมกลั้วปากและคอ แล้วบ้วนทิ้งไป น้�ายาบ้วนปากช่วยในการชะล้าง
ช่องปากใหส้ ะอาด เพ่ือลดเชอ้ื โรคในชอ่ งปากและระงบั กลน่ิ ปาก น้า� ยาบว้ นปาก ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
ท่ีจัดเป็นเครื่องส�าอาง ประกอบด้วยน้�า แอลกอฮอล์ สารแต่งกล่ิน แต่งสี สขุ ศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.3
บางชนิดจะมีสารฆ่าเช้ือจุลินทรีย์ด้วย การเลือกน�้ายาบ้วนปากควรพิจารณา แบบประเมนิ ตวั ช�ว้ ดั พ 4.1 ป.5/3
จากหลกั การ ดงั น้ี
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูต ามตัวชวี้ ดั ประจําหนว ยท่ี ๓ บทท่ี ๓
กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๓.๓
แบบประเมินตัวชวี้ ดั พ ๔.๑ ป.๕/๓
วิเคราะหสอ่ื โฆษณาในการตัดสนิ ใจ เลอื กซือ้ อาหารและผลติ ภณั ฑสขุ ภาพอยางมีเหตผุ ล
ชดุ ที่ ๑ ๒๕คะแนน
เลอื กชนิดท่มี ีสว่ น บอกชนิดของน�า้ ยาบ้วนปาก ๑ ขีด ✓ หนา ขอ ความทถี่ กู กา ✗ หนาขอ ความท่ผี ิด (๑๕ คะแนน)
ผสมของแอลกอฮอล์ ✗…………………. ๑) เราควรเลอื กซอ้ื อาหารทม่ี รี าคาแพง เพราะมคี ณุ ภาพดกี วา
นอ้ ย หรือมีนา้� เพ่ือ ✓…………………. ๒) ยาสีฟนท่ีผสมฟลูออไรดตองระบุขอความ “เครื่องสําอาง
ป้องกนั การระคาย ควบคุมพิเศษ”
เคืองเยอ่ื บชุ อ่ งปาก ✗…………………. ๓) ถัว่ เมลด็ แหงควรเลอื กเมล็ดทีล่ บี เบา เพราะแสดงวา
เฉฉบลับย แหง สนิท
✓…………………. ๔) ผูผลติ ไมจําเปนตอ งระบสุ ถานท่ีจาํ หนา ยบนฉลากอาหาร
กระปอ ง
✗…………………. ๕) สบู ยาสีฟน ตอ งระบขุ อ ความ “เครอื่ งสาํ อางควบคุมพเิ ศษ”
✓…………………. ๖) นํ้ายาบวนปากเปน สง่ิ ที่ไมจาํ เปนตองใชใ นชวี ิตประจาํ วนั
✗…………………. ๗) สนิ คาท่ีมบี คุ คลท่ีมีช่ือเสยี งรับรอง แสดงวาเปนสินคาทด่ี ี
✗…………………. ๘) โฆษณาไมมีผลใดๆ ตอการเลือกใชสนิ คา
✓…………………. ๙) กอนเลือกซ้อื สนิ คา เราควรนาํ สินคามาเปรียบเทียบกัน
✓…………………. ๑๐) สินคาทนี่ าเชอ่ื ถือ คอื สนิ คา ท่มี เี คร่ืองหมาย อย.
ช่ือทางการคา้ EMXFPD.. 0077//0077//22001105 ✗…………………. ๑๑) เราควรเลอื กนา้ํ ยาบว นปากทมี่ สี วนผสมของกรดออ น
เพราะทําความสะอาดชอ งปากไดด ี
✗…………………. ๑๒) ผักปลอดสารพษิ ตองเปนผกั ท่ีไมม รี อยกัดของแมลง
✓…………………. ๑๓) สนิ คา ทม่ี ภี าพโฆษณาสวยงามมกั มีการตกแตงภาพ
แหลง่ ทีผ่ ลติ ปริมาตรสุทธิ เกินความเปนจริง
✗…………………. ๑๔) ถา พบยาสระผมที่ไมมีฉลากระบุตอ งแจง ไปท่กี รมอนามัย
วันผลติ และวนั หมดอายุ ✗…………………. ๑๕) เราควรเลือกซอ้ื สนิ คาที่มกี ารแถมของรางวัล
บอกสว่ นผสมที่ใช้ในผลติ ภัณฑ์น้�ายาบว้ นปาก ๓๐
และระบุวธิ กี ารใช้
สอ่ื โฆษณามอี ทิ ธพิ ลตอ่ การเลอื กซอื้ อาหารและผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพ ดงั นน้ั
เราจึงควรร้จู กั วเิ คราะหส์ ่ือโฆษณาก่อนเลือกซื้อเสมอ ซงึ่ สามารถท�าไดด้ งั น้ี
๑. ไมห่ ลงเชอื่ คา� เชญิ ชวนในสรรพคณุ ของสนิ คา้ โดยไมม่ กี ารตรวจสอบ
๒. หลกี เล่ียงสอ่ื โฆษณาท่ีเกนิ ความจรงิ และไม่ปลอดภัย
๓. ตรวจสอบข้อเทจ็ จริงว่าเป็นแหล่งที่นา่ เชอ่ื ถือและมีการรับรอง
๔. เมอ่ื มปี ญั หาสขุ ภาพหรอื ปญั หาใดๆ ควรปรกึ ษาผเู้ ชย่ี วชาญทมี่ ใี บรบั รอง
5๗
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรียนควรรู
ใหนกั เรียนสบื คนขอ มลู ความหมายของเครื่องสาํ อาง ประเภท 1 นาํ้ ยาบว นปาก เราไมควรเลอื กใชน ํ้ายาบว นปากทีม่ ีสว นผสมของกรด ซง่ึ เรา
ของเครื่องสําอาง และหลกั การเลือกใชเ คร่ืองสาํ อาง และยกตัวอยาง สามารถทาํ การทดสอบไดง า ยๆ คอื นาํ กระดาษลติ มสั มาทดสอบกบั นาํ้ ยาบว นปาก
เครือ่ งสําอางมา 1 ชนดิ ทาํ เปน ใบงานสงครู (นกั เรยี นสามารถบอกไดวา กระดาษลติ มสั จะมี 2 สี คือ สแี ดงและสีนาํ้ เงนิ เมอ่ื ใชก ระดาษลติ มสั มาทดสอบ
เครือ่ งสาํ อางทีน่ ักเรียนยกตวั อยา งมาอยใู นประเภทใด) นา้ํ ยาบว นปาก จะสามารถแยกได ดังนี้
กิจกรรมทา ทาย นา้ํ ยาบวนปาก กระดาษลติ มสั สนี า้ํ เงนิ กระดาษลติ มสั สแี ดง
กรด
ใหนักเรียนเลือกเครือ่ งสําอางมา 1 ชนดิ แลว สืบคนขอ มลู วา เบส
เคร่อื งสําอางท่ีนักเรียนเลอื กมาเปน เคร่ืองสําอางประเภทใด มวี ธิ กี ารเลอื ก กลาง
อยา งไร โดยพจิ ารณาสวนประกอบทีส่ ําคัญวา มีความปลอดภยั หรอื ไม
คูมอื ครู 57
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
1. ครูตรวจความถกู ตอ งของโปสเตอรโ ฆษณา ก¨ิ กรรมการàรÕÂนรÙŒ
สนิ คา
ตอนท่ี ๑ ค�าถามชวนคิด
2. ครูตรวจความถูกตอ งของการเปรียบเทยี บ เขียนตอบค�าถามต่อไปนลี้ งในสมุด
ผลิตภณั ฑส ขุ ภาพ ๑) นักเรยี นยกตวั อยา่ งโฆษณามา ๑ โฆษณา แลว้ บอกวา่ เมือ่ ได้ฟงั หรือดูโฆษณาน้ี
แล้วนกั เรียนรูส้ ึกอย่างไร
3. ครูตรวจสอบความถูกตอ งของการทาํ กิจกรรม ๒) จากโฆษณาท่ีนักเรียนยกตัวอย่างมา นักเรียนซ้ือสินค้าตามโฆษณาน้ันหรือไม่
รวบยอดท่ี 3.3 จากแบบวัดฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.5 อย่างไร
๓) ถ้านกั เรยี นต้องการซ้อื นม ๑ กลอ่ ง นักเรียนจะมหี ลกั ในการเลอื กซือ้ อยา่ งไร
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ตอนท่ ี ๒ ชวนคดิ ชวนทา� (ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมขอ 2. ขึ้นอยกู บั ดุลยพินจิ ของครูผสู อน)
๑. อ่านคา� โฆษณาที่กา� หนดให ้ แลว้ พิจารณาวา่ โฆษณาเหล่านี้น่าเชอ่ื ถือหรือไม ่
1. โปสเตอรโฆษณาสินคา เพราะเหตุใด
2. การเปรียบเทยี บผลติ ภัณฑสุขภาพ
๑) “ÂÒÊÕ¿¹˜ ¼ÊÁ¿ÅÙÍÍäô “äÇ·¨ ѧ” 㪌áŌǷíÒãË¿Œ ¹˜ ÊÐÍÒ´ á¢ç§áç”
๒) “ÊÒËËÒÂ»Ã§Ø ÃÊ µÃÒâÍàªÂÕè ¹ ãËÊŒ ÒÃÍÒËÒäú õ ËÁ‹Ù ·´á·¹¡Òá¹Ô ÍÒËÒÃã¹áµÅ‹ ÐÁÍé×
àËÁÒÐÊíÒËÃѺ¼µŒÙ ÍŒ §¡ÒÃÅ´¹Òíé ˹¡Ñ àÅ×Í¡ÊÒËËÒ µŒÍ§àÅ×Í¡âÍàªÕè¹”
๓) “áªÁ¾Ù “áºÅ¤ç áÎÔ ¼ÁËÍÁÊÐÍÒ´ÅíéÒÅÖ¡ ÊÃÐ ñ ¤Ã§éÑ ÍÂäÙ‹ ´Œ¹Ò¹ ñ Ê»Ñ ´ÒË â´ÂäÁ‹µŒÍ§
ÊÃЫéíÒ”
๔) “¹Òíé ´×èÁÊÐÍÒ´ ¹íéÒ´Áè× “ÇÍà·ÍÔ ãÊ ÊÐÍÒ´ »ÅÍ´ÀÑ à¾ÃÒмҋ ¹¡ÃÃÁÇ¸Ô ¡Õ ÒÃ¼ÅµÔ ·Õè
¾Ô¶Õ¾Ô¶¹Ñ áÅÐÁÕ¤³Ø ÀÒ¾ ÀÒÂ㵌à¤ÃÍè× §ËÁÒÂÃºÑ Ãͧ ÍÂ.”
๕) “¾éÔ§¡Õé Å»Ô Á¹Ñ à»ÅÕÂè ¹ÊäÕ ´Œ 㪌áÅÇŒ »Ò¡¨Ð¹ÁèÔ ¹ÇÅ ¹Ò‹ ÊÁÑ ¼ÑÊ仵ÅÍ´¡ÒÅ”
๒. แบ่งกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มน�าฉลากสินค้าผลิตภัณฑ์สุขภาพชนิดเดียวกันแต่ต่างย่ีห้อ
มาติดลงในสมุด จากน้ันเปรียบเทียบสินค้า ๒ ยี่ห้อนี้ แล้วสรุปว่าควรเลือกสินค้า
ชนิดใด เพราะเหตุใด
ตอนท ่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมข้ึนอยูก ับดุลยพนิ ิจของครผู ูสอน)
แบ่งกลุม่ ร่วมกนั คิดคา� โฆษณาอาหารหรือผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพกลุ่มละ ๑ ชนิด โดยทา� ให้
อาหารหรือผลิตภณั ฑ์สุขภาพของกลมุ่ ตนนา่ สนใจทสี่ ดุ เขยี นค�าโฆษณาลงในกระดาษ
พรอ้ มตกแตง่ ใหส้ วยงาม แลว้ ออกมานา� เสนอหนา้ ช้ัน จากนัน้ ให้เพือ่ นตา่ งกลุม่ รว่ มกัน
วเิ คราะห์ว่าโฆษณานน้ี า่ เชื่อถอื หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
5๘
เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1 และตอนท่ี 2
คําถามชวนคิด
1) แนวตอบ โฆษณา “โรลออน ทาแลว ขาวนา มอง” เม่ือฟงแลว รสู ึกอยากใช
2) แนวตอบ อาจจะเลือก แตตอ งดฉู ลากผลติ ภัณฑว ามีเครือ่ งหมายรบั รองคุณภาพหรือไม และดูสว นประกอบวามสี ารที่เปนอันตรายตอ รางกายหรอื ไม
3) แนวตอบ ดลู กั ษณะของกลอ งวาอยใู นสภาพดีหรอื ไม วนั หมดอายุ เครอ่ื งหมาย อย. และสว นประกอบทีส่ าํ คญั
ชวนคิด ชวนทํา ขอ 1
1) ตอบ นาเช่อื ถอื เพราะยาสีฟนมีสวนผสมของฟลอู อไรด ซง่ึ มีผลทําใหฟ น สะอาดและแข็งแรงไดจ รงิ
2) ตอบ ไมน าเช่ือถือ โฆษณาเกินความจริง เพราะสาหรายมีสารอาหารไมครบ 5 หมู และการกนิ สาหรายเพยี ง
อยางเดียวไมทาํ ใหร า งกายเจรญิ เติบโตได รางกายตองการสารอาหารจากอาหารชนิดอ่ืนๆ ในอาหารหลัก 5 หมู ดว ย
3) ตอบ ไมน า เชื่อถือ เพราะภายใน 1 สปั ดาห ผมของเราตองเจอสภาวะอน่ื ทีท่ าํ ใหผมสกปรก มีนํา้ มันบนเสน ผมเกิดกลิน่ ได
4) ตอบ นา เช่อื ถอื เพราะมีเคร่ืองหมาย อย.
5) ตอบ ไมนา เชื่อถือ เพราะโฆษณาเกินความจริง ไมม ลี ิปมันทใี่ ชแ ลว ทําใหป ากนิม่ ไปตลอดได
58 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปา หมายการเรยี นรู
ôº··Õè ปฏิบตั ิตนในการปอ งกันโรคท่ีพบบอ ยในชวี ติ
โรคควรรู้ ประจําวนั (มฐ. พ 4.1 ป.5/4)
ก¨ิ กรรมนÓÊÙก่ ารàรÕÂน สาระส�าคญั สมรรถนะของผูเ รียน
อาการเจ็บปว่ ยทเ่ี กดิ จากโรค ส่งผลต่อ
การใชช้ ีวติ ประจา� วนั ดงั น้ันเราจงึ ควรร้วู ิธี 1. ความสามารถในการคิด
ปอ้ งกนั โรค เพ่อื สขุ ภาพกายและจติ ใจที่ดี 2. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวติ
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค
1. มวี ินยั รับผิดชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน
äͨ¹à¨ºç ¤ÍàÅ กระตนุ ความสนใจ Engage
? ใหนักเรยี นดภู าพ หนา 59 แลว ชว ยกันบอกวา
อาการเจบ็ ปวยทีเ่ กดิ ข้นึ กบั เดก็ ในภาพคืออะไร
¹Ñ¡àÃÕ¹¤´Ô Ç‹Ò ÍÒ¡ÒÃà¨çº»Ç†  และนกั เรยี นทราบไดอ ยางไร
·àèÕ ¡Ô´¢éÖ¹¡ºÑ à´¡ç ã¹ÀÒ¾ ¤Í× ÍÐäÃ
áÅйѡàÃÕ¹·ÃÒºä´ÍŒ ÂÒ‹ §äà (แนวตอบ เด็กในภาพมอี าการเจ็บปว ย คอื
เปน หวัด เพราะมอี าการไอมากจนเจ็บคอ
5๙ ทราบจากภาพเอามือปด ปากของเดก็
และคําบรรยายภาพ)
เกรด็ แนะครู
ครจู ดั กระบวนการเรียนรโู ดยการใหนกั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดังน้ี
• สาํ รวจและสงั เกตอาการเจบ็ ปวยท่นี กั เรียนเปนบอย
• สืบคนขอมลู โรคท่ีพบบอ ยในชวี ิตประจาํ วัน
• อธิบายขอมูลเกี่ยวกบั โรคท่พี บบอยในชวี ติ ประจําวนั
• วิเคราะหจากประเด็นคาํ ถามและภาพ
จนเกิดเปน ความรคู วามเขาใจวา อาการเจบ็ ปวยสงผลตอ ชวี ิตประจาํ วนั
ดังน้นั เราจึงควรรูวิธปี องกนั ตนเองจากโรคท่ีพบบอยในชวี ติ ประจาํ วนั
คมู ือครู 59
กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
สาํ รวจคน หา Explore
1. ครถู ามนกั เรยี นวา นกั เรยี นคดิ วา การเจบ็ ปว ยใด โรคเป็นอาการที่เกิดข้ึนจากการติดเช้ือโรคหรือการมีพฤติกรรมสุขภาพ
ที่คนเปนกนั มากทส่ี ดุ ที่ไม่ถกู ต้อง ซงึ่ โรคท่ีพบบอ่ ยในปจั จุบนั มอี ยูห่ ลายโรค ดงั น้ี
(แนวตอบ ไขหวัด ทองเสีย ลมพิษ เปนตน )
ñ âä䢌ËÇ´Ñ ãËÞ‹
2. ครพู ิจารณาคาํ ตอบของนกั เรียน แลวเลือกโรคท่ี
พบบอยในชีวติ ประจําวนั เชน “นกั เรยี นเคยปว่ ยเปน็ ไขห้ วดั ใหญห่ รอื ไม ่ มอี าการอยา่ งไร”
• ไขห วดั
• ไขหวัดใหญ ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสบางชนดิ ทีเ่ ข้าสู่ร่างกายในขณะที่ร่างกาย
• ไขเลือดออก ออ่ นแอ
• ฟนผุ อาการ มไี ข้สูง หนาวสนั่ คัดจมกู น้า� มูกไหล ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ
• ทอ งเสยี และปวดเม่ือยตามตัวมาก
• โรคปรทิ นั ต การติดต่อ โรคไขห้ วัดใหญเ่ ป็นโรคท่ตี ิดตอ่ ไดง้ า่ ย เพียงแคส่ ูดลมหายใจ
• ภมู แิ พ เอาเชอื้ โรคทผ่ี ปู้ ว่ ยไอหรอื จามออกมากส็ ามารถเป็นโรคน้ีได้
• ผดผืน่ คัน การดแู ลรักษา ควรปฏิบตั ิ ดงั นี้
• กลาก ๑) พกั ผ่อนใหม้ ากๆ ใชผ้ า้ ชบุ นา้� เช็ดตัวเมอื่ มไี ข้สูง
• เกล้อื น ๒) เกมนิ ือ่ อรา้สู หึกาปรวอดอ่ หนวัๆห แรือลมะดีไข่ืม้ในหา้� ก้ มนิ ายกาๆพาราเซตามอล1
เพื่อใหนกั เรยี นไดทํากจิ กรรมสืบคน ขอ มูล ๓)
เก่ียวกับโรคที่พบบอ ย
๔) ถา้ มนี า�้ มกู ขน้ และเปลยี่ นส ี หายใจไมอ่ อก มอี าการหอบหรอื สงสยั วา่
ปอดอกั เสบ ควรรีบไปพบแพทย์
การปอ้ งกนั ควรปฏบิ ัติ ดังนี้
๑) รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการกินอาหารที่มี
ประโยชน ์ ออกก�าลงั กายสม่�าเสมอ และพักผ่อนใหเ้ พยี งพอ
๒) ท�าใหร้ า่ งกายได้รับความอบอุน่ เพยี งพอ
๓) ไม่คลกุ คลีกบั ผู้ปว่ ยท่เี ปน็ โรคไข้หวัดใหญ ่ หรอื สวมหน้ากากอนามยั
ทกุ ครั้ง เม่ือตอ้ งคลกุ คลีกับผูป้ ว่ ย
๔) ไมใ่ ชข้ องใชส้ ว่ นตวั รว่ มกบั ผทู้ ปี่ ว่ ยเปน็ โรคไขห้ วดั ใหญ ่ เชน่ ผา้ เชด็ หนา้
ผ้าเช็ดตัว เป็นตน้
๕) กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ โดยใช้ช้อนกลางตักอาหาร และล้างมือ
ก่อนกินอาหารและหลงั ขบั ถ่ายเสมอ
๖) เมอ่ื มีอาการป่วยควรบอกใหพ้ ่อแมท่ ราบ เพ่ือจะได้พาไปพบแพทย์
๖0
เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ไขหวดั ใหญแตกตา งจากไขหวัดธรรมดาอยางไร
ครใู หน ักเรยี นพจิ ารณาวา จากการติดตอ ของแตล ะโรค นักเรียนจะใช แนวตอบ
หลกั สขุ บัญญัตแิ หงชาติ 10 ประการ มาปฏบิ ตั เิ พ่ือปอ งกันโรคไดอ ยา งไร • ไขห วดั ใหญจ ะมไี ขส งู หนาวสน่ั คดั จมกู นาํ้ มกู ไหล ปวดศรี ษะ ปวดเมอื่ ย
กลา มเน้อื มีภาวะแทรกซอนไดง ายกวา และใชเ วลาในการเจ็บปวย
นักเรยี นควรรู ยาวนานกวา ไขห วัดธรรมดา
• ไขห วดั ธรรมดามกั มีอาการคัดจมูก นํา้ มูกไหล คนั คอ มีไขแ ตไ มสงู
1 พาราเซตามอล เปน ยาบรรเทาอาการปวด ลดไข มากนัก และใชเวลาในการรักษาไมน านก็จะหาย
• เด็กอายุ 6-12 ป กนิ ขนาด 325 มก. คร้งั ละ 1 เม็ด ทกุ 4 หรือ 6 ช่วั โมง
และขนาด 500 มก. คร้งั ละ 21 - 1 เมด็ ทุก 4-6 ช่ัวโมง
• ผูใหญ กินขนาด 325 มก. คร้ังละ 2 เมด็ ทุก 4 หรอื 6 ชว่ั โมง
และขนาด 500 มก. ครัง้ ละ 1 เม็ด ทกุ 4 ช่ัวโมง
และควรกนิ เฉพาะเมอื่ มีอาการ เพราะยานมี้ ีพิษตอ ตบั ถา ใชม ากเกินไป
อาจทาํ ใหต ับวายได
60 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ò âää¢àŒ Å×Í´ÍÍ¡ 1. ใหนกั เรียนแบง กลุมตามหัวขอโรคทพ่ี บบอ ย
ในชีวติ ประจําวันที่ครเู ลือกมา แลวใหนกั เรียน
“ในครอบครวั นกั เรยี น มใี ครเคย จบั ฉลากเลอื ก แตละกลมุ ตองไมใหก ลุมอนื่ รู
ปว่ ยเปน็ โรคไขเ้ ลอื ดออกหรอื ไม”่ วา ไดโ รคอะไร
โรคไขเ้ ลอื ดออกเกดิ จากยงุ ลาย 2. ครูแจกกระดาษ 4 แผน แตล ะแผนมี 1 หวั ขอ
ท่ีมเี ชอื้ ไขเ้ ลือดออกกัด เรยี งลาํ ดบั ตามนี้
อาการ มีไข้สูงมาก ตัวร้อน ยงุ ลาย เป็นพาหะนา� เชอื้ ไขเ้ ลอื ดออก 1. อาการ
2. การตดิ ตอ
มือเท้าเย็น หายใจหอบ ตัวซีด กระวนกระวาย และไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว 3. การดูแลรกั ษา
อาจมีเลือดออกตามผวิ หนังเปน็ จดุ แดงๆ จะเปน็ อันตรายมาก 4. การปองกนั
การตดิ ตอ่ ยงุ ลายเป็นพาหะนา� เชอ้ื โรคจากผ้ปู ว่ ยไปสูผ่ ทู้ ่ถี ูกยงุ ลายกัด
การดแู ลรกั ษา ควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี 3. ใหแตล ะกลมุ บนั ทึกขอมูลโรคท่นี ักเรยี น
๑) กนิ ยาพาราเซตามอลเม่ือมไี ขส้ งู ไมค่ วรกินยาแอสไพรนิ 1 จับฉลากไดตามหวั ขอท่ีกาํ หนด
เพราะจะ
ท�าให้เลือดออกมากข้ึน
๒) เมอื่ มไี ขส้ งู มาก ตวั รอ้ น กระสบั กระสา่ ย ใหร้ บี ไปพบแพทย ์ ไมต่ อ้ งรอ
จนไขล้ ดลง แล้วมีอาการปวดท้อง ซึมลง มือเท้าเย็น หรือหน้ามืด เพราะจะ
อันตรายมาก
การปอ้ งกัน ควรปฏิบตั ิ ดังนี้
๑) นอนกางมุ้งหรอื นอนในห้องทมี่ ีมุ้งลวด และไม่ใหถ้ ูกยุงลายกัด
๒) กา� จดั แหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ ลา2ย ดงั น้ี
• ใสท่ รายเคมีก�าจดั ลูกน้�า ลงในจานรองตู้กับข้าว
• ปิดฝาโอ่งหรือฝาตุ่มให้
มิดชดิ
• เล้ียงปลาหางนกยูงไว้
ในบ่อ เพ่อื ให้กินลูกน�า้
• ทา� ลายบรเิ วณหรอื แหลง่
ทีม่ นี ้า� ท่วมขงั ในบรเิ วณบ้าน
๓) ถ้ามีไข้ที่สงสัยว่าจะเป็น
โรคไข้เลือดออก ไม่ควรกินยาลดไข้ ทรายเคมเี ปน็ วตั ถอุ นั ตราย ตอ้ งระวงั ไมใ่ หถ้ กู ผวิ หนงั
พวกแอสไพรนิ แต่ควรรีบไปพบแพทย์ และหา้ มใส่ในนา้� ทนี่ า� มาบรโิ ภค
๖1
ขอใดไมใชก ารปองกันโรคไขเ ลอื ดออก ขอ สอเบกเ็งนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู
1. ทาํ ลายแหลงทม่ี ีนํ้าขงั
2. พยายามไมใ หถูกยงุ กดั 1 ยาแอสไพริน ยาชนดิ นม้ี ีผลทําใหเ กลด็ เลอื ดไมจ บั ตวั เปน ลิม่ ทําใหเลือดออก
3. ปดฝาโอง หรอื ฝาตุมใหมดิ ชดิ ไดง าย ดังนนั้ จงึ ไมค วรใชย าแอสไพรินในผปู ว ยท่ปี ว ยเปน โรคไขเ ลือดออก
4. ใสทรายลงในภาชนะท่ีมนี ้าํ ขัง 2 ทรายเคมีกาํ จดั ลกู นำ คอื ทรายทถ่ี ูกเคลอื บดว ยสารเคมี ทีม่ ีคณุ สมบตั ิเปนพษิ
ตอตวั ออนของยงุ ทําใหต ัวออนของยุงตายได จงึ ใชเปนวิธีการกาํ จดั ยุงลายวิธีหนึ่ง
วเิ คราะหค ําตอบ การปอ งกนั โรคไขเ ลอื ดออก คอื พยายามไมใ หถ กู ยงุ กดั
และกาํ จดั แหลง เพาะพนั ธยุ งุ ลาย โดยการใสท รายเคมกี าํ จดั ลกู นา้ํ ในภาชนะ ทรายเคมีกําจดั ลูกน้ําท่ีผลติ ออกมาจําหนายมีช่ือทางการคาหลากหลาย เชน
ทม่ี นี า้ํ ขงั ปด ฝาโอง หรอื ฝาตมุ ใหม ดิ ชดิ และทาํ ลายแหลง ทม่ี นี า้ํ ขงั ซง่ึ การ อะเบท (ABATE) และเคมฟลีท แซนดาเบต (Chemflfleet Sandabate) โดยมอี ตั รา
ใสท รายธรรมดาทไ่ี มไ ดเ คลอื บดว ยสารเคมี จะไมม ฤี ทธใิ์ นการกาํ จดั ลกู นา้ํ การใช คือ 1 กรัม ตอ นํา้ 10 ลิตร เม่อื ใสท รายกาํ จัดลกู นํ้าลงในนา้ํ สารออกฤทธิ์
จะคอ ยๆ เจือจางไปในน้ําจนมคี วามเขม ขนประมาณ 1 สวนในลา นสว น หากใช
ของยงุ ดงั นน้ั ขอ 4. จงึ เปน คําตอบท่ีถูก ทรายกาํ จัดลูกนํา้ ตามอัตราท่กี าํ หนดนี้จะไมม ีอนั ตรายตอผบู ริโภค
คูม ือครู 61
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหแ ตล ะกลุม รวบรวมขอมลู โรคมาจดั ทาํ เปน ó â俘¹¼Ø
แผนผงั ความคิด
“นกั เรยี นคดิ วา่ ฟนั ผมุ ลี กั ษณะอยา่ งไร”
2. ใหแ ตละกลุม ศกึ ษาอาการของโรค แลว ออก
มาแสดงบทบาทสมมตุ ใิ หเ พอ่ื นทายวาเปน โรค โรคฟนั ผุ คอื โรคของฟนั ท่เี นอื้ ฟันถกู ทา� ลายไป จนท�าใหเ้ กดิ เป็นรหู รือ
อะไร จากน้นั จึงอธิบายการติดตอ การรักษา โพรงท่ีตัวฟนั ถ้าไมไ่ ด้รกั ษาจะลกุ ลาม และสดุ ท้ายอาจตอ้ งสญู เสยี ฟัน
และการปอ งกัน
อาการ โรคฟันผมุ ีการเปล่ยี นแปลงทผี่ วิ ฟนั ดงั นี้
๑. เห็นเปน็ จดุ ขาว ๒. เร่ิมเป็นรทู ีผ่ วิ ฟนั ๓. รูฟนั ท่ผี ุลกุ ลาม ๔. รฟู นั ลกุ ลาม 5. ร ูฟันลกุ ลามจนถึง
คลา้ ยชอลก์ อาจจะมีสเี ทาหรือ เขา้ สูเ่ นอื้ ฟนั จนเกือบถงึ โพรงประสาทฟัน
สดี า� มีสขี าวขุ่น โพรงประสาทฟนั ท�าให้เกดิ อาการ
รอบๆ รฟู นั
อกั เสบ เกดิ ฝี
หนอง ฟันโยก
๑กา) รดใชูแ้ฟลลรักูอษอาไร คด1ว์ ร(Fปlฏuoิบrัตidิ eด)ัง นเฉ้ี พาะที่ คือ การใช้ฟลูออไรด์สัมผัสฟัน
โดยตรง สามารถท�าได้โดยการแปรงฟันด้วยยาสีฟันหรือน้�ายาบ้วนปากที่ผสม
ฟลอู อไรด ์ เพราะฟลูออไรด์จะเคลือบฟนั ทา� ใหฟ้ นั แข็งแรงขนึ้ ทนตอ่ กรดทีท่ �าให้
เกิดฟันผุได้มากข้ึนและท�าให้เกิดการสะสมของแร่ธาตุที่ผิวฟัน เป็นผลให้ฟันผุ
ในระยะแรกหายเปน็ ปกต ิ และควรแปรงฟนั นานอยา่ งนอ้ ย ๒ นาท ี เพอ่ื ใหฟ้ ลอู อไรด์
มผี ลในการปอ้ งกนั ฟันผุได้
๒) รกั ษารากฟัน เมอื่ ฟันผุลกุ ลามเขา้ ไปถึงโพรงประสาทฟันแล้ว
๓) ถอนฟนั เมอ่ื การอกั เสบลกุ ลามไปมาก ไมเ่ หลอื เนอื้ ฟนั ทจี่ ะสามารถ
รกั ษาฟันซี่น้ันไว้ได้ต่อไป
การป้องกัน ควรปฏิบัติ ดังน้ี
ต ิดฟนั 2 เ๑พ)ร ากะนิทอ�าใาหหเ้ากริดทโี่มรคปี ฟระันโผยชุไดนง้ ์ า่หยลีกเลีย่ งอาหารทีม่ ีรสหวานจัด และเหนยี ว
๒) ดูแลรักษาความสะอาดช่องปากให้สะอาดอย่างท่ัวถึง สม่�าเสมอ
โดยแปรงฟันด้วยยาสฟี ันผสมฟลูออไรด์ทุกคร้งั
๖๒ ๓) ตรวจสุขภาพชอ่ งปาก โดยพบทันตแพทยอ์ ยา่ งน้อยปลี ะ ๒ ครั้ง
นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
ถานกั เรยี นปลอ ยใหฟ น ผุ จะสงผลกระทบอยางไรบา ง
1 ฟลูออไรด เปน สารชว ยปอ งกนั หรอื ลดการผขุ องฟน โดยมผี ลตอฟน 1. เกดิ ฟน คุด
2 ลกั ษณะ คอื 2. มกี ลิ่นปาก
3. เกดิ อาการพดู ไมช ดั
• ฟนทยี่ ังไมขน้ึ สารฟลอู อไรดจ ะเขาไปรวมตัวกบั แรธาตุในสว นที่เปน 4. มคี ราบสเี หลืองตดิ ทต่ี วั ฟน
ผลกึ ของฟน ทาํ ใหฟนแขง็ แรงยิ่งขึ้น วเิ คราะหค ําตอบ ถา ปลอ ยใหฟ น ผุ จะทาํ ใหเ กดิ กลนิ่ ปาก ถา ฟน ผถุ งึ รากฟน
ทาํ ใหเ กดิ อาการปวด อกั เสบ จนตอ งถอนฟน ออก หรอื อาจเกดิ การตดิ เชอ้ื ได
• ฟน ท่ขี ้นึ แลว ฟลอู อไรดจะทาํ ใหเ กิดการคืนกลับของแรธ าตสุ ผู วิ เคลือบฟน และถา ปลอยใหฟ น แทผ ุจนตอ งถอน เราก็จะไมมีฟน เหลือไวเคยี้ วอาหาร
มผี ลตอการซอ มแซมการผขุ องฟน ในเรม่ิ แรก ทาํ ใหคราบจุลนิ ทรยี ลดการ ดงั นนั้ ขอ 2. จึงเปนคําตอบท่ถี ูก
สรางกรดทเ่ี ปน อันตรายตอ ฟน
2 อาหารท่ีมีรสหวานจดั และเหนยี วติดฟน มปี ริมาณนาํ้ ตาลมาก จะทําให
เชือ้ โรคเปล่ียนน้ําตาลใหก ลายเปน กรดไปทาํ ลายเคลอื บฟนใหผ เุ ปน รู
62 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ô âä»ÃÔ·¹Ñ µ 1. เมือ่ แตละกลุมรายงานเสร็จ ใหแตล ะกลุม
ตง้ั คาํ ถามเก่ียวกบั ขอ มลู ทร่ี ายงานกลุมละ
“นกั เรยี นคดิ วา่ โรคปรทิ นั ต ์ หรอื โรครา� มะนาด มลี กั ษณะอยา่ งไร” 5 ขอ แลวนํามาถามเพ่ือนๆ
โรคปรทิ ันต ์ หรอื โรครา� มะนาด เปน็ โรคเรือ้ รงั ที่เกิดการท�าลายกับอวยั วะ 2. ใหนกั เรียนรวมกันสรปุ ขอมูลเกี่ยวกบั โรคทีไ่ ด
รอบๆ รากฟนั ระยะแรกเกิดกับเหงอื ก ต่อมาเมอื่ มีอาการมากขน้ึ จะลกุ ลามไปที่ เรยี นมา
เนื้อเยื่อปริทันต์และกระดูกเบ้าฟัน ท�าให้มีอาการเหงือกร่น กระดูกฟันละลาย
รากฟนั โผล่ อาจมอี าการปวด บวม ฟันโยกหลุดได้ 1
สาเหต ุ เกดิ จากเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ์ในคราบจลุ นิ ทรยี ท์ เ่ี กาะบรเิ วณคอฟนั ปลอ่ ย
สารพิษทา� ลายเหงอื กและอวยั วะรอบตวั ฟันอยา่ งชา้ ๆ ถา้ ไม่กา� จัดคราบจลุ ินทรยี ์
เหลา่ นน้ั ออกจะรนุ แรงขน้ึ ปจั จยั เสรมิ ทมี่ ผี ลตอ่ การเกดิ โรคปรทิ นั ต ์ คอื หนิ นา้ํ ลาย
ซงึ่ เกดิ จากการตกตะกอนของแรธ่ าตแุ คลเซยี ม (Calcium) ฟอสฟอรสั (Phosphorus)
ในน�า้ ลายรวมกับคราบจลุ ินทรีย์ มีลักษณะแขง็ คม บาดเหงอื กท่ีอกั เสบอยูแ่ ลว้
ให้รุนแรงข้ึน หินน�้าลายนี้ไม่สามารถขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟัน ต้องรักษา
โดยทนั ตแพทย์
อาการ เหงือกมอี าการอกั เสบ และมสี แี ดงจัด เปน็ มนั มีเลือดออกง่าย
อาจบวม มหี นองไหล พบร่องเหงอื กลกึ ตัง้ แต ่ ๔ มิลลิเมตร โดยลักษณะของโรค
แบง่ ออกเป็น ๔ ระยะ ดงั นี้
ระยะท ี่ ๑
เหงอื กอกั เสบ บวมแดง ไมแ่ นบสนทิ กบั คอฟนั
และอาจมีเลือดออกขณะแปรงฟัน
ระยะที ่ ๒
เหงือกอักเสบ มีหินน้�าลายท�าให้ระคายเคือง
เพมิ่ ขนึ้ เหงอื กอกั เสบมากขนึ้ บวม มเี ลอื ดไหล
กระดูกฟันเรมิ่ ถูกทา� ลาย มกี ารร่นของเหงอื ก
๖3
ขอสอเบกเ็งนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู
สาเหตุสาํ คญั ท่ที าํ ใหเ กิดโรคปรทิ นั ต คืออะไร และเราควรปฏบิ ัติอยา งไร 1 คราบจุลินทรยี คอื คราบสีขาวขุน นม่ิ ทีม่ เี ชอ้ื โรคติดอยบู นตวั ฟน การเกิด
1. เชอ้ื รา แปรงฟน อยางนอ ยวนั ละ 2 ครั้ง คราบจุลนิ ทรยี จะเริ่มหลังจากที่แปรงฟนไปแลว 2 - 3 นาที โดยเมอื กใสของนํ้าลาย
2. เชอ้ื ไวรัส ใชผ าปดปากขณะไอหรือจาม จะมาเกาะท่ีตวั ฟน จากนนั้ เชอื้ โรคทม่ี อี ยูในปากจะมาเกาะ และทบั ถมกันเปน
3. เช้อื จลุ ินทรีย บวนปากทกุ ครง้ั หลังกินอาหาร จาํ นวนมาก จนเกิดเปน คราบจุลินทรยี
4. เช้อื แบคทเี รีย ใชยาสีฟน ทมี่ เี กลือในการแปรงฟน
วเิ คราะหค าํ ตอบ เชอ้ื จุลินทรียใ นคราบจุลนิ ทรยี ทเ่ี กาะบนตัวฟน เปน มมุ IT
สาเหตทุ ท่ี าํ ใหเ กดิ โรคปรทิ นั ต เราควรกาํ จดั คราบจลุ นิ ทรยี โดยการแปรงฟน
ใหส ะอาดและถูกวธิ ี อยางนอ ยวนั ละ 2 ครัง้ หลงั ตน่ื นอนและกอนนอน ครใู หน ักเรยี นดูวดิ ีโอ “โรคปริทนั ต” ไดท่ี http://www.dent.chula.ac.th/
และไมควรกินอาหารท่มี ีรสหวานหรือขนมเหนยี วติดฟน ควรแปรงฟน ForFon/DrProsth.html คณะทนั ตแพทยศาสตร จุฬาลงกรณม หาวิทยาลัย
ทกุ ครั้งหลังกนิ อาหารเสรจ็ แลว ดังนั้น ขอ 3. จึงเปนคําตอบทีถ่ ูก
คูมอื ครู 63
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครถู ามนกั เรียนวา เราควรปฏิบตั ติ นอยา งไร ระยะท ่ี ๓ หินน�้าลายจับและขยายไปยังปลาย
จงึ จะปลอดภัยจากโรคทพ่ี บบอยในชวี ติ ระยะที่ ๔ รากฟัน ท�าให้กระดูกฟันถูกท�าลาย
ประจาํ วัน เหงือกร่น ฟันโยก เมื่อเค้ียวอาหาร
(ตอบ ปฏบิ ตั ิตามหลักสุขบัญญัตแิ หงชาติ จึงรู้สึกเจ็บ มีหนองหรือเลือดไหล
10 ประการ) กลนิ่ ปากรนุ แรง
โรคลุกลาม อาการรุนแรง ฟันโยก
2. ใหแ ตละกลุมบอกวา โรคของกลุมตนเอง ปวดมากจนเคี้ยวอาหารไม่ได้ เป็นฝี
สามารถใชหลกั สุขบัญญตั ิ 10 ประการ ทเ่ี หงอื ก หนา้ บวม ฟนั ไม่สามารถยึด
ขอ ใดในการปองกนั โรคไดบา ง เกาะกับเหงือกได้
ขอ ที่ 1 ชว ยปอ งกนั โรคผวิ หนงั โรคไขห วดั ใหญ
ขอที่ 2 ชว ยปอ งกนั โรคฟน ผุและโรคปริทันต
ขอท่ี 3 ชว ยปอ งกันโรคไขห วัดใหญ
โรคผิวหนงั อหิวาตกโรค
ขอท่ี 4 ชว ยปอ งกนั อหวิ าตกโรค
เปน ตน
การป้องกัน ควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้
๑) แปรงฟนั ให้ถูกวิธแี ละแปรงอย่างสม่า� เสมอทุกวัน
๒) ตรวจสอบประสิทธิภาพ
ของการแปรงฟันด้วยตนเอง อาจท�า
ก่อนหรือหลังแปรงฟันโดยใช้สีย้อม
คราบจุลินทรีย์ เป็นแบบเม็ดหรือสี
ผสมอาหารขององค์การเภสัชกรรม
ท่ีหาซ้ือไดต้ ามรา้ นขายยา ถ้าเปน็ แบบ
ยาเม็ดสยี ้อมคราบฟันใชต้ รวจสอบ
เม็ดให้เคี้ยวแล้วบ้วนน้�าออก ถ้าเป็นสี คราบจุลินทรีย์ท่ีหลงเหลอื จากการแปรงฟัน
ผสมอาหารใหล้ ะลายกบั นา้� แลว้ ใชส้ า� ลพี นั ไมช้ บุ นา�้ ยายอ้ มสฟี นั กดและทาเคลอื บ
ให้ครบทุกซอกทุกมุม แล้วบ้วนน้�า สีจะติดตรงคราบฟันที่เราแปรงไม่สะอาด
ใหเ้ ราแปรงฟนั ซา้� จนไมม่ ีคราบตดิ อยู่
๓) ควรใชอ้ ปุ กรณช์ ว่ ยทา� ความสะอาดทบี่ รเิ วณซอกฟนั เพราะเปน็ บรเิ วณ
๖4ท่ีแปรงสีฟนั เข้าไม่ถึง ซงึ่ ได้แก่ การใชไ้ หมขัดฟนั ชนดิ เคลือบขผี้ ้งึ (Wax)
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ขอใดเปน สาเหตุสําคญั ของโรคปรทิ นั ต
ครูสามารถอธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ เรือ่ งโรคปริทนั ต 1. แปรงฟน ไมสะอาด
ปริทันต คอื อวัยวะรอบๆ รากฟน ไดแก เหงอื ก เอน็ ยึดปริทันต 2. กินขนมท่ีมรี สหวาน
3. ดม่ื นํ้าอัดลมเปนประจํา
กระดกู เบา ฟน และเคลือบรากฟน 4. กนิ อาหารไมครบ 5 หมู
โรคปริทันต คือ โรคทีเ่ กดิ กับอวยั วะรอบๆ รากฟน เชน โรคเหงอื กอกั เสบ วิเคราะหคําตอบ โรคปริทนั ต เกดิ จากเชือ้ จลุ นิ ทรยี ใ นคราบจุลินทรียท่ี
เกาะบรเิ วณคอฟนทาํ ลายเหงือกและอวัยวะรอบตวั ฟน ซ่ึงปองกันไดด วย
โรคปรทิ นั ตอักเสบ เปนตน การแปรงฟน ใหส ะอาดอยางนอยวันละ 2 ครง้ั ดังน้ัน ขอ 1. จงึ เปน
คาํ ตอบท่ีถูก
เบศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง
นกั เรียนคดิ วธิ กี ารทําสยี อ มคราบฟนที่ไดจากธรรมชาตมิ าคนละ 1 สี โดยไมเกดิ
อันตรายตอสุขภาพ แลว ออกมานําเสนอหนาชนั้ เรียน เพอ่ื ประหยัดคาใชจายในการ
ซอื้ เมด็ สียอ มคราบฟน
64 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
õ âä¼ÔÇ˹ѧ ครอู ธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ การใชห ลกั สขุ บญั ญตั ฯิ
“นกั เรยี นคดิ วา่ โรคผวิ หนงั จะมอี าการอยา่ งไร” ในการปองกันโรคทพ่ี บบอยในชวี ิตประจาํ วนั เชน
โรคผวิ หนังเกิดทีบ่ ริเวณผิวหนงั ของรา่ งกาย ซ่ึงที่พบบ่อย เช่น • ไขหวัด ไขหวดั ใหญ ควรดูแลรักษารางกาย
๑. โรคภมู แิ พผ้ วิ หนัง และของใชใ หสะอาดอยเู สมอ ไมใ ชข องใช
โรคภมู แิ พผ้ วิ หนงั เปน็ โรคทถ่ี า่ ยทอดทางพนั ธกุ รรมชนดิ หนงึ่ ซงึ่ เกย่ี วขอ้ ง สว นตัวรว มกับผูอ ืน่ และออกกาํ ลังกาย
กบั ระบบภมู คิ มุ้ กนั ของรา่ งกายทต่ี อบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ ตา่ งๆ ไดม้ ากกวา่ ปกต ิ ทา� ให้ เปน ประจํา
เกดิ อาการแพข้ น้ึ
อาการ โรคน้ีมักจะมีผิวแห้ง • ไขเลอื ดออก รักษารางกายใหแ ข็งแรง
และคัน มีผื่นผิวหนังอักเสบ ในแต่ละ ออกกาํ ลงั กายเปน ประจาํ และไมค วรให
บรเิ วณของร่างกาย ยงุ ลายกดั
การดแู ลรกั ษา ยงั ไมม่ วี ธิ รี กั ษา
ใหห้ ายขาดได ้ และโรคนถี้ า่ ยทอดตอ่ ไป • ฟนผุ ปริทนั ต ควรดูแลรักษาฟนใหแ ข็งแรง
ยงั ลกู หลานได ้ วธิ ที จี่ ะชะลออาการและ และแปรงฟนทกุ วนั อยางถกู วธิ ี
ความรุนแรงของโรค คือ การรู้จักดูแล ผปู้ ว่ ยบางรายอาจมอื แตกระแหงจนมเี ลอื ดออกซบิ ๆ
และปฏบิ ตั ติ นให้ถูกวิธี่ • ทองรว ง ควรลางมือใหสะอาดกอนกนิ
อาหารและหลงั การขบั ถา ย กนิ อาหารสุก
สะอาด ปราศจากสารอนั ตราย และหลกี เลย่ี ง
อาหารท่ีมรี สจัด สฉี ดู ฉาด
• ภมู ิแพ ผดผ่ืนคัน กลาก เกลือ้ น
ควรรกั ษารางกาย และของใชใ หส ะอาด
และออกกําลังกายเปน ประจาํ
การปอ้ งกัน ควรปฏิบัติ ดงั น้ี
๑) สงั เกตวา่ ตนเองแพอ้ ะไรก็ใหห้ ลกี เลย่ี งสง่ิ นนั้ เชน่ อาหารทะเล นม ไข่
ผงซกั ฟอก เป็นตน้
๒) เมอื่ มอี าการแพแ้ ละคนั ไมค่ วรเกาบรเิ วณทค่ี นั เพราะอาจทา� ใหผ้ วิ หนงั
อกั เสบลุกลามยิ่งขึน้
๓) หควลรังเอลาอื บกนใช้�า้สคบวทู่รที่ไมา่รคะรคีมาหยเรคืออื โงลผชิวั่น1ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
๔) และควร
หลีกเลี่ยงครมี ชนดิ ท่ผี สมนา�้ หอม เพราะอาจทา� ใหแ้ พ้ได้งา่ ย
ปอ้ งกันไ๕ม)่ใ หห้มมีไร่ันฝทนุ่ �า2ความสะอาดที่นอนและเคร่ืองนอนอยู่เสมอ เพื่อขจัดและ
๖) ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หากพบว่ามีผื่นแดง คันหรืออักเสบท่ี
บรเิ วณผวิ หนัง
๖5
ขอ สอเบกเ็งนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู
ขอใดเปนการปฏิบัตติ นทถี่ กู ตอ งเมือ่ นกั เรียนแพสบทู ี่แมซอื้ มาใชใหม 1 ทาครมี หรอื โลชัน่ เน่อื งจากผูป วยภมู แิ พผวิ หนัง จะมผี วิ แหง การใชค รมี
1. ไมอาบนํ้า หรือยาทาทใี่ หความชุม ช้ืนแกผ วิ หนัง จะชวยลดการกําเริบของโรคได ไมค วรใชครมี
2. ไมฟอกสบู ทม่ี ีสวนประกอบที่เปนอนั ตราย การใชครมี ไมค วรใชหนาเกินไป เพราะอาจจะเกดิ
3. เปลี่ยนใชส บยู ี่หอ ใหม ความเหนอะหนะ วธิ กี ารทาใหทาหลังอาบนํ้าภายใน 3 นาที
4. ใชแชมพสู ระผมถูตัวแทน 2 ไรฝนุ เปน สัตวข นาดเล็กมากๆ มองเหน็ ดวยการดูผานกลองจลุ ทรรศน
วเิ คราะหคาํ ตอบ ถา แพสบูท่เี พ่ิงซอื้ มาใหม ควรงดใชส บนู ัน้ เพราะอาจ ไมช อบแสงสวา ง อาศยั อยูตามที่นอน หมอน ผา หม โซฟา ผา มาน พรม ตกุ ตา
เกิดจากการแพส ารเคมใี นสบู แลว เปลีย่ นใชสบยู ี่หอ ใหมท่ีไมมสี ว นผสม เปนตน อาหารของไรฝุน คอื เศษขีไ้ คล สะเก็ดผวิ หนัง ขรี้ งั แค ตวั ไรฝนุ ไมเ ปน
ของน้ําหอมแทน เพอ่ื ชวยปองกนั การแพส ารเคมใี นสบูอีกคร้ัง ดงั นน้ั อนั ตรายตอ คน แตข องเสยี ทม่ี นั ปลอ ยออกมาจะเปน ตวั กระตนุ ใหเกดิ อาการภมู แิ พไ ด
ขอ 3. จึงเปน คําตอบที่ถูก
คมู อื ครู 65
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ใหน ักเรยี นทําแบบฝก กจิ กรรม โรครอบตวั ๒. โรคผดผ่ืนคนั
ในแบบวดั ฯ สขุ ศึกษาฯ ป.5
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ผดผนื่ คนั เปน็ โรคผวิ หนงั ทพี่ บ
สขุ ศกึ ษา ป.5 แบบฝกกิจกรรม ได้บ่อย เนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าว
เร่�อง โรครอบตัว
สว่ นใหญม่ กั พบในเดก็ บรเิ วณทพ่ี บบอ่ ย
๔บทท่ี โรคควรรู คอื หนา้ ผาก คอ ขาหนบี รกั แร ้ และหลงั
แบบฝกกจิ กรรม โรครอบตวั ลกั ษณะของผดผนื่ คันที่เกิดการอักเสบ อาการ มีตุ่มแดงเลก็ ๆ อาจมี
คาํ ชแ้ี จง : การศึกษาขอมูลเก่ียวกับโรคท่ีพบบอยในชีวิตประจําวัน จะทําให ตุ่มน้�าเล็กๆ ขึ้นเป็นปน มีอาการคัน
เราสามารถดแู ลรักษาและปอ งกนั ตนเองจากโรคตางๆ ได
สบื คน ขอมลู เกีย่ วกับโรคทพ่ี บบอยมา ๑ โรค และบนั ทกึ ขอ มลู (ตวั อยา งคาํ ตอบ) บางครั้งเกาจนแสบรอ้ น และอาจมีการติดเชือ้ แบคทเี รียแทรกซ้อนขึน้ ได้
โรค ไขเลือดออก………………………………………………… การดแู ลรักษา ควรปฏบิ ัต ิ ดงั นี้
สาเหตุ …เก……ดิ …จ……า…ก…ย……งุ …ล…า…ย……ท…่ีม……ีเช…้ือ……ไ…ข…เล……ือ…ด……อ…อ…ก……ม…า…ก……ัด…ค……น………………………………………………….. ๑) หลกี เลี่ยงสิ่งท่ที า� ใหเ้ กดิ ผดผ่นื คัน
อาการ ๑) มีไขส ูง ประมาณ ๒ - ๗ วนั…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เฉฉบลับย ๒) ใช้ยาทาในกลุ่มของยาลดอาการอักเสบ และกินยาในกลุ่มของยา
๒) มอี าการเลือดออกเปน จดุ ตามผิวหนัง………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๓) เม่ือไขล ดลง อาจเกิดภาวะช็อค…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลดอาการคัน
๓) ท�าความสะอาดร่างกายเม่ือมีเหง่ือออกมาก เพราะฝุ่นละอองจะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. มาเกาะ ท�าใหเ้ กดิ ผดผ่ืนคันไดอ้ กี
การป้องกัน ควรปฏิบตั ิ ดังน้ี
การดูแลรักษาเมอ่ื เปนโรคน้ี ควรปฏบิ ัติ ดงั นี้
๑) เม่ือมไี ขใหก นิ ยาพาราเซตามอล………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒) ควรไปพบแพทย………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การปอ งกนั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๑) กําจัดแหลงเพาะพันธุยุงลาย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒) ปอ งกนั ตนเองไมใ หถ ูกยุงกัด………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………๓…)……ถ……า…ม…ีอ……า…ก…า…ร……ส…ง……ส…ยั……ว…า…จ…ะ…เ…ป……น …ไ…ข…เ…ล……อื …ด……อ…อ…ก………ค…ว……ร…ร…ีบ……ไ…ป…พ……บ……แ…พ……ท…ย….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๑) หลกี เลีย่ งสงิ่ ทที่ า� ใหเ้ กิดอาการแพ้หรอื ผดผื่นคัน
๒) หลีกเลย่ี งอากาศรอ้ นจดั เพ่ือไม่ให้เหงือ่ ออกมาก
แหลง ขอมูล …w……w……w….…t…m…….m……a…h…i…d…o……l.…a…c….…t…h…/…t…m…h……o…/…d…e…n……g…u…e….…h…t…m………………………………..
ลงช่อื สุธาสินี………………………………………………………..
๓๓ ๓) อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก และหลีกเล่ียงสถานที่ท่ีอาจก่อให้
2. ใหนักเรียนบันทกึ ขอ มลู เสอ้ื ผาที่ควรสวมใส เกดิ ผดผ่ืนคนั เช่น สถานทกี่ ่อสร้าง สวนดอกไม้ เปน็ ตน้
ในหนา รอ น เพอ่ื ปอ งกนั โรคผดผน่ื คนั ลงในสมดุ ๔) ใชเ้ สื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดกู าล หลีกเล่ยี งการสวมเสอื้ ผ้าคับๆ
๕) ไม่ควรถูสบูม่ ากๆ หรือใช้สารทท่ี า� ใหเ้ กิดอาก1ารระคายผวิ
๖) เมอ่ื เกดิ ผน่ื อาจใชน้ า�้ เยน็ ลบู ทาดว้ ยคาลาไมน ์(Calamine) ใหห้ ายคนั
หรืออาจใช้วุน้ จากว่านหางจระเข้ โดยลอกเปลอื กออกใหเ้ หลอื แต่วุน้ น�าไปล้าง
และทาบริเวณที่เป็นผื่นคนั โดยลา้ งผิวกอ่ นทาทุกครง้ั
๗) ตัดเลบ็ มอื ใหส้ ้ันอยู่เสมอ เพอื่ ไม่ใหเ้ ป็นการสะสมของเชอื้ โรค
๘) ถา้ อาการผดผืน่ คันไมห่ ายควรปรึกษาแพทย์
๖๖
นกั เรยี นควรรู เนอื้ ยา แยกช้ันกัน ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
เวลาใชตอ งเขยา เพราะเหตใุ ดโรคผดผ่ืนคัน จึงมักพบบรเิ วณหนา ผาก คอ ขาหนีบ
1 คาลาไมน คือ ยาทาแกผ ดผนื่ คนั ใหเ ปน เนอื้ เดยี วกัน รักแร และหลัง
มสี รรพคณุ ในการบรรเทาอาการคัน เนือ่ งจาก แนวตอบ เพราะบรเิ วณหนา ผาก คอ ขาหนบี รักแร และหลงั จะมี
ผดผน่ื คนั ลมพษิ เวลาใชต อ งเขยา ขวดใหเ นอื้ ยา ตอ มเหงอื่ ขนาดใหญท าํ ใหมเี หง่อื ออกมาก และบรเิ วณขาหนบี และรักแร
ผสมกนั เปน เนอื้ เดยี ว หา มรบั ประทาน และปอ งกนั กเ็ กิดการอับชืน้ ไดงาย เหงอื่ ระเหยออกไปไดชากวาบรเิ วณอน่ื จึงทําให
ไมใหถกู แสงแดด เกิดผด ผืน่ คันไดง า ย
บเศูรณรากษารฐกจิ พอเพยี ง
นกั เรียนศกึ ษาคนควาวิธีงา ยๆ ในการบรรเทาอาการผดผนื่ คนั ดว ยสมุนไพร
หรอื สงิ่ ทีห่ าไดง า ยโดยทวั่ ไปภายในบา น แลว ออกมานําเสนอหนา ชน้ั เรียน
66 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand
Expand
ขยายความเขา ใจ
๓. โรคกลาก โรคเกลอ้ื น1 1. ใหนกั เรียนทํากจิ กรรมรวบยอดที่ 3.4
ในแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5
โรคกลาก โรคเกลื้อน เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากสาเหตุและมีอาการ
ที่ต่างกนั ดงั น้ี ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
สขุ ศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดที่ 3.4
แบบประเมินตวั ช�ว้ ดั พ 4.1 ป.5/4
โรคกลาก แบบประเมนิ ผลการเรียนรูตามตัวชวี้ ดั ประจําหนวยท่ี ๓ บทที่ ๔
เป็นโรคซึ่งเกิดจากเช้ือรา ติดต่อได้จาก กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๓.๔
การสมั ผสั และการใชส้ ่งิ ของร่วมกัน แบบประเมินตวั ช้ีวดั พ ๔.๑ ป.๕/๔
อาการ จะมอี าการคนั เปน็ ผนื่ แดง รปู รา่ ง ปฏิบตั ิตนในการปอ งกันโรคท่พี บบอ ยในชวี ิตประจําวนั
คล้ายวงแหวนมีขอบเขตชดั เจน มสี ะเก็ด
ลอกเปน็ ขยุ ทขี่ อบวงแหวน ถา้ ผนื่ ลกุ ลาม ชดุ ท่ี ๑ ๒๐ คะแนน
ขยายออกวงกวา้ งมากขน้ึ จะยง่ิ เหน็ รปู รา่ ง
วงแหวนชัดเจน ๑ วเิ คราะหพ ฤติกรรมทีก่ ําหนดวา อาจทาํ ใหเ กิดโรคใด แลวบอกวธิ ปี รบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม
(๑๐ คะแนน)
พฤตกิ รรม โรคทีเ่ กิดจากการมี การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม
พฤตกิ รรมไมถ กู ตอ ง
เฉฉบลบั ย ๑) ใชผ า เชด็ หนา รว มกบั ผทู ่ี ●……โ…ร…ค……ไ…ข…ห …ว…ัด……ให……ญ…… .. ●……ไ…ม…ใ…ช…ผ……าเ…ช…ด็ ……ห…น……า ร……ว…ม…ก…ับ……ผ…อู …น่ื ..
เปน โรคไขห วดั ใหญ
………………………………………….. ……………………………………………………………….
๒) ไมแ ปรงฟน กอ นเขา นอน โรคฟนผุ●………………………………………….. ●……แ…ป…ร…ง…ฟ……น …ท…กุ……วน…ั ……ว…นั …ล…ะ……๒……ค…ร…งั้..
………………………………………….. ……ห……ร…ือ…ท…ุก……ค…ร…้ัง…ห……ล…ัง…ก……ิน…อ……าห……า…ร.
๓) เปด ฝาโอง ทงิ้ ไว ●……โ…ร…ค……ไ…ข…เล……อื …ด…อ……อ…ก….. ●……ป……ด …ฝ…า…โ…อ…ง …น……า้ํ …ใ…ห…ม …ิด……ช…ดิ ……………..
………………………………………….. ●……ท……าํ …ล…า…ย…แ…ห……ล…ง…ท…ีม่……ีน…ํา้ …ข…ัง…………….
โรคเกล้อื น ๔) ใสเ ส้อื ผาตวั เดมิ ซาํ้ กนั โรคกลาก●………………………………………….. ●……อ…า…บ……น…าํ้ …ท…กุ……ว…นั ……ว…นั …ล……ะ…๒………ค…ร…งั้ .
ทุกวัน ●……โ…ร…ค……เก…ล……อื้ …น……………….. ●……เ…ป…ล…ย่ี…น……เส……อ้ื …ผ…า …ใ…ห…ม…ท …ก…ุ …ค…ร…งั้……….
เป็นโรคซึ่งเกิดจากเช้ือรา ติดต่อได้จาก ๕) อยใู นทที่ มี่ ฝี นุ ละอองมาก ●……โ…ร…ค……ภ…มู …ิแ…พ…… …………….. ●……ห……ล…ีก…เ…ล…่ีย……ง…ก…า…ร…อ…ย……ูใ…น…ท……่ีท…ีม่ …ี …..
การสัมผสั ผเู้ ปน็ โรคโดยตรง ฝนุ ละอองมาก………………………………………….. ……………………………………………………………….
อาการ เป็นผนื่ วงกลมสขี าวจางๆ มี
ขอบเขตค่อนข้างชัดเจน รวมกลุ่มกัน ๓๔
บางครง้ั อาจเปน็ วงสีชมพ ู สีเทาจนถึง
สนี า�้ ตาล มกั จะมอี าการคนั แตค่ นั ไมม่ าก 2. ใหน กั เรยี นทํารายงานเร่ืองโรคทมี่ ักพบใน
เทา่ กับโรคกลาก โรคเกลอ้ื นมักจะคนั ฤดูรอน ฤดฝู น และฤดหู นาว แลวนํามาสงครู
ชว่ งทเ่ี หง่ือออก ชว่ งทีอ่ ากาศร้อน
๖๗
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
การตัดเลบ็ มือใหสั้นอยูเสมอ ชว ยปองกนั โรคผวิ หนงั ไดอยางไร ครูอธิบายเรื่องโรคกลากเพ่มิ เติม
แนวตอบ การตัดเล็บมือใหส้ันอยูเสมอชว ยปอ งกันโรคผวิ หนังได เพราะ • โรคกลากทหี่ นังศีรษะและเสนผม ทาํ ใหผ มรว งเปน หยอ มๆ ถา เปนมาก
เช้ือโรคจะไมเขา ไปอยใู นเลบ็ เมือ่ เราเอามอื ไปเกาก็จะไมทาํ ใหเ ช้อื โรค
กระจายไปยังทีอ่ น่ื หรือเกิดการอกั เสบเนือ่ งจากรอยเกาที่เกดิ จากเลบ็ ยาว จะกลายเปน ตมุ หนอง เรยี กวา ชนั นะตุ
• โรคกลากท่ีลาํ ตวั และใบหนา มลี ักษณะเปนดวงสีแดง มีขยุ ขาวๆ ถาปลอ ยไว
จะขยายออกไปเรื่อยๆ
• โรคกลากทขี่ าหนบี มลี ักษณะเปนตุมแดงๆ ทีต่ นขาหรอื ขาหนีบ เกิดอาการ
คันมาก เรียกวา สงั คงั
นักเรียนควรรู
1 โรคเกลอื้ น มกั จะพบท่ี ใบหนา ลาํ ตวั อกหลงั ตน แขน โรคเกลอื้ นจะไมเ ปน
ท่ีมอื เทา ขา เล็บ ศีรษะ ซึง่ ตา งกับโรคกลาก
คูม อื ครู 67
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
ครแู ละนักเรียนรวมกนั สรปุ วา การปองกัน การดูแลรักษา ควรปฏิบตั ิ ดงั นี้
ตนเองจากโรคทพ่ี บบอ ยในชีวติ ประจําวัน คอื ๑) รกั ษาความสะอาดของรา่ งกายอยา่ งสมา�่ เสมอ อาบนา้� ฟอกสบ ู่ และ
การปฏิบตั ิตามสุขบญั ญัติ 10 ประการ เช็ดตวั ให้แห้งทุกคร้ัง โดยเฉพาะบริเวณซอกตา่ งๆ เช่น รกั แร้ ขาหนบี เป็นต้น
๒) ตดั เลบ็ มอื เล็บเท้าใหส้ ้นั หม่นั ลา้ งมอื ให้สะอาดและอย่าเกา เพราะ
ขยายความเขา ใจ Expand การเกาจะทา� ใหเ้ ชือ้ ลกุ ลามไปท่อี ่นื ได้
๓) ปอ้ งกนั การแพรเ่ ชอ้ื โดยการไม่ใชเ้ สอื้ ผา้ เครอ่ื งนงุ่ หม่ ปะปนกนั แลว้
1. ใหน กั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1 ควรซกั ทา� ความสะอาดและตากแดดให้แหง้ ทกุ คร้ัง
คาํ ถามชวนคดิ และตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทาํ ๔) ไปพบแพทย์เพ่ือท�าการตรวจรักษา
๕) การรักษาโดยทั่วไปจะใช้ยาทาวันละ ๒ - ๓ คร้ัง ติดต่อกันจนกว่า
2. ใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 3 ผ่ืนจะหายไป โดยทายาท่ีบริเวณผื่นและบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ หลังจากผื่น
ผลงานสรางสรรค หายแล้ว ควรทายาตอ่ อกี ประมาณ ๒ สปั ดาห์
3. ใหนกั เรยี นแบงกลุม แลวใหแ ตล ะกลุม จัดทํา การป้องกนั ควรปฏบิ ัต ิ ดงั นี้
รายงานโรคทเ่ี ด็กเปน กนั มาก ๑) รักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ ด้วยการอาบน้�าอย่างน้อย
วันละ ๒ คร้งั
๒) หลังอาบน�้าเสร็จแล้ว ต้องเช็ดตัวให้แห้ง เพ่ือป้องกันไม่ให้ผิวหนัง
อับช้ืน เพราะจะทา� ให้เป็นโรคได้งา่ ย
๓) สวมใสเ่ สอ้ื ผา้ ท่ซี กั สะอาดแลว้ และไมค่ วรใสเ่ ส้ือผา้ ร่วมกับผู้อ่ืน
๔) หลงั ทา� กจิ กรรมทีม่ ีเหงอ่ื ออกมากๆ ควรรบี อาบน้�าทนั ที
โรคทพ่ี บไดบ้ อ่ ยในชวี ติ ประจา� วนั มอี ยหู่ ลายโรค ถา้ เรารจู้ กั วธิ กี ารปอ้ งกนั
ตนเอง ไม่ให้เป็นโรคต่างๆ ได ้ จงึ จะท�าให้เปน็ ผู้ที่มีสุขภาพดี
¤ÇามรŒÙ¤Ù่สุขÀา¾
กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่หา
ไดง้ า่ ยและใชร้ กั ษาโรคเกลอ้ื นได ้ โดยนา� กลบี กระเทยี ม
มาฝานเป็นช้ินบางๆ แล้วเอามาทาบริเวณผิวหนัง
ทเี่ ปน็ เกล้ือนทุกวัน วนั ละ ๒ ครง้ั
๖๘
เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ขอใดไมใชโ รคที่ติดตอ ไดโดยการใชส ่ิงของสวนตวั รว มกนั
นอกจากจะใชก ระเทยี มในการรักษาโรคเกลื้อนไดแ ลว ยงั สามารถใชสมุนไพร 1. โรคไขห วัดใหญ 2. โรคปรทิ ันต
ชนิดอ่นื มาทาบรเิ วณท่เี ปนเกล้ือนไดอ ีก เชน ขา ทองพนั ชั่ง เสลดพงั พอนตัวเมยี 3. โรคเกลอ้ื น 4. โรคกลาก
เปน ตน โดยกอ นทา ใหขดู ขุยขาวๆ บริเวณทเ่ี ปนเกล้อื นออกกอน
วเิ คราะหค ําตอบ โรคไขห วดั ใหญเ ปน โรคตดิ ตอ เกดิ จากเชอื้ ไวรสั สามารถ
ขา : ใชเ หงา แกตําพอแหลก หรือฝานเปน ชิ้นบางๆ แชท ้งิ ไวในสรุ า 1 คืน แพรก ระจายเช้ือโรคสผู ูอนื่ ได โรคกลากและโรคเกลือ้ น เปน โรคตดิ ตอ ทาง
แลวนาํ สรุ ามาทาบรเิ วณทเ่ี ปนเกล้อื น ผวิ หนงั สามารถแพรก ระจายเชอ้ื โรคสผู อู น่ื ได สว นโรคปรทิ นั ต เกดิ จาก
เชอ้ื จุลนิ ทรยี ใ นชอ งปาก ไมส ามารถแพรก ระจายเชอ้ื โรคสูผูอน่ื ได ดังนน้ั
ทองพนั ชั่ง : นําใบหรอื รากมาตําพอแหลก ผสมกบั หอมแดง ตาํ ใหเ ปน เนือ้
เดียวกัน แลวนํามาหมกั กับเหลาโรง ทิ้งไว 1 สัปดาห กรองเอาแตนํ้ามาทาบรเิ วณท่ี ขอ 2. จึงเปน คําตอบท่ถี ูก
เปน เกลื้อน
กิจกรรมทา ทาย
เสลดพังพอนตัวเมีย : นําใบมาตาํ พอแหลก ผสมกับดินประสวิ แลวนํามาทา
บริเวณท่ีเปนเกลื้อน
68 คมู อื ครู ใหน กั เรยี นสบื คน โรคทเ่ี ดก็ ในปจ จบุ นั เปน กนั มาก แลว จดั ทาํ เปน รายงาน
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
ก¨ิ กรรมการàรÕÂนรÙŒ 1. ครตู รวจความถกู ตองของแผนผังความคดิ
เก่ยี วกบั โรค
ตอนท ่ี ๑ คา� ถามชวนคดิ
เขียนตอบค�าถามตอ่ ไปนีล้ งในสมดุ (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมข้นึ อยกู บั ดุลยพนิ ิจของครผู สู อน) 2. ครตู รวจปายนเิ ทศโรคในทอ งถน่ิ
๑) จากบทเรียน นกั เรยี นไมอ่ ยากปว่ ยเปน็ โรคใดมากที่สดุ เพราะอะไร 3. ครูตรวจสอบความถูกตองของรายงานโรคที่
๒) นกั เรยี นเคยปว่ ยเปน็ โรคอะไรบา้ ง มอี าการอยา่ งไร และมวี ธิ กี ารดแู ลตนเองอยา่ งไร
๓) ถ้ามเี พือ่ นในห้องปว่ ยเป็นโรคตดิ ต่อท่ีไมไ่ ด้มีในบทเรียน นักเรียนจะทา� อยา่ งไร เดก็ เปน กันมาก
ตอนท่ ี ๒ ชวนคดิ ชวนทา� (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ขอ 2., 3. ขึ้นอยูก บั ดลุ ยพนิ ิจของครผู สู อน) หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู
๑. วเิ คราะห์พฤติกรรมทีก่ �าหนดให้วา่ อาจท�าใหเ้ กดิ โรคใด แล้วบอกวธิ กี ารปอ้ งกนั
1. แผนผังความคดิ เกย่ี วกับโรค
๑) ไม่ทา� ความสะอาดร่างกาย 2. ปา ยนิเทศโรคในทอ งถน่ิ
๒) ใชผ้ า้ เช็ดหนา้ ร่วมกบั ผู้ทีเ่ ปน็ โรคไขห้ วัด 3. รายงานโรคทเ่ี ด็กเปน กันมาก
๓) นอนหลบั ในห้องท่มี ยี งุ ชมุ
๔) กนิ ขนมหวานแลว้ ไม่แปรงฟนั
๕) อยู่ในบรเิ วณที่มอี ากาศร้อนนานๆ
๒. แบ่งกลมุ่ หาข่าวทเี่ กี่ยวข้องกบั โรคมา ๑ ขา่ ว แลว้ ร่วมกันอภปิ รายสาเหตุและ
ผลเสยี ของการเกดิ โรค จากน้ันออกมารายงานท่หี นา้ ชั้น
๓. แบ่งกล่มุ ค้นคว้าเพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั โรคท่สี า� คญั (แต่ละกลุม่ ต้องเลอื กโรคที่ไม่ซ�า้ กนั
และไม่ใช่โรคทเ่ี รียนมาแล้ว) แลว้ จดั ท�าเปน็ รายงาน
ตอนที่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมขน้ึ อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
แบง่ กลมุ่ สบื คน้ โรคทเี่ ปน็ กนั มากในทอ้ งถนิ่ ของตน นา� ขอ้ มลู ทไี่ ดม้ าจดั ทา� เปน็ ปา้ ยนเิ ทศ
โดยบอกถงึ สาเหต ุ อาการ การตดิ ตอ่ การรกั ษา และวธิ ปี อ้ งกนั ตามวธิ กี ารของภมู ปิ ญ ญาไทย
แล้วนา� ปา้ ยนเิ ทศไปจัดนิทรรศการให้ความรู้แก่คนในชุมชน
๖๙
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 2
ชวนคดิ ชวนทํา ขอ 1.
หากมีผถู ามนกั เรียนวาจะทราบไดอยางไรวา เขาแพอาหาร นักเรยี น
จะใหคาํ ตอบอยา งไร 1) ตอบ กลาก เกล้ือน ปอ งกนั โดยอาบน้าํ ชาํ ระลา งรา งกายใหสะอาดทกุ วัน
2) ตอบ ไขหวัด ปอ งกนั โดยการไมใ ชผ าเชด็ หนา รวมกับผูอ่นื
1. ใหส งั เกตวาหลังกนิ อาหาร แลว มอี าการผืน่ คนั หรอื ไม 3) ตอบ ไขเลือดออก ปอ งกันโดยการนอนกางมงุ
2. ใหสังเกตวา อาหารทก่ี นิ เขาไปมีกล่นิ เหมน็ หรือไม 4) ตอบ ฟนผุ ปองกันโดยการแปรงฟน ทุกคร้งั หลังกนิ ขนมหวาน หรือกอนนอน
3. ใหไปพบแพทยเพ่อื ตรวจจังหวะการเตน ของหวั ใจ 5) ตอบ ผดผืน่ คนั ปอ งกนั โดยหลกี เล่ียงอากาศรอ นจดั ใสเสือ้ ผา ท่รี ะบาย
4. ใหสงั เกตวาตนเองมีนา้ํ หนกั ลดลงหรอื ไม
วิเคราะหค าํ ตอบ ผูทแ่ี พอาหารจะมอี าการหลงั กินอาหารชนดิ นน้ั เขาไป ความรอ นไดดี
เชน ผิวหนังเกิดผน่ื คนั บวม แดง เปนตน ซง่ึ ถา เกดิ อาการเหลา นี้
ควรหยุดกนิ อาหารชนดิ นนั้ ทนั ที ดังน้นั ขอ 1. จึงเปน คําตอบท่ีถูก
คมู ือครู 69
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Engage
กระตนุ ความสนใจ
ครูถามคาํ ถาม แลวใหน กั เรยี นแสดงความ ô˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒ·Ù Õè
คิดเห็นอยางอิสระ ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ã¹ªÕÇÔµ
• สิ่งทเ่ี ห็นในภาพ หนา 70 คอื อะไร เปา หมายการเรียนรปู้ ระจ�าหน่วยท่ ี ๔
(ตอบ ยา)
เมอ่ื เรยี นจบหนว่ ยนี้ ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้ี
• สิง่ ทเ่ี ห็นในภาพหนานี้ มีความสาํ คัญอยา งไร ๑. วเิ คราะหป์ จั จัยท่ีมีอทิ ธิพลตอ่ การใชส้ ารเสพติด
(ตอบ ยาใชบรรเทาและรกั ษาอาการเจ็บปว ย)
(มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๑)
• ยาบา ใชร ักษาโรคไดหรอื ไม อยา งไร ๒. วิเคราะห์ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติดที่มีผล
(แนวตอบ ยาบา ไมใชย ารักษาโรค แตเ ปนสาร
เสพตดิ ชนดิ หนึ่ง ซึง่ แตก อนเรียกวา ยามา ต่อร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญา
เพราะมาจากเครื่องหมายการคาของบริษทั ที่ (มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๒)
สง ยาชนดิ นีม้ าขายในประเทศไทย ขณะน้นั ยัง ๓. ปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ความปลอดภยั จากการใชย้ าและหลกี เลย่ี ง
มีประโยชนเปน ยาอยู ตอ มา สารเสพติด (มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๓)
กระทรวงสาธารณสขุ ไดเ ปลี่ยนชอื่ ใหเ ปน ๔. วิเคราะหอ์ ทิ ธิพลของส่ือท่มี ีต่อพฤติกรรมสขุ ภาพ
ยาบา เพราะเปน สารเสพตดิ ทมี่ ฤี ทธก์ิ ระตนุ (มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๔)
ระบบประสาทสวนกลาง แลวทําใหผ เู สพ
ควบคมุ ตนเองไมได เหมอื นคนบา )
เกร็ดแนะครู
ครมู อบหมายใหนักเรียนหาขาวเก่ยี วกับสารเสพติดมา 1 ขา ว แลว ออกมาเลา
ใหเพอื่ นฟงที่หนาชัน้ จากนั้นรวมกนั สนทนาเก่ียวกบั อันตรายของสารเสพตดิ
เพ่ือใหนกั เรียนตระหนักถงึ อันตรายของสารเสพตดิ กอ นเริ่มบทเรียน
70 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปา หมายการเรียนรู
ñº··Õè สาระสา� คญั 1. วิเคราะหป จจัยท่ีมีอิทธพิ ลตอ การใช
สารเสพตดิ สารเสพติดมอี ันตรายตอ่ สขุ ภาพ เราจึงควร สารเสพติด (มฐ พ 5.1 ป.5/1)
ศกึ ษาปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การเสพสารเสพตดิ
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ ผลกระทบทม่ี ตี อ่ สขุ ภาพ โทษของสารเสพตดิ 2. วเิ คราะหผลกระทบของการใชสารเสพตดิ
เพอื่ ปอ้ งกนั ตนเองจากอนั ตรายของสารเสพตดิ ท่มี ผี ลตอ รา งกาย จติ ใจ อารมณ สังคม
และสติปญญา (มฐ. พ 5.1 ป.5/2)
3. ปฏบิ ัติตนเพือ่ หลีกเลี่ยงสารเสพตดิ
(มฐ. พ 5.1 ป.5/3)
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป ญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มวี ินยั รบั ผิดชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มงุ ม่ันในการทํางาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
? ใหน ักเรียนดภู าพ หนา 71 แลวรวมกนั แสดง
ความคิดเห็นวา ทาํ ไมคนในภาพจงึ รวมกันรณรงค
¹¡Ñ àÃÂÕ ¹·ÃÒºËÃÍ× äÁ‹Ç‹Ò ตอ ตานยาเสพติด
·Òí äÁ¤¹ã¹ÀÒ¾¨Ö§Ã‹ÇÁ¡¹Ñ
ó礵 Í‹ µŒÒ¹ÂÒàʾµÔ´ (แนวตอบ ยาเสพติดกอ ใหเ กิดปญหาในชมุ ชน
เชน คนตดิ ยาเสพติดแลว กออาชญากรรม เปน ตน
ซง่ึ สงผลกระทบตอ ความเปน อยขู องคนในชุมชน
คนในชุมชนจงึ รว มกันตอตานยาเสพติด)
7๑
เกรด็ แนะครู
ครจู ัดกระบวนการเรียนรูโ ดยการใหนักเรยี นปฏิบตั ิ ดังน้ี
• สาํ รวจคน หาขอมูลเกี่ยวกบั สารเสพติดโดยใชการคน หาขอ มลู 5 ขน้ั ตอน
• วเิ คราะหจ ากประเด็นคําถามและภาพขา ว วดิ ีโอ
• ใชก ระบวนการทาํ งานกลมุ โดยการนําเสนอผลงาน และบทบาทสมมตุ ิ
จนเกดิ เปนความรูความเขา ใจวา สารเสพตดิ เปนอนั ตรายตอสขุ ภาพ
มผี ลกระทบตอรา งกาย จติ ใจ อารมณ สงั คม และสตปิ ญ ญา เราจึงควรรูปจจยั ท่ีมี
ผลตอการใชสารเสพติด วิเคราะหผลกระทบของสารเสพติด เพือ่ สามารถปฏิบัติตน
ใหป ลอดภยั จากสารเสพติดได
คูมือครู 71
กระตุน ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
สาํ รวจคน หา Explore
1. ครนู าํ ภาพตางๆ เชน บหุ ร่ี เครอื่ งด่มื ชกู าํ ลัง สารเสพตดิ หมายถงึ สารทเ่ี สพเขา้ สรู่ า่ งกายไมว่ า่ จะโดยวธิ ีใด แลว้ ท�าให้
สรุ า กาแฟ หมากฝรงั่ ลกู อมรสกาแฟ ใบกญั ชา เกดิ ผลตอ่ รา่ งกาย คอื ตอ้ งเพมิ่ ขนาดการเสพขนึ้ เรอื่ ยๆ มอี าการอยากยาเมอ่ื ขาดยา
ยาบา นาํ้ อดั ลม ดอกกหุ ลาบ ดอกฝน ผกั คะนา มีความต้องการเสพทงั้ ร่างกายและจิตใจอย่างรนุ แรงและต่อเนือ่ ง
วติ ามนิ ซี สารระเหย กาวนา้ํ เปน ตน มาให
นกั เรยี นดู แลว ถามนกั เรยี นวา ภาพใดคอื ในปัจจุบันการแพร่ระบาดของสารเสพติดเป็นไปอย่างกว้างขวาง ทั้ง
สารเสพตดิ สารเสพติดท่พี บได้ใกล้ตวั เชน่ บหุ รี่ สุรา สารระเหย เปน็ ต้น หรือสารเสพติด
ทีผ่ ดิ กฎหมาย เชน่ ยาบา้ เปน็ ตน้ ซึง่ เกิดจากปัจจัยตา่ งๆ มากมาย
2. ครนู าํ ใบความรมู าใหน ักเรียนอา นเพื่อใหนักเรียน
เขา ใจวา สิ่งใดเปนสารเสพตดิ สงิ่ ใดไมใช ๑ ปัจจยั ทีม่ ีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด
สารเสพตดิ โดยยึดหลกั การอธบิ ายตามขอ มลู น้ี
• สารเสพตดิ คือ สารทเี่ สพเขาสรู างกาย ปจั จยั ทที่ �าใหค้ นเสพสารเสพตดิ มีอย่ดู ้วยกนั หลายสาเหตุ ดงั น้ี
แลวทําใหตองเพม่ิ ขนาดการเสพข้นึ เรอ่ื ยๆ
มอี าการอยากเสพ เม่อื ขาดสารเสพติด ๑. ปจั จัยภายในตนเอง
มีความตอ งการเสพทัง้ รา งกายและจติ ใจ
• ผลติ ภัณฑทีม่ ีกาเฟอนี เปนสวนผสม ไมถ ือ ๑) คา่ นิยม คา่ นิยมทีผ่ ดิ ๆ คิดวา่ การเสพสารเสพตดิ เปน็ สิง่ ท่เี ท่ เกง่
เปนสารเสพตดิ จัดเปนอาหารทีต่ องควบคมุ และทันสมัย
ปริมาณกาเฟอนี ทําใหร ูสึกกระปร้ีกระเปรา
ตนื่ ตวั ไมง ว ง แตถ า ไดร บั ในปริมาณมาก ๒) ความรเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณ ์ อยากลอง เพราะคดิ วา่ ลองแลว้ ไมต่ ดิ งา่ ยๆ
และตอเนือ่ ง รา งกายจะปรับตวั และตอ งการ ๓) ปัญหาด้านจิตใจ เช่น ขาดความเชื่อม่ันในตนเอง มีปมด้อย
มากขึน้ ถาหยุดทันที จะทาํ ใหป วดศีรษะ ทอ้ แท้ ไมป่ ระสบความสา� เรจ็ ในชีวติ ไมเ่ ห็นคุณคา่ ของตนเอง เปน็ ต้น
กระวนกระวายได
๒. สง่ิ แวดลอ้ ม
3. ครถู ามนกั เรียนตอวา นักเรยี นเคยพบเหน็
สารเสพตดิ ชนิดใดบา ง โดยครูพิจารณาคําตอบ ๑) ครอบครวั ปญั หาครอบครวั เชน่ พอ่ แมท่ ะเลาะกนั พอ่ แมไ่ มม่ เี วลา
ของนกั เรียนวา ใชห รอื ไมใ ชส ารเสพติด ให้ลกู พอ่ แม่เสพสารเสพตดิ เป็นตน้ ทา� ให้ลกู หนั ไปพงึ่ สารเสพตดิ ได้ง่าย
4. ใหน กั เรยี นแบงกลมุ กลมุ ละเทา ๆ กัน ๒) สอ่ื แสดงการเสพสารเสพตดิ ใกลต้ วั ทพี่ บไดบ้ อ่ ยในชวี ติ ประจา� วนั
ใหแตล ะกลุมสบื คน เรื่องสารเสพติด ประเภท ทา� ใหเ้ กดิ พฤติกรรมการลอกเลยี นแบบ
ของสารเสพติด และผลกระทบของสารเสพติด
ที่มีผลตอ รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และ ๓) เพอ่ื น ทดลองเสพสารเสพตดิ ตามเพอ่ื น กลวั เพอ่ื นไม่ใหเ้ ขา้ กลมุ่
สติปญญา แลวคดิ วธิ ีการออกมานาํ เสนอโดยใช ๔) สงั คม สภาพสงั คมทมี่ แี หลง่ เสอ่ื มโทรม และคนในสงั คมขาดการ
อปุ กรณเทคโนโลยสี ารสนเทศ มีสว่ นร่วม การชว่ ยเหลือ อาจท�าใหค้ นในชมุ ชนติดสารเสพติดได้
(เชน เพาเวอรพอยต, วิดีโอ เปนตน ) ๕) ปญั หาสขุ ภาพ ผทู้ ม่ี อี าการเจบ็ ปว่ ยเรอ้ื รงั และมกี ารใชย้ าตดิ ตอ่ กนั
เป็นเวลานาน อาจมีผลทา� ให้เกิดอาการติดยาได้
72
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT 2. ยาอี เฮโรอีน
ขอ ใดแตกตา งจากพวก 4. โคคาอีน มอรฟ น
ในกจิ กรรมข้ันสํารวจคนหา ภาพท่คี รนู าํ มาใหน ักเรียนดูวาภาพใดเปน 1. ฝน กญั ชา
สารเสพติด ควรใชภาพที่มลี กั ษณะใกลเคยี งกัน แตไมใชส ง่ิ เดียวกนั เชน 3. ยาบา เฮโรอีน
เคร่ืองดื่มชกู ําลัง ➾ นํ้าอัดลม, นาํ้ เปลา วเิ คราะหคาํ ตอบ ฝน กญั ชา เปนสารเสพตดิ ทไ่ี ดจากพืช สวนยาบา
ยาบา ➾ ยาเมด็ , เมล็ดพืช, ถัว่ ตา งๆ เฮโรอนี โคคาอนี มอรฟน และยาอี เปน สารเสพติดทีผ่ ลติ ขน้ึ ดว ยกรรมวธิ ี
ดอกฝน ➾ ดอกไมต างๆ
เพอ่ื ใหน ักเรียนไดว ิเคราะหกอนตอบ และสามารถดกู ารคดิ วิเคราะหจ ากคาํ ตอบ ทางเคมี ดงั น้นั ขอ 1. จึงเปน คาํ ตอบทถี่ กู
ของนกั เรยี นไดดว ย
72 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๒ ผลกระทบของการใชส้ ารเสพติด 1. ใหแตล ะกลมุ ออกมานําเสนอผลงาน โดยครดู ู
ความถูกตองของเนือ้ หาของแตล ะกลมุ และ
การเสพสารเสพติดมีผลกระทบในหลายดา้ น ดงั น้ี ใหข อ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ
ผลกระทบในด้านตา่ งๆ ลักษณะผลกระทบทเ่ี กิดขน้ึ 2. ครอู ธิบายความรเู พม่ิ เติมสารเสพตดิ ประเภท
ของสารเสพตดิ และผลกระทบจากสารเสพตดิ
ดา้ นรา่ งกาย ● ท�าลายสขุ ภาพใหเ้ สอื่ มโทรม ● ประสบอุบตั เิ หตุได้งา่ ย ที่มีผลตอรา งกาย จติ ใจ อารมณ สังคม และ
● ไรค้ วามสามารถในการท�างาน ● ท�าใหเ้ สยี ชวี ิต สติปญ ญา
ด้านจิตใจ ● ทา� ใหเ้ กิดความเครยี ด 3. ใหน กั เรยี นดขู าวหรอื วิดโี อเกย่ี วกับคดี
● ท�าให้เกดิ อาการประสาทหลอน สารเสพตดิ เชน คนเสพยาเสพติดคลมุ คล่งั จับ
● จติ ใจหดห่เู ศรา้ หมอง คนเปนตัวประกัน คนเสพสารเสพตดิ ปน เสา
ไฟฟา ทํารา ยตวั เอง จะกระโดดตึก เปนตน
ด้านสังคม ● เกิดปญั หาอาชญากรรม แลว ใหนักเรียนวเิ คราะหสาเหตขุ องการเสพ
● ขาดแคลนแรงงานในการพฒั นาประเทศ สารเสพติด ผลกระทบของการใชส ารเสพตดิ
● สิน้ เปลอื งงบประมาณในการดแู ลรักษา แลวบันทึกผล ดงั นี้
• ใจความสาํ คัญของขาว
ดา้ นสตปิ ญั ญา ● ความจา� เสือ่ มลง • ผลกระทบที่เกดิ ข้นึ
● ดา� เนนิ ชีวิตต่อไปไม่ได้ตามปกติ • ปจจยั ที่ทาํ ใหเ สพสารเสพตดิ
๓ สารเสพติดใกล้ตัว 4. ใหนกั เรยี นวิเคราะหปจจัยทีม่ อี ิทธิพลตอ การ
ใชส ารเสพตดิ แลว เขยี นเปนแผนผังความคดิ
สารเสพติดใกลต้ วั ที่นักเรียนควรรู้โทษเพื่อป้องกนั ตนเอง มีดงั น้ี โดยนักเรยี นสามารถเช่ือมโยงไดวา ปจจัยใด
มอี ิทธพิ ลตอ การเสพสารเสพติดอยางไร เชน
๑. บุหร่ ี ปจจัยท่มี อี ทิ ธพิ ลตอการเสพสารเสพตดิ คอื
ครอบครวั แตกแยก ลกู ไมมที พี่ ่งึ ท่คี อยพดู คุย
บุหร่มี ีสารต่างๆ หลายชนิดทกี่ อ่ ให้เกิดโทษต่อร่างกาย ดังน้ี ใหคําปรึกษา เลยหันไปคบกบั กลุม เพอื่ น
แตกลมุ เพอ่ื นเปน กลุมทเี่ สพสารเสพตดิ
ทาร ์ (Tar) หรอื นา�้ มนั ดนิ (คราบบหุ ร)่ี เปน็ ทรี่ วมของสารเคมีในกลมุ่ ไฮโดรคารบ์ อน นักเรยี นจงึ เสพสารเสพติดตามกลุมเพ่อื น
(Hydrocarbon) ซึง่ เปน็ สารเคมีทีม่ ีความเหนียวติดอยู่กับเนอื้ ปอด เป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งเปนพฤติกรรมตามชวงวยั ทมี่ ักจะตอ งการ
การยอมรับจากเพือ่ น
นโิ คตนิ (Nicotine) เป็นสารท่ีมีการกระตุ้นสมองในระยะแรก และต่อมามีฤทธ์ิ
กดประสาททา� ใหเ้ สน้ เลอื ดหดตวั มผี ลทา� ใหค้ วามดนั โลหติ สงู กระตนุ้ หวั ใจใหเ้ ตน้ เรว็ ขน้ึ 5. ครอู ธิบายความรูเพ่ิมเตมิ ปจจัยท่ีมีอทิ ธิพลตอ
และนิโคตินมีสว่ นกระตุ้นให้อยากสบู บุหร่ีอกี การใชส ารเสพติด
แกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด ์(Carbon Monoxide) เปน็ แกส๊ ทม่ี คี วามเขม้ ขน้ สงู ขดั ขวาง
การรับแกส๊ ออกซเิ จน ทา� ใหเ้ กิดภาวะขาดแกส๊ ออกซิเจนในรา่ งกาย และท�าให้ไขมัน
พอกตามผนงั เสน้ เลอื ดมากขน้ึ ท�าใหเ้ สน้ เลอื ดตบี ประสทิ ธภิ าพในการท�างานของปอด
ลดลง
73
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
เพราะเหตุใด จึงมคี ํากลาววา “เมาไมขบั ” ในกรณที ไี่ มม ีอุปกรณเ ทคโนโลยสี ารสนเทศพรอ ม ครูอาจใหนักเรยี นนําเสนอ
แนวตอบ เพราะผูทด่ี ม่ื สุรา จะมอี าการมนึ งง มอื สน่ั ระบบกลา มเน้อื โดยใชส ่อื อยางอ่นื กิจกรรมนเ้ี นนใหนักเรยี นสามารถสื่อสารดว ยวธิ กี ารตา งๆ
ทาํ งานไมส มั พันธก นั มีสติสมั ปชญั ญะไมครบถวน ความจาํ บกพรอง นอกเหนือจากการอธิบาย
ทาํ ใหค วามสามารถในการขับขี่ลดลง จึงไมค วรขบั รถ เพราะอาจเกดิ
อันตรายตอ ตนเองและผอู ่นื ได บูรณาการอาเซียน
บูรณาการเช่อื มสาระ ครอู ธบิ ายใหน กั เรยี นเขา ใจวา ประเทศสมาชกิ อาเซยี นไดร ว มกนั แสดงเจตนารมณ
ทจ่ี ะมุงเนน ใหอาเซยี นเปน เขตปลอดยาเสพตดิ ภายในป ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)
ครบู รู ณาการความรใู นสาระสขุ ศึกษาและพลศึกษา กับสาระการงานอาชพี โดยมมี ตเิ หน็ ชอบใหด าํ เนนิ การแกไ ขปญ หายาเสพตดิ โดยเนน การสกดั กน้ั ยาเสพตดิ
และเทคโนโลยี วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร เรอ่ื ง การคน หา ทัง้ ภายในและภายนอกภูมิภาค และจะดําเนินการปราบปรามผคู าอยา งจรงิ จัง
ขอมลู โดยใหนักเรยี นคน หาขอมูลตามขนั้ ตอนวิธกี ารคนหาขอมูลทงั้ 5 ขน้ั พรอมเปน หุนสวนในการแกไ ขปญ หายาเสพติด โดยประสานความรวมมือระหวาง
เพอ่ื ฝก การคนหาขอมลู และสามารถออกมานําเสนอโดยใชอ ุปกรณเ ทคโนโลยี คณะกรรมการอาเซียนสาขาตา งๆ ท่เี กี่ยวขอ ง โดยการปองกันเยาวชนรุนใหมข อง
สารสนเทศได อาเซียนไมใ หเ กีย่ วของกบั ยาเสพตดิ
คมู ือครู 73
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครถู ามนักเรยี นวา ๒. สุรา
• เมอื่ ทราบอนั ตรายของสารเสพตดิ แลว
นกั เรียนอยากเกีย่ วของกบั สารเสพติดหรือไม สรุ าเปน็ เครอ่ื งดมื่ ทม่ี แี อลกอฮอลผ์ สมอยู่ จดั เปน็ สารเสพตดิ ประเภทหนง่ึ
เพราะอะไร โทษของการด่มื สรุ า มดี งั น้ี
(แนวตอบ ไม เพราะสารเสพตดิ เปน อนั ตราย
ตอ รา งกาย ทาํ ใหร างกายทรดุ โทรม จติ ใจ ๑) ท�าให้เกดิ โรคตา่ งๆ เชน่ โรคตบั แขง็ โรคมะเรง็ ตบั โรคพษิ สรุ า
ไมเ ปนปกติ อารมณฉ นุ เฉยี ว อยูรวมกบั ผูอ่ืน เร้ือรงั เปน็ ตน้
ในสังคมไมไ ด เปน ท่ีรงั เกยี จของสงั คม และ
ทําใหส ตปิ ญ ญาเสอื่ มโทรม) ๒) ขาดการควบคุมสติท�าให้เกดิ อุบัตเิ หตไุ ดง้ า่ ย
• เมอ่ื นกั เรยี นไมอยากเกี่ยวขอ งกับสารเสพตดิ ๓) ความสามารถในการทา� งานลดลง
แลว นกั เรียนจะมีวิธีหลีกเล่ียงสารเสพตดิ ๔) มีพฤติกรรมทกี่ า้ วร้าว
อยางไร
(แนวตอบ คาํ ตอบอาจมหี ลากหลาย เชน ไมรบั ๓. สารระเหย
ขนมจากคนแปลกหนา ไมเ ขา ใกลผ ทู เ่ี สพ
สารเสพตดิ ปฏิเสธเม่ือมผี ูใหท ดลองเสพ สารระเหยเป็นสารประกอบอินทรีย์เคมีประเภทไฮโดรคาร์บอนท่ีได้มา
สารเสพตดิ เปนตน ) จากนา�้ มนั ปโิ ตรเลยี ม (Petroleum) และแก๊สธรรมชาติ เป็นสารท่ีระเหยได้งา่ ย
ในอณุ หภมู ปิ กติ สารพวกนเี้ ปน็ สว่ นผสมในผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม และผลติ ภณั ฑ์
2. ใหน ักเรียนแตละคนเขียนวธิ ีการหลกี เล่ียง ที่พบเห็นบ่อยๆ เชน่ ทินเนอร์ (Thinner) แลก็ เกอร์ (Lacquer) เปน็ ต้น
สารเสพตดิ บนกระดาษทค่ี รแู จกให (กระดาษส)ี
แลวลงชื่อ จากน้ันนกั เรยี นรวบรวมไปจดั ปา ย โทษของการเสพสารระเหย มีดังน้ี
นเิ ทศหวั ขอ “ฉันจะไมยงุ เกยี่ วกับสารเสพตดิ ”
ระบบในรา่ งกาย ผลเสียตอ่ ระบบในร่างกาย
3. ใหน ักเรยี นรวมกันตอบคาํ ถาม จากกจิ กรรม
การเรียนรู ตอนท่ี 1 คาํ ถามชวนคดิ หนา 76 ระบบประสาท ● เกดิ ผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลาย
ทา� ให้เกดิ อาการวงิ เวียน มือสนั่ ตัวสัน่ ความคิดช้าลง
เห็นภาพซ้อน ปลายประสาทอกั เสบ
ระบบไหลเวียนโลหติ ● จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจผดิ ปกติ การสรา้ งเมด็ เลอื ดชะงกั
เมด็ เลือดแดงตา่� อ่อนเพลยี เลอื ดออกง่าย บางรายอาจ
เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
ระบบทางเดินหายใจ ● เกิดการระคายเคืองอวยั วะในระบบทางเดนิ หายใจ
หรืออาจรุนแรงจนถงึ การอกั เสบ
ระบบกลา้ มเนอ้ื ● กลา้ มเน้ือลีบจนทา� ให้เปน็ อมั พาต
๔. ยาบ้า1(แอมเฟตามนี )
ยาบา้ เปน็ สารเสพตดิ ออกฤทธกิ์ ระตนุ้ ประสาทมลี กั ษณะเปน็ ยาเมด็ กลมๆ
ขนาดเลก็ มีหลายสี และมสี ญั ลักษณป์ รากฏบนเม็ดยา เชน่ ฬ M PG WY
74เป็นตน้
นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT 2. เปนโรคตบั แขง็
ขอ ใดเปน อันตรายทีเ่ กิดจากยาบา 4. ทําใหค วามดันโลหิตสูง
1 ยาบา ทพ่ี บเห็นโดยท่ัวไปมลี ักษณะเปนเม็ดกลม หลากหลายสี แตยงั พบ 1. สมองเสอื่ ม
ยาบา ในรปู แบบอื่นไดอกี เชน ผลึกสขี าว หรอื ผลกึ น้ําแข็ง เรียกกนั วา ยาไอซ 3. เปนโรคถงุ ลมโปงพอง
เปนตน
วเิ คราะหคาํ ตอบ การเสพยาบา จะทําใหผูเสพมีอาการประสาท
การปอ งกนั ไมใหเ ยาวชนตดิ ยาบา น้ัน สวนสําคัญอยทู ี่พอแมที่ตอ งใกลชดิ ลกู
และสรางความสมั พนั ธอ ันดใี หเ กดิ ข้นึ ในครอบครัว นอกจากนนั้ ตอ งคอยใหค วามรู ตึงเครียด ถาใชต ิดตอ กันเปนเวลานานจะทาํ ใหส มองเส่อื ม ดังนั้น ขอ 1.
เพ่อื ใหลกู ทราบถึงอนั ตรายของยาบา คอยดแู ลเอาใจใส และเปน ตัวอยางทดี่ ี จึงเปน คําตอบที่ถกู
ใหแ กล ูก สอนใหล กู รจู ักการปฏเิ สธเพ่ือนท่ชี ักชวนไปทดลองยาอยางสภุ าพ
และหา งจากแวดวงทีม่ ว่ั สุมกนั ได คอยใหกําลังใจเร่อื งการเรยี นและชน่ื ชมลกู
เมื่อประสบความสําเรจ็ ในการเรียนหรอื กจิ กรรมนอกหลักสูตร สรางคา นยิ ม
ในครอบครัวในการทจี่ ะไมยอมรับยาเสพติดอยางเด็ดขาด
74 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
โทษของการเสพยาบ้า มีดงั นี้ 1. ใหน ักเรยี นแบง กลุมตามเดมิ แตล ะกลุมแสดง
บทบาทสมมุติ การปฏเิ สธสารเสพตดิ เมอื่ ถูก
ผลกระทบในด้านต่างๆ ลกั ษณะผลกระทบทีเ่ กดิ ชกั ชวน โดยใหแ ตละกลมุ สรางสถานการณ
ขน้ึ มาเอง ตัง้ แตส ถานการณท่เี ปน ปจจัย
ผลต่อจิตใจ ● เปน็ โรคจิตชนดิ หวาดระแวง ทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอ การใชสารเสพตดิ จนถึง
● ประสาทหลอน การหลกี เลี่ยงสารเสพติด จากน้ันครูและเพือ่ น
กลมุ อื่นชว ยกันประเมิน โดยใชเ กณฑ
ผลต่อระบบประสาท ● ระยะแรกออกฤทธก์ิ ระตนุ้ ประสาท ทา� ใหป้ ระสาทตงึ เครยี ด การใหค ะแนน ดังนี้
ผลต่อพฤติกรรม พอยาหมดฤทธิ์จะท�าให้ประสาทล้า ท�าใหก้ ารตัดสินใจ • ความถูกตองของเน้อื หา
ช้าลง และผิดพลาด • ความรว มมอื กนั ทาํ งานในกลมุ
• การแสดงสมบทบาท
● ถ้าใช้ติดตอ่ กนั เปน็ เวลานาน จะทา� ให้สมองเส่ือม
● ถา้ ใช้ในปรมิ าณมากจะทา� ใหห้ มดสติ และเสยี ชีวิตได้ 2. ใหนักเรียนทํากจิ กรรมผลงานสรา งสรรค
3. ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.2
● ก้าวร้าว กระวนกระวายใจ
จากแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5
●
๔ การหลกี เล่ียงสารเสพตดิ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
สขุ ศกึ ษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.2
สารเสพติดมีอนั ตรายมาก ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลีย่ งสารเสพตดิ โดยการ แบบประเมินตัวชว�้ ัด พ 5.1 ป.5/2
ปฏิบตั ิ ดงั น้ี
๑. ไม่ทดลองใชส้ ารเสพตดิ ทกุ ชนิด ถา้ มผี ู้ชกั ชวนตอ้ งรบี ปฏเิ สธทนั ที กจิ กรรมรวบยอดที่ ๔.๒
๒. ไมค่ บกบั ผทู้ เี่ สพสารเสพติดหรอื อยู่ใกลผ้ ทู้ ่ีเสพสารเสพติด แบบประเมนิ ตัวชว้ี ัด พ ๕.๑ ป.๕/๒
๓. ถ้ามปี ัญหาควรขอคา� ปรึกษาจากพ่อแม่ ครู หรือผ้ใู หญท่ ่ีไวใ้ จได้ วิเคราะหผลกระทบของการใชยาและสารเสพติดที่มีผลตอรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม
และสติปญญา
๔. มองโลกในแงด่ ี ฝกึ ควบคุมตนเอง เช่ือมนั่ ในตนเอง มีความมุง่ มัน่ ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน
และสรา้ งแรงจงู ใจใหต้ นเองอยเู่ สมอ จะทา� ใหจ้ ติ ใจเขม้ แขง็ ขน้ึ ไมถ่ กู ชกั จงู ไดง้ า่ ย บอกผลกระทบของการใชสารเสพตดิ ท่ีมผี ลตอผใู ชใ นดา นตา งๆ
๕. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสารเสพติดอยู่เสมอ เพ่ือป้องกันตนเอง
จากภัยของสารเสพติด ๑) ผลตอ รา งกาย
๖. ควรใชเ้ วลาวา่ งในการทา� กจิ กรรมทเี่ ปน็ ประโยชนร์ ว่ มกบั เพอื่ นๆ เชน่ สขุ ภาพเสื่อมโทรม…●…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ออกกา� ลังกาย เลน่ ดนตรี อา่ นหนังสอื เปน็ ตน้ …●……อ…า…จ…ป…ร……ะส……บ…อ……ุบ…ตั …ิเ…ห…ต……ุ …ท…ํา…ใ…ห…เ…ส…ยี……ช…วี …ติ …ห…ร……ือ…พ…ิก……า…ร…………………………………………………………………………
๗. เข้ารว่ มกจิ กรรมรณรงคต์ อ่ ตา้ นสารเสพติด
๘. ถา้ พบเหน็ บคุ คลทม่ี พี ฤตกิ รรมเกย่ี วขอ้ งกบั สารเสพตดิ ควรแจง้ ผใู้ หญ่ ๒) ผลตออารมณ
กาวราว หงุดหงดิ งา ย…●………………………………………………………………●…………………………………………………………………………………………………………………
กระวนกระวาย เกดิ ความเครียด…●………………………………………………………………●…………………………………………………………………………………………………………………
เฉฉบลับย ๓) ผลตอ จิตใจ
เปนโรคจติ ประสาทหลอน…●………………………………………………………………●…………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔) ผลตอ สงั คม
สิ้นเปลืองงบประมาณ เกิดอาชญากรรม…●………………………………………………………………●…………………………………………………………………………………………………………………
ขาดแรงงานในการพัฒนาประเทศ…●…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๕) ผลตอ สตปิ ญญา
ความจาํ เส่ือมลง…●…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…●……ไ…ม…ป…ร…ะ…ส……บ…ค……ว…าม……ส…าํ …เ…ร…็จ…ใ…น……ก…า…ร…ท…าํ…ง……าน……แ…ล……ะก……า…ร…เ…ร…ยี …น…………………………………………………………………
ตัวชว้ี ดั พ ๕.๑ ขอ ๒
ñðไดค ะแนน คะแนนเตม็
หรือตา� รวจทนั ที 75 เกณฑป ระเมนิ ชน้ิ งาน ๒ คะแนน
๑ คะแนน
(๑๐ คะแนน ขอ ละ ๒ คะแนน)
• บอกผลกระทบไดถกู ตอ ง ๒ ขอ
• บอกผลกระทบไดถ ูกตอ ง ๑ ขอ
๔๐
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
ถานักเรียนบังเอญิ พบเพือ่ นๆ กาํ ลังสบู บหุ รอี่ ยหู ลังโรงเรียน แลว เพอ่ื น ครอู าจใหนักเรยี นรว มกนั คดิ การรณรงคต อตา นสารเสพติดแลว ดําเนินการ
ชักชวนใหนักเรยี นสูบบหุ รด่ี ว ย นักเรยี นจะทําอยา งไร รณรงคต อ ตานสารเสพติดในโรงเรียน ชุมชน
1. ถามเพอ่ื นกลบั วา ถามกี ลิ่นท่ชี อบกจ็ ะสบู ดวย นกั เรยี นควรรู
2. บอกเพื่อนใหเ กบ็ ไวใ ห แลววนั หลงั คอยมาเอา
3. บอกเพ่ือนวาสูบบหุ ร่ที าํ ใหเปน โรคมะเร็งปอดได เราไมส ูบ 1 สายดว นสารเสพตดิ ทีน่ ักเรียนควรรเู พม่ิ เตมิ มดี งั น้ี
4. เอาบุหรม่ี าเกบ็ ไว แลว บอกเพื่อนวา บหุ ร่เี ปนสิ่งไมด ี อยาสบู เลย 1323 สายดว นกรมสุขภาพจิตบริการเลกิ ยาเสพตดิ
วเิ คราะหค าํ ตอบ เมอื่ มผี ูชักจูงใหสูบบหุ ร่ี นกั เรียนควรพูดปฏเิ สธดวย โครงการ To be number one
สีหนา และถอยคําทีจ่ รงิ จงั และมีเหตุผลจริงจงั ในการปฏิเสธ ดงั นั้น 1386 ศูนยร ับแจงเบาะแสยาเสพติด
1541 ศนู ยร ับแจงขอมลู อาชญากรรมและยาเสพตดิ
ขอ 3. จึงเปน คําตอบทถี่ ูก
คมู ือครู 75
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
1. ครตู รวจบันทกึ ผลการวเิ คราะหขาวหรอื วิดีโอ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
เกี่ยวกบั สารเสพตดิ แลวครปู ระเมินการแสดง
บทบาทสมมตุ ิ ตอนที่ ๑ คา� ถามชวนคิด
เขยี นตอบค�าถามต่อไปนี้ลงในสมดุ
2. ครูตรวจสอบความถูกตอ งและสวยงามของ
โปสเตอรร ณรงคตอตานสารเสพตดิ ๑) นกั เรยี นเคยดสู อื่ ทม่ี กี ารใชส้ ารเสพตดิ หรอื ไม่ นกั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรกบั การกระทา� นนั้
๒) ในชวี ติ ประจา� วนั นกั เรยี นเคยพบเหน็ คนใชส้ ารเสพตดิ หรอื ไม่ เขามอี าการอยา่ งไร
3. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของการทํากจิ กรรม
รวบยอดท่ี 4.2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศึกษา ป.5 นกั เรยี นคดิ ว่าสารเสพตดิ ชนดิ นัน้ คืออะไร
๓) นักเรียนรู้สึกอย่างไร เมื่อพบคนใช้สารเสพติด หรือคนใกล้ตัวของนักเรียน
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู
ใช้สารเสพติด
1. บนั ทึกผลการวเิ คราะหขา วหรอื วิดีโอ ๔) ถา้ มบี ุคคลในครอบครวั ของนักเรยี นเสพสารเสพติด นักเรียนควรทา� อยา่ งไร
2. การแสดงบทบาทสมมุตเิ กย่ี วกบั การปฏิเสธ ๕) นกั เรียนมวี ธิ กี ารปฏิเสธผู้ทีช่ ักชวนใหเ้ สพสารเสพตดิ อย่างไร
สารเสพตดิ ตอนท ี่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า (ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม ขน้ึ อยูก ับดุลยพินิจของผสู อน)
3. โปสเตอรรณรงคตอตานสารเสพตดิ ๑. แบง่ กลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกันให้เหตุผลสนบั สนุนข้อความว่า “สารเสพตดิ แคค่ ิด
4. กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.2 จากแบบวดั ฯ
จะทดลองกผ็ ิดแล้ว” จากนน้ั บันทึกผลลงในสมุด
สุขศึกษา ป.5 ๒. อา่ นค�าพูดท่กี า� หนดให้ แล้วเขยี นค�าพูดท่นี ักเรยี นจะใชพ้ ดู โต้ตอบอย่างเหมาะสม
ลงในสมดุ
๑) “´Ù¹è¹Ñ ÊÔ à¢ÒÁ«Õ ÁØŒ ŧª×è͵͋ µŒÒ¹ÊÒÃàʾµÔ´´ÇŒ  àÃÒä»Å§ªÍ×è ¡¹Ñ ¹Ð”
๒) “à¸Í㪼Œ ŒÒ»´ »Ò¡»´¨ÁÙ¡µÍ¹·ÒÊ·Õ íÒäÁ¹‹Ð äÁ‹ÃÒí ¤ÒÞàËÃÍ”
๓) “´àÙ ´ç¡¾Ç¡¹éѹÊÔ ¹§Ñè ´Á¡Òǡѹ àÃÒࢌÒ仵͋ ÇÒ‹ ¾Ç¡à¢Ò¡Ñ¹´äÕ ËÁ”
๔) “¹ÍŒ §æ Åͧ¡Ô¹¢¹ÁÍÍ¡ãËÁ‹¹ÊÕè ¨Ô Ð ¾ÕèãË¿Œ ÃÕæ àŹРà¾ÃÒоÕÁè ÕàÂÍД
๕) “¾èÕÁÂÕ Ò·Õ·è Òí ãËŒÍÒ‹ ¹Ë¹§Ñ Ê×Íä´Œ¹Ò¹¢é¹Ö ¹ŒÍ§ÍÂÒ¡Åͧ¡Ô¹äËÁ ¾ãÕè ËŒ¿ÃÕæ àŹД
ตอนท่ี ๓ ผลงานสร้างสรรค์ (ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ขนึ้ อยกู ับดลุ ยพนิ จิ ของผสู อน)
แบง่ กลมุ่ ให้แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั วาดภาพโปสเตอรร์ ณรงค์ตอ่ ต้านสารเสพติด และน�ามา
จัดปายนิเทศ
76
เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1 กจิ กรรมสรา งเสรมิ
คําถามชวนคิด
ใหนกั เรียนเขียนคาํ ขวญั เพอ่ื รณรงคตอตา นสารเสพติด แลว นําไปติดท่ี
1) แนวตอบ เคย ละครทีม่ กี ารด่ืมเหลา สูบบุหรี่ รสู กึ วา เปนสิง่ ทีไ่ มดี ปายนเิ ทศ
2) แนวตอบ เคย คนดม่ื เหลา มอี าการมนึ เมา พดู ไมร ูเรอ่ื ง โวยวาย
3) แนวตอบ รูส กึ ไมช อบ ไมอ ยากใหใชสารเสพตดิ เพราะเปนอนั ตรายตอ รางกาย กจิ กรรมทาทาย
4) แนวตอบ ขอรอ งใหเลกิ เพราะสารเสพติดเปนอันตรายตอรางกายอาจทําใหเสีย
ใหน ักเรยี นเขียนเรียงความเรอื่ ง “เดก็ รนุ ใหม หางไกลสารเสพตดิ ”
ชีวติ ได อยากใหค นในครอบครวั มีชวี ติ อยรู ว มกันไดนานๆ จากน้นั นาํ มาอา นทหี่ นาช้นั แลวนาํ ไปตดิ ท่ปี ายนิเทศ
5) ตอบ ปฏเิ สธอยา งจริงจัง และใหเ หตุผลวาสารเสพตดิ เปน อันตรายตอ รา งกาย
เราจะไมท ําใหร างกายไดร บั อนั ตรายจากสารเสพติด
76 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปา หมายการเรยี นรู
òº··Õè 1. วเิ คราะหผ ลกระทบของการใชย าท่ีมผี ลตอ
ขอ้ ควรรู้เก่ยี วกับยา สาระสา� คัญ รา งกาย จติ ใจ อารมณ สงั คมและสตปิ ญญา
(มฐ. พ 5.1 ป.5/2)
2. ปฏบิ ตั ิตนเพื่อความปลอดภยั จากการใชยา
และหลีกเลย่ี งสารเสพติด (มฐ. พ 5.1 ป.5/3)
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ยาเป็นส่ิงที่ช่วยรักษาและบรรเทาอาการ สมรรถนะของผูเ รียน
ของโรคได้ แต่ถ้าเราใช้ยาไม่ถูกวิธีก็จะส่ง
ผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังน้ัน เราจึงควร 1. ความสามารถในการคิด
ปฏิบัติตนในการใช้ยาให้ถูกต้อง เพื่อความ 2. ความสามารถในการสื่อสาร
ปลอดภัยจากการใชย้ า 3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค
1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
? ใหนกั เรยี นดูภาพ หนา 77 แลวรวมกนั แสดง
ความคิดเหน็ วา ยาในภาพควรนาํ มาใชห รอื ไม
¹¡Ñ àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò ÂÒã¹ÀÒ¾¤ÇùÒí ÁÒ㪌 เพราะอะไร
ËÃ×ÍäÁ‹ à¾ÃÒÐÍÐäÃ
(แนวตอบ ยาในภาพไมควรนํามาใช เพราะ
77 ลักษณะของยาเปลีย่ นไป เสอ่ื มสภาพ หรอื หมดอายุ
ถา นาํ มาใชอาจเปนอนั ตรายตอรา งกายได)
เกร็ดแนะครู
ครูจดั กระบวนการเรยี นรูโ ดยการใหน ักเรยี นปฏบิ ัติ ดงั น้ี
• สังเกตลักษณะของยาทีไ่ มควรนาํ มาใช
• สืบคน ขอมูลสาเหตทุ ี่ทําใหเ กิดอนั ตรายจากการใชยา
• วิเคราะหจากประเด็นคาํ ถามและตอบ
จนเกดิ เปน ความรคู วามเขา ใจวา การใชย าทไี่ มปลอดภยั สงผลกระทบตอ
รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสตปิ ญญา ดงั น้นั เราจึงควรรวู ธิ ีการใชย า
ท่ีถูกตอ ง เพ่ือความปลอดภยั ในการใชยา
คมู อื ครู 77
กระตุน ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
สาํ รวจคน หา Explore
1. ครนู ํายาทเ่ี ส่อื มคุณภาพ ยาท่ีมีลักษณะของยา ยาเปน็ สงิ่ ท่ีใชร้ กั ษาโรคถา้ เราใชอ้ ยา่ งถกู วธิ ี แตถ่ า้ เราใชไ้ มถ่ กู วธิ กี จ็ ะทา� ให้
เปลยี่ นไป หรอื ยาทีห่ มดอายุ มาใหน กั เรียนดู เกดิ โทษและเป็นอันตราย
แลว ถามนกั เรยี นวา ถานกั เรยี นกินยาเหลาน้ี
เขาไป จะเกดิ ผลอยา งไร ๑ การใช้ยา
(แนวตอบ ถา กนิ ยาเหลา นเี้ ขาไป อาจทาํ ใหเ กดิ “นกั เรียนรู้จกั ยาอะไรบ้าง และยานนั้ มีสรรพคุณอยา่ งไร”
การเปนพิษตอรางกาย เกิดอาการแพ อาเจยี น
เปน ผ่นื คัน ปากบวม หายใจไมส ะดวก) ยาเปน็ สง่ิ ทม่ี ปี ระโยชน์ ถา้ ใชย้ าไมถ่ กู วธิ ี อาจทา� ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ผใู้ ชไ้ ด้
2. ครูถามนกั เรียนวา ใครเคยมอี าการแพย าบา ง ๑. อันตรายจากการใชย้ า
และมีอาการอยางไร จากนั้นใหนักเรยี นที่เคย
แพยาออกมาเลาทหี่ นา ชัน้ ใชย้ าผิดวธิ ี ใชย้ าผดิ
เชน่ การนา� ยาเมด็ มาละลายนา�้ เกิดจากความพลั้งเผลอของ
3. ครสู นทนากบั นักเรียนวา การแพย ากเ็ ปน แลว้ ดมื่ ทา� ใหก้ ารรกั ษาไมไ่ ดผ้ ล ตนเอง หรอื จากการจา่ ยยาผดิ
อนั ตรายที่เกดิ จากการใชย า ทา� ใหไ้ มไ่ ดร้ บั ยาทถี่ กู ตอ้ งตรง
ใชย้ าน้อยกว่าก�าหนด กับโรค การรักษาไม่ได้ผล
4. ครูถามนกั เรยี นวา นักเรียนคดิ วา ยงั มสี าเหตใุ ด เชน่ ตอ้ งกนิ ยา ๒ เมด็ แตก่ ลบั และอาจเปน็ อนั ตรายได้
ทที่ ําใหเกดิ อนั ตรายจากการใชย าไดอีก กนิ เพยี ง ๑เกเดิ มกด็ ารทดา� อ้ืใหยก้า1ารรกั ษา ใชย้ าหลายชนิดพร้อมกัน
ใหน ักเรยี นรว มกันตอบ ไมไ่ ดผ้ ล ท�าให้ฤทธ์ิของยาเสริมกันจน
เปน็ อนั ตรายต่อร่างกาย หรือ
5. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั แตล ะกลมุ ใช้ยาเกินขนาด หักลา้ งกนั จนรักษาไมไ่ ด้ผล
สบื คนสาเหตุท่ที ําใหเ กดิ อันตรายจากการใชยา เชน่ ตอ้ งกนิ ยา ๑ เม็ด แตก่ ลับ
และผลกระทบของการใชยา กิน ๒ เม็ด เพราะอยากหาย เใชช่นย้ านใน�าทยาาแงทอม่ผี ดิเฟตามีน2
เร็วๆ ท�าให้เกิดอาการหายใจ มาเปน็ ยาทท่ี �าให้ขยัน ทา� ให้
เร็ว แพย้ า หรอื ยาเปน็ พิษได้ เกดิ การติดสารเสพตดิ ได้
ใชย้ าหมดอายุ
แพ้ยา ทา� ใหเ้ กดิ อนั ตรายได้
เปน็ ผน่ื คนั ทผ่ี วิ หนงั เกดิ อาการ
บวม
¤ÇÒÁÌ٤ʋ٠¢Ø ÀÒ¾
“วนั หมดอาย”ุ ของยา ถา้ ไมไ่ ดก้ า� หนดไว้ โดยทว่ั ไปดจู ากวนั ผลติ กรณยี าเมด็ มอี ายุ
ไมเ่ กนิ ๕ ป กรณียาน�้าและยาทาเฉพาะท่ี มีอายุไมเ่ กิน ๓ ป ส่วนวนั หมดอายุ อาจจะระบุ
เปน็ ภาษาไทย หรือภาษาองั กฤษ เช่น ยาหมดอายเุ ดอื นตลุ าคม ๒๕๕๗ จะมขี อ้ ความดังน้ี
78 Expired Date ๑๐/๒๐๑๔ หรอื Exp.Date ๑๐/๒๐๑๔ หรือ used before Oct.๒๐๑๔
นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
มะลปิ วดทองเนอ่ื งจากโรคกระเพาะอาหาร เธอจึงหายามากิน
1 การดอื้ ยา คอื การกินยาเขา ไปแลว ไมไ ดผ ล รกั ษาโรคไมหาย อาจเกดิ จาก แตย าหมดไปแลว เธอจงึ นํายาหมองมาทาบริเวณทองใหหายปวดแทน
หลายสาเหตุ เชน การกนิ ยาไมตอ เนือ่ ง การกนิ ยาไมต รงกับโรค เปนตน ทําให มะลทิ าํ ถกู ตองหรือไม เพราะอะไร
เช้ือโรคทนตอ ยาได 1. ถกู ตอ ง เพราะยาหมอ งมีสรรพคณุ แกป วดโรคกระเพาะอาหาร
2 ยาแอมเฟตามีน คอื ยาบา ยาแอมเฟตามนี ถกู ผลติ ขนึ้ เพ่ือรกั ษาโรคหลาย 2. ถกู ตอง เพราะยาหมอ งชว ยคลายกลามเนือ้ ไมใ หเ กดิ อาการปวด
ชนิด เชน โรคจิต โรคประสาท โรคซมึ เศรา โรคปวดศรี ษะ เปน ตน มฤี ทธก์ิ ระตนุ 3. ไมถ ูกตอง เพราะยาหมองเปน ยาทาภายนอกแกวิงเวยี นศีรษะ
ประสาท ทําใหร สู กึ กระปรก้ี ระเปรา ปจจบุ นั ถกู กาํ หนดใหเปน สารเสพติด ไมใชย า และปวดเม่อื ยกลามเนือ้
ที่ใชรักษาทางการแพทย 4. ไมถูกตอ ง เพราะยาหมอ งตองนํามาผสมกับนํ้าแลว ด่มื เพื่อรักษา
อาการปวดทอ งเน่ืองจากโรคกระเพาะอาหาร
78 คูมือครู วเิ คราะหคําตอบ มะลิทาํ ไมถูกตอง เพราะยาหมองเปนยาทาภายนอก
ใชร กั ษาอาการวิงเวยี นศีรษะ ปวดเม่ือยกลา มเนอื้ การนํายาหมองมาทา
เพ่อื บรรเทาอาการปวดทอ งเนอื่ งจากโรคกระเพาะอาหารจึงเปน การใชย า
ท่ไี มถกู กับโรค ดงั นัน้ ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบท่ีถูก
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหน ักเรียนรวมกันอภปิ รายสาเหตุทที่ ําใหเ กิด
อันตรายจากการใชย า และผลกระทบของ
การใช้ยาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยนั้นถ้าหากใช้ไม่ถูกวิธี อาจท�าให้เกิด การใชยา ครอู ธิบายความรเู พ่ิมเติม
อันตรายแก่ผู้ใช้ยาได้ นอกจากนี้ การใช้ยาเพ่ือรักษาอาการเจ็บป่วยในบางครั้ง 2. ใหน ักเรียนสืบคนการปฏิบตั ติ นเพ่ือความ
อาจเกดิ ผลกระทบกับผูใ้ ชย้ าในด้านต่างๆ ดงั นี้ ปลอดภัยจากการใชย า
๒. ผลกระทบของการใชย้ า 3. ครูตั้งคาํ ถามใหนักเรยี นเขียนตอบลงใน
กระดาษ
“นกั เรียนคดิ วา่ ถ้านักเรียนใช้ยาไม่ถูกวธิ ี จะเกิดผลอยา่ งไรบ้าง” • เพราะเหตใุ ด ยาทก่ี นิ กอนอาหารจึงตองกนิ
กอนอาหารอยางนอ ย 30 นาที
รา่ งกาย จติ ใจ (ตอบ ยากอนอาหาร ตองกนิ กอนอาหาร
● การด้ือยาท�าใหร้ กั ษาไมห่ าย ● ความต้องการพ่งึ พายา เพื่อใหยาถกู ดดู ซึมไดดี หรอื เพอ่ื ระงับอาการ
● การแพ้ยา เช่น ผวิ หนงั อกั เสบ ลมพษิ ● การติดยา มีความต้องการยาเพ่ิม บางอยา ง เชน อาเจียน อาการปวดเกร็ง
ในกระเพาะอาหาร เปน ตน)
เปน็ ต้น มากขน้ึ • เพราะเหตใุ ด ยาทกี่ นิ หลังอาหารจึงตอ งกนิ
● ผลข้างเคียง เชน่ ง่วงนอน ปากแห้ง หลงั อาหารอยา งนอ ย 15 นาที
(ตอบ ยาหลงั อาหาร ตอ งกินหลงั อาหาร
เป็นตน้ เพอื่ ลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
● พิษของยาไปทา� ลายตบั ถ้าใชต้ ิดต่อกนั เน่ืองมาจากฤทธิ์ของยา)
• ถา ลืมกินยา นกั เรยี นควรทาํ อยา งไร
เป็นเวลานาน
● การใช้ยาในสตรีมคี รรภส์ ง่ ผลตอ่ ทารก
ในครรภ์
● อาจทา� ให้เกดิ อบุ ัตเิ หตไุ ด้
(ตอบ ถาลมื กินยา ควรกนิ ยาในมอ้ื ตอไปตาม
สตปิ ญั ญา ปกติ ไมควรเพิม่ ขนาดยา เพราะอาจทําให
เกดิ อนั ตรายจากการใชย าเกนิ ขนาดได)
● สสมติปองญั1ถญกู ทาเา� สลื่อามยจลางกการใชย้ าบางชนดิ • เพราะเหตใุ ด เราไมค วรกินยาแกแ พ
●
กอนขับข่ยี านพาหนะ
(ตอบ เพราะยาแกแ พจ ะทําใหม อี าการ
งวงนอน ถา เราขบั ขีย่ านพาหนะกอ็ าจทําให
เกิดอบุ ัตเิ หตุไดงา ย)
• การใชยาตดิ ตอกันเปน เวลานานสง ผล
สังคม กระทบอยา งไร
● เสยี งบประมาณในการรกั ษาเพิม่ มากขึน้ (ตอบ การใชยาตดิ ตอ กนั เปนเวลานาน อาจ
● การเก็บตัวเนื่องจากการใชย้ าในปรมิ าณ ทําใหเกดิ อาการตดิ ยา เมือ่ หยุดยาจะเกิด
ความผิดปกติตอรา งกาย และทําใหจิตใจ
มากๆ ในการรกั ษาหรอื จากการตดิ ยา 7๙ ตอ งการยา หรอื อาจเกดิ การด้อื ยา ถาหยุด
● เกิดอาชญากรรม เช่น ท�าร้ายร่างกาย กินยานน้ั แลว กลับมากินใหมอ ีกคร้ัง ทาํ ให
เพอ่ื ชงิ ทรพั ย์ และนา� เงนิ มาซอื้ ยา เปน็ ตน้
กจิ กรรมสรา งเสรมิ การรกั ษาไมไ ดผล)
เกรด็ แนะครู
ใหน ักเรยี นศึกษาคนควาขอ มูลลักษณะยาเมด็ และยานํ้าทไ่ี มค วรนํามา ครนู าํ ฉลากยามาใหน กั เรียนดู แลว ชท้ี ่ีขอมลู ทร่ี ะบบุ นฉลากยาทนี่ ักเรียนควรรู
ใช จากนนั้ นําขอ มลู มาเขยี นเปนแผนภาพ แลวออกมาอธบิ ายใหเ พอ่ื นฟง กอนใชยาทกุ ครั้ง เชน ชอื่ ยา วิธีใช สรรพคณุ คาํ เตือน อนั ตรายจากการใชยา
วันหมดอายุ เปนตน โดยครูแนะนาํ ใหน กั เรียนควรอานกอนใช เพ่อื ใหเกดิ
กิจกรรมทาทาย ความปลอดภยั จากการใชยา
ใหน กั เรยี นศึกษาคน ควาขอมลู ลกั ษณะของยาทไ่ี มควรนาํ มาใช จากน้นั นักเรยี นควรรู
นาํ ขอมลู มาเขียนเปนแผนภาพ แลว ออกมาอธบิ ายใหเ พอื่ นฟง
1 สมอง ของผูตดิ สารเสพติดจะเกดิ ความผิดปกติ เน่อื งจากเซลลสมองมี
คณุ ลกั ษณะไมเ หมอื นกับเซลลสวนอ่ืนๆ ของรางกาย คือ เซลลส ว นอ่ืนๆ น้ัน
รา งกายสามารถซอ มแซมสวนทชี่ าํ รดุ เสียหายได แตเซลลสมองรางกายไมส ามารถ
ซอมแซมความเสียหายทเี่ กดิ ข้นึ ใหก ลบั ดงั เดมิ ได นอกจากน้ี เม่ือเกิดความเสียหาย
ตอเซลลสมองเพยี งจุดเดยี ว กจ็ ะเกดิ ผลกระทบตอการทํางานของสมองในจดุ อ่นื ๆ
ดวย เนือ่ งจากสมองมีการทํางานสมั พนั ธก ัน
คูมอื ครู 79
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ครูนํายาชนดิ ตางๆ เชน ยานา้ํ ยาเม็ด ยาทา ๒ การ»¯ºิ ตÑ ติ ¹àพอ่ื ¤Çาม»ลอ´ภÂÑ ¨ากการãªÂŒ า
ยาหมดอายุ ยาท่ีมีลักษณะเปล่ียนไป เปนตน “ถา้ นอ้ งไมส่ บาย จะนา� ยาของคณุ ยายมาใหน้ อ้ งกนิ ไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร”
มาใหน กั เรียนแตละคนเลือก (หรือครเู ลอื กให) การใช้ยาอย่างไม่ระมดั ระวงั อาจทา� ให้เกิดอนั ตรายถงึ ชีวติ ได้ ดังน้ันจึง
แลว บันทกึ ลงในกระดาษ สงครูเพ่ือเก็บคะแนน ควรปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ควรระวังในการใช้ยา ดงั นี้
• ยาชนดิ นี้ คอื ๑. ตอ้ งอ่านฉลากให้เขา้ ใจก่อนใชย้ าทุกคร้ัง เพอ่ื จะได้ใช้ยาได้ถกู ตอ้ ง
• ใชร กั ษาอาการอะไร ๒. ••ใชยยย้ าาาหกใหอลถ้ นังกูออโาารหหคาารถร1กู2คควววิธรรี กกถนินิูกยยบาาุคหกคลอ่ ลงันกถกินูกนิ อขอานาหาหาดารรอแอยลยา่ะ่างถงนูกน้อเอ้ วยยลา๑๓๕ต๐วั นอนายาทา่ทีงี เชน่
• วธิ ีการใช
• อนั ตรายทีเ่ กดิ จากการใชย าน้ี ตัวอยา่ ง ถา้ เราปวดศรี ษะ มไี ข ้ เราจึงกนิ ยาพาราเซตามอล
• นักเรียนจะเลือกใชย าชนดิ น้หี รอื ไม อยา งไร ถูกโรค ถูกวธิ ี ถูกบุคคล ถูกขนาด ถูกเวลา
๒๑
2. ใหน ักเรียนทํากิจกรรมการเรยี นรู ตอนที่ 2 ยาแกป้ วด ลดไข้ ยาเมด็ ใชก้ นิ ใชไ้ ดต้ ง้ั แตอ่ ายุ ๖ ปข นึ้ ไป - ๑ เมด็ กนิ ทกุ ๔ - ๖ ช่วั โมง
ชวนคิด ชวนทํา และตอนท่ี 3 ผลงาน หรอื เมอ่ื มอี าการปวด
สรางสรรค
3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 4.4
จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5
ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
สุขศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.4
แบบประเมนิ ตัวชว�้ ดั พ 5.1 ป.5/2 ๓. ยาบางชนิดควรกินก่อนการนอนหลับพักผ่อน เพราะมีผลท�าให้
รา่ งกายเกิดอาการงว่ งนอน เชน่ ยาแกแ้ พ้ ยาลดนา้� มกู เปน็ ต้น
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูต ามตัวช้ีวัด ประจาํ หนวยท่ี ๔ บทที่ ๒
๔. เมอื่ ลมื กนิ ยามอื้ ใดมอ้ื หนงึ่ หา้ มเพม่ิ ขนาดยาในมอื้ ตอ่ ไป เพราะอาจ
กิจกรรมรวบยอดท่ี ๔.๔ เกดิ อันตรายจากการใช้ยาเกนิ ขนาดได้ ให้กินตามขนาดปกติ
แบบประเมนิ ตวั ช้วี ัด พ ๕.๑ ป.๕/๒ ๕. ไม่ควรใชย้ าชนิดเดยี วกันติดต่อกนั เปน็ เวลานาน
วิเคราะหผลกระทบของการใชยา และสารเสพติดที่มีผลตอรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม ๖. เมอ่ื ใชย้ าแลว้ ต้องปิดซองหรือปิดฝาขวดให้แน่นและเก็บไวใ้ หด้ ี
๗. ควรเก็บยาไวใ้ นต้ยู า และควรติดตงั้ ตยู้ าใหส้ ูง เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ ดก็
และสตปิ ญญา มาหยบิ ยาไปใชเ้ อง ควรแยกยาใชภ้ ายนอก คอื ยาที่ใชท้ าหรอื ดม และยาท่ีใช้
ภายใน คอื ยาที่ใชก้ นิ ออกจากกนั ใหช้ ัดเจน
ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน ๘. เมอื่ เกดิ อาการแพย้ า ควรเลกิ ใชท้ นั ที แลว้ แจง้ ใหแ้ พทยท์ ราบทกุ ครง้ั
๙. เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยท่ีไม่ใช่อาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ควรพบ
เขยี นผลกระทบของการใชย าท่ีมผี ลตอรา งกาย จติ ใจ อารมณ สงั คม และสตปิ ญญา แพทย์ทุกครง้ั ไม่ควรซ้อื ยามากินเอง
เราควรใชย้ าให้ถกู วิธีตามหลกั การใชย้ า เพ่อื ป้องกันผลกระทบท่เี กิดกบั
๑) รา งกาย ๒) จิตใจ อารมณ ร่างกาย จิตใจ สังคมและสติปัญญา เราจึงจะปลอดภัยจากการใช้ยา และหาย
8๐จากโรคหรืออาการท่เี กดิ ขน้ึ
…●……ก…า…ร…ด…อื้ …ย…า……ร…กั……ษ…า…โ…ร…ค…ไ…ม…ห …า…ย…………………………. …●……ค…ว…า…ม…ต…อ …ง…ก……าร……พ…ง่ึ …ย…า………………………………………….
…●……ก…า…ร…แ…พ…ย …า……เช…น………ป…า…ก…บ…ว…ม……ผ…น่ื …ค……นั ……เ…ป…น …ต…น…. …●……ต…ดิ …ย…า……ม…คี …ว…า…ม…ต……อ …ง…ก…า…ร…ย…า…เ…พ…ม่ิ …ม…า…ก…ข…น้ึ………….
…●……ผ…ล…ข…า …ง…เค……ยี …ง……เช…น………ง…ว …ง…น…อ…น………เป…น……ต…น …………. กระวนกระวายใจ…●……………………………………………………………………………………. เฉฉบลบั ย
●……อ…า…จ…ท……าํ …ให…เ… ก…ดิ…อ……บุ …ตั …เิ …ห…ต…ไุ …ด… ………………… ผลกระทบ เปน โรคจติ………●………………………………………………………………………
๓) สังคม ของการใชย า ๔) สตปิ ญญา
…●……เก……ดิ …อ…า…ช…ญ…า…ก…ร……ร…ม……เช…น………ท…าํ …ร…า …ย…ร…า …ง…ก…า…ย……. ●………ส…ต…ปิ …ญ……ญ……าเ…ส…อ่ื…ม……ล…ง……………………………………………
………เพ……อื่ …ช…งิ …ท…ร…พั …ย…… เ…ป…น ……ต…น ………………………………………. ●………ส…ม…อ…ง…ถ…กู……ท…าํ …ล…า…ย…จ…า…ก…ก…า…ร…ใ…ช…ย …า…บ…า…ง…ช…น…ดิ……..
…●……เส……ยี …ง…บ…ป…ร…ะ…ม…า…ณ……ใ…น…ก…า…ร…ร…กั……ษ…า…ม…า…ก…ข…น้ึ …………
……………………………………………………………………………………….
ตัวชว้ี ดั พ ๕.๑ ขอ ๒
ñðไดคะแนน คะแนนเต็ม
เกณฑประเมนิ ชน้ิ งาน ๒ คะแนน
การเขียนขอมลู (๑๐ คะแนน มี ๔ ขอ ขอละ ๒.๕ คะแนน) ๐.๕ คะแนน
• บอกผลกระทบของยาไดถ ูกตอ งตัง้ แต ๒ ขอ ขึ้นไป
• เขยี นอธบิ ายเปนขอๆ
๔๕
นักเรยี นควรรู ขอ สอบ O-NET
ขอ สอบป ’53 ออกเกยี่ วกบั การใชย า
1 ยากอ นอาหาร การกนิ ยากอนอาหาร เพอ่ื ใหยาถกู ดดู ซมึ ไดด ีหรือออกฤทธ์ิ การใชยาสามญั ประจาํ บา นชนิดนํ้า ควรเรม่ิ ปฏิบตั ขิ อ ใดกอน
ระงบั อาการบางอยา งทีจ่ ะเกดิ ข้ึน ไดแ ก ยาแกอ าเจียน เปน ตน และเพื่อใหย าถกู 1. เขยา ขวด
ดดู ซึมในขณะทอ งวา ง และออกฤทธิ์ไดดที สี่ ดุ 2. เปด ฝาขวด
2 ยาหลงั อาหาร การกนิ ยาหลังอาหาร ยาประเภทนจี้ ะระคายเคอื งกระเพาะ- 3. อา นฉลากยา
อาหาร ทาํ ใหเกดิ อาการคลื่นไส อาเจียน ปวดทอ ง การกนิ ยาหลงั อาหารเพ่อื ลด 4. เทยาใสถ วยตวง
การระคายเคืองทเ่ี กิดขึ้นได วิเคราะหค ําตอบ ส่งิ แรกทต่ี องปฏบิ ตั ิในการใชยา คือ การอา นฉลากยา
เพ่อื ดวู นั หมดอายุ วิธีใช และคาํ เตือน เพือ่ ที่เราจะไดใชยาไดอยา งถกู วธิ ี
ยาสามญั ประจาํ บา นชนดิ นาํ้ มที งั้ ยานาํ้ แขวนตะกอน ยานา้ํ ใส เมอื่ ดฉู ลากยา
แลวจงึ เขยา ขวดเพ่อื ดลู กั ษณะของยาวาสามารถรวมตัวกนั ไดห รอื ไม
ถาไมไ ดแ สดงวายาเสือ่ มคณุ ภาพ ดังนัน้ ขอ 3. จงึ เปนคาํ ตอบท่ถี กู
80 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจสอบบันทกึ การเลอื กใชยาของนกั เรียน
วาถกู ตอ งหรอื ไม
2. ครตู รวจสอบความถูกตอ งและสวยงามของ
สมุดภาพยา
ตอนท ่ี ๑ ค�าถามชวนคดิ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู
เขียนตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ลี งในสมุด
1. บนั ทกึ การเลอื กใชย า
๑) นักเรยี นคิดวา่ ผลกระทบของการใช้ยาผดิ มีอนั ตรายอย่างไร 2. สมดุ ภาพยา
๒) นักเรียนเคยใช้ยาผิดบ้างหรอื ไม่ อย่างไร
๓) ถ้าบคุ คลในบา้ นของนักเรยี นไมส่ บาย นักเรียนจะมีวธิ ีการแนะนา� ใหก้ ินยา
อย่างถูกวิธีไดอ้ ยา่ งไร
ตอนที่ ๒ ชวนคิด ชวนทา�
ดภู าพ แลว้ ตอบคา� ถามลงในสมุด
๑ ๒ ÂÒËÁ‹Í§ ๓ ÂÒᡌäÍ
ÂÒ´Á
๑) ยาในข้อใดบ้างที่ไม่ควรนา� มากนิ
๒) ถ้ามบี าดแผล แล้วนา� ยาในข้อ ๒ มาทาทบ่ี าดแผล จะเกิดผลอย่างไร
๓) ถา้ มีอาการท้องเสยี สามารถใชย้ าในภาพไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
๔) ถ้ารสู้ ึกเวยี นศีรษะ จะนา� ยาในข้อ ๑ มาใชไ้ ด้หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
๕) ถา้ ใชย้ าในขอ้ ๓ แล้วเกิดอาการคนั มผี นื่ แดง นักเรยี นควรท�าอยา่ งไร
ตอนที ่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมขึ้นอยูก บั ดลุ ยพินิจของครผู สู อน)
แบง่ กลุ่ม ให้แตล่ ะกลุ่มสืบคน้ ข้อมูลเกยี่ วกบั อนั ตรายของยา ความปลอดภัยในการใชย้ า
ยาสมุนไพรพนื้ บ้านและวธิ ใี ช ้ แล้วผลดั กนั ออกมาน�าเสนอผลงาน
8๑
ขอ สอบ O-NET เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1 และตอนท่ี 2
คาํ ถามชวนคดิ
ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกับการใชยา
ขอใดเปนการใชย าทถ่ี กู ตอ ง 1) แนวตอบ ทําใหเ ราแพยา หรือยาอาจมีอันตรายตอเราและรกั ษาโรคไมหายได
1. ใชยาเฉพาะทจ่ี าํ เปน ตามอาการของโรค 2) แนวตอบ คาํ ตอบข้นึ อยูก ับนักเรยี น
2. ใชย าตามคาํ แนะนําของผูทม่ี อี าการเดยี วกนั 3) แนวตอบ กอนกนิ ยาควรอา นฉลากยา ดูวนั หมดอายุ และวิธีใชใหถ กู ตอ ง
3. ใชยานอนหลบั เปนประจําชวยใหพ กั ผอนเพยี งพอ ชวนคิด ชวนทาํ
4. ใชยาติดตอกันเปน เวลานานจนแนใ จวา มอี าการปกติ 1) ตอบ 1 และ 2
วเิ คราะหค าํ ตอบ การใชยาควรใชย าตามโรคท่ีเราเปน และควรใช 2) ตอบ ยาในขอ ที่ 2 คอื ยาหมอง บรรเทาอาการฟกชาํ้ เคล็ดขดั ยอก
ในปรมิ าณท่รี ะบุไวท่ฉี ลากยา เพอ่ื ใหป ลอดภัยจากการใชยา ดังนัน้ ขอ 1. ปวดเม่ือยกลา มเนือ้ คัดจมกู วิงเวยี นศีรษะ ถานํามาทาที่บาดแผล
จึงเปนคาํ ตอบทีถ่ ูก จะทําใหเกิดอาการแสบ หรือเกิดการอักเสบของแผลมากข้นึ
3) ตอบ ไมได เพราะยาท้ัง 3 ชนดิ ไมใ ชยาแกทอ งเสยี
4) ตอบ ได เพราะยาดม มีสรรพคณุ ชวยบรรเทาอาการหนา มืด เปนลม
วิงเวยี นศรี ษะ
5) ตอบ ควรหยดุ ใชยาทนั ที แลวรีบไปพบแพทย
คมู ือครู 81
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปาหมายการเรยี นรู
วเิ คราะหอ ิทธิพลของสื่อทม่ี ผี ลตอพฤตกิ รรม óº··Õè
สุขภาพ (มฐ. พ 5.1 ป.5/3) สอื่ กับตัวเรา
สมรรถนะของผูเรยี น ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ สาระส�าคัญ
ในปัจจุบนั มีสื่อมากมายหลายประเภท
1. ความสามารถในการสื่อสาร ซง่ึ สื่อเหลา่ นม้ี อี ทิ ธิพลต่อพฤตกิ รรมการ
2. ความสามารถในการคิด ดูแลสขุ ภาพของเรา เราจึงควรเลือกใชส้ อ่ื
3. ความสามารถในการแกป ญ หา อย่างเหมาะสม
4. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค
1. มวี นิ ัย รับผิดชอบ
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ ม่นั ในการทาํ งาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
ใหนักเรยี นดูภาพ หนา 82 แลวรว มกนั แสดง
ความคดิ เหน็ วา ภาพนเ้ี ปน สอื่ ประเภทใด และนกั เรยี น
สามารถใชสอื่ นใ้ี นการดูแลรักษาสุขภาพไดอ ยา งไร
(แนวตอบ ส่ือนี้ คอื คอมพวิ เตอร เราสามารถ
สืบคน ขอมูลสุขภาพไดจ ากอนิ เทอรเน็ต)
?
¨Ò¡ÀҾ໹š Êè×Í»ÃÐàÀ·ã´
áÅйѡàÃÂÕ ¹ÊÒÁÒöãªÊŒ è×͹Õé
㹡ÒôáÙ Å梯 ÀÒ¾ä´ÍŒ ‹ҧäÃ
82
เกรด็ แนะครู
ครูจดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรยี นปฏิบตั ิ ดงั น้ี
• สบื คนขอ มูลสุขภาพจากส่อื ตา งๆ
• วเิ คราะหขอมลู จากสอ่ื
จนเกิดเปน ความรูความเขาใจวา สือ่ มอี ิทธพิ ลตอชวี ติ ประจําวนั และการดูแล
สุขภาพ ดงั นั้นเราจงึ ควรเลอื กใชส่อื เพ่อื สุขภาพใหถูกตอง
82 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
Explore Explain Explore
สาํ รวจคน หา
การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในยคุ ปจั จบุ นั มเี ทคโนโลยเี ขา้ มาเกยี่ วขอ้ งมากมาย 1. ใหน กั เรียนแตละคนเขยี นแผนผังความคิด
เพื่อรับ - ส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆ สุขภาพของคนยุคน้ีจึงสัมพันธ์กับการส่ือสาร สอ่ื ทนี่ กั เรียนใชในชีวิตประจําวนั โดยบอกวา
และเทคโนโลยโี ดยหลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ ในวันหนง่ึ นักเรียนใชส ื่ออะไรบาง เพื่ออะไร
และใหน กั เรียนออกมานาํ เสนอ
๑ ส่×อใ¹ชวี ติ ประจíาว¹ั
2. ครสู มุ ถามนกั เรยี นวา นักเรยี นชอบสอื่
“ในปัจจบุ นั นกั เรียนรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารจากสือ่ ใดบ้าง” ประเภทใดมากทีส่ ดุ พรอ มทง้ั บอกเหตผุ ล
ในปัจจุบัน ผู้บริโภคสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้จากส่ือที่หลากหลาย
เชน่ โทรทศั น์ อนิ เทอรเ์ นต็ สือ่ สิ่งพิมพ์ เป็นตน้ ซึ่งขอ้ มูลข่าวสารที่ได้รบั จาก อธบิ ายความรู Explain
สอื่ เหลา่ นม้ี ที งั้ ทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ละโทษตอ่ ผบู้ รโิ ภค ดงั นน้ั ในการรบั ขอ้ มลู ขา่ วสาร
ผู้บริโภคจึงควรพจิ ารณาใหด้ ี และรูจ้ ักเลอื กขอ้ มูลทม่ี ปี ระโยชนม์ าใชง้ าน 1. ครฟู ง ความคิดเหน็ ของนักเรยี นแลว อธิบาย
เพิม่ เตมิ ประโยชนข องส่ือในดา นตางๆ
๑. อนิ เทอร์เน็ต
2. ครูถามนกั เรยี นวา นอกจากสื่อจะมีประโยชน
ปจั จบุ นั การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ทนี่ ยิ มและแพรห่ ลายเนอ่ื งจากมปี ระโยชน์ มากมายแลวส่อื มโี ทษหรอื ไม อยางไร
หลายประการ เช่น ใหน ักเรียนชว ยกันตอบ
เปน็ แหล่งเผยแพรแ่ ละค้นคว้าขอ้ มูล 3. ใหนกั เรียนยกตวั อยางโทษของสอื่ เชน ขาว
ทตา�ดิ ธตรุ ่อกสรอื่รสมาทรากงันกไาดร้สเงะินด1วกรวดเรว็ การถูกลอลวงทางอินเทอรเ น็ต ขาวเด็กตดิ เกม
ใหค้ วามบันเทิง การโฆษณาหลอกลวงใหซื้อสนิ คา เปนตน
แลว ชวยกันวิเคราะหตวั อยางแตล ะตวั อยา ง
อินเทอร์เน็ตมีท้ังข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ข้อมูลที่ วา มผี ลตอนกั เรียนอยา งไร
เปน็ ประโยชนก์ จ็ ะทา� ใหเ้ ราสามารถดแู ลสขุ ภาพได้ เชน่ การปอ้ งกนั ตนเองจากการ
แพรร่ ะบาดของโรคไขห้ วดั ใหญ่ เปน็ ตน้ ขอ้ มลู ท่ีไมเ่ ปน็ ประโยชนอ์ าจนา� อนั ตราย
มาสูเ่ รา เชน่ ถูกล่อลวง ถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ เป็นตน้ ดังนนั้ เราจึงควรร้วู ธิ ี
ป้องกันอนั ตรายจากการใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต ดังนี้
๑) ไม่บอกข้อมลู ส่วนตวั กับคนท่ีตดิ ตอ่ กนั ทางอนิ เทอร์เน็ต
๒) ไมค่ วรเขา้ ไปในเวบ็ ไซตท์ ไ่ี มเ่ หมาะสม ถา้ พบขอ้ ความหรอื เวบ็ ไซต์
ท่ีไม่เหมาะสม ควรแจ้งให้ผปู้ กครองทราบ
๓) ไม่นัดพบกับบุคคลทร่ี ู้จกั กนั ทางอินเทอรเ์ นต็
๔) แบ่งเวลาในการเลน่ อนิ เทอรเ์ นต็ และกิจกรรมอน่ื ๆ ให้เหมาะสม83
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
ขอ ใดเปนการใชอนิ เทอรเน็ตท่ีไมเ หมาะสม ในขนั้ ตอนน้ี ครูตองใหน ักเรียนเขา ใจถึงอิทธพิ ลของสื่อทีม่ ีผลกระทบตอนักเรียน
1. คน หาขา วเกีย่ วกบั สารเสพตดิ โดยนักเรยี นตอ งเขา ใจวา สอ่ื มีความสาํ คัญอยา งไรในชวี ติ ประจําวันของนักเรยี น
2. คนหาภาพของบคุ คลทม่ี ชี ือ่ เสียง และถา นักเรียนเลอื กใชสอื่ ในทางท่ีผิดจะสง ผลกระทบอยางไรตอ ตวั นักเรียน
3. นําขอ มูลจากเวบ็ ไซตมาเรยี บเรียงใหมเปนรายงาน
4. บอกขอมูลสว นตวั กับเพอื่ นที่คุยทางโปรแกรมสนทนา นกั เรยี นควรรู
วิเคราะหคําตอบ การบอกขอ มลู สว นตัวกบั ผูท่ไี มร จู ักดี อาจทาํ ใหถูก
ลอลวงไดง า ย เพราะผทู ี่ไมร จู ักจะใชค วามสนิทสนมลอ ลวงใหเช่ือใจ หรือ 1 ทําธรุ กรรมทางการเงิน ในปจจบุ ันมีหลากหลายรูปแบบ เชน อินเทอรเ น็ต
โดยอาศัยอุปกรณอ เิ ล็กทรอนกิ สตางๆ เชน เคร่ืองคอมพิวเตอร โทรศพั ทมือถอื
ใชข อมูลของเราไปกระทําความผดิ ดังน้ัน ขอ 4. จงึ เปนคําตอบทถี่ ูก หรือส่ืออ่ืนๆ ทช่ี ว ยใหล กู คา สามารถทํารายการทางการเงินไดง า ยขน้ึ แตอาจเสีย่ ง
ตอการถูกหลอกลวงหรอื เกดิ ปญ หาอาชญากรรมได ดังนัน้ เพื่อความปลอดภยั
ผูใ ชจ ึงควรหาทางปองกันผูใชบริการ เชน หลกี เลี่ยงการตง้ั Password ทีง่ ายตอ
การคาดเดา หามใหข อมูลสวนบุคคลและขอ มลู สําคัญทางการเงนิ ผานทาง E-mail
โทรศัพท โทรสาร และจดหมาย ควรตรวจสอบความถูกตอ งของรายการธรุ กรรม
อยางสม่าํ เสมอ เปน ตน
คมู อื ครู 83
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ใหน กั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละเทา ๆ กัน แลวให ๒. เกมคอมพวิ เตอร์
แตละกลมุ หาขอมลู สุขภาพจากสอ่ื ตา งๆ แลว
ยกตวั อยาง เชน สือ่ อนิ เทอรเ น็ต โดยนกั เรียน เกมคอมพวิ เตอรม์ ที งั้ ด้านทเี่ ปน็ ประโยชน์และด้านทีท่ �าให้เกิดโทษ ดังนี้
ยกตวั อยางเว็บไซตทีเ่ ก่ยี วของกบั สขุ ภาพ และ
สอื่ ตา งๆ ท่ีเผยแพรทางอินเทอรเนต็ เชน วดิ ีโอ ✓ ✗
หนังสือ โปสเตอร เปน ตน หรือถานักเรยี น
ยกตัวอยา งเกมคอมพวิ เตอรก ็ควรเปน เกม • เสริมสรา้ งพ้นื ฐานการใช้ • ทา� ใหเ้ กดิ การหมกมนุ่ กบั การเลน่ เกม
ทเี่ ก่ยี วของกบั สุขภาพ แลว บอกวา ส่อื น้ัน คอมพวิ เตอร์ • เลียนแบบพฤติกรรมท่ีไมเ่ หมาะสม
มปี ระโยชนต อ สขุ ภาพของนักเรียนอยา งไร
• ฝึกสมอง ในเกม
2. นักเรียนออกมานาํ เสนอหนา ชัน้ เรยี น จากน้ัน • ฝึกสมาธิ • เสยี การเรยี น และเสยี สุขภาพ
รวมกันพจิ ารณาวา ขอ มลู ทีน่ ํามามคี วาม • ฝึกการทา� งานประสานกัน • ขาดทักษะการเขา้ สังคม
นา เช่ือถอื มากนอ ยเพียงใด พรอ มทั้งบอก • มพี ฤตกิ รรมกา้ วร้าว
เหตผุ ล ระหว่างอวยั วะและสมอง
3. ครอู ธบิ ายความรเู พ่มิ เติมสอ่ื ในชีวติ ประจําวนั ดงั น้นั เราจงึ ควรรจู้ ักป้องกันอนั ตรายจากการเล่นเกม ดังน้ี
วา มที งั้ นา เชือ่ ถอื และไมน า เชอื่ ถือ โดยสอ่ื ที่
นาเชอ่ื ถอื อาจมาจากหนว ยงานของรฐั หรือ การปองกนั อันตราย
สถาบนั และองคก รทมี่ คี วามนาเชอื่ ถือ และ จากการเลน่ เกม
ไดร บั การยอมรบั สวนสือ่ ท่ไี มนาเชอ่ื ถือ หรอื
ตองพิจารณาอยางรอบคอบกอนนําขอ มลู มาใช กา� หนดเวลาเลน่ 1
คอื ส่ือโฆษณา หรอื ส่อื จากเอกชน เพราะ ทเ่ี หมาะสม
สวนใหญจ ะเนน การโฆษณาสินคาของตนเอง
มนี ้�าใจนกั กฬี า หาเวลาว่าง
ในการเลน่ เกม ทา� กิจกรรมกบั ครอบครวั
ไม่เลยี นแบบพฤตกิ รรม เลือกเล่นเกมท่ีเหมาะสม
ที่ไมด่ จี ากตัวละครในเกม กับวยั และพัฒนาการ
84
เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ครยู กตวั อยา งหนว ยงานทนี่ กั เรยี นสามารถตดิ ตอ เมอ่ื พบเหน็ การโฆษณาเกนิ จรงิ ใหนกั เรยี นสมมตุ ิตวั เองเปนเด็กเลน เกม แลวใหนกั เรียนเลอื กเลน เกม
หรือผลติ ภณั ฑท เี่ ปนอันตราย เชน ผลติ ภณั ฑอ าหารและยา สามารถตดิ ตอ จากเกมทเ่ี พ่ือนๆ คดิ แลว บอกเหตผุ ลประกอบ
หนว ยงาน อย. ไดทีส่ ายดว น อย.1556
กจิ กรรมทา ทาย
นกั เรียนควรรู
ใหนกั เรียนสมมตุ ติ ัวเองเปนนกั เขยี นโปรแกรมเกม แลวคดิ เกมท่มี ี
1 กาํ หนดเวลาเลนท่ีเหมาะสม พอ แม หรอื ตัวนักเรียนอาจกําหนดเวลาการเลน ประโยชนตอ สขุ ภาพมาคนละ 1 เกม พรอ มอธิบายใหเพื่อนฟง
โดยใหเ ลน ได 1 ชว่ั โมง หลงั เลกิ เรยี น หรอื กาํ หนดวา ตอ งทาํ การบา นใหเ สรจ็ กอ นจงึ จะ
เลน ได แตต อ งกาํ หนดระยะเวลาการเลน และไมค วรใหเ ลน ถา ถงึ เวลาทคี่ วรจะนอน
การกาํ หนดเวลาเลน และฝก ใหลกู ปฏบิ ัตติ ามขอ ตกลงในครอบครัว ถือเปน
การฝก วนิ ยั เบื้องตน และใหล ูกรูจักยอมรบั กฎกตกิ า ซ่งึ จะชว ยปลูกฝงระเบียบวนิ ัย
ใหแ กลกู
84 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๓. รายการโทรทัศน์ 1. ใหนกั เรียนบนั ทึกการดูโทรทศั นใน 1 วนั
ของตนเองวา นักเรียนดูอะไรบา ง และสิ่งทดี่ ู
โทรทศั น์ เปน็ สอื่ ที่ใกลช้ ดิ กบั เยาวชนมาก บางครอบครวั อาจปลอ่ ยใหล้ กู มปี ระโยชนตอสุขภาพของนกั เรียนอยางไร
ดูโทรทศั น์เพยี งลา� พัง หรอื ไมม่ ีการพูดคยุ กันเลยขณะดูโทรทัศน์ จึงท�าให้ความ
สัมพันธ์ระหว่างครอบครัวน้อยลง นอกจากนี้รายการโทรทัศน์ที่หลากหลายอาจ 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา สือ่ โทรทศั นเปนสอ่ื ที่มี
เปน็ เครอ่ื งมอื ทที่ า� ใหเ้ ดก็ ถกู มอมเมาจากสงิ่ ตา่ งๆ ไดง้ า่ ย เพราะเดก็ ยงั ไมม่ คี วาม อิทธิพลตอ ชวี ิตประจาํ วันของเรา เพราะเปน
สามารถในการแยกแยะสง่ิ ถกู หรอื ผิดได้ ดังนนั้ เราจงึ ควรรูว้ ธิ ีป้องกนั อันตราย เหมอื นกิจกรรมทีส่ ามารถทําไดงาย และให
จากการดูโทรทัศน์ ดงั นี้ สาระความบนั เทิงทห่ี ลากหลาย เราจงึ ตอ ง
เลอื กพิจารณาดูส่ือทเี่ ปน ประโยชนต อตวั เรา
การปองกนั อันตรายจากการดูโทรทศั น์ ซ่ึงสอ่ื ก็ไดช วยกําหนดความเหมาะสมในการ
เลอื กดรู ายการโทรทศั น โดยใชส ญั ลกั ษณต า งๆ
ก�าหนดระยะเวลาในการดู เลือกดูรายการท่ีเหมาะสม
ให้เหมาะสม 3. ครูยกตวั อยางรายการโทรทัศนทม่ี สี ญั ลกั ษณ
เหมาะกับวัยของนักเรยี น แลวครูอาจนํา
ตวั อยา งมาใหนักเรยี นดู แลวรว มกันอภิปราย
วาไดรับประโยชนอ ยา งไรบาง
4. ใหน กั เรยี นทาํ แบบฝก กจิ กรรม เรอ่ื ง สอื่ รอบ
ตวั เรา จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.5
ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
สขุ ศึกษา ป.5 แบบฝก กจิ กรรม
เร�่อง ส่อื รอบตวั เรา
พขณอ่ แะมดคู่โทวรรใทหัศค้ นา� ์แ1นะนา� ลกู ไมห่ ลงเช่ือค�าเชิญชวนจากโฆษณาใน ๓บทที่ สือ่ กับตวั เรา ภาพสญั ลกั ษณ
โทรทัศน์ ควรพจิ ารณาก่อนเลือกซื้อ
แบบฝกกจิ กรรม สอ่ื รอบตวั เรา
คําช้แี จง : การรูจักวิเคราะหส่ือโฆษณา ทําใหเลือกใชสื่อในการดูแลสุขภาพ
ไดอ ยา งเหมาะสม
ดสู ญั ลกั ษณร ายการโทรทัศนท กี่ าํ หนด แลวบนั ทกึ ขอ มลู
๑) สัญลักษณน ี้ หมายถงึ …ร…า…ย…ก……า…ร…ท……ี่ผ…ูใ…ห……ญ…ค……ว…ร…ใ…ห…… ……………..
…ค……ํา…แ…น……ะ…น…าํ…แ……ก…เ…ด…ก็……ท…่ีม……ีอ…า…ย……นุ …อ……ย…ก……ว…า ……๑…๓………ป… ………………………….
เดก็ ในวัยนกั เรียน ❍ ควร ❍✓ ไมควร
ดูรายการทม่ี ีสญั ลักษณน ้ี
๒) สญั ลกั ษณน ี้ หมายถงึ …ร……า…ย…ก…า…ร……ท…ว่ั…ไ…ป……เห……ม…า…ะ…ส……าํ …ห…ร……บั …….. เฉฉบลบั ย
ผูชมทกุ วัย……………………………………………………………………………………………………………………………….
เดก็ ในวยั นักเรยี น ❍✓ ควร ❍ ไมควร
ดรู ายการทมี่ ีสญั ลักษณน ี้
หาเวลาท�ากจิ กรรมอยา่ งอนื่ ไมค่ วรดูโทรทศั น์ในระยะใกล้เกนิ ไป ๓) สัญลักษณน ี้ หมายถงึ …ร……า…ย…ก……า…ร…ส……ํา…ห……ร…ับ……เด……็ก……ท…่ีม……ีอ…า…ย…ุ..
นอกจากการดูโทรทศั น์ ควรอยใู่ หห้ า่ งจากจอ ๑.๕ - ๓ เมตร ๖ - ๑๒ ป……………………………………………………………………………………………………………………………….
เดก็ ในวยั นักเรียน ❍✓ ควร ❍ ไมค วร
ดูรายการทม่ี สี ญั ลักษณนี้
85 ๔) สญั ลักษณนี้ หมายถึง …ร…า…ย……ก…า…ร……เฉ……พ…า…ะ………ไ…ม…เ …ห…ม…า…ะ……………..
แกเดก็ และเยาวชน……………………………………………………………………………………………………………………………….
เดก็ ในวยั นกั เรยี น ❍ ควร ❍✓ ไมควร
ดรู ายการทม่ี สี ัญลกั ษณน ี้
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ๔๙
ในการดโู ทรทศั น นักเรยี นมหี ลักในการเลือกดูอยางไรจงึ จะเหมาะสม เกร็ดแนะครู
1. ดูพรอมกับเพื่อนๆ
2. เลอื กดูแตรายการท่ชี อบ ครนู าํ รายการโทรทัศนใ นแตละวันท่ีอยูในหนังสอื พมิ พม าใหน กั เรียนดู แลว ให
3. ดูรายการท่ีคนทวั่ ไปนยิ ม นักเรยี นรวมกนั พิจารณาวา รายการใดที่เหมาะสมกบั นกั เรียน
4. ดูรายการท่เี หมาะสมกับวยั
นกั เรียนควรรู
วิเคราะหค ําตอบ ในวยั ของนักเรียนยังเปนเด็กจงึ ควรเลือกดรู ายการ 1 พอ แมควรใหคาํ แนะนําลกู ขณะดโู ทรทศั น โดยปฏบิ ัติ ดงั นี้
ทม่ี ีประโยชนแ ละเหมาะสมกบั วยั เชน สารคดี ขาว เปนตน เพราะจะได • กาํ หนดเวลา พอ แมค วรกําหนดเวลาดโู ทรทัศน ไมเกนิ วนั ละ 2 ชม. โดยใช
รับความรูท่ีสามารถนาํ ไปพฒั นาตนเองตอไปและไดร บั ความบนั เทิงควบคู
เวลาทเ่ี หลอื ทาํ กจิ กรรมอน่ื ทดแทน เชน เลน กฬี า อา นหนงั สอื ซงึ่ พอ แมม สี ว นรว มดว ย
ไปดวย ดังนัน้ ขอ 4. จงึ เปน คาํ ตอบทถ่ี กู • มีสวนรวม พอ แมค วรชนี้ ําดอู ยดู ว ยขา งๆ อาจทาํ ใหเ ด็กไดเ รียนรสู ่ิงท่ี
ถูกตองเหมาะสม
• พดู คยุ กับเดก็ ระหวา งดู เมอื่ มหี ัวขอ นา สนใจทางโทรทศั น ควรตั้งคําถาม
เพ่อื กระตุนใหเดก็ แสดงความคิดเห็น และพยายามสอดแทรกใหเด็กรบั รูว าเร่ือง
ในโทรทศั นเ ปน การแสดง ไมใ ชชวี ิตจรงิ
คมู ือครู 85
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ใหน ักเรยี นแบงกลมุ กลุมละเทา ๆ กนั จากน้นั ผชู้ มรายใกนาปรจัโทจรบุ ทนั ศั ผน1้ผู ท์ ลง้ั ิตกรอ่ านยแกลาะรหโทลรงั ทกาศั รนอท์ อุกกสอถาากนาศีตอ้ เพงแอ่ื สใหดผ้งสชู้ ญัมไลดักม้ ษโี ณอกข์ าอสงเกลอืลกมุ่
ครกู าํ หนดหวั ขอ โรคตดิ ตอ ตา งๆ ตามจาํ นวน ดตู ามความเหมาะสม ซง่ึ มี ๖ สญั ลกั ษณ์ ดังน้ี
กลุม ใหแตละกลมุ คิดสื่อท่นี ําเสนอเก่ยี วกบั โรค
ท่ีกลมุ ของตนเองได ออกมานาํ เสนอใหเพื่อน ภาพสญั ลกั ษณ์ คา� อธบิ าย ช่วงเวลา
กลุมอืน่ วิเคราะหวา สือ่ นน้ั มีผลตอการดแู ล ออกอากาศ
สขุ ภาพของนักเรียนหรอื ไม อยา งไร แลว
จดบันทึกสง ครู มีสัญลกั ษณร์ ูปจิกซอว์ (Jigsaw) อยู่ในชอ่ งส่ีเหล่ยี มสเี ขียวด้านซ้าย
ดา้ นขวามตี วั อกั ษร “ป” อกี แถวหนงึ่ มตี วั เลขไทย ๓ และเครอื่ งหมาย+
2. นกั เรยี นทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 4.6 ขอ 2 ใช้ส�ำหรับรำยกำรทผี่ ลติ ข้นึ สำ� หรบั เดก็ ในวยั ๓ - ๕ ปี
จากแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5
ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
สุขศึกษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.6 มสี ัญลักษณร์ ูปเด็กย้มิ อยู่ในช่องส่เี หลี่ยมสีเขียวดา้ นซ้าย ดา้ นขวา
แบบประเมนิ ตวั ช้ว� ัด พ 5.1 ป.5/4 มตี ัวอกั ษร “ด” อกี แถวหน่ึงมตี วั เลขไทย ๖ และเคร่อื งหมาย +
ใช้สำ� หรบั รำยกำรท่ผี ลติ ขึ้นส�ำหรับเด็กในวัย ๖ - ๑๒ ปี ไม่จา� กัด
ช่วงเวลา
๒ อานขอความโฆษณาสนิ คา แลวตอบคาํ ถาม (๕ คะแนน) มสี ัญลกั ษณร์ ูปบา้ นสีขาวอยู่ในช่องสเี่ หลย่ี มสีเขียวด้านซ้าย
ด้านขวามีตัวอักษร “ท” อีกแถวหนงึ่ มขี อ้ ความวา่ “ทุกวัย”
ʺ‹ÙäÇ·ºÃ§Ôê ãªáŒ ÅÇŒ ¢ÒǷѹ㨠äÃÊŒ ÔÇäýŒ Ò‡ ÀÒÂã¹ ÷ Çѹ ใชส้ ำ� หรบั รำยกำรท่วั ไป ทส่ี ำมำรถรับชมไดท้ กุ วยั คือ ไม่มเี น้ือหำท่ี
แสดงถงึ ควำมรนุ แรง หรอื เนอ้ื หำทต่ี อ้ งใชว้ จิ ำรณญำณในกำรรบั ชม
๑) คําโฆษณานีเ้ ปนการโฆษณาสินคาชนดิ ใด สบู……………………………………………………………….
๒) นักเรยี นชอบโฆษณาชนิ้ นี้หรือไม เพราะอะไร
…(…ต…วั…อ……ย…า …ง…ค……ํา…ต…อ……บ…)……ไ…ม……ช…อ…บ………เ…พ…ร…า…ะ…ค……ํา…โ…ฆ……ษ…ณ……า…เ…ก…ิน……ค……ว…า…ม…เ…ป…น……จ…ร……ิง……………..
๓) นักเรียนคดิ วา สินคา น้เี หมาะกบั คนวยั ใด มีเคร่ืองหมายถูก และเครอ่ื งหมายกากบาท อยู่ในช่องสี่เหลยี่ ม
วยั รุนถึงวัยผใู หญ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. สเี หลืองดา้ นซ้าย ดา้ นขวามีตวั อกั ษร “น” อกี แถวหน่งึ มีตัวเลขไทย
๑๓ และเครอ่ื งหมาย +
๔) นักเรียนคิดวา โฆษณานี้ใชส่งิ ใดดึงดูดใจผบู รโิ ภค ใช้ส�ำหรับรำยกำรทเ่ี หมำะกบั ผู้ชมท่ีมอี ำยุ ๑๓ ปขี นึ้ ไป เปน็ รำยกำร ชว่ งเวลา
สรรพคณุ ทําใหหนา ขาวใส ไรส ิวฝา…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ท่ีอำจมภี ำพ เสียง หรอื เน้อื หำ ทตี่ ้องใชว้ ิจำรณญำณในกำรรับชม ๑๑.๓๕ น.
ผูช้ มท่มี อี ำยุนอ้ ยกวำ่ ๑๓ ปี ควรไดร้ บั คำ� แนะน�ำจำกผู้ใหญ่ ไม่ควร
๕) นกั เรยี นจะซอ้ื สินคา นหี้ รอื ไม เพราะเหตใุ ด รับชมรำยกำรประเภทนีต้ ำมล�ำพงั ถึง
(ตวั อยา งคําตอบ) ไมซอ้ื เพราะโฆษณาเกินความเปนจริง…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๐๕.๐๐ น.
ฉบบั
เฉลย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เกณฑป ระเมินชนิ้ งาน ตัวช้วี ัด พ ๕.๑ ขอ ๔
ขอ ๑ และ ๒ (ขอ ละ ๕ คะแนน) ñðไดค ะแนน คะแนนเต็ม
• ตอบคําถามไดถ กู ตอง และมีใจความสําคญั ครบถวน ขอละ
๑ คะแนน
ชดุ ท่ี ๒ ๑๐ คะแนน ๒. ขอ ใดไมใ ชป ระโยชนข องอนิ เทอรเ นต็ มีเครื่องหมายถูก และเครอ่ื งหมายกากบาท อยู่ในชอ่ งสี่เหลย่ี ม หลังเวลา
ทมี่ ีตอ นกั เรยี น สีเหลืองดา้ นซ้าย ดา้ นขวามตี ัวอกั ษร “น” อีกแถวหน่ึงมตี วั เลขไทย ๒๒.๐๐ น.
วง รอบตัวอกั ษรหนา คาํ ตอบทถ่ี ูกทสี่ ดุ ก. ใชฟง เพลง ๑๘ และเครอ่ื งหมาย +
๑. ใครใชส อ่ื ในทางทผี่ ิด ข. ใชค นควา ขอมลู ความรู ใช้ส�ำหรับรำยกำรทเ่ี หมำะกบั ผู้ชมทมี่ อี ำยุ ๑๘ ปีข้ึนไป เป็นรำยกำร ถงึ
ก. ดวิ หาขอมูลโรคไขหวัดจาก ค. ใชสนทนากับเพือ่ นทีอ่ ยไู กล ที่อำจมีภำพ เสียง หรือเนื้อหำ ท่ีไม่เหมำะสมด้ำนพฤติกรรม ๐๕.๐๐ น.
อนิ เทอรเน็ต ง. ใชส บื คนขอ มูลสว นตวั ของดารา ควำมรุนแรง เพศ และกำรใช้ภำษำ ซึง่ ต้องใช้วจิ ำรณญำณในกำร
ข. ดาวเลนเกมลบั สมองใน ๕๑ รบั ชม ผชู้ มท่ีมีอำยนุ อ้ ยกว่ำ ๑๘ ปี ควรได้รับค�ำแนะนำ� จำกผู้ใหญ่
คอมพิวเตอร จงึ ไม่ควรรบั ชมรำยกำรประเภทนี้ตำมล�ำพงั
ค. โดง ดภู าพลามกจากเว็บไซต
ง. ดลดูละครสรางสรรคส งั คม
86
นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ในวัยของนกั เรียน ไมควรเลอื กดูรายการทม่ี ีสญั ลักษณในขอใด
1 สญั ลกั ษณข องกลมุ ผชู มรายการโทรทัศน การจัดระดับความเหมาะสมของ 1. 2.
รายการโทรทศั นไ ทย เปนความรวมมอื กันระหวางสถานีโทรทัศนตา งๆ ไดแก
สถานีวทิ ยุโทรทศั นไ ทยทีวีสีชอง 3 สถานีวทิ ยุโทรทศั นกองทัพบกชอง 5 สถานี 3. 4.
โทรทศั นส กี องทัพบกชอ ง 7 โมเดริ นไนนทีวี เอ็นบีที และทีวไี ทย เพ่ือจัดระดับ วเิ คราะหค าํ ตอบ รายการท่ีสญั ลกั ษณ เปนรายการเฉพาะ
ความเหมาะสมของรายการตา งๆ เพ่ือใหผ ูชมสามารถเลือกดูไดวารายการใดที่มี
ความเหมาะสมตอ ตวั เองและคนรอบขา ง โดยจดั ระเบียบความเหมาะสมของ ไมเ หมาะแกเ ดก็ และเยาวชน ในวยั ของนักเรียนจึงไมควรดู ดงั นนั้ ขอ 2.
รายการนั้นดวยการใชสัญลักษณแสดงกลุมผชู มที่เหมาะสมกบั แตล ะรายการ จึงเปน คาํ ตอบทถี่ ูก
เริม่ ใชต ั้งแตวนั ที่ 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2549 และมีการปรบั เปลีย่ นรูปแบบใหมเร่มิ
ใชตั้งแต 15 ตุลาคม พ.ศ. 2550 มีการเปลี่ยนสัญลกั ษณใหม โดยเปลี่ยนสีของ
สญั ลกั ษณว ดั ระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน ใหเหลือเพียง 3 สี คือ
สเี ขียว สเี หลือง และสแี ดง
86 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
ภาพสญั ลกั ษณ์ คา� อธบิ าย ช่วงเวลา 1. ใหนกั เรยี นทํากจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1
ออกอากาศ คาํ ถามชวนคดิ และตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทาํ
มเี ครอื่ งหมายฟ้าผ่าอยู่ในชอ่ งสเ่ี หล่ยี มสแี ดงดา้ นซา้ ย ด้านขวา หลังเวลา 2. ใหน ักเรยี นทํากจิ กรรมการเรียนรู ตอนที่ 3
มีตัวอกั ษร “ฉ” อกี แถวหนง่ึ มีขอ้ ความว่า “เฉพาะผูใ้ หญ่” ๒๒.๐๐ น. ผลงานสรา งสรรค
ใช้ส�ำหรับรำยกำรเฉพำะผู้ใหญ่ อำจมีภำพ เสียง หรือเนื้อหำ
ท่ีไมเ่ หมำะสมด้ำนพฤตกิ รรม ควำมรุนแรง เพศ และกำรใชภ้ ำษำ ถงึ 3. ใหน กั เรียนทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 4.6 ขอ 1
เด็กและเยำวชนไม่ควรรับชม ซึ่งเมื่อพบรำยกำรลักษณะนี้ ไม่ควร ๐๕.๐๐ น. จากแบบวดั ฯ สุขศึกษา ป.5
ใหเ้ ดก็ และเยำวชนชม เพรำะมเี นอื้ หำทอ่ี นั ตรำยอยำ่ งชดั เจน ซงึ่ จะมี
ภำพที่ใช้ควำมก้ำวร้ำว รุนแรง น่ำกลัว สะเทือนใจ มีผลกระทบ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ทำงจติ ใจ หรอื ลกั ษณะท่ีไมเ่ หมำะสม และอำจมภี ำพทมี่ กั จะเกย่ี วกบั
บำงส่ิงที่เด็กไม่ควรเลียนแบบ เพ่ือป้องกันกำรเลียนแบบของเด็ก สุขศกึ ษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.6
จำกเนอื้ หำของรำยกำรนนั้ ๆ แบบประเมินตัวชว�้ ดั พ 5.1 ป.5/4
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูต ามตวั ชวี้ ดั ประจําหนว ยท่ี ๔ บทท่ี ๓
๒ อิทธิพลของส่อื ท่ีมีตอ่ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ กิจกรรมรวบยอดที่ ๔.๖ (ตัวอยา งคําตอบ)
ส่ือมอี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมสขุ ภาพทงั้ ในดา้ นท่ดี แี ละดา้ นท่ีไม่ดี ดังนี้ แบบประเมินตวั ช้วี ัด พ ๕.๑ ป.๕/๔
วเิ คราะหอ ิทธพิ ลของส่ือทีม่ ตี อพฤตกิ รรมสุขภาพ
๑. ด้านด ี
ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน
๑) เลอื กใชส้ ินคา้ เพ่อื สุขภาพได้
๒) ได้รับความร้เู กี่ยวกบั สขุ ภาพ ๑ ดูภาพ แลว ตอบคาํ ถาม (๕ คะแนน)
๓) มีพฤตกิ รรมสรา้ งเสริมสุขภาพ
๔) ฝกึ ทกั ษะการใชค้ อมพวิ เตอร์ เฉฉบลบั ย
๕) ฝึกสมองฝกึ ความคดิ
๑) ภาพน้ี คือ เด็กกําลงั เลนวดิ โี อเกม…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. ดา้ นไมด่ ี ๒) นกั เรียนเคยมีพฤตกิ รรมตามภาพนห้ี รือไม ❍✓ เคย ❍ ไมเคย
๓) นกั เรยี นคดิ วา ถา เราใชเ วลาทาํ กจิ กรรมตามภาพนน้ี านเกนิ ไป ผลจะเปน
๑) มีความเชอื่ ตามสอ่ื โดยขาดเหตุผล ถกู ล่อลวง หลอกลวงได้งา่ ย
๒) ใช้เวลากบั สอ่ื ตา่ งๆ มากเกินไป อยา งไร …ไ…ม…ม…ีเ…ว…ล…า…ท……ํา…ก…ิจ…ก……ร…ร…ม…อ……ย…า…ง…อ…ื่น………อ…า…จ……จ…ะ…ท…ํา…ใ…ห…เ…ส……ีย…ก…า…ร…เ…ร…ีย…น………แ……ล…ะ…ถ…ูก…
๓) มีพฤติกรรมกา้ วร้าว เลยี นแบบส่อื พอแมตําหนไิ ด……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๔) มคี า่ นยิ มในการดแู ลสขุ ภาพตามสอ่ื ในทางที่ผดิ มากเกินไป ๔) นักเรียนคิดวา การเลนเกมน้มี ีประโยชนหรอื ไม อยา งไร
สื่อนับว่ามีอิทธิพลต่อสุขภาพของเรา การเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับ …ม…ี …เพ……ร…า…ะ…ช…ว…ย…ฝ…ก ……ส…ม…อ…ง…แ……ล…ะ…ช…ว…ย…พ…ัฒ……น……า…ค…ว…า…ม…ค…ิด……………………………………………………………………….
ความตอ้ งการ เพอ่ื ใชป้ ระโยชน์ในทางทถี่ กู ตอ้ ง จงึ เปน็ สงิ่ จา� เปน็ ในการดา� เนนิ ชวี ติ ๕) นกั เรียนมีวธิ ีปฏบิ ตั ิในการทาํ กิจกรรมนอี้ ยา งไร
ในสังคมปจั จบุ ัน เราจึงจะมีสขุ ภาพที่ดี มีความปลอดภยั ในชีวิต …●……แ…บ…ง…เ…ว…ล…า…ใ…น…ก……า…ร…เล……น …เ…ก…ม…แ……ล…ะ…ท…าํ …ก…ิจ……ก…ร…ร…ม…อ……ย…า…ง…อ…น่ื ……ร…ว…ม…ด…ว…ย……………………………………….
…●……ไม……เล……ีย…น…แ…บ……บ…พ……ฤ…ต…ิก……ร…ร…ม…ข…อ…ง…ต……ัว…ล…ะ…ค…ร…ใ…น……เก……ม…………………………………………………………………….
87 …●……เล……อื …ก…เ…ล…น……เก…ม……ท…ี่ฝ…ก……ค…ว…า…ม…ค…ดิ……ส…ร…า…ง…ส……ร…ร…ค…… แ……ล…ะ…ไ…ม…เ ล……น …เ…ก…ม…ท……ใ่ี …ช…ค…ว…า…ม…ร…ุน……แ…ร…ง……….
๕๐
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู
ใหน กั เรียนสืบคน รายการโทรทัศน ทป่ี รากฏสญั ลักษณตามหนังสือเรยี น ครหู าขาวทเี่ กย่ี วกบั การมีพฤตกิ รรมเลียนแบบสอ่ื ตา งๆ ท้ังโฆษณาและละคร
หนา 80 - 81 จากนน้ั เขยี นลงในสมดุ จากนัน้ ใหนกั เรียนรว มกนั อภิปรายผลกระทบจากการมพี ฤติกรรมเลยี นแบบ แลวให
นกั เรียนรว มกันเสนอแนะวธิ ปี อ งกันแกไข
กจิ กรรมทา ทาย
บูรณาการอาเซยี น
ใหน กั เรยี นคิดรายการโทรทัศนท่เี หมาะสมกับวัยของนกั เรยี น แลวเขยี น
ลงในสมุด ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ในการกา วเขาสปู ระชาคมอาเซียน ไทยไดก ําหนด
คุณลกั ษณะเดก็ ไทยในประชาคมอาเซยี นประการหนง่ึ วา มีทักษะในการใชเ ทคโนโลยี
อยางสรา งสรรค โดยใชในการเรยี นรู ออกแบบ สรา งสรรคงาน นําเสนอ เผยแพร
แลกเปล่ียนผลงานในระดับอาเซียน ดังนน้ั นักเรยี นในฐานะเยาวชนไทยคนหนึง่
จึงควรเตรยี มความพรอ ม ในการใชส ่อื สารสนเทศตางๆ ใหไดป ระสทิ ธิภาพและ
สรา งสรรค เพื่อเตรียมความพรอ มสาํ หรับการเปน พลเมอื งอาเซียน
คมู ือครู 87
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
1. ครูตรวจการบันทึกการวเิ คราะหส่อื ทีน่ ักเรียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
คิดวา ถกู ตองหรือไม
2. ครตู รวจสอบผลการทํากจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.6
จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษา ป.5
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ตอนท ่ี ๑ คา� ถามชวนคิด
เขียนตอบค�าถามต่อไปน้ลี งในสมุด (ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมขึน้ อยูกับดุลยพินจิ ของครูผสู อน)
1. บนั ทกึ การวิเคราะหส ่ือทน่ี ักเรียนคดิ
2. กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.6 จากแบบวัดฯ สุขศึกษา ๑) นกั เรียนคดิ ว่าอนิ เทอร์เน็ตมีประโยชน์และมีโทษอยา่ งไร
๒) ปจั จบุ ันนกั เรยี นมีวิธกี ารเลือกใชอ้ ินเทอร์เนต็ อย่างไร
ป.5 ๓) ถา้ นกั เรยี นพบวา่ นอ้ งหรอื พก่ี า� ลงั ใชเ้ วบ็ ไซตท์ ไี่ มเ่ หมาะสม นกั เรยี นจะทา� อยา่ งไร
ตอนท ่ี ๒ ชวนคิด ชวนทา�
๑. อา่ นสถานการณ์ทีก่ �าหนด แล้วตอบคา� ถามตอ่ ไปนล้ี งในสมดุ
๑) ปัญหาของสถานการณ์นี้ คอื อะไร
๒) ผลที่เกดิ ขึน้ คอื อะไร
๓) วิธีแก้ปัญหา เปน็ อย่างไร
สถานการณท์ ี่ ๑
วนั หนง่ึ เพอื่ นชวนอมั รนิ ทร์ไปเลน่ เกมออนไลนท์ รี่ า้ นขา้ งโรงเรยี นในตอนเยน็ เมอ่ื อมั รนิ ทร์ไป
ลองเล่นแล้วเขาชอบมาก เพราะเกมสนุกท้าทาย ต่อมาเขาจึงไปเล่นทุกวัน จนกลับบ้านมืดค่�า
จึงถูกแม่ดุและห้ามไปเล่นเกมอีก อัมรินทร์จึงเปลี่ยนมาหนีเรียนตอนช่วงบ่ายเพ่ือไปเล่น
เกมออนไลน์แทน
สถานการณท์ ี่ ๒
แม่ของเพยี งใจชอบดูละครโทรทศั นม์ าก เธอจงึ ไดด้ ูตามไปด้วย วนั หนงึ่ เธอเห็นตัวละครเด็ก
เล่นกระโดดตีลังกาจากท่ีสูงได้ แล้วคุณแม่ชมว่าเขาเล่นเก่ง เธอจึงอยากเก่งแบบตัวละครบ้าง
เธอจึงปนขึ้นไปบนตู้แล้วกระโดดตีลังกาลงมาเพื่อแสดงให้คุณแม่ดู ปรากฏว่า เธอตกลงมา
เขา่ กระแทกพื้น และขาหัก
ตอนท ี่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ (ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมข้ึนอยกู บั ดลุ ยพินิจของครผู ูส อน)
นักเรียนแต่ละคนคิดสัญลักษณ์รายการโทรทัศน์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับวัยของ
นกั เรียนและเขา้ ใจไดง้ ่าย มาคนละ ๑ สญั ลักษณ์ วาดสญั ลักษณ์ลงในกระดาษโปสเตอร์
และระบายสใี ห้สวยงาม แลว้ น�ามาเสนอหน้าชั้นเรียน
88
เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 2 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ชวนคิด ชวนทํา ขอ ใดเปนการใชส ือ่ ท่ถี กู ตอ ง เหมาะสมกับวยั
สถานการณท ่ี 1 1. เนตรฟง เร่ืองลี้ลับจากวิทยุ
2. โนต อานการต นู วิทยาศาสตร
1) ตอบ อัมรินทร เลน เกมจนกลับบา นมืดคา่ํ 3. นิดดูรายการหาคจู ากโทรทัศน
2) ตอบ อัมรนิ ทรถ ูกแมด แุ ละหามเลนเกม จงึ ทําใหอมั รนิ ทรหนเี รียนไปเลน เกม 4. นกุ เลน เกมตอสจู ากโทรศพั ทมือถือ
วเิ คราะหค าํ ตอบ วัยของนักเรยี น ควรศึกษาเลาเรยี น ซ่งึ การไดรบั ความรู
ในตอนบา ย จากส่อื ตางๆ จะทําใหนักเรียนมีความรูเพมิ่ มากขน้ึ สอ่ื ทีน่ กั เรียนควรเลือก
3) ตอบ อัมรนิ ทรค วรจํากัดเวลาในการเลนเกม เพ่อื ไมใหก ลับบา นมืดค่าํ จงึ ตอ งเปน ส่ือท่มี ปี ระโยชนต อตวั นักเรียน ดงั นั้น ขอ 2. จึงเปนคําตอบ
ทีถ่ กู
หรอื เลกิ เลน เกมถา เกมนั้นไมมปี ระโยชนอะไร
สถานการณท่ี 2
1) ตอบ เพยี งใจกระโดดตีลงั กาเลยี นแบบตวั ละคร จนขาหัก
2) ตอบ ขาของเพยี งใจหัก
3) ตอบ เพียงใจควรดูละครอยางมีวิจารณาญาณ ไมเลยี นแบบพฤตกิ รรม
ทเี่ ปนอนั ตราย แมของเพยี งใจก็ควรใหค ําแนะนําในการดลู ะครวา
พฤตกิ รรมใดกอใหเ กิดอันตราย
88 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
õ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙ·Œ Õè ครถู ามคาํ ถาม แลวใหนักเรียนแสดงความ
¡¨Ô ¡ÃÃÁà¤Å×è͹äËÇËҧ¡Ò คิดเห็นอยางอสิ ระ
เปาหมายการเรียนรูประจําหนว ยที่ ๕ • ในวันหนงึ่ ๆ นักเรยี นทาํ กจิ กรรมเคลอ่ื นไหว
รา งกายใดบาง
เมอ่ื เรยี นจบหนว ยนี้ ผเู รยี นจะมคี วามรคู วามสามารถตอ ไปน้ี (คาํ ตอบขนึ้ อยูกับนกั เรียนแตละคน)
๑. จดั รปู แบบการเคล่ือนไหวแบบผสมผสานและควบคมุ
• กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวรา งกายเปนการ
ตนเอง เมอ่ื ใชท ักษะการเคลอ่ื นไหวตามแบบทกี่ าํ หนด ออกกําลังกายหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
(มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๑) (แนวตอบ การเคลื่อนไหวรางกายท่ีใชแรง
๒. ควบคุมการเคลอ่ื นไหวในเรื่องการรับแรง การใชแรง มากกวาปกติ ถือเปนการออกกําลังกาย
และความสมดุล (มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๓) เพราะตองใชแรงและทําใหอ วยั วะสว นตางๆ
๓. แสดงทักษะกลไกในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางกาย ตองทาํ งานหนกั ข้นึ )
และการเลนกฬี า (มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๔)
เกร็ดแนะครู
ใหนักเรยี นบอกกจิ กรรมการเคลอ่ื นไหวรา งกาย แลว ครนู าํ มาแยกใสตาม
หลกั การเคลื่อนไหวในเรื่องการรบั แรง การใชแรง และความสมดลุ แลว ถาม
นกั เรียนวา ครใู ชหลักการใดในการแยกกลุม กิจกรรมการเคลอ่ื นไหว
(ครแู บงกระดานเปน 3 สวน แตล ะสวนยังไมใ สหัวขอ )
คูมือครู 89
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปา หมายการเรียนรู
1. จัดรูปแบบการเคลอ่ื นไหวแบบผสมผสาน ñº··èÕ
และควบคมุ ตนเองเพอ่ื ใชทกั ษะการเคลอ่ื นไหว เคลื่อนไหวรางกาย สาระสําคัญ
ตามแบบที่กาํ หนด (มฐ. พ 3.1 ป.5/1) และยืดหยุน ขั้นพ้นื ฐาน • การเคล่อื นไหวรางกายมีหลกั อยู
2. ควบคุมการเคลอ่ื นไหวในเรื่องการรับแรง
การใชแรง และความสมดลุ (มฐ. พ 3.1 ป.5/3)
สมรรถนะของผูเรียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ ๓ ประการ คือ การรบั แรง การใชแ รง
และความสมดุล
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการแกปญ หา • กจิ กรรมยดื หยนุ ขนั้ พนื้ ฐาน เปน กจิ กรรม
3. ความสามารถในการใชท ักษะชวี ติ ท่ฝี กทักษะที่ใชท้ังการรบั แรง การใชแ รง
และความสมดลุ
• ทกั ษะกลไก คือ ความสามารถในการ
เคลือ่ นไหวรา งกายในการทํากิจกรรม
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค และการเลนกีฬาตางๆ
1. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ ñ
2. ใฝเรยี นรู
3. มุงม่ันในการทาํ งาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
ใหนกั เรยี นดภู าพ หนา 90 แลวชว ยกนั บอกวา ò? ó
• การเคลอ่ื นไหวในภาพเปน การเคล่อื นไหว
ท่ีตอ งใชทักษะใดบา ง
(ตอบ ท้ัง 3 ภาพ เปนการเคลื่อนไหวในเร่อื ง
การรับแรง รา งกายจะออกแรงรับน้าํ หนักของ
ตนเองขณะเคลอ่ื นไหว)
¡ÒÃà¤ÅÍ×è ¹äËÇã¹ÀÒ¾
໚¹¡ÒÃà¤Å×Íè ¹äËÇ·µèÕ ŒÍ§ãª·Œ ¡Ñ ÉÐã´ºŒÒ§
๙๐
เกร็ดแนะครู
ครจู ัดกระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนกั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
• สาธิตการปฏบิ ตั ิกิจกรรมโดยใชตัวแทนนักเรียนเปน ผสู าธิต
• ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเปนกลมุ โดยใหสมาชกิ ในกลุม ชว ยเหลอื กนั
จนเกิดความรูความเขาใจวา การเคล่ือนไหวรางกาย มหี ลกั อยู 3 ประการ คือ
การรบั แรง การใชแ รง และความสมดุล ซ่ึงกิจกรรมยดื หยนุ ข้ันพ้ืนฐาน เปนกจิ กรรม
ทใี่ ชทงั้ การรบั แรง การใชแรง และความสมดุล
90 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explain Expand Evaluate
Explore Explore
สาํ รวจคน หา
ในการดําเนินชีวิตประจําวันของเรา ตองอาศัยทักษะในการเคลื่อนไหว 1. ครูยกตวั อยางการเคล่ือนไหวรา งกาย
รา งกายเขามาเกย่ี วของอยูเ สมอ เชน การเดิน การว่ิง การนงั่ การยก การดงึ เชน การเดนิ การวง่ิ การเดินขึ้นบนั ได
และการใชอุปกรณตางๆ รวมท้ังการออกกําลังกายและการเลนกีฬาที่ตนเอง การรบั ลูกบอล การยนื ขาเดยี ว การปาลกู บอล
สนใจหรือถนัด เพื่อทาํ ใหรางกายเจรญิ เตบิ โตอยางสมบรู ณและแข็งแรง เปนตน แลว ถามนกั เรยี นวา การเคล่ือนไหว
รา งกายแตล ะอยาง ใชห ลกั ในการเคล่ือนไหว
ñ ËÅÑ¡¡ÒÃà¤ÅÍè× ¹äËÇËҧ¡Ò อยา งไร
“ในชวี ิตประจาํ วัน นกั เรยี นมกี ารเคลอ่ื นไหวรา งกายอยางไรบา ง” 2. ครูแบง นกั เรยี นเปน 3 กลุม เทาๆ กัน
หลักการเคลอื่ นไหวรางกายมอี ยู ๓ ประการ ดังน้ี กลมุ ท่ี 1 : การรบั แรง
กลุมท่ี 2 : การใชแรง
๑. การเคลื่อนไหวในเรื่องการรับแรง กลมุ ที่ 3 : ความสมดลุ
ใหแ ตละกลมุ เขียนการเคลอื่ นไหวโดยใช
การรบั แรง เปน การเคลอ่ื นไหวรา งกาย โดยรา งกาย
จะออกแรงรับน้ําหนักของตนเองขณะเคล่ือนไหว เชน หลักการเคลือ่ นไหวของกลุมตนเองมาใหได
การเดนิ การวิ่ง การกระโดด เปนตน มากท่ีสดุ จากน้ันออกมานําเสนอหนา ชั้นเรยี น
การวง่ิ เปนการเคล่ือนไหวแบบรับแรง
๒. การเคลอื่ นไหวในเร่ืองการใชแ รง
การใชแ รง เปน การเคลอื่ นไหวรา งกายทก่ี ลา มเนอ้ื
ไดออกแรง เม่ือเคล่ือนไหวลักษณะตางๆ เชน การเตะ
ลกู บอล การขวา งลูกบอล การตบลกู บอล เปน ตน
การขวา งลกู บอล การทาํ หกกบ
เปนการเคลื่อนไหวแบบใชแรง เปนการเคลอ่ื นไหว
๓. การเคล่อื นไหวในเรอ่ื งความสมดุล ในเรื่องความสมดุล ๙๑
ความสมดุล เปนการเคลื่อนไหวรางกายในแบบ
ตา งๆ ทผี่ ปู ฏบิ ตั สิ ามารถทรงตวั อยไู ดโ ดยทตี่ วั ไมเ อยี งและ
ไมลม เชน เดินบนคาน เดินโดยมีหนังสือวางบนศีรษะ
การทาํ หกกบ การตอตวั เปน ตน
การเคล่อื นไหวในขอใด ตอ งใชหลกั การใชแรงขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู
1. เดินบนคาน 2. เปดตูเย็น • ครูอาจนําบัตรคาํ การเคลือ่ นไหวในลักษณะตางๆ แจกใหนกั เรยี นคนละ 1 ใบ
3. วิง่ รบั ลกู บอล 4. วิง่ ข้ึนบนั ได แลวใหนักเรียนวิเคราะหว า การเคลื่อนไหวทนี่ กั เรียนได ใชหลกั การเคลื่อนไหวใด
แลว นาํ มาติดบนกระดานใหตรงกับหลักการเคลอื่ นไหวของตนเอง
วเิ คราะหค าํ ตอบ
1. เดนิ บนคาน เปนการเคลอื่ นไหวโดยใชหลกั ความสมดุล เพอื่ ทรงตวั • ครคู ดิ การอบอนุ รา งกายทเี่ หมาะสมกับกจิ กรรมทนี่ กั เรียนปฏิบัตเิ พ่ิมเตมิ
เพ่ือปอ งกนั อันตรายจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม เชน ถานักเรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมยืดหยนุ
บนคานใหไ ด ก็ควรอบอุนรา งกายใหก ลามเน้ือยดื มากทส่ี ดุ เปน ตน และฝก ความคุนเคยของ
2. เปด ตเู ยน็ เปน การเคลอื่ นไหวโดยใชห ลกั การใชแ รง เพอ่ื ออกแรงเปด ตเู ยน็ กจิ กรรมทีป่ ฏิบตั ิ เชน การน่ังงอเขามว นหนา ตองใชแรงสปริงขอ เทา กค็ วรฝกให
3. วิ่งรบั ลูกบอล เปน การเคลือ่ นไหวโดยใชห ลักการรับแรง เพ่อื รับนาํ้ หนัก นกั เรยี นรจู กั สปรงิ ขอ เทากอ น
ของตนเองในการวงิ่ และรบั ลูกบอล
4. วิง่ ขนึ้ บนั ได เปนการเคล่อื นไหวโดยใชหลักการรับแรง เพอื่ รบั นาํ้ หนัก
ของตนเองในการว่งิ ขึ้นบนั ได
ดงั นั้น ขอ 2. จงึ เปนคาํ ตอบท่ถี ูก
คูม ือครู 91