The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเรียนรู้บูรณาการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nick_4921, 2022-06-08 13:13:24

การเรียนรู้บูรณาการ

การเรียนรู้บูรณาการ



๓. เพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญในการต่อต้านและป้องกันการทุจริตอันจะส่งผลให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้
อยา่ งสงบสขุ จากการนำหลักธรรม เร่ือง อตั ถะ ๓ และสังวร ๕ (สติ ศีล ญาณ ขนั ติ วริ ยิ ะ) และนำเสนอแนวทางการ
นำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (A)

๓. ข้นั ตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบ Active learning
(การเรยี นรูโ้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน Problem–based Learning: PBL)
ชัว่ โมงที่ ๑

๑. ขน้ั นำ (สติ)
- กิจกรรมสร้างสมาธิก่อนเรียนให้กับนกั เรียน ประมาณ ๕ นาที เพื่อให้มีสติในการเรียน เช่น สวดมนต์

นงั่ สมาธิ การสอดดา้ ยเขา้ เขม็ เบรนยมิ (Brain Gym) หรอื เกมอน่ื ๆ ท่ีสอดคล้องกบั การสร้างสมาธิ เป็นต้น
- นกั เรยี นดูคลปิ วดิ โี อหนงั สัน้ ป้องกันการทุจรติ เรื่อง “Majority Rule : เสียงขา้ งมาก”
https://www.youtube.com/watch?v=X๗RIlCnKzXc หรือคลิปอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตใน

โรงเรยี น
- นกั เรยี นร่วมกันพูดคยุ เรื่องผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม โดยครอู าจตั้งคำถามชวนคิด

ว่าจากคลิปวิดโี อ เกดิ เหตุการณอ์ ะไรขึน้ นักเรียนเห็นดว้ ยกบั การกระทำดังกล่าวหรอื ไม่ อย่างไร
๒. ขั้นสอน (ศีล ญาณ ขันติ)
- แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่าๆกัน โดยให้แต่ละกลุ่มมอบหมายหน้าที่สมาชิกในกลุ่มให้

ชัดเจน
- แตล่ ะกลุ่มศกึ ษาหลักธรรมจาก ใบความรู้ท่ี ๑ เรือ่ งหลกั ธรรมอตั ถะ ๓
- สมาชิกในกลุ่มร่วมกันพูดคุย เสนอความคิดเห็น วิเคราะห์คลิปวิดีโอตามหลักธรรมอัตถะ ๓

การกระทำใด เป็นการทำเพ่ือประโยชน์ตนเอง การกระทำใดเป็นการทำเพ่ือประโยชน์ผู้อ่นื และการกระทำใดเป็นการ
ทำเพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นรวม

- ครแู จกกระดาษบรูฟ พร้อมทัง้ ปากกาเมจิกให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่
- นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มเขียนสรปุ องค์ความรู้จากการพดู คุย เสนอความคิดเห็นในกลุ่มในรูปผังมโนทัศน์
โดยให้นักเรียนเชื่อมโยงหลักธรรมอัตถะ ๓ ไปสู่ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมจากคลิปวิดีโอหนังสัน้
ป้องกนั การทจุ ริต เรอ่ื ง “Majority Rule : เสยี งขา้ งมาก” หรอื คลิปอนื่ ๆที่เกย่ี วขอ้ งกบั การทจุ ริตในโรงเรยี น
- แตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอ หน้าช้นั เรยี น กลุ่มละ ๕-๗ นาที
- นักเรียนร่วมกันชื่นชมผลงานของแต่ละกลุ่ม พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการนำเสนอข้อมูลให้
ครอบคลุม
๓. ขน้ั สรุป (วริ ยิ ะ)
- ครูอธิบายเพิม่ เตมิ ในการนำหลักธรรมเรือ่ ง อัตถะ ๓ จาก ใบความรทู้ ่ี ๑ เรอื่ งหลกั ธรรมอตั ถะ ๓
- นักเรียนและครูร่วมกันสรุปหลักธรรมเรื่องอัตถะ ๓ และทำใบงานหน่วยที่ ๑ การแยกแยะ
ระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม (สงั วรปธาน)



- นักเรียนร่วมกันเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ
ผลประโยชน์สว่ นรวมท่สี ่งผลต่อตนเองและโรงเรียน จากคลปิ วดิ โี อหนงั สั้นและนำไปจัดทำเป็นส่ือรณรงค์ในโรงเรียน
รูปแบบสอื่ ตา่ งๆ เชน่ โปสเตอร์ประชาสมั พนั ธ์ ปา้ ยคำคม ฯลฯ

ชัว่ โมงท่ี ๒
๑. ข้ันนำ (สติ)
- กิจกรรมสรา้ งสมาธิก่อนเรยี นให้กับนักเรยี น ประมาณ ๕ นาที เพอื่ ใหม้ ีสติในการเรยี น เช่น สวดมนต์ น่ัง

สมาธิ การสอดดา้ ยเขา้ เขม็ เบรนยมิ (Brain Gym) หรือเกมอ่ืน ๆ ทีส่ อดคล้องกับการสรา้ งสมาธิ เปน็ ตน้ -
นักเรยี นร่วมกันพูดคุย ทบทวนหลกั ธรรมอัตถะ ๓ ไปสู่ผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมจากชัว่ โมงทีแ่ ลว้

- นกั เรยี นดูคลิปวดิ โี อหนังส้นั ป้องกันการทจุ รติ เร่ือง “เลือกตัง้ ๑๐๒ กลโกง”
https://www.youtube.com/watch?v=dECftZtIiw๔ หรือคลิปอ่นื ๆที่เกย่ี วข้องกบั การทจุ รติ ในสงั คม
- นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เรื่องผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม โดยครูอาจต้ังคำถามชวน
คดิ ว่าจากคลิปวิดโี อ เกิดเหตกุ ารณ์อะไรข้ึน นักเรยี นเห็นดว้ ยกับการกระทำดงั กล่าวหรือไม่ อยา่ งไร

๒. ขน้ั สอน (ศีล ญาณ ขันติ )
- แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่าๆกัน โดยให้แต่ละกลุ่มมอบหมายหน้าที่สมาชิกในกลุ่มให้

ชัดเจน
- แตล่ ะกลุ่มศกึ ษาหลกั ธรรมจาก ใบความรู้ท่ี ๒ เรือ่ งหลักธรรมสังวรปธาน (สังวร ๕)
- สมาชิกในกลุ่มร่วมกันพูดคุย เสนอความคิดเห็น วิเคราะห์คลิปวิดีโอตามหลักธรรมสังวร ๕

เหตกุ ารณใ์ ดเป็นสติ ศลี ญาณ ขันติ และวริ ิยะ
- ครแู จกกระดาษบรูฟ พร้อมทงั้ ปากกาเมจิกให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่
- นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันพดู คุย ออกแบบเน้อื หา วางโครงเร่อื งการทำสื่อรณรงค์ต่อต้านการทุจริต

ในระดับสังคม ในรูปแบบคลิปวิดโี อสั้นผ่านสื่อโซเชียล
- แต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอ หน้าช้ันเรยี น กลุ่มละ ๕-๗ นาที
- นักเรียนร่วมกันชื่นชมผลงานของแต่ละกลุ่ม พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการจัดทำสื่อคลิปวิดีโอให้

ครอบคลุม
๓. ขั้นสรปุ (วิริยะ)
- ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ ในเรือ่ งหลักธรรมสังวรปธาน (สังวร ๕) จาก ใบความรู้ท่ี ๒
- นักเรียนและครรู ่วมกันสรปุ หลกั ธรรมเรอื่ งหลกั ธรรมสงั วรปธาน (สังวร ๕)
- มอบหมายภาระงานให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดทำสื่อรณรงค์ต่อต้านการทุจริตในระดับสังคม

ในรูปแบบคลิปวิดโี อสั้นผา่ นส่อื โซเชียล และกำหนดวันเวลาในการสง่ เงอื่ นไขการสง่ ใหช้ ัดเจน



๔. ภาระงาน/ชนิ้ งาน
๑. เขยี นสรุป เร่อื ง การขดั กันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมและเรื่องการต่อตา้ นและ

ป้องกันการทุจรติ ในรปู แบบผงั มโนทัศน์
๒. ใบงานหนว่ ยท่ี ๑ การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม (สงั วรปธาน)
๓. ส่ือรณรงค์ในโรงเรยี น
๔. คลิปวดิ โี อส้นั ผา่ นส่ือโซเชยี ล

๕. ส่อื /แหล่งเรียนรู้
- คลิปวดิ ีโอ เร่ือง “Majority Rule : เสียงขา้ งมาก”
จาก https://www.youtube.com/watch?v=X๗RIlCnKzXc
- คลิปวิดีโอ เร่ือง “เลือกตัง้ ๑๐๒ กลโกง”
จาก https://www.youtube.com/watch?v=dECftZtIiw๔
- ใบความรู้ท่ี ๑ เรื่อง หลกั ธรรม อตั ถะ ๓
- ใบความรทู้ ี่ ๒ เรือ่ ง หลักธรรม สงั วร ๕

๖. การวัดและประเมินผล
วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
๑. การตรวจใบงาน สื่อรณรงค์ในโรงเรียน และคลปิ วดิ ีโอสน้ั ผา่ นสื่อโซเชียล
๒. การตรวจผังมโนทศั นก์ ลุม่
๓. การสังเกตการทำงานกลุ่มและพฤตกิ รรมรายบุคคล

เครอ่ื งมอื และเกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล
๑. แบบทดสอบเร่อื งหลักธรรมอตั ถะ ๓ และสังวร ๕
๒. แบบประเมนิ ผังมโนทศั น์
๓. แบบสังเกตการทำงานกลุ่ม
๔. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล



ช่วงช้นั ที่ ๔ (ม.๔-๖)

หนว่ ยท่ี ๑ สงั วรปธาน : การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน
และผลประโยชน์สว่ นรวม



ใบงานท่ี ๑
หน่วยท่ี ๑ สร้างกำแพง/สังวรปธาน
คำชแ้ี จง ให้นำอกั ษรหน้าข้อความในหมวด ข. มาใสข่ ้อความในหมวด ก. ให้ถูกตอ้ งและสัมพนั ธ์กัน

หมวด ก.
.........................๑. สีลสงั วร สติสังวร ญาณสงั วร ขันติสังวร วริ ยิ สงั วร

๒. การสำรวมด้วยญาณ คือตัดกเิ ลสตณั หา

๓. การสำรวมในการรักษาศีล

๔. ประโยชนส์ ว่ นตน

๕. การมีสตใิ นการสำรวม ระมดั ระวงั ตา หู จมูก ลน้ิ กาย ใจ

๖. ประโยชนส์ ว่ นรวม

๗. การเพยี รระวงั ยับยง้ั การทจุ รติ ท่ียงั ไม่เกิดมใิ ห้เกดิ ขึ้น

๘. อัตถะ ๓

๙. การสำรวมด้วยขนั ติ คอื อดทนต่อหนาว รอ้ น กระหาย ถอ้ ยคำทรี่ ้านแรง
และทุกขเวทนาต่าง ๆ

๑๐. การสำรวมด้วยความเพยี ร กำจัดอกุศลวติ กทเ่ี กิดข้นึ ใหห้ มดไป

หมวด ข.

ก. ผลท่มี ุ่งหมาย ๓ อยา่ ง
ข. อภุ ยัตถะ
ค. อตั ตัตถะ
ง. สลี สังวร
จ. สตสิ ังวร
ฉ. ญาณสงั วร
ช. ขนั ตสิ ังวร
ซ. วิรยิ สังวร
ฌ. สงั วรปทาน
ญ. สงั วร ๕
ฎ. สุจรติ ๓
ฏ. ทุจริต ๓
ฐ. นิวรณ์ ๕



เฉลยใบงานที่ ๑

หนว่ ยที่ ๑ สรา้ งกำแพง/สงั วรปธาน

คำชีแ้ จง ให้นำอักษรหน้าข้อความในหมวด ข. มาใสข่ ้อความในหมวด ก. ใหถ้ ูกต้องและสมั พนั ธ์กนั

หมวด ก.
.........ญ..........๑. สลี สงั วร สตสิ งั วร ญาณสงั วร ขันติสงั วร วิรยิ สังวร

.........ฉ.......... ๒. การสำรวมดว้ ยญาณ คือตัดกเิ ลสตณั หา

.........ง.......... ๓. การสำรวมในการรักษาศีล

.........ค.......... ๔. ประโยชนส์ ว่ นตน

.........จ.......... ๕. การมีสตใิ นการสำรวม ระมดั ระวัง ตา หู จมกู ลิน้ กาย ใจ

.........ข.......... ๖. ประโยชนส์ ว่ นรวม

.........ฌ.......... ๗. การเพียรระวงั ยบั ย้ังการทจุ ริตท่ยี งั ไม่เกิดมใิ หเ้ กิดข้นึ

.........ก.......... ๘. อตั ถะ ๓

.........ช.......... ๙. การสำรวมดว้ ยขันติ คือ อดทนต่อหนาว รอ้ น กระหาย ถ้อยคำที่ร้านแรง
และทกุ ขเวทนาต่าง ๆ

.........ซ.......... ๑๐. การสำรวมด้วยความเพียร กำจัดอกุศลวติ กทีเ่ กดิ ขึ้นให้หมดไป
หมวด ข.

ก. ผลที่ม่งุ หมาย ๓ อยา่ ง
ข. อุภยตั ถะ
ค. อตั ตัตถะ
ง. สลี สงั วร
จ. สตสิ ังวร
ฉ. ญาณสงั วร
ช. ขันตสิ งั วร
ซ. วริ ยิ สังวร
ฌ. สงั วรปทาน
ญ. สงั วร ๕
ฎ. สจุ รติ ๓
ฏ. ทจุ รติ ๓
ฐ. นิวรณ์ ๕

ต้องถูกต้องอย่างน้อย ๗ ข้อ

จึงจะผา่ นเกณฑ์



ใบความรูท้ ี่ ๑

หลักธรรม เรอ่ื ง อตั ถะ ๓
พระพุทธศาสนานำเสนอจุดหมายของชีวิตเป็น ๓ ระดับ และ ๓ ด้าน (อัตถะ ๓) ถ้าแบ่งตามระดับ
เปน็ ๓ ระดับ คือ
1. ประโยชนป์ จั จุบัน (ทิฏฐธัมมกิ ตั ถะ)
คือประโยชน์อยา่ งท่ีเห็นๆ กันอยู่ ในปัจจุบัน เป็นเรื่องการดำเนินชวี ติ การเป็นอยู่ที่ปรากฏทางวัตถุท่ี
เห็นกนั ได้ เชน่ การมปี ัจจยั ๔ มอี าหาร เครอื่ งนุง่ หม่ ทีอ่ ย่อู าศยั มฐี านะ มลี าภ มีเกยี รติ มยี ศ มีสรรเสรญิ เรื่อง
ชีวิตคู่ครอง ความมีมิตรไมตรี อะไรต่างๆ ในชีวิตปัจจุบันนี้ นี้เป็นประโยชน์ปัจจุบัน ซึ่งพระพุทธศาสนาก็สอน
ว่าเป็นจุดหมายประการหนึ่งในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรือการปฏิบัติตามธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งมี
ความสำคัญ แต่มิใชจ่ ุดหมายเดียวเท่านน้ั ของการมชี ีวติ
2. ประโยชนเ์ บอ้ื งหนา้ (สัมปรายิกัตถะ)
คือประโยชน์ทีต่ ่อออกไป ได้แกส่ ง่ิ ทีเ่ ป็นหลักประกนั ชีวิตในเบ้ืองหน้า หมายถงึ สิ่งทลี่ ึกเข้าไปทางจิตใจ
คือ พ้นจากเรื่องทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การมีฐานะ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ชั้นภายนอกแล้วก็มาถึง
เร่อื งจติ ใจ คอื คุณธรรมต่างๆ การที่จะมจี ติ ใจทีส่ ขุ สบาย มีสิง่ ยึดเหนีย่ วจิตใจ มีศรัทธา มคี วามประพฤตซิ ่ึงทำให้
มัน่ ใจตนเอง มีศลี มีความเอ้ือเฟ้อื เผอ่ื แผ่ มีความรไู้ ดเ้ ลา่ เรียนศกึ ษา และมีปญั ญา มคี วามเขา้ ใจรจู้ ักส่ิงท้ังหลาย
ตามความเป็นจรงิ
3. ประโยชนส์ งู สุด (ปรมัตถะ)
คือ ความมีใจเป็นอิสระ ความมีจิตหลุดพ้นจากการถูกบงั คบั บงการชีวติ ด้วยอำนาจของความอยากได้
อยากมี อยากเปน็ จึงมจี ิตใจปลอดโปร่งผ่องใสเบิกบานอยเู่ ป็นพ้ืนฐาน เพราะปราศจากกเิ ลส
อนึ่ง ถ้าหากจะไม่แบ่งในแง่ระดับ จะแบ่งในแง่ประโยชน์ หรือจุดหมายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์
ระหวา่ งมนุษย์เปน็ ดา้ นๆ กแ็ บง่ ไว้อีก บอกวา่ ประโยชนห์ รืออัตถะ มี ๓ ดา้ น คือ
๑. ประโยชนต์ น (อัตตตั ถะ)
๒. ประโยชนผ์ อู้ น่ื (ปรัตถะ)
๓. ประโยชน์ร่วมกัน (อุภยตั ถะ)
ความหมายของประโยชน์ตน และประโยชนผ์ ู้อ่ืนนั้นชัดอยู่ในตวั คือการทำประโยชน์ ๓ ระดับข้างต้น
ให้เกิดมีขึ้น แก่ตน และแก่ผู้อื่น ส่วนประโยชน์ร่วมกัน นั้นต่างจาก ๒ ข้อแรกอย่างไร ประโยชน์ร่วมกัน หรือ
ประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย หมายถึงสิ่งที่เกื้อกูล เป็นคุณแก่ชีวิตของตนและของผู้อื่น ช่วยให้เป็นอยู่กันด้วยดี พากัน
ประสบประโยชน์ทั้ง ๓ ระดับ ยิ่งขึ้นไป นั่นจึงหมายความต่างไปจาก ๒ ข้อแรก ที่มองประโยชน์ของตน กับ
ประโยชน์ของผู้อื่น แยกต่างหากจากกัน แต่ในข้อที่ ๓ นั้น เป็นประโยชน์ที่เกิดแก่ทั้งตนและผู้อื่น โดยมอง
เห็นชัดว่าตนและผู้อื่นนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่แยกขาด ต่างหาก หรือตรงข้ามกัน มิใช่ว่า ถ้าเราได้ประโยชน์
คนอื่นก็จะเสีย หรือถ้าผู้อื่นได้ เราก็จะอด เพราะหากมองอย่างนั้น การแก่งแย่ง แข่งขัน ต่อสู้ ก็จะเกิดขึ้น แม้
จะพยายามทำประโยชน์ทั้ง ๓ ระดับ ให้ดี ในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถ้ามองเห็นตนและผู้อื่นสัมพันธ์เป็นหน่ึง
เดียวกัน ประโยชน์ทั้ง ๓ ระดับ ก็จะเกื้อกูลส่งเสริม ทั้งในระดับบุคคลและสังคม และนำพาซึ่งกันและกันให้



เจริญในประโยชน์ทั้ง ๓ ด้าน ยิ่งขึ้นสืบไป ตัวอย่างเช่น การมีการมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงในวงงานของตน
จะมองว่าเป็นประโยชนต์ นกไ็ ด้ ถ้ามุ่งไปท่ีผลประโยชน์ท่ีตนเองจะได้รับ (แตก่ อ็ าจหลงลมื ท่จี ะมองคณุ ค่าที่แท้ท่ี
งานนั้นมีต่อสังคม) หรือถ้ามองในแง่ว่าผู้ทำงานทำประโยชน์ให้แก่สังคมด้วยตำแหน่งหน้าที่นั้นก็นับได้ว่าเป็น
ประโยชน์เพื่อผู้อื่น (แต่บางคราวก็อาจเสียประโยชน์ของตน หรือเบียดเบียนตนเอง ทำให้ตนเองไม่มีสุขภาวะ
ทางกาย ทางใจที่ดี) แต่ถ้ามองเห็นหน้าที่การงานนั้นเป็นประโยชน์ร่วมกันได้ ก็จะสามารถทำให้เกิดผลดี
เกิดการพัฒนาตนเองด้วย และก็เป็นปัจจัยในการเกื้อกูลแก่โลกด้วย อย่างสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่เกิด
การขดั แยง้ หรอื เบยี ดเบยี นดา้ นใดดา้ นหนึง่
ทีม่ า : https://www.lifestudies.net/Article_๒๐๒_๑๐_๔๐.html สืบค้นเม่ือ ๓ เมษายน ๒๕๖๕

๑๐

ใบความร้ทู ่ี ๒

หลักธรรม สังวรปธาน

สงั วรปธาน การเพียรระวงั ยับยงั้ การทุจรติ ท่ยี ังไม่เกิด มใิ ห้เกดิ ขึ้น
สงั วรปธาน หมายถึง การเพียรระวังบาปอกุศลท่ียังไม่เกิด มใิ หเ้ กิดขนึ้ หมายถึง การป้องกันไม่ให้เกิด

การทุจริตคอร์รัปชนั โดยสร้างภูมิคุ้มกันทางจติ ใจ มิให้มีความโลภ ความโกรธ ความหลง เกิดขึ้น ดังนั้น จึงขอ
เสนอหลักธรรมนำแนวทางไว้ ๒ ประการ ได้แก่ ธรรมสายหลักนำแนวทางคือ สังวรปธาน และธรรมส่งเสริม
เพมิ่ เติมคณุ ธรรม มีรายละเอยี ด ดังน้ี

1. ธรรมสายหลกั นำแนวทาง (สังวรปธาน)
สังวรปธานนี้ถือเป็นธรรมสายหลักนำแนวทางที่ควรค่าแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็น

จุดเริ่มต้นของการทำลายอวิชชาทุกประการให้ดับไป ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย
กส็ งั วรปธานเป็นไฉน ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ัยน้ยี อ่ มยงั ฉนั ทะใหเ้ กดิ พยายาม ปรารภความเพยี ร ประคองจิต
ตั้งจติ ไว้ เพอ่ื ใหอ้ กุศลกรรมท่ยี งั ไม่เกดิ มใิ หเ้ กิดข้ึน”

สงั วรปธานจะเกิดขน้ึ ได้ ดว้ ยสังวร ๕ ดงั น้ี

(1) สีลสังวร หมายถึง การสำรวมในการรักษาศีล อันได้แก่ ปาฏิโมกข์สังวรศีล
อันเป็นศีลของบรรพชิต สำหรับฆราวาสผู้ครองเรอื นจะหมดจดได้ด้วยสมาทานวิรัติ คือมีเจต
นำงดเว้นด้วยวิธีรับสมาทานเบญจศีล มีการเปล่งวาจา เป็นต้น หรือตั้งสัตยาธิษฐานต่อหน้า
สมาคมวา่ ขา้ พเจ้าจกั ประพฤติหน้าทใี่ หเ้ ปน็ สจุ ริต เปน็ ต้น บางทา่ นมคี ุณธรรมสูง อันนับเนอื่ ง
ด้วยมีหิริโอตัปปะ ละอายชั่ว กลัวบาป เมื่อประสบกับโลภะที่บังเกิดเฉพาะหน้า สามารถหัก
ห้ามใจ ไม่ประพฤติไปตามอำนาจกเิ ลสได้ เรียกว่า มีสัมปัตตวิรัติ ปฏิเสธได้เมื่อเผชญิ อารมณ์
ที่น่าใคร่

(2) สติสังวร หมายถึง การมีสติในการสำรวม ระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
ใจ เมื่อมีรูปารมณ์ เป็นต้น มากระทบ โดยนัยนี้ สติ เป็นองค์คุณสำคัญในการควบคุมมิให้
อารมณ์ที่เปน็ ข้าศึกเกิดขน้ึ “ยานิ โสตานิ โลกสมึ สติ เตสํ โสตานํ สวํ รํ พรมู ”ิ กระแสเหล่าใด
มีในโลก สตเิ ปน็ เครอ่ื งกนั้ กระแสเหล่าน้ัน เรากลา่ วว่า สตเิ ป็นเครอื่ งก้นั กระแส คำว่า กระแส
ในที่นี้ หมายถึง ตัณหา ความทะยานอยาก ดังนั้น ปุถุชน จึงต้องใช้สติในการสำรวม
ระมัดระวงั จกั ขนุ ทรีย์ เปน็ ต้น เพื่อเปน็ เครอื่ งกั้นกระแสตัณหาความทะยานอยากนน้ั

(3) ญาณสังวร หมายถึง ความสำรวมด้วยญาณ คือตัดกระแสกิเลสตัณหา
เป็นต้น เสียได้ด้วยใช้ปัญญาพิจารณาแยกแยะถึงทรัพย์สินส่วนตัว ทรัพย์สินของผู้อื่นได้ มี
สัมมาทฏิ ฐิ ร้บู าป บุญ คุณ โทษ ตลอดถึงรู้จกั ประมาณในการพึ่งพาตวั เอง อยูบ่ นพื้นฐานของ
ความพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ลักขโมย ไม่คดโกง ขยันซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน ส่งผลให้
ตวั เองและผอู้ น่ื ไม่เดือดร้อน

๑๑

(4) ขันติสังวร หมายถึง การสำรวมด้วยขันติ คืออดทนต่อหนาว ร้อน หิว
กระหาย ถ้อยคำแรงร้ายและทุกขเวทนาต่าง ๆ ได้ ไม่แสดงความวิการ ณ ทีนี้ หมายถึง
อดทนไม่ให้ความอยากเข้าครอบงำ แม้จะมีอามิส สินจ้าง เข้ามานำเสนอให้ปลื้มใจ ต้องมี
ความอดทน ไม่เรยี ก ไมร่ บั ไม่สนบั สนนุ การคดโกง จะทำใหเ้ ปน็ คนดีได้

(5) วิริยสงั วร หมายถงึ ความสำรวมด้วยความเพยี ร คือพยายามขบั ไล่ บรรเทา
กำจดั อกุศลวิตกท่ีเกิดขึ้นแลว้ ให้หมดไป เปน็ ต้น ตลอดจนละมจิ ฉาชีพ เพยี รแสวงหาปัจจัยส่ี
เลี้ยงชีวิตด้วยสัมมาชีพ ที่เรียกว่า สัมมาอาชีวะ นำธรรมะที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “วิริเยน
ทุกขมจฺเจติ คนล่วงทุกข์ ได้เพราะความเพียร” จงคำนึงถึงศักดิ์ศรีของตัวเองว่า คนที่เกิด
มาแล้วใชค้ วามเพียรจะไม่เปน็ หนี้พระคุณพ่อแม่
อย่างไรก็ดี นอกจากนี้สังวร ๕ ประการ อันเป็นส่วนอธิบายขยายความให้สังวรปธานมีความ
ชดั เจนย่งิ ข้นึ แลว้ สังวรปธานมีความหมายถึงการเฝ้าสำรวมระวังยบั ยง้ั อกุศลนน้ั ยังมสี ่งิ ท่ีสำรวมระวังให้ดีท่ีสุด
อกี ๑ ประการ ซ่งึ ตรงตามองคธ์ รรมท่ปี รากฏในอวชิ ชาสูตร กล่าวคอื จำเป็นต้องมีการสำรวมระวงั อนิ ทรีสังวร
นน่ั เอง ดว้ ยเหตุน้ี จึงควรทำความเข้าใจอนิ ทรีย์สงั วรใหม้ ากยงิ่ ข้นึ ตอ่ ไป

อินทรียสังวร คือการสำรวมระมัดระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นการป้องกันการทุจริต
ทางตรง ดงั พธุ ดำรัสสรุปได้วา่ “สังวรปธาน หมายถึง การทบี่ ุคคลเห็นรูป ฟงั เสยี ง ดมกล่นิ ลิม้ รส ถูกต้องสัมผัส
รับรู้อารมณ์แล้ว สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไม่ให้ถูกอกุศลธรรม คืออภิชฌา (โลภอยากได้) และโทมนัส
(ไมช่ อบใจ) เขา้ ครอบงำ”

ทม่ี า : หนังสอื คำสอนในพระพทุ ธศาสนากบั หลกั สูตรดา้ นทุจริตศึกษา(Anti – Corruption Education),มปป.

๑๒

ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้

- คลปิ วิดีโอ เรอื่ ง “Majority Rule : เสยี งขา้ งมาก”
จาก https://www.youtube.com/watch?v=X๗RIlCnKzXc

- คลิปวดิ ีโอ เร่ือง “เลอื กตั้ง ๑๐๒ กลโกง”
จาก https://www.youtube.com/watch?v=dECftZtIiw๔

๑๓

แบบประเมินผังมโนทัศน์

ผังมโนทัศน์ เรอ่ื ง ....................................................................................................................... ..........................
กลุม่ ......................................................................อาจารยผ์ สู้ อน .........................................................................

ประเดน็ การประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง คะแนนทไ่ี ด้
(๔)
๑. สรุปความคิดรวบ (๓) (๒) (๑)
ยอดหลักได้ถูกต้อง สามารถสรุปความคิด
ครบถ้วน ตรงประเดน็ รวบยอดหลักได้ถกู ต้อง สามารถสรุปความคิด สามารถสรุปความคิด ไม่สามารถสรุปความคิด
ครบถ้วน ตรงประเด็น
๒ สรุปความคิดรวบ ได้ถกู ต้องทุกประเดน็ รวบยอดหลักไดถ้ ูกตอ้ ง รวบยอดหลักได้ถกู ตอ้ ง รวบยอดหลักได้ถูกต้อง
ยอดย่อยได้ถูกต้อง
ครบถว้ น ตรงประเด็น สามารถสรุปความคิด ครบถ้วน ตรงประเด็น ครบถ้วน ตรงประเด็น หรือ < ๕๐%
รวบยอดย่อยได้ถูกต้อง
๓ เชื่อมโยงความคิด ครบถ้วน ตรงประเด็น ได้ถูกต้อง ๘๐% ไดถ้ กู ตอ้ ง ๕๐%
รวบยอดหลักและ ไดถ้ กู ต้องทุกประเด็น
ความคิดรวบยอดย่อย สามารถสรุปความคิด สามารถสรุปความคิด ไม่สามารถสรุปความคิด
ได้ถูกต้องตามลำดับ สามารถเชื่อมโยง
ขน้ั ความสมั พนั ธ์ ความคิดรวบยอดหลัก รวบยอดย่อยได้ถูกต้อง รวบยอดย่อยได้ถูกต้อง รวบยอดย่อยได้ถูกต้อง
๔ ม ี ค ว า ม คิ ด และย่อยได้ถูกต้องตาม
สร้างสรรค์ในการ ลำดบั ข้นั ความ สัมพันธ์ ครบถ้วน ตรงประเด็น ครบถ้วน ตรงประเด็น หรอื ถกู ตอ้ ง < ๕๐%
เขียนผังความคิด ไดถ้ ูกตอ้ งทุกประเดน็
๕ สวยงาม สะอาด ได้ถกู ต้อง ๘๐% ไดถ้ ูกต้อง ๕๐%
ประณีต มคี วามคดิ สร้างสรรคใ์ น
การเขยี นผงั ความคิดได้ สามารถเชื่อมโยง สามารถเชื่อมโยง ไม่สามารถเชื่อมโยง
๖ ตรงตอ่ เวลา ถกู ตอ้ ง
ความคิดรวบยอดหลัก ความคิดรวบยอดหลัก ความคิดรวบยอดหลกั และ
ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้
สวยงาม สะอาด และย่อยได้ถูกต้องตาม และย่อยได้ถูกต้องตาม ย ่ อ ย ต า ม ล ำ ด ั บ ข้ั น
ประณีต ถูกต้องตาม
รูปแบบ ลำดับข้ันความ สัมพันธ์ ลำดบั ขนั้ ความ สมั พันธ์ ความสัมพันธ์ ได้ถูกต้อง

สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง ไดถ้ ูกตอ้ ง ๘๐% ได้ถูกตอ้ ง ๕๐% หรือ < ๕๐%
ตามเวลาท่ีกำหนด
มคี วามคิดสรา้ งสรรคใ์ น มีความคิดสร้างสรรค์ใน ความคิดสร้างสรรค์ในการ

การเขียนผงั ความคิดได้ การเขียนผังความคิดได้ เขียนผังความคิดไมถ่ กู ต้อง

ถูกต้อง ๘๐% ถูกตอ้ ง ๕๐% หรือ < ๕๐%

ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้ ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้ ไม่สามารถเขยี นไดส้ วยงาม

ส ว ย ง า ม ส ะ อ า ด ส ว ย ง า ม ส ะ อ า ด สะอาด ประณตี

ประณีต ถูกต้องตาม ประณีต ถูกต้องตาม

รปู แบบเปน็ ส่วนใหญ่ รูปแบบเปน็ บางส่วน

ส่งผลงานครบถ้วน ช้า

กว่าเวลาที่กำหนดไม่

เกิน ๒ วัน (ให้คะแนน

๕๐% ของคะแนนทีไ่ ด้)

คะแนนรวม (คะแนนเตม็ ๒๔ คะแนน)

ความคิดเหน็ ................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ผูป้ ระเมนิ ................................................................................วนั -เดือน-ปี ทปี่ ระเมนิ .....................................................

๑๔

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้

หนว่ ยที่ ๒ ปหานปทาน : เพยี รละการทุจรติ ท่ีเกิดขึ้นแล้ว : ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ

ช่วงช้นั ท่ี ๔ (ม.๔- ม.๖)

แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอื่ ง ความเกรงกลัวและละอายต่อการทำทุจรติ เวลา ๒ ชั่วโมง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สาระการเรียนรู้/เนอื้ หา
ปหานปทาน หมายถึง การเพียรพยายามละการทุจริตที่เกิดขึ้นแล้วภายในจิตใจ โดยพิจารณาเห็น

โทษของการทุจริตที่มีอยู่ภายในจิตแห่งตนแล้ว ปลูกฝังความพอใจในอันที่จะละการทุจริตเหล่านั้นไปจากจิต
และใช้ความพยายาม ความเพียร การกระทำต่อเนื่อง จนสามารถละการทุจริตหรือบาปได้จะมากหรือน้อยก็
ตาม ก็พยายามรักษาคณุ ภาพจติ เอาไว้ในจุดนนั้

หลักธรรมมหานปทาน ประกอบด้วย หิริโอตตัปปะ เป็นหลักธรรมความละอายและเกรงกลัวต่อบาป
ซึ่งเป็นหลักธรรมพื้นฐานต่อการรักษาศีล ๕ เป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐของมนุษย์ เป็นธรรมสำหรับคุม้ ครอง
โลกให้อยู่ด้วยความรัก ความสามัคคี ทำให้การอยู่ร่วมกันมีความสงบสุขร่มเย็น ทำให้ชีวิตมีแต่ความโชคดี
นำมาซงึ่ ความสขุ ความเปน็ มงคล และความเจริญรุง่ เรอื งแหง่ ชวี ติ

- หิริ คือ ความละอายชั่วเกิดจากการนกึ ถึงศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล การศึกษา ตำแหน่งฐานะในสังคม
เปน็ ต้น แลว้ เกดิ ความละอายใจท่จี ะกระทำการทุจรติ และประพฤติมชิ อบ

- โอตตัปปะ คือความกลวั บาป เกิดจากการนกึ ถงึ ภัย หรือความทกุ ขท์ ี่เป็นผลจากทำบาป
ความละอายและความไม่ทนนี้ เป็นธรรมคุ้มครองโลก และเป็นธรรมสำหรับทำคนให้เป็นเทวดา
สง่ เสริมใหเ้ ป็นคนรู้จักอดทนต่อแรงจูงใจให้ทำความช่วั และใหม้ ีความม่ันคงในการทำความดีย่งิ ๆ ขึ้นไปท่ีสำคัญ
คอื ธรรมทัง้ สองประการน้ีคอยกระตุ้นใหล้ ะเลิกการทุจรติ
สรุป ปหานปทาน สามารถแก้ปัญหาการทุจริต เพื่อให้สังคมอยู่ได้ โดยช่วยกันเป็นหูเป็นตา คอย
สอดส่องปัญหาทุจริตต่าง ๆในบ้านเมืองและคอยแจ้งเหตุเภทภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในชุมชน เพื่ออำนวยความ
สะดวกแก่เจ้าหนา้ ที่ ให้สงั คมเกิดความสงบสุข

- อริยสัจ แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยบุคคล หรือความจริงทีท่ ำให้ผูเ้ ข้าถงึ
กลายเป็นอริยะ ประกอบไปด้วย ทุกข์ สมุทยั นิโรธ มรรค

- วิภัชชวาท แปลว่า การพูดแยกแยะ พูดจำแนก หรือพูดแจกแจง หรือแสดงคำสอนแบบวิเคราะห์
ลักษณะสำคัญของความคิดและการพูดแบบนี้คือ การมองและแสดงความจริง โดยแยกแยะออกให้เห็นแต่ละ
แง่ ละดา้ นครบทกุ แง่ทกุ มุม หรือประเมินคณุ ค่าความดี ความช่ัว

๑๕

๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. เพ่อื ให้นักเรยี นมีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตตามหลักธรรม

เรือ่ ง หิริ โอตตปั ปะ อริยสัจ วภิ ัชชวาท (K)
๒. เพื่อให้นักเรียนวิเคราะห์แนวปฏิบัติตนในการเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบตาม

หลกั ธรรม เรือ่ ง หริ ิ โอตตัปปะ อริยสจั วภิ ัชชวาท (P)
๓. เพื่อให้นักเรียนตระหนักและเห็นความสำคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต จากการนำ

หลักธรรม เรอ่ื ง หริ ิ โอตตัปปะ อรยิ สัจ วภิ ัชชวาท ไปใช้ในชวี ิตประจำวนั (A)

๓. ขัน้ ตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนร้แู บบActive Learning
การเรียนร้โู ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning: PBL)

ชั่วโมงท่ี ๑
๑. ขั้นนำ
- กิจกรรมสร้างสมาธิก่อนเรียนให้กับนักเรียน ประมาณ ๕ นาที เพื่อให้มีสติในการเรียน เช่น สวด

มนต์ นั่งสมาธิ การสอดด้ายเข้าเข็ม เบรนยิม (Brain Gym) หรือเกมอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับการสร้างสมาธิ
เป็นต้น

- นักเรียนและครูร่วมกันพูดคุยเรื่อง ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต โดยครูอาจตั้ง
คำถามชวนคิดจากข่าวเหตุการณ์ทั่วไปเกี่ยวกับการทุจริต นักเรียนเห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวหรือไม่ รู้สึก
อย่างไร

๒. ขั้นสอน
- นักเรยี นดูคลปิ วิดีโอหนังสั้น ละครธรรม เร่ือง กรรมคนโกง
จาก https://www.youtube.com/watch?v=FwY_๘๑SMbiQ ซึ่งเป็นเรื่องของพ่อค้าที่ทุจริต
จนผลจากการทุจริตเกดิ กบั คนใกล้ตัว
- นักเรยี นและครูร่วมกันพดู คุยเร่ืองหริ ิ โอตตัปปะ ความละอายและเกรงกลัวตอ่ การทำทจุ รติ
- นักเรียนแสดงความคดิ เห็นลงในใบงานความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ว่านกั เรียนเคย
พบเห็นการทุจริตใดบ้าง นกั เรยี นมคี วามรู้สึกอย่างไร กับการกระทำนั้นพร้อมเหตุผลประกอบ และการกระทำ
นนั้ จะส่งผลตามมากับผู้กระทำ คนรอบขา้ ง และสงั คมอยา่ งไร
- ตัวแทนนำเสนอใบงานของตน ครูใหค้ ำชืน่ ชมหรือแนะนำเพิ่มเตมิ
- นกั เรยี นทุกคนนำใบงานของตนติดไวร้ อบห้องเรียน เพื่อใหเ้ กดิ การแลกเปล่ียนเรียนรูก้ ันและกัน
๓. ขน้ั สรุป
-นักเรียนร่วมกันอภิปรายสาเหตุที่ทำให้คนเราต้องทุจริตและร่วมกันสรุปสาเหตุที่แท้จริงของการ
ทุจริตว่า “สาเหตุของการทุจริต เกิดจากการที่คนขาดความละอายต่อการทุจริต” และ “ตัวเรายังทนต่อการ
ทจุ ริตของผอู้ น่ื ไดห้ รอื ไม”่ เช่อื มโยงกับหลกั ธรรมหิริ โอตตปั ปะ

๑๖

ชว่ั โมงที่ ๒
๑. ข้นั นำ
- กิจกรรมสร้างสมาธิก่อนเรียนให้กับนักเรียน ประมาณ ๕ นาที เพื่อให้มีสติในการเรียน เช่น

สวดมนต์ นั่งสมาธิ การสอดด้ายเข้าเข็ม เบรนยิม (Brain Gym) หรือเกมอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับการสร้างสมาธิ
เป็นต้น

- นักเรียนดูคลิปวิดีโอหนังสั้น เรื่อง ๑๖ วิธีโกงข้อสอบสุดเทพ ที่เหล่านักเรียนจะต้อง คิดได้ยังไง
เนีย่ !! จาก https://www.youtube.com/watch?v=H๑๔RYeFx๓_E

- นักเรียนร่วมกันพูดคุยเรื่อง ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต โดยครูอาจตั้งคำถามชวน
คดิ วา่ จากคลิปวิดีโอ เกิดเหตกุ ารณอ์ ะไรข้นึ นกั เรียนเหน็ ด้วยกบั การกระทำดังกล่าวหรอื ไม่ รสู้ กึ อยา่ งไร

๒. ข้นั สอน
- นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมพลังความคิด ประเด็น “การละอายและแสดงออกถึงการเป็นผู้ไม่ทนต่อ

การทจุ ริตในการสอบ” ซึ่งแตล่ ะกลมุ่ จะมีประเด็นยอ่ ยท่ีแตกต่างกัน ดงั นี้
กลุ่มที่ ๑ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อรู้มาว่าเพื่อนในห้องส่วนใหญ่วางแผนจะทุจริตในการสอบ

และไดช้ วนใหน้ ักเรยี นเขา้ ร่วมกระบวนการทุจริตด้วย
กลุ่มที่ ๒ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อเพื่อนคนหนึ่งไม่ระมัดระวังในการวางกระดาษคำตอบ

ทำให้นักเรียนมองเห็นคำตอบของเพื่อน นอกจากนี้นักเรียนยังเห็นเพื่อนคนอื่นแอบชำเลืองมองคำตอบของ
เพือ่ นคนนัน้ ด้วย

กลุ่มที่ ๓ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อขณะทำข้อสอบ เพื่อนสนิทแอบสะกิดนักเรียนเพื่อถาม
คำตอบ

กลุ่มที่ ๔ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อนักเรียนเรียนไม่เข้าใจ และไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการ
สอบ เมื่อถึงเวลาสอบ คุณครูคุมสอบต้องเข้าห้องน้ำกะทันหัน คุณครูคุมสอบสำรองยังเดินทางมาไม่ถึง เพื่อน
สนิทของนกั เรียนกลัววา่ นักเรียนจะสอบตก จึงยนื่ กระดาษคำตอบของตนมาให้ลอก

กลุ่มที่ ๕ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อหมดเวลาสอบ นักเรียน และเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ยังทำ
ข้อสอบไม่เสร็จ หัวหน้าห้องจึงขอต่อเวลากับครูคุมสอบ ประกอบกับครูคุมสอบมีท่าทีอนุโลมให้ทำต่อได้

แต่ละกลมุ่ บันทึกผลการระดมพลงั ความคิดลงในใบกจิ กรรม
- ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการระดมพลังความคิดหน้าชั้นเรียน กลุ่มละ ๓ นาที เมื่อจบ ๑ กลุ่ม
ให้นกั เรียนกลุ่มอื่น ๆ เสนอความคิดเหน็ เพิม่ เติมอกี ๓ นาที
๓. ขั้นสรปุ
- นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ความคิดประเด็น “การละอายและแสดงออกถึงการเป็นผู้ไม่ทน
ต่อการทจุ ริตในการสอบเชอ่ื มโยงกบั หลักธรรมอรยิ สจั วภิ ัชชวาท”

๔. ภาระงาน/ชิ้นงาน
๑. ใบงานความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ

๑๗

๒. ใบกิจกรรมระดมพลังความคิดเห็นประเด็น “การละอายและแสดงออกถึงการเปน็ ผไู้ ม่ทนต่อการทจุ รติ ใน
การสอบ

๕. สื่อ/แหล่งเรยี นรู้
- คลปิ วดิ โี อหนังสัน้ ละครธรรม เร่ือง กรรมคนโกง จาก
https://www.youtube.com/watch?v=FwY_๘๑SMbiQ
- คลิปวดิ โี อหนังสนั้ เรอ่ื ง ๑๖ วธิ ีโกงข้อสอบสุดเทพ ท่เี หลา่ นกั เรียนจะต้อง คดิ ไดย้ งั ไงเนี่ย!!
จาก https://www.youtube.com/watch?v=H๑๔RYeFx๓_E

๖. การวดั และประเมินผล
วิธีการวดั และประเมินผล
๑. การตรวจใบงานความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
๒. การตรวจใบกจิ กรรมระดมพลงั ความคิดเห็น
๓. การสังเกตการทำงานกลุ่มและพฤติกรรมรายบุคคล

เครือ่ งมือการวัดและประเมินผล
๑. แบบสงั เกตการทำงานกลุ่ม
๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคค

๑๘

หน่วยท่ี ๒
ปาหานปธาน : ความละอาย และความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ

๑๙

ชั่วโมงท่ี ๑
ใบงานความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ
ชอ่ื ..............................................................................................ช้นั .......................................เลขที่................
ผู้สอน.............................................................................................................................................................

ฉันเคยพบเห็นเหตกุ ารณก์ ารทจุ ริต คอื .............................................................................................................................
โดยมีเหตุการณ์เกิดข้นึ ดังนี้................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................................
...................................................................................................................................................... .....................................
............................................................................................. ..............................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................................

ฉนั มีความรู้สกึ ว่า ฉนั คิดว่าการกระทำนน้ั จะสง่ ผลตอ่ ตัวผ้กู ระทำ คอื
 เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพราะ ..............................................................................................
.......................................................................... ..............................................................................................
.......................................................................... ..............................................................................................
.......................................................................... ส่งผลต่อคนรอบขา้ ง คือ
.......................................................................... ............................................................................................
......................................................................... ............................................................................................
.......................................................................... ............................................................................................
......................................................................... ส่งผลตอ่ สังคม คือ
..............................................................................................
 เป็นการกระทำท่ีไมถ่ ูกต้อง เพราะ ..............................................................................................
.......................................................................... ..............................................................................................
.......................................................................... .........
..........................................................................
..........................................................................
.........................................................................
..........................................................................
.........................................................................

๒๐

ช่ัวโมงที่ ๒
ใบกจิ กรรมระดมพลังความคิดเห็นประเดน็
“การละอายและแสดงออกถึงการเป็นผไู้ มท่ นตอ่ การทจุ ริตในการสอบ”

ผลการระดมพลังความคดิ กลุ่มท.่ี ...............ชั้น.....................
ประเด็นท่ี.....................

ระดมความคดิ กลนั่ กรองความคดิ สรปุ ความคดิ

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

๒๑

ช่วั โมงที่ ๒
ใบกจิ กรรมระดมพลังความคิดเหน็ ประเดน็
“การละอายและแสดงออกถึงการเป็นผู้ไมท่ นต่อการทุจริตในการสอบ”

ประเด็นที่ ๑ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อรู้มาว่าเพื่อนในห้องส่วนใหญ่วางแผนจะทุจริตในการสอบ
และไดช้ วนใหน้ กั เรยี นเข้าร่วมกระบวนการทุจรติ ด้วย

ประเด็นที่ ๒ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อเพื่อนคนหนึ่งไม่ระมัดระวังในการวางกระดาษคำตอบ
ทำให้นักเรียนมองเห็นคำตอบของเพื่อน นอกจากนี้นักเรียนยังเห็นเพื่อนคนอื่นแอบชำเลืองมองคำตอบของ
เพอ่ื นคนนนั้ ด้วย

ประเดน็ ท่ี ๓ นักเรยี นจะทำอยา่ งไร เมอื่ ขณะทำขอ้ สอบ เพอื่ นสนิทแอบสะกิดนักเรียนเพอื่ ถามคำตอบ

ประเด็นที่ ๔ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อนักเรียนเรียนไม่เข้าใจ และไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการ
สอบ เมื่อถึงเวลาสอบ คุณครูคุมสอบต้องเข้าห้องน้ำกะทันหัน คุณครูคุมสอบสำรองยังเดินทางมาไม่ถึง เพื่อน
สนิทของนกั เรยี นกลัววา่ นกั เรยี นจะสอบตก จึงยน่ื กระดาษคำตอบของตนมาใหล้ อก

ประเด็นที่ ๕ นักเรียนจะทำอย่างไร เมื่อหมดเวลาสอบ นักเรียน และเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ยังทำ
ขอ้ สอบไมเ่ สรจ็ หัวหน้าหอ้ งจงึ ขอต่อเวลากบั ครูคุมสอบ ประกอบกับครูคมุ สอบมที ่าทอี นโุ ลมใหท้ ำตอ่ ได้

๒๒

เกณฑ์การประเมนิ
ใบงานความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ

ประเดน็ การประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง คะแนนทไี่ ด้
(๔)
๑.สรุปความคดิ หลกั สามารถสรุปความคิด (๓) (๒) (๑)
ไดถ้ ูกตอ้ ง ครบถ้วน หลักได้ถูกต้อง
ตรงประเดน็ ครบถ้วน ตรงประเด็น สามารถสรุปความคิด สามารถสรุปความคิด ไม่สามารถสรุปความคิด
ได้ถูกต้องทกุ ประเดน็
๒ มคี วามคิด มีความคดิ สร้างสรรคใ์ น ห ล ั ก ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง ห ล ั ก ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง หลกั ได้ถกู ตอ้ ง หรือ
สรา้ งสรรคใ์ นการ การเขยี นได้ถกู ต้อง
เขยี น ครบถ้วน ตรงประเด็น ครบถ้วน ตรงประเด็น < ๕๐%
๓ สวยงาม สะอาด ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้
ประณีต สวยงาม สะอาด ไดถ้ กู ตอ้ ง ๘๐% ไดถ้ ูกตอ้ ง ๕๐%
ประณีต ถูกต้องตาม
๔ ตรงต่อเวลา รปู แบบ มีความคดิ สร้างสรรคใ์ น มีความคดิ สรา้ งสรรค์ใน ความคิดสร้างสรรค์ในการ
สง่ ผลงานครบถว้ น ตรง
ตามเวลาท่กี ำหนด การเขียนได้ถูกต้อง การเขียนได้ถูกต้อง เขยี นไมถ่ ูกต้อง หรือ

๘๐% ๕๐% < ๕๐%

ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้ ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้ ไมส่ ามารถเขียนไดส้ วยงาม

ส ว ย ง า ม ส ะ อ า ด ส ว ย ง า ม ส ะ อ า ด สะอาด ประณีต

ประณีต ถูกต้องตาม ประณีต ถูกต้องตาม

รปู แบบเปน็ ส่วนใหญ่ รูปแบบเป็นบางส่วน

ส่งผลงานครบถ้วน ช้า

กว่าเวลาที่กำหนดไม่

เกิน ๒ วัน (ให้คะแนน

๕๐% ของคะแนนท่ีได้)

คะแนนรวม (คะแนนเตม็ ๑๒ คะแนน)

เกณฑ์การประเมนิ
ใบกิจกรรมระดมพลังความคิดเหน็ ประเด็น
“การละอายและแสดงออกถึงการเป็นผ้ไู ม่ทนตอ่ การทจุ ริตในการสอบ”

ประเดน็ การประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง คะแนนทีไ่ ด้
(๔)
๑.สรปุ ความคดิ หลัก สามารถสรุปความคิด (๓) (๒) (๑)
ได้ถกู ต้อง ครบถว้ น หลักได้ถูกต้อง
ตรงประเดน็ ครบถ้วน ตรงประเด็น สามารถสรุปความคิด สามารถสรุปความคิด ไม่สามารถสรุปความคิด
ได้ถูกต้องทกุ ประเดน็
๒ มีความคิด มคี วามคดิ สรา้ งสรรคใ์ น ห ล ั ก ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง ห ล ั ก ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง หลกั ไดถ้ ูกตอ้ ง หรอื
สรา้ งสรรคใ์ นการ การเขียนได้ถูกตอ้ ง
เขยี น ครบถ้วน ตรงประเด็น ครบถ้วน ตรงประเด็น < ๕๐%
๓ สวยงาม สะอาด ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้
ประณีต สวยงาม สะอาด ไดถ้ ูกต้อง ๘๐% ไดถ้ ูกต้อง ๕๐%
ประณีต ถูกต้องตาม
๔ ตรงตอ่ เวลา รปู แบบ มีความคดิ สร้างสรรค์ใน มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ใน ความคิดสร้างสรรค์ในการ
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง
ตามเวลาทีก่ ำหนด การเขียนได้ถูกต้อง การเขียนได้ถูกต้อง เขียนไมถ่ กู ต้อง หรอื

๘๐% ๕๐% < ๕๐%

ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้ ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้ ไมส่ ามารถเขียนไดส้ วยงาม

ส ว ย ง า ม ส ะ อ า ด ส ว ย ง า ม ส ะ อ า ด สะอาด ประณีต

ประณีต ถูกต้องตาม ประณีต ถูกต้องตาม

รูปแบบเปน็ ส่วนใหญ่ รปู แบบเป็นบางส่วน

ส่งผลงานครบถ้วน ช้า

กว่าเวลาที่กำหนดไม่

เกิน ๒ วัน (ให้คะแนน

๕๐% ของคะแนนท่ไี ด้)

คะแนนรวม (คะแนนเตม็ ๑๒ คะแนน)

๒๓

สอื่ /แหล่งเรียนรู้

- คลิปวดิ โี อหนงั สัน้ ละครธรรม เรื่อง กรรมคนโกง จาก
https://www.youtube.com/watch?v=FwY_๘๑SMbiQ

- คลปิ วดิ โี อหนงั ส้นั เรื่อง ๑๖ วธิ ีโกงข้อสอบสุดเทพ ท่เี หล่านักเรียนจะต้อง คดิ ไดย้ งั ไงเน่ยี !!
จาก https://www.youtube.com/watch?v=H๑๔RYeFx๓_E

๒๔

ตวั อย่างขา่ วการทุจรติ

๒๕

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้

หนว่ ยที่ ๓ ภาวนาปธาน : STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ ริต ช่วงชนั้ ที่ ๔

เร่อื ง การดำเนนิ ชีวิตกับจิตพอเพียง เวลา ๒ ช่ัวโมง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สาระการเรียนรู้/เน้อื หา

สุจรติ ความประพฤติดี หมายถึง การทำความดที างกาย ทางวาจา และทางใจ อนั จะเป็นเหตใุ หเ้ กิด

ความสุขสงบรม่ เย็นท้งั แก่ตนเองและผู้อนื่ มี ๓ อย่าง คอื

๑. กายสุจริต ความประพฤติดีทางกาย หมายเอาการกระทำอนั เป็นความดีท่ีบคุ คลประพฤติ

หรอื แสดงออกกริ ิยาทางกาย

๒. วจีสุจริต ความประพฤติดีทางวาจา หมายเอาการทำความดีที่บุคคลประพฤติหรือ

แสดงออกทางวาจา

๓. มโนสุจริต ความประพฤติดีทางใจ หมายเอาการทำความดีที่บุคคลประพฤติหรือ

แสดงออกทางใจ หรือเรยี กว่า ความคิดดี

อนวชั ชสุข สุขของคฤหัสถ์ ความสขุ ทีช่ าวบา้ นควรพยายามเขา้ ถึงให้ได้สมำ่ เสมอ หรอื ความสุขอัน

ชอบธรรมท่ีผ้คู รองเรอื นควรมี

๑. อตั ถิสุข ความสุขที่เกิดจากการมีทรพั ยโ์ ดยสุจริตธรรม

๒. โภคสุข ความสขุ ทเ่ี กิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ความโปรง่ ใสใจสะอาดต้านทจุ รติ

๓. อนณสุข ความสุขทีเ่ กดิ จากความไม่เปน็ หนเ้ี กินตัวความพอเพยี ง

๔. อนวัชชสขุ ความสุขท่ีเกิดจากความประพฤติที่ไมม่ โี ทษไม่ประพฤติในทางทุจริต

๒. จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. เพอ่ื ให้นักเรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจในเร่ืองหลกั ธรรม เร่อื งสุจรติ ๓ และอนวชั ชสุข (K)
๒. เพื่อใหน้ ักเรียนสรปุ หลักธรรม เร่ืองสจุ ริต ๓ และอนวัชชสขุ ในรูปแบบผังมโนทัศน์ได้ (P)
๓. เพอื่ ให้นักเรยี นเห็นความสำคัญในการตอ่ ต้านและป้องกันการทุจริตอนั จะสง่ ผลให้อยรู่ ่วมกนั ในสังคม
ได้อย่างสงบสุข จากการนำหลกั ธรรม เร่ืองสจุ รติ ๓ อนวชั ชสขุ ใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ (A)

๓. ขัน้ ตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบ Active learning
(การเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity–based Learning: CBL)
ชั่วโมงที่ ๑

๑. ขั้นนำ
- กิจกรรมสรา้ งสมาธกิ อ่ นเรยี นให้กับนกั เรียน ประมาณ ๕ นาที เพ่ือให้มสี ตใิ นการเรียน เช่น สวดมนต์ นั่ง

สมาธิ การสอดด้ายเขา้ เขม็ เบรนยิม (Brain Gym) หรือเกมอนื่ ๆ ทส่ี อดคล้องกับการสรา้ งสมาธิ เปน็ ต้น

๒๖

- นักเรียนดูคลิปวิดีโอหนังสั้น เรื่อง สารคดีตามรอยพ่อขอทำดี ตอน แนวพระราชดำริ “การพึ่งตนเอง”
https://www.youtube.com/watch?v=๘C๑cx๘jyDos และ เรื่อง “สารคดีตามรอยพ่อขอทำดี ตอน ความ
เสยี สละ https://www.youtube.com/watch?v=๑CA๑ZagQej๐ จากสำนักงาน ป.ป.ช.

- ครูและนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ พุดคุย โดยครูอาจตั้งคำถามชวนคิดว่าจากคลิปวิดีโอ เกิดเหตุการณ์
อะไรขึ้น นกั เรยี นมคี วามรู้สึกอยา่ งไร

๒ ข้นั สอน
- นักเรียนศกึ ษาหลักธรรมเรื่องสุจริต ๓ (กายสจุ ริต วจสี จุ รติ มโนสจุ ริต) จากใบความรู้
- นักเรียนในห้องร่วมกันพูดคุยเสนอความคิดเห็นวิเคราะห์หลักธรรมสุจริต ๓ (กายสุจริต วจีสุจริต มโน

สจุ ริต) เชื่อมโยงกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างไรบ้าง เชน่ กายสุจรติ คอื การไม่ประพฤติผิดในการทำ
ทุจริต เช่น........ วจีสุจริต คือการไม่กล่าวทางวาจาให้เกิดการทำทุจริต เช่น........ มโนสุจริต คือการไม่คิดหรือมุ่งใน
การทำทจุ รติ เช่น........

- นักเรียนประมวลความคิดเหน็ ดงั กล่าว มาวเิ คราะห์และทำใบงานสุจริต ๓
- ตัวแทนนักเรยี นนำเสนอใบงานของตนหน้าหอ้ ง ครใู ห้คำช่ืนชมหรอื แนะนำเพม่ิ เติม
- นกั เรยี นทกุ คนนำใบงานของตนติดไว้รอบห้องเรียน เพื่อใหเ้ กดิ การแลกเปล่ยี นเรียนร้กู นั และกัน

๓. ขน้ั สรุป
- นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ความคิดประเด็น “แนวทางการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ

พอเพยี งเช่อื มโยงกบั หลกั ธรรมสุจริต ๓”

ชวั่ โมงที่ ๒
๑. ขัน้ นำ
- กิจกรรมสรา้ งสมาธิก่อนเรียนให้กับนักเรียน ประมาณ ๕ นาที เพื่อใหม้ ีสติในการเรยี น เช่น สวดมนต์ นั่ง

สมาธิ การสอดด้ายเข้าเข็ม เบรนยิม (Brain Gym) หรอื เกมอื่น ๆ ทส่ี อดคลอ้ งกับการสร้างสมาธิ เปน็ ต้น
- นกั เรยี นดคู ลปิ วิดโี อภาพยนตร์สัน้ โรงเรียนคุณธรรม สพฐ. เรอ่ื ง เลือก จาก
https://www.youtube.com/watch?v=uiszoeKyLjE
- นกั เรียนรวมกนั วเิ คราะหแ์ ละตอบคำถาม โดยครอุ าจสุ่มเรยี ก ต่อไปน้ี
- จากเรือ่ ง หลานทำพฤติกรรมใด เพราะเหตใุ ดหลานจงึ ทำเช่นนน้ั
- นักเรียนเหน็ ดว้ ยหรอื ไม่กบั ความคดิ ของหลานทีจ่ ะนำเงินทไ่ี ด้ไปซื้อข้าวหรือกล่องดินสอ
- นกั เรยี นคิดวา่ การทหี่ ลานเลือกตดั สินใจดงั กล่าวในตอนท้ายถูกต้องหรอื ไม่ อยา่ งไร
๒ ขัน้ สอน
- แบง่ นกั เรยี นออกเป็นกล่มุ กลุ่มละเท่า ๆ กนั โดยให้แต่ละกล่มุ มอบหมายหน้าทีส่ มาชิกในกลุม่ ใหช้ ัดเจน
- แต่ละกลุ่มศกึ ษาหลกั ธรรมจาก ใบความรู้ เรอ่ื งอนวัชชสขุ จาก

๒๗

- สมาชิกในกลุ่มร่วมกันพูดคุยเสนอความคิดเห็นวิเคราะห์หลักธรรมอนวัชชสุข เชื่อมโยงกับหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างไรบา้ ง เชน่

อัตถิสุข ความสุขทเ่ี กดิ จากการมีทรพั ยโ์ ดยสุจรติ ธรรม
เช่น การประกอบอาชีพสจุ ริต
โภคสุข ความสุขทีเ่ กิดจากการใชจ้ ่ายทรพั ยค์ วามโปรง่ ใสใจสะอาดต้านทุจริต
เชน่ นำเงนิ ไปใช้ด้วยความสจุ รติ
อนณสุข ความสุขทเี่ กดิ จากความไมเ่ ป็นหนเ้ี กินตวั ความพอเพยี ง
เชน่ ไมใ่ ช้เงินเกนิ ตวั
อนวชั ชสุข ความสุขทีเ่ กิดจากความประพฤตทิ ่ีไมม่ โี ทษไม่ประพฤตใิ นทางทจุ รติ
เช่น ไมก่ ระทำการใดๆท่เี สีย่ งตอ่ การทจุ ริต
- ครแู จกกระดาษบรูฟ พร้อมทั้งปากกาเมจิกใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่ม
- นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปองค์ความรู้จากการพูดคุย (ถาม-ตอบ) เสนอความคิดเห็นในกลุ่มในรูป
ผังมโนทัศน์ โดยใหน้ กั เรยี นเชอ่ื มโยงหลักธรรมไปสู่หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
- ตวั แทนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอ หนา้ ชน้ั เรียน กลมุ่ ละ ๕ - ๗ นาที
- ครแู ละนักเรียนรว่ มกันชน่ื ชมผลงานร่วมกนั พร้อมใหข้ อ้ เสนอแนะในการนำเสนอขอ้ มลู ให้ครอบคลุม และ
นำไปประยกุ ตใ์ ช้ในการดำเนินชวี ิต
๓. ขัน้ สรปุ
- นักเรียนร่วมพุดคุย สนทนา และยกตัวอย่างบุคคลที่นำหลักธรรมอนวัชชสุข มาใช้ควบคู่กับหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จนประสบความสำเร็จในชวี ิต

๔. ภาระงาน/ชิน้ งาน
๑. ใบงานสจุ ริต ๓
๒. ผังมโนทัศน์ เรื่อง หลักธรรมสุจริต ๓ (กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต) เชื่อมโยงกับหลักปรัชญาของ

เศรษฐกิจพอเพยี ง

๕. ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้
- คลิปวิดีโอ เรอื่ ง สารคดีตามรอยพ่อขอทำดี ตอน แนวพระราชดำริ “การพึง่ ตนเอง”
จาก https://www.youtube.com/watch?v=๘C๑cx๘jyDos
- คลปิ วดี โี อ “สารคดีตามรอยพอ่ ขอทำดี ตอน ความเสียสละ
จาก https://www.youtube.com/watch?v=๑CA๑ZagQej๐
- คลิปวดิ โี อภาพยนตรส์ ั้นโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. เรอื่ ง เลือก
จาก https://www.youtube.com/watch?v=uiszoeKyLjE
- ใบความรทู้ ี่ ๑ เร่อื ง หลักธรรม สุจริต ๓

๒๘

- ใบความรูท้ ี่ ๒ เร่อื ง อนวชั ชสขุ สขุ ของคฤหัสถ์

๖. การวดั และประเมนิ ผล

วิธีการวดั และประเมนิ ผล
๑. การตรวจใบงาน
๒. การตรวจผงั มโนทศั นก์ ลมุ่
๓. การสงั เกตการทำงานกลุ่มและพฤติกรรมรายบคุ คล

เคร่อื งมือการวดั และประเมนิ ผล
๑. แบบสังเกตการทำงานกลุ่ม
๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
๓. แบบประเมนิ ผงั มโนทศั น์

๒๙

หนว่ ยท่ี ๓
ภาวนาปธาน : STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ

๓๐

ใบความรทู้ ี่ ๑

หลกั ธรรม เร่อื ง สจุ ริต ๓
สุจริต ๓ ประการ
สุจรติ แปลว่า ความประพฤติดี หมายถงึ การทำความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจ อันจะเป็นเหตุ
ให้เกิดความสุขสงบรม่ เยน็ ท้ังแก่ตนเองและผู้อื่น มี ๓ อย่าง คอื

๑. กายสุจรติ ความประพฤติดที างกาย
กายสจุ ริต แปลว่า ความประพฤตดิ ีทางกาย หมายเอาการกระทำอันเป็นความดที บ่ี ุคคลประพฤตหิ รอื
แสดงออกทางกาย มี ๓ อยา่ ง ได้แก่
ปาณาตปิ าตา เวรมณี งดเวน้ จากการฆ่าสัตว์ตดั ชวี ติ
อทนิ นาทานา เวรมณี งดเวน้ จากการถือเอาทรัพย์ท่เี จ้าของเขาไม่ได้ให้ คือไม่ลักทรพั ย์
กาเมสุ มจิ ฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤตผิ ิดในกาม
๒. วจีสุจริต ความประพฤติดีทางวาจา
วจสี จุ รติ แปลวา่ ความประพฤตดิ ที างวาจา หมายเอาการทำความดีที่บุคคลประพฤตหิ รอื แสดงออก
ทางวาจา ๔ อย่าง ได้แก่
มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากการพดู เท็จ
ปสิ ุณาย วาจาย เวรมณี เวน้ จากการพูดส่อเสียด
ผรสุ าย วาจาย เวรมณี เวน้ จากการพูดคำหยาบ
สมั ผปั ปลาปา เวรมณี เวน้ จากการพูดเพ้อเจ้อ
๓. มโนสจุ รติ ความประพฤติดที างใจ
มโนสจุ ริต แปลว่า ความประพฤตดิ ีทางใจ หมายเอาการทำความดีท่บี คุ คลประพฤติหรือแสดงออก
ทางใจ หรือเรียกว่า ความคิดดี มี ๓ อย่าง ไดแ้ ก่
อนภชิ ฌา ความไมโ่ ลภอยากไดข้ องคนอืน่
อพยาบาท ความไม่คิดปองร้ายคนอื่น
สัมมาทฏิ ฐิ ความเห็นที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

ทีม่ า : https://www.jaisangma.com/good-conduct/สบื ค้นเม่อื ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕

๓๑

ใบความรทู้ ่ี ๒
หลักธรรม เร่ือง อนวัชชสุข (ความสุขของผู้ครองเรอื น)

อนวชั ชสุข เป็นหลกั ธรรม ข้อท่ี ๔ ใน คหิ สิ ุข สขุ ของคฤหัสถ์ คือ ความสุขของชาวบา้ น, ความสุขที่
ชาวบ้านควรพยายามเข้าถึงใหไ้ ดส้ ม่ำเสมอ หรอื ความสขุ อันชอบธรรมทผ่ี คู้ รองเรือนควรมี ประกอบดว้ ย

๑. อตั ถสิ ุข หมายถึง ความสขุ ทีเ่ กดิ จากการมีทรพั ย์
๒. โภคสขุ หมายถงึ ความสขุ ท่เี กดิ จากการใชจ้ า่ ยทรัพย์
๓. อนณสุข หมายถึง ความสุขที่เกิดจากความไมเ่ ป็นหนี้
๔. อนวัชชสุข หมายถงึ ความสุขที่เกิดจากความประพฤติท่ีไมม่ ีโทษ
อธิบายเนื้อความว่า กามโภคีสุข ๔ (สุขของคฤหัสถ์ ๔) คือ คนครองเรือนควรจะ มีความสุข ๔
ประการ ซึ่งคนครองเรือนควรจะพยายามให้เข้าถึงให้ได้สม่ำเสมอ ๑. อัตถสิ ุข สุขเกดิ แตก่ ารมีทรัพย์ คือ ความ
ภมู ใิ จ เอบิ อ่ิมใจ ว่าตนมโี ภค ทรพั ยท์ ่ีไดม้ าดว้ ยนำ้ พักน้ำแรง ความขยนั หมน่ั เพยี รของตน และโดยชอบธรรม ๒.
โภคสุข สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่า ตนได้ใช้ทรพั ย์ที่ได้มาโดยชอบนั้น เลี้ยง
ชีพ เลี้ยงผู้ควรเลี้ยง และบ่าเพ็ญประโยชน์ ๓. อนณสุข สุขเกิดแต่การไม่เป็นหนี้ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่า
ตนเป็น ไท ไม่มีหนี้สินติดค้างใคร ๔. อนวัชชสุข สุขเกิดแต่การเป็นผู้ปราศจากโทษ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ
ว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย ใคร ๆ ติเตียนไม่ได้ ทั้งทางกาย ทาง วาจา และทางใจ ใน
บรรดา สขุ ๔ ประการนี้ อนวชั ชสุขมีคา่ มากทีส่ ุด

ทีม่ า : https://jiab๐๐๗.wordpress.com สบื คน้ เม่ือ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕
มหาเถรสมาคม.พระไตรปฎิ กภาษาไทย พุทธศักราช ๒๕๔๙ (ฉลองสริ ริ าชสมบตั ิครบ ๖๐ ป)ี เล่มท่ี

๒๑ ขอ้ ๖๒ หน้า ๑๑๔. (อันนนาถสตู ร)
พระพรหมคุณาภรณ(์ ป.อ.ปยตุ ฺโต). พจนานุกรมพทุ ธศาสตร์ฉบับประมวลธรรม.โรงพิมพ์มหาจุฬาลง

กรณราชวทิ ยาลยั . ๒๕๕๑.

๓๒

ชวั่ โมงท่ี ๑
ใบงานสจุ ริต ๓ เช่อื มโยงกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยา่ งไร
ช่อื ................................................... ช้ัน...................... เลขที่................ ผสู้ อน..............................................

……………………………………… กาย วจี ………………………………………
……………………………………… สุจริต สจุ รติ ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… หลกั ธรรมสุจรติ ………………………………………
……………………………………… ๓ ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… มโน ………………………………………
……………………………………… สจุ ริต ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………

……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………

๓๓

ช่ัวโมงท่ี ๑
ใบงานสุจรติ ๓ เชอื่ มโยงกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงอยา่ งไร
ชือ่ ................................................... ช้นั ...................... เลขท.ี่ ............... ผู้สอน..............................................

การไม่ประพฤติผิดในการทา กาย วจี การไม่กล่าวทางวาจาใหเ้ กดิ
ทจุ รติ เชน่ สุจริต สจุ ริต การทาทจุ รติ เช่น

ไมล่ กั ขโมย หลักธรรมสจุ ริต ไม่พดู โกหก

ไม่ลอกผลงานหรอื ใหผ้ อู้ ื่นลอก ไม่พดู บดิ เบอื น
ผลงาน

ไม่เบียดเบียนผอู้ ื่น

มโน
สุจรติ

การไมค่ ดิ หรอื ม่งุ ในการทาทจุ รติ เชน่
ไมค่ ิดอยากไดข้ องผอู้ ื่น พอใจในสิ่งท่ตี นเองมี

ไม่คิดแสวงหาผลประโยชนท์ ่ไี มค่ วร

๓๔

ส่ือ/แหล่งเรียนรู้

- คลปิ วิดโี อ สารคดีตามรอยพ่อขอทำดี ตอน แนวพระราชดำริ “การพ่ึงตนเอง”
จาก https://www.youtube.com/watch?v=๘C๑cx๘jyDos

- คลปิ วีดีโอ สารคดตี ามรอยพ่อขอทำดี ตอนความเสียสละ
จาก https://www.youtube.com/watch?v=๑CA๑ZagQej๐

- คลิปวดิ โี อภาพยนตรส์ ัน้ โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. เร่ือง เลอื ก
จาก https://www.youtube.com/watch?v=uiszoeKyLjE

๓๕

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้

หนว่ ยท่ี ๔ อนรุ กั ขนาปธาน : พลเมอื งกับความรับผิดชอบตอ่ สังคม ชว่ งช้ันท่ี ๔

เรอื่ ง สร้างพลเมืองดสี ู่ชุมชน ไมท่ นตอ่ ทจุ รติ เวลา ๒ ช่ัวโมง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สาระการเรียนร/ู้ เนอื้ หา

อปรหิ านิยธรรม ธรรมไม่เป็นท่ตี ้ังแห่งความเส่ือมป้องกันมิให้ประพฤติทุจริต แต่เป็นธรรมเพื่อความ

เจริญสำหรับบุคคลปฏิบตั ิจะมีแต่ความเจริญความก้าวหน้าในชีวิต ไม่มีความเสื่อม ความเสียหายในทางทุจรติ

อนั เป็นอปุ การะมากในสังคมพลโลกทีม่ ีความรับผดิ ชอบต่อการป้องกนั การทจุ ริต ประกอบดว้ ย ๗ ประการ คือ

๑. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ การทำงานร่วมกันของคนในสังคม ประชุมปรึกษาหารือกันสม่ำเสมอ

เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตต่าง ๆ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ยอมรับในเหตุผลที่ถูกต้องที่เป็ น

ประโยชน์ เพอื่ ความเขา้ ใจทีด่ ตี ่อกันของทุกคนในสงั คมไมเ่ กดิ ความเส่ือม

๒. พรอ้ มเพรยี งกนั ประชุม เลิกประชมุ และกระทำกิจที่ควรทำเพ่ือให้เกดิ ความยตุ ธิ รรมไม่ทุจริตเป็น

อนั หนง่ึ อันเดยี วกันของหมู่คนท่ีอยรู่ วมกันไม่กินแหนงแคลงใจกัน จะทำงานอะไรกส็ ำเรจ็ ได้

๓. ไม่บัญญัติสิง่ ที่ยังไม่ไดบ้ ัญญัติและไม่เลิกล้มส่ิงท่ีบญั ญัติไว้แล้ว บัญญัติและไม่ล้มเลิก ระเบียบ

กฎเกณฑ์ต่างๆ ของคณะและสงั คมตามความพอใจของตนหรือของกล่มุ โดยไม่คำนึงถงึ ความถูกตอ้ ง

๔. เคารพนับถอื ผใู้ หญ่การเคารพและรับฟงั คำสงั่ สอนของผู้ใหญถ่ ือวา่ เปน็ ส่ิงทด่ี ี เพราะผ้ใู หญ่เกิด

ก่อน ผ่านประสบการณ์มามากกวา่ ประกอบกับการอยู่ร่วมกันในสังคมต้องมผี ู้นำ ถ้าเราให้การเคารพและเชื่อ

ฟังผนู้ ำสงั คมก็จะไมว่ ุน่ วาย

๕. ไม่ข่มเหงล่วงเกินสตรี สตรีถือว่าเป็นเพศที่อ่อนแอ บุรุษควรให้เกียรติให้ การยกย่อง ปกป้อง

ไม่ให้ใครละเมิดสทิ ธหิ รอื ข่มเหงรงั แก ถ้าสังคมใดๆ

๖. สักการะเคารพเจดีย์ ใหค้ วามเคารพและปกป้องรักษาปชู นียสถานที่สำคัญในศาสนา เพื่อจะเป็น

เครือ่ งยดึ เหนีย่ วจติ ใจของกลุ่มคนในหมู่คณะท่อี ยรู่ ่วมกันและระลกึ ถงึ กันไมเ่ กิดการทจุ ริต

๗. ให้การอารักขา คุ้มครอง อันชอบธรรมแก่พระอรหันต์ คือการคุ้มครองบรรพชิตซึ่งเป็นผู้สืบ

ทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยูต่ ลอดไป

สาราณียธรรม หลกั ธรรมอันเป็นที่ต้ังแห่งความระลึกถึงซง่ึ กันและกนั เป็นหลักธรรมท่ีจะเสริมสร้าง

ความรู้สึกที่ดีให้เกิดขึ้นต่อกันและกันอยู่เสมอในยามที่ระลึกถึงกัน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความ

สามัคคีความเป็นปึกแผ่นใหเ้ กิดขนึ้ และปอ้ งการทุจรติ ทจี่ ะเกิดขนึ้ ประกอบด้วย

๑. เมตตามโนกรรม การคิดดี การมองกันในแง่ดี มีความหวังดีและปรารถนาดตี ่อกัน รักและ เมตตา

ต่อกันคดิ แตใ่ นสง่ิ ที่สรา้ งสรรคต์ อ่ กัน ไมอ่ จิ ฉารษิ ยา ไมค่ ิดอคติ ไมพ่ ยาบาท ไมโ่ กรธแค้นเคืองกนั ร้จู กั ให้ โอกาส

และให้อภัยต่อกนั และกนั อยเู่ สมอ

๒. เมตตาวจีกรรม การพูดแต่สิ่งที่ดีงาม พูดกันด้วยความรักความปรารถนาดรี ู้จักการพูดให้ กำลังใจ

กนั และกนั ในยามทม่ี ใี ครตอ้ งพบกับความทุกข์ความผดิ หวงั หรือความเศร้าหมองตา่ งๆ โดยทไ่ี มพ่ ูดจาซ้ำเติมกัน

๓๖

ในยามท่มี ใี ครต้องหกล้มลง ไม่นนิ ทาว่ารา้ ยทงั้ ต่อหน้าและลับหลงั พดู แนะนำในสิ่งที่ดแี ละมปี ระโยชน์ พูดอย่าง
ใดกท็ ำอยา่ งนน้ั ไม่โกหกกัน

๓. เมตตากายกรรม การทำความดีต่อกัน สนบั สนนุ ชว่ ยเหลือกันทางด้านกำลังกายมีความ อ่อนน้อม
ถ่อมตน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่เบียดเบียนหรือรังแกกัน ไม่ทำร้ายกันให้ได้รับความทุกขเวทนา ทำแต่ในสิ่งท่ี
ถูกต้องตอ่ กนั อยตู่ ลอดเวลา

๔. สาธารณโภคี การรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรมช่วยเหลือกัน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่
เหน็ แกป่ ระโยชน์ส่วนตน ไม่เอารดั เอาเปรียบและมีความเสมอภาคต่อกนั เออื้ เฟอ้ื ซงึ่ กนั และกนั อยู่เสมอ

๕. สีลสามัญญตา การปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับหรือวินัยต่าง ๆ อย่างเดียวกัน เคารพ ในสิทธิ
เสรีภาพของบุคคลไมก่ ้าวก่ายหน้าทกี่ นั ไมอ่ า้ งอำนาจบาตรใหญ่ ไมถ่ อื อภิสทิ ธ์ิใด ๆ ทัง้ ปวง

๖. ทิฏฐิสามัญญตา มีความคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกันคิดในสิ่งที่ตรงกัน ปรับมุมมองให้ตรงกัน รู้จัก
แสวงหาจุดร่วมและสงวนไว้ซึ่งจุดต่างของกันและกันไม่ยึดถือความคิดของตนเป็นใหญ่ รู้จักยอมรับฟังความ
คิดเห็นของคนอนื่ อย่เู สมอ

๒. จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม

ตามหลกั ธรรมเรือ่ ง อปริหานิยธรรม ๗ สารณียธรรม ๖ (K)
๒. เพื่อให้นักเรียน วิเคราะห์แนวปฏิบัติตนในการเป็นพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม

ตามหลกั ธรรมเร่ือง อปริหานิยธรรม ๗ สารณยี ธรรม ๖ (P)
๓. เพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญในความรับผิดชอบต่อการป้องกันการทุจริตความรับผิดชอบต่อ

ตนเองและผู้อื่นได้อย่างสงบสุข จากการนำหลักธรรมเรื่อง อปริหานิยธรรม ๗ สารณียธรรม ๖ ใช้ใน
ชีวิตประจำวนั และสามารถเผยแพร่การปอ้ งกนั ทจุ ริตไปสู่ผูอ้ ่นื ได้ (A)

๓. ข้ันตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบ Active learning
(การเรยี นร้โู ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (Problem–based Learning: PBL)
ชว่ั โมงท่ี ๑

๑. ข้นั นำ
- กิจกรรมสร้างสมาธิก่อนเรียนให้กับนักเรียน ประมาณ ๕ นาที เพื่อให้มีสติในการเรียน เช่น สวดมนต์

น่ังสมาธิ การสอดด้ายเข้าเข็ม เบรนยมิ (Brain Gym) หรอื เกมอืน่ ๆ ทส่ี อดคล้องกับการสร้างสมาธิ เปน็ ต้น
- ครใู ห้นกั เรยี นดูคลปิ วดิ ีโอส้ัน (เรอ่ื งใดเรอื่ งหนงึ่ ก็ได้)
๑. เรือ่ ง “อดทน อดกลน้ั ” เน้ือหาสาระการขับรถแซงผู้อ่ืนไปมา และไม่เคารพกฎจราจร
จาก https://www.youtube.com/watch?v=dWmZDGYtE_k
๒. เรอ่ื ง “รจู้ กั หน้าท่ี” เนื้อหาสาระการไมต่ ัง้ ใจทำงาน โดยเลน่ อินเตอรเ์ น็ต/โทรศัพท์ ในเวลาทำงาน
จาก https://www.youtube.com/watch?v=GATjrfppBBA
หรือคลปิ อืน่ ๆ ท่ีเก่ยี วข้องกบั การทุจริต

๓๗

- ครูและนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ เรื่อง อปริหานิยธรรม ๗ และ สารณียธรรม โดยครูอาจตั้งคำถามชวน
คดิ วา่ จากคลิปวิดีโอ เกิดเหตุการณ์อะไรขนึ้ นักเรียนเหน็ ด้วยกับการกระทำดังกลา่ วหรอื ไม่ อย่างไร

๒. ขัน้ สอน
- แบ่งนกั เรียนออกเป็นกล่มุ กลมุ่ ละเทา่ ๆ กัน โดยให้แตล่ ะกลุม่ มอบหมายหนา้ ที่สมาชกิ ในกลุม่ ใหช้ ัดเจน
- แตล่ ะกลุม่ ศึกษาหลักธรรมจากใบความรู้ที่ ๑ เรือ่ ง อปริหานิยธรรม ธรรมไมเ่ ปน็ ทต่ี ั้งแห่งความเส่ือมแต่เป็น
ธรรมเพ่อื ความเจรญิ จากใบความรู้ที่ ๒ เรื่อง สาราณียธรรม หลกั ธรรมอันเป็นที่ต้งั แห่งความระลึกถึงซง่ึ กนั และกัน
- สมาชิกในกลุม่ ร่วมกนั พูดคุย เสนอความคิดเหน็ วิเคราะห์หลักธรรม เพื่อสร้างพลเมืองดีมีความรบั ผดิ ชอบ
ตอ่ สงั คมเพอ่ื ประโยชน์สว่ นรวม
- ครูแจกกระดาษบรูฟ พร้อมท้งั ปากกาเมจิกใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่
- นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปองค์ความรู้จากการพูดคุย (ถาม-ตอบ) เสนอความคิดเห็นในกลุ่มในรูปผังมโน
ทัศน์ โดยให้นกั เรยี นเชื่อมโยงหลกั ธรรม ไปสู่การสรา้ งพลเมอื งดมี คี วามรบั ผิดชอบต่อสังคมเพื่อประโยชน์สว่ นรวม
- แตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอ หน้าชน้ั เรียน กล่มุ ละ ๕ - ๗ นาที
- ครูและนักเรียนร่วมกันชื่นชมผลงานร่วมกัน พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการนำเสนอข้อมูลให้ครอบคลุม และ
นำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดำเนินชีวติ

๓. ข้นั สรุป
- ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ในการนำหลกั ธรรมเร่ือง เรอื่ ง อปริหานยิ ธรรม ธรรมไม่เป็นที่ต้งั แหง่ ความเสื่อม แต่เป็น
ธรรมเพ่ือความเจริญ และสาราณยี ธรรม หลกั ธรรมอันเป็นทีต่ ้งั แห่งความระลึกถึงซึ่งกันและกนั
- นักเรียนร่วมกันเสนอแนวทางการแก้ปญั หาการทุจริตที่เกิดในสังคมปัจจุบัน ส่งผลต่ออนาคตด้านมติ ิส่วน
ตนและส่วนรวม โดยจดั ทำคลปิ วิดโี อหนังสัน้ /โปสเตอร์ เพ่อื นำไปจดั ทำเปน็ สอ่ื รณรงคใ์ นโรงเรยี นหรือเผยแพร่สังคม
ออนไลน์รูปแบบสือ่ ต่างๆ

ชว่ั โมงที่ ๒
๑. ข้ันนำ
- กิจกรรมสร้างสมาธิก่อนเรียนให้กับนกั เรียน ประมาณ ๕ นาที เพื่อให้มีสติในการเรียน เช่น สวดมนต์

น่งั สมาธิ การสอดด้ายเขา้ เข็ม เบรนยิม (Brain Gym) หรือเกมอน่ื ๆ ทส่ี อดคล้องกบั การสร้างสมาธิ เป็นต้น
- ครูใหน้ ักเรยี นดคู ลิปวิดโี อส้นั เรอื่ ง “เคารพสิทธิผ้อู น่ื ” วางกระถางต้นไม้ไวบ้ นกาแพงทีก่ ้นั ระหว่างบ้าน

และรดนา้ ต้นไม้ ทำใหด้ ินไหลออกไปเลอะบา้ นท่ีมีกาแพงตดิ กนั จงึ ตอ้ งเปลยี่ นทว่ี างต้นไม้ใหม่
จาก https://www.youtube.com/watch?v=bztZQ_hkkNs
- ครูและนักเรียนรว่ มกันวเิ คราะห์ เรื่องพลเมืองกบั ความรับผิดชอบตอ่ สงั คม โดยครูอาจต้งั คำถามชวนคิด

ว่าจากคลิปวิดโี อ เกิดเหตุการณอ์ ะไรขึน้ นกั เรียนเหน็ ดว้ ยกบั การกระทำดงั กล่าวหรือไม่ อยา่ งไร

๓๘

๒. ข้นั สอน
- แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละเท่า ๆ กัน โดยให้แตล่ ะกลุ่มมอบหมายหน้าทส่ี มาชกิ ในกลมุ่ ให้ชัดเจน
- นักเรียนแบ่งกลุ่มระดมพลังความคิด ประเด็น “พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคมการป้องกันการ

ทจุ รติ เรมิ่ ทีต่ ัวเรา”ซ่ึงแต่ละกลมุ่ จะมีประเดน็ ย่อยที่แตกต่างกัน ดงั นี้
กลมุ่ ท่ี ๑ สีฟา้ พลเมืองท่รี บั ผดิ ชอบต่อการป้องกนั การทจุ รติ ต้องมหี ลักธรรมใดบ้าง
กลุ่มที่ ๒ สีชมพู อปริหานิยธรรม หลักปฏิบัติตามพลเมืองที่รับผิดชอบต่อการป้องกันการทุจริต ต้องมี

ลักษณะใด
กลุ่มที่ ๓ สีเหลือง สารณียธรรม หลักปฏิบัติตามพลเมืองที่รับผิดชอบต่อการป้องกันการทุจริต ต้องมี

ลกั ษณะใด
แต่ละกลุม่ บนั ทกึ ผลการระดมพลังความคดิ ลงในใบกจิ กรรม
- ตวั แทนกลุม่ นำเสนอผลการระดมพลงั ความคิดหน้าชั้นเรยี น กลุ่มละ ๓ นาที
- ครูและนักเรียนร่วมกันชื่นชมผลงานร่วมกัน พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการนำเสนอข้อมูลให้ครอบคลุม

และนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชีวิต

๓. ขัน้ สรุป
- นักเรียนและครูร่วมกนั พูดคุย “จะทำอย่างไร เม่ือคนส่วนใหญ่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม รู้ว่าผิดก็ยังปฏิบัติ

อยเู่ หมือนไม่มคี วามผดิ นกั เรียนจะหาทางออกอยา่ งไร”
- นักเรยี นร่วมกนั เสนอแนวทางการแก้ปญั หาการทจุ รติ ท่ีเกดิ ในสังคมปจั จุบัน สง่ ผลตอ่ อนาคตด้านมิติส่วน

ตนและส่วนรวม โดยจัดทำคลิปวิดีโอหนังสัน้ /โปสเตอร์ เพอื่ นำไปจัดทำเปน็ สอ่ื รณรงค์ในโรงเรียนหรือเผยแพร่สังคม
ออนไลน์รปู แบบสอื่ ตา่ งๆ

๔. ภาระงาน/ชน้ิ งาน
๑. ใบกิจกรรมระดมพลังความคิดเห็นประเด็น “พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อสังคมการป้องกนั การทุจรติ

เร่ิมท่ีตวั เรา”
๒. ส่ือรณรงค์ในโรงเรียน/คลิปวดิ ีโอส้นั ผ่านสอื่ โซเชียล

๕. ส่อื /แหลง่ เรียนรู้
- คลปิ วิดโี อ เร่อื ง อดทน อดกลนั้ https://www.youtube.com/watch?v=dWmZDGYtE_k
- คลิปวดิ โี อ เรือ่ ง รูจ้ กั หน้าท่ี https://www.youtube.com/watch?v=GATjrfppBBA
- คลปิ วิดโี อ เร่ือง เคารพสิทธิผู้อน่ื https://www.youtube.com/watch?v=bztZQ_hkkNs
- ใบความรู้ เรอ่ื ง อปริหานยิ ธรรม ธรรมไม่เป็นทตี่ ้ังแห่งความเส่ือม แต่เป็นธรรมเพื่อความเจรญิ
- ใบความรู้ เรอ่ื ง สาราณยี ธรรม หลักธรรมอันเป็นทตี่ ั้งแห่งความระลึกถึงซ่ึงกันและกนั

๓๙

๖. การวัดและประเมนิ ผล
วิธกี ารวัดและประเมินผล
๑. การตรวจใบกจิ กรรมระดมพลังความคดิ เหน็
๒. การสงั เกตการทำงานกลุม่ และพฤตกิ รรมรายบคุ คล

เครื่องมือการวัดและประเมนิ ผล
๑. แบบสงั เกตการทำงานกลุ่ม
๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล

๔๐

หนว่ ยท่ี ๔
อนุรักขนาปธาน : พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบต่อสังคม

๔๑

ใบกจิ กรรมระดมพลังความคิดเห็นประเดน็
“พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมการป้องกนั การทุจรติ เริ่มทต่ี ัวเรา”

ผลการระดมพลงั ความคิด กลุ่มที.่ .....................................................ช้นั ...................................................
ประเด็นท.่ี ..................................................................................................................................................

ระดมความคิด กลน่ั กรองความคิด สรปุ ความคดิ

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

.................................................... .................................................... ....................................................

๔๒

ชัว่ โมงที่ ๒
ใบกจิ กรรมระดมพลังความคิดเห็นประเด็น
“พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อสังคมการป้องกันการทุจรติ เรมิ่ ทีต่ วั เรา”

ประเดน็ ท่ี ๑ สฟี า้ พลเมอื งทรี่ ับผิดชอบต่อการป้องกันการทุจรติ ตอ้ งมหี ลักธรรมใดบา้ ง

ประเด็นที่ ๒ สีชมพู อปริหานิยธรรม หลักปฏิบัติตามพลเมืองที่รับผิดชอบต่อการป้องกันการทุจริต
ต้องมลี กั ษณะใด

ประเดน็ ที่ ๓ สเี หลอื ง สารณียธรรม หลกั ปฏบิ ัตติ ามพลเมอื งท่ีรับผดิ ชอบต่อการป้องกนั การทจุ ริต ต้อง
มีลกั ษณะใด

๔๓

เกณฑ์การประเมิน
ใบกิจกรรมระดมพลังความคิดเหน็ ประเด็น
“พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คมการป้องกนั การทุจริต เร่ิมท่ีตัวเรา”

ประเด็นการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง คะแนนทไี่ ด้
(๔)
๑.สรปุ ความคิดหลัก สามารถสรุปความคิด (๓) (๒) (๑)
ไดถ้ ูกตอ้ ง ครบถ้วน หลักได้ถูกต้อง
ตรงประเดน็ ครบถ้วน ตรงประเด็น สามารถสรุปความคิด สามารถสรุปความคิด ไม่สามารถสรุปความคิด
ได้ถกู ต้องทกุ ประเดน็
๒ มคี วามคดิ มคี วามคิดสร้างสรรคใ์ น ห ล ั ก ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง ห ล ั ก ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง หลกั ไดถ้ กู ต้อง หรือ
สร้างสรรค์ในการ การเขียนได้ถกู ต้อง
เขยี น ครบถ้วน ตรงประเด็น ครบถ้วน ตรงประเด็น < ๕๐%
๓ สวยงาม สะอาด ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้
ประณตี สวยงาม สะอาด ได้ถูกต้อง ๘๐% ไดถ้ กู ต้อง ๕๐%
ประณีต ถูกต้องตาม
๔ ตรงต่อเวลา รปู แบบ มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ใน มีความคิดสรา้ งสรรค์ใน ความคิดสร้างสรรค์ในการ
สง่ ผลงานครบถว้ น ตรง
ตามเวลาทกี่ ำหนด การเขียนได้ถูกต้อง การเขียนได้ถูกต้อง เขียนไม่ถกู ต้อง หรอื

๘๐% ๕๐% < ๕๐%

ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้ ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น ไ ด้ ไมส่ ามารถเขยี นไดส้ วยงาม

ส ว ย ง า ม ส ะ อ า ด ส ว ย ง า ม ส ะ อ า ด สะอาด ประณีต

ประณีต ถูกต้องตาม ประณีต ถูกต้องตาม

รปู แบบเปน็ ส่วนใหญ่ รูปแบบเปน็ บางส่วน

ส่งผลงานครบถ้วน ช้า

กว่าเวลาที่กำหนดไม่

เกิน ๒ วัน (ให้คะแนน

๕๐% ของคะแนนที่ได)้

คะแนนรวม (คะแนนเตม็ ๑๒ คะแนน)

๔๔

ใบความรู้ที่ ๑

หลักธรรม เรอ่ื ง อปริหานยิ ธรรม ๗
อปริหานิยธรรม ๗ หมายถึง ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความไม่เสื่อม ๗ ประการ ผู้ปฏิบัติธรรมนี้จะเป็นไปเพื่อ
ความเจริญ คือ

๑. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ การอยู่ร่วมกัน การทำงานร่วมกันของคนในสังคมจะต้องมีการพบปะ
ประชุมปรกึ ษาหารอื กันสมำ่ เสมอ เพอื่ แก้ไขปัญหาและแลกเปลยี่ นความคิดเห็นซึ่งกนั และกัน ยอมรบั ในเหตุผล
ที่ถูกต้องที่เป็นประโยชน์ เพื่อความเข้าใจที่ดีต่อกันของทุกคนในสังคมซึ่งความเจริญไม่เกิดความเสื่อมในทุก
กรณี เชน่ ในครอบครัว พ่อ แม่ ลกู มอี ะไรพูดกนั ปรึกษากัน ลูกก็จะอบอุ่น ปัญหาลูกไปติดยาเสพย์ติด ก็จะไม่
เกิดขึ้น ในสถานท่ีทำงาน หัวหน้ามีการประชุมปรึกษากับผู้ร่วมงานทุกครั้ง งานก็จะราบรืน่ หากมีข้อผิดพลาด
ทุกคนกจ็ ะยอมรบั ในสงิ่ ทีเ่ กิดข้ึน

๒. พร้อมเพรียงกันประชุม เลิกประชุมและกระทำกิจที่ควรทำ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมเป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกันของหมู่คนที่อยู่รวมกันไม่กินแหนงแคลงใจกัน จะทำงานอะไรก็สำเร็จได้ เช่นในครอบครัวมีอะไร
ปรึกษาหารือกันก็ต้องอยู่พร้อมๆ กันเพื่อทุกคนจะได้ยอมรับในสิ่งที่จะทำลงไปด้วยความเต็มใจ

๓. ไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่ได้บัญญัติและไม่เลิกล้มสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว เช่น บ้านเมืองจะสงบสุขได้ ทุกคน
จะต้องบัญญัติและไม่ล้มเลิก ระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ของคณะและสังคมตามความพอใจของตนหรือของกลุ่ม
โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ตัวอย่าง เช่น นักเรียนจะต้องแต่งเครื่องแบบของโรงเรียนเพื่อความเป็นระเบียบ
เรียบรอ้ ย จะแตง่ กายตามใจตนเองไมไ่ ด้

๔. เคารพนบั ถอื ผู้ใหญ่การเคารพและรับฟังคำส่ังสอนของผู้ใหญ่ถือว่าเปน็ สงิ่ ที่ดี เพราะผู้ใหญ่เกิดก่อน
ผ่านประสบการณ์มามากกว่า ประกอบกับการอยู่ร่วมกันในสังคมต้องมีผู้นำ ถ้าเราให้การเคารพและเชื่อฟัง
ผู้นำ สงั คมกจ็ ะไมว่ ุ่นวาย เช่น ถ้าลูกเชอื่ ฟังพ่อ แม่ ก็จะเป็นคนดีไดเ้ พราะไม่มีพ่อแม่คนไหน อยากลูกตนเองให้
ช่ั ว

๕. ไม่ข่มเหงล่วงเกินสตรี สตรีถือว่าเป็นเพศแม่ เป็นเพศที่อ่อนแอ บุรุษควรให้เกียรติให้ การยกย่อง
ปกป้องไม่ให้ใครละเมิดสิทธิหรือข่มเหงรังแก ถ้าสังคมใดๆ ผู้หญิงถูกฉุดคร่าข่มขืน มากๆ ความเสื่อมก็จะเกิด
กับสงั คมนัน้

๖. สกั การะเคารพเจดีย์ หมายถึงการให้ความเคารพและปกป้องรักษาปชู นียสถานที่สำคัญในศาสนา
เพอ่ื จะเปน็ เครื่องยดึ เหนี่ยวจิตใจของกลุม่ คนในหมู่คณะทอ่ี ยรู่ ว่ มกนั และระลึกถึงกัน

๗. ใหก้ ารอารกั ขา คมุ้ ครอง อันชอบธรรมแก่พระอรหนั ต์ คือการคมุ้ ครองบรรพชิตซึ่งเปน็ ผู้สืบทอด
พระพุทธศาสนาใหค้ งอยูต่ ลอดไป เช่นการทำบุญดว้ ยปัจจัย ๔ เปน็ ตน้

ที่มา : https://www.baanjomyut.com/library_๓/extension-๓/aparihaniya/index.html
สบื ค้นเมอื่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕

๔๕

ใบความรู้ที่ ๒

หลักสาราณยี ธรรม

สาราณียธรรม คือ ธรรมที่ทำให้ระลึกถึงกัน ทำให้เป็นที่รัก ทำให้เป็นที่เคารพ เป็นไปเพื่อความ
สงเคราะห์กัน เพื่อความไม่วิวาทกัน เพื่อความสามัคคีกัน เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มี ๖ ประการ
ได้แก่

๑. เมตตากายกรรม หมายถงึ ความรูส้ ึกในจิตใจท่ีมีแตค่ วามคิดดี ๆ การมองกันในเร่ืองดี มีความหวัง
ดี ปรารถนาดี รักและเมตตาต่อกัน คิดในสิ่งที่สร้างสรรค์ มองด้านบวกต่อกัน ไม่มีความอิจฉาริษยาไม่คิดอคติ
ลำเอียง ก่อความพยาบาท สร้างความโกรธแค้นเคืองกัน ให้โอกาสและให้อภัยต่อกันทุกเรื่องไม่ว่าจะหนักเบา
แค่ไหน ความคิดปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุขและเข้าใจผู้อื่น ไม่เอาความรู้สึกนึกคิดของตนเป็นใหญ่ มีน้ำใจต่อ
บคุ คลอื่น

๒. เมตตาวจีกรรม การใช้คำพูดออกมาแต่คำพูดที่ดีงาม ด้วยความรักปรารถนาดี รู้จักพูดให้กำลังใจ
กันและกนั ในยามท่ตี ้องพบกับความทุกข์ความผดิ หวังหรือความเศร้าหมอง ไมพ่ ูดจาซำ้ เตมิ กนั ถากถางในยามที่
มีใครโดยเฉพาะคู่อริ ฝ่ายตรงข้ามต้องหกล้มลง ไม่นินทาว่าร้ายทั้งต่อหน้าและลับหลังแนะนำในสิ่งที่ดีและมี
ประโยชน์ พูดด้วยความจริงใจต่อบุคคลอื่น ไม่พูดส่อเสียดบุคคลอื่นใหเ้ กิดความเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่ดูถูกคนท่ีด้อย
กว่าตนเองและไม่พดู ใหค้ นอ่ืนเกิดความเข้าใจผิดจนทะเลาะกัน พดู แต่สิง่ ท่ีเป็นประโยชน์อย่างเดยี วเทา่ นั้น

๓. เมตตามโนกรรม หมายถึง ทำแต่ในสิ่งที่เป็นความดีต่อกัน ช่วยเหลือส่งเสริมกันด้านกำลังกาย มี
ความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่เบียดเบียนรังแกกัน ไม่ทำร้ายให้ได้รับความทุกขเวทนา ทำแต่ใน
สิ่งทถี่ กู ตอ้ งต่อกนั มีความเสยี สละต่อผู้อ่ืน ช่วยเหลือขวนขวายการงานในส่งิ ท่ีตนเองสามารถกระทำได้ มีน้ำใจ
ช่วยเหลือผู้อื่นทุกเรื่อง รู้จักปกป้องช่วยเหลือบุคคลอื่นเมื่อประสบภัย ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมสำรวมระวังใน
อกศุ ลกรรมความไม่ดีทางกาย และไมใ่ ชก้ ำลังเบียดเบยี นผู้อน่ื ใหไ้ ด้รับความทุกข์เดือดรอ้ นไม่ว่าดว้ ยวิธีการใดๆ

๔. สาธารณโภคิตา หมายถึง ให้รู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบ
กันช่วยเหลือกัน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และมีความเสมอภาคต่อกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน
อยู่เสมอ รู้จักแบ่งปัน บริจาคช่วยเหลือผู้ยากไร้ผู้ด้อยโอกาสในสังคม เสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์
ส่วนรวม เพือ่ ความผาสกุ ของคนหม่มู ากในประเทศ

๕. สีลสามัญญตา หมายถึง การปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับหรือวินัยต่างๆ อย่างเดียวกันอย่าง
เคร่งครัด เคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคล ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน ไม่อ้างอำนาจของตนข่มเหงรังแกผู้อื่น ไม่ถือ
อภสิ ิทธ์ิใด ๆ ทั้งปวง มคี วามเคารพต่อกฎหมาย ระเบยี บวินัย มคี วามเกรงอกเกรงใจและให้เกยี รตติ ่อกัน ไม่ทำ
กระทำการลว่ งละเมิดสิทธิอันเปน็ ของผอู้ น่ื ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ก็ตาม

๖. ทิฏฐิสามัญญตา หมายถึง มีความคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกัน คิดในสิ่งที่ตรงกัน ปรับมุมมองที่ต่าง
กลับมาให้ตรงกันด้วยการยอมรับในเหตุผล พูดจาหาข้อสรุปตรงกัน รู้จักแสงหาจุดร่วมและสงวนจุดต่างไม่
ถือเอาความคิดของตนเป็นใหญ่แต่เพียงฝา่ ยเดียว ยอมรับฟังความคิดของผู้อืน่ ทีเ่ ป็นประโยชนต์ ่อบา้ นเมืองจะ
ทำอะไรก็ควรปรึกษาหารือผู้ที่อยู่ร่วมกันใช้เหตุและผลร่วมกันเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมอย่างแท้จริง
(พระไตรปิฎกภาษาไทย. เล่ม ๑๑ : ๓๒๑ – ๓๒๒)

๔๖

ที่มา : วารสารวิจัยเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๑(๕) เดือน
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ – มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

- คลิปวดิ ีโอ เรอื่ ง อดทน อดกล้นั จาก https://www.youtube.com/watch?v=dWmZDGYtE_k

- คลปิ วิดีโอ เรือ่ ง รจู้ ักหนา้ ที่ จาก https://www.youtube.com/watch?v=GATjrfppBBA

๔๗

- คลปิ วิดโี อ เรอื่ ง เคารพสิทธผิ ู้อ่ืน จาก https://www.youtube.com/watch?v=bztZQ_hkkNs


Click to View FlipBook Version