The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แค่สวดมนต์ก็พ้นได้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แค่สวดมนต์ก็พ้นได้

แค่สวดมนต์ก็พ้นได้

เมื่อเราทำอะไรด้วยความพร้อมเพรียงกันทั้งกาย

สามัคคืและจิตสามัคคื เมื่อนั้น ย่อมมืแต่ความเจรีญไม่มื

ความเมื่อม หากแตกสามัคคืกันเมื่อใด ย่อมรแต่ความ
แตกแยก ไม่รความเจรีญ ไม่รความสุข ด้งพระราชนิพนธไน

พระบาทสมเด็จพระมงๆฎเกลาเด้าอยู่หัว ร้ชกาลที่ ๖ ว่า

อันชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิงใดก็ไร้ผล

แมันชาติย่อยยบอับจน ประชาชนจะสุขอยู่อย่างไร

๙.ได้สร้างบารมืใหักับตัวเอง การทำวัตรสวดมนต์นั้น

ได้ส่งผลดืต่ออึกหลายคนที่กำอังกลุ้มใจหาทางออกไม่เจอ หรีอ
กำ อังทุกข์หมักเรื่องใดก็ตาม เมื่อจิตเราสงบเป็นๆคลไม่คิดอามาต
เบียดเนิยนใคร คิดแต่มื่งที่ๆกด้องเป็นธรรม สวดมนต์และภาวนา

เป็นประจำ ย่อมเกิดเหตุมหัศจรรย์กับอึจิตได้

ทุกครั้งที่เราสวดมนต์ ใจเราก็จะถูกขัดเกลาจนใสสะอาด
นรีสุทธบุญก็เกิดขึ้นกับตัวเราใจก็เป็นมงคล ตัวเราก็เป็นสิรีมงคล
วิบากกรรมที่ติดมาขัามภพขัามชาติด้วยพอังของอๆคลจิต ก็จะ

ถูกกำด้ดไปด้วยพอังแห่งบุญ

^ ^ พร-มหา นงค์ สฺ มงฺ ค?ล ๔©
www.kalyanamitra.org

การสวดแมจะใช'เวลาสั้นๆ เพืยงไม่กี่นาที แต่มือานุภาพ

มากมาย

ฉะนั้น ชาวทุทธจึงควรทำวัตรสวดมนต์ทุกเซ'า-เรนทุกวัน

การสวดมนต์ต์องสวดออกจากใจจึงจะน่าฟัง เสียงต้องไพเราะ
พร้อมเพรียงกัน จึงจะเกิดประใยชน่และอานิสงส์อย่างแทํจริง ต้อง

ทำ อย่างต่อเนื่องทุกวัน ไม่ใช่ทำแต่ในพรรษาหริอวันสำคัญเท่านั้น

ทำ ให้เสีกว่าขาดทำวัตรสวดมนต'ไม่ไต้ จนกลายเป็น

กิจวัตร

๔(อ แค่สวดมนต์กํนเน!ด้
www.kalyanamitra.org

เทคนิคการอ่านภาบาบาลี

ภาษาบาลื หรือ ภาษามคธ เป็นภาษาที่บันทึกคำสอน
ของพระทุทธเจ้า

เป็นภาษาที่ใช้ในการเผยแผ่พุทธศาสนาในประเทศอินเดีย
สมัยครั้งพุทธกาล

หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว คำสอนไดไ;]กถ่ายทอด

จากปากต่อปากดวยการท่องจำเป็นภาษาบาสิ จนกระทงมืการ

จดจาริกลงในใบลานเป็นลายลักษณ'อักษร และถูกบันทึกเก็บรักษา

มาจนถึงทุกวันนี้
ชาวพุทธที่อยากสวดมนต'แต่ไม่เข้าใจภาษาบาลี อ่านไม่ออก

หรือออกเลียงไม่ถูกบัาง ทำให้เกิดความท้อใจในการสวด

พ Cccn

พระฆฬๆนงค์ ลมงฺคโล

www.kalyanamitra.org

เมื่อเราสวดบ่อยๆ ก็จะเจ'งหวะวรรคตอนในแต่ละบทด้วย

เช่น ตรงไหนควรเน้นเสียงหนัก (คP ตรงไหนควรออกเสียงเบา

(ลๆ)ตรงไหนควรออกเสียงยาว (ทีฆะ)ตรงไหนควรออกเสียงสั้น
('รสสะr;สิงเหล่านี้เกิดจากการเรียนเโดยการtเกสวดมนต

น้าไม่เคยสวดก็จะสวดติดๆ ขัดๆ แตtเกนานๆ ไบ่ก็ชำนาญ

เอง ไม่ด้องเปีดหนังสีอ เป็นการtเกอ่านภาษาบาสิไปในตัว

ในบทนี้จะขอแนะนำคำสวดที่เรามักสวดผิดกัน แสะคำที่
ควรจะสวดให้ถูกตัอง เช่น

คำ ว่า "สวากฃาโต'' ให้อ่านว่า "สะ-หวาก-ขาโต''แต่เรา

มักสวดกันผิดเสมอว่า "สะ-หวา-ขา-โต''
คำ ว่า "กัต์วา'' ให้อ่านว่า กัต-ตะ-วา โดยเสียง ตะ

ให้ออกเสียงสั้นกึ่งมาตรา อ่านเร็วๆ ไม่ออกเต็มเสียง คำ อื่นๆ
เช่น ขัต็วา ใJเรต์วา ก็เช่นกัน

คำ ว่า "วิญญหืติ'' ในบทสรรเสรีญพระธรรมคุณ ให้อ่านว่า

"วิญ-ญ-สี-ติ'' เนื่องจากเป็นภาษาสำหรับสวด โบราณาจารย์

ท่านจึงนิยมให้ออกเสียง "ห'' เป็น "ฮ" แทน เฉพาะตรงนี้
เท่านั้น

๔๘ แค่สวดมนต์กีพน!ด้ ^ ^—^

www.kalyanamitra.org

คำ ว่า ''มะหึตะเล''ในคาถา^นบัญชร ให้อ่านว่า ''มะ-เ-

ตะ-เล*' เช่นกน
คำ ว่า ''หึสวา''ให้อ่านออกเสิยงว่า ''หึด-สะ-หวา''เสียง

''สะ'' ให้ออกเสียงสั้น เร็วๆ คำ ว่า ''เอกสมิง'' ก็ออกเสียง ''สะ''

คล้ายกัน มิข้อน่าล้งเกด หลัง ''สะ'' จะไม่ออกเสียงธรรมดา

ให้มิ ''ห'' น่าหบัา คือ อ่านว่า ''เอ-กัด-สะ-หมิง'' คำ อื่นๆ มิที่

ล้กษะคล้ายกัน ก็ออกเสียงเหมือนกัน

คำ ว่า''อาทุเนยใย'' ให้อ่านว่า''อา-ทุ-ไน-ใย'' เพราะใน

ภาษาบาลีไม่มิสระ ''เอย''คำ อื่นๆ เช่น ปาทุเนยใย ห้กฃิเณยใย

ก็ออกเสียงเหมือนกัน คือ เป็นสระ ''ไอ''

คำ ว่า ''ภะวะตุ เต ซะยะบังคะลานิ'' เมื่อต้องการสวด
ให้ตนเอง ให้เปลี่ยนจาก เต เป็น เม คือสวดว่า ภะวะตุ เม
ซะยะบังคะลานิ บทว่า สะทา ใสตลี ภะวันตุ เต ก็ให้เปลี่ยนเป็น

เม เช่นเดียวกัน

คำ ว่า ''ตวัง''ในบทมหากา^ณิใกว่า ''เอวัง ต้วัง วิซะใย

ใหหึ''ให้อ่านว่า ตะวังใดยเสียง ตะออกเสียงกึ่งหนึ่งเร็วๆ

พระมหานงค' สุ มงุค!ล ๘๕

www.kalyanamitra.org

วิธืการสวดใหถูกต้องIหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

เราฟังเสียงพระสวดหรือคนอื่นสวดเพียงครั้งเดืยวก็สามารถ

ออกเสียงไต้ถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนี้ ความกังวสใจก็จะหายไป

ใจก็อยากสวดมนต้มากฃี้น

เมื่อสวดไต้จนชำนาญ ใจก็จะเป็นสมาธิไต้เร็ว

และไต้รับประโยซนจากการสวดมนต้อย่างแทจรืง

๔๖ แค่สวคมนต์ก็พนเดั ^

www.kalyanamitra.org 'ไ::^

เตรียมกายก่อนสวดมนต์

ก่อนทำวัตรสวดมนต์ ควรอาบนํ้าขำระกายให'สะอาด

บริสุทธิ๋ แต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ ทำ ให้เหมือนกับว่า
ขณะใ?น เrปt.็น^วินา^ทีสำคัญแห่งใ!วิดของเราทมจะได้เข้าเฝัาพระทุทธเจ้า

แล้วเข้าไปในห้องพระทำการสวดมนต์

แมแต่สถานที่ประดิษฐานพระทุทธ^ป จะเป็นอุโบสถหรือ
วิหารกัดิ ห้องพระที่บานก็ดิ ชาวทุทธต้องเอาใจใส่ในการดูแลเรื่อง
ความสะอาดเรืยบร้อย อย่าปล่อยให้สกปรกรก^งรัง ต้องหมรiปัดกวาด
เขดถู ให้เหมาะสมกับเป็นที่ประทับของพระทุทธเจ้า เพื่อให้เกิด

ความศรัทธาแก่ผู้พบเห็น
เมื่อเดินเข้าไปเห็นความสะอาดเป็นระเบืยบ ย่อมก่อให้เกิด

ความศรัทธาได้แล้ว และเกิดความ!'สิกสงบเย็นใจเมื่อได้สัมผัส

พระนทานงท สุ มงค!ล ๔ฬ
www.kalyanamitra.org

แต่ถ้าเข้าวัดเพื่อจะทำบุญไหว้พระ กลับเจอความสกปรก
ของอาคารสถานที่และบริเวณวัด พื่งสกปรกเต็มไปด้วยสุนัข
เป็นด้น อาจจะทำให้จิตตกไม่อยากทำบุญเลยก็มี ฉะนั้น ด้องดูแล

รักษาให้'ดี ด้องทำด้วยความเคารพศรัทธาเสมือนพระทุทธเจ้า
ยังมืดูวิตอยู่และเราได้มืโอกาสเข้าเฝืาจริงๆ

บางคนพอมืคนชวนสวดมนต์ก็ปนว่า "จะสวดไปทำไม

ก็ทำ ดึอ^แล้ว นงปวดเมื่อยเปล่าๆ''ดวานจรAnารสวดม'นล้จะนั้ง

พับเพียบสวดหริอนั้งเถ้าอี้สวดก็ไม่มืปญหา ถ้าเรามืศรัทธา
เสียอย่าง ถ้าสุขภาพไม่เอี้ออำนวยก็สามารถนั้งเถ้าอี้ได้

เพราะสำคัญอ^ที่ใจต่างทาก ไม่ใช่ที่บทสวดทรือทำ'นง

ในขณะที่เราสวดมนต'ไหว้พระนั้น ทำ ใหเป็นเหมือนลับว่า
เราอยู่ในบรรยากาศแห่งความสงบ ไม่ควรให้อารมณ'ใดๆ มา

รบกวน ไม่ว่าจะเป็นเสียงโทรศัพท์ หริอเสียงด่าทะเลาะลัน

เพราะท้องพระเป็นห้องคักดิที่ทธิ เป็นที่อ^ของเทวดาและ
^ป็ใ ทัง้ ทลาย

ส่วนคนที่ไม่มืห้องพระ ให้กราบบนหมอนในห้องนอนก็ได้

ให้นัอมใจระลึกถึงพระรัตนตรัยหรือคfบาอาจารย์ที่เราเคารพ

๔๘ แค่สวคมนต์ก็น)นเด้ ^ —-^.

www.kalyanamitra.org

นับถึอ แล้วสวดมนต์เปล่งเสียงออกมาเบาๆ

เมื่อจะเริ่มสวด ควรเริ่มดวยการไหว้พระสวดมนต์สั้นๆ ก่อน คึอ

อะระทัง สัมมาสัมๆทโธ กะคะวา

ใ^ทธง กะคะวันตัง อะภิวาเทมิ

ส์วากขาโต กะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ

สุปะฏิปันโน กะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ

จากนั้น จึงสวดบทอิติปีใส สะวากขาโต และสุปฎินันใน
เพี่อเป็นการนัอมถึงพระทุทธเล้า พระธรรม และพระสงฆ์หลังจากนั้น

จึงเลือกบทสวดประจำวัน หรือจะเลือกสวดวันละบทก็ไล้ เพราะจะ

ทำ ให้เราไล้มืใอกาลสวดมนต์ทุกบท จนครบแล้ววนกลับมาอีก

จนเกิดความชำนาญ

.ะ ^ . ะ -I «
จากนัน หากมเวลาหลังการสวดมนต์ ควรนังสมาธิ เพอเป็น

การทำจิตให้เกิดความสงบยิ่งขึ้นไปอีก

หากมืเวลาอย่างจำกัด ควรแบ'งเวลาให้พอดื ให้ไล้ทั้ง

สวดมนต์ นั้งสมาธิและแผ่เมตตา เซ่น สวดมนต์สั้น (ร:-๑๐ นาทื

จากนั้น จึงแผ่เมตตาแสะนั้งสมาธิอีก (^ นาทื

ไม่ควรสวดมนตัอย่างเดืยวโดยไม่นงสมาธิ

^ ^ พระมหานงค' สุ มงฺคโล
www.kalyanamitra.org

^s ■พ

*^,

www.kalyanamitra.org

ตํนแเพrfoตฆนตํ

www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

บทชุฆนฆเทวดา:

แฌทวดาก็ตองการบญ

เมื่อจะเริ่มสวดมนต' หลังจากอาราธนาพระปริตรจบแล้ว

พระสงร!2ปที่ ๓ ก็จะกล่าวบทชุมนุมเทวดา เป็นการบอกกล่าวเพี่อ
อัญเ^ญเทวดาและมนุษย์ทํ้งหลายให้ตั้งใจฟังการสวดมนต์ เพี่อ

ให้เกิดบุญแก่ตนเอง
ลำ หรับท่านที่สวดมนต์คนเดียวที่บานในห้องพระ ก็สามารถ

ลวดบทชุมนุมเทวดานี้ไดเช่นเดียวกัน เพี่อเป็นการเ!ญเทวดา

ทั้งหลายให้มาฟังการสวดมนต์ของเรา

เป็นการเช่ญเทพมารักษาคุ้มครองต์วเราให้อยู่รอด

ปลอดภัย

บทชุมนุมเทวดานี้ นิยมใช้ในงานมงคลทั้งหลาย เช่น
งานกันเกิด งานแต่งงาน งานท่าบุญขี่นบ้านใหม่ เป็นต์น ไม่ใช้สวด

ในงานอวมงคล เช่น งานศพ หรืองานครบรอบกันตาย

น]ระฆหๆนงค่ ลุ ฆ0ค1ล (ร๓
www.kalyanamitra.org

พ^

บทชุมบุมเทวดานี้ภาษาพระท่านเรียกกันว่า "ขัดกัคเค'*
^งหมายถึง การกล่าวบทชุมนุมเทวดานี้นเอง
เป็นบทสวดเพี่อกัญเ^ญเทวดาที่สถิตอยู่ในสวรรคขัน
ต่างๆ รวมทั้งยักษ์ คนธรรพ และนาค ไห'มาประชุมกันเพี่อฟังธรรม

หรีอฟังการสวดมนต์ เพราะในช่วงเวลากันพิเศษเซ่นนี้ เป็นโอกาสที่

เทวดาทั้งหลายจะไดมีโอกาสฟังธรรมและสงสมบุญบารมืใหกับ
ตัวเองยิ่งๆ ขึ้นไป

ไม่ว่าเทวดาหรีอมนุษยักัวนตัองการบุญ เพี่อตัองการมีช่วิต
อยู่ยาวนาน เทวดาทั้งหลายก็ตัองการท่าบุญเพี่อจะได้อยู่ในสวรรค์

นานๆ ไม่มีใครอยากลงมาเถิดเป็นมนุษย์พบความทุกขัความ

ลำ บากอีก

บุญจึงเป็นเหมีอนลมหายใจของขัวิต

กัาหมดบุญเมื่อใดเราก็ตาย คนตายก็คือคนหมดบุญ บุญ

จึงเป็นที่พี่งของยิ่งมีขัวิตบนโลกใบนี้

fie! แค่สวคมนด์ก็ฟ้นเดั ^^ ^

www.kalyanamitra.org

บางครัง คนป้วยใกล้จะตาย แต่ญาติพี่น้องทำบุญเพื่อหวัง
ต่ออายุให้ก็รอดมาใดํโดยปาฏิหาริย์บางครั้งเทวดาก็ปลอมต''วเป็น
มนุษย์ลงมาทำบุญ เพราะโลกมนุษย์เป็นที่อยู่ของพระอริยบุคคล

v

ทงหลาย

ฉะนั้น ก่อนทำบุญหรือสวดมนตานพิธีต่างๆ จีงมืการ
อัญเธีญเทพยดาทั้งหลายมาเป็นล้กธีพยานและร่วนอบุโนทนา

บุญกับเราทั้งหลาย

ที่สำ กัญให้เวาเราทำบุญแล้ว เกิดอะไรฃี๋นท่านเทพทั้งหลาย

ต้องคุ้มครองด้วย

เป็นการพี่งพาอากัยเกี้อภูลกันและอยู่ร่วมกับเทพอย่างมื

ความสุข

แมกระทังก่อนสวดมนตากล้จะจบ ก็มืบทสวดส่งเทวดา

เริยกว่า "เทวะตาอุยโยชะนะคากา" ที่งเริ่มด้นด้วยคำว่า
"ทุกขัปป็ตตา จะ นิททุกขา" หรือบางครั้งก็สวดย่อเฉพาะ

ท่อนสุดทัายว่า "ล้พเพ ทุทธา พะล้ปป็ตตา" เป็นด้นไป
เป็นคาถาสวดเพี่อส่งเทวดากลับวิมาน หลังจากลงมาพิง

เสืยงสวดมนต้เป็นเวลาพอสมควรแล้ว เป็นธรรมเนืยมว่า

พระมหานงค* สุ บงฺคโล (2(ร

www.kalyanamitra.org

เมื่อเ^ญมาแล้วตองเ^ญกล้บไป

มี ความหมายเพื่อเป็นการแผ่เมตตาจิตไปย'งสรรพสัตว์

ทั้งหลายให้หายจากทุกขโศกโรคภัย จากนั้นจะเป็นการแนะน่า

เทวดาให้มีความศรัทธาในการท่าบุญด้วยการให้ทาน รักษาสืล
และเจริญภาวนา แล้วล้ญเ^ญเทวดากสับไปยังวิมานของตนและ

ขออาบุภาพของพระทุทธเจ้า พระปจเจกพทธเจ้า และพระอรห้นต'

ทั้งหลาย จงคุ้มครองรักษาผู้สวดและผู'ฟังทั้งหลายให้มืความสุข

ปราศจากความทุกข'ใจ มีความสุขความเจริญ

บทสวดและคำแปล

สะมันตา จักกะวาเฬสุ อัตราภัจฉันตุ เทวะตา.
สัทธัมมัง บุนิราอัสสะ สุณันตุ สัคคะโมกฃะทัง,สัคเค กาเม

จะ ^เป คิริสิขะระดะเฎ จันตะลิกเฃ วิ มาเน, ทื เป รัฏเฐ
จะ คาเม ตะชุวะนะคะหะเน เคหะวัตชุมหิ เขตเต.ฦมมา
จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะภันธัพพะนาคา.

ติฏฐันตาสันติเกยังบุนิวะระวะจะนังสาธะโวเมสุณํ'นตุฯ

&๖ แค่สวลมนค์ก็ฟ้น!ดั sA J

www.kalyanamitra.org

0

ขอเ!!ญเทวดาทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบ จงมาสู่
สถานที่แห่งนี้ขอจงฟังพระสัทธรรมของพระจอมบุปิ ผูนี้ทางสวรรค์

และนิพพาน

ขอเ^ญเทวดาทั้งหลาย ที่งสถิตอยู่ในสวรรค์จันกามภพ
ในชั้น ภพและสถิตอยู่บนยอดเขาและทุบเขา ทั้งที่มึ
วิมานอยู่ในอากาศ และฦมมเทวดาทั้งหลาย ที่งสถิตอยู่ในทวิป

ในรัฐ ในหยู่บ้าน บนต้นไม้ ในป้าจัฏ ในเรือน และเรือกสวน

ไร่นา ตลอดทั้งเหล่ายักษ์คนธรรพ์และนาคทั้งหลาย ที่งอยู่ในนี้า
บนบก ที่ลุ่มและที่ดอน จงมาประชุมกัน ณ ที่นี้เถิด ท่านสาชุซน
ทั้งหลาย ขอจงฟังคำของพระบุนิผู้ประเสริฐของข้าพเจัา

ธัมมัสสะวะนะกาใส อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาใส อะยัมภะทันตา
ธัมบ้สละวะนะกาใส อะยัมภะทันตา

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย บ้ดนี้เป็นเวลาฟังธรรม
ท่านผู้เจริญทั้งหลาย บ้ดนี้เป็นเวลาฟังธรรม
ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ม้ดนี้เป็นเวลาฟังธรรม

^ พระมหานงค' สฺ มงฺคโล fid
www.kalyanamitra.org

X

ขณะที่พระสงฆ์สวดบทนี้ ผูรวมทำบุญทั้งหลาย ควรตั้งจิต

ให้เป็นบุศล งดเว้นจากการพูดคุยและหยุดทำกิจทุกอย่างฟ้วขณะ

เพื่อนอมใจอัญเจิญเทพทั้งหลายโดยพร้อมเพรืยงกัน

เพราะกัาในพิธืมีแต่ความๅนวาย ไม่สงบ ไม่เป็นๆคล คน
ไม่ตั้งใจฟังพระลวดมนต์

เทวดาก็คงไม่อยากลงมารส่วนร่วมแต่อย่างใด

๕๘ แค่สวดมนต์ก็U)นเด้ ^^

www.kalyanamitra.org
-

มงคลสูตร:

ชี วิ ตเาคืตองมีเคล็ดสับ

มงคลสูตร เป็นเรองราวเกยวกับเคล็ดกับการดำเนิน^ต

๓๕ ข้อ มืสาเหตุมาจากปัญหาเรื่องมงคลที่มบุษ■ย'ถกเกยงกัน
จนหาข้อยุติไม่ได้จนเทวดาได้เข้าไปถามปัญหานี้กับพระทุทธเจา

ในเวลากลางคืน พระทุทธเจ้าได้ให้คำตอบว่า "การไม่คบคนพาล

คบบัณฑิต สูชาผูที่ควรยุเซา เป็นมงคลอันสูงสุด'* เป็นมงคลเวิต

อันสูงสุด เป็นข้อแรก
ในพิธืทำบุญ พระสงม์จะนำบทมงคลขืวิตทั้ง ๓๕ ประการ

มาสวดสาธยายเพี่อเป็นแนวทางการดำเนินเวิต เพี่อความเป็น

สิริมงคลแก่ผู้ฟ้ง เป็นพระสูตรหกักที่จะต้องลวดทุกครั้งในการ
สวดมนต์ที่บัาน หริอในการเจริญพระทุทธมนต!นงานพิธืต่างๆ

เป็นบทที่เจ้าภาพผู้เป็นประธานในพิธึ จะต้องจุดเทืยน

ทบาตรร^น.!านม..น.ต, ์ s

^ a พระบ Mานงค' สุ มงฺคโล ๕๙

www.kalyanamitra.org

ตำ นานบทสวดมนต์

เรื่องนี้ เกิดจากซาวชมพูทวีปต่างจับกลุ่มคุยกันถึงประเด็น

ที่เกิดฃื้นในสังคม บางเรื่องไซ้เวลาถกเถึยงกันถึง ๔ เดือน กว่าจะ

ได้ซ้อยุติ ต่อมา วันหนึ่ง มีผู้เสนอประเด็นว่า ''อะไรเรียกว่ามงคล
^ปที่เท็น เรยงที่ใรีง ฟรีออารมณ์ที่ทราบเป็นมงคล ใครphมงคลป้าง''

พอเรื่มถกปัญหาก็มีผู้เสนอความเห็นว่า "ซ้าพเจัาคิดว่า

สิงที่เราเห็นด้วยตานี้แหละเป็นมงคล''

ฝ่ายนี้เรียกว่า ''ทิฏฐะมงคล'* เพราะอยู่ในฝ่ายชอบมอง

ชอบดู

ดือ เรื่องใดก็ตามที่ปรากฏทางสายตาถึอว่าดืทั้งนั้น
โดยให้เหตุผลว่า ตื่นเซ้ามาก็เห็นนกห้าง เห็นดอกไห้บานสวยงาม

เป็นด้น นนแหละมงคล

ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ใด้แห้งว่าไม่ถูก เพราะบางทีเราก็เห็น

สิงไม่ดื ไม่ชอบใจห้าง หรีอคนตาบอดมองไม่เห็น จะเป็นมงคล

ได้อย่างไร แสัวได้เสนอความเห็นว่า ''เสิยงที่ได้ยินต่างหาก
เป็นมงคล เพราะเมื่อตื่นเซ้ามาก็ได้ยินเสิยงนกรีอง เสิยงเพลง

เพราะๆ เสิยงนี้แหละเป็นมงคล''

๖0 แค่สวคมนต์ก็ฟ้UM ^^

www.kalyanamitra.org X' ^

ฯ^

ฝ่ายนี้เรึยกว่า "สุตะมงคล"เพราะอยู่ในฝ่ายชอบฟังเสียง

อีกฝ่ายก็เลนอว่า "เสียงที่ไดยนไม่ใช่มงคล เพราะบางทื
เราก็ไส์ยนเสียงที่ไม่พอใจ เช่น ตื่นขึ้นมาโดนด่าแต่เช้า หรือได้ยน

เสียงคนช้างบ้านทะเลาะก้น จะถือว่าเป็นมงคลได้อย่างไร แล้ว

เสนอว่า อารมณ์ที่รบรู้ทางใจต่างหากเป็นมงคล เพราะตื่นเช้าขึ้นมา
ได้รับอากาศบรืสุทธ บรรยากาศสดขึ้น ได้กลิ่นดอกไบ้ อารมณ์

ต่างหากที่เป็นมงคล"

ฝ่ายนี้เรืยกว่า "บุตะมงคล"เพราะอยู่ในฝ่ายจิตนิยม เป็น

ประเภทอารมณ์สุนทรื

เมื่อมผูเสนอก็มืผู้สนับสบุนและนิฝ่ายด้าน

ปรากฏว่า ทั้งลามฝ่ายถกเถืยงก้นจนหาช้อยุติไม่ได้

ต่างฝ่ายก็หาเหตุผลมาหักล้างก้น ท่าใหัแตกออกเป็น ๓ ก็ก และ
ได้เกิดปรากฏการณ์แตกแยกทางความคิด การทะเลาะวิวาทก้น

ในเรี่องมงคลนี้ แผ่วงขยายออกไปทั้วชมพูทวิป

จึงเรืยกว่า "บ้ญหาโลกแตก"

^ ^ พระมหานงค่ ลุ ฆงฺค!ล ๖อ

www.kalyanamitra.org

ถ้าเกิดเรื่องเพืยงแค่ไม่กี่วันก็คงไม่เป็นไร แต่ป็ญหๆนี้

ยืดเนี้อกินเวลาถึง ๑๒ ปี เพราะไม่มีใครชนะเด็ดขาด ไม่รผู้เจริง

มี แต่ผู่วจารณ์

ฝ่ายเทวดาเห็นว่าใ!!ญหานี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาไม่ใช่ปัญหา
ที่มบุษย์จะตอบได้ยิ่งวิจารณ์ยิ่งจะส่งผลกระทบต่อความแตกนยก
ในสังคม มีความปรารถนาดีต่อมนุษย์ทั้งหลาย จึงนำปัญหานี้
มาคุยกัน เพี่อจะได้ข้อยุติแล้วจะได้นำไปบอกมนุษย์ถ้าง

แถ้เหส่าเทวดาก็ถกเถึยงกันจนหาข้อยุติไม่ได้1ช่นกัน

เพราะไม่มีความ^เรื่องนี้ เทวดาจึงนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของ
เทวสภา เพี่อให้พระอินทร์เป็นผู้ตัดสินใจ แถ้พระอินทร์ก็จนด้วย
เกล้า เพราะไม่ได่ใม่เริยนมาด้านนี้แต่ก็ได็นี้ทางออกของปัญหาว่า

ควรจะไปทุลถามพระV;(ทธเจา เพราะมีผู้เดียวในโลกนี้เท่านั้น
ที่จะตอบปัญหานี้ได้

เทวดาทั้งหลายจึงลงมติเห็นชอบด้วยเสิยงข้างมาก ส่ง

เทวดาองด้หนึ่งเป็นตัวแทนมาถามปัญหานี้กับพระทุทธเจา
กลางคืนวันหนึ่ง เทวดาได้เข้าไปเฝืาพระนุทธเจ้าที่

วัดเชตะวัน เมีองสาวัตถึ ใฐลถามปัญหามงคลกับพระทุทธเจ้า

๖๒ แตัสวคฆนต์ก็เบนเด้ ^^

www.kalyanamitra.org

พระองค์ได'ทรงแสดงว่า "การไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บุชา

ยู'่ ที่ควร'yซา เป็นมงคลอย่างสูงสุด" เป็นมงคลข้อแรก จนถึง
มงคลข้อสุดท้ายคึอ "ยู่'ที่สูกโลกอรรม (ลาภ-เที่อมลาภ
ยศ-เที่อมยศ สรรเสริญ-นินทา สุข-ทุกข์) กระทบแล้ว

ไม่หวนไหว จิ ตใจไม่ มื ความยินดืหริอยินร้าย ปราศจากความ

เศร้าหมอง เป็นจิตถึงความสุขเกษม เป็นมงคลอันสูงสุด''

หลังจากนั้น โลกมบุษยจงสงบลงด้วยความสุขสว้ลดึ ไม่มื

ปัญหาเรื่องการแตกแยกทางความคิด

บทสวดและค่าแปล

อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตาบัญจะ เสวะนา

lJซา จะ ใJชะนิยานัง เอต้มบังคะละบุตตะบัง ฯ

การไม่คบค้าสมาคมกับคนพาลทั้งหลาย

การคบหากับบัณฑิตผู้เ'ทั้งหลาย

การบุซาสิงที่ควรบุชาทั้งหลาย

นั้นและเป็นมงคลอันสูงสุด

พระมหานงค์ สุ บงฺค[ล ๖(ท

www.kalyanamitra.org

ปะฏิเปะเทสะวาใส จะ ใJพเพ จะ กะตะใJญญะตา

อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ เอตัมมังคะละบุตตะมัง ฯ

การไดํ'อยู่ในฎรประเทศอันเหมาะสม

การได้ส่งสมบุญสร้างบารมืมาก่อน

การตั้งตนไว้ในทางที่ชอบ

นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด

พาทุสัจจัญจะ สิปป๋ญจะ วินะใย จะ สุสิกฃิใต

สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละบุตตะมัง ฯ

การเป็นผู้สิกษาฟังมาก มีสิลปวิทยา

เคารพกฎกติกาอยู่ในระเบืยบวินัย

พูดดี มืวาจาสุภาษิต

นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด

มาตาปีตุอุป๋ฎฐานัง ใ^ตตะทาร้สละ สังคะให

อะนาคุลา จะ กัมนันตา เอตัมมังคะละบุตตะนัง ฯ

การดูแลมารดาบิดา

การลงเคราะห์บุตรและภรรยา

การทำงานไม่ให้ด้างคาอาคุล

นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด

๖๘ แค่สวดมนต์ก็ฟ้LAM ช^ุ ^

www.kalyanamitra.org

'•-๕^*-... ./-i?

ทาน้'ญจะ ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สํ'งคะโห

อะนะวัชชาปิ ก้มมาน เอตมมงคะละบุตตะมัง ฯ

การให้ทาน การประพฤติธรรม

และการสงเคราะห์ญาติทั้งหลาย

ประกอบอาริพสุจริต ไม่ปิโทษ

นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด

อาระติ วิระติ ปาปา มัชชะปานา จะ สัญญะใม

อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ เอตัมมังคะละบุตตะมัง ฯ

การงดเวันจากบาป

การระมัดระวังตนจากการดื่มนาเมา

การไม่ประมาทในฤศลธรรมทั้งหลาย

นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด
คาระโว จะ ปิวาโต จะ ห้^'ๆฏฐ กะตญญตา

กาเลนะ ธัมมัสละวะนัง เอตัมมังคะละบุตตะมัง ฯ

การมืดวามเคารพและอ่อนมัอมถ่อมตนต่อผูใหญ่

ยินดืพอใจในสิงที่มือยู่และเป็นคนกตัญญ

การได้ฟังธรรมตามเวลาที่เหมาะลม

นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด

A พระมหานงค์ ลุ มงุคโล ๖(ร
www.kalyanamitra.org

ฃันตื จะ ใสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง

กาเสนะ ธัมมะสากํจฉา เอตัมมํ'งคะละบุตตะมัง ฯ

ความอดทน การเป็นคนว่านอนสอนง่าย

การได้พบสมณะทั้งหลาย

และได้สนทนาธรรมตามเวลาอันเหมาะสม

นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด

ตะโป จะ พรัหมะจะริยัญจะ อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง

นิพพานะสัจรกิริยา จะ เอตัมมังคะละบุตตะมัง ฯ

ความเพียรเผากิเลส การประพฤติพรหมจรรย์

การได้พบสัจธรรมอันประเสริฐ

การทำให้แจ้ง^งนิพพาน

นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด

ยุฏฐัสละ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ อัมปะติ

อะโสอังวิระธัง เฃมัง เอตัมมังคะละบุตตะมัง ฯ

เมื่อจิตถูกโลกธรรมกระทบแล้ว

ย่อมไม่หวนไหวไปตามกระแส ไม่เศร้าโศกเสิยใจ

จิตปลอดโปร่งโล่งเบาไร้รุสิคือกิเลส ปีความเกษม
นนแหละเป็นมงคลอันสูงสุด

๖๖ แค่สวดมนต์ก็UJน!ด้ ^^

www.kalyanamitra.org

เอตาทิสานิ กัตวานะ สัพพัดถะมะปะรา?ตา

สัพพัตถะโสตถิง สัจสันติ สันเตสังมังคะละบุตตะมันติฯ

เทวดาและมบุษย์ทั้งหลาย

ได้ประพฤติปฎิบติตามมงคลเหล่านี้แสัว

ย่อมเป็นผู้ใม่พ่ายแพัในที่ไหนๆ

ย่อมถึงปลอดภัยความสวัสติในที่ทั้งปวง

ทั้งหมดนั้นเป็นมงคลอันสูงสุด

ของเทวดาและมบุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นแล ฯ

ธรรมะจากบทสวดมนต์

เรื่องราวการทะเลาะเพราะความเห็นแตกแยกเรื่องความ

เรื่อในสังคมเป็นเรื่องที่มืมานาน แมัเราจะนับถึอทุทธศาสนาเป็น

ส่วนใหญ่

เรื่องมงคลเป็นเรื่องที่คนไทยยังเข้าใจผิดอยู่

เซ่น เจอพระ ๙ รูป ก็บอกว่าไม่เป็นมงคล ปีกในใจว่าวันนี้

คงซวยแน่ หรือพระจะไปเยี่ยมนัานโยม จะด้องมืคนถามก่อนว่า

"ท่านจะมาภันกี่รูปเจ้าค่ะ"

# พระมหานงค' สุ มงฺค!ล brt
www.kalyanamitra.org



X

ที่ถามเซ่นนั้นเพราะกลัวว่าพระจะมาพร้อมกัน ๙

ตามหลักมงคลทางทุทธศาสนา การได้เจอพระไม่ว่าจะกี่^ป
ก็ตาม เป็นมงคลแก่ตนเองทั้งนั้น เพราะนานๆ ที เราจะได้สนทนา

ธรรม ได้ข'อคิดดีๆ จากพระสงฆ์

แต่ถ้าเจอพระเรี่ยไรวันเดียว ๔^ป ก็ศงตัวใครตัวมัน อันนี้

แถ้วแต่ศรัทธา

บางแห่งก็เซ่อกันว่า ต้องปลูกด้นไม่'มงคลไว้ที่บ้าน เซ่น
ด้นขนุน ด้นมะยม คนจะนิยมชมชอบผู้ใหญ่เกื้อหนุน หรือทำบุญ
ถวายอาหารพระ ต้องถวายทองหยิบทองหยอด ขนมทั้น เม็ดขนุน
ซ่วิตจะได้เจริญ^งเรือง ได้เลื่อนนั้นเลื่อนตำแหน่ง

แต่เราเคยทราบหรือไม่

ตอนนี้พระสงฆ์สามเณรกำลังเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวาน
ลื่งเป็นอาหารมงคลของเราทั้งหลาย

จึงไม่แน่ใจว่าเราทำบุญหรือทำบาป
นี้คิอความเข้าใจผิดของลังคมไทย ไม่ต่างจากอินเดียเมื่อ
๒.๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา

๖๘ แค่สวคมนต์ก็นเนเค้
www.kalyanamitra.org

« 0-^

เพราะถ้าเป็นเซ่นนั้นจริง ซ่วิตของเราไม่ต'องทำอะไร

มากหรอก ตื่นขึ้นมาก็รดนั้าพรวนดินใส่ใ^ยต้นไมมงคลของเรา
ไม่ต้องขยันไห้เหนื่อยเปล่าๆ

แต่ซ่วิดจะเจริญ^งเริองถ้าวหน้าไต้เพราะการกระทำ

เพราะความขยันอดทนของเรา เมื่อเราทำดี พูดดี คิดดี ก็เป็นมงคล

แก่ต้ว ถ้าทำยัวก็เป็นอัปมงคล ไม่โซ่เพราะต้นไม้หริออาหารมงคล

สิงนั้นเป็นมงคลภายนอก

เป็นเพืยงจิตวิทยา ยังไม่ใช่ความจริง

ซ่วิตของเราจะดีหริอแย่ก็อยู่ที่การกระทำของเราเอง คิอ
สอนให้เรา!'จักวางแผนซ่วิตนั้นเอง เริ่มจากพื้นฐานที่ดีคิอการเลือก

คบคน มีบริวาร มีมบุษยัสัมพันธทดี ถ้าคบคนดีซ่วิตก็ถ้าวหน้า เพราะ
เพี่อนดีคอยซ่วยเหลือ

เริยกว่า ''มี Conection พิเศษ''อะไรที่ว่ายากก็ง่ายไปหมด

^ พระมหานงค' สุ มงฺค?ล ๖๙
www.kalyanamitra.org

'""^ร5 -®■ ^

ถ้ารบริวารเป็นพิษ?วิตก็ตกอับ อะไรที่ง่ายก็กลายเป็นเรือง
ยากขึ้นมาทันที บางทีเพี่อนทะเลาะกัน เราหวังดีเข้าไปช่วย ซวย

ถึงตายก็มี โชคร้ายหน่อยอาจแค่บาดเจ็บ

มงคลสูตรจึงเป็นแบบแผนสำหรับดำเนิน?วิต เราต้อง
เกี่ยวข้องกับคนเป็นจำนวนมาก ทั้งคนดีและคนไม่ดี เรามีสิทธ

ที่จะเลือกคบคนดี ไม่คบคนเลว ยกย่องบุชาผู้ที่เป็นคนดี เป็น
^Jชนิยบุคคล ไม่ต้องไปบุชาเทพเจาที่ไหน

ถ้าเริ่มต้นอย่างนี้แสดงว่า?วิตของเราก็เริ่มต้นอย่างถูกทาง
โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ก็อยู่แค่เอื้อม

do แค่สวคมนต์กํน)นเด ^_

www.kalyanamitra.org

.รุ'.''' '' '■ '■รุ-''"

www.kalyanamitra.org

Cm.

www.kalyanamitra.org

รัตนปริตร:

ภัยพิบัติทงหลายย่อฆพ่ายแพ้พุทรฆนต์

ร้ตนสูตร เป็นพระสูตรที่น้อมเอาคุณพระรัตนตรัย คิอ

คุณของพระทุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ มากล่าวเป็นสัจจะ

วาจาเพื่อให'เกิดความสจ้สดื ช่วยขจ้ดปัดเป่าภํยพิบติให'พินาศไป

ปรากฏใเอตามพระสูตรว่า "รัตนสูตร"มาในพระไตรจฎกเล่มที่ ๒6-

เป็นบทสวดมนต'หลักที่ต้องสวดเพื่อท่านํ้านนต์

ตำ นานบทสวดมนต้

บทสวดนี้มื1^ลเหตุมาจากเมืองเวสาลี ที่งเป็นเมืองหลวง
แห่งอาณาจักรวัชช่ ประสบวิกฤติเศรษฐกิจ เกิดข้าวยากหมากแพง
ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าแห่'งเหี่ยวตาย เกิดทุพภิกขภัย

ใหญ่ และมืโรคระบาด พวกคนยากจนอดอยากล้มตายเป็นจำนวน

มาก ซากศพที่ถูกนำไปทิงไว้นอกเมืองกีเผาแทบไม่ท่นก็ส่งทลิ่น

^^ พระมหานงค' สุ มงฺคใล den

www.kalyanamitra.org

เหม็นตลบไปทว พวกอมนุษย์ก็พากนเขาเมือง เมื่อมืคนยิงล้มตาย

กันมากฃึ๋น ก็เกิดโรคระบาดตามมา

กษัตริย์ลิจฉวืจึงสงให้ประชาชนประใ(ฆพร้อมกันที่

ห้องพระโรงเพี่อร่วมกันพิจารณาสอดส่องความประพฤติของ
บรรดากษัตริย์ทั้งหลายว่า ทำ ผิดประเพณือันใดไว้จึงเป็นเหตุให้เกิด

เภทภัยต่าง ๆ

เมื่อเห็นว่าไบ่มืความผิดอันใด จึงเห็นชอบร่วมกันว่า ควร

กราบพูลนิมนต์พระทุทธเล้ามาช่วย กัยจึงจะสงบ

ขณะนั้นพระนุทธเล้าประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห้ เมืองหลวง

ของร้ฐมคธ จึงไดส่งกษัตริย์ลิจฉวี ๒ องค เป็นใฐตนำเครื่องราช

บรรณาการไปถวายพระเล้าพิมพิสาร และกราบทุลเรื่องราวให้
ทรงทราบ และไดกราบพูลขอนิมนต์พระนุทธเล้าเพี่อเสด็จไปโปรด
เมืองเวลาลิ พระทุทธเล้าไดตอบรับการเสด็จในคร้งนี้

ครั้นเรือขนานเทียบถึงฝัง พอพระนุทธเล้าทรงยกพระบาท
แรกย่างเหยิยบฝังแม่นั้าคงคาเท่าบัน ก็บังเกิดเหตุมห้คจรรย์ ภตุ่ม

เมฆมหึมาหนาทีบที่งตั้งเคามืดมาก็บันดาสให้ฝับดคองมว นำ ฝบ

ไหลนองท่วมพื้นดินระดับนั้าฤงถึงเช่าถึงสะเอวบางทัดพวเอวขวคคพ
ลอยลงแม่นั้าคงคาไปหมด ท่าให้พื้นดินมืความสะอาดบริสุทรื่

rtd แค่สวดมนต์ก็เชน?ด้ ^

www.kalyanamitra.org

ขณะ!?นพระอินทรได้'เสด็จลงมาพร้อมด้วยเหล่าเทวดา
มาชุมบุมอยู่ด้วย ทำ ให้พวกอมบุษย์และฎตผืปีศาจเกรงกลัวอำนาจ

พากันหลบหนีไปหมด

ก่อเกิดตำนานทำนํ้ามนต์

พระทุทธเจ้าเสด็จถึงประดูเมืองเวลาลีในเวลาเย็น ได้สงให้

พระอานนทํเรียนเอา ''ร้ตนสูตร''เพี่อนำไปทำการสวดป๋องกันใน
ระหว่างกำแพง ๓ ลันในเมืองเวสาลีพระสูตรนี้จึงเรียกว่า ''รัตนะ''

เพราะบุ่งเอาอานุภาพของพระร้ตนตรัย คือ นุทอรัตนะ อรรมรัตนะ
และลังฆรัตนะ มาปกป๋องคุ้มครองกัยสำหรับซาวเมือง

เมื่อพระอานนทํเรียนเอารัตนสูตรจากพระนุทอเจ้าแลัว

ก็ถึอเอาบาตรของพระนุทอเจ้าใล่นี้าถึอไปยืนที่ประดูเมือง แลัว
นอมระลึกถึงพระนุทอคุณตั้งแต่ทรงตั้งความปรารถนาที่จะได้

บรรลุพระโพธิญาณจนถึงทรงแสดงอัมมจ้กกัปปวัตนสูตร แลัวเดิน

สวดมนต์เข้าไปภายในพระนคร

พวกอมนุษยที่ยังหลงเหลีออยู่ พากันกลัวหนีออกจากเมือง

ไปหมด

s ,^—m ^ พระฆหานงค์ สุ มงฺคโล rifi
www.kalyanamitra.org

X __ -

ร®

-

เมื่อพระทุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่Iรองเวสาลื ภัยทั้งหลาย
ก็สงบระงับลงอย่างบ่าอัศจรรย เมื่อทรงเห็นว่าภัยทุกอย่างสงบ

เรึยบร้อยแล้ว จึงตรัสลากษัตริย์ลิจฉวืและชาวเมืองทั้งหลาย

เสด็จกลับเมืองราชคฤห็
เรื่องพระอานนทัเริยนเอาพระปริตรสวดป๋องภันภัย

ตลอดทังคืน จนเมืองเวลาลิกลายเป็นเขตปลอดคุตผีปีศาจนั้น
ต่อมาภายหลัง ได้กลายเป็นแบบอย่างในการทำนั้าพระทุทธมนต

ของพระสงร]ไนป๋จจุบัน
เมื่อท่านสวดถึงบท ''นิพทันติ ธืรา ยะถายัมปะทืใป''

ประธานสงรบจะดับเทียนนั้ามนต์โดยการจุ่ม1ทียบลงใบบาตร

นำ มนต์ มืดวามหมายว่า ขอให็โรคภัยความฟ้วร้ายทั้งหลายทั้งปวง

จงด้บสูญสลายหายไปเหมือนเทียนเล่มนี้

rib แค่สวคมนค์ก็ฟ้น!ด้ ^^

www.kalyanamitra.org

บทสวดและคำแปล(ย่อ)

ยังกิญจิ วิ ตตัง อิธะ วา ทุรัง วา
ล'คเคสุ วา ยัง ระตะบัง ปะa[ตัง

นะ โน สะบัง อตถิ ตะถาคะ1ดนะ

อิทัมปี ทุทLธ ระตะบัง ปะณืตัง
เอเดนะ สจเจนะ สุวัตถิ ใหตุ ฯ

ทรัพย์สินใดๆ ในโลกนี้หรือโลกอี่น หรือรัตนะอันสูงค่าใดๆ

ในสวรรค์ ทรัพย์หรือรัตนะที่จะมืค่าเสมอด้วยพระตถาคตเจ้า

นั้นไม่มีเลย นี้เป็นรัตนะอันสูงส่งในพระทุทธเจ้า ด้วยค่าอัต่ย์นี้

ขอความสุขลวัสดื จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

ขะยัง วิราด้ง อะบะตังปะณึตัง

ยะทซฌะคา สักยะบุปิ สะมาหิโต
นะ เตนะ ธัมเมนะ สะบัตถิ ถิญจิ

อิทมปี ธมเม ระตะบัง ปะณึตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
พระศากยบุนทรงมีพระหฤทัยดำรงบน บรรลุธรรมอันเป็น

ที่สินกิเลส สินราคะ เป็นอมตธรรม อันประณืตนั้นแล้ว สิงใดๆ ที่
จะเสมอด้วยพระธรรมนั้นไม่มี แบัข้อนี้ก็เป็นรัตนะอันสูงส่ง

พระฆหานงค' สุ บงฺคโล rtrt

www.kalyanamitra.org

ในพระธรรม ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสุฃสวัสดื จงมืแก่ท่าน

ทั้งหลายเถิด

ย์มทุทธะเสฎใฐ ปะริวัณณะยื สุจิง

สะมาธิมานันตะริสัญญะมาทุ

สะมาธินา เตนะ สะโม นะวิชชะติ

อิทัมปี ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ ใหตุ ฯ

พระทุทธเจ้าผู้ประเสริฐทรงสรรเสริญสมาธิใดไวัว่า เป็น

ธรรมบริสุทธหมดจด ^งบัณฑิตทั้งหลายยอมรับว่าสามารถ

ให้ผลต่อเนื่อง สมาธิอื่นใดจะเลมอด้วยสมาธิชนิดนั้นไม่มื แม้

ข้อนี้ก็เป็นรัตนะอันสูงส่งในพระธรรม ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสุข

สวัสดี จงรแก่ท่านทั้งหลายเถิด
เย ใJคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา

จ้ตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ

เต ทักฃิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา

เอเตสุ ทินนานิ มะทัปผะลานิ

อิทัมปี สังเฆ ระตะบัง ปะณืตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ฬ๘ แค่สวดมนต์ก็พน!ถ้ ^

www.kalyanamitra.org

พระอริยะบุคคล C ท่าน จัดเป็น ๙ คู่ สัตบุ^ษทั้งหลาย
พาสันสรรเลริญแล้ว ท่านเหล่านั้น เป็นสาวกของพระสุคตเจ้า
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน ทานทั้งหลายที่ได้ถวายในท่าน
เหล่านั้น ย่อมมีผลมาก แม้ข้อนี้ก็เป็นรัตนะอันสูงล่งในพระสงฆ์
ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสุขสวัสดื จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ

นิกกามีใน โคตะมะสาละนัมหิ

เตป๋ตติป็ตตา อะมะตัง วิ ด้ยหะ

สัทธา บุธา นิพทุติง คุญชะมานา

อิทัมปี สังเฆ ระตะนัง ปะณืตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ ใหตุ ฯ

ในศาสนาของพระสมณใคดม พระอริยสาวกเหล่าใด เป็น

ผู้มีจิตตั้งมน ในการทำความเพืยร มีจิตมนคงไม่หวนไหว
หมดความใคร่ในกามทั้งหลาย ท่านเหล่านั้นได้บรรลุพระอรหัตผล
เข้าสู่พระนิพพานอันเป็นอมตะ ปราศจากความเร่ารัอนทั้งปวง
ลิ้มรสอมตธรรมอยู่ แม้ข้อนี้ก็เป็นรัตนะอันสูงส่งในพระสงฆ์
ด้วยคำสัตย์นี้ขอความสุขสวัสดื จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

^— พระมหานงค์ สฺ มงฺคโล โ1๙
www.kalyanamitra.org

ขืณัง ใJราณ้ง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง
วิรัตตะจิตดายะติเก ภะวัส์มง
เต ฃึณะพืชา อะวิ^ฬหิฉันทา

นพพันติ ธืรา ยะถายับปะทืโป

อิทมปี ยังเท ระตะนง ปะณตัง

เอเตนะ ยัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

พระอริยบุคคลผู้มีกรรมเก่าอันสันแล้ว กรรมอันเป็นเหตุ

ให้เกิดในภพใหม่ก็ไม่ร ท่านเหล่านั้นรจิตเบื่อหน่ายที่จะ
เกิดในภพต่อไป ขจัดพืชคือกิเลสให้สันไปแล้วปราศจาก
ความพอใจในกามอันเป็นเหตุให้เกิดอก มีปญญาเฉียบแหลม
ย่อมดับไป เหมือนประทืปดับไปเพราะสันเสัอเพลิง แม้ข้อนี้ก็

เป็นรัตนะอันสูงล่งในพระสงท์ ดัวยค่าสัตย์นี้ขอความสุขสวัสคื

จงมืแก่ท่านทั้งหลายเถิด

ธรรมะจากบทสวดมนต

เ๕นี้อความจากรัตนสูตรเป็นการกล่าวถึงที่พึ่งในทุทธศาสนา

๓ อย่าง คือ พระบุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ รวมเริยกว่า

"พพตนศรัย''บื่งเ'ม่ริยบเหมือนรัตนอันมืค่ามากที่สุด ไม่มืลิงใด

๘๐ แค่ลวคฆนด'ก็น(น!ดั
www.kalyanamitra.org

จะยิ่งกว่านี้ แม้จะติดอันดับมหาเศรษฐอันดับหนึ่งของโลท

หลายปี รวยแค'ไหนก็ตาม

แต่หากขาดรัตนะ ๓ ซนดนี้ ก็ถอว่าอังไม่ใtitศรษเ

ตัวจริง

การพึ่งพระรัตนตรัยนั้น จุดสำคัญคือการน้อมเอาค่าสอน
มาเป็นที่พึ่ง คืกษาหลักค่าสอนแล้วปฏิบ"ตตาม เหมือนในบทสวดว่า

''เสาเฃือนทืตังฝังดินอย่างมนคงแล้ๆ

แม้ลมจะพัดมาทั้งสี่ทิศ

ไม่อาจทำให้หวนไหวไล้ ล้นใด

เรากล่าวว่าล้ตบุรุษผู้หยงเห็น

อริยลัจธรรม กั๊มื อุปมาล้นนั้นแล"

เป็นการบอกเราว่า ผูทจะเป็นบัณทิตหริอผู้เได้นั้น ตัอง

อดทนต่อค่าวิจารณ์ (ทั้งโดยเจตนาติและหวังรัาย) ไม่หวนไหว
ไปตามกระแส เปริยบเหมือนเสาหินที่ปกลงดิน แม้จะโดนลมพัด

ก็ไม่โอนเอน

^ ir,,. พรรมหานป้ค สุ มงค!ล ๘©
-iv Awww.kalyanamitra.org

อย่าเป็น "พลก!7กเลน''คือโดนนิดหน่อยก็หวนไหวทนต่อ

คำ วิจารณไม่ได'

ในบทสวดแห่งหนึ่งว่า ''พระโสดาปนนั้นย่งทำควา .

เล็กน้อยทางกาย ทางวาาา ทรือทางใาอ^น้างการิง แต่เนอทำแสว

ท่านเปีดเผย ไปปกปีดความผิดนั้นไว้ การที่yคคลเข้าถึงกระแส

นิพพานแสวเป็น^น'ปกปีดควานผิดไว้นั้อันเราตกาคดกล่าวแลว"
เป็นการตอกยํ้าว่า การจะเป็นคนคื(แบบบริสุทธนั้น)ต้อง

ไม่มีประวํตด่างพร้อยในทางใดๆ
ไม่ใช่วิจารณ์ข่มคนอื่นเสิยหายหนดไม่นิดีสํ'^อย่'ไ'^ '•'•ต่

พอชุกคนอื่นตรวจสอบบ้าง ก็จัดอยู่ในประเภท 'ๆวสันหลังหวะ''คือ

แย่พอๆ กัน
ทองแท้ไม่ต้องกลัวไฟ ของคืของแท้ต้องทนต่อภาร

พิ สูจนเช่นกัน

การสวดมนต'ไม่ไต้ช่วยไท้เกิดคววม'ชลั■^ต้ภดิสิท®^ห^"^

อย่างเดียว ต้องคืกษาใท้เข้าใจถึงแก่นธรรม ส่วนใหญ่เราจะนับถือ

พระองค'ใดก็นับถือที่ความขลัง กัาไม่ขลังก็ไม่แขวน ตอนนี้วัตชุ

๘๒ แค่สวดมนต์กฟ้นเด้ ^^

www.kalyanamitra.org

มงคลหลายวัดกำลังถูกปันกะแสให'เกิดความนิยม เช่น ลอยนํ้ามา

อายุพันปี ฟันไม่เข้า บนบานแลัวได้สมปรารถนา

ช่าวก^แตก พระเครื่องของเกำ เกิดขึ้นไม่เวันแต่ละวัน
ทั้งๆ ที่เป็น^ปของพระทุทธเจ้าแท้ๆ ยังมืการเลือกว่า ขลัง

ไม่ขลัง จริงไม่จริง

นับประสาอะไรกับค่าสอนเป็นนามธรรม รื่งยังอยู่ห่างไกล

จากจิตใจของคนอีกมากมาย

นนไม่ใช่แนวทางของพระทุทธศาสนาเลย เป็นการเอา
ของปลอมมาเป็นของจริง สุดท้ายเราก็ไม่เว่าอะไรจริงอะไรปลอม
อะไรคือทุทธแท้ อะไรคือเปลือก อะไรเป็นแก่น

ทำ ใท้คุณค่าของศาสนาลดนัอยลง กลายเป็นคนหลงงมงาย

^ ^ พระ:บทานงค์ สุ มงฺค?ล ๘๓
www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

เมตตชริตร^

อยากมีคนรักคนรู้?า?ห้สวดบทน

เมตตปริตรหรือกรณียเมตตสูตรเป็นบทสวดว่าด้วยเรื่อง

อาบุภาพของเมตตา เหตุเกิดจากพระโดนผหลอก จนด้องกล้ปมา

ขออาๅธคอเมตตาจากพระทุทธเจ้า จึงสามารถปราบผืโด้ปรากฏ
ตามพระสูตรว่า "กรณียIมตตสูตร"ในพระไตรป็ฎก เล่น^
เมือเดินทางไปในป่าหรือไปอยู่ในลถาบทV1Lรา^ไปs ยไM ป.

ไม่ด้นเคย สถานที่ใ]นย่อมมืเจ้าที่เจ้าทาง

การสวดมนต์บทนี้ก่อนนอน ย่อมมือาบุภาพในการป่องทน

ภัยจากเหล่าเทวดาผู้เป็นมิจฉาทิฏเ และเหล่าฏตผืปีศาจทั้งทลาย
ที่ มักจะมาหลอกหลอนเที่อทดลอบบารมิ Lรา

เมอเจอภัยเข่นนี้ ให้สวดมนต์บทน จะเกิดเมตตาบุภาท

ในการป่องภัน

พระ:มหานป้ค สุ มงฺค?a ๔(ะ

www.kalyanamitra.org

บทIมตตปริตร หากต้องการสวดโดยย่อ พึงสวดท่อน

สุดทายที่1ริ่มต้วยค่าว่า ''เมตตัญจะสัพพะโลก้สมิงมานะสัมภาวะเย

ฮะปะ?JL/าฌง''เป็นต้นไป

ตำ นานบทสวดมนต้.

เหตุเกิดจากพระภิกนุชาวเมืองสาวัตถีประมาณ <ะ๐๐ เท่
พากันเรียนกรรมฐานจากพ^ ช'''^ว น.ลวแยกยวยกันโท่^ว
สถานที่จำพรรบ'าเพี่อท่ป็ท่ต6^^ม ตางพากัน3^งหนาโท่ลูท่วแ

^งอยู่ไม่ไกลหบุ่'นานและไม่ลำบากเ-รี่องต้ตต'าห'ไร

ซาวบ้านเมื่อเห็นพระภิก'ttบั้งหลายมากับเป็บลำบาบบ'ไ^

ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จัดภัตตาหารถวายและไต้บิมบต'ให็'

อยู่จำพรรษา ต่างช่วยกันสรัางเสนาสนะถวายให้เท่ละทบี่งทลั'3

การมาของพระกิกชุยู่'ทรงค่ลผู้ท่ฏิบ้ติธรรมในศรั'^บ
สร้างความยินดีแก่หยู่มนุษย์ แต่สร้างความลำบากใจแก่เหล่า

^กฃเทวดา เพราะเมื่อพระมาอาศัยอยู่ในปาตามโดนต้บไบ้^ทาตา

ก็ไม่กล้าอยู่สูงกว่าพระสงม์เพราะกล้าบาท่ จึงลงมาจากามาบ
มาอยู่ที่พี้นดิน ทำ ให้ประสบความเดอนรอนเป็นอยา"^มาก

๘๖ แค่สวดมน(ส์ก็พน!ด้ #^ —

www.kalyanamitra.org

แต่ก็ยังมองโลกในแง่ดืว่า อีกไม่กี่วันพระสงป'คงยัายไป

ที่อี่น แต่เหตุการณ์หาเป็นเซ่นนั้นไม่ เพราะผ่านไปหลายวัน

พระสงฃ์ก็ยังไม่มีทืท่าจะยัายออกไป

^กขเทวดาจึงแน่ใจว่า พระภิกนุเหล่านั้นจะต้องจ่าพรรษา
อผู่ที่นี่อย่างแน่นอน

หากเป็นเซ่นนั้นพวกตนก็คงจะล่าบาก อยู่ไม่ไต้

แผนลับลวงพราง จึงเกิดขึ้น เพี่อสร้างสถานการณ์ให้พระ

หนืไปให้!ต้
กลางคืนจึงพากันแปลงร่างเป็นผีห้วขาดบ้าง ท่าเอียง

โหยหวนน่ากลัวบ้าง ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทวบริเวณป่า

พระสงบ้นั้งหลายพากันตกใจสะดุ้งกลัว โดนผ่หลอกหวาดผวา
นอนไม่หลับทั้งคืน จนผิวพรรณเศร้าหมองผอมเหอีองไปตามๆ กัน

ไม่เป็นอันปฎิบ'ตธรรม ไม่สามารถข่มใจให้สงบไต้เลย

วันหนึ่ง พระสงบ้เหล่านั้นจึงประชุมปรึกษากัน ต่างก็ไต้เล่า
ถึงเหตุการณ์ที่ตนไต้ประสบมาตลอดการปฎิบ'ตธรรม ส่วนใหญ่ก็
ไม่ไต้เล่าถึงความกัาวหบ้าในการปฎิบ'ตธรรม พูดแต่เรื่องผิหลอก

จึงไต้ลงมติเป็นเอกอันทวา กัาเป็นอย่างนี้ต้องหนีอย่างเดยวเท่านั้น

^ พระมหาชงค* สุ มงฺคโล ๘ฬ

C www.kalyanamitra.org

แลวพากันกลับไปจ่าพรรษาที่กชุงสาวัตถืตามเดิม แลัวไปเฝืา

พระทุทธเจ่าทุลเล่าเหตุการณไห'ฟัง

พระทุทธเจ่าตรลบอกว่าไม่มที่ไหนจะเหมาะสมเท่ากับ

ที่นอืกแล้ว แต่ก่อนจะย้อนกลับไป ได้ให้พระสงmหล่านนเรียน

ทุทธมนต์เพี่อเป็นอาๅธปัองกันตัวและเป็นบทเจรีญเมตตาด้วย
ภิกนุเหล่านั้นเมื่อได้เรียนทุทธมนต์ จึงเกิดความมนใจ

ก่อนเขาป้าจึงได้พากันสาอยายเมตตลูตร แล้วแผ่เมตตาไปย้ง

เทวดาและบบุษย'ทั้งหลาย ตลอดถึงสรรพลัตว'ทั้งหลาย

เทวดาทั้งหลายเมื่อได้รับพลังของเมตตา กิเกิดความร่มเย็น

เป็นสุขไปทั้วป้า มืเมตตาจิตต่อพระสงต์เหล่านั้น มืความเถึกเหมือน
กิกนุเหล่านั้นเป็นญาติมิตรของตน จึงตกลงให้การตัอนรับ ดูแล

รักษาอย่างดี ไม่ให้มืถึงใดมารบกวน

พระสงต์เหล่านั้น เมื่อได้รับความสะดวกสบาย กิมืจิตบุ่งมน

ต่อการปฏิบ*ต ได้เจรีญวิป้ลสนากรรมฐานจนลามารถท่าลายกิเลส
บรรลุพระอรห้นต'กันทุกเป

๘๔ แต์สวคฆน(ทก็ฟ้นใต้
www.kalyanamitra.org

บทสวดและคำแปล(ย่อ)

เมตตัญจะ สัพพะโลกัส์มิง

มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณํ'ง

ธุทธํ'ง อะโธ จะ ติริยัญจะ

อะสัมพาธํ'ง อะเวรง อะสะป๋ตตัง

ติฎฐํ'ญจะรัง ปิสินโน วา

สะยาใน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทใธ

เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ

พ์รัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาทุ

ทิฎเญจะ อะนุปะตัมมะ สีละวา

ทัสสะเนนะ สัมป๋นใน

กาเมสุ วิเนยยะ เคธํ'ง
นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ใJนะเรติติ ฯ

บุคคลพึงเจริญเมตตาในใจไม่มืประมาณ ในใลกทั้งสิน

ทั้งเบื้องบน เบื้องตั๋า และด้านขวาง ^งเป็นธรรมอันไม่คับแคบ

ไม่มึเวร ไม่มืคัตJ ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น รนอยู่ก็ดื เดินไปก็ดี นั้ง
ก็ดิ นอนก็ดิ เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอน เพึยงใด ก็ตั้งสตินั้น

ไว้ เพียงนั้น บัณฑิตทั้งหลายกล่าวกิริยาอันบื้ว่าเป็นพรหมวิหาร

พระมหานงค' สุ บงฺค!ล ๘๙

www.kalyanamitra.org

ในพระศาสนานี้ บุคคลที่มืเมตตา ไม่เข้าถึงทิฎฐิ เป็นผู้มืสิล

ถึงพร้อมแล้วด้วยทัสสนะ (คือโสดาปัตติมรรค) กำ จัดความ

หมกบุ่นในกามทั้งหลายได้ย่อมไม่ถึงความนอนเกิดในครรภ์

อีก โดยแท้ทืเคืยว

ธรรมะจากบทสวดมนต์

ใครที่เถึกกว่าคนรักจากไปหรือหาคนที่เใจไม่ได้บทสวดนี้

เหมาะสมที่สุด เพราะจะช่วยไท้เกิดบรรยากาศแห่งความปรารถนา

ดี ต่ อกัน

บทสวดนี้ว่าด้วยพล้งของเมตตา เป็นเมตตาที่เกิดจากจิต
ไม่ใช่เกิดจากปาก หรือท่องแบบนกแล้วนกชุนทอง
เมตตามือานุภาพอย่างมหัศจรรย์ ใครได้สัมผัสจิงเวามี

ประโยชน์มากมาย

คนมีเมตตาหน์าตาจะสด^นแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา
ครั้งนี้ มีผู้ปฎิน่ตธรรมคนหนึ่งที่งมีอาจิพขายประกันเล่าว่า

ได้เข้ามาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ci วัน แล้วได้เจรืญเมตตา

ภาวนาด้วยทุกวัน เพี่อแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตวัท้งหลาย ทังโดย

เจาะจงออก^อแสะแผ่แบบเหมารวม

๙๐ แค่ลวดมนต์กํฟ้นเด้
www.kalyanamitra.org


Click to View FlipBook Version