The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ การประยุกต์ทฤษฎีใหม่ สู่โคก หนอง นาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมการพัฒนาชุมชน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kmdivision.2564, 2021-05-20 06:21:58

หนังสือ การประยุกต์ทฤษฎีใหม่ สู่โคก หนอง นาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมการพัฒนาชุมชน

หนังสือ การประยุกต์ทฤษฎีใหม่ สู่โคก หนอง นาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมการพัฒนาชุมชน

หลกั ปรัชญา

ของเศรษฐกจิ พอเพียงและทฤษฎีใหม่

๓.๑ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพระราชด�ำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ซ่งึ พระราชทานใหแ้ ก่สงั คมไทยในช่วงทศวรรษท่ี ๓๐
โดยมหี ลกั คดิ อยทู่ กี่ ารดำ� รงอยแู่ ละปฏบิ ตั ติ นของประชาชนในทกุ ระดบั ตงั้ แตค่ รอบครวั ชมุ ชนและรฐั บาล
ใหด้ ำ� เนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพ่อื ใหก้ ้าวทันต่อโลกยุคโลกาภวิ ตั น์

ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจ�ำเป็นท่ีจะต้องมี
ภมู ิคุ้มกันส�ำหรบั ตวั ทดี่ ีพอสมควร ตอ่ ผลกระทบที่เกิดจากภายนอกและภายใน อีกทง้ั ต้องอาศยั ความ
รอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการนำ� วชิ าการตา่ งๆ มาใช้ ขณะเดยี วกนั กต็ อ้ งเสรมิ สรา้ ง
พนื้ ฐานจติ ใจของประชาชนคนในชาติ ให้มีสำ� นกึ ในคุณธรรม ความซ่อื สตั ย์สจุ ริต และการดำ� เนินชีวติ
ดว้ ยความเพยี รอย่างอดทน

พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ท่ีเข้าเฝ้า ฯ ถวายชัยมงคล
เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ฯ พระราชวังดุสิต
วนั พฤหสั บดี ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐

“...การจะเปน็ เสอื นน้ั ไมส่ �ำ คญั . ส�ำ คญั อยทู่ เ่ี รามเี ศรษฐกจิ แบบพอมี
พอกนิ . แบบพอมีพอกินน้ันหมายความวา่ อุม้ ชตู วั เองได้ ใหม้ ีพอเพยี งกับ
ตวั เอง. อนั นกี้ เ็ คยบอกวา่ ความพอเพยี งนไ้ี มไ่ ดห้ มายความวา่ ทกุ ครอบครวั
จะตอ้ งผลติ อาหารของตัว จะต้องทอผา้ ใส่เอง. อยา่ งนั้นมันเกนิ ไป แตว่ ่า
ในหมบู่ า้ นหรอื ในอ�ำ เภอ จะตอ้ งมคี วามพอเพยี งพอสมควร. บางสง่ิ บางอยา่ งท่ี
ผลติ ไดม้ ากกวา่ ความตอ้ งการ กข็ ายได้ แตข่ ายในทไ่ี มห่ า่ งไกลเทา่ ไหร่ ไมต่ อ้ ง
เสียคา่ ขนสง่ มากนัก. อย่างน้ที า่ นนกั เศรษฐกจิ ต่าง ๆ กม็ าบอกวา่ ลา้ สมยั .
จริง อาจจะล้าสมัย คนอื่นเขาต้องมีการเศรษฐกิจ ท่ีต้องมีการแลกเปล่ียน
เรียกว่าเป็นเศรษฐกิจการค้า ไม่ใช่เศรษฐกิจความพอเพียง เลยรู้สึกว่า
ไมห่ รหู รา. แตเ่ มอื งไทยเป็นประเทศทมี่ บี ุญอยู่วา่ ผลติ ให้พอเพยี งได้ ...”

“...ถ้าสามารถท่จี ะเปลยี่ นไป ท�ำใหก้ ลับเป็นเศรษฐกิจแบบพอเพยี ง
ไมต่ ้องท้ังหมด แมแ้ คค่ ร่งึ กไ็ มต่ ้อง อาจจะสกั เศษหนึง่ สว่ นส่ี กจ็ ะสามารถ
อยู่ได้. การแก้ไขอาจจะต้องใช้เวลา ไม่ใช่ง่ายๆ. โดยมากคนก็ใจร้อน
เพราะเดอื ดร้อน แต่ว่าถา้ ท�ำตัง้ แตเ่ ดยี๋ วน้ี ก็สามารถทีจ่ ะแก้ไขได้. ...”

ต้ังแต่ทรงครองสิริราชสมบัติ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเย่ียมราษฎร
ท่ัวราชอาณาจกั รเร่อื ยมา ทอดพระเนตรสภาพภมู ิอากาศ ฟ้า ดนิ ตามจังหวัดต่างๆ ทว่ั ทกุ ภูมภิ าค
ทรงแลเห็นทุกข์ยากแร้นแค้นของราษฎรด้วยพระองค์เอง จึงมีพระราชด�ำริพัฒนาองค์ความรู้
เหลา่ นีข้ ึ้นเป็นหลกั ปรัชญาได้อยา่ งสมบูรณ์ คือ เศรษฐกจิ พอเพียง

47

48 คลองไสไ้ ก่ใน โคก หนอง นา ของนายภูรทิ ตั และนางธณภร เพ็งจติ ร์

49

คลองไสไ้ ก่ ศูนยก์ สกิ รรมธรรมชาติ (มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบงึ จังหวัดชลบรุ ี

ไม้ใช้สอยที่ศูนย์กสกิ รรมธรรมชาติ (มาบเอื้อง) มหาลัยคอกหมู ท่ศี ูนยก์ สกิ รรมธรรมชาติ (มาบเอ้อื ง)
อำ� เภอบา้ นบึง จงั หวดั ชลบุรี อ�ำเภอบา้ นบงึ จังหวัดชลบุรี
50

พระราชดำ� รสั พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราชบรมนาถบพติ ร
พระราชทานแก่คณะผู้แทนสมาคม องค์การเกี่ยวกับศาสนา ครูนักเรียนโรงเรียนต่างๆ นักศึกษา
มหาวิทยาลัย ท่ีเข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย
สวนจิตรลดาฯ พระราชวงั ดสุ ติ วันพธุ ท่ี ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๗

“...คนอน่ื จะวา่ อยา่ งไรกช็ า่ งเขา จะวา่ เมอื งไทยลา้ สมยั วา่ เมอื งไทยเชย
วา่ เมืองไทยไมม่ ีสงิ่ ที่สมัยใหม่. แตเ่ ราอย่พู อมีพอกนิ และขอให้ทกุ คน
มีความปรารถนาท่จี ะใหเ้ มอื งไทย พออยพู่ อกนิ มีความสงบ และท�ำงาน
ตง้ั จติ อธษิ ฐาน ตงั้ ปณธิ าน ในทางนี้ ทจ่ี ะใหเ้ มอื งไทยอยู่ แบบพออยพู่ อกนิ .
ไมใ่ ชว่ า่ จะรงุ่ เรอื งอยา่ งยอด แตว่ า่ มคี วามพออยพู่ อกนิ มคี วามสงบ. เปรยี บเทยี บ
กบั ประเทศอน่ื ๆ ถา้ เรารกั ษาความพออยพู่ อกนิ นไ้ี ด้ เรากจ็ ะยอดยงิ่ ยวดได.้
ประเทศตา่ ง ๆ ในโลกนกี้ �ำลงั ตก ก�ำลงั แย่ ก�ำลงั ยงุ่ เพราะแสวงหาความยง่ิ ยวด
ทง้ั ในอ�ำนาจ ทงั้ ในความกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ ทางอตุ สาหกรรม ทางลทั ธ.ิ
ฉะน้นั ถา้ ทกุ ท่านซง่ึ ถอื วา่ เปน็ ผู้ท่มี ีความคิด และมอี ิทธพิ ล มพี ลังทจี่ ะท�ำให้
ผู้อ่ืนซึ่งมีความคิดเหมือนกัน ช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร
ขอย้ำ� พอควร พออยพู่ อกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแยง่ คณุ สมบัตนิ ้ี
จากเราไปได้ กจ็ ะเปน็ ของขวญั วนั เกดิ ทถี่ าวร ทจ่ี ะมคี ณุ คา่ อยตู่ ลอดกาล. ...”

ต่อมาค�ำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” เริ่มเป็นค�ำท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย พระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมพี ระมหากรุณาธิคณุ ให้
ปรับปรุงบทความเรื่อง “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแหง่ ชาตไิ ดเ้ ชญิ ผทู้ รงคุณวฒุ ิในทางเศรษฐกิจและสาขาต่างๆ มาร่วมกนั ประมวลและกลั่นกรอง
พระราชด�ำรัสเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียงท่ีได้พระราชทานไว้ในโอกาสต่างๆ รวมท้ังพระราชด�ำรัสอื่นๆ
ทเี่ กยี่ วขอ้ ง และพระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหน้ ำ� ไปเผยแพร่ เพอ่ื เปน็ แนวทางปฏบิ ตั ขิ องทกุ ฝา่ ย
และประชาชนโดยท่วั ไป เมอื่ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒ สรปุ ความว่า

ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบดว้ ยคุณสมบตั ิ ดงั นี้
๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่
เบียดเบียนตนเองและผูอ้ ่ืน เชน่ การผลติ และการบริโภคท่ีอยู่ในระดบั ความพอประมาณ
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับความพอเพียงน้ันจะต้องเป็นไป
อย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนค�ำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจาก
การกระท�ำน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ
๓. ภูมิคุ้มกนั หมายถงึ การเตรยี มตวั ให้พร้อมรบั ผลกระทบและการเปลีย่ นแปลงด้านต่างๆ
ท่จี ะเกดิ ขนึ้ โดยคำ� นงึ ถงึ ความเป็นไปไดข้ องสถานการณต์ า่ งๆ ที่คาดวา่ จะเกดิ ขึ้นในอนาคต

51

สว่ นนทิ รรศการทฤษฎีใหม่ที่ ที่ศนู ย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบเอ้อื ง) อำ� เภอบ้านบึง จังหวดั ชลบรุ ี
โดยมเี งอ่ื นไขของการตดั สนิ ใจและการดำ� เนนิ กจิ กรรมตา่ งๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี ง ๒ ประการ

ดังนี้
๑. เงอื่ นไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู้ กยี่ วกบั วชิ าการตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ความรอบคอบ

ท่ีจะน�ำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกันเพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวัง
ในการปฏบิ ัติ

๒. เง่ือนไขคุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม
มีความซอื่ สตั ย์สุจรติ และมีความอดทน มคี วามเพียร ใชส้ ติปัญญาในการดำ� เนินชีวิต

กจิ กรรมการบรรยายให้ความรู้ ทฤษฎีใหม่
ท่ีศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบเอื้อง)
อำ� เภอบา้ นบึง จงั หวดั ชลบรุ ี
52

กจิ กรรมการบรรยายให้ความรู้
ทฤษฎใี หม่ทีศ่ ูนย์กสิกรรมธรรมชาติ

(มาบเอ้ือง) อ�ำเภอบ้านบึง
จงั หวัดชลบุรี

พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต
วนั จันทร์ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓

“...เศรษฐกิจพอเพียงท่ีได้ย้�ำแล้วย้�ำอีก แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า
Sufficiency Economy. ใครต่อใครก็ต่อว่าว่าไม่มี Sufficiency Economy
แต่ว่าเป็นค�ำใหม่ของเราก็ได้ คือหมายความว่าประหยัด แต่ไม่ใช่ขี้เหนียว
ท�ำอะไรด้วยความอะลุ้มอล่วยกัน ท�ำอะไรด้วยเหตุและผล จะเป็นเศรษฐกิจ
พอเพียง แล้วทกุ คนจะมคี วามสขุ . ...”
พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร จากวารสารชยั พฒั นา ประจำ� เดอื นสิงหาคม ๒๕๔๒

“...เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐาน
ความม่ันคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็มท่ีถูกตอกรองรับบ้านเรือน
ตัวอาคารไว้น่ันเอง สิ่งก่อสร้างจะม่ันคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่คนส่วนมาก
มองไมเ่ หน็ เสาเขม็ และลมื เสาเขม็ เสยี ด้วยซำ้� ไป...”
พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ ร พระราชทานแกค่ ณะบุคคลตา่ ง ๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวายชัยมงคล เนอื่ งในโอกาส
วันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันศุกร์ ที่ ๔
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑

“...เศรษฐกจิ พอเพยี ง และทฤษฎใี หม่ สองอยา่ งน้ี จะท�ำความเจรญิ
แก่ประเทศได้. แต่ต้องมีความเพียร แล้วต้องอดทน ต้องไม่ใจร้อน
ต้องไมพ่ ูดมาก ต้องไมท่ ะเลาะกัน. ถา้ ท�ำโดยเข้าใจกนั เชอื่ ว่าทกุ คนจะมี
ความพอใจได.้ ...”

53

54

๓.๒ ทฤษฎีใหม่ในด้านการเกษตร สอดรับกับปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง : ที่มาแห่งพระราชด�ำริ “ทฤษฎใี หม”่

เหตเุ กิดทบี่ า้ นกดุ ตอแกน่ ตำ� บลกดุ สนิ คมุ้ ใหม่ อำ� เภอเขาวง จงั หวัดกาฬสินธุ์ เมือ่ วันที่ ๒๕
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ ร เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปทรงเยยี่ มราษฎรในพน้ื ทน่ี น้ั ทรงพบเหน็ สภาพความยากลำ� บาก
ของราษฎรในการทำ� นาในพน้ื ทอี่ าศยั นำ้� ฝน (ปลกู ขา้ วได้ ๑ ถงั /ไร)่ เพาะปลกู ไดป้ ลี ะครงั้ ในชว่ งของฤดฝู น
เท่านั้น มีความเสี่ยงในการเสียหายจากความแปรปรวนของดิน ฟ้า อากาศ และฝนทิ้งช่วง จึง
มพี ระราชดำ� รสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ ง ๆ ทเ่ี ขา้ เฝา้ ฯ ถวายชยั มงคล ในโอกาสวนั เฉลมิ
พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันศุกร์ ที่ ๔ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๓๕ ความวา่

“...ถามชาวบา้ นทอี่ ยทู่ น่ี นั่ วา่ เปน็ อยา่ งไรปนี .ี้ เขาบอกวา่ เกบ็ ขา้ วได้
แล้วข้าวก็อยู่ตรงน้นั กองไว.้ เราก็ไปดขู า้ ว ข้าวนน้ั มรี วงจรงิ แตไ่ ม่มีเม็ด
หรือรวงหน่ึงมีสักสองสามเม็ด. ก็หมายความว่าไร่หน่ึง คงได้ประมาณ
สักถังเดยี ว หรือไม่ถงึ ถังต่อไร่. ถามเขาท�ำไมเปน็ เช่นน.ี้ เขากบ็ อกวา่
เพราะไม่มฝี น เขาปลกู กล้าไว้ แลว้ เม่ือขน้ึ มาก็ปักด�ำ. ปักด�ำไมไ่ ด้เพราะวา่
ไม่มีน้�ำ ก็ปักในทราย ท�ำรูในทรายแล้วปักลงไป. เมื่อปักแล้วตอนกลางวนั
ก็เฉา มันงอลงไป แต่ตอนกลางคืนก็ต้ังตัว ต้ังตรงขึ้นมาเพราะมีน้�ำค้าง
แลว้ ในที่สุดกไ็ ด้รวงแตไ่ มม่ ขี า้ วเทา่ ไร. อนั นเ้ี ปน็ บทเรียนทด่ี ี เขาก็เล่าใหฟ้ งั
อย่างตรงไปตรงมา. แสดงให้เห็นว่าข้าวนี้เป็นพืชที่แข็งแกร่งมาก ขอให้ได้
มนี �ำ้ คา้ งก็พอ. แม้จะเป็นขา้ วธรรมดาไมใ่ ชข่ ้าวไร.่ ถา้ หากว่าเราชว่ ยเขา
เล็กน้อยกส็ ามารถทีจ่ ะได้ข้าวมากขึน้ หนอ่ ย พอท่ีจะกนิ . ฉะนัน้ โครงการ
ทจี่ ะท�ำ มิใช่จะตอ้ งท�ำโครงการใหญ่โตมากนกั จะได้ผล ท�ำเลก็ ๆ กไ็ ด.้
จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าในที่อย่างเช่นนั้น ฝนก็ดีพอสมควร แต่ลงมา
ไม่ถูกระยะเวลา เม่ือลงมาไม่ถูกระยะเวลา ฝนก็ทิ้งช่วง ข้าวก็ไม่ดี
วธิ แี กไ้ ขคอื ตอ้ งเกบ็ นำ้� ฝนทล่ี งมา. กเ็ กดิ ความคดิ วา่ อยากทดลองดู สกั สบิ ไร่
ในทีอ่ ยา่ งน้นั . สามไร่จะท�ำเปน็ บอ่ น้�ำ คือเก็บน�้ำฝนแล้วถา้ จะต้องใชบ้ ุด้วย
พลาสตคิ กบ็ ดุ ว้ ยพลาสตคิ ทดลองด.ู แลว้ อกี หกไรท่ �ำเปน็ ทนี่ าสว่ นไรท่ เี่ หลอื นนั้
ก็เป็นที่บริการ หมายถึงทางเดินหรือเป็นกระต๊อบ หรืออะไรก็แล้วแต่.
หมายความวา่ น้ำ� สามสิบเปอรเ์ ซ็นต์ ทท่ี �ำนา หกสบิ เปอร์เซ็นต์ กเ็ ช่อื วา่
ถ้าเก็บน้�ำไว้ได้ จากเดิมที่เก็บเกี่ยวข้าวได้ไร่ละหน่ึงถังถึงสองถัง ถ้ามีน�้ำ
เล็กน้อยอย่างน้ัน ก็ควรจะเก็บเกี่ยวข้าวได้ไร่ละประมาณสิบถึงย่ีสิบถัง
หรอื มากกวา่ อาจจะถงึ สามสบิ กไ็ ด.้ สมมตุ วิ า่ สบิ เทา่ กย็ ส่ี บิ ถงั หมายความวา่
ทหี่ กไรป่ จั จบุ นั ทไ่ี ดไ้ รล่ ะหนง่ึ ถงั กจ็ ะได้ ยสี่ บิ ถงั . ยส่ี บิ เทา่ หรอื ถา้ นบั เอางา่ ยๆ
วา่ สบิ เทา่ ทหี่ กไรจ่ ะเทา่ กบั หกสิบไร่. ทงั้ หมดสิบไร่ เทา่ กับไดผ้ ลเทา่ กับ
หกสบิ ไรข่ องเขาปัจจบุ ัน จึงควรจะใช้ได้. กพ็ ยายามทีจ่ ะวางแผนน.้ี ...”

สภาพดังกล่าวเป็นปัญหาของเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศ แม้ว่าจะมีการขุดบ่อไว้บ้าง
กม็ ขี นาดไมแ่ นน่ อน นำ้� ใชย้ งั ไมพ่ อเพยี ง รวมทง้ั ระบบการปลกู พชื สว่ นใหญเ่ ปน็ พชื ชนดิ เดยี ว ดว้ ยเหตนุ ี้
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรงศึกษา

ปา่ พออยู่ ไมย้ ืนตน้ ของพืน้ ทเ่ี รยี นรู้กสกิ รรมธรรมชาติ (กำ� นนั เคว็ด) บา้ นนอ้ ยกลางปา่ ใหญ่ ตำ� บลวงั ตะกอ 55
อ�ำเภอหลังสวน จังหวดั ชุมพร

รวบรวมข้อมูล น�ำมาวิเคราะห์และได้พระราชทานพระราชด�ำริ ซึ่งเรียกว่า
“ทฤษฎีใหม่” อันเป็นแนวทางการจัดการดินและน�้ำเพ่ือการเกษตรขนาดเล็ก
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้ทรงทดลองเป็นแห่งแรกท่ีวัดมงคลชัยพัฒนา
ตำ� บลหว้ ยบง อำ� เภอเมืองเฉลิมพระเกียรติ จงั หวดั สระบุรี

ทฤษฎีใหม่นี้เป็นแนวทางการพัฒนาชีวิตและอาชีพ ได้พระราชทาน
พระราชดำ� รไิ ว้ ๓ ข้ัน คอื

ขนั้ ท ี่ ๑ - การผลิต

ขัน้ ท่ ี ๒ - การรวมพลังกันในรปู กลมุ่ หรอื สหกรณ์

ขน้ั ท่ ี ๓ - การรว่ มมอื กบั แหลง่ เงนิ ธนาคารและกบั แหลง่ พลงั งาน

ในท่ีนี้ จะเน้นรายละเอียดเฉพาะขั้นตอนที่ ๑ การเพาะปลูกในที่ดิน
ของเกษตรกร ซึ่งถือว่าเป็นข้ันตอนที่ส�ำคัญท่ีสุด โดยสรุปมาจากนายอ�ำพล
เสนาณรงค์ องคมนตรี ดงั นี้

ทฤษฎใี หม่ ข้นั ที่ ๑

พื้นฐานท่ีส�ำคัญของเกษตรกรที่จะเดินตามทฤษฎีใหม่ ได้แก่ มีพ้ืนท่ี
ค่อนข้างน้อย (ประมาณ ๑๕ ไร่) ฐานะค่อนข้างยากจน มีจ�ำนวนสมาชิก
ครวั เรอื นปานกลาง (ไมเ่ กนิ ๖ คน) อยใู่ นเขตพงึ่ พานำ้� ฝนตามธรรมชาติ ฝนไมช่ กุ
สภาพดนิ สามารถกกั เกบ็ นำ้� ได้ หลกั การทสี่ ำ� คญั คอื การบรหิ ารจดั การดนิ และนำ�้
เพื่อให้เกิดผลผลิตเป็นอาหารและรายได้ตลอดปี ในระยะแรกควรผลิตพอเพียง
เลย้ี งตัวได้ แตจ่ ะตอ้ งมคี วามขยนั หมนั่ เพยี ร อยกู่ นิ อยา่ งประหยดั มคี วามสามคั คี
และชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู เพอื่ นบา้ น พระองคท์ รงแนะนำ� ใหแ้ บง่ พนื้ ทอ่ี อกเปน็ สดั สว่ น
คือ ๓๐ ๓๐ ๓๐ และ ๑๐ (ภายหลงั สัดสว่ นนี้ทรงมพี ระบรมราชวินิจฉยั ใหย้ ืดหย่นุ
ได้บ้าง) และจะตอ้ งกระทำ� กจิ กรรมดงั น้ี
สระน้�ำในพ้นื ท่ขี อง
นายภูริทัต และนางธณภร เพ็งจิตร์

56

คันนาทองค�ำ ศนู ยก์ สกิ รรมธรรมชาติ อ�ำเภอรตั นบรุ ี จงั หวดั สุรนิ ทร์ (พระอาจารย์สงั คม ธนปญั โญ)

๑. ร้อยละ ๓๐ ส่วนแรก ใหข้ ุดสระน�ำ้ ประมาณ ๔.๕ ไร่ ส�ำหรบั เกบ็ น�้ำฝนตามธรรมชาติ และ
จะต้องใช้น�้ำอย่างประหยัด รูปร่างและขนาดของสระน้�ำอาจยืดหยุ่นได้บ้าง หรืออาจจะเป็นสระน้�ำ
เลก็ ๆ หลายๆ แหง่ กระจายออกไปตามสภาพพน้ื ที่ แตใ่ หร้ วมพน้ื ทท่ี ง้ั หมดจะตอ้ งใกลเ้ คยี ง รอ้ ยละ ๓๐
สระนำ�้ รปู ส่ีเหลยี่ มผืนผ้าใหญ่ๆ น่าจะลดการระเหยของน้ำ� ได้ดกี ว่าบ่อกวา้ ง

๒. ร้อยละ ๓๐ ส่วนที่ ๒ ใช้ปลกู ข้าวเนือ้ ทีป่ ระมาณ ๔.๕ ไร่ เน่ืองจากขา้ วเปน็ อาหารหลัก
ของคนไทย เกษตรกรจะต้องมนั่ ใจว่ามขี ้าวกนิ เพยี งพอตลอดปี เพอ่ื สร้างเสถยี รภาพทางดา้ นอาหาร
ให้แก่ครัวเรอื น

๓. ร้อยละ ๓๐ ส่วนท่ี ๓ เน้อื ท่ี ๔.๕ ไร่ ให้ปลูกพชื สวน ไม้ยืนตน้ และพืชไร่ ผสมผสานกนั
หลากหลายอยา่ งตามภูมภิ าคและฤดกู าล ตลอดจนความต้องการของตลาด ไม่มสี ตู รตายตวั สามารถ
ยดื หยนุ่ ได้ เพอื่ เปน็ หลกั ประกนั ความยง่ั ยนื ในดา้ นอาหาร และสามารถเสรมิ สรา้ งรายไดเ้ ปน็ พเิ ศษดว้ ย
เช่น พชื ที่เป็นไม้ผล พืชที่เป็นไม้กนิ พชื ที่เป็นไมล้ ้มลกุ พชื สวนท่ีเปน็ ไมด้ อกไมป้ ระดบั เห็ด สมนุ ไพร
และเครื่องเทศ พืชสวนท่ีปลูกในน้�ำ ไม้ยืนต้นส�ำหรับใช้สอยและเป็นเชื้อเพลิง พืชไร่บางชนิด เช่น
ข้าวโพด ออ้ ยคัน้ น�ำ้ และพชื คลมุ ดินชนดิ ท่ีเปน็ พชื ล้มลกุ เช่น ปอเทือง ถ่วั ลิสง ถัว่ พมุ่

ส�ำหรับพ้นื ทท่ี ีม่ คี วามลาดเทหรอื ริมบอ่ บนคนั ดินควรปลกู แฝกเปน็ แถวขวาง ตามแนวราบ
เพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน โดยมีหลักการพิจารณาเลือกปลูกพืชทั่วๆ ไป ให้ดูจาก
ความสงู ของพืชดังกล่าวโดยแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ ดังนี้

๑. ตน้ สงู เช่น มะพร้าว มะขาม ประดู่ ไผ่ ขนนุ เปน็ ต้น
๒. ตน้ ปานกลาง เชน่ มะมว่ ง สม้ มะนาว ขเี้ หลก็ กระทอ้ น นอ้ ยหนา่ กลว้ ย ออ้ ย สะเดา เปน็ ตน้
๓. ตน้ ลา่ ง เช่น ขิง ขา่ ตะไคร้ บัวบก กระชาย ขม้นิ สบั ปะรด มันต่างๆ เป็นตน้
๔. รอ้ ยละ ๑๐ เปน็ ท่อี ย่อู าศัย ถนน คันดนิ และสิ่งก่อสร้างอืน่ ๆ รวมประมาณ ๑.๕ ไร่ รวมท้งั
คอกสัตว์เลี้ยง เรอื นเพาะช�ำ ยุง้ ฉาง อาคารที่เกบ็ เคร่อื งมือในการเกษตร
๕. การเล้ียงสัตว์ ควรพิจารณาเลี้ยงสัตว์ท่ีเหมาะสมและไม่สิ้นเปลืองเงินทุน เพราะ
วตั ถุประสงคเ์ พียงแต่เป็นอาหาร และอาจเป็นรายได้เสรมิ ในวาระตา่ งๆ
การเกษตรทฤษฎีใหมใ่ นเขตน�้ำฝนน้ี ถึงแมจ้ ะหวังพ่ึงน�ำ้ จากการกักเก็บนำ้� ฝนตามธรรมชาติ
แตถ่ า้ มรี ะบบชลประทานของรัฐเสริมบา้ งในบางครั้งบางคราว ก็จะทำ� ให้สมบรู ณย์ ่ิงข้นึ

57

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว โดยเสดจ็ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทอดพระเนตร พื้นท่ีนา
ทถี่ กู นำ�้ ทว่ มเสยี หายในทอ้ งที่ อำ� เภอมหาราช และอำ� เภอบางบาล จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เมอื่ วนั ที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๙

ทฤษฎใี หม่ ขนั้ ท่ี ๒
เมอ่ื เกษตรกรเข้าใจในหลักการและไดป้ ฏบิ ัติในที่ดนิ ของตนจนได้ผลแล้ว ก็ตอ้ งเริ่มข้นั ทส่ี อง
คือการใหเ้ กษตรกรรวมพลังกนั ในรูปแบบรวมกล่มุ หรือสหกรณ์ ร่วมแรงรว่ มใจกันดำ� เนนิ การในด้าน
ต่างๆ ดงั นี้
๑. การผลิต (พันธุ์พืช เตรยี มดนิ ชลประทาน ฯลฯ)
๒. การตลาด (ลานตากข้าว ยุ้ง เครือ่ งสีขา้ ว การจ�ำหน่ายผลผลิต)
๓. ความเปน็ อยู่ (กะปิ น�ำ้ ปลา อาหาร เครอ่ื งนุ่งหม่ ฯลฯ)
๔. สวัสดิการ (สาธารณสุข เงินกู้)
๕. การศึกษา (โรงเรียน ทนุ การศึกษา)
๖. สงั คมและศาสนา
กิจกรรมทั้งหมดดังกล่าวข้างต้นจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้อง ไม่ว่าส่วน
ราชการ องคก์ รเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชมุ ชนน้นั เป็นสำ� คญั
ทฤษฎีใหม่ ข้นั ท่ี ๓
เมอ่ื ดำ� เนนิ การผา่ นพน้ ขน้ั ทสี่ องแลว้ เกษตรกรหรอื กลมุ่ เกษตรกรกค็ วรพฒั นากา้ วหนา้ ไปสขู่ นั้
ทสี่ ามตอ่ ไป คอื ตดิ ตอ่ ประสานงาน เพือ่ จดั หาทนุ หรอื แหลง่ เงนิ เช่น ธนาคาร บรษิ ทั ห้างรา้ นเอกชน
มาชว่ ยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต

58

สวนสมนุ ไพรและผกั สวนครวั ๓.๓ ปฐมบททฤษฎีใหม่ - วัดมงคลชัยพัฒนา อ�ำเภอ
วัดมงคลชัยพฒั นา เฉลมิ พระเกยี รติ จงั หวดั สระบรุ ี
อ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ
จังหวดั สระบุรี พระราชดำ� รสั พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช
มหาราช บรมนาถบพติ ร พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ ง ๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวายชยั มงคล
ในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจติ รลดาฯ พระราชวงั ดสุ ติ
วนั อาทติ ย์ ที่ ๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๗

“...“ทฤษฎีใหม่” น้ี มิได้เป็นการแจกจ่ายท่ีดิน
เปน็ ทด่ี นิ ของประชาชนเอง. เรอื่ งนเ้ี รม่ิ ตน้ ทจ่ี งั หวดั สระบรุ .ี
ทีต่ อ้ งพูด เพราะว่า แมไ้ ด้พูดเรอ่ื งที่เปน็ ตน้ เหตขุ องเรือ่ งนี้
มาแลว้ แต่วา่ ไมไ่ ดพ้ ูดอย่างชดั แจ้ง. เรื่องน้ีเร่ิมที่สระบุรี
เมอ่ื หลายปแี ลว้ . กอ่ นหนา้ นน้ั ไดม้ จี นิ ตนาการ ความคดิ ฝนั .
ท่านทั้งหลายคงนึกแปลก ท�ำไมแผนการจะต้องคิดฝัน.
ไม่ได้ไปดูต�ำรา ไม่ได้ค้นต�ำรา แต่ค้นในความคิดฝัน
ในจนิ ตนาการ. เรานึกถึงว่าจะต้องมีแห่งหนึ่ง ทจี่ ะเขา้ กบั
เรือ่ งของเรา

เรอ่ื งของเรา เกยี่ วขอ้ งกบั บคุ คลหนง่ึ ทม่ี บี รรพบรุ ษุ
มาจากอนิ เดยี ผ่านลังกา แลว้ มาเมืองไทย. บรรพบุรษุ เขา
ไปพระพุทธบาทสระบุรี. พระเจ้าอยู่หัวในคร้ังก่อนโน้น
โปรดเสด็จไปสระบุรีกับเสนามาตย์ เพ่ือนมัสการ
พระพทุ ธบาทสระบรุ .ี ในเรอื่ งของเรา ปขู่ องพระเอกไปแลว้
กเ็ ดนิ ทางกลบั มาทางสระบรุ .ี ใกลอ้ �ำเภอเมอื งมวี ดั แหง่ หนง่ึ
ชอื่ ว่าวดั มงคล. เขาชอบ เพราะค�ำวา่ มงคลนีม้ นั ดี มนั เปน็
มงคล มนั กา้ วหนา้ เขาผา่ นมาและได้ไปดูวดั แหง่ นน้ั และ
ได้บริจาคเงินให้กับวัด ส�ำหรับสร้างพระอุโบสถ. ปูข่ อง
พระเอกก็ยังได้ให้เงินส่วนหน่ึงส�ำหรับสร้างฝาย เพราะท่ี
ตรงนนั้ ไมค่ อ่ ยเหมาะส�ำหรบั ท�ำนา. แตถ่ า้ ท�ำฝายกส็ ามารถ
ทจี่ ะท�ำมาหากนิ ไดใ้ นทางเกษตร. นกี่ ป็ ระมาณ ๙๐ ปมี าแลว้ .
ลงทา้ ยเรอ่ื งนซ้ี ง่ึ เป็นเรอื่ งในจินตนาการ ก็กลายเป็นจริง. ...”

59

60 กจิ กรรมทีว่ ดั มงคลชัยพัฒนา อำ� เภอเฉลมิ พระเกยี รติ จังหวดั สระบรุ ี

61

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ทรงเลา่ ถึงจนิ ตนาการ ความคดิ เห็นของพระองค์ อันเกยี่ วเนือ่ ง
กับวัดที่ช่ือว่า “มงคล” หลังจากน้ันก็ทรงตรวจดูแผนท่ีและพบว่ามีวัดช่ือมงคล
ต้ังอยู่ห่างจากอ�ำเภอเมืองสระบุรี ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร จึงโปรดให้
นายสุเมธ ตันติเวชกุล นายมนูญ มุกข์ประดิษฐ์ และนายพิมลศักด์ิ สุวรรณทัต
กรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา พิจารณาจัดซื้อที่ดินท่ีติดกับวัดมงคล ต�ำบลห้วยบง
อ�ำเภอเมืองเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี จากนายขวัญเมือง ปะปลิว
และนายสมจติ ร ทา้ วครฑุ จำ� นวน ๑๖ ไร่ ๒ งาน เมอื่ พ.ศ. ๒๕๓๑ ตอ่ มา พ.ศ. ๒๕๓๕
จึงซื้อเพ่ิมจากนางค�ำ แสนพันธ์ และนางบุญเรือง ราวีศรี จ�ำนวน ๑๕ ไร่เศษ
รวมเป็น ๓๒ ไร่ ๔๗ ตร.วา (รวมท้ังมีผู้บริจาคสมทบด้วย) เพื่อน�ำมาพัฒนา
การเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๑

โครงการพัฒนาพื้นท่ีบริเวณวัดมงคลชัยพัฒนาอันเน่ืองมาจาก
พระราชด�ำริ จึงเป็นศูนย์สาธิตการด�ำเนินเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างเป็นรูปธรรม
สามารถใหเ้ กษตรกรนำ� ไปประยกุ ตใ์ ชป้ ฏบิ ตั ใิ นพน้ื ทข่ี องตนไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างพออยู่พอกิน โครงการดังกล่าวนับเป็นจุดก�ำเนิด
ของเกษตรทฤษฎใี หมแ่ หง่ แรกในประเทศไทย

62

กจิ กรรมและผลิตผล โครงการพัฒนาพ้ืนที่บริเวณวัดมงคลชัยพัฒนา แบ่งพื้นท่ีด�ำเนินงาน
ท่ีวัดมงคลชยั พัฒนา ออกเปน็ ๒ สว่ น คอื
อ�ำเภอเฉลิมพระเกยี รติ
จงั หวัดสระบุรี สว่ นทหี่ นง่ึ แปลงสาธติ การเกษตรแบบผสมผสาน จำ� นวน ๑๖ - ๒ - ๒๓ ไร่
ด�ำเนินการทดสอบและพัฒนาระบบการปลูกพืชผักสวนครัวในรูปแบบต่างๆ
อาทิ สวนพชื ตระกลู มะ สวนพชื สมนุ ไพร สวนผลไมใ้ นทดี่ อน สวนพรรณไมห้ อม
เฉลิมพระเกียรติ รวมถึงการขุดสระน้�ำส�ำหรับเล้ียงปลาและปลูกหญ้าแฝกเพ่ือ
ปอ้ งกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ เปน็ ตน้

สว่ นทสี่ อง แปลงสาธติ เกษตรทฤษฎใี หม่ จำ� นวน ๑๕ - ๒ - ๒๔ ไร่
แบง่ พนื้ ทด่ี ำ� เนนิ งานตามแนวพระราชดำ� รทิ ฤษฎใี หม่ โดยแบง่ พนื้ ทอี่ อกเปน็ ๔ สว่ น
คอื ๓๐ - ๓๐ - ๓๐ - ๑๐ โดยสดั สว่ นดงั กลา่ วไดน้ ำ� มาปรบั ตามความเหมาะสมของ
สภาพพน้ื ทข่ี องวดั มงคลชยั พฒั นา โดยแตล่ ะสว่ นประกอบดว้ ย

๑. รอ้ ยละ ๑๖ พนื้ ทป่ี ระมาณ ๒.๕ ไร่ ดำ� เนนิ การขดุ สระกกั เกบ็ นำ�้ ขนาด
๕๕ เมตร ยาว ๗๑ เมตร ลกึ ๕ เมตร สามารถกกั เกบ็ นำ้� ไดป้ ระมาณ ๑๘,๐๐๐
ลกู บาศกเ์ มตร เพอื่ นำ� นำ�้ มาไวใ้ ชใ้ นฤดแู ลง้ นอกจากนใี้ นสระยงั ไดเ้ ลยี้ งปลานลิ และ
ปลาตะเพยี น เพอื่ เปน็ รายไดเ้ สรมิ อกี ทางหนง่ึ

๒. รอ้ ยละ ๓๕.๕ พนื้ ทปี่ ระมาณ ๕.๕ ไร่ พฒั นาพนื้ ทเี่ ปน็ แปลงนาขา้ ว
โดยหลงั ฤดเู กบ็ เกย่ี วสามารถปรบั สภาพดนิ เพอื่ ทำ� การปลกู พชื ไร่ พชื ผกั ชนดิ ตา่ งๆ
เชน่ ขา้ วโพดหวาน มะระ ถวั่ เขยี ว เปน็ ตน้

63

64 ขา้ วเปลอื กทว่ี ัดมงคลชยั พัฒนา อ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ จงั หวดั สระบรุ ี

65

๓. รอ้ ยละ ๒๔.๕ พนื้ ทปี่ ระมาณ ๓.๘ ไร่ ทำ� การเกษตรอน่ื ๆ เชน่ ปลกู กจิ กรรมและผลติ ผล
พชื ไร่ ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ และพชื สมนุ ไพร เพอื่ ใชเ้ ปน็ อาหารประจำ� วนั หากเหลอื จาก ทีว่ ดั มงคลชัยพฒั นา
บริโภคก็น�ำไปจ�ำหน่าย โดยเลือกปลูกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความ อ�ำเภอเฉลิมพระเกยี รติ
ตอ้ งการของตลาด ตวั อยา่ งของพชื ทปี่ ลกู คอื ออ้ ย กลว้ ย กระถนิ พรกิ ขหี้ นู มะกรดู จงั หวดั สระบรุ ี
เปน็ ตน้

๔. รอ้ ยละ ๒๔ พนื้ ทปี่ ระมาณ ๓.๗ ไร่ เปน็ สว่ นของทอี่ ยอู่ าศยั ถนนและ
เลยี้ งสตั ว์ ตลอดจนการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ เพอื่ บรโิ ภคในครวั เรอื นและจำ� หนา่ ย
เปน็ การลดคา่ ใชจ้ า่ ยและเสรมิ รายไดใ้ นครวั เรอื น

66

“ ๓๔ปา่ อย่าง

”ประโยชน์ อยา่ ง

ปา่ ๓ อยา่ ง ประกอบดว้ ย

- ปา่ พออยู่: ปลกู ไมเ้ นอ้ื แขง็ สำ� หรบั สรา้ งบา้ น/เครอื่ งเรอื น เชน่ ไมส้ กั ไมย้ างนา
ไมต้ ะเคยี นทอง

- ปา่ พอกนิ : ไมผ้ ล พชื ผกั ไมก้ นิ ใบ
- ปา่ พอใช้ : การปลกู ไมท้ โ่ี ตไวสำ� หรบั ทำ� ถา่ น ทำ� ฟนื เชน่ ไผ่ กระถนิ

ถา้ มกี ารปลกู ปา่ ๓ อยา่ ง กจ็ ะไดป้ ระโยชน์ ๓ ประการ ตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ลว้
แตจ่ ะเกดิ ผลพลอยไดเ้ ปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งท่ี ๔ คอื ดนิ และนำ้� จะอดุ มสมบรู ณ์
เพราะใบไมจ้ ะมาหม่ ดนิ รากตน้ ไมเ้ กบ็ นำ้� ไวใ้ นพน้ื ทไ่ี มใ่ หไ้ ปทอี่ น่ื เกบ็ นำ�้ สะสม
เปน็ นำ้� ใตด้ นิ



67

68 ปา่ พออยู่ ไมย้ ืนต้น ศนู ย์กสกิ รรมธรรมชาติ (มาบเออ้ื ง) อำ� เภอบา้ นบงึ จงั หวดั ชลบรุ ี

อาจารย์ยกั ษ์ - นายววิ ฒั น์ ศลั ยก�ำธร

๓.๔ เร่ืองจริงของทฤษฎีใหม่ -
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบเอื้อง) อ�ำเภอ
บ้านบึง จังหวัดชลบุรี (อาจารย์ยักษ์ -
นายววิ ฒั น์ ศลั ยกำ� ธร)

“พอตามเสด็จฯ มากๆ.......ครอบครัวของผมเป็น
ชาวนาอยู่อ�ำเภอบ้านโพธ์ิ จังหวัดฉะเชิงเทรา บ้านแม่อยู่
ชลบรุ ี มที น่ี าทง้ั ๒ ทเี่ ลย มนี าแค่ ๔๐ ไร่ แตเ่ ปน็ บา้ นทมี่ ฐี านะ
บ้านไม้สักหลังใหญ่ เวลาไปตลาด จึงหิ้วของจากรอบบ้าน
ไปด้วย ขายเสร็จยังซ้ือของได้แล้วยังมีเงินเหลือกลับมา
วิถีชีวิตไปพ้องกับที่ได้ยินพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่ง ก็นึกได้ว่า
น่ีมันชีวิตแบบของเราเองนี่นา ย่ิงไม่ค่อยชอบกรุงเทพฯ
อยู่ด้วยเป็นทุน ย่ิงได้ยินพระองค์รับสั่งยิ่งใช่เลย น่ีมันชีวิต
เรานั่นเอง แต่ว่าวัฒนธรรมมันผลักเราทั้งพ่อแม่ ทั้งครูว่า
ใครเรยี นเกง่ ตอ้ งมากรงุ เทพฯ ใครท�ำไรไ่ ถนาไมเ่ จรญิ ดกั ดาน
ใครท�ำอะไรไม่ดี ขเี้ กียจเรียนก็ว่าให้ไปเลี้ยงควาย

มันเป็นวัฒนธรรมท่ีผลักคนออกไปจากรากเหง้า
เราเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันผิด รู้แต่ว่าใจไม่ชอบ ยิ่งได้ฟัง
พระเจ้าอยูห่ วั นีเ่ ขา้ ทางเลย”

จากนิตยสาร ฅ คน ปีท่ี ๕ ฉบับที่ ๑ (๔๙)
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

69

คลองไสไ้ ก่ ศนู ยก์ สกิ รรมธรรมชาติ (มาบเออ้ื ง) อ�ำเภอบา้ นบึง จงั หวดั ชลบุรี
70

ทฤษฎีใหม่เป็นระบบความคิดเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาที่ไม่เคยมี
ผู้ใดคิดมาก่อน มีความแตกต่างจากทฤษฎีที่เคยมีมาก่อนท้ังส้ิน จึงได้เรียกว่า
ทฤษฎใี หม่ ซง่ึ มมี ากกวา่ ๓๐ ทฤษฎี อาทิ ทฤษฎกี ารปอ้ งกนั การเสอ่ื มโทรมและพงั
ทลายของดนิ โดยหญา้ แฝก ทฤษฎกี ารจดั การความแหง้ แลง้ ดว้ ยการทำ� ฝนเทยี ม
ทฤษฎกี ารจดั การน�ำ้ ดว้ ยการสร้างฝายชมุ่ ชนื้ ทฤษฎกี ารจัดการนำ�้ ทว่ มด้วยการ
ทำ� แก้มลิงเพื่อกักเกบ็ นำ้� ฯลฯ ทฤษฎเี หล่านส้ี ามารถนำ� มาใชร้ ่วมกัน เพอ่ื พัฒนา
ไปสู่การพ่ึงตนเอง พออยู่ พอกิน พอใช้ และก้าวต่อไปสู่การร่วมมือกันจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการสร้างเครือขา่ ย

ส่วน “ทฤษฎีใหม่” ในความหมายนี้ หมายถึง ทฤษฎีใหม่ด้านการ
บรหิ ารทีด่ ินจำ� นวนน้อย ซ่ึงเปน็ หน่งึ ในพระราชดำ� ริของพระบาทสมเดจ็ พระบรม
ชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เก่ยี วกับการท�ำการ
เกษตรบนที่ดินจำ� นวนนอ้ ย โดยมเี ปา้ หมายเพอื่ การอยอู่ าศยั และการดำ� เนนิ ชวี ติ
อย่างมั่นคง ยั่งยืน ซึ่งเป็นการคิดบนหลักการใหม่แตกต่างจากแนวทางการท�ำ
การเกษตรอตุ สาหกรรม ทม่ี งุ่ ผลติ ผลผลติ ในปรมิ าณมากเพอื่ การคา้ ขายเปน็ หลกั

อาจารย์ยักษ์ หรือนายวิวัฒน์ ศัลยก�ำธร อดีตผู้อ�ำนวยการกองใน
ส�ำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชดำ� ริ(กปร.)ไดน้ ำ� หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและทฤษฎใี หม่ไปทดลองใช้
ในพ้ืนท่ี ๔๐ ไร่ ซ่ึงเป็นมรดกของครอบครัว ท่ีบ้านมาบเอื้อง ต�ำบลหนองบอน
แดง อำ� เภอบา้ นบงึ จังหวดั ชลบุรี ในขณะทีย่ ังรบั ราชการอยู่ดว้ ย โดยใชเ้ วลาวนั

71

เสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการมาบุกเบิก หักล้างถางพง ปลูกพืชตามหลัก ภาพหน้าซา้ ย
ทฤษฎีใหม่ เม่ือประมาณ พ.ศ. ๒๕๒๕ ปา่ พอกิน ศนู ย์กสิกรรม
ธรรมชาติ (มาบเอื้อง)
พืน้ ที่ ๔๐ ไรน่ ้ี เป็นปา่ อ้อยท้ิงร้าง แหง้ แลง้ มแี ตด่ ินดาน ขาดแคลนนำ�้ อำ� เภอบ้านบึง จงั หวัดชลบุรี
โดยเรม่ิ จากการขอกลา้ ไม้จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาขุดหลมุ ปลกู คลมุ
ดว้ ยหญา้ แฝก ลดดว้ ยนำ้� ชวี ภาพ ๓ ปแี รกตอ้ งอดทนอยา่ งมาก กวา่ จะปลกู ตน้ ไม้ ภาพหน้าขวา
ไดต้ น้ หนง่ึ ตอ้ งขดุ หลมุ อยคู่ รง่ึ วนั จา้ งคนงานมาไดค้ รง่ึ วนั กห็ นกี ลบั เพราะลำ� บาก
จงึ ไม่กลา้ รบั เงินคา่ จา้ ง สบิ ปผี ่านไป อาจารย์ยักษจ์ งึ ตดั สนิ ใจลาออกจากราชการ คลองไสไ้ ก่ ศนู ย์กสิกรรม
และลงไปอยู่อาศยั ในทด่ี นิ แปลงนี้อยา่ งเตม็ ตัว เมือ่ ประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๖ ธรรมชาติ (มาบเออื้ ง)
อ�ำเภอบา้ นบึง จังหวัดชลบุรี
ท่านใช้เวลาต่อสกู้ ับความแหง้ แล้งของพ้ืนดิน ภายใน ๕ ปี พื้นดินแปลง
นีก้ ็ได้รับการฟืน้ ฟู อดุ มสมบรู ณด์ ว้ ยพรรณไม้ยืนต้นกวา่ ๓๐๐ ชนดิ ต่อจากนั้น
จึงได้ต้งั เปน็ “ศนู ยก์ สิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง” เพอื่ ใหเ้ ป็นแหลง่ เรียนรู้ ในหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและทฤษฎใี หม่ เม่อื พ.ศ. ๒๕๔๑

ตอ่ มาอาจารยย์ กั ษจ์ งึ เรมิ่ แสวงหาแนวรว่ ม คนทม่ี อี ดุ มการณเ์ ดยี วกนั ใน
การใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ลดการพึ่งพาสารเคมี
หันกลับมาพ่ึงตนเอง โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาชาวบ้าน ภายใต้แนวคิด
การบรหิ ารพ้ืนที่ตามหลักปา่ ๓ อยา่ ง ประโยชน์ ๔ อยา่ ง และไม้ ๕ ชนั้

72

73

สภาพพืน้ ภมู ทิ ศี่ นู ย์กสิกรรมธรรมชาติ
(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบงึ จงั หวัดชลบรุ ี
74

“ไม้ ๕ชน้ั ”เปน็ การปลกู พชื แบบผสมผสานตา่ งระดบั หรอื อาจเรยี กวา่ เปน็ การปลกู พชื

ในระบบวนเกษตรคอื จะมไี มย้ นื ตน้ เปน็ ไมใ้ ชส้ อยหรอื ไมผ้ ล โดยใหล้ กั ษณะ
ของพชื ทปี่ ลกู นนั้ แบง่ เปน็ ๕ ระดบั ตามความสงู และความลกึ ของราก

ชนั้ บน (ระดบั แรก) เปน็ พชื ทต่ี อ้ งการแสงมาก มพี มุ่ ใบไมห่ นาทบึ
เชน่ มะพรา้ ว ตาล หมาก

ชน้ั ทสี่ อง เปน็ ตน้ ไมท้ มี่ ใี บพมุ่ หนา เชน่ ลำ� ใย มะมว่ ง ลนิ้ จ่ี
ชนั้ ที่สาม เป็นกล้วย กาแฟ โกโก้ ชา แคบ้าน หรือปลูกพืชไร่ท่ี
ตอ้ งการแสงนอ้ ย เชน่ ขา้ วโพด ขา้ วไร่
ชน้ั ทส่ี ี่ เปน็ ไมเ้ รยี่ ดนิ หรอื ไมเ้ ลอื้ ย ไดแ้ ก่ ชะพลู พลู พรกิ ไทย
และชนั้ ทห่ี า้ เปน็ ไมใ้ ตด้ นิ ไดแ้ ก่ ขงิ ขา่ กระชาย ขมนิ้ เผอื ก วา่ น
หรอื สมนุ ไพรตา่ งๆ ตามความเหมาะสม
การปลูกไม้ ๕ ชั้นจะช่วยให้ธาตุอาหารในดินหมุนเวียนและถูกใช้
ไปอยา่ งเหมาะสมและมปี ระสทิ ธภิ าพ ดนิ จะถกู ปกคลมุ ตลอดเวลาและได้
รบั อนิ ทรยี วตั ถอุ ยา่ งสมำ่� เสมอจากใบไมท้ รี่ ว่ งหลน่ ลดความแรงของการ
ตกกระทบโดยตรงของเม็ดฝน เพราะเรือนยอดของต้นไม้และไม้พ้ืนล่าง
ทข่ี น้ึ คลมุ ดนิ อยู่ จะชว่ ยรองรบั นำ�้ ฝนเปน็ ชนั้ ๆ โรคและแมลงกจ็ ะมนี อ้ ยลง
ไมต่ อ้ งใชย้ าปราบศตั รพู ชื จงึ เปน็ วธิ กี ารปรบั ปรงุ ดนิ ทใี่ ชท้ ำ� การเกษตรได้
อยา่ งยง่ั ยนื

75

76

การบรรยายและกิจกรรม ทัง้ น้ี ศนู ยก์ สิกรรมธรรมชาติ (มาบเอ้อื ง) มีวตั ถุประสงค์ ดังน้ี
ที่ศนู ย์กสกิ รรมธรรมชาติ (มาบเออ้ื ง) ๑. เพื่อส่งเสริมการผลิตอาหารไร้สารพิษ ปราศจากสารเคมี ส�ำหรับ
อ�ำเภอบา้ นบึง จงั หวัดชลบรุ ี มวลมนุษยช์ าติ
๒. สนบั สนุน ฝึกอบรม ศกึ ษา คน้ คว้า วิจัย พัฒนาเทคโนโลยชี วี ภาพ
เพื่อการกสิกรรม การเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำ การปศุสัตว์ การพลังงาน การแพทย์
เภสชั กรรม และการจัดการสง่ิ แวดลอ้ มโดยเน้นภมู ิปญั ญาตะวันออก
๓. สนบั สนนุ ใหช้ มุ ชนพงึ่ ตนเองได้ พง่ึ พาอาศยั กนั และการพง่ึ พงิ กนั กวา้ ง
ขวางยิง่ ขนึ้ ตามแนวพระราชด�ำริเรอ่ื งเศรษฐกิจพอเพยี งตามแนวทฤษฎใี หม่
๔. สนับสนุนให้เกษตรกร ชมุ ชน และองค์กรธรุ กจิ ดำ� เนินการผลติ และ
จำ� หนา่ ยผลติ ภัณฑช์ วี ภาพเพ่ือทดแทนสารเคมแี ละสารพษิ ทางการเกษตร
๕. ส่งเสรมิ งานวัฒนธรรม
๖. ดำ� เนนิ การเพอ่ื สาธารณประโยชน์ หรอื รว่ มมอื กบั องคก์ รการกศุ ลอนื่ ๆ
๗. ไม่ดำ� เนินการเกยี่ วข้องกบั การเมอื งแต่ประการใด

อาจารย์ววิ ฒั น์ ศัลยกำ� ธร ใหส้ ัมภาษณ์ไวเ้ ม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๒ ความวา่

“คอื พระเจา้ อยหู่ วั ทา่ นเตอื นวา่ เราจะ
เจอวกิ ฤตหนกั หนาสาหสั จนคนจนไมร่ จู้ ะอยู่
ยังไง แม้แต่คนรวยก็ไปไม่รอดด้วย ถา้ มนั
เจอภยั พิบตั ธิ รรมชาตริ นุ แรง เจอโรคระบาด
ในพืชรุนแรง ในคนรุนแรง เจอสภาวะ
อดอยาก ขา้ วยากหมากแพง คนรวยอาจจะ
หาซอ้ื อะไรได้ แตข่ โมยขโจรกม็ ากข้นึ สังคม
กจ็ ะทะเลาะเบาะแวง้ แตกแยก จะรวยจะจน
ก็เดือดร้อน มันจะกระเทือนถึงกันหมด
ฉะนั้นมันก็มีทางเดียวคือ ท�ำให้คนรู้เร่ืองนี้
มากท่ีสุด ถ้าคนสามารถรับรู้ความจริงข้อนี้
แล้วรับรู้จนถึงเกณฑ์ขั้นปฏิบัติได้ด้วย.....
เขาจะรอด”

ความจริงข้อนี้ก็คือ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและทฤษฎีใหม่ทางการเกษตร

77

สภาพพื้นภมู ิท่ีศูนย์กสกิ รรม
ธรรมชาติ (มาบเอ้ือง)
อ�ำเภอบา้ นบึง จังหวดั ชลบรุ ี
78

79





การประยกุ ตท์ ฤษฎใี หม่
สู่ โคก หนอง นา

แหง่ นำ้� ใจและความหวงั

82

การประยุกตท์ ฤษฎใี หม่
สู่ โคก หนอง นา แห่งนำ้�ใจและความหวัง

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร พระราชทาน
“ทฤษฎใี หม”่ เพอ่ื เปน็ แนวทางแกไ้ ขปญั หาโดยประยกุ ตใ์ ชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับ
การทำ�การเกษตรอยา่ งเป็นรปู ธรรม

เรม่ิ จากการศกึ ษาขอ้ มลู จนพบวา่ เกษตรกรไทยสว่ นใหญม่ พี นื้ ทเ่ี ฉลย่ี อยปู่ ระมาณครอบครวั ละ
๑๐ - ๑๔ ไร่ จึงทรงคิดค�ำนวณจ�ำแนกการใช้พื้นที่ดินเพ่ือการด�ำเนินชีวิต โดยมีเป้าหมายหลักคือ
ทำ� อยา่ งไรใหม้ ขี า้ วปลาอาหารจากผนื แผน่ ดนิ เพยี งพอตลอดปี จะไดป้ ระหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยทตี่ อ้ งจา่ ยไปกบั
คา่ อาหารและของกนิ ของใช้ต่างๆ และมรี ายไดเ้ หลือพอสำ� หรบั จ่ายใชส้ อยในสิ่งจำ� เป็นสำ� หรบั ชีวติ

ขั้นตอนของการน�ำทฤษฎีใหม่ไปปฏิบัติให้ส�ำเร็จน้ัน มีส่ิงที่ต้องค�ำนึงถึงหลายประการ และ
ที่ส�ำคัญท่ีสุดต้องไม่ลืมเรื่องของ “ความยืดหยุ่น” ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำรัสไว้
บ่อยครั้งว่า “อย่าติดต�ำรา” เพราะส่ิงท่ีพระองค์มีพระราชด�ำริน้ันเป็น “ทฤษฎีใหม่” ย่อมยังไม่มีใน
ต�ำราใดๆ และด้วยความเป็นทฤษฎีใหม่นี้ ส่ิงต่างๆ ท่ีก�ำหนดข้ึนก็เป็นเพียง “Tentative Formula”
หรือสูตรครา่ วๆ เม่อื น�ำไปปฏบิ ัติแลว้ จ�ำเปน็ อยา่ งยิง่ ท่จี ะตอ้ งคำ� นึงถึงความเหมาะสมของสภาพพืน้ ที่
และปจั จยั อืน่ ๆ ทแี่ ตกตา่ งกนั ไปตามแต่ละครอบครวั ซึ่งมคี วามแตกต่างกนั ไปตามภูมิสังคม

๔.๑ ทฤษฎใี หมก่ บั การสบื สาน รกั ษา และตอ่ ยอด

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ทรงตระหนกั ถงึ ความสำ� คัญของ “นำ้� ” ที่จะชว่ ยพฒั นาคุณภาพ
ชีวิตและยกระดับฐานะของราษฎรได้ม่ันคงย่ังยืน ประกอบกับการท่ีได้ทรงเรียนรู้การทรงงานด้าน
พัฒนาต่างๆ จากสมเด็จพระบรมชนกนาถ เสด็จฯ ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแต่ละครั้งน้ัน
นอกจากจะสร้างขวัญก�ำลังใจและน�ำความปลื้มปีติสู่ราษฎรแล้ว ทรงได้ศึกษาและทอดพระเนตร
โครงการพัฒนาแหล่งน�้ำอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริด้วยความสนพระราชหฤทัย และพระราชทาน
แนวทางเพ่ิมเติม เพอื่ ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ แก่ราษฎรผู้รับประโยชน์จากโครงการน้นั ๆ อีกด้วย

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงริเร่มิ โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริดา้ นการพฒั นา
แหลง่ นำ้� โดยเสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพนื้ ทโี่ ครงการอทุ ยานเฉลมิ พระเกยี รตไิ ทยประจนั ตำ� บลยางหกั
อ�ำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี และโครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ
พระบรมราชนิ นี าถบา้ นห้วยม่วง ต�ำบลตะนาวศรี อ�ำเภอสวนผง้ึ จังหวัดราชบุร ี เมอ่ื วันท่ี ๑๐ เมษายน
พ.ศ. ๒๕๓๔

83

ครั้งน้ันราษฎรต�ำบลยางหักได้กราบบังคมทูลขอพระราชทาน การเอาม้อื สามัคคี
ความช่วยเหลือด้านแหล่งน�้ำ จึงมีพระราชด�ำริให้กรมชลประทานพิจารณา ศูนย์ศกึ ษาและพฒั นาชุมชน
จัดท�ำโครงการพัฒนาแหล่งน�้ำในต�ำบลยางหักอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริข้ึน นครนายก
เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว จึงนับว่าเป็นโครงการอันเน่ืองมาจาก
พระราชด�ำริโครงการแรกในพระองค์

ทางโครงการได้สร้างอ่างเก็บน�้ำข้ึน ๕ แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน�้ำห้วย
แม่ประจัน ๒ อ่างเกบ็ นำ�้ บา้ นพกุ รูด อ่างเก็บน�ำ้ เขาหัวแดง อ่างเก็บน้�ำหว้ ยพุกรดู
และอา่ งเกบ็ นำ�้ หนิ สตี อนบน ในปจั จบุ นั อา่ งเกบ็ นำ้� ทง้ั ๕ แหง่ ดงั กลา่ ว สง่ นำ้� ใหพ้ นื้ ที่
เพาะปลกู ในตำ� บลยางหกั มากกวา่ ๗,๓๐๐ ไร่ ได้อย่างท่วั ถงึ ชว่ ยส่งเสริมอาชีพ
เกษตรกรรม สร้างฐานะรายได้ทีด่ ขี ้นึ ราษฎรทเี่ คยอพยพท้งิ ถน่ิ ฐานบา้ นเกิดไป
เพราะการประกอบอาชีพที่ไม่ได้ผล พากันกลับสู่บ้านเกิดด้วยความหวังในชีวิต
ทเี่ กิดขน้ึ จากนำ้� พระราชหฤทยั

นับจากน้ันเป็นต้นมา เกือบทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยเสดจ็ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง
ไปทรงเยี่ยมราษฎรในพ้ืนท่ีต่างๆ ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของราษฎร
และพระราชทานแนวพระราชด�ำริพัฒนาแหล่งน�้ำ เพื่อช่วยเหลือปัดเป่า
ความเดอื ดร้อนให้ราษฎรในพืน้ ท่ีนน้ั จาก พ.ศ. ๒๕๓๔ จนถงึ ปัจจบุ ัน

84

โครงการพัฒนาแหล่งน�้ำอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศกว่า ๑๐๐ โครงการ โดยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ
ท้ังหมดได้อ�ำนวยประโยชน์สร้างฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้พสกนิกร ขณะเดียวกัน
กส็ รา้ งความมัน่ คง ความสงบสุข และประโยชน์กับสังคมโดยรวมของประเทศอกี ด้วย

สำ� หรบั โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� รใิ นพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จำ� นวนกวา่ ๑๐๐
โครงการท่ัวประเทศ ส่วนใหญ่เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน�้ำขนาดเล็ก มีทั้งที่เป็นโครงการ
อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ และท่ีเกิดขึ้นจากการขอพระราชทานโครงการจากราษฎรในพื้นที่
ซึ่งทกุ โครงการล้วนสนบั สนนุ ให้ประชาชนมนี �้ำใช้เพือ่ อุปโภคบริโภค การประกอบอาชพี และกิจกรรม
อน่ื ๆ ที่เกย่ี วข้องไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตระหนักถึงความส�ำคัญของ
“น�้ำ” และการพัฒนาแหล่งน้�ำที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรได้อย่างมั่นคงยั่งยืน ภายหลัง
จาก พ.ศ. ๒๕๓๔ ที่ทรงริเร่ิมโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำ� ริด้านการพัฒนาแหล่งนำ�้ โครงการ
แรกถงึ ปจั จบุ นั โครงการพฒั นาแหลง่ นำ�้ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� รใิ นพระองคท์ ก่ี ระจายอยทู่ ว่ั ประเทศ
ได้อ�ำนวยประโยชน์สร้างฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตท่ีดีให้แก่พสกนิกร ท�ำให้วันนี้โครงการ
พัฒนาแหล่งน้�ำอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ เป็นจุดเร่ิมต้นส�ำคัญในการพัฒนาอาชีพ ความเป็นอยู่
ของราษฎร สร้างความม่ังคั่ง มั่นคง และย่ังยืน สร้างรอยย้ิมและความปีติสุขให้เกิดข้ึนกับพสกนิกร
ในพระองคต์ ราบนานเท่านาน

85

พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เสดจ็ พระราชด�ำเนินไปทรงทำ� ป๋ยุ หมกั เป็นปฐมฤกษ์ จากผักตบชวาและวัชพืชตา่ ง ๆ
ตามโครงการรณรงค์จดั ทำ� ปยุ๋ หมัก เพอื่ พระราชทานแก่เกษตรกรน�ำไปปรบั ปรุงคณุ ภาพดนิ ใหม้ ีความอุดมสมบรู ณ์สงู ขน้ึ
ณ บา้ นแหลมสะแก ต�ำบลเดิมบาง อำ� เภอเดิมบางนางบวช จังหวดั สพุ รรณบรุ ี เมอ่ื วันท่ี ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๘
86

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเก่ียวข้าว และพระราชทานธงประจ�ำศูนย์ส่งเสริมและ
ผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนท่ีจะเปิดด�ำเนินการใหม่ จ�ำนวน ๕๒ ศูนย์ ณ บริเวณแปลงนาเกษตร หมู่ท่ี ๕ ต�ำบลบางงาม
อ�ำเภอศรปี ระจันต์ จังหวดั สพุ รรณบุรี เมอ่ื วันท่ี ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓

87

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ “โคก หนอง นา แหง่ นำ้� ใจและความหวัง”
“งานเสรจ็ เป็นรูปธรรม นามธรรมอมิ่ เอิบ สบายใจ” เม่ือวนั ที่ ๑๕ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
88

แผนผังการเรียนรู้ ศูนย์เรียนรู้สัมมาชีพชุมชน ต�ำบลคลองหก อ�ำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
(นายอดลุ ย์ วเิ ชยี รชยั )

๔.๒ องคค์ วามรู้ “โคก หนอง นา”

การขาดแคลนนำ้� เป็นปญั หาใหญข่ องประเทศไทย มีสาเหตุส่วนหนึง่ มาจากแหลง่ ต้นน้�ำ
ล�ำธารถูกท�ำลาย การตัดไม้ท�ำลายป่าอย่างรุนแรง ในช่วง พ.ศ. ๒๕๐๐ ท�ำให้ขาดแหล่งซับน�้ำ
และก่อให้เกิดอุทกภัยรุนแรง ประกอบกับจ�ำนวนประชากรที่เพ่ิมขึ้นและการขยายกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจสาขาตา่ งๆ ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการบริการ ทำ� ให้ความ
ตอ้ งการน้�ำเพิม่ ขึ้นตามมา ดังน้นั ปัญหาการขาดแคลนน้�ำจึงทวคี วามรุนแรงยิ่งขึน้

หลักส�ำคัญว่า ต้องมีน้�ำ น้�ำบริโภคและน�้ำใช้ น�้ำเพ่ือการ
เพาะปลกู เพราะชวี ติ อยทู่ น่ี น่ั ถา้ มนี ำ�้ คนอยไู่ ด้ถา้ ไมม่ นี ำ�้ คนอยไู่ มไ่ ด้
ไมม่ ีไฟฟ้า คนอยไู่ ด้ แต่ถ้ามีไฟฟา้ ไมม่ นี �ำ้ คนอยูไ่ มไ่ ด้

พระราชด�ำรัส
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร

พระราชทานเม่อื วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
จากหนงั สอื พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั กบั การพัฒนาการเกษตรไทย

โดย กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์

89

พ ร ะ ร า ช ด� ำ ริ ใ น ก า ร จั ด ก า ร ท รั พ ย า ก ร น�้ ำ เ พ่ื อ ก า ร เ ก ษ ต ร ข อ ง พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว โดยเสดจ็
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
บรมนาถบพติ ร นำ� มาสกู่ ารพฒั นา รกั ษา และตอ่ ยอด เปน็ การประยกุ ตท์ ฤษฎใี หม่ มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
สู่ โคก หนอง นา แหง่ น�ำ้ ใจและความหวังของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ซง่ึ พร้อมดว้ ยสมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจ้า
ทรงขยายหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ให้เห็นและสัมผัส กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ
ได้จริง โดยผ่านการประชุมร่วมกันคิดจากนักวิชาการด้านต่างๆ โดยเฉพาะ สยามบรมราชกุมารี ไปทอดพระเนตรผลงาน
สถาปนกิ และเกษตรกรผทู้ รงภูมิ ความกา้ วหนา้ ด้านการทดลองและวจิ ยั
การศึกษาการเปลย่ี นแปลงความเป็นกรด
เนอ่ื งดว้ ยหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและทฤษฎใี หมเ่ ปน็ ศพั ทแ์ สง ของดินพรุที่มผี ลตอ่ การเพาะปลกู พชื และ
ของนักวิชาการ อาจจะฟังดูในระดับคนทั่วไปแล้วเข้าใจยาก จึงได้มีการปรึกษา งานปรบั ปรงุ ดินเปร้ยี วในแปลงทดลอง
คิดหาค�ำง่ายๆ ที่เข้าใจได้ทันทีที่ได้ยิน และสอดคล้องกับภูมิปัญญาของราษฎร ณ ศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาพิกุลทอง
จงึ เกดิ คำ� วา่ “โคก หนอง นา” รวมถงึ เรื่องที่เป็นวิถธี รรมดาของชีวติ ชนบทของ อนั เนื่องมาจากพระราชดำ� ริ
คนไทย คอื ประเพณกี ารลงแขก กถ็ กู นำ� กลบั มาใชใ้ หม่ ในคำ� วา่ “เอามอื้ สามคั ค”ี ตำ� บลกะลวุ อเหนือ
อำ� เภอเมืองนราธวิ าส
โครงการแรกสุดที่ได้รับการสถาปนา คือ โรงเรียนจิตอาสา ๙๐๔ จังหวัดนราธิวาส
พระองค์ทรงให้ข้าราชการ เจ้าหน้าท่ี และราชองครักษ์ เข้าอบรมหลักปรัชญา เม่อื วันท่ี ๒๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๙
ของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ท่ีศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบเอ้ือง)
อำ� เภอบา้ นบงึ จังหวดั ชลบุรี จ�ำนวน ๔ รนุ่ ร่นุ ละ ๕๐๐ คน รวมเป็น ๒,๐๐๐ คน
เพ่ือให้บุคคลเหล่านี้เป็นต้นแบบในการที่จะขับเคลื่อนหลักทฤษฎีใหม่ไปสู่สังคม
โดยใชท้ ดี่ นิ บรเิ วณกรมทหารราบท่ี ๑๑ มหาดเลก็ ราชวลั ลภรกั ษาพระองค์ บางเขน
เป็นแปลงสาธิตและเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรม เร่ิมจากแปลงขนาด ๕ ไร่
แลว้ ขยายเปน็ ระยะๆ จนปัจจุบนั มีถงึ ๒๐๐ ไร่เศษ

90

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั พระราชทานภาพวาดฝพี ระหตั ถ์ “โคก หนอง นา แห่งนำ้� ใจและความหวงั ”
“We are farmers together” เมอ่ื วันท่ี ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

91

พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั พระราชทานภาพวาดฝพี ระหตั ถ์ “โคก หนอง นา แหง่ น�ำ้ ใจและความหวัง” “เรารกั ธรรมชาติ
เราสรา้ งสรรคใ์ นงานเกษตร โคก หนอง นา เพอื่ ความอุดมสมบรู ณแ์ ละความสดใส ท้งั กายและใจ Happy farmers”
เมือ่ วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

92

หนองน้�ำ ศูนย์เรียนรู้ มีการออกแบบภูมิทัศน์โดยสถาปนิกผู้เช่ียวชาญ ค�ำนึงถึงดินฟ้าอากาศ
สมั มาชพี ชมุ ชน ทศิ ทางลม ว่าจะใหม้ โี คกอยู่มมุ ไหน มีหนองนำ้� บริเวณไหน และทำ� นาตรงจุดไหน
ตำ� บลคลองหก ใหส้ มั พนั ธก์ บั การไหลเวยี นของนำ้� ผา่ นคลองไสไ้ กก่ บั หลมุ ขนมครก ซง่ึ ปจั จบุ นั น้ี
อำ� เภอคลองหลวง ไดท้ �ำการขดุ ปน้ั แต่ง และปลกู เสรจ็ แลว้ ในพน้ื ที่ประมาณ ๓๐ ไร่ เหลือแต่การ
จงั หวัดปทมุ ธานี ซอ่ มปรบั ปรงุ อาคารเก่าใหส้ ามารถใชง้ านได้
(นายอดลุ ย์ วิเชยี รชยั )
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเอาพระทัยใส่โครงการอย่างใกล้ชิด
มคี ำ� สำ� คญั ๓ ขอ้ คอื “ประโยชนส์ งู ประหยดั สดุ ศลิ ปะงามตา” คำ� นงึ ถงึ ประโยชน์
ท่ีประชาชนจะไดร้ ับและประหยดั ไมฟ่ ุ่มเฟือย

วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ๓ ประการ ในการใชพ้ น้ื ทข่ี องกรมทหารราบท่ี ๑๑ รอ. คอื
๑. เป็นพน้ื ที่เรียนรดู้ า้ นการผลิตอาหารของเมอื ง กรณฉี กุ เฉิน
๒. เปน็ พืน้ ทเ่ี รียนรดู้ า้ นสุขภาพพ่งึ ตนเองของคนเมอื งเพื่อไมใ่ หป้ ่วย
๓. เปน็ พนื้ ทีเ่ รยี นรกู้ ารเผชญิ เหตุภัยพิบตั ิตา่ งๆ

93

๔.๓หลกั การออกแบบพนื้ ที่โคกหนองนาตามภมู สิ งั คม ภาพหน้าซา้ ยบน
(Geosocial) การขุดสระนำ้� ศนู ยศ์ ึกษา
และพัฒนาชมุ ชนนครนายก
การออกแบบพน้ื ทดี่ ว้ ย โคก หนอง นา เป็นการประยกุ ตห์ ลักทฤษฎีใหม่ ภาพหนา้ ซา้ ยล่าง
ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช กจิ กรรมและการฝึกอบรม
บรมนาถบพติ ร ใหเ้ หมาะสมตามสภาพตามภูมิสังคมของแต่ละพ้ืนที่ เพอื่ ให้เกดิ ทฤษฎีใหม่ ศูนย์ศึกษาและ
ประโยชน์สงู สุด กลา่ วคือ สอดคลอ้ งกบั ‘ภูม’ิ หรอื สภาพทางกายภาพของพื้นท่ี พฒั นาชมุ ชนนครนายก
และ ‘สังคม’ หรือ วถิ ชี วี ติ คา่ นิยม ความหลากหลายของวัฒนธรรมและประเพณี ภาพหน้าขวา
ของคนทอี่ าศัยอยู่ในพ้ืนท่ี พืชผักสวนครวั ศนู ยเ์ รียนรู้
๔.๓.๑ หลักการท�ำโคก หนอง นา สมั มาชพี ชมุ ชน ตำ� บลคลองหก
อำ� เภอคลองหลวง จังหวดั ปทมุ ธานี
การท�ำโคก หนอง นา เป็นการจัดการพื้นที่ซ่ึงเหมาะกับการท�ำเกษตร (นายอดุลย์ วิเชียรชยั )
ตามทฤษฎีใหม่ (๓๐ : ๓๐ : ๓๐ : ๑๐) โดยยึดหลักการที่ว่าฝนตกเท่าไร
ต้องกักเก็บน�้ำไว้ให้ได้ทั้งหมด ไม่ท้ิง ควบคู่กับหลักการทรงงานของพระราชา
คือ ต้องไม่ติดต�ำรา ต้องมีความยึดหยุ่นในการท�ำงาน ท�ำตามภูมิสังคมและ
ทำ� แบบคนจน (ค่อยๆ ทำ� ตามกำ� ลัง)

94

๑. ดนิ ทข่ี ดุ ทำ� หนองน้�ำน้ันใหน้ ำ� มาทำ� โคก บนโคกปลูก “ป่า ๓ อยา่ ง ประโยชน์ ๔ อย่าง” ตาม
แนวทางพระราชดำ� ริ คอื ใช้เป็นไม้ใชส้ อยเพ่ือสร้างบา้ นเรือน ช่วยสร้างความร่มเยน็ ความชมุ่ ช้ืนใน
พนื้ ท่ี และควรปลูกปา่ เปน็ ไม้ ๕ ระดบั ไดแ้ ก่ ไม้สงู ไม้กลาง ไม้เตยี้ ไมเ้ ร่ียดินและพชื หวั ใต้ดนิ เพอ่ื ให้
รากสานกันหลายระดบั ตำ� แหน่งของปา่ ควรอยูท่ ศิ ตะวันตกเพ่อื ช่วยบงั แสงอาทิตย์ยามบ่าย

๒. หนองน�้ำ ตอ้ งขุดลึกมากกวา่ ๓ เมตร เพือ่ ให้มีน�ำ้ เหลือพอในหน้าแลง้ มีความต่างระดับ
ลกึ ตนื้ เพอ่ื ปลาจะวางไขบ่ รเิ วณตะพกั ควรปลกู หญา้ แฝกไวบ้ รเิ วณรอบๆ เพอื่ ปอ้ งกนั การพงั ทลายของ
ขอบบ่อและเพอื่ ใหน้ ำ้� กระจายไปเตม็ พืน้ ท่ี ให้ขุด “คลองไสไ้ ก”่ โดยขุดใหค้ ดเคยี้ วไปตามพน้ื ที่ เพือ่ ให้
นำ�้ กระจายเตม็ พน้ื ทเ่ี พม่ิ ความชมุ่ ขน้ึ ลดพลงั งานในการรดนำ�้ ตน้ ไม้ ในคลองไสไ้ กน่ น้ั ทำ� หลมุ ขนมครก
และฝายทดน�้ำไปดว้ ย

๓. นา ยกคันนาใหส้ ูงอยา่ งน้อย ๑ เมตร ความกวา้ งตามความเหมาะสม เพื่อให้นาสามารถ
กักเก็บน�้ำไว้ได้ในยามน�้ำหลาก และปลูกข้าวอินทรีย์พ้ืนบ้าน โดยเร่ิมจากการฟื้นฟูดินด้วยการ
ท�ำเกษตรอินทรีย์ คืนชีวิตเล็กๆ หรือจุลินทรีย์กลับคืนแผ่นดิน ข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่เติบโตด้วยดินท่ี
อุดมสมบูรณ์จะมภี มู ิคุม้ กนั ตอ่ โรคและแมลง

๔. คันนาทองค�ำ บนคันนาและโดยรอบพ้ืนท่ี ปลูกพืชผักสวนครัว เล้ียงหมู เล้ียงไก่
เลย้ี งปลา ทำ� ใหพ้ ออยู่ พอกนิ พอใช้ พอรม่ เยน็ เปน็ เศรษฐกจิ พอเพยี งขน้ั พน้ื ฐาน กอ่ นเขา้ สขู่ น้ั กา้ วหนา้
คอื ทำ� บุญ ทำ� ทาน เก็บรักษา ค้าขาย และเช่อื มโยงเป็นเครอื ข่าย

95

คลองไส้ไก่และผลผลิต
ศูนย์ศึกษาและพฒั นาชุมชนนครนายก
96


Click to View FlipBook Version