The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อนุสรส์พระมหาคณานัม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by NAPHAT, 2022-03-31 05:34:14

อนุสรส์พระมหาคณานัม

อนุสรส์พระมหาคณานัม

ล�ำ ดับเจา้ อาวาส
ในชั้นแรกท่ีตั้งวัดอนัมนิกายารามในรัชกาล
ที่ ๑ - ๒ นนั้ ไม่ปรากฏชื่อเจา้ อาวาส สนั นิษฐานว่าเจ้า
อ า ว า ส ที่ ค ร อ ง วั ด ค ง เ ป็ น พ ร ะ ญ ว น ที่ บ ว ช เ รี ย น ม า จ า ก
เมืองญวน ประกอบกับพระญวนในยุคนนั้ ยังไมไ่ ดร้ บั การ
ยกยอ่ งในทางราชการใหเ้ ข้ารว่ มใหพ้ ระราชพธิ ี จึงไมม่ ีการ
จดช่อื เจา้ อาวาสบันทกึ ไว้เปน็ หลักฐาน ช่ือเจา้ อาวาสท่ีครอง
วดั อนมั นิกายารามเพิ่งปรากฏเป็นหลกั ฐานในรัชกาลที่ ๓ วา่
พระครบู รหิ ารอนมั พรต (เหยี่ยวกรา่ ม) เป็นผูค้ รองวดั และ
ตอ่ มาพระครูบริหารอนัมพรตรูปนี้ ได้พระราชทานเล่อื น
สมณศกั ดเ์ิ ปน็ ท่ี พระครคู ณานัมสมณาจารย์ เจา้ คณะใหญ่
อนัมนกิ ายรปู ที่ ๒ ในรัชกาลที่ ๕ เพราะฉะนนั้ เจา้ อาวาสที่
ครองวดั นี้ ซงึ่ มีสมณศกั ดมิ์ รี ายนามดงั ตอ่ ไปนี้ คอื
๑. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (องเหย่ียวกรา่ ม) องค์ปฐม
๒. องสุตบทบวร (กรุงเอือง)
๓. องอนนตสรภญั (ตร้ลี ิน)
๔. องสุตบทบวร (ว่างเยอื ง)
๕. องอนนตสรภญั (อางถุน่ หลี)
๖. องสุตบทบวร (ติน่ มนิ เฉลิม)
๗. พระคณานัมธรรมวธิ านาจารย์ (สมาน ว่างเยียน)
๘. องธรรมธรมานิตย์ เทยี นทา่ น
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เกิดเพลงิ ไหมอ้ ุโบสถวัดทงั้ หลัง
จึงมกี ารกอ่ สรา้ งอโุ บสถหลังใหม่พร้อมท้งั พระประธาน เม่ือ
การกอ่ สร้างแลว้ เสรจ็ ได้ประกอบพธิ ีฉลองอโุ บสถ และพระ
ประธาน เม่ือวนั ท่ี ๑๑ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยพระบาท
สมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช และสมเด็จพระ
นางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถ เสด็จพระราชด�ำ เนนิ มาทรงเป็น
ประธานในพิธีดงั กลา่ ว สิ่งส�ำ คญั ในวดั ไดแ้ ก“่ พระอโุ บสถ เปน็
ศิลปะการก่อสร้างแบบญวนหรอื เวียดนาม
มีความเป็นเอกลกั ษณ์ทโี่ ดดเดน่ และสวยงาม

151

วัดั สมณานัมั บริิหาร (กั๋�นเพื้�อกตื่�อ)

แขวงสี่�แยกมหานาค เขตดุสุ ิิต กรุงุ เทพมหานคร

วัดสมณานมั บรหิ าร (วัดญวน สะพานขาว)เปน็ พระอารามใน สังกดั คณะสงฆ์
อนมั นิกายแห่งประเทศไทย ต้งั อยูร่ มิ คลองผดงุ กรุงเกษม แขวงส่ีแยกมหานาค เขตดุสิต
กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นโดยชาวญวนทีอ่ พยพมาพงึ่ พระบรมโพธสิ มภาร ในรชั สมยั ของ
พระบาทสมเด็จพระน่งั เกล้าเจ้าอยู่หวั ( รัชกาลที่ 3 ) โดยแต่เดมิ มีชื่อวา่ “วดั เก๋ยี งเพอ้ื กตื่อ”
ต่อมาในปี พ.ศ. 2449 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 )
ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ปฏิสังขรพระอารามแหง่ น้ี และได้ทรง พระราชทานนาม
ใหมว่ ่า “วดั สมณานมั บริหาร” อนั มคี วามหมายวา่ “ศาสนสถานอนั มสี มณะแห่งอนัมนิกาย
เป็นผู้ดูแลบริหาร” ซงึ่ มีพระครูคณาสมณาจารย์ (หยิวกรา่ ม จีห๊ ลบั ) เป็นเจา้ อาวาสรปู แรก
โดยมพี ระชลธารวินจิ ฉยั กบั ขนุ อนัมคามบริรักษ์ เป็นผนู้ ำ�ศรทั ธาสาธุชนมาร่วมสร้าง
อีกทั้งได้ทรงพระราชทานตรา “พระจลุ มงกฏุ “ สัญลักษณ์ประจำ�พระองค์ ใหเ้ ป็น
ส่วนหนึง่ ในตราสัญลกั ษณ์ของพระอารามเพื่อความเปน็ สริ มิ งคล ตราบจนปจั จบุ ัน
มีเจา้ อาวาสตามลำ�ดบั ดงั น้ี

รูปที่ ๑ พระครูคณานัมสมณาจารย์ (หยิวกรา่ ม จหี๊ ลับ)
รูปที่ ๒ องสรพจนสนุ ทร (เผื่องเกยี๊ น)
รปู ท่ี ๓ องสรพจนสนุ ทร (เจนิ ตรงุ )
รูปที่ ๔ องสรภาณมธุรส (บา๋ วเอิง)
รูปที่ ๕ องอนนั ตสรนาท (กมิ ฟู่)
รปู ที่ ๖ พระคณานมั ธรรมเมธาจารย์ (ณรงค์ ตนิ่ เรียน) ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๒๘ - ปัจจุบัน

152

153

154

155

วััดอุุภััยราชบำรุงุ (คั้�นเยิิงตื่�อ)

ถนนเจริิญกรุงุ แขวงตลาดน้้อย เขตสััมพัันธวงศ์์
กรุงุ เทพมหานคร

วดั อุภยั ราชบำ�รงุ (คนั้ เยิงตือ่ ) หรือวัดญวนตลาดน้อย สร้างขน้ึ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๓๓๐
สมัยน้นั คนญวนทนี่ ับถือพทุ ธศาสนาได้ร่วมกันสรา้ งวัดข้นึ สองวัดคือ วดั ค้ันเยิงตื่อ หรือวดั
ญวนตลาดน้อย และวัดกว๋างเพือ้ กต่ือ หรอื วัดญวนบางโพ ในขณะท่ีเจา้ ฟ้ามงกฎุ ทรงผนวชอยู่
ไดร้ จู้ กั พระเถระของฝา่ ยญวนรูปหน่งึ คือ องฮึง ซง่ึ ไดเ้ ขา้ เฝา้ ถวายวิสชั นาเรื่องพระพุทธศาสนา
ฝ่ายมหายาน ตอ่ มาเมอ่ื พระองค์ข้นึ ครองราชยเ์ ป็น พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั
รชั กาลท่ี ๔ พระองค์ทรงอปุ ถมั ภ์และให้การปฏิสังขรณว์ ดั ญวนเรือ่ ยมา คร้ันเมอื่ พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รชั กาลท่ี ๕ เสด็จข้ึนครองราชยใ์ น พ.ศ. ๒๔๑๑ ได้ทรงปฏบิ ตั ติ าม
แบบอยา่ งสมเดจ็ พระบรมชนกนาถในการอปุ ถมั ภแ์ ละการปฏสิ งั ขรณว์ ดั ญวน โดยพระราชทานเงิน
ชว่ ยเหลือในการปฏิสังขรณว์ ดั ญวนตลาดนอ้ ย และไดพ้ ระราชทานนามใหมว่ ่า วดั อภุ ยั ราชบ�ำ รงุ
ค�ำ วา่ “อภุ ยั ” แปลวา่ สอง แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความหมายวา่ เปน็ วดั ทไ่ี ดร้ บั พระบรมราชปู ถมั ภจ์ าก
พระมหากษตั ริย์ ๒ พระองค์ คอื รัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ ต่อมาไดพ้ ระราชทานสมณศักดิ์
องฮงึ เจา้ อาวาส เป็น “พระครคู ณานมั สมณาจารย์” ตำ�แหน่งทางการปกครองเปน็ เจา้ คณะ
ใหญฝ่ ่ายอนัมนิกายรูปแรก เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๓๐ รัฐบาลอนิ เดียได้ถวายหนอ่ พระศรีมหาโพธ์ิ
จำ�นวนหลายต้นแด่พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั พระองค์จงึ พระราชทานให้
แก่วัดในกรุงเทพมหานคร และวดั อภุ ัยราชบำ�รุงกเ็ ปน็ วดั หนงึ่ ท่ไี ด้รับพระมหากรุณาธิคุณ
รบั พระราชทานหนอ่ พระศรมี หาโพธิน์ ้ีมาปลกู ท่ีวดั ๑ ตน้ และเสด็จฯ มาทรงพระสุหร่าย
ประพรมต้นพระศรีมหาโพธิ์ในคราวฉลองวัดอภุ ัยราชบ�ำ รุง ณ วนั อาทติ ย์ เดอื นสี่ ขนึ้ สิบสคี่ ำ่�
ปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐
ลำ�ดบั เจ้าอาวาสองค์ปฐมถงึ ปัจจบุ นั
๑.พระครคู ณานัมสมณาจารย์ (องเจินฮึง)
๒.พระครคู ณานัมสมณาจารย์ (ทันเค้ียด)
๓.องสรภาณมธรุ ส (อานาน)
๔.พระครคู ณานัมสมณาจารย์ (โผซ้าย)
5. พระสมณานัมวฑุ ฒาจารย์ (พอ็ งเดย๊ี ว)
6.พระคณานัมธรรมวิธานาจารย์ (ยุกถอน มนิ เอิง) ปลัดขวา เจา้ อาวาสรปู ปจั จบุ นั

156

157

วััดชัยั ภููมิกิ ารCาhมù(aจั๊�วthถúวีyี หNงgาạนn)

ถนนเยาวพานิชิ แขวงจัักรวรรดิิ
เขตสัมั พันั ธวงศ์์ กรุงุ เทพมหานคร

เป็นวัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน
สงั กัดคณะสงฆอ์ นมั นกิ ายตามภาษาญวนวา่
“จวั๊ ถวี หงาน ” แปลเปน็ ไทยวา่ “ ท่ตี ้งั แห่งความ
เจรญิ รงุ่ เรอื ง ” ตง้ั อยู่ ตลาดเจ๊สัวเนยี ม หรือ ตลาดเก่า
แขวงจกั รวรรดิ เขตสมั พนั ธว์ งศ์ กรุงเทพมหานคร

ตามพงศาวดารกล่าวว่า.....มีพวกญวนอพยพจากเมืองเว้อันเป็นราชธานีของประเทศ
ญวน เมือ่ ราวพทุ ธศักราช ๒๓๘๓ มเี รอ่ื งปรากฏในจดหมายเหตวุ า่ เวลานั้นกองทัพไทยกบั
กองทัพเขมรร่วมกันรบพงุ่ ขับไลก่ องทพั ญวน ที่ตงั้ ชุมชนในเขตแดนเขมร ครง้ั น้นั พวกญวนไดถ้ กู
ลายล้อมหลายแห่งและบังเอญิ ได้เกิดโรคระบาดขึ้นในกองทพั ญวน
พวกญวนไดห้ นีโรคระบาดออกมายอมสวามิภักดก์ิ ับเจา้ พระยาบดนิ ทรเดชา ประมาณ
๑,๐๐๐ คนเศษ เจา้ พระยาบดินทรเดชาไดส้ ่งเขา้ มาถวายพระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกล้าเจ้าอยู่
หวั ในรชั กาลที่ ๓ พระองค์ไดท้ รงรับไว้ และโปรดใหพ้ วกญวนท่ีนับถอื พระพุทธศาสนามาต้ัง
ภมู ิล�ำ เนาอยแู่ หง่ ใดกน็ ิมนต์พระญวนมาสร้างวัดเปน็ ที่บำ�เพ็ญกศุ ลของพวกญวน เพอ่ื เปน็ ศูนย์
รวมยดึ เหน่ียวจิตใจ และสบื สานขนบธรรมเนยี มประเพณี
ต่อมาชาวญวน และชาวจีนได้สรา้ ง วดั ชยั ภูมิการาม (จวั๊ ถวี หงาน) ขึ้นโดยมีพระศรี
ทรงยศ ( เจ๊สวั เนยี ม ) เป็นผ้เู ชิญชวนพทุ ธศาสนกิ ชนรว่ มสรา้ งวัดขน้ึ ซึ่งตรงกับในสมัยพระบาท
สมเด็จพระนงั่ เกล้าเจ้าอยูห่ วั รชั กาลท่ี ๓ โดยตั้งเปน็ ที่พำ�นกั สงฆ์ เมอื่ ประมาณพทุ ธศกั ราช
๒๓๘๓ เพอ่ื เปน็ ทปี่ ระกอบศาสนกจิ ของพระภกิ ษสุ งฆ์ในพระพุทธศาสนามหายาน ฝา่ ยอนมั
นกิ าย ตอ่ มาเม่ือพทุ ธศกั ราช ๒๔๔๑ พระปลดั องสรพจนสุนทร ได้บูรณปฏิสังขรณท์ ่ีพำ�นัก
สงฆ์ และเสนาสนะ พร้อมทง้ั จดั ตง้ั ขน้ึ เปน็ วัด นามวา่ “ จว๊ั ถวี หงาน ” เมื่อถงึ รชั สมัยพระบาท
สมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ทรงพระราชทานวสิ งุ คามสมี า เมื่อพุทธศกั ราช ๒๔๐๕

158

ภายหลงั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงมพี ระราชศรัทธา
ตอ่ คณะสงฆอ์ นัมนกิ าย อาทิเชน่ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานตั้งสมณศักด์บิ รรพชติ อนมั
นกิ ายขน้ึ เมือ่ พุทธศักราช ๒๔๒๐ และทรงพระราชทานนามวัดว่า “วัดชยั ภมู ิการาม” พรอ้ ม
ทั้งวัดตา่ งๆในสงั กดั คณะสงฆ์อนมั นิกายด้วย เพือ่ เทิดพระเกียรติองค์อัครศาสนูปถมั ภกทางวดั
จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญตราพระเกี้ยว (จลุ -มงกฎุ ) ประดษิ ฐานเปน็ ตรา
ประจำ�วดั ต่อมาเม่อื พทุ ธศักราช ๒๕๓๗ สมยั องสรภาณมธรุ ส (บุญชู ต่นิ ทนิ มหาเถระ) เจ้า
อาวาสรปู ปจั จบุ ัน ( ปัจจุบนั เลอื่ นสมณศักดเ์ิ ปน็ พระคณานัมธรรมวุฒาจารย์ ) เห็นวา่ ถาวรวตั ถุ
และเสนาสนะภายในวดั ได้ชำ�รดุ ทรุดโทรมตามกาลเวลา จงึ ได้ท�ำ การรือ้ ถอนอโุ บสถไม้หลงั เก่า
และได้ด�ำ เนินการกอ่ สรา้ งอาคารคอนกรตี ๗ ชัน้ และเสนาสนะ ขนึ้ แทนโดยกำ�หนดใหอ้ ุโบสถ
อยู่ช้นั บนสดุ ของอาคาร เพ่อื ใช้เป็นทปี่ ระกอบศาสนกิจ ของพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ตาม
ลัทธินกิ าย

159

วัดั ถาวรวราราม (คั้�นถ่่อตื่�อ)

ตำบลบ้้านเหนือื อำเภอเมืืองกาญจนบุุรีี จังั หวััดกาญจนบุุรีี
วััดถาวรวราราม (คั้�นถ่่อตื่�อ) หรืือที่�ชาวบ้า้ นนิิยมเรีียกสั้�น ๆ ว่า่ “วััดญวน” นั้�น เป็น็ วััด
ในพระพุทุ ธศาสนาฝ่า่ ยอนัมั นิกิ ายลัทั ธิมิ หายาน และมีชีื่�อตามภาษาญวนว่า่ “คั้�นถ่อ่ ตื่�อ” ที่�แปล
เป็น็ ไทยว่า่ “อยู่�อย่่างมั่�นคงถาวร” และชื่�อวัดั ถาวรวรารามนี้� พระบาทสมเด็็จพระจุุลจอมเกล้า้
เจ้า้ อยู่่�หัวั รััชกาลที่� ๕ พระราชทานนามไว้้ ส่ว่ นการสร้้างวััดเกิดิ ขึ้�นในรัชั สมััยพระบาทสมเด็็จ
พระนั่�งเกล้้าเจ้้าอยู่่�หััว รััชกาลที่� ๓ และถืือเป็็นวััดญวนแห่่งแรกของจัังหวััดกาญจนบุุรีีที่่�มีี
อายุุกว่่าร้้อยปีีแล้้ว โดยการก่่อสร้้างริิเริ่�มจากครอบครััวชาวญวนที่่�นัับถืือพระพุุทธศาสนา
(ชาวญวนที่�อพยพมาหลังั การทำสงครามระหว่่างไทยกับั เวีียดนามในสมัยั รัชั กาลที่� ๓) ร่ว่ มแรง
ร่ว่ มใจบริิจาคทุุนทรััพย์์สร้้างวััดขึ้�นในราวปีี พ.ศ. ๒๓๗๗

160

อุโบสถสรา้ งเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๓๖ เปน็ อาคารคอนกรีตเสรมิ เหลก็ ศิลปะแบบจนี ผสม
กบั ญวน ภายในเปน็ ทปี่ ระดษิ ฐาน “หลวงพอ่ โต” มพี ุทธลักษณะประทับน่งั ปางมารวชิ ัย (ปาง
พชิ ิตมาร) หน้าตกั กวา้ ง ๓ ศอก สงู ๔ ศอก ๑ คบื สรา้ งจากศลิ าแดง แตเ่ ดิมเป็นพระประธานวดั
นางพมิ พ์ (วัดรา้ งสมัยอยธุ ยา) ซ่ึงตัง้ อยู่เขตเมอื งกาญจนบรุ ีเกา่ พระอธิการเหยี่ยวเค ไดอ้ ญั เชญิ
มาประดิษฐานเปน็ พระประธานของวดั พร้อมกบั พระพุทธรปู อกี ๒ องค์ท่ีตั้งประดษิ ฐาน
ขนาบข้างซา้ ยขวา ต่อมาเม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวรัชกาลปจั จุบัน เม่อื ทรงด�ำ รง
พระอิสริยยศท่ี สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกุมารได้พระราชทานนามใหมว่ ่า
“พระพทุ ธสถาพรมงคล” พ.ศ. ๒๕๓๙ องสรภาณมธรุ สเรมิ่ กอ่ สรา้ งพระตำ�หนกั สมเดจ็ พระ
ญาณสังวรเพ่ือน้อมถวายพระองค์ทา่ น และเปน็ การเฉลมิ พระเกยี รตยิ ศสมเดจ็ พระญาณสงั วร
สมเดจ็ พระสงั ฆราชฯ ทท่ี รงมีชาตภิ ูมิทีจ่ ังหวดั กาญจนบรุ ี ท้งั นพี้ ระตำ�หนักฯ หลังน้ีใชเ้ วลา
การก่อสร้างทง้ั สิ้นกวา่ ๑๐ ปจี งึ แลว้ เสร็จ
กุฏิบรู พาจารย์สร้างเป็นอาคารคอนกรีตเสรมิ เหล็ก ๒ ชน้ั ตัวอาคารมลี วดลาย
ประติมากรรมแบบจีนประสมญวนท่ีงดงาม ภายในมีรูปหล่อเหมอื นจริงของอดีตเจา้ อาวาส
วดั และเปน็ ท่ีตอ้ นรบั ผ้มู าเยือนด้วยเมตตาธรรมของเจ้าอาวาสด้วย
ล�ำ ดับเจ้าอาวาส
๑. พระอธิการบ๋าวหาย
๒. พระอธกิ ารเหยยี่ วเค
๓. พระอธิการเทยี ม
๔. พระสมณานมั วุฑฒาจารย์ ไพศาลคณกิจ (หลวงพ่อโฝ)
๕. พระอธิการอดุลย์ เหวเ่ จื๋อง (ฮบั ยิว้ )
๖. พระสมณานัมธรี าจารย์ ดำ�รงตำ�แหนง่ เจา้ อาวาส พ.ศ. ๒๕๓๐ - ปจั จบุ ัน

161

162

วััดมงคลสมาคม (โห่ย่ คั้�นตื่�อ)

ถนนแปลงนาม แขวงสัมั พันั ธวงศ์์ เขตสัมั พันั ธวงศ์์ กรุุงเทพมหานคร
วดั มงคลสมาคม (จว่ั โหย่ ค้ันหรือโหย่ คน้ั ตอื่ ) สร้างข้ึนเม่อื ปี พ.ศ. ๒๓๑๙ เปน็ วัดแหง่ ที่สองในสังกัด
คณะสงฆอ์ นมั นิกาย สมัยกรุงธนบรุ ีในรัชสมัยของสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช วดั แห่งนเ้ี ป็นวัดสาย
เวียดนามหรือวัดญวน โดยมชี ื่อภาษาไทยว่า วัดมงคลสมาคม และภาษาญวนเรียกวา่ “โห่ยคั้นตื่อ”
วดั มงคลสมาคม แตเ่ ดิมตง้ั อยู่ท่ีบ้านญวน ขา้ งหลังวงั บูรพาภริ มย์ ครน้ั เมอ่ื จะตดั ถนนพาหรุ ดั วดั แหง่ น้ี
อยใู่ นแนวของถนน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จึงโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มให้ทำ�ผาติ
กรรมอยา่ งวดั ไทย คือพระราชทานท่ีดนิ และให้สร้างวดั ข้นึ ใหม่แลกกบั วัดเดมิ โดยยา้ ยไปตง้ั ท่ีริมถนน
แปลงนาม ในเขตสมั พันธวงศ์ กรงุ เทพมหานคร โดยมเี จา้ อาวาสตามลำ�ดบั ดังน้ี

๑. พระครคู ณานมั สมณาจารย์ (เหมกิ โงน)
๒. พระครูบริหารอนัมพรต (ทงมิน)
๓. พระคณานมั ธรรมสมาธิวัตร (ยา้ กเหมิง)
๔. องสรภาณมธรุ ส (บุญชู ติน่ ทิน)
๕. องอนนตสรภัญ (โกสินทร์ เลอื งซัน)
๖. พระบรหิ ารอนัมพรต (ชาติชยั เหย่ียวคัง)

163

วัดั เขตร์น์ าบุุญญาราม (เพื้�อกเดี้�ยนตื่�อ)

ตำบลวััดใหม่่ อำเภอเมืืองจันั ทบุรุ ีี จังั หวััดจัันทบุรุ ีี

วัดเขตร์นาบญุ ญารามนนั้ มชี ื่อตามภาษาญวนว่า “เพอ้ื กเดี้ยนตื่อ”ตง้ั อย่บู นถนน
ขวาง ตำ�บลตลาด อ�ำ เภอเมอื งจันทบุรี จงั หวดั จนั ทบุรี วัดนี้สร้างขึ้นโดยชาวญวนทอ่ี พยพ
เขา้ มาในจงั หวดั จนั ทบรุ ีสมยั รชั กาลที่๓โดยสรา้ งในปีพ.ศ.๒๓๗๗ ปจั จบุ นั มอี ายุ๑๘๒ปีเปน็
วดั ท่นี บั ถอื พระพุทธศาสนามหายาน ฝา่ ยอนมั นกิ าย โดยมีคณะสงฆ์อนัมนิกายปกครอง
โดยมีลำ�ดับเจ้าอาวาสตามที่ได้มีการสืบค้นจากการสัมภาษณ์พระสงฆ์ที่เคยจำ�พรรษาอยู่
ทว่ี ัดแห่งนแี้ ละพระสงฆ์ปจั จุบัน ตลอดจนหลกั ฐานเทา่ ทจ่ี ะหาได้มีลำ�ดับดงั นี้ คือ

ล�ำ ดับท่ี ๑ ไม่ทราบชอ่ื
ลำ�ดับท่ี ๒ ไม่ทราบช่อื
ลำ�ดับที่ ๓ พระอาจารยห์ รั่ง
ล�ำ ดับท่ี ๔ พระอาจารย์ลี เหมกิ หนั
ล�ำ ดบั ท่ี ๕ พระอาจารย์อาจ ถาวรกลุ
ล�ำ ดบั ที่ ๖ องสรภาณมธุรส (เฮงเซย้ี ง แซ่หั่น)
ลำ�ดับที่ ๗ องสรพจนสุนทร (ณรงค์ แซ่ลอ้ )
ล�ำ ดับท่ี ๘ องพจนโกศล (บญุ ชู แซล่ อ้ )
ลำ�ดบั ที่ ๙ องสตุ บทบวร (ไพรตั น์ อาจนนั ท์ เหว่ต้)ี เจ้าอาวาสปจั จบุ นั
ในสว่ นของนามวัดที่ในอดีตมีเพยี งแตท่ ่เี ป็นภาษาญวนและภาษาจีนเท่านน้ั คอื
“เพือ้ กเด้ยี นตอ่ื หรือ ฮกชัง่ ย”่ี ตอ่ มาในรัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว
รัชกาลท่ี ๕ ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทานนามวัดญวนใหม้ ชี อ่ื
อย่างไทย โดยแปลความหมายของช่อื วดั ใหค้ งเดมิ คอื “เพ้ือก แปลวา่ บญุ ” สว่ น “เดย้ี น
แปลว่า นา” และ “ตอื่ แปลวา่ วัด” จึงไดน้ ามพระราชทานว่า “วัดเขตรน์ าบุญญาราม”
โดยมีหลักฐานเรอ่ื งการพระราชทานนามวัดของท่านพระครูคณาสมณาจารย์ ในวนั ท่ี ๒๐
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ เขียนไว้มีใจความดังน้ี คอื

164

“พระบาทสมเด็จพระบรมพิตรพระ
ราชสมภารเจ้าแห่งประเทศไทย ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรม
ราชปู ถมั ภแ์ กค่ ณะสงฆ์อนมั นิกาย ทัง้ ในด้านศาสน
กิจและสังฆานุเคราะห์อันควรแก่สมณวิสัยโดย
ล�ำ ดับ ดว้ ยวดั ทตี่ ง้ั อย่ใู นท้องที่ ต�ำ บลตลาดขวาง
อ�ำ เภอเมอื งจันทบุรี จงั หวัดจนั ทบุรี มนี ามวัดเปน็
ภาษาและอักษรจีนอยู่ มิได้ปรากฏชดั แกผ่ ้อู ่าน
ภาษาและอกั ษรนนั้ ไมไ่ ด้ เพื่ออนวุ ตั ตามทพ่ี ระบาท
สมเดจ็ พระบรมบพิตรพระราชสมภารเจา้ เอกอัคร
ศาสนูปถัมภกที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด
กระหม่อมพระราชทานนามวัดต่าง ๆของอนัม
นกิ ายเปน็ ภาษาไทย จงึ ขอต้ังนามวัดว่า
“วัดเขตรน์ าบญุ ญาราม” เดชะด้วยอำ�นาจ
แหง่ คุณพระศรรี ัตนตรยั จงอภิบาลคุ้มครองวัดเขต
ร์บุญญารามต�ำ บลตลาดขวาง อ�ำ เภอเมอื งจนั ทบุรี
จังหวัดจนั ทบรุ ี ใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื ง งอกงามไพบลู ย์ ใน
พระบวรพุทธศาสนาตลอดกาลเป็นนิจนริ ันดร”์

จากอดตี ถงึ ปัจจบุ นั วดั เขตร์นาบุญญารามได้สบื สานประเพณี และวฒั นธรรมมาอย่าง
ต่อเนือ่ งจนเปน็ เสมือนประเพณีส�ำ คญั คูจ่ ังหวดั จันทบรุ ี ทไี่ ด้รบั ความศรัทธาอยา่ งมิขาดสาย
อาทิ “พธิ บี ูชาดาวนพเคราะห์” ซึง่ จะจดั ข้ึนในช่วงเดอื น ๑ ของจนี หรอื ในช่วงประมาณเดือน
กมุ ภาพันธข์ องทกุ ปี โดยมคี วามเชือ่ วา่ ในทุก ๆ ปชี วี ติ ของคนเราจะมดี าวนพเคราะห์ทงั้ ๙ มา
เสวยอายุของแต่ละคนแตกต่างกนั ออกไป ตามอายุ เพศ และปีเกดิ ซ่ึงอาจดลบนั ดาลใหทั้งคุณ
และโทษ จงึ ตอ้ งมีการนอบนอ้ มอัญเชญิ ดาวนพเคราะหท์ ้ัง ๙ ให้เสด็จมาประทบั ในบริเวณพระ
อโุ บสถ เพือ่ พุทธศาสนิกชนไดก้ ราบไหวส้ ะเดาะเคราะห์ จดุ เทียนอายวุ ัฒนะเป็นรูปดวงดาว
ต่าง ๆ ถวายขึ้นเป็นพทุ ธบชู า ท�ำ บญุ “พะเกง่ ” เสรมิ ดวงชะตาใหท้ กุ คนในครอบครัวไดอ้ ยูเ่ ยน็
เปน็ สุขตลอดทงั้ ปี

165

เมอื่ ย่างเข้าสูเ่ ดือน ๗ ของจนี เทศกาลแหง่ การทำ�ทานคร้งั ยิง่ ใหญ่ “เทศกาลทงิ้
กระจาด” ทางวัดเขตรบ์ ญุ ญารามจะอัญเชญิ “องค์ไต้ซอื เอี๊ย” หรอื พญายมราช ประทบั ยัง
ศาลาบำ�เพญ็ บุญ เพ่อื ควบคุมเหลา่ ดวงวิญญาณน้อยใหญ่ ไมเ่ ลือกชนช้นั วรรณะ ไมเ่ ลือกเพศ
เลือกวัย ไรญ้ าตขิ าดมติ รทจี่ ะอุทศิ บญุ กศุ ลไปให้ เหลา่ พุทธศาสนิกชนจะเชญิ มาเพือ่ รับประทาน
อาหาร รบั เสอื้ ผ้า เงนิ ทอง กอ่ นท่จี ะอทุ ศิ บุญกศุ ลเพือ่ จะได้น�ำ พาดวงวญิ ญาณเหล่านั้นไปสูส่ คุ ติ
ภพ ส่วนผยู้ ากไรข้ ัดสนทเี่ ขา้ ร่วมพิธี กจ็ ะได้รบั ขา้ วสารและเครอ่ื งใชต้ ่าง ๆ จากผทู้ ่มี จี ิตศรทั ธา
เพ่อื เป็นการท�ำ ทานด้วยใจท่บี รสิ ุทธิอ์ ย่างแทจ้ ริง และเม่ือถงึ เดือน ๙ ของจนี เทศกาลงานบุญ
ทีย่ ิ่งใหญ่ เก่าแก่กว่า ๑๔๐ ปี “เทศกาลถือศีลกินเจ” เทศกาลทม่ี ีผู้เขา้ ร่วมกวา่ หมน่ื คน วดั เขต
ร์นาบญุ ญารามยงั คงยดึ รูปแบบจารตี แบบดัง้ เดมิ มีการจัดเตรยี มสถานท่ี เนรมิตพระอโุ บสถ
ให้เป็นทป่ี ระทบั รับเสดจ็ “องคก์ ๋วิ ออ๋ งฮุกโจ้ว” หรือพระพุทธเจ้าทง้ั ๙ พระองค์ ท่ีจะเสดจ็ มา
เป็นประธานในเทศกาลถอื ศีลกินเจ และถือว่าเป็นโรงเจเพียงแห่งเดยี วที่ใชพ้ ระอโุ บสถเปน็ ที่
ประทับประกอบพิธีต่าง ๆ ในเทศกาลถือศีลกินเจ ในนาม “บว้ นเฮงเจตวั๊ ” โดยตลอดทัง้ ๑๐
วนั ศกั ดิ์สทิ ธ์ิ เครอื่ งสกั การะทบี่ รรจงจดั เตรยี มด้วยความประณีตจะน�ำ มานอบนอ้ มเขา้ ร่วมพิธี
อย่างมขิ าดสาย ทุกพธิ ีการจะได้รบั การสืบทอดอย่างโบราณ เนน้ ความสงบ เรยี บงา่ ย สงา่ งาม
เพอื่ ให้เจอว๊ิ ผู้มีใจกศุ ลได้บ�ำ เพญ็ เพยี ร ละเว้นการเบยี ดเบียนชีวิตผู้อ่นื ตงั้ สมาธิ รกั ษาศีล ท�ำ จติ
ให้บริสุทธ์ิ บนอาณาเขตท่ไี ดช้ ือ่ วา่ เป็นเขตแหง่ เนอ้ื นาบญุ โรงเจบ้วนเฮงเจตัว๊ วัดเขตรน์ าบญุ ญา
รามถึงแม้วนั เวลาจะผนั เปล่ยี นไป สังคมมคี วามเจริญกา้ วหน้าไปสักเพียงใด หากแต่ “วดั เขตร์
นาบุญญาราม” กย็ ังคงยืนหยัดเป็นท่พี ึง่ ทางจิตใจของพระพทุ ธศาสนิกชนอยอู่ ยา่ งไมเ่ สอื่ มคลาย
สานสายสมั พันธ์อันงดงามทางวัฒนธรรม สบื ต่อร่นุ ตอ่ รุ่นบนวถิ ีผสมผสาน ท่ีทง้ั ประเพณี ค�ำ
สอน และพธิ ีกรรมตา่ ง ๆ กวา่ ๑๘๒ ปนี น้ั ยอ่ มเปน็ เคร่อื งชี้ชัดให้ประจักษ์แลว้ วา่ “วดั เขตรน์ า
บญุ ญารามเป็นยง่ิ กวา่ มหายานมิ่งมงคลบนแผน่ ดินจนั ทบรู ” อยา่ งแท้จรงิ
สมเดจ็ พระนางเจ้าร�ำ ไพพรรณี พระบรมราชนิ ีในรัชกาลที่ ๗ เสด็จพระราชดำ�เนินมา
ทรงทำ�พิธตี ัดหวายลกู นิมติ ณ พระอุโบสถ วัดเขตรน์ าบุญญาราม จงั หวดั จันทบรุ ี เมอื่ วันที่ ๑๑
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๑

166

อนึง่ ในโอกาสทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มหิตลาธเิ บศร
รามาธบิ ดี จกั รนี ฤบดนิ ทร สยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพิตร และสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ิ
ต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พรอ้ มดว้ ยสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสดจ็
พระราชด�ำ เนนิ มาทรงท�ำ พธิ เี ปิดพระบรมราชานุสาวรยี ส์ มเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ สวน
สาธารณะทงุ่ นาเชย อำ�เภอเมอื งจนั ทบรุ ี จังหวัดจันทบุรี และทรงเยย่ี มราษฎรจงั หวดั จันทบรุ ี
องสรภาณมธุรส (เฮงเซ้ยี ง ตน่ิ เนียม) เจา้ อาวาสวัดเขตร์นาบุญญารามในขณะนน้ั ได้เข้าเฝา้ ฯ ทูล
เกล้าทลู กระหมอ่ มถวายพระพทุ ธรูปดว้ ย เม่อื วันจันทรท์ ่ี ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๔
เมอ่ื วันท่ี ๒๒ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ พระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ โสมสวลี พระ
วรราชาทินดั ดามาตุ เสด็จมายงั วัดเขตรน์ าบญุ ญาราม อำ�เภอเมอื งจันทบรุ ี จังหวัดจันทบรุ ี ทรง
บรรจุพระบรมสารีรกิ ธาตใุ นพระเกศพระประธานอุโบสถ ประกอบดว้ ย พระอมติ าภพทุ ธเจา้
พระไภษชั ยครุ ไุ วฑูรยประภาตถาคตพระพทุ ธเจา้ และพระศรีศากยมุนีพุทธเจา้ พระบรม
สารรี กิ ธาตุนี้ สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ได้ประทาน
ใหเ้ มื่อพุทธศกั ราช ๒๕๕๕ เพือ่ เป็นทส่ี ักการบชู าและเปน็ ท่ตี ้งั มั่นแหง่ พระพุทธศาสนา รวมทงั้
เพ่ือความเป็นสิริมงคลแกค่ ณะสงฆ์ สามเณร พทุ ธศาสนกิ ชน และประชาชนชาวจงั หวดั จนั ทบุรี
สบื ไป

167

วัดั อนัมั นิกิ าย(เหฉงล็ิอ็ ิมกพทัรันะตืช่�อน)มพรรษากาล

ตำบลดอนมะนาว อำเภอสองพี่่�น้้อง จังั หวััดสุุพรรณบุุรีี
วดั อนัมนิกายเฉลิมพระชนมพรรษากาล ต้ังอยูเ่ ลขที่ ๒๐๘ บา้ นดอนมะนาว หมู่ ๑
ต�ำ บลดอนมะนาว อ�ำ เภอสองพน่ี อ้ ง จงั หวดั สพุ รรณบุรี สังกัดคณะสงฆอ์ นัมนิกาย มีเน้ือที่ ๒๒
ไร่ ๗ ตารางวา เดิมสมยั กอ่ นประมาณ ๘๐ - ๙๐ ปี เคยเปน็ โรงเจจากคำ�บอกเล่าของผู้สูงอายุ
และคณะกรรมการร่นุ ตอ่ รุ่น ไดม้ ีการบรู ณะเรอื่ ยมาจนมาถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๔ องสรภาณมธุรส
(หลวงพ่อกวง) วัดชัยภูมิการาม และคณะกรรมการชาวบ้าน ประชมุ ปรกึ ษาหารอื กัน เห็น
สมควรรือ้ ถอนอาคารหลงั เก่าออก และสรา้ งเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหลก็ แล้วถวายเป็นธรณี
สงฆ์ ขอสร้างเป็นวดั มีพระสงฆม์ าจ�ำ พรรษา อาคารเสนาสนะประกอบดว้ ยอโุ บสถ สรา้ งเป็น
สำ�นกั สงฆ์เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๓๕ และตังเปน็ วดั ตามล�ำ ดับ ซง่ึ มีองสังฆรักษ์ปรชี า เถย่ี นกือ เป็นเจ้า
อาวาสรูปแรก ปัจจบุ นั ได้รบั สมณศกั ดิเ์ ปน็ องสรพจนสนุ ทร

วดั อนัมนกิ ายเฉลิมพระชนมพรรษากาล ตัง้ ข้นึ เม่อื วนั ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ตาม
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเม่ือวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ตง้ั ชือ่ วัดวา่
“วดั เง็กเซง่ ต๋วั ” ต่อมาเมื่อวนั ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เจา้ คณะใหญ่อนมั นิกาย ได้ทำ�
หนงั สือกราบทูลสมเด็จพระสงั ฆราช (สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆ
ปรณิ ายก) ขอประทานชอ่ื วดั ใหม่ สมเดจ็ พระสังฆราชทรงมีพระบญั ชาตง้ั ชือ่ วดั ว่า “วดั อนัม-
นกิ ายเฉลิมพระชนมพรรษากาล” เนอ่ื งในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖
รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ และปีพทุ ธศักราช ๒๕๔๗ ทำ�เร่ืองขอพระราชทานวิสงุ คามสีมา แลว้
ได้รบั พระราชทานวสิ ุงคามสีมาตามประกาศราชกจิ จานุเบกษา

168

ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จดั พิธีผกู พทั ธสีมาปิดทองฝงั ลูกนมิ ติ อุโบสถ ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๙
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ สมเด็จพระพทุ ธชินวงศ์ วดั พิชยญาติการาม มเี มตตามาเปน็ ประธาน
ฝา่ ยสงฆ์เปดิ งานผกู พทั ธสมี าปดิ ทองฝังลกู นิมติ อุโบสถ นายนพรตั น์ เบญจวัฒนานนั ท์ ผอู้ ำ�นวย
การส�ำ นักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ วนั จันทร์ท่ี ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๕๕๕ เวลา ๑๕.๓๐ น. พระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จ้าโสมสวลี พระวรราชาทนิ ดั ดามาตุ เสด็จ
มาทรงตัดหวายลูกนมิ ติ อโุ บสถ สมเดจ็ พระมหามุนวี งศ์ (อมั พร อมพฺ โร) วัดราชบพิธสถิตมหา
สมี ารามราชวรวิหาร ประธานสวดผูกพทั ธสีมา ปัจจุบนั ได้รบั การสถาปนาเปน็ สมเด็จพระอริ
ยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก องค์ท่ี ๒๐

169

วัดั ธรรมปััญญารามบางม่ว่ ง (ฮึึงถั่�นตื่�อ)

ตำบลบางช้้าง อำเภอสามพราน จังั หวััดนครปฐม

วัดธรรมปัญญารามบางมว่ ง สามพราน นครปฐม
เปน็ วดั พระพุทธศาสนามหายาน ในสังกดั คณะสงฆอ์ นมั
นกิ ายแหง่ ประเทศไทย วดั แห่งนเ้ี ปน็ 1 ใน 9 แห่งของ
สถานทีท่ อ่ งเท่ียว จังหวดั นครปฐมตงั้ อยู่รมิ แม่น�้ำ ท่าจนี
เปน็ วัดท่ีมีพระยูไลไภษัชยครุ พุ ุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าจอม
แพทย์) เน้อื เงินยวง และพระโพธิสตั ว์กวนอิมอิรยิ าบถ
นอนที่ใหญท่ ี่สดุ ในประเทศไทย มคี วามยาว 21 เมตร
หลอ่ ด้วยทองเหลอื ง พระพกั ตร์ผสมทองคำ� เปน็ สถาน
ท่ีที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจให้แก่พุทธศาสนิกชนท่ีเคารพ
ศรทั ธามาสกั การะ ปฏบิ ตั ิธรรม และยังคงเปน็ มรดกทาง
วัฒนธรรมแห่งลุม่ นำ�้ ทา่ จีน ”

170

วดั ธรรมปญั ญารามบางมว่ ง ตง้ั อยู่อ�ำ เภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มที ด่ี ินเนอ้ื ท่ี 10
ไร่ 2 งาน 42 ตารางวา “วัดธรรมปญั ญารามบางมว่ ง” หรือเรยี กสน้ั วา่ วดั บางม่วง ตงั้ อยู่รมิ
แม่น้ำ�ทา่ จีน ซึ่งสถานทแ่ี ห่งน้สี งบ รม่ รื่น สปั ปายะภายในวดั มีสถานทีศ่ ักดิส์ ทิ ธ์หิ ลายแหง่ ไดแ้ ก่

พระยไู ลไภษัชยครุ พุ ุทธเจ้า หรอื พระพุทธเจ้า
จอมแพทย์ 藥師佛 หรอื ท่ีร้จู ักกันในนามของพระ
กรง่ิ ซึ่งสรา้ งข้นึ จากเนอื้ เงนิ ยวงผสมเงินแท้ สูง 7 เมตร
องค์ใหญท่ ่ีสุดในประเทศไทย ปางนั่งขดั สมาธิภาวนา
พระหัตถ์ทรงถือบาตรนำ�้ มนต์ ทพี่ ทุ ธศาสนกิ ชนผู้ศรัทธา
ร่วมกนั สร้างพระยไู ลไภษชั ยคุรพุ ุทธเจ้าข้นึ เพื่อเปน็ ท่ียดึ
เหนี่ยวจิตใจ และใหผ้ คู้ นไดก้ ราบสักการะขอพร ซ่ึงพระ
ยูไลไภษัชยคุรุเป็นพระพุทธเจ้าแห่งการประทานพรเรื่อง
สุขภาพ ท่ีเกดิ ความทกุ ขจ์ ากโรคทางกาย และโรคทางใจ
ในยามเจ็บปว่ ย ซ่งึ พระไภษชั ยครุ พุ ทุ ธเจ้า เปน็ ทีน่ ับถือใน
กลุ่มชาวไทยเช้ือสายจีนโดยรูปเคารพมักปรากฏตามวัด
พระพทุ ธศาสนามหายาน
พระโพธิสัตวก์ วนอิมปางเสวยสขุ หรอื พระโพธสิ ตั ว์กวนอิมอริ ยิ าบถนอนท่ใี หญ่ทส่ี ุด
ในประเทศไทย มคี วามยาว 21 เมตร หล่อด้วยทองเหลือง พระพกั ตรผ์ สมทองค�ำ ลกั ษณะของ
พระโพธสิ ตั ว์กวนอิมปางเสวยสขุ ทวี่ ัดธรรมปญั ญารามบางม่วงนี้ อยู่ในอิริยาบถนอนท่แี ย้มพระ
โอษฐ์ ซึ่งเปน็ ปรศิ นาธรรม (พระโพธสิ ัตวใ์ นอิริยาบถนอนอยา่ ง ผหู้ มดจากทกุ ข์ คอื การนอนย้มิ
อย่างมสี ขุ ) เพอื่ ใหไ้ ด้รวู้ ่าการท่จี ะหมดจากทุกขโ์ ศกได้ ต้องปฏิบตั ธิ รรม แมแ้ ตใ่ นอริ ยิ าบถการ
นอนกน็ อนแบบมสี ติ ซงึ่ เตม็ ไปด้วยพระเมตตาบารมี

171

วััดเจริิญบุญุ ไพศาล (ฮึึงเพื้�อกตื่�อ)

บ้้านหนองแฟบ ตำบลท่า่ มะขาม อำเภอเมือื งกาญจนบุรุ ีี จังั หวัดั กาญจนบุุรีี

วัดเจรญิ บญุ ไพศาล (ฮึงเพ้อื กตื่อ) ต้งั อยทู่ ี่ ๑๗๙ บา้ นหนองแฟบ หมู่ ๓ ตำ�บลท่า
มะขาม อำ�เภอเมอื งกาญจนบรุ ี จงั หวัดกาญจนบุรี วดั แหง่ นไ้ี ดป้ ระกาศตั้งวดั ในสังกัดอนมั นิกาย
ประกาศต้งั ณ วันที่ ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมี องอนันตสรนาท (สมพุฒ มินหลับ)
เป็นเจ้าอาวาสองคป์ จั จบุ ัน
สถานท่ตี ้ัง เลขท่ี ๑๗๙ หมู่ ๓ ตำ�บลทา่ มะขาม อ�ำ เภอเมอื งกาญจนบุรี จังหวัด
กาญจนบุรี พ้นื ท่ตี ดิ ชายภูเขาช่องเสด็จ หมบู่ ้านหนองแฟบ จำ�นวนทีด่ ินของวัด ๒ แปลง รวม
๑๑ ไร่ ๒ งาน เศษเลก็ นอ้ ย แปลงที่ ๑ โอนจากนายเสนาะ สมยั นิยม ๕ ไร่ ด้วยการถวายเพอ่ื
สรา้ งวัด แปลงท่ี ๒ โอนจากนายนคิ ม สมัยนิยม ๖ ไร่ ๒ งานเศษ ร่วมถวายเพอื่ สรา้ งวดั ได้รับ
อนุญาตให้สรา้ งวัดเม่ือวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้รับประกาศตัง้ เป็นวัดขนึ้ ในพระพทุ ธ
ศาสนา มีนามวา่ “วดั เจริญบญุ ไพศาล” ประกาศ ณ วันท่ี ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑
วดั แหง่ นี้ยงั ไม่ไดข้ อพระราชทานวิสงุ คามสีมา
แนวข้อวัตรปฏิบตั ิต่าง ๆ กิจของสงฆ์มเี จรญิ พระพุทธมนต์ ท�ำ วตั รเช้าเยน็ บ�ำ เพญ็ กรรมฐานตาม
สมควรแกเ่ วลา รักษาความสะอาดของวดั มกี ารบำ�เพ็ญกุศล ขน้ึ ปีใหม่ วดั ส�ำ คัญในพระพทุ ธ
ศาสนา และส่งเสริมปลูกต้นไมเ้ พอ่ื ความร่มเยน็ ลดความร้อน ทำ�ใหอ้ ากาศสดชน่ื ดียิ่งขึ้นไป

172

วัดั มหายานกาญจนมาสราษฎร์์บำรุงุ (คั้�นซัันตื่�อ)

ถนนมหาภาส ตำบลสะเตง อำเภอเมืืองยะลา จัังหวัดั ยะลา

เม่อื ปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ - ๒๕๐๗ นายประเวศ เรอื งจรัส ได้อทุ ิศทดี่ ินเพอื่ สร้างเปน็
ส�ำ นักสงฆข์ น้ึ ณ หมทู่ ่ี ๖ ต�ำ บลสะเตง อำ�เภอเมอื งยะลา จังหวัดยะลา มที ่านพระอาจารย์วิเชาว์
ติน่ ซัน เป็นผูด้ ูแล โดยต้ังชอ่ื วา่ “ส�ำ นักสงฆอ์ นมั นุเคราะห์ราษฎร์บำ�รุง”
พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้รบั อนญุ าตใหส้ รา้ งวัด เป็นวัดในสงั กัดคณะสงฆ์อนมั นิกาย
พ.ศ. ๒๕๓๙ พระอธกิ ารวเิ ชาว์ ต่ินซนั ได้รบั แต่งตั้งให้ดำ�รงตำ�แหน่งสมณศกั ดิ์
เปน็ “องปลัดวเิ ชาว์ ตน่ิ ซัน” คณานุกรมในพระคณานมั ธรรมปญั ญาธวิ ตั ร (กนิ๊ เจยี๊ ว)
พ.ศ. ๒๕๔๐ ไดร้ บั พระบัญชาจากเจ้าพระคณุ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระ
สงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก โดยความเหน็ ชอบของคณะสงฆอ์ นัมนกิ าย ประกาศตง้ั เปน็ วัด
ในพระพทุ ธศาสนา สมเดจ็ พระสงั ฆราชมีพระเมตตาทรงประทานนามว่า “วดั มหายานกาญจน
มาสราษฎร์บำ�รงุ ” และไดร้ บั อัญเชิญตราสญั ลักษณง์ านพระราชพธิ ีกาญจนาภเิ ษกฉลองสริ ริ าช
สมบัตคิ รบ ๕๐ ปี ประดษิ ฐานเหนอื อาคารปฏบิ ตั ธิ รรมในปีเดียวกัน
ลำ�ดบั เจา้ อาวาสองคป์ ฐมถึงปจั จุบัน
๑. องปลัดวเิ ชาว์ ตน่ิ ซัน
๒. องพจนกรโกศล (ไพรัตน์ เหว่ต)้ี รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๓. องสุตบทอนมั บรหิ าร (แดง อ๊ีต)ู
๔. พระมหาคณานมั ธรรมปัญญาธวิ ัตร (ถนอม เถ่ียนถึก) รักษาการแทนเจา้ อาวาส

173

174

(ซำปอวกััดงอ -ุ ภุตัยัาภมาบ๋ต๋าิกิวาก็ร็อางมเผิกิ ตื่�อ)

ถนนศุุภกิจิ ตำบลหน้า้ เมืือง อำเภอเมืืองฉะเชิิงเทรา จัังหวัดั ฉะเชิิงเทรา

วัดอภุ ัยภาติการาม หรือท่ชี าวจนี เรยี กกันวา่ “วัดซำ�ปอกง” สงั กัดคณะสงฆอ์ นมั นิกาย
มเี น้อื ที่จ�ำ นวน ๒ ไร่ ๓ งาน ๔๐ ตารางวา สรา้ งในสมยั แผน่ ดนิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้
เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ ๕ เมอื่ ร.ศ. ๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๙) โดยหลงจู๊ฮ้ี (ผูเ้ ป็นพ่อ) และหลงจ๊แู ดง
(ผู้เปน็ ลูก) ไดส้ ละท่ีดินใกล้ตลาดบ้านใหม่ สรา้ งวิหารประดิษฐานพระพทุ ธรปู ข้นึ ในปี ร.ศ. ๑๒๖
(พ.ศ. ๒๔๕๐) คร้นั เม่อื พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ได้เสดจ็ ประพาสเมือง
ฉะเชงิ เทรา เพือ่ เปดิ ทางรถไฟสายกรงุ เทพฯ - ฉะเชงิ เทรา และได้ทรงพระกรุณาเสดจ็
พระราชด�ำ เนินมายังวิหารอนั เปน็ ทปี่ ระดษิ ฐานพระพุทธรูปดว้ ย มีพระราชศรัทธาบรจิ าคเงิน
จำ�นวน ๒๐๐ บาท พระราชทานสมทบในการสร้างอาราม และปฏิสังขรณ์พระพทุ ธศาสนา กบั
ได้พระราชทานนามวัดน้ีวา่ “วดั อุภยั ภาตกิ าราม” ส่วนพระพทุ ธรปู ในวหิ ารพระราชทานนามวา่
“พระพทุ ธไตรรตั นนายก” มขี นาดหนา้ ตกั กวา้ งราว ๖ เมตรเศษ และสงู ราว ๗ เมตรเศษ
วัดอุภัยภาติการามนี้ แต่เดิมเปน็ วัดจีนนิกาย อยูภ่ ายใต้การดแู ลของพระอาจารยจ์ นี
วังสสมาธวิ ัตร เซย่ี งหงี อดตี เจา้ คณะใหญ่จนี นกิ าย และอดตี เจ้าอาวาสรูปที่ ๕ แห่งวัดจนี
ประชาสโมสร ครัน้ เมือ่ ท่านไดถ้ ึงแกม่ รณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ วดั น้กี ข็ าดการดูแลรกั ษา
ถกู ปลอ่ ยใหเ้ ส่ือมสภาพลง และอยใู่ นสภาพวดั ร้างมานับสิบปี คร้ันต่อมาเมื่อวันท่ี ๒๘
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ นายพชิ ยั สรุ ัตพิพิธ บตุ รขนุ พพิ ิธพานชิ กรรม พรอ้ มดว้ ยสัปปุรษุ
ได้ท�ำ หนงั สอื ยน่ื เรือ่ งราวถึงกรมศาสนา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยผา่ นเจ้าคณะใหญ่อนมั นกิ าย
ซง่ึ กรมการศาสนา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดร้ บั รองสภาพวดั อภุ ยั ภาตกิ ารามเปน็ นติ บิ คุ คลถกู ตอ้ ง
ตามกฎหมาย เม่อื วนั ท่ี ๑๓ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ วดั นี้จงึ ได้รับการบรู ณะซอ่ มแซมใหฟ้ ืน้ คนื
สภาพขน้ึ มาอีกคร้งั โดยความอปุ ถัมภ์ของคณะสงฆอ์ นมั นกิ าย ภายใตก้ ารควบคมุ ดแู ลจาก
พระอธกิ ารฮกฮี วาเยงิ และไดร้ บั พระราชทานวสิ งุ คามสมี า เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๓

ลำ�ดบั เจา้ อาวาสตัง้ แตอ่ งคป์ ฐมถึงปจั จบุ ัน
๑. พระอาจารยจ์ ีนวงั สสมาธิวตั ร (เซีย่ งหงี)
๒. พระอธกิ ารฮกฮี วาเยงิ
๓. องอนันตสรนาท (ซือเจา ถอ่ เหยย่ี ว)
๔. องอนนั ตสรนาท (ประดษิ ฐ์ อี๊ส)ี
๕. องปลัดธรรมปญั ญาธิวตั ร (ธีระยุทธ เถ่ยี นคาย)

เลขานุการเจ้าคณะใหญอ่ นมั นิกาย เจ้าอาวาสรูปปจั จุบัน

175

176

วดั ถาวรวราราม หาดใหญ่ (คนั้ ถอ่ ต่อื )

ซอยวดั ถาวร ถนนศภุ สารรงั สรรค์ เทศบาลนครหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา
วดั ถาวรวราราม หาดใหญ่ เป็นวดั ในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน สังกดั คณะสงฆ์อนมั
นกิ าย มชี อื่ ตามภาษาเวียดนามวา่ “คนั้ ถ่อต่ือ” ซึง่ หมายความว่า “อยู่อย่างมั่นคงถาวร” ตัง้ อยู่
เลขท่ี ๓๓ ซอยวัดถาวร ถนนศภุ สารรงั สรรค์ ตำ�บลหาดใหญ่ อ�ำ เภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา เร่มิ
ก่อต้ังเม่อื ปพี ทุ ธศักราช ๒๔๙๗ และมีเจา้ อาวาสเรียงตามล�ำ ดับก่อนหลงั ดงั นี้
เจ้าอาวาสรูปท่ี ๑ (พ.ศ. ๒๔๙๗ - ๒๕๐๓) พระภิกษจุ วิ แซเ่ ฮง (ฮง่ ชิว) ฉายา ต่นิ ฉา
ชาวเมอื งแต้จิว๋ ไดอ้ ปุ สมบทในสงฆฝ์ ่ายอนัมนิกาย ณ วัดถาวรวราราม จงั หวัดกาญจนบรุ ี
โดยมีพระสมณานมั วุฑฒาจารยไ์ พศาลคณกจิ (พ็องเดย้ี ว) เปน็ อปุ ัชฌาจารย์ เนื่องจาก
พุทธศาสนิกชนชาวหาดใหญน่ มิ นตท์ ่านมาประกอบพธิ ีเป็นประจ�ำ ทา่ นจึงคดิ ริเรม่ิ จดั ตง้ั ส�ำ นกั
ข้ึนท่ีหาดใหญ่เพอื่ สร้างเป็นส�ำ นักสงฆ์
เจา้ อาวาสรปู ที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๑๑) ทา่ นองอธกิ ารบนุ้ ฮี ฉายา เหวเ่ ยนิ ได้มา
รบั ต�ำ แหนง่ เจ้าอาวาส และทา่ นไดด้ �ำ เนนิ การยกสำ�นักสงฆ์วดั ถาวรขน้ึ เป็นวดั ในสังกัดคณะ
สงฆ์อนัมนกิ าย ในวันที่ ๒๖ สงิ หาคม พทุ ธศักราช ๒๕๐๐ ปีที่ ๑๒ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานวสิ ุงคามสมี า
ให้แกว่ ดั ถาวรวราราม (ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เล่มท่ี ๗๔ ตอนที่ ๘๘ หน้าที่ ๑๓๙๑
๑๕ ตุลาคม ๒๕๐๐) โดยมจี อมพลเรือ ป. ยุทธศาสตรโกศล เป็นผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ
เพ่ือใหพ้ ระสงฆท์ ำ�สังฆกรรมและศาสนกิจของสงฆต์ ามคติฝ่ายมหายานสบื มา
เจ้าอาวาสรปู ที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๑๑ - ๒๕๑๘ องสรพจนสนุ ทร (เจรญิ ฉายา ก๊ินเจ๊ยี ว) ปัจจบุ นั
มสี มณศกั ดทิ์ ่ี พระมหาคณานมั ธรรมปญั ญาธวิ ตั ร เจ้าคณะใหญอ่ นัมนิกาย
เจา้ อาวาสรูปท่ี ๔ พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๒๐ องอนนตสรนาท (ณรงค์ ฉายา ต่นิ เรียน)
ปัจจบุ นั มสี มณศักดิ์ท่ี พระคณานมั ธรรมวฒุ าจารย์ ผ้ชู ว่ ยเจา้ คณะใหญ่อนัมนกิ ายฝ่ายซา้ ย
เจ้าอาวาสรูปที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๗ องอธิการฮวดแซ ฉายา เพ้ือกด่าน
เจ้าอาวาสรปู ที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๒๗ - ๒๕๓๐ องใบฎีกาโฝมนั้ ฉายา เกวิ๊กซนั ปจั จุบนั มี
สมณศักดทิ์ ่ี องสรภาณมธุรส เจา้ อาวาสวดั ถาวรวราราม จงั หวัดกาญจนบุรี
เจา้ อาวาสรปู ที่ ๗ พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๗ องอธกิ ารโกสนิ ทร์ ฉายา เลอื งซนั ต่อมามี
สมณศกั ดท์ ่ี องอนนตสรภญั
เจา้ อาวาสรูปท่ี ๘ พ.ศ. ๒๕๓๗ - ๒๕๒๒ องปลัดบุญสง่ ฉายา เหยยี่ วหาย (ปัจจุบันมี
สมณศักด์ิที่ องสรพจนสนุ ทร ประธานสงฆอ์ นัมนิกายในสหรฐั อเมริกา)

177

เจา้ อาวาสรูปท่ี ๙ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ปจั จุบัน องปลัดปานชัย ฉายา เถ่ียนหงือ เมอ่ื ได้รบั การ
แตง่ ตงั้ ใหด้ ำ�รงตำ�แหนง่ เจ้าอาวาส ทา่ นได้เริ่มฟ้นื ฟูศาสนพธิ แี ละบรู ณะสถานที่ส่งิ ก่อสร้าง และ
อุโบสถ รวมทัง้ ยังสานต่อเทศกาลประเพณตี า่ ง ๆ อันมีคุณค่าสืบมา ทั้งยงั สนับสนนุ งานดา้ นการ
ศกึ ษาสงเคราะหแ์ ละงานด้านสาธารณะสงเคราะห์ตอ่ สังคมตลอดมาจนถงึ ปัจจุบนั
เนอ่ื งในโอกาสพระชนมพรรษา ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ของพระบาทสมเดจ็ พระปร
มินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน
สมณศักดิ์ พระคณานมั ธรรมวุฒาจารย์ (ณรงค์ ตน่ิ เรยี น) ผูช้ ่วยเจา้ คณะใหญ่อนัมนิกายฝ่ายซ้าย
พระปานชยั ฉายา เถยี่ นหงอื ไดร้ ับแตง่ ตงั้ เป็น คณานกุ รม ที่ องปลัด
ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชฯ ทรงพระ
กรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐนิ เพือ่ น�ำ มาทอดถวายยงั ชุมนมุ สงฆ์ วัด
ถาวรวราราม ในวันเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ (หมายรบั สง่ั ที่ ๘๕๙๒ ๑๔ สงิ หาคม ๒๕๕๘)
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาท่ีสุดมิได้แก่คณะพระภิกษุสงฆ์วัดถาวรวราราม
ศิษยานศุ ษิ ย์ และพุทธศาสนิกชนชาวหาดใหญ่
พระมหากรุณาธิคุณต่อวัดถาวรวราราม
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานวิสุงคามสีมาแก่วัดถาวรวราราม
วันที่ ๒๖ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๐๐
ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อม พระราชทานผา้ พระกฐินเพ่อื นำ�มาทอดถวาย
ยังชมุ นุมสงฆ์วัดถาวรวรารามในวนั เสารท์ ี่ ๓๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๘

178

179

วัดั ศรัทั ธายิ้�มพานิชิ วราราม (โผเจี๊�ยวตื่�อ)

ถนนนรราชอุทุ ิิศ ตำบลท่า่ ทราย อำเภอเมืืองสมุทุ รสาคร จัังหวัดั สมุุทรสาคร
วัดั ศรัทั ธายิ้�มพานิชิ วราราม ตั้�งอยู่�ที่�ถนนเทศบาล ๘ ตำบลท่า่ ทราย อำเภอเมือื ง

สมุุทรสาคร จัังหวััดสมุุทรสาคร วััดแห่่งนี้�เป็็นวััดในสัังกััดคณะสงฆ์์อนััมนิิกายแห่่ง
ประเทศไทย ซึ่�งตระกููลยิ้�มพานิิชมีีความศรััทธาในพระพุุทธศาสนา จึงึ ถวายที่่�ดิินผืืนนี้�
จำนวน ๒ ไร่่ ๒ งาน ถวายแด่พ่ ระเดชพระคุุณพระมหาคณานััมธรรมปััญญาธิิวัตั ร เจ้า้
คณะใหญ่อ่ นัมั นิกิ ายแห่่งประเทศไทย หลัังจากนั้�นเป็น็ ระยะเวลา ๑๑ ปีี จึงึ ได้้ดำริจิ ััด
ตั้�งขึ้�นเป็น็ วัดั ในสังั กัดั คณะสงฆ์อ์ นัมั นิกิ าย และได้ร้ ับั ประกาศแต่ง่ ตั้�งเป็น็ วัดั เมื่�อวันั ที่� ๑๗
พฤศจิกิ ายน ๒๕๔๖ โดยมีี องธรรมธรเอนก เถี่�ยนหลาก เป็น็ เจ้้าอาวาส

ภายในวััดมีพี ระพุทุ ธรููปของพระพุทุ ธเจ้า้ ทั้�ง ๓ พระองค์์ ญวนเรียี กว่า่ “ตาม
บ๋า๋ ว” ที่่�ผู้้�นับั ถืือพระพุทุ ธศาสนาฝ่า่ ยมหายานเคารพบููชาเป็น็ อย่า่ งมาก ประกอบด้้วย
องค์ก์ ลางพระศรีีศากยมุนุ ีพี ุุทธเจ้า้ ญวนเรียี ก ทิิดกามึึวนีีเผิิก จีีนเรียี ก เซ้้กเกีียมอนีีฮุุก
ท่่านศรีีพระพุุทธเจ้้าองค์์ที่� ๔ ในภััทรกััปป์์นี้� สำเร็็จเป็็นสมเด็็จพระสััมมาสััมพุุทธเจ้้า
องค์ข์ วาของพระศรีศี ากยมุนุ ีี คือื พระอมิติ าภะพุุทธเจ้้า ญวนเรียี กว่า่ อายีดี ้้าเผิกิ จีีน
เรียี กออมีถี ่อ่ ฮุกุ ท่า่ นเป็น็ พระฌานีพี ุทุ ธเจ้า้ พระองค์ห์ นึ่�งในชุดุ ห้า้ พระองค์์ และเป็น็ องค์์
ที่�สำคัญั ทางพุุทธศาสนามหายาน สถิิตอยู่� ณ พุุทธเกษตรทางทิศิ ตะวันั ตก พุุทธเกษตร
เป็็นดิินแดนแห่่งสุุขาวดีี คืือมีีแต่่ความสุุขไม่่มีีความทุุกข์์ใด ผู้้�ที่่�บัังเกิิดในพุุทธเกษตรนี้�
จัักไม่่ต้้องกลัับมาเกิิดอีีก องค์์ซ้้ายมืือของพระศรีีศากยมุุนีีคืือ พระไภษััชยคุุรุุพุุทธเจ้้า
ญวนเรียี กว่่า เหยือื กซืือเผิกิ ภาษาจีนี เรียี กว่่า เอี๊�ยะซือื ฮุุก ทรงเป็น็ พระสััมมาสััมพุทุ ธ
เจ้า้ ที่�ทรงไว้ซ้ึ่�งความบริสิ ุทุ ธิ์� สถิติ อยู่� ณ พุทุ ธเกษตรทางทิศิ ตะวันั ออก พุทุ ธเกษตรนี้� พื้�น
ธรณีเี ป็น็ อัญั มณีสี ีนี พเก้า้ รัศั มีขี องพระวรกายสีฟี ้า้ สว่า่ งไสวดุจุ สีแี ห่ง่ แก้ว้ ไพฑูรู ย์์ มีสี าย
ทองเชื่ �อมกัับโลกมนุุษย์์

180

วัดั หมื่�นปีีวนาราม (หย่่างถ่่อตื่�อ)

บ้้านปากแรต ตำบลปากแรต อำเภอบ้า้ นโป่่ง จัังหวััดราชบุุรีี

วดั หมื่นปีวนาราม ต้ังอยเู่ ลขท่ี ๒๕๑ หมู่ ๑๑ ตำ�บลปากแรต อ�ำ เภอบา้ นโปง่ จังหวัด
ราชบรุ ี เป็นวัดในสังกดั คณะสงฆอ์ นมั นกิ าย มอี งใบฎกี าสุชาติ ตื่อเยียน เป็นเจา้ อาวาส
สถานะเดิมเป็นโรงเจ ช่อื โรงเจหลักเซ่ยี งต๊ึง ด�ำ เนนิ การซื้อท่ดี ินก่อสร้างอาคารและ
ดแู ลโดยนางซุ่นฮวั แซต่ ้งั (มารดา) และนายตงเก่ง แซ่โค้ว (บุตร) ตน้ ตระกูลโฆษิตวัฒนฤกษ์
(ฮงหยู) ตอ่ มาทายาทของนายตงเกง่ แซโ่ คว้ รว่ มกบั ญาติพ่นี ้องและคนเก่าแก่ทช่ี ว่ ยกันดแู ล
โรงเจมคี วามคิดเหน็ ยกฐานะของโรงเจแห่งนีเ้ ป็นวัดในพระพุทธศาสนามหายาน สังกัดคณะ
สงฆ์อนัมนิกายแห่งประเทศไทย จงึ ไดน้ ำ�ความกราบเรียนปรกึ ษาองสรภาณมธรุ ส (เดชาธร
เกว๊กิ ซัน) รองปลัดขวา คณะสงฆอ์ นัมนกิ ายแห่งประเทศไทย เจ้าอาวาสวดั ถาวรวราราม
ตำ�บลบ้านเหนอื อ�ำ เภอเมืองกาญจนบรุ ี จงั หวัดกาญจนบุรี ซึง่ ตอ่ มาท่านไดอ้ นุเคราะหร์ บั
ไวอ้ ปุ ถัมภด์ ูแลและพฒั นาข้นึ เป็นวดั โดยให้คุณทัศนยี ์ พันธ์ุรศั มที อง ทายาทของผู้ล่วงลับ
ดงั กล่าวขา้ งตน้ เปน็ ตัวแทนของพน่ี อ้ งด�ำ เนินการโอนกรรมสทิ ธิท์ ดี่ นิ ขออนุญาตสร้างวัด และ
ขออนุญาตต้ังวดั ตามลำ�ดบั และได้มีประกาศจากสำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอนุญาต
ตัง้ เปน็ วัดในพระพทุ ธศาสนาขน้ึ เมอื่ วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ มนี ามวา่ “วัดหมนื่ ปีวนาราม”
สังกัดคณะสงฆอ์ นมั นกิ ายแห่งประเทศไทย

181

วัดั ถํ้�าเขาน้อ้ ย (ล็อ็ งเซิิงตื่�อ)

บ้า้ นม่ว่ งชุมุ ตำบลม่่วงชุุม อำเภอท่่าม่ว่ ง จังั หวััดกาญจนบุรุ ีี

วัดถาํ้ เขานอ้ ย เปน็ วดั ราษฎร์ในพระพทุ ธศาสนาฝ่ายมหายาน สังกดั คณะสงฆอ์ นัม
นิกาย(ญวณ) ต�ำ บลม่วงชุม อ�ำ เภอท่าม่วง จังหวดั กาญจนบุรี บนพ้ืนทภี่ เู ขาและอยูต่ ิดกับวัดถํ้า
เสอื วัดถ้�ำ เขานอ้ ยแห่งนเี้ ปน็ วัดเกา่ แกท่ ่ีมปี ระวัติความเปน็ มากวา่ ๑๔๐ ปี และเป็นหน่ึงในสาม
วัดญวนในจังหวัดกาญจนบรุ ี คอื ๑.วดั ถาวรวราราม ๒.วัดถ้�ำ เขาน้อย และ ๓.วดั เจริญบุญไพศาล
วัดถา้ํ เขานอ้ ยมีสถาปัตยกรรมและศลิ ปกรรมทีง่ ดงาม เรยี บง่าย ตามแบบของศาสนาพทุ ธนิกาย
มหายานตามทช่ี าวญวนนบั ถือ
วดั ถํา้ เขานอ้ ย เรม่ิ กอ่ ตั้งส�ำ นักสงฆเ์ ม่ือ พ.ศ. ๒๔๒๖ มชี ื่อภาษาจนี กลางวา่ 龍山寺
(หลงซานซอ่ื ) หรอื วัดหลงซาน แปลว่า วัดเขามังกร โดยมหี ลวงปแู่ ห้ง(ก๊ักเงง้ ) หรอื หลวงปู่เห
มยี่ วซำ� เป็นผู้ก่อตั้ง ทา่ นเปน็ พระสงฆท์ ีจ่ าริกมาจาก “วดั ตังง่�ำ ย”ี่ หรอื ตงหยาฉานซื่อ (東崖
襌寺) ทีต่ ง้ั อย่บู นเขาจ่ิวหัวซาน แห่งมณฑลอันฮยุ (安徽九華山) ของประเทศจนี ได้
มาพ�ำ นกั เป็นรปู แรก หลวงป่แู หง้ ได้ปฏิบตั ศิ าสนกิจและดูแลสถานท่ีแหง่ นเี้ ป็นเวลา๑๖ปกี ถ็ งึ แก่
กาลมรณภาพดว้ ยโรคชรา ภายหลงั พระอาจารยเ์ ยินงู หลานชายของท่านและพระอาจารย์ทพิ ย์
ได้มาดแู ลต่อตามล�ำ ดบั หลงั จากนน้ั จึงผลัดเปลีย่ นมาเป็นการปกครองของคณะสงฆ์อนมั นิกาย
ดา้ นคณะสงฆอ์ นัมนิกายจงึ ได้มีมติใหพ้ ระอาจารยเ์ ต๊ยี บถอ่ มาดแู ลเปน็ รูปแรกจากนั้นจงึ มีพระ
สงฆ์อกี หลายรูปมาปกครองตามลำ�ดับ
พระคณานัมธรรมวริ ิยาจารย์ (กจิ ตยั เพอื ง) หรอื พระอาจารยเ์ กีย๊ ด อดีตเจา้ อาวาสวัด
ถ�ำ้ เขานอ้ ย อดีตรองเจา้ คณะใหญอ่ นัมนกิ ายแหง่ ประเทศไทย ด�ำ รงตำ�แหนง่ เจา้ อาวาส เมอื่ ปี
พ.ศ. ๒๕๑๒ - ๒๕๕๓

182

ภายในช่ว่ งปีพี .ศ.๒๕๑๔ ได้้มีีดำริขิ องท่า่ นพระสมณานัมั วุฑุ ฒาจารย์์ ไพศาลคณกิจิ (พ็็
องเดี้�ยว) หรืือหลวงพ่่อโฝ ท่่านต้้องการสร้้างพระอุุโบสถที่่�วััดถ้้ำเขาน้้อยและจะก่่อสร้้างปููชนีีย
สถานอื่�นๆอีีกด้้วย จึึงได้้จััดงานวางศิิลาฤกษ์์ในปีี พ.ศ.๒๕๑๕ เป็็นต้้นมา และท่่านได้้ประธาน
ดำเนิินการจัดั หางบประมาณก่อ่ สร้้างอุโุ บสถ พระเจดีีย์์หมื่�นพุุทธะรวมถึึงพระวิหิ ารต่า่ งๆให้้แล้ว้
เสร็จ็ ดังั ที่�เห็็นในปััจจุุบันั

ด้้านการรัับรองสภาพวััด กรมการศาสนาได้้เข้้ามาสำรวจสภาพวััด และได้้ทำการออก
หนังั สืือรับั รองสภาพวััดว่า่ “วัดั ถ้้ำเขาน้อ้ ย” ต.ม่่วงชุุม อ.ท่า่ ม่ว่ ง จ.กาญจนบุุรีี เป็็นวััดเก่่าโบราณ
มีอี ายุกุ ารก่อ่ ตั้�งมาประมาณ ๑๐๐ ปีเี ศษ เป็น็ วัดั ฝ่า่ ยอนัมั นิกิ าย มีสี ภาพเป็น็ นิติ ิบิ ุคุ คลถูกู ต้อ้ งตาม
หลักั กฎหมายแล้้วมอบให้ไ้ ว้้ ณ วันั ที่� ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๐

วัดั ถ้ำ้ เขาน้้อยได้้รับั พระราชทานวิิสุุงคามสีมี า เมื่�อวัันที่� ๒๐ ตุลุ าคม พ.ศ.๒๕๑๗ ได้จ้ ัดั
ทำพิธิ ีีผูกู พัทั ธสีีมาและฝังั ลููกนิมิ ิติ เมื่�อเดือื น กุุมภาพันั ธ์์ พ.ศ.๒๕๑๙

ต่่อมาเมื่�อปีี ๒๕๕๓ พระมหาคณานััมธรรมปัญั ญาธิวิ ััตร เจ้า้ คณะใหญ่่อนัมั นิิกาย ได้้แต่่ง
ตั้�งให้้ องสมุหุ ์์วิิเชียี ร กาญจนไตรภพ ฉายา เถี่�ยนอี๊� ดำรงตำแหน่ง่ เจ้า้ อาวาสวััดถ้ำ้ เขาน้อ้ ย ซึ่�งตััว
ท่า่ นนั้�นเป็น็ พระลูกู ศิษิ ย์ข์ องพระคณานัมั ธรรมวิริ ิยิ าจารย์์ (อดีตี เจ้า้ อาวาสวัดั ถ้ำ้ เขาน้อ้ ย) เมื่�อท่า่ น
ได้้รัับความไว้้วางใจจากพระผู้�ใหญ่่ ท่่านจึึงเข้้ามาปกครองดููแลสานงานต่่อและริิเริ่�มการพััฒนา
ปรัับปรุงุ ทาสีีวิหิ ารต่่างๆและพระเจดียี ์์ให้ก้ ลัับมามีคี วามสดใสอีีกครั้�งดัังที่�ได้เ้ ห็น็ ในปัจั จุบุ ันั นี้� อีกี
ทั้�งยัังสนับั สนุนุ การศึึกษาให้ก้ ัับพระภิกิ ษุุสามเณรรวมถึึงผู้�ที่�สนใจใฝ่เ่ รียี นรู้� อีกี ทั้�งยัังได้้สนับั สนุุน
ส่ง่ เสริิมพระสงฆ์ใ์ ห้ไ้ ปศึกึ ษาคััมภีรี ์ม์ หายานในไต้้หวััน

183

ปััจจุุบันั ดำรงตำแหน่่งที่�คณานุุกรม “องปลััด” ของพระคณานััมธรรมวุุฒาจารย์์ ผู้้�ช่่วย
เจ้้าคณะใหญ่ฝ่ ่า่ ยซ้้ายอนัมั นิิกาย

งานด้้านการบููรณปฏิิสัังขรณ์์วััดถ้้ำเขาน้้อย นัับตั้�งแต่่ดำรงตำแหน่่งเจ้้าอาวาสในปีี
พ.ศ.๒๕๕๓ องปลัดั วิเิ ชีียร ใช้เ้ วลาตลอด ๑๒ ปีี ในด้้านการบููรณปฏิิสังั ขรณ์์มาโดยตลอดตั้�งแต่่
การปรับั ปรุงุ ทาสีวี ิหิ ารภายในและภายนอกในส่ว่ นด้า้ นล่า่ ง ตลอดจนถึงึ การบูรู ณปฏิสิ ังั ขรณ์พ์ ระ
เจดีีย์ค์ ีีรีีบรมธาตุุ หรืือที่�เรียี กตามภาษาจีีนแต้้จิ๋�วว่่า บ่่วงฮุกุ ถ่่ะ萬佛塔 “พระเจดียี ์ห์ มื่�นพุทุ ธ”
ซึ่�งนัับว่า่ เป็น็ งานการบููรณะครั้�งใหญ่่ที่่�สุดุ ตั้�งแต่เ่ ริ่�มโครงการต่่างๆตลอดมา
ลำ�ดับรายชอื่ พระผทู้ ่เี คยเข้าปกครองดแู ลวดั ถ�ำ้ เขานอ้ ยต้ังแต่อดีตจนถึงปจั จุบนั
รูปที่ ๑ หลวงปแู่ ห้ง (ก๊กั เง้ง) ฉายา เหมี่ยวซำ� พ.ศ. ๒๔๒๖ – ๒๔๔๒
รูปท่ี ๒ พระอาจารย์เยนิ ง ู พ.ศ. ๒๔๔๒ - ๒๔๔๕
รูปที่ ๓ พระอาจารย์ทพิ ย ์ พ.ศ. ๒๔๔๕ - ๒๔๕๕
รูปที่ ๔ พระอาจารยเ์ ต๊ยี บถ่อ
รักษาการณ์เจ้าส�ำ นักสงฆ์ถ�ำ้ เขาน้อย เม่อื ปี พ.ศ. ๒๔๕๗
ด�ำ รงต�ำ แหนง่ เจ้าสำ�นกั สงฆ์ถ�ำ้ เขาน้อย เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ – ๒๔๘๕
รปู ท่ี ๕ พระหลวงตาขาว พ.ศ. ๒๔๘๕ – ๒๔๘๗
รปู ท่ี ๖ พระอาจารย์ยา๊ กเหมงิ พ.ศ. ๒๔๘๗ – ๒๔๘๙
รูปท่ี ๗ พระอาจารยโ์ หพัฒ พ.ศ. ๒๔๘๙ - ๒๔๙๒
รูปท่ี ๘ พระอันตงึ (หลอย) พ.ศ. ๒๔๙๓ – ๒๔๙๕
รูปท่ี ๙ พระอาจารย์ชุน พ.ศ. ๒๔๙๕ - ๒๔๙๗
รูปท่ี ๑๐ พระอาจารย์ประทีป (ตุง๊ ) พ.ศ. ๒๔๙๗ – ๒๔๙๙
รูปที่ ๑๑ พระใหญ ่ พ.ศ. ๒๕๐๐ – ๒๕๐๑
รปู ท่ี ๑๒ พระอาจารยน์ �ำ (ตน่ิ กวาง) พ.ศ. ๒๕๐๒ - ๒๕๐๗
รูปที่ ๑๓ พระคณานมั ธรรมวิรยิ าจารย์ (กิจ ตยั เพือง) พ.ศ. ๒๕๐๙ - ๒๕๕๓
รูปท่ี ๑๔ องปลัดวเิ ชยี ร กาญจนไตรภพ ฉายา เถีย่ นอี๊ พ.ศ. ๒๕๕๓ – ปัจจุบัน

184

185

วััดสุุนทรประดิิษฐ์์ (คั้�นอังั ตื่�อ)

ถนนอดุลุ ยเดช อำเภอเมืือง จัังหวัดั อุุดรธานีี
วัดั สุนุ ทรประดิษิ ฐ์์ Chùa Khánh An Từ (จั่�วคั้�นอัังตื่�อ) ตั้�งอยู่�เลขที่� ๔๔/๓ ถนน
อดุุลยเดช ตำบลหมากแข้ง้ อำเภอเมือื งอุุดรธานีี จังั หวััดอุดุ รธานีี เป็็นวััดพระพุทุ ธศาสนา
ฝ่่ายมหายานที่่�มีีต้้นกำเนิิดจากเวีียดนามเพีียงวััดเดีียวในภาคตะวัันออกเฉีียงเหนืือ สัังกััด
คณะสงฆ์์อนัมั นิิกายแห่่งประเทศไทย โดยมีีพระอาจารย์เ์ ที้�ยง เต่า่ ก้้วย เจ้้าอาวาสองค์แ์ รก
เป็็นผู้้�ริเริ่�มก่่อสร้้างเมื่�อปีีพุุทธศัักราช ๒๕๐๗ โดยนายสมคููณ หอบรรลืือกิิจ คหบดีีผู้้�มีีจิิต
ศรัทั ธายกกรรมสิทิ ธิ์�ที่�ดินของตนจำนวน ๔ ไร่่ ๑ งาน ๓๘ ตารางวา ให้เ้ ป็น็ ที่�ธรณีสี งฆ์์ พร้อ้ ม
กัับเป็็นผู้�ยื่�นคำร้้องขออนุุญาตสร้้างวััดตามระเบีียบของทางราชการ กรมการศาสนา
กระทรวงศึกึ ษาธิิการได้้ประกาศยกเป็็นวัดั ฝ่่ายมหายาน ตามหนัังสืือที่� ศธ.๐๔๐๗/๕๗๗๘
ลงวันั ที่� ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๐๙ และสมเด็็จพระอริยิ วงศาคตญาณ (จวน อุุฏายีี มหาเถระ)
สมเด็็จพระสังั ฆราช สกลมหาสัังฆปริิณายก ณ วัดั มกุุฏกษััตริิยาราม ได้้ประทานนามวัดั นี้�
ว่่า “วััดสุุนทรประดิิษฐ์์” ภายในมีีสิ่�งก่่อสร้้างที่�เป็็นถาวรวััตถุุและเสนาสนะคืือ อุุโบสถ ๑
หลังั ศาลาการเปรียี ญใช้เ้ ป็น็ ที่�บำเพ็ญ็ กุศุ ลแบบเก๋ง๋ จีนี ๑ หลังั มณฑปแบบเก๋ง๋ จีนี ประดิษิ ฐาน
พระอวโลกิิเตศวร โพธิิสัตั ว์ก์ วนอิมิ ๑ หลังั กุุฏิิที่่�พัักสงฆ์ข์ นาด ๙ ห้้อง ๑ หลังั โรงเจสุนุ ทร
ธรรมรังั ษีี ๑ หลังั อาคารโรงเรียี นพระปริยิ ััติิธรรม ๑ หลััง เจดีีย์์ ๑ หลััง หอระฆััง ๑ หลังั
เมื่�อวัันที่� ๑๘ ธัันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ สมเด็็จพระอริยิ วงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเด็็จ
พระสัังฆราช สกลมหาสัังฆปริิณายก ได้้เสด็็จมาเป็็นประธานเททองหล่่อพระประธาน
พระพุทุ ธมงคลสถาพร (ศิลิ ปแบบมหายาน) ซึ่�งมีขี นาดหน้า้ ตักั กว้า้ ง ๕ ศอก ๙ นิ้�ว โดยจำลอง
แบบที่�พระบาทสมเด็จ็ พระจุลุ จอมเกล้้าเจ้า้ อยู่่�หััวพระราชทานนามไว้้ ณ วััดอุุภััยราชบำรุุง
แขวงตลาดน้อ้ ย เขตสัมั พัันธวงศ์์ กรุุงเทพมหานคร และเมื่�อวัันที่� ๒๔ พฤศจิกิ ายน ๒๕๒๗
พลเอก อาทิติ ย์์ กำลังั เอก ผู้้�บัญั ชาการทหารสูงู สุดุ และผู้้�บัญั ชาการทหารบก ได้เ้ ป็น็ ประธาน
วางศิิลาฤกษ์์อุุโบสถ เพื่�อประดิิษฐานพระพุุทธมงคลสถาพร ปีี พ.ศ. ๒๕๓๐ วััดสุุนทร
ประดิษิ ฐ์แ์ ละคณะกรรมการได้เ้ ททองหล่อ่ พระอัคั รสาวก (พระมหากัสั สปะ มหาเถระ, พระ
อานนท์์ ลักั ษณะยืนื ความสูงู ๓ เมตร และพระกััจจายนะมหาเถระ ขนาดหน้้าตัักกว้า้ ง ๔๙
นิ้�ว) จำนวน ๓ องค์์ ประดิิษฐานในอุุโบสถ ทั้�งนี้�เพื่�อเป็็นการเฉลิิมพระเกีียรติิในโอกาสที่�
พระบาทสมเด็็จพระปรมินิ ทรมหาภููมิิพลอดุลุ ยเดช

186

มพี ระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสมี าตามท่ปี ระกาศ
ส�ำ นกั นายกรัฐมนตรี ณ วันที่ ๑ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๓๓ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม
ที่ ๑๐๗ ตอนท่ี ๒๔ ลงวนั ท่ี ๖ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๓๓ มีการท�ำ พธิ ีผกู พัทธสมี าเมอ่ื วันจนั ทร์ที่
๑๗ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๔๐ พระคณานัมธรรมเมธาจารย์ (ถนอม เถ่ียนถกึ ) รองเจ้าคณะใหญ่
อนัมนิกาย เจา้ อาวาสวัดสุนทรประดิษฐ์ องคท์ ่ี ๒ ไดเ้ หน็ ความส�ำ คัญที่จะอนุรักษ์สืบทอดรกั ษา
ข้อวัตรปฏบิ ัติขนบธรรมเนียมประเพณีตามลัทธินิกายแบบเวยี ดนาม ท่ไี ด้รบั การถา่ ยทอดจาก
ครบู าอาจารยท์ ีเ่ ป็นพระสงฆท์ ี่เดินทางมาจากเวยี ดนาม เช่น พระครูคณานัมสมณาจารย์ (บ้นิ -
เลือง) หรือทรี่ จู้ กั กันในนาม พระครบู าวัดโลกานุเคราะห์ องสรภาณมธรุ ส (บา๋ วเองิ ) วัดสมณ
านมั บรหิ าร เป็นต้น
จึงไดข้ ออนญุ าตเปิดโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา สำ�หรบั ใหพ้ ระภกิ ษุ
สามเณรได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนท้ังทางโลกและทางธรรมเพื่อเป็นการสร้างศาสนทายาท
สืบทอดพระพทุ ธศาสนาแบบเวียดนามใหค้ งอยูใ่ นประเทศไทยต่อไป

187

วัดั นพรัตั น์ว์ นาราม (เพื้�อกถ่”่ อตื่�อ)

ตำบลปััถวีี อำเภอมะขาม จังั หวััดจันั ทบุุรีี

วัดนพรัตนวนาราม ต้ังอยทู่ ่บี า้ นท่งุ บอน หมทู่ ่ี ๑ ต�ำ บลปถั วี อ�ำ เภอมะขาม จงั หวดั
จนั ทบรุ ี มีองพจนกรโกศล เปน็ ผู้รกั ษาการแทนเจา้ อาวาส วดั นพรตั นว์ นาราม มเี นื้อท่ีทงั้ สิน้
๑๐ ไร่ โดยไดร้ บั การบรจิ าคที่ดนิ จากนายผ่อน รกั ษา จำ�นวน ๕ ไร่ วัดนพรตั นว์ นารามได้
พัฒนาดว้ ยความศรัทธาจากพทุ ธศาสนิกชนชาวจงั หวัดจนั ทบุรีมาอย่างตอ่ เน่อื ง ปพี ทุ ธศกั ราช
๒๕๓๖ ได้ต้ังเป็นท่พี กั สงฆ์ชือ่ ส�ำ นกั สงฆธ์ รรมมงคลเจรญิ บุญ ซึ่งเวลาต่อมาไดร้ บั การสนบั สนุน
ส่งเสริมให้มีความเจริญก้าวหน้าด้านสิ่งปลูกสร้างอันเป็นคุณประโยชน์ทางพระพุทธศาสนามา
อย่างยาวนาน ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ ได้ต้งั เป็นวัดโดยสมบูรณใ์ นนาม “วดั นพรัตนว์ นาราม”
โดยมีองพจนกรโกศลรักษาการเจา้ อาวาสและได้มกี ารจดั สรา้ งอาคารเสนาสนะเพื่อประโยชน์
ใช้สอยในการประกอบศาสนกิจให้กับพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาที่ได้ร่วมทำ�บุญมาอย่าง
ตอ่ เนอ่ื ง ประกอบไปด้วยอาคารศาลาอเนกประสงค์ ๒ ชั้น จ�ำ นวน ๑ หลงั หอฉนั ๑ หลัง
กุฏิพระ ๒ หลัง และโรงครัว ๑ หลงั โดยในชว่ งเดือนธันวาคม วัดนพรัตนว์ นารามไดเ้ ปน็
สถานท่ีฝกึ อบรมปฏิบตั ิธรรมของพระสงฆ์และสามเณรอนัมนิกายจากท่วั ประเทศ ระยะเวลา
๑๐ วนั เป็นประจ�ำ ทุกปี และในปีเดียวกันนี้ ทางวัดนพรตั นว์ นาราม ร่วมกับคณะกรรมการและ
พทุ ธศาสนิกชนชาวจังหวดั จันทบุรี ได้เร่มิ ต้นโครงการจดั สร้างอุโบสถเพือ่ ใช้เปน็ ที่ประดษิ ฐาน
พระประธานของวัด เพ่ือประกอบศาสนกจิ ตา่ ง ๆ ตามพระธรรมวนิ ัย อกี ทัง้ ยงั ชว่ ยอำ�นวย
ประโยชนท์ างพระพุทธศาสนาให้สมบรู ณพ์ รอ้ ม และยงั เปน็ เสมอื นศนู ย์กลางความศรัทธาของ
พุทธศาสนกิ ชนอกี ทางหน่งึ โดยการก่อสร้างไดเ้ ร่ิมในสว่ นฐานรากเปน็ ท่เี รียบรอ้ ยแลว้ หากแต่
ยงั ขาดงบประมาณในการกอ่ สรา้ งและตกแตง่ ภายในใหแ้ ลว้ เสร็จสมบรู ณ์ เพ่ือความไพบูลย์
แหง่ พระบวรพทุ ธศาสนาสืบไป

188

วัดั ศิริ ิิจรรยาธรรมปััญญาราม (ฮึงึ เยิงิ ตื่�อ)

ตำบลรัังสิติ อำเภอธััญบุรุ ีี จัังหวััดปทุมุ ธานีี

วัดศิรจิ รรยาธรรมปัญญาราม (เฮงห้นุ ย่ี/ฮงึ เยิงตื่อ) เดมิ เป็นสำ�นกั ปฏิบตั ธิ รรมหรอื
โรงเจเฮงหนุ้ ยี่ สบื สานธรรมเนยี มปฏบิ ัตมิ าแบบพระพทุ ธศาสนามหายาน ไดร้ ับการถวาย
ทีด่ นิ จากตระกูลศิริจรรยา เม่อื วนั ท่ี ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ โดยมีหลวงพ่อเงนิ ซ่ึงเป็น
พระมหาเถระในสังกดั คณะสงฆ์ไทย ฝ่ายมหานิกาย ซ่งึ ธดุ งคม์ าจากอำ�เภอปากทอ่ จังหวดั
ราชบรุ ี เปน็ ผูด้ แู ล ทา่ นเป็นผู้นำ�ศรัทธาศิษยานุศษิ ยส์ รา้ งโรงเจมาอยา่ งต่อเน่อื ง ดว้ ยเจตนาจ
ยกขึ้นเปน็ วดั ในพระพุทธศาสนาให้ถกู ต้องตามกฎหมาย จนกระทง่ั ถึงแก่มรณภาพ เมื่อวนั ที่
๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๓
คณะศษิ ยานุศษิ ยซ์ งึ่ นำ�โดย คณุ กฤษฏ์ิ ศิรจิ รรยา ทายาทคนเดยี วของตระกลู ศริ ิ
จรรยา ไดส้ านตอ่ เจตนารมณ์ของหลวงพ่อเงิน จงึ ไดย้ กท่ีดินเนอ้ื ท่ี ๒ ไร่ ๒ งาน ๓๗ ตาราง
วาให้สรา้ งวดั ในสังกดั คณะสงฆ์อนัมนกิ ายแหง่ ประเทศไทย ตอ่ นายอ�ำ เภอธัญบุรี เจา้ พนกั งาน
ทีด่ ินธญั บรุ ี จังหวดั ปทมุ ธานี เม่อื วนั ท่ี ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ และได้รับอนุญาตให้สร้างวดั
เมอ่ื วันที่ ๑๓ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ดว้ ยความเหน็ ชอบของพระมหาคณานัมธรรมปัญญาธวิ ัตร (เจริญ กน๊ิ เจ๊ียวมหาเถระ)
เจา้ คณะใหญอ่ นัมนกิ ายแห่งประเทศไทย และพระบญั ชาเหน็ ชอบของสมเดจ็ พระสังฆราช
อนญุ าตให้ นายสมศกั ดิ์ สายหยุด สร้างวดั ขน้ึ ตามพระราชบัญญตั คิ ณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ได้
ประกาศเป็นวัดขนึ้ ในพระพทุ ธศาสนา สงั กดั คณะสงฆอ์ นมั นิกายแห่งประเทศไทย นามวา่
“วัดศิริจรรยาธรรมปญั ญาราม” เมื่อวนั ท่ี ๓๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกาศในราชกจิ จานุ
เบกษา เล่มท่ี ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๑๙ ง หน้าท่ี ๑๕๙ ลงวันท่ี ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
ไดร้ บั โอนกรรมสทิ ธ์ิท่ดี ินจากคุณกฤษฏ์ิ - คณุ ภิรมย์ ศริ จิ รรยา และครอบครัว ซึง่ ใช้เป็นท่ีต้ัง
วัดศิริจรรยาธรรมปญั ญารามในปจั จุบนั เมอื่ วนั ท่ี ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐

189

วดั ประถมพุทธาราม (เผกิ กวางต่ือ)

Anamnikaya Association, 1635 N.LAKE, PASADENA, CA. USA.

คณะสงฆ์อนัมนิกายแหง่ ประเทศไทย ได้รับมอบวัด ณ เมืองฮุสตัน รฐั เท็กซัส ประเทศ
สหรัฐอเมรกิ า โดยมอบหมายให้ องพจนกรโกศล (บุญสง่ เหยีย่ วหาย) ด�ำ เนนิ การจัดตั้งวดั ให้
ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมอ่ื ไดเ้ ดนิ ทางไปส�ำ รวจพื้นทีพ่ บวา่ เป็นท่ีทรุ กันดาร ประกอบกับ
อากาศในหนา้ รอ้ นก็ร้อนจดั เพราะเปน็ พน้ื ที่ติดกบั ทะเลทราย หนา้ หนาวกห็ นาวจัด มหี ิมะ
ตกหนักมาก เปน็ พื้นทท่ี ย่ี ากแก่การพฒั นา องพจนกรโกศลจึงจัดหาพน้ื ทีใ่ นรัฐแคลฟิ อร์เนยี ท่ี
มอี ากาศดกี วา่ โดยซอ้ื พืน้ ทใี่ หม่ท่ีเมอื งลอสแอนเจลิส เลขท่ี 1635 North Lake A ve,
Pasadena, California, USA. โดยการสนับสนุนของเจ้าของโรงสขี า้ วในเมอื งอลอสตา
ประเทศมาเลเซยี เป็นผอู้ อกปัจจยั จดั ซือ้ ท่ดี ินและสิ่งปลกู สรา้ งให้ทัง้ หมด และไดร้ บั เมตตา
จากเจา้ ประคณุ สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (เกย่ี ว อุปเสโณมหาเถระ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติ
หนา้ ท่สี มเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาประทานนามวัดแหง่ คณะสงฆ์อนัมนิกาย ณ ประเทศ
สหรฐั อเมริกาวา่ “วดั ประถมพทุ ธาราม” เมื่อวนั ที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ องพจนกรโกศล ไดร้ ับเล่อื นสมณศกั ดิเ์ ปน็ องสรพจนสนุ ทร
ผชู้ ว่ ยปลดั ขวา และไดร้ บั พระบญั ชาแต่งตั้งเป็นประธานสงฆอ์ นัมนกิ ายในสหรฐั อเมริกา ได้
ด�ำ เนินการจดทะเบียนองค์กรในสหรัฐอเมรกิ า โดยใช้ชอื่ วา่ Anamnikaya Asociation ได้รบั
อนมุ ตั จิ ัดตงั้ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นองค์กรทถ่ี ูกตอ้ งตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ปจั จุบัน
ได้รบั พระภกิ ษุอนัมนกิ ายทจี่ บการศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรจี ากมหาปญั ญาวิทยาลัย มาประจำ�
อยู่ ณ วัดประถมพุทธาราม จำ�นวน ๔ รูปเพอ่ื สอนพุทธศาสนาใหก้ บั พทุ ธศาสนกิ ชน และได้
เข้าศึกษาตอ่ ในสหรฐั อเมริกาต่อไป

190

วัดสขุ าวดีอนมั วนาราม (กึกหลากต่ือ)

อ�ำ เภอสะเมิง จงั หวดั เชียงใหม่
วดั สขุ าวดีอนมั วนาราม เปน็ วัดในพระพุทธศาสนามหายาน สงั กัดคณะสงฆ์อนมั นิกาย

แห่งประเทศไทย ซึ่งมพี ระอาจารยห์ ่นั เหวยี น พระภกิ ษชุ าวเวยี ดนามเป็นประธานอ�ำ นวยการ
สร้างวัด เป็นประธานอุปถัมภแ์ ละทีป่ รกึ ษาฝา่ ยสงฆ์ เป็นผนู้ �ำ ศรัทธาสาธุชนสร้างศาสนสถาน
เป็นงานพทุ ธศลิ ป์ผสมผสานแบบเวยี ดนาม จีน ประยกุ ต์ ตงั้ แต่ปพี .ศ.2545 เป็นตน้ มา ตงั้ อยู่
ที่บา้ นแมป่ ะ ตำ�บลสะเมิงเหนอื อ�ำ เภอสะเมิง จงั หวัดเชียงใหม่ โดยมีองปลดั สันติ ถ่ออาง เป็น
เจา้ อาวาส ตามพรบ.คณะสงฆ์

191

วัดมหาโพธสิ ัตวอ์ นัมนกิ ายาราม (กวงอิมตอ่ื )

วัดมหาโพธสิ ตั ว์อนมั นิกายาราม เปน็ วัดในพระพทุ ธศาสนามหายาน สงั กดั คณะสงฆ์

อนมั นกิ ายแหง่ ประเทศไทย ซึง่ มคี ณุ กมิ จู อัชญาวัฒน์ เปน็ ผูส้ รา้ งถวายและต้งั ขึ้นเป็นวัดใน
พระพทุ ธศาสนา เมื่อพุทธศักราช 25๖๓ เปน็ ต้นมา ตัง้ อย่ทู ่บี ้านชฎั ป่าหวาย ต�ำ บลท่าเคย
อำ�เภอสวนผ้ึง จังหวดั ราชบรุ ี โดยมอี งพจนกรโกศล ดร. (พิสิษฐ์ เถีย่ นบ๊าว) เปน็ ผู้ปฏิบัติหน้าที่
แทนเจา้ อาวาสวดั มหาโพธสิ ตั ว์อนมั นกิ ายาราม

192

โรงเรียนพระปริยตั ิธรรม
แผนกสามญั ศึกษา เขต ๑๔

193

โรงเรียนพระปริยัตธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา กล่มุ ท่ี ๑๔

นับแต่พระมหาคณานมั ธรรมปัญญาธิวตั ร (เจริญ ก๊ินเจย๊ี ว) ไดด้ ำ�รงตําแหนง่ เจ้าคณะ
ใหญอ่ นมั นิกายแห่งประเทศไทย ทา่ นได้ดำ�เนินการกอ่ ตง้ั โรงเรียนพระปริยตั ิธรรมแผนกสามัญ
ศึกษาขน้ึ ครั้งแรกทวี่ ัดกุศลสมาคร โดยมชี ่ือว่า “โรงเรยี นกุศลสมาครวิทยาลยั ” ต่อมาได้เปิด
โรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรมแห่งท่ี ๒ ท่ีวดั สนุ ทรประดิษฐ์ จงั หวดั อดุ รธานี โดยมชี ือ่ วา่ “โรงเรียน
สนุ ทรประดษิ ฐว์ ิทยาลยั ” และไดเ้ ปดิ แห่งที่ ๓ ทวี่ ัดถาวรวราราม หาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา โดย
มชี ื่อว่า “โรงเรียนถาวรวิทยาลยั ” ปัจจุบันไดเ้ ปล่ียนชอื่ เปน็ “โรงเรียนมหาปญั ญา” โรงเรยี นทง้ั
สามโรงเรยี นน้ไี ดเ้ ปดิ การเรยี นการสอนเฉพาะพระภกิ ษุสามเณร ตั้งแตช่ ้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ - ๖
ควบคกู่ บั การศึกษาเลา่ เรยี นพระปริยตั ิธรรม ทง้ั แผนกธรรม และแผนกบาลี โดยทางราชการกาํ
หนดให้สงั กัดอยูก่ ับกองพุทธศาสนศกึ ษา สํานกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ เขต ๑๔ แตล่ ะ
โรงเรียนมปี ระวตั ิความเปน็ มาต้งั แต่เริ่มก่อตัง้ จนถึงปัจจบุ ันดังท่ีจะกลา่ วต่อไป ท่ตี ัง้ สำ�นกั งาน
กลุ่มโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม แผนกสามัญศึกษา เขต ๑๔ ปจั จุบนั ต้งั อย่ทู ่ี วดั กุศลสมาคร ๙๗

194

โรงเรียนกศุ ลสมาครวทิ ยาลัย

ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ สมัยที่ ฯพณฯ พลเอก เปรม ตณิ สูลานนท์ ดํารงตาํ แหนง่ เป็น
นายกรฐั มนตรี และมี ฯพณฯ ศาสตราจารย์มารุต บนุ นาค เปน็ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวง
ศกึ ษาธกิ าร ท่านรัฐมนตรไี ด้มอบหมายให้อาจารยส์ มศักดิ์ สายหยดุ อดีตผชู้ ว่ ยผูอ้ ํานวยการ
โรงเรยี นมักกะสนั ซ่ึงเปน็ เลขานุการสว่ นตวั ในขณะนั้นดําเนินการจัดให้มีโครงการบรรพชา
สามเณรภาคฤดรู อ้ นข้นึ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ซง่ึ เป็นปีมหามงคลเน่อื งในโอกาสที่พระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อย่หู ัว ทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา คณะรัฐบาล พอ่ คา้ ประชาชน
จงึ ไดจ้ ัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรตใิ นโอกาสดังกลา่ ว เพ่อื เปน็ การถวายพระราชกุศลแดพ่ ระบาท
สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว จงึ ไดม้ กี ารประสานงานกับคณะสงฆท์ ้ังฝ่ายเถรวาทและฝ่ายมหายาน โดย
เฉพาะในเขตสัมพันธวงศ์ มีวดั ท่เี ขา้ ร่วมในโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนเพอื่ ถวายเป็น
พระราชกศุ ลหลายวัด เชน่ วัดคณกิ าผล วัดปทมุ คงคา วดั ชนะสงคราม และวัดกศุ ลสมาคร
เป็นต้น
วดั กุศลสมาครนับเปน็ วดั อนมั นิกายวัดแรกท่ีได้เขา้ รว่ มในโครงการนี้ โดยท่ี อาจารยส์ ม
ศักดิ์ สายหยุด ทําหน้าท่ีเป็นผปู้ ระสานงานในการดาํ เนนิ งานโครงการกบั พระโกสนิ ทร์ เลืองซัน
เลขานุการเจา้ คณะใหญอ่ นมั นิกายในสมัยน้นั โดยไดเ้ สนอโครงการน้ีไปยังพระครบู รหิ ารอนัม
พรต (เจริญ กนิ๊ เจี๊ยว) เจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร เจา้ คณะใหญ่อนัมนิกาย ซง่ึ ท่านก็อนุโมทนา
พรอ้ มและให้การอปุ ถมั ภ์สนบั สนนุ โครงการน้ี และรับเปน็ ประธานดาํ เนินงานฝ่ายสงฆ์ โดยมี
ฯพณฯ ศาสตราจารยม์ ารุต บนุ นาค เป็นประธานดําเนินงานฝ่ายคฤหสั ถ์ ร่วมกับคณะกรรมการ
ทั้งฝา่ ยบรรพชิตและคฤหัสถ์ ตลอดจนสาธชุ นโดยทวั่ ไป
เน่อื งจากเปน็ ปีแรกแห่งการจัดโครงการดังกลา่ ว คณะกรรมการจงึ มคี วามประสงค์ที่จะ
รับเยาวชนเขา้ ร่วมบรรพชาเปน็ สามเณรเพียง ๖๑ รปู แต่มีเยาวชนท่มี จี ติ ศรทั ธาไดส้ มคั รเข้า
ร่วมบรรพชาเปน็ สามเณรจํานวนมากถงึ ๘๔ รปู โดยไดจ้ ัดโครงการนต้ี ้งั แต่วันท่ี ๖ เมษายน ถงึ
วนั ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นเวลา ๓๐ วนั โดย ฯพณฯ ศาสตราจารยม์ ารตุ บุนนาค
ได้จดั สรรงบประมาณสําหรบั ใช้จ่ายในโครงการน้จี ํานวน ๖๑,๐๐๐ บาท (หกหมื่นหนึง่ พันบาท
ถ้วน) ซึง่ การดาํ เนนิ งานในโครงการนีก้ ส็ ําเร็จเรียบร้อยดว้ ยดี และเปน็ ผลใหม้ กี ารจดั โครงการ
บรรพชาสามเณรภาคฤดรู อ้ นอย่างต่อเนื่องเปน็ ประเพณมี าจนถึงปจั จุบัน
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ภายหลงั จากเสร็จสิ้นโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดรู ้อนในปีท่ี ๒
ทา่ นพระครบู รหิ ารอนมั พรต (เจริญ ก๊ินเจยี๊ ว) เจา้ คณะใหญอ่ นัมนกิ าย ไดป้ รารภกับอาจารย์สม
ศักดิ์ สายหยดุ วา่

195

“สามเณรทีล่ าสกิ ขาไปแลว้ จะดาํ เนินชีวติ ที่ดใี นสังคมไดอ้ ยา่ งไร เพราะล้วนแต่เป็น
เยาวชนทข่ี าดแคลนปัจจัยสนับสนนุ ในการศกึ ษา หากไมไ่ ดร้ ับการศึกษาทีด่ ีแล้ว กจ็ ะเป็นปญั หา
สังคม เปน็ ภาระของชาตอิ กี และถ้าสามเณรเหลา่ น้ไี มล่ าสกิ ขา แต่อยู่เพ่อื ศกึ ษาวิชาความรู้
ทางพระพุทธศาสนา นับวา่ จะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยงิ่ ในการดํารงไวซ้ ่ึงพระพุทธศาสนาฝา่ ยอนัม
นิกาย ทําอย่างไรจงึ จะวางรากฐานทางการศกึ ษาแก่สามเณรเหล่าน้ีได”้
ท่านอาจารยส์ มศกั ดิ์ สายหยุด จึงไดน้ าํ ค�ำ ปรารภดังกล่าวไปปรกึ ษาหารอื กับ ฯพณฯ
ศาสตราจารย์มารตุ บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ ารในขณะนน้ั และไดร้ บั ค�ำ แนะ
นําใหไ้ ปปรึกษากับ ร้อยเอกอดุลย์ รัตตานนท์ ซ่ึงดาํ รงตําแหน่งเป็นอธิบดกี รมการศาสนาใน
ขณะน้ัน และได้รับคําแนะนาํ ใหด้ ําเนนิ การจดั ต้ังโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศึกษาข้ึน
ทีว่ ัดกศุ ลสมาคร ทั้งนี้เพ่ือใหเ้ ป็นศาสนสถานทางการศึกษาอีกแหง่ หนง่ึ ของคณะสงฆอ์ นมั นกิ าย
ในการดาํ เนินงานเรม่ิ แรกนัน้ มพี ระครบู รหิ ารอนัมพรต (เจริญ ก๊นิ เจ๊ยี ว) เปน็ ประธาน
คณะกรรมการ เจา้ อาวาสวัดกุศลสมาคร เจา้ คณะใหญ่อนัมนกิ าย บรหิ ารโรงเรยี น และมี ฯพณฯ
ศาสตราจารย์มารุต บุนนาค รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการในสมยั น้ัน เป็นประธาน
อปุ ถมั ภ์และทปี่ รึกษา มีอาจารย์สมศกั ด์ิ สายหยุด เปน็ กรรมการและเลขานุการ และแตง่ ตงั้
คณะกรรมการขึ้นมาดาํ เนินงานอีกหลายท่าน พรอ้ มกบั ไดท้ ําเรื่องเสนอขอจัดตง้ั โรงเรยี นไปยัง
กรมการศาสนา เมอ่ื วันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๒ กรมการศาสนาไดอ้ นุมตั ิให้จดั ต้งั โรงเรียน
และเปิดดําเนนิ การจัดการเรียนการสอนได้ โดยใชอ้ าคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๔ ช้นั ในวดั กศุ ล
สมาครเป็นสถานท่เี รียน จงึ ถือเอาวันท่ี ๒๐ มกราคมของทุกปเี ปน็ วนั ก่อตง้ั โรงเรยี นกศุ ลสมาค
รวทิ ยาลัย ปัจจบุ นั ได้ใชอ้ าคารเรยี นหลังใหมส่ ูง ๗ ช้ัน ซ่งึ กอ่ สรา้ งสนิ้ เงิน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(ยีส่ บิ หา้ ลา้ นบาท) เปน็ ทั้งทที่ าํ งาน ทพี่ กั และที่เล่าเรยี นของนักเรียน การจดั ตั้งโรงเรยี นซ่ึง
ต้องใช้เวลาเกือบ ๒ เดอื นก็เน่ืองจากกรมการศาสนาไมอ่ นญุ าตใหใ้ ชช้ ื่อโรงเรยี นว่า “โรงเรียน
กศุ ลสมาครวิทยาลยั ” เพราะลงท้ายด้วยค�ำ วา่ “วิทยาลยั ” กรมการศาสนาต้องการใหใ้ ช้ช่อื ว่า
“โรงเรยี นพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา วดั กศุ ลสมาคร” เหมือนกบั โรงเรยี นพระปริยัติ
ธรรมทัว่ ไป
แตผ่ ้ทู ําหน้าทปี่ ระสานงานคอื องปลดั ถนอม เถย่ี นถึก (อารียก์ ลุ ชัย) เจ้าอาวาสวัดสนุ ทร
ประดษิ ฐ์ จังหวัดอุดรธานี ไดใ้ ห้เหตุผลโตแ้ ยง้ ว่า “โรงเรียนอ่ืน ๆ ยงั ใช้ค�ำ ว่า “วทิ ยาลัย” ตอ่ ทา้ ย
ได้ เชน่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรยี นไตรมิตรวิทยาลัย เปน็ ต้น

196

ทาํ ไมโรงเรียนกุศลสมาครจึงจะใชค้ ำ�วา่ “วิทยาลยั ” ตอ่ ท้ายไมไ่ ด้ ในที่สดุ กรมการ
ศาสนาจึงไดอ้ นมุ ตั ิการจดั ตัง้ โรงเรียน โดยมชี ือ่ อยา่ งเปน็ ทางการว่า “โรงเรยี นกุศลสมาครวทิ ยา
ลยั ”
ผลสืบเน่ืองในการเขา้ ร่วมโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดรู อ้ น ถวายเปน็ พระราช
กศุ ลแดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวในครง้ั น้ัน กอปรกับปณธิ านอันแนว่ แน่ในการส่งเสรมิ
สนับสนุนการศกึ ษา การสืบทอดพระพทุ ธศาสนา และเพอ่ื ความเปน็ อยู่ท่ีดีในอนาคตของ
เยาวชนผดู้ ้อยโอกาสทางการศึกษา คณะสงฆ์อนมั นกิ าย อันมีพระมหาคณานมั ธรรมปญั ญา
ธิวัตร (เจรญิ กนิ๊ เจ๊ียว) เปน็ ประธานดำ�เนินการ และมี ฯพณฯ ศาสตราจารยม์ ารุต บนุ นาค
รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการ เปน็ ประธานอปุ ถัมภ์ และมอี าจารย์สมศกั ดิ์ สายหยดุ เป็น
ผูป้ ระสานงาน จึงท�ำ ให้เกดิ การก่อตง้ั โรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามญั ศึกษาของคณะสงฆ์
อนัมนกิ ายขน้ึ
ปัจจุบันโรงเรียนกุศลสมาครวิทยาลัยทําหน้าที่ผลิตนักเรียนทั้งในระดับมัธยมศึกษา
ตอนต้นและระดบั การศึกษาตอนปลายปีละหลายรอ้ ยรูป มผี ู้จบการศึกษา ศกึ ษาตอ่ ในระดบั
อดุ มศกึ ษาทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศหลายสิบรูป เชน่ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหิดล เป็นต้น และศษิ ย์เกา่ ของ
โรงเรยี นทจ่ี บระดับอุดมศกึ ษาแลว้ ได้บวชเป็นศาสนทายาท ปฏิบตั ิหน้าทีส่ นองงานคณะสงฆ์
อนัมนกิ ายในปัจจบุ ันอีกหลายรูปด้วยกัน
บุคลากรทง้ั ในสว่ นผู้บรหิ าร เจ้าหนา้ ที่ และครูอาจารยข์ องโรงเรียนกศุ ลสมาครวิทยา
ลัยตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั เจ้าของโรงเรียนคอื พระมหาคณานมั ธรรมปัญญาธิวตั ร (เจรญิ กิน๊
เจ๊ยี ว) ซง่ึ สามเณรนักเรียนเรียกวา่ “หลวงป”ู่ อาราธนาพระสงฆ์ทั้งในส่วนของ
คณะสงฆอ์ นมั นิกาย พระสงฆจ์ ากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และพระ
สงฆท์ ่ีจ�ำ พรรษาอยวู่ ัดละแวกใกลเ้ คียง เช่น วัดคณิกาผล วดั ปทมุ คงคา วัดไตรมติ รวิทยาราม วดั
ชนะสงคราม วดั จักรวรรดิราชาวาส วดั ประยุรวงศาวาส เป็นตน้ มาเป็นบุคลากรของโรงเรยี น
กุศลสมาครวิทยาลัย
นอกจากน้ียังได้เรยี นเชญิ ครูอาจารยจ์ ากโรงเรียนวดั ไตรมิตรวทิ ยาลยั โรงเรยี นวดั
คณกิ าผล โรงเรียนวัดราชบพิธ โรงเรยี นฤทธิณรงคร์ อน โรงเรยี นอสั สัมชัญ โรงเรียนบาลเี ตรยี ม
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั เปน็ ต้น มาเป็นอาจารยพ์ เิ ศษและช่วยงานดา้ น
บรหิ ารของโรงเรียนดว้ ย

197

ลำ�ดบั ผบู้ ริหาร
นับแตก่ อ่ ตั้งโรงเรียนกุศลสมาครวทิ ยาลัยมาต้งั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๓๒ มีผ้บู ริหารทดี่ �ำ รง
ตาํ แหนง่ เจา้ ของโรงเรียน ผจู้ ดั การ และผ้อู ำ�นวยการโดยลาํ ดับดังน้ี
๑. เจ้าของโรงเรยี น
พ.ศ. ๒๕๓๒ - ๒๕๓๗ พระคณานัมธรรมวิธานาจารย์ (เจรญิ กน๊ิ เจีย๊ ว)
พ.ศ. ๒๕๓๗ - ๒๕๔๒ พระคณานัมธรรมปญั ญาธวิ ตั ร (เจริญ กนิ๊ เจยี๊ ว)
พ.ศ. ๒๕๔๒ - ปัจจุบัน พระมหาคณานัมธรรมปัญญาธวิ ัตร (เจริญ ก๊นิ เจย๊ี ว)
๒. ผ้จู ัดการโรงเรยี น
พ.ศ. ๒๕๓๒ - ๒๕๓๖ องพจนกรโกศล (บญุ ชู ต่ินทิน)
พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๓๘ องอนันตสรภญั (โกสินทร์ เลืองซนั )
พ.ศ. ๒๕๓๘ - ๒๕๔๐ พระอนัมพรตเมธาจารย์ (ถนอม เถ่ียนถึก)
พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๕ องสรพจนสุนทร (ชาตชิ ยั เหยีย่ วคัง)
พ.ศ. ๒๕๔๕ - ๒๕๔๘ พระมหาคณานมั ธรรมปญั ญาธิวตั ร (เจริญ ก๊ินเจย๊ี ว)
พ.ศ. ๒๕๔๘ - ปจั จบุ ัน องสรภาณอนมั พจน์ (พสิ ิษฐ์ เถยี่ นบา๊ ว ดร.)
๓. ผู้อ�ำ นวยการโรงเรยี น
พ.ศ. ๒๕๓๒ - ๒๕๓๖ พระมหาอน้ั ปญฺาสิริ (ปัจจุบนั  - พระสริ นิ ันทมนุ )ี
พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๔๒ พระครูวรกจิ จาภรณ์ (ปจั จุบัน - พระราชวริ ิยสนุ ทร)
พ.ศ. ๒๕๔๒ - ๒๕๔๗ พระครวู ินัยธรวเิ ชียร วชิรธมฺโม
พ.ศ. ๒๕๔๗ - ปจั จุบัน พระมหากจิ การ โชตปิ ญโฺ 
(ปจั จุบัน - พระครศู พั ทสนุ ทร)
๔. อาจารยอ์ �ำ นวยการและอาจารย์ทป่ี รึกษา
พ.ศ. ๒๕๓๒ - ปัจจุบัน ดร.สมศักดิ์ สายหยุด
พ.ศ. ๒๕๔๕ - ปจั จุบนั ดร.กรแก้ว อจั นวัจน์

198

โรงเรียนสุนทรประดิษฐ์วทิ ยาลยั

โรงเรียนสนุ ทรประดิษฐ์วิทยาลัย เป็นโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามญั ศึกษา
สังกัดสำ�นกั งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ไดเ้ ปดิ ด�ำ เนินการเรยี นการสอนขนึ้ ทัง้ แผนกธรรม
แผนกบาลี และแผนกสามัญศกึ ษา สำ�หรับพระภิกษแุ ละสามเณรในคณะสงฆอ์ นัมนกิ าย โดยมี
ประวตั คิ วามเปน็ มาต้งั แต่เร่ิมกอ่ ตัง้ จนถงึ ปจั จุบัน ดังน้ี
จากสภาพสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไปทกุ ขณะ ความเจริญกา้ วหนา้ ทางด้านเทคโนโลยี
ความไม่เสมอภาคทางด้านการศึกษา พระเดชพระคุณองสรภาณมธุรส (สมณศักดิเ์ จา้ อาวาส
ในขณะนั้น) มีความเห็นว่า การทีป่ ระเทศจะเจรญิ กา้ วหนา้ ชวี ติ ของปวงชนจะอยดู่ มี ีความสขุ
สามารถดำ�รงชีวิตได้อยา่ งเป็นปกตสิ ขุ และสามารถพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ให้ดขี ึ้นได้ จ�ำ เป็นตอ้ ง
มกี ารศึกษาที่ดี จึงมปี ณธิ านวา่ อยากจะจัดตั้งโรงเรยี นขึน้ เพ่ือเปดิ โอกาสใหเ้ ยาวชนที่มคี วาม
ประสงคจ์ ะศกึ ษาเล่าเรียนแต่ขาดทุนทรพั ย์ ได้เข้ามาบรรพชาเพอ่ื ศกึ ษาในระดับทีส่ งู ขึ้น และ
เปน็ การสร้างศาสนทายาทที่ดี เพ่อื สืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำ�รงตอ่ ไป
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ องสรภาณมธุรส (ถนอม อารียก์ ูลชยั ) ปัจจบุ ันคือ พระคณานมั ธรรม
เมธาจารย์ รองเจ้าคณะใหญอ่ นัมนกิ ายแหง่ ประเทศไทย เจา้ อาวาสวดั สนุ ทรประดิษฐ์ ได้ขอ
จัดต้งั โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามญั ศึกษาข้นึ ภายในวดั โดยเสนอขอต่อกรมการ
ศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ขอจัดตั้งโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา ซึ่งไดร้ ับ
ใบอนุญาตจากกรมการศาสนา ตามใบอนุญาตเลขท่ี ๑๖๔/๓๔ เม่อื วันท่ี ๒๘ มิถุนายน พ.ศ.
๒๕๓๔ โดยมอี ธิบดีกรมการศาสนาในขณะน้นั เป็นผู้อนญุ าตใหจ้ ัดตง้ั วดั สนุ ทรประดษิ ฐไ์ ดจ้ ัด
สรา้ งโรงเรียนพระปริยัติธรรมขน้ึ ทว่ี ัด มอี าณาบริเวณประมาณ ๑ ไร่ ๓๘ ตารางวา เปดิ ท�ำ การ
สอนตงั้ แตร่ ะดบั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๖ เปิดทำ�การเรียนการสอนท้งั ภาคเชา้ และภาคบา่ ย เวลา
๐๙.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. โดยเปิดทำ�การเรียนการสอนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
โดยมีพระมหาสายบวั กติ ฺตโิ สภโณ วฒุ ิการศกึ ษาสูงสุด พุทธศาสตรบณั ฑติ สาขา
สังคมศกึ ษา ดำ�รงตำ�แหน่งผู้อำ�นวยการโรงเรยี นสนุ ทรประดษิ ฐ์วทิ ยาลยั ต้งั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๔๔
จนถึงปจั จุบัน

199

โรงเรียนถาวรวทิ ยาลัย (โรงเรยี นมหาปัญญา)

โรงเรยี นมหาปญั ญา เร่มิ จดั ต้ังในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยพระมหาคณานมั ธรรมปัญญาธวิ ัตร
เจ้าคณะใหญ่อนัมนกิ าย ได้มอบหมายให้ องปลัดบญุ สง่ เหยย่ี วหาย ซง่ึ ดำ�รงต�ำ แหนง่ เลขานกุ าร
เจา้ คณะใหญอ่ นัมนกิ าย และเจ้าอาวาสวดั ถาวรวรารามหาดใหญ่ ในขณะน้นั ด�ำ เนินการจัดตงั้
ณ วดั ถาวรวรารามหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา ในขณะเริ่มจัดตั้งใชช้ ือ่ วา่ “โรงเรยี นถาวรวทิ ยาลยั ”
โดยไดร้ ับใบอนญุ าตจากกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธกิ าร ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ เปน็ โรงเรียน
พระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศึกษา จดั การศึกษาในระดับมัธยมตน้ คอื มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ถึง
มัธยมศกึ ษาปี ๓ ตอ่ มาได้ทำ�การขออนุญาตขยายการจัดการศึกษาจนถึงมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
ปัจจุบนั สงั กัดสำ�นักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ คณะสงฆ์อนมั นิกายได้มีมติจดั ตัง้ วทิ ยาลัยทางพระพทุ ธศาสนา
มหายานของคณะสงฆ์ ณ ทธ่ี รณสี งฆ์ของวัดถาวรวรารามหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภาย
ใต้ความอนเุ คราะหข์ องพระเดชพระคณุ เจา้ ประคณุ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกยี่ ว อุปเสโณ) วดั
สระเกศราชวรมหาวิหาร และไดร้ บั การสถาปนานามวา่ “มหาปัญญาวทิ ยาลยั ” ใชภ้ าษาองั กฤษ
เปน็ สอ่ื การสอน เป็นสถาบันสมทบของมหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพือ่ ให้
สอดคล้องในการบรหิ ารจดั การดา้ นการศึกษา จงึ ได้ขอเปลีย่ นช่อื “โรงเรยี นถาวรวิทยาลัย” เปน็
“โรงเรียนมหาปญั ญา” จัดเปน็ โรงเรยี นสาธิตของมหาปัญญาวทิ ยาลยั และยา้ ยจากวัดถาวรวรา
ราม หาดใหญ่ มาจัดตงั้ ณ มหาปญั ญาพทุ ธสถาน ซึ่งเปน็ ทตี่ ้ังของมหาปญั ญาวทิ ยาลยั ปจั จบุ นั
มีสามเณรนักเรียนทจ่ี บการศกึ ษาแลว้ มากกวา่ ๑๕ รุน่ เปน็ โรงเรียนในกลุ่ม ๑๔ ของคณะสงฆ์
อนัมนกิ ายทีอ่ ยูใ่ นภาคใต้ เพอื่ ส่งเสรมิ การศกึ ษาให้กับพระภิกษสุ ามเณรทง้ั เถรวาทและอนมั
นิกาย

200


Click to View FlipBook Version