The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ณัฐิยากร 108 วิจัยฉบับสมบูรณ์ กระบวนการเรียนรู้ 5STEPs ร่วมกับ Quizizz

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by noeylove.4611, 2024-01-20 10:03:31

ณัฐิยากร 108 วิจัยฉบับสมบูรณ์ กระบวนการเรียนรู้ 5STEPs ร่วมกับ Quizizz

ณัฐิยากร 108 วิจัยฉบับสมบูรณ์ กระบวนการเรียนรู้ 5STEPs ร่วมกับ Quizizz

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz นางสาวณัฐิยากร คำภูแสน วิจัยในชั้นเรียนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2566


การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz นางสาวณัฐิยากร คำภูแสน วิจัยในชั้นเรียนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2566


หวัข้อวิจยัในชนั้เรียน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจ พอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อ การสอน Quizizz ผ้วูิจยั ณัฐิยากร ค าภูแสน สาขาวิชา พุทธศาสนศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ธัชวรรธน์ หนูแก้ว ครูพี่เลี้ยง รสรินทร์ สุโพธิ์ อาจารย์ประจ าหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีอนุมัติให้นับวิจัยในชั้นเรียนฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตาม หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา .................................................................. หัวหน้าสาขาวิชา (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไกรฤกษ์ ศิลาคม) วันที่20 เดือน มกราคม พ.ศ. 2567 คณะกรรมการผู้ประเมินรายงานวิจัยในชั้นเรียน ............................................................. ............... ประธานคณะกรรมการ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์สอนประจันทร์ เสียงเย็น) ............................................................................ กรรมการ (อาจารย์ธัชวรรธน์ หนูแก้ว) ............................................................................ กรรมการ (นางรสรินทร์ สุโพธิ์) ครูพี่เลี้ยง .............................................................................กรรมการ (หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม)


ก ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง กับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โดยใช้รูปแบบ กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ผ้วูิจยั ณัฐิยากร ค าภูแสน สาขาวิชา พุทธศาสนศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ธัชวรรธน์ หนูแก้ว ครูพี่เลี้ยง รสรินทร์สุโพธิ์ บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจกับ การพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 และ 2) เปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศรษฐกิจกับการพัฒนาประเทศ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโนนสูงพิทยาคาร สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา อุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จ านวน 26 คน จากห้องเรียนจ านวน 4ห้อง (ห้อง 4) ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้มา โดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับ สื่อการสอน Quizizz จ านวน 5 แผน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศรษฐกิจ พอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz เป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน และ t-test แบบกลุ่มไม่อิสระ (Dependent Samples t-test)


ข ผลการวิจัยพบว่า 1. การจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.82/88.46 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ คือ 75/75 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับ การพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้


ค กิตติกรรมประกาศ รายงานวิจัยฉบับนี้ ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ส าหรับพัฒนาผลสัมฤทธิ์ การเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งรายงานวิจัยเล่มนี้ส าเร็จลงได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลือจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไกรฤกษ์ ศิลาคม หัวหน้าสาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สอนประจันทร์ เสียงเย็น และอาจารย์ธัชวรรธน์ หนูแก้ว โดยท่านได้ให้ค าแนะน าอันเป็นประโยชน์ อย่างยิ่งและให้ค าปรึกษา พร้อมทั้งได้ตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบเนื้อหาตลอดจนการเก็บ รวบรวมข้อมูลและการสรุปผลการวิจัยจนส าเร็จออกมาเป็นรูปเล่มสมบูรณ์ ผู้จัดท ารายงานการวิจัย จึงขอขอบคุณพระคุณท่านไว้ ณ ที่นี่เป็นอย่างสูง ขอขอบพระคุณ คุณครูรสรินทร์ สุโพธิ์ ครูพี่เลี้ยง คุณครูภัทร์ฐิตา แท่งทอง หัวหน้ากลุ่ม สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คุณครูลินดา บุษบง ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการ ประเมินเครื่องมือวิจัย พิจารณาความถูกต้อง ความเที่ยงตรง และแก้ไขเครื่องมือในการท าวิจัย ในครั้งนี้จนงานวิจัยส าเร็จลุล่วงด้วยดี ขอขอบพระคุณ คณะผู้บริหารโรงเรียนโนนสูงพิทยาคาร จังหวัดอุดรธานี สังกัดส านักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี ที่ให้ความช่วยเหลือ และอ านวยความสะดวกในการ เก็บรวบรวมข้อมูลวิจัยในครั้งนี้ ขอขอบใจนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน โนนสูงพิทยาคาร จังหวัดอุดรธานีที่เป็นตัวอย่างของประชากรและเป็นกลุ่มทดลองในการ ท าวิจัยในครั้งนี้ คุณค่าและประโยชน์อันพึงมีในการท าวิจัยฉบับนี้ขอมอบเป็นเครื่องบูชาพระคุณของบิดา มารดา ที่เป็นผู้ให้ชีวิต ความรักอบอุ่นต่อผู้วิจัย และครูอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสานวิชาความรู้ให้แก่ ผู้วิจัย สามารถด ารงตนและศึกษาความรู้จนบรรลุผลส าเร็จได้ด้วยดี ณัฐิยากร ค าภูแสน


ง สารบัญ หน้า บทคัดย่อ............................................................................................................. ก กิตติกรรมประกาศ…............................................................................................ ค สารบัญ…............................................................................................................ ง สารบัญตาราง…................................................................................................... ฉ สารบัญภาพ…..................................................................................................... ช บทที่ 1 บทน า…...…………………………………………………………………............. 1 ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา…..……………………………………... 1 ค าถามการวิจัย…..………………………………………………………………… วัตถุประสงค์ของการวิจัย…...…………………………………………………...... 3 3 สมมติฐานของการวิจัย…..……………………………………….……………….. 4 ขอบเขตของการวิจัย…..……………………………………………….…………. 4 นิยามศัพท์เฉพาะ…..…………………………………………………………....... 5 ประโยชน์ที่ได้รับ…..……………………………………………….……………... 6 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง…..………………………………………..……... 7 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน…...………………………….……........ 8 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม....................... 12 ตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้....................................................................... 16 แผนการจัดการเรียนรู้..................................................................................... 20 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้........................................................... 23 การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 25 รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs)……….……………………… 26 สื่อการสอน Quizizz........................................................................................ 27 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน.................................................................................. 28 แนวความคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง........................................................... 30


จ สารบัญ (ต่อ) บทที่ หน้า งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง....…...…………………….……..…………..……...……….... 32 กรอบแนวคิดการวิจัย..........……………….…………..……………..…………..... 34 3 วิธีด าเนินการวิจัย.......…...…………………….………….…………………..………. 36 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง...............…..……………………..…….……………... 36 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย................................…...……………………….....……. 36 การเก็บรวบรวมข้อมูล....................................................................................... 40 การวิเคราะห์ข้อมูล............................................................................................ 41 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล........................................................................... 42 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล..........................…..…………………….………….…….….. 48 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล…...………………………..………….…..… 48 ล าดับขั้นในการน าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล.................................................... 48 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล........................................................................................ 49 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ…..…………………….………….…….….. 51 วัตถุประสงค์ของการวิจัย…...………………………………………………….…… 51 การอภิปรายผล…...……………………..………………………………………….. 52 ข้อเสนอแนะ…..…………………………………………………………………….. 54 บรรณานุกรม……………………….….…………..…………..……………...…........... 55 ภาคผนวก…...…………………….………….…….……………………………………. 56 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย............... ภาคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ภาคผนวก ค ข้อมูลการหาคุณภาพเครื่องมือ ภาคผนวก จ การจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน 57 59 79 100 ประวัติย่อของผู้วิจัย…..…………………….……....................................................... 104


ฉ สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 1 ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEP) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz......................................................................... 49 2 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนา ประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEP) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz.......................................................... 50 ค.1 ตารางสรุปผลการประเมินการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของวัตถุประสงค์........... ค.2 แบบตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ................................................ ค.3 ตารางแสดงผลความยากง่าย (P) และค่าอ านาจจ าแนก (r).................................. ค.4 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดสัมฤทธิ์ผลทางการเรียน................................. ค.5 การหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน...................... ค.6 ตารางจ านวนคนที่ตอบข้อสอบถูกในแต่ละข้อ...................................................... 80 83 87 90 93 96


ช สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า 1 กรอบแนวคิดการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21……….…………………………..... 2 กรอบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEP)…………………………………...… 26 27 3 ภาพโประแกรม Quizizz……………………………………………………………… 27 4 กรอบแนวคิดการวิจัย ตัวแปรต้น ตาม……….………………………………...... 5 รูปแบบการทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Design…...……………. 35 40 จ ภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEP) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ......................................................................... 100


บทที่ 1 บทน ำ ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญของปัญหำ การพัฒนาคนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจาก การได้รับอิทธิพลทางเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี ความแตกต่างทางด้านความคิด แหล่งข้อมูลข่าวสารหรือสังคมแห่ง การเรียนรู้นั้น จักต้องจัดการศึกษาแบบหลากหลาย วัฒนธรรม (Multicultural Education) เพื่อให้คนสามารถ มองโลก ได้กว้างขึ้นและสามารถ เรียนรู้สิ่งที่ซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดการหลอมรวมด้านระบบความคิด และความ เชื่อของผู้คนในสังคม ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็กและเยาวชนในวัยเรียนซึ่งอยู่ท่ามกลางกระแส สังคมที่เปลี่ยนแปลง การศึกษา ถือเป็นสิ่งส าคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความเป็น พลเมืองที่ดีมีวินัย มีทักษะความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมจริยธรรม และสมรรถนะในการ ปฏิบัติงานที่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน การพัฒนาประเทศ จากผลการวิจัยของ World Economic Forum พบว่า การจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพจะส่งผลให้นักเรียนที่ส าเร็จ การศึกษาออกไปแล้วไม่มีประสิทธิภาพในการท างาน ส่งผลให้เกิดปัญหาในการท างาน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเจริญเติบโตทางสังคมซึ่งเป็นปัญหาส าคัญที่ควรได้รับ การพัฒนา การศึกษาของประเทศไทยจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน เป็นปัญหาส าคัญ ที่ท าให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ขาดประสิทธิภาพ และไม่บรรลุตามจุดมุ่งหมาย ของหลักสูตรการศึกษา เนื่องจากครูจะมีความส าคัญในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ เกิดคุณภาพผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 และเสริมสร้างความผูกพันต่อการเรียนให้กับผู้เรียน (Student Engagement) ให้เกิดขึ้น (วิจารณ์ พานิช, 2556) ครูควรท าให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของ สิ่งที่ตนก าลังเรียน ควรมียุทธศาสตร์และการกระท าเพื่อให้ผู้เรียนเรียนจากการลงมือท า สร้างความเป็นชุมชนในห้องเรียนให้เกิดขึ้น กระทรวงศึกษาธิการได้ก าหนดมาตรฐานการศึกษา ของชาติ ก าหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพที่พึงประสงค์ของคนไทย คือ ตอบสนอง วิสัยทัศน์การ พัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยจะต้องอนุลักษณ์ความเป็นไทยและ แข่งขันได้ในเวทีโลกและมีคุณลักษณะ ด้านผู้เรียน ได้แก่ เป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรม ความเพียร


2 ใฝ่เรียนรู้ มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตก้าวทันยุคดิจิทัลโลกในอนาคต ความรอบรู้ต่าง ๆ มีการ ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทยภูมิปัญญาท้องถิ่น มีทักษะชีวิตเพื่อสร้างงานหรือสัมมาอาชีพบน พื้นฐานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีความมั่นคงในชีวิตและคุณภาพชีวิตที่ดีต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และต่อการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นกลุ่มสาระที่ต้องเรียนตลอด 12 ปี การศึกษา ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ ที่มีลักษณะเป็นสหวิทยาการ โดยน าวิทยาการจากแขนงวิชาต่างๆ ในสาขาสังคมศาสตร์มา หลอมรวมเข้าด้วยกัน ได้แก่ ภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ จริยธรรม ประชากรศึกษา วิ่งแวดล้อมศึกษา รัฐศาสตร์ สังคมวิทยา ปรัชญาและศาสนา กลุ่มสาระการ เรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จึงเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ ออกแบบมาเพื่อส่งเสริม ศักยภาพการเป็นพลเมืองดีให้แก่ผู้เรียน โดยมีเป้าหมายของการพัฒนาความเป็น พลเมืองดีซึ่ง ถือเป็นความรับผิดชอบของทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ด้วยกัน ทั้งนี้การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวให้เกิดกับผู้เรียน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายการศึกษา “เรียนดี มีความ” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ลักษณะ ผู้เรียนที่พึงประสงค์ คือ ผู้เรียนที่เป็นคนดี คนแก่ และมีความสุข ด้วยเหตุนี้เพื่อให้การจัดการ เรียนการสอนเป็นไปตามกระบวนการเรียนรู้และลักษณะผู้เรียนที่พึงประสงค์ สอดคล้องกับทิศ ทางการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ การจัดการเรียนรู้จึงจ าเป็นต้อง เปลี่ยนแปลง จากที่เน้นผู้สอนเป็นศูนย์กลางให้กลายเป็นการเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ต้อง อาศัยเทคนิคการสอน สื่อการสอนที่เข้ากับยุคปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ อาทิ การ ลงมือปฏิบัติจริง การสาธิต การทดลอง การอภิปรายกลุ่ม การแสดงบทบาทสมมุติ การใช้เกม สถานการณ์จ าลอง การใช้สื่อการสอนออนไลน์ บทเรียนคอมพิวเตอร์ การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการเรียนรู้ 5 (5 STEPs) เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นบุคคล ที่มีคุณภาพ มีทักษะในการค้นคว้า แสวงหาความรู้ มีความรู้พื้นฐานที่จ าเป็น และสามารถสื่อสารอย่างมีประสิทธิผล ตลอดจนมี ทักษะชีวิตร่วมมือในการท างานกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี จึงเป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ที่สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ให้ผู้เรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมาก ขึ้น ผู้เรียนสามารถเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ได้ใช้กระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ


3 จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นด้านผู้สอนพบว่า รูปแบบหรือวิธีการสอนส่วนใหญ่ยังไม่ หลากหลาย เน้นรูปแบบการบรรยายเป็นหลัก ให้ท าแบบฝึกหัด การลงมือปฏิบัติจริงมีส่วนน้อย ด้วยเหตุนี้จึงน ามาสู่ความพยายามในการศึกษาและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้ ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงควบคู่กับการใช้สื่อการสอนที่สร้างความสนุกให้กับผู้เรียนในรูปแบบสื่อ การสอน Quizizz อันจะน ามาซึ่งประสิทธิภาพในการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น จากเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ( 5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz น ามาประยุกต์ใช้ในการ จัดการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนา ประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นวิธีที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ด้วย ตนเอง การเรียนรู้แบบ Active Leaning ลงมือปฏิบัติจริง มีความคิดสร้างสรรค์สร้างนวัตกรรม เกิดความสนุกจากการใช้เทคโนโลยีไปพร้อมกับการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่เริ่มจากใน ห้องเรียนสู่การตอบแทนสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายขับเคลื่อนการศึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ 2566 นโยบายที่ว่า “เรียนดี มีความสุข” คำ ถำมกำรวิจยั 1. กิจกรรมการเรียนการสอน เรื่อง เศรษฐกิจกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ( 5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 หรือไม่ 2. หลังจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ( 5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz จะมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ สูงกว่าก่อนเรียนหรือไม่ วตัถปุระสงคข ์ องกำรวิจยั 1. เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้เรื่อง เศรษฐกิจกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ( 5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75


4 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศรษฐกิจกับการพัฒนาประเทศ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz สมมติฐำนของกำรวิจยั 1. การจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับ การพัฒนาประเทศ โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ขอบเขตของกำรวิจยั 1. ประชำกรที่ใช้ในกำรวิจยัครงั้นี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน โนนสูงพิทยาคาร สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จ านวน 108 คน จากห้องเรียน จ านวน 4 ห้อง 2. ตัวแปร 2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนา ประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา 3. เนื้อหำกำรวิจยั เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับ การพัฒนาประเทศ โดยก าหนดเนื้อหาในหนังสือกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ ดังนี้


5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ 1. ปัญหาท้องถิ่นของไทย 2. แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 3. แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศในระดับต่าง ๆ 4. ความสัมพันธ์ของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์ 4. ระยะเวลำที่ใช้ในกำรวิจยั ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จ านวน 8 ชั่วโมง รวมเวลาในการทดสอบ นิยำมศพัท ์ เฉพำะ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่นักเรียนท าได้จากแบบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน วิชา พระพุทธศาสนา แบบปรนัย 4 ตัวเลือก ซึ่งวัดประเมินผลด้านพุทธิพิสัย ทักษะพิสัย และจิตพิสัย ตามทฤษฎีการเรียนรู้ Bloom (1956 อ้างถึงใน จิตราพร ลีละวัฒน์ , 2556) โดยการวัดความรู้ผู้เรียนก่อนเรียนและหลังเรียน 2. แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) หมายถึง แผนการจัดการเรียนรู้โดย เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนา ประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโนนสูงพิทยาคาร 3. วิธีการสอนแบบสตอรี่ไลน์ หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้ โดยการบูรณาการความรู้และประสบการณ์เข้าด้วยกัน ซึ่งมีวิธีการเรียนรู้หลายๆแบบ มารวมกัน อาทิ การเรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัวเพื่อเชื่อมโยงไปสู่วิธีชีวิตจริงโดยใช้การตั้งค าถามจน น าไปสู่การด าเนินเรื่องราวตามล าดับเหตุการณ์ที่รวมเข้ากับเนื้อหา เพื่อเป็นประโยชน์ในการ เรียนรู้ระหว่างผู้เรียนและผู้สอนให้มีประสิทธิภาพจากการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบสตอรี่ไลน์ 4. กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) หมายถึง การจัดการเรียนรูที่เน้นให้ผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง ของการปฏิบัติกิจกรรม ส่งเสริมให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าสืบหาความรู้อย่างมี เหตุผลด้วยตนเอง ผู้สอนมีหนาที่จัดบรรยากาศการสอนใหเอื้อต่อการเรียนรู้ผู้เรียนน าองค์ ความรู้ใหม่เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้เข้ากับประสบการณ์หรือความรู้เดิม โดยผ่านการอภิปรายและ ประเมินผลรวมกัน 5. สื่อการสอน Quizizz หมายถึง สื่อที่ใช้ประกอบการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิด กระบวนการเรียนรู้อย่างสนุกสนาน เกิดการพัฒนาทักษะด้านการคิด การวิเคราะห์โดยใช้


6 โปรแกรม Quizizz ประกอบการจัดการเรียนการสอน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ จัดการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ ประโยชน์ที่ได้รับ 1. ได้พัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับ สื่อการสอน Quizizz ที่มีประสิทธิภาพ และเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. เป็นแนวทางส าหรับครู และผู้ที่สนใจการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระสังคม ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ต่อไปตามเหมาะสม


บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยัที่เกี่ยวข ้ อง การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนาการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา สังคมศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ซึ่งผู้วิจัย ได้ศึกษาเอกสารต ารา งานวิจัยและทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย มีรายละเอียดดังนี้ 2.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง 2566) 2.2 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) 2.3 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) 2.4 แผนการจัดการเรียนรู้ 2.5 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ 2.6 การจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 (คศ. 2001 – 2100) 2.7 รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) 2.8 สื่อการสอน Quizizz 2.9 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.8.1 ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.8.2 ความหมายแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.8.3 ประเภทของการทดสอบวัดสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.10 แนวความคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง 2.11 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.12 กรอบแนวคิดการวิจัย


8 2.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 การน าเสนอเกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ผู้วิจัย ได้แบ่งการน าเสนอออกเป็น 8 หัวข้อ คือ 1) วิสัยทัศน์ 2) หลักการ 3) จุดมุ่งหมาย 4) สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 5) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6 ) คุณภาพของผู้เรียน 7) สาระ การเรียนรู้และ 8) มาตรฐานการเรียนรู้ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ก าหนดวิสัยทัศน์ หลักการ จุดมุ่งหมาย สมรรถนะที่ส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และการจัดการเรียนรู้ของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) ไว้ดังนี้ 2.1.1วิสยัทศัน์ วิสัยทัศน์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) ไว้ดังนี้มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นก าลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มี ความสมดุลทั้งร่างกาย ความรู้ คุณธรรมมีจิตส านึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลเมือง โลกยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จ าเป็นต่อการศึกษา การประกอบอาชีพ และ การศึกษาตลอดชีวิตโดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นส าคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ 2.1.2 หลักการ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) มีหลักการที่ส าคัญ ดังนี้ 1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดมุ่งหมายและ มาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายส าหรับการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล 2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชนที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับ การศึกษาอย่างเสมอภาคและมีคุณภาพ 3. เป็นหลักสูตรสถานศึกษาที่สนองการกระจายอ านาจให้สังคมมีส่วนร่วมใน การจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น 4. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลา และการจัดการเรียนรู้


9 5. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ 6. เป็นหลักสูตรการศึกษาส าหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตาม อัธยาศัยครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายสามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์ 2.1.3 จุดมุ่งหมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) มีจุดมุ่งหมายเพื่อมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพจึงก าหนดเป็นจุดมุ่งหมาย เพื่อให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไว้ ดังนี้ 1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึ่งประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 2. มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต 3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกก าลังกาย 4. มีความรักชาติ มีจิตส านึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิต และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 5. มีจิตส านึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์ และพัฒนา สิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งท าประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข 2.1.4 สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐาน การเรียนรู้ที่ก าหนดนั้น จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะส าคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


10 2.1.5 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่าง มีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทย และพลเมืองโลกไว้ ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมั่นในการท างาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 2.1.6 คุณภาพของผู้เรียน การจัดการศึกษาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส าหรับหลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐานที่มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ผู้เรียนจะมีคุณภาพ ดังนี้ 1. มีความรู้เกี่ยวกับความเป็นไปของโลกอย่างกว้างขวางและลึกซึ้งยิ่งขึ้น 2. เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม ปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับ ถือมีค่านิยมอันพึงประสงค์ ซึ่งสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รวมทั้ง มีศักยภาพ เพื่อการศึกษาต่อในชั้นสูงตามความประสงค์ได้ 3. มีความรู้เรื่องภูมิปัญญาไทย ความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ประวัติศาสตร์ของ ชาติไทยยึดมั่นในวิถีชีวิต และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข 4. มีนิสัยที่ดีในการบริโภค เลือกและตัดสินใจบริโภคได้อย่างเหมาะสม มีจิตส านึก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมไทย และสิ่งแวดล้อม มีความรักท้องถิ่นและ ประเทศชาติ มุ่งท าประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามให้กับสังคม 5. มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ชี้น าตนเองได้และสามารถ แสวงหาความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในสังคมได้ตลอดชีวิต


11 2.1.7 สาระการเรียนรู้ สาระที่เป็นองค์ความรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ประกอบด้วย ดังนี้ สาระที่ 1 : ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม สาระที่ 2 : หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการด าเนินชีวิตในสังคม สาระที่ 3 : เศรษฐศาสตร์ สาระที่ 4 : ประวัติศาสตร์ สาระที่ 5 : ภูมิศาสตร์ 2.1.8 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สวก สพฐ., 2551 :2-3) ฉบับปรับปรุง 2566 ประกอบด้วย สาระที่ 1 : ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส 1.1 : รู้ และเข้าใจประวัติ ความส าคัญ ศาสดาหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้องยึดมั่นและปฏิบัติตาม หลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มาตรฐาน ส 1.2 : เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีและธ ารงรักษา พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ สาระที่ 2 : หน้าที่พลเมืองวฒันธรรม และการดา เนินชีวิตในสงัคม มาตรฐาน ส 2.1 : เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดีมีค่านิยม ที่ดีงามและธ ารงรักษาประเพณี และวัฒนธรรมไทย ด ารงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคม โลกอย่างสันติสุข มาตรฐาน ส 2.2 : เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบันยึดมั่นศรัทธา และธ ารงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สาระที่ 3 : เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส 3.1 : เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิต และ การบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จ ากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจ หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการด ารงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส 3.2 : เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทาง เศรษฐกิจและความจ าเป็นของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก


12 สาระที่ 4 : ประวตัิศาสตร์ มาตรฐาน ส 4.1 : เข้าใจความหมาย ความส าคัญของเวลา และยุคสมัยทาง ประวัติศาสตร์สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส 4.2 : เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบันในด้าน ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ตระหนักถึงความส าคัญ และ สามารถวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้น มาตรฐาน ส 4.3 : เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทยมี ความรัก ความภูมิใจและธ ารงความเป็นไทย สาระที่ 5 : ภมูิศาสตร์ มาตรฐาน ส 5.1 : เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของ สรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อกันและกันในระบบของธรรมชาติ ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ค้นหาวิเคราะห์ สรุปและใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ส 5.2 : เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วัฒนธรรม มีจิตส านึกและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากร และ สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มาตรฐาน ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการ สร้างสรรค์วัฒนธรรม มีจิตส านึก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเพื่อการ พัฒนาที่ยั่งยืน 2.2 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง 2566) การน าเสนอเกี่ยวกับหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ผู้วิจัยได้แบ่งการน าเสนอ ออกเป็น 5 หัวข้อ คือ 1) หลักการการจัดการเรียนรู้ 2) กระบวนการเรียนรู้ 3) การออกแบบ การจัดการเรียนรู้ 4) บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน และ 5) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการส าคัญในการน าหลักสูตรสู่การปฏิบัติและหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นเป้าหมายส าคัญส าหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ผู้สอนต้อง


13 พยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้และการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม มาตรฐานการเรียนรู้รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะต่าง ๆ อันเป็นสมรรถนะส าคัญที่ต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียน ดังนี้ 2.2.1 หลักการการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะส าคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐานโดยยึดหลักว่าผู้เรียนมีความส าคัญที่สุดที่เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และ พัฒนาตนเองได้ โดยยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน ซึ่งกระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มศักยภาพโดยค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการทางสมองที่เน้นให้ความส าคัญทั้งความรู้และคุณธรรม 2.2.2 กระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ ที่หลากหลายเป็นเครื่องมือที่น าพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตรและ กระบวนการเรียนรู้ที่ จ าเป็นส าหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความ รู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงกระบวนการปฏิบัติหรือลงมือท าจริง กระบวนการ จัดการ กระบวนการวิจัย และกระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็น แนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียน ควรได้รับการฝึกฝน และพัฒนา ทั้งนี้เพราะจะสามารถ ช่วยท าให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้นผู้สอนจึงจ าเป็นต้อง ศึกษาและท าความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัด กระบวนการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ 2.2.3 การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการ เรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผลเพื่อให้ ผู้เรียน ได้พัฒนาเต็มศักยภาพและบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ส าคัญ


14 2.2.4 บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตรทั้งผู้สอน และ ผู้เรียนควรมีบทบาท ดังนี้ บทบาทของผู้สอน 1. ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วน าข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการ จัดการเรียนรู้ที่ท้าทายความสามารถของผู้เรียน 2. ก าหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะ กระบวนการที่เป็นความคิดรวบยอด หลักการและความสัมพันธ์ รวมทั้งคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 3. ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่าง บุคคลและพัฒนาการทางสมองเพื่อน าผู้เรียนไปสู่เป้าหมาย 4. จัดบรรยายที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ 5. จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม น าภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน 6. ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับ ธรรมชาติของวิชาและระดับพัฒนาการของผู้เรียน 7. วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียนรวมทั้ง ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของตนเอง บทบาทของผู้เรียน 1. ก าหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง 2. เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ตั้ง ค าถาม คิดหาค าตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ 3. ลงมือปฏิบัติจริง สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และน าความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ 4. มีปฏิสัมพันธ์ ท างานท ากิจกรรมร่วมกับกลุ่มและครู 5. ประเมินและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างต่อเนื่อง 2.2.5 การวดัและประเมินผลการเรียนร้กูลุ่มสาระการเรียนรู้สงัคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นอกจาก จะใช้เป็นทิศทางในการจัดท าหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา เพื่อพัฒนา ผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานแล้ว ยังใช้เป็นกรอบในการวัดและประเมินผลเพื่อตรวจสอบ


15 ว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการ มีความสามารถและมีความส าเร็จทางการเรียนระดับใดเพื่อน าผลมาใช้ใน การส่งเสริม ให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งสถานศึกษาจะต้องมีผล การเรียนรู้ของผู้เรียนทั้งในระดับชั้น ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับชาติ รวมทั้งรับการประเมิน จากภายนอกด้วยเนื่องจากการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ทักษะกระบวนการ คุณธรรมและค่านิยมที่ดีงาม โดยมุ่งให้ผู้เรียน เป็นผู้ลงมือปฏิบัติแสวงหาความรู้มีการท าโครงการ เป็นผู้ผลิตงาน รวมทั้งมีการท างานเป็นกลุ่ม และการจัดท าแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ด้วย ดังนั้น การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดังกล่าวจะเน้นการประเมิน ผลจากสภาพจริง (Authentic Assessment) อันเป็นผลการเรียนรู้ที่ เอื้อต่อการค้นหาความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน รวมทั้งสามารถประเมินคุณลักษณะพึง ประสงค์ที่เกิดขึ้นแก่ผู้เรียนอันเป็นแนวทางที่พัฒนาผู้เรียนได้เต็มศักยภาพเพื่อบรรลุมาตรฐาน การเรียนรู้ที่ก าหนดการวัดและประเมินจึงต้องใช้วิธีการที่หลากหลายที่ สอดคล้องและเหมาะสม กับสาระการเรียนรู้ ซึ่งกระบวนการเรียนรู้โดยการประเมินจากสภาพจริงและจะต้องด าเนินการ อย่างต่อเนื่องควบคู่ ผสมผสานไปกับกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยการประเมินจะ ครอบคลุมทั้งความรู้ ทักษะกระบวนการ ความประพฤติ หรือพฤติกรรมการเรียนการร่วม กิจกรรม และผลงานหรือแฟ้มสะสมงานที่สะท้อนการสั่งสมการเรียนรู้ของผู้เรียนมาอย่าง ต่อเนื่องการวัดและประเมินผลจะต้องกระท าในหลายบริบท อันได้แก่ ครูผู้สอนเป็นผู้ประเมิน ผู้เรียนประเมินตนเองเพื่อนประเมินเพื่อน รวมทั้งผู้ปกครองจะมีส่วนร่วมในการประเมิน และ แสดงความคิดเห็นและมีวิธีการวัดที่ท าได้หลายวิธี เช่น 1. การทดสอบ เป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบความรู้ความคิดหรือความ ก้าวหน้า ในสาระการเรียนรู้และมีเครื่องมือการวัดหลายรูปแบบ เช่น แบบเลือกตอบ แบบเขียนตอบ บรรยายความ แบบเติมค าสั้น ๆ แบบถูกผิดและ แบบจับคู่ เป็นต้น 2. การสังเกต เป็นการประเมินพฤติกรรม อารมณ์ การมีปฏิสัมพันธ์ของนักเรียน ความสัมพันธ์ระหว่างการท างานกลุ่ม ความร่วมมือในการท างาน การวางแผน ความอดทน วิธีการแก้ปัญหาความคล่องแคล่วในการท างาน การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในระหว่างเรียน และการท ากิจกรรมต่าง ๆ ครูผู้สอนสามารถใช้การสังเกตได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะมีการสังเกต อย่างเป็นทางการ โดยก าหนดเวลา และบุคคลที่สังเกตหรือการสังเกตอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่ง เป็นการสังเกตทั่วไปโดยการวิเคราะห์องค์ประกอบของสิ่งที่สังเกต ก าหนดเกณฑ์และร่องรอยที่ จะใช้เป็นแนวทางในการสังเกตด้วย และจัดท าเป็นแบบตรวจสอบรายการ(Checklist) แบบ มาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) เป็นต้น 3. การสัมภาษณ์ เป็ นการสนทนาซักถามพูดคุยเพื่อค้นหาข้อมูลที่ไม่อาจ พบเห็นอย่างชัดเจนในสิ่งที่นักเรียนประพฤติปฏิบัติในการท าโครงการ โครงงาน การท างานกลุ่ม กิจวัตรประจ าวันหรือผู้ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์อาจเป็นตัวนักเรียนเอง เพื่อนร่วมงาน รวมทั้ง ผู้ปกครองนักเรียนด้วย การสัมภาษณ์อาจท าอย่างเป็นทางการโดยก าหนดวัน เวลาและเรื่องที่


16 สัมภาษณ์อย่างแน่นอนและการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ เป็นการพูดคุยไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจะท าให้เกิดความสัมพันธภาพที่ดีและได้ข้อมูลที่ชัดเจนและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง โดยผู้สอนตั้งข้อค าถามไว้ล่วงหน้าเพื่อจะได้คุยได้ตรงประเด็น เป็นต้น 4. การประเมินภาคปฏิบัติที่เป็นการประเมินการกระท าการปฏิบัติงานเพื่อประเมิน การสร้างผลงานชิ้นงานให้ส าเร็จ การสาธิตหรือการแสดงออกถึงทักษะและความสามารถของ นักเรียนได้ปรากฏในงานที่ตนสร้างขึ้นและการประเมินภาคปฏิบัติจะต้องท าเครื่องมือ ประกอบการประเมินด้วย เช่น Rating Scale, Checklist, Scoring Rubric เป็นต้น 5. Scoring Rubric เป็นการวิเคราะห์องค์ประกอบและประเด็นที่จะประเมินเพื่อ อธิบายลักษณะของคุณภาพงานหรือการกระท าเป็นระดับคุณภาพหรือประมาณหรือระดับความ สามารถเพื่อเป็นแนวทางในการประเมินและเป็นข้อมูลส าคัญแก่ครูผู้สอน ผู้ปกครองหรือผู้สนใจ อื่น ๆ ได้ทราบว่านักเรียนรู้อะไร ท าได้มากเพียงใด มีคุณภาพผลงานเป็นอย่างไรโดยผู้ประเมิน ให้คะแนนภาพรวมหรืออาจจ าแนกองค์ประกอบก็ได้ 6. การประเมินแฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio Assessment) เป็ นการประเมิน ความสามารถในการผลิตผลงาน การบูรณาการความรู้ รวบรวมผลงาน การคัดเลือกผลงานการ สะท้อนความคิดเห็นต่อผลงานทั้งการประเมินผลและการประเมินแฟ้มสะสมผลงาน ซึ่งเป็น การประเมินการจัดการและความคิดสร้างสรรค์จากหลักฐานแสดงความรู้ความสามารถในผลงาน อันแสดงถึงสัมฤทธิ์ผลและศักยภาพของนักเรียนในสาระการเรียนรู้นั้น ดังนั้นสรุปได้ว่า กระบวนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ที่ได้มุ่งเน้นนักเรียนเป็นส าคัญโดยให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง รู้จัก การเรียนรู้ การค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ และเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตท าให้นักเรียนรู้จัก คิดวิเคราะห์ ซึ่งต้องอาศัยวิธีสอนที่แตกต่างกันไปและที่ส าคัญมีเป้าหมายในการส่งเสริม ศักยภาพการเป็นพลเมืองดีโดยหลอมรวมวิทยาการแขนงต่าง ๆ มาบูรณาการเพื่อมุ่งพัฒนาคน ให้มีชีวิตที่สมบูรณ์ที่สามารถพึ่งตนเองในด้านการคิด การปฏิบัติและการตัดสินใจด้วยตนเองและ ท างานเป็นกลุ่มร่วมมือกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ที่สามารถพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมได้และใช้ ความรู้มาสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมและประเทศชาติ 2.3 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2566) การน าเสนอเกี่ยวกับตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551


17 (ฉบับปรับปรุง 2566) ผู้วิจัยได้แบ่งการน าเสนอออกเป็น 3 หัวข้อ คือ 1) ท าไมต้องเรียนสังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2) เรียนรู้อะไรในสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และ 3) ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 1. ท าไมต้องเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ว่ามนุษย์ด ารงชีวิตอย่างไรทั้ง ในฐานะปัจเจก บุคคล และการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดการ ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจ ากัด นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจถึงการพัฒนา เปลี่ยนแปลงตาม ยุคสมัย กาลเวลาตามเหตุปัจจัยต่าง ๆ ท าให้เกิดความเข้าใจในตนเอง และผู้อื่น มีความอดทน อดกลั้น ยอมรับในความแตกต่างและมีคุณธรรม สามารถน าความรู้ไปปรับใช้ในการด าเนินชีวิต เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติและสังคมโลก 2. เรียนรู้อะไรในสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันใน สังคม ที่มีความเชื่อมสัมพันธ์กัน และมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถ ปรับตนเองกับบริบทสภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู้ทักษะ คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม โดยได้ก าหนดสาระต่าง ๆ ไว้ ดังนี้ • ศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรม แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ การน าหลักธรรมค า สอนไปปฏิบัติในการพัฒนาตนเอง และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นผู้กระท าความดี มีค่านิยมที่ดีงาม พัฒนาตนเองอยู่เสมอ รวมทั้งบ าเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวม • หน้าที่พลเมืองวฒันธรรมและการดา เนินชีวิต ระบบการเมืองการปกครองใน สังคม ปัจจุบันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลักษณะและความส าคัญ การเป็นพลเมืองดี ความแตกต่างและความหลากหลายทาง วัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อ ปลูกฝังค่านิยมด้านประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข สิทธิหน้าที่ เสรีภาพการด าเนินชีวิตอย่างสันติสุขในสังคมไทยและสังคม โลก


18 • เศรษฐศาสตร์การผลิต การแจกจ่าย และการบริโภคสินค้าและบริการ การบริหาร จัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจ ากัดอย่างมีประสิทธิภาพ การด ารงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ และการน าหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจ าวัน • ประวตัิศาสตร์เวลาและยุคสมยัทางประวตัิศาสตร์วิธีการทางประวตัิศาสตร์ พฒันาการของมนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบนั ความสัมพันธ์และเปลี่ยนแปลงของ เหตุการณ์ต่าง ๆ ผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ส าคัญในอดีต บุคคลส าคัญที่มีอิทธิพล ต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในอดีตความเป็น มาของชาติไทย วัฒนธรรมและภูมิปัญญา ไทย แหล่งอารยะธรรมที่ส าคัญของโลก • ภมูิศาสตร์ลกัษณะของโลกทางกายภาพ ลกัษณะทางกายภาพ แหล่งทรพัยากร และภูมิอากาศของประเทศไทย และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก การใช้แผนที่และ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ความสัมพันธ์กันของสิ่งต่าง ๆ ในระบบธรรมชาติความสัมพันธ์ ของมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น การน าเสนอข้อมูล ภูมิสารสนเทศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 สาระที่ 5 เศรษฐศาสตร์ ตารางที่ 1 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง แสดงมาตรฐาน ส 3.1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาตรฐาน ส 3.1 : เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิต และ การบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จ ากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจ หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการด ารงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม 3/1 อธิบายกลไกราคาในระบบ เศรษฐกิจ ความหมายและตัวอย่าง ของอุปสงค์และอุปทาน ความหมายและความส าคัญ ของกลไกราคา และการก าหนด ราคาในระบบเศรษฐกิจ หลักการปรับและ เปลี่ยนแปลง ราคาสินค้าและบริการความหมายและ ประเภท ของตลาด ม 3/2 มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญา ของ เศรษฐกิจพอเพียง การแปลความหมาย มาตราส่วน ทิศ และสัญลักษณ์ในแผนที่


19 ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม 3/3 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่าง แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง กับ ระบบสหกรณ แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาในระดับ ต่ า ง ๆ ห ลัก ก า ร ส า คัญ ข อ ง ร ะ บบส ห ก รณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียงกับ หลักการ และระบบของสหกรณ์ ตารางที่ 2 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง แสดงมาตรฐาน ส 3.2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาตรฐาน ส 3.2 : เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทาง เศรษฐกิจและความจ าเป็นของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม 3/1 อธิบายบทบาทหน้าที่ของรัฐบาล ใน ระบบเศรษฐกิจ บทบาทหน้าที่ของรัฐบาล ในการพัฒนา ประเทศ ในด้านต่าง ๆ บทบาทและกิจกรรม ทางเศรษฐกิจ ของรัฐบาล เช่น การผลิต สินค้า และบริการสาธารณะที่เอกชน ไม่ด าเนินการ เช่น ไฟฟูา ถนน โรงเรียน บทบาท การเก็บภาษีเพื่อพัฒนาประเทศของรัฐ ใน ระดับต่าง ๆ บทบาทการแทรกแซงราคา และการควบคุมราคา เพื่อการแจกจ่ายและ การจัดสรรในทางเศรษฐกิจ บทบาทอื่นของ รัฐบาล ในระบบเศรษฐกิจในสังคมไทย ม 3/2 แสดงความคิดเห็นต่อนโยบาย และ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของรัฐบาลที่มีต่อ บุคคล กลุ่มคน และประเทศชาติ นโยบาย และกิจกรรม ทางเศรษฐกิจของ รัฐบาล ม 3/3 อภิปรายบทบาทความส าคัญ ของการ รวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ บทบาทความส าคัญ ของการรวมกลุ่มทาง เศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ ลักษณะของการรวมกลุ่ม ทางเศรษฐกิจ กลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ต่าง ๆ ม 3/4 อภิปรายผลกระทบที่เกิดจาก ภาวะเงิน เฟ้อ เงินฝืด ความหมาย สาเหตุ แนวทางแก้ไข ภาวะเงิน เฟ้อ เงินฝืด และ ผลกระทบที่เกิดจากภาวะ เงินเฟ้อ เงินฝืด ม 3/5 วิเคราะห์ผลเสียจากการว่างงาน และ แนวทางแก้ปัญหา สภาพและสาเหตุปัญหา การว่างงาน ผลกระทบจากปัญหาการว่างงาน


20 ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม 3/6 วิเคราะห์สาเหตุ และ วิธีการกีดกันทาง การค้า ในการค้าระหว่างประเทศ การค้าและการลงทุน ระหว่างประเทศ สาเหตุและวิธีการกีดกัน ทางการค้าในการค้า ระหว่างประเทศ 2.4 แผนการจัดการเรียนรู้ การน าเสนอเกี่ยวกับแผนการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้แบ่งการน าเสนอออกเป็น 4 หัวข้อ คือ 1) ความหมายของแผนการจัดการเรียนรู้ 2) ความส าคัญของแผนการจัดการเรียนรู้ 3) ลักษณะของแผนการจัดการเรียนรู้ และ 4) รูปแบบของแผนการจัดการเรียนรู้ 2.4.1 ความหมายของแผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้หรือแผนการสอนตรงกับภาษาอังกฤษว่า Lesson Plan / Plan Unit ซึ่งตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ใช้แทนค าว่า “แผนการ สอน” ตามหลักสูตรเดิม ซึ่งมีผู้ให้ความหมายไว้แตกต่างกัน ดังนี้ กรมวิชาการ (2546 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 :11) ให้ความหมายของแผนการ จัดการเรียนรู้ไว้ว่าเป็นการจัดโปรแกรมการสอนของวิชาใดวิชาหนึ่งไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การเรียน การสอนบรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ สุวิทย์ มูลค า (2549 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 60) ได้กล่าวว่า แผนการจัดการ เรียนรู้ คือการเตรียมการสอนหรือการก าหนดกิจกรรมการเรียนรู้ไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นระบบและ จัดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาก าหนดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมาย ที่ก าหนดไว้โดยเริ่มจาการก าหนดจุดประสงค์จะท าให้ผู้เรียนเกิดการ เปลี่ยนแปลงด้านใด(สติปัญญา/เจตคติ/ทักษะ) จะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยวิธีใด ใช้สื่อ การสอนหรือแหล่งเรียนรู้ใดจะประเมินผลอย่างไร เอกรินทร์ สี่มหาศาล (2545 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 50) กล่าวว่า แผนการ จัดการเรียนรู้ (Lesson Plan) เป็นวัสดุหลักสูตร ที่ควรพัฒนามาจากหน่วยการเรียนรู้ (UNIT PLAN) ที่ก าหนด ไว้ เพื่อให้การจัดการสอบบรรลุเป้าประสงค์ตามมาตรฐานการเรียนรู้ของ หลักสูตร หน่วยการเรียนรู้จึงเปรียบเสมือนโครงร่าง หรือพิมพ์เขียวที่กล่าวถึง ประสบการณ์การ เรียนรู้ตามหัวข้อการจัดการเรียนรู้และกระบวนการวัดผลที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน ส่วนแผนการ เรียนรู้จะแสดงการจัดการเรียนรู้ตามบทเรียน (lesson) และประสบการณ์การเรียนรู้เป็นรายวัน


21 หรือรายสัปดาห์ดังนั้นแผนการจัดการเรียนรู้ จึงเป็ นเครื่องมือหรือแนวทางในการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน ตามก าหนดไว้ในสาระการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่ม จากการศึกษาในเรื่องความหมายของแผนการจัดการเรียนรู้ สรุปได้ว่า หมายถึง แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูที่จัดท าเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อใช้ในการปฏิบัติการ สอนในรายวิชาใดวิชาหนึ่ง โดยมีการล าดับขั้นตอนของกิจกรรม มีการจัดเรียมสื่ออุปกรณ์ การประเมินผลการเรียนรู้ตรงตามวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายของหลักสูตรที่ก าหนดไว้อย่างมี ประสิทธิภาพ 2.4.2 ความส าคัญของแผนการจัดการเรียนรู้ วัฒนาพร ระงับทุกข์ (2543 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 2) ได้กล่าวว่า แผนการ จัดการเรียนรู้ คือการเตรียมการสอนหรือการก าหนดกิจกรรมการเรียนรู้ไว้ล่วงหน้าอย่างเป็น ระบบและจัดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาก าหนดกิจกรรมการ เรียนการสอนเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมาย ที่ก าหนดไว้โดยเริ่มจาการก าหนดจุดประสงค์จะท าให้ ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านใด(สติปัญญา/เจตคติ/ทักษะ) จะจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ด้วยวิธีใด ใช้สื่อการสอนหรือแหล่งเรียนรู้ใดจะประเมินผลอย่างไร ได้ให้ความส าคัญของแผนการจัดการเรียนรู้ไว้ ดังนี้ 1. ก่อให้เกิดการวางแผนและการเตรียมการล่วงหน้า เป็นการน าเทคนิค วิธีการสอน การเรียนรู้สื่อเทคโนโลยี และจิตวิทยาการสอนมาผสมผสานประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับ สภาพแวดล้อมด้านต่าง ๆ 2. ส่งเสริมให้ครูผู้สอนค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับหลักสูตร เทคนิคการเรียนการสอน การเลือกใช้สื่อการวัดและประเมินผลตลอดจนประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจ าเป็น 3. เป็นคู่มือการสอนส าหรับตัวครูผู้สอนและครูที่สอนแทนน าไปใช้ปฏิบัติการสอน อย่างมั่นใจ 4. เป็นหลักฐานแสดงข้อมูลด้านการเรียนการสอนและการวัดประเมินผลที่จะเป็น ประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนต่อไป 5. เป็นหลักฐานแสดงความเชี่ยวชาญของครูผู้สอน ซึ่งสามารถน าไปเสนอเป็น ผลงานทางวิชาการได้ สุวิทย์ มูลค า และคณะ (2549 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 58) ได้ให้ความส าคัญ ของแผนการจัดการเรียนรู้ไว้ ดังนี้ 1. ท าให้เกิดการวางแผนวิธีสอนที่ดี วิธีเรียนที่ดี ที่เกิดจากการผสมผสานความรู้และ จิตวิทยา การศึกษา 2. ช่วยให้ครูผู้สอนมีคู่มือการจัดการเรียนรู้ที่ท าไว้ล่วงหน้าด้วยตนเอง และท าให้ครู มีความ มั่นใจในการจัดการเรียนรู้ได้ตามเป้าหมาย


22 3. ช่วยให้ครูผู้สอนทราบว่าการสอนของตนเองได้เดินไปในทิศทางใด หรือทราบว่า จะสอน อะไร ด้วยวิธีใด สอนท าไม สอนอย่างไร จะใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้อะไร จะวัดและ ประเมินผลอย่างไร 4. ส่งเสริมให้ครูผู้สอนใฝ่ศึกษาหาความรู้ ทั้งเรื่องหลักสูตร วิธีการจัดการเรียนรู้จะ จัดหา และใช้สื่อ แหล่งเรียนรู้ ตลอดจนการวัดผลและประเมินผล 5. ใช้เป็นคู่มือส าหรับครูที่มาสอน (จัดการเรียนรู้) แทนได้ 6. แผนการจัดการเรียนรู้ที่น าไปใช้และพัฒนาแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อวงการศึกษา 7. เป็นผลงานทางวิชาการที่แสดงถึงความช านาญและความเชี่ยวชาญของครูผู้สอน ส าหรับ ประกอบการประเมินเพื่อขอเลื่อนต าแหน่งและวิทยฐานะครูให้สูงขึ้น ดังนั้นสรุปได้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้มีความจ าเป็นและเป็นสิ่งส าคัญเสมือนเป็นหัวใจ ส าคัญของการน าผู้เรียนไปสู่จุดหมายปลายทางของหลักสูตร ช่วยให้ครูได้มีการวางแผนการ จัดการเรียนรู้ไว้ล่วงหน้า เกิดความมั่นใจ สะดวกในการใช้ สามารถสอนได้ตรงตามวัตถุประสงค์ จัดกิจกรรมได้ตรงตามขั้นตอน ใช้สื่อได้เหมาะสม มีการวัด และประเมินผลตามสภาพที่เป็นจริง ของท้องถิ่น ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ซึ่ง สามารถพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง และอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างมีความสุขได้ 2.4.3 ลักษณะของแผนการจัดการเรียนรู้ วัฒนาพร ระงับทุกข์ (2543 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 2) ได้กล่าวว่า ลักษณะ ของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีควรมีลักษณะ ดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีกิจกรรมให้นักเรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติมากที่สุด โดยครูเป็นเพียงผู้คอยชี้น า ส่งเสริมหรือกระตุ้นกิจกรรมด าเนินไปตามความมุ่งหมาย 2. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนเป็นผู้ค้นพบค าตอบหรือท า ส าเร็จด้วยตนเอง โดยครูพยายามลดบาบาทการบอกค าตอบ มาเป็นผู้คอยกระตุ้นด้วยค าถาม หรือปัญหาไห้นักเรียนคิดหรือหาแนวทางไปสู่ความส าเร็จในการท ากิจกรรม 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการ มุ่งให้นักเรียนรับรู้และน า กระบวนการไปใช้จริง 4. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่สามารถจัดหาสื่อการเรียนการสอนได้ ในท้องถิ่น หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ส าเร็จรูปราคาแพง สุวิทย์ มูลค า และคณะ (2549 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 59) ได้กล่าวว่า ลักษณะของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีควรมีลักษณะ ดังนี้ 1. ก าหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ไว้ชัดเจน (ในการสอนเรื่องนั้น ๆ ต้องการให้ ผู้เรียนเกิดคุณสมบัติอะไร หรือด้านใด) 2. ก าหนดกิจกรรมการเรียนการสอนไว้ชัดเจนและน าไปสู่ผลการเรียนรู้ตาม


23 จุดประสงค์ได้จริง (ระบุบทบาทของครูผู้สอนและผู้เรียนไว้อย่างชัดเจนว่าจะต้องท าอะไร จึงจะ ท าให้การเรียนการสอนบรรลุผล) 3. ก าหนดสื่ออุปกรณ์หรือแหล่งเรียนรู้ไว้ชัดเจน (จะใช้สื่อ อุปกรณ์หรือแหล่งเรียนรู้ อะไรช่วยบ้าง และจะใช้อย่างไร) 4. ก าหนดวิธีการวัดและประเมินผลไว้ชัดเจน (จะใช้วิธีการและเครื่องมือในการวัด และประเมินผลใด เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้นั้น) 5. ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ (ในกรณีมีปัญหาเมื่อมีการน าไปใช้หรือไม่สามารถ ก าหนดการจัดการเรียนรู้ตามแผนนั้นได้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เป็นอย่างอื่นได้ โดยไม่กระทบ ต่อการเรียนการสอนและผลการเรียนรู้) 6. มีความทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ และสอดคล้องกับ สภาพที่เป็นจริงที่ผู้เรียนด าเนินชีวิตอยู่ 7. แปลความได้ตรงกัน แผนการจัดการเรียนรู้ที่เขียนขึ้นจะต้องสื่อความหมายได้ ตรงกัน เขียนให้อ่านเข้าใจง่าย กรณีมีการสอนแทนหรือเผยแพร่ ผู้น าไปใช้สามารถเข้าใจและ ใช้ได้ตามจุดประสงค์ของผู้เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ 8. มีการบูรณาการ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีจะสะท้อนให้เห็นการบูรณาการแบบ องค์รวมของเนื้อหาสาระความรู้และวิธีการจัดการเรียนรู้เข้าด้วยกัน 9. มีการเชื่อมโยงความรู้ไปใช้อย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้น าความรู้และ ประสบการณ์เดิมมาเชื่อมโยงกับความรู้และประสบการณ์ใหม่และน าไปใช้ในชีวิตจริงกับการ เรียนในเรื่องต่อไป สรุปได้ว่า ลักษณะของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดี คือ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ ที่เน้น ผู้เรียนเป็นส าคัญ โดยให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ทักษะกระบวนการ เกิดกระบวนการคิด และ ได้ องค์ความรู้ด้วยตนเอง 2.5 ประสิทธิภาพของแผนการจดัการเรียนรู้ การน าเสนอเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้แบ่งการน าเสนอ ออกเป็น 3 หัวข้อ คือ 1) ความหมายของประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ 2) ความหมายของเกณฑ์ประสิทธิภาพ และ 3) การหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ 2.5.1 ความหมายของประสิทธิภาพของแผนการจดัการเรียนรู้ เผชิญ กิจระการ (2544 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 51) ได้กล่าวว่า ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง ผลรวมของการหาคุณภาพ (Quality) ทั้งเชิง


24 ปริมาณที่แสดงเป็นตัวเลข (Quantitative) และเชิงคุณภาพ (Qualitative) ที่แสดงเป็นภาษาที่ เข้าใจได้เป็นผลที่แสดงถึงผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ตามจุดประสงค์ที่ถูกต้องถึงระดับเกณฑ์ที่ คาดหวัง 2.5.2 ความหมายของเกณฑ์ประสิทธิภาพ เกณฑ์ประสิทธิภาพ หมายถึง ระดับประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ที่จะ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ เป็นระดับที่ผู้จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้จะพึงพอใจว่าหาก แผนการจัดการเรียนรู้ถึงระดับนั้นแล้ว แผนการจัดการเรียนรู้ก็มีคุณค่าที่จะน าไปสอนนักเรียน การก าหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ กระท าโดยการประเมินพฤติกรรมของผู้เรียน 2 ประเภทคือ พฤติกรรมต่อเนื่อง (กระบวนการ) และพฤติกรรมขั้นสุดท้าย (ผลลัพธ์) โดยก าหนดค่า ประสิทธิภาพเป็น (ประสิทธิภาพกระบวนการ) และ (ประสิทธิภาพผลลัพธ์) ดังนี้ 1. เกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 หมายความว่า เมื่อเรียนจากแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว ผู้เรียนจะสามารถท าแบบฝึกหัดหรืองานได้คะแนนเฉลี่ย คิดเป็นร้อยละ 80 และท าการทดสอบ หลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ย คิดเป็นร้อยละ 80 การที่จะก าหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ ( / ) ให้มีค่า เท่าใดนั้น ผู้สอนเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยปกติเนื้อหาที่เป็นความรู้ตั้งไว้ 75/75 หรือ 80/80 หรือ 90/90 2. การหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด าเนินการโดยเมื่อพัฒนาการจัดการ เรียนรู้ขึ้นเป็นต้นฉบับแล้วต้องน าไปหาประสิทธิภาพตามขั้นตอน ดังนี้ 2.2.1 การทดลองขั้น 1:1 (แบบเดี่ยว) คือน าแผนการจัดการเรียนรู้ไปทดลอง กับนักเรียนเก่ง 1 คน นักเรียนปานกลาง 2 คน และมีนักเรียนอ่อน 1 คน ค านวณหา ประสิทธิภาพแล้วปรับปรุงให้ดีขึ้น 2.2.2 การทดลองขั้น 1:10 (แบบกลุ่ม) คือน าแผนการจัดการเรียนรู้ ไปทดลองใช้กับนักเรียน 6-10 คน โดยคละผู้เรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน จ านวนเท่า ๆ กัน ค านวณหาประสิทธิภาพแล้วปรับปรุงให้ดีขึ้น 2.2.3 การทดลองขั้น 1:100 (ภาคสนาม) คือน าแผนการจัดการเรียนรู้ ไปทดลองใช้กับนักเรียน 30 -100 คน ค านวณหาประสิทธิภาพแล้วปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น สรุปได้ว่า การค านวณหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ เป็นการค านวณหา ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ก าหนดไว้คือ / หรือประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของ ผลลัพธ์ โดยแสดงเป็นค่าตัวเลข 2 ตัว เช่น / = 80/80 เป็นต้น 2.5.3 การหาประสิทธิภาพของแผนการจดัการเรียนรู้ บุญชม ศรีสะอาด (2550 อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 98) กล่าวว่า ประสิทธิภาพ ของสื่อการสอน หรือนวัตกรรมทางการศึกษา g(E1 /E2 )g ในการวิจัยบางครั้งนักวิจัยใช้ เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมทางการศึกษา เช่น แผนการสอน บทเรียนคอมพิวเตอร์ชุดสื่อผสม


25 เป็นต้น เป็นเครื่องมือในการท าวิจัยด้วย ดังนั้น ต้องมีวิธีหาคุณภาพของสื่อดังกล่าวด้วยซึ่งมี ขั้นตอนคล้ายกับการหาคุณภาพของแบบทดสอบหรือเครื่องมือชนิดอื่น ๆ คือ วิเคราะห์ค า อภิปรายรายวิชา ก าหนดเนื้อหาสาระเป็นรายบทแล้ววิเคราะห์เนื้อหาสาระเป็นรายบทในรูปของ ตารางความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาย่อย ความคิดรวบยอดและจุดประสงค์การเรียนรู้ขั้นต่อไป ด าเนินการ ดังนี้ 1. ตรวจสอบความเที่ยงตรง (Validity) มักอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งควรให้ผู้เชี่ยวชาญ พิจารณาตารางความสัมพันธ์ดังกล่าว 2. สร้างแผนการสอนหรือสื่อต่าง ๆ แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาความถูกต้อง จากนั้นน าไปทดลองกับนักเรียนเป็นรายบุคคล ซึ่งนิยมใช้กับนักเรียนระดับการเรียนเก่ง ปาน กลาง อ่อน อย่างละ 1 คน เพื่อพิจารณาเรื่องการออกแบบสื่อ ค าอธิบายการใช้สื่อ การสื่อความ หรืออาจจะทดลองใช้แผนการสอนเป็นรายกลุ่ม เพียง 1-2 แผน เพื่อดูเรื่องเวลาที่ใช้จัดกิจกรรม บรรยากาศการเรียนการสอน เป็นต้น ส่วนการหาประสิทธิภาพของสื่อg(E1 /E2 )gเป็นขั้นตอนท า การทดลองจริงกับกลุ่มตัวอย่าง ที่ก าหนดไว้แล้ว 2.6 การจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 (คศ. 2001 –2100) จตุภูมิ เขตจัตุรัส (2562 : 2) กล่าวว่า การจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นการ จัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Learning) เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในชีวิตประจ าวัน ของผู้เรียน หรือสถานการณ์ในโลกความจริง (Real World) เพื่อเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะใน ศตวรรษที่ 21 ที่พร้อมท างานในอนาคต ประกอบด้วย 2 ส่วนส าคัญ ส่วนที่ 1 ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน (Student Outcomes) ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ การเรียน ในสาระวิชาหลัก (Core Subjects) ที่ต้องมีความสามารถในการอ่านออก เขียน ได้คิดค านวณได้ คุณลักษณะส าคัญที่ผู้เรียนต้องมี ได้แก่ ความตระหนักเกี่ยวกับโลก ความ เข้าใจและปฏิบัติเป็นในด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และผู้ประกอบการ ความเป็นพลเมืองที่ดี การด าเนินชีวิตให้เป็นผู้มีสุขภาพดี การรู้เรื่อง ด้านสิ่งแวดล้อม ทักษะส าคัญที่ผู้เรียนต้องมี ได้แก่ ทักษะการเรียนรู้และ นวัตกรรม ทักษะด้านข้อมูลสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี ทักษะ ด้านชีวิต และอาชีพ ส่วนที่ 2 ระบบสนับสนุนการจัดการศึกษา (Support Systems) ได้แก่ มาตรฐานและ การประเมินผล (Standard and Assessments) หลักสูตรและวิธีการสอน (Curriculum and Instruction) การพัฒนาวิชาชีพ ให้แก่ครูและผู้บริหาร (Professional Development) และ สภาพแวดล้อม ทางการเรียนรู้ (Learning Environments) ดังภาพที่ 1


26 ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการจัดการศึกษาในศตวรรษที่21 21 ที่มาภาพ: พีระ พนาสุภน (2557) 2.7 รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ( 5 STEPs) รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) เป็นบันไดให้นักเรียนพัฒนาไปสู่ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ โดยครูจะต้องมีความเข้าใจและมีความสามารถในการพัฒนาผู้เรียน การเรียน 5 ขั้น ประกอบด้วย 1. การตั้งประเด็นค าถาม/สมมติฐาน (Learning to qusestion) 2. การสืบค้นความรู้จากแหล่งเรียนรู้และสารสนเทศ (Learning to search) 3. การสร้าง/สรุปองค์ความรู้ (Learning to construct) 4. การสื่อสารและการน าเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Learning to communication) 5. การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Learning to service) รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) การเรียนรู้การตั้งค าถาม เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาการคิด การที่เราจะส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การที่จะส่งเสริม นักเรียนคิดวิเคราะห์ จะต้องเริ่มจากการฝึกให้ผู้เรียนมีความช่างสังเกต เกิดความสงสัย ที่จะ อธิบาย ซึ่งครูจะมีบทบาทในการให้นักเรียนฝึกตั้งค าถามให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์การเรียนรู้ เพื่อแสวงหาสารสนเทศ เป็นการสืบค้นสอบถาม สัมภาษณ์ หรือใช้วิธีทดลอง ทดสอบ เพื่อ รวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งจากบุคคล จากอินเตอร์เน็ต จากห้องสมุด เอกสารต ารา เพื่อน าข้อมูล และ สารสนเทศมากลั่นกรอง และคัดสรรในส่วนที่เป็นประโยชน์มาใช้ในชีวิตประจ าวันหรือ ภารกิจหน้าที่ ที่รับผิดชอบ การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ เป็นขั้นตอนที่เป็นเป้าหมายของการ เรียนรู้ เพราะการเรียนรู้ที่ดีที่สุดของ ผู้เรียนต้องมีความเข้าใจในการสรุปเหตุผล ซึ่งต้องผ่าน กระบวนการที่หลากหลาย ทั้งวิธี Deductive และ Inductive มีการอภิปราย ถกแถลงในชั้นเรียน ซึ่งครูจะท าหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ (Facilitator) โดยสามารถพัฒนากระบวนการ ประชาธิปไตยที่ใช้เหตุผลให้ได้ข้อยุติและเกิดการยอมรับในการคิดที่แตกต่าง


27 ภาพที่ 2 กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5STEPs) ที่มา:http://www.maceduca.com/ 2.8 สื่อการสอน Quizizz Quizizz เป็นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้สร้างแบบทดสอบ (Quiz) หรือแบบ ส ารวจความคิดเห็น (Poll) ในรูปแบบเกม ซึ่งผู้สอนสามารถใช้ได้ทั้งแบบประสานเวลา (synchronous) ในชั้นเรียนผ่านอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมจอแสดงผลของผู้สอน ร่วมกับอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตของผู้เรียน ซึ่งเลือกได้ทั้งการ เล่นแบบรายบุคคลและแบบกลุ่ม รวมทั้งสามารถเล่นแบบไม่ประสานเวลา (asynchronous) โดยการมอบหมายเป็นการบ้านให้แก่ผู้เรียนได้อีกด้วย มีรูปแบบของ ค าถาม 5 รูปแบบ ได้แก่ ปรนัย (Multiple Choice) รายการตัวเลือก (Checkbox) เติม ค าตอบ (Fill in the blank) โพล (Poll) ค าถามปลายเปิด (Open Ended) และ (Slide) สามารถก าหนดผสมผสานข้อค าถามได้ตามต้องการ ท างานได้บนอุปกรณ์หลายชนิดและมี คลังแบบทดสอบสาธารณะที่ผู้สอนสามารถเลือกน าไปใช้ในห้องเรียนได้ ซึ่งผลของเกม สามารถประกาศคะแนนได้ทันทีหลังจบเกม รวมทั้งสามารถตั้งค่ารูปแบบการเฉลยค าตอบ ที่ถูกต้องแก่ผู้เรียน ภาพที่ 3 Quizizzที่มา: https://inc42.com/wpcontent/uploads/2021/03/quizizz.png


28 2.9 ผลสมัฤทธ์ิทางการเรียน การน าเสนอเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผู้วิจัยได้แบ่งการน าเสนอออกเป็น 3 หัวข้อ คือ 1) ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2) ประโยชน์ของผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน และ 3) ขั้นตอนการสร้างแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดังนี้ 1. ความหมายของผลสมัฤทธ์ิทางการเรียน กฤชนก เซี่ยนเท็ญ (2564 : 50) ได้กล่าวไว้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คือผลของ ความสามารถในการเรียนรู้ของนักเรียน วัดได้จากแบบวัดผลฤทธิ์ทางการเรียนในด้านความรู้ ทักษะ และกระบวนการทางด้านความคิด ซึ่งท าให้ผู้เรียนมีประสิทธิภาพจากการเรียนรู้โดยการ หาความรู้ด้วยตนเองอาจพิจารณาได้จากคะแนน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือความช านาญ เชิงทักษะ บุญญฤทธ์ เมธิปัญญา (2556 : 21-22) ได้กล่าวไว้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คือ ความรู้ความสามารถของบุคคลอันเกิดจากการเรียนรู้ หรือประสบการณ์ทั้งปวง ที่ได้รับจากการ ฝึกอบรม และเป็นผลท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน จากความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้วิจัยสรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน คือผลของความสามารถของการเรียนรู้ของผู้เรียน ที่วัดได้จากการวัดผลสัมฤทธิ์ในด้าน ความรู้ ทักษะ และกระบวนการคิด ซึ่งท าให้ผู้เรียนมีประสิทธิภาพจากการเรียนรู้ โดยพิจารณา จากคะแนน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือจากประสบการณ์ของผู้เรียน 2. ความหมายแบบทดสอบผลสมัฤทธ์ิทางการเรียน ชนะเกียรติ สิงหมาตย์ (2562 : 25-26) ได้กล่าวไว้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบที่วัดสมรรถภาพของสมองด้านต่าง ๆ ท าให้บุคคลเกิดการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลังจากได้รับการฝึกฝนอบรมมาแล้ว เช่น วัดความรู้ความสามารถของ บุคคลในด้านวิชาการ ซึ่งเป็นผลจากการเรียนรู้เนื้อหาสาระตามจุดประสงค์ของวิชาที่สอบนั้น ดังนั้นการวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียนจึงเป็นการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางสมอง ของบุคคลว่าเรียนรู้อะไรบ้างและมีความสามารถด้านใดมากน้อยเท่าไร และแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนแบ่งได้ 2 ประเภท คือ แบบทดสอบที่ครูสร้างและแบบทดสอบมาตฐาน บุญชม ศรีสะอาด (2546 : 122 อ้างถึงใน ชนะเกียรติ สิงหมาตย์, 2562 : 25) ได้กล่าวไว้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบทดสอบที่ใช้วัดผลการเรียนรู้ใน เนื้อหา และจุดประสงค์ในรายวิชาต่าง ๆ ที่เรียนมาในโรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ เป็น เครื่องมือหลักของการวัดผล


29 จากความหมายของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้วิจัยสรุปได้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นเครื่องมือส าคัญที่ใช้ในการตรวจสอบพฤติกรรมหรือ ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนว่าผู้เรียนมีความรู้ความสามารถหรือผลสัมฤทธิ์แต่ละวิชาต่าง ๆ มาก น้อยเพียงใด ซึ่งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบ่งได้ 2 ประเภท คือ แบบทดสอบที่ครู สร้างและแบบทดสอบมาตฐาน 3. ประเภทของการทดสอบวดัสมัฤทธ์ิทางการเรียน ไพโรจน์ คะเชนทร์ (2556 :3) ได้จัดประเภทของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเอง (Teacher made tests) และ แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized tests) ซึ่งทั้ง 2 ประเภทจะถามเนื้อหาเหมือนกัน คือถาม สิ่งที่ผู้เรียนได้รับจากการ เรียนการสอนซึ่งจัดกลุ่มพฤติกรรมได้ 6 ประเภท คือ ความรู้ ความจ า ความเข้าใจ การน าไปใช้ การวิเคราะห์การสังเคราะห์ และการประเมิน 1. แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเป็นแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเองเพื่อใช้ในการทดสอบ ผู้เรียนในชั้นเรียน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.1 แบบทดสอบปรนัย (Objective tests) ได้แก่ แบบถูก – ผิด (Truefalse) แบบจับคู่ (Matching) แบบเติมค าให้สมบูรณ์ (Completion) หรือแบบค าตอบสั้น (Short answer) และแบบเลือกตอบ (Multiple choice) 1.2 แบบอัตนัย (Essay tests) ได้แก่ แบบจ ากัดค าตอบ (Restricted response items) และแบบไม่จ ากัดความตอบ หรือตอบอย่างเสรี (Extended response items) 2. แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized tests) เป็นแบบทดสอบที่สร้าง โดย ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ในเนื้อหา และมีทักษะการสร้างแบบทดสอบ มีการวิเคราะห์หาคุณภาพ ของแบบทดสอบมีค าชี้แจงเกี่ยวกับการด าเนินการสอบ การให้คะแนนและการแปลผลมีความ เป็นปรนัย (Objective) มีความเที่ยงตรง (Validity) และความเชื่อมั่น (Reliability) แบบทดสอบ ม า ต รฐา น ไ ด้แก่ California Achievement Test, Iowa Test of Basic Skills, Standford Achievement Test และ the Metropolitan Achievement tests เป็นต้น ศิริชัย นามบุรี (2556 : 36) ได้จัดประเภทของ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนตาม หน้าที่หรือการน าไปใช้วัดเป็น 2 แบบ คือ 1. แบบทดสอบที่ครูสร้าง (Teacher – Made Test) หมายถึง ข้อสอบ หรือ ปัญหา หรือ โจทย์ค าถามต่าง ๆ ที่ครูสร้างขึ้นเพื่อวัดผลขณะที่มีการเรียนการสอนและสามารถ พลิกแพลงให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ต่าง ๆ 2. แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardize Test) เป็นแบบทดสอบที่วิวัฒนาการ มา จาก แบบทดสอบที่ครูสร้างและได้ผ้านการทดลองใช้ตรวจสอบวิจัย ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น


30 จนมีความเป็นมาตรฐานทั้งในแง่เวลาที่ใช้การด าเนินการสอน การให้คะแนนและการแปลความ แบบทดสอบทั้งสองฉบับ แบ่งตามลักษณะข้อสอบได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 2.1 แบบอัตนัย (Subjective Test หรือ Essay Test) เป็นแบบทดสอบ ที่ ก าหนดปัญหา หรือค าถามให้และให้ผู้ตอบแสวงหาความรู้ความเข้าใจและความคิดตามที่ โจทย์ก าหนดภายใน ระยะเวลาที่ก าหนดการใช้ภาษาในการเขียนตอบขึ้นอยู่กับตัวผู้สอบ แบบทดสอบนี้สามารถวัดได้หลาย ๆ ด้าน ในแต่ละข้อ เช่น ความสามารถในด้านการใช้ภาษา ความคิดเจตคติและอื่น ๆ 2.2 แบบปรนัย (Objective Test) หมายถึง แบบทดสอบที่มีค าตอบไว้ ให้แล้วผู้สอบต้องตัดสินใจเลือกข้อที่ต้องการหรือพิจารณาข้อความให้ว่า ถูกหรือผิด ได้แก่ แบบ ถูกผิด แบบเติมค า หรือตอบสั้น ๆ และแบบเลือกตอบแบบทดสอบทั้งสองแบบดังกล่าว ต่างก็มี ข้อเด่นและข้อด้อยแตกต่างกันและไม่มีกฎตายตัวว่าต้องใช้ประเภทใดแต่ควรค านึงถึง จุดประสงค์และสภาพการณ์ของการใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้แบบทดสอบปรนัยชนิด เลือกตอบ จากความหมายประเภทของการทดสอบวัดสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้วิจัยสรุปได้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบ่งได้2 ประเภท คือ 1) แบบทดสอบมาตรฐาน ซึ่ง สร้างจากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและผู้ที่มีความรู้ในด้านวัดผลการศึกษา มีการหาคุณภาพเป็น อย่างดี 2) แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้น ซึ่งจะถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการทดสอบในชั้นเรียน ในการ ออกแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยแต่ละแบบทดสอบจะวัดผู้เรียนในด้านความรู้ เจตคติ และทักษะในการเรียนรู้ 2.10 แนวความคิดเกี่ยวกบัเศรษฐกิจพอเพียง การน าเสนอเกี่ยวกับแนวความคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ผู้วิจัยได้แบ่งการน าเสนอ ออกเป็น 3 หัวข้อ คือ 1) กรอบแนวคิด 2) คุณลักษณะเศรษฐกิจพอเพียง 3) ค านิยาม ความพอเพียง 4) เงื่อนไขการตัดสินใจ และ 5) แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร ( 2542 อ้างถึงใน ชลพรรณ ออสปอนพันธ์และคณะ, 2557) ได้มีพระราชด้ารัสถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสรุป ความได้ว่า การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงคือการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสาย กลางและความ ไม่ประมาทโดยค้านึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุมีผลการสร้างภูมิคุ้มกันที่ ดีในตนเองตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบและคุณธรรมประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระท าปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงมีหลักอยู่ 5 ส่วนดังนี้


31 1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการด ารงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีดั้งเดิมของสังคมไทยสามารถน้ามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมอง โลกเชิงระบบ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลามุ่งเน้นการรอดพื้นจากภัยและ วิกฤตเพื่อความมั่นคง และความยั่งยืนของการพัฒนา 2. คุณลกัษณะเศรษฐกิจพอเพียง สามารถน้ามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลางและการพัฒนาตนอย่างเป็นขั้นตอน 3. คา นิยามความพอเพียง จะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะพร้อมๆ กันดังนี้ 3.1 ความพอประมาณหมายถึงความพอดีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่ เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นเช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ระดับพอประมาณ 3.2 ความมีเหตุผลหมายถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไป อย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนค้านึงถึงผลที่คาด ว่าจะเกิดขึ้นจากการ กระท้านั้นๆ อย่างรอบคอบ 3.3 การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการ เปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยค้านึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล 4. เงื่อนไขการตดัสินใจ และการด าเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้ง ความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ 4.1 เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้ที่เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องอย่าง รอบด้าน ความรอบคอบที่จะน้าความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกันเพื่อ ประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ 4.2 เงื่อนไขคุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วยมีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์ สุจริตและมีความอดทน มีความเพียรใช้สติปัญญาในการด าเนินชีวิต 5. แนวทางปฏิบตัิ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการน้าปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มา ประยุกต์ใช้คือการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้านทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อมความรู้และเทคโนโลยี สรุป เศรษฐกิจพอเพียงคือการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความ ไม่ ประมาท โดยค้านึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ ความมีคุณธรรมเพื่อประกอบการวางแผนและการตัดสินใจใน การกระท้าการ วิจัยครั้งนี้จึงได้น้าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการด าเนินการ รูปแบบและกระบวนการ ลดความเหลื่อมล้้าทางสังคมของเครือข่ายประมงพื้นบ้านจันทบุรีและ ตราดด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงและภูมิปัญญาชาวบ้าน


32 2.11งานวิจยัที่เกี่ยวข้อง 2.11.1งานวิจยัในประเทศ ณัฐศิษฏ์ ศรีสมบูรณ์ ( 2560 : บทคัดย่อ ) ได้ศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบ บันได 5 ขั้น (5 STEPs) ร่วมกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง กระทงสายไหล ประทีป 1000 ดวง จังหวัดตาก ผลการวิจัยพบว่า การจัดการเรียนรู้แบบบันได 5 ขั้น เรื่อง กระทงสายไหลประทีบ 1000 ดวง จังหวัดตาก ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ 4 หน่วย ร่วมกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ส าหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนน ้าดิบพิทยา ต าบลวังประจบ อ าเภอเมือง จังหวัดตาก ซึ่งผลกาน าไปใช้มี ประสิทธิภาพ 80.43/87.08 สูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และนักเรียนมี ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ธัญญารัตน์ สุขเกษม ( 2562 : บทคัดย่อ ) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบ กระบวนการ เรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) ร่วมกับการใช้ค าถามเชิงวิเคราะห์ เรื่อง วิวัฒนาการ ที่มีต่อการคิดวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 ผลการวิจัยพบว่า ค่าเฉลี่ย การคิดวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ของ นักเรียนหลังเรียน (̅ 7.48, S.D. 2.53) สูงกว่าก่อนเรียน (̅ 3.70, S.D. 2.13) อย่างมี นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลัง เรียน (̅ 22.18, S.D. 1.67) สูงกว่าก่อนเรียน (̅ 9.25, S.D. 3.43) และหลังเรียนสูงกว่า เกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นิตยาพรมพื้น (2562 : บทคัดย่อ) ได้ท าการวิจัย เรื่อง การใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ 5 ขั้น (5 STEPs) ต่อการสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ปัญหาเศรษฐกิจใน ระดับประเทศ สาระเศรษฐศาสตร์ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูกระดึงวิทยาคม โดยมี จุดมุ่งหมายในการวิจัยเพื่อ 1) จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) ส าหรับพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้แบบมีการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ปัญหาเศรษฐกิจใน ระดับประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูกระดึงวิทยาคม อ าเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ให้มีประสิทธิภาพตาม เกณฑ์มาตรฐาน 75/75 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบและ วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้แบบมีการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ปัญหาเศรษฐกิจในระดับประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูกระดึงวิทยาคม อ าเภอภูกระดึง จังหวัดเลย จาก การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น (5 STEPs) ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปี


33 การศึกษา 2562 โรงเรียนภูกระดึงวิทยาคม อ าเภอภูกระดึง จังหวัดเลย จ านวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้5 ขั้น (5 STEPs) 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน โดยมีค่าความยาก (p) อยู่ระหว่าง 0.20 ถึง 0.57 ค่าอ านาจจ าแนกอยู่ระหว่าง 0.47 ถึง 0.80 และค่า ความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.83 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการ ทดสอบที แบบไม่ ผลการวิจัย พบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้5 ขั้น (5 STEPs) มี ประสิทธิภาพ 75.54/92.68 และ 2) ความสามารถในการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สิริกัญญา ธาน (2563 : บทคัดย่อ) ได้ท าการวิจัย เรื่อง การใช้สื่อ เว็บไซต์Quizizz ในการจัดการเรียนการสอน รายวิชา Fundamental English เพื่อศึกษาเกี่ยวกับ 1) พัฒนาการ เรียนการสอนภาษาอังกฤษ ผ่านการใช้สื่อ เทคโนโลยี2) เพื่อให้ผู้เรียนมีความพึงพอใจและเจต คติที่ดีต่อการเรียนและวัดผลภาษาอังกฤษ ของนักเรียน โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ที่ก าลังศึกษา อยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในภาคเรียนที่ 2 ประจ าปีการศึกษา 2563 จากจ านวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ Quizizz และ แผนการ จัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อเทคโนโลยี Quizizz เรื่อง Tenses จ านวน 1 แผน วิเคราะห์ข้อมูล โดย หาค่าเฉลี่ย (Mean)ผลความพึงพอใจของนักเรียนโดยใช้แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อ Quizizz ผลการวิจัย พบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ เว็บไซต์ ออนไลน์ Quizizz ช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการท ากิจกรรม ภายในห้องเรียนแบบระบบ Online ได้ดียิ่งขึ้น โดยค้นพบจากการประเมินและสอบถามความพึงพอใจและความ คิดเห็นของ นักเรียน ผลปรากฏว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้สื่อและเทคโนโลยี การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ในระดับยอดเยี่ยมคิดเป็นร้อยละ 9.00 ในระดับดีเลิศคิดเป็นร้อยละ 53.00 ในระดับดีคิด เป็นร้อยละ 38.00 และ จากแบบสังเกตทางการเรียนออนไลน์พบว่านักเรียนมีส่วนร่วมในการท ากิจกรรมการเรียนมากขึ้นกว่าการสอนโดย ไม่ใช้โปรแกรมเว็บไซต์ออนไลน์ Quizizz 2.11.2 งานวิจยัในต่างประเทศ รอสแมน (Rosman 1966, อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562: 24) ได้ศึกษาการคิด แบบวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนชั้น ประถมศึกษา ปีที่ 2 คิดแบบวิเคราะห์มากกว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และยังพบต่อไป อีกว่า การคิดแบบวิเคราะห์มีความสัมพันธ์ในทางลบกับแบบทดสอบวัดสติปัญญาของเวซเลอร์ (Wechsler Scale for Children) ในฉบับ เติมภาพให้สมบูรณ์ (Picture Completion) การจัดเรียง รูป (Picture Arrangement) แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับแบบทดสอบที่เกี่ยวข้องด้านภาษา (Verbal Test) นอกจากนั้น การคิดแบบวิเคราะห์ยังมีแนวโน้ม ที่จะเพิ่มขึ้นตามอายุ และมีความสัมพันธ์ กับความพร้อมทางการเรียนรู้และแรงจูงใจอีกด้วย


34 วิลเลียม ( William 1981, อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562: 43 ) ได้ศึกษา เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์และความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณระหว่างการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้กับการจัดการเรียนรู้แบบเดิมที่ครูเป็นศูนย์กลางวิชาประวัติศาสตร์ อเมริกา โดยกลุ่มทดลองจัดการ 35 เรียนรู้แบบสืบเสาหาความรู้และกลุ่มควบคุมจัดการเรียนรู้ แบบเดิมที่ครูเป็นศูนย์กลาง จากการศึกษาพบว่า ผลสัมฤทธิ์และความสามารถในการคิดอย่างมี วิจารณญาณของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม มัวร์ ( Moore 1997, อ้างถึงใน นิตยา พรหมพื้น, 2562 : 34 ) ท าการวิจัยเรื่องการ สร้าง เครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางด้านความรู้ ของการสืยสวนสอบสวนวิชาสังคมศึกษา โดยมี จุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง ข้อสอบทางสังคม ( TISS ) โดยศึกษากับนักเรียนจ านวน 694 คน ใน ระดับ 4,5 และ 6 ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนแบบสืบสวน สอบสวน กับนักเรียนที่ไม่ได้เรียนแบบสืบสวน สอบสวนแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ระหว่างนักเรียนระดับ 4 ที่ระดับ .01 ระหว่างนักเรียนที่ระดับ 5 และ 6 และที่ ระดับ .01 ระหว่างนักเรียนทั้ง 3 ระดับ จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ ด้วยกระบวนการ 5 ขั้น (5 STEPs) พบว่า การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ 5 ขั้น (5 STEPs) มีแนวโน้มท าให้ผลการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่มสาระ การเรียนรู้ของนักเรียนสูงขึ้น นอกจากนี้ยัง สามารถพัฒนาความสามารถของผู้เรียนในด้านของกระบวนการคิด ในระดับต่างๆ ของผู้เรียน ได้เป็นอย่างดี ทั้งความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ การคิดเชิงเหตุผลการคิดแบบ มี วิจารณญาณ อันเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาความสามารถด้านการคิดและผลการ เรียนรู้ต่อไป 2.12 กรอบแนวคิดการวิจยั จากการศึกษา หลักการ แนวคิด ทฤษฎี และประโยชน์ของของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการสอน และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ของนักการศึกษาหลายท่าน ผู้วิจัยจึงก าหนด เป็นกรอบแนวคิดได้ดังนี้ กรอบแนวคิดการวิจัยในครั้งนี้ ปรากฏดังภาพที่ 2


35 ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ภาพที่ 4 กรอบแนวคิดการวิจัย กิจ ก รรม กา รเรีย นรู้โดย ใช้รู ป แบบ กระบวนการเรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่ ว ม กั บ สื่ อ ก า ร ส อ น Quizizz เ รื่ อ ง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา


บทที่ 3 วิธีดำ เนินกำรวิจยั การวิจัยครั้งนี้ ประเด็นการศึกษาของผู้วิจัยส่วนใหญ่มีขอบเขตอยู่ที่ การพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจ พอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการ เรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ผู้วิจัยได้ก าหนดหัวข้อการด าเนินการวิจัยตามล าดับ ดังนี้ 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง 1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน โนนสูงพิทยาคาร สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จ านวน 108 คน จากห้องเรียน จ านวน 4 ห้อง 2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน โนนสูงพิทยาคาร สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จ านวน 26 คน จากห้องเรียนจ านวน 4 ห้อง (ห้อง 4) ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ใน การวิจัยได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในกำรวิจยั 1. แผนการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบ กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz จ านวน 5 แผน


37 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนา ประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคม ศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz เป็นแบบทดสอบ ปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 30 ข้อ วิธีกำรสร้ำงและตรวจสอบคณุภำพเครื่องมือ 1. กำรสร้ำงแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกบักำรพฒันำ ประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนกำรเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อกำรสอน Quizizzจ านวน 5 แผน ผู้วิจัยด าเนินการสร้างและหาคุณภาพ ดังนี้ 1.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับ หลักการ จุดมุ่งหมาย โครงสร้าง ศึกษาสาระและมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (กระทรวงศึกษาธิการ. 2552 ก : 210 - 219) และศึกษาคู่มือการเขียน แผนการสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นส าคัญ ระดับชั้นมัธยมศึกษา แนวคิดและวิธีปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม (ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช. 2545 : 65-73) 1.2 ศึกษาเทคนิควิธีการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้จากคู่มือการจัดการการ เรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (กรมวิชาการ. 2544 :32-36) การ เขียนแผนจัดการเรียนรู้ของคู่มือครูตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ณัฐวุฒิ กิจรุ่งเรือง และ คณะ. 2545 : 22 -1 4) 1.3 วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ สาระส าคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระ การ เรียนรู้ ก าหนดเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้ เรื่อง นิทานชาดก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 โดยใช้วิธีการสอนแบบสตอรี่ไลน์ 1.4 เขียนแผนการจัดการเรียนรู้จ านวน 5 แผน โดยแต่ละแผนจะประกอบด้วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระส าคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ สื่อ และแหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เกณฑ์การวัดและประเมินผล กิจกรรมข้อเสนอแนะ และ บันทึกหลังการสอนในแต่ละแผน ดังนี้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ปฐมนิเทศกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 แนวทางแก้ไขปัญหาและการพัฒนาตามปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง


38 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาชุมชน แผนการจัดการเรียนรู้ที่4 ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับ ระบบสหกรณ์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 ทดสอบหลังเรียนเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนา ประเทศ 1.5 น าแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบ ความถูกต้องของ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระส าคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ สื่อ และแหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เกณฑ์การวัดและประเมินผล กิจกรรมข้อเสนอแนะและ บันทึกหลังการสอน รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ 1. นางรสรินทร์ สุโพธิ์ ครูพี่เลี้ยง 2. นางสาวภัทร์ฐิตา แท่งทอง หัวหน้ากลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม 3. นางสาวลินดา บุษบง ครูผู้สอนในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 1.6 น าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ปรับปรุงและแก้ไขข้อบกพร่องทางด้านเนื้อหา การสื่อความหมายและเวลาที่ใช้ในการด าเนินกิจกรรมแล้ว เสนอผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งพร้อมแบบ ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz เกณฑ์การประเมินดัดแปลงมาจาก มาตราส่วนประมาณค่าของ บุญชม ศรีสะอาด (2553 : 103) ค่าเฉลี่ย 4.51 - 5.00 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ย 3.51 - 4.50 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 2.51 - 3.50 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.51 - 2.50 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับพอใช้ ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.50 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับต้องปรับปรุง ผลการประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการ พัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ( 5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz


39 1.7 น าแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ที่ได้รับการประเมิน จากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่ามีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ สามารถน าไปใช้ได้ 1.8 พิมพ์แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ฉบับจริง เพื่อน าไปใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโนนสูงพิทยาคาร สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา อุดรธานีภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จ านวน 24 คน จากห้องเรียนจ านวน 4 ห้อง (ห้อง 4) ต่อไป 2. กำรสร้ำงแบบทดสอบวดัผลสมัฤทธ์ิทำงกำรเรียน เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง กับกำรพัฒนำประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนกำร เรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อกำรสอน Quizizz เป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิด เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 45 ข้อ ผู้วิจัยด าเนินการสร้างและหาคุณภาพ ดังนี้ 2.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หลักการ จุดมุ่งหมาย โครงสร้าง เวลาเรียน เรียน แนวด าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การวัดผล ประเมินผลและการติดตามผล ผลชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2.2 ศึกษาวิธีเขียนข้อสอบแบบเลือกตอบจากต าราการวัดผลการศึกษา (สมนึก ภัททิยธนี. 2556 : 98) 2.3 สร้างตารางวิเคราะห์ข้อสอบ โดยยึดตามจุดประสงค์การเรียนรู้เพื่อก าหนด ข้อสอบ โดยสร้างเป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 45 ข้อ ซึ่งจะใช้จริง 30 ข้อ โดยข้อสอบในแต่ละข้อมีค าตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว การตรวจให้คะแนนแบบทดสอบ มีหลักเกณฑ์คือ ตอบถูกในแต่ละข้อให้คะแนนข้อละ 1 คะแนน ถ้าตอบผิด ในแต่ละข้อให้ 0 คะแนน ถ้าตอบมากกว่า 1 ข้อ หรือไม่ตอบให้ 0 คะแนน 2.4 น าแบบทดสอบไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรง ด้วยการประเมิน ความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยใช้สูตร IOC (ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน. 2556 : 50) ผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อสอบและจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) ของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน 2.5 ปรับปรุงข้อความในข้อสอบบางข้อตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ และจัดพิมพ์เป็นแบบทดสอบฉบับทดลอง


40 2.6 น าแบบทดสอบไปทดลองใช้ (Tryout) กับนักเรียนที่เคยเรียนเนื้อหานี้มา ก่อน ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนโนนสูงพิทยาคาร สังกัดส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานีภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จ านวน 30 คน 2.7 วิเคราะห์ข้อสอบเพื่อหาค่าความยาก (P) และค่าอ านาจจ าแนก (r) เป็นรายข้อแบบอิงกลุ่มโดยใช้เทคนิค 30% ข้อสอบที่เข้าเกณฑ์ต้องมีค่าความยากตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.80 และค่าอ านาจจ าแนกตั้งแต่ 0.20 ถึง 1.00 (ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน. 2556 : 57 - 58) 2.8 น าแบบทดสอบที่คัดเลือกไว้ใช้จ านวน 30 ข้อ มาหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบทดสอบทั้งฉบับ โดยใช้สูตร KR-20 ตามวิธีของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน (KuderRichardson Method) (ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน. 2556 : 88 - 89) 2.9 พิมพ์แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับ การพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ฉบับจริง ซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิด เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 30 ข้อ เพื่อน าไปใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป กำรเก็บรวบรวมข้อมูล การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยที่มีแบบแผนการวิจัยเชิงทดลองแบบ One Group Pretest-Posttest Design (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. 2538: 248-249) มีลักษณะ การทดลองดังภาพที่ 4 กลุ่ม ทดสอบก่อนเรียน ทดลอง ทดสอบหลังเรียน กลุ่มตัวอย่าง O1 X O2 เมื่อ O1 แทน การทดสอบก่อนเรียน (Pretest) O2 แทน การทดสอบหลังเรียน (Posttest) X แทน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ร่วมกับสื่อการสอน Quizizz ภำพที่ 5 รูปแบบการทดลองแบบ One Group Pretest-Posttest Design


Click to View FlipBook Version