The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ “บาลีไวยากรณ์เบื้องต้น” ย่อเนื้อหามาจากคัมภีร์ปทรูปสิทธิ
แล้วเรียเรียงขึ้นใหม่ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนภาษาบาลีเบื้องต้น ให้ผู้
ศึกษาภาษาบาลีเข้าถึงเนื้อหาในพระไตรปิฎกตรงตามพระพุทธประสงค์ เหมาะ
สำ หรับนักศึกษาใหม่ที่จะศึกษาคัมภีร์บาลีใหญ่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nueakan พรานล่าภาพ, 2020-03-07 05:51:28

บาลีไวยากรณ์เบื้องต้น

หนังสือ “บาลีไวยากรณ์เบื้องต้น” ย่อเนื้อหามาจากคัมภีร์ปทรูปสิทธิ
แล้วเรียเรียงขึ้นใหม่ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนภาษาบาลีเบื้องต้น ให้ผู้
ศึกษาภาษาบาลีเข้าถึงเนื้อหาในพระไตรปิฎกตรงตามพระพุทธประสงค์ เหมาะ
สำ หรับนักศึกษาใหม่ที่จะศึกษาคัมภีร์บาลีใหญ่

Keywords: บาลี ไวยากรณฺ

๖.ตทั ธติ กัณฑ์ : ศัพทก์ ิตก์ทมี่ ีใช้มาก ๑๔๑

คนตฺ พพฺ ํ คมฺมํ พึงไป โยคฺคํ พึงประกอบ

คารยโฺ ห ครหณียํ พึงตำ�หนิ คชชฺ ํ คทนียํ พงึ กล่าว

ปชฺชํ ปชฺชนยี ํ พึงถึง ขชฺชํ ขาทนียํ ควรขบเคีย้ ว

ทมโฺ ม ทมนโี ย ควรฝกึ โภคคฺ ํ โภชชฺ ํ ควรบริโภค

คยฺหํ คเหตพพฺ ํ ควรถือเอา เทยยฺ ํ ทาตพพฺ ํ ควรให้

เปยยฺ ํ ปานียํ ควรดื่ม เหยฺยํ หานียํ ควรสละ

เยยฺ ํ าตพพฺ ํ ควรรู้ ชานติ พพฺ ํ วชิ านนยี ํ ควรทราบ

สงเฺ ขยฺ ยฺยํ ควรนบั กตฺตพพฺ ํ กรณียํ ควรทำ�

ภจฺโจ ควรเลยี้ งดู ทฏฺ€พพฺ ํ ควรทราบ

โภชชฺ ํ โภชนียํ ควรกิน ภญุ ชฺ ิตพพฺ ํ ควรกิน

อชเฺ ฌยยฺ ํ ควรบรรลุ ภาเวตพฺโพ ควรให้เจรญิ

เตกาลิกะ กิตกคณะ

กมุ ภฺ กาโร ชา่ งหมอ้ มาลากาโร ชา่ งดอกไม้
รถกาโร ชา่ งรถ สุวณณฺ กาโร ชา่ งทอง
สตุ ฺตกาโร ชา่ งทอหูก ปตฺตคฺคาโห ผู้ถอื บาตร
รสฺมคิ ฺคาโห ผถู้ อื เอาเชอื ก รชฺชคุ คฺ าโห ผถู้ ือเอาเชอื ก
ตุนฺนวาโย ผู้ทอผ้า ธญฺมาโย ผตู้ วงข้าว
ทานทาโย ผใู้ หท้ าน ธมฺมกาโม ผใู้ ครธ่ รรม
อตฺถกาโม ผใู้ ครป่ ระโยชน์ ธมฺมปาโล ผรู้ ักษาธรรม
สขุ กาโม ผู้ใครค่ วามสุข อรินฺทโม ผขู้ ม่ ศตั รู
เวสสฺ นตฺ โร ผขู้ า้ มทางค้าขาย ตณหฺ งฺกโร ผสู้ รา้ งตัณหา
เมธงกฺ โร ผสู้ รา้ งปัญญา สรณงกฺ โร ผ้สู รา้ งท่พี ่ึง
ทปี งฺกโร ผูส้ รา้ งท่พี งึ่ ปรุ ินฺทโท ผเู้ คยให้ทาน
ธมมฺ ธโร ผทู้ รงธรรม วนิ ยธโร ผู้ทรงวนิ ัย

๑๔๒ ๖.ตทั ธติ กณั ฑ์ : ศพั ทก์ ิตกท์ ่มี ีใชม้ าก

ทนิ กโร ทวิ ากโร ผูท้ �ำ กลางวัน สพพฺ ทโท ผู้ใหท้ กุ สงิ่
อนนฺ โท ผใู้ ห้ข้าว ธนโท ผู้ให้ทรพั ย์
สจจฺ สนโฺ ธ ผยู้ ดึ มนั่ คำ�สัจ โคตตฺ ํ ผรู้ กั ษาช่อื เสียง
นยนํ เครื่องน�ำ ทาง ตา วนิ โย เครือ่ งแนะนำ� วินัย
นสิ ฺสโย ผอู้ าศัย อนสุ โย ธรรมทนี่ อนเน่ือง
วิ​นิจฉ​ฺ ​โย การ​วินจิ ฉัย ปจฺจ​โย ธรรมยงั ผลใหเ้ ปน็ ไ​ป
อจุ จฺ โย สญจฺ โย การสะสม สัง่ สม ธมฺมวจิ โย ผวู้ จิ ัยธรรม
ขโย ความสิน้ ไป วิชโย ชโย การชนะ ชยั ชนะ
กโย วกิ กฺ โย การซื้อ การขาย อาลโย ลโย ท่อี าศัย อาลยั
อาสโว อาสวะ รโว เสยี งร้อง
ปภโว ท่ีเกดิ จุดเริ่มต้น นคิ ฺคโห การขม่
ปคฺคโห การยกย่อง สงฺคโห การรวบรวม
สํวโร การสำ�รวม อาทโร ความเออ้ื เฟอ้ื
อาคโม การมา อาคม สปฺโป งู
เทโว เทวดา, ฝน วนจโร นกั ทอ่ งไพร, พราน
กามาวจโร กามาวจร โคจโร โคจร
ปาทโป ต้นไม้ กจฺฉโป เต่า
สิโรรโุ ห เสน้ ผม คุหาสยํ จติ
โอสธํ ยาสมุนไพร เคหํ คหํ เรือน
โลกนายโก ผู้แนะน�ำ ชาวโลก วนิ ายโก ผู้แนะน�ำ สัตว์
การโก ผทู้ �ำ ชา่ ง ทายโก ผู้ให้ ทายก
สาวโก ผเู้ ชอ่ื ฟัง สาวก อปุ าสโก ผู้น่ังใกล้ อุบาสก
ปาจโก ผู้หุง พอ่ ครัว ชนโก ชนิกา ผใู้ ห้ก�ำ เนดิ
สมโก ผู้สงบ วธโก นกั ฆ่า
ฆาตโก นักฆ่า กายโก นกั ขาย
ชานนโก ผู้รู้ การาปโก ผู้ใชใ้ หท้ �ำ

๖.ตัทธิตกณั ฑ์ : ศัพทก์ ิตกท์ ม่ี ีใชม้ าก ๑๔๓

ภตตฺ า ผูเ้ ลยี้ งดู สามี ทาตา ผู้ให้
วตฺตา ผู้กล่าว พุชฌฺ ติ า ผตู้ รัสรู้
าตา ผรู้ ู้ โสตา ผูฟ้ งั
สริตา ผู้ระลึกถึง มนตฺ า ผ้รู ู้
ภยทสสฺ าวี ผู้เหน็ ภยั สตถฺ า พระศาสดา
ปติ า ผรู้ ักษาบุตร ธตี า ผมู้ ารดาบดิ าดูแล
มาตา ผยู้ กย่องเทดิ ทูนบตุ ร ราโค เคร่ืองกำ�หนัด
ปาโท เครื่องชว่ ยไป เท้า โภโค โภคทรพั ย์
ลาโภ สิง่ ทค่ี วรได้ โวหาโร โวหาร ถ้อยค�ำ
วหิ าโร ทีอ่ ยสู่ งบ อาราโม ท่ีน่ารน่ื รมย์
โสโก ความเศร้าโศก จาโค การสละ
ปริฬาโห ความรอ้ นร่มุ สงฺขาโร สงั ขาร ธรรมปรงุ จติ
ปรกิ ฺขาโร บริขาร โลโภ ความโลภ
โทโส ธรรมประทุษร้ายจติ โมโห ธรรมท่จี ติ หลง
สมฺภู สยมฺภู ผู้เป็นเอง วิภู อภิภู ผเู้ ป็นใหญ่
วภิ า ปภา แสงสวา่ ง สภา ทป่ี ระชุม
กุญชฺ โร ชา้ ง ผู้ชอบหุบเขา กมมฺ โช เกดิ จากกรรม
จติ ตฺ ชํ เกดิ จากจิต อตุ ุชํ เกิดจากอตุ ุ
อาหารชํ เกดิ จากอาหาร อตตฺ โช เกิดจากตน
ทฺวิโช เกิดสองครั้ง อนโุ ช เกดิ ภายหลงั

อตีตคณะ

ภโู ต เป็นแล้ว ภตู พระอรหนั ต์ หโุ ต หตุ วา บชู าแลว้
วุตฺโถ อยจู่ �ำ แล้ว อุสโิ ต วสุ ิโต อยู่แลว้
ภุตโฺ ต กนิ แลว้ ยุตฺโต ประกอบแล้ว
ววิ ติ ฺโต สงัดแลว้ มตุ ฺโต พ้นแล้ว

๑๔๔ ๖.ตัทธิตกณั ฑ์ : ศัพท์กติ ก์ทม่ี ใี ชม้ าก

วมิ ุตฺติ ความหลุดพ้น กุทโฺ ธ โกรธแล้ว
อารทโฺ ธ เร่ิมขึ้นแล้ว สทิ ฺโธ สำ�เร็จแล้ว
วุฑโฺ ฒ เจรญิ แลว้ พทุ ธฺ ิ การตรสั รู้
สมฺปุณโฺ ณ สมบูรณ์แลว้ สนฺโต สงบแลว้
คตี ิ คำ�ทส่ี วด เสียงสวด นจฺจํ นฏฏฺ ํ การฟอ้ นร�ำ
หสิตํ การยิ้มแย้ม ภาสิโต ภาสิตแลว้
เทสิโต แสดงแลว้ วตุ ฺตํ กล่าวแล้ว
ปูชโิ ต บชู าแลว้ มานิโต นบั ถอื แล้ว
วนฺทโิ ต ไหวแ้ ล้ว สกฺการโิ ต สักการะแล้ว

ตเวตนุ าทิคณะ

กาตเว กาตํุ เพอื่ ท�ำ กาตุน กตวฺ า กตวฺ าน กรติ ฺวา ท�ำ แลว้
โสตเว โสตํุ เพอ่ื ฟัง สณุ ิตวฺ า สุตวฺ า สตุ ฺวาน ฟังแล้ว
คนตฺ ุํ เพอื่ ไป คนตฺ วฺ า ไปแลว้
ปสสฺ ิตุํ เพอ่ื ดู ปสสฺ ยิ ปสฺสติ ฺวา ทสิ ฺวา เหน็ แล้ว
สยิตํุ เพอ่ื นอน สยิตฺวา สยติ วฺ าน นอนแลว้
ภุญฺชติ ุํ เพือ่ กิน ภญุ ชฺ ติ วฺ า ภุญฺชิตวฺ าน กนิ แล้ว
ทาตุํ เพื่อให้ ทตวฺ า ทตฺวาน ให้แล้ว
อภวิ นทฺ ิย ไหว้แล้ว อภวิ นทฺ ิตวฺ า ไหวแ้ ล้ว
นิสสฺ าย อาศยั แลว้   วภิ ชฺช วิภชิย จำ�แนกแล้ว

วัตตมานกาลิกคณะ

คจฺฉํ คจฉฺ นฺโต คจฉฺ มาโน ไปอยู่
มหํ มหนโฺ ต มหมาโน บูชาอยู่
จรํ จรมาโน เท่ียวไปอยู่

๖.ตทั ธิตกัณฑ์ : ศพั ทก์ ิตก์ที่มใี ช้มาก ๑๔๕

ภวํ ภวนฺโต อภภิ วมาโน เจรญิ อยู่
ลภํ ลภมาโน ลพฺภมาโน ไดอ้ ยู่
อิจฉฺ ํ อิจฉฺ มาโน ปรารถนาอยู่
ปสฺสํ ปสสฺ มาโน เหน็ อยู่ ดอู ยู่
ททํ ททมาโน ให้อยู่
ภุญชฺ ํ ภุญชฺ มาโน บริโภคอยู่
กุพฺพํ กพุ พฺ นโฺ ต กโรนฺโต กรุ ุมาโน กระท�ำ อยู่

อณุ าทิคณะ

การุ นายช่าง วายุ ลม
สาทุ ของหวาน สาธุ ยนิ ดี ขอบคณุ
พนธฺ ุ เผ่าพนั ธ์ุ อายุ อายุ
ทารุ ฟนื ท่อนไม้ ราหุ อสุรินทราหู
กรุณา ความสงสาร วาโต ลม
ภมู ิ ภาคพน้ื เขโม ความสน้ิ -เสอ่ื ม
อตตฺ า ตัวตน ตน สมโถ ธรรมสงบกิเลส
สปโถ สบถ สาปแชง่ อาวสโถ ที่อยู่ เปน็ ตน้

ศัทพ์ประเภทกิตก์ สามารถนำ�ไ​ป​จำ�แนกรูปและอรรถด้วย​วิภัตติ​นามได้
เพราะจ​ดั เ​ขา้ เปน็ ศ​พั ทป​์ ระเภทน​าม ยกเวน้ เฉพาะศพั ทก์ ติ กท์ ล่ี ง ตเวต​น​ุ าทป​ิ จั จยั
๕ ตวั คือ ตเว ตํุ ตุน ตฺวา ตฺวาน ทจี่​ำ�แนก​วภิ ตั ตไ​ิ ม​่ได้ จงึ ​จดั ​เป็น​อพั ยย​ศัพท์
ลง สิ วิภัตตแิ ลว้ ลบไป

นักศกึ ษา​ควร​คน้ ควา้ หา​ศัพท​์อ่นื เพมิ่ เติมจาก พจนานกุ รม​บาล​-ี ไทย​

จบ กติ กก์ ณั ฑท์ ี่ ๖

๑๔๖

๗. วากฺยกัณฑ์

ประโยค = การกะ+วาจกะ

ตามท่ีได้เรยี นบาลีไวยากรณ์มาแล้ว ๖ กณั ฑ์ คือ สนธกิ ัณฑ์ นามกัณฑ์
สมาสกณั ฑ์ ตทั ธติ กณั ฑ์ อาขยฺ าตกณั ฑ์ และกติ กกณั ฑ์ ท�ำ ใหไ้ ดท้ ราบวา่ ภาษา
บาลใี นพระไตรปฎิ ก มคี ำ�ศพั ท์ ๒ ประเภท คือ คำ�นาม และคำ�กริ ิยา

คำ�นาม และ คำ�กริ ยิ า เมือ่ อยใู่ นประโยคเดียวกัน จะเกย่ี วขอ้ ง​สมั พันธ​์
กนั ​และสิ่งทีเ่ ชื่อมโยงค�ำ นามและค�ำ กิริยาใหเ้ กยี่ วขอ้ งกันกค็ อื วภิ ัตติ ๒ อย่าง
ได้แก่ วิภัตตนิ าม และ วิภัตติอาขยาต

นาม เป็น การกะ, อาขยาต เป็น วาจกะ

๗.๑. การกะ

นามผู้ทำ�กริ ยิ าใหส้ ำ�เร็จ

กตฺตุกมฺมฏฺ€ํ กิริยํ กโรติ นปิ ฺผาเทตีติ การโก.
นามผ้ทู �ำ กิรยิ าที่ตัง้ อย่ใู นกตั ตแุ ละกัมมะใหส้ �ำ เรจ็ ชือ่ ว่า การกะ
นาม ๓ ประเภท คอื สมาสนาม ตทั ธติ นาม กิตกนาม (หรือ สุทธ​
นาม นาม​นาม วเิ สสยนาม ปกตลิ งิ ค)์ ทป​ี่ ระกอบด​ว้ ยว​ภิ ตั ตน​ิ ามเพอื่ จำ�แนก
อรรถของลิงค์ ให้มหี น้าทเี่ ก่ยี วข้องกบั กริ ิยา สามารถท�ำ กริ ยิ าใหส้ �ำ เร็จ ทา่ น
เรียกว่า “การกะ” หรอื “การก” แปลว่า “ผูท้ ำ�กิรยิ าให้ส�ำ เร็จท้ังโดยตรงและ
โดยออ้ ม”

การกะ ๒ (๑)

๑. มุขยฺ การกะ ผทู้ ำ�กิรยิ าให้ส�ำ เรจ็ โดยตรง ได้แก่ กตั ตุการกะ
๒. อปุ จารการกะ ผูช้ ว่ ยทำ�ใหก้ ิริยาส�ำ เร็จโดยอ้อม ได้แก่

๗.วากยฺ กัณฑ์ : ๗.๑.การกะ : การกะ ๒ : การกะโดยยอ่ ๖ ๑๔๗

กมั มการกะ กรณการกะ สมั มปทานการกะ
อปาทานการกะ โอกาสการกะ

การกะ ๒ (๒)

๑. สภาวการกะ การกะตามสภาพท่มี ีอยจู่ ริง (โดยปกต)ิ

เชน่ จกฺขุ รูปํ ปสสฺ ติ.

ตา ย่อมเห็น ซึง่ รูป

โสตํ สทฺทํ สณุ าติ.

หู ย่อมไดย้ นิ ซงึ่ เสียง

๒. ปรกิ ัปปการกะ การกะทใี่ ห้เป็นไปตามประสงค์

เช่น สวุ ณณฺ กาโร สวุ ณฺณํ เกยรู ํ กฏกํ วา กโรติ.

ชา่ งทอง ยอ่ มกระท�ำ ซึง่ ทอง ให้เป็นนกยูงบา้ ง

ก�ำ ไลบา้ ง

การกะโดยยอ่ ๖

๑. กตั ตกุ ารกะ ปฐมาวิภัตติ และ ตตยิ าวิภตั ติ
กิริยานปิ ผาทนสตั ติ มคี วามสามารถทำ�กิรยิ าให้ส�ำ เร็จไดโ้ ดยตรง
๒. กมั มการกะ ปฐมาวิภตั ติ และ ทตุ ยิ าวภิ ตั ติ
กิริยาปาปุณนสัตติ มีความสามารถดงึ กิริยาใหม้ าหา
๓. กรณการกะ ตติยาวิภัตติ
กริ ิยาสาธกตมสัตติ มีความสามารถเปน็ อปุ กรณช์ ว่ ยทำ�กิรยิ า
ให้ส�ำ เรจ็ ดียิ่งขนึ้
๔. สมั ปทานการกะ จตุตถีวภิ ตั ติ
กริ ยิ าวัตถปุ ฏคิ คาหกสัตติ มีความสามารถรบั สิง่ ของจากกิริยา

๑๔๘ ๗.วากยฺ กณั ฑ์ : ๗.๑.การกะ : การกะโดยพิสดาร ๒๖ : ๑.กตั ตุการกะ ๕

๕. อปาทานการกะ ปญั จมีวภิ ตั ติ
กิรยิ าอปคมนสตั ติ มีความสามารถผลักกริ ยิ าออกไปจากตน
๖. โอกาสการกะ สตั ตมวี ิภัตติ
กริ ยิ าปติฏฐาปนสัตติ มคี วามสามารถเป็นที่ต้ังและเป็นกาลเวลา
ของกิริยา

การกะโดยพิสดาร ๒๖

๑. กัตตกุ ารกะ ๕

กัตตกุ ารกะ คอื กริ ยิ านิปผาทนสตั ติ มีความสามารถท�ำ กิริยาให้สำ�เรจ็
ไดโ้ ดยตรง มี ๕ อยา่ ง ได้แก่
๑. สทุ ธกัตตา หรือ สยกัตตา กตั ตาท�ำ กิริยาเอง
เช่น สูโท โอทนํ ปจต.ิ
พ่อครัว ยอ่ มหุง ซึง่ ข้าว
๒. เหตกุ ัตตา กตั ตาท่ใี ช้ให้ผอู้ น่ื ทำ�กิริยา
เชน่ สามโิ ก สูทํ โอทนํ ปาเจต.ิ
เจา้ นาย ใช้พ่อครัว ยอ่ มใหห้ ุง ซึง่ ข้าว
๓. กัมมกัตตา กัตตาทีเ่ ปน็ กรรมส�ำ เรจ็ เอง
เช่น สยํ ปจฺจเต โอทโน.
ข้าว ย่อมสกุ เอง
๔. อภิหิตกัตตา หรือ วุตตกตั ตา กัตตาทีถ่ ูกกริ ยิ ากล่าว
(มีบุรษุ และวจนะตรงกบั กริ ิยา)
เช่น กฏํ กโรติ เทวทตฺโต.
นายเทวทัต ย่อมกระท�ำ (ทอ) ซึ่งเส่อื
๕. อนภหิ ติ กตั ตา หรอื อวุตตกตั ตา กตั ตาที่ไมถ่ กู กิรยิ ากลา่ ว

๗.วากยฺ กัณฑ์ : ๗.๑.การกะ : การกะโดยพิสดาร ๒๖ : ๒.กัมมการกะ ๗ ๑๔๙

(ไมม่ ีบรุ ุษและวจนะตรงกับกริ ยิ า)
เชน่ พุทเฺ ธน เทสโิ ต ธมโฺ ม.
พระธรรม อันพระพุทธเจ้า ทรงแสดง

๒. กัมมการกะ ๗

กมั มการกะ คือ กิรยิ าปาปุณนสัตติ มคี วามสามารถดงึ กิริยาใหม้ าหา
มี ๗ อยา่ ง ได้แก่
๑. นพิ พตั ตนียกรรม กรรมทเี่ ปน็ ผลอันเกดิ ขน้ึ
เชน่ อาหาโร สุขํ ชนยติ.
อาหาร ยังความสขุ ย่อมใหเ้ กดิ ขน้ึ
๒. วกิ รณยี กรรม หรอื วิกติกรรม กรรมที่แปรรปู แลว้
เช่น มนุสโฺ ส กฏ€ฺ ํ องฺคารํ กโรต.ิ
มนษุ ย์ ย่อมทำ� ซ่ึงฟืน ใหเ้ ป็นถ่าน
๓. ปาปณยี กรรม กรรมท่ีกิรยิ ามุ่งไปหา
เชน่ เทวทตโฺ ต นเิ วสนํ ปวสิ ต.ิ
นายเทวทตั ยอ่ มเขา้ ไป สทู่ ่ีอยู่
๔. กถติ กรรม หรือ ปธานกรรม กรรมท่ีกริ ิยากลา่ วก่อน
เช่น ยญฺ ทตตฺ ํ กมพฺ ลํ ยาจเต พฺราหมฺ โณ.
พราหมณ์ ย่อมขอ ซ่ึงผ้ากัมพล กะนายยญั ทตั
๕. อกถติ กรรม หรือ อปธานกรรม กรรมท่ีกิรยิ ากลา่ วภายหลัง
เช่น อชปาโล อชํ คามํ เนต.ิ
คนเล้ยี งแพะ ยอ่ มนำ�ไป ซึ่งแพะ สู่หมูบ่ า้ น
๖. อภหิ ิตกรรม หรอื วตุ ตกรรม กรรมทกี่ ิรยิ ากล่าว
(มบี ุรษุ และวจนะตรงกบั กริ ิยา)

๑๕๐ ๗.วากยฺ กณั ฑ์ : ๗.๑.การกะ : ๓.กรณการกะ ๒ : ๔.สมั ปทานการกะ ๓

เชน่ สเู ทน โอทโน ปจฺจเต.
ขา้ ว อันพ่อครวั ยอ่ มหงุ
๗. การติ กรรม กรรมของการิตปจั จัย
เช่น สสิ ฺสํ ธมมฺ ํ โพเธติ อาจรโิ ย.
อาจารย์ ยงั ศษิ ย์ ย่อมให้รู้ ซง่ึ ธรรม

๓. กรณการกะ ๒

กรณการกะ คอื กริ ยิ าสาธกตมสัตติ มคี วามสามารถเปน็ อุปกรณ์
ช่วยท�ำ กิริยาให้ส�ำ เรจ็ ดียง่ิ ขน้ึ มี ๒ อยา่ ง ได้แก่

๑. อชั ฌตั ติกกรณะ เครอ่ื งมือภายในร่างกาย
เชน่ การโก หตฺเถน กมฺมํ กโรต.ิ
ช่าง ยอ่ มกระทำ� ซึง่ งาน ดว้ ยมือ

๒. พาหริ กรณะ เครอ่ื งมอื นอกรา่ งกาย
เชน่ กสโก ทาตเฺ ตน วหี โย ลนุ าติ.
ชาวนา ยอ่ มเกย่ี วซง่ึ ข้าวเปลือกทั้งหลาย ด้วยเคยี ว

๔. สมั ปทานการกะ ๓

สัมปทานการกะ คือ กิริยาวตั ถุปฏิคคาหกสัตติ มคี วามสามารถรับ
สิ่งของจากกริ ิยา มี ๓ อย่าง ได้แก่

๑. อนริ ากรณสมั ปทานะ หรอื อนวิ ารณะ ผู้รับไม่ไดห้ ้าม
เช่น ปรุ โิ ส โพธิรกุ ฺขสสฺ ชลํ ททาติ.
บรุ ษุ ยอ่ มให้ ซึ่งนำ�้ แก่ตน้ โพธ์ิ
๒. อัชเฌสนสัมปทานะ หรอื อาราธนะ ผู้รับวิงวอน

๗.วากยฺ กัณฑ์ : ๗.๑.การกะ : ๕.อปาทานการกะ ๕ ๑๕๑

เชน่ เสฏฺ€ี ยาจกานํ ธนํ ททาติ.
เศรษฐี ย่อมให้ ซึง่ ทรพั ย์ แก่ขอทานท้งั หลาย

๓. อนุมติสัมปทานะ หรือ อพั ภนุญญะ ผู้รบั อนุญาต
เชน่ คหปติ ภิกขฺ สุ สฺ จวี รํ เทต.ิ
คฤหบดี ย่อมถวาย ซ่งึ จวี ร แก่ภกิ ษุ

๕. อปาทานการกะ ๕

อปาทานการกะ คอื กิริยาอปคมนสตั ติ มคี วามสามารถผลักกริ ยิ า
ออกไปออกตน มี ๕ อย่าง ไดแ้ ก่
๑. นิททฏิ ฐวสิ ยาปาทานะ แดนทค่ี วรหลีกออก
เช่น คามา อเปนฺติ มุนโย.
พระมนุ ีทง้ั หลาย ยอ่ มหลีกออก จากหมบู่ า้ น
๒. อุปาตตวิสยาปาทานะ แดนออกจากทีเ่ คยอยู่
เชน่ วลาหกา วิชฺโชตเต วชิ ฺช.ุ
สายฟา้ ย่อมสวา่ ง จากก้อนเมฆ
๓. อนเุ มยยวิสยาปาทานะ แดนหลีกออกทีอ่ นุมานว่ายง่ิ กวา่
เช่น มาถุรา ปาฏลปิ ตุ ตฺ เกหิ อภริ ูปา.
ชาวมถุราทั้งหลาย มีรปู งาม กว่าชาวปาฏลบี ตุ ร
ท้งั หลาย
๔. จลาปาทานะ แดนหลกี ออกท่เี คลือ่ นที่ไป
เชน่ ธวตา หตฺถมิ ฺหา ปตโิ ต องกฺ ุสธารี.
ควาญชา้ ง ตกแล้ว จากช้าง ตัวว่ิงไปอยู่
๕. อจลาปาทานะ แดนหลีกออกท่ไี มเ่ คลอื่ นท่ี
เชน่ ปพฺพตา โอตรนฺติ วนจรา.
พรานป่าท้ังหลาย ยอ่ มลง จากภูเขา

๑๕๒ ๗.วากยฺ กณั ฑ์ : ๗.๒.วาจกะ

๖. โอกาสการกะ ๔

โอกาสการกะ คือ กิริยาปติฏฐาปนสตั ติ มีความสามารถเปน็ ที่ตั้งและ
กาลเวลาของกิรยิ า มี ๔ อยา่ ง ได้แก่
๑. พยฺ าปโิ กกาสะ หรอื พฺยาปกิ าธาระ เปน็ ทีแ่ ผ่ไปทว่ั ถึง
เชน่ ตเิ ลสุ ติลํ อตถฺ ิ.
นำ้�มันงา มีอยู ในเมลด็ งา
๒. โอปสเิ ลสิโกกาสะ หรอื โอปสิเลสิกาธาระ ทต่ี ้งั ทีต่ ดิ แนบแนน่
เช่น อาสเน นสิ นิ ฺโน ภิกฺขุสํโฆ.
พระภิกษุสงฆ์ น่ังแลว้ บนอาสนะ
๓. สามปี ิโกกาสะ หรือ สามปี ิกาธาระ ที่ตั้งท่อี ยใู่ กล้
เช่น คงฺคายํ โฆโส วสติ.
คอกปสสุ ัตว์ ย่อมอยู่ ใกล้แมน่ ำ�้
๔. เวสยิโกกาสะ หรอื เวสยกิ าธาระ ที่ตัง้ เปน็ ทอ่ี าศัยอยู่ตามปกติ
เชน่ ภูมีสุ มนสุ ฺสา จรนฺติ.
มนษุ ย์ ท. ย่อมเท่ียวไป บนแผน่ ดนิ

๗.๒. วาจกะ

วาจกะ หรือ วาจก หมายถงึ ศัพท์กริ ยิ าอาขยาตและกริ ิยากติ ก์ที่ทำ�
หน้าท่ีดึงดูดเอาการกะให้เข้ามาเก่ียวข้องกับตน หรือมีหน้าที่เรียกหาการกะ
ทา่ นจงึ เรยี กวา่ “วาจกะ” แปลว่า “ผ้เู รยี กหาการกะทง้ั โดยตรงและโดยอ้อม”

ปจั จัย และ วิภตั ตอิ าขยาต ทีป่ ระกอบอยหู่ ลงั ธาตุ มีบทบาทสำ�คัญ
ในการกำ�หนดวา่ จะเรียกหาการกะใดใน ๖ อยา่ งนนั้ มาท�ำ กริ ยิ าให้ส�ำ เร็จ ทง้ั
โดยตรงและโดยอ้อม

๗.วากฺยกัณฑ์ : ๗.๒.วาจกะ : วาจกะ ๕ : กริ ิยา ๒ ๑๕๓

วาจกะ ๕

๑. กตั ตุวาจกะ มวี กิ รณปัจจัย ๑๓ ตัว คอื คือ อ, -ํ อ (เอ), ย,
ณุ ณา อุณา, นา, ปฺป ณฺหา, โอ ยริ , เณ ณย และวภิ ัตติอาขยาตทง้ั
๙๖ ตัว เปน็ เคร่ืองหมาย

๒. กมั มวาจกะ มี ย ปัจจยั หรอื มี ย ปัจจัยท่มี ี อิ อี อาคมข้าง
หน้า (รวมกันเป็น อิย, อีย) และวิภัตติอาขยาต ฝ่ายอัตตโนบท ๔๘ ตัว
เป็นเคร่อื งหมาย

๓. เหตกุ ตั ตวุ าจกะ มีการติ ปัจจัย ๔ ตวั คือ เณ ณย ณาเป ณาปย
และวิภตั ตอิ าขยาตทงั้ ๙๖ ตวั เป็นเคร่ืองหมาย

๔. เหตุกมั มวาจกะ มี การติ ปจั จัย ๔ ตัว คอื เณ ณย ณาเป
ณาปย และ ย ปัจจยั ทมี่ ี อิ อี อาคมขา้ งหนา้ (รวมกนั เปน็ ณยี , ณยยี ,
ณาปยี , ณาปยยี ) และวภิ ตั ตอิ าขยาต ฝา่ ยอตั ตโนบท ๔๘ ตวั เปน็ เครอ่ื งหมาย

๕. ภาววาจกะ มี ย ปัจจัย และวิภัตติฝ่ายอัตตโนบท ปฐมบุรุษ
เอกวจนะ ท้ัง ๘ หมวด (รวมกันเปน็ ยเต ยตํ เยถ ยตฺถ ยติ ฺถ ยา ยสิ สฺ เต
ยิสฺสถ) เปน็ เครอื่ งหมาย รปู วา่ ยเต ในวัตตมานาวภิ ัตติ มใี ชม้ ากกวา่

กิริยา ๒

กิรยิ า หมายถงึ กิรยิ าอาขยาต และ กริ ยิ ากิตก์
๑. กิรยิ าอาขยาต คือค�ำ ทีป่ ระกอบดว้ ย ธาต+ุ ปจั จัย+วภิ ัตตอิ าขยาต
กริ ิยาอาขยาต บอกใหร้ ้กู าล บท บรุ ษุ วจนะ
(ดตู วั อยา่ งกริ ยิ าอาขยาต หนา้ ๑๒๙-๑๓๒)
๒. ก​ริ ิยากิตก์ คอื ค�ำ ที่ประกอบด้วย ธาต+ุ ปัจจัย+วภิ ัตตินาม
กริ ยิ ากิตก์ บอกใหร้ ู้ลิงค์ วิภัตติ วจนะ
(ดตู วั อย่างกิริยากิตก์ หน้า ๑๓๘-๑๔๕)

๑๕๔ ๗.วากยฺ กัณฑ์ : ๗.๓.หลักการแปลบาลีเปน็ ไทย : ตวั อย่างประโยคบาลี

๗.๓. หลกั การแปลบาลีเปน็ ไทย

การแปลบาลเี ป็นไทยนัน้ ใหถ้ ือหลักการแปลตามค�ำ ศัพท์ตอ่ ไปนี้

๑. อาลปนะ เชน่ ภิกขฺ เว, ปรุ ิส, ภนฺเต, อาวโุ ส, โภ, ภทเฺ ท, เช
๒. นิบาตตน้ ข้อความ เช่น จ, ปน, หิ ต,ุ อถวา, ยนนฺ นู
๓. นิบาตบอกข่าวลอื เช่น กริ , ขล,ุ สุทํ
๔. กาลสัตตมี เชน่ อตเี ต, อถ, เอกํ สมยํ, ปาโต, สายํ
๕. ประธานในประโยค (วิเสสยะ) เชน่ พทุ โฺ ธ, ปรุ ิโส, อติ ถฺ ,ี จติ ฺตํ
๖. บทขยายประธาน (วเิ สสนะ) เชน่ มหาการณุ โิ ก, โส, สา, ตํ
๗. กริ ยิ าในระหว่าง หรอื ประโยคแทรก เชน่ กตฺวา, ตสฺมึ คจฉฺ นเฺ ต
๘. บทขยายกิรยิ าในระหว่าง เชน่ อตฺตโน กมมฺ นฺตํ กตวฺ า
๙. กริ ยิ าคุมพากยห์ รือกิรยิ าอาขยาต เชน่ คจฉฺ ต,ิ ปจติ, ปสสฺ ติ
๑๐. บทขยายกิริยาคุมพากย์ เชน่ ทกุ ฺกร,ํ ทกุ ฺกฏ,ํ สุขํ, น, โน, มา
๑๑. นบิ าตคำ�ถาม เชน่ ก,ึ นุ, กนิ นฺ ุ, วา

หลักการแปลทั้ง ๑๑ ข้อนี้ หากข้อใดไม่มีอยู่ในประโยคบาลีให้เว้นไป
แลว้ ดขู ้อตอ่ ๆ ไป

ตัวอยา่ งประโยคบาลี

ให้นักศึกษาอ่านประโยคบาลีต่อไปน้ีแล้ว ดูว่าศัพท์ไหนเป็นอาลปนะ
นิบาต ประธาน หรือกิริยาเป็นต้นแล้ว ทดลองแปลโดยถือตามหลักการแปล
๑๑ ข้อขา้ งตน้ นน้ั (ดคู ำ�แปลหน้าถดั ไป)

๑. พทุ โฺ ธ ธมมฺ ํ เทเสติ.
๒. ภกิ ขฺ ู ธมมฺ ํ สุณนฺต.ิ
๓. ตฺวํ ปาเทหิ สปิ ปฺ าคารํ อาคจฺฉส.ิ
๔. ตุมเฺ ห รเถน คามํ คจฉฺ ถ.

๗.วากยฺ กณั ฑ์ : ๗.๓.หลกั การแปลบาลเี ป็นไทย : ตัวอย่างประโยคบาล ี ๑๕๕

๕. อหํ ยาจกสสฺ เอกกหาปณํ ททาม.ิ
๖. มยํ ภิกฺขุสํฆสสฺ ทานํ เทม.
๗. มนสุ สฺ า ปาณาตปิ าตา วริ มนตฺ .ุ
๘. อปุ าสกา คามา นิคคฺ ตา.
๙. มยํ อตฺตโน สนตฺ กํ ปริจฺจชาม.
๑๐. อิโต อมหฺ ากํ คาโม อวิทูเร โหติ.
๑๑. โลเก มหาการุณโิ ก พุทโฺ ธ เทวมนสุ สฺ านํ หติ าย สขุ าย อุปปฺ ชชฺ ต.ิ
๑๒. อตีเต กริ พหู มนสุ สฺ า ธมฺมสฺสวนาย วิหารํ อคจฉฺ สึ ุ.
๑๓. เอกโกว ภนเฺ ต ตฺวํ ปณิ ฺฑาย อปปฺ สทฺธิกานํ อมหฺ ากํ เคหํ ปวสิ าห.ิ
๑๔. เสวฺ ภนฺเต นวหิ ภกิ ขฺ หู ิ สทธฺ ึ ภุญชฺ นตถฺ าย อมหฺ ากํ ฆรํ อาคเมถ.

๑๕. อเถกทิวสํ สตถฺ า ปจฺจสู กาเล โลกํ โวโลเกนโฺ ต ตํ พรฺ าหมฺ ณํ ทสิ วฺ า
“กนิ นฺ ุ โข”ติ อปุ ธาเรนฺโต “อรหา ภวสิ ฺสตี”ติ ตฺวา สายญหฺ สมเย วหิ ารจาริกํ
จรนโฺ ต วิย พรฺ าหมฺ ณสฺส สนตฺ ิกํ คนฺตวฺ า “พฺราหฺมณ กึ กโรนฺโต วิจรสี”ติ อาห.

๑๖. โส พฺราหฺมโณ “ภิกฺขูนํ วตฺตปฺปฏิวตฺตํ กโรมิ ภนฺเต”ติ อาห.
“ลภสิ เตสํ สนตฺ ิกา สงคฺ ห”นตฺ ิ. “อาม ภนเฺ ต, อาหารมตฺตํ ลภามิ, น ปน
มํ ปพฺพาเชนฺตี”ติ.

๑๗. สตถฺ า เอตสมฺ ึ นิทาเน ภกิ ฺขุสฆํ ํ สนนฺ ปิ าตาเปตวฺ า ตมตฺถํ ปจุ ฺฉติ วฺ า
“ภกิ ขฺ เว อตถฺ ิ โกจิ อมิ สสฺ พรฺ าหมฺ ณสสฺ อธกิ ารํ สรนโฺ ต”ติ ปจุ ฉฺ .ิ สารปิ ตุ ตฺ ตเฺ ถโร
“อหํ ภนฺเต สรามิ, อยํ เม ราชคเห ปณิ ฺฑาย จรนตฺ สฺส อตตฺ โน อภิหฏํ กฏจฺฉ-ุ
ภกิ ฺขํ ทาเปสิ, อมิ สฺสาหํ อธกิ ารํ สรามิ, สาธุ ภนเต, ปพพฺ าเชสสฺ าม”ี ติ อาห.

๑๘. นธิ ีนํว ปวตฺตารํ  ยํ ปสเฺ ส วชชฺ ทสสฺ นิ ํ
นิคคฺ ยหฺ วาทึ เมธาวึ  ตาทสิ ํ ปณฺฑิตํ ภเช
ตาทิสํ ภชมานสฺส เสยโฺ ย โหติ น ปาปโิ ย.

(ขุ.ธ. ๒๕/๗๖)

๑๕๖ ๗.วากยฺ กัณฑ์ : ๗.๓.หลักการแปลบาลเี ป็นไทย : แปลบาลเี ป็นไทย

แปลบาลีเปน็ ไทย

๑. พระพุทธ​องค์ ทรงแ​สดง ซึง่ ธ​รรม
๒. ภกิ ษท​ุ งั้ ห​ ลาย กำ�ลังฟ​ งั ซง่ึ ธ​รรม
๓. เธอ มา ส​ู่โรงเรยี น ด้วย​เทา้ (เธอ​เดนิ ​มา​โรงเรียน)
๔. พวก​เธอ ไป ส่​ูบา้ น ดว้ ยร​ถ (พวกเ​ธอ​นัง่ ​รถ​กลบั บ​ า้ น)
๕. ขา้ พเจา้ ให้ เงิน ๑ กษาปณ์ แก​่ขอทาน
๖. พวกข​า้ พเจ้า ถวาย ทาน แก่​ภกิ ษ​ุสงฆ์
๗. มนุษย์​ทัง้ ห​ ลาย จง​พา​กนั ​เวน้ จาก​การเ​บียดเบยี นส​ัตว์
๘. อบุ าสกแ​ละอ​บุ าสกิ า ออก​ไป​แลว้ จากบ​ ้าน
๙. พวกข​า้ พเจ้า พา​กนั ​บริจาค ซงึ่ ​ทรพั ย์ ของ​ตน
๑๐. หมู่บา้ น​ของ​พวกข​า้ พเจ้า มี​อยู่ ไม​ไ่ กล จาก(โรงเรยี น)นี้
๑๑. พระพทุ ธเจา้ ผ​ทู้ รงม​พ​ี ระม​หากรณุ า เสดจ็ อ​บุ ตั ข​ิ นึ้ ในโ​ลก เพอื่ เ​กอื้ กลู
เพอื่ ค​วาม​สขุ แกเ่​ทวดาแ​ละม​นุษย​์ทง้ั ห​ ลาย
๑๒. ได้ยิน​ว่า ใน​อดตี กาล มนษุ ย์​เปน็ ​อนั ม​าก ได​้พา​กนั ​ไปแ​ล้ว ส่​ูวิหาร​
เพ่อื ​ฟงั ธ​รรม
๑๓. ทา่ นผ้เู จรญิ ท่าน​ผ้​เู ดียวเ​ทา่ น้นั นมิ นตเ์​ข้าไป สเู่​รือน ของพ​ วก​
ข้าพเจา้ ผู​้ม​ีศรัทธา​นอ้ ย เพื่อร​ับบ​ ณิ ฑบาต
๑๔. ข้า​แต่​ท่าน​ผู้​เจริญ ใน​วัน​พรุ่ง​นี้ นิมนต์​ท่าน มา​สู่​บ้าน ของ​พวก​
ข้าพเจ้า เพอื่ ​ฉนั ภ​ ตั ตาหาร พร้อม​ด้วยภ​ กิ ษุ ๙ รูป
๑๕. ครง้ั ​น้ัน วนั ​หนึ่ง พระ​ศาสดา ทรงต​รวจ​ดู​สตั ว์โ​ลก ใน​เวลา​ใกล้​รงุ่
ทอดพ​ ระเนตรเ​หน็ พ​ ราหมณน​์ นั้ แ​ลว้ ทรงใ​ครค่ รวญอ​ยว​ู่ า่ “เหตไ​ุ รห​ นอ” ดงั นแ​้ี ลว้
ทรง​ทราบว​า่ “ราธ​พราหมณ์​จัก​เป็น​พระอ​รหนั ต์” ใน​เวลาเ​ยน็ ทรงเ​ปน็ เ​หมือน​
เสด็จเ​ที่ยวไ​ปใ​น​วิหาร เสดจ็ ไ​ป​ส​่ทู ่​ีอย​ู่ของพ​ ราหมณ์​แลว้ ต​รัสว​่า “พราหมณ์ เธอ​
เที่ยวท​ �ำ อ​ะไร​อยู”่

๗.วากฺยกัณฑ์ : ๗.๓.หลักการแปลบาลีเปน็ ไทย : แปลบาลีเปน็ ไทย ๑๕๗

๑๖. พราหมณน์​้ัน​กราบทูลว​่า “ข้าพ​ ระพุทธ​องค์​ทำ�วัตรแ​ละ​ปฏิ​วัตร​แก่​
ภิกษุ​ท้ัง​หลาย​อยู่ พระพุทธเจ้า​ข้า” “เธอ​ได้การ​สงเคราะห์​จาก​สำ�นัก​ของ​ภิกษุ​
เหล่า​น้ัน​หรือ” “ไดพ​้ ระพุทธเจา้ ​ข้า ข้า​พระพทุ ธ​องค์ไ​ด​แ้ ต​่เพียง​อาหาร แตท่​ ่าน​
ไม​่ให​ข้ า้ ​พระพุทธอ​งค์​บวช”

๑๗. พระศ​าสดาร​บั สงั่ ใ​หป​้ ระชมุ ภ​กิ ษส​ุ งฆใ​์ นเ​พราะเ​รอ่ื งน​น้ั แ​ลว้ ตรสั ถ​าม​
ความ​นั้น​แล้ว ตรัส​ถาม​ว่า “ภิกษุ​ท้ัง​หลาย ใครๆ ระลึก​ถึง​คุณ​ของ​พราหมณ์​
น้ี​ได้ มี​อยู่​บ้าง​หรือ” พระ​สา​รี​บุตร​เถระ​กราบทูล​ว่า “พระพุทธเจ้า​ข้า ข้า​พระ
พุทธ​องค์​ระลึก​ได้ ขณะ​ข้า​พระพุทธ​องค์​เท่ียว​บิณฑบาต​อยู่​ใน​กรุง​ราช​คฤห์
พราหมณน​์ ใ​ี้ หค​้ นถวายภ​กิ ษาท​ พั พห​ี นงึ่ ท​ เ​่ี ขาน​�ำ ม​าเ​พอื่ ต​น ขา้ พ​ ระพทุ ธ​องคร​์ ะลกึ ​
ถึง​คุณข​องพ​ ราหมณ์​น​ไี้ ด้ ดีแลว้ พ​ ระพทุ ธเจ้าข​้า ข้า​พระอ​งค์​จกั ​ให​้บวช”

๑๘. บคุ คล​พึงเ​ห็นผ​​มู้ ​ีปญั ญา ซงึ่ เ​ป็น​ผ้ก​ู ลา่ วช​โี​้ ทษ ว่า​เป็นเ​หมือนผ​บ้​ู อก​
ขมุ ทรัพย์​ให้ พงึ ค​บผ​ม​ู้ ปี​ ญั ญา​ซงึ่ ​เปน็ ​บณั ฑิต​เช่น​นัน้ เมอ่ื ค​บท​ า่ น​ผู้​เชน่ ​นัน้ มแ​ี ต​่
คณุ อ​ย่าง​ประเสริฐ ไมม่ ​ีโทษ​อนั เ​ลวท​ ราม​เลย

จบ วากยฺ กณั ฑท์ ่ี ๗

๑๕๘ ภาคพเิ ศษ : ค�ำ ทักทายดว้ ยภาษาบาลี

ภาคพิเศษ
คำ�ทกั ทายด้วยภาษาบาลี

๑. สปุ ภาตํ ภนเฺ ต.
สุปภาตํ อาวโุ ส.

๒. กจจฺ ิ ขมนยี ํ ยาปนยี ํ ภนฺเต.
ขมนยี ํ อาวโุ ส, ตวํ ปน.

๓. กนิ ฺนาโมสิ ตฺว.ํ (กนิ นฺ ามาสิ ตฺว)ํ
มนุ ี นาม ภนฺเต. (สิริมา นาม ภนเฺ ต)

๔. กุโต อาคจฉฺ สิ ภนเฺ ต.
คามโต อาคจฉฺ าม,ิ ตวํ ปน.
น�้ำ โสมนคิ มโต อาคจฉฺ ามิ.

๕. กุหึ คจฉฺ ถ ตมุ ฺเห.
อาปเณ คจฺฉาม, ตุมฺเห ปน.
อุตฺตรนครํ คจฉฺ าม.

๖. กํ สิปฺปํ สิกฺขถ ตุมเฺ ห
ปาลพิ ฺยากรณํ สิกขฺ าม, ตมุ เฺ ห ปน.
ติปฏิ กํ อคุ คฺ ณฺหาม.

๗. สรุ ตฺตํ ภนเฺ ต.
สุรตตฺ ํ อาวุโส.

ภาคพิเศษ : คนั ถนตี ิ ๑๕๙

คนั ถนีติ

๑. คนกับโค

อสนํ เมถุนํ นิททฺ า โคเณ โปเสปิ วชิ ชฺ ติ
วิชชฺ า วเิ สโส โปสสฺส หีโน โคณสโม ภเว.

อาหารการหลับทั้ง เสพกาม
มีแกช่ ายโคนาม นบั ผู้
ชายไววทิ ยางาม เห็นแปลก โคแฮ
แมบ้ ม่ ศี ลิ ปร์  ู้ เส่อื มรา้ ย ราวโค

๒. เอาแตเ่ รียน

โย สิสฺโส สปิ ปฺ โลเภน พหุํ คณฺหาติ ตํ สปิ ฺปํ
มโู คว สปุ นิ ํ ปสสฺ ํ กเถตมุ ปฺ ิ น อุสฺสเห.

ศษิ ย์เสพศลิ ป์มากล้น เหลอื จ�ำ
ครรไลหลงงึมงำ� อดั อ้ัน
บอ่ าจต่อตอบคำ� นานนิง่
ดูดุจใบล้ ้ินสน้ั ไป่แก้สุบิน

๓. ชา้ ดีกว่า

สเิ น สิปปฺ ํ สิเน ธน ํ สเิ น ปพพฺ ตมารหุ ํ
สิเน กามสฺส โกธสฺส อเิ ม ปญจฺ สเิ น สเิ น.

เรยี นศิลปแ์ สวงทรัพยด์ อ้ ม เดินไศล
สามส่ิงอย่าเร็วไว ชอบช้า
เสพกามหนงึ่ คือใจ มักโกรธ
สองประการนี้ถา้ ผอ่ นน้อยเป็นคณุ

๑๖๐ ภาคพิเศษ : คันถนตี ิ

๔. เสน้ ทางบัณฑิต

สจุ ิปุภาวิลมิ ุตฺโต น หิ โส ปณฺฑิโต ภเว
สุจิปุภาวลิ ิคาโห ปณฺฑิโตติ ปวจุ ฺจติ.

เวน้ วิจารณว์ า่ งเว้น สดบั ฟงั
เว้นทถี่ ามอันยัง ไปร่ ู้
เวน้ เลา่ ลิขิตสงั   เกตว่าง เว้นนา
เวน้ ด่ังกลา่ วว่าผู้   ปราชญไ์ ดฤ้ ามี

สุ = สตุ นํ  สนใจฟัง จิ = จินตฺ น ํ คดิ พจิ ารณา
ปุ = ปจุ ฺฉนํ  ถามขอ้ สงสยั ภา = ภาสนํ  ทอ่ งบน่ สาธยาย
วิ = วสิ ชฺชน ํ อธิบายความได้  ลิ = ลขิ น ํ บันทกึ จดจำ�

๕. ศลิ ปก์ ับทรัพย์

โปตฺถเกสุ จ ยํ สิปฺปํ ปรหตเฺ ถสุ ยํ ธนํ
ยทา กจิ ฺเจ สมุปฺปนฺเน น ตํ สิปฺปํ น ตํ ธน.ํ

บจ่ �ำ ความรไู้ ว้ ใบลาน
ทรัพยฝ์ ากทา่ นสาธารณ์ ป่นปี้
คาบใดกิจบันดาล  ดลเกิด บ้างแฮ
ทรัพย์แลความรูน้ ้ ี ห่อนไดเ้ ป็นคุณ

๖. เกยี จครา้ นเสียคน

อลสสฺส กโุ ต สิปปฺ ํ อสปิ ปฺ สสฺ กุโต ธนํ
อธนสฺส กุโต มิตตฺ ํ อมติ ตฺ สสฺ กุโต สขุ ํ
อสขุ สฺส กโุ ต ปญุ ฺํ อปุญฺ สสฺ กโุ ต วร.ํ

ภาคพิเศษ : คันถนีติ ๑๖๑

มกั คร้านฤารอบร ู้ วิทยา
ศิลปศาสตร์เสอ่ื มสนิ หา ไป่ได้
ไรท้ รพั ยอ์ บั ผูม้ า เป็นเพอื่ น
เวน้ มติ รสขุ บุญไซร้ เลศิ ล�้ำ แรมโรย

๗. มนตก์ ับมลทนิ

อสชฺฌาย มลา มนฺตา อนุทฺธาน มลา ฆรา
มลํ วณฺณสสฺ โกสชชฺ ปมาโท รกฺขโต มลํ.

เจ็ดวนั เว้นว่างซอ้ ม ดนตรี
หา้ วันอักขระหน ี เนนิ่ ชา้
สามวนั จากนารี  เป็นอนื่
วันเดยี วบล่ า้ งหนา้ อบั เศร้าศรหี มอง

๘. ศลิ ป์จตรุ ภาค

อาจรยิ า ปาทมาทตฺเต ปาทํ สิสโฺ ส สชานนา
ปาทํ สพรฺ หฺมจารีหิ  ปาทํ กาลกกฺ เมน จ.

สว่ นหนง่ึ จากครูผู้  สอนส่งั
สว่ นสองปญั ญาหล่ัง รอบรู้
ส่วนสามจากเพอื่ นค ู่ เคียงขา้ ง ตนแฮ
สว่ นส่ีคนื วันสู้ ศาสตร์ไดส้ มถวิล


Click to View FlipBook Version