๓๓
เพลง : โตไปไม่โกง
จติ สำนกึ ที่เราตอ้ งมี เพ่ือจะเปน็ คนดี เมอื่ เปน็ ผู้ใหญ่
หา้ ขอ้ หา้ คำ แค่ทำให้ได้ เปน็ เร่ืองงา่ ยๆ เท่าน้นั เอง
* ข้อ ๑ ซอื่ สัตย์ ขอ้ ๒ รับผิดชอบ
ขอ้ ๓ รักในความเป็นธรรม ข้อ ๔ พอเพยี ง
ขอ้ ๕ ทำเพอ่ื ส่วนรวม แค่น้ี ทำงา่ ยไม่ยากเลย
** เป็นคนดี เราจะไมค่ ดโกง คนคดโกง เขาเป็นคนไมด่ ี
เมอ่ื เป็นผู้ใหญ่ จะไม่ลืมเรอ่ื งน้ี จะเป็นคนดี “โตไปไมโ่ กง”
(* ,**)
*** ลา ล้าลา โตไปไมโ่ กง (๔ ครั้ง)
๓๔
นิทานชาดก
เรอื่ ง นกพิราบใจดกี ับกาข้ีขโมย
ในอดตี กาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชย์สมบตั ใิ นนครพาราณสี ชาวเมืองนยิ มแขวนกระเช้าหญ้าไว้นอก
ระเบียงเพื่อใหฝ้ งู นกทัง้ หลายไดอ้ าศยั อยกู่ นั อยา่ งสบาย
ครง้ั นั้นพ่อครัวของเศรษฐไี ดแ้ ขวนกระเช้าไวใ้ นครัวดว้ ย ต่อมามนี กพิราบตัวหนงึ่ บนิ มาอาศยั อยู่ในกระเชา้ น้ัน
พอรงุ่ เช้ามันก็ออกไปหากนิ ตกเยน็ จึงกลับมานอนในกระเช้าของมนั อยู่มาวนั หน่ึงมกี าตวั หน่ึงบนิ ผา่ นมาทางโรงครัว
มนั ได้กลิ่นเนื้อกลิ่นปลา ก็นกึ อยากจะกินเน้ือกินปลาในครวั เตม็ ประดา จงึ คดิ หากลอบุ ายอยู่ ครั้นตกเยน็ จึงไดเ้ ห็น
นกพริ าบกลบั มา มันคดิ จะอาศยั อยู่กับนกพิราบ ด้วยหวงั จะกนิ เนื้อให้ได้ คดิ แล้วกบ็ ินกลับไปยังที่อยูข่ องมัน รุ่งเช้าก็บิน
มาจบั อยู่ใกล้โรงครวั นั้น พอเห็นนกพิราบบนิ ออกจากครัว ก็ออกบนิ ตดิ ตามไปใกลๆ้ ฝ่ายนกพิราบเมอื่ เห็นกาบนิ ตาม
ตดิ มาก็ให้สงสัยจึงเอ่ยถามขึ้นว่า
“เจ้ากา ตามขา้ มาทำไม”
“ขา้ ชอบกริ ิยาของทา่ น” กาตอบอย่างมเี ลศนยั “ขา้ จะขอรับใช้ท่าน”
“ขอโทษทีทา่ น วนั นีข้ ้าปวดท้อง คงจะไปไม่ไหวหรอก ท่านไปคนเดียวก็แลว้ กัน”
นกพิราบได้ยนิ เชน่ นนั้ ก็รู้ไดท้ ันทวี ่าเจ้ากาแสรง้ มารยาเพราะอยากจะกนิ เนื้อและปลาในครวั จึงถามขน้ึ วา่
“น่เี จา้ กา เทา่ ทขี่ า้ รู้มา ไม่มีกาตัวไหนเคยปวดท้อง มีแต่หวิ อยตู่ ลอดเวลา เจา้ นอ่ี ยากจะกินปลาในครวั ละมงั๊ ”
“โธ่ ไม่หรอกทา่ น ข้าไมไ่ ด้คิดอย่างนั้น ขา้ ปวดทอ้ งจริงๆ”
“เอาละ งั้นกต็ ามใจเจ้า แต่ขอเตอื นไว้ก่อนวา่ อย่าเห็นแก่กินใหม้ ากนักล่ะ” แลว้ นกพิราบกบ็ ินออกไปหาอาหาร
ฝา่ ยพอ่ ครัวเมอ่ื ถึงเวลาก็เข้ามาทำอาหาร พอทำเสรจ็ ก็เปดิ ภาชนะไว้หน่อยหน่งึ เพ่อื ระบายความร้อน แลว้ เอาฝาชคี รอบ
สำรับไว้ พลางเดินออกไปเช็ดเหงือ่ ขา้ งนอก ทันใดน้นั เจ้ากากโ็ ผลห่ วั ออกจากกระเชา้ มองดูว่าในครวั ไม่มใี ครแลว้ มนั จึง
บนิ ไปที่ภาชนะนน้ั แต่บังเอญิ เท้ามันไปกระทบกบั ถว้ ยจานขา้ งๆ เสยี งดังกรก๊ิ พ่อครวั หูไวได้ยนิ เสยี งกุกกักในครวั จงึ รีบ
ว่งิ เขา้ มา เหน็ เจ้ากากำลังจะจิกกนิ เนื้อปลาอยู่พอดี ก็ให้เดือดดาลเปน็ กำลัง รบี วิง่ เข้าไปควา้ คอมันมาจบั ถอนขนเสยี
เกลยี้ ง แล้วตำพริกคลุกเกลือเอามาทาทว่ั ตัวมนั เสรจ็ แลว้ โยนมนั ข้นึ ไวบ้ นกระเช้าตามเดิม ตกเย็นนกพิราบบนิ กลับมา
เห็นเจ้ากาไม่มีขนนอนโอดโอยหายใจรวยรินอยู่ในกระเชา้ กใ็ หเ้ วทนาเป็นทีย่ ่ิง แลว้ มนั ก็ไมอ่ าจอาศัยอยู่ในกระเชา้ บ้าน
พอ่ ครวั อกี ต่อไป เพราะคดิ วา่ เปน็ ตน้ เหตพุ ากาเขา้ บ้าน มันจึงบินไปอยู่ที่อื่น สว่ นเจ้ากาไม่นานกต็ ายในกระเช้าน่ันเอง
“แต่อาหารของเราตา่ งกนั ถา้ เจ้ามารบั ใช้ขา้ เจ้าก็ตอ้ งอดน่ะซี”
“โอย้ นั่นเรือ่ งเล็กจะตายไป ทา่ นอย่าเปน็ ห่วงเลย พอถึงเวลาหากินตา่ งคนกแ็ ยกย้ายไปหาอาหารของตวั เองไง”
“อืม งนั้ กไ็ ด้” นกพิราบตอบตกลง
แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปแสวงหาอาหารตามชัยภมู ิของตน เม่อื จวนไดเ้ วลา กาก็รบี บนิ กลับมารอนกพริ าบบน
หลังคาครวั พอ่ ครัวเหน็ เปน็ เพอ่ื นนกพริ าบจึงจัดแจงหากระเช้ามาแขวนไวอ้ ีกอันใกล้ๆ กัน เสร็จแลว้ ก็เอาเนอ้ื และปลา
เข้าไปเก็บในครวั รงุ่ เช้าถึงเวลาหากนิ นกพิราบชวนกาให้ไปดว้ ยกัน แต่เจ้ากากลบั บอกว่า
๓๕
ใบงานท่ี ๓.๒ เด็กดีต้านทจุ ริต
คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนวาดภาพพฤตกิ รรมท่ีแสดงถึงการกระทำความดีทค่ี วรส่งเสรมิ ท่ีพบเห็น
ภายในหอ้ งเรยี น และบอกช่ือพฤติกรรมทพ่ี บเหน็
พฤตกิ รรมความดที พ่ี บเหน็ ...................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
..
ชื่อ............................................................................ช้ัน.....................................เลขท่ี.........................
(เฉลย) ใบงานท่ี ๓.๒ เดก็ ดตี า้ นทุจรติ ๓๖
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นวาดภาพพฤติกรรมที่แสดงถงึ การกระทำความดีทค่ี วรส่งเสริมทพ่ี บเห็น
ภายในห้องเรยี น และบอกชอื่ พฤติกรรมท่พี บเหน็
อย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน
พฤตกิ รรมความดที ่ีพบเหน็ ...................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
..
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงานที่ ๓.๑ เรื่อง ความซ่อื สตั ย์
ชอ่ื ............................................................................ช้ัน.....................................เลขที่.........................
๓๗
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงานท่ี ๓.๑ เร่ือง ความซื่อสตั ย์
ท่ี ชอื่ – สกลุ รายการประเมิน รวม
ข้อมลู ถกู ต้อง มวี ิธีคน้ ควา้ หา ลายมือ สง่ งานตรง ความ คะแนน
ครบถ้วน (๒) คำตอบที่ บรรจง เวลา(๒) สวยงาม(๒) (๑๐)
เหมาะสม (๒) อ่านงา่ ย (๒)
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื …………..…………………………….ผู้ตรวจ
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชดั เจน (………………….………………….……)
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางสว่ น …………/…………/………..
ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพร่องมาก
ให้ ๒ คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ให้ ๑ คะแนน
ดีเยีย่ ม = ๘-๑๐ คะแนน ให้ ๐ คะแนน
ดี = ๖-๗ คะแนน
พอใช้ = ๔-๕ คะแนน
ปรับปรุง = ๐-๓ คะแนน
๓๘
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงานท่ี ๓.๒ เรอ่ื งเด็กดีตา้ นทจุ รติ
ท่ี ช่อื – สกุล รายการประเมนิ รวม
ข้อมูลถกู ต้อง มวี ธิ คี ้นคว้าหา ลายมอื สง่ งานตรง ความ คะแนน
ครบถ้วน (๒) คำตอบท่ี บรรจง เวลา(๒) สวยงาม(๒) (๑๐)
เหมาะสม (๒) อา่ นง่าย (๒)
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื …………..…………………………….ผ้ตู รวจ
ผลงานหรือพฤติกรรมสมบรู ณ์ชัดเจน (………………….………………….……)
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางส่วน …………/…………/………..
ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก
ให้ ๒ คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ให้ ๑ คะแนน
ดีเยีย่ ม = ๘-๑๐ คะแนน ให้ ๐ คะแนน
ดี = ๖-๗ คะแนน
พอใช้ = ๔-๕ คะแนน
ปรับปรงุ = ๐-๓ คะแนน
๓๙
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
หนว่ ยที่ ๔ อนรุ ักขนาปธาน : พลเมืองกับความรับผิดชอบตอ่ สงั คม ช่วงชั้นที่ ๑ ( ป.๑-๓)
เร่ือง การเคารพสิทธหิ นา้ ที่และการปฏบิ ตั ติ นเป็นพลเมืองดีตอ่ ตนเองและผู้อื่น เวลา ๒ ช่ัวโมง
๑. สาระสำคัญ/เนอื้ หา
หลกั อปริหานยิ ธรรมน้ี เป็นหลกั การที่สง่ เสริมใหป้ ระชาชนมีส่วนรว่ มในความรับผิดชอบต่อสังคม
หลกั สาราณยี ธรรม เป็นหลักธรรมทีท่ ำใหเ้ ปน็ ท่รี กั และท่เี คารพตอ่ กันและกัน ไม่ก่อความวิวาทต่อกนั
เสริมสร้างความสามัคคแี ละความเปน็ น้ำหน่งึ ใจเดียวกัน ให้เกิดขึ้นแก่หมู่คณะ
เมตตากายกรรม คือ การชว่ ยเหลอื กจิ ธรุ ะของผูร้ ่วมคณะด้วยความเตม็ ใจ แสดงกริ ยิ าอาการสุภาพ
เมตตาวจกี รรม คือ การช่วยเหลอื ด้วยการบอกแจ้งส่ิงทเ่ี ป็นประโยชน์ แนะนำตกั เตือนและส่ังสอนดว้ ย
ความหวงั ดี กล่าววาจาสุภาพ
เมตตามโนกรรม คอื การตัง้ จิตปรารถนาดี คิดทำสิ่งที่เปน็ ประโยชน์แกก่ นั และกัน มองกันในแง่ดี
มีหน้าตายม้ิ แย้มแจม่ ใสต่อกนั และกัน
บทบาท คือสง่ิ ทีบ่ ุคคลต้องปฏิบตั ิ เชน่ นักเรียนมีบทบาทหน้าท่ตี ้งั ใจศึกษาเลา่ เรียน พ่อแม่มี
บทบาทหนา้ ที่ในการเลยี้ งดูลูกและอบรมสัง่ สอนใหเ้ ปน็ คนดี
สิทธิ คอื ประโยชนท์ ่บี คุ คลควรจะได้รบั ตามกฎหมาย เชน่ เด็กทเี่ กิดมามีสิทธิทจี่ ะมีชื่อและ
นามสกุล มสี ิทธไิ ดร้ บั ความรกั ความปลอดภัย การดูแลปกป้องจากอนั ตราย
กฎ กติกา ระเบียบ ในโรงเรียน ขอ้ กำหนดในการปฏบิ ตั ติ นเพือ่ การอยรู่ ว่ มกันกบั ผู้อนื่ ในโรงเรียน
พลเมอื งทีด่ ี คือผู้ท่สี ามารถปฏิบตั หิ น้าทท่ี ่ีตอ้ งทำและควรทำได้อย่างครบถ้วน มีสว่ นร่วมในการแก้ไข
ปญั หาต่างไม่ลว่ งละเมิดสิทธิเสรภี าพของบุคคลอื่น
๒. จดุ ประสงค์
๒.๑ นักเรยี นสามารถบอกความหมายของบทบาท สทิ ธิ หนา้ ท่ี ต่อตนเองและผอู้ น่ื ได้ (K)
๒.๒ นักเรียนสามารถปฏบิ ัตติ นเป็นพลเมืองทด่ี ีตามหลกั กายกรรม วจกี รรม มโนกรรมได้ (P)
๒.๓ นักเรยี นตระหนกั ถงึ การปฏบิ ัติตนตามกฎระเบยี บในโรงเรยี นได้ (A)
๓. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning)
ช่วั โมงท่ี ๑
๓.๑ ขนั้ นำ
๑. ครูและนักเรยี นร่วมกันสวดมนตไ์ หว้พระ พร้อมกบั นง่ั สมาธกิ ่อนเรยี นหรือกิจกรรมที่ส่งเสริมให้
เกดิ สมาธเิ พ่ือใหม้ ีสมาธิก่อนเข้าสู่บทเรียน
๒. ครูให้นักเรยี นแสดงบทบาทสมมตเิ รื่องเจ้าทองดำ
๓. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื ตอบคำถามจากข้อคำถาม หลงั จากทีแ่ สดงบทบาทสมมติ
เรื่องเจา้ ทองดำ โดยมีครูคอยใหค้ ำปรกึ ษาและแสดงความคิดเห็นดังนี้
๓.๑ เจา้ ทองดำ อาศยั อยู่ทีไ่ หน (เจา้ ทองดำอาศยั อยู่ในปา่ )
๓.๒ เจ้าทองดำ ถกู จบั มาขังไว้ในกรงจะเปน็ อยา่ งไร (เจ้าทองดำถูกจบั มาขังไว้ในกรงจะไมม่ ี
ความสุขอยู่ในกรงแคบ จะบนิ ไปที่ต่าง ตามที่ชอบก็ไม่ได้ ไม่มีอิสระ)
๓.๓ ถ้านกั เรียนถูกเพ่ือนขังในหอ้ งน้ำจะรู้สึกอย่างไร (นักเรียนถูกขังในหอ้ งน้ำจะรสู้ ึกโกรธเพ่อื น
กลวั ไมม่ ีความสขุ ไม่มีความปลอดภยั )
๔๐
๓.๒ ขนั้ สอน
๑. ครูอธิบายความหมายของบทบาทและสทิ ธิหนา้ ท่ี
๒. นกั เรียนอ่านออกเสียงใบความร้เู กีย่ วกับความหมายของบทบาทและสิทธิ โดยครอู า่ นให้นักเรยี น
ฟัง นักเรียนอา่ นตามทีละประโยคจากใบความรู้ทคี่ รูแจกให้
๓. ให้นกั เรียนยกตวั อยา่ งสิทธินกั เรยี นพงึ มคี นละ ๑ ตัวอยา่ ง เชน่
๓.๑ สทิ ธิในการมาโรงเรยี น( ใครจะไมใ่ ห้มาเรียนไม่ได้)
๓.๒ สิทธิในส่งิ ของเครื่องใช้ของนกั เรียน (ใครจะมาหยบิ เอาไปเป็นของตัวเองไม่ได้)
๓.๓ สิทธิในการไดร้ บั การรกั ษาพยาบาล (ตัง้ แต่เกดิ มา เช่น การฉีดวคั ซนี ป้องกันโรคต่าง)
๔. ให้นักเรียนยกตัวอย่างบทบาทของพ่อแม่ หรอื นกั เรียน คนละ ๑ ตัวอย่าง เชน่
๔.๑ นักเรยี นมีบทบาทหนา้ ท่ีตั้งใจศกึ ษาเลา่ เรียน
๔.๒ พ่อแม่มีบทบาทหน้าทใี่ นการเล้ยี งดลู กู และอบรมสัง่ สอนให้เปน็ คนดี
๕. ครูเขยี นคำตอบของนักเรียนบนกระดานดำใหน้ ักเรยี นอา่ นตามอีกครงั้
๖. จากน้นั ครใู ห้นกั เรียนลงมือทำใบงานที่ ๔.๑ เร่อื ง กายกรรม วจกี รรม มโนกรรม ทีเ่ กี่ยวข้องกับ
การปฏิบตั ติ นตามบทบาทสทิ ธหิ น้าทีท่ ส่ี อดคล้องกับหลักธรรม
๓.๓ ขั้นสรุป
๑. ครูและนักเรยี นช่วยกนั สรุปความรู้เก่ยี วกับ ความหมายของบทบาทและสทิ ธิ
๑.๑ บทบาท หมายถงึ สง่ิ ที่บุคคลต้องปฏิบัติ เชน่ นกั เรียนมีบทบาทหน้าที่ตงั้ ใจศกึ ษา เลา่ เรยี น
พ่อแมม่ บี ทบาทหนา้ ท่ใี นการเล้ียงดลู ูกและอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี
๑.๒ นักเรยี นมีบทบาทหนา้ ท่ีต่อครอบครัว คือเชอื่ ฟงั คำสั่งสอนของพ่อแม่ เล้ียงดูพ่อแม่ยามแก่
ชรา ช่วยพอ่ แมท่ ำงานบ้าน
๑.๓ สทิ ธิ หมายถึง ประโยชนท์ ่ีบคุ คลควรจะได้รับตามกฎหมายเช่น เดก็ ท่ีเกดิ มามีสิทธทิ ่ีจะมชี ่ือ
และนามสกลุ มีสิทธไิ ดร้ บั ความรัก ความปลอดภัย การดูแลปกป้องจากอันตราย
๑.๔ สทิ ธทิ นี่ กั เรียนพึงได้รับ เชน่ สทิ ธิไดร้ บั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน มีสทิ ธจิ ะไดร้ ับการเลี้ยงดูและ
ปกปอ้ งจากพ่อแม่ มสี ิทธทิ ่ีจะแสดงความคดิ เห็นรว่ มกบั สมาชิกในครอบครวั
๑.๕ แลว้ นกั เรยี นจะปฏิบัตติ นเปน็ พลเมืองดีในโรงเรยี นได้อย่างไร
ชว่ั โมงท่ี ๒
๓.๑ ขัน้ นำ
๑. นักเรียนรว่ มกนั สวดมนต์ไหวพ้ ระ พร้อมกับน่ังสมาธิก่อนเรียนหรอื กจิ กรรมทีส่ ่งเสริมให้เกดิ สมาธิ
เพ่ือใหม้ สี ติก่อนเขา้ สู่บทเรียน
๒. นกั เรียนชมวดี ที ัศน์ นิทาน เรอื่ ง “น้องไข่เจียว ตอน เดก็ ดีช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน” (ลงิ ค์คลิปวดิ ีโอ
อย่ใู นภาคผนวก) จากน้นั ครู ต้งั คำถาม เชน่ นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิตนตามนทิ านดังกล่าวได้หรือไม่
เพราะเหตุใด
๓.๒ ขั้นสอน
๑. ครูอธบิ ายความหมายของ ความรับผิดชอบ และใหน้ ักเรียนยกตัวอยา่ งความรับผดิ ชอบทน่ี ักเรยี น
เคยทำ ทงั้ ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัวและโรงเรียน
๔๑
๒. ใหน้ กั เรียนดูภาพ เด็กนกั เรียนจงู คนแก่ขา้ มถนน (หรือภาพอน่ื ๆ ทีแ่ สดงถึงการเป็นพลเมืองดี)
จากน้นั ครูต้ังคำถาม เชน่ จากภาพแสดงใหเ้ หน็ ถึงการปฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมืองท่ีดีในด้านใด
๓. ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั เสนอหนา้ ท่ขี องพลเมืองดี ควรปฏิบัติตนอยา่ งไร โดยครูเปน็ ผู้รวบรวมคำตอบ
ของนักเรียนเป็นแผนผงั ความคิดบนกระดาน และใหค้ ำแนะนำพฤติกรรมท่นี กั เรยี นเสนอมาให้สอดคล้องกับตาม
หลักธรรม ซง่ึ ประกอบดว้ ย การกระทำ (กายกรรม) การพูด (วจีกรรม) และการคิด (มโนกรรม) ตวั อย่างคำตอบ
หนา้ ทีข่ องพลเมืองดี ดังน้ี
- ช่วยเหลอื ซงึ่ กนั และกนั ร้จู ักรับผิดชอบตอ่ หน้าที่ รักษาระเบียบ วินัย (กายกรรม)
- ไมพ่ ดู โกหก หรือพูดความเท็จ ใช้ถอ้ ยคำสภุ าพในการสื่อสารกบั ผูอ้ นื่ (วจีกรรม)
- นึกถงึ ประโยชนส์ ว่ นรวมให้มากกว่าประโยชนส์ ว่ นตน มีนำ้ ใจ รู้จักการให้อภยั (มโนกรรม)
๔. ให้นกั เรียนทำใบงานที่ ๔.๒ เรอ่ื งหน้าทีข่ องพลเมืองที่ดี
๓.๓ ข้นั สรปุ
๑. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกนั สรปุ หน้าทีข่ องพลเมอื งทด่ี ี ตามหลักธรรมกศุ ลกรรมบถ หมายถึง ทางแห่ง
กรรมดี การทำความดี (กายกรรม) การพูดในสง่ิ ทดี่ ี (วจกี รรม) และการคดิ แต่สง่ิ ที่ดี (มโนกรรม) หากทุกคนใน
สังคมปฏิบตั ิตนเปน็ พลเมอื งที่ดสี งั คมกจ็ ะเกิดความสงบสุข
๔. ภาระงาน
๔.๑ ใบงานท่ี ๔.๑ เรื่อง กายกรรม วจกี รรม มโนกรรม
๔.๒ ใบงานที่ ๔.๒ เร่อื ง หน้าทีพ่ ลเมืองทีด่ ี
๕. สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้
๕.๑ คลิปวดิ โี อ นทิ าน “นอ้ งไข่เจยี ว ตอน เด็กดีช่วยพ่อแม่ทำงานบา้ น” จาก
https://www.youtube.com/watch?v=W๘VFhqG๘Nv๐
๕.๒ บตั รรปู ภาพ
๕.๓ ใบความรู้ เร่ือง ความหมายของบทบาทหนา้ ท่แี ละสิทธิ
๕.๔ นิทาน เรื่อง เจ้าทองดำ
๖. การวดั และประเมนิ ผล
๖.๑ วธิ กี ารวัดและประเมินผล
๑) ตรวจผลงานการทำใบงาน
๒) การสังเกตพฤติกรรมนักเรียน
๖.๒ เคร่อื งมือและเกณฑ์การวัดและประเมินผล
๑) แบบตรวจผลงานการทำใบงาน
๒) แบบการสังเกตพฤติกรรมนักเรียน
๔๒
ภาคผนวก
๑. คลิปวดิ โี อ นทิ าน “นอ้ งไขเ่ จียว ตอน เดก็ ดชี ว่ ยพ่อแมท่ ำงานบา้ น”
ลงิ ค์ : https://www.youtube.com/watch?v=W๘VFhqG๘Nv๐
๔๓
ใบความรู้
เร่อื ง ความหมายของบทบาทหนา้ ทแี่ ละสิทธิ
บทบาท หมายถึง สิง่ ทีบ่ คุ คลตอ้ งปฏบิ ัติ เช่น นกั เรยี นมีบทบาทหน้าทีต่ ้ังใจศึกษาเล่าเรียน
พอ่ แมม่ ีบทบาทหนา้ ท่ีในการเลี้ยงดูลูกและอบรมสั่งสอนใหเ้ ปน็ คนดี
นกั เรยี นมีบทบาทหนา้ ที่ต่อครอบครัว คอื เชอ่ื ฟังค าสง่ั สอนของพ่อแม่ เลี้ยงดูพ่อแมย่ ามแก่
ชรา ชว่ ยพอ่ แม่ทำงานบา้ น
สิทธิ หมายถึง ประโยชน์ทบี่ ุคคลควรจะไดร้ บั ตามกฎหมายเชน่ เด็กทเ่ี กดิ มามีสิทธทิ ่ีจะมี
ชือ่ และนามสกลุ มสี ทิ ธไิ ด้รับความรัก ความปลอดภยั การดแู ลปกป้องจากอันตราย
สทิ ธทิ ่นี กั เรียนพงึ ได้รับ เช่นสิทธิได้รบั การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน มีสทิ ธจิ ะได้รับการเล้ียงดแู ละ
ปกปอ้ งจากพอ่ แม่ มีสทิ ธทิ จ่ี ะแสดงความคิดเหน็ ร่วมกบั สมาชิกในครอบครัว
๔๔
นทิ าน เรอ่ื งเจ้าทองดำ
ปอ๋ งเปน็ ลกู คนเดยี วของพ่อ แมเ่ สียชีวิตไปตั้งแตป่ ๋องยังเลก็ พอ่ จึงรกั และตามใจลกู มาตลอด
ป๋องตอ้ งการอะไรพ่อจะหามาให้ทุกอยา่ ง ปอ๋ งไปเที่ยวสวนสัตวเ์ หน็ นกพูดได้ พ่อบอกวา่ เขาเรยี กว่า
นกขนุ ทอง ป๋องจึงอยากได้
วันหนึง่ พ่อเขา้ ไปในป่าเพือ่ จับลูกนกมาใหป้ ๋องมขี นลำตัวสีดำ พอ่ บอกว่ามนั เปน็ ลูก
นกขนุ ทอง เราถา้ เราเลยี้ งตงั้ แตเ่ ลก็ และสอนให้มนั หดั พดู มนั จะพูดตามได้ ป๋องดใี จมาก ตัง้ ชื่อว่า
เจ้าทองดำ ป๋องเอาเจ้าทองดำใสไ่ วใ้ นกรง เอาผลไม้ แมลง และน้ำใส่ไว้ให้มนั กนิ แต่เจ้าทองดำไม่
ยอมกินอาหารท่ีป๋องเตรยี มไว้เลย มนั ได้แต่เกาะอยใู่ นกรงแคบ อยา่ งหงอยเหงา
ปอ๋ ง : พอ่ ครบั ทำไม่เจ้าทองดำไม่กินอะไรเลย
พอ่ : มนั คงคดิ ถึงพ่อแม่มัน ตอนแมห่ นูตายไป พ่อกบั ลกู ก็เสียใจมากเหมือนกนั
ปอ๋ ง : พอ่ แม่ นกคงเสียใจเหมอื นกนั นะพ่อ
พอ่ : ใชล่ ูก
ป๋อง : ถ้าเชน่ น้ันเราเอาเจ้าทองดำไปคืนให้พอ่ กบั แม่มันนะพ่อ
พอ่ : ดีแล้วลูกที่คดิ แบบน้นั พอ่ เองก็ผดิ ท่รี กั ปอ๋ งมากอยากได้อะไรก็จะตามใจปอ๋ งทกุ อย่าง
จึงไปพรากลกู นกมาจากพ่อแม่มนั
พอ่ พาปอ๋ งไปยงั ทท่ี ีน่ ำลกู นกมาพอ่ กับแม่นกขุนทองรอการกลับมาของลกู ป๋องและพ่อยืนดู
นกขุนทอง พ่อนกบนิ ไปหาอาหารมาให้ลูกนกกิน มันกินอยา่ งเอรด็ อร่อย พ่อและปอ๋ งกลับมาบา้ น
และย้ิมอย่างมคี วามสขุ กับการได้ปลอ่ ยลูกนกไปสอู่ อ้ มอกพอ่ แม่
.................................................................
๔๕
บตั รรูปภาพ
เด็กนกั เรยี นจงู คนแกข่ ้ามถนน
เด็กนักเรียนช่วยกนั กวาดขยะ
๔๖
บัตรรปู ภาพ
เดก็ นกั เรยี นช่วยกนั ปลกู ปา่ ชายเลน
๔๗
ใบงานที่ ๔.๑ เร่ือง กายกรรม วจกี รรม มโนกรรม
คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นเลือกและเติมหมายเลขจากพฤติกรรมทส่ี อดคล้องกับหลักธรรมที่กำหนดให้
๑ ๒๓
วาจาสภุ าพต่อครอู าจารย์ ทำความสะอาดในห้อง พูดจาดว้ ยความไพเราะ
๔ ๕ ๖
มจี ิตคิดเป็นกุศล มกี ริ ยิ าอาการที่สุภาพ มีจิตใจท่ีสงบสขุ
เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม
ช่อื .......................................................................................ชน้ั .................................เลขท่ี........................
๔๘
( เฉลย ) ใบงานที่ ๔.๑ เรื่อง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลอื กและเติมหมายเลขจากพฤติกรรมทส่ี อดคล้องกบั หลักธรรมทก่ี ำหนดให้
๑ ๒๓
วาจาสุภาพตอ่ ครูอาจารย์ ทำความสะอาดในหอ้ ง พูดจาด้วยความไพเราะ
๔ ๕ ๖
มจี ติ คดิ เปน็ กุศล มีกิรยิ าอาการที่สุภาพ มีจติ ใจท่สี งบสุข
๒๕ ๓๑ ๔๖
เมตตากายกรรม เมตตาวจกี รรม เมตตามโนกรรม
ช่ือ.......................................................................................ชัน้ .................................เลขที่........................
๔๙
ใบงานท่ี ๔.๒
เรอ่ื ง หนา้ ทีข่ องพลเมอื งที่ดี
คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนทำเครอื่ งหมายถกู / หรือเคร่อื งหมาย x ใหต้ รงกบั พฤติกรรมทีก่ ำหนดให้
..............๑. ภูผานำกล้วยมารบั ประทานที่โรงเรยี นแลว้ แบ่งให้เพ่อื นในหอ้ งรับประทานดว้ ย
...............๒. ขวัญใจเปน็ คนท่ีร้จู ักประหยดั และอดออม เพือ่ นำเงินไปใช้ในอนาคต
................๓. บ้านของต้อมไม่มีไมก้ วาดจึงนำไมก้ วาดท่ีโรงเรียนไปใชท้ ี่บ้าน
................๔. ต้นกล้าพบคนตาบอดกำลงั ขา้ มถนนเขาจงึ เข้าไปจงู คนตาบอดข้ามถนนโดย ปลอดภยั
................๕. ปิดเทอมแมพ่ าเอกไปปลูกป่าชายเลน และเกบ็ ขยะบรเิ วณชายหาด
...............๖. ฟา้ เดินขา้ มถนนขณะรถกำลังขับไปมาโดยที่ไม่ใช้ทางมา้ ลาย
...............๗. แก้วตาไปซื้อขนมท่ีตลาดแม่ค้าทอนเงินมาเกิน แก้วตาจงึ นำเงนิ ไปคนื แมค่ า้
……………๘. คนขับรถแท็กซ่ีเกบ็ กระเปา๋ สตางค์ของผู้โดยสารได้แตเ่ ขาไม่นำไปสง่ ตำรวจ
................๙. น้ำมาโรงเรียนตง้ั แต่เช้าตรู่และมกั ชวนเพอ่ื น ๆ ไปทำความสะอาดพน้ื ท่บี รเิ วณที่
รับผิดชอบเสมอ
...............๑๐. ในการแขง่ ฟตุ บอลระหวา่ งทีมสีเขยี วและทมี สแี ดงผลปรากฏวา่ สีเขยี วเป็นฝา่ ยชนะ
นักกีฬาทมี สีแดงมาจบั มือแสดงความยินดดี ้วยแสดงว่าเขาเปน็ ผมู้ ีน้ำใจนกั กฬี า
ชื่อ-สกุล.............................................................ชน้ั .............................เลขท.่ี ......................
๕๐
เฉลย ใบงานท่ี ๔.๒
เร่อื ง หน้าท่ขี องพลเมอื งทดี่ ี
คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนทำเครือ่ งหมายถกู / หรือเครอ่ื งหมาย x ให้ตรงกบั พฤติกรรมที่กำหนดให้
......./.......๑. ภผู านำกล้วยมารบั ประทานที่โรงเรยี นแลว้ แบง่ ใหเ้ พือ่ นในห้องรับประทานดว้ ย
......./........๒. ขวัญใจเป็นคนทร่ี จู้ กั ประหยัดและอดออม เพ่อื นำเงินไปใชใ้ นอนาคต
........X.......๓. บ้านของต้อมไมม่ ีไม้กวาดจึงนำไมก้ วาดท่โี รงเรยี นไปใชท้ ่ีบา้ น
......../......๔. ต้นกล้าพบคนตาบอดกำลังขา้ มถนนเขาจงึ เขา้ ไปจงู คนตาบอดข้ามถนนโดย ปลอดภัย
......../.......๕. ปิดเทอมแม่พาเอกไปปลูกป่าชายเลน และเก็บขยะบริเวณชายหาด
........X.....๖. ฟา้ เดนิ ขา้ มถนนขณะรถกำลงั ขับไปมาโดยท่ไี มใ่ ช้ทางม้าลาย
........./......๗. แก้วตาไปซื้อขนมท่ตี ลาดแมค่ า้ ทอนเงินมาเกิน แกว้ ตาจึงนำเงนิ ไปคนื แม่ค้า
………X……๘. คนขับรถแทก็ ซ่เี ก็บกระเป๋าสตางคข์ องผูโ้ ดยสารได้แต่เขาไม่นำไปสง่ ตำรวจ
........./......๙. น้ำมาโรงเรยี นต้ังแตเ่ ช้าตรูแ่ ละมกั ชวนเพอื่ น ๆ ไปทำความสะอาดพ้นื ทบ่ี รเิ วณท่ี
รับผิดชอบเสมอ
........./......๑๐. ในการแข่งฟตุ บอลระหวา่ งทมี สเี ขยี วและทมี สแี ดงผลปรากฏวา่ สีเขียวเปน็ ฝา่ ยชนะ
นกั กีฬาทีมสีแดงมาจบั มอื แสดงความยนิ ดดี ้วยแสดงวา่ เขาเปน็ ผู้มนี ้ำใจนกั กฬี า
ช่อื -สกุล.............................................................ชน้ั .............................เลขท.่ี ......................
๕๑
แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงาน
ท่ี ชอื่ – สกลุ รายการประเมนิ รวม
ข้อมูลถูกตอ้ ง มวี ธิ คี น้ ควา้ หา ลายมือ สง่ งานตรง ความ คะแนน
ครบถ้วน (๒) คำตอบท่ี บรรจง เวลา(๒) สวยงาม(๒) (๑๐)
เหมาะสม (๒) อ่านง่าย (๒)
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชือ่ …………..…………………………….ผตู้ รวจ
ผลงานหรอื พฤติกรรมสมบรู ณ์ชัดเจน (………………….………………….……)
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีข้อบกพรอ่ งบางสว่ น …………/…………/………..
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก
ให้ ๒ คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ให้ ๑ คะแนน
ดเี ยย่ี ม = ๘-๑๐ คะแนน ให้ ๐ คะแนน
ดี = ๖-๗ คะแนน
พอใช้ = ๔-๕ คะแนน
ปรบั ปรงุ = ๐-๓ คะแนน
๑
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้
หนว่ ยที่ ๑ สังวรปทาน : การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
ระดับช่วงชน้ั ท่ี ๒ (ป.๔ - ป.๖)
เรือ่ ง คดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม เวลา ๒ ช่ัวโมง
๑.สาระสำคญั /เนือ้ หา
อัตถะ ๓ ประการ หมายถงึ ประโยชน์หรอื ผลที่มุง่ หมาย ๓ ประการ ได้แก่
(๑) อตั ตัตถะ หมายถงึ ประโยชน์ตน
(๒) ปรตั ถะ หมายถึง ประโยชนผ์ อู้ ืน่
(๓) อภุ ยัตถะ หมายถึง ประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ทงั้ สองฝา่ ย คือ ประโยชนต์ นและ
ประโยชนผ์ ้อู ่ืนรวมกันหรือท่เี รียกว่า ประโยชนส์ ่วนรวม
สงั วรปธาน คอื ป้องกนั ปัญหาการทจุ รติ เป็นหลกั พทุ ธธรรมสำคัญเพ่ือจะไมใ่ ห้เกดิ ปญั หาการทจุ ริต โดย
ทำใหค้ นในสงั คมคดิ ดี มีมโนสุจรติ พูดดวี จสี ุจริต ทำดีกายสุจรติ เพราะไม่ไปฉกฉวยผลประโยชน์ของส่วนรวมมา
เป็นของตน เพื่อทำให้ผู้เรียนสามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนบุคคล ส่วนบคุ คลอ่นื กับผลประโยชน์
สว่ นรวมได้ และคำนงึ ถึงผลประโยชน์สว่ นรวมมากกวา่ ผลประโยชน์สว่ นบุคคล
สติ แปลว่า ความระลึกได้ ความนกึ ขน้ึ ได้ ความไมเ่ ผลอ ฉุกคดิ ขึน้ ได้ การคุมจิตไวใ้ นกจิ หนา้ ที่เพ่ือให้เกิด
ความสุจริตเสมอ เพื่อต้านทจุ ริต
ศลี แปลวา่ กฎ ระเบยี บ หรอื ขอ้ ปฏิบัตติ นขน้ั พืน้ ฐานในทางพระพทุ ธศาสนา เพื่อควบคมุ ความประพฤติ
ทางกายและวาจาใหต้ ้ังอยใู่ นสจุ รติ และความดงี ามมคี วามปกติสุขในสังคม
ญาณ แปลวา่ ความรู้ คือ ปรีชาหย่งั รู้ ปรีชากำหนดรู้ หรอื กำหนดรู้ได้ด้วยอำนาจการแยกแยะฐานสอง
หรอื ฐานสิบ เพราะการฝึกฝนจติ ใจใหเ้ ข้มแข็ง ด้วยเรียนรอู้ ัตถะ ๓ ประการเพ่ือพัฒนาตนเอง บุคคลอน่ื และสังคม
ให้เข้มแขง็ (STRONG VALUE)
๒. จดุ ประสงค์
๑. เพ่ือให้นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับหลกั ธรรม อัตถะ ๓ (K)
๒. เพื่อใหน้ ักเรยี นสามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนบุคคล บุคคลอ่นื กบั ผลประโยชน์สว่ นรวม
ได้ โดยใชห้ ลกั ธรรมอัตถะ ๓ และโยนโิ สมนสิการ (P)
๒
๓. เพื่อใหน้ ักเรียนสามารถเห็นความสำคัญของการคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน ประโยชน์
บุคคลอน่ื กับผลประโยชน์สว่ นรวม และสามารถนำหลักธรรมไปประยุกต์ใชใ้ นการดำรงชีวติ ประจำวันได้อย่างมี
ความสขุ (A)
๓. กจิ กรรมการเรียนรู้ (Active Learning )
๓.๑ ขัน้ นำ (กัลยาณมิตรสนทนา หรอื ปจุ ฉาวิสชั นา)
๑. ครูสนทนาซกั ถาม (กัลยาณมติ รสนทนา หรือปจุ ฉาวสิ ัชนา) นกั เรียนเกยี่ วกับของใชใ้ น
ชวี ติ ประจำวนั เชน่
- ของใช้สว่ นตัวของนักเรียน มีอะไรบ้าง ยกตวั อยา่ งมาคนละ ๑ ชนิด
( เชน่ โทรศัพท์ แป้ง เสื้อผา้ เครอ่ื งแต่งกาย ฯลฯ)
- ของใช้ส่วนรวมมอี ะไรบา้ ง ยกตัวอย่างมาคนละ ๑ ชนดิ
( เชน่ สนามเดก็ เลน่ สนามฟุตบอล รถเมล์ หอ้ งน้ำ โรงพยาบาล ฯลฯ)
๒. นกั เรยี นและครูช่วยกันสรปุ ประเภทของใชท้ น่ี ักเรยี นยกตัวอยา่ งมา ว่าเปน็ ของใช้สว่ นตนหรอื
ของใชส้ ่วนรวม
๓.๒ ขัน้ สอน (สติ ศีล ญาณ)
๑. นกั เรยี นรว่ มกันสบื ค้นความหมาย ความแตกตา่ งระหว่างชองใช้ส่วนตนและชองใชส้ ่วนรวม
๒. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอธิปรายสงิ่ ของทเี่ ป็นของส่วนตนและของสว่ นรวม นกั เรียนควร
นำมาใชอ้ ยา่ งไรให้เกดิ ประโยชนแ์ ละคุ้มค่า พร้อมทงั้ แนวทางในการดูแลรกั ษาของส่วนตนและของสว่ นรวม เพราะ
ของสว่ นรวมนนั้ มีประโยชนต์ อ่ ตัวนักเรียนและคนอื่นดว้ ย และนักเรียนก็เป็นเจ้าของร่วมกบั คนอ่ืน
๓. นักเรียนทำใบงานท่ี ๑ เรอื่ ง ของสว่ นตน ของสว่ นรวม ใช้อยา่ งไรให้เกิดประโยชน์ โดยใชเ้ วลา
ในการทำใบงาน ๑๐ นาที
๔. ส่มุ นกั เรยี นออกนำเสนอหน้าชนั้ เรียน ๓-๕ คน โดยให้นกั เรียนและครรู ว่ มกนั แสดงความ
คดิ เห็นและสรปุ บทเรียนร่วมกนั
๕. ครูและนักเรียนสนทนา และทบทวนความรู้เรื่องผลประโยชน์สว่ นตน และผลประโยชน์
สว่ นรวมจากการเรยี นในช่วั โมงกอ่ นหน้า
๖. ครใู หน้ กั เรยี นดูคลปิ วดี ีโอ เรื่อง คุณวา่ ใครชนะ จากลงิ ค์
https://www.youtube.com/watch?v=u๖L๗๔๙nfVWk และสนทนาซักถามเก่ียวกับวดี ีทัศน์ การแยกแยะ
ผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๓
๗. นกั เรยี นจบั กลมุ่ กล่มุ ละ ๕ คน ตามความสมัครใจ ร่วมกนั ระดมความคิดเห็น ว่าจากการดู
วีดโี อ นักเรยี นสามารถนำหลักธรรมเร่อื ง อัตถะ ๓ มาใชแ้ ก้ปัญหาได้อยา่ ง พรอ้ มท้ังแจกใบความรู้ความหมายของ
อัตถะ ๓ ให้นักเรียน โดยใหน้ ักเรียนออกแบบช้ินงานเปน็ แผนผงั ความคิดเห็น ในกระดาษบรุฟ๊ ตกแต่งระบายสใี ห้
สวยงาม ใหเ้ วลานกั เรยี นทำชน้ิ งานประมาณ ๓๐ นาที
๘. ครจู ับฉลากกลุ่มออกมานำเสนอหน้าช้ันเรียนจบครบทุกกลุ่ม
๙. ระหวา่ งแต่ละกลุ่มนำเสนอ นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็นได้
๑๐. ครูและนักเรียนสรุปบทเรียนร่วมกนั
๓.๓ ข้นั สรุป (สติ ศลี ญาณ)
๑. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและ
ผลประโยชน์สว่ นรวม
๔. ภาระงาน/ชิ้นงาน
๑. ใบงานท่ี ๑ เรอื่ ง ของสว่ นตน ของส่วนรวม ใช้อย่างไรใหเ้ กิดประโยชน์
๒. แผนผงั ความคิดการนำหลักธรรมเรื่อง อัตถะ ๓ มาใชแ้ กป้ ัญหา
๓. แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
๕.สือ่ /แหล่งเรยี นรู้
๑. คลปิ วีดีโอ เร่ือง คุณว่าใครชนะ
๒. ใบความรู้ เรื่อง อตั ถะ ๓
๖. การวดั ผลและประเมินผล
๖.๑ วธิ กี ารวัดผลและประเมินผล
๑. สังเกตจากการตอบคำถาม
๒. ตรวจชิน้ งาน/ผลงาน/ใบงาน
๓. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
๖.๒ เครือ่ งมอื การวดั และประเมนิ
๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
๒. แบบประเมินช้ินงาน/ผลงาน/ใบงาน
๓. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
๖.๓ เกณฑ์การวดั และเมนิ ผล
๔
นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป
๕
ภาคผนวก
๖
ใบใบงงาานนทท่ี ่ี๑๑
เร่อื งเรข่อื องงขสอว่ งนส่วตนนตนขอขงอสงว่สว่นนรรววมมใใชชอ้้อยย่าา่ งงไไรรใใหห้เกเ้ กดิ ิดปประรโะยโชยนช์ น์
คำส่งั ให้นักเรยี นยกตวั อยา่ งของใช้สว่ นตน ของใช้ส่วนรวม และบอกถึงการใช้อยา่ งไรให้เกิดประโยชน์ พร้อมท้ัง
ตกแต่งระบายสใี ห้สวยงาม
1. ………………………………………………..................................…………………
…
ใช้อย่างไร
...............................................................................................
2. ….…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…..…...…...…...…...…...….......................................................................…...…...…...…...…...…...…......
…..
ใช้อย่างไร
...............................................................................................
3. …...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…..…...…...…...…...….......................................................................…...…...…...…...…...…...…....
…..
ใช้อย่างไร
...............................................................................................
.............................................................................................................
..
1. ………………………………………………..................................…………………
…
ใช้อยา่ งไร
...............................................................................................
2. …….....…...…...…...…...…...…...…...…...…..…...…...…...…...…...…...…...….......................................................................…...…...…...…...…..…...….....
ใช้อย่างไร
...............................................................................................
3. …….....…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…..…...…...…...…...….......................................................................…...…...…...…...…...…...…....
ใช้อย่างไร
...............................................................................................
.............................................................................................................
ชอื่ ...........................................................................................ชัน้ .....................เลขท่ี
.....................
๗
คลปิ วีดโี อ เรื่อง คุณว่าใคร
๙
รชนะ (https://www.youtube.com/watch?v=u๖L๗๔๙nfVWk )
๑๐
แบบทดสอบหลังเรียน
เรอ่ื ง การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน ประโยชน์บุคคลอน่ื กบั ผลประโยชน์ส่วนรวม
ช่ือ........................................................ช้ัน.....................เลขท่.ี .................
คำาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเขียนเคร่ืองหมาย √ หนา้ ข้อความท่ีเปน็ การกระทำท่ีแสดงใหเ้ หน็ ถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
และเขียนเครือ่ งหมาย x หน้าขอ้ ความท่ีเปน็ การกระทำที่แสดงใหเ้ ห็นถงึ ผลประโยชนส์ ่วนตน
……………….. ๑. เดก็ ชายตณิ ขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้าสาธารณะ
………………. ๒. เด็กชายกอ้ งชว่ ยเก็บขยะในบรเิ วณโรงเรยี น
……………… ๓. เดก็ ชายตูนไมต่ อ่ แถวซ้ืออาหาร
………………. ๔. เดก็ หญงิ แพรวาชว่ ยรดนำ้ ต้นไม้ภายในบรเิ วณโรงเรียน
……………… ๕. เด็กหญงิ ดารนิ สมัครเป็นคณะกรรมการโรงเรยี น
……………… ๖. นายโจน้ ำอาหารข้ึนมารับประทานบนรถสาธารณะ
……………… ๗. นายเรวตั นำโทรศทั พ์มอื ถือมาชาร์จแบตเตอรร์ ีใ่ นสถานที่ราชการ
…………….. ๘. เด็กหญงิ พลอยใสอาสาพาน้องอนุบาลไปสง่ ถงึ หอ้ งเรยี น
…………….. ๙. นายแบงคน์ ำสนุ ขั ของตนเองไปถ่ายมูลในที่สาธารณะ
……………... ๑๐. นายพรเทพขบั แท็กซ่ีนำทรัพย์สนิ ทีเ่ ก็บได้ของผูโ้ ดยสารไปส่งทสี่ ถานีตำารวจ
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
นักเรียนผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๕๐ ขนึ้ ไป
๑๑
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
เรือ่ ง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน ประโยชนบ์ ุคคลอืน่ กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ชอ่ื ........................................................ชน้ั .....................เลขท.ี่ .................
คำาชี้แจง ให้นกั เรียนเขยี นเคร่อื งหมาย √ หนา้ ข้อความที่เปน็ การกระทำท่ีแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์
ส่วนรวม และเขยี นเคร่ืองหมาย x หน้าขอ้ ความทเ่ี ป็นการกระทำที่แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ผลประโยชนส์ ว่ นตน
……… x ……….. ๑. เดก็ ชายติณข่รี ถจักรยานยนตบ์ นทางเท้าสาธารณะ
………√…….…. ๒. เดก็ ชายก้องชว่ ยเกบ็ ขยะในบริเวณโรงเรียน
……… x ……… ๓. เดก็ ชายตูนไม่ต่อแถวซ้ืออาหาร
………√….……. ๔. เดก็ หญิงแพรวาชว่ ยรดน้ำต้นไม้ภายในบรเิ วณโรงเรียน
………√….…… ๕. เดก็ หญงิ ดารินสมัครเปน็ คณะกรรมการโรงเรยี น
……… x ……… ๖. นายโจ้นำอาหารขนึ้ มารับประทานบนรถสาธารณะ
……… x ……… ๗. นายเรวัตนำโทรศัทพ์มอื ถือมาชาร์จแบตเตอร์รี่ในสถานทีร่ าชการ
………√……... ๘. เด็กหญงิ พลอยใสอาสาพาน้องอนุบาลไปส่งถงึ หอ้ งเรียน
……… x …….. ๙. นายแบงคน์ ำสนุ ขั ของตนเองไปถา่ ยมลู ในท่ีสาธารณะ
………√……... ๑๐. นายพรเทพขบั แท็กซ่ีนำทรัพยส์ นิ ที่เกบ็ ไดข้ องผโู้ ดยสารไปสง่ ทสี่ ถานตี ำารวจ
๑๒
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
ช่ือ....................................................................................................ชน้ั ......................เลขท.ี่ .....................
ลำดับที่ พฤติกรรม คณุ ภาพการปฏิบัติ
๓๒๑
๑ ความมวี ินยั เพ่ือรักษาประโยชน์ ๓ ระดบั ในสงั คม
๒ ความมนี ้ำใจ เอื้อเฟ้ือ เสียสละเพื่อสร้างสงั วรปธานตา้ นทุจรติ
๓ การแสดงความคดิ เหน็ อย่างมกี ลั ยาณมิตรดา้ นประโยชน์ ๓ ประการ
๔ การรับฟงั ความคิดเหน็ ด้านประโยชน์ ๓ ประการ ดว้ ยความอดทน อดกลั้น
๕ การร่วมมอื ทำงานส่วนรวมเพ่ือประโยชน์ตนเอง ประโยชนบ์ คุ คลอ่ืน และประโยชน์
ส่วนรวม (ประโยชน์ร่วมกัน)
รวม
ลงช่ือ..............................................................................ผ้ปู ระเมนิ
......................./.........................../..................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้งให้ ๒ คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั หรอื น้อยครัง้ ให้ ๑ คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
๑๒ - ๑๕ ดี
๘ - ๑๑ พอใช้
ตำ่ กว่า ๘ ปรับปรุง
๑๓
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
๑๔
หน่วยท่ี ๒ ปหานปธาน : ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต ชว่ งชั้นที่ ๒ (ป.๔- ป.๖)
เรอื่ ง ไมย่ อม ไมท่ น ไม่เฉย จำนวน ๒ ชั่วโมง
๑. สาระสำคญั /เนื้อหา
หิริโอตตัปปะ (เป็นหลักธรรมคุ้มครองโลกให้สงบสุข) หิริ แปลว่า ความอายต่อเหตุให้เกิดบาป หรือ
ตน้ เหตคุ วามเสื่อม ความล้าหลังของตนเอง บคุ คลอื่น และสงั คมส่วนรวม โอตตัปปะ แปลว่า ความกลวั ต่อผล
ของบาป หรือต้นเหตคุ วามเสือ่ ม ความลา้ หลังของตนเอง บคุ คลอื่น และสังคมส่วนรวม
คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม คุณค่าแท้ หมายถึง คุณค่า หรือประโยชน์ของสิ่งทั้งหลาย ในแง่ที่สนองความ
ต้องการของชีวิตโดยตรง หรือที่มนุษย์นำมาใช้แก้ปัญหาของตนเพื่อความดีงามความดำรงอยู่ด้วยดีของชีวิต
หรือเพื่อประโยชน์สุขทั้งของตนเองและผู้อื่น คุณค่านี้อาศัยปัญญาเป็นเครื่องตีค่าหรือวัดราคา จะเรียกว่าคุณ
คา่ ท่ีสนองปัญญาก็ได้ คุณคา่ เทียม หมายถึง คุณค่า หรอื ประโยชนข์ องส่ิงท้งั หลายท่มี นุษย์พอกพูนให้แก่สิ่งนั้น
เพื่อปรนเปรอการเสพเสวยเวทนา หรือเพื่อเสริมราคาเสริมขยายความ มั่นคงยิ่งใหญ่ของตัวตนที่ยึดถือไว้
คุณค่านอ้ี าศยั ตัณหาเป็นเครื่องตีคา่ หรือวดั ราคา จะเรยี กว่าคณุ คา่ สนอง ตัณหากไ็ ด้
ความไม่ทนและความละอายต่อการทุจริต หมายถึง ไม่ยินยอม ไม่ยอมรับ ต่อการทุจริตหรือการ
กระทำทไ่ี มถ่ ูกต้อง ตอ้ งมีการแสดงออกอย่างใดอยา่ งหนง่ึ เกดิ ขน้ึ มคี วามละอายใจ ละอายตอ่ การกระทำผดิ
ปหานปธาน หมายถึง การเพียรพยายามละการทุจริตซึ่งมีอยู่แล้วภายในจิตใจตนเอง บุคคลอื่น และ
องค์กรส่วนรวม โดยอาศัยการพิจารณาเห็นโทษของการทุจริตที่มีอยู่ภายในจิตแห่งตน พฤติกรรมบุคคลอ่ืน
และสังคมส่วนรวม ปลูกฝังความพอใจในสุจริตธรรม เป็นเครื่องมือเพ่ือละการทุจรติ เหล่านั้นไปจากจิต และใช้
ความพยายาม ความเพียร การกระทำต่อเน่ือง ก็พยายามรักษาคุณภาพจติ และความสจุ ริในองค์กรหรือสังคม
เอาไว้ในจดุ นนั้ กระท่งั สามารถละการทจุ รติ หรือความเส่ือมโทรมทางสังคมได้ จะมากหรอื นอ้ ยก็ตาม
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับหิรโิ อตตัปะ คณุ คา่ แท้ คณุ ค่าเทยี ม (K)
๒. นกั เรียนวิเคราะหเ์ ก่ยี วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ มาในรูปแบบชิน้ งานได้ (P)
๓. นักเรยี นเหน็ ความสำคัญของการตอ่ ต้านและการป้องกนั การทจุ รติ (A)
๓. ขน้ั ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (Active learning : PBL )
๓.๑ ขน้ั นำ
๑. นักเรียนชมคลิปวดิ ีโอ เร่ือง เดก็ ชายตมู ตามโกงข้อสอบ ประมาณ ๓๐ วนิ าที
(https://www.youtube.com/watch?v=๘zZwAD๘๓CD๔)
๒. ครสู นทนาร่วมกบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั คลิปวีดโี อ ดงั น้ี
- จากคลปิ นักเรียนเห็นอะไรบ้าง (เปน็ การทบทวนเรือ่ งราวในคลปิ วีดโี อ)
- จากคลิปนกั เรียนเหน็ พฤติกรรมอะไร
(แนวคำตอบ เหน็ การสอบ/ตูมตามโกงการข้อสอบ/เพ่ือนในห้องไมก่ ล้าบอกครู/ฯลฯ)
๓.๒ ข้ันสอน
๑. นกั เรยี นจับกลมุ่ ออกเปน็ กลุม่ ๕ กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ตามความสมคั รใจ
๒. แจกกระดาษโพสอิทให้กลมุ่ ละ ๒ แผ่น แล้วให้ชว่ ยกนั ระดมความคดิ เขยี นบอกขอ้ เสีย
ของการทจุ รติ การสอบลงในกระดาษโพสอิท โดยคดั เลือกข้อเสียที่นกั เรียนคดิ วา่ สำคญั ท่สี ุดมากล่มุ
ละ ๒ ขอ้ และให้ตัวแทนกลมุ่ ออกมาติดบนกระดานหน้าห้อง/จุดท่ีครเู ตรยี มไว้
๓. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั คัดเลือกและสรุปคำตอบ ที่แต่ละกลุ่มนำมาติดว่าข้อเสยี ของการ
๑๕
ทุจริตการสอบมีอะไรบ้าง (หากคำตอบใดซ้ำกันหลายข้อให้จัดลำดับเป็นข้อเสียที่สำคัญที่สุด) และ
อธบิ ายเพม่ิ เตมิ หากคำตอบนกั เรียนยังไม่ครอบคลุม
๔. นักเรยี นจับคู่ศกึ ษาหลักธรรมจากใบความรู้ เรื่อง หิรโิ อตตัปะ/คณุ ค่าแท้ คณุ ค่าเทียม
และทำชน้ิ งาน เร่ือง ไม่ยอม ไม่ทน ไม่เฉย
๕. สุม่ นักเรียนออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรียน ๔ - ๕ คน โดยครแู ละนักเรียนรว่ มกันแสดงความ
คิดเหน็ และสรปุ ประเด็นร่วมกัน
๓.๓ ข้นั สรุป
๑. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เรือ่ ง ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต ความสำคัญของ
การต่อต้านและการปอ้ งกันการทจุ ริต
๒. นำผลงานนกั เรียนตดิ บอรด์ นเิ ทศในโรงเรยี น
๔. ภาระงาน/ชน้ิ งาน
๑. ชิ้นงาน เรือ่ ง ไมย่ อม ไม่ทน ไม่เฉย
๒. งานกลุม่
๕. สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้
- คลปิ วดิ โี อ เร่ือง โกงข้อสอบ (https://www.youtube.com/watch?v=๘zZwAD๘๓CD๔)
- ใบความรู้ เรอ่ื ง หิรโิ อตตัปะ/คณุ คา่ แท้ คุณค่าเทยี ม
๖. การวดั และประเมินผล
วิธกี ารวัดและประเมินผล
1. สังเกตจากการตอบคำถาม
2. ตรวจผลงาน/ชน้ิ งาน
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม
เคร่อื งมือ/เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล
๑. แบบให้คะแนนการตรวจผลงาน/ชน้ิ งาน
๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล
- นักเรยี นผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป
๑๖
ใบความรู้
เรอ่ื ง หริ โิ อตตปั ะ/คุณค่าแท้ คณุ คา่ เทียม
หริ โิ อตตัปะ
หิริ (อ่านว่า หิ-ร,ิ ห-ิ หร)ิ แปลว่า ความละอายแก่ใจ ความละอายต่อบาป หิริ หมายถึงความละอายใจ
ตัวเองต่อการทำความชั่วความผิด ต่อการประพฤติทุจริตทั้งหลายและความละอายใจตัวเองที่จะละเว้นไม่ทำ
ความดีซงึ่ ควรจะทำให้เกดิ มใี นตน เชน่ บดิ ามารดามีความละอายใจทจ่ี ะไม่ดแู ลบตุ รของตน เชน่ นี้เรยี กว่ามี หริ ิ
หริ ิ เปน็ ธรรมรกั ษาคุ้มครองโลก ทำใหโ้ ลกเกดิ สนั ติ ทำให้คนเราอย่กู ันอย่างสงบสุข เพราะคนที่มีหิริจะ
เกลียดความชั่ว และละอายที่จะทำความชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทำให้ไม่ก่อความเดือดร้อนให้แก่โลกและ
สรรพสัตว์ท้งั ปวง
หากเราคิดจะทำสิ่งใดที่ชั่ว ความละอายจะเกิดขึ้นมาในใจ แม้ว่าคนอื่นจะไม่เห็น คิดทำชั่วคืออย่างไร
สิ่งใดที่เป็นไปเพื่อความเลวทรามไม่ถูกตอ้ งทางธรรมคำสอนของพระพุทธเจา้ อันนั้นเปน็ ความเลว อะไรที่วัดวา่
ถูกหรือไม่ถูก คือถ้าเราทำอะไรลงไป ถ้าหากว่ามันไม่ถูกต้องแล้วมันรู้สึกจะละอายกระดากในใจตนเอง ความ
ละอายนี่แหละเป็นต้นเหตุให้ทำความดี ความดีทั้งหมดเกิดจากความละอายทั้งนั้น ความไม่ดีเกิดจากความไม่
ละอายน่ันเอง ศลี ๕ ข้อมคี วามละอายเปน็
โอตตปั ปะ (อา่ นว่า โอดตบั ปะ) แปลวา่ ความเกรงกลัว หมายถงึ ความสะด้งุ กลัวต่อผลของความชั่ว ต่อ
ผลของความทุจรติ ทีท่ ำไว้
โอตตัปปะ เป็นอาการของจิตที่หวั่นไหวเมื่อจะทำความชั่ว เพราะกลัวความผิดที่จะตามให้ผลใน
ภายหลัง เกิดขึ้นได้เพราะคิดถึงโทษหรือความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นจากการทำชั่ว จากการประพฤติทุจริตของตน
เช่น ตัวเองเองต้องเดือดรอ้ น เกดิ ความเสยี หาย เสียทรพั ย์สนิ เงนิ ทอง เสยี อสิ รภาพ หรือถูกคนอน่ื ตำหนิติเตียน
ถกู สงั คมรงั เกยี จ เปน็ ตน้
คณุ คา่ แท้ คณุ คา่ เทยี ม
คุณค่าแท้ หมายถึง ความหมาย คุณค่า หรือประโยชน์ของสิ่งทั้งหลาย ในแง่ที่สนองความ ต้องการ
ของชีวิตโดยตรง หรือที่มนุษย์นำมาใช้แก้ปัญหาของตนเพื่อความดีงามความดำรงอยู่ด้วยดีของชีวิตหรือเพ่ือ
ประโยชน์สุขทัง้ ของตนเองและผู้อ่ืน คณุ ค่านี้อาศยั ปญั ญาเป็นเครื่องตีค่าหรือวัดราคา จะเรียกว่าคุณค่าที่สนอง
ปัญญากไ็ ด้ เชน่ อาหารมีคณุ ค่าอยู่ทป่ี ระโยชนส์ ำหรับหล่อเลี้ยงรา่ งกาย ให้ดำรง ชวี ิตอยู่ได้ มีสขุ ภาพดี เป็นอยู่
ผาสุก มีกำลังเกื้อกูลแก่การบำเพญ็ กิจหน้าที่ รถยนต์ช่วยให้เดินทางได้รวดเร็ว เกื้อกูลแก่การปฏิบตั ิหน้าที่การ
งาน ความเป็นอยู่ การบำเพญ็ ประโยชนส์ ุข ควรมงุ่ เอาความสะดวก ปลอดภยั แขง็ แรง ทนทาน เปน็ ตน้
คุณค่าเทียม หมายถึงความหมาย คุณค่า หรือประโยชน์ของสิ่งทั้งหลายที่มนุษย์พอกพูนให้แก่สิ่งน้ัน
เพื่อปรนเปรอการเสพเสวยเวทนา หรือเพื่อเสริมราคาเสริมขยายความ มั่นคงยิ่งใหญ่ของตัวตนท่ี ยึดถือไว้
คุณค่านี้อาศัยตัณหาเป็นเครื่องตีค่าหรือวัดราคา จะเรียกว่าคุณค่าสนอง ตัณหาก็ได้ เช่น อาหารมีคุณค่าอยู่ที่
ความเอร็ดอร่อย เสริมความสนุกสนาน เป็นเครื่องแสดงฐานะความโก้หรือหรา รถยนต์เป็นเครื่องวัดฐานะ
แสดงความโก้ความมงั่ มี ม่งุ เอาความสวยงามและความเด่น เปน็ ต้น
ตดั ตามรูปและพบั ใหภ้ าพไอศกรมี มาทบกนั
...ไมย่ อม
ช่ือ........................................
ชื่อ........................................
คคำวชามีแ้ ไจมงท่ นใตหอ่ น้ กักาเรรทียจุนรวิติเคแรลาะ้วหแเ์สหดตงุกชคาว้นิ ราณง
เหต
เช้าวันนี้คุณครูพละจะคัดเล
เกบ็ ๑๐ คะแนน หลังทดสอบนักเรยี นหล
๘ คะแนน ในช่วงพักกลางวนั ด.ช.โจ ได้เข
บันทึกของครูพละแล้วเปลี่ยนคะแนนขอ
รายชื่อนักกีฬาที่มีผลคะแนนเต็มจากทด
รายชอ่ื ดใี จมาก ยกเวน้ ด.ช.โจ ที่กลับไมไ่ ด
๑. การกระทำของ ด.ช.โจ ถกู ตอ้ งหรือไ
...............................................................
๒. หากนักเรียนเปน็ ด.ช.โจ จะรู้สกึ ภมู
...............................................................
๓. หากนักเรยี นเป็น ด.ช.โจ หลงั จากเห
...........................................................เ.ห...ต
ณ โรงเรยี นแหง่ หน่ึง นักเรยี นช
และเห็นนอ้ งหลังหอ้ ง ๒ คน กำลงั แอบลอ
๑. การกระทำดงั กล่าวถกู ต้องหรอื ไม่ เ
...............................................................
๒. การกระทำดังกลา่ วส่งผลอย่างไร....
..................................................................
๓. จากเหตกุ ารณข์ า้ งตน้ หากนักเรียนเ
..................................................................
17
ม ไม่ทน ไมเ่ ฉย...
......................ชัน้ ...........เลขท่.ี ..........
......................ชน้ั ...........เลขที.่ ..........
าณงมา์ดคนังดิ ตเห่อ็นไปนี้ โดยเชื่อมโยงความละอายและ
ตกุ ารณท์ ี่ ๑
ลือกนักกีฬาแชร์บอลโดยการทดสอบโยนบอลเพื่อ
ลายคนดใี จมากที่ได้คะแนนเตม็ แต่ ด.ช.โจ ได้
ข้าไปในห้องพักครูซงึ่ ไมม่ ีใครอยู่ และแอบหยิบสมดุ
องตนเองเป็น ๑๐ คะแนน ในช่วงเย็นครูพละแจ้ง
ดสอบตอนเช้า ซึ่งมีชื่อ ด.ช.โจ อยู่ด้วย เพื่อนที่มี
ด้รู้สกึ ดีใจ
ไม่ เพราะอะไร
..............................................................................
มิใจท่ีถูกคดั เลอื กเปน็ นักกฬี าหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
.............................................................................
หตกุ ารณ์นีน้ ักเรยี นควรทำอยา่ งไร
.ต..กุ...า..ร..ณ...ท์...ี่ .๒............................................................
ชน้ั ป.๖ เดินผา่ นห้องนักเรยี นชัน้ ป.๕ ทก่ี ำลังสอบ
อกข้อสอบกันอยู่
เพราะเหตุใด
..............................................................................
............................................................................
..............................................................................
เปน็ นักเรียนช้ัน ป.๖ นักเรียนควรทำอย่างไร
..............................................................................
๑๘
แบบประเมินผลงาน/ชนิ้ งาน
ชื่อผลงาน...........................................................
ท่ี ช่อื -สกุล ตรงจดุ ประสงค์ พฤติกรรม เสร็จทันเวลา รวม
ท่กี ำหนด ผลงานมคี วาม การนำเสนอ ทก่ี ำหนด
ถูกต้อง สมบูรณ์ ผลงาน
๓๒๑ ๓๒๑๓๒๑ ๓ ๒ ๑ ๑๒
ลงช่อื ...............................................................ผปู้ ระเมิน
(...........................................................)
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ไดค้ ะแนน ๙–๑๒ คะแนน หมายถงึ ระดบั คณุ ภาพ ดี
ไดค้ ะแนน ๕–๘ คะแนน หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ได้คะแนน ๐–๔ คะแนน หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรุง
๑๙
รายการ แบบประเมินผลงาน/ชนิ้ งานนกั เรียน
ประเมิน คำอธิบายระดับคณุ ภาพ / ระดับคะแนน
ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรงุ (๑)
๑. ตรง อธบิ ายตรงจดุ ประสงค์ อธิบายตรงจุดประสงค์ อธบิ ายตรงจดุ ประสงค์
จดุ ประสงค์ ทีก่ ำหนดได้ครบถ้วน ที่กำหนดไดบ้ างส่วน ท่ีกำหนดได้
ที่กำหนด
๒. ผลงานมี ผลงานมคี วามถูกต้อง ตรง ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง ตรง ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง
ความถูกต้อง ประเด็น สมบูรณ์ ประเด็น
สมบรู ณ์
๓. การนำเสนอ ตระหนกั และเหน็ ตระหนักและเห็น ตระหนกั และเหน็
ผลงาน ความสำคญั ของผลประโยชน์ ความสำคญั ของผลประโยชน์ ความสำคญั ของ
ส่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นตนและผลประโยชน์ ผลประโยชน์สว่ นตนและ
ส่วนรวมได้ครบถว้ น ส่วนรวมไดบ้ างสว่ น ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๔. เสร็จ เสร็จทันเวลาทีก่ ำหนด เสรจ็ ทันเวลาทก่ี ำหนด เสร็จไม่ทันเวลาทก่ี ำหนด
ทนั เวลา
ท่กี ำหนด
๒๐
คลิปวดิ ีโอ เรอ่ื ง เดก็ ชายตูมตามโกงข้อสอบ
(https://www.youtube.com/watch?v=๘zZwAD๘๓CD๔)
๒๑
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ระดับช่วงช้ันท่ี ๒ (ป.๔- ป.๖)
หนว่ ยท่ี ๓ ภาวนาปธาน : STRONG จิตพอเพียงตา้ นทุจริต เวลา ๒ ชวั่ โมง
เร่อื ง จิตพอเพยี ง คดิ ไตรต่ รอง ไมค่ รอบครองของผู้อ่ืน
๑. สาระสำคญั /เน้อื หา
สจุ รติ ๓ แปลวา่ ความประพฤติดี หมายถึง การทำความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจ อันจะเป็นเหตุ
ให้เกดิ ความสขุ สงบรม่ เย็นทง้ั แกต่ นเองและผูอ้ ื่น ประกอบดว้ ย ๓ อยา่ ง ดงั น้ี
(๑) กายสุจริต หมายถึง ความประพฤตชิ อบดว้ ยกาย (good conduct in act) เปน็ การประพฤตดิ ี
และงดงามทางกายโดยงดเวน้ จากการไม่เบยี ดเบียน และฆ่าสัตว์ (ปาณาตบิ าต) การไม่แยง่ ชงิ คดโกง ยักยอก
และลักพาสิ่งของที่เจ้าของมิได้อนุญาต (อทินนาทาน) และการประพฤติผิดในเรื่องกามคุณจนขาดความสำรวม
ระวัง (กาเมสมุ จิ ฉาจาร)
(๒) วจีสุจรติ หมายถึง ความประพฤติชอบดว้ ยวาจา (good conduct in word) เป็นการประพฤติดี
และงดงามทางกาย โดยการงดเว้นจากการพูดเท็จ และบดิ เบอื นเพอ่ื ใหม้ า หรอื ให้บุคคลอื่นในทางทผี่ ดิ (มุสาวาท)
การพดู จาเหน็บแนมและสอ่ เสยี ดบุคคลอ่ืน (ปิสณุ วาจา) การพดู คำหยาบคายเพ่ือให้คนอนื่ เจ็บใจ (ผรุสวาจา)
และการพดู จาเพอ้ เจอ้ หาสาระมิได้จากการพดู เหลา่ น้ัน (สัมผปั ปลาปะ)
(๓) มโนสจุ ริต หมายถึง ความประพฤตชิ อบด้วยใจ (good conduct in thought) เป็นการประพฤตดิ ี
และงดงามทางจติ ใจ โดยการไม่เพ่งเล็งทจี่ ะแสวงหาชอ่ งทางเพ่ือใหท้ รัพย์สมบัติของคนอ่ืน (อนภิชฌา) การไมผ่ ูก
พยาบาทจองเวรคนอ่ืน (อพยาบาท) และการมคี วามคิดในทางที ่ถูกตอ้ งเหมาะสม มปี ญั ญาคิดพิจารณา
ส่ิงต่างๆ ตามความเปน็ จริง (สมั มาทฐิ )ิ
ภาวนาปธาน เปน็ หลักธรรมหน่ึงใน ปธาน ๔ อันหมายถงึ ความเพยี รท่ีชอบเป็นสัมมาวายามะ
(มี ๔ ประการ ได้แก่ สงั วรปธาน, ปหานปธาน, ภาวนาปธาน และอนรุ ักขนาปธาน) โดย ภาวนาปธานน้ัน
เป็นหลกั ธรรมขอ้ ที่ ๓ อนั หมายถงึ การเพยี รเจริญทำกุศลธรรมทีย่ งั ไม่เกิดใหเ้ กิดข้ึน หรือ เพียรเจรญิ เพียรทำ
กศุ ลธรรมทีย่ งั ไม่มียังไม่เกดิ ให้มขี นึ้
สนั โดษ คือ ความยินดี ความพอใจ คอื ความรจู้ ักพอดี ความรู้จักพอเพยี ง
มีลักษณะ ๓ อย่าง คอื
1. ยินดีพอใจในสิง่ ที่มีทีไ่ ด้มา ดว้ ยเรย่ี วแรงของตนในทางชอบธรรม ไม่ดนิ้ รนอยากไดจ้ นทำให้เกดิ ความ
เดอื ดร้อนจริงๆ
2. ยินดพี อใจกำลงั ของตน ใชก้ ำลงั ทม่ี ีอยู่ เชน่ ความรู้ ความสามารถใหเ้ กดิ ผลเต็มท่ี ไม่ยอ่ หย่อนบกพรอ่ ง
3. ยนิ ดพี อใจแต่ไม่เกนิ เลย คือรู้จกั พอเปน็ อิ่มเปน็ และแบ่งปันสว่ นที่เกนิ เลยไปเออ้ื เฟ้อื ผู้อ่ืนตามสมควร
๒๒
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. นักเรียนมีความรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกับหลักธรรมสุจริต ๓ และสันโดษ ทส่ี อดคลอ้ งกับ STRONG: จติ
พอเพยี งตา้ นทุจริต (K)
๒. นักเรียนสามารถอธิบายสถานการณ์ท่ีสอดคล้องกับ STRONG: จิตพอเพยี งต้านทจุ รติ ได้ (P)
๓. นกั เรียนสามารถนำความรู้ หลักธรรมไปประยุกต์ใชใ้ นการดำรงชวี ิตประจำวันได้ (A)
๓. ข้ันตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบ Active learning
๓.๑ ขัน้ นำ (กลั ยาณมติ รสนทนาหรอื ปุจฉาวสิ ัชนา/สันโดษ)
๑. กิจกรรมสร้างสมาธิก่อนเรียนให้กบั นกั เรียนครูใหน้ กั เรยี นประมาณ ๕ นาที เพื่อใหม้ ีสตใิ นการ
เรียน เชน่ การสอดดา้ ยเข้าเข็ม การเลน่ เกมทดสอบสมาธิตา่ งๆ
๒. นกั เรียนดภู าพอาหาร ดงั นี้
: ภาพพิซซ่า นำ้ อัดลม เฟรนฟาย ก๋วยเตีย๋ ว ผลไม้ แซนวชิ และนมกล่อง
๓. ครถู ามนักเรียน ดังนี้
: นักเรยี นจะเลือกรบั ประทานอาหารชนิดใดในมือ้ เชา้
แนวคำตอบ พิซซ่า นำ้ อดั ลม เฟรนฟาย กว๋ ยเต๋ยี ว ผลไม้ แซนวิชและนมกลอ่ ง
: เพราะเหตใุ ดนกั เรียนจงึ เลือกรับประทานอาหารดังกล่าว
แนวคำตอบ อร่อย ราคาถูก หาซ้อื ง่าย รับประทานง่าย/เร็ว มีประโยชน์
4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเหตุผลในการเลือกรับประทานอาหาร โดยครูแนะนำให้
นักเรียนใช้แนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเปรียบเทียบ วางแผน ตัดสินใจเลือก
อาหารท่ีมปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกาย
๓.๒ ขั้นสอน (สุจรติ ๓)
๑. นกั เรียนชมคลิป เรื่อง การ์ตนู พอเพียงตา้ นทุจริต จาก
ลงิ คh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=IjDWrYeQ๗Xs
๒. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายความรู้เก่ยี วกบั แนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงจาก
คลิปเรื่อง การ์ตูนพอเพียงต้านทุจริต และเชื่อมโยงความรูเ้ กี่ยวกับ STRONG: จิตพอเพียงต้านทุจริต เพื่อ
ขยายความรู้เพิ่มเติมให้กับนักเรยี น โดยใช้ใบความรู้ เร่ือง STRONG: จิตพอเพียงต้านทุจริต ประกอบการ
อภปิ ราย
๓. นักเรยี นจบั กลุ่มๆ ละ ๕ คน รว่ มกันจดั ทำผังมโนทัศน์จากสถานการณ์ในคลิปเร่ือง การต์ ูน
พอเพยี งต้านทจุ ริต ตามตวั อย่างผังมโนทศั นท์ ่ีครูแจก เพ่ือถอดองคค์ วามรู้ตามแบบของ STRONG: จติ
พอเพียงตา้ นทจุ ริต
๔. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน
๒๓
๕. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สะทอ้ นคิด (Reflective practice, reflection) ผลการถอดองค์
ความรูต้ ามแบบของ STRONG: จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ เพ่ิมเติมหลังการนำเสนอผลงาน
๓.๓ ขนั้ สรุป (สนั โดษ)
๑. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายสรปุ บทเรียน เรอื่ ง STRONG: จติ พอเพยี งตา้ นทุจริต
๒. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ขยายความรู้ เรอ่ื ง STRONG: จติ พอเพียงตา้ นทุจรติ กบั สถานการณ์
ตา่ งๆ เพ่ือใหน้ กั เรยี นนำไปประยกุ ต์ใช้ในการดำรงชีวติ อย่างมคี วามสุข
๔. ภาระงาน/ช้ินงาน
๔.๑ ผังมโนทัศนต์ ามแบบของ STRONG: จิตพอเพียงตา้ นทุจรติ
๕. สอ่ื /แหล่งเรียนรู้
๕.๑ ภาพอาหาร ได้แก่ พซิ ซา่ น้ำอดั ลม เฟรนฟาย ก๋วยเตยี๋ ว ผลไม้ แซนวชิ และนมกล่อง
๕.๒ คลปิ เร่ือง การ์ตนู พอเพียงตา้ นทุจรติ จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=IjDWrYeQ
๗Xs
๕.๓ ใบความรู้ เร่อื ง STRONG: จติ พอเพยี งต้านทจุ ริต
๕.๔ ตวั อย่างผังมโนทศั น์ตามแบบของ STRONG: จติ พอเพียงตา้ นทจุ ริต
๖. การวดั ผลและประเมินผล
๕.๑ วธิ ีการวัดผลและประเมินผล
๑. สังเกตจากการตอบคำถาม
๒. ตรวจชนิ้ งาน/ผลงาน/ผงั มโนทัศน์
๓. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ
๕.๒ เครอื่ งมือการวัดและประเมิน
๑. แบบสงั เกตพฤติกรรมการถามตอบ
๒. แบบประเมินช้ินงาน/ผลงาน/ผังมโนทัศน์
๓. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม
๕.๓ เกณฑ์การวัดและเมินผล
นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป
๒๔
ภาคผนวก
๑. ภาพอาหาร ได้แก่ พซิ ซา่ น้ำอัดลม เฟรนฟาย ก๋วยเตี๋ยว ผลไม้ แซนวชิ และนมกลอ่ ง
๒. คลปิ เรอื่ ง การ์ตูนพอเพยี งตา้ นทจุ ริต จากลิงค์
https://www.youtube.com/watch?v=IjDWrYeQ๗Xs
๓. ใบความรู้ เรือ่ ง STRONG: จิตพอเพยี งตา้ นทจุ รติ
๔. ตวั อยา่ งผงั มโนทศั นต์ ามแบบของ STRONG: จติ พอเพยี งตา้ นทุจริต
๒๕
ส่อื /แหล่งเรยี น
: ภาพอาหารในชวี ติ ประจำวัน
๒๖
๒๗
๒๘
สอื่ /แหลง่ เรียนรู้
สอื่ :คลิปเรอ่ื ง การ์ตนู พอเพียงต้านทจุ ริต จากลิงค์
https://www.youtube.com/watch?v=IjDWrYeQ๗Xs
๒๙
ใบความรู้
เรือ่ ง STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจรติ
หมายถงึ ความเข้าใจ ความตระหนักรู้ และการ
วเิ คราะหค์ วามเสยี่ ง เชน่ หากนกั เรยี นจะทำการบ้าน
นักเรยี นตอ้ งใหเ้ ข้าใจ และหากคดิ ตวั เองจะทำไม่ได้ ก็
ควรถามเพอ่ื นหรือครู
หมายถึง มีการพฒั นาองค์ความร้อู ยา่ งสมำ่ เสมอ เชน่
เข้าหอ้ งสมุดเสมอ
หมายถึง การมีแนวคดิ มุ่งสูค่ วามโปร่งใส
หมายถงึ การร่วมสร้างสงั คมไทยให้มคี วามเอ้ืออาทร
เชน่ แบง่ ปันสิ่งของให้เพ่ือนๆ
หมายถึง การนำเศรษฐกจิ พอเพียงมาเปน็ เครือ่ งมือใน
การป้องกันการทุจริต เช่น สรา้ งจิตพอเพยี งใหแ้ ก่ตวั
เราและเพ่ือนๆ เม่ือเราพอเพียงเรากจ็ ะไม่ทจุ ริต
๓๐
หมายถงึ การม่งุ เน้นการปฏิบตั งิ านและตรวจสอบได้
เช่น ไม่ลอกการบา้ นเพือ่ น และครูสามารถตรวจดูได้
วา่ นกั เรยี นตอบไม่เหมือนเพื่อน