หลากหลายแนวคิด เล่ม 5

อกุ ฤษหลมากงหคลลายนแานววินคดิ

หากได้ใบสง่ั มาแล้ว อยา่ ละเลยไม่ยอมไปจ่ายค่าปรบั เด็ด
ขาด เพราะคณุ จะไมส่ ามารถตอ่ ภาษรี ถยนตป์ ระจำ� ปไี มไ่ ดน้ นั่ เอง
เน่ืองจากมีการเช่ือมข้อมูลใบส่ังลงในระบบออนไลน์ หากใคร
ไมช่ ำ� ระค่าปรบั ภายใน ๓๐ วนั จะโดนหมายจับ พร้อมโทษปรบั
๑,๐๐๐ บาท และไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ หากน�ำรถไปใช้
จะมีความผดิ ตามกฎหมายจราจร ฐานไมต่ อ่ ภาษยี านพาหนะ มี
โทษปรบั สูงสดุ ๒,๐๐๐ บาท
โดนพักใชใ้ บขบั ข่ี

สำ� หรบั กรณโี ดนพกั ใชใ้ บขบั ข่ี คณุ จะโดนหกั คะแนนความ
ประพฤติ ไปต้งั แต่ ๑-๒ คะแนน หากถกู ตดั จนหมด ๑๒ คะแนน
จะถูกพกั ใช้ใบขบั ขี่ ๙๐ วัน (๓ เดือน) และต้องเขา้ รับการอบรม
ใบขับขี่ใหม่อีกคร้ัง ทั้งนี้ หากท�ำผิดจนโดนพักใช้ใบขับขี่ ๓ คร้ัง
ภายใน ๓ ปี จะถกู พักใช้นาน ๑ ปี และถ้าท�ำผดิ ซำ้� อีกในปีถัดไป
จะโดนเพกิ ถอนใบขับขี่ ต้องเสยี เวลารออีก ๕ ปี ถึงจะทำ� ใหม่ได้

151กำ�เนิดการชำ�ระคา่ ปรบั

จากการกระทำ�ผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก

หอลุกากฤหษลายมแงนควคลดิ นาวนิ

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าโดนใบส่ัง หากไม่มีใบส่ังมาถึง
บ้าน? คุณสามารถตรวจสอบใบสั่งได้ง่าย ๆ ท่ีเว็บไซต์ https://
ptm.police.go.th/eTicket โดยมีขั้นตอน ดงั น้ี

เว็บไซต์ https://ptm.police.go.th/eTicket

ตรวจสอบใบสงั่ ออนไลนไ์ ด้ โดยระบขุ อ้ มลู ประกอบด้วย
• วนั ที่กระทำ� ผดิ
• ทะเบยี นรถ
• เลขทใ่ี บส่ัง

152 กำ�เนิดการชำ�ระคา่ ปรบั
จากการกระทำ�ผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก

อกุ ฤษหลมากงหคลลายนแานววนิคิด

หากมีใบสัง่ ระบบกจ็ ะแสดงขอ้ มูลใบสัง่ น้ัน ๆ ขึน้ มา แต่
ถ้าไม่มกี ็จะแสดงภาพ ตามรูป

ถา้ ไม่มกี จ็ ะแสดงภาพ ตามรปู

153กำ�เนิดการชำ�ระคา่ ปรับ

จากการกระทำ�ผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก

หอลุกากฤหษลายมแงนควคลดิ นาวนิ

ชื่อหนงั สอื หลากหลายแนวคดิ อกุ ฤษ มงคลนาวนิ เล่ม ๕
ปีที่จดั ท�ำ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
พิมพ์คร้งั ท่ี ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔
จ�ำนวนหน้า ๑๕๒ หนา้
สงวนลขิ สทิ ธ์ิ ตามพระราชบัญญตั ิลิขสิทธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามท�ำซ�้ำ ดดั แปลง ไมว่ า่ จะทัง้ หมดหรอื บางสว่ น
ไม่วา่ โดยวธิ กี ารใด เว้นแตจ่ ะไดร้ ับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อกั ษรจากเจา้ ของลิขสิทธิ์

มลู นธิ ศิ าสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ – ท่านผู้หญงิ มณฑนิ ี มงคลนาวิน
เลขที่ ๖๓ ซอยรว่ มฤดี ๓ ถนนเพลนิ จติ แขวงลมุ พนิ ี
เขตปทมุ วนั กรงุ เทพฯ ๑๐๓๓๐
โทรศัพท์ คุณจิรสั ย์ คเชนทวา ๐๘๑-๘๙๙-๔๕๔๖,
คุณสจุ ติ ร เอ่ยี มวรสมบตั ิ ๐๘๗-๘๓๒-๒๓๘๘

154

อสิ ระวา่ ดว้ ยการอาํ นวยความยตุ ธิ รรมใน ๓ จงั หวดั ชายแดน
ภาคใต้ (กอยส) และเปน็ ประธานกรรมการอสิ ระว่าดว้ ยการ
สง่ เสริมหลกั นิติธรรม แหง่ ชาติ (คอ.นธ)

ดา้ นเกียรติคุณทไ่ี ดร้ ับทางวิชาการ
- ในปี ๒๕๒๒ ได้โปรดเกล้าฯให้เป็นศาสตราจารย์
พเิ ศษจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
- พ.ศ. ๒๕๓๐ และ พ.ศ. ๒๕๓๒ รับพระราชทาน
ปรญิ ญานติ ศิ าสตรด์ ษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดจิ์ ากมหาวทิ ยาลยั
รามคำ�แหงและจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ตามลำ�ดับ
ศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ - พ.ศ. ๒๕๓๑ รับพระราชทานปริญญาบัตร
(กิตตมิ ศักด)ิ์ จากวิทยาลยั ป้องกนั ราชอาณาจักร
ประวัติการศกึ ษา ดา้ นสังคมสงเคราะห์
- เกิดเมือ่ วนั ที่ ๑๐ มนี าคม ๒๔๗๖
- สําเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิตและสังคม - โปรดเกลา้ ฯใหเ้ ปน็ กรรมการสภากาชาดไทย ตัง้ แต่
พ.ศ. ๒๕๒๗ จนถึงปจั จุบนั
สงเคราะหศ์ าสตร์บณั ฑิตจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี
พ.ศ. ๒๕๐๑ และ ๒๕๐๒ ตามลําดบั - เป็นประธานกรรมการมูลนิธิตึก สก. ในพระบรม
ราชปู ถัมภ์ ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ จนถงึ ปจั จุบัน
- พ.ศ. ๒๕๐๙ สําเร็จการศึกษาปริญญาเอกทาง
กฎหมาย (Docteur en Droit) จากมหาวิทยาลัยปารีส - เป็นประธานกรรมการพีระยานุเคราะห์ในพระ
ประเทศฝร่ังเศส อปุ ถมั ภข์ องสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนีตง้ั แต่พ.ศ.
ครอบครัว ๒๕๒๗ จนถงึ ปจั จุบนั
ด้านเกยี รติยศในสงั คม
สมรสกับท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน อดีตนาง
สนองพระโอษฐ์ในสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ - ได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร รางวัลผู้ทำ�
ในรชั กาลที่ ๙ คณุ ประโยชน์ประเภทสง่ เสรมิ กิจการคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๔๒
ดา้ นการศึกษา
- ได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ ๑
เป็นผู้ริเริ่มในการยกฐานะแผนกวิชานิติศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ข้ึนเป็นคณะ
นิติศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ และดํารงตําแหน่งคณบดี - ได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสดุดี ชั้นท่ี ๑ พ.ศ.
อยู่ ๖ ปี นอกจากนั้น เป็นผู้บรรยายกฎหมายในสถาบัน ๒๕๕๔
การศกึ ษาอกี หลายแหง่
- เป็นนักศึกษาดีเด่นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปี
ดา้ นวชิ าชพี พ.ศ. ๒๕๒๗ ในโอกาสมหาวทิ ยาลัยมอี ายคุ รบ ๕๐ ปี

- ได้เป็น “ปูชนียบุคคล” หนึ่งในร้อยคนของจุฬา-
ลงกรณ์มหาวิทยาลยั ในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐
ได้กอ่ ตั้งสาํ นกั กฎหมาย ดร.อุกฤษ มงคลนาวนิ ต้งั แต่
พ.ศ. ๒๕๑๓ จนถึงปจั จบุ นั เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์
ได้รับเครื่องราช อิสริยาภรณ์ตระกูลต่างๆ ได้แก่ มหา
ด้านการเมอื ง ปรมาภรณ์ ชา้ งเผือก (พ.ศ. ๒๕๒๗), มหาวชริ มงกุฏ (พ.ศ.
เรม่ิ เป็นสมาชกิ รัฐสภาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๕ จนถึง พ.ศ. ๒๕๒๘), ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (พ.ศ. ๒๕๓๒), เหรียญ
๒๕๓๕ และดาํ รงตาํ แหนง่ รอง ประธานฯ, ประธานวฒุ สิ ภา,
ประธานรฐั สภา หลายสมัย รัตนาภรณ์ ชั้นท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๔ ), ปฐมดิเรกคุณาภรณ์
(พ.ศ. ๒๕๔๐)
ด้านบริหารราชการแผน่ ดิน อิสริยาภรณ์ต่างประเทศได้แก่ อิสริยาภรณ์สูงสุด
ไดเ้ ปน็ ท่ีปรึกษานายกรัฐมนตรี ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๑๘ จากสาธารณรัฐเกาหลี (พ.ศ. ๒๕๒๘) และอิสริยาภรณ์
เหตุท่ีเป็นนักนิติศาสตร์ท่ียึดมั่นใน หลักยุติธรรม เลยอิ อง ดอนเนอร์ ช้ันคอมมานเดอร์ จากประเทศ ฝร่ังเศส
นติ ธิ รรม สนั ตธิ รรม จงึ ไดร้ บั แตง่ ตงั้ ใหเ้ ปน็ ประธานกรรมการ (พ.ศ. ๒๕๒๙)

“บ้านเมอื งเราปกครองโดยกฎหมาย
แตป่ กครองโดยกฎหมายอยา่ งเดียวไม่พอ

จะตอ้ งมผี ใู้ ชก้ ฎหมายทถี่ กู ตอ้ งดว้ ย
ถงึ จะนำ�ความยุติธรรมมาส่ปู ระชาชน
และเม่ือประชาชนได้รบั ความยตุ ธิ รรมแล้ว
กจ็ ะเกดิ สันติสขุ ขน้ึ ในสังคม ในบา้ นเมอื ง”

สัมภาษณ์ ศาสตราจารย์ ดร.อกุ ฤษ มงคลนาวนิ ประธานรฐั สภา
สยามรฐั สัปดาหว์ จิ ารณ์ ปที ่ี ๓๔ ฉบบั ที่ ๑๕
๒๗ ก.ย.- ๑ ต.ค. ๒๕๓๐ หนา้ ๙-๑๑