พระธรรมโกศาจารย(พุทธทาส อินทปญโญ) วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) อ.ไชยา จ.สุราษฎรธานี เปนผู ริเริ่มกอตั้งสวนโมกขพลารามเพื่อใหเปนสถานที่ปฏิบัติธรรมและสถานที่เผยแผพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ผลงานของทานพุทธ ทาสภิกขุยังมีปรากฏอยูมากมายทั้งในรูปพระธรรม เทศนา และในงานเขียน โดยทานตั้งใจทำการถายทอดพระพุทธศาสนาให อยูในฐานะที่เปนพุทธะศาสนาอยาง แทจริง นั่นคือเปนศาสนาแหงความรู ไมเจือปนไปดวยความหลงผิดที่เขาแทรกจน กลายเปนเนื้อรายที่คอยกัดกิน ไดแก เรื่อง พุทธพาณิชย, ไสยศาสตร และเรื่องความหลงใหลในลาภยศของพระสงฆ ฯลฯ อีก ทั้งคำสอนของทานพุทธทาสภิกขุก็ไดถูกถายทอดใหอยูในรูปแบบที่คนทั่วไป สามารถเขาถึงและเขาใจได โดยที่ยังคงเนื้อหา สำคัญไวไดอยางครบถวน ซึ่งคำสอนของทานยังรวมไปถึงเรื่องทั่วๆ ไปดวย เชน การทำงาน, การเรียน ที่สามารถนำไปประยุกตใช ไดกับชีวิตประจำวัน0 1 อิทธิพลจากผลงานศิลปกรรม สมุดภาพไตรภูมิ เปนสมุดภาพไมเย็บเลม พับกลับไปกลับมา มีความหนา ภายในเปนผลงานจิตรกรรมไทยประเพณี เขียนเรื่องไตรภูมิ และอาจประกอบดวยเรื่องอื่นๆ เชน เรื่องทศชาติ โดยสรางขึ้นจากศรัทธาที่มีตอวรรณกรรมเรื่องไตรภูมิพระ รวง ซึ่งเปนวรรณคดีชั้นเยี่ยมทางพระพุทธศาสนา โดยเชื่อกันวาเปนบทพระราชนิพนธของพญาลิไทย พระมหากษัตริยแหงกรุง สุโขทัย ทรงพระราชนิพนธขึ้นเมื่อประมาณพุทธศักราช 1888 ภาพที่ 2 ภาพมหาโรรุวะนรก ที่มา : กรมศิลปากร, สมุดภาพไตรภูมิฉบับกรุงศรีอยุธยา-ฉบับกรุงธนบุรี เลม 1 (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542), 46. 1Buddhavihara, พ ร ะ ธ ร ร ม โ ก ศ า จ า ร ย์ ( พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ปั ญ โ ญ ) , เ ข้ า ถึ ง เ มื่ อ 5 พ . ค. 2565, เข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก http://www.buddhavihara.ru/?page_id=237 191
อิทธิพลจากวรรณกรรมและภาพประกอบวรรณกรรม บทประพันธเอง The Divine Comedy หรือ สุขนาฏกรรมของพระเจา เปนวรรณกรรมอุปมานิทัศน ที่เขียนโดยกวี ดันเต อลิกิเอริ (Dante Alighieri) ระหวางป ค.ศ. 1380 จนกระทั่งเสียชีวิตในป 1321 ดิไวน คอเมดี เปนกวีนิพนธที่เปนจินตนิยาย และอุปมานิทัศนของคริสเตียน สะทอนใหเห็นถึงการวิวัฒนาการของปรัชญายุคกลางในเรื่องเกี่ยวกับโรมันคาทอลิก บท ประพันธนี้ไดรับการยกยองวาเปนมหากาพยชิ้นสำคัญของอิตาลีและเปนวรรณกรรมชิ้นเอกของโลก ดิไวน คอเมดี ประกอบไปดวยสามภูมิ คือ Inferno (นรก), Purgatorio (แกนชำระบาป) และ Pardiso (สวรรค) เรื่องเลานี้เปนการเดินของตัวกวีเองผานนรก ผานการชำระบาป และสุดทายไปสูสวรรค อันเปนที่มาของชื่อ Comedy ที่ ตองการสะทอนวาเรื่องนี้จบลงดวยความสุข ภาพที่ 3 ภาพผลงานของ Gustave Doré ที่มา : แบล็คเมจิก, สายน้ำแหงวิญญาณ (กรุงเทพฯ : แบล็คเมจิก), 58. ภาพประกอบของบทประพันธนี้เปนผลงานภาพพิมพโลหะ (Engraving) ของศิลปนชาวฝรั่งเศส ชื่อ กุสตาฟ โดเร (Gustave Doré) งานของเขาเต็มไปดวยจินตนาการ กุสตาฟ โดเร ไดทำงานภาพประกอบหนังสือหลายเลม รวมไปถึงพระคัมภีร ไบเบิล แตที่สรางชื่อเสียงใหมากที่สุดคือ ภาพประกอบเรื่อง ดิไวน คอเมดี 192
กระบวนการสรางสรรค กระบวนการสรางสรรคผลงานศิลปะชุดนี้ มีการผสมผสาน เทคนิดการวาดแบบดั้งเดิม และโปรแกรมคอมพิวเตอร เขาดวยกัน การศึกษาคนควาขอมูล 1. ขอมูลนามธรรม เกิดจากการหยุดคิด พิจารณาความรูสึกของตนเอง ที่เกิดจากประสบการณการรับรูสิ่ง ตางๆ รอบๆ ตัวในการดำเนินชีวิตประจำวัน เชน สื่อตางๆ วรรณกรรม บทกวี ภาพยนตร ตลอดไปจนถึงการกระทำของ ตัวเอง สิ่งเหลานี้ลวนมีผลตออารมณความรูสึก กอใหเกิดแรงบันดาลใจในการสรางสรรคผลงานของขาพเจา 2. ขอมูลรูปธรรม ในผลงานสรางสรรคของขาพเจาสามารถแบงไดดังนี้คือ 2.1 ขอมูลจากธรรมชาติ รูปทรงในผลงานของขาพเจามาจากสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติและชีวภาพเปนรูปทรง อินทรียรูป (Organic Form) โดยเลือกรูปทรงของคน สัตว และพืชที่นาสนใจ ซึ่งกอใหเกิดจินตนาการอันไรขอบเขต นำไปสู กระบวนการสรางสรรค 2.2 ขอมูลจากงานศิลปกรรม งานศิลปกรรมตางๆ ทุกแขนง เชน งานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพ พิมพ ทั้งสมัยโบราณจนถึงรวมสมัย ขอมูลเหลานี้มีผลตอจินตนาการและแนวความคิด โดยขาพเจาไดนำขอมูลเหลานี้มา ประมวล วิเคราะห และถายทอดดวยอารมณความรูสึก ผสมผสานกับจินตนาการและความเชื่อ การสรางภาพราง (Sketch) กระบวนการสรางภาพรางของขาพเจา แบงเปน 3 ขั้นตอน คือ 1. การสรางรูปทรง จะเริ่มตนจากการนำหมึกจีนผสมน้ำนิดหนอย มาสาดและหยดลงบนกระดาษสาที่เตรียมไว ใหเกิดเปนรูปทรงตางๆ เริ่มจินตนาการรูปและเรื่องราวจากภาพที่ปรากฏขึ้น หลังจากนั้นก็เริ่มตนออกแบบรูปทรงหลัก 2. การออกแบบรูปทรง (Character Design) โครงสรางของรูปทรงหลักๆ ในงานไดจากการศึกษาหาขอมูล รูปทรงจากธรรมชาติ ตลอดจนงานศิลปกรรมโบราณและรวมสมัย นำมาคลี่คลายใหสอดคลองกับเนื้อหาโดยใสอารมณ ความรูสึกสวนตัวเขาไป รูปทรงใหมที่ไดจะเปนรูปทรงกึ่งนามธรรม (Semi Abstract) ที่มีลักษณะเฉพาะตัว 3. นำเอารูปทรงที่ออกแบบไวมาเปนโครงสรางหลักในภาพราง จัดวางองคประกอบและเพิ่มเติมเนื้อหาลงไป ใน ภาพรางของขาพเจาจะมีโครงสรางหลักๆ ของภาพ ขาพเจาใหความสำคัญกับภาพราง แตงานของขาพเจารูปทรงกับพื้นที่วาง เปนสวนสำคัญมาก การทำเหมือนภาพรางทุกอยาง ทำใหงานของขาพเจาขาดอารมณความรูสึก หลังจากรางโครงสรางใหญๆ ในงานจริงแลว ขาพเจาก็จะสังเกตพื้นที่วางที่เหลืออยูหลังจากนั้นก็จะจินตนาการรูปทรงใสเขาไปตามลักษณะของที่วางที่ ปรากฏ 193
วัสดุอุปกรณ 1. หมึกจีน 2. กระดาษสา 150 แกรม 3. สีอะครีลิค 4. ไมแหลม 5. มีเดียมสีอะคริลิคยี่หอ LIQUITEX, Pouring Medium 6. พูกัน 7. สีไมสีขาว 8. กระปองใสน้ำ 9. ปากกาหมึกดำ ขั้นตอนและกระบวนการทำงาน 1. การสรางรูปทรง ใชหมึกจีนผสมน้ำนิดหนอย สาดและหยดลงบนกระดาษสา 150 แกรม เมื่อกระดาษแหงดีแลว ขาพเจาก็จะดูลักษณะรูปทรงและพื้นที่วางที่เหลืออยู แลวก็วิเคราะหจินตนาการรูปทรงตางๆ ใสเขาไปในสวนของรูปทรงและ พื้นที่วาง 2. การออกแบบรูปทรง (Character Design) ขาพเจาจะจินตนาการรูปทรงและเรื่องราวจากรอยที่เกิดจากการหยด และสาดหมึกจีน หลังจากนั้นจะใชพูกันจุมหมึกจีนแลวสรางรูปทรงเพิ่มจากรูปทรงเดิมที่เกิดจากการสาดหมึกจีน 3. ขั้นตอนการสรางรูปทรงของดอกไมในงาน เมื่อไดรูปทรงสีดำที่เกิดจากการสาดหมึกและใชพูกันวาดแลว ขั้นตอนตอมาคือการระบายสีดอกไมใชสีอะครีลิคผสมมีเดียม (Pouring Medium)และน้ำคนใหเขากัน 4. ขั้นตอนการเขียนรายละเอียดดวยสีไม ใชสีไมสีขาวเขียนรายละเอียดตาง เชน ขนนก หนา ปาก แสงเงา 5. ขั้นตอนการเขียนรายละเอียดดวยปากกา ใชสีไมสีขาวเขียนรายละเอียดตาง เชน ขนนก หนา ปาก แสงเงา 6. ขั้นตอนการปรับแตงดวยคอมพิวเตอร ถายรูปผลงาน และนำไปปรับแตงดวยคอมพิวเตอรโดยใชโปรแกรม Photoshop วิเคราะหผลงาน หลังจากที่ไดรวบรวมขอมูล ประมวล และวิเคราะหจากประสบการณและการพัฒนาผลงานแลว ผลงานชุดนี้ขาพเจา รูสึกพอใจกับผลงานที่ไดสรางสรรคมาอยางตอเนื่อง ทั้งในดานแนวความคิด รูปแบบ และอารมณความรูสึกในงาน ผลงานมี ความละเอียดซับซอนและมีพลังมากยิ่งขึ้น กลุมของรูปทรงในชวงนี้ถูกแบงออกเปน 2 กลุมใหญๆ คือ รูปทรงที่มีอยูจริง และ รูปทรงที่จิตนาการขึ้นมา ซึ่งทั้ง 2 สวนนี้เปรียบเหมือนโลกแหงความจริงและโลกในจิตนาการ กลุมของรูปทรงมีความนาสนใจ และมีความเปนเอกภาพมากขึ้น ประสบการณ การเรียนรูตางๆ สามารถเปนแนวทางการศึกษาเพื่อใหเกิดการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอยางไมหยุดยั้ง 194
ภาพที่ 4 ชื่อภาพ : Cycles of Lift, Chapter 1 Inside Out. เทคนิค : Mixed Technique ขนาด : 300 dpi ปที่สราง : 2564 วิเคราะหภาพ Cycles of Lift, Chapter 1 Inside Out. 195
1. แนวคิด ผลงานชิ้นนี้ขาพเจาตองการเสนอถึงราคะที่อยูในจิตใจของมนุษย ซึ่งเปนอารมณปรารถนาที่เกิดขึ้นภายใน จิตใจของทุกคน โดยขาพเจาเลือกใชงูแทนสัญลักษณของราคะ งู มีปรากฏอยูอยางแพรหลายทั่วไปในประวัติศาสตร และมักเปนสัญลักษณแหงความชั่วราย งูตัวผูมักจะ ถูกจัดวาเกี่ยวกับราคะ1 2 ปก ในงานขาพเจา หมายถึง จิตที่โบยบิน ซึ่งสามารถบินออกจากภาวะกิเลสได แตกลับถูกหลอลวงใหอยู ในวังวนของราคะ ในขณะเดียวกันปกก็เปรียบเหมือนสติ คนมีสติสามารถที่จะโบยบินออกจากหวงอบายภูมิไดแตกลับปลอยให กิเลสครอบงำใหหลับใหลและจมลงสูสภาวะดำดิ่ง ลูกไฟ เปนเหมือนสัญลักษณแสดงถึงความเรารอนแหงอารมณบงบอกถึงอารมณปรารถนาทางเพศ ที่ถูก ปลดปลอย โดยไมสามารถควบคุมและเก็บไวภายใน 2. การจัดองคประกอบ รูปทรง (Form) ผลงานชิ้นนี้อางอิงจากธรรมชาติทางชีวภาพ ผสมผสานกับจินตนาการสวนตัว เพื่อให รูปทรงเปนไปตามแนวความคิดและแสดงออกทางความรูสึกอยางชัดเจน โดยเลือกรูปทรงของงูเปนรูปทรงหลักเพื่อสื่อความ หมายถึง ราคะ ภายในจิตใจของมนุษย เสน (Line) เปนเสนที่เกิดจากการวาดเสนสีขาวลงบนสีดำ ชวยทำใหงานมีปริมาตรและระยะ ทำใหเกิด น้ำหนักและแสงเงา ชวยใหเกิดอารมณความรูสึกในงาน สี (Colour) สีมีสวนทำใหงานมีความนาสนใจมากขึ้น ใชโทนสีขาว-ดำ ในงานเนื่องจากสีดำเปนสีที่ให ความรูสึกถึงความนาหวาดกลัว เรนลับ ดานมืด สิ่งที่ซอนเรน เลือกใชสีดำมาเปนสีหลักในงานสวนสีแดงทำใหความรูสึกถึงชีวิต พื้นที่วาง (Space) พื้นที่วางในผลงาน ทำใหเกิดความรูสึกที่ไมมีที่สิ้นสุด พื้นที่วางชวยทำใหรูปทรงเกิด การเคลื่อนไหว และยังชวยเนนรูปทรงทำใหรูปทรงชัดเจนและมีพลังมากขึ้น น้ำหนักแสงและเงา (Tone-Light and Shadow) ผลงานใหน้ำหนักตัดกันอยางรุนแรงระหวางรูปทรง และพื้นที่วาง เนื่องจากตองการบรรยากาศ ซึ่งกอใหเกิดความเคลื่อนไหวของรูปทรงและสรางความรูสึกที่ดูรุนแรง ลึกลับ นา หวาดกลัว ตลอดจนความรูสึกถึงการดิ้นรนที่ไมมีที่สิ้นสุด พื้นผิว (Texture) ในผลงานจะชวยเชื่อมระหวางน้ำหนักออนและเขม ลักษณะพื้นผิวในงานเกิดขึ้นจากการ สาดหมึกจีนผสมน้ำ ทำใหเกิดลักษณะของคราบและรองรอยที่นาสนใจ การกำหนดองคประกอบ (Composition) รูปทรงขนาดใหญกลางภาพ เพื่อใหรูปทรงสามารถสื่อ ความหมายตามแนวความคิดไดอยางชัดเจน สรุปและอภิปรายผล ผลงานชุดนี้เริ่มตนจากตองการศึกษาถึงสภาวะอารมณจากการดำเนินชีวิตในแตละวัน การพบเห็นสิ่งตางๆ การ เชื่อมโยงระหวางภายนอกและภายใน สิ่งที่อยูภายในสวนลึกของจิตใจ การตั้งคำถามกับตัวเองและขยายเชื่อมโยงไปยังวงกวาง ของสังคม และสุดทายวกกลับมาเพื่อแกปญหาของตัวเอง ผลงานชุดนี้เปรียบเสมือนการคอยๆ คลี่คลายปมในใจของขาพเจา โดยการคิด พิจารณาถึงตัวตนสภาวะภายใน มโนภาพที่ถูกซอนเรน ขาพเจาสื่อความหมายของอารมณความรูสึกตางๆ โดย ถายทอดเรื่องราว ผสมผสานแนวความคิดและอารมณความรูสึกผานสิ่งมีชีวิตในดินแดนโลกเสมือนที่สรางขึ้นมา 2 สิงห์คํา โต๊ะงาม, ไสยเวท อาถรรพณ์ ลึกลับ อานุภาพแห่งมายิก (กรุงเทพฯ :อินทรีย์, 2521), 264. 196
การใชเรื่องราวจากคัมภีรโบราณ ไตรภูมิ อีกทั้งการใชสัญลักษณตางๆ มีทั้งการนำมาใชโดยตรงและการพัฒนาจนมี ลักษณะเปนสวนตัว นาจะไดรับผลสำเร็จที่สามารถถายทอดความรูสึกลึกลับ และสามารถถายทอดใหผูที่ไดติดตามชื่นชมใน ผลงานชุดนี้ ไดเขาถึงแนวคิดหรือพุทธปรัชญา เพื่อพัฒนาใหชีวิตไปในทางที่ดียิ่งขึ้น เอกสารอางอิง หนังสือ กรมศิลปากร. (2542). สมุดภาพไตรภูมิฉบับกรุงศรีอยุธยา-ฉบับกรุงธนบุรี เลม 1. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. . (2542). สมุดภาพไตรภูมิฉบับกรุงศรีอยุธยา-ฉบับกรุงธนบุรี เลม 2. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. จอรจ เฟอรกูสัน. (2549). เครื่องหมายและสัญลักษณในคริสตศิลป.กรุงเทพฯ : อมรินทร. ชลูด นิ่มเสมอ. (2539). องคประกอบของศิลปะ. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช. ไบรอัน เคอรติน. (2553). Spiritual Disease. กรุงเทพฯ : พิมดี. พีรพล เทพประสิทธิ์. (2549). จิตวิทยาทั่วไป. กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล. พุทธทาสภิกขุ. (2549). วางจากกิเลส. กรุงเทพฯ : เพชรประกาย. . (2513). สมุดภาพปริศนาธรรมไทย. กรุงเทพฯ : อรุณวิทยา. วิลเลียม ฮารท. (2553). ศิลปะในการดำเนินชีวิต. กรุงเทพฯ : พิมพดี. สิงหคำ โตะงาม. (2521). ไสยเวท อาถรรพณ ลึกลับ อานุภาพแหงมายิก. กรุงเทพฯ : อินทรีย. สื่ออิเล็กทรอนิกส Buddhavihara, พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาส อินทปญโญ). เขาถึงเมื่อ 5 พ.ค. 2565, เขาถึงไดจาก http://www.buddhavihara.ru/?page_id=237 197
จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน IMAGERY OF BONDS วิรายุทธ เสียงเพราะ* (ศป.ม.ทัศนศิลป์) 1 2 อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก รองศาสตราจารย์ศุภชัย สุกขีโชติ 3 อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมตตา สุวรรณศร นักศึกษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์ บัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ E-mail [email protected] บทคัดย่อ สถาบันครอบครัว เป็นสถาบันพื้นฐานที่ส าคัญยิ่งของสังคม ดังจะเห็นได้จากครอบครัวไทยในอดีตนั้น เป็น ครอบครัวแบบขยาย ประกอบไปด้วย ปู่ ย่า ตา ยาย อยู่ร่วมกัน ผู้สร้างสรรค์เกิดและเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ ท าให้ในวัย เด็กถูกหล่อหลอมมาด้วยความรักความอบอุ่น นับว่าครอบครัวมีความส าคัญต่อตัวผู้สร้างสรรค์มาก จากปัญหาดังกล่าวน ามาสู่ การศึกษาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานโดยใช้เทคนิคการถัก พัน สาน เส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์สีขาว แสดงออกให้เห็นถึง คุณค่าความรัก ความผูกพัน ความอบอุ่นอันบริสุทธิ์ที่ได้รับจากครอบครัว การถักสานเกาะเกี่ยวเส้นใยเส้นเล็ก ๆ แต่ละเส้นที่มี ความอ่อนนุ่ม บอบบาง เมื่อเกาะเกี่ยวกันเป็นจ านวนมาก ก็สามารถสร้างความแข็งแรงให้กับรูปทรง ประดุจสายสัมพันธ์ที่ แข็งแรงของคนในครอบครัว เกิดเป็นผลงานประติมากรรมนุ่ม จากการศึกษาพบว่า ทฤษฎีความรักความผูกพันนั้น ช่วยให้ สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่แสดงออกในด้านบวก การมองโลกในแง่ดี รวมทั้งในขั้นตอนการถักยังช่วยสร้างความสงบ ทางใจในเวลาที่คิดถึงบ้าน การสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ต้องการกระตุ้นเตือนให้ผู้คนในสังคมเห็นถึงคุณค่าของความรักความ ผูกพันของคนในครอบครัว อันเป็นพื้นฐานส าคัญแห่งชีวิต ที่คอยบ่มเพาะให้จิตใจอิ่มเอมด้วยความรัก ส่งผลให้มีแนวทางการ ด าเนินชีวิตที่ดีงามต่อไป ค าส าคัญ : จินตภาพ สายใย ความผูกพัน ประติมากรรมนุ่ม ABSTRACT Family institution is the foundation in any given communities. This can also be observed from Thai traditional families which is normally congregated as an extended family consisting of grandfather, grandmother, living together. The creator of this work was born and raised in an extended family with love and warmth throughout the childhood time. These memoirs greatly affect him and subsequently contribute to the creation of this work. From the aforementioned reason, it led to the in-depth study and the establishment of the work using the techniques of knitting, wrapping and weaving by means of natural fibers and white synthetic fibers. This exhibits the value of love, bonding, and the pure warmth received from the family. Despite the soft and fragile characteristic of fibers, when weaving together, they get strengthened and strong enough that can be made into different forms and shapes. Likewise, this portraits as a strong bond within family members. Thus, the work was born as a soft sculpture. The study found that love and attachment within family significantly contribute to the positivity and optimism. With the knitting process, the creator eventually found peace of mind when being homesick. Lastly, the creation of this work attempts to encourage individuals in the society to see the value of love and family bonds that can be called as the basis of life. As this will fill the mind with love resulting in a decent life. Keywords: imagery, bonding, attachment, soft sculpture บทน า ครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานที่เป็นหลักส าคัญที่สุดของสังคม ท าหน้าที่หล่อหลอมและขัดเกลา ให้แก่สมาชิกใน ครอบครัว ด้วยการอบรมเลี้ยงดู ให้ความรัก ความเอื้ออาทรเอาใจใส่ ให้ความช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน พร้อมทั้งปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และถ่ายทอดวัฒนธรรมของสังคมให้แก่สมาชิกในครอบครัว เพื่อให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะด าเนิน 198
ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพเป็นก าลังส าคัญให้กับประเทศชาติจากที่กล่าวมานั้นจะพบว่าในปัจจุบัน ครอบครัวไทยเป็น ครอบครัวเดี่ยว ที่บุคคลในครอบครัวประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก ต้องท างานจนขาดเวลาที่จะเอาใจใส่ ดูแลลูกหลาน เพราะ ด้วยภาวะเศษฐกิจที่บีบคั้นจนท าให้ละเลยกับการให้เวลาที่มีคุณภาพกับลูกจนเกิดเป็นปัญหาสังคมหลายอย่าง อาทิเช่น เด็กติด เกม การขาดเรียนมั่วสุม จากปัญหาที่กล่าวมานั้น ผู้สร้างสรรค์เองก็พบกับปัญหาที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเช่นกัน คือการสูญเสีย บิดามารดา ในช่วงวัยที่ผู้สร้างสรรค์ยังเด็ก ที่ยังต้องการค าชี้แนะ อบรม ในภาวะนั้นผู้สร้างสรรค์รู้สึกเคว้งคว้างขาดหลักยึด แต่ เหตุการณ์กับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อสูญเสียทั้ง บิดา มารดา ไปกลับได้รับความรักความเมตตา ดูแลจากญาติพี่น้อง เสมือนเป็น ลูกหลานที่รัก ได้มอบโอกาสทางการศึกษาและเอาใจใส่ ท าให้ผู้สร้างสรรค์รู้สึกเติมเต็มทางใจ และไม่รู้สึกขาดหายทาง ความรู้สึก นับเป็นการทดแทนความรักที่มีค่ายิ่งต่อชีวิต การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ ชุด จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน จึงเป็นการน าเสนอแง่มุมของสายสัมพันธ์รักอันอบอุ่น โยงใย เชื่อมต่อ จนก่อเกิดความรู้สึกถึงความรักความอบอุ่น ที่จะเป็น การหล่อหลอมให้ผู้สร้างสรรค์เติบโตและก้าวเดินไปในอนาคตอย่างมั่นใจ ที่มาและความส าคัญของปัญหา ครอบครัวไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก อันเกิดจากการเจริญรุดหน้าทางเทคโนโลยีท าให้ผู้คนต้องดิ้นรน เพื่อได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการในชีวิต จนหลงลืมเอาเวลาให้คนที่รัก ให้ครอบครัว จนเกิดเป็นปัญหาสังคมในวงกว้าง จากที่กล่าวมา นั้นตัวผู้สร้างสรรค์เองก็เป็นผู้หนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงล าพัง เนื่องมาจากบิดา มารดา ของผู้สร้างสรรค์ได้จากไปแล้วด้วย โรคมะเร็งทั้งสองคน ท าให้เกิดความรู้สึกเคว้งคว้าง เหงา คิดถึงพ่อและแม่ แต่โชคดีที่ผู้สร้างสรรค์นั้น เกิดมาในครอบครัวที่มี ญาติที่คอยดูแลให้ก าลังใจ คอยสนับสนุน อุ้มชู ดูแล ทดแทนความรักที่ขาดหายไปจากการสูญเสีย พ่อและแม่ จากที่กล่าวมานั้น ท าให้ผู้สร้างสรรค์เกิดความรู้สึกประทับใจ ในความรักที่ได้รับจากญาติพี่น้องทางบ้าน จึงเป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์ ผลงานที่ต้องการกระตุ้นเตือนให้ผู้คนในสังคมหันมาเห็นคุณค่าของความรักความผูกพันของคนในครอบครัว วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในหัวข้อ “จินตภาพแห่งสายใยความผูกพันธ์” เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักความห่วงใยของ คนในครอบครัวที่มีให้กัน โดยศึกษาทฤษฎีความรักความผูกพันและแนวคิดทฤษฎีทางศิลปะกลุ่มเส้นใย 2. เพื่อสร้างสรรค์ผลงานในเทคนิคประติมากรรมนุ่ม โดยใช้เส้นใยจากธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ 1 ชุด 3. เพื่อกระตุ้นเตือนให้เห็นถึงคุณค่า ความรักความผูกพัน ที่ได้รับจากครอบครัวอันเป็นพื้นฐานที่ส าคัญของชีวิต วิธีการศึกษา การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในหัวข้อ "จินตภาพแห่งสายใยความผูกพันธ์" ประกอบด้วยการศึกษาค้นคว้าข้อมูล ทางวิชาการ ทั้งจากต ารา และศึกษาดูผลงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่มีเนื้อหาด้านรูปทรงของความสัมพันธ์ เพื่อรวบรวมเป็นภาพรวม ชองข้อมูลพื้นฐาน เรื่องความรักความห่วงใยที่ได้รับจากคนในครอบครัวซึ่งมีให้กัน จากการศึกษาหนังสือ ต ารา อินเทอร์เน็ต และการศึกษาดูงานจากสถานที่จริง รวมถึงศึกษาจากผลงานและแนวคิดจากศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานลักษณะดังกล่าว ขั้นตอนของการศึกษาและการสร้างสรรค์ เพื่อการน าเสนอผลงานหัวข้อ "จินตภาพแห่งสายใยของความผูกพันธ์" ที่สมบูรณ์ใน ฐานะผลงานวิจัย โดยสามารถจัดแบ่งขั้นตอนของการศึกษาและการสร้างสรรค์ได้ดังต่อไปนี้ ทฤษฎีความรักและความผูกพัน จอห์น โบลบี้ เชื่อว่า ความโน้มเอียงของมนุษย์ที่จะผูกพันกับคนเลี้ยงที่คุ้นเคย เพราะพฤติกรรมความผูกพัน ช่วยให้ รอดชีวิตเมื่อเผชิญกับอันตรายเช่น การถูกล่าหรือต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อม (Duschinsky, 2013, 326–338) มนุษย์จ าเป็นต้อง สร้างความสัมพันธ์กับใครสักคนเพื่อเรียนรู้การอยู่ในสังคม โดยเฉพาะเรื่องอารมณ์และการควบคุมที่มนุษย์พึงมีให้เป็นไปใน ทิศทางที่ดีสอดคล้องกับ ฟรีดแมน กล่าวว่าระบบครอบครัวประกอบด้วยบุคคลซึ่งมีส่วนร่วมในการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน โดยในครอบครัวที่มีการสื่อสารที่ดีจะช่วยส่งเสริมอบรมเลี้ยงดู ท าให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกมีคุณค่าในตนเองเพิ่มขึ้น มีความ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตลอดจนรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น ซึ่งจะเป็นแนวทางในการท าให้รู้จักตนเองและ สมาชิกในครอบครัวได้ดีขึ้น (Milton Friedman, 1998, 85) 199
อิทธิพลจากช่วงเวลาความผูกพันในครอบครัวของผู้สร้างสรรค์ ครอบครัวคือบ้านหลังแรกที่ก่อก าเนิดชีวิตให้ผู้สร้างสรรค์ ได้เกิดและเติบโตอยู่ท่ามกลางวิถีชีวิตที่อบอุ่น เป็นสาย สัมพันธ์ที่แนบแน่นจากสายโลหิต ส่งถ่ายสู่จิตใจของบุคคลในครอบครัวทุกคน ให้มีความรัก สามัคคี เอื้ออาทรต่อกัน แม้ว่าวัน เวลาหนึ่งนั้นชีวิตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ก็จะท าให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว จวบจนเวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่สามารถ คลายความผูกพันนั้นลงได้ จากสภาพสังคมในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ก่อให้เกิดความกดดัน เพื่อแก่งแย่งแข่งขัน เอารัด เอาเปรียบ หวังเพียงได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ท าให้ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้า ทดท้อ จนในที่สุดมนุษย์ก็จะต้องหาก าลังใจมาเติม เต็ม จากการที่ผู้สร้างสรรค์ต้องจากบ้านมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนนานนับปี กว่าจะได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้าน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสนสุขและมีความหมายต่อจิตใจเป็นอย่างมาก ที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับคนในครอบครัวอย่างมีความสุข ได้รับ ฟังปัญหา พูดคุยเรื่องราว สุข ทุกข์ ก่อเกิดสายใยสัมพันธ์จากการเล่าสู่กันฟังในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันเวลาที่ห่างไกล บ้าน การได้ร่วมประกอบอาหารและรับประทานในมื้อที่พร้อมหน้า ช่างเป็นช่วงเวลาที่อภิรมย์ราวกับการเติมพลังแรงกาย แรงใจจากความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ความวิตกกังวลและความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็ผ่อนคลายลง จากการได้กลับสู่อ้อม กอดแห่งบ้านและครอบครัว ครอบครัวจึงกลายเป็นที่พักพิงทางใจ เพื่อคลายความเหงา เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง จากปัญหา และ ความคิดถึงบ้านเกิด เฝ้ารอวันที่ได้กลับบ้านมาพร้อมหน้ากันในช่วงเทศกาลต่าง ๆ อิทธิพลจากขนมลา ขนมลาเป็นขนมทางภาคใต้ที่ท าจากแป้งข้าวเจ้ามีมาอย่างช้านาน ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อใด ท าขึ้นเพื่อ ใช้แทนแพรพรรณอุทิศให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ด้วยลักษณะการสอดผสานของเส้นขนมราวกับเส้นไหมที่มีริ้วเป็นสีทองอันวิจิตร จากช่างทอผ้าผู้มีความช านาญ ในสมัยก่อน ใช้กะลาเจาะรูเล็ก ๆ หลายรู เพื่อตักแป้งแล้วแกว่งในกระทะทอดเป็นวงกลม เส้น แป้งมีความต่อเนื่องไม่ขาดสาย เสมือนเส้นด้ายที่มีสีแวววาวเป็นประกายสะท้อนแสงกับน้ ามัน ด้วยความเชื่อที่ว่า เส้นแป้งที่มี ขนาดใหญ่เกินไป เปรตในอบายภูมิไม่สามารถกินได้จากความเชื่อดังกล่าวผู้สร้างสรรค์เองก็สนใจในลักษณะของการใช้เส้นใยที่ มีลักษณะยาวต่อเนื่องกัน และคนโบราณก็สามารถน าความเชื่อมาสอดผสานให้เกิดเป็นแนวคิดทางศาสนา เพื่อสอนและ เตือนใจคน ซึ่งตัวผู้สร้างสรรค์นั้นในวัยเยาว์ ขนมลาเป็นดังของหวานที่ทรงคุณค่า ตราตรึง และหวนให้นึกถึงวันเวลาอันหอม หวานราวกับกลิ่นขนมลาซึ่งหาทานได้เฉพาะช่วงเทศกาลเดือนสิบ ความผูกพันของวันเวลาท าให้บรรยากาศแห่งกันแบ่งปัน หยอกล้อ สนุกสนานจากการได้กินหรือแม้แต่ตอนร่วมกันท าขนมลา หรืออีกนัยยะหนึ่งของการถักทอเส้นขนมลาที่ทับกันไปมา จนเกิดความเหนียวแน่น เหมือนญาติพี่น้องที่ไม่ว่าอยู่ไกลหรือใกล้ แห่งหนใด เมื่อถึงงานบุญเดือนสิบก็จะต้องกลับมาพบปะกัน อย่างพร้อมเพรียงคงให้เห็นถึงคุณค่าแห่งสายใยในครอบครัวที่เมื่อรวมกลุ่มกันก็สามารถสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นได้ แนวคิดทางเทคนิคประติมากรรมนุ่ม (Soft Sculpture) ประติมากรรมนุ่มเป็นแนวทางการสร้างสรรค์ให้ประติมากรรมมีความละมุน ซึ่งมีการใช้ค าไม่ค่อยแพร่หลายนัก มักใช้ ค าว่า Soft Sculpture เพิ่งให้ความหมายของงานประติมากรรมที่เปลี่ยนไป ด้วยความที่ต้องแข็งแรงหนักแน่นและมั่นคงเป็น สัญลักษณ์แห่งเพศชายตรงกันข้ามกับ Soft Sculpture ที่มีความนุ่มนวล บางเบา แปรเปลี่ยนไปได้ทุกสถานที่ราวกับสตรีSoft Sculpture เป็นประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่มีความละมุนสัมผัสบางเบา ราวกับเครื่องนอน เช่น ผ้าหรือเส้นใยชนิด ต่าง ๆ จากความชื่นชอบหรือความต้องการน าเสนอของศิลปิน "ประติมากรรมนุ่ม หมายถึงประติมากรรมประกอบด้วยวัสดุที่ อ่อนนุ่ม เช่น ยาง ผ้า ซึ่งเป็นการท าลายความคิดดั้งเดิมเกี่ยวกับประติมากรรม จากปกติจะท าด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน และชั้นสูง เช่น หินอ่อน บรอนซ์" (Artsy. Soft Sculpture [online], February 24, 2016. https://www.artsy.net/gene/soft-sculpturc) จากแนวความคิดข้างต้นท าให้เห็นถึงความกล้าหาญของศิลปินในการ เลือกใช้วัสดุที่แตกต่างจากรูปแบบดั้งเดิม โดยอาจมีหรือไม่มีโครงสร้างภายใน ก็ได้ท าให้รูปแบบผลงานเป็นภาพปรากฏใหม่จาก ประติมากรรมแบบดั้งเดิมข้อมูลอิทธิพลจากศิลปะไฟเบอร์อาร์ต (Fiber art) และ Yarn Bombing ศิลปินไฟเบอร์อาร์ตกลุ่มไฟเบอร์อาร์ต (Fiber art) ถูกเรียกขึ้นโดยภัณฑารักษ์และนักประวัติศาสตร์ศิลป์เพื่ออธิบาย การท างานศิลปะของศิลปินในยุค 80 ที่สะท้อนแนวคิด การแสดงออก และอัตลักษณ์ที่ทดลองน าวัสดุเส้นใยหลายประเภทมา สร้างสรรค์ เส้นใยในงานไฟเบอร์อาร์ตที่พัฒนาแนวคิดไปเรื่อย ๆ ตามอิทธิพลจากยุคโพสโมเดิร์น น าเสนอภาพลักษณ์ที่ แตกต่างออกไปจากงานช่างฝีมือในอดีต ผ่านการถัก ทอ ขยายเพิ่มเติมซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมรับรู้ผ่านแนวความคิด เรื่องความรัก ความเชื่อ หรือความชื่นชอบของศิลปินได้อย่างมีประสิทธิภาพ น าเสนอวิธีการผ่านรูปแบบที่ใช้เส้นใยจาก ธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ โดยเส้นใยเหล่านั้นอาจมีผิวมันวาว กระด้าง โปร่งใส ทึบตัน ยืดหดได้ หรือเส้นใยที่เปราะบาง 200
ศิลปินสร้างวิธีการท างานและถ่ายทอดผลงานโดยการสอด ผูก มัด เย็บ ปัก ถัก ร้อย ดุน กระทุ้ง หรือวิธีอีกมากมายที่สามารถ น ามาใช้กับเส้นใยได้ ตามประสบการณ์ วิถีชีวิต หรือแนวความคิดเพื่อเพื่อตอบสนองความคิด อีกประเภทหนึ่งของศิลปะเส้นใยคือ Yarn Bombing และ Graffiti Knitting ซึ่งถือก าเนิดขึ้นมาเป็นความน่ารักของ การใช้เส้นใยถักห่อหุ้มวัตถุต่าง ๆ ในชีวิตประจ าวันแล้วพลันให้เกิดแรงบันดาลใจในการห่อหุ้มวัตถุที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะมาก ขึ้น งานศิลปะ yarn bombing ไม่ได้มีเพียงความสวยงามที่ผู้ชมมองเห็นหรือสัมผัสได้ด้วยผลงานที่สามารถอดออกได้และไม่ คงทนถาวรจึงไม่ได้ท าลายทัศนียภาพหรือวัตถุที่ไปห่อคลุม ในรัฐ Texas มีศิลปินที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ Knitta Please และ Magda Sayeg เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการถักหุ้มสถาปัตยกรรม เสาไฟ ป้ายจราจร และสิ่งสาธารณะอื่น ๆ อีก มาก ปัจจุบันศิลปะ Yarn Bombing กระจายตัวอยู่บนพื้นที่ต่าง ๆ มากมายทั่วทุกมุมโลกในการสร้างนัยยะที่แตกต่างกันไป และเพื่อเปลี่ยนสิ่งอันคุ้นชินให้แตกต่างแปลกตาออกไป ทั้งยังเป็นส่วนในการท าให้ผู้คนหันมาสนใจและมีความสัมพันธ์กับ สิ่งก่อสร้าง รอบตัวได้ดียิ่งขึ้น จิตวิทยาของสี แสงและสีมีผลทางจิตวิทยาสามารถสะท้อนอารมณ์ได้มากมาย โดยผลงานที่มีสีสันสื่ออารมณ์ได้นั้นมักวิเคราะห์ จิตวิทยาของสีแล้วสามารถท าให้เป็นผลงานที่มีการสื่ออารมณ์ที่ยอดเยี่ยมได้ ก่อให้เกิดการดึงความรู้สึกของผู้ชมให้มีอารมณ์ ร่วมตามที่ผู้สร้างสรรค์น าเสนอ จึงเห็นได้ว่าแสงและสีมีความส าคัญในการน ามาใช้ประกอบชิ้นงาน และการน าเสนอผลงาน เพื่อสื่ออารมณ์ได้อย่างชัดเจน สร้างอารมณ์ให้ผู้ชมได้เป็นอย่างดี การรับรู้เกี่ยวกับสี จากหนังสือ Graphics for Visual Communication ได้เรียบเรียงเรื่องราวเกี่ยวกับสีว่า “เรื่องราวของสีมีมากมายเกินกว่าจะจ าได้ การใช้สีก็ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เหมือนคณิตศาสตร์อาจขยายวงกว้างออกไปหรือท าให้แคบลงก็ได้ และในเมื่อ สีไม่ได้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ทางกายภาพของสิ่ง หนึ่งอาจมีสีหนึ่งเมื่ออยู่ตามล าพังแต่การรับรู้เกี่ยวกับสีกลับขึ้นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว (Denton, 1992, 102-114) ปัจจัยที่ ส าคัญในการสร้างสรรค์ของศิลปะหลากหลายแขนงคือสีและแสง เพื่อบ่งบอกให้รู้ถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์และสภาพอารมณ์ ของชิ้นงานนั้น ๆ อาจใช้รูปแบบการวิเคราะห์แนวความคิดจากสภาวะสังคมการเมือง ครอบครัวหรือปรัชญาต่าง ๆ มา สร้างสรรค์ และถ่ายทอดให้ผู้ชมได้รับความรู้สึกตามจุดมุ่งหมาย การจัดแสงจะให้อารมณ์ต่าง ๆ แสงสีทองยามบ่ายพุ่งเป็นล า จากหน้าต่าง ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว แสงนวลสีฟ้าจากดวงจันทร์ให้ความรู้สึกว้าเหว่ ลึกลับ แสงสว่างโล่ทั้งภาพให้ความรู้สึก สบายใจ ไม่อึดอัด ต่างกับแสงเข้มจัดสว่างจัดที่ท าให้เกิดความรู้สึกน่ากลัว อารมณ์ของแสงเป็นหนึ่งใน mise en scene ที่จะ ท าให้มีคุณค่าทางศิลปะ (ผศ.ปกรณ์ พรหมวิทักษ์, 2555, 22) ผู้สร้างสรรค์พบว่าสีมีอิทธิพลทางความรู้สึกของมนุษย์ เพราะสีสามารถกระตุ้นอารมณ์ให้เกิดความสุข สงบ หรือ ตื่นตัว ตื่นเต้น เร้าใจ หรือกระตุ้นการเติบโต จากที่กล่าวมานั้นในการสร้างสรรค์ผลงานชุด “จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน” ผู้สร้างสรรค์ได้น าแนวคิดที่ได้จากจิตวิทยาของสีมาศึกษาและคัดเลือกสีขาว มาใช้เป็นสื่อสัญลักษณ์แทนความรักอันบริสุทธิ์ ของครอบครัว เพราะสีขาวให้ความรู้สึกอ่อนโยนและไร้เดียงสา บริสุทธิ์ ว่างเปล่า สะอาด สดใส เบาบาง ความเมตตาและ ศรัทธา ความสงบสุขและเรียบง่ายช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างให้กับความคิดใหม่ ๆ 3. เก็บข้อมูลศิลปินที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินไทยและศิลปินต่างประเทศที่สร้างสรรค์ผลงานด้วยการใช้เส้นใย ประกอบด้วย ภาพที่1 ภาพผลงานของ อิ่มหทัย สุวัฒนศิลป์ (ก) My Father's Pigtail, สื่อผสม, 2551 (ข) หมอนของพ่อ, สื่อผสม, 2551 ( ก ) (ข) 201
ที่มา: มหาวิทยาลัยศิลปากร, วิทยานิพนธ์ [ออนไลน์] เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่: 7 ตุลาคม 2564 เข้าถึงได้จาก: http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/thapra/Imhathai_Suwatthanasilp/Fulltext.pdf 3.1 อิ่มหทัย สุวัฒนศิลป์ ศิลปินมีจุดเริ่มต้นเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ศิลปินมีต่อบุคคลในครอบครัว ทั้งที่มีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้ว น า ให้ผลงานศิลปะมุ่งสู่แนวคิดที่เกี่ยวกับสายใยแห่งครอบครัว โดยอาศัยเส้นผมที่เป็นส่วนประกอบหลักแสดงออกถึงตัวตนและ บุคลิกภาพของมนุษย์ อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้พันธุกรรมและความสัมพันธ์ทางสายเลือด ศิลปินมองเห็นเรื่องของวันเวลา และการเปลี่ยนแปลงในวัสดุที่น ามาใช้ไม่ว่าจะเป็นขนาด สี การหลุดร่วง และงอกขึ้นใหม่ เฉก เช่นกฎแห่งไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เรื่องราวของการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเปรียบเสมือนเส้นผมที่อยู่บน ร่างกาย มีการงอกยาว หลุดร่วง ที่มีความรักความอบอุ่นและความผูกพันระหว่างกัน จึงหยิบยกเอาเส้นผมมาท าการเรียบเรียง ด้วยการ มัด เย็บ ปัก ถัก ผูก ร้อย และการคลุมห่อเข้าด้วยกันเหมือนต้นไม้ที่งอกเงยขึ้นใหม่ราวกับชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาว เช่นเดียวกันกับคนในครอบครัวนอกจากเส้นผมที่ศิลปินเลือกใช้แล้วยังประกอบไปด้วยวัตถุสิ่งของที่คนในครอบครัวใช้ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ด้วยความเชื่อที่ว่า “ทุกสิ่งล้วนมีประสบการณ์ร่วม ให้หวนระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อวัตถุและผู้ใช้ในช่วงเวลา นั้น” เช่น การน าหมอนใบหนึ่งที่ผู้เป็นบิดาใช้รองศีรษะแทนความรู้สึกในขณะที่บิดาของศิลปินป่วย ราวกับการดูดซับความ เจ็บปวดทางร่างกายกดทับลงบนรอยนุ่นที่ยุบลงไปอย่างอาวร หมอนใบใหญ่ที่ผ่านการใช้งานอย่างยาวนานของมารดาสะท้อน เรื่องราวของความเศร้าและคราบน้ าตาของการด าเนินชีวิตในช่วงเวลาอันแสนล าบากนั้นถ่ายทอดสู่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี ตุกกตาผ้า เก่ากับของเล่นในวัยเยาว์ที่มีความผูกพันสะท้อนความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้เป็นฝาแฝดของศิลปิน โดยอาศัยลักษณะเฉพาะ ของวัตถุที่มีความนุ่นละมุน อ่อนโยน และเป็นสัญลักษณ์แห่งปฐมวัยมาน าเสนอในงานสร้างสรรค์สะท้อนความสดใส ไร้เดียงสา และความโหยหาแห่งวัยอันล่วงเลย ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานเพื่ออุทิศให้แก่สมาชิกในครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่ง โดยเริ่มใช้เส้น ผมที่หลุดร่วงของตนเองเพื่อแทนสายใยของครอบครัว แล้วมีการพัฒนารูปแบบเทคนิค วิธีการเพื่อหยิบยกเอาศิลปะวัตถุใน ความหมายของสายใยแห่งครอบครัว ประกอบกับการน าภาพถ่ายที่บันทึกเวลาอันมีค่า มีความหมาย อารมณ์ ความรู้สึก และ เหตุการณ์ที่สอดคล้องกับผลงานแต่ละชิ้นจัดแสดงร่วมกัน แสดงออกด้วยการผูก มัด เย็บ ปัก ถัก ร้อย คลุม และห่อผสมผสาน กับวัตถุของผู้คนในครอบครัวที่มีความผูกพันกัน ภาพที่2 The State of suffering, mixed media, installation, 2018, size variable ที่มา: BKK Art Biennale เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่: 7 ตุลาคม 2564 เข้าถึงได้จาก: http://bab18.bkkartbiennale.com/project/power-of-arts-unleashed/ 3.2 สุนันทา ผาสมวงศ์ จากจุดเริ่มต้นที่ศิลปินได้รับความเศร้าโศกจากการสูญเสีย ความรัก และความอบอุ่นอันเป็นปัจเจกที่พลัดพรากจาก บิดา สิ่งนี้ส่งผลต่อความรู้สึกอยู่เสมอส่งผลให้การสร้างสรรค์ผลงานของเขามีรูปแบบที่ห้อยแขวนดิ่งลง ลักษณะของเส้นที่ก่อรูป เป็นโครงสร้างคล้ายเรือนร่างมนุษย์ที่ขาดแหว่ง สะท้อนเรื่องราวเกิดจากข้าวของ ความทรงจ า และความผูกพันในอดีตที่ถูก ท าลาย ซึ่งศิลปินน าเสนอการ “สร้างปมปัญหา” ต่อความคิดอารมณ์ซึ่งเป็นความโหยหาพรากจากสิ่งที่รักในทางลบ เขามีแง่มุม และทัศนคติต่อประสบการณ์อันเลวร้ายที่พลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักนี้ จากเวลาอันยาวนานแล้วถ่ายทอดออกมาผ่าน 202
ทัศนธาตุที่มีลักษณะของเส้นทับซ้อนกัน ราวกับสายใยผูกมัดจิตใจ ดึงรั้งความรู้สึกเอาไว้ไม่ยอมผ่อนคลาย รูปทรงย่อยที่คล้าย กับส่วนที่เป็นอวัยวะของมนุษย์ เปรียบเปรยระหว่างความแข็งแรงและเปราะบางที่มีอารมณ์ความรู้สึกผันแปรอยู่ตลอดเวลา เขาความน าความทุกข์ที่เกิดขึ้นถ่ายทอดผ่านการบ าบัดด้วยการท างานศิลปะ อีกทางหนึ่งในขณะที่ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานก็ยัง เป็นการละลายความหม่นหมองในจิตใจให้เบาสบายและผ่อนคลาย ปล่อยวางความทุกข์นั้นจนปรากฏรูปขึ้นเป็นผลงาน วัสดุที่ เขาเลือกใช้มีความโดดเด่นด้วยความเป็นเส้นใยโลหะเช่น ลวดอลูมิเนียม ลวดสีเงิน สีทอง สีด า และที่เป็นเส้นทองแดง มีความ นิ่ม เล็ก ผ่านกระบวนการถัก กด ทับ และดัดจนปรากฏเส้นที่ทับซ้อนเกี่ยวพันกันเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่เป็นกึ่งนามธรรม ผสมผสานกับรูปทรงทางองค์ประกอบศิลป์เพื่อให้เกิดสุนทรียภาพแล้วติดตั้งในรูปแบบของศิลปะจัดวางเฉพาะพื้นที่ สามารถให้ ผู้ชมเข้าไปในพื้นที่ของผลงานเพื่อรับรู้และสัมผัส ถึงความรู้สึกที่ต้องการแสดงออกมาผ่านกระบวนการที่ไม่สามารถผลิตซ้ า อย่างเดิมได้ผลงานมีความงามทางด้านความคิดและกระบวนการ อีกทั้งยังมีความงามของรูปทรงเมื่ออยู่ในพื้นที่อันเหมาะสม แล้วเกิดเป็นเอกภาพ การทับซ้อนของรูปทรงที่เกิดจากการถักดัดด้วยเส้นใยโลหะประสานกับพื้นที่ว่าง ขับ เน้นให้รูปทรง แสดงออกให้ความหมายตามแนวคิดที่มุ่งน าเสนอ อาศัยเส้นเป็นตัวแทนของความรู้สึกที่ทับถมกัน จนเกิดเป็นรูปทรงมีมวล ปริมาตรราวกับปมในชีวิตที่ได้รับมา ติดตั้งโดยการแขวนลอยจากเพดานและให้แสงกับเงาท าหน้าที่ขับเน้นผลงานจนเกิดมิติ มากขึ้นในพื้นที่ว่าง อีกทั้งยังสร้างสรรค์ผลงานที่มีความหลากหลายในการติดตั้งทั้งบนผนัง เพดาน พื้นหรืออาจเป็นพื้นที่ห้อง มุมหนึ่งในของตัวอาคาร ภาพที่4 Yeon-gi 8460, 2013, stainless steel mesh, 600 x 400 cm 215x30x220 cm ที่มา: seungmopark [online] เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่: 7 ตุลาคม 2564 เข้าถึงได้จาก: https://www.seungmopark.com/copy-of-maya-1 3.4 ซึงโม ปาร์ค (Seung Mo Park) ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานจากภาพ portrait ขนาดใหญ่ด้วยการวางโครงลวดตาข่ายเข้าด้วยกันและตัดเลเยอร์ทับซ้อน เพื่อสร้างความตื้นลึกของผลงาน งานแต่ละชิ้นเริ่มต้นด้วยการสร้างภาพถ่ายที่ซ้อนทับกันโดยอาศัยชั้นลวดสอนพับและค่อยๆ ตัดฉีกพื้นที่ตาข่ายที่ไม่ต้องการออก ด้วยมิติของภาพที่ทับซ้อนดูเคลื่อนไหวมีส่วนลึกส่วนตื้นของผลงานท าให้ชิ้นงานมีความ หนาและกินพื้นที่ไปในอากาศ เกิดเป็นจินตนาการและมิติราวกับว่าเป็นวัตถุสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจนพัฒนาต่อไปยังภาพทิวทัศน์ที่ น าเสนอสิ่งส าคัญให้ผู้ชมได้เห็นในการซ้อนทับกันระหว่างผลงานและความเป็นจริง เขาต้องการให้เห็นถึงขณะหนึ่งที่ผู้ชมมอง ภาพผืนป่าของเขาที่มีความสงบของป่าไม้ แสง และโครงสร้างของต้นไม้ค่อยๆกระจัดกระจายเมื่อผู้ชมเข้าไปใกล้ก็เหลือเพียง เส้นลวดที่ทับซ้อนกัน แต่เมื่อถอยห่างออกมาภาพผืนป่านั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง อีกแนวความคิดหนึ่งของเขามีการเชื่อมโยงกับ ปรัชญาทางพุทธศาสนาที่ทุก ๆ อย่างเกิดขึ้นและพึ่งพาซึ่งกันและกัน สรรพสิ่งล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยหลายประการที่สนับสนุน ให้กันและกัน เมื่อผู้ชมเข้ามาใกล้ผลงานรูปร่างจะกระจัดกระจายจนในที่สุดก็มองไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร แต่ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ หลงเหลืออยู่คือน้ าหนักของลวดและมีการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติ หากถอยออกมาในระยะหนึ่งเราก็จะพบความงามในอีก รูปแบบหนึ่ง เรากับมนุษย์เราที่ย่อมมีระยะที่เหมาะสมในการท าสิ่งต่าง ๆ อีกนัยยะที่น าเสนอคือ การที่ผู้ชมจ ารูปภาพนั้นได้ อย่างชัดเจนว่าเป็นภาพอะไรจากการมองในระยะไกล เมื่อเข้าไปใกล้แล้วผลงานที่ค่อย ๆจางลง จางลง จนรู้สึกแปลกไปก็ย่อม ท าให้ผู้ชมต้องย้อนกลับมาดูอีกครั้ง พร้อมตั้งค าถามว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเช่นไรและ “มีจริงหรือไม่” เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง 203
แล้วรู้สึกประทับใจมากราวกับตกอยู่ในห้วงของภวังค์ พอรู้สึกตัวอีกทีก็ราวกับตื่นขึ้นด้วยความสับสนว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือ เรื่องฝัน จึงก่อเกิดเป็นผลงานข้างต้นที่กล่าวมาและน าเสนอนิทรรศการที่เขาน าเสนอผลงานในชื่อ “มายา” ในภาษาสันสกฤตที่ แปลว่าภาพลวงตา เรากลับมีตัวตนที่แท้จริงเปิดเผยอยู่แต่กลับถูกปิดกั้นด้วยความว่างเปล่าจนในที่สุดทุกสิ่งที่ดูเหมือนมีอยู่จริง นั้น ก็อาจจะไม่ได้มีอยู่เลยและมองไปถึงการมีชีวิตอยู่ที่แยกไม่ออกของช่องว่างระหว่างคนเป็นและคนตาย เขาจึงเปรียบงานที่ สร้างขึ้นว่ามันไม่เคยเป็นไม่เคยมีไม่มีวันจะเป็นเราไม่เคยเกิดเราไม่เคยตายและจะไม่มีวันเกิด ภาพที่3 Staircase-V, 2008, Polyester and stainless steel tubes, edition Installation view ที่มา: Tate [online] เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่: 16 ตุลาคม 2564 เข้าถึงได้จาก: https://www.tate.org.uk/art/artists/do-ho-suh-12799 3.3 ดู โฮ ซู(Do Ho Suh) เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นผู้น าการเคลื่อนไหวทางศิลปะในปี 1960 เป็นการผสมผสานภาพวาดแบบดั้งเดิมผสมกับ แนวคิดสมัยใหม่ ภายหลังการย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาท าให้เขาตีความเรื่องบ้านและวิถีชีวิตดั้งเดิมของเขาไปสู่ ผลงานที่สื่อถึงพื้นที่ว่างและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านซึ่งเป็นแบบจ าลองบ้านในวัยเด็กของเขา การท างานที่อาศัยสถาปัตยกรรม พื้นที่และอัตลักษณ์ส่วนตัว โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุดท าจากผ้าไนลอนที่เย็บกันอย่างช านาญ จ าลองพื้นที่จาก บันไดอพาร์ทเม้นท์สไตล์ตะวันตกที่เขาอาศัยอยู่ร่วมกับบ้านในวัยเยาว์ของเขาเป็นบันไดที่พ่อกับแม่ของเขาในเกาหลีใต้มีการ เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ของวัฒนธรรมและความทรงจ าส่วนตัวของเขาจากแรงบันดาลใจที่ว่าบันไดประตูและสะพานพวกมันท า หน้าที่เชื่อมต่อแต่ละพื้นที่เข้าด้วยกันพื้นที่ทั้งหมดนั้นแยกกันและอยู่ในจิตของตนซึ่งเป็นความคิดที่แสดงถึงตัวตนของเขาได้เป็น อย่างดี วัสดุที่เขาเลือกน ามาใช้คือผ้าโพลีเอสเตอร์สีชมพู เป็นเนื้อผ้าที่มีลักษณะโปร่งบางเกิดความรู้สึกคล้ายกับมุ้งและติด ครอบคลุมไปบนโครงลวดสแตนเลส โครงสร้างที่ถูกจัดวางอย่างงดงามและแม่นย าด้วยความเอาใจใส่ เขาวัดขนาดของพื้นที่ และตัววัตถุอย่างพิถีพิถัน เป็นระบบ เพื่อความสมบูรณ์ของชิ้นงาน สีสันในวัสดุที่มีความเบาบางโปร่งแสงผนวกกั โครงสร้างที่ แข็งแรงและสมจริง ให้ความรู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น กึ่งจริง กึ่งฝัน ดูเสมือนจริงแต่ก็ไม่เหมือนจริง ผู้ชมจะได้รับรู้ถึง สุนทรียภาพทางสายตา มีความนุ่มนวลสบาย ชวนให้นึกถึงอดีตความทรงจ าความผูกพันและ ครอบครัว สิ่งเหล่านี้ผุดขึ้นเป็นความรู้สึกมาในหัว บันไดแต่ละขั้นที่ทอดยาวขึ้นไปจนเห็นชั้นบน ท าให้เกิดค าถามว่า เป็นอะไรหรือเป็นอย่างไร ศิลปินเว้นว่างไว้ท าไม ราวกับเชิญชวนให้ผู้ชมได้จินตนาการต่อร่วมกับเขาแต่ไม่ได้มีเพียงความทรง จ าเท่านั้นที่งานชิ้นนี้สื่อสารกับผู้ชม ตัวงานยังพูดถึงความเปลี่ยนแปลงแปรผันและการประสานแทรกกันของวัฒนธรรม ความ บางของผ้าที่แสงส่องผ่านและมองทะลุได้เหมือนการไม่ปิดกั้นความแปรผันของวันเวลาและสิ่งต่าง ๆ ด้วยกายภาพของผ้าที่ เคลื่อนไหวเมื่อต้องลมสุนทรียะที่ได้จากแสงอันเปลี่ยนไปจึงส่งให้งานชิ้นนี้มีความงดงามยิ่งขึ้น ภาพที่5 SILK SPUN ON A REMOVABLE SCAFFOLDING STRUCTURE, 2013, SILK (ก) SILKWORM TEMPLATED RESPONSE TO HEIGHT (ข) SILK SPUN ON A REMOVABLE SCAFFOLDING STRUCTURE (ค) BIOLOGICALLY-SPUN SILK OVER ROBOTICALLY-SPUN SILK (ง) 6,500 SILKWORMS SPUN FOR 3 WEEKS TO COMPLETE THE STRUCTURE ที่มา: Neri Oxman เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่: 7 ตุลาคม 2564 เข้าถึงได้จาก: https://oxman.com/projects/silk-pavilion-i 204
3.5 เนริ อ็อกซ์แมน (Neri Oxman) ผลงานของเขาสะท้อนถึงการออกแบบด้านสิ่งแวดล้อม และสร้างรูปส่งผ่านวิธีการทางดิจิตอลโดยสะท้อนแรงบันดาล ใจจากธรรมชาติและชีววิทยา ผลงานของเขาเก็บสะสมอยู่ในคลังสะสมถาวรของ Paola Antonelli ผู้เป็นภัณฑารักษ์ของ MOMA และให้สมญานามเธอว่าเป็น “คนที่ก้าวหน้าจากยุคของตัวเองไปแล้ว” มีผลงานแตกต่างและโดดเด่นกว่าศิลปินรุ่น เดียวกัน ผลงานของเขาได้รับการจัดแสดงทั่วโลกและมีเก็บสะสมในการสะสมของพิพิธภัณฑ์ชั้นน าต่าง ๆ ทั่วโลก เขาศึกษา ส ารวจความสัมพันธ์ของระบบทางชีวภาพชีวิตที่เกิดขึ้น และการค านวนการก่อเกิดนั้นโดยผสมผสานการทอเส้นใยด้วย เครื่องจักรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการสร้างรังของหนอนไหม ในขณะเดียวกันก็ใช้ฝูงหนอนไหมที่มีชีวิตจริงจ านวน 6,500 ตัว ให้สร้างรังไหมไปพร้อมกันกับเครื่องจักรที่สร้างใยไหมเทียมเพื่อศึกษาระยะเวลาและรูปแบบพฤติกรรมการปั่นด้ายรวมถึงการ เคลื่อนที่ของตัวไหมในการสร้างรัง จากใยไหมที่มีลักษณะเป็น 2 มิติ สู่การก่อเกิดเป็น 3 มิติ การศึกษาษาสิ่งเหล่าเขามี จุดมุ่งหมายที่จะให้วัสดุมี่อยู่ในธรรมชาติเพื่อให้เกิดใหม่ ๆ ขึ้นเพื่อให้มนุษย์มีความสัมพันธ์กับธรรมชาติมากขึ้น แนวคิดทางศิลปะจัดวาง (Installation Art) ศิลปะจัดวาง (Installation Art) ปรากฎให้เห็นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 1950 โดยเริ่มได้รับความนิยมจากศิลปินใน สหรัฐอเมริกาและยุโรปเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (สุธี คุณวิชยานนท์, ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย : ตะวันตกและไทย, 2561, 150) เป็นการน าเสนอวัตถุให้เกิดความสัมพันธ์กับพื้นที่เพื่อสร้างความหมายควบคู่กันไป โดยส่วนใหญ่เป็นงานศิลปะ 3 มิติ มุ่ง น าเสนอการรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่และสิ่งโดยรอบ อาจติดตั้งทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคารสิ่งก่อสร้าง โดยส่วน ใหญ่มักแสดงในพื้นที่ของหอศิลป์หรือพิพิธภัณฑ์ และอาจเป็นพื้นที่ที่เลือกโดยศิลปินอย่างจ าเพาะเจาะจง( Alternative space) หากจัดวางภายนอกอาคารมักถูกเรียกว่า แลนด์อาร์ต (Land Art) หรือ เอนไว-รอนเมนทัลอาร์ต (Environmental Art) หรือที่รู้จักกันในภาไทยว่า ภูมิศิลป์ ศิลปะจัดวางถูกใช้เพื่ออธิบายผลงานสื่อผสม (Mixed Media Art) หรือการจัดวางโครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ บ่อยครั้งมัก ได้รับการออกแบบให้มีความหมายสัมพันธ์ไปกับพื้นที่เฉพาะ หรือเป็นเพียงปรากฏการณ์ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง (Tate, Installation Art [online], November 4, 2019, available from https://www.tate.org.uk/art/artterms/installation-art) โดยที่ศิลปะจัดวางนี้อาจมีการติดตั้งแบบถาวรหรือแบบชั่วคราวตามความเหมาะสม ทั้งนี้ มาร์ค โร เชนซัล (Mark Rosenthal) ได้แบ่งประเภทผลงานศิลปะ จัดวางไว้ 2 ประเภทคือ Site-specific และ FIlled-space (Mark Rosenthal, Art New York, 1997, 28) Site-specific หมายถึง ศิลปะจัดวางแบบจ าเพาะเจาะจงสถานที่ ทั้งนี้วัตถุศิลปะกับพื้นที่จัดแสดงจะมีความสัมพันธ์ใน ด้านการสื่อสารความหมาย (ก) (ข) ( ค ) (ง) 205
FIlled-space หมายถึง ศิลปะจัดวางที่วัตถุมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยวัตถุดังกล่าวสามารถสื่อสารความหมายใน ตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ไม่จ าเป็นต้องอาศัยความหมายของพื้นที่จัดแสดง ภาพที่6 ภาพผลงานชุด “จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน” ผู้สร้างสรรค์ นายวิรายุทธ เสียงเพราะ, 2564 4. การวิเคราะห์ผลงาน จากการใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัวเกษตรกรปาล์มน้ ามัน ที่ด าเนินชีวิตไปอย่างมีความสุข ด้วยความรัก ความเอา ใจใส่ของญาติพี่น้องที่คอยดูแลเกื้อกูลกัน ไม่ว่าจะเติบโตขึ้นเพียงใดหากพบเจอปัญหาในชีวิต ก็ไม่เคยปล่อยให้เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง ท าให้ผู้สร้างสรรค์ตระหนักถึงคุณค่าและความส าคัญของสถาบันครอบครัวอยู่ตลอดเวลา โดยได้รับแรงบันดาลใจใน เทคนิคการสานเส้นใยจากการท าขนมลา จากความประทับใจในวัยเยาว์ของผู้สร้างสรรค์ที่ชื่นชอบขนมลาเป็นอย่างมาก ขนม ลา ท าจากแป้ง น้ าตาล มีโปรตีนจากไข่แดง และประกอบกับมีไขมันอยู่ด้วย เป็นขนมที่แสดงถึงศิลปะการผลิตที่ประณีตบรรจง อย่างยิ่งจากแป้งข้าวเจ้า ผสมน้ าผึ้ง (หมายถึง น้ าตาลที่ได้จากต้นตาลโตนด ส่วนน้ าผึ้งที่ได้จากรวงผึ้ง คนใต้จะเรียก น้ าผึ้งรวง) แล้วค่อยๆ ละเลงลงบนกระทะน้ ามันที่ร้อนระอุ กลายเป็นแผ่นขนมลาที่มีเส้นเล็กบางราวใยไหมและสอดสานกันเป็นร่างแห จึง สังเกตเห็นว่าเส้นใยในการท าขนมลาให้ออกมาเป็นแผ่นมีความน่าสนใจราวกับญาติพี่น้องที่รวมกันเป็นปึกแผ่น ด้วยการทับ ซ้อนของเส้นใยนี้จึงท าการศึกษาวิธีท าขนมลา และหาวิธีการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ผู้สร้างสรรค์ได้น าอุปกรณ์ซึ่งมีความเหมาะสมที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์ผลงาน จากวัสดุที่ท าการศึกษา มาสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมนุ่มพบว่า วัสดุที่น ามาท าโครงสร้างมีความอ่อนตัว สามารถตอบสนองความรู้สึกได้ดี รวมถึง วัสดุทั้งหมดที่มีความเหนียว ยืดหยุ่น อีกทั้งยังมีสีขาวและผิวสัมผัสที่บอบบางซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสม ตรงตามแนวคิดที่ผู้ สร้างสรรค์ต้องการแสดงความรู้สึกของประสบการณ์ที่ดีต่อครอบครัว เมื่อกล่าวถึงเส้นใยซึ่งสามารถก่อรูปทรงขึ้นมาได้มีวิธีต่าง ๆ มากมายทั้งที่มีโครงสร้างภายในและอาศัยการห้อยแขวนเช่นเดียวกับโคมไฟ ผู้สร้างสรรค์เลือกการใช้วิธีสร้างโคมไฟจาก เส้นด้ายด้วยการน าเส้นด้ายมาชุบกาว สร้างสรรค์ผลงานเพื่อน าเสนอให้สอดคล้องกับแนวความคิดและมีความคล้ายคลึงกับ วิธีการท าขนมลา เพื่อสามารถท าให้เส้นใยสามารถทับซ้อนประสานกันจนก่อเป็นรูปร่างแล้วสามารถน ามาประกอบเป็นรูปทรง ได้ จึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมนุ่มด้วยเทคนิคการชุบด้ายด้วยกาว สามารถแสดงออกให้เห็นถึง ความรักความอบอุ่นของครอบครัว โดยใช้การถักสานเส้นใย ที่แทนความผูกพัน เชื่อมโยงทุกคนในครอบครัวไว้ด้วยกัน ก่อเกิด เป็นรูปทรงที่อ่อนนุ่ม หุ้มห่ม โครงสร้างที่สลับซับซ้อน แต่แผงไว้ด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ เป็นสายใยแห่งความรักความผูกพัน จากการดูแลเอาใจใส่ และห่วงใยของครอบครัว สรุป ผลงานสร้างสรรค์ ชุด จินตภาพแห่งสายใยความผูกพัน โดยใช้เทคนิคการถัก พัน สาน เส้นใยธรรมชาติและเส้นใย สังเคราะห์สีขาว แสดงออกให้เห็นถึงคุณค่าความรัก ความผูกพัน ความอบอุ่นอันบริสุทธิ์ที่ได้รับจากครอบครัว การถักสานเกาะ 206
เกี่ยวเส้นใยเส้นเล็ก ๆ แต่ละเส้นที่มีความอ่อนนุ่ม บอบบาง เมื่อเกาะเกี่ยวกันเป็นจ านวนมาก ก็สามารถสร้างความแข็งแรง ให้กับรูปทรง ประดุจสายสัมพันธ์ที่แข็งแรงของคนในครอบครัว เกิดเป็นผลงานประติมากรรมนุ่ม โดยการศึกษาทฤษฎีความรัก ความผูกพันพบว่า การสร้างสรรค์ผลงานนั้นการเลือกใช้เส้นใย ก่อเกิดเป็นรูปทรงเชิงสัญลักษณ์ อันได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ประสบการณ์ที่ได้รับจากวิถีชีวิตของผู้สร้างสรรค์ ที่ได้รับความรักการดูแลเอาใจใส่จากญาติพี่น้อง แทนการดูแลจากบิดา มารดาเนื่องจากท่านได้เสียชีวิตลงนั้น สร้างความรู้สึกประทับใจที่ญาติทุกคนช่วยกันเอาใจใส่ ให้ความรัก ความรักจึงเป็นสิ่ง ส าคัญสอดคล้องกับแนวคิดของจอห์น โบลบี้ เชื่อว่า ความโน้มเอียงของมนุษย์ที่จะผูกพันกับคนเลี้ยงที่คุ้นเคย เพราะพฤติกรรม ความผูกพัน ช่วยให้รอดชีวิตเมื่อเผชิญกับอันตรายที่ต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อม (Duschinsky, 2013, 326–338) มนุษย์ จ าเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์กับใครสักคนเพื่อเรียนรู้การอยู่ในสังคม โดยเฉพาะเรื่องอารมณ์และการควบคุมที่มนุษย์พึงมีให้ เป็นไปในทิศทางที่ดีจากแนวคิดดังกล่าวผู้สร้างสรรค์ได้ท าการศึกษาแนวคิดการสร้างสรรค์ศิลปะเส้นใย (Fiber art) และศึกษา ศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานในแนวทางนี้ พบว่า การใช้เส้นใยสามารถแทนค่าความรู้สึกในเชิงสัญลักษณ์ของความรัก ความ ผูกพัน สายใยเกาะเกี่ยวกัน จนเกิดอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งได้ ศิลปินอิ่มหทัย สุวัฒนศิลป์ ศิลปินใช้เส้นผมเป็นวัสดุหลักในการ สร้างสรรค์ผลงานด้วยวิธีการถักโครเชต์ แทนความรู้สึกที่มีต่อบิดาที่จากไปจึงหยิบยกเอาเส้นผมมาท าการเรียบเรียงด้วยการ มัด เย็บ ปัก ถัก ผูก ร้อย และการคลุมห่อเข้าด้วยกันเหมือนต้นไม้ที่งอกเงยขึ้นใหม่ราวกับชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาว เช่นเดียวกันกับคนในครอบครัว อีกแนวความคิดหนึ่งของซึงโม ปาร์ค เขามีการเชื่อมโยงกับปรัชญาทางพุทธศาสนาที่ทุก ๆ อย่างเกิดขึ้นและพึ่งพาซึ่งกันและกัน สรรพสิ่งล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยหลายประการที่สนับสนุนให้กันและกันเมื่อผู้ชมเข้ามาใกล้ ผลงานรูปร่างจะกระจัดกระจายจนในที่สุดก็มองไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร แต่ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่หลงเหลืออยู่คือน้ าหนักของลวดและ มีการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติ หากถอยออกมาในระยะหนึ่งเราก็จะพบความงามในอีกรูปแบบหนึ่ง เรากับมนุษย์เราที่ย่อมมี ระยะที่เหมาะสมในการท าสิ่งต่าง ๆ เช่นเดียวกับ ดู โฮ ซูการให้ความส าคัญกับพื้นที่ว่างเป็นอย่างมากเพื่อให้ช่องว่างนั้น สามารถเติมเต็มได้จากผู้ชมเป็นพื้นที่แห่งจิตและจินตนาการเสมือนบ้านที่มักมีความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและผู้คนที่ ผสมกลมเกลียวกันได้เสมอสอดคล้องกับผู้สร้างสรรค์ ที่มีแนวคิดการน าเสนอแรงบันดาลใจอันเกิดจากความรักความอบอุ่น วิถี ชีวิตของคนในครอบครัวมาเป็นแรงบันดาลใจตั้งต้นในการสร้างสรรค์ และรูปแบบวิธีที่ใช้เส้นใยในการถักร้อยให้เกิดรูปทรง สะท้อนถึงความรู้สึกโหยหาความรักความอบอุ่นที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถ่ายทอดแรงบันดาลใจให้ผู้ชม ได้ตระหนักถึงเรื่องครอบครัว เพราะงานในแนวทางนี้ ต้องใช้สมาธิ และความอดทนในการสร้างสรรค์เปรียบเสมือนการสร้าง ความรักความสัมพันธ์ให้ปรากฏรูปร่างออกมานั้นก็ไม่ง่ายเลยเช่นกัน อีกทั้งเลือกใช้สีขาวแทนความรักอันบริสุทธิ์ ที่งดงาม ของ คนในครอบครัวที่มีให้กันด้วยดีตลอดมา เอกสารอ้างอิง ก าจร สุนพงษ์ศรี. ประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก 2 (ศิลปะยุคกลาง). กรุงเทพ ฯ :จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551. จอห์น โบลบี้ (2546).ความผูกพันทางอารมณ์.[ออนไลน์]สืบค้นเมื่อ 8 พฤษภาคม 2563. จาก https://urbancreature.co/a-bond-of-love/ ส านักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย. (2561). ประติมากรรมนุ่ม. [ออนไลน์]สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม2563. จาก https://www.hiso.or.th/hiso/tonkit/tonkits_53 Anna, hergert. Fiber Art – A Definition. Accessed November 6, 2016. Available from https://annahergert.me/2013/04/16/fiber-art-a-definition/ Fiberartnow. What makes fiber art?. Accessed December 11, 2016. Available from http://fiberartnow.net/ Rosenthal, Mark. Understanding Installation Art. New York: Bowker, 1997. 207
รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ THE IMAGINATION FORM OF TECHNOLOGY REPLACES NATURE พงศธร รอดจากทุกข* (ศป.ม.ทัศนศิลป) 1 2อาจารยที่ปรึกษาหลัก ดร.เมตตา สุวรรณศร 3อาจารยที่ปรึกษารวม ผูชวยศาสตราจารยรองศาสตราจารยศุภชัย สุกขีโชติ นักศึกษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลปบัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป 4 ไดรับการอุดหนุนการทำกิจกรรมสงเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากสำนักงานการวิจัยแหงชาติ E-mail [email protected] บทคัดยอ การวิจัยสรางสรรคนี้มีวัตถุประสงคเพื่อ 1) เพื่อสรางสรรคผลงานในหัวขอ รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขา แทนที่ธรรมชาติ เพื่อแสดงออกใหเห็นถึงรูปทรงที่ถูกสรางสรรคขึ้นจากจินตนาการคิดฝนที่ไมมีอยูจริง รวมกับการศึกษาทฤษฎี จินตนาการ ประสบการณนิยมและผลงานศิลปะของศิลปนที่เกี่ยวของ 2) เพื่อสรางสรรคผลงานเทคนิคประติมากรรมสื่อผสม โดยการผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีรวมกับวัสดุทางธรรมชาติ 3) เพื่อสรางสรรครูปทรงทางจินตนาการ ที่กระตุนเตือนให ผูคนตระหนักถึงคุณคาของธรรมชาติ ที่กำลังถูกกลืนหายไปจากการรุกรานของมนุษย ทำใหเกิดปญหาระบบนิเวศนขึ้นมากมาย หากมนุษยไมหยุดคิดถึงปญหาดังกลาว ธรรมชาติอาจหมดลงอยางมิอาจฟนคืนกลับมาได ผลการศึกษาพบวาการสรางสรรคผลงานดวยเทคนิคประติมากรรมสื่อผสม ที่เลือกใชวัสดุเก็บตกและวัสดุสำเร็จรูปที่ รับมาจากการผลิตทางเทคโนโลยีที่มีมากลนเกินความจำเปน รวมกับวัสดุทางธรรมชาตินั้น ทำใหเห็นวาวัสดุที่เปนขยะทาง เทคโนโลยีสามารถนำมาสรางสรรคประกอบสรางจนเกิดเปนรูปทรงที่ลอเลียนใกลเคียงกับสัตวในธรรมชาติหลายประเภท สอดคลองกับแนวคิดของศิลปะแนวดาดาอิสซึม ที่มุงเนนการเสียดสี ประชดประชันสังคมเพื่อใหเห็นถึงโทษและปญหาของ การบริโภควัตถุนิยมจนเกินพอดี กอปญหาตอสภาพแวดลอมจนสัตวหลายประเภทถูกรุกรานไรบาน จากที่กลาวมาผูสราง สรรคจึงไดหยิบยกนำแนวคิดนี้มาสรางผลงานใหเกิดเปนรูปทรงของสัตวในจินตนาการที่ไมมีอยูจริงในธรรมชาติ เสมือนเปน การกลายพันธุสอดคลองกับศิลปะแบบแฟนตาซี ที่มุงเนนจินตนาการเปนสำคัญ การสรางสรรคผลงานชุดนี้จึงเปนเหมือนการ กระตุนเตือนใหผูคนตระหนักถึงโทษ และการรุกรานของเทคโนโลยีที่มีตอธรมชาติที่นับวันจะเปนปญหาที่ยากจะแกไข คำสำคัญ: เทคโนโลยี ธรรมชาติ สัตวในจินตนาการ รูปทรงแหงจินตนาการ ABSTRACT This creative research aims to 1) To create works on the topic the imagination form of technology replaces nature. To express the shape created by the imagination of dreams that do not exist. Together with the study of the theory of imagination Experiences and artworks of related artists. 2) To create works of mixed media sculpture techniques by combining technological materials with natural materials. 3) To create imaginary shapes that encourages people to realize the value of nature that are being swallowed up by human invasion causing many ecological problems If human beings don't stop thinking about such problems nature may inevitably expire. 208
The results of the study showed that creating works with mixed media sculpture techniques. That chooses to use the found objects and the readymade objects obtained from the technological production that is too much than necessary. Together with natural materials. It shows that technological waste materials can be used to create, Assemble, and create a shape that mimics many types of animals in nature. In line with the concept of Dadaism art. Focused on satire. Social sarcasm to see the blame and problems of excessive consumption of materialism. Causing problems to the environment until many types of animals are invaded by the homeless. From the foregoing, the creators have brought up this idea to create works of imaginary animals that do not exist in nature. As a mutation in accordance with fantasy art. Focusing on imagination is important. The creation of this series of works is like a wake-up call to make people aware of the dangers. And the invasion of technology towards nature is an increasingly difficult problem to solve. KEYWORDS: technology , nature , imagination animal ,the imagination form บทนำ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกนี้ประกอบดวยมนุษย สัตวและพืช ซึ่งลวนเปนสวนหนึ่งในธรรมชาติและทรัพยากร มนุษย นั้นเปนสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ฉลาดที่สุด สิ่งมีชีวิตตองดำรงเพื่อความอยูรอด มนุษยจึงพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยใหทันตอการ เปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งทางดานเศรฐกิจและสังคมจนสรางผลกระทบมากมายใหกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตดวยกัน ในรูปแบบที่หลากหลายทั้งยังทำใหสูญเสียสภาพสิ่งแวดลอมในธรรมชาติที่มีอยูเดิมกลายสภาพเปนเมืองคอนกรีต จากปญหา ที่กลาวมานั้น ผูสรางสรรคเองเกิดและเติบโตในชนบทที่เต็มไปดวยธรรมชาติที่งดงามสะอาดตา ทำใหผูสรางสรรคเกิด ความรูสึกประทับใจ เมื่อไดเห็นความงามของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตที่เคยสัมผัส ทำใหผูสรางสรรคเกิดการตั้งคำถามดวยความ รักและหวงแหนในธรรมชาติ หากสถานการณของการขยายตัวของเทคโนโลยียังคงเดินหนาตอไปทำลายลางของพื้นที่ทาง ธรรมชาติลง รวมทั้งการใชสารเคมีกับสภาพแวดลอม คน สัตว พืช ทุกระบบ ถูกรบกวนดวยสังคมบริโภคนิยม มุงเนน หาผลประโยชนจนลืมนึกถึงปญหาสภาพแวดลอมในอนาคต อันจะเห็นไดวาธรรมชาติเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในทางลบ สัตวหลายชนิดสูญพันธ บางชนิดกลายพันธ อันเกิดจากน้ำมือของมนุษย ผูสรางสรรค จึงเกิดจินตนาการถึงสิ่งมีชีวิตใน อนาคตวาจะเปนเชนไร จากที่กลาวมานั้นผูสรางสรรคจึงไดรับแรงบันดาลใจ ในการสรางสรรคผลงานที่ตองการแสดงออกใหเห็นถึงปญหา ของการรุกรานจากเทคโนโลยีที่มีผลตอการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ โดยการสรางรูปทรงมาเปนสื่อสัญลักษณ เพื่อประชด ประชันเสียดสีใหสังคมตระหนักถึงโทษและปญหาที่กำลังเกิดกับธรรมชาติ รูปทรงที่สรางขึ้นนั้นเปนรูปทรงที่เกิดจาก จินตนาการอันผสมผสานความสนุกสนานของเด็กผูชายในวัยเยาว ที่ชอบตอประกอบรูปทรงอยางอิสระ และสิ่งนี้จึงเปนที่มา ของการสรางสรรคผลงานในรูปแบบศิลปะสื่อผสม โดยการนำเอาวัสดุหลายประเภท อาทิ เชน วัสดุสำเร็จรูป วัสดุเก็บตก วัสดุทางธรรมชาติ และวัสดุทางเทคโนโลยี มาสรางสรรคเปนสัตวในจินตนาการประเภทตาง ๆ ที่ไมเคยมีอยูจริง ใหผูชมได เชื่อมโยงและตีความวานี่คือสัตวประเภทใด อันแสดงออกใหเห็นถึงการเขาแทนที่ธรรมชาติดวยเทคโนโลยีอันไรชีวิต 209
วัตถุประสงคในการสรางสรรค 1.เพื่อสรางสรรคผลงานในหัวขอ รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ เพื่อแสดงออกใหเห็นถึง รูปทรงที่ถูกสรางสรรคขึ้นจากจินตนาการคิดฝนที่ไมมีอยูจริง รวมกับการศึกษาทฤษฎีจินตนาการ ประสบการณนิยมและ ผลงานศิลปะของศิลปนที่เกี่ยวของ 2.เพื่อสรางสรรคผลงานเทคนิคประติมากรรมศิลปะสื่อผสม โดยการผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีรวมกับวัสดุทาง ธรรมชาติ 3.เพื่อสรางสรรครูปทรงทางจินตนาการ ที่กระตุนเตือนใหผูคนตระหนักถึงคุณคาของธรรมชาติ ที่กำลังถูกกลืนหายไป จากการรุกรานของมนุษย ทำใหเกิดปญหาระบบนิเวศนขึ้นมากมาย หากมนุษยไมหยุดคิดถึงปญหาดังกลาว ธรรมชาติอาจหมด ลงอยางมิอาจฟนคืนกลับมาได ขอบเขตของการสรางสรรค เพื่อดำเนินการสรางสรรควิทยานิพนธหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” เปน ผลงานประติมากรรมสื่อผสม ดวยการผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีรวมกับวัสดุทางธรรมชาติ อันเปนรูปทรงที่เกิดจาก จินตนาการความคิดฝนในแนวทางศิลปะแฟนตาซี นอกจากนี้ผลงานชุด “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” 1 ชุด จำนวน 4 ชิ้น ในลักษณะ 3 มิติ ตามระยะเวลาของโครงการนำเสนอผลงานเผยแพรออกสูสาธารณะเพื่อใหผูคนไดเห็นและศึกษาเรียนรู โดยมี วัตถุประสงคกระตุนเตือนใหผูคนตระหนักถึงคุณคาของธรรมชาติ ที่กำลังถูกแทนที่ดวยวัตถุทางเทคโนโลยี ขั้นตอนในการสรางสรรค การสรางสรรคผลงานทัศนศิลปในหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” ประกอบดวย การเก็บขอมูลแบบปฐมภูมิ ทุติยภูมิ รวมกับประสบการณของผูสรางสรรค ดวยการลงพื้นที่ศึกษาขอมูลจากสิ่งมีชีวิตจริง รวมทั้งเอกสารศิลปะที่เกี่ยวของ เชน แนวคิดศิลปะแฟนตาซี แนวคิดจินตนาการ แนวคิดดาดาอิสซึม แนวคิดแบบเซอรเรีย ลิสม เพื่อศึกษาขอมูลทางดานวิชาการเพื่อรวบรวมเปนขอมูลพื้นฐานในการพัฒนาผลงานสรางสรรครวมถึงศึกษาศิลปน กรณีศึกษา ดานแนวความคิด เทคนิควิธี วิธีการนำเสนอ เพื่อนำมาพัฒนาปรับใชกับผูสรางสรรคในผลงานชุด “รูปทรงแหง จินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” โดยสามารถจัดแบงขั้นตอนการศึกษาและสรางสรรคไดดังตอไปนี้ 1.ศึกษาเอกสารทางวิชาการ 2. ศึกษาเทคนิคในการสรางสรรค 3. ศึกษาวิธีการนำเสนอผลงาน 4. วิเคราะหศึกษารวบรวมขอมูลอยางมีระบบเพื่อนำมาวิเคราะหเปนภาพรางผลงานที่ตรงตาม วัตถุประสงคในการสรางสรรค 5. สรางสรรคผลงานจริงตามภาพรางดวยเทคนิคสื่อผสม 6. เสนอและเรียบเรียงผลงานการคนควาในรูปแบบของงานวิจัย 7.นำเสนอผลงาน “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” ในพื้นที่สาธารณะ 210
แนวคิด / ทฤษฎีที่เกี่ยวของ วิทยานิพนธในชุด “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” นั้นเปนการสรางสรรคที่จำเปนตอง ทำการศึกษาทางดานแนวคิด เทคนิค วิธีการนำเสนอ รวมทั้งแนวคิดทฤษฎีดวยการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวของ และ ศึกษาผลงานของศิลปนกรณีศึกษาเกี่ยวกับเรื่องจินตนาการความคิดสรางสรรคและนำมาวิเคราะหอยางมีระบบขั้นตอน เพื่อ นำมาวิเคราะหใหเห็นลักษณะเฉพาะของผลงานผูสรางสรรค การจะพัฒนาผลงานไดนั้นจำเปนตองทำการศึกษาทฤษฎี ดังตอไปนี้ ศิลปะแฟนตาซี(Fantasy) ศิลปะแฟนตาซี หมายถึงการสรางสรรครูปลักษณตาง ๆ ตามความรูสึก จินตนาการ ความคิดสรางสรรคของมนุษย (ฉลอง สุนทรนนท, 2562) เปนคำที่ใชสื่อถึงจินตนาการ ความรูสึกที่หลุดพนไปจากโลกแหงความจริง ในการศึกษาทางดาน จิตวิทยา มีการแบงออกไปเปน แฟนตาซี 2 ประเภท ไดแก แฟนตาซีในระดับจิตสำนึก (Concious fantasy) และ แฟนตาซีใน ระดับไรจิตสำนึก (Unconcious fantasy “แฟนตาซี” ที่ใชในงานทางดานจิตวิทยา แตจะนำเสนอ “แนวคิดรวบยอดแบบ แฟนตาซี” โดยยึดคำนิยาม ความหมาย และการใชงานในวงการของศิลปะจินตนาการ คิดฝน ซึ่งผลงานของผูสรางสรรคนั้น ไดนำแนวคิดของศิลปะ แฟนตาซี(Fantasy) ที่สื่อถึงทั้งความฝนและจินตนาการ ลวนเปนการแสดงออกของความปรารถนา ที่ถูกเก็บไวในจิตใตสำนึก ความรูสึกที่หลุดพนไปจากโลกแหงความจริง โดยจินตนาการถึงรูปทรงของสัตวที่ไมเคยมีอยูจริง ศิลปะเหนือจริง(Surrealism) ศิลปะเหนือจริง เปนแนวคิดทางการสรางสรรคของผูสรางสรรคไดศึกษาแนวคิดมาจากลัทธิเหนือจริง ซึ่งแตกตาง จากแนวคิดแบบเหมือนจริง โดยศิลปะแบบเหนือจริงนั้นมุงเนนไปที่ การแสดงที่สิ่งที่ไมใชความจริงของโลกที่ปรากฏใหเห็นได ดวยตา แตตองการแสดงสิ่งที่ไมมีอยูจริงที่ใหปรากฏรูป หรือกลาวอีกนัยหนึ่งตองการจะแสดงสิ่ง ซึ่งอยูเหนือโลกนี้ เพราะสิ่ง ที่ปรากฏเห็นลวนเปนมายา คือ เปนความจริงโดยสมมุติเทานั้น สิ่งที่เปนสาระอยูเหนือจริงนั้น ซึ่งศิลปนตองการแสดงออก ใหปรากฏเห็น (สดชื่น ชัยประสาธน, 2539) โดยแฝงดวยการใชสัญลักษณ (Symbolic) ผลงานผูสรางสรรคเปนการนำความ จริงในจินตนาการมาสรางใหเกิดเปนรูปทรงของสิ่งมีชีวิตสิ่งใหม มุงสูการสรางจินตภาพของโลกใหมเปนสวนประกอบที่เปนการ พบกันโดยบังเอิญของวัสดุ สองประเภท โดยใชวัสดุที่เก็บตกทั้งในธรรมชาติจำพวก เขาสัตว หนังสัตว และวัสดุเก็บตกอันสิ่งที่ ผลิตขึ้นใหมตามเทคโนโลยีในปจจุบัน เชน ชิ้นสวนจากอุตสาหกรรมตาง ๆ แตวัสดุที่เลือกมานั้นศิลปนเลือกนำมาสรางสรรค ผลงานศิลปะ สวนมากเปนวัสดุที่พบเห็นเปนประจำหาไดไมยาก รวมไปถึงวัสดุที่อาจจะมีรูปทรงที่แปลกตาไปจากเดิม เพราะ ผานการใชงานมาแลว จึงเปนผลดีสำหรับศิลปนที่หยิบจับ วัสดุเก็บตกเหลานี้ มาสรางสรรคเปนผลงานศิลปะในรูปแบบ ใหมตีความใหม กอเกิดความนาสนใจเพิ่มพูนอรรถรสใหมใหกับผูชมผลงาน ขึ้นไปโดยที่ไมมีความเชื่อมโยงสัมพันธกันแตมามา อยูรวมกันอยางลงตัว ลัทธิดาดา (DADAISM) ลัทธิดาดา เกิดจากการรวมกลุมของศิลปน AVANT-GARDE ชวงตนคริสตศตวรรษที่ 20 เพื่อตองการตอตาน กฎเกณฑความงามศิลปะแบบเดิม ๆ รวมไปถึงเสียดสีสภาพแวดลอมทางสังคม (กำจร สุนพงษศรี, 2555) และปฏิเสธในสิ่ง สวยงามที่สมบูรณแบบอยางมีแบบแผนชัดเจนวาเปนสิ่งที่เพอฝนเสแสรง ผิดแปลกไปจากความเปนจริง ที่วาโลกไมได ประกอบขึ้นดวยความสวยงามและความสมบูรณแบบ อีกทั้งดาดามองเห็นทุกอยางเปนศิลปะ และตอตานแนวคิดของพวก ทุนนิยมที่นำพาไปสูการขัดแยง ซึ่งพวกเขาแสดงออกดวยการประชดประชัน เยาะเยย ถากถาง และทำใหมันกลายเปนเรื่องไร สาระ ดูตลก ทำลายความสมบูรณแบบลง ใชเทคนิคในการสรางสรรคดวยวิธีที่ผิดปกติโดยนำวัสดุสำเร็จรูปมาดัดแปลง 211
ปรับเปลี่ยน เพื่อใหเกิดมุมมองใหมทางศิลปะซึ่งทำใหงานออกมามีลักษณะที่แปลกใหมไปจากงานศิลปะดั้งเดิม ทำใหวัตถุชิ้นหนึ่งในชีวิตมาวางในบริบทใหม เพื่อกระตุนใหเกิดแนวคิดใหมๆเกี่ยวกับวัต ถุ นั้ น ศ ิ ล ป ะ ไ ม จ ำ เ ป น ต อ ง ค ั ด ล อ ก เ ล ี ย น แ บ บ ธ ร ร ม ช า ติ ผ า น พ ล ั ง ส ร า ง ส ร ร ค และการจินตนาการผนวกกับแนวความคิดแบบคอนเซ็ปชวลอารต (Conceptual art) พรอมทั้งทิ้งคำถามใหกับสังคมผานทาง งานศิลปะที่สรางสรรคขึ้น ทฤษฎีจินตนาการของอัลเบิรต ไอนสไตน และขอมูลทางวิชาการความคิดฝน การจินตนาการ จินตนาการ เปนความพิเศษของมนุษยดังคำกลาวของ อัลเบิรต ไอนสไตน"จินตนาการสำคัญกวาความรูความรูมี จำกัด แตจินตนาการมีทุกพื้นที่ของโลก" (อัลเบิรต ไอนสไตน, 2472) จินตนาการ(Imagination) คือ การใชจิตสรางภาพความ ฝนในใจ ใหตรงตามความคิดที่อยากจะใหเปน จินตนาการจะทำใหเกิดภาพในจิตสำนึก เราเรียกรูปที่ปรากฏใหเห็นใน ลักษณะนี้วา จินตภาพ(Image) ซึ่งจะเชื่อมโยงกับประสบการณที่ไดรับจากเหตุการณที่เคยพบเจอมา ถาศิลปนปราศจาก จินตนาการแลว จะสรางงานไมมีชีวิตชีวา และไมกระตุนทำใหผูดูเกิดจินตนาการดวย จินตนาการเปนเรื่องเฉพาะของแตละ บุคคล” (โกสุม สายใจ,2544) ซึ่งผูสรางสรรคไดผสมผสานจินตนาการที่ไดถายทอดอารมณความรูสึกจากประสบการณออกมา เปนรูปแบบศิลปะจินตนาการ ที่มุงเนนปลุกจิตสำนึกกระตุนเตือนชวยใหเราเห็นคุณคาของธรรมชาติ ที่ผูสรางสรรคได ตั้งเปาหมายไว จากการสรางสรรคผลงานผูสรางสรรคไดทำการศึกษาศิลปนที่มีความเกี่ยวของกับศิลปะสื่อผสม ดังศิลปน ตอไปนี้ ศิลปนกรณีศึกษา Bill Wooddrow Bill Wooddrow มีแนวคิดในเรื่องของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ไดกอเกิดความขัดแยงขึ้น เกิดเปนผลงาน ที่มีองคประกอบในลักษณะเชิงบรรยายและเชิงสัญลักษณ ปรากฏขึ้นมานำเสนอโดยการใชวัสดุขนาดเล็กที่มีความหลากหลาย เปนวัตถุดิบของศิลปนในผลงาน ตอมาศิลปนไดเปลี่ยนแปลงไปใชวัตถุดิบเปนสินคาอุปโภคบริโภคขนาดใหญขึ้นที่ไดมา จากอุตสาหกรรมผลิต โดยที่ยังคงโครงสรางของวัตถุตนแบบโดยศิลปน ดัดแปลงตัดบางสวนออกจากวัตถุตนแบบ ซึ่งถูกสรางสรรคดวยวัสดุที่เลือกมาเปนการออกแบบเชิงสัญลักษณ ภาพที่ 3: Elephant ผลงาน Bill Wooddrow 1984 ที่มา: เขาถึงไดจาก https://www.tate.org.uk/art/artworks/woodrow-elephant-t07169/, สืบคนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2565 212
Sayaka Ganz Sayaka Ganz เกิด พ.ศ. 2519 โยะโกะฮะมะ ประเทศญี่ปุน ผลงานของ Sayaka Ganz มีแนวคิดการลดปริมาณขยะพลาสติกบนโลกดวยการนำมันมาสรางงานศิลปะ เพื่อชวยใหผูคนตระหนักถึงปญหาของขยะพลาสติก นำเสนอเปนผลงานที่ทรงพลังมากดวยความที่เธอเกิดมาในครอบครัว ที่นับถือลัทธิชินโตมาตั้งแตเกิด เธอจึงนำคำสอนของลัทธิที่วา วัตถุทุกชิ้น ทุกสิ่งทุกอยางนั้นมันมีจิตวิญญาณซอนอยูภายใน เธอหยิบเอาความคิดนี้มาใชในการสรางสรรคผลงานศิลปะ โดยศิลปนมักใชรูปทรงที่ไดจากสัตวมาสรางสรรคมาเปนผลงาน ประติมากรรม ที่ผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีที่ไรคา มาทำใหเกิดเปนคุณคาใหมในเชิงศิลปะจึงนับไดวา ศิลปนสามารถสื่อ อารมณความงดงามภายใตวัตถุเหลือใชไดอยางนาสนใจ ( https://sayakaganz.com/ ) ภาพที่ 3: ผลงาน Sayaka Ganz ที่มา: เขาถึงไดจาก https://sayakaganz.com/plastics/nanami , สืบคนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2565 Xu bing Xu bing เกิด พ.ศ. 2498 ฉงชิง ประเทศจีน ผลงานของ Xu bing แรงบันดาลใจจากความเปนจริงรวมสมัยของประเทศจีนที่เปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็วใชเวลา สองปในการสรางผลงานนกฟนิกซ สรางขึ้นดวยวัสดุที่เก็บไดจากสถานที่กอสรางในเมืองจีน รวมทั้งเศษซากจากการรื้อถอน คานเหล็ก เครื่องมือ และของใชในชีวิตประจำวันของแรงงานขามชาติ นกฟนิกซในตำนานเปนพยานถึงความเชื่อมโยง ความสัมพันธอันซับซอนของประวัติศาสตรในการพัฒนาเชิงพาณิชยของประเทศจีนที่มีความมั่งคั่ง ร่ำรวยอยางรวดเร็ว ในประเทศจีนปจจุบัน ผลงานสรางสรรคชิ้นนี้ ไดแสดงออกใหเห็นคุณคาของเศษวัสดุประเภทเหล็กจนเกิดเปนผลงาน ประติมากรรมขนาดใหญที่เปนนกฟนิกซหอยแขวนลงจากบนเพดานเสมือนนกฟนิกซกำลังโบยบินอยู ซึ่งทำใหเกิดความ นาสนใจกับผูชม และเกิดการตีความไปในทิศทาง ที่เสียดสีโลกของวัตถุนิยมที่กำลังเขาแทนที่ธรรมชาติ (http://www.xubing.com/ ) 213
ภาพที่ 4: ผลงาน Xu bing PHOENIX 2010 ที่มา: เขาถึงไดจาก http://www.xubing.com/ , สืบคนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2565 แมนดี บารเกอร การสรางสรรคผลงานของ บาเกอร ไดรับแรงบันดาลใจมาจากในวัยเด็กบารเกอรเดินทางไปที่ชายหาด สังเกตเห็นความไมใสใจของผูคนที่มีตอภาพของขยะที่กระจัดกระจายไปทั่วชายหาด จึงเกิดความคิดในการสรางสรรค ผลงานศิลปะจากขยะพลาสติก ดังนั้นเธอจึงเริ่มจากการเก็บเศษขยะพลาสติก และนำมาถายภาพ โดยมีจุดมุงหมาย เพื่อ สรางสรรคผลงาน ที่ทำใหผูคนรูสึกมีสวนรวมกับปญหาขยะที่เกิดขึ้นดังกลาว โดยศิลปนทำโครงการถายภาพสถานที่ตาง ๆ เพื่อตีแผปญหาของขยะพลาสติกที่มีอยูรอบตัวเรา ศิลปนมีความคิดเห็นวาขยะสามารถเดินทางไดไกล และมีอายุยาวนานกวา จะยอยสลายศิลปนจึงนำเสนอผลกระทบที่พลาสติกที่มีตอสิ่งแวดลอมทางธรรมชาติ (https://www.mandy-barker.com/) ภาพที่ 5: ผลงาน ชางภาพ แมนดี บารเกอร 2014 ที่มา: เขาถึงไดจาก https://www.mandy-barker.com/ , สืบคนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2565 214
ไทยวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ ผลงานของ ไทวิจิต พึ่งแบบสมบูรณ ที่นำเสนอการหนีเอาชีวิตรอดในลักษณะของสังคมแบบ (Dystopia) ที่เขาไดเผชิญกับอันตราย ที่มนุษยสรางขึ้นดวยการใชสำนวนสุภาษิตหนีเสือปะจระเข อรรถาธิบายถึงหายนะ ของโลกและสิ่งแวดลอม ที่กำลังถูกทำลายลงอยางยอยยับจากการพัฒนากาวกระโดดของมนุษย ดวยการพัฒนา เทคโนโลยีที่ควบคุมโลกในนี้อยางตอเนื่องไมอาจหยุดยั้งได มาจากภาพที่กำลังแสดงถึงภาวะโลกรอน ที่เกิดจากขยะมหาศาล จนทำใหสิ่งแวดลอมเปนพิษ โดยการสรางสรรคผลงานประติมากรรมสื่อผสมขนาดใหญ อันประกอบไปดวยรูปทรงจระเขเหล็ก หลายตัวที่ชี้ชวนผูชนใหเขาไป เดินทองโลกแหงภยันอันตรายในเชิงลอเลียนเสียดสี และประติมากรรมกึ่งนามธรรม ที่สรางดวยโครงเหล็กขนาดใหญ รูปรางคลายเครื่องมือจับปลา ที่ไดแนวคิดมาจากวัฒนธรรมและภูมิปญญาชาวบานที่ ประดิษฐไซดักปลา ที่ศิลปนเคยไดรับประสบการณซึมซับมาจากวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่น เพียงแตปรับเปลี่ยนการดักปลา เปนการดักขยะพลาสติกแทน ไทวิจิต มีความเชี่ยวชาญในการนำสิ่งของ ที่ไมไดใชหรือเรียกวาเปนขยะที่ถูกทิ้ง มาสรางสรรคผลงานศิลปะ ในการพลิกผันสิ่งที่ไรคา โดยเปลี่ยนบริบทมันไปสูความงามและ ความหมายใหมของวัสดุ ภาพที่ 6: ผลงานไทยวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ BAB 2020 ที่มา: ผูเขียนบทความ , สืบคนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2564 กระบวนการสรางสรรค การสรางสรรคผลงานทัศนศิลปในหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” เปนผลงาน ประติมากรรมสื่อผสม การผสมผสานวัสดุทางเทคโนโลยีรวมกับวัสดุทางธรรมชาติ ที่ไดรับมาจากประสบการณโดยตรงของผู สรางสรรค โดยการคนควาขอมูล ทางวิชาการ ทั้งจากตำราและศึกษาผลงานศิลปะที่เกี่ยวของกับเนื้อหาดานรูปทรงแหง จินตนาการ รวมกับทฤษฎีประสบการณนิยม เพื่อรวบรวมเปนขอมูลพื้นฐาน อันไดแก หนังสือ ตำรา อินเทอรเน็ต รวมถึง ศึกษาจากผลงานและแนวคิด จากศิลปนที่สรางสรรคผลงานลักษณะดังกลาว ขั้นตอนของการศึกษาและการสรางสรรคจะเริ่ม ขึ้น จากการศึกษา เพื่อการนำเสนอผลงานหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” โดยสามารถ จัดแบงขั้นตอนของการศึกษาและการสรางสรรคไดดังตอไปนี้ กอเกิดเปนรูปทรงที่กระตุนเตือนใหผูคนตระหนักถึงคุณคาของ ธรรมชาติ ที่กำลังถูกแทนที่ดวยวัตถุทางเทคโนโลยีจนในที่สุดธรรมชาติอาจถูกกลืนหายไปอยางนาเสียดาย วิธีการสรางสรรค การสรางสรรคผลงานทัศนศิลปในหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” ประกอบดวย ประสบการณของผูสรางสรรค การสอบถามขอมูล การลงพื้นที่ศึกษาขอมูลจากสิ่งมีชีวิตจริง รวมทั้งเอกสารศิลปะการ จินตนาการ เพื่อศึกษาขอมูลทางดานวิชาการเพื่อรวบรวมเปนขอมูลพื้นฐานเรื่องของจินตนาการ รวมถึงศึกษาศิลปนที่มี 215
ผลงานแนวความคิด วิธีการสรางสรรค และเทคนิคที่สรางสรรคผลงานใกลเคียงกับผูสรางสรรค โดยศึกษาขั้นตอนของการ สรางสรรคและศึกษาวิธีการนำเสนอผลงานของศิลปน เพื่อนำมาพัฒนาปรับใชกับผูสรางสรรค 1. ศึกษาขอมูลที่ไดจากประสบการณตรงจากสภาพแวดลอม นำมาวิเคราะหจนเกิดเปนแนวคิด ที่ไดรับจาก สภาพแวดลอมสอดคลองกับแนวคิดทฤษฎีประสบการณนิยม (John Dewey) อยูบนพื้นฐานมาจากประสบการณผาน ประสาทสัมผัส การรับรูของมนุษย ทั้งสวนที่เกิดจากความตั้งใจและไมตั้งใจ แนวคิดนี้ใหความสำคัญกับประสบการณตรงที่สั่ง สมมาในระยะเวลาที่ยาวนานเกิดการบมเพาะจนฝงอยูในจิตใตสำนึก ตามคำกลาวที่วา“ประสบการณคือการสัมพันธกับ สิ่งแวดลอม การมีปฏิกิริยากับสิ่งแวดลอม” (ชลูด นิ่มเสมอ,2553) จากการดำเนินชีวิตของผูสรางสรรคที่เกิดและเติบโตมา ทามกลางธรรมชาติในชนบท ทามกลางธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธ ทองทุงที่เขียวขจี สุดลูกหูลูกตา ซึ่งแตกตางจากวิถีชีวิตใน เมืองใหญ ซึงผูสรางสรรคตองเดินทางเขามาศึกษาตอ และประกอบอาชีพยิ่งทำใหผูสรางสรรคเกิดการเปรียบเทียบเห็นความ แตกตางของวิถีชีวิตในชนบทและวิถีชีวิตในเมือง ซึ่งเต็มไปดวยความแออัด เบียดเสียด แกงแยงชิ่งดีซึ่งตัวผูสรางสรรคนั้น ก็ ตกอยูทามกลางกระแสของเทคโนโลยีอยางหลีกเหลี่ยงไมได แตจากประสบการณที่ไดรับมานั้น ทำใหเกิดแรงบันดาลใจใน การสรางสรรคผลงานที่นำเอาประสบการณมาสรางรูปทรง คลายสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติที่ผูสรางสรรครัก แตสรางใหไรชีวิต เปนกลไกลเครื่องจักรที่ไรหัวใจ เปรียบเปนการเสียดสีประชดประชันกับผูคนที่หลงกับเทคโนโลยีอันลวงตา จากที่กลาวนั้นเปน แรงบันดาลใจที่รับจากธรรมชาติ และสภาพแวดลอมและเปนแรงขับเคลื่อนเปนรูปทรงที่แปลกประหลาด การจะพัฒนา ผลงานไดตรงตามแนวคิดนั้น 2. ศึกษาขอมูลจากศิลปนไทยประกอบดวย ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ ศึกษาศิลปนตางประเทศ Bill Wooddrow , Sayaka Ganz, Xu bing , แมนดี บารเกอร ที่สรางสรรคผลงานดวยเทคนิคศิลปะในรูปแบบตาง ๆ ที่แสดงออกใหเห็นถึง คุณคาของธรรมชาติ ที่กำลังถูกแทนที่ดวยวัตถุทางเทคโนโลยีปรัชญาทางศิลปะแฟนตาซีและศิลปะเหนือจริง ศึกษาศิลปนที่ สรางสรรคผลงานในรูปแบบประติมากรรมสื่อผสม ไดแก ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ, Bill Wooddrow, Sayaka Ganz , Xu bing, แมนดี บารเกอร 3. ศึกษากรอบทฤษฎีและศึกษาเอกสารทางวิชาการ โดยใชทฤษฎีประสบการณนิยม (John Dewey) รวมทฤษฎี จินตนาการของอัลเบิรต ไอนสไตน ชี้ใหเห็นถึงสิ่งมีชีวิตทั้งมวลจะมีรูปรางรูปทรงอยูในธรรมชาติอยางไร โดยการจินตนาการ ถึงสิ่งมีชีวิตในอนาคต รวมกับแนวคิดศิลปะแนวแฟนตาซี(Fantasy) และ ศิลปะเหนือจริง (Surrealism) ชี้ใหเห็นถึงคุณคา ความงามของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต อันจะเปนการกระตุนเตือนใหคนเห็นตระหนักคุณคาของธรรมชาติที่กำลังถูกแทนที่ดวย วัตถุทางเทคโนโลยี จนในที่สุดธรรมชาติอาจถูกกลืนหายไป โดยการศึกษาและเก็บขอมูลศิลปนที่ไดรับแรงบันดาลใจ ศิลปน ไทยประกอบดวย ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณศิลปนตางประเทศ ไดแก Bill Wooddrow , Sayaka Ganz , Xu bing , แมนดี บารเกอร ที่ไดรับการยอมรับเพื่อนำมาพัฒนาตอยอดความคิดใหเกิดเปนผลงานลักษณะเฉพาะตัว 4. สรางภาพราง (Sketch) ใหตรงตามแนวคิด “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” นำภาพ รางมาวิเคราะหวิจารณ โดยคณาจารยที่ทรงคุณวุฒิทางดานทัศนศิลป เพื่อใหผลงานมีการพัฒนาในการสรางสรรคผลงานใหมี คุณภาพ 5. ทำการสรางสรรคผลงานจริงดวยกระบวนการเทคนิคศิลปะสื่อผสมดวยการเลือกวัสดุเทคโนโลยีกับวัสดุธรรมชาติ และวัสดุสำเร็จรูป การเลือกวัสดุที่เกิดจากเทคโนโลยี ที่มีอยูในสังคมเมือง เทคนิคการปดทองดวยแผนทองคำเปลวของวัตถุ เทคนิคการหลอไฟเบอรกลาส การปนปูนสด และเทคนิคการประกอบวัสดุ นำมาดำเนินการสรางสรรคผลงาน โดยศึกษา ประติมากรรมดวยเทคนิคศิลปะสื่อผสม (Mixed Media) รวมกับวัสดุที่ตรงตามแนวคิด 216
6. ทำการวิเคราะหกระบวนการสรางสรรคผลงานอยางเปนระบบขั้นตอน ในรูปแบบเอกสาร (วิทยานิพนธ) และ ผลงานจริง นำผลงานที่เสร็จสมบูรณเผยแพรออกสูสาธารณะชนในรูปแบบของนิทรรศการสูจิบัตรสื่อสิ่งพิมพและสื่อออนไลน สรุปผลการศึกษา จากการสรางสรรคผลงานประติมากรรมสื่อผสมในหัวขอ รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรทมชาติ พบวาการนำวัสดุสำเร็จรูป และวัตถุเก็บตกมาเปนสื่อสัญลักษณในการสรางรูปทรงของสัตวในธรรมชาติ เปนสัตวที่ไมเคย ปรากฏมากอนไมมีอยูจริง ผูสรางสรรคไดผสมผสานสัตวหลายประเภทเขาดวยกัน ทำใหเกิดความแปลกตาชวนสงสัยวาเปน สัตวชนิดใดกันแน โดยคัดเลือกวัสวัสดุสำเร็จรูปในชีวิตประจำวัน ผานชองทางจินตนาการคิดฝนวาวัสดุสิ่งนั้นใกลเคียงหรือ คลายกับสัตวอะไร สอดคลองกับแนวคิดของศิลปะกลุมเซอรเรียลิสม ที่มีแนวคิดที่วาวัสดุสองประเภทที่ไมมีความเกี่ยวของกัน มาพบกันโดยบังเอิญ กอเกิดรูปทรงแปลกประหลาด ซึ่งผูสรางสรรคมีความสนใจในการใชจินตนาการในการสรางรูปทรงที่ แปลกตา แปลคาวัสดุจากสิ่งของไรชีวิตกลายเปนสัตวมีชีวิต แนวคิดนี้มักพบไดในศิลปะแฟนตาซีที่จะใชจินตนาการนำทางใน การตั้งตนเลาเรื่อง ซึ่งผูสรางสรรคไดนำแนวคิดในเรื่องของจินตนาการมาตอยอดผานการเลือกสรรควัสดุทั้งจากธรรมชาติและ วัสดุที่เก็บตกได จากสภาพแวดลอมทั้งจากในเมืองและชนบท ผลงานชุดนี้จึงเปนเสมือนสื่อที่กระตุนเตือนใหผูคนตระหนักถึง โทษของการเสพวัตถุทางเทคโนโลยีจนเกินความพอดี ดังจะเห็นไดจากสภาพแวดลอมในปจจุบัน ภาพที่ 7: ผลงานชุด “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” ที่มา: ผูเขียนบทความ , สืบคนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2565 217
วิจารณและสรุปผล ผลงานทัศนศิลปในหัวขอ “รูปทรงแหงจินตนาการของเทคโนโลยีเขาแทนที่ธรรมชาติ” นั้นเปนการ สรางสรรค ผลงานโดยมุงเนนจการสรางรูปทรงที่ใชจินตนาการ ผสมผสานประสบการณชีวิต ที่รักและผูกพันกับธรรมชาติแตวัยเด็ก ทำให รูสึกหวงแหนธรรมชาติที่นับวันจะถูกทำลายลงดวยเทคโนโลยี ที่เขามามีบทบาทกับชีวิตมนุษยจนยากที่จะแกไข การ สรางสรรคผลงานนี้จึงจำเปนตองทำการศึกษาแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวของ อาทิ เชน ศิลปะแนวแฟนตาซีที่มีความนาสนใจในดาน การใชจินตนาดานการประกอบสรางรูปทรงที่พิเศษแปลกตา สอดคลองกับศิลปะลัทธิเซอรเรียลิสมที่มุงเนนการพบกันโดย บังเอิญของวัตถุ ตั้งแต 2 ประเภทมาผสมผสานกันจนเกิดเปนรูปทรงที่ไมเคยปรากฏมากอน ซึ่งเปนการเปดมุมมองในเรื่องการ เลือกใชวัสดุประเภทเก็บตกรวมกับวัสดุสำเร็จรูปและวัสดุที่หาไดตามธรรมชาติ เมื่อผลงานเสร็จสมบูรณ ทำใหเกิดการ ตีความหมายใหกับผลงานประติมากรรม ดวยรูปทรงแบบใหม เพราะการชมผลงานนั้นตองอาศัยประสบการณของผูดูรวมดวย จึงจะเกิดความสนุก เปนรูปทรงที่มีลักษณะเฉพาะตนอยางนาสนใจ รวมถึงมีความงามทางสุนทรียเกิดขึ้น และกระตุนเตือน ผูคนใหหันมาเห็นคุณคาของธรรมชาติอีกทางหนึ่ง เอกสารอางอิง (References) กำจร สุนพงษศรี.(2555). สุนทรียศาสตร. พิมพครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ชลูด นิ่มเสมอ. (2559). องคประกอบของศิลปะ พิมพครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพอมรินทร พิชัย ตุรงคินานนท. (2544). มัลติเพิล อารต : พาหนะแหงการสื่อสารของ โจเซฟ บอยส พิมพครั้งที่ 1กรุงเทพฯ แมกซ แอรนสท.(2551). สี แสงอินทรพิมพครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย มัย ตะติยะ. (2547). สุนทรียภาพทางทัศนศิลป, กรุงเทพฯ : วาดศิลป วิโชค มุกดามณี. (2550).การแสดงงานจิตรกรรม วิโชค มุกดามณี. (2546). 6 ทศวรรษศิลปกรรมรวมสมัยในประเทศไทย.กรุงเทพฯ : หอศิลปมหาวิทยาลัยศิลปากร สดชื่น ชัยประสาธน. (2539).จิตรกรรมและวรรณกรรมแนวเซอรเรียลิสต. พิมพครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: บริษัท ดานสุทธารพิมพจำกัด สมพร รอดบุญ. (2534). วัสดุในศิลปะ. ทองโลกศิลป, กรุงเทพฯ อารี สุทธิพันธ.(2535). ศิลปนิยม พิมพครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ:สำนักพิมพโอเดียนสโตร เดวิน คอตติงตัน, (2554). ศิลปะสมัยใหม ความรูฉบับพกพา. แปลจาก Modern Art, แปลโดย จณัญญา เตรียมอนุรักษ. กรุงเทพฯ : โอเพนเวิลด 218
แนวทางการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล : กรณีศึกษาโครงการผาขาวมาทองถิ่น หัตถศิลปไทย Guidelines for using loincloth in the design of apparel and football products. : Case study of the local loincloth project, Thai handicrafts จักรพันธ สุระประเสริฐ* (ศป.ม.) 1 1 ผูชวยศาสตราจารยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตยE-mail [email protected] บทคัดยอ บทความนี้นำเสนอแนวทางการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล มี วัตถุประสงคเพื่อศึกษาแนวทางการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล โดยมีตัวอยางเครื่อง แตงกายกีฬาที่นำมาศึกษาจำนวน 29 ชิ้น ตัวอยางผลิตภัณฑกีฬาจำนวน 24 ชิ้น จาก 4 สโมสรที่เขารวมโครงการผาขาวมา ทองถิ่น หัตถศิลปไทย ป พ.ศ.2564 มีคุณสมบัติตามเกณฑ กลาวคือ เปนเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล และผลิตภัณฑกีฬาที่ใช ผาขาวมาจากชุมชนในพื้นที่จังหวัดที่สโมสรฟุตบอลนั้นตั้งอยู โดยใชแนวคิดจากศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี สัญลักษณประจำ จังหวัด ในการออกแบบ มีเครื่องมือในการวิจัยคือ ตาราง Matrix Analysis ดำเนินการวิเคราะหขอมูลจากการออกแบบและ การใชผาขาวมาของผลิตภัณฑตังอยาง และสรุปผลโดยใชสถิติบรรยายเปนรอยละ ผลวิจัยพบวาการใชผาขาวมาในเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล ในสวนของชุดสำหรับแขงขันนั้นยังทำไดนอย เพราะ คุณสมบัติของผาขาวมายังตอบสนองสวนนี้ไมได ทำใหนักออกแบบนำผาขาวมามาใชในชุดแขงขันไมได แตยังสามารถนำมาใช กับการออกแบบเครื่องแตงกายรูปแบบอื่นๆของสโมสรฟุตบอลได ในสวนของการใชผาขาวมาในผลิตภัณฑกีฬาพบวาคุณสมบัติ ของผาขาวมาตอบสนองการออกแบบไดเปนอยางดีอยางเชนผลิตภัณฑกระเปา หมวก ผาพันคอ และยังสามารถพัฒนา รูปแบบตอไปไดอีกมาก การนำแรงบันดาลใจจากศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี สัญลักษณประจำจังหวัด และสีประจำสโมสร ฟุตบอล มาใชในงานออกแบบทำใหเกิดการทอผาขาวมาดวยสีที่แตกตางไปจากเดิม คำสำคัญ: ผาขาวมา เครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล ผลิตภัณฑกีฬา ABSTRACT This article presents guidelines for using loincloth in the design of apparel and football products. The objective of this study was to study the guidelines for using loincloth in the design of apparel and football products. 29 samples of sports apparel were included in the study, 24 samples of sports products from 4 clubs participating in the local loincloth project, Thai handicrafts in 2021. Qualified according to the criteria, that is, it is a football sport apparel. and sports products using loincloth from the community in the province where the football club is located. Using concepts from arts, culture, traditions, and provincial symbols in the design, the research tool is a Matrix Analysis table. Data was analyzed from the design and use of loincloths of the sample products. and summarize the results using descriptive statistics as a percentage. The results showed that the use of loincloth in football apparel As for the outfits for the competition, it still does little. because the properties of loincloth still cannot meet this part. Causing designers to not be able to use loincloth in competition outfits But it can also be applied to other football 219
club apparel designs. As for the use of loincloth in sports products, it was found that the properties of loincloth were responsive to the design. such as bags, hats, scarves, and can be developed further. Taking inspiration from arts, culture, traditions, provincial symbols and the colors of the football club used in the design, resulting in the weaving of loincloth with different colors from the original. KEYWORDS: loincloth soccer sports apparel sports products บทนำ (Introduction) จากขอมูลศูนยสงเสริมศิลปาชีพระหวางประเทศ (องคการมหาชน) หรือ SACICT ปจจุบันคนไทยเรารูจักผาขาวมา กันนอยลง โดยเฉพาะคนรุนใหมที่สวนใหญไมเคยเห็นผาขาวมา ทั้งที่สมัยกอนผาขาวมาเปนผาที่อยูในวิถีชีวิตคนไทย ทั้งใชใส นุงอาบน้ำ เช็ดตัว หอของ คาดเอว ใชเปนผาปดไลแมลงและอีกสารพัดประโยชน แตเมื่อวิถีการใชชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไปจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่มาทดแทน บทบาทของผาขาวมาของไทยก็ ลดนอยลง แตในตางจังหวัดผาขาวมายังเปนที่นิยมของคนไทยใชในชีวิตประจำวัน บางก็ใชเปนผามอบใหเปนของขวัญที่มีคา แกกัน เปนผาสารพัดประโยชนในครอบครัว ในวัฒนธรรมของแตละภาคจะมีความแตกตางกัน เชน ภาคอีสานจะมีวัฒนธรรม การทอผาขาวมาดวยผาไหม มีผาขาวมาประจำตระกูล ทางภาคกลางก็จะทำจากผาฝายเปนสวนใหญ ดังนั้นบทบาทของผาขาวมาที่เปลี่ยนไป การใชผาขาวมาลดลง ทำใหชุมชนที่เคยทอผาขาวมาเพื่อสรางรายไดประสบ ปญหาเชิงเศรษฐกิจ และยังสงผลถึงปญหาทางศิลปะวัฒนธรรม เพราะไมมีคนมาสานตอการทอผาขาวมา ทางภาครัฐไดมีการจัดหนวยงานลงพื้นที่เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑจากผาขาวมาใหกับชุมชน แตยังไมเพียงพอ เนื่องจาก การเติบโตของวงการฟุตบอลไทยกอใหเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเปนจำนวนมาก โดยสงผานมายังธุรกิจที่ เกี่ยวเนื่องอยางการลงทุนในการทำทีมฟุตบอล คาลิขสิทธิ์ในการถายทอดสดการแขงขัน อุปกรณกีฬา สินคาเสื้อกีฬา ของที่ ระลึก ธุรกิจคาปลีก ธุรกิจคมนาคมขนสง สถาบันสอนกีฬา และยังกอใหเกิดการจางงานจากการเกิดขึ้นของอาชีพใหมๆ ทั้ง ทางตรงและทางออม ซึ่งเกิดจากการที่คนไทยรับชมการแขงขันฟุตบอลไทยเพิ่มขึ้น สมาคมฟุตบอลไทยจึงไดมีการปรับ โครงสรางทีมฟุตบอลสโมสร โดยใหเปนการกอตั้งจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร มีการสนับสนุนใหสโมสรเดิมหาพันธมิตรเปนจาก จังหวัดตางๆในประเทศ และสนับสนุนใหแตละจังหวัดกอตั้งสโมสรฟุตบอลเพื่อเขาแขงขันในรายการของสมาคม โดยมี หนวยงานเอกชนหลายแหงใหการสนับสนุน ทำใหแตละสโมสรมีฐานแฟนบอลขึ้นมา เนื่องจากความรักในจังหวัดหรือถิ่นฐาน ของตนเอง สงผลใหมีการสนับสนุนจากแฟนบอลเขามาอีกทาง รายไดของแตละสโมสรมีมากขึ้นจากคาเขาชม จากการขายของ ที่ระลึก ภาคเอกชนที่เห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้จึงเขาชวยสงเสริม โดยจัดเปนโครงการตางๆขึ้น ดังเชน บริษัท ไทยเบฟ เวอเรจ จำกัด โดยโครงการ eisa โครงการผาขาวมาทองถิ่น หัตถศิลปไทย ไดรวมมือกับ สโมสรฟุตบอลประจำจังหวัด ชุมชน ผาขาวมา และมหาวิทยาลัย โดยมีการเขารวมกันดังนี้ 1.ชุมชนบานหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย สโมสรฟุตบอลสุโขทัย เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยธุรกิจ บัณฑิตย 2.ชุมชนบานดอนแร (ดลมณี) จังหวัดราชบุรี สโมสรฟุตบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี วิทยาลัยเพาะชาง มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร 3.ชุมชนบานหนองลิง จังหวัดสุพรรณบุรี สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยราช ภัฎสวนสุนันทา 220
4.ชุมชนคอตตอนดีไซน จังหวัดปทุมธานี สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัย กรุงเทพ ทั้งนี้ตัวแทนของแตละมหาวิทยาลัย ไดนำผาขาวมาของแตละชุมชน มาพัฒนาเปนเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬา ใหกับสโมสรฟุตบอล มีการลงพื้นที่เก็บขอมูลจากชุมชน สโมสรฟุตบอล และความตองการของกลุมเปาหมายของสโมสร ฟุตบอล เพื่อหาแรงบันดาลใจในการสรางแนวคิดในการออกแบบ และผลิตตนแบบออกมา ภาพที่ 1: งานแสดงผลงานผาขาวมาทองถิ่นหัตถศิลปไทย ที่มา: www.siamsport.co.th พ.ศ.2564 ดังนั้นการศึกษาการใชผาขาวมากับเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาใหกับสโมสรฟุตบอล จึงมีความจำเปนอยางยิ่ง ในการพัฒนาแนวทางการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาจากผาขาวมา ใหทันสมัย เปนที่นิยมของกลุมเปาหมาย ของสโมสรฟุตบอล เกิดการพัฒนาที่มีคุณภาพ และสรางรายไดใหกับชุมชน วัตถุประสงค ศึกษาแนวทางการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล ขอบเขตในการวิจัย ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ศึกษาเฉพาะการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล สำหรับกลุมเปาหมายของสโมสรฟุตบอล โดยตัวอยางเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล ที่นำมาศึกษาจำนวน 53 ชิ้น จาก 4 สโมสรฟุตบอลในประเทศไทย มีคุณสมบัติตามเกณฑของลักษณะของเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลที่ใช ผาขาวมาในการออกแบบ สามารถสะทอนอัตลักษณของสโมสรฟุตบอลแตละสโมสรไดเปนอยางดี วิธีการดำเนินการวิจัย 1.ศึกษาขอมูลเบื้องตนจากเอกสาร หนังสือ บทความ เกี่ยวกับผาขาวมา หลักการออกแบบเครื่องแตงกายกีฬา การ ออกแบบผลิตภัณฑทองถิ่น แนวคิดในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลของ 4 สโมสร และศึกษารูปแบบ การพัฒนาเครื่องมือที่ใชในการวิจัย 2. สำรวจและคัดเลือกกลุมตัวอยางเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลจากสโมสรฟุตบอลที่เขารวมโครงการ 3. สรางและพัฒนาเครื่องมือที่ใชในการวิจัย โดยใชตาราง Matrix จัดกลุมในการวิเคราะหขอมูลความสัมพันธของ คุณลักษณะเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณของเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลโดยแยกองคประกอบจาก ประเภทการ ออกแบบ วัสดุ การออกแบบ แรงบันดาลใจ และสี โดยเนนไปที่การใชผาขาวมาในงานออกแบบ 221
4. ดำเนินการวิเคราะหขอมูลจากคุณลักษณะของเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลจากผาขาวมา และ สรุปผลโดยใชสถิติบรรยาย ไดแก คารอยละ จากตาราง Matrix Analysis 5. อภิปรายผลถึงรูปแบบและแนวทางการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล เนื้อหา (Content) 1.ผาขาวมา ไมใชคำไทยแท แตเปนภาษาเปอรเซียที่มีคำเต็มวา “กามารบันต” (Kamar band) “กามาร” หมายถึง เอว หรือ ทอนลางของรางกาย “บันด” แปลวา พัน รัด หรือคาด เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกัน จึงหมายถึง เข็มขัด ผา พัน หรือคาดสะเอว คำวา “กามารบันด” ยังปรากฏอยูในภาษาอื่นๆอีก เชน ภาษามลายู มีคำวา“กามารบัน” (Kamaban) ภาษาฮินดี้ ใชคำวา“กามารบันด”เชนเดียวกับภาษาเปอรเซีย แตภาษาอังกฤษใชคำวา “คัมเมอรบันด” (Commer band) หมายถึง ผารัดเอวในชุดทัคซิโด (Tuxedo) ซึ่งเปนชุดสำหรับออกงานราตรีสโมสร นอกจากนี้งานวิจัยเรื่อง “ผาขาวมา” ของ อาภรณพันธ จันทรสวาง อธิบายวา “ผาขาวมา” เปนคำที่เพี้ยนมาจากคำวา “กามา” (Kamar) ซึ่งเปนภาษาอิหรานที่ใชกัน อยูในประเทศสเปน เขาใจวาสเปนไดนำเอาคำวา “กามา” ซึ่งเปนภาษาแขกไปใชดวยเพราะในประวัติศาสตร ประเทศทั้งสอง นาจะมีความสัมพันธติดตอกันมาชานาน (อาภรณพันธ จันทรสวาง. 2523) มาตรฐานผลิตภัณฑชุมชน (มผช.197/2546) ได กำหนดมาตรฐานของผาขาวมาวาหมายถึง ผาทอลายขัดแบบตาหมากรุกหรือรูปลายสี่เหลี่ยมที่ไดจากการขัดกันระหวาง เสนดายยืนกับเสนดายพุงสลับสีกันเปนชวง โดยใชเสนดายยืนสลับสีกัน และใชเสนดายพุงซึ่งอาจมีสีเดียวกันกับเสนดายยืน หรือไมก็ไดทอสลับสีกันเปนชวง ที่ชายผาทั้งสองดานตองมีลวดลายเปนเสนตรงตามแนวเสนดายยืนอาจนำลายทออื่นมาเปน ลายประกอบหรือลายคั่นดวยก็ไดเชน ลายขิด ลายยกดอก (เสาวลักษณ คงคาฉุยฉายและคณะ. 2556: 6) 2.การออกแบบผลิตภัณฑของที่ระลึก จารุพรรณ ทรัพยปรุง (2548) จำแนกการออกแบบประยุกตศิลปเปน 2 ประเภท คือ การออกแบบโครงสรางและการออกแบบตกแตง โดยแตละประเภทมีคุณลักษณะการออกแบบที่แตกตางกัน การ ออกแบบโครงสราง เปนการออกแบบที่มีความเกี่ยวพันกับขนาด รูปราง และรูปทรงของวัตถุชิ้นหนึ่ง คุณลักษณะที่มีความ จำเปนสำหรับงานออกแบบโครงสราง ไดแก ความมั่นคงแข็งแรง สัดสวนที่ดี และความเหมาะสมของวัสดุที่นำมาใชในการ ออกแบบ การออกแบบตกแตง เปนการออกแบบลวดลาย รายละเอียด การวางตำแหนงสี เสนและพื้นผิวใหกับโครงสราง การ ออกแบบตกแตงที่เพิ่มเติมเขาไป หากเปนเอกภาพจัดเปนการออกแบบโครงสราง แตถาดูโดดเดนเปนพิเศษก็จัดเปนการ ออกแบบตกแตง 3.การออกแบบและผลิตอุปกรณกีฬา เกี่ยวของกับศาสตร ทางดานวิศวกรรม และ วิทยาศาสตร การแพทย โดย ทางวิศวกรรม จะเนนไปที่การพัฒนาวัสดุชนิดใหม ที่ชวยเพิ่มขีด ความสามารถของนักกีฬา สำหรับดานวิทยาศาสตรการแพทย จะมุงไปที่เรื่องสรีรวิทยาของนักกีฬา เพื่อปองกันผูเลนกีฬาจากการเสี่ยงตอการบาดเจ็บ โดยจะเกี่ยวของกับศาสตรตาง ๆ เชน กลศาสตรทางชีวภาพ (biomechanics) กลศาสตรวาดวยการเคลื่อนไหว (dynamics) และ จลนศาสตร (kinetics) เปนตน การออกแบบและผลิตอุปกรณกีฬา จำเปนตองพิจารณาถึง แรงกลศาสตรตาง ๆ ที่กระทำตอรางกายของคนเรา ซึ่งจะแตกตาง กันออกไปตามประเภทของกีฬา อุปกรณกีฬาหรือชุดกีฬายอมผานกระบวนการออกแบบเพื่อใหเกิดประโยชนตอนักกีฬา ขณะเดียวกันยังเปนการออกแบบ เพื่อสรางความได เปรียบในการแขงขันดวย เปนความ ไดเปรียบที่มิใชแตเพียงในสนามกีฬา เทานั้น หากทวาในสนามการคา การชวงชิงความไดเปรียบ ในเรื่องความกาวหนาทางเทคโนโลยีการออกแบบตลอดจนวัสดุที่ใช ก็สามารถทำให บริษัทเครื่องกีฬา กลายเปนผูนำหรือผูครองตลาดอุปกรณกีฬา ไดเชนกัน ดังนั้น ราคาสินคากีฬา ที่คอนขางสูง นอกจากจะมีปจจัยจาก การสรางความนาเชื่อถือ ในเครื่องหมายการคาแลว ยังเปนผลมาจาก เทคโนโลยีวัสดุ และการ ออกแบบที่แตละบริษัททุมเทในการวิจัยและพัฒนา อันเปนนัยยะบงบอกถึงคุณภาพ และประสิทธิภาพของอุปกรณ หรือชุด กีฬานั้น ๆ ไปในตัว 222
3.1 การออกแบบและการเลือกประเภทวัสดุสำหรับอุปกรณกีฬา เครื่องแตงกายนักกีฬานั้น เปน องคประกอบที่สำคัญยิ่งตอการเลนกีฬา ไมเพียงแต จะมีสวน ทำใหอุปกรณกีฬามีความสวยงามนาใชงาน หรือสงผลใหนักกีฬา เปนผูกำชัยชนะเทานั้น หากยังมีผลตอสุขภาพรางกายของนักกีฬาดวย การออกแบบและการเลือก ประเภทวัสดุ ที่เหมาะสม จึงเปนการปองกันผูเลนกีฬาจากความเสี่ยงตอการบาดเจ็บ ดังตัวอยางเชน รองเทากีฬา ซึ่งมีหลายรูปแบบขึ้นอยูกับ การใช งานใหเหมาะสำหรับ กีฬาแตละประเภท การออกแบบรองเทากีฬา จึงตองคำนึงถึงการรับ แรงกระแทก และ การรักษารูปราง ของเทาในขณะเคลื่อนไหว วัสดุที่ใชทำรองเทาจึงตองมีความยืดหยุนที่ดี ซึ่งจะชวยลดความเจ็บปวดหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้น ระหวางการเลนกีฬา หรือ 'สปอรตบรา' (sport bra หรือ jog bra) ซึ่งปจจุบันเปนที่นิยมในกลุมผูหญิงที่เลนกีฬา ทั้งนี้ก็เพื่อ ความกระชับและความคลองตัว ในการออกกำลังกาย สปอรตบราไดรับการพัฒนา ใหผูเลนสามารถเลือกใสใหเหมาะสมกับ ประเภทกีฬาที่เลน (จากเดิมที่ออกแบบมา เพียง แบบเดียวใชกับกีฬาทุกประเภท) โดยมีสวนประกอบ 2 ชั้น คือ ชั้นนอกเปน เสนใยฝาย ผสมโพลิเอสเทอร (stretchable cotton - poly fabric) ที่ใหความยืดหยุน และชั้นในเปน เสนใยไลครา (lycra) ซึ่งเปนเสนใยสังเคราะหที่มีสวนประกอบของโพลิยูรีเทนแบบแข็ง (rigid polyurethane) และโพลิไซสไตรีน (polyxyethylene) มีลักษณะคลายสปริงที่มีความยืดหยุนสูง โดยโพลิยูรีเทนชนิดแข็งเปนสวนที่ใหความแข็งแกเสนใย และทำ ใหโมเลกุล ของเสนใย ไมเคลื่อนตัวออกจากกันเมื่อถูกดึงใหยืดออก สำหรับโพลิไซสไตรีน ใหความยืดหยุนแกเสนใย สามารถ คืนรูปไดถึง 500 % ไมทำใหเสนใยเสียรูป จึงทำใหผูสวมใส คลายความกังวล ในเรื่อง แรงดึงรั้งของชุดขณะเลนกีฬา ในสวน ของการออกแบบลาย ปจจุบันมีเทคโนโลยีการพิมพผา ที่ตอบสนองการออกแบบไดอยางมีคุณภาพ สะดวก และราคาไมสูงนัก ชุดกีฬาพิมพลาย คือการพิมพลวดลายที่ออกแบบลงไปในผาแลวนำไปตัดเย็บ เหมือนการพิมพลงบนกระดาษรูปภาพ ขอดีของ การพิมพคือสามารถตอบสนองการออกแบบชุดกีฬาไดทุกรูปแบบ แมกระทั่งการ พิมพรูปเสมือนจริง(รูปภาพคน) ลงไปที่ชุด กีฬา ทำใหวงการกีฬา ดูมีสีสันแปลกตา และโดดเดนมากยิ่งขึ้น เชน ถาจะนำผาขาวมามาใชในการออกแบบชุดกีฬาสำหรับ แขงขันจริง อาจจะมีผลตอการเคลื่อนไหว และการระบายความรอน การระบายเหงื่อ แตถาใชการพิมพทำลายเสมือน ผาขาวมาลงบนผาใยสังเคราะหสำหรับชุดกีฬา จะทำใหไดทั้งอัตลักษณและการใชงานที่เหมาะสม 3.2 ชุดกีฬาฟุตบอล หมายถึง อุปกรณมาตรฐานและเครื่องแตงกายของนักฟุตบอล ในภาษาอังกฤษ สำเนียงบริเตนใชคำวา "kit" หรือ "strip" และสำเนียงอเมริกันใชคำวา "uniform" ตามกติกานั้นกำหนดใหใชชุดกีฬา และหาม ไมใหสวมใสสิ่งที่กอใหเกิดอันตรายตอตนเองและผูเลนอื่น ในการแขงขันแตละแหงนั้นอาจระบุเงื่อนไขเฉพาะ เชน กฎบังคับ ดานขนาดของโลโกที่แสดงบนเสื้อและกลาววา ในการแขงขันแตละนัดระหวาง 2 ทีมนั้น หากสีของชุดกีฬาเหมือนหรือ คลายกัน ทีมเยือนจะตองเปลี่ยนไปเปนอีกชุด โดยปกติแลวนักฟุตบอลจะมีหมายเลขอยูดานหลังของเสื้อ โดยทีมแรกจะสวม เสื้อตั้งแตหมายเลข 1 ถึง 11 เพื่อใหพอสอดคลองกับตำแหนงการเลน แตในระดับอาชีพแลว หมายเลขของผูเลนเขาใหมมักจะ ถูกกำหนดจากหมายเลขของผูเลนคนอื่นในทีม ซึ่งผูเลนแตละคนในทีมจะถูกกำหนดหมายเลขตายตัวในฤดูกาลนั้น ๆ สโมสร อาชีพมักจะแสดงนามสกุลหรือชื่อเลนบนเสื้อ อาจจะอยูเหนือ (มีบางครั้งที่อยูต่ำกวา) หมายเลขเสื้อ ชุดฟุตบอลนั้นมีการ พัฒนา แตเดิมผูเลนจะสวมเสื้อผาฝายหนา ๆ กางเกงทรงหลวมยาวถึงเขาและรองเทาหนังแข็ง ๆ หนัก ๆ ตอมาในศตวรรษที่ 20 รองเทาเบาและออนลง สวนกางเกงสั้นลง และการพัฒนาดานการผลิต การเติบโตของการโฆษณาในศตวรรษที่ 20 ทำให เกิดโลโกของผูสนับสนุนบนเสื้อผา และมีการผลิตเสื้อใหแฟนฟุตบอลไดซื้อหากัน กอใหเกิดรายไดจำนวนมากสูสโมสร 4.แนวคิดในการออกแบบการเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอลของ 4 สโมสร 4.1 ชุมชนบานหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย สโมสรฟุตบอลสุโขทัย เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิตย ใชแนวคิดปรับภาพลักษณสินคาสโสมสรใหเปนสินคาที่ชาวสุโขทัยนำไปใชในชีวิตประจำวันได โดยการนำลาย จกคางคาวและผาขาวมาบานหาดเสี้ยว มาประยุกตเปนสินคาใหกับสโมสร 223
ภาพที่ 2: ผลงานออกแบบสโมสรฟุตบอลสุโขทัย เอฟซี 4.2 ชุมชนบานดอนแร (ดลมณี) จังหวัดราชบุรี สโมสรฟุตบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี วิทยาลัยเพาะชาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร ใชแนวคิดทางวัฒนธรรม ศาสนา มาประยุกตในงานออกแบบ ภาพที่ 3: ผลงานออกแบบสโมสรฟุตบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี 4.3 ชุมชนบานหนองลิง จังหวัดสุพรรณบุรี สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ใชแนวคิดความหลากหลายทางชาติพันธุ ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี 224
ภาพที่ 4: ผลงานออกแบบสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี 4.4 ชุมชนคอตตอนดีไซน จังหวัดปทุมธานี สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ใชแนวคิดความเปนปกแผน วิถีชุมชน ภาพที่ 5: ผลงานออกแบบสโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี 225
ภาพที่ 6: ผลงานออกแบบสโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี 5.การวิเคราะหฐานขอมูลการออกแบบ พรเทพ เลิศเทวศิริ (2547) กลาวถึง Matrix Analysis วา เปนการวิเคราะหขอมูลที่อธิบายความสัมพันธระหวางตัว แปรที่จัดเรียงตำแหนงอยางเปนระบบ โดยอาศัยแถวและคอลัมน โครงสรางของการวิเคราะหฐานขอมูลการออกแบบดวย Matrix ประกอบดวย ตาราง (Table) ตัวแปรคุณลักษณะ (Characteristics)และกลุมตัวอยางที่เปนผลงานออกแบบ (Samples) ที่เกี่ยวของมาไมต่ำกวา 20 ผลงาน เพื่อความนาเชื่อถือในขอมูล การวิเคราะหฐานขอมูลการออกแบบดวย Matrix นั้น มีการวิเคราะห 3 กรอบแนวทาง คือ การหาคาเฉลี่ย (Average) ทำใหทราบและทำความเขาใจในภาพรวมเชิงปริมาณ การ หาคารอยละ (Percentage) ของแตละตัวแปรคุณลักษณะ สามารถจำแนกและอธิบายคุณลักษณะในเชิงปริมาณ และการหา ความสัมพันธ (Relationship) การศึกษาภาพลักษณของผลิตภัณฑนั้นจำเปนตองใชผลิตภัณฑคูแขง และขอมูลพื้นฐานของ ผลิตภัณฑนำมาเปนกลุมตัวอยาง (Sample) เพื่อใชในการวิเคราะหขอมูล ตัวอยางผลิตภัณฑควรมีคุณสมบัติในทิศทางเดียวกัน เชน หากศึกษาเพื่อออกแบบนาิกาขอมือ กลุมตัวอยางก็ควรเปนนาิกาขอมือเทานั้น ยิ่งมีกลุมตัวอยางมากเทาใด การ วิเคราะหยอมมีความเชื่อมั่นในขอมูลสูง วิธีการวิเคราะหจะใชนฐานขอมูลเกี่ยวกับ คูสี Graphic รูปทรงอารมณ ความรูสึก หรือรูปแบบของผลิตภัณฑ เพื่อศึกษาโครงสรางความสัมพันธและทิศทางระหวางคุณลักษณะกับกลุมตัวอยางวาจะมีการ จำแนกกลุมและมีทิศทางไปในทางใด จากนั้นจึงนำมาทำการอภิปรายถึงโครงสรางของความสัมพันธะหวางคุณลักษณะกับกลุม ตัวอยาง วามีความเกี่ยวของกันอยางไรและสามารถอภิปรายไดในแงมุมใด โดยการวิเคราะหในครั้งนี้จะเนนไปที่การใช ผาขาวมากับการออกแบบเปนหลัก เชน ปริมาณของผาขาวมาที่ใชในผลิตภัณฑ ลักษณะการนำไปใช แรงบันดาลใจที่นำมาใช เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม 226
ผลการศึกษา/ทดลอง (Results) ตารางที่1 วิเคราะหการใชผาขาวมาในเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล ที่ รูปภาพ ประเภทการออกแบบ วัสดุ (ผาขาวมา) ลักษณะ วิธีการนำ ผาขาวมามา ใชในงาน ออกแบบ แรงบันดาลใจ สี ปริมาณการใช เสื้อแขงขัน กางเกงแขงขัน แจ็คเก็ต กางเกงวอรม เสื้อคอกลม เสื้อโปโล ไมมี เฉพาะสวนตกแตง ใชเปนวัสดุหลัก ตัดเย็บ ตัดตอ ตกแตง ลายพิมพ ศิลปะพื้นบาน วัฒนธรรม สังคม สถานที่ทองเที่ยว สัญลักษณประจำ จังหวัด แรงบันดาลใจ สีประจำสโมสร 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 227
ตารางที่2 วิเคราะหการใชผาขาวมาในผลิตภัณฑกีฬา ที่ รูปภาพ ประเภทการออกแบบ วัสดุ (ผาขาวมา) ลักษณะการ นำผาขาวมา มาใชในงาน ออกแบบ แรงบันดาลใจ สี ปริมาณการใช ผาพันคอ กระเปา mask ตุกตา ธง หมวก ไมมี เฉพาะสวนตกแตง ใชเปนวัสดุหลัก ตัดเย็บ ตัดตอ ตกแตง ลายพิมพ ศิลปะพื้นบาน วัฒนธรรม สังคม สถานที่ทองเที่ยว สัญลักษณประจำ จังหวัดหรือสโมสร แรงบันดาลใจ สีประจำสโมสร 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 228
การวิเคราะหฐานขอมูลการออกแบบดวย Matrix Analysis ที่อธิบายความสัมพันธระหวางการใชผาขาวมาในการ ออกแบบเครื่องแตงกายและผลิตภัณฑกีฬาฟุตบอล จากกลุมตัวอยางกับคุณลักษณะเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยตัวอยาง เครื่องแตงกายกีฬาที่นำมาศึกษาจำนวน 29 ชิ้น จาก 4 สโมสรที่เขารวมโครงการซึ่งมีแนวคิดเพื่อการพัฒนาแนวทางการ ออกแบบผาขาวมา สามารถสรุปผลได ดังนี้ ประเภทการออกแบบ 6 ประเภท แบงเปนเสื้อคอกลมรอยละ 3.45 เสื้อโปโลรอย ละ 6.90 กางเกงแขงขันรอยละ 13.79 เสื้อแขงขันรอยละ 20.69 กางเกงวอรมรอยละ 24.14 และมากที่สุดคือเสื้อแจคเก็ตรอย ละ 31.03 ของรูปแบบการออกแบบทั้งหมด ปริมาณการนำผาขาวมาใชในเครื่องแตงกายกีฬา ใชเปนวัสดุหลักรอยละ 3.45 ใช ในสวนตกแตงรอยละ 37.93 และไมใชมากที่สุดคือรอยละ 58.62 ลักษณะวิธีการนำผาขาวมามาใชในงานออกแบบ ใชเปนสวน ตกแตงรอยละ 34.48 ใชในการตัดเย็บ ตัดตอ รอยละ 37.93 และนำมาประยุกตใชเปนลายพิมพรอยละ 44.83 แรงบันดาบใจ ที่นำมาใชในการออกแบบ จากวัฒนธรรมรอยละ 13.79 จากศิลปะพื้นบานรอยละ 58.62 และมากที่สุดคือจากสัญลักษณ ประจำจังหวัด รอยละ 65.52 ที่มาของสีที่นำมาใชในงานออกแบบ จากแรงบันดาลใจรอยละ 20.69 และจากสีประจำสโมสร รอยละ 100 จากตัวอยางผลิตภัณฑกีฬาจำนวน 24 ชิ้น จาก 4 สโมสรที่เขารวมโครงการซึ่งมีแนวคิดเพื่อการพัฒนาแนวทางการ ออกแบบผาขาวมา สามารถสรุปผลได ดังนี้ ประเภทการออกแบบ 6 ประเภท แบงเปนตุกตารอยละ 4.17 หนากากผารอยละ 8.33 ธงรอยละ 8.33 หมวกรอยละ 8.33 ผาพันคอรอยละ 16.67 และมากที่สุดคือกระเปารอยละ 54.17 ของรูปแบบ ผลิตภัณฑทั้งหมด ปริมาณการนำผาขาวมาใชในผลิตภัณฑ ไมใชรอยละ 12.5 ใชในสวนตกแตงรอยละ 33.33 ใชเปนวัสดุหลัก รอยละ 54.17 ลักษณะวิธีการนำผาขาวมามาใชในงานออกแบบ นำมาประยุกตใชเปนลายพิมพรอยละ 8.33 ใชเปนสวน ตกแตงรอยละ 41.67 ใชในการตัดเย็บ ตัดตอ รอยละ 50 แรงบันดาบใจที่นำมาใชในการออกแบบ สัญลักษณประจำจังหวัด หรือสโมสรรอยละ 75 ศิลปะพื้นบานรอยละ 91.67 ที่มาของสีที่นำมาใชในงานออกแบบ จากแรงบันดาลใจรอยละ 45.83 และ จากสีประจำสโมสรรอยละ 75 สรุปและอภิปรายผล จากผลที่ไดแสดงใหเห็นวาการใชผาขาวมาในเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล ในสวนของชุดสำหรับแขงขันนั้นยังทำได นอยมาก กลาวคือ ชุดแขงขันตองการความคลองตัว การระบายอากาศ การระบายน้ำในระดับสูง เพื่อความไดเปรียบในการ แขงขันซึ่งถือเปนวัตถุประสงคหลักของทุกสโมสรฟุตบอล แตคุณสมบัติของผาขาวมายังตอบสนองสวนนี้ไมได ทำใหนัก ออกแบบนำผาขาวมามาใชในชุดแขงขันไมได แตยังสามารถนำมาใชกับการออกแบบเครื่องแตงกายรูปแบบอื่นๆของสโมสร ฟุตบอลเพื่อใชจำหนายใหกับแฟนบอลของแตละสโมสรไดซึ่งนำมาใชในลักษณะของสวนตกแตงเปนสวนมาก เนื่องจากสโมสร เปนแบรนดกีฬา ลักษณะเครื่องแตงกายที่วางจำหนายจะเนนไปที่ความคลองตัว แตยังสามารถเปนชองทางที่เพิ่มรายไดจาก การผลิตผาขาวมาใหกับชุมชนได อาจจะไมใชการจำหนายผาทั้งผืน ดังนั้นการนำเศษผาขาวมาที่เหลือจากการแปรรูปมาใชใน สวนนี้เปนแนวทางที่เหมาะสมอยางยิ่ง ถาเทียบกับปริมาณการใชผาขาวมาในเครื่องแตงกายกีฬา ในสวนของการหาแรง บันดาลใจมาใชในงานออกแบบเครื่องแตงกายกีฬารวมกับผาขาวมา จากผลที่ไดแสดงใหเห็นวา นักออกแบบไดนำเรื่องราว ศิลปะพื้นบาน วัฒนธรรม สัญลักษณประจำจังหวัดหรือสโมสรในจังหวัด มาใชสรางแนวคิดในการออกแบบใหสอดคลองกับ ผาขาวมา และยังเปนการเขาถึงกลุมแฟนบอลประจำจังหวัดไดเปนอยางดีในสวนของการเลือกใชสี นักออกแบบสวนใหญใชสี ประจำของสโมสรฟุต เนื่องจากเปนขอบังคับของการแขงขัน ดังนั้นจึงสงผลดีตอชุมชนที่ไดเพิ่มการผลิตผาขาวมาจากสีที่ แตกตางจากที่ผลิตอยูเดิม สำหรับการใชผาขาวมาในผลิตภัณฑกีฬาผลที่ไดจะแตกตางจากเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอลอยางชัดเจน กลาวคือ ผลิตภัณฑกีฬาซึ่งรูปแบบสวนมากเปนกระเปา ตองใชความคงทน แข็งแรง รับน้ำหนักไดดี ซึ่งตรงกับคุณสมบัติของผาขาวมา และสามารถพัฒนารูปแบบตอไปไดอีกมากตามยุคสมัย ในประเด็นของการออกแบบ การนำแรงบันดาลใจจากศิลปะพื้นบาน 229
สัญลักษณประจำจังหวัดหรือสโมสร มาผสมผสานประยุกตใชในงานออกแบบที่ทันสมัย ทำใหผลิตภัณฑเปนที่นาสนใจแกกลุม แฟนบอล ซึ่งจะสามารถเพิ่มชองทางทางการตลาดใหกับสโมสรและชุมชนได เชน ชุมชนทอผาไดสีใหมซึ่งเปนสีประจำของ สโมสรฟุตบอล มาใชในการทอผาและผลิตผลิตภัณฑใหกับสโสมร ขอเสนอแนะ จากผลการศึกษาแนวทางการใชผาขาวมาในการออกแบบเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล มีขอเสนอแนะดังนี้ 1.การใช ผาขาวมาในชุดสำหรับแขงขันยังคงเปนเรื่องที่ตองศึกษาและพัฒนาเพิ่มเติมในเรื่องของเสนใยที่จะนำมาใช หรือการใช เทคโนโลยีการพิมพลายทดแทนเพื่อเปนการสืบสารวัฒนธรรมไว 2. จากตัวอยางเครื่องแตงกายกีฬาฟุตบอล จะเห็นไดวามีการ ใชผาขาวมาในสวนตกแตง และในงานออกแบบแตละชิ้นปริมาณหรือขนาดชิ้นของผาขาวมาสวนใหญจะมีขนาดเล็ก ซึ่งเปน ประเด็นที่ควรศึกษาตอไปในเรื่องของการนำเศษผาขาวมาที่เหลือจากการผลิต มาใชในการทำสวนตกแตง ซึ่งจะทำใหชุมชนได ใชประโยชนจากผาขาวมาไดอยางคุมคา จากผลการศึกษาแนวทางการใชผาขาวมาในผลิตภัณฑกีฬาผาขาวมามีบทบาทในสวนนี้เปนอยางมาก ดังนั้นถามี การสนับสนุนให สโมสรฟุตบอลหรือสโมสรกีฬาอื่นๆซึ่งมีกลุมแฟนบอลสนับสนุน รวมมือกับชุมชนในพื้นที่หรือจังหวัดที่เปน ที่ตั้งของสโมสร จะทำใหเกิดรายไดใหกับชุมชนและสโมสร และยังเปนการสืบสานผาขาวมาไทยใหคงอยูตอไป เอกสารอางอิง (References) ในเนื้อเรื่อง ใชระบบนามป เปนการอางอิงที่อยูรวมกันกับเนื้อหาไมแยกสวนโดยอาจเขียนชื่อผูแตงที่ใชอางอิงให กลมกลืนไปกับเนื้อหาหรือจะแยกใสในวงเล็บทายขอความอางอิงก็ได เอกสารภาษาไทยเขียนชื่อผูแตงและนามสกุล เอกสาร ตางประเทศเขียนเฉพาะชื่อสกุลเทานั้นตามดวยป ค.ศ. ดังตัวอยางเชน - ผูวิจัยใชทฤษฎีของ เบสต ที่กลาวไววาการแปลความหมายระดับความพึงพอใจที่มีตอผลิตภัณฑ (Best, 1986 อางถึงใน พวงรัตน ทวีรัตน, 2543) - การผสมผสานระหวางรูปแบบชิ้นสวนแตละชิ้นในจินตนาการ ใหเกิดรูปลักษณใหมที่ยังคงความรูสึกถึง ประโยชนในการประดับตกแตงตัวอาคาร (นวลนอย บุญวงษ, 2539) - สวนการคัดลอกขอความ ใชระบบนามนามปพรอมระบุเลขหนาและใหขอความที่คัดลอกมาอยูใน เครื่องหมาย “………” - ในการอางอิงทายเรื่อง เอกสารที่อางถึงในเนื้อเรื่อง ตองเขียนไวในรายการเอกสารอางอิงทายเรื่องทุก เรื่อง โดยเรียงเอกสารภาษาไทยไวกอนภาษาตางประเทศ ตามลำดับตัวอักษรตัวแรกของชื่อผูแตงไมตองใชหมายเลขกำกับ ชื่อ ผูแตงภาษาอังกฤษเรียงตามอักษรตัวแรกของชื่อสกุล และถาอักษรตัวแรกเหมือนกันใหเรียงตามอักษรตัวถัดไป ถาผูแตงคน เดียวกันใหเรียงลำดับตามปที่พิมพ - การพิมพวัสดุอางอิงแตละรายการ ใหพิมพชิดขอบดานซาย บรรทัดตอไปใหยอโดยตั้ง Tab 0.63 นิ้ว เสรี วงษมณฑา. (2540). ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารทางการตลาด. กรุงเทพฯ : วสิทธิ์พัฒนา. American Psychological Association. (2010). Publication manual of the American Psychological Association (6th ed.). Washington, DC: American Psychological Association. พิเชษฐ รุงลาวัลย, บรรณาธิการ. (2553). คนละไมคนละมือ. ราชบุรี: ศูนยประสานงานชมรมศิษยเกาสามเณรลัย แมพระนิรมล. Diener, H.C., & Wilkinson, M., Eds. (1988). Drug-induced headache. New York: Springerverlag. 230
โกเมศ คันธิก (2557). การออกแบบบล็อกผนังเครื่องเคลือบดินเผา ดวยเรื่องราวจากทะเล. วิทยานิพนธศิลปศาสตร มหาบัณฑิต, สาขาทัศนศิลปและการออกแบบ, คณะศิลปกรรมศาสตร, มหาวิทยาลัยบูรพา. นวลพรรณ ออนนอม. (2557). การพัฒนางานออกแบบเพื่อบูรณาดานแนวคิด. วารสารคณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยบูรพา, 22(2), 1-14. วสันต ศรีสวัสดิ์. (2551). ความสัมพันธระหวางงานออกแบบและองคประกอบในงานศิลปกรรมกรรม. ในการประชุมวิชาการ และเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ “ราชนครินทรวิชาการและวิจัย ครั้งที่ 3”, (หนา 1-13). ฉะเชิงเทรา: สถาบันวิจัย และพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและวัฒนธรรมแหงชาติ. (2554).แผนพัฒนาสังคมและวัฒนธรรมแหงชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2550 – 2554). สืบคนขอมูลเมื่อ 30 สิงหาคม 2557, เขาถึงไดจาก http://www.Idd.go https://www.posttoday.com/life/healthy/559412 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ. (2555). สถิติการสงออก (Export) ขาวหอมมะลิ: ปริมาณและ มูลคาการสงออกรายเดือน. สืบคนขอมูลเมื่อ30 สิงหาคม 2557, เขาถึงไดจาก http://www.oae.go.th/ oae_report/export_import/export_result.php 231