สถานีวิจยัเพื่อการพฒันาชายฝั่งอนัดามนั ฝ่ ายสนับสนุนวิชาการ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ISBN 978-616-278-174-2
ค าขอบค ุณ ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณ รศ.ดร.เชษฐพงศ์เมฆสัมพันธ์ คณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ รศ.จิราภัษ อัจจิมางกูร จาก ภาควิชาการจัดการประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่คอยให้ การสนับสนุนและเล็งเห็นถึงความส าคัญในการจัดพิมม์เอกสารเผยแพร่ทาง วิชาการต่าง ๆ ด้วยดีเสมอมา ขอขอบพระคุณ คุณทินกร ส านัก ผู้ซึ่งเป็ นทั ้ง ผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนสนิทของผู้เขียนที่คอยให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ จนกระทั่งหนังสือเล่มนี ้เสร็จสิ ้นสมบูรณ์ ขอกราบขอบพระคุณ ผศ.ดร.พงษ์รัตน์ ด ารงโรจน์วัฒนาและคุณเรืองฤทธิ์พรหมด า เป็ นอย่างสูงที่คอยให้ ความ ช่วยเหลือในการวิเคราะห์ตัวอย่างสัตว์น ้าในกลุ่มหอยและกลุ่มปู การส ารวจภาคสนาม การวิจัยและการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี ้ส าเร็จ ลุล่วงไปด้วยดี “โดยได้รับงบประมาณเงินอุดหนุนทั่วไป ประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. 2560 จากโครงการศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาชายฝั่งอันดามัน คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และทุนอุดหนุนวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากสถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” ขอกราบ ขอบพระคุณเป็ นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี ้ ความดีของหนังสือเล่มนี ้ข้าพเจ้าขอ มอบให้กับ ผศ.ดร.ปรัชญา มุสิกสินธร ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการทางด้าน อนุกรมวิธานที่ส าคัญและถูกต้องให้แก่ข้าพเจ้าและด้วยความเคารพอย่างสูงใน ชีวิตของสัตว์ทั ้งปวง ข้ าพเจ้ าขออุทิศความดีจากหนังสือเล่มนี ้ให้ กับดวง วิญญาณของสัตว์น ้าทุกชนิดที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อใช้ในการศึกษาของผู้เขียนใน ครั ้งนี ้ “ลมหายใจที่เหลืออยู่ ขออุทิศให้กับการท างานเพื่อประโยชน์ทาง วิชาการแก่เด็กและประชาชนคนไทย ถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ข้าพเจ้ารัก” สหัส ราชเมืองขวาง นักวิจัยช านาญการ
ค าน าในการจัดพิมพ์ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2557 หนังสือ “สัตว์น ้าในป่ าชายเลนคลองก าพวน จังหวัดระนอง” ได้ถูกตีพิมพ์ขึ ้นเป็ นครั ้งแรกจ านวน 1,000 เล่ม และถูกแจกจ่ายให้กับห้องสมุดของ สถาบันการศึกษาต่าง ๆ นักวิจัย นักวิชาการ ตลอดจนประชาชนทั่วไป ทั ้งในและ ต่างประเทศจนหมดลงในปี 2559 ต่อมาภายหลังพบว่ามีหน่วยงานทางการศึกษา ต่าง ๆ ในประเทศไทย แจ้งความประสงค์ในการขอรับหนังสือดังกล่าวเพิ่มเติมอีก เป็ นจ านวนมาก ทั ้งนี ้เพื่อน าไปใช้เป็ นสื่อในการเรียนการสอนเกี่ยวกับระบบนิเวศ และสัตว์น ้าที่พบในป่ าชายเลน ดังนั ้น สถานีวิจัยเพื่อการพัฒนาชายฝั่งอันดามันจึง มีแนวคิดที่จะจัดพิมพ์หนังสือเพิ่มเติมในครั ้งที่ 2 จ านวน 1,000 เล่ม เพื่อให้เพียงพอ ต่อความต้องการของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ หนังสือ“สัตว์น ้าในป่ าชายเลนคลองก าพวน จังหวัดระนอง” เล่มนี ้ เป็ นความ พยายามของผู้เขียนในการที่จะรวบรวมภาพและข้อมูลที่ส าคัญในการจ าแนกชนิด ของของสัตว์น ้าที่พบได้ทั่วไปในป่ าชายเลนคลองก าพวน ประกอบด้วย สัตว์ไม่มี กระดูกสันหลัง จ านวน 65 ชนิด และปลา จ านวน 79ชนิด และยังคงมีเนื ้อหาสาระ คงเดิม โดยในอนาคตผู้เขียนมีความมุ่งหวังในการปรับเปลี่ยนเนื ้อหาของหนังสือ เล่มนี ้ให้เป็ นภาคภาษาอังกฤษ ทั ้งนี ้เพื่อความเหมาะสมในการน าไปใช้ประโยชน์ ทางวิชาการของหน่วยงานและนักวิจัยในต่างประเทศ ผู้เขียนหวังเป็ นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี ้จะเป็ นประโยชน์ต่อเยาวชนของชาติ ที่จะได้น าความรู้ ไปใช้เป็ นพื ้นฐานในการศึกษาทรัพยากรสัตว์น ้าชายฝั่งที่มีอยู่ใน ท้องถิ่นของตนเอง นอกจากนี ้ นักวิจัย นักวิชาการและผู้ที่สนใจ จะสามารถน า ข้อมูลไปใช้ในการต่อยอดงานวิจัยในขั ้นต่อไปได้ ข้อวิจารณ์อันเป็ นประโยชน์เพื่อ ปรับปรุงเนื ้อหาของหนังสือเล่มนี ้ และข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดอันอาจเกิดขึ ้น ผู้เขียนขอยอมรับไว้ด้วยความขอบพระคุณเป็ นอย่างยิ่ง สหัส ราชเมืองขวาง นักวิจัยช านาญการ
สารบัญ หน้า บทน า 1 สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 15 ไส้เดือนทะเล 16 หอยฝาเดียว 17 หอยสองฝา 46 เพรียงเจาะไม้ 56 แมงดาทะเล 57 เพรียงหิน 60 กุ้ง 61 แม่หอบ 65 แม่หอบน้อย 68 ปูเสฉวน 69 ปู 72 หนอนถั่ว 92 เม่นทะเล 93 ปลา 94 ปลากระดูกแข็ง 95 บรรณานุกรม 185 ดัชนีชื่อวิทยาศาสตร์ 192 ดัชนีชื่อสามัญภาษาอังกฤษ 195 ดัชนีชื่อสามัญภาษาไทย 198
1 ป่ าชายเลน หรือ ป่ าโกงกาง (mangrove forest หรือ intertidal forest) คือ กลุ่มสังคมพืชซึ่งขึ ้นอยู่ในเขตน ้าลงต ่าสุดและน ้าขึ ้นสูงสุดบริเวณ ชายฝั่งทะเล ปากแม่น ้าหรืออ่าว อีกความหมายหนึ่ง หมายถึง สังคมพืชที่ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิด หลายตระกูล และเป็ นพวกที่มีใบเขียวตลอดปี (evergreen species)ซึ่งมีลักษณะทางสรีรวิทยาและความต้องการสิ่งแวดล้อม ที่คล้ายกัน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้สกุลโกงกาง (Rhizophora spp.) เป็ นส าคัญและมีไม้สกุลอื่นขึ ้นปะปน (ส่วนส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรทาง ทะเลและชายฝั่ง, 2548) ค าว่า "mangrove" มาจากค าในภาษาโปรตุเกส "mangue" ซึ่งหมายถึง กลุ่มของสังคมพืชที่ขึ ้นอยู่ตามชายฝั่งทะเลดินเลน ค านี ้ถูกใช้กันแพร่หลายใน ประเทศแถบลาตินอเมริกา ส่วนประเทศอื่นๆ ก็ใช้เรียกตามภาษาของตัวเอง เช่น บทน า ต้นโกงกาง พืชเด่นในป่ าชายเลน
2 ประเทศมาเลเซียใช้ค าว่า "manggi-manggi" ประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเรียกป่ า ชายเลนว่า "manglier" ส่วนภาษาไทยเรียกป่ าชนิดนี ้ว่า "ป่ าชายเลน" หรือ "ป่ า โกงกาง" (สนิท, 2541) ป่ าชายเลนเป็ นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีความส าคัญอย่างยิ่ง ทั ้ง ในด้านการป่ าไม้การประมง และสิ่งแวดล้อม ในด้านป่ าไม้ไม้จากป่ าชายเลน โดยเฉพาะไม้โกงกางสามารถน ามาท าฟื น เผาถ่าน ให้ถ่านที่มีคุณภาพดีไม้ป่ า ชายเลนบางชนิดน าไปท าสิ่งก่อสร้ าง เฟอร์นิเจอร์หรือสกัดสารเคมีที่เป็ น ประโยชน์เช่น แทนนิน แอลกอฮอล์กรดน ้าส้ม และน ้ามันดิน เป็ นต้น ด้านการ ประมง ป่ าชายเลนเป็ นแหล่งที่อยู่อาศัยและอนุบาลสัตว์น ้าวัยอ่อน เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งเป็ นสัตว์น ้าเศรษฐกิจที่ส าคัญ รวมถึงสัตว์อื่นๆ ซึ่งเป็ นส่วนหนึ่งของ ห่วงโซ่อาหาร ด้านสิ่งแวดล้อม ป่ าชายเลนช่วยในการลดภาระน ้าเสียจากชุมชน เนื่องจากรากของต้นไม้ในป่ าชายเลนที่งอกออกมาเหนือพื ้นดิน จะท าหน้าที่ คล้ ายตะแกรงธรรมชาติคอยกลั่นกรองสิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่มากับกระแสน ้า นอกจากนี ้ป่ าชายเลนยังเป็ นฉากก าบังภัยธรรมชาติเพื่อป้ องกันลมพายุมรสุมที่ ลิงแสม หากินในบริเวณป่ าชายเลนคลองก าพวน เป็ นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศ
3 มีผลต่อการพังทลายของดินที่บริเวณชายฝั่งอีกด้วย (สนิท, 2541; สรายุทธและ รุ่งสุริยา, 2554) ป่ าชายเลนคลองก าพวน ตั ้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัด ระนอง ปัจจุบันมีพื ้นที่ป่ าประมาณ 5,088.51 ไร่ เป็ นป่ าชายเลนซึ่งยังคงมีความ อุดมสมบูรณ์และได้ถูกอนุรักษ์ไว้ให้มีสภาพตามธรรมชาติ(สถานีวิจัยเพื่อการ พัฒนาชายฝั่งอันดามัน, 2556)อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ ในพื ้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันในอดีต เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 พบว่าพื ้นที่ป่ าชายเลนคลองก าพวน โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ สถานีวิจัยเพื่อการ พัฒนาชายฝั่งอันดามัน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับความเสียหายเป็ น อย่างมาก ผลจากการปะทะกับคลื่น กระแสน ้าของคลื่นสามารถรุกเข้าไปได้ใน พื ้นที่ประมาณ 70 เมตรจากริมฝั่งคลอง พรรณไม้ป่ าชายเลนต่าง ๆ ได้รับความ เสียหายเป็ นอย่างมาก และยังเกิดปัญหาทรายที่ทับถมมากับคลื่นท าให้ดินเลน เดิมเกิดการทับถมของทรายเพิ่มมากขึ ้น (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2550) พื้นที่ป่ าชายเลนคลองก าพวน บริเวณหลังสถานีวิจัยเพื่อการพัฒนาชายฝั่งอันดามัน ซึ่งได้รับความเสียหายจากแรงปะทะของคลื่นสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547
4 ในอดีตพื ้นที่ป่าชายเลนคลองก าพวน ถูกบุกรุกเพื่อใช้ ประโยชน์ ทางด้านการเพาะเลี ้ยงสัตว์น ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบุกรุกพื ้นที่เพื่อท านากุ้ง ซึ่งเป็ นสาเหตุหลักที่ท าให้พื ้นที่ป่ าชายเลนลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิชุมชนท้องถิ่นในพื ้นที่ลุ่มน ้า คลองก าพวนได้ตระหนักและเห็นถึงความส าคัญของป่ าชายเลนเพิ่มมากขึ ้น เนื่องจากได้เห็นถึงประโยชน์ของป่ าชายเลนที่คอยเป็นก าแพงปกป้ องความ รุนแรงของคลื่นยักษ์สึนามิได้เป็ นอย่างดีปัจจุบันจึงได้มีความร่วมมือกันระหว่าง ชาวบ้านในท้องถิ่นและภาครัฐบาลในการจัดท าโครงการปลูกป่ าชายเลนเพื่อ ฟื ้นฟูระบบนิเวศวิทยาชายฝั่งขึ ้น การร่วมมือกันปลูกป่ าชายเลนของนักเรียนจากโรงเรียนบ้านก าพวน
5 ทรัพยากรสัตว์น ้าเป็ นทรัพยากรประมงที่ส าคัญในระบบนิเวศของป่ า ชายเลนอย่างหนึ่งที่สามารถบ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ เป็ นอย่างดีการก าหนดตัวชี ้วัดใดๆ เพื่อใช้เป็ นตัวแทนบ่งบอกถึงสถานภาพ ของระบบนิเวศที่จะสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ นั ้น จ าเป็ นอย่างยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลวิจัยที่ถูกต้องและเพียงพอเพื่อสามารถ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในระบบ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งมีชีวิตและปัจจัยสิ่งแวดล้อม ในการศึกษาความหลากชนิดของสัตว์ในป่ า ชายเลน จึงมีความจ าเป็ นอย่างยิ่งที่ผู้ศึกษาต้องมีความรู้ พื ้นฐานทางด้าน อนุกรมวิธานที่ถูกต้องและมีเอกสารอ้างอิงที่เพียงพอ การจัดท าหนังสือคู่มือเล่มนี ้มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาสัตว์ในป่ าชายเลนคลองก าพวน และบริเวณใกล้เคียงในจังหวัดระนอง สามารถด าเนินการได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ ้น ข้อมูลชนิดและภาพของสัตว์ ไม่มีกระดูกสันหลังทั ้งหมดที่ใช้ประกอบการจัดท าหนังสือคู่มือเล่มนี ้ รวบรวม มาจากการเก็บตัวอย่างด้วยวิธีการเดินส ารวจทั่วๆ ไป (general survey) เป็ น หลัก และยังมีการใช้อุปกรณ์อื่นๆ เพื่อเก็บตัวอย่างสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น การใช้ ท่อเก็บตัวอย่างดิน (corer) เพื่อศึกษาไส้เดือนทะเลและหนอนถั่ว การใช้ เครื่องมือดักจับ เช่น สวิง ลอบ และเครื่องมือส าหรับขุด เพื่อศึกษาสัตว์ใน กลุ่ม Crustacean เป็ นต้น ส าหรับปลา ได้ท าการเก็บรวบรวมตัวอย่างโดยใช้ อวนลาก ที่มีขนาดช่องตา 1 X 1 มิลลิเมตร กว้าง 8 เมตร ลึก 1 เมตร และเก็บ ตัวอย่างจากชาวประมงที่ท าการประมงในพื ้นที่ ตัวอย่างสัตว์น ้าทั ้งหมดได้ท า การเก็บรวบรวมเอาไว้ตั ้งแต่ปี 2553-2556
6 สถานีที่ท าการเก็บตัวอย่าง สถานีทที่า การเกบ็ตัวอย่างสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง แบ่งออกเป็ น 5 สถานี โดยมีลักษณะของป่ าชายเลน ดังนี ้ การใช้ท่อเก็บตัวอย่างดิน การใช้เสียมขุดเพื่อเก็บตัวอย่างสัตว์หน้าดิน การใช่อวนลาก เก็บตัวอย่างปลา การใช้แห เก็บตัวอย่างปลา การเดินส ารวจทั่วไป เพื่อเก็บตัวอย่างปูและหอย
7 สถานี A1 ป่ าโกงกางบริเวณท่าเรือบ้านทับเหนือ ลักษณะพื ้นที่เป็ นป่ า โกงกางขึ ้นรวมกันอยู่อย่างหนาแน่น ด้านหน้ามีต้นแสมขาวขึ ้นแซมอยู่ สถานีนี ้ อยู่ติดกับล าคลองซึ่งเป็ นจุดรับน ้าจืดซึ่งไหลมาจากคลองก าพวน พื ้นท้องน ้าเป็ น โคลนปนทราย โดยบริเวณที่อยู่ติดกับล าคลองมีอัตราส่วนของทรายมากกว่า บริเวณที่อยู่ลึกเข้าไปในป่ าโกงกาง สถานี A2 ป่ าแสมขาวบริเวณหลังโรงเพาะช ากล้าไม้สถานีวิจัยเพื่อ การพัฒนาชายฝั่งอันดามัน ลักษณะพื ้นที่เป็ นป่ าแสมขาวขึ ้นอยู่รวมกันอย่าง ห่างๆ และพบต้นโกงกางขึ ้นแซมในพื ้นที่อยู่บ้างเล็กน้อย ที่บริเวณพื ้นดินของ สถานีนี ้มีใบแสมขาวร่วงหล่น และมีรากหายใจชี ้โผล่ขึ ้นมาเป็ นจ านวนมาก สถานีนี ้เป็ นเขตที่อยู่ตอนบนสุดของป่ าชายเลน พื ้นดินแข็งปนทราย หน้าดินมี ลักษณะเป็ นโคลนเหลวสีด า สถานี A3 ป่ าโกงกางบริเวณด้านข้างบ้านพักบุคลากร สถานีวิจัยเพื่อ การพัฒนาชายฝั่งอันดามัน เป็ นสถานีที่อยู่เชื่อมต่อกับสถานี A2 ลักษณะพื ้นที่ เป็ นป่ าโกงกางขึ ้นอยู่รวมกันอย่างหนานแน่น บริเวณหน้าดินบางจุดเป็ นพื ้นแข็ง ปนทราย บางจุดเป็ นดินเลนอ่อนนุ่มผสมกับทราย สถานี A4 ป่ าล าพูเป็ นสถานีที่อยู่เชื่อมต่อกับสถานี A3 ลักษณะพื ้นที่ เป็ นป่ าล าพูขึ ้นอยู่รวมกันอย่างหนานแน่น ที่บริเวณพื ้นดินมีรากหายใจลักษณะ คล้ายแท่งดินสอโผล่ขึ ้นมาเป็ นจ านวนมาก พื ้นดินแข็งปนทราย หน้ าดินมี ลักษณะเป็ นโคลนเหลวสีขาว บางจุดมีลักษณะเป็ นโคลนสีด าอ่อนนุ่ม บริเวณ หลังสุดของสถานีนี ้อยู่ติดกับคลองก าพวนและอยู่ตรงข้ามกับท่าเทียบเรือบ้าน หาดทรายขาว ป่ าชายเลนบริเวณนี ้ถือเป็ นป่ าฟื ้นฟูตามธรรมชาติหลังจาก เหตุการณ์ สึนามิ เมื่อปี2547
8 สถานี A5 หาดเลน ลักษณะพื ้นที่เป็ นหาดเลนกว้าง อยู่ใกล้กับบริเวณ ปากคลองก าพวน พบต้นโกงกางขึ ้นอยู่ประปราย พื ้นดินแข็ง หน้าดินเป็ นเลน อ่อนนุ่มจนถึงเหลวผสมกับทรายที่พัดเข้ามาจากปากแม่น ้า พื ้นดินบางจุดอาจ แข็งหรืออ่อนนุ่ม สถานีที่ท าการเก็บตัวอย่างปลา แบ่งออกเป็ น 5 สถานี ครอบคลุม พื ้นที่แต่ละลักษณะ ดังนี ้ สถานีB1 ป่ าชายเลนหลังหมู่บ้านทับเหนือ พิกัด N 04° 33 ’ 96.4 ” E 10° 36 ’ 17.0 ” ลักษณะเป็ นล าคลองมีความกว้างประมาณ 60-100 เมตร จุด เก็บตัวอย่างนี ้เป็ นสถานีแรกที่รับน ้าจืดซึ่งไหลมาจากคลองก าพวน บริเวณรอบๆ ปกคลุมไปด้วยป่ าโกงกางขึ ้นอยู่อย่างหนาแน่น บางจุดที่ท าการศึกษาและเก็บ ตัวอย่างมีลักษณะเป็ นล าคลองขนาดเล็กความกว้างประมาณ 15 -20 เมตร พื ้นท้องน ้าเป็ นทรายละเอียดปนโคลน บริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบจากคลื่น ยักษ์สึนามิ เมื่อปี 2547 และมีการพัดพาทรายเข้ามา สถานี B2 ท่าเทียบเรือหาดทรายขาว พิกัด N 04° 34 ’ 43.9 ” E 10° 36 ’ 87.3 ” ลักษณะเป็ นล าคลองกว้าง อยู่ถัดออกมาจากสถานีที่ 1 ประมาณ 300 เมตร บริเวณริมฝั่งด้านทิศตะวันตกของสถานีนี ้เป็ นหมู่บ้านชาวประมง บ้านหาดทรายขาว ส่วนริมฝั่งด้านทิศตะวันออกเป็ นพื ้นที่ป่ าชายเลนขึ ้นอยู่อย่าง หนาแน่น พื ้นท้องน ้าเป็ นโคลนปนทราย สถานี B3 ปากคลองก าพวนบริเวณรอยต่อกับทะเล ลักษณะเป็ นล า คลองกว้างอยู่ใกล้กับรอยต่อของทะเล ริมฝั่งด้านทิศตะวันตกเป็ นพื ้นที่ป่ าชาย เลน ส่วนริมฝั่งด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็ นจุดที่ท าการเก็บตัวอย่างมีลักษณะของ พื ้นท้องน ้าและบริเวณริมฝั่งเป็ นทรายเม็ดละเอียด ไม่มีพันธุ์ไม้ป่ าชายเลนขึ ้นอยู่
9 เลย แต่มีต้นไม้ป่ าชายหาด คือ สน ขึ ้นล้อมรอบอยู่อย่างหนาแน่น ในบางจุดที่ เข้าไปท าการส ารวจพันธุ์ปลามีลักษณะเป็นแอ่งน ้าขนาดใหญ่ สถานี B4 ปากคลองบางกล้วยบริเวณรอยต่อกับทะเล พิกัด N 04° 35 ’ 20.5 ” E 10° 38 ’ 74.9 ” บริเวณที่ท าการเก็บตัวอย่างนี ้บางจุดมีต้นไม้ป่ า ชายเลนขึ ้นอยู่อย่างประปราย พื ้นท้องน ้าเป็ นโคลนผสมกับทราย โดยเฉพาะ บริเวณริมฝั่ง และบางจุดมีต้นไม้ป่ าชายเลนขึ ้นอยู่อย่างหนาแน่นมาก พื ้นท้อง น ้าเป็ นดินโคลนแข็ง ซึ่งเป็ นบริเวณที่ถัดเข้ามาจากจุดแรกเพียง 50-80 เมตร เท่านั ้น สถานีนี ้อยู่ติดกับภูเขา เรียกว่า “ ภูเขากล้วย ” สถานี B5 คลองบางกล้วยท่าคึกฤทธิ พิกัด N 04° 37 ’ 26.8 ” E 10° 37 ’ 52.5 ” บริเวณสถานีนีอ้ย่ตูิดกบัชมุชนท่าคกึฤทธิ์จุดเก็บตัวอย่างมีลักษณะ เป็ นล าคลองย่อยขนาดเล็ก มีความกว้างประมาณ 15 -20 เมตร และเป็ นจุดที่ รับน ้าจืดซึ่งไหลมาจากคลองบางกล้วย พื ้นท้องน ้าเป็ นโคลนเลนผสมกับดิน ลูกรัง รอบๆ พื ้นที่มีป่ าโกงกางขึ ้นอยู่อย่างหนาแน่น
10 ทะเลอันดามัน หาดประภาสสถานีวิจัยฯปากคลองก าพวน B1 B2 B3 B4 B5 A5 A4 A1 A3 A2
11 สภาพแวดล้อมของสถานีเก็บตัวอย่างสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในป่ าชายเลน คลองก าพวน จังหวัดระนอง สถานีA1 สถานีA2 สถานีA3 สถานีA4 สถานีA5
12 สภาพแวดล้อมของสถานีเก็บตัวอย่างปลาในป่ าชายเลน คลองก าพวน จังหวัดระนอง สถานีB1 สถานีB2 สถานีB3 สถานีB4 สถานีB5
13 การวิเคราะห์ชนิดและการศึกษาตัวอย่างในห้องปฏิบัติการ ตัวอย่างสัตว์ไม่กระดูกสันหลังและปลาที่เก็บรวบรวมได้ จะถูกน ามาท าการ ถ่ายรูปและเก็บรักษาด้วยสารละลายฟอร์มาลินเข้มข้น 10 เปอร์เซ็นต์ เป็ นเวลา ประมาณ 3-7 วัน ขึ ้นอยู่กับขนาดของตัวอย่าง จากนั ้นเทน ้ายาเก่าออกและ น าไปแช่ให้น ้าไหลผ่านประมาณ 1 วัน แล้วจึงน าตัวอย่างไปเก็บรักษาด้วย สารละลายเอทิลแอลกอฮอล์ 75 เปอร์เซ็นต์ ท าการจัดจ าแนกชนิดสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยจะใช้คู่มือในการจัด จ าแนกและเอกสารที่เกี่ยวข้องของ เฉลิมวิไล (2525),จิรประภา (2543), Serène and Kumar (1971),Tai and Song (1984), Davie (1992), Carpenter and Niem (1998a และ 1998b), Ngoc-Ho et al. (2001), Reid (2001), Swennen et al. (2001), Rahayu (2003), Paterson et al. (2004), Tan and Clements (2008), Moh and Chong (2009)และ Davie et al. (2010) การจ าแนกชนิดปลาโดยใช้คู่มือการวิเคราะห์พรรณปลาและเอกสารที่ เกี่ยวข้องของ Robert (1989), Kottelat et al. (1993), Rainboth (1996), Carpenter and Niem (1999a,1999b, 2001aและ 2001b), Allen (2004) , Matsuura and Kimura (2005)และ Nelson(2006) ความหลากชนิดของสัตว์น ้าในป่ าชายเลนคลองก าพวน จังหวัดระนอง ส าหรับชนิดของสัตว์น ้าที่ผู้เขียนได้ท าการส ารวจพบและน ามาจัดท า เป็ นหนังสือคู่มือเล่มนี ้ ประกอบด้วย สัตว์น ้าทั ้งสิ ้นจ านวน 144ชนิด แบ่งเป็ น สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จ านวน 65ชนิด (ไส้เดือนทะเล 1ชนิด หอยฝาเดียว 27 ชนิด หอยสองฝา 8ชนิด เพรียงเจาะไม้1ชนิด แมงดาทะเล 1ชนิด เพรียงหิน 1
14 ชนิด กุ้ง 2ชนิด แม่หอบ 1ชนิด แม่หอบน้อย 1ชนิด ปูเสฉวน 2ชนิด ปู18ชนิด หนอนถั่ว 1ชนิด และ เม่นทะเล 1ชนิด)และปลา79ชนิด นิสิตจาก National University of Singapore จัดครีบตัวอย่างปลาเพื่อใช้ในการถ่ายภาพ ตัวอย่างปลาส าหรับการแยกชนิด การแยกชนิดสัตว์หน้าดินในห้องปฏิบัติการ
15
16 ไส้เดือนทะเล Polychaetes ไฟลัม Annelida กลุ่มสัตว์Polychaeta ลักษณะเด่น เขี ้ยวที่ปาก ล าตัวประกอบด้วยปล้องจ านวนมากชัดเจน ด้านข้างของแต่ละ ปล้องมีรยางค์จ านวนมาก เรียกว่า parapodium ใช้ส าหรับว่ายน ้า และมีขน ตามรยางค์ในแต่ละปล้องมากมาย เรียกว่า setae หรือ chaetae พื ้นผิว ล าตัวทางด้านบนมีสีน ้าตาลอมเขียวหรือน ้าตาลอมแดง ส่วนทางด้านล่างมีสี จางกว่า อาศัยอยู่ได้ทั ้งในพื ้นทะเลและป่ าชายเลน โดยฝังตัวในพื ้นโคลน พื ้น ทราย ใต้ก้อนหิน ส่วนใหญ่จะด ารงชีวิตเป็ นอิสระ (บพิธและนันทพร, 2540) ไส้เดือนทะเลที่พบได้ง่ายบริเวณป่ าชายเลนคลองก าพวน คือ Diopatra sp. (วงศ์ Onuphidae) ซึ่งเป็ นชนิดที่มีการสร้ างรังแบบท่อเยื่อ (membranous tube) โดยสร้ างจากเมือกและดึงเอาเศษใบไม้กิ่งไม้ เชือก หรือเศษวัสดุอื่นๆ มารวมกัน ไส้เดือนทะเลเป็ นอาหารที่ส าคัญของปลาและสัตว์น ้าอื่นๆ นอกจากนี ้ความชุกชุมและชนิดของไส้เดือนทะเลสามารถใช้เป็ นดัชนีบ่งชี ้ถึง คุณภาพของแหล่งน ้าได้(Chatananthawej and Bussarawit, 1987) ล าตัวแบนยาว ด้ านบนโค้ งเล็กน้ อย ส่วนด้ านล่างแบนลง ด้านหน้าและด้านท้าย มีลักษณะเรียว บริเวณ หัวมีหนวดส าหรับใช้ รับสัมผัสเป็ นคู่และมี เ ขี ้ย ว ที่ ป า ก ล า ตัว ประกอบด้ วยปล้ อง จ า น ว น ม า ก ชัด เ จ น ด้ า น ข้ า ง ข อ ง แ ต่ ล ะ ปล้อง parapodium Class Polychaeta setae รังแบบท่อเยื่อของไส้เดือนทะเล Diopatra sp. ภาพโดย อภิวัฒน์ มรรคเจริญ 5 mm
17 เปลือกชิ ้นเดียวและขดเป็ นเกลียว ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายฝาชี หนึ่ง บิดรอบเกลียว เรียกว่า whorl ส่วนหัวและเท้าจะยื่นออกมาทางช่องเปิ ดของ เปลือกที่เรียกว่า aperture มีแผ่นปิ ดเปลือก (operculum) ส่วนที่อยู่ปลาย สุดของเปลือกซึ่งเป็ นจุดที่หอยเริ่มสร้ างเปลือก เรียกว่า apex และจะสร้ างวง ต่อๆ ไป ซึ่งจะเชื่อมต่อกันและเห็นรอยต่อระหว่างวงเปลือก (suture) หอย บางชนิดจะมีผิวนอกของเปลือกเรียบมัน บางชนิดมีหนาม มีปุ่ ม หรืออาจเป็ น สัน หอยฝาเดียวมีการสร้ างวงใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ ้นเรื่อยๆ ตามขนาดของ ตัวหอย เมื่อหอยเจริญเติบโตเต็มที่ก็จะหยุดสร้ างเปลือก โดยเปลือกวง สุดท้ายจะมีขนาดใหญ่ที่สุดเรียกว่า last whorl หรือ body whorl (ธีระพงศ์ และคณะ, 2550; Carpenter and Niem,1998a) การวัดความสูงของเปลือก หอย (Height : H) Class Gastropoda apex whorl suture last whorl or body whorl aperture operculum height
18 ของเปลือก (height : H)จะวัดจากส่วนที่อยู่ปลายสุดของเปลือกจนถึงขอบ ของล่างสุดของเปลือกวงสุดท้าย (Carpenter and Niem, 1998a) หอยฝาเดียวจะสร้ างเปลือกขึ ้นมาเพื่อปกป้ องตัวให้พ้นภัยอันตราย จากศัตรูและการฝัน แปรของสิ่งแวดล้อม ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยหอย จะยื่นส่วนหัวและส่วนเท้าออกมาออกนอกเปลือกเพื่อเคลื่อนที่หาอาหาร หอยแต่ละชนิดจะมีการสร้ างเปลือกที่มีรูปร่าง ขนาด ลวดลาย และสี ที่มี ความเฉพาะของหอยชนิดนั ้นๆ เปลือกในระยะแรกเป็ นสารอินทรีย์ชนิด conchiolin หลังจากนั ้นจึงเป็ นการสะสมพวกหินปูนที่ได้มาจากน ้าและ อาหารท าให้เปลือกหนาและแข็งแรงขึ ้น (บพิธและนันทพร, 2540) หอยฝาเดียวแต่ละชนิด มีวิธีการในการปรับตัวให้อยู่ในสิ่งแวดล้อม ในป่ าชายเลนที่แตกต่างกัน ในช่วงเวลาน ้าลง หอยบางชนิดมีการเก็บกักน ้า เอาไว้ในตัว เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิและความชื ้นในร่างการเอาไว้ บางชนิด พยายามรวมกลุ่มอยู่ใต้ ร่มเงาไม้เช่น บริเวณใต้ ใบไม้หรือรากไม้เพื่อ หลีกเลี่ยงความร้อนจากแสงแดด เป็ นต้น หอยกะทิจะเก็บรักษาน ้าเอาไว้ในตัวเพื่อรักษาสมด ุลของอ ุณหภูมิในร่างกายในช่วงเวลาน ้าลง
19 หอยถั่วเขียว Clithon oualaniensis (Lesson, 1831) วงศ์Neritidae Guamanian nerite ลักษณะ เปลือกหนาเป็ นมันเงาและเรียบ ริมขอบปากหนา เหงือก ตั ้งอยู่ติดกับด้านหน้าของหัวใจ ส่วนเท้ามีขนาดใหญ่ใช้ส าหรับการเคลื่อนที่ แผ่นปิ ดเปลือกลักษณะเป็ นรูปตัวดี เปลือกมักจะมีสีเขียวเข้มหรืออาจพบมีสี เหลืองหรือสีน ้าตาลแดง สีสันและลวดลายบนเปลือกมีหลายแบบ โดยทั่วไป พบเป็นเส้นและรูปสามเหลี่ยม โดยลวดลายบนเปลือกอาจเปลี่ยนแปลงไป ตามการเจริญเติบโตหรือการเปลี่ยนแปลงของความเค็มที่เกิดขึ ้นอย่าง เฉียบพลัน นิเวศวิทยา อาศัยอยู่บริเวณพื ้นทรายบางจุดในป่ าชายเลนคลอง ก าพวน โดยทั่วไปหอยชนิดนี ้มักพบอาศัยอยู่ในบริเวณหาดทราย Gastropod H= 6.1 mm (บน), 7.1 mm (ล่าง)
20 Gastropod หอยกะทิ Dostia violacea (Gmelin, 1791) วงศ์Neritidae Red-mouth nerite ลักษณะ เปลือกมีลักษณะโค้ง ค่อนข้างกลม ส่วนยอดม้วนงอและ ต ่าแบนลง เปลือกวงสุดท้ายกลมขนาดใหญ่ ด้านหลังเปลือกเรียบและอาจมี สีเขียวเข้มอมน ้าตาลหรือสีน ้าตาล กลมกลืนกับพื ้นที่อาศัย หรืออาจมี ลวดลายสีขาวพาดเป็ นลายซิกแซกบนหลังเปลือก แผ่นปิ ดเปลือกมีสีด าเป็ น หินปูนลักษณะรูปครึ่งวงกลม บริเวณริมขอบปาก (lip) และ parietal area มี ขอบค่อนข้างกว้างและมีสีส้ม ที่ริมขอบปากด้านในมีปุ่ มฟัน (teeth) ขนาด เล็ก นิเวศวิทยา พบได้ทั่วไปในเขตน ้าขึ ้นน ้าลง อาศัยบริเวณพื ้นโคลน หรือบริเวณที่มีเศษซากใบไม้เน่าเปื่ อย parietal area H= 13.6 mm lip teeth
21 Gastropod หอยกะทิลาย Nerita articulata Gould, 1847 วงศ์Neritidae Lined nerite ลักษณะ เปลือกรูปร่างกลม ทรงเตี ้ย มีเกลียวรอบเปลือกขดเป็ นวง เกลียวรอบเปลือกเป็ นสีด ามีร่องเป็ นสีชมพูเข้ม ที่ขอบในของแกนกลางของ เปลือก มีปุ่ มฟันหลายซี่ แต่ปกติจะมีฟัน 3 ซี่ อยู่บริเวณตรงกลาง บริเวณริม ขอบปากหรือขอบเปลือกนอกมีฟันเรียบๆ จ านวน 20 ซี่ แผ่นปิ ดเปลือกหนา มีสีน ้าตาลเข้ม โดยส่วนกลางมีสีเข้มกว่าส่วนอื่น มีตุ่มเล็กละเอียดกระจาย อยู่ทั่วผิวนอกของฝาปิ ดเปลือก นิเวศวิทยา อาศัยเกาะอยู่ตามรากและล าต้นของต้นไม้ในป่ า โกงกาง ในช่วงน ้าลงหอยชนิดนี ้จะเก็บน ้าเอาไว้ในตัว เพื่อรักษาความชุ่มชื ้น ให้กับร่างกาย H= 17.6 mm
22 Gastropod หอยกะทิยอดราบ Nerita planospira Anton, 1839 วงศ์Neritidae Flat-spired nerite ลักษณะ เปลือกรูปทรงคล้ายสามเหลี่ยม มีปลายยอดแบนลง และมีความกว้างมากกว่าความสูง บนเปลือกมีเกลียวขดเป็ นวงประมาณ 30 วง แถบด้านนอกของแกนกลางของเปลือกเป็ นแถบสีด าถัดมาเป็ นแผ่นสี ขาวบริเวณตรงกลาง ขอบในของแกนกลางมีปุ่ มฟัน 3-7 ซี่ ริมขอบปาก ขรุขระอาจมีสีด า ขาว หรือสีน ้าตาลแดงสลับกัน แผ่นปิ ดเปลือกหนาและ เรียบ มีสีด าหรือสีน ้าตาลเข้ม นิเวศวิทยา อาศัยเกาะอยู่ตามรากและล าต้นของต้นไม้ในป่ า โกงกาง ในช่วงน ้าลงหอยชนิดนี ้จะเก็บน ้าเอาไว้ในตัว เพื่อรักษาความชุ่มชื ้น ให้กับร่างกาย H= 19.5 mm
23 Gastropod หอยก้นแหลม Littoraria bengalensis Reid, 2001 วงศ์Littorinidae Bengal periwinkle ลักษณะ เปลือกค่อนข้างบาง รูปทรงกรวยสูง รอยต่อระหว่างวง เปลือกค่อนข้างลึก วงเปลือกวงสุดท้ายค่อนข้างกลมและโป่ งออก ผิวเปลือก มีร่องตื ้นจ านวนมาก ระหว่างร่องตื ้นนี ้จะเป็ นสันตื ้นๆ ซึ่งมีสีน ้าตาลเข้ม กระจายไปตามแนวยาวหมุนไปตามแนวเกลียวของเปลือก แผ่นปิ ดเปลือก บางและเป็ นสารพวกไคติน แผ่นหินปูนสะสม(callus) มีผิวเรียบและมีสี น ้าตาลม่วงจนถึงสีม่วงเข้ม นิเวศวิทยา อาศัยบนกิ่งก้านและใบไม้ในป่ าชายเลนที่อยู่เหนือ ระดับน ้าขึ ้น หอยชนิดนี ้มีการสร้างเมือกเหนียวเพื่อช่วยในการยึดเกาะกับกิ่ง ไม้และใบไม้ได้เป็ นเวลานาน H= 17.2 mm callus
24 Gastropod หอยก้นแหลม Littoraria carinifera (Menke, 1830) วงศ์Littorinidae Carinate periwinkle ลักษณะ เปลือกค่อนข้างหนา รูปทรงกรวย ส่วนยอดแหลม รอยต่อ ระหว่างวงเปลือกค่อนข้ างตื ้น ผิวเปลือกมีร่องเป็ นเส้นพาดวนตามแนว เกลียว เปลือกวงสุดท้ายมีสันนูน เรียกว่า carina พาดวนรอบเปลือกเห็นได้ ชัดเจน ช่องเปิ ดของเปลือกกลม แผ่นปิ ดเปลือกบางเป็ นสารพวกไคติน เปลือกมีสีน ้าตาลอ่อนเป็ นสีพื ้น มีลายเส้นสีน ้าตาลเข้มทอดลงมาตามแนว ความสูงของเปลือก นิเวศวิทยา อาศัยบนกิ่งก้านและและใบไม้ในป่ าชายเลน หอย ชนิดนี ้มีการสร้ างเมือกเหนียวเพื่อช่วยในการยึดเกาะกับกิ่งไม้และใบไม้ได้ เป็ นเวลานานๆ carina H= 21.1 mm
25 Gastropod หอยก้นแหลมปากด า Littoraria melanostoma (Gray, 1839) วงศ์Littorinidae Black-mouth periwinkle ลักษณะ เปลือกค่อนข้างหนา รูปทรงกรวยสูง รอยต่อระหว่างวง เปลือกค่อนข้างตื ้น ผิวเปลือกมีร่องตื ้นเป็ นเส้นพาดวนตามแนวเกลียว callus มีสีม่วงจนถึงสีน ้าตาลเข้มเห็นได้ชัดเจน ช่องเปิ ดปากกลมมีสีจาง แผ่นปิ ดเปลือกบางและเป็ นสารพวกไคติน เปลือกสีครีมและอาจมีแถบหรือ จุดสีน ้าตาลอยู่บนเปลือก นิเวศวิทยา มักพบอยู่บริเวณใบของต้นไม้ในป่ าชายเลน การมี เปลือกสีจางท าให้หอยได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์น้อยกว่าการมีเปลือก สีเข้ม เป็ นการรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย การมีสีสันคล้ายคลึงกับ ใบไม้ในธรรมชาติเพื่อพรางตัวจากผู้ล่าชนิดอื่นๆ ตามที่สูง เช่น นก เป็ นต้น H= 29.1 mm
26 Gastropod หอยขี้นก Cerithidea cingulata (Gmelin, 1791) วงศ์Potamididae Girdled horn shell ลักษณะ เปลือกหนา ทรงกรวยสูง ส่วนยอดมีจ านวนวงมาก ผิว เปลือกขรุขระเป็ นปุ่ มเรียงกันบนเปลือกตามแนวความสูง รอยต่อระหว่างวง เปลือกค่อนข้างตื ้นแต่เป็ นร่องเห็นได้ชัดเจน ส่วนท้ายของริมขอบปากด้าน นอกแผ่ขยายออกคล้ายปี กนก แผ่นปิ ดเปลือกกลมและค่อนข้างบาง บน แผ่นปิ ดเปลือกมีวงกลมซ้อนกันหลายวง เปลือกมีสีน ้าตาลเข้มจนถึงด า นิเวศวิทยา พบเป็ นจ านวนมากในป่ าโกงกาง และอาจพบหอย ชนิดนี ้แพร่ขยายพันธุ์อยู่เป็ นจ านวนมากในนากุ้ง โดยตัวอ่อนของหอยจะติด เข้ามากับน ้าที่สูบเข้ามาในบ่อเลี ้ยงกุ้ง H= 33.2 mm
27 Gastropod หอยจุ๊บแจง Cerithidea obtusa Lamarck, 1822 วงศ์Potamididae Obtuse horn shell ลักษณะ เปลือกหนา ทรงกรวย ที่ฐานของวงเกลียวรอบเปลือกมีสี เข้มกว่าส่วนบน รอยต่อระหว่างวงเปลือกเห็นได้ชัดเจน บนวงเปลือกแต่ละ วงมีสันตื ้นๆ เรียงกันตามแนวความสูง ริมขอบปากนอกหนา บริเวณรอบๆ ขอบนอกของริมขอบปากมีลักษณะเป็ นรูปทรงกลมและมีสีด าหรืออาจมีสี ครีมในหอยระยะเจริญพันธุ์ ส่วนล่างของริมขอบปากนอกแผ่ขยายออกเป็ น รูปปี กนก เปลือกมีน ้าตาลเข้มหรือสีน ้าตาลออกม่วงอ่อน นิเวศวิทยา อาศัยอยู่ในป่ าชายเลน มีพฤติกรรมหากินตามพื ้นเลน เมื่อน ้าขึ ้นมักปี นต้นไม้เพื่อหนีน ้า จึงสามารถพบได้ตามรากและล าต้นของ ไม้ป่ าชายเลน นิยมน ามาบริโภคเป็ นอาหาร H= 41.6 mm ภาพโดย วารินทร์ นิ ้มสันติเจริญ
28 Gastropod หอยจุ๊บแจง Cerithidea quadrata Sowerby II, 1866 วงศ์Potamididae Quadrate horn shell ลักษณะ เปลือกหนา รูปทรงกรวย ผิวเปลือกขรุขระเป็ นปุ่ มเรียงกัน บนเปลือกตามแนวความสูง รอยต่อระหว่างวงเปลือกเห็นได้ชัดเจน ช่องเปิ ด เปลือกบานออกแต่ส่วนท้ายของริมขอบปากนอกไม่แผ่ขยายออกเป็ นรูปปี กนก บริเวณรอบขอบนอกของริมขอบปากมีลักษณะเป็ นรูปทรงสี่เหลี่ยม แผ่นปิ ดเปลือกมีสีด ารูปทรงกลมและค่อนข้างบาง บนแผ่นปิ ดเปลือกมี วงกลมซ้อนกันหลายวง เปลือกมีสีเทาปนแดง นิเวศวิทยา อาศัยอยู่ในป่ าชายเลน รวมทั ้งริมคลองน ้ากร่อยและ ชายทะเล มีพฤติกรรมหากินตามพื ้นเลน เมื่อน ้าขึ ้นมักปี นต้นไม้เพื่อหนีน ้า จึงสามารถพบได้ตามรากและล าต้นของไม้ป่ าชายเลน H= 33.3 mm
29 Gastropod หอยล าโพง Telescopium telescopium (Linnaeus, 1758) วงศ์Potamididae Telescope snail ลักษณะ เปลือกมีขนาดใหญ่ หนา รูปทรงเจดีย์ส่วนปลายแหลม ฐานแกนกลางของเปลือกบิดเป็ นรูปคล้ายสว่านเปิ ดจุกขวด ผิวเปลือกไม่มี ปุ่ มขรุขระเรียงกันในแนวความสูงของเปลือก แต่จะมีแนวร่องหมุนไปตาม เกลียวของเปลือกเท่านั ้น มีวงเปลือกหลายวง วงเปลือกที่อยู่บนสุดจะกร่อน สีของเปลือกเป็ นสีน ้าตาล หรือสีด าอมน ้าตาล นิเวศวิทยา พบหอยชนิดนี ้เป็ นจ านวนมาก อาศัยอยู่ตามพื ้นดินที่ เป็ นโคลนหรือโคลนปนทรายในป่ าชายเลน หอยชนิดนี ้มีการปรับตัวต่อภาวะ ดินกรดในป่ าชายเลน โดยสร้างเปลือกชั ้นนอกที่เห็นเป็ นสีน ้าตาลและหนา H= 81.2 mm
30 Gastropod หอยขี้กา Terebralia palustris (Linnaeus, 1767) วงศ์Potamididae Mud creeper ลักษณะ เปลือกมีขนาดใหญ่ หนา รูปทรงเจดีย์ส่วนปลายแหลม ฐานแกนกลางของเปลือกบิดเป็ นรูปคล้ายสว่านเปิ ดจุกขวด ผิวเปลือกมีสัน นูนเรียงกันในแนวความสูงของเปลือก และมีแนวร่องหมุนไปตามเกลียวของ เปลือกด้วย มีวงเกลียวหลายวง บริเวณด้านหน้าสุดของริมขอบปากนอกไม่ แผ่ขยายไปคลุมส่วนของร่องท่อน ้า (siphonal canal) เกลียวที่อยู่บนสุด จนถึงเปลือกตอนกลางมักจะกร่อนท าให้มีสีขาว สีของเปลือกเป็ นสีน ้าตาล จนถึงน ้าตาลอมด า นิเวศวิทยา พบกระจายอยู่ตามบริเวณพื ้นโคลนหรือพื ้นโคลนปน ทรายในป่ าชายเลน siphonal canal H= 104.1 mm
31 Gastropod หอยขี้กา Terebralia sulcata (Born, 1778) วงศ์Potamididae Sulcate swamp cerith ลักษณะ เปลือกมีขนาดใหญ่ หนา รูปทรงเจดีย์ส่วนปลายแหลม ฐานแกนกลางของเปลือกบิดเป็ นรูปคล้ายสว่านเปิ ดจุกขวด ผิวเปลือกมีสัน นูนเรียงกันในแนวความสูงของเปลือก และมีแนวร่องหมุนไปตามเกลียวของ เปลือกด้วย มีวงเกลียวหลายวง บริเวณด้านหน้าสุดของริมขอบปากนอกแผ่ ขยายไปคลุมส่วนของร่องท่อน ้า เกลียวที่อยู่บนสุดจนถึงเปลือกตอนกลาง มักจะกร่อนท าให้มีสีขาว สีของเปลือกเป็ นสีน ้าตาลจนถึงน ้าตาลอมด า นิเวศวิทยา พบกระจายอยู่ตามบริเวณพื ้นโคลนหรือพื ้นโคลนปน ทรายในป่ าชายเลน โดยพบอาศัยอยู่รวมกับหอยขี ้กาชนิด T. palustris H= 100.0 mm
32 หอยถั่วแดง Assiminea brevicula (Pfeiffer, 1854) วงศ์Assimineidae Red mangrove shell ลักษณะ เปลือกมีขนาดเล็กมาก ลักษณะกลมรูปไข่หรือกึ่งรูปไข่ ผิวเปลือกเรียบ มีวงเปลือกประมาณ 6-7 วง โดยวงสุดท้ายมีขนาดใหญ่ที่สุด และโป่ งออก แผ่นปิ ดเปลือกเป็ นมันเงาและบาง มีสีน ้าตาลแดงอ่อน ตัว หอยมีหนวดที่สั ้นมาก ลักษณะเป็ นตุ่ม เปลือกมีสีส้มหรือแดงเห็นได้ชัดเจน นิเวศวิทยา อาศัยอยู่ตามพื ้นโคลนในป่ าชายเลน กินพวก สารอินทรีย์ หรือสาหร่ายเซลเดียวที่อยู่ในป่ าชายเลนเป็ นอาหาร มีอวัยวะที่ ท าหน้าที่คล้ายปอด ซึ่งท าให้มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนก๊าซ จาก อากาศได้โดยตรงจึงสามารถอาศัยในบริเวณพื ้นที่ดินดอนได้ Gastropod H= 4.6 mm ภาพโดย ณัฐณิชา จงประชาวัฒน์
33 Gastropod ลักษณะ เปลือกหนา ทรงเรียวแหลม ม้วนเป็ นเกลียวคล้ายมวน พลูหรือดอกสว่าน ปลายยอดแหลมและมักจะกร่อน มีวงเปลือกจ านวนมาก โดยวงเปลือก 6 วงแรกเห็นได้ชัดเจน บนวงเปลือกแต่ละวงมีเส้นวิ่งตลอดไป ตามรอบเกลียว แผ่นปิ ดเปลือกแข็งและกลมเรียบ ขอบของแผ่นปิ ดเปลือก บางและยืดหยุ่น เปลือกมีสีน ้าตาลปนเหลือง นิเวศวิทยา อาศัยฝังตัวอยู่ ใกล้ระดับน ้าลงต ่าสุด บริเวณพื ้นทราย หรือทรายปนโคลน พบมากบริเวณปากแม่น ้า โดยมักฝังตัวเอาปลายยอด ทิ่มลงไปในทรายและโผล่ส่วนเท้าออกมากเสมอผิวหน้าดิน ชาวบ้านใน ต าบลก าพวนนิยมเก็บหอยชนิดนี ้เพื่อน ามาบริโภคในครัวเรือน หอยมวนพลู Turritella duplicata (Linnaeus, 1758) วงศ์ Turritellidae Duplicate turret H= 90.7 mm
34 Gastropod หอยเจดีย์น ้าจืด Faunus ater (Linnaeus, 1758) วงศ์Pachychilidae Black faunus ลักษณะ เปลือกหนา มันเงา รูปทรงเรียวแหลมและม้วนเป็ นเกลียว คล้ายมวนพลูปลายยอดแหลมและมักจะกร่อนในตัวอย่างขนาดใหญ่ มีวง เปลือกหลายวง โดยวงเปลือก 6 วงแรกสามารถมองเห็นได้ชัดเจน รอยต่อ ระหว่างวงเปลือกเป็ นร่องตื ้น บริเวณตอนล่างของริมขอบปากมีร่องลึกเว้า เข้าด้านในเห็นได้ชัดเจน แผ่นปิ ดเปลือกแข็งมีลักษณะเรียวคล้ายเขาสัตว์ และมีสีน ้าตาลด า เปลือกมีสีน ้าตาลเข้มหรือสีด า นิเวศวิทยา พบในล าธารน ้าจืดหรือบริเวณที่เป็ นแหล่งน ้ากร่อยใน ป่ าชายเลนที่เป็ นรอยต่อกับทะเล เป็ นหอยชนิดเดียวในวงศ์นี ้ที่พบในแหล่ง น ้ากร่อย H= 70.0 mm
35 Gastropod หอยพระจันทร์ลายเสือ Natica tigrina (Röding, 1798) วงศ์Naticidae Tiger moon snail ลักษณะ เปลือกหนาปานกลาง รูปทรงคล้ายกับลูกแพร์ มีผิวเรียบ ปลายยอดค่อนข้างสูง ส่วนของ umbilicus แคบและลึก และเชื่อมติดกับ หินปูนสะสมบริเวณขอบช่องเปิ ดเปลือกซึ่งไม่ค่อยพัฒนา แผ่นปิ ดเปลือก เป็ นรูปครึ่งวงกลมแข็ง มีองค์ประกอบเป็ นสารพวกหินปูน ขอบนอกของฝา ปิ ดเปลือกมีสีน ้าตาลปนเหลือง ส่วนด้านในมีสีน ้าตาลเข้ม เปลือกมีพื ้นสีขาว และปกคลุมไปด้วยจุดสีน ้าตาลแดงเรียงเป็ นแถวบนวงเปลือกประมาณ 14- 16 แถว นิเวศวิทยา คืบคลานตามพื ้นทรายหรือทรายปนโคลนในบริเวณ ชายฝั่งและป่ าชายเลน มักพบอยู่รวมกันครั ้งละหลายๆ ตัวอย่าง H= 26.2 mm umbilicus
36 Gastropod หอยนางชี Polinices mammilla (Linnaeus, 1758) วงศ์Naticidae Pear-shaped moon snail ลักษณะ เปลือกหนาและแข็งแรง รูปทรงคล้ายกับลูกแพร์ มีผิว เรียบ ปลายยอดเตี ้ย ส่วนของ umbilicus กว้างและมีแผ่นหินปูน (callus) มาพอกปิ ดจนหมด แผ่นปิ ดเปลือกเป็ นรูปครึ่งวงกลมแข็ง มีองค์ประกอบ เป็ นสารพวกไคติน ขอบนอกฝาปิ ดเปลือกมีสีน ้าตาลปนเหลือง ส่วนด้านใน มีสีน ้าตาลเข้ม เปลือกมีสีขาวนวล นิเวศวิทยา อาศัยตามพื ้นทรายหรือทรายปนโคลนบริเวณชายฝั่ง และป่ าชายเลน กินอาหารโดยใช้กล้ามเนื ้อเท้ากดทับเหยื่อไว้ แล้วจึงเจาะรู บนเปลือกเหยื่อโดยใช้สารที่ช่วยละลายหรือท าให้เปลือกอ่อนนุ่มร่วมกับแผง ฟันขูดเปลือกเป็ นรูกลม แล้วจึงใช้แผงฟันขูดเนื ้อเยื่อของเหยื่อกินเป็ นอาหาร H= 18.0 mm
37 Gastropod หอยมะระด า Chicoreus capucinus (Lamarck, 1822) วงศ์Muricidae Mangrove murex ลักษณะ เปลือกหนาและแข็งแรงมาก รูปทรงกระสวย เปลือก ด้านหน้ามีร่องท่อน ้าเป็ นร่องยาว ผิวเปลือกมีสันเป็ นปุ่ มขรุขระตามแนว ขวางจ านวนมากและมีสันหนาเรียงตามแนวความยาวของเปลือกจ านวน 3 แถว แผ่นปิ ดเปลือกมีรูปร่างคล้ายวงรี แต่มีปลายแหลม สีด า มีผิวหน้าเป็ น มันเงาและหนา ริมขอบปากด้านในเรียบและริมขอบปากด้านนอกเป็ นสัน ขรุขระ นิเวศวิทยา พบแพร่กระจายทั่วไปในพื ้นที่ป่ าชายเลน โดยอาศัย อยู่เป็ นกลุ่มบริเวณล าต้นและรากของไม้ในป่ าชายเลน กินหอยสองฝาและ เพรียงหินเป็ นอาหาร จัดเป็ นหอยผู้ล่าในระบบนิเวศ H= 52.6 mm
38 Gastropod ลักษณะ เปลือกค่อนข้างหนา รูปไข่และมีผิวเรียบ บริเวณปลาย สุดของเปลือกแหลมและขดลงมาเป็ นวง วงล าตัวหรือวงสุดท้ายมีลักษณะ พองกลม บริเวณด้านล่างของรอยต่อระหว่างวงเปลือกเว้าเข้าด้านในเป็ น ร่องลึก ขอบวงเปลือกยกตัวเป็ นสันตัดตรง ช่องเปิ ดเปลือกกว้าง แผ่นปิ ด เปลือกรูปไข่ สามารถปิ ดช่องล าตัวได้อย่างสนิท เปลือกมีพื ้นสีน ้าตาลอ่อน และมีแต้มสีน ้าตาลแดงจ านวนมากบนเปลือก นิเวศวิทยา พบในเขตต ่ากว่าระดับน ้าขึ ้นลงบริเวณพื ้นทะเลที่เป็ น ทราย ทรายปนโคลนหรือโคลน มีงวงยาวช่วยในการกินอาหาร เป็ นพวกกิน เนื ้อหรือซากสัตว์ที่เน่าเปื่ อย พบหอยระยะวัยรุ่นในป่ าชายเลนคลองก าพวน หอยหมาก Babylonia spirata (Linnaeus, 1758) วงศ์ Buccinidae Spiral babylone H= 43.5 mm
39 Gastropod ลักษณะ เปลือกหนาและแข็งแรงมาก ส่วนยอดเปลือกสูง วง เปลือกจะมีสันตามแนวยาววนโดยรอบ โดยเห็นได้ชัดเจนบริเวณวงเปลือก ใกล้กับส่วนยอด รอยต่อระหว่างวงลึกพอประมาณ วงตัววงสุดท้ายพองออก และมีขนาดใหญ่มาก แผ่นหินปูนสะสมบริเวณขอบช่องเปิ ดเปลือกพัฒนาดี มากและมีสีขาวนวลหรือสีครีม หอยระยะวัยรุ่น เปลือกจะมีสีน ้าตาลม่วง มี แนวสีขาวเรียงลงมาในแนวตั ้งของเปลือก ตัวเต็มวัยเปลือกมีสีน ้าตาลเข้ม นิเวศวิทยา พบในเขตน ้าขึ ้นน ้าลง บริเวณพื ้นอ่อนนุ่ม บริเวณหาด ทราย ทรายปนโคลนหรือโคลน มักพบอยู่รวมกันเป็ นจ านวนมาก หอยปากกระจาด Nassarius pullus (Linnaeus, 1758) วงศ์Nassariidae Nassa mud snail H= 20.5 mm
40 Gastropod ลักษณะ เปลือกค่อนข้างใหญ่และแข็งแรง รูปทรงคล้ายกระสวย ปลายยอดแหลมและสูงปานกลาง มุมเปลือก (shoulder) มีปลายแหลม และมีรอยต่อระหว่างวงเปลือกเป็ นสันลึก ตอนกลางของวงล าตัวพองออก ส่วนโค้งเว้าเข้าจากมุมเปลือกจนถึงปลายของร่องท่อน ้าเห็นได้ชัดเจน ส่วน ของร่องท่อน ้ากว้างและยื่นยาวปานกลาง เปลือกเป็ นสีน ้าตาลอ่อนจนถึง เข้ม ขอบของช่องเปิ ดปากมีสีครีมส้ม นิเวศวิทยา อาศัยอยู่ในเขตต ่ากว่าระดับน ้าขึ ้น น ้าลงของหาด โคลน กินเพรียงเป็ นอาหาร วางไข่เป็ นแคปซูลเรียงต่อกันบนพื ้นแข็ง หอยโมฬี Pugilina cochlidium (Linnaeus, 1758) วงศ์Melongenidae Spiral melongena sna H= 65.7 mm shoulder
41 หอยโข่งน ้าเค็ม Salinator sp. วงศ์ Amphibolidae Pulmonate snail ลักษณะ เปลือกเป็ นรูปทรงกลม บาง วงเปลือกวงสุดท้ายกลมและ มีขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจน แผ่นเปิ ดเปลือกบาง มีสีน ้าตาลอ่อนและมีวงบน แผ่นปิ ดเปลือก เปลือกมีสีน ้าตาลสว่างและมักพบแถบสีน ้าตาลเข้มเวียนอยู่ บนวงเปลือกประมาณ 1-5 แถบ นิเวศวิทยา พบแพร่กระจายทั่วไปในพื ้นที่ป่ าชายเลน หอยชนิดนี ้มี หนวดสั ้นมากและช่องแมนเทิลเปลี่ยนแปลงไปท าหน้าที่ในการแลกเปลี่ยน ก๊าซคล้ายปอด หอยกลุ่มนี ้ยังขาดข้อมูลทางชีววิทยา Gastropod H= 10.5 mm
42 Gastropod ลักษณะ เปลือกแข็ง รูปทรงเกือบเป็ นสี่เหลี่ยม ผิวเปลือกมีร่อง ตื ้นๆ ในแนวตั ้งและแนวนอนสลับกัน ส่วนบนของเปลือกบิดเป็ นวงตื ้น วง เปลือกวงสุดท้ายมีขนาดใหญ่ช่องเปิ ดเปลือกแคบและมีลักษณะคล้ายใบหู ไม่มีแผ่นปิ ดเปลือก ขอบนอกของริมขอบปากไม่หนามาก ลักษณะเป็ นแผ่น ทอดยาวไปตามแนวสันนอกของช่องเปิ ดเปลือก ริมขอบปากด้านในมีซี่ฟันที่ แข็งแรง 2 ซี่ สันบริเวณแกนกลางไม่พัฒนา เปลือกมีสีน ้าตาลเข้ม นิเวศวิทยา หายใจได้โดยใช้เส้นเลือดบริเวณผนังแมนเติล จึง สามารถอาศัยบนบกได้เป็ นระยะเวลานาน พบทั่วไปตามใบไม้ในป่ าชาย เลน หอยหูแมว Cassidula aurisfelis (Bruguière, 1792) วงศ์ Ellobiidae Cat’s ear cassidula H= 18.4 mm
43 Gastropod ลักษณะ เปลือกแข็ง รูปทรงเกือบเป็ นสี่เหลี่ยม ผิวเปลือกมีร่อง ตื ้นๆ ในแนวตั ้งและแนวนอนสลับกัน ส่วนบนของเปลือกบิดเป็ นวงตื ้น วง เปลือกวงสุดท้ายมีขนาดใหญ่ช่องเปิ ดเปลือกแคบและมีลักษณะคล้ายใบหู ไม่มีแผ่นปิ ดเปลือก ขอบนอกของริมขอบปากหนาและพัฒนาดี ริมขอบปาก ด้านในมีซี่ฟันที่แข็งแรง 2 ซี่ สันบริเวณแกนกลางพัฒนาดี เปลือกมีสีขาว สลับด าหมุนไปตามวงเปลือกหรืออาจมีน ้าตาลทั ้งเปลือก นิเวศวิทยา หายใจได้โดยใช้เส้นเลือดบริเวณผนังแมนเติลจึง สามารถอาศัยบนบกได้เป็ นระยะเวลานาน พบทั่วไปตามใบไม้ในป่ าชาย เลน หอยปากเบี้ยวลาย Cassidula nucleus (Gmelin, 1791) วงศ์ Ellobiidae Nucleus cassidula H= 19.4 mm
44 Gastropod ลักษณะ เปลือกแข็ง รูปทรงคล้ายกระสวย ผิวเปลือกมีร่องตื ้นๆ ใน แนวตั ้ง ส่วนบนของเปลือกบิดเป็ นวงตื ้น วงเปลือกวงสุดท้ายมีขนาดใหญ่ ไม่มีแผ่นปิ ดเปลือก ช่องเปิ ดเปลือกแคบ ขอบช่องเปิ ดเปลือกหนา ผิวเรียบ และมีสีขาว ริมขอบปากด้านในมีฟัน 3 ซี่ โดยฟันซี่บน (upper dent) ตั ้งอยู่ เหนือแนวกลางของช่องเปิ ดเปลือก เส้นผ่าศูนย์กลางของล าตัวยาวน้อยกว่า ครึ่งหนึ่งของความยาวล าตัว เปลือกมีสีน ้าตาลอ่อนถึงน ้าตาลเข้ม นิเวศวิทยา หายใจได้โดยใช้ เส้ นเลือดบริเวณผนังแมนเติล สามารถอาศัยบนบกได้เป็ นเวลานาน พบอยู่บริเวณแนวขอบนอกของป่ า ชายเลนส่วนที่ติดกับแผ่นดิน บริเวณโคนต้นและรากของไม้ในป่ าชายเลน หอยนน Ellobium aurisjudae (Linnaeus, 1758) วงศ์ Ellobiidae Judas ear cassidula upper dent เส้นประ = แนวกลางของช่องเปิ ดเปลือก H= 46.5 mm