The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prasopchock.pra, 2021-06-10 06:07:04

แผนการจัดการเรียนรู้ ว21101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน

21

คำนำ



เอกสารเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรายวิชา ว๒๑๑๐๑ ชน
ั้
มัธยมศึกษาปีที่ ๑ เอกสารประกอบด้วย หลักสูตรแกนกลางปี ๒๕๕๑ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๐) โครงสร้าง

หลักสูตร คำอธิบายรายวิชา และกำหนดการเรียนรู้ ,มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด

ี่
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้ จะเป็นสื่อการเรียนทช่วยอำนวยความสะดวกในการจดการเรียน

การสอนเรียนการสอนให้นักเรียนเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้บรรลุตัวชี้วัดและมาตรฐานตามท ี่
หลักสูตรกำหนดไว้ทุกประการ




ประสพโชค ประภา

สารบัญ



เรื่อง หน้า

สรุปหลักสตรฯ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 1-3

ตัวชี้วดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง วิทยาศาสตร ์ 4-13

คำอธิบายรายวิชา วิทยาศาสตร ม.1 14

โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ ม.1 15-19

Pedagogy 20
ู้
โครงสร้างแผนการจัดการเรียนร วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 21-30
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สารรอบตัว 31

แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 2 : การเปลี่ยนแปลงของสาร 49
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 3 : สารบริสุทธิ์ 59

แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 4 : ธาตุกัมมันตรังส ี 71

แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 5 : สารประกอบ 84
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 6 : สารผสม 95


แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 7 : สมบัติของสารบริสทธิ์และสารผสม 109

สรุปหลักสูตรฯ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ *


มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตร
ี่
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดสาระการเรียนรู้ 4 สาระ ได้แก่ สาระท 1 วิทยาศาสตร์
ั้
ชีวภาพ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ และสาระที่ 4 เทคโนโลยี รวมทงยัง
มีสาระเพิ่มเติมอีก 4 สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ และสาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ

องค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในด้านของเนื้อหา การจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลการ
เรียนรู้นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้นให้มีความ

ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ได้กำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐาน เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปใช้ใน


การดำรงชีวิตหรือศึกษาต่อได โดยจัดเรียงลำดับความยากง่ายของเนื้อหาในแต่ละชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับ

กระบวนการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรยนพัฒนาความคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คด


สร้างสรรค คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษท 21 ใน
ี่

การค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ตัดสินใจโดยใช้ขอมูล
หลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได ้

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันภายในสาระ

การเรียนรู้เดียวกัน และระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเนื้อหา

ความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความทันสมัยตอการเปลี่ยนแปลง และ
ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่าง ๆ ทัดเทียมกับนานาชาติ

สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ


มาตรฐาน ว 2.1 - ว 2.3



สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ กลุ่มสาระก ารเรียนรู้ สาระที่ 3 วิทยาศาสต
ร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 1.1 - ว 1.3 วิทยาศาสตร ์ มาตรฐาน ว 3.1 - ว 3.2


สาระที่ 4 เทคโนโลย ี

มาตรฐาน ว 4.1 - ว 4.2



วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม - สาระชีววิทยา - สาระเคมี - สาระฟิสิกส์ - สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ





* สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, ตัวช้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุ่มสาระการ



เรยนรูวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. (กรุงเทพมหานคร : โรง
พิมพ์ชุมนมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2560)

1

2

3

ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง วิทยาศาสตร์ *

สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ

มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของ
โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง

และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน ์



ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ม.1 1. เปรียบเทียบรูปร่างและโครงสร้าง • เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตบางชนิดมีเซลล์เพียง
ของเซลล์พืชและสัตว์ รวมทั้ง เซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซียม ยีสต์ บางชนิดมีหลายเซลล์
ื่
บรรยายหน้าที่ของผนังเซลล์ เยอ เช่น พืช สัตว ์
หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม นิวเคลียส
• โครงสร้างพื้นฐานที่พบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ และสามารถ
แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย และ สังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลา-
คลอโรพลาสต ์ ซึม และนิวเคลียส โครงสร้างที่พบในเซลล์พืชแต่ไม่พบในเซลล์สัตว ์
2. ใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงศึกษา ได้แก่ ผนังเซลล์ และคลอโรพลาสต์

เซลล์และโครงสร้างต่าง ๆ ภายใน • โครงสร้างต่าง ๆ ของเซลล์มีหน้าที่แตกต่างกัน
เซลล์ - ผนังเซลล์ ทำหน้าที่ให้ความแข็งแรงแก่เซลล์

- เยื่อหุ้มเซลล์ ทำหน้าที่ห่อหุ้มเซลล์ และควบคุมการลำเลียงสาร
เข้าและออกจากเซลล์
- นิวเคลียส ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเซลล์

- ไซโทพลาซึม มีออร์แกเนลล์ที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน
- แวคิวโอล ทำหน้าที่เก็บน้ำและสารต่าง ๆ
- ไมโทคอนเดรีย ทำหน้าที่สลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน
แก่เซลล์

- คลอโรพลาสต์ เป็นแหล่งที่เกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง



3. อธิบายความสัมพนธ์ระหวางรูปร่าง • เซลล์ของสิ่งมีชีวิตมีรูปร่างลักษณะที่หลากหลาย และมีความ
กับการทำหน้าที่ของเซลล์ เหมาะสมกับหน้าที่ของเซลล์นั้น เช่น เซลล์ประสาทส่วนใหญมีเส้น

ใยประสาทเป็นแขนงยาว นำกระแสประสาทไปยังเซลล์อื่น ๆ ที่อย ู่
ไกลออกไป เซลล์ขนรากเป็นเซลล์ผิวของรากทมีผนังเซลล์และเยอ
ี่
ื่
ื่
ิ่
ื้
หุ้มเซลล์ยื่นยาวออกมา ลักษณะคล้ายขนเส้นเล็ก ๆ เพอเพมพนที่
ผิว ในการดูดน้ำและแร่ธาต ุ









4

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง


4. อธิบายการจัดระบบของสิ่งมีชีวต • พืชและสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์มีการจัดระบบ โดยเริ่มจากเซลล์
โดยเริ่มจากเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะ ไปเป็นเนื้อเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ และสิ่งมีชีวิต ตามลำดบ เซลล์

ระบบอวัยวะจนเป็นสิ่งมีชีวิต หลายเซลล์มารวมกันเป็นเนื้อเยอ เนื้อเยื่อหลายชนดมารวมกัน และ
ื่

ทำงานร่วมกันเป็นอวยวะ อวัยวะต่าง ๆ ทำงานร่วมกันเป็นสิ่งมีชีวต


นอกจากนี้ในกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อจะมีธาตุเป็นองค์ประกอบ
ด้วย

5. อธิบายกระบวนการแพร่และออสโมซิส • เซลล์มีการนำสารเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ของเซลล์
จากหลักฐานเชิงประจักษ์ และ และมีการขจัดสารบางอย่างที่เซลล์ไม่ต้องการออกนอกเซลล์

ยกตัวอย่างการแพร่และออสโมซิส การนำสารเข้าและออกจากเซลล์ มีหลายวิธี เช่น การแพร่
ในชีวิตประจำวัน เป็นการเคลื่อนที่ของสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารสูง
ไปสู่บริเวณที่มีความเข้มขนของสารต่ำ ส่วนออสโมซิสเป็นการแพร่

ของน้ำผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จากด้านที่มีความเข้มข้นของสารละลายตำ ่

ไปยังด้านที่มีความเข้มข้นของสารละลายสูงกว่า
6. ระบุปัจจัยที่จำเป็นในการสังเคราะห์ • กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชที่เกิดขึ้นในคลอโรพลาสต์
ด้วยแสงและผลผลิตที่เกิดขึ้นจาก จำเป็นต้องใช้แสง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ คลอโรฟิลล์ และนำ

การสังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้ ผลผลิตที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง ได้แก่ น้ำตาลและแก๊ส
หลักฐานเชิงประจักษ์ ออกซิเจน
7. อธิบายความสำคัญของการ • การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการที่สำคัญต่อสิ่งมีชีวิต เพราะ


สังเคราะห์ด้วยแสงของพืชตอ เป็นกระบวนการเดียวที่สามารถนำพลังงานแสงมาเปลี่ยนเป็น
สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม พลังงานในรูปสารประกอบอินทรียและเก็บสะสมในรูปแบบตาง ๆ



8. ตระหนักในคุณค่าของพืชที่มีตอ ในโครงสร้างของพืช พืชจึงเป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่สำคัญ
สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยการ ของสิ่งมีชีวิตอื่น นอกจากนี้กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงยงเป็น

ร่วมกันปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ใน กระบวนการหลักในการสร้างแก๊สออกซิเจนให้กับบรรยากาศ
โรงเรียน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตอื่นใช้ในกระบวนการหายใจ

9. บรรยายลักษณะและหน้าที่ของไซ • พืชมีไซเล็มและโฟลเอ็ม ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อมีลักษณะคล้ายท่อเรียงตว

เล็มและโฟลเอ็ม กันเป็นกลุ่มเฉพาะที่ โดยไซเล็มทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและธาตอาหาร

10. เขียนแผนภาพที่บรรยายทิศ มีทิศทางลำเลียงจากรากไปสู่ลำต้น ใบ และส่วนต่าง ๆ ของพช

ทางการลำเลียง สารในไซเล็ม เพื่อใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง รวมถึงกระบวนการอื่น ๆ ส่วน
และโฟลเอ็มของพืช โฟลเอ็ม ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง มี

ทิศทางลำเลียงจากบริเวณที่มีการสังเคราะห์ด้วยแสงไปสู่ส่วนตาง
ๆ ของพืช








5

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง



11. อธิบายการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ • พืชดอกทุกชนิดสามารถสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ และบางชนด

และไม่อาศัยเพศของพืชดอก สามารถสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศได ้
12. อธิบายลักษณะโครงสร้างของดอกที่มี • การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเป็นการสืบพันธุ์ที่มีการผสมกันของ
ส่วนทำให้เกิดการถ่ายเรณู รวมทั้ง สเปิร์มกับเซลล์ไข่ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอกเกิดขนที่
ึ้
บรรยาย การปฏิสนธิของพืชดอก ดอก โดยภายในอับเรณูของส่วนเกสรเพศผู้มีเรณู ซึ่งทำหน้าที่สร้าง
การเกิดผลและเมล็ด การกระจาย สเปิร์ม ภายในออวุลของส่วนเกสรเพศเมีย มีถุงเอ็มบริโอ ทำหนาที่

เมล็ด และการงอกของเมล็ด สร้างเซลล์ไข ่

13. ตระหนักถึงความสำคัญของสัตว • การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธุ์ที่พืชต้นใหม่ไม่ได้เกิด

ที่ช่วยในการถ่ายเรณูของพืชดอก จากการปฏิสนธระหวางสเปิร์มกับเซลล์ไข่ แต่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของ


โดยการไม่ทำลายชีวิตของสัตว พืช เช่น ราก ลำต้น ใบ มีการเจริญเติบโตและพฒนาขนมาเป็นตนใหม่


ึ้

ที่ช่วยในการถ่ายเรณู
ได ้
• การถ่ายเรณู คือ การเคลื่อนย้ายของเรณูจากอับเรณูไปยังยอด
เกสรเพศเมีย ซึ่งเกี่ยวข้องกับลักษณะและโครงสร้างของดอก เช่น
สีของกลีบดอก ตำแหน่งของเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย โดยมีสิ่ง

ที่ช่วย ในการถ่ายเรณู เช่น แมลง ลม
• การถ่ายเรณูจะนำไปสู่การปฏิสนธิ ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ถุงเอ็มบริโอภายใน

ออวุล หลังการปฏิสนธิจะได้ไซโกตและเอนโดสเปิร์ม ไซโกต จะพัฒนา
ต่อไปเป็นเอ็มบริโอ ออวุลพัฒนาไปเป็นเมล็ด และรังไข่พัฒนาไปเป็นผล
• ผลและเมล็ดมีการกระจายออกจากต้นเดิม โดยวิธีการต่าง ๆ เมื่อ

เมล็ดไปตกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะเกิดการงอกของเมล็ด
โดยเอ็มบริโอภายในเมล็ดจะเจริญออกมา โดยระยะแรกจะอาศัย
อาหารที่สะสมภายในเมล็ด จนกระทั่งใบแท้พัฒนา จนสามารถ

สังเคราะห์ด้วยแสงได้เต็มที่และสร้างอาหารได้เองตามปกต ิ
14. อธิบายความสำคัญของธาตุอาหาร • พืชต้องการธาตอาหารที่จำเป็นหลายชนิดในการเจริญเตบโต และ


บางชนิดที่มีผลต่อการเจริญเติบโต การดำรงชีวิต
และการดำรงชีวิตของพืช • พืชต้องการธาตุอาหารบางชนิดในปริมาณมาก ได้แก่ ไนโตรเจน

15. เลือกใช้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหาร ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และกำมะถัน ซึ่ง
เหมาะสมกับพืชในสถานการณ์ที่ ในดินอาจมีไม่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของพืช จึงต้องมี
กำหนด การให้ธาตุอาหารในรูปของปุ๋ยกับพืชอย่างเหมาะสม

1 6 . เลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชให้ • มนุษย์สามารถนำความรู้เรื่องการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและไม่อาศัย
เหมาะสมกับความต้องการของ เพศ มาใช้ขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนพืช เช่น การใช้เมล็ดที่ได้จากการ

สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศมาเพาะเลี้ยง วิธีการนี้จะได้พืชในปริมาณมาก



6

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

มนุษย์ โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการ แต่อาจมีลักษณะที่แตกต่างไปจากพ่อแม่ ส่วนการตอนกิ่ง การปักชำ
สืบพันธุ์ของพืช การต่อกิ่ง การติดตา การทาบกิ่ง การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นการ
17. อธิบายความสำคัญของเทคโนโลย นำความรู้เรื่อง การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชมาใช้ในการ

การเพาะเลี้ยงเนอเยื่อพืชในการใช้ ขยายพันธุ์เพื่อให้ได้พืชที่มีลักษณะเหมือนต้นเดิม ซึ่งการขยายพันธ ุ์
ื้
ประโยชนด้านต่าง ๆ แต่ละวิธี มีขั้นตอนแตกต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับความ


18. ตระหนักถึงประโยชน์ของการ ต้องการของมนุษย โดยต้องคำนึงถึงชนิดของพืชและลักษณะการ
ขยายพันธุ์พืช โดยการนำความรู้ไปใช้ สืบพันธุ์ของพืช

ในชีวิตประจำวัน • เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เป็นการนำความรู้เกี่ยวกับปัจจัย
ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชมาใช้ในการเพิ่มจำนวนพืช และ

ทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ในหลอดทดลอง ซึ่งจะได้พืชจำนวน
ื้
ื่
มากในระยะเวลาสั้น และสามารถนำเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนอเยอ
มาประยุกต์เพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ปรับปรุงพันธุ์พืชที่มี

ความสำคัญทางเศรษฐกิจ การผลิตยา และสาระสำคัญในพชและอื่น



สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ

มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัตของสสารกับโครงสร้างและแรง
ยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏิกิริยาเคมี



ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ม.1 1. อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการ • ธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติเฉพาะตัว และมีสมบัติทางกายภาพ
ของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดย บางประการเหมือนกันและบางประการต่างกัน ซึ่งสามารถ
ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้จากการ นำมาจัดกลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ธาตุโลหะมี

สังเกต และการทดสอบ และใช้ จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูง มีผิวมันวาว นำความร้อน นำ
สารสนเทศที่ได้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไฟฟ้า ดึงเป็นเส้นหรือตีเป็นแผ่นบางๆ ได และมีความ

รวมทั้งจัดกลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ หนาแน่นทั้งสูงและตำ ธาตุอโลหะ มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว

และกึ่งโลหะ ต่ำ มีผิวไม่ มันวาว ไม่นำความร้อน ไม่นำไฟฟ้า เปราะ
แตกหักง่าย และ มีความหนาแน่นต่ำ ธาตุกึ่งโลหะมี
สมบัติบางประการเหมือนโลหะ และสมบัติบางประการ
เหมือนอโลหะ

2. วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ • ธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ที่สามารถแผ่รังสีได จัดเป็น

กึ่งโลหะ และธาตุกัมมันตรังสีที่มีตอ ธาตุกัมมันตรังสี

สิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และ

สังคม จากข้อมูลที่รวบรวมได


7

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

3. ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ • ธาตุมีทั้งประโยชน์และโทษ การใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ

อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมมันตรังสี โดยเสนอ ธาตุกัมมันตรังสี ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งมีชีวต

แนวทางการใช้ธาตอยางปลอดภัย คุ้มค่า สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม



4. เปรียบเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลวของ • สารบริสุทธิ์ประกอบด้วยสารเพียงชนิดเดียว ส่วนสารผสม
สารบริสุทธิ์และสารผสม โดยการวด ประกอบด้วยสารตั้งแต 2 ชนิดขึ้นไป สารบริสุทธิ์แต่ละชนิด


อุณหภูมิ เขียนกราฟ แปลความหมาย มีสมบัติบางประการที่เป็นค่าเฉพาะตัว เช่น จุดเดือดและ
ข้อมูลจากกราฟ หรือสารสนเทศ จุดหลอมเหลวคงที่ แต่สารผสมมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลว
ไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับชนิดและสัดส่วนของสารที่ผสมอยู่ด้วยกัน

5. อธิบายและเปรียบเทียบความหนาแนน • สารบริสุทธิ์แต่ละชนิดมีความหนาแน่น หรือมวลต่อหนง
ึ่
ของสารบริสุทธิ์และสารผสม หน่วยปริมาตรคงที่ เป็นค่าเฉพาะของสารนั้น ณ สถานะ
6. ใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวลและปริมาตรของ และอุณหภูมิหนึ่ง แต่สารผสมมีความหนาแนนไม่คงที่ ขนอย ู่

ึ้
สารบริสุทธิ์และสารผสม กับชนิดและสัดส่วนของสารที่ผสมอยู่ด้วยกัน
7. อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง • สารบริสุทธิ์แบ่งออกเป็นธาตุและสารประกอบ
อะตอม ธาตุและสารประกอบ โดยใช้ • ธาตุประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กที่สุดที่ยังแสดงสมบัตของธาต ุ

แบบจำลอง และสารสนเทศ นั้น เรียกว่า อะตอม ธาตุแต่ละชนิดประกอบด้วยอะตอม

เพียงชนิดเดียว และไม่สามารถแยกสลายเป็นสารอื่นได้ดวย

วิธีทางเคมี ธาตุเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ธาต สารประกอบ

เกิดจากอะตอมของธาตุตั้งแต 2 ชนิดขึ้นไปรวมตัวกันทาง

เคมีในอัตราส่วนคงที่ มีสมบัติแตกต่างจากธาตุที่เป็น
องค์ประกอบ สามารถแยกเป็นธาตุได้ด้วยวิธีทางเคมี ธาต ุ

และสารประกอบสามารถเขียนแทนได้ด้วยสูตรเคมี
8. อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วย • อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน
โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน โดย โปรตอน มีประจุไฟฟ้าบวก ธาตุชนิดเดียวกันมีจำนวน
ใช้แบบจำลอง โปรตอนเท่ากัน และเป็นค่าเฉพาะของธาตนน นวตรอนเป็น

ั้

กลางทางไฟฟ้า ส่วนอิเล็กตรอนมีประจุไฟฟาลบ เมื่ออะตอม

มีจำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอนจะเป็นกลาง
ทางไฟฟ้า โปรตอนและนิวตรอนรวมกันตรงกลางอะตอม
เรียกว่า นิวเคลียส ส่วนอิเล็กตรอนเคลื่อนที่อยู่ในที่ว่างรอบ
นิวเคลียส

9. อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียง • สสารทุกชนิดประกอบด้วยอนุภาค โดยสารชนิดเดียวกันทีมี

อนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค สถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส จะมีการจัดเรียงอนุภาค แรง
และการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสสาร ยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค การเคลื่อนที่ของอนุภาคแตกต่าง

กัน ซึ่งมีผลต่อรูปร่างและปริมาตรของสสาร


8

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ชนิดเดียวกันในสถานะของแข็ง • อนุภาคของของแข็งเรียงชิดกัน มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
ของเหลว และแก๊ส โดยใช้แบบจำลอง อนุภาคมากที่สุด อนุภาคสั่นอยู่กับที่ ทำให้มีรูปร่างและ

ปริมาตรคงที่


• อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กัน มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
อนุภาคน้อยกว่าของแข็ง แต่มากกว่าแก๊ส อนุภาคเคลื่อนที่


ได้แต่ไม่เป็นอิสระเทาแก๊ส ทำให้มีรูปร่างไม่คงที่ แตปริมาตร
คงที่
• อนุภาคของแก๊สอยู่ห่างกันมาก มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง

อนุภาคน้อยที่สุด อนุภาคเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระทุกทิศทาง
ทำให้มีรูปร่างและปริมาตรไม่คงที่
10. อธิบายความสัมพนธ์ระหว่างพลังงาน • ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อให้ความ

ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของ ร้อนแก่ของแข็ง อนุภาคของของแข็ง จะมีพลังงานและ

สสาร โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และ อุณหภูมิเพ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งของแข็งจะใช้ความร้อน

แบบจำลอง ในการเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกความร้อนที่ใช้ใน
การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลวว่า ความร้อน

แฝงของการหลอมเหลว และอุณหภูมิขณะเปลี่ยนสถานะจะ
คงที่ เรียกอุณหภูมินี้ว่า จุดหลอมเหลว

• เมื่อให้ความร้อนแก่ของเหลว อนุภาคของของเหลวจะมี
พลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขนจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งของเหลวจะ
ึ้
ใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส เรียกความร้อนที่

ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊สว่า ความร้อน
แฝงของการกลายเป็นไอ และอุณหภูมิขณะเปลี่ยนสถานะจะ
คงที่ เรียกอุณหภูมินี้ว่า จุดเดือด

• เมื่อทำให้อุณหภูมิของแก๊สลดลงจนถึงระดับหนึ่งแก๊สจะ
เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกอุณหภูมินี้ว่า จุดควบแนน

ซึ่งมีอุณหภูมิเดียวกับจุดเดือดของของเหลวนั้น

• เมื่อทำให้อุณหภูมิของของเหลวลดลงจนถึงระดับหนง
ึ่

ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง เรียกอุณหภูมินี้วา
จุดเยือกแข็ง ซึ่งมีอุณหภูมิเดียวกับ จุดหลอมเหลวของ

ของแข็งนั้น









9

มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ
ของวัตถ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน ์




ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ม.1 1 . สร้างแบบจำลองที่อธิบาย • เมื่อวัตถุอยู่ในอากาศจะมีแรงที่อากาศกระทำต่อวัตถุในทุกทิศทาง


ความสัมพันธ์ระหว่างความดน แรงที่อากาศกระทำต่อวัตถุขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ของวัตถุนั้น แรง

อากาศกับความสูงจากพื้นโลก ที่อากาศกระทำตั้งฉากกับผิววัตถุต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เรียกวา ความ
ดันอากาศ ความดันอากาศมีความสัมพันธ์กับความสูงจาก พื้นโลก
โดยบริเวณที่สูงจากพื้นโลกขึ้นไป อากาศเบาบางลง มวลอากาศ

น้อยลง ความดันอากาศก็จะลดลง

มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลง และการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร และ

พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน ์



ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ม.1 1. วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล • เมื่อสสารได้รับหรือสูญเสียความร้อนอาจทำให้สสารเปลี่ยน
และคำนวณปริมาณความร้อนที่ อุณหภูมิ เปลี่ยนสถานะ หรือเปลี่ยนรูปร่าง

ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและ • ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิขึ้นกับมวล ความ
เปลี่ยนสถานะ โดยใช้สมการ Q = ร้อนจำเพาะ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป
mc∆t และ Q = mL • ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนสถานะขึ้นกับมวลและ
2. ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวด ความร้อนแฝงจำเพาะ โดยขณะที่สสารเปลี่ยนสถานะ อุณหภูมิ

อุณหภูมิของสสาร จะไม่เปลี่ยนแปลง

3. สร้างแบบจำลองที่อธิบาย • ความร้อนทำให้สสารขยายตัวหรือหดตัวได้ เนื่องจากเมื่อสสาร
การขยายตัว หรือหดตัวของสสาร ได้รับความร้อนจะทำให้อนุภาคเคลื่อนที่เร็วขึ้น ทำให้เกิดการ

เนื่องจากได้รับ หรือสูญเสีย ขยายตัว แต่เมื่อสสารคายความร้อน จะทำให้อนุภาคเคลื่อนที่ช้า
ความร้อน ลง ทำให้เกิดการหดตัว
4. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ • ความรู้เรื่องการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อน

ของการหดและขยายตัวของสสาร นำไปใช้ประโยชน ในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างถนน การสร้าง

เนื่องจากความร้อน โดยวิเคราะห์ รางรถไฟ การทำเทอร์มอมิเตอร์
สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะ
วิธีการนำความรู้มาแก้ปัญหา

ในชีวิตประจำวัน








10

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

5. วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอน • ความร้อนถ่ายโอนจากสสารที่มีอุณหภูมิสูงกว่าไปยังสสารที่มี
ความร้อน และคำนวณปริมาณ อุณหภูมิต่ำกว่าจนกระทั่งอุณหภูมิของสสารทั้งสองเท่ากัน สภาพที่
ความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสสาร สสารทั้งสองมีอุณหภูมิเท่ากัน เรียกว่า สมดุลความร้อน

จนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้ • เมื่อมีการถ่ายโอนความร้อนจากสสารที่มีอุณหภูมิต่างกันจนเกิด
สมการ Q สูญเสีย = Q สมดุลความร้อน ความร้อนที่เพิ่มขึ้นของสสารหนึ่งจะเท่ากับ
ได้รับ
ความร้อนที่ลดลงของอีกสสารหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามกฎการอนรักษ์

พลังงาน

6. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถาย • การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คือ การนำความร้อน การพา-
โอนความร้อนโดยการนำความ ความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน การนำความร้อนเป็น
ร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสี การถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางไม่เคลื่อนที่



ความร้อน การพาความร้อนเป็นการถายโอนความร้อนที่อาศัยตวกลาง โดยที่
ตัวกลางเคลื่อนที่ไปด้วย ส่วนการแผ่รังสีความร้อนเป็นการถ่ายโอน
ความร้อนที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง

7. ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอุปกรณ์ • ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อนสามารถนำไปใช้ประโยชนใน



เพื่อแก้ปัญหาในชีวตประจำวนโดยใช้ ชีวิตประจำวันได้ เช่น การเลือกใช้วัสดุเพื่อนำมาทำภาชนะบรรจุ
ความรู้เกี่ยวกับการถายโอนความร้อน อาหารเพื่อเก็บความร้อน หรือการออกแบบระบบระบายความ

ร้อนในอาคาร


สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก
ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิต และ
สิ่งแวดล้อม




ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ม.1 1. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการแบ่ง • โลกมีบรรยากาศห่อหุ้ม นักวิทยาศาสตร์ใช้สมบัติและองค์ประกอบ
ชั้นบรรยากาศ และเปรียบเทียบ ของบรรยากาศในการแบ่งบรรยากาศของโลกออกเป็นชั้น ซึ่งแบ่งได ้

ประโยชน์ของบรรยากาศแต่ละชั้น หลายรูปแบบตามเกณฑที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปนกวิทยาศาสตร์ใช้


เกณฑ์การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิตามความสูง แบ่งบรรยากาศไดเป็น

5 ชั้น ได้แก่ ชั้นโทรโพสเฟียร์, ชั้นสตราโตสเฟียร์, ชั้นมีโซสเฟียร์,
ชั้นเทอร์โมสเฟียร์ และชั้นเอกโซสเฟียร์









11

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
• บรรยากาศแต่ละชั้นมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตแตกต่างกัน โดย ชั้น

โทรโพสเฟียร์มีปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต
ของสิ่งมีชีวิต ชั้นสตราโตสเฟียร์ ช่วยดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลต
จากดวงอาทิตย์ไม่ให้มายังโลกมากเกินไป ชั้นมีโซสเฟียร์ช่วย

ชะลอวัตถุนอกโลกที่ผ่านเข้ามาให้เกิดการเผาไหม้กลายเป็นวัตถ ุ
ขนาดเล็ก ลดโอกาสที่จะทำความเสียหายแก่สิ่งมีชีวิตบนโลก ชั้น
เทอร์โมส-เฟียร์สามารถสะท้อนคลื่นวิทยุ และ ชั้นเอกโซส
เฟียร์เหมาะสำหรับ การโคจรของดาวเทียมรอบโลก ในระดับต่ำ

2.อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการ • ลมฟ้าอากาศเป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนึ่งของพื้นที่หนึ่งที่มี
เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลม การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับองค์ประกอบลมฟ้าอากาศ
ฟ้าอากาศ จากข้อมูลที่รวบรวมได ้ ได้แก่ อุณหภูมิอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาด

น้ำฟ้า โดยหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อย ในประเทศไทย ได้แก่ ฝน
องค์ประกอบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับปัจจัย
ต่าง ๆ เช่น ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตย์และลักษณะพื้นผิวโลกส่งผล


ต่ออุณหภูมิอากาศ อุณหภูมิอากาศ และปริมาณไอน้ำส่งผลตอ
ความชื้น ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชื้น และลมส่งผลต่อเมฆ

3. เปรียบเทียบกระบวนการเกิดพาย • พายุฝนฟ้าคะนอง เกิดจากการที่อากาศที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูง
ฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตร้อน เคลื่อนที่ขึ้นสู่ระดับความสูงที่มีอุณหภูมิต่ำลง จนกระทั่งไอน้ำใน

และผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและ อากาศเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้ำ และเกิดตอเนื่องเป็นเมฆ
สิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำเสนอแนว ขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง
ทางการปฏิบัติตนให้เหมาะสมและ ฟ้าแลบฟ้าผ่า ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

ปลอดภัย • พายุหมุนเขตร้อนเกิดเหนือมหาสมุทร หรือทะเลที่น้ำอุณหภูมิสูง
ตั้งแต 26–27 องศาเซลเซียสขึ้นไป ทำให้อากาศที่มีอุณหภูมิและ

ความชื้นสูงบริเวณนั้นเคลื่อนที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นบริเวณกว้าง

อากาศจากบริเวณอื่นเคลื่อนเข้ามาแทนที่ และพัดเวียนเข้าหา
ศูนย์กลางของพายุ ยิ่งใกล้ศูนย์กลางอากาศจะเคลื่อนที่พัดเวียน
เกือบเป็นวงกลม และมีอัตราเร็วสูงที่สุด พายุหมุนเขตร้อนทำให้เกิด
คลื่นพายุซัดฝั่ง ฝนตกหนัก ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและ

ทรัพย์สิน จึงควรปฏิบัติตนให้ปลอดภัยโดยติดตามข่าวสาร การ
พยากรณ์อากาศ และไม่เข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงภัย











12

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
4. อธิบายการพยากรณ์อากาศ และ • การพยากรณ์อากาศเป็นการคาดการณ์ลมฟ้าอากาศที่จะเกิดขึ้น

พยากรณ์อากาศอย่างง่ายจาก ในอนาคตโดยมีการตรวจวัดองค์ประกอบลมฟ้าอากาศ การสื่อสาร
ข้อมูลที่รวบรวมได ้ แลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ประกอบลมฟ้าอากาศระหว่างพื้นที่ การ
วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างคำพยากรณ์อากาศ

5.ตระหนักถึงคุณค่าของการพยากรณ์ • การพยากรณ์อากาศสามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ เช่น
อากาศโดยนำเสนอแนวทางการ การใช้ชีวิตประจำวัน การคมนาคม การเกษตร การป้องกัน และเฝ้า
ปฏิบัติตน และการใช้ประโยชน์จาก ระวังภัยพิบัติทางธรรมชาต ิ
คำพยากรณ์อากาศ

6. อธิบายสถานการณ์และผลกระทบ • ภูมิอากาศโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องโดยปัจจัย
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกจาก ทางธรรมชาติ แต่ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเกิดขึ้นอยาง

ข้อมูลที่รวบรวมได ้ รวดเร็วเนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ในการปลดปล่อยแก๊สเรือน
กระจกสู่บรรยากาศ แก๊สเรือนกระจกที่ถูกปลดปล่อยมากที่สุด
ได้แก่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งหมุนเวียนอยู่ในวัฏจักรคาร์บอน
7. ตระหนักถึงผลกระทบของการ • การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและ

เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกโดย สิ่งแวดล้อม เช่น การหลอมเหลวของน้ำแข็งขวโลก การเพมขนของ
ึ้
ั้
ิ่
นำเสนอแนวทางการปฏิบัติตน ระดับน้ำทะเล การเปลี่ยนแปลงวัฏจักรน้ำ การเกิดโรคอุบัติใหม่และ
ภายใต้การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ อุบัติซ้ำ และการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น มนุษย์จึง
โลก ควรเรียนรู้แนวทางการปฏิบัติตนภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทั้ง
แนวทางการปฏิบัติให้เหมาะสม และแนวทางการลดกิจกรรม ที่
ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก


* สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, ตัวช้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการ



เรยนรูวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. (กรุงเทพมหานคร : โรง
พิมพ์ชุมนมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2560)



















13

คำอธิบายรายวิชา


รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์

กลุ่มสาระการเรียนรู้วทยาศาสตร ์

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เวลา 120 ชั่วโมง/ปี

ศึกษาเกี่ยวกับสารรอบตัว สมบัติของสาร การจำแนกสารด้วยสถานะ เนื้อสาร และขนาดอนุภาคของ
สาร การเปลี่ยนแปลงของสาร สารบริสุทธิ์และสารผสม สมบัติของสารบริสุทธิ์และสารผสม การใช้ความรู้

ทางเคมีให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้สารเคมีในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย การศึกษา
ชีววิทยาโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ศึกษาประเภทโครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบภายในเซลล ์

สิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ ศึกษากระบวนการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ด้วยวิธีการแพร่และ

การออสโมซิส ศึกษาการดำรงชีวิตของพืช กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง การลำเลียงสารในพืช การ
เจริญเติบโตของพืช การสืบพันธุ์ของพืช และเทคโนโลยีชีวภาพของพืช ศึกษาเกี่ยวกับอุณหภูมิและการวัด ผล


ของความร้อนที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสาร การถ่ายโอนความร้อน การดูดกลืนและคายความร้อน สมดล
ความร้อน องค์ประกอบของบรรยากาศ การแบ่งชั้นบรรยากาศ ผลของรังสีจากดวงอาทิตย์ต่อบรรยากาศ
องค์ประกอบของบรรยากาศ ได้แก่ อุณหภูมิอากาศ ความดันอากาศ ความชื้นอากาศ ลม เมฆและฝน พายุฟ้า

คะนอง พายุหมุนเขตร้อน มรสุม การพยากรณ์อากาศ และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก

โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต
การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ

มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม และจริยธรรม



ตัวชี้วด
ว 1.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10 ม.1/11

ม.1/12 ม.1/13 ม.1/14 ม.1/15 ม.1/16 ม.1/17 ม.1/18
ว 2.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10

ว 2.2 ม.1/1

ว 2.3 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7
ว 3.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7



รวม 43 ตัวชี้วัด







14

โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ ม.1


ชื่อหน่วย มาตรฐานการ เวลา
ลำดับที่ สาระสำคัญ
การเรียนรู้ เรียนรู้/ตัวชี้วัด (ชม.)
1. สารรอบตัว ว 2.1 สารรอบตัวประกอบไปด้วยธาตุและสารประกอบ 26
ม.1/1 สารแต่ละชนิดมีสมบัติทางกายภาพและสมบัติทางเคมีที่
ม.1/2 เหมือนและแตกต่างกัน

ม.1/3 ความร้อนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถานะของสาร ซึ่งเป็น
ม.1/4 สมบัติทางกายภาพเปลี่ยนแปลงไป
ม.1/5 สารบริสุทธิ์ คือ สารที่มีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียว

ม.1/6 ประกอบไปด้วยธาตุและสารประกอบ โดยธาตุแบ่งออกเป็น

ม.1/7 ธาตุโลหะ ธาตุกึ่งโลหะ และธาตุอโลหะ ซึ่งธาตุบางชนด
ม.1/8 สามารถแผ่รังสีได้ เรียกว่า ธาตุกัมมันตรังสี เมื่อธาตุมากกว่า

ม.1/9 หนึ่งชนิดมารวมกันทางเคมีกลายเป็นสารประกอบที่มีสมบัต ิ

ม.1/10 แตกต่างไปจากธาตเดิมที่เป็นองค์ประกอบ
สารมากกวาหนงชนดมาผสมกันเรียกวา สารผสม บางชนดผสม



ึ่

ื้
เป็นเนื้อเดียวกัน เรียกว่า สารละลาย บางชนิดผสมไม่เป็นเนอ
เดียวกัน เช่น สารแขวนลอย คอลลอยด์ เป็นต้น
2. หน่วยของ ว 1.2 สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีเซลล์เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดเป็น 12
สิ่งมีชีวิต ม.1/1 องค์ประกอบ ซึ่งสิ่งมีชีวิตบางชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได ้
ม.1/2 เพียงเซลล์เดียว บางชนิดจำเป็นต้องมีหลายเซลล์มารวมกัน
ม.1/3 เป็นเนื้อเยื่อ ซึ่งมีรูปร่างและหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่ง
ม.1/4 องค์ประกอบพื้นฐานของเซลล์ ได้แก่ นิวเคลียส ไซโตพลาซึม

ม.1/5 และเยื่อหุ้มเซลล์
กระบวนการแพร่และออสโมซิสเป็นกระบวนการที่สิ่งมีชีวต

ใช้ลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์
3. การดำรงชีวิตของ ว 1.2 พืชดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนประกอบต่าง ๆ ดังน ี้ 22


พืช ม.1/6 ใบไม้ มีคลอโรพลาสต์ที่มีสารคลอโรฟิลล์ซึ่งเกี่ยวของกับ
ม.1/7 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงโดยมีแก๊ส

ม.1/8 คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็นสารตั้งต้น และไดน้ำตาล
ม.1/9 กลูโคส และแก๊สออกซิเจนเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งจำเป็นต่อการ
ม.1/10 ดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต รากและลำต้น ประกอบไปด้วย
ม.1/11 เนื้อเยื่อลำเลียงไซเล็ม ทำหน้าทดูดน้ำและแร่ธาตุ โดยอาศัย
ี่
ม.1/12 กระบวนการแพร่และออสโมซิส เนื้อเยื่อลำเลียงโฟลเอ็ม

ม.1/13 ทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร โดยอาศัยกระบวนการทรานสโล
ม.1/14 เคชั่น
ม.1/15



15

ชื่อหน่วย มาตรฐานการ เวลา
ลำดับที่ สาระสำคัญ
การเรียนรู้ เรียนรู้/ตัวชี้วัด (ชม.)
ม.1/16
ม.1/17 ดอกไม้ เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ของพืช เมื่อถูกผสมเกสร ดอก

ม.1/18 จะเจริญกลายเป็นผลซึ่งภายในมีเมล็ด ทำหน้าที่กระจายพนธ ุ์
พืช โดยพืชต้นใหม่จะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากต้นพ่อแม่
พืชสามารถขยายพันธุ์ โดยใช้ส่วนโครงสร้างพิเศษต่าง ๆ
ของพืช เช่น ราก ลำต้น ใบ และมนุษย์สามารถนำส่วนต่าง ๆ

ของพืชมาขยายพันธุ์ได้ เช่น การปักชำ การติดตา การตอนกิ่ง
เป็นต้น ซึ่งพืชต้นใหม่จะมีลักษณะไม่แตกต่างไปจากต้นพ่อแม่
มนุษย์นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับพืช เช่น
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช การดัดแปรพันธุกรรมพืช เป็นตน

เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย ์
4. พลังงานความร้อน ว 2.3 อุณหภูมิ คือ ระดับความร้อนของสาร สามารถวัดไดโดยใช้ 21

ม.1/1 อุปกรณ์ที่เรียกว่า เทอร์มอมิเตอร์
ม.1/2 เทอร์มอมิเตอร์มีอยู่หลายแบบ เช่น เทอร์มอมิเตอร์

ม.1/3 แบบกระเปาะ เทอร์มอมิเตอร์แบบดิจิทัล เป็นตน
ม.1/4 ขั้นตอนการใช้เทอร์มอมิเตอร์แบบกระเปาะ คือ จุ่มเทอร์

ม.1/5 มอมิเตอร์ด้านกระเปาะลงในสารที่ต้องการวัด โดยให้
ม.1/6 เทอร์มอมิเตอร์อยู่ในแนวดิ่ง แล้วอ่านค่าอุณหภูมิโดยให้
ม.1/7 สายตาอยู่ระดับเดียวกับระดับของเหลวในเทอร์มอ

มิเตอร์
หน่วยวัดอุณหภูมิมีอยู่หลายหนวย ซึ่งแต่ละหนวยจะมี


จุดเยือกแข็งและจุดเดือดแตกต่างกัน หากต้องการ
เปรียบเทียบค่าอุณหภูมิระหว่างหน่วยวัดอุณหภูมิจะได ้

สมการ ดังน ี้
C/5 = (K-273)/5 = (F-32)/9 = R/4
สารเมื่อได้รับความร้อนอาจมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ

สถานะ หรือรูปร่างของสาร
ความร้อนที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสาร
ขึ้นอยู่กับมวล ความร้อนจำเพาะ และอุณหภูมิที่

เปลี่ยนแปลงไป โดยสถานะของสารไม่เปลี่ยนแปลง
ความร้อนที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสถานะของสารขึ้นอย ู่
กับมวล และความร้อนแฝงจำเพาะ โดยที่อุณหภูมิของสารไม่

เปลี่ยนแปลง
ความร้อนที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของสาร
เมื่อสารได้รับความร้อนจะทำให้อนุภาคเคลื่อนที่เร็วขึ้น




16

ชื่อหน่วย มาตรฐานการ เวลา
ลำดับที่ สาระสำคัญ
การเรียนรู้ เรียนรู้/ตัวชี้วัด (ชม.)
ทำให้เกิดการขยายตัว ส่งผลให้ขนาดและรูปร่าง
เปลี่ยนแปลงไป
สารที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน จะมีการถ่ายโอนความ

ร้อนระหว่างกัน การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คือ การ
นำ ความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีความ

ร้อน
การนำความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัย
ตัวกลาง โดยตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อนเป็น
การถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยตัวกลางมี
การเคลื่อนที่ ส่วนการแผ่รังสีความร้อนเป็นการถายโอน

ความร้อนที่ไม่อาศัยตัวกลาง
วัตถุเมื่อได้รับความร้อนจะดูดกลืนพลังงานความร้อน
และแผ่รังสีความร้อนออกมา วัตถุชนิดต่าง ๆ จะมีการ

ดูดกลืนและคายความร้อนได้แตกต่างกัน ซึ่งปัจจัยที่มีผล
ต่อการดูดกลืนและคายรังสีความร้อน มีดังน ี้
1. สี วัตถุที่มีสีเขม จะดูดกลืนและคายความร้อนไดดกวา ่



วัตถุที่มีสีอ่อน

2. อุณหภูมิ วัตถุที่มีอุณหภูมิแตกตางกับสิ่งแวดล้อมมาก
จะดูดกลืนและคายความร้อนได้เร็วกว่าวัตถุที่มีอุณหภูมิ
แตกต่างกับสิ่งแวดล้อมน้อย

3. ผิวของวัตถุ วัตถุที่มีผิวหยาบและด้าน จะดูดกลืน
และคายความร้อนได้ดีกว่าวัตถุที่มีผิวเรียบและมัน
4. พื้นที่ผิว วัตถุที่มีพื้นที่ผิวมาก จะดูดกลืนและคาย
ความร้อนได้ดีกว่าวัตถุที่มีพื้นที่ผิวน้อย

สารที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันเกดการถายโอนความร้อน


ระหว่างกันจนกระทั่งอุณหภูมิของสารเท่ากัน เรียก
ึ้
สภาพนี้ว่า สมดุลความร้อน โดยความร้อนที่เพิ่มขน
ของสารหนึ่ง จะเท่ากับความร้อนที่ลดลงของอีก
สารหนึ่งซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน การถ่าย
โอนความร้อนจนเกิดสมดุล ความร้อนเป็นไปตาม
สมการ Q สูญเสีย = Q ได้รับ

5. บรรยากาศ ว. 2.2 บรรยากาศ คือ ชั้นแก๊สชนิดต่าง ๆ หรืออากาศที่ห่อหุ้มดาว 23

ม.1/1 เคราะห์ทั้งหมด ซึ่งประกอบไปด้วยอากาศแห้งที่ไม่มีน้ำเป็น
ว. 3.2 องค์ประกอบ ไอน้ำ และอนุภาคฝุ่นต่าง ๆ
ม.1/1 บรรยากาศแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ตามสภาวะของอุณหภูมิ ดังน ี้




17

ชื่อหน่วย มาตรฐานการ เวลา
ลำดับที่ สาระสำคัญ
การเรียนรู้ เรียนรู้/ตัวชี้วัด (ชม.)

ม.1/2 1. ชั้นโทรโพสเฟียร์ (troposphere) มีปรากฏการณ์ทางลมฟา
อากาศ อุณหภูมิลดลงตามระดับความสูง
2. สตราโทสเฟียร์ (stratosphere) มีชั้นโอโซนช่วยดูดกลืนรังสี

อัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามระดบความสูง

3. มีโซสเฟียร์ (mesosphere) ช่วยให้เกิดการเผาไหม้ ของวัตถ ุ
นอกโลก อุณหภูมิลดลงตามระดบความสูง

4. เทอร์โมสเฟียร์ (thermosphere) มีโมเลกุลที่แตกตัวเป็น
ไอออนช่วยสะท้อนคลื่นวิทยุ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามระดับความสูง
5. เอกโซสเฟียร์ (exosphere) เหมาะสำหรับการโคจรของ


ดาวเทียมรอบโลกในระดับตำ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามระดบความสูง
ึ่
ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศ ณ พื้นที่หนึ่งในเวลาหนง
ซึ่งลมฟ้าอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับ

องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิอากาศ ความดน
อากาศ ความชื้นอากาศ ลม เมฆ และฝน
อุณหภูมิอากาศ หมายถึง ระดับความร้อน-เย็นของอากาศ

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออุณหภูมิอากาศ คือ แสงจากดวงอาทิตย ปริมาณ
เมฆ ลักษณะพื้นที่ และความสูงจากระดับน้ำทะเล

ความชื้นอากาศ คือ ปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ ปัจจัยที่ส่งผล
ต่อความชื้นอากาศ คือ ไอน้ำในอากาศและอุณหภูมิอากาศ

ความดันอากาศ คือ แรงที่อากาศกระทำต่อหนึ่งหนวยพื้นที่
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความดันอากาศ คือ จำนวนโมเลกุลของอากาศ
อุณหภูมิอากาศ และความสูงจากระดบนำทะเล


ลม คือ การเคลื่อนที่ของอากาศ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดลม คือ
ความดันอากาศหรืออุณหภูมิอากาศ

เมฆ คือ ละอองน้ำหรือน้ำแข็งในอากาศที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน
ปัจจัยที่ส่งผล คือ ความดันอากาศและความชื้นอากาศ
ฝน คือ ละอองน้ำขนาดใหญ่ที่ตกลงสู่พนดน ปัจจัยที่ส่งผล คือ

ื้
ความดันอากาศและความชื้นอากาศ
6. บรรยากาศ 2 ว 3.2 องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้เกิด 16

ม.1/3 ปรากฏการณ์ตาง ๆ ได้แก่ มรสุม พายุฟ้าคะนอง พายุหมุน เขต
ม.1/4 ร้อน เป็นต้น
ม.1/5 มรสุม เป็นการหมุนเวียนของลมตามฤดูกาล แบ่งออกเป็น

ม.1/6 มรสุมฤดูร้อนและมรสุมฤดูหนาว มรสุมฤดูร้อนเกิดจากพื้นทวีป

ื้

ม.1/7 ร้อนกว่า พื้นมหาสมุทร มรสุมฤดูหนาวเกิดจากพนทวปเยนกวา ่

ื้
พื้นมหาสมุทร ลมจึงพัดจากพื้นทวปไปยังพนมหาสมุทร
18

ชื่อหน่วย มาตรฐานการ เวลา
ลำดับที่ สาระสำคัญ
การเรียนรู้ เรียนรู้/ตัวชี้วัด (ชม.)
พายุฟ้าคะนอง เกิดขึ้นในวันที่อากาศร้อนจัด ทำให้เกิดการ

ระเหยของน้ำปริมาณมาก เกิดเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส แล้วเกด
การกลั่นตัวเป็นฝน เกิดลมกรรโชก ฟ้าแลบ ฟ้าร้องและฟ้าผ่า
พายุหมุนเขตร้อน เกิดขึ้นเหนือมหาสมุทร โดยอากาศบริเวณ
ที่เกิดพายุจะมีความดันอากาศต่ำ อากาศลอยตัวสูงขึ้น อากาศ
บริเวณรอบข้างเข้ามาแทนที่ ประกอบกับการหมุนรอบตัวเอง

ของโลก ทำให้เกิดเป็น พายุหมุน



การพยากรณ์อากาศ เป็นการคาดหมายสภาวะของลมฟา
อากาศ และปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาข้างหน้า โดย
ตรวจวัดองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ การสื่อสารแลกเปลี่ยน
ข้อมูลลมฟ้าอากาศระหว่างพื้นที่ การวิเคราะห์ข้อมูล และสร้าง
คำพยากรณ์อากาศ ซึ่งเกณฑ์ในการพยากรณ์อากาศของกรม


อุตุนิยมวิทยา ได้แก่ เกณฑ์อากาศร้อน เกณฑ์อากาศเยน เกณฑ ์
การกระจายของฝน เกณฑ์ปริมาณฝน เกณฑ์ปริมาณเมฆ ใน
ท้องฟ้า เกณฑ์สถานะของทะเล ร่องมรสุม ลมพัดรอบบริเวณ

ความกดอากาศสูง บริเวณความกดอากาศต่ำ เป็นต้น
แผนที่อากาศ เป็นแผนที่แสดงสภาพลมฟ้าอากาศในช่วงเวลา

หนึ่ง ข้อมูลในแผนที่อากาศจะนำไปใช้ในการพยากรณ์อากาศ
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกส่งผลกระทบตอสิ่งมีชีวต และ


สิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันภูมิอากาศโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอยาง

รวดเร็ว เช่น การหลอมเหลวของน้ำแข็งขั้วโลก การเพิ่มขึ้นของ


ระดับน้ำทะเล การเปลี่ยนแปลงวฏจักรนำ การเกิดโรคอุบัตใหม่

ึ้
และอุบัติซ้ำ และการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงขน เป็น
ผลมาจากการกระทำของมนุษย์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งมี
สาเหตุมาจากภาวะเรือนกระจกและรูโหว่โอโซน มนุษย์จึงควร
เรียนรู้แนวทางปฏิบัตตนภายในสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งแนวทาง

ปฏิบัติตนให้เหมาะสม และแนวทางลดกิจกรรมที่ส่งผลต่อการ

เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก











19

Pedagogy


สื่อการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม. 1 ผู้จัดทำได้ออกแบบการสอน (Instructional Design)

ู้

อันเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนทเปี่ยมด้วยประสทธิภาพและมีความหลากหลายให้กับผเรียน
ี่
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด รวมถึงสมรรถนะและคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่หลักสูตรกำหนดไว้ โดยครูสามารถนำไปใช้จัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนได้อย่างมี

ประสิทธิภาพ ซึ่งในรายวิชานี้ ได้นำรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) มา
ใช้ในการออกแบบการสอน ดังนี้



รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)


ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อ

ช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คด


สร้างสรรค คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหา
ความรู้ และมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ผู้จัดทำ

จึงได้เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es
Instructional Model) ซึ่งเป็นขั้นตอนการเรยนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนไดมี


โอกาสสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและการลงมือ
ทำ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อการ

พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการเรียนรู้
ี่
แห่งศตวรรษท 21
วิธีสอน (Teaching Method)

ผู้จัดทำเลือกใช้วิธีสอนที่หลากหลาย เช่น การทดลอง การสาธิต การอภิปรายกลุ่มย่อย เป็นต้น เพื่อ
ส่งเสริมการเรียนรู้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ให้เกิดประสิทธิภาพ

มากที่สุด ซึ่งจะเน้นใช้วิธีสอนโดยใช้การทดลองมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวิธีสอนที่มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิด
องค์ความรู้จากประสบการณ์ตรงโดย การคิดและการลงมือทำด้วยตนเอง อันจะช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้และเกิด
ทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่คงทน

เทคนิคการสอน (Teaching Technique)

ผู้จัดทำเลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเรื่องที่เรียน เพื่อส่งเสริมวิธีสอนให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้คำถาม การเล่นเกม เพื่อนช่วยเพื่อน เป็นต้น ซึ่งเทคนิคการสอนต่างๆ จะช่วย

ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขในขณะที่เรียนและสามารถปฏิบัติกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งได้พัฒนาทักษะในศตวรรษท 21 อีกด้วย
ี่





20

โครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1



เวลา 60 ชั่วโมง

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ แผนการจัดการเรียนรู้ การสอน/ ทักษะที่ได ้ การประเมิน เวลา
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
1. สารรอบตัว แผนที่ 1 สารและการ แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจ 4
จำแนกสาร ความรู้ สังเกต แบบทดสอบก่อน
(5Es - ทักษะการจัด เรียน

structional กลุ่ม - ตรวจใบงานที่
Model) - ทักษะการ 1.1 เรื่อง การ
เปรียบเทียบ จำแนกสาร

- ทักษะการ - ตรวจใบงานที่
จำแนก 1.2 เรื่อง สาร
ประเภท รอบตัว

- ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกหัดใน

สำรวจ แบบฝึกหัดวทยฯ

ม.1 เล่ม 1
• สังเกตพฤติกรรม
การปฏิบัติการ
จากการทำ
กิจกรรม

• สังเกตพฤติกรรม
การทำงานราย
กลุ่ม

แผนที่ 2 การเปลี่ยนแปลง แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจใบงานที่ 4
ของสาร ความรู้ สังเกต 1.3 เรื่อง ความ
(5Es - ทักษะการ ร้อนกับการ
Instructional ระบุ เปลี่ยนสถานะ

Model) - ทักษะการ ของสาร
เชื่อมโยง - ตรวจแบบฝึกหัดใน

- ทักษะการ แบบฝึกหัดวทยฯ

จำแนก ม.1 เล่ม 1
ประเภท





21

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
- ทักษะการนำ • สังเกตพฤติกรรม
ความรู้ไปใช้ การปฏิบัติการ

จากการทำ
กิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรม

การทำงาน
รายบุคคล


แผนที่ 3 สารบริสุทธ ิ์ แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกหัดใน 5


ความรู้ สังเกต แบบฝึกหัดวทยฯ
(5Es - ทักษะการ ม.1 เล่ม 1
Instructional ระบุ - สังเกตพฤติกรรม

Model) - ทักษะการ การทำงานราย
เปรียบเทียบ กลุ่ม
- ทักษะการ

จำแนก
ประเภท
- ทักษะการ
สำรวจค้นหา

- ทักษะการ
รวบรวมข้อมูล
- ทักษะการ

สรุปย่อ
- ทักษะการนำ
ความรู้ไปใช้



















22

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
แผนที่ 4 ธาตุกัมมันตรังสี แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจใบงานที่ 1.4 2
ความรู้ สังเกต เรื่อง ธาต ุ

(5Es - ทักษะการ กัมมันตรังสี
Instructional ระบุ - ตรวจแบบฝึกหัดใน


Model) - ทักษะการ แบบฝึกหัดวทยฯ
เปรียบเทียบ ม.1 เล่ม 1
- ทักษะการ - สังเกตพฤติกรรม
จำแนก การทำงานราย

ประเภท กลุ่ม
- ทักษะการ - ประเมินการ
สำรวจค้นหา นำเสนอใบงาน
- ทักษะการ

รวบรวมข้อมูล
- ทักษะการ
สรุปย่อ

- ทักษะการนำ
ความรู้ไปใช้
แผนที่ 5 สารประกอบ แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจใบงานที่ 1.5 2
ความรู้ สังเกต เรื่อง สารประกอบ

(5Es - ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกหัดใน

Instructional ระบุ แบบฝึกหัดวทยฯ

Model) - ทักษะการ ม.1 เล่ม 1
เปรียบเทียบ - สังเกตพฤติกรรม
- ทักษะการ การทำงานราย
จำแนก กลุ่ม
ประเภท - ประเมินการ

- ทักษะการ นำเสนอใบงาน
สำรวจค้นหา
- ทักษะการ

รวบรวมข้อมูล







23

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
แผนที่ 6 สารผสม แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจใบงานที่ 4
ความรู้ สังเกต 1.6 เรื่อง สาร

(5Es - ทักษะการ ผสม
Instructional ระบุ - ประเมินผลงาน
Model) - ทักษะการจัด แผนผังมโนทัศน์

กลุ่ม เรื่อง สารบริสุทธิ์
- ทักษะการ และสารผสม
เปรียบเทียบ - ตรวจแบบฝึกหัดใน

- ทักษะการ แบบฝึกหัดวทยฯ


จำแนก ม.1 เล่ม 1
ประเภท - สังเกตพฤติกรรม
- ทักษะการ การทำงาน

เชื่อมโยง รายบุคคล
- ทักษะการให้ - สังเกตพฤติกรรม
เหตุผล การทำงานราย

- ทักษะการ กลุ่ม
สำรวจ - ประเมินการ
- ทักษะการ นำเสนอใบงาน
สรุปย่อ

- ทักษะการ
รวบรวมข้อมูล
แผนที่ 7 สมบัตของสาร แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ประเมินผลงาน 5

บริสุทธิ์และสาร ความรู้ สังเกต แผนผังมโนทัศน์
ผสม (5Es - ทักษะการ เรื่อง สารบริสุทธ ิ์
Instructional ระบุ และสารผสม
Model) - ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกหัด

เปรียบเทียบ - ตรวจ
- ทักษะการ แบบทดสอบท้าย
จำแนก หน่วยที่ 1

ประเภท - ตรวจแบบฝึกหัด
- ทักษะการ ท้ายเล่ม
เชื่อมโยง



24

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
- ตรวจ
แบบทดสอบหลัง

เรียน
- ประเมินการ
นำเสนอผลงาน

จากกิจกรรม
group activity
- สังเกตพฤติกรรม

การทำงานกลุ่ม
- สังเกต
คุณลักษณะอัน
พึงประสงค์

2. หนวยของ แผนที่ 1 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจ 5

สิ่งมีชีวิต ความรู้ สังเกต แบบทดสอบก่อน
(5Es - ทักษะการ เรียน

Instructional สำรวจค้นหา - ตรวจใบงานที่ 2.1
Model) - ทักษะการ เรื่อง เซลล์ของ
วิเคราะห์ สิ่งมีชีวิต
- ตรวจแบบฝึกหัดใน



แบบฝึกหัดวทยฯ
ม.1 เล่ม 1
แผนที่ 2 เซลล์พืชและเซลล์ แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกหัดใน 4



สัตว ์ ความรู้ สังเกต แบบฝึกหัดวทยฯ
(5Es - ทักษะการ ม.1 เล่ม 1
Instructional ระบุ - ประเมินแผ่นพับ
Model) - ทักษะการ เรื่อง เซลล์พืช

เปรียบเทียบ และเซลล์สัตว ์
- ทักษะการ - สังเกตพฤติกรรม

จำแนก การทำงานราย
ประเภท กลุ่ม
- ประเมินการ
นำเสนอใบงาน



25

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
แผนที่ 3 การแพร่และ แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ประเมินรายงาน 3

ออสโมซิส ความรู้ สังเกต เรื่อง การแพร่และ
(5Es - ทักษะการ การออสโมซิส
Instructional ระบุ - ตรวจ self
Model) - ทักษะการ check และ Unit

เปรียบเทียบ Question
- ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกท้าย
รวบรวมข้อมูล หนวยการเรียนรู้ที่

- ทักษะการ 2
เชื่อมโยง - สังเกตพฤติกรรม
การปฏิบัติการ
จากการทำ

กิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม

- สังเกต
คุณลักษณะอัน
พึงประสงค์
- ตรวจ

แบบทดสอบหลัง
เรียน


3. การ แผนที่ 1 การสังเคราะห์ แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ -ตรวจแบบทดสอบ 4
ดำรงชีวิตของ ด้วยแสง ความรู้ สังเกต ก่อนเรียน
พืช (5Es - ทักษะการจัด -ตรวจใบงานที่ 3.1
Instructional กลุ่ม เรื่อง การ

Model) - ทักษะการ สังเคราะห์ด้วย
เปรียบเทียบ แสงของพืช
- ทักษะการ - ตรวจกิจกรรมท้า

จำแนก ทายความคิดขั้น
ประเภท สูง





26

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
- ประเมินรายงาน
เรื่อง ปัจจัยที่

จำเป็นต่อ
กระบวนการ
สังเคราะห์ด้วย

แสง
- ประเมินรายงาน
เรื่อง ผลผลิตที่

เกิดจาก
กระบวนการ
สังเคราะห์ด้วย
แสง

• สังเกตพฤติกรรม
การปฏิบัติการ
จากการทำ

กิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม


































27

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
แผนที่ 2 การลำเลียงสารใน แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจใบงานที่ 5
พืช ความรู้ สังเกต 3.2 เรื่อง การ

(5Es - ทักษะการ ลำเลียงน้ำและแร่
Instructional ระบุ ธาตุของพืช
Model) - ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกหัดใน



เปรียบเทียบ แบบฝึกหัดวทยฯ
- ทักษะการ ม.1 เล่ม 1
จำแนก • สังเกตพฤติกรรม

ประเภท การปฏิบัติการ
จากการทำ
กิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรม

การทำงานกลุ่ม

แผนที่ 3 การเจริญเติบโต แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจใบงานที่
ของพืช ความรู้ สังเกต 3.3 เรื่อง ปัจจัยที่
(5Es - ทักษะการ มีผลต่อการ 3
Instructional ระบุ เจริญเติบโตของ

Model) - ทักษะการ พืช
เปรียบเทียบ - ตรวจการ
- ทักษะการนำ ออกแบบสถานที่

ความรู้ไปใช้ ที่เหมาะสมต่อ
การปลูกต้นพริก
- ตรวจแบบฝึกหัดใน

แบบฝึกหัดวทยฯ

ม.1 เล่ม 1
- ประเมินการ
ออกแบบการ

ปฏิบัติการ
• สังเกตพฤติกรรม
การปฏิบัติการ
จากการทำ

กิจกรรม


28

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
- สังเกตพฤตกรรม

การทำงาน

รายบุคคล
- สังเกตพฤตกรรม

การทำงานรายกลุ่ม

- สังเกต
คุณลักษณะอัน
พึงประสงค์

แผนที่ 4 การสืบพันธุ์แบบ แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ประเมินรายงาน 2
ไม่อาศัยเพศของ ความรู้ สังเกต เรื่อง การ

ุ์
พืช (5Es - ทักษะการจัด ขยายพนธพืชแบบ
Instructional กลุ่ม ไม่อาศัยเพศ
Model) - ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกหัดใน


เปรียบเทียบ แบบฝึกหัดวทยฯ
- ทักษะการ ม.1 เล่ม 1
จำแนก - ประเมินผลงาน
ประเภท การขยายพันธุ์พืช
- ทักษะการนำ แบบไม่อาศัยเพศ
ความรู้ไปใช้ ของพืช

แผนที่ 5 การสืบพันธุ์แบบ แบบสืบเสาะหา - ทักษะการ - ตรวจแบบฝึกหัดใน 5
อาศัยเพศของพืช ความรู้ สังเกต แบบฝึกหัดวทยฯ


(5Es - ทักษะการจัด ม.1 เล่ม 1
Instructional กลุ่ม - ประเมินการ
Model) - ทักษะการ นำเสนอผลงาน
เปรียบเทียบ - ประเมินชิ้นงาน
- ทักษะการ การงอกของเมล็ด

จำแนก - ประเมินชิ้นงาน
ประเภท โครงสร้างของ

- ทักษะการ เมล็ด
ระบุ - สังเกตพฤติกรรม
- ทักษะการนำ การทำงาน
ความรู้ไปใช้ รายบุคคล



29

แนวคิด/รูปแบบ
หน่วยการ การสอน/ เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ ทักษะที่ได ้ การประเมิน
เรียนรู้ วิธีการสอน/ (ชั่วโมง)

เทคนิค
แผนที่ 6 เทคโนโลยีชีวภาพ แบบสืบเสาะหา - ทักษะสำรวจ - ประเมินชิ้นงาน 3

ของพืช ความรู้ ค้นหา เรื่อง ฟาร์มในฝัน
(5Es - ทักษะการ ของฉัน
Instructional รวบรวมข้อมูล - ตรวจแบบฝึกหัด
Model) - ทักษะการนำ วิทย์ ฯ ม.1 เล่ม

ความรู้ไปใช้ 1
- ประเมินผลงาน
จากการทำ

กิจกรรม group
activity
- ประเมิน self -
check และ

Unit Question
- ตรวจ
แบบทดสอบหลัง

เรียน
- ตรวจ
แบบทดสอบท้าย
หน่วยที่ 3

- ประเมินการ
นำเสนอผลงาน
- สังเกตพฤติกรรม

การทำงานราย
กลุ่ม
- สังเกต
คุณลักษณะอัน

พึงประสงค์










30

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1



สารรอบตัว


เวลา 26 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ


โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาตของการเปลี่ยนแปลงสถานะ
ของสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี

ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบัตทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดย

ใช้หลักฐานเชิงประจกษ์ที่ได้จากการสังเกตและการทดสอบ และใช้สารสนเทศที่ได้จาก

แหล่งข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งจัดกลุ่มธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ


ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุกัมมันตรังสีที่มีตอ
สิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม จากข้อมูลที่รวบรวมได ้

ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมมันตรังสี โดย

เสนอ แนวทางการใช้ธาตุอย่างปลอดภัยและคุ้มค่า
ว 2.1 ม.1/4 เปรียบเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธิ์และสารผสม โดยการวัด

อุณหภูมิ เขียนกราฟ แปลความหมายข้อมูลจากกราฟหรือสารสนเทศ

ว 2.1 ม.1/5 อธิบายและเปรียบเทียบความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสารผสม
ว 2.1 ม.1/6 ใช้เครื่องมือวัดมวลและปริมาตรของสารบริสุทธิ์และสารผสม

ว 2.1 ม.1/7 อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ โดยใช ้

แบบจำลองและสารสนเทศ
ว 2.1 ม.1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน โดย

ใช้แบบจำลอง
ว 2.1 ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และ

การเคลื่อนที่ของอนุภาคของสสารชนิดเดยวกันในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยใช ้

แบบจำลอง
ว 2.1 ม.1/10 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร

โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และแบบจำลอง







31

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง

1) สสารทุกชนิดประกอบด้วยอนุภาค โดยสารชนิดเดยวกันที่มีสถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส จะ
มีการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค การเคลื่อนที่ของอนุภาคแตกต่างกัน ซึ่งมี

ผลต่อรูปร่างและปริมาตรของสสาร
2) อนุภาคของของแข็งเรียงชิดกัน มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมากที่สุด อนุภาคสั่นอยู่กับที่ ทำ

ให้มีรูปร่างและปริมาตรคงที่
3) อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กัน มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยกว่าของแข็งแต่มากกว่าแก๊ส

อนุภาคเคลื่อนที่ได้แต่ไม่เป็นอิสระเท่าแก๊ส ทำให้มีรูปร่างไม่คงที่ แต่ปริมาตรคงที่

4) อนุภาคของแก๊สอยู่ห่างกันมาก มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยที่สุด อนุภาคเคลื่อนที่ได้
ี่
อย่างอิสระทุกทิศทาง ทำให้มีรูปร่างและปริมาตรไม่คงท
5) ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อให้ความร้อนแก่ของแข็ง อนุภาคของของแข็ง

จะมีพลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งของแข็งจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยน
สถานะเป็นของเหลว เรียกความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลวว่า

ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว และอุณหภูมิขณะเปลี่ยนสถานะจะคงที่ เรียกอุณหภูมินี้ว่า
จุดหลอมเหลว

6) เมื่อให้ความร้อนแก่ของเหลว อนุภาคของของเหลวจะมีพลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึงระดบ

หนึ่ง ซึ่งของเหลวจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส เรียกความร้อนที่ใช้ในการ
เปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊สว่า ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ และอุณหภูมิขณะ

เปลี่ยนสถานะจะคงที่ เรียกอุณหภูมินี้ว่า จุดเดือด
7) เมื่อทำให้อุณหภูมิของแก๊สลดลงจนถึงระดับหนึ่งแก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียก

อุณหภูมินี้ว่า จุดควบแน่น ซึ่งมีอุณหภูมิเดียวกับจุดเดือดของของเหลวนั้น

8) เมื่อทำให้อุณหภูมิของของเหลวลดลงจนถึงระดับหนึ่ง ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง
เรียกอุณหภูมินี้ว่า จุดเยือกแข็ง ซึ่งมีอุณหภูมิเดียวกับ จุดหลอมเหลวของของแข็งนั้น

9) ธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติเฉพาะตัวและมีสมบัติ ทางกายภาพบางประการเหมือนกันและบาง


ประการต่างกัน ซึ่งสามารถนำมาจัดกลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ธาตุโลหะมีจด
เดือด จุดหลอมเหลวสูง มีผิวมันวาว นำความร้อน นำไฟฟ้า ดึงเป็นเส้น หรือตีเป็นแผ่นบาง ๆ

ได้ และมีความหนาแน่นทั้งสูงและต่ำ ธาตุอโลหะ มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวต่ำ มีผิวไม่มันวาว

ไม่นำความร้อน ไม่นำไฟฟ้า เปราะแตกหักง่าย และมีความหนาแน่นต่ำ ธาตุกึ่งโลหะมีสมบัต ิ
บางประการเหมือนโลหะ และสมบัติบางประการเหมือนอโลหะ


10) ธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ที่สามารถแผ่รังสีได้ จัดเป็นธาตุกัมมันตรังส



32

11) ธาตุมีทั้งประโยชน์และโทษ การใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมมันตรังสี ควรคำนึงถึง
ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม

12) สารบริสุทธิ์แบ่งออกเป็นธาตุและสารประกอบ ธาตุประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กที่สุดที่ยังแสดง

สมบัติของธาตุนั้นเรียกว่า อะตอม ธาตุแต่ละชนิดประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียวและไม่
สามารถแยกสลายเป็นสารอื่นได้ด้วยวิธีทางเคมี ธาตุเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ธาตุ สารประกอบ

เกิดจากอะตอมของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปรวมตัวกันทางเคมีในอัตราส่วนคงที่ มีสมบัติแตกต่าง

ี่
จากธาตุทเป็นองค์ประกอบ สามารถแยกเป็นธาตุได้ด้วยวิธีทางเคมี ธาตุและสารประกอบ
สามารถเขียนแทนได้ด้วยสูตรเคมี

13) อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน โปรตอนมีประจุไฟฟ้าบวก ธาตุชนิด
เดียวกันมีจำนวนโปรตอนเท่ากันและเป็นค่าเฉพาะของธาตุนั้น นิวตรอนเป็นกลางทางไฟฟ้า


ส่วนอิเล็กตรอนมีประจุไฟฟ้าลบ เมื่ออะตอมมีจำนวนโปรตอนเทากับจำนวนอิเล็กตรอน จะเป็น
กลางทางไฟฟ้า โปรตอน และนิวตรอนรวมกันตรงกลางอะตอม เรียกว่า นิวเคลียส ส่วน
อิเล็กตรอนเคลื่อนที่อยู่ในที่ว่างรอบนิวเคลียส



14) สารบริสุทธิ์ประกอบดวยสารเพียงชนิดเดียว ส่วนสารผสมประกอบดวยสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป

สารบริสุทธิ์แตละชนิดมีสมบัติบางประการที่เป็นค่าเฉพาะตัว เช่น จุดเดือดและจุดหลอมเหลว
ี่

คงท แต่สารผสมมีจดเดอดและจดหลอมเหลวไม่คงท ขึ้นอยู่กับชนิดและสดสวนของสารทผสม

ี่



ี่
อยู่ด้วยกัน
ี่
15) สารบริสุทธิ์แต่ละชนิดมีความหนาแน่น หรือมวลต่อหนึ่งหน่วยปริมาตรคงทเป็นค่าเฉพาะของ
สารนั้น ณ สถานะและอุณหภูมิหนึ่ง แต่สารผสมมีความหนาแน่นไม่คงที่ขึ้นอยู่กับชนิดและ
สัดส่วนของสารที่ผสมอยู่ด้วยกัน
2.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา)


3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

สารรอบตัวประกอบไปด้วยธาตุและสารประกอบ ซึ่งสารแต่ละชนิดมีสมบัติทางกายภาพและสมบัต ิ

ทางเคมี ที่เหมือนและแตกต่างกัน โดยความร้อนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถานะ ซึ่งเป็นสมบัติทาง
กายภาพของสารเปลี่ยนแปลงไป สารที่มีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียว เรียกว่า สารบริสุทธิ์ ประกอบไป

ด้วยธาตุและสารประกอบธาตุแบ่งออกเป็นธาตุโลหะ ธาตุกึ่งโลหะ และธาตุอโลหะ นอกจากนี้ธาตุบาง

ชนิดสามารถแผ่รังสีได้ เรียกว่า ธาตุกัมมันตรังสี เมื่อธาตุมากกว่าหนึ่งชนิดมารวมกันทางเคมีท่มีสมบัต ิ

แตกต่างไปธาตุเดิมที่เป็นองค์ประกอบเรียกว่าสารประกอบ เมื่อสารมากกว่าหนึ่งชนิดมาผสมกัน เรียกว่า

สารผสม บางชนิดผสมกันแล้วมองเห็นเป็นเนื้อเดียวกัน เรียกว่า สารละลาย บางชนิดผสมแล้วมองไม่
เห็นเป็นเนื้อเดียวกัน ได้แก่ สารแขวนลอย และคอลลอยด์


33

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมั่นในการทำงาน
2) ทักษะการจัดกลุ่ม

3) ทักษะการเปรียบเทียบ

4) ทักษะการจำแนกประเภท
5) ทักษะการสำรวจ

6) ทักษะการเชื่อมโยง
7) ทักษะการระบุ

8) ทักษะการสำรวจค้นหา

9) ทักษะการสรุปย่อ
10) ทักษะการนำความรู้ไปใช ้

11) ทักษะการรวบรวมข้อมูล


3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ผังมโนทัศน์ เรื่อง สารบริสุทธิ์และสารผสม



6. การวัดและการประเมินผล

รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
6.1 การประเมนชิ้นงาน/ - ประเมินผังมโนทศน์ เรื่อง - แบบประเมินชิ้นงาน ระดับคุณภาพ 2



ภาระงาน (รวบยอด) สารบริสทธิ์และสารผสม ผ่านเกณฑ์

6.2 การประเมินก่อนเรียน
- แบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน ประเมินตามสภาพจริง

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ก่อนเรียน

เรื่อง สารรอบตัว
6.3 การประเมินระหว่าง

การจัดกจกรรม

1) สารและการจำแนกสาร - ตรวจใบงานที่ 1.1 - เฉลยใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจใบงานที่ 1.2 - เฉลยใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์


34

รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ม.1 เล่ม 1

6.3 การประเมินระหว่าง
การจัดกจกรรม

1) สารและการจำแนกสาร - ตรวจใบงานที่ 1.1 - เฉลยใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจใบงานที่ 1.2 - เฉลยใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ม.1 เล่ม 1

2) การเปลี่ยนแปลง - ตรวจใบงานที่ 1.3 - เฉลยใบงานที่ 1.3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ของสาร - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ม.1 เล่ม 1

3) สารบริสุทธิ์ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ม.1 เล่ม 1

4) ธาตุกัมมันตรังส ี - ตรวจใบงานที่ 1.4 - เฉลยใบงานที่ 1.4 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ม.1 เล่ม 1

5) สารประกอบ - ตรวจใบงานที่ 1.5 - เฉลยใบงานที่ 1.5 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ม.1 เล่ม 1

6) สารผสม - ตรวจใบงานที่ 1.6 - เฉลยใบงานที่ 1.6 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ม.1 เล่ม 1

7) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ ระดับคุณภาพ 2
ผลงาน นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์


8) การปฏบัติการ - ประเมินการปฏิบัติการ - แบบประเมินการ ระดับคุณภาพ 2
ปฏิบัติการ ผ่านเกณฑ์
9) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2

รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์








35

รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
10) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2

รายกลุ่ม การทำงานรายกลุ่ม การทำงานรายกลุ่ม ผ่านเกณฑ์


11) คุณลักษณะอันพึง - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมินคุณลักษณะ ุณภาพ 2

ับค


ประสงค ์ ใฝเรียนรู้ และมุ่งมั่น อันพึงประสงค ์ ผ่านเกณฑ์
ในการทำงาน
6.4 การประเมินหลังเรียน
- แบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน ประเมินตามสภาพจริง

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หลังเรียน

เรื่อง สารรอบตัว
7. กิจกรรมการเรียนรู้

ี่
นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ท 1 เรื่อง สารรอบตัว
• แผนฯ ที่ 1 : สารและการจำแนกสาร

วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ชั่วโมง
• แผนฯ ที่ 2 : การเปลี่ยนแปลงของสาร

วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ชั่วโมง
• แผนฯ ที่ 3 : สารบริสุทธิ์
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 5 ชั่วโมง

• แผนฯ ที่ 4 : ธาตุกัมมันตรังส ี

วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 2 ชั่วโมง
• แผนฯ ที่ 5 : สารประกอบ
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 2 ชั่วโมง
• แผนฯ ที่ 6 : สารผสม

วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ชั่วโมง
• แผนฯ ที่ 7 : สมบัติของสารบริสุทธิ์และสารผสม

วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 5 ชั่วโมง













36

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สื่อการเรียนร ู้
1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1

2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1

3) ภาพสารตัวอย่าง
4) อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง

5) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การจำแนกสาร
6) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง สารรอบตัว

7) ใบงานที่ 1.3 เรื่อง ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสาร

8) ใบงานที่ 1.4 เรื่อง ธาตุกัมมันตรังส ี
9) ใบงานที่ 1.5 เรื่อง สารประกอบ

10) ใบงานที่ 1.6 เรื่อง สารผสม

8.2 แหล่งการเรียนร ู้
1) ห้องเรียน

2) ห้องปฏิบัติการทดลอง
3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ






























37

แบบทดสอบก่อนเรียน

หน่วยการเรียนรู้ท 1
ี่




คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถกตองที่สุดเพียงข้อเดยว

1. ข้อใด ไม่ใช่ สมบัติทางกายภาพของสาร 6. ข้อใด ไม่ใช่ ประโยชน์ของธาตุโลหะ
ก. ความแข็ง ก. นำมาทำเป็นสายไฟ
ข. ความหนาแนน ข. นำมาตีเป็นแผ่น

ค. ความเป็นกรด-เบส ค. นำมาทำเครื่องประดับ
ง. การนำไฟฟ้า ง. นำมาทำเป็นด้ามจับหม้อหุงต้ม

2. จงเรียงลำดับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคของสาร 7. กัมมันตภาพรังสีชนิดใดมีสมบัติเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า
สถานะใดน้อยที่สุด ก. รังสีแอลฟา
ก. ของแข็ง ข. รังสีแกมมา

ข. ของเหลว ค. รังสีบีตาบวก
ค. ของไหล ง. รังสีบีตาลบ
ง. แก๊ส 8. ข้อใดกล่าวถึง สารประกอบ ได้ถูกต้อง

3. ข้อใดเป็นการใช้ประโยชน์จากความร้อนแฝงของการ ก. เกิดจากสารมากกว่าหนึ่งชนิดมารวมกัน
กลายเป็นไอ ข. มีสมบัติเหมือนกับธาตุที่มาประกอบ
ก. การตากผ้า ค. การทำไอศกรีม ค. เป็นสารบริสุทธิ์ที่เกิดจากธาตุมากกว่าหนึ่งชนิด

ข. การเกิดเมฆ ง. ฟวส์ตัดวงจรไฟฟ้า ง. เป็นสารผสมที่เกิดจากธาตุมากกว่าหนึ่งชนิด

4. ข้อใด ไม่ใช่ สารบริสุทธิ์ 9. น้ำเกลือมีสารใดเป็นตัวทำละลาย
ก. ด่างคลี ก. น้ำ
ข. ทองคำขาว ข. เกลือ

ค. โซดาไฟ ค. น้ำและเกลือ
ง. ด่างทับทิม ง. ไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอ

5. ข้อใดเป็น ธาตุโลหะ ธาตอโลหะ และธาตุกึ่งโลหะ 10. ข้อใดเป็นวิธีจำแนกสารบริสุทธิ์ออกจากสารผสม
ตามลำดับ ก. หาจุดเดือด-จุดหลอมเหลว
ก. O P At ข. หาจุดควบแน่น
ข. Cu Br Sb ค. หาจุดเยือกแข็ง
ค. Si Ge Sn ง. หาตัวทำละลาย

ง. Hg As Pb





เฉลย 1. ค 2. ง 3. ก 4. ข 5. ข 6. ง 7. ข 8. ค 9. ก 10. ก



38

แบบทดสอบหลังเรียน

หน่วยการเรียนรู้ท 1
ี่



คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถกตองที่สุดเพียงข้อเดยว


1. ข้อใดเป็นสมบัติทางกายภาพ และสมบัติทางเคมีของ 6. ข้อใดกล่าวถึงสมบัติของธาตุไดถูกต้อง

แท่งเหล็ก ตามลำดับ ก. ธาตุที่แผ่รังสีได้ มักเป็นธาตุที่ไม่เสถยร

ก. เกิดสนิมเหล็ก เป็นของแข็ง ข. ธาตุกึ่งโลหะส่วนมากมีสมบัติเป็นสาร
ข. เกิดสนิมเหล็ก นำความร้อน กึ่งตัวนำ

ค. นำความร้อน เป็นของแข็ง ค. ธาตุกึ่งโลหะไม่สามารถแผ่รังสีได้
ง. นำความร้อน เกิดสนิมเหล็ก ง. ธาตุอโลหะมักมีจุดเดือดและจุด
2. ข้อใดกล่าวถึงสถานะของสารไม่ถูกต้อง หลอมเหลวต่ำ

ก. เกลือเป็นของแข็งที่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคสูง 7. จงเรียงลำดับอำนาจทะลุทะลวงของ
ข. ปรอทเป็นของแข็งที่มีอนุภาคอยู่ใกล้กัน กัมมันตภาพรังสีจากน้อยไปมาก
ค. อนุภาคของแก๊สออกซิเจนเคลื่อนที่อิสระ ก. รังสีแอลฟา > รังสีบีตา > รังสีแกมมา

ง. น้ำมีรูปร่างไม่คงที่ แต่มีปริมาตรคงที่ ข. รังสีแกมมา > รังสีบีตา > รังสีแอลฟา
3. จงเรียงลำดับขนาดอนุภาคของสารจากเล็กไปใหญ ่ ค. รังสีแอลฟา > รังสีแกมมา > รังสีบีตา

ก. น้ำนม นำเกลือ น้ำโคลน ง. รังสีแกมมา > รังสีแอลฟา > รังสีบีตา
ข. น้ำโคลน น้ำนม น้ำเกลือ ง. รังสีแกมมา > รังสีแอลฟา > รังสีบีตา
ค. น้ำเกลือ น้ำนม น้ำโคลน 8. ข้อใดเป็นสูตรเคมีของด่างคลี ด่างทับทิม และ
ง. น้ำเกลือ น้ำโคลน น้ำนม โซดาไฟ ตามลำดับ
4. ข้อใดมีอุณหภูมิที่สัมพันธ์กัน ก. KOH, NaOH, KMnO 4

ก. จุดเดือด - จุดหลอมเหลว ข. KMnO , NaOH, KOH
4
ข. จุดเดือด - จุดเยือกแข็ง ค. KMnO , KOH, NaOH
4
ค. จุดควบแน่น - จุดเดือด ง. KOH, KMnO , NaOH
4

ง. จุดควบแน่น - จุดเยือกแข็ง 9. สารละลายข้อใดมีน้ำเป็นตวทำละลาย
5. ข้อใดไม่จัดเป็นธาตุกึ่งโลหะ ก. ทองคำขาว ค. กาแฟ
ก. Si ข. แอลกอฮอล์ 70% ง. อากาศ
ข. Pb 10. สาร A มีจุดเดือดคงที่ซึ่งต่ำกว่าสาร B และสาร A

ค. Sb มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าสาร B สาร A และ B คือ
ง. Po ข้อใด
ก. น้ำเกลือ น้ำ

ข. น้ำ น้ำเกลือ
ค. น้ำเชื่อม น้ำ
ง. น้ำ น้ำตาล
เฉลย 1. ง 2. ข 3. ค 4. ค 5. ข 6. ค 7. ก 8. ง 9. ค 10. ข



39

บันทึกผลหลังการสอน

 ด้านความรู้




 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน




 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค ์




 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์




 ด้านอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))






 ปัญหา/อุปสรรค




 แนวทางการแก้ไข










ลงชื่อ .................................

(นายประสพโชค ประภา)


ตำแหน่ง ครชำนาญการพิเศษ



40

ี่

ความเห็นของผู้บริหารสถานศกษาหรือผู้ทได้รับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ



ลงชื่อ .................................
(นางสาวสุภัสตรา ฝ่ายสงค)

ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา



ี่
ความเห็นของผู้บริหารสถานศกษาหรือผู้ทได้รับมอบหมาย



ข้อเสนอแนะ


ลงชื่อ .................................
(นางสาวสุภัสตรา ฝ่ายสงค)

ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา



































41

แบบประเมินการปฏิบัติการ แผนฯที่ 1,2,7



คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินการปฏิบัติการของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรง

กับระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน

4 3 2 1

1 การปฏิบัติการทดลอง

2 ความคล่องแคล่วในขณะปฏิบัติการ
3 การนำเสนอ

รวม



ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน

................./................../..................








































42

เกณฑ์การประเมินการปฏิบัติการ



ระดับคะแนน
ประเด็นที่ประเมิน
4 3 2 1
1. การปฏิบัติการ ทำการทดลองตาม ทำการทดลองตาม ต้องให้ความช่วยเหลือ ต้องให้ความช่วยเหลือ
ทดลอง ขั้นตอน และใช้อุปกรณ์ ขั้นตอน และใช้อุปกรณ์ บ้างในการทำการ อย่างมากในการทำการ

ได้อย่างถูกต้อง ได้อย่างถูกต้อง แต่อาจ ทดลอง และการใช้ ทดลอง และการใช้
ต้องได้รับคำแนะนำบ้าง อุปกรณ์ อุปกรณ์





2. ความ มีความคล่องแคล่ว มีความคล่องแคล่ว ขาดความคล่องแคล่ว ทำการทดลองเสร็จไม่
คล่องแคล่ว ในขณะทำการทดลอง ในขณะทำการทดลอง ในขณะทำการทดลอง ทันเวลา และทำ

ในขณะ โดยไม่ต้องได้รับคำ แต่ต้องได้รับคำแนะนำ จึงทำการทดลองเสร็จ อุปกรณ์เสียหาย
ปฏิบัติการ บ้าง และทำการทดลอง ไม่ทันเวลา
ชี้แนะ และทำการ
เสร็จทันเวลา
ทดลองเสร็จทันเวลา

3. การบันทึก สรุป บันทึกและสรุปผลการ บันทึกและสรุปผลการ ต้องให้คำแนะนำในการ ต้องให้ความช่วยเหลือ
และนำเสนอผล ทดลองได้ถูกต้อง รัดกุม ทดลองได้ถูกต้อง แต ่ บันทึก สรุป และ อย่างมากในการบันทึก

การทดลอง นำเสนอผลการทดลอง การนำเสนอผลการ นำเสนอผลการทดลอง สรุป และนำเสนอผล
เป็นขั้นตอนชัดเจน ทดลองยังไม่เป็น การทดลอง
ขั้นตอน





เกณฑ์การตดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดีมาก

9-10 ดี
6-8 พอใช้
ต่ำกว่า 6 ปรับปรุง












43

ี่
แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผน ฯ ท 6



แบบประเมินผังมโนทัศน์

คำชี้แจง ให้ผู้สอนประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

ระดับคะแนน
ลำดับที่ รายการประเมิน
4 3 2 1

1 ความสอดคล้องกับจุดประสงค ์

2 ความถูกต้องของเนื้อหา

3 ความคิดสร้างสรรค ์
4 ความตรงต่อเวลา

รวม


ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน

................./................../..................

เกณฑ์การประเมินแผ่นพับ


ระดับคะแนน
ประเด็นที่ประเมิน
4 3 2 1
1. ความ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานไม่สอดคล้องกับ

สอดคล้องกับ จุดประสงค์ทุกประเด็น จุดประสงค์เป็นส่วน จุดประสงค์บางประเด็น จุดประสงค์
จุดประสงค ์ ใหญ่

2. ความถูกต้อง เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน
ของเนื้อหา ถูกต้องครบถ้วน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ถูกต้องบางประเด็น ไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่

3. ความคิด ผลงานแสดงถึงความคิด ผลงานแสดงถึงความคิด ผลงานมีความน่าสนใจ ผลงานไม่มีความ
สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ แปลกใหม่ สร้างสรรค์ แปลกใหม่ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก น่าสนใจ และไม่แสดง
และเป็นระบบ แต่ยังไม่เป็นระบบ ใหม่ ถึงแนวคิดแปลกใหม่

4. ความตรงต่อ ส่งชิ้นงานภายในเวลาท ี่ ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาท ี่ ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาท ี่ ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาท ี่
เวลา กำหนด กำหนด 1 วัน กำหนด 2 วัน กำหนด 3 วันขึ้นไป



เกณฑ์การตดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง


44

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน



คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินการนำเสนอผลงาน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

ระดับคะแนน
ลำดับที่ รายการประเมิน
3 2 1
1 ความถูกต้องของเนื้อหา   

2 ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย   
3 ประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอ   
4 วิธีการนำเสนอผลงาน   

5 ความสวยงามของผลงาน   
รวม


ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
.............../................/................


เกณฑ์การให้คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน










เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14-15 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง













45

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล



คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับระดับ
คะแนน

ระดับคะแนน
ลำดับที่ รายการประเมิน
3 2 1
1 การแสดงความคิดเห็น   

2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น   
3 การทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย   
4 ความมีน้ำใจ   

5 การตรงต่อเวลา   
รวม


ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
................/.............../................


เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน

ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน








เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14-15 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง











46

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม




คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกรรมของนกเรียนในระหวางเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขด ✓ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน



คุณลักษณะ ระดับคะแนน
อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน 3 2 1
1. รักชาติ ศาสน ์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได ้
กษัตริย ์ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน
1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา
1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนจัดขึ้น

2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง
2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง
3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว
มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชนและนำไปปฏิบัติได ้
4.2 รู้จักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แย้ง
4.4 ตั้งใจเรียน

5. อยู่อย่างพอเพยง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยัด
5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า
5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน

6. มุ่งมั่นในการทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ
7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน
8.2 รู้จักการดูแลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของห้องเรียนและโรงเรียน
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
................/.............../................
เกณฑ์การให้คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-15 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง




47


Click to View FlipBook Version