The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษา (ฉบับปรับปรุง 2562)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jakkuma.p, 2022-08-21 22:02:24

หลักสูตรสถานศึกษา (ฉบับปรับปรุง 2562)

หลักสูตรสถานศึกษา (ฉบับปรับปรุง 2562)

หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลองครกั ษ์ (ผดงุ องครักษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๔๖

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น

กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน มงุ่ ใหผ้ ูเ้ รียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอยา่ งรอบด้านเพ่อื ความเป็นมนุษย์
ที่สมบรู ณ์ ทงั้ ร่างกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสังคม เสรมิ สร้างใหเ้ ปน็ ผ้มู ีศีลธรรม จรยิ ธรรม มีระเบียบวนิ ยั
ปลกู ฝังและสร้างจิตสานึกของการทาประโยชนเ์ พ่ือสงั คม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกบั ผ้อู ืน่ อยา่ ง
มคี วามสขุ

โรงเรียนอนุบาลองครักษ์ (ผดงุ องครกั ษป์ ระชา) ไดจ้ ดั กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน โดยแบ่งออกเปน็ ๓
ลักษณะ ดังน้ี

๑. กิจกรรมแนะแนว
เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถคิด

ตัดสินใจ คิดแกป้ ัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวติ ท้งั ด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่าง
เหมาะสมนอกจากน้ียังชว่ ยใหค้ รูรูจ้ กั และเขา้ ใจผู้เรียน ท้ังยังเป็นกิจกรรมท่ีช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่
ผ้ปู กครองในการ มสี ่วนร่วมพัฒนาผเู้ รยี น

นกั เรยี นทกุ คนต้องเขา้ ร่วมกจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ชว่ั โมงตอ่ ปกี ารศึกษา
แนวการจัดกจิ กรรมแนะแนว
๑. ศกึ ษาวิเคราะหส์ ภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจธรรมชาตขิ องผเู้ รียน
๒. วิเคราะห์สมรรถภาพสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ วิสัยทัศน์ของ
สถานศึกษา และวิเคราะห์ขอ้ มูลของผู้เรียนเป็นรายบคุ คล

หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นอนบุ าลองครักษ์ (ผดุงองครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๔๗

๓. กาหนดสัดส่วนของกิจกรรมให้ครอบคลุมด้านการศึกษา ด้านอาชีพ ด้านส่วนตัว และ
สังคม โดยยดึ สภาพปญั หา ความตอ้ งการ ความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของผู้เรียนและเป้าหมายของ
สถานศึกษา โดยครู ผูป้ กครอง และผู้เรียนมสี ่วนร่วม

๔. กาหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั กจิ กรรมแนะแนวของสถานศึกษา เปน็ ระดบั การศึกษา
และชนั้ ปี

๕. ออกแบบการจัดกจิ กรรมแนะแนว ประกอบด้วยวัตถุประสงค์ การจัดกิจกรรม เวลาจัด
กจิ กรรม หลกั ฐานการทากจิ กรรม และการประเมินผล

๖. จัดทาแผนการจัดกิจกรรมแนะแนวรายช่ัวโมง ประกอบด้วย ช่ือกิจกรรม จุดประสงค์
เวลา เนอื้ หา/สาระ วิธีดาเนินกจิ กรรม สือ่ /อุปกรณ์ และการประเมนิ ผล

๗. จัดกิจกรรมแนะแนวตามแผนการจดั กิจกรรม และประเมินผลการจดั กจิ กรรม
๘. ประเมนิ เพ่อื ตัดสนิ ผล และสรปุ รายงาน

๒. กจิ กรรมนักเรยี น
เปน็ กิจกรรมทมี่ ุง่ พฒั นาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การ

ทางานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอื้อ
อาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียนให้ได้
ปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองในทุกขั้นตอนได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุง
การทางาน เน้นการทางานร่วมกันเปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั วฒุ ภิ าวะของผเู้ รยี น บริบท
ของสถานศกึ ษาและทอ้ งถิ่น กจิ กรรมนักเรยี นประกอบด้วย

๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี นักเรียนทุกคนต้องร่วมกิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี ๔๐
ชั่วโมง ตอ่ ปกี ารศึกษา

แนวการจัดกจิ กรรมลกู เสอื /เนตรนารี
การจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี มีแนวทางการจัดกิจกรรมตามวิธีการลูกเสือ ( Scout
Method) ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบ ๗ ประการ คือ
๑. คาปฏิญาณและกฎ ถือเป็นหลกั เกณฑท์ ่ีลกู เสือทุกคนให้คาม่ันสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎ
ของลกู เสือ กฎของลูกเสือมีไว้ให้ลูกเสือเป็นหลักในการปฏิบัติ ไม่ได้ “ห้าม” ทาหรือ “บังคับ” ให้ทา แต่
ถ้า”ทา” ก็จะทาให้เกิดผลดแี ก่ตวั เอง เป็นคนดี ได้รบั การยกยอ่ งว่าเปน็ ผู้มีเกยี รติเชอื่ ถอื ได้ ฯลฯ

หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นอนบุ าลองครกั ษ์ (ผดงุ องครกั ษ์ประชา) ห น้ า | ๑๔๘

๒. เรยี นรู้จากการกระทา เป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ความสาเร็จหรอื ไม่สาเร็จของผลงานอยู่
ท่ีการกระทาของตนเอง ทาให้มีความรู้ที่ชัดเจน และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตนเองได้ และท้าทาย
ความสามารถของตนเอง

๓. ระบบหมู่ เปน็ รากฐานอนั แท้จรงิ ของการลกู เสือ เปน็ พนื้ ฐานในการอยู่รว่ มกัน การยอมรบั
ซึ่งกันและกัน การแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบ การช่วยเหลือซ่ึงกันและกันซึ่งเป็นการเรียนรู้การใช้
ประชาธิปไตยเบอ้ื งตน้

๔. การใชส้ ัญลักษณ์รว่ มกนั ฝึกให้มีความเป็นหน่ึงเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือ เนตรนารี
ดว้ ยการใช้สัญลกั ษณร์ ว่ มกัน ไดแ้ ก่ เคร่ืองแบบ เคร่ืองหมาย การทความเคารพ รหัส คาปฏิญาณ กฎ คติ
พจน์ คาขวัญ ธง เปน็ ต้น วธิ ีการน้จี ะช่วยให้ผ้เู รยี นตระหนักและภาคภมู ใิ จในการเปน็ สมาชกิ ขององค์การ
ลกู เสือแหง่ โลก ซ่ึงมีสามชิกอยู่ทั่วโลกและเป็นองค์กรทมี่ จี านวนสมาชกิ มากทีส่ ุดในโลก

๕. การศกึ ษาธรรมชาติ คือ สงิ่ สาคญั อันดบั หนง่ึ ในกิจกรรมลูกเสือ ธรรมชาติอันโปร่งใสตาม
ชนบท ปา่ เขา ปา่ ละเมาะ และพมุ่ ไม้ เป็นท่ปี รารถนาอยา่ งยิ่งในการไปทากจิ กรรมกบั ธรรมชาติ การปีนเขา
ต้ังค่ายพกั แรมในสดุ สัปดาห์หรือตามวาระของการอยู่ค่ายพกั แรมตามกฎระเบียบ

๖. ความก้าวหน้าในการร่วมกิจกรรม กิจกรรมต่างๆ ท่ีจัดให้เด็กทาต้องให้มีความก้าวหน้า
และดงึ ดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตอื รอื ร้น อยากที่จะทาวัตถุประสงค์ในการจดั แตล่ ะอย่างใหส้ ัมพันธ์กับ
ความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเลน่ ทส่ี นุกสนาน การแข่งขันกนั กเ็ ปน็ สิ่งดึงดูดใจ และเปน็ การ
จูงใจท่ดี ี

๗. การสนบั สนนุ โดยผใู้ หญ่ ผู้ใหญเ่ ปน็ ผู้ทีช่ ้ีแนะหนทางท่ถี ูกต้องให้แก่เด็กเพ่ือให้เขาเกิดความ
มน่ั ใจในการทจ่ี ะตัดสนิ ใจกระทาส่ิงใดลงไป ท้ังคู่มีความต้องการซ่ึงกันและกัน เด็กก็ต้องการให้ผู้ใหญ่ช่วย
ชี้นา ผู้ใหญ่เองก็ต้องการนาพาให้ไปสู้หนทางท่ีดี ให้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องและดีท่ีสุด จึงเ ป็นการ
รว่ มมอื กันทงั้ สองฝ่าย

๒.๒ กิจกรรมชมุ นมุ นกั เรยี นทกุ คนต้องเข้าร่วมกจิ กรรมชมุ นุม ๔๐ ชัว่ โมงต่อปี
แนวการจัดกิจกรรมชุมนมุ
๑. สารวจความสนใจของผเู้ รียนในการเลือกเข้าชมุ นมุ
๒. ครูท่ปี รกึ ษากระตนุ้ และส่งเสริมให้ผู้เรียนมีการถอดประสบการณ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้และ
เผยแพร่กิจกรรม

๓. กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์
เป็นกจิ กรรมที่สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนบาเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อสังคม ชมุ ชน และท้องถ่ินตามความ

สนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพือ่ แสดงถึงความรับผดิ ชอบ ความด-ี งาม ความเสยี สละตอ่ สงั คม และการมีจิต
สาธารณะ เชน่ กจิ กรรมอาสาพัฒนาตา่ งๆ กจิ กรรมสรา้ งสรรค์สังคม

หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นอนุบาลองครกั ษ์ (ผดงุ องครกั ษ์ประชา) ห น้ า | ๑๔๙

นักเรียนทุกคนตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชั่วโมงตอ่ ปี
แนวการจดั กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์

จัดกิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน์ท้งั ภายในและนอกโรงเรยี น

หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นอนบุ าลองครกั ษ์ (ผดุงองครักษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๕๐

คาอธิบายรายวิชา
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น

หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นอนุบาลองครักษ์ (ผดุงองครักษ์ประชา) ห น้ า | ๑๕๑

คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น

กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น กิจกรรมนกั เรียน (ลูกเสือสารอง)
ชน้ั ประถมศึกษาปีที ๑ เวลา ๓๐ ช่วั โมง/ปี

คาอธิบายรายวิชา
เปิดประชมุ กอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์

วางแผน ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณและกฎ
ของลูกเสือสารอง เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสารองท่ีมีความเป็น
เอกลักษณร์ ว่ มกนั ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
สรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม ปิดประชุมกอง ในเรอ่ื งตอ่ ไปน้ี

๑. เตรียมลกู เสอื สารอง นยิ ายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมู่
(แกรนด์ฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว เบื้องต้น
คาปฏิญาณ กฎและคตพิ จนข์ องลูกเสอื สารอง

๒. ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๑ อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค้นหา
ธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธงและประเทศต่าง ๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง
การบันเทงิ การผูกเงือ่ น คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือสารอง

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงท่ี ๑ สามารถปฏิบัติตามคา
ปฏิญาณ กฎ และคตพิ จน์ของลกู เสอื สารอง มีนิสัยในการสงั เกต จดจา เชอื่ ฟังและพ่ึงตนเอง
มคี วามซือ่ สตั ย์ สจุ ริต มีระเบยี บวนิ ัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักบาเพ็ญตนเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์ รจู้ กั ทาการฝีมือและฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษา
และสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรมและความมั่นคงของชาติ และสามารถประยุกต์ใช้หลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ผลการเรียนรู้
๑. มีนิสยั ในการสงั เกต จดจา เชอื่ ฟงั และพึง่ พาตนเองได้
๒. มคี วามซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต มีระเบียบวินยั และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อนื่
๓. บาเพ็ญตนเพือ่ สังคมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝมี อื และฝกึ ฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รักษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรมประเพณี ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ินและ ความมัน่ คง
๖. อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ มและลดภาวะโลกรอ้ น

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลองครักษ์ (ผดุงองครักษ์ประชา) ห น้ า | ๑๕๒

๗. สามารถประยกุ ต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได

รวม ๗ ผลการเรยี นรู้

คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น

กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน กิจกรรมนกั เรยี น (ลูกเสือสารอง)
ช้นั ประถมศึกษาปีที ๒ เวลา ๓๐ ชว่ั โมง/ปี

คาอธบิ ายรายวิชา
เปดิ ประชุมกอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์

วางแผน ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์และ
กฎของลูกเสือสารอง ศกึ ษาเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใชส้ ัญลกั ษณ์สมาชิกลกู เสือสารองทมี่ ีความเปน็
เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและ
ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ปิดประชมุ กองในเรื่องตอ่ ไปน้ี

ลกู เสอื สารองดาวดวงที่ ๒ นิยายเมาคลี ประวตั ิการเรม่ิ กจิ การลกู เสือ การทาความเคารพหมู่
(แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติ
พจน์ของลูกเสือสารอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์
ทรพั ยากรในชมุ ชนทอ้ งถ่นิ ความปลอดภยั บริการ การผูกเง่ือน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือท่ีใช้
วัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงท่ีส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิ
ปัญญาท้องถิน่ อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมลดภาวะโลกรอ้ น

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๒ สามารถปฏิบัติตามคา
ปฏิญาณ กฎและคติพจน์ของลูกเสือสารอง มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพึ่งตนเอง มีความ
ซื่อสตั ยส์ จุ รติ มรี ะเบยี บวนิ ัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จกั บาเพ็ญเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ รจู้ กั ทาการ
ฝมี ือและฝกึ ฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิ
ปัญญาทอ้ งถิ่น อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงของชาติ และสามารถประยุกต์ใช้
หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ผลการเรียนรู้
1. มีนิสยั ในการสงั เกต จดจา เช่ือฟงั และพ่งึ ตนเองได้

หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นอนบุ าลองครักษ์ (ผดุงองครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๕๓

2. มคี วามซ่ือสตั ย์ สจุ รติ มีระเบียบวินยั และเห็นอกเหน็ ใจผู้อนื่
3. บาเพ็ญตนเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์
4. ทาการฝีมอื และฝกึ ฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม
5. รกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินและความม่นั คงของชาติ
6. อนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น สามารถประยกุ ตใ์ ช้หลกั ปรัชญา

ของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้

รวม ๖ ผลการเรยี นรู้

คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น

กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น กิจกรรมนักเรยี น (ลกู เสอื สารอง)
ชั้นประถมศึกษาปีที ๓ เวลา ๓๐ ช่วั โมง/ปี

คาอธบิ ายรายวชิ า
เปดิ ประชมุ กอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์

วางแผน ปฏิบตั ิกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์และ
กฎของลกู เสอื สารอง ศึกษาเรียนร้จู ากการคิดและปฏบิ ตั ิจริงใช้สญั ลกั ษณส์ มาชิกลกู เสือสารองทมี่ คี วามเปน็
เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและ
ปฏบิ ัติกจิ กรรม ปดิ ประชุมกองในเรื่องตอ่ ไปนี้

ลูกเสือสารองดาวดวงท่ี ๓ นิยายเมาคลี ประวตั ิการเริ่มกจิ การลูกเสือ การทาความเคารพหมู่
(แกรนฮาวล)์ การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติ
พจน์ของลูกเสือสารอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์
ทรัพยากรในชุมชนทอ้ งถน่ิ ความปลอดภัย บรกิ าร การผูกเง่ือน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือท่ีใช้
วัสดุเหลือใช้ในท้องถ่ิน กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงท่ีส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิ
ปัญญาท้องถน่ิ อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติสิง่ แวดล้อมลดภาวะโลกร้อน

เพือ่ ใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสอื สารองดาวดวงท่ี ๓ สามารถปฏิบัตติ ามคาปฏญิ าณ
กฎและคติพจน์ของลูกเสือสารอง มีนิสัยในการสงั เกต จดจา เชื่อฟังและพ่ึงตนเอง มีความซ่ือสัตย์สุจริต มี
ระเบยี บวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจ รูจ้ ักบาเพ็ญเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือและฝึกฝน
ทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น

หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นอนุบาลองครกั ษ์ (ผดงุ องครักษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๕๔

อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติส่ิงแวดล้อม ความมั่นคงของชาติ และสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลการเรยี นรู้
๑. มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจา เช่อื ฟังและพงึ่ ตนเองได้
๒. มีความซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต มีระเบยี บวนิ ัย และเห็นอกเหน็ ใจผ้อู ื่น
๓. บาเพญ็ ตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์
๔. ทาการฝีมือและฝกึ ฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปัญญาท้องถิ่นและความมั่นคงของชาติ
๖. อนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อม ลดภาวะโลกรอ้ น สามารถประยุกต์ใชห้ ลักปรชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียงได้

รวม ๖ ผลการเรยี นรู้

คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน กจิ กรรมนักเรยี น (ลูกเสอื สามญั )
ชน้ั ประถมศึกษาปีที ๔ เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี

คาอธบิ ายรายวิชา
เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลกู เสอื และจัดกจิ กรรมโดยใหศ้ กึ ษา วิเคราะห์

วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติ
พจน์ และกฎของลูกเสอื สามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญท่ีมี
ความเปน็ เอกลักษณร์ ว่ มกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้และมีจิตสานึกในการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภมู ิปัญญาท้องถ่นิ ลดภาวะโลกร้อนและประยุกต์ใชป้ รัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการลูกเสือ ประวัติของ Load Baden Powell พระราช
ประวตั สิ ังเขปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัว วิวัฒนาการของกระบวนการ ลูกเสือไทยและ
ลูกเสือโลก การทาความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย กิจกรรมกลางแจ้ง ระเบียบแถวท่ามือ
เปล่า ท่ามอื ไม้พลวง การใชส้ ญั ญามอื และนกหวีด การต้ังแถวและการเรียนแถว

หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นอนุบาลองครกั ษ์ (ผดุงองครกั ษ์ประชา) ห น้ า | ๑๕๕

เพ่ือใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลูกเสอื สามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และ
คติพจนข์ องลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มี
ระเบียบวนิ ัย และเห็นอกเห็นใจผ้อู ่ืน บาเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝน
การทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี
วฒั นธรรมและความมั่นคง ประโยชนแ์ ละสามารถประยกุ ต์ใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลการเรยี นรู้
1. มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจา เชอื่ ฟงั และพง่ึ ตนเองได้
2. มคี วามซ่อื สัตยส์ จุ ริต มีระเบยี บ วินัยและเหน็ อกเห็นใจผอู้ ืน่
3. บาเพ็ญตนเพือ่ ส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
4. ทาการฝมี อื และฝกึ ฝนทากจิ กรรมต่าง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
5. รกั ษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ และความม่นั คงของชาติ
6. อนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน
7. สามารถประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

รวม ๗ ผลการเรยี นรู้

คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น

กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน กิจกรรมนักเรียน ( กจิ กรรมลกู เสือสามญั )
ชั้นประถมศึกษาปีที ๕ เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี

คาอธบิ ายรายวิชา
เปดิ ประชุมกองดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกจิ กรรมโดยใหศ้ ึกษา วเิ คราะห์

วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติ
พจน์และกฎของลกู เสอื สามัญ เรียนรู้จากคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญท่ีมีความ
เป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ มีจิตสานึกในการอนุรักษ์

หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนอนุบาลองครกั ษ์ (ผดุงองครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๕๖

ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ลดภาวะโลกร้อนและการประยุกต์ใช้ปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยใชท้ ักษะในทางวิชาลูกเสอื การรจู้ กั ดแู ลตนเอง การช่วยเหลอื ผู้อ่นื การเดินทางไป
ยังสถานทตี่ า่ ง ๆ ทางานอดิเรก และเรอ่ื งทส่ี นใจ

เพื่อให้มคี วามรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลกู เสือสามญั สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และ
คติพจนข์ องลูกเสอื สามญั มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟัง และพ่ึงตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มี
ระเบยี บวินยั และเห็นอกเห็นใจผูอ้ นื่ บาเพ็ญตนเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝน
การทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รกั ษาและส่งเสริมจารีตประเพณี
วัฒนธรรมและความมนั่ คง ประโยชน์และสามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ผลการเรยี นรู้
1. มนี ิสัยในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพงึ่ ตนเองได้
2. มคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มีระเบยี บ วนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผ้อู น่ื
3. บาเพญ็ ตนเพื่อส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
4. ทาการฝมี ือและฝกึ ฝนทากจิ กรรมต่าง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
5. รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ และความมน่ั คงของชาติ
6. อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น
7. สามารถประยกุ ต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

รวม ๗ ผลการเรียนรู้

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน คาอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
ชัน้ ประถมศึกษาปีที ๖
กิจกรรมนกั เรียน ( กจิ กรรมลูกเสือสามัญ)
เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี

หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นอนุบาลองครกั ษ์ (ผดงุ องครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๕๗

คาอธิบายรายวชิ า
เปิดประชุมกองดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์

วางแผน ปฏิบตั ิกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และ
กฎของลูกเสือสามัญ วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว การพึ่งตนเอง การผจญภัย การใช้สัญลักษณ์
สมาชิกลูกเสือสามัญ ท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ
วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถ่ินด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง ในการปฏิบัติกิจกรรมเพือ่ การอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละลดภาวะโลกรอ้ น

เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติ
พจน์ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มี
ระเบยี บวนิ ัย และเห็นอกเหน็ ใจผู้อ่ืน บาเพ็ญตนเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝน
การทากจิ กรรม ตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีต
ประเพณี วัฒนธรรมและความม่นั คง ประโยชน์และสามารถประยกุ ต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลการเรยี นรู้
1. มนี ิสัยในการสงั เกต จดจา เชื่อฟงั และพงึ่ ตนเองได้
2. มีความซ่ือสัตยส์ ุจรติ มรี ะเบยี บ วนิ ยั และเห็นอกเห็นใจผู้อน่ื
3. บาเพญ็ ตนเพ่ือสง่ เสริมและสาธารณะประโยชน์
4. ทาการฝีมือและฝกึ ฝนทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
5. รกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ และความมัน่ คงของชาติ
6. อนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น
7. สามารถประยกุ ตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

รวม ๗ ผลการเรียนรู้

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลองครกั ษ์ (ผดุงองครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๕๘

คาอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์
ชั้นประถมศึกษาปีที ๑ - ๖ เวลา ๑๐ ชวั่ โมง/ปี

คาอธบิ ายรายวชิ า
ฝกึ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมดว้ ยความสมัครใจผา่ นกจิ กรรมที่หลากหลาย ฝกึ การทางานท่สี อดคล้องกับ

ชีวิตจริง ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สารวจและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผน
อย่างเป็นระบบ เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ที่เป็น
ประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม เสริมสร้างความมีน้าใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและความ
รบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสงั คม คิดออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในลักษณะอาสาสมัคร
จติ อาสา เพ่อื แสดงความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมตามแนวทางวถิ ีชวี ิตเศรษฐกจิ พอเพียง

เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นบาเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
สามารถออกแบบการจดั กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนอ์ ย่างสรา้ งสรรคต์ ามความถนดั และความ
สนใจในลักษณะอาสาสมคั ร พัฒนาศกั ยภาพตนเองในการจดั กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้
อย่างมีประสิทธภิ าพเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ มจี ิตสาธารณะและใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงได้

ผลการเรียนรู้
1. บาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครวั โรงเรยี น ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ
2. ออกแบบการจัดกจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์อยา่ งสรา้ งสรรค์ ตามความถนัด
และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร
3. สามารถพฒั นาศกั ยภาพในการจัดกจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชนไ์ ดอ้ ย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ
4. ปฏบิ ัตกิ ิจการเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกดิ คณุ ธรรม จริยธรรมตามคุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์
5. สามารถประยกุ ตใ์ ช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้

รวม ๕ ผลการเรียนรู้

หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนอนบุ าลองครกั ษ์ (ผดุงองครกั ษ์ประชา) ห น้ า | ๑๕๙

คาอธิบายรายวิชากิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น

กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น กิจกรรมนักเรียน (กจิ กรรมชุมนมุ )
ชัน้ ประถมศึกษาปีที ๑ - ๖ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ปี

คาอธบิ ายรายวชิ า
ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ เพ่ือพัฒนาความรู้

ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ทั้งด้านวิชาการ และพ้ืนฐานอาชีพ
ทักษะชวี ิตและสังคมตามศกั ยภาพอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ มีความสามารถในการ
สื่อสาร มีทักษะการคดิ แกป้ ญั หา ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี พัฒนาทักษะในการทางานและการ
อยรู่ ว่ มกับผู้อ่นื ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่
อยา่ งพอเพียง มุ่งม่นั ในการทางานรกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ

เพ่ือใหผ้ เู้ รียนได้ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ได้พัฒนา
ความรู้ ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ใหเ้ กดิ ประสบการณ์ท้ังทกั ษะทางวิชาการ ทักษะ
อาชีพ ทกั ษะชีวิตและสังคมตามศักยภาพ ใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชนต์ อ่ ตนเองและสว่ นรวม คิดเป็น ทา
ได้ ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นได้ตามวิถปี ระชาธิปไตย และประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่าง
เหมาะสม

ผลการเรียนรู้
1. ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนัดและความตอ้ งการของตน
2. มคี วามรู้ ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะหใ์ หเ้ กดิ ประสบการณ์ ทง้ั ทาง
วชิ าการและวชิ าชีพตามศักยภาพ
3. ใช้เวลาวา่ งให้เกดประโยชนต์ อ่ ตนเองและสว่ นรวม
4. มุ่งมั่นในการทางานและทางานร่วมกบั ผ้อู ื่นได้ตามวิถปี ระชาธิปไตย
5. ประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไดอ้ ย่างเหมาะสม

หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรียนอนบุ าลองครักษ์ (ผดงุ องครักษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๖๐
รวม ๕ ผลการเรียนรู้

แนวทางการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
๑. กาหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของ

ผู้เรยี นทกุ คนตลอดระดับการศึกษา
๒. ผู้เรียนทุกคนต้องมีผลการประเมินระดับผ่าน ทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมการปฏิบัติ

กจิ กรรมและผลงานของผ้เู รยี นจึงจะได้ผลการประเมินเปน็ ผ่าน (ผ) เพื่อบนั ทึกในระเบยี นแสดงผลการเรยี น
๓. กรณีท่ีผู้เรียนไม่ผ่านกิจกรรม (มผ) ให้เป็นหน้าที่ของครู หรือผู้รับผิดชอบกิจกรรมน้ันๆ

ที่จะต้องซ่อมเสริม โดยให้ผู้เรียนทากิจกรรมจนครบตามเวลาท่ีขาดหรือปฏิบัติกิจกรรมให้บรรลุตาม
วัตถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรมนั้น แลว้ จงึ ประเมนิ ให้ผ่านกิจกรรม เพ่อื บันทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน
ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวสิ ยั ให้รายงานผบู้ ริหารสถานศึกษาทราบ เพื่อดาเนินการช่วยเหลือผู้เรียนอย่างเหมาะสม
เป็นรายกรณไี ป การซอ่ มเสรมิ ให้ดาเนนิ การให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมในปกี ารศกึ ษานัน้ ๆ

๔. เกณฑ์การผ่านการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผู้เรียนจะต้องได้รับการประเมินกิจกรรม
พฒั นาผู้เรยี นและผา่ นเกณฑต์ ามท่ีสถานศกึ ษากาหนด โดยกาหนดเกณฑ์ ดงั นี้

๔.๑ กาหนดคุณภาพไว้ ๒ ระดบั คือ ผา่ น และไมผ่ ่าน
๕. กาหนดประเด็นการประเมนิ ใหส้ อดคล้องตามจดุ ประสงคใ์ นแต่ละกิจกรรมและกาหนดเกณฑ์
การผา่ นการประเมิน ดงั นี้

๑) เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมนิ รายกิจกรรม
ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐
ปฏิบตั กิ จิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรียนและกิจกรรม
เพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนป์ ีละ๑๐ ชวั่ โมง
ไมผ่ ่าน หมายถึง ผ้เู รียนมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมไมค่ รบตามเกณฑ์
และไมผ่ า่ นการปฏิบัติกจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรม

หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนอนบุ าลองครกั ษ์ (ผดุงองครักษ์ประชา) ห น้ า | ๑๖๑

นักเรยี น และกิจกรรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์
ปีละ๑๐ ช่ัวโมง
๒) เกณฑ์การตัดสินผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ละปี
ผ่าน หมายถึง ผเู้ รียนมีผลการประเมนิ ระดบั “ผา่ น” ในกิจกรรม
สาคัญทั้ง ๓ กจิ กรรม คือ กจิ กรรมแนะแนว
กจิ กรรมนกั เรยี น กิจกรรมเพ่ือสงั คม
และสาธารณประโยชน์
ไมผ่ า่ น หมายถงึ ผ้เู รยี นมผี ลการประเมนิ ระดบั “ไมผ่ า่ น” ในกจิ กรรม
สาคญั กจิ กรรมใดหน่งึ จากกจิ กรรม ๓ คือกิจกรรม
แนะแนว กิจกรรมนกั เรยี น กจิ กรรมเพ่ือสังคม
และสาธารณประโยชน์
๓) เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี นเพ่ือจบระดับการศึกษา
ผ่าน หมายถงึ ผูเ้ รียนมผี ลการประเมินระดบั “ผ่าน” ทุกชน้ั ปีในระดบั
การศกึ ษานั้น
ไม่ผา่ น หมายถงึ ผเู้ รยี นมีผลการประเมินระดบั “ไมผ่ ่าน” บางช้ันปีใน
ระดบั การศึกษาน้ัน

การวดั และประเมนิ ผลและเกณฑก์ ารจบหลกั สตู ร

1. การประเมินผลการเรยี น ให้เป็นไปตามหลักการต่อไปน้ี
๑.๑ สถานศึกษาเปน็ ผรู้ บั ผิดชอบการวดั และการประเมินผลการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น

โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม เช่น ผู้เรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน คณะกรรมการ
สถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน

๑.๒ การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อพัฒนาผู้เรียน
กลา่ วคือ เปน็ การประเมนิ ผลยอ่ ย (Formative Assessment) ท่ดี าเนินการอย่างต่อเน่ือง ตลอดการเรียน
การสอน โดยมิใช่ใชแ้ ต่การทดสอบระหว่างเรียนเป็นระยะ ๆ อย่างเดยี วแตเ่ ปน็ การทีค่ รูเก็บข้อมลู การเรยี นรู้
ของผเู้ รยี นอย่างไม่เปน็ ทางการด้วย ขณะท่ใี ห้ผู้เรยี นทาภาระงานตามทีก่ าหนด ครสู ังเกต ซักถามจดบนั ทึก
แล้ววิเคราะห์ข้อมลู ว่าผูเ้ รียนเกดิ การเรียนร้หู รอื ไม่ จะต้องใหผ้ ู้เรยี นปรบั ปรงุ อะไรหรือผู้สอนปรับปรุงอะไร
เพ่อื ใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรตู้ ามมาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั การประเมินระหว่างเรียนดาเนินการได้หลาย
รูปแบบ เช่น การให้ข้อแนะนาข้อสังเกตในการนาเสนอผลงาน การพูดคุยระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนเป็น
กลมุ่ หรือรายบคุ คล การสมั ภาษณ์ ตลอดจนการวิเคราะห์ผลการสอบ เป็นต้น ส่วนการตัดสินผลการเรียน
เปน็ การประเมินสรุปผลการเรียนรู้ (Summative Assessment) มักเกิดข้ึนเมื่อจบหน่วยการเรียนรู้เพ่ือ

หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลองครักษ์ (ผดุงองครักษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๖๒

ตรวจสอบผลการเรียนรูข้ องผู้เรียนตามตัวช้ีวัด และยงั ใช้เปน็ ขอ้ มลู ในการเปรยี บเทยี บกับการประเมินก่อน
เรียน ทาใหท้ ราบพฒั นาการของผู้เรยี นการประเมนิ สรุปผลการเรียนรู้ยังเป็นการตรวจสอบผลสัมฤทธ์ิของ
ผเู้ รียนตอนปลายปี/ปลายภาคอีกด้วยการประเมินสรปุ ผลการเรียนรูใ้ ชว้ ธิ กี ารและเครื่องมือประเมินไดอ้ ย่าง
หลากหลาย ซงึ่ เน้น การวดั และประเมนิ แบบอิงเกณฑ์ (Criterion-Referenced Assessment) เป็นการวัด
และประเมนิ ผลการเรียนรู้เพื่อนาเสนอผลการตัดสนิ ความสามารถหรือผลสมั ฤทธิ์ของผู้เรียน
โดยปรียบเทยี บกับเกณฑท์ กี่ าหนดข้ึน

๑.๓ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการ
เรยี นรู้/ตัวชี้วัดตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่กาหนดในหลักสูตรสถานศึกษา และจัดให้มีการ ประเมินการ
อา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน

๑.๔ การวดั และประเมินผลการเรียนรเู้ ปน็ ส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการเรียนรู้
ตอ้ งดาเนนิ การดว้ ยเทคนคิ วธิ กี ารทีห่ ลากหลาย เพ่ือให้สามารถวดั และประเมนิ ผลผู้เรียนไดอ้ ยา่ งรอบด้านทั้ง
ด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย เหมาะสมกับส่ิงท่ีต้องการวัด ธรรมชาติวิชา และระดับช้ันของ
ผู้เรยี น โดยต้ังอยู่บนพื้นฐานของความเที่ยงตรง ยตุ ิธรรมและเชือ่ ถือได้

๑.๕ การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การ
สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ การปฏบิ ัติกิจกรรม ผลงานของนักเรียน การทดสอบ ควบคู่ไปในกระบวนการ
เรียนรู้ ตามความเหมาะสมของแตล่ ะระดบั และรูปแบบการศกึ ษา

๑.๖ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนและผู้มีส่วนเก่ียวข้องตรวจสอบผลการประเมินผลการ
เรียนรู้ของผเู้ รียน

วิธกี ารวัดและประเมินผลการเรียนรู้

1. สถานศกึ ษาต้องดาเนนิ การวดั และประเมนิ ผลให้ครบองคป์ ระกอบทง้ั ๔ ด้าน
คอื กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ๘ กลุ่มสาระ การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น

2. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ง้ั ๘ กลุม่ สาระ เปน็ การประเมินความรู้
ความสามารถ ทกั ษะ เจตคติ ทักษะการคดิ ทกี่ าหนดอยู่ในตวั ชวี้ ดั ในหลักสตู ร ซง่ึ จะนาไปสกู่ ารสรปุ ผลการ
เรียนรูข้ องผู้เรยี นตามมาตรฐานการเรียนรู้ โดยดาเนินการดงั น้ี

2.๑ ผูส้ อนแจง้ ตัวช้วี ดั วธิ กี ารประเมนิ ผลการเรียน เกณฑก์ ารผ่านตวั ช้วี ดั และ
เกณฑ์ขั้นต่าของการผา่ นรายวิชาก่อนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ใหผ้ เู้ รยี นในแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรียนรู้

หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนอนบุ าลองครักษ์ (ผดุงองครักษ์ประชา) ห น้ า | ๑๖๓

2.๒ จัดให้มีการประเมนิ ผลกอ่ นเรียน เพ่ือตรวจสอบความรู้พ้นื ฐานและความรอบรู้
ในเรือ่ งท่จี ะเรียน

2.๓ จัดใหม้ ีการประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี น เพอ่ื ศึกษาผลการเรยี น เพื่อจัดสอน ซอ่ มเสรมิ
และนาคะแนนจากการวดั ผล ไปรวมกบั การวัดผลปลายป/ี ปลายภาค

2.๔ จดั ให้มกี ารประเมินผลปลายป/ี ปลายภาคเพื่อตดั สนิ ผลการเรยี นรู้
3. การประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี นสอ่ื ความของผู้เรียน ให้ครูประจาวชิ า ดาเนนิ การ
วัดผลตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด

3.๑ ผู้สอนแจง้ ตัวช้วี ัด วธิ กี ารประเมินผล และเกณฑก์ ารผา่ นตวั ช้ีวัดการอา่ น
คดิ วิเคราะห์ และเขยี น

3.๒ จัดให้มีการประเมินผล และสรุปผลปลายปี
4. การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รียนให้ครผู ู้สอนดาเนินการวัดผลไปพรอ้ มกบั
การประเมินผลระดบั ชน้ั เรยี นตามเกณฑส์ ถานศกึ ษากาหนด

4.๑ ผู้สอนแจง้ ตวั ชวี้ ัด วิธกี ารประเมินผล และเกณฑ์การผา่ นตัวช้ีวัดคณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์

4.๒ จัดให้มกี ารประเมินผล และสรุปผลปลายปี
5. การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนใหป้ ระเมนิ เปน็ รายภาค/รายปี โดยสถานศึกษาเป็น
ผกู้ าหนดแนวทางการประเมิน ผู้รบั ผิดชอบกจิ กรรมดาเนนิ การประเมนิ ตามตวั ชว้ี ดั

5.๑ ผสู้ อนแจง้ ตวั ชวี้ ัด วิธกี ารประเมนิ ผล และเกณฑ์การผา่ นตวั ชี้วัดกิจกรรม
พัฒนาผเู้ รยี น

5.๒ จัดให้มีการประเมินผล และสรุปผล ปลายภาค/ปลายปี

หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นอนบุ าลองครกั ษ์ (ผดุงองครักษ์ประชา) ห น้ า | ๑๖๔

การตดั สินผลการเรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ไดก้ าหนดโครงสร้าง เวลาเรียน

มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ัด กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระ การอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ท่ีสถานศึกษาตอ้ งจดั ใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเรียนรู้
มคี ุณภาพเตม็ ตามศกั ยภาพและใหส้ ถานศกึ ษากาหนดหลกั เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เพื่อตัดสนิ ผลการเรียนของผเู้ รยี น ดังนี้

1. ผู้เรียนตอ้ งมีเวลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด
2. ผเู้ รียนต้องได้รบั การประเมนิ ทกุ ตวั ช้ีวัด และผา่ นทกุ ตัวชว้ี ดั โดยแตล่ ะตวั ช้วี ัดผา่ นไม่นอ้ ย
กวา่ รอ้ ยละ๖๐ หรือมีคุณภาพในระดับผา่ นขึน้ ไป
3. ผ้เู รียนตอ้ งไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรียนทุกรายวชิ า
4. ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด ใน
การอา่ น คิดวิเคราะห์และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น

การใหร้ ะดับผลการเรียน
การตดั สินเพือ่ ให้ระดับผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรยี นรู้

ใหใ้ ช้ระบบตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรียนในแต่ละกลมุ่ สาระ เปน็ ๘ ระดบั ดังนี้

ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย ช่วงคะแนนเป็นรอ้ ยละ
๔ ดีเยย่ี ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ดมี าก ๗๕ - ๗๙
๓ ดี ๗๐ - ๗๔
๒.๕ ค่อนขา้ งดี ๖๕ - ๖๙
๒ ปานกลาง ๖๐ – ๖๔
๑.๕ พอใช้ ๕๕ - ๕๙
๑ ๕๐ – ๕๔
๐ ผลการเรียนผา่ นเกณฑข์ น้ั ต่า ๐ - ๔๙
ผลการเรยี นต่ากวา่ เกณฑ์

การประเมินอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น เป็นการประเมนิ ศักยภาพของผเู้ รยี นในการอา่ น
การฟงั การดแู ละการรบั รู้ จากหนงั สือ เอกสารและสอื่ ต่างๆ ได้อย่างถกู ตอ้ ง แล้วนามาคดิ วเิ คราะหเ์ นื้อหา
สาระท่นี าไปสกู่ ารแสดงความคิดเหน็ การสงั เคราะห์สรา้ งสรรค์ในเรือ่ งตา่ งๆ และถา่ ยทอดความคิดน้นั
ด้วยการเขียนซ่ึงสะทอ้ นถึงสติปญั ญา ความรู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ แกป้ ัญหาและ
สรา้ งสรรคจ์ ินตนาการอย่างเหมาะสมและมคี ณุ คา่ แก่ตนเอง สงั คมและประเทศชาติ พรอ้ มดว้ ยประสบการณ์

หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นอนบุ าลองครกั ษ์ (ผดงุ องครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๖๕

และทกั ษะในการเขียนที่มสี านวนภาษาถูกต้อง มเี หตุผลและลาดับขั้นตอนในการนาเสนอ สามารถสรา้ ง
ความเขา้ ใจแกผ่ ู้อา่ นได้อย่างชัดเจนตามระดบั ความสามารถในแต่ละระดบั ชน้ั การประเมนิ
การอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขยี น สรปุ ผลเป็นรายภาค เพือ่ วนิ จิ ฉัยและใชเ้ ปน็ ข้อมลู เพ่ือประเมนิ การเลอื่ นชั้น
เรยี นและการจบการศึกษา ใหร้ ะดบั ผลการประเมนิ เปน็ ผ่านและไมผ่ า่ น กรณีทผ่ี า่ นใหร้ ะดบั ผลการเรียน
เป็นดีเยย่ี ม ดี และผา่ น

ดีเยี่ยม(3) หมายถงึ สามารถจบั ใจความสาคญั ไดค้ รบถว้ น เขียนวิพากษว์ ิจารณ์ เขยี น
สร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นประกอบอยา่ งมเี หตผุ ล ได้ถูกต้องและสมบรู ณ์ ใช้ภาษาสภุ าพและเรียบเรียงได้
สละสลวย

ดี(๒) หมายถึง สามารถจับใจความสาคัญได้ เขยี นวพิ ากษ์วิจารณ์ และเขียน
สร้างสรรค์ไดโ้ ดยใช้ภาษาสภุ าพ

ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ (๑) หมายถงึ สามารถจับใจความสาคญั และเขยี น
วพิ ากษว์ ิจารณไ์ ดบ้ ้าง

ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ หมายถึง ไม่มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถและไม่
ปฏิบัตติ ามเงอื่ นไขการประเมินทกี่ าหนด

การประเมินการอ่านคิด วเิ คราะหแ์ ละเขยี นสรปุ ทุกกลมุ่ สาระเพ่อื การเลื่อนชน้ั และจบการศกึ ษา
เป็นผา่ นและไมผ่ ่าน ถา้ กรณที ผี่ ่าน กาหนดเกณฑก์ ารตัดสนิ เป็นดีเยย่ี ม ดี และผา่ น และความหมายของ
แตล่ ะระดบั ดงั นี้

ดเี ย่ยี ม(3) หมายถงึ ผู้เรียนมคี วามสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น โดย
พจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี ม จานวน ๕ - ๘ กลุ่มสาระ และไม่มีกลุ่มสาระใดไดผ้ ลการประเมนิ
ต่ากวา่ ระดับดี

ด(ี ๒) หมายถึง ผู้เรยี นมีความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน โดย
พจิ ารณาจาก

๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม จานวน ๑ - ๔ กล่มุ สาระ และไมม่ กี ล่มุ
สาระใดได้ผลการประเมนิ ต่ากว่าระดบั ดี หรอื

๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดเี ยีย่ ม จานวน ๔ กลุม่ สาระ และไมม่ ีกลมุ่
สาระใดได้ผลการประเมินตา่ กวา่ ระดบั ผ่าน หรือ

๓. ได้ผลการประเมินระดบั ดี / ดเี ยี่ยม จานวน ๕ - ๘ กล่มุ สาระ และไม่มี
กลุ่มสาระใดไดผ้ ลการประเมินตา่ กว่าระดบั ผา่ น

ผ่านเกณฑ์การประเมิน(๑) หมายถึง ผู้เรียนมคี วามสามารถในการอา่ น คดิ
วเิ คราะหแ์ ละเขียน โดยพจิ ารณาจาก

๑. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ผ่านทุกกลุ่มสาระ หรอื

หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนอนบุ าลองครักษ์ (ผดงุ องครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๖๖

๒. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดี จานวน ๑ - ๔ กลุ่มสาระ และไมม่ กี ลมุ่ สาระ
ใดได้ผลการประเมินต่ากวา่ ระดับผ่าน

ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ หมายถึง ผู้เรียนมีความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์
และเขยี น โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับไมผ่ า่ น ต้งั แต่ ๑ กลุ่มสาระ

หลกั การประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน
๑. เปน็ การประเมนิ เพือ่ การปรบั ปรงุ พฒั นาผเู้ รียนและประเมนิ เพือ่ การตดั สินการ

เล่อื นชนั้ และจบการศึกษาระดบั ตา่ ง ๆ
๒. ใช้วิธกี ารประเมินทหี่ ลากหลาย เพือ่ ใหผ้ ้เู รียนมีโอกาสไดแ้ สดงออกซงึ่

ความสามารถดังกล่าวอย่างเต็มตามศกั ยภาพและทาใหผ้ ลการประเมนิ ทไี่ ดม้ ีความเชอื่ มนั่
๓. การกาหนดภาระงานใหผ้ เู้ รียนไดป้ ฏิบัตคิ วรสอดคลอ้ งกบั ขอบเขตและประเด็น

การประเมินที่กาหนด
๔. ใช้รปู แบบ วิธีการประเมินและเกณฑก์ ารประเมนิ ทไ่ี ดจ้ ากการมสี ว่ นรว่ มของ

ผูเ้ กย่ี วข้อง
๕. การสรุปผลการประเมินเพ่ือรายงาน เน้นการรายงานคณุ ภาพของความสามารถใน

การอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน เปน็ ๔ ระดบั คอื ดเี ย่ียม ดี ผ่าน และไม่ผา่ น
แนวดาเนินการพัฒนาและประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนสถานศึกษาควรดาเนนิ การ

พฒั นาและประเมินความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียนเป็นกระบวนการอย่างชดั เจน สามารถ
ตรวจสอบการดาเนนิ งานได้ การพัฒนาและประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน
สถานศกึ ษาอาจดาเนนิ การตามกระบวนการตอ่ ไปนี้

๑. แตง่ ตัง้ คณะกรรมการการพัฒนาและประเมนิ ความสามารถในการอา่ น การคิด
วเิ คราะห์ และเขียนของสถานศึกษา ซึ่งอาจประกอบด้วย ผู้บรหิ ารสถานศึกษา ผู้แทนคณะกรรมการ
สถานศกึ ษา ผู้แทนครผู ู้สอน ผูแ้ ทนผปู้ กครองนกั เรยี น และผ้แู ทนนักเรียน เพอื่ กาหนดแนวทางในการพฒั นา
ประเมนิ ปรบั ปรุงแกไ้ ข และตัดสินผลการประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี นรายปี และ
จบการศึกษาแตล่ ะระดบั

หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนอนุบาลองครกั ษ์ (ผดงุ องครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๖๗

๒. ศึกษานิยามหรอื ความหมายของความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น
กาหนดขอบเขต และตัวช้วี ัดที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียนให้สอดคล้องกบั
บริบท และจุดเน้นของสถานศกึ ษาในแต่ละระดบั การศกึ ษา

๓. ผมู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งร่วมกันศึกษาหลกั การประเมิน และพจิ ารณากาหนดรูปแบบ
วิธกี ารพัฒนาและประเมินความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนของสถานศึกษา

๔. กาหนดแนวทางการพฒั นาและประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์
และเขยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั ขอบเขตและตวั ชี้วดั ทกี่ าหนดในขอ้ ๒ และกาหนดระดบั คุณภาพ หรือเกณฑ์
ในการประเมนิ เป็น ๔ ระดบั คือ ดเี ยีย่ ม ดี ผา่ น และไม่ผา่ น เพอ่ื ใชใ้ นการตดั สนิ ผลรายปี และจบการศึกษา
แต่ละระดบั

๕. ดาเนินการพฒั นา ประเมนิ และปรับปรงุ แก้ไขความสามารถในการอ่าน คิด
วเิ คราะห์ และเขียนตามรปู แบบและวิธีการทกี่ าหนดอยา่ งตอ่ เนือ่ ง

๖. สรุปและตัดสินผลการประเมิน บันทึกและรายงานผลการประเมิน
ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน

เพ่อื ใหเ้ กิดความชัดเจนตอ่ ผปู้ ฏิบตั ิในการประเมินความสามารถดา้ นการอ่าน คดิ
วเิ คราะห์ และเขยี น จงึ ไดก้ าหนดความหมาย และขอบเขตการประเมนิ เป็นระดับชัน้ ประถมศกึ ษาใหเ้ ป็นกรอบ
ในการประเมิน เพือ่ ตดั สินการเลอ่ื นชน้ั และการจบการศกึ ษาแตล่ ะระดบั

ความหมายการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น เปน็ การประเมนิ ศกั ยภาพ
ของผเู้ รยี นในการอา่ นจากหนงั สอื ตาราเรยี นเอกสาร และสอื่ ตา่ ง ๆ เพอ่ื หาและหรอื เพ่ิมพนู ความรู้
ประสบการณ์ เพอ่ื ความสนุ ทรีย์ และประยกุ ตใ์ ช้ แล้วนาเนอ้ื หาสาระที่อา่ นมาคิดวเิ คราะห์นาไปสู่การแสดง
ความคิดเห็น การสงั เคราะห์ สร้างสรรค์ การแกป้ ญั หาในเรอื่ งต่าง ๆ และถา่ ยทอดความคดิ น้ันดว้ ยการ
เขียนทีม่ สี านวนภาษาถกู ตอ้ ง มีเหตผุ ลและลาดบั ข้ันตอนในการนาเสนอ สามารถสรา้ งความเข้าใจแก่ผอู้ ่าน
ไดอ้ ยา่ งชัดเจนตามระดับความสามารถในแตล่ ะระดบั ชน้ั

ขอบเขตการประเมนิ และตัวชี้วดั ที่แสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน
ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓
ขอบเขตการประเมิน
การอา่ นจากสอ่ื สิง่ พิมพ์ และ/หรอื สอื่ ประเภทตา่ ง ๆ ทใี่ หค้ วามเพลดิ เพลิน ความรู้

ประสบการณ์ และมปี ระเดน็ ให้คิดและเขยี นบรรยายถา่ ยทอดประเด็นทคี่ ิดดว้ ยภาษาที่ถกู ต้องเหมาะสม
เช่น อา่ นสาระความรทู้ ่ีนาเสนออย่างสนใจ นิยาย เรอื่ งสัน้ นทิ าน นิยายปรัมปรา

ตัวชวี้ ัดความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น
๑. สามารถอา่ นและหาประสบการณจ์ ากส่ือทหี่ ลากหลาย
๒. สามารถจบั ประเดน็ สาคัญ ขอ้ เท็จจรงิ ความคิดเหน็ เร่ืองท่อี า่ น

หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นอนุบาลองครักษ์ (ผดุงองครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๖๘

๓. สามารถเปรียบเทียบแง่มมุ ตา่ ง ๆ เชน่ ข้อดี ขอ้ เสยี ประโยชน์ โทษ ความเหมาะสม
ไม่เหมาะสม

๔. สามารถแสดงความคิดเหน็ ตอ่ เรอ่ื งทอี่ า่ น โดยมเี หตผุ ลประกอบ
๕. สามารถถ่ายทอดความคดิ เห็นความรสู้ กึ จากเรอ่ื งทีอ่ า่ นโดยการเขยี น
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔-๖
ขอบเขตการประเมิน
การอ่านจากส่ือส่ิงพิมพ์ และ/หรอื สอื่ ประเภทตา่ ง ๆ ท่ใี ห้ข้อมูลสารสนเทศ ความรู้
ประสบการณท์ เ่ี อือ้ ใหผ้ อู้ ่านนาไปคิดวเิ คราะห์ แสดงความคิดเหน็ ตดั สินใจ แกป้ ญั หา และถา่ ยทอดโดยการ
เขียนเป็นความเรียงเชิงสรา้ งสรรค์ด้วยถอ้ ยคาภาษาท่ถี ูกตอ้ งชดั เจน เช่น อา่ นหนงั สอื พมิ พ์ วารสาร หนังสือ
เรียน บทความ สนุ ทรพจน์ คาแนะนา คาเตือน
ตัวชี้วดั ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น
๑. สามารถอ่านเพือ่ หาข้อมูลสารสนเทศเสรมิ ประสบการณจ์ ากสอื่ ประเภทตา่ ง ๆ
๒. สามารถจบั ประเดน็ สาคัญ เปรยี บเทียบ เชอื่ มโยงความเป็นเหตเุ ป็นผลจากเรอื่ งที่
อา่ น
๓. สามารถเช่ือมโยงความสมั พันธข์ องเรอื่ งราว เหตุการณข์ องเรอื่ งท่ีอ่าน
๔. สามารถแสดงความคดิ เหน็ ตอ่ เรอื่ งทอ่ี ่านโดยมเี หตผุ ลสนบั สนนุ
๕. สามารถถา่ ยทอดความเข้าใจ ความคดิ เห็น คณุ คา่ จากเรอื่ งทีอ่ า่ นโดยการเขียน

การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ให้มีการประเมนิ ตามกรอบทีก่ าหนดไว้ในหลกั สูตรสถานศกึ ษา หรือ สถานศึกษาจะใชก้ รอบตามทีก่ าหนด
ไว้ในหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ดงั นี้

๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
๒. ซ่ือสัตยส์ จุ รติ
๓. มวี ินัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อย่อู ยา่ งพอเพียง
๖. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
๗. รกั ความเป็นไทย

หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนอนบุ าลองครกั ษ์ (ผดงุ องครกั ษ์ประชา) ห น้ า | ๑๖๙

๘. มีจติ สาธารณะ

การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รวมทุกคณุ ลักษณะเพอ่ื การเลื่อนชั้น และจบการศึกษา
เป็นผา่ นและไมผ่ ่าน ถา้ กรณีทผี่ า่ น กาหนดเกณฑ์การตดั สินเป็นดีเยย่ี ม ดี และผา่ น และความหมายของแต่
ละระดับ ดงั นี้

ดเี ยีย่ ม(๓) หมายถงึ ผ้เู รยี นปฏิบตั ติ นตามคุณลักษณะจนเปน็ นิสยั และนาไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวันเพอ่ื ประโยชน์สขุ ของตนเองและสงั คม โดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดับดเี ยี่ยม
จานวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไมม่ ีคณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กว่าระดับดี

ดี(๒) หมายถงึ ผ้เู รียนมีคณุ ลกั ษณะในการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์ เพอ่ื ใหเ้ ป็นการ
ยอมรบั ของสงั คม โดยพจิ ารณาจาก

๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดเี ยีย่ ม จานวน ๑ - ๔ คณุ ลักษณะ และไม่มี
คณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมนิ ตา่ กวา่ ระดบั ดี หรอื

๒. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเย่ียม จานวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มี
คณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผา่ น หรอื

๓. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี จานวน ๕ - ๘ คุณลกั ษณะ และไมม่ ี
คุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากว่าระดบั ผ่าน

ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน(๑) หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และ
เงื่อนไขที่สถานศึกษากาหนดโดยพจิ ารณาจาก

๑. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ผา่ น จานวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มี
คุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผ่าน หรอื

๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี จานวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และไม่มีคุณลักษณะ
ใดไดผ้ ลการประเมินต่ากว่าระดับผา่ น

ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน หมายถงึ ผเู้ รียนรับร้แู ละปฏบิ ตั ไิ ด้ไมค่ รบตามกฎเกณฑ์
และเงอ่ื นทส่ี ถานศึกษากาหนด โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ไมผ่ ่าน ตงั้ แต่ ๑ คณุ ลักษณะ

การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น จะต้องพจิ ารณาทง้ั เวลาการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและผลงานของผเู้ รียนตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนดและใหผ้ ลการประเมินเปน็ ผา่ น
และไม่ผ่าน

กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น มี ๓ ลกั ษณะ คอื ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนกั เรยี น
ซง่ึ ประกอบดว้ ย (๑) กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด และผบู้ าเพญ็ ประโยชน์ โดยผเู้ รยี นเลอื กอยา่ งใด
อย่างหนึง่ ๑ กจิ กรรม (๒) กจิ กรรมชมุ นมุ หรอื ชมรมอกี ๑ กิจกรรม ๓) กิจกรรมเพอ่ื สงั คม

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนอนบุ าลองครักษ์ (ผดุงองครกั ษ์ประชา) ห น้ า | ๑๗๐

และสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ช้ตวั อักษรแสดงผลการประเมิน ดงั นี้
“ผ” หมายถงึ ผเู้ รียนมเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ปฏบิ ตั ิกิจกรรมและมี

ผลงานตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด
“มผ” หมายถึง ผเู้ รียนมเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและมี

ผลงานไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนดในกรณที ผ่ี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มผ” สถานศึกษา ตอ้ งจดั ซ่อม
เสริมใหผ้ ู้เรียนทากิจกรรมในส่วนทผ่ี ู้เรียนไมไ่ ดเ้ ข้ารว่ มหรอื ไมไ่ ดท้ าจนครบถว้ น แล้วจงึ เปลยี่ นผลการเรยี น
จาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งน้ี ตอ้ งดาเนนิ การใหเ้ สรจ็ สิน้ ภายในปกี ารศึกษาน้นั ยกเว้นมเี หตสุ ดุ วิสยั ใหอ้ ยูใ่ น
ดลุ ยพินิจของสถานศึกษา

ในกรณที ผี่ เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มผ” สถานศกึ ษาตอ้ งจัดซอ่ มเสริมใหผ้ เู้ รียนทากจิ กรรม
ในสว่ นทผี่ เู้ รยี นไม่ไดเ้ ข้ารว่ มหรือไมไ่ ด้ทาจนครบถ้วน แล้วจงึ เปล่ยี นผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้
ทงั้ นี้ ต้องดาเนินการใหเ้ สรจ็ ส้นิ ภายในปกี ารศกึ ษานนั้ ยกเวน้ มีเหตสุ ุดวิสัยให้อย่ใู นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษา

เกณฑก์ ารจบการศึกษาระดับประถมศกึ ษา

หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นอนุบาลองครักษ์ (ผดงุ องครักษ์ประชา) ห น้ า | ๑๗๑

๑. ผ้เู รียนเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานและรายวชิ าเพม่ิ เตมิ โดยเป็นรายวชิ าพ้นื ฐานตามโครงสรา้ ง
เวลาเรยี นทห่ี ลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานกาหนด และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด

๒. ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ รายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพ่ิมเติม ผ่านเกณฑ์การ
ประเมนิ ตามที่สถานศึกษากาหนดและมผี ลการประเมนิ รายวชิ าผา่ นทกุ รายวชิ า

๓. ผู้เรียนมีผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียนอยู่ในระดบั “ ดเี ย่ยี ม” หรือ
“ดี”หรอื “ผา่ น”

๔. ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์อยู่ในระดับ “ ดเี ยยี่ ม” หรือ “ ดี “
หรอื “ผ่าน”

๕. ผ้เู รียนเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นและมผี ลการประเมนิ อยใู่ นระดบั “ผ่าน” ทุกกิจกรรม

หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลองครกั ษ์ (ผดุงองครักษ์ประชา) ห น้ า | ๑๗๒

บรรณานกุ รม

กรมวิชาการ. (2551). แนวทางการวดั และประเมินผลตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา
ขนั้ พื้นฐาน.

กระทรวงศึกษาธกิ าร. (11 กรกฎาคม 2560). การบรหิ ารจดั การเวลาเรียนของสถานศกึ ษา
ขน้ั พื้นฐาน.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551.
กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั , 2551
พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร.

โรงเรยี นอนบุ าลองครกั ษ์. (2561). หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนบุ าลองครกั ษ์(ผดงุ องครกั ษ์ประชา)
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2561) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช
2551 (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช พทุ ธศกั ราช 2560). นครนายก.

สถาบันสง่ เสรมิ าการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (๒๕๖๐). ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง
กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขั้นพื้นฐานพุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย
จากัด.

สถาบนั สง่ เสรมิ าการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (๒๕๖๐). ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง
กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย
จากัด.

สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๖๑). ตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลางสาระภมู ิศาสตร์
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรมตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และแนวการจัดกจิ กรรมการ
เรียนรู้. กรุงเทพฯ : ผ้แู ตง่ .

สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน. (19 กรกฎาคม 2560). ที่ ศธ 04010/ว2541.
ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เร่ืองการบริหารจัดการเวลาเรยี นของสถานศกึ ษา
ขั้นพ้ืนฐาน.

หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนอนบุ าลองครักษ์ (ผดุงองครกั ษป์ ระชา) ห น้ า | ๑๗๓

สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน. (3 พฤษภาคม 2561). ที่ 921/2561. ยกเลิก
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ดั สาระที่ 2 การออกแบบและเทคโนโลยีและสาระท่ี 3
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในกลุ่มสาระการเรยี นร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และเปลี่ยนช่อื กลุ่มสาระ
การเรยี นรู.้

สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน. (3 พฤษภาคม 2561). ที่ 922/2561. การปรับปรงุ
โครงสรา้ งเวลาเรยี น ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา พุทธศกั ราช 2551.

บรรณานุกรม

สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน. (7 กันยายน 2560). ท่ี ศธ 04010/ว3302.
ประชาสมั พนั ธส์ รา้ งความเขา้ ใจเก่ียวกบั คาส่ังกระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ.1239/2560
เรือ่ งใหใ้ ช้มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวดั ฯ.

สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๖๑). เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัตกิ ารพฒั นา
บุคลากรหลักเพ่ือสร้างความเขา้ ใจเร่ือง การจดั ทามาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชี้วดั กลมุ่ สาระ
การเรยี นรู้.คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สาระภมู ิศาสตรฯ์ (ฉบบั ปรับปรุง พงศ. ๒๕๖๐) ตาม
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ไปสู่การปฏบิ ตั ิ

คำส่ังสำนกั งำนเขตพ้ืนทกี่ ำรศึกษำประถมศกึ ษำนครนำยก
ที่ / ๒๕๖๒

เร่อื ง แตง่ ตงั้ คณะกรรมกำรบรหิ ำรหลกั สตู รและงำนวิชำกำรสถำนศกึ ษำขั้นพ้ืนฐำน

*********************************

เพื่อให้การบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สอดคลอ้ งกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ หมวด ๔ มาตรา ๒๗ ท่ีกาหนดให้สถานศึกษาข้ัน
พ้ืนฐานมหี นา้ ทจี่ ดั ทาสาระของหลกั สตู รเพอ่ื ความเป็นไทย ความเป็นพลเมอื งทดี่ ีของชาติ การดารงชีวิต และการ
ประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ในส่วนที่เก่ียวกับสภาพของปัญหาในชุมชน และสังคม ภูมิปัญญา
ท้องถ่ิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ และ
สอดคลอ้ งกบั ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธกิ ารวา่ ด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาข้ัน
พืน้ ฐาน พ.ศ.๒๕๔๔

อาศัยอานาจตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ.๒๕๔๖ และท่ีแก้ไขเพิม่ เตมิ จึงแตง่ ต้งั คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
โรงเรียนอนุบาลองครักษ์(ผดุงองครักษป์ ระชา) ปีการศกึ ษา ๒๕๖๒ ดงั น้ี

๑. ผู้อานวยการโรงเรยี นอนบุ าลองครักษ(์ ผดงุ องครกั ษ์ประชา) ประธานกรรมการ
๒. รองผู้อานวยการโรงเรียนอนบุ าลองครกั ษ(์ ผดุงองครกั ษป์ ระชา) รองประธานกรรมการ
๓. หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย กรรมการ
๔. หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ กรรมการ
๕. หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ กรรมการ
๖. หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม กรรมการ
๗. หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาพลศึกษา กรรมการ
๘. หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ กรรมการ
๙. หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี กรรมการ
๑๐. หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ กรรมการ
๑๑. หวั หน้ากจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น กรรมการ
๑๒. หัวหน้าฝ่ายวชิ าการ กรรมการและเลขานกุ าร
๑๓. หวั หนา้ งานทะเบยี นและวัดผล ผชู้ ่วยกรรมการและเลขานกุ าร
๑๔. หวั หน้าโครงการพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษา ผชู้ ่วยกรรมการและเลขานกุ าร

คณะกรรมกำรดำเนินกำร มีหนำ้ ที่และดำเนินกำรจดั กำรตำมขน้ั ตอนที่กำหนด ดังนี้
๑. วางแผนการดาเนินงานวิชาการ กาหนดสาระรายละเอียดของหลักสูตรระดับสถานศึกษาและ

แนวทางการจดั สดั สว่ นสาระการเรยี นรู้ และกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี นของสถานศกึ ษา ให้สอดคล้องกบั หลกั สตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และสภาพเศรษฐกิจ สงั คม ศลิ ปวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่

๒. จัดทาค่มู ือการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการของสถานศกึ ษา นิเทศ กากับ ติดตาม ให้คาปรึกษา
เก่ียวกบั การพัฒนาหลักสูตร การจดั กระบวนการเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผลและการแนะแนวใหส้ อดคล้องและ
เปน็ ไปตามหลักสตู รการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน

๓. สง่ เสรมิ และสนับสนนุ การพฒั นาบคุ ลากรเกย่ี วกบั การพัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวน การเรียนรู้ การวัด
และประเมนิ ผลและการแนะแนวให้เปน็ ไปตามจดุ หมายและแนวทางการดาเนินการของหลกั สตู ร

๔. ประสานความรว่ มมอื จากบคุ คล หนว่ ยงาน องค์กรต่าง ๆ และชุมชน เพ่ือให้การใช้หลักสูตรเป็นไป
อย่างมีประสิทธภิ าพและมคี ณุ ภาพ

๕. ประชาสัมพันธ์หลักสูตรและการใช้หลักสูตรแก่นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและผู้เก่ียวข้องและนา
ข้อมลู ป้อนกลบั จากฝา่ ยต่าง ๆ มาพจิ ารณาเพอื่ ปรับปรงุ และพัฒนาหลกั สตู รของสถานศึกษา

๖. สง่ เสรมิ สนบั สนุนการวจิ ัยเกีย่ วกับการพัฒนาหลักสูตร และกระบวนการเรยี นรู้
๗. ติดตามผลการเรียนของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล ระดับชั้น และช่วงช้ัน ระดับวิชา กลุ่มวิชา ในแต่ละ
ปีการศึกษา เพ่อื ปรบั ปรุงแกไ้ ข และพฒั นาการดาเนนิ งานดา้ นตา่ ง ๆ ของสถานศึกษา
๘. ตรวจสอบทบทวน ประเมินมาตรฐาน การปฏิบัติงานของครู และการบริหารหลักสูต รระดับ
สถานศึกษาในรอบปีที่ผา่ นมาแล้ว ใช้ผลการประเมิน เพ่ือวางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการบริหาร
หลกั สูตรปีการศึกษาตอ่ ไป
๙. รายงานผลการปฏิบัตงิ านและผลการบรหิ ารหลกั สตู รของสถานศึกษา โดยเน้นผลการพฒั นาคุณภาพ
นักเรียนต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตรระดับเหนือสถานศึกษา
สาธารณชน และผเู้ กยี่ วขอ้ ง
๑๐. ใหด้ าเนินการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยภาคเรียนละ ๒ ครั้ง

ทง้ั น้ีใหผ้ ไู้ ดร้ บั การแต่งต้ังปฏิบตั ิหนา้ ท่ที ีไ่ ดร้ ับมอบหมายอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และบรรลตุ ามวัตถุประสงค์
ทีต่ ง้ั ไว้ ตง้ั แต่บัดนเี้ ปน็ ตน้ ไป

สัง่ ณ วนั ท่ี เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

(ลงชอื่ )
(นายพิเชษฐ์ นนทพ์ ละ)

ผูอ้ านวยการสานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครนายก

ประกาศโรงเรียนอนุบาลองครักษ(์ ผดงุ องครักษ์ประชา)
เร่ือง ให้ใช้หลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลองครักษ(์ ผดงุ องครกั ษป์ ระชา) พทุ ธศักราช ๒๕๖๒
(ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

……………………………….
ตามที่โรงเรียนอนบุ าลองครกั ษ(์ ผดงุ องครักษป์ ระชา)ไดป้ ระกาศใช้หลักสตู รกระทรวงศกึ ษาธิการ
ไดป้ ระกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ให้เปน็ หลักสูตรแกนกลางของประเทศ
โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนร้เู ปน็ เปา้ หมายและกรอบทศิ ทางในการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนใหเ้ ปน็
คนดี มปี ญั ญา มีคุณภาพชวี ิตทีด่ ีและมีขดี ความสามารถ ในการแขง่ ขันในเวทรี ะดบั โลก พรอ้ มกันนีไ้ ดป้ รบั
กระบวนการพฒั นาหลกั สตู รใหม้ คี วามสอดคลอ้ งกบั เจตนารมณ์แห่งพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.
๒๕๔๒ และท่แี กไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ทมี่ งุ่ เนน้ การกระจายอานาจทางการศกึ ษาใหท้ ้องถ่นิ และ
สถานศกึ ษาไดม้ ีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพฒั นาหลักสตู ร เพือ่ ใหส้ อดคล้องกบั สภาพ และความตอ้ งการของ
ทอ้ งถิน่
เอกสารหลักสตู รการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน โรงเรยี นอนุบาลองครกั ษ์ (ผดงุ องครกั ษ์ประชา) พุทธศกั ราช ๒๕๖๒
(ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐)ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ นี้ จัดทาข้ึน
สาหรบั โรงเรียนไดน้ าไปใช้เปน็ กรอบและทศิ ทางในการจัดทาหลกั สตู รในกลมุ่ สาระต่างๆ และจดั การเรียนการ
สอนเพอ่ื พฒั นาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐานให้มีคณุ ภาพด้านความรู้ และทักษะ
ทจ่ี าเปน็ สาหรบั การดารงชวี ติ ในสงั คมที่มกี ารเปลยี่ นแปลง และแสวงหาความรเู้ พื่อพฒั นาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ตลอดชวี ิต

ทั้งนห้ี ลักสูตรโรงเรียนอนุบาลองครักษ์(ผดุงองครักษ์ประชา) ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
สถานศกึ ษาขั้นพื้นฐาน เมือ่ วนั ที่ ...... พฤษภาคม ๒๕๖๒ จงึ ประกาศใหใ้ ช้หลกั สูตรโรงเรยี นต้ังแต่บดั นีเ้ ปน็ ตน้ ไป

ประกาศ ณ วันท่ี ...... เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

ลงชอื่ ลงชือ่
(นายไตรภพ น่มุ สารพัดนึก) (นายวนิ ยั อ่าประเวทย)์

ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ผ้อู านวยการโรงเรียนอนบุ าลองครักษ(์ ผดงุ องครกั ษป์ ระชา)




Click to View FlipBook Version