The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-พุทธศักราช-2562-หนองอ้อวอทยาคม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nipa Kaewpratib, 2020-11-21 08:27:28

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-พุทธศักราช-2562-หนองอ้อวอทยาคม

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-พุทธศักราช-2562-หนองอ้อวอทยาคม

หลกั สูตรปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒

ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๐
โรงเรียนหนองอ้อวทิ ยาคม

สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต ๗

สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ

ประกาศโรงเรยี นหนองออ้ วิทยาคม
เรื่อง ใหใ้ ช้หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๒

ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๐
โรงเรยี นหนองอ้อวิทยาคม
******************

เพ่ือให้การจัดการศึกษาข้ันพื้นฐานโรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
ประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๗ สอดคล้องกับสภาพการเปล่ียนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ
สังคมและความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ สนองนโยบาย คุณธรรมนาความรู้ ตอบสนองความ
ต้องการของผเู้ รยี น ชมุ ชน ท้องถ่นิ และสงั คม ยึดหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งตามแนวพระราชดาริ

โรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม ได้ดาเนินการเพ่ือให้เป็นไปตามตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการ
ท่ี สพฐ ๑๒๒๓/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ เร่อื ง ให้ใชห้ ลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช
๒๕๖๐ จึงประกาศให้ใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๒ ตามหลักสูตร
การศกึ ษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๐ โรงเรยี นหนองออ้ วทิ ยาคม ตัง้ แตป่ ีการศึกษา ๒๕๖๒ เป็นต้น
ไป ทั้งนี้ หลักสูตรโรงเรียนได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เมื่อวันที่
๑๖ เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ จงึ ประกาศให้ใชห้ ลักสตู รโรงเรยี น ตั้งแต่บัดน้เี ป็นตน้ ไป

ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

(ลงชอื่ )
(นายปรนิ ทร์ ศรีษะเนตร)

ผูอ้ านวยการโรงเรียนหนองออ้ วิทยาคม

คานา

กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศให้สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกัด ใช้หลักสูตร
การศึกษาปฐมวัย ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. ๑๒๒๓/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๓ สงิ หาคม ๒๕๖๐ เรอ่ื ง
ให้ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยนาหลักสูตรนี้ไปใช้ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับเด็ก
และสภาพท้องถน่ิ

โรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม จึงไดจ้ ดั ทาหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ ตามหลกั สตู ร
การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยใช้หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ เป็นแกนหลกั เพ่ือ
กาหนดการจัดทาโครงสร้างและสาระหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา และ
สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ซึ่งในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาครั้งนี้ เป็นการสร้าง
หลักสูตรที่อาศัยการมีส่วนร่วมของนักเรียน คณะครู ผู้ปกครองและชุมชน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถขับเคล่ือนไปสู่
การจัดการประสบการณ์ ท่ีส่งผลให้ผู้เรียนมีคุณภาพครบทุกด้าน เพ่ือสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กปฐมวัย
พัฒนาไปสคู่ วามเป็นมนษุ ยท์ ีส่ มบูรณ์ เกิดคณุ ค่าตอ่ ตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาตสิ ืบไป

ขอขอบคณุ ผูม้ สี ่วนเกย่ี วข้องทุกภาคส่วนท่ีใหค้ วามร่วมมือและมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลกั สตู รฉบับน้ี
ให้มคี วามสมบรู ณ์และเหมาะสมตามบรบิ ทต่อการจดั การศึกษาในโรงเรยี นหนองอ้อวิทยาคม ต้งั แต่ ภาคเรยี นท่ี
๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๒ เป็นตน้ ไป

(ลงชอื่ )
(นายปรินทร์ ศรีษะเนตร)

ผู้อานวยการโรงเรยี นหนองออ้ วทิ ยาคม
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒

สารบัญ หนา้
เรื่อง

ความนา ๓
สาระสาคญั หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๓

ปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวัย ๔
วสิ ัยทศั น์ ๔
หลกั การ
แนวคดิ การจดั การศกึ ษาปฐมวัย ๖

หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๒ ๖
ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๖
โรงเรียนหนองอ้อวทิ ยาคม ๖

๑. ปรัชญา ๑๐
๒. วสิ ัยทัศน์ ๑๙
๓. จุดหมาย ๑๙
๔. พฒั นาการเดก็ ปฐมวัย ๔๕
๕. มาตรฐานคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ ๖๘
๖. ระยะเวลาเรยี น ๗๙
๗. สาระการเรยี นรู้รายปี ๙๘
๘. การจัดประสบการณ์ ๑๐๕
๙. การจัดสภาพแวดลอ้ ม สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ ๑๐๖
๑๐.การประเมนิ พัฒนาการเด็กปฐมวัย
๑๑.การบริหารจดั การหลักสูตร ๑๐๙
๑๒.การจัดการศกึ ษาปฐมวัย(เด็กอายุ๔-๕ป)ี สาหรบั กล่มุ เป้าหมายเฉพาะ ๑๑๐
๑๓.การเชอื่ มต่อของการศกึ ษาระดับปฐมวัย กับระดับประถมศกึ ษาปที ี่ ๑

บรรณานกุ รม
ภาคผนวก

ความนา

สภาพการเปล่ียนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ รวมทั้งกรอบยุทธศาสตร์ชาติ
ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-
๒๕๖๔) แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๖๒ ) แผนยุทธศาสตร์ชาติด้านเด็กปฐมวัย (พ.ศ.
๒๕๖๐-๒๕๖๔)นาไปสู่การกาหนดทักษะสาคัญสาหรับเด็กในศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีมีความสาคัญในการ
กาหนดเป้าหมายในการพฒั นาเด็กปฐมวยั ใหม้ คี วามสอดคล้องและทนั ต่อการเปลย่ี นแปลงทกุ ด้าน

กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้มีการพัฒนาการศึกษาปฐมวัยอย่างจริงจังและต่อเน่ืองโดย
ได้แต่งต้ังคณะทางานพิจารณาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพื่อปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพการ
เปล่ียนแปลงดังกล่าว หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เป็นหลักสูตรสถานศึกษา
สถาบันพัฒนาเด็กปฐมวัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นาไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการพัฒนา
หลักสูตรสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานตามจุดหมาย หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ ท่ีกาหนดเป้าหมายในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์
จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติในอนาคต

โรงเรียนหนองอ้อวทิ ยาคม

สาระสาคัญ
หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐

ปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวัย
การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กต้ังแต่แรกเกิดถึง ๖ ปี บริบูรณ์ อย่างเป็นองค์รวม บน

พื้นฐานการอบรมเลี้ยงดู และส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ท่ีสนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัย
ของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก
ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวติ ใหเ้ ด็กพัฒนาไปสู่ความเป็น
มนษุ ยท์ ่ีสมบรู ณ์เกิดคณุ ค่าตอ่ ตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ

วสิ ัยทศั น์
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมุ่งพัฒนาเด็กทุกคนให้ไดร้ ับการพัฒนาด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ

สังคม และสตปิ ญั ญาอย่างมคี ุณภาพและต่อเน่ือง ได้รบั การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้อย่างมคี วามสุข
และเหมาะสมตามวัย มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดี มี
วินัย และสานึกความเป็นไทย โดยความร่วมมือระหวา่ งสถานศึกษา พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุก
ฝ่ายท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการพฒั นาเด็ก

หลกั การ
เด็กทุกคนมีสิทธ์ิท่ีจะได้รับการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมพัฒนาการตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ

เด็ก ตลอดจนไดรับการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรูอ้ ยา่ งเหมาะสม ด้วยปฏสิ ัมพันธท์ ด่ี ีระหว่างเดก็ กับ
พ่อแม่ เด็กกับผู้สอน เด็กกับผู้เล้ียงดูหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในการอบรมเลี้ยงดู การพัฒนา และให้
การศึกษาแก่เดก็ ปฐมวัย เพอ่ื ให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลาดบั ขน้ั ของพัฒนาการทุกด้าน อยา่ ง
เปน็ องคร์ วม มคี ณุ ภาพ และเต็มตามศักยภาพโดยมหี ลักการดังน้ี

๑. ส่งเสรมิ กระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการท่ีครอบคลมุ เด็กปฐมวัยทุกคน
๒. ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เนน้ เด็กเป็นสาคัญ โดยคานึงถึงความแตกต่าง
ระหว่างบุคคลและวิถีชวี ิตของเด็กตามบรบิ ทของชมุ ชน สงั คม และวฒั นธรรมไทย
๓. ยึดพัฒนาการและการพัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นอย่างมีความหมายและมี
กิจกรรมที่หลากหลาย ได้ลงมือกระทาในสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัย และมี
การพักผอ่ นท่ีเพียงพอ
๔. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีทักษะชีวิต และสามารถปฏิบัติตนตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดี มวี ินยั และมีความสขุ
๕. สร้างความรู้ ความเข้าใจและประสานความรว่ มมือในการพัฒนาเด็กระหว่างสถานศึกษา
กับพ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทกุ ฝา่ ยทเ่ี ก่ียวข้องกับการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย

แนวคดิ การจดั การศกึ ษาปฐมวยั
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พัฒนาขึ้นบนแนวคิดหลักสาคัญเกี่ยวกับ

พัฒนาการเด็กปฐมวัย โดยถือว่าการเล่นของเด็กเป็นหัวใจสาคัญของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ภายใตก้ ารจัดสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการทางานของสมอง ผ่านสื่อทต่ี อ้ งเอ้ือให้เด็กได้เรียนรู้ผา่ นการ
เล่นประสาทสัมผัสท้ังห้า โดยครูจาเป็นต้องเข้าใจและยอมรับว่าสังคมและวัฒนธรรมท่ีแวดล้อมตัว
เด็กมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ทั้งน้ี หลักสูตร
ฉบับนม้ี แี นวคิดในการจดั การศกึ ษาปฐมวัย ดงั น้ี

๑. แนวคิดเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก พัฒนาการของมนุษย์เป็นกระบวนการเปล่ียนแปลงท่ี
เกิดข้ึนต่อเนื่องในตัวมนุษย์เร่ิมต้ังแต่ปฏิสนธิไปจนตลอดชีวิต พัฒนาการของเด็กแต่ละคนจะมีลาดับ
ขั้นตอนลักษณะเดียวกัน แต่อัตราและระยะเวลาในการผ่านขั้นตอนต่างๆอาจแตกต่างกันได้ข้ันตอน
แรกๆจะเป็นพื้นฐานสาหรับพัฒนาการขั้นต่อไป พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและ
สติปัญญา แต่ละส่วนส่งผลกระทบซ่ึงกันและกัน เมื่อด้านหนึ่งก้าวหน้าอีกด้านหน่ึงจะก้าวหน้าตาม
ด้วยในทานองเดียวกันถ้าด้านหน่ึงด้านใดผิดปกติจะทาให้ด้านอื่นๆผิดปกติตามด้วย แนวคิดเก่ียวกับ
ทฤษฎีพัฒนาการด้านร่างกายอธิบายว่าการเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของเด็กมีลักษณะต่อเนื่องเปน็
ลาดบั ชั้น เด็กจะพัฒนาถึงขั้นใดจะต้องเกดิ วุฒภิ าวะของความสามารถด้านนนั้ ก่อน สาหรบั ทฤษฎีด้าน
อารมณ์ จิตใจ และสังคมอธิบายว่า การอบรมเลี้ยงดูในวัยเด็กส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็ก เมื่อเติบโต
เป็นผู้ใหญ่ ความรักและความอบอุ่นเป็นพ้ืนฐานของความเชื่อมั่นในตนเอง เด็กที่ได้รับความรักและ
ความอบอุ่นจะมคี วามไวว้ างใจในผู้อืน่ เหน็ คุณค่าของตนเอง จะมคี วามเชื่อม่ันในความสามารถของตน
ทางานรว่ มกับผู้อน่ื ได้ดี ซง่ึ เป็นพนื้ ฐานสาคัญของความเปน็ ประชาธิปไตยและความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรค์
และทฤษฎีพัฒนาการด้านสติปัญญาอธิบายว่า เด็กเกิดมาพร้อมวุฒิภาวะ ซึ่งจะพัฒนาข้ึนตามอายุ
ประสบการณ์ รวมทง้ั คา่ นิยมทางสังคมและส่งิ แวดลอ้ มที่เดก็ ได้รบั

๒. แนวคิดเกี่ยวกับการเล่นของเด็ก การเล่นเป็นหัวใจสาคัญของการจัดประสบการณ์การ
เรียนรู้ การเล่นอย่างมีจุดมุ่งหมายเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานท่ีถือเป็นองค์ประกอบสาคัญใน
กระบวนการเรียนรู้ของเด็ก ขณะท่ีเด็กเล่นจะเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมๆกันด้วย จากการเล่นเด็กจะมี
โอกาสเคล่ือนไหวส่วนต่างๆของร่างกาย ได้ใช้ประสาทสัมผัสและการรับรู้ผ่อนคลายอารมณ์ และ
แสดงออกของตนเอง เรียนรู้ความร้สู ึกของผู้อ่ืน เด็กจะรู้สึกสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้สังเกต มีโอกาส
ทาการทดลอง คดิ สร้างสรรค์ คิดแก้ปัญหาและค้นพบดว้ ยตนเอง การเลน่ ช่วยใหเ้ ดก็ เรยี นรสู้ ่ิงแวดล้อม
และช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ดังน้ันเด็กควรมี
โอกาสเลน่ ปฏสิ ัมพันธก์ บั บคุ คล สิง่ แวดล้อมรอบตัว และเลอื กกจิ กรรมการเลน่ ดว้ ยตนเอง

๓. แนวคิดเกี่ยวกับการทางานของสมอง สมองเป็นอวัยวะที่มีความสาคัญท่ีสุดในร่างกาย
ของคนเรา เพราะการท่ีมนุษย์สามารถเรียนรู้ส่ิงต่างๆได้น้ันต้องอาศัยสมองและระบบประสาทเป็น
พ้ืนฐานการรับรู้ รับความรู้สึกจากประสาทสัมผัสท้ังห้า การเช่ือมโยงต่อกันของเซลล์สมองส่วนมาก
เกิดข้ึนก่อนอายุ ๕ ปี และปฏิสัมพันธ์แรกเร่ิมระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ มีผลโดยตรงต่อการสร้างเซลล์
สมองและจุดเชื่อมต่อ โดยในช่วง ๓ ปีแรกของชีวิต สมองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก มีการสร้าง
เซลล์สมองและจุดเช่ือมต่อขึ้นมามากมาย มีการสร้างไขมันหรือมันสมองห้มุ ล้อมรอบเส้นใยสมองด้วย
พอเด็กอายุ ๓ ปี สมองจะมีขนาดประมาณ ๘๐ % ของสมองผู้ใหญ่ มีเซลล์สมองนับหมื่นล้านเซลล์

เซลลส์ มองและจุดเชื่อมตอ่ เหลา่ นีย้ งิ่ ไดร้ บั การกระตนุ้ มากเทา่ ใด การเชือ่ มตอ่ กนั ระหว่างเซลล์สมองยิ่ง
มีมากข้ึนและความสามารถทางการคิดยิ่งมีมากขึ้นเทา่ นั้น ถ้าหากเด็กขาดการกระตุ้นหรือส่งเสริมจาก
สิ่งแวดลอ้ มทเี่ หมาะสม เซลลส์ มองและจุดเช่ือมต่อทีส่ ร้างขึน้ มากจ็ ะหายไป เด็กท่ีได้รบั ความเครียดอยู่
ตลอดเวลาจะทาให้ขาดความสามารถที่จะเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างๆของสมองเจริญเติบโตและ
เริ่มมีความสามารถในการทาหน้าท่ีในช่วงเวลาต่างกัน จึงอธิบายได้ว่าการเรียนรู้ทักษะบางอย่างจะ
เกิดขึ้นได้ดีท่ีสุดเฉพาะในช่วงเวลาหน่ึงที่เรียกว่า”หน้าต่างของโอกาสการเรียนรู้” ซ่ึงเป็นช่วงท่ีพ่อแม่
ผเู้ ลีย้ งดูและครสู ามารถชว่ ยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาส่งิ น้ันๆได้ดีท่ีสดุ เม่ือพน้ ชว่ งน้ไี ปแลว้ โอกาสนั้นจะ
ฝึกยากหรือเดก็ อาจทาไม่ได้เลย เชน่ การเช่ือมโยงวงจรประสาทของการมองเห็นและรบั ร้ภู าพจะต้อง
ได้รับการกระตุ้นทางานตั้งแต่ ๓ หรือ ๔ เดือนแรกของชีวิตจึงจะมีพัฒนาการตามปกติ ช่วงเวลาของ
การเรียนภาษาคือ อายุ ๓ – ๕ ปีแรกของชีวิต เด็กจะพูดได้ชัด คล่องและถูกต้อง โดยการพัฒนาจาก
การพดู เปน็ คาๆมาเปน็ ประโยคและเล่าเร่อื งได้ เป็นตน้

๔. แนวคิดเก่ียวกับส่ือการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ทาให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ท่ี
วางไว้ ทาให้ส่ิงท่ีเป็นนามธรรมเข้าใจยากกลายเป็นรูปธรรมท่ีเด็กเข้าใจและเรียนรู้ได้ง่าย รวดเร็ว
เพลิดเพลิน เกิดการเรียนรู้และค้นพบด้วยตนเอง การใช้ส่ือการเรียนรู้ต้องปลอดภัยต่อตัวเด็กและ
เหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ความสนใจ และความต้องการของเด็กท่ี
หลากหลาย สื่อประกอบการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยควรมีส่ือทั้งท่ีเป็นประเภท ๒ มิติและ/
หรือ ๓ มิติ ท่ีเป็นส่ือของจริง สื่อธรรมชาติ สื่อท่ีอยู่ใกล้ตัวเด็ก ส่ือสะท้องวัฒนธรรม ส่ือภูมิปัญญา
ท้องถิ่น ส่ือเพ่ือพัฒนาเด็กในด้านต่างๆให้ครบทุกด้าน ทั้งนี้ สื่อต้องเอ้ือให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาท
สัมผัสท้ังห้าโดยการจัดการใช้สื่อสาหรับเด็กปฐมวัยต้องเริ่มต้นจากส่ือของจริง ของจาลอง ภาพถ่าย
ภาพโครงรา่ งและสญั ลักษณต์ ามลาดบั

๕. แนวคิดเก่ียวกับสังคมและวัฒนธรรม เด็กเมื่อเกิดมาจะเป็นส่วนหน่ึงของสังคมและ
วัฒนธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้รับอิทธิพลจากการปฏิบัติแบบด้ังเดิมตามประเพณี มรดก และความรู้
ของบรรพบุรุษ แต่ยังได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ ค่านิยมและความเชื่อของบุคคลในครอบครัว
และชุมชนของแต่ละท่ีด้วย บริบทของสังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่หรือแวดล้อมตัวเด็กทาให้
เด็กแต่ละคนแตกต่างกันไป ครูจาเป็นต้องเข้าใจและยอมรับว่าสังคมและวัฒนธรรมท่ีแวดล้อมตัวเดก็
มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ครูควรต้องเรียนรู้บรบิ ท
ทางสังคมและวัฒนธรรมของเด็กที่ตนรับผิดชอบ เพ่ือช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนา เกิดการเรียนรู้และ
อยู่ในกลุ่มคนท่ีมาจากพื้นฐานเหมือนหรือต่างจากตนได้อย่างราบรานมีความสุข เป็นการเตรียมเด็กไป
สู้สังคมในอนาคตกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทางานร่วมกับผู้อื่นที่มีความหลากหลายทางความคิด
ความเชื่อและวัฒนธรรมเช่น ความคล้ายคลึงและความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไทยกับประเทศ
เพ่อื นบา้ นเรื่องศาสนา ประเทศ พม่า ลาว กมั พูชากจ็ ะคล้ายคลงึ กับคนไทยในการทาบุญตักบาตร การ
สวดมนต์ไหว้พระ การให้ความเคารพพระสงฆ์ การทาบุญเลี้ยงพระ การเวียนเทียนเน่ืองในวันสาคัญ
ทางศาสนา ประเพณเี ขา้ พรรษา สาหรับประเทศมาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย ประชากรสว่ นใหญ่นับถือ
ศาสนาอิสลามจงึ มีวัฒนธรรมแบบอิสลาม ประเทศฟิลิปปินส์ได้รบั อิทธิพลจากคริสต์ศาสนา ประเทศ
สงิ คโปร์และเวยี ดนามนบั ถือหลายศาสนา โดยนับถือลทั ธิธรรมเนียมแบบจีนเป็นหลกั เปน็ ต้น

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒
ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๐

โรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม
………………………………………………………………………………

๑. ปรัชญาการศึกษาปฐมวัยโรงเรยี นหนองออ้ วิทยาคม

ปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวัยโรงเรียนหนองออ้ วิทยาคม
โรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม จัดการพัฒนาเด็ก อายุ ๔ – ๖ ปี บนพ้ืนฐานการอบรมเลี้ยงดู

และการสง่ เสรมิ กระบวนการเรียนรู้ทีส่ นองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวยั ของเด็กแต่ละคนให้เต็ม
ตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วยความรัก ความเอ้ืออาทร และความ
เข้าใจของทุกคน เพอื่ สรา้ งรากฐานคุณภาพชีวิตให้เดก็ พัฒนาไปสู่ความเปน็ มนุษยท์ สี่ มบูรณเ์ กดิ คุณค่า
ตอ่ ตนเองครอบครัว ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ

๒. วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ หมาย
๒.๑ วสิ ัยทัศน์
ภายในปี ๒๕๖๒ ของโรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม มุ่งพัฒนาปฐมวัยอายุ ๔ – ๖ ปี ให้มี

พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา เนน้ ให้เดก็ เรยี นรผู้ า่ นการเลน่ การลง
มือปฏิบตั ิ ผา่ นสอื่ ที่หลากหลายและเรียนรู้อย่างมีความสุข น้อมนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
มาใชอ้ ยา่ งเหมาะสมกับวัย เปน็ คนดี มีวินัย สานกึ รกั ชมุ ชนแหล่งเรียนรู้ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ และมีเจต
คติที่ดภี ายใตค้ วามร่วมมือของสถานศกึ ษา พ่อแม่ ครอบครวั ชุมชน และทกุ ฝ่ายท่เี ก่ยี วขอ้ ง

๒.๒ พนั ธกจิ
๑. พฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาทม่ี ุ่งเนน้ พัฒนาการเดก็ ปฐมวัยท้ัง ๔ ด้าน อย่างสมดลุ และ
เต็มศักยภาพมเี จตคตทิ ดี่ ตี อ่ ทอ้ งถ่นิ สนใจใฝร่ ู้ และเรียนรู้อยา่ งมคี วามสขุ
๒. พัฒนาครูและบคุ ลากรดา้ นการจดั ประสบการณ์ที่สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ผ่านการเลน่ และการ
ลงมือปฏิบัตทิ ่หี ลากหลาย สอดคลอ้ งกบั พัฒนาการเดก็
๓. ส่งเสรมิ การจดั สภาพแวดล้อม สื่อ เทคโนโลยีและแหลง่ เรยี นรูใ้ นการพัฒนาเด็กปฐมวัย
๔. จดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่หี ลากหลายซ่ึงสอดคลอ้ งกบั พัฒนาการทางสมองของเด็ก
โดยนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน มาใช้เสริมสร้าง
พัฒนาการและการเรยี นรขู้ องเดก็
๕. ส่งเสริมการมสี ว่ นร่วมของผูป้ กครองและชุมชนในการพัฒนาเด็กปฐมวยั
๒.๓ เปา้ หมาย
๑. เด็กปฐมวยั ทุกคนไดร้ ับการพัฒนาดา้ นร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสติปญั ญาเป็น
องคร์ วมอยา่ งสมดลุ มเี จตคติทดี่ ีต่อท้องถิน่ สนใจใฝร่ ู้ และเรยี นรอู้ ยา่ งมีความสขุ
๒. ครูมีความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถจัดประสบการณ์ที่สง่ เสริมการเรียนรู้ผ่านการเล่น

โดยใชก้ ระบวนการวางแผน การปฏิบัติ และสอดคล้องกับพัฒนาการเดก็
๓. มีสภาพแวดล้อม ส่ือ เทคโนโลยี และแหลง่ เรยี นรทู้ ี่เอ้ือต่อการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก

ปฐมวยั อย่างพอเพยี ง
๔. ครูน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้
ในการจัดประสบการณ์ใหก้ บั เดก็ อยา่ งเหมาะสมกับวัยและบริบทของสถานศกึ ษา
๕. มีเครอื ขา่ ย พอ่ แม่ ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานที่เกีย่ วขอ้ งมสี ว่ นรว่ มในการพัฒนา

เดก็ ปฐมวัยด้วยวธิ กี ารทีห่ ลากหลายและมีความตอ่ เนอ่ื งในทิศทางเดียวกันกบั สถานศึกษา

๓. จดุ หมาย
หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั มงุ่ ใหเ้ ดก็ มีพฒั นาการตามวยั เต็มตามศักยภาพ และเมอื่ มีความ

พร้อมในการเรียนร้ตู อ่ ไป จึงกาหนดจุดหมายเพอ่ื ให้เกิดกับเด็กเม่ือเด็กจบการศึกษาระดับปฐมวยั ดังน้ี
๑. มีรา่ งกายเจรญิ เติบโตตามวยั แขง็ แรง และมีสขุ นิสยั ท่ดี ี
๒. มีสขุ ภาพจติ ดี มสี ุนทรียภาพ มคี ณุ ธรรม จริยธรรมและจิตใจทีด่ ีงาม
๓. มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีวินัย และอยู่ร่วมกับ
ผอู้ ืน่ ไดอ้ ยา่ งมีความสขุ
๔. มที กั ษะการคดิ การใช้ภาษาสอ่ื สาร และการแสวงหาความรไู้ ดเ้ หมาะสมกับวยั

๔. พัฒนาการเดก็ ปฐมวัย
พัฒนาการของเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญาแสดงให้เห็นถึงการ

เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามวุฒิภาวะและสภาพแวดล้อมท่ีเด็กได้รับ พัฒนาการเด็กในแต่ละช่วงวัยอาจ
เร็วหรือช้าแตกตา่ งกนั ไป
ในเดก็ แตล่ ะคน มรี ายละเอียด ดังนี้

๑. พฒั นาการด้านร่างกาย เปน็ พฒั นาการท่เี ป็นผลมาจากการเปลย่ี นแปลงในทางทดี่ ีข้ึนของ
ร่างกายในด้านโครงสร้างของร่างกาย ด้านความสามารถในการเคล่ือนไหว และด้านการมีสุขภาพ
อนามัยท่ีดี รวมถึงการใช้สัมผัสรับรู้ การใช้ตาและมือประสานกันในการทากิจกรรมต่างๆ เด็กอายุ ๓-
๕ ปีมีการเจริญเติบโตรวดเร็วโดยเฉพาะในเรือ่ งน้าหนักและส่วนสูง กล้ามเนื้อใหญ่จะมีความก้าวหน้า
มากกว่ากล้ามเน้อื เล็ก สามารถบังคับการเคลื่อนไหวของรา่ งกายได้ดี มีความคล่องแคล่วว่องไวในการ
เดิน สามารถว่ิง กระโดด ควบคุมและบังคับการทรงตัวได้ดี จึงชอบเคล่ือนไหว ไม่หยุดนิ่ง พร้อมที่จะ
ออกกาลงั และเคลื่อนไหวในลักษณะตา่ งๆสว่ นกล้ามเน้ือเล็กและความสัมพนั ธ์ระหว่างตาและมือยังไม่
สมบูรณ์ การสัมผัสหรือการใช้มือมีความละเอียดข้ึน ใช้มือหยิบจับส่ิงของต่างๆได้มากขึ้น ถ้าเด็กไม่
เครยี ดหรือกังวลจะสามารถทากิจกรรมทีพ่ ัฒนากล้ามเน้ือเล็กได้ดีและนานขึ้น

๒. พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ เป็นความสามารถในการรู้สึกและแสดงความรู้สกึ ของเด็ก
เช่นพอใจ ไม่พอใจ รัก ชอบ สนใจ เกียด โดยที่เด็กรู้จักควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมกับวัย
และสถานการณ์ เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดจนการสร้างความรู้สึกที่ดีและการนับถือตนเอง เด็ก
อายุ ๓-๕ ปีจะแสดงความรู้สึกอย่างเต็มที่ไม่ปิดบัง ช่อนเร้น เช่น ดีใจ เสียใจ โกรธแต่จะเกิดเพียงชั่ว

ครแู่ ล้วหายไปการท่ีเด็กเปลย่ี นแปลงอารมณง์ า่ ยเพราะมีชว่ งความสนใจระยะส้นั เม่อื มสี งิ่ ใดน่าสนใจก็
จะเปลี่ยนความสนใจไปตามสิง่ นัน้ เด็กวันนี้มักหวาดกลวั สง่ิ ต่างๆ เช่น ความมืด หรือสัตว์ต่างๆ ความ
กลัวของเด็กเกิดจากจินตนาการ ซ่ึงเด็กว่าเป็นเรื่องจริงสาหรับตน เพราะยังสับสนระหว่างเรื่องปรุง
แต่งและเร่ืองจริง ความสามารถแสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสมกับวัย
รวมถึงชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น เพราะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลงและ
ต้องการความสนใจจากผู้อ่ืนมากขน้ึ
๓. พัฒนาการด้านสังคม เป็นความสามารถในการสร้างความสมั พันธ์ทางสังคมครัง้ แรกในครอบครัว
โดยมปี ฏิสมั พนั ธ์กบั พ่อแม่และพน่ี ้อง เมอื่ โตขนึ้ ต้องไปสถานศึกษา เด็กเรม่ิ เรียนรู้การตดิ ต่อและการมี
สัมพันธ์กับบุคคลนอกครอบครัว โดยเฉพาะอย่างย่ิงเด็กในวัยเดียวกัน เด็กได้เรียนร้กู ารปรับตัวให้เข้า
สังคมกับเด็กอ่ืนพร้อมๆกับรู้จักร่วมมือในการเล่นกับกลุ่มเพ่ือน จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อ
ปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตให้แก่นักเรียนสร้างความตระหนักให้นักเรียน ยึดถือ
ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้านทุจริต ละอายและเกรงกลัวที่จะไม่
ทุจริตและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ เจตคติและพฤติกรรมทางสังคมของเด็กจะก่อข้ึนในวัยน้ี
และจะแฝงแน่นยากท่ีจะเปลี่ยนแปลงในวัยต่อมา ดังน้ัน จึงอาจกล่าวได้ว่าพฤติกรรมทางสังคมของ
เด็กวัยน้ี มี ๒ ลักษณะ คือลักษณะแรกนั้น เป็นความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่และลักษณะที่สองเป็น
ความสัมพันธก์ บั เดก็ ในวัยใกลเ้ คียงกัน

๔. ด้านสติปัญญา ความคิดของเด็กวัยน้ีมีลักษณะยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ยังไม่สามารถ
เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น เด็กมีความคิดเพียงแต่ว่าทุกคนมองส่ิงต่างๆรอบตัว และรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ
เหมอื นตนเอง ความคดิ ของตนเองเป็นใหญท่ ี่สดุ เมอ่ื อายุ ๔-๕ ปี เด็กสามารถโตต้ อบหรอื มปี ฏสิ ัมพันธ์
กับวัตถสุ ่ิงของที่อยูร่ อบตัวได้ สามารถจาส่งิ ต่างๆ ท่ีได้กระทาซา้ กันบอ่ ยๆ ได้ดี เรียนรสู้ งิ่ ต่างๆ ได้ดขี ้ึน
แต่ยังอาศัยการรับรู้เป็นส่วนใหญ่ แก้ปัญหาการลองผิดลองถูกจากการรับรู้มากกว่าการใช้เหตุผล
ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับส่ิงต่างๆ ที่อยู่รอบตัวพัฒนาอย่างรวดเร็วตามอายุท่ีเพ่ิมข้ึน ในส่วนของ
พัฒนาการทางภาษา เด็กวัยน้ีเปน็ ระยะเวลาของการพัฒนาภาษาอย่างรวดเรว็ โดยมกี ารฝึกฝนการใช้
ภาษาจากการทากจิ กรรมต่าง ๆ ในรูปของการพูดคุย การตอบคาถาม การเลา่ เรอ่ื ง การเล่านทิ านและ
การทากิจกรรมต่าง ๆ ท เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาในสถานศึกษา เด็กปฐมวัยสามารถ ใช้ภาษาแทน
ความคิดของตนและใช้ภาษาในการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นได้คาพูดของเด็กวัยน้ี อาจจะทาให้ผู้ใหญ่
บางคนเข้าใจว่าเดก็ รูม้ ากแลว้ แต่ท่จี รงิ เดก็ ยงั ไมเ่ ข้าใจความหมายของคาและเรื่องราวลึกซ้ึงนัก

๕. มาตรฐานคณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์
หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ กาหนดมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์

จานวน ๑๒ มาตรฐาน ประกอบด้วย
๑. พฒั นาการดา้ นร่างกาย ประกอบด้วย ๒ มาตรฐานคอื
มาตรฐานที่ ๑ ร่างกายเจรญิ เติบโตตามวัยและมสี ุขนสิ ยั ทด่ี ี
มาตรฐานท่ี ๒ กล้ามเนื้อใหญ่และกลา้ มเนอื้ เลก็ แขง็ แรงใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและ
ประสานสมั พนั ธ์กนั

๒. พัฒนาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐานคอื
มาตรฐานท่ี ๓ มีสขุ ภาพจติ ดแี ละมคี วามสขุ
มาตรฐานที่ ๔ ช่ืนชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคล่อื นไหว
มาตรฐานที่ ๕ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมจี ติ ใจทดี่ ีงาม

๓. พัฒนาการด้านสงั คม ประกอบด้วย ๓ มาตรฐานคอื
มาตรฐานที่ ๖ มีทกั ษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
มาตรฐานที่ ๗ รกั ธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรม และความเปน็ ไทย
มาตรฐานที่ ๘ อยู่รว่ มกับผอู้ ่ืนได้อยา่ งมีความสขุ และปฏิบัตติ นเปน็ สมาชิกทีด่ ขี องสังคม

ในระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข รวมท้ังเกิดวัฒนธรรมตอ่ ตา้ นการทจุ ริต
สร้างความตระหนักใหน้ ักเรียน ยึดถือประโยชน์สว่ นรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้าน
ทุจริต ละอายและเกรงกลัวท่จี ะไม่ทจุ ริตและไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ทุกรูปแบบ

๔. พัฒนาการด้านสติปัญญา ประกอบด้วย ๔ มาตรฐานคือ
มาตรฐานท่ี ๙ ใช้ภาษาส่ือสารได้เหมาะสมกบั วัย
มาตรฐานที่ ๑๐ มีความสามารถในการคิดที่เปน็ พ้นื ฐานการเรียนรู้
มาตรฐานที่ ๑๑ มีจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
มาตรฐานที่ ๑๒ มเี จตคติทีด่ ตี อ่ การเรยี นรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้
เหมาะสมกบั วยั

๕.๑ ตวั บ่งช้ี
ตัวบ่งช้ีเป็นเป้าหมายในการพัฒนาเด็กที่มีความสมั พันธ์สอดคล้องกับมาตรฐานคุณลักษณะท่ี
พึงประสงค์
๕.๒ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
สภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาดหวังใหเ้ ด็กเกิด บนพ้ืนฐาน
พัฒนาการตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุเพื่อนาไปใช้ในการกาหนดสาระ
เรียนรู้ใน การจัดประสบการณ์ กิจกรรมและประเมินพัฒนาการเด็ก โดยมีรายละเอียดของมาตรฐาน
มาตรฐานคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ ตัวบง่ ชี้ และสภาพท่พี ึงประสงค์ ดงั นี้

มาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์

๑.พัฒนาการด้านรา่ งกาย

มาตรฐานที่ ๑ ร่างกายเจริญเตบิ โตตามวยั เด็กมสี ขุ นสิ ัยท่ีดี

ตัวบง่ ชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๑.๑ มีน้าหนกั และส่วนสูง -น้าหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ -น้าหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ของ

ตามเกณฑ์ ของกรมอนามยั กรมอนามัย

๑.๒ มสี ขุ ภาพอนามัย สขุ - รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร ที่ มี -รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์

นิสัยทด่ี ี ประโยชน์และดื่มน้าสะอาดด้วย ได้หลายชนิดและด่ืมน้าสะอาดได้

ตนเอง ด้วยตนเอง

-ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร -ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร

และหลังจากใช้ห้องน้าห้องส้วม และหลังจากใช้ห้องน้าห้องส้วม

ดว้ ยตนเอง ดว้ ยตนเอง

-นอนพักผ่อนเปน็ เวลา -นอนพักผอ่ นเปน็ เวลา

-ออกกาลังกายเป็นเวลา -ออกกาลังกายเป็นเวลา

๑.๓ รกั ษาความปลอดภัย -เล่นและทากิจกรรมอย่าง -เล่นและทากิจกรรมและปฏิบัติตอ่

ของตนเองและผ้อู น่ื ปลอดภยั ดว้ ยตนเอง ผอู้ ่นื อย่างปลอดภัย

มาตรฐานท่ี ๒ กลา้ มเนือ้ ใหญแ่ ละกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรงใชไ้ ดอ้ ย่างคล่องแคล่ว

และประสานสมั พันธก์ ัน

ตวั บง่ ชี้ สภาพทีพ่ ึงประสงค์

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๒.๑ เคล่ือนไหว -เดินต่อเท้าไปข้างหน้าเป็น -เดินต่อเท้าถอยหลังเป็นเสน้ ตรงได้โดย

ร่างกายอย่าง เส้นตรงไดโ้ ดยไมต่ อ้ งกางแขน ไมต่ อ้ งกางเกง

คล่องแคล่วประสาน -กระโดดขาเดียวอยู่กบั ท่ีไดโ้ ดยไม่ -กระโดดขาเดียว ไปข้างหน้าได้อย่าง
สัมพนั ธ์และทรงตัว เสียการทรงตวั
ได้ ตอ่ เน่ืองโดยไม่เสียการทรงตัว

-ว่งิ หลบหลีกสิง่ กีดขวางได้ - วิ่ ง ห ล บ ห ลี ก สิ่ ง กี ด ข ว า ง ไ ด้ อ ย่ า ง

คล่องแคล่ว

-รบั ลกู บอลไดด้ ว้ ยมือทง้ั สองขา้ ง -รบั ลูกบอลทก่ี ระดอนขนึ้ จากพนื้ ได้

๒.๒ ใช้มือ-ตา -ใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนว -ใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้น

ประสานสมั พันธ์กนั เสน้ ตรงได้ โค้งได้

-เขียนรูปส่ีเหล่ียมตามแบบได้ -เขียนรูปสามเหล่ียมตามแบบได้อย่าง

อย่างมมี มุ ชดั เจน มมี มุ ชดั เจน

-ร้อยวัสดุท่ีมีรูจนาดเส้นผ่านศูนย์ -ร้อยวัสดุที่มีรูขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง

๐.๕ ซม.ได้ ๐.๒๕ ซม.ได้

๒.พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
มาตรฐานท่ี ๓ มสี ุขภาพจิตดีและมีความสขุ

ตวั บ่งชี้

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๓.๑ แสดงออกทาง -แสดงอารมณ์ ความรู้สึกได้ตาม -แสดงอารมณ์ ความรู้สึกได้สอดคล้อง
อารมณ์อยา่ ง
เหมาะสม สถานการณ์ กับสถานการณ์อย่างเหมาะสม

๓.๒ มีความรสู้ กึ ทด่ี ี -กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่าง -กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม
ตอ่ ตนเองและผู้อนื่
เหมาะสมบางสถานการณ์ ตามสถานการณ์

-แสดงความพอใจในผลงานและ -แสดงความพอใจในผลงานและ

ความสามารถของตนเอง ความสามารถของตนเองและผู้อน่ื

มาตรฐานท่ี ๔ ชนื่ ชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคล่อื นไหว

ตวั บ่งช้ี สภาพที่พงึ ประสงค์

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๔.๑ สนใจและมี - ส น ใ จ แ ล ะ มี ค ว า ม สุ ข แ ล ะ -สนใจและมีความสุขและแสดงออก

ความสขุ และ แสดงออกผา่ นงานศลิ ปะ ผ่านงานศลิ ปะ

แสดงออกผา่ นงาน -สนใจ มีความสุขและแสดงออก -สนใจ มีความสุขและแสดงออกผ่าน
ศลิ ปะ ดนตรแี ละการ ผา่ นเสียงเพลง ดนตรี เสยี งเพลง ดนตรี
เคล่ือนไหว

-สนใจ มีความสุขและแสดง -สนใจ มีความสุขและแสดงท่าทาง/

ท่าทาง/เคลื่อนไหวประกอบเพลง เคล่ือนไหวประกอบเพลง จังหวะและ

จังหวะและ ดนตรี ดนตรี

มาตรฐานท่ี ๕ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและมีจิตใจท่ีดีงาม

ตวั บง่ ช้ี สภาพทพ่ี ึงประสงค์

๕.๑ ซอื่ สัตย์ อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี
สจุ ริต
- ขออนุญาตหรือรอคอยเมื่อต้องการ - ขออนุญาตหรือรอคอยเมื่อต้องการ

สงิ่ ของของผ้อู ืน่ เมือ่ มีผชู้ ีแ้ นะ สิง่ ของของผอู้ น่ื ดว้ ยตนเอง

๕.๒ มีความ -แสดงความรักเพ่ือนและมีเมตตาสัตว์ -แสดงความรักเพ่ือนและมีเมตตาสัตว์

เมตตา กรุณา มี เลี้ยง เลย้ี ง

น้าใจและ -ช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นได้เมื่อมีผู้ -ช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อ่ืนได้ด้วย
ชว่ ยเหลอื ชีแ้ นะ ตนเอง
แบ่งปนั

๕.๓ มีความเหน็ -แสดงสีหน้าหรือท่าทางรับรู้ความรู้สึก -แสดงสีหน้าหรือท่าทางรับรู้ความรู้สึก

อกเห็นใจผู้อ่นื ผอู้ นื่ ผ้อู ่ืนอยา่ งสอดคลอ้ งกบสถานการณ์

๕.๔ มคี วาม -ทางานท่ไี ด้รบั มอบหมายจนสาเร็จเมื่อ -ทางานที่ได้รับมอบหมายจนสาเร็จ

รบั ผิดชอบ มผี ู้ชแี้ นะ ดว้ ยตนเอง

๓.พัฒนาการด้านสังคม
มาตรฐานท่ี ๖ มที กั ษะชีวิตและปฏิบัตติ นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ตัวบ่งชี้ สภาพท่พี งึ ประสงค์

๖.๑ อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี
ช่วยเหลือ - แต่งตวั ด้วยตนเอง - แต่งตวั ด้วยตนเองได้อย่างคล่องแคล่ว
ตนเองในการ -รบั ประทานอาหารด้วยตนเอง - รบั ประทานอาหารด้วยตนเองอย่างถูกวิธี
ปฏิบตั กิ ิจวัตร -ใชห้ ้องนา้ ห้องส้วมด้วยตนเอง -ใช้และทาความสะอาดหลังใช้ห้องน้าห้อง
ประจาวนั สว้ มดว้ ยตนเอง
๖.๒ มีวินยั ใน
ตนเอง -เก็บของเล่นของใช้เข้าที่ด้วย -เก็บของเลน่ ของใช้เขา้ ท่ีอยา่ งเรียบร้อยด้วย

๖.๓ ประหยดั ตนเอง ตนเอง
และพอเพยี ง
-เข้าแถวตาลาดับก่อนหลังได้ด้วย -เขา้ แถวตาลาดบั ก่อนหลังไดด้ ้วยตนเอง

ตนเอง

-ใช้สิ่งของเครื่องใช้อย่างประหยัด -ใช้สิ่งของเคร่ืองใช้อย่างประหยัดและ

และพอเพยี งเมอ่ื มีผู้ชี้แนะ พอเพียงด้วยตนเอง

มาตรฐานที่ ๗ รกั ธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อม วฒั นธรรม และความเปน็ ไทย
ตวั บง่ ชี้ สภาพท่พี ึงประสงค์

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๗.๑ ดูแล -มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาธรรมชาติและ -มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาธรรมชาติ

รักษา สิ่งแวดล้อมเมอื่ มีผ้ชู แี้ นะ และสิง่ แวดล้อมด้วยตนเอง

ธรรมชาติ -ทิ้งขยะไดถ้ กู ที่ -ทง้ิ ขยะได้ถูกท่ี
และ

ส่ิงแวดล้อม

๗.๒ มี -ปฏบิ ัตติ นตามมารยาทไทยไดด้ ้วยตนเอง -ปฏิบัติตนตามมารยาทไทยได้ ตาม

มารยาทตาม กาลเทศะ

วฒั นธรรม -กล่าวคาขอบคณุ และขอโทษด้วยตนเอง - ก ล่ า ว ค า ข อ บ คุ ณ แ ล ะ ข อ โ ท ษ ด้ ว ย
ไทยและรกั ตนเอง
ความเปน็

ไทย -หยุดเมื่อได้ยินเพลงชาติไทยและเพลง -ยืนตรงและร่วมร้องเพลงชาติไทยและ

สรรเสรญิ พระบารมี เพลงสรรเสริญพระมารมี

มาตรฐานท่ี ๘ อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุขและปฏิบตั ิตนเปน็ สมาชิกทีด่ ีของสังคมในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข

ตัวบง่ ชี้ สภาพที่พึงประสงค์

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๘.๑ ยอมรบั ความ -เล่นและทากิจกรรมร่วมกับกลุ่ม -เล่นและทากิจกรรมร่วมกับเด็กที่

เหมอื นและความ เด็กท่ีแตกตา่ งไปจากตน แตกตา่ งไปจากตน

แตกต่างระหว่างบคุ คล

๘.๒ มีปฏิสมั พันธท์ ดี่ ี -เล่นหรือทางานร่วมกับเพื่อนเป็น -เล่นหรือทางานร่วมกับเพ่ือนอย่างมี

กับผ้อู ่ืน กล่มุ เป้าหมาย

-ย้ิมหรือทักทายหรือพูดคุยกับ -ย้ิมหรือทักทายหรือพูดคุยกับผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่และบุคคลที่คุ้นเคยได้ด้วย และบุคคลท่ีคุ้นเคยได้เหมาะสมกับ
ตนเอง สถานการณ์

มาตรฐานที่ ๘ อยู่ร่วมกับผู้อ่นื ได้อยา่ งมีความสุขและปฏิบตั ิตนเปน็ สมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบ
ประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข (ตอ่ )

ตวั บง่ ช้ี สภาพที่พงึ ประสงค์

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๘.๑ ยอมรับความ -เล่นและทากิจกรรมร่วมกับกลุ่ม -เล่นและทากิจกรรมร่วมกับเด็กท่ี

เหมอื นและความ เดก็ ท่ีแตกต่างไปจากตน แตกตา่ งไปจากตน

แตกตา่ งระหว่างบคุ คล

๘.๒ มปี ฏสิ มั พนั ธท์ ีด่ ี -เล่นหรือทางานร่วมกับเพื่อนเป็น -เล่นหรือทางานร่วมกับเพื่อนอย่าง

กับผอู้ ่นื กล่มุ มีเปา้ หมาย

-ย้ิมหรือทักทายหรือพูดคุยกับ -ย้ิมหรือทักทายหรือพูดคุยกับ
ผู้ใหญ่และบุคคลท่ีคุ้นเคยได้ด้วย ผู้ ใ ห ญ่ แ ล ะ บุ ค ค ล ที่ คุ้ น เ ค ย ไ ด้
ตนเอง เหมาะสมกบั สถานการณ์

๘.๓ ปฏิบตั ิตน -มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ -มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ
เบอ้ื งตน้ ในการเปน็ ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงเมอ่ื มีผ้ชู แี้ นะ ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงดว้ ยตนเอง
สมาชกิ ท่ีดขี องสงั คม
-ปฏิบัติตนเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีได้ -ปฏิบัติตนเป็นผู้นาและผู้ตามได้

ดว้ ยตนเอง เหมาะสมกับสถานการณ์

-ประนีประนอมแก้ไขปัญหาโดย -ประนีประนอมแก้ไขปัญหาโดย
ปราศจากการใช้ความรุนแรงเม่ือมี ปราศจากการใช้ความรุนแรงด้วย
ผูช้ แ้ี นะ ตนเอง

-คิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ -คิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์

ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม

ความอายและความไม่ทนต่อการ ความอายและความไม่ทนต่อการ

ทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้าน ทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้าน

ทุจริต และพลเมือง กับความ ทุจริต และพลเมือง กับความ

รับผดิ ชอบตอ่ สงั คม รบั ผดิ ชอบต่อสังคม

๔. พฒั นาการดา้ นสติปญั ญา
มาตรฐานที่ ๙ ใชภ้ าษาส่อื สารไดเ้ หมาะสมกับวัย

ตวั บ่งชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๙.๑ สนทนาโตต้ อบ -ฟังผู้อ่ืนพูดจนจบและสนทนา -ฟงั ผ้อู ่นื พูดจนจบและสนทนาโต้ตอบ
และเล่าเรอ่ื งให้ผอู้ น่ื
เข้าใจ โตต้ อบสอดคลอ้ งกับเร่ืองที่ฟงั อยา่ งตอ่ เนือ่ งเชือ่ มโยงกบั เรอ่ื งท่ีฟงั

๙.๒ อา่ น เขยี น -เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่าง -เลา่ เปน็ เร่อื งราวต่อเนอ่ื งได้
ภาพ และสญั ลกั ษณ์
ได้ ต่อเนือ่ ง

-อ่านภาพ สัญลักษณ์ คา พร้อม -อ่านภาพ สัญลักษณ์ คา ด้วยการชี้

ทั้งช้ี หรือกวาดตามองข้อความ หรือกวาดตามองจุดเริ่มต้นและจุด

ตามบรรทดั จบของขอ้ ความ

-เขียนคล้ายตวั อกั ษร -เขียนช่ือของตนเอง ตามแบบ เขียน
ขอ้ ความด้วยวิธที ่ีคดิ ขนึ้ เอง

มาตรฐานท่ี ๑๐ มคี วามสามารถในการคิดทเี่ ป็นพ้ืนฐานในการเรยี นรู้

ตวั บ่งชี้ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์

อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๑๐.๑ มคี วาม -บอกลักษณะและส่วนประกอบ -บอกลักษณะ ส่วนประกอบ การ
สามารถในการคิด
รวบยอด ของส่ิงของต่างๆจากการสังเกต เปลี่ยนแปลง หรือความสัมพันธ์ของ

โดยใชป้ ระสาทสมั ผัส ส่ิงของต่างๆจากการสังเกตโดยใช้

ประสาทสมั ผัส

-จับคู่และเปรียบเทียบความ -จับคู่และเปรียบเทียบความแตกต่าง

แตกต่างหรือความเหมือนของส่ิง หรือความเหมือนของส่ิงต่างๆโดยใช้

ต่างๆโดยใช้ลักษณะท่ีสังเกตพบ ลักษณะท่ีสังเกตพบสองลักษณะข้ึน

เพยี งลักษณะเดยี ว ไป

-จาแนกและจัดกลุ่มสิ่งต่างๆโดย -จาแนกและจัดกลุ่มสิ่งต่างๆโดยใช้

ใช้อย่างน้อยหนึ่งลักษณะเป็น ต้งั แตส่ องลกั ษณะขึน้ ไปเปน็ เกณฑ์

เกณฑ์

-เรียงลาดับส่ิงของหรือเหตุการณ์ -เรียงลาดับสิ่งของหรือเหตุการณ์

อย่างนอ้ ย ๔ ลาดบั อยา่ งนอ้ ย ๕ ลาดับ

๑๐.๒ มีความ -ระบุสาเหตุหรือผลท่ีเกิดขึ้นใน -อธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและผลที่

สามารถในการคดิ เชงิ เหตกุ ารณ์หรือ การกระทาเมื่อมีผู้ เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทา

เหตผุ ล ช้ีแนะ ด้วยตนเอง

-คาดเดา หรือคาดคะเนส่ิงที่ -คาดคะเนส่ิงท่ีอาจจะเกิดข้ึน และมี

อาจจะเกิดข้ึน หรือมีส่วนร่วมใน ส่วนร่วมในการลงความเห็นจาก

การลงความเห็นจากขอ้ มลู ขอ้ มลู อย่างมีเหตุผล

๑๐.๓ มีความ -ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆและเริ่ม -ตดั สินใจในเร่ืองง่ายๆและยอมรับผล
สามารถในการคดิ
แกป้ ัญหาและ เรียนรู้ผลทเี่ กดิ ขนึ้ ที่เกดิ ข้นึ
ตัดสินใจ
-ระบุปัญหา และแก้ปัญหาโดย -ระบุปัญหาสร้างทางเลือกและเลือก

ลองผิดลองถูก วธิ แี กป้ ัญหา

มาตรฐานที่ ๑๑ มีจนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์

ตวั บ่งช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงค์

๑๑.๑ เลน่ /ทางานศิลปะ อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี
ตามจนิ ตนาการและ
ความคดิ สรา้ งสรรค์ -สร้างผลงานศิลปะเพ่ือ -สร้างผลงานศิลปะเพ่ือส่ือสาร

๑๑.๒ แสดงทา่ ทาง/ สื่อสารความคิด ความรู้สึก ความคิด ความรู้สึกของตนเองโดย
เคล่ือนไหวตามจินตนาการ
อย่างสรา้ งสรรค์ ข อ ง ต น เ อ ง โ ด ย มี ก า ร มีการดัดแปลงและแปลกใหม่จาก

ดัดแปลงและแปลกใหม่จาก เดมิ และมีราย ละเอียดเพ่ิมขนึ้

เดิมหรือมีราย ละเอียด

เพ่มิ ขนึ้

-เคล่ือนไหวท่าทาง เพ่ื อ -เคลื่อนไหวท่าทางเพ่ือส่ือสาร

สื่อสารความคิด ความรู้สึก ความคิด ความรู้สกึ ของตนเองอย่าง

ของตนเองอย่างหลากหลาย หลากหลายและแปลกใหม่

หรือแปลกใหม่

มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสม
กับวยั

ตัวบ่งช้ี สภาพทพ่ี ึงประสงค์
๑๒.๑ มเี จตคติทีด่ ีตอ่ การ
เรยี นรู้ อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

๑๒.๒ มคี วามสามารถใน - ส น ใ จ ซั ก ถ า ม เ กี่ ย ว กั บ -หยิบหนังสือมาอ่านและเขียนสื่อ
การแสวงหาความรู้
สัญลักษณ์หรือตัวหนังสือท่ี ความคิดด้วยตนเองเป็นประจา

พบเหน็ อย่างต่อเนือ่ ง

-กระตือรือร้นในการเข้าร่วม -กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม

กิจกรรม ต้ังแต่ตน้ จนจบ

-ค้นหาคาตอบของข้อสงสัย -ค้นหาคาตอบของข้อสงสัยต่างๆ
ต่างๆ ตามวิธกี ารของตนเอง ตามวิธีการท่ีหลากหลายดว้ ยตนเอง

-ใช้ประโยคคาถามว่า “ที่ -ใช้ประโยคคาถามว่า “เมื่อไร”
ไหน” “ทาไม” ในการคน้ หา อย่างไร” ในการคน้ หาคาตอบ
คาตอบ

๖, ระยะเวลาเรียน
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๒ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ โรงเรียนหนองอ้อวทิ ยาคม กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาในการจัดประสบการณ์
ให้กับเด็ก ๒ ปีการศึกษา ปีการศึกษาละ ๒ ภาคเรียน โดยมีเวลาเรียนสาหรับเด็กปฐมวัยไม่น้อย
กว่า ๑๘๐ วนั ต่อ ๑ ปกี ารศกึ ษา ในแตล่ ะวนั จะใช้เวลาไม่น้อยกวา่ ๕ ชัว่ โมง โดยสามารถปรบั เปล่ยี น
ใหเ้ หมาะสมตามบริบทและสถานการณ์ ดังนี้

๖.๑ การจดั ชัน้ เรียน
๖.๑.๑ ชั้นอนบุ าลปที ่ี ๒ ช่ือยอ่ อ.๒ เดก็ ช่วงอายุ ๔-๕ ปี
๖.๑.๒ ชนั้ อนุบาลปที ่ี ๓ ชื่อย่อ อ.๓ เดก็ ชว่ งอายุ ๕-๖ ปี

๖.๒ โครงสรา้ งเวลาในการจัดประสบการณ์ ปกี ารศึกษาละ ๒ ภาคเรียน
๖.๒.๑ ภาคเรยี นที่ ๑ (๑๖ พฤษภาคม - ๑๐ ตลุ าคม)
๖.๒.๑ ภาคเรยี นที่ ๒ (๑ พฤศจกิ ายน - ๓๑ มนี าคม)

๖.๓ เวลาเรยี น สาหรับเด็กปฐมวัย ๑ ปีการศึกษาไมน่ ้อยกว่า ๑๘๐ วัน
๖.๓.๑ ภาคเรียนที่ ๑ ไมน่ อ้ ยกว่า ๙๐ วัน ในแตล่ ะวันเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๕ ช่ัวโมง
๖.๓.๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๙๐ วัน ในแตล่ ะวันเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๕ ช่ัวโมง

๗. สาระการเรียนรู้รายปี
สาระการเรียนรู้ใช้เป็นสื่อกลางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็กเพ่ือส่งเสริม

พัฒนาการทุกด้าน ให้เป็นไปตามจุดหมายของหลักสูตรท่ีกาหนด ประกอบด้วย ประสบการณ์สาคัญ
และสาระท่คี วรเรียนรู้ ดงั น้ี

๑. ประสบการณส์ าคัญ
ประสบการณ์สาคัญเป็นแนวทางสาหรับผู้สอนไปใช้ในการออกแบบการจัดประสบการณ์

ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั เรยี นรู้ ลงมอื ปฏบิ ัติ และได้รบั การส่งเสริมพฒั นาการครอบคลมุ ทุกด้าน ดังนี้
๑.๑ ประสบการณส์ าคัญท่สี ่งเสริมพัฒนาการด้านรา่ งกาย เปน็ การสนับสนุนให้เด็กได้มี

โอกาสพัฒนาการใช้กล้ามเน้ือใหญ่ กล้ามเนื้อเล็ก และการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเน้ือและ
ระบบประสาท ในการทากิจวัตรประจาวันหรือทากิจกรรมต่างๆและสนับสนุนให้เด็กมีโอกาสดูแล
สขุ ภาพและสุขอนามยั และการรกั ษาความปลอดภยั ดังนี้

๑.๑.๑ การใช้กลา้ มเน้อื ใหญ่
๑.๑.๑.๑ การเคล่อื นไหวอยู่กบั ท่ี
๑.๑.๑.๒ การเคลอ่ื นไหวเคลือ่ นที่
๑.๑.๑.๓ การเคล่ือนไหวพร้อมวสั ดอุ ปุ กรณ์
๑.๑.๑.๔ การเคล่ือนไหวท่ีใช้การประสานสมั พันธข์ องการใช้กล้ามเนือ้ มดั ใหญ่ในการ

ขวา้ ง การจบั การโยน การเตะ
๑.๑.๑.๕ การเล่นเครือ่ งเล่นสนามอยา่ งอิสระ

๑.๑.๒ การใช้กล้ามเน้ือเลก็
๑.๑.๒.๑ การเล่นเครอ่ื งเล่นสมั ผสั และการสรา้ งจากแท่งไม้ บลอ็ ก
๑.๑.๒.๒ การเขียนภาพและการเล่นกบั สี
๑.๑.๒.๓ การปัน้
๑.๑.๒.๔ การประดษิ ฐ์ส่ิงต่างๆดว้ ย เศษวัสดุ
๑.๑.๒.๕ การหยิบจบั การใชก้ รรไกร การฉกี การตัด การปะ และการรอ้ ยวสั ดุ

๑.๑.๓ การรักษาสุขภาพอนามยั ส่วนตวั
๑.๑.๓.๑ การปฏบิ ตั ติ นตามสขุ อนามยั สขุ นสิ ัยทดี่ ีในกจิ วตั รประจาวนั

๑.๑.๔ การรกั ษาความปลอดภยั
๑.๑.๔.๑ การปฏบิ ัติตนให้ปลอดภยั ในกิจวตั รประจาวนั
๑.๑.๔.๒ การฟังนิทาน เรื่องราว เหตุการณ์ เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาความ

ปลอดภัย
๑.๑.๔.๓ การเล่นเคร่ืองเล่นอย่างปลอดภัย
๑.๑.๔.๔ การเล่นบทบาทสมมตเิ หตุการณ์ตา่ งๆ

๑.๑.๕ การตระหนกั ร้เู ก่ยี วกับรา่ งกายตนเอง
๑.๑.๕.๑ การเคล่อื นไหวเพ่ือควบคมุ ตนเองไปในทศิ ทาง ระดบั และพ้ืนท่ี
๑.๑.๕.๒ การเคลอื่ นไหวขา้ มส่งิ กดี ขวาง

๑.๒ ประสบการณ์สาคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจเป็นการสนับสนุนให้
เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกของตนเองที่เหมาะสมกับวัย ตระหนักถึงลักษณะพิเศษ
เฉพาะที่เป็นอัตลักษณ์ ความเป็นตัวของตัวเอง มีความสุข ร่าเริงแจ่มใส การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้
พัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม สนุ ทรยี ภาพ ความรู้สึกทด่ี ีต่อตนเอง และความเชอื่ ม่นั ในตนเองขณะปฏิบัติ
กิจกรรมต่างๆ ดงั นี้

๑.๒.๑ สนุ ทรียภาพ ดนตรี
๑.๒.๑.๑ การฟงั เพลง การร้องเพลง และการแสดงปฏิกิรยิ าโตต้ อบเสยี งดนตรี
๑.๒.๑.๒ การเคล่ือนไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี
๑.๒.๑.๓ การเล่นบทบาทสมมติ
๑.๒.๑.๔ การทากิจกรรมศิลปะต่างๆ
๑.๒.๑.๕ การสร้างสรรคส์ ิ่งสวยงาม

๑.๒.๒ การเล่น
๑.๒.๒.๑ การเลน่ อิสระ
๑.๒.๒.๒ การเล่นรายบคุ คล กลมุ่ ยอ่ ย กลมุ่ ใหญ่
๑.๒.๒.๓ การเลน่ ตามมุมประสบการณ์
๑.๒.๒.๔ การเลน่ นอกห้องเรียน
๑.๒.๓ คุณธรรม จรยิ ธรรม
๑.๒.๓.๑ การปฏิบัตติ นตามหลกั ศาสนาทนี่ บั ถอื
๑.๒.๓.๒ การฟังนิทานเกย่ี วกบั คุณธรรม จรยิ ธรรม

๑.๒.๓.๓ การร่วมสนทนาแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ เชิงจริยธรรม
๑.๒.๔ การแสดงออกทางอารมณ์
๑.๒.๔.๑ การสะทอ้ นความรู้สกึ ของตนเองและผ้อู ่ืน
๑.๒.๔.๒ การเลน่ บทบาทสมมติ
๑.๒.๔.๓ การเคล่อื นไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี
๑.๒.๔.๔การรอ้ งเพลง
๑.๒.๔.๕ การทางานศลิ ปะ
๑.๒.๕ การมีอัตลักษณ์เฉพาะตนและเชอื่ ว่าตนเองมคี วามสามารถ
๑.๒.๕.๑ การปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ งๆตามความสามารถของตนเอง
๑.๒.๖ การเหน็ อกเหน็ ใจผูอ้ ่นื
๑.๒.๖.๑ การแสดงความยินดีเม่ือผู้อ่ืนมีความสุขเห็นอกเห็นใจเมื่อผู้อ่ืนเศร้าหรือ
เสียใจและ
การช่วยเหลอื ปลอบโยนเม่ือผู้อ่นื ได้รับบาดเจบ็
๑.๓ ประสบการณ์สาคัญท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้มี
โอกาสปฏิสัมพันธ์กับบุคลและส่ิงแวดล้อมต่างๆรอบตัวจากการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ผ่านการเรียนรู้
ทางสังคม เชน่ การเล่น การทางานกบั ผ้อู นื่ การปฏบิ ัตกิ จิ วตั รประจาวัน การแกป้ ญั หาข้อขดั แยง้ ต่างๆ
๑.๓.๑ การปฏบิ ัตกิ จิ วตั รประจาวนั
๑.๓.๑.๑ การช่วยเหลือตนเองในกิจวตั รประจาวัน
๑.๓.๑.๒การปฏบิ ัตติ นตามแนวทางหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๑.๓.๒ การดูแลรักษาธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม
๑.๓.๒.๑ การมีส่วนร่วมรับผิดชอบดูแลรักษาส่ิงแวดล้อมท้ังภายในและภายนอก
ห้องเรียน
๑.๓.๒.๒ การทางานศิลปะที่ใช้วัสดุหรือสิ่งของที่ใช้แล้วมาใช้ซ้าหรือแปรรูปแล้วนา
กลบั มา
ใช้ใหม่
๑.๓.๒.๓ การเพาะปลกู และดแู ลต้นไม้
๑.๓.๒.๔ การเลีย้ งสัตว์
๑.๓.๒.๕ การสนทนาข่าวและเหตุการณ์ท่ีเก่ียวกับธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมใน
ชีวติ ประจาวนั
๑.๓.๓ การปฏบิ ตั ิตามวฒั นธรรมทอ้ งถ่ินทีอ่ าศัยและความเป็นไทย
๑.๓.๓.๑ การเลน่ บทบาทสมมตุ กิ ารปฏิบตั ิตนในความเป็นคนไทย
๑.๓.๓.๒ การปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ ที่อาศยั และประเพณไี ทย
๑.๓.๓.๓ การประกอบอาหารไทย
๑.๓.๓.๔ การศึกษานอกสถานที่
๑.๓.๓.๕ การละเล่นพื้นบ้านของไทย

๑.๓.๔ การมปี ฏิสมั พนั ธ์ มีวินัย มสี วนร่วม และบทบาทสมาชิกของสงั คม
๑.๓.๔.๑ การร่วมกาหนดขอ้ ตกลงของห้องเรียน
๑.๓.๔.๒ การปฏบิ ัตติ นเปน็ สมาชิท่ีดขี องห้องเรียน
๑.๓.๔.๓ การให้ความร่วมมอื ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ
๑.๓.๔.๔ การดแู ลห้องเรียนร่วมกัน
๑.๓.๔.๕ การร่วมกิจกรรมวันสาคัญ

๑.๓.๕ การเลน่ แบบร่วมมอื ร่วมใจ
๑.๓.๕.๑ การรว่ มสนทนาและแลกเปลย่ี นความคดิ เห็น
๑.๓.๕.๒ การเล่นและทางานรว่ มกบั ผ้อู น่ื
๑.๓.๕.๓ การทาศลิ ปะแบบรว่ มมือ

๑.๓.๖ การแกป้ ญั หาความขัดแย้ง
๑.๓.๖.๑ การมีส่วนรว่ มในการเลือกวธิ กี ารแก้ปัญหา
๑.๓.๖.๒ การมีสว่ นร่วมในการแก้ปญั หาความขัดแย้ง

๑.๓.๗ การยอมรับในความเหมือนและความแตกต่างระหว่างบคุ คล
๑.๓.๗.๑ การเลน่ หรอื ทากิจกรรมร่วมกบั กลมุ่ เพ่ือน

๑.๓.๘ ความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกบั การปอ้ งกันการทุจริต
๑.๓.๘.๑ มีการคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม
๑.๓.๘.๒ มคี วามอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
๑.๓.๘.๓ เกิด STRONG : จติ พอเพยี งต้านทุจริต
๑.๓.๘.๔ เป็นพลเมืองและความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม

๑.๔ ประสบการณ์สาคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการดา้ นสติปญั ญา เปน็ การสนับสนุนใหเ้ ด็กได้รับรู้ เรียนรู้
สิ่งต่างๆรอบตัวผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อม บุคคลและส่ือต่างๆ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ท่ี
หลากหลาย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กพัฒนาการใช้ภาษา จินตนาการความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา
การคิดเชิงเหตุผล และการคิดรวบยอดเก่ียวกับส่ิงต่างๆ รอบตัวและมีความคิดรวบยอดทาง
คณติ ศาสตร์ทีเ่ ปน็ พ้นื ฐานของการเรียนร้ใู นระดบั ท่ีสูงข้นึ ตอ่ ไป

๑.๔.๑ การใชภ้ าษา
๑.๔.๑.๑ การฟงั เสยี งต่างๆ ในสงิ่ แวดลอ้ ม
๑.๔.๑.๒ การฟังและปฏบิ ัตติ ามคาแนะนา
๑.๔.๑.๓ การฟังเพลง นทิ าน คาคล้องจอง บทร้อยกรงหรือเรื่องราวตา่ งๆ
๑.๔.๑.๔ การแสดงความคิด ความร้สู ึก และความต้องการ
๑.๔.๑.๕ การพูดกับผู้อื่นเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเอง หรือพูดเล่าเร่ืองราว

เกี่ยวกับตนเอง
๑.๔.๑.๖ การพูดอธบิ ายเกยี่ วกับส่ิงของ เหตุการณ์ และความสัมพนั ธข์ องส่ิงต่างๆ
๑.๔.๑.๗ การพดู อยา่ งสร้างสรรคใ์ นการเลน่ และการกระทาตา่ งๆ
๑.๔.๑.๘ การรอจังหวะท่ีเหมาะสมในการพูด
๑.๔.๑.๙ การพูดเรยี งลาดบั เพื่อใช้ในการส่อื สาร

๑.๔.๑.๑๐ การอา่ นหนงั สอื ภาพ นทิ าน หลากหลายประเภท/รูปแบบ
๑.๔.๑.๑๑ การอา่ นอสิ ระตามลาพัง การอ่านรว่ มกนั การอา่ นโดยมีผู้ชีแ้ นะ
๑.๔.๑.๑๒ การเหน็ แบบอยา่ งของการอ่านที่ถกู ตอ้ ง
๑.๔.๑.๑๓ การสงั เกตทิศทางการอ่านตัวอกั ษร คา และข้อความ
๑.๔.๑.๑๔ การอ่านและชี้ข้อความ โดยกวาดสายตาตามบรรทัดจากซ้ายไปขวา จาก
บนลงล่าง
๑.๔.๑.๑๕ การสังเกตตวั อกั ษรในช่ือของตน หรือคาคุน้ เคย
๑.๔.๑.๑๖ การสังเกตตัวอกั ษรที่ประกอบเปน็ คาผ่านการอ่านหรอื เขียนของผู้ใหญ่
๑.๔.๑.๑๗ การคาดเดาคา วลีหรือประโยค ที่มีโครงสรา้ งซา้ ๆกัน จากนทิ าน เพลง คา
คล้องจอง
๑.๔.๑.๑๘ การเลน่ เกมทางภาษา
๑.๔.๑.๑๙ การเห็นแบบอย่างของการเขียนทถ่ี ูกตอ้ ง
๑.๔.๑.๒๐ การเขียนรว่ มกันตามโอกาส และการเขียนอิสระ
๑.๔.๑.๒๑ การเขยี นคาที่มีความหมายกับตัวเดก็ /คาคุน้ เคย
๑.๔.๑.๒๒ การคดิ สะกดคาและเขยี นเพือ่ ส่อื ความหมายดว้ ยตนเองอย่างอสิ ระ
๑.๔.๒ การคิดรวบยอด การคิดเชงิ เหตผุ ล การตัดสินใจและแก้ปญั หา
๑.๔.๒.๑ การสงั เกตลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลย่ี นแปลง และความสมั พันธ์ของ
สง่ิ ต่างๆ
โดยใช้ประสาทสัมผสั อยา่ งเหมาะสม
๑.๔.๒.๒ การสงั เกตสง่ิ ต่างๆ และสถานท่ีจากมุมมองที่ตา่ งกัน
๑.๔.๒.๓ การบอกและแสดงตาแหน่ง ทิศทาง และระยะทางของสิ่งต่างๆด้วยการ
กระทา
ภาพวาด ภาพถา่ ย และรปู ภาพ
๑.๔.๒.๔ การเล่นกับสื่อต่างๆที่เป็นทรงกลม ทรงสี่เหล่ียมมุมฉาก ทรงกระบอก
กรวย
๑.๔.๒.๕ การคัดแยก การจัดกลุ่ม และการจาแนกสิ่งต่างๆตามลักษณะและรูปร่าง
รปู ทรง
๑.๔.๒.๖ การต่อของช้ินเลก็ เติมในชิ้นใหญใ่ ห้สมบูรณ์ และการแยกชิ้นสว่ น
๑.๔.๒.๗ การทาซา้ การต่อเติม และการสรา้ งแบบรปู
๑.๔.๒.๘ การนับและแสดงจานวนของส่งิ ต่างๆในชีวิตประจาวัน
๑.๔.๒.๙ การเปรียบเทยี บและเรียงลาดับจานวนของสง่ิ ต่างๆ
๑.๔.๒.๑๐ การรวมและการแยกส่งิ ตา่ งๆ
๑.๔.๒.๑๑ การบอกและแสดงอันดับท่ขี องสิง่ ต่างๆ
๑.๔.๒.๑๒ การช่ัง ตวง วัดสง่ิ ต่างๆโดยใช้เครื่องมือและหน่วยทไ่ี มใ่ ชห่ น่วยมาตรฐาน
๑.๔.๒.๑๓ การจับคู่ การเปรียบเทียบ และการเรียงลาดับ ส่ิงต่างๆ ตามลักษณะ
ความยาว/ความสงู นา้ หนกั ปรมิ าตร

๑.๔.๒.๑๔ การบอกและเรยี งลาดบั กิจกรรมหรือเหตูการณต์ ามชว่ งเวลา
๑.๔.๒.๑๕ การใชภ้ าษาทางคณิตศาสตร์กับเหตกุ ารณ์ในชีวิตประจาวนั
๑.๔.๒.๑๖ การอธิบายเช่อื มโยงสาเหตุและผลท่เี กิดขึ้นในเหตุการณ์หรอื การกระทา
๑.๔.๒.๑๗ การคาดเดาหรือการคาดคะเนส่ิงทีอ่ าจเกดิ ข้ึนอยา่ งมีเหตผุ ล
๑.๔.๒.๑๘ การมสี ว่ นร่วมในการลงความเหน็ จากข้อมูลอยา่ งมีเหตุผล
๑.๔.๒.๑๙ การตดั สินใจและมสี ่วนร่วมในกระบวนการแกป้ ัญหา
๑.๔.๓ จินตนาการและความคดิ สร้างสรรค์
๑.๔.๓.๑ การรบั รู้ และแสดงความคดิ ความรสู้ กึ ผ่านส่ือ วัสดุ ของเลน่ และชิ้นงาน
๑.๔.๓.๒ การแสดงความคิดสรา้ งสรรค์ผ่านภาษา ทา่ ทาง การเคลือ่ นไหว และศลิ ปะ
๑.๔.๓.๓ การสรา้ งสรรค์ช้ินงานโดยใชร้ ูปรา่ งรปู ทรงจากวสั ดุท่ีหลากหลาย
๑.๔.๔ เจตคติท่ีดีตอ่ การเรยี นรู้และการแสวงหาความรู้
๑.๔.๔.๑ การสารวจส่ิงต่างๆ และแหลง่ เรียนรูร้ อบตัว
๑.๔.๔.๒ การต้งั คาถามในเรื่องท่ีสนใจ
๑.๔.๔.๓ การสบื เสาะหาความรเู้ พื่อคน้ หาคาตอบของข้อสงสยั ตา่ งๆ
๑.๔.๔.๔ การมีส่วนร่วมในการรวบรวมข้อมูลและนาเสนอข้อมูลจากการสบื เสาะหา
ความรใู้ นรปู แบบตา่ งๆและแผนภมู อิ ยา่ งง่าย

๒. สาระทคี่ วรเรียนรู้

สาระท่ีควรเรียนรู้ เป็นเร่ืองราวรอบตัวเด็กที่นามาเป็นส่ือกลางในการจัดกิจกรรมให้เด็กเกิด
แนวคดิ หลังจากนาสาระการเรยี นรู้นั้น ๆ มาจดั ประสบการณ์ให้เด็ก เพ่อื ใหบ้ รรลุจัดหมายทก่ี าหนดไว้
ท้งั น้ี ไมเ่ นน้ การทอ่ งจาเนือ้ หา ครูสามารถกาหนดรายละเอยี ดขนึ้ เองให้สอดคล้องกับวัย ความต้องการ
และความสนใจของเด็ก โดยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์สาคัญ ทั้งนี้ อาจยืดหยุ่นเน้ือหาได้โดย
คานงึ ถึงประสบการณ์และสิง่ แวดลอ้ มในชวี ติ จริงของเด็ก ดงั น้ี

๒.๑ เร่ืองราวเก่ียวกับตัวเด็ก เด็กควรรู้จักช่ือ นามสกุล รูปร่างหน้าตา รู้จักอวัยวะต่างๆ วิธี
ระวังรักษาร่างกายให้สะอาดและมีสุขภาพอนามัยที่ดี การรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ การ
ระมัดระวังความปลอดภยั ของตนเองจากผู้อื่นและภัยใกลต้ ัว รวมทั้งการปฏิบัตติ ่อผ้อู ่ืนอย่างปลอดภยั
การรู้จักความเป็นมาของตนเองและครอบครัว การปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัวและ
โรงเรียน การเคารพสิทธิของตนเองและผู้อ่ืน การรู้จักแสดงความคิดเห็นของตนเองและรับฟังความ
คิดเห็นของผู้อ่ืน การกากับตนเอง การเล่นและทาส่ิงต่างๆด้วยตนเองตามลาพังหรือกับผู้อื่น การ
ตระหนักรู้เกี่ยวกับตนเอง ความภาคภูมิใจในตนเอง การสะท้อนการรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของ
ตนเองและผู้อ่ืน การแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกอย่างเหมาะสม การแสดงมารยาทท่ีดี การมี
คณุ ธรรมจริยธรรม

๒.๒ เรื่องราวเก่ียวกับบุคคลและสถานท่ีแวดล้อมเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับครอบครัว
สถานศึกษา ชุมชน และบคุ คลตา่ งๆ ทเ่ี ด็กต้องเกี่ยวข้องหรือใกลช้ ดิ และมปี ฏสิ ัมพนั ธ์ในชีวิตประจาวัน
สถานที่สาคัญ วันสาคัญ อาชีพของคนในชุมชน ศาสนา แหล่งวัฒนาธรรมในชุมชน สัญลักษณ์สาคัญ

ของชาติไทยและการปฏิบัติตามวัฒนธรรมท้องถ่ินและความเป็นไทย หรือแหล่งเรียนรู้จากภูมิปัญญา
ทอ้ งถิน่ อนื่ ๆ

๒.๓ ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรเรียนรู้เก่ียวกับช่ือ ลักษณะ ส่วนประกอบ การเปล่ียนแปลง
และความสัมพันธ์ของมนุษย์ สัตว์ พืช ตลอดจนการรู้จักเกี่ยวกับดิน น้า ท้องฟ้า สภาพอากาศ ภัย
ธรรมชาติ แรง และพลังงานในชีวิตประจาวันท่ีแวดล้อมเด็ก รวมท้ังการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการ
รกั ษาสาธารณสมบตั ิ

๒.๔ ส่ิงต่างๆรอบตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาเพ่ือส่ือความหมายใน
ชีวิตประจาวัน ความรู้พื้นฐานเก่ียวกับการใช้หนังสือและตัวหนังสือ รู้จักชื่อ ลักษณะ สี ผิวสัมผัส
ขนาด รปู รา่ ง รปู ทรง ปริมาตร นา้ หนัก จานวน สว่ นประกอบ การเปล่ยี นแปลงและความสัมพนั ธ์ของ
ส่ิงต่างๆรอบตัว เวลา เงิน ประโยชน์ การใช้งาน และการเลือกใช้ส่ิงของเคร่ืองใช้ ยานพาหนะ การ
คมนาคม เทคโนโลยีและการส่ือสารต่างๆ ทีใ่ ชอ้ ยู่ในชวี ติ ประจาวันอย่างประหยัด ปลอดภยั และรักษา
สง่ิ แวดลอ้ ม

การวเิ คราะห์สาระการเรียนรรู้ ายปี

พัฒนาการดา้ นรา่ งกาย

มาตรฐานที่ ๑ ร่างกายเจรญิ เติบโตตามวยั

สภาพที่พึงประสงค์ สาระการเรยี นรูร้ ายปี

ตวั บง่ ช้ี ชั้น อ.๒ ช้นั อ.๓ ประสบการณส์ าคัญ สาระทีค่ วรเรียนรู้
(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)

๑.๑.๑ ๑.๑.๑ น้าหนัก ๑.๑.๑ นา้ หนกั ๑. การวัด ๑. การเจรญิ เติบโต

นา้ หนกั และ และสว่ นสงู ตาม และสว่ นสูงตาม ๒. การปฏบิ ตั ติ นตาม ของรา่ งกาย

ส่วนสูงตาม เกณฑ์ของกรม เกณฑ์ของกรม สขุ อนามยั สขุ นิสัยที่ดี ๒. อาหารทชี่ ่วยให้

เกณฑ์ของ อนามัย อนามัย ในกิจวัตรประจาวนั ร่างกายเจริญเตบิ โต

กรมอนามัย ๓. น้าหนกั

๔. สว่ นสูง

๑.๒ มี ๑.๒.๑ ๑.๒.๑ ๑. การรักษาสขุ ภาพ ๑. การปฏบิ ตั กิ จิ วัตร

สขุ ภาพ รบั ประทาน รับประทาน และการรักษาความ ประจาวัน

อนามยั และ อาหารทม่ี ี อาหารท่ีมี ปลอดภยั ๒. อาหารทีม่ ี

สุขนสิ ัยทด่ี ี ประโยชน์และ ประโยชน์ได้ ๒. การปฏบิ ตั ิตนตาม ประโยชนแ์ ละไม่มี

ดืม่ นา้ สะอาดได้ หลายชนิดและ สขุ อนามัย สุขนิสัยที่ดี ประโยชน์

ตนเอง ด่ืมนา้ สะอาดได้ ใน ๓. อาหารหลกั ๕ หมู่

ด้วยตนเอง ๓. การประกอบอาหาร ๔. การมเี จตคตทิ ่ดี ี

ไทย ต่อการรบั ประทาน

๔. การปฏิบตั ติ นตาม อาหารทม่ี ปี ระโยชน์

สุขอนามยั สขุ นิสัยท่ีดี ๔. มารยาทในการ

ในกจิ วัตรประจาวนั รับประทานอาหาร

มาตรฐานท่ี ๑ ร่างกายเจรญิ เติบโตตามวยั (ต่อ)

สภาพที่พึงประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี

ตวั บง่ ชี้ ช้นั อ.๒ ช้นั อ.๓ ประสบการณ์สาคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้

๑.๒ มี (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
สุขภาพ
อนามัยและ ๑.๒.๒ ล้างมอื ๑.๒.๒ ล้างมือ ๑. การปฏิบัติตนตาม ๑. การปฏิบตั ิ
สุขนสิ ยั ท่ดี ี
(ต่อ) ก่อน กอ่ น สุขอนามยั สขุ นสิ ยั ท่ีดใี น กจิ วัตรประจาวัน

รบั ประทาน รบั ประทาน กิจวัตรประจาวัน ๒. การมีสขุ นสิ ยั ท่ีดี

อาหารและ อาหารและ ๒. การชว่ ยเหลือตนเองใน ในการรบั ประทาน

หลังจากใช้ หลงั จากใช้ กิจวตั รประจาวัน อาหาร

ห้องน้าห้อง หอ้ งนา้ ห้องส้วม ๓. การขับถ่าย ๓. การทาความ

สว้ มดว้ ย ด้วยตนเอง ๔. การปฏิบัติตนให้ สะอาดอวยั วะต่างๆ

ตนเอง ปลอดภยั ของตนเองและ ของรา่ งกายและ

ผอู้ นื่ ในกจิ วตั รประจาวัน การรักษาความ

๕. การฟังนิทานเรื่องราว ปลอดภัย

เก่ียวกับสขุ นสิ ยั ทด่ี ี ๔. วธิ ีระวังรักษา

ร่างกายให้สะอาด

และมสี ขุ ภาพ

อนามัยท่ีดี

๑.๒.๓ นอน ๑.๒.๓ นอน การปฏบิ ัตติ นตาม ประโยชนข์ องการ
พักผอ่ นเปน็ พักผอ่ นเปน็
เวลา เวลา สุขอนามัย สุขนิสัยท่ีดีใน นอนหลับพักผ่อน

๑.๒.๔ ออก ๑.๒.๔ ออก กิจวตั รประจาวัน
กาลังกายเปน็ กาลงั กายเปน็
เวลา เวลา ๑. การเล่นอิสระ ๑. ประโยชนข์ อง

๒. การเคล่ือนไหวข้ามสิ่ง การออกกาลงั กาย

กดี ขวาง ๒. การเลน่ เครื่อง

๓. การเลน่ เครอ่ื งเลน่ อย่าง เลน่ สนามอย่างถกู

ปลอดภัย วิธี

๔. การละเล่นพืน้ บ้านไทย

๕. การเล่นนอกหอ้ งเรยี น

๖. การเลน่ เคร่ืองเลน่

สนาม

มาตรฐานท่ี ๑ รา่ งกายเจรญิ เตบิ โตตามวยั (ต่อ)

สภาพทพี่ ึงประสงค์ สาระการเรยี นร้รู ายปี

ตัวบ่งชี้ ชน้ั อ.๒ ช้นั อ.๓ ประสบการณ์สาคญั สาระทค่ี วรเรยี นรู้
(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
๑.๓ รกั ษา
ความ ๑.๓.๑ เลน่ ๑.๓.๑ เลน่ และ ๑. การปฏบิ ัติตนให้ ๑. การรักษาความ
ปลอดภยั ของ
ตนเองและ และทา ทากจิ กรรมและ ปลอดภยั ในกิจวัตร ปลอดภยั ของตนเอง
ผอู้ ่ืน
กจิ กรรมอยา่ ง ปฏบิ ตั ติ ่อผอู้ ่ืน ประจาวนั และการปฏบิ ัติต่อ

ปลอดภยั ดว้ ย อย่างปลอดภยั ๒. การฟังนทิ าน ผ้อู ืน่ อย่างปลอดภัย

ตนเอง เรือ่ งราวเหตุการณ์ ในชีวิตประจาวัน

เก่ยี วกบั การป้องกนั ๒. การปฏิบตั ติ น

และรกั ษาความ อยา่ งเหมาะสมเมอ่ื

ปลอดภยั เจ็บปว่ ย

๓. การเลน่ บทบาท ๓. การระวังภยั จาก

สมมตเิ หตุการณ์ คนแปลกหน้าและ

ตา่ งๆ อบุ ัติภัยตา่ งๆ

๔. การพูดกับผู้อ่ืน

เก่ยี วกับ

ประสบการณ์ของ

ตนเองหรือพดู เล่า

เรอื่ งราวเกี่ยวกับ

ตนเอง

๕. การเล่นเครอื่ งเลน่

อยา่ งปลอดภยั

๖. การเลน่ และ

ทางานร่วมกบั ผู้อน่ื

พฒั นาการด้านร่างกาย
มาตรฐานท่ี ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเน้ือเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสาน
สมั พันธ์กนั

ตวั บง่ ช้ี สภาพทีพ่ ึงประสงค์ สาระการเรยี นรูร้ ายปี สาระท่คี วรเรยี นรู้
ชั้น อ.๒ ชัน้ อ.๓ ประสบการณ์สาคญั
๒.๑ (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) ๑. การทรงตวั และการ ๑. การทรงตัวขณะ
เคลอื่ นไหว ๒.๑.๑ เดิน ๒.๑.๑ เดินตอ่ ประสานสัมพนั ธข์ อง เดินตามแนวที่
ร่างกายอย่าง ตอ่ เท้าไป เท้าไปข้างหนา้ กลา้ มเน้ือมัดใหญ่ กาหนด
คลอ่ งแคลว่ ข้างหนา้ เปน็ เปน็ เสน้ ตรงได้ ๒. การเคลอ่ื นไหวอยู่ ๒. การทดลองข้ึน –
ประสาน เส้นตรงได้ โดยไมต่ อ้ งกาง กับที่และการ ลงบันได
สัมพนั ธ์และ โดยไม่ต้อง แขน เคลอ่ื นไหวเคลื่อนที่ ๓. เดินต่อเทา้ และ
ทรงตวั ได้ กางแขน เดนิ ถอยหลงั ตามเสน้
๑. การทรงตวั และ ได้
๒.๑.๒ ๒.๑.๒ กระโดด เคลื่อนไหวอยู่กับท่ี ๔. การเคลื่อนไหว
กระโดดขา ขาเดียวไป ร่างกายในลักษณะ
เดยี วอยู่กับท่ี ข้างหน้าได้อย่าง ๑. การเลน่ ในหอ้ งเรยี น ตา่ งๆ
ไดโ้ ดยไม่เสยี ตอ่ เนอ่ื งโดยไม่ และนอกห้องเรยี น ๑. การทรงตวั ขณะ
การทรงตวั เสยี การทรงตวั ๒. การทรงตัวและการ กระโดดตามที่
๒.๑.๓ วิ่ง ๒.๑.๓ ว่ิงหลบ เคล่ือนไหวเคล่ือนท่ี กาหนดได้
หลบหลีกสิง่ หลกี สง่ิ กีดขวาง ๑. การทรงตวั
กดี ขวางได้ ไดอ้ ย่าง ๒. การเคล่อื นไหว ๑. การเริ่มตน้ และ
เคลื่อนท่ี หยดุ โดยมีสัญญาณ
คล่องแคล่ว ๓. การประสาน
๒.๑.๔ รบั ๒.๑.๔ รบั ลูก สมั พนั ธร์ ะหว่างมือกบั ๑. การทรงตวั และ
ลูกบอลโดย บอลทีก่ ระดอน ตา การรบั ลกู บอลโดย
ใชม้ ือท้ัง ๒ ข้ึนจากพื้นได้ ๔. การโยนรบั ลูกบอล การใชก้ ารประสาน
ข้าง สมั พันธร์ ะหวา่ งมือ
กับตา

พฒั นาการด้านร่างกาย
มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสาน
สมั พนั ธ์กนั (ตอ่ )

สภาพทพี่ งึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี

ตัวบ่งชี้ ชน้ั อ.๒ ช้นั อ.๓ ประสบการณ์สาคญั สาระทคี่ วรเรียนรู้
(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
๒.๒ ใชม้ อื
– ตา ๒.๒.๑ ใช้ ๒.๒.๑ ใช้ ๑. การประสานสัมพันธ์ ๑. การใช้มือทาสิ่ง
ประสาน
สัมพันธก์ นั กรรไกรตัด กรรไกรตัด ของกล้ามเนื้อเล็ก ตา่ งๆ

กระดาษตาม กระดาษตาม ๒. การหยิบจบั

แนวเสน้ ตรง แนวเสน้ โค้งได้ ๓. การใช้กรรไกรตัด

ได้ กระดาษตามแนวเส้นได้

๔. การประสานสมั พนั ธ์

ระหว่างมือกับตา

๒.๒.๒ เขยี น ๒.๒.๒ เขียน ๑. การประสานสัมพนั ธ์ ๑. การเขยี นภาพ

รปู สเี หล่ยี ม รูปสามเหลยี่ ม ของกล้ามเนื้อมัดเล็ก เปน็ ลกั ษณะ

ตามแบบได้ ตามแบบได้ ๒. การประสานสัมพันธ์ รปู ร่างตา่ งๆ

อยา่ งมีมุม อย่างมีมุม ระหวา่ งมอื กับตา ๒. การใชม้ อื ทาสง่ิ

ชดั เจน ชดั เจน ๓. การเขยี นรปู สี่เหลย่ี ม ต่างๆ

และสามเหล่ยี ม

๔. ฉกี ปะกระดาษเป็นรูป

ตา่ งๆได้

๒.๒.๓ รอ้ ย ๒.๒.๓ รอ้ ย ๑. การประสานสมั พนั ธ์ ๑. การร้อยลูกปดั

วสั ดทุ มี่ ีรู วัสดทุ ี่มีรขู นาด ของกล้ามเน้ือมัดเล็ก ๒. การใชม้ อื ทาส่ิง

ขนาดเส้นผา่ น เสน้ ผา่ น ๒. การประสานสมั พันธ์ ต่างๆ

ศนู ยก์ ลาง ศูนยก์ ลาง ระหว่างมือกับตา

๐.๕ ๐.๒๕ ๓. ร้อยวัสดทุ ่มี รี ขู นาดเล็ก

เซนตเิ มตร ได้ เซนติเมตร ได้

พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ
มาตรฐานที่ ๓ มสี ขุ ภาพจติ ดแี ละมคี วามสุข

สภาพทพี่ งึ ประสงค์ สาระการเรียนร้รู ายปี

ตวั บง่ ช้ี ชน้ั อ.๒ ชั้น อ.๓ ประสบการณ์ สาระที่ควรเรียนรู้
สาคัญ
๓.๑ (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
แสดงออกทาง
อารมณ์ได้ ๓.๑.๑ แสดง ๓.๑.๑ แสดง ๑. การพูดสะท้อน ๑. การแสดงออก
อย่าง
เหมาะสม อารมณ์ อารมณ์ ความรสู้ ึกของ ทางอารมณท์ ี่

๓.๒ มี ความรสู้ ึกได้ตาม ความรสู้ กึ ได้ ตนเองและผ้อู ื่น เหมาะสมกบั
ความรู้สึกท่ีดี
ตอ่ ตนเองและ สถานการณ์ สอดคลอ้ งกบั ๒. การคิด การร้สู ึก สถานการณ์ต่างๆ
ผู้อืน่
สถานการณ์ ถึงความต้องการ ๒. การแสดง

อยา่ งเหมาะสม ของรา่ งกายและ ท่าทางประกอบ

จิตใจ เรอื่ งราว หรอื

เหตุการณ์ต่างๆ

๓.๒.๑ กล้าพูด ๓.๒.๑ กลา้ พดู ๑. การเล่น ๑. ความแตกต่าง
กล้าแสดงออก กล้าแสดงออก
อยา่ งเหมาะสม อย่างเหมาะสม รายบคุ คล ระหวา่ งบุคคล
บางสถานการณ์ ตามสถานการณ์
๒. การเลน่ เป็น รูปรา่ ง หน้าตา

กลุม่ อารมณ์และ

๓. การแสดง ความรู้สกึ

บทบาทสมมติ ๒. การสอื่ สารกบั

บุคคลอ่นื

๓.๒.๒ แสดง ๓.๒.๒ แสดง ๑. การทากจิ กรรม ๑. การแสดงออก
ความพอใจใน ความพอใจใน
ผลงานและ ผลงานและ ศลิ ปะตา่ งๆ ทางดา้ นอารมณ์
ความสามารถ ความสามารถ
ของตนเอง ของตนเอง ๒. การเคลอื่ นไหว ของตนเอง
ตนเองและผ้อู นื่
๓. การร้องเพลง ๒. การทากจิ กรรม

๔. การแสดงความ ร่วมกันกบั ผู้อื่น

ภาคถูมิใจในสง่ิ ๓. การเล่นหรือ

ต่างๆทีต่ นเอง การทาสิ่งต่างๆด้วย

กระทาแลว้ ประสบ ตนเองและผอู้ ื่น

ความสาเร็จ

๕. การสร้างสรรค์

สงิ่ สวยงาม

พฒั นาการด้านอารมณ์ จิตใจ
มาตรฐานที่ ๔ ชืน่ ชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลอื่ นไหว

สภาพทพ่ี ึงประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี

ตัวบง่ ช้ี ช้นั อ.๒ ช้ัน อ.๓ ประสบการณ์สาคญั สาระทคี่ วรเรียนรู้

๔.๑ สนใจ มี (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
ความสุข
และแสดงออก ๔.๑.๑ สนใจ ๔.๑.๑ สนใจ ๑. การช่นื ชมสงิ่ ๑. การทางาน
ผา่ น สวยงามและ ศิลปะ
งานศลิ ปะ มคี วามสุขและ มีความสขุ และ สร้างสรรค์ผลงาน
ดนตรี ศลิ ปะของตนเอง
และการ แสดงออกผา่ น แสดงออกผ่าน และผอู้ น่ื
เคลือ่ นไหว ๒. การเล่นบทบาท
งานศลิ ปะ งานศลิ ปะ สมมติ
๓. การทากจิ กรรม
ศิลปะต่างๆ

๔.๑.๒ สนใจ ๔.๑.๒ สนใจ ๑. การแสดงออก ๑. การฟงั เพลง
มคี วามสุขและ มีความสขุ และ
แสดงออกผ่าน แสดงออกผา่ น อยา่ งสนกุ สนานกับ ดนตรี
เสียงเพลง เสยี งเพลง
ดนตรี ดนตรี เสยี งเพลง ดนตรี ๒. การรจู้ ักเพลง

๔.๑.๓ สนใจ ๔.๑.๓ สนใจ เคลอ่ื นไหว ดนตรีประเภท
มคี วามสุขและ มีความสุขและ
แสดงทา่ ทาง/ แสดงทา่ ทาง/ ๒. การรอ้ งเพลงและ ตา่ งๆ
เคล่อื นไหว เคลื่อนไหว
ประกอบเพลง ประกอบเพลง การแสดงปฏกิ ริ ิยา
จังหวะและ จงั หวะและ
ดนตรี ดนตรี โต้ตอบเสียงดนตรี

๑. การฟงั เพลง ๑. การรอ้ งเพลง

๒. การรอ้ งเพลงและ ประกอบท่าทาง

การแสดงปฏิกริ ยิ า ๒. การเคลอ่ื นไหว

โต้ตอบเสยี งดนตรี อิสระ

๓. การเคลื่อนไหว

ตามเสยี งเพลงและ

ดนตรี

พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ
มาตรฐานท่ี ๕ มคี ุณธรรม จริยธรรม และมจี ิตใจทดี่ งี าม

สภาพที่พึงประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี

ตัวบง่ ชี้ ชน้ั อ.๒ ช้นั อ.๓ ประสบการณส์ าคัญ สาระทีค่ วรเรยี นรู้
๕.๑ ซ่ือสัตย์ (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
สุจรติ ๑. การฟังนทิ าน เกย่ี วกบั ๑. คุณธรรม
๕.๑.๑ บอก ๕.๑.๑ บอก คุณธรรม จรยิ ธรรม จริยธรรม
๕.๒ มคี วาม หรือชไ้ี ด้วา่ สง่ิ หรอื ชไ้ี ด้วา่ สง่ิ ๒. การร่วมสนทนาและ - ความซื่อสตั ว์
เมตตากรุณา ใดเปน็ ของ ใดเป็นของ แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ สุจริต
มนี า้ ใจและ ตนเองและส่ิง ตนเองและสงิ่ เชงิ จรยิ ธรรม - ความเกรงใจ
ช่วยเหลือ ใดเป็นของ ใดเปน็ ของ ๓. การเลน่ บทบาทสมมติ ๒. การเคารพสทิ ธิ
แบ่งปนั ผ้อู ืน่ เม่ือมีผู้ ผู้อนื่ ดว้ ย ๔. การปฏิบัตติ นเป็น ของตนเองและ
ชแ้ี นะ ตนเอง สมาชกิ ท่ดี ขี องห้องเรียน ผอู้ น่ื
๕. การปฏิบตั ิตนตาม ๓. การมีมารยาท
๕.๒.๑ แสดง ๕.๒.๑ แสดง ศาสนาทต่ี นเองนบั ถือ ท่ดี ี
ความรกั เพ่ือน ความรกั เพ่ือน ๖. การปฏิบัติตนตาม
และมีเมตตา และมีเมตตา มารยาททด่ี ี ๑. คุณธรรม
สัตว์เล้ียง สัตว์เล้ียง ๑. การฟังนทิ าน เกีย่ วกับ จริยธรรม
ความเมตตากรุณา - ความเมตตา
๕.๒.๒ ๕.๒.๒ ๒. การเลน่ บทบาทสมมติ กรุณา
ชว่ ยเหลือและ ชว่ ยเหลอื และ ๓. การเลยี้ งสัตว์ เอ้อื เฟ้ือเผื่อแผ่
แบ่งปันผอู้ ื่นได้ แบ่งปันผอู้ ื่น ผอู้ ื่น
เมอ่ื มผี ชู้ ี้แนะ ได้ดว้ ยตนเอง ๑. การฟงั นิทาน เกย่ี วกบั ๑. คณุ ธรรม
คณุ ธรรม จริยธรรม จรยิ ธรรม
๒. การเล่นบทบาทสมมติ - ความมนี ้าใจ
๓. การปฏิบตั ิตนเป็น ชว่ ยเหลอื แบ่งปัน
สมาชกิ ทีด่ ีของห้องเรยี น - ความกตญั ญู

พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ
มาตรฐานที่ ๕ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และมจี ิตใจท่ีดีงาม (ตอ่ )

สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ สาระการเรียนร้รู ายปี

ตัวบ่งชี้ ชัน้ อ.๒ ช้นั อ.๓ ประสบการณส์ าคญั สาระท่คี วรเรียนรู้
(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
๕.๓ มี
ความเห็นอก ๕.๓.๑ แสดง ๕.๓.๑ แสดงสี ๑. การเล่นและทางาน ๑. คณุ ธรรม
เห็นใจผ้อู ืน่
สีหนา้ และ หนา้ และท่าทาง ร่วมกบั ผู้อ่นื จริยธรรม
๕.๔ มีความ
รับผิดชอบ ท่าทางรบั รู้ รบั ร้คู วามรสู้ กึ ๒. การเล่นบทบาท - ความเห็นอกเหน็

ความรู้สึก ผูอ้ ื่นอย่าง สมมติ ใจผอู้ น่ื

ผอู้ น่ื สอดคล้องกบั

สถานการณ์

๕.๔.๑ ๕.๔.๑ ทางานท่ี ๑. การทากจิ กรรม ๑. คณุ ธรรม

ทางานท่ี ได้รบั มอบหมาย ศลิ ปะต่างๆ จรยิ ธรรม

ได้รบั จนสาเรจ็ ดว้ ย ๒. การดูแลหอ้ งเรียน - ความรับผิดชอบ

มอบหมายจน ตนเอง รว่ มกนั - ความอดทน

สาเร็จเมอ่ื มผี ู้ ๓. การมีสว่ นร่วม มงุ่ มั่น

ช้แี นะ รับผดิ ชอบดรู กั ษา - ความเพียร

สิง่ แวดล้อมท้งั ภายใน

และภายนอก

หอ้ งเรยี น

๔. การรว่ มกาหนด

ข้อตกลงของห้องเรียน

พัฒนาการด้านสงั คม
มาตรฐานที่ ๖ มีทักษะชวี ิตและปฏบิ ตั ิตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

สภาพทพี่ งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้รายปี

ตวั บง่ ช้ี ชัน้ อ.๒ ชั้น อ.๓ ประสบการณ์ สาระทค่ี วรเรียนรู้
๖.๑ ชว่ ยเหลอื (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) สาคญั
ตนเองในการ
ปฏิบตั ิกิจวัตร ๖.๑.๑ แต่งตวั ๖.๑.๑ แต่งตัว ๑. การปฏบิ ัติ ๑. การแตง่ กาย
ประจาวนั
ดว้ ยตนเอง ด้วยตนเองได้ กจิ วัตรประจาวัน
๖.๒ มีวินยั ใน
ตนเอง อยา่ งคล่องแคลว่ ของตนเอง

๖.๓ ประหยัด ๖.๑.๒ ๖.๑.๒ ๑. การปฏบิ ัติ ๑. การ
และพอเพียง
รบั ประทาน รับประทาน กิจวัตรประจาวัน รบั ประทาน

อาหารด้วย อาหารดว้ ยตนเอง ของตนเอง อาหาร

ตนเอง อยา่ งถูกวิธี

๖.๑.๓ ใชห้ ้องนา้ ๖.๑.๓ ใช้และทา ๑. การปฏิบัติ ๑. การใช้ห้องน้า

ห้องส้วมดว้ ย ความสะอาดหลงั กจิ วตั รประจาวนั ห้องสว้ ม

ตนเอง ใชห้ อ้ งน้าหอ้ ง ของตนเอง ๒. การดแู ลรักษา

สว้ มด้วยตนเอง ความสะอาด

ห้องน้าหอ้ งสว้ ม

๖.๒.๑ เกบ็ ของ ๖.๒.๑ เก็บของ ๑. การปฏิบัติ ๑. การเกบ็ ของ

เลน่ ของใชเ้ ข้า เล่นของใชเ้ ข้าที่ กิจวัตรประจาวัน เลน่ เขา้ ท่ใี ห้

ด้วยตนเอง อยา่ งเรยี บร้อย ของตนเอง เรยี บร้อย

ดว้ ยตนเอง ๒. การมีระเบียบ

วนิ ัย

๖.๒.๒ เขา้ แถว ๖.๒.๒ เข้าแถว ๑. การมรี ะเบียบ ๑. การเขา้ แถว

ตามลาดับ ตามลาดบั วนิ ยั

ก่อนหลังไดด้ ว้ ย ก่อนหลังได้ดว้ ย

ตนเอง ตนเอง

๖.๓.๑ ใชส้ ่งิ ของ ๖.๓.๑ ใชส้ ่งิ ของ ๑. การใช้วัสดุ ๑. การเปิด – ปิด

เคร่อื งใช้อยา่ ง เครือ่ งใช้อย่าง และสงิ่ ของ นา้ และไฟโดย

ประหยดั และ ประหยดั และ เครอ่ื งใช้อยา่ ง การใชอ้ ยา่ ง

พอเพยี งเม่ือมีผู้ พอเพียงด้วย คมุ้ ค่า พอเพียง

ชแี้ นะ ตนเอง

พัฒนาการดา้ นสงั คม
มาตรฐานที่ ๗ รกั ธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม และความเปน็ ไทย

สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี

ตัวบ่งช้ี ชน้ั อ.๒ ชั้น อ.๓ ประสบการณส์ าคญั สาระที่ควร
(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) เรยี นรู้
๗.๑ ดแู ล
รักษา ๗.๑.๑ มี ๗.๑.๑ มี ๑. การมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา ๑. สงิ่ แวดลอ้ ม
ธรรมชาติ
และ ส่วนรว่ ม สว่ นร่วมดูแล สิ่งแวดลอ้ มทัง้ ภายในและ ในโรงเรียน และ
สิ่งแวดลอ้ ม
ดแู ลรกั ษา รักษา ภายนอกหอ้ งเรยี น การดแู ลรกั ษา

ธรรมชาติ ธรรมชาติ ๒. การสนทนาขา่ วและเหตุการณ์ ๒. สง่ิ แวดลอ้ ม

และ และ ท่เี กี่ยวกับธรรมชาตแิ ละ ตามธรรมชาติ

ส่งิ แวดล้อม สิ่งแวดล้อม ส่ิงแวดลอ้ มในชวี ติ ประจาวัน และการอนรุ ักษ์

เมอ่ื มผี ู้ ดว้ ยตนเอง ๓. การเพาะปลูกและดูแลต้นไม้ ส่งิ แวดลอ้ ม

ชีแ้ นะ ๔. การอธิบายเชอ่ื มโยงสาเหตแุ ละ ๓. การรกั ษา

ผลทีเ่ กดิ ข้นึ ในเหตุการณ์หรือการ สาธารณะ

กระทา สมบัติใน

๕. การตดั สนิ ใจและมสี ว่ นร่วมใน ห้องเรยี น

กระบวนการแกป้ ญั หา

๗.๑.๒ ท้งิ ๗.๑.๒ ทงิ้ ๑. การคัดแยก การจัดกลมุ่ และ ๑. ขยะและการ

ขยะได้ถูกที่ ขยะไดถ้ ูกที่ จาแนกสิง่ ต่างๆตามลักษณะและ คดั แยกขยะ

รปู รา่ ง รปู ทรง ๒. การดแู ล

๒. การใชว้ ัสดแุ ละสง่ิ ของเคร่ืองใช้ รักษา

อย่างคุ้มค่า สงิ่ แวดลอ้ ม

๓. การทางานศิลปะทีน่ าวัสดุหรอื

ส่ิงของ เครื่องใช้ที่ใช้แลว้ มาใช้ซา้

หรือแปรรูปแล้วนากลบั มาใช้ใหม่

๔. การสร้างสรรคช์ ิน้ งานโดยใช้

รปู รา่ ง รปู ทรงจากวัสดุที

หลากหลาย

๕. การปฏิบตั ติ นเป็นสมาชกิ ทดี่ ี

ของห้องเรียน

พัฒนาการดา้ นสังคม
มาตรฐานที่ ๗ รกั ธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม วัฒนธรรม และความเปน็ ไทย (ต่อ)

สภาพที่พึงประสงค์ สาระการเรยี นรู้รายปี
ช้นั อ.๒ ช้ัน อ.๓
ตัวบง่ ช้ี (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) ประสบการณ์สาคัญ สาระทคี่ วรเรียนรู้
๗.๒.๑ ๗.๒.๑
๗.๒ มี ปฏบิ ตั ิตน ปฏบิ ัติตน ๑. การปฏิบตั ิตนตาม ๑. การปฏบิ ัติตนตาม
มารยาท ตามมารยาท ตามมารยาท วัฒนธรรมทอ้ งถนิ่ ที่อาศยั มารยาทและ
ตาม ไทยไดด้ ว้ ย ไทยได้ตาม และประเพณีไทย วัฒนธรรมไทย
วัฒนธรรม ตนเอง กาลเทศะ ๒. การเลน่ บทบาทสมมติ - การแสดงความ
ไทยและรกั การปฏบิ ตั ิตนในความเปน็ เคารพ
ความเปน็ ๗.๒.๒ กลา่ ว ๗.๒.๒ กลา่ ว ไทย - การพดู สภุ าพ
ไทย คาขอบคณุ คาขอบคณุ - การกล่าวคา
และขอโทษ และขอโทษ ๑. การปฏบิ ตั ติ นตาม ขอบคุณและขอโทษ
ด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง วฒั นธรรมท้องถน่ิ ที่อาศัย ๒. การมีระเบียบวนิ ยั
และประเพณีไทย ๑. การปฏบิ ตั ติ นตาม
๗.๒.๓ ยนื ๗.๒.๓ ยนื ๒. การเล่นบทบาทสมมติ มารยาทและ
ตรงเมือ่ ได้ ตรงและร่วม การปฏบิ ัตติ นในความเปน็ วัฒนธรรมไทย
ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลง คนไทย - การพูดสภุ าพ
ไทยและ ชาตไิ ทยและ ๓. การพูดสะท้อน - การกลา่ วคา
เพลง เพลง ความรสู้ ึกของตนเองและ ขอบคุณและขอโทษ
สรรเสรญิ สรรเสรญิ ผู้อืน่
พระบารมี พระบารมี ๑. การปฏิบัตติ นตาม ๑. วันสาคัญของชาติ
วัฒนธรรมท้องถ่ินท่ีอาศัย ศาสนา
และประเพณีไทย พระมหากษัตรยิ ์
๒. การเล่นบทบาทสมมติ ๒. สญั ลักษณส์ าคัญ
การปฏิบตั ิตนในความเปน็ ของชาติไทย
คนไทย ๓. การแสดงความ
๓. การร่วมกิจกรรมวนั จงรักภักดตี ่อชาติ
สาคัญ ศาสนา
พระมหากษัตรยิ ์

พฒั นาการดา้ นสงั คม
มาตรฐานท่ี ๘ อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นมาสมาชิกที่ดีของสังคมใน
ระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ

สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี
ตัวบง่ ช้ี ชน้ั อ.๒ ช้ัน อ.๓
ประสบการณส์ าคัญ สาระทคี่ วรเรียนรู้
(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
๘.๑ ยอมรบั ๘.๑.๑ เลน่ ๘.๑.๑ เลน่ ๑. การเลน่ และการ ๑. การเล่นและการ
ความ และทา และทา ทางานร่วมกบั ผู้อนื่ ทางานรว่ มกบั ผู้อื่น
เหมอื นและ กิจกรรม กจิ กรรม ๒. การมีโอกาสได้รับ ๒. การรบั ฟังความ
ความ ร่วมกบั เด็ก รว่ มกับเดก็ ท่ี ความรูค้ วามรสู้ ึก ความ คดิ เหน็ ของผู้อ่นื
แตกตา่ ง ที่แตกตา่ งไป แตกต่างไป สนใจ และความต้องการ
ระหว่าง จากตน จากตน ของตนเองและผอู้ ่ืน
บคุ คล
๘.๒ มี ๘.๒.๑ เล่น ๘.๒.๑ เลน่ ๑. การเล่นและทางาน ๑. การเล่นและการ
ปฏสิ ัมพนั ธ์ หรอื ทางาน หรอื ทางาน
ทดี่ ีกบั ผอู้ ื่น ร่วมกบั ร่วมมือกับ รว่ มกบั ผอู้ น่ื ทางานรว่ มกับผู้อื่น

เพ่อื นเป็น เพ่อื นอย่างมี ๒. การแลกเปลีย่ นความ ๒. การรับฟังความ
กลุ่ม เปา้ หมาย
คดิ เหน็ และเคารพความ คิดเหน็ ของผ้อู ืน่
๘.๒.๒ ยิม้ ๘.๒.๒ ย้ิม
ทกั ทาย ทักทาย และ คิดเหน็ ของผู้อ่ืน๓. การมี ๓. ร้จู กั แบง่ ปัน
หรอื พดู คยุ พูดคยุ กบั
กับผู้ใหญ่ ผ้ใู หญ่และ โอกาสได้รับความรู้ ๔. การเหลือผู้อื่น
และบคุ คลท่ี บคุ คลท่ี
คนุ้ เคยได้ ค้นุ เคยได้ ความรู้สกึ ความสนใจ ๕. การมนี า้ ใจ
ดว้ ยตนเอง เหมาะสมกบั
และความต้องการของ ๖. รู้จกั การรอคอย
สถานการณ์
ตนเองและผู้อนื่

๑. การปฏิบัติตาม ๑. การไหว้

วฒั นธรรมทอ้ ง ๒. การกลา่ วทกั ทาย

ถ่นิ ทอ่ี าศัยอยู่และความ “สวสั ดคี ะ่ ” “สวัสดคี รบั ”

เปน็ ไทย ๓. การความเคารพ การ

๒. การมปี ระสบการณ์ กลา่ วคาขอบคุณและขอ

วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ และ โทษ

ความเป็นไทย ๔. การมีมารยาทตาม

วฒั นธรรมไทย

พัฒนาการดา้ นสังคม

มาตรฐานที่ ๘ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นมาสมาชิกท่ีดีของสังคมใน

ระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ (ตอ่ )

สภาพที่พึงประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี

ตัวบง่ ชี้ ช้นั อ.๒ ชั้น อ.๓ ประสบการณส์ าคญั สาระทีค่ วร
(๔ – ๕ ป)ี (๕ – ๖ ป)ี เรียนรู้

๘.๓ ปฏบิ ตั ิ ๘.๓.๑ มสี ว่ นรว่ ม ๘.๓.๑ มสี ว่ นร่วม ๑. การแลกเปลย่ี นความ ๑. การปฏิบัติ

ตนเบ้อื งต้นใน สรา้ งข้อตกลงและ สรา้ งข้อตกลงและ คดิ เห็นและเคารพความ ตามข้อตกลง

การเป็น ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง คิดเห็นของผ้อู ื่น รว่ มกัน

สมาชิกท่ี เมอ่ื มีผชู้ ีแ้ นะ ด้วยตนเอง ๒. การเล่นและการทางาน

ดีของสังคม รว่ มกับผูอ้ ื่น

๓. เดก็ มโี อกาสไดร้ บั รู้

ความรสู้ ึก ความสนใจ และ

ความตอ้ งการของตนเองและ

ผูอ้ น่ื

๘.๓.๒ ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ๘.๓.๒ ปฏบิ ตั ติ น ๑. การวางแผน ตัดสนิ ใจ ๑. รู้จกั การเป็น

ผู้นาและผตู้ ามได้ดัวย เป็นผนู้ าและผูต้ าม เลอื กและลงมือปฏบิ ตั ิ ผูน้ า – ผู้ตามที่ดี

ตนเอง ไดเ้ หมาะสมกบั ๒. การเล่นและการทางาน ๒. การรอคอย

สถานการณ์ ร่วมกับผูอ้ ื่น

๓. เด็กมโี อกาสไดร้ บั รู้

ความรสู้ ึก ความสนใจ และ

ความต้องการของตนเองและ

ผอู้ น่ื

๘.๓.๓ ประนีประนอม ๘.๓.๓ ๑. การแก้ปญั หาในการเลน่ ๑. การทา

แกไ้ ขปญั หาโดย ประนปี ระนอมแกไ้ ข หรอื ทากจิ กรรม กจิ กรรมกลมุ่

ปราศจากการใช้ความ ปญั หาโดยปราศจาก ๒. การแลกเปลย่ี นความ ย่อย และกลมุ่

รุนแรงเมอ่ื มผี ู้ชี้แนะ การใชค้ วามรนุ แรง คดิ เห็นและเคารพความ ใหญ่

ด้วยตนเอง คิดเห็นของผู้อื่น

๘.๓.๔ การคดิ ๘.๓.๔ การคิด ๑. การวางแผน ตัดสนิ ใจ ๑. การเล่นและ

แยกแยะระหวา่ ง แยกแยะระหวา่ ง เลือกและลงมอื ปฏบิ ตั ิ การทางาน

ผลประโยชน์ส่วนตน ผลประโยชนส์ ่วนตน ๒. การเล่นและการทางาน รว่ มกบั ผอู้ ืน่

กบั ผลประโยชน์ กบั ผลประโยชน์ รว่ มกบั ผู้อ่ืน ๒. การรบั ฟงั

ส่วนรวม ความอาย ส่วนรวม ความอาย ๓. เดก็ มีโอกาสไดร้ ับรู้ ความคดิ เหน็ ของ

และความไม่ทนต่อ และความไมท่ นตอ่ ความรสู้ กึ ความสนใจ และ ผอู้ น่ื

การทุจรติ STRONG : การทุจรติ STRONG ความตอ้ งการของตนเองและ

จติ พอเพียงต้านทุจรติ : จติ พอเพียงตา้ น ผ้อู ื่น

และพลเมอื ง กบั ความ ทจุ รติ และพลเมือง

รับผิดชอบต่อสงั คม กับความรับผิดชอบ

ต่อสงั คม

พัฒนาการดา้ นสติปัญญา
มาตรฐานท่ี ๙ ใช้ภาษาสอื่ สารได้เหมาะสมกับวัย

สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ สาระการเรียนร้รู ายปี

ตัวบง่ ชี้ ช้ัน อ.๒ ช้ัน อ.๓ ประสบการณ์สาคัญ สาระทค่ี วรเรยี นรู้

๙.๑ (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
สนทนา
โต้ตอบ ๙.๑.๑ ฟงั ๙.๑.๑ ฟังผูอ้ ืน่ ๑. การสนทนาโต้ตอบและเลา่ ๑. การแสดงบทบาท
และเล่า เรอื่ งราวต่างๆ สมมติ
เรอ่ื งให้ ผู้อ่ืนพดู จน พดู จนจบและ ๒. การคิด ๒. การเล่าข่าว
ผู้อ่ืน ๓. การใชภ้ าษา ๓. การแสดงความคดิ เหน็
เข้าใจ จบและ สนทนาโตต้ อบ ๔. การแสดงความรสู้ ึกด้วย ๔. การสื่อสาร
คาพูด
๙.๒ อ่าน สนทนา อยา่ งต่อเน่ือง
เขยี นภาพ
และ โต้ตอบ เช่ือมโยงกบั เรื่อง
สญั ลกั ษณ์
ได้ สอดคล้องกับ ทฟ่ี ัง

เรื่องท่ีฟัง

๙.๑.๒ เลา่ ๙.๑.๒ เล่าเป็น ๑. การคดิ ๑. การแสดงบทบาท

เรื่องเป็น เร่ืองราวต่อเนื่อง ๒. การใช้ภาษา สมมติ

ประโยคอยา่ ง ได้ ๓. การพดู กับผ้อู ่ืนเกย่ี วกับ ๒. การเลา่ ข่าว เลา่ เรอื่ ง

ต่อเนือ่ ง ประสบการณ์ของตนเองหรอื ๓. การแสดงความคิดเหน็

เล่าเรอื่ งราวเกย่ี วกับตนเอง ๔. เล่าประสบการณข์ อง

ตนเอง

๕. การสนทนากบั ผอู้ ่นื

๙.๒.๑ อ่าน ๙.๒.๑ อ่านภาพ ๑. การคิด ๑. การแสดงบทบาท
ภาพ สัญลกั ษณ์ คา
สญั ลกั ษณ์ คา ด้วยการชี้หรอื ๒. การอ่านภาพ หรือ สมมติ
พร้อมทั้งชี้ กวาดตามอง
หรือกวาดตา จดุ เริม่ ต้นและจด สัญลกั ษณจ์ ากนทิ าน หรือ ๒. การเลา่ นทิ าน
มองข้อความ จบขอ้ ความ
ตามบรรทัด เรื่องราวที่สนใจ ประกอบภาพ

๓. การใชภ้ าษา ๓. การแสดงความคดิ เหน็

๔. การอ่านในหลายรูปแบบ ๔. เล่าประสบการณ์ของ

ผ่านประสบการณ์ท่ีส่ือ ตนเอง

ความหมายต่อเดก็ ๖. หนังสอื ต่างๆ

๙.๒.๒ เขียน ๙.๒.๒ เขียนช่อื ๑. การเขียนในหลายรูปแบบ ๑. การรู้จักช่ือตนเอง
คลา้ ย ของตนเองตาม
ตัวอักษร แบบ เขียน ผา่ นประสบการณ์ทสี่ ื่อ
ข้อความดว้ ยวธิ ี
ทค่ี ิดขึ้นเอง ความหมายต่อเด็ก

๒. การเขยี นภาพ เขยี นคล้าย

ตัวอักษร เขียนสัญลักษณ์ เขยี น

ชอื่ ตนเอง

พฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญา
มาตรฐานที่ ๑๐ มีความสามารถในการคิดที่เป็นพ้นื ฐานในการเรยี นรู้

สภาพท่พี ึงประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี

ตัวบง่ ชี้ ช้นั อ.๒ ช้นั อ.๓ ประสบการณ์ สาระท่ีควรเรียนรู้
(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) สาคญั

๑๐.๑ มี ๑๐.๑.๑ บอก ๑๐.๑.๑ บอกลกั ษณะ ๑. การคิด ๑. กิจกรรมเกม

ความสาม ลักษณะและ สว่ นประกอบ การ ๒. การใช้ภาษา การศกึ ษา

ารถในการ สว่ นประกอบของ เปล่ยี นแปลงหรอื ๓. การสังเกต ๒. กจิ กรรสร้างสรรค์

คดิ รวบ สิ่งต่างๆจากการ ความสมั พนั ธ์ของส่งิ การจาแนก และ ๓. การทดลอง

ยอด สังเกตโดยใช้ ตา่ งๆจากการสงั เกต การเปรยี บเทียบ

ประสาทสมั ผสั โดยใช้ประสาทสัมผสั

๑๐.๑.๒ จับคู่และ ๑๐.๑.๒ จับคแู่ ละ ๑. การคดิ ๑. กิจกรรมเกม

เปรยี บเทียบความ เปรียบเทียบความ ๒. มิติสัมพนั ธ์ การศกึ ษา

แตกต่างหรือ แตกตา่ งและความ ๓. การสังเกต ๒. กิจกรรมเสรมิ

ความเหมอื นของ เหมือนของส่งิ ต่างๆ การจาแนก และ ประสบการณ์

สงิ่ ตา่ งๆโดยใช้ โดยใช้ลักษณะที่สังเกต การเปรยี บเทียบ

ลักษณะทสี่ งั เกต พบ ๒ ลกั ษณะเดยี ว

พบเพียงลักษณะ

เดยี ว

๑๐.๑.๓ จาแนก ๑๐.๑.๓ จาแนกและ ๑. การคดิ ๑. กจิ กรรมเกม

และจัดกลุม่ สง่ิ จดั กลุม่ สง่ิ ตา่ งๆโดยใช้ ๒. มิติสมั พนั ธ์ ศึกษา

ตา่ งๆโดยใชอ้ ยา่ ง ตัง้ แต่ ๒ ลกั ษณะข้ึนไป ๓. การสงั เกต ๒. กิจกรรมกลางแจ้ง

นอ้ ย ๑ ลกั ษณะ เป็นเกณฑ์ การจาแนก และ ๓. กิจกรรมเสรมิ

เป็นเกณฑ์ การเปรยี บเทียบ ประสบการณ์

๑๐.๑.๔ ๑๐.๑.๔ เรยี งลาดบั ๑. การคิด ๑. กิจกรรมเกม

เรยี งลาดบั ส่งิ ของ ส่ิงของหรือเหตุการณ์ ๒. มิตสิ ัมพันธ์ ศกึ ษา

หรอื เหตกุ ารณ์ อยา่ งน้อย ๕ ลาดบั ๓. การสังเกต ๒. กจิ กรรมกลางแจ้ง

อย่างน้อย ๔ การจาแนก และ ๓. กิจกรรมเสรมิ

ลาดบั การเปรียบเทียบ ประสบการณ์

พัฒนาการด้านสติปญั ญา
มาตรฐานที่ ๑๐ มีความสามารถในการคดิ ที่เปน็ พืน้ ฐานในการเรยี นรู้ (ตอ่ )

สภาพทพี่ ึงประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี

ตัวบง่ ชี้ ชั้น อ.๒ ชน้ั อ.๓ ประสบการณ์สาคญั สาระที่ควรเรียนรู้
๑๐.๒ มี (๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี)
ความสามารถ
ในการคิดเชิง ๑๐.๒.๑ ระบุ ๑๐.๒.๑ อธบิ าย ๑. การคิด ๑. สี
เหตผุ ล
สาเหตุ หรอื ผล เชอ่ื มโยงสาเหตุ ๒. การรจู้ ักส่งิ ตา่ งๆด้วย ๒. รูปร่าง รปู ทรง
๑๐.๓ มี
ความสามารถ ท่เี กดิ ข้นึ ใน และผลท่เี กดิ ขึน้ ประสาทสมั ผัสท้งั ๕ ๓. ขนาด
ในการคดิ
แกป้ ัญหา เหตกุ ารณ์หรือ ในเหตกุ ารณ์ ๓. การสงั เกต การ ๔. นา้ หนัก
และตัดสินใจ
การกระทาเม่ือ หรอื การกระทา จาแนก และการ

มผี ู้ชีแ้ นะ ดว้ ยตนเอง เปรยี บเทียบ

๔. การเรียงลาดับ

เหตุการณ์ก่อน – หลัง

๑๐.๒.๒ คาด ๑๐.๒.๒ ๑. การคิด ๑. สี

เดา หรอื คาดคะเนสง่ิ ที่ ๒. มิติสมั พันธ์ ๒. รูปร่าง รูปทรง

คาดคะเนสง่ิ ที่ อาจจะเกิดขน้ึ ๓. การสงั เกต การ ๓. ขนาด

อาจจะเกิดขน้ึ และมีสว่ นร่วม จาแนก และการ ๔. น้าหนัก

หรือมสี ว่ นร่วม ในการลง เปรยี บเทียบ ๕. การทดลอง

ในการลง ความเหน็ จาก ๔. เวลา วทิ ยาศาสตร์

ความเหน็ จาก ข้อมลู อย่างมี

ขอ้ มลู เหตุผล

๑๐.๓.๑ ๑๐.๓.๑ ๑. การคิด ๑. การเลน่ หรือทา

ตัดสินใจในเรอื่ ง ตดั สินใจในเรื่อง ๒. การวางแผนตดั สนิ ใจ ส่ิงตา่ งๆด้วย

งา่ ยๆและเร่ิม ง่ายๆและ เลือกและลงมือปฏบิ ตั ิ ตนเองและผูอ้ ่ืน

เรยี นรผู้ ลที่ ยอมรับผลท่ี ๓. การแก้ปญั หาในการ ๒. การทดลอง

เกิดขนึ้ เกิดขนึ้ เลน่ วทิ ยาศาสตร์

๑๐.๓.๒ ระบุ ๑๐.๓.๒ ระบุ ๑. การคดิ ๑. การขอความ

ปญั หาและ ปัญหาสรา้ ง ๒. การวางแผนตดั สนิ ใจ ช่วยเหลอื จาก

แก้ปัญหาโดย ทางเลอื กและ เลอื กและลงมือปฏิบตั ิ ผูอ้ ืน่

ลองผิดลองถกู เลือกวธิ ี ๓. การแก้ปัญหาในการ ๒. การทดลอง

แก้ปญั หา เลน่ วทิ ยาศาสตร์

พฒั นาการด้านสติปัญญา
มาตรฐานที่ ๑๑ มจี นิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์

สภาพท่ีพงึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี

ตัวบ่งชี้ ชั้น อ.๒ ชน้ั อ.๓ ประสบการณส์ าคญั สาระทค่ี วร
(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) เรยี นรู้

๑๑.๑ ๑๑.๑.๑ ๑๑.๑.๑ ๑. การแสดงความคดิ สรา้ งสรรค์ผ่าน ๑. วิธีการใช้

ทางาน สร้างผลงาน สร้างผลงาน ศลิ ปะ เคร่ืองมอื

ศิลปะตาม ศลิ ปะเพอ่ื ศลิ ปะเพื่อ ๒. การเขยี นและการเลน่ กับสี เคร่อื งใชใ้ นการ

จินตนาการ สอ่ื สาร สอ่ื สาร ๓. การปัน้ ทางานศลิ ปะ

และ ความคดิ ความคิด ๔. การประดิษฐส์ ง่ิ ตา่ งๆดว้ ยเศษวสั ดุ อย่างถูกวธิ ีและ

ความคิด ความรสู้ กึ ความรู้สึก ๕. การทางานศลิ ปะทนี่ าวัสดุ หรือ ปลอดภัย เชน่

สรา้ งสรรค์ ของตนเอง ของตนเอง สงิ่ ของเครื่องใชท้ ใ่ี ชแ้ ล้วมาใช้ซา้ หรอื กรรไกร

โดยมีการ โดยมีการ แปรรูปแลว้ นากลบั มาใช้ใหม่

ดดั แปลง ดดั แปลง ๖. การหยิบจบั การใช้กรรไกร การฉกี

และแปลก และแปลก การตัด การปะและการร้อยวสั ดุ

ใหมจ่ ากเดิม ใหม่จากเดิม ๗. การแสดงความคิดสรา้ งสรรคผ์ า่ น

หรือมี และมี งานศิลปะ

รายละเอียด รายละเอียด ๘. การสรา้ งสรรคช์ ิ้นงานโดยใช้

เพ่มิ ข้ึน เพิ่มขนึ้ รปู ร่างรปู ทรง จากวัสดุทห่ี ลากหลาย

๑๑.๒ แสดง ๑๑.๒.๑ ๑๑.๒.๑ ๑. การเคล่อื นไหวอยู่กับท่ี ๑. การ

ทา่ ทาง/ เคลอื่ นไหว เคล่ือนไหว ๒. การเคล่ือนไหวเคล่ือนที่ เคลือ่ นไหว

เคลือ่ นไหว ทา่ ทางเพ่ือ ทา่ ทางเพือ่ ๓. การเคลื่อนไหวพร้อมวัสดุอุปกรณ์ ร่างกายใน

ตาม ส่อื สาร สื่อสาร ๔. การแสดงความคดิ สร้างสรรค์ผ่าน ทศิ ทางระดบั

จินตนาการ ความคดิ ความคิด ภาษา ท่าทางการเคล่ือนไหวและ และพ้นื ที่ต่างๆ

อย่าง ความร้สู กึ ความรสู้ กึ ศลิ ปะ ๒. การแสดง

สรา้ งสรรค์ ของตนเอง ของตนเอง ๕. การเคลอื่ นไหวโดยควบคมุ ตนเอง ทา่ ทางตา่ งๆ

อย่าง อย่าง ไปในทิศทาง ระดับและพืน้ ท่ี ตามความคิด

หลากหลาย หลากหลาย ๖. การเคล่อื นไหวตามเสียงเพลง/ ของตนเอง

หรอื แปลก และแปลก ดนตรี

ใหม่ ใหม่ ๗. การฟงั เพลง การร้องเพลงและการ

แสดงปฏิกิรยิ าโต้ตอบเสยี งดนตรี

พัฒนาการด้านสติปญั ญา
มาตรฐานที่ ๑๒ มีเจตคติที่ดีตอ่ การเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสม
กับวัย

สภาพที่พงึ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้รายปี

ตัวบ่งชี้ ชน้ั อ.๒ ชน้ั อ.๓ ประสบการณ์ สาระท่ีควรเรยี นรู้

(๔ – ๕ ปี) (๕ – ๖ ปี) สาคญั

๑๒.๑ มเี จต ๑๒.๑.๑ สนใจ ๑๒.๑.๑ สนใจ ๑. การคดิ ๑. ศึกษาแหลง่ เรยี นรู้

คตทิ ีด่ ีต่อการ ซกั ถามเกีย่ วกบั หยิบหนังสือมา ๒. การรับรู้และ ห้องสมดุ

เรียนรู้ สญั ลักษณ์ อ่านและเขียนสื่อ แสดงความรู้สกึ ๒. มุมนิทานหรอื มุมต่างๆ

ตัวหนังสือทีพ่ บเหน็ ความคิดดว้ ย ผา่ นสื่อ วัสดุ ของ ๓. การทากจิ กรรม เลน่ เกม

ตนเองเปน็ ประจา เลน่ และผลงาน และการละเล่นตา่ งๆ

อยา่ งต่อเน่ือง ๓. การ

กระตือรือรน้

๑๒.๑.๒ ๑๒.๑.๒ กระตอื ๑. การมคี วาม ๑. ศึกษาแหล่งเรียนรู้

กระตือรือร้นในการ รือร้นในการเข้า รับผิดชอบ ห้องสมดุ

เขา้ ร่วมกิจกรรม รว่ มกจิ กรรมตัง้ แต่ ๒. การมีระเบยี บ ๒. มมุ นทิ านหรอื มุมต่างๆ

ต้นจนจบ วนิ ยั ๓. การทากิจกรรม เลน่ เกม

และการละเล่นตา่ งๆ

๑๒.๒ มี ๑๒.๒.๑ ค้นหา ๑๒.๒.๑ คน้ หา ๑. การคดิ ๑. ศึกษาแหล่งเรียนรู้

ความสามารถ คาตอบของข้อ คาตอบของข้อสง- ๒. การสงั เกต หอ้ งสมุด

ในการ สงสยั ตา่ งๆตาม สัย ตา่ งๆโดยใช้ การจาแนก และ ๒. มุมนทิ านหรือมุมต่างๆ

แสวงหา วธิ กี ารของตนเอง วิธีการทห่ี ลาก การเปรยี บเทยี บ ๓. การทากิจกรรม เลน่ เกม

ความรู้ หลายดว้ ยตนเอง และการละเลน่ ตา่ งๆ

๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค๑๒.๒.๒ ใช้ประ ๑. การคิด ๑. ศึกษาแหล่งเรียนรู้

คาถามว่า “ที่ไหน” โยคคาถามว่า ๒. การสังเกต ห้องสมุด

“ทาไม” ในการ “เม่ือไร” “อยา่ งไร”การจาแนก และ ๒. มมุ นทิ านหรือมุมตา่ งๆ

คน้ หาคาตอบ ในการค้นหา การเปรียบเทียบ ๓. การทากิจกรรม เลน่ เกม

คาตอบ ๓. การส่ือสาร และการละเล่นตา่ งๆ

๘. การจัดประสบการณ์
การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กวัย ๔-๖ ปี จะจัดในรปู แบบของกจิ กรรมบรู ณาการผา่ นการเล่น

ด้วยการ ปฏิบัติจริงโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า เพื่อให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง เกิดความรู้ ทักษะ
และเจตคติ ในการเรียนรู้ ได้พัฒนาท้งั ด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ดังน้นั การจัด
กิจกรรมจะต้อง ครอบคลุมประสบการณ์สาคัญและสาระท่ีควรเรียนรู้ท่ีกาหนดในหลักสูตรการศึกษา
ปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ปรับปรงุ พทุ ธศักราช๒๕๖๒)

การจัดประสบการณ์ควรยึดหยุ่นให้มีสาระท่ีควรเรียนรู้ที่เด็กสนใจและการกาหนดกิจกรรมให้
เด็ก ในแต่ละวันไม่จัดเป็นรายวิชา และอาจใช้ชื่อเรียกกิจกรรมแตกต่างกันไปในแต่ละหน่วยงาน การ
นาแนวคิดการ จัดการศึกษาปฐมวัยต่างๆมาประยุกต์ใช้ในการจัดประสบการณ์ ผู้สอนต้องทาความ
เข้าใจแนวคิดการจัด การศึกษาปฐมวัยน้ันๆ ซึ่งแต่ละแนวคิดการจัดการศึกษาปฐมวัยจะมีจุดเด่นของ
ตนเอง แต่โดยภาพรวมแล้ว แนวคิดการจัดการศึกษาปฐมวัยส่วนใหญ่ยึดเด็กเป็นสาคัญ การลงมือ
ปฏิบัติจริงด้วยตัวเด็กจึงเป็นหัวใจสาคัญ ของการพัฒนาเด็กโดยองค์รวม นอกจากนี้ผู้สอนต้องศึกษา
และทาความเข้าใจในหลักการจัดประสบการณ์ แนวการจัดประสบการณ์ และการจัดกิจกรรม
ประจาวัน เพ่อื นาหลกั สูตรสถานศึกษาลงส่กู ารปฏิบตั ิ ดงั นี้

๘.๑ หลักการจัดประสบการณ์
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ปรับปรุง
พุทธศักราช๒๕๖๒) ไดก้ าหนดหลกั การจดั ประสบการณ์ไว้ ดงั นี้

๘.๑.๑ จัดประสบการณ์การเลน่ และการเรยี นรู้อย่างหลากหลาย เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวม
อย่างสมดุล และตอ่ เนือ่ ง

๘.๑.๒ เนน้ เด็กเป็นสาคัญ สนองความตอ้ งการ ความสนใจ ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คลและ
บริบทของสงั คมท่ีเด็กอาศัยอยู่

๘.๑.๓ จัดให้เด็กได้รับการพัฒนา โดยให้ความสาคัญทั้งด้านกระบวนการเรียนรู้และ
พฒั นาการของเด็ก

๘.๑.๔ จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของ
การจัด ประสบการณ์ พร้อมทงั้ นาผลการประเมินมาพฒั นาเดก็ อยา่ งตอ่ เน่ือง

๘.๑.๕ ใหพ้ อ่ แม่ ครอบครวั ชมุ ชน และทุกฝ่ายทีเ่ กย่ี วข้อง มสี ่วนร่วมในการพัฒนาเดก็
๘.๒ แนวทางการจัดประสบการณ์

การจัดประสบการณ์สาหรบั เดก็ ปฐมวยั ควรดาเนนิ การตามแนวทางดงั ต่อไปนี้
๘.๒.๑ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการทางานของสมอง ท่ี

เหมาะสมกบั อายุ วฒุ ิภาวะ และระดับพฒั นาการ เพ่อื ให้เดก็ ทกุ คนได้พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ
๘.๒.๒ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็ก เด็กได้ลงมือกระทา เรียนรู้

ผ่าน ประสาทสัมผัสท้ังห้า ได้เคลื่อนไหว สารวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วย
ตนเอง

๘.๒.๓ จัดประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยบูรณาการทั้งกิจกรรม ทักษะ และสาระการ
เรยี นรู้

๘.๒.๔ จัดประสบการณ์ให้เด็กได้คิดริเร่ิม วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทาและนาเสนอ

ความคิด โดยผู้สอน หรือผู้จัดประสบการณ์เป็นผู้สนับสนุน อานวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับ
เด็ก

๘.๒.๕ จัดประสบการณใ์ ห้เดก็ มีปฏิสัมพนั ธ์กบั เด็กอื่น กบั ผู้ใหญ่ ภายใตส้ ภาพแวดล้อมทเี่ อ้ือ
ต่อ การเรียนรู้ในบรรยากาศท่ีอบอุ่น มีความสุข และเรียนรู้การทากิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะ
ต่างๆ

๘.๒.๖ จดั ประสบการณ์ให้เดก็ มีปฏสิ ัมพันธก์ ับส่ือ และแหล่งการเรยี นรูท้ ห่ี ลากหลายและอยู่
ในวถิ ชี ีวิต ของเด็ก สอดคลอ้ งกบั บริบท สังคม และวฒั นธรรมท่แี วดลอ้ มเดก็

๘.๒.๗ จัดประสบการณ์ท่ีส่งเสริมลักษณะนิสัยท่ีดีและทักษะการใช้ชีวิตประจาวัน ตาม
แนวทาง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และการมีวินัย
ให้เปน็ สว่ นหน่งึ ของ การจัดประสบการณ์การเรยี นรอู้ ย่างตอ่ เนื่อง

๘.๒.๘ จดั ประสบการณ์ท้ังในลักษณะที่มกี ารวางแผนไวล้ ว่ งหน้าและแผนที่เกดิ ขน้ึ ในสภาพ
จริง โดยไมไ่ ดค้ าดการณ์ไว้

๘.๒.๙ จัดทาสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
เปน็ รายบคุ คล นามาไตรต่ รองเพอ่ื ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน

๘.๒.๑๐ จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วม ท้ังการวางแผน
การสนับสนนุ สื่อ แหล่งเรยี นรู้ การเข้ารว่ มกิจกรรม และการประเมินพัฒนาการ

๘.๓. การจดั กจิ กรรมประจาวัน
การจัดประสบการณ์ในกิจกรรมประจาวันสาหรับเด็กอายุ ๓-๖ ปี สามารถนามาจัดได้หลาย
รปู แบบ ขนึ้ อยู่กบั ความเหมาะสมในการนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงาน ซึง่ เป็นการชว่ ยให้ผู้สอนทราบว่า
ในแต่ละวันจะทา กิจกรรมอะไร เม่ือใด และอย่างไร และที่สาคัญผู้สอนต้องคานงึ ถงึ การจัดกิจกรรมให้
ครอบคลมุ พัฒนาการ ทกุ ด้าน การจดั กจิ กรรมประจาวนั มีหลักการจดั และขอบขา่ ยของกจิ กรรม ดงั น้ี

๘.๓.๑ หลักการจดั กจิ กรรมประจาวนั
การจัดกิจกรรมประจาวันจะต้องคานึงถึง อายุ และความสนใจของเด็กในแต่ละช่วงวัย

ดังนี้
๘.๓.๑.๑. การกาหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัย

ของเด็กใน แต่ละวนั แตย่ ืดหยนุ่ ได้ตามความต้องการและความสนใจของเด็ก เช่น
เด็กวยั ๓-๔ ปี มคี วามสนใจประมาณ ๘ ๑๒ นาที
เดก็ วยั ๔-๕ ปี มคี วามสนใจประมาณ ๑๒-๑๕ นาที
เดก็ วัย ๕-๖ ปี มีความสนใจประมาณ ๑๕-๒๐ นาที

๘.๓.๑.๒. กิจกรรมท่ีต้องใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลาต่อเนื่อง
นานเกินกวา่ ๒๐ นาที

๘.๓.๑.๓. กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือกเล่นอย่างเสรี เพื่อช่วยให้เด็กเรียนรู้การเลือก การ
ตัดสินใจ การคิดแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์ ใช้เวลาประมาณ ๔๐-๖๐ นาที เช่น กิจกรรมการ
เลน่ ตามมมุ กิจกรรม การเล่นกลางแจง้ กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์

๘.๓.๑.๔. กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมท่ีใช้
กล้ามเน้ือใหญ่ และกล้ามเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่เด็ก

เป็นผู้ริเริ่มและผู้สอนเป็น ผู้ริเร่ิม กิจกรรมท่ีใช้กาลังและไม่ใช้กาลัง จัดให้ครบทุกประเภท ทั้งนี้
กิจกรรมที่ต้องออกกาลังกายควรจัดสลับกับ กิจกรรมที่ไม่ต้องออกกาลังมากนัก เพ่ือเด็กจะได้ไม่
เหน่ือยเกินไป

๘.๓.๒ ขอบขา่ ยของกิจกรรรมประจาวัน
การเลือกกิจกรรมที่จะนามาจัดในแต่ละวัน สามารถจัดได้หลายรูปแบบ ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กับ

ความ เหมาะสมในการนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ที่สาคัญผู้สอนต้องคานึงถึงการ
จดั กิจกรรมให้ ครอบคลุมพัฒนาการทุกดา้ นดังต่อไปน้ี

๘.๓.๒.๑ การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง การทรงตัว การ
ยืดหยุ่น ความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างๆ การประสานสัมพันธ์ และจังหวะการเคล่ือนไหวใน
การใช้กล้ามเนื้อใหญ่ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นอิสระกลางแจ้ง เล่นเคร่ืองเล่นสนาม เล่นปีนป่าย
อยา่ งอิสระ และเคลือ่ นไหว รา่ งกายตามจงั หวะดนตรี

๘.๓.๒.๒ การพัฒนากลา้ มเนอื้ เลก็ เป็นการพัฒนาความแข็งแรงของกลา้ มเนื้อมือ น้วิ
มอื และ การประสานสัมพันธ์ระหวา่ งมอื กับตาได้อย่างคลอ่ งแคล่ว โดยจัดกจิ กรรมใหเ้ ด็กได้เล่นเครื่อง
เลน่ สมั ผัส ฝึกชว่ ยเหลือตนเองในการแต่งกาย การหยบิ จับสง่ิ ของ และอปุ กรณ์ตา่ งๆ เชน่ ชอ้ นสอ้ ม สี
เทยี น กรรไกร พูก่ นั ดินเหนยี ว

๘.๓.๒.๓ การพฒั นาอารมณ์ จติ ใจ และปลกู ฝงั คุณธรรม จริยธรรม เป็นการปลูกฝงั
ให้เด็กมี ความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความเช่ือม่ัน กล้าแสดงออก มีวินัย รับผิดชอบ ซ่ือสัตย์
ประหยัด เมตตา กรุณา เอ้ือเฟ้ือ แบ่งปัน มีมารยาท และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาที่
นับถือ โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ผ่านการเล่นให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลือก ได้รับการตอบสนองตาม
ความตอ้ งการ ได้ฝกึ ปฏบิ ัตโิ ดยสอดแทรก คณุ ธรรม จรยิ ธรรมอยา่ งต่อเนอ่ื ง

๘.๓.๒.๔ การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดี แสดงออก
อย่าง เหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทากิจวัตรประจาวัน มี
นิสัยรักการทางาน รักษาความปลอดภยั ของตนเองและผู้อ่ืน รวมท้ังระมัดระวังอันตรายจากคนแปลก
หน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติ กิจวัตรประจาวันอย่างสม่าเสมอ รับประทานอาหาร พักผ่อนนอนหลับ ขับถ่าย
ทาความสะอาดร่างกาย เล่นและทางานร่วมกับผู้อ่ืน ปฏิบัติตามกฎกติกา ข้อตกลงของส่วนรวม เก็บ
ของเข้าท่ีเมอื่ เล่นหรอื ทางานเสร็จ

๘.๓.๒.๕ การพัฒนาการคดิ เป็นการพฒั นาให้เด็กมีความสามารถในการคดิ แก้ปัญหา
การคิดรวบยอดและการคิดเชิงเหตุผลทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้
สังเกต จาแนก เปรียบเทียบ สืบเสาะหาความรู้ สนทนา อภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น เชิญ
วิทยากรมาพูดคุยกับเด็กศึกษานอกสถานที่ เล่นเกมการศึกษา ฝึกแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ฝึก
ออกแบบและสรา้ งชนิ้ งาน และ ทากจิ กรรมเปน็ รายบุคคล กลุ่มยอ่ ย และกลุม่ ใหญ่

๘.๓.๒.๖ การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาในการส่ือสารถ่ายทอด
ความรู้สึก ความคิด ความเข้าใจในส่ิงต่างๆ ท่ีเด็กมีประสบการณ์ โดยสามารถต้ังคาถามในส่ิงท่ีสงสัย
ใคร่รู้ จัดกิจกรรม ทางภาษาให้มีความหลากหลายในสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ มุ่งปลูกฝังให้
เด็กได้กล้าแสดงออกใน การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน มีนสิ ัยรักการอา่ น และบคุ คลแวดลอ้ มต้อง
เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษา ทั้งนี้ต้องคานึงถึงหลักการจัดกิจกรรมทางภาษาท่ีเหมาะสมกับเด็ก

เปน็ สาคญั

๘.๓.๒.๗ การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการส่งเสริมให้เด็กมี

ความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ ไดถ้ า่ ยทอดอารมณ์และความรสู้ ึกและเห็นความสวยงามของส่ิงต่างๆ โดยจดั

กิจกรรม ศิลปะสร้างสรรค์ การเคล่ือนไหวและจังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ อย่างอิสระ

เลน่ บทบาทสมมติ เล่นนา้ เล่นทราย เลน่ บล็อก และเลน่ ก่อสร้าง

๘.๓.๓ รูปแบบการจัดกจิ กรรมประจาวัน

การจัดตารางกิจกรรมประจาวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กับความเหมาะสม

ในการนาไปใช้ของแตล่ ะหน่วยงาน ท่สี าคัญผูส้ อนตอ้ งคานงึ ถงึ การจดั กจิ กรรมใหค้ รอบคลมุ พัฒนาการ

ทกุ ด้าน จึงขอเสนอแนะสัดสว่ นเวลาในการพฒั นาเด็กแต่ละวัน ดังน้ี

อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

การพฒั นา ชั่วโมง : วัน ช่วั โมง : วนั ช่ัวโมง : วัน

(ประมาณ) (ประมาณ) (ประมาณ)

๑. การพฒั นาทักษะพื้นฐานในชีวิตประจาวัน

(รวมท้ังการช่วยตนเองในการแต่งกาย การ ๓ ๒ ๑/๒ ๒ ๑/๔

รบั ประทานอาหาร สขุ อนามัยและการนอนพกั ผ่อน)

๒. การเล่นตามมุมประสบการณ์/มุมเล่น ๑๑๑

๓. การคิดและความคดิ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ ๑๑๑

๔. กจิ กรรมด้านสงั คม การทางานร่วมกบั ผอู้ น่ื ) ๑/๒ ๓/๔ ๑

๕.กิจกรรมพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ ๓/๔ ๓/๔ ๓/๔

๖.กิจกรรมท่ีมีการวางแผนโดยผสู้ อน ๓/๔ ๑ ๑

เวลาโดยประมาณ ๗ ๗ ๗

จากตารางกจิ กรรมประจาวัน ผสู้ อนตอ้ งจัดกิจกรรมโดยคานงึ ถึงประเดน็ ดงั ต่อไปนี้

๑. การจัดสัดส่วนของเวลาในแต่ละวันที่เสนอไว้สามารถปรับและยืดหยุ่นได้ ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กับ
ผูส้ อนและ สภาพการณ์ โดยยดึ หลักการจัดกจิ กรรมประจาวนั

๒. การจัดกิจกรรมประจาวันควรจัดเพ่ือส่งเสริมทักษะพื้นฐานในชีวิตประจาวันของเด็ก โดย
ผู้สอนต้องให้ ความสาคัญในการส่งเสริมให้เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อเล็กในการหยิบ จับ วัสดุต่างๆเพ่ือ
ช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติ กิจวัตรประจาวันและถือเป็นส่วนหน่ึงของการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
เชน่ เดก็ อายุ ๓ ปีตอ้ งใหเ้ วลาในการทา กิจวัตรประจาวนั มากและเมื่อเดก็ อายุมากขึน้ เวลาท่ีทากิจวัตร
ประจาวนั จะน้อยลงตามลาดับเน่ืองจากเดก็ ช่วยเหลือตนเองได้มากขน้ึ

๓. การจัดกิจกรรมพัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กมีร่างกายแข็งแรง มีการทรง
ตัวท่ีดี มีการยืดหยุ่นและความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่าง ๆ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวและการ
ประสานสมั พนั ธ์กนั

๔. การจัดกิจกรรมการเล่นอิสระ เป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นสาหรับเด็กปฐมวัย ช่วยให้เด็กเลือก
ตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา คิดสร้างสรรค์ในแต่ละวัน เด็กทุกวัยควรมีโอกาสเล่นอิสระกลางแจ้งอย่างนอ้ ย


Click to View FlipBook Version