The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรวิทย์ ป.6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kru Chorthip Hormchuen, 2023-10-15 12:19:08

หลักสูตรวิทย์ ป.6

หลักสูตรวิทย์ ป.6

0 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในหลักสูตรโรงเรียนบ้านรวมไทย พุทธศักราช 2566 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) วิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ


1 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หลักสูตรโรงเรียนบ้านรวมไทย มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้ วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อ การตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนิน ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้าง เสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทัน กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อ ตนเองและผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม


2 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรโรงเรียนบ้านรวมไทย มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับ ผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์สุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๖. มุ่งมั่นในการทำงาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ


3 มาตรฐานและตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.6/1 ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน ป.6/2 บอกแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งความปลอดภัยต่อสุขภาพ ป.6/3 ตระหนักถึงความสำคัญของสารอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่ เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งปลอดภัยต่อสุขภาพ ป.6/4 สร้างแบบจำลองระบบย่อยอาหาร และบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร รวมทั้งอธิบายการ ย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ป.6/5 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบย่อยอาหาร โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อย อาหารให้ทำงานเป็นปกติ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชี้วัด ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เกี่ยวกับการแยกสาร มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบ ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.6/1 อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถู โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สสาร และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.6/1 ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ของแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจากหลักฐาน เชิงประจักษ์


4 ป.6/2 เขียนแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ป.6/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายวิธีการและผลของการต่อเซลล์ไฟฟ้า แบบอนุกรม ป.6/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมโดยบอกประโยชน์และประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวัน ป.6/5 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและ แบบขนาน ป.6/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ข้อจำกัด และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ป.6/7 อธิบายการเกิดเงามืดเงามัวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ป.6/8 เขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามัว สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป.6/1 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิด และเปรียบเทียบปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคาสร้าง แบบจำลองที่อธิบายการเกิด และเปรียบเทียบปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา ป.6/2 อธิบายพัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวัน จากข้อมูลที่รวบรวมได้ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป.6/1 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร และอธิบายวัฏจักรหินจากแบบจำลอง ป.6/2 บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของหินและแร่ในชีวิตประจำวันจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ป.6/3 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดซากดึกดำบรรพ์และคาดคะเนสภาพแวดล้อมในอดีตของซาก ดึกดำบรรพ์ ป.6/4 เปรียบเทียบการเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทั้งอธิบายผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมจาก แบบจำลอง ป.6/5 อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทยจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ป.6/6 บรรยายลักษณะและผลกระทบของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ


5 ป.6/7 ตระหนักถึงผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดยนำเสนอแนวทางในการเฝ้าระวังและ ปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่อาจเกิดในท้องถิ่น ป.6/8 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกและผลของปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อ สิ่งมีชีวิต ป.6/9 ตระหนักถึงผลกระทบของปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลด กิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสำรวจในการเรียนรู้การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพรู้เท่าทันและมีจริยธรรม ตัวชี้วัด ป.6/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ตรวจหาข้อผิดพลาดของ โปรแกรมและแก้ไข ป.6/3 ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ป.6/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิ ของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งหมด 30 ตัวชี้วัด


6 โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านรวมไทย โครงสร้างเวลาเรียน ระดับประถมศึกษา กลุมสาระการเรียนรู/ กิจกรรม เวลาเรียน : ชั่วโมง/ป ระดับประถมศึกษา ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ • กลุมสาระการเรียนรู/วิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณิตศาสตร ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วิทยาศาสตร์ 80 80 80 80 8๐ 8๐ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 40 40 40 40 4๐ 4๐ - ประวัติศาสตร ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สุขศึกษาและพลศึกษา (บูรณาการเพศวิถี) 40 40 40 8๐ 8๐ 8๐ ศิลปะ 40 40 40 8๐ 8๐ 8๐ การงานอาชีพ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาอังกฤษ 160 160 160 ๑6๐ ๑6๐ ๑6๐ รวมเวลาเรียน (พื้นฐาน) ๘4๐ ๘4๐ ๘4๐ ๘4๐ ๘4๐ ๘4๐ • รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 40 40 40 40 40 40 เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 40 40 40 40 40 40 หน้าที่พลเมือง / หลักสูตรตานทุจริต (พระบรมราโชบายดานการศึกษาของ รัชกาลที่ ๑๐) 40 40 40 40 40 40 รวมเวลาเรียน (เพิ่มเติม) 12๐ 12๐ 12๐ 120 12๐ 12๐ • กิจกรรมพัฒนาผูเรียน (บูรณากาพระบรมราโชบายดานการศึกษา ของรัชกาลที่ ๑๐) ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กิจกรรมนักเรียน - กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี - ชุมนุม 30 40 30 40 30 40 30 40 30 40 30 40 - กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ รวมเวลาเรียน (กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน) ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐8๐ ชั่วโมง/ปี ๑,08๐ ชั่วโมง/ปี


7 โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านรวมไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน (ชั่วโมง/ปี) (ชั่วโมง/สัปดาห์) รหัสวิชา รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ๒๑ ท๑4๑๐๑ ภาษาไทย 160 4 ค๑4๑๐๑ คณิตศาสตร์ 16๐ 4 ว๑4๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๒ ส๑4๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔๐ ๑ ส๑4๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๑ พ๑4๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา 80 2 ศ๑4๑๐๑ ศิลปะ 80 2 ง๑4๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ๑ อ๑4๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑๖๐ ๔ รหัสวิชา รายวิชาเพิ่มเติม 120 3 อ๑4๒๐๑ ภาษาอังกฤษ(เพิ่มเติม) ๔๐ ๑ ส๑4๒๐๑ การป้องกันการทุจริต ๔๐ ๑ ส๑4๒๐๑ หน้าที่พลเมือง / หลักสูตรตานทุจริต ๔๐ ๑ รหัสกิจกรรม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ ๓ ก๑4๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๑ ก๑4๙๐๒ ก๑4๙๐๓ กิจกรรมนักเรียน ลูกเสือ/เนตรนารี ชุมนุม (๘๐) 3๐ 4๐ (๒) ๑ ๑ ก๑4๙๐๔ กิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ ๑๐ ผนวก ในกิจกรรมชุมนุม รวมเวลาเรียนทั้งหมดตามโครงสร้างหลักสูตร ๑,๐8๐ ๒7


8 คำอธิบายรายวิชา รายวิชา พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 ชื่อวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 120 ชั่วโมง ศึกษาการเรียนรู้แบบนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสารอาหาร ประโยชน์ของสารอาหาร การเลือก รับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพ ความสำคัญของ สารอาหารกับการเจริญเติบโตของร่างกาย ระบบย่อยอาหาร การดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหาร การแยก สารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน แรงไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถู การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมและการนำไปใช้ ประโยชน์ การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนานและการนำไปใช้ประโยชน์ การเกิดเงามืดเงามัว ปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคาและแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น เทคโนโลยีอวกาศ กระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอนและหินแปร วัฏจักรหิน แหล่งหินในท้องถิ่น ลักษณะและสมบัติของหินและแร่ การใช้ประโยชน์ของ หินและแร่ การเกิดซากดึกดำบรรพ์และสภาพแวดล้อมในอดีตของซากดึกดำบรรพ์ แหล่งซากดึกดำบรรพ์ใน ท้องถิ่น การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม ผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทย ลักษณะและผลกระทบ ของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์เรือนกระจก การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวิธีการแก้ปัญหาการออกแบบ การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย และตรวจหาข้อผิดพลาด การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการ ทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย ใช้การสืบเสาะหาความรู้ สังเกต รวบรวมข้อมูล จัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล สร้าง แบบจำลองและอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เบื้องต้น สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น อธิบายและออกแบบ วิธีการแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ เขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อแก้ปัญหาและตรวจหาข้อผิดพลาดของ โปรแกรม ค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ตระหนักถึงคุณค่าของความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และใช้ความรู้และกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกันอย่างปลอดภัยเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพ ในสิทธิของผู้อื่น มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม


9 ตัวชี้วัด ว 1.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ว 2.1 ป.6/1 ว 2.2 ป.6/1 ว 2.3 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8 ว 3.1 ป.6/1 ป.6/2 ว 3.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8 ป.6/9 ว 4.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 รวมทั้งหมด 30 ตัวชี้วัด


10 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 ชื่อวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 120 ชั่วโมง จำนวน 3.0 หน่วยกิต หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐาน การเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก คะแนน 1 วิทยาศาสตร์ น่ารู้ - วิทยาศาสตร์เป็นการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ รอบตัวเรา วิธีการและขั้นตอนที่ใช้เพื่อตอบปัญหาที่เรา สงสัย เรียกว่าวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้อย่างเป็นระบบ เราควร ฝึกฝนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดความ ชำนาญเพื่อให้สามารถค้นหาคำตอบ และแก้ไขปัญหา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเมื่อเราทำการศึกษาและ แสวงหาความรู้ต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์แล้ว จะเกิดจิตวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำให้เรา เป็นคนมีความสนใจใฝ่รู้สิ่งต่าง ๆ มีความรับผิดชอบ มี เหตุผล และมีความซื่อสัตย์ 3 - 2 ร่างกายของ เรา ว1.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 มนุษย์มีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงทางด้าน ร่างกายตั้งแต่แรกเกิดจนเป็นผู้ใหญ่ จึงจำเป็นต้อง บริโภคอาหารเพื่อให้ได้รับสารอาหารต่างๆ ในสัดส่วนที่ เหมาะสมกับเพศและวัย ปลอดภัยต่อสุขภาพ รวมทั้ง ต้องพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายสม่ำเสมอ จึง จะทำ ให้ร่างกายเจริญเติบโตและสุขภาพดี ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยระบบต่างๆ เช่น ระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ และตับอ่อน ซึ่งทำหน้าที่ร่วมกันในการ ย่อยและดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลรักษาอวัยวะต่าง ๆ ในระบบ ย่อยอาหารให้ทำงานได้ตามปกติ 14 10


11 หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐาน การเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก คะแนน 3 แรงไฟฟ้า และ วงจรไฟฟ้า ว2.2 ป.6/1 เมื่อขัดถูวัตถุบางชนิด แล้วนำมาเข้าใกล้กันจะทำให้ เกิดแรงดึงดูดหรือแรงผลักกัน โดยขึ้นอยู่กับชนิดของ วัตถุที่นำมาขัดถูและนำมาใกล้กัน แรงที่เกิดขึ้นนี้ เรียกว่า แรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นแรงไม่สัมผัส 17 10 ว 2.3 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วย แหล่งกำเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ต่อ เข้ากันเป็นวงจรปิด ซึ่งวงจรไฟฟ้านั้นมี 2 แบบ คือ แบบอนุกรมและแบบขนาน ในการต่อวงจรไฟฟ้าแต่ละ แบบนั้นมีวิธีการต่อ ประโยชน์และข้อจำกัดที่แตกต่าง กัน ดังนั้นในการต่อวงจรไฟฟ้าจึงต้องใช้วิธีที่เหมาะสม ให้เกิดประโยชน์กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน 4 แสงและเงา ว2.3 ป.6/7 ป.6/8 แสงเกิดจากแหล่งกำเนิดแสง โดยเคลื่อนที่ออกจาก แหล่งกำเนิดแสงทุกทิศทางเป็นแนวเส้นตรง เมื่อนำ วัตถุทึบแสงมากั้นทางเดินของแสงจะเกิดเงาขึ้นบนฉาก รับแสงที่อยู่ด้านหลังวัตถุ โดยเงามีรูปร่างคล้ายวัตถุที่ ทำให้เกิดเงา โดยเงาที่เกิดขึ้นมี 2 ลักษณะ คือเงามืด และเงามัว เราสามารถเขียนแผนภาพรังสีของแสงใน การเกิดเงาได้ และสามารถนำการเกิดเงาไปใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ 6 5 5 สารรอบตัว เรา ว2.1 ป.6/1 สารรอบตัวเราส่วนใหญ่เป็นสารผสม เช่น น้ำจิ้มไก่ น้ำโคลน ทรายผสมกรวด ซึ่งเราสามารถแยกสารผสม ออกจากกันได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การหยิบออก การ ร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การตกตะกอน การกรอง การรินออก โดยสามารถนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ใน การแยกสารผสมที่พบในชีวิตประจำวันได้ 6 5


12 หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐาน การเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก คะแนน 6 หินและซาก ดึกดำบรรพ์ ว 3.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 หินเป็นทรัพยากรธรรมชาติประเภทหนึ่ง หินแบ่ง ออกตามกระบวนการเกิดได้เป็น 3 ประเภท คือ หิน อัคนี หินตะกอน และหินแปร ซึ่งหินแต่ละประเภท จะ มีลักษณะต่างกัน จึงนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ต่างกัน ซากดึกดำบรรพ์เกิดจากการทับถมหรือการประทับ รอยของสิ่งมีชีวิตในอดีต ซึ่งซากดึกดำบรรพ์มีประโยชน์ ห ลาย อ ย่าง เช่น ใช้ ระ บุ อ ายุข อ งหิ น อ ธิบ าย สภาพแวดล้อมในอดีต 10 5 7 ปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติ และ ธรณีพิบัติภัย ว 3.2 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8 ป.6/9 ลมบก ลมทะเล และลมมรสุมเกิดจากอุณหภูมิเหนือ พื้นดินและพื้นน้ำแตกต่างกัน จึงทำให้อากาศบริเวณที่มี อุณหภูมิต่ำเคลื่อนที่ไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหวและ สึนามิ เป็นภัยธรรมชาติที่มีลักษณะการเกิดและมี ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน เรา จึงควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยจาก ภัยธรรมชาติเหล่านั้น ปรากฏการณ์เรือนกระจกมีผลทำให้อุณหภูมิบนโลก เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต หากเกิดปรากฏการณ์เรือน กระจกที่มากขึ้นจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ของโลก 15 10 8 ดาราศาสตร์ และ เทคโนโลยี อวกาศ ว 3.1 ป.6/1 ป.6/2 โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์จะโคจรรอบ โลก เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลกโคจรมาอยู่ ในระนาบเดียวกัน จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์การบดบัง กันระหว่างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก เรียกว่า การเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคา พัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศมีความสำคัญต่อ การพัฒ นาเทคโนโลยีต่างๆ บนโลก เพื่อให้เกิด ประโยชน์ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ เทคโนโลยีอวกาศ บางประเภทมนุษย์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ 7 5


13 หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐาน การเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก คะแนน 9 เทคโนโลยี ว4.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 วิทยาการคอมพิวเตอร์ การแก้ปัญหาอย่างเป็น ขั้นตอนและเป็นระบบ การใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การบูรณาการกับวิชาอื่น การเขียนโปรแกรมการคาดการณ์ผลลัพธ์ การตรวจหา ข้อผิดพลาด การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือพัฒนา โครงงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การรวบรวม ข้อมูล การประมวลผล การประเมินผลการนำเสนอ ข้อมูลหรือสารสนเทศเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง การ ค้นหาข้อมูลและแสวงหาความรู้บนอินเทอร์เน็ต การ ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล การเลือกใช้ ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ต ข้อตกลงและ ข้อกำหนดในการใช้สื่อหรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ หลักการ ทำงานของคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสาร การรู้ดิจิทัล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารอย่างปลอดภัย การจัดการอัตลักษณ์ การรู้เท่า ทันสื่อ กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การใช้ลิขสิทธิ์ ของผู้อื่น -โดยชอบธรรมนวัตกรรมและผลกระทบของเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารต่อการดำเนินชีวิต อาชีพ สังคม และวัฒนธรรม 39 20 รวมระหว่างปี 117 70 ปลายปี 3 30 รวมตลอดปี 120 100


14 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 รายวิชา พื้นฐาน รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง วิทยาศาสตร์น่ารู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรียน 3 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ - มาตรฐานการเรียนรู้ - ตัวชี้วัด - 2. สาระสำคัญ /ความคิดรวบยอด วิทยาศาสตร์เป็นการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา วิธีการและขั้นตอนที่ใช้เพื่อตอบปัญหาที่เรา สงสัย เรียกว่าวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้อย่างเป็นระบบ เราควรฝึกฝนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดความ ชำนาญเพื่อให้สามารถค้นหาคำตอบ และแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เมื่อเราทำการศึกษาและแสวงหาความรู้ต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้ว จะเกิด จิตวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำให้เราเป็นคนมีความสนใจใฝ่รู้สิ่งต่าง ๆ มีความรับผิดชอบ มีเหตุผล และมีความซื่อสัตย์ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสำคัญ 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย 5.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน 6.1 ใบงานที่ 1.1 วิธีการทางวิทยาศาสตร์ 6.2 ปฏิทินตั้งโต๊ะแสดงประวัติและผลงานของนักวิทยาศาสตร์


15 ลักษณะงานสุดท้าย นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นประวัติและผลงานของนักวิทยาศาสตร์ที่กลุ่มตนเองสนใจมา 12 คน แล้วนำ ข้อมูลมาจัดทำเป็นปฏิทินตั้งโต๊ะแสดงประวัติและผลงานของนักวิทยาศาสตร์ โดยช่วยกันออกแบบและตกแต่งให้ สวยงาม และนำเสนอหน้าชั้นเรียน 7. การวัดและประเมินผล 7.1 การประเมินระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ใบงานที่ 1.1 วิธีการทาง วิทยาศาสตร์ ตรวจใบงานที่ 1.1 วิธีการ ทางวิทยาศาสตร์ ใบงานที่ 1.1 วิธีการทาง วิทยาศาสตร์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7.2 การประเมินเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน / ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ปฏิทินตั้งโต๊ะ ตรวจผลงาน แบบประเมิน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป 8. กิจกรรมการเรียนรู้ 8.1 ศึกษา/สืบค้น/อภิปราย/นำเสนอ/บันทึกผล เรื่อง วิทยาศาสตร์น่ารู้ (2 ชั่วโมง) 8.2 ศึกษา/สืบค้น/จัดกระทำข้อมูล/นำเสนอ เรื่อง ประวัติและผลงานของนักวิทยาศาสตร์(1 ชั่วโมง) 9. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 9.1 ใบงานที่ 1.1 วิธีการทางวิทยาศาสตร์ 9.2 บัตรภาพขนมปัง 9.3 แบบทดสอบนิสัย 9.4 PowerPoint เรื่อง วิทยาศาสตร์น่ารู้ 9.5 สลากทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 9.6 หนังสือแบบเรียนวิทยาศาสตร์ 9.7 ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์


16 แบบประเมินผลงาน ปฏิทินตั้งโต๊ะแสดงประวัติและผลงานของนักวิทยาศาสตร์ คำชี้แจง: โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทำเครื่องหมาย ลงในช่องว่าง ตามเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1. การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ 2. ความถูกต้องของเนื้อหา 3. รูปแบบการเรียบเรียงเนื้อหาและภาษาที่ใช้ 4. ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ 5. การนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 13-15 ดี 9-12 พอใช้ 1-8 ปรับปรุง


17 เกณฑ์การให้คะแนนผลงานปฏิทินตั้งโต๊ะแสดงประวัติและผลงานของนักวิทยาศาสตร์ ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรับปรุง (1 คะแนน) 1. การสืบค้นข้อมูลจาก แหล่งต่าง ๆ สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติและผลงานของ นักวิทยาศาสตร์ได้ หลากหลายแหล่งและ แหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติและผลงานของ นักวิทยาศาสตร์ได้มากกว่า 1 แหล่งและแหล่งข้อมูล ส่วนใหญ่น่าเชื่อถือ สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติและผลงานของ นักวิทยาศาสตร์ได้เพียง แหล่งเดียวและ แหล่งข้อมูลไม่ค่อยมีความ น่าเชื่อถือ 2. ความถูกต้องของ เนื้อหา เนื้อหาเกี่ยวกับประวัติ แ ล ะ ผ ล ง า น ข อ ง นักวิทยาศาสตร์ถูกต้อง ชัดเจน เนื้อหาเกี่ยวกับประวัติ และผลงานของ นักวิทยาศาสตร์ถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาเกี่ยวกับประวัติและ ผลงานของ นักวิทยาศาสตร์ถูกต้อง เป็นบางส่วน 3. รูปแบบการเรียบเรียง เนื้อหาและภาษาที่ใช้ การเรียบเรียงเนื้อหา กระชับ เข้าใจง่าย ใช้ คำศัพท์และระดับภาษา ถูกต้องเหมาะสมและ น่าสนใจ การเรียบเรียงเนื้อหา บางส่วนยืดเยื้อไม่กระชับ ใช้คำศัพท์และระดับภาษา ถูกต้องเหมาะสมเป็นส่วน ใหญ่ การเรียบเรียงเนื้อหาไม่ค่อย ต่อเนื่อง ใช้คำศัพท์และ ระดับภาษาถูกต้อง เหมาะสมเป็นเพียงบางส่วน และไม่ค่อยน่าสนใจ 4. ความคิดสร้างสรรค์ใน การออกแบบ ผลงานสะท้อนให้เห็นถึง ความคิดสร้างสรรค์ในการ ออกแบบและการตกแต่ง สอดคล้องกับเนื้อหา ดึงดูดความสนใจได้เป็น อย่างดี ผลงานสะท้อนให้เห็นถึง ความคิดสร้างสรรค์ในการ ออกแบบและการตกแต่ง สอดคล้องส่วนใหญ่กับ เนื้อหา แต่ไม่น่าสนใจ เท่าที่ควร ผลงานยังไม่สามารถ สะท้อนให้เห็นถึงความคิด สร้างสรรค์ในการออกแบบ และการตกแต่งไม่น่าสนใจ 5. การนำเสนอข้อมูล หน้าชั้นเรียน นำเสนอหน้าชั้นเรียนด้วย ความมั่นใจ เสียงดังชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสม และตอบคำถามได้ นำเสนอหน้าชั้นเรียน ด้วยเสียงที่ดังชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม แต่ไม่สามารถตอบคำถาม ได้ ไม่มั่นใจในการนำเสนอ หน้าชั้นเรียน ใช้เสียงเบา และภาษาที่ใช้ไม่เหมาะสม รวมทั้งตอบคำถามไม่ได้


18 ใบงานที่ 1.1 วิธีการทางวิทยาศาสตร์ คำชี้แจง : ให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนและบันทึกผลลงในใบงาน วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ 1. ระบุปัญหาหรือตั้งคำถาม ................................................................................................................... ................................................................................................................... ................................................................................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2. ตั้งสมมติฐาน ................................................................................................................... ................................................................................................................... ................................................................................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. 3. รวบรวมข้อมูล ................................................................................................................... ................................................................................................................... ................................................................................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. 4. วิเคราะห์ข้อมูล ................................................................................................................... ................................................................................................................... ................................................................................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. 5. สรุปผล ................................................................................................................... ................................................................................................................... ................................................................................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ทำอย่างไรดีกับขนมปัง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


19 นักเรียนมีนิสัยแบบนี้ใช่หรือไม่ ใช่ ไม่ใช่ เป็นคนช่างสังเกต เป็นคนช่างคิดช่างสงสัย เป็นคนมีเหตุผล เป็นคนมีความพยายาม และอดทน เป็นคนมีความคิดริเริ่ม เป็นคนทำงานเป็นระบบ นักเรียนมีนิสัยแบบนี้ใช่หรือไม่ ใช่ ไม่ใช่ เป็นคนช่างสังเกต เป็นคนช่างคิดช่างสงสัย เป็นคนมีเหตุผล เป็นคนมีความพยายาม และอดทน เป็นคนมีความคิดริเริ่ม เป็นคนทำงานเป็นระบบ แบบทดสอบนิสัย คุณมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์มากแค่ไหน? คุณมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์มากแค่ไหน? บัตรภาพขนมปัง


20 ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการวัด ทักษะการหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลา ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการใช้จำนวน ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป ทักษะการทดลอง ทักษะการตั้งสมมติฐาน ทักษะการสร้างแบบจำลอง สลากทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์


21 แบบสังเกตคุณลักษณะ ชื่อ.................................................................................... เลขที่............... ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ห้อง.......... คำชี้แจง : ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ข้อ การสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ระดับความคิดเห็น 3 2 1 มีวินัย 1 ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ 2 ทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ 3 ทำงานเสร็จส่งตามเวลาที่กำหนด ใฝ่เรียนรู้ 4 ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ที่ครูจัดให้อย่างตั้งใจ 5 เอาใจใส่งานที่ได้รับมอบหมาย 6 ตอบคำถามครูอย่างสม่ำเสมอ มุ่งมั่นในการทำงาน 7 ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ มีความรับผิดชอบ 8 ปรับปรุงและแก้ปัญหาในการทำงานให้สำเร็จ 9 พัฒนาการเรียนของตนเองตลอดเวลา รวมคะแนน เกณฑ์ให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 23-27 ดีมาก 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ต่ำกว่า 13 ปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ


22 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ำใจ การมี ส่วนร่วม ในการ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14-15 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ


23 แบบประเมินผลการจัดทำหน่วยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 รายวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง วิทยาศาสตร์น่ารู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 3 ชั่วโมง คำชี้แจง โปรดเขียนเครื่องหมาย / ลงในช่องที่ตรงกับระดับการปฏิบัติ ระดับการปฏิบัติ 4 หมายถึง การปฏิบัติมากที่สุด 3 หมายถึง การปฏิบัติมาก 2 หมายถึง การปฏิบัติปานกลาง 1 หมายถึง การปฏิบัติน้อย รายการประเมิน ระดับการปฏิบัติ 1 2 3 4 1. ชื่อหน่วยการเรียนรู้กะทัดรัด ชัดเจน ครอบคลุมเนื้อหาสาระ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด มีความเชื่อมโยงกันเหมาะสม 3. ความสอดคล้องของสาระสำคัญกับมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 4. ความสอดคล้องของสาระสำคัญกับสาระการเรียนรู้ 5. ความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันระหว่างชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระสำคัญ และสาระการเรียนรู้ 6. กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 7. กิจกรรมการเรียนรู้มีความครอบคลุมในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะ/ กระบวนการ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้สามารถนำผู้เรียนไปสู่การสร้างชิ้นงาน / ภาระงาน 9. มีการประเมินผลตามสภาพจริงและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 10. ประเด็นและเกณฑ์การประเมินสามารถสะท้อนคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการ เรียนรู้ / ตัวชี้วัด 11. ความเหมาะสม เพียงพอใจการกำหนดสื่อการเรียนรู้ 12. หน่วยการเรียนรู้ที่จัดทำสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง รวม / สรุปผล................. หรือ เฉลี่ย / สรุปผล................. การแปลความหมาย การประเมินหน่วยการเรียนรู้ เกณฑ์ ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.75 ปรับปรุง 1.76 – 2.50 พอใช้ 2.51 – 3.25 ดี 3.26 – 4.00 ดีมาก หรือ คะแนน 12 – 20 ปรับปรุง 21 – 30 พอใช้ 31 - 39 ดี 40 – 48 ดีมาก


24 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 รายวิชา พื้นฐาน รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ร่างกายของเรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรียน 14 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.6/1 ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน ป.6/2 บอกแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งความปลอดภัยต่อสุขภาพ ป.6/3 ตระหนักถึงความสำคัญของสารอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่ เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งปลอดภัยต่อสุขภาพ ป.6/4 สร้างแบบจำลองระบบย่อยอาหาร และบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร รวมทั้งอธิบายการ ย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ป.6/5 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบย่อยอาหาร โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อย อาหารให้ทำงานเป็นปกติ 2. สาระสำคัญ /ความคิดรวบยอด มนุษย์มีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายตั้งแต่แรกเกิดจนเป็นผู้ใหญ่ จึงจำเป็นต้องบริโภค อาหารเพื่อให้ได้รับสารอาหารต่างๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย ปลอดภัยต่อสุขภาพ รวมทั้งต้องพักผ่อน ให้เพียงพอและออกกำลังกายสม่ำเสมอ จึงจะทำ ให้ร่างกายเจริญเติบโตและสุขภาพดี ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยระบบต่างๆ เช่น ระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ และตับอ่อน ซึ่งทำหน้าที่ร่วมกันในการย่อยและ ดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลรักษาอวัยวะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารให้ ทำงานได้ตามปกติ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 3.1.1 สารอาหารที่อยู่ในอาหารมี 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และ น้ำ


25 3.1.2 อาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหารที่แตกต่างกัน อาหารบางอย่างประกอบด้วยสารอาหาร ประเภทเดียว อาหารบางอย่างประกอบด้วยสารอาหารมากกว่า 1 ประเภท 3.1.3 สารอาหารแต่ละประเภทมีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกัน โดยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ส่วนเกลือแร่ วิตามิน และน้ำ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ 3.1.4 การรับประทานอาหารเพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามเพศและวัย และมีสุขภาพดี จำเป็นต้องรับประทานให้ได้พลังงานเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และให้ได้สารอาหาร ครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งต้องคำนึงถึงชนิดและปริมาณของวัตถุเจือปนในอาหารเพื่อ ความปลอดภัยต่อสุขภาพ 3.1.5 ระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ร่วมกันในการย่อยและดูดซึมอาหาร ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ และตับอ่อน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสำคัญ 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย 5.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน 6.1 แบบทดสอบก่อน/หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 6.2 กิจกรรมที่ 1 การเจริญเติบโตของร่างกาย 6.3 กิจกรรมที่ 2 สารอาหารที่ร่างกายต้องการ 6.4 กิจกรรมที่ 3 พลังงานที่ได้รับจากอาหาร 6.5 กิจกรรมที่ 4 แบบจำลองระบบย่อยอาหาร 6.6 โปสเตอร์แนวทางการเลือกรับประทานอาหาร 6.7 โปสเตอร์ระบบย่อยอาหารของมนุษย์


26 ลักษณะงานสุดท้าย นักเรียนใช้กระบวนการกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมกับเพศและวัยของบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ร่วมกันสรุปจัดทำเป็นข้อมูลเสนอแนวทางในการเลือกรับประทานอาหาร แล้วนำเสนอในชั้นเรียน นักเรียนใช้กระบวนการกลุ่มช่วยกันระดมความคิดเพื่อออกแบบและจัดทำโปสเตอร์ เพื่อจำลองระบบย่อย อาหารของมนุษย์แล้วนำเสนอในชั้นเรียน 7. การวัดและประเมินผล 7.1 การประเมินระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน แบบทดสอบก่อน/หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ตรวจแบบทดสอบก่อน/หลัง เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แบบทดสอบก่อน/หลัง เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ กิจกรรมที่ 1 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป กิจกรรมที่ 2 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป กิจกรรมที่ 3 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป กิจกรรมที่ 4 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป 7.2 การประเมินเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน / ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน โปสเตอร์แนวทางการเลือกรับประทานอาหาร ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป โปสเตอร์ระบบย่อยอาหารของมนุษย์ ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป 8. กิจกรรมการเรียนรู้ 8.1 ศึกษา/สืบค้น/บันทึก/อภิปราย/สรุปข้อมูล/จัดกระทำ/นำเสนอ เรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย (2 ชั่วโมง) 8.2 ศึกษา/สืบค้น/บันทึก/อภิปราย/สรุปข้อมูล/จัดกระทำ/นำเสนอ เรื่องสารอาหารที่ร่างกายต้องการ (3 ชั่วโมง) 8.3 ศึกษา/สืบค้น/บันทึก/อภิปราย/สรุปข้อมูล/จัดกระทำ/นำเสนอ เรื่องแนวทางการเลือกรับประทานอาหาร (3 ชั่วโมง) 8.4 ศึกษา/สืบค้น/อภิปราย/สร้างแบบจำลอง/นำเสนอ/อธิบาย เรื่องระบบย่อยอาหาร (3 ชั่วโมง) 8.5 ศึกษา/สืบค้น/บันทึก/อภิปราย/สรุปข้อมูล/จัดกระทำ/นำเสนอ เรื่องการดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อย อาหาร (3 ชั่วโมง)


27 9. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 9.1 แบบทดสอบก่อน/หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 9.2 บัตรภาพ, บัตรข้อความ, สลากชื่ออวัยวะ 9.3 วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรม 9.4 ลูกบอลพลาสติก, สติกเกอร์รูปหัวใจ 9.5 กระดาษ A4 และสีไม้และอุปกรณ์ตกแต่ง 9.6 PowerPoint เรื่อง ร่างกายของเรา 9.7 หนังสือแบบเรียนวิทยาศาสตร์ 9.8 ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์


28 เฉลย 1. ก 2. ข 3. ข 4. ค 5. ง 6. ง 7. ง 8. ก 9. ค 10. ก หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ร่างกายของเรา คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. อาหารในข้อใดต่อไปนี้ให้สารอาหารเหมือนกัน ก. ถั่วลิสงต้ม นมสด ข. น้ำตาลทราย ไข่ขาว ค. ข้าวเหนียว ไก่ทอด ง. ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง 2. ถ้านักเรียนมีอาการเลือดออกตามไรฟันบ่อยๆ นักเรียน ควรเลือกรับประทานอาหารในข้อใดมากที่สุด ก. ตับไก่ ข. มะขามป้อม ค. ไข่ไก่ ง. เห็ดนางฟ้า 3. เกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตของคนอายุ 5-18 ปี เกณฑ์ ชาย หญิง มวล (กก.) ส่วนสูง (ซม.) มวล (กก.) ส่วนสูง (ซม.) ผอม 22 140 24 140 สมส่วน 35 140 37 140 ท้วม 43 140 44 140 อ้วน 46 140 48 140 ถ้าเด็กหญิงเอื้ออารีย์อายุ 12 ปี มีส่วนสูง 140 ซม. มี มวลประมาณ 35 กก. เด็กหญิงเอื้ออารีย์มีรูปร่างอย่างไร ก. ผอม ข. สมส่วน ค. ท้วม ง. อ้วน 4. อาหารประเภทถั่ว สามารถรับประทานเพื่อชดเชยอาหาร ประเภทใดได้ ก. ผลไม้ ข. ไขมันสัตว์ ค. เนื้อสัตว์ ง. แป้ง 5. ผลไม้ชนิดหนึ่งเป็นแหล่งของวิตามิน A B2 C และ E ถ้านำผลไม้ชนิดนี้ไปล้างน้ำก่อนนำมาประกอบอาหาร จะสูญเสียวิตามินชนิดใด ก. วิตามิน A และ E ข. วิตามิน B2 และ E ค. วิตามิน C และA ง. วิตามิน B2 และ C 6. นักเรียนคิดว่า ใครต้องการสารอาหารคาร์โบไฮเดรต มากที่สุด ก. อิมนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด ข. ภูมิต่อหุ่นยนต์ในห้องนั่งเล่น ค. น้ำชาวาดรูปอยู่ที่สวนหลังบ้าน ง. ปาล์มเล่นเตะฟุตบอลอยู่ที่สนาม 7. น้ำดีที่ผลิตจากตับมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบย่อย อาหารอย่างไร ก. ย่อยอาหารประเภทโปรตีน ข. ทำให้กระเพาะอาหารมีการดูดซึมสารอาหารได้ง่ายขึ้น ค. ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ ง. ทำให้ไขมันแตกตัวมีขนาดเล็กลง 8. ใครเป็นผู้ดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหารได้ดีที่สุด ก. นาราชอบรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ข. ปาลินชอบรับประทานเนื้อสัตว์ติดมัน ค. ชาลีรับประทานอาหารรสจัดเป็นประจำ ง. ปกป้องดื่มน้ำวันละ 3 แก้ว 9. เมื่อนักเรียนรับประทานข้าวเหนียวหมูปิ้งเข้าไป จะเกิด การดูดซึมสารอาหารที่ได้จากข้าวเหนียวหมูปิ้งมากที่สุด บริเวณใด ก. ปาก ข. กระเพาะอาหาร ค. ลำไส้เล็ก ง. ลำไส้ใหญ่ 10. ถ้าเราไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันเลย จะทำให้ ร่างกายดูดซึมวิตามินในข้อใดไม่ได้ ก. วิตามิน A ข. วิตามิน B1 ค. วิตามิน B2 ง. วิตามิน C แบบทดสอบก่อน/หลัง เรียน


29 แบบประเมินผลงาน โปสเตอร์แนวทางการเลือกรับประทานอาหาร คำชี้แจง: โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทำเครื่องหมาย ลงในช่องว่าง ตามเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1) การสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมกับเพศและวัย 2) การเสนอแนวทางการเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วน 3) รูปแบบการนำเสนอข้อมูล 4) การนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 10-12 ดี 6-9 พอใช้ 1-5 ปรับปรุง


30 เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน โปสเตอร์แนวทางการเลือกรับประทานอาหาร ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรับปรุง (1 คะแนน) 1. การสืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับอาหารที่ เหมาะสมกับเพศ และวัย สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ อาหารที่เหมาะสมกับเพศ และวัยครบทั้ง 3 ช่วงวัย ตามที่โจทย์กำหนด สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร ที่เหมาะสมกับเพศและวัย ได้ 2 ช่วงวัย จาก 3 ช่วงวัย ตามที่โจทย์กำหนด สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ อาหารที่เหมาะสมกับเพศ และวัยได้เพียง 1 ช่วงวัย จาก 3 ช่วงวัย ตามที่ โจทย์กำหนด 2. การเสนอแนว ทางการเลือก รับประทานอาหาร ให้ได้สารอาหาร ครบถ้วน สรุปและนำเสนอ แนวทางการรับประทาน อาหารใน 1 วัน เพื่อให้ ได้สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนที่เหมาะสมทั้ง 3 ช่วงวัย สรุปและนำเสนอ แนว ทางการรับประทานอาหาร ใน 1 วัน เพื่อให้ ได้สารอาหารครบถ้วนใน สัดส่วนที่เหมาะสม 2 ช่วงวัย สรุปและนำเสนอ แนวทางการรับประทาน อาหารใน 1 วัน เพื่อให้ ได้สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพียง 1 ช่วงวัย 3. รูปแบบการนำเสนอ ข้อมูล ใช้รูปแบบการนำเสนอ แนวทางการเลือก รับประทานอาหารได้ เหมาะสม ชัดเจน มีความสร้างสรรค์ และน่าสนใจ ใช้รูปแบบการนำเสนอแนว ทางการเลือกรับประทาน อาหารได้เหมาะสม แต่ยัง ดึงดูดความสนใจได้เพียง เล็กน้อย ใช้รูปแบบการนำเสนอ แนวทางการเลือก รับประทานอาหารได้ ไม่ค่อยเหมาะสม และ ขาดความชัดเจน 4. การนำเสนอข้อมูล หน้าชั้นเรียน นำเสนอหน้าชั้นเรียนด้วย ความมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสม และตอบ คำถามได้ นำเสนอหน้าชั้นเรียน ด้วยเสียงที่ดังชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสม แต่ไม่สามารถตอบคำถาม ได้ ไม่มั่นใจในการนำเสนอ หน้าชั้นเรียน ใช้เสียงเบา และภาษาที่ใช้ไม่ เหมาะสม รวมทั้งตอบ คำถามไม่ได้


31 แบบประเมินผลงาน แบบจำลองระบบย่อยอาหาร คำชี้แจง: โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทำเครื่องหมาย ลงในช่องว่าง ตามเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1. การนำความรู้ที่ได้มาใช้ในการสร้างผลงาน 2. ความถูกต้องของเนื้อหา 3. การออกแบบผลงาน 4. การนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 10-12 ดี 6-9 พอใช้ 1-5 ปรับปรุง


32 เกณฑ์การให้คะแนนผลงานแบบจำลองระบบย่อยอาหาร หัวข้อประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1. การนำความรู้ที่ได้มา ใช้ในการสร้างผลงาน สามารถนำความรู้ที่ได้ เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร มาสร้างผลงานได้อย่าง ถูกต้องชัดเจน สามารถนำความรู้ที่ได้ เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร มาสร้างผลงานได้แต่ยังไม่ ค่อยชัดเจน สามารถนำความรู้ที่ได้ เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร มาสร้างผลงานได้แต่ต้อง ได้รับคำแนะนำจากครู 2. ความถูกต้องของ เนื้อหา สามารถแสดงตำแหน่ง อวัยวะในระบบย่อยอาหาร แต่ละชนิดได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน สามารถแสดงตำแหน่ง อวัยวะในระบบย่อยอาหาร แต่ละชนิดได้อย่างถูกต้อง แต่ยังไม่ค่อยชัดเจน สามารถแสดงตำแหน่ง อวัยวะในระบบย่อยอาหาร แต่ละชนิดได้แต่ต้องได้รับ คำแนะนำจากครู 3. การออกแบบผลงาน สามารถออกแบบผลงาน แบบจำลองระบบย่อย อาหารได้อย่างถูกต้องตาม ขั้นตอนชัดเจน สามารถออกแบบผลงาน แบบจำลองระบบย่อย อาหารได้อย่างถูกต้องแต่ ยังไม่ค่อยชัดเจน สามารถออกแบบผลงาน แบบจำลองระบบย่อย อาหารได้ถูกต้องแต่ ต้องได้รับคำแนะนำจากครู 4. การนำเสนอข้อมูล หน้าชั้นเรียน นำเสนอหน้าชั้นเรียนด้วย ความมั่นใจ เสียงดังชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสม และตอบคำถามได้ นำเสนอหน้าชั้นเรียน ด้วยความมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสม แต่ไม่สามารถ ตอบคำถามได้ ไม่มั่นใจในการนำเสนอ หน้าชั้นเรียน ใช้เสียงเบา และภาษาที่ใช้ไม่เหมาะสม รวมทั้งตอบคำถามไม่ได้


33 แบบประเมินผลงาน โปสเตอร์ระบบย่อยอาหาร คำชี้แจง: โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทำเครื่องหมาย ลงในช่องว่าง ตามเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1. ความถูกต้องของเนื้อหา 2. รูปแบบการเรียบเรียงเนื้อหาและภาษาที่ใช้ในโปสเตอร์ 3. ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบโปสเตอร์ 4. การนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 10-12 ดี 6-9 พอใช้ 1-5 ปรับปรุง


34 เกณฑ์การให้คะแนนผลงานโปสเตอร์ระบบย่อยอาหาร ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรับปรุง (1 คะแนน) 1. ความถูกต้องของเนื้อหา ข้อมูลในโปสเตอร์จำลอง ระบบย่อยอาหารของ มนุษย์เนื้อหาครบถ้วน และถูกต้องชัดเจนตามที่ โจทย์กำหนด ข้อมูลในโปสเตอร์จำลอง ระบบย่อยอาหารของ มนุษย์เนื้อหาครบถ้วนและ ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ตามที่ โจทย์กำหนด ข้อมูลในโปสเตอร์จำลอง ระบบย่อยอาหารของ มนุษย์เนื้อหาไม่ครบตามที่ โจทย์กำหนด และถูกต้อง เป็นบางส่วน 2. รูปแบบการเรียบเรียง เนื้อหาและภาษาที่ใช้ใน โปสเตอร์ การเรียบเรียงเนื้อหา กระชับ เข้าใจง่าย ใช้คำศัพท์และระดับภาษา ในโปสเตอร์ถูกต้อง เหมาะสมและน่าสนใจ การเรียบเรียงเนื้อหา บางส่วนยืดเยื้อไม่กระชับ ใช้คำศัพท์และระดับภาษา ในโปสเตอร์ถูกต้อง เหมาะสมเป็นส่วนใหญ่ การเรียบเรียงเนื้อหาไม่ ค่อยต่อเนื่อง ใช้คำศัพท์ และระดับภาษาใน โปสเตอร์ถูกต้องเหมาะสม เพียงบางส่วน และไม่ค่อย น่าสนใจ 3. ความคิดสร้างสรรค์ใน การออกแบบโปสเตอร์ โปสเตอร์สะท้อนให้เห็น ถึงความคิดสร้างสรรค์ ในการออกแบบ และ การตกแต่งสอดคล้องกับ เนื้อหา ดึงดูดความสนใจ ได้เป็นอย่างดี โปสเตอร์สะท้อนให้เห็นถึง ความคิดสร้างสรรค์ ใน การออกแบบ และการ ตกแต่งส่วนใหญ่ สอดคล้องกับเนื้อหา แต่ ไม่น่าสนใจเท่าที่ควร โปสเตอร์ยังไม่สามารถ สะท้อนให้เห็นถึง ความคิดสร้างสรรค์ใน การออกแบบ และ การตกแต่งไม่น่าสนใจ 4. การนำเสนอข้อมูลหน้า ชั้นเรียน นำเสนอหน้าชั้นเรียนด้วย ความมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสม และตอบ คำถามได้ นำเสนอหน้าชั้นเรียน ด้วยเสียงที่ดังชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสม แต่ไม่สามารถตอบคำถาม ได้ ไม่มั่นใจในการนำเสนอ หน้าชั้นเรียน ใช้เสียงเบา และภาษาที่ใช้ไม่ เหมาะสม รวมทั้งตอบ คำถามไม่ได้


35 แบบสังเกตคุณลักษณะ ชื่อ..................................................................................... เลขที่............... ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ห้อง.......... คำชี้แจง : ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ข้อ การสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ระดับความคิดเห็น 3 2 1 มีวินัย 1 ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ 2 ทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ 3 ทำงานเสร็จส่งตามเวลาที่กำหนด ใฝ่เรียนรู้ 4 ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ที่ครูจัดให้อย่างตั้งใจ 5 เอาใจใส่งานที่ได้รับมอบหมาย 6 ตอบคำถามครูอย่างสม่ำเสมอ มุ่งมั่นในการทำงาน 7 ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ มีความรับผิดชอบ 8 ปรับปรุงและแก้ปัญหาในการทำงานให้สำเร็จ 9 พัฒนาการเรียนของตนเองตลอดเวลา รวมคะแนน เกณฑ์ให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 23-27 ดีมาก 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ต่ำกว่า 13 ปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ


36 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ำใจ การมี ส่วนร่วม ในการ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14-15 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ


37 แบบประเมินผลการจัดทำหน่วยการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ร่างกายของเรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 14 ชั่วโมง คำชี้แจง โปรดเขียนเครื่องหมาย / ลงในช่องที่ตรงกับระดับการปฏิบัติ ระดับการปฏิบัติ 4 หมายถึง การปฏิบัติมากที่สุด 3 หมายถึง การปฏิบัติมาก 2 หมายถึง การปฏิบัติปานกลาง 1 หมายถึง การปฏิบัติน้อย รายการประเมิน ระดับการปฏิบัติ 1 2 3 4 1. ชื่อหน่วยการเรียนรู้กะทัดรัด ชัดเจน ครอบคลุมเนื้อหาสาระ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด มีความเชื่อมโยงกันเหมาะสม 3. ความสอดคล้องของสาระสำคัญกับมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 4. ความสอดคล้องของสาระสำคัญกับสาระการเรียนรู้ 5. ความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันระหว่างชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระสำคัญ และสาระการเรียนรู้ 6. กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 7. กิจกรรมการเรียนรู้มีความครอบคลุมในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะ/ กระบวนการ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้สามารถนำผู้เรียนไปสู่การสร้างชิ้นงาน / ภาระงาน 9. มีการประเมินผลตามสภาพจริงและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 10. ประเด็นและเกณฑ์การประเมินสามารถสะท้อนคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการ เรียนรู้ / ตัวชี้วัด 11. ความเหมาะสม เพียงพอใจการกำหนดสื่อการเรียนรู้ 12. หน่วยการเรียนรู้ที่จัดทำสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง รวม / สรุปผล................. หรือ เฉลี่ย / สรุปผล................. การแปลความหมาย การประเมินหน่วยการเรียนรู้ เกณฑ์ ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.75 ปรับปรุง 1.76 – 2.50 พอใช้ 2.51 – 3.25 ดี 3.26 – 4.00 ดีมาก หรือ คะแนน 12 – 20 ปรับปรุง 21 – 30 พอใช้ 31 - 39 ดี 40 – 48 ดีมาก


38 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 รายวิชา พื้นฐาน รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรียน 6 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบ ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.6/1 อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถูโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สสาร และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.6/1 ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ของแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ ป.6/2 เขียนแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ป.6/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายวิธีการและผลของการต่อเซลล์ไฟฟ้า แบบอนุกรม ป.6/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมโดยบอกประโยชน์และการประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวัน ป.6/5 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและ แบบขนาน ป.6/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ข้อจำกัด และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 2. สาระสำคัญ /ความคิดรวบยอด เมื่อขัดถูวัตถุบางชนิด แล้วนำมาเข้าใกล้กันจะทำให้เกิดแรงดึงดูดหรือแรงผลักกัน โดยขึ้นอยู่กับชนิดของ วัตถุที่นำมาขัดถูและนำมาใกล้กัน แรงที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า แรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นแรงไม่สัมผัส วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วย แหล่งกำเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ ต่อเข้ากันเป็นวงจรปิด ซึ่งวงจรไฟฟ้านั้นมี 2 แบบ คือแบบอนุกรมและแบบขนาน ในการต่อวงจรไฟฟ้าแต่ละแบบ นั้นมีวิธีการต่อ ประโยชน์และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นในการต่อวงจรไฟฟ้าจึงต้องใช้วิธีที่เหมาะสมให้เกิด ประโยชน์กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน


39 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 3.1.1 วัตถุ 2 ชนิดที่ผ่านการขัดถูแล้ว เมื่อนำเข้าใกล้กัน อาจดึงดูดหรือผลักกัน แรงที่เกิดขึ้นนี้เป็นแรง ไฟฟ้าซึ่งเป็นแรงไม่สัมผัส เกิดขึ้นระหว่างวัตถุที่มีประจุไฟฟ้า ซึ่งประจุไฟฟ้ามี 2 ชนิด คือ ประจุไฟฟ้าบวกและ ประจุไฟฟ้าลบ วัตถุที่มีประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกันผลักกัน ชนิดตรงข้ามกันดึงดูดกัน 3.1.2 วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วยแหล่งกำเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ ไฟฟ้า แหล่งกำเนิดไฟฟ้า เช่น ถ่านไฟฉายหรือแบตเตอรี่ ทำหน้าที่ให้พลังงานไฟฟ้า สายไฟฟ้าเป็นตัวนำไฟฟ้าทำ หน้าที่เชื่อมต่อระหว่างแหล่งกำเนิดไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน เครื่องใช้ไฟฟ้ามีหน้าที่เปลี่ยนพลังงาน ไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่น 3.1.3 เมื่อนำเซลล์ไฟฟ้าหลายเซลล์มาต่อเรียงกัน โดยให้ขั้วบวกของเซลล์ไฟฟ้าเซลล์หนึ่งต่อกับขั้วลบของ อีกเซลล์หนึ่งเป็นการต่อแบบอนุกรม ทำให้มีพลังงานไฟฟ้าเหมาะสมกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบ อนุกรมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น การต่อเซลล์ไฟฟ้าในไฟฉาย 3.1.4 การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมเมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออกทำให้หลอดไฟฟ้าที่เหลือ ดับทั้งหมด ส่วนการต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออก หลอดไฟฟ้าที่เหลือก็ยัง สว่างได้ การต่อหลอดไฟฟ้าแต่ละแบบสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น การต่อหลอดไฟฟ้าหลายดวงในบ้านจึง ต้องต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนานเพื่อเลือกใช้หลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งได้ตามต้องการ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสำคัญ 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย 5.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน 6.1 แบบทดสอบก่อน/หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า 6.2กิจกรรมที่ 1 การเกิดแรงไฟฟ้า 6.3กิจกรรมที่ 2 ผลของแรงไฟฟ้า 6.4กิจกรรมที่ 3 การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย


40 6.5กิจกรรมที่ 4 แผนภาพวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย 6.6กิจกรรมที่ 5 การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม 6.7กิจกรรมที่ 6 การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน 6.8แผ่นพับความรู้ เรื่อง การเกิดแรงไฟฟ้า 6.9 สิ่งประดิษฐ์ของเล่น ของใช้ หรือเกม ลักษณะงานสุดท้าย นักเรียนใช้กระบวนการกลุ่มสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เกี่ยวกับการเกิดแรงไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน แล้วนำ ข้อมูลมาจัดทำแผ่นพับให้มีเนื้อหาที่ถูกต้องและออกแบบให้สวยงาม พร้อมนำเสนอผลงาน นักเรียนใช้กระบวนการกลุ่มนำความรู้เรื่องวงจรไฟฟ้า ไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงาน สิ่งประดิษฐ์ของเล่น ของใช้ หรือเกม โดยต้องมีการต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายเข้าไปในผลงาน แล้วนำเสนอผลงาน 7. การวัดและประเมินผล 7.1 การประเมินระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน แบบทดสอบก่อน/หลัง เรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ตรวจแบบทดสอบก่อน/หลัง เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แบบทดสอบก่อน/หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ กิจกรรมที่ 1 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป กิจกรรมที่ 2 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป กิจกรรมที่ 3 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป กิจกรรมที่ 4 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป กิจกรรมที่ 5 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป กิจกรรมที่ 6 ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป 7.2 การประเมินเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน / ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน แผ่นพับความรู้ เรื่อง การเกิดแรงไฟฟ้า ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป สิ่งประดิษฐ์ของเล่น ของใช้ หรือเกม ตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป


41 8. กิจกรรมการเรียนรู้ 8.1 ศึกษา/สังเกต/สืบค้น/ทดลอง/บันทึกผล/รวบรวมข้อมูล/นำเสนอ/บรรบาย เรื่อง แรงไฟฟ้า (4 ชั่วโมง) 8.2 ศึกษา/ตั้งคำถาม/ตั้งสมมติฐาน/รวบรวมข้อมูล/วิเคราะห์ข้อมูล/สรุปผล/เขียนแผนภาพ/นำเสนอ เรื่อง วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย (4 ชั่วโมง) 8.3 ศึกษา/ตั้งคำถาม/ตั้งสมมติฐาน/ทดลอง/รวบรวมข้อมูล/วิเคราะห์ข้อมูล/สรุปผล เรื่อง การต่อเซลล์ไฟฟ้า แบบอนุกรม (3 ชั่วโมง) 8.4 ศึกษา/ตั้งคำถาม/ตั้งสมมติฐาน/ทดลอง/รวบรวมข้อมูล/วิเคราะห์ข้อมูล/สรุปผล เรื่อง การต่อหลอดไฟ แบบอนุกรมและแบบขนาน (3 ชั่วโมง) 8.5 ศึกษา/ตั้งคำถาม/ตั้งสมมติฐาน/ทดลอง/รวบรวมข้อมูล/วิเคราะห์ข้อมูล/สรุปผล เรื่อง ตัวนำไฟฟ้าและ ฉนวนไฟฟ้า (3 ชั่วโมง) 9. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 9.1 แบบทดสอบก่อน/หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 9.2 บัตรภาพ, สลากวงจรไฟฟ้า, สลากสถานการณ์งานช่าง 9.3 วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรม, ใบงาน 9.4 ลูกโป่งขนาดเล็ก 9.5 กระดาษ A4 และสีไม้และอุปกรณ์ตกแต่ง 9.6 PowerPoint เรื่อง แรงไฟฟ้า, วงจรไฟฟ้า 9.7 หนังสือแบบเรียนวิทยาศาสตร์ 9.8 ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์


42 เฉลย 1. ง 2. ง 3. ก 4. ง 5. ก 6. ข 7. ข 8. ค 9. ข 10. ง แบบทดสอบก่อน/หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดคือสัญลักษณ์หลอดไฟ ก. ค. ข. ง. 2. แรงที่เกิดจากการขัดถูแล้วเกิดแรงดึงดูดหรือ แรงผลักกันเรียกว่าอะไร ก. แรงแม่เหล็ก ข. แรงเสียดทาน ค. แรงโน้มถ่วง ง. แรงไฟฟ้า 3. จากแผนภาพเป็นการต่อหลอดไฟแบบใด ก. แบบขนาน ข. แบบผสม ค. แบบอนุกรม ง. แบบสลับ 4. จากข้อ 3. หากหลอดไฟดวงบนเสียจะส่งผล อย่างไร ก. เป็นวงจรเปิด ข. ไฟฟ้าลัดวงจร ค. หลอดไฟดับทั้งหมด ง. หลอดไฟดวงล่างยังติดอยู่ 5. ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ก. แอมมิเตอร์ ข. เซลล์ไฟฟ้า ค. เครื่องใช้ไฟฟ้า ง. สายไฟ 6. การต่อฟิวส์เป็นการต่อแบบใด ก. แบบผสม ข. แบบอนุกรม ค. แบบขนาน ง. แบบใดก็ได้ 7. สิ่งของข้อใดไม่สามารถเกิดแรงไฟฟ้าได้ ก. ขวดแก้ว ข. โต๊ะไม้ ค. หนังยาง ง. ขวดพลาสติก 8. ข้อใดเป็นฉนวนไฟฟ้าทั้งหมด ก. ทองแดง ยาง แก้ว ข. สเตนเลส เหล็ก กระดาษ ค. แก้ว ผ้า พลาสติก ง. ไม้ เงิน กระเบื้อง 9. การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบใดทำให้มีไฟฟ้าในวงจรเพิ่มขึ้น ก. แบบขนาน ข. แบบอนุกรม ค. แบบผสม ง. แบบสลับ 10. การต่อหลอดไฟตามบ้านเรือนควรต่อแบบใด ก. แบบสลับ ข. แบบผสม ค. แบบอนุกรม ง. แบบขนาน


43 แบบประเมินผลงาน แผ่นผับความรู้เกี่ยวกับการเกิดแรงไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน คำชี้แจง: โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทำเครื่องหมาย ลงในช่องว่าง ตามเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1) การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ 2) ความถูกต้องของเนื้อหา 3) รูปแบบการเรียบเรียงเนื้อหาและภาษาที่ใช้ในแผ่นพับ 4) ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบแผ่นพับ 5) การนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 13-15 ดี 9-12 พอใช้ 1-8 ปรับปรุง


44 เกณฑ์การให้คะแนนผลงานแผ่นผับความรู้เกี่ยวกับการเกิดแรงไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรับปรุง (1 คะแนน) 1) การสืบค้นข้อมูล จากแหล่งต่าง ๆ สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการ เกิดแรงไฟฟ้าใน ชีวิตประจำวันได้ หลากหลายแหล่ง และ แหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการ เกิดแรงไฟฟ้าใน ชีวิตประจำวันได้มากกว่า 1 แหล่ง และแหล่งข้อมูล ส่วนใหญ่น่าเชื่อถือ สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการ เกิดแรงไฟฟ้าใน ชีวิตประจำวันได้เพียง แหล่งเดียว และ แหล่งข้อมูลไม่ค่อยมีความ น่าเชื่อถือ 2) ความถูกต้องของ เนื้อหา เนื้อหาเกี่ยวกับการเกิด แรงไฟฟ้าในแผ่นพับ ถูกต้อง ชัดเจน และ เกิดขึ้นจริงใน ชีวิตประจำวัน เนื้อหาเกี่ยวกับการเกิด แรงไฟฟ้าในแผ่นพับ ถูกต้องและเกิดขึ้นจริงใน ชีวิตประจำวันเป็นส่วน ใหญ่ เนื้อหาเกี่ยวกับการเกิด แรงไฟฟ้าในแผ่นพับ ถูกต้องและเกิดขึ้นจริงใน ชีวิตประจำวันเป็น บางส่วน 3) รูปแบบการเรียบ เรียงเนื้อหาและ ภาษาที่ใช้ในแผ่น พับ การเรียบเรียงเนื้อหา กระชับ เข้าใจง่าย ใช้ คำศัพท์และระดับภาษาใน แผ่นพับถูกต้องเหมาะสม และน่าสนใจ การเรียบเรียงเนื้อหา บางส่วนยืดเยื้อไม่กระชับ ใช้คำศัพท์และระดับภาษา ในแผ่นพับถูกต้อง เหมาะสมเป็นส่วนใหญ่ การเรียบเรียงเนื้อหาไม่ค่อย ต่อเนื่อง ใช้คำศัพท์และ ระดับภาษาในแผ่นพับ ถูกต้องเหมาะสมเป็นเพียง บางส่วน และไม่ค่อย น่าสนใจ 4) ความคิด สร้างสรรค์ในการ ออกแบบแผ่นพับ แผ่นพับสะท้อนให้เห็นถึง ความคิดสร้างสรรค์ในการ ออกแบบ และการตกแต่ง สอดคล้องกับเนื้อหา ดึงดูดความสนใจได้เป็น อย่างดี แผ่นพับสะท้อนให้เห็นถึง ความคิดสร้างสรรค์ในการ ออกแบบ และการตกแต่ง สอดคล้องส่วนใหญ่กับ เนื้อหา แต่ไม่น่าสนใจ เท่าที่ควร แผ่นพับยังไม่สามารถ สะท้อนให้เห็นถึงความคิด สร้างสรรค์ในการออกแบบ และการตกแต่งไม่น่าสนใจ 5) การนำเสนอ ข้อมูลหน้าชั้น เรียน นำเสนอหน้าชั้นเรียนด้วย ความมั่นใจ เสียงดังชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสม และตอบคำถามได้ นำเสนอหน้าชั้นเรียน ด้วยเสียงที่ดังชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม แต่ไม่สามารถตอบคำถาม ได้ ไม่มั่นใจในการนำเสนอ หน้าชั้นเรียน ใช้เสียงเบา และภาษาที่ใช้ไม่เหมาะสม รวมทั้งตอบคำถามไม่ได้


45 แบบประเมินผลงาน สิ่งประดิษฐ์ของเล่น ของใช้ หรือเกม คำชี้แจง: โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทำเครื่องหมาย ลงในช่องว่าง ตามเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1) ความถูกต้องของสิ่งประดิษฐ์ 2) ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ 3) การนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 8-9 ดี 5-7 พอใช้ 1-4 ปรับปรุง


46 เกณฑ์การให้คะแนน สิ่งประดิษฐ์ของเล่น ของใช้ หรือเกม ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรับปรุง (1 คะแนน) 1) ความถูกต้องของ สิ่งประดิษฐ์ นำความรู้มาประยุกต์ใช้ ในการต่อวงจรไฟฟ้ากับ สิ่งประดิษฐ์ได้ถูกต้อง และสิ่งประดิษฐ์ใช้งานได้ จริง นำความรู้มาประยุกต์ใช้ ในการต่อวงจรไฟฟ้ากับ สิ่งประดิษฐ์ได้ถูกต้อง แต่ สิ่งประดิษฐ์ไม่สามารถใช้ งานได้จริง ไม่สามารถนำความรู้มา ประยุกต์ใช้ในการต่อ วงจรไฟฟ้ากับสิ่งประดิษฐ์ ได้ถูกต้อง และ สิ่งประดิษฐ์ไม่สามารถใช้ งานได้จริง 2) ความคิดสร้างสรรค์ ในการออกแบบ สิ่งประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์สะท้อนให้ เห็นถึงความคิด สร้างสรรค์ในการ ออกแบบ และการตกแต่ง ดึงดูดความสนใจได้เป็น อย่างดี สิ่งประดิษฐ์สะท้อนให้เห็น ถึงความคิดสร้างสรรค์ใน การออกแบบ แต่การ ตกแต่ง ยังไม่ น่าสนใจเท่าที่ควร สิ่งประดิษฐ์ยังไม่สามารถ สะท้อนให้เห็นถึงความคิด สร้างสรรค์ในการ ออกแบบ และการตกแต่ง ไม่น่าสนใจ 3) การนำเสนอข้อมูล หน้าชั้นเรียน นำเสนอหน้าชั้นเรียน ด้วยความมั่นใจ เสียงดัง ชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสมและ ตอบคำถามได้ นำเสนอหน้าชั้นเรียน ด้วยเสียงที่ดังชัดเจน ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม แต่ไม่สามารถตอบคำถาม ได้ ไม่มั่นใจในการนำเสนอ หน้าชั้นเรียน ใช้เสียงเบา และภาษาที่ใช้ ไม่เหมาะสม รวมทั้ง ตอบคำถามไม่ได้


47 แบบสังเกตคุณลักษณะ ชื่อ..................................................................................... เลขที่............... ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ห้อง.......... คำชี้แจง : ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ข้อ การสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ระดับความคิดเห็น 3 2 1 มีวินัย 1 ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ 2 ทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ 3 ทำงานเสร็จส่งตามเวลาที่กำหนด ใฝ่เรียนรู้ 4 ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ที่ครูจัดให้อย่างตั้งใจ 5 เอาใจใส่งานที่ได้รับมอบหมาย 6 ตอบคำถามครูอย่างสม่ำเสมอ มุ่งมั่นในการทำงาน 7 ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ มีความรับผิดชอบ 8 ปรับปรุงและแก้ปัญหาในการทำงานให้สำเร็จ 9 พัฒนาการเรียนของตนเองตลอดเวลา รวมคะแนน เกณฑ์ให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 23-27 ดีมาก 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ต่ำกว่า 13 ปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ


48 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ำใจ การมี ส่วนร่วม ในการ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14-15 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ


49 แบบประเมินผลการจัดทำหน่วยการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 17 ชั่วโมง คำชี้แจง โปรดเขียนเครื่องหมาย / ลงในช่องที่ตรงกับระดับการปฏิบัติ ระดับการปฏิบัติ 4 หมายถึง การปฏิบัติมากที่สุด 3 หมายถึง การปฏิบัติมาก 2 หมายถึง การปฏิบัติปานกลาง 1 หมายถึง การปฏิบัติน้อย รายการประเมิน ระดับการปฏิบัติ 1 2 3 4 1. ชื่อหน่วยการเรียนรู้กะทัดรัด ชัดเจน ครอบคลุมเนื้อหาสาระ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด มีความเชื่อมโยงกันเหมาะสม 3. ความสอดคล้องของสาระสำคัญกับมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 4. ความสอดคล้องของสาระสำคัญกับสาระการเรียนรู้ 5. ความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันระหว่างชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระสำคัญ และสาระการเรียนรู้ 6. กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 7. กิจกรรมการเรียนรู้มีความครอบคลุมในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะ/ กระบวนการ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้สามารถนำผู้เรียนไปสู่การสร้างชิ้นงาน / ภาระงาน 9. มีการประเมินผลตามสภาพจริงและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 10. ประเด็นและเกณฑ์การประเมินสามารถสะท้อนคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการ เรียนรู้ / ตัวชี้วัด 11. ความเหมาะสม เพียงพอใจการกำหนดสื่อการเรียนรู้ 12. หน่วยการเรียนรู้ที่จัดทำสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง รวม / สรุปผล................. หรือ เฉลี่ย / สรุปผล................. การแปลความหมาย การประเมินหน่วยการเรียนรู้ เกณฑ์ ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.75 ปรับปรุง 1.76 – 2.50 พอใช้ 2.51 – 3.25 ดี 3.26 – 4.00 ดีมาก หรือ คะแนน 12 – 20 ปรับปรุง 21 – 30 พอใช้ 31 - 39 ดี 40 – 48 ดีมาก


Click to View FlipBook Version