The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เสริมทักษะหัวหน้างานยุคใหม่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DBP Learning, 2023-04-24 04:38:26

เสริมทักษะหัวหน้างานยุคใหม่

เสริมทักษะหัวหน้างานยุคใหม่

Page 51 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ หวัหนา้งานจะตอ้งเขา้ใจว่าทุกคนมีบา้น มีครอบครวัมีญาติพÉีนอ้งเพÉอืนฝงูหลกัเบือÊงตน้ของคนก็ คือทุกคนอยากเป็นคนสาํคญั ในสายตาคนอืÉน ถา้มีใครมาไต่ถามสารทุกขส์ขุดิบของเราดว้ยความห่วงใย เอาใจใส่เราก็จะรูส้ึกดีกบัคน ๆ นน ัÊ ถา้หวัหนา้งานเขา้ใจจิตวิทยาในขอ้นีดÊีและรูจ้กัไต่ถามเรืÉองราวเหล่านีจÊากลูกนอ้งก็จะทาํ ใหล้กูนอ้ง เกิดความรูส้กึทÉีดีกบัหวัหนา้งานตามไปดว้ย ในทาํนองเดียวกนัถา้หวัหนา้งานพบว่าลกูนอ้งมีปัญหาอะไรก็ตาม หวัหนา้งานก็อาจจะมี คาํแนะนาํดีๆช่วยลกูนอ้งคิดแกป้ัญหากนัในลกัษณะรว่มทกุขร์ว่มสขุกบัลกูนอ้งก็จะทาํ ใหป้ัญหาสว่นตวั ของลกูนอ้งลดนอ้ยลง ในทกุวนันีเÊรามกัจะพบว่าปัญหาในทÉีทาํงานหลายครงัÊไม่ไดเ้กิดมาจากตวังานโดยตรง แต่มาจาก เรืÉองส่วนตวัของพนกังาน เช่น พนกังานทะเลาะกบัแฟน, ทะเลาะกบัลกู , มีปัญหาหนีสÊินรุงรงัฯลฯ ซึÉงปัญหาเหลา่นีกÊ็จะเขา้มามีผลกบัการทาํงานไปดว้ยเพราะจะทาํ ใหพ้นกังานขาดสมาธิในการ ทาํงานและทาํ ใหผ้ลงานตกตÉาลงํ ถา้หวัหนา้งานสนใจ หมÉนัซกัถาม เอาใจใสด่แูลรวมถึงใหค้าํแนะนาํ ปรกึษาดีๆกบัลูกนอ้งก็จะมี สว่นช่วยลดปัญหาเหลา่นีลÊงได้ดีกว่าไม่เคยรูเ้รืÉองปัญหาเหล่านีจÊากลูกนอ้งเลยจรงิไหมครบัท่านอาจจะ ปอ้งกนัแกไ้ขไดท้นัก่อนจะเสียลกูนอ้งมือดีๆไปเพราะปัญหาสว่นตวัทาํนองนีอÊีกดว้ย ดงันนัÊหวัหนา้งานจึงควร “รูจ้กั” ลกูนอ้งของตวัเองใหด้ีว่าใครเป็นอย่างไร มีอปุนิสยัใจคอ พืนเพ Ê หรือมีครอบครวัเป็นอย่างไร ไต่ถามสารทุกขส์ขุดิบกนัเป็นระยะ ฯลฯ สิÉงต่าง ๆ เหล่านีจÊะทาํ ใหเ้กิดความ ผกูพนัทÉีดีระหว่างหวัหนา้งานกบัลกูนอ้งและจะมีผลดีต่องานของท่านในทีÉสดุ ในขณะเดียวกนังานทีÉหวัหนา้งานมอบหมายใหลู้กนอ้งทาํหวัหนา้งานก็ควรติดตามถามไถ่ให้ ความสาํคญั โดยทงัÊการการติดตามงานและการพดูใหเ้ขาเห็นว่างานทีÉเขาทาํอย่นูนัÊมีความสาํคญักับตวัเขา เองกบัหน่วยงานของท่าน และกบัองคก์รยงัไงเพราะไม่มีใครทีÉอยากจะทาํงานทÉีผูบ้งัคับบญัชาไม่เคย มองเห็นความสาํคญัหรือไม่เคยถามไถใ่หค้วามสาํคญับา้งเลย อย่าลืมว่าลูกน้องต้องการปฏิสัมพันธ์ต้องการการยอมรับ ต้องการให้มีคนคอยรับฟังเขา ไต่ถามสารทุกขส์ุขดิบกันนอกเหนือจากพูดคุยกันแต่เรืÉองงานเพียงอย่างเดียวนะครับ วนันีท่านลอง Ê Feedback ดตูวัเองก็ไดว้่าลกูนอ้งมกัจะเดินมาหาท่านเพÉือมาขอคาํ ปรกึษาหารือ เรืÉองทีÉบา้น หรือมาปรบัทุกขร์ะบายเรืÉองส่วนสว่นตัวของเขาใหท้ ่านฟังบา้งไหม


Page 52 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ถา้ลกูนอ้งของท่านยงมีพฤติกรรมอย่างนี ักÊ็แสดงว่าท่านยงัเป็นหวัหนา้ทÉีอย่ใูนใจของเขาในดา้นดี คือเขายงัมีความไวเ้นือเชืÊ Éอใจและมีความรูส้กึทÉีดีๆกบัท่านและการทาํงานในทีมงานของท่านมกัจะไม่ค่อย มีปัญหาในเรืÉองของการทาํงานรว่มกนัจรงิไหมครบั 3. รู้จักจังหวะทจีÉะพูดให้กาํลังใจ และชมเชย ในการทาํงานรว่มกนัก็มีบา้งในบางเวลา บางอารมณท์ÉีเหนืÉอย ทอ้เซ็ง ทÉีเป็นอารมณไ์ม่ปกตินกัซÉงึ เป็นเรืÉองปกติของคนทกุคนทÉีจะเป็นอย่างนีไÊดบ้า้งเป็นธรรมดา ลกูนอ้งของท่านก็เช่นเดียวกนัครบัเมืÉอเขาเหนืÉอยจากปัญหาทีÉยงัแกไ้ขไม่เสรจ็ซกัทีเซ็งกบัการถกู ลกูคา้ด่ามา หรือทอ้กับงานทÉียากมาก ๆ ฯลฯ ในฐานะทีÉท่านเป็นหวัหนา้งาน ท่านเคยพดูจาใหก้าํลงัใจทีÉ ฝรัÉงเรียกว่า “Cheer up”เพืÉอทาํ ใหล้กูนอ้งเกิดขวญักาํลงัใจและฮึดสกู้บั ปัญหาต่าง ๆ บา้งหรือไม่ เพราะถา้หวัหนา้งานไปตาํหนิหรือด่าลกูนอ้งในเวลาทีÉเขากาํลงัFeel bad แลว้จะใหเ้ขามแีรงใจฮึด สกู้บั ปัญหาไดย้งัไงละ่ครบัแถมหวัหนา้ประเภทปากเบาเหลา่นีมÊกัจะถกู“ปฏิกิริยาสวนกลบั”จากลกูนอ้ง อีกต่างหาก ฝึกไว้นะครับคาํพูดประเภท “น้องใจเย็น ๆ นะ เดีÌยวเรามาช่วยกันคิดแก้ปัญหากัน” หรือ “สู้ๆ นะน้องอย่าเพิÉงถอดใจ มีอะไรให้พีÉช่วยได้บ้างบอกมาเลย” ฯลฯ ย่อมจะดีกว่าคาํพูดประเภท “โธ่..แค่นียÊังมาทาํท้อแท้เป็นลกูผมล่ะเอาขีเถ้ายัดปากตัÊ Êงแต่ เกิดแล้ว” หรือ “ถ้าคุณแก้ปัญหานีไม่ได้ก็เขียนใบลาออกไปซะ..เดี Ê Ìยวผมจะหาคนใหมม่าทาํแทน” ฯลฯ จริงไหมครบั ? สว่นการชมเชยก็เช่นเดียวกนั.. การเป็นหวัหนา้งานทÉีดีตอ้งรูจ้กัชมเชยเมÉือลกูนอ้งทาํงานสาํเรจ็หรือทาํงานแลว้มีผลงานทีÉดีๆ บา้ง เพืÉอเป็นการ Feedback ใหล้กูนอ้งรูว้่าสิÉงทีÉเขาทาํเป็นสิÉงทีÉหวัหนา้ชืÉนชอบ จะไดท้าํ ใหเ้ขาเกิดความ ภาคภมูใิจและเกิดแรงจงูใจทีÉจะทาํงานใหด้ีมากยิÉงขึนÊ ดงันนัÊคาํพดูประเภท “โปรเจ็คทีÉนอ้งนาํเสนอมานÉเยี ีÉยมมากเลยนะ” หรือ“ผมอยากใหค้ณุสรา้ง ผลงานดี ๆ อย่างนีอÊอกมาเยอะๆ นะ”ฯลฯย่อมจะทาํ ใหผู้ฟ้ังเกิดแรงจูงใจมากขึนÊอย่างแน่นอนครบั


Page 53 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 4. เปิ ดใจรับฟังและเปิ ดโอกาสให้ลูกน้องได้แสดงความคิดเหน็ “เมืÉอไหรเ่ราฟังเราจะฉลาดมากขึน เมืÊ Éอไหรเ่ราพดูเราจะฉลาดเท่าเดิม”อดีตผดู้าํเนินรายการของ CNN คือลารล์Éีคิง เคยพดูเอาไวท้าํนองนีแÊหละครบัซÉงผมว่าเป็นเรื ึÉองจริงเพราะเรารูอ้ะไรเราก็จะพดูไป เท่าทีÉเรารู้แต่พอเราหยุดและฟังคนอืÉนบา้งเราก็จะรูอ้ีกหลายเรืÉองทีÉเราไม่เคยรูม้าก่อนเราก็จะฉลาดขึน Ê !! ทักษะการสืÉอสารทีสําคัญทีÉสุดเรืÉ ÉองหนึÉงแต่มักจะถูกมองข้ามไปเสมอก็คือ “ทักษะการฟัง” ยังไงล่ะครับ !! และอย่าลืมว่าลกูนอ้งก็ตอ้งการคนรบัฟังเขาดว้ยนะครบั ลอง Feedback ตวัเองดนูะครบัว่าเวลาลกูนอ้งมาคยุกบัท่านในเรืÉองอะไรก็ตาม ท่าน “ฟัง” เขา และ “ไดย้ิน” หรือเขา้ใจในประเด็นหรือเนือหาของเรืÊ ÉองทีÉคยุกนัอย่มูากนอ้ยแค่ไหน ? หวัหนา้งานหลายคนทÉไีม่เคยฟังลกูนอ้งใหจ้บแต่มกัจะคิดว่ารูเ้รืÉองดีแลว้ก็จะพดูแซง พดูสวนหรือ โต้ตอบลกูนอ้งทนัทีซÉงหลายครั ึ งก็ตอบคนละเรืÊ ÉองกบัทÉีลูกนอ้งถาม (เอะ๊หรือลกูนอ้งถามไม่ตรงคาํตอบของ หวัหนา้ ?) แลว้อย่างนีลÊกูนอ้งคนไหนอยากจะเขา้มาพดูคยุกบัหวัหนา้ละ่ครบัหวัหนา้งานก็จะรูเ้รืÉองเดิม ๆ รูเ้ท่าเดิมอย่อูยา่งงนแหละัÊ แต่ถา้หวัหนา้งานเปิดใจรบัฟังเขาพดูใหจ้บ มีสมาธิในการฟังจบั ประเด็นเนือหาทีÊ Éเขาพดูใหด้ีหรือ จะใชว้ิธีจดเรืÉองราวทีÉคุยกนัเป็นระยะเพÉือเก็บเนือÊหาใจความใหค้รบถว้นมากขึนÊแลว้ค่อยมาหาขอ้สรุป รว่มกนัน่าจะทาํ ใหก้ารทาํงานรว่มกนัมีความเขา้ใจกนัมากยิÉงขึนÊนะครบั แถมลกูนอ้งก็จะเกิดความรูส้ึกทีÉดีว่าหวัหนา้งานสนใจและใหค้วามสาํคญักบัตวัเขาและเรืÉองทีÉเขา กาํลงัพดูอยู่เขาก็อยากจะเล่าเรืÉองต่าง ๆ มากขึนÊ จากประสบการณท์าํงานของผมนนัÊผมมกัจะไดไ้อเดียในการทาํงานใหม่ๆจากการรบั ฟังลกูนอ้ง เสนอวิธีแกป้ัญหาในทีมงาน, เสนองานใหม่ๆขึนÊมาอยู่บ่อยๆ และเมืÉอสิÉงทีÉเขาเสนอมาแลว้นาํ ไปปฏิบตัิ สาํเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เราก็ชมเชยไอเดียหรือความร่วมมือของเขาก็ยิÉงจะทาํ ใหเ้ขาเกิดแรงจงูใจทÉีอยากจะ นาํเสนอเรÉืองดี ๆ ต่อไปอีก อย่างนีจÊะดีกว่าการไม่ยอมรบั ฟังเขาบา้งเลยจรงิไหมครบั ?


Page 54 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 5. ให้อิสระลูกน้องในการทาํงานแบบมุ่งผลลัพธ์ หวัหนา้งานหลายคนชอบใชว้ิธี“สÉงงาน” แบบทางเดียว ( ั One way Communication) เสียเป็นสว่น ใหญ่หรือเรียกว่ายงัติดวฒันธรรมการทาํงานแบบ BB มามากจนเกินไปเลยใชอ้าํนาจหนา้ทีÉตามตาํแหน่ง เป็นหลกัแทนทÉีจะใชห้ลกัของการสรา้งความรว่มมือเพÉือใหเ้กิดการยอมรบัจากคนรุ่นใหม่ แถมยงัชอบไปจกุจิกกับวิธีการทาํงานของลกูนอ้งGen Y มากจนเกินไป บงัคับใหล้กูนอ้งทาํงานวิธี เดียวกบัทÉีตัวเองเคยทาํเท่านนัÊถา้ลกูนอ้งจะทาํงานวิธีอÉนที ืÉเป็นวิธีการใหม่ๆก็จะไม่ยอมรบัหรือเรียกว่า หวัหนา้งานยดึติดวิธีการทาํงานแบบเก่าๆ จนกระทÉงเป็นความเคยชินและไม่ยอมเปลี ัÉยนแปลงวิธีการ ทาํงานใหเ้ขา้กบัยุคสมยัก็ไดม้Ëงัครบั ผมว่าหวัหนา้งานในยุคใหม่ควรมาลองใชว้ิธี“ถ่ายทอดความคิด”แทนทÉีจะใชว้ิธี“ออกคาํสÉงั”แลว้ ปลอ่ยใหล้กูนอ้งGen Y ของท่านทาํงานไปดว้ยวิธีการของเขา ตราบใดทีÉวิธีการ (Process) ทีÉเขาทาํ ไม่ไดท้าํ ใหเ้กิดความเสียหาย หรือทาํผิดกฎระเบียบอะไรแต่ไดผ้ลลพัธต์ามทีÉตอ้งการก็โอเคแลว้ครบับางทีหวัหนา้ งานอาจจะไดเ้รียนรูว้ิธีการทาํงานใหม่ๆ ดีๆจากลกูนอ้งอกีดว้ยก็เป็นได้ เช่น ผมนดัลกูนอ้งใหไ้ปพบกนัทÉีเชียงใหม่ทีÉ.....ในวนัทÉี.......เวลา 12.00 น.ก็ไม่ตอ้งไปจุกจิกกบั กระบวนการหรือวิธีการของเขาว่าเขาจะตอ้งเดินทางโดยรถบสัและใชเ้สน้ทางนีเท่านัÊนÊแต่ใหม้ ่งุผลลพัธค์ือ ถา้เขาไปพบผมทÉีเชียงใหม่ไดต้ามวนัเวลา และสถานทีÉทีÉนดัหมายกนัไดต้ามกาํหนดก็ถือว่าเขาทาํงานบรรลุ เป้าหมายแลว้ตราบใดทÉีวิธีการเดินทาง (Process)ของเขาไม่ไดล้ะเมิดกฎระเบียบ หรือทาํ ใหเ้กิดความ เสียหายอะไร 6. คอยเป็ นทีปÉรกึษาและช่วยลูกน้องแก้ปัญหา หวัหนา้งานบางคนก็แหม...ไม่รูจ้ะพดูยงัไงดีผมยกตัวอย่างดีกว่านะครบั สธุีหวัหนา้งานสÉงังานอนชุติซÉึงเป็นลกูนอ้งไปเมÉือวนัจนัทรโ์ดยบอกว่าตอ้งการใหอ้นชุิตเอางานมา สง่วนัศกุรท์Éจะถึงนี ีตÊอนเชา้เมÉือถึงวนัพธุอนชุิตเดินมาหาสธุีแลว้บอกว่างานทÉีสัÉงใหท้าํมีปัญหา (และกาํลงั จะเริÉมตน้บอกสธุีว่างานมีปัญหาอะไรบา้ง) สธุีสีหนา้เคร่งเครียดขึนÊมาทนัทีพรอ้มกบัพดูเสียงดงั “อะไรกนั..ผมสÉงัใหคุ้ณไปทาํงานใหเ้สร็จแต่คุณกลบัมาแต่ปัญหามาบอกผมงนเหรอ..นี ัÊคÉณุทาํงาน มากีปÉีแลว้ ไม่รูจ้กัแกป้ัญหาเองบา้งเลยหรือไง..อะไร ๆ ก็ตอ้งมาใหผ้มแกป้ัญหาให.้.ตกลงนีคÉณุจะคิดทาํ อะไรเองไม่เป็นเลยหรือไง..ไม่เอา ๆ ผมไม่มีเวลามารบั ฟังปัญหาอะไรของคณุคณุไปแกเ้อาเอง ผมตอ้งการ


Page 55 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ แต่ผลลพัธ์เอาเป็นว่าวนัศกุร์นีคÊุณเอางานมาสง่ ใหผ้มใหไ้ดก้็แลว้กนั” หรืออาจจะแถมต่อทา้ยมาอกีว่า “ถา้ งานนีคÊุณส่งวนัศกุร์นไีÊม่ไดคุ้ณก็สง่ ใบลาออกมาแทนก็แลว้กนั” เป็นยงัไงครบัตวัอย่างทÉีผมยกขึนมาจากเรืÊ Éองจริง (ทีÉผมเองก็เคยเจอหวัหนา้งานประเภทนีมาÊ เหมือนกนั) ท่านเคยเจอบา้งไหมละ่ครบั ? หวัหนา้งานประเภททÉีชอบบอกตวัเองกบัลูกนอ้งว่า“ฉันเป็นคนแบบ Result Oriented” หรือ “Task Oriented” คือเอางานหรือผลลพัธเ์ป็นหลกัแต่พดูภาษาองักฤษใหด้ดูีมีชาติตระกูลซกัหน่อยแบบนีÊ จะเรียกว่าลอกแต่คาํพูดของฝรÉังมาแต่ไม่ปฏิบัติให้สอดคล้องกับคาํพูดนีก็ได้มั Ê Ëงครับ ! ผมว่าไม่เฉพาะแต่คนทีÉเป็นหวัหนา้งานเท่านนที ัÊ Éจะตอ้ง Result Oriented หรอื Task Oriented แมแ้ต่คนทÉีเป็นลกูนอ้งหรือคนทาํงานทกุคนก็ตอ้งม่งุผลสาํเรจ็ของงานทงนั ัÊนÊแหละครบั แต่ยิÉงเป็ นคนทีเÉป็นหวัหน้าหรอืเป็นผู้บังคับบัญชาคนนัÊน ก่อนจะถึงเป้าหมายผลลัพธถ์ ้า หากลกูน้องมีปัญหาก็จาํเป็นจะต้องมีบทบาทในการเป็นทีปÉรึกษาให้คาํแนะนําหรือชีแนะแนวทางÊ ในการแก้ปัญหาให้กับลกูน้องด้วยสิครับ ! ถา้ไม่ชว่ยเหลือลกูนอ้ง คิดแต่จะใหล้กูนอ้งแกป้ัญหาเองทกุครง อย่างนี ัÊจÊะมีหวัหนา้ไวท้าํอะไรละ่ ครบัเพราะตอ้งยอมรบัว่าทÉีเขายงัเป็นลกูนอ้งเราหรอืเราเป็นหวัหนา้ของเขาไดน้นัÊลกูนอ้งก็ตอ้งยงัมีความรู้ ความสามารถในงานนอ้ยกว่าเราอาจจะยงัมีวฒุิภาวะ หรือประสบการณท์าํงานทีÉยงันอ้ยกว่าเรา และเราก็ มีประสบการณค์วามรูค้วามสามารถมากกว่าเขา เราถึงไดม้าเป็นหวัหนา้เขาได้ ดงันน เมื ัÊ Éอลูกนอ้งมีปัญหาใด ๆ หวัหนา้จึงควรเป็นทÉีพึÉงใหก้บัลกูนอ้งได้ไม่ใช่ปัดทุกสิÉงอย่างออก จากตวัอย่างทีÉผมยกตวัอย่างมาขา้งตน้ สาํหรบัเทคนิคการใหค้าํ ปรกึษาหารือ หรือเทคนิคการแกป้ัญหานันÊเอาไวเ้ราค่อยไปคยุกนัในบททÉี เกีÉยวขอ้งกบัเรÉืองนีโÊดยตรงดีกว่านะครบั ในส่วนนีผÊมเพียงอยากจะฝากใหห้วัหนา้งานทราบไวว้่าลกูนอ้ง Gen Y ของท่านเขาจะมีใจใหก้บั ท่านมากนอ้ยแค่ไหนก็ดว้ยบทบาทของการเป็นทีÉปรึกษาและช่วยเขาเมืÉอเขามีปัญหานีÉแหละครบั 7. กินข้าวด้วยกัน หรอืมีการพบปะสังสรรคแ์บบไม่เป็นทางการบ้าง มีคาํพดูหนึÉงทีÉบอกว่า “ยิÉงสืÉอสารกันมากขึนยิÊ Éงเข้าใจกันมากขึน” ÊซึÉงผมเห็นดว้ยว่าเรืÉองนีจÊรงิ ครบั


Page 56 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ การสืÉอสารกนันนัÊก็ไม่จาํเป็นจะตอ้งสืÉอสารกนัในเรืÉองงานเพียงเรืÉองเดียวแต่เราสามารถจะพดูคยุ สืÉอสารกนัในเรÉองอื ืÉน ๆ เช่นเรืÉองส่วนตวัเรืÉองการไต่ถามสารทกุขส์ขุดิบ เรืÉองญาติพีÉนอ้ง ความเป็นอยู่ของ ลกูนอ้งของท่านอย่างทÉีผมบอกไปในขอ้ 2ขา้งตน้แลว้ดว้ยก็ไดจ้รงิไหมครบั แต่การพูดคุยสืÉอสารกันนัÊนไม่จาํเป็นต้องทาํแบบเป็นทางการเฉพาะในเวลางานเท่านัÊนนีÉ ครับ ! ท่านก็สามารถทาํ ไดง้่ายๆเช่น การไปกินขา้วกลางวนัหรือขา้วเย็นกบัลูกนอ้งบา้ง, มีการพบปะ สงัสรรคก์นัหลงัเวลางานบา้ง เช่น กินขา้วเย็นดว้ยกนั, วนัหยดุชวนกนัไปตีแบดออกกาํลงักาย, ไปทาํบุญ ดว้ยกนั,ชักชวนกันไปกินเลียÊงวนัเกิดลกูนอ้ง ฯลฯ อย่างทีÉผมบอกไปแลว้ตอนตน้แหละครบัว่า คน Gen Y เขาเป็นคนทีÉไม่ตอ้งการระบบเจา้ขุนมลู นาย หวัหนา้งานทาํตวัสงูสง่เขา้ถึงหรือจับตอ้งยากเพราะเขาตอ้งการความเป็นกนัเอง ความใกลช้ิด ไม่ตอ้ง มีพิธีรีตรองใหม้ากเรืÉอง มองเขาอย่างเพืÉอนร่วมงานไม่ใช่แบบนายทาสกบับ่าวหรือหวัหนา้กบัลกูนอ้งมิติ เดียวคือการทาํงานเป็นหลกัเท่านนัÊ ถา้หวัหนา้งานคนไหนมกีารปฏิบตัิในเรืÉองความเป็นกนัเอง และมีความใกลช้ิดกบัลกูนอ้งตลอดจน มีการสืÉอสารแบบไม่เป็นกนัเองกบัลกูนอ้งอยู่เป็นประจาํแลว้วางตวัใหเ้หมาะสม ท่านก็จะพบว่าลกูนอ้งของ ท่านจะใหก้ารยอมรบัและเชÉือใจท่านมากกว่าหวัหนา้ทÉีสืÉอสารกบัลกูนอ้งเพียงแค่เรืÉองงานเรืÉองเดียวจรงิไหม ครบั 8. ทาํตัวเป็นตัวอย่างทดีÉีใหลู้กน้องเหน็ มีคาํพดูหนึÉงบอกไวว้่าการเป็นผนู้าํคนนนัÊจาํเป็นจะตอ้ง “คิด-พดู-ทาํ” สอดคลอ้งกนัเพราะรอบขา้ง โดยเฉพาะลกูนอ้งจะจบัจอ้งมองตวัผนู้าํอยู่ตลอดเวลา เมืÉอไหรผ่นู้าํพดูคนจะฟัง เมÉือไหรท่าํคนถึงจะเชÉอ แต่ท่านคงเคยเจอคนที ืÉพดูอย่างแลว้ทาํอย่างไหม ละ่ครบัถา้เป็นอย่างนีแÊลว้ผมก็แน่ใจว่าคนก็จะไม่ฟังและไม่เชÉือถืออีกต่อไปน่ะสิครบั ขอยกตวัอย่างง่ายๆเพÉือใหท้ ่านเขา้ใจง่ายๆ ดงันีคÊรบั ปริศาหวัหนา้งานมีฐานะดีมีอพารท์เมน้ทส์ว่นตวัใหเ้ช่าอย่แูถวๆ ทÉีทาํงาน วนัดีคืนรา้ยผเู้ช่าอพารท์ เมน้ทโ์ทรมาบอกคณุปรศิาในเวลางานว่าท่อนาประปารั ํÊ Éว คุณปรศิาก็บอกกบัชยัยะลกูนอ้งคนสนิทว่า “นีÉชยั


Page 57 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ยะเธอช่วยไปดหูอ้งพกัลกูคา้ของพÉีทีÉนีÉหน่อยสิ เขาโทรมาบอกว่าท่อนําÊประปาแตกเอา้..เอาเงินนีÉไปแลว้โทร หาช่างประปาตามเบอรน์ีนÊะแลว้ดแูลใหช้่างเขาซ่อมท่อใหเ้รียบรอ้ยดว้ยละ่ ” แลว้ชยัยะก็ไปจดัการตามทีÉปริศาหวัหนา้สÉง....ั วนัหนึÉงปริศาเรียกลกูนอ้งในแผนกประชุมพรอ้มทงัÊแจง้นโยบายของฝ่ายบรหิารดงันี.... Ê “นอ้ง ๆ ทุกคน..ทÉีพีÉเรียกประชมุในวนันีเพราะเมืÊ ÉอวานนีพีÊ Éไดเ้ขา้ประชมุกบั ฝ่ายบริหารมาและฝ่าย บริหารบอกใหผ้บู้ริหารทุกคนกาํชบัพนกังานในแผนกของตวัเองใหท้าํงานใหก้บับรษิัทอย่างเต็มทีÉอย่าเอา เรืÉองส่วนตวัเขา้มาทาํ ในเวลางานเป็นการเบียดบงัเอาเวลางานของบริษัทเพืÉอเอาประโยชนเ์ขา้ตวัเอง พีÉหวงั ว่านอ้ง ๆ ทุกคนควรจะตอ้งรูน้ะว่าอะไรควรทาํอะไรไม่ควรทาํ....” เป็นยงัไงครบั ปากก็บอกใหท้กุคนทาํงานใหเ้ต็มทีÉใหก้ับบรษิัท แต่พฤติกรรมทีÉสวนทางกบัคาํพดู อย่างนีจÊะมีลกูนอ้งคนไหนยอมเชÉือถืออีกครบั ? เรืÉองทีÉผมเล่ามาขา้งตน้เป็นส่วนหนึÉงของเรืÉองจริงเท่านันÊนะครบั !! เพราะยงัมีเรืÉองราวทาํนองนีอีกมากมายทีÊ Éผบู้รหิารเองพดูอย่างแลว้ทาํอย่าง โดยลืมไปว่าคนรอบ ขา้งโดยเฉพาะลกูนอ้งของเขากาํลงัจบัตามองพฤติกรรมของเขาอยู่เสมอและไม่เพียงแต่มองการกระทาํทีÉ ไม่สอดคลอ้งกบัคาํพูดเท่านนัÊนะครบั มองแอนด์เมา้ท์ครบั !! เม้าทอ์ะไรก็ไม่มันสเ์ทา่เม้าทห์ ัวหน้า (หรอืผู้บริหาร) ยิÉงเป็ นหัวหน้าทีมÉีพฤติกรรมพดูอย่าง ทาํอย่างพวกนีÊแหละครับ เป็ นเหยืÉอให้เม้าทก์ันสนุกนักแหละ บอกแลว้ว่ายคุนเป็นยุคของ ีÊ Social Network เมืÉอลกูนอ้งไดเ้ห็นพฤติกรรมทีÉไม่น่าเชืÉอถือของ หวัหนา้อย่างนแีÊลว้ละ่ก็แป๊บเดียวมีหวงัไดก้ลายเป็นหวัขอ้เมา้ทก์นัใน Line ของกลมุ่ลกูนอ้งอย่าง สนกุสนานอีกต่างหาก และไม่ตอ้งพดูถึงว่าความเคารพศรทัธาเชืÉอถือจากลกูนอ้ง เพราะหายไปนบัแต่วนัทÉหีวัหนา้พดูอย่างทาํอย่างแลว้ละ่ครบั!! ตรงนีผÊมเลยอยากจะฝากใหห้วัหนา้หรือผูบ้รหิารทุกท่านหนักลบัมาสาํรวจดวูตัรปฏิบตัิของท่าน อย่างจรงิๆจงัๆไม่เขา้ขา้งตวัเองนะครบัว่า....


Page 58 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ วันนีทÊ่านมีพฤติกรรมการกระทาํสอดคลอ้งกับคาํพูดมากน้อยแค่ไหน เป็นคนทีพÉูดกลบัไป กลับมา พูดอย่างทาํอย่าง รับปากไว้แล้วก็ลืมไม่ทาํตามคาํพูด ฯลฯ หรือไม่แล้วจะต้องเริÉม ระมดัระวังความประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมถูกทาํนองคลองธรรมให้ดีด้วยนะครับ เพราะบอกแลว้ว่าลกูนอ้ง Gen Y เขาคอยจบัจอ้งมองหวัหนา้ของเขาอยู่เสมอถา้หวัหนา้มี พฤติกรรมทีÉดีทีÉเหมาะสม เป็นคนทีÉพดูกบัทาํเป็นไปในทางเดียวกนัมีความน่าเชืÉอถือเขาก็จะเคารพศรทัธา และอยากทาํงานดว้ย แต่ถา้พฤติกรรมการกระทาํตรงกนัขา้มกบัคาํพดูหวัหนา้คนนนัÊก็อย่าหวงัว่าจะไดใ้จลกูนอ้งเลยนะ ครบัแถมเขายงัจะคอยหาจงหวะชิ ัÉงหนีทนัทีทÉีเขามีโอกาสอกีต่างหากครบั


Page 59 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ8 เทคนิคการสัมภาษณเ์พอืÉคัดเลอืกลูกน้องท “ใช่” ีÉ บ่อยครังทีÊ Éหวัหนา้งาน (หรือองคก์ร)จะตอ้งมาตามลา้งตามเช็ดตามแกป้ัญหาในเรืÉองของคน เช่น รบัพนกังานเขา้มาใหมก่ ็ทาํงานไม่ไดอ้ย่างทÉีคาดหวงัไวห้รือไม่ผ่านทดลองงาน, ผ่านทดลองงานเขา้มาอยู่ไม่ นานก็ลาออกไปเสียอีกทาํ ใหต้อ้งมาหาคนใหม่สอนงานกันใหม,่ทาํงานไปเมืÉออายงุานเริÉมมากขึนÊก็สรา้ง ปัญหาเพราะเป็นคนมีทศันคติไม่ดีต่อเพÉือนร่วมงาน, หวัหนา้, ลกูนอ้ง หรือทัศนคติไม่ดีกบัองคก์ร วนัๆเอา แต่นินทาสโมสร งานการไมท่าํแต่จะเรียกรอ้งขอขึนÊเงินเดือนและโบนสัเยอะๆถา้ไมไ่ดก้็จะหาแนวรว่มยืÉน ขอ้เรียกรอ้งจะเอาใหไ้ดโ้ดยไม่ฟังเหตฟุังผลของใครทงนั ัÊน ฯลฯÊ แน่นอนว่าปัญหาทีÉผมยกตวัอย่างมานียÊงัไงเสียก็จะตอ้งหาทางแกไ้ข.... แต่ท่านเคยคิดไหมครับว่าปัญหาทีเจอในวันนีÉมันมีสาเหตุมาจากอะไร Ê ? ถา้มองกนัไปจนถึงตน้ทางก็จะพบว่าปัญหามาจากตอนสรรหาคดัเลือกคนโดยเฉพาะการ สมัภาษณผ์ สู้มคัรงาน และตดัสินใจรบัผสู้มคัรทÉีมีคณุสมบติไม่เหมาะสม ั (แต่หลายครังÊหวัหนา้งานก็“ดนัทุ รงั” รบัมาจนได)้เขา้มาทาํงานกับองคก์รน่ะสิครบั !! เพราะไมไ่ดใ้หค้วามสาํคญักับการสมัภาษณเ์พÉือคดัเลือกคนทÉี “ใช่” ทีÉเหมาะสมเขา้มาทาํงานก็เลย ทาํ ใหเ้กิดปัญหาอย่างทÉีเจอกนัอย่นูÉีไงล่ะครบั เรามาดกูนัไหมครบัว่าทาํ ไมองคก์รถึงไดค้นไมเ่หมาะสมเขา้มาทาํงาน ตามผมมาสิครบั.... 1. องคก์รมกัคิดว่าการสัมภาษณค์ ือ “พรสวรรค”์ สมมตุิว่าคณุมนสัเป็นพนกังานในฝ่ายการตลาด ต่อมาคณุมนสัทาํงานเติบโตกา้วหนา้ไดเ้ลืÉอน ตาํแหน่งมาจนปัจจบุนัคณุมนสัเป็นผูจ้ดัการแผนกการตลาด อย่มูาวนัหนึÉงพนกังานการตลาดลกูนอ้งของ คณุมนสัลาออก ฝ่ายบุคคลก็ตอ้งหาผูส้มัครงานมาได้3 รายจึงนดัคณุมนสัใหส้มัภาษณผ์ สู้มคัรงานทง ัÊ 3 รายว่าใครเหมาะสมทีÉจะมาทาํงานในตาํแหน่งพนกังานการตลาด ทัง ๆ ทีÊ คุณมนัสเองก็ไม่เคยสัมภาษณ์ใครมาก่อน และฝ่ ายบุคคลก็ไม่เคยส่งคุณมนัสไป É เรียนรู้เทคนิคการสัมภาษณ์พอถึงวันสัมภาษณ์ท่านคิดว่าคณุมนัสจะทาํยังไงล่ะครับ ?


Page 60 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ คาํตอบก็คือคณุมนสัก็จะสมัภาษณไ์ปโดย“อตัโนมตัิ” โดยทาํตวัเสมือนว่าเป็นผเู้ชีÉยวชาญการ สมัภาษณ์เพราะถือว่าตวัเองเป็นตงัÊผจู้ดัการแผนกการตลาดนÉีนาขืนไปทาํท่าว่าเป็นมือใหม่ในการ สมัภาษณใ์หผ้ สู้มคัรงาน (หรือใหฝ้่ายบคุคล) เห็นเดÌียวเขาจะไม่เชืÉอถือเรา แถมอาจจะคิดว่าการสัมภาษณ์ก็ไม่เหน็จะยากอะไร มันก็แค่การพูดคุยซักถามประวัติการ ทาํงาน เรืÉองทางบ้าน งานทีชอบ เป้าÉหมายในชีวิต ฯลฯ เรียกว่าการสัมภาษณ์คือการพูดคยุดูตัว ผู้สมัครงานทําความรู้จักกันก็คงไม่ผิดมัËงครับ พอคิดไดอ้ย่างนีคÊณุมนสัก็จะเป็นไปตามขอ้ 2 ต่อไปนีคÊรบั 2. สัมภาษณแ์บบ “จิตสัมผัส” (Unstructured Interview) อนันีผÊมบญัญัติศพัทเ์ป็นภาษาไทยขึนÊมาเองนะครบัแต่นกัวิชาการท่านมกัจะเรียกว่า “การ สมัภาษณแ์บบไม่มีโครงสรา้ง” (แหมแปลคาํว่า Structured แปลว่า “โครงสรา้ง” ตรงตวัเป๊ะเชียวนะครบั) คือสาํหรบัผมแลว้ถา้แปลแบบตรงตวับางทีอาจทาํ ใหท้ ่านงงๆแต่ถา้แปลแบบชาวบา้นว่า “การ สมัภาษณแ์บบจิตสมัผสั” ท่านคงจะนึกภาพออกเลยจรงิไหมครบั มนัก็คือการสมัภาษณแ์บบ “ใชค้วามรูส้ึก” หรือใชล้างสงัหรณ์หรือใชอ้ารมณข์องผสู้มัภาษณเ์ป็น หลกัมากกว่าการใช้“เหตแุละผล” หรือการใช้“ขอ้มลู-ขอ้เท็จจรงิ” มาประกอบการสมัภาษณย์งัไงล่ะครบั ซึÉงวิธีการสัมภาษณแ์บบจิตสัมผัสกไ็ม่ยากหรอกครับ เพราะใคร ๆ ก็สมัภาษณไ์ด้คอื.... - ไม่ตอ้งเตรียมตวัอะไรมาก่อนเขา้หอ้งสมัภาษณท์ งสิ ัÊนÊไม่ว่าจะเป็นการอา่นใบสมคัรงาน มาก่อนล่วงหนา้,การเตรียมคาํถามมาก่อนล่วงหนา้ฯลฯ เรียกว่ามาแต่ “รา่ง”ของผู้ สมัภาษณส์ว่นคาํถามไปคิดเอาทีหลงั - เมืÉอเขา้ไปในหอ้งสมัภาษณก์็เรÉมิตน้ดว้ยคาํว่า “ช่วยเลา่ ประวตัิการศึกษาหรือ ประสบการณท์าํงานใหฟ้ังหน่อย....” หรือ อะไรทาํนองนีแÊหละครบัแลว้ก็ฟังผูส้มคัรงาน พดูไปเรืÉอยๆ พรอ้ม ๆกบัเปิดใบสมคัรงานอ่านตามไป (ก็ไม่ไดอ้่านมาก่อนนีÉครบั) - พอผสู้มคัรงานแนะนาํตวัเองหรือเล่าประวตัิตวัเองจบ ผสู้มัภาษณก์ ็ถามอะไรไปเรืÉอย ๆ ตามทีÉตวัเองอยากถาม อยากคยุหรืออยากรู้โดยไม่มีเปา้หมายของแต่ละคาํถามทีÉชดัเจน ว่าถามไปเพืÉอตอ้งการอะไร - ใชค้วามรูส้ึกของตวัเองในการ “อ่าน” ผสู้มคัร เช่น ถา้รูส้กึถกูชะตาผสู้มคัรรายนก็จะเทใจ ีÊ ใหโ้ดยไม่คิดจะใชค้าํถามอะไรมายืนยนัว่าสิÉงทีÉตนเองคิดน่ะถกูหรือเปลา่เชน่ถา้ผูส้มัครมี บคุลิกภาพยิมÊแยม้แจ่มใส หนา้ตาเป็นมิตร พดูคลอ่งแคล่ว หรือจบจากสถาบนัทีÉตนเองชืÉน ชม หรือทาํงานในบริษัทใหญ่ๆ ดังๆ มาก็จะคิด (เอาเอง) ว่าผสู้มคัรคนนีแหละ “ใช่” เลย Ê


Page 61 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ โดยทีÉไม่ไดค้ิดทÉจีะใชค้าํถามเพÉือตรวจสอบความแน่ใจว่า ผูส้มคัรคนนีเÊหมาะสมกบั ตาํแหน่งนีจริงหรือเปล่า อย่างนีÊไÊม่เรียกว่าใชจ้ิตสมัผสัแลว้จะเรียกว่าใชอ้ะไรตดัสินไดอ้ีก ละ่ครบั - แลว้ก็ใช้“ความรูส้ึก” ตดัสินใจรบัผูส้มคัรรายนีเÊขา้มาทาํงาน แลว้ก็เกิดปัญหากบัทงัÊ หน่วยงานและบรษิัททงในระยะสั ัÊนและระยะยาวต่อไปÊ และนีÉคือจุดเริÉมต้นของปัญหาในเรืÉอง “คน” ในหลาย ๆ หน่วยงานหรือหลาย ๆ บรษิัททีÉ เป็นอยู่ทกุวันนี คือเริÊ ÉมจากการคัดเลือกคนทีไÉม่เหมาะสม หรอืได้คนไม่ดีเข้ามาร่วมงานยังไงล่ะ ครับ !! ผมมกัจะบอกเสมอว่าการสัมภาษณเ์พืÉอคดัเลือกคนเข้าทาํงานจาํเป็นทีÉจะต้องใช้สมองซีก ซ้าย หรือเหตุและผล หรอืข้อมูลขอ้เท็จจรงิต่าง ๆ จากผู้สมัครงาน และจากการเตรียมคาํถามทีมีÉ เป้าหมายของผู้สัมภาษณม์าใช้มากกว่าการใช้ความรู้สกึหรอืมักจะเน้นหนักไปในเชิงอคติ(Bias) ของผู้สัมภาษณน์ะครบั ถ้าอย่างงัÊน บรษิัทควรทาํยังไงเพืÉอให้หวัหน้างานสามารถสมัภาษณเ์พืÉอคัดเลือกผู้สมคัร งานเข้ามาในองคก์รได้ดีขึนกว่าทีÊเÉป็นอยู่ในปัจจุบัน ? ทาํอย่างงีดÊีไหมครบั 1. สอนให้หัวหน้างาน หรอื Line Manager ทุกคนรู้จักเทคนิคการตัÊงคาํถามแบบ Structured Interview ซึÉงเรืÉองนีกÊ็ไม่ไดย้ากเย็นอะไรก็ฝ่ายบุคคลนÉนัแหละครบัเป็นวิทยากรภายในเปิดคอรส์ สอนเทคนิค การตังÊคาํถามใหก้บัหวัหนา้งานไดเ้ขา้ใจวิธีการ คือใหห้วัหนา้งานรูจ้กัวิธีการตงัÊคาํถามจากJob Description หรือจาก Competency ในตาํแหน่งงานทีÉกาํลงัจะหาคนเขา้มาทดแทน ซึÉงวิธีการตังÊคาํถามไวล้ว่งหนา้ตาม JD หรือตาม Competency นีÊในปัจจบุนัเขาก็จะมีคาํหรูๆก็ คือ “Competency Base Interview – CBI” หรือการสมัภาษณโ์ดยใชส้มรรถนะ/ความสามารถของ ตาํแหน่งงานนนัÊๆ” เป็นตวักาํหนดคาํถาม ผมยกตวัอย่างการตงัÊคาํถามแบบ CBI เพืÉอใหท้ ่านเขา้ใจมากขึนอย่างนีÊนÊะครบั 1.1 ดูว่าตาํแหน่งงานนัÊน ๆ ต้องการ Competency อะไรบ้าง : โดยการนาํตาํแหน่งงานทÉี ตอ้งการหาคนมาทดแทนขึนÊมาดวู่าในตาํแหน่งนนัÊตอ้งการ Competencyอะไรบา้งยกตวัอย่างเช่น ตาํแหน่งพนกังานการตลาด ตอ้งการ Competency ดงันีÊ


Page 62 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ - ความรูด้า้นการตลาด - ทกัษะการจดัอีเวน้ท์ - มนุษยสมัพนัธ์ 1.2 นํา Competency ตามข้อ 1 มาดูนิยามระดับความสามารถ (Proficiency Level – PL) : ว่าแต่ละตวัเราตอ้งการขีดความสามารถในแต่ละระดบั (PL) อย่างไรแลว้ตงัÊคาํถามเพÉอืดวู่าผสู้มคัร งานมีขีดความสามารถในระดบันน ๆ มากัÊ -นอ้ยแค่ไหน ซึÉงผมจะยกตวัอย่าง Competency มาเพียง 1 ตวั (คือทกัษะการจดัอีเวน้ท)์ โดยมตีวัอย่างนิยาม PLและตวัอยา่งคาํถามอย่างง่ายๆ พอทาํ ใหท้ ่านไดไ้อเดีย ดงันีนÊะครบั ตัวอย่าง Competency : ทกัษะการจัดอีเว้นท์ ระดับ PL นิยาม คาํถาม 1 -สามารถคิดและนาํเสนอรูปแบบงานอีเวน้ทอ์ย่าง ง่ายๆ ใหก้บัผูบ้งัคบับญัชา -บอกขอ้ดี-ขอ้เสียของการจดังานรูปแบบต่าง ๆได้ ถกูตอ้ง 1.ถา้บริษัทจะจดังาน.....คณุ จะเสนอรูปแบบของการจดั งานอีเวน้ทน์ ีอย่างไรÊ 2. งานอเีวน้ทท์ÉีคณุเสนอมานีมีÊ ขอ้ด-ีขอ้เสียอย่างไรบา้ง 2 -สามารถจัดงานอเีวน้ทท์Éีมีผูเ้ขา้ชมงานไม่เกิน 200 คนไดส้าํเร็จตามเป้าหมาย -สามารถแกป้ัญหาเบือÊงตน้ทÉีเกิดขึนในระหว่างÊ การจดังานไดส้าํเรจ็ 1. คณุเคยมปีระสบการณใ์น การจดังานอเีวน้ทท์Éีมีผูเ้ขา้ชม งานประมาณ 100-200 คนมา บา้งหรอืไม่ 2. มีปัญหาอะไรบา้งในงานทÉี คณุจดั จากตวัอย่างขา้งตน้ท่านพอจะมองเห็นวิธีการแลว้ใช่ไหมล่ะครบั นีÉแหละครับทีÉเรียกเป็นภาษาวิชาการว่า “Structured Interview” หรือการเตรียมตังÊคาํถามไว้ ลว่งหนา้และใชค้าํถามนีกÊบัผสู้มคัรทกุคนแบบเดียวกนั ซีÉงถา้ผูส้มัครงานคนไหนสามารถตอบคาํถามไดด้ีทีÉสดุในแต่ละคาํถาม (ซÉงเราสามารถคิดเป็น ึ คะแนนในแต่ละคาํถาม และนาํมารวมคะแนนในทุกคาํถามภายหลงัไดอ้ีกนะครบั) ผูส้มคัรคนนันจะÊ เหมาะสมกบัตาํแหน่งงานนีมากทีÊ Éสดุ


Page 63 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ การสมัภาษณแ์บบนีจÊะลดอคติหรือการใชค้วามรูส้ึก หรือจิตสมัผสัในการคดัเลือกผูส้มคัรงานได้ เยอะเลยนะครบัเพราะไมว่ ่าผูส้มคัรจะจบการศึกษาจากสถาบนัดงัขนาดไหน เคยทาํงานในองคก์รใหญ่ หรือเล็กมาก็ตาม แต่ถา้ใครคนนนัÊตอบคาํถามทÉเีราเตรียมมาไดด้ีทÉีสุด คน ๆ นันÊแหละครบัทีÉน่าจะ เหมาะสมมากทีÉสดุจรงิไหมครบั หลกัการนีทÊ่านนาํ ไปประยกุตใ์ชก้นัไดเ้ลยนะครบัจะไดเ้ลิกวิธีการสมัภาษณแ์บบจิตสมัผสักนัเสียที 2. สอนให้หัวหน้างาน หรอื Line Manager ทุกคนทีจÉะต้องเป็นผู้สัมภาษณไ์ด้รู้จักเทคนิคการ สัมภาษณอ์ย่างถูกต้อง ในส่วนนีฝÊ่ายบุคคลก็ตอ้งสอนใหห้วัหนา้งานไดเ้รียนรูว้ิธีการอา่นหรือสงัเกตผสู้มคัรงาน ไม่ว่าจะ เป็นการสงัเกตเรÉืองของภาษากายการพูดจา บุคลิกภาพของผูส้มคัรงานในระหว่างการสมัภาษณ์ซึÉงตรงนีÊ ตอ้งการอาศยัการฝึกฝน และการสงัเกตผูค้นบ่อยๆเพืÉอใหเ้กิดทักษะในการอ่านคนประกอบกนัไปดว้ยครบั ในเรืÉองของการสงัเกตภาษากายนีจÊะมีหนงัสือหนงัหา ตาํรบัตาํราตามรา้นหนงัสือ หรือท่านจะเขา้ ไปหาความรูใ้นกเูกิลÊกม็ ีอยู่ไม่นอ้ยซÉงเป็นสิ ึÉงสาํคญัทÉีคนเป็นผูส้มัภาษณจ์ะตอ้งฝึกทกัษะดา้นนีไÊวด้ว้ย เพราะคนทีÉเป็นหวัหนา้งานทÉีประสบความสาํเรจ็จาํเป็นจะตอ้ง “อ่านคนได.้.ใชค้นเป็น”จรงิไหมครบั ผมเชืÉอว่าเมืÉอหวัหนา้งานทุกท่านอา่นมาถึงตรงนี คงจะเริÊ Éมเห็นภาพ และเห็นความสาํคญัของ ตวัเองในการเตรียมตวัก่อนการสมัภาษณเ์พÉือคดัเลือกว่าทÉลีกูนอ้งทÉีมีคุณสมบตัิเหมาะสมเขา้มาทาํงานกนั บา้งแลว้ ส่วนในรายละเอียดมากกว่านีทÊ่านสามารถสอบถามไดท้ีÉ HR ในบริษัทของท่านไดน้ะครบั


Page 64 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ9 ทักษะวางแผน “วางแผนดีเท่ากับงานสาํเร็จไปแล้วครึÉงหนึÉง” ผมเชืÉอว่าท่านคงจะตอ้งเคยไดย้ินคาํๆ นีÊ กนัมาแลว้นะครบั คําถามก็คือ “แล้วท่านเป็ นหัวหน้างานทีวางแผนก่อนทีÉจะสัÉ Éงงานหรือมอบหมายงานให้ ลูกน้องบ้างหรือเปล่าครับ ?” มีหวัหนา้งานทÉีผมเคยเจอมาไม่นอ้ยเลยนะครบัทีÉไม่เคยวางแผนก่อนการสัÉงงานลกูนอ้ง นึกอะไร ออกก็บอกใหลู้กนอ้งทาํเดีÌยวนันÊแต่ไม่ไดม้ีการวางแผน (การวางแผนคือการคิดเอาไวก้่อนลว่งหนา้นÉนเอง) ั เสียก่อนว่างานทีÉตอ้งการทÉีจะใหล้กูนอ้งทาํคือเรืÉองอะไร ผลลพัธห์รอืเปา้หมายทีÉตอ้งการคืออะไร ตอ้งการ ใหเ้สรจ็และนาํมาส่งใหเ้มÉอืไหร่ เช่น เรียกลกูนอ้งมาสÉงังานวนันพีÊอวนัรุง่ขึนÊก็ไปถามลกูนอ้งว่างานทÉีใหท้าํเมÉอวานนี ืเÊสร็จแลว้หรือ ยงัพอลกูนอ้งบอกว่ายงัไม่เสรจ็ก็โกรธหาว่าทาํ ไมลกูนอ้งไมร่ ีบทาํงานใหเ้สรจ็ตามทีÉบอก พอลกูนอ้งบอกว่าก็พÉีไม่ไดบ้อกว่าจะตอ้งสง่งานวนันีÊก็หาว่าลกูนอ้งเถียงตอ้งรูส้ิว่าพÉีเป็นคนใจรอ้น ไม่รูใ้จพÉบีา้งเลยฯลฯ โธ่..ลกูนอ้งของท่านเขาไม่ไดจ้บวิชาจิตสมัผัสมานะครบัเขาจะไดม้าลว่งรูใ้จหวัหนา้ไปเสียทุกเรืÉอง หรือเดาใจหวัหนา้ไดอ้ย่เูรืÉอย ๆ ผมยกนิทานเรืÉองหนึÉงดีกว่าครับ หลวงพ่ออยู่บนกฏุใิตถ้นุสงูกับลกูศิษยว์ดั คํÉาวนัหนÉงึหลวงพ่อไดย้ินเสียงหมารอ้งใตถุ้นกฏุิก็บอกลกู ศิษยท์ ันที“แดง..เอง็ไปดใูตถุ้นกุฏิหน่อยสิหลวงพ่อไดย้ินเสียงหมามนัรอ้งไม่รูม้ีอะไรหรือเปลา่ ” ลูกศิษยก์็รบี วิÉงลงไปดแูลว้ก็ขึนมารายงาน “หลวงพ่อÊหมามนัออกลกูครบั” “มนัออกลกูมากีÉตวักนัล่ะ” หลวงพ่อถาม ลูกศิษยว์Éงิกลบัลงไปใหม่สกัครู่กลบัขึนÊมาพรอ้มคาํตอบ


Page 65 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ “4 ตวัครบั” “เออ..แลว้มนัเป็นตวัผหู้รือตัวเมียละ่ ” หลวงพ่อถามต่อพรอ้มกบัเริÉมหงดุหงิดเล็กๆ ลกูศิษยว์Éงิกลบัลงไปดใูหม่แลว้กลบัมาบอกหลวงพ่อว่า “ตวัผู้2 ตวัเมีย2 ครบั” หลวงพ่อถามต่อ“แลว้มนัสีอะไรกนับา้งล่ะ” ลกูศิษยต์อ้งลงไปดูอีกเป็นครงที ัÊ É 3 “สีนําตาล Ê 1 ตวัสีขาว 2 ตวัสีดาํจดุขาว 1 ตวัครบั” ลกูศิษยข์นมารายงานึÊ หลวงพ่อก็เลยสัÉงสอน “นีÉไง เอ็งทาํงานไม่รอบคอบเลย ทาํ ไมไม่ลงไปดคูรงัÊเดียวแลว้สงัเกตให้ ละเอียดถีÉถว้น ก็ลงไปดสูิว่าถา้หมามนัออกลูก มนัออกลูกกีÉตัว สีอะไรบา้ง ตวัผูก้ีÉตัว ตวัเมียกีÉตวัเพราะ พรุ่งนีเÊวลาญาติโยมเขามาทาํบญุทÉีวัดหลวงพ่อจะไดบ้อกเขาใหเ้ขามาดพูอมนัหย่านมแม่มนัแลว้เผืÉอใคร เขาสนใจเขาจะไดเ้อามนัไปเลียÊง ทาํ ไมเอ็งถึงคิดเองไม่เป็นบา้งเลยทาํงานอย่างงีจะÊเป็นใหญ่เป็นโตต่อไปได้ ยงัไง....ฯลฯ” นิทานเรืÉองนีÊถ้ามองจากมุมผู้สÉังงานเป็นหลักก็จะมองวา่ผู้รับคาํสÉัง (หรือลูกน้อง) ผิดเสมอ! แต่ถา้มองอย่างเป็นธรรมแลว้ผสู้Éงังานไดว้างแผนและบอกเปา้หมายหรือผลลพัธท์ีÉตอ้งการใหผ้รู้บั คาํสÉงัไดรู้บ้า้งหรือไม่จะใหล้กูนอ้งรูใ้จ(หรือเดาใจ) หวัหนา้เขา้ใจเอาเองอย่างงนัÊหรือครบั เมืÉอลกูน้องทาํ ไม่ได้อย่างใจ เพราะไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้สÉังงานก็กลายเป็นลูกน้อง ผิดเสียอีก !! จะดีกว่าไหมครบัถา้.... กรณีนีหÊลวงพ่อบอกลกูศิษยว์่า “หลวงพ่อไดย้ินเสียงมามนัรอ้งเหมือนจะออกลกูถา้มันออกลกูมา เอ็งก็ไปดใูหถ้ีÉถว้นนะว่าเป็นตวัผูก้ีÉตวัตวัเมียกีÉตวัสีอะไรบา้ง เพราะหลวงพ่อว่าจะบอกญาติโยมทีÉเขามา ทาํบญุวนัพรุ่งนีเผืÊ ÉอมีใครสนใจจะเอามนัไปเลียÊงต่อมนัหย่านมแม่มนัแลว้ต่อไป...” ลูกศิษยเ์องก็จะได้เข้าใจเป้าหมาย ผลลัพธข์องงานชัดเจนและปฏิบัติได้ตรงกับแผนทีÉ หลวงพ่อวางไว้(หลวงพ่อวางแผนทีจะบอกญาติโยมทีÉสÉนใจจะนําลูกหมาไปเลียง) Êจะได้ลดปัญหา ในการทาํงานร่วมกัน จากตวัอย่างนีคÊงจะทาํ ใหท้ ่านไดข้อ้คิดในเรืÉองของการวางแผนและบอกเป้าหมายตลอดจนผลลพัธ์ ทีÉตอ้งการใหก้บัลูกนอ้งไดท้ราบก่อนการปฏิบตัิเพÉือลดปัญหาในการทาํงานร่วมกนับา้งแลว้นะครบั


Page 66 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั จะใหด้กีว่านนก็คือ เมื ัÊ Éอวางแผนงานเสรจ็แลว้ควรเรียกประชุมทีมงานผเู้กีÉยวขอ้งเพÉือแจง้ให้รบัทราบแผนรว่มกนัแลว้ควรจะตอ้งขอความคิดเห็นของทีมงานดว้ยเหมือนกนัว่าใครมีอะไรจะซกัถามหรือมีไอเดียอะไร ทีÉจะเสรมิทÉีจะทาํ ใหง้านนสีÊมบรูณม์ากยิÉงขึนÊบา้งหรือไม่แลว้กต็อ้งรบัฟังลกูนอ้งดว้ยนะครบั เพราะหลายครังทีÊ ÉผมบอกแผนงานทังÊหมดไปแลว้แต่ลกูนอ้งบางคนมีความคิดเห็นและเสนอ ความเห็นเพิÉมเติมทาํ ใหแ้ผนงานดีมากยÉงขึ ิ นกว่าเดิมก็มีÊผมมีตวัอย่างของแผนงานใหท้ ่านดูดงันคีÊรบั


Page 67 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั จากตวัอย่างแผนการประหยดัค่าไฟฟ้าของบรษิัทขา้งตน้ท่านจะเห็นว่ามีคอลมันห์ลกัๆอยู่4 แถว คืองานหรือกิจกรรม, ผรู้บัผิดชอบ, งบประมาณ และกรอบเวลาทÉีจะปฏิบตัิตามแผน ซÉงท่านอาจจะเพิ ึÉม คอลมันอ์Éืน ๆ ทีÉตอ้งการเขา้ไปในแผนงานนีอÊีกก็ไดน้ะครบัเช่น ตวัวัดผลสาํเรจ็ตามแผน (หรือทÉเีรียกกนัว่า KPIs) เป็นตน้แต่จากตวัอย่างทÉีผมยกมาใหด้นูีก็เพืÊ Éอจะทาํ ใหท้่านไดเ้ห็นภาพทÉชีดัเจนว่าถา้หากหน่วยงานของ เราตอ้งการจะทาํงานอะไรสกัอย่าง แลว้เราไม่มีแผนอย่างทÉยีกมาใหดู้ถามว่าตวัผปู้ฏิบตัิเขาจะรูห้รือเห็น


Page 68 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ภาพไหมละ่ครบัว่างานนน ๆ (ในที ัÊ ÉนีคÊือโครงการประหยดัค่าไฟฟ้าของบริษัท)จะเริÉมตน้ยงัไงและมอีะไรต่อ แลว้จะสินÊสดุเมÉอืไหร่ถา้จะใหห้วัหนา้งานไปบอกเป็นครง ๆ สั ัÊ Éงใหท้าํเป็นคราวๆไป โดยผูป้ฏิบตัิไม่ทราบ แผนแลว้ผลลพัธ์ออกมาก็คงไมต่อ้งพดูถึงนะครบัว่ามนัจะเป็นยงัไง แต่ถา้มีแผนงานอย่างตวัอย่างขา้งตน้และมีการชีแÊจงอธิบาย ทาํความเขา้ใจ ตอบคาํถามใหก้ับ ทกุคนทÉจีะตอ้งปฏิบตัิงานใหช้ดัเจนแลว้จะดีกว่าไม่มีแผนงานจรงิไหมครบั เมืÉอท่านทีÉเป็นหวัหนา้งานอ่านมาถึงตรงนีแÊลว้อย่าลืมกลบัมาถามตวัเองว่า.... วันนี..ก่อนทีÊเÉราจะทาํอะไร หรือสÉังให้ลูกน้องทาํอะไรก็ตาม เราวางแผนแล้วหรือยังครับ?


Page 69 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ10 ทักษะการมอบหมายและติดตามงาน เมืÉอมีการวางแผนงานแลว้หัวหนา้งานก็ตอ้งมอบหมายงานใหล้กูนอ้งปฏิบตัิโดยมีกรอบเวลาใน การปฏิบตัิตามแผนทÉีชดัเจน (ดตูวัอย่างแผนงานในบททÉีแลว้นะครบั) เพÉือทีÉลูกนอ้งจะไดท้ราบว่างานแต่ละ เรืÉองนันÊจะตอ้งทาํอะไรบา้งและตอ้งเสร็จเมืÉอไหร่ แมว้่างานหลายเรืÉองจะไม่ไดเ้ขียนออกมาเป็นแผนอย่างเป็นทางการเหมือนตวัอย่างทีÉผมบอกไป แลว้แต่หวัหนา้งานใชว้ิธีเดินไปบอก(หรือเรียกลกูนอ้งมาบอก) ใหท้าํงานย่อยๆอะไรก็ตาม หวัหนา้งานก็ ควรจะตอ้งบอกลกูนอ้งไปดว้ยว่างานทÉีสัÉงหรือมอบหมายไปนันจะเอาเมืÊ Éอไหร่ ผมเคยเจอหวัหน้างานทเีÉช้าวันจันทรเ์ดินไปสÉังงานลูกน้อง พอบ่ายวันอังคารก็เดินมาถาม ว่าลูกน้องทาํงานทสัีÉ ÉงไปเมืÉอวานเสรจ็แล้วหรอืยัง พอลกูน้องบอกว่ายังทาํ ไม่เสร็จก็โกรธหาว่า ลูกน้องมัวไปทาํอะไรอยู่สÉังให้ทาํแล้วทาํ ไมไม่รีบทาํ ให้เสร็จ !!?? ลกูนอ้งก็เหวอน่ะสิครบัก็พีÉไม่บอกว่าพีÉจะเอางานนีเมืÊ Éอไหรแ่ลว้จะใหล้กูนอ้งไปทาํตวัเป็นพวกจิต สมัผสัหรือมญีาณทิพยร์ูใ้จพÉีไดทุ้กเรÉอืงเลยหรือยงัไงล่ะครบัเทพไปรเึปล่า ? ผมบอกกบัท่านไวแ้ลว้ว่าลกูนอ้งทกุคนตอ้งการความชดัเจน ตอ้งการการสืÉอสารกบัเขาใหค้รบถว้น จะไดเ้ขา้ใจตรงกนัและลดปัญหาในการทาํงานร่วมกนัดังนนการสื ัÊ Éอสารกบัลกูนอ้งทÉีเป็นคนรุน่ ใหม่ตอ้ง ชดัเจนครบัอย่าลืม แล้วหัวหน้างานควรจะต้องรู้อะไรบ้างล่ะเมืÉอจะต้องมีการมอบหมายงานให้กับลกูน้อง ? 1. บอกเป้าหมายหรือวัตถุประสงคใ์นงานให้ลูกน้องรับทราบอย่างชัดเจน จริง ๆ เรืÉองนีผมได้Ê พดูในบทของทกัษะการวางแผนไปแลว้นÉนัก็คือหวัหนา้งานควรจะวางแผนก่อนทีÉจะมีการสัÉงงาน หรือมอบหมายงาน ดงันันเมืÊ Éอมีแผนงานแลว้ก็ตอ้งประชุมหรือพดูคยุกบัลกูนอ้งใหไ้ดท้ราบว่าแผน ทีÉวางไวเ้ป็นยงัไง ใครจะตอ้งทาํอะไร เมÉือไหร่ผลลพัธห์รือเปา้หมายทีÉตอ้งการคืออะไร และงานนีÊ จะตอ้งเสรจ็เมÉอืไหร่ฯลฯซÉงเรื ึÉองนีคÊงไม่ตอ้งมาฉายซาํÊกนัอกีนะครบั 2. ควบคมุดูแลการทาํงานลูกน้องอย่างเหมาะสม หมายถึงเมืÉอมอบหมายงานใหลู้กนอ้งไปแลว้ก็ มีการควบคมุดแูลการทาํงานของลกูนอ้งอย่างเหมาะสม ไม่ไปจิกทงเขาถี ึÊ Éจนเกินไป และก็ไม่ใช่ไม่ ดแูลใสใ่จเขาเลยซÉงึหวัหนา้งานจะตอ้งดเูอาเองว่าลูกนอ้งคนไหนทีÉเราจาํเป็นจะตอ้งติดตามงาน


Page 70 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ แบบใกลช้ิดหรือถีÉหน่อยเช่น ลกูนอ้งสไตล์S (คงยงัจาํเรÉือง DISC ไดน้ะครบั)ก็อาจจะตอ้งควบคุม ติดตามงานใกลช้ิดหรือถีÉหน่อยเพราะทาํงานค่อนขา้งชา้ แต่ถา้เป็นลกูนอ้งสไตล์D เขาทาํงานรวดเรว็ฉับไวก็อาจจะไม่ตอ้งติดตามงานบ่อยนกัแต่ควรมาดู ในเรืÉองรายละเอยีดของงานทÉีอาจจะตกหลน่เพราะคนสไตล์D ทาํงานรีบรอ้นไม่รอบคอบและมกัไม่ค่อย สนใจรายละเอียด หวัหนา้งานก็ตอ้งมาควบคมุดแูลในส่วนนีใÊหด้ีเป็นตน้ นีÉแหละครบัทÉีเป็นความหมายของการควบคมุดูแลการทาํงานของลกูนอ้งอย่างเหมาะสมครบัท่าน จะตอ้งยอมรบัสจัธรรมขอ้หนึÉงทีÉว่า “คนทาํงานย่อมเกิดข้อผิดพลาดขึนได้เสมอ” Ê ลกูนอ้งของท่านก็เช่นเดียวกัน เมืÉอท่านมอบหมายใหเ้ขาทาํงานก็มโีอกาสทีÉเขาจะทาํงานผิดพลาด จนเกิดความเสียหายและมีผลกระทบต่อทีมงานของท่านไดด้ว้ย(แมต้วัเราเองก็มโีอกาสจะทาํงานผิดพลาด ดว้ยเช่นเดียวกนั) ดังนัÊนอย่าไปตัÊงเป้าว่าลูกน้องของเราทาํงานจะต้องถูกต้องร้อยเปอรเซ็นต์ ์ แต่ต้องยอมรับ (ไว้ในใจของหวัหน้างาน) ว่าลูกน้องมีโอกาสทาํงานพลาดเอาไว้ด้วย แต่ขอ้ สาํคญัคือเมÉือลกูนอ้งทาํงานผิดพลาด หวัหนา้ทีÉดีก็ตอ้งหาวิธีแกป้ัญหาเสียก่อนทีÉจะมาหวั เสียหรือโวยวายใสล่กูนอ้งจนกระทÉงัลกูนอ้งไม่อยากจะรว่มมือแกไ้ขความผิดพลาดนน ๆ รวมถึ ัÊงหาวิธี ปอ้งกนัไม่ใหเ้กิดความผิดพลาดทาํนองนีเกิดขึÊนซํÊาÊอีกนะครบั 3. มอบอาํนาจให้ลกูน้องตัดสินใจในระดับหนึÉง เป็นวิธีทีÉเรียกว่า “ฝึกลกูน้องให้รู้จักโต” ครบั เพราะมีหวัหนา้งานอกีไม่นอ้ยทÉีเมืÉอมอบหมายงานใหล้กูนอ้งแลว้แต่ไม่ยอมมอบอาํนาจใหล้กูนอ้ง ตดัสินใจบา้งเลย เรียกว่าใหเ้ขาทาํงานแต่พอถึงเวลาจะตดัสินใจคณุตอ้งมาบอกผมเสียก่อนนะยกตวัอย่างง่ายๆก็ คือตอนใกลจ้ะเสียกรุงศรอียุธยาครงที ัÊ Éสอง พอทหารจะยิงปืนใหญ่ใสข่า้ศกึเมืÉอไหรจ่ะตอ้งมาบอกพระเจา้ เอกทัศนเ์สียก่อนทุกครงัÊคือไม่มอบอาํนาจใหเ้ขาตดัสินใจทาํตามหนา้ทÉีอย่างนีแล้Êวผูป้ฏิบตัิจะอยากทาํงาน ไหมล่ะครบั การมอบอาํนาจใหล้กูนอ้งตดัสินใจหรือบางครังเรียกว่าÊ Empowermentจะทาํ ใหผ้ปู้ฏิบตัิรูจ้กัคิด แกป้ัญหาและตดัสินใจแกป้ัญหาไดด้ว้ยตวัเองในระดบัหนึÉง ซึÉงการมอบอาํนาจให้ตัดสินใจไม่ได้หมายความว่าให้อาํนาจไปเสียจนล้นเหลือจนกระทัÉง ถ้าลูกน้องตัดสินใจผิดพลาดจะพากันพังทังÊบรษิัทนะครับ จะว่าไปก็เหมือนกบัการทÉีพ่อแม่มีเงินมาก เมืÉอลกูเรียนจบก็อาจจะบอกใหล้กูไปทาํธุรกิจ


Page 71 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ การคา้ทÉีลกูถนดัโดยใหเ้งนิไปกอ้นหนึÉงเพืÉอใหล้กูเอาไวใ้ชใ้นการทาํธุรกิจซึÉงลกูก็จะตอ้งตดัสินใจใชเ้งินกอ้น นีใÊหด้ีทÉสุด ี แต่ถา้หากลกูตัดสินใจผิดพลาดใชเ้งินจนหมดแต่กิจการขาดทนุพ่อแม่ก็ยงัสามารถรองรบัความ ผิดพลาดจากการมอบอาํนาจนีได้Êไหว และทังÊลกูและพ่อแม่ก็จะตอ้งมาเรียนรูร้ว่มกันว่าเกิดปัญหาความ ผิดพลาดมาจากเรืÉองอะไรเพืÉอระวงัป้องกนัไม่ใหเ้กิดอีกในอนาคต ไม่ใช่พ่อแม่ใหเ้งนิลกูไปจนหมดตวั (คือมอบอาํนาจใหล้กูจนเกนิเลย)แลว้พอลกูตดัสินใจลงทนุ ผิดพลาดพาลลม้ละลายพากนัล่มจมไปหมด นีÉคือความหมายของการมอบอาํนาจใหล้กูนอ้งรบัผิดชอบครบั 4. รับฟังและเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้พูดบ้าง เมืÉอมอบหมายงานไปแลว้บางครงที ัÊ Éลกูนอ้งมีปัญหา มีขอ้ขอ้งใจสงสยัหรืออาจจะไม่ไดม้ีปัญหาแต่อยากจะมาระบายความอดึอดัใจในงานไม่ว่าจะใน เรืÉองใด ๆ หวัหนา้งานควรจะตอ้งพรอ้มจะรบั ฟังดว้ยความตงใจ ัÊ อย่าลืมทีÉผมบอกไปแลว้นะครบัว่าลกูนอ้งทÉีเป็นคนรุ่นใหม่ของท่านก็ตอ้งการความใกลช้ิดเป็น กนัเอง ตอ้งการแสดงความคิดเห็น ตอ้งการนาํเสนอความสามารถว่าเขาก็เป็นคนมี"ของ” เหมือนกัน ถา้หากหวัหนา้ไมร่บั ฟังและใชว้ิธีสÉงัตามอาํนาจของความเป็นหวัหนา้เพยีงอย่างเดียวก็บอกได้ เลยว่าเขาจะอย่ทูาํงานกบัท่านไม่นานหรอกครบั ในทางกลบักนัการรบัฟังขอ้คิดความเห็นของลกูนอ้ง Gen Y อาจจะทาํ ใหท้่านไดไ้อเดียอะไรดีๆ ใหม่ ๆ เพืÉอนาํมาปรบั ปรุงพฒันางาน หรือระบบวิธีการทาํงานใหด้ีขึนÊกว่าเดิมก็ไดน้ะครบั ผมเองก็เคยไดร้บัไอเดียดีๆ จากการรบั ฟังลกูนอ้งมาไม่นอ้ยเหมือนกนัอย่าไปดถูกูว่าเขาเด็กกว่า เรา ประสบการณ์เขานอ้ยกว่าเรา เขาจะรูอ้ะไรนกัหนากนัเชียว ไม่ไดค้รบั..คิดอย่างงีไÊม่ได้ เพราะแมเ้ขาจะเป็นลกูนอ้งเราก็จรงิแต่เขาอาจจะเป็นคนทีÉ Update ตัวเอง ใฝ่หาความรูใ้หม่ๆอยู่ เสมอ หรือเขาเป็นคนทีÉอยู่หนา้งาน อย่ใูกลช้ิดกบัตวัปัญหาในงานมากกว่าหวัหนา้ก็ได้ดงันนัÊการเปิดใจรบั ฟังเขาย่อมจะเป็นประโยชนด์ีกว่าการปิดใจ และไม่ยอมรบั ฟังครบั ผมว่าเรืÉองนีถÊา้หวัหนา้งานใชห้ลกัธรรมชาติขอ้หนึÉงท่านคงเขา้ใจนะครบั.... คาํว่า “ใจเขา-ใจเรา” ไงครับ....เราก็อยากใหห้ัวหนา้ของเรารบัฟังเราดว้ยไม่ใช่หรือครบัแลว้ ทาํ ไมเราถึงจะไม่ยอมรบัฟังลกูนอ้งบา้งล่ะครบั ?


Page 72 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 5. “รู้จัก” คุณลักษณะของลูกน้องแต่ละคนว่าเป็นยงัไง หรือจะพดูว่าหวัหนา้งานทีÉดีจาํเป็นจะตอ้ง “รู้เขา-รู้เรา” เขา้ถึงลกูนอ้งอย่างทÉีผมบอกไปก่อนหนา้นีดÊว้ยเพÉอที ืÉท่านจะได้“อา่นคนไดใ้ชค้นเป็น” หรือ Put the right man tothe right job อย่างจริงจงั ไม่ใช่แค่พดูเอาเท่ห์เพราะถา้หวัหนา้งานรูจ้กัลกูนอ้งแต่ละคนดีพอแลว้ก็จะรูว้่างานไหนควร มอบหมายใหใ้ครทาํซÉงึหวัหนา้งานควรจะระลึกไวใ้นใจอย่เูสมอว่าการมอบหมายงานไม่ใช่การโยนงานนะ ครบั แต่ตอ้งดวู่าใครเกีÉยวขอ้งและมีหนา้ทÉีทีÉจะตอ้งทาํงานนน, เขามีความสามารถที ัÊ Éจะทาํ ไดท้นัทีหรือยงั หรือตอ้งส่งไปฝึกฝนเรียนงานเสียก่อน, ควรจะมอบหมายงานใหท้ ังÊหมดหรือบางส่วนก่อน,จะตอ้ง สนบัสนนุหรือช่วยเหลืออะไรเขาเพิÉมเติมอกีบา้ง ฯลฯ สิÉงเหลา่นีÊแหละครับคือสิÉงทีผÉมเรียกว่าการ “รู้จัก” ลูกน้อง! แลว้วนันีทÊ่านรูจ้กัลกูนอ้งของท่านแต่ละคนดีพอแลว้หรือยงัละ่ครบั ? 6. ติดตามผลงานและพร้อมให้คาํแนะนําเป็นระยะในลักษณะของ CoachเรืÉองนีเÊอาไวเ้ราไปคยุ กนัในรายละเอียดเรืÉองของการสอนงานและใหค้าํ ปรกึษานะครบัแต่ตรงนีผÊมอยากจะบอกกบัท่าน ว่าเมืÉอมีการมอบหมายงานแลว้หวัหนา้งานควรมีการติดตามงานเป็นระยะ สว่นจะบ่อยหรือไม่บ่อยแค่ไหนก็อยู่ทีÉหวัหนา้จะตอ้งรูจ้กัลกูนอ้งแต่ละคนว่ามีคณุลกัษณะยงัไงแต่ ตอ้งมีการติดตามเป็นระยะครบัและพรอ้มช่วยเหลือหรือใหค้าํ ปรกึษาแนะนาํเมืÉอเขามีปัญหา หวัหนา้งาน ไม่ควรโบย้หรือปฏิเสธไม่รบั ฟังปัญหาจากลกูนอ้งอย่างทีÉผมไดเ้คยพดูไปแลว้นะครบั


Page 73 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ11 ทักษะการสอนงาน สมัยผมเข้าทาํงานใหม่ๆ ผมถูกสอนงานยังไงรู้ไหมครับ ? วนัเรÉมิตน้ของการทาํงานครงแรกในชีวิต ประมาณ Êั 7.30 น.ผมเขา้ไปรายงานตวักบัผจู้ัดการสาขา ของธนาคารแห่งหนึÉง ผูจ้ดัการสาขาก็ตอ้นรบัยมิÊแยม้แจ่มใสนอ้งใหม่อย่างผมเป็นอย่างดีหลงัจากสวสัดี แนะนาํตวัเองตามทาํเนียมของนอ้งใหม่ผจู้ัดการสาขาก็เอ่ยมธุรสวาจา “ยินดีดว้ยนะนอ้งทีÉมาทาํงาน รว่มกนัเดÌียวพีÉจะสอนงานให.้...” ว่าแลว้แกก็พาผมไปหาสมหุบ์ญัชีเพÉือแนะนาํตวัซÉงึสมหุบญัชีก็พดูประโยคคลา้ยๆกบัผูจ้ัดการ สาขาเมืÉอตะกีนีÊ Êแลว้ก็พาผมไปส่งต่อใหผู้ช้่วยสมหุบญัชีแลว้ก็มอบหมายว่า “ผชู้่วยสมหุน์อ้งเขาเพิÉงมาเริÉม งานวนัแรกสอนงานนอ้งเขาดว้ยนะ....” ผชู้่วยสมหุบ์ญัชีก็พาผมมาทÉีโต๊ะตวัหนึÉงทีÉมีกองเอกสารเต็มโต๊ะไปหมด “นัÉงเลยนอ้ง” ว่าแลว้ก็ กวาดเอกสารบนโต๊ะนันÊเอาไปไวท้างหนึÉงแลว้ก็หยิบสมดุเลม่ ใหญ่ปกแข็งสีแดงมาวางตรงหนา้ผมพรอ้มกบั พดูว่า “นÉเป็นบุ๊ ีกจ่าย..เวลาลูกคา้มาถอนเงินหรือเอาเช็คมาขึนÊเงินนอ้งตอ้งเอาสลิปในตะแกรงนีÊ(แลว้ชไปที ีÊ É ตะกรา้ใสเ่อกสารอนัหนึÉงตรงหนา้) มาลงในบ๊กุเลม่นี.Ê.เอา้..ลองลงรายการดซูิก็เหมอืนกบัทÉีเขาลงไวก้่อน หนา้นแีÊหละ ไม่ยากหรอกไม่ตอ้งจบปรญิญาตรีก็ยงัทาํ ไดเ้ลย” ว่าแลว้ก็ปลอ่ยใหผ้มลงรายการจ่ายไปสกัครูแ่กก็บอกใหผ้มหยดุแลว้เอาสมุดปกแข็งเลม่ ใหญ่เท่า เล่มตะกีมÊาอีกเลม่หนึÉง แต่เล่มนีปกสีนํÊาÊเงินแลว้ก็บอกว่า “นอ้ง..นีÉเป็นบุ๊กรบั..เวลาลกูคา้มาฝากเงินนอ้งก็ ตอ้งเอาสลิปในตะแกรงนีÊ(แลว้ชไีÊปอีกตะกรา้หนึÉง) มาลงในบ๊กุนี.Ê.เอา้ลงรายการรบัไปเลย” แลว้แกก็ปลอ่ยใหผ้มลองทาํดูโดยทÉีตวัแกก็เดินไปโทรศพัทห์าใครก็ไม่รู้ผมก็ลงไอเ้จา้บุ๊กรบั-บ๊กุ จ่ายของแกไปสกัพกัใหญ่ๆก็พอดีสาขาเปิดทาํการ (สาขาเขาจะเปิดเวลา 8.30 น.) ก็เริÉมมีลกูคา้มายืนออ กนัหนา้เคานเ์ตอรก์นัมาก ซึÉงในสมยัก่อน (เมÉือสกั 30 ปีทีÉแลว้) พนกังานสาขาสามารถจะขึนÊไปช่วยกนัรบัลกูคา้ไดท้งนั ัÊนÊ (ถา้ ใครว่างอย่)ูไม่ไดเ้จาะจงเฉพาะตวัคนนÉงัรบัลูกคา้ทÉีหนา้เคานเ์ตอร์(เรียกตาํแหน่งนีว่า Ê Teller) เหมือนใน ปัจจบุนั


Page 74 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ พอผชู้่วยสมหุเ์ห็นลกูคา้มายืนรอรบับรกิารกนัเยอะมากขึน แกก็วางโทรศัพท์Êลงแลว้บอกผมว่า “นอ้ง ๆ พกัการลงบญัชีไวก้่อน ไปช่วยกันรบัลูกคา้หน่อย” ท่านลองนึกภาพดสูิครบัว่าผมเพิÉงเริÉมงานวนัแรกแลว้ใหผ้มไปรบัลกูคา้ทÉีหนา้เคานเ์ตอร์พอรบัสมุด ค่ฝูากพรอ้มกับใบรายการฝาก-ถอน, บางรายก็ตอ้งการจะโอนเงนิ, บางรายจะซือÊสมดุเช็คเลม่ ใหม่ฯลฯ ผม จะตอ้งทาํอะไรต่อไปละ่ แต่ก็..(เอาละ่วะ) เขาใหไ้ปรบัลกูคา้ก็ตอ้งไปรบัไวก้่อน พอรบัเรืÉองเหลา่นนัÊมาก็ตอ้งไปถามคนโนน้ที คนนีทÊีและท่านตอ้งไม่ลืมว่าเมÉือ 30 ปีทีÉแลว้ระบบงานแบงคย์งัไม่ได้On line เป็นคอมพิวเตอรเ์หมือน ปัจจบุนันนีÊะครบั (เป็นสาขา Off line ครบักว่าจะปิดบญัชีประจาํวนัไดก้็อย่างตÉาํๆ สองท่มุนÉนัแหละครบั) ดงันนัÊพอหมดวนัแรกของการทาํงานผมและเพืÉอน ๆ ทีÉจบใหม่เขา้มาทาํงานวนัแรกก็จบงานวนัแรก ดว้ยอาการสบัสนังงงวยเครียด ฯลฯกบัการสอนงานแบบสบัสนทาํนองนี ซึÊ Éงทาํ ใหเ้พÉือนผมหลายคนทนทาํ อย่ไูดส้กัพกัก็ลาออกไปหางานอÉืนทาํเพราะรบัไม่ไดก้บัระบบทÉีสบัสนแบบนีÊ นีÉขนาดเป็นคนในรุน่ Baby Boomers นะครบัถา้เป็นคนรุน่ ใหม่ Gen Y Gen Z ในปัจจบุนัมาเจอ สภาพแบบนีเÊขา้ผมว่าเขาคงตดสินใจลาออกตั ังÊแต่ช่วงบ่ายของการทาํงานวนัแรกซะล่ะมËง ั !! ถ้าจะมีใครสักคนถามผู้บริหารธนาคารของสาขาแห่งนีว่า “เมืÊ Éอมีน้องใหม่เข้ามาทาํงาน ทางสาขามีการสอนงานหรอืไม่?” ผมเชืÉอว่าผจู้ัดการสาขาก็คงจะต้องตอบอย่างมัÉนใจว่า “มี” แต่เมืÉอท่านอ่านมาถึงตรงนีแÊลว้ผมเชÉอืว่าท่านคงตอบไดแ้ลว้นะครบัว่าสาขาแห่งนีมีการสอนงานÊ หรือไม่แต่วิธีแบบนีน่าจะเรียกว่าเป็นวิธี “ชีÊ Êๆ บอกๆใหท้าํ” หรือ“สÉงัใหท้าํ” มากกว่าจะเรียกว่าเป็นการ สอนงานจรงิไหมครบั แล้วลองหนักลับมามองดูหน่วยงานของท่านสิครับว่า ในแผนกหรือในฝ่ายของท่านมกีาร สอนงานอย่างมอือาชีพแล้วหรอืยัง ? หรือยงัใชว้ิธีชี ๆ บอก ๆ สัÊ Éง ๆ ใหท้าํอยู่!! แลว้วิธีการสอนงานแบบมืออาชีพควรจะทาํยงัไงดีละ่ ? ผมแนะนาํวิธีการแบบง่ายๆ ตามตวัอย่างขา้งล่างนีเÊลยครบั....


Page 75 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั จากตวัอย่างขา้งตน้นÉีแหละครบัคือ“แผนการสอนงาน”อย่างทีÉคนเป็นหวัหนา้งานมืออาชีพควรจะ มีเพืÉอใชเ้ป็นแนวทางในการสอนงานนอ้งใหม่ทÉีเพิÉงกา้วเขา้มาทาํงานในแผนกหรือในฝ่ายของท่าน ผมสรุปสาระสาํคญั ในแผนการสอนงานพนกังานตามตวัอย่างขา้งตน้ดงันีคÊรบั1. หัวข้อทีจะสอนงานÉคือตอ้งการจะสอนเรืÉองอะไรบา้ง เรืÉองไหนควรจะสอนก่อน-หลงัควรมีการจดัลาํดบัของเรืÉองทีÉจะสอนงานใหช้ัดเจน 2. เนือหา ( Ê Outline) ทีจะสอนงานÉในแต่ละหวัขอ้คืออะไรซÉึงก็คือรายละเอียดเพิÉมเติมเพืÉอทาํ ให้ทังÊผสู้อนและผเู้รียนงานเขา้ใจตรงกนัในเบือÊงตน้ว่าการสอนงานในแต่ละหวัขอ้ (ตามขอ้ 1) นันน่ะ จะมีการเรียนการสอนในเนืÊอÊหาใดบา้ง 3. เป้าหมายหรือผลลัพธผ์ลสาํเร็จทต้องการหลังจากการสอนงาน ีÉ ในเรืÉองนีก็คือการÊกาํหนดตวัชีวÊดัหลกัหรือ KPIs (Key Performance Inducators) ใหช้ดัเจนนÉนเอง ซึ ัÉงการ ทาํงานทกุอย่าง (รวมทงัÊการสอนงาน) ในปัจจบุนัควรจะตอ้งมีการกาํหนดตวัชีวÊดัและ เปา้หมายใหช้ดัเจน เช่น สอนงานไปแลว้ผลลพัธท์Éีตอ้งการคืออะไร ผเู้รียนงานสามารถทาํงาน ไดต้ามเป้าหมายหรือไม่ เพืÉอเอาไวต้ิดตามผลการสอนงานว่าถา้ทาํ ไม่ไดต้ามเป้าหมายจะตอ้ง มีการสอนงานซําÊหรือมีการปฏิบตัิอย่างไรเพÉือแกป้ัญหาในการสอนงานต่อไปอย่างไร เป็นตน้4. ระยะเวลา ในการสอนงานจาํเป็นจะตอ้งมีกาํหนดระยะเวลาในการสอนของแต่ละหวัขอ้ให้ชดัเจนว่าในแต่ละหวัขอ้ทÉีสอนจะใชเ้วลาเท่าไหร่


Page 76 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 5. กาํหนดเวลาทจะสอนงานีÉเช่น กาํหนดไวว้่าเมÉือพนกังานเขา้มาทาํงานภายในสปัดาหแ์รก จะตอ้งมีการสอนงานในหวัขอ้ (เรืÉอง)อะไรบา้ง ต่อจากนันÊในสปัดาหท์Éสีองจะตอ้งมีการสอน งานในเรืÉองอะไรบา้ง เพÉอืใหท้งัÊผสู้อนและผเู้รียนงานไดท้ราบ Timing ในการเรียนงาน 6. ผู้รับผดชอบ ิ ในการทาํงานทกุเรืÉองจาํเป็นจะตอ้งมี“เจา้ภาพ” หรือผูร้บัผิดชอบ ซึÉงควรระบตุวั บคุคลใหช้ดัเจนว่าใครจะเป็นผูร้บัผิดชอบในการสอนงาน จะไดม้ีการมอบหมายใหส้อนงาน และติดตามผลการสอนงานของผสู้อนไดว้่าดีหรือไม่ดีอย่างไร รวมทังÊผรู้บัผิดชอบในการสอน งานยงัตอ้งคอยเป็นผูต้ิดตามผลการสอนงานจากผเู้รียนงานอกีดว้ยว่าผูเ้รยีนงานสามารถ ทาํงานไดต้ามเปา้หมายทีÉตังÊไวห้รือไม่ เป็ นเรืÉองแปลกแต่จริงทีผÉมมักจะพบอยู่บ่อยครัÊงในบริษัททีผมไปบรรยายเป็ น É Inhouse Training ว่าบริษัทนัÊน ๆ ไม่มีแผนการสอนงาน!! แถมยงัใชว้ิธีการสอนงานแบบบอกๆ ใหพ้นกังานใหม่ทาํหรอืสÉงัๆใหท้าํ ไปตามสÉงัโดยผูส้อนงาน ก็อาจจะเป็นใครสกัคนทÉีหวัหนา้งานหรือผูจ้ดัการมอบหมายใหส้อนงานพนกังานใหม่แบบขอไปทีเมืÉอบอก ไปแลว้ก็ถือว่ารูง้านแลว้ตอ้งทาํงานไดเ้ลยโดยไม่มีการติดตามผลว่าทาํ ไดม้ากนอ้ยแค่ไหน ตอ้งแกไ้ขอะไร หรือไม่ ฯลฯ แลว้อย่างงีพÊนกังานใหม่เขาจะทาํงานไดต้ามมาตรฐานทีÉบริษัทตอ้งการไหมล่ะครบัมนัก็ เหมือนกบัการวดัดวงเอาเองว่า ใครจะเรียนรูส้ิÉงทีÉเขาสัÉงๆ ใหท้าํ ไดม้ากนอ้ยแค่ไหน แถมเมืÉอประเมินผลช่วงทดลองงานก็ประเมนิไปทีÉตวัพนักงานทดลองงานเพียงปัจจยเดียว โดยไม่ ั หนักลบัมามองเลยว่าแลว้คนสอนงานละ่มีคณุภาพหรือมีมาตรฐาน (หรอืมีแผนการสอนงาน) ทีÉชดัเจนเป็น ระบบหรือไม่เพียงใด การสอนงานแบบไม่มีความเป็นมืออาชีพอย่างงีแÊหละครบัทาํ ใหห้ลายบรษิัทเสียพนกังานใหม่ทีÉจะ เป็นกาํลงัสาํคญัของบรษิัทในอนาคตไป เพราะพนกังานใหม่ทÉีมีศกัยภาพก็จะมองว่าบรษิัทไม่มีแผนงานทีÉเป็นมืออาชีพ สอนงาน สะเปะสะปะ นึกอะไรออกทีก็บอกทีไม่มีเป้าหมายใหช้ดัเจนว่าจะใหเ้รียนรูอ้ะไร หรือทาํอะไร ฯลฯ พอเกิด ความรูส้ึกทาํนองนีเÊขา้พนกังานใหม่ไฟแรง Gen Y Gen Z หลายคนก็เลยบ๊ายบายไปหางานทีÉใหมท่Éเขามี ี ระบบการสอนงานทีÉจะทาํ ใหเ้ขาไดเ้รียนรูง้านอย่างมีมาตรฐานทีÉอืÉนทีÉดีกว่านีดีกว่า Ê หรือในอีกกรณีหนึÉงก็คือ เมืÉอมีการสอนงานแบบไม่เป็นระบบ สะเปะสะปะอย่างนี เมืÊ Éอพนกังาน ใหม่ยงัอดทนทาํงานต่อไปในระยะยาว บรษิัทก็จะไดค้นทีÉเรียนรูง้านแบบสะเปะสะปะมาตงัÊแต่ตน้ (ก็ตอน เริÉมตน้มนัสะเปสะปะไม่เป็นระบบมาแลว้นÉีครบั)


Page 77 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ แลว้ผบู้รหิารก็ไปคาดหวงัเอาเองว่าเมืÉอพนกังานใหมท่าํงานมานาน ๆ หลายๆ ปีก็น่าจะตอ้งมี ความรูท้กัษะความสามารถในงานเพิÉมขึนÊเองแหละ แลว้ผูบ้ริหารก็จะผิดหวงัว่า เอ๊ะ..ทาํ ไมพนกังานคนนีÊ ทาํงานมาตงัÊนานแลว้แต่ทาํ ไมถึงยงัทาํงานไม่ดีไม่สามารถรบัผิดชอบหรือทาํงานอะไรทีÉสงูขึนไปได้Ê ตอบไดว้่าก็ตงแต่เริ ัÊ Éมตน้มนัเละไม่เป็นระบบมาแลว้นีÉครบัและก็ยงัไมม่ ีแผนการพฒันาอย่าง ต่อเนืÉองมาเสียอีกเหมือนกบัผบู้รหิารไม่ลงทุนไม่วางแผนการพฒันาพนกังานโดยมแีผนอย่างเป็นระบบ แลว้ดนัไปคาดหวงัใหพ้นกังานเก่งเอาเอง อย่างนีกÊ็คา้กาํ ไรเกินควรไปสกัหน่อยกระมงัครบั จากการทีÉบรษิัทไมม่ ีแผนการสอนงาน หรือมรีะบบการสอนงานทีÉชดัเจนนÉีเองถึงทาํ ใหห้ลายครงที ัÊ É เมืÉอมีการประเมินผลพนกังานทดลองงานแลว้พบว่ามีพนกังานไม่ผ่านการทดลองงานเพราะไม่สามารถ ทาํงานไดต้ามทÉีหวัหนา้งานคาดหวงั แต่หัวหน้างานเคยหันกลับมาดูไหมว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึÉงของปัญหาทีพนักงานไม่ผ่านÉ การทดลองงานด้วย เพราะไม่มีแผนหรอืระบบการสอนงานทีดี É ?? ผมพดูมาถึงตรงนีแÊลว้ผมเชÉือว่าท่านคงเห็นดว้ยกบัผมว่าควรจะตอ้งมีแผนการสอนงานใหช้ดัเจน แลว้นะครบัซÉงไม่เฉพาะแผนการสอนงานพนั ึ กงานใหม่เท่านันÊนะครบั ไม่ว่าจะมีการสอนงานพนกังานเก่าในเรืÉองใดก็ตาม ควรจะตอ้งมีแผนการสอนงานในทาํนอง เดียวกบัทÉีผมยกตวัอย่างมาขา้งตน้เช่นเดียวกนัเพÉือทาํ ใหห้น่วยงานและบรษิัทของท่านมีระบบการสอน งานทีÉดีมีมาตรฐาน และสามารถลดปัญหาการลาออกของพนกังานใหม่หรือการไม่ผ่านทดลองงาน หรือ การมีพนกังานทีÉไม่มีประสิทธิภาพในระยะยาวยงัไงล่ะครบั นอกเหนือจากการมีแผนการสอนงานทีÉชดัเจนแลว้หวัหนา้งานควรจะตอ้งสามารถเป็น “ผสู้อน งาน” หรือเป็น Coach หรือเป็นพีÉเลียงÊใหก้บัลูกนอ้งไดอ้ีกดว้ยไม่ใช่เอาแต่สัÉงงานแลว้ก็รอรบัผลงานจาก ลกูนอ้งเท่านนัÊ ดังนัÊน การสอนงานจึงเป็ นอีกบทบาทหนึÉงของหัวหน้างานโดยการผันตัวเองจาก “หัวหน้า งาน” มาเป็น “ครู” ยังไงล่ะครับ แลว้จะทาํยงัไงล่ะ 1. หัวหน้างานต้องปรับทศันคติของตัวเองในเรืÉองการสอนงานเสียก่อน โดยเปลีÉยนวิธีคิด จากการสอนงานเป็นการเพิÉมภาระของฉัน มาเป็น การสอนงานคือการทาํ ใหฉ้ันไดล้กูศิษย์ เพิÉมขึนÊและไดบ้ญุทกุครงที ัÊ Éสอนงาน ทีÉไดบ้ญุเพราะการสอนงานนนัÊผสู้อนเป็นผใู้หส้ติปัญญา ความรูค้วามสามารถในงานใหก้บัลกูนอ้งใหเ้พิÉมมากขึน บุญทีÊ ÉเกิดขึนÊคือลกูนอ้งก็จะเกิดความ


Page 78 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ เลืÉอมใสศรทัธายอมรบันบัถือว่าหวัหนา้เป็นผูใ้หว้ิชาความรูใ้นงานทÉีติดตวัไปใชไ้ดต้ลอดชีวิต ในทีÉสดุก็จะเกิดความผูกพนักนัแบบครูกบัลกูศิษย์และเกิดสมัพนัธภาพทีÉดีในงานในทีÉสดุ ตวัผมเองก็มีวิชาความรูต้ิดตวัมาใชใ้นการทาํงานจนถึงทกุวนันีสÊว่นหนึÉงก็มาจากอดีตหวัหนา้งาน ของผมหลายคนทีÉเป็นผสู้อนใหค้วามรูใ้นงานจากการปฏิบตัิจริงมาเหมือนกนั และผมก็นาํสิÉงทีÉไดเ้รียนรูม้าเหลา่นีไปสอนทัÊงÊลกูนอ้งและพนกังานในบริษัททÉผีมเคยทาํงานในแบบ เดียวกนัแมแ้ต่การเขียนหนงัสือทกุเล่มออกมานนก็เป็นส่วนหนึ ัÊ Éงของการสอนงานของผมดว้ยเช่นเดียวกนั ซึÉงผมเชืÉอว่าหวัหนา้งานควรจะตอ้งเรÉมิจากการปรบัทศันคติใหเ้ป็นบวกในเรืÉองการสอนงานใหไ้ด้ เสียก่อน แลว้ทÉีเหลือจะไม่ยากแลว้ละ่ครบั 2. หัวหน้างานควรเรียนรู้หลักและวิธีการสอนงาน เดีÌยวนีมÊีหลกัสตูรประเภท “เทคนิคการ สอนงาน “ หรือ หลกัสูตร “วิทยากรฝึกอบรม” (Train the Trainer) ทีÉจดัโดยบรษิัทหรือสถาบนั จดั ฝึกอบรมอย่มูากมายซÉงเขาจะสอนหลั ึกและวิธีการสอนงานอย่างถกูตอ้ง พรอ้มทงมี ัÊ Workshop ฝึกกลเม็ดเคล็ดวิธีการสอนงานใหห้วัหนา้งานไดท้ดลองปฏิบตัิครบั เพราะหวัหนา้งานหลายคนอาจจะรูง้านทีÉตวัเองทาํเป็นอย่างดีแต่ยงัไม่รูห้ลกัการสืÉอสารถ่ายทอด ความรูว้่าควรจะทาํอย่างไรก็ตอ้งไปเขา้อบรมหลกัสูตรพวกนีกÊ่อนแหละครบั 3. นําความรู้จากขอ้ 2 มาฝึ กการสอนงานจริง โดยการเขียนแผนการสอนงานขึนมา (ตามÊ ตวัอย่างแผนการสอนงานขา้งตน้ )แลว้เรÉมินาํมาสอนงานโดยอาจเริÉมจากการสอนพนกังาน ใหม่ในบางหวัขอ้ก่อนก็ได้ ผมมีความเชืÉอมัÉนอย่เูสมอว่าการสอนงานเป็น “ทกัษะ” นÉนคือยิ ัÉงฝึกฝนบ่อยยิÉงชาํนาญ ยิÉง คลอ่งแคล่ว เช่นเดียวกนันกัดนตรีนกักีฬา ตอ้งหมÉนั ฝึกซอ้มนÉนเอง ั ดงันนัÊถา้หัวหนา้งานยิÉงสอนงานบ่อยครังชัÊ ÉวโมงบินเริÉมมากขึนÊก็จะชาํนาญมากขึน ในทีÊ Éสดุหวัหนา้ งานเหล่านีกÊ็อาจจะกลายไปเป็นวิทยากรประจาํบริษัท หรืออาจจะผนัตัวเองมาเป็นวิทยากรอาชีพอย่างผมในทีÉสุด ซึÉงวิทยากรอาชีพในปัจจุบนัต่างก็เริÉม มาจากการเป็นผูส้อนงานมาแลว้ทงนั ัÊนÊแหละครบั 4. ติดตามผลการสอนงานอย่างต่อเนืÉอง เพืÉอปรบั ปรุงพฒันาการสอนงานของหวัหนา้งานใหม้ี ความหลากหลาย มีความน่าสนใจ สามารถทาํ ใหลู้กนอ้งผูเรียนงานเกิดความสนใจที ้Éจะเรียนรู้


Page 79 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ และพฒันาตวัเองในงาน หรือเกิดแรงบนัดาลใจทีÉอยากจะเป็นผสู้อนงานบา้งซึÉงก็จะเป็นผลดี กบัองคก์รในทÉีสดุครบั ถา้หวัหนา้งานเรÉมิตน้การสอนงานมาตามลาํดบัทÉีผมบอกมานี เชืÊ Éอไดเ้ลยว่าท่านจะเป็นหวัหนา้งาน ทีÉลกูนอ้งเลืÉอมใสศรทัธายอมรบมากขึ ั นอย่างแน่นอนÊ ตอนนีท่านพร้อมทีÊจะเริÉ Éมต้นสอนงานลูกนอ้งแล้วหรอืยังครับ ?


Page 80 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ12 ทกัษะการให้คาํ ปรึกษาหารือกับลูกน้อง “การให้คาํ ปรึกษาหารือ” กบัลกูนอ้งเป็นทกัษะสาํคญัเรืÉองหนึÉงทีÉมกัจะถกูหวัหนา้งานหลาย คนมองขา้มไปคาํว่าการใหค้าํ ปรกึษาหารือทÉีผมพดูถึงนีมÊีความหมายกวา้งและครอบคลุมตงแต่เรื ัÊ Éองงานมา ยนัเรÉอืงส่วนตวัเลยนะครบั นัÉนคือ หวัหนา้งานควรจะใหค้าํ ปรึกษาหารือในเรืÉองานเพืÉอช่วยลกูนอ้งแกป้ัญหาต่าง ๆ ทÉีมีในงาน เช่น เมืÉอสัÉงงานลูกนอ้งไปแลว้เขาไปปฏิบตัิแลว้เกิดปัญหาขึนÊแลว้เขากลบัมาถามหวัหนา้หวัหนา้งานก็ควร จะตอ้งรูจ้กัวิธีใหค้าํ ปรกึษาหารือ(ในเรืÉองงาน) เพืÉอช่วยลูกนอ้งใหค้ิดแกป้ัญหาเหลา่นันÊดว้ย บางคนจะ เรียกว่าหวัหนา้งานควรจะตอ้งมี“การแนะนาํงาน” ใหก้บัลกูนอ้งดว้ยซÉงึก็คือการสอนงานแบบใหค้าํ ปรกึษา หารอืนÉนัแหละครบั กับอีกเรืÉองหนึÉงคือทักษะการใหค้าํ ปรึกษาหารือในเรืÉองนอกเหนือจากงาน เช่น การให้ คาํ ปรึกษาในเรืÉองส่วนตัว, เรืÉองครอบครัว หรือปัญหาชีวิตของลูกน้องนÉันแหละครับ !! หรอืจะพูดใหช้ัด ๆ ก็คือ....หัวหน้างานทีดีควรจะต้องเป็ นที ÉปรึกษาเรืÉ Éองส่วนตัวของ ลูกน้องได้ด้วย !! เพราะอะไร..? ก็เพราะการทีÉท่านทาํงานกบัลกูนอ้งทกุวนันีนÊ่ะ เราไมไ่ดม้ีมติิเดียวคือเรืÉองงานนะครบัแต่ยงัมีมิติ อืÉนของลูกนอ้งของท่านดว้ยก็คือ“เรืÉองส่วนตัว”ทีÉหวัหนา้งานทÉี“เขา้ถึง”จิตใจของลกูนอ้งจะตอ้งให้ ความสาํคญั ผมมกัจะพบอย่บู่อยครงัÊว่าปัญหาในงานของลกูนอ้งไม่ไดม้าจากตัวเนือÊงานสกัเท่าไหร่นกัแต่จะมี ปัญหามาจากเรืÉองส่วนตวัของเขาเสียมากกว่า เช่น ทะเลาะกบัแฟนมาถึงทีÉทาํงานก็กระวนกระวายไม่เป็น อนัทาํงาน, คณุพ่อป่วยหนักตอ้งดแูลคอยเฝ้าทÉีโรงพยาบาลเลยทาํ ใหม้าสายและนÉงซึมเครียดในที ัÉทาํงานไม่ อยากทาํงาน, มีภาระหนีสÊินลน้จนเจา้หนีมÊาตามลา่ตามทวงหนีจÊนตอ้งขาดงานหนีหนี ฯลฯÊ ถา้หวัหนา้งานมีทกัษะของการเป็น “ทÉีปรึกษา” ทีÉดีใหก้บัลกูนอ้งแลว้ก็จะทาํ ใหป้ัญหาเหลา่นีไÊดร้บั การแกไ้ขจากหวัหนา้งานทÉีเป็นผูใ้หค้าํแนะนาํหรือใหข้อ้คิดใหส้ติกบัลกูนอ้งและช่วยกนัหาทางคลีÉคลาย


Page 81 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ปัญหาเหลา่นนัÊลงจนทาํ ใหล้กูนอ้งกลบัมาทาํงานไดอ้ย่างปกติไม่ตอ้งลาออกจากงานเพืÉอหนีปัญหา สว่นตวัเหล่านน องค์ ัÊกรกไ็ม่ตอ้งมาว่นุวายหาคนใหมเ่ขา้มาทาํงานใหเ้ปลืองค่าใชจ้่ายกนัอกี ท่านลองสาํรวจตัวเองแบบง่าย ๆ ก็ได้นะครับว่า ลกูน้องของทา่นเคยเดินเข้ามาหาเพืÉอมา เล่าปัญหาส่วนตัวของเขาใหเ้ราฟัง หรือเข้ามาระบายเรืÉองทีบ้าน ฯลฯ กับท่านมากÉ -น้อยแค่ไหน ? ถา้หวัหนา้งานคนไหนบอกว่า “โอ๊ย..มีบ่อยเป็นประจาํ....”อย่างงีกÊ็แสดงว่าท่านน่าจะเป็นหวัหนา้ งานทีÉมีทกัษะของการเป็นทีÉปรกึษาไดร้ะดบัหนÉงึเลยนะครบัและทายไดว้่าลกูนอ้งของท่านจะใหค้วาม เชืÉอถือยอมรบัและใหใ้จกบัท่านในการทาํงานไม่นอ้ยเลยทีเดียวแหละ ก็ถ้าเขาไม่ไว้ใจท่าน ไม่เชือใจท่านแล้วเขาจะมานัÉ Éงเล่าเรืÉองส่วนตัวให้เราฟังทาํ ไมล่ะ จริง ไหมครับ ? เอาล่ะครบัเมÉือท่านเห็นความสาํคญัของเรืÉองนีและอ่านมาจนถึงตรงนีÊแÊลว้ผมก็อยากจะเพิÉมเติม ทกัษะของการเป็นทÉีปรกึษาว่ามีอะไรกนับา้งดงันีคÊรบั 1. ทักษะการฟัง (Listening Skill) ไม่ว่าหวัหนา้งานจะเป็นผสู้อนงานหรอืเป็นผูใ้หค้าํ ปรกึษาใด ๆกบัลกูนอ้ง ทกัษะการฟังถือเป็น ทกัษะทÉสีาํคญัทÉีจะลืมเสียไม่ไดเ้ลยนะครบับางคนอ่านมาถึงตรงนีอÊาจจะสงสยัว่า “อา้ว! เมืÉอเราเป็นให้ คาํ ปรกึษาลกูนอ้ง เราก็ควรจะมีทกัษะการพูดทÉีดีก่อนไม่ใช่หรือ ?” ถา้คิดแบบเรว็ๆอาจจะใช่แต่ลองคิดดใูหม่นะครบัว่าถา้คนทีÉพดูเก่งพดูไดค้ล่องแต่ไม่เคยฟังอีก ฝ่ายหนึÉงเลยว่าเขาจะพดูว่าอะไรแลว้ล่ะก็การพูดเก่งก็อาจจะทาํ ใหอ้ีกฝ่ายหนึÉงเดินหนีไปก็ไดน้ะครบั ก็ใครอยากจะพดูกบัคนทÉีเขาไม่ฟังเราบา้งเลยล่ะครบั ? มีคาํพดูดีๆอยู่ประโยคหนึÉงก็คือ “คนเราจะฉลาดมากขึนเวลาฟัง..แต่จะฉลาดเท่าเดิมเวลาÊ พูด” ดงันนเมื ัÊ Éอเราหยดุและตงใจฟังสรุปประเด็นที ัÊ Éอีกฝ่ายสอบถาม หรือเลา่มาใหห้มดเสียก่อน ไม่ด่วนใจ รอ้นพดูแซงเขาไปในทนัทีหรือไม่แสดงกิรยิาอาการเบืÉอหน่ายทีÉจะฟังอีกฝ่ายหนึÉงแลว้ก็จะทาํ ใหท้ ่านเขา้ใจ เรืÉองราวของอีกฝ่ ายหนึÉงไดค้รบถว้นถูกตอ้งมากยิÉงขึนÊจรงิไหมครบั เรามกัจะพบเสมอๆ ว่าคนทีÉมีทกัษะการฟังทีÉดีมกัจะเป็นคนทÉีคนรอบขา้งอยากจะเขา้มาพดูคยุ ดว้ยอย่เูสมอๆ ออ้ !อย่าลืมสิÉงสาํคญัทÉีจะช่วยการฟังของท่านใหด้ีขึนÊก็คือการจดบนัทกึเรืÉองราวหรือประเด็น สาํคญ ๆ ที ัÉอีกฝ่ายหนึÉงพดูมาเพÉือช่วยไม่ใหต้กหล่นเนือÊหาใจความสาํคญัดว้ยนะครบั


Page 82 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 2. ทักษะการตัÊงคาํถาม (Questioning Skill) เมืÉอหวัหนา้งานฟังลกูนอ้งและจบัใจความไดอ้ย่างครบถว้นแลว้ก็ควรจะตอ้งมีการตังÊคาํถาม กลบัไปยงัลกูนอ้งทีÉมาขอคาํ ปรกึษาเป็นระยะเพÉือประโยชนส์องเรืÉองทีÉสาํคญัคือ ประการหนึÉงก็เพืÉอทีÉจะ ยืนยนัความเขา้ใจในเนือÊหาเดียวกนัไม่หลดุออกนอกประเด็นคาํถาม หรือเรืÉองทีÉกาํลงัพดูคยุกนัอยู่และอกี ประการหนึÉงก็คือตังÊคาํถามเพÉอให้ ืลกูนอ้งทÉีมาขอคาํ ปรกึษาไดรู้จ้กัคิดและหาคาํตอบไดด้ว้ยตวัเอง ทกัษะการตงัÊคาํถามทÉีสาํคญัอกีเรÉองหนึ ืÉงคือ ท่านควรจะตอ้งระมดัระวงัการตังÊคาํถามหรือคาํพดูทÉี จะทาํ ใหล้กูนอ้งทÉมีาขอคาํ ปรกึษารูส้ึกว่าทาํกาํลงัตาํหนิเขาอยู่เช่น “คณุปล่อยใหเ้รืÉองบานปลายมาขนาดนีÊ ไดย้งัไง” หรือคาํพดูทÉีทาํ ใหเ้ขาคิดว่าเราไม่อยากจะฟังเขาต่อไปแลว้เช่นเมืÉอเขาเล่าเรืÉองราวใหเ้ราฟังไดส้กั พกัหนึÉง หวัหนา้งานก็ตอบกลบัไปว่า “อย่าไปคิดอะไรใหม้ากเลย..คณุทาํดีทีÉสดุแลว้”ซÉงึเป็นคาํพูดทÉดูี เหมือนจะดีนะครบัแต่ผูฟ้ังจะรูส้กึว่าถกูตดับทการปรกึษาออกไปแลว้โดยผฟู้ังไม่อยากจะรบัฟังต่อ หลักสาํคัญของการใช้คําถามหรอืคาํพูดในการใหค้าํ ปรึกษาก็คอืหัวหน้างานผู้ให้ คาํ ปรึกษาจะต้องใช้คาํพูดเพืÉอกระตุ้นให้ลูกน้องทมีÉาขอคาํ ปรึกษาเล่าเรืÉองราวทุกอยา่งออกมาให้ หมดเสียก่อน โดยไม่ด่วนสรุปคิดไปเองว่าเรารู้เรืÉองนัÊนหมดแล้ว (บางครังÊก็รูไ้ม่หมดหรือรูไ้ม่จรงิ) ซึÉงตวัอย่างคาํพูดกระตนุ้ใหผู้พ้ดูเล่าเรืÉองราวใหห้มดเช่น “ลองเลา่เรืÉองเพิÉมอีกสกัหน่อยไดไ้หม” หรือ “ปัญหาทีÉคณุบอกมานีคÊณุไดเ้รÉมิแกป้ัญหาไปแลว้บา้งหรือยงัแกย้งัไงบา้ง” หรือ“มีเรืÉองไหนทีÉคณุยงั ไม่ไดบ้อกพÉอีีกบา้งไหม” ฯลฯ คาํพดูเหล่านีจÊะทาํ ใหผู้ม้าขอคาํ ปรึกษารูส้กึว่าผูฟ้ังยงัตอ้งการรบัฟังเรืÉองราวต่าง ๆ จากเขาอยู่ และ เขาก็จะสบายใจทีÉจะเลา่เรÉอืงราวต่าง ๆออกมาใหห้มด เพราะการใหค้าํ ปรึกษาหารือใครก็ตาม ถา้ผูใ้หค้าํ ปรกึษามีขอ้มลูทงเกี ัÊ Éยวกบัผูม้าขอคาํ ปรกึษาและ ขอ้มลูอÉน ๆ ที ืÉเกีÉยวขอ้งยิÉงมากเท่าไหรก่ย็Éงิจะทาํ ใหม้องเห็นทางออกในการแกป้ัญหาไดดีขึ ้ นเท่านัÊนÊครบั การฝึกสอนลกูนอ้งใหเ้ก่งนนัÊไม่ใช่ว่าลกูนอ้งมาถามปัญหาอะไรหวัหนา้จะตอ้งตอบไปหมดทุกเรืÉอง นะครบัเช่น ลกูนอ้งมาถามว่า “พÉีครบั..ทาํ ไมหม่นูีเครืÊ ÉองมือเครืÉองใชใ้นแผนกของเรามนัถึงหายไปมาก ผิดปกติละ่ครบั....” หวัหนา้ทÉีดีก็ยงัไม่ควรรีบรอ้นตอบคาํถามนีและสัÊ Éงใหม้ีการปฏิบตัิทนัทีเช่น “อ๋อ! พีÉว่าก็ตอ้งมีคนใน กนัเองนÉีแหละเป็นขโมย เดีÌยวพีÉจะแจง้ใหร้ปภ.ตรวจคน้พนกังานในแผนกของเราทกุครงที ัÊ Éมีการเขา้งาน-เลิก งานตังÊแต่วนันเีÊป็นตน้ ไป....”


Page 83 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ถา้หวัหนา้งานเป็นอย่างนีทÊกุครงัÊลกูนอ้งจะคิดอะไรเองไม่เป็นหรอกครบัเพราะจะคอยรอแต่ คาํตอบและวิธีปฏิบตัิจากหวัหนา้เท่านนัÊ แต่ถ้าหัวหน้ารู้จักตัÊงคาํถามและฝึกให้ลกูน้องคิดเป็นและหาคาํตอบเองจะเป็นแบบนีครับÊ “นอ้งลองช่วยพÉีคิดดซูิว่า ทาํ ไมเครÉองมือเครื ืÉองใชถ้งหายไปมากผิดปกติในระยะนี ึ ...” เมืÊ Éอลกูนอ้ง คิดแลว้อาจจะบอกสาเหตมุาเช่น “สงสยัจะมีคนในเป็นขโมย” หรือ“เป็นเพราะแผนกเราไม่มกีารตรวจคน้ พนกังาน” หรือ“พนกังานของเรามีรายไดน้อ้ย” หรือฯลฯ เมืÉอไดส้าเหตแุลว้ลองตงัÊคาํถามต่อไปว่า “จากสาเหตุทีÉนอ้งคิดกนัมานีนÊ่ะ เราจะปอ้งกนั ปัญหาหรือแกไ้ขปัญหานียÊงัไงดีละ่ ” ทีÉผมบอกมาขา้งตน้นีแÊหละครบัคือหัวหนา้ควรจะตอ้งมีเทคนิคการตงัÊคาํถามเพÉอืฝึกใหล้กูนอ้งรูจ้กั คิดหาสาเหตแุละแกป้ัญหาไดด้ว้ยตวัเองบา้งเขาจะไดเ้ก่งขึนÊไม่ไดม้วัแต่รอใหห้วัหนา้คิดและสÉงการเพียง ั อย่างเดียวครบั 3. การแจ้งผล (Feedback Skill) เมืÉอลูกนอ้งทาํงานไดต้ามทÉีหวัหนา้สอนงานหรือมอบหมายงานไปแลว้ก็ควรจะตอ้งมกีารแจง้ผลให้ เขาทราบว่าสิÉงทีÉเขาไดท้าํ ไปแลว้ดีหรือไม่ดีอยา่งไร ควรปรบัปรุงแกไ้ขอะไรบา้งซึÉงเทคนิคการแจง้ผลมีดงันีÊ 1. เตรียมตัวก่อนการแจ้งผล โดยท่านควรจะหาขอ้มลูของลกูนอ้งทงที ัÊ Éทาํงานไดด้ีและขอ้บกพร่องทีÉ ท่านตอ้งการใหเ้ขาปรบั ปรุงตวัไวใ้หพ้รอ้มก่อนการเชิญเขามาแจง้ผล ซึÉงขอ้มลูทÉีผมพดูถึงนีรวมไปÊ ถึงขอ้มลูเรืÉองสว่นตวัของลกูนอ้ง เช่น ท่านตอ้งรูอ้ปุนิสยัใจคอของลกูนอ้งแต่ละคนว่าเป็นยงัไง ใคร หวัแข็งดือรัÊนÊหรือใครหวัออ่นพดูง่ายเพÉือทีÉท่านจะไดเ้ตรียมตวัไดถ้กูก่อนการแจง้ผลลกูนอ้งแต่ละ คน เปรียบเทียบง่ายๆว่านกัมวยยงัตอ้งศกึษาคู่แข่งก่อนขึนÊชก นกัฟุตบอลก็ตอ้งศึกษาการเล่น ของทีมค่แูข่งเสียก่อน ฉนัใดก็ฉนันนัÊครบั 2. กาํหนดวัน เวลา สถานทีÉในการแจ้งผลใหม้ ีความเหมาะสม คือสถานทีÉแจง้ผลพดูคยุกนัควร เป็นหอ้งเฉพาะไม่ใชเ้รียกลกูนอ้งมาแจง้ผลทีÉโต๊ะหวัหนา้ทÉีแวดลอ้มไปดว้ยโต๊ะของเพÉือนรว่มงาน หรือลกูนอ้งคนอÉืน ๆเพราะจะทาํ ใหทุ้กคนในทีÉนัÉนไดย้ินหมดว่าหวัหนา้พดูว่าอะไรบา้ง (เพราะเขา ทาํนอง “เรÉอืงของใครก็ไม่สาํคญัเท่าเรืÉองของชาวบา้น” ทาํ ใหแ้ต่ละคนเงÉียหฟูังกนัเป็นแถว) ซึÉง บางครังÊหวัหนา้งานอาจจะตาํหนิหรือบอกใหล้กูนอ้งทีÉถูกแจง้ผลปรบั ปรุงตวัก็จะทาํ ใหล้กูนอ้งคน นันÊเสียหนา้กบัเพÉอน ๆ อย่าลืมคิดถึงใจเขา ื-ใจเรานะครบัดงันนสถานที ัÊ Éแจง้ผลควรเป็นส่วนตวั และการแจง้ผลควรเป็นการแจง้ทีละคนนะครบั 3. เมืÉอถึงเวลาแจ้งผลทา่นควรสร้างบรรยากาศทีดีตัÉ Êงแต่เริÉมต้นการพูด เช่น ยิมÊแยม้แจ่มใส ทกัทายลกูนอ้งในเรÉืองสพัเพเหระทÉวัไป ไต่ถามสารทุกขส์ขุดิบเรืÉองทีÉบา้น หรือเรÉองอื ืÉน ๆ ทีÉเบา ๆ


Page 84 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ เสียก่อน ไม่ใช่เปิดฉากก็เฉ่งกนัเลยอย่างงีบรรยากาศก็เสียตัÊงÊแต่แรกแลว้จรงิไหมครบัต่อมาก็พดู ถึงผลงานหรือเรืÉองดี ๆ ทีÉเขาทาํมาว่ามีอะไรทÉีดีหรือน่าชมเชยบา้งเพÉือใหเ้ขารูส้กึดีทÉีหวัหนา้ยงั มองเห็นความสาํคญัของงานหรือสิÉงทีÉดี ๆ ทีÉเขาทาํมาแลว้ 4. หยิบยกเอาเรืÉองงานทียÉังมีปัญหาและทา่นต้องการให้เขาปรับปรุงแก้ไขมาพูดคุย โดยชีให้Ê ลกูนอ้งเห็นว่างานทีÉเขาทาํยงัไม่เป็นไปอย่างทÉีหวัหนา้ตอ้งการอย่างไรบา้ง หรืองานทีÉเขาทาํนนเกิด ัÊ ความเสียหายยงัไง และท่านตอ้งการใหเ้ขาปรบั ปรุงแกไ้ขในเรืÉองอะไร พรอ้มกนันนัÊท่านควรจะตอ้ง รบั ฟังปัญหาหรือคาํชีแÊจงจากลกูนอ้งดว้ยว่าเขามขีอ้ติดขัดหรือขอ้จาํกดัอะไรบา้งถงึเกิดปัญหานน ัÊ ๆ ขึน เพืÊ Éอจะไดม้าหาทางแกไ้ขปัญหานนัÊร่วมกนั 5. ไม่ควรใชว้ิธีสÉังแต่ควรใช้วิธี“แนะนาํ ” โดยหลกัการแจง้ผลและการสอนงานทีÉดีนันÊหวัหนา้งาน ไม่ควรใชว้ิธีการ “สÉงงาน” ั ใหล้กูนอ้งแกไ้ขเป็นหลกันะครบัควรใชว้ิธีการ “แนะนาํ” หรือ“ให้ คาํ ปรกึษาแบบชีแÊนะ” ใหล้กูนอ้งคิดหาทางแกป้ัญหานนัÊๆ ดว้ยตวัเองเป็นหลกัเพราะจะทาํ ใหเ้ขา คิดเป็น และเพิÉมทกัษะในการทาํงานของลูกนอ้งต่อไปอีกดว้ย หวัหนา้งานควรจะใชว้ิธีสÉงให้ ั แกป้ัญหาในกรณีทÉีปัญหานันÊๆ ฉุกเฉินเรง่ด่วนจรงิๆ เท่านนัÊครบั 6. ระมดัระวังไม่ใช้อารมณเ์ข้ามาร่วมในระหว่างการแจ้งผล พดูง่ายๆว่าหวัหนา้งานจะตอ้งมี EQ ทีÉดีน่ะครบัและสิÉงสาํคญัคือไม่ควรนาํเรืÉองส่วนตวัของลกูนอ้งทÉีมีผลกระทบต่องานเขา้มารว่ม ในการตาํหนิลกูนอ้ง เช่น “นÉีไง..งานทีÉคณุทาํมา (โยนเอกสารใหล้กูนอ้งด)ูผมเตือนคณุหลายครงัÊ แลว้ใช่ไหมใหป้รบั ปรุงแกไ้ขแต่คณุก็ไมเ่คยสนใจ ไม่เคยใส่ใจเพราะไอค้วามสะเพร่าช่ยุมกัง่าย ของคณุอย่างงนีีÊ Éเล่า เมียคณุถึงไดข้อหย่า....” หรือบางทีก็ด่าว่าลูกนอ้งลามปามไปถึงบพุการีของเขาซะอีก หวัหนา้งานประเภทนีมัÊกมีจดุจบ ตรงทีÉถกูลกูนอ้งดกัทาํรา้ยร่างกาย,ถกูขีดรถ หรือถูกปล่อยลมยางรถในทีÉสุด ซึÉงผมเคยเจอมาหลายรายแลว้ ครบั การแจง้ผลจึงควรพูดกนัในเรืÉองงานจรงิๆ ใหล้กูนอ้งเขา้ใจว่าทีÉเราตาํหนิเขานนเพราะเราอยากให้ ัÊ เขาปรบั ปรุงพฒันางานและตวัของเขาเองใหด้ีขึน ไม่ใช่เรืÊ Éองความไม่พอใจกนัเป็นส่วนตวัครบั 7. ถามความคิดเหน็ว่าเขาตอ้งการใหห้วัหนา้งานสนับสนุนช่วยเหลืออะไรบา้งหรือไม่ 8. ควรมีการกาํหนดเป้าหมายให้ชดัเจนว่างานทีÉหวัหนา้งานตอ้งการเห็นการปรบั ปรุงใหด้ีขึนน่ะ Ê จะตอ้งทาํ ใหไ้ดอ้ย่างไรและเสรจ็ สินเมืÊ Éอไหรเ่พÉือจะไดม้ีการติดตามผลไดว่าเป็นไปตามที ้Éตกลงกนั หรือไม่ ในทีÉนีอÊธิบายงา่ย ๆ ก็คือควรจะมีการกาํหนดเป้าหมายหรือตัวชีวัดหลัก Ê (Key Performance Indicators – KPIs) ในการติดตามผลการพัฒนาให้ชัดเจนนัÉนเองครับ


Page 85 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 9. เปิดโอกาสให้ลูกนอ้งแสดงความคิดเห็นเรืÉองการทาํงานระหว่างท่านกับลูกน้อง และรับฟัง เพืÉอการปรบั ปรุงตวัหวัหนา้อย่างจรงิใจ นีÉก็เป็นเรืÉองสาํคัญนะครบัเพราะการแจง้ผลไม่ใช่เรืÉองของ การทีÉหวัหนา้งานผูกขาดการพดูไวเ้พียงคนเดียวแต่ควรเปิดโอกาสใหล้กูนอ้งไดพ้ดูแสดงความ คิดเห็นดว้ยโดยเฉพาะอยา่งยิÉงลกูนอ้ง Gen Y Gen Z รุ่นใหม่ไฟแรงพวกนีตÊอ้งการแสดงความ คิดเห็นและตอ้งการการรบั ฟังอย่างทีÉผมไดบ้อกมาแลว้ในตอนตน้นÉนัแหละครบั ทีÉผมเลา่มาทงัÊหมดก็เป็นอนัครบถว้นกระบวนความใน 3 ทกัษะทÉีสาํคญัสาํหรบัการสอนงานและให้ คาํ ปรกึษาสาํหรบัลกูนอ้งแลว้ซÉงึหากท่านฝึกหรือมกีารปฏิบตัิตามทกัษะดงักลา่วขา้งตน้แลว้จะทาํ ใหก้าร สอนงานและใหค้าํ ปรกึษาลกูนอ้งของท่านมีประสิทธิภาพมากยิÉงขึนอย่างแน่Êนอน เอ่อ..ว่าแต่ท่านจะเริÉมต้นรับบทเป็ นทีปÉรึกษาให้กับลูกน้องได้แล้วหรือยังล่ะครับ ?


Page 86 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ13 ทักษะการแก้ปัญหาและตัดสินใจ ก่อนทีÉจะพดูกนัถึงทกัษะตวันี ผมÊตอ้งขอพดูเรืÉองสาํคญัเรืÉองหนึÉงทีÉเคยพดูไปแลว้ในบทก่อนหนา้นีÊ ครบั.... “ทศันคติคือทกุ ๆ อย่างในชีวิต” หรือ “Attitude is everything” หวงัว่ายงัคงจาํเรÉืองของทัศนคติไดน้ะครบั ผมเคยเห็นคนหลายคนทีÉเก่ง มีความรูค้วามสามารถมีทกัษะในงานทีÉดี แต่เมืÉอเจอกบั ปัญหาใดก็ มกัจะคิดหรือบอกกบัลูกนอ้ง (หรือคนรอบขา้ง) ว่า.... “เรืÉองนียÊากจรงิๆเราแย่แน่ๆ“ หรือ“ปัญหานีคนอืÊ Éนเขายงัแกไ้ม่ไดเ้ลยแลว้เราจะทาํ ไดห้รือ” หรือ “พีÉเคยเสนอวิธีแกป้ัญหานไีÊปแลว้แต่ผูใ้หญ่ไม่เห็นดว้ยพีÉก็จนปัญญาแลว้ล่ะ” ฯลฯ ถา้มีวิธีคิดหรือทศันคติแบบนีอÊยู่ตลอดเวลา ผมรบัรองไดว้่าไม่มีทางแกป้ัญหาไดห้รอกครบั !! แต่ไม่ใช่ว่าแก้ปัญหาไม่ได้เพราะเขาไม่เก่งนะครับ แก้ปัญหาไม่ได้เพราะแพ้ทัศนคติ (หรือ ความคิดเชิงลบ) ของตัวเองต่างหาก !! ในขณะทีÉคนอีกหลายคนทีÉผมเจอมา เวลาเขาเจอกบั ปัญหาเขายงัไม่รูเ้ลยว่านาทีนีคÊวรจะแกย้งัไงดี แต่เขาบอกกบัตวัเอง หรือทีมงานว่า “เรืÉองนียÊาก..แต่มทีางแกไ้ด”้หรือ“ถา้เรืÉองนีใÊครแกป้ัญหาไม่ได้แลว้ เราแกไ้ดม้นัก็จะเป็นเครดิตของพวกเรา” ฯลฯ ทศันคติหรือวิธีคิดเชิงบวกอย่างงีแÊหละครบัทÉีจะเป็นนกัแกป้ัญหาทÉีดีอย่เูสมอและจะมีจิตใจทีÉ ม่งุมÉนั ฝ่าฟันทกุปัญหาและจะทาํ ใหล้กูนอ้งในทีมงานตลอดจนคนรอบขา้งมีความมÉันใจไปดว้ย คิดบวก..ชีวิตบวกครบั.. คราวนีนÊกัแกป้ัญหาทÉดีีควรจะตอ้งคาํนึงถึงเรÉองอะไรต่อไปล่ะ ื ? การใชส้มองคิดเพÉือการแกป้ัญหายงัไงล่ะครบั....


Page 87 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ในหลกัวิทยาศาสตรบ์อกว่าคนเราจะมีสมองอยู่2ซีก หลายท่านอาจจะเคยอ่านหรือเคยไดย้ินมา บา้งแลว้.... สมองซีกซ้ายจะเป็นเรืÉองของการคิดแกป้ัญหาแบบวิทยาศาสตร์คือตอ้งมีขอ้มลูขอ้เท็จจรงิจบั ตอ้งไดว้ดัไดพ้ ิสจูนไ์ด้ตอ้งมีเหตมุีผล มหีลกัมีเกณฑท์Éีชัดเจน ซึÉงคนทีÉใชส้มองซกีซา้ยคิดแกป้ัญหานีจÊะตอ้ง มีขอ้มลูและเหตผุลตลอดจนกฎกติกาประกอบการแกป้ัญหาเป็นหลกัครบั สมองซีกขวาเป็นเรืÉองของศิลปะ,อารมณ์จินตนาการ สญัชาติญาณ ลางสงัหรณ์จิตสมัผสั ความคิดสรา้งสรรค์เป็นหลกัดงันน คนที ัÊ Éใชส้มองซกีขวาคิดแกป้ัญหามกัจะมีความคิดสรา้งสรรคแ์ ปลกๆ ใหม่ๆ แหวกแนวในการแกป้ัญหา ทÉีบางครังÊคนรอบขา้งอาจจะฉงนงงงวยว่าคิดมาไดย้งัไงและมแีนวโนม้ จะใช้“ความรูส้ึก”ของตวัเองมากกว่าการใชเ้หตแุละผลในการแกป้ัญหา ยงัไงก็ตามในความเห็นของผมนัÊน การแก้ปัญหายงัควรจะต้องอยู่บนพืนฐานของการใช้เหตุÊ - ผล ข้อมูลขอ้เทจ็จริง กฎเกณฑห์รือกติการ เป็นหลักและเป็นส่วนใหญ่ มากกว่าการใช้สมองซีก ขวาหรอืการใช้อารมณห์รือลางสังหรณเ์ป็นหลักครับ ท่านลองดตูวัอย่างนีสÊิครบัว่าท่านจะตัดสินใจแกป้ัญหานียÊงัไง ? “เย็นวันหนึÉงทา่นเลิกงานตอนคÉา ๆ เดินทางกลับบ้าน ฝ่ าการจราจรติดขัด ฝนก็ตกหนัก ํ ทุลักทเุล หวิก็หวิเหนืÉอยก็เหนืÉอย พอไปถึงบ้านก็พบลกูตัวเล็ก 2 คน ๆ โตเป็ นพีÉชายอายุ ประมาณ 5 ขวบ คนเล็กเป็นน้องสาวอายุ4 ขวบ กาํลังทะเลาะกันกระจองงอแงแย่งส้ม 1 ผล (ทังÊ บ้านมีส้มอยู่ลูกเดียว)” ติกต่อก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ....... Ë ท่านจะพบว่าถา้ท่านใชค้วามรูส้กึ (หรือสมองซกีขวา) ในการแกป้ัญหา ท่านก็จะทาํอย่างใดอย่าง หนึÉงดงันีÊ 1. แบ่งสม้เป็น 2ซีกแลว้แบ่งใหล้กูทงัÊสองคน (ก็พ่อแม่ยุติธรรมรกัลกูเท่ากนัไง) 2. เอาสม้ ใหก้บันอ้งสาว (เป็นพÉีก็ตอ้งเสียสละใหน้อ้งไง) 3. ยดึเอาสม้มากินเอง (ก็คนกาํลงัเหนÉือยและหิวนีÉนา) 4. ปลอ่ยใหล้กูทะเลาะกนัต่อไปแลว้ใหเ้ขาแกป้ัญหากนัเอาเอง (เรียกว่าลอยตวัเหนือความขดัแยง้ ปลอ่ยใหเ้วลาแกป้ัญหาตวัของมนัเอง) 5. ออกไปซือÊสม้ทÉีหนา้ปากซอยมาใหล้กู (ก็ตอ้งเหนÉือยฝ่าสายฝนออกไปอีก) 6. ฯลฯ


Page 88 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ใครตดัสินใจแกป้ัญหาแบบไหนกนับา้งครบั ? ถา้ใครตอบคาํถามขา้งตน้ทนัทีก็มีแนวโนม้ว่าคน ๆ นนัÊจะใชอ้ารมณห์รือความรูส้กึ (หรือสมองซีก ขวา) ตดัสินใจแกป้ัญหามากกว่าการใชเ้หตแุละผล หรือสมองซีกซา้ยแลว้ล่ะครบั แลว้แกป้ัญหาดว้ยสมองซีกซา้ยควรทาํยงัไงล่ะ ? ก็คือตอ้งเรียกลกทัูงÊสองคนมาพดูคุยหาสาเหตุของปัญหาว่าเกิดอะไรขึนÊถึงไดม้าทะเลาะกนัแย่ง สม้กนักระจองงอแงอย่างงี เพืÊ Éอหาขอ้มลูขอ้เท็จจริงทÉีเกีÉยวขอ้งกบัตวัปัญหาใหช้ดัเจนเสียก่อนว่ามนัมี สาเหตทุÉีมาทีÉไปยงัไง แลว้ถึงค่อยมาคิดหาวิธีแกป้ัญหานนัÊๆยงัไงล่ะครบั ผมสมมตุิว่าถา้สอบถามลกูทงัÊสองคนแลว้ ไดข้อ้มลูว่าพÉีชายคนโตอยากจะไดเ้นือÊสม้มากิน สว่น นอ้งสาวคนเล็กอยากจะไดเ้ปลือกสม้มาเล่น คณุพ่อคณุแม่ก็อาจจะแกป้ัญหานีดÊว้ยการแบ่งเนือÊสม้ทงหมดัÊ ใหพ้Éชีายเอาไปกิน ส่วนนอ้งสาวก็เอาแค่เปลือกสม้ ไปเล่น เรียกว่าแกป้ัญหาตรงสาเหตขุองมนัไดข้อเพียงให้ มีขอ้มลูใหค้รบถว้นเพียงพอเสียก่อน แต่ถา้ด่วนใชอ้ารมณต์ ัดสินใจแกป้ัญหาทนัทีเช่น แบ่งสม้ออกเป็น 2 สว่นเท่าๆกนัแลว้แบ่งใหล้กู ปัญหานีกÊ็อาจจะยงัไม่ยุติเพราะคนพÉีก็ยงัอยากไดเ้นือÊสม้ ส่วนทÉีเหลือมากิน ส่วนคนนอ้งก็ยงัอยากไดเ้ปลือก สม้จากพÉีชายมาเลน่ส่วนคณุพ่อคณุแม่ก็คิดเขา้ขา้งตัวเอง (โดยใชค้วามรูส้ึกเป็นตวันาํ ) ว่าก็ฉนัแกป้ัญหา ใหล้กูอย่างยตุิธรรมแลว้นÉีนาทาํ ไมปัญหาถึงยงัไม่จบ จากตวัอย่างนีท่านทีÊ Éเป็นหวัหนา้งานคงเรÉมิจะมองเห็นความสาํคญัของการแกป้ัญหาดว้ยการคิด เชิงวิเคราะหโ์ดยหาขอ้มลูขอ้เท็จจรงิอย่างมีเหตมุีผล หรือทีÉจะเรียกเป็นภาษาฝรัÉงว่า Analytical Thinking หรือการคิดอย่างเป็นระบบ (System Thinking)กนับา้งแลว้นะครบั พูดง่าย ๆ ว่าถ้าใครมีขอ้มูลข่าวสารมากคนนัÊนก็จะได้เปรียบในการคิดแก้ปัญหาและ ตัดสินใจครับ หวัหนา้งานจึงควรฝึกการคิดแกป้ัญหาดว้ยการหาขอ้มูลมาคิดเชิงวิเคราะหอ์ย่างเป็นระบบเพืÉอการ แกป้ัญหาและตดัสินใจมากกว่าการแกป้ัญหาแบบจิตสมัผัส หรือใชล้างสงัหรณ์หรือใชอ้ารมณเ์ป็นหลกัซึÉง ก็จะเปรียบเสมือนวิธีใชก้ารเล่นผีถว้ยแกว้ในการแกป้ัญหาจรงิไหมครบั แล้วกระบวนการแก้ปัญหามีอะไรกันบ้างล่ะ ?


Page 89 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั จากผงักระบวนการแกป้ัญหาขา้งตน้ผมขอยกตวัอย่างเพÉือความเขา้ใจดงันีÊ 1. ขัÊนแรกการกาํหนดตัวปัญหาสมมตุิว่าผมกาํหนดไดว้่ามีปัญหาเกิดขึนคือในโรงงานแห่งหนึÊ Éงคือ ทรพัยส์ินของฝ่ายซ่อมบาํรุงสญูหาย นÉีคือการกาํหนดตวัปัญหาทÉีเกิดขึนÊแลว้ครบั2. ขัÊนทีสองคือ เราต้องมาค้นหาสาเหตุของตัวปัญหาÉนีวÊ่าทาํ ไมถึงเกิดตวัปัญหาขึน ซึÊ ÉงเครืÉองมือ ในการคน้หาสาเหตขุองปัญหามีมากมายหลายหลากแต่ในทÉนีีผÊมยกตัวอย่างว่าผมใชผ้งัตน้ ไม้ (Tree Diagram) ในการหาสาเหตขุองปัญหานดีÊงัภาพ


Page 90 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั วิธีการคือการตังÊคาํถามว่า “ทาํ ไม” ทรพัยส์ินของฝ่ายซ่อมบาํรุงถึงสญูหายเพÉือคน้หาสาเหตขุอง ตวัปัญหาน ซึ ีÊ ÉงเมืÉอไดส้าเหตขุองตวัปัญหาแลว้ก็จะนาํ ไปสขู่นที ัÊ É3 ต่อไป 3. การคิดแผนเพืÉอแก้ปัญหา ในขันนีÊกÊ็มาคิดหาวิธีการว่าเราจะแกป้ัญหาทÉีตวัสาเหตุ(ในขนที ัÊ É2) กนัยงัไงดี โดยเปลีÉยน “ปัญหา” เป็น “เปา้หมาย”แลว้เปลีÉยนคาํว่า “ทาํ ไม” มาเป็น “อย่างไร”แลว้จึงมากาํหนดแผนการแกป้ัญหาดงัภาพขา้งล่างนีคÊรบั


Page 91 of 128 ธาํรงศกัดÍิคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉือประโยชนส์าธารณะเท่านนÊั 4. วิธีปฏิบัติในแต่ละแผน จากแผนการแกป้ัญหาขา้งตน้ก็นาํมาทาํรายละเอียดของวิธีปฏิบตัิในแต่ละแผนหรือจะเรียกว่า “Action Plan” ตามนีคÊรบั 5. ขัÊนสุดท้ายคือการตัดสินใจและติดตามการแก้ปัญหาตามแผนงานว่ายงัเกิดปัญหาใดอีก หรือไม่หรือจาํเป็นจะตอ้งปรบัแผนการแกป้ัญหาอะไรบา้งหรือเปลา่ซÉงกระบวนการติดตามผลนี ึÊ เป็นเรืÉองสาํคญัของทกุกิจกรรมทÉีควรจะตอ้งมีเลยครบัเพÉือใหก้ารแกป้ัญหาสามารถทาํ ไดอ้ย่าง ทนัท่วงทีและไม่เกิดปัญหาบานปลายในอนาคต เมืÉออ่านมาถึงตรงนีผมมัÊ Éนใจว่าหวัหนา้งานทกุท่านจะเขา้ใจหลกัสาํคญัๆของทกัษะการแกป้ัญหา และตดัสินใจแลว้นะครบัสÉงิสาํคญัทÉีสุดคือ 1. ทศันคติและมมุมองเชิงบวกในการแกป้ัญหาเป็นสิÉงสาํคญั2. การแกป้ัญหาควรอยู่บนหลกัของขอ้มลูขอ้เท็จจรงิ, เหตแุละผล,การคิดเชิงวิเคราะหอ์ย่างเป็น ระบบ โดยมีความคิดสรา้งสรรคเ์ขา้มาประกอบการคิดแกป้ัญหาอย่างเหมาะสม ไม่ควร แกป้ัญหาจากอารมณ์จินตนาการคิดไปเอง (บางคนเรียก“อีโมฯ” มาจากคาํย่อของ Emotion) หรือความรูส้ึกลว้น ๆ 3. เขา้ใจกระบวนการแกป้ัญหา และติดตามผลเพÉือใหแ้น่ใจว่าการแกป้ัญหานนัÊคืบหนา้ไปมาก นอ้ยแค่ไหนเพียงใดเพียงเท่านทีÊ่านก็จะเป็นนกัแกป้ัญหาทÉมีีเหตมุีผล เป็นทÉียอมรบันบัถือจาก ลกูนอ้งและคนรอบขา้งแลว้ล่ะครบั


Page 92 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บททีÉ14 วินัยและการดาํเนินการทางวนิัย เมืÉอคนเรามาทาํงานร่วมกนัก็ย่อมตอ้งมีกฎ กติกา มารยาท ในการทาํงานรว่มกนัซึÉงในแต่ละ องคก์รก็จะตอ้งมีขอ้บงัคบัหรือกฎระเบียบในการทาํงานเป็นแนวทางใหพ้นกังานปฏิบตัิตาม เพืÉอใหเ้กิด ความราบรืÉนในการทาํงานรว่มกนัก็คงคลา้ยๆกบับา้นเมืองก็ตอ้งมีกฎหมายนÉันแหละครบั กรณีเกิดความผิดทัÉวไป การทีÉจะคาดหวงัใหค้นทกุคนเป็นคนดีประพฤติปฏิบตัิตวัดีเหมือนกนัทงหมดัÊโดยไม่มีคนฝ่ าฝืน กฎระเบียบขององคก์รเลยก็คงจะเป็นไปไม่ไดจ้รงิไหมครบั ในคนหม่มูากก็จะมีคนบางคนทีÉชอบทาํตวัใหผ้ิด ไปจากกฎ กติกาไปมากบา้งนอ้ยบา้งขึนÊกบัพฤติกรรมของแต่ละคน ซึÉงแน่นอนว่าหากการประพฤติปฏิบตัิ ตวัทÉีละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎระเบียบขององคก์รถึงจุดหนึÉงทีÉยอมรบัไม่ได้ก็จะตอ้งมกีาร “ตกัเตือน”กนั แลว้ใครจะเป็นคนตกัเตือนพนกังานทÉีประพฤติตวัผิดกฎระเบียบเหลา่นน..ัÊ ก็หวัหนา้งานยงัไงล่ะครบั !! เราลองมาดกูนันะครบัว่าหวัหนา้งานจะตอ้งเขา้ไปเกีÉยวขอ้งกบัการตักเตือนลูกนอ้งยงัไงบา้ง ประเภทของการตักเตือน โดยวิธีปฏิบตัิทÉวัๆไปเรามกัจะใชว้ิธีตักเตือนพนกังานทีÉทาํความผิด Śวิธีหลกัๆ คือ 1. ตกัเตือนดว้ยวาจา(การตกัเตือนดว้ยวาจาไม่มีผลทางกฎหมายแรงงานนะครบัแต่หัวหนา้งาน สามารถตกัเตือนลกูนอ้งดว้ยวาจาได)้ 2. ตกัเตือนเป็นลายลกัษณอ์กัษร(การตกัเตือนเป็นลายลกัษณอ์กัษรหากทาํอย่างถกูตอ้งก็จะมี ผลทางกฎหมายและนาํ ไปใชอ้า้งองิในศาลแรงงานได)้ ในองคก์รของท่านก็คงจะมแีนวปฏิบตัิคลา้ย ๆ กนัเช่นนีใÊช่ไหมครบั ? โดยกรรมวิธีในการตกัเตือนดว้ยวาจาส่วนใหญ่หวัหนา้งานของพนกังานคนนน ๆ (ที ัÊ Éทาํ


Page 93 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ความผิด)ก็จะเชิญ (หรือเรียก) พนกังานมาพบในทีÉเฉพาะและตกัเตือนใหพ้นักงานรูว้่าไดก้ระทาํความผิด ใดไปบา้งและทาํ ใหเ้กิดความเสียหาย หรือมีผลต่อหน่วยงานหรือองคก์รอย่างไร มีหวัหนา้งานหลายคนทีÉว่ากล่าวตกัเตือนพนกังานต่อหนา้เพืÉอนพนกังาน หรอืว่ากลา่วในทÉี สาธารณะ(ภายในองคก์ร)และหลายครงที ัÊ Éการว่ากลา่วนนัÊแฝงดว้ยอารมณโ์มโหเขา้ไปดว้ยซÉงในเรื ึÉองนีเป็นÊ เรืÉองทีÉหวัหนา้งานพงึระมดัระวงันะครบั เพราะถึงแมว้่าพนกังานทÉีทาํความผิดนนัÊจะทาํผิดจรงิแต่การว่ากล่าวกนัในทีÉสาธารณะและใหค้น ทีÉไม่เกีÉยวขอ้งไดฟ้ังไดย้ินไปดว้ยน่ะ ไม่ใช่เรืÉองดีและทาํ ใหเ้กิดแรงงานสมัพนัธท์Éีดีนกันะครบั ลองคิดกลบักนัดูว่าถา้หวัหนา้งานคนนนัÊถูกหวัหนา้ทÉเหนือขึ ีนÊไปทาํอย่างนนัÊบา้ง เขาจะรูส้กึ อย่างไร ? บ่อยครังทีÊ Éการว่ากล่าวตกัเตือนไม่เป็นผลก็เพราะลกัษณะทีÉผมบอกมานีแÊหละครบัคือแทนทีÉ พนกังานจะยอมรบัผิด กลบัทาํ ใหพ้นกังานเกิดทิฐิเกิดทัศนคติทีÉไม่ดีต่อหวัหนา้ยิÉงถา้ความผิดนนไม่ได้ ัÊ รา้ยแรงอะไรแต่หวัหนา้งานใชอ้ารมณท์Éีเกินกว่าเหตดุดุ่าว่ากล่าวไปแรง ๆแลว้พนกังานคนนนัÊก็จะไดร้บั ความเห็นใจจากเพืÉอน ๆ ทีÉฟังอย่ดูว้ยไปเสียอกี ซึÉงผลสะทอ้นกลบัมาทÉีหวัหนา้งานว่า “ใชอ้ารมณใ์นการทาํงานกบัลกูนอ้ง” ไดเ้หมือนกนันะครบั แทนทีÉลกูนอ้งจะสาํนึกผิด กลบัไดร้บัความเห็นใจจากเพืÉอน ๆรอบขา้งไปเสียนÉี ทางทีÉดีก็ว่ากล่าวตกัเตือนกนัในทีÉเฉพาะระหว่างหัวหนา้งานกบัพนกังานทÉทีาํความผิดจะดีกว่าครบั วิธีการเตือนด้วยลายลักษณอ์ ักษร คราวนีผÊมขอพดูเจาะจงในเรÉืองการตกัเตือนเป็นลายลกัษณอ์กัษรนะครบัซึÉงการเตือนแบบนีโดยÊ ทัÉวๆไปมกัจะเป็นการเตือนทÉีผ่านการเตือนดว้ยวาจามาก่อนหนา้นีแÊลว้แต่พนักงานก็ยงัทาํความผิดซาํÊ เดิม เชน่การมาทาํงานสาย,การขาดงาน เป็นตน้ เมืÉอมาถึงขันÊของการเตือนเป็นหนงัสือตักเตือน หรือเป็นลายลกัษณอ์กัษรแลว้เราจะตอ้งมาทาํ ความเขา้ใจใหต้รงกนัก่อนนะครบัว่า


Page 94 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ หนงัสอืตกัเตือนทีถÉูกตอ้ง และมีผลหากจะตอ้งนาํ ไปประกอบการพจิารณาของศาลแรงงานนน ัÊ เป็นอย่างไร ท่านลองพิจารณาสิครบัว่าขา้งล่างนีเÊป็นหนงัสือตกัเตือนทÉีถูกตอ้งหรือไม่? วนัทÉี............................................. เรืÉอง ตกัเตือน เรียน คณุ..................................... เนืÉองจากท่านขาดงานโดยลาป่วยและลากิจหลายครัง ตัÊงÊแต่วนัทÉีřŝ พค.25….ทีÉ ผ่านมาจนถึงปัจจุบนับรษิัทขอแจง้ใหท้ ่านทราบว่าการกระทาํดงักล่าวเป็นการไม่สมควรและบรษิัทหวงั เป็นอย่างยิÉงว่าท่านจะไมข่าดงานในลกัษณะดงักล่าวอีก จึงแจง้มาเพÉือทราบ ………………... (นายมัÉน หวงัดี) ผูจ้ดัการฝ่าย…... ใครคิดว่าข้อความในหนังสอืข้างบนนีเป็ นหนังสือตักเตือนที ÊถÉูกต้องบ้างครับ ? ถา้หากหวัหนา้บอกว่านÉีเป็นหนงัสือเตือนล่ะก็พอหนงัสือฉบบันีไÊปถึงศาลแรงงาน หนังสือฉบบันีก็Ê จะไม่ใช่หนงัสือตกัเตือนทÉีถกูตอ้ง เพราะยงัขาดขอ้ความอะไรบางอยา่งไป ทาํ ใหห้นงัสือตกัเตือนฉบบันีไม่Ê สมบูรณน์ ่ะสิครบั “แล้วหนังสอืตักเตือนทีถÉูกต้องจะมีข้อความอย่างไรล่ะ?” ผมทายว่าท่านจะตอ้งถามคาํถามนีใÊช่ไหมครบัเลยขอเล่าสกู่นัฟังดงันีÊ


Page 95 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ ข้อความทีพÉึงมใีนหนังสอืตักเตือน 1. วนัเดือน ปีทÉีออกหนงัสือตกัเตือน (อาจเป็นวนัเดียวกบัวนัทÉีพนกังานทาํความผิดนน) ัÊ 2. สถานทีÉทีÉออกหนงัสือตกัเตือน (โดยทÉวัไปใชห้วักระดาษของบริษัท) 3. ขอ้เท็จจรงิโดยย่อเกีÉยวกบัการกระทาํความผิด หรือการฝ่าฝืนระเบียบของบริษัท โดย บอกถึง วนัเดือน ปีสถานทÉี ทีÉกระทาํความผิดหรือฝ่าฝืน 4. ขอ้อา้งทÉีระบุว่าการกระทาํความผิดนนัÊฝ่าฝืนระเบียบขอ้บงัคบัขอ้ใดของบรษิัท หรือ ฝ่าฝืนคาํสÉงัของบรษิัทในเรÉืองใด ขอ้ใด หากความผิดนันÊไม่มีอยู่ในระเบียบขอ้บงัคบัของบริษัทก็ไม่ตอ้งอา้งถึงขอ้ใดใหค้ลมุเครือว่นุวายไป นะครบัก็ระบุความผิดนันไปตรง ๆ เลยÊ 5. ขอ้ความทÉมีีลกัษณะเป็นการตกัเตือน โดยอาจจะเป็นคาํแนะนาํหา้มปรามไม่ใหก้ระทาํการฝ่า ฝืนอีกต่อไป ถา้หากฝ่าฝืนหรือทาํความผิดอีก บริษัทจะมีบทลงโทษในครังต่อไปเป็นอย่างไรÊ 6. ลายมือชืÉอของผูบ้งัคบับญัชาผอู้อกหนงัสือตกัเตือน ซึÉงจะตอ้งมีช่องลงลายมือชÉือไวส้าํหรบั พยานทีÉจะตอ้งรว่มลงนามเมÉือเรียกพนกังานทÉีทาํความผิดมาตกัเตือนต่อหนา้พยานดว้ยนะ ครบั เอาล่ะครบัคราวนีผÊมขอยกตวัอยา่งหนงัสือตกัเตือนกรณีพนกังานกระทาํความผิดมาเพืÉอ ประกอบความเขา้ใจของท่านดงันีÊ


Page 96 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ บริษัท........................................... วนัทÉี............................................. เรืÉอง ตกัเตือน เรียน คณุตามใจไทยแท้ เนืÉองจากท่านไดป้ระพฤติตนฝ่าฝืนระเบียบ และขอ้บงัคบัของบรษิัท กลา่วคือ ท่านขาด งานโดยไม่มีเหตผุลอนัสมควรเมÉือวนัทÉี15 พฤษภาคม Śŝ5Ş นันÊ บริษัทไดพ้ ิจารณาแลว้เห็นว่าการกระทาํของท่านดงักล่าว เป็นการประพฤติตนฝ่าฝืนต่อ ระเบียบและขอ้บงัคบัของบริษัทบททÉีš วินยัการลงโทษ ขอ้Ś.Ś.ř คือฝ่าฝืนไม่ปฏิบตัิตามระเบียบ ขอ้บงัคบัของบรษิัท , ขอ้Ś.Ś.ŚŘ คือ ละทิงÊหนา้ทÉี ละเลย หรือหลีกเลีÉยงการทาํงาน หรือขาดงาน โดยไม่มีเหตผุลอนัสมควร ดงันน โดยหนั ัÊงสือฉบบันีÊบริษัทจึงขอตกัเตือนท่านเป็นลายลกัษณอ์กัษร มิใหป้ระพฤติ ปฏิบตัิตนเช่นนีอÊีกและใหท้ ่านปฏิบตัิตนใหถู้กตอ้งตามระเบียบขอ้บงัคบัของบริษัทโดยเครง่ครดั และหากท่านยงัประพฤติฝ่าฝืนอีก บริษัทจะพิจารณาลงโทษสถานหนกัต่อไป ลงชืÉอ……….………..ผูแ้จง้การตกัเตือน/ผูบ้งัคับบญัชา วนัทÉี……………................................................... ลงชืÉอ.....................................................พนกังาน/ผูร้บัทราบการตักเตือน วนัทÉี...................................................... ลงชืÉอ.................................................... พยาน วนัทÉี..................................................... ลงชืÉอ.................................................... พยาน วนัทÉี.....................................................


Page 97 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ วิธีการตักเตือนพนักงานทีÉทาํความผิดเป็นลายลักษณอ์ ักษร อย่างทีÉผมไดบ้อกไวแ้ลว้ในตอนตน้ว่าการตกัเตือนพนักงานควรทาํ ในทีÉเฉพาะดงันนจึงควรเชิญ ัÊ พนกังานไปทÉีหอ้งประชุม หรือหอ้งของหวัหนา้งานทÉีเหมาะสม แล้วเชิญพยาน (หมายถึงพยานทีÉรู้เหน็ว่า มีการตักเตือนเกิดขึนจริง ไม่ได้หมายถึงพยานทีÊ Éรู้เห็นการกระทาํความผิดนะครับ) ซึÉงอาจจะเป็น เจา้หนา้ทÉีฝ่ายบุคคล หรือผูท้Éีหวัหนา้งานเห็นว่าเหมาะสมมานÉังรบัฟังการตักเตือน แลว้ปฏิบตัิดังนีคÊรบั ř. เตรียมหนงัสือตกัเตือนใหเ้รียบรอ้ยโดยท่านควรจะปรกึษากบั ฝ่ายบคุคลเพืÉอใหห้นงัสือตกัเตือน ถกูตอ้งอย่างทÉีผมไดบ้อกไปขา้งตน้แลว้ 2. มีพยานร่วมในการตกัเตือน ś. เชิญพนกังานทÉีทาํความผิดมารบัทราบการตกัเตือน Ŝ. ใหพ้นกังานเซ็นรบัทราบการตกัเตือน ŝ. ใหพ้ยานลงนาม Ş. หวัหนา้งานลงนาม ş. ส่งสาํเนาหนังสือตักเตือนให้พนักงานทีทÉาํความผิด Š. ส่งหนงัสือตกัเตือน (ตวัจริง)กลบัไปใหฝ้่ายบคุคล เมืÉอพนักงานทีทÉาํความผิดไม่ยอมเซ็นชืÉอ เมืÉอท่านไดแ้จง้การกระทาํความผิดของพนกังานใหเ้จา้ตวัเขารบั ฟัง พรอ้มทงัÊตกัเตือนแลว้และส่ง หนงัสือตกัเตือนใหเ้ขาเซ็นชÉือเพืÉอรบัทราบความผิด ปรากฏว่าเขาไม่ยอมเซ็นชืÉอ ซึÉงสว่นมากจะดว้ยเหตผุลว่า “ไม่ยอมรบัว่าสิÉงทีÉตนเองทาํนนผิด ัÊ ” หรือ “ถกูปฏิบตัิอย่างไม่เป็นธรรม” หรือฯลฯ ทาํ ใหห้วัหนา้งานหลายคนออกอาการ “หวัเสีย” หรือหงุดหงดิขึนมาÊ ทนัที ใจเยน็ๆ ครบั ใจเยน็ๆถา้พนกังานทีÉทาํความผิดไม่ยอมเซ็นชÉือใหห้วัหนา้งานปฏิบตัิดังนีคÊรบั 1. หวัหนา้งานอ่านหนงัสือตกัเตือนใหพ้นกังานทราบอีกครงหนึ ัÊ ÉงตังÊแต่ตน้จนจบ


Page 98 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 2. สอบถามเหตผุลทÉีพนักงานไม่ยอมเซ็นชืÉอรบัทราบการตกัเตือนครงนี ัÊ Ê 3. หวัหนา้งานเขียนขอ้ความลงในหนงัสือตกัเตือนทาํนองนีÊ “ไดแ้จง้ความผิดใหพ้นกังานรบัทราบตามขอ้ความขา้งตน้แลว้พนกังานไม่ลงนามรบัทราบ ความผิดโดยใหเ้หตผุลว่า.........(ใหใ้สค่าํตอบของพนกังานตามขอ้Ś ลงไป กรณีทีÉพนักงานไม่ตอบอะไรเลย ก็ใหเ้ขียนว่า “พนกังานไม่ใหเ้หตผุลใด ๆ“) จึงบนัทกึความผิดไวเ้ป็นหลกัฐานต่อหนา้พยานซÉงึลงนามไวข้า้ง ทา้ยหนงัสือตกัเตือนฉบบันีแÊลว้” 4. หวัหนา้งานลงนามในหนงัสือตกัเตือน 5. พยานลงนามในหนงัสือตกัเตือน 6. สง่สาํเนาหนงัสือตกัเตือนใหพ้นกังานทีÉทาํความผิด 7. สง่หนงัสือตกัเตือน (ตวัจรงิ) มายงัฝ่ายบุคคลเพืÉอเขา้แฟ้มไวเ้ป็นหลกัฐาน จะเห็นไดว้่าทง ัÊ şขอ้ทÉีผมบอกมานีÊพนกังานทÉทีาํความผิดไม่ตอ้งเซ็นชÉือรบัทราบความผิด แต่ หนงัสือตกัเตือนฉบบันีถÊือว่าสมบูรณแ์ลว้ครบัใชเ้ป็นหลกัฐานต่อไปได ้ อ้อ ! อย่าลืมว่าหนังสือตักเตือนจะมีผลกรณีทีÉพนักงานทาํความผิดซาํÊความผิดเดิมอยู่ř ปี นับแต่วันทีÉพนักงานกระทาํความผิด (ไม่ใช่นับแต่วันทีตักเตือน) นะครับÉ ซึÉงหากพนกังานกระทาํความผิดซาความผิดเดิมภายในระยะเวลา ํÊ ř ปีนับแต่วนัทÉีทาํความผิดครงÊั ก่อนหนา้นีÊบรษิัทก็สามารถดาํเนินการทางวินยัไปตามระเบียบขอ้บงัคบัไดต้ ่อไป ผมอยากจะฝากไวใ้นตอนทา้ยนีวÊ่าการลงโทษทางวินยันนัÊผบู้รหิารจะตอ้งมีความยุติธรรมและไม่ เลือกปฏิบตัิทีÉจะทาํ ใหพ้นกังานเกิดคาํถามขอ้โตแ้ยง้หรือเกิดความรูส้ึกทีÉไม่ไดร้บัความเป็นธรรมตามมาซึÉง จะสง่ผลกระทบถึงแรงงานสมัพนัธใ์นอนาคตดว้ยนะครบั กรณีเกิดความผิดทางวินัยร้ายแรง ทกุองคก์รจะตอ้งมขีอ้บงัคบัการทาํงานกนัอย่แูลว้เพราะตามมาตรา 108 ของพรบ.คมุ้ครอง แรงงานก็บอกเอาไวว้่าจะตอ้งมีและปิดประกาศแจง้ใหพ้นกังานทราบอีกดว้ยซึÉงขอ้หนึÉงทีÉบอกว่าจะตอ้ง ระบุไวใ้นขอ้บงัคับการทาํงานก็คือเรืÉองวินัยและโทษทางวินัย จากจดุนแีÊหละครบัทÉีบริษัทต่าง ๆก็นาํ ไปเขียนไวใ้นขอ้บงัคบัการทาํงาน เช่น พนกังานทีÉดีควรจะ ประพฤติปฏิบตัิตนยงัไงบา้ง ไมม่าสาย, ไม่ขาดงาน, ไม่เกเร, ใหป้ฏิบตัิตามคาํสÉังของผูบ้งัคบับญัชาฯลฯก็ ว่ากนัไป


Page 99 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ แต่จะมีการระบคุวามผิดทางวินยัทีÉเป็นกรณีรา้ยแรงเอาไวใ้นขอ้บงัคบัการทาํงาน เช่น ทจุรติลกั ทรพัยส์ินของบรษิัทหรือของพนกังานดว้ยกนั, ด่าทอทะเลาะวิวาททาํรา้ยร่างกายกนัภายในบรษิัท, มียาเสพ ติดนาํเขา้มาในบรษิัท, พกพาอาวธุเขา้มาในบริษัท ฯลฯ ซึÉงหากพนกังานกระทาํความผิดรา้ยแรงเหล่านีÊ บริษัทจะเลิกจา้งโดยไม่จ่ายค่าชดเชยใด ๆเพราะเป็นความผิดทีÉรา้ยแรงกว่าความผิดมโนสาเรท่Éว ๆ ไป ั แต่ก่อนจะมีการลงโทษถึงขึนÊเลิกจา้งนน เมื ัÊ Éอเกิดความผิดทางวินยัรา้ยแรงเหลา่นีกÊ็ยงัมีหวัหนา้งาน ตลอดจนผูบ้รหิารอีกไม่นอ้ยทีÉยงัไมรู่ว้่าจะตอ้งมีขนัÊตอนยงัไงบา้ง เลยตดัสินใจเลิกจา้งพนกังานทีÉสงสยัว่า จะกระทาํความผิดออกไปก่อนโดยไมม่ ีการสอบถาม (หรอืสอบสวน) ใหไ้ดค้วามชดัเจนว่าเขาทาํผิดจรงิ หรือไม่ โดยบางครังÊอาจจะใชเ้พียงอารมณห์รือความรูส้ึกมาคิดและตัดสินใจแทนขอ้เท็จจรงิและเหตผุล ทาํ ใหเ้กิดความไม่เป็นธรรมกบัตวัพนกังานเองและเกิดปัญหาการฟ้องศาลแรงงานตามมาในทีÉสดุ เรามาลองดูกันสกันิดดีไหมครับว่า ถ้าเกิดเรืÉองร้ายแรงเหลา่นีขึÊนÊควรจะทาํยงัไง 1. หวัหนา้งานหรือผูบ้งัคบับญัชาของหน่วยงานทÉีเกิดความผิดรา้ยแรง จะตอ้งรีบแจง้เรืÉองในเบือÊงตน้ ใหก้บั ฝ่าย HR ทราบในทนัที 2. HR ทาํคาํสÉงตั ังÊคณะกรรมการสอบสวน (บางแห่งอาจจะเรียกว่าคณะกรรมการวินยัพนกังาน)ขึนÊ ชดุหนึÉงซึÉงมกัจะประกอบดว้ย ผบู้ริหารในหน่วยงานทÉีเกิดเรืÉองนันÊๆเช่นหวัหนา้งาน, ผูจ้ดัการใน หน่วยงาน, ผบู้ริหารในฝ่าย HR, ผูบ้รหิารจากหน่วยงานอÉืนซึÉงเป็นคนกลางและเคยเป็นกรรมการ สอบสวนมาแลว้ซÉงทั ึ งหมดนีÊจÊะมีหนา้ทÉีเฉพาะกิจครังนีÊคÊือมีอาํนาจในการสอบสวนผเู้กีÉยวขอ้ง และสรุปเรืÉองทังหมดตลอดจนมติของคณะกรรมการสอบสวนเสนอ Ê MD ภายในเวลา....วนัซึÉง คาํสÉงแต่งตั ั งคณะกรรมการสอบสวนนีÊก็จะลงนามโดย Ê MD 3. คณะกรรมการสอบสวนจะเชิญผูถ้กูล่าวหา (ยงัไม่ถือว่าเป็นผูก้ระทาํความผิดนะครบั) ตลอดจน ผเู้กีÉยวขอ้งมาชีแÊจงหรือแกข้อ้กลา่วหา รวมถึงคณะกรรมการสอบสวนทุกคนจะตอ้งช่วยกนัหา พยานบุคคล, พยานวตัถุฯลฯ เพืÉอนาํมาประกอบกนัในการตดัสินว่าผลสรุปของเรืÉองนัน ๆ เป็นÊ อย่างไร และผลการสอบสวนรวมถึงมติขอ้สรุปของคณะกรรมการสอบสวนก็จะลงนามโดย คณะกรรมการสอบสวนทุกคนแลว้นาํเสนอ MD 4. เมืÉอ MD ไดร้บัผลการสอบสวนแลว้ MD จะตดัสินใจว่าจะดาํเนินการตามมติของคณะกรรมการ สอบสวนหรือไม่ ซึÉง MD ก็มกัจะตดัสินใจตามมติคณะกรรมการฯ เช่น คณะกรรมการสอบสวนมี มติว่าสมควรเลิกจา้งไม่จา่ยค่าชดเชยตามอายงุาน เมÉือ MD ตัดสินใจตามมติฯ บรษิัท (โดยทÉวไปก็ ั จะเป็นผูบ้งัคบับญัชาในหน่วยงานทีÉเกิดเรืÉองนันÊๆรว่มกบั ฝ่าย HR) ก็จะเชิญพนกังานทÉีกระทาํ ความผิดมาแจง้ผลการสอบสวนใหท้ราบเช่น การเชิญพนักงานทีÉกระทาํความผิดมาแจง้ใหท้ราบว่า บริษัทจะเลิกจา้งโดยไม่จา่ยค่าชดเชยตงัÊแต่วนัทÉี..... เป็นตน้


Page 100 of 128 ธาํรงศกัดิÍคงคาสวสัดิÍhttps://tamrongsakk.blogspot.com เผยแพรเ่พÉอืประโยชนส์าธารณะเท่านนัÊ 5. พนกังานทÉกีระทาํความผิดรา้ยแรงยงัมีสิทธิรอ้งทุกขก์ลบัมายงัผูบ้งัคบับญัชาหรือมาทีÉ MD ก็ไดน้ะ ครบัซÉงในเรื ึÉองนีบÊริษัทก็ตอ้งไปเขียนในขอ้บงัคบัการทาํงานว่าจะมีขนัÊตอนวิธีการใหพ้นกังานรอ้ง ทกุขไ์ดอ้ย่างไรและบรษิัทจะพิจารณาขอ้รอ้งทกุขใ์หเ้สรจ็ สินภายในกีÊ Éวนัเป็นตน้ซÉงึบริษัทก็จะตอ้ง พิจารณาการรอ้งทกุขข์องพนกังาน แต่สดุทา้ยในทางปฏิบตัิก็อย่ทูีÉการตดัสินใจของ MD แหละครบั ว่าจะเป็นยงัไงซÉงึหากตดัสินใจอย่างไรก็จะถือว่าเรืÉองนียÊุติครบั 6. บริษัทจะตอ้งเก็บรวบรวมหลกัฐานทÉีเกีÉยวขอ้งกับการสอบสวน และบนัทึกรายงานการสอบสวน อย่างรดักุมครบถว้น ซÉงปกติฝ่าย ึ HR จะทาํหนา้ทÉีเป็นเลขานกุารของคณะกรรมการสอบสวนใน การบนัทึกการสอบสวนและเก็บพยานหลกัฐานทงหมดเพื ัÊ Éอนาํเสนอ MD และเมืÉอตดัสินเรืÉองนีแÊลว้ ก็ตาม เรืÉองการสอบสวนทังÊหมดจะเก็บไวท้Éีฝ่าย HR ครบั 7. กระบวนการสอบสวนทังหมดนีÊคนทีÊ Éทาํหนา้ทÉีเป็นคณะกรรมการสอบสวนควรจะตอ้งถือเป็น ความลบั ไม่ควรนาํเรÉอืงการสอบสวนออกไปแฉแต่เชา้หรือแฉยันเย็นใหพ้นกังานในบริษัทไดรู้แ้ละ เมา้ทม์อยกันสนุกปากนะครบัทีÉตอ้งบอกกนัอย่างนีเพราะจะมีบางคนทีÊ Éแมจ้ะมตีาํแหน่งเป็น ผบู้รหิารแต่ยงัขาดวฒุิภาวะแลว้นาํเรืÉองเหล่านีอÊอกไปวิพากษว์ิจารณก์นัจนเกิดความเสียหายใน ดา้นแรงงานสมัพนัธใ์นบริษัทน่ะสิครบั เมืÉอท่านอ่านมาถึงตรงนี ผมเชืÊ Éอว่าจะทาํ ใหห้วัหนา้งานไดท้ราบขนัÊตอนกระบวนการดาํเนินการทาง วินยักรณีเกดิความผิดรา้ยแรงในหน่วยงานของท่านแลว้นะครบั สาํหรบัขนตอนที ัÊ Éผมบอกมาขา้งตน้นีไÊม่ตอ้งนาํมาใชก้บัความผิดแบบมโนสาเร่เชน่การมาสาย,อู้ งาน ฯลฯ หรือความผิดแบบทัÉวๆไปนะครบัเพราะถา้เป็นความผิดแบบทÉว ๆ ไปนั ันÊหวัหนา้งานหรือ ผบู้งัคบับญัชาโดยตรงสามารถจะว่ากลา่วตกัเตือนไดเ้ลยโดยไม่ตอ้งมาเสียเวลาตงคณะกรรมการสอบสวนัÊ หรอกครบั ตัวอย่างหนังสือเลิกจ้าง ในกรณีทีÉผลการสอบสวนออกมาว่าพนกังานไดก้ระทาํความผิดรา้ยแรงและสมควรถกูเลิกจา้ง และ MD ก็เห็นชอบและอนมุตัิใหเ้ลิกจา้งนนัÊฝ่ายทรพัยากรบุคคลก็จะตอ้งทาํหนงัสือเลิกจา้งพนกังานรายนัน ๆ Ê เตรียมไวแ้ละเชิญพนกังานทÉีจะถกูเลิกจา้งมาแจง้ใหร้บัทราบผลการสอบสวนและการอนมุตัิเลิกจา้งพรอ้ม ทังยืÊ Éนหนงัสือเลิกจา้งใหก้บัพนกังานดงักล่าว ผมจึงยกตัวอย่างหนงัสือเลิกจา้งมาใหท้ ่านดดูงันีคÊรบั


Click to View FlipBook Version