The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2 หลักสูตรรายวิชา คณิต ป.2 - 64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by beepraphatson, 2022-09-06 07:44:42

2 หลักสูตรรายวิชา คณิต ป.2 - 64

2 หลักสูตรรายวิชา คณิต ป.2 - 64

แบบบนั ทกึ หน่วยการเรียนรู้

ค 12101 คณติ ศาสตร์ 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 เร่ือง การวดั ปริมาตร ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 เวลา 20 ชั่วโมง

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาตรฐาน ค 2.1

เข้าใจพืน้ ฐานเกี่ยวกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่ิงที่ตอ้ งการวัดและนำไปใช้

ตัวช้วี ดั ค 2.1 ป.2/6 วดั และเปรียบเทยี บปรมิ าตรและความจุเป็นลติ ร

สาระสำคัญ

- การวดั ปรมิ าตรของของเหลวหรือของแหง่ ทำไดโ้ ดยการตวงของเหลวหรือของแห้งด้วยภ
าชนะต่างๆ เขน่ แกว้ ถ้วย ขวด กระป๋อง การตวงของเหลวหรอื ของแห้ง
ต้องใช้เคร่ืองตวงใหเ้ หมาะสมและตวงให้ถูกวธิ ี
สำหรบั การตวงของเหลวต้องเทของเหลวใหเ้ ตม็ ภาชนะน้นั

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

สว่ นการตวงของแห้งต้องใสข่ องแห้งให้พนู ภาชนะแล้วใช้ไม้ปาดของแห้งให้เรยี บเสมอขอ
บภาชนะ
- การวดั ปริมาตรของของเหลวหรอื ของแห้งดว้ ยการตวงอาจบอกปริมาตรเป็นชอ้ นชา
ชอ้ นโตะ๊ ถว้ ยตวง หรอื ลติ ร อาจทำไดโ้ ดยการตวงของเหลวหรอื ของแห้งด้วยชอ้ นชา
ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลติ ร หรอื เครื่องตวงน้ำมันเชอื้ เพลิง
- การคาดคะเนปริมาตรของสง่ิ ตา่ งๆเป็นการบอกปริมาตรโดยไมใ่ ช้เครื่องตวงอาจคาดคะเ
นโดยเทียบกบั 1 ลิตร
- การหาความจขุ องภาชนะอาจทำได้โดยเตมิ น้ำใหเ้ ตม็ ภาชนะ
แล้วตวงนำ้ ท่อี ยู่ในภาชนะนัน้ ปรมิ าตรของนำ้ ทต่ี วงไดจ้ ะเท่ากับความจุของภาชนะน้นั
- การเปรยี บเทยี บปริมาตรของของแห้ง(หรือของเหลว)
ตอ้ งเปรยี บเทยี บปริมาตรเปน็ หนว่ ยเดียวกัน
- การเปรยี บเทยี บปริมาตรของของแห่ง(หรอื ของเหลว) สองสิ่ง
เป็นการบอกวา่ ปรมิ าตรของของแหง้ (หรือของเหลว) ใดเทา่ กนั มากกว่ากนั
หรือน้อยกว่ากนั อยู่เท่าไร อาจมหี น่วยเปน็ ช้อนชา ช้อนโตะ๊ ถ้วยตวงหรือลติ ร
- การเปรยี บเทียบความจขุ องภาชนะสองภาชนะเปน็ การบอกวา่ ความจุของภาชนะใด
เท่ากนั มากกวา่ กัน หรอื น้อยกวา่ กนั อยู่เท่าไร อาจมหี นว่ ยเป็นลิตร
- การแก้โจทยป์ ัญหาทำได้โดยอ่านทำความเข้าใจปญั หา
วางแผนแกป้ ัญหาหาคำตอบและตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคำตอบ

สาระการเรยี นรู้
ความรู้ (K)
- การการวัดปริมาตรและความจดุ โดยใช้หนว่ ยทไ่ี มใ่ ชห่ น่วยมาตรฐาน
- การเปรยี บเทียบปริมาตรและความจุเปน็ ชอ้ นชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลติ ร
- การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรและความจเุ ปน็ ช้อนชา ชอ้ นโต๊ะ ถ้วยตวง ลติ ร

ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
- การแก้ปัญหา
- การส่อื สารและการส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์
- การเชือ่ มโยง

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

- การใหเ้ หตุผล

คณุ ลักษณะ (A)
- ความตง้ั ใจและกระตือรือร้นในการเรยี น
- ตรงตอ่ เวลา

สมรรถนะสำคญั
- สมรรถนะท่ี 2 ความสามารถในการคดิ
ตวั ช้วี ัดท่ี 1 คิดพ้ืนฐาน (การคิดวเิ คราะห)์

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- ข้อที่ 2 มีวินยั

ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
- ใบกจิ กรรม การวัดปรมิ าตร
- แบบฝึกหัด

การประเมนิ ผล

เกณฑ์การประเมินการทำใบกจิ กรรมและแบบฝึกหดั

ประเดน็ การประเมิ ระดับคณุ ภาพ

น 0123 4
ทำใบกจิ กรรม
การทำใบกจิ กรรมแ ไมท่ ำหรือไมส่ ่ ทำใบกิจกรรม ทำใบกิจกรรม ทำใบกจิ กรรม และแบบฝกึ หั
ดได้ถูกต้องร้อ
ละแบบฝึกหดั ง และแบบฝกึ หั และแบบฝกึ หั และแบบฝึกหั ยละ 80 ข้ึนไป

ดได้ถูกตอ้ งน้อ ดไดถ้ ูกต้องรอ้ ดไดถ้ ูกตอ้ งรอ้

ยกวา่ รอ้ ยละ ยละ 50 - 64 ยละ 65 - 79

50

เกณฑ์การประเมนิ

คะแนน 4 หมายถึง ดีมาก คะแนน 3 หมายถึง ดี

คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 – 1 หมายถึง ปรับปรงุ

เกณฑ์การผา่ น ตัง้ แต่ระดบั พอใชข้ น้ึ ไป

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

ประเด็นการประเมนิ ระดบั คุณภาพ 1(พอใช)้ 2(ด)ี
0(ปรบั ปรุง)

การแกป้ ัญหา ไมม่ ีร่องรอยการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้วิธี ความสามารถในการใชว้ ิธี

หรอื ทำไมไ่ ด้ ดำเนนิ การแก้ปญั หา ดำเนินการแกป้ ัญหา

และการอธิบายถึงเหตผุ ลใ และการอธบิ ายถึงเหตผุ ลใ

นการใชว้ ธิ กี ารดังกล่าวได้เ นการใชว้ ิธีการดงั กล่าวได้เ

พยี งบางส่วน ข้าใจและชดั แจน

การสื่อสารและการสื่ ไม่นำเสนอ ใช้รูปแบบของการสื่อสาร ใช้รูปแบบของการสื่อสาร

อความหมายทางคณิ และไมม่ กี ารบันทึกผลงาน การส่ือความหมายและกา การสือ่ ความหมายและนำ

ตศาสตร์ รนำเสนอด้วยวธิ ีการที่เหม เสนอด้วยวิธีการเหมาะสม

าะสมไดเ้ พยี งบางส่วน ชดั เจน

และบนั ทึกผลงานทุกขัน้ ต รวมทง้ั บันทกึ ผลงานในทกุ

อนอย่างสมเหตุสมผล ขน้ั ตอนอยา่ งสมเหตสุ มผล

การเชอ่ื มโยง ไม่มีการเชอื่ มโยงความรคู้ มกี ารเช่อื มโยงความรคู้ ณติ มกี ารเชื่อมโยงความรู้คณิต

ณติ ศาสตร์ ศาสตร์ เนอ้ื หา ศาสตร์ เนอ้ื หา หลกั การ

หลกั การและวธิ กี ารทางค และวธิ ีการทางคณิตศาสต

ณิตศาสตร์ เพื่อช่วย ร์

เพื่อชว่ ยในการแก้ปัญหา

หรือประยุกตใ์ ช้ได้อย่างเห

มาะสม

การให้เหตผุ ล ไมม่ ีการอ้างอิง มีการอ้างอิงทถี่ ูกต้องสมส่ มกี ารอ้างอิง

หรือแนวคดิ ประกอบการตั วนและเสนอแนวคดิ ประก เสนอแนวคิดประกอบการ

ดสินใจ อบการตดั สนิ ใจ ตัดสินใจอย่างถูกต้องและ

สมเหตุสมผล

เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 7 หมายถงึ ดี
คะแนน 8 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 0 – 4 หมายถงึ ปรับปรงุ
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

เกณฑ์การผา่ น ตงั้ แต่ระดับพอใชข้ ึน้ ไป

เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะ(A) 1 2 3
ประเด็นการปร ระดับคุณภาพ ตงั้ ใจและกระตือรือร้ ตงั้ ใจและกระตือรือร้ ตงั้ ใจและกระตือรือร้
ะเมนิ 0 นในการเรียน นในการเรียน นในการเรยี น
ความตง้ั ใจและ ไม่สนใจซักถามปัญห สนใจซกั ถามปัญหาข้ สนใจซกั ถามปญั หาข้ สนใจซักถามปัญหาข้
กระตือรือร้นใน าข้อสงสยั เลย อสงสัยอยู่บา้ งเปน็ บา อสงสยั เป็นส่วนใหญ่ อสงสยั อยู่เสมอ
การเรียน งครงั้

ตรงต่อเวลา เขา้ เรียนสายและไม่ เข้าเรยี นสายและสง่ ง เขา้ เรียนตรงเวลาแต่ เขา้ เรยี นตรงเวลาแล
สง่ งาน านช้ากว่ากำหนด 1 สง่ งานช้ากวา่ กำหนด ะสง่ งานตามกำหนด

– 2 วนั 1 – 2 วัน

เกณฑก์ ารประเมิน

คะแนน 6 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 5 หมายถึง ดี

คะแนน 4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

เกณฑ์การผา่ น ตง้ั แตร่ ะดับพอใช้ข้ึนไป

เกณฑก์ ารประเมินสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน (ระดับชั้น ป.1 – ป.6)

พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดับคุณภาพ 1 2 3
0
มพี ฤติกรรมบง่ ชี้
สมรรถนะที่ 2 ความสามารถในการคดิ ดงั นี้
1. จำแนกข้อมลู ได้
ตัวชวี้ ัดที่ 1 คิดพ้นื ฐาน (การคิดวเิ คราะห)์ 2.
จดั หมวดหม่ขู อ้ มลู ได้
1. มพี ฤติกรรมบง่ ช้ี 1 มีพฤติกรรมบง่ ชี้ 2 มพี ฤติกรรมบง่ ชี้ 3

จำแนกข้อมูล พฤติกรรม พฤติกรรม พฤติกรรม

จัดหมวดหมู่ หรือไม่มเี ลย

จดั ลำดบั

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

ความสำคญั ของ 3.
ข้อมูลและเปรีย จดั ลำดับความสำคัญ
บเทยี บข้อมลู ของขอ้ มูลได้
ในบริบททีเ่ ป็น 4.
สง่ิ ใกลต้ ัว เปรียบเทยี บข้อมูลได้

2. เชือ่ โยงความสมั พันธ์ เชือ่ โยงความสมั พันธ์ เชอ่ื โยงความสมั พันธ์ เช่ือโยงความสมั พันธ์

เชอ่ื มโยงความสั ของขอ้ มูลตา่ งๆกับเ ของขอ้ มูลตา่ งๆกับเ ของขอ้ มูลต่างๆกับเ ของขอ้ มลู ตา่ งๆกับเ

มพนั ธข์ อง หตุการณ์ที่พบเหน็ ใน หตุการณ์ที่พบเหน็ ใน หตุการณท์ ี่พบเหน็ ใน หตกุ ารณท์ ่ีพบเห็นชี

ขอ้ มลู ท่ีพบเหน็ ชวี ิตประจำวนั ได้ตำ่ ก ชีวิตประจำวนั ได้รอ้ ย ชวี ติ ประจำวนั ไดร้ อ้ ย วิตประจำวันได้อย่าง

ใน บรบิ ทที่เป็น ว่าร้อยละ 40 ละ 40 – 59 ละ 60 – 79 ถูกต้องรอ้ ยละ 80

สิ่งใกลต้ ัว ของจำนวนครง้ั ทป่ี ฏิ ของจำนวนครัง้ ที่ปฏิ ของจำนวนครั้งที่ปฏิ ขึน้ ไปของจำนวนคร้ัง

บัติ บัติ บัติ ทป่ี ฏบิ ตั ิ

3. ระบุรายละเอียด ระบรุ ายละเอยี ด ระบุรายละเอยี ด ระบรุ ายละเอยี ด

ระบุรายละเอยี คุณลกั ษณะและควา คณุ ลกั ษณะและควา คุณลักษณะและควา คณุ ลักษณะและควา

ด มคดิ รวบยอดของข้อ มคิดรวบยอดของข้อ มคิดรวบยอดของข้อ มคดิ รวบยอดของข้อ

คุณลักษณะแล มลู ต่างๆที่พบเหน็ ใน มูลต่างๆที่พบเหน็ ใน มูลต่างๆท่ีพบเห็นใน มลู ต่างๆท่ีพบเห็นใน

ะความคิดรวบย ชวี ิตประจำวันไม่ได้ ชวี ิตประจำวนั ได้ถูก ชวี ติ ประจำวนั ได้ถกู ชีวติ ประจำวันไดถ้ ูก

อดของข้อมูลตา่ ต้องเป็นบางสว่ นและ ตอ้ งแต่ไม่ครบถว้ น ตอ้ งและครบถ้วน

งๆทพี่ บเหน็ ใน ไม่ครบถว้ น

บรบิ ททีเ่ ปน็ สง่ิ ใ

กล้ตวั

เกณฑก์ ารประเมิน

คะแนน 6 หมายถึง ดีมาก คะแนน 5 หมายถึง ดี

คะแนน 4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถึง ปรับปรงุ

เกณฑก์ ารผา่ น ต้ังแต่ระดบั พอใชข้ ้นึ ไป

เกณฑก์ ารประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ระดับช้นั ป.1 – ป.3) 3
ประเด็นการปร ระดบั คณุ ภาพ
ะเมนิ 0 1 2
ขอ้ ที่ 3 มวี นิ ยั

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ตัวช้ีวัดท่ี 3.1 ไมป่ ฏบิ ตั ติ นตามข้อต ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง

ปฏิบตั ติ ามข้อต กลง กฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบียบ

กลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ข้อบังคับ ขอ้ บงั คบั ของครอบค ขอ้ บงั คับของครอบค

ระเบียบ ของครอบครวั และโร ของครอบครัวและโร รวั และโรงเรยี นโดยต้ รัวและโรงเรียนได้ด้ว

ข้อบังคับของคร งเรยี น งเรยี น องมีการเตือนเป็นบา ยตนเอง

อบครัว งครง้ั

โรงเรียนและสงั

คม

เกณฑ์การประเมิน

คะแนน 6 หมายถึง ดมี าก คะแนน 5 หมายถงึ ดี

คะแนน 4 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถึง ปรับปรงุ

เกณฑก์ ารผ่าน ต้งั แต่ระดับพอใช้ขึ้นไป

กิจกรรมการเรยี นรู้
อธิบาย ทำกิจกรรม และ ทำแบบฝึกหัด

- การวัดปริมาตรและความจดุ โดยใชห้ น่วยทไ่ี ม่ใชห่ น่วยมาตรฐาน

- การเปรยี บเทยี บปริมาตรและความจุเปน็ ช้อนชา ช้อนโตะ๊ ถ้วยตวง ลติ ร

- การแกโ้ จทย์ปัญหาเก่ยี วกับปรมิ าตรและความจุเปน็ ช้อนชา ชอ้ นโต๊ะ ถว้ ยตวง ลติ ร
ทดสอบประจำหนว่ ย

สอ่ื การเรียนรู้
- แบบฝึกหดั
- ใบกจิ กรรม
- บัตรภาพ
- สื่อของจริง เชน่ ทราย ถ่ัว เม็ดพลาสติก น้ำผลไม้
- ขวด
- โถแก้ว
- นำ้ สตี า่ งๆ

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

- เครอ่ื งตวง ไดแ้ ก่ ลติ ร ถ้วยตวง ชอ้ นตวง
- ภาชนะบรรจุ เชน่ แก้วนำ้ กะละมงั ถว้ ยกาแฟ
- สอื่ วดี ที ศั น์เรื่อง 1 ลิตร / สาธติ การตวง
- แบบทดสอบประจำหน่วย

แบบบันทกึ หน่วยการเรียนรู้

ค 12101 คณิตศาสตร์ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรอ่ื ง รูปเรขาคณติ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2 เวลา 10 ชั่วโมง

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาตรฐาน ค 2.2

เข้าใจและวเิ คราะหร์ ปู เรขาคณติ สมบตั ิของรปู เรขาคณิต

ความสมั พนั ธร์ ะหว่างรูปเรขาคณิตและทฤษฏบี ททางเรขาคณติ และนำไปใช้

ตวั ช้วี ดั ค 2.2 ป.2/1 จำแนกและบอกลักษณะของรูปหลายเหลีย่ มและวงกลม

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

สาระสำคญั
- ทรงสีเ่ หล่ยี มมุมฉากและรปู สี่เหลี่ยมมมุ ฉาก ทรงกลมและวงกลม มีลกั ษณะแตกต่างกนั
- รปู หลายเหล่ยี มเปน็ รปู ทีม่ มี ุมหลายมุมและมีดา้ นหลายดา้ นเรียกชื่อตามจำนวนด้านและ
จำนวนมมุ ของรูปหลายเหล่ยี มนั้น เช่น รปู สามเหล่ียม รูปสี่เหลยี่ ม รปู ห้าเหลย่ี ม
- วงกลมและวงรี เป็นรปู ท่ีไม่มีด้าน ไมม่ ีมมุ
เมอื่ พับกระดาษทเ่ี ป็นวงกลมจะมีรอยพบั ครึ่งหลายเสน้ แต่ละเส้นยาวเทา่ กัน
และเมื่อพบั กระดาษท่ีเป็นวงรีมรี อยพับครึง่ สองเส้น และสองเสน้ น้ยี าวไมเ่ ท่ากัน
- การเขียนรปู หลายเหลยี่ มโดยใชแ้ บบของรปู มาเป็นแบบ
อาจะเขยี นตามขอบในหรอื ขอบนอกของแบบรปู ก็ได้
- แบบรูปซ้ำของรูปเรขาคณิตและรูปอนื่ ๆ เป็นการเรยี งรปู เรขาคณติ หรือรปู อน่ื ๆ
ซำ้ กันเปน็ จุด โดยชุดท่ซี ้ำในแบบรปู อาจเกี่ยวกับรปู ร่าง ขนาด หรอื สี
- การหารูปทีห่ ายไปในแบบรูปซำ้ ของรปู เรขาคณติ และรูปอ่ืนๆ
จะต้องหาชุดท่ซี ้ำของแบบรปู กอ่ น

สาระการเรียนรู้
ความรู้ (K)
- ลกั ษณะของรูปหลายเหล่ียม วงกลม และวงรี
- การเขียนรปู เรขาคณิตสองมิติโดยใช้แบบของรปู
- แบบรปู ซำ้

ทักษะ/กระบวนการ (P)
- การส่ือสารและการส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์
- การเชือ่ มโยง
- การใหเ้ หตุผล
- ความคิดสรา้ งสรรค์

คุณลักษณะ (A)
- ความรับผิดชอบ
- ตรงตอ่ เวลา
สมรรถนะสำคญั

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

- สมรรถนะที่ 5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ตวั ช้วี ดั ที่ 1 เลอื กและใช้เทคโนโลยีเพอื่ พฒั นาตนเองและสังคม

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
- ข้อท่ี 6 มุ่งม่ันในการทำงาน

ช้นิ งานหรือภาระงาน
- ใบกจิ กรรม รปู เรขาคณิต
- แบบฝกึ หดั

การประเมนิ ผล

เกณฑก์ ารประเมนิ การทำใบกิจกรรมและแบบฝึกหดั

ประเดน็ การประเมิ ระดับคณุ ภาพ

น 01 2 3 4
ทำใบกจิ กรรม ทำใบกิจกรรม ทำใบกจิ กรรม
การทำใบกจิ กรรมแ ไม่ทำหรือไมส่ ่ ทำใบกจิ กรรม และแบบฝึกหั และแบบฝกึ หั และแบบฝึกหั
ดไดถ้ ูกตอ้ งรอ้ ดได้ถูกตอ้ งร้อ ดได้ถูกตอ้ งร้อ
ละแบบฝึกหัด ง และแบบฝกึ หั ยละ 50 - 64 ยละ 65 - 79 ยละ 80 ขึ้นไป

ดไดถ้ ูกตอ้ งน้อ

ยกว่ารอ้ ยละ

50

เกณฑ์การประเมิน คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 4 หมายถึง ดมี าก คะแนน 0 – 1 หมายถงึ ปรับปรุง
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้

เกณฑ์การผ่าน ต้ังแต่ระดบั พอใชข้ ้นึ ไป

เกณฑก์ ารประเมินทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

ประเดน็ การประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 1(พอใช)้ 2(ดี)
0(ปรบั ปรงุ )

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

การสอ่ื สารและการส่ื ไม่นำเสนอ ใช้รูปแบบของการส่ือสาร ใชร้ ูปแบบของการสื่อสาร
อความหมายทางคณิ และไมม่ ีการบนั ทึกผลงาน การส่ือความหมายและกา การสอื่ ความหมายและนำ
ตศาสตร์ รนำเสนอด้วยวธิ กี ารที่เหม เสนอดว้ ยวธิ กี ารเหมาะสม
ไม่มีการเช่อื มโยงความรูค้ าะสมได้เพยี งบางสว่ น ชดั เจน
การเช่อื มโยง ณิตศาสตร์ และบนั ทึกผลงานทุกข้ันต รวมทัง้ บนั ทึกผลงานในทุก
อนอยา่ งสมเหตุสมผล ข้นั ตอนอย่างสมเหตสุ มผล
การใหเ้ หตผุ ล ไม่มีการอา้ งอิง มกี ารเชื่อมโยงความรู้คณิต มีการเช่อื มโยงความรูค้ ณติ
หรอื แนวคิดประกอบการตั ศาสตร์ เนือ้ หา ศาสตร์ เนอ้ื หา หลักการ
ความคิดสรา้ งสรรค์ ดสนิ ใจ หลักการและวิธีการทางค และวธิ ีการทางคณติ ศาสต
ไม่มีผลงาน ณิตศาสตร์ เพ่ือช่วย ร์
เพ่อื ชว่ ยในการแกป้ ัญหา
มีการอ้างอิงท่ีถูกต้องสมส่ หรือประยุกตใ์ ชไ้ ด้อย่างเห
วนและเสนอแนวคดิ ประก มาะสม
อบการตดั สนิ ใจ มกี ารอ้างอิง
เสนอแนวคดิ ประกอบการ
มแี นวคิด / ตดั สนิ ใจอยา่ งถกู ต้องและ
วิธีการทไี่ ม่แปลกใหม่ สมเหตสุ มผล
แตส่ ามารถนำไปปฏิบตั ิได้ มแี นวคดิ /
ถูกต้อง วิธกี ารทแ่ี ปลกใหม่สามาร
ถนำไปปฏิบัติได้ถูกต้องสม
บูรณ์

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน 8 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 7 หมายถงึ ดี

คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 – 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ

เกณฑ์การผ่าน ตัง้ แตร่ ะดับพอใชข้ ้ึนไป

เกณฑก์ ารประเมนิ คุณลักษณะ(A)
ประเด็นการประ ระดับคุณภาพ
เมนิ 0 1 2 3

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

ความรับผิดชอบ ไมท่ ำงานท่ีไดร้ ับมอ ทำงานตามทีไ่ ด้รบั ม ทำงานตามท่ีได้รับม ทำงานท่ีไดร้ บั มอบห

บหมาย อบหมายแต่ไมส่ ำเร็จ อบหมายสำเร็จแต่ต้ มายสำเร็จอย่างเต็ม

องมผี ู้ควบคุม ท่ีดว้ ยตนเอง

ตรงต่อเวลา เขา้ เรียนสายและไม่ เขา้ เรยี นสายและสง่ ง เขา้ เรยี นตรงเวลาแต่ เข้าเรยี นตรงเวลาแล
ส่งงาน านชา้ กวา่ กำหนด 1 ส่งงานช้ากวา่ กำหนด ะส่งงานตามกำหนด

– 2 วัน 1 – 2 วนั

เกณฑก์ ารประเมิน

คะแนน 6 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 5 หมายถึง ดี

คะแนน 4 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถึง ปรับปรุง

เกณฑก์ ารผ่าน ต้งั แตร่ ะดับพอใช้ขนึ้ ไป

เกณฑ์การประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (ระดับชัน้ ป.1 – ป.6)

พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับคุณภาพ 1 2 3
0

สมรรถนะท่ี 5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

ตวั ชีว้ ดั ที่ 1 เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยเี พื่อพฒั นาตนเองและสงั คม

1. ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสื ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสื เลือกและใชเ้ ทคโนโล เลอื กและใช้เทคโนโล

เลือกและใชเ้ ทคโ บค้น ค้นควา้ บคน้ ค้นคว้า ยที ี่เหมาะสมในการสื ยที เ่ี หมาะสมในการสื

นโลยใี นการเรยี รวบรวมความรไู้ ดโ้ ด รวบรวมความรู้ได้ด้ว บค้น คน้ ควา้ บค้น คน้ ควา้

นรูอ้ ยา่ งสร้างสร ยมีผ้แู นะนำหรือลอก ยตนเองอย่างถูกต้อง รวบรวมความรไู้ ด้ดว้ รวบรวม

รคแ์ ละมีคณุ ธรร เลียนแบบผอู้ ืน่ ยตนเองอย่างถูกต้อง สรุปความรไู้ ดด้ ว้ ยรูป

ม แบบของตนเองอย่าง

สรา้ งสรรค์

2. ใช้เทคโนโลยที ่ีเหมา ใช้เทคโนโลยที เี่ หมา เลอื กและใช้เทคโนโล เลอื กและใช้เทคโนโล

เลอื กและใชเ้ ทคโ ะสมในการรับและสง่ ะสมในการรับและส่ง ยที ่ีเหมาะสมในการรั ยที เี่ หมาะสมในการรั

นโลยีในการส่อื ส สารใหผ้ อู้ น่ื เข้าใจโดย สารให้ผอู้ ่ืนเข้าใจได้ด้ บและส่งสารใหผ้ อู้ ื่นเ บและสง่ สาร

ารอย่างสรา้ งสรร มีผู้แนะนำหรือควบคุ วยตนเองอยา่ งถูกตอ้ ขา้ ใจได้ดว้ ยตนเองอ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ให้ผู้

ค์และมีคุณธรรม ม ง ยา่ งถูกต้องและไม่ทำ อื่นเข้าใจไดด้ ้วยตนเ

ใหผ้ ้อู ืน่ เดือดร้อน องอย่างถูกตอ้ งและไ

ม่ทำใหผ้ อู้ น่ื เดือดร้อ



3. ใช้เทคโนโลยีเพอ่ื ลด ใช้เทคโนโลยที ี่เหมา เลอื กและใชเ้ ทคโนโล เลือกและใชเ้ ทคโนโล

เลอื กและใช้เทคโ ข้ันตอนและเวลาในก ะสมเพื่อลดขน้ั ตอนแ ยีที่เหมาะสมเพื่อลด ยที ี่เหมาะสมเพ่ือลด

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

นโลยใี นการทำง ารทำงาน ละเวลาในการทำงา ขน้ั ตอนและเวลาในก ขัน้ ตอนและเวลาในก
านและนำเสนอผ นำเสนอผลงานไดโ้ ด นและนำเสนอผลงา ารทำงานและนำเสน ารทำงาน
ลงานอย่างสร้าง ยมีผู้แนะนำหรือควบ นได้ด้วยตนเองอยา่ ง อผลงานได้ด้วยตนเอ และนำเสนอผลงาน
สรรคแ์ ละมคี ุณธ คุม ถกู ต้อง งอยา่ งถกู ต้องและไม่ ทเ่ี ป็นประโยชนต์ อ่ ผู้
รรม ทำให้ผอู้ น่ื เดือดร้อน อ่นื ไดด้ ว้ ยตนเอง
ใช้เทคโนโลยีท่ีเหมา อย่างถูกต้อง
4. ใชเ้ ทคโนโลยีในการแ ะสมในการแก้ปัญหา เลอื กและใชเ้ ทคโนโล แปลกใหม่
การเลือกและใช้เ กป้ ัญหา ไดด้ ว้ ยตนเองโดยไม่ ยีท่เี หมาะสมในการแ นา่ สนใจและไม่ทำให้
ทคโนโลยใี นการ โดยมผี ้แู นะนำหรอื ค ทำให้ผอู้ น่ื เดือดร้อน ก้ปญั หาของตนเองอ ผู้อน่ื เดอื ดร้อน
แกป้ ัญหาอยา่ งส วบคุม ยา่ งสรา้ งสรรค์โดยไม่
รา้ งสรรคแ์ ละมีคุ ทำให้ผู้อ่ืนเดือดร้อน เลือกและใช้เทคโนโล
ณธรรม ยที เ่ี หมาะสมในการแ
เกณฑก์ ารประเมนิ กป้ ัญหาของตนเองแ
ละผู้อื่นอย่างสรา้ งสร
รคโ์ ดยไม่ทำให้ผูอ้ ืน่ เ
ดือดร้อน

คะแนน 6 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 5 หมายถงึ ดี

คะแนน 4 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถึง ปรับปรงุ

เกณฑก์ ารผ่าน ตั้งแตร่ ะดบั พอใชข้ ึ้นไป

เกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (ระดับชน้ั ป.1 – ป.3)

ประเด็นการประ ระดับคณุ ภาพ

เมิน 0 1 2 3

ขอ้ ที่ 6 มุ่งมัน่ ในการทำงาน

ตวั ชว้ี ัดท่ี 6.1 ไมต่ งั้ ใจปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี เอาใจใส่ต่อการปฏิบั ตงั้ ใจและรับผดิ ชอบใ ตง้ั ใจและรับผิดชอบใ

ตงั้ ใจและรับผดิ ช การงาน ตหิ น้าท่ที ไี่ ด้รบั มอบ นการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ที ่ีไ นการปฏิบัติหนา้ ทที่ ี่ไ

อบในการปฏิบัติ หมาย ด้รบั มอบหมายใหส้ ำ ดร้ บั มอบหมายให้สำ

หนา้ ทีก่ ารงาน เรจ็ เรจ็

มีการปรบั ปรุงทำงาน

ให้ดีข้นึ

ตัวชว้ี ดั ที่ 6.2 ไมข่ ยนั อดทน ทำงานด้วยความขยั ทำงานด้วยความขยั ทำงานด้วยความขยั

ทำงานดว้ ยความ ในการทำงาน น น น อดทน

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

เพียรพยายามแล เพื่อให้งานเสรจ็ ตาม พยายามให้งานสำเร็ พยายามให้งานสำเร็
ะอดทนเพ่ือใหง้ า ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย จตามเปา้ หมาย จตามเป้าหมาย
นสำเรจ็ ตามเปา้ ชนื่ ชมผลงานดว้ ยคว
หมาย ามภาคภมู ิใจ

เกณฑ์การประเมนิ

คะแนน 6 หมายถึง ดีมาก คะแนน 5 หมายถึง ดี

คะแนน 4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถงึ ปรับปรุง

เกณฑ์การผ่าน ตงั้ แตร่ ะดับพอใชข้ น้ึ ไป

กิจกรรมการเรยี นรู้
อธิบาย ทำกจิ กรรม และ ทำแบบฝกึ หัด

- ลักษณะของรูปหลายเหล่ยี ม วงกลม และวงรี

- การเขียนรปู เรขาคณิตสองมิติโดยใช้แบบของรปู

- แบบรูปซ้ำ
ทดสอบประจำหน่วย

สอื่ การเรียนรู้
- แบบฝกึ หดั
- ใบกิจกรรม
- บตั รภาพรูปหลายเหลี่ยมวงกลม วงรี
- ส่ือของจริง เช่น กล่องทรงส่เี หลี่ยมมุมฉาก ลกู บอล รูปสี่เหล่ยี ม รูปวงกลม
- กระดาษ/สี
- แบบรูปหลายเหล่ยี ม วงกลม วงรี
- แบบทดสอบประจำหนว่ ย

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

แบบบนั ทกึ หน่วยการเรยี นรู้

ค 12101 คณิตศาสตร์ 2 กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์

หนว่ ยการเรียนรู้ที่10 เรอ่ื ง การบวก ลบ คณู หารระคน ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา 14 ช่ัวโมง

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

มาตรฐาน ค 1.1
เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน

ผลทีเ่ กิดขึ้นจากการดำเนินการ สมบัตขิ องการดำเนินการและนำไปใช้
ตวั ชี้วดั ค 1.1 ป.2/7 หาผลลัพธ์การบวก ลบ คูณ หารระคนของจำนวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ตัวชว้ี ัด ค 1.1 ป.2/8 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทยป์ ัญหา 2 ข้ันตอน ของจำนวนนบั ไม่เกนิ 1,000
และ 0

สาระสำคัญ

- การหาผลลพั ธ์การบวก ลบ คณู หารระคน
ใหห้ าผลลัพธ์ในวงเล็บกอ่ นแล้วจึงหาผลลัพธ์สุดทา้ ย

- การเขียนประโยคสญั ลักษณ์จากสถานการณ์และโจทยป์ ญั หา 2 ขัน้ ตอน
โดยใชว้ งเล็บเพ่ือระบวุ ่าต้องหาผลบวก ผลลบ ผลคณู หรอื ผลหารของสองจำนวนใดก่อน

- การแก้โจทย์ปญั หาการบวก การลบ การคูณ และการหาร 2 ข้นั ตอน
ทำไดโ้ ดยอ่านทำความเข้าใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หาและหาคำตอบ

สาระการเรยี นรู้

ความรู้ (K)
- การบวก ลบ คณู หารระคน
- การแกโ้ จทย์ปญั หาและการสรา้ งโจทย์ปญั หา พรอ้ มทง้ั หาคำตอบ
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
- การส่อื สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์
- การเชื่อมโยง
- การให้เหตุผล
- ความคดิ สร้างสรรค์

คุณลกั ษณะ (A)
- ความตงั้ ใจและกระตือรือร้นในการเรียน
- ความรับผดิ ชอบ

สมรรถนะสำคญั

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

- สมรรถนะท่ี 2 ความสามารถในการคดิ
ตวั ช้วี ัดท่ี 2 คดิ ขน้ั สูง (การคิดสงั เคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ)

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
- ขอ้ ท่ี 4 ใฝเ่ รยี นรู้

ชิ้นงานหรอื ภาระงาน
- ใบกิจกรรม การบวก ลบ คูณ หารระคน
- แบบฝึกหดั

การประเมนิ ผล

เกณฑ์การประเมินการทำใบกจิ กรรมและแบบฝึกหัด

ประเด็นการประเมิ ระดบั คุณภาพ

น 01 2 3 4
ทำใบกจิ กรรม ทำใบกิจกรรม ทำใบกจิ กรรม
การทำใบกจิ กรรมแ ไม่ทำหรือไม่ส่ ทำใบกจิ กรรม และแบบฝึกหั และแบบฝึกหั และแบบฝึกหั
ดไดถ้ ูกต้องรอ้ ดได้ถูกต้องรอ้ ดไดถ้ ูกตอ้ งร้อ
ละแบบฝกึ หดั ง และแบบฝกึ หั ยละ 50 - 64 ยละ 65 - 79 ยละ 80 ขน้ึ ไป

ดได้ถูกต้องน้อ

ยกว่าร้อยละ

50

เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 4 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 0 – 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้

เกณฑ์การผา่ น ตงั้ แตร่ ะดับพอใช้ขึ้นไป

เกณฑ์การประเมินทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

ประเด็นการประเมิน ระดบั คุณภาพ 1(พอใช้) 2(ด)ี
0(ปรับปรุง)

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

การส่ือสารและการส่ื ไมน่ ำเสนอ ใช้รปู แบบของการสื่อสาร ใช้รูปแบบของการส่ือสาร
อความหมายทางคณิ และไม่มีการบันทึกผลงาน การสอ่ื ความหมายและกา การส่อื ความหมายและนำ
ตศาสตร์ รนำเสนอด้วยวธิ กี ารทีเ่ หม เสนอด้วยวิธกี ารเหมาะสม
ไม่มีการเชื่อมโยงความรู้ค าะสมไดเ้ พียงบางสว่ น ชดั เจน
การเช่ือมโยง ณิตศาสตร์ และบันทึกผลงานทกุ ขน้ั ต รวมทัง้ บนั ทกึ ผลงานในทกุ
อนอยา่ งสมเหตสุ มผล ขน้ั ตอนอยา่ งสมเหตุสมผล
การใหเ้ หตุผล ไมม่ ีการอา้ งอิง มีการเชอ่ื มโยงความรคู้ ณติ มกี ารเชือ่ มโยงความรูค้ ณิต
หรอื แนวคดิ ประกอบการตั ศาสตร์ เน้ือหา ศาสตร์ เนอื้ หา หลกั การ
ความคิดสร้างสรรค์ ดสนิ ใจ หลักการและวิธีการทางค และวิธกี ารทางคณติ ศาสต
ไม่มีผลงาน ณติ ศาสตร์ เพ่ือช่วย ร์
เพือ่ ชว่ ยในการแกป้ ญั หา
มกี ารอ้างอิงท่ถี ูกต้องสมส่ หรือประยุกตใ์ ช้ได้อย่างเห
วนและเสนอแนวคิดประก มาะสม
อบการตดั สินใจ มกี ารอ้างอิง
เสนอแนวคิดประกอบการ
มีแนวคดิ / ตัดสนิ ใจอยา่ งถกู ต้องและ
วธิ ีการทีไ่ มแ่ ปลกใหม่ สมเหตสุ มผล
แตส่ ามารถนำไปปฏบิ ัติได้ มีแนวคดิ /
ถกู ต้อง วธิ กี ารทแ่ี ปลกใหม่สามาร
ถนำไปปฏิบัติไดถ้ ูกต้องสม
บูรณ์

เกณฑ์การประเมนิ

คะแนน 8 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 7 หมายถงึ ดี

คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 4 หมายถึง ปรับปรงุ

เกณฑ์การผ่าน ตัง้ แต่ระดับพอใช้ขึน้ ไป

เกณฑก์ ารประเมนิ คุณลกั ษณะ(A)
ประเด็นการปร ระดบั คณุ ภาพ
ะเมนิ 0 1 2 3

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ความต้ังใจและ ไม่สนใจซักถามปัญห ตง้ั ใจและกระตือรือร้ ตั้งใจและกระตือรือร้ ตงั้ ใจและกระตือรือร้
กระตือรือรน้ ใน าข้อสงสัยเลย นในการเรียน นในการเรียน นในการเรยี น
การเรยี น สนใจซกั ถามปัญหาข้ สนใจซกั ถามปญั หาข้ สนใจซักถามปัญหาข้
ไมท่ ำงานท่ีได้รับมอ อสงสัยอยูบ่ ้างเป็นบา อสงสัยเปน็ สว่ นใหญ่ อสงสัยอยูเ่ สมอ
ความรับผิดชอ บหมาย งคร้งั
บ ทำงานตามทไ่ี ดร้ บั ม ทำงานตามท่ไี ดร้ ับม ทำงานที่ได้รับมอบห
อบหมายแต่ไม่สำเรจ็ อบหมายสำเรจ็ แต่ต้ มายสำเรจ็ อยา่ งเต็ม
องมีผคู้ วบคุม ทีด่ ้วยตนเอง

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน 6 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 5 หมายถงึ ดี

คะแนน 4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถึง ปรบั ปรงุ

เกณฑก์ ารผ่าน ตงั้ แต่ระดับพอใช้ขน้ึ ไป

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (ระดับช้ัน ป.1 – ป.6)

พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับคณุ ภาพ 1 2 3
0

สมรรถนะท่ี 2 ความสามารถในการคิด

ตวั ชว้ี ัดที่ 2 คิดขนั้ สงู (การคิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ)

1. รวบรวมขอ้ มูล รวบรวมข้อมูล รวบรวมข้อมลู รวบรวมข้อมลู

คิดสงั เคราะห์ จดั กระทำข้อมลู และ จดั กระทำข้อมูลและ จดั กระทำข้อมูลและ จัดกระทำข้อมลู และ

เพ่ือนำไปสกู่ าร นำข้อมูลทเี่ ก่ียวข้อง นำขอ้ มูลท่ีเก่ียวข้อง นำขอ้ มลู ท่ีเกี่ยวข้อง นำข้อมลู ท่เี กย่ี วข้อง

สร้างองค์ความ มาหลอมรวมกนั ไม่ไ มาหลอมรวมกันได้ มาหลอมรวม มาหลอมรวม

รู้ ด้ สรปุ เป็นองค์ความรู้ สรุปเปน็ องค์ความรู้

หรือสารสนเทศ หรอื สารสนเทศเพอื่ ว หรอื สารสนเทศ

ประกอบการตัด างแผนประกอบการ เพ่อื วางแผนประกอ

สนิ ใจเกีย่ วกบั ต ตดั สินใจที่เก่ยี วกบั ต บการตดั สอนใจ

นเองและสงั คม นเองหรือสังคมได้ ทเ่ี ก่ียวกับตนเองและ

ได้อย่างเหมาะส สังคมได้



2. คิดรเิ รมิ่ สร้างสรรคส์ ิ่ คิดริเรม่ิ สร้างสรรค์สิ่ คดิ ริเริม่ คดิ ริเริม่

คดิ อยา่ งสร้างส งแปลกใหม่ในทางบว งแปลกใหม่ได้ สรา้ งสรรค์สิ่งแปลกใ สรา้ งสรรค์สิ่งแปลกใ

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

รรค์ กไม่ได้ หมใ่ นทางบวก หม่ในทางบวก
เพือ่ นนำไปสู่กา หรือประยุกตน์ ำไปใ ทใ่ี ชห้ รอื นำไปประยุ ทใ่ี ช้หรอื นำไปประยุ
รสร้างองค์ควา ชไ้ ม่ได้ กต์ใช้ กตใ์ ช้
มรใู้ หม่ เพ่อื ประโยชน์ต่อตนเ เพือ่ ประโยชน์ตอ่ ตนเ
หรอื สารสนเทศ องหรือสงั คมได้ องและสงั คมได้
ประกอบการตัด
สนิ ใจเก่ียวกบั ต
นเองและสังคม
ไดอ้ ยา่ งเหมาะส


เกณฑ์การประเมิน

คะแนน 6 หมายถึง ดีมาก คะแนน 5 หมายถงึ ดี

คะแนน 4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถึง ปรับปรงุ

เกณฑ์การผา่ น ตงั้ แต่ระดบั พอใช้ขนึ้ ไป

เกณฑ์การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (ระดบั ช้ัน ป.1 – ป.3)

ประเด็นการประ ระดับคณุ ภาพ

เมิน 0 1 2 3

ขอ้ ที่ 4 ใฝ่เรยี นรู้ ตงั้ ใจเรยี น
เอาใจใส่และมีความเ
ตัวช้ีวดั ท่ี 4.1 ไมต่ ง้ั ใจเรียน ต้งั ใจ ตั้งใจเรียน พียรพยายามในการเ
รยี นรู้
ตง้ั ใจ เอาใจใสใ่ นการเรยี น เอาใจใส่และมคี วามเ เข้ารว่ มกิจกรรมการเ
รียนรตู้ ่างๆ
เพียรพยายามสน พียรพยายามในการเ

การเรียนและเขา้ รยี น

ร่วมกิจกรรมการ

เรยี นรู้

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ตัวช้วี ัดท่ี 4.2 ไม่ศึกษาหาค้นควา้ ห ศึกษาค้นคว้าหาควา ศกึ ษาค้นควา้ หาควา ศึกษาค้นควา้ หาควา
แสวงหาความรู้จ าความรู้ มรู้จากหนังสือ มรู้จากหนงั สือ มรูจ้ ากหนงั สือ
ากแหล่งเรียนรตู้ ่ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ เอกสาร สงิ่ พิมพ์
างๆ สอ่ื เทคโนโลยหี รอื จา สื่อเทคโนโลยี สือ่ เทคโนโลยี
ท้ังภายในและภา กแหลง่ เรยี นรู้อ่นื แหลง่ เรยี นรอู้ ื่น แหล่งเรยี นรู้อ่ืน
ยนอกโรงเรียนด้ มีการบนั ทึกความรู้ มีการบันทึกความรู้
วยการเลือกใชส้ ื่ แลกเปลี่ยนความรู้กั
ออยา่ งเหมาะสม บผูอ้ น่ื
บนั ทกึ ความรู้
วเิ คราะห์
สรปุ เป็นองค์ควา
มรู้
และสามารถนำไ
ปใชใ้ นชวี ิตประจ
ำวนั ได้

เกณฑ์การประเมิน

คะแนน 6 หมายถึง ดีมาก คะแนน 5 หมายถงึ ดี

คะแนน 4 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถึง ปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารผา่ น ตง้ั แต่ระดบั พอใช้ขนึ้ ไป

กิจกรรมการเรียนรู้
อธบิ าย ทำกจิ กรรม และ ทำแบบฝึกหดั
- การบวก ลบ คณู หารระคน
- การแกโ้ จทย์ปญั หาและการสรา้ งโจทยป์ ัญหา พร้อมท้งั หาคำตอบ
ทดสอบประจำหน่วย

ส่ือการเรียนรู้
- แบบฝึกหัด
- ใบกิจกรรม
- บตั รภาพส่งิ ของ

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

- บตั รภาพตวั เลขและสญั ลักษณ์คณิตศาสตร์
- Bar Model
- สือ่ ของจริง เช่น ปากกา สมุด ไมไ้ อศกรีม
- ตัวนับ
- เกมปริศนาตวั เลขไขว้
- แบบทดสอบประจำหน่วย

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

แบบบันทกึ หน่วยการเรยี นรู้

ค 12101 คณิตศาสตร์ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 11 เร่ือง แผนภูมริ ปู ภาพ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 เวลา 9 ชั่วโมง

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาตรฐาน ค 3.1

เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถิตใิ นการแก้ปญั หา

ตัวช้ีวดั ค 3.1 ป.2/1 ใชข้ ้อมูลจากแผนภมู ริ ปู ภาพในการหาคำตอบของโจทยป์ ญั หา เม่ือกำหนดรูป

1 รูปแทน 2 หนว่ ย 5 หนว่ ย หรอื 10 หน่วย

สาระสำคญั

- แผนภมู ริ ูปภาพเป็นการใช้รปู ภาพแสดงจำนวนของสงิ่ ตา่ งๆ
โดยรปู ภาพทแี่ ทนส่งิ เดยี วกนั ต้องเปน็ รปู ภาพท่ีเหมือนกนั และมขี นาดเท่ากนั
และจำนวนรปู ภาพท่ีอยู่ในแผนภูมริ ปู ภาพนั้นอาจไมใ่ ชจ่ ำนวนทแี่ ทจ้ ริงของสิง่ ต่างๆ
ขน้ึ อยกู่ ับข้อกำหนดในแผนภมู ริ ูปภาพซ่งึ อาจกำหนดใหร้ ูป 1รูปแทน 1หนว่ ย 2หนว่ ย 5
หน่วย หรอื 10 หน่วย

- การอ่านแผนภูมิรูปภาพ จะใช้ข้อกำหนดในการหาจำนวนท่ีแทจ้ ริงของส่ิงต่างๆ
และนำข้อมูลจากแผนภูมริ ปู ภาพไปใช้ในการหาคำตอบ

สาระการเรียนรู้
ความรู้ (K)
- การอ่านแผนภูมริ ูปภาพ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
- การสือ่ สารและการสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์
- การเชอ่ื มโยง
- การใหเ้ หตุผล
- ความคดิ สรา้ งสรรค์

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

คณุ ลกั ษณะ (A)
- ตรงตอ่ เวลา
- ทำงานอย่างเปน็ ระบบและมีระเบยี บ

สมรรถนะสำคัญ
- สมรรถนะที่ 5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ตัวชว้ี ดั ที่ 2 มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
- ขอ้ ที่ 4 ใฝ่เรียนรู้

ช้นิ งานหรอื ภาระงาน
- ใบกิจกรรม แผนภูมิรูปภาพ
- แบบฝกึ หัด

การประเมนิ ผล

เกณฑ์การประเมนิ การทำใบกิจกรรมและแบบฝึกหดั

ประเดน็ การประเมิ ระดบั คณุ ภาพ

น 01 2 3 4
ทำใบกิจกรรม ทำใบกจิ กรรม ทำใบกจิ กรรม
การทำใบกิจกรรมแ ไมท่ ำหรือไมส่ ่ ทำใบกิจกรรม และแบบฝกึ หั และแบบฝึกหั และแบบฝึกหั
ดไดถ้ ูกตอ้ งร้อ ดได้ถูกตอ้ งร้อ ดไดถ้ ูกต้องรอ้
ละแบบฝึกหัด ง และแบบฝกึ หั ยละ 50 - 64 ยละ 65 - 79 ยละ 80 ขนึ้ ไป

ดไดถ้ ูกตอ้ งน้อ

ยกว่าร้อยละ

50

เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 4 หมายถงึ ดมี าก
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 1 หมายถงึ ปรับปรงุ

เกณฑก์ ารผา่ น ต้ังแตร่ ะดบั พอใช้ขึ้นไป

เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์

ประเดน็ การประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 1(พอใช)้ 2(ดี)
0(ปรับปรุง)

การสอ่ื สารและการส่ื ไม่นำเสนอ ใช้รูปแบบของการส่ือสาร ใชร้ ปู แบบของการส่ือสาร

อความหมายทางคณิ และไม่มีการบันทกึ ผลงาน การสื่อความหมายและกา การสอื่ ความหมายและนำ

ตศาสตร์ รนำเสนอดว้ ยวิธีการทเ่ี หม เสนอด้วยวิธกี ารเหมาะสม

าะสมไดเ้ พียงบางส่วน ชัดเจน

และบันทึกผลงานทกุ ข้นั ต รวมทั้งบันทึกผลงานในทุก

อนอยา่ งสมเหตสุ มผล ข้ันตอนอยา่ งสมเหตุสมผล

การเช่อื มโยง ไม่มีการเช่อื มโยงความรู้ค มีการเชื่อมโยงความรู้คณติ มีการเช่อื มโยงความร้คู ณติ

ณิตศาสตร์ ศาสตร์ เนอื้ หา ศาสตร์ เนอื้ หา หลกั การ

หลกั การและวธิ กี ารทางค และวิธกี ารทางคณติ ศาสต

ณิตศาสตร์ เพ่ือช่วย ร์

เพอื่ ช่วยในการแกป้ ญั หา

หรอื ประยุกต์ใชไ้ ด้อยา่ งเห

มาะสม

การให้เหตุผล ไม่มีการอา้ งอิง มกี ารอ้างอิงที่ถูกต้องสมส่ มกี ารอ้างอิง

หรอื แนวคิดประกอบการตั วนและเสนอแนวคดิ ประก เสนอแนวคดิ ประกอบการ

ดสนิ ใจ อบการตัดสินใจ ตัดสนิ ใจอยา่ งถูกต้องและ

สมเหตุสมผล

ความคิดสรา้ งสรรค์ ไมม่ ผี ลงาน มีแนวคิด / มีแนวคดิ /

วธิ กี ารทีไ่ มแ่ ปลกใหม่ วิธีการทีแ่ ปลกใหม่สามาร

แต่สามารถนำไปปฏิบตั ิได้ ถนำไปปฏบิ ัติได้ถูกตอ้ งสม

ถกู ต้อง บูรณ์

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน 8 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 7 หมายถงึ ดี

คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 – 4 หมายถึง ปรับปรุง

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

เกณฑ์การผา่ น ต้งั แตร่ ะดับพอใชข้ ึน้ ไป

เกณฑก์ ารประเมนิ คุณลักษณะ(A)
ประเดน็ การประ ระดบั คณุ ภาพ
เมิน 0 1 2 3

ตรงต่อเวลา เขา้ เรียนสายและไม่ เข้าเรยี นสายและสง่ ง เขา้ เรียนตรงเวลาแต่ เขา้ เรยี นตรงเวลาแล
ส่งงาน านช้ากวา่ กำหนด 1 ส่งงานชา้ กว่ากำหนด ะส่งงานตามกำหนด

– 2 วนั 1 – 2 วัน

ทำงานอย่างเปน็ ทำงานโดยไม่มกี ารว ทำงานโดยวางแผนบ้ วางแผนในการทำงา มีการวางแผนแลว้ ป
ระบบและมรี ะเบี างแผนและทำงานไม่ างเลก็ นอ้ ยและทำงา นแต่ทำงานไม่เรียบร้ ฏิบตั ติ ามอยา่ งเปน็ ร
ยบ เรียบรอ้ ย นไม่เรียบรอ้ ยเท่าท่ีค อยเท่าท่ีควร ะบบและทำงานเป็น
วร ระเบียบเรียบร้อย

เกณฑ์การประเมนิ

คะแนน 6 หมายถึง ดมี าก คะแนน 5 หมายถงึ ดี

คะแนน 4 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถงึ ปรับปรงุ

เกณฑก์ ารผ่าน ตง้ั แตร่ ะดบั พอใชข้ น้ึ ไป

เกณฑ์การประเมินสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น (ระดับชน้ั ป.1 – ป.6)

พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดับคุณภาพ 1 2 3
0

สมรรถนะที่ 5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

ตัวชวี้ ดั ท่ี 2 มีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

1. ระบปุ ัญหาหรอื ความ ระบุปัญหาหรือความ ระบปุ ญั หาหรอื ความ ระบุปญั หาหรือความ

กำหนดปญั หาหรื ตอ้ งการไม่ได้ ต้องการได้ ต้องการไดช้ ดั เจน ตอ้ งการได้ชดั เจน

อความต้องการ แต่ไม่ครอบคลุมกับง ครอบคลุมและตรงกั

านทีท่ ำ บงานทท่ี ำ

2. ใชเ้ ทคโนโลยีรวบรว ใช้เทคโนโลยรี วบรว ใชเ้ ทคโนโลยรี วบรว ใช้เทคโนโลยีรวบรว

รวบรวมข้อมูล มขอ้ มูลได้ไมต่ รงกับ มขอ้ มูลได้ถูกต้องแต่ มข้อมูลได้ถูกต้องกับ มข้อมลู ได้ถกู ต้อง

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ปัญหาหรือความต้อง ไม่เพยี งพอที่จะนำมา ปญั หาหรือความต้อง นา่ เชอ่ื ถือตรงกับปัญ

การ ใชง้ าน การเพียงพอทจี่ ะนำ หาหรอื ความต้องการ

มาใช้งาน เพียงพอทจ่ี ะนำมาใช้

งาน

3. ใช้เทคโนโลยใี นการอ ใช้เทคโนโลยใี นการอ ใชเ้ ทคโนโลยใี นการอ ใชเ้ ทคโนโลยีในการอ

ออกแบบและปฏิ อกแบบและแก้ปัญห อกแบบและแก้ปัญห อกแบบและแกป้ ญั ห อกแบบและแก้ปัญห

บัติการ าหรือความต้องการไ าหรือความต้องการแ าหรือความต้องการแ าหรอื ความต้องการแ

ด้ ละปฏบิ ัติการตามท่ีอ ละปฏิบัตกิ ารตามทีอ่ ละปฏิบัติการตามที่อ

แตไ่ มส่ ามารถปฏบิ ัติ อกแบบไว้ได้สำเร็จบ อกแบบไว้ได้สำเรจ็ เกื อกแบบไว้ได้สำเร็จทุ

การตามท่ีออกแบบไ างขน้ั ตอน อบทกุ ข้นั ตอน กขั้นตอน

ด้

4. ประเมนิ ผล ไมส่ ามารถใชเ้ ทคโนโ ใชเ้ ทคโนโลยีในการป ใช้เทคโนโลยใี นการป ใชเ้ ทคโนโลยใี นการป

ลยเี พ่อื ประเมินผลแ ระมวลผลจนเกิดช้ินง ระมวลผลจนเกดิ ชิ้นง ระมวลจนเกิดชน้ิ งาน

ละสรปุ ผลการดำเนิน าน/ภาระงานแต่ไม่ส าน/ภาระงานท่สี ามา /ภาระงานท่ีสามารถ

งาน ามารถแก้ปญั หาหรือ รถแก้ปัญหาหรือควา แก้ปัญหาหรือความต้

ความต้องการได้ มต้องการได้ องการได้อยา่ งมีประ

สทิ ธภิ าพ

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน 10 - 12 หมายถึง ดีมาก คะแนน 8 - 9 หมายถึง ดี

คะแนน 6 - 7 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 5 หมายถงึ ปรับปรงุ

เกณฑ์การผา่ น ตง้ั แต่ระดบั พอใชข้ ้นึ ไป

เกณฑ์การประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (ระดับช้นั ป.1 – ป.3)

ประเด็นการประ ระดับคณุ ภาพ
เมิน 0 1 2 3
ขอ้ ที่ 4 ใฝ่เรียนรู้

ตัวชีว้ ัดท่ี 4.1 ไม่ตง้ั ใจเรยี น ตั้งใจ ตง้ั ใจเรยี น ตงั้ ใจเรียน
ต้ังใจ
เพยี รพยายามสน เอาใจใส่ในการเรียน เอาใจใส่และมคี วามเ เอาใจใสแ่ ละมีความเ

พยี รพยายามในการเ

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

การเรยี นและเขา้ ศกึ ษาค้นคว้าหาควา พยี รพยายามในการเ รยี นรู้
ร่วมกจิ กรรมการ มรจู้ ากหนังสือ รยี น เขา้ รว่ มกิจกรรมการเ
เรยี นรู้ เอกสาร สิ่งพิมพ์ รยี นรตู้ า่ งๆ
ตวั ชีว้ ดั ท่ี 4.2 ไมศ่ ึกษาหาคน้ คว้าห สอ่ื เทคโนโลยหี รอื จา ศกึ ษาคน้ ควา้ หาควา ศึกษาค้นคว้าหาควา
แสวงหาความรจู้ าความรู้ กแหลง่ เรยี นรอู้ ื่น มรจู้ ากหนังสือ มรจู้ ากหนังสือ
ากแหล่งเรยี นรู้ต่ เอกสาร สง่ิ พิมพ์ เอกสาร ส่งิ พิมพ์
างๆ ส่ือเทคโนโลยี สื่อเทคโนโลยี
ทัง้ ภายในและภา แหล่งเรยี นรู้อืน่ แหล่งเรียนรู้อนื่
ยนอกโรงเรยี นด้ มีการบันทึกความรู้ มกี ารบันทึกความรู้
วยการเลอื กใช้สื่ แลกเปลีย่ นความร้กู ั
ออย่างเหมาะสม บผู้อ่ืน
บันทกึ ความรู้
วเิ คราะห์
สรปุ เปน็ องค์ควา
มรู้
และสามารถนำไ
ปใช้ในชีวติ ประจ
ำวันได้

เกณฑ์การประเมนิ

คะแนน 6 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 5 หมายถงึ ดี

คะแนน 4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 0 – 3 หมายถึง ปรับปรุง

เกณฑ์การผ่าน ตง้ั แต่ระดบั พอใชข้ ึ้นไป

กจิ กรรมการเรยี นรู้
อธบิ าย ทำกจิ กรรม และ ทำแบบฝึกหัด
- การบวก ลบ คูณ หารระคน
- การแกโ้ จทยป์ ญั หาและการสร้างโจทยป์ ัญหา พรอ้ มท้ังหาคำตอบ
ทดสอบประจำหน่วย

สอ่ื การเรยี นรู้

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

- แบบฝกึ หดั
- ใบกจิ กรรม
- บตั รภาพ
- แผนภูมิรปู ภาพ
- ตารางบันทึกข้อมลู ด้วยรอยขีด
- แบบทดสอบประจำหน่วย

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

อภธิ านศัพท์
การแจกแจงของความนา่ จะเปน็ (probability distribution)

การอธิบายลักษณะของตัวแปรสุ่มโดยการแสดงคา่ ท่ีเปน็ ไปได้
และความน่าจะเปน็ ของการเกดิ คา่ ตา่ ง ๆ ของตัวแปรสมุ่ น้ัน

การประมาณ (approximation)
การประมาณเปน็ การหาค่าซึง่ ไม่ใชค่ า่ ท่แี ทจ้ รงิ

แตเ่ ป็นการหาคา่ ท่ีมีความละเอยี ดเพียงพอท่จี ะนำไปใช้ เชน่ ประมาณ 25.20 เป็น 25 หรอื ประมาณ
178 เปน็ 180 หรือประมาณ 18.45 เปน็ 20 เพื่อสะดวกในการคำนวณ ค่าทีไ่ ดจ้ ากการประมาณ
เรยี กวา่ ค่าประมาณ

การประมาณค่า (estimation)
การประมาณค่าเปน็ การคำนวณหาผลลพั ธโ์ ดยประมาณ

ด้วยการประมาณแตล่ ะจำนวนท่เี ก่ยี วข้องก่อนแล้วจึงนำมาคำนวณหาผลลัพธ์
การประมาณแต่ละจำนวนทีจ่ ะนำมาคำนวณอาจใชห้ ลกั การปัดเศษหรอื ไม่ใช้กไ็ ด้
ขึน้ อยกู่ ับความเหมาะสมในแตล่ ะสถานการณ์

การแปลงทางเรขาคณติ (geometric transformation)
การแปลงทางเรขาคณิตในทน่ี ้ีเน้นทง้ั การแปลงทที่ ำใหไ้ ด้ภาพท่เี กิดจากการแปลงมีขนาดและรู

ปรา่ งเหมอื นกับรูปต้นแบบ ซ่ึงเป็นผลจากการเล่ือนขนาน (translation) การสะทอ้ น (reflection)
และการหมุน (rotation)
รวมท้ังการแปลงท่ีทำให้ไดภ้ าพทเ่ี กิดจากการแปลงมรี ปู ร่างคล้ายกบั รปู ต้นแบบ
แตม่ ขี นาดแตกต่างจากรปู ต้นแบบ ซ่ึงเปน็ ผลมาจากการย่อ/ขยาย (dilation)

การสืบเสาะ การสำรวจ และการสร้างขอ้ ความคาดการณเ์ กีย่ วกบั สมบตั ิทางเรขาคณติ
การสบื เสาะ การสำรวจ

และการสรา้ งขอ้ ความคาดการณเ์ ป็นกระบวนการเรียนรูท้ ี่ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนสรา้ งองคค์ วามรขู้ น้ึ มาด้วย

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

ตนเอง ในทนี่ ้ีใช้สมบัตทิ างเรขาคณิตเป็นสอ่ื ในการเรยี นรู้
ผูส้ อนควรกำหนดกิจกรรมทางเรขาคณติ ทีผ่ เู้ รยี นสามารถใชค้ วามร้พู ืน้ ฐานเดมิ ทเ่ี คยเรยี นมาเปน็ ฐานใน
การตอ่ ยอดความรู้ ด้วยการสบื เสาะ สำรวจ สังเกตหาแบบรูป
และสร้างข้อความคาดการณ์ทีอ่ าจเปน็ ไปได้
อยา่ งไรกต็ ามผู้สอนต้องให้ผู้เรียนตรวจสอบวา่ ข้อความคาดการณน์ ั้นถูกต้องหรอื ไม่
โดยอาจค้นคว้าหาความรเู้ พิ่มเตมิ วา่ ข้อความคาดการณน์ ้นั สอดคล้องกับสมบัติทางเรขาคณติ หรอื ทฤษ
ฎีบททางเรขาคณติ ใดหรอื ไม่ ในการประเมินผลสามารถพิจารณาไดจ้ ากการทำกจิ กรรมของผเู้ รยี น
การแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหา
การแสดงวิธหี าคำตอบของโจทยป์ ญั หา เปน็ การแสดงแนวคิด วิธีการ
หรือขั้นตอนของการหาคำตอบของโจทย์ปัญหา โดยอาจใช้การวาดภาพประกอบ
เขียนเป็นข้อความดว้ ยภาษาง่ายๆ หรืออาจเขียนแสดงวธิ ีทำอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน

การหาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คณู หารระคน
การหาผลลัพธข์ องการบวก ลบ คณู หารระคน เป็นการหาคำตอบของโจทยก์ ารบวก ลบ คูณ
หารทีม่ เี คร่ืองหมาย + - × ÷ มากกว่าหนึ่งเครื่องหมายทแ่ี ตกตา่ งกัน เชน่
(4 + 7) – 3 =
(18 ÷ 2) + 9 =
(4 × 25) – (3 × 20) =
ตัวอย่างตอ่ ไปนี้ ไมเ่ ปน็ โจทย์การบวก ลบ คูณ หารระคน
(4 + 7) + 3 = เป็นโจทย์การบวก 2 ข้ันตอน
(4 × 15) × (5 × 20) = เปน็ โจทย์การคณู 3 ขั้นตอน
การใหเ้ หตุผลเกี่ยวกับปรภิ มู ิ (spatial reasoning)

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

การใหเ้ หตผุ ลเกีย่ วกับปริภมู ิในท่ีนเี้ ป็นการใช้ความรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกับสมบัตติ ่าง ๆ
ของรปู เรขาคณิตและความสัมพันธ์ระหว่างรปู เรขาคณิต
มาให้เหตผุ ลหรืออธบิ ายปรากฏการณ์หรือแกป้ ัญหาทางเรขาคณติ
ข้อมูล (data)

ขอ้ มลู เป็นขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื สิ่งท่ียอมรบั วา่ เป็นข้อเท็จจริงของเร่อื งท่สี นใจ
ซึ่งไดจ้ ากการเก็บรวบรวม อาจเปน็ ไดท้ ง้ั ข้อความและตัวเลข
ความรู้สึกเชงิ จำนวน (number sense)

ความรสู้ ึกเชงิ จำนวนเปน็ สามัญสำนกึ และความเขา้ ใจเกยี่ วกบั จำนวนท่ีอาจพจิ ารณาในด้านตา่
ง ๆ เชน่

● เขา้ ใจความหมายของจำนวนทใี่ ช้บอกปริมาณ (เชน่ ดินสอ 5 แท่ง) และใชบ้ อกอนั ดับที่
(เช่น เต้วิง่ เขา้ เส้นชัยเป็นคนที่ 5)

● เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ทห่ี ลากหลายของจำนวนใด ๆ กับจำนวนอนื่ ๆ เช่น 8 มากกว่า 7 อยู่
1 แตน่ ้อยกวา่ 10 อยู่ 2

● เขา้ ใจเก่ียวกับขนาดหรือค่าของจำนวนใด ๆ เมื่อเปรยี บเทียบกับจำนวนอนื่ เช่น 8
มีค่าใกลเ้ คยี งกบั 4 แต่ 8 มีค่านอ้ ยกวา่ 100 มาก

● เข้าใจผลทเี่ กดิ ข้นึ จากการดำเนนิ การของจำนวน เชน่ ผลบวกของ 65 + 42 ควรมากกว่า
100 เพราะวา่ 65 > 60 42 > 40 และ 60 + 40 = 100

● ใช้เกณฑ์จากประสบการณ์ในการเทยี บเคยี งเพื่อพิจารณาความสมเหตสุ มผลของจำนวน
เช่น การรายงานวา่ ผเู้ รียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 คนหนึ่งสงู 250
เซนติเมตรนนั้ ไม่นา่ จะเปน็ ไปได้

ความสัมพันธ์แบบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวม (part – whole relationship)

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ความสัมพนั ธ์แบบสว่ นยอ่ ย – สว่ นรวมของจำนวน เป็นการเขียนแสดงจำนวนในรปู ของจำนวน 2
จำนวนขึน้ ไป โดยที่ผลบวกของจำนวนเหล่านั้นเท่ากับจำนวนเดิม เชน่ 8 อาจเขียนเป็น 2 กบั 6 หรือ
3 กบั 5 หรือ 0 กับ 8 หรือ 1 กบั 2 กบั 5 ซง่ึ อาจเขยี นแสดงความสมั พนั ธ์ไดด้ ังนี้

88 01

8 82

26 35 8 5

จำนวน (number)

จำนวนเปน็ คำทไี่ มม่ ีคำจำกัดความ (คำอนยิ าม) จำนวนแสดงถงึ ปรมิ าณของสง่ิ ตา่ งๆ
จำนวนมหี ลายชนดิ เช่น จำนวนนบั จำนวนเต็ม เศษสว่ น ทศนยิ ม

จำนวนที่หายไปหรือรปู ท่ีหายไป

จำนวนทหี่ ายไปหรือรูปทห่ี ายไปเปน็ จำนวนหรอื รูปที่เมือ่ นำมาเติมส่วนที่วา่ งในแบบรปู แลว้ ทำให้

ความสัมพันธ์ในแบบรูปนั้นไม่เปลีย่ นแปลง

เชน่

1 3 5 7 9 ....... จำนวนทห่ี ายไปคอื 11

◊ ∆ ◊ ∆ ........ ∆ รปู ทห่ี ายไปคือ ◊

ตัวไมท่ ราบค่า

ตวั ไม่ทราบค่าเป็นสญั ลกั ษณ์ทใ่ี ชแ้ ทนจำนวนท่ียงั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์
ซึ่งตวั ไม่ทราบคา่ จะอยู่สว่ นใดของประโยคสัญลกั ษณก์ ็ได้ ในระดบั ประถมศึกษา
การหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ อาจหาได้โดยใชค้ วามสัมพันธ์ของการบวกและการลบ
หรือการคูณและการหาร เช่น

+ 333 = 999 18 × ก = 54

120 = A ÷ 9 789 - 156 = ⬜
ตัวเลข (numeral)

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

ตวั เลขเปน็ สญั ลกั ษณ์ท่ีใช้แสดงจำนวน
ตวั อย่าง

เขียนตวั เลข แสดงจำนวนมังคุดไดห้ ลายแบบ เช่น
ตวั เลขไทย : 7
ตวั เลขฮินดอู ารบิก : 7
ตัวเลขโรมนั : VII
ตวั เลขทง้ั หมดแสดงจำนวนเดยี วกัน แม้ว่าสญั ลักษณ์ที่ใชจ้ ะแตกตา่ งกนั

ตารางทางเดยี ว (one-way table)

ตารางทางเดยี วเป็นตารางท่ีมีการจำแนกรายการตามหัวเรอื่ งเพยี งลักษณะเดยี วเท่านน้ั เชน่
จำนวนนกั เรยี นของโรงเรียนแห่งหนงึ่ จำแนกตามชน้ั ปี

จำนวนนกั เรียนของโรงเรียนแหง่ หนึ่งจำแนกตามชั้นปี

ช้ัน จำนวน(คน)
ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 65
ประถมศึกษาปีท่ี 2 70
ประถมศกึ ษาปีที่ 3 69
ประถมศึกษาปีท่ี 4 62
ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 72
ประถมศึกษาปที ี่ 6 60
รวม 398

ตารางสองทาง (two-way table)

ตารางสองทางเปน็ ตารางท่มี ีการจำแนกรายการตามหวั เร่อื งสองลกั ษณะ เช่น
จำนวนนักเรยี นของโรงเรียนแห่งหนง่ึ จำแนกตามชั้น และเพศ

จำนวนนักเรียนของโรงเรียนแหง่ หนึง่ จำแนกตามช้นั ปี และเพศ

ชนั้ ปี เพศ รวม (คน)

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ชาย(คน) หญงิ (คน) 65
ประถมศึกษาปที ่ี 2 38 27 70
ประถมศกึ ษาปีที่ 3 33 37 69
ประถมศึกษาปที ่ี 4 32 37 62
ประถมศึกษาปที ี่ 5 28 34 72
ประถมศึกษาปที ี่ 6 32 40 60
รวม 25 35 398
188 210

แถวลำดับ (array)

แถวลำดับเป็นการจัดเรียงจำนวนหรือสิ่งต่าง ๆ ในรูปแถวและสดมภ์
อาจใชแ้ ถวลำดับเพอ่ื อธบิ ายเก่ยี วกับการคูณและการหาร เชน่

การคณู การหาร

๒×๕= ๑๐ ÷ ๒ =
๑๐ ๕

๕×๒= ๑๐ ÷ ๕ =
๑๐ ๒

ทศนิยมซ้ำ
ทศนยิ มซำ้ เป็นจำนวนท่ีมตี ัวเลขหรือกลุ่มของตวั เลขที่อยหู่ ลังจดุ ทศนยิ มซำ้ กันไปเรือ่ ย ๆ

ไมม่ ีท่ีสิน้ สุด เช่น 0.3333… 0.41666... 23.02181818... 0.243243243…
สำหรับทศนิยม เช่น 0.25 ถือวา่ เป็นทศนิยมซำ้ เชน่ เดยี วกัน เรยี กว่า ทศนิยมซำ้ ศูนย์ เพราะ 0.25 =
0.25000...

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

ในการเขยี นตัวเลขแสดงทศนิยมซ้ำ อาจเขยี นได้โดยการเติม • ไวเ้ หนือตวั เลขท่ซี ้ำกนั เชน่

0.3333… เขยี นเป็น 0. 3̇ อา่ นว่า ศนู ย์จุดสาม สามซำ้

0.41666... เขียนเปน็ 0.416̇ อา่ นว่า ศูนย์จุดส่ีหนึง่ หก หกซำ้

หรอื เติม • ไวเ้ หนอื กลุ่มตัวเลขทซี่ ้ำกนั ในตำแหน่งแรกและตำแหน่งสุดทา้ ย เช่น

23.02181818... เขยี นเป็น 23.021̇ 8̇ อ่านวา่ ยีส่ ิบสามจุดศนู ย์สองหน่ึงแปด
หนึ่งแปดซำ้

0.243243243… เขียนเปน็ 0. 2̇ 43̇ อา่ นวา่ ศนู ย์จดุ สองสส่ี าม สองสี่สามซำ้

ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
เป็นความสามารถทีจ่ ะนำความรไู้ ปประยุกตใ์ ช้ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ
เพือ่ ให้ได้มาซง่ึ ความรู้และประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวันได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

การแก้ปัญหา
การแกป้ ัญหา เปน็ กระบวนการท่ผี เู้ รยี นควรจะเรยี นรู้ ฝกึ ฝน และพัฒนาให้เกิดทักษะขนึ้ ในตนเอง
เพอ่ื สรา้ งองคค์ วามรใู้ หม่ เพ่ือใหผ้ เู้ รียนมแี นวทางในการคิดทห่ี ลากหลาย
รจู้ กั ประยุกตแ์ ละปรบั เปล่ียนวิธกี ารแกป้ ญั หาใหเ้ หมาะสม

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

ร้จู ักตรวจสอบและสะท้อนกระบวนการแกป้ ญั หา มีนสิ ยั กระตือรือร้น ไมย่ ่อท้อ
รวมถึงมีความมนั่ ใจในการแก้ปญั หาที่เผชญิ อยทู่ ั้งภายในและภายนอกห้องเรยี น นอกจากน้ี
การแกป้ ัญหายงั เปน็ ทักษะพืน้ ฐานทผ่ี เู้ รยี นสามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ได้
การสง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนได้เรยี นรู้เก่ียวกับการแกป้ ัญหาอย่างมีประสทิ ธผิ ล
ควรใช้สถานการณห์ รือปัญหาทางคณิตศาสตร์ท่ีกระตนุ้ ดึงดูดความสนใจ
สง่ เสริมใหม้ ีการประยุกต์ความรทู้ างคณิตศาสตร์ ข้นั ตอน/กระบวนการแกป้ ัญหา
และยุทธวธิ แี ก้ปัญหาท่หี ลากหลาย

การสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์

การสอ่ื สาร เป็นวิธกี ารแลกเปลย่ี นความคิดและสรา้ งความเขา้ ใจระหวา่ งบุคคล
ผ่านชอ่ งทางการสอ่ื สารต่างๆ ไดแ้ ก่ การฟัง การพูด การอ่าน การเขยี น การสังเกต
และการแสดงท่าทาง

การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์
เปน็ กระบวนการส่ือสารท่นี อกจากนำเสนอผา่ นชอ่ งทางการส่ือสาร การฟงั การพูด การอ่าน
การเขียน การสงั เกตและการแสดงท่าทางตามปกตแิ ล้ว ยงั เป็นการส่ือสารท่ีมลี ักษณะพิเศษ
โดยมกี ารใช้สัญลกั ษณ์ ตวั แปร ตาราง กราฟ สมการ อสมการ ฟังก์ชนั หรอื แบบจำลอง เป็นต้น
มาช่วยในการสอื่ ความหมายด้วย

การสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์
เป็นทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ท่จี ะช่วยให้ผู้เรยี นสามารถถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ
แนวคิดทางคณิตศาสตร์
หรอื กระบวนการคดิ ของตนใหผ้ อู้ ืน่ รบั รไู้ ด้อย่างถูกต้องชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
การทผี่ ูเ้ รยี นมีส่วนร่วมในการอภิปรายหรือการเขยี นเพอื่ แลกเปลย่ี นความร้แู ละความคิดเหน็ ถ่ายทอด
ประสบการณ์ซึง่ กนั และกนั ยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผอู้ ื่น
จะช่วยใหผ้ เู้ รียนเรยี นรู้คณิตศาสตรไ์ ด้อยา่ งมคี วามหมาย
เขา้ ใจได้อย่างกว้างขวางลึกซงึ้ และจดจำไดน้ านมากขึ้น

การเช่ือมโยง

การเชือ่ มโยงทางคณิตศาสตร์ เป็นกระบวนการทีต่ ้องอาศยั การคิด วิเคราะห์
และความคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ ในการนำความรู้ เนื้อหา และหลกั การทางคณิตศาสตร์
มาสร้างความสัมพนั ธอ์ ย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผลระหวา่ งความร้แู ละทักษะและกระบวนการที่มีในเนอื้ หาคณิ
ตศาสตร์กับงานท่เี กยี่ วข้อง
เพ่อื นำไปส่กู ารแก้ปัญหาและการเรยี นรแู้ นวคิดใหมท่ ่ีซับซ้อนหรือสมบูรณ์ขึน้

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

การเชอ่ื มโยงความรตู้ ่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์ เป็นการนำความรแู้ ละทักษะและกระบวนการต่าง ๆ
ทางคณิตศาสตร์ไปสมั พนั ธ์กันอยา่ งเป็นเหตุเป็นผล
ทำใหส้ ามารถแก้ปญั หาได้หลากหลายวิธแี ละกะทัดรดั ขึ้น
ทำใหก้ ารเรียนรู้คณติ ศาสตร์มีความหมายสำหรับผู้เรียนมากยิง่ ขึ้น

การเชอื่ มโยงคณติ ศาสตรก์ บั ศาสตร์อนื่ ๆ เป็นการนำความรู้ ทักษะและกระบวนการต่าง ๆ
ทางคณิตศาสตร์ ไปสัมพันธก์ ันอย่างเป็นเหตุเปน็ ผลกับเน้ือหาและความรู้ของศาสตร์อ่นื ๆ เชน่
วิทยาศาสตร์
ดาราศาสตร์ พันธกุ รรมศาสตร์ จติ วทิ ยา และเศรษฐศาสตร์ เปน็ ตน้
ทำให้การเรียนคณติ ศาสตรน์ ่าสนใจ
มคี วามหมาย และผ้เู รียนมองเห็นความสำคัญของการเรียนคณติ ศาสตร์

การที่ผู้เรยี นเหน็ การเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์
จะส่งเสรมิ ใหผ้ ้เู รียนเหน็ ความสมั พันธ์ของเนอ้ื หาตา่ ง ๆ ในคณติ ศาสตร์
และความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแนวคดิ ทางคณิตศาสตร์กับศาสตร์อ่นื ๆ
ทำให้ผู้เรียนเข้าใจเน้ือหาทางคณติ ศาสตร์ไดล้ ึกซ้ึงและมคี วามคงทนในการเรียนรู้
ตลอดจนชว่ ยใหผ้ ้เู รียนเหน็ วา่ คณติ ศาสตร์มีคุณคา่ น่าสนใจ
และสามารถนำไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ จรงิ ได้

การให้เหตุผล

การใหเ้ หตผุ ล
เปน็ กระบวนการคดิ ทางคณิตศาสตร์ทต่ี ้องอาศยั การคดิ วิเคราะหแ์ ละความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์
ในการรวบรวมข้อเทจ็ จริง ข้อความ แนวคิด สถานการณ์ทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ
แจกแจงความสมั พันธ์ หรอื การเชอ่ื มโยง เพื่อให้เกดิ ข้อเท็จจริงหรือสถานการณ์ใหม่

การให้เหตผุ ลเปน็ ทกั ษะและกระบวนการที่ส่งเสริมใหผ้ ้เู รียนรู้จกั คิดอย่างมเี หตุผล คิดอยา่ งเปน็ ระบบ
สามารถคิดวิเคราะหป์ ญั หาและสถานการณ์ได้อย่างถีถ่ ว้ นรอบคอบ สามารถคาดการณ์ วางแผน
ตดั สนิ ใจ และแก้ปัญหาไดอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม
การคิดอย่างมเี หตุผลเป็นเครื่องมือสำคญั ทผ่ี ้เู รียนจะนำไปใชพ้ ฒั นาตนเองในการเรยี นรสู้ ิ่งใหม่
เพ่อื นำไปประยุกต์ใชใ้ นการทำงานและการดำรงชวี ิต

การคิดสรา้ งสรรค์

การคิดสร้างสรรค์ เป็นกระบวนการคดิ ท่ีอาศัยความรู้พนื้ ฐาน จินตนาการและวจิ ารณญาณ
ในการพฒั นาหรือคิดคน้ องค์ความรู้ หรือสิง่ ประดิษฐ์ใหม่ ๆ
ท่มี ีคุณค่าและเป็นประโยชนต์ ่อตนเองและสังคม ความคดิ สร้างสรรคม์ หี ลายระดับ

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ตงั้ แต่ระดบั พื้นฐานท่สี ูงกว่าความคดิ พืน้ ๆ เพยี งเลก็ น้อย
ไปจนกระทัง่ เป็นความคดิ ที่อยูใ่ นระดบั สูงมาก

การพัฒนาความคิดสรา้ งสรรค์จะช่วยให้ผ้เู รียนมีแนวทางการคดิ ท่ีหลากหลาย
มีกระบวนการคิด จนิ ตนาการในการประยุกต์
ทจี่ ะนำไปสูก่ ารคิดคน้ สงิ่ ประดิษฐ์ทีแ่ ปลกใหมแ่ ละมีคุณคา่ ทีค่ นส่วนใหญค่ าดคดิ
ไมถ่ ึงหรือมองข้าม ตลอดจนส่งเสริมใหผ้ ู้เรียนมนี ิสยั กระตอื รอื รน้ ไม่ย่อท้อ อยากรอู้ ยากเห็น
อยากคน้ คว้าและทดลองส่ิงใหม่ ๆ อยู่เสมอ

แบบรปู (pattern)

แบบรูปเปน็ ความสมั พนั ธ์ท่แี สดงลักษณะสำคัญรว่ มกนั ของชดุ ของจำนวน รปู เรขาคณติ
หรอื อน่ื ๆ

ตัวอย่าง (1) 1 3 5 7 9 11

(2) 1 1 1 1 1 1 1 1 1

248248248

(3)

รปู เรขาคณติ (geometric figure)
รปู เรขาคณิตเป็นรปู ทีป่ ระกอบด้วย จุด เสน้ ตรง เสน้ โคง้ ระนาบ ฯลฯ อย่างน้อยหนึ่งอย่าง
▪ ตวั อย่างของรูปเรขาคณติ หน่ึงมติ ิ เชน่ เส้นตรง สว่ นของเสน้ ตรง รังสี
▪ ตวั อยา่ งของรปู เรขาคณิตสองมิติ เชน่ วงกลม รูปสามเหลีย่ ม รปู ส่เี หล่ียม
▪ ตัวอยา่ งของรปู เรขาคณติ สามมติ ิ เชน่ ทรงกลม ลูกบาศก์ ปริซึม พีระมิด

เลขโดด (digit)
เลขโดดเปน็ สญั ลักษณ์พื้นฐานที่ใช้เขียนตวั เลขแสดงจำนวน

จำนวนทน่ี ยิ มใชใ้ นปัจจุบันเป็นระบบฐานสบิ ในการเขียนตัวเลขแสดงจำนวนใด ๆ ใน ระบบฐานสบิ
ใชเ้ ลขโดดสิบตัว

เลขโดดที่ใช้เขยี นตัวเลขฮินดอู ารบกิ ได้แก่ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 และ 9
เลขโดดที่ใช้เขียนตวั เลขไทย ได้แก่ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 และ 9

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

สันตรง (straightedge)
สันตรงเปน็ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการเขียนเส้นในแนวตรง เชน่

ใชเ้ ขียนสว่ นของเส้นตรงและรังสี ปกตบิ นสันตรงจะไม่มีขีดสเกลสำหรับการวัดระยะกำกับไว้
อยา่ งไรก็ตามในการเรยี นการสอนอนโุ ลมใหใ้ ช้ไม้บรรทดั แทนสนั ตรงได้โดยถือเสมือนวา่ ไมม่ ขี ีดสเกลสำ
หรับการวัดระยะกำกบั
หนว่ ยเดยี่ ว (single unit) และหนว่ ยผสม (compound unit)

การบอกปริมาณท่ีได้จากการวดั อาจใช้หน่วยเดี่ยว เช่น สม้ หนกั 12 กโิ ลกรัม
หรือใช้หนว่ ยผสม เช่น ปลาหนกั 1 กโิ ลกรมั 200 กรัม
หนว่ ยมาตรฐาน (standard unit)

หนว่ ยมาตรฐานเป็นหนว่ ยการวัดทีเ่ ปน็ ทีย่ อมรับกันท่ัวไป เช่น กิโลเมตร เมตร
เซนตเิ มตรเปน็ หน่วยมาตรฐานของการวดั ความยาว กิโลกรมั กรมั
มลิ ลกิ รัมเป็นหน่วยมาตรฐานของการวัดนำ้ หนกั
อัตราสว่ น (ratio)

อัตราส่วนเปน็ ความสมั พันธ์ที่แสดงการเปรยี บเทยี บปริมาณสองปริมาณซึ่งอาจมหี นว่ ยเดียวกั
นหรอื ต่างกนั กไ็ ด้ อัตราส่วนของปริมาณ a ต่อ ปรมิ าณ b เขยี นแทนด้วย a : b

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ภาคผนวก

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั

ตารางวเิ คราะหม์ าตรฐานและตัวชี้วัด สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษา
ค1

ที่ ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ ค 1.1

1234567 8

1 จำนวนนับไมเ่ กิน 1,000 ✔ ✔ ✔
และ 0

2 การบวกและการลบจำน ✔
วนนบั ไม่เกนิ 1,000

3 การวัดความยาว

4 การวัดนำ้ หนัก

5 การคูณ ✔
6 การหาร ✔
7 เวลา

8 การวัดปริมาตร

9 รปู เรขาคณิต

าปีที่ 2 ค 3 คะแนน
ค2

ค 2.1 ค ค รว
2.2 3.1 ม เกบ็ สอบ รวม

12345611

3 12 3 15

15 3 8

✔✔ 2 8 2 10
✔✔ 2 8 2 10
15 3 8
✔ 15 3 8
✔ 15 3 8
✔ 15 3 8
15 3 8

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

1 การบวก ลบ คณุ ✔✔
0 หารระคน 11111111

1 แผนภูมริ ูปภาพ
1

รวม

2 8 3 11
✔1 4 2 6
1 1 1 1 1 1 1 1 16 70 30 100

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหม่หนองบวั

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ฝ่ายงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นใหมห่ นองบวั


Click to View FlipBook Version