The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แค่สวดมนต์ก็พ้นได้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แค่สวดมนต์ก็พ้นได้

แค่สวดมนต์ก็พ้นได้

^^ —

เมื่อกลับไปทำงาน ปรากฏว่า งานที่เคยติดขัดหรือเจรจา

ไม่สะดวก ก็แทบไม่ต่'องพูดอะไรมาก การเจรจาลับลูกค้าหรือ
คนเขัามาติดต่องาน มีความสะดวกราบรื่นขึ้น มีคนสนใจอยาก
ร่วมงานมากขึ้น

ที่งที่เมื่อก่อน กว่าจะไค้ลูกค้าแต่ละคนพูดแลัวพูดอีก
จนเหนื่อยก็ไม่ไค้ลูกค้าลักคน หรือกว่าจะเก็บเงินเบี้ยประลันไค้

แต่ละคนก็ผัดแลัวผัดอีก

นีเ้ ป็นตัวอย่างทนึ่งของอำนาจเมตตา คือทำให้คนรัก

อย่าว่าแต่คนเลย แม้ลัตวทั้งหลายที่เราเมตตาเลี้ยงดูไว้

เขาก็มีปฏิกิริยาตอบรับflค้ถ้าเราไม่มีความเมตตา อย่าว่าแต่คน

เลย แม้หมาแมวก็ไม่อยากเขัาใกลั
แค่เห้นทนามันก็อยากจะกระโดดงับแห้ว

คนมีเมตตาจึงเป็นที่รักของมบุษย์และสรรพลัตว้ทั้งหลาย
แม้จะนอนหรือตี่นก็เป็นลูข หลับไปค้วยใจที่สงบ
คนมีเมตตาหม้าตาจะยิ้มแย้มลดใสเป็นพิเศษ ดูเอิบอิ่ม

มีความสุข ใครก็อยากคบหาอยากเขัาใกลัอยากเจก ส่วนคนอารมณ์

พูดเน่า หม้าตาไม่บอกบุญ ดูเครืยดทั้งว้น มีแต่คนถอยห่าง

# พระมหานงค* สุ มงคโล ๙อ
www.kalyanamitra.org

m

เมตตาเป็นคุณสนบตพิเศษของใจที่ถูก!!กมาอย่างดี คนที่
มืเมตตาไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้ใหญ่อย่างเดียว อย่างที่เราเข้าใจ

กันว่าผู้ใหญ่ต้องเมตตาต่อเด็ก
แต่ผู้ใหญ่ดวยกันมักทะเลาะกันไม่เข้าใจกัน จนเด็ก

เอือมระอา

จะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่หรือวัย^นก็ตาม สามารถทำใจให้เกิด

ความเมตตาต่อกันไต้

เมตตาสามารถเกิดไต้ทุกวัยทุกเวลา เป็นการอยู่ร่วมกัน

ของสังคมอย่างมีความสุข เหมีอนการอยู่ของพระพรหมที่เรืยกว่า

''พรหมวิทาร"

เมื่อมีเวลาว่างก็ห้ดยิ้มให้ต้วเองห้าง เจรืญเมตตาห้าง

อืวิตอาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าเดิมก็ไต้

๙b แค่สวดมนต์กํนนเด้ ^^

www.kalyanamitra.org

ขันธปริตร:

บทสวดชองกันอสรพับราย

ขันธiJริตร เรืยกอืกอย่างหนึ่งว่า "อหิ^ตร"
เป็นบทลวดป๋องกัน^พิ.ษ ไดํ^อว่า "ขันธปริตร" เพราะ

เป็นมนต์สำหรับป๋องก้นตัวจากอสรพิษราย มาจากคำว่า "ขันขั"
แปลว่า "กอง" หรือ "หมวด" ในที่นี้หมายถึง ร่างกาย

มความเ^อว่าสวดมนต์บทนี้แลวสามารถป๋องก้บอสรพิษ
ได้ทุกชนิด

เป็นบทสวดแผ่เมตตาให้ก้ตว์ที่เราเลี้ยงหรืออสรพิษเ^อง

ไม่ท่าร้ายเรา

เมื่อตัองการสวดโดยย่อ ควรสวดท่อน "อัปปะมาโณ ๆทโธ

อัปปะมาโณ ขัมโม อัปปะมาโณ ส่ง1^/" เป็นตันไป

พระมหานงค' สุ มงฺคใล ๙(ท

www.kalyanamitra.org

ตำ นานบทสวดมนต์

สาเหตุเกิดจากภิกนุ^ปหนึ่งกำลังก่อไฟเพี่อจะผิงใน
หน้าหนาว ท่านไดนำไน้จากกองไน้ยุมาก่อไฟ ในกองไน้นํ้นมื

อสรพิษร้ายตัวหนึ่งซ่อนอยู่ด้วยความหนาวเซ่นลัน ขณะกำลัง
หยิบท่อนไน้ออกมา ^ก็ฉกลัดพระเปนั้น จนมรณภาพในทันพิ

เรื่องพระถูก^ลัดตายจึงเป็นที่โจษขานไปทววัด พระทุทธเจ้า
จึงตรัสว่า กิกนุเปใท]คงไม่ได้แผ่เมตตาไปยังพญา^ทั้ง ๔ ประเภท

คือ พญา^วิ^ป็กข์ พญา^เอราบถ พญา^ฉัพยาบุตร แสะพญา^

ลัณหาโคตมะ อย่างแนํนอน จึงตรัสสอนให้กิกบุทั้งหสายแผ่เมตตา
จิตไปยังพญา^ทั้ง ๙จำ พวก เพี่อคุ้มครองปัองลันตนแสะยังสามารถ

ฟ้องลันยาพิษทั้งหสายได้ด้วย แสะตรัสว่าในอคืต เมื่อครั้งพระองค์

เกิดเป็นพระโพธิลัตวไนตระบุสพราหมณ์ณ กาสิกรัฐ ครั้นเจริญวัย

ได้ออกบรรพชาเป็นฤๅษี บำ เพ็ญภาวนาจนได้บรรลุอภิญญา cr แสะ

สมาบ*ต ๔ ตามลำตับ แลัวได้เนรมิตอาศรมอยู่ ณ คุ้งนาแห่งหนึ่ง

ณ ริมฝังแม่นาคงคา ได้เป็นอาจารยัสงสอนฤๅษีจำนวนมากด้วย

ในเวสานั้น ได้มิ^ปรากฏขึ้นไล่ลัดฤๅษีทั้งหสายถึงแก่
ความตายเป็นอันมาก พวกฤๅษีทั้งหสายจึงได้นำเรื่องน้นไปแจ้ง

แก่ฤๅษีผู'เป็นอาจารย์ ครั้นฤๅษีได้พ็งจึงสงให้ฤๅษีเหล่านั้น

๙๔ แค่สวดมนต์ก็ฟ้นเดั ^^

www.kalyanamitra.org

เจริญเมตตาจิตต่อตระภูลพญา^ใหญ่ทั้ง ๙ จำ พวก และสรรพสัตว์
น้อยใหญ่ทั้งหลายตามลำดับ ตั้งแต่สัตว'ไม่มีเท้า จนถึงสัตว์ที่มีเท้า

มากกว่า ใท้ระลึกถึงคุณของพระทุทอเจ้า พระอรรม และพระสงฆ์
^งซ่วยปัองกันเราใท้ห่างจากสัตว์ร้ายเหล่านั้น ทั้งกลางวันและ

กลางคืน และขอสัตว์ทั้งหลายจงหลีกไปเลึย อย่าไดัมาเปียดเมียน

เราเลย

ฤๅษีเหล่านั้นก็ไดัพากันเจริญเมตตา และระลึกถึงคุณ

ของพระร้ตนตร้ยเป็นอารมณ

ตั้งแต่นั้นมา ^และสัตว์ร้ายทั้งหลายก็มีไดัมารบกวนอีกเลย

บทสวดและคำแปล (ย่อ)

สัปปะมาใณ ทุทใอ,สัปปะมาใณ อัมโม,สัปปะมาใณ

สังใฆ,ปะมาณะวันตารสิริงละปานิอะหิวิจรกา ละตะปะทื

อุณณานาภื ละระพู พูสิกา กะตา เม ร้กขา กะตา เม

ปะริตตา ปะฏิกกะน้นตุ ภูตานิ ใลหัง นะโม ภะคะวะโต

นะโม สัตตันน้ง สัมมาสัมทุทอานัง
พระทุทอเจ้ามีพระคุณหาประมาณมิไดั พระอรรมมี

พระคุณหาประมาณมิไดั พระลงฆ์มีพระคุณหาประมาณมิไดั

พระมหานงค' สุ มงก!ล ๙๕
www.kalyanamitra.org

สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย คือ^ แมงป้อง ตะเข็บ ตะขาบ แมงบุม

ตุ๊กแก ห'y เหล่านี้สัวนมืประมาณ การรักษาเราได้กระทำแสัว
การป้องกันเราก็ได้กระทำแสัว หyสัตว์ร้ายทั้งหลาย จงหลีก
ไปเลีย เรานั้น ขอกระทำนอบน้อมแด่พระผู้มืพระภาคเจ้า
ขอความนอบน้อมจงมึแด่พระสัมมาสัมทุทธเจ้า ทั้ง £า|พระองค์ฯ

ธรรมะจากบทสวดมนต์

ขันธปริตรนี้กล่าวถึงอานุภาพของเมตตาเหมือนเมตดสูตร

ในเมตตสูตรกล่าวถึงเมตตาที่ใขักับคน
แด่ในขันธ'ปริตรเป็นการผูกมิตรกับ^ทุกชนิดและสรรพสัตว์

ทังหลาย ด้วยการแผ่เมตตาน้อมเอาคุณของพระทุทข พระธรรม

และพระสงฆ'มาเป็นที่พึ่งแสัว
นอกจากจะเป็นคาถาสำหรับป้องกันอสรพิษและสัตว์ร้าย

แสัว ยังป้องกันยาพิษได้เช่นกัน ผู่ที่เจริญเมตตา ย่อมได้อานิสงส์

๑๑ ประการ ด้งนี้

๑. หลับเป็นสุข คนธรรมดาที่ไม่ได้แผ่เมตตา ย่อมหสับ

พลิกกายไปมา และนอนกรนน้าง ดูแสัวน่าสมเพชเวทนา ส่วน
ผู้เจริญเมตตาย่อมหสับสบาย หสับสนิทเหมือนเขัาสมาใ]ต

๙๖ แค่สวดมนต์ก็น)น!ค้
www.kalyanamitra.org

«55-

- "p

la. ตื่นเป็นสุข คนทั้งหลายเมื่อจะตี่นก็ทำเสิยงคราง
บิดกายพลิกไปมาอยู่ ส่วนผู้เจริญเมตตาย่อมตื่นสบาย คือ ไม่มี
อาการแปลกๆไม่ง่วงไม่หาวตื่นมาก็สดใ!นเหมีอนดอกไมแยมบาน

๓. ไม่ฝันร้าย คนทั้วไปเวลานอนมักฝันร้าย เช่น ฝันว่า

ถูกไส่ฆ่า ถูกหมาไส่กัด หริอกำลังตกเหว ส่วนคนที่เจริญเมตตา

แมัจะฝันก็ฝันเห็นแต่ลิงที่คืงาม เช่นฝันว่ากำลังไหว้พระไหว้เจดีย์

และกำลังฟังธรรม

ฉะนั้น ใครที่กำลังเครียดหริอนอนไม่หลับ ก่อนนอนให้

สวดมนต์แผ่เมตตามัาง เพี่อจะไดนอนหลับอย่างมีความสุข
๔.คนเห็นก็ร้ก คือว่าเป็นที่ร้กที่พอใจของมบุษย์ทั้งหลาย

ใครๆ ก็อยากเฃ้าใกลั เพราะอยู่ใกลัแลัวไม่มีลันตราย เลิกอบอุ่น

๕. ฝัไม่ทลอก เป็นที่รักของอมนุษย์และถูตผืปีศาจ
ทั้งหลาย เริยกว่า "คนดีผีคุ้ม''ไม่มีใครกลัาทำร้าย

ช. เทวดาสุ้มครองร้กษๆ คือเทวดาทั้งหลายย่อมรักษา
ผู้มีเมตตา เหมีอนเรื่องพระขาวเมีองสาว้ตถีที่ตอนต้นถูกเทวดา

ปลอมเป็นผีหลอกหลอน นอนไม่หลับ ไม่ไต้ปฏิบัติธรรมเลย

เมื่อไต้อาๅธคือเมตตา จึงกลับมาอึกครั้ง และอยู่ในป่าอย่างมี

ความสุข

พระมหานงค' สุ ฆงฺคโล ๙01

www.kalyanamitra.org

๗. ปลอดภัยจากไฟ อาๆธและยาพิษ เรืยกว่า "ตกนํ้า

ไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม่'" แม่'อาๅธซนิดใดก็ไม่อาจทำร้ายได้ ไม่

ระคายผิว ยาพิษก็ไม่อาจแผ้วพาน แม่'อสรพิษร้ายก็ไม่อาจ

ทำ ร้ายได้

๙.จิตเป็นสมาธิตั้งมนเร็ว ผู้รจิตประกอบด้วยเมตตา
ย่อมเป็นสมาธิได้เร็วกว่าคนที่ยังโกรธอยู่แล้วไปนงสมาธิ เพราะ
จิตเกิดความสงบ มืความอิ่มใจและสุขใจก่อนแล้ว

๙.หน้าตาผ่องใส หนาของผู'นิเมตตานั้น ย่อมนิสิหนา
ผ่องใส ยิ่งมองยิ่งเกิดเมตตาตอบ ไม่บุดบึ้งหรือตึงเครียด คนนิ
เมตตายิ่งอยู่ใกล้ยิ่งนิความสุข

๑๐. ตายอย่างมืสืติ คนนิเมตตานั้นแม่ใกล้จะตาย ก็ไป
อย่างสงบ ตายอย่างนิสติ ไม่ทุรนทุรายหรือทรมาน

๑๑. บั้นปลายธิวิตเกิดในพรหมโลก ผู้นิเมตตานั้น
อย่างนอยแม่ไม่อาจบรรลุคุณวิเศษยันใด เมื่อเจริญเมตตาอยู่

เป็นประจำ หากตายไปในขณะที่จิตเป็นสมาธิ นิเมตตา ย่อมนิ

สุคติภูนิเป็นที่หวัง

เพราะจิตเบิกบานผ่องใส่ นอนตายตาหล้บ

บึ้เป็นประโยชน์ของเมตตาทั้งในเมตตปริตรและขันธปริตร

๙๘ แค่สวดมนต'กํฟ้นเด้ ^^

www.kalyanamitra.org

โมรปริตร:

แคล้วคลาดปลอดภัย สวด!ดัทุกเช้าเย็น

โมระปริตร เริ่มดวยค่าว่า "อุเทตะยัญจักชุมา"
เป็นต้นไป เป็นบทสวดที่นกยูงทองไดท่องภาวนาทุกเช้าก่อน

บิ นไปหาอาหารและทุกเย็นก่อนเช้าร้งนอนจนปลอดภัยจาก

นายพราน

บทสวดนี้รควาบบุ่งหมายเพี่อฟ้องกันภัยให้แคล้วคลาด
จากภัต5ทั้งหลาย

ตำ นานบทสวดมนต์

เรื่องนี้เกิดขึ้นในยุคที่พระทุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์เกิด
เป็นนกยูง ขึ้งบืขนสิเหลืองเหมือนทอง จึงมืริ่อว่า "นก^งทอง"อาภัย
อยู่บนฎเขาแห่งหนึ่ง

ตามปกติ ทุกเช้านกยูงทองก็จะไปจับบนยอดเขา หันหน้า

it พระมหาน0ค สุ มงฺคโล ๙๙
Awww.kalyanamitra.org

ไปทางทิศตะวันออก มองดูดวงอาทิตย์ที่กำลงขึ้น แล้วท่องบท

ลวดมนต์ว่า ''ฤเทตะย่ญจักๆมา เฮกะrmว''เป็นต์น พอท่องคาถา
บทนี้เสร็จแล้วก็บินไปหากิน

ตกเย็นกล้บมาจากหาอาหารแล้วก็ขึ้นไปจับบนยอดเขา

หันหน้าไปทางทิศตะวันตก มองดูดวงอาทิตย์ที่กำล้งจะล้บ

ขอบฟ้า ท่องบทสวดมนต์ว่า ''อะเปตะยัญจักๆมา เอกะราชา''

เป็นต้นไป

การสวดมนต์ทุกเซ้าและเย็นนี้ เป็นกิจวัตรที่นกยูงทองไต้

ท่าเป็นประจำ ท่าใหัอยู่เป็นสุขและปราศจากอันตรายตลอดมา

อยู่มาวันหนึ่ง พระนางเขมาอัครมเหสิของพระราชาเมือง

พาราณสิ ทรงฝันเห็นนกยูงทองแสดงธรรมใหัฟังอย่างไพเราะ

จับใจ ครั้นตื่นขึ้นมาก็กราบทุลใหัพระราซาทราบและมืความ
ประสงคจะฟ้งธรรมของนกยูงทองที่ทรงฝันถึงนั้น

พระราชาสงใหัเที่ยวสิบถาม ก็ทรงทราบจากลูกชายของ
พรานคนหนึ่งนึ่งพ่อของเขาไต้สงไว้ก่อนตายว่า มืนกยูงสิทอง
ต้วหนึ่งอาศัยที่ลูเขาโน้น จึงรับสงใหัจับมาถวาย แต่อย่าท่าใหั

ถึงตาย

900 แศ่ลวคมนต์ก็น1น1ด้
www.kalyanamitra.org

^

นายพรานก็ไปดักบ่วงบนยอดเขาในที่ที่นกยูงทองเที่ยว

หากิน เมื่อนกยูงทองเหยียบที่บ่วง ก็รอดบ่ลอดภัยทุกครั้ง ดัวย

อำ นาจมนตที่นกยูงทองสวดอยู่เป็นบ่ระจำ นายพรานพยายาม

ดักอยู่ถึง ทเปี ก็ไม่สามารถจับไดัจนตัวเองเสิยยีวิตไบ่เสิยก่อน
ฝ่ายพระนางเขมาเมื่อไม่ไดัสมความบ่รารถนา ก็เศร้าโศก

เสิยใจชุบผอมจนตรอมใจตาย
พระราชาโกรธแค้นมากที่พระมเหสิดัองเสิยดูวิตเพราะ

นกยูงทอง จึงผูกใจเจ็บจองเวรนกยูงทอง สงใหอาดักษณ'จารึกไว้

บนแผ่นทองว่า ''รนก^งทองตัวหนึ่งอาศัยอ^บน เขา ถ้าใครใศัอิน
เนึ่อนก^งทองตัวนี้จะอา^ปีน ไม่แก่ไม่ตาย เป็นอมตะ''

ตำ ราอายุว้ฒนะ(แบบผิดๆ)น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ยุศนี้กระมัง

เมื่อจารึกแลวก็บรรจุแผ่นทองลงในหืบ เพี่อคนภายหดังจะ

ไค้อ่าน ต่อมาพระราชาก็สวรรคต

จากการสงใหเจัาหนาที่จารึกค้วยความแค้นใจใหครั้งหั้-น

น่ามาที่งความเข้าใจผิดหลายจัวอายุศน

เมื่อพระราชาองค์นั้นขึ้นพระชนมัแดัว พระราชาองค์อี่นก็
ขึ้นครองราชย์สืบต่อมา เมื่อไค้ทราบความในสืลาจารึกนั้น ก็มี

—^ พระมหานงค' สฺ บงฺค?ล 90©

www.kalyanamitra.org

พระราชประสงค์ที่จะมีอายุยืนเซ่นกัน จึงรับสังให'นายพรานไปจับ
นกยูงนั้นมา แปันายพรานจะพยายามอยู่อย่างสุดความสามารถ

ก็ไม่สามารถจะจับได้ เพราะนกยูงท่องคาถาบทเดิมอยู่ทุกเช้า

และเย็น ท่าให้ปลอดภัยจากด้ต^

จนในที่สุด นายพรานทั้งหลายก็ทิ้งช้วิตไว้ที่กลางป่า

ด้งเซ่นนายพรานคนก่อนๆ

เหตุการณ์ดำเนินไปเซ่นนี้จนถึงยุคที่ ทเ ของราชวงค์
พระราชาองค์ที่ ๗ ผู้ครองราชย์สิบต่อมาเมื่อได้อ่านแผ่น

ดิลาจารึกนั้น ก็สำ คัญว่าเป็นยาอายุวัฒนะเซ่นเดียวกัน จึงสง
ให้พรานไปคักจับ นายพรานคนนั้นเป็นคนฉลาดหลักแหลม

ซ่วงแรกแม้จะไม่สามารถจับนกยูงได้ ก็อดทนรอคอย

อยู่มาวันหนึ่ง นายพรานได้ตั้งช้อลังเกดว่า ''ทำไมหนอ
นกยูงทองนี้จึงรอดปวงไปได้ทุถทื" เมื่อสะกดรอยดูกเหน
นกยูงทองท่องมนค์ทุกเช้าทุกเย็นจึงแน่ใจว่ากวรท่องนนค์นทนี้เอ"3

เป็นเหตุให้นกยูงทองไม่ติดปวง แคลัวคลาดปลอดภัยทุกครัง

นายพรานจึงคิดใช้แผน ''นางนก^งต่อ"

แผนนารึพิฆาตหรึอใช้ผู้หญิงเป็นเหยื่อล่อนี้ จึงใช้ได้ผล

ทุกยุคทุกสม้ย แม้แต่ลัตวัก็ยังไม่วายที่จะติดกับด้กนี้เหมีอนกัน

©ob แค่สวดมนต์กํฟ้liM ^ —Mgy-

www.kalyanamitra.org%ร?

นับประสาอะไรเทเมใ^ษย^ทั้งหลาย

นายพรานได้ไปจับนางนกยูงตัวหนึ่งมาดูกให้เ'อาณัติ
สํญญาณ เช่น ติดนิ้วมือนกยูงก็ร้อง ถ้าปรบมือนางนกยูงก็ฟ้อนรำ
เนึ่อแกจนชำนาญแถ้ว จึงอุ้มนางนกยูงไปตั้งแต่เช้ามืดก่อน
พระอาทิตย'ขี้น แถ้วตักปวงไว้ก่อนที่นกยูงทองจะท่องมนตั

พอติดนิ้วมือ นางนกยูงจึงส่งเสิยงด้วยสำเนืยงไพเราะจับใจ

นกยูงทองพอได้ยินเสียงร้องของนางนกยูง เกิดอาการ
หลงเสียงนาง ขาดสติไปซวขณะ จิตใจก็ร้อน^มไปด้วยกิเลส

อยาก!'ว่าเสียงนางนกยูงนิ้มาแต่ทิศใด หลงสิมบทสวดมนต์ที่
ตนเองเคยท่องเป็นประจำทุกว้นรืบโผบินไปตามเสียงนางนกยูง

พอโผบินลงจากอากาศเท่านั้น ก็ติดกับตักนายพราน
นายพรานจึงน่านกยูงทองไปถวายพระเจัาแผ่นดิน

พระราชาทรงพอใจมากที่จะได้เสวยเนิ้อนกยูงทอง จะได้

เป็นอมตะตามคำจารึกนั้น แต่ก่อนจะเสวยจึงใศร่จะสนทนากับ

นกยูงทองเสียก่อน จึงจัดที่ให้นกยูงทองจับ เมื่อนกยูงทองจับที่

กรงแลว จึงได้ถามถึงสาเห(คุที่ให้ศนไปตักจับตน
พระราชาก็เส่าตามที่ปรากฏในดิลาจารึกนั้น

พระมหานงค' สุ มงฺค!ล ©0๓

www.kalyanamitra.org

♦^

นกยูงทองจึงทุลว่า "ตัวข้าพเจ้าเองก'าลังจะตาย ถาเนอ
ของข้าพเจ้าวิเศษจริง กินแลวไม่แก่ไม่ตายเป็นอนตะ ไจน!^นเนอ
ของข้าพเจ้าจะไม่ตายเล่า ขอพระองศ''อย่าไดเ^อตามนั้นเลย

กรรมทนักจะตกแก่พระองค''

สัตว์กำลังลอนมนุษย์ว่า ลัาอวัยวะร่างกายของลัตว์ทั้งหลาย
วิเศษจริง ตามที่มนุษย'โมษณาหลอกลวงลัน ทำ ไมลัตว์เหล่านั้น

ต้องตายกลายเป็นอาหารของมนุษย์เล่า
สัตว์ทั้งหลายกินเนื้อหริออวัยวะตัวเองไม่ดีกว่าหริอ
เพื่อจะไต้เป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย

แต่โดยธรรมชาตแลัว ไม่มืใครลามารถล่วงพ้นความตาย

ไปไต้ ไม่ว่าคนหริอสัตว์ ในโลกนื้ไม่ม่สัตววเศษ ลัาเป็นเซ่นนั้น

คนและสัตว์ก็คงอยู่เต็มโลกนื้
จากนั้นนกยูงทองก็แลดงอานิลงสัของการไม่เป็ยดเบืยม

สัตว์ จนพระเจ้าแผ่นดินทรงใฐตาลว่าง คลายจากความหลงผิด

มีจิตเลื่อมใล รับสงให้ปล่อยนกยูงทองไป แลัวออกประกาศห้าม
ไม่ให้ผู้ใดทำรัายสัตว์ทุกชนิดในพระราชอาณาเขตของหระลงต้

00๔ แตัสวคมนค์กํน!นเด้ *■ริA ร''
www.kalyanamitra.org

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความเ^อเรื่องยาอายุfpoiนะของเมืองนี้

ก็ไม่เคยเกิดขนอึกเลย

บทสวดและคำแปล

หากสวดในเวลาเต้าให'สวดท่อนนี้

อุ เทตะยัญจักทุมา เอกะราชา

หะริสสะวัณใณ ปะฐะวิปปะภาใส
ตงตังนะมํ'สสามืหะริสสะวัณณังปะฐะวิปปะภายัง

ตะยัชชะคุตตาวิหะเรบุทิวะยัง

เย พ์ราหมะณา เวทะคุ ยัพพะธัมเม

เต เม นะโม เต จะ มง ปาละยันตุ
นะมตอุ ทุทธานัง นะมตอุ ใพธิยา
นะโม วิ บุตตานัง นะโม วิ บุ ตติยา
อิ ม้ง โส ปะริตตัง กัต์วา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ

พระอาทิตย์เป็นดวงตาของโลก เป็นใหญ่แต่เพืยงผู้เดียว

มืสิด้งทอง ส่องนี้นปฐพืให้สว่างอยู่ เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ขอนอบน้อมพระอาทิตย์นั้น ^งมืสิดงทอง สาดส่องพนปฐพ
ให้สว่างอยู่ ต้าพเจ้าทั้งหลายไต้รับการปกปัองคุ้มครองแยัว

♦ it พระฆMานงค' สุ ฆงทโล oofi

www.kalyanamitra.org

ในวันน ย่อมมีเวิตอยู่ได้ตลอดวัน ท่านเหล่าใดละบาปได้แล้ว

เธรรมทั้งหมดใqกอย่าง ขอท่านเหล่านั้น ขอจงรับการเคารพ

นอบน้อมจากข้าพเจ้า และขอท่านเหล่านั้น จงคุ้มครองรักษา

ข้าพเจ้าด้วยเถิด

ขอความนอบน้อม จงมืแด่พระทุทธเจ้าทั้งหลาย จงมึแด่
พระโพธญาณ ขอความนอบน้อม จงมึแด่ผู้หลุดพนแล้วทั้งหลาย
ขอความนอบน้อม จงมีแด่ธรรมะเครื่องหลุดพ้นจากกองทุกข์
ทั้งปวง นกยูงนั้นได้ท่องพระปริตรบทนี้แล้ว จึงบินไปเพื่อ

แสวงหาอาหาร

หากสวดในตอนเย็นใพ้สวดท่อนนี้

อะเปตะยัญจ้กชุมา เอกะราชา

หะริสสะวัณโณ ปะรูะวิปปะภาโส
ตังตังนะมัสสามีหะริสละวัณณ่'ง ปะฐะวัปปะภาล้ง

ตะยัชซะ คุตตาวัหะเรบุ รัตติง
เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
นะน้ตชุ ทุทอาน้ง นะน้ตชุ โพธยา

90๖ แคํล')ดฆนน์ก็น[น!ด f.

www.kalyanamitra.org

นะโม วิ บุตตานง นะโม วิ บุตติยๆ

อิ มัง โส ปะริดดัง กัดวา โมโร วาสะมะกัปปะรติ ฯ

พระอาทิตย์ เป็นดวงตาของโลก เป็นใหญ่แต่เพึยงผู้เดยว

มสีดงทอง สาดแสงส่องพื้นปฐพืให้สว่างอยู่ ย่อมอัสดงคตไป
เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระอาทิตย์นั้น^งมืสิดร
ทอง สาดส่องพื้นปฐพึให้สว่างอยู่

ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รับการปกป็องคุ้มครองแล้วในวันนี้

ย่อมเป็นอยู่ได้ตลอดคืน ท่านเหล่าใดละบาปได้แล้ว ผู้ธรรม

ทั้งหมดทุกอย่าง ขอท่านเหส่านั้น ขอจงรับการเคารพนอบน้อม
จากข้าพเจ้า และขอท่านเหล่านั้น จงคุ้มครองรักษาข้าพเจ้า

ด้วยเถิด

ขอความนอบน้อม จงมืแด่พระทุทธเจ้าทั้งหลาย จงรแด่

พระโพธิญาณ ขอความนอบน้อม จงมืแด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว

ทั้งหลาย ขอความนอบน้อม จงมืแด่ธรรมะเครื่องหลุดพ้นจาก

กองทุกข์ทั้งปวง นกยูงนั้นได้กระทำการสาธยายพระปริตร

v. ^ a/ I a/
บทนแล้ว จิงพ้กผ่อนนอนหลับ

--^ พระนหาน0ค* สุ มป้ค!ล sod
www.kalyanamitra.org

ธรรมะจากบทสวดมนต

โมรปริตรน๕ี้«Iป็นบทสวดทAกล่าวถึงคุณของพระทุทธเจ้า
ทั้งหลาย น้อมใจให้เกิดเป็นทุทธาบุภาพ ผู้สวดเป็นประจำทุกวัน

ย่อมเกิดอาบุภาพคุ้มครองให้เกิดความสวัสดื แคล้วคลาดปลอดภัย
แน้ภัตรูก็ไม่อาจท่าร้ายไล้ ล้งเช่นนกยูงทอง

แมล้ตวัยังรู้คุณของพระทุทธเจ้า น้อมเป็นทุทธาบุสสติ

เตือนใจ

ไฉนเราเป็นมบุษยจะไม่ลองสวดมนตดูบางหละ

เรื่องนี้ มืประเด็นที่น่าสนใจ คือ ผู้Iดเขียนประวไติคาสตร้
ผู้นั้นคือผู้ชนะ

นกยูงทองถูกปองร้ายมาหลายวัวอายูคน เพราะความแล้น
ฝังใจของพระราชาผู้สูญเสิยพระมเหสิ แล้วสงอาล้กษณ์(คนเขียน
บันทึกประว'ตคาสตร้) จาริกว่า ''คนใดไล้กินเนี้อนกยูงทอง จะ

อายูยืนเป็นหมื่นๆ ปี เป็นอมตะ"
เมื่อเรื่ออะไรผิดๆ ก็จะมักจะมีประเพณีและวัฒนธรรม

แบบผิด สิบต่อภันมา โดยไม่รู้ว่าสาเหคุที่แห้จริงนั้นคืออะไร

ความเรื่อ(ผิด)เช่นนี้ มักเกิดขึ้นมาก เพราะเราขาดเมตตา
ธรรม ไม่รู้จักการให้อภัย

90๘ แค่สวดมนต์ก็ฟ้น!ด้ ^

www.kalyanamitra.org

: ^ s-

การท่าลายเวิตสัตวอี่นเพี่อให้ได้มา^งอาหาร แสัวบอกว่า

ช่วยให้'อายุยืนใ}นเป็นไปไม่ได้

หสักทุทธศาสนาสอนว่า สัตว"กั้งหลายย่อมรักตัวกสัวตาย
ผู้รักตนไม่ควรเป็ยดเป็ยนผู่อื่น คนที่จะมีอายุยืนนั้นจะตองงดเว้น
จากการฆ่า การเมียดเปียนท่ารัายยืวิตของผู้อื่น

เพราะเราฆ่ามามากเท่าไร ย่อมถูกจองเวรมากเท่านั้น
ปีวิตที่ฤกจองเวร จะปีนยาวได้อย่างไร

ตำ รายาอายุว้ฒนะมากมายกล่าวไว้ว่า กินอุ้งตีนหมีใว้าง
กินอวัยวะสัตว์ต่างๆ บาง จะท่าให้'อายุยืน มีพสัง (โดยเฉพาะ

พสัง ด้านลบ)

ถาเป็นจริงตามตำรา สัตว์กั้งหลายที่โดนฆ่ากิน น่าจะกิน

ตัวเองก่อน จะได้เป็นอมตะอายุยืน ไม่ถูกฆ่า เพราะตัวเองยังถูก

ฆ่าตาย แสัวจะไปช่วยต่ออายุม"เ^ษย'ได้อย่างไร

แม่'เขี่'ยวหถูตัน เล่าลือกันว่าสามารถฟ้องกันยันตรายได้

"ยุกอย่าง

แต่หถูก็โดนเยือดก่อน ถาฃสังจริง หถูตัองมียืวิตรอด

ไม่ใช่ถูกฆ่าตาย แลว เอา เขี้ยว มาแขวนคอโชว์

^ พระมหานงค' สุ มงฺคโล 90๙
www.kalyanamitra.org

ในยุคที่ข้อบุลข่าวสารเข้าถึงเราอย่างรวดเร็ว จนไม่มีเวลา

ตรวจว่าอะไรคือข่าวจริง อะไรคือข่าวลวง เพื่อปัองกันความสับลน
และเข้าใจผิด ในกาลามะสูตรพระทุทธเจ้าทรงตรัลหสักของ

ความเที่อและการฟังอย่างมีเหตุผลไว้ ๑๐ ประการ คือ

๑.อย่าเ^อด้วยการฟังตามกนมา ยิ่งถ่ายทอดหลายต่อ
ข่าวลารยิ่งบิดเบือนผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงมาก ฉะนั้น แค่ได้
ฟังมา หรือ "เขาเล่าว่า'* ยังไม่ใข่ความจริงนั้งหมด

la. อย่าเ^อด้วยการถือ^บต่อกันมา วัฒนธรรมประเพณี
บางอย่างผิดเพี้ยนจากประวํตศาลตร ของจริงในอคืตเป็นอย่างหนึ่ง

แต่บืจจุบันคืความไปทางหนึ่ง ยิ่งมีมากในสังคม

๓.อย่าเ^อด้วยการเล่าลือ ท่ามกลางกระแลสับลวงพราง
สังคมใดเยิ่อข่าวลือมากกว่าความจริง ประชาชนและประเทศชาติ

จะอ่อนแอ

๙.อย่าเ^อด้วยการด้างตำรา มบุษยัเราเ'เฟัยงเส์'ยวเคืยว

แต่ศวามจริงมีหลายด้านหลายมิติ ตำ ราก็อาจบันทึกยิ่งที่ผิดไว้

ก็ได้ไม่ใข่บันทึกแต่ยิ่งที่ชุกต้องเลมอไป

๙.อย่าเ^อด้วยตรรกะ เพราะอาจจริงหรือเท็จก็ได้ไม่
แน่นอน อย่าเพื่งดีใจว่าตรรกะนี้ใข้1ด้จริง

90๐ แคํสวดมนต์กํนนเด้ ^^

www.kalyanamitra.org

-

i?. อย่าเ^อด้วยการอ!^มาบ การอบุมานจึงอาจผิดหรือถูก

ก็ได่ใม่แน่นอน อย่าเพิ่งเ^อว่าจะเป็นจริงเสมอไป
๗. อย่าเ^อเพราะการตรึกตรอง อาจทำให้เราเข้าใจผิดได้

เพราะจิตเราย่งไม่บรืสุทธิ๋พอและคิดยังไบ่เป็นระบบ ด้องไซวธืคิด
แบบสังเคราะหวเคราะห้ด้วยปญญาอย่างลีก^ง (โยนิโสมนสิการ)

จึงจะมีโอกาสเข้าใจถูกด้อง

C. อย่าเ^อเพราะเข้ากันได้ด้บทฤษฎึของตนเอง วันนี้

หลายทฤษฎีพิสูจน์แห้วว่าผิดจากความเป็นจริง ทฤษฎีเก่าหายไป

มีทฤษฎีใหบ่เกิดขึ้น แต่กว่าจะ วามจริง คนก็เ^อและตายไปแห้ว

ก็มี ไบ่มีโอกาสได้แห้ตัว

๙. อย่าเ^อเพราะมองเห็น^ปลักษณะน่าเ^อถือ อย่า
หลงเ^อคำพูดเพราะผู้พูดแต่งตัวดื พูดจาน่าเ^อถือ ระวังจะหลง

คารมคนหล่อ

๑๐. อย่าเ^อเพราะเห็นว่าเป็นค^ของเรา เพราะมบุษยั

ยังมีอคติความลำเอียงเพราะรัก เพราะเกลียด เพราะกห้ว

เพราะหลง ค^ไบ่ใซ่ผู้เ'แจง ไบ่ใช่ผู้ผู้จริง เราสามารถรับฟังได้แต่
อย่าเพิ่งเขึ้อทันทื

พระมหานงค' สุ มงฺคโล 900

www.kalyanamitra.org

มนุษย์เป็นผู้มีจิตใจสูง ต้องฉลาดต้องพัฒนาตนเองให้เกิด

ปัญญาfเท่าพันเสียก่อน ประเภทว่า ''ไม่เ^ออย่าลบหลู่" ขออย่า

ไต้เกิดมีในสังคมชาวทุทธเลย

สัาไม่เ^อ ต้องพิสูจน์ด้วยปัญญา อย่าหลงงมงาย

99๒ แภ่สวดมนด์ก็บ[[นเด้ ไ
www.kalyanamitra.org

วัฎฎกปริตร;

บทสวดป้เอป๋โโฟฟเหJ

วัฏฏกะtjริตร เป็นเรื่องราวของลูกนกคุ่มที่ก่าลังตกอยู่

ในภาวะอันตรายเนื่องจากไฟป่ากำลังลุกลามมาใกลัตัว แต่ไม่
สามารถจะบินหนีได เพราะเพิ่งลืมตาดูโลกได*ไม่นาน ได้แต่
อธิษฐานของอ่านาจแห่งคุณคือสืลและลัจจะ ช่วยให้รอดปลอดภัย

เมื่อไฟลามมาใกลัตัวก็ตับไปอย่างน่าอัศจรรย์

พระปริตรบทนี้บาจากวัฎฎกชาดก วัฏฏะกะ จึงแปลว่า

"นกคุ่ม"

บทสวดนี้โบราณเรื่อว่ามีอานุภาพในการป๋องภันไฟไหม้

ในยามที่คับขัน เป็นมนตัส่าหรับป๋องภันตัว

พระมหวนงค่ สุ บQคfa 9901
www.kalyanamitra.org

ตำ นานบทสวดมนต์

สมัยหนึ่ง เมื่อพระทุทธเจ้าเสด็จจาริกไปในหบุ่ปัานของ

ชาวมคธ เพี่อบิณฑบาต หลังจากเสด็จกลับจากบิณฑบาตพร้อม

ด้วยหบุ่ภิกนุสงฆได็'เกิดเหตุการณไฟไหมัปาฃี๋น
ขณะนั้น เปลวไฟลุกลามมาอย่างน่ากลัว ในบรรดาพระสงมั

ทั้งหลายพวกหนึ่งกลัวตาย จึงกล่าวว่าพวกเราจะจุดไฟตัดทางไฟ
เพี่อฟ้องกันไฟไหมั จึงพากันน่าหินเหล็กไฟออกมาจุดไฟสร้าง

แนวกันไฟฟ้า

อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า พวกท่านกำลังพากันทำอะไร พวกเรา
อยู่กับพระทุทธเจ้าแท่'ๆ ทำ ไมมองขามพระองคไปได้พระองด้ผู่'เป็น

เลิศที่สุดในโลกเสด็จมาพร้อมกับพวกเรา เหมือนคนตาบอดไม่เห็น
ดวงจ้นทร้^งลอยเด่นอยู่บนทํ'องฟ้า ไม่เห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น
ทางทิศตะวันออก เหมือนคนยืนอยู่ที่ริมฝังทะเลแต่มองไม่เห็น
ทะเล เหมือนคนยืนพิงเขาลิเน^แต่ไม่เห็นเขาลิเนชุ ฉะนั้น แต่กลับ

พากันพูดว่า จะจุดไฟตัดทางไฟ พวกท่านไม่ชุ้จ้กอาบุภาพของ
พระทุทธเจ้าเลย มาเกิด พวกเราจ้กพากันไปเฝัาพระทุทธเจ้า

ออ๘ แค่ลวดฆนฅ์กีน!น
www.kalyanamitra.org

พระสงฆ์เหล่านั้นทั้งหมดได'รวมตัวกันไปยังสำนักของ

พระทุทธเจ้า ขณะนั้น พระทุทธเจ้ามีภิกชุ;ยืนแวดล้อมเป็นบริวาร
ได้ประทับยืนอยู่ ณ บุมหนึ่ง ไฟป่าก็กำลังไหม้มาเสียงด้งมาแต่ไกล

ครั้นลามมาถึงที่ที่พระทุทธเจ้าประทับยืนอยู่ ระยะไม่ไกล

จากที่ประทับยืน ไฟก็ตับไปอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนคบไฟที่

เขาจุ่มลงในนั้า ฉะนั้น
พระสงฆ์ทั้งหลายพากันกล่าวสรรเสริญคุณของพระศาสดา

ว่า อานุภาพของพระทุทธเจ้าทั้งหลายน่าอัศจรรย์จริง ไฟนั้แม้จะ
ไม่มืจิตใจ แต่ก็ไม่อาจไหม้ที่ที่พระชุทธเจ้าประทับยืนได้ ย่อมตับ
ไปเหมือนเอาคบเพลิงจุ่มลงในนั้า ฉะนั้น

พระทุทธเจ้าได้ทรงสตับคำของภิกชุเหล่านั้นจึงได้ตรัสว่า
ภิกชุทั้งหลาย การที่ไฟไหม้มาถึงตรงนี้แล้วตับไป มืใซ่เป็นเพราะ
อานุภาพของเราในนัดนี้เท่านั้น แต่เป็นเพราะกำลังแห่งล้จจะบารมื

ของเราในกาลกํอน จากนั้น จึงตรัสเล่าเรื่องในอดีตใหฟังว่า
เมื่อครั้งพระองคํเกิดเป็นพระโพธิล้ตว'ได้ถึอกำเนิดเป็น

นกคุ่ม ในเวลาท่าลายกระเปาะฟองไข่ออกมา มืตัวขนาดเท่า
ดุ มเกวียนบรรทุกสีนด้าขนาดใหญ่

M ^ พระมหานงค์ สุ มงฺคโล 99(5

www.kalyanamitra.org

::

ล่าดับนั้น บิดามารดาให้นกคุ่มนอยนอนอยู่ในรัง แล่'วคาบ
อาหารมาฟ้อน นกคุ่มห้อยนั้นไม่มีแม้กำล่งที่จะเหยืยดกางปีก

โผบินออกไปในอากาศ หรือไม่มีกำดังแม้จะยกเห้าเดินไปมา

เพราะเพิ่งเกิดไดํใม่นาน

และสถานที่ใ!น ในช่วงหใ!'าร้อนของใ(เกปีมักเกิดไฟปีๆเป็น

ประจำ

วันหนึ่ง ไฟฟ้ากำดังไหม้ลุกลามมาเสิยงดังสนั้นหวนไหว

" ไ. '
หยู่นกทงหลายต่างพาดันส่งเสิยงรัองดันฟ้า พาดันรืบบินหนืออก
จากรังของตนด้วยความกดัวตาย แม้บิดามารดาของนกคุ่มห้อย

ก็กดัวตายเช่นดัน รืบบินหนืไปด้วยความเร่งรืบ โดยทิ้งลูกห้อย

ไวัข้างหดัง

นกคุ่มห้อยนอนรอความตายอยู่ในรังนั้นเอง ได้แต่ชะเงอ
คอมองดูไฟฟ้าที่กำดังไหม้ลามมา จึงคิดว่า ดัาเรามีกำดังพอที่จะ

เหยืยดปีกออกบินหนีไปในอากาศได้ไซรั ฟ้านนี้ เราก็คงจะ
โบยบินไปที่อี่นที่งปลอดภัยแล้ว หรือดัาเรามีกำดังพอที่จะยก
เห้าเดินไปได*ไซรั เราก็คงจะรืบเดินไปที่อี่นเสืยแล้ว แต่ห้ดนี้

แม้บิดามารดาของเราก็กดัวตายเช่นดัน ทิ้งเราไวัแต่เพียงผู้เดียว

90๖ แค่สวดมนฅ์ก็น!น!ด้
www.kalyanamitra.org

.ะ.-^

ได้พากันบินหนีไปเสิยแสํว บัดนี้ เราอยู่ตัวคนเดียว จะทำอย่างไร

ดีหนอ

ขณะนี้น นกคุ่มบัอย จึงนอมนีกถึงคุณแห่งสืลและสัจจะ
ในอดีตของพระทุทธเด้าทั้งหลายผู้ทรงบำเพ็ญบารมืทั้งหลาย
และสัจจะบารมืของตนเอง ทำ สัจจอธิษฐานเพี่อไห่ไฟตับไป

จากนั้น นกคุ่มจึงตั้งสัจจอธิษฐานว่า ห่ง^ลรอ^
ในโลก ความสัตย์ความบริสุทธิ และความเอื้ออาทรปีอ^ในโลก

ด้วยอำนาจความสัจนั้น ข้าพเจ้าจักทำสัจกิริยาอันยอดเยี่ยม
ข้าพเจ้าพิจารณากำสังแห่งธรรม ระลึกถึงพระธินเจ้าทั้งหลายใน
ปางก่อน อาด้ยก่าสังสัจจะ ขอทำสัตยาธิษฐาน''

และได้ระลึกถึงคุณของพระทุทธเด้าในอดีตทั้งหลาย

พร้อมทั้งสัจจะบารมืของตนเอง ตั้งสัตยาธิษฐานไว้ว่า ''ปีกของเรา

ปีอยี่แต่ไม่ปีขนพอจะปีนได้เด้าของเราก็ปีอ^แต'ไม่แข้งแรงพอจะ

เดินได้ มารดาปีดาก็พากันปีนออกไปแสัว ขอใ'ด้ไฟปาจงด้นไป

เลึยเถิด''

พร้อมกับการทำสัตยาธิษฐานของนกคุ่ม ไฟที่ก*าสังลุกลาม

มาก็ตับลง ณ ที่ตรงนั้นอย่างน่าอัศจรรย์

เหมือนจุ่มไฟลงในนั้า ฉะนั้น

^ # พระมหานงค์ สุ มงฺคโล 9อฬ

www.kalyanamitra.org

บทสวดและคำแปล

อัตถิ โลเก สีละคุโณ สัจจัง ใสเจยยะบุททะยา

เตนะ สัจเจนะ กาหาร สัจจะกริยะมะบุตตะรง
อาวัช?ตวา ธัมมะพะสัง
สะริต์วา ใJพพะเก ?เน

สัจจะพะละมะวัสลายะ สัจจะกรยะมะกาสะหัง

สันติ งกขา อะงตตะนา สันติปาทา อะวัญจะนา

มาตา ขตา จะ ปิกฃันตา ชาตะเวทะ ปะฏิกกะมะ

สะหะ สัจเจ กะเต มัยหัง มะหางชชะสิใต สิฃื

วัชเซสิ โสฬะสะกะรืสาร อุทะกัง งต์วา ยะกา สิ?

สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระรติฯ

คุณคึอฝ็ล สัจจะ และ?วิตที่สะอาดบริสุทธิ้ และความ
เอื้ออาทร รอยู่ในโลก ด้วยความสัตย์จริงใ]น ฃ้าพเจัาจักกระทำ
สัจกิริยาอันยอดเยี่ยม ข้าพเจัาขอมัอมรำลึกถึงอาบุภาพแห่ง

พระธรรม และขอมัอมระลึงถึงพระ'คุทธเจัาผูพ?ตมารในอดีต

ใๆงหลาย ได้ทำสัจกิริยา ยึดมนในกำสังแห่งสัจจะที่ข้าพเจ้ารอยู่
จึงขอทำสัจกิริยาว่าปีกทั้งสองข้างของข้าพเจ้ามือยู่ แต่ก็ยังไม่
แข็งแรงพอที่จะบินหปิไปได้เท้าทั้งสองข้างของข้าพเจ้ามือยู่ แต่ก็

ยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดินไปได้พ่อแม่ก็พากันบินหรไปเสียแล้ว

09๘ แค่สวดมน(ท์ก็ฟ้นเดั
www.kalyanamitra.org

พระเพลิงเอย ขอท่านจงดับเลิยเถิด

พร้อมกับข้าพเจ้ากระท่าสัจกิริยาอยู่นั้น เปลวเพลิงที่

ลุกโชนอย่างร้อนแรง ก็ดับมอดไปสนิท ระยะห่าง ๑๖ กริส เหมือน

เปลวไฟตกถึงนั้าแสัวดับไป ฉะนั้น ไม่มืผู้ใดมืสัจจะบารมื

เสมอกับข้าพเจ้า นี้คือสัจจะบารมืฃองข้าพเจ้า

ธรรมะจากบทสวดมนต์

เนี้อหาว่าดัวยเรื่องของไฟที่งเป็นของร้อนและลิงที่น่ากสัว

คนที่บานถูกไฟไหม ลินเนี้อประดาดัว จะเข้าใจอารมณ์นี้

ไดัคื

หลายคนสงสัยว่า สวดมนต์บทนี้แสัว จะดับไฟไดัจริงหรือ
ถ้าไฟกำสังไหม เราควรจะสวดบทนี้หริอหานั้านาดับไฟ ?

เป็นคำถามที่ตอบง่ายมาก ถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น

จริง ไม่ดัองสวดอะไร ไม่ดัองหานั้ามาดับ ทางที่คืควรริบวิ่งออกจาก

จุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุด แสัวถ้าเป็นตึกสูงอย่าวิ่งขี่'นข้างบน ให่วิ่ง

ลงข้างล่าง ถ้าท่าแบบนี้แสัวท่านจะปลอดกัย

เพราะเรายงไม่มืฤท'ธหริอบารมืพอที่จะอริษเานจิตให้

ไฟดับได้

# พระมMานงค* สุ มงฺคโล 09๙

www.kalyanamitra.org

-^

จะสามารถบันดาลฤทธิ้ให้ดับไปได้ต'องไม่ใช่คนธรรมดา
ดัองเป็นมืสืลสมาธิบริบุรณ์มีอภิญญาเท่านั้น อย่าเพืยงคิดว่าสวดๆ

แล้วจะรอด

ไม่เช่นนั้น ท่านอาจถูกย่างสด

ไฟที่ไหม่ในภายนอก แม้จะ^นแรงแค่ไหน ก็ไม่อันตราย

เท่ากบไฟภายใน

ความรัก ความหึงหวง ความผูกพัน ('ราค:T-)ความห'เดหงิด

ถู่วามง่าย ความโกรธ ผูกใจเจ็บ อาฆาตพยาบาท (โกรธ) และ

ความหลงงมงาย ขาดสติ ("โมหะ^จัดเป็นไฟภายใน

ไฟชนิดนี้แหละที่อันตรายและเป็นไฟไหม้ฟางที่ค่อยๆ

เผาใจเราโดยไม่เ'ตัว

ขณะนี้เรากำลังถูกเผาอยู่ตลอดเวลา เมื่อใดเราหยุดดิ้นรน
ให้อภัย แกใจให้สงบ มีสติอยู่ตลอดเวลา เมื่อนั้นไฟย่อมตับไป

แต่บังมีโอกาสเกิดขึ้นอีก

ไฟชนิดนี้แหละที่รัายแรงที่สุด อย่าปล่อยให้ม้นไหม้จน
ลุกลามไปทร

obo แค่สวดมนต์ก็lijนเด้ <^

www.kalyanamitra.org

อุปกรณ์ดับไฟภายในต้องใช้ธรรมะ คือ การให'อภัย มืสติ
มืเมตตา ไม่ใช่นาที่ไหน เมื่อมีธรรมะก็เหมือนนํ้าเย็นชนิดวิเศษที่
ช่วยดับไฟประเภทนี้ไดั

อืกอย่างหนึ่ง บทสวดมนต์สอนให้เราfจักการมืสัจจะ
เมื่อเราให้ความสำคัญกับคำพูด รักษาคำพูด ไม่ใช่วันนี้
พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอึกอย่าง พูดคำไหนคำนั้น คำ พูดจะกลายเป็น

ความคักดสิทธิ๋ เครดิตความน่าเ^อถือก็เก็ดขึ๋น

บางทึเราพูดอะไรก็ไม่มืคนเ^อ ทั้งที่เป็นความจริง สาเหตุ
ไม่ใช่เพราะเราพูดจริงแล้วไม่มืคนเ^อ แต่เป็นเพราะเราขาดความ

น่าเ^อถือ

ตรงกันช้ามคนพูดไม่จริงกสับมืคนเ^อ

ฉะนั้น เมื่อสวดมนต์บทนี้ แม*ไฟภายนอกจะไม่ดับไป แต่

ขณะสวดจิตใจสงบเกิดสมาธิ ย่อมสามารถดับไฟภายในไดัอย่าง
น่าอัศจรรย์

พระมหานงค' สุ มงคโล ©bs
www.kalyanamitra.org

V: / ■- ■'-
s s s s a:.ร•ร.-^^^^^^^^^,

's ร;"^ ' -■ -■ ■

www.kalyanamitra.org

รซัคคสูตร^

สะดุ้งกลัว ตก?จง่าย ต้องสวดบทน

ธซัคคะ แปลว่า ''ยอดรง" ธฟ้'คดสูตรคือพระสูตรที่

แสดงถึงยอดธงอันเป็นล่ญล้กษณไห้ระลึกถีงเมี่อฐภัย หรือควาน

หวาดกลัว

โบราณฟานกล่าวว่า ใครเป็นโรคกลัวความ^งให้สวดบทบี้
เมื่อครั้งเกิดสงครามระหว่างเทวดากับอสูร ห้าวลักกะได
แนะน่าให้เหล่าเทวดาที่เกิดควานหวาดกลัวพวกอสูร นองดูยอดธง

ของพระองคหรือของเทวดารั้นรองลงนา ควานกลัวก็จะหายไปได้

เพี่อปลุกใจให้สู้!น'กลัวพวกอสูรจึงจะได้ร้บอัยชนะส่วนพระทุทธเจ้า

ได้ตรัสสอนให้พระลงรบเพี่อมนและยึดพระรัตนตรัย l3นที่พี่ง
จะทำให้คลายจากความกลัว และPกปลอดภัย

พระบHานงคํ สุ มงฺคโล อ(ร(ท

www.kalyanamitra.org

ธ-^คคสูตรนี้ จะไม่เรียกว่า "ปริตร'' เพราะมีลักษณะ

การแต่งเป็นพระสูตร คลัายมงคลสูตรหรีอธัมมจักกัปปวัตนสูตร

^งนิยมขึ้นต้นดวยคำว่า ''เอวัมเม สุตัง เอกัง สะมะยัง''
บทนี้นิยมใต้สวดในพิธืถวายลัตย์ปฏิญาณต่อหน้า

ธงไชยเฉลิมพล

ตำ นานบทสวดมนต้

บทสวดมนตํนี้ มีตำ นานมาจากเรื่องการสู้กันระหว่าง

เทวดาและอสูร ส่วนสาเหตุความแต้นฝังใจจนกลายเป็นสงคราม
นั้น มีความเป็นมา ดังนี้

ในอดีต มีมาณพคนหนึ่งรื่อว่า "มร/ะ"อาศัยอยู่ในหjjmน
อจละ เมีองมคธ กำ ลังเดีนไปทำงานในหยู่น้าน พอไปถีงที่แห่งหนึ่ง
ก็เอาปลายเทํ'าสู้ย^3นให้ราบเรียบ แลัวทำให้เป็นนั้งที่พักผ่อน

ต่อมา ชายคนหนึ่งมาถึงก็ผลักเขาแย่งที่นั้นแลัวนั้งพักเลิยเอง
มฆะมาณพแทนที่จะโกรธกลับดีใจที่ชายคนนั้นไต้

นั้งพักในที่ลันสบาย ส่วนตนเองไต้หลบไปทำที่อี่นให้เป็นพัก

ลันสบายแลัวพักอยู่ คนอื่นมาถึงก็แย่งที่นั้งของเขาเช่นกัน เหตุการณ์
เป็นไปในทำนองนี้อยู่เรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่เคยโกรธใคร คิดเลิยว่า

0๖๔ แค่สวคมนด'กิน)นเด ^^

www.kalyanamitra.org

0

''ขอคนเหล่านั้น จงรความสุขเถิด ขอกรรมนี้จงเป็นเหตุให้เราร

ความสุขเซ่นกัน"

กัน^งขึ้น จึงได้ถือเอาจอบไปถากสถานที่นั้นให้เรียบรอย
ทำ ให้เป็นที่นั้งพักผ่อน พอถึงในฤดูหนาวก็ได้ก่อไฟ ส่วนใน
ฤดูรอนก็ได*ให้นั้ากินนั้าใช ด้วยตั้งใจว่า "ขึ้น^อว่าสถานที่อัน
น่ารี่นรมย์ ย่อมเป็นที่รักของคนทวไป จะไม่เป็นที่พอใจของใครๆ

นั้นไม่บี"

ตั้งแต่นั้นมา ทุกเช้ามฆะมาณพก็ทำหน้าที่แทนเทศบาล

ปดกวาดทำความสะอาด ปลูกด้นไม้ ดูแลสวนสาธารณะให้
เรียบรัอย คนที่เดินทางผ่านไปมาก็ได้นั้งพักอย่างสบาย

ทำ ดื แต่อย่าเต่นจะเป็นภัย

ภายหลัง บีชายคนหนึ่งมาพบเห็นเขา จึงถามถึงเหตุผลที่

ด้องมาทำเซ่นนี้

นายมฆะจึงตอบว่า ''กำลังทำทางไปสวรรค์"

ชายคนนั้นจึงรับอาสาเป็นเพี่อนร่วมอุดมการณ ตั้งแต่

นั้นมา ทั้ง ๒ คน ก็ซ่วยกันทำงานเพี่อลังคม แม้ชายอึกหลายคนมา
พบกับเขาทั้งสองก็ถามอย่างนั้นเหบีอนกัน ก็ได้รับคำตอบ

พระฆหานงค์ สุ มงฺค[ล

www.kalyanamitra.org

'ร;^'

o



เหมือนกัน

ต่อมา ชายหบุ่มทั้งหลายได้รวมตัวกัน เรืยกว่า ''กสุ่ม ๓๓

เพราะมืเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ๓๓ คน ได้ช่วยกเันนสสรรา้างงสสถกาานน'ท^ี

น ,. , . V

พักผ่อนอันสวยงาม เพื่อประโยชน์แก่คนทั้งหลาย

โบราณว่าทำดืแต'อย่าเด่นจะเป็นภั'J

เรื่องของชายหบุ่มกลุ่มนี้ก็เช่นกัน ผู่ใหญ่บานพอเห็น
คนทั้งหลายพากันรื่นชมชายหบุ่มกลุ่ม ๓๓ นี้ ก็มืความคิดอิจฉา

หาทางกำจัดให้พันจากเสันทาง เพราะห้ามก็ไม่ฟังสงก็ไม่ได้ จึง

น่าความไปฟ้องร้องเท็จต่อพระเจัาแผ่นดินว่า "ข้าพเจ้าเห็นพวกโจร

กลุ่มหนึ่งกำลังออกปล้นชาวห้าน" เท่านี้นเอง พระเจ้าแผ่นดินก็

หลงเรื่อสงให้คนจับตัวมาลงโทษ
พอน่ามาเท่านั้น พระราชายังมืทันได้ทรงพิจารณาสอบสวน

เสย ก็ออกคำสงว่า "พวกท่านจงให้ข้างเหยียบ" แต่ข้างไม่เหยียบ

เพราะอานุภาพแห่งเมตตาชองมฆะมาณพและบริวาร ฝ่าย

พระราชาทรงคิดว่า "ข้างเห็นคนมาก จึงไม่กล้าเหยียบ" จึงสงให้

เอาเรื่อวางคลุมเสิยกํอนแล้วจึงให้ข้างเหยียบอิกรอบ

แต่ข้างก็ไม่กล้าเหยียบแถมถอยกลับเสิยแต่ไกลทีเดียว

3๒๖ แค่ลวคมนต์ก็บ!น7ด้ ^^

www.kalyanamitra.org

ด้วยอำนาจแห่งเมตตาของมาณพ

พระราชาทรงทราบเหตุนั้นจึงไต่ถามสอบสวน แล้วได้ทราบ

ความจริงว่าไม่ใช่โจรแต่เป็นคนดี เพียงแต่ถูกผู้ใหญ่บ้านใส่ร้าย

ป็ายสิ จึงรับลงว่า "แบ้แต่ข้าง^งเป็นล้ตว์ดีรัจฉานยังรู่'คุณของคน

แต่คนด้วยกันกลับไม่รู่'คุณคน" จึงรับสงพระราชทานผู้ใหญ่บ้าน

พร้อมทั้งบุตรและภรรยาใบ้เป็นคนรับใข้ข้างเข้อกนั้นก็พระราชทาน

ใบ้เป็นรางวัล และมอบต่าแหน่งผู้ใหญ่บ้านใบ้

มมะมาณพกับพวกพูดกันว่า "บุญนี้เห็นผลทันตาจริงๆ"

ต่ างก็ดีใจและได้มืมดีเห็นขอบว่าจะสร้างศาลาที่ทักไวไน
ทางใหญ่ ๔ แยก แบ้แต่ละคนเป็นคนใจบุญและมืครอบครัว

แต่ก็ไม่อยากใบ้คนในครอบครัวบายุ่งเรื่องงานด้วย บุ่งทำงาน

จนลืมนึกถึงภรรยาตนเอง

ผู'้ ฉลาดย่อมไม่พลาดจากบุญ

ส่วนมมะมาณพนั้น มีภรรยา cr คน คือนางสุนันทา สุจิตรา

สุอรรมา สุชาดา

บรรดาหญิง ๔ คนนั้น นางสุอรรมาอยากจะเป็นใหญ่ใน
บุญนี้จึงวางแผนสมรู่'ร่วมคิดกับช่างใบ้ด้วยการใบ้สินบน

_^ ^ ^ พระฆทานป้ค์ลุนป้คโล ©bcl

www.kalyanamitra.org

ฝ่ายช่างไม่กรับปากว่า "ได้'* แล้วตากไมสำหรับท่าช่อฟัาให'

เสเจแล้วสล้กอักษรว่า "/จวสารุรfjiyT"แล้วเอาผ้าห่อเก็บช่อนไว้
ครั้นช่างไม่'สรัางศาลาเสเจแล้ว ในวันยกช่อฟ้า จึงแจงกับ

คนเหล่านั้นว่า "นายครับ ตายจริง ผมลืมงานสำคัญอย่างหนึ่ง"

ด้วยความสงสัย มาณพทั้งหลายจึงถามว่า "ลืมอะไรเหรอ"
พอเว่าเป็นช่อฟ้าจึงแจ้งว่าจะนำช่อฟ้ามาเอง

ฝ่ายช่างก็ออกอุบายว่า จะท่าตอนนี้คงไม่ทันการณ์แล้ว

เพราะด้องได้ไม่'ช่อฟ้าที่เขาตัด ถากสล้กที่อไว้นั้นแหละจึงจะ

ใช่ได้ ฝ่ายมาณพทั้งหลายก็ตกหลุมพรางของช่างแล้วบอกว่า

"จะเอาที่ไทนก็หามาใ}นด้เพราะต้องใช้ตอนนี้''

ฝ่ายมาณพทั้งหลายพากันเที่ยวหาอยู่ ได้พบไม่'ท่าช่อฟ้า

ในเริอนของนางสุธรรมา แล้วพยายามขอนี้อด้วยราคาหนึ่งทัน

แต่นางสุธรรมาก็ไม่ยอมขาย แต่บอกว่า "ล้าท่านทำอันใทัมี
ล่วนร่วมในศาลานี้ไชรั อันจ้กใหฟริ"

ทืแรก มาณพทั้งหลายจะไม่ยอม เพราะไม่อยากใหผู่'หญิง

มีล่วนร่วมด้วย แต่สุกช่างไม่'รบเร้าให้รับเอาเพี่อใหงานสำแจ จึงรับ

เอาช่อฟ้ามายกในวันนั้น
เมื่อสร้างศาลาสำแจแล้ว แน่งเป็น ๓ ส่วน คือส่วนหนึ่ง

©๒๘ แค่ลวคมนต์ก็น)น1คั ^

www.kalyanamitra.org

แบ่งเป็นทพักลำหรับแขกผู้ใหญ่ ส่วนหนงเป็นทพักลำหรับ
คนยากจน คนเดินทาง อีกส่วนหนึ่งส่าหรับคนป่วย

มาณพทั้ง ๓๓ คน สังให'คนใJแผ่นกระดาน ๓๓ แผ่นไว้

แส่'วใหลํญญาณแก่ช้างว่า "ถ้ามีคนมานงบนแผ่นกระดานของ

ผู้ใด, ก็ให้ช้างพาผู้นั้นไป่พักอยู่ที่เรือนของผู้นั้น ที่งเป็นเว้าของ
แผ่นกระดานนั้นแหละ การดูแลต้อนรับทุกอย่าง จะเป็นหนาที่ของ

ผู้นั้น"
มฆะมาณพไดบ่ลูกต้นทองหลางไว้ต้นหนึ่งไบ่บ่'ไงจา^ไ

ศาลามากนัก แลวยู่แผ่นดิลาไว้ที่โคนต้นทองหลางนั้น

คนผ่านไป่ผ่านมา เมื่อเห็นศาลาสวยงาม ก็ทุดเป็นเอียง

เดิยวกันว่า "ศาลาสุธรรมา'' ส่วน^อของมาณพทั้งหลายนั้นไม่

บ่รากฏแมแต่คนเดิยว

นี้เป็นความฉลาดของนางสุธรรมา
ฝ่ายนางสุนันทาก็คิดหาอุบายอยากทำทุญเช่นกัน คิดว่า

คนที่มาสู่ศาลาควรจะไต้ดื่มนั้าและอาบนั้าพักผ่อน จึงลงให้ใเดอระ

โบกขรณึ นางสุจิตราก็อยากมีส่วนร่วมในบุญเช่นกัน จึงสังให้

คนจัดสวนดอกไม่ไว้

^ ^ ^ พระมหานงค' สุ มqค!ล obrf

www.kalyanamitra.org

ฝ่ายนางสุชาดาสำคํญผิดว่า ตัวเองเป็นลูกสุงฃองนายมร

ทั้งมืสถานะเป็นภริยาด้วย บุญที่สามีทำแล้ว ก็คงเป็นของภรรยา
เหมีอนกัน กรรมที่ภรรยาทำก็คงตกแก่สามีเหมีอนกัน จึงไม่ทำบุญ

อะไรเลย วันๆ เอาแต่แต่งหน้าทาปากแต่งตัว ปล่อยเวลาให้

ผ่านห้นไปอย่างไรประใยซน้

นี้เป็นความสำคัญผิดที่ตกมาถึงแก่คน^นหล้งทีเดียา
เพราะบุญเป็นเรื่องเฉพาะตัว ใครทำใครได้ความบริสุทธ^หริอความ

ไม่บริสุทธก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่มีใครช่วยกันได้
แต่เราสามารถร่วมบุญได้ด้วยการอนุโมทนายินดีกับบุญ

ของผู่อี่น

นอกจากจะมีจิตใจขอบทำบุญแล้ว มฆะมาณพยังประพฤติ

วัตร ๗ข้อ เป็นประจำตลอดข้วิต คือ ทั้งใจปา^งมารดาบิดา ประพฤติ

อ่อนน้อมต่อผู้เจริญในตระภูส พูดคำล้ตยั ไม่พูดค่าหยาบ ไม่พูด

ส่อเสํยด กำ จัดความตระหนี่ และไม่โกรธ

เกิดสงคราม?งภพ

. จนวาระสุดท้ายของ?วิต มฆะมาณพได้ตายไปเกิดเป็น
ท้าวล้กกะบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนสหายทั้งหมดก็ได้!ปเกิดใน

«>๓๐ แค่สวดฆนต์ก็เบน!ด้ ^^ ^

www.kalyanamitra.org

ที่ เดียวกัน

ลวรรคชั้นนั้น จีงได่ชั้อว่า ''ดาวดึงส์'' เพราะเป็นที่อยู่ของ

เทวดา ๓๓ องค์

ส่วนช่างไjTIดใปเกิดเป็นวิศวกรรมเทพบุตร ส่วนช่างเกิด

เป็นเทพบุตรที่อเอราวัณ

ตามจริง ในเทวโลกย่อมไม่มลัตวัดิรัจฉาน เพราะฉะนั้น

ในเวลาท้าวสักกะเสด็จออกเพี่อประพาสอุทยาน เทพบุตรนั้น
จึงจำแลงตัวเป็นข้างชั้อเอราวัณ ลูงประมาณ «๕๐ ใยขน์เป็นข้างทรง

ของท้าวสักกะ

ในช่วงนั้น พวกอสูรยงอาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
อสูรเหล่านั้นพอเห็นมเทพบุตรเกิดใหม่ก็เตริยมงานรับน้อง

(เทวดา)ใหม่ ด้วยการจัดสุราอาหารทิพย!วัตัอนรับ

ด้วยความที่ตั้งมนในการลงสมบุญมานาน ท้าวสักกะจึง
นัดหมายกับบริวารของตนเพี่อให้งดดื่มสุราทิพย์ ส่วนพวกอสูร
ดื่มสุราทิพย์จนเมาทวกันแสัว ท้าวสักกะทรงคิดว่า โอกาสเป็นของ
เราแลว ต่อไปนี้เราจะเป็นใหญ่ในภพนี้จึงช่วยกันจับอสูรเหส่านั้น

โยนลงไปในมหาสบุทร

อสูรเหล่านั้นเมื่อตกลงไปในสบุทร ก็มือสูรวิมานได้เกิดมา

-,^ ^ ผระมหาน0ค่ สุ ฆงฺคโล อ๓©

www.kalyanamitra.org

รองรับด้วยอานุภาพแห่งบุญเก่า ณ ภพอสูรนั้นมืด้นไปัส์อ

''จิตตปาลิ"(\น้แค1\โเย) เกิดขึ้นเป็นด้นไม้ประจำภพ
ส่วนบนสวรรคขึ้นดาวดึงส์ มีด้นปาริฉัตตกะ ความกว้าง

ประมาณ ๓๐๐ โยซนโดยรอบ เกิดขึ้นด้วยผลแห่งการปลูกด้น
ทองหลาง บัณทุกัมพลดึลา^งเป็นที่นั้งของท้าวสักกะ มีขนาด

กว้างยาว ๖๐ โยขน หนา ๑๕ โยขนก็เกิดขึ้นที่โคนไม้ปาริฉัตตกะ

ด้วยอานิสงส์แห่งการใJแผ่นดึลา เมื่อท้าวสักกะประทับนั้งก็ยุบลง
เวลาลุกขึ้นก็ขึ้นอีกอย่างน่าอัศจรรย์

ที่นั้งของพระอินทร์นี้ เวลามีคนเดึอดรัอนก็จะแสดงอาการ

รัอน เป็นเหตุไท้พระอินทร์ด้องลงมาช่วยเหลือผู้ที่เดึอดร้อน

ตำ นานนางนกกระยางขาว

บรรดาภรรยาทั้ง ๕ คนของมฆะมาณพ นางสุธรรมา
นางสุนันทา และนางสุจิตรา ๓ คนนี้ได้ทำบุญร่วมกับมฆะมาณพ
ก็ได้เกิดบนสวรรค์ขึ้นดาวดึงส์เช่นกัน มีเพืยงนางสุขาดาภรรยา
คนที่ ๕ ที่สำ คัญผิดคิดว่าสามีทำบุญ ตนเองก็คงจะได้บุญ

ด้วยเช่นกัน ว้นๆ เอาแต่แต่งตัวสวยเดินอวดโฉมไปมา ส่งผลใท้

ไปเกิดเป็นนกกระยางขาวที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง

omb 11ค่ลวดมนต์ก็น!น7คั ^^

www.kalyanamitra.org

"Ijr' illif

ท้าวสักกะเมื่อ!'ว่านางไปเกิดเป็นนกกระยางขาว จึง

ปลอมตัวไปเพี่อเตือนสติใท้นางรักษากิล ๕ ใท้ตื เพี่อจะได้
ไปเกิดบนสวรรค์ด้วยกัน นางนกกระยางพอ!'ว่าเป็นท้าวสักกะ
และได้ฟังข่าวว่าเพี่อนทั้งหมดก็ไปเกิดบนสวรรค์กันหมด ก็เกิด
ความสลดสังเวชใจ จึงได้ตั้งใจรักษาศีล ๕ อย่างมนคง

ตามธรรมดาอาหารของนกกระยางศีอปลาตามหนองนํ้า
นางนกกระยางขาวจึงกินเฉพาะปลาตายเท่านั้นไม่กินปลาตืบ

ถ้าเห็นปลายังกระดิกหางได้อยู่ ก็จะไม่กินด้วยความตั้งใจรักษา

ศีล ต่อมา นกกระยางขาวได้กินอาหารบ้าง ไม่ได้กินบ้าง ท่าใท้

ชุบผอมลงและตายในที่สุด

ด้วยอานิสงสัแห่งศีล ๕ นั้น ท่าใท้นางไปเกิดเป็น'ธิดาของ

ช่างหบ้อในเมองพาราณสิ

ยังตัองพลัดพรากจากเพี่อนอีก ๑ ชาติ
ต่อบา ในเวลาทนางมือายุราว ๑(^-๑๖ ปี ท้าวสักกะ
ทรงสำรวจดูก็พบว่านางไปเกิดบนโลกมบุษย' ยังอยู่คนละภพภูมิ
จึงปลอมตัวลงมายังโลกมบุษย'เป็นพ่อค้าขายของ ประกาศใท้

คนเอาถวเขึยวมาแลกกับฟักทอง แต่มีเงื่อนไชว่า ผูนั้นตัองเป็น

สตรืผู'มิศีล

fif พระฆหาน0 ค' ลฺ บงฺคโล ร)(ท๓
www.kalyanamitra.org





ประชาซนบ้านป้าฒืองดงในสมัยนั้นยังไม่เ'ว่าสืล & คือ

อะไร ต่างตอบกันไปคนละทิศละทาง บ้างก็ว่าเป็นสิด่า บางคน

ก็สงสัยว่าเป็นวัตฤสิกลับ

ธิดาของซ่างป้นหมัอ ^ว่าปญหานี้ง่ายนดเดียว ด้วยความที่

รักษาคืล ๕ มานานจึงได้ตอบฟ้ญหาของพ่อด้า(ปลอม)และได้เป็น
เด้าของฟ้กทอง(คำ)ผลไมวเศษที่ท้าวสักกะประทานใบ้เป็นสบบ'ต
วิเศษเพี่อใช'เลี้ยงตัวได้ตลอดธิวิต ไม่ต้องไปท้ากรรมใบ้ผิดคืล «

แต่ประการใด

สวยดุจนางฟ้าแต่เป็นธิดาของอลูร
ฝ่ายธิดาของซ่างหมัอนั้น พอตายไป ก็ได*ใปเกิดเป็นธิดา

ของบ้วหบ้าอสูรผู้เป็นดุ่เวรกับท้าวสักกะ และด้วยอานิสงส์แห่ง

คืลที่รักษามาแล้วถึงลองภพสองชาติ ท้าใบ้นางเป็นผู้มืรูปร่าง

สวยสดงดงาม มีผิวพรรณดุจทองคำ เรียกว่าสวยหาที่ติมิได้

ไม่เหมีอนเทพธิดาคนใดเลย

ท้าวอสูรหวงลูกลาวเป็นหบ้กหนา แบ้จะมีคนมาขอก็ไม่ยอบ
ยกไห่ใคร เพราะพิจารณาดูทว ๑๖ ยันฟ้า ๑๕ ยันดินแล้ว ไม่มีใคร
เหมาะกับนาง แต่ก็เปีดโอกาสใบ้ลูกสาวเสือกดู่ครองด้วยตนเอง

©{ท๘ แค่ลวดมนถ์ก็น[น!ด้ A^

www.kalyanamitra.org

^« ส

จึงให้พลเมืองซาวอสูรประชุมกัน แล้วไดให้พวงมาลัยเส์ยงทายแก่

ธิดาใ]น

ประเพณืโบราณการเลือกคู่ด้วยการโยนมาลัยเส์ยงทาย
คงลือกำเนิดมาตั้งแต่บัดใ]นกระมัง แมัปจจุบันนี้ ในพิธิแต่งงาน
สาวใดได้รับดอกไมัที่เจ้าสาวโยนลงมาให้เพี่อนๆ เจ้าสาวแย่งกัน

แสดงว่าเตรืยมตัวเป็นเจ้าสาวได้เสย

ในขณะใ?นเอง ห้าวลักกะทรงติดตามดูสถานการณ์ของ
นางอยู่ตสอดเวลา เมื่อทราบว่านางไปเกิดเป็นธิดาอสูร แสะ!'ว่า
วันนี้จะมืการเพี่ยงทายเพี่อเลือกคู่ขึ้น จึงปลอมตัวเป็นอสูรรูปร่าง
อัปลักษณ์เหมือนคนแก่ ไปยืนปะปนอยู่ที่ชุมนุมด้วย

แม่ธิดาของห้าวอสูร เมื่อเหลืยวซ้ายแสขวา พิจารณาดู
ซ้างโบันแสะซ้างนี้ก็ไม่พบใครที่ชุกใจ แต่พอพบสบตากับห้าวลักกะ
เท่านั้นเอง ความรัก^งเกิดขึ้นด้วยอำนาจบุพเพลันนิวาสก็ท่วมห้บ
หัวใจจนหยุดไม่อยู่ เหมือนห้วงนั้าใหญ่ไหสมา ก็ตกสงปสงใจว่า

"คนนี้แหละสามืของเรา'' ว่าแล้วจึงโยนพวงมาลัยไปตกเนี้องบน
ห้าวลักกะนั้น

„0__^^ ^ พระมหานงค' สุ มงฺคโล ©(ท(ร

www.kalyanamitra.org

ในขณะนั้นเอง พวกอสูรในที่ประธุมก็ตกตะลึงกันยกใหญ่

นึกไม่ถึงว่าธิดาอสูรจะมืรสนิยมชอบคนแก่ นึกละอายใจว่า

หัวหนาเราไม่ยอมยกสูกลาวใหํใคร บัดนี้ไดํ'สาร^นราวคราว

ไม่เจะเอาหบัาไปไวํใหน
ฝ่ายท้าวกักกะพอได้โอกาสก็รืบคว้ารอธิดาของอสูร

ประกาศใหัเ'กันว่าตนเองคือท้าวกักกะ แกัวเหาะหนิกกับไปบน
สวรรค สรางความเจ็บแด้นใจแก่หัวหน้าอสูรเป็นอย่างมาก แน้จะ

ยกพวกไล่ติดตามก็ไม่สามารถตามท้นได้

อสูรทั้งหลายจึงผูกใจเจ็บแด้นตั้งแต่นั้นเป็นด้นมา ด้วย
เหตุผล ๒ ประการคือ ครั้งแรกสูกจับโยนลงจากสวรรคมาอยู่บนภพ
อสูร ครั้งที่สองสูกหลอกเอาลูกสาวหนีไปได้

เมื่อรโอกาสรก่ากัง ก็จะยกพวกมาท้ารบกับท้าวกักกะ
ก่อใหัเกิดสงครามระหว่างเทพกับอสูรกันเป็นประจำ และอสูร

ทั้งหลายก็พ่ายแท้ถอยกกับไปทุกทื ถึงคราวก็ยกมารบใหม่อย่าง

นี้เรื่อยไป

เหตุนี้แหละจึงเรียกว่า "เหววรุโรสงครวม"คือสงครามระหว่าง

เทวดาและอสูร

IV -ะ;-

©๓๖ แค่สวคมนต์ก็น!uTค —

www.kalyanamitra.org

สมัญญาพระอินทร์

ฟ้าวสํ'กกะฒี่อครั้งเกิดเป็นมนุษย ได้ประพฤติวัตร rt ข้อ

ใฟ้บริบุรณไม่บกพร่อง คือ

๑. เป็น^เ^แลเลี้ยง^มารดาปีดาตลอด^ต

๒. เป็น!;[รความอ่อนน้อมต่อ^หญ'ตลอด^ต
๓. เป็น^}!^ดจาอ่อนหวานตลอด^ต
cr. เป็น^ม''!^ดส่อเ^ยดตลอด^วิด
๕. เป็น!;[รจิตใจปราศจากความตระหนี่ปีนต'ความเส่ยสละ

ตลอดจิวิต

๖. เป็น!^กส่าวคำสัตยจริงตลอด^ต
๗. เป็น^ม่โกรธตลอดจิวิต

นี้เรืยกว่า "/ รรมชฮงท่าวกกะ''ผู้ใดปรารถนาจะเกิด

เป็นท้าวสักกะในอนาคต ก็ด้องตั้งใจปฎิบไติธรรมทั้ง ๗ ข้อนี้ใท้คื
นมไม่ปรารถนาสิงใดๆ เพียงเราตั้งใจปฎิป้ตใฟ้ใด้เพึยงข้อเคืยา ก็

จะเกิดความสุขสวัสดีและเกิดเป็นบารมีแก่ตัวเราอย่างแบ่นอน

พระมหานงค์ สุ มงฺคโล 9๓(1

r:y www.kalyanamitra.org
*ร.:ร

อึกอย่างหนึ่ง หลายคนคงไดํยนกันบ่อยถึงคำเรียกหัวหนา

เทวดาว่า ''พระอินทร์"mti "ทำวสักกะ''บ้าง จนเกิดความลับสน

ไม่ ะใซ้คำไหนดี

ความจรีงหัาวสักกะหรีอพระอินทรีนั้น มีใเอเรียกต่างๆ กัน
ตาม3 เหตุแห่งการตั้ง^อ คือในสมัยที่พระองคํเป็นมนุษย์ เกิด

เป็นมาณพที่อ "มฆะ" ฉะนั้น พอเกิดเป็นเทวดา เขาจึงเรียกว่า

"ท่าวJL/Z/วว''ตามที่อเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ได้ใหัทานก่อนคนอื่นเขา คนจึงเรียกว่า

"ทำวใ/รินทะทะ"

เพราะได้ใหัทานโดยเคารพ คนจึงเรียกว่า "ท้าวสักกะ"

เพราะไดํใหัที่พักอาศัย คนจึงเรียกว่า "ท้าววาสะวะ"

เพราะทรงfเรื่องราวตั้งพันได้เพียงค^เดียว คนจึงเรียกว่า

"สท่'สสไาชะ" คือบืตาทิพย์ มืตามาก เหมือนตาสับปะรด

หัาวสักกะมืภรรยาอื่อ "สุชาดา" ฉะนั้น คนจึงเรียกว่า

"ท้าวสุสับบดี"
เพราะเป็นหัวหน้าเทวดารั้นดาวดีงสั เราจึงเรียกว่า

"เทวามะมิมทะ"หรีอพระอินทรี

9๓๘ แค่สวดมนต์กํน)นเด้ จ^ุ ^

www.kalyanamitra.org .กัNพ-" '-

บทสวดและคำแปล (ย่อ)

อะรัญเญ ^กขะ]^เลวา สุญญาคาเร วะ ภิกขะโว
อะนุสละเรถะ ส้มทุทธัง ภภะะยยังง ตุมหากะ โเน สิยา
โน เจ ทุทธัง สะเรยยาถะ โลกะเซฎรู้ง นะราสะภ''ง

อะถะ ธ''มยัง สะเรยยาถะ ปิ ยยานิก''ง สุเทสิตัง
โน เจ ธมยัง สะเรยยาถะ ปิยยานิกง สุเทสิตัง
อะถะ ส้งยัง สะเรยยาถะ ไ ญักเขตตัง อะบุตตะรัง

เอวัง ทุทธัง สะรันตาน''ง ธ้มยัง ส้งยัญจะ ภกฃะโว

ภะยังI วา ส้มภิตัตตัง วา โลมะหังโส นะ เหสสะตติ ฯ

ดูก่อนภิกชุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลายอยู่ในป้า หรือที่

โคนตันไยั ในเรือนว่าง พึงระลึกถึงพระสัมทุทธเจ้า ภัยจงจะ

ไม่รแก่เธอทั้งหลาย ถ้าเธอทั้งหลาย ไม่ระลึกถึงพระทุทธเจ้า
ผู้ประเสรืฐที่สุดในโลก ประเสริฐกว่านรซน

ที่นั้น พึงระลึกถึงพระธรรม อ้นเป็นเครื่องน่าออกจากทุกข์

ที่งเราแสดงไวัดืแส้ว ถ้าเธอทั้งหลายไม่ระลึกถึงพระธรรม อ้น

เป็นเครื่องน่าออกจากทุกข์ที่งเราแสดงไวัดึแถ้ว
ที่นั้น เธอทั้งหลายพึงระลึกถึงพระสงยั ผู้เป็นเนื้อนาบุญ

ของโลก ไม่มึนาบุญอี่นยิ่งกว่า ภิกบุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลาย

^ ^ ผระมหๆนป้ค' สุ มงค[ล 9๑๙

www.kalyanamitra.org

ระลึกถึงพระทุทธเจ่า พระธรรม และพระสงฆ์อยู่อย่างน ความ
กลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดึ อาการกลัวจนขนหัวอุกก็ดื จักไม่มื

ดงนแล ฯ

ธรรมะจากบทสวดมนต

บทสวดในธจัคสูตร๕น เป็นการกล่าวถึงอำนาจพระรัตนตรัย

คือ พระทุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ผูใดได้ตั้งใจน้อมระลึกถึง
เมื่อเกิดความกลัวหรือสูกอำนาจภัยรดคุกคาม สวดเป็นประจำ

ทุกวัน ย่อมพนจากภัยได้

คนล่วนใหญ่พอเกิดความกลัว คว้าอะไรได้ก่อนก็ยึดเอา

เป็นที่พึ่งได้หมด โดยไม่สนใจว่าผิดหรือถูก กว่าจะเ'ตัวว่าสิงที่เรา

ยึดถึอมานั้นผิด ก็ตัองใชเวลานาน
มนุษยและลัตวัรลัญชาตญาณรักตัวกลัวตาย และอยากร

ที่พึ่งด้วยภันทั้งนั้น

เวลาเรากลัวขึ้นมาหรือปรารถนาโชคลาภก็พึ่งผิ พึ่งถูเขา

ไหว้ด้นไม นุชาจอมปลวกน้าง
สิงเหล่านั้นไม่สามารถช่วยเราได้เลย
พระอินทร1ด้บอกเทวดาว่า ถ้ากลัวใหัมองดูชายธงจะได้

9๔0 แคํสวคนนด์ก็น!น1คั ^

www.kalyanamitra.org


Click to View FlipBook Version