The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by film_6316, 2022-03-23 03:28:05

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ใหนักเรยี นแตละกลมุ จัดทาํ ปา ยความรูวา ó »ÃÐ⪹¢ ͧ¡Òû¯ºÔ µÑ µÔ ¹µÒÁËÅ¡Ñ Ê¢Ø ºÞÑ ÞµÑ Ô
การปฏิบตั ิตามสขุ บญั ญตั แิ หง ชาตทิ ก่ี ลมุ ของ
ตนเองไดน น้ั สามารถปองกันโรคอะไรไดบ าง á˧‹ ªÒµÔ
ยกตัวอยา งกลมุ ละ 1 โรค โดยบอกชือ่ โรค
สาเหตุ อาการ การรักษา และการปอ งกัน “นกั เรียนคิดว่า ผู้ทีป่ ฏบิ ัติตนตามหลกั สขุ บัญญัตแิ หง่ ชาต ิ จะมลี ักษณะ
พรอมทง้ั ตกแตง ใหสวยงาม แลวนํามาจัดปาย อย่างไร”
นิเทศรวมกันภายในหวั ขอ “ไมปฎิบัตติ าม
สุขบัญญัติแหงชาตเิ ปนโรคอะไรไดบา ง” การปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติจนเป็นสุขนิสัย จะท�าให้เกิด
ประโยชน์ ดงั นี้
2. ใหนกั เรียนทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 3.1 ขอ 1 ๑. มีสขุ ภาพแข็งแรงทัง้ รา่ งกายและจิตใจ
จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.5 ๒. มีความสัมพนั ธอ์ ันดีท้ังในครอบครัวและในสงั คม
๓. อยรู่ ว่ มกันในสงั คมภายใต้สภาพแวดลอ้ มทดี่ ไี ด้อยา่ งมคี วามสขุ
ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๔. ดแู ลและปอ้ งกันตนเองจากโรคภยั ไข้เจบ็ และอบุ ตั ิเหตุได้
สขุ ศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.1 ๕. ปอ้ งกนั ตนเองจากสารเสพติดและอบายมุข
แบบประเมินตวั ช้ว� ัด พ 4.1 ป.5/1 การปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติจะท�าให้เรามีสุขภาพท่ีดีท้ัง
ร่างกายและจิตใจ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มีความปลอดภัย
แบบประเมินผลการเรียนรตู ามตัวช้ีวัด ประจาํ หนวยท่ี ๓ บทท่ี ๑ ในการใช้ชวี ติ และเกดิ สันติสขุ ในสังคม กลายเปน็ สงั คมท่นี า่ อยู่และมีคณุ ภาพ

กิจกรรมรวบยอดที่ ๓.๑ ก¨ิ กรรมการàรÕÂนรÙŒ

แบบประเมินตวั ช้วี ัด พ ๔.๑ ป.๕/๑
 แสดงพฤตกิ รรมทีเ่ หน็ ความสําคญั ของการปฏิบัติตนตามสุขบญั ญตั ิแหงชาติ

ชดุ ท่ี ๑ ๑๕ คะแนน

๑ อานการต ูนทกี่ าํ หนดให แลวตอบคาํ ถาม (๕ คะแนน)

âÍ⌠Ë! ਴ç âÁ§¡ÇÒ‹ äÁ´Í‹¡Õ ÒǺҋ ¹à´Òéí ÂëÕ áÇ»äÁ÷‹§¿¹Ñ ¹˜ ÊÇÊÑ ´¤Õ ÃºÑ ·¡Ø ¤¹!
áÅÇŒ ËÃÍ

เฉฉบลบั ย ตอนที ่ ๑ คา� ถามชวนคดิ
เขียนตอบค�าถามต่อไปนลี้ งในสมุด
๑) จากภาพ เด็กไมป ฏิบตั ิตนตามหลักสขุ บัญญตั แิ หงชาติขอ ใดบาง ๑) เมื่อนักเรียนได้รู้การปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติแล้ว นักเรียนคิดว่า
ขอ ๑ และขอ ๒…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ตนเองสามารถปฏบิ ัติตามไดห้ รอื ไม ่ อยา่ งไร
๒) ในชีวิตประจ�าวันนักเรียนปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติข้อใดบ้าง
๒) จากภาพ เดก็ ปฏิบัตถิ กู ตองหรือไม เพราะเหตใุ ด และปฏบิ ตั ไิ ด้ถูกตอ้ งหรอื ไม่ อยา่ งไร
…ไม……ถ …กู …ต……อ …ง……เ…พ…ร…า…ะ…เ…ร…า…ค……ว…ร…แ…ป…ร……ง…ฟ…น ……แ…ล…ะ…อ…า…บ……น…า…ํ้ ห……ล…งั……ต…่นื ……น…อ……น…ต……อ…น……เช…า……………………………. ๓) นกั เรยี นจะน�าหลกั สขุ บัญญตั แิ ห่งชาตไิ ปใชใ้ นการด�าเนนิ ชีวติ อย่างไร
๔) ในฐานะที่เป็นสมาชิกของครอบครัว นักเรียนจะมีวิธีการอย่างไรในการชักชวน
๓) ถา นกั เรียนเปนเด็กในภาพ นกั เรยี นจะปฏิบัติอยางนหี้ รือไม เพราะเหตใุ ด
…ไม……ป…ฏ……ิบ…ตั ……ิ …เพ……ร…า…ะ…เ…ป…น ……ก…า…ร…ก……ร…ะ…ท……ํา…ท…ี่ไ…ม…ถ ……ูก…ต…อ……ง……ท…ํา…ใ…ห……ร …า…ง…ก……า…ย…ส……ก…ป…ร……ก…………………………. 4๒ ให้คนในครอบครวั ปฏิบตั ิตามหลกั สขุ บญั ญตั ิแห่งชาติ
เพือ่ นๆ รงั เกียจ และอาจกอ ใหเ กดิ โรคได…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๔) นักเรยี นคดิ วา เดก็ ในภาพควรปรบั ปรุงตวั อยางไร
…ค…ว…ร…ต……น่ื …ใ…ห……เช……า …ก…ว…า…น……ี้ …แ…ล…ว…แ…ป……ร…ง…ฟ……น ……แ…ล…ะ…อ…า…บ……น……ํ้า…ห…ล…งั……จ…า…ก…ต……่นื …น……อ…น……แ…ล……ว……………………….

๕) จากภาพ ถา นกั เรยี นเปนเพือ่ นของเด็กคนนี้ จะแนะนาํ เขาวา อยา งไร(ตัวอยา งคาํ ตอบ)
…แ…น…ะ…น……าํ …ว…า …ต…อ …ง……แ…ป…ร…ง……ฟ…น ……แ…ล…ะ…อ…า…บ……น……า้ํ …ท…กุ …ว…นั………ร…า…ง……ก…า…ย…จ…ะ…ไ…ด……ส …ะ…อ…า…ด………แ…ล…ะ…ไ…ม…เ… ป……น …โ…ร…ค….

๒๓

3. ใหน กั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรียนรู ตอนที่ 1
คาํ ถามชวนคดิ และตอนท่ี 2 ชวนคดิ ชวนทาํ

4. ใหนกั เรียนทํากจิ กรรมการเรียนรู ตอนที่ 3
ผลงานสรา งสรรค

เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1
ขอ 1., 2. คําตอบข้นึ อยูกับนักเรียน
3. แนวตอบ ใชใ นการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพทไ่ี มเหมาะสมใหดขี นึ้ เมอื่ เรามีพฤติกรรมสุขภาพทดี่ ี กจ็ ะสง ผลใหเรามรี างกายและจิตใจ

ที่แขง็ แรงมคี วามปลอดภัยในการดําเนนิ ชวี ติ และอยรู วมกับผูอนื่ ไดอยางมคี วามสุข
4. แนวตอบ ปฏบิ ัติตนเปน ตัวอยา ง เชน ลางมือใหสะอาดกอ นกนิ อาหารและหลงั ขบั ถาย พรอมท้งั แนะนาํ วา การปฏิบัตเิ ชน นี้จะทําให

ไมเปนโรคอุจจาระรว ง เปน ตน

42 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate

ตอนท ี่ ๒ ชวนคดิ ชวนท�า (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมขน้ึ อยกู ับดลุ ยพนิ ิจของครูผสู อน) 1. ครตู รวจโปสเตอรส ขุ บญั ญัตแิ หง ชาติ
2. ครตู รวจแผนผังความคิดผลของการปฏบิ ตั ิ
ใช้ตารางบันทกึ การปฏิบัติตนตามหลักสุขบญั ญตั ิแหง่ ชาตขิ องตนเองเป็นเวลา ๗ วัน
ตามหลกั สขุ บัญญตั ิแหงชาติ
การปฏิบตั ิตนตามสขุ บัญญตั ิแหง่ ชาติ การปฏิบตั ติ น 3. ครูตรวจสอบความถูกตอ ง และความสวยงาม

✓ ปฏิบตั ิ ✗ ไมป่ ฏิบตั ิ ของปายนิเทศ “ไมป ฏิบัตติ ามสขุ บัญญัติ
แหง ชาติ เปน โรคอะไรไดบ า ง”
๑) อาบน้า� ทุกวนั หลงั จากตื่นนอน .................................... .................................... 4. ครปู ระเมินโครงการสรางเสรมิ สขุ ภาพ
ตามหลักสขุ บัญญัติแหงชาติ
๒) เปลยี่ นเสอ้ื ผ้าใหม่หลงั จากอาบน�า้ .................................... ....................................

๓) ตัดเลบ็ มือเล็บเท้าใหส้ นั้ อย่เู สมอ .................................... ....................................

๔) แปรงฟนั ก่อนเขา้ นอน .................................... .................................... หลักฐานแสดงผลการเรียนรู

๕) บว้ นปากหลังกนิ อาหารเสร็จแลว้ .................................... .................................... 1. โปสเตอรส ขุ บญั ญัตแิ หง ชาติ
2. แผนผงั ความคิดผลของการไมปฏบิ ัตติ าม
๖) ขับถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทกุ วัน .................................... ....................................
หลกั สุขบญั ญตั แิ หง ชาติ
๗) ล้างมอื หลงั จากขบั ถา่ ย .................................... .................................... 3. ปา ยนเิ ทศ “ไมป ฏบิ ตั ิตามสุขบัญญตั ิแหงชาติ

๘) กินผกั และผลไมท้ ุกวัน .................................... .................................... เปน โรคอะไรไดบา ง”
4. โครงการสรา งเสรมิ สุขภาพตามหลกั สขุ บญั ญตั ิ
๙) ไมก่ นิ อาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ .................................... ....................................
แหง ชาติ
๑๐) ใช้ช้อนกลางกนิ อาหารรว่ มกับผอู้ น่ื .................................... ....................................

๑๑) ไมส่ ูบบุหร ี่ .................................... ....................................

๑๒) ออกกา� ลงั กายอยา่ งน้อยสปั ดาห์ละ ๓ ครง้ั .................................... ....................................

๑๓) ชว่ ยพ่อแม่ท�างานบา้ น .................................... ....................................

๑๔) ขา้ มถนนตรงทางมา้ ลาย หรือสะพานลอย .................................... ....................................

๑๕) ออกกา� ลงั กายหลงั เลกิ เรียน .................................... ....................................

๑๖) นอนหลบั อยา่ งน้อยวนั ละ ๘ ชั่วโมง .................................... ....................................

๑๗) ปิดไฟฟ้าเมอื่ ไม่ใชง้ าน .................................... ....................................

๑๘) มีจิตใจร่าเรงิ แจม่ ใส .................................... ....................................

ตอนท่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมขน้ึ อยูกบั ดุลยพนิ จิ ของครูผูสอน)
แบง่ กลมุ่ รว่ มกนั คดิ โครงการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพตามหลกั สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาตมิ า ๑ โครงการ

เขียนรายละเอียด แล้วนา� ไปปฏิบตั ิ บันทกึ ผล แล้วออกมานา� เสนอหน้าชนั้ เรียน 43

ใครปฏบิ ตั ิตนผิดหลกั สขุ บญั ญตั ิแหง ชาติ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
1. หนอ ยแปรงฟน กอนนอนวนั ละ 2 ครงั้
2. ตา ยลา งมอื ทกุ ครัง้ กอนกนิ อาหารและหลงั ขับถาย
3. เตย ท้งิ ถุงกระดาษลงในถังขยะรีไซเคิล
4. โหนง กินราดหนา หมสู ับและฝร่งั สด

วิเคราะหค ําตอบ
1. เราควรแปรงฟนใหส ะอาดอยางนอยวนั ละ 2 ครั้ง ท้งั ตอนเชาและกอ นนอน หนอ ยแปรงฟน วนั ละ 2 ครง้ั

แตแ ปรงฟน เฉพาะกอ นนอน ไมไ ดแ ปรงตอนเชา หลงั ตน่ื นอน จะทาํ ใหฟ น มคี ราบนา้ํ ลาย และฟน ผไุ ด
2. เราควรลางมือทุกครง้ั กอนกินอาหาร และหลังขบั ถาย
3. เราควรทง้ิ ถงุ กระดาษในถงั ขยะรไี ซเคลิ เพราะสามารถนาํ ถงุ กระดาษมารไี ซเคลิ แลว นาํ กลบั มาใชใ หมไ ด
4. ราดหนาหมูสบั มสี ารอาหารในหมู 1 คอื เน้ือสัตว หมู 2 คอื เสน กวยเต๋ยี ว หมู 3 คอื ผักคะนา

หมู 5 คือ น้ํามนั สวนฝร่ังมีสารอาหารอยูในหมู 4 ดงั นนั้ โหนง จงึ เลอื กกนิ อาหารไดค รบทงั้ 5 หมู

ดงั นน้ั ขอ 1. จงึ เปน คาํ ตอบทถี่ กู

คูมอื ครู 43

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปาหมายการเรยี นรู

คน หาขอ มูลขาวสารเพอื่ ใชส รา งเสริมสขุ ภาพ òº··Õè
(มฐ. พ 4.1 ป.5/2) ขา่ วสารสุขภาพ

สมรรถนะของผเู รยี น ก¨ิ กรรมนÓÊÙก่ ารàรÕÂน สาระสา� คญั
การรับข่าวสารสุขภาพทางช่องทางตา่ งๆ
1. ความสามารถในการคิด มปี ระโยชนใ์ นการนา� มาใชส้ รา้ งเสรมิ สขุ ภาพ
2. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค

1. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มุง ม่นั ในการทาํ งาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

ใหนกั เรยี นดภู าพ หนา 44 แลวชวยกันบอกวา
นักเรยี นจะทราบขาวสารสขุ ภาพจากสถานที่
ประเภทนไ้ี ดอ ยา งไร

(แนวตอบ เราสามารถทราบขอ มูลการรักษา
พยาบาล การปอ งกันโรค รวมไปถงึ การบริการตา งๆ
เชน การฉีดวัคซีน เปนตน ไดจ ากโรงพยาบาล
สถานีอนามัย ศนู ยบริการสาธารณสขุ )

?

¹Í¡¨Ò¡âç¾ÂÒºÒÅ ¹¡Ñ àÃÕ¹ÊÒÁÒö
ËÒ¢‹ÒÇÊÒÃÊØ¢ÀÒ¾¨Ò¡áËŧ‹ ã´ä´ŒÍ¡Õ ºŒÒ§

44

เกรด็ แนะครู

ครจู ดั กระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรยี นปฏิบัติ ดังน้ี
• สํารวจคนหาขอ มูลโรคระบาดในปจ จบุ นั จากแหลง ขอมูลตา งๆ
• อธิบายแหลงขอมลู ท่ใี ชสบื คนขอ มลู เก่ยี วกับสขุ ภาพ
• วิเคราะหจ ากประเด็นคาํ ถามและภาพ
จนเกดิ เปนความรูความเขา ใจวา การท่ีเราจะมีสุขภาพดี สามารถปอ งกันตนเอง
จากโรคได เราควรรูจักหาขอ มูลขา วสารสขุ ภาพ เพอื่ นาํ มาใชส รางเสริมสขุ ภาพ
ของเราใหด ี

44 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explain Expand Evaluate
Explore Explore
สาํ รวจคน หา

สุขภาพเป็นเรื่องที่เก่ียวข้องกับคนทุกคน การท่ีคนเราจะมีสุขภาพดีได้ 1. ใหน ักเรียนแบง กลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน
ต้องรู้จักดูแลตนเอง รวมทั้งรู้จักแสวงหาข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการ สบื คนขอ มลู โรคทกี่ าํ ลังระบาดในปจจบุ นั
ดูแล ป้องกัน และสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (ถา ไมม ี ครูยกตัวอยา งโรคระบาดก็ได เชน
โรคอหิวาตกโรค โรคไขเ ลือดออก เปนตน
ñ ¢ÍŒ ÁÙÅ¢‹ÒÇÊÒÃ梯 ÀÒ¾ หรือโรคท่ตี อ งแจง เมอ่ื เกดิ การระบาด
เชน โรคไขหวัดนก เปนตน )
“นักเรยี นคิดวา่ ข้อมลู ข่าวสารสุขภาพ คืออะไร”
ข้อมลู ข่าวสาร คือ สิ่งทีส่ อ่ื ให้ทราบถงึ เรือ่ งราวหรือขอ้ เท็จจรงิ เรอื่ งหน่ึง 2. ใหน ักเรยี นทําเปน รายงาน โดยบอกแหลงขอ มูล
เร่ืองใด ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่สื่อให้ทราบถึงเร่ืองราวหรือ ท่นี ักเรยี นสืบคนมา อยางนอ ย 3 แหลง และ
ข้อเทจ็ จรงิ ดา้ นสุขภาพ เพื่อให้เราใชใ้ นการดแู ล ป้องกนั และสร้างเสรมิ สุขภาพ บอกวธิ ีการหาขอมลู จากแหลง ขอ มูลท่ีนักเรียน
ได้อยา่ งถกู ต้อง สืบคนมา
ขา่ วสารท่ีใชเ้ พอื่ การดแู ลและสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพมหี ลายประเภท เชน่ การ
เลอื กรบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสม การใชผ้ ลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพทป่ี ลอดภยั วธิ กี าร 3. ครูอาจแนะนาํ แหลง ขอมลู และวธิ กี ารสบื คน หา
ก่ียวข้องกับคนทุกอคอนก กก�าาลรงั ทกี่คานยเทรีถ่าจูกะตม้อีสงุข วภธิ าีกพาดรีไปด้อ้ งกันโรคระบาด ความคุม้ ครองจากการบรโิ ภค ขอมลู ขาวสารทางสขุ ภาพ และการใชข อ มูล
ทั้งรู้จักแสวงหาข้อมสูลง่ิ ตข่างวๆส าเรปท็น่ีเปต็น้ ป รซะึ่งโขยอ้ชมนูล์ตข่อา่กวาสรารเหล่านีจ้ ะท�าให้ผ้บู ริโภคร้จู ักคิดและพิจารณา ขา วสารในการสรา งเสริมสุขภาพ โดยการ
มสขุ ภาพ ก่อนเลือกซ้อื หรือใชผ้ ลติ ภณั ฑต์ ่างๆ เพอ่ื ความปลอดภยั แกผ่ ูบ้ รโิ ภคเอง ยกตวั อยางเว็บไซตท เ่ี กี่ยวกับสุขภาพ แลว
อธบิ ายวา เว็บไซตน น้ั ใหขอมลู อะไรบาง เพ่อื เปน
แนวทางใหนักเรยี นสามารถสืบคนไดดวยตนเอง

ÊÒÃÊØ¢ÀÒ¾ ò áËÅ‹§¢ÍŒ ÁÙÅáÅÐÇ¸Ô Õ¡Ò乌 ËÒ¢ŒÍÁÅÙ ¢Ò‹ ÇÊÒà 45

มลู ข่าวสารสุขภาพ คอื อะไร” ÊØ¢ÀÒ¾

สิง่ ท่สี ่อื ให้ทราบถงึ เร่อื งราขวหอ้ มรือลู ขขอ้า่ เวทส็จาจรสริงขุ เภรอื่าพงหทนพ่ี ึ่งบ
สารสุขภาพ จึงเปใ็นสปิ่งัจทจี่สุบื่อันให ้ทสราามบาถรึงถเสรืบ่องคร้นาไวดห้จราือก
อใหเ้ ราใช้ในการดแู แลห ลปง่้อขงอ้กมนั ลู แตล่าะงสๆร า้ดงงั เนสร้ี ิมสุขภาพ
กรหดามรแู าปละ้อแสงลมกะ กสันารโรรา้ คใงชเรสผ้ะรบลมิ“โทติาถรสด่ีใภค้าดขุ ณัเไภคไรขดวฑาา้ห้บาอพส์ วมย้ามขุัดงคาหีภน”กุ้มลากทคาพ รรยทเอาปรป่ีบงารจลจขะาอเะ้อภกสดมกทืบภูลา คยัเเรชก้น บวน่ย่ีจรธิ วาิโกกี ภกกาาคบัรร
ข่าวสารเหล่านี้จะท�าให้ผู้บริโภครจู้ ักคดิ และพจิ ารณา
ณฑต์ า่ งๆ เพือ่ ความปลอดภัยแก่ผูบ้ รโิ ภคเอง

ÁÙÅáÅÐÇÔ¸¡Õ Ò乌 ËÒ¢ŒÍÁÅÙ ¢‹ÒÇÊÒà ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู

าพทพ่ี บ ครอู าจนาํ นกั เรยี นไปสถานบรกิ ารสขุ ภาพ หรอื นทิ รรศการในกระทรวงสาธารณสขุ
ได้จาก หรือหนวยงานเกยี่ วกับสขุ ภาพ แลว ใหนกั เรียนสาํ รวจวา ในสถานบริการสขุ ภาพน้ัน
ยวกับ ใหขอ มลู ขา วสารสขุ ภาพอะไรบา ง ดวยวธิ ใี ด ใหจ ดบันทึก แลว ออกมานาํ เสนอ
นจาก หนาชั้นเรยี น

ขอใดไมใ ชข อ มูลทีไ่ ดจากภาพนี้ 2. วิธ4ีกา5รลางมอื
1. การลา งมอื ปอ งกันโรคหวัด
3. แหลง ขอ มูล 4. การลา งมอื ยบั ย้งั เช้ือโรค

วเิ คราะหคําตอบ ภาพน้ีไมไ ดบ อกวธิ ีการลางมอื

ดังน้นั ขอ 2. จงึ เปน คาํ ตอบทีถ่ ูก

คูมอื ครู 45

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหแ ตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอรายงานของกลมุ ตน ๑. สถานบรกิ ารสขุ ภาพ สถาน
2. ใหนกั เรียนอธบิ ายวา แหลงขอ มลู ท่กี ลุมของตน บรกิ ารสขุ ภาพ
สถานบรกิ ารสขุ ภาพ เปน็ สถานที่ที่ให้บริการ
คน หาน้ันใหข อมูลใดบา ง และมีความนาเชอ่ื ถอื ทางด้านสขุ ภาพตา่ งๆ แกป่ ระชาชน เชน่
มากนอ ยเพียงใด
3. ใหนักเรยี นรวมกันสรุปวธิ ีคนหาขอ มลู สุขภาพ
จากแหลงขอมูลท่เี ก่ยี วของ

โรงพยาบาล โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพต�าบล
ใหบ้ ริการด้านการตรวจรักษา ใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพแกป่ ระชาชนระดับ
ส่งเสรมิ สขุ ภาพและป้องกนั โรค ตา� บล ในเรอ่ื งเกยี่ วกบั อนามยั เบอื้ งตน้

ศูนยบ์ ริการสาธารณสขุ สาธารณสุขจังหวัด
ใหบ้ รกิ ารดา้ นการตรวจรกั ษา ให้บริการด้านขอ้ มูลขา่ วสารท่เี กย่ี วขอ้ ง
สง่ เสริมสขุ ภาพและป้องกันโรค
ในเขตเทศบาลและกรงุ เทพมหานคร กับการสง่ เสรมิ สุขภาพและการ
ป้องกันโรคแก่ประชาชนในจังหวัด

๒. สายดว่ นสุขภาพ

สายดว่ นสุขภาพ เป็นการใช้โทรศัพท์โทรไปยงั หมายเลขโทรศัพท์ ๔ ตวั
เพือ่ สอบถามหรอื ฟงั ขอ้ มูลสขุ ภาพดา้ นต่างๆ เชน่

สายดว่ น ชอ่ื รายละเอยี ด
ข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพตดิ การบา� บดั รักษาผ้ตู ิดยาเสพติด
1165 ยาเสพตดิ

1166 สคบ. ส�านักงานคณะกรรมการคุ้มครองผบู้ ริโภค

1330 สา� นกั งานหลกั ประกนั ข้อมลู เกยี่ วกบั การสร้างหลกั ประกนั สุขภาพถว้ นหน้า
สุขภาพแหง่ ชาติ

1556 ผบู้ ริโภค กบั อย. ขอ้ มลู ผลิตภัณฑส์ ขุ ภาพ

1600 สายด่วนเลิกบหุ รี่ ใหค้ า� แนะนา� และคา� ปรกึ ษาในการเลิกสบู บหุ ร่ี

1667 สขุ ภาพจิต ปรึกษาปญั หาสขุ ภาพจิต

1675 กนิ ดี สขุ ภาพดี ขอ้ มูลดา้ นสง่ เสรมิ สขุ ภาพ และอนามยั สิ่งแวดล้อม

4๖

บูรณาการอาเซียน ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถานักเรยี นหรอื คนในครอบครวั มีความเครียด นกั เรียนจะหาขอมูล
ครูอธบิ ายใหนกั เรยี นเขา ใจวา อาเซียนไดใ หค วามสาํ คญั ในการรว มกนั หา สุขภาพ หรือปรกึ ษาจากทีใ่ ดไดบาง
มาตรการควบคมุ “โรคไมตดิ ตอ หรอื โรคเร้อื รงั ” ท่กี าํ ลงั เปนปญหาสาธารณสุขสาํ คญั แนวตอบ เราจะหาขอ มลู สขุ ภาพไดจ ากสถานบรกิ ารสขุ ภาพเกย่ี วกบั
โดย 4 โรคทีน่ า หว งท่ีสดุ คือ โรคความดันโลหติ สงู โรคหัวใจ โรคปอด และ สขุ ภาพจติ เชน โรงพยาบาล คลนิ ิกสุขภาพจติ เปน ตน หรือสบื คนขอ มูล
โรคเบาหวาน ซ่งึ ในอาเซียนพบวา มีผเู สียชีวติ ทงั้ สนิ้ 4 ลานคนตอ ป ในจํานวนน้ี จากเว็บไซตของกรมสุขภาพจติ หรือโทร 1323 สายดว นสุขภาพจติ เพือ่
กวารอยละ 60 หรือประมาณ 2.5 ลา นคน เสียชวี ิตจากโรคไมต ิดตอกลุมนี้ พดู คยุ ขอคาํ ปรกึ ษาเรอื่ งสขุ ภาพจติ และโทร 1667 ซึ่งเปน ระบบอตั โนมัติ
เพือ่ รบั ความรตู า งๆ เกย่ี วกับสขุ ภาพจติ เปนตน

46 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๓. อินเทอรเ์ นต็ (Internet) 1. ครยู กตวั อยา งเวบ็ ไซตต างๆ มาใหน ักเรียน
ใชเปน หลกั ในการเลอื กใชข อ มลู ขา วสารวา
ทง้ั ภาครอฐั นิแเลทะอภราเ์ คนเต็ อ กเปชน็ นแมหเี วลบ็ง่ สไซบื ตค1 ์น้(wขeอ้ bมsลู itขeา่) วไสวาใ้ หรทบ้ สี่รกาิ� คารญั ดใา้นนปขจั อ้จมบุ ลูนั ข หา่ นวสว่ ายรงแานก่ นกั เรยี นจะเลอื กเวบ็ ไซตใ ดบา ง เพราะอะไร
ประชาชนทั่วไป ซ่งึ เวบ็ ไซต์สา� คัญท่ีนกั เรียนสามารถสบื ค้นข้อมลู ได ้ เชน่ แลว ใหนกั เรยี นบอกวา นกั เรยี นเลอื กใชข อ มลู
เหลา นนั้ ในการสรา งเสรมิ สุขภาพไดอยา งไร
เว็บไซต์ หนว่ ยงาน
www.moph.go.th กระทรวงสาธารณสขุ 2. ครูอธิบายวิธกี ารสบื คน ขอมลู จากเวบ็ ไซต
ใหบริการสืบคนขอ มลู วา
www.anamai.moph.go.th กรมอนามยั • เม่ือพมิ พคาํ หรอื ขอความทต่ี องการแลวคลกิ
คนหา จะปรากฏเวบ็ ไซตต างๆ ท่ตี รงกบั
www.dmh.go.th กรมสุขภาพจิต คาํ คนหาของนักเรียน โดยนกั เรยี นสามารถ
คลกิ ที่เว็บไซตที่ตองการไดทนั ที

www.oncb.go.th สา� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ (ป.ป.ส.)

www.ocpb.go.th ส�านกั งานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บรโิ ภค (สคบ.)

www.thaihealth.or.th ส�านกั งานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสริมคณุ ภาพ (สสส.)

ตวั อยา่ งการสบื ค้น • หรอื หากตองการคน หาภาพ หรอื กําหนด
ถ้าเราต้องการทราบข้อมูลเก่ียวกับสุขภาพ เราสามารถสืบค้นได้จากค�าที่เก่ียวข้อง ชว งเวลาของขอมลู นักเรยี นสามารถคลิก
เช่น เลอื กไดจ ากแถบดา นบน

๑ พมิ พค์ า� สา� คญั ทเี่ ราตอ้ งการสบื คน้ เชน่ ไขห้ วดั นก

ไข้หวัดนก

๒ คลกิ คา� ว่า ค้นหา

เราควรหลีกเล่ียงการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่หลอกลวงหรือมีภาพ
ลามกอนาจาร ถ้าเราบงั เอิญเปิดไปพบเว็บไซตเ์ หล่าน ้ี ควรรีบปดิ ทนั ที

4๗

กิจกรรมทาทาย นกั เรียนควรรู

ใหนกั เรียนสืบคนขอ มลู สุขภาพ หัวขอทส่ี นใจ เชน การดูแลระบบ 1 เว็บไซต เราสามารถคน ควา ขอ มลู สุขภาพไดจากเว็บไซตของหนว ยงานท่ี
อวัยวะในรางกาย การรับประทานอาหารท่เี หมาะกับวัย การออกกาํ ลังกาย เกี่ยวขอ ง ดงั น้ี
เปน ตน จากนัน้ นาํ ขอ มูลมาเรียบเรียงโดยใชโ ปรแกรมสําเรจ็ รปู Microsoft
Word แลว พิมพงานออกมาจัดปา ยนิเทศ • สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา คอื www.fda.moph.go.th
• สํานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแหง ชาติ คือ www.nhso.go.th
• กรมควบคุมโรค คือ www.ddc.moph.go.th
• กองสขุ ศกึ ษา คอื www.hed.go.th
• กรมอนามยั คือ www.anamai.moph.go.th
• สํานักงานประกันสงั คม คือ www.sso.go.th

คูมอื ครู 47

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ครถู ามนักเรยี นวา นักเรยี นมีปญหาสุขภาพ ๔. สือ่ อื่นๆ
หรือไม อยา งไร แลว นักเรียนจะหาขอ มูล
สขุ ภาพเพอื่ แกไ ขปญหาสขุ ภาพของตนเอง ส่ือส่ิงพิมพ์ เป็นส่ือที่เผยแพร่ด้วยข้อความ รูปภาพ ลงบนกระดาษ
ไดอยา งไร และใหน กั เรยี นปฏบิ ัตติ ามขอ มลู เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน ซ่ึงเราสามารถรับข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับสุขภาพได้จาก
ท่ีนกั เรยี นหามาไดเ ปนเวลา 1 - 3 เดือน สื่อสิ่งพมิ พ์ต่างๆ เชน่ แผ่นพับ โปสเตอร์ นติ ยสาร เป็นตน้
แลวสรปุ ผล
ó ¡ÒÃ㪌¢ŒÍÁÙÅ¢‹ÒÇÊÒÃ㹡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÔÁÊØ¢ÀÒ¾
2. ใหน ักเรียนทาํ กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1
คําถามชวนคิด และตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทาํ “การใชข้ อ้ มลู ขา่ วสารสขุ ภาพสามารถสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของเราไดอ้ ยา่ งไร”
เมอื่ เรารูว้ ธิ สี ืบค้นขอ้ มลู ขา่ วสารสขุ ภาพแล้ว เราก็สามารถน�าขอ้ มูลน้ัน
3. ใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 3 มาสรา้ งเสริมสขุ ภาพของเราได ้ เชน่ 1
ผลงานสรางสรรค
เมือ่ เกิดโรคไขห้ วัดนกแพรร่ ะบาด

เราสืบคน ความรเู ร่ืองโรค เมื่อเรารู้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั โรค เราจงึ สืบคนวธิ กี ารลา งมอื
ไขห วัดนก ถงึ ลักษณะของ ไขห้ วดั นกแลว้ เราจงึ สบื คน้ ทีถ่ ูกตอง เพ่ือปอ งกนั
โรค สาเหตุ การตดิ ตอ ขอ้ มลู การป้องกนั โรค ตนเองจากโรคไขห วดั นก
อาการ ไดจากแผนพบั ที่ ไข้หวัดนกจากโปสเตอร์ที่ ไดจากโปสเตอรท ี่มีการ
เผยแพรทางอินเทอรเน็ต เผยแพร่ทางอนิ เทอร์เนต็ เผยแพรท างอนิ เทอรเนต็
โดยหนว ยงานที่มีความ พบวา่ การป้องกันโรค แลว นําไปปฏบิ ัติในชีวติ
นา เช่ือถือ ไขห้ วัดนกไดด้ ีวิธีหนึ่ง คอื ประจาํ วนั
การล้างมือ

ข้อมลู ขา่ วสารสขุ ภาพทา� ใหเ้ ราสามารถปฏิบัติตนเพอ่ื สร้างเสริมสขุ ภาพ
และปอ้ งกนั โรคตา่ งๆ ได ้ และยงั สามารถนา� ความรทู้ ่ีไดจ้ ากขอ้ มลู ขา่ วสารสขุ ภาพ
4๘ไปเผยแพร่เพอ่ื ใหค้ นรอบขา้ งมีสขุ ภาพทีด่ ี

เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถานักเรยี นตอ งการกําจัดยงุ ลาย เพื่อปองกันโรคไขเลอื ดออก นักเรยี น
ครูใหนกั เรียนสรา งส่อื ในการสรางเสริมสขุ ภาพมา 1 เรอื่ ง โดยสบื คนขอ มลู จาก ควรศกึ ษาขอ มลู ในขอใด
แหลงทีน่ า เชอ่ื ถอื แลวนํามาสง ครู 1. ลกั ษณะของยุงลาย
2. แหลงเพาะพันธยุ ุงลาย
นกั เรยี นควรรู 3. วงจรชวี ิตของยุงลาย
4. โรคทม่ี ียงุ ลายเปนพาหะ
1 โรคไขห วัดนก แตก อ นนั้นพบการแพรร ะบาดของโรคเฉพาะในสตั วปก เทา นัน้ วเิ คราะหคาํ ตอบ การกาํ จัดยุงลาย นกั เรียนตอ งศกึ ษาขอมูลวงจรชวี ติ
แตใ นเวลาตอ มาเชื้อมกี ารกลายพันธุ และสามารถติดตอ จากสตั วสูคนได โดยพบ ของยงุ ลาย เพอื่ สามารถทําลายแหลงท่ียุงลายสามารถวางไขไ ด กําจัด
การตดิ ตอจากสัตวสูค นครง้ั แรกในป พ.ศ. 2540 ท่ปี ระเทศฮองกง กอ นจะเริม่ ลกู น้าํ โดยการปองกันไมใ หลกู นาํ้ เจรญิ เตบิ โตเปน ยุงลายได ดังน้นั ขอ 3.
มกี ารแพรระบาดตามประเทศตางๆ ในเวลาตอ มา รวมถึงประเทศไทยดว ย จึงเปน คําตอบที่ถูก

48 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate

ก¨ิ กรรมการàรÕÂนรÙŒ 1. ครูตรวจรายงานโรคระบาดในปจ จุบนั
2. ครูตรวจผลงานวิธีการใหขอมลู เก่ยี วกบั

โรคตดิ ตอทส่ี ําคัญในปจ จุบนั

ตอนท ่ี ๑ คา� ถามชวนคดิ (ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมขน้ึ อยกู บั ดุลยพินิจของครผู สู อน) หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู
เขียนตอบค�าถามต่อไปนล้ี งในสมดุ
๑) นักเรียนคิดวา่ ขา่ วสารสุขภาพมีความสา� คัญอย่างไร 1. รายงานโรคระบาดในปจจุบัน
๒) นักเรยี นเคยใช้ขา่ วสารสขุ ภาพใดในการดแู ลสุขภาพของตนเองบา้ ง อย่างไร 2. ผลงานวธิ กี ารใหขอ มูลเกย่ี วกบั โรคตดิ ตอ
๓) ถา้ นักเรียนต้องการทราบขอ้ มูลเก่ยี วกับโรคไขห้ วัดใหญ ่ ๒๐๐๙
นกั เรยี นควรท�าอย่างไร ท่ีสาํ คญั ในปจ จุบัน

ตอนท ี่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า (ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมขอ 2. ขนึ้ อยกู ับดลุ ยพินจิ ของครผู ูสอน)
๑. อ่านขอ้ ความทกี่ �าหนดให้ แลว้ บอกแหล่งขอ้ มูลท่ใี ชค้ น้ ควา้ ตามเรื่องท่กี า� หนด

๑) ขา่ วประกาศว่าโรคอีสกุ อีใสกา� ลงั ระบาดในเดก็ เล็ก พลจึงต้องการฉีดวัคซีน
เพ่อื ปอ้ งกนั โรค พลควรหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานทท่ี ่ีรบั ฉดี วัคซนี จากแหลง่ ใด
๒) แกว้ ไปซื้อของทตี่ ลาดนัด และพบวา่ ปลากระป๋องที่พอ่ คา้ นา� มาขายไม่มีฉลาก
ระบุทข่ี ้างกระป๋อง แก้วควรไปแจง้ ทีห่ น่วยงานใด
๓) โดง่ เห็นเพอื่ นมคี วามซึมเศรา้ และเครยี ดจากปญั หาทางบ้าน โดง่ จงึ ต้องการหา
หนว่ ยงานทมี่ าใหค้ า� แนะน�าเพอื่ น โด่งควรสืบค้นจากแหลง่ ใด
๔) เอกไปซ้ืออาหารท่รี ้านขายอาหารแห่งหน่ึง แลว้ พบวา่ รา้ นอาหารรา้ นน้ี
ขายอาหารราคาแพงกวา่ รา้ นอ่นื ๆ ๑๐ เทา่ เอกควรทา� อย่างไร
๕) น้องของหน่อยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก หน่อยจะหาข้อมูลเก่ียวกับการดูแล
รักษาโรคไขเ้ ลือดออกไดอ้ ย่างไร
๒. แบ่งกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มรวบรวมแหล่งข้อมูลข่าวสารสุขภาพในท้องถ่ินของตนเอง
แลว้ บนั ทกึ ขอ้ มลู ลงในสมดุ พรอ้ มกบั บอกรายละเอยี ดของการใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู ขา่ วสาร
สขุ ภาพแกป่ ระชาชน

ตอนท่ ี ๓ ผลงานสร้างสรรค์ (ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมข้ึนอยูก ับดุลยพนิ ิจของครูผูสอน)
แบง่ กลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ เสนอหาวธิ กี ารตรวจสอบขอ้ มลู ขา่ วสารทเี่ ปน็ ประโยชนจ์ ากสอ่ื ตา่ งๆ
และนา� มาใช้กับตนเอง ๑ ตวั อย่าง แล้วออกมาน�าเสนอหนา้ ช้ันเรียน

4๙

เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 2
ชวนคดิ ชวนทํา ขอ 1.

1) แนวตอบ พลควรหาขอมลู การฉีดวัคซนี จากสถานพยาบาล เชน สถานีอนามัย
โรงพยาบาล ศูนยบ ริการสาธารณสุข

2) ตอบ แกวควรแจง สํานกั งานคณะกรรมการคมุ ครองผบู รโิ ภคเพอ่ื ใหช วยตรวจ
สอบคุณภาพของปลากระปองยี่หอน้นั

3) ตอบ โดงควรสอบถามขอ มูลจากสถานพยาบาล หรือสบื คนขอ มลู จาก
อนิ เทอรเ นต็ เพอื่ หาหนว ยงานทเี่ กย่ี วขอ งในการขอรบั คาํ ปรกึ ษาปญ หาสขุ ภาพจติ

4) ตอบ เอกควรแจงสํานักงานคณะกรรมการคุมครองผูบริโภคใหมาตรวจสอบ
ราคาสินคา

5) ตอบ หนอยควรถามขอมูลจากหมอ และสถานพยาบาล หรอื หาความรจู าก
ส่ืออนิ เทอรเนต็ ทม่ี คี วามนาเชือ่ ถือ

คมู ือครู 49

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปาหมายการเรียนรู

วิเคราะหส อื่ โฆษณาในการตัดสินใจเลอื กซ้ือ óº··Õè
อาหารและผลิตภัณฑส ุขภาพอยางมเี หตุผล สอื่ โฆษณา อาหาร
(มฐ. พ 4.1 ป.5/3) และผลติ ภณั ฑ์
สุขภาพ
สมรรถนะของผูเรยี น สาระสา� คัญ
ก¨ิ กรรมนÓÊÙก่ ารàรÕÂน สื่อโฆษณามอี ทิ ธพิ ลต่อการเลอื กซ้อื อาหาร
1. ความสามารถในการคดิ และผลติ ภณั ฑ์สุขภาพ เราจงึ ควรวเิ คราะห์
2. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ิต ส่ือโฆษณาก่อนการเลอื กซ้อื อาหารและ
ผลิตภณั ฑส์ ุขภาพกอ่ นเสมอ

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค Å´ÊØ´¤ŒØÁ

1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ มน่ั ในการทาํ งาน

กระตนุ ความสนใจ Engage 35 - 100 -
ไก ่ 1 ตวั 165 - สันในหม ู กก. ละ 165 -

ใหน ักเรียนดภู าพ หนา 50 แลว ชวยกันบอกวา + 199 -
นกั เรยี นจะมีวิธีการเลือกซื้ออาหาร หรอื ผลิตภณั ฑ ครมี หนา้ เด้ง 285 -
สุขภาพในภาพอยางไร ยาสฟี ัน 40 -
ซื้อ 1 แถม 1
(แนวตอบ จากภาพมเี นอื้ หมู เราควรเลอื กเนอ้ื หมทู ่ี
มสี ีอมชมพู ไมเขยี วคลา้ํ ไมม กี ลน่ิ เหม็นเนา )

+ ?

น�า้ ยาบว้ นปาก 199 - ¹Ñ¡àÃÕ¹¨ÐàÅÍ× ¡«Íé× Ê¹Ô ¤ŒÒ
ซื้อ 2 แถม 1 µÒÁ¤íÒâ¦É³Ò¹éËÕ Ã×ÍäÁ‹

à¾ÃÒÐÍÐäÃ

50

เกร็ดแนะครู

ครูจดั กระบวนการเรียนรโู ดยการใหนกั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดังนี้
• สืบคนขอมูลเกี่ยวกับอาหารและผลติ ภณั ฑสขุ ภาพ
• วิเคราะหขอมลู เกี่ยวกบั อาหารและผลิตภัณฑสขุ ภาพ
• วิเคราะหจากประเด็นคําถามและภาพ
จนเกิดเปน ความรคู วามเขา ใจวา สอื่ โฆษณามคี วามสําคญั ในการตดั สินใจเลอื ก
ซื้ออาหารและผลติ ภัณฑส ุขภาพ เราจึงควรรหู ลกั การเลือกซ้ืออาหารและผลติ ภณั ฑ
สขุ ภาพ เพอ่ื ความปลอดภยั ในชวี ติ และสามารถวเิ คราะหส อื่ โฆษณาไดอ ยา งมเี หตผุ ล

50 คูมือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

ปัจจุบันส่ือต่างๆ มีอิทธิพลต่อการด�าเนินชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเป็น ครูถามคําถามใหน ักเรียนตอบ
อยา่ งมาก โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สอ่ื โฆษณาการเชญิ ชวนใหซ้ อ้ื อาหารและผลติ ภณั ฑ์ • สอื่ โฆษณา อาหาร และผลิตภัณฑส ุขภาพ
สขุ ภาพตา่ งๆ ซง่ึ ใชว้ ธิ กี ารนา� เสนอทน่ี า่ สนใจ สามารถโนม้ นา้ วใจของผบู้ รโิ ภคได้
เป็นอยา่ งดี มีความหมายวาอยา งไร
• มีสือ่ โฆษณาใดบา งท่นี กั เรียนไดดู หรือไดฟง
ñ Ê×Íè â¦É³Ò ÍÒËÒÃáÅÐ¼ÅµÔ À³Ñ ±Ê¢Ø ÀÒ¾
แลวเกิดความสนใจ
“มีสื่อโฆษณาใดบ้างที่นกั เรยี นได้ดหู รือได้ฟงั แลว้ เกดิ ความสนใจ”
สอื่ โฆษณา คอื สงิ่ ที่ใช้เป็นสอ่ื ในการโฆษณา เชน่ หนังสอื พิมพ ์ ส่งิ พิมพ ์ สาํ รวจคน หา Explore
วทิ ยุกระจายเสยี ง วิทยุโทรทัศน ์ ไปรษณีย์โทรเลข โทรศพั ท ์ หรือป้าย
อาหาร เป็นสิ่งท่ีเราบริโภคเข้าไป และท�าให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ ครูใหน กั เรยี นแบง กลุม กลุมละเทาๆ กนั
เปน็ ประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย แลว สบื คน ขอมลู ท่คี วรมีในผลิตภณั ฑสุขภาพ
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ คือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจ�าวัน และ รวบรวมขอ มูลไวแ สดงความคดิ เหน็ รวมกัน
สุขอนามัยของประชาชนท่ัวไป รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบ
ผวิชลติาชภีพณั ดฑ้าอ์ นาหกาารร แยพา ทเคยร์แอื่ ลงสะา�สอาาธงา วรตัณถสอุ ุขนั ตผราลยิตทภี่ใชัณใ้ นฑบ์สา้ ุขนภเราอื พนป เรคะรกอ่ื องมบอืไแปพดท้วยย1์
และวตั ถเุ สพติด
ผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพทกุ ชนดิ ต้องประกอบดว้ ยข้อมูล ดงั นี้
๑. ฉลากภาษาไทยทแี่ สดงชอ่ื ผลติ ภัณฑ์
๒. ช่ือและทต่ี ง้ั ของผผู้ ลิต หรอื ผแู้ ทนจ�าหนา่ ย
๓. วนั เดอื น ปี ทผ่ี ลิต หรอื หมดอายุ
๔. ผลิตภัณฑบ์ างประเภทจะมกี ารแสดงสว่ นประกอบหรอื สตู รต�ารบั
๕. วธิ กี ารบรโิ ภค หรอื วิธกี ารใช้
๖. ขอ้ ควรระวงั ในการใช้
๗. ข้อความจา� เพาะอน่ื ๆ ของแตล่ ะผลติ ภัณฑ์

51

ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
ขอ มูลในขอ ใดท่ไี มจ ําเปน ตองมบี นฉลากผลิตภัณฑส ุขภาพ
1. ยห่ี อ 2. สวนประกอบ ครคู วรเตรยี มตวั อยา งโฆษณาอาหารและผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพหลากหลายประเภทให
3. ช่ือผูคิดผลิตภณั ฑ 4. ขอ ควรระวงั ในการใช นกั เรยี นดู และใหน กั เรยี นเตรยี มโฆษณารปู แบบตา งๆ เพอ่ื ใชใ นการเรยี นการสอน

วิเคราะหค าํ ตอบ ขอ มูลผลติ ภัณฑป ระกอบไปดวย นกั เรยี นควรรู

1. ฉลากภาษาไทยท่แี สดงชอ่ื ผลิตภณั ฑ 1 เครื่องมือแพทย คือ เครอื่ งมอื เครือ่ งใช เครอื่ งกล วตั ถุ หรอื อุปกรณที่ใชใ นการ
2. ช่อื และทีต่ ง้ั ของผูผลติ หรอื ผแู ทนจาํ หนา ย ตรวจรักษา หรอื วนิ จิ ฉยั โรค โดยแบงเปน 4 ประเภทใหญๆ ไดแ ก
3. วนั เดอื น ป ท่ีผลิตหรือหมดอายุ
4. ผลติ ภณั ฑบ างประเภทจะมกี ารแสดงสว นประกอบหรอื สตู รตน ตาํ หรบั 1. อปุ กรณผ าตัดและอปุ กรณการแพทย เชน มดี ผาตัด เครอื่ งวดั ความดนั
5. วธิ กี ารบรโิ ภค ปรอทวัดไข เปน ตน
6. ขอควรระวงั ในการใช
7. ขอความจาํ เพาะอน่ื ๆ ของแตล ะผลติ ภัณฑ 2. บริภัณฑก ารแพทย เชน เคร่อื งเอกซเรย เปนตน
3. วสั ดกุ ารแพทยและวัสดฝุ งในทางศลั ยกรรม เชน ถงุ มือยาง ผา กอซ เปนตน
ดังน้ัน ขอ 3. จึงเปน คาํ ตอบทีถ่ กู 4. เครือ่ งมอื แพทยเฉพาะทาง เชน เคร่ืองมือทนั ตกรรม เปนตน

คมู ือครู 51

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหน กั เรยี นดสู อ่ื โฆษณา โปสเตอร หรือฟง ò ÊèÍ× â¦É³Ò¡Ñº¡ÒÃµÑ´Ê¹Ô ã¨àÅÍ× ¡«é×ÍÍÒËÒÃ
โฆษณาวิทยุของสนิ คา ชนิดตางๆ แลวให
นักเรยี นจดบันทึกวา นักเรียนไดขอ มลู อะไร áÅÐ¼ÅµÔ À³Ñ ±Ê¢Ø ÀÒ¾
จากสอ่ื เหลาน้ีบา ง
â»ÃâÁªÑè¹ ºÒ· ¿ÃªµÕ´Ø Ø¡ÊµØ´¤ÒËØÁŒ ÁÕ
2. ใหน ักเรยี นออกมาเลา ขอมูลท่ีนักเรียน
จดบันทึกได à¾ÂÕ § 199

3. จากขอมลู ท่นี ักเรียนเลา ครูถามนักเรียนวา
นักเรยี นจะเลอื กสินคาชนิดน้ีหรือไม
เพราะอะไร

“จากภาพทน่ี กั เรยี นเหน็ นกั เรยี นจะเลอื กซอื้ สนิ คา้ นห้ี รอื ไม ่ เพราะอะไร”
ในปัจจุบันการโฆษณาเป็นวิธีหน่ึงท่ีช่วยส่งเสริมการขายอาหารและ
ผลิตภัณฑต์ า่ งๆ โดยมีวิธกี ารโฆษณาหลากหลายรูปแบบ เพ่ือกระตนุ้ ใหผ้ ู้บริโภค
สนใจและซอื้ ผลติ ภณั ฑน์ น้ั ๆ ขอ้ มลู ท่ีโฆษณาจงึ มกั จะแสดงเฉพาะสว่ นทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ
ผลดีต่อการขายผลิตภัณฑ์ ข้อเสียของผลิตภัณฑ์มกั ถกู ปกปดิ ซง่ึ บางครง้ั การ
ไดร้ บั ขอ้ มลู ท่ีไมค่ รบถว้ น ก็อาจท�าให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิด ถูกเอาเปรียบ
หรอื อาจเกดิ อนั ตรายจากการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ได้

๑. ปญหาทเี่ กดิ จากการโฆษณา

การโฆษณาผลิตภัณฑ์ท่อี าจทา� ใหเ้ กดิ ปญั หา มีดงั นี้
๑) นา� เสนอความจรงิ เพยี งบางสว่ น สว่ นที่ไมน่ า� เสนออาจเปน็ ขอ้ มลู
จ�าเปน็ ที่ผูบ้ รโิ ภคควรรู้
๒) อ้างสรรพคุณเกินกว่าชนิดของอาหารและผลิตภัณฑ์โดยอาจ
แสดงสรรพคุณไปทางยา
5๒

เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอ ความจากโฆษณาในหนังสือนติ ยสาร “กาแฟมหัศจรรย 25 วัน
ใหน ักเรียนหาคําโฆษณาทเี่ กนิ ความจริงจากสื่อสิ่งพิมพ หรือตามเวบ็ ไซต ลดนา้ํ หนัก พรอมกระชับสัดสวน บาํ รงุ ผวิ ขาวใสอมชมพู เอล องแลวคะ
แลว นาํ มาตดิ ลงบนกระดาษพรอมอธบิ ายเหตุผลประกอบวา คาํ โฆษณาน้นี าเชอื่ ถือ คอนเฟร ม” นักเรียนควรมีความคิดเหน็ ตอ โฆษณานีอ้ ยางไรจึงจะเหมาะสม
หรือไม อยา งไร 1. คนอว นตองซ้อื มาใชเ พอื่ ใหน าํ้ หนกั ลดลง
2. ถาผอู ่ืนซอื้ มาใชแ ลวผอมลง ก็ซื้อมาใชบ า ง
มุม IT 3. ถาใชแ ลวจะเกดิ ผลกระทบตอสุขภาพหรอื ไม
4. สรรพคุณครบถวนทงั้ ลดนํา้ หนักและผิวขาว ตองรบี ซ้อื มาใช
ครูใหนกั เรียนศกึ ษาขอ มูลผลติ ภัณฑส ขุ ภาพผดิ กฎหมาย ไดจ าก วเิ คราะหค าํ ตอบ โฆษณาผลติ ภณั ฑน ี้ เปน โฆษณาทยี่ งั ไมม คี วามนา เชอ่ื ถอื
http://www.fda.moph.go.th/project/ProductBe llegal/ ndex.html เพราะมีแตค าํ กลาวอางสรรพคณุ โดยยังไมมีการยืนยันจากหนวยงานที่
นา เช่ือถือรบั รอง ดังนนั้ ผูทอ่ี านโฆษณานี้ จึงยงั ไมค วรเชอื่ ถือและซือ้ มาใช
แตค วรต้ังคาํ ถามกอ นวา ถา ใชแ ลว จะเกดิ ผลเสียตอ สุขภาพหรอื ไม
เพ่ือจะไดห าคําตอบกอ นเลอื กซ้อื ดังนัน้ ขอ 3. จึงเปน คําตอบท่ถี ูก

52 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๓) นา� เทคโนโลยตี า่ งๆ มาใช้ 1. แตล ะกลุมรว มกนั แสดงความคิดเหน็ วา
ในการสร้างส่ือโฆษณาแสดงสรรพคุณ สอื่ โฆษณามสี ว นสาํ คญั อยา งไร ในการเลอื กซอ้ื
เกินความจรงิ เชน่ ภาพถา่ ย เปน็ ต้น 1 สนิ คาของนกั เรยี น
๔) อ้างแหล่งที่น่าเช่ือถือ ภาพจริง
ภาพในโฆษณา 2. จดบันทึก สรปุ ความคิดเห็น แลวออกมา
นําเสนอหนาชัน้ เรียน

หรือสถานท่ีที่มีชื่อเสียงให้การรับรอง เช่น ดารา นักร้อง สถาบันที่มีชื่อเสียง
ห้องทดลอง ห้องปฏบิ ตั ิการ เป็นต้น
๒. หลกั การพจิ ารณาส่อื โฆษณาก่อนเลือกซือ้
การพิจารณาส่ือโฆษณาก่อนการเลือกซ้ืออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ควรพจิ ารณา ดังน้ี
๑) พจิ ารณาขอ้ ความในโฆษณาวา่ เกนิ หลกั ความจริงหรือไม่
๒) ไม่ควรเชือ่ หรือซือ้ สินค้า เพราะมีบุคคลทม่ี ชี ่อื เสยี งใช้
๓) เปรียบเทยี บคุณสมบตั ิของสินคา้ ชนดิ เดียวกนั แต่ต่างย่หี ้อก่อน
ตัดสินใจเลอื กซ้ือ
๔) ศึกษาข้อมูลของสินค้าก่อนว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร เพราะ
โฆษณามักไม่บอกจดุ เสยี ของสินคา้

สื่อโฆษณานี้ใครเปน็ ผูผ้ ลิต สือ่ โฆษณานถ้ี กู นา� เสนอด้วยวธิ ีใด

â»ÃâÁªèѹ ºÒ· ¿ÃªÕµØ´Ø¡ÊµØ´¤ÒËÁØŒ ÁÕ

à¾ÂÕ § 199

ส่ือโฆษณานี้น�าเสนออะไร ส่ือโฆษณาน้ีหวงั ผลอะไร
และอะไรท่ีไม่ถกู น�าเสนอ
53

ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

คาํ โฆษณาในขอ ใดนา เชอื่ ถือไดมากท่สี ดุ ครยู กตวั อยา งขอ ความโฆษณาทก่ี ลา วเกนิ ความเปน จรงิ ทส่ี ามารถพบเหน็ ไดบ อ ยๆ
1. อาหารเสริมเอบีซี กินเม็ดเดียวไดครบทง้ั 5 หมู อยา งเพยี งพอ ใหน กั เรยี นฟง เพอ่ื ใหน กั เรยี นเกดิ ความเขา ใจมากขน้ึ
2. ครีมหนา เด็ก กระปกุ เดียวหนาเด็กไป 10 ป
3. น้าํ ดื่มววี ี ดบั กระหายคลายรอน นกั เรียนควรรู
4. นมแคลเซยี มสงู ด่มื ทกุ วนั สงู ทุกวัน
วตในเิอครงรากางาะกรหาขยคอทํางตาํรงาอางบนกาไดย1เ.ปแเนลระปาเตกปอตนงิ กกกานิารรอโกาฆนิหษอาณราทหาเม่ีากรปี นิ เรสจะรรโิมิงยอชานจ ไเมพเ่อื พใียหงกพรอะตบอวคนวกาามร 1 ภาพในโฆษณา ในส่ือโฆษณามกั จะมีคาํ วา “ภาพเพือ่ ใชในการโฆษณา
2. ครีมหนา เดก็ เปน การโฆษณาเกินความจรงิ เทา นน้ั ” หรอื “ภาพนี้ใชเ พอ่ื การโฆษณาเทา นนั้ ” เพือ่ ใหผ บู ริโภคเขาใจวา ภาพจรงิ
3. การดืม่ น้าํ จะชวยใหด ับกระหายคลายรอนได อาจไมเ หมือนกับภาพในโฆษณา
4. ความสงู ของแตล ะคนข้นึ อยกู บั ปจจยั ตางๆ เชน พันธุกรรม การกนิ อาหาร
การออกกําลังกาย เปนตน ซงึ่ เม่ือถงึ จุดหนึ่งความสูงของคนเราก็จะคงที่ คมู ือครู 53
ดังนน้ั การด่ืมนมทุกวนั จงึ ไมท าํ ใหส งู ขึ้นทกุ วนั

ดังน้นั ขอ 3. จึงเปนคาํ ตอบท่ถี กู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหน กั เรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 3-4 คน แตละ ó ËÅ¡Ñ ã¹¡ÒÃàÅÍ× ¡«Íé× ÍÒËÒÃáÅÐ¼ÅµÔ À³Ñ ±Ê ¢Ø ÀÒ¾
กลมุ คนควา ขอมูลหลักในการเลือกซอ้ื อาหาร
และผลติ ภณั ฑสุขภาพ ตามหวั ขอทีก่ าํ หนด Å´¤ÃÑé§Â§èÔ ãËÞ‹ “สนิ ค้าตามใบปลิวโฆษณาทล่ี ดราคา
แลวสงตัวแทนออกมานาํ เสนอทีห่ นา ชัน้ เป็นจ�านวนมาก ควรพิจารณาเลือกซื้อให้ด ี
• การเลือกซ้อื อาหารสด 100 - เพราะอาจได้ของถูกทม่ี คี ณุ ภาพไมด่ ไี ด้”
• การเลือกซ้ืออาหารแหง สนั ในหม ู กก. ละ 165 -
• การเลอื กซื้ออาหารกระปอง
• การเลอื กซอื้ ยา อาหารและผลติ ภัณฑ์สุขภาพ เป็นส่ิงจ�าเปน็ ต่อชีวิตคนเรา อาหารท�าให้
• การเลอื กซอื้ วัตถอุ ันตราย รา่ งกายเจริญเตบิ โต ส่วนผลิตภัณฑ์สขุ ภาพจะช่วยสร้างเสรมิ สขุ ภาพที่ดี ดงั นนั้
• การเลอื กซอ้ื เคร่ืองมือแพทย นอกจากเราจะต้องวิเคราะห์สื่อโฆษณาในการเลือกซ้ืออาหารและผลิตภัณฑ์
• การเลือกซื้อวตั ถุเสพตดิ สุขภาพแล้ว เรายังต้องมีความรู้ในการเลือกซ้ืออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
• การเลอื กซื้อเครื่องสําอาง ซงึ่ ปฏบิ ตั ไิ ด ้ ดงั นี้

2. ใหน กั เรียนกลมุ เดิมคดิ วธิ กี ารนําเสนอหลกั ๑. การเลอื กซอ้ื อาหารสด
ในการเลือกซื้ออาหารและผลิตภณั ฑส ขุ ภาพ
ตามหวั ขอท่ีได (เชน แผนภาพ บทบาทสมมตุ ิ การเลือกซอ้ื อาหารสด ควรเลือกอาหารท่สี ดใหม ่ ซ่ึงมหี ลกั การเลอื กซ้อื
การอธบิ ายประกอบสนิ คาจริง) ดังนี้

3. ครอู ธบิ ายความรูเพ่มิ เตมิ หลกั การเลอื กซอ้ื
อาหารและผลิตภัณฑสุขภาพ

เนอ้ื หมแู ละเนอ้ื ววั 1 ปลา ผกั และผลไม้
ควรเลือกเนอื้ หมทู ่มี สี ีชมพอู อ่ น ควรเลอื กปลาท่ีมี เลอื กซอ้ื ผกั และผลไมท้ ส่ี ด
นุม่ เปน็ มัน ไมม่ ีกล่ินเหม็นเนา่ เหงอื กสีแดงสด ไม่มรี อยชา้� หรือรอย
ส่วนเนือ้ ววั ควรเลอื กเน้อื วัวที่มี ลูกตาใส เกลด็ ไม่ แมลงกดั กนิ จนเสียหาย
สแี ดงสด ไม่มกี ล่นิ เหม็นเปรี้ยว หลดุ ง่าย กดเนอื้ ควรเลือกซอ้ื ผักและผลไม้
และท้งั เนอ้ื หม ู และเนอื้ วัวต้อง แลว้ ไมบ่ ุม ที่หาไดง้ ่ายและมีตาม
ไม่มีเมด็ สีขาวใสคลา้ ยเม็ดสาค ู ฤดูกาล
เพราะเปน็ ตวั ออ่ นของพยาธิ
ตวั ตืด

54

นักเรยี นควรรู ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั การเลอื กซือ้ อาหาร
1 เนอ้ื หมูและเนือ้ วัว ตอ งไมม เี ม็ดสีขาวใสคลา ยเมด็ สาคู เพราะน่นั คอื ลกั ษณะ ฟา ใสควรเลือกอาหารสดขอใดจึงจะปลอดภัยและมีประโยชนทส่ี ุด
ตัวออ นของพยาธิตัวตืด ซ่งึ มีลกั ษณะดังภาพ 1. ไขไก เน้อื หมู ลกู ช้นิ เดง
2. ไขไก ผกั กาดขาว ปลาทู
3. ไขไก หนอ ไมด อง ลูกช้นิ เดง
4. เนื้อหมู ผักกาดดอง กุนเชยี งสีแดง
วิเคราะหคําตอบ อาหารที่ฟา ใสเลอื กซ้ือควรเปน อาหารท่ีสด สะอาด
ไมมีการเจือสีหรือเติมสารเคมลี งในอาหาร เชน กุนเชียงสีแดง หนอ ไมดอง
ลกู ชน้ิ เดง เพราะอาจเกิดอันตรายตอรางกายได ดังนนั้ ขอ 2. จึงเปน
คําตอบทถ่ี กู

ตวั ออ นของพยาธติ วั ตดื

54 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๒. การเลอื กซื้ออาหารแหง้ 1 1. ใหแตละกลุม ออกมานําเสนอผลงาน
และจดบนั ทึกขอมลู ของเพือ่ นกลุม อ่ืน
อาหารแห้งเปน็ อาหารที่ไดผ้ า่ นกระบวนการอบหรือตากแห้ง เพ่ือท�าให้
สว่ นที่เป็นนา้� ถูกกา� จัดออกไป ซง่ึ ถ้าเกบ็ รักษาไม่ดอี าหารแหง้ กจ็ ะเสอ่ื มคณุ ภาพ 2. ใหแตละกลุมตง้ั คําถามถามเพือ่ นๆ 5 คาํ ถาม
เราจึงมวี ธิ กี ารเลือกซอ้ื ดงั นี้ เพ่อื ถามเม่อื นําเสนอผลงานจบ แตละคนตอ ง
๑) ต้องแห้งสนิท ไม่อับช้นื ไม่มีกล่นิ เหม็นหนื ไม่มีเชอ้ื ราข้ึน ตอบคําถามลงในกระดาษ (หรอื เลน เกม
๒) ถา้ เปน็ เมลด็ พชื จะต้องมีเมลด็ ท่สี มบูรณ์ เน้อื แนน่ ไม่ลบี ไมฝ่ อ่ กลมุ ใดยกมอื กอ นและตอบถกู จะไดค ะแนนไป)
ท่ีสา� คญั ตอ้ งแห้งสนิท ไม่มกี ารงอกของเมลด็
๓) บรรจอุ ยู่ในบรรจภุ ณั ฑ์ที่สะอาดและปดิ สนทิ 3. ใหน กั เรยี นทาํ แบบฝก กิจกรรม เร่อื ง เลือกกิน
และใชอ ยา งไร จากแบบวดั ฯ สขุ ศึกษาฯ ป.5
๓. การเลือกซอ้ื อาหารกระปอ๋ ง
ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
หลกั การเลือกซ้อื อาหารกระป๋อง มีดังน้ี
๑) กระป๋องไม่มีรอยบบุ หรือโปง่ นนู และไมม่ ีสนิม สขุ ศึกษาฯ ป.5 แบบฝก กิจกรรม
๒) ฉลากตอ้ งมชี อื่ ทางการคา้ ระบเุ ลขทะเบยี นอาหารและยา สถานท่ี เร่�อง เลอื กกินและใชอ ยางไร
ทผ่ี ลิต วันเดือนปีที่ผลติ วันหมดอายุ น�้าหนกั บอกวตั ถุเจอื ปนในอาหาร เชน่
วตั ถกุ นั เสยี เป็นต้น ๓บทท่ี อาหารและผลิตภัณฑส ุขภาพ

๔. การเลอื กซอ้ื ยา แบบฝกกิจกรรม เลอื กกนิ และใชอ ยา งไร
คาํ ช้แี จง : อาหารและผลิตภัณฑสุขภาพ เปนสิ่งที่เราใชในชีวิตประจําวัน
ยา เป็นผลิตภัณฑ์ท่ีช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรค เราสามารถ
เลอื กซอ้ื ยาสามญั ประจา� บา้ นไดด้ ว้ ยตนเองทรี่ า้ นขายยาทม่ี เี ภสชั กรทมี่ ีใบอนญุ าต ดังนั้นเราจึงควรมีหลักในการเลือกซื้อ เพ่ือใหไดอาหารและ
ประจา� อยู่ ไมค่ วรซอ้ื ยาที่ไมม่ กี ารรบั รอง เชน่ ยาชดุ ยาหมอ้ ยาลกู กลอน เปน็ ตน้ ผลิตภณั ฑสุขภาพท่ีมีคณุ ภาพ
ไม่ควรซื้อยาอันตรายด้วยตนเอง ควรซื้อตามท่ีแพทย์ออกใบสั่งยาให้เท่านั้น
จึงจะปลอดภยั จากการใชย้ า อธบิ ายวิธีการเลอื กซอื้ อาหารจากภาพท่กี าํ หนดให

๕. การเลือกซอ้ื วัตถุอันตราย ๑) เนอ้ื หมู มีวิธีการเลือกซอื้ ดังน้ี เฉฉบลับย
…●……เล……อื …ก…เ…น…้ือ……ห…ม…ูท……ี่ม…สี …ีช…ม……พ…ูอ…อ……น……เ…ป…น ……ม…นั ……………………………………..
วตั ถอุ นั ตรายในทน่ี หี้ มายถงึ วตั ถอุ นั ตรายท่ีใชใ้ นบา้ นเรอื น เชน่ ผลติ ภณั ฑ์ ไมมีกลน่ิ เหม็นเนา…●…………………………………………………………………………………………………………………….
ป้องกันก�าจัดแมลง ผลิตภณั ฑ์ล้างหอ้ งนา้� เปน็ ตน้ มักแสดงสรรพคุณอวดอ้าง …●……ไ…ม…ม …ีเ…ม…็ด…ส……ขี …า…ว…ใส……ค…ล……า …ย…เม……็ด…ส…า…ค……ู …………………………………………….
เกนิ จรงิ หรอื ระบวุ า่ ไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ เราควรเลอื กซอื้ ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี ฉี ลาก
แสดงขอ้ ความภาษาไทย ระบวุ ธิ กี ารใช้ การเกบ็ รกั ษา คา� เตอื น การแกพ้ ษิ เบอื้ งตน้ ……………………………………………………………………………………………………………………….
ชอ่ื ทอี่ ยผู่ ผู้ ลติ และผนู้ า� เขา้ บรรจอุ ยู่ในภาชนะทมี่ สี ภาพเรยี บรอ้ ย ไมบ่ หุ รอื กรอ่ น
๒) ไข มวี ธิ ีการเลือกซื้อ ดังน้ี
55 …●……เล……ือ…ก…ไ…ข…ท ……ี่ม…เี ป……ล…ือ…ก……น…ว…ล……เก……ล…้ีย…ง………………………………………………….
…●……เป……ล…ือ…ก……ไข…ไ…ม……ม…รี …อ…ย…ด……า …ง……ร…อ…ย…ร……า…ว…………………………………………….
เขยา แลวไมคลอน…●…………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………….

๓) ปลากระปอ ง มวี ิธีการเลอื กซ้ือ ดังน้ี
…●……ก…ร…ะ…ป…อ……ง…ไ…ม…ม…รี …อ……ย…บ…ุบ……ห…ร…ือ…โ…ป……ง …น…ูน………ไ…ม…เ …ป…น……ส…น……มิ …………….
…●……ม…ีฉ…ล……า…ก…ร…ะ…บ……วุ …ัน…ผ…ล……ิต……ว…ัน……ห…ม…ด…อ……า…ย…ุ ……………………………………….
มีเครื่องหมาย อย.…●…………………………………………………………………………………………………………………….
บอกวัตถุเจอื ปน…●…………………………………………………………………………………………………………………….

๒๙

ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

ถา นักเรียนตอ งเลอื กซอ้ื กระเทียมเพือ่ นํามาทําปลาหมึกทอดกระเทยี ม ครใู หน กั เรยี นสาํ รวจตลาดสด แลว สงั เกตวา ทตี่ ลาดสดมอี ะไรขายบา ง จดบนั ทกึ
พรกิ ไทย นักเรียนจะมีวิธีเลอื กซอ้ื อยา งไร มา 5 ชนดิ จากน้ันกลับมาสบื คน ขอ มลู การเลือกซอ้ื สง่ิ ท่นี ักเรยี นจดบันทึกไวท งั้
แนวตอบ เราควรเลือกซอ้ื กระเทยี มที่แหงสนิท เนือ้ แนน กลบี ไมลบี 5 ชนดิ แลว ออกมานําเสนอ
หรอื ฝอ ไมมีรอยจุดดําหรือราสเี ขียว
นกั เรยี นควรรู
กจิ กรรมทาทาย
1 อาหารแหง เปนอาหารท่ีผา นกระบวนการอบหรอื ตากแหง ทาํ ใหสวนทเ่ี ปนน้ํา
ใหนกั เรยี นสบื คนขอมูลอาหารท่มี ีลกั ษณะผดิ ปกติ คนละ 1 ชนดิ เชน ถกู กําจัดไป เพอื่ ลด ยบั ยงั้ และปอ งกนั ปฏิกริ ิยาทางเคมแี ละการเจรญิ เตบิ โตของ
เน้อื หมูมีสีแดงสด กงุ แหงมีสแี ดงสดหรอื สสี มสด ถ่วั งอกท่ขี าวผิดปกติ จุลนิ ทรียท ุกชนิด อาหารจงึ ไมบูดหรอื เนาเสยี ไดง าย และเกบ็ ไวไดนาน
เปน ตน วิเคราะหวา การผิดปกตินัน้ เกดิ จากอะไร และมอี ันตรายอยา งไร
แลวเขียนเปนใบงานสงครู

คมู อื ครู 55

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. หลังจากทแ่ี ตล ะกลุมออกมานาํ เสนอผลงาน ๖. การเลือกซ้อื เครื่องมอื แพทย์
และฟง ครูใหความรแู ลว ครใู หแตละกลมุ ทํา
โปสเตอรโ ฆษณาสินคา ของตนเองใหเ กนิ เคร่ืองมือแพทย์ เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อยู่ในความรับผิดชอบของ
ความจรงิ แลวออกมาโฆษณาหนา ชั้นเรียน สา� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซงึ่ มกั จะพบโฆษณาทอี่ วดอา้ งเกนิ จรงิ
เพ่ือใหเ พอ่ื นกลุม อื่นรว มกันแสดงความคิดเห็น หรอื ใชก้ ารรบั รองจากบุคคลทมี่ คี วามน่าเชื่อถอื เราควรเลือกซื้อเครือ่ งมอื แพทย์
วา ควรเลือกสนิ คาชนิดนี้หรือไม (นักเรยี น ที่ได้รับการอนุญาตจากส�านักงานคณะกรรมการอาหารและยา เครื่องมือแพทย์
สามารถบอกจดุ ทีไ่ มนา เชอ่ื ถอื และแกไข ท่ีใกลต้ วั นกั เรยี น ไดแ้ ก ่ ถงุ มอื ยางหรอื ถงุ มอื แพทย ์ สามารถเลอื กซอ้ื ไดโ้ ดยดจู าก
ใหถกู ตอง) ภาชนะบรรจุต้องมีฉลากภาษาไทย ระบุชื่อการค้า วัสดุท่ีใช้ท�า วัน เดือน ปี
ทีผ่ ลิตหรอื หมดอาย ุ เป็นตน้
2. นกั เรียนรวมกันสรปุ หลกั ในการเลือกซอ้ื สนิ คา
และผลิตภณั ฑสขุ ภาพ ๗. การเลอื กซอื้ วตั ถุเสพติด

วตั ถเุ สพตดิ ในทนี่ ห้ี มายถงึ วตั ถทุ ม่ี กี ารใชป้ ระโยชนท์ างการแพทย ์ วตั ถทุ ี่
ออกฤทธ์ิต่อจิตและประสาท เช่น ยานอนหลับ เป็นตน้ เราควรได้รบั การอนุญาต
จากแพทยเ์ ปน็ ผู้สั่งยาให้เทา่ นนั้ วตั ถุเสพติดที่ใกล้ตวั ทเ่ี ราสามารถซื้อเพือ่ รักษา
อาการเจ็บป่วยได้ เช่น ยาแก้ไอ เป็นต้น เราควรเลือกซื้อจากร้านขายยาท่ีมี
เภสชั กร โดยดูฉลากยาและใชต้ ามขนาดที่ระบุไว้จงึ จะปลอดภยั

๘. การเลอื กซอื้ เคร่อื งส�าอาง

เครื่องส�าอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกาย เพื่อความสะอาด ความ
สวยงาม และแตง่ กลนิ่ หอม เชน่ สบ่ ู ยาสีฟนั แชมพูสระผม ครีมนวดผม น�้ายา
บว้ นปาก เปน็ ตน้ เครอ่ื งส�าอางในปจั จุบนั มอี ย่มู ากมายหลายชนิด ซง่ึ แตล่ ะชนดิ
มหี ลักในการเลอื กซ้อื แตกตา่ งกัน ตัวอยา่ งเช่น

๑) การเลอื กซอื้ ยาสฟี น ยาสฟี นั แตล่ ะยห่ี อ้ โดยทว่ั ไปจะมคี ณุ สมบตั ิ

ใกล้เคยี งกัน ดังน้นั เราควรพิจารณาจากส่ิงตา่ งๆ ตอ่ ไปน้ี

เคร่อื งหมาย อย.1 ส่วนประกอบ ปริมาณสทุ ธิ

ค�าเตือน ช่อื ทางการคา้

5๖ ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเก่ยี วกบั การเลือกซ้อื ผลิตภัณฑสุขภาพ
เกรด็ แนะครู ในการเลือกซือ้ ผลติ ภณั ฑเสริมความงาม นักเรยี นมีหลักในการ
เลอื กซอ้ื อยา งไร
ครใู หนกั เรียนเปรียบเทียบยาสฟี นหลายๆ ย่หี อ และเลือกวานกั เรยี นจะเลอื ก 1. เชื่อตามคําโฆษณาในวทิ ยุและโทรทัศน
ยี่หอ ใด เพราะอะไร (ยาสฟี นทน่ี ักเรยี นเลอื กอาจเลือกใหตรงกับความตองการหรอื 2. เชอ่ื ตามคาํ แนะนําในแผนโฆษณา
ปญ หาทีน่ กั เรยี นเปน เชน นกั เรยี นตองการใหฟน ขาวข้ึน หรอื ตองการใหเหงือก 3. ศึกษาจากฉลากแนะนําผลิตภัณฑ
แข็งแรง เพราะนักเรียนมีเลอื ดออกตามไรฟน ครคู วรพจิ ารณาสอนใหน กั เรียน 4. เลือกตามคาํ แนะนําของเพื่อน
สามารถเลือกไดถ ูกวิธีเพ่ือสรางเสริมสขุ ภาพของตนเอง) วิเคราะหค าํ ตอบ การเลือกซอ้ื ผลติ ภัณฑเสรมิ ความงาม ควรอานฉลาก
แนะนาํ ผลติ ภณั ฑ โดยดสู ว นประกอบ วธิ ีการใช คําเตือน สถานที่ผลิต และ
นกั เรียนควรรู เครอื่ งหมายรับรองคณุ ภาพและความปลอดภัย อยาหลงเชือ่ ตามคําบอกเลา
หรอื คําชกั ชวนตามโฆษณา ดังนัน้ ขอ 3. จึงเปนคาํ ตอบทถ่ี กู
1 เคร่ืองสาํ อางควบคุมพิเศษ เปนเคร่ืองสาํ อางท่ีมคี วามเสยี่ งสงู ตอ การเกิด
อันตรายตอผูบ รโิ ภค เนื่องจากพษิ ภยั หรอื อันตรายของสารเคมีทีเ่ ปน สว นผสม

ยาสฟี นทมี่ ีสวนผสมของฟลอู อไรดเปนเครือ่ งสาํ อางควบคมุ พเิ ศษ จึงตองมี
ขอ ความวา “เครื่องสาํ อางควบคมุ พิเศษ” เน่ืองจากถา รา งกายไดรับฟลูออไรด
ในปริมาณมากเกินไป จะทาํ ใหเกิดโรคฟน ตกกระได

56 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand
Expand
ขยายความเขา ใจ

๒) การเลอื กซอื้ นา้� ยาบว้ นปาก1 นา�้ ยาบว้ นปาก เปน็ สารละลาย ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 3.3 จาก
แบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.5
ที่ใช้เพื่ออมกลั้วปากและคอ แล้วบ้วนทิ้งไป น้�ายาบ้วนปากช่วยในการชะล้าง
ช่องปากใหส้ ะอาด เพ่ือลดเชอ้ื โรคในชอ่ งปากและระงบั กลน่ิ ปาก น้า� ยาบว้ นปาก ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
ท่ีจัดเป็นเครื่องส�าอาง ประกอบด้วยน้�า แอลกอฮอล์ สารแต่งกล่ิน แต่งสี สขุ ศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.3
บางชนิดจะมีสารฆ่าเช้ือจุลินทรีย์ด้วย การเลือกน�้ายาบ้วนปากควรพิจารณา แบบประเมนิ ตวั ช�ว้ ดั พ 4.1 ป.5/3
จากหลกั การ ดงั น้ี
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูต ามตัวชวี้ ดั ประจําหนว ยท่ี ๓ บทท่ี ๓

กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๓.๓
แบบประเมินตัวชวี้ ดั พ ๔.๑ ป.๕/๓
 วิเคราะหสอ่ื โฆษณาในการตัดสนิ ใจ เลอื กซือ้ อาหารและผลติ ภณั ฑสขุ ภาพอยางมีเหตผุ ล

ชดุ ที่ ๑ ๒๕คะแนน

เลอื กชนิดท่มี ีสว่ น บอกชนิดของน�า้ ยาบ้วนปาก ๑ ขีด ✓ หนา ขอ ความทถี่ กู กา ✗ หนาขอ ความท่ผี ิด (๑๕ คะแนน)
ผสมของแอลกอฮอล์ ✗…………………. ๑) เราควรเลอื กซอ้ื อาหารทม่ี รี าคาแพง เพราะมคี ณุ ภาพดกี วา
นอ้ ย หรือมีนา้� เพ่ือ ✓…………………. ๒) ยาสีฟนท่ีผสมฟลูออไรดตองระบุขอความ “เครื่องสําอาง
ป้องกนั การระคาย ควบคุมพิเศษ”
เคืองเยอ่ื บชุ อ่ งปาก ✗…………………. ๓) ถัว่ เมลด็ แหงควรเลอื กเมล็ดทีล่ บี เบา เพราะแสดงวา
เฉฉบลับย แหง สนิท
✓…………………. ๔) ผูผลติ ไมจําเปนตอ งระบสุ ถานท่ีจาํ หนา ยบนฉลากอาหาร
กระปอ ง
✗…………………. ๕) สบู ยาสีฟน ตอ งระบขุ อ ความ “เครอื่ งสาํ อางควบคุมพเิ ศษ”
✓…………………. ๖) นํ้ายาบวนปากเปน สง่ิ ที่ไมจาํ เปนตองใชใ นชวี ิตประจาํ วนั
✗…………………. ๗) สนิ คาท่ีมบี คุ คลท่ีมีช่ือเสยี งรับรอง แสดงวาเปนสินคาทด่ี ี
✗…………………. ๘) โฆษณาไมมีผลใดๆ ตอการเลือกใชสนิ คา
✓…………………. ๙) กอนเลือกซ้อื สนิ คา เราควรนาํ สินคามาเปรียบเทียบกัน
✓…………………. ๑๐) สินคาทนี่ าเชอ่ื ถือ คอื สนิ คา ท่มี เี คร่ืองหมาย อย.
ช่ือทางการคา้ EMXFPD.. 0077//0077//22001105 ✗…………………. ๑๑) เราควรเลอื กนา้ํ ยาบว นปากทมี่ สี วนผสมของกรดออ น
เพราะทําความสะอาดชอ งปากไดด ี
✗…………………. ๑๒) ผักปลอดสารพษิ ตองเปนผกั ท่ีไมม รี อยกัดของแมลง
✓…………………. ๑๓) สนิ คา ทม่ี ภี าพโฆษณาสวยงามมกั มีการตกแตงภาพ
แหลง่ ทีผ่ ลติ ปริมาตรสุทธิ เกินความเปนจริง
✗…………………. ๑๔) ถา พบยาสระผมที่ไมมีฉลากระบุตอ งแจง ไปท่กี รมอนามัย
วันผลติ และวนั หมดอายุ ✗…………………. ๑๕) เราควรเลือกซอ้ื สนิ คาที่มกี ารแถมของรางวัล
บอกสว่ นผสมที่ใช้ในผลติ ภัณฑ์น้�ายาบว้ นปาก ๓๐
และระบุวธิ กี ารใช้

สอ่ื โฆษณามอี ทิ ธพิ ลตอ่ การเลอื กซอื้ อาหารและผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพ ดงั นน้ั
เราจึงควรร้จู กั วเิ คราะหส์ ่ือโฆษณาก่อนเลือกซื้อเสมอ ซงึ่ สามารถท�าไดด้ งั น้ี
๑. ไมห่ ลงเชอื่ คา� เชญิ ชวนในสรรพคณุ ของสนิ คา้ โดยไมม่ กี ารตรวจสอบ
๒. หลกี เล่ียงสอ่ื โฆษณาท่ีเกนิ ความจรงิ และไม่ปลอดภัย
๓. ตรวจสอบข้อเทจ็ จริงว่าเป็นแหล่งที่นา่ เชอ่ื ถือและมีการรับรอง
๔. เมอ่ื มปี ญั หาสขุ ภาพหรอื ปญั หาใดๆ ควรปรกึ ษาผเู้ ชย่ี วชาญทมี่ ใี บรบั รอง

5๗

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรียนควรรู

ใหนกั เรียนสบื คนขอ มลู ความหมายของเครื่องสาํ อาง ประเภท 1 นาํ้ ยาบว นปาก เราไมควรเลอื กใชน ํ้ายาบว นปากทีม่ ีสว นผสมของกรด ซง่ึ เรา
ของเครื่องสําอาง และหลกั การเลือกใชเ คร่ืองสาํ อาง และยกตัวอยาง สามารถทาํ การทดสอบไดง า ยๆ คอื นาํ กระดาษลติ มสั มาทดสอบกบั นาํ้ ยาบว นปาก
เครือ่ งสําอางมา 1 ชนดิ ทาํ เปน ใบงานสงครู (นกั เรยี นสามารถบอกไดวา กระดาษลติ มสั จะมี 2 สี คือ สแี ดงและสีนาํ้ เงนิ เมอ่ื ใชก ระดาษลติ มสั มาทดสอบ
เครือ่ งสาํ อางทีน่ ักเรียนยกตวั อยา งมาอยใู นประเภทใด) นา้ํ ยาบว นปาก จะสามารถแยกได ดังนี้

กิจกรรมทา ทาย นา้ํ ยาบวนปาก กระดาษลติ มสั สนี า้ํ เงนิ กระดาษลติ มสั สแี ดง
กรด
ใหนักเรียนเลือกเครือ่ งสําอางมา 1 ชนดิ แลว สืบคนขอ มลู วา เบส
เคร่อื งสําอางท่ีนักเรียนเลอื กมาเปน เคร่ืองสําอางประเภทใด มวี ธิ กี ารเลอื ก กลาง
อยา งไร โดยพจิ ารณาสวนประกอบทีส่ ําคัญวา มีความปลอดภยั หรอื ไม

คูมอื ครู 57

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. ครูตรวจความถกู ตอ งของโปสเตอรโ ฆษณา ก¨ิ กรรมการàรÕÂนรÙŒ
สนิ คา
ตอนท่ี ๑ ค�าถามชวนคิด
2. ครูตรวจความถูกตอ งของการเปรียบเทยี บ เขียนตอบค�าถามต่อไปนลี้ งในสมุด
ผลิตภณั ฑส ขุ ภาพ ๑) นักเรยี นยกตวั อยา่ งโฆษณามา ๑ โฆษณา แลว้ บอกวา่ เมือ่ ได้ฟงั หรือดูโฆษณาน้ี
แล้วนกั เรียนรูส้ ึกอย่างไร
3. ครูตรวจสอบความถูกตอ งของการทาํ กิจกรรม ๒) จากโฆษณาท่ีนักเรียนยกตัวอย่างมา นักเรียนซ้ือสินค้าตามโฆษณาน้ันหรือไม่
รวบยอดท่ี 3.3 จากแบบวัดฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.5 อย่างไร
๓) ถ้านกั เรยี นต้องการซ้อื นม ๑ กลอ่ ง นักเรียนจะมหี ลกั ในการเลอื กซือ้ อยา่ งไร
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ตอนท่ ี ๒ ชวนคดิ ชวนทา� (ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมขอ 2. ขึ้นอยกู บั ดุลยพินจิ ของครูผสู อน)
๑. อ่านคา� โฆษณาที่กา� หนดให ้ แลว้ พิจารณาวา่ โฆษณาเหล่านี้น่าเชอ่ื ถือหรือไม ่
1. โปสเตอรโฆษณาสินคา เพราะเหตุใด
2. การเปรียบเทยี บผลติ ภัณฑสุขภาพ
๑) “ÂÒÊÕ¿¹˜ ¼ÊÁ¿ÅÙÍÍäô “äÇ·¨ ѧ” 㪌áŌǷíÒãË¿Œ ¹˜ ÊÐÍÒ´ á¢ç§áç”
๒) “ÊÒËËÒÂ»Ã§Ø ÃÊ µÃÒâÍàªÂÕè ¹ ãËÊŒ ÒÃÍÒËÒäú õ ËÁ‹Ù ·´á·¹¡Òá¹Ô ÍÒËÒÃã¹áµÅ‹ ÐÁÍé×

àËÁÒÐÊíÒËÃѺ¼µŒÙ ÍŒ §¡ÒÃÅ´¹Òíé ˹¡Ñ àÅ×Í¡ÊÒËËÒ µŒÍ§àÅ×Í¡âÍàªÕè¹”
๓) “áªÁ¾Ù “áºÅ¤ç áÎÏ” ¼ÁËÍÁÊÐÍÒ´ÅíéÒÅÖ¡ ÊÃÐ ñ ¤Ã§éÑ ÍÂäÙ‹ ´Œ¹Ò¹ ñ Ê»Ñ ´Òˏ â´ÂäÁ‹µŒÍ§

ÊÃЫéíÒ”
๔) “¹Òíé ´×èÁÊÐÍÒ´ ¹íéÒ´Áè× “ÇÍà·Íԏ ãÊ ÊÐÍÒ´ »ÅÍ´ÀÑ à¾ÃÒмҋ ¹¡ÃÃÁÇ¸Ô ¡Õ ÒÃ¼ÅµÔ ·Õè

¾Ô¶Õ¾Ô¶¹Ñ áÅÐÁÕ¤³Ø ÀÒ¾ ÀÒÂ㵌à¤ÃÍè× §ËÁÒÂÃºÑ Ãͧ ÍÂ.”
๕) “¾éÔ§¡Õé Å»Ô Á¹Ñ à»ÅÕÂè ¹ÊäÕ ´Œ 㪌áÅÇŒ »Ò¡¨Ð¹ÁèÔ ¹ÇÅ ¹Ò‹ ÊÁÑ ¼ÑÊ仵ÅÍ´¡ÒÅ”

๒. แบ่งกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มน�าฉลากสินค้าผลิตภัณฑ์สุขภาพชนิดเดียวกันแต่ต่างย่ีห้อ
มาติดลงในสมุด จากน้ันเปรียบเทียบสินค้า ๒ ยี่ห้อนี้ แล้วสรุปว่าควรเลือกสินค้า
ชนิดใด เพราะเหตุใด
ตอนท ่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมข้ึนอยูก ับดุลยพนิ ิจของครผู ูสอน)
แบ่งกลุม่ ร่วมกนั คิดคา� โฆษณาอาหารหรือผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพกลุ่มละ ๑ ชนิด โดยทา� ให้
อาหารหรือผลิตภณั ฑ์สุขภาพของกลมุ่ ตนนา่ สนใจทสี่ ดุ เขยี นค�าโฆษณาลงในกระดาษ
พรอ้ มตกแตง่ ใหส้ วยงาม แลว้ ออกมานา� เสนอหนา้ ช้ัน จากนัน้ ให้เพือ่ นตา่ งกลุม่ รว่ มกัน
วเิ คราะห์ว่าโฆษณานน้ี า่ เชื่อถอื หรอื ไม่ เพราะเหตุใด

5๘

เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1 และตอนท่ี 2
คําถามชวนคิด

1) แนวตอบ โฆษณา “โรลออน ทาแลว ขาวนา มอง” เม่ือฟงแลว รสู ึกอยากใช
2) แนวตอบ อาจจะเลือก แตตอ งดฉู ลากผลติ ภัณฑว ามีเครือ่ งหมายรบั รองคุณภาพหรือไม และดูสว นประกอบวามสี ารที่เปนอันตรายตอ รางกายหรอื ไม
3) แนวตอบ ดลู กั ษณะของกลอ งวาอยใู นสภาพดีหรอื ไม วนั หมดอายุ เครอ่ื งหมาย อย. และสว นประกอบทีส่ าํ คญั
ชวนคิด ชวนทํา ขอ 1
1) ตอบ นาเช่อื ถอื เพราะยาสีฟนมีสวนผสมของฟลอู อไรด ซง่ึ มีผลทําใหฟ น สะอาดและแข็งแรงไดจ รงิ
2) ตอบ ไมน าเช่ือถือ โฆษณาเกินความจริง เพราะสาหรายมีสารอาหารไมครบ 5 หมู และการกนิ สาหรายเพยี ง

อยางเดียวไมทาํ ใหร า งกายเจรญิ เติบโตได รางกายตองการสารอาหารจากอาหารชนิดอ่ืนๆ ในอาหารหลัก 5 หมู ดว ย
3) ตอบ ไมน า เชื่อถือ เพราะภายใน 1 สปั ดาห ผมของเราตองเจอสภาวะอน่ื ทีท่ าํ ใหผมสกปรก มีนํา้ มันบนเสน ผมเกิดกลิน่ ได
4) ตอบ นา เช่อื ถอื เพราะมีเคร่ืองหมาย อย.
5) ตอบ ไมนา เชื่อถือ เพราะโฆษณาเกินความจริง ไมม ลี ิปมันทใี่ ชแ ลว ทําใหป ากนิม่ ไปตลอดได

58 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรยี นรู

ôº··Õè ปฏิบตั ิตนในการปอ งกันโรคท่ีพบบอ ยในชวี ติ
โรคควรรู้ ประจําวนั (มฐ. พ 4.1 ป.5/4)

ก¨ิ กรรมนÓÊÙก่ ารàรÕÂน สาระส�าคญั สมรรถนะของผูเ รียน
อาการเจ็บปว่ ยทเ่ี กดิ จากโรค ส่งผลต่อ
การใชช้ ีวติ ประจา� วนั ดงั น้ันเราจงึ ควรร้วู ิธี 1. ความสามารถในการคิด
ปอ้ งกนั โรค เพ่อื สขุ ภาพกายและจติ ใจที่ดี 2. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวติ

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค

1. มวี ินยั รับผิดชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน

äͨ¹à¨ºç ¤ÍàÅ กระตนุ ความสนใจ Engage

? ใหนักเรยี นดภู าพ หนา 59 แลว ชว ยกันบอกวา
อาการเจบ็ ปวยทีเ่ กดิ ข้นึ กบั เดก็ ในภาพคืออะไร
¹Ñ¡àÃÕ¹¤´Ô Ç‹Ò ÍÒ¡ÒÃà¨çº»Ç†  และนกั เรยี นทราบไดอ ยางไร
·àèÕ ¡Ô´¢éÖ¹¡ºÑ à´¡ç ã¹ÀÒ¾ ¤Í× ÍÐäÃ
áÅйѡàÃÕ¹·ÃÒºä´ÍŒ ÂÒ‹ §äà (แนวตอบ เด็กในภาพมอี าการเจ็บปว ย คอื
เปน หวัด เพราะมอี าการไอมากจนเจ็บคอ
5๙ ทราบจากภาพเอามือปด ปากของเดก็
และคําบรรยายภาพ)

เกรด็ แนะครู

ครจู ดั กระบวนการเรียนรโู ดยการใหนกั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดังน้ี
• สาํ รวจและสงั เกตอาการเจบ็ ปวยท่นี กั เรียนเปนบอย
• สืบคนขอมลู โรคท่ีพบบอ ยในชวี ิตประจาํ วัน
• อธิบายขอมูลเกี่ยวกบั โรคท่พี บบอยในชวี ติ ประจําวนั
• วิเคราะหจากประเด็นคาํ ถามและภาพ
จนเกิดเปน ความรคู วามเขาใจวา อาการเจบ็ ปวยสงผลตอ ชวี ิตประจาํ วนั
ดังน้นั เราจึงควรรูวิธปี องกนั ตนเองจากโรคท่ีพบบอยในชวี ติ ประจาํ วนั

คมู ือครู 59

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. ครถู ามนกั เรยี นวา นกั เรยี นคดิ วา การเจบ็ ปว ยใด โรคเป็นอาการที่เกิดข้ึนจากการติดเช้ือโรคหรือการมีพฤติกรรมสุขภาพ
ที่คนเปนกนั มากทส่ี ดุ ที่ไม่ถกู ต้อง ซงึ่ โรคท่ีพบบอ่ ยในปจั จุบนั มอี ยูห่ ลายโรค ดงั น้ี
(แนวตอบ ไขหวัด ทองเสีย ลมพิษ เปนตน )
ñ âä䢌ËÇ´Ñ ãËÞ‹
2. ครพู ิจารณาคาํ ตอบของนกั เรียน แลวเลือกโรคท่ี
พบบอยในชีวติ ประจําวนั เชน “นกั เรยี นเคยปว่ ยเปน็ ไขห้ วดั ใหญห่ รอื ไม ่ มอี าการอยา่ งไร”
• ไขห วดั
• ไขหวัดใหญ ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสบางชนดิ ทีเ่ ข้าสู่ร่างกายในขณะที่ร่างกาย
• ไขเลือดออก ออ่ นแอ
• ฟนผุ อาการ มไี ข้สูง หนาวสนั่ คัดจมกู น้า� มูกไหล ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ
• ทอ งเสยี และปวดเม่ือยตามตัวมาก
• โรคปรทิ นั ต การติดต่อ โรคไขห้ วัดใหญเ่ ป็นโรคท่ตี ิดตอ่ ไดง้ า่ ย เพียงแคส่ ูดลมหายใจ
• ภมู แิ พ เอาเชอื้ โรคทผ่ี ปู้ ว่ ยไอหรอื จามออกมากส็ ามารถเป็นโรคน้ีได้
• ผดผืน่ คัน การดแู ลรักษา ควรปฏิบตั ิ ดงั นี้
• กลาก ๑) พกั ผ่อนใหม้ ากๆ ใชผ้ า้ ชบุ นา้� เช็ดตัวเมอื่ มไี ข้สูง
• เกล้อื น ๒) เกมนิ ือ่ อรา้สู หึกาปรวอดอ่ หนวัๆห แรือลมะดีไข่ืม้ในหา้� ก้ มนิ ายกาๆพาราเซตามอล1
เพื่อใหนกั เรยี นไดทํากจิ กรรมสืบคน ขอ มูล ๓)

เก่ียวกับโรคที่พบบอ ย

๔) ถา้ มนี า�้ มกู ขน้ และเปลยี่ นส ี หายใจไมอ่ อก มอี าการหอบหรอื สงสยั วา่
ปอดอกั เสบ ควรรีบไปพบแพทย์
การปอ้ งกนั ควรปฏบิ ัติ ดังนี้
๑) รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการกินอาหารที่มี
ประโยชน ์ ออกก�าลงั กายสม่�าเสมอ และพักผ่อนใหเ้ พยี งพอ
๒) ท�าใหร้ า่ งกายได้รับความอบอุน่ เพยี งพอ
๓) ไม่คลกุ คลีกบั ผู้ปว่ ยท่เี ปน็ โรคไข้หวัดใหญ ่ หรอื สวมหน้ากากอนามยั
ทกุ ครั้ง เม่ือตอ้ งคลกุ คลีกับผูป้ ว่ ย
๔) ไมใ่ ชข้ องใชส้ ว่ นตวั รว่ มกบั ผทู้ ปี่ ว่ ยเปน็ โรคไขห้ วดั ใหญ ่ เชน่ ผา้ เชด็ หนา้
ผ้าเช็ดตัว เป็นตน้
๕) กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ โดยใช้ช้อนกลางตักอาหาร และล้างมือ
ก่อนกินอาหารและหลงั ขบั ถ่ายเสมอ
๖) เมอ่ื มีอาการป่วยควรบอกใหพ้ ่อแมท่ ราบ เพ่ือจะได้พาไปพบแพทย์
๖0

เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ไขหวดั ใหญแตกตา งจากไขหวัดธรรมดาอยางไร
ครใู หน ักเรยี นพจิ ารณาวา จากการติดตอ ของแตล ะโรค นักเรียนจะใช แนวตอบ
หลกั สขุ บัญญัตแิ หงชาติ 10 ประการ มาปฏบิ ตั เิ พ่ือปอ งกันโรคไดอ ยา งไร • ไขห วดั ใหญจ ะมไี ขส งู หนาวสน่ั คดั จมกู นาํ้ มกู ไหล ปวดศรี ษะ ปวดเมอื่ ย
กลา มเน้อื มีภาวะแทรกซอนไดง ายกวา และใชเ วลาในการเจ็บปวย
นักเรยี นควรรู ยาวนานกวา ไขห วัดธรรมดา
• ไขห วดั ธรรมดามกั มีอาการคัดจมูก นํา้ มูกไหล คนั คอ มีไขแ ตไ มสงู
1 พาราเซตามอล เปน ยาบรรเทาอาการปวด ลดไข มากนัก และใชเวลาในการรักษาไมน านก็จะหาย
• เด็กอายุ 6-12 ป กนิ ขนาด 325 มก. คร้งั ละ 1 เม็ด ทกุ 4 หรือ 6 ช่วั โมง

และขนาด 500 มก. คร้งั ละ 21 - 1 เมด็ ทุก 4-6 ช่ัวโมง
• ผูใหญ กินขนาด 325 มก. คร้ังละ 2 เมด็ ทุก 4 หรอื 6 ชว่ั โมง

และขนาด 500 มก. ครัง้ ละ 1 เม็ด ทกุ 4 ช่ัวโมง
และควรกนิ เฉพาะเมอื่ มีอาการ เพราะยานมี้ ีพิษตอ ตบั ถา ใชม ากเกินไป
อาจทาํ ใหต ับวายได

60 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ò âää¢àŒ Å×Í´ÍÍ¡ 1. ใหนกั เรียนแบง กลุมตามหัวขอโรคทพ่ี บบอ ย
ในชีวติ ประจําวันที่ครเู ลือกมา แลวใหนกั เรียน
“ในครอบครวั นกั เรยี น มใี ครเคย จบั ฉลากเลอื ก แตละกลมุ ตองไมใหก ลุมอนื่ รู
ปว่ ยเปน็ โรคไขเ้ ลอื ดออกหรอื ไม”่ วา ไดโ รคอะไร

โรคไขเ้ ลอื ดออกเกดิ จากยงุ ลาย 2. ครูแจกกระดาษ 4 แผน แตล ะแผนมี 1 หวั ขอ
ท่ีมเี ชอื้ ไขเ้ ลือดออกกัด เรยี งลาํ ดบั ตามนี้
อาการ มีไข้สูงมาก ตัวร้อน ยงุ ลาย เป็นพาหะนา� เชอื้ ไขเ้ ลอื ดออก 1. อาการ
2. การตดิ ตอ
มือเท้าเย็น หายใจหอบ ตัวซีด กระวนกระวาย และไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว 3. การดูแลรกั ษา
อาจมีเลือดออกตามผวิ หนังเปน็ จดุ แดงๆ จะเปน็ อันตรายมาก 4. การปองกนั
การตดิ ตอ่ ยงุ ลายเป็นพาหะนา� เชอ้ื โรคจากผ้ปู ว่ ยไปสูผ่ ทู้ ่ถี ูกยงุ ลายกัด
การดแู ลรกั ษา ควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี 3. ใหแตล ะกลมุ บนั ทึกขอมูลโรคท่นี ักเรยี น
๑) กนิ ยาพาราเซตามอลเม่ือมไี ขส้ งู ไมค่ วรกินยาแอสไพรนิ 1 จับฉลากไดตามหวั ขอท่ีกาํ หนด

เพราะจะ
ท�าให้เลือดออกมากข้ึน
๒) เมอื่ มไี ขส้ งู มาก ตวั รอ้ น กระสบั กระสา่ ย ใหร้ บี ไปพบแพทย ์ ไมต่ อ้ งรอ
จนไขล้ ดลง แล้วมีอาการปวดท้อง ซึมลง มือเท้าเย็น หรือหน้ามืด เพราะจะ
อันตรายมาก
การปอ้ งกัน ควรปฏิบตั ิ ดังนี้
๑) นอนกางมุ้งหรอื นอนในห้องทมี่ ีมุ้งลวด และไม่ใหถ้ ูกยุงลายกัด
๒) กา� จดั แหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ ลา2ย ดงั น้ี
• ใสท่ รายเคมีก�าจดั ลูกน้�า ลงในจานรองตู้กับข้าว
• ปิดฝาโอ่งหรือฝาตุ่มให้
มิดชดิ
• เล้ียงปลาหางนกยูงไว้
ในบ่อ เพ่อื ให้กินลูกน�า้
• ทา� ลายบรเิ วณหรอื แหลง่
ทีม่ นี ้า� ท่วมขงั ในบรเิ วณบ้าน
๓) ถ้ามีไข้ที่สงสัยว่าจะเป็น
โรคไข้เลือดออก ไม่ควรกินยาลดไข้ ทรายเคมเี ปน็ วตั ถอุ นั ตราย ตอ้ งระวงั ไมใ่ หถ้ กู ผวิ หนงั
พวกแอสไพรนิ แต่ควรรีบไปพบแพทย์ และหา้ มใส่ในนา้� ทนี่ า� มาบรโิ ภค

๖1

ขอใดไมใชก ารปองกันโรคไขเ ลอื ดออก ขอ สอเบกเ็งนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู
1. ทาํ ลายแหลงทม่ี ีนํ้าขงั
2. พยายามไมใ หถูกยงุ กดั 1 ยาแอสไพริน ยาชนดิ นม้ี ีผลทําใหเ กลด็ เลอื ดไมจ บั ตวั เปน ลิม่ ทําใหเลือดออก
3. ปดฝาโอง หรอื ฝาตุมใหมดิ ชดิ ไดง าย ดังนนั้ จงึ ไมค วรใชย าแอสไพรินในผปู ว ยท่ปี ว ยเปน โรคไขเ ลือดออก
4. ใสทรายลงในภาชนะท่ีมนี ้าํ ขัง 2 ทรายเคมีกาํ จดั ลกู นำ คอื ทรายทถ่ี ูกเคลอื บดว ยสารเคมี ทีม่ ีคณุ สมบตั ิเปนพษิ
ตอตวั ออนของยงุ ทําใหต ัวออนของยุงตายได จงึ ใชเปนวิธีการกาํ จดั ยุงลายวิธีหนึ่ง
วเิ คราะหค ําตอบ การปอ งกนั โรคไขเ ลอื ดออก คอื พยายามไมใ หถ กู ยงุ กดั
และกาํ จดั แหลง เพาะพนั ธยุ งุ ลาย โดยการใสท รายเคมกี าํ จดั ลกู นา้ํ ในภาชนะ ทรายเคมีกําจดั ลูกน้ําท่ีผลติ ออกมาจําหนายมีช่ือทางการคาหลากหลาย เชน
ทม่ี นี า้ํ ขงั ปด ฝาโอง หรอื ฝาตมุ ใหม ดิ ชดิ และทาํ ลายแหลง ทม่ี นี า้ํ ขงั ซง่ึ การ อะเบท (ABATE) และเคมฟลีท แซนดาเบต (Chemflfleet Sandabate) โดยมอี ตั รา
ใสท รายธรรมดาทไ่ี มไ ดเ คลอื บดว ยสารเคมี จะไมม ฤี ทธใิ์ นการกาํ จดั ลกู นา้ํ การใช คือ 1 กรัม ตอ นํา้ 10 ลิตร เม่อื ใสท รายกาํ จัดลกู นํ้าลงในนา้ํ สารออกฤทธิ์
จะคอ ยๆ เจือจางไปในน้ําจนมคี วามเขม ขนประมาณ 1 สวนในลา นสว น หากใช
ของยงุ ดงั นน้ั ขอ 4. จงึ เปน คําตอบท่ีถูก ทรายกาํ จัดลูกนํา้ ตามอัตราท่กี าํ หนดนี้จะไมม ีอนั ตรายตอผบู ริโภค

คูม ือครู 61

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหแ ตล ะกลุม รวบรวมขอมลู โรคมาจดั ทาํ เปน ó â俘¹¼Ø
แผนผงั ความคิด
“นกั เรยี นคดิ วา่ ฟนั ผมุ ลี กั ษณะอยา่ งไร”
2. ใหแ ตละกลุม ศกึ ษาอาการของโรค แลว ออก
มาแสดงบทบาทสมมตุ ใิ หเ พอ่ื นทายวาเปน โรค โรคฟนั ผุ คอื โรคของฟนั ท่เี นอื้ ฟันถกู ทา� ลายไป จนท�าใหเ้ กดิ เป็นรหู รือ
อะไร จากน้นั จึงอธิบายการติดตอ การรักษา โพรงท่ีตัวฟนั ถ้าไมไ่ ด้รกั ษาจะลกุ ลาม และสดุ ท้ายอาจตอ้ งสญู เสยี ฟัน
และการปอ งกัน
อาการ โรคฟันผมุ ีการเปล่ยี นแปลงทผี่ วิ ฟนั ดงั นี้

๑. เห็นเปน็ จดุ ขาว ๒. เร่ิมเป็นรทู ีผ่ วิ ฟนั ๓. รูฟนั ท่ผี ุลกุ ลาม ๔. รฟู นั ลกุ ลาม 5. ร ูฟันลกุ ลามจนถึง
คลา้ ยชอลก์ อาจจะมีสเี ทาหรือ เขา้ สูเ่ นอื้ ฟนั จนเกือบถงึ โพรงประสาทฟัน
สดี า� มีสขี าวขุ่น โพรงประสาทฟนั ท�าให้เกดิ อาการ
รอบๆ รฟู นั
อกั เสบ เกดิ ฝี
หนอง ฟันโยก

๑กา) รดใชูแ้ฟลลรักูอษอาไร คด1ว์ ร(Fปlฏuoิบrัตidิ eด)ัง นเฉ้ี พาะที่ คือ การใช้ฟลูออไรด์สัมผัสฟัน
โดยตรง สามารถท�าได้โดยการแปรงฟันด้วยยาสีฟันหรือน้�ายาบ้วนปากที่ผสม
ฟลอู อไรด ์ เพราะฟลูออไรด์จะเคลือบฟนั ทา� ใหฟ้ นั แข็งแรงขนึ้ ทนตอ่ กรดทีท่ �าให้
เกิดฟันผุได้มากข้ึนและท�าให้เกิดการสะสมของแร่ธาตุที่ผิวฟัน เป็นผลให้ฟันผุ
ในระยะแรกหายเปน็ ปกต ิ และควรแปรงฟนั นานอยา่ งนอ้ ย ๒ นาท ี เพอ่ื ใหฟ้ ลอู อไรด์
มผี ลในการปอ้ งกนั ฟันผุได้
๒) รกั ษารากฟัน เมอื่ ฟันผุลกุ ลามเขา้ ไปถึงโพรงประสาทฟันแล้ว
๓) ถอนฟนั เมอ่ื การอกั เสบลกุ ลามไปมาก ไมเ่ หลอื เนอื้ ฟนั ทจี่ ะสามารถ
รกั ษาฟันซี่น้ันไว้ได้ต่อไป
การป้องกัน ควรปฏิบัติ ดังน้ี
ต ิดฟนั 2 เ๑พ)ร ากะนิทอ�าใาหหเ้ากริดทโี่มรคปี ฟระันโผยชุไดนง้ ์ า่หยลีกเลีย่ งอาหารทีม่ ีรสหวานจัด และเหนยี ว
๒) ดูแลรักษาความสะอาดช่องปากให้สะอาดอย่างท่ัวถึง สม่�าเสมอ
โดยแปรงฟันด้วยยาสฟี ันผสมฟลูออไรด์ทุกคร้งั
๖๒ ๓) ตรวจสุขภาพชอ่ งปาก โดยพบทันตแพทยอ์ ยา่ งน้อยปลี ะ ๒ ครั้ง

นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
ถานกั เรยี นปลอ ยใหฟ น ผุ จะสงผลกระทบอยางไรบา ง
1 ฟลูออไรด เปน สารชว ยปอ งกนั หรอื ลดการผขุ องฟน โดยมผี ลตอฟน 1. เกดิ ฟน คุด
2 ลกั ษณะ คอื 2. มกี ลิ่นปาก
3. เกดิ อาการพดู ไมช ดั
• ฟนทยี่ ังไมขน้ึ สารฟลอู อไรดจ ะเขาไปรวมตัวกบั แรธาตุในสว นที่เปน 4. มคี ราบสเี หลืองตดิ ทต่ี วั ฟน
ผลกึ ของฟน ทาํ ใหฟนแขง็ แรงยิ่งขึ้น วเิ คราะหค ําตอบ ถา ปลอ ยใหฟ น ผุ จะทาํ ใหเ กดิ กลนิ่ ปาก ถา ฟน ผถุ งึ รากฟน
ทาํ ใหเ กดิ อาการปวด อกั เสบ จนตอ งถอนฟน ออก หรอื อาจเกดิ การตดิ เชอ้ื ได
• ฟน ท่ขี ้นึ แลว ฟลอู อไรดจะทาํ ใหเ กิดการคืนกลับของแรธ าตสุ ผู วิ เคลือบฟน และถา ปลอยใหฟ น แทผ ุจนตอ งถอน เราก็จะไมมีฟน เหลือไวเคยี้ วอาหาร
มผี ลตอการซอ มแซมการผขุ องฟน ในเรม่ิ แรก ทาํ ใหคราบจุลนิ ทรยี ลดการ ดงั นนั้ ขอ 2. จึงเปนคําตอบท่ถี ูก
สรางกรดทเ่ี ปน อันตรายตอ ฟน

2 อาหารท่ีมีรสหวานจดั และเหนยี วติดฟน มปี ริมาณนาํ้ ตาลมาก จะทําให
เชือ้ โรคเปล่ียนน้ําตาลใหก ลายเปน กรดไปทาํ ลายเคลอื บฟนใหผ เุ ปน รู

62 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ô âä»ÃÔ·¹Ñ µ 1. เมือ่ แตละกลุมรายงานเสร็จ ใหแตล ะกลุม
ตง้ั คาํ ถามเก่ียวกบั ขอ มลู ทร่ี ายงานกลุมละ
“นกั เรยี นคดิ วา่ โรคปรทิ นั ต ์ หรอื โรครา� มะนาด มลี กั ษณะอยา่ งไร” 5 ขอ แลวนํามาถามเพ่ือนๆ

โรคปรทิ ันต ์ หรอื โรครา� มะนาด เปน็ โรคเรือ้ รงั ที่เกิดการท�าลายกับอวยั วะ 2. ใหนกั เรียนรวมกันสรปุ ขอมูลเกี่ยวกบั โรคทีไ่ ด
รอบๆ รากฟนั ระยะแรกเกิดกับเหงอื ก ต่อมาเมอื่ มีอาการมากขน้ึ จะลกุ ลามไปที่ เรยี นมา
เนื้อเยื่อปริทันต์และกระดูกเบ้าฟัน ท�าให้มีอาการเหงือกร่น กระดูกฟันละลาย
รากฟนั โผล่ อาจมอี าการปวด บวม ฟันโยกหลุดได้ 1

สาเหต ุ เกดิ จากเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ์ในคราบจลุ นิ ทรยี ท์ เ่ี กาะบรเิ วณคอฟนั ปลอ่ ย
สารพิษทา� ลายเหงอื กและอวยั วะรอบตวั ฟันอยา่ งชา้ ๆ ถา้ ไม่กา� จัดคราบจลุ ินทรยี ์
เหลา่ นน้ั ออกจะรนุ แรงขน้ึ ปจั จยั เสรมิ ทมี่ ผี ลตอ่ การเกดิ โรคปรทิ นั ต ์ คอื หนิ นา้ํ ลาย
ซงึ่ เกดิ จากการตกตะกอนของแรธ่ าตแุ คลเซยี ม (Calcium) ฟอสฟอรสั (Phosphorus)
ในน�า้ ลายรวมกับคราบจลุ ินทรีย์ มีลักษณะแขง็ คม บาดเหงอื กท่ีอกั เสบอยูแ่ ลว้
ให้รุนแรงข้ึน หินน�้าลายนี้ไม่สามารถขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟัน ต้องรักษา
โดยทนั ตแพทย์

อาการ เหงือกมอี าการอกั เสบ และมสี แี ดงจัด เปน็ มนั มีเลือดออกง่าย
อาจบวม มหี นองไหล พบร่องเหงอื กลกึ ตัง้ แต ่ ๔ มิลลิเมตร โดยลักษณะของโรค
แบง่ ออกเป็น ๔ ระยะ ดงั นี้

ระยะท ี่ ๑
เหงอื กอกั เสบ บวมแดง ไมแ่ นบสนทิ กบั คอฟนั
และอาจมีเลือดออกขณะแปรงฟัน

ระยะที ่ ๒
เหงือกอักเสบ มีหินน้�าลายท�าให้ระคายเคือง
เพมิ่ ขนึ้ เหงอื กอกั เสบมากขนึ้ บวม มเี ลอื ดไหล
กระดูกฟันเรมิ่ ถูกทา� ลาย มกี ารร่นของเหงอื ก

๖3

ขอสอเบกเ็งนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู

สาเหตุสาํ คญั ท่ที าํ ใหเ กิดโรคปรทิ นั ต คืออะไร และเราควรปฏบิ ัติอยา งไร 1 คราบจุลินทรยี  คอื คราบสีขาวขุน นม่ิ ทีม่ เี ชอ้ื โรคติดอยบู นตวั ฟน การเกิด
1. เชอ้ื รา แปรงฟน อยางนอ ยวนั ละ 2 ครั้ง คราบจุลนิ ทรยี จะเริ่มหลังจากที่แปรงฟนไปแลว 2 - 3 นาที โดยเมอื กใสของนํ้าลาย
2. เชอ้ื ไวรัส ใชผ าปดปากขณะไอหรือจาม จะมาเกาะท่ีตวั ฟน จากนนั้ เชอื้ โรคทม่ี อี ยูในปากจะมาเกาะ และทบั ถมกันเปน
3. เช้อื จลุ ินทรีย บวนปากทกุ ครง้ั หลังกินอาหาร จาํ นวนมาก จนเกิดเปน คราบจุลินทรยี 
4. เช้อื แบคทเี รีย ใชยาสีฟน ทมี่ เี กลือในการแปรงฟน
วเิ คราะหค าํ ตอบ เชอ้ื จุลินทรียใ นคราบจุลนิ ทรยี ทเ่ี กาะบนตัวฟน เปน มมุ IT
สาเหตทุ ท่ี าํ ใหเ กดิ โรคปรทิ นั ต เราควรกาํ จดั คราบจลุ นิ ทรยี  โดยการแปรงฟน
ใหส ะอาดและถูกวธิ ี อยางนอ ยวนั ละ 2 ครัง้ หลงั ตน่ื นอนและกอนนอน ครใู หน ักเรยี นดูวดิ ีโอ “โรคปริทนั ต” ไดท่ี http://www.dent.chula.ac.th/
และไมควรกินอาหารท่มี ีรสหวานหรือขนมเหนยี วติดฟน ควรแปรงฟน ForFon/DrProsth.html คณะทนั ตแพทยศาสตร จุฬาลงกรณม หาวิทยาลัย

ทกุ ครั้งหลังกนิ อาหารเสรจ็ แลว ดังนั้น ขอ 3. จึงเปนคําตอบทีถ่ ูก

คูมอื ครู 63

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครถู ามนกั เรียนวา เราควรปฏิบตั ติ นอยา งไร ระยะท ่ี ๓ หินน�้าลายจับและขยายไปยังปลาย
จงึ จะปลอดภัยจากโรคทพ่ี บบอยในชวี ติ ระยะที่ ๔ รากฟัน ท�าให้กระดูกฟันถูกท�าลาย
ประจาํ วัน เหงือกร่น ฟันโยก เมื่อเค้ียวอาหาร
(ตอบ ปฏบิ ตั ิตามหลักสุขบัญญัตแิ หงชาติ จึงรู้สึกเจ็บ มีหนองหรือเลือดไหล
10 ประการ) กลนิ่ ปากรนุ แรง
โรคลุกลาม อาการรุนแรง ฟันโยก
2. ใหแ ตละกลุมบอกวา โรคของกลุมตนเอง ปวดมากจนเคี้ยวอาหารไม่ได้ เป็นฝี
สามารถใชหลกั สุขบัญญตั ิ 10 ประการ ทเ่ี หงอื ก หนา้ บวม ฟนั ไม่สามารถยึด
ขอ ใดในการปองกนั โรคไดบา ง เกาะกับเหงือกได้
ขอ ที่ 1 ชว ยปอ งกนั โรคผวิ หนงั โรคไขห วดั ใหญ
ขอที่ 2 ชว ยปอ งกนั โรคฟน ผุและโรคปริทันต
ขอท่ี 3 ชว ยปอ งกันโรคไขห วัดใหญ
โรคผิวหนงั อหิวาตกโรค
ขอท่ี 4 ชว ยปอ งกนั อหวิ าตกโรค
เปน ตน

การป้องกัน ควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้
๑) แปรงฟนั ให้ถูกวิธแี ละแปรงอย่างสม่า� เสมอทุกวัน
๒) ตรวจสอบประสิทธิภาพ
ของการแปรงฟันด้วยตนเอง อาจท�า
ก่อนหรือหลังแปรงฟันโดยใช้สีย้อม
คราบจุลินทรีย์ เป็นแบบเม็ดหรือสี
ผสมอาหารขององค์การเภสัชกรรม
ท่ีหาซ้ือไดต้ ามรา้ นขายยา ถ้าเปน็ แบบ
ยาเม็ดสยี ้อมคราบฟันใชต้ รวจสอบ
เม็ดให้เคี้ยวแล้วบ้วนน้�าออก ถ้าเป็นสี คราบจุลินทรีย์ท่ีหลงเหลอื จากการแปรงฟัน
ผสมอาหารใหล้ ะลายกบั นา้� แลว้ ใชส้ า� ลพี นั ไมช้ บุ นา�้ ยายอ้ มสฟี นั กดและทาเคลอื บ
ให้ครบทุกซอกทุกมุม แล้วบ้วนน้�า สีจะติดตรงคราบฟันที่เราแปรงไม่สะอาด
ใหเ้ ราแปรงฟนั ซา้� จนไมม่ ีคราบตดิ อยู่
๓) ควรใชอ้ ปุ กรณช์ ว่ ยทา� ความสะอาดทบี่ รเิ วณซอกฟนั เพราะเปน็ บรเิ วณ
๖4ท่ีแปรงสีฟนั เข้าไม่ถึง ซงึ่ ได้แก่ การใชไ้ หมขัดฟนั ชนดิ เคลือบขผี้ ้งึ (Wax)

เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ขอใดเปน สาเหตุสําคญั ของโรคปรทิ นั ต
ครูสามารถอธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ เรือ่ งโรคปริทนั ต 1. แปรงฟน ไมสะอาด
ปริทันต คอื อวัยวะรอบๆ รากฟน ไดแก เหงอื ก เอน็ ยึดปริทันต 2. กินขนมท่ีมรี สหวาน
3. ดม่ื นํ้าอัดลมเปนประจํา
กระดกู เบา ฟน และเคลือบรากฟน 4. กนิ อาหารไมครบ 5 หมู
โรคปริทันต คือ โรคทีเ่ กดิ กับอวยั วะรอบๆ รากฟน เชน โรคเหงอื กอกั เสบ วิเคราะหคําตอบ โรคปริทนั ต เกดิ จากเชือ้ จลุ นิ ทรยี ใ นคราบจุลินทรียท่ี
เกาะบรเิ วณคอฟนทาํ ลายเหงือกและอวัยวะรอบตวั ฟน ซ่ึงปองกันไดด วย
โรคปรทิ นั ตอักเสบ เปนตน การแปรงฟน ใหส ะอาดอยางนอยวันละ 2 ครง้ั ดังน้ัน ขอ 1. จงึ เปน
คาํ ตอบท่ีถูก
เบศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง

นกั เรียนคดิ วธิ กี ารทําสยี อ มคราบฟนที่ไดจากธรรมชาตมิ าคนละ 1 สี โดยไมเกดิ
อันตรายตอสุขภาพ แลว ออกมานําเสนอหนาชนั้ เรียน เพอ่ื ประหยัดคาใชจายในการ
ซอื้ เมด็ สียอ มคราบฟน

64 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

õ âä¼ÔÇ˹ѧ ครอู ธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ การใชห ลกั สขุ บญั ญตั ฯิ
“นกั เรยี นคดิ วา่ โรคผวิ หนงั จะมอี าการอยา่ งไร” ในการปองกันโรคทพ่ี บบอยในชวี ิตประจาํ วนั เชน

โรคผวิ หนังเกิดทีบ่ ริเวณผิวหนงั ของรา่ งกาย ซ่ึงที่พบบ่อย เช่น • ไขหวัด ไขหวดั ใหญ ควรดูแลรักษารางกาย
๑. โรคภมู แิ พผ้ วิ หนัง และของใชใ หสะอาดอยเู สมอ ไมใ ชข องใช
โรคภมู แิ พผ้ วิ หนงั เปน็ โรคทถ่ี า่ ยทอดทางพนั ธกุ รรมชนดิ หนงึ่ ซงึ่ เกย่ี วขอ้ ง สว นตัวรว มกับผูอ ืน่ และออกกาํ ลังกาย
กบั ระบบภมู คิ มุ้ กนั ของรา่ งกายทต่ี อบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ ตา่ งๆ ไดม้ ากกวา่ ปกต ิ ทา� ให้ เปน ประจํา
เกดิ อาการแพข้ น้ึ
อาการ โรคน้ีมักจะมีผิวแห้ง • ไขเลอื ดออก รักษารางกายใหแ ข็งแรง
และคัน มีผื่นผิวหนังอักเสบ ในแต่ละ ออกกาํ ลงั กายเปน ประจาํ และไมค วรให
บรเิ วณของร่างกาย ยงุ ลายกดั
การดแู ลรกั ษา ยงั ไมม่ วี ธิ รี กั ษา
ใหห้ ายขาดได ้ และโรคนถี้ า่ ยทอดตอ่ ไป • ฟนผุ ปริทนั ต ควรดูแลรักษาฟนใหแ ข็งแรง
ยงั ลกู หลานได ้ วธิ ที จี่ ะชะลออาการและ และแปรงฟนทกุ วนั อยางถกู วธิ ี
ความรุนแรงของโรค คือ การรู้จักดูแล ผปู้ ว่ ยบางรายอาจมอื แตกระแหงจนมเี ลอื ดออกซบิ ๆ
และปฏบิ ตั ติ นให้ถูกวิธี่ • ทองรว ง ควรลางมือใหสะอาดกอนกนิ
อาหารและหลงั การขบั ถา ย กนิ อาหารสุก
สะอาด ปราศจากสารอนั ตราย และหลกี เลย่ี ง
อาหารท่ีมรี สจัด สฉี ดู ฉาด

• ภมู ิแพ ผดผ่ืนคัน กลาก เกลือ้ น
ควรรกั ษารางกาย และของใชใ หส ะอาด
และออกกําลังกายเปน ประจาํ

การปอ้ งกัน ควรปฏิบัติ ดงั น้ี
๑) สงั เกตวา่ ตนเองแพอ้ ะไรก็ใหห้ ลกี เลย่ี งสง่ิ นนั้ เชน่ อาหารทะเล นม ไข่
ผงซกั ฟอก เป็นตน้
๒) เมอื่ มอี าการแพแ้ ละคนั ไมค่ วรเกาบรเิ วณทค่ี นั เพราะอาจทา� ใหผ้ วิ หนงั
อกั เสบลุกลามยิ่งขึน้
๓) หควลรังเอลาอื บกนใช้�า้สคบวทู่รที่ไมา่รคะรคีมาหยเรคืออื โงลผชิวั่น1ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
๔) และควร
หลีกเลี่ยงครมี ชนดิ ท่ผี สมนา�้ หอม เพราะอาจทา� ใหแ้ พ้ได้งา่ ย
ปอ้ งกันไ๕ม)่ใ หห้มมีไร่ันฝทนุ่ �า2ความสะอาดที่นอนและเคร่ืองนอนอยู่เสมอ เพื่อขจัดและ
๖) ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หากพบว่ามีผื่นแดง คันหรืออักเสบท่ี
บรเิ วณผวิ หนัง
๖5

ขอ สอเบกเ็งนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู

ขอใดเปนการปฏิบัตติ นทถี่ กู ตอ งเมือ่ นกั เรียนแพสบทู ี่แมซอื้ มาใชใหม 1 ทาครมี หรอื โลชัน่ เน่อื งจากผูป วยภมู แิ พผวิ หนัง จะมผี วิ แหง การใชค รมี
1. ไมอาบนํ้า หรือยาทาทใี่ หความชุม ช้ืนแกผ วิ หนัง จะชวยลดการกําเริบของโรคได ไมค วรใชครมี
2. ไมฟอกสบู ทม่ี ีสวนประกอบที่เปนอนั ตราย การใชครมี ไมค วรใชหนาเกินไป เพราะอาจจะเกดิ
3. เปลี่ยนใชส บยู ี่หอ ใหม ความเหนอะหนะ วธิ กี ารทาใหทาหลังอาบนํ้าภายใน 3 นาที
4. ใชแชมพสู ระผมถูตัวแทน 2 ไรฝนุ เปน สัตวข นาดเล็กมากๆ มองเหน็ ดวยการดูผานกลองจลุ ทรรศน
วเิ คราะหคาํ ตอบ ถา แพสบูท่เี พ่ิงซอื้ มาใหม ควรงดใชส บนู ัน้ เพราะอาจ ไมช อบแสงสวา ง อาศยั อยูตามที่นอน หมอน ผา หม โซฟา ผา มาน พรม ตกุ ตา
เกิดจากการแพส ารเคมใี นสบู แลว เปลีย่ นใชสบยู ี่หอ ใหมท่ีไมมสี ว นผสม เปนตน อาหารของไรฝุน คอื เศษขีไ้ คล สะเก็ดผวิ หนัง ขรี้ งั แค ตวั ไรฝนุ ไมเ ปน
ของน้ําหอมแทน เพอ่ื ชวยปองกนั การแพส ารเคมใี นสบูอีกคร้ัง ดงั นน้ั อนั ตรายตอ คน แตข องเสยี ทม่ี นั ปลอ ยออกมาจะเปน ตวั กระตนุ ใหเกดิ อาการภมู แิ พไ ด

ขอ 3. จึงเปน คําตอบที่ถูก

คมู อื ครู 65

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ใหน ักเรยี นทําแบบฝก กจิ กรรม โรครอบตวั ๒. โรคผดผ่ืนคนั
ในแบบวดั ฯ สขุ ศึกษาฯ ป.5

ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ผดผนื่ คนั เปน็ โรคผวิ หนงั ทพี่ บ

สขุ ศกึ ษา ป.5 แบบฝกกิจกรรม ได้บ่อย เนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าว
เร่�อง โรครอบตัว
สว่ นใหญม่ กั พบในเดก็ บรเิ วณทพ่ี บบอ่ ย
๔บทท่ี โรคควรรู คอื หนา้ ผาก คอ ขาหนบี รกั แร ้ และหลงั

แบบฝกกจิ กรรม โรครอบตวั ลกั ษณะของผดผนื่ คันที่เกิดการอักเสบ อาการ มีตุ่มแดงเลก็ ๆ อาจมี
คาํ ชแ้ี จง : การศึกษาขอมูลเก่ียวกับโรคท่ีพบบอยในชีวิตประจําวัน จะทําให ตุ่มน้�าเล็กๆ ขึ้นเป็นปน มีอาการคัน

เราสามารถดแู ลรักษาและปอ งกนั ตนเองจากโรคตางๆ ได

สบื คน ขอมลู เกีย่ วกับโรคทพ่ี บบอยมา ๑ โรค และบนั ทกึ ขอ มลู (ตวั อยา งคาํ ตอบ) บางครั้งเกาจนแสบรอ้ น และอาจมีการติดเชือ้ แบคทเี รียแทรกซ้อนขึน้ ได้

โรค ไขเลือดออก………………………………………………… การดแู ลรักษา ควรปฏบิ ัต ิ ดงั นี้
สาเหตุ …เก……ดิ …จ……า…ก…ย……งุ …ล…า…ย……ท…่ีม……ีเช…้ือ……ไ…ข…เล……ือ…ด……อ…อ…ก……ม…า…ก……ัด…ค……น………………………………………………….. ๑) หลกี เลี่ยงสิ่งท่ที า� ใหเ้ กดิ ผดผ่นื คัน
อาการ ๑) มีไขส ูง ประมาณ ๒ - ๗ วนั…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เฉฉบลับย ๒) ใช้ยาทาในกลุ่มของยาลดอาการอักเสบ และกินยาในกลุ่มของยา
๒) มอี าการเลือดออกเปน จดุ ตามผิวหนัง………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๓) เม่ือไขล ดลง อาจเกิดภาวะช็อค…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลดอาการคัน
๓) ท�าความสะอาดร่างกายเม่ือมีเหง่ือออกมาก เพราะฝุ่นละอองจะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. มาเกาะ ท�าใหเ้ กดิ ผดผ่ืนคันไดอ้ กี
การป้องกัน ควรปฏิบตั ิ ดังน้ี
การดูแลรักษาเมอ่ื เปนโรคน้ี ควรปฏบิ ัติ ดงั นี้
๑) เม่ือมไี ขใหก นิ ยาพาราเซตามอล………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒) ควรไปพบแพทย………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การปอ งกนั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๑) กําจัดแหลงเพาะพันธุยุงลาย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒) ปอ งกนั ตนเองไมใ หถ ูกยุงกัด………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………๓…)……ถ……า…ม…ีอ……า…ก…า…ร……ส…ง……ส…ยั……ว…า…จ…ะ…เ…ป……น …ไ…ข…เ…ล……อื …ด……อ…อ…ก………ค…ว……ร…ร…ีบ……ไ…ป…พ……บ……แ…พ……ท…ย….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๑) หลกี เลีย่ งสงิ่ ทที่ า� ใหเ้ กิดอาการแพ้หรอื ผดผื่นคัน
๒) หลีกเลย่ี งอากาศรอ้ นจดั เพ่ือไม่ให้เหงือ่ ออกมาก
แหลง ขอมูล …w……w……w….…t…m…….m……a…h…i…d…o……l.…a…c….…t…h…/…t…m…h……o…/…d…e…n……g…u…e….…h…t…m………………………………..
ลงช่อื สุธาสินี………………………………………………………..

๓๓ ๓) อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก และหลีกเล่ียงสถานที่ท่ีอาจก่อให้

2. ใหนักเรียนบันทกึ ขอ มลู เสอ้ื ผาที่ควรสวมใส เกดิ ผดผ่ืนคนั เช่น สถานทกี่ ่อสร้าง สวนดอกไม้ เปน็ ตน้
ในหนา รอ น เพอ่ื ปอ งกนั โรคผดผน่ื คนั ลงในสมดุ ๔) ใชเ้ สื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดกู าล หลีกเล่ยี งการสวมเสอื้ ผ้าคับๆ

๕) ไม่ควรถูสบูม่ ากๆ หรือใช้สารทท่ี า� ใหเ้ กิดอาก1ารระคายผวิ
๖) เมอ่ื เกดิ ผน่ื อาจใชน้ า�้ เยน็ ลบู ทาดว้ ยคาลาไมน ์(Calamine) ใหห้ ายคนั
หรืออาจใช้วุน้ จากว่านหางจระเข้ โดยลอกเปลอื กออกใหเ้ หลอื แต่วุน้ น�าไปล้าง
และทาบริเวณที่เป็นผื่นคนั โดยลา้ งผิวกอ่ นทาทุกครง้ั
๗) ตัดเลบ็ มอื ใหส้ ้ันอยู่เสมอ เพอื่ ไม่ใหเ้ ป็นการสะสมของเชอื้ โรค
๘) ถา้ อาการผดผืน่ คันไมห่ ายควรปรึกษาแพทย์
๖๖

นกั เรยี นควรรู เนอื้ ยา แยกช้ันกัน ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
เวลาใชตอ งเขยา เพราะเหตใุ ดโรคผดผ่ืนคัน จึงมักพบบรเิ วณหนา ผาก คอ ขาหนีบ
1 คาลาไมน คือ ยาทาแกผ ดผนื่ คนั ใหเ ปน เนอื้ เดยี วกัน รักแร และหลัง
มสี รรพคณุ ในการบรรเทาอาการคัน เนือ่ งจาก แนวตอบ เพราะบรเิ วณหนา ผาก คอ ขาหนบี รักแร และหลงั จะมี
ผดผน่ื คนั ลมพษิ เวลาใชต อ งเขยา ขวดใหเ นอื้ ยา ตอ มเหงอื่ ขนาดใหญท าํ ใหมเี หง่อื ออกมาก และบรเิ วณขาหนบี และรักแร
ผสมกนั เปน เนอื้ เดยี ว หา มรบั ประทาน และปอ งกนั กเ็ กิดการอับชืน้ ไดงาย เหงอื่ ระเหยออกไปไดชากวาบรเิ วณอน่ื จึงทําให
ไมใหถกู แสงแดด เกิดผด ผืน่ คันไดง า ย

บเศูรณรากษารฐกจิ พอเพยี ง

นกั เรียนศกึ ษาคนควาวิธีงา ยๆ ในการบรรเทาอาการผดผนื่ คนั ดว ยสมุนไพร
หรอื สงิ่ ทีห่ าไดง า ยโดยทวั่ ไปภายในบา น แลว ออกมานําเสนอหนา ชน้ั เรียน

66 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand
Expand
ขยายความเขา ใจ

๓. โรคกลาก โรคเกลอ้ื น1 1. ใหนกั เรียนทํากจิ กรรมรวบยอดที่ 3.4
ในแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5
โรคกลาก โรคเกลื้อน เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากสาเหตุและมีอาการ
ที่ต่างกนั ดงั น้ี ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
สขุ ศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดที่ 3.4
แบบประเมินตวั ช�ว้ ดั พ 4.1 ป.5/4

โรคกลาก แบบประเมนิ ผลการเรียนรูตามตัวชวี้ ดั ประจําหนวยท่ี ๓ บทที่ ๔

เป็นโรคซึ่งเกิดจากเช้ือรา ติดต่อได้จาก กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๓.๔
การสมั ผสั และการใชส้ ่งิ ของร่วมกัน แบบประเมินตวั ช้ีวดั พ ๔.๑ ป.๕/๔
อาการ จะมอี าการคนั เปน็ ผนื่ แดง รปู รา่ ง  ปฏิบตั ิตนในการปอ งกันโรคท่พี บบอ ยในชวี ิตประจําวนั
คล้ายวงแหวนมีขอบเขตชดั เจน มสี ะเก็ด
ลอกเปน็ ขยุ ทขี่ อบวงแหวน ถา้ ผนื่ ลกุ ลาม ชดุ ท่ี ๑ ๒๐ คะแนน
ขยายออกวงกวา้ งมากขน้ึ จะยง่ิ เหน็ รปู รา่ ง
วงแหวนชัดเจน ๑ วเิ คราะหพ ฤติกรรมทีก่ ําหนดวา อาจทาํ ใหเ กิดโรคใด แลวบอกวธิ ปี รบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม
(๑๐ คะแนน)

พฤตกิ รรม โรคทีเ่ กิดจากการมี การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม
พฤตกิ รรมไมถ กู ตอ ง

เฉฉบลบั ย ๑) ใชผ า เชด็ หนา รว มกบั ผทู ่ี ●……โ…ร…ค……ไ…ข…ห …ว…ัด……ให……ญ…… .. ●……ไ…ม…ใ…ช…ผ……าเ…ช…ด็ ……ห…น……า ร……ว…ม…ก…ับ……ผ…อู …น่ื ..
เปน โรคไขห วดั ใหญ
………………………………………….. ……………………………………………………………….

๒) ไมแ ปรงฟน กอ นเขา นอน โรคฟนผุ●………………………………………….. ●……แ…ป…ร…ง…ฟ……น …ท…กุ……วน…ั ……ว…นั …ล…ะ……๒……ค…ร…งั้..
………………………………………….. ……ห……ร…ือ…ท…ุก……ค…ร…้ัง…ห……ล…ัง…ก……ิน…อ……าห……า…ร.

๓) เปด ฝาโอง ทงิ้ ไว ●……โ…ร…ค……ไ…ข…เล……อื …ด…อ……อ…ก….. ●……ป……ด …ฝ…า…โ…อ…ง …น……า้ํ …ใ…ห…ม …ิด……ช…ดิ ……………..
………………………………………….. ●……ท……าํ …ล…า…ย…แ…ห……ล…ง…ท…ีม่……ีน…ํา้ …ข…ัง…………….

โรคเกล้อื น ๔) ใสเ ส้อื ผาตวั เดมิ ซาํ้ กนั โรคกลาก●………………………………………….. ●……อ…า…บ……น…าํ้ …ท…กุ……ว…นั ……ว…นั …ล……ะ…๒………ค…ร…งั้ .
ทุกวัน ●……โ…ร…ค……เก…ล……อื้ …น……………….. ●……เ…ป…ล…ย่ี…น……เส……อ้ื …ผ…า …ใ…ห…ม…ท …ก…ุ …ค…ร…งั้……….

เป็นโรคซึ่งเกิดจากเช้ือรา ติดต่อได้จาก ๕) อยใู นทที่ มี่ ฝี นุ ละอองมาก ●……โ…ร…ค……ภ…มู …ิแ…พ…… …………….. ●……ห……ล…ีก…เ…ล…่ีย……ง…ก…า…ร…อ…ย……ูใ…น…ท……่ีท…ีม่ …ี …..
การสัมผสั ผเู้ ปน็ โรคโดยตรง ฝนุ ละอองมาก………………………………………….. ……………………………………………………………….
อาการ เป็นผนื่ วงกลมสขี าวจางๆ มี
ขอบเขตค่อนข้างชัดเจน รวมกลุ่มกัน ๓๔
บางครง้ั อาจเปน็ วงสีชมพ ู สีเทาจนถึง
สนี า�้ ตาล มกั จะมอี าการคนั แตค่ นั ไมม่ าก 2. ใหน กั เรยี นทํารายงานเร่ืองโรคทมี่ ักพบใน
เทา่ กับโรคกลาก โรคเกลอ้ื นมักจะคนั ฤดูรอน ฤดฝู น และฤดหู นาว แลวนํามาสงครู
ชว่ งทเ่ี หง่ือออก ชว่ งทีอ่ ากาศร้อน

๖๗

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

การตัดเลบ็ มือใหสั้นอยูเสมอ ชว ยปองกนั โรคผวิ หนงั ไดอยางไร ครูอธิบายเรื่องโรคกลากเพ่มิ เติม
แนวตอบ การตัดเล็บมือใหส้ันอยูเสมอชว ยปอ งกันโรคผวิ หนังได เพราะ • โรคกลากทหี่ นังศีรษะและเสนผม ทาํ ใหผ มรว งเปน หยอ มๆ ถา เปนมาก
เช้ือโรคจะไมเขา ไปอยใู นเลบ็ เมือ่ เราเอามอื ไปเกาก็จะไมทาํ ใหเ ช้อื โรค
กระจายไปยังทีอ่ น่ื หรือเกิดการอกั เสบเนือ่ งจากรอยเกาที่เกดิ จากเลบ็ ยาว จะกลายเปน ตมุ หนอง เรยี กวา ชนั นะตุ
• โรคกลากท่ีลาํ ตวั และใบหนา มลี ักษณะเปนดวงสีแดง มีขยุ ขาวๆ ถาปลอ ยไว

จะขยายออกไปเรื่อยๆ
• โรคกลากทขี่ าหนบี มลี ักษณะเปนตุมแดงๆ ทีต่ นขาหรอื ขาหนีบ เกิดอาการ

คันมาก เรียกวา สงั คงั

นักเรียนควรรู

1 โรคเกลอื้ น มกั จะพบท่ี ใบหนา ลาํ ตวั อกหลงั ตน แขน โรคเกลอื้ นจะไมเ ปน
ท่ีมอื เทา ขา เล็บ ศีรษะ ซึง่ ตา งกับโรคกลาก

คูม อื ครู 67

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand

อธบิ ายความรู

ครแู ละนักเรียนรวมกนั สรปุ วา การปองกัน การดูแลรักษา ควรปฏิบตั ิ ดงั นี้
ตนเองจากโรคทพ่ี บบอ ยในชีวติ ประจําวัน คอื ๑) รกั ษาความสะอาดของรา่ งกายอยา่ งสมา�่ เสมอ อาบนา้� ฟอกสบ ู่ และ
การปฏิบตั ิตามสุขบญั ญัติ 10 ประการ เช็ดตวั ให้แห้งทุกคร้ัง โดยเฉพาะบริเวณซอกตา่ งๆ เช่น รกั แร้ ขาหนบี เป็นต้น
๒) ตดั เลบ็ มอื เล็บเท้าใหส้ ้นั หม่นั ลา้ งมอื ให้สะอาดและอย่าเกา เพราะ
ขยายความเขา ใจ Expand การเกาจะทา� ใหเ้ ชือ้ ลกุ ลามไปท่อี ่นื ได้
๓) ปอ้ งกนั การแพรเ่ ชอ้ื โดยการไม่ใชเ้ สอื้ ผา้ เครอ่ื งนงุ่ หม่ ปะปนกนั แลว้
1. ใหน กั เรยี นทาํ กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1 ควรซกั ทา� ความสะอาดและตากแดดให้แหง้ ทกุ คร้ัง
คาํ ถามชวนคดิ และตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทาํ ๔) ไปพบแพทย์เพ่ือท�าการตรวจรักษา
๕) การรักษาโดยทั่วไปจะใช้ยาทาวันละ ๒ - ๓ คร้ัง ติดต่อกันจนกว่า
2. ใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 3 ผ่ืนจะหายไป โดยทายาท่ีบริเวณผื่นและบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ หลังจากผื่น
ผลงานสรางสรรค หายแล้ว ควรทายาตอ่ อกี ประมาณ ๒ สปั ดาห์

3. ใหนกั เรยี นแบงกลุม แลวใหแ ตล ะกลุม จัดทํา การป้องกนั ควรปฏบิ ัต ิ ดงั นี้
รายงานโรคทเ่ี ด็กเปน กนั มาก ๑) รักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ ด้วยการอาบน้�าอย่างน้อย
วันละ ๒ คร้งั
๒) หลังอาบน�้าเสร็จแล้ว ต้องเช็ดตัวให้แห้ง เพ่ือป้องกันไม่ให้ผิวหนัง
อับช้ืน เพราะจะทา� ให้เป็นโรคได้งา่ ย
๓) สวมใสเ่ สอ้ื ผา้ ท่ซี กั สะอาดแลว้ และไมค่ วรใสเ่ ส้ือผา้ ร่วมกับผู้อ่ืน
๔) หลงั ทา� กจิ กรรมทีม่ ีเหงอ่ื ออกมากๆ ควรรบี อาบน้�าทนั ที
โรคทพ่ี บไดบ้ อ่ ยในชวี ติ ประจา� วนั มอี ยหู่ ลายโรค ถา้ เรารจู้ กั วธิ กี ารปอ้ งกนั
ตนเอง ไม่ให้เป็นโรคต่างๆ ได ้ จงึ จะท�าให้เปน็ ผู้ที่มีสุขภาพดี

¤ÇามรŒÙ¤Ù่สุขÀา¾

กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่หา
ไดง้ า่ ยและใชร้ กั ษาโรคเกลอ้ื นได ้ โดยนา� กลบี กระเทยี ม
มาฝานเป็นช้ินบางๆ แล้วเอามาทาบริเวณผิวหนัง
ทเี่ ปน็ เกล้ือนทุกวัน วนั ละ ๒ ครง้ั

๖๘

เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ขอใดไมใชโ รคที่ติดตอ ไดโดยการใชส ่ิงของสวนตวั รว มกนั
นอกจากจะใชก ระเทยี มในการรักษาโรคเกลื้อนไดแ ลว ยงั สามารถใชสมุนไพร 1. โรคไขห วัดใหญ 2. โรคปรทิ ันต
ชนิดอ่นื มาทาบรเิ วณท่เี ปนเกล้ือนไดอ ีก เชน ขา ทองพนั ชั่ง เสลดพงั พอนตัวเมยี 3. โรคเกลอ้ื น 4. โรคกลาก
เปน ตน โดยกอ นทา ใหขดู ขุยขาวๆ บริเวณทเ่ี ปนเกล้อื นออกกอน
วเิ คราะหค ําตอบ โรคไขห วดั ใหญเ ปน โรคตดิ ตอ เกดิ จากเชอื้ ไวรสั สามารถ
ขา : ใชเ หงา แกตําพอแหลก หรือฝานเปน ชิ้นบางๆ แชท ้งิ ไวในสรุ า 1 คืน แพรก ระจายเช้ือโรคสผู ูอนื่ ได โรคกลากและโรคเกลือ้ น เปน โรคตดิ ตอ ทาง
แลวนาํ สรุ ามาทาบรเิ วณทเ่ี ปนเกล้อื น ผวิ หนงั สามารถแพรก ระจายเชอ้ื โรคสผู อู น่ื ได สว นโรคปรทิ นั ต เกดิ จาก
เชอ้ื จุลนิ ทรยี ใ นชอ งปาก ไมส ามารถแพรก ระจายเชอ้ื โรคสูผูอน่ื ได ดังนน้ั
ทองพนั ชั่ง : นําใบหรอื รากมาตําพอแหลก ผสมกบั หอมแดง ตาํ ใหเ ปน เนือ้
เดียวกัน แลวนํามาหมกั กับเหลาโรง ทิ้งไว 1 สัปดาห กรองเอาแตนํ้ามาทาบรเิ วณท่ี ขอ 2. จึงเปน คําตอบท่ถี ูก
เปน เกลื้อน
กิจกรรมทา ทาย
เสลดพังพอนตัวเมีย : นําใบมาตาํ พอแหลก ผสมกับดินประสวิ แลวนํามาทา
บริเวณท่ีเปนเกลื้อน

68 คมู อื ครู ใหน กั เรยี นสบื คน โรคทเ่ี ดก็ ในปจ จบุ นั เปน กนั มาก แลว จดั ทาํ เปน รายงาน

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate

ก¨ิ กรรมการàรÕÂนรÙŒ 1. ครตู รวจความถกู ตองของแผนผังความคดิ
เก่ยี วกบั โรค
ตอนท ่ี ๑ คา� ถามชวนคดิ
เขียนตอบค�าถามตอ่ ไปนีล้ งในสมดุ (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมข้นึ อยกู บั ดุลยพนิ ิจของครผู สู อน) 2. ครตู รวจปายนเิ ทศโรคในทอ งถน่ิ
๑) จากบทเรียน นกั เรยี นไมอ่ ยากปว่ ยเปน็ โรคใดมากที่สดุ เพราะอะไร 3. ครูตรวจสอบความถูกตองของรายงานโรคที่
๒) นกั เรยี นเคยปว่ ยเปน็ โรคอะไรบา้ ง มอี าการอยา่ งไร และมวี ธิ กี ารดแู ลตนเองอยา่ งไร
๓) ถ้ามเี พือ่ นในห้องปว่ ยเป็นโรคตดิ ต่อท่ีไมไ่ ด้มีในบทเรียน นักเรียนจะทา� อยา่ งไร เดก็ เปน กันมาก

ตอนท่ ี ๒ ชวนคดิ ชวนทา� (ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ขอ 2., 3. ขึ้นอยูก บั ดลุ ยพนิ ิจของครผู สู อน) หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู
๑. วเิ คราะห์พฤติกรรมทีก่ �าหนดให้วา่ อาจท�าใหเ้ กดิ โรคใด แล้วบอกวธิ กี ารปอ้ งกนั
1. แผนผังความคดิ เกย่ี วกับโรค
๑) ไม่ทา� ความสะอาดร่างกาย 2. ปา ยนิเทศโรคในทอ งถน่ิ
๒) ใชผ้ า้ เช็ดหนา้ ร่วมกบั ผู้ทีเ่ ปน็ โรคไขห้ วัด 3. รายงานโรคทเ่ี ด็กเปน กันมาก
๓) นอนหลบั ในห้องท่มี ยี งุ ชมุ
๔) กนิ ขนมหวานแลว้ ไม่แปรงฟนั
๕) อยู่ในบรเิ วณที่มอี ากาศร้อนนานๆ
๒. แบ่งกลมุ่ หาข่าวทเี่ กี่ยวข้องกบั โรคมา ๑ ขา่ ว แลว้ ร่วมกันอภปิ รายสาเหตุและ
ผลเสยี ของการเกดิ โรค จากน้ันออกมารายงานท่หี นา้ ชั้น
๓. แบ่งกล่มุ ค้นคว้าเพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั โรคท่สี า� คญั (แต่ละกลุม่ ต้องเลอื กโรคที่ไม่ซ�า้ กนั
และไม่ใช่โรคทเ่ี รียนมาแล้ว) แลว้ จดั ท�าเปน็ รายงาน

ตอนที่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมขน้ึ อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
แบง่ กลมุ่ สบื คน้ โรคทเี่ ปน็ กนั มากในทอ้ งถนิ่ ของตน นา� ขอ้ มลู ทไี่ ดม้ าจดั ทา� เปน็ ปา้ ยนเิ ทศ
โดยบอกถงึ สาเหต ุ อาการ การตดิ ตอ่ การรกั ษา และวธิ ปี อ้ งกนั ตามวธิ กี ารของภมู ปิ ญ ญาไทย
แล้วนา� ปา้ ยนเิ ทศไปจัดนิทรรศการให้ความรู้แก่คนในชุมชน

๖๙

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 2
ชวนคดิ ชวนทํา ขอ 1.
หากมีผถู ามนกั เรียนวาจะทราบไดอยางไรวา เขาแพอาหาร นักเรยี น
จะใหคาํ ตอบอยา งไร 1) ตอบ กลาก เกล้ือน ปอ งกนั โดยอาบน้าํ ชาํ ระลา งรา งกายใหสะอาดทกุ วัน
2) ตอบ ไขหวัด ปอ งกนั โดยการไมใ ชผ าเชด็ หนา รวมกับผูอ่นื
1. ใหส งั เกตวาหลังกนิ อาหาร แลว มอี าการผืน่ คนั หรอื ไม 3) ตอบ ไขเลือดออก ปอ งกันโดยการนอนกางมงุ
2. ใหสังเกตวา อาหารทก่ี นิ เขาไปมีกล่นิ เหมน็ หรือไม 4) ตอบ ฟนผุ ปองกันโดยการแปรงฟน ทุกคร้งั หลังกนิ ขนมหวาน หรือกอนนอน
3. ใหไปพบแพทยเพ่อื ตรวจจังหวะการเตน ของหวั ใจ 5) ตอบ ผดผืน่ คนั ปอ งกนั โดยหลกี เล่ียงอากาศรอ นจดั ใสเสือ้ ผา ท่รี ะบาย
4. ใหสงั เกตวาตนเองมีนา้ํ หนกั ลดลงหรอื ไม
วิเคราะหค าํ ตอบ ผูทแ่ี พอาหารจะมอี าการหลงั กินอาหารชนดิ นน้ั เขาไป ความรอ นไดดี
เชน ผิวหนังเกิดผน่ื คนั บวม แดง เปนตน ซง่ึ ถา เกดิ อาการเหลา นี้

ควรหยุดกนิ อาหารชนดิ นนั้ ทนั ที ดังน้นั ขอ 1. จึงเปน คําตอบท่ีถูก

คมู ือครู 69

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Engage

กระตนุ ความสนใจ

ครูถามคาํ ถาม แลวใหน กั เรยี นแสดงความ ô˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒ·Ù Õè
คิดเห็นอยางอิสระ ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ã¹ªÕÇÔµ

• สิ่งทเ่ี ห็นในภาพ หนา 70 คอื อะไร เปา หมายการเรียนรปู้ ระจ�าหน่วยท่ ี ๔
(ตอบ ยา)
เมอ่ื เรยี นจบหนว่ ยนี้ ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้ี
• สิง่ ทเ่ี ห็นในภาพหนานี้ มีความสาํ คัญอยา งไร ๑. วเิ คราะหป์ จั จัยท่ีมีอทิ ธิพลตอ่ การใชส้ ารเสพติด
(ตอบ ยาใชบรรเทาและรกั ษาอาการเจ็บปว ย)
(มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๑)
• ยาบา ใชร ักษาโรคไดหรอื ไม อยา งไร ๒. วิเคราะห์ผลกระทบของการใช้ยาและสารเสพติดที่มีผล
(แนวตอบ ยาบา ไมใชย ารักษาโรค แตเ ปนสาร
เสพตดิ ชนดิ หนึ่ง ซึง่ แตก อนเรียกวา ยามา ต่อร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญา
เพราะมาจากเครื่องหมายการคาของบริษทั ที่ (มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๒)
สง ยาชนดิ นีม้ าขายในประเทศไทย ขณะน้นั ยัง ๓. ปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ความปลอดภยั จากการใชย้ าและหลกี เลย่ี ง
มีประโยชนเปน ยาอยู ตอ มา สารเสพติด (มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๓)
กระทรวงสาธารณสขุ ไดเ ปลี่ยนชอื่ ใหเ ปน ๔. วิเคราะหอ์ ทิ ธิพลของส่ือท่มี ีต่อพฤติกรรมสขุ ภาพ
ยาบา เพราะเปน สารเสพตดิ ทมี่ ฤี ทธก์ิ ระตนุ (มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๔)
ระบบประสาทสวนกลาง แลวทําใหผ เู สพ
ควบคมุ ตนเองไมได เหมอื นคนบา )

เกร็ดแนะครู

ครมู อบหมายใหนักเรียนหาขาวเก่ยี วกับสารเสพติดมา 1 ขา ว แลว ออกมาเลา
ใหเพอื่ นฟงที่หนาชัน้ จากนั้นรวมกนั สนทนาเก่ียวกบั อันตรายของสารเสพตดิ
เพ่ือใหนกั เรียนตระหนักถงึ อันตรายของสารเสพตดิ กอ นเริ่มบทเรียน

70 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรียนรู

ñº··Õè สาระสา� คญั 1. วิเคราะหป จจัยท่ีมีอิทธพิ ลตอ การใช
สารเสพตดิ สารเสพติดมอี ันตรายตอ่ สขุ ภาพ เราจึงควร สารเสพติด (มฐ พ 5.1 ป.5/1)
ศกึ ษาปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การเสพสารเสพตดิ
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ ผลกระทบทม่ี ตี อ่ สขุ ภาพ โทษของสารเสพตดิ 2. วเิ คราะหผลกระทบของการใชสารเสพตดิ
เพอื่ ปอ้ งกนั ตนเองจากอนั ตรายของสารเสพตดิ ท่มี ผี ลตอ รา งกาย จติ ใจ อารมณ สังคม
และสติปญญา (มฐ. พ 5.1 ป.5/2)

3. ปฏบิ ัติตนเพือ่ หลีกเลี่ยงสารเสพตดิ
(มฐ. พ 5.1 ป.5/3)

สมรรถนะของผูเรียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป ญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค

1. มวี ินยั รบั ผิดชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มงุ ม่ันในการทํางาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

? ใหน ักเรียนดภู าพ หนา 71 แลวรวมกนั แสดง
ความคิดเห็นวา ทาํ ไมคนในภาพจงึ รวมกันรณรงค
¹¡Ñ àÃÂÕ ¹·ÃÒºËÃÍ× äÁ‹Ç‹Ò ตอ ตานยาเสพติด
·Òí äÁ¤¹ã¹ÀÒ¾¨Ö§Ã‹ÇÁ¡¹Ñ
ó礵 Í‹ µŒÒ¹ÂÒàʾµÔ´ (แนวตอบ ยาเสพติดกอ ใหเ กิดปญหาในชมุ ชน
เชน คนตดิ ยาเสพติดแลว กออาชญากรรม เปน ตน
ซง่ึ สงผลกระทบตอ ความเปน อยขู องคนในชุมชน
คนในชุมชนจงึ รว มกันตอตานยาเสพติด)

7๑

เกรด็ แนะครู

ครจู ัดกระบวนการเรียนรูโ ดยการใหนักเรยี นปฏิบตั ิ ดังน้ี
• สาํ รวจคน หาขอมูลเกี่ยวกบั สารเสพติดโดยใชการคน หาขอ มลู 5 ขน้ั ตอน
• วเิ คราะหจ ากประเด็นคําถามและภาพขา ว วดิ ีโอ
• ใชก ระบวนการทาํ งานกลมุ โดยการนําเสนอผลงาน และบทบาทสมมตุ ิ
จนเกดิ เปนความรูความเขา ใจวา สารเสพตดิ เปนอนั ตรายตอสขุ ภาพ
มผี ลกระทบตอรา งกาย จติ ใจ อารมณ สงั คม และสตปิ ญ ญา เราจึงควรรูปจจยั ท่ีมี
ผลตอการใชสารเสพติด วิเคราะหผลกระทบของสารเสพติด เพือ่ สามารถปฏิบัติตน
ใหป ลอดภยั จากสารเสพติดได

คูมือครู 71

กระตุน ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. ครนู าํ ภาพตางๆ เชน บหุ ร่ี เครอื่ งด่มื ชกู าํ ลัง สารเสพตดิ หมายถงึ สารทเ่ี สพเขา้ สรู่ า่ งกายไมว่ า่ จะโดยวธิ ีใด แลว้ ท�าให้
สรุ า กาแฟ หมากฝรงั่ ลกู อมรสกาแฟ ใบกญั ชา เกดิ ผลตอ่ รา่ งกาย คอื ตอ้ งเพมิ่ ขนาดการเสพขนึ้ เรอื่ ยๆ มอี าการอยากยาเมอ่ื ขาดยา
ยาบา นาํ้ อดั ลม ดอกกหุ ลาบ ดอกฝน ผกั คะนา มีความต้องการเสพทงั้ ร่างกายและจิตใจอย่างรนุ แรงและต่อเนือ่ ง
วติ ามนิ ซี สารระเหย กาวนา้ํ เปน ตน มาให
นกั เรยี นดู แลว ถามนกั เรยี นวา ภาพใดคอื ในปัจจุบันการแพร่ระบาดของสารเสพติดเป็นไปอย่างกว้างขวาง ทั้ง
สารเสพตดิ สารเสพติดท่พี บได้ใกล้ตวั เชน่ บหุ รี่ สุรา สารระเหย เปน็ ต้น หรือสารเสพติด
ทีผ่ ดิ กฎหมาย เชน่ ยาบา้ เปน็ ตน้ ซึง่ เกิดจากปัจจัยตา่ งๆ มากมาย
2. ครนู าํ ใบความรมู าใหน ักเรียนอา นเพื่อใหนักเรียน
เขา ใจวา สิ่งใดเปนสารเสพตดิ สงิ่ ใดไมใช ๑ ปัจจยั ทีม่ ีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด
สารเสพตดิ โดยยึดหลกั การอธบิ ายตามขอ มลู น้ี
• สารเสพตดิ คือ สารทเี่ สพเขาสรู างกาย ปจั จยั ทที่ �าใหค้ นเสพสารเสพตดิ มีอย่ดู ้วยกนั หลายสาเหตุ ดงั น้ี
แลวทําใหตองเพม่ิ ขนาดการเสพข้นึ เรอ่ื ยๆ
มอี าการอยากเสพ เม่อื ขาดสารเสพติด ๑. ปจั จัยภายในตนเอง
มีความตอ งการเสพทัง้ รา งกายและจติ ใจ
• ผลติ ภัณฑทีม่ ีกาเฟอนี เปนสวนผสม ไมถ ือ ๑) คา่ นิยม คา่ นิยมทีผ่ ดิ ๆ คิดวา่ การเสพสารเสพตดิ เปน็ สิง่ ท่เี ท่ เกง่
เปนสารเสพตดิ จัดเปนอาหารทีต่ องควบคมุ และทันสมัย
ปริมาณกาเฟอนี ทําใหร ูสึกกระปร้ีกระเปรา
ตนื่ ตวั ไมง ว ง แตถ า ไดร บั ในปริมาณมาก ๒) ความรเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณ ์ อยากลอง เพราะคดิ วา่ ลองแลว้ ไมต่ ดิ งา่ ยๆ
และตอเนือ่ ง รา งกายจะปรับตวั และตอ งการ ๓) ปัญหาด้านจิตใจ เช่น ขาดความเชื่อม่ันในตนเอง มีปมด้อย
มากขึน้ ถาหยุดทันที จะทาํ ใหป วดศีรษะ ทอ้ แท้ ไมป่ ระสบความสา� เรจ็ ในชีวติ ไมเ่ ห็นคุณคา่ ของตนเอง เปน็ ต้น
กระวนกระวายได
๒. สง่ิ แวดลอ้ ม
3. ครถู ามนกั เรียนตอวา นักเรยี นเคยพบเหน็
สารเสพตดิ ชนิดใดบา ง โดยครูพิจารณาคําตอบ ๑) ครอบครวั ปญั หาครอบครวั เชน่ พอ่ แมท่ ะเลาะกนั พอ่ แมไ่ มม่ เี วลา
ของนกั เรียนวา ใชห รอื ไมใ ชส ารเสพติด ให้ลกู พอ่ แม่เสพสารเสพตดิ เป็นตน้ ทา� ให้ลกู หนั ไปพงึ่ สารเสพตดิ ได้ง่าย

4. ใหน กั เรยี นแบงกลมุ กลมุ ละเทา ๆ กัน ๒) สอ่ื แสดงการเสพสารเสพตดิ ใกลต้ วั ทพี่ บไดบ้ อ่ ยในชวี ติ ประจา� วนั
ใหแตล ะกลุมสบื คน เรื่องสารเสพติด ประเภท ทา� ใหเ้ กดิ พฤติกรรมการลอกเลยี นแบบ
ของสารเสพติด และผลกระทบของสารเสพติด
ที่มีผลตอ รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และ ๓) เพอ่ื น ทดลองเสพสารเสพตดิ ตามเพอ่ื น กลวั เพอ่ื นไม่ใหเ้ ขา้ กลมุ่
สติปญญา แลวคดิ วธิ ีการออกมานาํ เสนอโดยใช ๔) สงั คม สภาพสงั คมทมี่ แี หลง่ เสอ่ื มโทรม และคนในสงั คมขาดการ
อปุ กรณเทคโนโลยสี ารสนเทศ มีสว่ นร่วม การชว่ ยเหลือ อาจท�าใหค้ นในชมุ ชนติดสารเสพติดได้
(เชน เพาเวอรพอยต, วิดีโอ เปนตน ) ๕) ปญั หาสขุ ภาพ ผทู้ ม่ี อี าการเจบ็ ปว่ ยเรอ้ื รงั และมกี ารใชย้ าตดิ ตอ่ กนั
เป็นเวลานาน อาจมีผลทา� ให้เกิดอาการติดยาได้
72

เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT 2. ยาอี เฮโรอีน
ขอ ใดแตกตา งจากพวก 4. โคคาอีน มอรฟ น
ในกจิ กรรมข้ันสํารวจคนหา ภาพท่คี รนู าํ มาใหน ักเรียนดูวาภาพใดเปน 1. ฝน กญั ชา
สารเสพติด ควรใชภาพที่มลี กั ษณะใกลเคยี งกัน แตไมใชส ง่ิ เดียวกนั เชน 3. ยาบา เฮโรอีน

เคร่ืองดื่มชกู ําลัง ➾ นํ้าอัดลม, นาํ้ เปลา วเิ คราะหคาํ ตอบ ฝน กญั ชา เปนสารเสพตดิ ทไ่ี ดจากพืช สวนยาบา
ยาบา ➾ ยาเมด็ , เมล็ดพืช, ถัว่ ตา งๆ เฮโรอนี โคคาอนี มอรฟน และยาอี เปน สารเสพติดทีผ่ ลติ ขน้ึ ดว ยกรรมวธิ ี
ดอกฝน ➾ ดอกไมต างๆ
เพอ่ื ใหน ักเรียนไดว ิเคราะหกอนตอบ และสามารถดกู ารคดิ วิเคราะหจ ากคาํ ตอบ ทางเคมี ดงั น้นั ขอ 1. จึงเปน คาํ ตอบทถี่ กู
ของนกั เรยี นไดดว ย

72 คูมอื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๒ ผลกระทบของการใชส้ ารเสพติด 1. ใหแตล ะกลมุ ออกมานําเสนอผลงาน โดยครดู ู
ความถูกตองของเนือ้ หาของแตล ะกลมุ และ
การเสพสารเสพติดมีผลกระทบในหลายดา้ น ดงั น้ี ใหข อ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ

ผลกระทบในด้านตา่ งๆ ลักษณะผลกระทบทเ่ี กิดขน้ึ 2. ครอู ธิบายความรเู พม่ิ เติมสารเสพตดิ ประเภท
ของสารเสพตดิ และผลกระทบจากสารเสพตดิ
ดา้ นรา่ งกาย ● ท�าลายสขุ ภาพใหเ้ สอื่ มโทรม ● ประสบอุบตั เิ หตุได้งา่ ย ที่มีผลตอรา งกาย จติ ใจ อารมณ สังคม และ
● ไรค้ วามสามารถในการท�างาน ● ท�าใหเ้ สยี ชวี ิต สติปญ ญา

ด้านจิตใจ ● ทา� ใหเ้ กิดความเครยี ด 3. ใหน กั เรยี นดขู าวหรอื วิดโี อเกย่ี วกับคดี
● ท�าให้เกดิ อาการประสาทหลอน สารเสพตดิ เชน คนเสพยาเสพติดคลมุ คล่งั จับ
● จติ ใจหดห่เู ศรา้ หมอง คนเปนตัวประกัน คนเสพสารเสพตดิ ปน เสา
ไฟฟา ทํารา ยตวั เอง จะกระโดดตึก เปนตน
ด้านสังคม ● เกิดปญั หาอาชญากรรม แลว ใหนักเรียนวเิ คราะหสาเหตขุ องการเสพ
● ขาดแคลนแรงงานในการพฒั นาประเทศ สารเสพติด ผลกระทบของการใชส ารเสพตดิ
● สิน้ เปลอื งงบประมาณในการดแู ลรักษา แลวบันทึกผล ดงั นี้
• ใจความสาํ คัญของขาว
ดา้ นสตปิ ญั ญา ● ความจา� เสือ่ มลง • ผลกระทบที่เกดิ ข้นึ
● ดา� เนนิ ชีวิตต่อไปไม่ได้ตามปกติ • ปจจยั ที่ทาํ ใหเ สพสารเสพตดิ

๓ สารเสพติดใกล้ตัว 4. ใหนกั เรยี นวิเคราะหปจจัยทีม่ อี ิทธิพลตอ การ
ใชส ารเสพตดิ แลว เขยี นเปนแผนผังความคดิ
สารเสพติดใกลต้ วั ที่นักเรียนควรรู้โทษเพื่อป้องกนั ตนเอง มีดงั น้ี โดยนักเรยี นสามารถเช่ือมโยงไดวา ปจจัยใด
มอี ิทธพิ ลตอ การเสพสารเสพติดอยางไร เชน
๑. บุหร่ ี ปจจัยท่มี อี ทิ ธพิ ลตอการเสพสารเสพตดิ คอื
ครอบครวั แตกแยก ลกู ไมมที พี่ ่งึ ท่คี อยพดู คุย
บุหร่มี ีสารต่างๆ หลายชนิดทกี่ อ่ ให้เกิดโทษต่อร่างกาย ดังน้ี ใหคําปรึกษา เลยหันไปคบกบั กลุม เพอื่ น
แตกลมุ เพอ่ื นเปน กลุมทเี่ สพสารเสพตดิ
ทาร ์ (Tar) หรอื นา�้ มนั ดนิ (คราบบหุ ร)่ี เปน็ ทรี่ วมของสารเคมีในกลมุ่ ไฮโดรคารบ์ อน นักเรยี นจงึ เสพสารเสพติดตามกลุมเพ่อื น
(Hydrocarbon) ซึง่ เปน็ สารเคมีทีม่ ีความเหนียวติดอยู่กับเนอื้ ปอด เป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งเปนพฤติกรรมตามชวงวยั ทมี่ ักจะตอ งการ
การยอมรับจากเพือ่ น
นโิ คตนิ (Nicotine) เป็นสารท่ีมีการกระตุ้นสมองในระยะแรก และต่อมามีฤทธ์ิ
กดประสาททา� ใหเ้ สน้ เลอื ดหดตวั มผี ลทา� ใหค้ วามดนั โลหติ สงู กระตนุ้ หวั ใจใหเ้ ตน้ เรว็ ขน้ึ 5. ครอู ธิบายความรูเพ่ิมเตมิ ปจจัยท่ีมีอทิ ธิพลตอ
และนิโคตินมีสว่ นกระตุ้นให้อยากสบู บุหร่ีอกี การใชส ารเสพติด

แกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด ์(Carbon Monoxide) เปน็ แกส๊ ทม่ี คี วามเขม้ ขน้ สงู ขดั ขวาง
การรับแกส๊ ออกซเิ จน ทา� ใหเ้ กิดภาวะขาดแกส๊ ออกซิเจนในรา่ งกาย และท�าให้ไขมัน
พอกตามผนงั เสน้ เลอื ดมากขน้ึ ท�าใหเ้ สน้ เลอื ดตบี ประสทิ ธภิ าพในการท�างานของปอด
ลดลง

73

ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู

เพราะเหตุใด จึงมคี ํากลาววา “เมาไมขบั ” ในกรณที ไี่ มม ีอุปกรณเ ทคโนโลยสี ารสนเทศพรอ ม ครูอาจใหนักเรยี นนําเสนอ
แนวตอบ เพราะผูทด่ี ม่ื สุรา จะมอี าการมนึ งง มอื สน่ั ระบบกลา มเน้อื โดยใชส ่อื อยางอ่นื กิจกรรมนเ้ี นนใหนักเรยี นสามารถสื่อสารดว ยวธิ กี ารตา งๆ
ทาํ งานไมส มั พันธก นั มีสติสมั ปชญั ญะไมครบถวน ความจาํ บกพรอง นอกเหนือจากการอธิบาย
ทาํ ใหค วามสามารถในการขับขี่ลดลง จึงไมค วรขบั รถ เพราะอาจเกดิ
อันตรายตอ ตนเองและผอู ่นื ได บูรณาการอาเซียน

บูรณาการเช่อื มสาระ ครอู ธบิ ายใหน กั เรยี นเขา ใจวา ประเทศสมาชกิ อาเซยี นไดร ว มกนั แสดงเจตนารมณ
ทจ่ี ะมุงเนน ใหอาเซยี นเปน เขตปลอดยาเสพตดิ ภายในป ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)
ครบู รู ณาการความรใู นสาระสขุ ศึกษาและพลศึกษา กับสาระการงานอาชพี โดยมมี ตเิ หน็ ชอบใหด าํ เนนิ การแกไ ขปญ หายาเสพตดิ โดยเนน การสกดั กน้ั ยาเสพตดิ
และเทคโนโลยี วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร เรอ่ื ง การคน หา ทัง้ ภายในและภายนอกภูมิภาค และจะดําเนินการปราบปรามผคู าอยา งจรงิ จัง
ขอมลู โดยใหนักเรยี นคน หาขอมูลตามขนั้ ตอนวิธกี ารคนหาขอมูลทงั้ 5 ขน้ั พรอมเปน หุนสวนในการแกไ ขปญ หายาเสพติด โดยประสานความรวมมือระหวาง
เพอ่ื ฝก การคนหาขอมลู และสามารถออกมานําเสนอโดยใชอ ุปกรณเ ทคโนโลยี คณะกรรมการอาเซียนสาขาตา งๆ ท่เี กี่ยวขอ ง โดยการปองกันเยาวชนรุนใหมข อง
สารสนเทศได อาเซียนไมใ หเ กีย่ วของกบั ยาเสพตดิ

คมู ือครู 73

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครถู ามนักเรยี นวา ๒. สุรา
• เมอื่ ทราบอนั ตรายของสารเสพตดิ แลว
นกั เรียนอยากเกีย่ วของกบั สารเสพติดหรือไม สรุ าเปน็ เครอ่ื งดมื่ ทม่ี แี อลกอฮอลผ์ สมอยู่ จดั เปน็ สารเสพตดิ ประเภทหนง่ึ
เพราะอะไร โทษของการด่มื สรุ า มดี งั น้ี
(แนวตอบ ไม เพราะสารเสพตดิ เปน อนั ตราย
ตอ รา งกาย ทาํ ใหร างกายทรดุ โทรม จติ ใจ ๑) ท�าให้เกดิ โรคตา่ งๆ เชน่ โรคตบั แขง็ โรคมะเรง็ ตบั โรคพษิ สรุ า
ไมเ ปนปกติ อารมณฉ นุ เฉยี ว อยูรวมกบั ผูอ่ืน เร้ือรงั เปน็ ตน้
ในสังคมไมไ ด เปน ท่ีรงั เกยี จของสงั คม และ
ทําใหส ตปิ ญ ญาเสอื่ มโทรม) ๒) ขาดการควบคุมสติท�าให้เกดิ อุบัตเิ หตไุ ดง้ า่ ย
• เมอ่ื นกั เรยี นไมอยากเกี่ยวขอ งกับสารเสพตดิ ๓) ความสามารถในการทา� งานลดลง
แลว นกั เรียนจะมีวิธีหลีกเล่ียงสารเสพตดิ ๔) มีพฤติกรรมทกี่ า้ วร้าว
อยางไร
(แนวตอบ คาํ ตอบอาจมหี ลากหลาย เชน ไมรบั ๓. สารระเหย
ขนมจากคนแปลกหนา ไมเ ขา ใกลผ ทู เ่ี สพ
สารเสพตดิ ปฏิเสธเม่ือมผี ูใหท ดลองเสพ สารระเหยเป็นสารประกอบอินทรีย์เคมีประเภทไฮโดรคาร์บอนท่ีได้มา
สารเสพตดิ เปนตน ) จากนา�้ มนั ปโิ ตรเลยี ม (Petroleum) และแก๊สธรรมชาติ เป็นสารท่ีระเหยได้งา่ ย
ในอณุ หภมู ปิ กติ สารพวกนเี้ ปน็ สว่ นผสมในผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม และผลติ ภณั ฑ์
2. ใหน ักเรียนแตละคนเขียนวธิ ีการหลกี เล่ียง ที่พบเห็นบ่อยๆ เชน่ ทินเนอร์ (Thinner) แลก็ เกอร์ (Lacquer) เปน็ ต้น
สารเสพตดิ บนกระดาษทค่ี รแู จกให (กระดาษส)ี
แลวลงชื่อ จากน้ันนกั เรยี นรวบรวมไปจดั ปา ย โทษของการเสพสารระเหย มีดังน้ี
นเิ ทศหวั ขอ “ฉันจะไมยงุ เกยี่ วกับสารเสพตดิ ”
ระบบในรา่ งกาย ผลเสียตอ่ ระบบในร่างกาย
3. ใหน ักเรยี นรวมกันตอบคาํ ถาม จากกจิ กรรม
การเรียนรู ตอนท่ี 1 คาํ ถามชวนคดิ หนา 76 ระบบประสาท ● เกดิ ผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลาย
ทา� ให้เกดิ อาการวงิ เวียน มือสนั่ ตัวสัน่ ความคิดช้าลง
เห็นภาพซ้อน ปลายประสาทอกั เสบ

ระบบไหลเวียนโลหติ ● จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจผดิ ปกติ การสรา้ งเมด็ เลอื ดชะงกั
เมด็ เลือดแดงตา่� อ่อนเพลยี เลอื ดออกง่าย บางรายอาจ
เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้

ระบบทางเดินหายใจ ● เกิดการระคายเคืองอวยั วะในระบบทางเดนิ หายใจ
หรืออาจรุนแรงจนถงึ การอกั เสบ

ระบบกลา้ มเนอ้ื ● กลา้ มเน้ือลีบจนทา� ให้เปน็ อมั พาต

๔. ยาบ้า1(แอมเฟตามนี )

ยาบา้ เปน็ สารเสพตดิ ออกฤทธกิ์ ระตนุ้ ประสาทมลี กั ษณะเปน็ ยาเมด็ กลมๆ
ขนาดเลก็ มีหลายสี และมสี ญั ลักษณป์ รากฏบนเม็ดยา เชน่ ฬ M PG WY
74เป็นตน้

นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT 2. เปนโรคตบั แขง็
ขอ ใดเปน อันตรายทีเ่ กิดจากยาบา 4. ทําใหค วามดันโลหิตสูง
1 ยาบา ทพ่ี บเห็นโดยท่ัวไปมลี ักษณะเปนเม็ดกลม หลากหลายสี แตยงั พบ 1. สมองเสอื่ ม
ยาบา ในรปู แบบอื่นไดอกี เชน ผลึกสขี าว หรอื ผลกึ น้ําแข็ง เรียกกนั วา ยาไอซ 3. เปนโรคถงุ ลมโปงพอง
เปนตน
วเิ คราะหคาํ ตอบ การเสพยาบา จะทําใหผูเสพมีอาการประสาท
การปอ งกนั ไมใหเ ยาวชนตดิ ยาบา น้ัน สวนสําคัญอยทู ี่พอแมที่ตอ งใกลชดิ ลกู
และสรางความสมั พนั ธอ ันดใี หเ กดิ ข้นึ ในครอบครัว นอกจากนนั้ ตอ งคอยใหค วามรู ตึงเครียด ถาใชต ิดตอ กันเปนเวลานานจะทาํ ใหส มองเส่อื ม ดังนั้น ขอ 1.
เพ่อื ใหลกู ทราบถึงอนั ตรายของยาบา คอยดแู ลเอาใจใส และเปน ตัวอยางทดี่ ี จึงเปน คําตอบที่ถกู
ใหแ กล ูก สอนใหล กู รจู ักการปฏเิ สธเพ่ือนท่ชี ักชวนไปทดลองยาอยางสภุ าพ
และหา งจากแวดวงทีม่ ว่ั สุมกนั ได คอยใหกําลังใจเร่อื งการเรยี นและชน่ื ชมลกู
เมื่อประสบความสําเรจ็ ในการเรียนหรอื กจิ กรรมนอกหลักสูตร สรางคา นยิ ม
ในครอบครัวในการทจี่ ะไมยอมรับยาเสพติดอยางเด็ดขาด

74 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

โทษของการเสพยาบ้า มีดงั นี้ 1. ใหน ักเรยี นแบง กลุมตามเดมิ แตล ะกลุมแสดง
บทบาทสมมุติ การปฏเิ สธสารเสพตดิ เมอื่ ถูก
ผลกระทบในด้านต่างๆ ลกั ษณะผลกระทบทีเ่ กดิ ชกั ชวน โดยใหแ ตละกลมุ สรางสถานการณ
ขน้ึ มาเอง ตัง้ แตส ถานการณท่เี ปน ปจจัย
ผลต่อจิตใจ ● เปน็ โรคจิตชนดิ หวาดระแวง ทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอ การใชสารเสพตดิ จนถึง
● ประสาทหลอน การหลกี เลี่ยงสารเสพติด จากน้ันครูและเพือ่ น
กลมุ อื่นชว ยกันประเมิน โดยใชเ กณฑ
ผลต่อระบบประสาท ● ระยะแรกออกฤทธก์ิ ระตนุ้ ประสาท ทา� ใหป้ ระสาทตงึ เครยี ด การใหค ะแนน ดังนี้
ผลต่อพฤติกรรม พอยาหมดฤทธิ์จะท�าให้ประสาทล้า ท�าใหก้ ารตัดสินใจ • ความถูกตองของเน้อื หา
ช้าลง และผิดพลาด • ความรว มมอื กนั ทาํ งานในกลมุ
• การแสดงสมบทบาท
● ถ้าใช้ติดตอ่ กนั เปน็ เวลานาน จะทา� ให้สมองเส่ือม
● ถา้ ใช้ในปรมิ าณมากจะทา� ใหห้ มดสติ และเสยี ชีวิตได้ 2. ใหนักเรียนทํากจิ กรรมผลงานสรา งสรรค
3. ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.2
● ก้าวร้าว กระวนกระวายใจ
จากแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5


๔ การหลกี เล่ียงสารเสพตดิ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
สขุ ศกึ ษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.2
สารเสพติดมีอนั ตรายมาก ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลีย่ งสารเสพตดิ โดยการ แบบประเมินตัวชว�้ ัด พ 5.1 ป.5/2
ปฏิบตั ิ ดงั น้ี
๑. ไม่ทดลองใชส้ ารเสพตดิ ทกุ ชนิด ถา้ มผี ู้ชกั ชวนตอ้ งรบี ปฏเิ สธทนั ที กจิ กรรมรวบยอดที่ ๔.๒

๒. ไมค่ บกบั ผทู้ เี่ สพสารเสพติดหรอื อยู่ใกลผ้ ทู้ ่ีเสพสารเสพติด แบบประเมนิ ตัวชว้ี ัด พ ๕.๑ ป.๕/๒
๓. ถ้ามปี ัญหาควรขอคา� ปรึกษาจากพ่อแม่ ครู หรือผ้ใู หญท่ ่ีไวใ้ จได้  วิเคราะหผลกระทบของการใชยาและสารเสพติดที่มีผลตอรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม

และสติปญญา

๔. มองโลกในแงด่ ี ฝกึ ควบคุมตนเอง เช่ือมนั่ ในตนเอง มีความมุง่ มัน่ ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน
และสรา้ งแรงจงู ใจใหต้ นเองอยเู่ สมอ จะทา� ใหจ้ ติ ใจเขม้ แขง็ ขน้ึ ไมถ่ กู ชกั จงู ไดง้ า่ ย บอกผลกระทบของการใชสารเสพตดิ ท่ีมผี ลตอผใู ชใ นดา นตา งๆ
๕. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสารเสพติดอยู่เสมอ เพ่ือป้องกันตนเอง
จากภัยของสารเสพติด ๑) ผลตอ รา งกาย
๖. ควรใชเ้ วลาวา่ งในการทา� กจิ กรรมทเี่ ปน็ ประโยชนร์ ว่ มกบั เพอื่ นๆ เชน่ สขุ ภาพเสื่อมโทรม…●…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ออกกา� ลังกาย เลน่ ดนตรี อา่ นหนังสอื เปน็ ตน้ …●……อ…า…จ…ป…ร……ะส……บ…อ……ุบ…ตั …ิเ…ห…ต……ุ …ท…ํา…ใ…ห…เ…ส…ยี……ช…วี …ติ …ห…ร……ือ…พ…ิก……า…ร…………………………………………………………………………
๗. เข้ารว่ มกจิ กรรมรณรงคต์ อ่ ตา้ นสารเสพติด
๘. ถา้ พบเหน็ บคุ คลทม่ี พี ฤตกิ รรมเกย่ี วขอ้ งกบั สารเสพตดิ ควรแจง้ ผใู้ หญ่ ๒) ผลตออารมณ
กาวราว หงุดหงดิ งา ย…●………………………………………………………………●…………………………………………………………………………………………………………………
กระวนกระวาย เกดิ ความเครียด…●………………………………………………………………●…………………………………………………………………………………………………………………

เฉฉบลับย ๓) ผลตอ จิตใจ
เปนโรคจติ ประสาทหลอน…●………………………………………………………………●…………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๔) ผลตอ สงั คม
สิ้นเปลืองงบประมาณ เกิดอาชญากรรม…●………………………………………………………………●…………………………………………………………………………………………………………………
ขาดแรงงานในการพัฒนาประเทศ…●…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๕) ผลตอ สตปิ ญญา
ความจาํ เส่ือมลง…●…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…●……ไ…ม…ป…ร…ะ…ส……บ…ค……ว…าม……ส…าํ …เ…ร…็จ…ใ…น……ก…า…ร…ท…าํ…ง……าน……แ…ล……ะก……า…ร…เ…ร…ยี …น…………………………………………………………………

ตัวชว้ี ดั พ ๕.๑ ขอ ๒

ñðไดค ะแนน คะแนนเตม็

หรือตา� รวจทนั ที 75 เกณฑป ระเมนิ ชน้ิ งาน ๒ คะแนน
๑ คะแนน
(๑๐ คะแนน ขอ ละ ๒ คะแนน)
• บอกผลกระทบไดถกู ตอ ง ๒ ขอ
• บอกผลกระทบไดถ ูกตอ ง ๑ ขอ

๔๐

ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู

ถานักเรียนบังเอญิ พบเพือ่ นๆ กาํ ลังสบู บหุ รอี่ ยหู ลังโรงเรียน แลว เพอ่ื น ครอู าจใหนักเรยี นรว มกนั คดิ การรณรงคต อตา นสารเสพติดแลว ดําเนินการ
ชักชวนใหนักเรยี นสูบบหุ รด่ี ว ย นักเรยี นจะทําอยา งไร รณรงคต อ ตานสารเสพติดในโรงเรียน ชุมชน

1. ถามเพอ่ื นกลบั วา ถามกี ลิ่นท่ชี อบกจ็ ะสบู ดวย นกั เรยี นควรรู
2. บอกเพื่อนใหเ กบ็ ไวใ ห แลววนั หลงั คอยมาเอา
3. บอกเพ่ือนวาสูบบหุ ร่ที าํ ใหเปน โรคมะเร็งปอดได เราไมส ูบ 1 สายดว นสารเสพตดิ ทีน่ ักเรียนควรรเู พม่ิ เตมิ มดี งั น้ี
4. เอาบุหรม่ี าเกบ็ ไว แลว บอกเพื่อนวา บหุ ร่เี ปนสิ่งไมด ี อยาสบู เลย 1323 สายดว นกรมสุขภาพจิตบริการเลกิ ยาเสพตดิ
วเิ คราะหค าํ ตอบ เมอื่ มผี ูชักจูงใหสูบบหุ ร่ี นกั เรียนควรพูดปฏเิ สธดวย โครงการ To be number one
สีหนา และถอยคําทีจ่ รงิ จงั และมีเหตุผลจริงจงั ในการปฏิเสธ ดงั นั้น 1386 ศูนยร ับแจงเบาะแสยาเสพติด
1541 ศนู ยร ับแจงขอมลู อาชญากรรมและยาเสพตดิ
ขอ 3. จึงเปน คําตอบทถี่ ูก

คมู ือครู 75

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. ครตู รวจบันทกึ ผลการวเิ คราะหขาวหรอื วิดีโอ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
เกี่ยวกบั สารเสพตดิ แลวครปู ระเมินการแสดง
บทบาทสมมตุ ิ ตอนที่ ๑ คา� ถามชวนคิด
เขยี นตอบค�าถามต่อไปนี้ลงในสมดุ
2. ครูตรวจสอบความถูกตอ งและสวยงามของ
โปสเตอรร ณรงคตอตานสารเสพตดิ ๑) นกั เรยี นเคยดสู อื่ ทม่ี กี ารใชส้ ารเสพตดิ หรอื ไม่ นกั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรกบั การกระทา� นนั้
๒) ในชวี ติ ประจา� วนั นกั เรยี นเคยพบเหน็ คนใชส้ ารเสพตดิ หรอื ไม่ เขามอี าการอยา่ งไร
3. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของการทํากจิ กรรม
รวบยอดท่ี 4.2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศึกษา ป.5 นกั เรยี นคดิ ว่าสารเสพตดิ ชนดิ นัน้ คืออะไร
๓) นักเรียนรู้สึกอย่างไร เมื่อพบคนใช้สารเสพติด หรือคนใกล้ตัวของนักเรียน
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู
ใช้สารเสพติด
1. บนั ทึกผลการวเิ คราะหขา วหรอื วิดีโอ ๔) ถา้ มบี ุคคลในครอบครวั ของนักเรยี นเสพสารเสพติด นักเรียนควรทา� อยา่ งไร
2. การแสดงบทบาทสมมุตเิ กย่ี วกบั การปฏิเสธ ๕) นกั เรียนมวี ธิ กี ารปฏิเสธผู้ทีช่ ักชวนใหเ้ สพสารเสพตดิ อย่างไร

สารเสพตดิ ตอนท ี่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า (ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม ขน้ึ อยูก ับดุลยพินิจของผสู อน)
3. โปสเตอรรณรงคตอตานสารเสพตดิ ๑. แบง่ กลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกันให้เหตุผลสนบั สนุนข้อความว่า “สารเสพตดิ แคค่ ิด
4. กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.2 จากแบบวดั ฯ
จะทดลองกผ็ ิดแล้ว” จากนน้ั บันทึกผลลงในสมุด
สุขศึกษา ป.5 ๒. อา่ นค�าพูดท่กี า� หนดให้ แล้วเขยี นค�าพูดท่นี ักเรยี นจะใชพ้ ดู โต้ตอบอย่างเหมาะสม
ลงในสมดุ

๑) “´Ù¹è¹Ñ ÊÔ à¢ÒÁ«Õ ÁØŒ ŧª×è͵͋ µŒÒ¹ÊÒÃàʾµÔ´´ÇŒ  àÃÒä»Å§ªÍ×è ¡¹Ñ ¹Ð”
๒) “à¸Í㪼Œ ŒÒ»´ »Ò¡»´¨ÁÙ¡µÍ¹·ÒÊ·Õ íÒäÁ¹‹Ð äÁ‹ÃÒí ¤ÒÞàËÃÍ”
๓) “´àÙ ´ç¡¾Ç¡¹éѹÊÔ ¹§Ñè ´Á¡Òǡѹ àÃÒࢌÒ仵͋ ÇÒ‹ ¾Ç¡à¢Ò¡Ñ¹´äÕ ËÁ”
๔) “¹ÍŒ §æ Åͧ¡Ô¹¢¹ÁÍÍ¡ãËÁ‹¹ÊÕè ¨Ô Ð ¾ÕèãË¿Œ ÃÕæ àŹРà¾ÃÒоÕÁè ÕàÂÍД
๕) “¾èÕÁÂÕ Ò·Õ·è Òí ãËŒÍÒ‹ ¹Ë¹§Ñ Ê×Íä´Œ¹Ò¹¢é¹Ö ¹ŒÍ§ÍÂÒ¡Åͧ¡Ô¹äËÁ ¾ãÕè ËŒ¿ÃÕæ àŹД

ตอนท่ี ๓ ผลงานสร้างสรรค์ (ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ขนึ้ อยกู ับดลุ ยพนิ จิ ของผสู อน)
แบง่ กลมุ่ ให้แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั วาดภาพโปสเตอรร์ ณรงค์ตอ่ ต้านสารเสพติด และน�ามา
จัดปายนิเทศ

76

เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1 กจิ กรรมสรา งเสรมิ
คําถามชวนคิด
ใหนกั เรียนเขียนคาํ ขวญั เพอ่ื รณรงคตอตา นสารเสพติด แลว นําไปติดท่ี
1) แนวตอบ เคย ละครทีม่ กี ารด่ืมเหลา สูบบุหรี่ รสู กึ วา เปนสิง่ ทีไ่ มดี ปายนเิ ทศ
2) แนวตอบ เคย คนดม่ื เหลา มอี าการมนึ เมา พดู ไมร ูเรอ่ื ง โวยวาย
3) แนวตอบ รูส กึ ไมช อบ ไมอ ยากใหใชสารเสพตดิ เพราะเปนอนั ตรายตอ รางกาย กจิ กรรมทาทาย
4) แนวตอบ ขอรอ งใหเลกิ เพราะสารเสพติดเปนอันตรายตอรางกายอาจทําใหเสีย
ใหน ักเรยี นเขียนเรียงความเรอื่ ง “เดก็ รนุ ใหม หางไกลสารเสพตดิ ”
ชีวติ ได อยากใหค นในครอบครวั มีชวี ติ อยรู ว มกันไดนานๆ จากน้นั นาํ มาอา นทหี่ นาช้นั แลวนาํ ไปตดิ ท่ปี ายนิเทศ
5) ตอบ ปฏเิ สธอยา งจริงจัง และใหเ หตุผลวาสารเสพตดิ เปน อันตรายตอ รา งกาย

เราจะไมท ําใหร างกายไดร บั อนั ตรายจากสารเสพติด

76 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรยี นรู

òº··Õè 1. วเิ คราะหผ ลกระทบของการใชย าท่ีมผี ลตอ
ขอ้ ควรรู้เก่ยี วกับยา สาระสา� คัญ รา งกาย จติ ใจ อารมณ สงั คมและสตปิ ญญา
(มฐ. พ 5.1 ป.5/2)

2. ปฏบิ ตั ิตนเพื่อความปลอดภยั จากการใชยา
และหลีกเลย่ี งสารเสพติด (มฐ. พ 5.1 ป.5/3)

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ยาเป็นส่ิงที่ช่วยรักษาและบรรเทาอาการ สมรรถนะของผูเ รียน
ของโรคได้ แต่ถ้าเราใช้ยาไม่ถูกวิธีก็จะส่ง
ผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังน้ัน เราจึงควร 1. ความสามารถในการคิด
ปฏิบัติตนในการใช้ยาให้ถูกต้อง เพื่อความ 2. ความสามารถในการสื่อสาร
ปลอดภัยจากการใชย้ า 3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค

1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ
2. ใฝเ รยี นรู
3. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

? ใหนกั เรยี นดูภาพ หนา 77 แลวรวมกนั แสดง
ความคิดเหน็ วา ยาในภาพควรนาํ มาใชห รอื ไม
¹¡Ñ àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò ÂÒã¹ÀÒ¾¤ÇùÒí ÁÒ㪌 เพราะอะไร
ËÃ×ÍäÁ‹ à¾ÃÒÐÍÐäÃ
(แนวตอบ ยาในภาพไมควรนํามาใช เพราะ
77 ลักษณะของยาเปลีย่ นไป เสอ่ื มสภาพ หรอื หมดอายุ
ถา นาํ มาใชอาจเปนอนั ตรายตอรา งกายได)

เกร็ดแนะครู

ครูจดั กระบวนการเรยี นรูโ ดยการใหน ักเรยี นปฏบิ ัติ ดงั น้ี
• สังเกตลักษณะของยาทีไ่ มควรนาํ มาใช
• สืบคน ขอมูลสาเหตทุ ี่ทําใหเ กิดอนั ตรายจากการใชยา
• วิเคราะหจากประเด็นคาํ ถามและตอบ
จนเกดิ เปน ความรคู วามเขา ใจวา การใชย าทไี่ มปลอดภยั สงผลกระทบตอ
รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสตปิ ญญา ดงั น้นั เราจึงควรรวู ธิ ีการใชย า
ท่ีถูกตอ ง เพ่ือความปลอดภยั ในการใชยา

คมู อื ครู 77

กระตุน ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. ครนู ํายาทเ่ี ส่อื มคุณภาพ ยาท่ีมีลักษณะของยา ยาเปน็ สงิ่ ท่ีใชร้ กั ษาโรคถา้ เราใชอ้ ยา่ งถกู วธิ ี แตถ่ า้ เราใชไ้ มถ่ กู วธิ กี จ็ ะทา� ให้
เปลยี่ นไป หรอื ยาทีห่ มดอายุ มาใหน กั เรียนดู เกดิ โทษและเป็นอันตราย
แลว ถามนกั เรยี นวา ถานกั เรยี นกินยาเหลาน้ี
เขาไป จะเกดิ ผลอยา งไร ๑ การใช้ยา
(แนวตอบ ถา กนิ ยาเหลา นเี้ ขาไป อาจทาํ ใหเ กดิ “นกั เรียนรู้จกั ยาอะไรบ้าง และยานนั้ มีสรรพคุณอยา่ งไร”
การเปนพิษตอรางกาย เกิดอาการแพ อาเจยี น
เปน ผ่นื คัน ปากบวม หายใจไมส ะดวก) ยาเปน็ สง่ิ ทม่ี ปี ระโยชน์ ถา้ ใชย้ าไมถ่ กู วธิ ี อาจทา� ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ผใู้ ชไ้ ด้

2. ครูถามนกั เรียนวา ใครเคยมอี าการแพย าบา ง ๑. อันตรายจากการใชย้ า
และมีอาการอยางไร จากนั้นใหนักเรยี นที่เคย
แพยาออกมาเลาทหี่ นา ชัน้ ใชย้ าผิดวธิ ี ใชย้ าผดิ
เชน่ การนา� ยาเมด็ มาละลายนา�้ เกิดจากความพลั้งเผลอของ
3. ครสู นทนากบั นักเรียนวา การแพย ากเ็ ปน แลว้ ดมื่ ทา� ใหก้ ารรกั ษาไมไ่ ดผ้ ล ตนเอง หรอื จากการจา่ ยยาผดิ
อนั ตรายที่เกดิ จากการใชย า ทา� ใหไ้ มไ่ ดร้ บั ยาทถี่ กู ตอ้ งตรง
ใชย้ าน้อยกว่าก�าหนด กับโรค การรักษาไม่ได้ผล
4. ครูถามนกั เรยี นวา นักเรียนคดิ วา ยงั มสี าเหตใุ ด เชน่ ตอ้ งกนิ ยา ๒ เมด็ แตก่ ลบั และอาจเปน็ อนั ตรายได้
ทที่ ําใหเกดิ อนั ตรายจากการใชย าไดอีก กนิ เพยี ง ๑เกเดิ มกด็ ารทดา� อ้ืใหยก้า1ารรกั ษา ใชย้ าหลายชนิดพร้อมกัน
ใหน ักเรยี นรว มกันตอบ ไมไ่ ดผ้ ล ท�าให้ฤทธ์ิของยาเสริมกันจน
เปน็ อนั ตรายต่อร่างกาย หรือ
5. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั แตล ะกลมุ ใช้ยาเกินขนาด หักลา้ งกนั จนรักษาไมไ่ ด้ผล
สบื คนสาเหตุท่ที ําใหเ กดิ อันตรายจากการใชยา เชน่ ตอ้ งกนิ ยา ๑ เม็ด แตก่ ลับ
และผลกระทบของการใชยา กิน ๒ เม็ด เพราะอยากหาย เใชช่นย้ านใน�าทยาาแงทอม่ผี ดิเฟตามีน2
เร็วๆ ท�าให้เกิดอาการหายใจ มาเปน็ ยาทท่ี �าให้ขยัน ทา� ให้
เร็ว แพย้ า หรอื ยาเปน็ พิษได้ เกดิ การติดสารเสพตดิ ได้
ใชย้ าหมดอายุ
แพ้ยา ทา� ใหเ้ กดิ อนั ตรายได้
เปน็ ผน่ื คนั ทผ่ี วิ หนงั เกดิ อาการ
บวม

¤ÇÒÁÌ٤ʋ٠¢Ø ÀÒ¾

“วนั หมดอาย”ุ ของยา ถา้ ไมไ่ ดก้ า� หนดไว้ โดยทว่ั ไปดจู ากวนั ผลติ กรณยี าเมด็ มอี ายุ
ไมเ่ กนิ ๕ ป กรณียาน�้าและยาทาเฉพาะท่ี มีอายุไมเ่ กิน ๓ ป ส่วนวนั หมดอายุ อาจจะระบุ
เปน็ ภาษาไทย หรือภาษาองั กฤษ เช่น ยาหมดอายเุ ดอื นตลุ าคม ๒๕๕๗ จะมขี อ้ ความดังน้ี

78 Expired Date ๑๐/๒๐๑๔ หรอื Exp.Date ๑๐/๒๐๑๔ หรือ used before Oct.๒๐๑๔

นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
มะลปิ วดทองเนอ่ื งจากโรคกระเพาะอาหาร เธอจึงหายามากิน
1 การดอื้ ยา คอื การกินยาเขา ไปแลว ไมไ ดผ ล รกั ษาโรคไมหาย อาจเกดิ จาก แตย าหมดไปแลว เธอจงึ นํายาหมองมาทาบริเวณทองใหหายปวดแทน
หลายสาเหตุ เชน การกนิ ยาไมตอ เนือ่ ง การกนิ ยาไมต รงกับโรค เปนตน ทําให มะลทิ าํ ถกู ตองหรือไม เพราะอะไร
เช้ือโรคทนตอ ยาได 1. ถกู ตอ ง เพราะยาหมอ งมีสรรพคณุ แกป วดโรคกระเพาะอาหาร
2 ยาแอมเฟตามีน คอื ยาบา ยาแอมเฟตามนี ถกู ผลติ ขนึ้ เพ่ือรกั ษาโรคหลาย 2. ถกู ตอง เพราะยาหมอ งชว ยคลายกลามเนือ้ ไมใ หเ กดิ อาการปวด
ชนิด เชน โรคจิต โรคประสาท โรคซมึ เศรา โรคปวดศรี ษะ เปน ตน มฤี ทธก์ิ ระตนุ 3. ไมถ ูกตอง เพราะยาหมองเปน ยาทาภายนอกแกวิงเวยี นศีรษะ
ประสาท ทําใหร สู กึ กระปรก้ี ระเปรา ปจจบุ นั ถกู กาํ หนดใหเปน สารเสพติด ไมใชย า และปวดเม่อื ยกลามเนือ้
ที่ใชรักษาทางการแพทย 4. ไมถูกตอ ง เพราะยาหมอ งตองนํามาผสมกับนํ้าแลว ด่มื เพื่อรักษา
อาการปวดทอ งเน่ืองจากโรคกระเพาะอาหาร
78 คูมือครู วเิ คราะหคําตอบ มะลิทาํ ไมถูกตอง เพราะยาหมองเปนยาทาภายนอก
ใชร กั ษาอาการวิงเวยี นศีรษะ ปวดเม่ือยกลา มเนอื้ การนํายาหมองมาทา
เพ่อื บรรเทาอาการปวดทอ งเนอื่ งจากโรคกระเพาะอาหารจึงเปน การใชย า
ท่ไี มถกู กับโรค ดงั นัน้ ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบท่ีถูก

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ใหน ักเรียนรวมกันอภปิ รายสาเหตุทที่ ําใหเ กิด
อันตรายจากการใชย า และผลกระทบของ
การใช้ยาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยนั้นถ้าหากใช้ไม่ถูกวิธี อาจท�าให้เกิด การใชยา ครอู ธิบายความรเู พ่ิมเติม
อันตรายแก่ผู้ใช้ยาได้ นอกจากนี้ การใช้ยาเพ่ือรักษาอาการเจ็บป่วยในบางครั้ง 2. ใหน ักเรียนสืบคนการปฏิบตั ติ นเพ่ือความ
อาจเกดิ ผลกระทบกับผูใ้ ชย้ าในด้านต่างๆ ดงั นี้ ปลอดภัยจากการใชย า

๒. ผลกระทบของการใชย้ า 3. ครูตั้งคาํ ถามใหนักเรยี นเขียนตอบลงใน
กระดาษ
“นกั เรียนคดิ วา่ ถ้านักเรียนใช้ยาไม่ถูกวธิ ี จะเกิดผลอยา่ งไรบ้าง” • เพราะเหตใุ ด ยาทก่ี นิ กอนอาหารจึงตองกนิ
กอนอาหารอยางนอ ย 30 นาที
รา่ งกาย จติ ใจ (ตอบ ยากอนอาหาร ตองกนิ กอนอาหาร
● การด้ือยาท�าใหร้ กั ษาไมห่ าย ● ความต้องการพ่งึ พายา เพื่อใหยาถกู ดดู ซึมไดดี หรอื เพอ่ื ระงับอาการ
● การแพ้ยา เช่น ผวิ หนงั อกั เสบ ลมพษิ ● การติดยา มีความต้องการยาเพ่ิม บางอยา ง เชน อาเจียน อาการปวดเกร็ง
ในกระเพาะอาหาร เปน ตน)
เปน็ ต้น มากขน้ึ • เพราะเหตใุ ด ยาทกี่ นิ หลังอาหารจึงตอ งกนิ
● ผลข้างเคียง เชน่ ง่วงนอน ปากแห้ง หลงั อาหารอยา งนอ ย 15 นาที
(ตอบ ยาหลงั อาหาร ตอ งกินหลงั อาหาร
เป็นตน้ เพอื่ ลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
● พิษของยาไปทา� ลายตบั ถ้าใชต้ ิดต่อกนั เน่ืองมาจากฤทธิ์ของยา)
• ถา ลืมกินยา นกั เรยี นควรทาํ อยา งไร
เป็นเวลานาน
● การใช้ยาในสตรีมคี รรภส์ ง่ ผลตอ่ ทารก

ในครรภ์
● อาจทา� ให้เกดิ อบุ ัตเิ หตไุ ด้

(ตอบ ถาลมื กินยา ควรกนิ ยาในมอ้ื ตอไปตาม
สตปิ ญั ญา ปกติ ไมควรเพิม่ ขนาดยา เพราะอาจทําให
เกดิ อนั ตรายจากการใชย าเกนิ ขนาดได)
● สสมติปองญั1ถญกู ทาเา� สลื่อามยจลางกการใชย้ าบางชนดิ • เพราะเหตใุ ด เราไมค วรกินยาแกแ พ


กอนขับข่ยี านพาหนะ
(ตอบ เพราะยาแกแ พจ ะทําใหม อี าการ
งวงนอน ถา เราขบั ขีย่ านพาหนะกอ็ าจทําให
เกิดอบุ ัตเิ หตุไดงา ย)
• การใชยาตดิ ตอกันเปน เวลานานสง ผล
สังคม กระทบอยา งไร
● เสยี งบประมาณในการรกั ษาเพิม่ มากขึน้ (ตอบ การใชยาตดิ ตอ กนั เปนเวลานาน อาจ
● การเก็บตัวเนื่องจากการใชย้ าในปรมิ าณ ทําใหเกดิ อาการตดิ ยา เมือ่ หยุดยาจะเกิด
ความผิดปกติตอรา งกาย และทําใหจิตใจ
มากๆ ในการรกั ษาหรอื จากการตดิ ยา 7๙ ตอ งการยา หรอื อาจเกดิ การด้อื ยา ถาหยุด
● เกิดอาชญากรรม เช่น ท�าร้ายร่างกาย กินยานน้ั แลว กลับมากินใหมอ ีกคร้ัง ทาํ ให

เพอ่ื ชงิ ทรพั ย์ และนา� เงนิ มาซอื้ ยา เปน็ ตน้

กจิ กรรมสรา งเสรมิ การรกั ษาไมไ ดผล)

เกรด็ แนะครู

ใหน ักเรยี นศึกษาคนควาขอ มูลลักษณะยาเมด็ และยานํ้าทไ่ี มค วรนํามา ครนู าํ ฉลากยามาใหน กั เรียนดู แลว ชท้ี ่ีขอมลู ทร่ี ะบบุ นฉลากยาทนี่ ักเรียนควรรู
ใช จากนนั้ นําขอ มลู มาเขยี นเปนแผนภาพ แลวออกมาอธบิ ายใหเ พอ่ื นฟง กอนใชยาทกุ ครั้ง เชน ชอื่ ยา วิธีใช สรรพคณุ คาํ เตือน อนั ตรายจากการใชยา
วันหมดอายุ เปนตน โดยครูแนะนาํ ใหน กั เรียนควรอานกอนใช เพ่อื ใหเกดิ
กิจกรรมทาทาย ความปลอดภยั จากการใชยา

ใหน กั เรยี นศึกษาคน ควาขอมลู ลกั ษณะของยาทไ่ี มควรนาํ มาใช จากน้นั นักเรยี นควรรู
นาํ ขอมลู มาเขียนเปนแผนภาพ แลว ออกมาอธบิ ายใหเ พอื่ นฟง
1 สมอง ของผูตดิ สารเสพติดจะเกดิ ความผิดปกติ เน่อื งจากเซลลสมองมี
คณุ ลกั ษณะไมเ หมอื นกับเซลลสวนอ่ืนๆ ของรางกาย คือ เซลลส ว นอ่ืนๆ น้ัน
รา งกายสามารถซอ มแซมสวนทชี่ าํ รดุ เสียหายได แตเซลลสมองรางกายไมส ามารถ
ซอมแซมความเสียหายทเี่ กดิ ข้นึ ใหก ลบั ดงั เดมิ ได นอกจากน้ี เม่ือเกิดความเสียหาย
ตอเซลลสมองเพยี งจุดเดยี ว กจ็ ะเกดิ ผลกระทบตอการทํางานของสมองในจดุ อ่นื ๆ
ดวย เนือ่ งจากสมองมีการทํางานสมั พนั ธก ัน

คูมอื ครู 79

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ครูนํายาชนดิ ตางๆ เชน ยานา้ํ ยาเม็ด ยาทา ๒ การ»¯ºิ ตÑ ติ ¹àพอ่ื ¤Çาม»ลอ´ภÂÑ ¨ากการãªÂŒ า
ยาหมดอายุ ยาท่ีมีลักษณะเปล่ียนไป เปนตน “ถา้ นอ้ งไมส่ บาย จะนา� ยาของคณุ ยายมาใหน้ อ้ งกนิ ไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร”
มาใหน กั เรียนแตละคนเลือก (หรือครเู ลอื กให) การใช้ยาอย่างไม่ระมดั ระวงั อาจทา� ให้เกิดอนั ตรายถงึ ชีวติ ได้ ดังน้ันจึง
แลว บันทกึ ลงในกระดาษ สงครูเพ่ือเก็บคะแนน ควรปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ควรระวังในการใช้ยา ดงั นี้
• ยาชนดิ นี้ คอื ๑. ตอ้ งอ่านฉลากให้เขา้ ใจก่อนใชย้ าทุกคร้ัง เพอ่ื จะได้ใช้ยาได้ถกู ตอ้ ง
• ใชร กั ษาอาการอะไร ๒. ••ใชยยย้ าาาหกใหอลถ้ นังกูออโาารหหคาารถร1กู2คควววิธรรี กกถนินิูกยยบาาุคหกคลอ่ ลงันกถกินูกนิ อขอานาหาหาดารรอแอยลยา่ะ่างถงนูกน้อเอ้ วยยลา๑๓๕ต๐วั นอนายาทา่ทีงี เชน่
• วธิ ีการใช
• อนั ตรายทีเ่ กดิ จากการใชย าน้ี ตัวอยา่ ง ถา้ เราปวดศรี ษะ มไี ข ้ เราจึงกนิ ยาพาราเซตามอล
• นักเรียนจะเลือกใชย าชนดิ น้หี รอื ไม อยา งไร ถูกโรค ถูกวธิ ี ถูกบุคคล ถูกขนาด ถูกเวลา
๒๑
2. ใหน ักเรียนทํากิจกรรมการเรยี นรู ตอนที่ 2 ยาแกป้ วด ลดไข้ ยาเมด็ ใชก้ นิ ใชไ้ ดต้ ง้ั แตอ่ ายุ ๖ ปข นึ้ ไป - ๑ เมด็ กนิ ทกุ ๔ - ๖ ช่วั โมง
ชวนคิด ชวนทํา และตอนท่ี 3 ผลงาน หรอื เมอ่ื มอี าการปวด
สรางสรรค

3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 4.4
จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5

ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
สุขศึกษา ป.5 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.4
แบบประเมนิ ตัวชว�้ ดั พ 5.1 ป.5/2 ๓. ยาบางชนิดควรกินก่อนการนอนหลับพักผ่อน เพราะมีผลท�าให้
รา่ งกายเกิดอาการงว่ งนอน เชน่ ยาแกแ้ พ้ ยาลดนา้� มกู เปน็ ต้น
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูต ามตัวช้ีวัด ประจาํ หนวยท่ี ๔ บทที่ ๒
๔. เมอื่ ลมื กนิ ยามอื้ ใดมอ้ื หนงึ่ หา้ มเพม่ิ ขนาดยาในมอื้ ตอ่ ไป เพราะอาจ
กิจกรรมรวบยอดท่ี ๔.๔ เกดิ อันตรายจากการใช้ยาเกนิ ขนาดได้ ให้กินตามขนาดปกติ

แบบประเมนิ ตวั ช้วี ัด พ ๕.๑ ป.๕/๒ ๕. ไม่ควรใชย้ าชนิดเดยี วกันติดต่อกนั เปน็ เวลานาน
 วิเคราะหผลกระทบของการใชยา และสารเสพติดที่มีผลตอรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม ๖. เมอ่ื ใชย้ าแลว้ ต้องปิดซองหรือปิดฝาขวดให้แน่นและเก็บไวใ้ หด้ ี
๗. ควรเก็บยาไวใ้ นต้ยู า และควรติดตงั้ ตยู้ าใหส้ ูง เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ ดก็
และสตปิ ญญา มาหยบิ ยาไปใชเ้ อง ควรแยกยาใชภ้ ายนอก คอื ยาที่ใชท้ าหรอื ดม และยาท่ีใช้
ภายใน คอื ยาที่ใชก้ นิ ออกจากกนั ใหช้ ัดเจน
ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน ๘. เมอื่ เกดิ อาการแพย้ า ควรเลกิ ใชท้ นั ที แลว้ แจง้ ใหแ้ พทยท์ ราบทกุ ครง้ั
๙. เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยท่ีไม่ใช่อาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ควรพบ
เขยี นผลกระทบของการใชย าท่ีมผี ลตอรา งกาย จติ ใจ อารมณ สงั คม และสตปิ ญญา แพทย์ทุกครง้ั ไม่ควรซ้อื ยามากินเอง
เราควรใชย้ าให้ถกู วิธีตามหลกั การใชย้ า เพ่อื ป้องกันผลกระทบท่เี กิดกบั
๑) รา งกาย ๒) จิตใจ อารมณ ร่างกาย จิตใจ สังคมและสติปัญญา เราจึงจะปลอดภัยจากการใช้ยา และหาย
8๐จากโรคหรืออาการท่เี กดิ ขน้ึ
…●……ก…า…ร…ด…อื้ …ย…า……ร…กั……ษ…า…โ…ร…ค…ไ…ม…ห …า…ย…………………………. …●……ค…ว…า…ม…ต…อ …ง…ก……าร……พ…ง่ึ …ย…า………………………………………….

…●……ก…า…ร…แ…พ…ย …า……เช…น………ป…า…ก…บ…ว…ม……ผ…น่ื …ค……นั ……เ…ป…น …ต…น…. …●……ต…ดิ …ย…า……ม…คี …ว…า…ม…ต……อ …ง…ก…า…ร…ย…า…เ…พ…ม่ิ …ม…า…ก…ข…น้ึ………….

…●……ผ…ล…ข…า …ง…เค……ยี …ง……เช…น………ง…ว …ง…น…อ…น………เป…น……ต…น …………. กระวนกระวายใจ…●……………………………………………………………………………………. เฉฉบลบั ย

●……อ…า…จ…ท……าํ …ให…เ… ก…ดิ…อ……บุ …ตั …เิ …ห…ต…ไุ …ด… ………………… ผลกระทบ เปน โรคจติ………●………………………………………………………………………

๓) สังคม ของการใชย า ๔) สตปิ ญญา

…●……เก……ดิ …อ…า…ช…ญ…า…ก…ร……ร…ม……เช…น………ท…าํ …ร…า …ย…ร…า …ง…ก…า…ย……. ●………ส…ต…ปิ …ญ……ญ……าเ…ส…อ่ื…ม……ล…ง……………………………………………
………เพ……อื่ …ช…งิ …ท…ร…พั …ย…… เ…ป…น ……ต…น ………………………………………. ●………ส…ม…อ…ง…ถ…กู……ท…าํ …ล…า…ย…จ…า…ก…ก…า…ร…ใ…ช…ย …า…บ…า…ง…ช…น…ดิ……..
…●……เส……ยี …ง…บ…ป…ร…ะ…ม…า…ณ……ใ…น…ก…า…ร…ร…กั……ษ…า…ม…า…ก…ข…น้ึ …………
……………………………………………………………………………………….

ตัวชว้ี ดั พ ๕.๑ ขอ ๒

ñðไดคะแนน คะแนนเต็ม

เกณฑประเมนิ ชน้ิ งาน ๒ คะแนน
การเขียนขอมลู (๑๐ คะแนน มี ๔ ขอ ขอละ ๒.๕ คะแนน) ๐.๕ คะแนน

• บอกผลกระทบของยาไดถ ูกตอ งตัง้ แต ๒ ขอ ขึ้นไป
• เขยี นอธบิ ายเปนขอๆ

๔๕

นักเรยี นควรรู ขอ สอบ O-NET
ขอ สอบป ’53 ออกเกยี่ วกบั การใชย า
1 ยากอ นอาหาร การกนิ ยากอนอาหาร เพอ่ื ใหยาถกู ดดู ซมึ ไดด ีหรือออกฤทธ์ิ การใชยาสามญั ประจาํ บา นชนิดนํ้า ควรเรม่ิ ปฏิบตั ขิ อ ใดกอน
ระงบั อาการบางอยา งทีจ่ ะเกดิ ข้ึน ไดแ ก ยาแกอ าเจียน เปน ตน และเพื่อใหย าถกู 1. เขยา ขวด
ดดู ซึมในขณะทอ งวา ง และออกฤทธิ์ไดดที สี่ ดุ 2. เปด ฝาขวด
2 ยาหลงั อาหาร การกนิ ยาหลังอาหาร ยาประเภทนจี้ ะระคายเคอื งกระเพาะ- 3. อา นฉลากยา
อาหาร ทาํ ใหเกดิ อาการคลื่นไส อาเจียน ปวดทอ ง การกนิ ยาหลงั อาหารเพ่อื ลด 4. เทยาใสถ วยตวง
การระคายเคืองทเ่ี กิดขึ้นได วิเคราะหค ําตอบ ส่งิ แรกทต่ี องปฏบิ ตั ิในการใชยา คือ การอา นฉลากยา
เพ่อื ดวู นั หมดอายุ วิธีใช และคาํ เตือน เพือ่ ที่เราจะไดใชยาไดอยา งถกู วธิ ี
ยาสามญั ประจาํ บา นชนดิ นาํ้ มที งั้ ยานาํ้ แขวนตะกอน ยานา้ํ ใส เมอื่ ดฉู ลากยา
แลวจงึ เขยา ขวดเพ่อื ดลู กั ษณะของยาวาสามารถรวมตัวกนั ไดห รอื ไม
ถาไมไ ดแ สดงวายาเสือ่ มคณุ ภาพ ดังนัน้ ขอ 3. จงึ เปนคาํ ตอบท่ถี กู

80 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจสอบบันทกึ การเลอื กใชยาของนกั เรียน
วาถกู ตอ งหรอื ไม

2. ครตู รวจสอบความถูกตอ งและสวยงามของ
สมุดภาพยา

ตอนท ่ี ๑ ค�าถามชวนคดิ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู
เขียนตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ลี งในสมุด
1. บนั ทกึ การเลอื กใชย า
๑) นักเรยี นคิดวา่ ผลกระทบของการใช้ยาผดิ มีอนั ตรายอย่างไร 2. สมดุ ภาพยา
๒) นักเรียนเคยใช้ยาผิดบ้างหรอื ไม่ อย่างไร
๓) ถ้าบคุ คลในบา้ นของนักเรยี นไมส่ บาย นักเรียนจะมีวธิ ีการแนะนา� ใหก้ ินยา

อย่างถูกวิธีไดอ้ ยา่ งไร

ตอนที่ ๒ ชวนคิด ชวนทา�
ดภู าพ แลว้ ตอบคา� ถามลงในสมุด

๑ ๒ ÂÒËÁ‹Í§ ๓ ÂÒᡌäÍ

ÂÒ´Á

๑) ยาในข้อใดบ้างที่ไม่ควรนา� มากนิ
๒) ถ้ามบี าดแผล แล้วนา� ยาในข้อ ๒ มาทาทบ่ี าดแผล จะเกิดผลอย่างไร
๓) ถา้ มีอาการท้องเสยี สามารถใชย้ าในภาพไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
๔) ถ้ารสู้ ึกเวยี นศีรษะ จะนา� ยาในข้อ ๑ มาใชไ้ ด้หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
๕) ถา้ ใชย้ าในขอ้ ๓ แล้วเกิดอาการคนั มผี นื่ แดง นักเรยี นควรท�าอยา่ งไร
ตอนที ่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมขึ้นอยูก บั ดลุ ยพินิจของครผู สู อน)
แบง่ กลุ่ม ให้แตล่ ะกลุ่มสืบคน้ ข้อมูลเกยี่ วกบั อนั ตรายของยา ความปลอดภัยในการใชย้ า
ยาสมุนไพรพนื้ บ้านและวธิ ใี ช ้ แล้วผลดั กนั ออกมาน�าเสนอผลงาน

8๑

ขอ สอบ O-NET เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1 และตอนท่ี 2
คาํ ถามชวนคดิ
ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกับการใชยา
ขอใดเปนการใชย าทถ่ี กู ตอ ง 1) แนวตอบ ทําใหเ ราแพยา หรือยาอาจมีอันตรายตอเราและรกั ษาโรคไมหายได
1. ใชยาเฉพาะทจ่ี าํ เปน ตามอาการของโรค 2) แนวตอบ คาํ ตอบข้นึ อยูก ับนักเรยี น
2. ใชย าตามคาํ แนะนําของผูทม่ี อี าการเดยี วกนั 3) แนวตอบ กอนกนิ ยาควรอา นฉลากยา ดูวนั หมดอายุ และวิธีใชใหถ กู ตอ ง
3. ใชยานอนหลบั เปนประจําชวยใหพ กั ผอนเพยี งพอ ชวนคิด ชวนทาํ
4. ใชยาติดตอกันเปน เวลานานจนแนใ จวา มอี าการปกติ 1) ตอบ 1 และ 2
วเิ คราะหค าํ ตอบ การใชยาควรใชย าตามโรคท่ีเราเปน และควรใช 2) ตอบ ยาในขอ ที่ 2 คอื ยาหมอง บรรเทาอาการฟกชาํ้ เคล็ดขดั ยอก

ในปรมิ าณท่รี ะบุไวท่ฉี ลากยา เพอ่ื ใหป ลอดภัยจากการใชยา ดังนัน้ ขอ 1. ปวดเม่ือยกลา มเนือ้ คัดจมกู วิงเวยี นศีรษะ ถานํามาทาที่บาดแผล
จึงเปนคาํ ตอบทีถ่ ูก จะทําใหเกิดอาการแสบ หรือเกิดการอักเสบของแผลมากข้นึ
3) ตอบ ไมได เพราะยาท้ัง 3 ชนดิ ไมใ ชยาแกทอ งเสยี
4) ตอบ ได เพราะยาดม มีสรรพคณุ ชวยบรรเทาอาการหนา มืด เปนลม
วิงเวยี นศรี ษะ
5) ตอบ ควรหยดุ ใชยาทนั ที แลวรีบไปพบแพทย

คมู ือครู 81

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปาหมายการเรยี นรู

วเิ คราะหอ ิทธิพลของสื่อทม่ี ผี ลตอพฤตกิ รรม óº··Õè
สุขภาพ (มฐ. พ 5.1 ป.5/3) สอื่ กับตัวเรา

สมรรถนะของผูเรยี น ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ สาระส�าคัญ
ในปัจจุบนั มีสื่อมากมายหลายประเภท
1. ความสามารถในการสื่อสาร ซง่ึ สื่อเหลา่ นม้ี อี ทิ ธิพลต่อพฤตกิ รรมการ
2. ความสามารถในการคิด ดูแลสขุ ภาพของเรา เราจึงควรเลือกใชส้ อ่ื
3. ความสามารถในการแกป ญ หา อย่างเหมาะสม
4. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ

คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค

1. มวี นิ ัย รับผิดชอบ
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ ม่นั ในการทาํ งาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

ใหนักเรยี นดูภาพ หนา 82 แลวรว มกนั แสดง
ความคดิ เหน็ วา ภาพนเ้ี ปน สอื่ ประเภทใด และนกั เรยี น
สามารถใชสอื่ นใ้ี นการดูแลรักษาสุขภาพไดอ ยา งไร

(แนวตอบ ส่ือนี้ คอื คอมพวิ เตอร เราสามารถ
สืบคน ขอมูลสุขภาพไดจ ากอนิ เทอรเน็ต)

?

¨Ò¡ÀҾ໹š Êè×Í»ÃÐàÀ·ã´
áÅйѡàÃÂÕ ¹ÊÒÁÒöãªÊŒ è×͹Õé
㹡ÒôáÙ Å梯 ÀÒ¾ä´ÍŒ ‹ҧäÃ

82

เกรด็ แนะครู

ครูจดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรยี นปฏิบตั ิ ดงั น้ี
• สบื คนขอ มูลสุขภาพจากส่อื ตา งๆ
• วเิ คราะหขอมลู จากสอ่ื
จนเกิดเปน ความรูความเขาใจวา สือ่ มอี ิทธพิ ลตอชวี ติ ประจําวนั และการดูแล
สุขภาพ ดงั นั้นเราจงึ ควรเลอื กใชส่อื เพ่อื สุขภาพใหถูกตอง

82 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
Explore Explain Explore
สาํ รวจคน หา

การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในยคุ ปจั จบุ นั มเี ทคโนโลยเี ขา้ มาเกยี่ วขอ้ งมากมาย 1. ใหน กั เรียนแตละคนเขยี นแผนผังความคิด
เพื่อรับ - ส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆ สุขภาพของคนยุคน้ีจึงสัมพันธ์กับการส่ือสาร สอ่ื ทนี่ กั เรียนใชในชีวิตประจําวนั โดยบอกวา
และเทคโนโลยโี ดยหลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ ในวันหนง่ึ นักเรียนใชส ื่ออะไรบาง เพื่ออะไร
และใหน กั เรียนออกมานาํ เสนอ
๑ ส่×อใ¹ชวี ติ ประจíาว¹ั
2. ครสู มุ ถามนกั เรยี นวา นักเรยี นชอบสอื่
“ในปัจจบุ นั นกั เรียนรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารจากสือ่ ใดบ้าง” ประเภทใดมากทีส่ ดุ พรอ มทง้ั บอกเหตผุ ล
ในปัจจุบัน ผู้บริโภคสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้จากส่ือที่หลากหลาย
เชน่ โทรทศั น์ อนิ เทอรเ์ นต็ สือ่ สิ่งพิมพ์ เป็นตน้ ซึ่งขอ้ มูลข่าวสารที่ได้รบั จาก อธบิ ายความรู Explain
สอื่ เหลา่ นม้ี ที งั้ ทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ละโทษตอ่ ผบู้ รโิ ภค ดงั นน้ั ในการรบั ขอ้ มลู ขา่ วสาร
ผู้บริโภคจึงควรพจิ ารณาใหด้ ี และรูจ้ ักเลอื กขอ้ มูลทม่ี ปี ระโยชนม์ าใชง้ าน 1. ครฟู ง ความคิดเหน็ ของนักเรยี นแลว อธิบาย
เพิม่ เตมิ ประโยชนข องส่ือในดา นตางๆ
๑. อนิ เทอร์เน็ต
2. ครูถามนกั เรยี นวา นอกจากสื่อจะมีประโยชน
ปจั จบุ นั การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ทนี่ ยิ มและแพรห่ ลายเนอ่ื งจากมปี ระโยชน์ มากมายแลวส่อื มโี ทษหรอื ไม อยางไร
หลายประการ เช่น ใหน ักเรียนชว ยกันตอบ

เปน็ แหล่งเผยแพรแ่ ละค้นคว้าขอ้ มูล 3. ใหนกั เรียนยกตวั อยางโทษของสอื่ เชน ขาว
ทตา�ดิ ธตรุ ่อกสรอื่รสมาทรากงันกไาดร้สเงะินด1วกรวดเรว็ การถูกลอลวงทางอินเทอรเ น็ต ขาวเด็กตดิ เกม
ใหค้ วามบันเทิง การโฆษณาหลอกลวงใหซื้อสนิ คา เปนตน
แลว ชวยกันวิเคราะหตวั อยางแตล ะตวั อยา ง
อินเทอร์เน็ตมีท้ังข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ข้อมูลที่ วา มผี ลตอนกั เรียนอยา งไร
เปน็ ประโยชนก์ จ็ ะทา� ใหเ้ ราสามารถดแู ลสขุ ภาพได้ เชน่ การปอ้ งกนั ตนเองจากการ
แพรร่ ะบาดของโรคไขห้ วดั ใหญ่ เปน็ ตน้ ขอ้ มลู ท่ีไมเ่ ปน็ ประโยชนอ์ าจนา� อนั ตราย
มาสูเ่ รา เชน่ ถูกล่อลวง ถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ เป็นตน้ ดังนนั้ เราจึงควรร้วู ธิ ี
ป้องกันอนั ตรายจากการใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต ดังนี้

๑) ไม่บอกข้อมลู ส่วนตวั กับคนท่ีตดิ ตอ่ กนั ทางอนิ เทอร์เน็ต
๒) ไมค่ วรเขา้ ไปในเวบ็ ไซตท์ ไ่ี มเ่ หมาะสม ถา้ พบขอ้ ความหรอื เวบ็ ไซต์
ท่ีไม่เหมาะสม ควรแจ้งให้ผปู้ กครองทราบ
๓) ไม่นัดพบกับบุคคลทร่ี ู้จกั กนั ทางอินเทอรเ์ นต็
๔) แบ่งเวลาในการเลน่ อนิ เทอรเ์ นต็ และกิจกรรมอน่ื ๆ ให้เหมาะสม83

ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู

ขอ ใดเปนการใชอนิ เทอรเน็ตท่ีไมเ หมาะสม ในขนั้ ตอนน้ี ครูตองใหน ักเรียนเขา ใจถึงอิทธพิ ลของสื่อทีม่ ีผลกระทบตอนักเรียน
1. คน หาขา วเกีย่ วกบั สารเสพตดิ โดยนักเรยี นตอ งเขา ใจวา สอ่ื มีความสาํ คัญอยา งไรในชวี ติ ประจําวันของนักเรยี น
2. คนหาภาพของบคุ คลทม่ี ชี ือ่ เสียง และถา นักเรียนเลอื กใชสอื่ ในทางท่ีผิดจะสง ผลกระทบอยางไรตอ ตวั นักเรียน
3. นําขอ มูลจากเวบ็ ไซตมาเรยี บเรียงใหมเปนรายงาน
4. บอกขอมูลสว นตวั กับเพอื่ นที่คุยทางโปรแกรมสนทนา นกั เรยี นควรรู
วิเคราะหคําตอบ การบอกขอ มลู สว นตัวกบั ผูท่ไี มร จู ักดี อาจทาํ ใหถูก
ลอลวงไดง า ย เพราะผทู ี่ไมร จู ักจะใชค วามสนิทสนมลอ ลวงใหเช่ือใจ หรือ 1 ทําธรุ กรรมทางการเงิน ในปจจบุ ันมีหลากหลายรูปแบบ เชน อินเทอรเ น็ต
โดยอาศัยอุปกรณอ เิ ล็กทรอนกิ สตางๆ เชน เคร่ืองคอมพิวเตอร โทรศพั ทมือถอื
ใชข อมูลของเราไปกระทําความผดิ ดังน้ัน ขอ 4. จงึ เปนคําตอบทถี่ ูก หรือส่ืออ่ืนๆ ทช่ี ว ยใหล กู คา สามารถทํารายการทางการเงินไดง า ยขน้ึ แตอาจเสีย่ ง
ตอการถูกหลอกลวงหรอื เกดิ ปญ หาอาชญากรรมได ดังนัน้ เพื่อความปลอดภยั
ผูใ ชจ ึงควรหาทางปองกันผูใชบริการ เชน หลกี เลี่ยงการตง้ั Password ทีง่ ายตอ
การคาดเดา หามใหข อมูลสวนบุคคลและขอ มลู สําคัญทางการเงนิ ผานทาง E-mail
โทรศัพท โทรสาร และจดหมาย ควรตรวจสอบความถูกตอ งของรายการธรุ กรรม
อยางสม่าํ เสมอ เปน ตน

คมู อื ครู 83

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหน กั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละเทา ๆ กัน แลวให ๒. เกมคอมพวิ เตอร์
แตละกลมุ หาขอมลู สุขภาพจากสอ่ื ตา งๆ แลว
ยกตวั อยาง เชน สือ่ อนิ เทอรเ น็ต โดยนกั เรียน เกมคอมพวิ เตอรม์ ที งั้ ด้านทเี่ ปน็ ประโยชน์และด้านทีท่ �าให้เกิดโทษ ดังนี้
ยกตวั อยางเว็บไซตทีเ่ ก่ยี วของกบั สขุ ภาพ และ
สอื่ ตา งๆ ท่ีเผยแพรทางอินเทอรเนต็ เชน วดิ ีโอ ✓ ✗
หนังสือ โปสเตอร เปน ตน หรือถานักเรยี น
ยกตัวอยา งเกมคอมพวิ เตอรก ็ควรเปน เกม • เสริมสรา้ งพ้นื ฐานการใช้ • ทา� ใหเ้ กดิ การหมกมนุ่ กบั การเลน่ เกม
ทเี่ ก่ยี วของกบั สุขภาพ แลว บอกวา ส่อื น้ัน คอมพวิ เตอร์ • เลียนแบบพฤติกรรมท่ีไมเ่ หมาะสม
มปี ระโยชนต อ สขุ ภาพของนักเรียนอยา งไร
• ฝึกสมอง ในเกม
2. นักเรียนออกมานาํ เสนอหนา ชัน้ เรยี น จากน้ัน • ฝึกสมาธิ • เสยี การเรยี น และเสยี สุขภาพ
รวมกันพจิ ารณาวา ขอ มลู ทีน่ ํามามคี วาม • ฝึกการทา� งานประสานกัน • ขาดทักษะการเขา้ สังคม
นา เช่ือถอื มากนอ ยเพียงใด พรอ มทั้งบอก • มพี ฤตกิ รรมกา้ วร้าว
เหตผุ ล ระหว่างอวยั วะและสมอง

3. ครอู ธบิ ายความรเู พ่มิ เติมสอ่ื ในชีวติ ประจําวนั ดงั น้นั เราจงึ ควรรจู้ ักป้องกันอนั ตรายจากการเล่นเกม ดังน้ี
วา มที งั้ นา เชือ่ ถอื และไมน า เชอื่ ถือ โดยสอ่ื ที่
นาเชอ่ื ถอื อาจมาจากหนว ยงานของรฐั หรือ การปองกนั อันตราย
สถาบนั และองคก รทมี่ คี วามนาเชอื่ ถือ และ จากการเลน่ เกม
ไดร บั การยอมรบั สวนสือ่ ท่ไี มนาเชอ่ื ถือ หรอื
ตองพิจารณาอยางรอบคอบกอนนําขอ มลู มาใช กา� หนดเวลาเลน่ 1
คอื ส่ือโฆษณา หรอื ส่อื จากเอกชน เพราะ ทเ่ี หมาะสม
สวนใหญจ ะเนน การโฆษณาสินคาของตนเอง

มนี ้�าใจนกั กฬี า หาเวลาว่าง
ในการเลน่ เกม ทา� กิจกรรมกบั ครอบครวั

ไม่เลยี นแบบพฤตกิ รรม เลือกเล่นเกมท่ีเหมาะสม
ที่ไมด่ จี ากตัวละครในเกม กับวยั และพัฒนาการ

84

เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

ครยู กตวั อยา งหนว ยงานทนี่ กั เรยี นสามารถตดิ ตอ เมอ่ื พบเหน็ การโฆษณาเกนิ จรงิ ใหนกั เรยี นสมมตุ ิตวั เองเปนเด็กเลน เกม แลวใหนกั เรียนเลอื กเลน เกม
หรือผลติ ภณั ฑท เี่ ปนอันตราย เชน ผลติ ภณั ฑอ าหารและยา สามารถตดิ ตอ จากเกมทเ่ี พ่ือนๆ คดิ แลว บอกเหตผุ ลประกอบ
หนว ยงาน อย. ไดทีส่ ายดว น อย.1556
กจิ กรรมทา ทาย
นกั เรียนควรรู
ใหนกั เรียนสมมตุ ติ ัวเองเปนนกั เขยี นโปรแกรมเกม แลวคดิ เกมท่มี ี
1 กาํ หนดเวลาเลนท่ีเหมาะสม พอ แม หรอื ตัวนักเรียนอาจกําหนดเวลาการเลน ประโยชนตอ สขุ ภาพมาคนละ 1 เกม พรอ มอธิบายใหเพื่อนฟง
โดยใหเ ลน ได 1 ชว่ั โมง หลงั เลกิ เรยี น หรอื กาํ หนดวา ตอ งทาํ การบา นใหเ สรจ็ กอ นจงึ จะ
เลน ได แตต อ งกาํ หนดระยะเวลาการเลน และไมค วรใหเ ลน ถา ถงึ เวลาทคี่ วรจะนอน

การกาํ หนดเวลาเลน และฝก ใหลกู ปฏบิ ัตติ ามขอ ตกลงในครอบครัว ถือเปน
การฝก วนิ ยั เบื้องตน และใหล ูกรูจักยอมรบั กฎกตกิ า ซ่งึ จะชว ยปลูกฝงระเบียบวนิ ัย
ใหแ กลกู

84 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๓. รายการโทรทัศน์ 1. ใหนกั เรียนบนั ทึกการดูโทรทศั นใน 1 วนั
ของตนเองวา นักเรียนดูอะไรบา ง และสิ่งทดี่ ู
โทรทศั น์ เปน็ สอื่ ที่ใกลช้ ดิ กบั เยาวชนมาก บางครอบครวั อาจปลอ่ ยใหล้ กู มปี ระโยชนตอสุขภาพของนกั เรียนอยางไร
ดูโทรทศั น์เพยี งลา� พัง หรอื ไมม่ ีการพูดคยุ กันเลยขณะดูโทรทัศน์ จึงท�าให้ความ
สัมพันธ์ระหว่างครอบครัวน้อยลง นอกจากนี้รายการโทรทัศน์ที่หลากหลายอาจ 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา สือ่ โทรทศั นเปนสอ่ื ที่มี
เปน็ เครอ่ื งมอื ทที่ า� ใหเ้ ดก็ ถกู มอมเมาจากสงิ่ ตา่ งๆ ไดง้ า่ ย เพราะเดก็ ยงั ไมม่ คี วาม อิทธิพลตอ ชวี ิตประจาํ วันของเรา เพราะเปน
สามารถในการแยกแยะสง่ิ ถกู หรอื ผิดได้ ดังนนั้ เราจงึ ควรรูว้ ธิ ีป้องกนั อันตราย เหมอื นกิจกรรมทีส่ ามารถทําไดงาย และให
จากการดูโทรทัศน์ ดงั นี้ สาระความบนั เทิงทห่ี ลากหลาย เราจงึ ตอ ง
เลอื กพิจารณาดูส่ือทเี่ ปน ประโยชนต อตวั เรา
การปองกนั อันตรายจากการดูโทรทศั น์ ซ่ึงสอ่ื ก็ไดช วยกําหนดความเหมาะสมในการ
เลอื กดรู ายการโทรทศั น โดยใชส ญั ลกั ษณต า งๆ
ก�าหนดระยะเวลาในการดู เลือกดูรายการท่ีเหมาะสม
ให้เหมาะสม 3. ครูยกตวั อยางรายการโทรทัศนทม่ี สี ญั ลกั ษณ
เหมาะกับวัยของนักเรยี น แลวครูอาจนํา
ตวั อยา งมาใหนักเรยี นดู แลวรว มกันอภิปราย
วาไดรับประโยชนอ ยา งไรบาง

4. ใหน กั เรยี นทาํ แบบฝก กจิ กรรม เรอ่ื ง สอื่ รอบ
ตวั เรา จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.5

ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ

สขุ ศึกษา ป.5 แบบฝก กจิ กรรม
เร�่อง ส่อื รอบตวั เรา

พขณอ่ แะมดคู่โทวรรใทหัศค้ นา� ์แ1นะนา� ลกู ไมห่ ลงเช่ือค�าเชิญชวนจากโฆษณาใน ๓บทที่ สือ่ กับตวั เรา ภาพสญั ลกั ษณ
โทรทัศน์ ควรพจิ ารณาก่อนเลือกซื้อ
แบบฝกกจิ กรรม สอ่ื รอบตวั เรา

คําช้แี จง : การรูจักวิเคราะหส่ือโฆษณา ทําใหเลือกใชสื่อในการดูแลสุขภาพ
ไดอ ยา งเหมาะสม

ดสู ญั ลกั ษณร ายการโทรทัศนท กี่ าํ หนด แลวบนั ทกึ ขอ มลู

๑) สัญลักษณน ี้ หมายถงึ …ร…า…ย…ก……า…ร…ท……ี่ผ…ูใ…ห……ญ…ค……ว…ร…ใ…ห…… ……………..
…ค……ํา…แ…น……ะ…น…าํ…แ……ก…เ…ด…ก็……ท…่ีม……ีอ…า…ย……นุ …อ……ย…ก……ว…า ……๑…๓………ป… ………………………….
เดก็ ในวัยนกั เรียน ❍ ควร ❍✓ ไมควร
ดูรายการทม่ี ีสญั ลักษณน ้ี

๒) สญั ลกั ษณน ี้ หมายถงึ …ร……า…ย…ก…า…ร……ท…ว่ั…ไ…ป……เห……ม…า…ะ…ส……าํ …ห…ร……บั …….. เฉฉบลบั ย
ผูชมทกุ วัย……………………………………………………………………………………………………………………………….
เดก็ ในวยั นักเรยี น ❍✓ ควร ❍ ไมควร
ดรู ายการทมี่ ีสญั ลักษณน ี้

หาเวลาท�ากจิ กรรมอยา่ งอนื่ ไมค่ วรดูโทรทศั น์ในระยะใกล้เกนิ ไป ๓) สัญลักษณน ี้ หมายถงึ …ร……า…ย…ก……า…ร…ส……ํา…ห……ร…ับ……เด……็ก……ท…่ีม……ีอ…า…ย…ุ..
นอกจากการดูโทรทศั น์ ควรอยใู่ หห้ า่ งจากจอ ๑.๕ - ๓ เมตร ๖ - ๑๒ ป……………………………………………………………………………………………………………………………….
เดก็ ในวยั นักเรียน ❍✓ ควร ❍ ไมค วร
ดูรายการทม่ี สี ญั ลักษณนี้

85 ๔) สญั ลักษณนี้ หมายถึง …ร…า…ย……ก…า…ร……เฉ……พ…า…ะ………ไ…ม…เ …ห…ม…า…ะ……………..
แกเดก็ และเยาวชน……………………………………………………………………………………………………………………………….
เดก็ ในวยั นกั เรยี น ❍ ควร ❍✓ ไมควร
ดรู ายการทม่ี สี ัญลกั ษณน ี้

ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ๔๙

ในการดโู ทรทศั น นักเรยี นมหี ลักในการเลือกดูอยางไรจงึ จะเหมาะสม เกร็ดแนะครู
1. ดูพรอมกับเพื่อนๆ
2. เลอื กดูแตรายการท่ชี อบ ครนู าํ รายการโทรทัศนใ นแตละวันท่ีอยูในหนังสอื พมิ พม าใหน กั เรียนดู แลว ให
3. ดูรายการท่ีคนทวั่ ไปนยิ ม นักเรยี นรวมกนั พิจารณาวา รายการใดที่เหมาะสมกบั นกั เรียน
4. ดูรายการท่เี หมาะสมกับวยั
นกั เรียนควรรู

วิเคราะหค ําตอบ ในวยั ของนักเรียนยังเปนเด็กจงึ ควรเลือกดรู ายการ 1 พอ แมควรใหคาํ แนะนําลกู ขณะดโู ทรทศั น โดยปฏบิ ัติ ดงั นี้
ทม่ี ีประโยชนแ ละเหมาะสมกบั วยั เชน สารคดี ขาว เปนตน เพราะจะได • กาํ หนดเวลา พอ แมค วรกําหนดเวลาดโู ทรทัศน ไมเกนิ วนั ละ 2 ชม. โดยใช
รับความรูท่ีสามารถนาํ ไปพฒั นาตนเองตอไปและไดร บั ความบนั เทิงควบคู
เวลาทเ่ี หลอื ทาํ กจิ กรรมอน่ื ทดแทน เชน เลน กฬี า อา นหนงั สอื ซงึ่ พอ แมม สี ว นรว มดว ย
ไปดวย ดังนัน้ ขอ 4. จงึ เปน คาํ ตอบทถ่ี กู • มีสวนรวม พอ แมค วรชนี้ ําดอู ยดู ว ยขา งๆ อาจทาํ ใหเ ด็กไดเ รียนรสู ่ิงท่ี

ถูกตองเหมาะสม
• พดู คยุ กับเดก็ ระหวา งดู เมอื่ มหี ัวขอ นา สนใจทางโทรทศั น ควรตั้งคําถาม

เพ่อื กระตุนใหเดก็ แสดงความคิดเห็น และพยายามสอดแทรกใหเด็กรบั รูว าเร่ือง
ในโทรทศั นเ ปน การแสดง ไมใ ชชวี ิตจรงิ

คมู ือครู 85

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ใหน ักเรยี นแบงกลมุ กลุมละเทา ๆ กนั จากน้นั ผชู้ มรายใกนาปรจัโทจรบุ ทนั ศั ผน1้ผู ท์ ลง้ั ิตกรอ่ านยแกลาะรหโทลรงั ทกาศั รนอท์ อุกกสอถาากนาศีตอ้ เพงแอ่ื สใหดผ้งสชู้ ญัมไลดักม้ ษโี ณอกข์ าอสงเกลอืลกมุ่
ครกู าํ หนดหวั ขอ โรคตดิ ตอ ตา งๆ ตามจาํ นวน ดตู ามความเหมาะสม ซง่ึ มี ๖ สญั ลกั ษณ์ ดังน้ี
กลุม ใหแตละกลมุ คิดสื่อท่นี ําเสนอเก่ยี วกบั โรค
ท่ีกลมุ ของตนเองได ออกมานาํ เสนอใหเพื่อน ภาพสญั ลกั ษณ์ คา� อธบิ าย ช่วงเวลา
กลุมอืน่ วิเคราะหวา สือ่ นน้ั มีผลตอการดแู ล ออกอากาศ
สขุ ภาพของนักเรียนหรอื ไม อยา งไร แลว
จดบันทึกสง ครู มีสัญลกั ษณร์ ูปจิกซอว์ (Jigsaw) อยู่ในชอ่ งส่ีเหล่ยี มสเี ขียวด้านซ้าย
ดา้ นขวามตี วั อกั ษร “ป” อกี แถวหนงึ่ มตี วั เลขไทย ๓ และเครอื่ งหมาย+
2. นกั เรยี นทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 4.6 ขอ 2 ใช้ส�ำหรับรำยกำรทผี่ ลติ ข้นึ สำ� หรบั เดก็ ในวยั ๓ - ๕ ปี
จากแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5

ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ

สุขศึกษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.6 มสี ัญลักษณร์ ูปเด็กย้มิ อยู่ในช่องส่เี หลี่ยมสีเขียวดา้ นซ้าย ดา้ นขวา
แบบประเมนิ ตวั ช้ว� ัด พ 5.1 ป.5/4 มตี ัวอกั ษร “ด” อกี แถวหน่ึงมตี วั เลขไทย ๖ และเคร่อื งหมาย +
ใช้สำ� หรบั รำยกำรท่ผี ลติ ขึ้นส�ำหรับเด็กในวัย ๖ - ๑๒ ปี ไม่จา� กัด
ช่วงเวลา

๒ อานขอความโฆษณาสนิ คา แลวตอบคาํ ถาม (๕ คะแนน) มสี ัญลกั ษณร์ ูปบา้ นสีขาวอยู่ในช่องสเี่ หลย่ี มสีเขียวด้านซ้าย
ด้านขวามีตัวอักษร “ท” อีกแถวหนงึ่ มขี อ้ ความวา่ “ทุกวัย”
ʺ‹ÙäÇ·ºÃ§Ôê ãªáŒ ÅÇŒ ¢ÒǷѹ㨠äÃÊŒ ÔÇäýŒ Ò‡ ÀÒÂã¹ ÷ Çѹ ใชส้ ำ� หรบั รำยกำรท่วั ไป ทส่ี ำมำรถรับชมไดท้ กุ วยั คือ ไม่มเี น้ือหำท่ี
แสดงถงึ ควำมรนุ แรง หรอื เนอ้ื หำทต่ี อ้ งใชว้ จิ ำรณญำณในกำรรบั ชม
๑) คําโฆษณานีเ้ ปนการโฆษณาสินคาชนดิ ใด สบู……………………………………………………………….
๒) นักเรยี นชอบโฆษณาชนิ้ นี้หรือไม เพราะอะไร
…(…ต…วั…อ……ย…า …ง…ค……ํา…ต…อ……บ…)……ไ…ม……ช…อ…บ………เ…พ…ร…า…ะ…ค……ํา…โ…ฆ……ษ…ณ……า…เ…ก…ิน……ค……ว…า…ม…เ…ป…น……จ…ร……ิง……………..

๓) นักเรียนคดิ วา สินคา น้เี หมาะกบั คนวยั ใด มีเคร่ืองหมายถูก และเครอ่ื งหมายกากบาท อยู่ในช่องสี่เหลยี่ ม
วยั รุนถึงวัยผใู หญ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. สเี หลืองดา้ นซ้าย ดา้ นขวามีตวั อกั ษร “น” อกี แถวหน่งึ มีตัวเลขไทย
๑๓ และเครอ่ื งหมาย +
๔) นักเรียนคิดวา โฆษณานี้ใชส่งิ ใดดึงดูดใจผบู รโิ ภค ใช้ส�ำหรับรำยกำรทเ่ี หมำะกบั ผู้ชมท่ีมอี ำยุ ๑๓ ปขี นึ้ ไป เปน็ รำยกำร ชว่ งเวลา
สรรพคณุ ทําใหหนา ขาวใส ไรส ิวฝา…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ท่ีอำจมภี ำพ เสียง หรอื เน้อื หำ ทตี่ ้องใชว้ ิจำรณญำณในกำรรับชม ๑๑.๓๕ น.
ผูช้ มท่มี อี ำยุนอ้ ยกวำ่ ๑๓ ปี ควรไดร้ บั คำ� แนะน�ำจำกผู้ใหญ่ ไม่ควร
๕) นกั เรยี นจะซอ้ื สินคา นหี้ รอื ไม เพราะเหตใุ ด รับชมรำยกำรประเภทนีต้ ำมล�ำพงั ถึง
(ตวั อยา งคําตอบ) ไมซอ้ื เพราะโฆษณาเกินความเปนจริง…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๐๕.๐๐ น.
ฉบบั
เฉลย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

เกณฑป ระเมินชนิ้ งาน ตัวช้วี ัด พ ๕.๑ ขอ ๔

ขอ ๑ และ ๒ (ขอ ละ ๕ คะแนน) ñðไดค ะแนน คะแนนเต็ม
• ตอบคําถามไดถ กู ตอง และมีใจความสําคญั ครบถวน ขอละ
๑ คะแนน

ชดุ ท่ี ๒ ๑๐ คะแนน ๒. ขอ ใดไมใ ชป ระโยชนข องอนิ เทอรเ นต็ มีเครื่องหมายถูก และเครอ่ื งหมายกากบาท อยู่ในชอ่ งสี่เหลย่ี ม หลังเวลา
ทมี่ ีตอ นกั เรยี น สีเหลืองดา้ นซ้าย ดา้ นขวามตี ัวอกั ษร “น” อีกแถวหน่ึงมตี วั เลขไทย ๒๒.๐๐ น.
วง รอบตัวอกั ษรหนา คาํ ตอบทถ่ี ูกทสี่ ดุ ก. ใชฟง เพลง ๑๘ และเครอ่ื งหมาย +
๑. ใครใชส อ่ื ในทางทผี่ ิด ข. ใชค นควา ขอมลู ความรู ใช้ส�ำหรับรำยกำรทเ่ี หมำะกบั ผู้ชมทมี่ อี ำยุ ๑๘ ปีข้ึนไป เป็นรำยกำร ถงึ
ก. ดวิ หาขอมูลโรคไขหวัดจาก ค. ใชสนทนากับเพือ่ นทีอ่ ยไู กล ที่อำจมีภำพ เสียง หรือเนื้อหำ ท่ีไม่เหมำะสมด้ำนพฤติกรรม ๐๕.๐๐ น.
อนิ เทอรเน็ต ง. ใชส บื คนขอ มูลสว นตวั ของดารา ควำมรุนแรง เพศ และกำรใช้ภำษำ ซึง่ ต้องใช้วจิ ำรณญำณในกำร
ข. ดาวเลนเกมลบั สมองใน ๕๑ รบั ชม ผชู้ มท่ีมีอำยนุ อ้ ยกว่ำ ๑๘ ปี ควรได้รับค�ำแนะนำ� จำกผู้ใหญ่
คอมพิวเตอร จงึ ไม่ควรรบั ชมรำยกำรประเภทนี้ตำมล�ำพงั
ค. โดง ดภู าพลามกจากเว็บไซต
ง. ดลดูละครสรางสรรคส งั คม

86

นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ในวัยของนกั เรียน ไมควรเลอื กดูรายการทม่ี ีสญั ลักษณในขอใด
1 สญั ลกั ษณข องกลมุ ผชู มรายการโทรทัศน การจัดระดับความเหมาะสมของ 1. 2.
รายการโทรทศั นไ ทย เปนความรวมมอื กันระหวางสถานีโทรทัศนตา งๆ ไดแก
สถานีวทิ ยุโทรทศั นไ ทยทีวีสีชอง 3 สถานีวทิ ยุโทรทศั นกองทัพบกชอง 5 สถานี 3. 4.
โทรทศั นส กี องทัพบกชอ ง 7 โมเดริ นไนนทีวี เอ็นบีที และทีวไี ทย เพ่ือจัดระดับ วเิ คราะหค าํ ตอบ รายการท่ีสญั ลกั ษณ เปนรายการเฉพาะ
ความเหมาะสมของรายการตา งๆ เพ่ือใหผ ูชมสามารถเลือกดูไดวารายการใดที่มี
ความเหมาะสมตอ ตวั เองและคนรอบขา ง โดยจดั ระเบียบความเหมาะสมของ ไมเ หมาะแกเ ดก็ และเยาวชน ในวยั ของนักเรียนจึงไมควรดู ดงั นนั้ ขอ 2.
รายการนั้นดวยการใชสัญลักษณแสดงกลุมผชู มที่เหมาะสมกบั แตล ะรายการ จึงเปน คาํ ตอบทถี่ ูก
เริม่ ใชต ั้งแตวนั ที่ 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2549 และมีการปรบั เปลีย่ นรูปแบบใหมเร่มิ
ใชตั้งแต 15 ตุลาคม พ.ศ. 2550 มีการเปลี่ยนสัญลกั ษณใหม โดยเปลี่ยนสีของ
สญั ลกั ษณว ดั ระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน ใหเหลือเพียง 3 สี คือ
สเี ขียว สเี หลือง และสแี ดง

86 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

ภาพสญั ลกั ษณ์ คา� อธบิ าย ช่วงเวลา 1. ใหนกั เรยี นทํากจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1
ออกอากาศ คาํ ถามชวนคดิ และตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทาํ

มเี ครอื่ งหมายฟ้าผ่าอยู่ในชอ่ งสเ่ี หล่ยี มสแี ดงดา้ นซา้ ย ด้านขวา หลังเวลา 2. ใหน ักเรยี นทํากจิ กรรมการเรียนรู ตอนที่ 3
มีตัวอกั ษร “ฉ” อกี แถวหนง่ึ มีขอ้ ความว่า “เฉพาะผูใ้ หญ่” ๒๒.๐๐ น. ผลงานสรา งสรรค
ใช้ส�ำหรับรำยกำรเฉพำะผู้ใหญ่ อำจมีภำพ เสียง หรือเนื้อหำ
ท่ีไมเ่ หมำะสมด้ำนพฤตกิ รรม ควำมรุนแรง เพศ และกำรใชภ้ ำษำ ถงึ 3. ใหน กั เรียนทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 4.6 ขอ 1
เด็กและเยำวชนไม่ควรรับชม ซึ่งเมื่อพบรำยกำรลักษณะนี้ ไม่ควร ๐๕.๐๐ น. จากแบบวดั ฯ สุขศึกษา ป.5
ใหเ้ ดก็ และเยำวชนชม เพรำะมเี นอื้ หำทอ่ี นั ตรำยอยำ่ งชดั เจน ซงึ่ จะมี
ภำพที่ใช้ควำมก้ำวร้ำว รุนแรง น่ำกลัว สะเทือนใจ มีผลกระทบ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ทำงจติ ใจ หรอื ลกั ษณะท่ีไมเ่ หมำะสม และอำจมภี ำพทมี่ กั จะเกย่ี วกบั
บำงส่ิงที่เด็กไม่ควรเลียนแบบ เพ่ือป้องกันกำรเลียนแบบของเด็ก สุขศกึ ษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.6
จำกเนอื้ หำของรำยกำรนนั้ ๆ แบบประเมินตัวชว�้ ดั พ 5.1 ป.5/4

แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูต ามตวั ชวี้ ดั ประจําหนว ยท่ี ๔ บทท่ี ๓

๒ อิทธิพลของส่อื ท่ีมีตอ่ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ กิจกรรมรวบยอดที่ ๔.๖ (ตัวอยา งคําตอบ)

ส่ือมอี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมสขุ ภาพทงั้ ในดา้ นท่ดี แี ละดา้ นท่ีไม่ดี ดังนี้ แบบประเมินตวั ช้วี ัด พ ๕.๑ ป.๕/๔
 วเิ คราะหอ ิทธพิ ลของส่ือทีม่ ตี อพฤตกิ รรมสุขภาพ
๑. ด้านด ี
ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน
๑) เลอื กใชส้ ินคา้ เพ่อื สุขภาพได้
๒) ได้รับความร้เู กี่ยวกบั สขุ ภาพ ๑ ดูภาพ แลว ตอบคาํ ถาม (๕ คะแนน)
๓) มีพฤตกิ รรมสรา้ งเสริมสุขภาพ
๔) ฝกึ ทกั ษะการใชค้ อมพวิ เตอร์ เฉฉบลบั ย
๕) ฝึกสมองฝกึ ความคดิ
๑) ภาพน้ี คือ เด็กกําลงั เลนวดิ โี อเกม…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. ดา้ นไมด่ ี ๒) นกั เรียนเคยมีพฤตกิ รรมตามภาพนห้ี รือไม ❍✓ เคย ❍ ไมเคย
๓) นกั เรยี นคดิ วา ถา เราใชเ วลาทาํ กจิ กรรมตามภาพนน้ี านเกนิ ไป ผลจะเปน
๑) มีความเชอื่ ตามสอ่ื โดยขาดเหตุผล ถกู ล่อลวง หลอกลวงได้งา่ ย
๒) ใช้เวลากบั สอ่ื ตา่ งๆ มากเกินไป อยา งไร …ไ…ม…ม…ีเ…ว…ล…า…ท……ํา…ก…ิจ…ก……ร…ร…ม…อ……ย…า…ง…อ…ื่น………อ…า…จ……จ…ะ…ท…ํา…ใ…ห…เ…ส……ีย…ก…า…ร…เ…ร…ีย…น………แ……ล…ะ…ถ…ูก…
๓) มีพฤติกรรมกา้ วร้าว เลยี นแบบส่อื พอแมตําหนไิ ด……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๔) มคี า่ นยิ มในการดแู ลสขุ ภาพตามสอ่ื ในทางที่ผดิ มากเกินไป ๔) นักเรียนคิดวา การเลนเกมน้มี ีประโยชนหรอื ไม อยา งไร
สื่อนับว่ามีอิทธิพลต่อสุขภาพของเรา การเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับ …ม…ี …เพ……ร…า…ะ…ช…ว…ย…ฝ…ก ……ส…ม…อ…ง…แ……ล…ะ…ช…ว…ย…พ…ัฒ……น……า…ค…ว…า…ม…ค…ิด……………………………………………………………………….
ความตอ้ งการ เพอ่ื ใชป้ ระโยชน์ในทางทถี่ กู ตอ้ ง จงึ เปน็ สงิ่ จา� เปน็ ในการดา� เนนิ ชวี ติ ๕) นกั เรียนมีวธิ ีปฏบิ ตั ิในการทาํ กิจกรรมนอี้ ยา งไร
ในสังคมปจั จบุ ัน เราจึงจะมีสขุ ภาพที่ดี มีความปลอดภยั ในชีวิต …●……แ…บ…ง…เ…ว…ล…า…ใ…น…ก……า…ร…เล……น …เ…ก…ม…แ……ล…ะ…ท…าํ …ก…ิจ……ก…ร…ร…ม…อ……ย…า…ง…อ…น่ื ……ร…ว…ม…ด…ว…ย……………………………………….
…●……ไม……เล……ีย…น…แ…บ……บ…พ……ฤ…ต…ิก……ร…ร…ม…ข…อ…ง…ต……ัว…ล…ะ…ค…ร…ใ…น……เก……ม…………………………………………………………………….
87 …●……เล……อื …ก…เ…ล…น……เก…ม……ท…ี่ฝ…ก……ค…ว…า…ม…ค…ดิ……ส…ร…า…ง…ส……ร…ร…ค…… แ……ล…ะ…ไ…ม…เ ล……น …เ…ก…ม…ท……ใ่ี …ช…ค…ว…า…ม…ร…ุน……แ…ร…ง……….

๕๐

กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู

ใหน กั เรียนสืบคน รายการโทรทัศน ทป่ี รากฏสญั ลักษณตามหนังสือเรยี น ครหู าขาวทเี่ กย่ี วกบั การมีพฤตกิ รรมเลียนแบบสอ่ื ตา งๆ ท้ังโฆษณาและละคร
หนา 80 - 81 จากนน้ั เขยี นลงในสมดุ จากนัน้ ใหนกั เรียนรว มกนั อภิปรายผลกระทบจากการมพี ฤติกรรมเลยี นแบบ แลวให
นกั เรียนรว มกันเสนอแนะวธิ ปี อ งกันแกไข
กจิ กรรมทา ทาย
บูรณาการอาเซยี น
ใหน กั เรยี นคิดรายการโทรทัศนท่เี หมาะสมกับวัยของนกั เรยี น แลวเขยี น
ลงในสมุด ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ในการกา วเขาสปู ระชาคมอาเซียน ไทยไดก ําหนด
คุณลกั ษณะเดก็ ไทยในประชาคมอาเซยี นประการหนง่ึ วา มีทักษะในการใชเ ทคโนโลยี
อยางสรา งสรรค โดยใชในการเรยี นรู ออกแบบ สรา งสรรคงาน นําเสนอ เผยแพร
แลกเปล่ียนผลงานในระดับอาเซียน ดังนน้ั นักเรยี นในฐานะเยาวชนไทยคนหนึง่
จึงควรเตรยี มความพรอ ม ในการใชส ่อื สารสนเทศตางๆ ใหไดป ระสทิ ธิภาพและ
สรา งสรรค เพื่อเตรียมความพรอ มสาํ หรับการเปน พลเมอื งอาเซียน

คมู ือครู 87

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. ครูตรวจการบันทึกการวเิ คราะหส่อื ทีน่ ักเรียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
คิดวา ถกู ตองหรือไม

2. ครตู รวจสอบผลการทํากจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.6
จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษา ป.5

หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ตอนท ่ี ๑ คา� ถามชวนคิด
เขียนตอบค�าถามต่อไปน้ลี งในสมุด (ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมขึน้ อยูกับดุลยพินจิ ของครูผสู อน)
1. บนั ทกึ การวิเคราะหส ่ือทน่ี ักเรียนคดิ
2. กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.6 จากแบบวัดฯ สุขศึกษา ๑) นกั เรียนคดิ ว่าอนิ เทอร์เน็ตมีประโยชน์และมีโทษอยา่ งไร
๒) ปจั จบุ ันนกั เรยี นมีวิธกี ารเลือกใชอ้ ินเทอร์เนต็ อย่างไร
ป.5 ๓) ถา้ นกั เรยี นพบวา่ นอ้ งหรอื พก่ี า� ลงั ใชเ้ วบ็ ไซตท์ ไี่ มเ่ หมาะสม นกั เรยี นจะทา� อยา่ งไร

ตอนท ่ี ๒ ชวนคิด ชวนทา�
๑. อา่ นสถานการณ์ทีก่ �าหนด แล้วตอบคา� ถามตอ่ ไปนล้ี งในสมดุ

๑) ปัญหาของสถานการณ์นี้ คอื อะไร
๒) ผลที่เกดิ ขึน้ คอื อะไร
๓) วิธีแก้ปัญหา เปน็ อย่างไร

สถานการณท์ ี่ ๑
วนั หนง่ึ เพอื่ นชวนอมั รนิ ทร์ไปเลน่ เกมออนไลนท์ รี่ า้ นขา้ งโรงเรยี นในตอนเยน็ เมอ่ื อมั รนิ ทร์ไป
ลองเล่นแล้วเขาชอบมาก เพราะเกมสนุกท้าทาย ต่อมาเขาจึงไปเล่นทุกวัน จนกลับบ้านมืดค่�า
จึงถูกแม่ดุและห้ามไปเล่นเกมอีก อัมรินทร์จึงเปลี่ยนมาหนีเรียนตอนช่วงบ่ายเพ่ือไปเล่น
เกมออนไลน์แทน
สถานการณท์ ี่ ๒
แม่ของเพยี งใจชอบดูละครโทรทศั นม์ าก เธอจงึ ไดด้ ูตามไปด้วย วนั หนงึ่ เธอเห็นตัวละครเด็ก
เล่นกระโดดตีลังกาจากท่ีสูงได้ แล้วคุณแม่ชมว่าเขาเล่นเก่ง เธอจึงอยากเก่งแบบตัวละครบ้าง
เธอจึงปนขึ้นไปบนตู้แล้วกระโดดตีลังกาลงมาเพื่อแสดงให้คุณแม่ดู ปรากฏว่า เธอตกลงมา
เขา่ กระแทกพื้น และขาหัก

ตอนท ี่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ (ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมข้ึนอยกู บั ดลุ ยพินิจของครผู ูส อน)
นักเรียนแต่ละคนคิดสัญลักษณ์รายการโทรทัศน์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับวัยของ
นกั เรียนและเขา้ ใจไดง้ ่าย มาคนละ ๑ สญั ลักษณ์ วาดสญั ลักษณ์ลงในกระดาษโปสเตอร์
และระบายสใี ห้สวยงาม แลว้ น�ามาเสนอหน้าชั้นเรียน

88

เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 2 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ชวนคิด ชวนทํา ขอ ใดเปนการใชส ือ่ ท่ถี กู ตอ ง เหมาะสมกับวยั
สถานการณท ่ี 1 1. เนตรฟง เร่ืองลี้ลับจากวิทยุ
2. โนต อานการต นู วิทยาศาสตร
1) ตอบ อัมรินทร เลน เกมจนกลับบา นมืดคา่ํ 3. นิดดูรายการหาคจู ากโทรทัศน
2) ตอบ อัมรนิ ทรถ ูกแมด แุ ละหามเลนเกม จงึ ทําใหอมั รนิ ทรหนเี รียนไปเลน เกม 4. นกุ เลน เกมตอสจู ากโทรศพั ทมือถือ
วเิ คราะหค าํ ตอบ วัยของนักเรยี น ควรศึกษาเลาเรยี น ซ่งึ การไดรบั ความรู
ในตอนบา ย จากส่อื ตางๆ จะทําใหนักเรียนมีความรูเพมิ่ มากขน้ึ สอ่ื ทีน่ กั เรียนควรเลือก
3) ตอบ อัมรนิ ทรค วรจํากัดเวลาในการเลนเกม เพ่อื ไมใหก ลับบา นมืดค่าํ จงึ ตอ งเปน ส่ือท่มี ปี ระโยชนต อตวั นักเรียน ดงั นั้น ขอ 2. จึงเปนคําตอบ
ทีถ่ กู
หรอื เลกิ เลน เกมถา เกมนั้นไมมปี ระโยชนอะไร
สถานการณท่ี 2

1) ตอบ เพยี งใจกระโดดตีลงั กาเลยี นแบบตวั ละคร จนขาหัก
2) ตอบ ขาของเพยี งใจหัก
3) ตอบ เพียงใจควรดูละครอยางมีวิจารณาญาณ ไมเลยี นแบบพฤตกิ รรม

ทเี่ ปนอนั ตราย แมของเพยี งใจก็ควรใหค ําแนะนําในการดลู ะครวา
พฤตกิ รรมใดกอใหเ กิดอันตราย

88 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

õ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙ·Œ Õè ครถู ามคาํ ถาม แลวใหนักเรียนแสดงความ
¡¨Ô ¡ÃÃÁà¤Å×è͹äËÇËҧ¡Ò คิดเห็นอยางอสิ ระ

เปาหมายการเรียนรูประจําหนว ยที่ ๕ • ในวันหนงึ่ ๆ นักเรยี นทาํ กจิ กรรมเคลอ่ื นไหว
รา งกายใดบาง
เมอ่ื เรยี นจบหนว ยนี้ ผเู รยี นจะมคี วามรคู วามสามารถตอ ไปน้ี (คาํ ตอบขนึ้ อยูกับนกั เรียนแตละคน)
๑. จดั รปู แบบการเคล่ือนไหวแบบผสมผสานและควบคมุ
• กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวรา งกายเปนการ
ตนเอง เมอ่ื ใชท ักษะการเคลอ่ื นไหวตามแบบทกี่ าํ หนด ออกกําลังกายหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
(มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๑) (แนวตอบ การเคลื่อนไหวรางกายท่ีใชแรง
๒. ควบคุมการเคลอ่ื นไหวในเรื่องการรับแรง การใชแรง มากกวาปกติ ถือเปนการออกกําลังกาย
และความสมดุล (มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๓) เพราะตองใชแรงและทําใหอ วยั วะสว นตางๆ
๓. แสดงทักษะกลไกในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางกาย ตองทาํ งานหนกั ข้นึ )
และการเลนกฬี า (มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๔)

เกร็ดแนะครู

ใหนักเรยี นบอกกจิ กรรมการเคลอ่ื นไหวรา งกาย แลว ครนู าํ มาแยกใสตาม
หลกั การเคลื่อนไหวในเรื่องการรบั แรง การใชแรง และความสมดลุ แลว ถาม
นกั เรียนวา ครใู ชหลักการใดในการแยกกลุม กิจกรรมการเคลอ่ื นไหว
(ครแู บงกระดานเปน 3 สวน แตล ะสวนยังไมใ สหัวขอ )

คูมือครู 89

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปา หมายการเรียนรู

1. จัดรูปแบบการเคลอ่ื นไหวแบบผสมผสาน ñº··èÕ
และควบคมุ ตนเองเพอ่ื ใชทกั ษะการเคลอ่ื นไหว เคลื่อนไหวรางกาย สาระสําคัญ
ตามแบบที่กาํ หนด (มฐ. พ 3.1 ป.5/1) และยืดหยุน ขั้นพ้นื ฐาน • การเคล่อื นไหวรางกายมีหลกั อยู

2. ควบคุมการเคลอ่ื นไหวในเรื่องการรับแรง
การใชแรง และความสมดลุ (มฐ. พ 3.1 ป.5/3)

สมรรถนะของผูเรียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ ๓ ประการ คือ การรบั แรง การใชแ รง
และความสมดุล
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการแกปญ หา • กจิ กรรมยดื หยนุ ขนั้ พนื้ ฐาน เปน กจิ กรรม
3. ความสามารถในการใชท ักษะชวี ติ ท่ฝี กทักษะที่ใชท้ังการรบั แรง การใชแ รง
และความสมดลุ
• ทกั ษะกลไก คือ ความสามารถในการ
เคลือ่ นไหวรา งกายในการทํากิจกรรม
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค และการเลนกีฬาตางๆ

1. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ ñ
2. ใฝเรยี นรู
3. มุงม่ันในการทาํ งาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

ใหนกั เรยี นดภู าพ หนา 90 แลวชว ยกนั บอกวา ò? ó
• การเคลอ่ื นไหวในภาพเปน การเคล่อื นไหว

ท่ีตอ งใชทักษะใดบา ง
(ตอบ ท้ัง 3 ภาพ เปนการเคลื่อนไหวในเร่อื ง
การรับแรง รา งกายจะออกแรงรับน้าํ หนักของ
ตนเองขณะเคลอ่ื นไหว)

¡ÒÃà¤ÅÍ×è ¹äËÇã¹ÀÒ¾
໚¹¡ÒÃà¤Å×Íè ¹äËÇ·µèÕ ŒÍ§ãª·Œ ¡Ñ ÉÐã´ºŒÒ§

๙๐

เกร็ดแนะครู

ครจู ัดกระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนกั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
• สาธิตการปฏบิ ตั ิกิจกรรมโดยใชตัวแทนนักเรียนเปน ผสู าธิต
• ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเปนกลมุ โดยใหสมาชกิ ในกลุม ชว ยเหลอื กนั
จนเกิดความรูความเขาใจวา การเคล่ือนไหวรางกาย มหี ลกั อยู 3 ประการ คือ
การรบั แรง การใชแ รง และความสมดุล ซ่ึงกิจกรรมยดื หยนุ ข้ันพ้ืนฐาน เปนกจิ กรรม
ทใี่ ชทงั้ การรบั แรง การใชแรง และความสมดุล

90 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explain Expand Evaluate
Explore Explore
สาํ รวจคน หา

ในการดําเนินชีวิตประจําวันของเรา ตองอาศัยทักษะในการเคลื่อนไหว 1. ครูยกตวั อยางการเคล่ือนไหวรา งกาย
รา งกายเขามาเกย่ี วของอยูเ สมอ เชน การเดิน การว่ิง การนงั่ การยก การดงึ เชน การเดนิ การวง่ิ การเดินขึ้นบนั ได
และการใชอุปกรณตางๆ รวมท้ังการออกกําลังกายและการเลนกีฬาที่ตนเอง การรบั ลูกบอล การยนื ขาเดยี ว การปาลกู บอล
สนใจหรือถนัด เพื่อทาํ ใหรางกายเจรญิ เตบิ โตอยางสมบรู ณและแข็งแรง เปนตน แลว ถามนกั เรยี นวา การเคล่ือนไหว
รา งกายแตล ะอยาง ใชห ลกั ในการเคล่ือนไหว
ñ ËÅÑ¡¡ÒÃà¤ÅÍè× ¹äËÇËҧ¡Ò อยา งไร

“ในชวี ิตประจาํ วัน นกั เรยี นมกี ารเคลอ่ื นไหวรา งกายอยางไรบา ง” 2. ครูแบง นกั เรยี นเปน 3 กลุม เทาๆ กัน
หลักการเคลอื่ นไหวรางกายมอี ยู ๓ ประการ ดังน้ี กลมุ ท่ี 1 : การรบั แรง
กลุมท่ี 2 : การใชแรง
๑. การเคลื่อนไหวในเรื่องการรับแรง กลมุ ที่ 3 : ความสมดลุ
ใหแ ตละกลมุ เขียนการเคลอื่ นไหวโดยใช
การรบั แรง เปน การเคลอ่ื นไหวรา งกาย โดยรา งกาย
จะออกแรงรับน้ําหนักของตนเองขณะเคล่ือนไหว เชน หลักการเคลือ่ นไหวของกลุมตนเองมาใหได
การเดนิ การวิ่ง การกระโดด เปนตน มากท่ีสดุ จากน้ันออกมานําเสนอหนา ชั้นเรยี น

การวง่ิ เปนการเคล่ือนไหวแบบรับแรง

๒. การเคลอื่ นไหวในเร่ืองการใชแ รง

การใชแ รง เปน การเคลอื่ นไหวรา งกายทก่ี ลา มเนอ้ื
ไดออกแรง เม่ือเคล่ือนไหวลักษณะตางๆ เชน การเตะ
ลกู บอล การขวา งลูกบอล การตบลกู บอล เปน ตน

การขวา งลกู บอล การทาํ หกกบ
เปนการเคลื่อนไหวแบบใชแรง เปนการเคลอ่ื นไหว

๓. การเคล่อื นไหวในเรอ่ื งความสมดุล ในเรื่องความสมดุล ๙๑

ความสมดุล เปนการเคลื่อนไหวรางกายในแบบ
ตา งๆ ทผี่ ปู ฏบิ ตั สิ ามารถทรงตวั อยไู ดโ ดยทตี่ วั ไมเ อยี งและ
ไมลม เชน เดินบนคาน เดินโดยมีหนังสือวางบนศีรษะ
การทาํ หกกบ การตอตวั เปน ตน

การเคล่อื นไหวในขอใด ตอ งใชหลกั การใชแรงขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู

1. เดินบนคาน 2. เปดตูเย็น • ครูอาจนําบัตรคาํ การเคลือ่ นไหวในลักษณะตางๆ แจกใหนกั เรยี นคนละ 1 ใบ
3. วิง่ รบั ลกู บอล 4. วิง่ ข้ึนบนั ได แลวใหนักเรียนวิเคราะหว า การเคลื่อนไหวทนี่ กั เรียนได ใชหลกั การเคลื่อนไหวใด
แลว นาํ มาติดบนกระดานใหตรงกับหลักการเคลอื่ นไหวของตนเอง
วเิ คราะหค าํ ตอบ
1. เดนิ บนคาน เปนการเคลอื่ นไหวโดยใชหลกั ความสมดุล เพอื่ ทรงตวั • ครคู ดิ การอบอนุ รา งกายทเี่ หมาะสมกับกจิ กรรมทนี่ กั เรียนปฏิบัตเิ พ่ิมเตมิ
เพ่ือปอ งกนั อันตรายจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม เชน ถานักเรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมยืดหยนุ
บนคานใหไ ด ก็ควรอบอุนรา งกายใหก ลามเน้ือยดื มากทส่ี ดุ เปน ตน และฝก ความคุนเคยของ
2. เปด ตเู ยน็ เปน การเคลอื่ นไหวโดยใชห ลกั การใชแ รง เพอ่ื ออกแรงเปด ตเู ยน็ กจิ กรรมทีป่ ฏิบตั ิ เชน การน่ังงอเขามว นหนา ตองใชแรงสปริงขอ เทา กค็ วรฝกให
3. วิ่งรบั ลูกบอล เปน การเคลือ่ นไหวโดยใชห ลักการรับแรง เพ่อื รับนาํ้ หนัก นกั เรยี นรจู กั สปรงิ ขอ เทากอ น

ของตนเองในการวงิ่ และรบั ลูกบอล
4. วิง่ ขนึ้ บนั ได เปนการเคล่อื นไหวโดยใชหลักการรับแรง เพอื่ รบั นาํ้ หนัก

ของตนเองในการว่งิ ขึ้นบนั ได

ดงั นั้น ขอ 2. จงึ เปนคาํ ตอบท่ถี ูก

คูม ือครู 91


Click to View FlipBook Version