The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by พัชรีภรณ์, 2023-01-08 03:43:09

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นแล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ท่ี ชอ่ื - สกลุ รายการประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบุคคล

1. บทบาทหนา้ ที่ การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรับฟงั ความคดิ เหน็ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
2.
3. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30

บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายวิธีการ หลักการ และ

ประเภทของการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองได้ ครูอธิบายฉันทลกั ษณเ์ พ่ิมเติมใหก้ บั นักเรยี น
ดา้ นทกั ษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอ่านกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖

และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ได้ โดยครูนำตัวอย่างกาพย์จากเนื้อเรื่อง กาพย์พระไชยสุริยา มาให้นักเรียนฝึกจังหวะก่อน
รว่ มกันฝึกการอา่ น นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื เปน็ อยา่ งดี

ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่มีความมุ่งมั่น ตรงต่อเวลาและให้
ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเปน็ อย่างดี
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์และสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
ในบทเรียนไปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้
ปญั หาและอุปสรรค
นกั เรยี นบางคนออกเสยี งควบกลำ้ ไมช่ ดั เจน ทำให้การอา่ นทำนองเสนาะผดิ เพย้ี นไป
แนวทางแก้ไข
ให้นักเรยี นฝกึ ออกเสียงควบกลำ้ ตัว ร ล ว อยา่ งสมำ่ เสมอ

ลงชือ่ พัชรีภรณ์
(นางสาวพัชรีภรณ์ เดชช)ู
นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 22 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ กาพยพ์ ระไชยสุริยา เวลา 2 ช่วั โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 22 เรอื่ ง ศพั ทน์ ่ารู้ ควบคู่การทอ่ งกาพย์พระไชยสรุ ยิ า

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพอื่ นำไปใชต้ ัดสินใจ
แกป้ ัญหาในการดำเนินชวี ติ และมนี ิสยั รักการอา่ น
ตัวช้ีวดั
ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบแุ ละอธิบายคำเปรียบเทยี บและคำทม่ี หี ลายความหมายในบรบิ ทตา่ ง ๆ
จากการอ่าน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรูส้ ู่ตัวช้วี ัด

๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายของคำศพั ท์ในเรือ่ งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า (K)
๒. นกั เรยี นสามารถเขียนคำศัพท์ในเรื่องกาพย์พระไชยสุริยาจากความหมายท่กี ำหนด (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการเรยี นรคู้ วามหมายคำศพั ทใ์ นวรรณคดี (A)

๒. สาระสำคญั
การศกึ ษาความหมายของคำศัพทใ์ นวรรณคดีทำให้เข้าใจเนื้อความของวรรณคดเี รื่องนนั้ ไดช้ ัดเจนขึ้น

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
คำศพั ทจ์ ากกาพย์พระไชยสรุ ยิ า
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏบิ ตั /ิ การสาธติ การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรียนร)ู้
มีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ รักความเปน็ ไทย ซื่อสตั ยส์ จุ ริต
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเปน็ ไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคิด

๔. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- จับคู่คำศพั ท์

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
๒. เครอื่ งมอื
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
๓. เกณฑ์การประเมนิ
การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน
ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ ่าน

๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ

๑. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั ทบทวนบทเรยี นเกี่ยวกบั ประวตั ิความเป็นมา เรอ่ื ง กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า จากช่วั โมง
ทแ่ี ล้ว จากนน้ั ครเู ช่อื มโยงเขา้ สู่บทเรียน

ขน้ั สอน
1. นกั เรยี นทำใบกจิ กรรม “คำศัพทน์ ่าร”ู้ โดยครใู หน้ ักเรียนจบั คู่คำศพั ทท์ ่กี ำหนดใหจ้ ำนวน 15 คำ พรอ้ มบอก

ความหมายของคำศพั ท์ทก่ี ำหนดให้
2. นกั เรยี นอา่ นคำศพั ทแ์ ละความหมายจากใบกจิ กรรม

3. ครูสมุ่ เลขทห่ี รอื ใหอ้ าสาสมคั รออกมาเฉลยใบกิจกรรม

ขน้ั สรปุ
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี

การศึกษาความหมายของคำศพั ทใ์ นวรรณคดที ำใหเ้ ข้าใจเนื้อความของวรรณคดเี รอื่ งนั้นไดช้ ัดเจนข้ึน
๗. ส่อื การเรียนรู้

-

ใบงาน
เรอ่ื ง ศพั ทน์ า่ รู้ ควบคกู่ าพย์พระไชยสุรยิ า

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นจับคูค่ ำศพั ทก์ ับความหมายให้สมั พนั ธก์ นั โยนำตวั อักษรทางขวามอื เตมิ ลงในชอ่ งวา่ งทางซ้ายมือ

…………………………. 1. สาระยำ ก. ธรรมะซึ่งเปน็ สงิ่ ดีงาม
…………………………. 2. ท่อเสยี ง ข. ไป
…………………………. 3. เมรุธร ค. ผูอ้ ายุนอ้ ย
…………………………. 4. ลา่ ล้ี ง. ผหู้ ญงิ
…………………………. 5. ศีรษะไม้ จ. ถอยหนไี ป
…………………………. 6. ใชใ้ บ ฉ. หนทาง
…………………………. 7. สธรรม ช. เลว
…………………………. 8. เยาวภา ซ. นกชนดิ หนึ่ง
…………………………. 9. จรลี ฌ. เลน่ ดนตรี
…………………………. 10. กระเวน ญ. แล่นไปดว้ ยใบ
…………………………. 11. อรไท ฎ. หวั ดอ้ื
…………………………. 12. กราด ฏ. ป่า
…………………………. 13. การุญ ฐ. จับไปกิน
…………………………. 14. เถ่ือน ฑ. ภูเขาใหญ่
…………………………. 15. วนั ทา ฒ. ไม้กวาดซย่ี าว ๆ หา่ ง ๆ ด้ามยาว
ณ. ไหว้
ด. ความกรณุ า
ต. ประสานเสยี ง
ถ. นางผูใ้ หญ่

ชื่อ-สกลุ ......................................................................................ม.1/......... เลขท่ี ...........

ใบงาน
เรอื่ ง ศพั ทน์ า่ รู้ ควบคกู่ าพย์พระไชยสรุ ยิ า

คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนจับคคู่ ำศัพทก์ ับความหมายให้สมั พนั ธก์ นั โยนำตวั อกั ษรทางขวามือเติมลงในชอ่ งวา่ งทางซ้ายมือ

ช 1. สาระยำ ก. ธรรมะซ่ึงเปน็ สง่ิ ดงี าม
ต 2. ท่อเสียง ข. ไป
ฑ 3. เมรธุ ร ค. ผู้อายนุ อ้ ย
จ 4. ล่าล้ี ง. ผู้หญิง
ฎ 5. ศีรษะไม้ จ. ถอยหนไี ป
ญ 6. ใชใ้ บ ฉ. หนทาง
ก 7. สธรรม ช. เลว
ค 8. เยาวภา ซ. นกชนดิ หนึ่ง
ข 9. จรลี ฌ. เลน่ ดนตรี
ซ 10. กระเวน ญ. แลน่ ไปดว้ ยใบ
ถ 11. อรไท ฎ. หัวดื้อ
ฒ 12. กราด ฏ. ปา่
ด 13. การญุ ฐ. จบั ไปกิน
ฐ 14. เถื่อน ฑ. ภูเขาใหญ่
ณ 15. วนั ทา ฒ. ไม้กวาดซ่ยี าว ๆ หา่ ง ๆ ดา้ มยาว
ณ. ไหว้
ด. ความกรณุ า
ต. ประสานเสียง
ถ. นางผู้ใหญ่

ชื่อ-สกลุ ......................................................................................ม.1/......... เลขท่ี ...........

บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายความหมายของคำศัพท์

ในเรือ่ งกาพย์พระไชยสรุ ิยา ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมเกยี่ วกบั คำศัพท์ยากใหก้ บั นักเรียน
ด้านทกั ษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถเขียนคำศัพท์ในเรื่องกาพย์พระไชย

สุริยา ให้นักเรียนทำใบกิจกรรม “คำศัพท์น่ารู้” โดยครูให้นักเรียนจับคู่คำศัพท์ที่กำหนดให้จำนวน 15 คำ พร้อมบอก
ความหมายของคำศพั ท์ทกี่ ำหนดให้ นักเรียนสว่ นใหญท่ ำใบงานถกู ต้องรอ้ ยละ 80

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่มีวินัยในการส่งชิ้นงานที่ได้รับมอบหมาย
ชว่ ยเหลือเพื่อน ๆ และใหค้ วามร่วมมอื ในการจดั การเรียนรู้เปน็ อย่างดี
ด้านสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์และสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
ในบทเรียนไปปรบั ใช้ในชีวติ ประจำวันได้
ปญั หาและอุปสรรค

แนวทางแก้ไข

ลงช่ือ พชั รีภรณ์
(นางสาวพชั รีภรณ์ เดชช)ู
นักศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 23 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ชั่วโมง
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๓ กาพย์พระไชยสรุ ิยา เวลา 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 23 เรอ่ื ง อา่ นได้เข้าใจเรอ่ื ง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ัดสินใจ
แกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอา่ น
ตัวช้ีวัด
ท ๑.๑ ม. ๑/๒ จบั ใจความสำคญั จากเร่ืองทอี่ า่ น
ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการอา่ น

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้สู่ตัวช้วี ดั
๑. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลักการอ่านจับใจความได้ (K)
๒. นกั เรยี นสามารถอ่านกาพย์พระไชยสุริยาได้ (P)
๓. นกั เรยี นสามารถจบั ใจความสำคญั จากเรื่องกาพย์พระไชยสุรยิ าได้ (P)
๔. นกั เรยี นเหน็ คุณคา่ ในการอ่านจับใจความสำคัญ (A)

๒. สาระสำคญั
การอา่ นจบั ใจความสำคัญทำให้สามารถสรปุ เนอ้ื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ชัดเจนยงิ่ ข้นึ

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การอา่ นจับใจความเรือ่ งกาพยพ์ ระไชยสุริยา
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏิบตั /ิ การสาธติ การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรียนร)ู้
มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรียนรู้)
ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ

๔. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้

-

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
๒. เครอื่ งมอื
๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม
๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม
ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น
ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น
๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดมี าก
คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี
คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้
คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรุง

๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ

๑. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั น้ี
- การเปน็ คนช่างสังเกตและชอบตั้งคำถามมีขอ้ ดีอย่างไร

๒. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกับลกั ษณะการต้ังคำถามเพ่ือใช้เป็นแนวทางในการอา่ น
๓. นกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนความรู้เกย่ี วกบั หลกั การอา่ นจบั ใจความ

ขนั้ สอน
1. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5-6 คน รว่ มกันอ่านเรอ่ื งกาพย์พระไชยสรุ ิยา ช่วยกนั ศึกษาคำศพั ท์และ

จบั ใจความของเรอ่ื ง จากหนงั สอื วรรณคดีวิจักษ์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั ตอบคำถามและแสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี

- พระไชยสรุ ยิ าเป็นใคร
- เมืองสาวตั ถเี คยเป็นอยา่ งไร
- เหล่าขนุ นางในเมอื งสาวัตถีประพฤติตนอย่างไร
- เหตกุ ารณใ์ ดทำใหเ้ มอื งสาวตั ถลี ม่ สลาย
- พระไชยสุรยิ าออกจากเมืองสาวัตถไี ด้อย่างไร
- พระไชยสรุ ิยาและพระมเหสีไปนอนอยใู่ นป่าไดอ้ ยา่ งไร
- พระไชยสรุ ิยาและพระมเหสไี ด้พบใครในปา่
- ท่านสอนว่าอยา่ งไร
- ตอนจบของเรอ่ื งน้ีเปน็ อยา่ งไร

3. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเนอ้ื เรอ่ื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา
4. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี

การอา่ นจบั ใจความสำคญั ทำใหส้ ามารถสรปุ เน้ือหาวรรณคดแี ละวรรณกรรมไดช้ ดั เจนย่งิ ขน้ึ

๗. ส่อื การเรยี นรู้
- หนงั สอื วรรณคดีวิจักษ์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 หนา้ 77 – 80

รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ สี ่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลุ่ม 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าทท่ี ี่ไดร้ ับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รบั มอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเป็น
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคดิ เหน็ ผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตุผลและ ผ้อู ืน่ และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกิดจากความ
ของสมาชิกทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย ร่วมมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั

เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า

กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด

เล็กน้อย

สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย

ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ

คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี

เหตผุ ล เหตผุ ล

เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ

ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย

ในกลมุ่ ในกลมุ่

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน ระดบั

9 – 10 คะแนน ดมี าก

7 – 8 คะแนน ดี

5 – 6 คะแนน พอใช้

นอ้ ยกวา่ 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง

หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นแล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ท่ี ชอ่ื - สกลุ รายการประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบุคคล

1. บทบาทหนา้ ที่ การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรับฟงั ความคดิ เหน็ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
2.
3. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30

บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 สว่ นใหญ่อธิบายหลกั การอา่ นจบั ใจความได้
ดา้ นทักษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถจับใจความสำคัญจากเรื่องกาพย์

พระไชยสุริยาได้ โดยครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ร่วมกันอ่านเรื่องกาพย์พระไชยสุริยา ช่วยกันศึกษา
คำศัพท์และจับใจความของเรือ่ ง จากหนังสอื วรรณคดีวจิ ักษ์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1

ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนรู้ มุ่งม่ัน
และตั้งใจในการทำงานเปน็ อย่างดี
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์ สื่อสารและสามารถนำสิง่ ที่ไดร้ ับจากการ
เรยี นรู้ในบทเรียนไปปรบั ใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้
ปัญหาและอปุ สรรค
การจัดกิจกรรมกลุ่มมีนักเรียนบางคนไม่ให้ความร่วมมือหรือช่วยเหลือเพื่อนในการทำงาน ทำให้การกิจกรรม
กลุ่มในบางครงั้ ไม่ตอบสนองตอ่ ความต้องการของนักเรยี น
แนวทางแกไ้ ข
ให้แต่ละกลมุ่ แตง่ ต้งั หวั หนา้ กล่มุ และมอบหมายภาระงานให้กบั สมาชิกทกุ คน

ลงชือ่ พชั รภี รณ์
(นางสาวพัชรีภรณ์ เดชช)ู
นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพครู

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 24 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา เวลา 1 ชวั่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 24 เรอื่ ง สรปุ ความ ตามเนอื้ เรอื่ ง

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคดิ เพือ่ นำไปใชต้ ัดสนิ ใจ
แกป้ ัญหาในการดำเนินชวี ติ และมีนสิ ัยรกั การอา่ น
ตวั ชว้ี ดั
ท ๑.๑ ม. ๑/๒ จบั ใจความสำคญั จากเร่ืองทอี่ า่ น
ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการอ่าน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ่ตู ัวชีว้ ดั

๑. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายเหตุการณส์ ำคัญจากเรอ่ื งกาพย์พระไชยสรุ ยิ า (K)
๒. นกั เรยี นสามารถสรปุ เร่อื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา (P)
๓. นกั เรยี นสามารถเขียนแผนภาพความคดิ เรียงลำดับเหตกุ ารณ์เรื่องกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา (P)
๔. นกั เรยี นเหน็ คณุ ค่าของการอา่ นเพอ่ื ลำดบั เหตุการณ์ของเน้อื เรอื่ งวรรณคดี (A)

๒. สาระสำคญั
การอ่านและจบั ใจความสำคญั ได้ ทำใหส้ ามารถลำดบั เหตกุ ารณ์ สรุปเนอ้ื เรอ่ื งของวรรณคดไี ดช้ ัดเจน

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การลำดบั เหตกุ ารณ์เรือ่ งกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การใหเ้ หตผุ ล การสังเคราะห์ การจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ
การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรยี นร)ู้
ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค(์ A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝเ่ รยี นรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา

๔. ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
-

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมินผล
๑) ประเมินการรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
๒. เครอื่ งมอื
๑) แบบประเมนิ การรว่ มกจิ กรรมกลมุ่
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
๑) การแบบประเมินการรว่ มกจิ กรรมกลมุ่
ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน
ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ า่ น

๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำ

๑. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั น้ี
เหตกุ ารณใ์ ดในเรือ่ งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าทน่ี ักเรยี นไม่ต้องการให้เกิดขึน้ มากท่ีสุด
เพราะเหตใุ ด

ข้ันสอน
1. ครูแบ่งนักเรยี นออกเป็น ๕ กลุ่ม วิเคราะหเ์ น้ือเร่ืองกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าจากที่อา่ นมาตามประเด็นต่อไปนี้

กลุ่มที่ ๑ พฤตกิ รรมตัวละครใดเปน็ ต้นเหตใุ หเ้ มืองสาวัตถเี กิดภยั พบิ ัติ
กลมุ่ ที่ ๒ เหตุการณ์นำ้ ทว่ มเมอื งสาวัตถกี ับเหตุการณภ์ ัยพบิ ัตใิ นปจั จุบนั เหมือนกัน

หรอื ตา่ งกนั หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
กลมุ่ ที่ ๓ พระไชยสุรยิ าเป็นผู้นำทด่ี หี รือไม่ เพราะเหตใุ ด
กลมุ่ ท่ี ๔ การออกบวชของพระไชยสรุ ิยากับหรือพระมเหสีเหมาะสมกับภาวะ

เหตุการณห์ รือไม่ เพราะเหตใุ ด
กลมุ่ ท่ี ๕ นกั เรยี นพอใจตอนจบของเน้ือเรอ่ื งหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ประเดน็ สง่ ตัวแทนกลมุ่ ออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น
3. นกั เรยี นอภปิ รายร่วมกัน แลว้ สรปุ เน้ือเรื่องทั้งหมด
ขนั้ สรปุ
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี
การอา่ นและจับใจความสำคญั ได้ ทำให้สามารถลำดับเหตกุ ารณ์ สรปุ เน้ือเรือ่ งของวรรณคดีไดช้ ดั เจน

๗. สื่อการเรยี นรู้
หนังสอื เรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1

รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ ีส่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รับมอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเปน็
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคิดเห็นผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมเี หตผุ ลและ ผูอ้ ่ืน และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกดิ จากความ
ของสมาชกิ ทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย รว่ มมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั

เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า

กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด

เล็กน้อย

สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย

ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ

คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี

เหตผุ ล เหตผุ ล

เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ

ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย

ในกลมุ่ ในกลมุ่

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน ระดบั

9 – 10 คะแนน ดมี าก

7 – 8 คะแนน ดี

5 – 6 คะแนน พอใช้

นอ้ ยกว่า 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง

หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นแล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ท่ี ชอ่ื - สกลุ รายการประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบุคคล

1. บทบาทหนา้ ที่ การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรับฟงั ความคดิ เหน็ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
2.
3. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30

บันทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายเหตุการณ์สำคัญจากเรื่อง

กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าได้
ดา้ นทักษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถเขียนแผนภาพความคิดเรียงลำดับ

เหตุการณเ์ รือ่ ง กาพย์พระไชยสุรยิ าได้ โดยครูแบ่งนกั เรยี นออกเป็น ๕ กลุ่ม วเิ คราะห์เนอื้ เร่อื งกาพยพ์ ระไชยสุริยาจากท่ี
อา่ นมาตามประเด็นทกี่ ำหนดใหแ้ ละนำมาเขยี นสรปุ เปน็ แผนภาพความคดิ

ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนรู้ มุ่งมั่น
และต้ังใจในการทำงาน นักเรียนส่วนใหญ่สง่ งานตามเวลาทกี่ ำหนด
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น (C)
นกั เรยี นทกุ ระดบั ช้ันส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์ การสรุปความรู้และสามารถนำส่ิงที่ได้รับ
จากการเรียนรู้ในบทเรยี นไปปรับใช้ในชวี ิตประจำวันได้
ปัญหาและอปุ สรรค
การจัดกิจกรรมกลุ่มมีนักเรียนบางคนไม่ให้ความร่วมมือหรือช่วยเหลือเพื่อนในการทำงาน ทำให้การกิจกรรม
กลุ่มในบางครัง้ ไมต่ อบสนองต่อความต้องการของนกั เรียน
แนวทางแก้ไข
ให้แต่ละกลมุ่ แต่งต้งั หัวหนา้ กล่มุ และมอบหมายภาระงานให้กับสมาชิกทกุ คน

ลงชอ่ื พัชรภี รณ์
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู
นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 25 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย เวลา 15 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ กาพยพ์ ระไชยสุริยา เวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 25 เรอ่ื ง สบื คน้ ข้อมลู เพมิ่ พูนความรู้

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อยา่ งเห็นคุณค่า และนำมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ
ตวั ช้ีวดั
ท ๕.๑ ม. ๑/๓ อธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่าน

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ส่ตู วั ชวี้ ดั
๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายคณุ ค่าของกาพย์พระไชยสรุ ยิ า (K)
๒. นกั เรยี นสามารถวิเคราะหค์ ณุ คา่ ของกาพย์พระไชยสุริยา (P)
๓. นกั เรยี นเห็นคุณคา่ ทไ่ี ดร้ บั จากการศกึ ษาวรรณคดีและนำไปประยุกตใ์ ช้ในการใชช้ ีวิตประจำวัน (A)

๒. สาระสำคญั
กาพย์พระไชยสุริยามีคุณค่าทางด้านวรรณศิลป์ ให้ความรู้หลักภาษาไทย และมีคุณค่าทางด้านแนวคิด เนื้อหา

และสงั คมในการสอดแทรกคตธิ รรมคำสอน เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาของสังคม

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
คณุ คา่ ของวรรณคดีเร่อื งกาพย์พระไชยสุรยิ า
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การให้เหตผุ ล การประเมินค่า การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรยี นร)ู้
รักความเปน็ ไทย ใฝ่เรยี นรู้
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค(์ A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ

๔. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- เขียนบนั ทกึ การเรยี นรจู้ ากเรอ่ื งพระไชยสุริยา

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมินผล
สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม
๒. เครอื่ งมอื
แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน
ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น

๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้นั นำ
1. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ กาพย์พระไชยสุริยาสะท้อนใหเ้ ห็นส่ิงใดในตัวของสนุ ทรภู่
ขน้ั สอน
๑. นักเรียนสืบคันข้อมูลเกี่ยวกับผลงานหรือประวัติของสุนทรภู่จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียน โดย
บนั ทึกชอ่ื เว็บไซค์และรายละเอยี ดของขอ้ มลู ที่พบลงในสมุดแบบฝกึ หดั แล้วแลกเปลย่ี นความรู้ในช้ันเรยี น
๒. นกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนความรู้เรือ่ ง กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา โดยร่วมกันแสดงความคิดเห็นใน ประเด็นต่อไปนี้
- แนวคดิ สำคัญของเร่ืองกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าคอื อะไร
- แนวคดิ ดงั กลา่ วสอดดล้องกบั สภาพสังคมไทยปจั จบุ นั หรอื ไม่
- เน้ือความตอนใดทไ่ี พเราะจับใจมากท่ีสุดตามความรู้สกึ ของนกั เรยี น
- นกั เรยี นไดร้ บั ความรู้ ความประทบั ใจอะไรบา้ ง จากการศกึ ษาเรอ่ื งกาพยพ์ ระไซยสรุ ยิ า
๓. นักเรียนเขียนบันทึกการเรียนรู้แสดงความรู้สึก หรือความคิดเห็นอย่างอิสระจากการอ่าน เรื่อง
กาพย์พระไชยสรุ ยิ า
ขน้ั สรุป
1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ สุนทรภู่เป็นกวีที่มีความสามารถในการประพันธ์ วรรณคดีของท่านให้

ทั้งความรู้และข้อคิดหลายประการ อีกทั้งสะท้อนสภาพสังคม ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน
การดำเนนิ ชีวติ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี

๗. สอื่ การเรยี นรู้
-

รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ นรว่ มในชนั้ เรยี นรายบคุ คล

รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. ต้งั ใจเรยี น
2 1.5 1 0
2. มสี ่วนร่วมในการทำ
กจิ กรรมในชัน้ เรยี น สนใจเรยี น มีความ สนใจเรยี น มีความ สนใจเรียน มคี วาม ไม่สนใจเรยี น และ
3. ตอบคำถามในช้นั เรียน พร้อมในการใฝ่
เรียนรู้ พร้อมในการใฝ่เรยี นรู้ พรอ้ มในการใฝเ่ รียนรู้ ไม่มีความพร้อมใน

มสี ่วนรว่ มในการ เปน็ ส่วนใหญ่ บ้าง การใฝ่เรยี นรู้
ทำกิจกรรมทกุ
กจิ กรรม มีสว่ นร่วมในการทำ มสี ว่ นรว่ มในการ ไม่มสี ว่ นร่วมใน

ตอบคำถามทีค่ รู กิจกรรมเปน็ สว่ นใหญ่ ทำกจิ กรรมบาง การทำกิจกรรม
ถามทุกคร้งั
กจิ กรรม

ตอบคำถามทคี่ รู ตอบคำถามท่ีครู ไมต่ อบคำถามทีค่ รู

ถามเกอื บทกุ คร้ัง ถามเพียงบางครัง้ ถาม

4. ต้ังใจทำงาน เอาใจใส่ตอ่ งานท่ี เอาใจใส่ต่องานท่ี เอาใจใส่ต่องานที่ ไม่เอาใจใสต่ ่องาน
5. ตรงตอ่ เวลา ไดร้ ับมอบหมาย ไดร้ บั มอบหมายและ ได้รับมอบหมาย ท่ีได้รบั มอบหมาย
และทำงานด้วย ทำงานด้วยความ และทำงานดว้ ย
ความต้ังใจทุกครง้ั ตั้งใจเปน็ สว่ นใหญ่ ความตง้ั ใจบางงาน ส่งงานทไ่ี ด้รบั มอบ
หมายไม่ทนั เวลาท่ี
ส่งงานทีไ่ ดร้ บั มอบ ส่งงานที่ไดร้ บั มอบ ส่งงานท่ไี ดร้ บั มอบ กำหนดและไมม่ ี
หมายกอ่ นเวลาท่ี หมายตรงเวลาตามที่ หมายไม่ทนั เวลาท่ี ความถกู ต้อง
กำหนดและมคี วาม กำหนดและมีความ กำหนดแตม่ ีความ
ถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน ระดบั

9 – 10 คะแนน ดมี าก

7 – 8 คะแนน ดี

5 – 6 คะแนน พอใช้

น้อยกว่า 5 คะแนน ควรปรับปรุง

หมายเหตุ : นกั เรียนท่ไี ด้เกณฑค์ ณุ ภาพระดบั ดี ข้ึนไปจงึ ถือว่า ผ่าน

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล

คำช้ีแจง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นแลว้ ขดี  ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน

รายการประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบคุ คล

ท่ี ช่อื - สกลุ ตงั้ ใจเรยี น มีสว่ นรว่ มใน ตอบคำถาม ตง้ั ใจทำงาน ตรงตอ่ เวลา รวม
การทำกิจกรรม ในชน้ั เรยี น
1. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
2. ในชนั้ เรยี น
3.
4. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายคุณค่าของวรรณคดี เรื่อง

กาพย์พระไชยสุริยาได้
ด้านทกั ษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี เรื่อง

กาพย์พระไชยสุริยา โดยให้นักเรียนสืบคันข้อมูลเกี่ยวกับผลงานหรือประวัติของสุนทรภู่จากแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศของ
โรงเรียน โดยบันทกึ ชือ่ เวบ็ ไซตแ์ ละรายละเอียดของขอ้ มูลทพ่ี บลงในสมดุ แบบฝึกหัด แลว้ แลกเปลีย่ นความรใู้ นชัน้ เรียน

ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนรู้ มุ่งม่ัน
และตง้ั ใจในการทำงานเป็นอยา่ งดี
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์ การสรุปเนื้อหาความรู้ และสามารถนำ
ส่งิ ท่ีได้รบั จากการเรียนรู้ในบทเรียนไปปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้
ปัญหาและอุปสรรค

แนวทางแกไ้ ข

ลงชื่อ พัชรภี รณ์
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู
นักศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 26 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา เวลา 2 ช่วั โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 26 เรอื่ ง การแตง่ กาพยย์ านี 11

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ
ตัวช้วี ดั
ม.๑/๕ แต่งบทรอ้ ยกรอง

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูส้ ูต่ ัวชว้ี ัด
๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายวธิ กี ารแต่งกาพย์ยานี 11 ได้ (K)
๒. นกั เรยี นสามารถแต่งกาพย์ยานี ๑๑ ได้ (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ คณุ คา่ ของการอา่ นบทร้อยกรองท่ีถูกตอ้ งและไพเราะ (A)

๒. สาระสำคญั
คำประพันธ์ประเภทกาพย์ เป็นคำประพันธ์ที่แต่งง่าย ไม่มีข้อบังคับซับซ้อนมากหากรู้ฉันทลักษณ์ก็สามารถ

สรา้ งสรรคค์ ำประพนั ธ์ไดด้ ังนั้นผ้เู รียนจงึ ควรฝึกฝนแต่งคำประพันธเ์ พื่อถา่ ยทอดความร้คู วามคดิ ความรู้สึกให้ผู้อนื่ ทราบ
และยงั เป็นการพฒั นาความคดิ อีกดว้ ย

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การแต่งกาพย์ยานี ๑๑
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏบิ ัติ/การสาธิต การประเมนิ ค่า
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรยี นร)ู้
รักความเป็นไทย ใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มัน่ ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ

๔. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- แต่งกาพย์ยานี 11 จำนวน 2 บท

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรม
๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
๒. เครอ่ื งมอื
๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
ผา่ นตัง้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น
ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ า่ น
๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดมี าก
คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี
คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้
คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง

๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
1. ครถู ามนกั เรียนเก่ียวกับวรรณคดี เรือ่ ง กาพยพ์ ระไชยสุริยา แต่งด้วยคำประพนั ธช์ นิดใด
2. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครถู ามว่าการเปน็ นักประพนั ธ์ทด่ี จี ะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

ขนั้ สอน
1. ครใู หน้ ักเรียนดแู ผนผังกาพยย์ านี ๑๑ และถามนักเรยี นวา่ ทำไมถงึ เรยี กวา่ กาพย์ยานี ๑๑

2. ครูอธบิ ายฉันทลักษณข์ องกาพยย์ านี ๑๑ และร่วมกันตอบคำถามตอ่ ไปนี้
- กาพย์ยานี ๑๑ ๑ บาท มีกคี่ ำ และ ๑ บทมีกีว่ รรค
- สมั ผัสบังคับเปน็ อยา่ งไร อยูใ่ นตำแหนง่ ใดบ้าง

ข้นั สรปุ
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี

คำประพันธ์ประเภทกาพย์ เป็นคำประพันธ์ที่แต่งง่าย ไม่มีข้อบังคับซับซ้อนมากหากรู้ฉันทลักษณ์ก็
สามารถสร้างสรรค์คำประพันธ์ได้ดังนั้นผู้เรียนจึงควรฝึกฝนแต่งคำประพันธ์เพื่อถ่ายทอดความรู้ความคิด
ความรสู้ ึกใหผ้ อู้ น่ื ทราบและยังเปน็ การพฒั นาความคดิ อีกดว้ ย

คาบที่ 2
ขน้ั นำ
1. ครูนำตัวอย่างกาพย์ยานี 11 มาติดบนกระดานหน้าชั้นเรียน แล้วให้นักเรียนร่วมกันพิจารณาว่า ตัวอย่าง

กาพยย์ านี 11 บทใดมีความไพเราะ พรอ้ มกับรว่ มกันอภปิ รายเพื่อใหไ้ ดเ้ หตุผลทเ่ี ป็นขอ้ สรุป

ขั้นสอน
1. ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้

เรอ่ื ง การแต่งบทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์ จากหนงั สือเรยี น
2. นกั เรยี นรว่ มกนั อธบิ ายฉนั ทลกั ษณข์ องบทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์ยานี 11
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั แตง่ กาพยย์ านี 11 โดยมหี ัวขอ้ เรอ่ื งดงั ต่อไปน้ี

หวั ขอ้ เรือ่ ง โควดิ 19
4. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มแตง่ กาพยย์ านี 11 พรอ้ มโยงเส้นสมั ผสั ฉนั ทลกั ษณข์ องกาพย์ยานี 11 ให้ถูกตอ้ ง

ขน้ั สรปุ
1. นักเรียนและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดงั นี้

กาพย์ยานี เป็นคำประพันธ์ไทยประเภทกาพย์ที่กวีนิยมแต่งมากที่สุด มีทั้งแต่งสลับกับคำประพันธ์
ประเภทอื่นและแต่งเพียงลำพัง กาพย์ยานีบทหนึ่งมีสองบาท บาทละ 11 คำ คนทั่วไปจึงนิยมเรียกว่า
กาพย์ยานี 11

คาบท่ี 3
ขนั้ นำ
๑. ครูทบทวนบทเรียนเรือ่ ง ฉนั ทลกั ษณ์กาพยย์ านี ๑๑ โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อธิปรายท้งั ชัน้ เรยี น

ขนั้ สอน
1. นกั เรยี นจับคแู่ ต่งกาพยย์ านี 11 โดยเลอื กหวั ขอ้ ตามความสนใจของนกั เรียน
2. นักเรียนช่วยกันแต่งกาพย์ยานี 11 พร้อมโยงเส้นสัมผัสฉันทลักษณ์ของกาพย์ยานี 11 ให้ถูกต้อง

พรอ้ มตกแต่งช้ินงานใหส้ วยงาม

ขนั้ สรปุ
1. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรปุ บทเรียน ดังต่อไปน้ี

การแต่งกาพย์ยานี ๑๑ จำเปน็ ตอ้ งศกึ ษาความรู้เกีย่ วกับหลกั การแต่งกาพยย์ านี ๑๑
อยา่ งละเอียด ทั้งเร่ืองการแบ่งวรรคตอนในการอ่าน ลักษณะบงั คบั หรือฉันทลักษณแ์ ละการสรรคำ มา
ใชใ้ นการแต่งกาพยย์ านี ๑๑ นนั้ จำเปน็ ต้องคำนึงถงึ ความหมายของคำเปน็ หลกั เพอ่ื ใหก้ ารแต่งกาพยย์ านี
๑๑ มคี วามไพเราะและมคี วามหมายลกึ ซงึ้ กินใจผู้อา่ น

๗. สอ่ื การเรยี นรู้
๑. แผนผังกาพย์ยานี ๑๑
๒. ตัวอยา่ งคำประพันธก์ าพย์ยานี ๑๑
3. หนงั สือเรียนหลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1

รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ ีส่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รับมอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเปน็
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคิดเห็นผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตผุ ลและ ผูอ้ ่ืน และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกดิ จากความ
ของสมาชกิ ทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย รว่ มมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั

เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า

กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด

เล็กน้อย

สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย

ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ

คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี

เหตผุ ล เหตผุ ล

เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ

ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย

ในกลมุ่ ในกลมุ่

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน ระดบั

9 – 10 คะแนน ดมี าก

7 – 8 คะแนน ดี

5 – 6 คะแนน พอใช้

นอ้ ยกว่า 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง

หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นแล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ท่ี ชอ่ื - สกลุ รายการประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบุคคล

1. บทบาทหนา้ ที่ การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรับฟงั ความคดิ เหน็ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
2.
3. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30

บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่อธิบายวิธีการแต่งกาพย์ยานี 11 ได้

และบอกฉนั ทลกั ษณข์ องกาพย์ยานี 11 ได้อยา่ งถูกต้อง
ด้านทักษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถแต่งกาพย์ยานี ๑๑ ได้ โดยนักเรียน

และครูร่วมกันอธิบายฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี 11 และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแต่ง
กาพย์ยานี 11 ในหัวข้อเรือ่ ง โควดิ 19

ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนรู้ มุ่งม่ัน
และตงั้ ใจในการทำงานเป็นอยา่ งดี
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์ สื่อสารและสามารถนำสิ่งที่ได้รับจาก
การเรียนรใู้ นบทเรยี นไปปรับใชใ้ นชีวิตประจำวันได้
ปญั หาและอปุ สรรค
การจัดกิจกรรมกลุ่มมีนักเรียนบางคนไม่ให้ความร่วมมือหรือช่วยเหลือเพื่อนในการทำงาน ทำให้การกิจกรรม
กลมุ่ ในบางครงั้ ไม่ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของนกั เรยี น
แนวทางแกไ้ ข
ให้แต่ละกล่มุ แต่งตงั้ หัวหนา้ กลมุ่ และมอบหมายภาระงานให้กับสมาชกิ ทกุ คน

ลงชอื่ พชั รภี รณ์
(นางสาวพัชรีภรณ์ เดชช)ู
นักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครู

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 27 ภาคเรยี นที่ ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย เวลา 15 ช่วั โมง
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 27 เรอ่ื ง สรรกจิ กรรม นำมาเขยี น

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น
เรอ่ื งราวในรปู แบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงาน
การศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้วี ัด
ท ๒.๑ ม. ๑/๖ เขยี นแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับสาระจากสอื่ ท่ไี ด้รบั
ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการเขยี น
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้สตู่ ัวช้ีวัด

๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายการเขียนแสดงความคิดเห็น (K)
๒. นกั เรยี นสามารถเขยี นแสดงความคิดเห็น (P)
๓. นกั เรยี นเห็นความสำคญั การเขยี นแสดงความคิดเหน็ ทีม่ ีความจำเปน็ ในการใช้ชีวติ ประจำวนั (A)

๒. สาระสำคญั
การเขียนแสดงความคิดเห็น เป็นการใช้เหตุผลและหลักฐานอ้างอิงมาประกอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

รูปแบบการเขยี นแสดงความคิดเห็นอาจจะเป็นจดหมาย บทความ เรียงความ หรอื การตอบข้อสอบอัตนยั

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การเขียนแสดงความคดิ เห็น
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การให้เหตุผล การสงั เคราะห์ การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรยี นร)ู้
ซื่อสตั ยส์ จุ ริต ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝเ่ รียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

๔. ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
การเขียนแสดงความคดิ เห็น

๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
๓) ตรวจผลงานของนักเรียน
๒. เครอ่ื งมอื
๑) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่
๓. เกณฑก์ ารประเมนิ
๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น
ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น
๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก
คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี
คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้
คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง

๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ
๑. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั น้ี

- การแสดงความคิดเหน็ อย่างไรท่ที ำให้ผ้อู น่ื ยอมรบั และไมร่ ้สู ึกขุ่นเคอื ง
ขน้ั สอน
1. นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การเขียนแสดงความคดิ เหน็ โดยการบนั ทกึ สรุปสาระสำคญั ดงั น้ี

- องค์ประกอบของการแสดงความคดิ เห็น
- หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เห็น
- ขัน้ ตอนการเขยี นแสดงความคดิ เห็น
2. นกั เรยี นอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ประเด็นตอ่ ไปน้ี
- การเขยี นแสดงความคิดเหน็ มีขอ้ ควรระวังอย่างไร
- การเขียนแสดงความคดิ เห็นควรเขยี นในเชิงสนบั สนุนหรอื โต้แยง้ เพราะเหตใุ ด
- การเขียนแสดงความคิดเห็นมีประโยชน์อยา่ งไร
- การเขยี นแสดงความคิดเหน็ ใช้ในโอกาสใดบ้าง
3. ครนู ำตวั อย่างงานเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เช่น จดหมาย บทความ เรยี งความ มาใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ศึกษา
เปน็ แนวทาง
4. ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ ๕ กลมุ่ เขยี นแสดงความคดิ เห็น โดยใหน้ ักเรยี นมอี สิ ระเลอื กรูปแบบการเขยี นแสดง
ความคิดเหน็ ตามความถนัดมากลมุ่ ละ ๑ เรอื่ ง เพ่ือแสดงความคิดเห็นในประเด็นตอ่ ไปน้ี

๑) การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
๒) การอา่ นหนงั สือของเดก็ ไทย
๓) “โทรศพั ท”์ ดาบสองคมทวี่ ยั ร่นุ นิยมใช้
๔) ปญั หายาเสพติดในสงั คมไทย
๕) วยั รุน่ ไทยกับทอ้ งกอ่ นวัยอันควร

ขนั้ สรปุ
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี

การเขียนแสดงความคิดเห็น เป็นการใช้เหตุผลและหลักฐานอ้างอิงมาประกอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
รูปแบบการเขียนแสดงความคดิ เหน็ อาจจะเปน็ จดหมาย บทความ เรยี งความ หรอื การตอบข้อสอบอตั นัย

๗. ส่อื การเรยี นรู้
ตัวอยา่ งงานเขยี นแสดงความคิดเหน็

รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี ม่ครบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ ีส่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รับมอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเปน็
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคิดเห็นผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ สว่ นนอ้ ย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตผุ ลและ ผูอ้ ่ืน และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกดิ จากความ
ของสมาชกิ ทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย รว่ มมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั

เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า

กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด

เล็กน้อย

สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย

ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ

คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี

เหตผุ ล เหตผุ ล

เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ

ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย

ในกลมุ่ ในกลมุ่

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน ระดบั

9 – 10 คะแนน ดมี าก

7 – 8 คะแนน ดี

5 – 6 คะแนน พอใช้

นอ้ ยกว่า 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง

หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นแล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ท่ี ชอ่ื - สกลุ รายการประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบุคคล

1. บทบาทหนา้ ที่ การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรับฟงั ความคดิ เหน็ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
2.
3. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30

บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายการเขียนแสดงความคิดเห็น

จากเร่อื งตา่ ง ๆ ได้
ดา้ นทกั ษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถเขียนแสดงความคิดเห็นได้ โดยครูนำ

ตัวอย่างงานเขียนแสดงความคิดเห็น เช่น จดหมาย บทความ เรียงความ มาให้นักเรียนร่วมกันศึกษาเป็นแนวทาง
และให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม เขียนแสดงความคิดเห็น โดยให้นักเรียนมีอิสระเลือกรูปแบบการเขียนแสดงความ
คดิ เห็นตามความถนัดมากลุ่มละ ๑ เรือ่ ง

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่มีวินัยในการส่งชิ้นงานที่ได้รับมอบหมาย
ช่วยเหลือเพือ่ น ๆ และให้ความร่วมมอื ในการจัดการเรยี นรูเ้ ป็นอยา่ งดี
ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์และสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
ในบทเรยี นไปปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้
ปญั หาและอุปสรรค

แนวทางแกไ้ ข

ลงชอ่ื พัชรีภรณ์
(นางสาวพชั รภี รณ์ เดชช)ู
นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 28 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ กาพยพ์ ระไชยสุริยา เวลา 2 ช่วั โมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 28 เรอ่ื ง อ่านทำนอง สอดคลอ้ งอารมณ์

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อย่างเหน็ คณุ ค่า และนำมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จริง
ตัวชว้ี ัด
ท ๕.๑ ม. ๑/๕ ทอ่ งจำบทอาขยานตามทก่ี ำหนดและบทรอ้ ยกรองที่มคี ุณค่าตาม
ความสนใจ

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้สตู่ วั ช้ีวดั
๑. นกั เรยี นสามารถเข้าใจจงั หวะการอ่านกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบงั ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ (K)
๒. นกั เรยี นสามารถอ่านกาพยย์ านี ๑๑ กาพยฉ์ บงั ๑๖ และกาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ เปน็ ทำนองเสนาะ (P)
๓. นกั เรยี นสามารถทอ่ งจำบทรอ้ ยกรองท่มี ีคุณคา่ (P)
๔. นกั เรยี นเห็นคุณคา่ ท่ีเกิดจากการอ่านบทร้อยกรองท่จี รรโลงคุณคา่ ทางภาษาและจติ ใจ (A)

๒. สาระสำคญั
การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองจากเรื่อง กาพย์พระไชยสุริยาเป็นทำนองเสนาะ ผู้อ่านต้องรู้จักสอดแทรก

อารมณ์ตามเนอื้ หาจึงจะเกดิ ความไพเราะได้อรรถรสในการอ่าน และประทับใจผฟู้ ัง

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การอ่านบทรอ้ ยกรองเป็นทำนองเสนาะ
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏบิ ัต/ิ การสาธิต การประยุกต/์ การปรับปรงุ การประเมนิ ค่า การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรียนร)ู้
รักความเปน็ ไทย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรียนรู้)
ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเปน็ ไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา

๔. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
การอา่ นออกเสยี งกาพยย์ านี ๑๑ กาพย์ฉบงั ๑๖ และกาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ เป็นทำนองเสนาะ

๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม
๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน
๒. เครอื่ งมอื
๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม
๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
๓. เกณฑก์ ารประเมนิ
๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ผ่านต้ังแต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผา่ น
ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ ่าน
๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่
คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก
คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี
คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้
คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง
การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)
การประเมนิ กจิ กรรมการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองใหผ้ ู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผล
ตามสภาพจรงิ (Rubrics) เร่อื ง การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง

ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑

เกณฑก์ ารประเมิน อ่านออกเสียง อา่ นออกเสยี ง อา่ นออกเสยี ง อ่านออกเสียง
การอ่านออกเสียง ไดถ้ กู ต้อง ได้ถูกตอ้ ง ได้ถูกต้อง ไดถ้ ูกตอ้ ง
บทร้อยกรอง ตามอกั ขรวิธี ตามอักขรวิธี ตามอกั ขรวิธี ตามอักขรวธิ ี
เสียงดังชัดเจน เสยี งดังชดั เจน เสียงดงั ชัดเจน เสยี งดังชัดเจน
เวน้ จงั หวะ เวน้ จังหวะ เวน้ จงั หวะ แต่ยงั ต้องปรบั ปรุง
เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เรอ่ื งการเวน้ จังหวะ
สามารถทอดเสยี ง มกี ารทอดเสยี ง พยายามทอดเสียง และท่วงทำนอง
และเอื้อนเสียง และเอ้อื นเสียง และเอือ้ นเสียง ในการอา่ น
ไดไ้ พเราะ ในบางจังหวะได้ดี ในบางจังหวะ
แต่ยงั ทำไดไ้ มด่ นี ัก

๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ

๑. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั น้ี
- การอา่ นทำนองเสนาะได้ดตี ้องฝึกฝนในเรอ่ื งใดบา้ ง

๒. ครูใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ทบทวนความรู้เกย่ี วกบั หลกั การอ่านบทร้อยกรอง
ขนั้ สอน
1. ครนู ำแผนภมู บิ ทรอ้ ยกรองจากเรอื่ ง กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า ทม่ี อบหมายเปน็ กจิ กรรมกลมุ่ ในชวั่ โมงทแี่ ล้วตดิ บน

กระดาน
2. นกั เรยี นจบั คเู่ พอ่ื สอบอา่ นทำนองเสนาะจากเรอ่ื ง พระไชยสรุ ยิ า
3. นกั เรยี นแตล่ ะค่อู อกมาจับฉลากพรอ้ มสอบอา่ นบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะ ตามทค่ี รูกำหนดให้ 3 บท

จากช่วั โมงท่แี ลว้ โดยตามลำดับเลขที่
ขน้ั สรุป
1. ครูสรุปและอธบิ ายเพ่มิ เติมจากการนำเสนอของนกั เรียน
2. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี

การอา่ นออกเสียงบทร้อยกรองจากเรอ่ื ง กาพย์พระไชยสุรยิ าเปน็ ทำนองเสนาะผอู้ า่ นต้องร้จู กั สอดแทรก
อารมณ์ตามเน้อื หาจึงจะเกดิ ความไพเราะได้อรรถรสในการอา่ นและประทบั ใจผฟู้ งั

๗. สอ่ื การเรยี นรู้
แผนภมู ิบทรอ้ ยกรองกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา

บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
นักเรียนระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถเข้าใจจังหวะการอ่านกาพย์ยานี ๑๑

กาพยฉ์ บัง ๑๖ และกาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘
ดา้ นทกั ษะ (S)

นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 สว่ นใหญ่สามารถท่องจำบทร้อยกรองได้ โดยครูให้นกั เรยี น
จับคู่เพื่อสอบอ่านทำนองเสนาะจากเรื่อง พระไชยสุริยา นักเรียนแต่ละคู่ออกมาจับฉลากพร้อมสอบอ่านบทร้อยกรอง
เปน็ ทำนองเสนาะ ตามทีค่ รูกำหนดให้ 3 บท ตามลำดับเลขท่ี

ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่มีวินัยและรับผิดชอบในการทำงานได้เป็น
อยา่ งดี
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์และสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
ในบทเรยี นไปปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้
ปญั หาและอุปสรรค

แนวทางแกไ้ ข

ลงช่ือ พัชรภี รณ์
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู
นักศึกษาฝึกประสบการณว์ ิชาชีพครู



แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 29 ภาคเรยี นท่ี 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐2 รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑5 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 สภุ าษติ พระรว่ ง - นทิ านพื้นบา้ น เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 29 เรอ่ื ง การอา่ นจับใจความสำคญั จากนทิ านพืน้ บา้ น

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปญั หาในการดำเนิน
ชวี ติ และมนี ิสัยรักการอ่าน
ตวั ชว้ี ดั
ท ๑.๑ ม. ๑/๒ จบั ใจความสำคญั จากเร่อื งทอ่ี า่ น

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ู่ตวั ช้ีวัด
๑. นกั เรียนสามารถอธบิ ายหลกั การจับใจความสำคญั ได้ (K)
๒. นกั เรียนสามารถจบั ใจความสำคญั จากเรือ่ ง นายดั้น ได้ถูกต้อง (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการอา่ นจับใจความสำคญั (A)
๒. สาระสำคญั
การอ่านจับใจความ คือ การอ่านที่มุ่งค้นหาสาระของเรื่องหรือของหนังสือแต่ละเล่มที่เป็นส่วนใจความสำคัญ
และส่วนขยายใจความสำคญั ของเรือ่ ง
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. ความร(ู้ K)

การอ่านจบั ใจความ
๓.๒. ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P)

การวเิ คราะห์ การสังเคราะห์ การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรยี นร)ู้

ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเปน็ ไทย
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรียนรู้)

ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)

ความสามารถในการคิด

๔. ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- อา่ นจบั ใจความเร่อื ง นายดัน้

๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล
ตรวจชนิ้ งานการอ่านจบั ใจความ เร่อื ง นายดั้น
๒. เครอื่ งมอื
แบบประเมินชนิ้ งานการอ่านจบั ใจความ เรอ่ื ง นายดน้ั
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
ผ่านตัง้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น
ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น
การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ

การประเมนิ ใบงาน เรือ่ ง การจบั ใจความสำคญั ใหพ้ จิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) ดังน้ี

ระดับคะแนน ๓ ๒ ๑
เกณฑ์การประเมิน
อา่ นจับใจความ อ่านจบั ใจความ
การอา่ นจับใจความ อา่ นจบั ใจความ ถูกต้อง ครอบคลุม ถกู ตอ้ ง แต่ไม่
เนอ้ื หาเปน็ ส่วน ครอบคลมุ เน้ือหา
ถูกต้อง ครอบคลมุ ใหญ่

เน้อื หา

๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
๑. ครกู ล่าวทกั ทายนักเรยี น
๒. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกับนทิ านต่าง ๆ วา่ นกั เรยี นรจู้ ักหรอื เคยอา่ นนทิ า่ นเรอ่ื งใดบา้ ง จากนั้น
ให้นักเรียนลองเล่านิทานที่ตนเองเคยอ่านมาพอสังเขป จากนั้นเชื่อมโยงจากคำตอบของนักเรียนเข้า
สู่บทเรยี นเรื่องการอา่ นจบั ใจความสำคัญ

ขนั้ สอน
๑. ครอู ธิบายการอ่านจับใจความสำคญั โดยมปี ระเดน็ ดงั ตอ่ ไปน้ี
- ความหมายของการอ่านจบั ใจความสำคัญ
- หลักการอ่านจับใจความสำคญั
- วธิ จี ับใจความสำคัญ
๒. นกั เรยี นอา่ นใบกิจกรรม เรอ่ื ง “นายดัน้ ”
- ครอู ธิบายวธิ กี ารอ่านจบั ใจความ เร่ือง “นายด้นั ”
- นกั เรยี นอา่ นเรอ่ื ง นายดัน้ พรอ้ มสรปุ ใจความสำคญั ของเรอ่ื ง

ขนั้ สรุป
๑. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ เนอ้ื หาเกย่ี วกบั การอา่ นจบั ใจความสำคญั ทไ่ี ดเ้ รยี นในขา้ งตน้ เพอ่ื ตรวจสอบ

ความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยครใู ชค้ ำถามกระตุ้นความคิด

๗. ส่อื การเรยี นรู้
๑. ใบกิจกรรมเรอ่ื ง “นายดน้ั ”
๒. หนังสอื หลกั ภาษาและการใชภ้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1

นิทานพื้นบา้ นภาคใต้ เรื่อง นายดนั้ (จ.นครศรธี รรมราช)

นิทานเรื่อง นายดั้น เขียนบันทึกลงในสมุดข่อย ต้นฉบับเป็นของวัดท่าเสริม อำเภอหัวไทร จังหวัด
นครศรีธรรมราช ระยะเวลาที่แต่งนิทาน คงอยู่ในระยะรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 แต่งด้วยกาพย์ 3 ชนิด
คือ กาพย์ยานี 11 กาพย์ฉบัง 16 และกาพย์สุรางคนางค์ 28 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ื อความบันเทิง
สวดอ่านนิทานในยามว่าง โดยนิทานเรอ่ื งนายดั้นมีเนอ้ื เรื่องดังนี้

นายดั้น เป็นคนตาบอดใส อยากได้นางริ้งไรเป็นภรรยา จึงส่งคนไปสู่ขอและนัดวันแต่ง โดยฝ่าย
นางริ้งไรไม่รู้ว่าตาบอด เมื่อถึงวันแต่งงานนายดั้นพยายามกลบเกลื่อนความพิการของตนโดยใช้สติปัญญา
และไหวพริบต่าง ๆ แก้ปัญหา เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านเจ้าสาว เจ้าภาพขึ้นบนบ้าน นายดั้นกลับน่ัง
ตรงนอกชาน เมื่อคนทักนายดั้นจึงแก้ตัวว่า "ขอน้ำสักน้อย ล้างตีนเรียบร้อย จึงค่อยคลาไคล ทำดมทำเช็ด
เสร็จแลว้ ด้วยไว แล้วจึงข้นึ ไป ยอไหว้ซ้ายขวา"

ขณะอยกู่ ินกบั นางริ้งไร วันหน่งึ นางร้งิ ไรจดั สำรบั ไว้ให้แลว้ ลงไปทอผา้ ใต้ถุนบ้าน นายดน้ั เขา้ ครัวหา
ข้าวกินเองทำข้าวหกเรี่ยราดลงใต้ถุนครัว นางริ้งไรร้องทักว่าเทข้าวทำไม นายดั้นจึงแก้ตัวว่า "เป็ดไก่
เล็กน้อยบ้างง่อยบ้างเพลีย ตัวผู้ตัวเมีย ผอมไปสิ้นที่ อกเหมือนคมพร้า แต่เพียงเรามา มีขึ้นดิบดี หว่านลง
ทกุ วัน ชงิ กันองึ่ ม่ี กลับวา่ เรานี้ ขึง้ โกรธโกรธา"

วันหนึ่งนางริ้งไรให้นายดั้นไปไถนา นายดั้นบังคับวัวไม่ได้ วัวหักแอกหักไถหนีเตลิดไป นายดั้นจึง
เที่ยวตามวัว ได้ยินเสียงลมพัดใบไม้แห้งชายป่า เข้าใจว่าเป็นวัว จึงวิดน้ำเข้าใส่เพื่อให้วัวเชื่อง นางริ้งไรมา
เห็นเข้าจึงถามว่าทำอะไร นายดั้นได้แก้ตัวว่า "พี่เดินไปตามวัว ปะรังแตนแล่นไม่ทัน จะเอาไฟหาไม่ไฟ
วิดนำ้ ใส่ตายเหมอื นกัน ครั้นแม่บนิ ออกพลัน เอารงั มนั จมนำ้ เสยี "

อยู่มาวันหนึ่งนายดั้นจะกินหมาก แต่ในเชี่ยนหมากไม่มีปูน จึงร้องถามนางริ้งไร นางบอกที่วางปูน
ให้แต่นายดั้นหาไม่พบ ได้ร้องถามอีกหลายครั้งแต่ก็ยังหาไม่พบ นายดั้นจึงร้องท้าให้นางริ้งไรขึ้นบ้านมาดู
หากปูนมีตามที่บอก จะยอมให้นางริ้งไรเอาปูนมาทาขยี้ตา นางริ้งไรจึงเอาปูนมาทาขยี้ตานายดั้น นายด้ัน
ถอื โอกาสจึงรอ้ งบอกวา่ ตาบอดเพราะปนู ทา นางริ้งไรจึงต้องหายามารักษาจนตาหายบอดไดบ้ วชเรียน

บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ดา้ นทกั ษะ (S)
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
ปัญหาและอุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .....................................
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู

นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 30 ภาคเรยี นที่ 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐2 รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑5 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 สภุ าษติ พระร่วง - นทิ านพ้ืนบา้ น เวลา 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 30 เรอ่ื ง จดหมายสอบถามขอ้ มลู

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียน
เรอื่ งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงาน
การศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสิทธิภาพ

ตวั ชว้ี ดั
ท ๒.๑ ม. ๑/๗ เขียนจดหมายส่วนตวั และจดหมายกิจธรุ ะ

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายสว่ นประกอบและหลกั การเขยี นจดหมายสอบถามข้อมูลได้ (K)
2. นกั เรยี นสามารถจดหมายสอบถามขอ้ มลู ได้ (P)
3. นกั เรยี นเห็นความสำคญั ของการเขยี นจดหมายทถี่ ูกตอ้ งตามแบบแผน เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน (A)

๒. สาระสำคญั
จดหมายสอบถามข้อมูลเป็นจดหมายกิจธุระประเภทหนึ่ง มีจุดประสงค์เพื่อสอบถามข้อมูลอย่างใดอย่างหน่ึง

เช่น สอบถามรายละเอียดของราคาสินค้าหรือบริการ สอบถามฐานะทางการเงนิ สอบถามความประพฤติ หรือสอบถาม
ประวัตกิ ารทำงาน
๓. สาระการเรยี นรู้

๓.๑. ความร(ู้ K)

การเขียนจดหมายสอบถามข้อมลู
๓.๒. ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P)

การปฏิบัต/ิ การสาธิต การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรยี นร)ู้

มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุง่ ม่ันในการทำงาน รกั ความเป็นไทย
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)

มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้

๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)

ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคดิ

๔. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
การเขียนจดหมายสอบถามขอ้ มลู

๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล
ตรวจผลงานของนักเรยี น
๒. เครอื่ งมอื
แบบประเมินการเขียนจดหมายลาครู
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ผา่ นต้ังแต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น
ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน

ระดบั คะแนน ๔ ๓ ๒ ๑
เกณฑก์ ารประเมิน
- เขยี นจดหมาย - เขียนจดหมาย
ชิ้นงานการเขียน - เขยี นจดหมาย - เขยี นจดหมาย สอบถามขอ้ มูลโดยใช้ สอบถามขอ้ มลู โดยใช้
รปู แบบถูกตอ้ งสะอาด รปู แบบถกู ต้อง
จดหมายสอบถามข้อมูล สอบถามข้อมลู โดยใช้ สอบถามข้อมลู โดยใช้ เรยี บร้อย สะอาด เรยี บรอ้ ย
- มีข้อบกพรอ่ งเร่ือง - ตอ้ งปรับปรงุ เร่อื ง
รปู แบบถกู ต้องสะอาด รูปแบบถูกต้องสะอาด ภาษา การใช้ภาษาและการ
- มขี ้อบกพรอ่ งเรอ่ื ง เรียบเรียงข้อความ
เรยี บร้อย เรียบร้อย การแบ่งย่อหนา้ - เน้ือความของ
เล็กน้อย จดหมายสัน้ มาก
- ใชภ้ าษาถูกตอ้ ง - ใชภ้ าษาถูกต้อง - เนอื้ ความของ ไม่มรี ายละเอียด
จดหมายไมม่ ี
เหมาะสมทกุ แหง่ เหมาะสมทุกแห่ง รายละเอยี ดมากนัก

- แบ่งย่อหน้าอยา่ ง - แบ่งย่อหน้าอย่าง

เหมาะสม เหมาะสม

- เน้ือความของจดหมาย - เน้อื ความของจดหมาย

ระบุรายละเอยี ดชัดเจน ยงั ระบรุ ายละเอียด

บางสว่ นไม่ชัดเจน

๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ

1. ครใู ชค้ ำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรียน ดงั ตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นคิดวา่ ปจั จบุ นั เราสามารถตดิ ตอ่ สอ่ื สารผา่ นชอ่ งทางใดไดบ้ า้ ง
- การตดิ ตอ่ ส่ือสารในอดีตกับปจั จุบนั มากความแตกต่างกันหรอื ไม่อย่างไร
จากนน้ั ครูเชอ่ื มโยงคำตอบของนกั เรยี นเขา้ สู้บทเรียน เรอื่ ง การเขยี นจดหมายสอบถามข้อมูล
ขนั้ สอน

1. นกั เรียนศกึ ษาความรู้เรื่อง การเขยี นจดหมายสอบถามขอ้ มูล ประเด็นตอ่ ไปน้ี
- จดหมายสอบถามขอ้ มูล เปน็ จดหมายประเภทใด
- การเขียนจดหมายสอบถามข้อมลู มีส่วนประกอบใดบ้าง
- จดหมายสอบถามข้อมูล สามารถเขยี นไดใ้ นโอกาสใดบ้าง

- คำขนึ้ ตน้ และคำลงท้ายในจดหมายลาครตู ้องใช้อยา่ งไร
- การเขยี นจดหมายควรระมดั ระวังในเรอ่ื งใดบา้ ง
2. นักเรียนทำใบงานการเขียนจดหมายสอบถามข้อมูล จำนวน ๑ ฉบับ ซึ่งสามารถสมมุติรายละเอียดอื่น ๆ ได้
ตามความเหมาะสม

ขนั้ สรุป
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี

จดหมายสอบถามข้อมูลเป็นจดหมายกิจธรุ ะประเภทหนง่ึ มีจุดประสงค์เพือ่ สอบถามข้อมลู อยา่ งใดอย่างหนง่ึ
เชน่ สอบถามรายละเอยี ดของราคาสนิ ค้าหรือบริการ สอบถามฐานะทางการเงนิ สอบถามความประพฤติ หรือสอบถาม
ประวตั ิการทำงาน

๗. ส่อื การเรยี นรู้
1. ตัวอย่างจดหมายสอบถามขอ้ มลู
2. หนังสอื เรียนหลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1

จดหมายสอบถามข้อมลู …………………………………………
..……………………………………….
............................................................ …………………………………………
...............................................

เรยี น ...............................................................................................

..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................

ขอแสดงความนับถอื
…………………………………………….
(……………………………..……………………….)


Click to View FlipBook Version