๘. ใหน้ ักเรียนช่วยกันอา่ นออกเสียงคำบนกระดานทลี ะคำให้ถูกต้อง ครูชว่ ยแนะนำและอธิบายเพ่ิมเติม
ขน้ั สรุป
1. ใหน้ กั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ ดังนี้
แนวทางที่จะทำให้อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วที่เป็นวรรณคดีได้ดีนั้น ต้องศึกษาเนื้อเรื่องให้เข้าใจ
สงั เกตถ้อยคำและข้อความท่เี ปน็ ใจความสำคัญเพอ่ื เน้นเสยี ง และฝกึ อา่ นออกเสียงคำทอี่ า่ นยากใหถ้ ูกต้อง
๗. สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้
-
บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายวิธีการอ่านออกเสียง
บทร้อยแก้ว จากเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาได้ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแบ่งวรรคตอนในการอ่าน
ออกเสยี ง
ดา้ นทักษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอ่านออกเสียงร้อยแก้วได้
โดยครูเล่าเนื้อเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา และเรื่องย่อของตอนสมิงพระรามอาสาให้นักเรียนฟัง จากนั้น
นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๘ กลุ่ม อ่านเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เพื่อจับใจความเนื้อเรื่องในแต่ละช่วงตามที่ครู
กำหนดให้
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่ตั้งใจเรียน ทำงานตามที่ครูมอบหมายและ
ให้ความรว่ มมอื ในการอา่ นเป็นอย่างดี
ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
นักเรียนทุกระดับชั้น ส่วนใหญ่มีความสามารถในการสื่อสารผ่านกระบวนการอ่านออกเสียง บทร้อยแก้ว
เร่อื ง ราชาธิราชตอน สมิงพระรามอาสา ได้อย่างถูกต้อง
ปัญหาและอปุ สรรค
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/7 บางส่วนแบ่งวรรคในการอ่านออกเสียงร้อยแก้วไม่ถูกต้องและสะกด
คำผิด ทำให้อา่ นติดขดั
แนวทางแก้ไข
ใหน้ กั เรยี นฝกึ อา่ นอย่างสมำ่ เสมอและหาเวลาวา่ งมาฝกึ อา่ นกบั ครู
ลงชอ่ื พชั รีภรณ์
(นางสาวพชั รีภรณ์ เดชช)ู
นักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ครู
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑2 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 สารพันบทความวชิ าการ เวลา 2 ช่วั โมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 14 เรอ่ื ง การเขยี นรายงานโครงงาน
๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเร่ืองราวในรปู แบบ
ตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตัวชี้วัด
ท ๒.๑ ม. ๑/๘ เขียนรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าและโครงงาน
ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการเขยี น
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายประเภทและขัน้ ตอนการเขยี นรายงานโครงงาน (K)
๒. นกั เรยี นสามารถวิเคราะหป์ ระโยชน์ของโครงงาน (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการจัดทำโครงงานเพ่ือแสวงหาความรู้โดยการใชก้ ระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ (A)
๒. สาระสำคญั
โครงงานเป็นการศึกษาเพื่อแสวงหาความรู้หรือ สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
การเขยี นรายงานโครงงานเปน็ ส่วนหน่ึงในการนำเสนอผลของการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างเป็นระบบ
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การเขียนรายงานโครงงาน
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การใหเ้ หตุผล การจดั ระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรียนรู้)
มีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ
๔. ช้ินงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้)
-
๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมินผล
สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
๒. เครอื่ งมอื
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น
ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน
๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำ
๑. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั น้ี
- ในชวี ติ ประจำวนั ของนักเรียนมกี จิ กรรมใดบ้างทก่ี ่อให้เกดิ ความรู้
ขนั้ สอน
1. นกั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่ืองการเขยี นรายงานโครงงาน แลว้ รว่ มกนั สนทนาในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี
- โครงงานหมายถึงอะไร
- โครงงานมีกป่ี ระเภท แต่ละประเภทเปน็ อยา่ งไร
- การเขียนรายงานโครงงานมีข้ันตอนอย่างไร
- การเขียนรายงานโครงงานกับการเขยี นรายงานท่ัวไปมีความแตกต่างกนั อย่างไร
2. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปขน้ั ตอนการเขยี นรายงานโครงงานเปน็ แผนภาพความคดิ
3. นกั เรยี นศึกษารายงานโครงงานเรอ่ื งตา่ ง ๆ ทค่ี รจู ัดเตรยี มมาเพอ่ื เปน็ แนวทางในการจดั ทำโครงงานของ
ตนเอง ตงั้ ขอ้ สังเกตและรว่ มกันสนทนาเก่ียวกบั การจดั ทำโครงงานใหน้ ่าสนใจ
๕. นกั เรยี นวเิ คราะหป์ ระโยชนข์ องการจดั ทำโครงงานทง้ั ตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื
ขนั้ สรุป
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี
โครงงานเป็นการศึกษาเพื่อแสวงหาความรู้หรือสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยใช้กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ การเขียนรายงานโครงงานเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอผลของการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็น
ระบบ
๗. สื่อการเรยี นรู้
ตัวอยา่ งรายงานโครงงาน
รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ ีส่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รับมอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเปน็
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคิดเห็นผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อย่างมีเหตผุ ลและ ผูอ้ ่ืน และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกดิ จากความ
ของสมาชกิ ทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย รว่ มมือของสมาชิก
กลุม่ 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั
เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า
กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด
เล็กน้อย
สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย
ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ
คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี
เหตผุ ล เหตผุ ล
เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ
ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย
ในกลมุ่ ในกลมุ่
เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนน ระดบั
9 – 10 คะแนน ดมี าก
7 – 8 คะแนน
5 – 6 คะแนน ดี
นอ้ ยกว่า 5 คะแนน พอใช้
ควรปรบั ปรุง
หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่
คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนแลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน
รายการประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบคุ คล
ที่ ช่อื - สกลุ บทบาทหนา้ ท่ี การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรบั ฟงั ความ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
คิดเห็น
1. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
2. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
บันทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายประเภทและขั้นตอน
การเขยี นรายงานโครงงาน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกยี่ วกับบรรณานุกรมและรายการอา้ งองิ
ดา้ นทกั ษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถเขียนองค์ประกอบและรูปแบบของ
รายงานโครงงานได้ โดยให้นักเรียนฝึกเขียนขั้นตอนรายงานโครงงานอย่างละเอียด นอกจากนั้นครูนำรูปเล่มกา รเขียน
รายงานโครงงานใหน้ กั เรยี นดเู ป็นตวั อย่าง เพ่อื เพิ่มเติมความรู้ความเข้าใจใหน้ ักเรียนมากย่ิงขึ้น
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่ตั้งใจเรียน มุ่งมั่นในการทำงาน
และมีระเบยี บวินัย
ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในคิดวิเคราะห์ และสามารถแก้ไขปัญหาจากการเรียนรู้ได้
เปน็ อยา่ งดี
ปญั หาและอปุ สรรค
นกั เรยี นไมเ่ ตรยี มความพรอ้ มเกยี่ วกบั อุปกรณก์ ารเรียน เช่น ปากกา สมดุ รายงาน และหนังสอื เรียน
แนวทางแกไ้ ข
ให้นกั เรียนแบง่ ปนั อปุ กรณก์ ารเรยี น ครวู า่ กล่าวตกั เตอื นในการเตรยี มความพรอ้ มก่อนเรียน
ลงช่ือ พัชรีภรณ์
(นางสาวพัชรีภรณ์ เดชช)ู
นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วชิ าชพี ครู
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 15 ภาคเรยี นที่ 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑2 ชัว่ โมง
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ สารพนั บทความวชิ าการ เวลา ๒ ชัว่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 15 เรอื่ ง โครงงานสบื สานนทิ านพ้ืนบ้าน
๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวในรูปแบบ
ต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ตัวช้วี ดั
ท ๒.๑ ม. ๑/๘ เขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ และโครงงาน
ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการเขยี น
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นสามารถสรุปข้ันตอนการเขียนรายงานโครงงาน (K)
๒. นกั เรยี นสามารถวางแผนการดำเนนิ งานเพอื่ จดั ทำโครงงาน (P)
๓. นกั เรยี นสามารถจดั ทำโครงงานตามแผนงานที่กำหนด (P)
๔. นกั เรยี นสามารถเขียนรายงานโครงงาน (P)
๕. นกั เรยี นเห็นความสำคัญของการจดั ทำโครงงานเพอื่ แสวงหาความรเู้ พม่ิ เตมิ (A)
๒. สาระสำคญั
การจัดทำโครงงานเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านนั้น นอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านเพิ่มเติมแล้ว
ยังเป็นการชว่ ยอนรุ กั ษ์และสืบสานนิทานพ้ืนบ้านอันเปน็ มรดกทางวัฒนธรรมของไทยอีกดว้ ย
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การวางแผนและการจัดทำโครงงาน
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การสงั เคราะห์ การปฏบิ ัติ/การสาธิต การแกป้ ัญหา การประยุกต/์ การปรบั ปรงุ
การประเมินคา่ การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรยี นรู้)
ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต มีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝเ่ รยี นรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปญั หา
๔. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- การเขียนรายงานโครงงานนทิ านพน้ื บา้ น
๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมินผล
๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม
๓) ตรวจผลงานของนักเรยี น
๒. เครอื่ งมอื
๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ผา่ นตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผา่ น
ผ่าน ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น
๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ
คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก
คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี
คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้
คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง
๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
๑. นกั เรยี นทเ่ี คยทำโครงงานออกมาเลา่ ประสบการณใ์ หเ้ พอ่ื นฟงั หนา้ ชน้ั เรียน
๒. นกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนความรู้เรอ่ื ง การเขยี นรายงานโครงงาน
ขน้ั สอน
1. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ 5 กลุ่ม จบั ฉลากเพ่ือเลอื กกิจกรรมต่อไปนี้
กลุ่มที่ ๑ จดั ทำนทิ านพ้ืนบ้านที่กล่าวไวใ้ นหนังสือเรียนเปน็ หนงั สือเล่มเลก็ โดย
มีเนอ้ื เรอ่ื งย่อของนทิ านเรอื่ งนน้ั ๆ ไว้เป็นสำคญั หากนกั เรียนสามารถ
คน้ คว้าเร่ืองราวทีเ่ ก่ียวกบั นทิ านเร่อื งนน้ั เพิม่ เตมิ ได้ ก็ควรจะบันทกึ ไวด้ ว้ ย
จะได้มีคณุ คา่ มากขนึ้ ให้วางผลงานทีท่ ำขนึ้ นีไ้ ว้ทีม่ ุมหนงั สอื ในชน้ั เรียน
เพื่อให้เพอื่ น ๆ ไดอ้ า่ นโดยทัว่ ถงึ กัน
กลุม่ ท่ี ๒ นกั เรยี นควรจัดรายการนทิ านพน้ื บา้ นทางวทิ ยุโรงเรยี นและผลดั กนั ไป
เล่านิทานเหล่าน้ใี ห้นักเรยี นทง้ั โรงเรียนได้ฟังกนั
กลมุ่ ที่ ๓ จดั ทำหนังสือการ์ตูนนิทานพื้นบ้านให้เพ่ือน ๆ ได้อา่ น
กล่มุ ที่ ๔ จดั ป้ายนิเทศเก่ียวกบั คุณค่าของนิทานพืน้ บ้านในชั้นเรยี น
กลมุ่ ท่ี ๕ ถ้าโรงเรียนของนักเรยี นอยูใ่ นทอ้ งถิ่นทเี่ ป็นชมุ ชนเก่าแก่ และมี
นทิ านพ้ืนบ้านอนื่ ๆ ท่ีไมไ่ ด้กล่าวไวใ้ นหนังสอื เรยี น นักเรียนควรช่วยกนั
สอบถามผู้ร้ใู นทอ้ งถนิ่ และจดบันทกึ ไว้ จัดป้ายนเิ ทศนำมาเล่าใน
รายการวิทยโุ รงเรียน และจดั ทำเป็นรูปเล่มเพม่ิ เติมจากทที่ ำไว้แล้ว
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำประเดน็ ทไ่ี ดร้ บั มาระดมความคดิ เพอ่ื พฒั นาเปน็ โครงงาน และตง้ั ชอ่ื เรอ่ื งโครงงาน
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ วางแผนการจดั ทำโครงงาน และมอบหมายหนา้ ทใ่ี หส้ มาชกิ ในกลุม่
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานำเสนอผลการประชมุ กลมุ่ ครแู ละนกั เรยี นกลมุ่ อน่ื ร่วมแสดงความ
คดิ เหน็ และแนะนำเพิ่มเติม
5. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั กำหนดระยะเวลาการปฏบิ ตั งิ านตามความเหมาะสม
6. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ดำเนนิ งานตามแผนงานทก่ี ำหนด และเขยี นรายงานโครงงาน
ขน้ั สรปุ
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี
การจัดทำโครงงานเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านนั้น นอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านเพิ่มเติมแล้ว
ยังเปน็ การช่วยอนุรกั ษแ์ ละสืบสานนิทานพ้ืนบ้านอนั เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของไทยอกี ดว้ ย
2. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั น้ี
- การเขยี นรายงานโครงงานพฒั นาการเรียนรูข้ องนักเรียนอย่างไร
๗. สื่อการเรยี นรู้
- ฉลาก
แบบฟอร์มโครงรา่ งโครงงาน (ฉบบั
โครงรา่ งโยคอ่รง)งาน
หวั ข้อโครงงาน (ภาษาไทย)
............................................................................................................................................................................................
ชอื่ อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาโครงงาน (ถ้า
ม)ี ...................................................................................................................................
รายชื่อผู้จัดทำ
ข้าพเจ้า 1…………………………………………………………………………………..ช้ัน …….…..
2…………………………………………………………………..………………ชน้ั …….…..
3.………………………………………………………………….………………ชนั้ ………..
ทีม่ าและความสำคญั (ของการทำโครงงานน้ี มกี ารอา้ งองิ วา่ ขอ้ มลู ทเี่ รานำมาเขียนนม้ี าจากแหลง่ ใด
โดยใหน้ กั เรียนใสอ่ ้างองิ แบบนามปี เชน่ (สมศร,ี 2550) ดตู ัวอย่างไดจ้ ากการเขียนโครงรา่ งโครงงาน)
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน
1………………………………………………………………………………………………………………
2………………………………………………………………………………………………………………
3………………………………………………………………………………………………………………
4………………………………………………………………………………………………………………
ขอบเขตการศกึ ษาค้นควา้
...................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.....................................
สมมตุ ิฐานของการศึกษา
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
วิธกี ารดำเนนิ การ (เขียนเปน็ ข้อๆ ให้เป็นลำดับขัน้ ตอน)
1. วัสดุอปุ กรณ์ เครื่องมือและสารเคมี
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. วธิ ีการทดลอง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ระยะเวลาดำเนนิ การ ประมาณ..............เดอื น
ระยะเวลาปฏบิ ัตงิ าน (เดือนท)ี่
ที่ กิจกรรม* 1.
2.
3
4
5.
6
7
8
9.
10
1 ค้นควา้ หาขอ้ มลู
2
3
4 เขียนรายงาน
หมายเหตุ *ใหน้ กั เรียนวางแผนการทำโครงงาน ตามขั้นตอนวธิ กี ารดำเนินการ
อภปิ รายผล
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั
1…………………………………………………………………………………………………………………………………….
2…………………………………………………………………………………………………………………………………….
3…………………………………………………………………………………………………………………………………….
4…………………………………………………………………………………………………………………………………….
เอกสารอ้างองิ /บรรณานกุ รม (ตามตวั อยา่ ง)
1……………………………………………………………………………………………………………………………………..
2……………………………………………………………………………………………………………………………………..
3……………………………………………………………………………………………………………………………………..
4……………………………………………………………………………………………………………………………………..
รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ สี ่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลุ่ม 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าทท่ี ี่ไดร้ ับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รบั มอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเป็น
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคดิ เหน็ ผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตุผลและ ผ้อู ืน่ และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกิดจากความ
ของสมาชิกทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย ร่วมมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั
เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า
กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด
เล็กน้อย
สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย
ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ
คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี
เหตผุ ล เหตผุ ล
เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ
ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย
ในกลมุ่ ในกลมุ่
เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนน ระดบั
9 – 10 คะแนน ดมี าก
7 – 8 คะแนน ดี
5 – 6 คะแนน พอใช้
นอ้ ยกวา่ 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง
หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่
คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนแลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน
รายการประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบคุ คล
ที่ ช่อื - สกลุ บทบาทหนา้ ท่ี การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรบั ฟงั ความ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
คิดเห็น
1. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
2. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายประเภทและขั้นตอน
การเขียนโครงงานได้ ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั ประเภทของโครงงานให้กับนกั เรยี น
ดา้ นทักษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถเขียนองค์ประกอบและรูปแบบของ
โครงงานได้ โดยให้นักเรียนฝึกเขยี นทมี่ าและความสำคญั ของโครงงานอยา่ ง นอกจากนั้นครอู ธิบายเกย่ี วกับองคป์ ระกอบ
ของการเขียนโครงงานเพ่ิมเตมิ ใหก้ บั นกั เรยี นมาก
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่มุ่งมั่นในการทำงานและให้ความร่วมมือใน
การจัดการเรียนการสอนเปน็ อย่างดี
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในคิดวิเคราะห์ และสามารถแก้ไขปัญหาจากการเขียนโครงงาน
ได้เปน็ อย่างดี
ปัญหาและอุปสรรค
-
แนวทางแกไ้ ข
-
ลงชื่อ พชั รภี รณ์
(นางสาวพชั รภี รณ์ เดชช)ู
นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 16 ภาคเรยี นท่ี 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑2 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ สารพนั บทความวิชาการ เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 16 เรอ่ื ง นำเสนอโครงงานสบื สานนทิ านพนื้ บา้ น
๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ
และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตวั ชวี้ ดั
ท ๓.๑ ม. ๑/๕ พูดรายงานเรือ่ งหรอื ประเด็นท่ศี ึกษาคน้ ควา้ จากการฟงั การดู และการสนทนา
ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลกั การพดู เสนอความรู้ในรูปแบบของการพดู รายงาน (K)
๒. นกั เรยี นสามารถพดู รายงานเรือ่ งที่ศกึ ษาคน้ คว้า (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคัญของการพดู เพ่ือนำเสนอความรูท้ สี่ ามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจรงิ (A)
๒. สาระสำคญั
การพูดรายงานเรื่องที่ศึกษาค้นคว้าเป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟังได้รับทราบข้อมูลและเกิดความเข้าใจ ซึ่งผู้พูดต้อง
รายงานข้อมูลที่ถูกตอ้ ง ชดั เจน เพอ่ื ให้ผู้ฟงั ได้รบั ประโยชน์จากการฟงั อยา่ งเต็มท่ี
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การพดู เสนอความร้ใู นรูปแบบของการพดู รายงาน
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏบิ ัต/ิ การสาธิต การประยุกต์/การปรับปรงุ การประเมินคา่ การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรียนรู้)
ใฝ่เรยี นรู้ ม่งุ มัน่ ในการทำงาน รกั ความเปน็ ไทย
๓.๔. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรียนรู้ รักความเปน็ ไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
๔. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
-
๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล
๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม
๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม
๓) ตรวจผลงานของนักเรยี น
๒. เครอ่ื งมอื
๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม
๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่
๓. เกณฑก์ ารประเมนิ
๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
ผ่านตัง้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน
ผ่าน ๑ รายการ ว่า ไมผ่ า่ น
๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก
คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี
คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้
คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรงุ
๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำ
1. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ นักเรยี นมีแนวทางอนรุ กั ษน์ ทิ านพน้ื บา้ นใหค้ งอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร
ข้ันสอน
๑. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดป้ายนิเทศโครงงานนอกเวลาเรียนเพื่อใช้ประกอบการ นำเสนอ
โครงงานหนา้ ชน้ั เรียน
๒. นักเรียนออกมาพูดนำเสนอผลการจัดทำโครงงานหน้าชั้นเรียนที่ละกลุ่มนักเรียนกลุ่มอื่นสามารถแสดง
ความคิดเห็นและซักถามข้อสงสัยเพมิ่ เติมได้
๓. เมื่อทุกกลุ่มนำเสนอโครงงานเรยี บร้อยแล้ว ให้ช่วยกันนำป้ายนิเทศโครงงานไปจัดแสดงในบริเวณ ชั้นเรียน
เพ่อื ให้นักเรยี นทุกคนไดช้ ื่นชมผลงานอีกคร้ัง
๔. ครูอธิบายเสนอแนะการจัดทำและการเขียนรายงานโครงงานของนักเรียนแต่ละกลุ่มเพิ่มเติม
เพื่อปรบั ปรงุ แกไ้ ข
ข้นั สรุป
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี
การนำเสนอโครงงานไมว่ ่าจะเปน็ การเขยี นรายงาน โครงงานหรอื การจัดแสดงโครงงาน เป็นการนำผล
การปฏิบัติงานจากการทำโครงงานมาเผยแพรให้ผู้อื่นรับทราบ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความคิด และเป็น
แนวทางในการจดั ทำโครงงานต่อไป
๗. ส่อื การเรยี นรู้
-
รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ ีส่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รับมอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเปน็
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคิดเห็นผูอ้ นื่ สมาชกิ สว่ นใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตผุ ลและ ผูอ้ ่ืน และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ่ี ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกดิ จากความ
ของสมาชกิ ทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย รว่ มมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั
เสรจ็ ทนั ตามเวลาท่ี บางคน งานเสร็จช้า
กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด
เล็กน้อย
สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย
ยอมรับฟงั ความ ยอมรับฟงั ความ
คิดเห็นผ้อู ่ืนและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี
เหตผุ ล เหตผุ ล
เกิดจากความรว่ มมือ เกิดจากความร่วมมือ
ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย
ในกลมุ่ ในกลมุ่
เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนน ระดบั
9 – 10 คะแนน ดมี าก
7 – 8 คะแนน ดี
5 – 6 คะแนน พอใช้
นอ้ ยกว่า 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง
หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่
คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนแลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน
รายการประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบคุ คล
ที่ ช่อื - สกลุ บทบาทหนา้ ท่ี การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรบั ฟงั ความ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
คิดเห็น
1. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
2. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายหลักการพูดเสนอความรู้
ในรูปแบบของการพูดรายงานได้
ดา้ นทักษะ (S)
นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 สว่ นใหญ่สามารถพดู นำเสนอเก่ียวกบั หวั ข้อโครงงานได้
นอกจากนนั้ นักเรยี นแต่ละคนช่วยกันเสนอข้อคิดเห็นและซกั ถามขอ้ สงสยั โดยครูอธิบายเน้อื หาเพิ่มเตมิ
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญใ่ หค้ วามรว่ มมือในการทำงานกลมุ่ เปน็ อย่างดี
ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์ และสามารถแก้ไขปัญหาในด้านการพูด
ส่ือสารหน้าชั้นเรยี นไดเ้ ป็นอยา่ งดี
ปญั หาและอปุ สรรค
นกั เรยี นบางสว่ นมคี วามเขนิ อายขณะพดู รายงาน ทำให้พดู ตดั ขดั ในบางครง้ั
แนวทางแก้ไข
ครพู ูดใหก้ ำลังนกั เรียน และใหน้ กั เรียนฝกึ ซอ้ มนำเสนออย่างสมำ่ เสมอหรอื พดู กบั ตนเองหนา้ กระจก
ลงช่อื พัชรีภรณ์
(นางสาวพัชรภี รณ์ เดชช)ู
นักศกึ ษาฝึกประสบการณ์วชิ าชีพครู
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 17 ภาคเรยี นท่ี 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑2 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๒ สารพนั บทความวิชาการ เวลา 2 ชั่วโมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 17 เรอื่ ง พูดประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของสอื่ ทมี่ เี นอื้ หาโนม้ นา้ วใจ
๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกใน
โอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตวั ชีว้ ดั
ท 3.1 ม. 1/4 พูดในโอกาสต่าง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นสามารถบอกความหมาย และหลกั การพดู โฆษณาได้ (K)
๒. นกั เรยี นสามารถพดู การโฆษณาได้ (P)
๓. นกั เรยี นมคี วามกระตอื รอื รน้ มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทำกจิ กรรม และการทำงาน (A)
๒. สาระสำคญั
การพูดโฆษณา เป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกเห็นด้วย เชื่อถือ คล้อยตาม และการพูดโฆษณา ผู้พูดต้อง
มีศิลปะ มีวาทศิลป์ในการพูดเพื่อชักจูงใจผู้ฟังซึ่งอาจเกิดจากการใช้ภาษาที่ไพเราะ ตลอดจนผู้พูดมีบุคลิกที่น่าเชื่อถือ
เพื่อเสนอข้อมลู เกี่ยวกบั สนิ ค้าหรอื บริการ
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
ความหมายการโฆษณา
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏบิ ตั ิ/การสาธิต การประเมินคา่
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรยี นรู้)
มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเปน็ ไทย
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเปน็ ไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด
๔. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- พูดโน้มนา้ วใจหนา้ ชั้นเรยี น
๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมินผล
๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม
๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น
๒. เครอ่ื งมอื
๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
๓. เกณฑก์ ารประเมิน
๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น
ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน
๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก
คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี
คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้
คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรุง
๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
1. ครูถามนกั เรยี นวา่ “นกั เรยี นคิดวา่ การซือ้ ขายมคี วามเกย่ี วข้องในชวี ติ ประจำวนั ของเราอยา่ งไรบา้ ง”
จากนัน้ ร่วมกนั สนทนาถึงประสบการณท์ นี่ ักเรยี นเคยเจอเก่ียวกับการซ้ือขาย และเชอ่ื มโยงเข้าสู่บทเรียนว่า
“งั้นเราไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันว่าการโฆษณาหรือการซื้อขายเหล่านี้มีหลักการอย่างไรบ้าง”
(หาคำท่ีลงิ กไ์ ปยังสินคา้ และ)
ขน้ั สอน
1. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายเนื้อหาจากสไลด์ประกอบการสอน (Power Point) ในประเด็นดงั ตอ่ ไปนี้
- ความหมายของการโฆษณา
- องค์ประกอบของโฆษณา
- หลกั การพูดโฆษณา
- การใชภ้ าษาในการโฆษณา
2. ครสู ่มุ นักเรยี น 2-3 คน แลว้ ให้นักเรยี นบอกตวั อย่างโฆษณาทน่ี ักเรยี นพบเจอในชีวติ ประจำวัน
3. นกั เรยี นทำกจิ กรรม “ขายได้ ใหแ้ ตม้ ”
4. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 คน เพื่อร่วมกันออกแบบการพูดโฆษณาสินค้าที่ครูกำหนดให้กลุ่มละ
1 ชิ้น ครูจับฉลากว่ากลุ่มไหนได้สินค้าอะไร เช่น “เครื่องดื่มเห็ดหอมบำรุงสุขภาพ ซื้อ 1 แถม 2”
โดยให้เวลานกั เรยี นชว่ ยกนั คิดการพูดโฆษณา 10 นาที
- นกั เรยี นสง่ ตวั แทนนำเสนอตอ่ เพอ่ื น ๆ
5. เมื่อจบกิจกรรม ครูให้นักเรียนในห้องร่วมกันโหวตว่าสินค้าไหนมีความน่าสนใจและชวนให้อยากซื้อที่สุด
กลุม่ ท่ไี ด้รับคะแนนโหวตมากท่ีสดุ จะได้รับคะแนนพิเศษ
ขน้ั สรปุ (ใช้เวลา 5 นาที)
1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ องค์ความรเู้ รือ่ ง “การพูดโฆษณา”
การพูดโฆษณา เป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกเห็นด้วย เชื่อถือ คล้อยตาม และการพูดโฆษณา
ผู้พูดต้อง มีศิลปะ มีวาทศิลป์ในการพูดเพื่อชักจูงใจผู้ฟังซึ่งอาจเกิดจากการใช้ภาษาที่ไพเราะ ตลอดจนผู้พูดมีบุคลิก
ที่น่าเชอื่ ถือ เพื่อเสนอขอ้ มูลเก่ยี วกบั สินค้าหรอื บรกิ าร
7. ส่อื และแหล่งเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี นหลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1
รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ ีส่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รับมอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเปน็
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคิดเห็นผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตผุ ลและ ผูอ้ ่ืน และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกดิ จากความ
ของสมาชกิ ทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย รว่ มมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั
เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า
กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด
เล็กน้อย
สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย
ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ
คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี
เหตผุ ล เหตผุ ล
เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ
ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย
ในกลมุ่ ในกลมุ่
เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนน ระดบั
9 – 10 คะแนน ดมี าก
7 – 8 คะแนน ดี
5 – 6 คะแนน พอใช้
นอ้ ยกว่า 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง
หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่
คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนแลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน
รายการประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบคุ คล
ที่ ช่อื - สกลุ บทบาทหนา้ ท่ี การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรบั ฟงั ความ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
คิดเห็น
1. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
2. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถบอกความหมายและหลักการพูด
โฆษณาได้
ดา้ นทกั ษะ (S)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถพูดโฆษณาได้ โดยครูให้นักเรียน
ออกมาพูดขายสินค้าคนละ 1 ชิ้น และพูดเชิญชวนให้ผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าที่นักเรียนขาย นอกจากนั้นเป็นการฝึก
ความกล้าแสดงออกให้กับนักเรียน
ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม และมี
ความมุ่งม่ันตั้งใจเป็นอย่างดี
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น (C)
นักเรียนทุกระดับช้ันส่วนใหญ่มคี วามสามารถในด้านการพูดสื่อสาร และสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากบทเรียน
ไปปรบั ใช้ในชีวิตประจำวนั ไดเ้ ป็นอย่างดี
ปัญหาและอุปสรรค
ในการทำกิจกรรมนักเรียนมีความรู้ ให้ความร่วมมือและสนุกสนาน ทำให้การจัดกิจกรรมเกิดความล่าช้าและ
เวลาไม่เพียงพอ
แนวทางแก้ไข
ครูกำกับเรื่องการตรงต่อเวลา และการรักษาเวลากับนักเรียน และกำหนดแนวทางในการทำกิจกรรมใน
เรอื่ งตอ่ ไป
ลงชือ่ พัชรภี รณ์
(นางสาวพัชรีภรณ์ เดชช)ู
นักศกึ ษาฝึกประสบการณ์วชิ าชพี ครู
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 18 ภาคเรยี นท่ี 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย เวลา ๑2 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ สารพนั บทความวิชาการ เวลา 2 ช่วั โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑8 เรอื่ ง พดู และเขียนใชภ้ าษาตา่ งกนั
๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิ
ของชาติ
ตวั ชีว้ ดั
ท ๔.๑ ม. ๑/๔ วิเคราะห์ความแตกตา่ งของภาษาพูดและภาษาเขยี น
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายลักษณะของภาษาพูดและภาษาเขียน (K)
๒. นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหค์ วามแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขยี น (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ในการใช้ภาษาพูดและภาษาเขียนอย่างถกู ต้องและเหมาะสมกับโอกาส
ในชวี ิตประจำวัน (A)
๒. สาระสำคญั
ภาษาพูดมีลักษณะไม่เป็นทางการ การใช้คำอาจไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ แต่ให้ความสนิทสนมเป็นกันเอง
สว่ นภาษาเขียนเปน็ ภาษาระดับทางการ การใช้คำตอ้ งถูกตอ้ งตามแบบแผน ใชใ้ นการสือ่ สารทเ่ี ปน็ ทางการ
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. ความร(ู้ K)
ภาษาพดู และภาษาเขียน
๓.๒. ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P)
การจำแนก การใหเ้ หตผุ ล การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรยี นรู้)
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน รักความเปน็ ไทย
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝเ่ รียนรู้ รักความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคดิ
๔. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- ใบงาน เรือ่ ง ภาษาพูดและภาษาเขยี น
๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) ตรวจช้ินงานนกั เรียน
๒. เครอ่ื งมอื
๑) แบบประเมนิ ชน้ิ งานนักเรียน
๓. เกณฑก์ ารประเมนิ
๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
ผา่ นต้ังแต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน
ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น
๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1
ขน้ั นำ
๑. ครใู หน้ กั เรียนพจิ ารณาคำว่า “ภาษาพูด” และ “ภาษาเขียน” ควรมลี ักษณะอย่างไร
๒. ครูให้นักเรียนพิจารณาคำว่า “แพทย์” และคำว่า “หมอ” ว่าคำใดเป็นภาษาพูด และภาษาเขียน
เพราะเหตใุ ด
๓. ครเู ชอ่ื มโยงคำตอบของนกั เรียน และใหเ้ หตผุ ลของการเรยี นเรอ่ื ง ภาษาพดู และภาษาเขยี น
๔. นกั เรียนยกตวั อยา่ งคำด้วยตนเอง เช่น (สุนัข, หมา), (สุกร, หม)ู , (กระบอื , ควาย)
ขน้ั สอน
1. ครูอธิบายความรู้ เรื่อง ภาษาพูดและภาษาเขียน โดยใช้หนังสือเรียนหลักภาษาและการใช้ภาษาไทย
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1
2. นักเรียนทำกิจกรรม “พูดเขียน มาเรียนรู้” โดยครูกำหนดคำที่เป็นภาษาพูดและภาษาเขียน จำนวน 10 คำ
โดยใหน้ ักเรียนออกมาเขียนดา้ นหลังคำท่ีตรงกนั ข้ามกบั ภาษาพดู หรอื ภาษาเขยี น ตัวอย่างเชน่
ภาษาเขียน ภาษาพูด
สุนขั ................
.................... กนิ
4. นักเรียนทำใบงาน เรื่อง ภาษาพุดและภาษาเขียน โดยให้นักเรียนเติมคำที่เป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียนลงในตาราง
ใหถ้ ูกตอ้ ง จำนวน 20 ขอ้
ขน้ั สรปุ
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ บทเรยี น ดงั น้ี
ภาษาพูดมีลักษณะไม่เป็นทางการ การใช้คำอาจไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ แต่ให้ความสนิทสนมเป็นกันเอง
ส่วนภาษาเขยี นเป็นภาษาระดบั ทางการ การใชค้ ำต้องถูกตอ้ งตามแบบแผน ใช้ในการสื่อสารท่เี ป็นทางการ
7. ส่ือการเรยี นรู้
- ใบงาน เรือ่ ง ภาษาพูดและภาษาเขียน
- หนังสอื เรียนหลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1
ใบงาน
เรอ่ื ง ภาษาพูดและภาษาเขียน
คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเตมิ คำที่เปน็ ภาษาพดู หรอื ภาษาเขยี นลงในตารางใหถ้ กู ตอ้ ง
ภาษาพดู ภาษาเขยี น
1. 1. รับประทาน
2. หมา 2.
3. บวชพระ 3.
4. 4. บัตรชมภาพยนตร์
5. 5. ศีรษะ
6. อาทิตยห์ นา้ 6.
7. เป็นยังไง 7.
8. 8. โทรทศั น์
9. กนิ นำ้ 9.
10. จริงมย้ั 10.
11. บา้ นนอก 11.
12. 12. ทนั ตแพทย์
13. 13. เรว็
14. 14. โทรศพั ทเ์ คลื่อนที่
15. ตาย 15.
16. 16. สกุ ร
17. ในหลวง 17.
18. 18. ดาราภาพยนตร์
19. ผัวเมยี 19.
20. ปอดแหก 20.
ช่อื -สกุล ..................................................................................ม.1/............ เลขท.ี่ ..........
เฉลยใบงาน
เรอื่ ง ภาษาพูดและภาษาเขียน
คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเตมิ คำทเ่ี ปน็ ภาษาพดู หรือภาษาเขยี นลงในตารางใหถ้ กู ตอ้ ง
ภาษาพูด ภาษาเขยี น
1. กนิ 1. รับประทาน
2. หมา 2. สุนขั
3. บวชพระ 3. อปุ สมบท
4. ตั๋วหนัง 4. บัตรชมภาพยนตร์
5. หวั 5. ศีรษะ
6. อาทิตยห์ นา้ 6. สปั ดาห์หนา้
7. เปน็ ยังไง 7. เปน็ อย่างไร
8. ทวี ี 8. โทรทศั น์
9. กนิ นำ้ 9. ดืม่ น้ำ
10. จรงิ มยั้ 10. จริงหรือไม่
11. บา้ นนอก 11. ชนบท
12. หมอฟัน 12. ทนั ตแพทย์
13. ใส่บาตร 13. ตักบาตร
14. มอื ถือ 14. โทรศพั ท์เคล่อื นท่ี
15. ตาย 15. เสยี ชีวติ
16. หมู 16. สุกร
17. ในหลวง 17. พระมหากษตั รยิ ์
18. ดาราหนัง 18. นกั แสดงภาพยนตร์
19. ผัวเมีย 19. สามี ภรรยา
20. ปอดแหก 20. หวาดกลัว
ชือ่ -สกลุ ..................................................................................ม.1/............ เลขท.ี่ ..........
บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายลักษณะของภาษาพูดและ
ภาษาเขยี นได้
ด้านทักษะ (S)
นักเรียนระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถวเิ คราะห์ความแตกต่างของภาษาพดู
และภาษาเขียนได้ โดยประเมินจากการให้นักเรียนทำใบกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องภาษาพูดและภาษาเขียน นอกจากนั้นครู
ยกตวั อย่างประโยคที่ใช้ภาษาพดู และภาษาเขยี นใหน้ กั เรียนวเิ คราะหค์ ำแตกต่างของการใช้คำ
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นกั เรยี นระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่มีความมุง่ ม่นั ตั้งใจและให้ความร่วมมือในการ
ทำงานเป็นอย่างดี
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้คำ และสามารถนำสิ่งที่ได้รับ
จากการเรียนรู้ในบทเรียนไปปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้
ปัญหาและอปุ สรรค
-
แนวทางแกไ้ ข
-
ลงชอ่ื พชั รีภรณ์
(นางสาวพัชรีภรณ์ เดชช)ู
นักศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 19 ภาคเรยี นที่ 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑2 ชั่วโมง
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๒ สารพันบทความวชิ าการ เวลา 2 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๙ เรอ่ื ง พดู รายงานจากประเดน็ ทศ่ี กึ ษาคน้ ควา้
๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ
และความรู้สกึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวชีว้ ัด
ท ๓.๑ ม. ๑/5 พดู รายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีศกึ ษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา
ท 3.1 ม. 1/6 มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายลักษณะการพูดรายงานเร่ืองหรือประเดน็ ทศ่ี ึกษาคน้ ควา้ จากการฟัง การดู
และการสนทนาได้ (K)
๒. นกั เรยี นสามารถพดู รายงานเร่อื งหรือประเดน็ ทีศ่ ึกษาคน้ คว้าจากการฟัง การดู และการสนทนาได้ (P)
๓. นกั เรยี นเห็นความสำคัญในการพดู รายงานจากการคน้ คว้าและสามารถนำมาใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน (A)
๒. สาระสำคญั
การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า คือ การบอกเล่า ชี้แจง แสดงผลจากเรื่องที่ไปศึกษาค้นคว้า การพูดรายงาน
มีความสำคัญในฐานะที่เป็นการเผยแพร่ความรู้ความคิด เพื่อสร้างความเจริญงอกงามทางสติปัญญา ดังนั้น จึงถือว่าเป็น
ทักษะทคี่ วรศกึ ษาเรียนรู้และฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความชำนาญ
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. ความร(ู้ K)
การพดู รายงานการศึกษาค้นคว้า
๓.๒. ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P)
การใหเ้ หตผุ ล การแก้ปญั หา การสรุปความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรยี นรู้)
มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝเ่ รียนรู้
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
๔. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- แผนผงั ความคดิ
๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรม
- ตรวจการนำเสนอความคิดเห็นและประเมนิ คา่ ความน่าเชอื่ ถอื จากสอื่
๒. เครอ่ื งมอื
- แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
- เกณฑ์การประเมนิ การนำเสนอความคดิ เหน็ และประเมินค่าความน่าเชื่อถอื จากสอ่ื
๓. เกณฑ์การประเมิน
- การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
ผ่านตัง้ แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน
ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน
๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 1
ขนั้ นำ
1. ครใู ช้คำถามเพ่อื กระต้นุ ความคดิ นกั เรียนว่า “รปู แบบการพดู รายงานท่นี ักเรยี นเขา้ ใจเป็นอย่างไร” จากนั้นครู
เช่อื มโยงคำตอบของนกั เรียนเพอื่ เขา้ สูบ่ ทเรียน
ขน้ั สอน
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายเนอ้ื หาสาระการพูดรายงานโดยมีประเด็นดงั ตอ่ ไปน้ี
- การพูดรายงาน หมายถึง
- หลกั การพูดรายงาน
- มารยาทในการพูด
2. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ เพอ่ื ทำกจิ กรรมทม่ี ชี อ่ื “ของดเี มอื งคอน” โดยแบง่ กลมุ่ ละ 8 คน จะไดเ้ ปน็ 5 กลุ่ม เมอ่ื จับ
กลมุ่ เสรจ็ แลว้ ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนเพอ่ื จบั ฉลากวา่ ไดห้ วั ขอ้ ใด ซึ่งมีหัวขอ้ ในการพดู รายงาน ดงั น้ี
กลมุ่ ท่ี 1 ท่องเที่ยวเมอื งคอน
กลมุ่ ที่ 2 ประวัติพ่อจา่ ดำ
กลุ่มที่ 3 OTOP เมืองคอน
กลมุ่ ท่ี 4 ของอร่อยเมืองคอน
กลมุ่ ท่ี 5 พระธาตเุ มอื งคอน
3. เมือ่ นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ไดห้ ัวขอ้ ในการพูดรายงานแล้วให้นักเรียนกลับไปชว่ ยกันศึกษาค้นคว้าตามหัวข้อท่ไี ด้
มอบหมายไปขา้ งต้น และเขยี นเปน็ แผนผงั ความคดิ ลงในกระดาษนำ้ ตาล
คาบท่ี 2
ขน้ั นำ
1. ครถู ามนักเรยี นถึงความพรอ้ มวา่ มคี วามพรอ้ มในการพูดรายงานมากน้อยเพยี งใด
2. ครทู บทวนเนือ้ หาสาระการพูดรายงานจากช่ัวโมงที่แลว้
ขน้ั สอน
กิจกรรมการพดู รายงานใหน้ ักเรยี นพดู รายงานตามหัวขอ้ ทีไ่ ด้รับมอบหมายจากช่วั โมงทแ่ี ลว้ โดยมีครแู ละเพื่อน
เปน็ ผู้ประเมินผลการพดู รายงานให้คำแนะนำและตชิ มเพิม่ เตมิ
กลุ่มที่ 1 สถานท่ีท่องเท่ยี วภายในจงั หวัดนครรธี รรมราช
กลุ่มท่ี 2 ประวตั พิ ่อจา่ ดำ
กลุ่มที่ 3 สนิ คา้ OTOP จังหวัดนครศรธี รรมราช
กลุ่มที่ 4 ของอรอ่ ยเมืองคอน
สรปุ
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ บทเรยี น ดงั น้ี
การพูดรายงานการศึกษาค้นควา้ คอื การบอกเลา่ ชี้แจง แสดงผลจากเรอื่ งทีไ่ ปศกึ ษาคน้ คว้า การพูดรายงาน
มีความสำคญั ในฐานะที่เป็นการเผยแพรค่ วามรู้ความคดิ เพอื่ สรา้ งความเจริญงอกงามทางสตปิ ญั ญา ดงั น้นั จงึ ถือวา่ เป็น
ทกั ษะทคี่ วรศกึ ษาเรยี นรแู้ ละฝึกฝนให้เกดิ ความชำนาญ
๗. ส่อื การเรยี นรู้
๑. กระดาษสีนำ้ ตาล
2. อปุ กรณต์ กแตง่ ตา่ ง ๆ
3. หนังสือเรียนหลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1
รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ สี ่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลุ่ม 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าทท่ี ี่ไดร้ ับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รบั มอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเป็น
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคดิ เหน็ ผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตุผลและ ผ้อู ืน่ และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกิดจากความ
ของสมาชิกทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย ร่วมมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั
เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า
กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด
เล็กน้อย
สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย
ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ
คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี
เหตผุ ล เหตผุ ล
เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ
ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย
ในกลมุ่ ในกลมุ่
เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนน ระดบั
9 – 10 คะแนน ดมี าก
7 – 8 คะแนน ดี
5 – 6 คะแนน พอใช้
นอ้ ยกวา่ 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง
หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่
คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนแลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน
รายการประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบคุ คล
ที่ ช่อื - สกลุ บทบาทหนา้ ท่ี การมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ การรบั ฟงั ความ ผลสำเรจ็ ของงาน รวม
คิดเห็น
1. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 10
2. 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0 2 1.5 1 0
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายลักษณะการพูดรายงาน
เรอ่ื งหรอื ประเด็นทีศ่ กึ ษาค้นควา้ จากการฟงั การดู และการสนทนาได้ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับหลกั การพูดทีด่ ี
ดา้ นทกั ษะ (S)
นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญส่ ามารถพูดรายงานเรื่องหรอื ประเด็นที่ศึกษา
ค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนาได้ โดยครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 8 คน โดยให้จับฉลากหัวข้อในการพูด
และใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ไปศึกษาเรยี นรู้ และออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ เรียน
ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 สว่ นใหญม่ คี วามม่งุ มน่ั ต้ังใจและใหค้ วามรว่ มมือในการ
ทำงานเปน็ อยา่ งดี
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการสื่อสารและสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้ใน
บทเรียนไปปรบั ใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้
ปัญหาและอุปสรรค
-
แนวทางแกไ้ ข
-
ลงชอื่ พชั รภี รณ์
(นางสาวพัชรีภรณ์ เดชช)ู
นักศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชพี ครู
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 20 ภาคเรยี นที่ ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ กาพยพ์ ระไชยสุริยา เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 20 เรอื่ ง ทม่ี าของเรอื่ ง กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า
๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ัดสนิ ใจ
แกป้ ญั หาในการดำเนนิ ชวี ิต และมนี สิ ัยรักการอ่าน
ตวั ชวี้ ัด
ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบแุ ละอธิบายคำเปรียบเทียบและคำทม่ี หี ลายความหมายในบริบทต่าง ๆ
จากการอา่ น
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ู่ตวั ช้วี ดั
๑. นกั เรยี นสามารถบอกความเปนมาและความสำคัญของวรรณคดีเรอ่ื งกาพยพระไชยสรุ ิยาได (K)
๒. นกั เรยี นสามารถจับใจความสำคญั จากเรือ่ งทีอ่ านและนำมาตอบคำถามไดอยางถูกตอง (P)
๓. นกั เรยี นเหน็ ความสำคัญของการเรยี นรวู้ รรณคดี เรอื่ ง กาพยพ์ ระไชยสุริยา (A)
๒. สาระสำคญั
กาพยพระไชยสุริยา เปนผลงานประพันธของสุนทรภู แตงขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อใชสำหรับเปนแบบเรียน
เรอ่ื งตวั สะกด อยางไรก็ตาม เนอ้ื หาของวรรณคดเี รื่องนี้ สะทอนใหเหน็ คณุ คาในดานสังคมและการเมือง กลาวคือ เสนอ
ภาพการลมสลายของเมือง อันเนื่องมาจากการประพฤติทุจริตของผูมีอำนาจเหตุการณในเมืองสาวัตถีจึงเปนอุทาหรณ
ใหแกประชาชนทกุ คนที่จะตองรวมใจและปฏบิ ตั ิตนตามหลกั คุณธรรม จริยธรรม เพื่อสรางความสงบและสันติ
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
เรื่อง กาพย์พระไชยสรุ ิยา
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การปฏบิ ัติ/การสาธติ การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำหนว่ ยการเรียนร)ู้
มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ รักความเป็นไทย ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝเ่ รียนรู้ รกั ความเป็นไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคิด
๔. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
- เขียนตอบคำถาม จำนวน ๑๐ ขอ
๕. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
๑) ตรวจผลงานของนกั เรียน
๒. เครอื่ งมอื
1) แบบประเมนิ ผลงานนักเรียน
๓. เกณฑ์การประเมนิ
การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ผา่ นตัง้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น
ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไมผ่ า่ น
๖. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำ
1. ครูใชค้ ำถามกระตุ้นความคดิ นกั เรียน ดังนี้
- นกั เรยี นรู้จกั วรรณคดที แ่ี ตง่ ดว้ ยกาพยม์ เี ร่ืองอะไรบา้ ง
2. ครูใหนักเรยี นสงั เกต บทประพนั ธตอไปนี้ แลวใหนกั เรยี นวเิ คราะหวา บทประพนั ธตอไปนี้มี
ลกั ษณะเดนอยางไร
พระไชยสรุ ิยาภูมี พาพระมเหสี
มาท่ีในลำสำเภา นารีทีเ่ ยาว
ขาวปลาหาไปไมเบา
ก็เอาไปในเภตรา
3. ครเู ช่ือมโยงเขาสบู ทเรยี นเรื่อง กาพยพระไชยสรุ ยิ า โดยการสรุปจากคำตอบของนกั เรียน
ขนั้ สอน
๑. ครูอธิบายความรู เร่อื ง ความเปนมาและความสำคัญของเร่ือง กาพยพระไชยสรุ ยิ า
๒. ครใู หนกั เรยี นอานเนอื้ หา ความเปนมาและความสำคญั ของเรอื่ ง กาพยพระไชยสุริยา จากหนงั สือ
เรียนวรรณคดีและวรรณกรรม ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี ๑ หนา 78
3. นกั เรยี นอา่ นบทนำเรอ่ื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า แลว้ รว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี
- บุคคลใดเปน็ ผู้ประพันธก์ าพย์พระไชยสุริยา และเกิดข้ึนสมยั ใด
- ผปู้ ระพันธ์มีจดุ ม่งุ หมายใด
- เนือ้ หาของวรรณคดสี ะท้อนใหเ้ ห็นสง่ิ ใด
- เนื้อหาของวรรณคดีเรื่องนี้สอดคล้องกับภาวะวิกฤตด้านการเมืองของประเทศไทยใน
ปจั จบุ นั อยา่ งไร
4. ครถู ามคำถามชวนคิด โดยใชคำถามสำคัญ ดังนี้
- นกั เรยี นคิดวา มีความเปนไปไดหรือไม ทีจ่ ะใช คำในมาตราตวั สะกดเดียวกนั ในการแตง
วรรณคดีท้ังเรอื่ ง
- นกั เรยี นคิดวา จุดประสงคของผแู ตงเรอ่ื ง กาพยพระไชยสรุ ยิ าคอื อะไร
5. ครใู หนกั เรยี นทำกจิ กรรม “ชวนถามตามตอบ” ตอบคำถาม จำนวน ๑๐ ขอ โดยครจู ะเปนผูอาน
คำถาม แลวใหนกั เรยี นเขยี นคำตอบลงในสมดุ ทีละขอ ทำไปเรื่อย ๆ จนครบ ๑๐ ขอ
6. นกั เรียนเปลี่ยนสมุดกบั เพอื่ นทีน่ ่ังขาง ๆ กนั ตรวจเมือ่ ทำเสร็จแลว จากน้ันครเู ฉลยคำตอบทีละขอ
จนครบ ๑๐ ขอ
ขนั้ สรุป
๑. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย สรุปความรูเรื่อง ความเปนมาและความสำคัญของ เรื่อง
กาพยพระไชยสรุ ิยา
กาพยพระไชยสุริยา เปนผลงานประพันธของสุนทรภู แตงขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อใชสำหรับ
เปนแบบเรียนเรื่องตัวสะกด อยางไรก็ตาม เนื้อหาของวรรณคดีเรื่องนี้ สะทอนใหเห็นคุณคาในดานสังคมและ
การเมอื ง กลาวคอื เสนอภาพการลมสลายของเมือง อันเน่ืองมาจากการประพฤติทจุ รติ ของผูมอี ำนาจเหตกุ ารณ
ในเมืองสาวัตถีจึงเปนอุทาหรณใหแกประชาชนทุกคนที่จะตองรวมใจและปฏิบัติตนตามหลักคุณธรรม
จริยธรรม เพ่อื สรางความสงบและสันติ
๗. สือ่ การเรยี นรู้
- หนงั สอื วรรณคดวี ิจกั ษ์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1
บันทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่บอกความเปนมาและความสำคัญของ
วรรณคดีเร่ือง กาพยพระไชยสรุ ยิ าได้
ด้านทกั ษะ (S)
นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญ่สามารถจับใจความสำคัญจากเร่ืองท่ีอานและ
นำความรจู้ ากเรอ่ื ง กาพย์พระไชยสรุ ยิ า มาตอบคำถามไดอ้ ยา่ งถูกตอง
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2 , 1/6 และ 1/7 ส่วนใหญม่ คี วามมงุ่ ม่ันตั้งใจและให้ความร่วมมือในการ
ทำงานเป็นอยา่ งดี
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (C)
นักเรียนทุกระดับชั้นส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์และสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
ในบทเรียนไปปรับใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้
ปัญหาและอุปสรรค
-
แนวทางแกไ้ ข
-
ลงช่อื พัชรีภรณ์
(นางสาวพชั รภี รณ์ เดชช)ู
นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชพี ครู
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 21 ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา 15 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๓ กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๒1 เรอื่ ง ทำนองเสนาะ ไพเราะนา่ ฟัง
๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใชต้ ัดสินใจ
แก้ปัญหาในการดำเนินชีวติ และมนี ิสยั รกั การอ่าน
ตวั ชีว้ ดั
ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั
เรื่องทอี่ า่ น
ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการอ่าน
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้สตู่ ัวชว้ี ดั
๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายวิธกี ารอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง (K)
๒. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายจังหวะการอ่านกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ (K)
๓. นกั เรยี นสามารถอ่านกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ เป็นทำนองเสนาะ (P)
๔. นกั เรยี นเหน็ คุณค่าของการอ่านบทร้อยกรองทถ่ี กู ต้องและไพเราะ (A)
๒. สาระสำคญั
การอา่ นกาพย์เปน็ ทำนองเสนาะผอู้ ่านตอ้ งเข้าใจจังหวะวรรคตอน เขา้ ใจฉันทลักษณ์ และเน้ือหา ออกเสียง
ถกู ตอ้ งตามอักขรวธิ ี ชดั เจน มีสมาธใิ นการอา่ นและการควบคุมเสียง
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑. สาระการเรยี นรู้ (K)
การอ่านออกเสียงกาพยย์ านี ๑๑ กาพยฉ์ บัง ๑๖ และกาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘
๓.๒. ทกั ษะ (S)
การจำแนก การปฏิบัต/ิ การสาธิต การประยุกต์/การปรับปรุง การประเมินค่า
การสรปุ ความรู้
๓.๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำหน่วยการเรียนร)ู้
รกั ความเปน็ ไทย ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
๓.๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)(ประจำกลมุ่ สาระการเรยี นรู้)
ใฝเ่ รียนรู้ รกั ความเปน็ ไทย
๓.๕. สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น(C)
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ญั หา
๔. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้
การอา่ นออกเสยี งกาพยย์ านี ๑๑ กาพย์ฉบงั ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ เปน็ ทำนองเสนาะ
๕. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล
๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
๒. เครอ่ื งมอื
๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม
๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
๓. เกณฑก์ ารประเมนิ
๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น
ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน
๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมาก
คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี
คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้
คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง
๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
1. ครใู ช้คำถามกระตุ้นความคดิ ผูเ้ รยี น ดังนี้
- นกั เรยี นคิดวา่ บทประพนั ธม์ ที ง้ั หมดกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง
ขนั้ สอน
๑. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกับบทร้อยกรองในกาพย์พระไชยสุรยิ าในประเดน็ ตอ่ ไปนี้
- กาพย์พระไชยสุริยาใชก้ ารประพันธป์ ระเภทกาพยก์ ี่ชนดิ
- กาพย์ยานี ๑๑ มลี ักษณะอย่างไร
- กาพยฉ์ บงั ๑๖ มีลกั ษณะอยา่ งไร
- กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ มลี กั ษณะอยา่ งไร
2. ครูให้นักเรียนศึกษาการอ่านกาพย์ทั้ง ๓ ชนิด จากนั้นครูอธิบายวิธีการอ่านกาพย์แต่ละชนิด ให้นักเรียนฟัง
เพม่ิ เติม
3. ครนู ำตวั อย่างกาพยจ์ ากเนอ้ื เรอ่ื งกาพยพ์ ระไชยสุริยามาให้นักเรียนฝกึ จงั หวะกอ่ นรว่ มกันฝกึ การอา่ น ดงั น้ี
บทท่ี ๑ กาพยย์ านี ๑๑ กลับจรติ / ผิดโบราณ
ประกอบ / ชอบเป็นผดิ ผลาญคนซื่อ / ถือสตั ยธ์ รรม์
ลกู ไม่รู้ / คณุ พอ่ มนั
สามัญ / อันธพาล ลอบฆ่าฟัน / คือตณั หา
ลูกศษิ ย์ / คิดล้างครู โจทก์จับผดิ / ริษยา
ป่วนเป็นบ้า / ฟ้าบดบัง
สอ่ เสยี ด / เบยี ดเบียนกัน
โลภลาภ / บาปบคดิ
อุระ / พสธุ า
บทที่ ๒ กาพยฉ์ บงั ๑๖ ไม้เรยี ว / เจยี วเหวย
ระวังตัว / กลวั ครู / หนูเอย๋ หยิกซำ้ / ช้ำเขียว
กเู คย / เข็ดหลาบ / ขวาบเขวยี ว
หันหวด / ปวดแสบ / แปลบเสียว
อยา่ เทยี่ ว / เลน่ หลง / จงจำ
บทที่ ๓ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ วนั นั้น / จนั ทร
เป็น / บรวิ าร
มี / ดารากร ในปา่ / ท่าธาร
เหน็ สิ้น / ดินฟา้ ใบก้าน / อรชร
มาลี / คลี่บาน เย็นฉำ่ / น้ำฟ้า
วายุ / พาขจร
ชื่นชะ / ผกา รน่ื กลิน่ / เกสร
สารพัน / จันทนอ์ นิ วา้ ว่อน / เวียนระวัน
แตนต่อ / คลอรอ่ น
4. ครูใหน้ ักเรียนฝกึ ทักษะการอา่ นทำนองเสนาะ โดยครูเป็นผ้อู า่ นใหน้ ักเรยี นฟัง หรอื ให้นักเรยี นฟงั การอ่าน
จากแถบบันทกึ เสียงก่อน แลว้ จงึ อา่ นตาม
5. ครแู บง่ นักเรยี นออกเป็น ๓ กลมุ่ แลว้ มอบบทรอ้ ยกรองกาพย์ทั้ง ๓ ชนดิ ให้นกั เรียนไปฝึกอ่านเพอ่ื ออกมา
อ่านทำนองเสนาะหน้าช้ันเรยี นในชั่วโมงต่อไป ดังน้ี
- กลมุ่ ท่ี ๑ กาพยย์ านี ๑๑
- กล่มุ ท่ี ๒ กาพยฉ์ บัง ๑๖
- กลมุ่ ท่ี ๓ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘
ขน้ั สรุป
1. ให้นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังน้ี
การอ่านกาพย์เปน็ ทำนองเสนาะผู้อา่ นตอ้ งเขา้ ใจจังหวะวรรคตอน เขา้ ใจฉันทลกั ษณแ์ ละเนอ้ื หา ออกเสียง
ถกู ตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี ชดั เจน มีสมาธใิ นการอ่านและการควบคมุ เสยี ง
2. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั น้ี
- นกั เรยี นไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการอ่านบทรอ้ ยกรองอย่างไร
๗. สอ่ื การเรยี นรู้
๑. แผนภูมบิ ทร้อยกรอง
รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
1. บทบาทหนา้ ท่ี
2. การมสี ่วนรว่ ม 2 1.5 1 0
3. ความรบั ผดิ ชอบ มีการกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
หนา้ ทส่ี มาชกิ ไว้ มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทหนา้ ท่ีของ
4. การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ชดั เจน สมาชิก
5. ผลสำเรจ็ ของงาน สมาชิกกลมุ่ ทกุ คนมี หนา้ ที่ไมค่ รบ ขาดไป หน้าทไ่ี มค่ รบ ขาดไป สมาชกิ กลุม่ สว่ น
สว่ นร่วมในการ ใหญม่ ีส่วนรว่ มใน
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ 1 อยา่ ง 2 อย่าง การปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
นอ้ ย
สมาชิกทกุ คนทำงาน สมาชิกกลมุ่ สว่ นใหญ่ สมาชิกกลุ่มใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่
ตามหน้าท่ีทไ่ี ด้รับ ทำงานตามหน้าทที่ ี่
มอบหมาย ไม่ มีส่วนร่วมในการ รว่ มมือในการ ได้รับมอบหมาย
หลกี เลี่ยงงาน งาน หลกี เลยี่ งงานเปน็
เสร็จทันตามเวลาท่ี ปฏิบตั งิ านกลุ่ม ปฏิบัตงิ านกลุม่ เปน็ บางคน งานเสรจ็ ช้า
กำหนด กว่ากำหนด
สว่ นน้อย
สมาชกิ ทกุ คนยอมรับ สมาชิกสว่ นใหญ่ไม่
ฟังความคิดเห็นผูอ้ นื่ สมาชกิ ส่วนใหญ่ สมาชกิ ส่วนน้อย รับฟังความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตผุ ลและ ผูอ้ ่ืน และไมม่ ี
สรา้ งสรรค์ ทำงานตามหน้าทท่ี ี่ ทำงานตามหน้าท่ีที่ เหตผุ ลเลย
เกดิ จากความรว่ มมอื เกดิ จากความ
ของสมาชกิ ทุกคนใน ได้รบั มอบหมาย ไม่ ไดร้ ับมอบหมาย รว่ มมือของสมาชิก
กลุ่ม 1 - 2 คนในกลุม่
หลีกเลย่ี งงาน งาน หลกี เลีย่ งงานเปน็ เทา่ น้นั
เสรจ็ ทนั ตามเวลาที่ บางคน งานเสร็จช้า
กำหนด กว่าเวลาที่กำหนด
เล็กน้อย
สมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกสว่ นนอ้ ย
ยอมรับฟังความ ยอมรับฟงั ความ
คิดเห็นผู้อื่นและมี คดิ เห็นผ้อู ่ืนและมี
เหตผุ ล เหตผุ ล
เกิดจากความรว่ มมอื เกิดจากความร่วมมือ
ของสมาชกิ สว่ นใหญ่ ของสมาชิกสว่ นนอ้ ย
ในกลมุ่ ในกลมุ่
เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนน ระดบั
9 – 10 คะแนน ดมี าก
7 – 8 คะแนน ดี
5 – 6 คะแนน พอใช้
นอ้ ยกว่า 5 คะแนน ควรปรบั ปรุง
หมายเหตุ : นกั เรียนที่ได้เกณฑ์คณุ ภาพระดบั ดี ขึ้นไปจงึ ถือว่า ผ่าน