The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เสริมทักษะหัวหน้างานยุคใหม่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DBP Learning, 2023-04-24 04:38:26

เสริมทักษะหัวหน้างานยุคใหม่

เสริมทักษะหัวหน้างานยุคใหม่

เสร ิ มทก ั ษะห ั วหน ้ างานย ุ คใหม ่ “เราเลือกหัวหน้าทีÉดีสําหรับเราไม่ได้..แต่เราเลือกเป็ นหัวหน้าทีดÉีสาํหรับลูกน้องได้เสมอ”สารพดัหลากหลายขอ้คิดกลัÉนกรองมาจากประสบการณ์จริงทีสÉามารถนาํ ไปใชไ้ดจ้ริง คู่มือขา้งกายทีหÉวัหนา้งานทุกคนไม่ควรพลาด ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍ https://tamrongsakk.blogspot.com


Page 2 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ คาํนํา สวสัดีครบัมิตรรกัแฟนคลบัทุกท่าน.... หนงัสือเลม่นีเดิมก็เป็นหนึÊ ÉงในหนงัสือทÉีผมเขียนขึนÊประมาณเดือนตลุาคม 2557และพิมพเ์ป็นพ็อก เก็ตบุ๊คออกจาํหน่ายโดยสาํนกัพิมพส์มาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทยญีÉปุ่น (สาํนกัพิมพส์ สท.) เวลาผ่านไป 7 ปีหนงัสือเล่มนีกÊ็ถกูพิมพแ์ละขายออกไปมากพอสมควรจนสาํนักพิมพเ์ห็นว่าถา้ พิมพข์ายเป็นเลม่อีกก็คงไม่คมุ้ทนุผมก็เลยขอลิขสิทธิÍกลบัคืนมาแลว้ตดัสินใจนาํหนงัสือเล่มนีมÊาปรบั ปรุง แกไ้ขเนือÊหาให้Update มากขึนกว่าเมืÊ Éอ 7 ปีทีÉแลว้และก็ตดัสินใจแจกฟรีเพืÉอใหเ้ป็นประโยชนก์บั สาธารณะกบัคนทÉีสนใจเหมือนกบัหนงัสือหลายๆเลม่ทีÉผมแจกมาแลว้ โดยท่านทีÉสนใจอยากอ่านก็สามารถไปดาวนโ์หลดไดท้Éีบล็อกของผมคือ https://tamrongsakk.blogspot.com ขอบอกไว้อีกครังหนึÊ Éงว่าหนงัสือทกุเลม่ทีÉผมใหด้าวนโ์หลดฟรีนนัÊผมไม่ตอ้งการใหม้ีการนาํสว่น หนึÉงส่วนใดของหนงัสือไปทาํซาเพื ํÊ Éอการจดัจาํหน่ายหาผลประโยชนเ์ขา้กระเป๋าใครทงนั ัÊนÊผมตอ้งการให้ เป็นความรูส้ สู่าธารณะโดยไม่ตอ้งการใหม้ีการหาประโยชนเ์งินทองใด ๆ ทังสิÊน Ê แต่ถา้จะสง่ ไฟลห์นงัสือนีตÊ่อๆกนัไปเผยแพร่เป็นวิทยาทานผมจะยินดีเป็นอย่างยิÉง มีคนเคยบอกว่าของฟรีมกัไม่มีคณุค่า แต่ผมยงัหวงัว่าหนงัสือเลม่นีจÊะมีคณุค่ากับทุกๆ ท่านทีÉอ่านแมว้่าจะเป็นของฟรี ผมสขุใจเสมอทÉีไดต้อบแทนวิชาชีพ HR เท่าทีÉมีอยู่คืนกลบัใหส้งัคม และหวังว่าท่านทีÉไดร้บัความรูแ้ลว้จะสง่ต่อความรูด้ว้ยการ “ให”้กบัสงัคมต่อไปดว้ยเช่นเดียวกนันะ ครบั #การใหไ้ม่สินÊสดุ ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍ 081-846-2525 บล็อก : http://tamrongsakk.blogspot.com อีเมล์: [email protected]


Page 3 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ สารบัญ บททีÉ หน้า 1. รู้เขา-รู้เรา เข้าใจความแตกต่างระหว่างรุ่น 4 2. ปัญหาการเลืÉอนตาํแหน่งในปัจจุบัน..และควรจะแก้ไขอย่างไร 10 3. บทบาท หน้าทีÉและความรับผิดชอบของหวัหน้างาน 14 4. รู้เขา..รู้เราด้วย D I S C เพืÉอการทาํงานร่วมกันได้ราบรืÉน 18 5. การสร้างทัศนคติเชิงบวกเพืÉอสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง 39 6. หัวหน้างานกับ EQ 44 7. เทคนิคการสรา้งแรงจูงใจให้ลกูน้อง 49 8. เทคนิคการสัมภาษณเ์พืÉอคัดเลือกลูกน้องท “ใช่” ีÉ 59 9. ทักษะการวางแผนงาน 64 10. ทักษะการมอบหมายและติดตามงาน 69 11. ทักษะการสอนงาน 73 12. ทักษะการให้คําปรึกษาหารอืกับลูกน้อง 80 13. ทักษะการแก้ปัญหาและตัดสินใจ 86 14. วินัยและการดาํเนินการทางวินัย 92 15. เรืÉองน่ารู้ด้านการบริหารงานบุคคลทีÉหัวหน้างานควรทราบ 102 คุยกันท้ายเล่ม 125 เกีÉยวกับผู้เขียน 126


Page 4 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ1 รู้เรา-รู้เขา..เข้าใจความแตกต่างระหว่างรุ่น “รุ่น” คาํๆ นีเÊราใชก้นัมาตงัÊแต่เด็กจนโตเลยนะครบัเช่น แรกรุ่น วยัรุน่รุ่นใหญ่เรียนหนงัสือก็นบั รุน่กนัอีกว่าจบมารุน่ ไหน ปีไหนใครจบก่อนจบหลงัพอเขา้สชู่ีวิตการทาํงานก็นบัรุน่กนัอกีว่าใครเขา้มา ทาํงานเมÉอืไหรป่ ีไหนเหมือนกบัสมยัเรียน แน่นอนว่ารุน่ทÉีมาก่อนก็จะไดร้บั ประสบการณใ์นดา้นต่าง ๆในสภาพแวดลอ้มหนึÉงในช่วงเวลาหนึÉง ทีÉแตกต่างไปจากรุน่ทÉีมาทีหลงัทาํ ใหท้ ศันคติมมุมอง วิธีคิดต่าง ๆจะแตกต่างกนัไปตามยคุสมยัของแต่ และรุ่น ผมอยากอยากจะนาํท่านมารูจ้กัการแบ่งรุ่นหรือแบ่งยุค (Generation) ในเบือÊงตน้ทÉีไดม้ีการแบ่งไว้ เสียก่อนเพืÉอทีÉจะไดร้บัทราบในเบือÊงตน้ว่าคนแต่ละรุน่เขามีค่านิยมทศันคติยงัไง แลว้เดีÌยวเราค่อยมาคยุกัน ว่าหวัหนา้งานควรจะเขา้ใจเรืÉองพวกนีแÊลว้จะเอาความรูเ้หล่านีไÊปใชป้ระโยชนย์งัไงนะครบั การแบ่งรุ่นของคน รุ่น ปี เกิด (ประมาณ) ชืÉอเรยีกของรุ่น ค่านิยม หลงัสงครามโลกครงที ัÊ É2 2489-2507 Baby Boomer (BB) ทาํงานหนกั, ภกัดีต่อ องคก์รสงู,กา้วหนา้ไป พรอ้มองคก์ร, อดทน, ใช้ เวลาในการเรียนรูง้าน, ไม่ค่อยเปลีÉยนงาน, ไม่ ค่อยเปลีÉยนแปลง, ยึด อาวโุส, ไม่โตแ้ยง้ สงครามเย็นและสินÊสดุ สงครามเย็น 2508-2525 Generation X (Gen X) ความภกัดีต่อองคก์ร ลดลง, ไม่ชอบกฎเกณฑ์ มากนกั, เริÉมต่อตา้น ระบบอาวโุส, เรÉมิโตแ้ยง้, ตอ้งการกา้วหนา้เรว็ขึนÊ ,


Page 5 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ความอดทนลดลง, ตอ้งการเกษียณเรว็ขึนÊ , อยากทาํอะไรเป็นของ ตวัเอง Internet/Social network 2526-2545 Generation Y (Gen Y) วตัถุนิยมสงู , ใจรอ้น, อยากมสี่วนรว่ม,อยาก ใหร้บัฟัง, เชืÉอมัÉนใน ตวัเองสงุ ,Social Network, อยากประสบ ความสาํเร็จเร็ว, รวยเรว็ ถัดจากรุ่น Gen Y ก็จะเป็ น Gen Z (บางคนออกเสียงว่า “เจนซีส”์) ซึÉงผมก็นับเป็ นคนรุ่น ใหม่ไปด้วยและก็เลยขอเรียกรวม Gen Y และ Gen Z ซึÉงถือว่าเป็ นคนรุ่นใหม่เข้าด้วยกันไปเลย นะครับ จากตารางขา้งตน้ทกุองคก์รในปัจจบุนั (รวมทังÊองคก์รของท่าน)จะตอ้งมีการทาํงานร่วมกนัของ คนทัง Ê 3 รุ่นนี และแน่นอนว่าเมืÊ Éอคนทัง Ê 3 รุ่นเกิดมาในยุคสมยัทÉีแตกต่างกนัสภาพแวดลอ้มทีÉแตกต่างกนั จึงเป็นโจทยท์Éีทา้ทายสาํหรบัหวัหนา้งานทีÉจะตอ้งเขา้ใจคุณลกัษณะและความแตกต่างของคนแต่ละรุน่เพืÉอ นาํมาเป็นขอ้คิดในการบรหิารงาน การแกป้ัญหาในการทาํงานหรอืการใชช้ีวิตรว่มกนัดงันีคÊรบั สไตลแ์ละค่านิยมของพวก BB (Baby Boomer) คนกลมุ่นีเกิดมาแบบทีÊ Éเรียกกนัว่ายุค “ลกูคนจน” เพราะเกิดมาในยคุขา้วยากหมากแพงก็เป็นยุค หลงัสงครามโลกครงที ัÊ É2 นีÉครบัเศรษฐกิจฝืดเคืองเนÉืองจากเอาเงินไปทาํสงครามผคู้นลม้ตายมากมายเป็น ยคุของงานก็หายากแถมถูกสÉงัสอนมาดว้ยคาํขวญั ประเภท “เชืÉอผูน้าํชาติพน้ภยั” หรือ“ขา้พเจา้ขอ รบัผิดชอบแต่เพียงผูเ้ดียว” ในยคุนีสÊ่วนใหญ่พ่อแม่ก็มกัจะมีลกูหลายคนจึงตอ้งทาํมาหากินหาเงินมาเลียÊงดคูรอบครวัทÉีมีลกู มาก(หลงัสงครามโลก) ทาํ ใหต้อ้งประหยัด อดออม กระเหม็ดกระแหม่ทาํงานหนกัเพÉือใหท้กุชีวิตอยู่รอด และดีขึนÊว่าปัจจบุนั


Page 6 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ดงันน คนที ัÊ ÉเกิดในยุคนีกÊ็จะมีลกัษณะของการเชÉือฟังผูอ้าวโุส หรือผูใ้หญ่ถูกเสมอเป็นนอ้งตอ้งเชÉือ ฟังพีÉ, เป็นลกูตอ้งเชÉือฟังพ่อแม่, เป็นนกัเรียนตอ้งเชÉือฟังคุณครูหา้มเถียง และเมÉือเป็นลกูนอ้งก็ตอ้งเชÉอฟัง ื หวัหนา้ เมืÉอผูใ้หญ่หรือคนทÉีมีอายมุากกว่าพดูอะไรผูน้อ้ยก็ตอ้งเชืÉอฟัง หา้มเถียงหา้มหือกม้หนา้รบัฟัง อย่างเดียวเท่านัน และเนืÊ Éองจากเป็นยุคของ “คนงอ้งาน” เมÉอืไดง้านทÉีไหนก็จะอดทนตังÊหนา้ตงัÊตาทาํงาน เพราะกลวัจะตกงาน เดÌียวไม่มีเงินมาเลียงปากเลีÊยÊงทอ้งเลียÊงครอบครวั จึงเรยีกไดว้่าคนในรุ่น BB เป็นคนทีÉมีลกัษณะขยนัมธัยสัถ์ซืÉอสตัย์ประหยดัอดทน อดเปรียวไว้Ê กินหวาน เชืÉอกฎแห่งกรรม เน้นการทาํงานทÉเป็นระบบโดยเชื ีÉอว่าถา้เหตุหรือกระบวนการดีแลว้ผลก็ย่อมจะ ดีตาม การทาํงานไม่มีทางลดัตอ้งต่อคิวตามอาวโุสจึงอดทนรอคอยไดเ้สมอ คนรุ่น BB จะมีกฎการทาํงานกับหัวหน้า 3 ข้อคือ.... 1. หัวหน้าถูกเสมอ 2. ถ้าไม่แน่ใจว่าหวัหน้าถูกหรือเปล่าให้กลับไปดูข้อ 1 และ 3. จะต้องปฏิบัติตามกฎข้อ 1 และข้อ 2 อย่างเคร่งครัด ดงันนัÊคนรุน่ BB จึงเป็นคนแบบ Analog ขนานแท้เพราะเป็นยุคของทีวีขาวดาํช่อง4บางขุนพรหม ใชส้ายอากาศแบบหนวดกงุ้ถา้บา้นไหนมีทีวีก็ถือว่าบา้นนนมีฐานะเพื ัÊ Éอนบา้นชอบมาอาศยัขอดทูีวีขาวดาํ (ทีÉมกัจะตอ้งเก็บเอาไวอ้ยู่ในตไู้มบ้านเลืÉอน) หนงัหรือละครทีÉแสดงความเป็นตวัตนของพวก BB ก็เช่น บา้น ทรายทอง คือพจมาน สว่างวงศถ์ือกระเป๋าเขา้บา้นทรายทองจะตอ้งกม้หนา้รบัคาํด่าเสียดสีของท่านแม่และ หญิงใหญ่ใจรา้ยโดยหา้มโตเ้ถียงแต่ตอ้งอดทนรบัคาํด่าหรือถกูใส่รา้ยโดยหวงัว่าวันหนÉงึจะเป็นเจา้ของบา้น ทรายทองดว้ยความอดทนในทีÉสดุ ในปัจจบุนัคนรุน่ BB ก็อาจจะเกษียณอายกุนัไปแลว้ไมน่อ้ย ทÉีเหลือ ๆ ก็อาจจะเป็น BB ตอนปลาย คือพวกทีÉเกิดหลงั 2500-2507 ซึÉงก็เป็นผูบ้รหิารระดับกลางถึงระดบัสงูเป็นสว่นใหญ่แต่อย่าลืมนะครบัว่า เขายงัมีค่านิยมวิธีคิดแบบ BB อย่างทีÉผมบอกไปแลว้เพราะเขาเกิดในยคุนนัÊครบั สไตลแ์ละค่านิยมของพวก Gen X (Generation X) และแลว้เมÉอืผ่านพน้ยุคของพวก BB เราก็เขา้มาสยู่คุของ Gen X คนรุ่นนีเกิดมาในสภาพทีÊ Éดีกว่า รุน่ BB หรือจะเรียกว่าเป็นยุค “ลกูคนจนกึÉงคนรวย”ก็ไดก้ระมงัครบัเพราะสภาพแวดลอ้ม สภาพเศรษฐกิจ ดีกว่ารุน่ BB ขึนÊมาบา้งแต่ก็เรียกว่ายงัมีผลขา้งเคียงผลกระทบมาจากรุ่น BB อย่ไูม่นอ้ย ทาํ ใหค้่านิยมของ คน Gen X ส่วนใหญ่ก็ยงัมีลกัษณะคลา้ยๆกบรุ่น BB ัเพราะเป็นรุน่ทÉีต่อเนืÉองกนัมายังมีความเคารพใน


Page 7 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ระบบอาวโุสอยู่แต่ก็เริÉมจะมีการโตแ้ยง้ขึนÊบา้งไม่ไดก้ม้หนา้รบั ฟังผใู้หญ่สÉงอย่างเดียวเหมือนพวก ั BB เรียกว่าระบบอาวุโสค่อยคลายความเขม้ขลงัลงไปจากรุ่น BB บา้งแลว้ ในรุน่ Gen X เริÉมจะมนีโยบายคมุกาํเนิดประชากร เรามกัจะไดย้ินคาํขวญั “มีลกูมากจะยากจน” เริÉมมีการรณรงคค์มุกาํเนิด ทาํ ใหผู้ค้นเรÉมิมีค่านิยมไม่มีลกูมากเหมือนพวก BB อตัราการเกิดของประชากร เริÉมลดลดเมืÉอเทียบกบัหลงัสงครามโลกครงที ัÊ É2 ในครอบครวัก็มกัจะมีลกูอย่างมากก็2-3 คน เมืÉอภาระใน การเลียÊงดลู ูกลดลงก็ทาํ ใหค้น Gen X เริÉมมีความกลา้ในการตดัสินใจในเรืÉองงานหรือการทาํมาหากินมาก ขึนÊ คน Gen X ไม่ไดห้วงัทาํงานทÉไหนที ีÉเดียวจนถึงเกษียณเหมอืนพวก BB เพราะเริÉมมีทางเลือกมาก ขึนÊขอทาํงานเก็บเงินและเมÉือมีโอกาสก็อยากจะไปทาํอะไรเป็นของตัวเองยืนไดด้ว้ยตวัเองไม่ตอ้งเป็น ลกูจา้งไปจนเกษียณ เรÉมิมีวิธีคิดในแบบเนน้ผลลพัธผ์ลสาํเรจ็มากกว่าระบบ คือการทาํงานไม่จาํเป็นตอ้งทาํวิธีการเดิม ๆ ทÉีเคยทาํมาก็ไดต้ราบใดทÉีผลลพัธไ์ดอ้ย่างทÉีตอ้งการก็ ถือว่าสาํเรจ็เหมือนกนัหรือจะเรียกว่าคน Gen X เริÉมมีความเป็นกบฏเล็ก ๆ ขึนÊมาบา้งแลว้ ! คน Gen X จะเกิดมาพรอ้มกบัความเจริญทีÉมากขึนÊถา้เปรียบเป็นทีวีก็คือเรÉมมีช่อง ิ 7 สีทีวีเพืÉอคณุ เขา้มาเป็นทางเลือกให้แทนทีÉจะเป็นทีวีขาว-ดาํเหมือนทÉีเคยเป็นมา คนเริÉมมีความสะดวกสบายเพิÉมมาก ขึนÊ ปัจจบุนัคน Gen X ก็กา้วขึนÊมาเป็นผูบ้ริหารระดบักลางถึงระดบัสงูมากยิÉงขึน ซึÊ Éงก็จะเริÉมมีความ ยืดหยุ่นในการบรหิารจดัการมากขึนกว่าพวก Ê BB แต่ Gen X บางส่วนกย็งัยึดติดระบบอาวโุส การปฏิบตัิ อย่างเป็นระบบตามขันÊตอน และคาํว่า “ผูใ้หญ่ถูกเสมอ” หรือ“ผใู้หญ่อาบนาํÊรอ้นมาก่อน”ยงัมีอยู่ แต่ยงัไงก็ตามโดยภาพรวมก็ยงัถือว่าคน Gen X ส่วนใหญ่ยงัมีค่านิยม ความคิดคลา้ยๆกบัพวก BB เพราะเป็นคนร่วมยคุเดียวกันและต่อเนืÉองกนัมาครบั สไตลแ์ละค่านิยมของพวก Gen Y (Generation Y) และแลว้เมÉอืโลกหมนุไปคนรุ่นใหม่ก็กา้วเขา้มา นÉนคือพวก ั Gen Y ทีÉเรียกว่าเกิดมาในยุค “ลกูคน รวย”กไ็ม่ผิด คนรุน่ Gen Y เป็นคนในยุคใหม่ทีÉแตกต่างไปจากยุค BB อย่างสินเชิง และเนืÊ Éองจากค่านิยม “มีลกูมากจะยากจน” เลยทาํ ใหค้น Gen Y มกัจะเป็นลกูคนเดียว หรืออย่างมากก็อาจจะมีพีÉหรือนอ้งอีก1 คนเท่านันÊจากการเป็นลกูคนเดียวก็เลยเป็น Child Center คือเป็นศูนยก์ลางของบา้นทุกคนคอยเอาอกเอา ใจ เป็นผูร้บัมากกว่าการเป็นผใู้ห้แถมบางบา้นก็เลียÊงดแูบบคณุหนไูม่เคยขดัใจอยากไดอ้ะไรพ่อแม่หรือ


Page 8 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ป่ยู่าตายายก็คอยตามใจติดสปอยเลอรห์นา้หลงัทาํ ให้Gen Y หลายคนจะเอาแต่ใจตวัเองเป็นใหญ่จนลืม นึกถึงคนรอบขา้งว่าจะรูส้ึกยงัไง หรือไม่แครใ์ครนÉนัแหละครบั คน Gen Y จึงเกิดมาบนความพรอ้มดว้ยวตัถเุป็นยุคของทีวีดิจิทลัทีวีดาวเทียมแบบ Full HD เป็น ยคุของขอ้มลูข่าวสาร Internet และ Socila Network การติดต่อสืÉอสารรวดเร็วฉับไวเพราะเป็นยุค 3G, 4G เป็นยุคของ “สงัคมกม้หนา้” หรือยุค “Check in” นัÉงอยู่ดว้ยกนัหลายๆ คนแต่จะไม่มใีครคยุกบัใครเพราะ ทกุคนมวัแต่ ChatกบัคนอÉืนทีÉไม่ไดอ้ย่ใูนวงนนัÊคือคยุกบัคนไกลผ่าน Chat แต่ไม่คยุกบัคนใกลน้Éนแหละั ครบั คน Gen Y มโีอกาสหรือช่องทางในการทาํมาหาเงินมากกว่าพวก Gen X หรือ BB อย่างมากมาย ถา้ไม่เชÉือ ท่านลองเขา้ไปใน Website ดสูิครบัท่านจะเห็นการทาํมาคา้ขายผ่าน eBay หรือeCommerce มากมาย มีสินคา้สารพดัชนิดอยู่บน Website บนโลกออนไลน์ ใครอยากใหโ้ลกรูจ้กัว่าตวัเองมีความสามารถอะไรบา้งก็สามารถ Up ตวัเองเขา้ไปใน Youtube แลว้ถา้มีใครเขา้มา View หรือมา Like มาก ๆ ก็จะเริÉมเป็นทีÉพดูถึงกนัอย่างรวดเรว็ในสงัคมออนไลนจ์ะเห็น ว่าหลายคนดงัชÉวัขา้มคืน ก็จะกลายเป็นคนดงัและตามมาดว้ยเงินทองคนรูจ้กัฯลฯ เมืÉอเป็นอย่างนีแล้Êวจึงทาํ ใหค้น Gen Y จึงมีค่านิยมในเรืÉองความตอ้งการในการประสบ ความสาํเรจ็ทÉีรวดเรว็ ไม่จาํเป็นตอ้งอดทนรอคอยเหมือนกบัพวก BB หรือ Gen X อกีต่อไป ทาํ ให้Gen Y จาํนวนไมน่อ้ยทÉีไม่เคยคิดทีÉจะทาํงานเป็นลกูจา้ง ตอ้งมาตอกบตัรลงเวลามาทาํงานแปดโมงเชา้ถึงหา้โมง เย็น ไม่อยากทาํงานประจาํแต่อยากทาํงานแบบอิสระเป็นตวัของตวัเอง ไดเ้งินเยอะๆ ในเวลาสัน ๆ Ê คน Gen Y จึงมีความมัÉนใจในตวัเองทÉีสงูกว่าพวก Gen X มีความทะเยอทะยานในความสาํเรจ็ใน เวลาทีÉสันÊและรวดเร็ว ตอ้งการความมีส่วนรว่ม ตอ้งการแสดงความคิดเห็น และผูใ้หญ่ก็จะตอ้งรบัฟังเขา ดว้ย ตอ้งการการยอมรบั ในขณะทÉีเขาก็จะใหก้ารยอมรบักบัหวัหนา้หรือผใู้หญ่ทÉีมีความสามารถอย่าง แทจ้รงิมากกว่าหวัหนา้หรือผูใ้หญ่ทีÉมีเพียงแค่อาวโุสหรืออายตุวัมาก(แต่ไม่มีผลงานหรือมีความสามารถ) เพียงอย่างเดียว กฎการทาํงานกบัหัวหนา้ 3 ขอ้ทÉเีคยมีมาในยคุBB ถกูลบหายไปในรุ่น Gen Y เพราะถา้หวัหนา้ พดูไมถ่กูตอ้งเขาพรอ้มจะโตแ้ยง้ในทนัทีทนัใด และถา้เขาถูกตอ้งหรือมีเหตผุลทีÉดีกว่าหวัหนา้หวัหนา้ก็ตอ้ง ยอมรบัไม่ใช่เอาสีขา้งเขา้ถูว่า “อาบนาํÊรอ้นมาก่อน” โดยไม่มีเหตุผล จึงเป็นเรืÉองทีÉหวัหนา้งานหรือผบู้รหิารทง ัÊ BB และ Gen X จะตอ้งเขา้ใจเรืÉองเหลา่นีแÊละพรอ้มทÉีจะ ปรบัตวัใหเ้ขา้กบัยคุสมยัตลอดจนค่านิยมของคนรุ่น Gen Y ทีÉเปลีÉยนแปลงไปครบั


Page 9 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ แมว้่าหวัหนา้งานหรือผบู้ริหารในยุค BB และ Gen X เคยถกูปกครองบงัคบับญัชามาว่าใหเ้ชÉือฟัง ผใู้หญ่หา้มเถียง หา้มโตแ้ยง้ ใหเ้คารพนบัถือกนัตามตาํแหน่ง หวัหนา้คือเจา้นายซึÉงเจา้นายจะทาํยงัไงกไ็ด้ ลกูนอ้งจะตอ้งยอมรบัและเชÉือฟัง แต่เมืÉอในวนันีทÊ่านมีลกูนอ้งเป็น Gen Y หรือ Gen Z ท่านจาํเป็นจะตอ้งปรบัเปลีÉยนแลว้ละ่ครบั วนันีทÊ่านเป็นหวัหนา้ของลกูนอ้ง Gen Y หรือ Z ก็จรงิแต่นÉนัก็เป็นเพียงตาํแหน่งหนา้ทÉีทีÉได้รบัการแต่งตงัÊ จากองคก์รแต่ท่านจะตอ้งมีบทบาทของความเป็นพีÉเป็นเพืÉอนของเขาเพิÉมเขา้ไปดว้ยครบั การทาํงานดว้ยกนัควรจะตอ้งหลีกเลีÉยงการ “สัÉงงาน”แบบทางเดียวแต่ควรจะตอ้งเปิดโอกาสให้ นอ้ง ๆ คนรุน่ ใหมไ่ดร้ว่มแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ และท่านจะตอ้งรบั ฟังเขา เมืÉอเขามีไอเดียอะไรดี ๆ ก็ ควรจะตอ้งส่งเสรมิสนบัสนนุตอ้งคอยใหก้าํลงัใจเขาในยามทีÉเขามีปัญหา และชมเชยเมืÉอเขาทาํงานไดด้ี พดูง่ายๆ ว่าจะตอ้งใชก้ารสืÉอสารแบบสองทางอย่เูป็นประจาํถา้ท่านเป็นหวัหนา้ทÉีทาํอย่างนีไÊดก้็จะมี โอกาสไดเ้ขา้ไปนÉงัในหวัใจของลกูนอ้งทÉีเป็นคนรุ่นใหม่ไดม้ากขึนÊและเขาก็จะใหก้ารยอมรบัท่านอย่าง จริงใจมากขึนÊแลว้ล่ะครบั เอาล่ะครบัเมÉือเราไดป้พูนืÊฐานการทาํความเขา้ใจในเรืÉองของค่านิยมวิธีคิดหรือทศันคติของคนแต่ ละรุ่นกนัเป็นทÉีเรียบรอ้ยแลว้เชÉอืว่าไม่ว่าท่านจะเป็นคนรุน่ ไหนคงจะมีความเขา้ใจทีÉตรงกนัในเบืองต้Êนแลว้ ซึÉงผมอยากจะเพิÉมเติมไวต้รงนีวÊ่า คนในแต่ละรุ่นไม่มีรุน่ ไหนทีÉมีแต่ขอ้ไมด่ ีหรือมีแต่ขอ้เสียไปทงหมด หรือไม่ ัÊ มีรุน่ ไหนทÉมีีแต่ขอ้ดีเป็นเทพจนไม่มีขอ้เสียนะครบั อยากใหท้ ่านเขา้ใจว่าคนในแต่ละรุ่นต่างก็มีขอ้ดีหรือจดุแข็งในตวัเอง และก็มีจุดดอ้ยทีÉอาจจะต้อง ปรบั ปรุงในการทาํงานหรือการใชช้ีวิตร่วมกบัคนอืÉน ๆ ดว้ยครบั


Page 10 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ2 ปัญหาการเลืÉอนตาํแหน่งในปัจจุบัน..และควรจะแก้ไขอย่างไร? บริษัทของท่านยงัเลืÉอนชันเลืÊ Éอนตาํแหน่งพนกังานแบบนีหÊรือไม่ครบั 1. ใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผลในการเลืÉอนตาํแหน่ง โดยดูเฉพาะอายงุานว่าอย่มูานานก็น่าจะรู้ งานพอแลว้ น่าจะเลืÉอนตาํแหน่งขึนÊมารบัผิดชอบใหส้งูขึนÊได้น่าจะบรหิารทีมงานได้(สงัเกตคาํว่า “น่าจะ” นะครบันÉีคือการคิดอนมุานเอาเองของผบู้ริหารทีÉมีอาํนาจพิจารณาการเลืÉอนตาํแหน่ง) 2. พิจารณาการเลืÉอนตาํแหน่งจากคนทมีÉีความรู้หรือทักษะในงาน หรือพจิารณาในเชิง Technical Skill หรือ Hard Skill เป็ นหลัก แต่ไม่ไดพ้ ิจารณาต่อไปว่าแลว้คนทีÉมีความรูแ้ละ ทกัษะในการทาํงานนน เขาัÊมีทักษะในการบริหารจัดการผู้คนหรือทีมงาน (People Skill หรือ Soft Skill หรือLeadership Skill) หรอืไม่ จากวิธีคิดในการเลืÉอนตาํแหน่งคนขึนÊมาเป็นหวัหนา้งานโดยใชค้วามรูส้กึอย่างนีแÊหละครบัเป็น ทีÉมาของปัญหาระหว่างการทาํงานของหวัหนา้งานกบัลกูนอ้งหรือแมแ้ต่การทาํงานร่วมกบัคนอÉืน ๆ ตามมา อีกเพียบ จนกระทัÉงมีคนพดูกนัเล่น ๆว่า.... “การเลืÉอนพนักงานเป็ นหัวหน้างานบางครัÊงก็จะทาํ ให้ได้หัวหน้างานทีเลวÉเพิÉมขึนÊ 1 คน และเสียลูกน้องทีดีÉไป 1 คน” แต่ในปัจจุบนัผมว่านอกจากจะเสียพนกังานทีÉทีÉดีทีÉทาํงานเก่งไป 1 คนแลว้หลายครงองค์ ัÊกร อาจจะเสียลกูนอ้งทÉีทาํงานดีไปแทบทงัÊแผนกเลยก็เป็นได้เพราะเขาทนพฤติกรรมของหวัหนา้งานทีÉไม่ดีคน นีไม่ไหวÊจนตอ้งลาออกไปน่ะสิครบั แต่คาํถามคือ แล้วบริษัทจะแก้ปัญหาเหลา่นีÊยังไงดี ? ทาํอย่างนีดÊีไหมครบั 1. กาํหนดหลักเกณฑใ์นการพิจารณาเลืÉอนตาํแหน่งให้ชัดเจน เช่น - จะตอ้งมีอายุงานในตาํแหน่งเดิม (หรืออายงุานในบรษิัท) ไม่ตÉากว่า.....ปี ํ - มีผลการปฏิบตัิงานยอ้นหลงั 2 ปี ไม่ตํÉากว่าเกรด........... - มีผลการประเมินสมรรถนะ (Competency) ผ่านเกณฑท์Éีกาํหนด


Page 11 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั - จะตอ้งสาํเร็จการศึกษาคณุวฒุิ........ - จะตอ้งมีใบประกอบวิชาชีพ.......(กรณีเป็นตาํแหน่งทÉีตอ้งใชใ้บประกอบวิชาชีพ) - ไม่เคยถกูตกัเตือนเป็นลายลกัษณอ์กัษรในปีทÉีผ่านมา หรือไม่เคยตอ้งโทษทางวินัย - มีสถิติป่ วย สาย ลา ขาดงาน ไม่เกินทีÉกาํหนด 2. พิจารณาทกัษะการบริหารทมีงาน หรือ Leadership Skills ของผทู้Éีถกูเสนอใหเ้ลÉอืนตาํแหน่ง ตามตวัอย่างในตารางขา้งล่างนี เช่นÊ หมายเหตุ: เกณฑใ์นการได้รับพิจารณาให้เลืÉอนตาํแหน่งต้องมีเปอรเ์ซ็นตร์วมมากกว่า 80% ขึนÊไป หากมีผบู้รหิารพิจารณาทบทวนทกัษะทÉสีาํคญั ในตารางขา้งตน้ก่อนจะตดัสินใจใหเ้ลืÉอนตาํแหน่ง ขึนไปก็จะลดปัญหาเรืÊ ÉองการเลืÉอนตาํแหน่งคนทÉีไม่เหมาะสมขึนÊไปไดไ้ม่นอ้ยเลยนะครบั โธ่! ก็ใครอยากจะไดห้วัหนา้ทÉีเก่งงาน รอบรูง้านสารพดัแตถ่า้หวัหนา้ทÉเีก่งงานดนัมีวาจาเป็นอาวุธ มีดาวพธุเป็นวินาศ ลกูนอ้งทาํดีไม่เคยจาํแต่พอทาํพลาดไม่เคยลืม จดุเดือดตÉาํ ฟิวสข์าดง่าย ควบคมุอารมณต์วัเองไม่ได,้ทาํตวัเป็นมาเฟียขาใหญ่, ไม่กลา้ตาํหนิลกูนอ้ง,ซือÊเวลาไม่กลา้ตดัสินใจฯลฯ บา้งละ่ครบั


Page 12 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ถ้าผู้บริหารไม่ได้ดูในเรืÉองนีÊให้ดีแลว้ล่ะก็เรืÉองเหลา่ นีก็จะเป็ นจุดเริ Ê Éมต้นของปัญหา หัวหน้างาน และจะลุกลามเป็นปัญหาขององคก์รต่อไปในอนาคต 3. ควรจะมีคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของคนทีÉจะได้รับการเลืÉอนตาํแหน่งซึÉงองคก์ร ควรจะมีคณะกรรมการชุดหนึÉง (ในทีÉทาํงานเดิมผมจะเรียกว่า “คณะกรรมการพัฒนาพนักงาน” ซึÉงมกัจะประกอบดว้ย MD เป็นประธานและมีผูบ้รหิารทีÉ MD แต่งตังÊ) ทาํหนา้ทÉีในการพิจารณา เลืÉอนชัน เลืÊ Éอนตาํแหน่ง โยกยา้ยพนกังาน โดยพิจารณาคณุสมบตัิพนกังานทีÉเขา้หลกัเกณฑต์าม ขอ้ 1และมีคณุสมบตัิตามขอ้ 2เพืÉอกลัÉนกรองใหไ้ดค้นทÉีมีคณุสมบตัิเหมาะสมกบัตาํแหน่งซÉงใน ึ หลายองคก์รทÉีผมเจอมาก็ยงัไม่มีคณะกรรมการฯในลกัษณะดงักล่าวแต่จะใหผู้บ้ริหารของแต่ละ ฝ่ายทาํเรืÉองเสนอขอ MD ถา้ MD เห็นชอบก็แต่งตังÊกนัเลยซÉงจะมีโอกาสเลือกคนที ึÉผิดพลาดไม่ เหมาะสมขึนมาเพืÊ Éอเกิดปัญหาในอนาคตต่อไป 4. ควรกาํหนด “รอบ” ในการพิจารณาเลืÉอนตาํแหน่งให้ชัดเจน เช่น ปีละ 2 ครังในเดือนÊ เมษายนและตลุาคมของทุกปีเพืÉอป้องกนัไม่ใหเ้กิดปัญหาความไม่เป็นธรรม เพราะถา้ไม่กาํหนด อย่างนีกÊ็จะทาํ ใหเ้กิดปัญหา “มือใครยาว สาวไดส้าวเอา” นÉันก็คือถา้ผูจ้ดัการฝ่ายไหนมีพาวเวอรม์ี กาํลงัภายใน หรือป๋าดนัเจ๊ดันก็จะเสนอเลืÉอนตาํแหน่งลกูนอ้งอย่เูป็นระยะ ๆ ปีละหลาย ๆ ครังÊ แต่ถา้ผูจ้ดัการฝ่ายไหนเจียมเนือÊเจียมตัวไม่ค่อยเสนอลกูนอ้งให้MD พิจารณาก็จะทาํ ให้ ลกูนอ้งแป้กอย่อูย่างงนัÊแหละ แถมยงัจะทาํ ใหเ้กิดปัญหาการเปรียบเทียบว่านายของใครจะมีกาํลงัภายใน มากกว่ากนัหรือกลายเป็นเรืÉองสองมาตรฐานเป็นเป็นธรรมในองคก์รตามมาเสียอีก ดงันนัÊถา้กาํหนดเป็น รอบและแจ้งใหรู้ก้นัใหช้ดัเจนจะดีกว่าเพÉือความยุติธรรมทังÊองคก์รจริงไหมครบั อ่านมาถึงตรงนี HR ÊทีÉทาํงานในบริษัททÉียงัไม่เคยมีหลกัเกณฑก์ารเลืÉอนตาํแหน่งในบรษิัทอย่างทีÉ ผมบอกมาขา้งตน้ก็ควรจะลองนาํ ไปเสนอกบั ฝ่ายบรหิาร (ตามตัวอย่างขา้งลา่ง) เพืÉอทีÉจะไดม้ีกติกาทÉี ชดัเจนในการเลืÉอนตาํแหน่งพนกังานภายในบรษิัทเพืÉอใหม้ีระบบการเลืÉอนชันเลืÊ Éอนตาํแหน่งทÉีชดัเจน มี ความเป็นมืออาชีพและตอบคาํถามพนกังานไดอ้ย่เูสมอไม่เปะปะเหมือนทีÉผ่านมาครบั


Page 13 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั หากองคก์รของท่านมีหลกัเกณฑแ์ละมีระบบการพิจารณาเลÉอืนตาํแหน่งทÉีชดัเจนอย่างนแีÊลว้ผม เชืÉอว่าจะเป็นมาตรฐานทีÉคนรุน่ ใหม่ Gen Y Gen Z ยอมรบัหลกัการเหล่านไีÊด้ซÉงึย่อมจะดีกว่าองคก์รทÉีไม่มี หลกัเกณฑท์Éีชดัเจน หรือมีการพิจารณาเลืÉอนชันเลืÊ Éอนตาํแหน่งกนัโดยใชอ้ารมณค์วามรูส้กึของผบู้ริหารแต่เพียงอย่างเดียวจริงไหมครบั


Page 14 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ3 บทบาท หน้าทีÉ และความรับผิดชอบของหัวหน้างาน ผมเชืÉอว่ามนุษยเ์งินเดือนอย่างท่านอย่างผมสว่นใหญ่เมืÉอเริÉมทาํงานก็คงจะตอ้งออกสตารท์เรÉมิตน้ จากจดุทÉเีป็นลกูนอ้งเขาก่อน หรือเรียกว่าเป็นพนกังานทÉีมีหวัหนา้คอยควบคมุดแูลมอบหมายงานติดตาม งานจากเราจรงิไหมครบั เมืÉอมีอายงุานมากขึนÊก็จะมีผลงาน มีประสบการณ์มีความรูค้วามสามารถในงานทีÉเพิÉมมากขึน Ê ผบู้รหิารเขาก็เลยเห็นว่ามีความเหมาะสมทÉีจะเลืÉอนตาํแหน่งเป็นหวัหนา้งาน (คาํว่า “หัวหนางาน” นี ้ ไม่ได้Ê หมายถึงชืÉอตาํแหน่งนะครบัแต่หมายถึงคนทÉีมีลกูนอ้งไม่ว่าจะเรียกชÉือตาํแหน่งว่าหวัหนา้งาน, Leader, Chief, Supervisor, ผูช้่วยผูจ้ดัการ หรอืผจู้ดัการฯลฯ ผมก็ขอเรียกรวม ๆว่าเป็นหวัหนา้งานนะครบั) คราวนีเมืÊ Éอไดร้บัการเลืÉอนขึนÊมาเป็นหวัหนา้ทÉจีะตอ้งมีลกูนอ้งแลว้ก็จะตอ้งมีบทบาทหลกัๆ3 เรืÉอง คือ 1. เป็นผู้นาํทมีงาน: จากเดิมทีÉเคยเป็นลกูนอ้งเขารบัทาํงานตามสÉงัและทาํงานใหเ้สร็จตามทÉีไดร้บั มอบหมายก็จะตอ้งมีทีมงานมีลกูนอ้งใหด้แูล และยงัจะตอ้งมีความเป็นผูน้าํทÉีจะตอ้งโนม้นา้วใจ ลกูนอ้งใหเ้ต็มใจทาํงานร่วมกบัเรา ใหท้ีมงานทาํงานกนัไดด้ว้ยความราบรืÉน เป็นตวัอย่างใหล้กูนอ้ง เลืÉอมใส ศรทัธายอมรบัในตัวเรานีÉเป็นบทบาทสาํคญัของหวัหนา้ทÉีจะตอ้งเป็นผนู้าํทีมงาน ซÉงผมึ จะอธิบายรายละเอียดเรืÉองเหล่านีใÊนบทต่อๆไปนะครบั 2. เป็ นโค้ช (Coach) หรอืเป็นครูผู้สอนงานลูกนอ้ง: ผมบอกอย่เูสมอว่าหวัหนา้กับลกูนอ้งก็ เหมือนกบัพ่อแม่กบัลกูพ่อแม่ก็จะตอ้งคอยอบรมสÉงัสอนลกูในเรÉอืงต่าง ๆรูจ้ักการชมการใหร้างวลั ในขณะทีÉเมืÉอลกูทาํผิดก็ตอ้งรูจ้กัว่ากล่าวตกัเตือน หวัหนา้งานก็เหมือนกนัควรจะตอ้งเป็นผูส้อน งานลกูนอ้ง คอยใหค้าํ ปรกึษาแนะนาํลกูนอ้งอย่างสมÉาํเสมอเปรียบเสมือนโคช้ทÉีจะตอ้งคอยดแูละ สอนผเู้ลน่ ในทีมใหม้ีผลงานทีÉดีขึนÊอย่เูสมอนÉนัแหละครบัเดÌียวเรืÉองนีเÊราค่อยไปคุยกนัในบทของ หวัหนา้งานกบัการสอนงานนะครบั 3. เป็ นทีปÉรกึษา: นอกจากหวัหนา้งานจะตอ้งมีบทบาทเป็นครูสอนงานลกูนอ้งแลว้ยงัตอ้งทาํตวัเป็น “ศิราณี” (คนรุ่นใหม่จะรูจ้กัศิราณีไหมเนÉียะ ? คือชืÉอนีเป็นนามปากกาของÊอดีตคอลมันิสตท์ ่านหนึÉง ในหนงัสือพิมพไ์ทยรฐัสมยัก่อนทีÉท่านจะคอยตอบปัญหาชีวิตใหก้ับคนทีÉมีปัญหาแลว้เขียน จดหมายเขา้มาขอคาํแนะนาํครบัแต่เด็กยุคใหมไ่ม่รูจ้กัหรอกครบัผมเลยตอ้งอธิบายเพิÉมเติมไวต้รง


Page 15 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ นีÊสว่นเด็กยุคใหม่น่าจะรูจ้กัคลบั ฟรายเดยท์ÉีพีÉออ้ยพÉฉีอดจะทาํหนา้ทÉเป็นที ีÉปรกึษาใหท้างวิทยเุสีย ละ่มากกว่าจรงิไหมครบั) ซึÉงหวัหนา้งานจะตอ้งพรอ้มใหค้าํ ปรกึษากบัลกูนอ้งแมแ้ต่เรืÉองนอกงาน เช่น เรืÉองสว่นตวั, เรืÉองครอบครวัฯลฯ ใหก้บัลกูนอ้งตามสมควร เพราะปัญหาทีÉเกิดขึนจากเรืÊ Éอง สว่นตวันน หลายครั ัÊงÊจะเขา้มามีผลกระทบต่องาน ดงันนัÊถา้หวัหนา้งานรูเ้ท่าทนัปัญหานีก่อนก็จะÊ ไดใ้หค้าํ ปรกึษาแนะนาํลกูนอ้ง (ทาํตวัคลา้ย ๆกับเป็นพÉีออ้ยพÉฉอด) เพื ีÉอลดปัญหาผลกระทบใน เรืÉองงาน ทังÊยงัจะทาํ ใหเ้กิดความรูส้กึทีÉดีระหว่างหวัหนา้กบัลกูนอ้งทÉีหวัหนา้ยงัเป็นทÉีพึÉงทีÉปรกึษา ไดอ้ีกดว้ยครบั แล้วหน้าทีÉความรับผิดชอบของหวัหน้างานล่ะ มีอะไรบ้าง ? ดงันีคÊรบั 1. หัวหน้างานต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง: นัÉนคือจะตอ้งมีสติรูต้วัเองอย่เูสมอว่ากาํลงั ทาํอะไรอยู่เรามาทาํงานตรงเวลาหรือไม่เรามีพฤติกรรมอะไรทีÉไม่เหมาะสมหรือไม่ เป็น ตวัอย่างทÉีดีสาํหรบัลกูนอ้งบา้งแลว้หรือยงัฯลฯ เพราะความสาํเรจ็ในชีวิตย่อมเริÉมจากความ รบัผิดชอบต่อตวัเองใหด้ีเสียก่อน ลองคิดดสูิครบัถา้เรายงัขาดความรบัผิดชอบต่อตวัเองแลว้ เราจะไปรบัผิดชอบอะไรอีกไดล้ะ่ครบั 2. ต้องรับผิดชอบต่องานทีได้รับมอบหมายÉ : เมืÉอหวัหนา้งานมีความรบัผิดชอบต่อตวัเองแลว้ ก็จะมีผลมาส่คูวามรบัผิดชอบต่องานทีÉจะตอ้งทาํ ใหเ้สรจ็ทนัตามกาํหนด ใหง้านมีคณุภาพและ เรียบรอ้ยสมบรูณอ์ย่างทีÉไดร้บัมอบหมายมา 3. รับผิดชอบต่อทมีงาน: นัÉนก็คือหวัหนา้งานจะตอ้งดแูลทีมงานและรว่มรบัผิดชอบเมืÉอทีมงาน (หรือลกูนอ้ง) ทาํงานแลว้มีผลงานออกมาดีหรือไม่ก็ตาม หวัหนา้งานจะตอ้งมีส่วนร่วมรบัทงัÊ ผิดและชอบเสมอไม่ใช่พอลกูนอ้งทาํงานผิดพลาดก็โบย้ว่าเป็นเพราะลกูนอ้งไม่ดีทาํผิดพลาด เองแต่พอลกูนอ้งทาํดีมีผลงานก็เหมาว่าเป็นเพราะตวัเองคอยบอกคอยสอนเขาอย่างงีกÊ็ยงัถือ ว่าเป็นหวัหนา้งานทÉียงัใชไ้ม่ไดห้รอกครบัดงันนในเรื ัÊ ÉองนีหÊวัหนา้งานจะตอ้งคอยสอดส่องดแูล ติดตามการทาํงาน และแกไ้ขปัญหาในทีมงานเป็นระยะโดยตลอดครบั 4. รับผิดชอบต่อผู้บังคบับัญชาและบริษัท: สาํหรบัความรบัผิดชอบในเรืÉองนีเป็นเรืÊ Éองสาํคญั อีกเรืÉองหนึÉงเลยนะครบัลองดตูวัอย่างตามนีสÊิครบั.... ฝ่ายบริหารเรียกประชมุผูบ้ริหารทุกระดบัเพืÉอแจง้นโยบายว่าตงัÊแต่วนัทÉี1 เดือนหนา้บริษัทมี นโยบายทีÉจะใหบ้รกิารลกูคา้ทุกวันไม่มวีนัหยุด เนÉืองจากบรษิัทค่แูข่งเขามีการใหบ้รกิารลกูคา้ทกุวนัซÉงึ บริษัทจาํเป็นจะตอ้งมีการปรบัตวัในการใหบ้ริการเพÉือใหส้ามารถแข่งขนัไดเ้ช่นเดียวกนั เพราะถา้หากบรษิัทไม่มีบริการลกูคา้ทกุวนัก็อาจจะทาํ ใหล้กูคา้ไปใชบ้รกิารค่แูข่งทาํ ใหร้ายไดแ้ละ กาํ ไรของบริษัทลดลง


Page 16 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ดงันนัÊฝ่ายบรหิารจึงแจง้ใหผู้บ้รหิารทุกหน่วยงานกลบัไปทาํตารางการจดัเวรเขา้ทาํงานในวนั อาทิตย์(บรษิัททาํงานสปัดาหล์ะ 6 วนัจนัทร-์เสาร)์เพÉือนาํมาจดัสรรว่าจะใหพ้นกังานในหน่วยงานใดมา ทาํงานวนัไหนซึÉงหากพนกังานคนไหนทÉีจะตอ้งมาเขา้เวรบรกิารลกูคา้ในวนัหยดุบริษัทก็จะจ่ายค่าเบียเลีÊยงÊ ให้ จากกรณีตวัอย่างขา้งตน้ผมเคยพบผูบ้ริหารทÉีเป็นหวัหนา้บางคนอาจจะไม่เห็นดว้ยกบันโยบาย ของฝ่ายบรหิารดงักล่าว เมÉือไปสืÉอสารแจง้ใหล้กูนอ้งตัวเองทราบเรืÉองก็จะชีแÊจงทาํนองนีคÊรบั “น้อง ๆ ทุกคนทีพีÉ Éเรียกน้อง ๆ มาประชุมกันก็อยากจะแจ้งนโยบายของฝ่ ายบริหารว่า ตังแต่วันทีÊ É1 เดือนหน้าเป็นต้นไป ฝ่ายบริหารเขาอยากจะให้พวกเรามาทาํงานในวันอาทติย์ ทาํงานในวันหยุดวันเดียวของพวกเรานัÉนแหละ พีÉไม่รู้ผู้ใหญ่เขาคดิยังไงนะ นีÉใจคอจะไม่ให้เราหยุดพักกันเลยรึไงก็ไม่รู้เฮ้อ..พีÉละเบือจริง É ๆ กับนโยบายเอาเปรียบพวกเราอย่างนี แต่ยังไงพี Ê Éก็ต้องทาํตามนโยบายนะ ถ้าน้องจะโวยก็ต้องไป โวยกับฝ่ ายบริหารเขากันเอาเองนะ....ฯลฯ" เป็นไงครบัถา้หัวหนา้งานชีแÊจงกบัลกูนอ้งโดยขาดความรบัผิดชอบต่อฝ่ายบริหารและต่อบรษิัท แบบนีจะเกิดปัญหาอะไรขึÊนÊบา้ง แลว้พนกังานจะใหค้วามรว่มมอืหรือไม่แทบไม่ตอ้งพดูกนัต่อเลยนะครบั ถา้ท่านสงัเกตคาํชีแÊจงขา้งตน้หวัหนา้งานคนนีจÊะไม่พดูถึงเหตผุลหรือความจาํเป็นเลยนะครบัว่า ทาํ ไมฝ่ายบรหิารถึงตอ้งมีนโยบายนีออกมา (ก็เพืÊ Éอจะใหบ้รษิัทสามารถแข่งขนักบัค่แูข่งไดแ้ละทาํ ใหร้ายได้ และกาํ ไรไม่ลดลง เพราะถา้กาํ ไรลดลงก็จะมีผลกระทบกบัพนกังานในทีÉสดุ ) หรือไม่พดูเรืÉองการจดัเวรกนัคือไม่ไดแ้ปลว่าทุกคนจะตอ้งมาทาํงานทกุวนัอาทิตยแ์ต่พูดแลว้ เหมือนกบัทุกคนจะตอ้งมาทาํงานโดยไม่มีวนัหยุดพกัหรือไม่พดูถึงเรืÉองเบียเลีÊยÊงในวนัหยดุทÉจีะตอ้งมา ทาํงาน เป็นตน้ แต่กลบัสÉอืสารกบัลกูนอ้งในทางลบเป็นหลกัและขัดแยง้กบันโยบายของฝ่ายบริหารและบรษิัท อย่างนีÊท่านลองคิดกลบัดสูิครบัว่าถา้ท่านเป็นผูบ้งัคบับญัชาระดบัสงูขึนÊไปแลว้มอบหมายใหล้กูนอ้งทÉีเป็น ผบู้รหิารระดบัรองลงไปไปชีแÊจงกบัพนกังานแต่กลบัไปชีแÊจงเชิงลบสวนกลบันโยบายแบบนีÊ แลว้ท่านจะไวว้างใจใหเ้ขาเติบโตเลืÉอนตาํแหน่งสงูขึนต่Êอไปไดย้งัไงละ่ครบันÉีจึงเป็นอีกสาเหตหุนึÉงทีÉ มกัจะพบว่าหวัหนา้งานทีÉขาดวฒุิภาวะอย่างทÉีผมยกตวัอย่างมานีไÊม่สามารถกา้วหนา้ไปต่อไปครบั ผมอยากจะสรุปว่า หวัหนา้งานมีสิทธิจะไม่เห็นดว้ยกบันโยบายของฝ่ายบรหิารหรือนโยบายของ บริษัทไดน้ะครบัและก็สามารถแสดงความคิดเห็นโตแ้ยง้ในทีÉประชมุไดซ้Éงึผมก็เคยทาํอยู่ในบางครังทีÊ Éไม่ เห็นดว้ยกบันโยบายบางเรืÉอง


Page 17 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ แต่หลกัสาํคญัก็คือเมÉือทีÉประชมุหรือฝ่ายบริหารมีขอ้ สรุปใหป้ฏิบตัินÉนัแปลว่าฝ่ายบรหิารเป็นผู้ ตดัสินใจแลว้หนา้ทÉีของหวัหนา้หรือผูบ้รหิารระดบัรองลงไปจะตอ้งมีความรบัผิดชอบร่วมต่อฝ่ ายบริหาร หรือต่อองคก์รและจะต้องไปสืÉอสารชีแÊจงกับลูกน้องตัวเองในทางบวกเพืÉอใหเ้กิดความรว่มมอืร่วมใจ ในการปฏิบตัิงานไปในทิศทางเดียวกนั ไม่ใช่ไปสืÉอสารแบบพายเรือสวนทางตามตัวอย่างข้างต้น! ผมมกัจะพบว่าปัญหาว่นุวายในเรืÉองของคนระดบัพนกังานปฏิบตัิการนัน หลายครัÊงเกิดจากÊ หวัหนา้งานเป็นคนเขา้ไปจุดกระแสความไม่พอใจใหก้บัพนกังานใหเ้ขาต่อตา้นฝ่ายบริหาร (โดยใส่ความ คิดเห็นสว่นตวัหรือมีทศันคติเชิงลบต่อฝ่ายบริหารหรือต่อบรษิัทมากเกินไป) จนทาํ ใหพ้นกังานเกิดการ ต่อตา้น เกิดการก่อหวอดประทว้งฝ่ายบรหิารจนปÉันป่วนในองคก์ร ทง ๆ ที ัÊ ÉเรืÉองเหลา่นีไÊม่ไดเ้กิดจากตวั พนกังานก็มนีะครบั เรืÉองนีถÊึงเป็นหนา้ทีÉความรบัผิดชอบทÉีสาํคญัอีกเรÉองหนึ ืÉงของหวัหนา้งานเลยนะครบัและแน่นอนว่า หากหวัหนา้งานทÉีมีทศันคติหรือวิธีคิดแบบนียÊ่อมจะทาํ ใหล้กูนอ้งทÉีเป็น Gen Y คนรุ่นใหม่ทีÉเขาคิดเป็นและ ทีÉมีเหตผุล เขาจะเริÉมเสืÉอมความเชืÉอมัÉนในตวัหวัหนา้งานทÉีมีลกัษณะอย่างนีอÊย่างแน่นอนครบั


Page 18 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ4 รู้เขา..รู้เราด้วย D I S C เพือÉการทาํงานร่วมกับคนรอบข้างด้วยความเข้าใจ เพืÉอใหท้ ่านไดอ้่านแบบไม่ทรมานสายตาจนเกินไป ผมก็ขอแบ่งเรืÉองของ D I S C ออกเป็น 5 ตอน ตามนีนÊะครบั รู้เขา..รู้เรา..ด้วย D I S C (ตอนทีÉ1) ถา้จะถามว่า “ท่านเคยประสบปัญหาในการพดูจา ติดต่อสืÉอสาร หรือทาํงานประสานงานกบัผูค้น บา้งหรอืไม่?” คงจะมีนอ้ยคนนะครบัทÉีตอบว่าไม่เคยมีปัญหาลองคิดดงู่ายๆว่าแมแ้ต่ภายในครอบครวั เดียวกนับางครงัÊยงัเกิดการกระทบกระทÉงัไมเ่ขา้ใจกนัเพราะการพดูจาก็มีใหเ้ห็นอยู่ นบั ประสาอะไรกบัการทาํงานทีÉจะตอ้งมีการพดูจาติดต่อสืÉอสาร หรือประสานงานซึÉงกนัและกนั บางครังÊก็สามารถประสานงานกนัไดร้าบรืÉน แต่หลายครังÊก็มกัจะเกิดปัญหาความขัดแยง้กบัผูค้นทีÉ เราจาํเป็นจะตอ้งประสานงานดว้ย อย่างทีโบราณเขาเรียกว่า É “ศรศิลป์ ไม่กินกัน” ยังไงล่ะครับ แต่ถา้จะถามว่าสาเหตขุองศรศิลป์ไม่กินกนัน่ะมนัเป็นเพราะอะไรล่ะ ? ชกัจะตอบไดย้ากขึนÊแลว้ใช่ไหมครบั เพราะเรามกัจะมองอกีฝ่ายหนึÉงในมมุของเราแลว้สรุปแบบรวดรดัว่าเขาไม่เขา้ใจในสิÉงทีÉเราพดู เพราะเขาเป็นคนอย่างงันอย่างงีÊ Ê ในขณะทีÉอีกฝ่ ายหนึÉงก็จะมองและคิดกบัเราในทาํนองคลา้ยๆกนั ยิÉงถา้ไม่พยายามคน้หาสาเหตขุองปัญหาทีÉเกิดการกระทบกระทัÉงซึÉงกนัและกนัแถมต่างฝ่ายต่าง ยดึมÉนถือมั ัÉนในหลกัการ ความคิด ความเชÉือฯลฯของตวัเองแลว้ ปัญหานนัÊก็มีแต่จะบานปลายหนกัขึนÊ จนถึงขันÊทาํลายลา้งกนัไปขา้งหนึÉงก็มีใหเ้ราเห็นไดบ้ ่อยๆไปนะครบั อะไรเป็ นสาเหตุของความไม่เข้าใจกันล่ะ? จากทีÉผมพดูมาขา้งตน้จึงมีการศกึษาถึงความแตกต่างกนัของคน โดยนกัจิตวิทยาทีÉชืÉอ Dr.William Moulton Marston แห่งมหาวิทยาลยัฮารว์ารด์ โดยเขียนเป็นหนงัสือทีÉชืÉอ The Emotions of Normal People และจาํแนกคนเราออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้4 ประเภท ซึÉงแต่ละประเภทไม่มีประเภทใด ทีÉดีทีÉสุด หรือแย่ทีÉสุด ทกุอย่างขึนÊอย่กูับสถานการณแ์ละการปรบัตวัเองตามแบบของตนเอง และนีÉเองครบัจงเป็นที ึÉมาของคาํว่า D I S C ทีÉเราจะพดูถึงกนัในวนันีÊ


Page 19 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั ภูเขานํÊาแข็งกับพฤติกรรมของคน เราคงเคยไดย้ินคาํว่า “ภเูขานาแข็ง ํÊ ” หรือ Iceberg กนัมาบา้งแลว้และหลายท่านคงทราบว่าเจา้ภเูขานาแข็งที ํÊ ÉผมพดูถึงนจีÊะมีสว่นนอ้ยทีÉโผลพ่น้นาขึÊํ นมา ในขณะทีÊ Éสว่นใหญ่ของภเูขานาแข็ง (ประมาณ ํÊ 9 ใน 10 สว่น)จมซ่อนอยู่ใตน้าÊํทาํนองเดียวกนัเราจะรูจ้กัคนเพียงผิวเผินเฉพาะส่วนยอดของภเูขานาÊํแข็งแต่จริง ๆแลว้ยงัยงัมีสว่นทีÉยงัไม่รูเ้กÉียวกบัคนทÉซี่อนอยู่อีกตงัÊเยอะ หรือเรียกว่ารูห้นา้ไม่รูใ้จตามรูปนีคÊรบัสว่นทÉที่านจะพบเห็นไดช้ดัคือสว่นทÉ (ี1) ใช่ไหมครบัเพราะเป็นสÉงที ิÉวดัไดจ้บัตอ้งสมัผสัได้แต่สว่นทÉี(2) เป็นสิÉงทีÉตอ้งใชก้ารสงัเกตหรือการคน้หาทÉีตอ้งใชเ้วลานานกว่าส่วนทÉี(1) เพืÉอทีÉจะ ยืนยนัไดว้่าเป็นเช่นนนัÊจรงิๆ เมืÉอท่านอ่านเรืÉองนีจÊนจบท่านจะไดแ้นวทางในการสงัเกต และพอจะบอกไดว้่าพฤติกรรมของ ผสู้มคัรงานคนนน ๆ น่าจะเป็นอย่างไร ัÊธรรมชาติของมนุษย์ สงัเกตไหมครบัว่าเวลาทÉีเราอย่ทูÉีบา้นเราทาํตวัอย่างไรและเมÉอืเราตอ้งมาสวมหวัโขนอย่ใูนทÉีทาํงาน เราทาํตวัเหมือนอย่ทูÉีบา้นหรือไม่? เช่น... อย่ทูÉีบา้นเราอาจจะสวมเสือÊยืด น่งุกางเกงขาสนัÊแบบสบายๆเดินออกไปรอบ ๆ บา้น หรือไปซือÊของทีÉตลาดก็สวมรองเทา้แตะไป แต่พอมาอย่ทูÉีทาํงานเราอาจจะตอ้งแต่งตวัใหด้ดูีดเูหมาะสม ฯลฯ หลาย ๆ คนก็จะอึดอัดถา้เราเป็นคนชอบแต่งตวัตามสบาย หลายคนทีÉสมยัเรียนหนงัสือก็ใสเ่สอืÊน่งุยนีสไ์ปเรียน ไม่เคยผกูเน็คไท แต่วนัแรกทÉตีอ้งไปสมัภาษณ์งานอาจจะตอ้งผกูไท ก็ตอ้งใหรุ้น่พÉี (ทีÉจบไปทาํงานก่อนหนา้) สอนใหเ้พราะผกูไม่เป็น แถมเมÉือทาํงานกย็งัตอ้งผกูเน็คไทอย่ทูกุวนัทงที ัÊ Éรูส้กึอึดอดัเพราะความไม่เคยชิน นีÉไงครบัชีวิตทÉแีตกต่างกนัระหว่างทÉบีา้นหรือเวลาทÉเีป็นส่วนตวัของเรากบัทÉทีาํงาน


Page 20 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ จากทีÉผมพดูมาทงหมดนี ัÊเพืÊ ÉอทีÉจะใหท้ ่านไดท้บทวนภาพของคน และพฤติกรรมของคนทีÉแตกต่าง กนัตามพืนฐาน หรือพืÊนเพทีÊ Éแตกต่างกนัไป ซÉงึจะสะทอ้นถึงความเก่งหรือความสามารถทงัÊทางทกัษะฝีมือ และความสามารถทางอารมณท์ีÉแตกต่างกนัไปดว้ย ซึÉงเจา้ “ความเก่ง” ทีÉผมพดูถึงนีมÊกัจะเป็นทกัษะทางธรรมชาติทÉีไม่เหมือนกบัการเรยีนเลขเรียน ภาษา หรือความรูอ้ืÉน ๆ ซึÉงทุกท่านก็ใชท้กัษะหรือความเก่งเฉพาะตวันีใÊนการทาํงาน หรอืในชีวิตประจาํวนั อย่ทูงโดยที ัÊ Éรูต้วัและโดยไม่รูต้วั ทกัษะความสามารถทÉีท่านใชอ้ย่ทูกุ ๆวนัในการโตต้อบ ตดัสินใจแกไ้ขปัญหาต่าง ๆ ใน ชีวิตประจาํวนัทÉีผมพดูถึงนีแÊหละครบัทÉีคณุWilliam Marston บอกว่ามนัเป็นสไตล์(Style) ของแต่ละบคุคล และแกก็ได้คน้ควา้และเขียนเป็นหนงัสือทÉีชืÉอ The Emotions of Normal People ซึÉงเป็นทีÉมาของคาํว่า D I S C ทีÉผมนาํมาเลา่ ใหท้ ่านฟังในเบือÊงตน้นไีÊงล่ะครบั รู้เขา..รู้เรา..ด้วย D I S C (ตอนทีÉ2) เมืÉอตอนทีÉแลว้ผมไดเ้กรÉนินาํ ใหท้ราบถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคลตามธรรมชาติของมนษุย์ ทาํ ใหแ้ต่ละคนมีพฤติกรรมหรือสไตลใ์นการใชช้ีวิตโดยมีการศกึษาในเรืÉองนีโดย Ê Dr.William Moulton Marston ไดท้าํการวิจยัและเขียนหนงัสือทีÉชืÉอว่า The Emotions of Normal People โดยแบ่งสไตลห์รือ ลกัษณะของคนออกเป็น 4 ประเภททีÉเรียกว่า D I S C ซึÉงผมจะขยายความใหท้ ่านทราบในตอนนีแÊหละครบั D I S C คืออะไร ? พอเห็นคาํๆ นีหÊลายท่านอาจจะนึกถึงเบรครถยนต์หรือแผ่น CD ฯลฯ แต่ไม่ใช่อย่างทีÉคิดนะครบั D I S C ทีÉผมจะพูดถึงมาจากตัวอักษรทีย่อมาดังนีÉ Ê D - Dominance I – Influence S – Steadiness C – Compliance ทังสีÊ ÉคาํนีคÊือสไตลห์รือคณุลกัษณะของคนทÉีสามารถแบ่งเป็นกลมุ่ใหญ่ๆ 4 แบบ แต่ก่อนทีÉผมจะ เล่าใหท้ ่านทราบมากกว่านีขÊอทาํความเขา้ใจในเบือÊงตน้ก่อนนะครบัว่าสไตลท์ ัÊง 4 แบบนีไÊม่มีสไตลใ์ดทÉี ดีกว่าหรอืแย่กว่าสไตลใ์ด ซึÉงแต่ละสไตลก์ ็จะมีลักษณะเด่นและด้อยในตัวของมันเอง ไม่มีสไตล์ ใดทีสÉมบูรณแ์บบหรือดีทีÉสุด


Page 21 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั ทังผมทัÊงÊท่านต่างก็มีสไตลเ์ป็นของตวัเองในสีÉรูปแบบนีแÊหละครบั ! เรามาดกูนัว่าแต่ละสไตลจ์ะมีจดุเด่นจุดดอ้ยยงัไงกนับา้ง D = Dominance/Directive ผู้กร้าวแกร่ง ฉับไว ใจร้อน คิดเร็ว ทาํเร็ว คนสไตล์D หรือ Dominance ท่านจะสงัเกตลกัษณะเด่นเขาและเธอไดจ้ากการทÉีเป็นคนโผงผาง ปากไว้ใจรอ้น กลา้คิด กลา้ทาํกลา้เสีÉยง ไม่ชอบเรืÉองทีÉเยิÉนเยอ้อารมัภบท ขอใหช้็อตคดัเขา้ประเด็น เอาแต่เนือ ๆ นํÊาÊไม่ตอ้ง เป็นคนม่งุมÉนัม่งุผลสาํเรจ็ของงานสงูการตดัสินใจชดัเจน เด็ดขาด ปากกบัใจตรงกนัชอบเปลีÉยนแปลงกลา้ตดัสินใจแมจ้ะเกินอาํนาจทÉีมี ใจถึงพึÉงได้ชอบการแข่งขนั ไม่กลวัใครชอบทาํงาน โดยอิสระ ไม่ชอบการถกูควบคมุชอบความทา้ทาย จดุทÉีเป็นเงามืดของคนแบบ D คือ หากเชืÉอมัÉนในตวัเองสงูมากก็จะเป็นคนทÉมีีปากหาศตัรูคนรอบ ขา้งจะไม่ชอบในความกา้วรา้วและเขา้มาควบคมุงาน คนแบบ D มกัจะถูกคนแอบนินทาว่าอีโกจ้ดัเอาแต่ใจตวัเองแต่ไม่ยอมเขา้ใจคนอÉนื (รอบขา้ง) เสียบา้งเลย ทาํ ใหถ้กูมองว่าเป็นพวกเผด็จการเอาง่ายๆ I = Influence/Interactive ชา่งเจ๊าะแจ๊ะ ชอบสังคม อารมณศ์ ิลปิน คนสไตล์I จะเป็นคนทีÉชอบเขา้หาพดูคยุพูดเก่ง เสียงดงัรา่เริง มีอารมณศ์ิลปินสงูมีความคิด สรา้งสรรคบ์รรเจิด ชอบงานสงัคมสงัสรรค์งานรÉืนเรงิบรรเทิงปารต์ีÊเขา้กบัคนไดง้่าย มักเป็นคนทÉีเป็นสีสนัขององคก์ร รวมถึงการเป็นคมัภีรบ์ู๊ลิมในเรืÊ Éองคนในองคก์รเพราะเขาจะรูจ้กัทุกคนในองคก์รเป็นอย่างดีและ ทกุคนในองคก์รก็จะรูจ้กัเขาดีเพราะคนสไตล์I มักเป็นสาย N (เอ็นเตอรเ์ทนผูค้น)ถา้มีงานอีเวน้ทท์งหลายัÊ เราก็จะเจอคนสไตลน์ีเÊขา้มาเป็นสีสนัส่วนร่วมไดเ้สมอเช่น เป็นพิธีกร, นกัแสดงในงาน, เชียรล์ีดเดอร,์ถือ ไมคร์อ้งเพลงฯลฯถา้เจอคนแปลกหนา้นÉคนสไตล์ ี I จะพดูคยุกนัไดอ้ย่างกบัเป็นญาติสนิทกนัมาตงแต่ชาติ ัÊทีÉแลว้ สามารถหว่านลอ้มจงูใจใหค้นมาร่วมมือไดอ้ย่เูสมอแต่เป็นคนไม่ชอบลงรายละเอียด และไม่กลา้ทÉีจะตดัสินใจถา้จะตอ้งไปขดัใจใคร คนสไตล์I จึงแครก์บัความรูส้กึของคนรอบขา้งจะเขา้ใจผคู้นมาก


Page 22 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ วิธีคิดของคนแบบ Iจึงมกัใชอ้ารมณ์(Feeling) มากกว่าใชเ้หตผุล เป็นคนทีÉแครค์วามรูส้กึคนและ มีอารมณอ์ ่อนไหวง่าย คนแบบ I มกัมองโลกในแง่ดี ในขณะทีÉจดุอ่อนของคนแบบ I คือมกัจะเป็นคนทÉีคยุแบบนาํÊท่วมท่งุฝันเฟÉือง เชืÉอคนงา่ยชอบทาํ ตามใจคนและตามใจตน ไม่แยกแยะว่าใครน่าเชืÉอถือมากน้อยแค่ไหน การตดัสินใจมกัจะใชอ้ารมณ์ มากกว่าเหตุผล ทาํ ใหค้นรอบขา้งดวู่าตดัสินใจแบบไมม่ ีหลกัการทีÉชดัเจน แมม้ีอาํนาจก็ไม่กลา้ตดัสินใจ ตามอาํนาจทÉีมีเพราะความทีÉรูจ้กัคนเยอะก็เลยกลวัว่าถา้ตดัสินใจไปแลว้คนจะไม่ชอบหนา้ดว้ยความทีÉมี อารมณอ์ ่อนไหวง่าย บ่อยครังทีÊ Éทาํ ใหค้นรอบขา้งสบัสนกบัการตดัสินใจทÉีหาคาํตอบทÉีมีเหตผุลไมไ่ด ้ S = Steadiness/Support อยู่ใน Comfort Zone เหน็ใจผู้คน ไม่ชอบการเปลีÉยนแปลง อนุรักษน์ ิยม ทาํตามขัÊนตอน คนสไตล์S จะเป็นคนทีÉมีความเป็นมิตรเป็นอนัเอง ดอูบอุ่นรบัฟังแต่งตัวตามสบายไม่พิถีพิถนัเป็น คนชอบทาํอะไรตามกฎระเบียบทีÉมีทาํตามขนตอนเท่านั ัÊนÊมีความแม่นยาํ ในกฎเกณฑส์งูมากทกุขอ้ทกุ บรรทดัทาํงานแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ชอบอะไรทีÉเรง่รบี ไม่ชอบความเปลีÉยนแปลงอย่ใูน Comfort Zone พืนทีÊ Éของตัวเอง ไม่ชอบความเรง่ด่วนฉกุเฉิน ชอบอยู่เบือÊงหลงัมากกว่าเบือÊงหนา้จะตัดสินใจตาม กฎระเบียบทีÉมีเท่านันÊและมีความเป็นอนุรกัษ์นิยมสงู ดงันนัÊจดุอ่อนของคนแบบ S ก็คือ คนรอบขา้งจะดูว่าเป็นคนเฉืÉอยทาํงานแบบเรืÉอย ๆ ทาํงาน แบบซีปÊังเทา้ทาํตามขนัÊตอนกฎเกณฑเ์ท่านันÊเป็นทาสกฎระเบียบไมเ่คยคิดจะแกไ้ขปรบั ปรุงจะ เปลีÉยนแปลงอะไรก็ยากยึดติดแต่ภาพอดีต ขาดความกระตือรือรน้แถมเป็นคนดือÊเงียบ และมกัจะ ผลดัวนั ประกนัพรุ่ง C = Compliance/Cautious หญิงมัÉนชายมัÉน ละเอียด รอบคอบสุดฤทธิÍคุยกันด้วยข้อมูลเท่านัÊน คนสไตล์ C เป็นคนทีÉตอ้งการความละเอียดถีÉถว้นสงูมาก(กว่าปกติคนทÉวไป) ไม่เชื ัÉออะไรง่าย ๆ ตอ้งมีขอ้เท็จจรงิ (หรือขอ้มลู ) ทÉียืนยนัมาพิสจูนก์ันไดเ้ท่านน เป็นคนที ัÊ Éมีโลกสว่นตวัสงูไมค่ ่อยจะพดูอะไร มากนกัชอบคิดการวิเคราะห์เป็นคนทีÉทุกอย่างตอ้งสมบูรณแ์บบเป็นคน “เป๊ะ” หรือเรียกว่าเป็น Perfectionist ดว้ยความทÉีเป็นคนสนใจใฝ่เรียนรูอ้่านหนงัสือเยอะ Update ตวัเองอย่เูสมอจึงมกัจะมองว่า คนอืÉนรูน้อ้ยกว่าตวัเอง มีขอ้มลูนอ้ยกว่าตัวเอง หรือหนกักว่านนคือมองว่าคนอื ัÊ Éนโง่กว่าตวัเองเพราะตวัเอง เป็นคนมีขอ้มลูเยอะรูม้าก คนสไตล์C กลา้ตัดสินใจและเด็ดขาดจนหลายครังÊทาํเอาคนรอบขา้งเป็นงงว่า ทาํ ไมกลา้ตดัสินใจแบบนีไÊด้ก็เพราะเขาเป็นคนเชืÉอมัÉนในตวัเองสงูมากและเด็ดขาดแบบสไนเปอรค์ือหน่วย ซุ่มยิงคนทีÉโดนยิงยงัไม่รูต้วัเลยว่าโดนคนสไตล์C สอยรว่งไปแลว้จะแตกต่างจากคนสไตล์D ทีÉเหมือน ทหารราบบกุตะลยุใหเห็นกันจะ ๆ ้ จดุอ่อนของคนแบบ C ก็คือ มีโลกส่วนตวัสงูมกัจะมองโลกในแง่รา้ย ขีจÊกุจิก ค่อนขา้งเก็บตวั ไม่ ชอบพบปะสงุสิงกบัใคร ชอบวิพากษ์วิจารณค์นอÉนืและชอบรายละเอียด หรือจมอย่กูับเวลาของรายงาน


Page 23 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั มากเกินไปจนทาํ ใหง้านทÉีจะตอ้งปฏิบตัิหรืองานทÉีตอ้งการการตดัสินใจไม่เดินหนา้ และมีปัญหาเรืÉองมนุษย สมัพนัธม์ากเพราะความทÉไีม่ชอบพบปะพดูคยุกบัผคู้น ในตอนนีขอจบลงตรงนีÊกÊ่อนนะครบัแลว้ตอนต่อไปค่อยมาว่ากนัต่อ รู้เขา...รู้เรา....ด้วย D I S C (ตอนทีÉ3) เมืÉอท่านไดท้ราบสไตลของคนทั ์ง Ê 4 ประเภทคือ D I S C ไปในตอนทีÉแลว้ผมขอนาํผงัในตอนทÉีแลว้กลบัมาใหด้อูีกครงเพื ัÊ ÉออธิบายเพิÉมดงันีคÊรบั จากผงัขา้งตน้จะเห็นไดว้่ารูปแบบของคนทงสี ัÊ Éแบบจะอย่ใูนแกนสÉแกน อธิบายเพิ ีÉมไดว้่าคนในแบบ D และ C นันÊมกัจะมีสไตลท์Éีอิงเหตผุล(Thinking) เป็นหลกัจึงมกัจะมีความคิดเป็นระบบ มีทÉีมาทีÉไป ตอ้งมีขอ้มลูขอ้เท็จจริงทÉีจบัตอ้งไดว้ดัไดพ้ ิสจูนไ์ด้คนสไตล์C หรือ D ถึงจะยอมรบัยอมเชÉือ ในขณะทีÉคนในสไตล์S และ I ก็จะมีแนวโนม้ทÉมีีสไตลท์Éีอิงอารมณห์รือความรูส้กึ (Feeling) มาก หน่อย พดูง่ายๆ คือมกัใชอ้ารมณแ์ละความรูส้ึกอยู่เหนือเหตผุลนÉเีป็นสไตลใ์นแนวแกนตงัÊนะครบัคนสไตล์S และ C จะมีส่วนทีÉคลา้ยกนัก็คือตอ้งการอะไรทÉตีอบไดด้ว้ยการสมัผสัทงัÊหา้คือ ตอ้ง เห็นไดด้ว้ยตา ฟังมากบัหูจมกูไดก้ลÉนิรบัรสดว้ยลนิÊสมัผสัไดโ้ดยประสาทสมัผสัทÉชีดัเจนจึงจะพอใจ ในขณะทีÉคนในแบบ D และ I มกัจะใชส้ญัชาติญาณหรือลางสงัหรณท์ÉีฝรัÉงเรียกว่า Six senses หรือสมัผสัทÉีหก มากกว่าพวก S หรือ C พดูง่ายๆ ว่าพวก D พอเวลาจะตดัสินใจอะไรมกัจะใชล้างสงัหรณห์รือความน่าจะเป็นแลว้ตดัสินใจทนัที(ดว้ยความใจรอ้นของตวัเองเป็นทนุเดิม) โดยมขีอ้สรุปในใจอย่แูลว้ซÉงึขอ้ดีก็คือจะฉับไว


Page 24 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ทนัใจแต่ขอ้เสียคือขาดความรอบคอบ ถา้ตดัสินใจถูกก็ดีไป แต่ถา้มีอคติหรือขาดความรอบคอบตดัสินใจ ผิดดว้ยความใจรอ้นใจเรว็ก็จะมีปัญหาผลกระทบตามมาใหแ้กก้นัต่อไปอีก หรือพวกI เวลาตดัสินใจก็ใชอ้ารมณเ์ป็นทนุเดิม แถมมีลางสงัหรณเ์ขา้มาช่วยอีกแต่ปัญหาทีÉมกัจะ เกิดขึนก็คือพวก Ê I นีÉตดัสินใจโดยใชล้างสงัหรณแ์ถมขาดขอ้มลูและรายละเอียดนีÉสิครบัจะทาํ ใหค้นพวก I มกัจะมีปัญหาทÉีเกิดตามมาหลงัจากการตดัสินใจอย่เูรืÉอย ๆ ในขณะทีÉคนสไตล์ S ตดัสินใจโดยใชอ้ารมณเ์ป็นพืนÊฐาน แต่ทกุอย่างจะตอ้งมีทÉีมาทีÉไป ตอ้งพิสจูน์ ไดช้ัดเจน จึงเป็นลกัษณะของคนแบบ S ทีÉตอ้งการความแน่นอน เป็นขนัÊเป็นตอนก่อนจึงถกูมองว่าทาํงาน ชา้ตอบสนองชา้เพราะมวัแต่ทาํงานตามขนัÊตอนและกฎระเบียบตามสไตลข์องเขายงัไงล่ะครบั สว่นคนแบบ C จะตดัสินใจโดยมีเหตผุลเป็นทุนเดิม และตอ้งการการขอ้มลูทÉีจะพิสจูนไ์ดอ้ย่างมี หลกัเกณฑท์Éีชดัเจน จึงทาํ ใหค้นแบบ C ตอ้งมคีวามรอบคอบระมดัระวงัสงูและเชืÉอในหลกัฐานทÉีเห็นไดช้ดั มากกว่าการใชค้วามรูส้ึก หรือลางสงัหรณห์รือการคาดการณแบบลอย ๆ ์ จากตารางทีÉผมแสดงใหท้ ่านดขูา้งตน้จึงจะเห็นว่ารูปแบบของคนทอีÉยู่ในเส้นทะแยงมุมของกัน และกันจึงเป็ นอุปนิสัยหรือพฤติกรรมทีตรงกันข้าม เช่น É C จะตรงกันข้ามกับ I และ D จะตรงกัน ข้ามกับ S ดังนัÊนหากคนในแบบ D มาพบกับ S หรือ C มาพบกับ I แล้วละ่ก็มักจะเกิด “ศรศิลป์ไม่ กินกัน” แต่ตรงนีก็ไม่ใช่กฎเหล็กว่าคนทีÊ Éมีสไตลท์ะแยงซÉงึกนัและกนัจะไมถ่กูกนัเสมอไปนะครบัเพราะยงัมี องคป์ระกอบและปัจจยัอÉืนเขา้มามีสว่นรว่มทÉีจะทาํ ใหค้นถกูนัหรือมปีัญหาซÉงึกนัและกนัอีกตงัÊหลายตวั ดงันนจากที ัÊ Éผมเล่าใหฟ้ังมาทงหมดนี ัÊจÊึงจะพอเป็นแนวทางใหท้ราบเพÉือทาํความเขา้ใจคนในแบบทีÉ ไม่เหมือนเรา ซึÉงจะทาํ ใหเ้ราสามารถปรบัตวัใหเ้ขา้กบัผูค้นรอบขา้งไดด้ียิÉงขึนÊ ผมอยากจะยําตรงนีÊนÊะครบัว่า ไม่มีรูปแบบใดทีดÉีกว่ารูปแบบใด หรือคนในรูปแบบใดทีÉเป็น รูปแบบทีÉดีทีÉสดุเพราะในแต่ละสงัคม ในงานแต่ละประเภท ในสถานการณแ์ต่ละสถานการณย์ ่อมตอ้งการ คนในรูปแบบทีÉเหมาะสมแตกต่างกนัไป ในองคก์รของท่านก็เช่นเดียวกนัย่อมประกอบดว้ยคนสีÉรูปแบบใหญ่ ๆ ตามทีÉผมเลา่ ใหฟ้ังมานีÊ เหมือนกนัซÉงึจะเห็นไดว้่าในแต่ละประเภทของงานบางงาน เช่น งานทีÉตอ้งการคนทÉีคิดสรา้งสรรคส์Éงแปลก ิ ใหม่อาจตอ้งการคนในแบบ I ในขณะทีÉถา้ท่านทีÉเป็นคนในแบบ D หรือ C หากตอ้งไปทาํงานหรืออยู่ ในสงัคมดงักลา่วก็อาจจะเกิดความอึดอดักับสภาพแวดลอ้มแบบนน ัÊ จึงเป็นเรืÉองทีÉเราจะตอ้งทาํความเขา้ใจสไตลข์องคนเพÉือปรบัตวัเพÉือใหเ้ขา้กบัผูค้นรอบขา้งเพÉือลด ความเครยีดลงยงัไงล่ะครบั บางท่านอาจจะมีคาํถามว่า “งันในหน่วยงานของฉันก็หาคนที Ê Éเป็ นแบบเดียวกับฉันเข้ามา ทาํงานดีกว่าน่ะสิจะได้ไม่ต้องขัดแย้งกันเพราะจะได้ทาํงานไปทศิทางเดียวกัน”


Page 25 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั แหม ! เลน่หาคนแบบ “มองตาก็รูใ้จ” เชียวครบัแต่ผมบอกไปขา้งตน้แลว้ว่าการทÉคีนมีสไตลท์Éีแตกต่างกนัหรือมีสไตลท์Éีเหมือนกนัไม่ไดแ้ปลว่าจะทาํงานแลว้เขา้กนัไดด้ีหรือจะเกิดปัญหาซÉงึกนัและกนั เสมอไปเพราะยงัมีปัจจยัอÉนืเขา้มาประกอบอีกหลายตวัถา้เราทาํงานกบัคนทÉีมีลกัษณะสอดคลอ้งกบัเราแลว้ความขดัแยง้อาจจะนอ้ยลงเพราะมีวิธีคิด และวิธีการทาํงานคลา้ยๆกนัแต่จะดีหรือครบัทÉเีราไม่ตอ้งการมมุมองทÉแตกต่าง ี ? ดงันนัÊเราจึงตอ้งการคนสไตลท์Éตี่างจากเรามาคอยติงคอยเตือนสติไม่ใหเ้ราใชส้ไตลห์ลกัของเราให้มากจนเกินไปจนควบคมุไม่ได้เหมือนรถทÉมีเครื ีÉองยนตท์Éีดีก็ตอ้งการเบรคทÉสีามารถหยดุรถเพÉือไม่ใหเ้กิด อบุตัิเหตุดว้ยเช่นเดียวกนัรู้เขา...รู้เรา....ด้วย D I S C (ตอนทีÉ4) ในตอนนีผÊมจะมาพดูถึงเรÉืองของการบรหิารจดัการคนดว้ย D I S C เพืÉอใหรู้เ้รา-รูเ้ขาใหม้ากยÉงขึ ินÊ เพืÉอใหท้ ่านสามารถจะอ่านสไตลข์องคนไดด้ีขนไปอีก ผมก็ ึÊเลยขอนาํภาพของ D I S C มาประกอบไวอ้ีก ครังหนึÊ ÉงดงันีÊ การบริหารจัดการคนด้วย D I S C ขอทบทวนความเดิมตอนทีÉแลว้อีกสกัครงÊักลา่วคือเมÉือเราไดท้ราบลกัษณะหรือสไตลข์องคนทง ัÊ 4 แบบแลว้ ลองมองกลับมาทีÉตัวเราเอง (อย่างไม่ลาํเอียง) นะครับว่าเรามีสไตลใ์ดเป็นสไตลห์ลัก เมืÉอทราบสไตล์หลักแล้ว ก็ควรจะทาํความเข้าใจถึงผู้คนรอบข้างในสไตลอ์ ืÉนด้วยเพืÉอให้ การทาํงาน หรือการใช้ชีวิตร่วมกันเกิดความราบรÉนมากยิ ืÉงขึนÊ


Page 26 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ อย่างนอ้ยเมÉออ่านมาถึงตรงนี ืแÊลว้ เราก็จะเริÉมเขา้ใจคนในแบบทÉีไม่เหมือนกบัเราบา้งแลว้นะครบั !! สิÉงทีชอบและไม่ชอบของคนแต่ละสไตล์É มาถึงตรงนีผÊมอยากจะใหท้ ่านไดเ้ขา้ใจเพิÉมขึนÊว่าคนในแต่ละสไตลช์อบหรือไม่ชอบอะไรบา้ง เพืÉอทีÉจะไดร้ะมดัระวงัในการปรบัตวัเรากบัคนรอบขา้งไม่ว่าคนรอบขา้งจะเป็นหวัหนา้งาน เพืÉอนรว่มงาน หรือแมแ้ต่คนทÉีบา้นของเราไดด้ียÉงขึ ินÊลองมาดกูนันะครบัว่ามีอะไรบา้ง สิÉงทีคÉนสไตล์D ชอบ คือตอ้งการทาํงานอย่างอิสระ เมÉือมอบหมายงานใหแ้ลว้ตอ้งใหอ้าํนาจตดัสินใจเขาไปดว้ยแลว้ก็ อย่าไปจจู้จีÊกุจิกกับเขานะครบัเพราะเขาเป็นคนทีÉม่งุผลลพัธ์(Result Oriented) สงูชอบงานทีÉทา้ทาย ความกา้วหนา้ในหนา้ทÉี/ตาํแหน่งชอบเสีÉยง ตอ้งการมีอาํนาจในการทาํงานและกลา้ตดัสินใจดว้ยตวัเอง งานหรือกิจกรรมทีÉจะตอ้งการคนเขา้ไปลยุแกป้ัญหาหรือจดัการใหเ้สรจ็ในภารกิจเฉพาะทีÉตอ้งการใหเ้ห็นผล เรว็หรือมีการแข่งขนัสงูและมีเป้าหมาย หรอืตวัชีวÊดัผลสาํเรจ็ทÉชีดัเจน สิÉงทีคÉนสไตล์D ไม่ชอบ การทีÉเขา้ไปควบคมุการทาํงานอย่างใกลช้ิด เพราะเขาจะรูส้กึว่าไม่ไดร้บัความไวว้างใจเขาไม่ชอบ การตัดสินใจทีÉชักชา้ (ก็เพราะเขาเป็นคนใจรอ้นนีÉครบั)การมีขนตอนที ัÊ Éมากหรือมงีานจุกจิกหยมุหยิม หรือ การมอบหมายงานใหไ้ปแลว้แต่ไม่ใหอ้าํนาจตดัสินใจจะทาํ ใหเ้ขาอึดอดัตลอดจนการเขา้ไปแทรกแซงสิÉงทีÉ เขาไดต้ดัสินใจสÉงการหรื ัอดาํเนินการไปแลว้ถกูสÉงัใหแ้กไ้ขโดยไม่มีเหตผุลทÉีสมควร จะทาํ ใหเ้ขารูส้ึก หงุดหงิดและอดึอดัมากขึนÊ สิÉงทีคÉนสไตล์I ชอบ คนสไตล์IจะชอบงานทีÉตอ้งพบปะติดต่อผูค้น งานสมาคม งานสงัสรรค์เจ๊าะแจ๊ะงานรืÉนเริง บรรเทิงปารต์ีÊงานอีเวน้ท์การเขา้ไปใหก้าํลงัใจกบัผูค้น การเขา้ไปโนม้นา้วชกัจงูผูค้นใหม้ารว่มมือกนั ทาํงานสนกุสนานรืÉนเริงการใหไ้ปรว่มประสานงานระดมความคิด งานอีเวน้ทใ์หม่ๆ งานทีÉตอ้งทาํกนัเป็น กลมุ่เพÉือช่วยกนัแกไ้ขปัญหา ตลอดจนงานทีÉใชค้วามคิดสรา้งสรรคใ์หม่ๆ สิÉงทีคÉนสไตล์I ไม่ชอบ งานทีÉเป็นงานประจาํ โดยเฉพาะงานทÉีไม่ค่อยไดพ้บปะกบัผคู้น งานอย่กูบัโต๊ะอยู่นÉิงๆ ไม่ตอ้งติดต่อ กบัใคร เพราะเขาจะรูส้กึว่ามนัจาํเจน่าเบืÉอหน่าย หรือการไปขอขอ้มลูรายละเอียดลึกๆแบบวิชาการนีÉคน สไตล์Iจะไม่ชอบเอาเสียเลย หรืองานทีÉตอ้งมีกฎระเบียบกฎเกณฑ์มากๆ หรืองานวิเคราะหข์อ้มลูตวัเลข ย่บุยÉบยั ั วเยีÊยÊเต็มไปดว้ยตวัเลขและขอ้มลูนีÉคนสไตล์I จะไม่ชอบ รวมถึงงานทีÉตอ้งเขา้ไปแกป้ัญหาการ ทะเลาะเบาะแวง้หรือตอ้งเขา้ไปยุ่งเกีÉยวกับความขดัแยง้ของผูค้นนÉีเขาก็ไม่ชอบนะครบัเพราะคนสไตล์I ไม่ ชอบทาํอะไรทÉีขดัใจคนอÉนนี ืÉนา สิÉงทีคÉนสไตล์S ชอบ คนสไตล์S จะชอบงานทีÉเป็นขันÊเป็นตอนชดัเจน ไม่ตอ้งเร่งรีบนกัค่อยเป็นค่อยไปแบบ Slow but sure เพราะเขาไม่ชอบเสีÉยงไมช่อบความเปลีÉยนแปลงนีÉครบัเรียกว่าทาํชา้ๆ แต่ชวัรจ์ะสบายใจคนสไตล์S


Page 27 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ มากกว่า เขาจะเป็นผรู้่วมทีมงานทีÉดีไม่ละเมิดกฏเกณฑข์องกลุม่เป็นผูร้บัฟังทีÉดีดว้ยท่าทีทÉีน่มุนวลดว้ย บรรยากาศมิตรภาพ ใหค้วามสาํคญักบัสมัพนัธภาพทีÉดีซึÉงกันและกนัจึงไม่ชอบทาํอะไรทÉีจะทาํ ใหค้นมองว่า เขาเป็นคนไม่ดีชอบอยู่อย่างสงบไม่รุกรานใครชอบทีÉจะใหม้ีเวลาในการทาํงานหรือมีเวลาในการตดัสินใจ อย่างรอบคอบ ชอบทาํอะไรทÉีไม่เสีÉยงและชอบทาํงานมีหลกัเกณฑห์รือมขีนตอนที ัÊ Éชดัเจน อย่างงานอยู่กบั โต๊ะแลว้ทาํงานเฉพาะตวัไม่ตอ้งติดต่อกบัผูค้นมากนกันีÉเขาจะชอบ แต่ถา้ใครมาหาเขาในพืนทีÊ Éของเขา ๆ ก็ ยินดีตอ้นรบัขบัสดู้ว้ยดีนะครบัเพียงแต่ไม่ชอบออกจากพืนทีÊ Éของตวัเองไปหาใครโดยไม่จาํเป็นเท่านนแหละัÊ สิÉงทีคÉนสไตล์S ไม่ชอบ เขาจะไม่ชอบบรรยากาศของความขดัแยง้การงานด่วนงานเรง่หรือการบีบบงัคับใหต้ดัสินใจแบบ ทนัทีทนัใด หรือบรรยากาศทีÉมีความเปลีÉยนแปลงสงูเปลีÉยนบ่อย ๆ เพราะเขาจะรูส้ึกว่าทาํ ไมไม่คิดใหด้ีให้ รอบคอบเสียก่อน ไม่ชอบการลดัขนัÊตอน หรือการมีกฎเกณฑท์Éีคลมุเครือจะทาํ ใหเ้ขาตดัสินใจไม่ถูกก็เขา จาํเป็นตอ้งตดัสินใจตามกฎเกณฑท์Éีวางไวช้ดัเจนนÉคีรบัเพราะเดÌียวทาํอะไรผิดหลกัเกณฑเ์กิดปัญหาขึนมาÊ รบัผิดชอบไม่ไหวเหมือนกนั ในขณะเดียวกนัเขาก็ไม่ชอบความขัดแยง้ในทีมงาน การไม่ยอมรบั ฟังซึÉงกนั และกนัเมÉือเขาพดู (กรณีทีÉเขาเป็นหวัหนา้งาน) ท่านก็ตอ้งฟัง เพราะเขาไมช่อบการเปลีÉยนแปลงนีÉครบั สิÉงทีคÉนสไตล์C ชอบ คนสไตล์C เขาจะชอบความเป็นระเบียบเรยีบรอ้ย ความถูกตอ้งของผมู้ลูทีÉเชืÉอถือและพิสจูนไ์ด้ก็ เขาเป็นคนทีÉชอบขอ้มลูทÉีผ่านการวิเคราะหม์าแลว้นÉีครบัชอบขอ้มลูเอกสารแนบเยอะ ๆรบัรองว่าเขาจะ อ่านทุกหนา้ทุกบรรทดัผิดตรงไหนจะหาทÉีผิดมาใหด้จูนได้เรียกว่าเป็นคณุชายละเอียดหรือคณุนายละเอียด เชียวแหละ เขาจึงเป็นคนทีÉมีมาตรฐานในการทาํงานสงูแมแ้ต่การจดัวางอปุกรณข์า้วของทีÉบา้นก็ตามตอ้ง เป็นระเบียบเรียบรอ้ยดว้ยนะครบัเป็นคนทีÉเนน้งานมาก่อนเรืÉองสว่นตวัมีความละเอียดถีÉถว้นสงูหรือทÉี เรียกกนัว่าเป็นพวกตอ้งการความครบถว้นสมบูรณส์งูมาก(Perfectionism) หากเขาพบว่ามีใครทีÉใหข้อ้มลู ทีÉไม่จรงิหรือไม่ถกูตอ้งแลว้ล่ะก็เขาจะจาํ ไวน้านเลยครบัเรียกว่าทาํดีก็จาํแต่ทาํพลาดไม่เคยลืมหรือแคน้ ฝัง ห่นุก็ว่าได้ถา้เชÉือใจใครก็จะไวใ้จแต่ถา้ผิดพลาดมาก็ไมล่ ืมเหมือนกนั สิÉงทีคนสไตล์É C ไม่ชอบ นัÉนก็คือความไม่เป็นระเบียบเรียบรอ้ย ความไม่สมบรูณแ์บบไม่ครบถว้น ไม่มีขอ้มลูรายละเอยีด รองรบัเพราะจะทาํ ใหเ้ขาตดัสินใจไม่ถกูเนืÉองจากเป็นสไตลท์Éีรบัฟังหรอืคน้หาขอ้เท็จจริงจากพยานหลกัฐาน (หรือพยานวตัถุ) มากกว่าพยานบุคคล ดงันนัÊเขาจะอึดอดัใจหากมีขอ้มลูนอ้ยหรือมีขอ้มลูไม่เพียงพอ ในขณะเดียวกนัหากมีใครวิจารณต์วัเขาหรือผลงานของเขาว่าไม่ดีควรปรบั ปรุงแลว้ล่ะก็เขาจะ หงุดหงิดมากขึน Êเขาไม่ชอบใหใ้ครมาเร่งรดังานของเขาจนไมม่ ีเวลาตรวจสอบความถูกตอ้งใหแ้น่ใจ เสียก่อน เพราะเขากลวัว่างานจะบกพรอ่งเป็นจดุทีÉทาํ ใหถู้กวิพากษ์วิจารณห์รือถกูตาํหนิได้อีกประการหนึÉง คือเขาไม่ชอบเขา้สงัคม ไม่ชอบทÉีจะตอ้งเป็นจุดเด่นในทÉีสาธารณะครบั


Page 28 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั เอาละ่ครบัเมÉออ่านมาถึงตรงนี ืÊในตอนหนา้ซÉงึเป็นตอนจบของซีรีสช์ดุนีÊผมจะมาพดูถึงวิธีการ ติดต่อกบัคนในแต่ละสไตลใ์นตอนต่อไปนะครบัรู้เขา...รู้เรา....ด้วย D I S C (ตอนทีÉ5) ในตอนนีผมจะมาอธิบายในเรืÊ Éองการติดต่อสืÉอสารกบัคนแต่ละสไตลว์่าเราจะสามารถสÉือสารกนัยงัไงอะไรเป็นสิÉงทีÉควรระมดัระวงัในการติดต่อสืÉอสารกบัคนแต่ละสไตลเพื ์Éอใหไ้ดข้อ้คิดในการทาํงานหรือ ใชช้ีวิตร่วมกบัคนรอบขา้งทงที ัÊ ÉทาํงานและทÉีบา้นไดอ้ย่างราบรÉนขึ ืนÊดงันีคÊรบั วิธีในการติดต่อกับคนแต่ละสไตล์ เมืÉอไดท้ราบถึงสÉงที ิÉคนในแต่ละสไตลช์อบ หรือไม่ชอบมาแลว้ (หากจาํ ไม่ไดต้อ้งไปยอ้นอ่านในตอน ทีÉแลว้) ผมจึงขอพดูต่อถึงวิธีการติดต่อคนในแต่ละสไตลโ์ดยสรุปดงันีคÊรบัหากท่านต้องติดต่อกับคนสไตล์D : ควรพดูเขา้ประเด็นตรง ๆไม่ตอ้งออ้มคอ้มชกัแม่นาทัÊํง Ê 5 สายฮวงโหแยงซีเกียงมาใหค้นสไตล์D ราํคาญ เพราะเขาไม่ชอบประเภทนาท่วมทุ่ง ขอเนืÊํ อ ๆ นํÊาÊไม่ตอ้ง คนสไตล์D ชอบพดูหรือทาํอะไรทÉชีดัเจนตรงไปตรงมากระชบัเขา้เรÉอืงไดใ้จความไม่ตอ้งอารมัภบทกนัเยิÉน เยอ้ยืดยาดไม่เอา เขาจะราํคาญ โดยเฉพาะเรÉองที ืÉเป็นเรืÉองของงาน ซึÉงท่านสามารถพูดเขา้เป้าหมายและ ไดผ้ลลพัธเ์ลยทนัที ออ้ ! หากหวัหนา้ของท่านเป็นคนสไตล์D ก็อย่าลืมวิธีการตอบคาํถามดว้ยความรวดเร็วชดัเจน ว่องไว ตดัสินใจไดอ้ย่างรวดเร็วทนัใจดว้ยนะครบัมวัแต่อา ๆ อึÊํงÊๆ คิดชา้ๆ ละ่ก็โดยไลตะเพิดออกมาจาก ่หอ้งหวัหนา้ไม่รูด้ว้ยนะครบั


Page 29 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ หากทา่นต้องติดต่อกับคนสไตล์I : ท่านควรจะตอ้งมีการพดูนาํหว่านลอ้มชกัแม่นาทั ํÊงÊหา้ เสียก่อน ไม่ควรนาํเรืÉองเครียด ๆเขาไปคยุเสียตงแต่เริ ัÊ Éมตน้พดูง่ายๆว่าควรจะมีอินโทรเสียก่อน โดยอาจจะ คยุในเรÉืองสพัเพเหระเรืÉองส่วนตวัเรืÉองทัÉว ๆ ไป ลม ฟ้า อากาศหรือมีการเกริÉนนาํทÉีมาทีÉไปของเรืÉองราวต่าง ๆ ปพูนืÊเสียก่อน แลว้จึงม่งุเขา้หาประเด็นทÉีตอ้งการ เพÉือทาํ ใหค้นสไตล์I มีการปรบัอารมณใ์นเบือÊงตน้ เสียก่อน โดยเฉพาะเรืÉองทีÉเกีÉยวกบัความสนุกสนาน รืÉนเริง สงัคม ก๊อซซิปคนโนน้คนนีÊการสมาคมล่ะก็เขา จะชอบเป็นพิเศษ แลว้เรืÉองงานค่อยๆ แทรกเขา้ไปทีหลงัแบบเนียน ๆเพราะคนสไตล์I เขาเนน้มนุษย สมัพนัธเ์ป็นหลกัครบั แต่สิÉงทีÉท่านควรจะตอ้งทาํคือเมÉือการพดูคยุหรือการประชมุกับคนสไตล์Iจบลง ตอ้งไม่ลืมสรุปกบั เขาใหช้ดัเจนเลยว่าการประชุมหรือการคยุกนัวนันีบทสรุปคือเรืÊ Éองอะไรบา้ง ใครเป็นคนรบัผิดชอบแต่ละ เรืÉอง ผลลพัธท์Éีตอ้งการคืออะไรจะตอ้งเสรจ็เมืÉอไหร่จะติดตามผลกนัเมÉือไหรย่งัไง ฯลฯ เพราะคนสไตล์I นีÉ บางทีชอบพดูนอกเรÉืองในระหว่างการประชมุและไม่ค่อยมีบทสรุปทีÉชดัเจน เราจึงตอ้งช่วยสรุปใหเ้ขาดว้ย ครบั หากทา่นต้องติดต่อกับคนสไตล์S : เนืÉองจากคนสไตลน์ีไÊม่ชอบถกูกดดนัเพราะเขาเป็นคนทีÉ ชอบใชช้ีวิตทÉีอย่ใูนกรอบ ในหลกัเกณฑแ์บบเรียบ ๆ ไม่หวือหวาอย่ใูน Comfort Zoneของเขาจึงทาํงาน แบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ชอบอะไรทีÉเรง่รีบ เพราะเขามองว่าความเรง่รีบอาจทาํ ใหเ้กิดปัญหาขึนÊในภายหลงั ได้ดงันนัÊจึงตอ้งคยแบบเรืุÉอยๆแลว้ใหเ้ขาไดม้ีเวลาคิดเป็นลาํดับ ๆไปก่อน อย่าเพิÉงไปรีบกดดนัว่าจะตอ้ง รีบตดัสินใจ หรือตอ้งรีบเซ็นชÉือในงานด่วนเดีÌยวนี เดีÊ Ìยวไม่ทนัฯลฯ เหลา่นีจÊะทาํ ใหเ้ขาอดึอดัท่านควรนดั หมายเขาไวล้ว่งหนา้ทาํตามขนัÊตอนและกฎระเบียบเป็นหลกัถา้ทาํ ไดอ้ย่างนีคนพÊวก S เขาจะแฮปปีÊกบัเรา มากเลยแหละครบั หากทา่นต้องติดต่อกับคนสไตล์C : คนสไตลน์ีจÊะคลา้ยๆกับคนสไตล์D ตรงทีÉหากท่านจะพดู กบัเขาก็จะตอ้งเขา้ประเด็นทีÉสาํคญัๆ โดยเฉพาะในเรืÉองงานเป็นหลกัเลยว่าตอ้งการอะไร ผลสาํเรจ็เป็น อย่างไร แต่อย่าลืมเพิÉมเติมเรืÉองของข้อมูลรายละเอยีดเยอะๆ หน่อย (เพราะคนพวก C จะเป็นคนทีÉ ชอบขอ้มลูรายละเอียดเยอะๆและจะมีความละเอียดรอบคอบมากกว่าพวก D ) ตลอดจนวิเคราะหข์อ้ดี- ขอ้เสียอย่างละเอียดใหเ้ขาดว้ยเป็นเป็นสิÉงสาํคญัสาํหรบัคนสไตล์C แลว้ปลอ่ยใหเ้ขาไดต้ดัสินใจจาก ขอ้มลูหลกัฐานทÉีมีสว่นคาํพูดทÉวี่า “ผมคิดว่า....” หรือ“ดิฉนัคิดว่า.....” นันÊคนสไตล์C จะไม่ค่อยชอบใจนกั เพราะเขาไม่ชอบการใชค้วามรูส้กึเขา้มารว่มในการวิเคราะหห์รือตดัสินใจแต่เขาตอ้งการคาํว่า “จากขอ้มลู (หรือหลกัฐาน) ทÉีมีอยู่ทาํ ใหเ้ชÉือไดว้่าสิÉงทีÉเราควรจะตอ้งทาํคือ1…2…3…4.......” มากกว่าครบั เรามองตัวเอง กบัคนอืÉนมองเรา คนเราบางครังÊอาจจะมองจากมมุของตวัเราออกไป โดยลืมไปว่ายงัมีอีกมมุหนึÉงทีÉถกูมองโดยคน อืÉนรอบขา้งดว้ยเช่นกนัเปรียบไปก็เหมือนกบัการทีÉถา้เราลืมส่องกระจกเราก็อาจจะเขา้ขา้งตวัเองว่าตวัเรา สมบูรณเ์พียบพรอ้ม ทง ๆ ที ัÊ Éเราอาจจะมีสิว ไฝ ฝ้ากระ ฯลฯอย่ทูีÉใบหนา้โดยทÉีเราไม่รู้


Page 30 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ คราวนีเÊราลองมาดกูนันะครบัว่าในสไตลท์ งสี ัÊ Éนัน เมืÊ Éอเขามองดตูวัเองเขาคิดว่าเป็นยงัไง และเขาจะ ถกูมองโดยผูอ้Éืนอย่างไร ซึÉงเปรียบเสมือนมดีา้นสว่างแลว้ก็ย่อมจะมีดา้นมืดเป็นของค่กูนัดงันีÊ คนสไตล์D มองตัวเอง คนสไตล์D เขาจะมองตวัเขาว่าเป็นคนทÉีทาํอะไรรวดเรว็ตรงไปตรงมาชดัเจน กลา้คิดกลา้ทาํกลา้ ตดัสินใจเขาจะมีความเชืÉอมัÉนในตวัเองสงูและคิดว่าสิÉงทีÉเขาตดัสินใจทาํ ไปนนัÊถูกตอ้งเสมอเขามองว่าเขา เป็นคนรวดเร็วและเป็นนกัแกป้ัญหาตวัฉกาจ ทีÉไหนมีปัญหาตอ้งการการจดัการแบบเด็ดขาดแลว้ละ่ก็เขา พรอ้มเสมอ คนอืÉนมองคนสไตล์D คนอืÉนรอบขา้งจะมองคนสไตล์D ว่าเป็นพวกเผด็จการ บา้อาํนาจ ดือรัÊน ไม่ค่อยจะฟังใคร หยิÊ Éง ผยองกา้วรา้วอีโกจ้ดัทาํอะไรบุ่มบ่าม ไม่คิดก่อนพดู (หรือก่อนทาํ ) ขาดความละเอียดรอบคอบ ไม่เป็นนัก วางแผนทีÉดีเลยเอาแต่กาํลงัหรือเอาแต่อาํนาจเป็นทีÉตังÊมกัถกูมองว่าเป็นพวกอาํนาจนิยม คนสไตล์I มองตัวเอง เขามองตวัเขาเองว่าเป็นคนทÉีเขา้ใจผูค้น เป็นคนทÉีมีความคิดสรา้งสรรคบ์รรเจิด เขาเป็นคนดีมี มนุษยสมัพนัธก์บัทุกๆ คน แครค์วามรูส้กึคนรอบขา้ง มองเห็นคณุค่าของคน เขาเป็นคนเปิดใจยอมรบั ฟัง ความคิดเห็นคนทกุคน เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ พรอ้มทีÉจะเขา้อกเขา้ใจผคู้น จึงมกัจะมีอารมณท์ ีÉ อ่อนไหวและ “อิน” ไปกับเรืÉองราวของคนอืÉนไดง้่าย คนอืÉนมองคนสไตล์I คนสไตล์I มกัจะถูกมองจากคนอÉืนว่าเป็นคนทีÉโลเลไม่ชดัเจน ตัดสินใจก็ไม่เด็ดขาดมวัแต่ฟังคน โนน้คนนแีÊลว้ก็หลีกเลีÉยงการตดัสินใจเพราะกลวัว่าจะไปกระทบกระเทือนใจใครเขาเขา้เป็นคนทีÉพดู มากกว่าทาํและไม่ตดัสินใจจดัการแกไ้ขปัญหาใหล้ลุว่งทง ๆ ที ัÊ Éอย่ใูนวิสยัจะทาํ ไดก้็ไม่ยอมทาํ มัวแต่กลวัว่า ถา้ทาํอะไรไปก็จะทาํ ใหค้นอÉืน ๆเขามองว่าเราไม่ดีก็เลยไม่ค่อยกลา้จะทาํอะไรขดัใจผูค้นรอบขา้ง คนสไตล์S มองตัวเอง คนสไตล์S จะมองตวัเองว่าเป็นคนทาํอะไรถูกตอ้งเสมอเพราะตนเองทาํตามขันตอน กฎระเบียบÊ ขอ้บงัคบัหรือทาํตามหลกัการหลกัเกณฑท์ุกอย่าง เขาคิดว่าสิÉงทีÉเขาทาํ ไปนนัÊโอกาสผิดพลาดนอ้ยมาก เพราะความทีÉเขาเป็นคนทาํงานตามขนตอนที ัÊ Éชดัเจน และเขาก็ยงัรบั ฟังความคิดเห็นของกลมุ่หรือทีÉประชมุ อีกดว้ยเขามองว่าการเปลีÉยนแปลงใด ๆ ก็ตามเป็นสิÉงทีÉควรจะตอ้งพิจารณาอย่างระมดัระวงัรอบคอบ เขา คิดว่าการเปลีÉยนแปลงทีÉรวดเรว็นนัÊมกัจะเกิดปัญหาตามมาเสมอ ดงันนวิธีที ัÊ ÉดีทีÉสดุคือทาํตามแบบอย่างทÉี เคยทาํมาจะปลอดภยัทÉีสุด คนอืÉนมองคนสไตล์S คนอืÉนจะมองคนสไตล์S ว่าเป็นคนทีÉมกัหลีกเลีÉยงความขัดแยง้หลีกเลีÉยงความเสีÉยง ไม่กลา้ ตดัสินใจอะไรทÉีอย่นูอกเหนือหลกัเกณฑ์ไมม่ ีไอเดียอะไรใหม่ๆ หรือแมแ้ต่ถา้หากลกูนอ้งมีไอเดียอะไรใหม่ ๆ มาเสนอก็จะถกูคนสไตล์S เบรคก่อนเสมอว่า “พีÉเคยทาํมาก่อนแลว้แต่ไม่เวิรค์หรอกเพราะ.......” หรือ


Page 31 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ “คณุใชอ้ะไรคิดโครงการนีขึÊนมา....... Ê ” นานเขา้ลกูนอ้งก็ไม่เสนออะไรอีกเพราะคนสไตล์S จะไม่ชอบการ เปลีÉยนแปลง คนสไตล์C มองตัวเอง เขาจะมองตวัเองว่าเป็นคนละเอยีดรอบคอบ งานแต่ละชินÊของเขามกีารกลÉนกรองพิจารณาอย่าง ั รอบคอบถีÉถว้นแลว้เขามองผคู้นว่าตอ้งการการควบคมุอย่างใกลช้ิดเพราะคนมีแนวโนม้จะทาํอะไร ผิดพลาดไดง้่ายไม่ค่อยจะละเอียดรอบคอบเท่าทีÉควร เขาจึงตอ้งควบคมุลกูนอ้งอย่างใกลช้ิด เขามองตวัเอง ว่าเป็นคนทีÉมีมาตรฐานการทาํงานสงูตดัสินใจชดัเจน การตดัสินใจของเขาเป็นเรืÉองถูกตอ้งทÉีสดุและ ผลงานของเขาเหนือกว่าคนอืÉนเสมอ คนอืÉนมองคนสไตล์C คนอืÉนจะมองคนสไตล์C ว่าเป็นพวกสมบรูณแ์บบ (Perfectionism) หรือคณุชายละเอียดหรือเป็น คณุนายละเอียด ชอบลว้งลกูลงลกึในรายละเอียดมากจนเกินไป ไม่รูจ้กัไวใ้จใครบา้งเลย เป็นคนทีÉชอบ ควบคมุทง ๆ ที ัÊ Éไม่จาํเป็นตอ้งควบคมุใกลช้ิดถึงขนาดนนัÊมีคาํถามจกุจิกมากมายในรายละเอียดเยอะแยะ ไปหมดเหมือนเจา้หนจูาํมยัแถมดอุีกต่างหากไม่มีงานทาํหรือไงถึงตอ้งมาคอยจกุจิกควบคมุดแูลการ ทาํงานของคนอÉืนจนอึดอดักนัไปหมด โดยเฉพาะใครก็ตามทีÉมีหวัหนา้เป็นคนสไตล์C จะอดึอัดกบัการทÉถีกู สัÉงใหท้าํรายงานหรือเปลีÉยนแปลงรูปแบบการรายงานในรายละเอียดเยอะแยะไปหมดทัง ๆ ทีÊ Éงานประจาํก็ มากจนลน้ทาํแทบไม่ทนัอย่แูลว้ แลว้ก็มาถึงตอนจบของซีรสีช์ุดนีแÊลว้นะครบั ผมเชืÉอว่าท่านจะไดข้อ้คิดจากเรืÉองของ D I S C เพืÉอนาํ ไปประยกุตใ์ชก้บัชีวิตส่วนตวัและการ ทาํงานได้เพÉอให้ ืเราไดเ้ขา้ใจถึงธรรมชาติและพืนฐานของคนทีÊ Éแตกต่างกนัไปในแต่ละสไตล์มากยิÉงขึน และÊ หาแนวทางในการปรบัตวัของท่านใหเ้ขา้กับคนรอบขา้งไดด้ียิÉงขึนÊต่อไปนะครบั. การบรหิารจัดการคนด้วย D I S C ขอทบทวนความเดิมตอนทีÉแลว้อีกสกัครงÊักลา่วคือเมÉือท่านไดท้ราบลกัษณะหรือสไตลข์องคนทง ัÊ 4 แบบแลว้ ท่านลองมองกลับมาทีตÉัวท่านเอง (อย่างไม่ลาํเอียง) นะครับว่าท่านจัดอยู่ในประเภทใด หรือท่านมีสไตลใ์ดเป็นสไตลห์ลกัคือพฤติกรรมการแสดงออกการพดูการจาการดาํเนินชีวิตของท่านส่วน ใหญ่ นัÉนแหละครบัสไตลห์ลกัของท่าน ส่วนสไตลแ์ต่ละสไตลจ์ะมีลกัษณะยงัไง ท่านก็ตอ้งไปหาอ่านจาก ตอนทีÉผ่าน ๆ มานะครบัขืนเอามาพดูใหม่จะเปลืองหนา้กระดาษเสียเปลา่ๆ เมืÉอทา่นทราบสไตลข์องท่านแล้ว ท่านควรจะทาํความเข้าใจถึงผ้คูนรอบข้างในสไตลอ์ ืÉน ด้วยเพืÉอให้การทาํงาน หรือการใช้ชีวิตร่วมกันเกิดความราบรืÉนมากยิÉงขึนÊ


Page 32 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ อย่างนอ้ยเมÉือท่านอ่านมาถึงตรงนีแÊลว้ท่านอาจจะเรÉมิเขา้ใจคนในแบบทÉีไม่เหมือนท่านบา้งแลว้ นะครบั !! ดงันน เมื ัÊ Éอท่านพบว่าลกูนอ้ง เพืÉอนรว่มงาน หวัหนา้งาน สามีภรรยา ลูกฯลฯของท่านทาํ ไมถ่ ึงทาํ อย่างนันอย่างนีÊ Êหรือทาํ ไมถึงไม่ทาํอย่างนนอย่างนี ัÊน่ะ Ê ขอใหท้ ่านกลบัมาคิดถึงเรืÉองทีÉผมเคยบอกไว้แลว้ว่าเป็นเพราะคนแต่ละคนมสีไตลท์ีÉแตกต่างกนัซÉงึ จะทาํ ใหท้ ่านแปลงความไมเ่ขา้ใจมาเป็นความตอ้งการทีÉจะศกึษาคน ๆ นนที ัÊ Éมีลกัษณะของความคิดความ อ่าน หรือการกระทาํทÉีไม่เป็นอย่างทีÉท่านคาดหวงัเพÉือการปรบัตวัเขา้หากนัไดม้ากยิÉงขึนÊ สิÉงทีชอบและไม่ชอบของคนแต่ละสไÉตล์ มาถึงตรงนีผÊมอยากจะใหท้ ่านไดเ้ขา้ใจเพิÉมขึนÊว่าคนในแต่ละสไตลช์อบหรือไม่ชอบอะไรบา้ง เพืÉอทีÉ ท่านจะไดร้ะมดัระวงัในการปรบัตวักบัคนรอบขา้งไม่ว่าจะเป็นหวัหนา้งาน เพืÉอนรว่มงาน หรือแมแ้ต่คนทÉี บา้นของท่านไดด้ียิÉงขึนÊเราลองมาดกูนันะครบัว่ามีอะไรบา้ง สิÉงทีคÉนสไตล์D ชอบ คือการทาํงานอย่างอิสระ เมืÉอมอบหมายงานใหแ้ลว้ตอ้งใหอ้าํนาจตัดสินใจเขาไปดว้ยนะครบั เพราะเขาเป็นคนทีÉม่งุผลลพัธ์(Result Oriented) สงูชอบงานทÉีทา้ทายความกา้วหนา้ในหนา้ทÉี/ตาํแหน่ง ชอบเสีÉยงกลา้ตดัสินใจงานหรอืกิจกรรมทีÉจะตอ้งการคนเขา้ไปลยุแกป้ัญหาหรือจดัการใหเ้สรจ็ในภารกิจ เฉพาะทีÉตอ้งการใหเ้ห็นผลเร็ว หรอืมีการแข่งขนัสงูและมีเปา้หมาย หรือตวัชีวÊดัผลสาํเร็จทÉีชดัเจน สิÉงทีคÉนสไตล์D ไม่ชอบ การทีÉเขา้ไปควบคมุการทาํงานอย่างใกลช้ิด เพราะเขาจะรูส้กึว่าไม่ไดร้บัความไวว้างใจการ ตดัสินใจทÉีชกัชา้ (ก็เพราะเขาเป็นคนใจรอ้นนีÉครบั)การมีขนตอนที ัÊ Éมากหรอืมีงานจกุจิกหยมุหยิม หรือการ มอบหมายงานใหไ้ปแลว้แต่ไม่ใหอ้าํนาจตดัสินใจจะทาํ ใหเ้ขาอึดอดัตลอดจนการเขา้ไปแทรกแซงสิÉงทีÉเขา ไดต้ดัสินใจสÉงัการ หรือดาํเนินการไปแลว้ถกูสÉงัใหแ้กไ้ขโดยไม่มีเหตผลทีุÉสมควร จะทาํ ใหเ้ขารูส้กึหงุดหงิด และอึดอดัมากขึนÊ


Page 33 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ สิÉงทีคÉนสไตล์I ชอบ คนสไตล์IจะชอบงานทีÉตอ้งพบปะติดต่อผูค้น งานสมาคม งานสงัสรรค์เจ๊าะแจ๊ะการเขา้ไปให้ กาํลงัใจกบัผูค้น การเขา้ร่วมประสานงานระดมความคิด งานแปลก ๆใหม่ๆงานทีÉตอ้งทาํกนัเป็นกลมุ่เพÉอื ช่วยกนัแกไ้ขปัญหา ตลอดจนงานทÉีใชค้วามคิดสรา้งสรรคใ์หม่ๆ สิÉงทีคÉนสไตล์I ไม่ชอบ งานทีÉเป็นงานประจาํ โดยเฉพาะงานทÉีไม่ค่อยไดพ้บปะกบัผคู้น เพราะเขาจะรูส้ึกว่ามนัจาํเจน่าเบืÉอ หน่าย หรือมกีฎระเบียบมากๆ หรืองานทีÉไม่คาํนึงถึงความรูส้กึของผคู้น งานทÉีตอ้งเขา้ไปแกปัญหาการ ้ ทะเลาะเบาะแวง้หรือตอ้งเขา้ไปยุ่งเกีÉยวกับความขดัแยง้ของผูค้น ก็เขาไม่ชอบทาํอะไรทÉีขดัใจคนอÉืนนีÉครบั สิÉงทีคÉนสไตล์S ชอบ คนสไตล์S จะชอบงานทีÉเป็นขันÊเป็นตอนชดัเจน ไม่ชอบงานด่วน ไม่ตอ้งเร่งรีบนกัเพราะเขาไม่ชอบ เสีÉยงนีÉครบัเรียกว่าทาํชา้ๆแต่ชวัร์(Slow but sure) เขาจะเป็นผรู้ว่มทีมงานทีÉดีไม่ละเมิดกฏเกณฑข์อง กลมุ่เป็นผูร้บั ฟังทÉีดีดว้ยท่าทีทีÉน่มุนวลดว้ยบรรยากาศมิตรภาพ ใหค้วามสาํคญักบัสมัพนัธภาพทีÉดีซึÉงกนั และกนัจึงไมช่อบทาํอะไรทีÉจะทาํ ใหค้นมองว่าเขาเป็นคนไม่ดีชอบอย่อูย่างสงบไม่รุกรานใคร ชอบอยู่ เบือÊงหลงัเก็บเนือเก็บตัว ชอบทีÊ Éจะใหม้ีเวลาในการทาํงานหรือมเีวลาในการตดัสินใจอย่างรอบคอบ ชอบทาํ อะไรทีÉไม่เสีÉยงและมหีลกัเกณฑห์รือมขีนตอนแบบแผนที ัÊ Éชดัเจน สิÉงทีคÉนสไตล์S ไม่ชอบ เขาจะไม่ชอบบรรยากาศของความขดัแยง้การบีบบงัคบัใหต้ดัสินใจแบบทนัทีทนัใด เพราะเขาจะ รูส้ึกว่าทาํ ไมไม่คิดใหด้ีใหร้อบคอบเสียก่อน ไม่ชอบการลดัขนัÊตอน หรือการมีกฎเกณฑท์ีÉคลมุเครือจะทาํ ให้ เขาตัดสินใจไม่ถกูกเ็ขาจาํเป็นตอ้งตดัสินใจตามกฎเกณฑท์ีÉวางไวช้ดัเจนนÉีครบัเพราะเดÌียวทาํอะไรผิด หลกัเกณฑเ์กิดปัญหาขึนÊมารบัผิดชอบไม่ไหวเหมือนกนั ไม่ชอบเจอคนเยอะๆ หรือตอ้งพดูกบัคนจาํนวน มากๆ เพราะคนสไตล์S เป็นสไตลช์อบอย่เูบือÊงหลงัมากกว่าอย่เูบือÊงหนา้ ในขณะเดียวกนัเขาก็ไม่ชอบความขดัแยง้ในทีมงาน การไม่ยอมรบัฟังซึÉงกนัและกนัเมÉือเขาพดู (กรณีทีÉเขาเป็นหวัหนา้งาน) ท่านก็ตอ้งฟัง เพราะเขาไม่ชอบการเปลีÉยนแปลง (แมว้่าปากเขาจะบอกว่าชอบ การเปลีÉยนแปลงก็ตาม)


Page 34 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ สิÉงทีคÉนสไตล์C ชอบ คนสไตล์C เขาจะชอบความเป็นระเบียบเรยีบรอ้ย ความถูกตอ้งของผมู้ลูทีÉเชืÉอถือและพิสจูนไ์ด้ก็ เขาเป็นคนทีÉชอบขอ้มลูทÉีผ่านการวิเคราะหม์าแลว้นÉีครบัชอบขอ้มลูเอกสารแนบเยอะๆ รบัรองว่าเขาจะอ่าน ทกุหนา้ทุกบรรทดัผิดตรงไหนจะหาทÉีผิดมาใหด้จูนได้เขาจึงเป็นคนทÉีมีมาตรฐานในการทาํงานสงูแมแ้ต่ การจดัวางอุปกรณข์า้วของทÉีบ้านก็ตามตอ้งเป็นระเบียบเรียบรอ้ยดว้ยนะครบัเป็นคนทÉีเนน้งานมาก่อน เรืÉองส่วนตวัมีความละเอียดถีÉถว้นสงูหรือทÉีเรียกกนัว่าเป็นพวกตอ้งการความครบถว้นสมบูรณส์งูมาก (Perfectionism) หากเขาพบว่ามีใครทีÉใหข้อ้มลูทÉีไม่จรงิหรือไม่ถกูตอ้งแลว้ละ่ก็เขาจะจาํ ไวน้านเลยครบั สิÉงทีคÉนสไตล์C ไม่ชอบ นัÉนก็คือความไม่เป็นระเบียบเรียบรอ้ยไม่มีขอ้มลูรายละเอียดรองรบัเพราะจะทาํ ใหเ้ขาตดัสินใจไม่ ถกูเนÉืองจากเป็นสไตลท์Éีรบั ฟังหรือคน้หาขอ้เท็จจรงิจากพยานหลกัฐาน(หรือพยานวตัถุ)มากกว่าพยาน บคุคล ดงันันÊเขาจะอึดอดัใจหากไม่มีขอ้มลูทีÉเพียงพอในขณะเดียวกนัหากมีใครวิจารณต์วัเขาหรือผลงาน ของเขาว่าไม่ดีควรปรบั ปรุงแลว้ล่ะก็เขาจะหงดุหงิดมากขึนÊเขาไม่ชอบใหใ้ครมาเร่งรดังานของเขาจนไม่มี เวลาตรวจสอบความถูกตอ้งใหแ้น่ใจเสียก่อน เพราะเขากลวัว่างานจะบกพรอ่งเป็นจุดทีÉทาํ ใหถู้ก วิพากษ์วิจารณห์รอืถูกตาํหนิได้อีกประการหนึÉงคือเขาไม่ชอบเขา้สงัคม ไม่ชอบทีÉจะตอ้งเป็นจุดเด่นในทÉี สาธารณะ เพราะชอบเป็นคนเบือÊงหลงัมากกว่าเบือÊงหนา้คลา้ยๆ พวกสไตล์S ครบั วิธีในการติดต่อกับคนแต่ละสไตล์ เมืÉอท่านไดท้ราบถึงสิÉงทีÉคนในแต่ละสไตลช์อบ หรือไม่ชอบมาแลว้ (หากจาํ ไม่ไดต้อ้งไปยอ้นอ่านใน ตอนทีÉแลว้) ผมจึงขอพดูต่อถึงวิธีการติดต่อคนในแต่ละสไตลโ์ดยสรุปดงันีคÊรบั หากทา่นต้องติดต่อกับคนสไตล์D :ท่านควรพดูเขา้ประเด็นตรงๆ ไมต่อ้งออ้มคอ้มชกัแม่นาทั ํÊง Ê 5 สายมาใหค้นสไตล์D ราํคาญ เพราะเขาไม่ชอบประเภทนาํÊท่วมท่งุขอแต่เนือ ๆ นํÊาÊไม่ตอ้ง เพราะคน สไตล์D ชอบพดูหรือทาํอะไรทีÉชดัเจนตรงไปตรงมาโดยเฉพาะเรืÉองทีÉเป็นเรืÉองของงาน ซึÉงท่านสามารถพดู เขา้เป้าหมายและไดผ้ลลพัธเ์ลยทนัทีออ้ ! หากหวัหนา้ของท่านเป็นคนสไตล์D ท่านก็อย่าลืมวิธีการตอบ คาํถามดว้ยความรวดเรว็ชดัเจน ว่องไว ตดัสินใจไดอ้ย่างรวดเรว็ดว้ยนะครบัมวัแต่ราํวง ขÉีมา้เลียบค่าย อา Êํ ๆ อึงÊๆ คิดชา้ๆ ล่ะก็โดยไล่ออกมาจากหอ้งหวัหนา้ไม่รูด้ว้ยนะครบั


Page 35 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ หากทา่นต้องติดต่อกับคนสไตล์I : ท่านจะตอ้งมกีารพดูนาํหว่านลอ้มชกัแม่นาทั ํÊงÊหา้เสียก่อน ไม่ควรนาํเรืÉองเครียด ๆเขาไปคยุเสียตงแต่เริ ัÊ Éมตน้ โดยอาจจะคยุในเรืÉองส่วนตวัเรÉืองทัÉว ๆ ไป ลม ฟ้า อากาศ เรืÉองหนงัละคร เรืÉองครอบครวัสพัเพเหระทÉวไป ั เสียก่อนทีÉจะม่งุเขา้หาประเด็นทÉีตอ้งการ เพÉอืทาํ ให้ เขามีการปรบัอารมณใ์นเบือÊงตน้เสียก่อนโดยเฉพาะเรืÉองทีÉเกีÉยวกบัความสนกุสนาน รืÉนเริง สงัคม การ สมาคมล่ะก็เขาจะชอบเป็นพิเศษ แลว้เรืÉองงานค่อยๆ แทรกเขา้ไปทีหลงัแบบเนียน ๆเพราะคนสไตล์I เขา เนน้มนษุยสมัพนัธเ์ป็นหลกัครบั หากทา่นต้องติดต่อกับคนสไตล์S :เนืÉองจากคนสไตลน์ีไÊม่ชอบถกูกดดนัเพราะเขาเป็นคนทÉี ชอบใชช้ีวิตทÉีอย่ใูนกรอบ ในหลกัเกณฑแ์บบเรียบ ๆ ไม่หวือหวา ค่อนเป็นค่อยไป ไม่ชอบอะไรทีÉเร่งรีบเรง่ ด่วน เพราะเขามองว่าความเรง่รีบอาจทาํ ใหเ้กิดปัญหาขึนÊในภายหลงัได้ดงันนัÊจึงตอ้งคยุแบบเรืÉอยๆแลว้ ใหเ้ขาไดม้ีเวลาคิดเป็นลาํดบัๆไปก่อน อย่าเพิÉงไปรีบกดดนัว่าจะตอ้งรีบตดัสินใจ หรือตอ้งรีบเซ็นชืÉอในงาน ด่วนเดีÌยวนี เดีÊ Ìยวไม่ทนัฯลฯ เหลา่นีจÊะทาํ ใหเ้ขาอึดอดัท่านควรนดัหมายเขาไวล้่วงหนา้ทาํตามขนตอนัÊ และกฎระเบียบเป็นหลกัถา้ทาํ ไดอ้ย่างนีคนพวก Ê S เขาจะแฮปปีÊกบัท่านมากเลยแหละครบั หากทา่นต้องติดต่อกับคนสไตล์C :คนสไตลน์ีจÊะคลา้ยๆกับคนสไตล์D ตรงทีÉหากท่านจะพดู กบัเขาก็จะตอ้งเขา้ประเด็นทีÉสาํคญัๆ โดยเฉพาะในเรืÉองงานเป็นหลกัเลยว่าตอ้งการอะไร ผลสาํเรจ็เป็น อย่างไร แต่อย่าลืมเพิÉมเติมเรืÉองของขอ้มลู รายละเอียดเยอะๆ หน่อย (เพราะคนพวก C จะมีความละเอียด มากกว่าพวก D ) ตลอดจนวิเคราะหข์อ้ดี-ขอ้เสียอย่างละเอียดใหเ้ขาดว้ยเป็นเป็นสิÉงสาํคญัสาํหรบัคน สไตล์C แลว้ปลอ่ยใหเ้ขาไดต้ดัสินใจจากขอ้มลูหลกัฐานทÉีมี ส่วนคาํพดูทÉีว่า “ผมคิดว่า....”“ผมรูส้ึกว่า....” หรือ “ดิฉันคิดว่า.....” นันÊคนสไตล์C จะไม่ค่อยชอบใจนกัเพราะเขาไม่ชอบการใชค้วามรูส้กึเขา้มาร่วมใน การวิเคราะหห์รือตดัสินใจแต่เขาตอ้งการคาํว่า “จากขอ้มลู (หรือหลกัฐาน)ทÉีมีอย่ทูาํ ใหเ้ชÉือไดว้่า.......” มากกว่าครบั เรามองตัวเอง กบัคนอืÉนมองเรา คนเราบางครังÊอาจจะมองจากมมุของตวัเราออกไป โดยลืมไปว่ายงัมีอกีมมุหนึÉงทีÉถกูมองโดยคน อืÉนรอบขา้งดว้ยเช่นกนัเปรียบไปก็เหมือนกบัการทีÉถา้เราลืมส่องกระจกเราก็อาจจะเขา้ขา้งตวัเองว่าตวัเรา สมบูรณเ์พียบพรอ้ม ทง ๆ ที ัÊ Éเราอาจจะมีสิว ไฝ ฝ้ากระ ฯลฯอย่ทูีÉใบหนา้โดยทÉีเราไม่รู้


Page 36 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ คราวนีเÊราลองมาดกูนันะครบัว่าในสไตลท์ งสี ัÊ Éนัน เมืÊ Éอเขามองดตูวัเองเขาคิดว่าเป็นยงัไง และเขาจะ ถกูมองโดยผูอ้Éืนอย่างไร ซึÉงเปรียบเสมือนมดีา้นสว่างแลว้ก็ย่อมจะมีดา้นมืดเป็นของค่กูนัดงันีÊ คนสไตล์D มองตัวเอง คนสไตล์D เขาจะมองตวัเขาว่าเป็นคนทÉีทาํอะไรรวดเรว็ตรงไปตรงมาชดัเจน กลา้คิดกลา้ทาํกลา้ ตดัสินใจ เขาจะมีความเชืÉอมัÉนในตวัเองสงูและคิดว่าสิÉงทีÉเขาตดัสินใจทาํ ไปนนัÊถูกตอ้งเสมอเขามองว่าเขา เป็นคนรวดเร็วและเป็นนกัแกป้ัญหาตวัฉกาจ ทีÉไหนมีปัญหาตอ้งการการจดัการแบบเด็ดขาดแลว้ละ่ก็เขา พรอ้มเสมอ คนอืÉนมองคนสไตล์D คนอืÉนรอบขา้งจะมองคนสไตล์D ว่าเป็นพวกเผด็จการ บา้อาํนาจ ดือรัÊน ไม่ค่อยจะฟังใคร หยิÊ Éง ผยองกา้วรา้ว ทาํอะไรบุ่มบ่าม ไม่คิดก่อนพดู (หรือก่อนทาํ )ขาดความละเอยีดรอบคอบ ไม่เป็นนกัวางแผน ทีÉดีเลย เอาแต่กาํลงัหรือเอาแต่อาํนาจเป็นทÉีตังÊ คนสไตล์I มองตัวเอง เขามองตวัเขาเองว่าเป็นคนทÉีเขา้ใจผูค้น เขาเป็นคนดีมีมนุษยสมัพนัธก์บัทกุ ๆ คน แครค์วามรูส้ึก คน มองเห็นคณุค่าของคน เขาเป็นคนเปิดใจยอมรบัฟังความคิดเห็นคนทกุคน เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี อย่เูสมอ พรอ้มทÉีจะเขา้อกเขา้ใจผคู้น จึงมกัจะมีอารมณท์ ีÉ “อนิ” ไปกบัเรืÉองราวของคนไดง้่าย คนอืÉนมองคนสไตล์I คนสไตล์I มกัจะถูกมองจากคนอÉืนว่าเป็นคนทีÉโลเลไม่ชดัเจน ตัดสินใจก็ไม่เด็ดขาดมวัแต่ฟังคน โนน้คนนแีÊลว้ก็หลีกเลีÉยงการตดัสินใจเพราะกลวัว่าจะไปกระทบกระเทือนใจใครเขาเขา้เป็นคนทีÉพดู มากกว่าทาํและไม่ตดัสินใจจดัการแกไ้ขปัญหาใหล้ลุ่วงทัง ๆ ทีÊ Éอย่ใูนวิสยัจะทาํ ไดก้็ไม่ยอมทาํมวัแต่กลวัว่า ถา้ทาํอะไรไปก็จะทาํ ใหค้นอÉืน ๆเขามองว่าเราไม่ดีก็เลยไม่ค่อยกลา้จะทาํอะไรขดัใจผูค้นรอบขา้ง คนสไตล์S มองตัวเอง คนสไตล์S จะมองตวัเองว่าเป็นคนทาํอะไรถูกตอ้งเสมอเพราะตนเองทาํตามขันตอน กฎÊระเบียบ ขอ้บงัคบัหรือทาํตามหลกัการหลกัเกณฑท์ุกอย่าง เขาคิดว่าสิÉงทีÉเขาทาํ ไปนนัÊโอกาสผิดพลาดนอ้ยมาก เพราะความทีÉเขาเป็นคนทาํงานตามขนตอนที ัÊ Éชดัเจน และเขาก็ยงัรบั ฟังความคิดเห็นของกลมุ่หรือทีÉประชมุ


Page 37 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ อีกดว้ยเขามองว่าการเปลีÉยนแปลงใด ๆ ก็ตามเป็นสิÉงทีÉควรจะตอ้งพิจารณาอย่างระมดัระวงัรอบคอบ เขา คิดว่าการเปลีÉยนแปลงทีÉรวดเรว็นนัÊมกัจะเกิดปัญหาตามมาเสมอดงันนวิธีที ัÊ ÉดีทีÉสุดคือทาํตามแบบอย่างทÉี เคยทาํมาจะปลอดภยัทÉีสุด คนอืÉนมองคนสไตล์S คนอืÉนจะมองคนสไตล์S ว่าเป็นคนทีÉมกัหลีกเลีÉยงความขัดแยง้หลีกเลีÉยงความเสีÉยง ไม่กลา้ ตดัสินใจอะไรทÉีอย่นูอกเหนือหลกัเกณฑ์ไมม่ ีไอเดียอะไรใหม่ๆ หรือแมแ้ต่ถา้หากลกูนอ้งมีไอเดียอะไรใหม่ ๆ มาเสนอก็จะถกูคนสไตล์S เบรคก่อนเสมอว่า “พีÉเคยทาํมาก่อนแลว้แต่ไม่เวิรค์หรอกเพราะ.......” หรือ “คณุไม่ตอ้งคิดอะไรใหม่ๆ หรอก....ทาํงานปัจจุบนัไปเรืÉอยๆใหม้นัดีก่อนเถอะ....” นานเขา้ลกูนอ้งกไ็ม่ เสนออะไรอีกเพราะคนสไตล์S จะไม่ชอบการเปลีÉยนแปลง คนสไตล์C มองตัวเอง เขาจะมองตวัเองว่าเป็นคนละเอยีดรอบคอบ งานแต่ละชินÊของเขามกีารกลÉนกรองพิจารณาอย่าง ั รอบคอบถีÉถว้นแลว้เขามองผคู้นว่าตอ้งการการควบคมุอย่างใกลช้ิดเพราะคนมีแนวโนม้จะทาํอะไร ผิดพลาดไดง้่ายไม่ค่อยจะละเอยีดรอบคอบเท่าทีÉควร เขาจึงตอ้งควบคมุลกูนอ้งอย่างใกลช้ิด เขามองตัวเอง ว่าเป็นคนทีÉมีมาตรฐานการทาํงานสงูตดัสินใจชดัเจน การตดัสินใจของเขาเป็นเรืÉองถูกตอ้งทÉีสดุ และ ผลงานของเขาเหนือกว่าคนอืÉนเสมอ คนอืÉนมองคนสไตล์C คนอืÉนจะมองคนสไตล์C ว่าเป็นพวกสมบรูณแ์บบ (Perfectionism) หรือคณุชาย(คณุหญิง) ละเอียด ลงลึกในรายละเอยีดมากจนเกินไป ไม่ไวใ้จกนัเลยเป็นคนทีÉชอบควบคมุทง ๆ ที ัÊ Éไม่จาํเป็นตอ้ง ควบคมุใกลช้ิดถึงขนาดนนัÊมคีาํถามจกุจิกมากมายในรายละเอียดเยอะแยะไปหมด ไม่มีงานทาํหรือจึงตอ้ง มาคอยดแูลการทาํงานของคนอÉืนจนอดึอดักนัไปหมด โดยเฉพาะใครก็ตามทีÉมีหวัหนา้เป็นคนสไตล์C จะอึดอดักบัการทÉีถกูสÉงัใหท้าํรายงานหรือ เปลีÉยนแปลงรูปแบบการรายงานในรายละเอียดเยอะแยะไปหมดทัง ๆ ทีÊ Éงานประจาํก็มากจนลน้ทาํแทบไม่ ทนัอยู่แลว้


Page 38 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ผมเชืÉอว่าเมืÉออ่านมาถึงตรงนีÊหวัหนา้งานจะไดข้อ้คิดจากเรืÉองของ D I S C เพืÉอนาํ ไปประยกุตใ์ช้ กบัชีวิตส่วนตวัและการทาํงานได้เพÉือใหท้ ่านไดเ้ขา้ใจถึงธรรมชาติและพืนฐานของคนทีÊ Éแตกต่างกนัไปในแต่ ละสไตล์มากยิÉงขึนÊและหาแนวทางในการปรบัตัวของท่านเพÉือการทาํงานกบัคนรอบขา้งไดด้ียิÉงขึนÊแลว้นะ ครบั.


Page 39 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ5 การสร้างทัศนคติเชิงบวกเพืÉอสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง มีคาํพดูหนึÉงคือ “Attitude is everything” จริงไหมครบั? ท่านเคยเห็นคนทีÉประสบความสาํเร็จไม่ว่าจะเป็นลูกจา้งมืออาชีพ หรือเจา้ของกจิการทีÉโด่งดงั ทังหลายเป็นคนคิดเชิงลบÊเสียเป็นส่วนใหญ่หรือเปล่าล่ะ? ในความคิดของคนนัÊนจะต้องมคีวามคดิอยู่2 แบบใหญ่ๆ อยู่เสมอคอื “บวก” กับ “ลบ” แต่คนทีÉประสบความสาํเร็จควรจะมีวิธีคิดแบบ “บวก” สัก 70-80 เปอรเ์ซ็นต์และปล่อยให้มี ความคิดแบบ “ลบ” บ้างสัก 20-30 เปอรเ์ซ็นต์ เพราะความคิดแบบลบก็ยงัมีประโยชนอ์ยู่บา้งในแง่ทีÉว่าจะทาํ ใหเ้ราไมป่ระมาท ระมดัระวงัในเรืÉอง ต่าง ๆ แต่ถา้มีความคิดแบบลบมากจนเกินไปจนบดบงัความคดิแบบบวกแลว้ล่ะก็.... จากความระมดัระวงัจะกลายเป็นความหวาดระแวงจนไม่กลา้ทาํอะไรเลยสกัอย่าง! จนกระทัÉงมคีนเปรียบเปรยว่า “ทัศนคติก็คล้ายกับยางรถยนตน์Éันแหละ ถ้ายางแบน รถยนตก์ ็จะวิÉงต่อไปไม่ได้จนกว่าเราจะเปลีÉยนยางเสียก่อน” (A bad attitude like a flat tire you can’t go anywhere until you change it) จริงไหมครบั ? แลว้จะปรบัเปลีÉยนทศันคติยงัไงใหก้บัตวัเองดีละ่ ? ผมว่าเริÉมจากอย่างนีก่อนดีไหม.... Ê 1. สาํรวจตัวเองเป็นอย่างแรกว่าตวัของเรานนัÊเป็นคนคิดบวกหรอืลบมากกว่ากนัในทุกเรืÉองทีÉเขา้มา กระทบ เชน่ลกูนอ้งโทรมาเมÉือสกัครูบ่อกว่างานทีÉท่านมอบหมายใหเ้ขาทาํมีปัญหาและคงจะทาํ ไม่ ทนัเวลาซÉงงานนี ึจÊะตอ้งนาํเสนอฝ่ายบรหิารในวนัพรุ่งนีตÊอนเชา้ณ ขณะนนัÊท่านคิดยงัไง ? 1.1.โกรธ เซ็ง ท้อ เบืÉอ ฯลฯ หรือ....


Page 40 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 1.2.หาทางแก้ปัญหาเพืÉอนําเสนองานในวันพรุ่งนีให้ได้Ê ถา้ท่านคิดแบบขอ้ 1.1เสมอทุกครังÊกบัทกุเรÉอืงแลว้ละ่ก็อย่าจมกบัอารมณเ์หลา่นีนานจนเกินไป Ê แต่ควรจะบอกกับตัวเองอย่เูสมอว่า “ทุกปัญหาตอ้งมีทางออกสิ” และคงจะตอ้งยอมรบัดว้ยนะครบั ว่าท่านเป็นคนทีÉคิดลบมากกว่าบวกซึÉงตอ้งหาวิธีปรบั ปรุงแกไ้ขทศันคติของตัวเองใหด้ีกว่านีแÊลว้ละ่ ครบั โบราณเขาถึงไดบ้อกว่า “รู้เรา..รู้เขา รบร้อยครัÊงชนะร้อยครา” ไงครบัตอ้งรูต้วัเราก่อนว่าตอนนีÊ เราเป็นคนทีÉมีทัศนคติลบหรือบวกมากกว่ากนัถา้สาํรวจตวัเองแลว้เรามกัจะเป็นคนคิดลบมากกว่าบวกเรา ก็ตอ้งหาวิธีแกไ้ขตวัเราแลว้ เปรยีบเสมือนกบัการทÉีเรายอมรบัว่าเราป่วยเจ็บไขไ้ม่สบายเราก็ควรไปหาหมอไม่ใช่ดือดึงว่าเราÊ สบายดีไม่เป็นอะไรแลว้ก็ไม่ยอมไปหาหมอเพืÉอรกัษาจนอาการเป็นมากขึนนัÊ Éนแหละครบั 2. บอกตัวเองอยู่เสมอว่าตัวเรามีความสามารถมากกว่าทีคิดไว้Éผมไม่ไดบ้อกว่าใหท้ ่านเป็นคน หลงตวัเองนะครบัแต่ในขณะเดียวกนัท่านก็ไม่ควรจะดถู ูกความสามารถของตวัเองไม่ใช่หรือครบั เพราะผมมกัจะเจอคนทีÉดถูกูความสามารถของตวัเอง คิดตาํหนิตวัเองว่าทาํ ไมเราถึงทาํงานห่วย ทาํงานไม่ไดเ้รืÉอง ผิดพลาดอยู่อย่างนีÊฯลฯ ลองคิดดสูิครบัถา้เรายงัไม่เห็นความสามารถของตวัเรา เองและยงัตาํหนิตวัเองอย่อูย่างนีเÊป็นประจาํแลว้จะใหใ้ครมาเห็นฝีมือเราก็คงไม่มีแลว้จรงิไหม ครบั ผมเชืÉอเสมอว่าทกุคนล้วนแต่มีความสามารถหรือ Competency ด้วยกันทังนัÊ Êนแหละครับ เพียงแต่วันนีเราใช้ความสามารถในตัวเราเหมาะตรงกับงานทีÊเÉรารับผิดชอบดีแลว้หรือยัง ถา้ดีอย่แูลว้เราก็จะทาํงานไดอ้ย่างดีประสบความสาํเรจ็แต่ถา้เรายงัใชค้วามสามารถในตวัเราไม่ เหมาะกบังานทÉเีรารบัผิดชอบ เราก็ตอ้งมาคน้หาดวู่าแลว้งานอะไรละ่ ถึงจะตรงกับความสามารถทีÉมีอยู่จะไดส้รา้งผลงานออกมา ไดอ้ย่างเต็มทÉี 3. มองหาข้อดีในตัวคนอืÉนบ้าง เมืÉอมีปัญหากบัใครไม่ว่าจะเป็นลกูนอ้ง เพÉือนรว่มงาน หรือหัวหนา้ ก็ตาม หลายคนก็มกัจะมองแต่เรÉอืงไม่ดีของเขาเป็นหลกัจริงไหมครบัถา้ลองนัÉงนิÉง ๆ แลว้ลองหา ขอ้ดีของคนทÉีมีปัญหาเหล่านันÊดวู่าเขายงัมีขอ้ดีอะไรอย่บูา้ง ผมเนน้คาํว่า “ขอ้ดี” ของเขานะครบั ไม่ใช่คิดไปคิดมาก็ไม่มีขอ้ดีสกัอย่างซึÉงผมเชืÉอว่าคนทกุคนไม่มีใครทีÉมีแต่ขอ้ดีเป็นเทพไปซะทกุ เรืÉองจนไมม่ ีขอ้เสียบา้งเลย หรือมีแต่ขอ้เสียเลวรา้ยไปหมดจนไมเ่หลือขอ้ดีไวบ้า้งเลยจรงิไหมครบั


Page 41 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ เมืÉอหาขอ้ดีของเขาไดแ้ลว้ก็ลองดวู่าเราจะใชข้อ้ดีของคนทีÉมีปัญหากบัเรามาแกป้ัญหาดว้ยกนัยงัไง ใหด้ีทÉสีดุซÉงในเรื ึÉองนีกÊ็ตอ้งอาศยัการสืÉอสารพดูจาทาํความเขา้ใจกนับ่อยๆ ไม่ไดห้มายความว่าพดูกนัครงัÊ สองครังÊแลว้จะเขา้ใจกนัทนัที แต่ตอ้งยึดหลกัทีÉว่า “ยิÉงสืÉอสารกนัมากขึน..ยิÊ Éงเขา้ใจกนัมากขึนÊ ” ครบั 4. ออกกาํลังกายสมÉาเสมอํเรามกัจะพบว่าคนทÉีออกกาํลงักายสมÉาํเสมอมกัจะมีความอดทนต่อ ความเครยีด แรงกดดัน หรือปัญหาไดด้ีกว่าคนทีÉไม่ค่อยออกกาํลงักายซÉงึก็จะมีผลต่อสขุภาพจิต และทศันคติทÉีดีขึนของคน ๆ นัÊนÊดว้ยครบั 5. หาเวลาสังสรรคก์ับเพืÉอนร่วมงาน พบปะเพืÉอนฝูงสมัยเรียน หรือมีกิจกรรมสังคมอืÉน ๆ นอกเหนือจากงานบ้าง เพืÉอจะไดท้าํ ใหผ้่อนคลายจากความเครยีดและทาํ ใหท้ ัศนคติของเราดีขึนÊ 6. ปฏิบัติศาสนกิจตามหลกัศาสนาทีท่านนับถือÉจะมีส่วนทาํ ใหต้วัของท่านเองเยือกเย็นลงและมี ทศันคติต่อสิÉงรอบขา้งทÉดีขึ ีนÊ นอกจากนีผมมีข้อคิดเกีÊ Éยวกับทัศนคติแบบทีเรียกว่า “ É Can do attitude” ดังนีÊ 1. เราสามารถทาํทกุสิÉงได้แมว้่ามนัอาจจะไม่เสรจ็ในครงเดียว ัÊ 2. เราสามารถทาํทกุสิÉงได้ถา้มนัสาํคญัพอทÉีเราคิดจะทาํ 3. เราสามารถทาํทกุเรืÉองได้แมว้่ามนัอาจจะไม่ไดด้ีทีÉสดุในทุกๆเรืÉอง 4. เราสามารถทาํทกุสิÉงได้แมว้่าสิÉงนันÊอาจจะมีขอ้จาํกัดอยู่บา้ง 5. เราสามารถทาํทกุสิÉงได้แต่เราอาจจะตอ้งการคนช่วยเหลือบา้งก็ไม่ไดห้มายความว่าเราจะทาํ ไม่ได้ 6. ทศันคติเชิงบวกจะเป็นเมล็ดพนัธุเ์ชิงบวกทีÉจะทาํ ให้ผลิดอกออกผลเป็นบวกต่อไป 7. ถา้เราไม่ชอบสิÉงใด เราก็เปลีÉยนสิÉงนันÊได้แต่ถา้ไม่สามารถเปลีÉยนมนัไดก้็เปลีÉยนทีÉทศันคติของ ตวัเราต่อสิÉงนันแทน อย่าเอาแต่บ่นหรือครํÊ Éาครวญว่าฉนัทาํ ไม่ได้ 8. การเปลีÉยนแปลงทีÉสาํคญัทÉีสุดในตัวเรา คือการเปลีÉยนทัศนคติทศันคติทÉีถูกตอ้งจะทาํ ใหเ้กิด การกระทาํทÉีถกูตอ้ง และจะมีผลลพัธท์Éีถกูตอ้งตามมาเสมอ 9. เราจะมีทกุขห์รือสขุก็ขึนÊอยู่กบัทศันคติของตวัเราเอง คนอืÉนไม่เกีÉยว 10. นําÊเต็มแกว้หรือครงÉึแกว้จะมีมากหรือนอ้ยก็ขึนÊกบัทศันคติของเราว่าจะเป็นยงัไงกบันาในแก้ ํÊว นันÊ 11. ทกุปัญหามีทางออกเสมอ คนทีÉมีทศันคติดีถึงจะหาทางออกเจอ 12. ทศันคติเชิงบวกไม่ใช่เรืÉองของโชคชะตาฟ้าลิขิต และมนัจะกลายเป็นวิถีชีวิตของคน ๆ นันในÊ ทีÉสดุ 13. คนทีÉประสบความสาํเรจ็กบัคนทÉีลม้เหลวจะต่างกนัตรง “ทศันคติ”


Page 42 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 14. คนทีÉคิดบวกจะเห็นสิÉงทีÉคนอืÉนมองไม่เห็น รูส้กในสิ ึÉงทีÉคนอืÉนไม่รูส้กึและจะทาํ ในสิÉงทีÉคนอืÉนคิด ว่าเป็นไปไม่ไดใ้หส้าํเรจ็ไดอ้ยู่เสมอ 15. ชีวิตของใครจะไปไดไ้กลแค่ไหน ก็ขึนÊอยู่กบัทัศนคติของคน ๆ นนัÊ ทีÉผมบอกมาขา้งตน้นีก็เป็นเพียงÊขอ้คิดและแนวทางง่าย ๆในการสรา้งทศันคติเชิงบวกใหก้บัตวัเรา เอง ซึÉงอนัทÉีจรงิแลว้เรÉอืงของวิธีการสรา้งทศันคติเชิงบวกใหก้บัตวัเรานนัÊยงัมอีีกมากมายถา้เอาเฉพาะเรืÉอง นีมาเขียนแค่เรืÊ Éองเดียวก็คงไม่ตอ้งพดูถึงเรืÉองอืÉนกนัพอดี ถา้ท่านอยากจะหาวิธีการหรือ How to สรา้งทศันคติเชิงบวกเพิÉมเติมก็ไปหาอา่นไดต้ามรา้น หนงัสือทÉมีีอย่มูากมาย หรือถา้ไม่อยากจะเสียตงัคก์็แค่พิมพค์าํว่า “วิธีสรา้งทศันคติเชิงบวก” ลงในกเูกิล Ê เท่านันÊแหละครบัจะมีเรืÉองราวใหอ้่านเป็นลา้นเว็บเลยทีเดียว เรืÉองของเรืÉองก็อยากจะใหห้วัหนา้งานทุกท่านเห็นเห็นความสาํคญัของการคิดบวกเพืÉอสรา้ง กาํลงัใจหก้บัตวัเราเองในการแกป้ัญหาและผ่านพน้อปุสรรคต่างๆไปใหไ้ด้ เพราะถา้หวัหนา้งานมีทศันคติเชิงบวกมากกว่าลบ ก็จะทาํ ใหเ้กิดแรงจงูใจในตวัเองทีÉจะฝ่าฟัน ปัญหานาํพาทีมงานเดินไปขา้งหนา้ได้และยงัจะทาํ ใหล้กูนอ้งเกิดความเชืÉอมัÉนและเกิดแรงจงูใจฮึกเหิมทีÉจะ เดินไปขา้งหนา้ดว้ยกนั แต่ถ้าหัวหน้างานหมดกําลังใจขาดแรงจูงใจในตัวเองแล้วจะทาํ ให้ลูกน้องมัÉนใจและมี แรงจูงใจได้ยังไงล่ะครับ มาถึงตรงนีผÊมคงตอ้งกลบัมาถามท่านอกีครงว่า.... ัÊ “ตอนนีเÊรามทีัศนคติเชิงบวกหรือลบมากกว่ากัน ?” ถา้ใครตอบว่า “ยงั”ก็แนะนาํ ใหก้ลบัไปอ่านบททÉี5 ตังÊแต่ตน้กลบัลงมาอีกครงหนึ ัÊ Éงครบั সহ঺঻


Page 43 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั


Page 44 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ6 หวัหน้างานกับ EQ EQ(Emotional Quotient) หรือแปลง่ายๆว่าการควบคมุอารมณ์ เรืÉองนีเป็นเรืÊ Éองแรก ๆ ทีÉเราจาํเป็นจะตอ้งคยุกนัในเรืÉองของการเป็นหวัหนา้งานหรือการเป็นผนู้าํคน เพราะเรามกัจะพบเจอหวัหนา้งานทีÉเก่งงาน มีความรอบรูเ้ขา้ใจงาน มีฝีมือ มีความสามารถ แต่มีปัญหาในเรืÉองของการควบคุมอารมณน์ ่ะสิครับ !! หรือพดูง่ายๆว่าหวัหนา้งานทÉีมีปัญหาดา้น EQ ทีÉไม่ดีก็จะทาํ ใหล้กูนอ้งเอือมระอา ไม่กลา้เขา้ใกล้ เพราะไมรู่ว้่าวนันีพีÊ Éเขาจะมาอารมณไ์หน จะมีพายฝุนฟ้าคะนอง ฟ้ารอ้งฟ้าผ่าลงมาทีÉเราหรือเปล่า หรือตอนพีÉเขาอารมณด์ีก็ดีใจหาย บทจะอารมณร์า้ยของขึนÊก็เหมือนกบั มารเข้าสิง เลยดเูหมือนกึÉง เทพกึÉงมารยงัไงก็ไม่รู้ อย่างงีลÊกูนอ้งก็จะทาํงานกบัหวัหนา้ดว้ยความรูส้ึกเหมือนดหูนงัสยองขวญัสÉนั ประสาทอย่ทู ุกวนั นัÉนแหละครบัเพราะไม่รูว้่าวนัไหน เวลาไหนจะมีอะไรโผลอ่อกมาทาํ ใหเ้ราตกใจประสาทเสียบา้ง ตอ้ง หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา บางท่านอ่านมาถึงตรงนีอÊาจจะถามผมในใจว่า “มีด้วยเหรอหวัหน้าทีเป็ นอย่างที ÉผมบอกÉ มาเนีÉยะ?” ถา้ท่านมีคาํถามอย่างนีÊผมก็ขอแสดงความยินดีดว้ยว่าท่านคงทาํบุญมาดีก็เลยไดเจอแต่สิ ้ÉงทีÉดี ๆ มาโดยตลอด แลว้ก็ไดพ้บแต่หวัหนา้ทÉีดี ๆ มาโดยตลอด แต่ผมเชืÉอว่ามีคนอีกไม่น้อยจะบอกว่าทีผมเล่าเรืÉ Éอง EQ ของหัวหน้างานทีมีปัญหาเนีÉ Éยะ ยังน้อยไป ยังมแีย่กว่านีได้อีกÊเยอะ.... จริงไหมครับ ? การเป็นหวัหนา้งานทÉีมี EQ ทีÉดีไม่ไดห้มายความว่าท่านจะตอ้งเป็นหวัหนา้งานทีÉคอยตามใจ ลกูนอ้ง ไม่ว่ากล่าวตกัเตือนลกูนอ้งทÉีทาํความผิดในเรืÉองต่าง ๆยงัไม่พอยงัปล่อยใหล้กูนอ้งทีÉทาํความผิด


Page 45 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ รา้ยแรงเช่น เล่นหวยกันอย่างโจง่แจง้ในทีÉทาํงานไดแ้ทงหวยกนัครกึครืนทัÊง ๆ ทีÊ Éหวัหนา้งานรูแ้ต่ก็ทาํเอาหไูป นาเอาตาไปไร่หรือหลบัตาครงÉึนึงทาํเป็นมองไม่เห็น แลว้คิดว่าทาํอย่างนีแÊลว้ลกูนอ้งจะรกัจะชอบ ขอบอกว่าหวัหน้างานทีมีพฤติกรรมเยีÉ Éยงนีกําลังคิดผิดครับ Ê !! เพราะลกูนอ้งทÉีดีไม่ไดท้าํตวัสาํมะเลเทเมาทÉีเป็นคนสว่นใหญ่เขาก็จะมองหวัหนา้งานดว้ยสายตา ไม่เชืÉอมัÉนไปศรทัธา และเอาไปบอกต่อๆกนัเป็นทาํนองว่าหวัหนา้แหย..ไม่กลา้จดัการลกูนอ้งทีÉทาํผิด กฎระเบียบของบริษัท หรือเรืÉองทีÉบอกต่ออาจจะกลายเป็นว่าหวัหนา้ก็ร่วมเป็นหวยหรือเป็นเจา้มือหวยรายใหญ่ตวัจรงิ เลยก็เป็นไปได้! ดงันนัÊหวัหนา้งานทÉมี ี EQ ทีÉดีถึงไมใ่ช่หวัหนา้ประเภททÉีตามใจลกูนอ้งไปทุกเรืÉองทัง ๆ ทีÊ Éลกูนอ้งทาํ ไม่ถกูตอ้ง แล้วถ้าอย่างงัÊนหัวหน้างานทีมี É EQ ทีดีควรเป็ นยังไงล่ะ É ? ผมขอสรุปอย่างนีคÊรบั 1. เข้าใจอารมณข์องตัวเองและคนอืÉนอยู่เสมอ (ถา้ทางพระเขาอาจจะเรียกว่าตอ้งมี“สติ” รู้ อารมณต์วัเองว่าขณะนตอนนี ีÊอÊารมณเ์ราเป็นยงัไงอารมณเ์ฉยๆอารมณโ์กรธอารมณเ์ศรา้ สาํหรบัการเขา้ใจอารมณค์นอÉนืก็ทาํนองเดียวกนัฯลฯ) เพราะถา้เรามีสติรบัรูเ้ขา้ใจอารมณข์อง ตวัเองและคนอÉืนอยู่ตลอดแลว้เราก็จะสามารถโตต้อบหรอืแสดงพฤติกรรมคาํพดูคาํจาออกมาได้ อย่างเหมาะสมกับกาละเทศะครบั 2. ควบคมุอารมณต์ ัวเองได้ดีอนันีเป็นเรืÊ ÉองสาํคญัอีกเรืÉองหนึÉงนัÉนคือเรารบัรูอ้ารมณต์วัเองแลว้ว่า ณ ปัจจบุนัเรามีอารมณไ์หนอย่กู็จริงถา้เป็นอารมณด์ีปกติทÉวัไปไมม่ ีปัญหาหรอกครบัแต่เมืÉอไหร่มี อารมณท์Éไีม่ปกติเช่น อารมณโ์กรธ, เซ็ง, ทอ้ถอยเบืÉอหน่าย, เสียใจฯลฯ เราก็จะตอ้งควบคมุ อารมณท์Éไม่ปกติเหล่านี ี ไÊด้ ซึÉงเรืÉองนีเป็นเรืÊ Éองยากตอ้งอาศยัการฝึกฝนและระยะเวลาในการควบคมุอารมณต์ ัวเอง ตราบใดทีÉ ยงัไม่ไดบ้รรลพุระอรหนัตก์็คงไมง่ ่ายนกัหรอกครบัแต่ทุกอย่างอยู่ทีÉการฝึกฝน เช่น ถา้เดิมหวัหนา้งานเคย เป็นคนทีÉปรีดËแตกง่ายเต็มรอ้ยเวลาโกรธ เมืÉอรูอ้ย่างงีแÊลว้ถา้ตอ้งการฝึกฝนการควบคมุอารมณใ์หล้ดความรา้ยลงจากรอ้ยใหเ้หลือสกัหกเจ็ด สิบ โบราณก็ใหน้บัหนึÉงถึงสิบ หรือถึงรอ้ยเพÉือใหอ้ารมณม์นัเย็นลงทาํนองนีแÊหละครบั


Page 46 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ หรือใครจะไปใชว้ิธีทางฝึกนัÉงสมาธิกาํหนดจิต ฝึกสติซึÉงก็มอีย่มูากมายหลายวิธีผมคงไม่เอามาลง รายละเอียดไม่งันเดีÊ Ìยวจะกลายเป็นตาํราฝึกสมาธิไปก็ว่ากนัไปตามวิธีการทีÉแต่ละคนเห็นว่าเหมาะกบั ตวัเองก็แลว้กนันะครบั แต่หลกัก็คือหวัหนา้งานทÉีดีควรจะตอ้งมี“สติ” รบัรูแ้ละควบคมุอารมณต์วัเองใหไ้ดด้ีขึนเรืÊ Éอย ๆ สว่นวิธีการไปหากนัมานะครบั 3. มีความละเอียดอ่อน และไวต่อความรู้สึกนึกคิดของคนอืÉน ซึÉงปกติมนุษยจ์ะมีการสืÉอสารกนั เป็นชีวิตประจาํวนัอยู่แลว คราวนี ้ เมืÊ Éอท่านพดูคุยกบัใครก็ตามท่านสามารถจับความรูส้กึของอีก ฝ่ายไดอ้ย่างถกูตอ้งรวดเร็วแค่ไหนล่ะครบั บางคนคยุกนัตงัÊนานยงัไม่ไม่รูเ้ลยว่าอีกฝ่ายเขากาํลงัมีอารมณไ์หนอยู่อย่างงีกÊ็ลาํบากหน่อยนะ ครบัดงันนัÊถา้มคีวามละเอยีดอ่อนและสามารถจับรบัรูอ้ารมณข์องอกีฝ่ายไดถ้กูตอ้งรวดเรว็ท่านก็จะ สามารถพดูจาโนม้นา้ว,แสดงความเห็นใจ,ชมเชย หรือสนองตอบอารมณข์องอีกฝ่ายไดอ้ย่างเหมาะสม ซึÉงทังÊหมดอย่ทูÉีทกัษะการรูจ้ักรบัฟังเป็นหลกัเลยนะครบั ถา้ใครใจรอ้นไม่ค่อยจะยอมฟังคนอÉืนตอ้งใจเย็นลงและเปิดใจอดทนรบั ฟังอีกฝ่ายหนึÉงใหม้ากขึนÊ ครบั 4. สามารถปรับตัวใหร้ับกับทุกปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์มีความมัÉนคงไม่ออ่นไหว จติตกง่ายๆ ซึÉงเรืÉองเหล่านีมีกลอนบทหนึÊ Éงของหลวงวิจิตรวาทการว่า “เป็ นการง่าย ยิมได้ ไม่ต้องฝื นÊ เหมือนชีพชืÉน เหมือนบรรเลง เพลงสวรรค์ แต่คนทีÉ ควรชม นิยมกัน ต้องใจมัÉน ยิมได้ เมืÊ Éอภัยมา” เป็นยงัไงครบัอ่านบทกลอนง่ายๆ นีแÊลว้ก็แทบไม่ตอ้งอธิบายอะไรใหม้ากเลยนะครบั นีÉแหละครบัลกัษณะของคน EQ ดีทีÉพรอ้มรบัและสกู้บัทุกปัญหา 5. คนรอบข้างยอมรับว่าเราเป็นคนมีมนุษยสัมพันธท์ ีดี เข้าคนคนอืÉ Éนได้ง่าย ในขอ้นีเราไม่Ê สามารถจะพดูอวดตวัเองไดเ้ลยนะครบัตอ้งใหค้นอืÉนรอบขา้งเขาเป็นคนพดูมนัถึงจะน่าเชÉือถือ ผมเคยเจอหวัหนา้บางคนชอบพดูอวดตวัเองกบัคนอÉืนในงานเลียÊง, ในการประชมุหรือในการ ทาํงานว่า “ผมเป็นคนมนษุยสมัพนัธด์ีมีแต่คนอยากเขา้มาคยุกบัผม....ฯลฯ”


Page 47 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ เมืÉอไดย้ินแลว้ผมก็ไดแ้ต่ยิม ๆ เพราะเรืÊ Éองอย่างนีตÊอ้งใหค้นอÉืนเขาพดูถึงเรามนัถึงจะน่ายอมรบั มากกว่าจรงิไหมครบั ทาํนองเดียวกบั คนทีÉชอบพดูอวดตวัเองว่าเป็นคนซืÉอสตัยส์จุรติหรืออวดตวัเองว่าเป็นคนกลา้ ตดัสินใจนัÉนแหละครบั ป่วยการทÉีจะไปพดูยกย่องตวัเองซÉงึจะทาํ ใหค้นฟังเขารูส้กึไม่เชÉือถืออีกต่างหาก เพราะถา้คน ๆ นนมีความซื ัÊ Éอสตัยส์จุริตหรือมีความกลา้ตดัสินใจจรงิเขาก็จะมีพฤติกรรมทÉีแสดง ออกมาจากตวัตนของเขาจนมีผลเป็นทีÉกลา่วขวญัและยอมรบัจากคนรอบขา้งจนกระทÉงัคนรอบขา้งจะ นาํ ไปพดูต่อๆกนัไปเองแหละครบั ลองสงัเกตตัวเองดงู่ายๆก็ไดว้่าวนันีท่านมีเพืÊ Éอนฝงูลกูนอ้ง คนรอบขา้งกลา้เขา้มาหา เขา้มา พดูคยุกบัท่านอย่างเป็นธรรมชาติมากนอ้ยแค่ไหน เช่น เวลากินขา้วกลางวนัเมÉือท่านเดินถือจานขา้วเดินไปนÉังโต๊ะทีÉลกูนอ้งกาํลงันÉงัลอ้มวงกินขา้ว พดูคยุกนัอย่างสนกุสนานรา่เรงิ เมืÉอท่านไปนัÉงรว่มวงดว้ยแลว้เขามีพฤติกรรมยังไง ? เขายงัพดูคุยกนัเฮฮาร่าเรงิเหมือนเมÉือตะกีÊหรือเขาทกัทายท่านเพียงแค่เป็นพิธีแลว้แต่ละคนก็รีบ ๆ กินแลว้รีบ ๆ สลายตวัไปเหลือแค่คนสองคนนัÉงกบัท่าน เผลอๆอาจจะสลายตวักนัหมดไม่เหลือใครนÉงัดว้ย เลยก็มี หัวหน้าประเภทนีมักจะเป็ นหัวหน้าแบบที ÊลÉูกน้องชอบแอบเม้าทก์ันว่าเป็ น “ตัวสลายม็อบ” ไงครับ ใครๆก็ไม่อยากจะอย่ใูกล.้... อย่างงีแÊหละครบัทÉเีป็นดชันีชีวÊดัมนุษยสมัพนัธร์ะหว่างหวัหนา้กบัลูกนอ้งแบบง่ายๆ ว่าเป็นยังไง ดงันนัÊถา้ใครเป็นหวัหนา้ทÉีพอเขา้หาลกูนอ้งแลว้พบว่าลกูนอ้งมปีฏิกิริยาอย่างทีÉเลา่มาขา้งตน้นÉีละ่ ก็ผมว่าคงจะตอ้งหนักลบัมาทบทวนเรืÉอง EQ ในเชิงมนษุยสมัพนัธก์บัลกูนอ้งว่ามีปัญหาในจดุไหน และควร จะตอ้งเริÉมหาทางแกไ้ขแลว้นะครบั เอาล่ะครบัผมก็พดูถึงเรืÉองความสาํคญัของ EQ ของหวัหนา้งานมาพอสมควรแลว้เพืÉอทีÉอยากจะ ใหห้วัหนา้งานทกุคนไดเ้ห็นความสาํคญั ในเรืÉองนีอÊย่างจริง ๆจงัๆเพราะบอกแลว้ว่าหัวหนา้งานน่ะจะตอ้ง มีความเก่งในเรืÉองงานแน่นอนอย่แูลว้ผูบ้ริหารองคก์รเขาถึงไดไ้วว้างใจเลืÉอนตาํแหน่งแต่งตงขึ ัÊนมาเป็นÊ หวัหนา้งาน


Page 48 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ แต่ตัวทีÉจะเสริมใหห้วัหนา้งานทีÉเก่งงานอยู่แลว้ สามารถทาํงานรว่มกับลกูนอ้งไดอ้ย่างราบรืÉนและ นาํทีมงานไปสเู่ป้าหมายความสาํเรจ็ไดค้ือ EQ ครบั เพราะไม่ว่าใครก็อยากทาํงานกบัคนทีมี É EQ ทีดีกันทัÉงนัÊ Êนจริงไหมครับ ?


Page 49 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ7 เทคนิคการสร้างแรงจูงใจให้ลูกน้อง เมืÉอหวัหนา้งานเรียนรูท้Éีจะสรา้งทศันคติเชิงบวกใหก้บัตัวเองเพÉือสรา้งแรงจูงใจใหก้บัตัวเองไดแ้ลว้ เรืÉองต่อไปก็คือหวัหนา้งานจาํเป็นจะตอ้งเรียนรูว้ิธีการสรา้งแรงจงูใจใหล้กูนอ้งโดยเฉพาะอย่างยิÉงลกูนอ้ง Gen Y ของท่านใหอ้ยากทาํงานใหส้าํเรจ็ตามทÉีหวัหนา้มอบหมายดว้ย จะสรา้งยงัไงดีล่ะ ? ทาํอย่างนีดÊีไหมครบั 1. เลิกการปกครองบังคับบัญชาแบบกดขีÉข่มเหงลกูน้อง ไม่น่าเชืÉอก็ตอ้งเชÉอืว่าในวนันียÊงัมีหวัหนา้งานอีกไม่นอ้ยทÉีพดูจากบัลกูนอ้งแบบทÉีเห็นลกูนอ้งเป็นชน ชันÊถูกปกครอง หวัหนา้ทÉีเป็นผปู้กครองจะตอ้งดุด่าว่ากลา่วสง่เสียงดงัหรือด่าลกูนอ้งแบบหยาบ ๆ คายๆโดยไม่คาํนึงถึงจิตใจลกูนอ้งว่าเขาจะรูส้กึยงัไง(ผมใชค้าํว่า “ด่า” เลยนะครบัไมใ่ช่แค่ “ตาํหนิ”) แถมเวลาจะด่าตอนไหนก็ตอนนันÊแหละทนัทีไม่สนใจกาละเทศะ ไม่เคยสนใจว่าตรงนันจะมีÊ ลกูนอ้งคนอÉน ๆ ืหรือมีใครอย่แถวนัูนÊหรือไม่ทาํตวัเหมือนนายทีÉจะปกครองทาส (สมยัก่อน)ยงไง ั ยงังนัÊ อย่างนีจÊะทาํ ให้ลูกน้องเกิดแรงจูงใจทีอÉยากจะทาํงานยังไงล่ะครับ! เมืÉอมีขอ้ผิดพลาดหวัหนา้งานควรพดูคยุกบัลกูนอ้งในลกัษณะของการช่วยกนัคิดเพืÉอแกป้ัญหา และเรียนรูร้ว่มกันดีกว่าการด่าเอาไวก้่อนจะดีกว่าไหมครบั หวัหนา้งานจึงควรจะตอ้งสาํรวจตวัเองดูว่าปัจจบุนัท่านมีพฤติกรรมทีÉชอบเอะอะโวยวายและด่า ลกูนอ้งเอาไวก้่อนหรือไม่ถา้ยงัมี(มากหรือนอ้ยก็ตาม) ควรจะตอ้งปรบั ปรุงแกไ้ขแลว้ละ่ครบัถา้ยงัไม่อยาก เสียลกูนอ้งดีๆไป แต่ถา้หวัหนา้งานคนไหนยงัไมแ่ครก์็แลว้แต่ละกนัครบั


Page 50 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ เพราะลกูนอ้งส่วนใหญ่ของท่านในวนันีคือคนรุ่นÊใหม่ทีÉผมไดอ้ธิบายลกัษณะของเขาไปในบทแรก แลว้คือพวกทÉีตอ้งการคาํอธิบายดว้ยเหตุดว้ยผล ตอ้งการใหห้วัหนา้รบัฟังเขาดว้ยไม่ใช่เอาแต่สÉงังานแลว้ก็ ด่า ด่าแลว้ก็สÉงงาน ั เพราะถา้หวัหนา้งานคนไหนยงัติดสไตลก์ารบงัคบับญัชาแบบเจา้คนนายคนแลว้เชÉอืไดร้อ้ย เปอรเ์ซ็นตค์รบัว่าลกูนอ้งคนรุ่นใหม่ทีÉมีความรูค้วามสามารถเขาจะไม่ทนอยู่กบัหัวหนา้สไตลเ์จา้อารมณ์ โมโหรา้ยไม่มีเหตผุลอย่างนีÊและจะหาทางยา้ยไปฝ่ายอÉืน หรือลาออกไปในทีÉสดุ แล้วลองคิดต่อเอาเองนะครับว่าถ้าหัวหน้างานในทีมงานใดก็ตามทีมÉีแต่ลกูน้องทวัีÉน ๆ คิดแต่จะสละเรือหนีน่ะ จะทาํ ให้หน่วยงานนัÊนมีผลงานอะไรดี ๆ ออกมาได้บ้างล่ะ และอย่าลืมว่า แม้หัวหน้างานจะเก่งปานเทพสกัเพียงใด ถ้าไม่มีลูกน้องทีเÉก่ง ๆ อยู่ด้วยน่ะมันจะทาํ ให้หน่วยงาน นัÊนประสบความสาํเร็จได้ยังไง อย่าลืมว่าเบือÊงหลงัของแม่ทพันายกองทีÉเก่งกาจมีชืÉอเสียงก็ย่อมตอ้งมีลกูนอ้งทÉีเก่งกลา้สามารถมี ฝีมือคอยสนบัสนนุและปฏิบตัิงานเป็นมือเป็นไมใ้หห้วัหนา้จนประสบความสาํเรจ็ตามเปา้หมายดว้ยนะครบั ถา้มีแต่แม่ทพัทÉีเก่งเพียงคนเดียว แต่ลกูทพั ไมเ่อาไหนล่ะก็รบทีÉไหนแพท้ÉีนัÉนจรงิไหมครบั 2. ทักทาย สนใจให้ความสาํคัญกับลูกน้องไต่ถามสารทุกขส์ุขดิบ และงานทเีÉขาทาํ ท่านเคยคยุกบัลูกนอ้งในเรืÉองอืÉนนอกเหนือจากเรืÉองงานบา้งไหมครบั ? เคยทราบหรือไม่ว่าลกูนอ้งของท่านพกัอาศยัอย่แูถวไหน แต่งงานหรือยงัมีลกูกีÉคน ลูกเรียนชันÊ อะไรอยู่ตอนนีคÊรอบครวัของเขาเป็นยงัไงบา้ง เขามีพืนÊเพอยู่ต่างจงัหวดัหรือทÉีไหน เวลาเขาเจ็บไขไ้ม่สบายเคยไปเยÉียมบา้งไหม ฯลฯถา้ท่านรูเ้รืÉองราวของลกูนอ้งในเรืÉองทีÉบา้นเรืÉอง สว่นตวัอย่างทีÉผมยกตวัอย่างมานีกÊ็แสดงว่าท่านเป็นหวัหนา้งานทีÉเขา้ใจหลกัในการเขา้ถึงลกูนอ้งไดด้ีเลย นะครบั แต่ยงัมีหวัหนา้งานอีกไม่นอ้ยทÉีไม่เคยพดูคยุใหค้วามสาํคัญกบัเรืÉองครอบครวัเรืÉองสารทกุสขุดิบ ของลกูนอ้งเลยซÉงึหวัหนา้งานประเภทนีอาจจะมองแต่เรืÊ ÉองงานเพียงเรืÉองเดียวเป็นหลกัขอใหม้าทาํงานให้ ทนัเวลางานพรอ้มลมหายใจไดเ้ป็นพอ ถ้าลูกน้องจะมีปัญหาอะไรมาจากบ้านก็ให้กองเอาไว้หน้าบริษัทแต่เวลางานต้องทุ่มเท ทาํงานให้เต็มท !!?? ีÉ


Click to View FlipBook Version