The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by พัชรีภรณ์, 2023-01-08 03:43:09

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 31 ภาคเรยี นที่ ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย เวลา 15 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 สภุ าษติ พระรว่ ง-นทิ านพน้ื บา้ น เวลา 2 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 31 เรอื่ ง ทม่ี าของ เรอ่ื ง การเขยี นเรยี งความ

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความและเขียนเรอื่ งราวในรปู แบบ
ตา่ ง ๆเขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ
ตัวชว้ี ัด
ท 2.๑ ม. ๑/๔ เขยี นเรียงความ
ม. 1/9 มีมารยาทในการเขียน

จุดประสงคก์ ารเรยี นร้สู ู่ตัวชี้วัด
๑. นักเรยี นสามารถบอกอธิบายหลักการเขียนเรียงความเชงิ พรรณนาได้ถกู ต้อง (K)
๒. นักเรียนสามารถเขียนเรยี งความเชงิ พรรณนาได้ถูกตอง (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคัญของการเขียนเรียงความ (A)

๒. สาระสำคญั
การเขียนเรียงความเชิงพรรณนาเปน็ งานเขยี นรอ้ ยแก้วทม่ี กี ารแทรกเนอ้ื ความทก่ี ล่าวอย่างละเอยี ดและเลือกใช้

ถอ้ ยคำเพื่อให้ผอู้ ่านเหน็ ภาพ มโี ครงสรา้ งทป่ี ระกอบด้วยคำนำ เน้อื เรอื่ งและสรปุ ดังน้นั จึงต้องทำความเขา้ ใจการเขยี น
เรยี งความเชิงพรรณนาให้ถูกตอ้ งก่อนท่จี ะนำไปใช้

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
เร่อื ง การเขียนเรียงความ
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏบิ ตั ิ/การสาธติ การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรยี นร)ู้
มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ รักความเป็นไทย ซ่ือสตั ย์สุจรติ
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคิด

๔. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- เรยี งความ เรอ่ื ง การศึกษาไทยในยคุ 4.0

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) ตรวจผลงานของนกั เรียน
๒. เครอื่ งมอื
1) แบบประเมนิ ผลงานนักเรียน
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน
ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ า่ น

๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
2. ครใู ช้คำถามกระตนุ้ ความคดิ นักเรียน ดังน้ี
- การอา่ นช่วยพัฒนาการเขียนได้อย่างไร
2. ครูใหน้ กั เรยี นรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกับลักษณะของงานเขียนประเภทต่าง ๆ ทเ่ี คยเรยี น เชน่ การ
เขยี นจดหมาย การเขียนย่อความ การเขยี นบันทกึ การเขยี นเรอื่ งตามจินตนาการ
ขนั้ สอน
๑. ให้นกั เรียนศึกษาความรู้เรือ่ ง การเขยี นเรยี งความเชงิ พรรณนาแล้วรว่ มกนั อธิบายในประเด็น
ตอ่ ไปน้ี
➢ เรียงความเปน็ งานเขียนประเภทใด
➢ โครงสรา้ งของเรียงความประกอบด้วยอะไรบา้ ง
➢ โครงสร้างแตล่ ะส่วนของเรยี งความมกี ลวิธแี ละมคี วามสำคัญอย่างไร
➢ เรยี งความเชงิ พรรณนามีลกั ษณะอยา่ งไร
➢ การแทรกการพรรณนาควรอยู่สว่ นใดของเรยี งความ เพราะเหตุใด
➢ ข้อควรคำนึงในการเขยี นเรียงความมอี ะไรบา้ ง
➢ การเขียนเรยี งความใหม้ ีประสิทธภิ าพควรทำอยา่ งไร
๒. ใหน้ ักเรยี นศึกษาตวั อยา่ งการเขียนคำนำ การเขยี นเนือ้ เรือ่ ง และการเขียนสรุปครชู ่วยแนะนำ
เพิม่ เตมิ
3. ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการเขียนเรียงความเชิงพรรณนา สังเกตกลวิธีการเขียน เนื้อหาสำนวน
ภาษา การเสนอความคดิ และขอ้ มูลตา่ ง ๆ ครูช่วยแนะนำและอธบิ ายเพิม่ เติม
4. ให้นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาไทยในยุคปัจจุบันว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ข้อดี-
ขอ้ เสยี เพ่อื รว่ มกันแลกเปลยี่ นความคิด
5. ให้นักเรียนเขียนเรียงความเชิงพรรณนาในหัวข้อ “การศึกษาไทยในยุค 4.0” ความยาว ๑
หนา้ กระดาษโดยใชแ้ ผนภาพความคดิ ในการวางโครงเร่ือง
6. ครูเลือกผลงานที่ดีที่สุด ๓ เรื่อง ให้นักเรียนออกมาอ่านเรียงความของตนเองให้เพื่อนฟังหน้า

ช้นั เรียน
7. ครตู ิดแสดงผลงานเรียงความท่ปี ้ายนิเทศให้นกั เรียนร่วมกนั วิจารณแ์ ละประเมินผลงาน

ขนั้ สรุป
๑. ให้นกั เรียนและครูร่วมกันสรปุ ความรู้ ดังนี้

การเขียนเรียงความเชิงพรรณนาเป็นงานเขียนร้อยแก้วที่มีการแทรกเนื้อความที่กล่าวอย่าง
ละเอยี ดและเลอื กใช้ถอ้ ยคำเพือ่ ให้ผอู้ า่ นเหน็ ภาพ มโี ครงสร้างทปี่ ระกอบดว้ ยคำนำ เนอื้ เรื่อง และสรปุ

๗. สอ่ื การเรยี นรู้
- หนงั สอื หลกั ภาษาและการใชภ้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 32 ภาคเรยี นที่ ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย เวลา 15 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 สภุ าษติ พระร่วง-นทิ านพื้นบา้ น เวลา ๑ ช่วั โมง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 32 เรอ่ื ง ประวัตคิ วามเปน็ มา เรอ่ื ง สภุ าษิตพระรว่ ง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 5.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคดิ เพ่ือนำไปใช้ตัดสินใจแก้ปญั หาในการดำเนนิ
ชีวิตและมีนสิ ัยรกั การอ่าน
ตัวช้ีวดั
ท ๑.๑ ม. ๑/1 สรปุ เนอื้ หารวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี า่ น
ม. 1/3 อธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่าน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ู่ตวั ช้ีวัด
๑. นักเรยี นสามารถรแู้ ละเขา้ ใจประวัติความเปน็ มาของวรรณคดี เรอ่ื ง สุภาษติ พระร่วงได้ (K)
๒. นักเรยี นสามารถบอกความเปน็ มาของวรรณคดี เร่อื ง สภุ าษิตพระรว่ งได้ (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการเรยี นรู้วรรณคดี เรื่อง สุภาษติ พระร่วง (A)

๒. สาระสำคญั
สุภาษิตพระร่วงเป็นคำสอนที่มีมาตั้งแต่อดีตและยึดถือเป็นคติเตือนใจมาจนถึงปัจจุบันด้วยเป็นสุภาษิตที่มี

คุณค่า ให้ข้อคิดคติธรรมในการดำเนินชีวิตนับว่าเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าต่อบุคคลและสังคมซึ่งควรคู่แก่การศึกษาและ
ปฏิบตั ติ ามคำสอนเพ่ือความเจรญิ รงุ่ เรืองและเปน็ สิริมงคลแก่ตนเอง

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
เร่อื ง ประวัติความเปน็ มา เรือ่ ง สุภาษิตพระรว่ ง
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏบิ ัต/ิ การสาธิต การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรียนร)ู้
มีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ รกั ความเปน็ ไทย ซอื่ สตั ย์สจุ รติ
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเปน็ ไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ

๔. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- จดบันทึกลงในสมดุ

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) ตรวจผลงานของนักเรยี น
๒. เครอ่ื งมอื
1) แบบประเมนิ ผลงานนักเรยี น
๓. เกณฑก์ ารประเมนิ
การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ผ่านตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผ่าน
ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น

๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
3. ครใู ช้คำถามกระตนุ้ ความคิดนักเรยี น ดงั น้ี
- จากชือ่ เรื่อง สภุ าษติ พระร่วง นกั เรยี นคดิ ว่ามลี กั ษณะเนอ้ื หาอย่างไร
- นกั เรยี นรู้จกั หรอื เคยไดย้ นิ สุภาษติ ใดบา้ ง
- วรรณคดเี ร่อื ง สภุ าษติ พระร่วง มีชือ่ เรือ่ งอกี ช่อื หนึ่งวา่ อะไร
2. ครเู ช่ือมโยงคำตอบของนกั เรียนเข้าสูบ่ ทเรียนวรรณคดี เรือ่ ง สภุ าษิตพระร่วง
ขนั้ สอน
๑. ครยู กตวั อยา่ งสุภาษติ ไทยในปจั จุบัน และสภุ าษติ พระร่วง เปรยี บเทียบกัน โดยถามนักเรยี นถึง
ความหมายของสำนวนสุภาษิต
๒. ครูอธบิ ายความหมายของชอ่ื เร่ืองวรรณคดี สภุ าษิตพระร่วง
แนวการอธบิ าย
สุ หมายถงึ ดี
ภาษติ หมายถึง ถอ้ ยค า หรือข้อความสืบตอ่ กันเปน็ เวลาช้านาน
พระรว่ ง หมายถึง กษัตรยิ ผ์ ู้รงุ่ เรอื ง (กษัตริยก์ รุงสโุ ขทยั )
ดงั นั้นจึงหมายถงึ ถ้อยค าสง่ั สอนเตอื นใจของกษตั ริยส์ มัยสุโขทัย
4. นกั เรยี นตอบคำถามสำคัญท่ีมาของคำว่า “พระรว่ ง” ดงั ตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นสนั นษิ ฐานว่ากษัตรยิ ก์ รงุ สโุ ขทัยมีกีพ่ ระองค์
- นกั เรยี นร้จู ักชือ่ กษตั รยิ ก์ รงุ สุโขทยั องคใ์ ดบ้าง
- นกั เรยี นคิดวา่ กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ดมคี วามนา่ จะเปน็ ทเ่ี ปน็ ผปู้ ระพนั ธส์ ภุ าษติ พระรว่ ง
5. ครเู ช่อื มโยงคำตอบของนักเรียน และเล่าประวตั ิความเปน็ มาของพอ่ ขนุ รามคำแหง
6. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ ราย โดยมปี ระเดน็ ดงั ตอ่ ไปน้ี
- ความเปน็ มาของสภุ าษิตพระร่วง
- ประวัตผิ ู้
- แตง่ ลักษณะคำประพันธใ์ นสภุ าษิตพระรว่ ง
- ลักษณะของเนื้อเรือ่ ง

ขน้ั สรุป
๑. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรดู้ ังนี้
สุภาษิตพระร่วงเป็นคำสอนที่มีมาตั้งแต่อดีตและยึดถือเป็นคติเตือนใจมาจนถึงปัจจุบันด้วยเป็น
สุภาษิตท่ีมีคุณคา่ ให้ข้อคดิ คตธิ รรมในการดำเนินชีวติ นบั ว่าเป็นวรรณคดีท่ีมีคุณค่าต่อบุคคลและสังคมซึ่งควรคู่
แกก่ ารศึกษาและปฏบิ ตั ติ ามคำสอนเพ่อื ความเจริญรงุ่ เรอื งและเปน็ สริ ิมงคลแก่ตนเอง

๗. สื่อการเรียนรู้
- หนังสอื วรรณคดวี จิ กั ษ์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 33 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 สภุ าษติ พระรว่ ง-นทิ านพ้นื บา้ น เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 33 เรอื่ ง คำประพันธส์ ภุ าษติ พระรว่ ง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 5.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรูแ้ ละความคดิ เพอื่ นำไปใชต้ ดั สนิ ใจแก้ปญั หาในการดำเนนิ
ชวี ติ และมีนิสัยรกั การอ่าน
ตัวชี้วดั
ท ๑.๑ ม. ๑/1 สรุปเนือ้ หารวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี า่ น
ม. 1/2 วเิ คราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่านพร้อมยกเหตผุ ลประกอบ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้สูต่ วั ชวี้ ัด
๑. นกั เรยี นสามารถบอกลักษณะคำประพันธ์และฉนั ทลกั ษณ์ของรา่ ยสภุ าพได้ (K)
๒. นักเรียนสามารถอ่านออกเสยี งบทประพนั ธไ์ ดถ้ กู ตอ้ งตามฉันทลักษณ์(P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการเรียนรวู้ รรณคดี เร่ือง สุภาษติ พระร่วง (A)

๒. สาระสำคญั
สุภาษิตพระร่วงเป็นคำสอนที่มีมาตั้งแต่อดีตและยึดถือเป็นคติเตือนใจมาจนถึงปัจจุบันด้วยเป็นสุภาษิตที่มี

คุณค่า ให้ข้อคิดคติธรรมในการดำเนินชีวิตนับว่าเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าต่อบุคคลและสังคมซึ่งควรคู่แก่การศึกษาและ
ปฏิบัตติ ามคำสอนเพ่ือความเจริญรุ่งเรืองและเป็นสริ ิมงคลแกต่ นเอง

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
เร่อื ง คำประพันธส์ ุภาษติ พระรว่ ง
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏิบัต/ิ การสาธติ การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรียนร)ู้
มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรียนรู้)
ใฝเ่ รียนรู้ รกั ความเปน็ ไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ

๔. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- จดบนั ทกึ ลงในสมุด

๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) ตรวจผลงานของนกั เรยี น
๒. เครอื่ งมอื
1) แบบประเมนิ ผลงานนักเรียน
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม
ผ่านต้งั แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น
ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผ่าน

๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
1. ครทู บทวนบทเรียนท่เี รียนในคาบท่แี ล้ว โดยสมุ่ ถามนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล ดังนี้ ผู้แตง่
ความเปน็ มาวรรณคดเี รื่องนีเ้ กดิ ข้นึ ในสมยั ใด เป็นวรรณคดีประเภทใด เปน็ ต้น
ขัน้ สอน
๑. นกั เรยี นอา่ นคำประพนั ธใ์ นสุภาษติ พระรว่ ง จากหนงั สอื เรยี นวรรณคดวี จิ กั ษ์ หนา้ ๕๑ – ๕๒
๒. จากนัน้ ครูถามคำถามนักเรียนวา่ สุภาษติ พระรว่ งแต่งดว้ ยคำประพนั ธ์ชนดิ ใด ตอบ
แตง่ ดว้ ยคำประพนั ธ์ชนดิ รา่ ยสุภาพ และโคลงสองสภุ าพ
3. ครอู ธิบายวา่ สุภาษิตพระร่วงแตง่ ด้วยคำประพันธ์ชนิดร่ายสุภาพ และจบดว้ ยโคลงสองสุภาพและ
อธิบายฉนั ลักษณข์ องรา่ ยและ ฉนั ลกั ษณข์ องโคลงสองสุภาพให้นกั เรยี นฟงั พรอ้ มท้งั ดูหนงั สือเรียน
วรรณคดวี จิ ักษ์หน้า ๕๑ – ๕๒ ประกอบไปด้วย
4. นกั เรยี นจดบนั ทึกความรลู้ งในสมดุ โดยครใู หน้ กั เรยี นดแู ผนผงั รา่ ยสภุ าพ โคลงสองสภุ าพ
และอธิบายการแบง่ วรรคในการอา่ นออกเสยี งบทประพนั ธ์
5. ครูใหน้ กั เรยี นจับค่กู ัน โดยนำคำประพันธห์ นา้ ท่ี ๕๗ – ๖๒ เลอื กมา ๑ ตอน แลว้ ใหน้ ักเรยี นนำมา
เขียนเรียงกันให้ถกู ตอ้ งตามฉนั ลกั ษณ์ และขีดเสน้ คำคล้องจอง ใหส้ มบรู ณ์ ทำลงในสมุด
ขนั้ สรุป
๑. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ โดยถามว่าสุภาษติ พระรวงแต่งด้วยคำประพันธช์ นดิ ใดบ้าง
และทบทวนความรเู้ ดมิ เด่ียวกับประวตั แิ ละความเป็นมาวรรณคดีสภุ าษติ พระรว่ ง

๗. สื่อการเรียนรู้
- หนงั สอื วรรณคดวี ิจักษ์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 34 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 สภุ าษติ พระร่วง-นทิ านพื้นบา้ น เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 34 เรอ่ื ง คำสอนสอื่ สำนวนในสภุ าษติ พระร่วง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 5.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพือ่ นำไปใช้ตดั สินใจแกป้ ัญหาในการดำเนนิ
ชวี ิตและมีนสิ ัยรักการอา่ น
ตวั ช้ีวดั
ท 5.๑ ม. ๑/1 สรุปเนอ้ื หารวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี ่าน
ม. 1/2 วเิ คราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมทีอ่ า่ นพร้อมยกเหตุผลประกอบ
ม. 1/4 สรุปความรู้และขอ้ คดิ จากการอา่ นไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้สู่ตวั ชีว้ ดั
๑. นกั เรียนสามารถรแู้ ละเขา้ ใจคำสอนและสำนวนภาษาท่ีปรากฏในวรรณคดีสภุ าษิตพระรว่ งได้ (K)
๒. นกั เรยี นสามารถบอกคำสอนและสำนวนภาษาทป่ี รากฏในวรรณคดสี ภุ าษติ พระรว่ งได้ (P)
๓. นกั เรียนสามารถนำสภุ าษิตและสำนวนในวรรณคดสี ภุ าษติ พระร่วงไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ (A)

๒. สาระสำคญั
สุภาษิตพระร่วงเป็นคำสอนที่มีมาตั้งแต่อดีตและยึดถือเป็นคติเตือนใจมาจนถึงปัจจุบันด้วยเป็นสุภาษิตที่มี

คุณค่า ให้ข้อคิดคติธรรมในการดำเนินชีวิตนับว่าเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าต่อบุคคลและสังคมซึ่งควรคู่แก่การศึกษาและ
ปฏิบตั ติ ามคำสอนเพอ่ื ความเจรญิ รุ่งเรืองและเป็นสิรมิ งคลแก่ตนเอง

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
เร่ือง คำสอนสือ่ สำนวนในสภุ าษิตพระร่วง
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏิบตั ิ/การสาธิต การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรยี นร)ู้
มีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ รกั ความเปน็ ไทย มุ่งมน่ั ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรียนรู้)
ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

๔. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- แบบฝกึ หัดสำนวนส่อื ความหมาย

๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล
๑) ตรวจผลงานของนกั เรยี น
๒. เครอ่ื งมอื
1) แบบประเมนิ ผลงานนกั เรียน
๓. เกณฑ์การประเมิน
การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
ผ่านตัง้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน
ผา่ น ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น

๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำ
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั ทบทวนความรู้ในคาบทีแ่ ลว้ เรือ่ งลกั ษณะคำประพันธส์ ุภาษติ พระรว่ งโดยให้

นกั เรยี นตอบคำถาม เช่น สภุ าษติ พระรว่ งแตง่ ดว้ ยคำประพนั ธช์ นดิ ใด ใครเปน็ ผ้แู ตง่ เปน็ ตน้
ขนั้ สอน
๑. นักเรียนช่วยกันอ่านคำสอนเรื่องสุภาษิตพระร่วง จากหนงั สือเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ หนา้ ๕๒-๕๓
๒. จากนั้นครอู ธิบายคำสอนในสุภาษิตพระรว่ งนกั เรียนฟังพร้อมท้งั ดูหนังสอื เรียนวรรณคดีวิจักษห์ น้า
หนา้ ๕๒-๕๓ ประกอบไปดว้ ย พรอ้ มทง้ั ตอบคำถาม คอื
คำถาม
1. สุภาษติ พระรว่ งมีเน้ือหาคำสอนเก่ียวกบั เร่ืองใดบ้างและให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งเหตุการณ์ที่
เกดิ ขึ้นในชวี ติ ประจำวนั ท่ีนกั เรียนสามารถนำคำสอนเหลา่ นไ้ี ปใช้ได้
2. คำสอนในสภุ าษิตพระรว่ งนี้ใช้สอนใครได้บา้ ง
3. สุภาษิตพระร่วงนอกจากจะสอนการประพฤติปฏิบัติทั้งต่อตนเองและผู้อื่นแล้วผู้ที่ทำตาม
คำสอนเหลา่ นีจ้ ะเป็นอยา่ งไร
แนวคำตอบ
1. สภุ าษิตพระร่วงมีเนือ้ หาคำสอนเกยี่ วกับเรอื่ งใดบา้ งและใหน้ ักเรยี นยกตัวอย่างเหตกุ ารณ์ท่ี
เกดิ ขึน้ ในชวี ิตประจำวันท่ีนักเรยี นสามารถนำคำสอนเหลา่ น้ไี ปใชไ้ ด้
- ตอบตามในหนังสือวรรณคดวี จิ ักษห์ น้าที่ ๔๒ – ๕๓
2. คำสอนในสภุ าษิตพระร่วงน้ีใช้สอนใครไดบ้ า้ ง
- ใช้สอนไดท้ กุ คนทุกเทศทุกวนั โดยเริ่มตน้ จากตนเองก่อนท่ีจะสอนผอู้ ื่น
3. สุภาษิตพระร่วงนอกจากจะสอนการประพฤติปฏิบัติทั้งต่อตนเองและผู้อื่นแล้วผู้ที่ทำตาม
คำสอนเหล่านีจ้ ะเป็นอยา่ งไร
- ยอ่ มพบแตค่ วามสขุ และความเจริญและรอดพน้ ภยั จากอันตราย
3. นกั เรยี นชว่ ยกนั อา่ นสำนวนภาษาในสภุ าษติ พระรว่ ง ให้นกั เรียนยกตวั อยา่ งสำนวนสุภาษิตท่ี
นกั เรยี นพบเจอในชีวิตประจำวันคนละ ๑ สำนวน

4. ครูอธิบายสำนวนภาษาในสภุ าษติ พระร่วงและยกตวั อย่างสภุ าษิตภายในบทประพนั ธ์ เชน่ เมอื่ น้อย
ให้เรยี นวิชา หมายถงึ ทำอะไรให้เหมาะสมกับวัย จึงจะสำเร็จประโยชน์ มคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งคนจะ
พัฒนาได้ง่ายต้องเรม่ิ ต้งั แต่ยงั เลก็

5. นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั สำนวนสอ่ื ความหมายโดยให้นกั เรยี นหาความหมายสำนวนสภุ าษติ ท่ี
กำหนดให้จำนวน 10 สำนวน

ขน้ั สรปุ
๑. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรุปความรู้ทีเ่ รียนในวนั นเี้ รือ่ งคำสอนและสำนวนในสุภาษิตพระร่วง เชน่

- สภุ าษิตพระร่วงมีเน้อื หาคำสอนในเรอ่ื งใดบา้ ง
- สุภาษิตพระร่วงในสำนวนภาษาอยา่ งไร
- สภุ าษติ พระรว่ งมีคำสอนทน่ี ักเรียนรจู้ ักอะไรบ้างยกตัวอยา่ ง

๗. สื่อการเรียนรู้
- หนังสอื วรรณคดวี จิ กั ษ์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1

ใบงาน
เรอื่ ง สำนวนสือ่ ภาษา

คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของสำนวนสุภาษิตตอ่ ไปนี้ตามความเขา้ ใจของนกั เรยี น

1. เมอ่ื น้อยใหเ้ รยี นวชิ า
หมายถงึ ................................................................................................................................................................

2. เป็นคนเรยี นความรู้
หมายถึง................................................................................................................................................................

3. ปลกู ไม่ตรอี ย่ารรู้ า้ ง
หมายถึง................................................................................................................................................................

4. สร้างกศุ ลอย่ารูโ้ รย
หมายถึง................................................................................................................................................................

5. โอบออ้ ม เอาใจคน
หมายถงึ ................................................................................................................................................................

6. ปลกู ไมตรีทวั่ ชน
หมายถงึ ................................................................................................................................................................

7. ตระกลู ตนจงคำนบั
หมายถงึ ................................................................................................................................................................

8. อย่าอวดหาญแกเพอ่ื น
หมายถงึ ................................................................................................................................................................

9. เปน็ คนอย่าทำใหญ่
หมายถงึ ................................................................................................................................................................

10. อย่าเบียดเสยี ดแก่มติ ร
หมายถึง................................................................................................................................................................

ช่อื -สกลุ ............................................................................................................ชนั้ ..............เลขท่.ี ...........

ใบงาน
เรอ่ื ง สำนวนสอ่ื ภาษา (เฉลย)

คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนอธิบายความหมายของสำนวนสุภาษติ ต่อไปนี้ตามความเขา้ ใจของนักเรยี น

1. เมอ่ื นอ้ ยใหเ้ รยี นวชิ า
หมายถึง ทำอะไรให้เหมาะสมกบั วัย จงึ จะสำเร็จประโยชนม์ ีความเจรญิ รุ่งเรอื ง คนจะพัฒนาได้งา่ ยตอ้ งเรม่ิ

ต้งั แต่ยังเล็ก
2. เปน็ คนเรยี นความรู้

หมายถงึ เกิดเป็นคนต้องศึกษาหาความรู้ไวอ้ ยู่กบั ตวั เสมอ เพราะความรู้ชว่ ยเราไดท้ กุ เม่ือ ไม่วา่ ในยามปกติ
หรือคับขัน ดังท่ีสนุ ทรภู่ กลา่ วไว้วา่ “ร้สู ่งิ ใดไม่สรู้ ู้วิชารรู้ ักษาตัวรอดเป็นยอดด”ี
3. ปลกู ไมต่ รอี ย่ารรู้ ้าง

หมายถึง สร้างมติ รภาพกับผูอ้ ืน่ อยูเ่ สมอ วิธีท่ีผูกไมตรีไดผ้ ลก็คอื การปฏบิ ตั ิตามหลักธรรม ๔ ประการคือ ทาน
(แบง่ ปนั ) ปิยวาจา (พูดสภุ าพ) อัตถจรยิ า(ทำประโยชน์แก่เขา) และสมานตั ตา (วางตัวเสมอต้นเสมอปลาย)

4. สร้างกศุ ลอย่ารโู้ รย
หมายถึงการสร้างบุญกุศลชว่ ยทำให้กิเลสถกู ขัดเกลาเบาบางลงคนมกี ิเลสนอ้ ยชีวิตจะมีแต่ความสุขความรม่ เย็น

5. โอบอ้อม เอาใจคน
หมายถงึ ให้มเี มตตาต่อคนท้งั หลาย ไม่เฉพาะแก่พ่ีน้องเทา่ นนั้

6. ปลกู ไมตรีทวั่ ชน
หมายถึง หม่ันผูกไมตรีกบั คนทกุ คน มมี ติ รดีกว่ามศี ตั รู

7. ตระกลู ตนจงคำนบั
หมายถึง ใหค้ วามเคารพวงศ์ตระกลู

8. อย่าอวดหาญแกเพ่ือน
หมายถงึ อย่าทำตวั เก่งกวา่ เพื่อน

9. เปน็ คนอย่าทำใหญ่
หมายถงึ อยา่ อวดเบง่ คุยโตหรือมอี ิทธพิ ลเหนือใครต่อใคร

10. อย่าเบียดเสยี ดแก่มติ ร
หมายถึง ไม่ควรเบยี ดเบยี นหรอื เอาเปรยี บเพอื่ นควรใหค้ วามรกั ความจรงิ ใจกับเพ่อื น

ชอ่ื -สกลุ ............................................................................................................ชน้ั ..............เลขท.ี่ ...........

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 35 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย เวลา ๑5 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๔ สภุ าษติ พระรว่ ง-นทิ านพื้นบา้ น เวลา 2 ชวั่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓5 เร่ือง สรปุ ความรูว้ รรณคดเี รอื่ งสภุ าษติ พระร่วง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่างเหน็ คุณค่า และนำมาประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ
ตัวช้วี ัด
ท 5.1 ม. ๑/๑ สรุปเน้อื วรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ น
ท 5.1 ม. ๑/๒ วเิ คราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมทอี่ า่ นพร้อมยกเหตุผลประกอบ
ท 5.1 ม. ๑/๔ สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คิดจากการอา่ นเพอื่ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง

จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวช้ีวดั
๑. นกั เรยี นสามารถสรปุ ความรทู้ ่ีได้จากการอา่ นวรรณคดเี ร่ืองสภุ าษิตพระร่วงได้ (K)
๒. นกั เรยี นสามารถบอกขอ้ คดิ ท่ไี ดจ้ ากการอ่านวรรณคดเี รือ่ งสุภาษิตพระร่วงได้ (P)
๓. นกั เรยี นสามารถนำข้อคดิ ทีไ่ ดจ้ ากการอา่ นวรรณคดีเรอื่ งสุภาษติ พระร่วงไปใชป้ ฏิบัติต่อตนเองและผ้อู ืน่ (A)

๒. สาระสำคญั
สุภาษิตพระร่วง เป็นคำสอนที่มีมาตั้งแต่อดีตและยึดถือเป็นคติเตือนใจมาจนถึงปัจจุบันด้วยเป็นสุภาษิตที่มี

คุณค่า ให้ข้อคิด คติธรรมในการดำเนินชีวิตนับว่าเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าต่อบุคคลและสังคม ซึ่งควรคู่แก่การศึกษาและ
ปฏบิ ตั ิตามคำสอนเพือ่ ความเจริญรงุ่ เรอื งและเป็นสิรมิ งคลแก่ตนเอง

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. ความร(ู้ K)
ข้อคดิ จากวรรณคดีเร่อื ง สุภาษิตพระรว่ ง
๓.๒. ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P)
การประเมินคา่ การให้เหตผุ ล การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรียนร)ู้
รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝเ่ รียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคิด

๔. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- จดบนั ทึกลงในสมุด แผนผงั ความคิด

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ
๒. เครอื่ งมอื
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม
ผา่ นตัง้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น
ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน

๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
๑. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ
๒. ครูทบทวนความรู้ในคาบที่แล้วเรื่องคุณค่าทางด้านสังคม โดยสุ่มถามนักเรียนเป็นรายบุคคลว่าคุณค่า
ทางด้านสังคมมีอะไรบา้ งและสามารถนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่างไร
ข้นั สอน
1. ครูใหน้ ักเรยี นเปิดหนงั สอื เรียนวรรณคดีวิจักษ์ หนา้ ๕๗ และให้รว่ มกันถอดคำประพันธไ์ ปพรอ้ ม ๆ กบั ครู
2. นกั เรยี นจดบันทึกความร้ลู งในสมุด และครถู ามนักเรียนว่าวรรณคดเี รอ่ื งสุภาษิตพระร่วงน้ี
- ผแู้ ต่งต้องการสอนใคร และนกั เรียนจะนำคำสอนใดบ้างไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน
3. จากนน้ั ครตู วั อย่างบทประพันธ์มาใหน้ กั เรยี นช่วยถอดคำประพันธแ์ ละบอกวา่ บทประพนั ธ์บทน้สี อนใน
เรอื่ งใด และนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั อยา่ งไร
ตัวอยา่ งบทประพันธ์ “เมื่อเรยี นนอ้ ยใหเ้ รยี นวิชา ให้หาสนิ เมือ่ ใหญ่ อยา่ ใฝ่เอาทรัพยท์ า่ น อย่ารริ ่านแก่
ความประพฤติตามบูรพระบอบ”
บทประพนั ธน์ ้สี อนให้ต้ังใจเรยี นกอ่ น แล้วถึงคอ่ ยหาเงินหาทองของมคี ่าเม่อื โตข้ึนมาอยา่ ไปอยากได้
ทรัพย์สนิ ของผอู้ น่ื อย่าหาคดี หาความใส่ตนเองใหท้ ำทกุ อย่างตามระบบระเบียบประเพณีท่ีปฏบิ ัตกิ นั มา
4. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรูว้ รรณคดเี ร่ืองสภุ าษติ พระร่วง โดยทำเปน็ แผนผังความคิดตกแต่งในสวยงาม

ขนั้ สรปุ
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ ความร้ทู ่เี รียนในวนั น้ี คือ สรุปความรูแ้ ละขอ้ คิดที่ไดจ้ ากวรรณคดเี รื่องสภุ าษิต

พระร่วง เช่น
- ในสุภาษติ พระร่วงมีคำสอนและข้อคดิ อย่างไรและนักเรยี นสามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ย่างไร
ตอบ สอนไม่ให้ดถู กู ผอู้ ่ืน สอนใหม้ เี มตตากับทกุ คน อย่ามกั ใหญ่ใฝส่ ูง อยา่ อยากได้ของคนอืน่ เป็นตน้
๗. สอ่ื การเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีวจิ ักษ์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
2. ตัวอยา่ งบทประพันธ์ เร่ืองสุภาษิตพระรว่ ง

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 36 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 สภุ าษติ พระรว่ ง-นทิ านพน้ื บา้ น เวลา ๑ ชัว่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 36 เรอ่ื ง คณุ คา่ ดา้ นสงั คมในสภุ าษิตพระรว่ ง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 5.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ดั สินใจแก้ปญั หาในการดำเนนิ
ชวี ติ และมนี ิสัยรกั การอา่ น
ตวั ชวี้ ดั
ท 5.๑ ม. ๑/2 วเิ คราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมทีอ่ า่ นพร้อมยกเหตุผลประกอบ
ม. 1/3 อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมทอี่ า่ น
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้สตู่ วั ช้วี ดั
๑. นกั เรียนสามารถบอกคณุ ค่าดา้ นสังคมในวรรณคดเี รือ่ งสุภาษิตพระร่วงได้ (K)
๒. นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหค์ ณุ คา่ ดา้ นสงั คมในบทประพนั ธเ์ รอ่ื งสภุ าษิตพระรว่ งได้ (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคัญของการเรียนรู้วรรณคดี เรอ่ื ง สภุ าษติ พระรว่ งได้ (A)

๒. สาระสำคญั
สุภาษิตพระร่วงเป็นคำสอนที่มีมาตั้งแต่อดีตและยึดถือเป็นคติเตือนใจมาจนถึงปัจจุบันด้วยเ ป็นสุภาษิตที่มี

คุณค่า ให้ข้อคิดคติธรรมในการดำเนินชีวิตนับว่าเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าต่อบุคคลและสังคมซึ่งควรคู่แก่การศึกษาและ
ปฏบิ ตั ติ ามคำสอนเพ่อื ความเจรญิ รุ่งเรืองและเปน็ สิรมิ งคลแก่ตนเอง

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
เร่ือง คณุ ค่าดา้ นสงั คมในสภุ าษติ พระร่วง
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏิบัติ/การสาธติ การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรียนร)ู้
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย มุง่ มน่ั ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรียนรู้)
ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

๔. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- จดบนั ทึกลงในสมุด

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) ตรวจผลงานของนักเรยี น
๒. เครอ่ื งมอื
1) แบบประเมนิ ผลงานนกั เรยี น
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ผ่านต้งั แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น
ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน

๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
1. นกั เรียนและครรู ่วมกนั ทบทวนความรูใ้ นคาบทแี่ ล้วเร่อื งคณุ คา่ วรรณศิลปใ์ นวรรณคดีเร่ืองสภุ าษติ

พระร่วงมกี ารใช้วรรณศลิ ปใ์ ดบ้าง เช่น การเลน่ สัมผัสพยญั ชนะ สัมผัสสระ สัมผัสคำคลอ้ งจอง มีการใช้คำซ้ำ
เปน็ ต้น

ขัน้ สอน
๑. นักเรยี นชว่ ยกนั อา่ นคณุ ค่าของสภุ าษิตพระร่วง ขอ้ ท่ี ๒ คุณค่าทางด้านสงั คม และเนอื้ หา

เร่อื งสุภาษติ พระรว่ ง ในหนังสือเรยี นวรรณคดีวจิ ักษ์ ตั้งแต่หนา้ ๕๖ – ๖๒
๒. ครูสุ่มถามนักเรยี นว่า คณุ คา่ ทางด้านสังคมท่ปี รากฏภายในเร่อื งสภุ าษติ พระรว่ ง มีอะไรบา้ ง

พรอ้ มทงั้ ดูหนังสอื เรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ ในหน้าท่ี ๕๖ ประกอบไปดว้ ย
3. จากนนั้ ครูตัวอยา่ งบทประพันธ์มาให้นกั เรียนชว่ ยกันอ่าน และวิเคราะหว์ ่าเป็นคำสอนในดา้ นใด

เชน่
“เม่อื เรยี นน้อยให้เรยี นวชิ า ให้หาสินเม่ือใหญ่ อย่าใฝ่เอาทรพั ยท์ ่าน อย่าริร่านแก่ความ
ประพฤติตามบูรพระบอบ”
ในหน้าที่ ๕๘ บทประพันธ์นี้สอนให้ตั้งใจเรียนก่อน แล้วถึงค่อยหาเงินหาทองของมีค่าเมื่อโต

ขึ้นมาอย่าไปอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่น อย่าหาคดี หาความใส่ตนเองให้ทำทุกอย่างตามระบบ
ระเบียบประเพณีทปี่ ฏบิ ตั ิกันมา
4. ให้นักเรียนถอดคำประพันธ์เนื้อหาสุภาษิตพระร่วงในสมุดคนละ ๑ ตอน และสรุปคุณค่าทาง
ดา้ นสังคมวา่ วรรณคดีเรอื่ งน้เี ป็นคำสอนที่สอนในเร่อื งใดบ้าง
ขน้ั สรุป
๑. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่เรียนในวันนี้เรื่องคุณค่าทางด้านสังคมในสุภาษิตพระร่วงโดย
ครูถามนักเรียนว่าคุณค่าทางด้านสังคมในสุภาษิตพระร่วงมีคำสอนในเรื่องใดบ้าง เช่น สอนไม่ให้ดูถูก
ผอู้ ่ืนสอนให้มีเมตตากบั ทกุ คน อย่ามกั ใหญ่ใฝ่สงู อย่าอยากไดข้ องคนอนื่ เปน็ ตน้

๗. สอ่ื การเรียนรู้
- หนงั สอื วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 37 ภาคเรยี นที่ ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑5 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ สภุ าษติ พระร่วง-นทิ านพื้นบา้ น เวลา ๑ ช่วั โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓7 เรอ่ื ง คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ปใ์ นสภุ าษติ พระรว่ ง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเห็นคณุ ค่า และนำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง
ตัวชี้วัด
ท 5.1 ม. ๑/๒ วเิ คราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมทอี่ ่านพรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ
ท 5.1 ม. ๑/๓ อธบิ ายคุณคา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ น

จุดประสงคก์ ารเรยี นรูส้ ตู่ วั ช้ีวัด
๑. นกั เรยี นสามารถบอกคณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ปใ์ นวรรณคดเี รอ่ื งสภุ าษติ พระรว่ งได้ (K)
๒. นักเรยี นสามารถวเิ คราะห์คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ในบทประพันธ์เรอ่ื งสภุ าษิตพระร่วงได้ (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ คุณค่าการนำสภุ าษติ พระรว่ งไปใชป้ ฏิบตั ติ อ่ ตนเองและผ้อู ่ืน (A)

๒. สาระสำคญั
สุภาษิตพระร่วง เป็นคำสอนที่มีมาตั้งแต่อดีตและยึดถือเป็นคติเตือนใจมาจนถึงปัจจุบันด้วยเป็นสุภาษิตที่มี

คุณค่า ให้ข้อคิด คติธรรมในการดำเนินชีวิตนับว่าเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าต่อบุคคลและสังคม ซึ่งควรคู่แก่การศึกษาและ
ปฏบิ ัตติ ามคำสอนเพอ่ื ความเจรญิ รุ่งเรืองและเป็นสิรมิ งคลแก่ตนเอง

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. ความร(ู้ K)
คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ปใ์ นวรรณคดเี รอ่ื งสภุ าษติ พระรว่ ง
๓.๒. ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P)
การประเมินคา่ การให้เหตผุ ล การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรยี นร)ู้
รกั ความเปน็ ไทย ใฝ่เรียนรู้
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเปน็ ไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคิด

๔. ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
-

๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
๒. เครอื่ งมอื
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม
๓. เกณฑก์ ารประเมนิ
การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม
ผ่านตัง้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น
ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน

๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำ
๑. ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ
๒. ครูทบทวนความรู้ในคาบที่แล้วเรือ่ งสำนวนภาษาท่ีใช้ในวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง
ใดบ้างและมีการใชส้ ำนวนภาษาอยา่ งไร
ขั้นสอน
1. ครใู หน้ ักเรียนช่วยกันอา่ นคุณคา่ ของสุภาษติ พระร่วง จากหนงั สอื เรยี นวรรณคดีวจิ ักษ์ หนา้ ๕๔-๕๖
2. จากนั้นครอู ธิบายคุณค่าของสุภาษิตพระร่วง โดยเริ่มจากคุณค่าด้านวรรณศิลปท์ ี่ปรากฏภายในเรื่องสุภาษิต
พระรว่ ง พร้อมทั้งดหู นงั สอื เรียนวรรณคดวี ิจักษ์หน้า หน้า ๕๔-๕๕ ประกอบไปด้วย
3. ครยู กตัวอย่างบทประพนั ธ์ที่มีคุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
- การเล่นเสยี งสมั ผสั พยญั ชนะภายในวรรค เช่น
“เผา้ แผน่ พบสโุ ขทัย” มกี ารใช้เสยี งพยัญชนะ /พ/
“เข็นเรือทอดทางถนน” มกี ารใชเ้ สียงพยัญชนะ /ท/
“ชา้ งไลแ่ ลน่ เลยี่ งหลบ” มกี ารใชเ้ สียงพยญั ชนะ /ล/
- การเล่นเสียงสมั ผัสสระภายในวรรค เชน่
“เหน็ งามตาอยา่ ปอง”
“อยา่ เบียดเสียดแกม่ ติ ร”
“อย่ากอรปจติ รษิ ยา”
- การเล่นคำสมั ผัสคล้องจอง เชน่
“ปลกู ไมตรอี ย่าร้รู า้ ง สร้างกุศลอย่ารูโ้ รย อย่าโดยคำคนพลอด เข็นเรอื ทอดทางถนน”
ไดแ้ ก่ คำวา่ ร้าง กบั สร้าง , โรย กับ โดย , พลอด กบั ทอด ตามลำดบั
- การเล่นคำซำ้ เช่น
“ปางมชี อบทา่ นชว่ ย ปางปว่ ยท่านชงิ ชงั ” ในทีน่ ี้ซำ้ คำว่า ปาง ท่ีต้นวรรค
“อย่ารกั เหากว่าผม อยา่ รักลมกวา่ น้ำ อยา่ รักถำ้ กว่าเรือน อย่ารักเดือนกว่าตะวัน”
ในที่น้ซี ้ำคำว่า อย่ารกั ท่ตี น้ วรรค

4. จากนน้ั ครเู มือ่ ครอู ธบิ ายเสร็จใหน้ ักเรยี นเปิดหนังสือไปหน้าที่ ๔๗ แลว้ ให้นกั เรยี นรว่ มกนั วิเคราะห์ว่ามีวรรค
ใดบ้างที่มีการเล่นคำซ้ำ การเล่นคำสัมผัสสระ สัมผัสพยัญชนะ และคำคล้องจอง และครูจะเรียนสุ่ม
ถามเป็นรายบุคคล

ขั้นสรปุ
1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปความรทู้ ีเ่ รียนในวันนเี้ ร่อื งคณุ คา่ สุภาษิตพระร่วง

โดยครถู ามนักเรยี นวา่ คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ปใ์ นสภุ าษิตพระรว่ งมีอะไรบา้ ง เชน่ มีการเล่นสมั ผัสพยัญชนะ
สมั ผัสสระ ภายในวรรค มกี ารใช้คำคล้องจองสัมผสั กนั ระหว่างวรรค มกี ารเล่นคำซำ้ ในตน้ วรรค เปน็ ต้น

๗. สือ่ การเรยี นรู้
- หนงั สอื เรียนวรรณคดีวิจกั ษ์

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู


Click to View FlipBook Version