The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-book นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pongsatorn.sgot, 2021-11-11 13:07:03

E-book นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

E-book นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

tegy Infographics 90%

75%

New revenue Total leads

Jupiter is a gas Mercury is the
giant and the closest planet to the
biggest object in the
Solar System Sun and the
smallest one

Social Media Strat

Goals

It’s composed mostly of
hydrogen and helium

Client

It’s the closest planet to
the Sun

tegy Infographics

Tactics

Venus is the second
planet from the Sun

Measurement

Despite being red, Mars is
actually a cold place

Infogra

You can add and edit some infographics to your prese

● Choose your favourite infographic and insert it in y
+ Ctrl V or Cmd C + Cmd V in Mac.

● Select one of the parts and ungroup it by right-clic
“Ungroup”.

● Change the color by clicking on the paint bucket.
● Then resize the element by clicking and dragging

points of its bounding box (the cursor should look l
Remember to hold Shift while dragging to keep the
● Group the elements again by selecting them, right
“Group”.
● Repeat the steps above with the other parts and w
the end result and paste it into your presentation.
● Remember to choose the “Keep source formattin
design. For more info, please visit Slidesgo Scho

aphics

entation to present your data in a visual way.

your presentation using Ctrl C

cking and choosing

.
one of the square-shaped
like a double-headed arrow).
e proportions.
t-clicking and choosing

when you’re done editing, copy

ng” option so that it keeps the
ool.

เนื้อหา No.6

สื่อการเรียนการสอน

บทที่ 4
ส่อื การเรียนการสอน

ความหมายของส่ือการสอน
นกั วชิ าการในวงการเทคโนโลยที างการศกึ ษา โสตทัศนศึกษา และวงการการศึกษา ได้ใหค้ ำ

จำกดั ความของ “ส่อื การสอน” ไวอ้ ย่างหลากหลาย เชน่
ชอร์ส กล่าวว่า เคร่ืองมือที่ช่วยสอ่ื ความหมายจดั ขน้ึ โดยครูและนกั เรียน เพ่ือส่งเสริมการ

เรยี นรู้ เครื่องมือการสอนทุกชนดิ จดั เป็นสอ่ื การสอน เช่น หนงั สอื ในหอ้ งสมุด โสตทศั นวัสดุต่าง ๆ เช่น
โทรทัศน์ วิทยุ สไลด์ ฟิลม์ สตรปิ รปู ภาพ แผนที่ ของจริง และทรพั ยากรจากแหล่งชุมชน

บราวน์ และคณะ กล่าววา่ จำพวกอุปกรณ์ท้งั หลายทส่ี ามารถช่วยเสนอความรูใ้ ห้แกผ่ ูเ้ รียน
จนเกิดผลการเรยี นทด่ี ี ท้ังนร้ี วมถงึ กิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ไี มเ่ ฉพาะแตส่ ิง่ ท่ีเป็นวัตถหุ รือเครื่องมือเทา่ นั้น เชน่
การศกึ ษานอกสถานท่ี การแสดง บทบาทนาฏการ การสาธติ การทดลอง ตลอดจนการสัมภาษณแ์ ละการ
สำรวจ เป็นต้น

เปร่อื ง กุมุท กลา่ ววา่ สอ่ื การสอน หมายถงึ สง่ิ ต่าง ๆ ทใ่ี ช้เป็นเคร่อื งมอื หรือช่องทางสำหรับทำ
ใหก้ ารสอนของครูถึงผเู้ รยี นและทำใหผ้ ู้เรียนเรียนรตู้ ามวตั ถปุ ระสงคห์ รือจุดมุ่งหมายท่ีครวู างไวไ้ ดเ้ ป็นอยา่ ง
ดี

ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ ใหค้ วามหมาย สอื่ การสอนว่า วัสดอุ ุปกรณ์และวิธีการประกอบการสอน
เพือ่ ใช้เปน็ สอื่ กลางในการสื่อความหมายทผ่ี สู้ อนประสงคจ์ ะส่งหรอื ถ่ายทอดไปยังผ้เู รยี นได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ

นอกจากนี้ ยังมคี ำอื่น ๆ ที่มีความหมายใกล้เคยี งกบั ส่ือการสอน เป็นต้นว่า
ส่อื การเรยี น หมายถงึ เครื่องมือ ตลอดจนเทคนิคตา่ ง ๆ ท่ีจะมาสนบั สนุนการเรียนการสอน

เรา้ ความสนใจผู้เรยี นรู้ให้เกดิ การเรียนรู้ เกดิ ความเข้าใจดีขึ้น อยา่ งรวดเรว็
ส่อื การศึกษา คือ ระบบการนำวัสดุ และวิธกี ารมาเปน็ ตัวกลางในการใหก้ ารศกึ ษาความรู้แก่

ผเู้ รียนโดยทั่วไป
โสตทัศนปู กรณ์ หมายถึง วสั ดทุ งั้ หลายทน่ี ำมาใช้ในหอ้ งเรียน หรือนำมาประกอบการสอนใด

ๆ กต็ าม เพอื่ ช่วยให้การเขยี น การพูด การอภิปรายนนั้ เข้าใจแจ่มแจ้งยง่ิ ข้ึน

ความสำคัญของสื่อการสอน
ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ กลา่ ววา่ ปัญหาอย่างหนึง่ ในการสอนกค็ ือ แนวทางการตัดสินใจจดั

ดำเนนิ การให้ผ้เู รียนเกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมขน้ึ ตามจุดมุ่งหมาย ซึ่งการสอนโดยทั่วไป ครูมักมี
บทบาทในการจดั ประสบการณต์ า่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นดา้ นเน้อื หาสาระ หรือทักษะและมีบทบาทในการจดั
ประสบการณ์เพื่อการเรยี นการสอน ท้ังน้ีขนึ้ อยู่กบั ตวั ผเู้ รยี นแต่ละคนดว้ ยว่า ผู้เรยี นมคี วามตอ้ งการอยา่ งไร
ดังน้นั การจดั การเรียนการสอนในรปู แบบน้ีการจัดสภาพแวดล้อมทีด่ ีเพื่อการเรยี นการสอนจึงมคี วามสำคัญ
มาก ทง้ั น้ีเพ่ือสรา้ งบรรยากาศและแรงจูงใจผู้เรยี นใหเ้ กิดความอยากเรียนรู้และเพอ่ื เปน็ แหลง่ ศกึ ษาคน้ คว้า
หาความร้ขู องผ้เู รียนไดต้ ามจุดมุ่งหมาย สภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ทั้งมวลทจ่ี ัดขึ้นมาเพื่อการเรียนการ
สอนนั้น กค็ ือ การเรียนการสอนนนั่ เอง

เอ็ดการ์ เดล ไดก้ ลา่ วสรปุ ถึงความสำคญั ของสื่อการสอน ดังน้ี
1. สื่อการสอน ชว่ ยสรา้ งรากฐานท่ีเป็นรปู ธรรมขึน้ ในความคิดของผู้เรยี น การฟงั เพียงอยา่ ง

เดียวนั้น ผ้เู รียนจะตอ้ งใช้จนิ ตนาการเข้าชว่ ยดว้ ย เพื่อใหส้ ิ่งที่เปน็ นามธรรมเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นในความคิด
แตส่ ำหรับสิ่งทยี่ ุ่งยากซบั ซ้อน ผเู้ รยี นยอ่ มไม่มีความสามารถจะทำได้ การใชอ้ ปุ กรณเ์ ข้าช่วยจะทำให้ผเู้ รยี น
มคี วามเข้าใจและสร้างรปู ธรรมขนึ้ ในใจได้

2. ส่อื การสอน ชว่ ยเร้าความสนใจของผู้เรียน เพราะผเู้ รยี นสามารถใชป้ ระสาทสมั ผัสได้ด้วย
ตา หู และการเคล่ือนไหวจับต้องไดแ้ ทนการฟังหรือดเู พียงอยา่ งเดยี ว

3. เปน็ รากฐานในการพัฒนาการเรยี นรู้และชว่ ยความทรงจำอยา่ งถาวร ผู้เรยี นจะสามารถ
นำประสบการณเ์ ดมิ ไปสมั พนั ธก์ ับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ เม่ือมีพ้นื ฐานประสบการณเ์ ดิมทีด่ ีอยแู่ ลว้

4. ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นไดม้ พี ัฒนาการทางความคิด ซึง่ ต่อเนือ่ งเป็นอันหน่ึงอนั เดียวกนั ทำใหเ้ ห็น
ความสมั พนั ธ์เกี่ยวขอ้ งกบั สิ่งต่าง ๆ เชน่ เวลา สถานที่ วัฏจกั รของสงิ่ มีชวี ิต

5. ชว่ ยเพิ่มทักษะในการอา่ นและเสรมิ สรา้ งความเขา้ ใจในความหมายของคำใหม่ ๆ ให้มาก
ข้นึ ผ้เู รียนทีอ่ า่ นหนังสือช้าก็จะสามารถอา่ นได้ทันพวกท่ีอ่านเรว็ ได้ เพราะได้ยนิ เสยี งและได้เหน็
ภาพประกอบกนั

เปร่อื ง กุมุท ใหค้ วามสำคญั ของสือ่ การสอน ดงั นี้
1. ชว่ ยให้คณุ ภาพการเรยี นรู้ดีขึ้น เพราะมีความจรงิ จงั และมีความหมายชัดเจนต่อผู้เรียน
2. ช่วยให้นักเรยี นร้ไู ด้ในปริมาณมากขึน้ ในเวลาท่ีกำหนดไว้จำนวนหนึง่
3. ชว่ ยให้ผูเ้ รยี นสนใจและมีส่วนรว่ มอยา่ งแขง็ ขันในกระบวนการเรยี นการสอน
4. ชว่ ยใหผ้ ้เู รยี นจำ ประทบั ความรสู้ กึ และทำอะไรเปน็ เร็วขน้ึ และดีข้ึน
5. ชว่ ยสง่ เสรมิ การคดิ และการแกป้ ญั หาในขบวนการเรยี นรขู้ องนักเรียน
6. ชว่ ยให้สามารถเรียนรู้ในสิ่งท่เี รียนไดล้ ำบากโดยการช่วยแก้ปญั หา หรอื ข้อจำกัดตา่ ง ๆ ได้

ดงั น้ี
• ทำส่งิ ท่ีซับซ้อนให้งา่ ยขน้ึ
• ทำนามธรรมใหม้ รี ปู ธรรมขึ้น

• ทำสิง่ ทเี่ คล่ือนไหวเร็วใหด้ ูชา้ ลง
• ทำสงิ่ ท่ีใหญ่มากให้ย่อยขนาดลง
• ทำส่งิ ทเ่ี ล็กมากให้ขยายขนาดข้ึน
• นำอดตี มาศกึ ษาได้
• นำสงิ่ ทอ่ี ยู่ไกลหรอื ล้ลี ับมาศกึ ษาได้
7. ช่วยใหน้ ักเรียนเรยี นสำเรจ็ ง่ายขึน้ และสอบได้มากขนึ้
เม่อื ทราบความสำคัญของส่อื การสอนดงั กลา่ วข้างตน้ แล้ว สิ่งทีค่ วรพจิ ารณาอีกประการกค็ ือ
ประเภท หรอื ชนดิ ของสือ่ การสอน ดังจะกลา่ วตอ่ ไปดังนี้

ประเภทของสอื่ การสอน
เอด็ การ์ เดล จำแนกประสบการณ์ทางการศึกษา เรียงลำดับจากประสบการณท์ ่ีเปน็ รปู ธรรมไปสู่

ประสบการณ์ทเี่ ปน็ นามธรรม โดยยึดหลักว่า คนเราสามารถเข้าใจสิง่ ทเ่ี ป็นรปู ธรรมได้ดแี ละเรว็ กว่าสงิ่ ที่
เป็นนามธรรมซ่งึ เรียกว่า "กรวยแหง่ ประสบการณ"์ (Cone of Experiences) ซึ่งมที ั้งหมด 10 ขนั้ ดัง
แผนภาพต่อไปนี้

โรเบิร์ต อ.ี ด.ี ดฟี เฟอร์ แบ่งประเภทของส่ือการสอน ดงั น้ี
1. วสั ดทุ ไ่ี ม่ต้องฉาย ไดแ้ ก่ รูปภาพ แผนภูมิ กราฟ ของจริง ของตัวอยา่ ง ห่นุ จำลอง แผนที่

กระดาษสาธติ ลกู โลก กระดานชอลค์ กระดานนเิ ทศ กระดานแม่เหล็ก การแสดงบทบาท นิทรรศการ การ
สาธิต และการทดลองเป็นตน้

2. วัสดฉุ ายและเครื่องฉาย ได้แก่ สไลด์ ฟลิ ์มสตริป ภาพโปร่งใส ภาพทึบ ภาพยนตร์ และเครื่อง
ฉายต่าง ๆ เชน่ เครือ่ งฉายภาพยนตร์ เคร่ืองฉายสไลด์ และฟลิ ม์ สตริป เครอื่ งฉายกระจกภาพ เคร่ืองฉาย
ภาพขา้ มศีรษะ เครอื่ งฉายภาพทบึ แสง เครือ่ งฉายภาพจุลทัศน์ เป็นตน้

3. โสตวสั ดแุ ละเครอ่ื งมือ ได้แก่ แผน่ เสยี ง เคร่อื งเล่นจานเสียง เทป เคร่ืองบนั ทึกเสียง เครื่อง
ขยายเสียง และวทิ ยุ เป็นตน้

ศาสตราจารยส์ ำเภา วรางกูร ได้แบ่งประเภทและชนดิ ของสือ่ การสอน ดงั นี้
ก. ประเภทวัสดโุ สตทศั น์ (Audio-Visual Materials)

1. ประเภทภาพประกอบการสอน(Picture Instructional Materials)
I. ภาพทไี่ ม่ตอ้ งฉาย (Unprojected Pictures)
i. ภาพเขียน (Drawing)
ii. ภาพแขวนผนงั (Wall Pictures)
iii. ภาพตัด (Cut-out Pictures)
iv. สมุดภาพ (Pictorial Books, Scrapt Books)
v. ภาพถา่ ย (Photographs)
II. ภาพทีต่ อ้ งฉาย (Project Pictures)
i. สไลด์ (Slides)
ii. ฟิล์มสตริป (Filmstrips)
iii. ภาพทึบ (Opaque Projected Pictures)
iv. ภาพโปรง่ แสง (Transparencies)
v. ภาพยนตร์ 16 มม., 8 มม., (Motion Pictures)
vi. ภาพยนตร์ (Video Tape)

2. ประเภทวสั ดอุ ุปกรณ์ลายเส้น (Graphic Instructional Materials)
I. แผนภมู ิ (Charts)
II. กราฟ (Graphs)
III. แผนภาพ (Diagrams)
IV. โปสเตอร์ (Posters)
V. การต์ นู (Cartoons, Comic strips)
VI. รปู สเก็ช (Sketches)
VII.แผนที่ (Maps)

VIII. ลูกโลก (Globe)
3. ประเภทกระดานและแผ่นป้ายแสดง (Instructional Boards and Displays)

I. กระดานดำหรือกระดานชอล์ก (Blackboard,Chalk Board)
II. กระดานผา้ สำลี (Flannel Boards)
III. กระดานนเิ ทศ (Bulletin Boards)
IV. กระดานแมเ่ หลก็ (Magnetic Boards)
V. กระดานไฟฟา้ (Electric Boards)
4. ประเภทวัสดุสามมติ ิ (Three-Dimensional Materials) มี
I. หุ่นจำลอง (Models)
II. ของตัวอยา่ ง (Specimens)
III. ของจรงิ (Objects)
IV. ของล้อแบบ (Mock-Ups)
V. นิทรรศการ (Exhibits)
VI. ไดออรามา (Diorama)
VII.กระบะทราย (Sand Tables)
5. ประเภทโสตวัสดุ (Auditory Instructional Materials)
I. แผ่นเสยี ง (Disc Recorded Materials)
II. เทปบนั ทกึ เสียง (Tape Recorded Materials)
III. รายการวิทยุ (Radio Program)
6. ประเภทกิจกรรมและการละเลน่ (Instructional Activities and Plays)
I. การทศั นาจรศกึ ษา (Field Trip)
II. การสาธิต (Demonstrations)
III. การทดลอง (Experiments)
IV. การแสดงแบบละคร (Drama)
V. การแสดงบทบาท (Role Playing)
VI. การแสดงหนุ่ (Pupetry)
ข. ประเภทเครอ่ื งมือโสตทัศนูปกรณ์ (Audio-Visual Equipments)
1. เครื่องฉายภาพยนตร์ 16 มม. , 8 มม.
2. เครือ่ งฉายสไลด์และฟิลม์ สตริป (Slide and Filmstrip Projector)
3. เครอ่ื งฉายภาพทบึ แสง (Opaque Projectors)
4. เครอ่ื งฉายภาพข้ามศรี ษะ (Overhead Projector)
5. เครอ่ื งฉายกระจกภาพ (3 1/4 "x 4" หรือ Lantern Slide Projector)
6. เครอื่ งฉายภาพจลุ ทัศน์ (Micro-Projector)

7. เครื่องเล่นจานเสยี ง (Record Plays)
8. เคร่ืองเทปบันทึกภาพ (Video Recorder)
9. เครอื่ งรับโทรทัศน์ (Television Receiver)
10. จอฉายภาพ (Screen)
11. เคร่อื งรับวิทยุ(Radio Receive)
12. เคร่ืองขยายเสยี ง(Amplifier)
13. อปุ กรณ์เทคโนโลยแี บบใหม่ต่างๆ (Modern Instructional Technology Devices) เชน่
โทรทศั นศึกษา หอ้ งปฏบิ ตั ิการภาษา โปรแกรมเรยี น (Programmed Learning) และอื่นๆ
จากการศึกษาถึงความสำคัญ ตลอดจนการแบ่งประเภทและชนดิ ของส่ือการสอนข้างต้น
ช้ีให้เห็นถึงความสมั พันธข์ องสื่อการสอนท่มี ีบทบาทในการทำให้การเรยี นการสอนเปน็ ไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี แม้สื่อการสอนจะมีความสำคญั และมปี ระโยชน์มาก แตก่ ต็ ้องอาศัยเทคนิคในการ
ใช้ส่ือการสอนดว้ ย ซ่ึงในเรื่องนีไ้ ด้มีนักวชิ าการใหข้ ้อคดิ ในการใช้สื่อตา่ ง ๆ กบั การสรา้ งแบบการเรยี นรู้ ดงั
จะกลา่ วต่อไปน้ี

ธรรมชาติในการเรยี นรขู้ องมนษุ ย์
ธรรมชาติในการเรียนรู้ของมนุษย์นั้นมาจากการรับรู้ (perception) ท่ีตคี วามจากความรู้สึกทไ่ี ด้

จากสง่ิ แวดลอ้ มรอบ ๆ ตวั ดว้ ยอวัยวะรับการสมั ผสั (sensory organs) หรอื เรียกอีกอยา่ งหน่งึ วา่ เคร่ืองรบั
(receptors) ได้แก่

1. อวัยวะรบั การสัมผัสภายนอก ประกอบด้วย
• ตา (visual sense) สำหรับการมองเห็น
• หู (auditory sense) สำหรับการไดย้ นิ
• จมูก (olfactory sense) สำหรับการดมกลิน่
• ลิน้ (gustatory sense) สำหรบั การชิมรส
• กาย (skin sense) สำหรับการสัมผสั ทางกาย

2. อวยั วะสมั ผัสภายใน ประกอบดว้ ย
• สัมผัสเก่ียวกบั การเคลอ่ื นไหว (kinesthesis) ทำให้ทราบการเคลื่อนไหวของอวัยวะ

ตา่ ง ๆ ภายในร่างกาย มนุษย์สามารถรบั ร้ไู ด้โดยอาศยั ประสาทสมั ผัสในกลา้ มเน้ือ เอน็ ข้อต่อกระดูก
• สมั ผสั การทรงตัว (vestibular sense) ทำใหร้ ับรเู้ กี่ยวกบั การทรงตวั โดยมนุษย์

สามารถรับร้กู ารสัมผัสน้ี ด้วยอวัยวะสัมผัสในช่องหดู า้ นใน
เม่ืออวยั วะสมั ผัสกระทบกบั ส่ิงเรา้ (Stimulus) จากสิ่งแวดลอ้ ม กจ็ ะส่งความร้สู ึกไปยังสมอง ซง่ึ

สมองจะทำหน้าที่แปลสัมผัส(sensation)และสง่ ต่อไปยงั ระบบประสาท(nervous system) จากนนั้ จะเกดิ
การเปลี่ยนแปลง เชน่ กระบวนการไฟฟ้าและเคมี เพื่อใหส้ มองรบั ทั้งพฤติกรรม การรบั รู้ หรือเกิดวญิ ญาณ
ตัวอยา่ งเชน่ เด็กเลก็ ๆ มองเหน็ เปลวเทียนมแี สงสวา่ งไสว แสงเทยี นทเี่ ดก็ เห็นจะเป็นสิ่งเรา้ เดก็ จะคลาน

เขา้ ไปหา และเอ้อื มมอื จบั เปลวเทียน มอื (กายสัมผัส) ท่สี ัมผสั ไฟ และตา (จกั ษุสัมผสั ) ท่ีมองเหน็ เปลวเทยี น
จะสง่ ความรู้สึกไปยังสมองและระบบประสาท ซ่ึงจะทำให้เด็กนั้นสามารถรู้ได้ว่า เปลวไฟน้ันมีความร้อน
และแสงสวา่ ง

สรุปได้ว่า กระบวนการรบั รู้ซึ่งเกดิ ข้ึนในมนุษยน์ น้ั มีขนั้ ตอนดงั ต่อไปนี้

จากการวิจัยเกี่ยวกับการใช้อวัยวะสัมผัสเพ่อื การรบั รู้ทงั้ ห้าของมนุษย์ พบวา่ จะมปี รมิ าณการ
รบั ร้ทู แ่ี ตกตา่ งกนั ดังนี้

ประสาทสัมผสั การรับรู้ ปริมาณการรบั รู้ (รอ้ ยละ)
ตา การมองเหน็ 75
หู การได้ยิน 13
จมูก การดมกล่นิ 3
ล้นิ การรบั รส 3
กาย การสัมผัสทางกาย 6

หลงั จากนน้ั จึงเกิดการเรียนรู้ (learning) ทีเ่ ป็นกระบวนการต่อเนือ่ งจากการรบั รู้ เมื่อประสาท
สัมผัสกระทบกับสงิ่ เรา้ และเกดิ การรบั รู้ ถ้าการรบั รู้หรอื ความรสู้ กึ นั้นผ่านไปโดยที่มิได้บันทึกความจำ การ
รบั รู้นน้ั จะถอื วา่ ยังไม่กอ่ ให้เกิดประสบการณ์ แตถ่ ้าหากสมองได้บนั ทกึ การรบั รู้นน้ั ไว้เป็นประสบการณ์ เมื่อ
ประสาทสัมผสั กระทบต่อสง่ิ เรา้ เดมิ อีก จะทำให้เกิดความระลกึ ได้ ทำให้เกิดการเรยี นรู้ข้ึน

อยา่ งไรก็ตาม การท่มี นุษยจ์ ะรบั ร้แู ละสามารถพฒั นาจนเป็นการเรียนรูไ้ ดด้ หี รือไมน่ ั้น ยอ่ มข้นึ อยู่
กบั องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ดังน้ี

1. สติปัญญา ผมู้ สี ตปิ ัญญาสูงกวา่ ย่อมรับรไู้ ด้ดกี ว่าผมู้ ีสตปิ ญั ญาตำ่ กว่า
2. การสังเกตและพิจารณา ขึ้นอย่กู บั ความชำนาญ และความสนใจตอ่ สง่ิ เรา้
3. คณุ ภาพของจติ ในขณะนั้น ถ้ามคี วามเหนื่อยอ่อน เครยี ด หรอื อารมณข์ นุ่ มวั อาจทำให้
แปลความหมายของส่งิ เร้าท่ีสัมผัสได้ไม่ดี แต่ในทางตรงกนั ข้าม หากสภาพจิตใจผ่องใส ปลอดโปรง่ กจ็ ะทำ
ให้การรับรูแ้ ละการเรียนรู้เป็นไปดว้ ยดี และเปน็ ระบบ
จากการศึกษาเก่ยี วกับธรรมชาติในการเรียนรขู้ องมนุษยด์ งั ทีไ่ ดก้ ลา่ วมาข้างต้นนน้ั เราจะ
สามารถนำความรู้ดงั กล่าวมาประยกุ ต์ในการสรา้ งแบบการสอน โดยอาศัยหลกั 4 ประการ ดงั นี้
1. หลักสตู รหรอื คำอธบิ ายรายวิชา ควรระบุจดุ มงุ่ หมายว่า ตอ้ งการให้ผู้เรยี นบรรลุ
วัตถุประสงค์ในเรือ่ งใดบ้าง
2. กจิ กรรมควรมีกจิ กรรมการเรียนหรือกิจกรรมเสรมิ อะไรบ้างทจี่ ะช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นบรรลุ
จดุ มุ่งหมายและกจิ กรรมเหล่าน้ันควรจดั ในรปู แบบใด
3. สภาพแวดล้อมของการเรียน ควรจดั สภาพแวดลอ้ มเพือ่ กจิ กรรมการเรียนอยา่ งไร ตอ้ งใช้
สถานที่เรยี น บุคลากร และวัสดุอุปกรณ์อะไรบ้าง
4. การประเมินผล ตอ้ งสร้างระบบการประเมินผลท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ เพ่อื ให้ทราบระดับของ
สมั ฤทธิผลของผเู้ รียน
ทง้ั นี้ อาจแสดงระบบการสร้างแบบการสอนใหช้ ดั เจน ดังแผนภาพ

ไชยยศ เรืองสวุ รรณ กลา่ วว่า ก่อนท่ีจะวางแผนระบบการสอนขา้ งต้น สว่ นท่คี วรพิจารณาเป็น
พเิ ศษ คอื เรื่องของการวเิ คราะหผ์ ้เู รยี นวา่ มอี ะไรบ้างที่ผเู้ รียนต้องการเรียนรู้ มีอะไรบ้างทผ่ี ู้เรียนรอู้ ย่แู ลว้
อะไรคือปญั หาของผู้เรียนในการเรยี น ผู้เรียนมคี วามพร้อมทจ่ี ะเรียนหรือไม่ หลังจากนัน้ จงึ ควรเร่ิม
วิเคราะห์ระบบการสอน ดังน้ี

1. ความมุ่งหมาย (Goals) เรามีความมงุ่ หมายอะไรบา้ งที่มุ่งจะกอ่ ให้เกดิ ผลสำเรจ็ ในการ
จัดการเรยี นสอน การวเิ คราะหใ์ นเรือ่ งน้ีก็คอื การวิเคราะห์ภารกิจของผสู้ อน

2. สภาพการณ์ (Conditions) ผ้เู รียนจะประสบผลสำเร็จในการเรยี นไดด้ ี ควรเรียนรู้อยู่
ภายใตส้ ภาพการณ์อะไรบา้ ง อย่างไร ควรใชย้ ทุ ธวิธีหรอื วิธกี ารอยา่ งไร

3. แหลง่ การเรยี นหรือทรพั ยากรการเรียน (Resources) มแี หล่งการเรียนหรอื ทรพั ยากร
อะไรบ้าง ท่ีจัดว่าจำเปน็ ต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรใู้ ห้แก่ผู้เรียน

4. ผลทไี่ ด้ (Outcomes) เราจะประสบผลสำเร็จตามจุดมงุ่ หมายที่ตงั้ ไว้เพยี งใด มีอะไรบา้ งท่ี
จำเป็นจะตอ้ งปรับปรุงแก้ไข

เกอรล์ ัชแหง่ มหาวิทยาลัยแหง่ รัฐอารโิ ซนาและอีลีแหง่ มหาวิทยาลยั ซีราควิ สส์ หรฐั อเมรกิ า ได้
ออกแบบระบบการสอนจนเป็นทีย่ อมรับกันอย่างแพรห่ ลาย ระบบการสอนที่เขาทั้งสองออกแบบไวน้ ้นั มี
ทงั้ หมด 10 ขนั้ ตอน คือ

1. กำหนดจุดมุง่ หมาย ซ่งึ นับเป็นจุดเรม่ิ ตน้ ของระบบการสอน จดุ มงุ่ หมายควรเป็น
จุดมงุ่ หมายเฉพาะ หรือจดุ มุ่งหมายเชงิ พฤติกรรม ทผ่ี ้เู รยี นสามารถปฏบิ ัติได้ และครูสามารถวดั และสังเกต
ได้

2. กำหนดเนื้อหา เป็นขั้นของการเลอื กเน้ือหา เพ่ือนำมาชว่ ยให้ผู้เรียนไดเ้ รยี นรู้และบรรลุ
จุดมงุ่ หมายเชิงพฤติกรรมทต่ี ง้ั ไว้

3. ประเมนิ ผลพฤติกรรมก่อนเรียน เปน็ การประเมินผลก่อนเรยี นเพอ่ื ใหท้ ราบพฤติกรรม
เบอื้ งตน้ หรือพ้นื ฐานเดิมของผู้เรียน

4. พิจารณายุทธศาสตร์หรือวธิ กี ารสอน คำว่า “ยุทธศาสตรก์ ารสอน” เปน็ คำท่ใี ชเ้ พ่ือ
จำเพาะเจาะจงยิ่งกวา่ คำวา่ “วธิ สี อน” “ยทุ ธศาสตร์” คือ วิธกี ารของครใู นการใชส้ ื่อความ เรอ่ื งราวข่าวสาร
การเลอื กทรพั ยากร และการกำหนดบทบาทของผู้เรยี นในการเรียนการสอน ซ่งึ เป็นแนวปฏิบัตโิ ดยเฉพาะ
เพอ่ื ช่วยใหบ้ รรลจุ ุดมงุ่ หมายของการสอน ส่วนคำวา่ “วธิ สี อน” เป็นการวางแผนกระบวนการสอนอยา่ งมี
ระบบ ยทุ ธศาสตร์การสอนทเี่ กอรล์ ชั และอลี ชี เสนอมี 2 ระบบ คอื

4.1 แบบที่ครูเตรยี มเนื้อหาความร้มู าให้แก่ผเู้ รยี นเองทง้ั หมด โดยครูใชส้ ื่อตา่ ง ๆ เพ่ือ
การสอนหรอื ถา่ ยทอดความรู้ ยทุ ธศาสตร์การสอนแบบน้ีได้แก่ การสอนแบบบรรยาย อภปิ ราย ซ่งึ ทง้ั หมด
น้ีเรยี กว่ายทุ ธศาสตรแ์ บบ Expository Approach

4.2 ยทุ ธศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ ซ่งึ ครูจะมีบทบาทเป็นเพยี งผเู้ ตรยี มสงิ่ อำนวย
ความสะดวกตา่ ง ๆ เพ่ือการเรยี นและการจัดสถานการณ์เพื่อให้การเรียนรู้บรรลจุ ดุ มุง่ หมาย ยทุ ธศาสตร์
การสอนแบบน้ีเรียกว่า Inquiry หรอื Discovery Approach

5. การจดั แบ่งกล่มุ ผเู้ รียน เปน็ การจัดกลมุ่ ผ้เู รยี นเพื่อให้ไดเ้ รยี นรรู้ ว่ มกัน จุดมุ่งหมายของการ
สอนจะทำใหเ้ ราสามารถจัดกล่มุ ผเู้ รียนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดงั นัน้ ในการจัดแบง่ กลมุ่ ผ้เู รยี นตอ้ งพจิ ารณาจาก
จุดมงุ่ หมาย เน้ือหาและยุทธศาสตรก์ ารสอน ซ่งึ สามารถยดื หยนุ่ ได้ตามตัวแปรท่ีกลา่ วมาแลว้

6. กำหนดเวลาเรียน จากการกำหนดยทุ ธศาสตร์และวธิ กี ารสอนกับผเู้ รียนกลุ่มตา่ ง ๆ แลว้ ก็
จะต้องกำหนดเวลาเรยี น การกำหนดเวลาเรยี นจะขึ้นอยู่กับเนอ้ื หา จุดม่งุ หมาย สถานท่ี การบริการและ
ความสามารถตลอดจนความสนใจของผู้เรียน ดังนนั้ การกำหนดเวลาจึงขน้ึ อยู่กับผลการวเิ คราะห์
สภาพการณ์ดงั กลา่ ว

7. กำหนดขนาดหรือสถานทบี่ รรยาย ห้องเรยี นปกติโดยทว่ั ไปจะมผี ้เู รยี นประมาณ 30-40
คน ภายในห้องเรียนมีโต๊ะนกั ศึกษา โต๊ะครู กระดานดำและปา้ ยนิเทศ ซง่ึ นบั วา่ เหมาะสมกับการสอนแบบ
บรรยาย แต่อาจจะไมเ่ หมาะสมกบั การสอนทีใ่ ช้ยุทธศาสตร์แบบต่าง ๆ ดังน้ัน หอ้ งบรรยายจงึ ควรมหี ลาย
ขนาด

7.1 หอ้ งเรียนขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรจุผเู้ รียนได้ระหวา่ ง 60-300 คน
7.2 หอ้ งเรียนขนาดเล็ก สำหรับการเรยี นระบบกลมุ่ ย่อย
7.3 หอ้ งเรียนแบบเอกตั บคุ คลหรอื เรยี นแบบเสรี ซง่ึ ห้องเรยี นแบบนอี้ าจใช้ห้องศนู ย์ส่ือ
การสอนทีผ่ ูเ้ รยี นสามารถเขา้ ไปศึกษาค้นควา้ หรือศกึ ษาคน้ คว้าหรอื เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง ในหอ้ งเรยี นแบบน้ี
อาจจะมคี หู ารายบุคคลไว้ให้ผู้เรียนใชน้ ั่งเรียน
อยา่ งไรกต็ าม ปัจจุบันหอ้ งบรรยายจำเปน็ ตอ้ งมรี ะบบการตดิ ตงั้ อปุ กรณป์ ระกอบการใชส้ อ่ื การ
สอนมากขึน้ กวา่ แต่ก่อน กล่าวคือ เมอ่ื ก่อนจะมีเพียงกระดานดำ เครื่องฉายข้ามศรี ษะ โตะ๊ อาจารย์ เกา้ อี้
โต๊ะผู้เรยี น ก็สามารถทำการสอนได้ แต่ในปัจจบุ นั ข้อมลู การเรยี นการสอนเปน็ ไปในลกั ษณะทไ่ี ร้พรมแดน
มากข้นึ ผสู้ อนจงึ มีความจำเป็นต้องใช้สื่อชนดิ ตา่ ง ๆ ทเ่ี หมาะสมมากขน้ึ เชน่ กัน เช่น คอมพิวเตอร์ วดี ทิ ัศน์
เปน็ ต้น
ดงั นนั้ ห้องบรรยายจงึ ควรเป็นหอ้ งบรรยายทีส่ ามารถดดั แปลงหรอื เปลยี่ นแปลงได้ หมายถงึ การ
จดั โต๊ะ เก้าอี้ ทส่ี ามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่าง ๆ ได้ตามความเหมาะสมกบั บทเรียนและกจิ กรรมการ
เรยี นการสอนนน้ั ๆ สิง่ ทีผ่ ูส้ อนพึงพจิ ารณาก็คือ อุปสรรคของสิง่ แวดลอ้ มทม่ี ตี ่อการเรยี นของผเู้ รียน โดยมี
หลกั ดังน้ี
1. หลักการวางแผนการใชห้ ้องบรรยาย
• พจิ ารณาจากจำนวนผเู้ รียน
• พิจารณาจากจำนวนผู้สอน
• จะใช้สอ่ื อะไรบา้ งสำหรับการเรยี นการสอนในรายวชิ าที่จะบรรยาย
• พจิ ารณาจากสภาพห้องบรรยาย มีวสั ดอุ ปุ กรณ์อะไรบา้ ง
• หอ้ งเรียนสามารถทำให้มดื เพ่ือใชก้ บั เครื่องฉายประเภทตา่ ง ๆ ได้ทกุ เวลาหรอื ไม่ และ
หอ้ งเรยี นมีพ้ืนท่ีกวา้ งพอท่ีจะให้ผู้เรยี นแบ่งกลุ่มสำหรับใช้อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ไดห้ รอื ไม่
• เนอื้ หาและส่ือการสอนที่จะใช้ สามารถดดั แปลงไดห้ รือไม่ สอ่ื ต่าง ๆ หรืออปุ กรณ์
สำหรบั สอื่ สามารถเคลอ่ื นยา้ ยไดง้ ่ายหรือไม่ เช่น แผนทโี่ ลก ลกู โลก แผนภมู ิ เทปบนั ทึกเสียง เครื่องฉาย
วดิ ที ศั น์ เครื่องฉายทึบแสง ฯลฯ ผ้เู รียนสามารถใช้ในห้องเรียนไดเ้ ลย หรือต้องไปใชท้ ศ่ี ูนยโ์ สตทัศนูปกรณ์
ของมหาวิทยาลัย
2. หลกั การเตรียมห้องเรยี นสำหรับการฉาย
การเตรียมสถานทแี่ ละการเตรียมตัวผู้เรยี นก่อนการฉายน้นั เปน็ สิง่ จำเปน็ มาก ทงั้ นีเ้ พื่อให้การใช้เครอื่ งฉาย
ในการเรียนการสอนไดผ้ ลดี และผเู้ รยี นไดร้ บั ความรสู้ มความม่งุ หมาย ไชยศ เรอื งสวุ รรณได้ใหข้ ้อเสนอแนะ
สำหรับการเตรยี มหอ้ งเรียนท่ีมีผู้เรียนประมาณ 30-35 คน ดงั น้ี

• สำหรับการฉายทว่ั ไป การเตรียมจอฉายขนาดไม่เล็กกวา่ 70 x 70 นวิ้ มีการเลอื กฟลิ ม์
ภาพยนตร์ ฟิลม์ สไลด์ หรือฟิลม์ สตริป ตรงตามเนือ้ หาทีผ่ ู้สอนจะสอน

• จดั ที่นงั่ ผ้เู รยี นใหน้ ง่ั ห่างจากจอฉายอย่างเหมาะสม คอื แถวน่งั หน้าสุดไม่ควรใกล้จอ
เกนิ กวา่ 2 เทา่ ของความกวา้ งของจอ และน่ังหลงั สดุ ไม่ควรไกลไปกวา่ 6 เทา่ ของความกวา้ งของจอ

• จดั ทนี่ ง่ั ผูเ้ รยี นใหน้ ั่งหา่ งกนั พอสมควร และให้ทุกคนในห้องฉายสามารถมองเห็นภาพ
บนจออย่างชดั เจนทกุ คน กลางหอ้ งควรเวน้ ชอ่ งให้กว้างพอท่สี ่งแสงจากเคร่อื งฉายพ่งุ ไปยังจอได้โดยไม่มี
ผ้เู รยี นนงั่ กีดขวางอยู่

• ถา้ เปน็ ไปไดค้ วรใหแ้ สงสลัว ๆ เขา้ ไปในหอ้ งไดบ้ ้าง แตอ่ ย่ามากเกนิ ไป เพราะจะทำให้
ภาพบนจอไม่คมชัด

• ต้องจำไวเ้ สมอว่า จะต้องต้งั เครอ่ื งฉายโดยหันดา้ นหลงั ของเครื่องฉายไปทางประตูหรือ
หนา้ ตา่ งทมี่ แี สงสวา่ งเขา้ ได้ เพราะมีบ่อยครง้ั ทป่ี ระตูห้องถูกเปิดเพราะผเู้ รยี นเข้าออก แสงสว่างจาก
ภายนอกจะได้ไม่รบกวนสายตาผเู้ รียน หรือถา้ เป็นไปได้ ควรใชผ้ า้ มา่ นก้ันประตเู ขา้ ออกไวอ้ ีกชน้ั หนงึ่ กจ็ ะ
เป็นการดี

• เมอื่ ท่านต้องการใชเ้ ครื่องฉายเพื่อการศึกษาเป็นกลุ่มย่อย หรอื เป็นรายบคุ คล ควร
ปฏบิ ัติ ดงั นี้

o แบ่งกลุ่มผเู้ รียน แลว้ กำหนดเวลาเข้าหอ้ งฉายตามเวลาที่ผ้สู อนกำหนดของแต่ละ
กลมุ่ หรอื แตล่ ะบุคคล

o ควรทดลองใช้เครื่องฉายก่อนที่ผู้เรียนจะเข้าไปใช้
o ในกรณีท่ผี ู้เรยี นจะใชเ้ ครื่องฉายเอง ผสู้ อนควรพิจารณาว่า เครื่องฉายชนดิ นน้ั มี
ความยากในการใชส้ ำหรบั การทผ่ี ูเ้ รยี นใช้เองหรอื ไม่
8. การเลอื กทรัพยากรหรือสื่อการเรยี นการสอน ในขัน้ นีค้ รูจะเลอื กสอื่ ต่าง ๆ เพือ่ นำมาใช้ใน
การเรียนการสอนที่ใชย้ ทุ ธศาสตร์การสอน ขนาดกลมุ่ และสถานที่ในการสอนตา่ ง ๆ กันเพ่ือให้การสอน
บรรลจุ ดุ ม่งุ หมาย เช่น รปู ภาพ สไลด์ ภาพยนตร์ เครื่องเสียง หนังสอื และอืน่ ๆ
9. การประเมนิ ผลการเรยี น การเรยี นเป็นการปะทะสมั พนั ธ์ระหวา่ งครกู บั ผู้เรียน ผูเ้ รยี นกับ
ผ้เู รยี น หรอื ระหว่างผเู้ รียนกับสอื่ การเรยี นการสอน ดงั นั้น ผลการเรยี นจึงเป็นเรื่องสำคญั ในการเรยี น
10.การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ย้อนกลับ เป็นการตรวจสอบหาข้อบกพร่องเพื่อปรบั ปรงุ แก้ไข

หลักการใชส้ ื่อการสอน
1. เตรยี มตัวผ้สู อน เป็นการเตรยี มตวั ในการอ่าน ฟงั หรอื ดูเนื้อหาที่อยู่ในส่ือท่ีจะใช้ว่า มีเน้ือหา

ถกู ต้อง ครบถว้ นและตรงกับทต่ี ้องการหรือไม่ จะตอ้ งเพิ่มเติมในส่วนใด จะมวี ธิ ีการใชส้ ื่ออย่างไร เช่น การ
ใช้ภาพนิ่งเพ่ือเปน็ การนำเข้าสู่บทเรยี น แลว้ อธบิ ายเนอ้ื หาเกย่ี วกบั บทเรยี นน้นั จากนน้ั จึงใหช้ มวีดิทศั นเ์ พื่อ
เสรมิ สร้างความรู้ แลว้ สรุปความรอู้ ีกครงั้ ดว้ ยแผน่ ภาพโปร่งใส ซงึ่ ข้ันตอนเหลา่ นีผ้ ู้สอนตอ้ งเตรียมตวั โดย
เขยี นลงในแผนการสอนเพื่อการใชส้ ื่อได้อย่างถูกต้อง

2. เตรยี มจัดสภาพแวดลอ้ ม โดยการจัดเตรยี มวัสดุ เคร่อื งมือและอุปกรณท์ ่ีจำเป็นต้องใชใ้ ห้

พร้อม ตลอดจนจดั เตรียมสถานทหี่ อ้ งเรียนให้อยู่ในสภาพทเี่ หมาะสม ซง่ึ สิ่งเหลา่ น้ีจะเป็นส่ิงทชี่ ่วยให้การ

เรียนการสอนเป็นไปด้วยความสะดวก ราบรืน่ ไม่เสยี เวลา

3. เตรยี มพรอ้ มผเู้ รียน เปน็ การตัวผ้เู รยี น โดยมีการแนะนำหรอื ให้ความคิดรวบยอดเก่ียวกับ

เนือ้ หา เพื่อให้ผเู้ รยี นเตรยี มพร้อมในการฟงั ดูหรอื อ่านบทเรยี นจากส่อื นั้นใหเ้ ข้าใจและสามารถจบั ประเดน็

สำคญั ของเนอ้ื หาได้ และผ้สู อนควรบอกผูเ้ รียนลว่ งหนา้ วา่ หลังจากมกี ารเรียนหรือใชส้ อื่ แลว้ ผเู้ รียนจะต้องมี

กจิ กรรมอะไรบา้ ง เชน่ การทดสอบ การอภิปราย การแสดงหรือการปฏิบตั ิ เพอ่ื ผเู้ รียนจะได้เตรียมตัวได้

ถกู ต้อง

4. การใชส้ ื่อ ผู้สอนต้องใช้สื่อให้เหมาะสมกับขัน้ ตอนที่เตรียมไว้ เพอ่ื ให้ดำเนนิ การสอนไปไดอ้ ย่าง

ราบร่ืน และต้องควบคุมการนำเสนอสอื่ ให้ถกู ต้อง เช่น การปรับภาพบนจอรบั ภาพให้ชดั เจน การปรบั เสียง

ใหพ้ อเหมาะสำหรบั นักเรยี นในหอ้ งและไม่รบกวนห้องเรียนอื่น เปน็ ตน้

5. การติดตามผล ควรมีการติดตามผลโดยการใหผ้ เู้ รียนตอบคำถาม อภิปรายหรือเขยี นรายงาน

เพอื่ เปน็ การทดสอบว่าผูเ้ รียนเข้าใจบทเรยี นและเรยี นรจู้ ากสอ่ื ที่เสนอไปน้ันถูกต้องหรือไม่ เพอ่ื ผูส้ อนจะได้

สามารถทราบถึงจดุ บกพร่องและเพื่อการแก้ไขปรบั ปรุงการสอนของตนตอ่ ไป

A nalyze Learner Characteristics การวเิ คราะห์ลักษณะผเู้ รยี น

S tate Objectives การกำหนดวตั ถปุ ระสงค์

S elect , Modify or Design Materials การเลอื ก ดัดแปลงหรือออกแบบสอื่ ใหม่

U tilize Materials การใชส้ ื่อ

R equire Learner Response การกำหนดการตอบสนองของผเู้ รยี น

E valuation การประเมินการใชส้ ือ่

การวเิ คราะห์ลักษณะผู้เรยี น ( Analyze Learner Characteristics) เพือ่ เลือกส่อื ใหส้ ัมพันธก์ บั ลกั ษณะของ
ผูเ้ รยี น เช่น

• ลกั ษณะทัว่ ไป เช่น อายุ ระดับความรู้
สงั คม เศรษฐกิจและวฒั นธรรมของ
ผเู้ รียนแต่ละคน

• ลกั ษณะเฉพาะ เช่น
oทักษะท่ีมีมาก่อน(prerequitsite

skills)
o ทกั ษะเป้าหมาย ( targer skills)
o ทกั ษะในการเรยี น ( study skills) ทัศนคติ (
attitude)

การกำหนดวัตถุประสงค์ ( State Objective) เพ่ือ
o สะดวกในการเลอื กส่ือและวิธีการทถ่ี ูกตอ้ งตลอดจนการจัดลำดบั กิจกรรมการเรยี นและ
สร้างส่งิ แวดลอ้ ม หรือประสบการณก์ ารเรียนรู้
o การประเมนิ ผู้เรยี นได้อย่างถูกตอ้ ง

ชว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นทราบถึงผลแหง่ การเรียนรูแ้ ละผลแห่งการกระทำหลงั จากเสร็จสิ้นบทเรียนแล้ว
ซ่ึงการกำหนดวัตถปุ ระสงค์ ควรประกอบด้วย

1. การกระทำ ( performance) เปน็ สิง่ ทคี่ าดหวังว่าผู้เรยี นจะสามารถกระทำได้ภายหลังจบ
บทเรียนแลว้

2. เงือ่ นไข ( conditions) เป็นขอ้ จำกดั หรอื เงื่อนไขทต่ี ้ังข้นึ โดยรวมอย่ภู ายใต้การกระทำ
3. เกณฑ์ (criteria) เพอ่ื การตัดสนิ การกระทำนัน้ ว่าเป็นไปตามทก่ี ำหนดไวห้ รือไม่
การกำหนดวตั ถปุ ระสงค์เปน็ " วัตถปุ ระสงค์เชิงพฤติกรรม" แบง่ ออกเป็น
1. พุทธิพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ทต่ี ัง้ ไวเ้ พ่ือวัดการเรยี นรขู้ องผู้เรียนเกยี่ วกับความรู้ ความเข้าใจ
สตปิ ัญญา และการพัฒนา
2. จิตตพิสยั เปน็ วตั ถุประสงค์ทางด้านความคิด ทัศนคติ ความรู้สกึ ค่านิยมและการเสรมิ สร้าง
ทางปัญญา
3. ทักษะพสิ ยั เป็นวัตถุประสงคท์ เี่ ก่ียวกบั การกระทำ การแสดงออกหรือการปฏิบัติ
การเลอื ก ดัดแปลงหรือออกแบบสือ่ (Select , Modify or Design Materials)

เลือกจากส่ือที่มอี ยู่แล้ว
ดดั แปลงสอื่ ท่ีมอี ยู่แลว้

การออกแบบสอื่ ใหม่

การใชส้ ่ือ (Ulilize Materials)
o ดหู รอื อ่านเน้ือหา
ในสือ่ เหล่าน้ันก่อน
เปน็ การเตรยี มตัว
o จัดเตรียมสถานที่
o เตรยี มตัวผู้เรยี น
o ควบคุมชน้ั เรียน

o การกำหนดการตอบสนองของผูเ้ รยี น (Require Learner Response)
o การตอบสนองโดยเปิดเผย (overt response) โดยการพูดหรอื เขยี น
o การตอบสนองภายในตัวผเู้ รยี น (covert response) โดยการท่องจำหรือ
คิดในใจ

เมอ่ื มีการตอบสนองแลว้ ผ้สู อนควรใหก้ ารเสรมิ แรงทนั ที เพือ่ ให้ผเู้ รียนทราบวา่ ตนมคี วามเข้าใจ
และเกิดการเรยี นรู้ที่ถกู ต้องหรือไม่

o การประเมนิ (Evaluation)
o การประเมินกระบวนการสอน ซงึ่ สามารถกระทำได้ทั้งในระยะก่อน
ระหว่างและหลงั การสอน
o การประเมนิ ความสำเรจ็ ของผู้เรียน ซง่ึ ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์และเกณฑ์
ที่ตัง้ ไว้

การประเมินสื่อและวธิ กี ารสอน โดยให้ผูเ้ รยี นมกี ารอภิปราย และวิจารณก์ ารใชส้ ่อื และเทคนิคการ
สอนวา่ มีความเหมาะสมมากนอ้ ยเพยี งใด

ข้ันตอนการใช้ส่ือการสอน

1. ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน เพ่อื กระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจในเน้อื หาทกี่ ำลังจะเรยี น ส่อื ที่ใชใ้ น
ข้ันนีจ้ งึ เปน็ ส่อื ที่แสดงเนื้อหากวา้ ง ๆ หรือเนอื้ หาทเี่ กีย่ วข้องกับการเรยี นในคร้ังก่อน ยังมิใชส่ อื่ ทเี่ น้นเน้อื หา
เจาะลกึ อยา่ งแทจ้ รงิ อาจเป็นสอื่ ท่ีเปน็ แนวปญั หาหรือเพื่อผู้เรยี นคิด และควรเป็นสื่อทีง่ ่ายต่อการนำเสนอ
ในระยะเวลาอันสั้น

2. ขั้นดำเนินการสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียน เป็นขัน้ สำคัญในการเรยี น เพราะเปน็ ขั้นท่ี
จะให้ความรเู้ น้ือหาอยา่ งละเอียดเพ่ือสนองวตั ถปุ ระสงค์ท่ีวางไว้ ผสู้ อนตอ้ งเลือกสื่อใหต้ รงกับเนือ้ หาและ
วธิ กี ารสอนหรืออาจจะใช้ส่อื หลายแบบกไ็ ด้ ต้องมกี ารจัดลำดับข้ันตอนการใชส้ อื่ ให้เหมาะสมและ
สอดคล้องกับกิจกรรมการเรยี น การใชส้ อื่ ในขัน้ นี้จะต้องเป็นสอ่ื ท่ีเสนอความรู้อยา่ งละเอียด ถูกต้องและ
ชัดเจนแกผ่ เู้ รยี น

3. ขนั้ วิเคราะห์และฝกึ ปฏิบัติ เปน็ การเพิ่มพนู ประสบการณ์ตรงแกผ่ ู้เรยี นเพื่อให้ผูเ้ รยี นได้
ทดลองนำความรู้ดา้ นทฤษฎี หรอื หลักการทเี่ รียนมาแล้วไปใช้แกป้ ญั หาในขน้ั ฝกึ หดั โดยการลงมือฝึก
ปฏบิ ตั เิ อง สอื่ ในขนั้ นีจ้ งึ เป็นส่ือท่เี ปน็ ประเด็นปัญหาใหผ้ เู้ รยี นได้ขบคิด โดยผูเ้ รยี นเปน็ ผใู้ ชส้ ื่อเองมากท่สี ดุ

4. ขน้ั สรปุ บทเรยี น เป็นขั้นของการเรียนการสอน เพ่ือการย้ำเนือ้ หาบทเรียนใหผ้ ้เู รยี นมีความ
เข้าใจที่ถูกต้องและตรงตามวัตถปุ ระสงคท์ ีต่ ง้ั ไวด้ ้วย ขนั้ สรปุ นค้ี วรใช้เพยี งระยะส้นั ๆ เช่นเดียวกบั ขั้น
นำเข้าสูบ่ ทเรียน สอื่ ใช้สรปุ นี้จึงควรครอบคลุมเนอ้ื หาสำคัญทัง้ หมดโดยย่อและใชเ้ วลาน้อย

5. ขน้ั ประเมินผู้เรยี น เปน็ การทดสอบวา่ ผูเ้ รยี นสามารถเรยี นรหู้ รือเข้าใจในส่ิงทเ่ี รยี นไปถูกตอ้ ง
มากน้อยเพยี งได และบรรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์เชงิ พฤตกิ รรมท่ีต้ังไว้หรอื ไม่ สอื่ ในขัน้ การประเมนิ นมี้ ักจะเป็น
คำถามจากเน้ือหาบทเรยี นโดยจะมภี าพประกอบดว้ ยก็ได้ หรอื อาจนำสื่อที่ใชใ้ นข้นั กจิ กรรมการเรยี นมา
ถามอีกคร้ัง และอาจเปน็ การทดสอบโดยการปฏิบัตจิ ากส่ือหรือการกระทำของผู้เรยี น เพื่อทดสอบดวู า่
ผู้เรยี นสามารถมที ักษะจากการฝึกปฏิบตั อิ ย่างถกู ต้องครบถ้วนหรอื ไม่

การประเมินการใชส้ ่อื การสอน
1.การประเมนิ การวางแผนการใชส้ ือ่ เพอ่ื ดูวา่ ส่ิงต่าง ๆ ท่วี างไว้สามารถดำเนินไปตามแผนหรอื ไม่

หรือเปน็ ไปเพยี งตามหลักทฤษฎแี ต่ไม่สามารถปฏบิ ัติจรงิ ได้ จงึ ตอ้ งเก็บรวบรวมขอ้ มลู ไวเ้ พื่อแก้ไขปรับปรงุ
ในการวางแผนในการวางแผนครั้งต่อไป

2. ประเมินกระบวนการการใช้ส่อื เพ่อื ดูว่าการใชส้ ื่อในแตล่ ะขั้นตอนประสบปัญหาหรืออุปสรรค
อย่างไรบ้าง มสี าเหตมุ าจากอะไร และมกี ารเตรยี มการปอ้ งกันไว้หรือไม่

3. ประเมินผลทไ่ี ด้จากการใช้ส่ือ เปน็ ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ผ้เู รยี นโดยตรงวา่ เม่อื เรียนแลว้ ผเู้ รยี น
สามารถบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรมที่ตงั้ ไว้หรือไม่ และผลท่ไี ดน้ นั้ เปน็ ไปตามเกณฑ์หรือต่ำกว่า
เกณฑ์

ชนิดของสื่อการสอน
สอ่ื ที่ใชช้ ว่ ยในการสอนมหี ลายชนดิ ซงึ่ อาจกล่าวได้ว่า ส่งิ ใดก็ตามทเ่ี ป็นเครื่องช่วยใหเ้ ดก็ วยั นมี้ ี

พฒั นาการดังกลา่ ว นบั วา่ เป็นสื่อได้ทั้งสิน้ ไดแ้ ก่
1. ครู ครูเปน็ สือ่ นับได้ว่าความสำคัญ เพราะเปน็ ผกู้ ่อใหเ้ กดิ ความเคล่ือนไหวตา่ ง ๆ ในการ

เรยี นรู้ และเปน็ สือ่ ทจ่ี ะนำสื่ออื่นให้เกดิ ประสิทธิภาพในการเรียนการสอน หากปราศจากครู การเรียนการ
สอนกจ็ ะไม่มีผลแกเ่ ด็กในวยั นี้อยา่ งแน่นอน

2. สิ่งแวดลอ้ มตามธรรมชาติ สื่อชนดิ นี้ครูหรอื ผู้ใช้ไมจ่ ำเป็นตอ้ งจัดหาหรือทำขึ้น เพราะมีอยู่
แลว้ ตามธรรมชาติ เพียงแตผ่ ้ใู ช้จะต้องเลือกให้ถกู ตามความมุง่ หมาย เช่น การสอนเรื่องวงจรชวี ิตกบ ก็ควร
เลือกฤดูกาลท่ีเหมาะสม คือฤดูฝน เพ่ือจะได้นำสง่ิ ท่ีเปน็ ไปตามธรรมชาตมิ าศึกษาได้ แทนทจ่ี ะใชว้ ิธีวาด
ภาพ ไข่กบ ลกู อ๊อด และลูกกบ ประกอบคำอธิบาย เปน็ ต้น

3. สอ่ื ทีต่ ้องจดั ทำข้นึ ส่ือชนิดนี้มีมากมายหลายชนดิ สดุ แต่ผู้ท่สี นใจจะจัดซ้ือ จดั หาหรือจัดทำ
ขนึ้ ไดแ้ ก่ ของจริง ของจำลอง ภาพถ่าย ภาพวาด บตั รคำ เกม กจิ กรรม เครื่องฉายภาพนง่ิ เคร่ืองฉาย
ภาพยนตร์ เป็นตน้

ส่ือดงั กล่าวอาจแบง่ ออกตามลักษณะของการใชไ้ ด้ 3 ประเภท คือ
1. สือ่ การสอนประเภทวัสดุ เช่น สี กระดาน ชอลค์ ภาพ เปลือกหอย หนงั สือพิมพ์ เป็นตน้
2. ส่ือการสอนประเภทอุปกรณ์ คือสิ่งท่ีเปน็ เครื่องมือ วิทยุ เครื่องฉายภาพวีดโี อ กระดานดำ

ปา้ ยนเิ ทศ เปน็ ต้น
3. ส่ือการสอนประเภทวิธกี าร กระบวนการจดั กจิ กรรม ได้แก่ การสาธติ การทดลอง เล่นเกม

เลน่ บทบาทสมมุติ จัดสถานการณ์จำลอง เช่น การจัดมุมต่าง ๆ ในหอ้ งเรียน
ในชน้ั เดก็ เล็ก ไม่ได้สอนเปน็ รายวชิ า เป็นการเตรียมความพรอ้ มโดยนำเอาวชิ าต่าง ๆ มาบูรณา

การเป็นหน่วย และสอดแทรกวิธสี อนแบบเรยี นปนเลน่ ดว้ ยกจิ กรรมต่าง ๆ ดงั กลา่ วมาจากบทก่อน ๆ แล้ว
หากลองจัดสื่อการสอนโดยยดึ ตามชือ่ หมวดวิชา จะมีรายละเอียดดังนี้

1. หมวดภาษา วสั ดุและอุปกรณ์สำหรับภาษาไทยมจี ดุ ม่งุ หมายให้เดก็ คนุ้ เคยกับเสน้ ประเภท
ตา่ ง ๆ ทจี่ ะประกอบเป็นตวั อักษร ซ่งึ มีผวู้ ิจัยไวแ้ ลว้ ว่า เสน้ ตา่ ง ๆ ท่ีจะประกอบเป็นตัวอักษรซึ่งมผี วู้ ิจัยไว้
แล้ววา่ เสน้ ต่าง ๆ ทปี่ ระกอบเป็นอกั ษรไทยมี 13 ชนิด จับคู่กับภาพต่าง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง การฝกึ การสนทนา
เล่านทิ าน แสดงละคร และกิจกรรมทางภาษาอนื่ ๆ ทจี่ ะเสรมิ ใหเ้ ด็กสามารถใช้ภาษาให้ถูกต้องตาม
วฒั นธรรม

วัสดุในหมวดภาษา ไดแ้ ก่ แบบเรียน บัตรคำ ภาพ แผนภูมิ ตรายาง อักษรตรายาง ภาพคำนาม
แท่งอักษร ตวั อกั ษรฉลุไม้ ตวั อกั ษรพลาสตกิ ภาพชดุ ประกอบนทิ าน หนุ่ จำลอง หนุ่ กระบอก สเี ทียน ชุด
สนทนา ฯลฯ

2. หมวดสังคมศึกษา เป็นวัสดุอุปกรณ์ทีม่ งุ่ ฝึกฝนการอย่รู ่วมกันในชุมชน ฝึกให้เปน็ สมาชิกท่ีดี
รู้จกั บทบาทของตน ร่วมเลน่ แบ่งปนั สง่ิ ของกับคนอน่ื รู้จักหนา้ ทีต่ ามวัยของตน ฝึกการเสยี สละ ฯลฯ

วสั ดอุ ปุ กรณส์ ำหรบั หมวดสงั คมศึกษา ได้แก่ ภาพชดุ แผนภมู ิ ของจรงิ (เช่น ธงชาติ ภาพชดุ
นทิ าน หุ่นกระบอก เคร่อื งแต่งกาย นิทาน ชุดครัว มีถ้วย ชาม หม้อ เตา) ฯลฯ บา้ นตุ๊กตา (บา้ นหุน่ คนและ
สตั ว์ขนาดเล็ก) กะบะทราย ฯลฯ

3. หมวดวทิ ยาศาสตร์ (ธรรมชาติศึกษา) เปน็ วสั ดอุ ุปกรณท์ ช่ี ว่ ยฝกึ ใหเ้ รียนรู้ธรรมชาติ
ส่ิงแวดล้อม ท้ังคน พืช สตั ว์ และปรากฎการณ์ตามธรรมชาตอิ ย่างง่าย ๆ ประกอบด้วยรูปภาพ แผนภูมิ ของ
จริง (สตั ว์ พืช สิ่งของ) ตู้สัตว์ กรงเลี้ยงสตั ว์ ตูส้ ะสมแมลง กะบะเพาะพชื กะบะทราย อา่ งน้ำ เครื่องเล่น
ทราย เลนส์แวน่ ขยาย ชุดแบตเตอรอ่ี ย่างงา่ ย ๆ ชุดแมเ่ หล็ก ฯลฯ

4. คณติ ศาสตร์ เปน็ วัสดอุ ุปกรณฝ์ ึกมโนทัศน์ทางการนับคำนวณประกอบดว้ ยบัตรตัวเลข
ภาพชดุ เกย่ี วกบั ตัวเลขของจริง ลูกคดิ ลูกปดั กระดานปักหมุน บนั ไดเลข แท่งไมค้ ณิตศาสตร์ แห่งไม้
เรขาคณิต เคร่ืองชัง่ น้ำหนกั เครอื่ งตวง ฯลฯ

5. หมวดขบั ร้องและดนตรี เป็นวสั ดอุ ปุ กรณส์ ำหรับฝึกการขบั รอ้ ง และดนตรีเพอ่ื สร้างความ
ชน่ื ชอบศิลปดนตรี และฝึกโสตประสาทต่อเสียงดนตรตี า่ ง ๆ ประกอบด้วย เครื่องเล่นแผน่ เสยี ง เครื่อง
บันทกึ เสยี ง ออร์แกน เปียโน กลอง ฉิง่ ฉาบ ระฆงั เหลก็ สามเหลย่ี ม กรบั พวง กรับกรงุ๊ กริง๊ ลูกซัด เกราะ
กำไลลกู พรวน ระนาด ใช้อุปกรณ์ที่ครูทำขนึ้ เองจากวสั ดเุ หลือใช้หรอื ผกั พืชต่าง ๆ กไ็ ด้ เชน่ ฝกั ราชพฤกษ์
ไม้เคาะจงั หวะ หรืออุปกรณ์จากกระป๋องแป้ง ฯลฯ

6. หมวดศลิ ปศกึ ษา เป็นวสั ดุอุปกรณท์ ีฝ่ กึ ความชื่นชมทางศิลปกรรม และทกั ษะทางการใช้
มอื ประกอบดว้ ยกระดาษ ขาหยง่ั เขียนภาพ ดนิ สอสีตา่ ง ๆ ดินน้ำมนั ดินเหนยี ว เขียง ลกู กลง้ิ คลึงน้ำมัน
กระดาษสี (งานพับ ตัดปะ) กรรไกรปลายทู่ เศษวัสดุ ชุดงานไม้ (ค้อน เล่อื ย ไขควง ทำจากพลาสติก) ฯลฯ

7. หมวดพลานามยั สว่ นมากเป็นเคร่ืองสนามที่จะพัฒนาการทางกาย แขน ขา กลา้ มเน้ือ
ฯลฯ ประกอบดว้ ย รถจกั รยาน รถเขน็ รถลากม้าโยก เรอื โยก ลูกบอล ห่วงยาง ลกู ชว่ ง ชงิ ช้า มา้ ลอด มา้
หมนุ กระดานอืน่ ฯลฯ

หากจะกลา่ วถึงการเลือกส่ือเพอื่ ส่งเสรมิ พัฒนาการดา้ นตา่ ง ๆ แล้ว เราอาจเลือกสื่อเพื่อการ
สง่ เสรมิ พัฒนาการแต่ละดา้ นดังน้ี

1. สื่อเพ่ือพฒั นาสติปญั ญาและความคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ อาจแบง่ ไดด้ งั น้ี
1.1 สื่อเพ่ือฝกึ การรับรู้
1.1.1 ส่อื ฝึกการรับรู้เกย่ี วกบั ขนาด ได้แก่ การจัดหาวัสดสุ ิ่งของ กล่อง บล็อก วางให้เด็ก

จับตอ้ ง วางซ้อนกนั นำของสองส่ิง สามส่งิ มาเปรียบเทยี บขนาด เล็กใหญ่ เล็กท่ีสุด ใหญ่ทสี่ ดุ
1.1.2 ส่อื ฝึกการรับรู้เกี่ยวกบั รูปรา่ ง ครใู ห้เด็กเลน่ ภาพตดั ตอ่ ลองวางชิ้นสว่ นใหพ้ อดีกับ

ชอ่ ง เช่น ชอ่ งวงกลม เด็กตอ้ งหยบิ รูปวงกลมวางลงในช่องสเ่ี หลย่ี ม เดก็ ต้องหยบิ รปู สเ่ี หลย่ี มวางไดถ้ ูกต้อง
นอกจากนีใ้ หเ้ ด็กแยกรูปรา่ ง ส่เี หลี่ยม สามเหลีย่ ม วงรี ได้

1.1.3 ส่อื ฝึกการรบั รูเ้ ก่ยี วกับเร่ืองสี แนะนำใหเ้ ด็กรู้จกั สี เล่นสิ่งของเคร่อื งใช้ บล็อก
แผ่นกระดาษรปู ทรงเรขาคณิตที่มีสีต่าง ๆ โดยเฉพาะเดก็ ชอบสสี ดใส ใหเ้ ดก็ แยกสิ่งของ วตั ถุ รปู ภาพ ทมี่ ีสี
เหมอื นกนั

1.1.4 สื่อฝึกการรบั ร้เู กย่ี วกบั เนอ้ื ผวิ ของวตั ถุ ให้เดก็ ไดส้ ำรวจสง่ิ ของใกล้ตัว ได้รบั ได้สมั ผัส
สง่ิ ของทมี่ คี วามอ่อน น่มุ แข็ง หยาบ และบอกไดว้ า่ ของแตล่ ะชนิ้ มลี กั ษณะอยา่ งไร เชน่ กระดาษทราบ
หยาบ สำลีนุ่ม ก้อนหินแข็ง ฯลฯ

1.2 ส่อื เพ่ือฝึกความคิดรวบยอด อาจใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ และวธิ ีการจดั สง่ิ แวดล้อม เชน่ เรียนรู้
เก่ยี วกับชีวิตของสตั ว์ ครคู วรจดั สวนสตั วจ์ ำลอง เล่านทิ าน เชิดหนุ่ เกย่ี วกับสัตว์ สนทนาซักถามเกย่ี วกบั สัตว์
ท่เี ด็กรจู้ กั เปรียบเทยี บลักษณะของสัตวแ์ ต่ละชนิด วาด ปนั้ ฉีก แปะ รูปรา่ งสัตว์

การจัดกิจกรรมความคิดรวบยอดเกีย่ วกับอาชีพ เกี่ยวกบั สิ่งของ เครือ่ งใช้และบุคคลในสงั คม ครู
ควรใชส้ ่ือสถานการณจำลอง เสริมให้เดก็ เข้าใจได้ถกู ต้องรวดเร็วขน้ึ

การรจู้ กั ตวั เลขมีความคดิ รวบยอดทางคณิตศาสตร์ ดว้ ยการใช้วธิ ีการให้เดก็ คน้ พบด้วยตนเอง จัด
วสั ดอุ ุปกรณ์ เชน่ กระดุมสีต่าง ๆ ฝาเบียร์ ดอกไม้ ใบไม้ ขวด บล็อก ให้เดก็ จับต้อง นบั สอนใหเ้ ขา้ ใจเลขค่ี
เลขคู่

2. ส่ือเพื่อพฒั นาทางด้านภาษา
การใช้สอ่ื พัฒนาการทางภาษาจะต้องคำนึงถึงพัฒนาการที่สำคญั ของเด็กเล็กและต้องศกึ ษา

วา่ การรบั ฟังและการเขา้ ใจภาษาของเดก็ วา่ อยู่ระดบั ทส่ี ามารถฟังและแยกเสียงต่าง ๆ ได้ เชน่ เสียงสตั ว์
เสียงดนตรบี างชนดิ ฟังประโยคและข้อความสัน้ และยาวพอสมควร เข้าใจคำจำกัดความ เข้าใจหนา้ ที่ของ
สิง่ ตา่ ง ๆ แยกภาพตามหน้าที่ได้ เช่น ส่งิ ทใ่ี ช้กนิ นอน หรอื สงิ่ ที่อยใู่ นบา้ น ในครัว เปรยี บเทียบภาพเหมือน
ไมเ่ หมือนได้ อ่านรปู ภาพ จำช่ือตัวเองและเพ่ือนได้ เป็นต้น ดังน้นั ครูเด็กเล็กจะต้องใชส้ ื่อประเภทวธิ ีการ สอื่
ประเภทวสั ดอุ ปุ กรณ์มาจัดกิจกรรมเสริมความพร้อมทางด้านภาษาให้เด็กได้พฒั นาตามเกณฑด์ งั กลา่ ว
ขา้ งต้น สอ่ื ที่ครูควรจัดเพ่ือเสรมิ พัฒนาการทางภาษา ได้แก่ หนงั สอื ภาพ แผน่ ภาพ ภาพประกอบคำคล้อง
จอง หุน่ มือ หนุ่ นว้ิ มือ หุน่ เชดิ หุ่นถงุ กระดาษ เกมเลียนเสียงสัตว์ เกมสัมพันธภ์ าพกับคำ เกมเรียนรู้ดา้ นการ
ฟัง เกมทายเร่ือง เกมจบั คู่ภาพเหมือนและแยกภาพตา่ ง ๆ การเลน่ นวิ้ มือประกอบคำร้องหรือเรื่องราว
วิธกี ารเลน่ บทบาทสมมตุ ิ มุมบล็อคตา่ ง ๆ ให้เลน่ เป็นกลมุ่ ในมุมบ้าน เทป วิทยุ เคร่ืองเสียง

3. ส่ือเพื่อพฒั นาความพร้อมกล้ามเนือ้ เล็กใหญ่ และประสาทสัมพนั ธ์ ครูจะต้องศึกษาพัฒนา
เกย่ี วกับการทรงตัว ความม่ันคงของการใชก้ ล้ามเนื้อตามวัย เพื่อจะเลือกใชส้ ่อื ไดเ้ หมาะ สอื่ ประเภทวสั ดุ
อุปกรณ์และวธิ กี ารท่ีครูสามารถเลอื กใช้ไดม้ ดี ังนี้

ลูกบอล ดนตรี กลอง ฉ่ิง ฉาบ กรับ ตีขณะทีใ่ หเ้ ด็กยนื ทรงตัว เพ่อื ให้เกิดความว่องไวในการบังคับ
กล้ามเนอื้

ลกู บอล ตุ๊กตาผา้ ลกู ตุ้มทำด้วยฟางข้าว หรือผ้าสำหรับแข่งขวา้ งไกล ๆ
รองเทา้ เชือกผูกรองเท้า กระดุม ซิป สำหรบั ฝกึ การบังคบั กล้ามเนื้อมือและฝกึ สายตา
แผ่นภาพ รปู ภาพ สงิ่ ของ นำมาแขวนจดั เรยี งกันใหเ้ ดก็ มองกรอกสายตาตามภาพหรอื ของท่วี าง
ไว้
ขดี เสน้ ใตเ้ ติมตามเส้นคดเคยี้ ว แผ่นภาพขดี เปน็ ชอ่ งสำหรบั ใชน้ ้ิวลากตามเส้นทางทค่ี รูกำหนด
ดนิ เหนียวให้เดก็ ใชป้ ้นั เป็นรปู ตา่ ง ๆ อุปกรณ์วาดภาพ สีไม้ สีเทยี น สดี ินสอ สีจากพชื

ฉีกกระดาษปะเปน็ รปู ต่าง ๆ ขยำกระดาษหนังสือพิมพ์ ร้อยดอกไม้ เลน่ ตัดเมล็ดพชื เป่าสดี ว้ ย
หลอดกาแฟ ต่อภาพแบบโยนโบว์ล่ิง ตวงทราย กรอกนำ้ ใสข่ วด เรียงลกู คิดลงหลกั วางแผ่นรูปทรงลงใน
ชอ่ งทก่ี ำหนด เดินกระดานแผ่นเดยี ว เล่นภาพตัดต่อ เลน่ เครื่องเล่นสนาม ยิงปนื กา้ นกล้วย รอ้ ยเชอื กรอบ
แผ่นภาพ ฝกึ ประสาทสัมพันธ์ เลน่ เกมจำแนกหมวดหมู่

สอ่ื ดงั กล่าวนม้ี ักจะถกู เลือกมาใช้ตามความเหมาะสม ซง่ึ อาจมีการใช้ครงั้ ละชนดิ หรือใช้พร้อมกัน
เกินกว่าหนึ่งชนดิ หรอื ใช้ตามลำดับกอ่ นหลงั กไ็ ด้

การผลติ สอื่ การสอน
1. สำรวจความต้องการ การผลติ ส่อื เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างแท้จรงิ จะต้องสำรวจความ

ตอ้ งการของผใู้ ช้ ความต้องการของผู้ใชอ้ าจจะได้มาจากการแสดงความต้องการของผใู้ ชโ้ ดยตรง หรือจาก
การเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสำรวจ

2. กำหนดเป้าหมายการผลติ เมือ่ ทราบความต้องการของผู้ใช้แล้ว ก็จะนำเอาความต้องการมา
ประเมนิ จดั ลำดับความสำคัญ แลว้ กำหนดเปา้ หมายการผลิต

3. วเิ คราะหก์ ลมุ่ เปา้ หมาย กลมุ่ เปา้ หมายยอ่ มมีความแตกต่างกนั ในด้านคุณลักษณะบาง
ประการ ผผู้ ลิตจะต้องศึกษาแนวโน้มความแตกต่างของกลุม่ ในดา้ นตา่ ง ๆ

4. กำหนดจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม การกำหนดจดุ มุ่งหมายการผลติ สือ่ ควรกำหนดเป็น
จดุ มุ่งหมายเชงิ พฤติกรรมเพื่อใหส้ ามารถตรวจสอบผลได้

5. วเิ คราะห์และจัดทำเน้อื หา โดยนำเนื้อหาท่ีจะผลิตสื่อมาวเิ คราะห์หาความเหมาะสมในการ
จดั รปู แบบการนำเสนอและจัดลำดับเร่อื งราว

6. เลอื กประเภทสื่อทีจ่ ะผลติ เนอ้ื หาหนง่ึ ๆ อาจผลิตส่ือได้หลายประเภท ในการตัดสินใจว่าจะ
ผลติ เปน็ สอ่ื ประเภทใดน้นั จะตอ้ งนำมาพิจารณาหาความเหมาะสมอย่างรอบคอบ โดยพิจารณา
องคป์ ระกอบเก่ียวกับจดุ มุง่ หมายของการผลติ ลักษณะของเน้อื หา ขดี ความสามารถในการผลิตของ
หนว่ ยงานผลิตหรือผ้ผู ลติ เปน็ ตน้

7. ผลิตสื่อ กระบวนการผลิตสอื่ จะต้องแตกต่างกนั ไปตามประเภทของส่อื เช่น ส่ือประเภท
เรือ่ งราวต่อเนื่อง กจ็ ะต้องจัดทำบตั รเร่ือง เขยี นบท ถา่ ยทำ บนั ทกึ เสยี ง ถ้าเปน็ ส่ือประเภทวัสดุสามติ ิ ก็
ต้องเขยี นโครงรา่ งการออกแบบ ทำพิมพเ์ ขยี วก่อน เป็นตน้

8. ทดลองเบอื้ งต้น เปน็ การทดลองเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่องเบ้ืองตน้ เชน่ ภาษา ขนาด สดั ส่วน
และคณุ ภาพทางเทคนิคอน่ื ๆ เป็นต้น อาจทำเปน็ ข้นั ตอนย่อย ๆ เปน็ ต้นวา่ ทดลอง 1 คน 3 คน 6 คน

9. ทดลองภาคสนาม เปน็ การนำส่ือไปทดลองกบั กลุ่มผเู้ รยี นจริง แลว้ เก็บรวบรวมข้อมลู
ประสิทธภิ าพของสอื่ น้นั ๆ เพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ดี ก่อนการนำออกไปใช้จริง
10. การนำไปใชแ้ ละปรับปรุง การนำสอื่ ที่ผ่านการทดลองภาคสนามแล้วไปใช้อาจจะยังมีขอ้ บกพร่องอยู่
บ้าง เมื่อนำไปใชใ้ นสถานการณ์ที่แตกต่างกนั จึงควรแก้ไขปรบั ปรงุ เป็นระยะ

ระบบการใช้สื่อการสอน

การใช้ส่อื การสอนนัน้ ผสู้ อนควรจะไดม้ ีการวางแผนอย่างเปน็ ระบบในการใชเ้ พือ่ ให้บรรลถุ งึ
วัตถุประสงค์การเรียนรูต้ ามจุดประสงค์ทีว่ างไว้ ข้ันตอนดังนี้

การวเิ คราะห์ผ้เู รยี น
เปน็ การวเิ คราะห์ลักษณะผเู้ รียนเพือ่ ทผ่ี สู้ อนจะไดท้ ราบว่า ผ้เู รียนมคี วามพร้อมในการเรียนมาก

น้อยเพียงใดท้ังน้ีเพราะการท่ีจะใช้ส่ือให้ไดผ้ ลดี ยอ่ มจะต้องเลือกสื่อให้มีความสมั พนั ธ์กับลักษณะผู้เรียน
ดงั น้นั ผ้สู อนจะต้องคำนงึ ถงึ ลักษณะทวั่ ไปและลกั ษณะเฉพาะของผู้เรียน เชน่ การกำหนดลักษณะทว่ั ไป ซ่ึง
ไดแ้ ก่ อายุ ระดับความรู้ สงั คม เศรษฐกจิ และวัฒนธรรมของผเู้ รยี นแตล่ ะคน ถึงแม้วา่ ลักษณะทั่วไปของ
ผู้เรยี นจะไม่มคี วามเกีย่ วขอ้ งกับเนือ้ หาบทเรียนกต็ ามแต่กเ็ ป็น สงิ่ ทชี่ ่วยใหผ้ ้สู อนสามารถตัดสินระดับของ
บทเรยี นและเพ่ือเลือกตัวอย่างของเนื้อหาใหเ้ หมาะสมกับผเู้ รยี นได้ สว่ นลกั ษณะเฉพาะของผ้เู รยี นแต่ละคน
นัน้ นับว่ามีสว่ นสำคัญโดยตรงกบั เนอ้ื หาบทเรยี นตลอดจนส่อื การสอนและวธิ กี ารท่ีจะนำมาใช้ในการสอน
สงิ่ ทีต่ ้องนำมาใชใ้ นการวเิ คราะห์ ประกอบด้วย

1. ทักษะทมี่ มี าก่อน (prerequisite skill) เพ่ือใหท้ ราบว่าผู้เรยี นมีความรู้พ้ืนฐาน หรือทักษะท่ี
เก่ียวขอ้ งกบั บทเรียนน้ันวา่ มีอะไรบ้าง กอ่ นท่จี ะเรยี น

2. ทกั ษะเปา้ หมาย (target skill) ผู้เรยี นมคี วามชำนาญในทกั ษะทจี่ ะสอนน้ันมาก่อนหรือไม่
เพื่อจะไดส้ อนใหต้ รงกบั ทวี่ างจุดมุ่งหมายไว้

3. ทกั ษะในการเรียน (study skill) ผ้เู รียนมคี วามสามารถขั้นตน้ ทางดา้ นภาษา การอ่านเขียน
การคำนวณ ฯลฯ ซึ่งเป็นสง่ิ จำเปน็ ที่จะชว่ ยในการเรียนรนู้ ั้นในระดบั มากน้อยเพียงไร

4. เจตคติ (attitudes) ผูเ้ รยี นมเี จตคติอยา่ งไรต่อวิชาทจ่ี ะเรียนนัน้ การวิเคราะห์ลักษณะผเู้ รียน
นนั้ ถงึ แม้วา่ จะเปน็ การกระทำเพียงผิวเผนิ ก็ตาม แต่กส็ ามารถนำไปใช้ในการเลือก สอื่ ทเี่ หมาะสมได้ เช่น
หากผเู้ รียนมที ักษะในการอ่านตำ่ กว่าเกณฑ์กส็ ามารถชว่ ยได้ดว้ ยการใชส้ อ่ื ประเภททีม่ ิใช่สื่อสง่ิ พิมพ์ หรือถ้า
หากผเู้ รียนในกลมุ่ น้ันมีความแตกต่างกนั มาก ก็สามารถใหเ้ รียนดว้ ยชดุ การเรยี นรายบคุ คลได้
การวเิ คราะหล์ ักษณะผ้เู รียนอาจจะทำใดย้ ากเป็นบางคร้งั ท้ังน้เี พราะผสู้ อนอาจมีเวลานอ้ ยท่จี ะสังเกต
หรอื ผูเ้ รยี น อาจเป็นผู้มาจากทีอ่ ืน่ ที่เข้ามาเรียนหรือรบั การอบรม แต่กส็ ามารถกระทำได้ด้วยการสนทนา
กบั ผูเ้ รียนหรอื ผู้รว่ มชั้นอืน่ ๆ หรอื อาจมีการทดสอบก่อนเรียนเพื่อดูพ้ืนฐานของผเู้ รียนก็ได้

การกำหนดจดุ ประสงค์
วตั ถปุ ระสงค์เปน็ สงิ่ ท่ีต้ังขึ้นเพื่อคาดหวงั วา่ ผเู้ รียนจะสามารถบรรลุในสิง่ ต่างๆ ที่ต้ังหรอื กำหนดไว้

การต้ังหรอื กำหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นการเรียนการสอนนั้นกเ็ พื่อ
1. ผู้สอนจะไดท้ ราบว่าการเรียนการสอนนนั้ มีวัตถุประสงค์อะไร เพื่อสะดวกในการเลือกสอ่ื

และวิธกี ารใหถ้ ูกต้อง วตั ถปุ ระสงค์นีจ้ ะช่วยในการจดั ลำดับกิจกรรมการเรยี นและสร้างส่งิ แวดล้อม หรอื
ประสบการณ์การเรยี นรูเ้ พื่อให้บรรลตุ ามวัตถุประสงคน์ ั้น

2. ชว่ ยในการประเมนิ ผู้เรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง เพราะผสู้ อนจะไม่ทราบเลยวา่ ผู้เรยี นได้บรรลุ
ตามวตั ถุประสงค์ท่ตี ั้งไว้หรอื ไมถ่ า้ ไม่มีการกำหนดวัตถุประสงคไ์ วก้ ่อนลว่ งหน้า

3. ช่วยให้ผู้เรยี นทราบว่า เมื่อเรยี นบทเรียนนนั้ แลว้ จะสามารถเรียนรู้หรอื กระทำอะไรไดบ้ ้าง

การกำหนดวัตถุประสงค์ ควรประกอบด้วย
1. การกระทำ (performance) เปน็ สงิ่ ท่คี าดหวังวา่ ผูเ้ รียนจะสามารถกระทำอะไรไดบ้ า้ ง

ภายหลังจากการเรยี นแลว้ ซง่ึ การกระทำนนั้ ต้องเป็นส่งิ ทีส่ งั เกตเห็นได้
2. เงอ่ื นไข (Conditions) เป็นขอ้ จำกดั หรือเงื่อนไขที่ตั้งขน้ึ โดยรวมอยภู่ ายใตก้ ารกระทำนัน้
3. เกณฑ์ (Criteria) เพื่อเป็นการตัดสินการกระทำน้นั ว่าเป็นไปตามทก่ี ำหนดไว้หรือไม่

เมอ่ื กำหนดวตั ถปุ ระสงค์แลว้ ควรมกี ารแบ่งประเภท หรอื ระดับของขอบเขตการเรียนรู้ ทั้งน้ีเพ่ือเปน็
ประโยชนห์ รอื แนวทางในการตัดสินว่า การเรยี นรู้นั้นจะครอบคลุมแนวของทกั ษะหรือพฤตกิ รรมอะไรบา้ ง
จงึ ตอ้ งมีการกำหนดเป็น

"วัตถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม" ซึง่ ควรจะประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบตา่ งๆ ดังน้ี
- พทุ ธิพสิ ัย เปน็ วัตถุประสงค์ท่ีตง้ั ไวเ้ พื่อวดั การเรยี นรขู้ องผูเ้ รียนเก่ียวกบั ความรู้ ความเข้าใจ
สติปัญญาและการพัฒนา เปน็ ต้น
- จิตตพสิ ัย เป็นวตั ถุประสงค์ทางด้านความคิด ทัศนคติ ความรูส้ ึก ค่านิยม และการเสริมสรา้ ง
ทางปญั ญา
- ทักษะพสิ ัย เป็นวตั ถุประสงค์เกีย่ วกับการกระทำ การแสดงออก หรอื การปฏิบัติ

การเลอื ก ดดั แปลง หรือออกแบบสอื่
การทจี่ ะมีสอ่ื วสั ดุทเ่ี หมาะสมในการเรยี นการสอน สามารถทำได้ 3 วิธี คอื
1. เลอื กจากสื่อทมี่ ีอย่แู ลว้ ส่วนใหญ่ในสถาบนั การศึกษามักจะมที รัพยากรทส่ี ามารถใชเ้ ป็น

สอื่ ได้อยู่แล้วดังนั้น สง่ิ ทีผ่ สู้ อนตอ้ งกระทำคอื ตรวจสอบดวู า่ มีสิ่งใดท่จี ะใช้เปน็ สือ่ ได้บา้ ง โดยเลือกใหต้ รง
กับลกั ษณะผเู้ รยี นและวัตถปุ ระสงคข์ องการเรยี น เช่น สื่อท่ีมีอยมู่ ีเน้ือหาข้อมูลและกิจกรรมทีต่ รงกบั
วตั ถปุ ระสงค์ทีต่ ้ังไวห้ รือไม่ และการเลอื กสอ่ื นัน้ ย่อมขึน้ อยู่กบั วิธกี ารสอนในบทเรียนและข้อจำกดั ของ
สถานการณ์การเรียนการสอนด้วย

2. ดัดแปลงสอ่ื ทมี่ ีอยู่แล้ว ให้ใช้ไดด้ ีและเหมาะสมมากย่ิงขึน้ ท้ังนี้ย่อมขึ้นกับเวลาและ
งบประมาณในการดดั แปลงส่ือนน้ั ด้วย เช่น มีภาพยนตร์เสียงในฟลิ ์มเปน็ ภาษาอังกฤษ ถ้ามีการแปลเปน็
ภาษาไทยแลว้ บันทึกเสียงลงใหม่ เพ่ือให้ผูเ้ รยี นชมและฟงั เข้าใจงา่ ยข้ึน จะคุ้มกับเวลาและการลงทนุ หรือไม่
เหล่านเ้ี ปน็ ตน้

3. การออกแบบส่ือใหม่ กรณีทีไ่ ม่มสี ื่อเดมิ อยู่ หรอื สื่อท่มี ีอย่แู ล้วไมส่ ามารถนำมาดดั แปลงให้
ใชไ้ ด้ตามท่ีตอ้ งการผสู้ อนย่อมตอ้ งมีการออกแบบและจดั ทำสือ่ ใหม่ ซ่ึงต้องคำนึงถงึ องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ
หลายอย่าง เช่น ตอ้ งใหต้ รงกับวตั ถปุ ระสงค์ของการเรยี นและลักษณะของผูเ้ รียน มงี บประมาณในการ
จดั ทำเพียงพอหรอื ไม่ มเี ครื่องมือและผูช้ ำนาญในการจดั ทำสอื่ หรือไม่ เหล่านเี้ ป็นต้น
การใชส้ อื่ เป็นขน้ั ของการกระทำจริง ซงึ่ ผสู้ อนจะต้องดำเนินการดังนี้

1. ดูหรอื อ่านเน้ือหาในสือ่ เหลา่ นั้นก่อนเป็นการเตรยี มตวั ลว่ งหน้า เช่น ดูสไลดห์ รอื วีดิ
ทศั นเ์ พื่อศึกษาเนื้อหาให้แม่นยำกอ่ นนำไปสอน หรืออา่ นบทวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องน้ันร่วมด้วย

2. จดั เตรียมสถานท่ี ที่น่ังเรยี น อปุ กรณ์เครื่องมอื และสิ่งต่างๆ เพ่ือความสะดวก
เรยี บร้อยก่อนการสอนและควรตอ้ งทดลองอปุ กรณ์ที่จะใชก้ ่อนว่าใชไ้ ดด้ ีหรือไม่

3. เตรยี มตัวผเู้ รียน โดยการใช้สื่อนำเข้าสบู่ ทเรยี น ถา้ มีการฉายวีดทิ ัศนห์ รือภาพยนต์ให้
ชม กค็ วรจะต้องสรุปเนือ้ หาเร่ืองทจ่ี ะชมนนั้ ให้ผเู้ รยี นทราบเสียกอ่ นวา่ เกีย่ วข้องกับทบเรียนอย่างไรบ้าง
เป็นการแนะนำก่อนล่วงหน้าและเพ่ือสร้างแรงจูงใจแกผ่ ูเ้ รยี น

4. ควบคมุ ช้ันเรียน เพ่ือใหผ้ ้เู รยี นมีความสนใจในส่ือที่นำเสนอน้ัน

การกำหนดการตอบสนองของผ้เู รยี น
การให้ผ้เู รียนมสี ่วนร่วมในการเรยี น และเปดิ โอกาสให้มีการตอบสนองนั้นเป็นส่ิงสำคัญย่ิง ซึง่

ผเู้ รยี นจะมีการตอบสนองหรือไม่และมากน้อยเพยี งใดก็ขน้ึ อยูก่ ับส่ือที่นำมาใช้ สอ่ื บางชนดิ เมอ่ื ใช้แลว้ จะ
เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นมีส่วนรว่ มมากกวา่ สื่อชนิดอน่ื ๆ เช่น การให้อ่านข้อความในหนงั สือหรือดภู าพ จะทำให้
ผเู้ รียนมกี ารอภิปรายจากสิ่งท่ีอ่านหรือเห็น ผเู้ รียนย่อมมีการตอบสนองเกิดขึ้นได้ทันทแี ละง่ายกว่าการใหด้ ู
ภาพยนตร์ ทง้ั นเี้ พราะการดูภาพยนตร์ถ้าจะใหด้ ูรู้เรือ่ งจริงๆ แลว้ ควรจะต้องดใู ห้จบเร่ืองเสยี ก่อนแลว้ จึง
อภิปรายกนั ซ่ึงจะดีกว่าหยดุ ดูทลี ะตอนแล้วอภิปราย เพราะจะทำให้มีการขัดจังหวะเกิดความไมต่ ่อเนอ่ื งใน
การดู อาจทำให้ไมเ่ ข้าใจหรือจบั ความสำคญั ของเรื่องไม่ได้ นอกจากน้ผี เู้ รียนสามารถมีการ ตอบสนองโดย
เปดิ เผย (overt respone) โดยการพดู ออกมา หรอื เขยี น และ การตอบสนองภายในตวั ผ้เู รียน (convert
response) โดยการทอ่ งจำหรอื คดิ ในใจ เมื่อผ้เู รียนมีการตอบสนองแล้วผู้สอนควรให้การเสริมแรงทนั ที
เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนทราบว่าตนมคี วามเข้าใจและเกิดการเรยี นรทู้ ่ีถกู ต้องหรือไม่ การเรียนการ
สอนโดยการใหท้ ำแบบฝึกหัด

การตอบคำถาม การอภิปราย หรือการใชบ้ ทเรยี นแบบโปรแกรม จะเปน็ การเปดิ โอกาสให้
ผูเ้ รียนมีการตอบสนองและได้รบั การเสรมิ แรงระหว่างการเรียน การประเมินผล การประเมินสามารกระทำ
ได้ 3 ลักษณะ คือ

1. การประเมินกระบวนการสอน เพื่อเป็นการประเมนิ วา่ สามารถบรรลไุ ดต้ ามวตั ถุประสงค์
ทต่ี ั้งไวห้ รอื ไม่ท้งั ในดา้ นผสู้ อน สือ่ การสอน และวิธีการสอน โดยในการประเมนิ สามารถทำได้ทงั้ ในระยะ
กอ่ น ระหวา่ ง และหลงั การสอน

2. การประเมนิ ความสำเร็จของผ้เู รียน ขึน้ อยู่กับวัตถปุ ระสงคท์ ่ีตั้งไว้ว่ามีเกณฑเ์ ท่าใด การ
วัดผลอาจทำไดด้ ว้ ยการทดสอบ การสอบปากเปลา่ หรือดจู ากผลงานของผเู้ รียน สงิ่ สำคัญทีส่ ดุ ทีจ่ ะทราบ
วา่ ผู้เรยี น ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนมากนอ้ ยเทา่ ใด คือ สังเกตจากการปฏิบตั ิและการแสดงออกของผูเ้ รยี น
นั้น ๆ

3. การประเมินส่ือและวธิ ีการสอน โดยการให้ผเู้ รียนมกี ารอภปิ รายและวิจารณก์ ารใช้สือ่
และเทคนิควธิ กี ารสอนวา่ เหมาะสมมากน้อยเพยี งใด

เนื้อหา No.7

การสร้างสื่อการสอนด้วย

POOWTOON

คูมือการใชง าน POWTOON

คมู ือการใชง าน PowToon

1

สารบญั คมู ือการใชงาน POWTOON

เรอื่ ง หนา
PowToon คืออะไร 3
การสมคั รเขา ใชง าน 4
Classic studio
4
การใชง านแบบ Classic studio 5
การสรางและจดั การวดิ โี อ PowToon 6
การใชงานเครื่องมือตางๆ
HTML5 Studio 12
HTML5 Studio คอื อะไร 12
การใชงานรูปแบบ HTML5 Studio 13
การสรา งและจัดการวดิ โี อ PowToon 14
การใชงานเคร่ืองมือตางๆ 18
การ Export วดิ โี อ 19
การ Share วิดีโอ

2

คูมือการใชง าน POWTOON

PowToon คืออะไร

PowToon เปนเว็บแอปพลิเคชันท่ีใชสําหรับการสรางวิดีโอนําเสนอที่เนนการสรางในรูปแบบการตูนอยางส้ันหรืออินโฟกราฟกแบบ
เคลื่อนไหว ดวยรูปแบบของ Interface ท่ีงายตอการแกไขทําใหคนท่ีทําภาพเคลื่อนไหวไมเปนก็สามารถจัดการไดโดยงาย PowToon
ชวยเพ่ิมการนําเสนอใหนาสนใจมากยิ่งข้ึน รวมถึงสามารถประยกุ ตใ ชเปนวิดีโอการเรียนการสอนหรือวิดีโอแนะนําในคาบแรกของการ
เรียนการสอนได โดย PowToon มีจุดเดนดังนี้

 ระบบมีตวั การต นู ไอคอน รูปภาพอินโฟกราฟกและ Template สาํ เรจ็ รูปใหเ ลอื กใชงาน
 ใชหลักการสรา งผลงานแบบงายดว ยการลากวาง (Drag and Drop)
 แบง ปนผลงานผา นชองทางโซเชยี ลเนต็ เวริ ค ตา งๆ
 อปั โหลดผลงานลง YouTube
 Export เปนไฟล PDF และ PPT

สําหรับเวอรชันฟรีของ PowToon มีขอจัด คือ ผลงานหรือวิดีโอ 1 ช้ิน ความยาวไมเกิน 5 นาทีและตองติดลายนํ้าของ PowToon
รวมถึง Storage สําหรับการจัดเก็บไดสูงสดุ แอคเคาทละ 100 MB แตอยางไรก็ตามระบบมกี ารอัปเกรดเปนระดบั Premium ได โดย
สามารถดูรายละเอียดท่ีแถบเมนู Pricing (ตวั อยางเปนแบบ Educational plans)

3

คูม ือการใชงาน POWTOON

การสมคั รเขาใชง าน

สามารถใชงานไดผานทางเว็บไซต www.powtoon.com เม่ือเขามายังหนาแรกของเว็บไซตใหสมัครเขาใชงานโดยกดท่ีปุม Sign up
ซึง่ สามารถสมคั รไดโดยใชบ ญั ชีผใู ชข อง Google (gmail), Facebook, Linkedin หรือสมคั รดว ยอเี มลของผูใชเ อง

เมื่อเขามาในระบบเรียบรอยแลว ระบบมีเมนูการใชงาน 2 แบบใหเลือกไดแก Classic studio และ HTML5 Studio ซ่ึงจะแสดง
รายละเอยี ดดงั กลาวของการใชงานของแตละแบบในหัวขอ ตอไป

การใชงานรูปแบบ Classic studio

เม่ือเขา สรู ะบบแลว เราจะเขา มายงั หนา My PowToon คลกิ แถบเมนู Classic studio แสดงเมนูสําหรับการสรางวดิ โี อใหมรวมถึงลิสต
ของวดิ โี อที่เราทาํ เอาไวแ ลว ซึ่งมรี ายละเอียดดงั น้ี

1. Start from scratch การสรา งผลงานจากหนา กระดาษเปลา
2. Build your story scene by scene การสรา งผลงานโดยองิ กับ storyboard
3. Customize a popular template การสรางผลงานโดยใช Template สาํ เร็จรปู ทมี่ ีอยใู นระบบ
4. More ปมุ สาํ หรับการแกไขวดิ โี อท่ีสรา งไว ไดแก การสรา งวิดโี อท่ที าํ เอาไวเพม่ิ อีก 1 คลิป (Duplicate) การลบวดิ โี อ(Delete)

รวมถงึ การต้งั คาใหสามารถสรา งหรือแกไ ขไดร วมกันกับบคุ คลอืน่ ได (Collaborate)
5. Edit ปุม สําหรบั การแกไ ขเน้ือหาหรือรูปแบบท่ีใสในวิดโี อ
6. View ปุม สําหรบั การดูตัวอยางวดิ โี อ

4

คมู ือการใชง าน POWTOON

การสรา งและจัดการวดิ โี อ PowToon

ในหนาการสรางวิดีโอและจดั การวดิ ีโอนนั้ ถูกแบง ออกเปน 4 สว น คือ
1. Top Bar เปน สวนของการแจงเตอื น แกไขชอื่ ของวิดีโอ บันทึก ดูตวั อยาง (Preview) และ Export
2. สวนแสดงลําดับภาพเปนสวนจัดการสไลดและจดั การคัทซีน (cut scene) ที่ตองการในแตละชวงโดยมีตัวเลือกใหเลอื ก

เปนจํานวนมาก ดานลา งเปนปุม เลน เพอ่ื เลน วดิ ีโอทัง้ หมด
3. สวนการแสดงผลเปน สว นแสดงหนา จอทีใ่ ชส รางวดิ ีโอ จัดการไทมไลนของวิดโี อ สามารถเพ่ิมลดเวลา เปด /ปด เสยี ง และ

จดั การเสียงตา ง ๆ ในวิดโี อ
4. แถบเคร่ืองมือเปนเมนูของเคร่ืองมือท่ีใชในการสรางวิดีโอ เชน รูปแบบวิดีโอ พื้นหลัง ขอความ ตัวละครที่สามารถ

เคลื่อนไหวได รูปทรงตาง ๆ แผนภมู ิ เสยี ง รูปภาพและวิดโี อ

5

คูม อื การใชง าน POWTOON

การใชง านเครอ่ื งมอื ตางๆ

Layouts เปนเคร่อื งมอื สําหรบั เลือกใชง านฉากสําเรจ็ รปู

BKground เปนการเลือกพืน้ หลงั ของฉาก โดยแบงเปน เลือกสขี องพ้ืนหลงั (1) อัพโหลดภาพพื้นหลัง (2) และ เลือกภาพพื้น
หลงั ที่มใี น PowToon (3)

6

คมู ือการใชงาน POWTOON
Text เปนการเลือกตัวอักษรเพ่ือใชสําหรับใสขอความ (1) เมื่อเลือกท่ีตัวอักษรแลวจะมีแถบจัดการตัวอักษรข้ึนมา (2) ซ่ึง
สามารถเลอื กรูปแบบของตัวอกั ษร ขนาด และเอฟเฟคตาง ๆ ได

Text effect สามารถเลือกไดโดยการกดท่ีปุม Fx ในแถบจดั การตวั อักษร

7

คมู อื การใชงาน POWTOON

Library ใชในการเลอื กตวั การตูนอนิเมชัน ไอคอนตา ง ๆ รูปสญั ลกั ษณตา ง ๆ

Object ใชใ นการเลือกปา ย รปู ทรง ลายเสน ตา ง ๆ ที่ใชใ นการตกแตง วิดีโอหรือเนน สว นตา ง ๆ

8

คมู อื การใชงาน POWTOON
Graphs เปนการเลือกรูปกราฟตา ง ๆ มาใชใ นวดิ โี อ โดยจะมีทงั้ รูปแบบกราฟท่ีสามารถใสขอ มูลได (Dynamic Graphs) และ
กราฟท่ีไมส ามารถใสข อ มลู ได (Plain Graphs, animated Graphs)

ผูใชสามารถใสขอมูลลงใน Dynamic Graphs ได โดยกดที่กราฟที่ตองการใสขอมูล และกดท่ีปุมรูปดินสอทางซายมือของ
กราฟนน้ั ซึง่ จะปรากฏหนา สําหรบั ใสขอมูลลงในกราฟ และสามารถใสขอมูลไดไ มเ กิน 10 แถว 10 คอลัมน

9

คูมอื การใชง าน POWTOON
Sound ใชสําหรับใสเพลงประกอบวิดีโอ (Sound Track) หรือเสียงพูดบรรยายประกอบวิดีโอ (Voiceover Track)
นอกจากน้ียังสามารถเลอื กอัพโหลดไฟลเ สยี ง (UPLOAD) หรือ อดั เสยี ง (RECORD) ผาน PowToon ทนั ทีก็ได

ในหนาจอ Sound Manager สามารถเลือกระดับความดังของเสยี ง รูปแบบการเลน และทดสอบเสยี งกอ นใสลงในวิดีโอ

10

คูมอื การใชง าน POWTOON
Images ใชในการเลือกรูปภาพใสลงในวิดีโอ โดยสามารถอัพโหลดรูปภาพ (upload images) เลือกรูปท่ีเคยอัพโหลดเอาไว
แลว (My Images) หรอื คน หารูปภาพเพ่ือใสลงในวดิ ีโอ (Search Images)

11

คูมือการใชงาน POWTOON

HTML5 Studio คอื อะไร

การใชงานในรูปแบบ HTML5 Studio เปน ฟง กช ันการใชงานรูปแบบใหมท ี่ถูกปลอ ยออกมาใหใชงานเมอื่ เดอื นกันยายน 2017 ท่ผี า นมา
ซ่งึ มกี ารปรบั ปรุงให PowToon ใหม ดังนี้

 ใหใชงานไดงาย การแสดงผลทร่ี วดเรว็ และมีประสิทธภิ าพมากยิง่ ข้นึ
 รองรบั การแสดงผลของ PowToon ผานอปุ กรณส มารต โฟนได
 คณุ ภาพไฟลท ี่ Export มีความละเอียดมากย่งิ ขึน้
 มีการบันทึกผลงานแบบอัตโนมตั ิทกุ ๆ 20 วินาที
 ซอนแถบเมนู Slide panel และ Libraries

การใชง านรูปแบบ HTML5 Studio

จากหนาหลักคลกิ ท่แี ถบเมนู HTML5 Studio มรี ายละเอียดดงั น้ี
1. Start from scratch การสรา งผลงานจากหนากระดาษเปลา
2. Build your story scene by scene การสรา งผลงานโดยองิ กับ storyboard
3. Customize a popular template การสรางผลงานโดยใช Template สาํ เร็จรปู ทม่ี ีอยูในระบบ
4. Create a square video (หรือ PowToon Squared²) การสรางผลงานหรอื คอนเทนตใ หเ หมาะกับการใชงานบน
โซเชยี ลเน็ตเวริ คได (เหมาะอยา งยงิ่ สาํ หรบั การใชใ นการทําการตลาดและเนน การเกิดเปน Community)

12

คมู อื การใชงาน POWTOON

การสรางและการจัดการวดิ โี อ PowToon

ในหนา การสรา งและการจัดการวิดีโอของฟเ จอร HTML5 Studio น้ันถกู แบง ออกเปน 6 สว น คือ
1. Top Bar เปนสวนบนสุด ซึง่ ประกอบดวยเมนดู ังนี้

a. Quick Menu – เมนูลดั
b. My PowToons – เมนู My PowToons ที่แสดงลสิ ตข องวดิ โี อทีส่ รางไว
c. Help - เมนสู าํ หรับการชวยเหลือและแนะนํา
d. Edit – การแกไ ขวิดโี อ
e. Undo/Redo Arrows – การแกไ ข/ยอนกลบั ทลี ะ 1 Step ของการทํางาน
f. Edit PowToon Title - การแกไ ขช่อื วดิ โี อ
g. Save Indicator - การบนั ทึกวิดีโอ
h. Preview - การแสดงตวั อยางของวิดโี อ
i. Export - การ Export ไฟล
2. Slide Panel สวนแสดงลําดับภาพเปนสวนจัดการสไลดและจัดการคัทซีน (cut scene) ที่ตองการในแตละชวงโดยมี
ตัวเลอื กใหเ ลอื กเปนจาํ นวนมาก
3. Slide สวนการแสดงผลเปน สว นแสดงหนา จอที่ใชส รา งวิดีโอ
4. Toolbar แถบเครอื่ งมือเปนเมนูของเครอื่ งมือที่ใชในการสรา งวดี โี อ เชน รูปแบบวีดีโอ พ้นื หลัง ขอ ความ ตวั ละครที่
สามารถเคลอื่ นไหวได รปู ทรงตา ง ๆ แผนภมู ิ เสยี ง รปู ภาพและวดี ีโอ
5. Timeline จดั การไทมไลนของวิดโี อ สามารถเพมิ่ ลดเวลา เปด /ปดเสยี ง และจัดการเสยี งตาง ๆ ในวดิ โี อ

13

คมู ือการใชงาน POWTOON

การใชง านเครอ่ื งมือตางๆ

Scenes เปนเครอ่ื งมอื สาํ หรบั เลอื กใชง านฉากหรอื วตั ถุแบบสาํ เรจ็ รปู

Background การเลอื กพืน้ หลงั ของฉาก โดยสามารถเลอื กใชเปน การอปั โหลดภาพพืน้ หลัง (1) เลอื กสีของพื้นหลัง (2) และ
เลอื กภาพพ้ืนหลังท่มี ใี น PowToon (3)

14

คูมอื การใชง าน POWTOON
Text การเลือกตวั อกั ษรเพ่อื ใชส าํ หรับใสข อความ (1) เมื่อเลอื กทต่ี วั อกั ษะแลวจะมแี ถบจดั การตวั อกั ษรข้ึนมา (2) เมือ่ คลกิ ท่ี
สญั ลกั ษณรปู เกยี รจะสามารถเลอื กรูปแบบของตัวอักษร สี ขนาด และเอฟเฟคตา ง ๆ ได

Characters การเลอื กรปู แบบคาแรคเตอรของตัวการตูนทใ่ี ชในวดิ ีโอ

15

คมู อื การใชง าน POWTOON
Objects การเลอื กวัตถุ ไดแก ไอคอนรูปภาพ ปาย รูปทรง ลายเสน ตาง ๆ ที่ใชใ นการตกแตง หรอื เนน สวนตางในวดิ โี อ

Graphs การเลือกรปู แบบกราฟสาํ เร็จรปู ตอ งการใชในวิดโี อซ่ึงมี โดยมีใหเลอื กไดท งั้ แบบภาพน่ิง (Plain Graphs) และแบบ
แอนเิ มชัน (Animated Graphs) ซ่งึ กราฟทง้ั สองไมส ามารถเปล่ยี นหรอื แกไ ขขอ มูลได

16

คูมอื การใชงาน POWTOON
Sound การใสเ พลงประกอบหรือเสยี งพดู บรรยายประกอบวดิ โี อ โดยสามารถเลอื กอัพโหลดไฟลเ สยี ง Add music (1) หรอื
อัดเสียง Add voiceover (2) ระบบรองรบั ไฟล format ประเภท MP3, AAC, OGG เทา นัน้ หรือจะเลือกใชเพลงจากระบบ
PowToon (3) ก็ได

Media การใสไ ฟลรูปภาพหรือไฟลว ดิ ีโอ โดยสามารถเลือกอัพโหลดไฟลเสยี ง Upload media (1) หรอื จะเลอื กใชจากระบบ
PowToon (2) ก็ได ซึง่ ถา เลอื กใชไฟลประเภทวิดีโอแตละสไลดความยาวสูงสุดไมเกนิ 20 วนิ าที ยกตวั อยางเชน ถา ความยาว
ท้ังหมดของไฟลเทากับ 20 วินาที ระบบจะทําการแบงออกเปน 2 สไลด โดยสไลดที่ 1 จะเปนความยาวตั้งแต 0-10 วินาที
และสไลดท ่ี 2 จะเปน ความยาวตงั้ แต 10-20 วนิ าที เปน ตน
Accepted image formats: JPG, JPEG, PNG, GIF
Accepted video format: MP4 (Up to 90sec. /100Mb)

17

คูมือการใชง าน POWTOON
Specials การใชธีมแบบพเิ ศษ ซึง่ มีหลายหมวดหมใู หเลือกใชง าน อาทิ Event, Holiday, Halloween เปน ตน

การ Export วดิ ีโอ

การ Export วิดีโอ ใหกดปุม Export ท่ีอยูในสวนของ Top bar ซ่ึงสามารถเลือกอัปโหลด ดาวนโหลด หรือแบงปนได โดย
การอปั โหลดหรอื ดาวนโ หลดบางประเภทจาํ เปนตองอัพเกรดเปน ระดับ Premium กอน

18

คูมอื การใชงาน POWTOON

การ Share วดิ โี อ

เม่ือ Export วิดีโอเสร็จเรียบรอยแลวจะปรากฏหนาตางแสดงดังรูป หากตองการแบงปนไปยังโซเชียลมีเดีย ลิงกหรืออีเมลก็สามารถ
คลกิ ทไ่ี อคอนนนั้ ๆ ได

ตวั อยา งการแชร PowToon ผา นอีเมล

19

e-book


Click to View FlipBook Version