The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by film_6316, 2022-03-23 03:28:05

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

1514004TM-สุขศึกษา-ป5[210709]

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. แตละกลุม รวมกนั หาขอมูลวา ทักษะกลไก ò ·¡Ñ ÉСÅä¡·èÕʧ‹ ¼Åµ‹Í¡Òû¯ºÔ ѵԡ¨Ô ¡ÃÃÁ
คืออะไร
·Ò§¡ÒÂáÅСÒÃàŹ‹ ¡ÕÌÒ
2. แตล ะกลุม คิดกิจกรรมที่ใชหลักการเคลื่อนไหว
ของกลุมตนเอง และบอกวากิจกรรมนน้ั ใช “นกั เรยี นคิดวา ทกั ษะกลไกคอื อะไร”
ทักษะกลไกอะไร แลว ออกมานาํ เสนอ
หนาชน้ั เรียน ทักษะกลไก (Motor Skill) คอื ความสามารถในการเคลอื่ นไหวรา งกาย
ในการทํากิจกรรมทางกายและการเลน กีฬา ประกอบไปดวยทักษะตางๆ ดงั นี้
3. ครูใหนกั เรยี นแตละคนคิดวาในชวี ิตประจาํ วนั
ของตนเองทํากจิ กรรมอะไรบา ง มีหลักการ ๑. ความคลองแคลว เปนความสามารถในการควบคุมรางกายขณะ
เคลอื่ นไหวอยางไร และใชท กั ษะกลไกใดในการ เคลอื่ นไหว การเปลย่ี นทศิ ทางอยา งรวดเรว็ เชน การวงิ่ ซกิ แซก็ การวง่ิ ไปวง่ิ กลบั
ปฏิบัตกิ ิจกรรม เปนตน

๒. การทรงตัว เปนความสามารถในการรักษาสมดุลของรางกาย
ทงั้ ในขณะอยกู บั ท่ี และขณะเคลอ่ื นท่ี เชน การวงิ่ โดยที่ไมล ม การเลยี้ งลกู ฟตุ บอล
การกระโดดขาเดียว เปนตน

๓. พลงั เปน ความสามารถของกลา มเนอื้ ทที่ าํ งานโดยใชแ รงจาํ นวนมาก
ในระยะเวลาส้นั ๆ เชน การทมุ นา้ํ หนกั การกระโดดสงู เปนตน

๔. ความเร็ว เปนการเคลื่อนไหวรางกายจากที่หน่ึงไปยังอีกที่หนึ่ง
ในเวลาอนั รวดเรว็ เชน การว่ิง ๑๐๐ เมตร การวา ยนาํ้ ๕๐ เมตร เปน ตน

๕. การประสานสัมพันธ เปนความสามารถในการเคล่ือนไหวรางกาย
ที่มากกวา ๑ กลไก ในเวลาเดียวกัน เชน การเขยงกาวกระโดด การว่ิง
ขามสงิ่ กีดขวาง การกระโดดรบั ลกู บอล การขวา งลูกบอล เปน ตน
สนองตอ ๖ส.่ิงเเรวา1ลภาาปยฏในิกริระิยยาะเตวอลบาอสันนรอวงดเรเป็วนเชคนวากมาสรไาดมยาินรเถสขยี องปงรน าทงสี่ กง าสยัญทญ่ีตาอณบ
ใหอ อกวงิ่ ๑๐๐ เมตร การตโี ตล กู ปงปองดว ยความรวดเรว็ เปน ตน

ทักษะกลไก เปนกระบวนการรับรู เรยี นรู รวมไปถงึ การแสดงออกทาง
การเคลอื่ นไหว ผลที่ไดจ ะเปนอยา งไรขึ้นอยกู บั ความสามารถทางกลไก การรบั รู
และการเรยี นรู

กิจกรรมฝกทักษะกลไกชนิดตางๆ นั้น ทําใหเราไดพัฒนาสุขภาพ
และการเคลื่อนไหวของอวัยวะตางๆ เพื่อชวยใหเรามีทักษะและความสามารถ
๙๒ในชีวิตประจาํ วันมากข้ึน

เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
กฬี าในขอใดใชท กั ษะกลไกในเรื่องเวลาปฏกิ ิรยิ าตอบสนองมากทสี่ ดุ
ครใู หนกั เรียนยกตัวอยา งกจิ กรรมทใี่ ชท ักษะกลไกในแตละขอ 1. วายน้ํา
แลวแสดงความคดิ เห็นรวมกัน 2. วิง่ 100 เมตร
3. เทเบิลเทนนิส
นักเรียนควรรู 4. กระโดดไกล
วเิ คราะหคาํ ตอบ เวลาปฏิกริ ิยาตอบสนอง เปน ความสามารถของ
1 ความสามารถตอรางกายทีต่ อบสนองตอ ส่งิ เรา คือ การทาํ งานทปี่ ระสานกนั รางกายทต่ี อบสนองตอสิง่ เรา ภายในระยะเวลาอนั รวดเรว็ วา ยนา้ํ
ระหวางระบบประสาท ระบบกลามเนือ้ ระบบตอ มไรทอ และระบบตอ มมีทอ และวิ่ง 100 เมตร จะใชท ักษะกลไกนตี้ อนออกตวั สวนกระโดดไกลจะ
โดยตอบสนองผานประสาทสมั ผัสท้ัง 5 คือ หู สําหรบั ฟงเสยี ง ตา สาํ หรบั มองดู ใชท กั ษะกลไกพลังของกลามเนือ้ ขา การเลน เทเบลิ เทนนสิ ตอ งใชส ายตา
จมกู สาํ หรับดมกลิน่ ล้ิน สาํ หรบั รับรส และผิวหนงั สาํ หรับการสัมผสั เปนตน และการเคลอื่ นไหวแขนในการตีตอบโตลูกเทเบลิ เทนนิสอยางรวดเร็ว
ดงั น้นั ขอ 3. จงึ เปนคําตอบท่ถี ูกตอง

92 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ó Â×´ËÂØ¹‹ ¢Ñé¹¾¹×é °Ò¹ 1. ใหนกั เรียนอบอุนรา งกาย โดยการยืด
“นักเรยี นเคยดกู ารแขงขันกฬี ายิมนาสติกหรอื ไม นกั เรยี นรูส กึ อยา งไร กลามเนื้อ เพ่อื ปอ งกนั การบาดเจบ็ ขณะ
เมอื่ ไดด กู ีฬาชนิดนี้” ปฏบิ ตั ิกิจกรรม

กิจกรรมยืดหยุนขั้นพื้นฐาน เปนกิจกรรมการเคลื่อนไหวท่ีสงเสริม 2. ครอู ธบิ ายวิธีการปฏิบตั ิน่งั งอเขา มวนหนา
ใหเ กดิ สมรรถภาพทางกายหลายๆ ดา น เพราะตอ งใชค วามแขง็ แรง ความออ นตวั โดยใหน ักเรยี น 1 คน ออกมาสาธิตใหเ พื่อนดู
การทรงตวั และการประสานสัมพนั ธข องประสาทและกลา มเน้ือ
3. ใหนักเรียนฝกปฏิบตั ิ แลว ครูสงั เกตวา นกั เรียน
การฝก ยดื หยนุ ขนั้ พนื้ ฐานเปน ประจาํ ทาํ ใหม ที รวดทรงดี รา งกายแขง็ แรง คนใดทําไดด ี นักเรียนคนใดทําไดพอใช
และสามารถทํากิจกรรมอื่นๆ ไดดี ในชั้นน้ีนักเรียนจะไดเรียนรูการฝกยืดหยุน และนกั เรยี นคนใดทําไมไ ดเลย

ขั้นพืน้ ฐา๑น.ในน่งั ๕งอลเกัขษา ณมวะนดหงั นน้ีา 1 4. ครูแบง กลมุ ใหนักเรยี นฝก ซอ มอกี ครง้ั
โดยแตล ะกลุมมีนักเรยี นทท่ี าํ ไดด ี นกั เรยี นที่
มีวิธีฝกปฏิบตั ิ ดงั นี้ ทาํ ไดพ อใช และนกั เรยี นทท่ี าํ ไมไ ดเ ลย จากนนั้
ใหน กั เรยี นชว ยกนั ฝก เพอ่ื เกบ็ เปน คะแนนกลมุ

นง่ั ยองๆ ลง โนม ตัว โนมตัวไปขา งหนา ขณะที่มวนตัว ลกุ ข้นึ ยนื ตรง
ไปขา งหนา พรอ มกบั เหยยี ดขา ยกสะโพก ใหก ดคางชดิ หนา อก
เหยียดแขนทั้งสอง ข้นึ พรอมกบั งอ จนกระท่งั ฝา เทา
ไปขา งหนา ยกสน เทา ขอ ศอก กม ศรี ษะ เหยยี บพื้น
ขนึ้ ใหน า้ํ หนกั ตวั อยู ใหคางชิดหนา อก
บนปลายเทา พยายามใหศ รี ษะ
สว นทา ยทอยแตะพน้ื

๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗.

วางฝามือทั้งสองลงบนเบาะ ใชแขนและเทา ท้ังสองดนั กลบั มาอยูในทา นั่งยองๆ
หา งจากปลายเทา พอสมควร ลาํ ตวั ไปขา งหนา การใชแ ขน แขนอยูขางใบหู เพ่อื การ
ฝา มอื ทั้งสองขางหา งกนั และเทา ตอ งออกแรงยันพื้น ทรงตัว
ประมาณ ๑ ชวงไหล ใหเ ทา ๆ กัน เพื่อใหมวนตัว
ไปขางหนาไปในทศิ ทางตรง ๙๓

กิจกรรมใดทาํ ใหร างกายยืดหยนุ ไดมากที่สดุ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู

1. กล้งิ ตวั 2. การตอตวั เพ่อื ความเขาใจในการทํากิจกรรมยืดหยนุ ครูอาจใหนักเรียนวเิ คราะหวา
3. การมวนตวั 4. การเดินบนคาน กจิ กรรมยืดหยนุ แตละชนดิ ใชหลักการใดในการเคลื่อนไหวบา ง อยา งไร

วเิ คราะหคําตอบ ยดื หยุนขัน้ พ้ืนฐานตอ งใชค วามแข็งแรง ความออ นตัว นักเรียนควรรู
การทรงตวั และการประสานกันของประสาทกลา มเน้ือ การกลิ้งตวั ใช
ความแข็งแรงและความคลอ งแคลว การเดนิ บนคานและการตอตวั ใชการ 1 นงั่ งอเขามว นหนา วิธฝี ก : นั่งดว ยปลายเทา ➾ มือวางบนพ้ืน ➾ เก็บคาง
ชดิ อก ➾ ยกกน ➾ วางศีรษะบนพน้ื ➾ ดันเทา ➾ ดนั มอื ➾ มว นตัวหลงั
ดทังรนงต้นั ัวขสอว น3ก.าจรมงึ เว ปนนตัวคใําชตคอวาบมทแถ่ีขกูง็ แรง ความออนตวั และการทรงตวั แตะพนื้ ➾ กน แตะพ้ืน ➾ เทา แตะพืน้ ➾ ทรงตวั ➾ ยืนตัวตรง

กิจกรรมทาทาย

ใหน กั เรยี นทําแผนภาพสาธติ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมยดื หยนุ ขั้นพน้ื ฐาน คูมอื ครู 93
ใหปลอดภยั แลวออกมานาํ เสนอหนา ช้นั เรยี น

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูอธิบายวิธกี ารปฏิบตั นิ ั่งงอเขา มวนหลงั ๒. นง่ั งอเขามวนหลัง 1
และหกสามเสา เขางอ โดยใหนกั เรียน 1 คน
ออกมาสาธติ มวี ธิ ีฝก ปฏบิ ัติ ดังน้ี

2. ใหน กั เรียนแบงกลมุ ตามเดิมเพ่ือฝก ปฏบิ ัติ ยนื หนั หลงั เขา หาเบาะ เอนตวั ไปขา งหลงั สง ตวั ใหม ว นจนไปขา งหนา ลุกขน้ึ ยนื ตรง
กิจกรรม แลว ยอ ตวั นง่ั ยองๆ โดยใหส ะโพก หลัง
บนเบาะ เหยียดแขน ศรี ษะสว นทา ยทอย
3. ครูอธบิ ายการปฏบิ ตั ลิ อเกวยี นและการตอ ตัว ทัง้ สองไปขา งหนา แตะพนื้ ตอ เนอ่ื งกนั ไป
แบบ 2 คน โดยใหน ักเรียนออกมาสาธิต ตามลําดบั

4. ใหนักเรยี นแบงกลุมตามเดิม เพ่อื ฝกปฏบิ ตั ิ
กจิ กรรมและเกบ็ เปนคะแนนกลมุ

๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗.

งอแขน ฝา มอื หงายขน้ึ ขา งบน เมอ่ื ฝามือสัมผสั กบั พ้ืนเบาะ เม่อื ฝาเทาเหยยี บพน้ื
ใหน ้ิวหวั แมมอื อยรู ะดับใบหู แลว ใหใชฝา มือดันพื้น แลว จงึ เหยยี ดแขนทง้ั สอง
กมศรี ษะใหคางชดิ อก ไปขางหนา

๓. หกสามเสา เขา งอ ๓.

มวี ิธีฝก ปฏบิ ัติ ดงั น้ี

๑. ๒.

กม ตัวลง วางมอื ท้งั สองขา ง ยอ แขนตํ่าลง พรอมกบั สปรงิ (Spring) เทา ทง้ั สองขน้ึ
แตะพน้ื ขา งหนา หา งกัน โนมตวั ไปขา งหนา วางศีรษะ พรอ มกับเขางอ ยกลําตวั
๑ ชวงไหล ลงบนเบาะใหลาํ้ ไปขา งหนา ตั้งตรง ใหน ํ้าหนักตวั อยบู น
ระหวางมือทัง้ สอง ทาํ มมุ แขนและศรี ษะ
๙๔ เปน รูปสามเหลีย่ มกับมือ
ทั้งสองขา ง

เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ขอใดเปนลกั ษณะการวางมอื ของหกสามเสา
ครใู หน ักเรยี นสืบคน ขอ มลู ยดื หยนุ ขน้ั พนื้ ฐาน ดงั น้ี 1. 2.
• การทรงตัว 3. 4.
• การตอ ตวั วิเคราะหค าํ ตอบ การวางมือของหกสามเสาตองวางมือ
• ความคลองแคลว ทั้ง 2 ขา ง แตะพนื้ ขางหนาหางกัน 1 ชวงไหล เพื่อจะได
• ความออ นตวั วางศรี ษะทํามุมเปนสามเหลย่ี มกบั แขนท้ัง 2 ขาง เพือ่ ให
แลวใหนักเรยี นยกตัวอยา งกจิ กรรมที่ไมซ ้าํ กบั บทเรยี น เกดิ ความสมดลุ และทรงตัวอยูได ดังนั้น ขอ 1. จึงเปน
คาํ ตอบทถ่ี กู ตอง
นกั เรียนควรรู

1 น่งั งอเขา มวนหลงั วิธี : น่งั ยองๆ ➾ เก็บคางชดิ อก ➾ ยกมือไวขางหู
➾ เอนไปดา นหลัง ➾ กน แตะพน้ื ➾ หลังแตะพ้นื ➾ ทา ยทอยแตะพืน้ ➾
มือแตะพนื้ ➾ มอื ดนั พนื้ ➾ เหวย่ี งตวั ใหเ ทา แตะพ้นื ➾ ทรงตวั ➾ ยืนตวั ตรง

94 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

๔. ลอ เกวียน1 1. ใหน กั เรียนแตละกลมุ ออกมาปฏิบัตกิ ิจกรรม
ยดื หยนุ ข้นั พนื้ ฐาน เพือ่ เกบ็ เปนคะแนน
มีวิธีฝกปฏบิ ัติ ดงั นี้
2. ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 5.2
ในแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5

ใชฝ า มอื ซา ยแตะพ้นื ผลกั มอื ซา ยขน้ึ จากพ้นื ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
กางนว้ิ ออก ใหน ้วิ กอย ถายน้ําหนกั ตวั มาอกี มือหน่ึง
ช้เี ขาหาตัว และใหนว้ิ ชี้ พรอ มกบั พบั ตัวลงไปทาง สขุ ศึกษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 5.2
ช้ีไปทางดานขา ง พรอ มกับ ดา นขาง วางเทาที่เตะกอนลง แบบประเมินตัวชว้� ัด พ 3.1 ป.5/3
เตะขาขวาขนึ้ ไปขางบน สพู ืน้
ยืนตรงชูแขนทงั้ สองขน้ึ กจิ กรรมรวบยอดที่ ๕.๒

แบบประเมินตวั ชว้ี ดั พ ๓.๑ ป.๕/๓
 ควบคุมการเคลื่อนไหวในเร่อื งการรับแรง การใชแ รง และความสมดุล

๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ชุดท่ี ๑ ๒๐ คะแนน

ปฏบิ ัติกจิ กรรมการเคลอ่ื นไหวทกี่ ําหนด จากนัน้ ใหครปู ระเมนิ

การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ผลการประเมิน ทาทางทค่ี วรแกไข
ดมี าก ดี พอใช ปรบั ปรงุ

๑) การเดนิ เรว็
✓●……เ…ด…นิ …ก…า…ว…ข…า…ไป……ขา…ง…ห…น……า ด…ว…ย. …………. …………. …………. ………………. ……………………………………………………
……ค……วา…ม…เ…ร…ว็ อ……ยา… ง…ส…ม…า…ํ่ เ…ส…ม…อ….
……………………………………………………

เฉฉบลับย …………………………………………………. ……………………………………………………
…………………………………………………. ……………………………………………………

…………………………………………………. ……………………………………………………

๒) การวงิ่ ๕๐ เมตร
น่งั ทาเตรยี มว่ิง ✓●…………………………………………………. …………. …………. …………. ………………. ……………………………………………………
……ห……ล…งั …เส…น……เร…่ิม……………………….
●……เ…ม…อื่ …ไ…ด…ย…นิ …ส……ญั …ญ…า…ณ……………. ……………………………………………………

กาวขาซา ยไปขา งหนา ถีบขาท่อี ยดู า นหนา ขน้ึ ผลกั มอื อกี ขา งหนง่ึ ขน้ึ จากพนื้ ……ใ…ห…อ…อ…ก……วง่ิ…ใ…ห…เ…ร…ว็ …ท…่ีส…ุด………. ……………………………………………………
๑ กาว พรอ มกบั พลิกตัว วางมอื อีกขา งหน่ึงไปขนาน พรอมกับวางเทาอีกขางหนึ่ง
ไปทางเดยี วกนั กบั ขาทอี่ ยู กับมอื แรก แยกขาใหก วา ง ลงสูพ ื้น และอยูในทา ยนื ตรง ……เ…ป…น…ร…ะ…ย…ะ…ท…า…ง……๕…๐……เม…ต……ร. ……………………………………………………
ดานหลงั ทส่ี ุด ขาทงั้ สองเหยยี ดตึง
……………………………………………………

๓) การขวา งบอล

ขนึ้ อยกู บั ดลุ ยพนิ จิ ของครูผูสอน…………………………………………………. …………. …………. …………. ………………. ……………………………………………………
…………………………………………………. ……………………………………………………

…………………………………………………. ……………………………………………………

…………………………………………………. ……………………………………………………

…………………………………………………. ……………………………………………………

๕๖

¤ÇÒÁÃÙ¤Œ ʋ٠آÀÒ¾ 3. ใหน กั เรียนทํากิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1
คาํ ถามชวนคดิ
การปฏิบัติกิจกรรมยืดหยุนข้ันพ้ืนฐาน ควรวางเบาะใหหางจากฝาผนังหรือ
สิ่งกีดขวางอื่นๆ เพื่อปองกันอันตรายท่ีเกิดจากผูเลนเหวี่ยงแขนหรือขาไปถูกส่ิงตางๆ
เพราะอาจทาํ ใหไ ดร บั บาดเจบ็ ได

๙๕

กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู

ครใู หนกั เรยี นดูภาพกจิ กรรมยืดหยนุ ขั้นพ้ืนฐาน แลว นักเรยี นสามารถ ครแู นะนําใหนักเรียนสปรงิ ขอเทา ขา งทอ่ี ยูดานหนา เพอ่ื ใหม แี รงสงลาํ ตัวในทา
ปฏบิ ัติไดต รงกับภาพทค่ี รูใหดู หรอื สามารถอธบิ ายวิธีการปฏิบตั ิได ลอ เกวยี น และสปริงขอ มือเพือ่ สงลาํ ตวั ใหกลบั มาอยทู า เดมิ ได
และบอกวากิจกรรมนั้นใชหลักการเคล่ือนไหวอะไร
นักเรียนควรรู

1 ลอ เกวยี น ถกู ใชเ ปน ทวงทาในทาอะโครบาติก (Acrobatics) ของคาโปเอรา
(Capoeira) ซึง่ เปน ศลิ ปะรปู แบบหน่ึงของประเทศบราซลิ ทีเ่ กิดจากการผสมผสาน
ของการตอ สู การเตน ดนตรี ปรัชญา ซงึ่ ทาลอ เกวยี นจัดอยูในทา สวยงามของศิลปะ
ประเภทน้ี

คูม อื ครู 95

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. ครูตรวจกจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.2 จากแบบวัดฯ ๕. การตอตวั แบบ ๒ คน ๓.
สขุ ศึกษาฯ ป.5
มีวธิ ฝี ก ปฏบิ ัติ ดังนี้
2. ครตู รวจความถกู ตอ งของการทาํ กิจกรรม
การเรยี นรู ๑. ๒.

3. ครูประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมยืดหยนุ
ข้ันพ้นื ฐานและประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรม
เปนกลมุ

หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ใหผเู ลน คนแรกนั่งคกุ เขา ใหผ เู ลน อกี คนหนึง่ (ควรมี เมือ่ ไปยืนบนหลังแลว
แลว วางมือยันพื้น ใหเขา ขนาดตวั เลก็ กวาผูเปน ฐาน) ใหก างแขนออกทงั้ ๒ ขา ง
1. กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.2 ตงั้ ฉากกบั พนื้ แขนเหยยี ดตงึ ขึ้นไปยืนบนหลงั ของผเู ลน และยนื ทรงตัวอยบู นผูเ ลน
จากแบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป. 5 หลงั ขนานกับพ้ืน คนแรก คนแรก ๑๐ วนิ าที จึงลง

2. ผลประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมยืดหยุน
ขน้ั พ้ืนฐาน

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ

ตอนที่ ๑ คําถามชวนคิด
เขียนตอบคําถามตอ ไปน้ลี งในสมุด

๑) เม่ือนักเรียนไดปฏิบตั กิ ิจกรรมยืดหยนุ นกั เรยี นรูส ึกอยางไร
๒) การปฏิบตั ิกจิ กรรมยดื หยนุ ของนกั เรยี นดีหรอื ไม เพราะอะไร
๓) นกั เรยี นจะปรบั ปรุงการปฏิบัติกจิ กรรมยดื หยุนใหดีขนึ้ อยางไร
ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนทํา
แบง กลมุ ฝกกิจกรรมยืดหยุนตามทเี่ รียนมา แลว ใหค รปู ระเมนิ ผล
ตอนที่ ๓ ผลงานสรางสรรค
แบงกลุม ใหแตละกลุมคิดกิจกรรมการตอตัวมากลุมละ ๒ กิจกรรม ซ่ึงการตอตัวน้ัน
ตองไมเกิน ๒ ช้ัน และไมเปนอันตราย โดยควรปรึกษากับครู จากนั้นออกมาแสดง
ใหเพอ่ื นๆ ดู

๙๖

เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
คําถามชวนคิด การตอ ตวั ผูท อ่ี ยเู ปน ฐานควรมีลักษณะแบบใด จึงจะเปนการปฏบิ ตั ิ
กิจกรรมทปี่ ลอดภยั
1) แนวตอบ รูสึกสนกุ สนานทา ทาย 1. มนี ํ้าหนักนอย
2) แนวตอบ ดีปานกลาง เพราะยงั ขาดทักษะทดี่ ใี นการปฏิบตั ิ 2. มีความยดื หยนุ
3) แนวตอบ ปรบั ปรงุ โดยการฝก ฝนบอ ยๆ เมอื่ ไมเ ขา ใจจงึ สอบถามครู 3. มีความแขง็ แรง
4. มคี วามคลอ งแคลว
และปฏบิ ตั ใิ หค รดู ู เพอื่ ขอคาํ แนะนาํ วิเคราะหค ําตอบ การตอตัว เปนการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมโดยใหผูเลนตอตัว
ตอๆ กันตามระดบั ชน้ั ที่ตองการ ซึง่ ผทู ่อี ยดู า นลางสุดควรเปนผูทแ่ี ขง็ แรง
เกรด็ แนะครู ท่สี ดุ เพราะตองรับนา้ํ หนกั จากผูทอ่ี ยบู นชน้ั ถดั ๆ ไป เพื่อไมใหฐานลม
แลวทาํ ใหดานบนลม ตามไปดวย ดงั นน้ั ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบทีถ่ กู
หลงั ปฏิบัติกิจกรรมเสรจ็ แลว ครูใหน ักเรยี นไปทําความสะอาดรา งกาย แตงกาย
ใหเ รยี บรอ ย ชวยกันจัดเกบ็ อปุ กรณ เรยี กรวมแถวฝก ระเบียบแถว สรุปผลการเรียน
ซึง่ ครคู วรใชคําพดู ชมเชยมากกวา ติ

96 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรยี นรู

òº··èÕ สาระสาํ คัญ 1. จัดรูปแบบการเคล่ือนไหวแบบผสมผสานและ
กายบรหิ าร การเคลอ่ื นไหวรางกายใหเขา กับจงั หวะ ควบคุมตนเอง เมือ่ ใชทักษะการเคลอ่ื นไหว
ทาํ ใหผ ฝู กสามารถเคล่อื นไหวรางกาย ตามแบบทกี่ าํ หนด (มฐ. พ 3.1 ป.5/1)
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ใหส ัมพันธกนั และสามารถควบคุมการ
เคล่ือนไหวใหเขา กบั จังหวะได จึงทาํ ใหเ กดิ 2. แสดงทกั ษะกลไกในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทาง
ความแขง็ แรงและเกิดความเพลิดเพลนิ กายและการเลนกีฬา (มฐ. พ 3.1 ป.5/4)

สมรรถนะของผูเรยี น

1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกไ ขปญ หา
3. ความสามารถในการใชท ักษะชวี ิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค

1. มีวินัย รับผิดชอบ
2. ใฝเรยี นรู
3. มุงมั่นในการทํางาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

? ใหน กั เรยี นดภู าพ หนา 97 แลว บอกวา
กจิ กรรมท่เี ห็นในภาพ คอื กิจกรรมอะไร นกั เรยี น
¡¨Ô ¡ÃÃÁ·àèÕ Ë¹ç ã¹ÀÒ¾ ¤×͡Ԩ¡ÃÃÁÍÐäà เคยปฏิบตั หิ รือไม ถา เคยนักเรยี นรูสึกอยา งไรกับ
¹Ñ¡àÃÂÕ ¹à¤Â»¯ºÔ µÑ ËÔ ÃÍ× äÁ‹ ¶ŒÒà¤Â กจิ กรรมนี้
¹Ñ¡àÃÂÕ ¹ÃÙŒÊÖ¡ÍÂÒ‹ §äáºÑ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹Õé
(นักเรียนตอบตามความเปน จริง)
๙๗

เกรด็ แนะครู

ครูจัดกระบวนการเรยี นรูโดยการใหนกั เรียนปฏิบตั ิ ดังน้ี
• สาธิตการปฏบิ ัติทากายบรหิ ารมอื เปลา ประกอบจงั หวะ
• ปฏิบัติทากายบรหิ ารมอื เปลาประกอบจงั หวะทก่ี ลมุ ของตนคิดข้ึน
จนเกดิ ความรูความเขาใจวา การเคลือ่ นไหวรา งกายใหเขากบั จงั หวะ เปนการ
ควบคมุ ตนเองในการเคลื่อนไหว ทําใหเกิดความแขง็ แรงและความสนกุ สนาน

คูมือครู 97

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. ใหน กั เรยี นแบง กลุม กลมุ ละเทา ๆ กัน การทํากายบริหารมือเปลาประกอบดนตรี เปนการออกกําลังกายที่นํา
แตละกลุม ศกึ ษาคน ควา เครอ่ื งดนตรี ทากายบริหารมือเปลามาประกอบดนตรี เพื่อสรางความสนุกสนานรื่นเริง
ที่ใหจงั หวะ จากนนั้ ใหแ ตล ะกลมุ เลอื ก ใหเพลดิ เพลนิ กับเสยี งเพลงในขณะออกกาํ ลงั กาย
เครอ่ื งดนตรีท่ีใหจังหวะมากลมุ ละ 2 - 3 ชิ้น
เพ่ือนาํ มาใหจ ังหวะประกอบการกายบริหาร ¡ÒºÃÔËÒÃÁÍ× à»ÅÒ‹ »ÃСͺ´¹µÃÕ
มือเปลา

2. ใหน กั เรยี นอบอุน รางกายกอนปฏบิ ตั กิ ิจกรรม

“นักเรยี นเคยปฏบิ ัติกิจกรรมกายบรหิ ารมือเปลาประกอบดนตรหี รอื ไม
อยา งไร”
หลกั ในการฝกกายบริหารมอื เปลาประกอบดนตรี ควรปฏบิ ัติ ดังน้ี
๑. เริม่ จากทาที่งายไปหาทา ที่ยาก
๒. เริม่ จากทา ท่เี บาไปหาทาที่หนัก
๓. ใหอวยั วะทุกสว นของรา งกายไดเ คลื่อนไหว
ตัวอยา งทากายบรหิ ารประกอบดนตรี ใชท า ดังนี้
ทา เตรียม ยืนตรง มอื เทาเอว เทา แยกหา งเทากบั ชวงไหล ตามองตรง
ยืดอกขึน้ เล็กนอ ย จากนั้นฝกปฏิบตั ทิ าตา งๆ ดงั น้ี

ทา กายบรหิ าร จงั หวะดนตรี -
ตึง้ ต้ึง ตง้ึ
ทาท่ี ๑ บรหิ ารกลา มเนอ้ื คอ ๔
๑. สะบัดหนา ไปทางซาย ๑๒๓ ๘
๒. สะบดั หนากลับทาเตรยี ม ๔
๓. สะบดั หนาไปทางขวา ๕๖๗
๔. สะบัดหนากลับทาเตรียม
๕. กมศรี ษะ ตามองพ้นื ๑๒๓
๖. เงยศรี ษะข้ึนสทู า เตรยี ม
๗. เงยศีรษะไปทางดานหลงั
๘. ผงกศีรษะกลบั สทู า เตรียม

ทา ท่ี ๒ บรหิ ารแขน
๑. ยกแขนซา ยขึน้
๒. ลดแขนซา ยลง
๓. ยกแขนขวาขน้ึ
๔. ลดแขนขวาลง

๙๘ ๕. - ๘. ทาํ ซา้ํ ๑. - ๔.

เกรด็ แนะครู บูรณาการเช่ือมสาระ
ครูบรู ณาการความรูใ นสาระศิลปะ วิชาดนตรี - นาฏศิลป กบั สาระ
เคร่อื งดนตรีทีใ่ หจังหวะ เชน กลอง กลองยาว แทมบูรีน ฉิง่ ฉาบ กรับ ฆอ ง สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา เร่อื งเครอื่ งดนตรีประกอบจงั หวะ โดยใหน กั เรียน
เปนตน ศึกษาคนควา ขอมูลเครอ่ื งดนตรีที่ใหจ งั หวะ แลว นาํ มาใหจ ังหวะในการฝก
กายบรหิ ารมือเปลาประกอบจงั หวะดนตรี

บรู ณาการอาเซียน

ครใู หน ักเรียนศกึ ษาคน ควา เร่อื ง การเตนบัดสลบ (Paslop) ของประเทศลาว
แลว นาํ มาฝก เตน และออกมานําเสนอหรือครูอาจนําวิดโี อการเตนบดั สลบมาให
นกั เรยี นดูเพ่ือฝก เตน ตาม

ครูอธบิ ายเพ่มิ เติมวา การเตน บัดสลบ คอื การเตนราํ หมูข องประเทศลาว
วิธีเตน เตนเปนแถวหลายๆ คน ทง้ั ชายและหญิง สวนมากจะเตน ในงานมงคล
หรืองานร่นื เริง

98 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
-
ทา กายบรหิ าร ตง้ึ จงั หวะดนตรี 1. ครูอธบิ ายการทํากายบรหิ ารมอื เปลาประกอบ
ตงึ้ ตง้ึ ดนตรี แลว สมุ เรยี กนกั เรียนใหออกมาสาธิต
ทา ที่ ๓ บรหิ ารกลา มเนอ้ื ลาํ ตวั ดา นขา ง ๑ ตวั อยา งทา กายบริหารประกอบดนตรี
๑. บดิ ลําตัวและสะบดั หนาไปทางซา ย ๑ ๒๓
๒. กลับสทู าเตรียม ๑ 2. ใหนักเรียนแตละกลมุ ปฏิบัติตามตวั อยา งทา
๓. บดิ ลาํ ตวั และสะบดั หนาไปทางขวา ๑ ๒๓ กายบรหิ ารประกอบดนตรีโดยใชเคร่อื งดนตรี
๔. กลบั สทู าเตรยี ม ทีใ่ หจ งั หวะ ทีก่ ลมุ ของนักเรยี นเลือกมาทํา
๕.- ๘. ทาํ ซา้ํ ๑.- ๔. สลบั ซา ยเปน ขวา ๒๓ จังหวะประกอบ

ทาท่ี ๔ บดารนหิ ขารา กงแลลามะดเนา อน้ื ลหําลตังวั ๒๓ ๔
๑. มือประสานกนั บนศีรษะ ยดื ตัวไป

ทางซา ย
๒. กลบั สทู า เตรยี ม ๔
๓. ยดื ตัวไปทางขวา
๔. กลับสทู า เตรยี ม ๔
๕.- ๘. ทาํ ซาํ้ ๑.- ๔. สลบั ซา ยเปน ขวา
ทา ท่ี ๕ บรหิ ารเอว ๙๙
๑. บิดเอวไปทางซาย
๒. กลับสทู าเตรยี ม
๓. บดิ เอวไปทางขวา
๔. กลบั สูทา เตรยี ม
๕. - ๘. ทําซ้าํ ๑. - ๔. สลับซา ย

เปน ขวา
ทา ท่ี ๖ บรหิ ารขอสะโพกและขา
๑. ยกเทา ซา ยเหยยี ดไปขา งหนา
๒. กลบั สูทาเตรยี ม
๓. ยกเทาขวาเหยียดไปขางหนา
๔. กลบั สูทาเตรียม
๕. - ๘. ทาํ ซ้าํ ๑. - ๔. สลับซาย

เปนขวา

ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
ขอ ใดเปน สง่ิ กาํ หนดการทาํ กายบริหารมอื เปลา ประกอบดนตรี
1. ทา กายบริหาร 2. เนื้อเพลง ครใู หน ักเรียนสบื คน กิจกรรมที่ใชด นตรปี ระกอบจังหวะ มาคนละ 1 ชนิด
3. ทาํ นอง 4. จงั หวะ ไมซ้ํากนั เขียนลงกระดาษและตกแตง ใหสวยงาม แลวนําสง ครู

วิเคราะหค าํ ตอบ จังหวะเปนส่ิงกาํ หนดการทาํ กายบริหารมอื เปลา • กจิ กรรมอะไร ภาพประกอบ
ประกอบดนตรี โดยผูปฏิบตั ติ อ งปฏิบัตใิ หต รงตามจังหวะ จึงจะทาํ ใหการทํา • ใชเครอ่ื งดนตรีหรอื เพลงอะไร
• ประโยชนท ี่ไดรับ
กายบรหิ ารเกิดความพรอมเพรียงกนั ดงั นนั้ ขอ 4. จงึ เปน คําตอบทถ่ี กู
มุม IT

ครูอาจดวู ดี ิทัศนเ รื่องพื้นฐานการเตน รํา จาก www.thaiteahers.tv.vdo2.
php?id=1843 ซง่ึ เปน เวบ็ ไซตข องโทรทศั นค รู โดยสาํ นกั งานคณะกรรมการอดุ มศกึ ษา
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ซงึ่ เปน การสาธติ รปู แบบการสอนทดี่ ี และสนบั สนนุ ครทู ต่ี อ งการ
แรงบันดาลใจ คําแนะนํา และแนวคดิ ใหมๆ ในการสอนเตน ใหกบั นักเรยี น

คมู ือครู 99

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 5.3 ทากายบริหาร จงั หวะดนตรี
ในแบบวัดฯ สขุ ศึกษาฯ ป.5 ตง้ึ ตงึ้
ทาที่ ๗ บรหิ ารเขาและขา1
ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ต้ึง ๒๓ -
๑. กาวเทา ซายไปขา งหนา และยอเขา
สขุ ศกึ ษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 5.3 ๒.ชกั เทาซา ยกลบั สูทาเตรยี ม ๑ ๒๓ ๔
แบบประเมนิ ตวั ช้ว� ดั พ 3.1 ป.5/1 ๓.ทาํ เหมือนขอ ๑. สลบั เปนเทาขวา ๑ ๒๓ ๔
๔.ชกั เทาขวากลบั สทู า เตรยี ม ๑ ๔
แบบประเมินผลการเรียนรูต ามตวั ชว้ี ดั ประจาํ หนวยที่ ๕ บทท่ี ๒ ๕.- ๘. ทาํ ซํา้ ๑. - ๔. ๒๓
๑ ๔
กิจกรรมรวบยอดท่ี ๕.๓ ทา ที่ ๘ บรหิ ารขอ เทาและนอง
๑.เขยง สนเทา ซายข้นึ จากพื้น
แบบประเมินตัวชว้ี ดั พ ๓.๑ ป.๕/๑
 จัดรูปแบบการเคล่ือนไหวแบบผสมผสาน และควบคุมตนเองเมื่อใชทักษะการเคลื่อนไหว ใหส งู ที่สดุ
๒. วางสน เทาลงกบั พ้นื
ตามแบบที่กําหนด ๓. เขยง สน เทา ขวาขนึ้ จากพนื้ ใหส งู ทสี่ ดุ
๔. วางสนเทาลงกับพนื้
ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน ๕. - ๘. ทําซ้ํา ๑. - ๔.
แบงกลุม แตละกลุมคิดทากายบริหารมือเปลาประกอบเพลงท่ีกลุมตนเองเลือก กลุมละ ๖ ทา
จากนั้นบนั ทกึ ขอมลู แลวใหครปู ระเมนิ ทาท่ี ๙ บริหารสว นขา
๑. ยอ เขาคางไวนบั ๑ - ๕
ชื่อเพลงทเ่ี ลอื ก มีจงั หวะ……………………………………………………………….. …………………………………………………….. ๒. กลบั สูทา เตรียม
๓. ยอ เขาคางไวนับ ๑ - ๕
๑๓๔๕ท๒.า.... กายบริหารท่ีใขชนึ้  อยูก บั ดุลยพบบบบบรรรรรินิหิหิหหิหิ ิจาาาาารรรรรขสสสสสอวววววงนนนนนครูผสู อนเฉฉบลบั ย……………………………………………………………….. ๔. กลับสทู าเตรียม
…………………………………………………………………………. ……………………………………………………………….. ๕. - ๘. ทาํ ซา้ํ ๑. - ๔.
…………………………………………………………………………. ………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………. ……………………………………………………………….. ทาที่ ๑๐ บรหิ ารขาและเพมิ่ อตั รา
…………………………………………………………………………. ……………………………………………………………….. การเตนของหวั ใจ
………………………………………………………………………….
๑. กระโดดตบมอื เหนอื ศรี ษะ
๖. บรหิ ารสว น…………………………………………………………………………. ……………………………………………………………….. กางขาออก

ตวั ชว้ี ดั พ ๓.๑ ขอ ๑ ๒. กลบั สทู า เตรียม
๓. กระโดดตบมอื เหนอื ศีรษะ
ñðไดคะแนน คะแนนเตม็
กางขาออก
เกณฑป ระเมนิ ชน้ิ งาน ๓ คะแนน ๔. กลบั สทู าเตรียม
พฤตกิ รรมการปฏบิ ัติ (๑๐ คะแนน) ๓ คะแนน ๕. - ๘. ทาํ ซ้ํา ๑. - ๔.
๒ คะแนน
• ความพรอ มเพรียง ๒ คะแนน ๑๐๐
• การเคลื่อนไหวเขา กับจงั หวะ
• ความสวยงามของทา
• ความคดิ สรา งสรรค

๖๐

2. ใหน กั เรียนทาํ กจิ กรรมการเรียนรูตอนท่ี 3
ผลงานสรา งสรรค

3. ใหนกั เรียนนาํ วัสดอุ ุปกรณท ่ไี มใชเครือ่ งดนตรี
มาใหจงั หวะในการกายบรหิ ารมือเปลาประกอบ
จังหวะ

เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

ครอู าจใหน ักเรียนดัดแปลงวัสดอุ ุปกรณ เชน ไม ถงั กะละมงั ขวดพลาสตกิ ใหนกั เรยี นคดิ ทา กายบรหิ ารมือเปลา ประกอบจงั หวะ นอกเหนือจาก
ขวดแกว กระปอ ง เปน ตน เปนเคร่ืองดนตรโี ดยใชห ลกั การทําเคร่อื งดนตรี เชน บทเรยี น โดยคดิ ทากายบรหิ ารมา 5 ทา และบอกวา เปนการบริหารสวนใด
นํากระปอ งมาใสถัว่ เขียว นําขวดแกวมาใสน ้าํ ระดบั ตางๆ เพ่อื ใหเ กิดเสยี งสูง - ต่าํ ตวั อยางเชน
เปนตน
• บริหารกลา มเน้ือคอ
นกั เรียนควรรู • บริหารแขน
• บริหารกลามเน้ือลาํ ตัวดา นขา ง
1 บรหิ ารเขา และขา ขณะทีป่ ฏิบตั ใิ นจังหวะที่ 1 และ 3 ใหน ักเรียนกา วเทา • บริหารกลา มเน้อื ลาํ ตวั ดา นขา งและดานหลัง
ยาวๆ ไปขา งหนา และควรงอขาหลงั ในขณะเดียวกนั เทา หลงั ตองอยกู บั ที่ • บรหิ ารเอว
ไมเ คลื่อนไหว • บรหิ ารขอ สะโพก และขา
• บรหิ ารเขาและขา

100 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครปู ระเมินผลการแสดงทา กายบรหิ ารมือเปลา
ประกอบเพลง โดยพิจารณาจากความถกู ตอง
ตอนท่ี ๑ คาํ ถามชวนคดิ ความพรอ มเพรียง
เขยี นตอบคําถามตอไปนีล้ งในสมดุ
2. ครูตรวจการทาํ กิจกรรมการเรียนรูตอนที่ 3
๑) นักเรียนเคยรวมกิจกรรมกายบริหารประกอบจังหวะดนตรีหรือไม กิจกรรมนั้น 3. ครตู รวจการทํากจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.3
มชี ื่อวา อะไร นักเรยี นรสู ึกอยา งไรเม่ือทํากจิ กรรมนน้ั
จากแบบวัดฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.5
๒) ในชีวิตประจําวัน นักเรียนเคยเห็นกิจกรรมกายบริหารประกอบจังหวะอะไรบาง
และเปน อยา งไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู

๓) นกั เรียนจะเลือกทาํ กิจกรรมกายบริหารประกอบจงั หวะแบบใด เพราะอะไร 1. การแสดงทา กายบริหารมอื เปลา ประกอบเพลง
2. กิจกรรมการเรยี นรูตอนท่ี 3

ตอนที่ ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ (ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมขน้ึ อยูกับดลุ ยพนิ ิจของครูผูสอน)
แบง กลมุ ใหแ ตล ะกลมุ ฝก กจิ กรรมการเคลอ่ื นไหวประกอบดนตรตี ามทเ่ี รยี นมา แลว ออก
มาแสดงใหเ พอื่ นกลมุ อนื่ ดู จากน้นั ใหเ พอื่ นกลุมอ่นื ประเมิน แลวตอบคาํ ถามลงในสมดุ

กิจกรรม ผลการประเมิน ขอ เสนอแนะ

๑. ความถูกตอ ง ๔๓๒๑
๒. ความพรอมเพรียง
๓. ความคลอ งแคลว ............ ……….. ............ ............ ..................................................................................
๔. ความรับผิดชอบในการ
ตัวอยางแบบประเมนิ............ ……….. ............ ............ ..................................................................................
ทํางานกลุม
๕. ความสนกุ สนาน ............ ……….. ............ ............ ..................................................................................

............ ……….. ............ ............ ..................................................................................
............ ……….. ............ ............ ..................................................................................

ลงชอ่ื ……………………………………………………..ผปู ระเมนิ

เกณฑก ารใหค ะแนนยอย ๔ = ดมี าก ๓ = ดี ๒ = พอใช ๑ = ควรปรับปรงุ
เกณฑการใหคะแนนรวม ๑๖ ขึ้นไป = ดมี าก ๑๑ - ๑๕ = ดี ๖ - ๑๐ = พอใช ตา่ํ กวา ๖ = ควรปรับปรงุ

๑) นักเรียนคิดวา กลุมของตนแสดงการเคลื่อนไหวประกอบดนตรีอยูในเกณฑใด
๒) นกั เรยี นคิดวา กลมุ ของตนเองมขี อควรปรับปรงุ แกไขอยางไร

ตอนท่ี ๓ ผลงานสรา งสรรค (ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมขน้ึ อยกู บั ดลุ ยพนิ ิจของครผู สู อน)
แบงกลุม ใหแตล ะกลมุ เลอื กเพลงมา ๑ เพลง จากนัน้ ชว ยกันคดิ ทากายบรหิ ารประกอบ

เพลงทก่ี ลุมของตนเลอื ก ออกมาแสดงใหเพ่ือนดู และใหเ พ่ือนกลมุ อื่นประเมนิ ๑๐๑

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู

ถานกั เรียนจะทาํ ทา กายบริหารมือเปลาประกอบจังหวะ นักเรียนตอ ง ครสู งเสริมใหนกั เรียนนําความรูทีไ่ ดจ ากการเรียนไปประยุกตใชก จิ กรรมท่เี รียน
ปฏบิ ัตขิ ัน้ ตอนใด เปนขนั้ ตอนแรก แลวครอู าจจดั การประกวด เพื่อจูงใจนกั เรยี นใหรูสึกสนใจทํากิจกรรม

1. รูจกั เครื่องดนตรี เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนที่ 1
2. ดสู าธติ วธิ ปี ฏบิ ตั ิ คาํ ถามชวนคิด
3. ฟงจังหวะใหเขาใจ
4. จบั คูก บั เพอื่ นกอนฝก ปฏิบัติ 1) แนวตอบ เคย/ กจิ กรรมน้ันคอื การเตน แอโรบิก/ เมื่อปฏิบัติแลว รสู กึ
วิเคราะหค าํ ตอบ การทําทา กายบรหิ ารมือเปลา ประกอบจังหวะ จะตอง เหนือ่ ยและสนกุ สนาน
รูจังหวะดนตรีกอน เพ่ือใหส ามารถปฏบิ ัตทิ าทางไดตรงตามจงั หวะ ทําให
2) แนวตอบ การเตนลีลาศ เปนการเตน ตามจงั หวะดนตรที าํ นองตา งๆ ซงึ่ มี
การปฏบิ ัตเิ กดิ ความพรอมเพรียงและปลอดภัย ดงั น้นั ขอ 3. จึงเปน ลกั ษณะเฉพาะและมลี ีลาทส่ี วยงาม
คาํ ตอบที่ถูก
3) แนวตอบ เลอื กการเตนแอโรบิก เพราะทาํ ไดงาย และสนกุ สนาน

คูมอื ครู 101

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Engage

กระตนุ ความสนใจ

1. ใหน ักเรยี นดูภาพ แลว สืบคนขอ มูลวา กฬี า ö˹Nj ¡ÒÃàÃչ̷٠èÕ
ที่เห็นในภาพเปน กฬี าชนดิ ใด และตอ งใชทักษะ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ·Ò§¡ÒÂáÅСÌÕ Ò
ใดในการเลน กฬี าชนิดน้ี แลวผลดั กนั ออกมา
นาํ เสนอขอ มูลหนาชน้ั เรยี น เปา หมายการเรียนรูป้ ระจ�าหน่วยที่ ๖

2. ครูสอบถามนักเรยี นวา เมอื่ เรยี นจบหนว่ ยน ้ี ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้ี
• นกั เรยี นเคยเลน กฬี าชนดิ ใดบาง ๑. เลน่ เกมน�าไปสูก่ ีฬาทเี่ ลอื กและกิจกรรมการเคลอ่ื นไหว
(ตอบตามความเปนจริง)
• กฬี าที่นักเรยี นเคยเลนมีวธิ ีเลนอยา งไร แบบผลดั (มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๒)
(ตอบตามความเปนจริง) ๒. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบตั ิกจิ กรรมทางกาย
• นักเรยี นเคยดูการแขงขันกฬี าหรือไม และเล่นกีฬา (มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๔)
เพราะอะไร ๓. เ ลน่ กฬี าไทยและกฬี าสากล ประเภทบคุ คลและประเภททมี
(ตอบตามความเปนจรงิ )
อย่างละ ๑ ชนดิ (มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๕)
๔. อธบิ ายหลกั การและเขา้ รว่ มกิจกรรมนนั ทนาการ

อย่างน้อย ๑ กจิ กรรม (มฐ. พ ๓.๑ ป.๕/๖)
๕. ออกก�าลงั กายอย่างมีรปู แบบ เล่นเกมที่ใช้ทักษะการคิด
และตดั สินใจ (มฐ. พ ๓.๒ ป.๕/๑)
๖. เล่นกฬี าทต่ี นเองชอบอยา่ งสมา่� เสมอ โดยสรา้ งทางเลือก
ในวธิ ีปฏบิ ัตขิ องตนเองอย่างหลากหลาย และมนี �้าใจ
นักกีฬา (มฐ. พ ๓.๒ ป.๕/๒)
๗. ปฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ าการเลน่ เกม กฬี าไทยและกฬี าสากล
ตามชนดิ กฬี าทเ่ี ล่น (มฐ. พ ๓.๒ ป.๕/๓)
๘. ปฏบิ ัตติ นตามสิทธขิ องตนเอง ไม่ละเมดิ สิทธผิ อู้ น่ื
และยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นเกม
และกีฬาไทย กฬี าสากล (มฐ. พ ๓.๒ ป.๕/๔)
๙. ทดสอบและปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายตามผลการ

ทดสอบสมรรถภาพทางกาย (มฐ. พ ๔.๑ ป.๕/๕)
๑๐. ปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ปอ้ งกนั อันตรายจากการเลน่ กฬี า

(มฐ. พ ๕.๑ ป.๕/๕)

เกร็ดแนะครู

ใหน ักเรียนสบื คน ขอ มูลหลกั การออกกาํ ลังกาย กีฬาไทย และกฬี าสากล
มาคนละ 1 ชนิด จากนนั้ ออกมารายงานทห่ี นา ชั้น

ครูอาจเปดวดี ิทศั นก ารแขง ขนั กฬี าใหนกั เรยี นดู แลวสังเกตพฤติกรรม
ขณะดูกฬี าของนกั เรียน จากนั้นครสู นทนากบั นักเรยี นเกี่ยวกบั กีฬาท่ีดู เชน

• กฬี าน้คี ือกฬี าอะไร
• นักเรยี นรจู ักนักกีฬาชนดิ นีห้ รือไม
• นกั เรยี นชอบกีฬาชนดิ นีห้ รอื ไม เพราะอะไร

102 คมู อื ครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรยี นรู

ñº··Õè สาระสา� คัญ 1. เลนเกมนําไปสูกฬี าท่ีเลอื กและกิจกรรม
เกมและกจิ กรรม การเลน่ เกมและกจิ กรรมทางกาย ช่วย การเคลื่อนไหวแบบผลัด (มฐ. พ 3.1 ป.5/2)
ทางกาย สง่ เสรมิ ทกั ษะการเคลอื่ นไหว ทกั ษะความคดิ
รจู้ กั สทิ ธขิ องตนเองและสทิ ธขิ องผอู้ น่ื ในการ 2. แสดงทักษะกลไกการปฏิบัติกิจกรรมทางกาย
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ เลน่ เกมและกจิ กรรมทางกาย และสามารถ และเลนกีฬา (มฐ. พ 3.1 ป.5/4)
ทา� กจิ กรรมรว่ มกบั บคุ คลทม่ี คี วามแตกตา่ ง
กนั ได ้ ทา� ใหเ้ กดิ ความสนกุ สนาน และปลกู ฝงั 3. ออกกาํ ลงั กายอยา งมรี ปู แบบ และเลน เกมทใ่ี ช
พฤติกรรมในการท�างานร่วมกับผอู้ น่ื ทกั ษะการคดิ และตดั สนิ ใจ (มฐ. พ 3.2 ป.5/1)

4. ปฏบิ ตั ิตามกฎ กตกิ าการเลน เกม กฬี าไทย
และกีฬาสากล ตามชนิดกีฬาที่เลน
(มฐ. พ 3.2 ป.5/3)

5. ปฏิบัติตนตามสิทธิของตนเอง ไมละเมิดสิทธิ
ผูอ่ืนและยอมรับในความแตกตางระหวาง
บคุ คลในการเลน เกม และกฬี าไทย กฬี าสากล
(มฐ. พ 3.2 ป.5/4)

สมรรถนะของผเู รียน

1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกปญ หา
3. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ

คุณลกั ษณะอันพึงประสงค

1. มีวินยั รับผดิ ชอบ
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ ม่ันในการทาํ งาน

? กระตนุ ความสนใจ Engage

¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò ¡¨Ô ¡ÃÃÁã¹ÀÒ¾ ใหนักเรียนดูภาพ หนา 103 แลวชวยกันบอก
໚¹¡Ô¨¡ÃÃÁÍÐäà áÅÐ㪷Œ ¡Ñ ÉÐã´ºŒÒ§ วากิจกรรมในภาพเปนกิจกรรมอะไร และใชทักษะ
ใดบา ง
10๓
(ตอบ กจิ กรรมในภาพ คอื เกมชนไก ตอ งใช
ความแขง็ แรงในการชน และการทรงตวั ไมใ หล ม
เมอ่ื ถกู ชน และตอ งใชไ หวพรบิ ในการหาจังหวะ
เขาชนคตู อ ส)ู

เกรด็ แนะครู

ครูจดั กระบวนการเรียนรโู ดยการใหนักเรยี นปฏบิ ัติ ดังนี้
• ตั้งคาํ ถามใหนกั เรียนตอบ และสรปุ
• ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ โดยรวมกันคิดเกมตามขอกาํ หนด
• ปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใหนักเรียนเลนเกมตามกติกา
• สืบคนขอมลู การละเลน พน้ื เมืองของประเทศอาเซยี น
จนเกิดเปนความรคู วามเขาใจวา การเลนเกมและกิจกรรมทางกายชวยสงเสรมิ
ทักษะการคดิ และการตดั สินใจ ฝกทกั ษะทางกฬี า และสรางเสริมความสามคั คี

คูม อื ครู 103

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. ครถู ามนักเรียน แลว ใหน ักเรยี นตอบอยาง การออกก�าลังกาย หมายถึง การเคล่ือนไหวร่างกายหรือการกระตุ้น
อสิ ระวา ให้สว่ นต่างๆ ของรา่ งกายทา� งานมากกว่าภาวะปกตอิ ย่างมีแบบแผน โดยค�านงึ
• นักเรยี นออกกําลังกายดวยวธิ ใี ด ถงึ ความเหมาะสมของเพศ วัย และสภาพร่างกายของแตล่ ะบคุ คล
• นกั เรียนมีหลักอยางไรในการเลือก การออกก�าลังกายจะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและระบบ
ออกกําลงั กาย ไหลเวียนโลหติ รวมทง้ั พัฒนาทักษะทางกฬี า การออกก�าลงั กายอยา่ งสม�า่ เสมอ
จะเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันโรคต่างๆ และส่งผลให้มีพัฒนาการ
2. ครสู งั เกตคาํ ตอบของนักเรยี น และเลือกคําตอบ ด้านอารมณ์ สังคมและสติปัญญา และเราควรเลือกกิจกรรมการออกก�าลังกาย
ทีน่ า สนใจเขียนบนกระดานดาํ โดยไมโ ตแยง หรอื กฬี าทีต่ นเองชอบและถนดั
วาเปนคาํ ตอบทถ่ี ูกหรอื ผดิ (คาํ ตอบของ
นกั เรียนมคี วามหลากหลาย และความคดิ ๑ หลกั การออกกำาลงั กาย
สรา งสรรค)
การออกก�าลังกายท่ีถูกต้องจะท�าให้ร่างกายแข็งแรง มีประสิทธิภาพ
3. ครูสรุปคําตอบของนักเรยี น และอธบิ ายความรู ในการทา� งาน และมคี วามปลอดภยั จากการออกก�าลงั กายได้ การออกกา� ลงั กาย
เพิ่มเติมหลักการออกกาํ ลังกาย ท่ถี ูกตอ้ งมหี ลักดังน้ี
๑. เลอื กกจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกบั วยั ตวั อยา่ งเชน่ เดก็ ควรเลอื กกจิ กรรม
4. ใหน กั เรยี นเขยี นสรปุ หลกั การเลอื กออกกาํ ลงั กาย ทเี่ สรมิ สรา้ งทกั ษะการเคลอื่ นไหว และการเลน่ เปน็ ทมี ผสู้ งู อายุ ควรเลอื กกจิ กรรม
ของนักเรยี นในกระดาษ แลว สง ครู ท่ีไม่หนกั๒จ. นกเกิจนิ กไรปรมเทช่น่ีเลือเดกินควรรา� ทไ�าทใ้เหก้เก๊ กิดเปคน็วาตม้นเหน็ดเหน่ือยพอ1ที่จะท�าให้หัวใจ
• การออกกาํ ลงั กายทน่ี ักเรยี นเลือก เตน้ เร็วขนึ้ เช่น การวิง่ การกระโดดติดตอ่ กนั เปน็ ต้น
• หลักการเลอื กออกกําลังกาย ๓. อบอนุ่ รา่ งกาย(Warmup) กอ่ นออกกา� ลงั กายทกุ ครง้ั นาน ๕- ๑๐ นาที
• ประโยชนที่ไดรบั จากการออกกําลงั กาย ๔. เลอื กออกก�าลังกายเบาๆ กอ่ นเพ่มิ เป็นกจิ กรรมหนักๆ เชน่ การวง่ิ
ตามหลกั การเลอื ก ระยะทาง ๑ กม. แลว้ จงึ เพมิ่ ระยะทาง เปน็ ตน้
๕. ออกกา� ลงั กายใหค้ รบทกุ สว่ นของรา่ งกายอยา่ งสมดลุ เชน่ การวา่ ยนา้�
เป็นต้น
๖. เมอื่ ออกกา� ลงั กายเสรจ็ แล้ว ควรผอ่ นคลายกล้ามเนื้อ (Cool down)
ใหร้ ่างกายกลับสภู่ าวะปกติ
๗. ออกกา� ลงั อยา่ งสมา่� เสมออยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ ๓ ครง้ั แตล่ ะครง้ั นาน
104อยา่ งนอ้ ย ๓๐ นาที

นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
การออกกําลงั กายทุกวนั เปนผลดหี รอื ไม อยา งไร
1 เหนด็ เหนื่อยพอ ผูออกกาํ ลงั กายสามารถสงั เกตความรสู ึกเหนือ่ ยจากการ แนวตอบ การออกกาํ ลงั กายเปน ผลดตี อ รา งกาย เราควรออกกาํ ลงั กายดว ย
ออกกําลงั กายได ดังน้ี ความพอดี คอื ไมม ากหรอื นอ ยเกนิ ไป โดยเราควรออกกาํ ลงั กายอยา งนอ ย
สปั ดาหล ะ 2 - 3 ครง้ั ครงั้ ละประมาณ 20 - 30 นาที และออกกาํ ลงั กายพอท่ี
• ออกกาํ ลังกายระดับหนกั หมายถงึ ออกกาํ ลังกายจนรูสกึ เหนอ่ื ยมาก จะทําใหหวั ใจเตนเร็วข้ึน และมเี หง่อื ออก ซ่งึ ใน 1 สัปดาห เราควรมเี วลาให
โดยหายใจแรงและเรว็ หรอื หอบขณะออกกาํ ลงั กาย ไมสามารถพดู คยุ กบั รางกายไดพ กั ผอ นดวย ทั้งนเี้ พื่อใหรางกายไดซ อมแซมสวนที่สกึ หรอ จึงจะ
คนขา งเคียงไดจ นจบประโยค ทาํ ใหร างกายของเราแขง็ แรงและมีสุขภาพทด่ี ี

• ออกกาํ ลังกายระดับปานกลาง หมายถงึ การออกกาํ ลงั กายหรือออกแรงจน
ทําใหร สู ึกคอ นขา งเหนอื่ ยหรือเหน่อื ยกวา ปกติพอควร โดยหายใจเร็วกวา
ปกติ เลก็ นอ ย หรอื หายใจกระชัน้ ข้ึนไมถงึ กับหอบ หรือขณะออกกําลงั กาย
หรอื ออกแรงยังสามารถพดู คยุ กบั คนขางเคียงไดจ นจบประโยคและรเู รือ่ ง

• ออกกาํ ลังกายระดับนอ ย หมายถึง การออกกําลงั กายหรือออกแรงนอ ย
ไมร สู ึกเหนด็ เหนอื่ ยมากกวาปกติ

104 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๒ รูปแบบการออกกาำ ลังกาย 1. ครูถามนกั เรียน แลว ใหน ักเรยี นแสดงความคดิ
การออกก�าลงั กายแบ่งออกเป็น ๒ ลกั ษณะ ดงั นี้ เหน็ อยางอิสระ
๑. การออกก�าลงั กายแบบแอโรบกิ (Aerobic Exercise) • นักเรียนคิดวา การออกกาํ ลงั กายมรี ูปแบบ
เปน็ การออกกา� ลงั กายทใี่ ชแ้ กส๊ ออกซเิ จน(Oxygen) ตลอดเวลา โดยอาศยั ในการออกกาํ ลงั กายหรือไม อยา งไร
การท�างานท่ีติดต่อกันของกล้ามเน้ืออย่างสม่�าเสมอ แแลละระะเบปบ็นไรหะยลเะวเวียลนาโลนหานิต1
จะท�าให้เพ่ิมประสิทธิภาพการท�างานของหัวใจ ปอด 2. ครอู ธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ รปู แบบการออกกาํ ลงั กาย
โดยหัวใจจะเต้นเร็วขึ้น เพื่อให้ได้ปริมาณอากาศมากท่ีสุด สูบฉีดเลือดแรงข้ึน 3. ครอู ธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ ขอ แนะนาํ สาํ หรับการ
เลือดในร่างกายจึงมีการไหลเวียนมากขึ้น แก๊สออกซิเจนจึงถูกกระจายไปยัง
สว่ นตา่ งๆ ของร่างกายเพิม่ ข้ึน กจิ กรรมท่ีใชใ้ นการออกก�าลังกายแบบแอโรบิก ออกกําลงั กาย
มีหลายชนิด เช่น การวิ่งเหยาะๆ การว่ายน�้า การเตน้ แอโรบกิ เปน็ ตน้ • ออกกาํ ลงั กายเมื่อรา งกายมสี ภาวะปกติ ไม
๒. การออกก�าลงั กายแบบแอนแอโรบิก (Anaerobic Exercise)
เป็นการออกก�าลังกายที่ใช้พลังงานแบบไม่ใช้แก๊สออกซิเจน เมื่อฝึก เจ็บปว ย ไมบ าดเจบ็ หรือสําหรบั ผูหญงิ ทีม่ ี
เป็นประจ�าจะมีผลต่อการเพ่ิมขนาดกล้ามเน้ิือ ท�าให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ประจําเดือน ควรพกั หรอื ใหรา งกายเปน ปกติ
มากขึ้น แต่มีผลน้อยกว่าในการเพิ่มสมรรถภาพของระบบหายใจ และระบบ กอ น
ไหลเวียนโลหิต ส�าหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง ไม่ควร • ไมค วรออกกําลังกายหลงั กินอาหารอิ่มใหมๆ
ออกก�าลังกายในลักษณะนี้ เพราะเมื่อมีการเกร็งกล้ามเนื้อ จะท�าให้หัวใจ เพราะอาจจะทาํ ใหปวดทอง คลน่ื ไส
ท�างานเพิ่มข้ึน พร้อมๆ กับความดันโลหิตสูงขึ้น อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ อาเจียน จุกเสียด หรอื เปนลมได
การออกก�าลังกายลักษณะนี้ จึงเหมาะกับนักกีฬา และผู้ที่ไม่เป็นโรคดังกล่าว • ดื่มนา้ํ ใหเ พยี งพอตอ รา งกาย เพ่อื ปองกัน
กจิ กรรมท่ีใชใ้ นการออกกา� ลงั กายแบบแอนแอโรบกิ มหี ลายชนดิ เชน่ การออกแรง การสูญเสียเหงอ่ื
• หลกี เลยี่ งการออกกาํ ลงั กายในทท่ี ม่ี อี ากาศรอ น
ควรออกกาํ ลงั กายในสภาพอากาศทพ่ี อเหมาะ
และมอี ากาศถายเทไดส ะดวก
• สวมเส้อื ผา ที่รดั กมุ ไมค บั หรอื หลวมเกนิ ไป
และใสรองเทา ทเี่ หมาะสมกับกฬี า
ในแตล ะประเภท

ดนั กา� แพง การออกแรงบบี วัตถุ การว่ิงระยะสั้น การกระโดดไกล การทุม่ น�้าหนกั
เปน็ ตน้
ในวยั ของนกั เรยี น ควรเลอื กกจิ กรรมการออกกา� ลงั กายทเ่ี สรมิ สรา้ งทกั ษะ
การเคล่ือนไหวรา่ งกาย การเล่นเกมเป็นทีม การเล่นกฬี าเปน็ ทมี จงึ จะเกดิ ความ
สนุกสนาน และมรี า่ งกายท่ีสมบูรณ์ แข็งแรง มกี ารเจรญิ เตบิ โต และพัฒนาการ
ทสี่ มวัย กิจกรรมที่นักเรยี นควรใชใ้ นการออกกา� ลังกาย เช่น การเล่นเกมตา่ งๆ
การเลน่ กีฬา การกายบริหาร เป็นตน้

105

ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู
กจิ กรรมใดมีรปู แบบการออกกําลงั กายเหมอื นการวายน้าํ
1. การกระโดดไกล 2. การวิ่ง 50 เมตร 1 เพม่ิ ประสิทธภิ าพการทาํ งานของหวั ใจ ปอด และระบบไหลเวยี นโลหิต
3. การเลน แบดมินตัน 4. การเตน ประกอบเพลง การออกกาํ ลงั กาย ที่ทาํ ใหหัวใจเตน (ชีพจร) มีคาระหวา ง 60 - 80 % ของอัตรา
การเตน สงู สดุ ของหวั ใจ ซ่ึงอตั ราการเตนของหวั ใจสงู สดุ = 220 - อายุ (ป)
วิเคราะหค ําตอบ การวายนํ้าเปนการออกกําลงั กายแบบแอโรบกิ คอื ตวั อยา ง เรามอี ายุ 11 ป มีอตั ราการเตน ของหวั ใจสูงสุดเทา ไร
รา งกายไดเ คลอื่ นไหวครบทุกสัดสวนเปน เวลานาน หวั ใจจึงมีการสบู ฉดี เลอื ด อตั ราการเตนของหัวใจสงู สุด 220 - 11 = 209 ครง้ั ตอ นาที
เพ่มิ มากข้นึ และรา งกายมกี ารใชแกส ออกซิเจนมากข้ึน จงึ ชวยเพิ่ม หัวใจเตน 60 - 80 % คอื 209 x 60 = 125.4
ประสทิ ธภิ าพการทํางานของหัวใจ ปอด และระบบไหลเวยี นโลหติ การ
กระโดดไกล การวง่ิ 50 เมตร และการเตน ประกอบเพลง เปน การออกกาํ ลัง 209 x 80 = 167.2
กายแบบแอนแอโรบกิ คอื รา งกายเคล่ือนไหวแคช ั่วขณะหนึง่ หวั ใจไมได ดังน้นั การออกกําลังกายทจ่ี ะกอใหเกดิ ประโยชนต อหวั ใจและปอด คอื 125 - 167
สบู ฉดี เลอื ดเพิ่มขนึ้ และรา งกายใชแ กสออกซเิ จนในระดับปกติ จึงไมช วยเพ่มิ คร้ังตอ นาที
ประสทิ ธิภาพการทาํ งานของระบบหายใจ สว นการเลน แบดมนิ ตนั รา งกายได
เคล่อื นไหวเปน เวลานาน มกี ารสูบฉดี เลอื ด และใชแกสออกซิเจนเพม่ิ ขึน้ คมู ือครู 105

ซ่งึ เหมอื นกบั การวายนํา้ ดังนั้น ขอ 3. จงึ เปนคาํ ตอบทถี่ กู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. กอนเลนเกม ครอู ธิบายเรื่องสิทธิและความ ó ÊÔ·¸ÔáÅФÇÒÁᵡµ‹Ò§ÃÐËNjҧº¤Ø ¤Å
แตกตา งระหวางบุคคลในการเลนเกมและกฬี า
ใหนกั เรียนเขา ใจ 㹡ÒÃàÅ‹¹à¡ÁáÅСÌÕ Ò

2. ครถู ามนกั เรยี นแตละคนวาจากหลกั การ ในการเล่นเกมและกีฬาจะมีกฎ กติกาในการเล่น ผู้เล่นต้องปฏิบัติตาม
ออกกําลังกาย รปู แบบการออกกาํ ลงั กาย กฎ กตกิ าการเล่นเกม หรือการเลน่ กฬี าในสว่ นท่ีตนเองปฏบิ ตั ิ และเคารพการ
และสิทธแิ ละความแตกตา งระหวางบคุ คล เล่นในสว่ นของผู้อ่ืน ไม่ละเมิดหรอื ท�าผดิ กฎ กติกา จงึ จะทา� ใหก้ ารเลน่ เกมหรอื
ในการเลน เกมและกฬี า นักเรียนจะเลือก เลน่ กฬี าเกิดความสนุกสนาน และทา� ใหเ้ กดิ ความรกั ความสามัคคีตอ่ กัน
ออกกําลงั กายชนดิ ใด เพราะอะไร นอกจากน ี้ เราตอ้ งคา� นงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล มคี วามสามารถ
ในการเล่นเกมและการเล่นกีฬาท่ีแตกต่างกัน เราควรค�านึงถึงความแตกต่าง
3. ครถู ามคาํ ถามใหน ักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ ระหวา่ งบ๑คุ. คอลา ยด1 ุงัแนตี้ ล่ ะวยั จะมคี วามสนใจในการเลน่ เกมและเลน่ กฬี าทแ่ี ตกตา่ งกนั
อยา งอสิ ระ วยั ของนกั เรยี นจะสนใจการเลน่ เปน็ ทมี และกจิ กรรมทเี่ คลอื่ นไหวรา่ งกายไดม้ าก
• ถา นักเรียนเลนเกมหรอื กฬี าแลวเปน ฝายแพ
นักเรยี นจะทาํ อยา งไร ๒. เพศ การเล่นเกมและเล่นกีฬา โดยทั่วไปเพศชายและเพศหญิง
• ถานกั เรียนเลน เกมหรอื กีฬาแลวเปนฝา ยชนะ สามารถเลน่ ไดเ้ หมือนกัน
นกั เรยี นจะทาํ อยา งไร
๓. ร่างกาย แต่ละคนมีร่างกายไม่เหมือนกัน ซ่ึงขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์
4. ครอู ธบิ ายความรูเพม่ิ เติมความมนี ํ้าใจเปน บางคนสงู บางคนเตยี้ บางคนอว้ น บางคนผอม สง่ ผลตอ่ การเลน่ เกมหรอื เลน่ กฬี า
นกั กฬี า บางชนดิ เชน่ การเลน่ บาสเกตบอล คนสงู จะไดเ้ ปรยี บมากกวา่ คนเตย้ี การตอ่ ตวั
คนรูปร่างเล็กควรอยู่บนยอด เปน็ ต้น

๔. ความถนัด แต่ละคนย่อมมีความถนัดแตกต่างกัน บางคนสามารถ
เล่นกีฬาได้ดีมาก หรือท่ีเรียกว่า พรสวรรค์ บางคนอาจจะเคล่ือนไหวร่างกาย
ได้ไมด่ ี แตส่ ามารถวางแผนการเล่นไดด้ ี เป็นตน้
เมอ่ื เราเขา้ ใจสทิ ธแิ ละความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลแล้ว สง่ิ สดุ ท้ายที่เรา
ควรมี คือ ความมีน้า� ใจเปน็ นักกฬี า คือ

รูแ้ พ ้ คอื รจู้ กั ยอมรบั ในความสามารถของตนวา่ ไมไ่ ดท้ ดั เทยี มกบั คแู่ ขง่
รู้ชนะ คือ เมอ่ื มคี วามสามารถเหนอื คแู่ ขง่ ไมค่ วรแสดงกริ ยิ าเยย้ หยนั
ดูถูก หรอื เหยียดหยาม
รูอ้ ภยั คอื ยอมรับความผดิ พลาดท่ีอาจเกิดขน้ึ

10๖

เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เช่ียวชาญชงิ ชยั ไมยนยอ
“พวกเรานกั กีฬาใจกลาหาญ
ครนู ําเพลงกราวกฬี ามาใหนกั เรยี นฟง แลวใหนกั เรยี นวิเคราะหเน้อื เพลงวา คราวชนะรกุ ใหญไ มร ีรอ คราวแพกไ็ มท อ กดั ฟนทน”
มคี วามหมายอยา งไร มีประโยชนต อ การเลน เกมหรอื กฬี าอยางไร จากเนอื้ เพลงขา งตน มีความหมายตรงกบั ขอใดมากท่สี ดุ
1. นํ้าขน้ึ ใหรบี ตัก 2. รูแพ รูชนะ รูอภัย
นักเรียนควรรู 3. แพเ ปน พระ ชนะเปนมาร 4. ไมซ กี งัดไมซ งุ

1 อายุ การออกกําลงั กายควรเลอื กใหเ หมาะสมกบั วยั ของตนเอง โดยในวัยของ วิเคราะหค าํ ตอบ เนอ้ื เพลงขา งตนเปน ของเพลงกราวกฬี า ซ่ึงเปน
นักเรียนนอกจากเลือกกิจกรรมที่มกี ารเคลอ่ื นไหวรา งกายครบทกุ สว นแลว ยงั ควร เพลงเชยี รก ีฬาใหนกั กฬี าเปน นกั กฬี าท่ีดี เลนกีฬาอยางถูกกตกิ า มีนํา้ ใจ
เลอื กกิจกรรมทไี่ มอ อกแรงมากเกินไปหรอื มีการกระทบกระแทกตอรางกาย เพราะ
จะสง ผลตอการเจรญิ เติบโตของกระดกู ได นกั กีฬา รแู พ รชู นะ รอู ภัย ดงั น้ัน ขอ 2. จึงเปนคําตอบทถ่ี กู

106 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ô à¡Á 1. ใหน กั เรียนอบอนุ รางกายกอ นปฏิบัติกจิ กรรม
2. ใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ออกมาสาธิตการเลนเกม
เกม เป็นกิจกรรมทีท่ �าให้เกิดความสนุกสนาน มีกฎ กติกา ไม่ซบั ซอ้ น
สามารถใชเ้ ป็นกจิ กรรมการออกกา� ลงั กายได้ เกมแบ่งได้เป็นหลายประเภท เชน่ เบ็ดเตล็ด ตามลําดบั ดังน้ี
• บอกอปุ กรณท่ไี ด
๑. เกมเบด็ เตลด็ • สาธิตวธิ ีการเลน
เกมเบ็ดเตล็ด เป็นเกมท่ีมีกฎ กติกาการเล่นง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน • บอกประโยชนท ่ไี ดร บั
3. ใหน กั เรยี นทกุ กลมุ เลนเกมเบ็ดเตลด็
เกมเบด็ เตลด็ มอี ยหู่ ลายเกม เชน่ เกมกระโดดตามจดุ เกมรถดว่ น เกมแมวจบั หนู เพอื่ เกบ็ คะแนน โดยใหก ลุม ท่ีเปน เจา ของเกม
เป็นต้น ซ่ึงในช้ันเรียนน้ีเสนอแนะเกมแข่งต่อแถว ให้นักเรียนได้ฝึกเล่น ซึ่งมี เปนกรรมการตดั สนิ
รายละเอยี ด ดังนี้ • กลุม ทไ่ี ดที่ 1 ได 3 คะแนน
• กลมุ ทไ่ี ดที่ 2 ได 2 คะแนน
เกมแขง่ ตอ่ แถว มีวิธเี ล่น ดังน้ี • กลุม ท่ีไดที่ 3 ได 1 คะแนน
4. ครูประเมนิ เกมท่ีนักเรียนคดิ แลวสังเกต
(๑) แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละเทา่ กนั โดยใหผ้ เู้ ลน่ ทกุ คนจดจา� สมาชกิ ในกลมุ่ การปฏบิ ัติกจิ กรรม และประเมนิ การเลนเกม
ของตนใหไ้ ด้ ของแตล ะกลุม
(๒) ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ยนื เขา้ แถวตอน และใหผ้ เู้ ลน่ คนแรกของแตล่ ะแถว 5. ครูอธบิ ายความรูเ พิ่มเติมเกมเบด็ เตลด็ ไดจาก
ยนื ถือลูกบอล ๑ ลูก ขอ มูลในมมุ IT
(๓) เรมิ่ เลน่ โดยใหผ้ เู้ ลน่ คนแรกของแถวขวา้ งลกู บอลไปขา้ งหนา้ ใหไ้ กล
ท่ีสุด แล้วให้ผ้เู ล่นทุกคนในแตล่ ะแถวว่ิงแย่งบอลของกลมุ่ ตน
(๔) เม่อื ผูเ้ ลน่ คนใดได้บอลแล้วใหห้ ยุดอยกู่ บั ท ี่ แลว้ ใหผ้ ูเ้ ลน่ ท่ีเหลือ
ของกลุ่มวงิ่ มาตอ่ แถว
(๕) ผเู้ ล่นกลมุ่ ใดเขา้ แถวเสร็จกอ่ นเปน็ ฝ่ายชนะ

10๗

บูรณาการเชอ่ื มสาระ เกร็ดแนะครู

ครูบูรณาการความรูในสาระภาษาไทยกับสาระสุขศกึ ษา เรื่อง สาํ นวน ครแู ละนกั เรียนรวมกนั ประเมนิ เกมของแตละกลมุ และเลือกเกมทม่ี ีความคดิ
ไทย โดยครคู ิดเกมตอ สํานวน สุภาษิต คําพังเพย ใหน ักเรียนในกลมุ ชว ยกนั ตอ สรา งสรรค และดที ี่สดุ มาชนิดละ 1 เกม
สาํ นวนใหถ กู ตอง (ครูอาจใชบัตรคาํ หรือการเขียนบนกระดานดําก็ได แลว ให
นกั เรยี นผลัดกันออกมาตอสาํ นวน โดยประยกุ ตเ ขา กบั เกมหรือกจิ กรรม มุม IT
ที่นักเรยี นแตล ะกลุมคดิ ข้นึ มา)
ครูศึกษาความรูเพม่ิ เติม เกมเบ็ดเตล็ด ไดท ่ี http://www.e-book.ram.edu/
กจิ กรรมทา ทาย e-book/inside/html/dlbook.asp?code=PE273(S)(48)

ใหนักเรียนคิดเกมที่บูรณาการเช่ือมสาระกับวิชาอื่นๆ แลวบอกประโยชน
ท่ีไดรบั

คมู ือครู 107

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหน กั เรียนแตล ะกลุมออกมาสาธิตการเลนเกม ๒. เกมน�าไปส่กู ีฬา
นําไปสูกีฬา ตามลําดบั ดังน้ี
• กีฬาท่ีเลือก เกมนา� ไปส่กู ฬี า เป็นเกมท่มี ีกฎ กติกามากขน้ึ มุง่ เน้นใหผ้ เู้ ลน่ ฝึกทักษะ
• ใชท กั ษะใดในการเลน
• สาธิตการเลน เบอื้ งตน้ ของ๑ก)ฬี าเ กเพมอื่เตจะะไบดอม้ ลคี ววงากมลคมล1อ่ มงตีววัิธแีเลล่นะ เรดยี งั นนร้ี วู้ ธิ เี ลน่ กฬี าไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
• บอกประโยชนท่ีไดรับ
(๑) ใหผ้ ู้เลน่ เข้าแถว
2. ใหนักเรยี นทกุ กลมุ เลน เกมนาํ ไปสกู ฬี า เป็นวงกลม และจับมือกันไว้
เพ่ือเก็บคะแนน โดยใหกลุมท่เี ปน เจาของเกม (๒) ใหเ้ ลอื กผู้เลน่
เปน กรรมการตัดสิน คนหน่งึ เป็นผเู้ รม่ิ เตะบอลสง่ ให้เพอ่ื น
• กลมุ ทไ่ี ดท ี่ 1 ได 3 คะแนน โดยเตะใหบ้ อลกล้ิงไปกับพ้นื และ
• กลุม ทีไ่ ดท่ี 2 ได 2 คะแนน ไม่ใหบ้ อลออกนอกวง ถา้ มผี ูเ้ ลน่
• กลมุ ท่ีไดท ่ี 3 ได 1 คะแนน คนใดทา� บอลออกไปนอกวง จะถกู

3. ครูประเมนิ เกมท่ีนกั เรยี นคดิ แลว สังเกต ท �าโทษต ามท๒ี่เพ) ือ่เกนมส่งัว่ิงขา้ มส่ิงกดี ขวาง2 มวี ิธีเล่น ดงั น้ี
การปฏิบัติกิจกรรม และประเมนิ การเลนเกม
ของแตล ะกลมุ (๑) แบ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กนั
(๒) ใหห้ าสงิ่ กดี ขวางมา ๒ - ๓ ชนดิ เชน่ กรวย ทอ่ นไม ้ แลว้ ใหว้ าง
สิง่ กดี ขวางให้มีระยะห่างเท่าๆ กนั พร้อมกับก�าหนดจุดเริ่มตน้ และจุดกลับตัว
(๓) ใหค้ นแรกของแตล่ ะกลมุ่ วงิ่ ขา้ มสงิ่ กดี ขวางแตล่ ะอยา่ งจนมา
ถึงจุดกลับตัว แล้วว่ิงกลับเข้ามาต่อท้ายแถวของกลุ่มตนเอง กลุ่มใดวิ่งข้าม
สิ่งกีดขวางได้ครบหมดทกุ คนกอ่ นถือว่าเปน็ ฝา่ ยชนะ

จุดกลบั ตัว

108 จดุ เร่มิ ตน้

เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’53 ออกเกยี่ วกับเกมนาํ ไปสูกฬี า
การกาํ หนดชนิดกีฬาหรือใหน กั เรยี นเลือกชนิดกฬี า เพื่อนาํ มาคิดเกมนาํ ไปสู นกั เรยี นจะเลน เกมนาํ ไปสกู ฬี าเมอื่ นกั เรยี นมคี วามพรอ มเรอื่ งใดมากทส่ี ดุ
กฬี า ควรเปน กฬี าทม่ี ีอุปกรณป ระกอบ และเกมทค่ี ิดควรใชท กั ษะการเลน ของชนิด 1. มีทกั ษะ
กีฬานัน้ ๆ และควรใหน ักเรียนศึกษาขอมูลของกฬี าท่เี ลอื กใหเขาใจกอนจะคิดเกม 2. มีความรูกฎ กติกา
นาํ ไปสูกฬี า 3. มมี ารยาทในการเลน
4. มนี า้ํ ใจนกั กีฬา
นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค ําตอบ การเลนเกมนําไปสูก ีฬา นักเรียนตองมคี วามพรอ ม
ในเรื่องทกั ษะของกีฬาท่จี ะเลน เพราะจะทาํ ใหนกั เรียนเลนเกมโดยใชทกั ษะ
1 เกมเตะบอลวงกลม นักเรียนตอ งใชท กั ษะการเลนกฬี าฟุตบอล คอื ของกฬี าชนิดนั้นไดถ กู ตอ ง ตามกตกิ า จึงจะเลน เกมไดอ ยา งสนกุ สนาน
การเตะลกู ดวยหลังเทา และการเตะลูกดว ยขา งเทาดานใน ดงั นั้น ขอ 1. จึงเปนคาํ ตอบที่ถกู
2 เกมวง่ิ ขามสิ่งกดี ขวาง นักเรียนตองมที กั ษะการเลนกรีฑา คือ การวง่ิ
และการกระโดดสงตวั ขา มสง่ิ กีดขวาง

108 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๓. กจิ กรรมแบบผลดั 1. ใหน ักเรียนแตละกลมุ ออกมาสาธติ การเลน
กิจกรรมแบบผลัดตามลําดับ ดังนี้
กจิ กรรมแบบผลดั เปน็ การแขง่ ขนั หรอื เลน่ เปน็ กลมุ่ โดยตอ้ งเลน่ จนครบ • นักเรยี นใชลูกปงปองในการเลนกจิ กรรม
แบบใด อยา งไร
ท กุ คน ถ ้ากล๑่มุ ) ใดเกทมา� เโสยรน็จบก่ออนล1หรอื ได้คะแนนมากกวา่ จะเปน็ ผ้ชู นะ • สาธิตการเลน
• บอกประโยชนท ไ่ี ดร บั
มีวธิ เี ลน่ ดังน้ี
(๑) ผ้เู ล่นเขา้ แถว 2. ใหนกั เรยี นทุกกลมุ เลน กจิ กรรมแบบผลดั เพื่อ
เรียงหน้ากระดาน ๒ แถว ยืนหนั หน้า เก็บคะแนน โดยใหก ลุมทเี่ ปน เจาของกิจกรรม
เขา้ หากนั เปนกรรมการตัดสิน
(๒) ผเู้ ลน่ โยนบอล • กลมุ ท่ไี ดที่ 1 ได 3 คะแนน
กลบั ไปกลบั มาและไม่ใหซ้ �้าคน โดย • กลุมที่ไดท ี่ 2 ได 2 คะแนน
เรม่ิ จากค่ทู ่ ี ๑ ไลไ่ ปจนถงึ คสู่ ุดทา้ ย • กลุม ท่ีไดท ่ี 3 ได 1 คะแนน

๒) เกมส่งบอลลอดถ้�า มวี ิธีเล่น ดังนี้

(๑) แบง่ ผ้เู ลน่ ออกเปน็ กล่มุ กลุ่มละเท่าๆ กนั แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุม่
เข้าแถวตอน แล้วยืนแยกเท้า
(๒) ให้ผู้เล่นท่ีอยู่หัวแถวก้มตัวลงส่งบอลลอดขาของตนเองให้
ผเู้ ลน่ คนถดั ไป แล้วใหส้ ่งต่อๆ กันไปจนถึงคนทา้ ยแถว โดยไม่ให้บอลตกพืน้
(๓) ผู้เล่นที่อยู่ท้ายแถว เมื่อได้รับบอลแล้ว ให้รีบวิ่งไปยืนท่ี
หวั แถว แลว้ สง่ บอลลอดขาเชน่ เดมิ ใหป้ ฏบิ ตั เิ ชน่ นตี้ อ่ ไปเรอ่ื ยๆ จนผเู้ ลน่ คนแรก
กลบั มาอยู่ที่หัวแถวเช่นเดิม
(๔) แถวใดทผ่ี เู้ ลน่ คนแรกกลบั มายนื หวั แถวไดก้ อ่ นจะเปน็ ผชู้ นะ

109

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

จดุ มุง หมายของกจิ กรรมแบบผลัดคอื อะไร และนาํ มาใชใ นชีวติ ประจาํ วัน • ใหน ักเรยี นวเิ คราะหว า การทํากจิ กรรมแบบผลดั ตองใชค ุณธรรมใดบา ง
ไดอ ยางไร พรอมอธิบายหรอื ยกตวั อยา งประกอบ
แนวตอบ การเลนกิจกรรมแบบผลัดมีจดุ มุง หมายใหเ ราสามารถเลน
กิจกรรมแบบผลดั รว มกับกลุม ของเราไดจนสําเรจ็ ไมว า ผลจะแพหรือชนะ • กอ นการเลนเกม ครูควรใหแตละกลมุ พูดคยุ กัน เพอ่ื ฝก วางแผนการเลน
ถา เราชนะกค็ ือเราเลน กจิ กรรมน้นั รวมกันไดดี แตถาเราแพเ ราก็สามารถ เปนกลุม
พัฒนาการเลนของกลมุ ใหด ยี ิ่งขึ้น เราสามารถนาํ หลักการทํางานรวมกัน
มาใชไ ดกบั การทาํ กจิ กรรมกลุมรว มกับผอู น่ื และเคารพกติกาทีก่ าํ หนดขน้ึ นกั เรยี นควรรู
ไดอยา งมีประสิทธิภาพ
1 เกมโยนบอล เปน เกมทต่ี องใชค วามสมั พนั ธข องสายตาและมือ โดยผูเลน ท่ี
โยนลูกบอลตองมองท่ีผูร บั และโยนลูกบอลใหตรงกบั ผูรบั สว นผรู บั ตอ งมองลูกบอล
ทล่ี อยมา เพื่อใหร บั ลกู บอลได

คมู ือครู 109

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครูประเมินกิจกรรมท่ีนักเรียนคดิ แลว สังเกต ๓) เกมเขี่ยบอลเข้าประต ู มีวธิ ีเล่น ดังนี้
การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และประเมนิ การเลนกิจกรรม (๑) แบง่ ผู้เลน่
ของแตล ะกลมุ (ครสู ามารถประเมนิ ความคดิ ออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน
สรา งสรรคเปรียบเทียบแตละกลุมได ให้แต่ละกลุ่มยืนเข้าแถวหลังเส้น
เพราะใชอ ปุ กรณเ ดยี วกนั คอื ลกู ปง ปอง)

ท่ีกา� หนด ๕
(๒) ผเู้ ลน่ คนแรก
วง่ิ ไปเขย่ี ลกู บอลทว่ี างอยลู่ กั ษณะ ๑ ๒๓๔
ตามภาพ โดยวางแผนกนั วา่ ใครจะ
เขยี่ ลกู ใดก่อน
(๓) เมื่อผู้เล่นคนแรกเขี่ยลูกบอลเสร็จแล้วให้กลับมาแตะมือ
ผเู้ ลน่ คนถัดไป ผ้เู ล่นคนถดั ไปท�าเหมอื นคนแรก
(๔) กลุ่มใดท�าเสร็จก่อน และมีลูกบอลเข้าประตูมากท่ีสุดเป็น
ฝา่ ยชนะ
๔) เกมตีบอลเขา้ เปา มีวธิ ีเลน่ ดงั น้ี
(๑) แบ่งผเู้ ลน่ ออกเป็นกลมุ่ กลุม่ ละเท่าๆ กัน แต่ละกลุม่ ยืนเขา้
แถวตอนหลงั เส้นที่ก�าหนด
(๒) ผเู้ ลน่ คนแรก
ตีลูกบอลให้โดนก�าแพงที่ขีดช่อง
คะแนนไว้ เม่ือตีเสร็จให้รีบเก็บ ๔ ๕ ๓
ลกู บอล แลว้ สง่ ใหผ้ ู้เลน่ คนถัดไป ๑ ๒

ผู้เล่นคนถัดไปท�าแบบเดียวกับ
ผู้เล่นคนแรก
(๓) กลุ่มใดท�า
เสรจ็ กอ่ น และมคี ะแนนมากทสี่ ดุ
เป็นฝ่ายชนะ

110

เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT 2. ขมี่ า สง เมอื ง
ขอใดแตกตา งจากขออ่ืน 4. วิง่ ผลดั
ครูควรเลือกเกมที่เลนเปน กลมุ เพ่ือใหส มาชกิ ในกลุม ไดเลน รวมกัน ผทู มี่ ที ักษะ 1. ลิงชงิ บอล
การเลนนอ ยกวาคนอ่ืนจะไดม สี วนรวมในการเลนอยา งสนกุ สนาน เพราะไมต อง 3. วิง่ เปย ว
ออกจากการเลนเกมกอ นผทู มี่ ที ักษะการเลนทีด่ ีกวา กอ ใหเ กดิ ทัศนคติท่ีดตี อตนเอง
และคุณคาของการเลนเกม วิเคราะหคาํ ตอบ ลิงชิงบอล ขีม่ า สง เมือง และวิ่งเปย ว เปน การละเลน

พื้นเมือง สวนว่งิ ผลดั เปน กฬี าสากล ดังนน้ั ขอ 4. จงึ เปนคําตอบทถี่ กู

110 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

õ ¡ÒÃÅÐàŹ‹ ¾é¹× àÁ×ͧ 1. ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ ออกมาสาธิตการละเลน
พ้ืนเมอื ง ตามลําดับ ดงั น้ี
การละเล่นพื้นเมือง เป็นการละเล่นในท้องถิ่นท่ีสืบทอดกันมาแต่อดีต • การละเลน พนื้ เมืองของประเทศใด
ซงึ่ มกี ฎ กตกิ าไมม่ าก สามารถเลน่ ไดท้ ง้ั ในทก่ี ลางแจง้ และในทร่ี ม่ ทา� ใหผ้ เู้ ลน่ เกดิ • สาธิตการเลน
ความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ มคี วามสามัคคี และยังช่วยอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย • บอกประโยชนทีไ่ ดรับ
การละเลน่ พนื้ เมอื งมหี ลายอยา่ ง เชน่ วงิ่ เปยี ว อตี กั งกู นิ หาง รรี ขี า้ วสาร
หมากเก็บ เปน็ ตน้ ในชนั้ น้ีนกั เรยี นได้ฝกึ เล่นวง่ิ เปียว ซงึ่ เปน็ การละเลน่ ทเี่ หมาะ 2. ใหนักเรยี นทุกกลุมเลน การละเลนพนื้ เมอื ง
กับวยั ของนักเรียน เพอ่ื เกบ็ คะแนน โดยใหก ลุมท่เี ปนเจา ของเกม
เปน กรรมการตดั สนิ
วิง่ เปย ว • กลุมท่ีไดท ี่ 1 ได 3 คะแนน
• กลมุ ทีไ่ ดท่ี 2 ได 2 คะแนน
อปุ กรณ ๑) ไม้ ๒ ท่อน หรอื ผา้ ๒ ผืน • กลุมท่ีไดท ่ี 3 ได 1 คะแนน
๒) หลัก ๒ หลัก เชน่ เสาหลกั ต้นไม้
3. ครูสังเกตการปฏิบตั ิกิจกรรม และประเมินการ
วธิ เี ลน่ เลนการละเลน พนื้ เมอื งของแตละกลมุ
๑) วางหลกั แต่ละหลกั ให้หา่ งกันประมาณ ๕ เมตร
๒) แบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน ให้แต่ละกลุ่มยืน 4. ใหนกั เรยี นจดั ปา ยนเิ ทศใหความรกู ารละเลน
เขา้ แถวอย่หู ลงั หลกั โดยหนั หนา้ เขา้ หากนั และมีผู้ตดั สิน ๑ คน พน้ื เมอื งของประเทศอาเซยี น
๓) เมอื่ ผตู้ ดั สนิ ใหส้ ญั ญาณเรมิ่ เลน่ ใหผ้ เู้ ลน่ คนแรกของแตล่ ะแถวถอื ไม้
หรือผ้ารีบวิ่งไปอ้อมหลักของฝ่ายตรงข้าม แล้วกลับมาส่งไม้หรือผ้าให้กับผู้เล่น 5. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปการเลน เกมที่มผี ล
คนต่อไปของกลุม่ เปน็ คนว่ิงต่อไป ใหว้ ่ิงและสง่ ไมห้ รือผา้ ต่อกันไปเรือ่ ยๆ ตอสุขภาพและจิตใจ เปนแผนผังความคดิ
๔) ขณะท่ีวง่ิ ให้ผเู้ ลน่ ของแตล่ ะฝา่ ยพยายามว่ิงไล่อกี ฝา่ ยให้ทัน แล้วใช้
ไมห้ รือผ้าในมือแตะฝ่ายตรงขา้ มใหไ้ ด้
๕) ฝ่ายใดไลแ่ ตะฝา่ ยตรงข้ามได้กอ่ น ถือวา่ เป็นฝา่ ยชนะ

111

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

ถานกั เรยี นเปนหัวหนากลมุ นกั เรียนจะวางแผนการเลนว่ิงเปยวอยา งไร ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ เขยี นเกมทน่ี กั เรยี นคดิ ลงในกระดาษและตกแตง ใหส วยงาม
แนวตอบ ถาเปนหัวหนา กลมุ ควรจะวางแผนการเลนวิ่งเปย ว ดังนี้ แลวรวบรวมเปน สมดุ เกมนํามาสง ครู
• ศึกษาคน ควาขอ มลู การวิง่ ใหเร็ว คือ ตอ งวิ่งดวยปลายเทา สบั แขนใหเ รว็
บูรณาการอาเซียน
ลาํ ตวั พุงไปขางหนา เลก็ นอ ย
• เสรมิ สรา งความแข็งแรงของกลามเน้ือขาดว ยการออกกาํ ลังกายอยา ง นกั เรยี นสบื คนการละเลน พน้ื เมอื งของสมาชิกอาเซียนแตล ะประเทศ บอกวธิ ี
การเลนและประโยชนท่ไี ดร ับ (ถา สามารถบอกความคลา ยคลงึ กนั กับการละเลน
สมาํ่ เสมอโดยการว่งิ เหยาะๆ ใหก ลามเนอ้ื ขาไดก ําลัง พืน้ เมอื งของไทยไดด วยก็จะดี) จากน้ันอาจแบง กลุมทําการสาธิตการละเลน
• เม่ือถึงเวลาว่ิงเปยวควรวางแผนใหผทู ี่ออกตัวไดเรว็ และวิง่ ไดเ รว็ ว่งิ เปน พ้ืนเมอื งของแตละชาติ

คนแรก
• ถาใชผา ใหผ ูกปมผา ทีป่ ลายทั้ง 2 ขา ง เพอ่ื ใหมนี า้ํ หนกั เหวย่ี งเวลาสงให

คนถัดไป

คมู อื ครู 111

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain
Engage Expand Expand Evaluate

ขยายความเขา ใจ

ใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมการเรียนรู ตอนที่ 1 ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
คาํ ถามชวนคดิ และตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทํา

ตรวจสอบผล Evaluate

1. ครปู ระเมนิ การคดิ เกมเบด็ เตลด็ เกมนาํ ไปสกู ฬี า ตอนที ่ ๑ ค�าถามชวนคดิ
กจิ กรรมแบบผลัด และการละเลน พนื้ เมือง เขยี นตอบค�าถามต่อไปน้ลี งในสมุด (ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมขึน้ อยูกับดุลยพนิ ิจของครผู ูส อน)
๑) หลังจากทน่ี ักเรยี นเลน่ เกมแลว้ นกั เรยี นร้สู ึกอยา่ งไร
2. ครปู ระเมนิ การเลน เกมเบ็ดเตล็ด การเลนเกม ๒) นกั เรยี นเคยเลน่ เกมอะไรบ้าง และเกมน้ันใช้ทกั ษะการเลน่ กฬี าชนดิ ใด
นาํ ไปสูกฬี า การเลน กิจกรรมแบบผลัด ๓) นกั เรียนชอบเลน่ กีฬาอะไร และถ้านักเรยี นจะคิดเกมท่ีนา� ไปสู่กฬี า เกมนัน้ จะมี
และการเลนการละเลน พ้ืนเมอื ง แลว ครรู วบรวม วธิ กี ารเลน่ อย่างไร
คะแนนการปฏบิ ัติกิจกรรมทง้ั หมด เพอ่ื สรุป
กลมุ ทช่ี นะ ตอนที ่ ๒ ชวนคิด ชวนทา� (ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมขึ้นอยูกับดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูสอน)
แบง่ กลุ่ม เลอื กเล่นเกมหรอื กจิ กรรมทางกายตามทเี่ รยี นมา ๑ กจิ กรรม แลว้ ตอบค�าถาม
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๑) นกั เรยี นเลอื กเล่นกิจกรรมน ้ี เพราะเหตใุ ด
1. เกมเบด็ เตล็ดที่นักเรียนคิด ๒) กลุ่มของนกั เรียนมกี ารวางแผนกอ่ นปฏิบัตกิ จิ กรรมหรอื ไม่ อย่างไร
2. เกมนาํ ไปสูก ีฬาทีน่ ักเรยี นคดิ ๓) กอ่ นทนี่ กั เรียนจะเล่นกิจกรรมน้ี นักเรยี นควรท�าอย่างไร
3. กิจกรรมแบบผลัดทนี่ กั เรยี นคิด ๔) นกั เรยี นปฏบิ ตั หิ นา้ ทที่ ี่ไดร้ บั มอบหมายจากกลมุ่ ครบถว้ นหรอื ไม ่ เพราะเหตใุ ด
4. การละเลน พนื้ เมอื งที่นกั เรยี นคน ควา มา ๕) นกั เรยี นปฏิบัติไดถ้ ูกต้องตามกฎ กติกาการเลน่ หรือไม ่ อย่างไร
๖) นักเรยี นเล่นกิจกรรมแบบผลดั ได้คลอ่ งแคลว่ และปลอดภยั หรือไม่ อยา่ งไร
๗) นกั เรียนมีพฤตกิ รรมทเี่ คารพสิทธิของตนเองและผอู้ นื่ หรือไม่ อย่างไร
๘) นักเรียนคดิ วา่ ตนเองและกลุม่ มขี ้อควรปรบั ปรงุ แก้ไขอย่างไร
๙) นักเรียนมีวิธีการแก้ไขข้อบกพรอ่ งของกลมุ่ ตนเองอย่างไร
๑๐) ถา้ กล่มุ นกั เรียนเปน็ กลมุ่ ทีแ่ พ้ นกั เรยี นควรทา� อยา่ งไร

ตอนท ่ี ๓ ผลงานสร้างสรรค (ผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมขึ้นอยูกับดลุ ยพนิ จิ ของครูผูสอน)
แบ่งกลมุ่ ใหแ้ ต่ละกล่มุ คิดเกมเบด็ เตลด็ เกมนา� ไปสกู่ ีฬา หรือกจิ กรรมแบบผลดั มา ๑
กิจกรรม จากน้ันนา� มาสาธติ ใหเ้ พื่อนกลุ่มอื่นดแู ละเลน่ ตาม ผลดั กนั เลน่ จนครบทุกกล่มุ
แล้วรว่ มกันให้คะแนนวา่ ตนเองชอบกิจกรรมของกล่มุ ใดมากทสี่ ดุ

112

บรู ณาการอาเซียน

ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นเขาใจวา ในประเทศสมาชิกอาเซยี นประเทศอ่นื ๆ ก็มีการละเลนพน้ื บานของแตล ะประเทศดว ย
เชน กนั ซ่ึงผูใหญหรอื เด็กสามารถเลน ได เชน
การลากทางมะพราว (tarik การเลน ซอ นของ
Upeh) เปน การละเลนพ้ืนบาน เปน การละเลน พน้ื บา น
ของประเทศมาเลเซีย มลี กั ษณะ ของประเทศลาว มลี ักษณะ
คลายกับการลากกาบหมาก คลายกบั มอญซอ นผา
แขง กนั ของไทย ของไทย

112 คมู อื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรียนรู

òº··èÕ สาระส�าคัญ 1. แสดงทักษะกลไกในการปฏิบัติกิจกรรมทาง
กฬี า กฬี าเปน็ กจิ กรรมทต่ี อ้ งใชท้ กั ษะการเคลอื่ นไหว กายและเลนกฬี า (มฐ. พ 3.1 ป. 5/4)
ร่างกาย และมีกฎ กตกิ าในการเลน่ ผู้เลน่
¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ จึงตอ้ งฝกึ ทักษะ และปฏิบตั ติ ามกฎ กตกิ า 2. เลน กฬี าไทยและกฬี าสากล ประเภทบคุ คลและ
สิทธิของตนเองและผู้อ่ืน ยอมรับในความ ประเภททมี อยา งละ 1 ชนดิ (มฐ. พ 3.1 ป. 5/5)
แตกต่างระหว่างบุคคลในการเล่นกีฬาและ
มนี ้า� ใจเปน็ นกั กฬี า 3. เลน กฬี าทต่ี นเองชอบอยา งสมาํ่ เสมอ โดยสรา ง
ทางเลือกในวิธีปฏิบัติของตนเองอยางหลาก
หลายและมีน้ําใจนักกีฬา (มฐ. พ 3.2 ป. 5/2)

4. ปฏิบัติตามกฎ กติกาการเลนเกม กีฬาไทย
และกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เลน
(มฐ. พ 3.2 ป. 5/3)

5. ปฏิบัติตนตามสิทธิของตนเอง ไมละเมิดสิทธิ
ผูอื่น และยอมรับในความแตกตางระหวาง
บคุ คลในการเลน เกม และกฬี าไทย กฬี าสากล
(มฐ. พ 3.2 ป. 5/4)

6. ปฏบิ ตั ติ นเพอื่ ปอ งกนั อนั ตรายจากการเลน กฬี า
(มฐ. พ 5.1 ป. 5/5)

สมรรถนะของผูเรียน

1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการแกปญ หา
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ

? คุณลกั ษณะอันพึงประสงค

¹¡Ñ àÃÕ¹Ì٨¡Ñ ¡ÕÌÒã¹ÀÒ¾ËÃ×ÍäÁ‹ 1. มวี ินยั รับผดิ ชอบ
¶ÒŒ èŒÙ ¡Ñ ºÍ¡ä´ŒËÃ×ÍäÁ‹ÇÒ‹ 2. ใฝเรียนรู
3. มงุ มน่ั ในการทาํ งาน
໚¹¡ÕÌÒª¹Ô´ã´ ÁÕÇÔ¸Õ¡ÒÃàŹ‹ ÍÂÒ‹ §äÃ
กระตนุ ความสนใจ Engage
11๓
ใหน กั เรยี นดภู าพ หนา 113 แลว ชว ยกนั บอกวา
นักเรียนรจู ักกฬี าในภาพหรือไม ถา รจู กั บอกได
หรอื ไมวา เปนกฬี าชนดิ ใด มีวิธกี ารเลนอยา งไร

(ตอบ กฬี าในภาพ คือ ตะกรอ เปน กฬี าของไทย
เลน เปนทีม โดยเลนลกู ตะกรอใหไปตกในแดนของ
ฝง ตรงขา ม จึงจะไดคะแนน)

เกรด็ แนะครู

ครูจัดกระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนักเรียนปฏิบตั ิ ดังนี้
• การทาํ งานกลมุ โดยใหน กั เรียนรวมกันฝก ซอ มทักษะกฬี า
• การสบื คน ขอมูลกฬี าไทยและกฬี าสากล
• การวเิ คราะหผ ลการเลน กีฬาและหาวธิ ปี รบั ปรุงแกไ ข
จนเกิดเปน ความรคู วามเขาใจวา กฬี าเปน กิจกรรมทีต่ อ งใชท ักษะ
การเคลอ่ื นไหว มีกฎ กติกาการเลน ทแ่ี นนอน ผูเลนจงึ ตองฝก ทักษะการเลน
และปฏิบัติตามกฎ กติกา และมนี า้ํ ใจเปนนักกีฬา

คมู ือครู 113

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

สาํ รวจคน หา Explore

1. ใหน ักเรียนแบง กลมุ แตละกลมุ ศึกษาคนควา กฬี าเปน็ กจิ กรรมทต่ี อ้ งใชท้ กั ษะในการเลน่ กฬี ามที ง้ั กฬี าไทย กฬี าสากล
ขอ มลู กฬี าไทย มากลมุ ละ 1 ชนดิ มหี วั ขอ ดงั น้ี ท่ีเราสามารถเลือกเล่นได้ตามความชอบและความถนัด เพ่ือพัฒนาทักษะให้มี
• ประวตั ิ ประสทิ ธภิ าพดีข้ึน และเล่นไดอ้ ยา่ งสนกุ สนาน
• อปุ กรณก ารเลน
• กฎ กติกาการเลน ๑ ¡ÕÌÒ
• วธิ กี ารเลน
“นกั เรยี นชอบเลน่ กฬี าอะไร เพราะอะไร”
2. ใหแ ตละกลุมออกมานาํ เสนอหนา ชนั้ เรียน กฬี า เปน็ กจิ กรรมหรอื การเลน่ ในลกั ษณะมกี ฎ กตกิ าแนน่ อน จดุ มงุ่ หมาย
ของการเล่นกฬี ามหี ลายประการ คือ เลน่ เพ่อื สขุ ภาพ เลน่ เพื่อความสนกุ สนาน
เพลดิ เพลิน เลน่ เพอ่ื เขา้ รว่ มกบั กลุ่ม และเล่นเพ่ือการแข่งขันชงิ ความเปน็ เลิศใน
ระดบั ตา่ งๆ

๑. ประเภทของกีฬา

กฬี าแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ

๑) กฬี าไทย แบง่ ไดเ้ ปน็ ประเภทบคุ คล เชน่ กระบก่ี ระบอง มวยไทย

เป็นตน้ ประเภททมี เชน่ เซปกั ตะกรอ้ ตะกร้อลอดหว่ ง เปน็ ตน้

๒) กฬี าสากล แบง่ ไดเ้ ปน็ ประเภทบคุ คล เชน่ เทเบลิ เทนนสิ กรฑี า

เป็นตน้ ประเภททมี เชน่ ฟตุ บอล วอลเลยบ์ อล เปน็ ตน้

๒. การปฏบิ ัตเิ พอื่ ปองกนั อนั ตรายจากการเลน่ กีฬา

การปฏิบัติตนเพอื่ ความปลอดภยั ในการเล่นกีฬา สามารถปฏบิ ัตไิ ด้ดังนี้
๑) ก่อนเร่ิมเล่นกีฬา ควรอบอุ่นร่างกาย และเตรียมความพร้อม
ของร่างกายก่อน
๒) สวมเคร่อื งแตง่ กายท่ีรดั กุมและเหมาะสม
๓) ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์และสนามใหเ้ รยี บร้อย
๔) ปฏิบัติตามกฎ กติกา และขอ้ ตกลงในการเล่นกีฬา
๕) ขณะฝึก ควรมีผสู้ อนคอยดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ
๖) ควรเร่ิมฝกึ จากท่าทง่ี า่ ยไปหาท่าท่ียากข้นึ
๗) หลังเล่นกีฬาเสร็จแล้ว ควรมีการยืดเหยียดกล้ามเน้ือ เพื่อให้
114กลา้ มเนอ้ื คลายตัว

เกรด็ แนะครู ขอสอบ O-NET
ขอ สอบป ’52 ออกเก่ียวกับ กฬี าประเภททมี
ครูถามนกั เรียนวา นกั เรียนรูจักกีฬาใดบาง ใหต อบมา 1 ชนิด แลว ใหน ักเรียน การปฏิบตั ติ นในขอ ใดเหมาะสมในการเปน ผเู ลนกฬี าเปน ทีม
บอกวา กฬี าชนดิ นั้นอยูในประเภทอะไร และประโยชนข องกีฬาประเภทน้นั 1. เลอื กตําแหนง ผเู ลน ท่นี กั เรียนชอบ
2. เลือกตาํ แหนง ทม่ี คี วามสาํ คญั และเปน หวั ใจของทีม
มุม IT 3. เลนตามตาํ แหนงท่ีไดร บั มอบหมาย
4. ยอมเปน ตวั สาํ รองเมื่อไมไดเ ลนตาํ แหนงทีต่ องการ
นกั เรยี นสบื คนขอ มลู กีฬาประเภทตา งๆ ไดจ ากเว็บไซตก ารกฬี า วเิ คราะหคําตอบ การเลน กฬี าประเภททีมตอ งอาศยั ความสามคั คีและ
แหง ประเทศไทย www.sat.or.th การทาํ หนา ทใี่ นตาํ แหนง ของตนเองที่ไดร ับมอบหมายตามความสามารถ
ดงั น้ันเราจงึ ตอ งคํานึงถงึ ความสามารถของตนเองทีเ่ หมาะสมกบั ตาํ แหนง
ท่ไี ดรับมอบหมายและเลน ใหด ีท่ีสดุ จึงจะทาํ ใหทมี ประสบความสําเร็จ
ดงั น้นั ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบทีถ่ ูก

114 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๒ ¡ÕÌÒä·Â 1. ครูอธบิ ายความรูเ พิ่มเตมิ ความหมายของกฬี า
ไทย และมีกฬี าไทยทย่ี กตัวอยา งในแบบเรยี น
กีฬาไทย จัดเป็นกีฬาที่เป็นศิลปวัฒนธรรมไทยและเป็นเอกลักษณ์ คือ วงิ่ ชงิ ธง และตะกรอ
ประจ�าชาติไทย ท่ีบรรพบุรุษได้คิดค้นและพัฒนาสืบทอดจนมาถึงปัจจุบัน
ได้แก่ ว่ิงชิงธง มวยไทย ตะกร้อ ตะกร้อลอดห่วง ว่าวไทย กระบ่ีกระบอง 2. ครูอธบิ ายวธิ ีการเลน วิ่งชิงธงแลว ใหนักเรียนจับ
ดาบไทย หมากกระดาน เรือยาว เปน็ ต้น ฉลากเพอื่ เลอื กคแู ละแบง สายแขงขันกนั และ
ในระดับช้ันน้ี เราจะได้เรียนกีฬาวิ่งชิงธงและตะกร้อ ซ่ึงเป็นกีฬาไทยท่ี หาผูช นะเพยี งคนเดยี ว
นยิ มเลน่ กนั มานาน และสามารถพบเหน็ ไดท้ วั่ ไปในทกุ ทอ้ งถนิ่ ซงึ่ อาจเปน็ เพราะ
ใช้พนื้ ที่ในการเล่นไมม่ าก ไมจ่ �ากัดลกั ษณะ และรูปร่างของผู้เลน่

๑. วิง่ ชงิ ธง

ว่ิงชิงธง เป็นการเล่นท่ีเก่าแก่ชนิดหนึ่งของไทย นิยมเล่นกันในจังหวัด
ตา่ งๆ ของภาคกลาง การวงิ่ ลกั ษณะนสี้ นั นษิ ฐานวา่ เลยี นแบบมาจากการแขง่ ขนั
วิ่งวัวควายท่ีใช้วัวหรือควายวิ่งแข่งกัน ชาวบ้านในสมัยก่อนนิยมเล่นว่ิงชิงธง
เพือ่ เป็นเปน็ การประลองความเรว็

๑) อุปกรณแ ละสนาม

ธง เสาหลักสา� หรับพันเชือกหรือผา้ ผูกเอว
ราวเชือกผูกธงสี

เสาหลกั เสยี บธง
๒๐ เมตร

๒) วธิ เี ล่น

(๑) ปกั เสาหนง่ึ ตน้ ทเี่ สน้ เรมิ่ และวดั จากเสน้ เรมิ่ ไปตามความยาว
ทกี่ า� หนด ปกั หลกั สา� หรบั เสยี บธง มรี าวเชอื กผกู ธงระหวา่ งเสาทเ่ี สน้ เรมิ่ และหลกั
สา� หรบั เสียบธง เปน็ เส้นกน้ั แดน
(๒) ผูเ้ ล่นอยูค่ นละแดน ทัง้ สองคนผูกเอวดว้ ยเชือกหรือผา้ แล้ว
นา� ไปคลอ้ งไวก้ บั เสาทเี่ สน้ เรม่ิ ผเู้ ลน่ ยนื เตรยี มพรอ้ มทจ่ี ะออกวง่ิ ในระดบั เดยี วกนั
(๓) เมื่อได้ยินสัญญาณปล่อยตัว ให้ผู้วิ่งแกะเชือกท่ีผูกเสาออก
แลว้ วิง่ ไปที่เสาที่ปกั ธงไวแ้ ละควา้ ธงออกจากเสา ใครควา้ ไดจ้ ะเป็นผู้ชนะ

115

ขอ สอบ O-NET เกร็ดแนะครู

ขอ สอบป ’53 ออกเกีย่ วกับ กฬี า ใหน ักเรียนทีส่ ามารถเตะหรือเดาะตะกรอไดดี มาสาธิตใหเ พื่อนดู รวมกัน
นักเรียนจะเลนกฬี าไดอยางสนุกสนานเม่อื นกั เรียนมีความพรอ มเรอ่ื งใด บอกเทคนคิ สั้นๆ ในการเลนตะกรอ โดยครูชว ยเสรมิ และอธิบายเพมิ่ เตมิ

มากทส่ี ดุ บรู ณาการอาเซียน
1. มีทกั ษะ
2. มีความรกู ฎ กติกา ครยู กตวั อยางกีฬาของประเทศในกลุมอาเซียนทคี่ ลายกบั กฬี าไทย เชน
3. มีมารยาทในการเลน กีฬาประดลั เสรี (Pradal serey) ซง่ึ เปน กีฬาพน้ื บานของประเทศกัมพูชา
4. มีนา้ํ ใจนักกีฬา มีลักษณะคลายมวยไทย โดยกอนการชกจะมกี ารไหวค รู และมีการบรรเลงดนตรี
วเิ คราะหคาํ ตอบ นักเรยี นจะเลนกฬี าไดอยา งสนกุ สนาน เม่ือนักเรยี น ระหวางชก

มที กั ษะการเลนกีฬานน้ั ๆ ถา นกั เรยี นไมมีทกั ษะการเลนกีฬาก็อาจทําใหเ กิด การแขง ขนั กีฬาประดัลเสรี จะแบง การแขงขนั ครง้ั ละ 5 ยก ยกละ 3 นาที
โดยกรรมการจะตัดสนิ โดยการนับคะแนนเมื่อสกู ันครบยก ฝา ยใดไดค ะแนน
ความเบ่ือหนา ย ไมอยากเลนได ดังนั้น ขอ 1. จงึ เปน คําตอบท่ีถูก มากกวาเปน ผชู นะ หรอื หากทาํ ใหคูตอ สูลมโดยไมส ามารถสตู อ ไดภายใน 10 วนิ าที
ก็จะถอื เปนผชู นะเหมอื นกัน

คมู อื ครู 115

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูอธิบายความรเู พ่ิมเตมิ การเลนตะกรอ พรอม ๒. ตะกรอ้
สาธติ ทกั ษะเบื้องตนในการเลนตะกรอ
ตะกรอ้ เปน็ กฬี าทคี่ นในอดตี คดิ ขน้ึ มาใหส้ อดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ ของคนไทย
2. ครูสุม นักเรียน 1 คน ออกมาสาธติ รว มกับครู เช่น การใชเ้ ท้า เขา่ ศอก และศรี ษะในการเล่น ซงึ่ อวยั วะเหลา่ นีค้ นไทยมักใช้
3. ครใู หน ักเรียนจับคฝู กทกั ษะเบ้อื งตน ในการเลน ในการต่อสู้ป้องกนั ตวั เป็นตน้ หาสถานท่ีในการเลน่ ตะกร้อได้งา่ ย เป็นการเล่น
เพือ่ ความสนกุ สนาน และเล่นรว่ มกนั ไดท้ ั้งเด็กและผู้ใหญ่
ตะกรอ เพื่อประเมนิ ทักษะ
๑) ทกั ษะเบอ้ื งตน้ ในการเลน่ ตะกรอ้ นกั เรยี นควรฝกึ ทกั ษะเบอ้ื งตน้

ในการเลน่ ตะกรอ้ ดงั น้ี
(๑) การยนื ในทา่ เตรยี ม ใหย้ นื แยกเทา้ หา่ งกนั ๑ ชว่ งไหล ่ งอเขา่

เล็กนอ้ ย ล�าตวั ต(ร๒ง)ห กรือารเอเตนะไลปูกขตา้ ะงกหรนอ้ 1า้ เมลวี็กิธนีปอ้ ฏยบิ ตัตาหิ มลอางยลวูกธิ ตี ดะังกนรอ้ี้
การเตะลกู ตะกรอ ดว ยขา งเทา ดา นใน ยนื อยใู่ นทา่ เตรยี มพรอ้ ม

เม่ือลูกตะกร้อลอยมาให้ย่อเข่าเล็กน้อย ยกเท้าข้างที่ถนัดข้ึนเตะลูกตะกร้อใน
ลกั ษณะหงายเทา้ ดา้ นในขนึ้ ขา้ งบนใหล้ กู ตะกรอ้ ถกู ขา้ งเทา้ ดา้ นในบรเิ วณใตต้ าตมุ่
ข้อเท้าเกร็ง ปลายเทา้ และส้นเท้าขนานกับพื้น แบะเข่าออกดา้ นข้างเพ่อื ให้เตะ
ไดง้ า่ ยขึ้น

11๖ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
การเลน ตะกรอ ชวยสรา งเสริมรางกายใหแ ข็งแรงไดอยา งไร
นกั เรยี นควรรู แนวตอบ การเลนตะกรอทําใหร างกายแข็งแรงโดยเฉพาะชวงลําตัว ขา
และขอ ตอ ทมี่ ีการเคลื่อนไหวเพอื่ เลน ลูกในลกั ษณะตา งๆ เชน การเตะลูก
1 ลูกตะกรอ ตอ งมีลักษณะเปนทรงกลม ทาํ ดวยหวาย หรือใยสังเคราะห ดว ยขา งเทา ดา นนอก จะตอ งมกี ารบดิ ลาํ ตวั และยกขาไปดา นขา งเพอื่ เลน ลกู
ช้นั เดียว มรี ู 12 รู มีจดุ ตดั ไขว 20 จดุ หากทําดวยหวายตอ งมจี าํ นวน 9-11 เสน ทาํ ใหชวงลําตวั ดา นขาง ขา ขอตอ เขา และขอตอ เทาไดเคลือ่ นไหว
ขนาดเสน รอบวง 41-43 ซม.สาํ หรับชาย และ 42-44 ซม. สําหรบั หญิง มนี ํา้ หนกั
170-180 กรมั สาํ หรบั ชาย และ 150-160 กรมั สําหรับหญิง กจิ กรรมทาทาย

บรู ณาการอาเซียน ใหน กั เรยี นวิเคราะหทักษะเบือ้ งตนในการเลน ตะกรอ แตละทา วาใชใ น
การเลน ลูกในรูปแบบใด เพราะอะไร เชน การเลน ลูกดวยศรี ษะใชกบั ลูก
ใหนกั เรียนสืบคน ขอมลู ประวัตกิ ฬี าตะกรอ และกีฬาที่มีลกั ษณะคลา ยกับ ท่ีลอยตวั สงู เปน ตน หรือครูใหนกั เรยี นดูกีฬาตะกรอ แลว วิเคราะหก ารเลน
การเลน ตะกรอ ของไทยในกลุมประเทศอาเซยี น วเิ คราะหความเหมือนและ ของผูเ ลน
ความแตกตา ง แลว ทาํ เปน รายงานสง ครู

116 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

การเตะลูกดวยหลังเทา มักใช้เล่นกับลูกท่ีมีระยะห่างตัว 1. นักเรียนแตล ะคทู ดสอบทกั ษะเบ้ืองตนในการ
และไม่สามารถเล่นด้วยท่าอื่นได้ทัน โดยให้ย่อเข่าเล็กน้อย ยกเท้าข้างท่ีถนัด เลน ตะกรอ ใหครดู ู เพือ่ ประเมนิ ผล
เหยยี ดเตะลกู ตะกรอ้ ดว้ ยหลงั เทา้ ใหล้ กู ตะกรอ้ ถกู เทา้ บรเิ วณโคนนว้ิ ปลายเทา้ งมุ้
ขณะเตะลูกเทา้ ต้องอยู่ในลักษณะเขย่งสน้ เทา้ เพื่อช่วยใหเ้ กดิ แรงสง่ มากขึน้ 2. ครูใหนักเรียนแตล ะคูสืบคน เรื่องกีฬาตะกรอ วา
มกี ารเลนแบบใดบา ง โดยเลือกมาคลู ะ 1 ชนดิ
แลว ทําเปนรายงานสงครู

การเตะลูกตะกรอดวยขางเทาดานนอก มักใช้กับลูกที่
พุ่งเข้ามาหาตัวด้านข้างอย่างแรง โดยให้ย่อเข่าเอี้ยวตัวบิดไปในทิศทาง
ตรงข้ามกับเท้าข้างท่ีใช้เตะแล้วพับข้อเท้าท่ีใช้เตะมาด้านนอกตัว งอปลายเท้า
และเกร็งให้ตะกร้อถูกเท้าบริเวณใต้ตาตุ่มด้านนอก ระยะท่ีเท้าสัมผัสลูก คือ
ระดับเข่าของผู้เตะ

11๗

บรู ณาการอาเซียน

ครอู ธิบายความรูเพม่ิ เติมประวตั ิกฬี าเซปกตะกรอ มที ี่มาจาก “ตะกรอ ขามตาขา ย” ของประเทศไทย
และ “เซปก การา จารัง” ของประเทศมาเลเซีย โดยสมาคมกฬี าไทยในพระบรมราชปู ถมั ภไดจดั งานเทศกาล
“กฬี าไทย” ซ่ึงครัง้ นนั้ สมาคมกฬี าตะกรอ ไดเ ชิญการเลน ตะกรอ ของมาเลเซียมาเผยแพรใหค นไทยรูจัก
เพอ่ื เช่ือมสัมพันธไมตรี และแลกเปลยี่ นเรียนรูใ นกตกิ าของตะกรอไทย โดยจดั ใหม กี ารสาธิตกีฬาตะกรอ
ของท้ังสองประเทศ โดยผลัดกันเลน ตามกติกาของมาเลเซีย 1 วัน และตามกติกาของไทย 1 วนั ซ่งึ ผลการแขงขนั
คอื ตา งฝา ยตางมีความถนดั หรอื มีความสามารถในการเลนตามกติกาของตน จงึ ไดมกี ารประชมุ รว มกนั กาํ หนด
กติกาการเลน ตะกรอ ขน้ึ ใหมเ พ่ือนําเสนอเขาแขงขันใน “กีฬาเซยี พเกมส” (“กีฬาแหลมทอง หรือ เซียพเกมส”
ตอมาเปลยี่ นเปน “ซีเกมส”) ไดข อตกลง คอื วิธกี ารเลน และรูปแบบสนามแขงขันใหถอื เอารูปแบบของ
ประเทศมาเลเซีย อปุ กรณก ารแขง ขนั และขนาดความสงู ของตาขา ยใหถ ือเอารปู แบบของประเทศไทย และไดตัง้ ชือ่
กีฬาตะกรอ น้ีวา “เซปก-ตะกรอ ” ซ่งึ เปน ภาษาของ 2 ชาตริ วมกัน คอื คําวา “เซปก” เปนภาษามาเลเซีย
แปลวา “เตะ” คาํ วา “ตะกรอ” เปนภาษาไทย หมายถึง “ลูกบอล”

คูมอื ครู 117

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครแู ละนกั เรียนรวมกันสรปุ วาจะเลือกกฬี าไทย (๓) กกาารรเเลลน่ นลลกู ูกตดะกวรย้อเข มา1ีว ิธมปี ักฏใบิ ชัต้เหิลล่นาเยมว่ือธิ ตี ด้อังงนกี้ ารจะต้ังลูกไว้
และกีฬาสากลชนิดใด มาฝกทักษะและจดั การ เพอ่ื พักลูกหรือเลน่ ลูกอน่ื ตอ่ ไป โดยกา้ วเท้าข้างที่ไมถ่ นดั มาข้างหน้าแลว้ ย่อเข่า
แขง ขนั เม่ือลูกตะกร้อลอยมาถึง ให้ยกเข่าเล่นลูก โดยต้ังเข่าท�ามุมกับพื้นไม่ควรเกิน
๙๐ องศา ปลายเท้าช้ลี งสูพ่ ้นื ลกู ตะกร้อจะโดนขาบรเิ วณเหนือสะบา้ ขนึ้ มา
2. ครูอธิบายความรเู พ่มิ เติมเกยี่ วกับกีฬา ประเภท
ของกฬี า และการปฏบิ ตั ิตนเพือ่ ปอ งกันอนั ตราย
จากการเลน กฬี า

การเลน ลูกดว ยศรี ษะ2 มกั ใช้เลน่ กบั ลกู ท่ีลอยมาเหนือศรี ษะ
โดยยืนในทา่ เตรยี ม ให้ย่อเข่าเล็กน้อย ตามองที่ลกู ตะกร้อ เม่อื ลกู ตะกร้อลอยต่า�
ลงมาในระยะท่จี ะโหมง่ ได้ใหส้ ปริง (Spring) ขอ้ เทา้ เหยยี ดล�าตัวและเท้าทั้งสอง
ขึ้นตามแรงโหม่ง ให้ลูกตะกร้อสมั ผสั บริเวณหน้าผาก ขณะโหมง่ ไม่ควรหลับตา
เพราะจะท�าให้ไมเ่ หน็ ลูกตะกร้อ และไม่สามารถควบคมุ ทศิ ทางของลกู ตะกร้อได้

118 กิจกรรมทาทาย

นักเรยี นควรรู ครใู หนักเรียนฝกการเลนลูกตะกรอโดยการจับคูกับเพือ่ นและเตะลกู
ตะกรอดวยทา ตา งๆ โตต อบกนั ไปมาใหน านท่ีสุด
1 การเลนลูกดว ยเขา ขณะเลนลกู อยา ใหล กู ตะกรอ ถกู หวั เขาสวนทแ่ี ข็งหรอื
ถกู สะบา เพราะจะทาํ ใหล กู ตะกรอกระดอนแรงเกินไป และไมควรใหลูกตะกรอถกู
บรเิ วณหนาขาชดิ ลาํ ตัว เพราะลกู ตะกรอจะไมก ระดอนออกมา ทาํ ใหไมส ามารถ
เลนลูกไดตามตอ งการ
2 การเลนลกู ดว ยศีรษะ เปนทกั ษะพนื้ ฐานท่ีมีความสําคัญสาํ หรับการเลน
ตะกรอเปน อยา งมาก นิยมใชในการเปดลกู เสิรฟ การรกุ ดวยศีรษะ การรับ การสง
การชงลกู หรอื การตั้งลูกตะกรอ และการสกัดกัน้ หรือการบลอ็ กลกู จากการรุกของ
ฝา ยตรงขา ม ผเู ลน จะตอ งฝก การเลน ตะกรอ ดว ยศรี ษะหลายๆ ลกั ษณะ โดยเฉพาะ
การแขง ขนั กฬี าเซปกตะกรอ ผูเ ลนในตาํ แหนงหนา ซายและหนา ขวา จะตองเลน
ลูกตะกรอดวยศีรษะไดเปน อยา งดี

118 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

(๔) การเดาะลกู มวี ธิ ปี ฏบิ ตั หิ ลายวธิ ี ดงั น้ี 1. ครูและนกั เรยี นรว มกันศกึ ษาคนควา ขอมลู กฬี า
การเดาะลูกดวยขางเทาดานใน ไทยและกฬี าสากลทเ่ี ลอื ก และนาํ มาอภปิ ราย
รว มกัน
โยนลกู ขน้ึ แลว้ เตะลกู ดว้ ยขา้ งเทา้ ดา้ นในเบาๆ ขณะเดาะ • ทักษะการเลน
ใหห้ กั ขอ้ เทา้ ขน้ึ ขา้ งบนมากๆ บงั คบั ใหล้ กู ตะกรอ้ กระดอน • กฎ กติกาการเลน
ขึ้นมาเป็นแนวตรง การเดาะแต่ละครั้งให้ออกแรงส่ง
เทา่ ๆ กนั 2. ใหน ักเรยี นแบงกลุมตามความเหมาะสมของ
แตละชนดิ กีฬา และคละเด็กท่มี คี วามสามารถ
การเดาะลูกดวยหลังเทา โยนลูกขึ้นแล้ว ตา งกันใหอ ยดู วยกนั
ใหเ้ ดาะลกู ตะกรอ้ ดว้ ยหลงั เทา้ เบาๆ ลกู จะถกู หลงั เทา้ คอ่ นไป
ทางปลายเทา้ และบรเิ วณโคนนวิ้ ใชป้ ลายเทา้ ตวดั ลกู ตะกรอ้ 3. ครูแบง นักเรยี นครึ่งหนึง่ ดแู ลการแขงขันกีฬา
ให้ลอยขึ้นมาตรงๆ ยกเท้าเดาะลูกให้ต่�าสุด เพราะถ้ายก ไทย และอกี คร่งึ หนึ่งดแู ลการแขงขันกฬี า
เทา้ สงู อาจทา� ใหเ้ สยี ทศิ ทาง และการทรงตวั ได ้ ขณะเดาะลกู สากล
ควรก้มตัวไปข้างหนา้ เล็กน้อย
การเดาะลกู ดว ยเขา โยนลกู ขน้ึ แลว้
ให้ขาท่อนบนท�ามุมต้ังฉากกับขาท่อนล่าง เดาะลูก
ด้วยเข่าโดยใช้ส่วนบนของเข่าในการเดาะลูก และควร
รักษาระดับของการยกเข่าในแต่ละคร้ังไม่ให้สูงเกิน
ระดับเอว เพราะจะทา� ใหบ้ ังคบั ลกู ในแนวตรงไมไ่ ด้

(๕) การตั้งลูกด้วยเข่า ถ้าลูกตะกร้อลอยมาตก
ขา้ งหนา้ ในระดบั อกใหย้ กเขา่ ขนึ้ ตงั้ ลกู โดยใชส้ ว่ นบนของเขา่
ในการต้ังลูก ลูกตะกร้อจะถูกบริเวณปลายเข่า บังคับลูก
ให้ลอยสงู ข้ึนในแนวตรง

119

ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT มุม IT
หากเดาะลกู ดว ยเขา ในระดบั ท่สี ูงกวาเอวจะสงผลอยางไร
1. ลูกตะกรอลอยขึ้นสงู 2. ลกู ตะกรอ ลอยเร็วขึน้ นกั เรียนสามารถสบื คน ความรเู พ่ิมเติมเก่ยี วกบั กีฬาตะกรอไดท่ี สมาคมตะกรอ
3. ลกู ตะกรอ จะลอยออกขาง 4. ลกู ตะกรอจะหมนุ ในขณะท่ีลอยขึ้น แหงประเทศไทย ไดท่ี www.takraw.or.th

วิเคราะหคําตอบ การเดาะลกู ดวยเขา ในระดับที่สูงกวา เอวจะทาํ ใหบังคับ
ลกู ในแนวตรงไมไ ด เพราะลกู ตะกรอ จะลอยออกดา นขา งหรอื ลอยไปทศิ ทางอนื่

และกระดอนตกพนื้ ดังนน้ั ขอ 3. จงึ เปน คําตอบที่ถูก

กิจกรรมทา ทาย

ใหนกั เรยี นฝกเดาะลกู ใหไดน านท่ีสดุ ในพ้ืนที่จํากดั เพ่ือฝก ควบคมุ ลกู ได
ดีย่ิงข้ึน ตวั อยางเชน
• เดาะลูกตะกรอ ภายในวงกลมทีข่ ดี ไว

คมู อื ครู 119

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหน กั เรียนแบง กลุม ตามชนดิ กีฬาไทยท่ีเลอื ก ๒) ตะกรอ้ เตะทน ม ี ๒ ชนิด คอื ตะกรอ้ เตะทนวงเลก็ และตะกรอ้
และฝก ซอ มทกั ษะการเลนกฬี าไทยตามที่ เตะทนวงใหญ่
นักเรียนชว ยเลือก (๑) สนาม
ตะกรอ้ วงเล็ก ตะกร้อวงใหญ่
2. ใหน ักเรยี นกลุม ทร่ี บั ผดิ ชอบการแขงขัน
กีฬาไทยทําการจับฉลากแขงขันกีฬาไทย ๒ เมตร ๓ เมตร
และจดั ตารางแขง ขัน
๖ เมตร
3. ใหนักเรียนแขง ขนั กีฬาไทย เพ่ือเก็บคะแนน ๖ เมตร
• กลมุ ที่ไดที่ 1 ได 3 คะแนน
• กลุมทีไ่ ดที่ 2 ได 2 คะแนน
• กลุม ท่ไี ดที่ 3 ได 1 คะแนน

4. ครปู ระเมนิ การฝกทักษะการเลนกฬี าไทยของ
นกั เรยี นแตละกลุม (เพื่อนทกุ คนตอ งชวยกนั
ฝกซอมใหเ พ่อื นในกลุม )

สนามตะกรอ้ เตะทน จะเปน็ รูปวงกลมซอ้ นกนั ๒ วง มเี ส้นแบ่งแดนวงกลม
ทง้ั สองออกเปน็ ๖ แดน เทา่ ๆ กนั

(๒) ผู้เลน่ ชดุ หนึง่ ตอ้ งมี ๖ คน แบ่งเปน็ ๓ ค่ ู ดังน้ี
คทู่ ่ี ๑ ติดหมายเลข ๑
คทู่ ี่ ๒ ติดหมายเลข ๒
คูท่ ่ี ๓ ติดหมายเลข ๓

กา� หนด

ผู้เลน่ การโยน เวลา

แต่ละชุด โยนไมเ่ กนิ ๙ คร้งั ๓๐ นาที
แตล่ ะคู่ โยนไมเ่ กิน ๓ ครง้ั ๑๐ นาที

(๓) วิธเี ลน่
• เรม่ิ เลน่ โดยใหผ้ เู้ ลน่ ยนื อยู่ในแดนของตนเองทอี่ ยตู่ รงขา้ ม
กับคขู่ องตนเอง
120

เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ถาลกู ตะกรอ ลอยเขา มาใกลตัวนกั เรียนในระดับเอวอยางรวดเร็ว
ครอู ธิบายความรเู พ่ิมเติม นักเรยี นควรเลนลกู แบบใด เพราะเหตุใด
• ลกู แป ใชเ ทา ขา งทถี่ นดั เตะขึ้นขา งบน อยา ยกเทาสูงเกนิ ไป ตะแคงเทา แนวตอบ ควรเลนลูกดวยเขา เพราะเขา เปน อวัยวะทใ่ี กลล กู มากท่สี ุด
ในระดบั เอว และลกู มาดว ยความเรว็ การเลน ลกู ลกั ษณะนใ้ี หด คี วรถอยตวั
ใหล กู ตะกรอสัมผสั ที่ขา งเทา ดานในระหวางตาตมุ กบั สนเทา หรือใหต่ํา ออกมาเลก็ นอ ยเพอ่ื ทาํ ใหเ รามเี วลาเลน ลกู มากขนึ้ และไมควรยกเขา สูง
ไปทางฝา เทา เกินไป เพราะจะทาํ ใหเกิดแรงปะทะมาก ไมสามารถควบคุมทิศทางลกู ได
• ลูกหลงั เทา ยกเทา ขึ้นสูงพอสมควร ใหล กู ตะกรอ ถูกหลงั เทาตรงเหนอื
โคนนิ้วเล็กนอ ย ลักษณะเปน การชอนลูกขึ้นมา
• ลูกโหมง ตามองลกู ตะกรอทล่ี อยมา กะระยะใหลูกสมั ผัสก่งึ กลางของหนาผาก
เอนหวั ไปดา นหลังเล็กนอ ย แลวโหมงใหสวนกลางของหนาผากกระแทกใหล ูก
ตะกรอโดง ออกไป

120 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

• เมื่อเจ้าหน้าท่ีผู้รักษาเวลาให้สัญญาณเร่ิมการแข่งขัน 1. เมอ่ื จบการแขงขันแตละรายการ ครูสนทนา
ใหผ้ ้เู ลน่ คนหนึง่ ของค่ทู ่ี ๑ โยนลูกใหก้ บั คู่ของตน คอื คู่หมายเลข ๑ เทา่ นั้น กบั นกั เรียน ดงั นี้
เป็นผู้รับลูกและโต้กลับให้คู่ของตนจนกว่าลูกน้ันตายหรือเสีย แล้วให้ผู้ใดผู้หนึ่ง • ความพงึ พอใจในผลงานของกลมุ
ในคู่ที่ ๑ จับลูกโยนให้กับคู่ของตนอีกครั้ง เม่ือเกิดลูกตายหรือเสีย ๑ คร้ัง • ขอ บกพรองทีค่ วรปรับปรงุ แกไ ข
นบั วา่ เลน่ ไปแลว้ ๑ โยน ถา้ เกดิ ตายหรอื เสยี ๓ ครงั้ ถอื วา่ เลน่ ไปแลว้ ครบ ๓ โยน • วิธกี ารแกไขขอ บกพรอ ง
หรอื แมว้ า่ ยงั ไมค่ รบ ๓ โยน แตเ่ ลน่ ไปแลว้ ครบ ๑๐ นาท ี ถอื วา่ หมดสทิ ธติ์ อ้ งเปลยี่ น
ใหค้ ทู่ ี่ ๒ เลน่ และเช่นเดยี วกนั เมอ่ื คูท่ ี ่ ๒ หมดสิทธิ ์ ก็ใหค้ ู่ท่ี ๓ ทา� การเลน่ ต่อไป 2. นกั เรยี นสรปุ ผลการแขงขันลงในสมดุ
ท้ังนห้ี า้ มไม่ให้ผู้เล่นแก้ไขลกู ใหแ้ ก่ผรู้ ว่ มเล่นของตน แลวนาํ สงครู
• ระหวา่ งแขง่ ขนั ผเู้ ลน่ จะเปลย่ี นทก่ี นั ไดเ้ มอื่ ลกู ตายเทา่ นน้ั
• การโตล้ กู เพอื่ นับคะแนนใหก้ ระทา� ด้วยลกู หน้าเท้าเทา่ นั้น
ลกู เตะโต้ทที่ า� ด้วยลูกอนื่ จะไมน่ ับคะแนนให้
• ผเู้ ลน่ มสี ทิ ธเิ ลน่ ลกู ยา่ ม (ลกู ทผ่ี เู้ ตะกา้ วเขา้ ไปทา� การเตะใน
เขตวงกลมใน) และไม่ผดิ แดน ไมเ่ หยียบเสน้ ไมล่ �า้ เสน้ ให้ ๑ คะแนน ผเู้ ลน่
มสี ทิ ธพิ กั ลกู ไว ้ ๑ ครง้ั ถา้ ผเู้ ลน่ เลน่ ลกู ครดู หรอื พกั ลกู เกนิ ๑ ครง้ั ใหถ้ อื วา่ เสยี โยน

ลกู ตาย คอื
• ลกู ตกถกู พ้ืนสนาม หรอื ถกู สงิ่ อ่นื ใด
• ผู้เล่นเอามือถกู ลูก
• พักลูกเกินกว่า ๑ ครั้ง
• เลน่ ลูกครดู (ลกู สัมผัสร่างกายของผูเ้ ตะต้งั แต ่ ๒ จุดข้นึ ไป ตดิ ต่อกนั อยา่ ง
รวดเร็ว)
• เม่ือผรู้ ักษาเวลาให้สัญญาณหมดเวลา

(๔) ผลการแข่งขัน
• ชุดใดท�าจา� นวนลูกโต้ได้มากท่ีสุด ชุดนน้ั ชนะ
• ถา้ จ�านวนลกู เท่ากนั ชดุ ใดเลน่ โยนนอ้ ยกว่าชดุ น้นั ชนะ
• ถา้ จา� นวนลกู และจา� นวนโยนเทา่ กนั ชดุ ใดใชเ้ วลานอ้ ยกวา่
ชดุ นนั้ ชนะ
• ถา้ ยงั เสมอกนั ใหช้ ดุ ทเ่ี สมอกนั นน้ั เลน่ ตอ่ ไป ชดุ ละ ๑ โยน
ภายในเวลา ๕ นาท ี จนกว่าจะแพช้ นะกนั
121

ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู
การตง้ั ลกู ตะกรอ ลกู ตะกรอ จะมลี ักษณะอยางไร
1. หยุดนง่ิ อยกู บั พ้ืน 2. กระดอนขึน้ ลง ครแู ละนักเรยี นรว มกนั บอกประโยชนของการเลนกฬี าตะกรอ โดยใหนักเรียน
3. ลอยเฉี่ยวไปขางหนา 4. ลอยสูงขนึ้ ตรงๆ เขียนเปนแผนผังความคดิ

วิเคราะหค ําตอบ การต้งั ลกู ตะกรอ เปน การยกลูกตะกรอใหล อยสูงขึ้น

ตรงๆ ในแนวดง่ิ ดงั น้ัน ขอ 4. จงึ เปนคําตอบทถ่ี ูก

คมู ือครู 121

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูอธิบายความรเู พิ่มเติมกีฬาสากลประเภท ó ¡ÕÌÒÊÒ¡Å
กรฑี า
กีฬาสากลเป็นกีฬาที่เป็นท่ียอมรับขององค์กรกีฬาท่ัวโลกให้เป็นกีฬาท่ี
2. ครูอธบิ ายทักษะการวงิ่ ระยะส้นั และใหน ักเรียน บรรจอุ ยู่ในเกมการแขง่ ขนั ซง่ึ ในชนั้ เรยี นนจ้ี ะนา� เสนอกฬี าทเ่ี ปน็ ทร่ี จู้ กั คอื กรฑี า
ฝกปฏิบตั ิ และฟุตบอล

3. ใหนักเรยี นจับคทู ดสอบทักษะการว่ิงระยะสนั้ ๑. กรฑี า
และครูใหคาํ แนะนาํ ในการปรับปรุงทักษะ
การวง่ิ ระยะสน้ั เปนรายบคุ คล กรฑี ๑า)แ บกง่ รอีฑอากปเประ็นเ ภ๖ท ลป1ู่ ระเปเภ็นทก รคีฑอื าที่แข่งขันบนทางว่ิงหรือลู่ว่ิง มีการ
ตัดสนิ แพช้ น๒ะก) ันกดรว้ฑี ยาเปวลราะเ ภเชท่นล าวนิ่ง2 รเะปยน็ ะกสรน้ั ฑี วา่งิทรแี่ ะขย่งะขไกนั ลบ นวงิ่สผนลาดัม หเปรือ็นลตา้นน มีการ
ตดั สนิ กันดว้ ยระยะทางหรอื วดั ความสูง เชน่ พุ่งแหลน กระโดดสูง กระโดดไกล
ขวา้ งจกั ร เปน็ ตน้

๓) กรฑี าประเภทถนน เปน็ กรฑี าทต่ี อ้ งวง่ิ บนถนนซงึ่ ทา� เครอ่ื งหมาย
ไว้ชดั เจนแล้ว และพ้นื ถนนต้องไม่ใชพ่ ้นื ออ่ นนุ่ม เส้นเร่มิ และเส้นชยั จะใหอ้ ยู่ใน
บรเิ วณสนามกรีฑาก็ได ้ ไดแ้ ก่ การว่ิง ๑๕ กโิ ลเมตร วิ่ง ๒๐ กิโลเมตร วงิ่ ๒๕
กโิ ลเมตร วิ่ง ๓๐ กโิ ลเมตร และวิ่งมาราธอน (Marathon)

๔) กรฑี าประเภทเดนิ เป็นการกา้ วเท้าไปข้างหนา้ การกา้ วน้ันตอ้ ง
ไม่ท�าให้การสัมผัสพ้ืนของเท้าขาดช่วง ต่อเนื่องกันไปในลักษณะเท้าหน้าสัมผัส
พ้นื ก่อนที่เทา้ หลังจะพ้นพื้น และเทา้ หน้าทสี่ ัมผสั นน้ั ต้องเหยียดตรงในชว่ งขณะ
ทล่ี า� ตวั ตั้งฉากกบั พ้ืน ได้แก ่ เดนิ ๒๐ กิโลเมตร และเดิน ๕๐ กโิ ลเมตร

๕) กรีฑาประเภทว่ิงข้ามทุ่ง เป็นการแข่งขันวิ่งไปตามภูมิประเทศ
ที่กา� หนด อาจเปน็ เนนิ เขา ทางลาดเอยี ง ทุ่งหญ้า เปน็ ต้น มรี ะยะทาง ๔ - ๖
กิโลเมตร ส�าหรับนักกฬี าหญิง ระยะทาง ๘ - ๑๒ กิโลเมตร ส�าหรับนักกฬี าชาย

๖) กรีฑาประเภทรวม แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท คือ
ประเภทชาย ไดแ้ ก ่ ทศกรฑี า ประกอบดว้ ยการแขง่ ขนั ๑๐ รายการ

แข่งขัน ๒ วนั ติดตอ่ กัน
ประเภทหญิง ได้แก่ สัตตกรีฑา ประกอบด้วยการแข่งขัน ๗

รายการ แข่งขนั ๒ วัน ตดิ ตอ่ กนั
122

นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ขอใดเปนสิ่งสําคัญของการวงิ่ ระยะสน้ั
1 กรีฑาประเภทลู แบง ออกได ดงั น้ี 1. ความแขง็ แรง 2. ความอดทน
• การว่งิ ระยะส้นั นักกรีฑาตองวิ่งในชอ งวิ่งเฉพาะตัวตลอดระยะทาง 3. ความวอ งไว 4. ความเร็ว
มรี ะยะทางไมเกิน 400 เมตร
• การวิ่งระยะกลาง ประเภทกรีฑาทมี่ ีระยะทางเกิน 400 เมตร วเิ คราะหคําตอบ การวง่ิ ระยะสนั้ ตดั สินแพชนะกันดวยเวลา
แตไ มเกิน 1,500 เมตร
• การวง่ิ ระยะไกล มีระยะทางการแขง ขันเกิน 1,500 เมตรขึน้ ไป ดงั นั้น ความเรว็ จึงเปนสงิ่ สาํ คัญของการวิ่งระยะสนั้ ดังนั้น ขอ 4.
• การวง่ิ ขามเคร่อื งกดี ขวาง จงึ เปน คาํ ตอบทีถ่ กู
• การว่ิงผลดั

2 กรีฑาประเภทลาน แบง ออกได ดงั น้ี
• ประเภทกระโดดเพอ่ื ความไกล ไดแ ก กระโดดไกล เขยงกาวกระโดด
• ประเภทกระโดดเพือ่ ความสูง ไดแก กระโดดสูง กระโดดคํ้า
• ประเภททุม ขวา ง พงุ ไดแก ทุมนํา้ หนกั ขวา งจักร พงุ แหลน ขวางคอ น

122 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

กรฑี ามีหลายชนดิ ซ่ึงในชนั้ เรยี นนี้จะน�าเสนอการวิง่ ระยะสน้ั 1. ใหน กั เรยี นสืบคนกีฬากรีฑาทตี่ นเองสนใจ
มาคนละ 1 ชนิด บอกวิธกี ารเลน และกติกา
การวง่ิ ระยะส้นั เป็นการวิ่งในระยะทางที่ไมไ่ กลมาก เช่น วิ่งระยะ ทาํ ลงในกระดาษ A4 แลว สงครู

ทาง ๖๐ เมตร ๘๐ เมตร ๑๐๐ เมตร เปน็ ตน้ ซึง่ ทกั ษะท่นี กั เรยี นควรฝึก มีดงั นี้ 2. ครูใหนกั เรียนดูวิดีโอการแขงขันฟตุ บอล
ประมาณ 3 - 5 นาที แลวใหนักเรียนบอกวา
๑) การเข้าที่เร่ิมออกว่ิง ๒) การออกวง่ิ เมอื่ ไดย้ นิ เปน การแขง ขนั กีฬาชนดิ ใด
เม่ือได้ยินค�าสั่งว่า “เขาที่” ให้ผู้วิ่ง คา� สงั่ วา่ “ระวงั ” ใหย้ กลา� ตวั และสะโพก
นงั่ ยองๆ ห่างจากเสน้ เริ่ม ๑ ชว่ งเทา้ สูงกว่าระดับไหล่ โน้มตัวไปข้างหน้า 3. ครูอธิบายความรเู พิ่มเตมิ กีฬาฟตุ บอล
ถแอลว้ยใเชท้มา้ ทอื ถ่ียนันดัพไืน้ ปหขลา้ ังงเหสลน้ งั 1เ รแมิ่ ล ะจวาางกเนขนั้า่ เล็กน้อย และเม่ือได้ยินสัญญาณจาก พรอ มสาธิตทกั ษะการเลน กฬี าฟุตบอล
นกหวดี หรือปน ใหอ้ อกวิ่งโดยถบี เท้า
4. ครสู ุม นกั เรยี น 1 คน ออกมาสาธิตทกั ษะ
การเลนฟุตบอลรว มกับครู

5. ใหน ักเรยี นจับคฝู ก ซอมทกั ษะการเลนฟตุ บอล
เพื่อประเมินผล

6. นกั เรียนแตละคูทดสอบทักษะการเลน ฟตุ บอล
ใหค รดู ูเพอ่ื ประเมินผล

ใหอ้ ยู่ใกล้ส้นเทา้ หลงั เปน็ แรงส่งลา� ตัวพุง่ ไปข้างหน้า

๓) การวงิ่ การวงิ่ เรว็ เตม็ ท่ี ๔) การเขา้ เสน้ ชัย วิง่ ให้
ล�าตัวจะเอนไปข้างหน้าโดยท�ามุม เร็วที่สุด เม่ือถึงระยะ ๒ - ๓ เมตร
ประมาณ ๗๕ องศา ยกเข่าสูงว่ิงดว้ ย ก่อนเข้าเส้นชัย ให้กดหน้าอกต่�าพุ่ง
ปลายเท้า ข้อศอกท�ามุมฉาก ก�ามือ ให้เข้าแถบเส้นชัย หรือบิดตัวให้ไหล่
หลวม ศีรษะตั้งตรง สายตามองไป ข้างใดขา้ งหน่งึ แตะแถบเส้นชยั
ขา้ งหนา้
12๓

ขอใดแตกตางจากพวก ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู
1. พุงแหลน
3. วิง่ ขา มรวั้ 2. กระโดดสงู ครใู หน กั เรียนฝกการว่ิงระยะสนั้ โดยจัดการแขงขันการว่ิงระยะสัน้ ขนึ้ เพื่อหาผู
4. กระโดดไกล ทช่ี นะเปนท่ี 1 แลวใหนักเรยี นชวยกันวิเคราะหวา เพราะอะไรเพื่อนจงึ ชนะ
การแขง ขัน
วเิ คราะหคําตอบ พุง แหลน กระโดดสงู และกระโดดไกล เปนกรีฑา
นักเรียนควรรู
ประเภทลาน สวนว่งิ ขามรัว้ เปน กรีฑาประเภทลู ดังนน้ั ขอ 3. จึงเปน
คําตอบที่ถูก 1 ถอยเทา ที่ถนดั ไปขางหลัง การวางเทาขา งทถ่ี นดั ไวดานหลงั จะชวยให
มแี รงสงในการออกตวั วิ่ง ทําใหอ อกตวั วิง่ ไดเรว็

คมู ือครู 123

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ใหน กั เรียนแบงกลุม แลวใหแตล ะกลุมเลอื ก ๒. ฟตุ บอล
กีฬาสากลทีช่ อบมากลมุ ละ 1 ชนิด
และฝกซอ มทักษะการเลน กฬี าสากลตามท่ี ฟตุ บอล เปน็ กฬี าสากลชนดิ หนง่ึ ทต่ี อ้ งมกี ารประสานงานเปน็ ทมี ฟตุ บอล
นกั เรียนชว ยกันเลอื ก เปน็ กฬี าทน่ี ยิ มเลน่ กนั อยา่ งแพรห่ ลายมากในปจั จบุ นั ซง่ึ การเลน่ ฟตุ บอลจะทา� ให้
ผู้เล่นมีสุขภาพแข็งแรง แล้วยังช่วยฝึกระเบียบวินัย เสริมสร้างความสามัคคี
2. ใหนักเรยี นกลุม ที่รบั ผิดชอบการแขง ขนั กีฬา และความมีนา้� ใจนกั กีฬา
สากลทาํ การจับฉลากแขงขันกีฬาสากล
และจดั ตารางการแขงขนั ๑) ทักษะการเล่นฟุตบอล การเล่นฟุตบอลเป็นกีฬาที่เราต้องใช้

3. ใหน ักเรียนแขงขันกฬี าสากล เพือ่ เกบ็ คะแนน อปุ กรณ ์ คอื ลกู บอล ดงั นัน้ ผู้เลน่ จงึ ควรมีทกั ษะพ้ืนฐานในการเล่น ดงั นี้
• กลุม ทไี่ ดที่ 1 ได 3 คะแนน (๑) การเตะลูก
• กลุมท่ไี ดที่ 2 ได 2 คะแนน
• กลมุ ที่ไดที่ 3 ได 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
เตะลกู ดว ยหลงั เทา
4. ครูประเมินการฝกทักษะการเลน กฬี าสากลของ
นักเรียนแตละกลมุ (เพ่อื นทกุ คนตองชวยกนั ฝก เร่ิมจากวางเท้าที่ไม่ได้เตะให้ได้ระดับ
ซอ มใหเ พื่อนในกลุม ) กับลูก จากนั้นใช้เท้าอีกข้างหน่ึงเตะ
ลูก ปลายเท้างุ้ม ข้อเท้าเกร็ง เข่าตึง
5. เม่อื จบการแขง ขันแตละรายการ ครสู นทนากบั อยู่เหนือลูก ให้ใช้หลังเท้าถูกลูกบอล
นักเรยี น ดังน้ี ตรงส่วนกลางด้านหลังของลูก ลูกจะ
• ความพึงพอใจของผลงานกลมุ กล้งิ ไปข้างหน้าตามทิศทางท่ีต้องการ
• ขอ บกพรอ งทีค่ วรปรบั ปรุงแกไ ข
• วิธกี ารแกไขขอ บกพรอ ง เตะลกู ดว ยขา งเทา
ด้านใน วางเท้าข้างที่ไม่ได้เตะให้ได้
6. นกั เรียนสรปุ ผลการแขง ขนั ลงในสมุด ระดับเดียวกับลูกบอล แล้วใช้ข้างเท้า
แลวนาํ สง ครู ดา้ นในเตะลกู โดยใหเ้ ทา้ ถูกลกู บรเิ วณ
หนา้ เทา้ สว่ นกลาง สง่ ลกู ไปตามทศิ ทาง
ท่ตี ้องการ

124 กจิ กรรมสรา งเสรมิ

เกร็ดแนะครู ใหนกั เรยี นฝกใชอ วัยวะเล้ียงลูกบอลใหไ ดน านท่ีสุด เพ่ือฝก ความคนุ เคย
กบั ลูกบอล ตวั อยางเชน
• ระหวา งฝก ทักษะการเลน กีฬา ครยู กสถานการณใหนกั เรยี นฝก ทกั ษะการ • ใชศีรษะเล้ียงลกู บอล • เลี้ยงลูกบอลดวยหลังเทา
ตดั สนิ ใจในการเลน เชน กฬี าฟุตบอล ถา นกั เรียนเล้ียงลกู มาแลว เจอคูต อสู • เดาะลกู บอลใหนานที่สุด
เขามาแยงลกู จากดานหนา นกั เรียนควรทําอยางไร เปนตน
กจิ กรรมทา ทาย
• ครูใหนักเรยี นฝก ทกั ษะการควบคุมลูกบอล โดยขดี เสนจาํ กัดพืน้ ท่ีใหน ักเรียน
ฝกเตะลกู บอลใหอ ยใู นกรอบท่คี รูขีดเสน ไวใ ห ใหนักเรยี นฝกใชอวัยวะเลย้ี งลูกบอลใหไดน านทสี่ ุด ในพ้ืนทีท่ ีจ่ าํ กัด
เพอ่ื ฝก การควบคุมลกู ใหดีย่ิงขนึ้ ตัวอยางเชน
บูรณาการอาเซียน
• ใชศ ีรษะเล้ยี งลูกบอลในวงกลมทีข่ ีดไว
ครอู าจเปดวีดทิ ัศนการแขง ขันฟตุ บอลในกีฬาซเี กมส ซ่งึ เปนกฬี าที่แขง ขนั กนั • เลย้ี งลูกบอลดวยหลงั เทาในวงกลมทข่ี ีดไว
ในภูมภิ าคอาเซยี น ใหนกั เรียนดู หรอื ใหน กั เรียนสืบคนประวตั ิการแขงขนั กีฬา • เดาะลูกบอลใหน านท่สี ุดในวงกลมท่ีขีดไว
ฟุตบอลในกีฬาซีเกมส จากนัน้ นํามาสนทนาพดู คุยกัน เพื่อใหน ักเรยี นเกิดทัศนคติ
ท่ีดตี อกีฬาฟุตบอล

124 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

(๒) การโหม่งลกู 1 ปฏบิ ัติ ดงั นี้ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกันสรุปผลการแขง ขนั
ยืนหันหน้าไปทิศทางที่ลูกบอล กีฬาไทย และกฬี าสากล
ลอยมาใหส้ ายตามองอยทู่ ลี่ กู บอล กางแขน
ออกเล็กน้อย งอเข่าเลก็ นอ้ ยใหเ้ ท้าใดเทา้ 2. ใหน ักเรียนบอกส่ิงทีไ่ ดร ับจากการเลน กฬี าไทย
หนงึ่ อยขู่ า้ งหนา้ เมอื่ ลกู บอลพงุ่ มาไดร้ ะยะ และกีฬาสากลท่นี กั เรยี นรว มกนั เลอื ก
ท่ีโหม่งได้ ให้เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย
แล้วยืดตัวขึ้นเต็มที่ สปริงข้อเท้าและเข่า
เกร็งกลา้ มเนื้อคอ ให้ลืมตาไว ้ โลน้ ้�าหนัก
ตัวไปท่ีลูก ใหห้ น้าผากปะทะกบั ลูกบอล

(๓) การหยดุ ลูก2 ปฏิบัติ ดังนี้
การหยุดลูกดวยฝาเทา เม่ือ

ลูกบอลกลิ้งมากับพื้น ให้หันหน้าเข้าหา
ลกู บอล ใหใ้ ชเ้ ทา้ ท่ีไมถ่ นดั เปน็ หลกั ในการ
ยนื และใช้เทา้ ที่ถนดั ยกขน้ึ ดา้ นหน้า ยก
ปลายเท้าให้เงยข้ึน ใช้ฝ่าเท้าประกบกับ
ลูกบอลทพ่ี งุ่ มาหาตวั เบาๆ

การหยุดลูกดวยขางเทาดานใน
วางเท้าท่ีไม่ถนัดไว้ข้างหน้า หันหน้า
เขา้ หาลูกบอลเม่อื จะหยดุ ลูก เมอ่ื ลูกบอล
ผ่านไปท่ีเท้าท่ีถนัดใช้เท้าประกบลูกบอล
ไวเ้ บาๆ เมอื่ ลกู บอลถงึ เทา้ ใหผ้ อ่ นเทา้ ตาม
ลูกบอลเลก็ นอ้ ย

125

กจิ กรรมทาทาย เกร็ดแนะครู

ใหนักเรยี นหยุดลกู บอลท่พี งุ เขา มาในลักษณะตางๆ ไดนงิ่ โดยใชศ ีรษะ ใหน ักเรียนวิเคราะหตําแหนง ผูเลน ฟุตบอลแตละตําแหนง วา ควรมีคณุ ลกั ษณะ
หนา อก และเทา (เทคนคิ คือการผอ นแรงปะทะระหวา งอวัยวะและลกู บอล) อยา งไร และนํามาวางแผนในการแขงขนั และครคู อยใหคําแนะนาํ
หรอื นกั เรียนคิดเทคนิคการเลนลกู บอลไดน อกเหนือจากทกั ษะพื้นฐาน
นกั เรียนควรรู

1 การโหมง ลูก เมอ่ื เร่มิ ฝก ใหนักเรยี นจับคกู ับเพื่อน แลวผลัดกนั ใชวิธีโยน
ลูกบอลใหเพอื่ นโหมง จากน้นั เมื่อมที กั ษะในการโหมงลกู ที่ดแี ลว ใหฝกโหมงลูกกับ
เพื่อนไปมา โดยพยายามใหลูกตกพนื้ นอยที่สดุ
2 การหยุดลกู เปน การบงั คับลูกบอลท่ีเคลอ่ื นท่มี าในลกั ษณะตา งๆ ใหอ ยกู ับ
เทาบนพ้นื ดนิ หรือเคลื่อนไหวไปในลักษณะทีอ่ ยใู นครอบครอง หลกั ทัว่ ๆ ไป ทีจ่ ะ
ใชส ว นตางๆ ของรางกายชว ยในการบงั คบั ลูกบอลน้ันตองอาศยั การผอนตาม เพ่อื
ใหล กู บอลอยใู นครอบครองซ่งึ หมายถึง เทา รา งกายจะตอ งอยูในมมุ ของลกู บอลที่
เคลื่อนทีเ่ ขา มา แลวบังคับใหลูกบอลหยุดนง่ิ

คมู ือครู 125

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหนักเรยี นดกู ารแขงขันกฬี าไทย หรือกีฬา (๔) การทุม่ ลูก ปฏบิ ตั ิ ดงั น ี้
สากลทีถ่ า ยทอดผานโทรทัศน เพื่อศกึ ษาขอ มูลและ ผเู้ ลน่ ยนื ทมุ่ นอกเสน้ ขา้ ง จบั ลกู บอล
จดบนั ทกึ ผล ด้วยมือท้ังสองข้างตรงกลางลูก ค่อนไปด้านหลังลูก
ยกลกู บอลขา้ มศรี ษะไปขา้ งหลงั ขณะทมุ่ ใหเ้ หวย่ี งมอื ทมุ่ ลกู
• กฎ กติกาการเลน ขา้ มศีรษะไปด้านหน้า โดยปลอ่ ยแขนใหเ้ หยียดตามลกู
• เทคนิคการเลน ( ๕) ผกาู้รรักรษกั าษปารปะรตะ1ตูม ูีหปนฏ้าบิ ทตั ี่ร ิ ับดังลนูกี้ บอลท่ี
• สถานการณการเลนและการตัดสนิ ฝ่ายตรงข้ามยิงมา เพ่ือป้องกันไม่ให้ลูกบอลเข้าประตู
• วเิ คราะหก ารเลนและปญหาในการเลน ของฝา่ ยตน เมอื่ อยู่ในเขตรกั ษาประตผู รู้ กั ษาประตสู ามารถใชท้ กุ สว่ นของรา่ งกาย
ป้องกันลูกไม่ให้เข้าประตูได้ แต่ถ้าอยู่นอกเขตโทษ ต้องปฏิบัติเหมือนผู้เล่น
ตา� แหน่งอนื่ ๆ
ขณะรักษาประตู ผู้รักษาประตูควร
ยนื เตรยี มพรอ้ มอยเู่ สมอโดยยนื ใหเ้ ทา้ ทงั้ สองแยกหา่ งกนั
ประมาณ ๑ ชว่ งไหล ่ งอเขา่ ทง้ั สองลงและโนม้ ตวั ไปขา้ งหนา้
เลก็ นอ้ ย กางแขนออกขา้ งลา� ตวั เลก็ นอ้ ย ตามองทล่ี กู บอล
ตลอดเวลา
การรบั ลกู สามารถรบั ไดห้ ลายรปู แบบ
เช่น รับลูกระหวา่ งอก รบั ลกู ระดบั พืน้ เป็นตน้

12๖

นักเรียนควรรู ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเกย่ี วกับ การแขง ขันฟุตบอล
1 ผูรักษาประตู ในกฬี าฟตุ บอล ผูรักษาประตูเปนผเู ลนคนเดยี วทกี่ ติกาอนุญาต ขอ ใดแสดงถงึ การเคารพสิทธิของผูอืน่ ในการแขงขนั ฟตุ บอล
ใหเลน ลกู บอลดว ยมอื ไดในเสนกรอบประตู ซงึ่ ผูรักษาประตเู นนการใชมือมากกวา 1. ผรู กั ษาประตูเลย้ี งลกู บอลไปยังประตฝู า ยตรงขาม
ใชเทา ดงั นน้ั ผูร ักษาประตูจงึ ตองฝก ความคลอ งแคลว วองไวมากกวาฝก ความเร็ว 2. กองหลงั ทําหนา ทีเ่ ลนเปนกองหนา
ในการว่งิ โดยฝกความแขง็ แรงของแขน มือ และหัวไหล เพื่อใหจ ับ ขวา ง และปด ลกู 3. กองหนา มาทาํ หนาทีเ่ ลน เปน กองหลัง
ไดอ ยางแมน ยํา และตอ งฝก อยูระหวา งเสาประตูใหม าก เพราะขณะเลน จรงิ 4. ผเู ลนกองกลางสงลูกใหก องหนายงิ ประตู
ผูรักษาประตจู ะเคลอื่ นท่อี ยใู กลๆ บริเวณประตูมากท่ีสดุ วเิ คราะหคําตอบ นักกีฬาทดี่ ีควรทําหนา ทีข่ องตนเองใหดีท่สี ุดและ
เคารพสทิ ธขิ องผูเลนคนอืน่ ไมไ ปเลนในหนา ท่ีของผูเลนคนอื่น ดังนน้ั
มมุ IT ขอ 4. จึงเปนคําตอบทถ่ี ูก

นักเรยี นสามารถศึกษาขอ มูล ไดท่ี ฐานขอมูลองคความรูดา นวทิ ยาศาสตร
การกฬี า http://sportscience.dpe.go.th/web/main/sportdata.jsp?sport=1

126 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

๒) กฎ กตกิ า การเลน่ ฟตุ บอล มรี ายละเอยี ด ดังนี้ นักเรยี นวเิ คราะหผลการจดบนั ทกึ การดกู าร
ธงมุมสนาม แขงขนั กีฬาไทยหรือกีฬาสากล แลวออกมา
และเสน้ มีขนาดกวา้ ง นาํ เสนอหนา ชั้นเรียน
ไม่เกิน ๑๒ ซม. หรือ ๕ นวิ้ เสน้ ขา้ ง
เสาธงสูงไมน่ อ้ ยกว่า ๑.๕ ม. ๕.๕ ม. ่สวนโค้ง มุมสนาม
หรอื ๕ ฟุต ตอ้ งไม่มยี อดแหลม

ความกว้าง ๒.๔๔ ม. ุจดโทษ ส่วนโค้งเขตโทษ วงกลม ๙.๑๕ ม.
ต�่าสุด ๔๕ ม. เส้นแบ่งแดน ัรศมี ๙.๑๕ ม. กลางสนาม ๑๖.๕ ม.
ัรศมี ๑ ม.
ุจดก่ึงกลางสนาม ๕.๕ ม.
เส้นประตู เขตประตู ๗.๓๒ ม.
๗.๓๒ ม. เขตโทษ ๑๑ ม.

ความกว้าง เ ้สนด้าน ๙.๑๕ ม. ๑๖.๕ ม.
ูสงสุด ๙๐ ม. นอกสนาม

ความยาว ตา�่ สดุ ๙๐ ม. ธงด้าน ความยาว สงู สุด ๑๒๐ ม.
นอกสนาม

ลกั ษณะของสนามฟุตบอล

(๑) สนาม1 เป็นสนามหญ้าธรรมชาติหรือสนามหญ้าเทียม
มลี กั ษณะเปน็ รูปส่ีเหล่ียมผนื ผา้ ซ่งึ ความยาวของเสน้ ขา้ งตอ้ งยาวกวา่ ความยาว
ของเสน้ ประตู

(๒) ลกู บอล จะเปน็ ทรงกลมทา� จากหนงั หรอื วสั ดอุ นื่ ๆ ทเี่ หมาะสม
(๓) ผู้เล่น การแข่งขันแบ่งเปน็ ทีม แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่น
ไม่เกิน ๑๑ คน มีผู้เล่นคนหนึ่งเป็นผู้รักษาประตู และจะไม่อนุญาตให้ทีมท่ีมี
ผเู้ ล่นนอ้ ยกว่า ๗ คน แขง่ ขัน แล้วสามารถเปล่ียนตัวผู้เลน่ ไดม้ ากท่ีสุด ๓ คน
(๔) ชว่ งเวลาของการเลน่ แบง่ เป็น ๒ คร่งึ ครึง่ ละ ๔๕ นาที
การพักครึ่งเวลาตอ้ งไม่เกิน ๑๕ นาที
(๕) การเตรียมก่อนแข่งขัน ท�าการเสี่ยงเหรียญและทีมท่ีชนะ
การเส่ียงจะเป็นฝ่ายเลือกประตูท่ีจะท�าการรุกในคร่ึงเวลาแรกของการแข่งขัน
อกี ทมี จะเปน็ ฝา่ ยไดเ้ ตะเรม่ิ เลน่ เพอ่ื เรมิ่ ตน้ การแขง่ ขนั ทงั้ สองทมี จะเปลยี่ นแดนกนั
ในครึง่ เวลาหลังของการแขง่ ขนั และทา� การรุกประตูตรงขา้ ม

12๗

ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู

ขอสอบป ’52 ออกเก่ยี วกับการแขงขันฟุตบอล ถาเปน ไปไดค รคู วรพานกั เรียนไปฝก ซอมและทดลองแขงในสนามจรงิ เพ่ือให
เมื่อนกั เรียนไดร บั คัดเลอื กเปน ตวั สํารองของทีมฟตุ บอล ควรปฏิบตั ติ น นกั เรียนเกดิ ประสบการณต รง เพราะสว นใหญน ักเรยี นมกั จะไดเ ลนหรอื ฝก ในพนื้ ท่ี
จาํ กัด ซงึ่ จังหวะการรับ - สง ลูก ความแรงในการเตะ รวมทง้ั พละกาํ ลังทีใ่ ชในการว่งิ
ตามขอใด จะนอ ยกวาสนามจรงิ
1. มารว มฝกซอมสมํ่าเสมอ
2. มาเฉพาะในวนั แขง ขัน นักเรยี นควรรู
3. มาฝก ซอ มเปน บางวัน
4. มาฝก ซอ มเฉพาะกอ นวันแขง ขัน 1 สนาม กอ นเลน ฟุตบอล ผเู ลนควรตรวจสอบสภาพสนามและอปุ กรณ
วเิ คราะหค ําตอบ เมื่อเราไดรบั เลอื กใหเ ปน ตวั สํารอง ก็ควรเคารพ ทีใ่ ชเลน ใหอ ยูในสภาพเรยี บรอยและปลอดภยั เชน สนามตองไมเปน หลมุ เปน บอ
หรือมีเศษวสั ดุทก่ี อใหเ กดิ อันตรายได เสาประตูตองอยใู นสภาพทดี่ ี มีทีเ่ กาะยึดกบั
ในการตดั สินนั้นๆ และในฐานะนกั กฬี าทีด่ กี ็ควรมาฝกซอ มอยา งสมาํ่ เสมอ พ้ืนสนามแนน หนา เพราะถาไมแ นน หนาอาจลม ทับผเู ลนจนถึงข้นั เสยี ชีวติ ได
เพอื่ พัฒนาทักษะของตนเองใหดยี ่ิงขึน้ และเปน การเตรยี มความพรอ ม

สําหรับทีมดวย ดังน้ัน ขอ 1. จงึ เปน คาํ ตอบทีถ่ ูก

คูมอื ครู 127

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครถู ามคาํ ถามแลวใหนกั เรียนแสดงความ (๖) การลา�้ หนา้ ผเู้ ลน่ จะอยใู่ นตา� แหนง่ ลา้� หนา้ ถา้ อยใู่ กลเ้ สน้ ประตู
คิดเห็นอยา งอิสระ ของฝา่ ยตรงขา้ ม(ม๗า)ก กกาวรา่ ทลุ่มกู 1บอเปล็นแวลิธะีผกเาู้ ลรน่หคนน่ึงทขสี่อองกงจาารกเรทิ่มา้ เยลส่นดุ ใขหอมง่ ฝไา่ มย่สตารมงขาา้รมถ
• นกั เรียนคิดวา กตกิ าการเลนกฬี ามีความ ทา� ประตูได้จากการทมุ่ โดยผ้เู ลน่ จะไดท้ ่มุ เมอื่ ลูกบอลผ่านเสน้ ขา้ งออกไปท้งั ลูก
สาํ คญั อยา งไร ไม่ว่าจะบนพื้นดินหรือในอากาศ โดยให้ฝ่ายตรงข้ามกับผู้เล่นท่ีสัมผัสลูกบอล
• นกั เรียนคดิ วาการรกุ และการรบั ในการเลน เปน็ ครง้ั สุดทา้ ยเป็นผู้ทุ่มลกู
กีฬามคี วามสําคญั อยา งไร
(๘) การท�าประตู เมื่อลูกบอลท้ังลูกได้ผ่านเส้นประตูระหว่าง
2. ครูอธบิ ายความรเู พ่มิ เติมหลักการรุกในการเลน เสาประตูและภายใต้คานประตู โดยต้องไม่มีการกระท�าผิดกติกาการแข่งขัน
ฟตุ บอล และหลักการรบั ในการเลน ฟุตบอล เกิดข้ึนก่อนที่ทีมนั้นจะท�าประตูได้ถือว่าได้ประตู ทีมท่ีท�าประตูได้มากกว่า
ในระหวา่ งการแข(๙่งข) ันกจาะรเเปต็นะโฝทา่ ษยชณนะจดุ โทษ2 การเตะโทษ ณ จดุ เตะโทษ จะต้อง
เตะจากจุดโทษ และเม่ือก่อนจะเตะผู้เล่นทุกคนนอกจากผู้เตะและผู้รักษาประตู
ของฝ่ายรับ ต้องอยู่ในสนามแต่นอกเขตโทษ และให้ห่างจากจุดโทษอย่างน้อย
๑๐ หลา จากจดุ เตะโทษ ผ้รู กั ษาประตขู องฝา่ ยรบั ต้องยนื บนเส้นประตูระหวา่ ง
เสาประตขู องตนจนกวา่ ผเู้ ตะได้เตะลกู

(๑๐) การเตะจากประตู เมื่อลูกท้ังลูกได้ผ่านเส้นประตูออกไป
นอกสนามโดยฝา่ ยรุกเป็นผู้ถกู ลูกนั้นเป็นครงั้ สดุ ท้าย ใหฝ้ ่ายรับน�าลกู ไปวางเตะ
ภายในเขตประตูด้านที่ใกล้ลูกนั้น และต้องเตะครั้งเดียวให้ลูกออกนอกเขตโทษ
ถ้าเตะคร้ังเดียวแล้วลูกไม่ออกนอกเขตโทษ ผู้เตะลูกจะเล่นลูกน้ันซ�้าอีกไม่ได้
จนกว่าลูกจะไดถ้ ูกผูเ้ ลน่ คนใดคนหน่ึงเสียก่อน

(๑๑) การเตะจากมุม เมื่อลูกทั้งลูกได้ผ่านเส้นประตูออกไป
นอกสนาม โดยฝา่ ยรับเป็นผถู้ กู ลกู น้นั เปน็ ครั้งสุดท้าย ใหฝ้ า่ ยรุกนา� ลกู ไปวางเตะ
ภายในเขตมุม ณ ธงมมุ ใกล้กับทลี่ กู ไดอ้ อกไป และตอ้ งไม่ท�าให้คนั ธงเคลอื่ นท่ี
ในการเตะจากมมุ นี้ ถ้าเตะทเี ดียวลกู ตรงเข้าประตูให้นับวา่ ไดป้ ระตู
128

นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
เราควรหยุดลูกทกี่ ลง้ิ เลยี ดมากบั พื้นดว ยวิธใี ด
1 การทุม ผูท มุ ลกู บอลตองทุมลกู จากเสนขา งสนามในจุดท่ีลกู บอลออก และ 1. หยุดลกู ดวยขา งเทา ดานใน
ขณะทุมเทาท้งั 2 ขา งตองอยูบนพืน้ 2. หยดุ ลูกดว ยขางเทาดานนอก
2 การเตะโทษ ณ จุดโทษ ในกรณที ไี่ ดจ ุดโทษจากการทาํ ฟาวล ผทู ่ียงิ จดุ โทษ 3. หยดุ ลูกดว ยฝา เทา
ไมจาํ เปนตองเปน ผูที่ถูกทาํ ฟาวลก็ได โดยสามารถใหผ รู วมทีมคนอ่ืนเปนผูยิงแทนได 4. หยุดลกู ดว ยศรี ษะ
วเิ คราะหคาํ ตอบ เม่ือลกู กล้งิ เลียดมากบั พื้น เราควรใชฝ า เทาหยุดลกู จงึ
จะหยดุ ลกู ไดง ายที่สดุ ดังนั้น ขอ 3. จงึ เปน คําตอบทถี่ ูก

128 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

๓) หลักการรุกในการเล่นฟุตบอล มรี ายละเอยี ด ดงั นี้ 1. ใหน กั เรยี นทํากจิ กรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1
(๑) ต้องพยายามดึงฝ่ายตรงข้ามจากด้านหน่ึงไปอีกด้านหน่ึง คําถามชวนคิด
เพ่ือเป็นการกระจายผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม โดยการส่งบอลออกไปท่ีต�าแหน่งปีกท้ัง
2. ใหน กั เรยี นทํากิจกรรมรวบยอดที่ 6.2 และ 6.3
ในแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.5

สองข้าง และอาศัยความเร็วของปีกในการส่งลกู บอลทีแ่ ม่นย�าในการรกุ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
สขุ ศึกษา ป.5 กิจกรรมรวบยอดท่ี 6.2
(๒) เล่นฟุตบอลอย่างรวดเร็ว เพื่อเปลี่ยนจุดการรุกและการส่ง แบบประเมนิ ตวั ช�ว้ ดั พ 3.1 ป.5/5
ลกู บอลระยะใกลใ้ หเ้ รว็ ขน้ึ รวมถงึ เปน็ การสรา้ งชอ่ งวา่ งใหเ้ กดิ ขนึ้ และทา� ใหผ้ เู้ ลน่
ฝ่ายรับป รับต ัวไม(๓่ท)นั ใชก้ ลลวงคตู่ อ่ ส1ู้ เชน่ ลวงวา่ จะสง่ ลกู บอลแตก่ ลบั หยดุ ลกู บอล
แบบประเมินผลการเรียนรูต ามตวั ชวี้ ัด ประจําหนว ยท่ี ๖ บทท่ี ๒

เป็นตน้ ท�าให้เกิดความผิดพลาดในการเข้าแย่งลกู บอล กิจกรรมรวบยอดที่ ๖.๒
(๔) เลน่ ฟตุ บอลผา่ นแนวปอ้ งกนั ดว้ ยการสง่ บอลในลกั ษณะตา่ งๆ
แบบประเมินตัวช้วี ัด พ ๓.๑ ป.๕/๕
 เลน กฬี าไทยและกีฬาสากล ประเภทบุคคลและประเภททมี อยา งละ ๑ ชนดิ

ไม่ว่าจะเป็นการส่งลูกทแยงมุม การส่งลูกชิ่ง คือ การส่งบอลโดยที่ไม่พักหรือ ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน
แบง กลมุ เลนกีฬาฟตุ บอล ๗ คน แลว บนั ทึกผล จากนั้นใหครูประเมินผล

หยุดลูก หรอื การส่งลกู สตู ร คอื การสง่ บอลตามแผนการเล่นท่วี างไว้ ช่ือกลมุ แขง ขันกับกลุม……………………………………………………………….. ………………………………………………………..

รายชอ่ื สมาชกิ ๑) ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
(๕) แก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยผู้จะเล่นต้องใช้ความสามารถ ๒) ๓)……………………………………………………………………………..
๔ผป๖ล)ญ)กหาารทแี่เขกงดิ ขใันนการแขขึน้ ง ขอันยูกับดลุ ย๕๗พ))ินิจของครผู สู อน……………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………….. เฉฉบลับย

เฉพาะบคุ คลมาแก้ปัญหาทเี่ กดิ ขึ้นในเกมการเล่นอยา่ งฉบั พลันทนั ที …………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………..

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๔) หลกั การรบั ในการเลน่ ฟตุ บอล การรบั ทดี่ ีทสี่ ุด คือ การครอง ………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลูกบอลใหอ้ ยู่ในฝา่ ยของตนเองให้มากท่สี ดุ ซง่ึ มีหลักการรบั ดังนี้ วิธีแกไ ขปญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

(๑) พยายามทจี่ ะลดโอกาสของฝา่ ยรกุ ไม่ใหเ้ ขา้ โจมตไี ด้ โดยลด เกณฑป ระเมนิ ชิน้ งาน ตัวช้วี ดั พ ๓.๑ ขอ ๕
ช่องว่างและระยะของผู้เล่นท่ีก�าลังรุกข้ึนไป โดยเฉพาะต�าแหน่งปีกของฝ่ายรุก
ผลการแขงขนั (๕ คะแนน) ñðไดคะแนน คะแนนเต็ม
• ทมี ชนะ ๕ คะแนน • เสมอ
ทพี่ ยายามบกุ โจมตฝี า่ ยรบั ผเู้ ลน่ กองหลงั ของฝา่ ยรบั ตอ้ งชว่ ยกดดนั ใหอ้ ยดู่ า้ นนอก ๓ คะแนน • แพ ๑ คะแนน
(๒) ขดั ขวางผเู้ ลน่ และสกดั กนั้ ฝา่ ยตรงขา้ มเมอ่ื ลกู บอลเขา้ มาถงึ พฤตกิ รรมในการปฏิบัติ (๕ คะแนน) ๒ คะแนน
• ปฏบิ ตั ิตามกฎ กตกิ า ๑ คะแนน
• นาํ ทกั ษะตา งๆ มาใช ๑ คะแนน
• มีความรบั ผดิ ชอบ ๑ คะแนน
• มีนํา้ ใจนักกีฬา

เขตหนา้ ประตดู ว้ ยการประกบฝา่ ยตรงขา้ มไวอ้ ยา่ ใหย้ งิ ประตูได้ และพยายามบีบ ๖๗

ให้ฝา่ ยตรงขา้ มส่งลูกบอลออกนอกเขตอันตรายให้ได้
(๓) ผ้เู ลน่ จะตอ้ งเขา้ ถึงลูกบอลก่อนคนอืน่ และเล่นลูกบอลใหอ้ ยู่
กับเท้าตนเอง เชน่ การเลน่ ลูกโด่ง เปน็ ต้น
(๔) ป้องกันทกุ อย่าง โดยการครอบครองลกู บอลภายใต้ก�าหนด
เวลาของการแข่งขนั และปอ้ งกันฝ่ายตรงข้ามไม่ใหก้ ลบั ตัวเล่นลกู บอล
(๕) ดึงเกมการเล่นของฝ่ายตรงข้ามให้ช้าลง เช่น การกลับมา
ตั้งรับในแดนของตนเองเต็มพ้ืนท่ี เป็นต้น บีบบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามส่งลูกบอล
กลับหลัง
129

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรียนควรรู

ครูใหนกั เรียนคน หานักฟุตบอลท่ีมีชอ่ื เสยี ง หรือที่นกั เรียนช่นื ชอบ แลว 1 กลลวงคูตอสู เชน สับขาหลอก เปน ทา หลอกลอ หรอื เทคนิคอยางหน่งึ ในการ
บอกจุดเดน ของนกั ฟุตบอลทีม่ ตี อการแขงขันฟตุ บอลหรอื การเลนเปนทีม เลนฟตุ บอล โดยผคู รองบอลจะตวดั ขาขางหนาขามบอลไป อาจทําหลายๆ คร้ัง
หรอื ทาํ สลบั ขา ถา เรม่ิ จากการคลงึ บอลหนง่ึ ครง้ั แลว ใชเ ทา ขา งเดมิ ขา มบอล (สบั ขา)
แลว ใชเ ทาอกี ขา งนงึ เตะบอลหนไี ปอกี ทาง เรยี กวา ทาซสิ เซอรส (scissors)
ถาเพิม่ การสับขาไปอกี ครั้งหนง่ึ เรียกวา ดบั เบิลซสิ เซอรส (double scissors)
แตถ าคร้งั สดุ ทา ยเตะหนีมาทางเดมิ จะเรยี กวา รเี วิรส ซสิ เซอรส (reverse scissors)

คมู อื ครู 129

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. ครูตรวจรายงานกีฬาไทยและกฬี าสากล ¤Ø³¸ÃÃÁ¤‹¡Ù ÕÌÒ
2. ครูประเมินทกั ษะการเลน กฬี าไทย และกฬี า
ในการเล่นกีฬาใดๆ ก็ตาม สิ่งท่ีผู้เล่นทุกคนจ�าเป็นต้องมี คือ คุณธรรม
สากลของแตละกลุม ในการเล่นกีฬา ไดแ้ ก่ ความมนี ้า� ใจเปน นักกีฬา ซึ่งปฏิบัตไิ ดห้ ลายวธิ ี ตัวอย่างเช่น
3. ครสู รุปผลการแขง ขันกฬี า ๑) รแู้ พ ้ รชู้ นะ ผเู้ ลน่ ตอ้ งยอมรบั ผลการเลน่ เมอื่ เลน่ แพก้ ็ไมค่ วรโทษตนเอง
4. ครูตรวจรายงานการแขง ขันของนักเรียน และเพอื่ น แต่ควรปรบั ปรุงแกไ้ ขให้ดีขึ้น เม่ือชนะก็ไมค่ วรเยาะเย้ยถากถางผู้แพ้
๒) รูอ้ ภยั ถา้ มกี ารปะทะกันในขณะเลน่ กีฬา ต้องไมโ่ กรธกัน
แตละกลมุ ๓) มรี ะเบยี บวินยั ปฏิบตั ิตามกฎ กตกิ าการเลน่ อยู่เสมอ
5. ครตู รวจการจดบันทกึ การดกู ารแขง ขนั กฬี าไทย ๔) มคี วามรับผิดชอบต่อการเล่นและตรงตอ่ เวลา
๕) ยอมรบั ความแตกตา่ งของผู้อื่น และเคารพในสทิ ธิของผอู้ ่นื
หรอื กฬี าสากล เพอ่ื ดกู ารวเิ คราะหข องนักเรียน ๖) มีความกลา้ หาญ ยอมรับในส่ิงทีต่ นท�า และมีความเสียสละ

หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู การเล่นกีฬาให้มีประสิทธิภาพจะต้องฝึกฝนทักษะในการเล่นกีฬานั้นๆ
ใหค้ ลอ่ งแคลว่ จึงจะเล่นกฬี าร่วมกับผ้อู ่ืนได้อยา่ งสนกุ สนาน
1. ผลการประเมินทกั ษะการเลนกีฬาไทยและ
กีฬาสากล ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ

2. ผลการแขงขันกฬี า
3. บนั ทกึ การดูการแขง ขันกีฬาไทย หรอื กีฬาสากล

ตอนท ่ี ๑ คา� ถามชวนคดิ
เขียนตอบคา� ถามตอ่ ไปนล้ี งในสมดุ
๑) ถ้านักเรยี นเลน่ กีฬาไม่เก่ง นักเรียนจะรสู้ กึ อยา่ งไร
๒) กฬี าทนี่ ักเรยี นชอบเล่น ตอ้ งใชท้ ักษะอะไรบ้าง
๓) ถ้านกั เรียนแขง่ ขันกีฬาแลว้ แพ ้ นกั เรียนจะทา� อยา่ งไร

ตอนท่ ี ๒ ชวนคดิ ชวนทา� (ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมขึน้ อยกู ับดุลยพินิจของครูผสู อน)
แบ่งกลุม่ จัดแข่งขนั กีฬาตามที่สนใจ แล้วบันทึกผลการแข่งขนั ลงในสมดุ

ตอนที ่ ๓ ผลงานสร้างสรรค (ผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมขน้ึ อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
แบ่งกลุม่ ให้แตล่ ะกลุ่มคิดวธิ กี ารเล่นฟตุ บอลทส่ี ร้างสรรค มากลมุ่ ละ ๑ กจิ กรรม

1๓0แล้วออกมาสาธิตใหเ้ พื่อนกลุม่ อน่ื ปฏิบตั ิ จากน้ันใหเ้ พื่อนกล่มุ อืน่ ประเมนิ ผล

เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
การกระทําในขอใดถอื วาขาดมารยาทในการเลนกฬี ามากทส่ี ดุ
ครอู าจเปดเพลง “กราวกฬี า” ใหน ักเรียนฟง แลว รว มสนทนาเกยี่ วกับเน้ือเพลง 1. ตนเตะบอลใหผ รู ักษาประตูฝายตรงขาม
ทีแ่ สดงถงึ มารยาทและความมนี ํ้าใจในการเลน กฬี า 2. หนองใชศีรษะโหมงลกู ตะกรอใหเ พ่ือนรบั
3. กานใชมอื ทุมลูกบอลจากขา งสนามมาใหเพอ่ื น
เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1 4. อารตขัดขาคแู ขง เพื่อแยงลูกบอลทค่ี แู ขงกําลงั เลี้ยง
คําถามชวนคดิ วิเคราะหค าํ ตอบ การกระทาํ ท่ขี าดมารยาท คือ การทผ่ี เู ลน ไมป ฏบิ ัติ
ตามกฎ กติกา ทาํ รายรางกายผูแ ขง ขนั ฝา ยตรงขาม เพือ่ มงุ หวังประโยชน
1), 2) คําตอบน้ันข้ึนอยกู ับนักเรียน ตอ ฝา ยตนเทาน้ัน ซงึ่ การขัดขาฝายตรงขาม อาจทาํ ใหผ ูเ ลน ฝา ยตรงขาม
3) แนวตอบ พยายามฝก ฝนและหม่นั ฝกซอ มใหมากขน้ึ ไดร บั บาดเจ็บได จงึ ถือวา เปนการขาดมารยาท ดงั นัน้ ขอ 4. จงึ เปน
คาํ ตอบท่ีถูก

130 คมู อื ครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรียนรู

óบ··èÕ อธิบายหลกั การและเขารวมกจิ กรรม
กจิ กรรม นันทนาการอยา งนอ ย 1 กจิ กรรม
นันทนาการ (มฐ. พ 3.1 ป.5/6)

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ สาระสา� คญั สมรรถนะของผูเรียน
กิจกรรมนนั ทนาการเปนกิจกรรมท่ีท�าใน
เวลาว่าง และทา� ใหเ้ กิดความสนุกสนาน 1. ความสามารถในการคดิ
เพลิดเพลนิ เปนการใช้เวลาว่างใหเ้ ปน 2. ความสามารถในการแกป ญ หา
ประโยชน์ และเราควรเข้ารว่ มกจิ กรรม 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต
อย่างน้อย ๑ กจิ กรรม

คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค

1. มีวินยั รับผิดชอบ
2. ใฝเรยี นรู
3. มงุ มน่ั ในการทาํ งาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

? ใหนักเรียนดภู าพ หนา 131 แลวชวยกนั บอกวา
• เด็กในภาพทํากจิ กรรมใด และจัดเปน
¹Ñ¡àÃÕ¹¤´Ô Ç‹Ò à´¡ç ã¹ÀÒ¾·íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁã´
áÅШ´Ñ ໚¹¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹¹Ñ ·¹Ò¡ÒÃËÃÍ× äÁ‹ กจิ กรรมนนั ทนาการหรือไม เพราะอะไร
(ตอบ กิจกรรมในภาพ คอื การวายนํ้า
à¾ÃÒÐÍÐäà เปนกิจกรรมนนั ทนาการ เพราะเปน การใช
เวลาวางใหเกิดประโยชนและทาํ ใหส ขุ ภาพ
1๓1 แข็งแรง)

เกรด็ แนะครู

ครจู ดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
• สืบคน ขอมลู กิจกรรมนันทนาการ
• นําเสนอกจิ กรรมนันทนาการ
จนเกิดเปนความรูความเขา ใจวา กิจกรรมนันทนาการเปน กิจกรรมท่ีทาํ
ในเวลาวา ง ตามความสนใจของตนเองและเปนประโยชนต อ ตนเอง

คมู อื ครู 131

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

สาํ รวจคน หา Explore

1. ครถู ามนักเรยี นวา เวลาวางนักเรยี นทาํ อะไร การเรียนหรือการใช้ชีวิตประจ�าวัน อาจท�าให้เราเกิดความเครียดได้
แลว ใหน กั เรยี นเขียนกจิ กรรมที่นกั เรียนทาํ การท�ากิจกรรมนันทนาการ จึงเปนอีกหน่ึงวิธีการท่ีจะช่วยให้เราผ่อนคลายจาก
ในเวลาวางบนกระดานดํา ความเครียด และใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปนประโยชน์ได้

2. ครสู นทนากบั นกั เรียนเกย่ี วกับกิจกรรม ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹¹Ñ ·¹Ò¡ÒÃ1
ทนี่ ักเรยี นออกมาเขียนบนกระดานดํา
“กจิ กรรมนันทนาการท่ีนักเรียนชอบท�า คืออะไร”
อธบิ ายความรู Explain กิจกรรมนันทนาการ เปนกิจกรรมท่ีคนเราท�าในเวลาว่าง ด้วยความ
สมัครใจ และไม่ผิดกฎหมาย เม่ือท�ากิจกรรมเหล่านี้แล้วจะท�าให้เกิดความ
1. ครูและนักเรียนรวมกนั อธบิ าย ความหมายของ พงึ พอใจ ความสบายใจ
กิจกรรมนันทนาการ
๑. ประเภทของกจิ กรรมนนั ทนาการ
2. ใหนกั เรียนสืบคนขอมลู กิจกรรมนนั ทนาการ
แลว สรุปเปนแผนผงั ความคดิ กจิ กรรมนนั ทนาการมหี ลายประเภท ดังน้ี
๑) กีฬา เชน่ บาสเกตบอล ฟตุ บอล แชร์บอล เปน ต้น
3. ครสู ุมนกั เรยี นออกมานาํ เสนอแผนผงั ความคิด ๒) งานอดเิ รก เช่น การปลูกตน้ ไม้ สะสมแสตมป เปน ตน้
๓) เกมและการละเลน่ เช่น ปาเปา ว่ิงสามขา ขม่ี ้าสง่ เมอื ง เปน ตน้
๔) การเล่นดนตรี ละคร ฟอ นรา� เช่น รอ้ งเพลง เล่นโขน เปนต้น
๕) งานสงั คม เช่น กิจกรรมบา� เพ็ญประโยชน์ เปนต้น
๖) กิจกรรมนอกเมือง เชน่ การอยคู่ ่ายพกั แรม เปนตน้
๗) การอา่ น เขยี น พูด เช่น เลา่ นทิ าน อา่ นหนงั สอื เขียนบันทึก

เปน ตน้

๒. หลักการเลอื กกจิ กรรมนันทนาการ

กิจกรรมนันทนาการมีอยู่หลายประเภท ซ่ึงแต่ละประเภทจะมีลักษณะ
ที่แตกต่างกัน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจึงควรมีหลักในการเลือกให้เหมาะสมกับวัย
เพศ โอกาส ความรู้ ความสามารถของตนเอง เพ่อื ท�าใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สุด

การเลือกกิจกรรมนนั ทนาการ ควรเลอื กตามหลัก ดังน้ี
๑) ลกั ษณะสว่ นบคุ คล กิจกรรมเหมาะสมกบั เพศและวัย
๒) สภาพรา่ งกาย กจิ กรรมเหมาะสมกบั สภาพร่างกายของตนเอง
๓) ความรคู้ วามสามารถ กจิ กรรมเหมาะกบั ความสามารถสว่ นบคุ คล

เช่น วาดภาพ งานฝมือ การพูด เปน ตน้
1๓๒

เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ผูท ี่เจบ็ ปวย ควรเลือกทาํ กิจกรรมนันทนาการในขอ ใด
ครใู หนกั เรยี นแบงกลุม และรว มกันแสดงความคดิ เหน็ วา กิจกรรมนันทนาการใด 1. วายน้าํ 2. เตน ลลี าศ
เหมาะกับวยั ของนกั เรียน และใหแ ตละกลมุ ยกตัวอยางกิจกรรมนันทนาการเพ่อื ให 3. ปน จกั รยาน 4. อา นหนงั สอื
เพอื่ นกลมุ อนื่ นําไปเปนแนวทางในการปฏิบัติ
วิเคราะหค ําตอบ ผูทีเ่ จบ็ ปว ยอยคู วรเลอื กกจิ กรรมนันทนาการท่ที าํ ให
นักเรียนควรรู เกิดการพักผอน ผอ นคลาย ไมใชกําลังมากเกินไป และไมเปน การแพรโ รค

1 นันทนาการ หมายถึง กิจกรรมที่ทําดว ยความสมคั รใจในยามวา ง เพือ่ ให ใหกบั ผูอ ่นื ดังน้ัน ขอ 4. จงึ เปน คาํ ตอบที่ถกู
เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลนิ ผอนคลายความตงึ เครยี ด และเกิดความสขุ
ทางใจ กิจกรรมนต้ี องไมเปนอาชพี มปี ระโยชนต อ ตนเองและสวนรวม ไมข ัดตอ
ขนบธรรมเนียมประเพณไี ทย วฒั นธรรม และกฎหมายบา นเมือง

132 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate

ขยายความเขา ใจ Expand

๔) โอกาส มีเวลาวา่ งท่ีเหมาะสม 1. ใหน ักเรยี นจดั ทําขอ มลู กจิ กรรมนนั ทนาการมา
๕) สถานท่ี เหมาะสมกบั กจิ กรรม มีความปลอดภยั และสะดวก คนละ 1 ชนดิ โดยใชห ลกั การเลือกกิจกรรม
๖) ฐานะ กิจกรรมเหมาะสมกบั ฐานะ ความเปนอยขู่ องตนเอง นันทนาการ
๗) สปงัรคะโมยชกนจิ 1์กกริจรกมรเหรมมเาปะนสมปรกะบั โปยรชะนเพต์ อ่ณตแี นลเะอวงฒั แนลธะรตรอ่มสข่วอนงรทวอ้ มงถน่ิ • กิจกรรมอะไร
๘) • มีวิธกี ารปฏิบัตอิ ยา งไร
กิจกรรมนันทนาการเปนกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นักเรียน • ใชหลักการเลอื กอยางไร
ควรเลอื กกจิ กรรมนนั ทนาการอยา่ งนอ้ ย ๑ กจิ กรรม มาปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ทา� ใหน้ กั เรยี น • ประโยชนทีไ่ ดรบั เหมาะสมกับวัยของ
ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน ประโยชน์ และผอ่ นคลายความเครยี ดจากการเรยี น ซงึ่ นกั เรยี น นักเรียนอยางไร
ควรเลอื กตามความชอบและความถนัดของตนเอง
2. ใหน ักเรยี นออกมานาํ เสนอกจิ กรรม
นันทนาการหนา ช้ันเรยี น

3. ใหน ักเรียนทาํ กจิ กรรมการเรียนรู ตอนที่ 1-3

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ตรวจสอบผล Evaluate

ตอนที่ ๑ คา� ถามชวนคิด 1. ครูประเมินการนําเสนอกจิ กรรมนันทนาการ
เขียนตอบค�าถามตอ่ ไปนล้ี งในสมดุ (ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมขึน้ อยูก บั ดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน) ของนักเรยี นแตละคน

๑) ในปจจบุ นั นักเรยี นท�ากจิ กรรมนันทนาการหรือไม่ ถ้าท�า คอื กิจกรรรมอะไร 2. ครูตรวจผลการทาํ กิจกรรมการเรยี นรู
ทา� แลว้ รสู้ กึ อยา่ งไร ถา้ ไมไ่ ดท้ า� กจิ กรรมนี้ นกั เรยี นอยากทา� กจิ กรรมนนั ทนาการใด
เพราะอะไรจึงอยากท�ากิจกรรมนนั้ หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู

๒) กิจกรรมนันทนาการที่นักเรียนทา� ในปจจุบันมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร 1. บันทกึ การสาํ รวจตนเองในการใชเวลาวางใหเปน
๓) ถา้ นกั เรยี นรสู้ กึ เครยี ดจากการเรยี นหนงั สอื อยา่ งหนกั นกั เรยี นจะเลอื กทา� กจิ กรรม ประโยชนเปน เวลา 5 วัน

นนั ทนาการอะไร เพราะอะไร 2. กิจกรรมนันทนาการทนี่ กั เรยี นนําเสนอ

ตอนท่ี ๒ ชวนคิด ชวนทา� (ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมขึน้ อยูกับดลุ ยพินิจของครผู ูส อน)
สา� รวจตนเองเปนเวลา ๕ วนั ว่าใช้เวลาว่างในการท�ากจิ กรรมใดบ้าง ใชเ้ วลาเทา่ ใด
แล้วตอบค�าถามลงในสมดุ

๑) เพราะเหตใุ ด นกั เรยี นจึงเลือกปฏิบัติกิจกรรมเหลา่ นี้
๒) นักเรยี นไดร้ ับประโยชน์จากการปฏิบัติกจิ กรรมเหล่านีอ้ ย่างไร

ตอนที่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ (ผลการปฏิบัติกิจกรรมข้นึ อยกู บั ดุลยพินิจของครูผสู อน)
แบ่งกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันค้นหากีฬาพื้นบ้าน และอ่ืนๆ ที่สามารถน�ามาปฏิบัติ
เปนกิจกรรมนนั ทนาการ แลว้ ออกมานา� เสนอวธิ กี ารเลน่ ใหเ้ พ่อื นกล่มุ อ่นื ดู
1๓๓

ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู

การชนไก เปน กิจกรรมนันทนาการท่เี หมาะสมกับวยั ผูใ หญ นกั เรยี น 1 ประโยชน การปฏบิ ัติกิจกรรมนันทนาการจะทาํ ใหเ กดิ ประโยชน ดังน้ี
เหน็ ดว ยหรือไม อยางไร • เกิดความสนุกสนาน และรูจักใชเวลาวา งใหเ ปน ประโยชน
แนวตอบ ไมเ หน็ ดว ย เพราะการชนไก เปน กิจกรรมท่ที ารณุ กรรมสตั ว • ชว ยใหมสี ขุ ภาพจติ ดี
ไมถ อื เปนกจิ กรรมนนั ทนาการ และอาจมกี ารพนันเขามาเก่ยี วของ ดังน้ัน • เสรมิ บคุ ลิกภาพ
คนทุกวัยจึงไมค วรเลนการชนไก • เหน็ คุณคาของตนเอง
• สรางเสริมการทาํ งานรว มกนั

คมู อื ครู 133

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
เปา หมายการเรียนรู

ทดสอบและปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกาย ôบ··èÕ
ตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย สมรรถภาพ
(มฐ. พ 4.1 ป.5/5) ทางกาย

สมรรถนะของผูเรยี น ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ สาระส�าคัญ
สมรรถภาพทางกายที่ดียอ่ มมผี ลต่อการ
1. ความสามารถในการคดิ ท�างานที่ดี การทดสอบสมรรถภาพทางกาย
2. ความสามารถในการแกปญ หา จะทา� ให้เราสามารถปรบั ปรุงสมรรถภาพ
3. ความสามารถในการใชท ักษะชีวิต ทางกาย เพอ่ื ประสิทธภิ าพในการทา� งาน
ท่ดี ขี ้นึ ดว้ ย

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค

1. มีวนิ ยั รบั ผิดชอบ
2. ใฝเ รียนรู
3. มุงมั่นในการทํางาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

ใหนักเรยี นดูภาพ หนา 134 แลวชวยกนั บอกวา ?
• นักเรียนคดิ วาคนในภาพกาํ ลังทาํ กิจกรรมใด
¤¹ã¹ÀÒ¾¡íÒÅ§Ñ ·Òí ¡Ô¨¡ÃÃÁã´
และทาํ กิจกรรมนี้เพอื่ อะไร ¹Ñ¡àÃÕ¹¤´Ô Ç‹Ò à¢Ò·íÒ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹Õé
(ตอบ คนในภาพกําลงั ทาํ การทดสอบ
สมรรถภาพทางกาย เพอ่ื ดูสมรรถภาพ à¾×èÍÍÐäÃ
รา งกายของตนเองวา อยูในระดบั ใด
และหาวิธีปรบั ปรงุ แกไข)

1๓4

เกร็ดแนะครู

ครจู ดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน กั เรียนปฏิบตั ิ ดงั น้ี
• จดั การทดสอบสมรรถภาพทางกาย
• ปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุม โดยรว มกนั คดิ กจิ กรรมการปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกาย
• วิเคราะหเปรียบเทยี บผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย
• รวมกันคิดวธิ ีการปรบั ปรุงสมรรถภาพทางกาย
จนเกิดเปนความรูความเขา ใจวา การทดสอบสมรรถภาพทางกาย จะทําใหเ รารู
ระดบั สมรรถภาพของตนเอง สามารถปรับปรงุ แกไ ข เพ่อื ประสิทธิภาพในการทาํ งาน
ท่ดี ไี ด

134 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explain Expand Evaluate
Explore Explore
สาํ รวจคน หา

สมรรถภาพทางกายบอกถึงประสิทธิภาพในการท�างานของร่างกาย 1. ครจู ดั ฐานการทดสอบสมรรถภาพทางกาย
สมรรถภาพทางกายทดี่ จี ะทา� ใหเ้ ราดา� เนนิ ชวี ติ และทา� งานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ครง้ั ที่ 1 เพือ่ จดั ระดับสมรรถภาพทางกาย
ของนักเรียน
ñ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ·´ÊͺÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡Ò • สมรรถภาพอยใู นระดับ ดี
“นกั เรียนคิดว่า ตนเองมสี มรรถภาพทางกายดีหรอื ไม่ อย่างไร” • สมรรถภาพอยูในระดบั พอใช
คนแต่ละคนจะมีระดับสมรรถภาพท่ีแตกต่างกัน ซ่ึงเราปฏิบัติกิจกรรม • สมรรถภาพอยใู นระดบั ควรปรบั ปรงุ
ทดสอบสมรรถภาพทางกายมาตัง้ แตช่ น้ั ประถมศึกษาปท่ี ๓ แล้ว และนกั เรียน
ควรทา� อยา่ งตอ่ เน่อื ง การทดลองสมรรถภาพทางกาย มดี ังนี้ 2. ใหนักเรยี นจดบันทกึ ผลการทดสอบ
สมรรถภาพของตนเอง
๑. ดันพ้นื ๓๐ วินาที (ทดสอบความแขง็ แรงและความอดทน
ของกลา มเนอ้ื )

อุปกรณ์ นาฬก าจบั เวลา
วิธที ดสอบ นอนคว�่าเหยียดตัวตรง ต้ังศอกข้ึน
โดยใชฝ้ า่ มอื ทงั้ สองขา้ งดนั พน้ื ไว้ หา่ งกนั ประมาณ ๑ ชว่ งไหล่
ขาเหยยี ดตรง ปลายเทา้ ชดิ วางเทา้ ใหป้ ลายเทา้ สมั ผสั พน้ื เมอื่ ทดสอบใหใ้ ชแ้ ขน
ดันพ้ืนยกตัวลอยขึ้นจนศอกเหยียดตึง เมื่อได้ยินสัญญาณเร่ิมให้ยุบศอกทั้งสอง
งอทา� มุม ๙๐ องศา แลว้ ดนั พ้ืน ใหแ้ ขนเหยยี ดตรงกลับมาท่าเดิม นับ ๑ ครง้ั
ทดสอบเปนเวลา ๓๐ วนิ าที ท�าการทดลอง ๒ ครัง้
การบนั ทึกผล (นทบั ดจส�าอนบวนคควราัง้มทอี่ทอ า� นไดตใ้ วันแเวลละาคว๓า๐มอวนิดาททนี )

๒. นัง่ งอตวั
อุปกรณ์ เครือ่ งวัดความอ่อนตัว
วิธีทดสอบ นั่งเหยียดขาตรง เท้าทั้งสองต้ังฉาก
กบั พนื้ เทา้ ชดิ ตดิ กนั วางเทา้ ตรงกงึ่ กลางของเครอ่ื งวดั ความออ่ นตวั แลว้ เหยยี ด
แขนทงั้ สองตรงไปขา้ งหนา้ ใหข้ นานกบั พน้ื คอ่ ยๆ กม้ ตวั ไปขา้ งหนา้ จนไมส่ ามารถ
กม้ ตวั เหยยี ดแขนไดอ้ กี ใหอ้ า่ นคา่ ระยะที่ไดเ้ ปน เซนตเิ มตร การวดั ใหใ้ ชป้ ลายนว้ิ
มือเปน หลัก ท�าการทดสอบ ๒ คร้ัง
การบันทึกผล
๑) ถ้าปลายนิ้วเลยปลายเท้า ให้วัดระยะที่ปลายน้ิวเลยปลายเท้า แล้ว

บันทกึ คา่ เปน บวก เชน่ +๕ เซนตเิ มตร
๒) ถ้าปลายน้ิวไม่ถึงปลายเท้า ให้วัดระยะที่ปลายน้ิวไม่ถึงปลายเท้า
แล้วบนั ทกึ ค่าเปนลบ เช่น -๓ เซนตเิ มตร 1๓๕

ขอ สอบป ’53 ออกเกยี่ วกบั สมรรถภาพทางกาย ขอสอบ O-NET เบศูรณรากษารฐกิจพอเพียง

การทดสอบความแขง็ แรงของกลามเนื้อ ขอใดที่นกั เรียนหญิงทําได นกั เรยี นคดิ วธิ ปี ระดษิ ฐก ลอ งวดั ความออ นตวั ไดด ว ยตนเอง เพอ่ื ประหยดั คา ใชจ า ย
ใกลเ คียงกับนกั เรียนชาย ตวั อยา ง
1. ดันพื้น 2. ดงึ ขอ
3. กระโดดเชือก 4. ลุก - น่ัง แปะเทปกาว
วิเคราะหคําตอบ ในวัยของนักเรียนเปนวัยท่เี ริ่มมีการเปล่ียนแปลง ไมบรรทัดทม่ี หี นว ยวดั เปน
ทางดานรา งกาย เพศชายจะมพี ฒั นาการดา นกลา มเนอ้ื กระดูก และขอตอ เซนติเมตร ขดี ท่ีเปนเซนตเิ มตร
ที่แข็งแรงกวา เพศหญงิ ในการทดสอบสมรรถภาพทางกาย เพศชายจึงทําได อยูตรงขอบของกลองพอดี
ดีกวา แตก ารดันพื้นเพศหญงิ สามารถทําไดใ กลเ คียงกับเพศชาย เพราะใช
ทา ในการทดสอบแตกตา งกัน โดยเพศหญิงจะสามารถคกุ เขาดันพนื้ ได กลอ งไมห รอื กลองกระดาษ
แตเ พศชายเขาตองไมโ ดนพนื้ ดังนน้ั ขอ 1. จึงเปน คาํ ตอบท่ถี ูก

คมู อื ครู 135

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูแบง กลุม นกั เรียน โดยใหก ลุมหน่ึง ๓. วิ่งระยะไกล (ทดสอบความอดทนของระบบหัวใจและระบบ
มที ัง้ นกั เรียนที่มีสมรรถภาพอยูใ นระดบั ดี ไหลเวียนโลหติ )
พอใช และควรปรับปรงุ อุปกรณ์ ๑) นาฬกาจบั เวลา ๒) นกหวีด ๓) ลู่วงิ่
วธิ ีทดสอบ ยนื หลงั เสน้ เรมิ่ ใหป้ ลายเทา้ ขา้ งใดขา้ งหนง่ึ ชดิ เสน้ เมอ่ื ครู
2. ใหนกั เรยี นนําผลการทดสอบสมรรถภาพ ใหส้ ญั ญาณออกวง่ิ โดยเปา่ นกหวดี ใหอ้ อกไปตามเสน้ ทางทกี่ า� หนด ปฏบิ ตั ิ ๑ ครง้ั
ออกมาสนทนารวมกนั เพอื่ หาวิธปี รบั ปรงุ การบันทึกผล เวลาที่ใชว้ ่ิง มีหน่วยเปนวนิ าที
สมรรถภาพ (กิจกรรมเหมาะสมกบั ระดบั ๔. ยนื กระโดดไกล (ทดสอบพลงั ของกลา มเน้ือ)
สมรรถภาพ)

3. ใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิตามวธิ กี ารปรับปรงุ
สมรรถภาพท่ีรวมกันคิด

อปุ กรณ์ ๑) พ้นื ท่เี รียบและไม่ล่ืน
๒) ไมว้ ัดระยะมหี นว่ ยเปน เซนติเมตร
วิธีทดสอบ ยนื โดยปลายเทา้ ทง้ั สองอยหู่ ลงั
เส้นเร่ิม หลังจากซ้อมเหว่ียงแขนทั้งสองไปข้างหลัง
ใหก้ ม้ ตวั ไปขา้ งหนา้ เมอื่ ไดจ้ งั หวะใหเ้ หวยี่ งแขนทง้ั สอง
ไปขา้ งหนา้ อยา่ งแรง พร้อมกับกระโดดด้วยเทา้ ท้งั สอง
ไปข้างหนา้ ใหไ้ กลที่สุด ให้ทา� การทดสอบ ๒ ครั้ง
การบันทกึ ผล ระยะทางทกี่ ระโดดเปนเซนติเมตร
๕. ลกุ นง่ั ใน ๖๐ วนิ าที (ทดสอบความแขง็ แรงของกลา มเนอื้ )
อปุ กรณ์ ๑) นาฬกาจับเวลา ๒) เบาะหรือพนื้ ราบ
วิธที ดสอบ นอนหงายบนเบาะหรอื พนื้ ราบ วางปลายเทา้ ทงั้ สองขา้ ง
ใหห้ ่างกนั ประมาณ ๓๐ เซนตเิ มตร เขา่ งอ
ต้ังเปนมุมฉาก ก�ามือทั้งสองข้างไว้ข้างหู
ให้เพื่อนช่วยกดหลังเท้าของผู้เข้ารับการ
ทดสอบใหต้ ดิ กับพ้ืน เมอื่ ได้ยนิ สัญญาณเรมิ่
ให้ผู้เข้ารับการทดสอบดึงตัวลุกข้ึนสู่ท่านั่ง
พร้อมกับก้มศีรษะลงระหว่างเข่าทั้งสอง แล้วหุบข้อศอกไปข้างหน้า โดยท�า
ติดต่อกันอย่างรวดเร็ว จากน้ันนอนลงให้หลังมือจรดพ้ืน แล้วลุกข้ึนสู่ท่าน่ังอีก
ให้ทา� เช่นน้ีตดิ ต่อกันอย่างรวดเร็วจนครบ ๖๐ วินาที
1๓๖ การบันทกึ ผล จา� นวนครั้งทที่ า� ไดใ้ นเวลา ๖๐ วนิ าที

เกร็ดแนะครู ขอสอบ O-NET
ขอ สอบป ’53 ออกเก่ยี วกบั สมรรถภาพทางกาย
การทดสอบความแข็งแรงของกลา มเนอื้ ขอใดท่นี ักเรียนหญงิ ทําไดยาก
แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายนักเรียนอายุ 10 - 12 ป มกี ารทดสอบจาํ นวน ทส่ี ุด
8 รายการ ท่ีครสู ามารถพิจารณาเลอื กมาทดสอบนักเรยี น ดังนี้
• น่งั งอตัว • ยืนกระโดดไกล 1. ดันพื้น 2. ดงึ ขอ
3. กระโดดเชอื ก 4. ลุก - นงั่
• วง่ิ เก็บของ • ดงึ ขอ และงอแขนหอ ยตัว วเิ คราะหค ําตอบ วัยของนกั เรยี นเปน วยั ทีเ่ ริ่มมกี ารเปลย่ี นแปลงทางดา น
• ลกุ - นัง่ 30 วินาที • วง่ิ ทางไกล
• วิ่งเรว็ 50 เมตร • แรงบบี มือ รา งกาย เพศชายจะมพี ฒั นาการดา นกลา มเนอ้ื กระดกู และขอ ตอ ทแี่ ขง็ แรง
กวา เพศหญิง ในการทดสอบสมรรถภาพทางกายจงึ ทําไดด กี วา การดันพืน้
กระโดดเชอื ก และลกุ - น่งั เปน การทดสอบความแข็งแรงของกลา มเน้อื
สว นการดึงขอ เปน การทดสอบท้ังความแขง็ แรงของกลา มเน้ือและขอ ตอ
เพศหญงิ จึงทําไดย ากกวา ดงั น้ัน ขอ 2. จงึ เปน คําตอบท่ถี กู

136 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

เกณฑ์มาตรฐานสา� หรับเด็กไทยอายุ ๑๑ ปี 1. ใหน กั เรยี นทดสอบสมรรถภาพทางกายครงั้ ที่ 2
2. ใหน กั เรยี นนาํ ผลมาเปรยี บเทียบกับการทดสอบ
รายการ ต่�ามาก เกณฑม์ าตรฐาน ดมี าก
ต่�า ปานกลาง ดี ครง้ั แรก (ดีขนึ้ หรือแยลง เพราะอะไร)
3. ใหค รูอธิบายเพิ่มเตมิ วา การทดสอบ
๑. ดันพ้นื ๑๐ ลงมา ๑๑ - ๑๘ ๑๙ - ๒๖ ๒๗ - ๓๔ ๓๕ ขน้ึ ไป ชาย หญงิ
๓๐ วนิ าที (ครงั้ ) ๘ ลงมา ๙ - ๑๖ ๑๗ - ๒๔ ๒๕ - ๓๒ ๓๓ ข้นึ ไป สมรรถภาพทางกาย ควรทดสอบอยา งสมาํ่ เสมอ
เปนระยะๆ เพ่อื ใหท ราบวา เรามสี มรรถภาพ
๒. น่ังงอตวั ๒ ลงมา ๓ - ๖ ๗ - ๑๐ ๑๑ - ๑๔ ๑๕ ข้นึ ไป ทางกายดขี ึน้ หรอื แยลง เพอ่ื จะไดสรา งเสรมิ
๙ - ๑๓ ๑๔ - ๑๘ ๑๙ ขนึ้ ไป หรอื ปรับปรงุ ใหดขี ึน้ ตอ ไป

(เซนตเิ มตร) ๓ ลงมา ๔ - ๘

๓. วง่ิ ระยะไกล ๕.๕๔ ลงมา ๕.๕๕ - ๘.๑๔ ๘.๑๕ - ๑๐.๔๑ ๑๐.๔๒-๑๓.๔๕ ๑๓.๔๖ ขึน้ ไป
(วินาที)
๖.๔๔ ลงมา ๖.๔๕ - ๙.๓๗ ๙.๓๘ - ๑๒.๔๑ ๑๒.๔๒-๑๕.๓๐ ๑๕.๓๑ ขน้ึ ไป

๔. ยนื กระโดดไกล ๗๑ ลงมา ๗๒ - ๑๐๖ ๑๐๗ - ๑๔๒ ๑๔๓ - ๑๗๙ ๑๘๐ ขึ้นไป
(เซนตเิ มตร) ๗๐ ลงมา ๗๑ - ๙๘ ๙๙ - ๑๒๖ ๑๒๗ - ๑๕๔ ๑๕๕ ขึ้นไป

๕. ลกุ - น่ัง ๑๒ ลงมา ๑๓ - ๒๒ ๒๓ - ๓๒ ๓๓ - ๔๒ ๔๓ ขนึ้ ไป
๖๐ วนิ าที (ครง้ั ) ๑๐ ลงมา ๑๑ - ๒๐ ๒๑ - ๓๐ ๓๑ - ๔๐ ๔๑ ขนึ้ ไป

แบบทดสอบและเกณฑม์ าตรฐานสมรรถภาพทางกาย ส�าหรับเด็กไทยอายุ ๗ - ๑๘ ป
รศ.ดร. สพุ ิตร สมาหิโต และคณะ, ๒๕๕๕

ò ¡ÒÃ»ÃºÑ »ÃاÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡ÒÂ

หลังจากการทดสอบสมรรถภาพทางกายแล้ว เราสามารถสร้างเสริม
และปรับปรุงสมรรถภาพของเราให้ดีขึ้นได้ด้วยการปฏิบัติกิจกรรมด้านท่ีเรา
บกพร่องอย่างสม่�าเสมอ ตวั อย่างกิจกรรม มีดังน้ี

เ๑ช.่นกยานื รดทว้ รยงเตทวั า้ เดียว1 ๒. พลังของกลา้ มเนอ้ื

ยื่นเทา้ อีกขา้ งหนง่ึ เช่น กระโดดขา้ ม
ไปขา้ งหลงั สงิ่ กดี ขวางขาคู่

1๓๗

ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT มมุ IT

ถาผลการทดสอบสมรรถภาพทางกายของนกั เรยี นอยใู นระดับ ครดู าวนโ หลด เกณฑป ระเมนิ ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกายไดท ่ี
ควรปรบั ปรงุ นกั เรยี นควรทาํ อยางไร http://202.29.213.19/home/Files/songserm/003.pdf
แนวตอบ นักเรยี นควรหาขอ บกพรอ งของตนเองและหาวิธปี รับปรงุ แกไ ข
เชน ถา นกั เรยี น ลกุ - นงั่ อยใู นระดบั ควรปรบั ปรงุ เพราะกลา มเนอ้ื หนา ทอ ง นักเรียนควรรู
ไมแข็งแรง นักเรยี นก็ควรสรา งเสรมิ ความแขง็ แรงของกลามเน้อื หนาทอ ง
ดว ยการฝก ลกุ - นง่ั วนั ละ 20 - 50 คร้ัง และเพ่ิมจํานวนครง้ั มากขน้ึ เปนตน 1 ยนื ดว ยเทา เดียว นํา้ หนกั ตัวจะอยูท ่เี ทาขางทยี่ ืนอยู ทําใหรา งกายเสยี สมดุล
จึงจะทําใหนกั เรียนมีสมรรถภาพทางกายทีด่ ีข้ึนได การกางแขนจะทาํ ใหรางกายเกดิ ความสมดุลได เพราะนา้ํ หนักจะกระจายไปท่ี
แขนท้งั 2 ขาง ทาํ ใหเราสามารถยนื ทรงตวั เทาเดยี วได

คูม อื ครู 137

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

1. ใหน ักเรยี นคดิ โปรแกรมการปรบั ปรุงสมรรถภาพ ๓. ความออ่ นตวั เช่น ๔. ความแขง็ แรง เช่น
ของนักเรียนเอง มาคนละ 1 โปรแกรม
แลวสงครู ๑) นงั่ เหยียดเทา้ ๑) ดนั พื้นหรอื ยบุ ข้อไม่ให้
ก้มตัวแขนตึง ท้องแตะพ้ืน
2. ใหน กั เรียนปฏบิ ตั ติ ามโปรแกรมท่ีนกั เรยี นคิดขนึ้ ปลายน้ิว ๒) นงั่ เปน รูปตัววี
เปน เวลา 1 - 3 เดอื น อยา งสมาํ่ เสมอ แลว ทดสอบ แตะปลายเท้า
สมรรถภาพทางกายอกี คร้ัง ๒) ยนื กางขา
ใชม้ อื ขวาแตะ
3. ใหน ักเรยี นทํากจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1 เทา้ ซ้ายแลว้ สลับ
คําถามชวนคิด ขวาเปนซ้าย

๕. ความคล่องแคลว่ ว่องไวและความเรว็ เช่น

วง่ิ สลบั ฟน ปลาอ้อมหลัก

การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายท่ีให้ผลดี ควรปฏิบตั ิตามข้นั ตอน ดังน้ี

ทดสอบ สร้างเสรมิ

รรู้ ะดบั สมรรถภาพทางกาย ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสร้างเสริมสมรรถภาพ
และความบกพร่อง ทางกายเปน ประจา�

ปรับปรุง
พัฒนาใหม้ ีระดับสมรรถภาพทางกายท่สี งู ขึ้น โดยปรบั ปรงุ ข้อบกพร่องแตล่ ะด้าน
ของเราใหอ้ ยู่ในเกณฑท์ ดี่ ขี ้ึน

ปรบั ปรงุ พอใช้ ดี มสี มรรถภาพทางกายที่ดีตลอดไป เหมาะสมกบั วัย

1๓๘

เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายมปี ระโยชนอ ยางไร
ครอู าจกําหนดหัวขอการปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายในดานตา งๆ แลว ให แนวตอบ ชวยสรา งเสริมประสทิ ธิภาพของสมรรถภาพทางกายใหสงู ขน้ึ
นกั เรยี นสืบคนขอมลู วธิ กี ารปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายดา นท่ีนักเรยี นเลือก ชว ยลดขอจํากัดในการทาํ งานตางๆ รวมท้งั ชวยทาํ ใหส ุขภาพรา งกาย
หรอื จบั ฉลากได แขง็ แรงดวย
• การทรงตวั • ความแข็งแรง
• ความออนตัว • ความคลอ งแคลววองไว กิจกรรมทาทาย

ใหน ักเรียนคดิ โปรแกรมการปรบั ปรงุ สมรรถภาพ ใหครอบคลมุ ดาน
โภชนาการและดานรา งกาย ใหเหมาะสมกับวัยของนกั เรยี น

138 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate

ตรวจสอบผล Evaluate

¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูประเมินผลการทดสอบสมรรถภาพของ
นักเรียนท้ัง 3 ครัง้
ตอนท่ี ๑ ค�าถามชวนคดิ
เขียนตอบค�าถามตอ่ ไปนล้ี งในสมุด (ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมขึ้นอยกู บั ดุลยพินจิ ของครูผูสอน) 2. ครปู ระเมนิ กิจกรรมการปรับปรุงสมรรถภาพ
ทางกายทแ่ี ตล ะกลุม รวมกันคดิ
๑) การทดสอบสมรรถภาพทางกายของนกั เรียนอยู่ในระดับใด และนกั เรียน
มีขอ้ บกพร่องเร่อื งใดบา้ ง 3. ครปู ระเมนิ โปรแกรมปรับปรงุ สมรรถภาพ
ทางกาย เปรียบเทยี บกับผลการทดสอบ
๒) ถา้ นักเรยี นทดสอบการนง่ั ก้มตวั ไมผ่ ่าน แสดงวา่ มสี มรรถภาพด้านใดไม่ดี สมรรถภาพครงั้ ที่ 3
นกั เรยี นจะรสู้ กึ อยา่ งไร และนกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายอยา่ งไร
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู
ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนท�า
ทดสอบสมรรถภาพทางกาย แลว้ บันทึกผลตามตวั อยา่ งทก่ี �าหนดให้ลงในสมดุ 1. การทดสอบสมรรถภาพทางกายทั้ง 3 ครัง้
จากน้ันทา� การปรบั ปรงุ สมรรถภาพดา้ นทตี่ นเองไม่ผ่าน 2. กิจกรรมการปรับปรุงสมรรถภาพทางกาย

แบบบันทกึ ทแี่ ตล ะกลมุ คดิ
3. โปรแกรมปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกาย
การทดสอบสมรรถภาพ ครั้งท่ี ๑

วนั ที่ ……………….. เดอื น ………………………………….. พ.ศ. ………………………..
ชอื่ -นามสกลุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
อายุ ………………………………… ป ชนั้ ……………………………………… เพศ ❍ ชาย ❍ หญิง
สว่ นสูง …………………………………………………. เซนติเมตร นา้� หนัก ………………………………………… กิโลกรมั

รทาดยสกอาบร ผลการทดสอบ สรปุ ผล
คร้งั ที่ ๑ คร้ังที่ ๒ คร้งั ทีด่ ที ส่ี ุด อยู่ในระดับ
๑. ดนั พน้ื ๓๐ วนิ าที
๒. นั่งงอตวั ……………….. ครง้ั ……………….. คร้ัง ……………….. คร้ัง ………………………………………..
๓. วงิ่ ระยะไกล ……………….. ซม. ……………….. ซม. ……………….. ซม. ………………………………………..
๔. ยนื กระโดดไกล …………….. วนิ าที - …………….. วนิ าที ………………………………………..
๕. ลุกน่งั ๖๐ วนิ าที ……………….. ซม. ……………….. ซม. ……………….. ซม. ………………………………………..
……………….. ครงั้ ……………….. คร้ัง ……………….. ครั้ง ………………………………………..

หมายเหตุ : น�าผลการทดสอบสมรรถภาพทางกายเทียบกับเกณฑม์ าตรฐานทค่ี รูกา� หนด ถ้าผลการทดสอบ
ตา�่ กวา่ เกณฑ์ ใหน้ �ามาปรบั ปรุงแกไ้ ขสมรรถภาพทางกายของตนเอง

ตอนท่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์
นกั เรยี นแตล่ ะคนคิดวธิ กี ารปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายดา้ นท่ตี นเองอ่อนมากท่ีสดุ
มาคนละ ๑ วธิ ี จากนั้นออกมาน�าเสนอให้ครแู ละเพอ่ื นดู และร่วมกันวพิ ากษว์ จิ ารณ์
ถงึ ความเหมาะสมของกิจกรรมทเ่ี ลอื กมา
1๓๙

ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู

นักเรียนควรวางแผนในการสรางเสรมิ สมรรถภาพทางกายสําหรบั ตนเอง ครูแนะนําเพิม่ เติมเกีย่ วกับการปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายวา ควรคาํ นึงถงึ
ในขอใดจงึ จะเหมาะสม หลักการตอ ไปนี้

1. ทดสอบสมรรถภาพทางกายกอน ออกกําลงั กายสรา งเสรมิ ทดสอบ • รจู กั ประมาณตนเอง โดยเลือกกิจกรรมท่ีเหมาะกับรางกายของตนเอง
สมรรถภาพทางกายอีกครงั้ เปรยี บเทยี บ • ความปลอดภยั การปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายอาจตอ งใชร ะยะเวลา

2. ทดสอบสมรรถภาพทางกายกอ น เปรยี บเทียบ ทดสอบสมรรถภาพ ในการปฏบิ ตั ิ จึงไมค วรหกั โหมในการทํากิจกรรมจนเกินไป
ทางกายอีกครัง้ ออกกําลังกายสรา งเสรมิ เพราะอาจทาํ ใหบาดเจบ็ ได
• การวางแผนปฏิบัตแิ ละกําหนดเปา หมายใหชดั เจน โดยตองรูวาตนเอง
3. ทดสอบสมรรถภาพทางกายกอ น ทดสอบสมรรถภาพทางกายอีกครั้ง ตอ งการปรับปรุงดา นใด มวี ธิ ีการปฏบิ ัติอยา งไร และกําหนดระยะเวลา
เปรียบเทยี บ และความถใ่ี นการปฏบิ ตั ิ จากนนั้ ลงมอื ปฏบิ ตั อิ ยา งสมา่ํ เสมอ
จนมสี มรรถภาพทางกายทดี่ ขี น้ึ
4. ทดสอบสมรรถภาพทางกายกอ น ออกกาํ ลงั กายสรา งเสรมิ เปรยี บเทยี บ
วเิ คราะหคําตอบ การสรา งเสรมิ สมรรถภาพทางกาย เราตอ งรูก อนวา คูม อื ครู 139
เรามีสมรรถภาพทางกายเปนอยางไร มขี อควรปรบั ปรงุ ในดานใด แลวจึง
ออกกาํ ลังกายเพือ่ สรา งเสริมจดุ ที่ควรปรบั ปรุง เม่อื ออกกาํ ลงั กายไปได
สกั ระยะเวลาหนง่ึ กใ็ หทดสอบสมรรถภาพทางกายอีกครงั้ และนําไป

เปรียบเทียบกับคร้ังกอ น ดังนั้น ขอ 1. จงึ เปน คาํ ตอบทีถ่ ูก

กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

บรรณานุกรม

กรมพลศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. เกม ๑๐๘. พิมพ์คร้ังที่ ๕. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา
ลาดพร้าว, ๒๕๓๘.

กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. กีฬาพ้ืนบ้าน. พิมพค์ รง้ั ท่ี ๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พค์ รุ ุสภา
ลาดพร้าว, ๒๕๔๖.

กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ กองสขุ ศกึ ษา กระทรวงสาธารณสขุ . สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาต.ิ พมิ พค์ รง้ั ที่ ๑.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จา� กัด, ๒๕๕๕.

กรมสขุ ภาพจติ กระทรวงสาธารณสุข. สร้างสุขในบา้ น. พิมพค์ รัง้ ท่ี ๑. นนทบุรี : ศูนย์สขุ ภาพจติ
ที่ ๑ กระทรวงสาธารณสุข, ๒๕๔๗.

จิรภรณ์ ศริ ปิ ระเสรฐิ . เกมน�าไปส่ทู กั ษะกีฬา. พิมพค์ ร้งั ที่ ๑. กรุงเทพฯ : อักษรพทิ ยา, ๒๕๔๕.
ชมรมบ้านวิทยาศาสตร.์ รา่ งกายมหัศจรรย.์ พมิ พ์ครั้งที่ ๑. นนทบรุ ี : บรษิ ทั ไทยรม่ เกล้า จ�ากัด

(ฝา่ ยการพมิ พ)์ , ๒๕๔๖.
ยุวดี จอมพทิ ักษ์. คมู่ อื เลือกซื้ออาหาร. พิมพ์ครง้ั ท่ี ๑. กรงุ เทพฯ : สา� นักพิมพน์ า้� ฝน, ๒๕๔๔.
รงั สฤษฎิ์ บุญชลอ. เซปักตะกร้อและตะกร้อลอดห่วง. พมิ พ์คร้งั ที่ ๖. กรงุ เทพฯ : บริษทั พี เอน็

เค แอนด์ สกายพริ้นต้ิง จา� กดั , ๒๕๔๗.
วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา, สา� นัก. สา� นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน กระทรวง

ศึกษาธิการ. ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
และพลศึกษา. พิมพ์คร้ังท่ี ๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่ง
ประเทศไทย จา� กดั , ๒๕๕๑.
สพุ ชั รา ซมิ้ เจรญิ และคณะ. หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพนื้ ฐาน พลศกึ ษา ม.๑. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ
: บรษิ ทั ไทยรม่ เกลา้ จา� กัด, ๒๕๕๗.
สพุ ชั รา ซ้ิมเจรญิ และไพบลู ย์ กฤษณจักราวัฒน.์ หนงั สอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พลศกึ ษา ม.๕.
พมิ พ์ครัง้ ที่ ๕. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทไทยร่มเกลา้ จา� กดั , ๒๕๕๗.
สพุ ิตร สมาหิโต และคณะ. แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย สา� หรับเด็กไทย
อายุ ๗ - ๑๘ ป.ี ฉบบั ที่ ๒. กรุงเทพฯ : บริษทั ไทยรม่ เกล้า จา� กัด, ๒๕๕๗.
อดุ ม ดุจศรีวัชร. ยาเสพติด. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พท์ พิ ยวิสทุ ธิ์, ๒๕๓๙.
เอกรนิ ทร์ สม่ี หาศาล. แม่บทมาตรฐาน หลกั สูตรแกนกลางฯ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ป.๕.
พมิ พ์คร้งั ท่ี ๓. กรงุ เทพฯ : สา� นักพิมพส์ ัมปชญั ญะ, ๒๕๕๕.

140

140 คู่มือครู


Click to View FlipBook Version