The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thitikornLanakham, 2022-04-04 09:57:22

Unit8

Unit8

รายงานผลสมั ฤทธ์ิการปฏิบัตงิ านของครูและบุคลากรทางการศึกษา
ครง้ั ที่ 1 ตัง้ แตว่ นั ท่ี 1 ตุลาคม 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565

นางคัธรียา มะลิวัลย์
ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะครูชานาญการพเิ ศษ

เลขทต่ี าแหน่ง 16210
ปฏิบัติหนา้ ทีส่ อนประจาแผนกวชิ าสตั วศาสตร์

แผนกวชิ าสตั วศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำนำ

“ครู” เป็นตำแหน่งในสถำนศึกษำที่มีชื่อตำแหน่งหน้ำที่ควำมรับผิดชอบลักษณะงำนท่ีปฏิบัติ
และ มีคุณสมบัติเฉพำะสำหรับตำแหน่ง เป็นบุคลำกรวิชำชีพซึ่งทำหน้ำที่หลักเกี่ยวกับกำรเรียนกำรสอน
กำรประเมินผลผู้เรียน กำรส่งเสริมกำรเรียนรใู้ นลักษณะองค์รวม โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญด้วยวธิ กี ำรสอน
แบบตำ่ งๆ อยำ่ งหลำกหลำยและคำนงึ ถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคลเพ่ือพัฒนำผู้เรียนให้เต็มตำมศักยภำพ
เพ่ือรำยงำนผลกำรปฏิบัติงำนประจำปีกำรศึกษำท้ังงำนในหน้ำท่ี และงำนพิเศษท่ีได้รับมอบหมำยจำก
วิทยำลยั ฯ

ผลการปฏบิ ัติงานของนางคัธรยี า มะลวิ ัลย์ ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชานาญการพเิ ศษ ไดจ้ ัดทา
ขึ้นเพ่ือรายงานผลงานการดาเนินงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าท่ีในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564
ได้นาเสนอข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพที่ได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ทักษะในการจัดการเรียนการ
สอนของนักเรียน นกั ศึกษาทั้งระดับประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) และระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้นั สูง
(ปวส.) เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกำรประเมินผู้จัดทำรำยงำนได้รวบรวมข้อมูลและผลงำนท่ีได้
ดำเนินกำรระหว่ำงปีกำรศึกษำ ด้วยควำมรู้ ควำมสำมำรถ และควำมต้ังใจในกำรปฏิบัติงำนเพ่ือ
ประกอบการพจิ ารณาผลงานที่เกิดจากการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีนาเสนอคณะกรรรมการประเมนิ

ข้าพเจา้ หวงั เป็นอยา่ งย่ิงว่า ผลงานท่เี กดิ จากการปฏิบัตหิ น้าท่ีเล่มน้ีคงจะเป็นประโยชน์และให้
เห็นความชัดเจนในการใช้ข้อมูลเบื้องต้น เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการในการประเมินของ
ข้าพเจา้ เปน็ อยา่ งย่งิ

คัธรยี า มะลวิ ลั ย์
ผู้จัดทา

ข้อมูลประกอบการรายงานผลการปฏิบตั งิ าน
ในหนา้ ท่คี รแู ละงานพเิ ศษ คร้ังท่ี 1

ระหว่างวนั ท่ี 1 ตุลาคม 2564 ถงึ 31 มีนาคม 2565

1. ข้อมูลเบื้องต้น
ชือ่ – สกุล (นาย/นาง/นางสาว)........ค..ธั...ร..ยี...า......... นามสกุล..............ม...ะ..ล...ิว..ัล...ย...์ .........เชอื้ ชาติ .....ไ..ท...ย..........
สญั ชาติ.......ไ.ท...ย............ ศาสนา........พ...ุท...ธ............ เกิดเมือ่ วันที่...2...8.....พ...ฤ...ษ...ภ...า..ค...ม......2..5...1...7....... อายุ....4...7.......ปี
คุณวฒุ ิ...........ว...ท...ม......ส...ัต...ว..ศ...า..ส...ต..ร...์ .............. ตาแหน่ง.........ค...ร..ู........วทิ ยฐานะ.........ช...า..น...า..ญ....ก...า..ร..พ...เิ..ศ...ษ...........
ตาแหนง่ เลขท่ี........1..6...2..1...0............รับเงนิ เดอื นอนั ดบั คศ. .....3....... ข้ัน/เงินเดอื น......4...5..,.5...7..0...............บาท

สถานศกึ ษา/หนว่ ยงานการศึกษา......ว..ทิ...ย...า..ล...ัย..เ..ก..ษ....ต..ร...แ..ล...ะ..เ..ท...ค...โ.น...โ..ล...ย..ฉี...ะ..เ..ช...ิง..เ.ท...ร..า.......................................
เขต/อาเภอ...............พ...น...ม...ส..า...ร..ค...า..ม..........................จังหวัด..............ฉ..ะ...เ.ช...ิง..เ.ท...ร...า.................................................
สังกดั ส่วนราชการ......ส...า..น...กั...ง..า..น...ค...ณ....ะ..ก...ร..ร..ม...ก...า..ร..ก...า..ร...อ..า..ช...ีว...ศ..กึ...ษ...า....................................................................

E-mail…………Ja…e…a…b…a…b…y…21…@……gm……a…il.…c…om………………………………เบอร์โทรศัพท.์ ........0...8..9...-.1...5...1..7...3..4...5............

2. รำยวิชำท่สี อนและจำนวนช่วั โมงท่สี อน ในปกี ำรศกึ ษำ.......2...5...6...4.........

ภำคเรียนท่ี วชิ ำ/สำขำ/กลุม่ วิชำ ช้ัน/ระดับ จำนวนชั่วโมงสอน
(ช่ัวโมง/สปั ดำห์)
2 การเลี้ยงสัตว์ปกี ปวช.1/8 เกษตรศาสตร์
7
จลุ ชวี วิทยา ปวส.1/2 สตั วศาสตร์ 4
4
การจดั การสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสัตวเ์ ลยี้ ง ปวส.1/2 สัตวศาสตร์ 4
2
การปรับปรงุ พันธส์ุ ัตว์ ปวส.1/2 สตั วศาสตร์
4
กจิ กรรมในสถานประกอบการ 2 ปวส.1/5 เกษตรศาสตร์ 4
4
ปวส.1/6 สัตวศาสตร์ 5

จุลชวี วิทยา ปวส.2/6 สัตวศาสตร์

กายวิภาคและสรรี วทิ ยาของสัตว์ ปวส.2/6 สัตวศาสตร์

การปรับปรงุ พันธสุ์ ัตว์ ปวส.2/6 สัตวศาสตร์

การผลิตไก่ไข่ ปวส.2/6 สัตวศาสตร์

3. ช่ัวโมงกำรปฏบิ ัติงำน
1) ช่ัวโมงสอนตำมตำรำงสอน จำนวน.........3...8........ชวั่ โมง

ภำคเรยี นท่ี วิชำ/สำขำ/กลุ่มวิชำ ชั้น/ระดับ จำนวนชว่ั โมงสอน
(ชว่ั โมง/สปั ดำห)์
2 การเล้ียงสตั ว์ปกี ปวช.1/8 เกษตรศาสตร์
7
จุลชีววทิ ยา ปวส.1/2 สัตวศาสตร์ 4
4
การจดั การสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสัตว์เล้ียง ปวส.1/2 สัตวศาสตร์ 4
2
การปรับปรงุ พันธุส์ ัตว์ ปวส.1/2 สตั วศาสตร์
4
กิจกรรมในสถานประกอบการ 2 ปวส.1/5 เกษตรศาสตร์ 4
4
ปวส.1/6 สัตวศาสตร์ 5

จุลชวี วทิ ยา ปวส.2/6 สัตวศาสตร์

กายวิภาคและสรีรวิทยาของสัตว์ ปวส.2/6 สตั วศาสตร์

การปรบั ปรุงพันธุ์สตั ว์ ปวส.2/6 สัตวศาสตร์

การผลติ ไก่ไข่ ปวส.2/6 สตั วศาสตร์

2) ภำระงำนที่เกี่ยวเนื่องกับกำรจัดกำรสอน และภำระงำนกำรพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำของ

สถำนศกึ ษำ

ภำคเรียนที่ ภำระงำน

2 1. ครูทีป่ รกึ ษานักศึกษา ระดับชั้น ปวส.1/5 เกษตรศาสตร์

2. ครูทีป่ รึกษานักศึกษา ระดับชัน้ ปวส.1/6 สัตวศาสตร์

3. ผชู้ ่วยหวั หนา้ งานพัฒนาหลักสตู รการเรียนการสอน

4. ครปู ระจาแผนกวชิ าสตั วศาสตร์

3) งำนภำระหนำ้ ทอี่ ่ืน ๆ

ภำคเรยี นที่ ภำระงำน

2 1. หวั หน้างานทะเบียน

2. หวั หน้างานแนะแนวและจัดหางาน

3. หวั หนา้ งานครูทีป่ รึกษา

4. ผู้ช่วยหวั หน้างานความร่วมมือ

5. ผ้ชู ่วยหวั หนา้ งานปกครอง

6. ผชู้ ่วยหวั หน้างานประกันคุณภาพและมาตรฐานสถานศกึ ษา

4. กำรพฒั นำดว้ ยตนเอง
- การพฒั นาส่ือการเรยี นดว้ ย LMS Moodle บนเว็บไซต์ http://ccscat.ac.th/moodle

-rd'.r tyrur#amunr$asnraIuIa6acri{t?Hl

d uo*Irao<

' rdEol ilou?rxnufluaefldau :1sr{fina il:szcfrmnr4i!sufdi u i<ltnr-:,<frnur bdbd
,, druiurinrEuu finflnu'flufiuutiuutlnfi u6'nqn:niilm*r fl1nailuu

,t A o[vun,l:0enn1:t:d uufl 15aou?o{n: q 1n rd:uufi-l b Eu{n1:fi4 nu1 bdbd rfl util dra

rlro tuR

,mrur3uuiaer t::?qnrJisrqrJ:varrftro{fia'nqfiT entJ:utfiuun:uvn?.:finl*rBnr: r'rdrenr:{nnr:finur

*rrra#n4n:rJ:snrnfiutTm:imdn (rJ'lr.) 4vrrdn:rt bddb (rfilrfix fl.fi.bdder) nruradnqn:
u,d:Uc-dnlfiuuun:?rlrlr rlmoflnrfi bgbb ra6',nqn:rJ:unrafieni$:imfindu6l (rJra.) 4mofi'n:r bddc,
unrudu n4n:i,l:snrndfiufun:iatrfivdr{ui 4c (,'ilra.), y ras:uttIuuirtdruunt:il:vruiiuarua
b- dbm
4vrorTn:rt

nr:tEuun'llvrdnqrr:rJtun1fifiuu-et:itrfin (d:t.).r1vrofin:rt bddb (rdlrfiu fi.ef. bdd6,r) ntt

xdnqn:rJ:vnrofiutin:itrfin rlvrorYn:1{ bdbb uavra#nqrr:rJ:cnrnfiuflfl:itrfinduql (rJea.)

.!urefu,AnUc:dtotvdAbtYda dc, irarrt"rldrult fl'1il:urfrausfrfnr''runilEn::ilflr:nr:aT fifinulirdrunltuir4l:

,mtr*t*sl fi.rr. bddb ,ilo << raufiilrst#ngfufrntoufl'rfi'flfl'rrlitrunr:aou tutraitrmrr 1
v o &3
-ffi &ffi**:}: uuuytlu 614{iu

lLtyunr&fyllun:uiloul4rllu asnfci1ttHun't:eafin'l:tdiuu3y avfin^an?5rJf]1:tdS8uftlTaau u

n1:anHa

w,"frffiIii+rtsla qty?ru::qlnu:Isa{n:J1u?at'1 uauil'lCIt5g1u:1u-?t't tfJlour:slfutu,ua o{unv tSdou u<

uflFtflu1

l,iV,uJ-o-Jd. o lIQfiAn'lUU fl.fi. bdbd fl{?Uvl b llU1R}I fl.fi. bAbd

Yl{1l 9l{USl?UYl

iuufJi
t,a&"{ il or a nqninluu fl.fi. bdbd

r6au

>l*/
(utririrrnr fi qfi rv{or:u)

Yo a u ii S d a
(a1u'r$n15?vlu'lautnufl :uav tiln Lu [a uourgittyrTl

iirantrlruurntluirglinurn'arnnn:uactfi nlulafiastirtr:r aogt zsel

nrnGaud 2 ilnrrilnr*r 2s6l
:cuut?t uilnfi udn6n:n6finr*r nlndu$u

: ,-! '' ''' da<tP

ni

o e

C r(Er3laE" rt

IcJ ,EF

ar (-r;3

a 60@
5 -6)At
cerr.
5
e
t(7.
6elt !F@

BTH"p# {t,

nofti_ edu(- !

e6Pt a Ea r=
xfr'81-4€ qi
€,E
HooidIBT! 8HorJi drg-GrE
!. ((osE!J+Fci
'vl .rt;
-'6El6c=d"E>
5F

ail

'5(--LE,

<Y?c.=GFC'

,FE

(p'qi-

_9CroTFS

.r@rt

(tr

(tF, ;!P a E;8E.r5a f 6

et IE +rOBrdi drd! q. *;e^t4Pts-E
SEa+prndr5Hri..p.E €
*dp
3
rOlN€

,4 'iFEitt -(6(-

lltdGnl
{T5Et =! fa)filrIcF

P \: -3
€: l,lpE,. rrE:it
E ri!5F
GEII
F ASI;3?EEEEEE'E 2

c? rFcN7fiSrt€i5iElr,'a'EEEEE* €n8j5'EE-.'Ei5Elbs :

rE- '(Fa:

{Fr (E

ด้านที่ 1 ด้านการจดั การเรยี นรู้
1.1 การสร้างและหรือพัฒนาหลักสตู ร

?r de.n, t(run(U: ldQ.rAz{Y, ilFrri s -r tf fl S u tr(r

il i v nr fl ug

lrmfiaf.,lnt]s 2563
cl

il:vmm?ryunusr:Rrml

,\ e., d
fllfln?S1flgr?fl1ffgt:

ffi u n{1uFt€uy n5:&t R1: nlto "tT ?fl nu1 IE
Es
frruTrT?4A{flnulfifr]T EI Err

1.2 ออกแบบการจัดการเรียนรู้

ffie

W8tffi!8ffiffi flr$ffi$

e", ld(,r^dL ulull s ufql, {

ma fl drugr:u 3v Rr fl uuuglr?

9",

?qrYrfiflR?]U 2563

rl t s m vr3 u t tRU er i fl ? ml

AQ,'d

trl$1?U1C[gt?fl1trgr:

c['ru R{1l{Frilr n:3il1 R] t nlto ls ?fl RHl

nSsTl:?{rflnu1fifr1:

fi uaer u€eruqctrer6e.lrfi a au



คำนำ

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสัตว์เลี้ยง (Principles of
Environmental Management) รหัสวิชา 30503-2005 ตามหลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพชั้นสูง
ประเภทวิชาเกษตรกรรม สาขาวิชาสัตวศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้นักเรียนได้ใช้ศึกษาเรียนรู้
ตามกระบวนการจัดการเรียนรู้ ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นการเสริมความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ทั้ง
การเรียนรู้ในช้ันเรียนและนอกห้องเรียน ให้นักเรียนใช้พัฒนาการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพความ
แตกต่างระหว่างบุคคล

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสัตว์เลี้ยงประกอบไปด้วย
ความสาคัญของการจัดการส่ิงแวดล้อม อิทธิพลของส่ิงแวดล้อมในการผลิตสัตว์ หลักปฏิบัติในการ
จัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสีย การนาของเสียไปใช้ประโยชน์ ระบบแก๊สชีวภาพ การปรับ
สภาพแวดล้อมในฟารม์ กฎหมายและระเบียบทีเ่ ก่ียวกับการจัดการของเสีย หน่วยงานท่เี กี่ยวข้องและ
หน้าที่

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการส่ิงแวดล้อมในฟาร์มสัตว์เลี้ยงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่
นักศึกษาจะต้องเข้าใจและมีความรู้ เน่ืองจากนักสัตวบาลหรือนักสัตวศาสตร์เป็นบุคคลท่ีต้องคลุกคลี
กับการดูแลเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง เพ่ือให้ได้ผลผลิตสัตว์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตในรูปเนื้อสัตว์
ไข่ และนม เป็นต้น ในสัตว์เศรษฐกจิ ทเ่ี ปน็ สัตว์เล้ียงในฟารม์ ชนิดตา่ งๆ การเรียนร้วู ิชานี้จะชว่ ยในการ
แก้ปัญหาท่ีเกิดข้ึนซึ่งจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตสัตว์ นอกจากนี้นักศึกษายังสามารถนาความรู้ที่
ไดร้ ับไปใช้ในการแก้ปญั หาด้านการผลิต และนาไปประยกุ ต์ใช้ประโยชนใ์ นการพัฒนาการเลย้ี งสัตว์ให้
มีประสิทธภิ าพมากข้ึนต่อไปได้

คธั รยี า มะลิวัลย์
ครูชานาญการ

สำรบญั ข

คานา หนำ้
สารบญั ก
จุดประสงคส์ าขาวชิ า ข
มาตรฐานการศึกษาวิชาชีพ ค
จดุ ประสงคร์ ายวิชา ง
สมรรถนะรายวิชา จ
คาอธิบายรายวชิ า จ
ตารางวเิ คราะหจ์ ดุ ประสงค์และสมรรถนะรายวชิ า จ
ตารางวิเคราะห์คาอธิบายรายวิชา ฉ
ตารางวเิ คราะห์หลักสูตรรายวิชา ช
ตารางวิเคราะหห์ นว่ ยการเรียนรู้และสมรรถนะรายวชิ า ซ
กาหนดสัดสว่ นคะแนน ฌ
หน่วยการเรียนรู้ ญ
ตารางกาหนดหน่วยการเรยี นรู้ ฎ
บทท่ี 1 ความสาคัญของส่ิงแวดล้อมในฟาร์มสตั วเ์ ล้ียง ฏ
บทที่ 2 อิทธิพลของส่ิงแวดล้อมในฟารม์ สัตว์เล้ยี ง 1
บทที่ 3 การจดั การสงิ่ แวดล้อมในฟาร์มสัตวเ์ ลย้ี ง 17
บทท่ี 4 การจัดการของเสยี ในฟาร์มสัตวเ์ ลี้ยง 30
บทท่ี 5 การใช้ประโยชน์จากของเสยี ในฟารม์ สตั วเ์ ลี้ยง 46
บทท่ี 6 กฎหมายและหนว่ ยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับสงิ่ แวดล้อม 59
ภาคผนวก 71



จดุ ประสงคส์ ำขำวชิ ำ

หลกั สูตรประกำศนียบัตรวชิ ำชีพชัน้ สงู พุทธศักรำช 2563
ประเภทวิชำเกษตรกรรม สำขำวชิ ำสตั วศำสตร์

1. เพื่อใหส้ ามารถประยุกต์ใช้ความรแู้ ละทักษะด้านการส่อื สาร ทักษะการคิดและการแก้ปญั หา
และทักษะทางสงั คมและการดารงชวี ิตในการพฒั นาตนเองและวิชาชพี

2. เพือ่ ให้มีความเข้าใจหลักการบริหารและจัดการวิชาชีพ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ และ
หลักการของงานอาชีพที่สัมพันธ์เกี่ยวขอ้ งกับการพฒั นาวชิ าชีพสตั วศาสตร์ ใหท้ ันต่อการเปลี่ยนแปลง
และความก้าวหน้าของเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี

3. เพ่อื ให้มีความเข้าใจในหลักการและกระบวนการทางานในกลมุ่ งานพน้ื ฐานด้านสัตวศาสตร์
ให้ทนั ตอ่ การเปลีย่ นแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี

4. เพอื่ ใหส้ ามารถคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ วางแผน จัดการ ตัดสินใจและแก้ไขปญั หา แสวงหา
ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกตใ์ ช้ในการพัฒนาอาชพี ด้านสัตวศาสตร์

5. เพื่อใหส้ ามารถปฏบิ ัติงานผลติ และบรกิ ารทางด้านสัตวศาสตร์ระดับเทคนิคตามหลักการและ
กระบวนการ

6. เพื่อให้สามารถปฏิบัตงิ านอาชีพด้านสัตวศาสตรใ์ นสถานประกอบการและประกอบอาชีพอสิ ระ
รวมท้ังการใช้ความรู้และทักษะเป็นพื้นฐานในการศึกษาตอ่ ในระดับสงู ข้นึ ได้

7. เพอื่ ให้มีเจตคติทีด่ ตี ่องานอาชพี มคี วามคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ ซื่อสตั ย์สุจริต มีระเบียบวินัย
เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิง่ แวดล้อม ต่อตา้ นความรนุ แรงและสารเสพติด



มำตรฐำนกำรศึกษำวิชำชพี

หลกั สตู รประกำศนียบัตรวชิ ำชพี ชน้ั สูง พุทธศกั รำช 2563
ประเภทวชิ ำเกษตรกรรม สำขำวิชำสตั วศำสตร์

คุณภาพของผู้สาเรจ็ การศึกษาระดับคุณวฒุ ิการศกึ ษาประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้นั สงู ประเภทวชิ า
เกษตรกรรม สาขาวิชาสัตวศาสตร์ ประกอบด้วย

1. ด้ำนคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ได้แก่
1.1 ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและจรรยาบรรณวิชาชพี ได้แก่ ความเสยี สละ ซื่อสัตย์สจุ ริต กตญั ญูกตเวที

อดกลั้น ละเว้นสิ่งเสพตดิ และการพนัน มจี ิตสานกึ และเจตคติที่ดตี ่อวิชาชพี และสงั คม เป็นต้น
1.2 ดา้ นพฤติกรรมลกั ษณะนิสัย ไดแ้ ก่ ความมวี นิ ยั ความรบั ผิดชอบ ความรกั สามัคคี มีมนุษยสมั พันธ์

เชือ่ มั่นในตนเอง ขยันประหยัด อดทน พง่ึ ตนเอง ปฏบิ ัติงานโดยคานงึ ถงึ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย
การอนุรกั ษ์พลังงานและสิง่ แวดล้อม เปน็ ต้น

1.3 ดา้ นทักษะทางปญั ญา ได้แก่ ความรใู้ นหลักทฤษฎี ความสนใจใฝ่รู้ ความคิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์
ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เป็นต้น

2. ด้ำนสมรรถนะหลักและสมรรถนะทั่วไป ไดแ้ ก่
2.1 สือ่ สารโดยใช้ภาษาไทยและภาษาตา่ งประเทศในชวี ิตประจาวันและเพอ่ื พัฒนางานอาชพี
2.2 แกไ้ ขปญั หาและพัฒนางานอาชีพโดยใชห้ ลักการและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์
2.3 มีบุคลกิ ภาพและคณุ ลักษณะเหมาะสมกบั การปฏบิ ัติงานอาชพี และการอยูร่ ว่ มกบั ผู้อน่ื
2.4 ประยุกตใ์ ช้ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์และเทคโนโลยีเพ่อื สง่ เสริมและพัฒนางานอาชพี

3. ดำ้ นสมรรถนะวิชำชีพ ได้แก่
3.1 วางแผนดาเนินงาน จดั การและพัฒนางานอาชีพตามหลักการและกระบวนการ โดยคานงึ ถงึ

การบริหารงานคณุ ภาพ การอนรุ กั ษ์พลังงานและสงิ่ แวดล้อม และหลักความปลอดภัย
3.2 ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื พัฒนางานอาชพี
3.3 ประยุกตใ์ ชห้ ลักการและกระบวนการผลติ และบรกิ ารด้านสตั วศาสตร์ในงานอาชีพ

สำขำงำนกำรผลิตสตั ว์
3.4 วางแผน/เตรียมการผลติ และบรกิ ารทางด้านการผลติ สตั ว์ตามหลักการ กระบวนการและมาตรฐาน

ฟารม์
3.5 ดาเนินการบรหิ ารจัดการ ประเมนิ ผลและแกไ้ ขปัญหาในงานผลิตและบรกิ ารทางด้านการผลติ สัตว์

ตามหลักการและกระบวนการในลักษณะครบวงจรเชิงธรุ กิจ
3.6 จดั การผลผลิตและการตลาดในงานผลติ และบริการทางด้านการผลิตสัตว์ตามหลักการและ

กระบวนการ
3.7 เลือก/ใช/้ ประยุกต์ใช้ปัจจัยและเทคนิควิธีการผลติ สตั ว์ โดยตระหนักถึงความปลอดภัยและ

ผลกระทบตอ่ สงั คมและสภาพแวดล้อม



จดุ ประสงค์รำยวิชำ สมรรถนะรำยวิชำ และคำอธิบำยรำยวิชำ

รหัสวชิ ำ 30503-2005 รำยวิชำ การจดั การสงิ่ แวดล้อมในฟาร์มสัตว์เลีย้ ง ท-ป-น (1-3-2)
หลักสูตรประกำศนยี บัตรวชิ ำชพี ชั้นสงู ประเภทวิชำเกษตรกรรม สำขำวชิ ำสัตวศำสตร์

จุดประสงคร์ ำยวชิ ำ
1. เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจความสาคัญ หลกั การและกระบวนการจดั การส่งิ แวดล้อมในฟาร์มสัตว์เล้ียง
2. เพ่ือใหส้ ามารถวเิ คราะห์วางแผนและจัดการสง่ิ แวดลอ้ มในฟาร์มสตั วเ์ ลย้ี ง โดยคานงึ ถึงความ

ปลอดภยั ของผูบ้ รโิ ภคการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
3. เพื่อให้มีเจตคติทีด่ ีตอ่ งานจัดการสิ่งแวดลอ้ มในฟารม์ และมีกจิ นิสัยทดี่ ีในการทางานดว้ ยความ

รับผดิ ชอบ รอบคอบ ขยัน อดทน สนใจใฝร่ ูแ้ ละสามารถทางานร่วมกับผ้อู ่นื

สมรรถนะรำยวิชำ
1. แสดงความรูเ้ กี่ยวกบั หลักการและกระบวนการจัดการสง่ิ แวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เลย้ี ง
2. วางแผนจดั ส่งิ แวดลอ้ มในฟารม์ สตั ว์เล้ียงตามมาตรฐานฟาร์มแต่ละชนิด
3. ตรวจและปรับปรงุ คุณภาพน้าทง้ิ ในฟารม์ สตั วเ์ ล้ียงตามหลกั การและกระบวนการ
4. กาจดั ของเสยี ในฟาร์มสัตว์ เล้ียงตามหลกั การและกระบวนการ
5. ประยุกต์ใชป้ ระโยชนจ์ ากมูลสตั ว์และวัสดุเหลอื ใช้จากฟาร์มสัตว์เลี้ยง

คำอธบิ ำยรำยวิชำ
ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับความสาคัญของการจัดการสิ่งแวดล้อม อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม

ในการผลิตสัตว์ หลักปฏิบัติในการจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสีย การนาของเสียไปใช้ประโยชน์
ระบบแก๊สชีวภาพ การปรับสภาพแวดล้อมในฟาร์ม กฎหมายและระเบียบที่เก่ียวกับการจัดการของเสีย
หนว่ ยงานท่เี กีย่ วข้องและหน้าที่



ตำรำงวเิ ครำะห์จุดประสงค์และสมรรถนะรำยวชิ ำ

รหสั วชิ ำ 30503-2005 รำยวชิ ำ การจดั การสงิ่ แวดลอ้ มในฟาร์มสตั วเ์ ล้ยี ง ท-ป-น (1-3-2)
หลักสตู รประกำศนียบัตรวชิ ำชพี ชนั้ สูง ประเภทวชิ ำเกษตรกรรม สำขำวิชำสตั วศำสตร์

หนว่ ยที่ เรอ่ื ง จุดประสงค์ สมรรถนะรำยวิชำ
รำยวชิ ำ

12312345

1 ความสาคัญของส่ิงแวดลอ้ มในฟาร์มสัตว์เลีย้ ง  

2 อิทธิพลของส่ิงแวดล้อมในฟารม์ สัตว์เลยี้ ง 

3 การจัดการสิง่ แวดล้อมในฟาร์มสัตว์เลีย้ ง 

4 การจดั การของเสยี ในฟาร์มสัตวเ์ ลยี้ ง  

5 การใชป้ ระโยชน์จากของเสยี ในฟาร์มสัตวเ์ ล้ียง 

6 กฎหมายและหน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้องกับสง่ิ แวดล้อม   

หมำยเหตุ :

จดุ ประสงค์รำยวิชำ

1. เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจความสาคญั หลกั การและกระบวนการจดั การส่ิงแวดลอ้ มในฟาร์มสัตวเ์ ลี้ยง

2. เพ่ือใหส้ ามารถวิเคราะหว์ างแผนและจดั การส่งิ แวดล้อมในฟารม์ สตั วเ์ ลีย้ ง โดยคานงึ ถึงความ

ปลอดภยั ของผู้บริโภคการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม

3. เพือ่ ใหม้ ีเจตคติท่ดี ีต่องานจดั การส่ิงแวดล้อมในฟาร์ม และมีกจิ นิสยั ท่ดี ีในการทางานด้วยความ

รับผดิ ชอบ รอบคอบ ขยนั อดทน สนใจใฝร่ ู้และสามารถทางานรว่ มกับผอู้ ่นื

สมรรถนะรำยวิชำ
1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั หลักการและกระบวนการจัดการสิง่ แวดล้อมในฟารม์ สตั วเ์ ลยี้ ง
2. วางแผนจดั ส่ิงแวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เลี้ยงตามมาตรฐานฟารม์ แตล่ ะชนิด
3. ตรวจและปรับปรุงคุณภาพนา้ ท้ิงในฟาร์มสัตวเ์ ล้ียงตามหลกั การและกระบวนการ
4. กาจดั ของเสียในฟาร์มสตั ว์ เลีย้ งตามหลักการและกระบวนการ
5. ประยกุ ต์ใช้ประโยชน์จากมูลสัตวแ์ ละวัสดเุ หลอื ใช้จากฟาร์มสตั ว์เลย้ี ง



ตำรำงวเิ ครำะหค์ ำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

รหัสวชิ ำ 30503-2005 รำยวิชำ การจัดการส่งิ แวดลอ้ มในฟารม์ สตั วเ์ ลยี้ ง ท-ป-น (1-3-2)
หลักสตู รประกำศนียบัตรวชิ ำชีพชนั้ สงู ประเภทวิชำเกษตรกรรม สำขำวชิ ำสัตวศำสตร์

หนว่ ยที่ หัวขอ้ เรอ่ื ง จำนวนชัว่ โมง
ทฤษฏี ปฏิบัติ รวม
1 ควำมสำคญั ของส่ิงแวดล้อมในฟำรม์ สัตวเ์ ลี้ยง
1. ความหมายและความสาคญั ของส่งิ แวดลอ้ ม 26 8
2. ประเภทของสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสตั ว์เลย้ี ง
3. สภาพสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสตั ว์เลยี้ ง

2 อทิ ธิพลของส่ิงแวดลอ้ มในฟำรม์ สัตวเ์ ลยี้ ง 3 9 12
1. ขอบเขตของสิ่งแวดลอ้ มในการเลี้ยงสตั ว์ 3 9 12
2. ปจั จัยของสง่ิ แวดล้อมท่ีมอี ิทธพิ ลตอ่ การเลีย้ งสตั ว์ 4 12 16
3. อิทธิพลของสภาพแวดลอ้ มทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเลีย้ งสตั ว์ 4 12 16
268
3 กำรจัดกำรส่งิ แวดลอ้ มในฟำร์มสตั วเ์ ลย้ี ง
1. หลกั ปฏบิ ัติในการจดั การส่ิงแวดล้อมในฟารม์ สตั วเ์ ลย้ี ง
2. การจัดการสงิ่ แวดล้อมตามมาตรฐานฟาร์มสัตวเ์ ลยี้ ง
3. การปรบั สภาพแวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เลีย้ ง

4 กำรจดั กำรของเสยี ในฟำรม์ สตั วเ์ ลีย้ ง
1. ของเสยี ที่เกดิ จากฟารม์ สตั ว์เลี้ยง
2. มลพษิ จากในฟาร์มสัตว์เล้ยี ง
3. การจัดการของเสยี ในฟาร์มสัตวเ์ ล้ยี ง

5 กำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกของเสยี ในฟำรม์ สตั วเ์ ล้ยี ง

1. ปรมิ าณส่งิ ขับถา่ ยของสัตว์

2. แนวทางการใชป้ ระโยชน์จากของเสยี ในฟาร์มสัตว์เลีย้ ง

3. การเพ่มิ มลู คา่ ของเสยี จากการผลติ สตั ว์
6 กฎหมำยและหน่วยงำนที่เกี่ยวขอ้ งกบั ส่งิ แวดล้อม

1. มาตรฐานสง่ิ แวดล้อมในฟาร์มสตั วเ์ ลยี้ ง
2. กฎหมายสิ่งแวดล้อมทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั การผลติ สัตว์
3. หน่วยงานท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ส่ิงแวดล้อมในการผลติ สัตว์

จำนวนช่ัวโมงรวม 18 54 72



ตำรำงวิเครำะหห์ ลกั สตู รรำยวิชำ

รหัสวชิ ำ 30503-2005 รำยวิชำ การจดั การสิง่ แวดล้อมในฟาร์มสัตวเ์ ลี้ยง ท-ป-น (1-3-2)

หลักสูตรประกำศนียบัตรวชิ ำชีพช้นั สงู ประเภทวิชำเกษตรกรรม สำขำวชิ ำสัตวศำสตร์

ระดับพฤตกิ รรมท่ีพึงประสงค์

หนว่ ย ชอ่ื หน่วยกำรเรียนรู้ พุทธิพสิ ัย ทกั ษะ จติ พิสัย
ที่ พสิ ัย

1234561212

1 ควำมสำคญั ของสง่ิ แวดล้อมในฟำร์มสตั วเ์ ลี้ยง

1.1 ความหมายและความสาคัญของส่ิงแวดลอ้ ม // / / / / 8
1.2 ประเภทของสง่ิ แวดล้อมในฟาร์มสตั ว์เล้ยี ง // / / / /

1.3 สภาพสิง่ แวดลอ้ มในฟารม์ สตั วเ์ ลีย้ ง // / ///

2 อิทธพิ ลของสง่ิ แวดล้อมในฟำร์มสัตว์เลยี้ ง

2.1 ขอบเขตของสงิ่ แวดล้อมในการเลย้ี งสตั ว์ // / / / / 12
2.2 ปัจจัยของสิ่งแวดลอ้ มที่มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงสตั ว์ // / / / /

2.3 อทิ ธิพลของสภาพแวดล้อมทีเ่ กย่ี วข้องกับการเลยี้ งสัตว์ / / / ///

3 กำรจัดกำรส่งิ แวดลอ้ มในฟำร์มสตั วเ์ ล้ยี ง

3.1 หลกั ปฏิบตั ิในการจดั การสิ่งแวดล้อมในฟารม์ สตั ว์เลี้ยง / / / / / / / / / / 12
3.2 การจัดการสิง่ แวดลอ้ มตามมาตรฐานฟาร์มสัตวเ์ ลีย้ ง / / / / / / / / / /

3.3 การปรบั สภาพแวดล้อมในฟารม์ สัตวเ์ ลยี้ ง //////////

4 กำรจดั กำรของเสียในฟำร์มสตั วเ์ ลย้ี ง

4.1 ของเสียท่ีเกดิ จากฟาร์มสัตวเ์ ลี้ยง / / / / / / / / / / 16
4.2 มลพิษจากในฟาร์มสัตว์เลีย้ ง / / / / / / / / / /

4.3 การจดั การของเสยี ในฟารม์ สัตวเ์ ล้ยี ง //////////

5 กำรใช้ประโยชน์จำกของเสียในฟำร์มสตั วเ์ ลีย้ ง

5.1 ปรมิ าณส่งิ ขับถ่ายของสัตว์ / / / / / / / / / / 16
5.2 แนวทางการใช้ประโยชนจ์ ากของเสยี ในฟารม์ สัตว์เลี้ยง / / / / / / / / / /

5.3 การเพม่ิ มลู คา่ ของเสียจากการผลติ สตั ว์ //////////

6 กฎหมำยและหน่วยงำนท่เี กีย่ วข้องกับสง่ิ แวดลอ้ ม

6.1 มาตรฐานส่งิ แวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เลยี้ ง // / / / / 8
6.2 กฎหมายสิง่ แวดลอ้ มที่เกีย่ วขอ้ งกับการผลติ สัตว์ // / / / /

6.3 หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับสงิ่ แวดลอ้ มในการผลติ สัตว์ // / ///

จำนวนช่วั โมงรวม 72

หมำยเหตุ :

ระดับพุทธิพสิ ัย 1 = ความรู้ ความจา 2 = ความเขา้ ใจ 3 = การนาไปใช้

4 = วเิ คราะห์ 5 = สังเคราะห์ 6 = ประเมนิ ค่า

ทกั ษะพสิ ัย 1 = การทาตามแบบ 2 = ถูกตอ้ งแมน่ ยา

จิตพิสัย 1 = ประเมนิ คณุ ค่า 2 = การจัดระบบ



ตำรำงวเิ ครำะหห์ น่วยกำรเรียนรูแ้ ละสมรรถนะรำยวชิ ำ

รหสั วิชำ 30503-2005 รำยวิชำ การจดั การสิง่ แวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เลีย้ ง ท-ป-น (1-3-2)
หลักสูตรประกำศนยี บัตรวชิ ำชีพชน้ั สูง ประเภทวชิ ำเกษตรกรรม สำขำวิชำสัตวศำสตร์

หน่วยท่ี ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ สมรรถนะรำยวิชำ
1 ความสาคญั ของสิง่ แวดลอ้ มในฟารม์ สตั ว์เลยี้ ง (1) นกั ศึกษาสามารถอธิบายถึงความสาคญั ของ
2 สงิ่ แวดล้อมในฟารม์ สตั ว์เลี้ยงได้
3 อิทธพิ ลของสิ่งแวดล้อมในฟารม์ สตั วเ์ ล้ียง (2) นกั ศกึ ษาสามารถจาแนกอิทธพิ ลของ
4 สิ่งแวดลอ้ มในฟาร์มสัตวเ์ ลย้ี งได้
5 การจัดการส่ิงแวดล้อมในฟาร์มสตั วเ์ ลย้ี ง (3) นกั ศกึ ษาสามารถวางแผนการจดั การ
6 สงิ่ แวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เลยี้ งได้
การจัดการของเสียในฟาร์มสตั ว์เลย้ี ง (4) นกั ศกึ ษาสามารถอธบิ ายการจัดการของเสยี ใน
ฟาร์มสตั ว์เลย้ี งได้
การใช้ประโยชน์จากของเสยี ในฟารม์ สัตว์เลี้ยง (5) นักศึกษาสามารถอธิบายการใชป้ ระโยชนจ์ าก
ของเสียในฟาร์มสตั ว์เลยี้ งได้
กฎหมายและหนว่ ยงานที่เกี่ยวขอ้ งกบั (6) นักศกึ ษาสามารถอธิบายถึงกฎหมายทเี่ กีย่ วข้อง
ส่ิงแวดลอ้ ม กบั ส่ิงแวดล้อมในฟาร์มสัตวเ์ ลยี้ งได้



กำหนดสัดสว่ นคะแนน

รหัสวชิ ำ 30503-2005 รำยวิชำ การจัดการสงิ่ แวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เล้ียง ท-ป-น (1-3-2)
หลักสูตรประกำศนียบัตรวชิ ำชีพชัน้ สงู ประเภทวิชำเกษตรกรรม สำขำวชิ ำสัตวศำสตร์

1. เวลำเรียน

เวลาเรยี นทงั้ หมด 64 ชัว่ โมง และต้องเข้าเรยี นไม่น้อยกวา่ 80 เปอร์เซน็ ต์ ( 51 ชว่ั โมง) จึงจะมสี ทิ ธ์ิ

สอบปลายภาค (ขาดได้ไม่เกนิ 13 ช่วั โมง)

2. แนวทำงกำรแบง่ สัดสว่ นคะแนน

1. ดา้ นพทุ ธพสิ ยั 60 คะแนน

1.1 ทดสอบหลังเรยี น 10 คะแนน

1.2 แบบฝกึ หดั ทา้ ยบทเรยี น 10 คะแนน

1.3 สอบวัดผลสัมฤทธิ์ (กลางภาคเรยี น) 20 คะแนน

1.4 สอบวดั ผลสัมฤทธิ์ (ปลายภาคเรียน) 20 คะแนน

2. ดา้ นทกั ษะพสิ ัย 20 คะแนน

2.1 รายงานผลการศกึ ษาตามใบงาน 10 คะแนน

2.2 การปฏิบัตงิ าน 10 คะแนน

3. ดา้ นจติ พิสยั 20 คะแนน

3.1 คณุ ธรรมเพ่ือการพฒั นาตนเอง 7 คะแนน
3.2 คณุ ธรรมเพ่ือการพฒั นาการทางาน 7 คะแนน
3.3 คุณธรรมเพ่ือการอยรู่ ว่ มกนั ในสังคม 6 คะแนน
100 คะแนน
รวม
3. เกณฑ์กำรประเมนิ ผลการเรียน 4.0

ช่วงคะแนน 80-100 คะแนน

ชว่ งคะแนน 75-79 คะแนน ผลการเรียน 3.5

ช่วงคะแนน 70-74 คะแนน ผลการเรยี น 3.0

ชว่ งคะแนน 65-69 คะแนน ผลการเรียน 2.5

ช่วงคะแนน 60-64 คะแนน ผลการเรยี น 2.0

ชว่ งคะแนน 55-59 คะแนน ผลการเรยี น 1.5

ชว่ งคะแนน 50-54 คะแนน ผลการเรียน 1.0

ช่วงคะแนน 0-49 คะแนน ผลการเรียน 0



รหัสวชิ ำ 30503-2005 หนว่ ยกำรจัดกำรเรยี นรู้
จำนวนหน่วยกิต (1-3-2)
รำยวชิ ำ การจัดการสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสัตวเ์ ล้ยี ง
จำนวนช่วั โมง 4 ช่ัวโมง/สปั ดาห์

หน่วยท่ี เรอื่ ง จำนวนชั่วโมง
1 ความสาคญั ของสงิ่ แวดลอ้ มในฟารม์ สตั ว์เลีย้ ง 8
2 อิทธพิ ลของส่งิ แวดล้อมในฟารม์ สตั ว์เลี้ยง 12
3 การจัดการสง่ิ แวดล้อมในฟาร์มสัตวเ์ ลีย้ ง 12
4 การจดั การของเสยี ในฟาร์มสตั ว์เล้ยี ง 16
5 การใชป้ ระโยชนจ์ ากของเสียในฟาร์มสตั ว์เลีย้ ง 16
6 กฎหมายและหน่วยงานท่เี กย่ี วขอ้ งกับส่งิ แวดลอ้ ม 8
72
รวม



ตำรำงกำหนดหนว่ ยกำรเรยี นรู้

รหัสวชิ ำ 30503-2005 วชิ ำ การจดั การส่ิงแวดล้อมในฟารม์ สัตวเ์ ลี้ยง
จำนวนหน่วยกิต (1-3-2) จำนวนชัว่ โมง 4 ชั่วโมง/สัปดาห์

หนว่ ย หวั ข้อเร่ือง จำนวนชว่ั โมง สอน ชั่วโมง
ท่ี
ทฤษฏี ปฏบิ ัติ รวม คร้ังที่ ที่

1 ควำมสำคญั ของสิ่งแวดล้อมในฟำร์มสัตวเ์ ลย้ี ง 2 6 8 1-2 1-8

1. ความหมายและความสาคัญของสง่ิ แวดลอ้ ม

2. ประเภทของสิ่งแวดลอ้ มในฟารม์ สตั ว์เลย้ี ง

3. สภาพสงิ่ แวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เล้ยี ง

บทปฏบิ ตั ิกำรท่ี 1

สารวจและวเิ คราะห์สภาพส่งิ แวดล้อมที่เหมาะสมตอ่

การเล้ียงสตั ว์

2 อทิ ธิพลของสงิ่ แวดล้อมในฟำรม์ สัตว์เลีย้ ง 3 9 12 3-5 9-20

1. ขอบเขตของส่งิ แวดลอ้ มในการเล้ยี งสัตว์

2. ปจั จยั ของสงิ่ แวดลอ้ มที่มีอทิ ธพิ ลตอ่ การเลยี้ งสัตว์

3. อิทธพิ ลของสภาพแวดลอ้ มทเี่ กี่ยวข้องกบั การเลย้ี ง

สตั ว์

บทปฏบิ ตั ิกำรที่ 2

ส่งิ แวดลอ้ มท่มี ีอิทธพิ ลต่อการเลยี้ งสตั ว์

3 กำรจดั กำรส่ิงแวดล้อมในฟำร์มสตั ว์เล้ียง 3 9 12 6-8 21-32

1. หลกั ปฏบิ ตั ิในการจัดการส่ิงแวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์

เลย้ี ง

2. การจดั การส่ิงแวดล้อมตามมาตรฐานฟาร์มสัตวเ์ ลยี้ ง

3. การปรบั สภาพแวดลอ้ มในฟาร์มสตั ว์เลย้ี ง

บทปฏิบตั ิกำรท่ี 3

การปรับสภาพแวดลอ้ มในฟาร์มสตั วเ์ ลยี้ ง

ประเมินผลสอบกลำงภำคเรยี น



ตำรำงกำหนดหนว่ ยกำรเรียนรู้

รหสั วิชำ 30503-2005 วชิ ำ การจัดการส่งิ แวดลอ้ มในฟารม์ สัตว์เลีย้ ง
จำนวนหนว่ ยกิต (1-3-2) จำนวนชวั่ โมง 4 ช่ัวโมง/สปั ดาห์

หน่วย หวั ข้อเร่อื ง จำนวนชั่วโมง สอน ช่วั โมง
ท่ี
ทฤษฏี ปฏบิ ตั ิ รวม คร้งั ที่ ที่

4 กำรจัดกำรของเสียในฟำรม์ สตั วเ์ ล้ียง 4 12 16 9-12 33-48

1. ของเสยี ที่เกิดจากฟาร์มสัตว์เล้ียง

2. มลพิษจากในฟารม์ สตั ว์เลีย้ ง

3. การจัดการของเสียในฟาร์มสัตวเ์ ล้ยี ง

บทปฏิบตั กิ ำรที่ 4

ของเสียทเ่ี กิดจากฟารม์ สัตว์เลี้ยง

5 กำรใชป้ ระโยชน์จำกของเสยี ในฟำรม์ สตั วเ์ ล้ียง 4 12 16 13-16 49-64

1. ปริมาณสิง่ ขับถ่ายของสัตว์

2. แนวทางการใชป้ ระโยชน์จากของเสยี ในฟารม์ สตั วเ์ ลย้ี ง

3. การเพม่ิ มลู ค่าของเสยี จากการผลิตสตั ว์

บทปฏิบตั ิกำรที่ 5

การจดั การของเสียในฟาร์มสตั วเ์ ลย้ี ง

6 กฎหมำยและหน่วยงำนท่ีเก่ยี วขอ้ งกับสิ่งแวดล้อม 2 6 8 17-18 65-72

1. มาตรฐานสงิ่ แวดลอ้ มในฟารม์ สตั ว์เลย้ี ง

2. กฎหมายสงิ่ แวดล้อมทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั การผลิตสัตว์

3. หน่วยงานที่เกยี่ วขอ้ งกับสิ่งแวดลอ้ มในการผลติ สตั ว์

บทปฏิบตั ิกำรที่ 6

การเพิม่ มลู ค่าของเสยี จากการผลติ สัตว์

ประเมนิ ผลสอบปลำยภำคเรยี น

1.3 จัดกจิ กรรมการเรียนรู้

WW

e, ldeJA4lL

?r d nfqflfqlt : rJ r s R 1 fl uu rIfl r ? u r S u Su s.l

ilqr?rfei.f, ln:]s 2563

il:ymm?uuRUsr:RrmJ
firu1?Aqs,]dffgr?fl1ffgtr

coQn,tu4ldn{1unilun::ilnltR]to]s?fl nul

R?UlH?{4fafRr U]fifl]: EI

ur munrr'6'onrr uBeru{ {rrs€grfi aau

ttr.t u n'l ?qurq4f9l. 1f t38t u€
$

?ur nrr6'or nr rds ut rr&a x?ur^lr 6il #m{rd;r *r

t}{Ctfr eno do en-lca o o d

ra #n grrr il tr nr rrfi er u fi tturfivr #uS* ( rJ ta. ) vX vlarYn€ltr lcr e> en

iltgmm?slrnumrnrail rmrigt&nqntam{

6t1?l'l':'l 1{ n f tH fi n Xnd

qvFo4ly].t"l [nEt

e/, d ;{rf6f,?qf/f, gIl

1J1.1FI6€9,1

at gO1AlJ',I6ufl'15yt tF[U
qlo",

daiur{ unaflrd'rrr rrr ?fl fl r fs r n s fi € uff v rfl aTHTafi qs r8r rmr'}

drfnsT ilarrJvn€rxnlrnrtorfrrffnur nfivve'trfrnurGfl1t

a';rd9r

ur.t u fi'I?q FI ft1? tf, Et lJ€$

.?A g'l n1?UtL,€,Ut Uq1?A{, }lU6'o)Ed€A? ?fOif,,?A,U1 6nodosn-booei

tra d'n gn d rs n r rtfi s tin t?rT trot f'uflt ( rl ra. ) rX no r7n {nt b dlc en

iltymm6ulrnuFrrrrr€r{ fi1?r1ag1#nzFrrfiai

f,'l?l'I\t't U n 1?9{ A n #nd

qoa)ovCr,l lqet
U'1.:AA, 6d3t El'l lJf AAa?/,ffedl

Ft(€usgO'AIlJ1flfl',ltytlFfts

uru unam#nr o'r cn6 ? vr ends r n E af, uay rvr nrTuTa fi ay ufir umf, 1

fu'rdrrinvru a gr{u n ?f, il f} "rf n1?a'rfit fi n fr ?u yr ??.r ff n u rG fi'l

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
สอนครง้ั ที่ 1-2 (ช่ัวโมงท่ี 1-8)
1. ขนั้ นำเขำ้ สู่บทเรียน ชว่ั โมงที่ 1
1.1 ครูแจ้งจุดประสงค์กำรเรียนรู้ หัวข้อกำรสอน วิธีกำรสอน เกณฑ์กำรวัดผลและ

ประเมนิ ผลใหผ้ เู้ รยี นทรำบ และทำข้อตกลงในกำรจดั กำรเรียนกำรสอน
1.2 ครแู ละนักศึกษำร่วมกันกำหนดกำรแบ่งคะแนน เพื่อใช้ในกำรประเมินผลกำรเรียน
1.3 ครสู รุปเกณฑ์กำรวัดผลและประเมินผลให้ผ้เู รยี นทรำบ
1.4 ครูถำมนักศึกษำควำมรู้เดิมเก่ียวกับวิชำกำรจัดกำรส่ิงแวดล้อมในฟำร์มสัตว์เล้ียงโดย

ให้นักศึกษำตอบว่ำกำรจัดกำรสิ่งแวดล้อมในฟำร์มสัตว์เล้ียงเป็นวิชำที่ศึกษำเก่ียวกับอะไร ทำไมต้องศึกษำ
ในรำยวิชำนี้ เพ่ือนำไปสู่กำรสรุปว่ำวิชำกำรจัดกำรส่ิงแวดล้อมในฟำร์มสัตว์เล้ียง เป็นวิชำที่ศึกษำเก่ียวกับ
กำรจัดกำรส่ิงแวดล้อมในฟำร์มสัตว์เลี้ยง เช่น กำรปรับสภำพแวดล้อมในฟำร์มสัตว์เลี้ยงอย่ำงไร เมื่อสัตว์
เป็นโรคระบำดจะมมี ำตรกำรควบคมุ อย่ำงไร เป็นต้น และต้องเรียนร้ไู ปเพื่ออะไร

1.5 ให้ผู้เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น

2. ข้ันทำกจิ กรรมกำรเรียนกำรสอน ชว่ั โมงที่ 2-7
2.1 ครแู จกใบควำมรทู้ ี่ 1 ควำมหมำยและควำมสำคัญของสิง่ แวดลอ้ มในฟำรม์ สัตว์เลย้ี ง
2.2 ครูแจ้งจุดประสงค์กำรเรียนรู้ หัวข้อกำรสอนในหน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 ว่ำจะต้องเรียน

ในเร่ืองอะไรบ้ำง
2.3 ครูให้ควำมรู้เร่ือง ควำมหมำยและควำมสำคัญของสิ่งแวดล้อมในฟำร์มสัตว์เลี้ยง

โดยใช้สื่อ Power point โดยครูอธิบำยเนื้อหำควำมหมำยและควำมสำคัญของสิ่งแวดล้อมในฟำร์มสัตว์
เลีย้ งและแลกเปล่ยี นควำมรกู้ บั ผ้เู รียน

2.4 มอบหมำยให้ผู้เรียนศึกษำค้นคว้ำเน้ือหำในหน่วยท่ี 1 แล้วเขียนแผนผังควำมคิด
เก่ียวกับควำมหมำยและควำมสำคัญของสง่ิ แวดลอ้ มในฟำร์มสัตวเ์ ลี้ยงว่ำมคี วำมสำคัญอยำ่ งไร

2.5 ขณะที่ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรม ผู้สอนคอยดูแล ให้คำแนะนำ ตอบข้อสงสัย และสังเกต
กำรรับฟังควำมคิดเห็นของผู้อื่น กำรให้ควำมร่วมมือในกำรปฏิบัติงำน กำรมีควำมกระตือรือร้น
กำรปฏบิ ตั งิ ำนร่วมกับผอู้ น่ื แล้วบันทกึ ให้คะแนนลงในแบบสังเกตพฤติกรรม

2.6 ให้ตัวแทนอภิปรำยเนื้อหำตำมที่ไปค้นคว้ำมำส้ัน ๆ โดยเรียงลำดับเลขที่ตำมรำยชื่อ
หมนุ เวียนเปลี่ยนไปจนครบ แลว้ เรมิ่ ตน้ ใหม่

2.7 เมื่อผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงำนเสร็จแล้ว ครูสรุปและบรรยำยประกอบ
แลกเปลย่ี นควำมรู้กบั ผู้เรยี น

2.8 ครใู ห้นกั ศึกษำทำแบบฝกึ หดั ทำ้ ยบท สง่ ในชัว่ โมงเรียน

3. ขัน้ สรปุ ชวั่ โมงที่ 8
3.1 ครูนำสรุปควำมรทู้ ัง้ หมดตำมจุดประสงค์กำรเรียนรู้ท่ีกำหนด พรอ้ มทงั้ เปดิ โอกำสให้

นกั ศกึ ษำซักถำมปญั หำตำ่ งๆ

2

3.2 ครูให้นักศึกษำสรปุ เนื้อหำทีเ่ รียนในหนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 1 โดยเขยี น/พมิ พ์เปน็ รูปเล่ม
รำยงำนเปน็ รำยบุคคล สง่ ในชั่วโมงในสัปดำหถ์ ัดไป

3.3 ครใู หน้ ักศึกษำทำแบบทดสอบทำ้ ยบทเรยี น สง่ ในชัว่ โมงเรียน

4. ข้นั ประเมินผล
4.1 สงั เกตพฤติกรรมกำรทำกิจกรรม โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรม
4.2 คะแนนคุณลักษณะอันพึงประสงคเ์ ปน็ รำยบุคคล
4.3 คะแนนแบบฝึกหดั ท้ำยบท
4.4 คะแนนแบบทดสอบหลังเรยี น

7. การบูรณาการจดุ เน้นตามนโยบาย
7.1 การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
1) ควำมมีเหตผุ ล
- มงุ่ ให้ผู้เรียนมที กั ษะ กระบวนกำรคิด วิเครำะห์ มที ักษะกำรตงั้ คำถำม และใช้

วจิ ำรณญำณในกำรตอบคำถำม
2) ควำมพอประมำณ
- ผูเ้ รียนไดเ้ รยี นรใู้ นกำรทำกิจกรรม ภำระงำนได้เหมำะสมกับควำมรู้ตำม

ควำมสำมำรถของผู้เรยี น
- ผู้เรียนไดเ้ รยี นรู้กำรจัดสรรเวลำในกำรทำกิจกรรม/ภำระงำนไดเ้ หมำะสม

3) กำรมีภมู คิ มุ้ กันในตัวทดี่ ี
- ผเู้ รยี นรู้จกั กำรวำงแผน กระบวนกำรทำงำนอย่ำงเป็นระบบใหป้ ระสบ

ควำมสำเรจ็
- ผู้เรียนปฏิบัตงิ ำนโดยคำนึงถึงควำมปลอดภยั ในชีวติ และทรัพย์สิน

4) เงอ่ื นไขควำมรู้
- ผ้เู รยี นมีควำมรู้ควำมเขำ้ ใจที่ถกู ต้องในเร่ืองควำมหมำยและควำมสำคญั ของ

สิง่ แวดล้อมในฟำร์มสัตว์เลีย้ ง
- ผู้เรยี นไดน้ ำควำมรมู้ ำประยุกตใ์ ช้รว่ มกับกำรเรยี นวชิ ำทำงดำ้ นสตั วศำสตรแ์ ละ

กำรประกอบอำชพี
5) เง่อื นไขคณุ ธรรม

3

- ผเู้ รียนมีวนิ ยั มีมำรยำท มคี วำมรับผิดชอบ มคี วำมสนใจใฝ่รู้ มคี วำมขยันอดทน
และมีทักษะทำงสังคม

7.2 การบรู ณาการกับมาตรฐานสถานศกึ ษา 3 ดี
1) ด้ำนประชำธปิ ไตย
- ผเู้ รียนสำมำรถตดั สนิ ใจเลือกกลุ่ม ประธำนกลุ่ม และเลขำนกุ ำรของกลมุ่ ได้ตำม

ควำมสมคั รใจ
- ผเู้ รยี นแสดงและรับฟังควำมคิดเห็นของผอู้ ื่น
- ผเู้ รยี นระดมควำมคิดเห็นรว่ มกนั

2) ด้ำนคุณธรรม จรยิ ธรรมและควำมเปน็ ไทย
- เข้ำเรยี นตรงเวลำ แต่งกำยถูกต้องตำมระเบยี บ
- ผเู้ รยี นมีมวี นิ ยั ควำมรับผดิ ชอบ ควำมสนใจใฝ่รู้ ควำมขยนั อดทน และมีทักษะ

ทำงสังคม

3) ด้ำนภมู คิ มุ้ กันภยั จำกยำเสพตดิ
- ผู้เรยี นใชเ้ วลำวำ่ งคน้ ควำ้ และทำรำยงำนบทปฏบิ ัติกำรตำมที่ครูได้มอบหมำยให้
- ผู้เรียนใชเ้ วลำวำ่ งทบทวนบทเรยี นท่ผี ำ่ นมำ ใชเ้ วลำว่ำงทำแบบฝกึ หัด
- ผเู้ รยี นใช้เวลำว่ำงเตรยี มควำมพรอ้ มในกำรเรยี นเนอ้ื หำหน่วยกำรเรยี นถดั ไป

8. สอื่ การเรยี นรู้

1. เอกสำรประกอบกำรสอน เร่ือง ควำมหมำยและควำมสำคญั ของสง่ิ แวดลอ้ มในฟำร์มสัตว์เล้ยี ง
2. เอกสำร ตำรำ และหนงั สือทเี่ ก่ียวข้องกับรำยวิชำกำรจดั กำรสิง่ แวดลอ้ มในฟำร์มสตั ว์เลย้ี ง
3. ไลดน์ ำเสนอควำมรูป้ ระเด็นสำคญั ทกุ หวั ข้อเรื่องดว้ ยสอ่ื ทำงคอมพวิ เตอร์ Microsoft Power
Point และแบบฝกึ หัดท้ำยบท

9. หลักฐานการเรียนรู้

9.1 หลกั ฐานความรู้
1) ผลกำรทำแบบฝึกหดั ท้ำยบท
2) ผลกำรทำแบบทดสอบหลงั บทเรียน

9.2 หลักฐานการปฏิบตั ิงาน
1) คะแนนรำยงำนสรปุ เน้ือหำเปน็ รำยบคุ คล
2) คะแนนกำรปฏบิ ตั /ิ ทำกจิ กรรมในชน้ั เรียน

4

10. การวัดผลประเมินผล เครอ่ื งมือ/วธิ ีการ การประเมนิ ผล
จุดประสงค์
1. กำรถำม-ตอบ ในชน้ั เรยี น 1. นกั ศกึ ษำตอบถกู ต้องได้ ร้อยละ 70
1. อธบิ ำยควำมหมำยและ
ควำมสำคัญของของ 2. กำรจัดกจิ กรรมกลุม่ 2. สังเกตพฤติกรรมในกำรเข้ำ ร่วมกจิ กรรม
สิง่ แวดล้อมได้
2. บอกประเภทของ 3. กำรนำเสนอหนำ้ ช้นั เรียน กลุ่ม/กำรมำเรียน/ ควำมสนใจ อยู่ในระดับดี
สิ่งแวดล้อมได้
3. อธบิ ำยสงิ่ แวดลอ้ มในฟำร์ม 4. แบบฝกึ หัดท้ำยบท 3. กำรนำเสนอหนำ้ ชัน้ เรยี นอยู่ ในระดบั ดี
สัตว์เลย้ี งได้
5. แบบทดสอบหลังเรียน 4.นกั ศกึ ษำทำแบบฝึกหดั ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 70

5. นกั ศกึ ษำแบบทดสอบหลงั เรยี น ถกู ต้อง

รอ้ ยละ 70

11. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถ้ามี)
ให้นกั ศึกษำสรุปเน้ือหำทีเ่ รียนในหนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี 1 (ใบมอบหมำยงำนท่ี 1) โดยเขยี น/พมิ พเ์ ป็น

รปู เลม่ รำยงำนเปน็ รำยบคุ คล ส่งในชัว่ โมงในสปั ดำห์ถัดไป

12. เอกสารอ้างอิง

เกษม จนั ทรแ์ ก้ว. 2547. การจัดการสิ่งแวดล้อมแบบผสมผสาน. พิมพ์ครง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพฯ :
มหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร์.

เกษม จันทร์แกว้ . 2553 .วิทยาศาสตร์สงิ่ แวดลอ้ ม. พมิ พ์ครั้งท่ี 8. กรุงเทพฯ :
มหำวทิ ยำลัยเกษตรศำสตร์.

จักรกรศิ น์ เนื่องจำนง. 2559. สขุ ศาตรป์ ศุสัตว์. พิมพ์ครง้ั ที่ 2 กรุงเทพฯ : จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลัย.
ธวัชชยั ศุภดษิ ฐ์. 2551. การจดั การอนามยั สิง่ แวดล้อมในภาคปศุสัตว์. พมิ พค์ รั้งท่ี 2

กรุงเทพมหำนคร: คณะพัฒนำสังคมและสงิ่ แวดลอ้ ม สถำบนั บัณฑิตพฒั นบรหิ ำรศำสตร์.
นิภำดำ สองเมอื งสุข. 2548. การจัดการสงิ่ แวดล้อมในฟารม์ สตั วเ์ ล้ียง. แพร่. แผนกวิชำสัตวศำสตร์

วทิ ยำลัยเกษตรและเทคโนโลยีแพร่. เอกสำรคำสอน.
พรสวรรค์ ดิษยบตุ ร. 2544 .ชวี ติ กบั สิ่งแวดล้อม. [ออนไลน์]. สบื ค้นไดจ้ ำก :

http://www.tistr.or.th/t/publication/index.asp. 20 เมษำยน 2552.
ภำณี คูสุวรรณ์. 2546 .การจัดการส่งิ แวดล้อมเบื้องต้น. เอมพนั ธ์ จำกดั . กรุงเทพฯ
ภำณี คูสวุ รรณ์ และศจพี ร สมบรู ณท์ รัพย์ .2546 .ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม .กรุงเทพฯ.

เอมพันธ์ จำกัด.

5

แบบบนั ทึกคะแนนพฤติกรรมในชน้ั เรยี น(จิตพิสัย)

วิชา กำรจดั กำรส่ิงแวดล้อมในฟำรม์ สัตว์เลยี้ ง รหสั วชิ า 30503-2005 ระดับช้ัน ปวส. 1/2 สตั วศำสตร์

หนว่ ยท่ี 1 เร่อื ง ควำมหมำยและควำมสำคัญของสงิ่ แวดล้อมในฟำร์มสตั ว์เลยี้ ง

คาสัง่ : ใหบ้ ันทกึ คะแนนทไี่ ด้ของนักเรียน-นักศึกษำ

ที่ รายการประเมนิ พฤติกรรมบ่งชี้ เลขท่ี 6
1 2345

1 ความมีมนษุ ยสัมพันธ์
กิรยิ ำท่ำทำงสุภำพ ยอมรบั ฟงั ควำมคดิ เห็นและทำงำนร่วมกบั ผอู้ ่นื ได้

2 ความมีวินัย

กำรแต่งกำยถูกตอ้ งตำมระเบยี บ เข้ำเรียนตรงเวลำ และส่งงำนตำมกำหนด

3 ความรับผิดชอบ

ปฏบิ ตั งิ ำนดว้ ยควำมตงั้ ใจ ละเอียดรอบคอบ ทำงำนทไ่ี ดร้ ับมอบหมำยเสร็จตำมกำหนด

4 มคี วามเชื่อม่ันในตนเอง

กลำ้ แสดงออก และแสดงควำมคิดเหน็ อยำ่ งมเี หตผุ ล

5 ความสนใจใฝ่รู้

ซกั ถำมปญั หำขอ้ สงสยั และแสวงหำประสบกำรณ์และค้นหำควำมรู้ใหม่ ๆ

6 ความสามคั คี

เป็นผนู้ ำและผตู้ ำมทดี่ ี ให้ควำมร่วมมือในกำรทำงำน

7 ความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์
มีควำมคิดหลำกหลำยในกำรแกป้ ญั หำ คิดสง่ิ ใหมๆ่ ที่เกิดประโยชนต์ อ่ ตนเองและสังคม

8 การพง่ึ ตนเอง
สำมำรถแกป้ ัญหำเฉพำะหนำ้ และทำงำนทไี่ ดร้ ับมอบหมำยได้ด้วยตนเอง

9 การประหยัด

มีกำรใชท้ รพั ยำกรอยำ่ งประหยัดและคมุ้ คำ่

10 ความซือ่ สัตยส์ ุจริต

กำรพูดควำมจริง ไม่ลอกงำนผูอ้ ่นื ไม่นำผลงำนของผอู้ ืน่ มำแอบอำ้ งเป็นของตน

รวม

เกณฑ์การประเมนิ 2 พฤตกิ รรมอยู่ในเกณฑร์ ะดับ ดี

1 พฤติกรรมอย่ใู นเกณฑ์ระดับ ปำนกลำง
0 พฤตกิ รรมอยู่ในเกณฑ์ระดับ นอ้ ย

เกณฑผ์ ่านการประเมิน 16-20 คะแนน ดมี ำก

11-15 คะแนน ดี

6-10 คะแนน พอใช้

ต่ำกวำ่ 10 คะแนน ไม่ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ

ลงชื่อ……………………………………………ผ้ปู ระเมนิ

6
แบบบันทกึ คะแนนการปฏบิ ตั /ิ ทากิจกรรมในชั้นเรยี น(ทักษะพิสัย)
วิชา กำรจัดกำรสงิ่ แวดลอ้ มในฟำร์มสตั ว์เล้ยี ง รหสั วชิ า 30503-2005 ระดับชน้ั ปวส. 1/2 สตั วศำสตร์
หน่วยท่ี 1 เรอ่ื ง ควำมหมำยและควำมสำคัญของส่งิ แวดลอ้ มในฟำรม์ สตั ว์เลย้ี ง
คาสง่ั : ใหบ้ นั ทกึ คะแนนทไี่ ด้ของนกั เรียน-นกั ศกึ ษำ

ชอื่ -สกลุ

รายการพฤติกรรมท่ีประเมิน

คะแนนเต็ม

1. กำรทำงำนตำมลำดบั ขัน้ ตอน 4

2. ใชค้ วำมร้ไู ด้สอดคลอ้ งกับลักษณะงำน 4

3. ควำมคลอ่ งแคลว่ ในกำรทำงำน 4

4. กำรแกป้ ัญหำ 4

5. ทำงำนตำมที่ได้รับมอบหมำยเสรจ็ ทันกำหนด 4

6. กำรนำเสนอข้อมลู หน้ำช้นั เรยี น -

6.1 เนือ้ หำที่พดู ตรงตำมหัวขอ้ ที่กำหนด 4

6.2 ควำมถูกต้องของกำรใช้ภำษำ 4

6.3 บุคลกิ ภำพของผู้นำเสนอ 4

6.4 กำรตอบคำถำม 4

7. กำรปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่ม -

7.1 กำรใหค้ วำมร่วมมือในกำรทำงำน 4

7.2 กำรแสดงควำมคดิ เห็น 4

7.3 กำรยอมรบั ควำมคิดเห็นของผู้อืน่ 4

7.4 กำรใหค้ วำมชว่ ยเหลือผ้อู นื่ 4

รวม 52

คะแนนเตม็ 10 คะแนน (คะแนนที่ได*้ 10/52) 10

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ดมี ำก เทำ่ กบั 4 คะแนน สนใจฟงั ไมห่ ลับ ไม่พดู คุยในชั้น มีคำถำมท่ีดี ตอบคำถำมถกู ตอ้ ง ทำงำนสง่ ครบตรงเวลำ

ดี เทำ่ กับ 3 คะแนน กำรแสดงออกอยู่ในเกณฑป์ ระมำณ 70%

ปำนกลำง เทำ่ กบั 2 คะแนน กำรแสดงออกอย่ใู นเกณฑ์ประมำณ 50%

พอใช้ เท่ำกับ 1 คะแนน เขำ้ ชน้ั เรยี น แต่กำรแสดงออกน้อยมำก สง่ งำนไมค่ รบ ไมต่ รงเวลำ

ปรับปรุง เท่ำกับ 0 คะแนน ไม่เข้ำชั้นเรียน ไม่ส่งงำน

ลงชอื่ ……………………………………………ผูป้ ระเมิน

7

สรุปคะแนนการวัดผลหนว่ ยการเรียนรู้

วิชา กำรจัดกำรสิง่ แวดล้อมในฟำรม์ สตั ว์เลี้ยง รหัสวิชา 30503-2005 ระดับชั้น ปวส. 1/2 สตั วศำสตร์
หนว่ ยที่ 1 เรื่อง ควำมหมำยและควำมสำคญั ของสงิ่ แวดลอ้ มในฟำร์มสัตว์เลยี้ ง
คาสั่ง : ใหบ้ ันทึกคะแนนทไ่ี ด้ของนกั เรยี น-นักศึกษำ

คะแนนทีไ่ ด้

ท่ี ชือ่ -สกลุ แบบทดสอบ แบบ ใบ ทักษะ จติ รวม
กอ่ น หลงั ฝกึ หัด งาน พสิ ัย พิสยั

(คะแนนเตม็ ) 10 10 10 10 10 20 60

1

2

3

4

5

6

ลงช่ือ………………………..…………………….ผู้บนั ทกึ
(นำงคัธรยี ำ มะลวิ ลั ย์)

…………/………..….……/……………..

หมายเหตุ : แบบทดสอบ (ใช้คะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน)

กำรประเมินแบง่ เป็น 3 สว่ น ดงั น้ี
1. ผลกำรประเมนิ ควำมรู้ จำกแบบทดสอบทำ้ ยบทเรยี น หนว่ ยท่ี 1
2. แบบประเมนิ ทักษะพสิ ยั (แบบสังเกตพฤติกรรมรำยบคุ คล)

3. แบบประเมินจติ พสิ ัย (แบบประเมินพฤติกรรมในช้นั เรียน)

4. กำรผำ่ นเกณฑป์ ระเมิน
4.1 ดำ้ นควำมรู้ ผ่ำนเกณฑป์ ระเมนิ 70 เปอร์เซน็ ต์
4.2 ดำ้ นทกั ษะพสิ ัย ผำ่ นเกณฑป์ ระเมนิ 70 เปอร์เซ็นต์
4.3 ด้ำนจิตพิสยั ผ่ำนเกณฑป์ ระเมิน 70 เปอร์เซน็ ต์

8

บันทกึ หลงั การสอน

วิชา กำรจัดกำรสงิ่ แวดล้อมในฟำร์มสัตว์เล้ียง หนว่ ยท่ี 1

ช่ือหน่วย ควำมหมำยและควำมสำคัญของส่ิงแวดลอ้ มในฟำรม์ สัตว์เลย้ี ง สอนครง้ั ท่ี 1-2

ภำคเรียนท่ี 1 สปั ดำห์ท่ี 1-2 วนั ที่................เดือน...............................................พ.ศ. ....................

ระดับช้ัน ปวส. 1/2 ประเภทวชิ ำ เกษตรกรรม สำขำวิชำ สัตวศำสตร์ สำขำงำน กำรผลิตสตั ว์

จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
1. อธบิ ำยควำมหมำยและควำมสำคญั ของของสงิ่ แวดล้อมได้
2. บอกประเภทของส่งิ แวดล้อมได้
3. อธบิ ำยสิ่งแวดลอ้ มในฟำร์มสตั ว์เลีย้ งได้

1. ผลการใช้แผนการจดั การเรียนรู้
1.1 ด้ำนควำมรู้ ………………………………………………………..…………………..…………….………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………..…….………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 ด้ำนจติ พสิ ัย ………………………………………..…………………..…………………..…………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………

1.4 กำรบูรณำกำรกำรจัดกำรเรยี นรตู้ ำมหลกั ปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพยี ง
ควำมมีเหตผุ ล …………………………………………………………….………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ควำมพอประมำณ ………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

กำรมีภมู คิ ุ้มกันดี……………………………………………….…………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ดำ้ นควำมรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

9

ด้ำนคณุ ธรรม…………………………………………………………………………………………………….…………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ปญั หาที่พบ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ………………………….…………………….
(นำงคธั รียำ มะลิวัลย์)
ตำแหน่ง ครผู ู้สอน

วนั ที่………./……………..……./……………..

1.4 สรา้ งหรอื พฒั นาส่ือ นวัตกรรม
เทคโนโลยีและแหลง่ เรยี นรู้

n't :6tI't] rlA6lo/u- ?u n n t:il/t[-ua .{ t-:l uut9!Y140{ Hd tjuoou litaut,
U
ccscat.ac.th/moodLe, Moodle.ccscat.ac.th

nulnrege#dnruad*i,rdar
dor.tur *!4&iid{

nnrlirlr&Sn nntrnfi urnCalh*ril{niriu'r
rrBrr.hs.aiMd, r.ra, E:si$:S6lM.s:

r es s*s E'*' tu/:Itu, I E{$ 3 ltinu*d'*.q'r
thr-::@ Effi;4. {da# E ffi,ffi
a qi,,!;r eEffi I l."wDft5a
4ffi I d,*lib*, QF*.*
trai r& B ftiutub'eb ltu*'4
ld:,fffi q*ffi r*.MMa
tiriC*]b1Erqf !#:(i lsr'!w I ? d'ds
E*i;m*r.-asu
'#tl th*t{ I d*r,?:^'Bdbr,
nekrditadr#r#*
! S*mhjnrlr

e-book :ruitTfiaou

PowerPoint

PowerPoint :raitrfiaou

1.5 การวัดและประเมนิ ผล

uvuElIvtflflon?1u

d':u:rtn'i: ivrul#rlinBn:uavrvrnlula6avrQrrvr:'r iufi 30 fiu1rril 2565

11 .__...._......._-...

rJ:a{ a:u,,Jan1:lJfl u6n15aau

rBLru #rirurunr:ivmr#urnrgm:uaurvnlu1adavrtsuyr:r

mrurir#tivrurd'ur tfruauyilru'lridruui'r ursn'o3ur lsfir-ad n:rmunfr'grrnrani

qduouv

r.Jfrrj6nr:aouLunrnGuu 2/2564 riorfinr:rlfrrifr.:rurEuuioaufr': croa:ilr{nnr:ilfrffirruo-rfi

tJafl'-r:L:uu JlU?1

v] t14d'lttuas{a1t'r iso!fl1 fla:JL:81r 1.0 ?( 3.0 2.4 1.5 1.0 0 r.a u.ri ,1, k 0.4 iJ.a 1.: H, il.ri {t:t Ll
20501-2303 n1:rdur.dq"itr 1.i?s.1 tnun:flramf

20 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 30 0 0 0 50

2 3oooo*2002 fl on::r:tlanruil:vilouB1i 2 ilra.t n1:i.taflfi9l'l

0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 t6 0 16

3 30000*2002 flon::l'!uanrud:vfla!fl15 2 rha.1 tnunSfilani

0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 16 0 t6

4 i0503-200 1 nr:rJirrJl rri'uiia-m'i r1:a. t nrrrima-o'j

0 1 02002000000000 5

5 30503-2oot nr:rJitllpdu{d'ni :jxd.2 fl'rSl.tanau'l

0 1 0 4 0 0 0 8 0 0 0 0 0 0 0 0 LJ

6 30503-2005 il?a.1 n1:fianda') 10 1 1 002000000000 5
:.J1, .2 n15HAmfi9)-) 2 0 0 4 0 0 0 5 0 0 0 0 0 0 0 0 11
n1: i-9tnltatrilt']fl a-oil ntlJY'i1:tilaf-l '"tr:aut
1 3A5A3-2103 nr:rufinlnhi

8 30504-1001 oafirirur ilra.1 fl1:tiafiafi?

0 1 1 I 00 Z000000000 5

9 30504-1001 oafirira'r :Jna.z fl15il4flaf|?

3 0 0 1 2 0 0 5 0 0 0 0 0 0 0 0 11

IO 30504-1002 nrainrnuasaS:iyutar#fl ': lta.z n15zuAFrfiA',)

1 0 1 1 2 0 0 8 0 0 0 0 0 0 0 0 t3

:?lr 27 3 3 74 4 0 o /6 0 0 0 0 3A 0 2a 145

* 2.00 dulr.Jsr"ru:u st nu fipufluiauaa 45.1,3

ry'riaufizuaai:.rqvrBvn.:nr:Guu

6riBuuutfiaIl:nv:rr

n.ldta 'lnr

(. u1dan0d:u1 au d.

xJUa?au)

n:ilvaEu

a{to .............

r(u'r.lr.Jrirrn fi mfi :.rr{o::u)

fr'd'rur EJnr:ivrsla'u rnBfl rLrav rvrnTu1aEasL6{ ryril

วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา

ขอ้ สอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564

รหสั วิชา 30503-2005 วิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสัตวเ์ ล้ยี ง ระดับชั้น ปวส. 1/2 สตั วศาสตร์

คาชแ้ี จง ข้อสอบทั้งหมด 60 ข้อ (ให้เลือกคาตอบทีถ่ ูกที่สุดเพยี งข้อเดียว โดยกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ)

1. สภาพสิ่งแวดลอ้ มในฟาร์มสัตวเ์ ลยี้ ง หมายถงึ ข้อใด 5. การจดั สวนหรือการปลูกป่า คือสงิ่ แวดลอ้ มในข้อใด

ก. สภาพของสิง่ ต่างๆ ทีอ่ ยู่ในฟาร์ม ซึ่งมที ัง้ ส่ิงมีชีวิตและไมม่ ี ก. สง่ิ แวดลอ้ มทางธรณวี ิทยา

ชีวติ สง่ิ ท่เี กิดข้ึนตามธรรมชาติ และสงิ่ ทมี่ นุษยส์ รา้ งข้ึน ข. สิง่ แวดลอ้ มทม่ี นษุ ย์สรา้ งข้ึน

ข. สงิ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติและส่งิ ท่ีมนุษย์สร้างขน้ึ ค. สิ่งแวดลอ้ มที่เกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ

ค. สิ่งต่างๆที่มลี ักษณะทางกายภาพและชวี ภาพท่อี ยูร่ อบตวั ง. สิ่งแวดล้อมทางวตั ถุ

มนษุ ย์ 6. บ้านเรือน โทรทศั น์ คือส่ิงแวดล้อมในข้อใด

ง. เปน็ แหลง่ อาหาร ท่ีอยู่อาศยั และให้ความร่มรน่ื ก. สงิ่ แวดลอ้ มทางสงั คม

2. การจดั การส่งิ แวดล้อมในฟาร์มสตั ว์เล้ียง หมายถึงข้อใด ข. สิง่ แวดลอ้ มทางวตั ถุ

ก. สภาพของสงิ่ ตา่ งๆ ทีอ่ ยู่ในฟาร์ม ซ่ึงมที ้งั ส่ิงมชี ีวติ และไม่มี ค. สง่ิ แวดล้อมทางกายภาพ

ชวี ิตสิง่ ทีเ่ กิดขน้ึ ตามธรรมชาตแิ ละสง่ิ ทมี่ นุษย์สร้างข้ึน ง. ส่ิงแวดลอ้ มในฟารม์ สตั ว์เลี้ยง

ข. สง่ิ ทเี่ กดิ ขึ้นตามธรรมชาตแิ ละสง่ิ ทม่ี นุษยส์ รา้ งขึ้น 7. ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี คือสิง่ แวดล้อมในข้อใด

ค. ส่งิ ตา่ งๆท่ีมลี กั ษณะทางกายภาพและชวี ภาพทีอ่ ยูร่ อบตัว ก. สิ่งแวดล้อมทางสงั คม

สัตว์ ข. สง่ิ แวดล้อมทางวัตถุ

ง. การจดั สภาพสิ่งตา่ งๆ ให้เหมาะสมต่อสัตว์ทเ่ี ล้ยี งและผู้ ค. สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพ

อาศยั ภายในฟาร์มตลอดจนไม่สรา้ งความเดือดร้อนใหก้ ับชุมชน ง. สง่ิ แวดล้อมในฟารม์ สัตว์เล้ียง

โดยรอบ 8. ความอดุ มสมบูรณข์ องทรัพยากรธรรมชาตคิ ือ

3. ความสาคญั ของสง่ิ แวดล้อมต่อการเล้ยี งสตั ว์คอื ขอ้ ใด ความสาคญั ของสงิ่ แวดล้อมในการเลยี้ งสัตวใ์ นข้อใด

ก. เป็นแหลง่ อาหาร ที่อยู่อาศัย ใหค้ วามร่มรืน่ และทาหน้าที่ ก. ด้านการผลิต

รองรับของเหลอื หรือเศษท่ีเกิดจากการเล้ียงสตั ว์ ข. ด้านการค้า

ข. ส่งิ ที่เกดิ ข้ึนตามธรรมชาติและส่งิ ท่มี นุษย์สร้างขึน้ ค. ดา้ นสงั คม

ค. การจดั สภาพส่ิงต่างๆ ให้เหมาะสมต่อสตั ว์ทเ่ี ลยี้ งและ ง. ด้านความอุดมสมบูรณ์

ผู้อาศยั ภายในฟาร์ม ตลอดจนไมส่ ร้างความเดือดร้อนให้กับ 9. ปัญหาน้าเสีย มลพิษกลน่ิ เสยี ง ฝ่นุ และอื่น ๆ ก่อให้เกดิ

ชุมชนโดยรอบ ปัญหาสิง่ แวดลอ้ มในดา้ นใด

ง. สภาพของสิง่ ตา่ งๆ ที่อยูใ่ นฟาร์ม ซึง่ มที ้ังสิ่งมชี ีวิตและไมม่ ี ก. ดา้ นการผลติ

ชวี ติ ข. ด้านการค้า

4. ปา่ ไม้ คือสิง่ แวดลอ้ มในข้อใด ค. ดา้ นสงั คม

ก. สิ่งแวดลอ้ มทางสงั คม ง. ด้านการปฏิบัติงาน

ข. สงิ่ แวดล้อมที่มนษุ ยส์ ร้างข้นึ

ค. ส่งิ แวดลอ้ มท่ีเกดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติ

ง. สิง่ แวดลอ้ มทางวตั ถุ

-2-

10. สง่ิ แวดล้อมมีบทบาทสาคัญต่อการเล้ียงสัตวอ์ ย่างไร 15. สิง่ แวดลอ้ มทางชวี ภาพท่ีมีบทบาทและความสาคญั ต่อ
ก. เปน็ สิง่ จาเปน็ พื้นฐานดา้ นปัจจัย 4 ทีใ่ ช้ในการดารงชีวติ สตั วเ์ ลย้ี งคือข้อใด
ข. เปน็ แหล่งของวตั ถุดิบที่ใชใ้ นการเลีย้ งสตั ว์
ค. เป็นส่งิ รองรับของเหลือท้งิ จากการผลติ ก. สิ่งมชี วี ติ ต่าง ๆ เชน่ จุลนิ ทรีย์ พชื สัตว์ และคน
ง. เป็นยารักษาโรค ข. การแสดงออกมาทางพฤติกรรมและอารมณ์
ค. อุณหภมู ิ ช่วงแสง ความชืน้ ในอากาศ เป็นตน้
11. ส่ิงแวดล้อมในการเล้ียงสตั ว์ หมายถงึ ข้อใด ง. การดูแลสัตว์ การจัดการด้านสง่ิ ขบั ถ่ายและของเหลือ
ก. ส่ิงต่าง ๆ หรือปัจจัยตา่ ง ๆ รอบตัวสัตว์ทม่ี ผี ลกระทบต่อ ท้ังจากสตั ว์
16. สิ่งแวดล้อมทางสังคมท่มี ีบทบาทและความสาคญั ตอ่
ชวี ิตความเป็นอยู่ การเจริญเติบโตและการใหผ้ ลผลติ ตลอดจน สัตวเ์ ล้ยี งคอื ข้อใด
สุขอนามัยของสัตวเ์ ลยี้ ง ก. สง่ิ มีชวี ิตต่าง ๆ เชน่ จุลินทรีย์ พืช สัตว์ และคน
ข. การแสดงออกมาทางพฤติกรรมและอารมณ์
ข. ส่งิ ที่เกิดข้นึ ตามธรรมชาตแิ ละส่งิ ที่มนุษยส์ ร้างขนึ้ ค. อณุ หภูมิ ช่วงแสง ความชืน้ ในอากาศ เป็นต้น
ค. สภาพของส่ิงต่างๆ ท่ีอยู่ในฟาร์ม ซึ่งมีท้งั สิง่ มีชวี ิตและไม่มี ง. การดูแลสัตว์ การจดั การดา้ นส่ิงขับถา่ ยและของเหลือ
ชีวิตสิ่งทีเ่ กิดข้นึ ตามธรรมชาตแิ ละสิ่งทีม่ นุษยส์ รา้ งข้ึน ทง้ั จากสตั ว์
ง. เป็นแหลง่ อาหาร ท่ีอยู่อาศัย และให้ความร่มร่ืน 17. สิง่ แวดลอ้ มทางการจัดการท่มี บี ทบาทและความสาคญั
12. หากสตั ว์ถกู เล้ียงดูในสิ่งแวดลอ้ มทีด่ ีจะส่งผลต่อสัตวเ์ ล้ยี ง ต่อสตั วเ์ ลย้ี งคือข้อใด
อย่างไร ก. ส่งิ มชี วี ิตตา่ ง ๆ เช่น จุลนิ ทรยี ์ พืช สัตว์ และคน
ก. ทาให้เกิดผลเสยี ตอ่ สุขภาพและการเจรญิ เตบิ โตของสัตวไ์ ด้ ข. การแสดงออกมาทางพฤติกรรมและอารมณ์
ข. มีผลกระทบถงึ สขุ ภาพและการเจริญเติบโตของสัตวแ์ ยล่ ง ค. อณุ หภูมิ ช่วงแสง ความช้นื ในอากาศ เป็นต้น
ค. มผี ลกระทบตอ่ ชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องสตั ว์ ง. การดูแลสตั ว์ การจัดการด้านสิง่ ขับถา่ ยและของเหลือ
ง. มีสุขภาพแข็งแรง โตเรว็ และให้ผลผลิตได้ตามทเ่ี ราต้องการ ทั้งจากสตั ว์
13. ในทางตรงกันข้ามถา้ หากสัตวถ์ กู เล้ยี งดใู นสงิ่ แวดล้อมท่ีไมด่ ี 18. แสงสวา่ งและชว่ งแสงมีอิทธพิ ลตอ่ สตั วช์ นิดใดมากทส่ี ุด
จะสง่ ผลตอ่ สัตว์เลย้ี งอย่างไร ก. ไก่ไข่
ก. ทาใหเ้ กิดผลเสยี ต่อสขุ ภาพและการเจริญเติบโตของสัตวไ์ ด้ ข. โคเนอ้ื
ข. มีผลกระทบถงึ สขุ ภาพและการเจรญิ เตบิ โตของสัตว์ ค. โคนม
ค. มีผลกระทบต่อชีวิตความเปน็ อยู่ของสัตว์ ง. สุกร
ง. มสี ุขภาพแข็งแรง โตเรว็ และให้ผลผลติ ไดต้ ามทเี่ ราต้องการ 19. ถ้าไดร้ ับช่วงแสงและความเขม้ ของแสงมากเกนิ ไปจะมี
14. ส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพทมี่ บี ทบาทและความสาคญั ต่อสัตว์ ผลกระทบต่อสัตวเ์ ลี้ยงอย่างไร{
เลย้ี งคอื ข้อใด ก. มีอาการของโรคกระดูกอ่อน
ก. สงิ่ มีชวี ติ ต่าง ๆ เชน่ จุลินทรยี ์ พชื สัตว์ และคน ข. เกดิ ปัญหาความเครียดของฝูงสตั ว์
ข. การแสดงออกมาทางพฤตกิ รรมและอารมณ์ ค. สัตวส์ ามารถสังเคราะหว์ ติ ามินดีจากแสงแดด
ค. อุณหภมู ิ ช่วงแสง ความชน้ื ในอากาศ เปน็ ต้น ง. การเจรญิ เตบิ โตหยุดชะงัก
ง. การดแู ลสตั ว์ การจัดการด้านสง่ิ ขับถา่ ยและของเหลือทั้ง
จากสัตว์

-3-

20. สภาวะทมี่ อี ุณหภมู ิและความชน้ื สงู สง่ ผลตอ่ สัตวอ์ ย่างไร ค. 3 เมตร

ก. ทาใหส้ ัตวม์ ีรปู รา่ งเล็ก ง. 4 เมตร

ข. เชอื้ โรคและพยาธสิ ามารถเจรญิ ไดด้ ี 25. การจาจดั ซากสัตวโ์ ดยวิธกี ารใดเปน็ ท่ีนิยมมากทีส่ ดุ

ค. ทาใหส้ ตั วไ์ ม่สบาย เป็นไข้ได้ ก. กาจัดโดยการฝังหรือเผา

ง. มีผลโดยตรงต่อการใช้พลงั งานและความตอ้ งการอาหาร ข. นาไปเลย้ี งสัตว์

21. หลกั ปฏิบัติในการจดั การสง่ิ แวดลอ้ มในฟารม์ สัตว์เลีย้ งสง่ิ ค. นาไปผลติ กา๊ ซชวี ภาพ

แรกทีต่ ้องปฏบิ ตั ิคือข้อใด ง. นาไปประกอบอาหาร

ก. การวเิ คราะหห์ าสาเหตุท่ีตอ้ งปรบั ปรุง 26. BOD คือข้อใด

ข. การหาแนวทางในการปรับสภาพแวดล้อมในฟาร์มเลี้ยงสตั ว์ ก. ปริมาณออกซิเจนท่ีจลุ ินทรยี ์ตอ้ งการในในการยอ้ ย

ค. การประเมนิ ผลการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการ สลายสารอินทรยี ์ ถ้า BOD สูง แสดงว่านา้ มตี ้องการ

เลย้ี งสตั ว์ ออกซิเจนมากเพ่ือใหจ้ ลุ นิ ทรีย์ใช้ (นา้ เสียมาก)

ง. สรปุ ผลที่ได้ได้จากการแก้ไข ข. ปริมาณออกซิเจนทีส่ ารเคมใี ชใ้ นการยอ่ ยสารอนิ ทรีย์

22. ผลของการปรับสภาพแวดล้อมในฟาร์มสตั ว์เล้ยี งคือข้อใด ทมี่ อี ยู่ในน้า ปกติ COD จะมากกว่า BOD เสมอ

ก. สงั เกตพฤติกรรมของสัตว์หลงั จากมีการปรับปรุง ค. ปรมิ าณของแข็งแขวนลอย

สภาพแวดล้อมแล้ว ง. ใชบ้ ง่ บอกว่าใชบ้ ่งบอกคุณภาพน้า

ข. สตั วอ์ ยสู่ บาย กนิ อาหารและนา้ เป็นปกติ อัตราการ 27. COD คอื ขอ้ ใด

เจริญเติบโตดี ก. ปรมิ าณออกซิเจนท่ีจลุ นิ ทรีย์ต้องการในในการย้อย

ค. สภาพแวดล้อมภายในฟารม์ มีความเหมาะสมและเออื้ สลายสารอนิ ทรยี ์ ถา้ BOD สูง แสดงวา่ น้ามีต้องการ

ประโยชนต์ อ่ การเลีย้ งสตั ว์ ออกซิเจนมากเพื่อใหจ้ ุลินทรยี ์ใช้ (นา้ เสียมาก)

ง. การปรบั สภาพรา่ งกายของสัตว์ใหเ้ หมาะสมกับ ข. ปรมิ าณออกซิเจนที่สารเคมีใช้ในการยอ่ ยสารอนิ ทรยี ์

สภาพแวดลอ้ ม ทีม่ อี ยู่ในน้า ปกติ COD จะมากกวา่ BOD เสมอ

23. การจดั การสิง่ แวดล้อมตามมาตรฐานฟาร์มสัตวเ์ ลยี้ งสว่ น ค. ปรมิ าณของแขง็ แขวนลอย

ใหญ่จะเก่ียวข้องกับเร่ืองใด ง. ใช้บ่งบอกว่าใชบ้ ง่ บอกคุณภาพน้า

ก. การกาจัดของเสยี ส่งิ ปฏิกลู ต่าง ๆ 28. การสรา้ งโรงเรอื นตามแนวทศิ ตะวันออก-ตะวันตก

ข. มาตรฐานฟาร์ม มปี ระโยชนต์ อ่ การเลย้ี งสัตว์อยา่ งไร

ค. การปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกบั การเล้ยี งสัตว์ ก. เพื่อลดปรมิ าณแสงแดดท่สี ตั ว์จะไดร้ ับโดยเฉพาะ

ง. เพื่อหาสาเหตุท่ีต้องแก้ไขปรบั ปรุงให้สภาพแวดล้อมภายใน ในช่วงบ่าย

ฟาร์มมีความเหมาะสมและเอื้อประโยชนต์ ่อการเลี้ยงสัตวม์ าก ข. เพื่อใหอ้ ากาศถา่ ยเทดขี ึ้น

ทีส่ ุด ค. เพ่อื ช่วยให้เกดิ การหมุนเวยี นของอากาศตลอดเวลา

24. พน้ื ทีร่ ศั มีรอบโรงเรือนตามมาตรฐานการจัดการสง่ิ แวดลอ้ ม ง. เพอื่ ง่ายตอ่ การจดั การดา้ นอาหารทีใ่ ช้เล้ยี ง

ในฟารม์ สตั วเ์ ลี้ยงควรสะอาดอยา่ งน้อยกี่เมตร

ก. 1 เมตร

ข. 2 เมตร

-4-

29. การทาลายหรอื ฝงั ซากสัตว์ใต้ระดบั ผิวดนิ มวี ิธีการปฏิบตั ิ 33. ลกั ษณะของเสยี ทเี่ กิดจากฟาร์มสัตว์เลี้ยงส่วนท่เี ป็น

อย่างไร ของแขง็ คือข้อใด

ก. ให้ฝังซากสัตวใ์ ตร้ ะดบั ผิวดิน ไม่น้อยกวา่ 50 เซนติเมตร ก. ส่ิงท่ีเกดิ ข้ึนในกระบวนการผลติ ใดๆ กต็ ามจากการเล้ียง

ข. ใหฝ้ ังซากสตั ว์ใตร้ ะดับผิวดนิ ไมน่ ้อยกวา่ 50 เซนตเิ มตร สตั วซ์ ึง่ ไม่สามารถนากลับมาใช้ในฟาร์มไดอ้ ีกหากไมผ่ า่ น

แล้วกลบดินปิดปากหลมุ และพนู ดนิ กลบหลมุ เหนือระดับผวิ ดนิ ขบวนการบาบัดจดั การทีเ่ หมาะสม

ไม่น้อยกวา่ 50 เซนติเมตร ข. มูลสัตว์ ซากสัตว์ เศษอาหาร วสั ดรุ องพื้น และเศษขยะ

ค. ใหฝ้ ังซากสัตว์ใต้ระดับผิวดิน ไมน่ อ้ ยกวา่ 50 เซนติเมตร ค. ปัสสาวะ น้าลา้ งคอกโรงเรอื นหรอื ล้างตวั สัตว์ และนา้ ทงิ้

ใชย้ าฆา่ เช้อื โรคทเ่ี หมาะสม ราดหรอื โรยไปบนซากสตั วน์ นั้ จน ง. ฝุน่ ละออง และก๊าซต่าง ๆ

ทว่ั แล้วกลบดินปดิ ปากหลุมและพูนดินกลบหลุมเหนือระดับผิว 34. ลักษณะของเสียที่เกิดจากฟาร์มสัตว์เล้ียงส่วนท่ีเป็น

ดินไม่น้อยกวา่ 50 เซนติเมตร ของเหลวคือขอ้ ใด

ง. ให้ฝังซากสัตวใ์ ตร้ ะดับผิวดนิ ไม่น้อยกวา่ 50 เซนตเิ มตร ก. ส่ิงที่เกิดข้ึนในกระบวนการผลิตใดๆ ก็ตามจากการเลี้ยง

ใช้ยาฆา่ เชอื้ โรคท่ีเหมาะสม ราดหรอื โรยไปบนซากสัตว์นน้ั จน สัตว์ซึ่งไม่สามารถนากลับมาใช้ในฟาร์มได้อีกหากไม่ผ่าน

ท่ัว แลว้ กลบดินปิดปากหลมุ ขบวนการบาบดั จัดการทีเ่ หมาะสม

30. การใช้สปรงิ เกอรพ์ ่นนา้ บนหลงั คาช่วงบา่ ยทอี่ ากาศร้อนจัด ข. มลู สัตว์ ซากสัตว์ เศษอาหาร วัสดรุ องพื้น และเศษขยะ

ทาให้อุณหภมู ิในโรงเรอื นลดลงกีอ่ งศาเซลเซียส ค. ปสั สาวะ น้าลา้ งคอกโรงเรอื นหรอื ลา้ งตัวสัตว์ และนา้ ท้ิง

ก. 1 ง. ฝนุ่ ละออง และกา๊ ซต่าง ๆ

ข. 2 35. ปรมิ าณและลักษณะของสง่ิ ขบั ถา่ ยของสัตว์เลย้ี งจะมี

ค. 3 ปรมิ าณและลักษณะแตกต่างกนั ออกไปข้นึ อยู่กบั ขอ้ ใด

ง. 4 ก. ขนาด และชนดิ ของสัตว์

31. ของเสยี จากฟาร์มสัตวเ์ ล้ยี ง หมายถงึ คือข้อใด ข. คุณภาพของอาหารทก่ี ิน

ก. สง่ิ ทีเ่ กิดข้ึนในกระบวนการผลิตใดๆ ก็ตามจากการเลยี้ ง ค. ชนดิ ของอาหารเปน็ อาหารแหง้ หรือเปยี ก

สตั ว์ซ่ึงไม่สามารถนากลับมาใช้ในฟารม์ ได้อีกหากไม่ผ่าน ง. ขนาด ชนดิ และอายุของสตั ว์ ชนดิ ของอาหาร คุณภาพ

ขบวนการบาบัดจดั การทเ่ี หมาะสม ของอาหารและปริมาณอาหารท่กี นิ

ข. มลู สตั ว์ ซากสัตว์ เศษอาหาร วสั ดุรองพ้นื และเศษขยะ 36. มลพิษจากในฟาร์มสัตว์เลี้ยง หมายถึงข้อใด

ค. ปัสสาวะ น้าล้างคอกโรงเรอื นหรือล้างตัวสัตว์ และนา้ ท้ิง ก. ความเปน็ อนั ตราย ความเป็นพษิ

ง. ฝนุ่ ละออง และกา๊ ซต่าง ๆ ข. ของเสีย วตั ถุอันตราย และมลสารอนื่ ๆ รวมทั้งกาก

32. ลักษณะของเสยี ท่ีเกิดจากฟารม์ สัตว์เล้ยี ง คือข้อใด ตะกอนและส่งิ ตกค้างท่ีมีอยูใ่ นส่งิ แวดล้อมธรรมชาตซิ ึง่

ก. มลู สตั ว์ ซากสัตว์ เศษอาหาร วัสดุรองพ้ืน และเศษขยะ กอ่ ให้เกดิ ผลกระทบต่อคุณภาพสิง่ แวดล้อม

ข. มูลและปัสสาวะสัตว์ ซากสัตว์ นา้ เสีย ขยะ ก๊าซและกล่ิน ค. ภาวะที่เป็นพิษภัยอันตรายต่อสุขภาพอนามยั ของ

ค. ปสั สาวะ น้าลา้ งคอกโรงเรือนหรือล้างตวั สัตว์ และนา้ ทงิ้ ประชาชน

ง. ฝ่นุ ละออง และกา๊ ซตา่ ง ๆ ง. ฝนุ่ ละออง และก๊าซตา่ ง ๆ

-5-

37. มลพษิ ทีเ่ กิดจากมลภาวะของฟาร์มเล้ยี งสตั ว์ คือขอ้ ใด 42. ปริมาณส่ิงขับถ่ายของสัตว์จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ

ก. มลพษิ ทางอากาศ มลพิษทางกลนิ่ มลพิษทางเสยี ง มลพิษ สง่ิ ใด

จากขยะมูลฝอย และมลพษิ ทางนา้ ก. ขนาด และชนิดของสตั ว์

ข. มลพิษทางอากาศ มลพิษทางกลิ่น มลพิษทางเสียง และ ข. คุณภาพของอาหารทกี่ นิ

มลพษิ ทางน้า ค. ชนิดของอาหารเปน็ อาหารแห้งหรอื เปียก

ค. มลพิษทางกล่ิน มลพิษทางเสียง มลพิษจากขยะมูลฝอย ง. ขนาด ชนิดและอายขุ องสตั ว์ ชนดิ ของอาหาร

และมลพษิ ทางนา้ 43. การบูรณาการหลักการ 3R’s คอื ข้อใด

ง. มลพิษทางอากาศ มลพิษทางกลนิ่ และมลพษิ ทางเสียง38. ก. การลด การใชซ้ า้ และการนากลับมาใช้ใหม่

มลพิษทางอากาศ ทเี่ กดิ จากฟารม์ สัตวป์ ีกคอื ขอ้ ใด ข. Reduce

ก. เสยี ง ค. Reuse

ข. กา๊ ซทมี่ ีกล่นิ ตา่ งๆ และฝนุ่ ละออง ง. Recycle

ค. แมลงวันและพาหะนาโรค 44. การลดปรมิ าณของเสยี ท่ีจะเกดิ ข้นึ จากการผลติ สตั ว์

ง. ซากสัตวท์ ี่ตาย ก. Reduce

39. การจดั การของเสยี ในฟาร์มสตั ว์ปีกคอื ข้อใด ข. Reuse

ก. ไม่จาเป็นต้องเปลีย่ นวัสดรุ องพน้ื เมือ่ มีนา้ หกเพราะจะแห้ง ค. Recycle

ไดเ้ อง ง. Reject

ข. เม่ือพบสัตว์ตายหรอื ซากสัตวค์ วรนามาฝงั หรอื เผา 45. การนาของเสยี ทีจ่ ะเกดิ ขึ้นจากการผลิตสัตวก์ ลบั มาใช้

ค. ฝุน่ ละอองควรล้างคร้ังเดียวเมอ่ื ส้ินสดุ การเลีย้ ง ซา้ ตรงกับข้อใด

ง. มูลสัตว์ไม่ต้องคักออกทุกวันเพราะสิ้นสุดการเล้ียงก็จะทา ก. Reduce

ความสะอาดอกี ครง้ั ข. Reuse

40. การจดั การของเสยี ในฟารม์ สกุ รข้อใดผดิ ค. Recycle

ก. ควรฝกึ หดั ให้สกุ รมีการขบั ถา่ ยเป็นท่ี ง. Reject

ข. คอยใชพ้ ล่ัวตกั มลู ออกทุกวัน 46. การนาของเสยี ทีจ่ ะเกดิ ข้ึนจากการผลิตสตั วก์ ลบั มาใช้

ค. ควรมกี ารเลย้ี งเป็ดไว้ใต้ถนุ คอก ใหม่ตรงกบั ขอ้ ใด

ง. กลบั วัสดุรองพ้ืนทกุ วัน ก. Reduce

41. การจดั การของเสยี ของฟาร์มในฟารม์ สตั ว์เลย้ี งเก่ียวข้องกับ ข. Reuse

ข้อใด ค. Recycle

ก. มูลสัตว์ น้าเสีย กา๊ ซและกลิน่ ซากสัตว์ และขยะ ง. Reject

ข. มูลสตั ว์ ซากสัตว์ เศษอาหาร วัสดุรองพืน้ และขยะ

ค. ปัสสาวะ นา้ ล้างคอกโรงเรือนหรือล้างตัวสัตว์ และน้าทิง้

ง. ก๊าซและฝ่นุ ละออง

-6-

47. การใชผ้ ลิตปุ๋ยอินทรีย์ การใชผ้ ลติ กา๊ ซชวี ภาพ และการใช้ 52. ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขอรับ

เป็นอาหารสตั ว์เปน็ แนวทางการใชป้ ระโยชนจ์ ากของเสยี ใน และออกใบรับรองมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์เริ่มบังคับต้ังแต่ปี

ฟาร์มสัตวเ์ ลีย้ งในข้อใด พ.ศ. ใด

ก. การลดปรมิ าณของเสยี ที่จะเกดิ ขน้ึ จากการผลิตสตั ว์ ก. 2543

ข. การเพ่ิมประสิทธิภาพการกาจัดของเสยี ข. 2544

ค. การเพ่ิมมลู ค่าของเสียโดยการนาของเสียไปใช้ใหเ้ กดิ ค. 2545

ประโยชน์ ง. 2546

ง. การนากลับมาใชใ้ หม่ 53. การรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรท่ีดีหรือมาตรฐาน

48. การคัดแยกวัสดุเหลือใช้ออกจากของเสีย การเลือกวิธี ฟารม์ เลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย มกี ารเริม่ ต้นกบั ฟาร์มสัตว์ชนิด

บาบัดและกาจัดท่ีเหมาะสมกับลักษณะสมบัติของเสียตรงกับ ใด

ข้อใด ก. ไกเ่ น้ือ ไก่ไข่ และโคนม

ก. การลดปรมิ าณของเสยี ที่จะเกิดขนึ้ จากการผลิตสัตว์ ข. ไกไ่ ข่ สุกร และโคนม

ข. การเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการกาจัดของเสีย ค. ไก่เนื้อ สุกร และโคนม

ค. การเพ่ิมมูลค่าของเสียโดยการนาของเสียไปใช้ให้เกิด ง. ไก่เนื้อ ไกไ่ ข่ และสกุ ร

ประโยชน์ 54. มาตรฐานฟาร์มสัตว์เล้ียงเก่ียวกับการจัดการด้าน

ง. การใช้ซ้า สงิ่ แวดล้อมมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ืออะไร

49. การเพ่ิมมลู คา่ ของเสยี จากการผลิตสัตวข์ ้อใดผดิ ก. เพ่อื ยกระดับมาตรฐานดา้ นการผลิต

ก. ผลิตปยุ๋ ข. เพ่ือปรับสภาพแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสมต่อชนดิ ของให้สตั ว์

ข. ผลติ กา๊ ซชวี ภาพ ค. เปน็ รปู แบบมาตรฐานเดยี วกัน

ค. ผลิตอาหารสตั ว์ ง. เพื่อการสง่ ออก

ง. การลด การใชซ้ ้า และการนากลบั มาใช้ใหม่ 55. กฎหมายส่ิงแวดล้อมท่ีเกี่ยวข้องกับการเล้ียงสัตว์

50. การเพ่ิมมูลค่าของเสียฟาร์มโดยใช้ผลิตอาหารสัตว์นิยม วตั ถุประสงค์ในข้อใดผิด

นามูลสัตว์ชนิดใดมาทาเป็นอาหารสัตว์ ก. เพอ่ื ใหป้ ระชาชนทุกคนอยู่อยา่ งสงบสขุ

ก. สตั ว์ปีก และสุกร ข. เพ่ือไมใ่ ห้ผ้หู นึ่งผู้ใดเอาเปรยี บ เบยี ดเบียน รบกวนผ้อู น่ื

ข. สุกร และโค ในสงั คมและสิง่ แวดลอ้ ม

ค. สัตว์ปีก และโค ค. เพอ่ื ปอ้ งกันไมใ่ หส้ ง่ิ แวดล้อมเสือ่ มทรามลง

ง. โค และกระบอื ง. เพอ่ื ใหส้ ัตว์ทุกตัวอยูอ่ ยา่ งสงบสขุ

51. กรมปศุสัตว์ได้ดาเนินงานเก่ียวกับมาตรฐานฟาร์มเล้ียง 56. การเลยี้ งสัตวใ์ นเชิงพาณชิ ย์ ก่อใหเ้ กิดมลภาวะอยา่ งไร

สัตวใ์ นประเทศไทยมาตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ใด ก. มูลสตั ว์ น้าเสยี

ก. 2540 ข. เสยี ง กลิน่

ข. 2542 ค. เสยี ง น้าเสีย

ค. 2544 ง. เสียง กลิน่ มูลสัตว์ นา้ เสยี รวมท้งั แมลงวนั

ง. 2546


Click to View FlipBook Version