The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษา ปฐมวัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by maytarat.k, 2022-06-11 09:31:31

หลักสูตรสถานศึกษา ปฐมวัย

หลักสูตรสถานศึกษา ปฐมวัย

หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐

โรงเรยี นเทศบาล ๔ (บา้ นทรายทอง)

สงั กดั เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก
ตาบลสไุ หงโก-ลก อาเภอสุไหงโก-ลก

จังหวัดนราธวิ าส

2

คานา

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จัดทาข้ึนเพ่ือให้โรงเรียนเทศบาล ๔ (บ้านทรายทอง)
ซ่ึงจัดการศึกษาระดับปฐมวัย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดย
ปรับปรุงให้เหมาะสมกับเด็กและสภาพท้องถิ่น เพ่ือกาหนดเป้าหมายในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มี
พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เป็นคนดี มีวินัย สานึกความเป็นไทย
ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน
สังคม และประเทศไทยในอนาคต อย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานตามจุดหมายหลักสูตร
การศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐

โรงเรียนเทศบาล ๔ (บ้านทรายทอง) สังกัดเทศบาลเมอื งสุไหงโก-ลก อาเภอสุไหงโก-ลก จังหวัด
นราธิวาส ขอขอบคุณผู้ทม่ี ีส่วนเก่ยี วขอ้ งทกุ ท่าน ร่วมท้ังคณะกรรมการสถานศกึ ษาโรงเรียนเทศบาล ๔
(บ้านทรายทอง) ท่ีมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ให้มี
ความเหมาะสมตอ่ การนาไปใช้จัดการศกึ ษาระดับปฐมวยั ของโรงเรยี นต่อไป

คณะผู้จดั ทา

สารบญั 3

หนา้ ๑

คานา ๓
ข้อมลู ท่ัวไป ๓
ปรชั ญาการศึกษาปฐมวัย ๔
วสิ ัยทัศน์ ๗
หลกั การ ๘
แนวคดิ การจัดการศึกษาปฐมวัย ๙
ปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวัยโรงเรยี นเทศบาล ๔ (บา้ นทรายทอง) ๑๐
๒๔
พฒั นาการเด็กปฐมวัย ๒๔
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยสาหรบั เด็กอายุ ๓ - ๖ ปี ๓๐
มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ๓๓
การจดั เวลาเรียน ๓๔
สาระการเรยี นรู้รายปี ๓๘
การจัดประสบการณ์ ๕๐
กาหนดการเรยี นการสอน ๕๗
ผงั มโนทศั นส์ าระการเรยี นรู้ ๕๙
โครงสร้างการจัดกิจกรรมเตรียมประสบการณ์ ๖๗
การจัดกิจกรรมเตรยี มประสบการณก์ ารเรียนรู้ ๘๕
การสรา้ งบรรยากาศการเรียนรู้ ๘๙
สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ ๘๙
การประเมนิ พฒั นาการ ๙๑
การบรหิ ารจดั การหลกั สตู ร ๙๒
การจดั การศกึ ษาปฐมวยั (เดก็ อายุ๓-๕ป)ี สาหรบั กล่มุ เป้าหมายเฉพาะ
การเชอ่ื มต่อของการศึกษาระดับปฐมวัย กบั ระดับประถมศึกษาปที ี่ ๑
การกากับ ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงาน
ภาคผนวก

1

ข้อมลู ทว่ั ไป

1. ข้อมูลทว่ั ไป
1.1 ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 4 (บา้ นทรายทอง) ตัง้ อยู่ เลขที่ 2 ถนนทรายทอง 5
ตาบลสุไหงโก-ลก อาภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส รหัสไปรณีย์ 96120
โทรศัพท์ 0-7361-1061 โทรสาร 073-612534 e-mail [email protected]
website www.t4Kolok.ac.th
1.2 สงั กดั เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อาเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
1.3 เปดิ สอนตั้งแตร่ ะดับ อนุบาล ถงึ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น
1.4 กลุ่มการศึกษาท้องถนิ่ ท่ี 2

2. ประวตั สิ ถานศกึ ษา
สถานท่ีต้งั เลขที่ 2 ถนนทรายทอง 5 ซอย 1 เน้ือท่ี 12 ไร่ 3 งาน
ทิศเหนือ จด ถนนทรายทอง 5
ทิศใต้ จด ถนนทรายทอง 2
ทศิ ตะวันออก จด สวนสริ นิ ธร
ทศิ ตะวนั ตก จด ถนนทรายทอง 5
วนั เปิดทาการสอนคร้ังแรก 6 กันยายน พ.ศ. 2501
จัดตงั้ เปน็ โรงเรยี นเทศบาลเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2511

ประวตั คิ วามเป็นมา
เดิมชื่อโรงเรียนกือดาบารู ได้เริ่มดาเนินการเปิดสอนเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.

2501 โดยการก่อตั้งของนายดา สุวรรณศักด์ิ ซ่ึงได้สละแรงงานร่วมกับราษฎรในตาบลปาเสมัส อาเภอสุ
ไหงโก-ลก รวมเป็นเงนิ ทง้ั สิน้ 6,244 บาท ในฐานะท่ีท่านเปน็ กานันตาบลปาเสมัส อาเภอสุไหงโก-ลก
ไดแ้ นะนาชักชวนราษฎรบรจิ าคเงินตามที่ระบุ และได้นาเงนิ ซอ้ื สงั กะสี จานวน 98 แผ่น เสาไมจ้ านวน
10 ต้น ได้เคร่ืองบนและไม้ค้าฝารวมทั้งหมด 111 ช้ิน ได้ไม้ทาโต๊ะม้าน่ัง 30 ชุด ซ้ือตะปู 19
กิโลกรัม ตะปูสังกะสี 1 กล่อง ไม้ไผ่จานวน 20 ลา ต่อไปได้จัดการปรับท่ีดิน ร่วมกันสร้างโรงเรียน
โดยการควบคุมของกานัน ท่ีดินซ่ึงเป็นที่ตั้งโรงเรียนปัจจุบัน เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ซงึ่ ได้ตกลงเช่าตามแบบของทางราชการ เนื้อท่ี 12 ไร่ 3 งาน

เม่ือก่อสร้างแล้วเสร็จ วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้ทาพิธีเปิด โดยมีนายเอ้ือน สุนทรเกศ
นายอาเภอสุไหงโก-ลก เป็นประธานรบั มอบโรงเรียน ทางอาเภอได้บรรจุ นายถดั ขาวปลอด มาเป็นครู
รักษาราชการแทนครูใหญ่ โรงเรียนดารงอยู่ได้ด้วยการบารุงรักษาของราษฏร ดาเนินการสอนตาม
หลักสตู รของกระทรวงศึกษาธกิ าร

ต่อมาเม่ือวันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้ย้ายอาคารเรียนชั่วคราว เพ่ือทาการสร้างอาคาร
ใหม่ ท้ังน้ี เน่ืองจากอธิบดีกรมสามัญได้มาตรวจเยี่ยมโรงเรียนและเห็นสภาพของอาคารเรียน ท่านจึง
ใหง้ บประมาณในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ จานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อสรา้ งอาคารเรยี นหลังใหม่

2

เนื่องจากเทศบาลได้ขยายเขตเทศบาล จึงทาให้โรงเรียนบ้านกือดาบารูซึ่งติดในเขต
เทศบาลจึงขึ้นอยู่กับเทศบาลตาบลสุไหงโก-ลก ดังนั้นในวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๑ ทาง
โรงเรียน จึงไดโ้ อนไปขึ้นเป็นโรงเรียนเทศบาลและเปลย่ี นชื่อเป็นโรงเรียนเทศบาล ๔ (บ้านทรายทอง)
เปิดทาการสอนต้ังแต่ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๗ ตามหลักสูตร
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๓๗ เปิดขยายโอกาสทางการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ถึง
มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ปัจจุบันปีการศึกษา 25๖๐ ทาการสอนชั้นอนุบาล ถึง มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ มี
นกั เรียนทัง้ ส้นิ ๘๘๗ คน

สภาพแวดล้อม
เดิมโรงเรียนต้ังอยู่นอกเขตเทศบาล ห่างจากชุมชนใหญ่ ความหนาแน่นของประชากรน้อย

จานวนนักเรียนที่เข้าเรียนมีเล็กน้อย ฐานะของผู้ปกครองส่วนใหญ่ยากจนและนับถือศาสนาอิสลาม
ประมาณร้อยละ ๙๐ ปัจจบุ ันสภาพดงั กลา่ วเปล่ียนแปลงไป ชุมชนละแวกใกล้บริเวณโรงเรียนหนาแน่นข้ึน
สถิตินักเรียนเพิ่มข้ึนทุกปี นักเรียนนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ ๘๓ และ นับถือศาสนาพุทธร้อยละ
๑๗

3

ปรชั ญาการศึกษาปฐมวัย

การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กต้ังแต่แรกเกิดถึง ๖ ปี บริบูรณ์ อย่างเป็นองค์รวม บน
พ้ืนฐานการอบรมเลี้ยงดู และส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัย
ของเด็กแต่ละคนให้ เต็มตามศักยภาพภายใตบ้ ริบทสงั คมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก
ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพอื่ สร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็น
มนุษยท์ สี่ มบูรณ์เกิดคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ

วสิ ัยทัศน์

หลักสตู รการศึกษาปฐมวัยมุ่งพัฒนาเด็กทุกคนให้ได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ
สงั คม และสติปญั ญาอยา่ งมคี ุณภาพและต่อเนื่อง ได้รบั การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข
และเหมาะสมตามวัย มีทักษะชีวิตและปฏบิ ัติตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เป็นคนดี มีวินัย
และสานึกความเป็นไทย โดยความร่วมมอื ระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายท่ี
เก่ียวข้องกับการพฒั นาเดก็

หลักการ

เด็กทุกคนมีสิทธ์ิที่จะได้รับการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมพัฒนาการตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ
เด็ก ตลอดจนได้รบั การจดั ประสบการณ์การเรยี นรอู้ ย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสมั พันธท์ ด่ี รี ะหว่างเดก็ กับ
พ่อแม่ เด็กกับผู้สอน เด็กกับผู้เลี้ยงดูหรือผู้ท่ีเก่ียวข้องในการอบรมเลี้ยงดู การพัฒนา และให้
การศึกษาแก่เด็กปฐมวัย เพ่ือให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลาดับขั้นของพัฒนาการทุกด้าน อย่าง
เป็นองคร์ วม มคี ณุ ภาพ และเตม็ ตามศักยภาพโดยมีหลกั การ ดังนี้

๑. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรแู้ ละพฒั นาการที่ครอบคลุมเดก็ ปฐมวัยทุกคน
๒. ยึดหลักการอบรมเลย้ี งดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเปน็ สาคัญ โดยคานึงถึงความแตกต่าง
ระหว่างบคุ คลและวิถีชีวติ ของเดก็ ตามบริบทของชุมชน สงั คม และวฒั นธรรมไทย
๓. ยึดพัฒนาการและการพัฒนาเดก็ โดยองคร์ วมผ่านการเล่นอย่างมีความหมายและมี
กจิ กรรมทห่ี ลากหลาย ไดล้ งมือกระทาในสภาพแวดลอ้ มทีเ่ อื้อต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัย และมี
การพักผอ่ นที่เพยี งพอ
๔. จัดประสบการณ์การเรียนร้ใู ห้เดก็ มีทักษะชีวิต และสามารถปฏบิ ัติตนตามหลกั ปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ คนดี มีวินยั และมีความสุข
๕. สรา้ งความรู้ ความเข้าใจและประสานความร่วมมือในการพัฒนาเดก็ ระหวา่ งสถานศกึ ษา
กับพ่อแม่ ครอบครวั ชุมชน และทุกฝา่ ยท่ีเกี่ยวข้องกบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวัย

4

แนวคดิ การจดั การศกึ ษาปฐมวยั

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พัฒนาข้ึนบนแนวคิดหลักสาคัญเก่ียวกับ
พฒั นาการเด็กปฐมวัย โดยถือว่าการเล่นของเด็กเป็นหัวใจสาคัญของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ภายใต้การจัดสภาพแวดลอ้ มท่เี อ้ือต่อการทางานของสมอง ผา่ นสอ่ื ที่ต้องเอื้อให้เด็กได้เรียนรผู้ ่านการเล่น
ประสาทสมั ผัสท้ังห้า โดยครูจาเป็นต้องเข้าใจและยอมรับว่าสังคม และวัฒนธรรมที่แวดล้อมตัวเด็กมี
อิทธิพลต่อการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพ และพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ทั้งนี้ หลักสูตรฉบับนี้
มีแนวคดิ ในการจดั การศึกษาปฐมวัย ดังน้ี

๑. แนวคิดเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก พัฒนาการของมนุษย์เป็นกระบวนการเปล่ียนแปลงท่ี
เกิดขึ้นต่อเนื่องในตัวมนุษย์เร่ิมต้ังแต่ปฏิสนธิไปจนตลอดชีวิต พัฒนาการของเด็กแต่ละคนจะมีลาดับ
ข้นั ตอนลักษณะเดียวกัน แต่อัตราและระยะเวลาในการผ่านขั้นตอนต่างๆ อาจแตกต่างกันได้ ขั้นตอน
แรกๆ จะเป็นพื้นฐานสาหรับพัฒนาการข้ันต่อไป พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและ
สติปัญญา แต่ละส่วนส่งผลกระทบซ่ึงกันและกัน เม่ือด้านหนึ่งก้าวหน้าอีกด้านหนึ่งจะก้าวหน้าตาม
ดว้ ยในทานองเดียวกันถ้าด้านหน่ึงด้านใดผิดปกติจะทาให้ด้านอื่นๆ ผิดปกติตามด้วย แนวคิดเกี่ยวกับ
ทฤษฎีพฒั นาการด้านร่างกายอธิบายว่าการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของเด็กมีลักษณะต่อเน่ืองเป็น
ลาดับช้ัน เด็กจะพัฒนาถึงข้ันใดจะต้องเกิดวฒุ ิภาวะของความสามารถดา้ นนั้นก่อน สาหรบั ทฤษฎีดา้ น
อารมณ์ จิตใจ และสังคมอธิบายว่า การอบรมเลี้ยงดูในวัยเด็กส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็ก เม่ือเติบโต
เป็นผู้ใหญ่ ความรักและความอบอุ่นเป็นพ้ืนฐานของความเชื่อม่ันในตนเอง เด็กที่ได้รับความรักและ
ความอบอ่นุ จะมีความไว้วางใจในผู้อื่น เหน็ คุณค่าของตนเอง จะมคี วามเชือ่ มน่ั ในความสามารถของตน
ทางานร่วมกบั ผู้อ่ืนได้ดี ซึง่ เปน็ พนื้ ฐานสาคญั ของความเป็นประชาธปิ ไตยและความคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์
และทฤษฎีพัฒนาการด้านสติปัญญาอธิบายว่า เด็กเกิดมาพร้อมวุฒิภาวะ ซ่ึงจะพัฒนาข้ึนตามอายุ
ประสบการณ์ รวมท้ังคา่ นยิ มทางสงั คมและสิ่งแวดลอ้ มทีเ่ ด็กได้รับ

๒. แนวคิดเกี่ยวกับการเล่นของเด็ก การเล่นเป็นหัวใจสาคัญของการจัดประสบการณ์การ
เรียนรู้ การเล่นอย่างมีจุดมุ่งหมายเป็นเคร่ืองมือการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานท่ีถือเป็นองค์ประกอบสาคัญใน
กระบวนการเรยี นรู้ของเด็ก ขณะท่ีเดก็ เล่นจะเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันด้วย จากการเล่น เด็กจะมี
โอกาสเคล่ือนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้ใช้ประสาทสัมผัสและการรับรู้ผ่อนคลายอารมณ์ และ
แสดงออกของตนเอง เรียนรู้ความรู้สึกของผู้อ่ืน เด็กจะรู้สึกสนุกสนาน เพลดิ เพลิน ไดส้ ังเกต มีโอกาส
ทาการทดลอง คิดสร้างสรรค์ คิดแกป้ ญั หาและค้นพบด้วยตนเอง การเล่นชว่ ยให้เดก็ เรียนรูส้ ง่ิ แวดลอ้ ม
และช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ดังน้ัน เด็กควรมี
โอกาสเล่น ปฏิสมั พันธก์ บั บคุ คล สิ่งแวดล้อมรอบตัว และเลือกกจิ กรรมการเลน่ ดว้ ยตนเอง

๓. แนวคิดเก่ียวกับการทางานของสมอง สมองเป็นอวัยวะท่ีมีความสาคัญท่ีสุดในร่างกาย
ของคนเรา เพราะการท่ีมนุษย์สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้นั้น ต้องอาศัยสมองและระบบประสาทเป็น
พ้ืนฐานการรับรู้ รับความรู้สึกจากประสาทสัมผัสทั้งห้า การเชื่อมโยงต่อกันของเซลล์สมองส่วนมาก

5

เกิดขึ้นก่อนอายุ ๕ ปี และปฏิสัมพันธ์แรกเร่ิมระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ มีผลโดยตรงต่อการสร้างเซลล์
สมองและจุดเช่ือมต่อ โดยในช่วง ๓ ปีแรกของชีวิต สมองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก มีการสร้าง
เซลลส์ มองและจดุ เช่ือมต่อขนึ้ มามากมาย มีการสรา้ งไขมันหรือมันสมองหุ้มล้อมรอบเส้นใยสมองด้วย
พอเด็กอายุ ๓ ปี สมองจะมีขนาดประมาณ ๘๐ % ของสมองผู้ใหญ่ มีเซลล์สมองนับหม่ืนล้านเซลล์
เซลล์สมองและจุดเชื่อมตอ่ เหลา่ นี้ยิ่งได้รบั การกระตุ้นมากเท่าใด การเชือ่ มต่อกันระหว่างเซลล์สมองย่ิง
มมี ากขึ้นและความสามารถทางการคดิ ยงิ่ มมี ากขึ้นเทา่ นนั้ ถา้ หากเด็กขาดการกระตุ้นหรอื ส่งเสริมจาก
สิง่ แวดล้อมทเี่ หมาะสม เซลล์สมองและจุดเชื่อมต่อทีส่ รา้ งขึ้นมาก็จะหายไป เดก็ ทไ่ี ด้รบั ความเครียดอยู่
ตลอดเวลาจะทาให้ขาดความสามารถทีจ่ ะเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างๆ ของสมองเจริญเติบโตและ
เร่ิมมีความสามารถในการทาหน้าท่ีในช่วงเวลาต่างกัน จึงอธิบายได้ว่าการเรียนรู้ทักษะบางอย่างจะ
เกิดขนึ้ ไดด้ ีที่สุดเฉพาะในช่วงเวลาหนึ่งที่เรียกว่า “หน้าต่างของโอกาสการเรียนรู้” ซ่งึ เปน็ ช่วงท่ีพ่อแม่
ผู้เลี้ยงดูและครูสามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาส่ิงนั้นๆ ได้ดีท่ีสุด เม่ือพ้นช่วงนี้ไปแล้วโอกาสน้ัน
จะฝึกยากหรือเด็กอาจทาไม่ได้เลย เช่น การเช่ือมโยงวงจรประสาทของการมองเห็นและรับรู้ภาพ
จะต้องได้รับการกระตุ้นทางานต้ังแต่ ๓ หรือ ๔ เดือนแรกของชีวิตจึงจะมีพัฒนาการตามปกติ
ช่วงเวลาของการเรียนภาษาคือ อายุ ๓ – ๕ ปีแรกของชีวิต เด็กจะพูดได้ชัด คล่องและถูกต้อง โดย
การพฒั นาจากการพูดเป็นคาๆ มาเป็นประโยคและเล่าเรอ่ื งได้ เปน็ ตน้

๔. แนวคดิ เกี่ยวกับส่อื การเรยี นรู้ สื่อการเรียนรทู้ าใหเ้ ดก็ เกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ท่ีวาง
ไว้ ทาให้ส่ิงที่เป็นนามธรรมเข้าใจยากกลายเป็นรูปธรรมที่เด็กเข้าใจและเรียนรู้ได้ง่าย รวดเร็ว
เพลิดเพลิน เกิดการเรียนรู้และค้นพบด้วยตนเอง การใช้สื่อการเรียนรู้ต้องปลอดภัยต่อตัวเด็กและ
เหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ความสนใจ และความต้องการของเด็กที่
หลากหลาย สื่อประกอบการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยควรมีส่ือทั้งที่เป็นประเภท ๒ มิติและ/
หรือ ๓ มิติ ท่ีเป็นส่ือของจริง สื่อธรรมชาติ ส่ือท่ีอยู่ใกล้ตัวเด็ก สื่อสะท้อนวัฒนธรรม ส่ือภูมิปัญญา
ท้องถิ่น สื่อเพื่อพัฒนาเด็กในด้านต่างๆ ให้ครบทุกด้าน ทั้งนี้ สื่อต้องเอ้ือให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาท
สัมผัสท้ังห้าโดยการจัดการใช้ส่ือสาหรับเด็กปฐมวัยต้องเริ่มต้นจากสื่อของจริง ของจาลอง ภาพถ่าย
ภาพโครงร่างและสัญลักษณต์ ามลาดับ

๕. แนวคิดเก่ียวกับสังคมและวัฒนธรรม เด็กเมื่อเกิดมาจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและ
วัฒนธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้รับอิทธิพลจากการปฏิบัติแบบดั้งเดิมตามประเพณี มรดก และความรู้
ของบรรพบุรุษ แต่ยังได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ ค่านิยมและความเช่ือของบุคคลในครอบครัว
และชุมชนของแต่ละที่ด้วย บริบทของสังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่หรือแวดล้อมตัวเด็กทาให้
เด็กแต่ละคนแตกต่างกันไป ครูจาเป็นต้องเข้าใจและยอมรับว่าสังคมและวัฒนธรรมท่ีแวดล้อมตัวเด็ก
มอี ิทธิพลต่อการเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ครูควรตอ้ งเรียนรู้บริบท
ทางสังคมและวัฒนธรรมของเด็กที่ตนรับผิดชอบ เพ่ือช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนา เกิดการเรียนรู้และ
อยู่ในกลุ่มคนทมี่ าจากพื้นฐานเหมือนหรือต่างจากตนไดอ้ ย่างราบรื่นมีความสุข เปน็ การเตรียมเดก็ ไปสู่
สังคมในอนาคตกับการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืน การทางานร่วมกับผู้อ่ืนที่มีความหลากหลายทางความคิด ความ
เชอื่ และวัฒนธรรมเช่น ความคลา้ ยคลึงและความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไทยกบั ประเทศเพ่ือนบา้ น

6

เรื่องศาสนา ประเทศ พม่า ลาว กัมพูชาก็จะคล้ายคลึงกับคนไทยในการทาบุญตักบาตร การสวดมนต์
ไหว้พระ การใหค้ วามเคารพพระสงฆ์ การทาบุญเล้ียงพระ การเวยี นเทยี นเนอ่ื งในวนั สาคญั ทางศาสนา
ประเพณีเข้าพรรษา สาหรับประเทศมาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนา
อิสลามจึงมีวัฒนธรรมแบบอสิ ลาม ประเทศฟิลิปปินส์ได้รับอทิ ธพิ ลจากครสิ ตศ์ าสนา ประเทศสิงคโปร์
และเวียดนามนบั ถือหลายศาสนา โดยนับถือลัทธธิ รรมเนียมแบบจีนเป็นหลัก เปน็ ตน้

7

ปรัชญาการศกึ ษาปฐมวัยโรงเรียนเทศบาล ๔ (บ้านทรายทอง)

โรงเรียนจัดการพัฒนาเด็กอายุ ๓-๕ ปี บนพื้นฐานการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมกระบวนการ
เรียนรู้ท่ีสนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ให้เต็มตามศักยภาพภายใต้บริบททาง
สังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ด้วยความรัก ความเอื้ออาทรและความเข้าใจของทุกคน
มีทักษะในการดารงชีวิตประจาวันตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพ
ชวี ิตให้เด็กพัฒนาไปส่คู วามเปน็ มนุษย์ที่สมบูรณ์เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม เพื่อส่งเสริมศักยภาพสู่
ความเปน็ เลศิ ของผู้เรียน

วิสัยทัศน์

เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เป็นองค์
รวมอย่างสมดุลได้รับประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุขมีทักษะชีวิตที่จาเป็นและดารงชีวิต
ประจาวันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสานึกความเป็นไทย โดยความร่วมมือ
ระหว่างสถานศึกษากับพ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กและ
เพื่อส่งเสริมศักยภาพสู่ความเปน็ เลิศของผ้เู รยี น

พันธกจิ

๑. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาท่ีมงุ่ เนน้ พัฒนาการเด็กปฐมวัยทั้ง ๔ ด้าน อยา่ งสมดุลและ
เตม็ ศกั ยภาพ

๒. พัฒนาครูและบคุ ลากรดา้ นการจัดประสบการณ์ทีส่ ่งเสริมการเรยี นรู้ผา่ นการเล่นท่ีมี
จดุ หมายอยา่ งตอ่ เนื่อง

๓. สง่ เสรมิ สนับสนนุ การจดั สภาพแวดลอ้ ม ส่ือ เทคโนโลยีและแหล่งเรยี นรู้ในการพัฒนาเด็ก
ปฐมวัย

๔. จัดประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ ี่หลากหลายซ่ึงสอดคล้องกับพัฒนาการทางสมองของเดก็
โดยนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและแหลง่ เรียนรู้ ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน มาใช้
เสริมสร้างพฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเด็ก

๕. ส่งเสริมการมสี ว่ นร่วมของผ้ปู กครองและชุมชนในการพัฒนาเด็กปฐมวยั

8

เป้าหมาย

๑. เด็กปฐมวยั ทกุ คนไดร้ บั การพัฒนาดา้ นรา่ งกาย อารมณ์-จติ ใจ สังคม และสติปญั ญาเป็น
องค์รวมอย่างสมดุลและมีความสขุ

๒. ครมู คี วามรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถจัดประสบการณ์ทีส่ ่งเสริมการเรยี นรู้ผา่ นการเลน่
โดยใชก้ ระบวนการวางแผน การปฏบิ ตั ิ และการทบทวน

๓. มสี ภาพแวดล้อม สื่อ เทคโนโลยี และแหล่งเรยี นร้ทู ีเ่ อ้ือต่อการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
ปฐมวัย โดยยึดตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

๔. ผู้ปกครอง ชุมชน และหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้องมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย

พฒั นาการเดก็ ปฐมวัย

พัฒนาการของเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญาแสดงให้เห็นถึงการ
เปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นตามวุฒิภาวะและสภาพแวดลอ้ มที่เด็กได้รับ พัฒนาการเด็กในแต่ละช่วงวัยอาจ
เรว็ หรือช้าแตกตา่ งกนั ไปในเด็กแต่ละคน มรี ายละเอียด ดงั นี้

๑. พัฒนาการด้านร่างกาย เปน็ พัฒนาการทีเ่ ป็นผลมาจากการเปล่ียนแปลงในทางที่ดีขนึ้ ของ
ร่างกายในด้านโครงสร้างของร่างกาย ด้านความสามารถในการเคลื่อนไหว และด้านการมีสุขภาพ
อนามัยที่ดี รวมถงึ การใช้สัมผัสรับรู้ การใช้ตาและมือประสานกันในการทากิจกรรมต่างๆ เด็กอายุ ๓-
๕ ปีมีการเจริญเตบิ โตรวดเร็วโดยเฉพาะในเรื่องน้าหนักและส่วนสูง กล้ามเน้ือใหญ่จะมีความก้าวหน้า
มากกว่ากลา้ มเน้ือเลก็ สามารถบังคับการเคลือ่ นไหวของร่างกายได้ดี มคี วามคล่องแคล่วว่องไวในการ
เดิน สามารถว่ิง กระโดด ควบคุมและบังคับการทรงตัวได้ดี จึงชอบเคลื่อนไหว ไม่หยุดน่ิง พร้อมที่จะ
ออกกาลังและเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ ส่วนกล้ามเน้ือเล็กและความสัมพันธ์ระหว่างตาและมือยังไม่
สมบูรณ์ การสัมผัสหรือการใช้มือมีความละเอียดขึ้น ใช้มือหยิบจับสิ่งของต่างๆ ได้มากข้ึน ถ้าเด็กไม่
เครยี ดหรอื กังวลจะสามารถทากจิ กรรมที่พัฒนากล้ามเนอื้ เล็กไดด้ ีและนานขึ้น

๒. พัฒนาการด้านอารมณ์ จติ ใจ เป็นความสามารถในการรู้สึกและแสดงความรู้สึกของเด็ก
เช่น พอใจ ไม่พอใจ รัก ชอบ สนใจ เกลียด โดยที่เด็กรู้จักควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมกับวัย
และสถานการณ์ เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดจนการสร้างความรู้สึกที่ดีและการนับถือตนเอง เด็ก
อายุ ๓-๕ ปี จะแสดงความรู้สึกอย่างเต็มท่ี ไม่ปิดบัง ช่อนเร้น เช่น ดีใจ เสียใจ โกรธแต่จะเกิดเพยี งชั่ว
ครแู่ ลว้ หายไปการที่เด็กเปลย่ี นแปลงอารมณง์ ่ายเพราะมีช่วงความสนใจระยะส้ัน เม่ือมีสิ่งใดน่าสนใจก็
จะเปลี่ยนความสนใจไปตามสิง่ นั้น เด็กวัยน้มี ักหวาดกลัวสิ่งต่างๆ เช่น ความมืด หรือสตั ว์ต่างๆ ความ
กลัวของเด็กเกิดจากจินตนาการ ซ่ึงเด็กว่าเป็นเรื่องจริงสาหรับตน เพราะยังสับสนระหว่างเร่ืองปรุง
แต่งและเร่ืองจริง ความสามารถแสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสมกับวัย
รวมถึงช่ืนชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อ่ืน เพราะยึดตัวเองเป็นศูนยก์ ลางน้อยลงและ
ตอ้ งการความสนใจจากผอู้ น่ื มากข้นึ

9

๓. พัฒนาการด้านสังคม เป็นความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม ครั้งแรกใน
ครอบครัว โดยมีปฏสิ ัมพนั ธ์กับพ่อแม่และพ่ีนอ้ ง เม่ือโตขึน้ ต้องไปสถานศึกษา เดก็ เริ่มเรยี นรู้การติดต่อ
และการมีสัมพันธ์กับบุคคลนอกครอบครัว โดยเฉพาะอย่างย่ิงเด็กในวัยเดียวกัน เด็กได้เรียนรู้การ
ปรับตัวให้เข้าสังคมกับเด็กอ่ืนพร้อมๆ กับรู้จักร่วมมือในการเล่นกับกลุ่มเพ่ือน เจตคติและพฤติกรรม
ทางสังคมของเด็กจะก่อขึ้นในวัยนี้และจะแฝงแน่นยากท่ีจะเปลี่ยนแปลงในวัยต่อมา ดังนั้น จึงอาจ
กล่าวได้ว่าพฤติกรรมทางสังคมของเด็กวัยนี้ มี ๒ ลักษณะ คือลักษณะแรกน้ัน เป็นความสัมพันธ์กับ
ผูใ้ หญ่และลกั ษณะทีส่ องเปน็ ความสมั พนั ธก์ ับเด็กในวยั ใกลเ้ คยี งกนั

๔. พัฒนาการด้านสติปัญญา ความคิดของเด็กวัยน้ีมีลักษณะยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ยังไม่
สามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอ่ืน เด็กมีความคิดเพียงแต่ว่าทุกคนมองสิ่งต่างๆ รอบตัว และรู้สึกต่อ
สิ่งต่างๆ เหมือนตนเอง ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ที่สุด เมื่ออายุ ๔-๕ ปี เด็กสามารถโต้ตอบหรือมี
ปฏิสัมพันธ์กับวัตถุส่ิงของที่อยู่รอบตัวได้ สามารถจาส่ิงต่างๆ ที่ได้กระทาซ้ากันบ่อยๆ ได้ดี เรียนรู้สิ่ง
ต่างๆ ได้ดีขึ้น แต่ยงั อาศัยการรับรู้เปน็ สว่ นใหญ่ แก้ปัญหาการลองผิดลองถกู จากการรับรู้มากกว่าการ
ใช้เหตุผล ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ท่ีอยู่รอบตัวพัฒนาอย่างรวดเร็วตามอายุท่ีเพิ่มขึ้น ใน
ส่วนของพัฒนาการทางภาษา เด็กวัยน้ีเป็นระยะเวลาของการพัฒนาภาษาอย่างรวดเร็ว โดยมีการ
ฝึกฝนการใช้ภาษาจากการทากิจกรรมต่างๆ ในรูปของการพูดคุย การตอบคาถาม การเล่าเร่ือง การ
เล่านิทานและการทากิจกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการใช้ภาษาในสถานศึกษา เด็กปฐมวัยสามารถใช้
ภาษาแทนความคิดของตนและใชภ้ าษาในการติดตอ่ สมั พันธก์ ับคนอน่ื ได้ คาพูดของเด็กวยั นี้อาจจะทาให้
ผู้ใหญบ่ างคนเข้าใจว่าเด็กรู้มากแล้ว แต่ทจ่ี รงิ เดก็ ยงั ไม่เข้าใจความหมายของคาและเรื่องราวลกึ ซ้ึง

หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัยสาหรบั เดก็ อายุ ๓ - ๖ ปี

หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัยสาหรบั เดก็ อายุ ๓ - ๖ ปี เปน็ การจัดการศึกษาในลักษณะของ
การอบรมเลีย้ งดู และให้การศึกษา เด็กจะไดร้ ับการพัฒนาท้ังดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม
และสติปัญญา ตามวัยและความสามารถของบคุ คล

จดุ หมาย

หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย มุ่งใหเ้ ด็กมีพฒั นาการตามวัยเต็มตามศักยภาพ และเม่ือมีความ
พร้อมในการเรียนรตู้ ่อไป จึงกาหนดจุดหมายเพื่อให้เกิดกับเดก็ เมื่อเดก็ จบการศึกษาระดับปฐมวัย ดงั นี้

๑. มีร่างกายเจรญิ เตบิ โตตามวยั แข็งแรง และมสี ขุ นิสยั ที่ดี
๒. มีสขุ ภาพจติ ดี มีสุนทรยี ภาพ มคี ณุ ธรรม จริยธรรมและจติ ใจที่ดงี าม
๓. มีทักษะชวี ติ และปฏบิ ตั ิตนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มวี นิ ัย และอยูร่ ว่ มกับ

ผูอ้ ่ืนได้อย่างมีความสุข
๔. มที กั ษะการคดิ การใชภ้ าษาสื่อสาร และการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกบั วัย

10

มาตรฐานคณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกาหนดมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์จานวน ๑๒ มาตรฐาน
ประกอบดว้ ย

๑. พัฒนาการด้านรา่ งกาย ประกอบดว้ ย ๒ มาตรฐานคอื
มาตรฐานที่ ๑ รา่ งกายเจริญเตบิ โตตามวัยและมสี ุขนสิ ยั ทีด่ ี
มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรงใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและ
ประสานสัมพันธ์กนั

๒.พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ประกอบด้วย ๓ มาตรฐานคอื
มาตรฐานที่ ๓ มสี ุขภาพจิตดแี ละมีความสุข
มาตรฐานท่ี ๔ ชน่ื ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคลือ่ นไหว
มาตรฐานที่ ๕ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมีจติ ใจทด่ี ีงาม

๓.พฒั นาการด้านสงั คม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐานคอื
มาตรฐานที่ ๖ มีทักษะชวี ติ และปฏิบัตติ นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
มาตรฐานท่ี ๗ รักธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม และความเป็นไทย
มาตรฐานที่ ๘ อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกทด่ี ีของสังคม
ในระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข

๔.พฒั นาการด้านสติปญั ญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐานคือ
มาตรฐานท่ี ๙ ใชภ้ าษาสอื่ สารไดเ้ หมาะสมกับวัย
มาตรฐานที่ ๑๐ มคี วามสามารถในการคิดที่เป็นพน้ื ฐานการเรียนรู้
มาตรฐานท่ี ๑๑ มจี นิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์
มาตรฐานที่ ๑๒ มีเจตคติทดี่ ีต่อการเรยี นรแู้ ละมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้
เหมาะสมกับวัย

ตัวบ่งชี้

ตวั บ่งชี้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาเด็กที่มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับมาตรฐานคุณลักษณะท่ี
พึงประสงค์

สภาพที่พงึ ประสงค์

สภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยท่ีคาดหวังให้เด็กเกิดบนพ้ืนฐาน
พัฒนาการตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาตใิ นแต่ละระดับอายุ เพอ่ื นาไปใช้ในการกาหนดสาระ
เรียนรู้ในการจัดประสบการณ์ กิจกรรมและประเมินพัฒนาการเด็ก โดยมีรายละเอียดของมาตรฐาน
มาตรฐานคณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ ตัวบง่ ชี้ และสภาพที่พงึ ประสงค์ ดงั นี้

11

มาตรฐานท่ี ๑ รา่ งกายเจรญิ เติบโตตามวัยเดก็ มีสขุ นสิ ยั ที่ดี

ตัวบ่งชที้ ี่ ๑.๑ มีนา้ หนกั และส่วนสงู ตามเกณฑ์

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี
อายุ ๔-๕ ปี

-นา้ หนกั และสว่ นสูงตามเกณฑ์ -น้าหนกั และส่วนสงู ตามเกณฑ์ -น้าหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์

ของกรมอนามยั ของกรมอนามัย ของกรมอนามยั

ตวั บ่งชีท้ ่ี ๑.๒ มีสขุ ภาพอนามยั สุขนิสยั ทดี่ ี

อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี
อายุ ๔-๕ ปี
-รบั ประทานอาหารท่ีมี
-ยอมรบั ประทานอาหารทม่ี ี -รับประทานอาหารทม่ี ี ประโยชน์ได้หลายชนิดและด่ืม
นา้ สะอาดได้ด้วยตนเอง
ประโยชนแ์ ละดม่ื นา้ ท่สี ะอาด ประโยชนแ์ ละดื่มน้าสะอาด

เมอื่ มผี ูช้ ี้แนะ ดว้ ยตนเอง

-ล้างมอื ก่อนรับประทาน -ลา้ งมอื ก่อนรับประทาน -ล้างมอื ก่อนรับประทาน
อาหารและหลงั จากใช้ห้องนา้ อาหารและหลังจากใชห้ อ้ งน้า อาหารและหลงั จากใช้หอ้ งน้า
หอ้ งส้วมเม่ือมีผชู้ ีแ้ นะ ห้องสว้ มด้วยตนเอง หอ้ งส้วมด้วยตนเอง

-นอนพักผ่อนเปน็ เวลา -นอนพักผ่อนเปน็ เวลา -นอนพักผ่อนเปน็ เวลา

-ออกกาลังกายเป็นเวลา -ออกกาลงั กายเป็นเวลา -ออกกาลังกายเปน็ เวลา

ตัวบง่ ชท้ี ่ี ๑.๓ รักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อ่นื

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี
อายุ ๔-๕ ปี
-เล่นและทากิจกรรมและ
-เลน่ และทากิจกรรมอยา่ ง -เลน่ และทากจิ กรรมอยา่ ง ปฏบิ ตั ิต่อผอู้ น่ื อย่างปลอดภยั
ปลอดภัยเม่อื มีผชู้ แ้ี นะ ปลอดภยั ดว้ ยตนเอง

12

มาตรฐานท่ี ๒ กลา้ มเน้อื ใหญแ่ ละกล้ามเน้อื เล็กแข็งแรงใช้ไดอ้ ย่างคล่องแคล่วและ
ประสานสมั พนั ธก์ ัน

ตวั บ่งช้ีที่ ๒.๑ เคลอ่ื นไหวรา่ งกายอยา่ งคล่องแคลว่ ประสานสมั พันธแ์ ละทรงตัวได้

อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี
อายุ ๔-๕ ปี

-เดนิ ตามแนวท่กี าหนดได้ -เดินตอ่ เทา้ ไปข้างหน้าเป็น -เดินต่อเท้าถอยหลงั เป็น
เสน้ ตรงได้โดยไม่ต้องกาง เส้นตรงได้โดยไม่ต้องกางแขน
แขน

-กระโดดสองขา ขึ้นลงอยู่กับทีไ่ ด้ -กระโดดขาเดยี วอยกู่ ับทไี่ ด้ -กระโดดขาเดียว ไปขา้ งหนา้ ได้

โดยไมเ่ สยี การทรงตัว อย่างต่อเนื่องโดยไม่เสียการทรง

ตวั

-วง่ิ แลว้ หยดุ ได้ -วงิ่ หลบหลีกสงิ่ กีดขวางได้ -ว่ิงหลบหลีกส่งิ กดี ขวางได้อย่าง
คล่องแคลว่

-รับลกู บอลโดยใช้มอื และลาตัว -รบั ลูกบอลไดด้ ว้ ยมือทั้งสอง -รับลูกบอลท่กี ระดอนขนึ้ จาก
ชว่ ย ขา้ ง พ้นื ได้

ตวั บง่ ช้ีท่ี ๒.๓ ใช้มือ-ตาประสานสมั พนั ธก์ ัน

อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี
อายุ ๔-๕ ปี

-ใช้กรรไกรตัดกระดาขาดจากกนั -ใช้กรรไกรตัดกระดาษตาม -ใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนว

ไดโ้ ดยใช้มอื เดยี ว แนวเสน้ ตรงได้ เสน้ โคง้ ได้

-เขยี นรปู วงกลมตามแบบได้ -เขยี นรปู สี่เหล่ียมตามแบบ -เขยี นรูปสามเหล่ียมตามแบบ

ได้อยา่ งมีมุมชัดเจน ได้อย่างมมี ุมชดั เจน

-ร้อยวัสดุท่ีมีรขู นาดเสน้ ผา่ น -ร้อยวสั ดุที่มรี ขู นาดเส้นผา่ น -รอ้ ยวสั ดุทีม่ ีรูขนาดเส้นผา่ น
ศนู ย์กลาง ๑ ซม.ได้
ศูนย์ ๐.๕ ซม.ได้ ศนู ยก์ ลาง ๐.๒๕ ซม.ได้

13

๒.พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ

มาตรฐานท่ี ๓ มสี ขุ ภาพจิตดแี ละมคี วามสขุ

ตวั บง่ ช้ีที่ ๓.๑ แสดงออกทางอารมณ์อยา่ งเหมาะสม

สภาพทีพ่ ึงประสงค์

อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

-แสดงอารมณ์ ความร้สู ึกได้ -แสดงอารมณ์ ความรู้สึกได้ตาม -แสดงอารมณ์ ความรู้สกึ ได้
เหมาะสมกบั บางสถานการณ์
สถานการณ์ สอดคล้องกับสถานการณ์

อยา่ งเหมาะสม

ตวั บ่งชท้ี ี่ ๓.๒ มีความร้สู ึกที่ดตี ่อตนเองและผู้อน่ื

สภาพท่พี ึงประสงค์

อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๓-๔ ปี
-กล้าพดู กล้าแสดงออก -กลา้ พูดกล้าแสดงออกอยา่ ง -กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่าง

เหมาะสมบางสถานการณ์ เหมาะสมตามสถานการณ์

-แสดงความพอใจในผลงาน -แสดงความพอใจในผลงานและ -แสดงความพอใจในผลงาน
ตนเอง
ความสามารถของตนเอง และความสามารถของตนเอง

และผู้อ่นื

14

มาตรฐานท่ี ๔ ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว

ตวั บ่งช้ีที่ ๔.๑ สนใจและมีความสุขและแสดงออกผ่านงานศิลปะ ดนตรีและการเคลอ่ื นไหว

อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี

-สนใจและมีความสุขและ -สนใจและมีความสุขและ -สนใจและมคี วามสุขและ
แสดงออกผา่ นงานศิลปะ แสดงออกผา่ นงานศลิ ปะ แสดงออกผ่านงานศลิ ปะ

-สนใจ มีความสุขและ -สนใจ มีความสขุ และแสดงออก -สนใจ มคี วามสขุ และ
แสดงออกผ่านเสียงเพลง
ดนตรี ผ่านเสยี งเพลง ดนตรี แสดงออกผ่านเสยี งเพลง

ดนตรี

-สนใจ มีความสุขและแสดง -สนใจ มคี วามสขุ และแสดง -สนใจ มีความสุขและแสดง
ท่าทาง/เคลื่อนไหวประกอบ ทา่ ทาง/เคลอ่ื นไหวประกอบ ทา่ ทาง/เคลื่อนไหวประกอบ
เพลง จงั หวะและ ดนตรี เพลง จังหวะและ ดนตรี เพลง จังหวะและ ดนตรี

มาตรฐานท่ี ๕ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมและมจี ิตใจทีด่ งี าม

ตัวบง่ ช้ีท่ี ๕.๑ ซื่อสัตย์ สจุ ริต

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพ่ ึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
-บอกหรือชี้ไดว้ า่ สง่ิ ใดเปน็ ของ อายุ ๓-๔ ปี - ขออนุญาตหรือรอคอยเม่ือ
ตนเองและสิง่ ใดเปน็ ของผู้อื่น ต้องการสิ่งของของผู้อื่นด้วย
- ขออนุญาตหรือรอคอยเมื่อ ตนเอง
ต้องการส่งิ ของของผู้อ่ืนเมื่อมีผู้
ช้แี นะ

15

ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๕.๒ มีความเมตตา กรณุ า มนี ้าใจและช่วยเหลือแบ่งปนั

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพ่ ึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี

-แสดงความรักเพื่อนและมี -แสดงความรักเพ่ือนและมี -แสดงความรักเพือ่ นและมี

เมตตาสัตวเ์ ล้ียง เมตตาสตั ว์เลีย้ ง เมตตาสัตว์เลยี้ ง

-แบ่งปนั สงิ่ ของใหผ้ ู้อน่ื ได้เม่ือมี -ช่วยเหลอื และแบง่ ปันผู้อ่นื ได้ -ชว่ ยเหลอื และแบ่งปันผู้อ่นื ได้

ผูช้ ี้แนะ เมอื่ มผี ชู้ ้แี นะ ด้วยตนเอง

ตัวบ่งชี้ท่ี ๕.๓ มีความเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ื่น

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี่ ึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี -แสดงสีหน้าหรอื ทา่ ทางรับรู้
ความรู้สึกผู้อน่ื อย่างสอดคล้อง
-แสดงสหี น้าหรอื ท่าทางรบั รู้ -แสดงสีหน้าหรอื ทา่ ทางรบั รู้ กับสถานการณ์

ความรูส้ ึกผ้อู น่ื ความรู้สึกผ้อู ืน่

ตัวบ่งชที้ ี่ ๕.๔ มคี วามรบั ผิดชอบ

อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี -ทางานทไ่ี ด้รบั มอบหมายจน
สาเรจ็ ดว้ ยตนเอง
-ทางานทไ่ี ด้รบั มอบหมายจน -ทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมายจน

สาเรจ็ เมอ่ื มีผชู้ ว่ ยเหลือ สาเร็จเม่อื มีผชู้ ้แี นะ

16

๓. พฒั นาการดา้ นสงั คม

มาตรฐานท่ี ๖ มีทักษะชวี ติ และปฏบิ ัติตนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

ตวั บ่งช้ีที่ ๖.๑ ช่วยเหลอื ตนเองในการปฏิบตั ิกจิ วัตรประจาวนั

อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
- แต่งตัวโดยมีผู้ชว่ ยเหลือ อายุ ๓-๔ ปี
- แต่งตวั ดว้ ยตนเองไดอ้ ยา่ ง
-รบั ประทานอาหารดว้ ยตนเอง - แตง่ ตัวดว้ ยตนเอง คล่องแคล่ว

-ใชห้ ้องนา้ หอ้ งส้วมโดยมีผู้ -รบั ประทานอาหารดว้ ย -รับประทานอาหารดว้ ย
ช่วยเหลือ ตนเอง ตนเองอย่างถูกวิธี

-ใช้หอ้ งนา้ หอ้ งส้วมดว้ ยตนเอง -ใช้และทาความสะอาดหลังใช้
ห้องนา้ ห้องสว้ มด้วยตนเอง

ตวั บง่ ช้ีที่ ๖.๒ มีวินัยในตนอง สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี -เก็บของเลน่ ของใชเ้ ขา้ ทอ่ี ยา่ ง
อายุ ๓-๔ ปี เรยี บรอ้ ยด้วยตนเอง
-เก็บของเลน่ ของใชเ้ ขา้ ทเี่ ม่ือมีผู้ -เก็บของเล่นของใชเ้ ข้าท่ดี ้วย
ชีแ้ นะ
ตนเอง

-เข้าแถวตามลาดับก่อนหลังได้ -เขา้ แถวตามลาดับก่อนหลัง -เข้าแถวตามลาดับก่อนหลัง

เมื่อมีผ้ชู ี้แนะ ได้ด้วยตนเอง ไดด้ ว้ ยตนเอง

ตัวบง่ ช้ที ่ี ๖.๓ ประหยัดและพอเพยี ง

อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
-ใชส้ ง่ิ ของเคร่ืองใช้อยา่ ง อายุ ๓-๔ ปี -ใชส้ ่ิงของเครื่องใช้อยา่ ง
ประหยดั และพอเพียงเมื่อมผี ู้ ประหยดั และพอเพยี งดว้ ย
ช้ีแนะ -ใชส้ งิ่ ของเคร่ืองใช้อยา่ ง ตนเอง
ประหยดั และพอเพยี งเม่ือมีผู้
ชี้แนะ

17

มาตรฐานท่ี ๗ รกั ธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อม วฒั นธรรม และความเป็นไทย

ตัวบง่ ช้ีท่ี ๗.๑ ดูแลรกั ษาธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม

อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่ีพึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี
-มสี ่วนรว่ มในการดแู ลรกั ษา -มีส่วนร่วมในการดแู ลรักษา
ธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มเม่ือ -มสี ว่ นร่วมในการดูแลรกั ษา ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มดว้ ย
มผี ูช้ แ้ี นะ ธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มเมือ่ มี ตนเอง
-ท้งิ ขยะไดถ้ ูกที่ ผู้ชีแ้ นะ -ทงิ้ ขยะไดถ้ ูกที่
-ทงิ้ ขยะได้ถูกท่ี

ตัวบง่ ชี้ท่ี ๗.๒ มมี ารยาทตามวัฒนธรรมไทยและรกั ความเป็นไทย

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี่ งึ ประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี

ปฏบิ ตั ิตนตามมารยาทไทยได้ -ปฏิบตั ติ นตามมารยาทไทยได้ -ปฏิบตั ิตนตามมารยาทไทยได้

เม่ือมผี ชู้ ้แี นะ ดว้ ยตนเอง ตามกาลเทศะ

-กลา่ วคาขอบคุณและขอโทษ -กลา่ วคาขอบคุณและขอโทษ -กลา่ วคาขอบคณุ และขอโทษ

เม่ือมีผู้ชแ้ี นะ ดว้ ยตนเอง ดว้ ยตนเอง

-หยดุ เมื่อไดย้ นิ เพลงชาติไทย -หยดุ เมอื่ ได้ยนิ เพลงชาติไทย -ยืนตรงและร่วมร้องเพลงชาติ
และเพลงสรรเสรญิ พระบารมี และเพลงสรรเสรญิ พระบารมี ไทยและเพลงสรรเสรญิ พระ
บารมี

18

มาตรฐานที่ ๘ อยรู่ ว่ มกบั ผู้อนื่ ไดอ้ ยา่ งมีความสุขและปฏบิ ัติตนเปน็ สมาชิกทด่ี ขี องสงั คม
ในระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ตวั บง่ ชีท้ ี่ ๘.๑ ยอมรับความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล

อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่ีพึงประสงค์ อายุ ๕ ปี
-เล่นและทากจิ กรรมร่วมกับ อายุ ๓-๔ ปี
เดก็ ทีแ่ ตกต่างไปจากตน -เลน่ และทากิจกรรมร่วมกบั
-เลน่ และทากิจกรรมรว่ มกบั เดก็ ท่แี ตกต่างไปจากตน

กลุ่มเดก็ ท่ีแตกต่างไปจากตน

ตัวบ่งชที้ ่ี ๘.๒ มีปฏสิ ัมพันธ์ที่ดีกบั ผู้อ่นื

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพ่ ึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี -เล่นหรอื ทางานรว่ มกบั เพ่ือน
อยา่ งมเี ป้าหมาย
-เลน่ ร่วมกบั เพือ่ น -เลน่ หรอื ทางานร่วมกบั เพ่ือน

เปน็ กลมุ่

-ยิ้มหรอื ทักทายผู้ใหญ่และ -ยมิ้ หรอื ทักทายหรอื พูดคุยกับ -ยิม้ หรือทกั ทายหรอื พดู คยุ กบั
บุคคลทคี่ ุน้ เคยเม่ือมผี ู้ชแี้ นะ ผ้ใู หญแ่ ละบคุ คลที่คุ้นเคยได้ ผ้ใู หญแ่ ละบคุ คลท่ีคุน้ เคยได้
ด้วยตนเอง เหมาะสมกบั สถานการณ์

ตัวบ่งช้ีท่ี ๘.๓ ปฏิบตั ิตนเบื้องต้นในการเปน็ สมาชิกทด่ี ีของสงั คม

อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่ีพึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี

-ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงเม่ือมผี ู้ -มีสว่ นร่วมสรา้ งข้อตกลงและ -มสี ่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ

ชีแ้ นะ ปฏิบัตติ ามข้อตกลงเมื่อมผี ู้ ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงดว้ ย

ชแ้ี นะ ตนเอง

-ปฏิบตั ิตนเป็นผู้นาและผู้ตาม -ปฏิบตั ิตนเปน็ ผนู้ าและผู้ตามที่ -ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผูน้ าและผู้ตาม

เมอ่ื มีผ้ชู ี้แนะ ดีได้ดว้ ยตนเอง ไดเ้ หมาะสมกับสถานการณ์

-ยอมรบั การประนีประนอม -ประนปี ระนอมแกไ้ ขปญั หาโดย -ประนีประนอมแกไ้ ขปัญหา
แกไ้ ขปญั หาเมื่อมีผ้ชู แ้ี นะ
ปราศจากการใช้ความรนุ แรง โดยปราศจากการใช้ความ

เม่ือมีผชู้ ี้แนะ รนุ แรงดว้ ยตนเอง

19

๕. ด้านสติปัญญา

มาตรฐานท่ี ๙ ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกบั วัย

ตวั บง่ ช้ีที่ ๙.๑ สนทนาโต้ตอบและเลา่ เรือ่ งใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจ

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี -ฟงั ผอู้ น่ื พูดจนจบและสนทนา
โต้ตอบอย่างต่อเนื่องเชือ่ มโยง
-ฟงั ผู้อนื่ พูดจนจบและโต้ตอบ -ฟังผูอ้ ่ืนพูดจนจบและสนทนา กับเรือ่ งท่ฟี งั

เกย่ี วกับเร่อื งท่ฟี ัง โต้ตอบสอดคล้องกบั เรอ่ื งทฟ่ี ัง

-เล่า เรอ่ื งดว้ ยประโยคสน้ั ๆ -เล่าเรอ่ื งเปน็ ประโยคอย่าง -เล่าเป็นเร่อื งราวตอ่ เน่ืองได้
ต่อเนือ่ ง

ตัวบง่ ช้ที ี่ ๙.๒ อ่าน เขียนภาพ และสัญลักษณ์ได้

อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่พี ึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี -อ่านภาพ สัญลักษณ์ คา
ดว้ ยการชี้ หรอื กวาดตามอง
-อ่านภาพ และพูดขอ้ ความ -อ่านภาพ สัญลักษณ์ คา จดุ เริม่ ต้นและจดุ จบของ
ขอ้ ความ
ด้วยภาษาของตน พร้อมทงั้ ช้ี หรอื กวาดตามอง
-เขยี นชื่อของตนเอง ตามแบบ
ข้อความตามบรรทัด เขียนขอ้ ความด้วยวิธีทีค่ ดิ ขนึ้
เอง
-เขียนขดี เข่ีย อย่างมีทศิ ทาง -เขียนคล้ายตัวอักษร

20

มาตรฐานที่ ๑๐ มีความสามารถในการคิดทเ่ี ปน็ พืน้ ฐานในการเรียนรู้

ตวั บ่งชีท้ ่ี ๑๐.๑ มคี วามสามารถในการคดิ รวบยอด

สภาพทพ่ี งึ ประสงค์

อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๓-๔ ปี

-บอกลักษณะของสิ่งของตา่ งๆ -บอกลกั ษณะและส่วนประกอบ -บอกลักษณะ สว่ นประกอบ

จากการสังเกตโดยใช้ประสาท ของสงิ่ ของต่างๆ จากการสงั เกต การเปลย่ี นแปลง หรือ

สัมผัส โดยใชป้ ระสาทสมั ผัส ความสัมพันธข์ องส่งิ ของต่างๆ

จากการสังเกตโดยใชป้ ระสาท

สัมผัส

-จับคู่หรือเปรียบเทียบส่ิงต่างๆ -จับคแู่ ละเปรียบเทียบความ -จบั คแู่ ละเปรียบเทยี บความ

โดยใชล้ กั ษณะหรือหนา้ ที่การ แตกตา่ งหรือความเหมอื นของ แตกต่างหรือความเหมอื นของ

งานเพยี งลักษณะเดียว สิ่งตา่ งๆ โดยใช้ลกั ษณะที่สงั เกต สง่ิ ตา่ งๆ โดยใชล้ ักษณะท่ี

พบเพียงลักษณะเดยี ว สงั เกตพบสองลกั ษณะขึ้นไป

-คัดแยกสิง่ ตา่ งๆ ตามลกั ษณะ -จาแนกและจัดกลมุ่ ส่งิ ตา่ งๆ -จาแนกและจดั กลมุ่ ส่งิ ตา่ งๆ
โดยใช้ตง้ั แต่สองลักษณะข้นึ ไป
หรอื หน้าทก่ี ารใชง้ าน โดยใชอ้ ย่างนอ้ ยหนึ่งลักษณะ เป็นเกณฑ์

เป็นเกณฑ์

-เรยี งลาดับส่ิงของหรือ -เรยี งลาดับสง่ิ ของหรือ -เรียงลาดบั ส่งิ ของหรือ

เหตกุ ารณ์อย่างน้อย ๓ ลาดับ เหตุการณ์อยา่ งน้อย ๔ ลาดบั เหตุการณ์อยา่ งน้อย ๕ ลาดับ

21

ตัวบ่งชที้ ี่ ๑๐.๒ มคี วามสามารถในการคดิ เชงิ เหตุผล

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี

-ระบผุ ลทเี่ กิดขึ้นในเหตุการณ์ -ระบุสาเหตุหรอื ผลทเี่ กิดขน้ึ ใน -อธิบายเชอ่ื มโยงสาเหตแุ ละ

หรือการกระทาเม่ือมผี ชู้ แ้ี นะ เหตุการณ์ หรือการกระทาเม่ือมี ผลท่ีเกิดขึน้ ในเหตุการณห์ รือ

ผชู้ ี้แนะ การกระทาดว้ ยตนเอง

-คาดเดา หรือ คาดคะเนสง่ิ ท่ี -คาดเดา หรือคาดคะเนส่งิ ที่ -คาดคะเนสง่ิ ทอ่ี าจจะเกดิ ขนึ้
อาจเกดิ ขึน้ อาจจะเกดิ ขึ้น หรือมสี ่วนร่วมใน และมีส่วนรว่ มในการลง
การลงความเห็นจากข้อมูล ความเห็นจากข้อมลู อยา่ งมี

เหตุผล

ตัวบ่งช้ีที่ ๑๐.๓ มคี วามสามารถในการคดิ แก้ปัญหาและตดั สินใจ

อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
-ตดั สินใจในเร่อื งง่ายๆ อายุ ๓-๔ ปี -ตดั สนิ ใจในเร่ืองง่ายๆ และ
ยอมรับผลทีเ่ กิดขึ้น
-ตัดสนิ ใจในเรือ่ งง่ายๆ และเร่ิม

เรียนร้ผู ลทเ่ี กิดขึน้

-แกป้ ญั หาโดยลองผดิ ลองถูก -ระบุปญั หา และแกป้ ัญหาโดย -ระบปุ ญั หาสร้างทางเลือก

ลองผดิ ลองถกู และเลอื กวธิ ีแกป้ ัญหา

22

มาตรฐานที่ ๑๑ มีจินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์

ตวั บ่งชี้ที่ ๑๑.๑ เลน่ /ทางานศลิ ปะตามจินตนาการและความคดิ สร้างสรรค์

สภาพที่พึงประสงค์

อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๓-๔ ปี

-สร้างผลงานศลิ ปะเพ่ือสอ่ื สาร -สร้างผลงานศิลปะเพื่อสื่อสาร -สร้างผลงานศิลปะเพ่ือสื่อสาร

ความคดิ ความร้สู ึกของตนเอง ความคิด ความรูส้ ึกของตนเอง ความคดิ ความรู้สึกของตนเอง

โดยมกี ารดัดแปลงและแปลก โดยมีการดัดแปลงและแปลก

ใหม่จากเดิมหรือมรี ายละเอียด ใหมจ่ ากเดิมและมี

เพ่มิ ขึน้ รายละเอียดเพ่ิมขนึ้

ตวั บง่ ชี้ที่ ๑๑.๒ แสดงท่าทาง/เคลือ่ นไหวตามจินตนาการอย่างสร้างสรรค์

อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่ีพึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี

-เคล่ือนไหวทา่ ทางเพ่อื ส่ือสาร -เคลอ่ื นไหวทา่ ทางเพือ่ สื่อสาร -เคล่อื นไหวท่าทางเพ่อื ส่ือสาร

ความคดิ ความรูส้ ึกของตนเอง ความคิด ความรู้สึกของตนเอง ความคิด ความรู้สึกของตนเอง

อย่างหลากหลายหรือแปลกใหม่ อยา่ งหลากหลายและแปลก

ใหม่

มาตรฐานที่ ๑๒ มเี จตคตทิ ดี่ ตี ่อการเรยี นรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้
ได้เหมาะสมกบั วัย

ตวั บ่งช้ีท่ี ๑๒.๑ มีเจตคติทด่ี ีตอ่ การเรียนรู้

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
-สนใจฟงั หรืออ่านหนงั สือดว้ ย อายุ ๓-๔ ปี -หยิบหนงั สือมาอ่านและเขยี น
ตนเอง สือ่ ความคิดด้วยตนเองเป็น
-สนใจซกั ถามเกีย่ วกับ ประจาอยา่ งตอ่ เน่ือง
สัญลกั ษณห์ รือตัวหนังสอื ที่พบ
เหน็

-กระตือรอื รน้ ในการเข้ารว่ ม -กระตือรอื ร้นในการเข้าร่วม -กระตือรอื รน้ ในการร่วม

กิจกรรม กิจกรรม กิจกรรมตัง้ แต่ต้นจนจบ

23

ตวั บ่งชี้ท่ี ๑๒.๒ มีความสามารถในการแสวงหาความรู้

อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี
อายุ ๓-๔ ปี -ค้นหาคาตอบของข้อสงสยั
ต่างๆ ตามวิธีการท่ี
-คน้ หาคาตอบของข้อสงสยั -ค้นหาคาตอบของข้อสงสยั หลากหลายด้วยตนเอง

ต่างๆ ตามวธิ ีการที่มผี ูช้ แ้ี นะ ต่างๆ ตามวิธีการของตนเอง

-เชือ่ มโยงคาถาม “อะไร” ใน -ใชป้ ระโยคคาถามวา่ “ท่ีไหน” -ใชป้ ระโยคคาถามวา่

การคน้ หาคาตอบ “ทาไม” ในการคน้ หาคาตอบ “เมือ่ ไร” อยา่ งไร” ในการ

คน้ หาคาตอบ

24

การจัดเวลาเรียน

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกาหนดกรอบโครงสร้างเวลาในการจัดประสบการณ์ให้กับ
เด็ก ๑ - ๓ ปีการศึกษาโดยประมาณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของเด็กที่เร่ิมเข้าสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็ก
ปฐมวยั เวลาสาหรับเด็กปฐมวยั จะข้นึ อยกู่ ับสถานศกึ ษาแตล่ ะแห่ง ส่วนใหญจ่ ะจัด ๒ - ๓ ภาคเรยี นต่อ ๑ ปี
การศึกษา หรอื ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๘๐ วนั ตอ่ ๑ ปีการศกึ ษา ในแตล่ ะวนั จะใช้เวลาไมน่ ้อยกว่า ๕ ชั่วโมง โดย
สามารถปรับใหเ้ หมาะสมตามบริบทของสถานทแ่ี ละสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั

สาระการเรียนรรู้ ายปี

สาระการเรียนรู้ใช้เป็นสื่อกลางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็กเพื่อส่งเสริม

พัฒนาการทุกด้าน ให้เป็นไปตามจุดหมายของหลักสูตรท่ีกาหนด ประกอบด้วย ประสบการณ์สาคัญ

และสาระท่คี วรเรยี นรู้ ดงั น้ี

๑. ประสบการณส์ าคญั

ประสบการณ์สาคัญเป็นแนวทางสาหรับผู้สอนไปใช้ในการออกแบบการจัดประสบการณ์

ให้เด็กปฐมวัยเรยี นรู้ ลงมอื ปฏิบตั ิ และได้รบั การสง่ เสริมพัฒนาการครอบคลุมทุกดา้ น ดังนี้

๑.๑ ประสบการณ์สาคัญท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย เป็นการสนบั สนุนให้เด็กได้

มีโอกาสพัฒนาการใช้กล้ามเน้ือใหญ่ กล้ามเน้ือเล็ก และการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเน้ือและ

ระบบประสาท ในการทากิจวัตรประจาวันหรือทากิจกรรมต่างๆ และสนับสนุนให้เด็กมี

โอกาสดแู ลสขุ ภาพและสุขอนามัย และการรกั ษาความปลอดภยั ดังน้ี

๑.๑.๑ การใช้กลา้ มเนือ้ ใหญ่

 การเคลื่อนไหวอยกู่ ับท่ี

 การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่

 การเคล่ือนไหวพรอ้ มวัสดุอุปกรณ์

 การเคลื่อนไหวท่ีใช้การประสานสัมพันธ์ของการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในการ

ขวา้ ง

การจับ การโยน การเตะ

 การเล่นเครอื่ งเล่นสนามอย่างอสิ ระ

๑.๑.๒ การใช้กล้ามเนื้อเลก็

 การเลน่ เครือ่ งเลน่ สมั ผสั และการสรา้ งจากแท่งไม้ บล็อก

 การเขียนภาพและการเล่นกบั สี

 การปั้น

 การประดิษฐส์ ง่ิ ตา่ งๆ ดว้ ยเศษวสั ดุ

 การหยิบจับ การใช้กรรไกร การฉกี การตัด การปะ และการรอ้ ยวสั ดุ

25

๑.๑.๓ การรักษาสขุ ภาพอนามัยส่วนตวั
 การปฏบิ ัติตนตามสุขอนามยั สุขนสิ ัยทดี่ ีในกิจวตั รประจาวัน

๑.๑.๔ การรกั ษาความปลอดภยั
 การปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภยั ในกจิ วตั รประจาวัน
 การฟังนิทาน เรื่องราว เหตุการณ์ เก่ียวกับการป้องกันและรักษาความ
ปลอดภยั
 การเล่นเครื่องเลน่ อยา่ งปลอดภยั
 การเล่นบทบาทสมมติเหตุการณ์ตา่ งๆ

๑.๑.๕ การตระหนักรเู้ กีย่ วกับรา่ งกายตนเอง
 การเคลื่อนไหวเพอ่ื ควบคมุ ตนเองไปในทิศทาง ระดับ และพน้ื ที่
 การเคลอื่ นไหวขา้ มสิ่งกีดขวาง

๑.๒ ประสบการณ์สาคัญท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ เป็นการ

สนับสนุนให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกของตนเองท่ีเหมาะสมกับวัย ตระหนักถึง
ลกั ษณะพิเศษเฉพาะท่ีเป็นอัตลักษณ์ ความเปน็ ตวั ของตวั เอง มีความสุข ร่าเรงิ แจ่มใส การเห็นอกเห็น
ใจผู้อ่ืนได้พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม สุนทรียภาพ ความรู้สึกท่ีดีต่อตนเอง และความเช่ือมั่นในตนเอง
ขณะปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ดงั นี้

๑.๒.๑ สนุ ทรียภาพ ดนตรี
 การฟงั เพลง การรอ้ งเพลง และการแสดงปฏกิ ิริยาโต้ตอบเสยี งดนตรี
 การเคล่อื นไหวตามเสียงเพลง/ดนตรี
 การเลน่ บทบาทสมมติ
 การทากิจกรรมศิลปะต่างๆ
 การสร้างสรรคส์ ิง่ สวยงาม

๑.๒.๒ การเล่น
 การเล่นอิสระ
 การเลน่ รายบคุ คล กลุ่มยอ่ ย กลมุ่ ใหญ่
 การเล่นตามมุมประสบการณ์
 การเลน่ นอกห้องเรียน

๑.๒.๓ คณุ ธรรม จริยธรรม
 การปฏบิ ัติตนตามหลักศาสนาที่นบั ถือ
 การฟังนิทานเกย่ี วกบั คุณธรรม จรยิ ธรรม
 การรว่ มสนทนาแลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ เชงิ จรยิ ธรรม

๑.๒.๔ การแสดงออกทางอารมณ์
 การสะทอ้ นความรสู้ ึกของตนเองและผู้อนื่
 การเลน่ บทบาทสมมติ
 การเคล่ือนไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี

26

 การรอ้ งเพลง
 การทางานศิลปะ

๑.๒.๕ การมีอัตลกั ษณ์เฉพาะตนและเชอื่ วา่ ตนเองมคี วามสามารถ
 การปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆ ตามความสามารถของตนเอง

๑.๒.๖ การเหน็ อกเห็นใจผอู้ นื่
 การแสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข เห็นอกเห็นใจเมื่อผู้อื่นเศร้าหรือ
เสยี ใจ และการชว่ ยเหลอื ปลอบโยนเมื่อผอู้ นื่ ได้รบั บาดเจบ็

๑.๓ ประสบการณ์สาคัญท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม เป็นการสนับสนุนให้

เด็กได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับบุคลและสิ่งแวดล้อมตา่ งๆ รอบตัวจากการปฏบิ ัติกิจกรรมต่างๆ ผ่านการ
เรียนรู้ทางสังคม เช่น การเล่น การทางานกับผู้อื่น การปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน การแก้ปัญหาข้อ
ขดั แย้งตา่ งๆ

๑.๓.๑ การปฏิบัติกจิ วัตรประจาวนั
 การชว่ ยเหลอื ตนเองในกิจวัตรประจาวัน
 การปฏบิ ัติตนตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

๑.๓.๒ การดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
 การมีส่วนร่วมรับผิดชอบดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก
ห้องเรยี น
 การทางานศิลปะที่ใช้วัสดุหรือส่ิงของท่ีใช้แล้วมาใช้ซ้าหรือแปรรูปแล้วนา
กลับมาใช้ใหม่
 การเพาะปลกู และดแู ลต้นไม้
 การเล้ียงสตั ว์
 การสนทนาข่าวและเหตุการณ์ท่ีเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใน
ชีวติ ประจาวนั

๑.๓.๓ การปฏิบัติตามวฒั นธรรมทอ้ งถิ่นท่อี าศัยและความเป็นไทย
 การเล่นบทบาทสมมติ การปฏิบตั ติ นในความเปน็ คนไทย
 การปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ ทีอ่ าศัยและประเพณไี ทย
 การประกอบอาหารไทย
 การศกึ ษานอกสถานท่ี
 การละเล่นพ้ืนบา้ นของไทย

๑.๓.๔ การมีปฏสิ มั พนั ธ์ มวี ินัย มีสวนรว่ ม และบทบาทสมาชิกของสังคม
 การร่วมกาหนดขอ้ ตกลงของหอ้ งเรยี น
 การปฏบิ ัตติ นเป็นสมาชิกท่ดี ีของห้องเรยี น
 การใหค้ วามร่วมมอื ในการปฏิบัติกจิ กรรมต่างๆ
 การดูแลห้องเรยี นรว่ มกัน

27

 การร่วมกจิ กรรมวันสาคัญ

๑.๓.๕ การเล่นแบบร่วมมอื รว่ มใจ
 การรว่ มสนทนาและแลกเปลยี่ นความคดิ เห็น
 การเล่นและทางานรว่ มกบั ผู้อืน่
 การทาศิลปะแบบร่วมมอื

๑.๓.๖ การแก้ปญั หาความขดั แย้ง
 การมสี ว่ นรว่ มในการเลอื กวธิ ีการแก้ปญั หา
 การมีสว่ นรว่ มในการแก้ปัญหาความขดั แยง้

๑.๓.๗ การยอมรับในความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล
 การเล่นหรือ ทากจิ กรรมรว่ มกับกลมุ่ เพือ่ น

๑.๔ ประสบการณ์สาคัญท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา เป็นการสนับสนุนให้เด็ก
ได้รับรู้ เรียนรู้ส่ิงต่างๆ รอบตัวผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อม บุคคลและสื่อต่างๆ ด้วย
กระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เพ่ือเปิดโอกาสให้เด็กพัฒนาการใช้ภาษา จินตนาการความคิด
สร้างสรรค์ การแก้ปัญหา การคิดเชิงเหตุผล และการคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัวและมี
ความคิดรวบยอดทางคณติ ศาสตรท์ ่เี ปน็ พน้ื ฐานของการเรียนร้ใู นระดบั ทส่ี งู ขึน้ ต่อไป

๑.๔.๑ การใชภ้ าษา
 การฟังเสยี งตา่ งๆ ในสงิ่ แวดล้อม
 การฟังและปฏิบัติตามคาแนะนา
 การฟงั เพลง นทิ าน คาคล้องจอง บทร้อยกรงหรือเรอื่ งราวต่างๆ
 การแสดงความคิด ความรู้สึก และความต้องการ
 การพูดกบั ผอู้ ่นื เก่ียวกบั ประสบการณข์ องตนเอง หรือพดู เล่าเรื่องราว
เกีย่ วกับตนเอง
 การพดู อธิบายเกี่ยวกับสิ่งของ เหตกุ ารณ์ และความสัมพันธ์ของส่ิงต่างๆ
 การพดู อยา่ งสร้างสรรค์ในการเลน่ และการกระทาตา่ งๆ
 การรอจังหวะท่ีเหมาะสมในการพดู
 การพูดเรยี งลาดับเพื่อใช้ในการส่อื สาร
 การอ่านหนังสือภาพ นทิ าน หลากหลายประเภท/รปู แบบ
 การอ่านอิสระตามลาพัง การอ่านรว่ มกนั การอา่ นโดยมีผู้ช้ีแนะ
 การเห็นแบบอย่างของการอา่ นทีถ่ ูกต้อง
 การสังเกตทิศทางการอา่ นตัวอกั ษร คา และข้อความ
 การอา่ นและชีข้ ้อความ โดยกวาดสายตาตามบรรทดั จากซ้ายไปขวา จาก
บนลงลา่ ง
 การสังเกตตวั อกั ษรในช่อื ของตน หรือคาคุ้นเคย
 การสังเกตตวั อักษรทปี่ ระกอบเป็นคาผา่ นการอา่ นหรอื เขียนของผูใ้ หญ่

28

 การคาดเดาคา วลี หรอื ประโยค ทีม่ โี ครงสร้างซ้าๆกัน จากนิทาน เพลง คา
คลอ้ งจอง

 การเล่นเกมทางภาษา
 การเหน็ แบบอยา่ งของการเขียนทถ่ี ูกต้อง
 การเขยี นรว่ มกนั ตามโอกาส และการเขยี นอสิ ระ
 การเขียนคาทม่ี ีความหมายกับตวั เดก็ /คาคนุ้ เคย
 การคดิ สะกดคาและเขียนเพื่อส่อื ความหมายด้วยตนเองอยา่ งอสิ ระ

๑.๔.๒ การคดิ รวบยอด การคิดเชิงเหตผุ ล การตดั สินใจและแก้ปญั หา
 การสงั เกตลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลย่ี นแปลง และความสมั พันธข์ อง
สิง่ ต่างๆ โดยใชป้ ระสาทสัมผัสอยา่ งเหมาะสม
 การสังเกตสง่ิ ตา่ งๆ และสถานทีจ่ ากมุมมองทต่ี า่ งกัน
 การบอกและแสดงตาแหนง่ ทิศทาง และระยะทางของสิง่ ต่างๆ ดว้ ยการ
กระทา ภาพวาด ภาพถา่ ย และรปู ภาพ
 การเลน่ กับสื่อต่างๆ ทเ่ี ปน็ ทรงกลม ทรงสเ่ี หลี่ยมมุมฉาก ทรงกระบอก
กรวย
 การคัดแยก การจัดกลุ่ม และการจาแนกสิง่ ต่างๆตามลกั ษณะและรูปรา่ ง
รูปทรง
 การต่อของชน้ิ เล็กเตมิ ในช้นิ ใหญ่ให้สมบูรณ์ และการแยกชิน้ สว่ น
 การทาซา้ การตอ่ เตมิ และการสร้างแบบรูป
 การนับและแสดงจานวนของส่ิงต่างๆ ในชวี ิตประจาวัน
 การเปรยี บเทยี บและเรยี งลาดับจานวนของส่งิ ต่างๆ
 การรวมและการแยกสิ่งตา่ งๆ
 การบอกและแสดงอันดบั ทขี่ องสิ่งตา่ งๆ
 การชั่ง ตวง วัดสิ่งต่างๆ โดยใช้เคร่อื งมือและหน่วยท่ีไม่ใชห่ น่วยมาตรฐาน
 การจับคู่ การเปรียบเทยี บ และการเรยี งลาดบั สิ่งต่างๆ ตามลักษณะความ
ยาว/ความสูงนา้ หนัก ปริมาตร
 การบอกและเรียงลาดบั กจิ กรรมหรือเหตกู ารณต์ ามชว่ งเวลา
 การใช้ภาษาทางคณิตศาสตร์กับเหตกุ ารณใ์ นชีวติ ประจาวัน
 การอธบิ ายเช่ือมโยงสาเหตแุ ละผลท่เี กิดขนึ้ ในเหตุการณห์ รือการกระทา
 การคาดเดาหรอื การคาดคะเนส่งิ ทอ่ี าจเกิดขึ้นอยา่ งมีเหตุผล
 การมีส่วนร่วมในการลงความเหน็ จากขอ้ มลู อยา่ งมีเหตุผล
 การตัดสินใจและมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการแก้ปัญหา

๑.๔.๓ จินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
 การรับรู้ และแสดงความคิดความรูส้ ึกผ่านสื่อ วัสดุ ของเล่น และชน้ิ งาน
 การแสดงความคิดสรา้ งสรรค์ผา่ นภาษา ทา่ ทาง การเคลอื่ นไหว และศลิ ปะ
 การสร้างสรรค์ชน้ิ งานโดยใชร้ ปู รา่ งรูปทรงจากวสั ดทุ หี่ ลากหลาย

29

๑.๔.๔ เจตคติทดี่ ตี อ่ การเรยี นรู้และการแสวงหาความรู้
 การสารวจสง่ิ ต่างๆ และแหลง่ เรยี นรู้รอบตวั
 การตั้งคาถามในเร่อื งทีส่ นใจ
 การสบื เสาะหาความรูเ้ พื่อค้นหาคาตอบของข้อสงสัยตา่ งๆ
 การมสี ่วนรว่ มในการรวบรวมขอ้ มลู และนาเสนอข้อมูลจากการสืบเสาะหา
ความรู้ในรูปแบบตา่ งๆและแผนภมู ิอยา่ งง่าย

สาระท่ีควรเรียนรู้

สาระท่ีควรเรียนรู้ เป็นเรื่องราวรอบตัวเด็กท่ีนามาเป็นส่ือกลางในการจัดกิจกรรมให้เด็กเกิด
แนวคิดหลังจากนาสาระการเรียนรู้นั้นๆ มาจัดประสบการณ์ให้เด็ก เพ่ือให้บรรลุจุดหมายท่ีกาหนดไว้
ทง้ั นี้ ไม่เน้นการท่องจาเนื้อหา ครูสามารถกาหนดรายละเอยี ดขนึ้ เองใหส้ อดคลอ้ งกับวัย ความต้องการ
และความสนใจของเด็ก โดยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์สาคัญ ทั้งนี้ อาจยืดหยุ่นเน้ือหาได้โดย
คานึงถึงประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมในชีวติ จรงิ ของเด็ก ดงั นี้

๒.๑ เรอ่ื งราวเกี่ยวกบั ตัวเด็ก เด็กควรรจู้ ักช่อื นามสกุล รูปร่างหนา้ ตา รู้จกั อวยั วะตา่ งๆ วิธี
ระวังรักษาร่างกายให้สะอาดและมีสุขภาพอนามัยท่ีดี การรับประทานอาหารท่ีเป็นประโยชน์ การ
ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองจากผู้อ่ืนและภัยใกล้ตัว รวมทั้งการปฏิบตั ิต่อผู้อื่นอย่างปลอดภัย
การรู้จักความเป็นมาของตนเองและครอบครัว การปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัวและ
โรงเรียน การเคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น การรู้จักแสดงความคิดเห็นของตนเองและรับฟังความ
คิดเห็นของผู้อื่น การกากับตนเอง การเล่นและทาสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองตามลาพังหรือกับผู้อ่ืน การ
ตระหนักรู้เก่ียวกับตนเอง ความภาคภูมิใจในตนเอง การสะท้อนการรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของ
ตนเองและผ้อู ่ืน การแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกอย่างเหมาะสม การแสดงมารยาทท่ีดี การมี
คุณธรรมจรยิ ธรรม

๒.๒ เรื่องราวเก่ียวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับครอบครัว
สถานศึกษา ชุมชน และบุคคลต่างๆ ท่ีเดก็ ต้องเก่ยี วขอ้ งหรือใกล้ชิดและมีปฏิสัมพนั ธใ์ นชีวิตประจาวัน
สถานท่ีสาคัญ วันสาคัญ อาชีพของคนในชุมชน ศาสนา แหล่งวัฒนาธรรมในชุมชน สัญลักษณ์สาคัญ
ของชาติไทยและการปฏิบัติตามวัฒนธรรมท้องถ่ินและความเป็นไทย หรือแหล่งเรียนรู้จากภูมิปัญญา
ทอ้ งถน่ิ อ่ืนๆ

๒.๓ ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับช่ือ ลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลง
และความสัมพันธ์ของมนุษย์ สัตว์ พืช ตลอดจนการรู้จักเก่ียวกับดิน น้า ท้องฟ้า สภาพอากาศ ภัย
ธรรมชาติ แรง และพลังงานในชีวิตประจาวันที่แวดล้อมเด็ก รวมทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการ
รกั ษาสาธารณสมบตั ิ

๒.๔ ส่ิงต่างๆ รอบตัวเดก็ เดก็ ควรเรยี นรู้เก่ยี วกับการใช้ภาษาเพ่ือสอ่ื ความหมายในชวี ิตประ
จาวัน ความรู้พ้ืนฐานเกยี่ วกับการใช้หนังสอื และตัวหนงั สือ รูจ้ ักชอื่ ลกั ษณะ สี ผิวสมั ผัส ขนาด รูปรา่ ง
รูปทรง ปริมาตร น้าหนัก จานวน ส่วนประกอบ การเปล่ียนแปลงและความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ

30

รอบตัว เวลา เงิน ประโยชน์ การใช้งาน และการเลือกใช้สิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะ การคมนาคม
เทคโนโลยีและการสื่อสารต่างๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจาวันอย่างประหยัด ปลอดภัยและรักษา
ส่งิ แวดล้อม

การจดั ประสบการณ์

การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กปฐมวัยอายุ ๓ – ๖ ปี เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะ
บูรณาการผ่านการเล่น การลงมือกระทาจากประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลาย เกิดความรู้ ทักษะ
คุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งเกิดการพัฒนาท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ไม่
จัดเป็นรายวชิ าโดยมีหลักการ และแนวทางการจดั ประสบการณ์ ดงั นี้

๑. หลักการจัดประสบการณ์

๑.๑ จัดประสบการณ์การเล่นและการเรยี นรหู้ ลากหลาย เพื่อพัฒนาเดก็ โดยองค์รวมอย่าง
สมดุลและตอ่ เน่ือง

๑.๒ เน้นเด็กเปน็ สาคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและ
บรบิ ทของสังคมท่ีเดก็ อาศัยอยู่

๑.๓ จัดให้เด็กได้รับการพัฒนา โดยให้ความสาคัญกับกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการ
ของเดก็

๑.๔ จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนหน่ึงของ
การจัดประสบการณ์ พร้อมท้ังนาผลการประเมินมาพฒั นาเดก็ อย่างต่อเน่อื ง

๑.๕ ให้พ่อแม่ ครอบครวั ชุมชน และทุกฝา่ ยทเี่ ก่ียวข้องมสี ่วนรว่ มในการพฒั นาเด็ก

๒. แนวทางการจดั ประสบการณ์

๒.๑ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการทางานของสมองท่ี
เหมาะสมกบั อายุ วุฒิภาวะและระดับพัฒนาการ เพ่ือใหเ้ ดก็ ทกุ คนได้พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ

๒.๒ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็ก เด็กได้ลงมือกระทาเรียนรู้
ผ่านประสาทสัมผัสท้ังห้า ได้เคล่ือนไหว สารวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วย
ตนเอง

๒.๓ จัดประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยบูรณาการท้ังกิจกรรม ทักษะ และสาระการ
เรยี นรู้

๒.๔ จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเร่ิมคิด วางแผน ตัดสินใจลงมือกระทาและนาเสนอ
ความคดิ โดยครหู รอื ผจู้ ดั ประสบการณ์เปน็ ผสู้ นับสนนุ อานวยความสะดวก และเรยี นรรู้ ว่ มกบั เดก็

๒.๕ จัดประสบการณใ์ ห้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเดก็ อื่นกบั ผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือ
ต่อการเรียนรู้ ในบรรยากาศท่ีอบอุ่นมีความสุข และเรียนรู้การทากิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะ
ต่างๆ กัน

๒.๖ จัดประสบการณใ์ หเ้ ดก็ มปี ฏิสมั พันธก์ ับส่ือและแหลง่ การเรียนร่ีหลากหลายและอยใู่ น
วิถีชวี ิตของเด็ก

31

๒.๗ จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยท่ีดีและทักษะการใช้ชีวิตประจาวันตลอดจน
สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมใหเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้อยา่ งต่อเน่ือง

๒.๘ จัดประสบการณ์ท้ังในลักษณะท่ีดีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนที่เกิดข้ึนในสภาพ
จริงโดยไมไ่ ดค้ าดการณไ์ ว้

๒.๙ จัดทาสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
เป็นรายบุคคล นามาไตร่ตรองและใช้ใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การพัฒนาเดก็ และการวจิ ยั ในชั้นเรยี น

๒.๑๐ จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ ครอบครวั และชุมชนมสี ่วนรว่ มทั้งการวางแผน การ
สนบั สนนุ สอื่ แหลง่ เรียนรู้ การเข้าร่วมกจิ กรรม และการประเมินพฒั นาการ

๓. การจัดกจิ กรรมประจาวนั

กิจกรรมสาหรับเด็กอายุ ๓ – ๖ ปีบริบูรณ์ สามารถนามาจัดเป็นกิจกรรมประจาวันได้หลาย
รูปแบบเป็นการช่วยให้ครูผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์ทราบว่าแต่ละวันจะทากิจกรรมอะไร เมื่อใด
และอย่างไร ท้ังนี้ การจัดกิจกรรมประจาวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมใน
การนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ท่ีสาคัญครูผู้สอนต้องคานึงถึงการจัดกิจกรรมให้
ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านการจัดกิจกรรมประจาวันมีหลักการจัดและขอบข่ายกิจกรรมประจาวัน
ดงั น้ี

๓.๑ หลักการจัดกิจกรรมประจาวนั
๑. กาหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของเด็กใน

แต่ละวนั แต่ยดื หยนุ่ ได้ตามความตอ้ งการและความสนใจของเด็ก เช่น
วัย ๓-๔ ปี มคี วามสนใจช่วงสั้นประมาณ ๘-๑๒ นาที
วยั ๔-๕ ปี มีความสนใจอยไู่ ดป้ ระมาณ ๑๒-๑๕ นาที
วยั ๕-๖ ปี มคี วามสนใจอยูไ่ ดป้ ระมาณ ๑๕- ๒๐ นาที
๒. กิจกรรมท่ีต้องใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลาต่อเน่ืองนาน

เกินกวา่ ๒๐ นาที
๓. กิจกรรมที่เดก็ มีอิสระเลอื กเลน่ เสรี เพือ่ ชว่ ยให้เดก็ รจู้ กั เลือกตดั สนิ ใจ คิดแก้ปญั หา

คดิ สร้างสรรค์ เช่น การเล่นตามมมุ การเลน่ กลางแจง้ ฯลฯ ใช้เวลาประมาณ ๔๐-๖๐ นาที
๔. กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมที่ใช้

กลา้ มเนอ้ื ใหญ่และกล้ามเนอื้ เล็ก กิจกรรมท่เี ป็นรายบคุ คล กลุ่มยอ่ ยและกลมุ่ ใหญ่ กิจกรรมท่เี ดก็ เป็นผู้
ริเร่ิมและครูผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์เป็นผู้ริเร่ิม และกิจกรรมท่ีใช้กาลังและไม่ใช้กาลัง จัดให้ครบ
ทุกประเภท ท้ังน้ี กิจกรรมท่ีต้องออกกาลังกายควรจัดสลับกับกิจกรรมที่ไม่ต้องออกกาลังมากนัก เพ่ือ
เด็กจะได้ไมเ่ หน่ือยเกนิ ไป

๓.๒ ขอบขา่ ยของกิจกรรมประจาวัน
การเลือกกิจกรรมท่ีจะนามาจัดในแต่ละวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ท้ังนี้ ขึ้นอยู่กับความ
เหมาะสมในการนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ที่สาคัญครูผู้สอนต้องคานึกถึงการจัด
กิจกรรมให้ครอบคลมุ พัฒนาการทุกดา้ น ดงั ตอ่ ไปนี้

32

๓.๒.๑ การพัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง การทรงตัว ความ
ยืดหยุ่น ความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างๆ และจังหวะการเคลื่อนไหวในการใช้กล้ามเน้ือใหญ่
โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นอิสระกลางแจ้ง เล่นเคร่ืองเล่นสนาม ปีนป่ายเล่นอิสระ เคล่ือนไหว
ร่างกายตามจังหวะดนตรี

๓.๒.๒ การพัฒนาการกล้ามเนื้อเล็ก เป็นการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเน้ือเล็ก
กล้ามเนื้อมือ-น้ิวมือ การประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อมือและระบบประสาทตามือได้อย่าง
คล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นเคร่ืองสัมผัส เล่นเกมการศึกษา ฝึก
ช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย หยิบจับช้อนส้อม และใช้อุปกรณ์ศิลปะ เช่น สีเทียน กรรไกร พู่กัน
ดินเหนยี ว ฯลฯ

๓.๒.๓ การพัฒนาการอารมณ์ จติ ใจ และปลูกฝงั คณุ ธรรม จริยธรรม เปน็ การปลูกฝัง
ให้เด็กมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความเชื่อม่ัน กล้าแสดงออก มีวินัย รับผิดชอบ ซ่ือสัตย์
ประหยัด เมตตากรุณา เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน มมี ารยาทและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาท่ีนับ
ถือโดยจัดกิจกรรมต่างๆ ผ่านการเล่นให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลือก ได้รับการตอบสนองตาความ
ต้องการได้ฝกึ ปฏิบัติโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมอยา่ งตอ่ เน่อื ง

๓.๒.๔ การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดี แสดงออกอย่าง
เหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทากิจวัตรประจาวันมีนิสัยรัก
การทางาน ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองและผู้อ่ืน โดยรวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากคน
แปลกหน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติกิจวัตรประจาวันอย่างสม่าเสมอ เช่น รับประทานอาหาร พักผ่อนนอน
หลับ ขับถ่าย ทาความสะอาดร่างกาย เล่นและทางานร่วมกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎกติกาข้อตกลงของ
ร่วมรวม เก็บของเขา้ ท่ีเมอื่ เลน่ หรอื ทางานเสร็จ

๓.๒.๕ การพัฒนาการคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหา
ความ คิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ และคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โดยจัด
กิจกรรมให้เด็กได้สนทนา อภิปรายและเปลีย่ นความคิดเห็น เชิญวิทยากรมาพูดคุยกับเดก็ ศึกษานอก
สถานที่ เล่นเกมการศึกษา ฝึกการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ฝึกออกแบบและสร้างชิ้นงาน และทา
กจิ กรรมท้งั เป็นกลมุ่ ยอ่ ย กลุ่มใหญ่และรายบุคคล

๓.๒.๖ การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาสื่อสารถ่ายทอดความรู้สึกนึก
คิด ความรู้ความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ท่ีเด็กมีประสบการณ์โดยสามารถต้ังคาถามในส่ิงที่สงสัยใคร่รู้ จัด
กิจกรรมทางภาษาให้มีความหลากหลายในสภาพแวดลอ้ มท่ีเอือ้ ต่อการเรียนรู้ มุ่งปลูกฝังให้เด็กได้กล้า
แสดงออกในการฟัง พูด อ่าน เขียน มีนิสัยรักการอ่าน และบุคคลแวดล้อมต้องเป็นแบบอย่างท่ีดีใน
การใช้ภาษา ท้งั น้ีตอ้ งคานึกถึงหลกั การจัดกจิ กรรมทางภาษาที่เหมาะสมกับเดก็ เป็นสาคญั

๓.๒.๗ การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการส่งเสริมให้เด็กมี
ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและเห็นความสวยงามของส่ิงต่างๆ โดยจัด
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ดนตรี การเคล่ือนไหวและจังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่าง
อสิ ระ เล่นบทบาทสมมุติ เล่นน้า เลน่ ทราย เล่นบล็อก และเลน่ กอ่ สร้าง

33

กาหนดการเรียนการสอน

สถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดการศึกษาให้กับเด็กปฐมวัย (อนุบาล)
โดยแบ่งออกเป็น ๓ ระดบั 1. ปฐมวัย (อนบุ าล) ปที ี่ 1 อายุ ๓ ปี

2. ปฐมวยั (อนบุ าล) ปีท่ี 2 อายุ ๔ ปี
๓. ปฐมวยั (อนบุ าล) ปที ่ี ๓ อายุ ๕ ปี

เวลาเรียนสาหรับปฐมวัย (อนุบาล) จะขึ้นอยู่กับสถานศึกษาแต่ละแห่ง ส่วนใหญ่จะ
จัด 2 ภาคเรียน : 1 ปีการศึกษา หรือ 200 วัน : 1 ปีการศึกษา ในแต่ละวันจะใช้เวลา 5 – 6
ช่ัวโมงโดยประมาณ

ตารางกจิ กรรมสาหรับเด็กปฐมวัย (อนุบาล)

กิจกรรม อนุบาล ปีที่ 1 อนุบาล ปีที่ 2 อนบุ าล ปที ่ี ๓
1. กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ(ดนตรี) 70 ชว่ั โมง/ปี 70 ชว่ั โมง/ปี 70 ชว่ั โมง/ปี
2. กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ (วิชาการ) 70 ชวั่ โมง/ปี 70 ชวั่ โมง/ปี 70 ชว่ั โมง/ปี

(กจิ กรรมในวงกลม) 200 ชวั่ โมง/ปี 200 ช่ัวโมง/ปี 200 ช่วั โมง/ปี
3. กิจกรรมสร้างสรรค์ (ศิลปะ/ดนตรี) 100 ช่ัวโมง/ปี 200 ชั่วโมง/ปี 200 ชว่ั โมง/ปี
4. กจิ กรรมเสรี (ศิลปะ/ดนตรี) 100 ชั่วโมง/ปี 100 ชวั่ โมง/ปี 100 ชว่ั โมง/ปี
5. กิจกรรมกลางแจง้ (กีฬา-กรฑี า) 60 ชวั่ โมง/ปี 60 ชว่ั โมง/ปี 60 ชว่ั โมง/ปี
6. เกมสก์ ารศกึ ษา (คอมพวิ เตอร์)

รวมกิจกรรมท้ังหมด 600 ชั่วโมง/ปี 600 ชัว่ โมง/ปี 600 ชัว่ โมง/ปี

34

ผังมโนทัศน์ สาระการเรยี นรู้ท่ี 1

แรกรับประทบั ใจ หนนู อ้ ยน่ารัก
เด็กดีมีวนิ ัย

อวัยวะและการ เรื่องราวเก่ยี วกบั หนูทาได้
ดแู ลรกั ษา ตวั เดก็ หนูน้อยนกั สัมผสั
ปลอดภยั ไวก้ ่อน
กินดี อยูด่ ี มสี ุข ขยบั กายสบายชวี ี

35

ผังมโนทัศน์ สาระการเรยี นรทู้ ่ี 2

บา้ นแสนสุข

ครอบครวั สขุ สนั ต์ หนูนอ้ ยช่างสงสัย

บ้านเรือนเคียงกัน เรื่องราว บา้ นเราและเพ่อื น
โรงเรียนของฉนั เกีย่ วกบั บคุ คล บ้านอาเซียน
และสถานที่
ชมุ ชนนา่ อยู่ แวดล้อมเดก็ สมาชิกประเทศ
อาเซยี น
จงั หวัดของเรา
อาชพี ในฝัน

36

ผังมโนทัศน์ สาระการเรยี นร้ทู ี่ 3

สง่ิ มีชวี ิตและ
สง่ิ ไม่มีชีวติ

ฤดหู รรษา โลกสวยด้วยมือ
เรา

กลางวัน ธรรมชาติ ขา้ วมหศั จรรย์
กลางคนื รอบตัว ผกั ผลไม้

สัตว์โลกน่ารัก

ตน้ ไมแ้ สนรกั โลกของแมลง

37

ผังมโนทัศน์ สาระการเรียนรทู้ ี่ 4

เรารักประเทศไทย

ปลอดภัยในยานพาหนะ หนูน้อยช่างสงสัย

สาระแห่งสีสนั เรื่องราวเกย่ี วกับ หนูนอ้ ยตา
สร้างฝนั นกั คิด สิง่ ตา่ งๆ รอบตัวเดก็ วเิ ศษ

ผ้นู าพอเพยี ง

วทิ ยาศาสตร์ เรียนรู้วัฒนธรรม
สรา้ งสรรค์ ทอ่ งแดนอาเซียน

การสอ่ื สารไร้
พรมแดน

38

โครงสร้างการจัดกจิ กรรมเตรียมประสบการณ์
การศึกษาปฐมวัย (อนุบาล)

สปั ดาห์ที/่ หน่วย อายุ ๓-๔ ปี ประสบการณ์การเรยี นรู้ อายุ ๕-๖ ปี
อายุ ๔-๕ ปี

สัปดาห์ท่ี ๑-๒ ๑. ชือ่ เล่นของเด็ก ๑. ชอื่ -สกลุ ความหมาย ๑. ชอื่ -สกุล ความหมาย

แรกรบั ประทับใจ ๒. ชือ่ เลน่ ของเพอ่ื น คานาหนา้ ชื่อ ทีม่ าของชือ่ คานาหน้าชอื่

๓. ช่ือเลน่ คณุ ครูประจาช้ัน ๒. ชอ่ื เล่น ชอ่ื จรงิ ของเพื่อน อายุ

๔. ชื่อโรงเรียน ชั้นเรยี น ๓. ชือ่ เล่น – ชอื่ จริงคณุ ครู ๒. ชือ่ เล่น ช่ือจริง นามสกลุ

๕. สถานที่ตงั้ ของโรงเรียน ประจาชั้น ของเพือ่ น

(ชมุ ชน) ๔. ชื่อโรงเรยี น ช้ันเรียน ๓. ช่อื เล่น-ช่อื จริง นามสกลุ

๕. สถานทต่ี ้ังโรงเรยี น คณุ ครปู ระจาชนั้

(ชมุ ชนตาบล อาเภอ) ๔. ช่ือโรงเรยี น ช้ันเรยี น

๕. สถานท่ตี ัง้ โรงเรียน

(ชุมชนตาบล อาเภอ จงั หวัด

รหัสไปรษณีย)์

สปั ดาหท์ ี่ ๓ ๑. ของใช้สว่ นตวั เดก็ ๑. ของใช้สว่ นตวั เด็ก ๑. ของใช้สว่ นตวั เดก็

เดก็ ดีมีวนิ ัย ๒. สญั ลกั ษณ์ประจาตัว ๒. สญั ลกั ษณป์ ระจาตัว ๒. สญั ลักษณ์ประจาตัว
๓. การเกบ็ ของเข้าที่ ๓. การเกบ็ ของเขา้ ที่ เกบ็ ๓. การเก็บของเขา้ ท่ี เกบ็

๔. การปฏบิ ตั ติ นในการใช้ วสั ดุอปุ กรณ์ วสั ดุอุปกรณ์

หอ้ งน้า ๔. การปฏบิ ตั ิตนในการใช้ ๔. การปฏิบัติตนในการใช้

๕. การปฏิบตั ิตนตาม ห้องน้าอยา่ งถูกวธิ ี หอ้ งน้าอยา่ งถูกสุขลักษณะ

ข้อตกลงของห้องเรียน ๕. การปฏิบัติตนตาม ๕. การปฏิบัตติ นตาม

ข้อตกลงของห้องเรยี น ขอ้ ตกลงของห้องเรยี น

โรงเรียน โรงเรยี น

สปั ดาหท์ ่ี ๔ ๑. หนา้ ที่และการดูแลรักษาตา ๑. หนา้ ท่ีของอวัยวะ ตา หู ๑. หน้าท่ี และการดูแล
อวัยวะและการดแู ล ๒. หนา้ ที่และการดูแลรักษาหู จมกู ปาก มอื เท้า รักษา ตา หู จมูก ปาก มอื

รักษา ๓. หนา้ ที่และการดูแลรักษา ๒. การดแู ลรักษาอวยั วะ ตา เทา้ ผวิ หนงั
จมูก หู จมกู ปาก มอื เทา้ ๒. การดูแลรักษาอวยั วะ ตา

๔. หนา้ ท่ีและการดูแลรักษา ๓. การป้องกนั และรักษาโรค หู

ปาก ตาแดง จมูก ปาก มือ เท้า ผิวหนงั

๕. หนา้ ท่ีและการดูแลรักษา ๔. การป้องกนั และรกั ษาโรค ๓. การป้องกนั และรักษา

มอื เท้า ทีเ่ กดิ กับหู จมกู โรคท่ีเกดิ กบั ตา หู จมกู

๕. การป้องกนั และดแู ล ๔. การป้องกนั และดูแล

รกั ษา มอื เทา้ ปาก รักษาโรค มอื เท้า ปาก

๕.การดูแลรักษาร่างกายให้

สะอาด

39

สปั ดาหท์ /่ี หน่วย ประสบการณก์ ารเรียนรู้

สัปดาหท์ ่ี ๕ อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี
กนิ ดี อย่ดู ี มีสขุ
๑. อาหารดีมีประโยชน์ ๑. อาหารดมี ีประโยชน์ ๑. อาหารหลัก ๕ หมู่
๒. ความสาคัญของการ
รับประทานอาหาร ๒. ความสาคัญและประโยชน์ ๒. ความสาคัญของอาหาร
๓. การล้างมือ
๔. การแปรงฟัน ของการรับประทานอาหาร หลัก๕ หมู่
๕. สขุ นสิ ยั ในการขับถ่าย
๓. การล้างมืออย่างถกู วิธี ๓. การล้างมอื อย่างถกู วิธี

๔. การแปรงฟนั และ ๔. การแปรงฟันและการทา

การทาความสะอาดรา่ งกาย ความสะอาดรา่ งกายอยา่ ง

๕. สขุ นสิ ัยในการขับถ่าย ถูกวธิ ี

๕. สขุ นิสยั ในการขบั ถ่าย

สปั ดาห์ท่ี ๖ ๑. ประโยชน์ของการ ๑. ประโยชน์ของการ ๑. ประโยชนข์ องการ
ขยบั กายสบายชวี ี
พักผอ่ น พักผ่อน พักผอ่ น
สปั ดาห์ท่ี ๗
ปลอดภยั ไว้ก่อน ๒.ประโยชนข์ องการออก ๒.ประโยชน์ของการออก ๒.ประโยชน์ของการออก

สัปดาหท์ ี่ ๘ กาลังกาย กาลงั กาย กาลังกาย
หนูนอ้ ยนักสัมผสั
๓. การปฏิบตั ติ นในการออก ๓. การปฏบิ ัตติ นในการออก ๓. การปฏบิ ตั ิตนในการออก

กาลงั กายและการพักผอ่ น กาลงั กายและการพักผอ่ น กาลงั กายและการพักผอ่ น

๔. ประเภทของการออก ๔. ประเภทของการออก ๔. ประเภทของการออก

กาลงั กาย กาลงั กาย กาลังกาย

๕.การเล่นเครื่องเล่นสนาม ๕. การเลน่ เครือ่ งเลน่ สนาม ๕. การเลน่ เครื่องเลน่ สนาม

๑. ความปลอดภัยในการเล่น ๑. ความปลอดภัยในการ ๑. ความปลอดภัยในการ

๒. ความปลอดภยั ในการใช้ เลน่ เลน่

เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และของมีคม ๒. ความปลอดภัยในการใช้ ๒. ความปลอดภัยในการใช้

๓. ความปลอดภัยในการใชย้ า เครื่องใชไ้ ฟฟา้ และของมีคม เครื่องใช้ไฟฟ้าและของมีคม

๔. ความปลอดภยั บนท้องถนน ๓. ความปลอดภัยในการใช้ ๓. ความปลอดภัยในการใช้

๕.ความปลอดภยั ของตนเอง ยา ยา

จากผ้อู ืน่ ๔. ความปลอดภัยบนท้อง ๔. ความปลอดภัยบนทอ้ ง

ถนน ถนน

๕.ความปลอดภัยของตนเอง ๕.ความปลอดภัยของตนเอง

จากผอู้ ่นื จากผอู้ นื่

๑. การมองเหน็ ๑. การมองเหน็ ๑. การมองเหน็

๒. การดมกลิ่น ๒. การดมกลนิ่ ๒. การดมกลิน่

๓. การได้ยิน ๓. การได้ยิน ๓. การได้ยิน

๔. การชิมรส ๔. การชิมรส ๔. การชมิ รส

๕.การสมั ผัส ๕.การสัมผัส ๕. การสมั ผัส

40

สัปดาห์ท/่ี หน่วย ประสบการณ์การเรียนรู้
หนว่ ยท่ี ๙
หนูนอ้ ยน่ารกั อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

สัปดาหท์ ่ี ๑๐ ๑. มารยาทในการรับประทาน ๑. มารยาทในการ ๑. มารยาทในการ
หนทู าได้
อาหาร รบั ประทานอาหาร รับประทาน อาหาร
สัปดาห์ที่ 11
บ้านแสนสุข ๒. มารยาทในการฟัง พดู ๒. มารยาทในการฟัง พดู ๒. มารยาทในการฟัง พดู

สัปดาห์ท่ี 12 ๓. มารยาทในการเดินผ่าน ๓. มารยาทในการเดินผ่าน ๓. มารยาทในการเดินผ่าน
ครอบครัวสุขสนั ต์
ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่

๔. การนั่งอย่างถูกวธิ ี ๔. การนั่งอย่างถกู วิธี ๔. การนงั่ อย่างถูกวธิ ี

๕.การนอนอย่างถูกวธิ ี ๕.การนอนอย่างถกู วธิ ี ๕.การนอนอย่างถูกวธิ ี

๑. มารยาทในการไหวผ้ ู้ใหญ่ ๑. มารยาทในการไหวผ้ ู้ใหญ่ ๑. มารยาทในการไหวผ้ ู้ใหญ่

๒. มารยาทในการกราบ ๒. มารยาทในการกราบ ๒. มารยาทในการกราบ

ผู้ใหญ่ ผ้ใู หญ่ ผู้ใหญ่

๓. มารยาทในการกราบพระ ๓. มารยาทในการกราบพระ ๓. มารยาทในการกราบพระ

๔. มารยาทในการรบั ของส่ง ๔. มารยาทในการรับของส่ง ๔. มารยาทในการรับของส่ง

ของ ของ ของ

๕. มารยาทในการเดิน ๕. มารยาทในการเดิน ๕. มารยาทในการเดนิ

1. ความหมายของบ้าน 1. ความหมายและ 1. ความหมายและ

2. พ้นื ทีร่ อบบ้าน ประโยชน์ของบา้ น ประโยชนข์ องบา้ น

3. ประเภทของบ้าน 2. พืน้ ที่และบรเิ วณรอบ 2. พื้นทีแ่ ละสถานทต่ี งั้ ของ

4. หอ้ งภายในบ้าน บ้าน บ้าน

5. การรักษาความสะอาด 3. ประเภทและ 3. ประเภทและ

บ้าน ส่วนประกอบของบ้าน ส่วนประกอบของบ้าน

4. ห้องต่างๆ ภายในบา้ น 4. ห้องต่างๆ ภายในบา้ น

5. การรักษาความสะอาด และความสาคญั

บา้ น 5. การรกั ษาความสะอาด

บา้ นและบริเวณรอบบ้าน

1. ความสัมพนั ธข์ องบคุ คล 1. ความสมั พันธ์ของบคุ คล 1. ความสัมพนั ธ์ของบคุ คล

ใน ครอบครัว ในครอบครัว ในครอบครวั

2. หน้าท่ีของบคุ คลภายใน 2. หน้าทีข่ องบุคคลภายใน 2. หน้าท่ีของบุคคลภายใน

ครอบครวั ครอบครัว ครอบครวั

3. การปฏิบัติตนทดี่ ตี ่อ 3. การปฏิบัตติ นทด่ี ตี ่อ 3. การปฏบิ ัตติ นทดี่ ตี ่อ

บุคคลในครอบครวั บุคคลในครอบครวั บุคคลในครอบครัว

4. การมีส่วนรว่ มของบุคคล 4. การมสี ่วนรว่ มของบคุ คล 4. การมสี ่วนรว่ มของบคุ คล

ใน ครอบครวั ในครอบครัว ในครอบครัว

5. สิ่งทจี่ าเปน็ ต่อบุคคลใน 5. สง่ิ ทีจ่ าเปน็ ต่อบุคคลใน 5. สง่ิ ทีจ่ าเปน็ ต่อบคุ คลใน

ครอบครัว ครอบครวั ครอบครวั

41

สปั ดาห์ท่ี/หน่วย อายุ ๓-๔ ปี ประสบการณก์ ารเรียนรู้ อายุ ๕-๖ ปี
สปั ดาหท์ ี่ 13
บ้านเรอื นเคยี งกนั 1. ช่อื เพ่ือนบ้าน อายุ ๔-๕ ปี 1. ชื่อเพอื่ นบ้านและ
2. การปฏบิ ตั ติ นต่อเพ่ือน ความสาคญั ของเพือ่ นบา้ น
สัปดาห์ที่ 14 บ้าน 1. ช่ือเพ่อื นบ้านและ 2. การปฏบิ ัติตนต่อเพ่ือน
โรงเรียนของฉัน 3. การปฏบิ ตั ิตนในการ ความสาคัญของเพอ่ื นบา้ น บ้าน
ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกัน 2. การปฏบิ ตั ติ นต่อเพ่อื น 3. การปฏิบัตติ นในการ
สปั ดาห์ท่ี 15 4. การร่วมกจิ กรรมกับเพื่อน บา้ น ช่วยเหลือซึ่งกนั และกนั
ชมุ ชนน่าอยู่ บา้ น 3. การปฏิบตั ติ นในการ 4. การร่วมกจิ กรรมกับเพ่ือน
5. การอยู่รว่ มกนั อย่างมี ช่วยเหลอื ซ่ึงกันและกนั บา้ น
ความสุข 4. การร่วมกจิ กรรมกับเพ่ือน 5. การอยรู่ ่วมกันอย่างมี
บา้ น ความสุข
1. ช่ือโรงเรียน ตรา 5. การอยรู่ ่วมกันอย่างมี
สัญลกั ษณข์ องโรงเรยี น ความสุข 1. ช่ือโรงเรียน ตรา
2. อาคาร สถานทใ่ี น 1. ชือ่ โรงเรยี น ตรา สัญลกั ษณ์ ความสาคัญของ
โรงเรยี น สัญลกั ษณ์ ของโรงเรยี นและ โรงเรยี นและคาขวัญของ
3. บุคคลในโรงเรียน สถานทตี่ งั้ ของโรงเรียน โรงเรยี น
4. การปฏิบตั ิตนภายใน 2. อาคาร สถานทีใ่ น 2. อาคาร สถานทีแ่ ละ
โรงเรียน โรงเรียน หอ้ งเรยี นภายในโรงเรียน
5. การดูแลรักษาสถานท่ี 3. บคุ คลและหน้าที่ของ 3. บุคคลและหน้าทีข่ อง
ต่างๆ บุคคลภายในโรงเรยี น บุคคลภายในโรงเรียน
ภายในโรงเรยี น 4. การปฏิบตั ติ น การรว่ ม 4. การปฏบิ ัตติ น การรว่ ม
กจิ กรรมภายในโรงเรียน กจิ กรรมภายในโรงเรียน
1. ชอ่ื ชมุ ชน 5. การดูแลรกั ษาสถานท่ี 5. การดูแลรกั ษาความ
2. ความสาคัญของสถานท่ี ตา่ งๆ ภายในโรงเรียน สะอาดรอบๆ บริเวณ
ในชมุ ชน โรงเรยี น
3. การร่วมกิจกรรมใน 1. ชอ่ื ชุมชนและสถานที่
ชุมชน สาคญั ในชุมชน 1. ชือ่ ชมุ ชนและสถานท่ี
4. การมีส่วนรว่ มในชมุ ชน 2. ความสาคัญของสถานที่ สาคัญในชมุ ชน
5. การดแู ลสาธารณสมบัติ ตา่ งๆ ในชุมชน 2. ความสาคัญของสถานท่ี
ที่ใช้รว่ มกันในชมุ ชน 3. การร่วมกจิ กรรมใน ตา่ งๆ ในชุมชน
ชมุ ชน 3. การร่วมกจิ กรรมใน
4. การมีส่วนรว่ มในชมุ ชน ชุมชนตา่ งๆ
5. การดแู ลสาธารณสมบัติ 4. การมีส่วนรว่ มในชุมชน
ทีใ่ ช้ร่วมกนั ในชุมชน 5. การดแู ลสาธารณสมบัติ
ทีใ่ ช้ร่วมกนั ในชุมชน

42

สปั ดาหท์ /ี่ หน่วย ประสบการณก์ ารเรียนรู้
สัปดาห์ที่ 16
จงั หวดั ของเรา อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

สปั ดาหท์ ่ี 17 1. ช่อื และสถานทต่ี ั้ง 1. ชื่อ สถานทตี่ ้ัง คาขวญั 1. ชอื่ คาขวัญ สถานทตี่ ง้ั
อาชพี ในฝัน
2. ลกั ษณะภมู ิประเทศของ และตราประจาจงั หวัด และตราประจาจงั หวัด
สปั ดาหท์ ี่ 18
สมาชกิ ประเทศ จังหวดั 2. ลักษณะภมู ิประเทศของ 2. ลกั ษณะภูมิประเทศและ

อาเซยี น 3. อาชพี และอาหาร จงั หวดั สภาพภมู อิ ากาศ

สัปดาห์ที่ 19 พ้ืนเมอื งของจงั หวดั 3. อาชพี และอาหาร 3. อาชีพและอาหาร
บ้านเราและ
เพอื่ นบา้ นอาเซยี น 4. สถานทสี่ าคญั ของจังหวดั พืน้ เมืองของจังหวดั พื้นเมอื งของจงั หวดั

สปั ดาหท์ ี่ ๒๐ 5. ศาสนาและประเพณขี อง 4. สถานท่สี าคญั ของจังหวดั 4. สถานท่สี าคัญของจังหวดั
หนนู ้อยชา่ งสงสัย
จงั หวัด 5. ศาสนาและประเพณีของ 5. ศาสนาและประเพณขี อง

จังหวดั จงั หวดั

1. ชอ่ื อาชีพ 1. ชื่ออาชีพ 1. ชือ่ อาชพี

2. การแต่งกายของแต่ละ 2. การแตง่ กายของแตล่ ะ 2. การแต่งกายของแต่ละ

อาชพี อาชพี อาชพี

3. สถานทใี่ ชป้ ฏบิ ตั งิ าน 3. สถานทใ่ี ชป้ ฏิบตั งิ าน 3. สถานที่ใชป้ ฏบิ ัติงาน

4. เครื่องมือทใ่ี ช้ในการ 4. เคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นการ 4. เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ นการ

ประกอบอาชพี ประกอบอาชีพ ประกอบอาชพี

5. ความร้สู กึ ท่ีดีต่ออาชพี 5. ความร้สู กึ ทด่ี ตี ่ออาชีพ 5. ความรสู้ ึกทด่ี ีตอ่ อาชีพ

1. ชอื่ ประเทศ และธงชาติ 1. ช่อื ประเทศ และธงชาติ 1. ช่อื ประเทศ และธงชาติ

ประเทศสมาชกิ อาเซียน ประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศสมาชิกอาเซยี น

2. ดอกไม้ประจาชาติ 2. ดอกไม้ประจาชาติ 2. ดอกไมป้ ระจาชาติ

ประเทศ ประเทศ ประเทศ

สมาชิกอาเซยี น สมาชกิ อาเซยี น สมาชกิ อาเซยี น

3. ตน้ ไมป้ ระจาชาตปิ ระเทศ 3. ตน้ ไมป้ ระจาชาตปิ ระเทศ 3. ต้นไมป้ ระจาชาตปิ ระเทศ

สมาชิกอาเซยี น สมาชิกอาเซยี น สมาชกิ อาเซียน

4. สัตว์ประจาชาติประเทศ 4. สตั ว์ประจาชาตปิ ระเทศ 4. สตั วป์ ระจาชาติประเทศ

สมาชกิ อาเซยี น สมาชิกอาเซยี น สมาชกิ อาเซยี น

5. เพลงประจาชาตปิ ระเทศ 5. เพลงประจาชาตปิ ระเทศ 5. เพลงประจาชาตปิ ระเทศ

สมาชกิ อาเซยี น สมาชกิ อาเซยี น สมาชิกอาเซียน

1. สถานทส่ี าคญั และแหลง่ 1. สถานที่สาคญั และแหลง่ 1. สถานที่สาคญั และแหลง่

ท่องเท่ียว ท่องเทย่ี ว ท่องเท่ยี ว

2. อาชีพและสนิ ค้าเศรษฐกิจ 2. อาชีพและสนิ ค้าเศรษฐกิจ 2. อาชีพและสินค้าเศรษฐกิจ

3. ฤดกู าล 3. ฤดกู าล 3. ฤดกู าล

4. ธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม 4. ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4. ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม

5. พิบัติภยั และภัยธรรมชาติ 5. พิบตั ภิ ัยและภัยธรรมชาติ 5. พิบตั ภิ ยั และภัยธรรมชาติ

(ทบทวน/ประเมินพัฒนาการ) (ทบทวน/ประเมนิ พฒั นาการ) (ทบทวน/ประเมินพฒั นาการ)

43

สปั ดาห์ท่ี/หน่วย ประสบการณก์ ารเรยี นรู้
สปั ดาหท์ ี่ ๒๑
สิ่งมีชวี ติ และ อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี
ส่งิ ไมม่ ีชีวติ 1. ชอ่ื สิง่ มชี ีวิต
2. ชือ่ สิ่งไม่มชี วี ติ ๑. ความหมายของส่ิงมีชีวติ ๑. ความหมายของส่ิงมีชีวติ
สปั ดาห์ที่ ๒๒ 3. ลักษณะของสง่ิ มชี ีวติ
ฤดหู รรษา 4. ลักษณะของสงิ่ ไม่มชี ีวิต และสิ่งไม่มชี วี ิต และส่งิ ไม่มีชวี ติ
5. ประโยชน์และโทษของ
สปั ดาห์ท่ี ๒๓ สงิ่ มชี วี ติ และสงิ่ ไม่มชี วี ิต ๒. ลกั ษณะของสิง่ มีชวี ิตและ ๒. ลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ิตและ
กลางวนั กลางคืน
1. ชอื่ ฤดกู าล สง่ิ ไม่มชี ีวิต ส่ิงไม่มชี ีวิต
สัปดาห์ท่ี ๒๔ 2. ฤดูรอ้ น
สตั ว์โลกน่ารัก 3. ฤดฝู น ๓. ประเภทของสงิ่ มชี ีวิต ๓. ประเภทของสิง่ มชี ีวติ
4. ฤดหู นาว
5. การปฏิบตั ิตนให้ และสงิ่ ไม่มชี ีวิต และสิง่ ไม่มีชวี ติ
เหมาะสมกับฤดูกาล
๔. ประโยชน์และโทษของ ๔. ประโยชน์และโทษของ
๑. ความหมายของกลางวนั
กลางคนื ส่งิ มชี ีวิตและสง่ิ ไม่มชี ีวติ สิ่งมชี วี ิตและสง่ิ ไม่มชี วี ิต
๒. กจิ วตั รช่วงเวลากลางวัน
๓. กจิ วตั รช่วงเวลากลางคืน ๕. การดแู ลและอนุรกั ษ์ ๕. การดูแลและอนุรกั ษ์
๔. การปฏิบตั ิตนในเวลา
กลางวนั สง่ิ มชี วี ิตและสงิ่ ไม่มชี ีวิต ส่ิงมีชีวติ และสงิ่ ไม่มชี วี ิต
๕. การปฏบิ ัติตนในเวลา
กลางคืน ๑. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ๑. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ

๑. ประเภทของสตั ว์เล้ยี ง (ช่ือฤดูกาล) (ชื่อฤดกู าล)
๒. รูปรา่ งลักษณะของสัตว์
เล้ียง ๒. ฤดูรอ้ น ๒. ฤดูรอ้ น
๓. อาหารของสัตว์เลย้ี ง
๔. ทอี่ ยู่อาศัยของสัตวเ์ ลย้ี ง ๓. ฤดูฝน ๓. ฤดูฝน
๕. ประโยชน์ โทษและการ
ดแู ลสัตวเ์ ล้ียง ๔. ฤดหู นาว ๔. ฤดหู นาว

๕. การปฏบิ ตั ติ นให้ ๕. การปฏบิ ัตติ นให้

เหมาะสมกบั ฤดูกาล เหมาะสมกับฤดูกาล

๑. ความหมายของกลางวนั ๑.ความหมายของกลางวัน

กลางคืน กลางคืน

๒. ลักษณะของกลางวนั ๒. ปรากฏการณ์ทเ่ี กิดในเวลา

๓. การปฏบิ ตั ติ นในเวลา กลางวัน

กลางวัน ๓. การปฏิบัติตนในเวลา

๔. ลกั ษณะของกลางคืน กลางวัน

๕. การปฏิบตั ติ นในเวลา ๔. ปรากฏการณ์ที่เกดิ ในเวลา

กลางคืน กลางคนื

๕. การปฏิบตั ิตนในเวลา

กลางคืน

๑. ประเภทของสัตว์ ๑. ประเภทของสตั ว์

๒. รูปร่างลักษณะของสตั ว์ ๒. รูปร่างลกั ษณะของสัตว์

ประเภทต่างๆ ประเภทต่างๆ

๓. อาหารของสตั ว์แต่ละ ๓. อาหารของสัตวแ์ ต่ละ

ประเภท ประเภท

๔. ทอี่ ยู่อาศยั ของสตั วแ์ ต่ละ ๔. ทอ่ี ยอู่ าศัยของสตั วแ์ ต่ละ

ประเภท ประเภท

๕. ประโยชน์ โทษและการ ๕. ประโยชน์ โทษและการ

ดแู ลสัตวแ์ ต่ละประเภท ดแู ลสตั ว์แตล่ ะประเภท

44

สัปดาห์ที่/หน่วย ประสบการณก์ ารเรียนรู้
สปั ดาหท์ ี่ ๒๕
ตน้ ไม้แสนรัก อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

สัปดาห์ท่ี ๒๖ ๑. รปู รา่ งลกั ษณะของต้นไม้ ๑. รูปร่างลักษณะของต้นไม้ ๑. รูปร่างลักษณะของต้นไม้
โลกของแมลง
๒. ส่วนประกอบของต้นไม้ ๒. การเจรญิ เติบโตของ ๒. การเจริญเติบโตของ
สปั ดาห์ที่ ๒๗
ผัก ผลไม้ ๓. การปลกู ต้นไม้ ต้นไม้ ต้นไม้

สัปดาห์ที่ ๒๘ ๔. การดแู ลรักษาต้นไม้ ๓. การขยายพนั ธุแ์ ละการ ๓. การขยายพันธุ์และการ
ขา้ วมหศั จรรย์
๕. ประโยชน์และโทษของ ดูแลรกั ษาต้นไม้ ดูแลรกั ษาต้นไม้

ต้นไม้ ๔. การอนรุ กั ษต์ ้นไม้ ๔. การอนุรกั ษต์ ้นไม้

๕. ประโยชน์และโทษของ ๕. ประโยชน์และโทษของ

ต้นไม้ ต้นไม้

๑. ชื่อของแมลง 1. ช่ือ ประเภทของแมลง ๑. ชือ่ ประเภทรูปร่างและ

๒. ประเภทของแมลง 2. รูปร่างลักษณะของแมลง ลกั ษณะของแมลง

๓. ส่วนประกอบของแมลง 3. ท่ีอย่อู าศยั และอาหาร ๒. ทีอ่ ยู่อาศยั และอาหาร

๔. ท่อี ยอู่ าศยั ของแมลง ของแมลง ของแมลง

๕. การป้องกนั ตนเองจาก 4. ประโยชน์และโทษของ ๓. วงจรชีวิตของแมลง

แมลงที่มีพษิ แมลง ๔. ประโยชน์และโทษของ

5. การป้องกันตนเองจาก แมลง

แมลงท่มี พี ิษ ๕. การปูองกันตนเองจาก

แมลงท่ีมีพษิ

๑. ชื่อของผกั ๑. ช่อื รปู รา่ ง ลักษณะและสี ๑. ชื่อ รปู ร่าง ลกั ษณะและสี

๒. ลกั ษณะและสขี องผัก ของผัก ของผกั

๓. ชื่อของผลไม้ ๒. ชนิดและส่วนประกอบ ๒. วธิ กี ารรบั ประทานและ

๔. รปู รา่ งลักษณะและสีของ ของผกั รสชาติ ของผกั ผลไม้

ผลไม้ ๓. ชนิดและสว่ นประกอบ ๓. ลกั ษณะและความ

๕. วธิ กี ารรบั ประทานผัก ของผลไม้ แตกต่างของผกั ผลไม้แตล่ ะ

ผลไม้ ๔. รูปร่างลกั ษณะและสีของ ชนดิ

ผลไม้ ๔. วิธีการรับประทานและ

๕. วธิ ีการรบั ประทานและ รสชาติ ผัก ผลไม้

รสชาตขิ องผกั ผลไม้ ๕. ประโยชนข์ องผกั ผลไม

๑. ชนดิ ของข้าว ๑. ชนดิ ของข้าว ๑. ชนิดของข้าว

๒. รูปรา่ งลกั ษณะของเมลด็ ๒. รูปร่างลกั ษณะของต้น ๒. ลักษณะของต้นขา้ ว

ข้าวเปลือก ข้าว ๓. ข้นั ตอนการปลกู ข้าว

๓. รูปรา่ งลกั ษณะของเมล็ด ๓. ขั้นตอนการปลูกข้าว ๔. การปลกู ขา้ ว

ข้าวสาร ๔. ประโยชนข์ องข้าว ๕. อาหารทีท่ าจากข้าว

๔. ประโยชนข์ องข้าว ๕. การดูแลและการเก็บ

๕. การดูแลและการเก็บรักษา รกั ษา ข้าว

ขา้ ว

45

สปั ดาหท์ ่/ี หน่วย อายุ ๓-๔ ปี ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ อายุ ๕-๖ ปี
สัปดาห์ท่ี ๒๙ ๑. ความหมาย ประเภทของ
โลกสวยด้วยมือเรา สิง่ แวดล้อมตามธรรมชาติ อายุ ๔-๕ ปี ๑. ความหมาย ประเภท
๒. สงิ่ แวดล้อมทีม่ นษุ ยส์ ร้าง สง่ิ แวดล้อม
สปั ดาหท์ ี่ 30 ขึ้น ๑. ความหมาย ประเภท ๒. การดูแลส่ิงแวดล้อม
เรารักประเทศไทย ๓. การดูแลสิง่ แวดล้อม สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ
๔. ประโยชนข์ องส่งิ แวดล้อม ๒. การดแู ลส่ิงแวดล้อม ๓. การดูแลสิ่งแวดล้อมท่ี
สปั ดาหท์ ่ี 31 ๕. โทษของส่งิ แวดล้อม ธรรมชาติ มนุษยส์ ร้างข้นึ
ปลอดภยั ใน ๓. การดแู ลส่งิ แวดล้อมที่ ๔. ความแตกต่างของ
ยานพาหนะ 1. ธงชาตไิ ทย มนษุ ย์สร้างขึ้น สิ่งแวดล้อม
2. การแตง่ กาย(ชดุ ประจา ๔. ความแตกต่างของ ๕. ประโยชน์ โทษของ
สัปดาหท์ ่ี 32 ชาต)ิ สง่ิ แวดล้อม สง่ิ แวดล้อมตามธรรมชาติ
สาระแห่งสสี ัน 3. การขบั ร้องเพลงชาติไทย ๕. ประโยชน์ โทษของ และท่ีมนษุ ย์สร้างขึน้
4. คาทกั ทาย สง่ิ แวดล้อมตามธรรมชาติ
5. ชนดิ ของอาหารไทย และทมี่ นษุ ย์สร้างขึ้น 1. สัญลักษณ์ความเปน็ ไทย
1. สัญลกั ษณ์ความเปน็ ไทย 2.การแตง่ กาย(ชุดประจา
1. ความหมายของ 2. การแตง่ กาย(ชดุ ประจา ชาติ)
ยานพาหนะ ชาติ) 3. การขับรอ้ งเพลงชาติ
2. ประเภทของยานพาหนะ 3. การขบั ร้องเพลงชาติไทย เพลงสรรเสรญิ พระบารมี
3. ช่ือของยานพาหนะ 4. การสื่อสารด้วยภาษาไทย 4. ภาษาไทย ภาษาถ่นิ
4. วธิ ีเลอื กใช้ยานพาหนะท่ี 5. การประกอบอาหารไทย 5. อาหารพนื้ บ้าน
เหมาะสม
5. อันตรายจากยานพาหนะ 1. ความสาคญั ของ 1. ความหมายและ
ยานพาหนะ ประโยชนข์ องยานพาหนะ
1. ชอื่ สี 2. การแยกประเภทของ 2. เปรยี บเทยี บความ
2. ประเภทของสี ยานพาหนะ แตกตา่ งของยานพาหนะ
3. สที ไ่ี ด้จากธรรมชาติ 3. การใช้ยานพาหนะทีถ่ กู 3. วธิ กี ารปฏิบัติตนให้
4. แมส่ ี วธิ ี ปลอดภัยระหวา่ งการ
5. การเลอื กใช้สอี ย่าง 4. อนั ตรายจากยานพาหนะ เดินทาง
ปลอดภยั 5. การปฏิบัตติ ามกฎจราจร 4. การปฏิบตั ติ ามกฎจราจร
5. อาชีพทีเ่ กีย่ วข้องกับการ
1. ชอื่ สี เดนิ ทาง
2. ประเภทของสี
3. สีทีไ่ ด้จากธรรมชาติ 1. ช่อื สี
4. แมส่ แี ละการผสมสีได้ 3 2. สที ไ่ี ด้จากธรรมชาติ
สี 3. ประเภทของสี
5. ประโยชน์-โทษของสี 4. แมส่ แี ละการผสมสี
มากกว่า ๓ สี
5. ประโยชน์-โทษของสี

46

สัปดาหท์ /่ี หน่วย ประสบการณก์ ารเรียนรู้
สปั ดาหท์ ่ี 33
สร้างฝนั นกั คดิ อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

สัปดาห์ที่ 34 1. เรียนรเู้ ร่ืองจานวน 1-5 1. เรยี นรเู้ รื่องจานวน 1-10 1. เรยี นรเู้ รื่องจานวน 1-20
วทิ ยาศาสตร์
สรา้ งสรรค์ 2. การวดั เปรียบเทยี บ 2. การวัด เปรียบเทียบ 2. การวัดเปรียบเทียบ

สง่ิ ของ 2 สิง่ สง่ิ ของ 3 สิ่ง สิ่งของโดยใช้เครือ่ งมือวัด

3. เรขาคณติ (บอกทศิ ทาง 3. เรขาคณติ (สร้างผลงาน 3. เรขาคณติ /พชี คณิต (ต่อ

และตาแหน่ง) จากรปู ทรงเรขาคณติ ) แบบรปู ตามความคดิ ของ

4. เวลา 4. พีชคณติ (แบบรปู ของรปู ตนเอง)

5. ทกั ษะและกระบวนการ ท่มี ีรูปรา่ ง) 4. การวเิ คราะห์

ทาง 5. ทักษะและกระบวนการ 5. ทักษะและกระบวนการ

คณิตศาสตร์ (การแกป้ ัญหา) ทางคณิตศาสตร์ (การให้ ทางคณิตศาสตร์ (การส่ือ

เหตผุ ล) ความหมาย ทางคณติ ศาสตร์

เช่อื มโยงความรู้กับศาสตร์

อืน่ ๆ)

1. ของเล่นทีอ่ ยู่รอบตัว 1. วตั ถสุ ง่ิ ของเคร่อื งใช้ของ 1. การเชอื่ มโยงลักษณะ

การเปล่ียนแปลงของสง่ิ เลน่ ทอ่ี ยู่รอบตวั การ หรอื คุณสมบัติอย่างง่ายของ

ต่างๆในชีวติ ประจาวนั เปรยี บเทียบของสง่ิ ตา่ งๆ ใน สง่ิ ต่างๆ ทอ่ี ยใู่ กล้ตวั เช่น สี

2. การจม การลอยเคร่ืองมอื ชีวติ ประจาวนั รูปร่าง รปู ทรง ขนาด

ทางวิทยาศาสตร์ในการ 2. การทดลองการจม การ ผิวสัมผสั การเปลยี่ นแปลง

สังเกต (ชั่ง ตวง วดั ) ลอยของสิ่งต่างๆ การใช้ ของสง่ิ ต่างๆ

3. แรงดึงดูดของแม่เหล็ก เครือ่ งมอื วทิ ยาศาสตรใ์ น ในชีวิตประจาวนั

4. พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั การสงั เกต (ชง่ั ตวง วดั ) 2. การทดลองการจม การ

(แหล่งกาเนิดเสียง) 3. สารวจตรวจสอบแรง ลอยของสิง่ ต่างๆ การ

5. การสังเกตดวงอาทิตย์ แมเ่ หลก็ และแรงโน้มถว่ ง ทดลองส่งิ กาเนิดเสียง ใช้

ดวงจนั ทร์ ดวงดาว ต่างๆ เครอื่ งมือวทิ ยาศาสตรใ์ น

4. สารวจการใช้พลงั งาน การสังเกต (ชง่ั ตวง วัด)

ใกล้ตัวและบอกวธิ ีการใช้ 3. การดึงดดู และการผลกั

รวมท้งั ประโยชน์และโทษ ของแรงแม่เหลก็ การ

อย่างเหมาะสมกบั วยั ทดลองและสรปุ การออกแรง

(แหล่งกาเนิดเสยี ง) กระทาต่อวตั ถุ

5. การสงั เกตและบอกความ 4. ประโยชน์และโทษจาก

แตกตา่ งของดวงอาทิตย์ การใช้พลังงาน

ดวงจันทร์ ดวงดาว 5. การสงั เกตดวงอาทิตย์

ดวงจนั ทร์ ดวงดาว สารวจ

และบอกชือ่ ที่เป็นเทคโนโลยี

อวกาศ(จรวด ยานอวกาศ

ดาวเทยี ม)

47

สปั ดาห์ที/่ หน่วย ประสบการณก์ ารเรียนรู้
สัปดาห์ท่ี 35
การสื่อสารไร้ อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี

พรมแดน 1. ความหมายของการ 1. ความหมายของการ 1. ความหมายและ

สัปดาห์ที่ 36 สอ่ื สาร สอ่ื สาร ความสาคัญของการส่ือสาร
ทอ่ งแดนอาเซียน
2. อุปกรณ์สาหรบั การ 2. อุปกรณ์สาหรับการ 2. การเลอื กใช้อุปกรณ์
สัปดาหท์ ี่ 37
เรยี นรวู้ ัฒนธรรม ส่ือสาร สอื่ สาร สาหรับการสอ่ื สาร

สัปดาหท์ ่ี 38 3. การติดต่อส่ือสารด้วย 3. การติดต่อสื่อสารด้วย 3. ประโยชน์และโทษของ
ผนู้ าพอเพียง
อุปกรณต์ ่างๆ อุปกรณ์ต่างๆ การใช้เคร่ืองมือในการส่ือสาร
สัปดาหท์ ่ี 39
หนูน้อยตาวเิ ศษ 4. ประโยชนข์ องการสอื่ สาร 4. ประโยชน์ของการสือ่ สาร 4. ความแตกตา่ งในการ

สัปดาหท์ ี่ ๔๐ 5. ภาษาที่ใช้ในการส่อื สาร 5. มารยาทในการสือ่ สาร สอ่ื สารจากการใช้อุปกรณ์
หนนู ้อยชา่ งสงสัย
ชนดิ ตา่ งๆ

5. มารยาทในการใช้

เครือ่ งมือสอื่ สาร

1. ธงอาเซียน 1. ธงอาเซียน 1. ธงอาเซยี น

2. ตราสัญลกั ษณ์อาเซยี น 2. ตราสัญลกั ษณอ์ าเซียน 2. ตราสญั ลักษณ์อาเซยี น

3. คาขวญั อาเซียน 3. คาขวญั อาเซยี น 3. คาขวัญอาเซียน

4. เพลงอาเซียน 4. เพลงอาเซยี น 4. เพลงอาเซียน

5. ภาษาอาเซยี น 5. ภาษาอาเซียน 5. ภาษาอาเซยี น

1. ศาสนาและวนั สาคญั 1. ศาสนาและวนั สาคัญ 1. ศาสนาและวนั สาคัญ

2.ชุดแต่งกายประจาชาติ 2. ชุดแต่งกายประจาชาติ 2. ชุดแต่งกายประจาชาติ

3. อาหารประจาชาติ 3. อาหารประจาชาติ 3. อาหารประจาชาติ

4. ภาษา/ประเพณีและ 4. ภาษา/ประเพณแี ละ 4. ภาษา/ประเพณแี ละ

วฒั นธรรมประจาชาติ วัฒนธรรมประจาชาติ วฒั นธรรมประจาชาติ

5. การละเล่น/การแสดง 5. การละเล่น/การแสดง 5. การละเล่น/การแสดง

และนิทานประจาชาติ และนิทานประจาชาติ และนทิ านประจาชาติ

1. ความพอประมาณ 1. ความพอประมาณ 1. ความพอประมาณ

2. ความมเี หตุผล 2. ความมเี หตผุ ล 2. ความมีเหตุผล

3. ความรอบรู้ 3. ความรอบรู้ 3. ความรอบรู้

4. มีภมู ิคมุ้ กันทด่ี ี 4. มีภูมิคมุ้ กันท่ีดี 4. มีภมู ิคมุ้ กนั ท่ดี ี

5. คณุ ธรรมความดี 5. คุณธรรมความดี 5. คณุ ธรรมความดี

1. ประเภทของขยะ 1.ประเภทของขยะ 1.ประเภทของขยะ

2 .การคัดแยกขยะ 2.การคัดแยกขยะ 2.การคดั แยกขยะ

3. การกาจัดขยะที่ถกู วธิ ี 3.การกาจดั ขยะที่ถกู วิธี 3.การกาจดั ขยะทีถ่ กู วิธี

4. ประโยชน์และโทษของขยะ 4.ประโยชน์และโทษของขยะ 4.ประโยชน์และโทษของขยะ

5. การป้องกันและลดการทงิ้ 5.การปูองกันและลดการท้งิ 5.การปูองกันและลดการทงิ้

ขยะ ขยะ ขยะ

(ทบทวน/ประเมิน (ทบทวน/ประเมนิ (ทบทวน/ประเมิน

พัฒนาการ) พัฒนาการ) พัฒนาการ)


Click to View FlipBook Version