The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อนุสรณ์งานประชุมเพลิงสรีระสังขาร หลวงปู่ลี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-03-07 21:46:05

อนุสรณ์งานประชุมเพลิงสรีระสังขาร หลวงปู่ลี

อนุสรณ์งานประชุมเพลิงสรีระสังขาร หลวงปู่ลี

Keywords: อนุสรณ์งานประชุมเพลิงสรีระสังขาร หลวงปู่ลี

หลวงตาท่านได้เล่าถึงความหลงั ครง้ั นัน้ ว่า เพราะไม่ใชห่ น้าฝน
“ฝนตกหน้านี้หนาวมาก ไม่ได้เหมือนหน้าฝน แตเ่ วลามันฟาดลงมาน่นั ซี
ธรรมดา หน้าฝนธรรมดา ฝนตกน้ีก็หนาวธรรมดา พิลกึ หนาวจริงๆ
แต่ตกหน้าน้ี อู๊ย หนาวจริงๆ จนตัวส่ันไปได้เลย จนจำ� ได้ชดั ว่า
หน้าเดือนอ้ายเดือนยี่ท่ีมันต่อปีใหม่ปีเก่า รู้สึกว่ามัน หนาวจนตวั สัน่ เลย
หนาวจริงๆ เราน้ีอยากจะพูดว่าโดนทุกปี คือหน้านี้ ฝนตกหนา้ น้ีนะ
ออกเท่ยี วแลว้ ออกเท่ียวอยตู่ ามป่า แตย่ ังไมไ่ ด้ข้ึนถำ้�
ขน้ึ ถำ้� จะเปน็ เดอื นมนี า เมษา ทเ่ี ปน็ หนา้ รอ้ น เขา้ ไปอยู่
ในถ�ำ้ เยน็ ดี มนี า เมษา เป็นหน้ารอ้ น เราไปอยู่ตาม
ถ้�ำเย็นสบายๆ หน้านี้ยังไม่ได้ข้ึนทางภูเขาเข้าถ�้ำอะไร
ถงึ ขน้ึ ภเู ขากอ็ ยหู่ ลงั เขาเสยี ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นถำ้� นล่ี ะฝนฟาด
ลงมาน้ี โถ พลิ กึ พลิ ่ันจริงๆ ตัวส่ันเลย ยงั หนมุ่ อยู่นะ
ซัดลงมานบ้ี างทกี ลางคนื ดึกสงัด มนั เอาแบบปิดประตู
ตหี มาเทยี วนะ ขท้ี ะลกั ไมม่ ที างออก ฝนฟาดลงมาตอน
กลางคนื ตหี นง่ึ ตสี อง โอย๊ มงุ้ กบั กลดนไ้ี หลเลย คนอยู่
ในมงุ้ เอาของใสเ่ ข้าในบาตร ปดิ ฝาบาตรเทา่ น้ันแหละ
ปล่อยให้มันตก กลดไหลออกมา มุ้งไหลออกมา

46 ผ้ทู รงไว้ซึ่งความฉลาด

หลวงป่ลู ี กสุ ลธโร 47

มุ้งเรียกว่าเป็นฝากั้น เอามุ้งเป็นฝาก้ันตกลงมา ออกบณิ ฑบาต เรากไ็ ม่ทราบจะทำ� ยงั ไง ฝนกต็ ก
กไ็ หลเรือ่ ยๆ หนา้ นีล้ ะ เราจึงไดจ้ �ำได้ มนั หนาว ก�ำลังจะออกบิณฑบาต ก็เลยเอาของบริขาร
จรงิ ๆ ฝนหนา้ นี้ มนั ไมใ่ ชห่ นาวหนา้ หนาว หนาวฝน เล็กน้อยเอาฟางมาวางกลบ เสร็จแล้วก็ออก
หนา้ นี้ โถ จนขนาดตัวส่นั ได้นะ มันโดนแทบทุกปี บณิ ฑบาตตากฝน องคห์ นงึ่ ไปบา้ นหนงึ่ องคห์ นงึ่ ไป
หนา้ น้ี เพราะระยะนี้เป็นระยะที่เขา้ ปา่ เขา้ เขาแล้ว บา้ นหนง่ึ หลงทศิ กนั วนั นน้ั ออกไป ธรรมลวี งิ่ ตาม
ถา้ ตกกลางวนั กค็ อ่ ยยงั ชวั่ ตกกลางวนั เรามองหา เกาะติด คราวน้ันดูเหมือนจะมีถึงสามสี่องค์มั้ง
อะไรๆ มนั กเ็ หน็ หาทางไปทางมาได้ ถา้ ตกกลางคนื ถา้ ธรรมดาไปกบั เราไมไ่ ดน้ ะ เราจะไปแตอ่ งคเ์ ดยี วๆ
นี่ โห ตอ้ งอยใู่ นมงุ้ ออกไมไ่ ดเ้ ลย แลว้ แตจ่ ะตกเมอื่ ไร ตอนนน้ั ออกจากหนองผือ พระเกาะตดิ ล่ะซี รู้น่ี
นี่ฝน หลงทศิ วนั นั้นเราไม่รูจ้ ะท�ำยังไง เขากเ็ ลย
ถ้าเป็นเดอื นมนี า เมษา ไปแล้ว สว่ นมากมัก นมิ นตใ์ หฉ้ นั ในบา้ นเขาเลย พระบณิ ฑบาตกลบั มา
จะข้ึนถ้�ำ หรือไม่ง้ันก็มีอะไรมุง เอาหญ้ามาก่ีตับ จนกระทั่งเกือบ ๑๐ โมงแล้ว คนก็วิ่งมาบอก
มามงุ หรอื เอาอะไรมามงุ กแ็ ลว้ แตพ่ ออยไู่ ด้ ถา้ หนา้ น้ี พระกำ� ลงั รอทา่ นอาจารยอ์ ยทู่ ถ่ี ำ�้ โนน่ ไมท่ ราบทา่ น
ไม่สนใจเครื่องมุงเคร่ืองบังอะไรละ เพราะไม่ใช่ อาจารย์บิณฑบาตไปทางไหน หลงทิศหลงทาง
หนา้ ฝน แตเ่ วลามนั ฟาดลงมานน่ั ซี พลิ กึ หนาวจรงิ ๆ ตา่ งคนตา่ งหลง ฝนตกมากตอ่ มากนะ โห มากจรงิ ๆ
จนจ�ำได้ชัดวา่ หนาวจนตัวส่ันเลย ฝนตกหน้านนี้ ะ เปียกหมด น้�ำน้ีเป็นเหมือนกับหน้าฝนเวลามัน
ฝนตกอยู่นอกมุ้ง เราอยู่ข้างในหนาวจนตัวส่ัน ตกมากๆ ขนาดน้นั ละ เพราะฉะนนั้ เขาถงึ ไม่กลา้
เราไม่ได้ออกไปถูกฝนนะ ย่ิงไปถูกฝนด้วยแล้ว ใหเ้ รามาทพ่ี กั เพราะไปทพ่ี กั กจ็ ะไปนงั่ แชน่ ำ้� อยนู่ น้ั
ก็ย่ิงหนาวใหญ่ กลดไม่มีความหมายเลยแหละ มนั เรื่องอะไร อยูบ่ นบา้ นนี้ดกี วา่ เขาก็เลยนิมนต์
เวลาฝนตกมากๆ ลมซดั ลงมานี้ ดไี มด่ กี ลดหลดุ มอื ใหข้ น้ึ แลว้ หมเู่ พอ่ื นจะทำ� ยงั ไง เขาวา่ จะไปบอกพระ
ตอนเช้าหลงกัน ดูเหมือนธรรมลีองค์หน่ึงนะ ทางโน้นว่าท่านฉันอยู่น้ี ให้พากันฉันทางโน้นเสีย
ทอี่ อกไปจากที่ไหน ไปไมน่ าน เหน็ คนวง่ิ ตามมาอกี มาหาเรา เราฉนั แลว้
ธรรมลีวิ่งตามไปไหนนี่เหมือนปลิงนะ บนบ้าน เรากลับไป พวกน้ันก�ำลังจะเริ่มฉันกัน
เกาะติดเลย ไปไหนธรรมลีนี่ พอดีเราไปจาก ดเู หมอื นสองสามองค์ เรากส็ งสารนะ ตา่ งคนตา่ ง
หนองผอื หรอื ไง ฝนตกตอนเชา้ พอสว่างไดเ้ วลา หลงทศิ แล้วฉันกฉ็ ันแชน่ �ำ้ จรงิ ๆ ดว้ ยอยา่ งเขาวา่
ฝนตก ต่างคนต่างบณิ ฑบาตคนละหมบู่ า้ น มีอยู่ ออกไปท�ำไม ออกไปก็ไปนง่ั ฉันแช่น�้ำ มาเห็นพระ
สองสามบ้านแถวนั้น ตอนอยู่อ�ำเภอเขาวง ทา่ นเอาอะไรรองไวน้ ดิ หนอ่ ย เปยี กหมดนนั่ แหละ
หลงกนั เลย ฝนตกขนาดนนั้ ตกหนักจรงิ ๆ ไม่ใช่ เรอื่ งเปยี กไมต่ อ้ งบอก เพราะเปยี กมาแตใ่ นบา้ นแลว้
ธรรมดา นำ�้ นีเ้ จงิ่ ไปหมดเลยตอนเช้า พอดเี วลา อยทู่ ไ่ี หนกเ็ ปยี ก เปยี กกบั เปยี กมนั กอ็ ยดู่ ว้ ยกนั ได้
เรากไ็ ม่ลมื อนั น้ี

48 ผู้ทรงไวซ้ ่งึ ความฉลาด

อู๊ย หนาวจริง เป็นอยู่เรื่อยอย่างนี้ เราไม่พูดถึงเรื่องอย่างนี้เพราะ
มนั มากต่อมากเรือ่ งอย่างน้นี ่ะ ความทกุ ขข์ องพระกรรมฐาน แตส่ ำ� คัญท่ีวา่
จิตที่มุ่งต่อธรรมเท่าน้ัน ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคนะ ไม่เคยเข็ดเคยหลาบ
ไมเ่ คยกลวั ไมส่ นใจ นล่ี ะธรรมเปน็ ของสำ� คญั อยา่ งนน้ั พนี่ อ้ งทง้ั หลายจำ� เอานะ
ถ้าจิตหนักแน่นในธรรมแล้วจะไม่สนใจกับอะไร เรื่องความทุกข์ความยาก
ลำ� บากอะไรมันไม่สนใจเลย”

หลวงปูล่ ี กสุ ลธโร 49

โอ๋ย
เหมือนได้ข้ึน
สวรรคท์ ั้งเป็น

ถา้ หากรู้ว่า

ธรรมลนี ีก้ ลัวผี

เราจะไลธ่ รรมลี
เราก็อยู่ริมทงุ่ กลางคืน
เปิดหนเี ลยเขา้ ใจไหม

จะดดั อย่างนน้ั

หลวงตาพระมหาบวั ญาณสัมปนั โน
50 ผู้ทรงไว้ซ่งึ ความฉลาด

ในระหว่างท่ีหลวงปู่ลีได้
ติ ด ต า ม ห ล ว ง ต า เ พื่ อ
จะไปจ�ำพรรษาที่บ้านห้วยทราย
หลวงตาได้พาหลวงปู่ลีแวะพัก
ภาวนาอยู่ ณ ปา่ ชา้ บา้ นชะโนดดง
จงั หวดั มกุ ดาหาร ระยะหนงึ่ กอ่ น
มีเหตุการณ์ท่ีน่าขบขันแฝงด้วย
คติธรรมเหตุการณ์หนึ่ง ซ่ึง
หลวงตาเม่ือพูดถึงหลวงปู่ลีแล้ว
ท่านมักจะยกเร่ืองนี้ข้ึนมาเล่า
อยา่ งขำ� ๆ อยเู่ สมอ หลวงตาเลา่ วา่

“ตดิ สอยหอ้ ยตามเรา สลดั เทา่ ไรไมย่ อมออกนะ ธรรมลตี ดิ เหนยี วยงิ่ กวา่ ปลงิ ธรรมลนี เี้ กง่ มากตดิ
สลัดยงั ไงไมอ่ อกๆ เลย เราหาอยอู่ งคเ์ ดียวเรา ธรรมลนี สี้ อดตามจนได้ ทนี ้ีทีว่ ่าเราจะดดั สนั ดาน เราไป
อยใู่ นปา่ ชา้ แตเ่ ราไมร่ วู้ า่ ธรรมลนี ้กี ลวั ผี เราเลยเสยี ทา่ เราเขา้ ไปอยใู่ นกลางปา่ ช้า ใหธ้ รรมลอี ยรู่ มิ ทงุ่ นา
แตเ่ ป็นท่ีสงัดดว้ ยกันท้งั น้ันละ ทางบ้านชะโนดดง จังหวัดมุกดาหาร ติดตามเราไป คนนนี้ ่ะติด นอกนน้ั
พงั ไปหมดแล้ว คนนต้ี ิดจนได้
เรากโ็ มโหเพราะเราหาอยคู่ นเดยี วเราโดยลำ� พงั พอไปอยทู่ น่ี นั่ เรากไ็ ปอยใู่ นปา่ ชา้ เขา บา้ นชะโนดดง
แล้วป่าชา้ ที่ไหนสงัด เขา้ ไปอยกู่ ลางป่าชา้ เลย เราสบาย คนไมก่ ลา้ เขา้ ไปละปา่ ช้า เราเหน็ วา่ เป็นทสี่ งัด
ไลธ่ รรมลี ไมใ่ หธ้ รรมลไี ปกวน ความหมายวา่ งนั้ ไลธ่ รรมลอี อกไปรมิ ทงุ่ นานนู้ ทางนนั้ โอย๋ เหมอื นไดข้ น้ึ
สวรรคท์ งั้ เปน็ ตอนนนั้ ไมไ่ ดพ้ ดู นะ ออกมาแลว้ ถงึ มาพดู ทหี ลงั อยู๊ เราเสยี ดาย อยากพาธรรมลกี ลบั คนื ไปอกี
ไลธ่ รรมลใี หอ้ ยโู่ นน้ ธรรมลกี ส็ บาย โอย๊ ปานขนึ้ สวรรคท์ ง้ั เปน็ วา่ นนั้ นะ ทา่ นอาจารยท์ า่ นไปอยใู่ นปา่ คนเดยี ว
คอื ไมใ่ ห้ใครไปกวนอยู่น้ัน กเ็ ราไปคนเดยี ว อีตาบา้ นตี้ ดิ ตามเราซิ จึงว่าไล่ไม่ใหย้ ุ่งเรา ถ้าหากรวู้ ่าธรรมลี
นกี้ ลัวผี เราจะไลธ่ รรมลี เรากอ็ ยรู่ ิมทุง่ กลางคืนเปดิ หนเี ลยเขา้ ใจไหม จะดัดอยา่ งนัน้
แตน่ ก้ี อ็ ยา่ งวา่ ละ บาปมนั กแ็ พบ้ ญุ ตลอดไป ออกมาแลว้ จงึ พดู อยู๊ ดใี จมาก ทา่ นเขา้ ไปอยใู่ นกลางปา่ ชา้
ทา่ นไล่เราออกมาอยู่รมิ ทงุ่ นา อู๊ย เหมือนข้ึนสวรรค์ทงั้ เปน็ เรากเ็ สียดาย เราอยากคนื ไปอยูป่ า่ ชา้ นน้ั
อีกคราวหลงั มนั ผา่ นมาแลว้ ”

หลวงปูล่ ี กุสลธโร 51

บ้านห้วยทราย

ธดุ งค์ก็ดี
อัสดงก็ดี
หสั ดงก็ดี
แปลวา่

ผ้ทู �ำความดับอย่เู สมอ
ดับทกุ ข์อยเู่ สมอ

หลวงปใู่ หญ่เสาร์ กันตสีโล

52 ผู้ทรงไวซ้ ่งึ ความฉลาด

หลวงปู่ใหญเ่ สาร์ กนั ตสโี ล บ้านห้วยทราย ต�ำบลค�ำชะอี
หลวงปู่ใหญ่ม่ัน ภูริทัตโต อ�ำเภอค�ำชะอี จังหวัด
มกุ ดาหาร เปน็ หมบู่ า้ นของชาวภไู ท คนบา้ น
ห้วยทรายแต่ก่อนนับถอื ผี ถอื ผฟี า้ ผแี ถน
ผเี มอื งแมนเบอ้ื งบน ถอื ผปี ยู่ า่ ผบี รรพบรุ ษุ
มกี ารฟอ้ นร�ำเซ่นไหว้บวงสรวง ตั้งหอผไี ว้
ในดงใกลล้ ำ� หว้ ยทราย ไปทางทศิ เหนอื ของ
หมู่บ้าน
ทบ่ี า้ นหว้ ยทราย สมยั กอ่ นยงั ไมร่ จู้ กั
พระปา่ มแี ตพ่ ระวดั บา้ น กนิ ขา้ วแลง เสาะหา
ลา่ เนือ้ ทำ� บ้ังไฟ ไปตามเรอ่ื งตามราว
พระธุดงคกรรมฐานหมู่แรกท่ีเข้า
มาก่อนคือ หลวงปใู่ หญเ่ สาร์​ กนั ตสโี ล
พรอ้ มพระเณร ๖-๗ รปู ไดม้ าพกั จำ� พรรษา
ณ ดอนหนองนอ่ ง บ้านห้วยทราย เมื่อปี
พ.ศ. ๒๔๕๘
พ.ศ. ๒๔๖๐ ออกพรรษาแล้ว
หลวงปู่ใหญม่ นั่ ภรู ิทัตโต ได้ออกเดนิ ทาง
ติดตามหลวงปู่ใหญ่เสาร์มาจากจังหวัด
อุบลราชธานี ผ่านจังหวัดอ�ำนาจเจริญ
และจังหวัดยโสธร มาถึงบ้านห้วยทราย
ในฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จพอดี มาพักอยู่
วัดหนองแวง ทางทิศเหนือของบ้าน
หว้ ยทราย เพราะตอ้ งการใชน้ ำ�้ ในหว้ ยทราย
และอีกอย่างหน่ึง วัดหนองแวงก็ใกล้ดง
หอผปี ู่ตา เหมาะส�ำหรบั การภาวนา

หลวงปูล่ ี กสุ ลธโร 53

หลงั จากนน้ั กม็ พี ระธดุ งคท์ ยอยตามหลวงปใู่ หญม่ น่ั มาเปน็ จำ� นวนมาก
๓๐-๔๐ รปู เหน็ จะได้ พระเณรเขา้ ออกๆ เปน็ คณะๆ เปน็ ประจำ� ชาวบา้ นสมยั นน้ั
พากนั เรยี กพระธดุ งคว์ า่ พระอสั ดงบา้ ง พระหสั ดงบา้ ง หลวงปใู่ หญเ่ สารก์ ว็ า่
“ดแี ลว้ ธดุ งคก์ ด็ ี อสั ดงกด็ ี หสั ดงกด็ ี แปลวา่ ผทู้ ำ� ความดบั อยเู่ สมอ ดบั ทกุ ข์
อยู่เสมอ”
หลวงปใู่ หญเ่ สาร์ หลวงปใู่ หญม่ นั่ พากนั มาจำ� พรรษาอยบู่ า้ นหว้ ยทราย
ดว้ ยเหตทุ วี่ า่ คนชาวภไู ทสมยั นน้ั เปน็ ผมู้ จี ติ ใจออ่ นนอ้ มดี ใสใ่ จดแู ลพระเณร

54 ผ้ทู รงไวซ้ ่ึงความฉลาด

สอนงา่ ยเขา้ ใจงา่ ย เปน็ คนมจี ติ ใจออ่ นโยน มงุ่ บำ� เพญ็ ในการกศุ ลดี ถา้ หากวา่
ทา่ นทงั้ สองไมม่ าโปรดสอนเอา กค็ งจะยงั ไหวผ้ ไี หวส้ างกนั อยถู่ งึ ปจั จบุ นั กอ็ าจ
เป็นไปได้
จากน้นั มา บา้ นหว้ ยทรายกม็ ีพระธดุ งคกรรมฐานไปมาอยไู่ ม่ขาด
และในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ - ๒๔๙๗ หลวงตาพระมหาบวั ไดพ้ าคณะพระเณร
อยู่จ�ำพรรษาโปรดชาวบา้ นหว้ ยทรายเปน็ เวลา ๔ ปตี ดิ ต่อกนั

หลวงปลู่ ี กุสลธโร 55

ผ้เู ฒา่ แม่แกว้

อย่ทู ห่ี ้วยทราย

อยนู่ น่ั กเ็ พราะ

ผู้เฒ่าแมแ่ กว้  นั่นเอง

หลวงตาพระมหาบวั ญาณสมั ปันโน
56 ผู้ทรงไวซ้ งึ่ ความฉลาด

คณุ แมช่ ีแก้ว เสยี งล้�ำ ท่ีบ้านห้วยทราย มีนัก
ปฏิบัติธรรมหญิงท่านหนึ่ง
นามวา่ คณุ แมช่ ีแกว้ เสยี งล�ำ้
เวลาภาวนามักจะมีความรู้
แปลกพิสดารมาก หลวงตา
พระมหาบวั ญาณสมั ปนั โน ได้
เดินทางมาจ�ำพรรษา ณ บ้าน
หว้ ยทราย เปน็ เวลา ๔ ปี คอื
ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๔๙๔ - ๒๔๙๗
ก็เพ่ือท่ีจะโปรดคุณแม่ชีแก้ว
คนนี้ หลวงตาไดเ้ ลา่ ไวด้ ังน้ี
“แม่ชีแก้วที่อยู่บ้านห้วย-
ทรายน้ี เป็นลูกศิษย์ด้ังเดิม
ของหลวงปมู่ นั่ มาตง้ั แตเ่ ปน็ สาว
นู่นน่ะ แกภาวนาเป็นตั้งแต่
เป็นสาวนู่น ถ้าวันไหนภาวนา
แปลกๆ พอหลวงปมู่ นั่ บณิ ฑบาต
มาถงึ นนั้ ทา่ นจะสง่ั วา่ วนั นอี้ อก
ไปวัดนะ เพราะทา่ นหยัง่ ทราบ
ทกุ อยา่ งแลว้ นี่ ทนี พี้ อหลวงปมู่ น่ั
จะจากที่นั่นไป ท่านก็บอก
ตรงๆ เลย บอกว่า นี่ถ้าเป็น
ผชู้ ายแลว้ เราจะเอาไปบวชเปน็
เณรดว้ ย ตอนนน้ั อายขุ องแกได้
ราว ๑๖ ๑๗ ปี นี่เป็นผ้หู ญงิ
มนั ลำ� บากลำ� บน ไมเ่ อาไปแหละ
อยนู่ แี่ หละ จะเปน็ บา้ ครอบครวั
เหมือนโลกเขาก็แล้วแต่เถอะ
วา่ ดงั น้ีแลว้ ทา่ นก็ไป ก่อนจะไป

หลวงปู่ลี กุสลธโร 57

ทา่ นสง่ั เอาไว้วา่ อย่าภาวนานะ นส่ี �ำคัญ ทา่ นส่งั ไวจ้ ดุ นี้แหละ คือนสิ ัยแกผาดโผนมาก เรื่องภาวนาน้ี
นสิ ยั ผาดโผนมากจรงิ ๆ เหาะเหนิ เดนิ ฟา้ ดำ� ดนิ บนิ บนในหวั ใจมนั ออกรอู้ อกเหน็ หมด เทวบตุ รเทวดาอนิ ทร์
พรหมเปรตผนี แ้ี กรไู้ ปหมดละ่ ทนี เ้ี วลาไมม่ คี รไู มม่ อี าจารยค์ อยแนะคอยบอก กลวั วา่ แกจะเสยี ทา่ นจงึ หา้ ม
ไมใ่ หภ้ าวนา ทา่ นวา่ เราไปนไ้ี มต่ อ้ งภาวนาแหละ ตอ่ ไปมนั กจ็ ะมคี รมู อี าจารยม์ าสอนเหมอื นกนั นนั่ แหละ
ท่านวา่ อยา่ งน้นั ท่านวา่ ผา่ นๆ ไปอย่างนี้แหละ ทนี ีน้ านๆ เขา้ หนักเข้า แกอดไมไ่ ด้ มันอยากจะภาวนา
อยู่ตลอด แกกเ็ ลยภาวนา กพ็ อดเี ปน็ จงั หวะทเี่ ราไปทน่ี ัน่
พอเราไปถงึ แกกม็ าเลา่ ใหฟ้ งั ตอนทเี่ ราไปนน้ั เราไปจำ� พรรษาอยบู่ นเขา ใหห้ มเู่ พอื่ นจำ� พรรษาขา้ งลา่ ง
เรากับเณรหน่ึงองค์ไปจ�ำพรรษาอยู่บนเขา บ้านห้วยทรายนั่นแหละ ถึงวันพระหนึ่งๆ พวกเขาจะไป
ไปพร้อมกันล่ะ ไปทั้งวัดเขาเลยล่ะ พวกแม่ชีแม่ขาวหลั่งไหลกันไป ข้ึนภูเขาไปหาเราตอนบ่ายสี่โมง
ตอนจวนหกโมงเยน็ เขากก็ ลบั ลงมาเปน็ ประจำ� ทนี พี้ อไปถงึ แกกเ็ ลา่ ใหฟ้ งั ขนึ้ ตน้ กน็ า่ ฟงั เลยนะ น่ี กไ็ มไ่ ด้
ภาวนา เพง่ิ เรมิ่ ภาวนานแี่ หละ ญาทา่ นม่ัน ท่านไมใ่ ห้ภาวนา
เรากส็ ะดดุ ใจกึก๊ มันตอ้ งมอี ันหนง่ึ แนน่ อน ลงหลวงปูม่ ่ันหา้ มไม่ให้ภาวนาน้ี ต้องมีอันหน่ึงแนน่ อน
จากนน้ั แกกเ็ ลา่ ภาวนาใหฟ้ งั นี้ โถ ไมใ่ ชเ่ ลน่ ๆ พสิ ดารเกนิ คาดเกนิ หมาย เรากจ็ บั ไดเ้ ลยทนั ที ออ๋ อนั นเ้ี อง
ทท่ี า่ นหา้ มไมใ่ หภ้ าวนา แกกพ็ ดู แตเ่ รอ่ื งความรคู้ วามเหน็ ไปโปรดเปรตโปรดผโี ปรดอะไรตอ่ อะไร นรกสวรรค์
แกไปไดห้ มด รหู้ มด ทนี เี้ วลาภาวนา มนั กเ็ พลนิ แตช่ มสง่ิ เหลา่ น้ี ครนั้ ไปหาเรานานๆ เขา้ เรากค็ อ่ ยหา้ มเขา้
หักเข้ามาเปน็ ล�ำดับลำ� ดานี่แหละ เอากนั ตอนน้ี ทแี รกให้ออกได้ ใหอ้ อกก็ได้ ไมอ่ อกกไ็ ด้ ได้มย้ั เอาไป
ภาวนาดู คร้ันต่อมาไม่ให้ออก ตอ่ มาเลยเด็ดเลย หา้ มไม่ให้ออกเป็นเด็ดขาด
นน่ั เอาขนาดนนั้ เชยี วนะทนี ้ี ใหแ้ กรภู้ ายใน อนั นนั้ เปน็ รภู้ ายนอกไมใ่ ชร่ ภู้ ายใน ไมใ่ ชร่ เู้ รอื่ งแกก้ เิ ลส
จะให้แกเข้ามาร้ภู ายในเพือ่ จะแก้กิเลส แกไม่ยอมเขา้ เถยี งกนั แกก็วา่ แกรู้ แกก็เถยี งกนั กับเรานแี่ หละ
ตอนมนั สำ� คญั นะ พอมาเถยี งกับอาจารย์ อาจารยก์ ็ไล่ลงภูเขา ร้องไหล้ งภูเขาเลย ไป จะไปทีไ่ หนก็ไป
สถานทน่ี ้ไี ม่มีบัณฑติ นักปราชญ์ มีแต่คนพาลนะ ใครเปน็ บณั ฑติ นกั ปราชญ์ใหล้ งไป ไป ไลล่ งเดย๋ี วน้นั
แกร้องไห้ลงไปเลย เรากเ็ ฉย น้�ำตานไ่ี มเ่ หน็ มปี ระโยชนอ์ ะไร เราเอาตรงนั้น ไลล่ งไป อยา่ ข้นึ มานะ
แตน่ ีต้ ่อไปหา้ มเดด็ ขาด เลยไปได้ส่ีห้าวนั แกก็โผลข่ ึน้ มาอกี ข้ึนมาอะไร เด๋ยี วๆ ให้พูดเสยี กอ่ น แกว่า
มันอะไรกนั นักปราชญ์ใหญ่ เราว่าอย่างนั้นนะ ว่านกั ปราชญ์ใหญ่ แกว่า เดย๋ี วๆ ใหพ้ ูดเสยี กอ่ น แกจงึ
เลา่ ใหฟ้ งั คอื แกหมดหวงั แกก็หวงั จะพึ่งเรา ก็พูดเปิดอกเสียเลย แกวา่ จะพ่งึ อาจารยอ์ งค์นี้ ชวี ิตจติ ใจ
มอบไวห้ มดแลว้ ไมม่ อี ะไร แลว้ กถ็ กู ทา่ นไลล่ งจากภเู ขา เราจะพงึ่ ใครละ่ แลว้ เหตทุ ที่ า่ นไล่ ทา่ นกม็ เี หตมุ ผี ล
ของท่าน เราไม่ฟังคำ� ท่าน ท่านไลน่ ้ี ถ้าหากว่าเราถือวา่ ทา่ นเป็นครเู ปน็ อาจารย์แลว้ ท�ำไมจึงไมฟ่ งั ค�ำทา่ น
เพราะเราอวดดี แลว้ มนั กเ็ ปน็ อยา่ งนี้ ไมเ่ หน็ ไดเ้ รอื่ งไดร้ าวอะไร ทนี กี้ เ็ ลยเอาคำ� ของทา่ นมาสอนตนมาปฏบิ ตั ิ
มนั จะเป็นยังไง เอาวา่ ซิ มันจะจมก็จมไปสิ

58 ผ้ทู รงไว้ซึง่ ความฉลาด

เรากส็ ะดดุ ใจกกึ๊ มนั ต้องมีอันหนงึ่ แน่นอน
ลงหลวงปู่มั่นห้ามไม่ใหภ้ าวนาน้ี
ต้องมีอันหน่ึงแนน่ อน
จากน้ันแกกเ็ ลา่ ภาวนาให้ฟังนี้ โถ ไม่ใชเ่ ลน่ ๆ
พสิ ดารเกนิ คาดเกนิ หมาย เรากจ็ บั ไดเ้ ลยทันที
ออ๋ อนั น้ีเองที่ท่านหา้ มไม่ใหภ้ าวนา

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปนั โน
เมตตาเยี่ยมศพคณุ แมช่ ีแก้ว เสียงลำ�้
ทส่ี ำ� นกั ชบี ้านห้วยทราย ๑๘ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๓๔

คราวน้แี กเอาค�ำของเราไปสอน บังคับไมใ่ หอ้ อกอย่างว่านน่ั แหละ แต่ก่อนมแี ตอ่ อกๆ หา้ มขนาด
ถึงว่าไล่ลงภูเขา แกไม่ยอมเข้า มีแต่ออกรู้อย่างเดียว พอไปหมดท่าหมดทาง หมดที่พึ่งท่ีเกาะแล้ว
ก็มาเห็นโทษตวั เอง ถา้ วา่ เราถอื ท่านเป็นครูเป็นอาจารย์ ท�ำไมไม่ฟังค�ำทา่ น ฟังค�ำทา่ นสิ ทำ� ลงไปแลว้
เปน็ ยงั ไง ให้รสู้ ิ ทีนก้ี ม็ ีแตบ่ ังคบั ให้อย่ลู ะ่ คราวนี้ พอบังคับให้อยู่ พอแน่วลงอยูน่ ้ีก็สว่างจ้าข้ึน แล้วก็
ปรากฏเปน็ นมิ ิตเรานี่แหละมา ถือมีด มีดก็มดี คมกริบ แสงออกแพรวพราว ทีน้ีให้พจิ ารณาอยา่ งนี้นะ
การทำ� ลายกายทำ� ลายอย่างน้ี จุดตะเกียงเจา้ พายมุ าด้วยนะ ห้ิวตะเกียงเจ้าพายมุ า แกวา่ แล้วก็ฟนั เลย
ฟันตวั แกน่ันแหละ ในนิมิตภาวนา ฟันพออนั นีข้ าดตก อันนู้นขาดตก ฟนั นี้ๆ ท�ำอย่างน้ีๆ แยกกายแยก
อย่างน้ี แหลกไปเลยนะ แล้วเข่ียๆ เข่ียออก น่ีดูเอาๆ แล้วแยกออกไปอันไหน เป็นสัตว์อันไหน
เปน็ บคุ คลอนั ไหน เปน็ หญงิ อนั ไหนเปน็ ชาย เอาดู เทยี บดู อนั ไหนสวยอนั ไหนงาม เอาดู ทางนก้ี ด็ ู เกดิ ความ
สลดสังเวชภายในจิตใจ มันเป็นนิมิตอันหน่ึงออกแต่เป็นธรรม จนกระท่ังว่าแกเกิดสลดสังเวชตัวเอง
พอคราวนจ้ี ติ พรบึ ลงอกี คราวหลงั นเ้ี งยี บเลย พดู ไมถ่ กู คราวน้ี จะวา่ อศั จรรยข์ นาดไหนพดู ไมถ่ กู ทนี พี้ อจติ
ถอนขน้ึ จากนนั้ กห็ มอบกราบไปทางภเู ขาเลยแกวา่ นแี่ หละ ทกี่ ลบั ขนึ้ มาเพราะเหตนุ ้ี ทนี ไ้ี ดร้ อู้ ยา่ งนนั้ ๆ ละ่
รู้ตามทเ่ี ราสอนนะ เออ เอาละ่ ทีนีข้ ย�ำลงไปนะตรงน้ี ทนี ี้อยา่ ออกอย่าย่งุ ยุ่งมานานแลว้ ไม่เหน็ เกิด
ประโยชน์อะไร เหมือนเราดูดินฟ้าอากาศ ดูส่ิงเหล่าน้ันน่ะ ดูเปรตดูผีดูเทวบุตรเทวดา มันก็เหมือน
กายเนอ้ื เราดนู แี่ หละ สง่ิ เหลา่ นไ้ี มเ่ หน็ มปี ระโยชนอ์ ะไร ถอนกเิ ลสตวั เดยี วกไ็ มไ่ ด้ นี่ ตรงนตี้ รงถอนกเิ ลส
เราก็ว่าอยา่ งนี้ เอ้า ดูตรงนน้ี ะ แกก็ขยำ� ใหญเ่ ลย เอาใหญ่เลย ลงใจ ไม่นานนะ แกกผ็ ่านไป แกบอก
แกผา่ นมานานนะ พ.ศ. ๒๔๙๔ เราไปจ�ำพรรษาท่หี ้วยทราย พอราว พ.ศ. ๒๔๙๕ ละมงั้ แกก็ผ่านได”้

หลวงปลู่ ี กุสลธโร 59

ลาโพธิญาณ

เร่อื งนี้เราก็ไม่เคยพูดนะ

เพราะมันเป็นเรื่อง
ผ่านมาแลว้

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมั ปนั โน
60 ผู้ทรงไว้ซึ่งความฉลาด

คุณแมช่ แี กว้ เสยี งลำ�้ ทา่ นมี
ความรู้แปลกพิสดารมาก
ในเวลาภาวนา ท่านจะตามรู้
ไปหมด ท้ังเร่ืองท่ีเป็นอดีตท่ี
ผ่านมา และเรื่องท่ียังมาไม่ถึง
ไดอ้ ยา่ งแมน่ ยำ� อยา่ งนา่ เหลอื เชอื่
ท่านพูดด้วยญาณหยั่งทราบ
จงึ เปน็ ความเห็นทีแ่ น่นอน
หลวงตาเคยพูดถึงความรู้
พิเศษของแมช่ ีแก้วว่า
“แม่ชีแก้วน้ีแกส�ำคัญ
อยนู่ ะ แกพดู อยา่ งน้ี พดู ดว้ ยญาณ
หยั่งทราบแนน่ อนๆ อยู่ ใครๆ
เคยเป็นลกู มายงั ไงๆ แกรูห้ มด
สมยั ไหนๆ แกยอ้ นพจิ ารณาหมด
เชน่ ทา่ นสิงหท์ องนี้ ร้สู กึ วา่ แก
รกั มากเลยนะ ผเู้ ฒา่ แมแ่ กว้ นว่ี า่
เคยผกู พนั กนั มานาน
เร่ืองน้ีเราก็ไม่เคยพูดนะ
อย่างน้ีนะ เพราะมันเป็นเรื่อง
ผา่ นมาแลว้ ไมท่ ราบพดู หาอะไร
ทีน้ีเวลามนั สัมผัส เรากพ็ ดู บ้าง
มนั นานแลว้ แลว้ แก (แมช่ แี กว้ )
ก็ถามว่า

หลวงปลู่ ี กุสลธโร 61

“เทา่ ทพี่ จิ ารณาดนู ะ ทม่ี นั รมู้ า ญาทา่ นนี่เคย
ปรารถนาพุทธภูมิมานะ แล้วท�ำไมถึงเลิกเสียล่ะ
ใช่มยั้ ”
แกว่าอย่างน้ันนะ เราก็ไม่ตอบเสียเลยล่ะ
กระทง่ั บดั นยี้ งั ไมต่ อบเลยนะ แกถามแบบสงสยั นะ
เราก็เฉยเลย แกก็จับค�ำอะไรเราไม่ได้นะ เราก็
ไมเ่ คยพดู ทไ่ี หนวา่ เราเคยปรารถนาพทุ ธภมู มิ า เราก็
ไม่เคยพูดท่ไี หน แตแ่ กทำ� ไมน�ำมาพูด ทงั้ ๆ ทเ่ี รา
ไม่เคยพูดท่ีไหนเลยนะว่าเราเคยปรารถนาพุทธภูมิ
หรือไม่เคยปรารถนาก็ไม่เคยพูด แกจะเชื่อหรือ
ไม่เชื่อก็ตาม แกก็ไม่กล้าถามอีก เราก็เฉยมา
จนกระทง่ั ทุกวนั น้ี แกตายไปแลว้ เราก็เฉย”
ภายหลงั เรอ่ื งนี้ หลวงปลู่ ี กสุ ลธโร เลา่ ใหพ้ ระ
ฟงั เปน็ การภายในวา่
“พ่อแม่ครูจารย์บ้านตาดเพ่ินว่า ปรารถนา
พุทธภูมิมา ขั่นแม่นศาลากะแม่นมุงเสร็จไปแล้ว
ยังแต่ปูด้านลา่ ง ปานนั้นเด๊ เว่าให้หมูล่ กู ศษิ ยฟ์ ัง
บ่แม่นของหน่อย กว่าสิเป็นพระพุทธเจ้าเบิ่งดิ๊
พระพทุ ธเจา้ ของเฮาน่กี ะเบงิ่ ด๊ิ ๔ อสงไขยแสน-
มหากัป แตไ่ ด้รบั ท�ำนายแลว้ เดะ๊ ชาติกอ่ นนนั้ ไป
เพน่ิ เวา่ โนน้ ๒๐ อสงไขย แตบ่ ไ่ ดท้ ำ� นาย ปานนน้ั เด”๊

62 ผ้ทู รงไว้ซงึ่ ความฉลาด

หลวงป่ลู ี กสุ ลธโร 63

อุบายสอนศษิ ย์

เฮาน่ี

เป็นหยังถึงชว่ั แท้ โงแ่ ท้
ข่ันโงห่ ลายกะให้มันตายซะ

อย่าอยใู่ ห้เพนิ่ หนกั ใจ

เพ่นิ บ่บอกมือ้ เดยี ว
แตนตอดเลย

ให้มนั ตายซะ โงป่ านนัน้

หลวงปูล่ ี กสุ ลธโร

64 ผทู้ รงไวซ้ ่งึ ความฉลาด

หลวงปู่ใหญม่ น่ั เคยปรารภเกย่ี วกบั
อุบายวิธีส่ังสอนพระเณรท่ี
เขา้ ไปศกึ ษาอบรมธรรมกบั องคท์ า่ นวา่ ลกู ศษิ ย์
ร้อยองค์ก็ใช้อุบายสั่งสอนร้อยอย่าง เพราะ
แตล่ ะคนมนี สิ ยั มาไมเ่ ทา่ กนั จะใชธ้ รรมบทเดยี ว
บาทเดยี วหนา้ เดยี วสอนทกุ ๆ องคน์ นั้ เรยี กวา่
ครูบาอาจารย์รูปนัน้ เปน็ ผู้ไมฉ่ ลาด

หลวงตาพระมหาบัวก็เช่นเดียวกัน หลวงตาพระมหาบวั ญาณสมั ปันโน
ท่านมักจะสั่งสอนศิษย์แต่ละรูปด้วยอุบาย
ที่ไม่ซ�้ำกันด้วยปัญญาญาณท่ีแหลมคมเพ่ือ
ประโยชนด์ า้ นจติ ใจของศษิ ยแ์ ตล่ ะทา่ นนน่ั เอง
ในกรณขี องหลวงปลู่ นี น้ั หลวงตามอี บุ ายธรรม
ส่ังสอนเพื่อให้ใจของหลวงปู่ลีได้สัมผัสกับ
ธรรมภาคปฏิบัติ ดงั ท่านเล่าไวว้ า่

“เจ้าของต้องไปกวาดใต้ถุนกุฏิพ่อแม่ หลวงปลู่ ี กุสลธโร
ครจู ารย์ มีกิจวัตรข้อวตั รเรือ่ งนลี่ ะ ฮงั เแตน
มันกะมอี ยหู่ ัน่ ล่ะ พอ่ แมค่ รจู ารยเ์ พิ่นฮอ้ งใส่
คมู่ อื้ “เออ้ ทา่ นลี แตนนะ ระวงั นะ ฮงั มนั เหน็
อย่บู ้อ” กะไดร้ ะวงั ม้อื ใหมก่ ะไปกวาดตาด
อีกแหลว่ เพิ่นบไ่ ด้ฮ้องใส่ เจา้ ของกะกวาด
ไปถกู ฮงั แตนแหล่ว บ่ทนั ระวงั โอ้ย แมแ่ ตน
กะบนิ มารมุ ตอ่ ยแหลว่ เพน่ิ เลยวา่ “อยุ้ พระน่ี
มนั เปน็ หยงั วนั ไหนๆ กะไดฮ้ อ้ งบอกฮอ้ งเตอื น
วนั นบ้ี ไ่ ดบ้ อก แตนเลยตอด มนั โงป่ านนนั้ บอ้
พระภาวนา ตอ้ งใหบ้ อกใหเ้ ตอื นทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งต้ี
สตมิ ันบ่มีปานนั้นเนาะ สตมิ ันบม่ ีติ้”

หลวงปู่ลี กสุ ลธโร 65

66 ผู้ทรงไว้ซ่งึ ความฉลาด

พ่อแมค่ รูจารยเ์ พิน่ ฮ้องใส่เสียงดังเลย เจ้าของไดย้ ิน แล่นหนอี อกจากห่ัน
เลยมาไดค้ ดิ “เฮานเ่ี ปน็ หยงั ถงึ ชวั่ แท้ โงแ่ ท้ ขน่ั โงห่ ลายกะใหม้ นั ตายซะ อยา่ อยู่
ใหเ้ พนิ่ หนักใจ เพนิ่ บบ่ อกมอ้ื เดยี ว แตนตอดเลย ใหม้ นั ตายซะ โงป่ านนนั้ ”
ว่าเจา้ ของแหล่ว เหลอื ใจหลาย เอา้ ขนั่ มนั ชั่วหลายกะให้มนั ตายเลย ตายกะ
ใหม้ นั นงั่ ตายเลย นั่งภาวนาให้มนั ตาย มนั อยากโงแ่ ท้ ใจมนั ปกั ไปจงั ซ่ัน”
วา่ แลว้ ทา่ นกต็ ง้ั สจั จะอธษิ ฐานวา่ จะนง่ั สมาธภิ าวนาตง้ั แตข่ ณะนจี้ นกระทงั่
ใหม้ นั ตายไปเลยหรอื จนเช้าของวนั ใหม่ จึงค่อยวา่ กันใหม่
“เวทนา เอา้ มงึ มาเลย ในใจมแี ตว่ า่ ตายๆๆ ทอนนั่ บงั คบั อยหู่ น่ั บใ่ หอ้ อกไป
ทางอน่ื จกั หนอ่ ยกะรวบพรบึ ลง รวมพรบึ ลง กายบป่ รากฏดอก มแี ตผ่ รู้ อู้ นั เดยี ว
อย่จู ังซัน่ ”
ผลจากการสละเปน็ สละตายในครง้ั นนั้ ทำ� ใหใ้ จของทา่ นรวมลงสคู่ วามสงบ
จนสามารถนง่ั ตลอดจนถึงรุง่ เชา้ เมอ่ื จิตถอนออกมาสสู่ ภาพจติ เดมิ ทา่ นจงึ ได้
ระลกึ ถงึ บญุ ถงึ คณุ ของพอ่ แมค่ รจู ารยท์ ไี่ ดใ้ ชอ้ บุ ายเขน่ ทา่ นอยา่ งหนกั ทำ� ใหใ้ จของ
ทา่ นไดส้ ัมผัสกับความสงบ ท่านนงั่ ระลกึ ถึงบญุ คุณอย่อู ยา่ งน้ัน วา่ แลว้ ก็ลกุ ข้นึ
น่ังหนั หนา้ กราบไปยงั ทิศทีห่ ลวงตาพักอยดู่ ว้ ยใจทีเ่ คารพนบน้อม
จากนนั้ มาทา่ นวา่ “พ่อแมค่ รูจารย์วา่ ความใด๋ จับมับๆ เอามาใคร่ครวญ
พิจารณาเลย”

หลวงปลู่ ี กุสลธโร 67

ความเพยี ร
เป็นเลิศ

ธรรมลนี เ้ี กง่ อยู่นะ

ความเพียร
เกง่ มาแต่ไหนแตไ่ ร

ใจเด็ด

หลวงตาพระมหาบวั ญาณสัมปันโน
68 ผู้ทรงไวซ้ ่งึ ความฉลาด



โดยนิสัยที่เล่นกับใครไม่เป็น ซื่อตรง ขนั่ บ่เมอื่ ยนีจ่ ิตมนั บอ่ ยู่ มนั แลน่ นำ� อารมณ์ ความ
เอาจริงเอาจังของหลวงปู่ ผนวกกับ อยากตวั นั่นละ่ ส�ำคญั มนั บีบอยจู่ ังซัน่
การมีครูบาอาจารย์ชั้นเยี่ยมคอยใส่ใจก�ำกับดูแล การอดอาหารหมนู่ ี่ ฮว่ ย เฮากะไดเ้ ฮด็ มาแลว้
การประพฤติปฏิบัติ ส่งผลให้การภาวนาของ ฤดรู ้อนนี่ บ่ได้ บ่ไดค้ วามหยังเจ้าของ นอนหลาย
หลวงปลู่ กี า้ วหนา้ ไปอยา่ งรวดเรว็ หลวงปไู่ ดเ้ ลา่ ถงึ ทอ่ื ไปเบดิ๊ ปญั ญาบม่ ี มนั เผามนั ฮอ้ น อากาศมนั ฮอ้ น
การเอาจริงเอาจังในการประกอบความพากเพียร สงั เกตเจา้ ของเดะ๊ มแี ตส่ งั เกตทงั้ หมดละ่ การภาวนา
สมัยอายุพรรษายังไม่มากของท่านไว้ ซ่ึงพอจะ การผอ่ นอาหาร วา่ ๖ คำ� กะไดใ้ หก้ นิ ๖ คำ� ทอนน้ั
ประมวลได้ดังน้ี แลว้ เซาโลด ดัดมันปานน้ันเด๊ะ ดัดเรอื่ งกเิ ลส
“ผมนี่ บห่ วงั วา่ สมิ าเปน็ ครเู ปน็ อาจารยข์ อง ขนั่ วาซั่นบ่ทันมนั มันเอาไปกนิ เบดิ้ โลดแหลว่ มนั
หมเู่ ดะ๊ มแี ตก่ ม้ หนา้ ปฏบิ ตั โิ ลด หวงั วา่ แตส่ เิ อาตวั อยากนอนหลาย ฮว่ ย บน่ อนแหลว่ เดนิ จงกรมฮอด
พน้ ทกุ ขเ์ ปน็ พอ เขา้ มาบวชกะหวงั อนั นเี้ ดะ๊ สเิ อาตน มอื้ เชา้ จงั ซกี่ ม็ ี บข่ นึ้ กฏุ ิ อธษิ ฐานใสม่ นั เลย อยากนอน
พน้ ทุกขแ์ ทๆ้ หวังมรรคผลนิพพานทอนนั้ ศาสนา หลายแท้ วาซน่ั ดดั จงั ซนั่ เดะ๊ ดดั เจา้ ของ ฝกึ จงั ซน่ั เดะ๊
เพนิ่ กะวางไวแ้ ลว้ ยงั แตเ่ ฮาบท่ นั เกดิ พนู่ เปน็ ยคุ ๆ มา บไ่ ดเ้ ฮด็ เลน่ แหลว่ เบง่ิ แหม้ ครบู าอาจารยเ์ พนิ่ เฮด็
ตลอดถงึ ปานน้ี เพน่ิ บไ่ ดเ้ ฮด็ เลน่ เดะ๊ ทม่ิ ตายเลย จงั่ เพน่ิ หลวงปมู่ นั่
ผมกะเคยเปน็ ผนู้ อ้ ยมาดิ๊ ฮว่ ย ฉนั จงั หนั แลว้ เพน่ิ สลบ ๓​เทอื พนู่ เพนิ่ บย่ อ่ ทอ้ เดะ๊ เอาความเพยี ร
กะไปใผ๋ไปมัน โอ๋ย สิมาคุยกันอยู่ศาลาจ่ังซ่ี เผาอย่หู ่นั
บไ่ ด้ อย่นู ำ� พอ่ แม่ครจู ารย์ แตค่ นบม่ ากปานนเ้ี ด๊ะ หมเู่ ฮานี่ จกั๊ อหิ ยงั ปจั จบุ นั นบ้ี ก่ ำ� กบั ใจเจา้ ของ
อย่หู ้วยทรายก็มีบพ่ อ ๑๐ องค์ ๘ องค์ ๙​องค์ จ๊กั เทือ แลว้ แตม่ นั สแิ ล่นไปทางใด๋ ขนั่ แม่นควาย
เทงิ พระเทงิ เณร มนั บห่ ลายคอื สมยั นี้ ฉนั แลว้ ไปใผ๋ กแ็ ล่นเข้าฮั้วเข้าสวนเขาอยูพ่ นู่ ละ่ ดมดากเขาอยู่
ไปมนั หาประกอบความเพยี รเจา้ ของอยหู่ น่ั มอื้ หนง่ึ พนู่ ละ่ อยกู่ ลางทงุ่ ไฮท่ งุ่ นาพนู่ แลว้ คอ่ ยโงกลบั มา
คนื หนงึ่ นอน ๔ ชว่ั โมงกะพอแลว้ ๔ ทมุ่ ไปกน็ อนซะ แลว้ มันสไิ ปทนั กินกเิ ลสอหิ ยงั บ่ทนั กนิ ต้องเฮด็
ตี ๒​กล็ กุ แหลว่ อยนู่ ำ� พอ่ แมค่ รจู ารย์ เพน่ิ พาหดั มา จริงๆ จังๆ ฝึกเจา้ ของ เฮด็ บ่จริงบ่จงั แลว้ ฮ่วย
จงั ซน่ั แลว้ อยหู่ ว้ ยทราย เพน่ิ แนะนำ� จงั ซน่ั ลกุ แลว้ เป็นควายตู้ให้เขาเฮด็ นาเด๊ะ เขาทานข้าวปัน้ หน่ึง
ขนั่ มนั ง่วงกะเดนิ จงกรมเลย เดนิ จงกรมจนเมือ่ ย เขาปรารถนาบญุ เดะ๊ เฮาบ่ท�ำ บม่ ีบญุ ใหเ้ ขาเดะ๊

70 ผู้ทรงไวซ้ ึ่งความฉลาด

เขา้ มาบวช
ก็หวังอนั นีเ้ ด๊ะ
สิเอาตนพน้ ทุกข์แทๆ้
หวังมรรคผลนิพพาน
ทอน้ัน

บวชมาบไ่ ดเ้ ฮด็ เลน่ แหลว่ ฮว่ ย เขา้ นงั่ ทเี่ ลย ปบุ๊ ปบ๊ั เอามงุ้ ลง ของมนั
เดนิ จงกรมเบดิ้ มอ้ื กะได้ นง่ั ภาวนา บม่ ฝี าเดะ๊ กฏุ ิ ปบุ๊ ปบ๊ั เพนิ่ เอาลง แลว้
นี่ ฮว่ ย นงั่ เอาละ่ เปน็ มอ้ื ละ่ เปน็ คนื ละ่ นงั่ อยหู่ น่ั พนู่ กวาดตาด กวาดตาด
บไ่ ดเ้ ฮด็ เลน่ ความบเ่ ลน่ นำ� หมเู่ ปน็ กะพู่น บา่ ยสามบา่ ยส่ี กวาดตาด
ออเซาะแอแซะนำ� ผใู้ ดบ๋ เ่ ปน็ เฮด็ เอา คอ่ ยออกมา ขน่ั แมน่ เดนิ จงกรมกะ
ปานนนั้ ละ่ พวกสนกุ เฮฮาบเ่ คยเฮด็ ฉนั จงั หนั แลว้ กะเดนิ พนู่ แลว้ กวาดตาด
ฝึกมา จั่งซั่นเด๊ะ มีแต่ไปผู้เดียวๆ พู่นจงั ค่อยออกมา เฮด็ ปานนน้ั ล่ะ
จงั่ พอ่ แมค่ รจู ารยค์ อื กนั แหลว่ ไปนำ� เพิ่นพาฝึกมาจังซลี่ ่ะ”
เพนิ่ ๒​องค​์ เพนิ่ ฉนั จงั หนั แลว้ น่ี

หลวงปลู่ ี กุสลธโร 71

ค�ำว่ารูท้ กุ ขสจั
ร้อู ย่างน้ี

เราสอนทกุ กทิ กุ กี

เปา่ กระหมอ่ ม
ให้หมดเลย

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมั ปันโน
72 ผ้ทู รงไว้ซ่ึงความฉลาด

ผลของการทุ่มเทชีวิตจิตใจท้ังหมดลงไปเพื่อการประกอบความ
พากเพียรปฏิบัติภาวนาอย่างเด็ดเด่ียว อริยสัจธรรมซึ่งเป็น
จดุ มงุ่ หมายของนกั ปฏบิ ตั ภิ าวนาทกุ คน กไ็ ดเ้ รมิ่ เปดิ เผยใหห้ วั ใจของบรุ ษุ
ผมู้ ีความพากเพียรกลา้ ไดเ้ ขา้ ใจอย่างชดั เจน
หลวงปลู่ ซี ง่ึ เคยผา่ นการนง่ั ภาวนาตลอดรงุ่ มาแลว้ กอ่ นหนา้ นนั้ มามาก
ต่อมากคร้ัง แต่ครงั้ นท้ี ่านได้ตอ่ สู้กบั ทกุ ขเวทนาอันเกดิ จากการนง่ั ภาวนา
โดยใช้ความอดทนและสติปัญญาทั้งหมดเพ่ือจะให้ทราบความจริงของ
เวทนา ท่านวา่ ขณะทเี่ วทนาเกดิ ขึน้ น้ัน รา่ งกายนีเ้ ปรยี บเหมอื นท่อนฟนื
ทกุ ขเวทนาทมี่ นั โหมหมดทง้ั เนอ้ื ทงั้ ตวั นเ้ี หมอื นไฟเผารนไปทวั่ กาย จติ ของ
ท่านก็หมนุ อยภู่ ายในไม่ให้ออกจากวงอรยิ สัจ
ทุกข์ สมทุ ยั นโิ รธ มรรค นีเ้ ปน็ สถานท่ฆี ่ากเิ ลส ซัดกันอยใู่ นจติ
ไม่ให้ออกไปไหน ในท่ีสุดท่านก็สามารถทราบตามความเป็นจริงว่า
รา่ งกายหนง่ึ ทกุ ขเวทนาหนงึ่ และใจคอื ผรู้ นู้ ห้ี นง่ึ เปน็ คนละสว่ นกนั ตา่ งอนั
ตา่ งจรงิ ไปตามสภาพหนา้ ทีข่ องตน ไม่ได้กระทบกระเทือนกนั แต่อย่างใด
แต่ที่กระทบกระเทือนกันเป็นเพราะความหลงของใจท่ีออกไปหมายเอา
ร่างกายว่าเป็นเรา ทุกขเวทนาวา่ เปน็ เรา ใจคอื ผ้รู ู้น้วี ่าเป็นเรา
เม่ือความจริงได้ปรากฏแก่ใจของท่านอย่างน้ีแล้ว ปรากฏว่าจิตใน
ขณะนนั้ ไดป้ ลอ่ ยจากรปู กาย จากเวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ หยง่ั ลง
สคู่ วามสงบแบบหมดจด ใจขาดจากความสมั พนั ธก์ บั ขนั ธท์ ง้ั ๕ ขนั ธท์ งั้ ๕
ไมไ่ ดท้ ำ� งานประสานกบั ใจ ตา่ งอนั ตา่ งอยู่ ขณะนน้ั เองเปน็ ขณะทใี่ จของทา่ น
เกดิ ความแปลกประหลาดอศั จรรยข์ น้ึ อยา่ งไมเ่ คยปรากฏมากอ่ น เปน็ ความ
อศั จรรยป์ ระเภททีไ่ ม่หวัน่ ไหว
จติ ไดท้ รงตวั อยใู่ นความสงบนน้ั จนหมดกำ� ลงั แลว้ คอ่ ยถอนออกมา
จากนน้ั ขนั ธ์ทั้ง ๕ จึงทำ� งานประสานกับจิตตามเดิม แม้จติ จะถอนออกมา
สู่สภาพเดมิ แลว้ กต็ าม แตค่ วามเชอ่ื มั่นทมี่ ีต่อค�ำสงั่ สอนของพระสมั มา-
สมั พทุ ธเจ้าของท่านนัน้ เปน็ ความเชอื่ ทไ่ี มห่ วน่ั ไหวอีกตอ่ ไป

หลวงปู่ลี กุสลธโร 73

หลวงปู่เล่าวา่ ขั่นบ่สู้ซะก่อน บ่เห็นความอัศจรรย์เด๊ะ
“หัดทแี รกน�ำพอ่ แม่ครูจารย์น่ี ฮ่วย เพิน่ ไป ต้องทม่ิ ตายเลย นัน่ ละ่ ฝ่ายภาวนา ขน่ั บ่ทม่ิ ตาย
ถามวา่ ธรรมลี นง่ั ตลอดแจง้ ไดบ้ ่ เจา้ ของเปน็ จงั ใด๋ กบ็ เ่ ห็นละ่
บไ่ ดเ้ ล่าให้เพนิ่ ฟงั มแี ต่วา่ โอ๊ย บ่ฮูส้ ึกตัวแหล่ว จติ รวมพรบึ กายมนั บป่ รากฏดอก ผรู้ มู้ นั เดน่
อันน่ังอยู่นี่ จักมันนอนหลับแต่ยามใด๋ เพิ่นหัว อยจู่ งั ซน่ั เรอื่ งกายมนั บม่ ดี อก มแี ตใ่ จ บป่ รากฏเลย
(หวั เราะ) เพนิ่ วา่ โอย๊ ใหท้ า่ นไปนงั่ อยหู่ นิ กอ้ นนน้ั เรอื่ งกาย มแี ตภ่ าษาใจ บางทมี นั อยพู่ นู่ กน้ บาดาลพนู่
ข่ันว่าท่านบ่มีสติปานน่ัน ข่ันมันสิตกลงกะให้มัน บางทมี นั ขน้ึ อยูพ่ ูน่ อยอู่ ากาศ มนั กะเปน็ อปั ปนา-
ตกก้อนหินลงโลด ทา่ นบม่ ีสตปิ านนัน่ วาซั่น สมาธแิ หลว่ มนั บม่ กี ายเดะ๊ อปุ จารสมาธนิ ี้ สญั ญา
ฮว่ ย เจา้ ของเลยมาพจิ ารณาวา่ เพนิ่ ยงั เวา่ ได้ บ่ขาดออก แต่จติ บ่ยึดเอา ได้ยินเสยี งแตจ่ ิตบย่ ดึ
เฮาสเิ ฮด็ บไ่ ดต้ ๊ี ใจมนั ปกั จงั ซนั่ เดะ๊ แตพ่ ระพทุ ธเจา้ ความเจ็บความปวดกะมี แต่หั่นจิตบ่ยึดเอา
เพนิ่ กะมกี เิ ลสคอื กนั ครบู าอาจารยผ์ พู้ น้ ไปได้ เพนิ่ ขน่ั อปั ปนาสมาธแิ ลว้ ฮ่วย มนั บ่มแี ล้วเรอ่ื งกาย
กะมกี เิ ลสคอื กนั เฮาสบิ ส่ ามารถเฮด็ ไดบ้ อ้ ใจมนั ปกั กายมันบป่ รากฏ มีแต่ใจลว้ นๆ มันเป็นหนึ่ง มนั บ่
เข้าไปจงั ซ่ัน โอย๊ ใจมันสิเผลอได้ติ มนั ย่านตาย มสี องเดะ๊
เอาอยหู่ น่ั แลว้ ดดั มนั จงั ซนั่ เดะ๊ จอ้ มนั อยหู่ นั่ มนั คดิ เฮ็ดใหม้ นั เห็นเถอะเร่ืองอันนี้ วางจิตลงเป็น
ไปทางใด๋กะดึงมนั คนื มา ฝึกมนั อยูน่ น่ั แหล่ว ผา้ เชด็ เทา้ เบง่ิ เปน็ ดนิ พนู่ มนั จงั คอ่ ยเหน็ อรรถเหน็
จง่ั เวทนาคอื กนั เอา มงึ มาเลย กำ� หนดอยหู่ นั่ ธรรมของพระองคเ์ จา้ เรง่ เดะ๊ ความเพียร ใหม้ นั
บ่ใหอ้ อกจากห่นั เลย บงั คับอยู่ห่นั บ่ให้มันออก เกิดในใจเจ้าของ มันจังค่อยสิรู้จัก ความเพียร
ไปทางอื่น ข่ันเฮาบ่สู้ซะก่อนกะบ่เห็นความชนะ นี่แหละตัวเอก”
ต้องสู้เด๊ะ เอ้า มันเจ็บทอใด๋กะอดมันอยู่จังซ่ัน หลวงตาพระมหาบวั ไดอ้ ธบิ ายในการพจิ ารณา
เบง่ิ (พิจารณา) ทกุ ขเวทนาแหลว่ ให้ร้คู วามจริง ทุกขเวทนาอันเกิดจากการน่ังตลอดรุ่งเพ่ือให้เห็น
มันขน้ึ ถึง ๓ คร้งั แล้ว เออ ครั้งท่ี ๓ นี่ ฮ่วย หวั นี้ อริยสจั ธรรมไว้ดังน้ี
ปานว่าเส้นผมมันหล่นลงเบ้ิดแหล่ว มือยองกัน “ทกุ ขข์ นาดไหน ดเู รอ่ื งของทกุ ขด์ งั ทเ่ี คยสอน
อยนู่ ี่ มนั เปน็ ไฟไปพนู่ ฮอ้ นปานไฟเผา มอื เฮาวาง แลว้ นน่ั นะ่ จะทกุ ขข์ นาดไหนกต็ าม จติ ไมเ่ คยตาย
ทบั กนั เนยี่ ในใจมแี ตว่ า่ ตายๆๆ ไปทอนนั่ ผา่ นตาย เอา้ ตามให้เห็นเรอื่ งความทกุ ข์ ทกุ ขม์ าจากไหน
กะเอาแลว้ มดิ ไป เขา้ ไปหนอ่ ย แหลว่ กะจติ รวมพรบึ คนตายแลว้ มที กุ ขไ์ หม ไลก่ นั เขา้ ซิ จงึ เรยี กวา่ ปญั ญา
เลย ไลต่ ลบทบทวนอยนู่ นั้ ไมร่ กู้ ค่ี รงั้ กหี่ น เราอยา่ ไปนบั

74 ผู้ทรงไว้ซ่ึงความฉลาด

เวลำ่� เวลา อยา่ ไปนบั การตลบทบทวน ครง้ั นนั้ ครงั้ น้ี ขณะนนั้ แตเ่ วลาพจิ ารณารอบกนั แลว้ ทกุ ข์ สกั แตว่ า่
หลายครงั้ หลายหน ไมต่ อ้ งนบั สตปิ ญั ญาใหจ้ อ่ ลงไป เท่านั้นนะ และดูทุกข์น้ันก็ไม่มีความหมายใน
ตามความทกุ ข์ มมี ากนอ้ ยใหเ้ หน็ ความเคลอ่ื นไหว ตัวเองด้วย และทุกข์น้ีไม่ให้ความหมายแก่ผู้ใด
ของมัน จะทุกขม์ ากทกุ ขน์ อ้ ยเพยี งไร ไมก่ ระทบกระเทอื นผใู้ ด มนั กไ็ มร่ คู้ วามหมายของ
อะไรเป็นผู้ทุกข์ ส่วนมากจะต้องว่าอวัยวะ มันดว้ ย อวยั วะต่างๆ ทว่ี ่าเปน็ ทุกขๆ์ แต่กอ่ นน้นั
สว่ นนน้ั สว่ นนเ้ี ปน็ ทกุ ข์ เชน่ แขง้ เปน็ ทกุ ข์ ขาเปน็ ดแู ลว้ หนงั กเ็ ป็นหนงั เนอ้ื เปน็ เนื้อ เอ็นเป็นเอ็น
ทกุ ข์ หวั เขา่ เปน็ ทกุ ข์ เปน็ ตน้ นะ กจ็ ะไปหมายเอา กระดกู เปน็ กระดกู อวยั วะทกุ สว่ นเปน็ ของตวั เอง
ว่าอันน้ีเป็นทุกข์ ความจริงอันน้ีไม่ได้เป็นทุกข์ อยู่โดยล�ำพัง ไม่เห็นมีอะไรเป็นอะไร เมื่อเป็น
ถ้าพจิ ารณาให้เป็นสจั ธรรมแล้ว คน้ ลงไปจรงิ ๆ ว่า เชน่ นนั้ แลว้ ทกุ ขน์ ไ่ี ปใหร้ า้ ยแกผ่ ใู้ ด ทกุ ขก์ ไ็ มไ่ ดไ้ ป
หนงั ก็สกั แตว่ า่ หนงั มมี าตั้งแตว่ นั เกดิ ทุกขอ์ ันนี้ ใหร้ ้ายแก่ผู้ใด น่ลี ะเปน็ ความสัตย์ความจริง
เพง่ิ มี นเ่ี ปน็ อนั เดยี วกนั ไดย้ งั ไง เนอ้ื หนงั เอน็ กระดกู ความหมายวา่ อนั นน้ั เปน็ ทกุ ข์ อนั นเ้ี ปน็ ทกุ ข์
มมี าตง้ั แตว่ นั เกดิ อนั นเ้ี พง่ิ มเี ดย๋ี วน้ี เกดิ มาเดย๋ี วนี้ มาจากไหน นม่ี นั กว็ งิ่ เขา้ ถงึ ใจ กายหนงึ่ เวทนาคอื
จะเปน็ อนั เดยี วกนั ไดย้ งั ไง ถา้ เปน็ อนั เดยี วกนั แลว้ ทกุ ขเวทนาหนงึ่ ใจหนง่ึ สญั ญาความหมายยอ้ นเขา้
ทกุ ขน์ ดี้ บั สงิ่ เหลา่ นนั้ ตอ้ งดบั ไปดว้ ยกนั แตกทลาย หาใจ ยอ้ นเขา้ ดใู จอกี ทหี นง่ึ ทนี เ้ี มอื่ ยอ้ นเขา้ ไปจน
ไปด้วยกัน ฉิบหายไปด้วยกันกับทุกข์ที่ดับลงไป ประจกั ษแ์ ลว้ ใจกค็ อื ใจ สญั ญากด็ บั ไป แลว้ กำ� หนด
แต่นี้เวลาทุกข์หายไปดับไป มันก็มีอยู่อย่างนี้ ดูส่ิงท้ังหลายเหล่าน้ี เร่ืองสัญญาจะย่นเข้ามาๆ
แล้วเปน็ อนั เดียวกนั ไดย้ งั ไง น่นั จึงเรียกวา่ คน้ หา ความหมายอันนั้นย่นเข้ามาๆ จนกระทั่งถึงใจ
ความจรงิ ความทุกข์ท่ีว่าอันนั้นเป็นทุกข์น่ันก็เหมือนกัน
เราอย่าคาดนะ จ่อลงในความทุกข์ เอ้า ความทุกข์ทั้งหลายนั้นย่นเข้ามาๆ จนกระท่ังมา
จะทกุ ขม์ ากทกุ ขน์ อ้ ยขนาดไหนไมต่ อ้ งกลวั วา่ ตาย ถงึ ใจ มาดบั ทใี่ จ ใจไมห่ มายทนี่ ่ี เมอื่ ใจไมห่ มายแลว้
จติ ไม่ได้ตายวา่ งัน้ เลย จติ หาความจริงเพื่อจะรอบ ทกุ ฺขํ อริยสจฺจ ํ เตม็ หวั ใจ อ๋อ เปน็ อยา่ งนี้ คำ� วา่
ตวั เองดว้ ยรสู้ จั ธรรมใหร้ อบใจ จนกระทงั่ พจิ ารณา รู้ทุกขร์ ู้อย่างน้ี คำ� ว่าทุกข์เป็นสัจธรรมเป็นอย่างน้ี
รอบดงั ทเี่ คยพดู แลว้ ทกุ ขเ์ มอ่ื พจิ ารณารอบแลว้ จะ นั่นซิถึงได้ชัด ให้เห็นชัดอย่างน้ันซิ น่ีละท่านว่า
ไมเ่ ปน็ ภยั ตอ่ ผใู้ ดเลย นน่ั จงึ เรยี กวา่ เรยี นอรยิ สจั รอบ ทกุ ขฺ ํ อรยิ สจจฺ ํ เปน็ อยา่ งน้ี สมทุ ยั กค็ อื ตวั ความหมาย
รู้อรยิ สจั รู้อย่างนนั้ เมื่อรอบแล้วมนั กห็ ดตัวเข้ามาไมไ่ ปหมาย สญั ญา
ทุกข์แต่ก่อนเป็นภัย เหมือนจะเป็นจะตาย น่ันแหละหมายว่าน้ันเป็นทุกข์น้ีเป็นทุกข์ เม่ือ
จรงิ ๆ น่ี อะไรจะไปทกุ ขม์ ากยงิ่ กวา่ ทกุ ขท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ใน พจิ ารณารอบแลว้ กไ็ มห่ มาย นเ้ี ปน็ พนื้ ฐานแหง่ การ
พจิ ารณาวงอริยสจั ”

หลวงปลู่ ี กสุ ลธโร 75

กายนแ้ี หละ
ทางเดนิ ของ
ปัญญา

พระพทุ ธเจา้

เพิ่นสง่ั สอน
ใหอ้ ุปชั ฌาย์อาจารย์
เวา่ สอนกลุ บุตรสุดทา้ ย
ภายหลงั กะให้สอน

กรรมฐาน ๕ นีแ่ หล่ว
ของมันขอ้ งอยู่น่เี ดะ๊

หลวงปู่ลี กสุ ลธโร

76 ผทู้ รงไว้ซึง่ ความฉลาด

เมือ่ หลวงปู่ได้สัมผัสกับธรรมอันอัศจรรย์ในวันท่ีน่ังต่อสู้กับทุกขเวทนา
ครงั้ นน้ั แลว้ จากนน้ั กไ็ ดก้ ราบเรยี นความเปน็ ไปในจติ ใหห้ ลวงตาทราบ
หลวงตาไดแ้ นะนำ� ใหท้ า่ นออกพจิ ารณาทางปญั ญา เมอ่ื จติ พกั สงบพอสมควรแลว้
ใหพ้ จิ ารณารา่ งกาย เอารา่ งกายเปน็ สนามเดนิ ของปญั ญาเพอ่ื ใหเ้ หน็ ความจรงิ
ในธรรมชนั้ ละเอียดขนึ้ ไปอกี
หลวงปู่ไดเ้ ลา่ ถงึ การพจิ ารณาร่างกาย พอประมวลได้ดังน้ี
“การภาวนาให้มีสัจจะ ต้องผูกมัดเจ้าของเด๊ะ ให้สังเกตสังกาเจ้าของ
การภาวนาสงั เกตจิตเจา้ ของ อ่านจติ เจ้าของ อยา่ ส่งพู่นส่งพ้ี เรื่องหน่ั เร่ืองน่ี
บงั คบั จติ ใหม้ นั อยู่ ใสศ่ ลี ใสธ่ รรม ใสส่ มาธใิ สป่ ญั ญา ใหม้ นั แลน่ อยหู่ น่ั อยา่ ให้
มนั ออกนอก คือออกนอกกายออกนอกใจเจา้ ของ นั่นละ่ เพ่ินวา่ บ่ให้ส่งจติ
ออกนอก หดั มนั ใหเ้ กดิ ความสงบทแี รก ใหท้ ำ� ไปเรอื่ ยๆ อยา่ ไปตง้ั ความอยาก
หากสิพิจารณากะให้มันพิจารณาอยู่ในกายนี่ กายน้ีแหละทางเดินของ
ปญั ญา ไลแ่ ตเ่ กสาลงมาหาพน้ื เทา้ แตพ่ น้ื เทา้ ขนึ้ ไปหาเกสา ทวนไปทวนมาอยู่
จงั ซนั่ ใหค้ ลอ่ งใหม้ นั ชำ� นาญอยนู่ น่ั สมเหตสุ มผลแลว้ จติ มนั กะรวมลงสคู่ วาม
สงบไดค้ อื กนั นัน่ ปญั ญาอบรมสมาธิ พอ่ แมค่ รจู ารยเ์ พน่ิ แตง่ ไว้เบ๊ิดแหล่ว
มนั สงบเปน็ ชว่ั โมงหรอื สองชวั่ โมงกซ็ า่ งมนั ปลอ่ ย จติ ถอนออกจากความสงบแลว้
จงั คอ่ ยมาใครค่ รวญ พจิ ารณาแยกธาตแุ ยกขนั ธอ์ อกเปน็ สว่ นๆ กะได้ เวลามนั สงบ
อย่าไปกวนเลย มันสสิ งบเบด๊ิ มอ้ื กะตาม
ออกจากห่ันมากะให้เบง่ิ อาการ ๓๒ แตเ่ กสาลงไปหาพ้ืนเทา้ แต่พ้ืนเท้า
ขน้ึ มาถงึ เกสา ใหพ้ จิ ารณาอยนู่ แี่ หลว่ อตั ภาพรา่ งกายของเฮา อตั ภาพรา่ งกาย
ของเฮามชี อ่ื เบด้ิ โลกเขาใสช่ อ่ื สมมตุ เิ บดิ้ ขกี้ ะเตม็ ตนเตม็ ตวั อยู่ ขห้ี วั ขก้ี ลาก
ขไี้ คล คนกะมาหลงสมมุติความปรุงความแต่งของเจา้ ของทอนั้น
พระพทุ ธเจ้าเพิ่นบอกไวเ้ บ้ดิ ละ่ อนิจจงั ทกุ ขงั อนัตตา ของมนั บเ่ ทยี่ ง
เบง่ิ แตเ่ ฮาเปน็ เดก็ นอ้ ยมา เปลย่ี นมาๆ อยจู่ งั ซนั่ เฒา่ แกช่ ราแลว้ อหิ ยงั มนั อยู่
คือเกา่ จก๊ั แนว สงั ขารอนั นมี้ แี ต่ช�ำรดุ ทรุดโทรมไป พจิ ารณาเบง่ิ แมะ๊

หลวงปลู่ ี กสุ ลธโร 77

พระพทุ ธเจา้ เพนิ่ สงั่ สอนใหอ้ ปุ ชั ฌายอ์ าจารยเ์ วา่ สอนกลุ บตุ รสดุ ทา้ ยภายหลงั กะใหส้ อนกรรมฐาน ๕
นี่แหลว่ ของมันขอ้ งอย่นู ่เี ด๊ะ จิตมนั ข้องอยกู่ บั อนั น่ีแหล่ว อยู่นำ� โลกน�ำสงสารกเ็ พราะมันติดอันน้ี ยนิ ดี
ยินรา้ ยอยนู่ ี่ ภพใด๋ชาติใด๋กเ็ พราะอนั เดยี วน้เี บ้ิด สิตา่ งกันใดน๋ อ้
ให้แก้เจ้าของ มันไปทางราคะ เฮาก็ต้องพจิ ารณาต้ี แยกเบ่ิงดิ๊ ถามมนั ดู ตาหมนู่ ี่ บอ่ นใดง๋ าม
ดึงตาออกมาก�ำหนดอยู่ห่ัน ว่าหนังงามกะเอามีดถากหนังออกมาเบ่ิงด๊ิ มันงามอยู่บ่ หมดในกายมีแต่
หนังหุ้มทอนน้ั ล่ะ พอเบ่งิ ได้ นอกหนั่ มีแตอ่ สุภะเบดิ้ บม่ หี นงั แล้วผูใ้ ดส๋ มิ าใกลไ้ ด้ ม้างเบงิ่ ดู บม่ หี ยัง
โลกอนั น้ี สกปรกเทา่ มนุษย์มันสิมีติ
ให้ประกอบ คิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มากๆ จติ มนั จง่ั สิออ่ น มนั จงั คอ่ ยสิเกดิ สลดสงั เวช
พจิ ารณาใหม้ นั รจู้ กั พจิ ารณาอนั ใดใ๋ หม้ นั เกดิ สลดสงั เวชในใจเจา้ ของ ธรรมจงั คอ่ ยสเิ กดิ ได้ ชดั เขา้ ๆ จติ ใจ
ของเฮามันกะผ่องใสขึ้นละเอยี ดขึ้น รจู้ รงิ เป็นจรงิ แหลว่ ”

78 ผู้ทรงไว้ซึง่ ความฉลาด

หลวงป่ลู ี กสุ ลธโร 79

ความเปน็ จรงิ
ของกาย

จิตไดเ้ ห็นโทษ

แห่งภาพภายนอกทีต่ น
วาดข้นึ อย่างเตม็ ใจ
พร้อมทง้ั การปล่อยวาง
จากสุภะและอสภุ ะภายนอก
ที่เกี่ยวโยงกับส่วนร่างกาย
ท่ีตนเคยพิจารณา
ถอนอปุ าทานความถอื กาย
ออกไดโ้ ดยสิ้นเชงิ

80 ผทู้ รงไวซ้ ึ่งความฉลาด

หลวงปูล่ ี กสุ ลธโร ขณะนั่งอยู่บนศาลาหลังแรก วัดภูผาแดง นกั ปฏิบัติผู้พิจารณาขันธ์ ๕
โดยความรอบคอบด้วย
ปัญญา แล้วผ่านไปด้วยความหมด
เยอื่ ใย คอื สามารถพจิ ารณาสว่ นแหง่
รา่ งกายทกุ สว่ นใหเ้ หน็ ดว้ ยความเปน็
ปฏกิ ลู ดว้ ย โดยความเปน็ ไตรลกั ษณ์
ด้วย ประจักษ์กับใจจนทราบชัดว่า
ทุกส่วนในร่างกายนี้มีความปฏิกูล
เต็มไปหมด
ความปฏิกูลของร่างกายท่ี
ปรากฏอยู่ภายนอกกลับย้อนเข้ามา
สู่วงของจิตภายในโดยเฉพาะ และ
ทราบชัดวา่ ความเป็นสุภะ ท้ังนี้เป็น
เร่ืองของจิตออกไปวาดภาพขึ้นมา
แ ล ้ ว เ กิ ด ค ว า ม ก� ำ ห นั ด ยิ น ดี ก็ ดี
ความเป็นอสุภะที่จิตออกไปวาด
ภาพขนึ้ แลว้ เกดิ ความเบอื่ หนา่ ยและ
อิดหนาระอาใจต่อความเป็นอยู่ของ
ร่างกายทกุ สว่ นก็ดี ในภาคทัง้ สองน้ี
จะรวมเข้าสู่จิตดวงเดียว คือมิได้
ปรากฏออกภายนอกดังท่เี คยเป็นมา
จิตได้เห็นโทษแห่งภาพภายนอกที่
ตนวาดข้ึนอย่างเต็มใจ พร้อมท้ัง
การปล่อยวางจากสุภะและอสุภะ
ภายนอกทเ่ี กย่ี วโยงกบั สว่ นรา่ งกายที่
ตนเคยพจิ ารณา ถอนอุปาทานความ
ถอื กายออกได้โดยสิ้นเชงิ เร่อื งของ
กามราคะซ่ึงเก่ียวกับกายก็ยุติลงได้
ในขณะทถ่ี อนจติ ถอนอปุ าทานจากกาย

หลวงป่ลู ี กสุ ลธโร 81

โดยผา่ นออกระหวา่ งสุภะและอสภุ ะต่อกนั หมด เป็นน้�ำ เป็นของเก่ามันหัน่ แหลว่ กลายเป็นธาตุ
ความเย่ือใยในสุภะและอสุภะทั้งสองประเภท เบด้ิ เลย แตค่ วามจรงิ มนั บม่ บี อ่ นตายเลย ธาตดุ นิ
ปฏฆิ ะความหงดุ หงดิ ของใจกด็ บั ลงไปพร้อม กะกระจายไปเป็นดินของเก่าน่ันแหล่ว ธาตุน�้ำ
วนั หนง่ึ ขณะทหี่ ลวงปเู่ ขา้ ทภ่ี าวนา ทา่ นไดน้ มิ ติ กะไหลไปของเก่ามันห่ันละ ธาตุลม ธาตุไฟ
เห็นภรรยาเก่ามาปรากฏในวงภาวนา ในนิมิตน้ัน กะเปน็ ไปตามสภาพเดมิ มนั ผรู้ คู้ อื ใจกะรอู้ ยจู่ งั ซนั่
แสดงถึงการสลายไปแห่งรูปกายให้ท่านได้เห็น บ่เกี่ยวกัน จักหน่อยพ้ืนดินกะมากลบทับถม
อย่างชัดเจน ทา่ นเลา่ ว่า กองธาตนุ น้ั หายไปเลย ทแี่ ทก้ ายมนั เปน็ อยา่ งนเี้ ดะ๊
“อยหู่ ว้ ยทราย กะนงั่ ภาวนาอยเู่ นย่ี จกั หนอ่ ย หาตัวสัตว์บุคคลในกองธาตุนี้อยู่ใด๋ได้ บ่มีเลย
เกิดแสงสว่างภาพปรากฏเห็นภรรยาเก่าย่างเข้า เกดิ สลดสงั เวชละ่ ทนี ้ี สลดหลาย แตน่ น่ั ละ่ สญั ญา
มาหา ทางน้ีกะนง่ั ภาวนาอยู่ ทางน้ันกะย่างเขา้ มา ทางราคะนขี้ าดออกเลย บม่ ตี ิด ใจบไ่ ด้เก่ียวอีก
มายนื อยตู่ รงหนา้ หา่ งอยหู่ วา่ งวากวา่ นล่ี ะ่ จกั หนอ่ ย เลย”
กะล้มลง อัตภาพร่างกายน่ีตายแตกออกจากกัน นบั แตข่ ณะนน้ั เปน็ ตน้ มา ใจของทา่ นไดล้ ะจาก
พากๆ เลย เปน็ สว่ นๆ พงั ลงไปๆ กระจดั กระจายไป รูปธรรมลงอย่างเด็ดขาด สติปัญญาได้ก้าวข้ึนไป
ตามแผน่ ดนิ ทง้ั เปอ่ื ยทงั้ เนา่ อยพู่ อปานนน้ั อนั นน้ั พจิ ารณาในชน้ั ของนามธรรม สตปิ ญั ญาไดก้ ลายเปน็
กะขาดออก อันน้ีกะขาดออก ตกลงไปเป็นดิน สตปิ ัญญาอตั โนมัติทนั ที

82 ผู้ทรงไวซ้ ง่ึ ความฉลาด

หลวงป่ลู ี กสุ ลธโร 83

สตปิ ัญญา
อตั โนมตั ิ

อยู่ที่น่ัน ๔ ปนี ะ

ห้วยทราย
ธรรมลีกเ็ ร่งแต่น้นู ล่ะ

จติ แกหมนุ ตว้ิ ๆ

แต่นูน้ แลว้

หลวงตาพระมหาบวั ญาณสัมปันโน

84 ผู้ทรงไวซ้ ่ึงความฉลาด

สตปิ ญั ญาอตั โนมตั ิ เปน็ มหาสตมิ หาปญั ญาแลว้  เปน็ การฟงั ธรรมอยู่
ตลอดเวลา ทา่ นไมไ่ ดม้ ลี ดหยอ่ นผอ่ นผนั ในการฟงั ธรรม ดว้ ยอตั โนมตั ิ
ของจติ ของธรรมของกิเลสมนั ฟัดกันอยูภ่ ายใน
ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมเมอื่ กา้ วถงึ ขนั้ “ปญั ญา” แลว้ อยทู่ ไี่ หนกฟ็ งั ธรรมอยู่
ตลอดเวลา มอี ะไรมาสมั ผสั กพ็ จิ ารณาเปน็ “ธรรม” ทงั้ สน้ิ เพราะสงิ่ ทมี่ า
สมั ผสั เปน็ เครอ่ื งเตอื นสตใิ หร้ ะลกึ ร ู้ ปญั ญากว็ ง่ิ ตามทนั ทๆี โดยอตั โนมตั ิ
พิจารณาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องถูกบังคับเหมือนขั้นเร่ิมแรก ซ่ึงเป็นข้ัน
“หมขู น้ึ บนเขยี งแลว้ ไมย่ อมลง ถา้ ไมถ่ กู สบั ใหแ้ หลกเสยี กอ่ น” จติ ขน้ั นี้
อะไรมากระทบย่อมรู้เท่าทัน พิจารณาเป็นอรรถเป็นธรรมท้ังส้ิน ดังท่ี
หลวงปู่ใหญม่ ั่นกราบเรียนพระมหาเถระ ซ่งึ หลวงตาไดเ้ ขยี นไวใ้ นประวัติ
ของหลวงปูใ่ หญ่มัน่ ว่า
“พระมหาเถระถาม “ท่านอยู่คนเดียว เวลาเกิดข้อข้องใจขึ้นมา
ทา่ นปรกึ ษาปรารภกบั ใคร” หลวงปใู่ หญม่ นั่ ตอบวา่  “ฟงั เทศนอ์ ยทู่ งั้ กลางวนั
กลางคืนไม่ได้หยุดหย่อนเลย” พระมหาเถระก็ไม่กล้าค้านท่านว่ายังไง
เพราะอาจไมเ่ ข้าใจกไ็ ด้ ประการหนง่ึ ประการทสี่ อง ทา่ นพดู ออกมาจาก
ความจรงิ ก็ไม่กลา้ จะค้านทา่ น
     ทว่ี า่  “ฟงั เทศนอ์ ยทู่ ง้ั กลางวนั กลางคนื ” กค็ อื การทพ่ี จิ ารณาสงิ่ ที่
มาสมั ผสั ปลกุ สตปิ ญั ญาอยตู่ ลอดเวลานนั่ เอง จนเปน็ ทเี่ ขา้ ใจไปโดยลำ� ดบั
นนั้ แลคอื การฟงั ธรรมทงั้ กลางวนั กลางคนื ทางดา้ นปฏบิ ตั ิ เพราะสตปิ ญั ญา
ขั้นน้ีเป็นขั้น “อัตโนมัติ” ท�ำงานเพื่อ “ธรรมล้วนๆ” ไม่มีโลกเข้า
แอบแฝงเลย”
ชว่ งทอ่ี ยู่ ณ บา้ นหว้ ยทรายนเ่ี อง หลวงปลู่ ที า่ นไดต้ งั้ ใจเรง่ ความเพยี ร
ปฏิบัติตามค�ำสอนของหลวงตาอย่างเอาจริงเอาจัง จนเกิดผลเป็นท่ี
น่าพอใจ พร้อมกันน้ี ท่านได้กราบเรียนให้พ่อแม่ครูจารย์หลวงตาพระ
มหาบวั ไดท้ ราบอยเู่ สมอ หลวงตาจงึ ไดใ้ หอ้ บุ ายเพอื่ เปดิ ทางใหก้ า้ วเดนิ ตอ่
ในเรอ่ื งนห้ี ลวงตาได้เมตตาพดู ถงึ การภาวนาของหลวงป่ลู ไี ว้ดงั นี้

หลวงป่ลู ี กุสลธโร 85

“ตัง้ แต่เราไปอยหู่ ้วยทราย ทา่ นก็กำ� ลังหมุน ท้ังทานท้ังอะไรเข้าไปๆ สุดท้ายเลยไม่สนใจกับ
ตว้ิ ๆ ตอนเราอยหู่ ว้ ยทราย ทา่ นจะไดก้ ป่ี นี ะ ออกจาก เรื่องกินเรอ่ื งอะไร มีเท่าไรโปะเลย เป็นอยา่ งนน้ั
พ่อแมค่ รูจารยม์ นั่ มรณภาพแลว้ ไปอยู่ห้วยทราย จิตเวลาก้าวเข้าสู่ทางด้านภาวนาเหมือนกัน
มนั ก็สงัดน่ี ไมม่ ใี ครเลย คือวดั น้ันเป็นวัดป่าชา้ เวลาล้มลุกคลุกคลานมันก็เอากันอยู่นั้นละ แต่
ธรรมลี นน่ั ใครไมร่ งู้ า่ ยๆ ตอนนน้ั ความเพยี ร เวลากา้ วออกแล้วก็คือออกๆ พอออกเต็มทแ่ี ล้ว
เร่งหมุนจ๋ี รู้กันทันทีละ พูดทางด�ำเนินของจิต จนกระทง่ั นอนไมห่ ลบั กลางคนื นอนไมห่ ลบั กลางวนั
ถงึ ไหนๆ รทู้ นั ทๆี ขอใหผ้ ฟู้ งั รสู้ งู กวา่ เถอะ ผา่ นไป ยังจะไม่หลับอีก มันหมุนของมันเพื่อออกๆ
ตรงไหนรทู้ นั ทๆี รกู้ นั อยหู่ ว้ ยทราย ทา่ นลกี ำ� ลงั เรง่ เวลามันหมุนได้ท่ีของมันท่ีจะออกแล้วไม่อยู่
หมนุ เลย อยา่ งไรกไ็ มอ่ ยู่ เปน็ อยา่ งนนั้ นะ จติ นพี่ งุ่ ๆๆ คอื มนั
ถา้ หากวา่ ถงึ ขนั้ ทจี่ ะออกแลว้ ไมอ่ ยนู่ ะ กเิ ลส เห็นช่องทางเหมือนว่าพระนิพพานอยู่ชั่วเอ้ือมๆๆ
ถงึ ขนั้ ทอี่ ยไู่ มอ่ อก ไลไ่ ปวดั ไปวานี่ โอย๋ เหมอื นไล่ นนั่ ละ จับผดิ จบั ถูก จะเปน็ จะตายไมร่ ลู้ ะ ถ้าถึง
เขา้ ฟนื เข้าไฟ มันรอ้ น ไล่ลงเหวลงบอ่ เร็วปบุ๊ เลย ขั้นน้ันแล้วเหมือนว่าพระนิพพานอยู่ช่ัวเอ้ือม
ไล่เข้าวัดเข้าวาไม่ไป จติ ผู้นี้เป็นอย่างนี้ เม่ือได้รบั น่นั แหละ หมุนตวิ้ เลย  
การอบรมจติ เขา้ ขน้ั ทห่ี มนุ ตวั แลว้ เอาแลว้ ทนี่ หี่ มนุ การพูดอย่างน้ีพูดตามเร่ืองของจิตท่ีด�ำเนิน
สู่ธรรมไม่ถอย หมุนท้ังวันท้ังคืนจนไม่ได้นอน มาแล้วนะ พอถึงขั้นมันได้หลักได้เกณฑ์แล้ว
มนั เปน็ ขน้ั ๆ ของจติ ของธรรม ขน้ั ของกเิ ลส กเิ ลส หมุนตลอด ไม่อยู่ จะเปน็ จะตายไมอ่ ยู่ เหมือนวา่
หยาบขนาดไหน ขเี้ กยี จ แมท้ สี่ ดุ ไปวดั ไปวาทำ� บญุ นพิ พานอยชู่ วั่ เออื้ มๆ จบั ผดิ จบั ถกู อยา่ งนนั้ ความ
ใหท้ านกไ็ มอ่ ยากทำ� ขเี้ กยี จหมด ขนั้ มนั หนา ใหเ้ ขา้ เพียรไม่มีเวลา กลางวันกลางคืนนอนไม่หลับ
พงุ เจา้ ของเท่าน้นั ดี แบง่ ใหท้ านใครไม่ได้ น่ีข้ันมนั มนั หมนุ ของมนั นล่ี ะธรรมเมอื่ มกี ำ� ลงั เมอื่ มกี ำ� ลงั
เหน็ แกต่ วั มาก กเิ ลสหนา ข้ันมากๆ เขา้ ไปทั้งกนิ แลว้ เปน็ อยา่ งนน้ั ”

86 ผู้ทรงไว้ซึ่งความฉลาด

หลวงปลู่ ไี ดป้ รารภถงึ ลำ� ดบั การปฏบิ ตั ธิ รรม ปลกี ออกจากหม่อู ยู่จงั ซน่ั อยู่ผู้เดยี วมนั มว่ น มนั
ในข้ันน้ีที่เป็นไปภายในจิตของท่านไว้หลายวาระ สนกุ ทำ� ความเพยี ร ภายในมนั เกดิ ดบั อยจู่ งั ซน่ั คอื
พอจะประมวลความได้ดังนี้ จังมีครูบาอาจารย์มาเทศน์ให้ฟังอยู่ตลอดจังซ่ัน
“ครูบาอาจารย์เพ่ินฝึกทีแรก มีแต่ให้ฝึก เรง่ เขา้ เบงิ่ แม้ มนั สเิ หน็ ดอกธรรมของพระองคเ์ จา้
ความสงบซะกอ่ น หากจติ มนั รวมลงได้ มนั เปน็ ไป เกดิ เองดอกแนวหมนู่ ี่ แตต่ ้องอบรมจติ ใจเจา้ ของ
เองดอกแนวหมู่นัน่ ปัญญามนั เกดิ เอง นน่ั เพน่ิ วา่ ใหม้ นั ดๆี เถอะ มนั โผลข่ นึ้ มาเองดอก มนั บอกขน้ึ
เปน็ วปิ สั สนา ใหก้ ำ� หนดสตนิ ะ ฝกึ สตติ วั นแี้ หละให้ มาเองเบ้ดิ ปรากฏอบุ าย
มนั เปน็ มหาสตมิ หาปญั ญา ใหม้ นั ทนั กนั จงั ซน่ั หาก ธรรมชาตขิ องวปิ สั สนาจรงิ ๆ แลว้ ฮว่ ย มนั บม่ ี
ปัญญาแก่กล้าเข้าแล้วกะจะเป็นญาณไปเลยล่ะ สญั ญาไปทางโลกเลย มนั บไ่ ดค้ ำ� นงึ ไปทางโลกเลย
อหิ ยงั เกดิ ขน้ึ มา กะพจิ ารณาทนั ๆ ทกุ ขณะจติ ไปเลย แหลว่ ภายในมนั เกดิ ดับอยู่ห่นั อิริยาบถสนี่ เ่ี ปน็
เปน็ ญาณเลย กิเลสในจิตใจมนั ก็ตกไปๆ หากถึง ความเพยี รของพระพทุ ธเจา้ หมด นอนกะได้ นงั่ กะได้
ขัน้ น้แี ลว้ ยนื กไ็ ด้ เดนิ กไ็ ด้ เปน็ ความเพยี รหมด ฮว่ ย นอนมนั
อยา่ งหลวงปใู่ หญม่ นั่ เพน่ิ วา่ ฟงั ธรรมอยหู่ มด กะบห่ ลบั ดอก ภายในใจนน่ั มนั ไหลอยจู่ งั ซน่ั คลา้ ย
มื้อหมดคืน วาซ่ัน บไ่ ด้สุงสงิ กับไผ หลบหลีกอยู่ กนั กบั ดภู าพยนตจ์ งั ซน่ั เรอื่ งมว้ นนจี่ บ มว้ นนนั่ กข็ น้ึ
อยา่ งนนั่ เพราะวา่ ธรรมมนั เกดิ ขน้ึ ตลอดเวลา บไ่ ด้ ต่อเลย มันอัตโนมัติไปจังซ่ัน มันก็เลยเพลิน
ว่างเด๊ะ มว่ นท�ำความเพียร ความละความวางมนั ก็ละวาง
ตอนนั้น ผมนี่ ฮ่วย มันบ่อยากสุงสิงกับ เอาเองดอก เมอื่ เหตผุ ลมนั ลงตวั แลว้ โอย๊ จกั ความ
ผใู้ ดด๋ อก ของทำ� งานทางใจเดะ๊ หาแตท่ างหลบหลกี เพยี รมนั มาแตใ่ ด๋ มนั เปน็ เอง พอเหน็ ฝง่ั แลว้ มแี ต่
คำ� นงึ วา่ สพิ น้ ทกุ ขบ์ น่ อ้ ๆ อยเู่ ทา่ นนั้ ดกี ะบอ่ ยโู่ ลกนี้
ชว่ั กะบ่อย่โู ลกนี้”

หลวงปู่ลี กุสลธโร 87

เมือ่ ฤดูพรรษาปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ผ่านพ้นไปแลว้ หลวงตาไดป้ รารภกับหมู่พระเณรวา่
“เออ้ เรานจ่ี ะไปไหนไมพ่ น้ ละนะ โยมแมม่ าเกย่ี วขอ้ งแลว้ ถา้ ไมเ่ อาโยมแมอ่ อกบวชเหน็ จะ
ไมไ่ ด”้
เนอื่ งจากองคท์ า่ นพจิ ารณาและทราบตามนมิ ติ บอกเหตทุ ปี่ รากฏขนึ้ กอ่ นหนา้ นน้ั โดยทา่ น
ตง้ั ใจวา่ จะเดนิ ทางมายงั บา้ นตาดเพอ่ื เอาโยมมารดาออกบวชเปน็ ชี จะไดส้ นองคณุ โยมมารดา
ด้วยธรรมะภาคปฏบิ ตั ิ พร้อมกบั ไดช้ กั ชวนคุณแม่ชีแกว้ ให้มาเป็นเพ่ือนกบั โยมมารดาดว้ ย
ทา่ นใหเ้ หตผุ ลวา่ เปน็ หญงิ ดว้ ยกนั คงบอกสอนกนั ไดส้ ะดวกกวา่ สว่ นพระเณรนนั้ กแ็ ลว้ แต่
ใครจะอยจู่ ะไป หากพากนั ไปกนั หมดกค็ งไมง่ ามแกว่ งพระกรรมฐาน ทา่ นจงึ มอบภาระใหท้ า่ น
พระอาจารย์สม โกกนทุ โท เป็นหวั หนา้ หมูส่ ืบมา
หลงั จากหลวงตาไดพ้ าโยมมารดาออกบวชเปน็ ชแี ลว้ จงึ ไดพ้ าคณะลงไปเทย่ี วพกั ภาวนา
ทางจนั ทบุรี ครัง้ นน้ั หลวงปลู่ ไี ดต้ ดิ ตามหลวงตาไปพักภาวนาท่ีจงั หวดั จนั ทบรุ อี ยู่ระยะหนง่ึ
เผอญิ โรครดิ สดี วงทวารของทา่ นกำ� เรบิ ขนึ้ หลวงตาจงึ แนะนำ� ใหท้ า่ นกลบั มาจำ� พรรษารอทาง
ภาคอสี าน พรอ้ มไดก้ ำ� ชบั หลวงปลู่ วี า่ ใหแ้ สวงหาทวี่ เิ วก อยา่ คลกุ คลดี ว้ ยหมมู่ าก หา้ มเทศนา
วา่ การสง่ั สอนใคร และอยา่ ไปยงุ่ กบั การกอ่ สรา้ งใดๆ เปน็ เดด็ ขาดในชว่ งน้ี เพราะจะเปน็ เหตุ
ให้การพจิ ารณาธรรมในขนั้ นล้ี า้ ชา้ ออกไปอีก
เหตทุ ห่ี ลวงตาไดก้ ำ� ชบั หลวงปลู่ เี ชน่ น้ี เปน็ เพราะขณะนน้ั ธรรมภายในของหลวงปนู่ นั้
ไดเ้ ขา้ ชอ่ งเขา้ ดา้ ยเขา้ เขม็ แลว้ ธรรมชน้ั นปี้ ระเภทนต้ี อ้ งอยอู่ งคเ์ ดยี ว จงึ จะเหมาะกบั ความ
เปน็ ไปภายในจิต เมื่อหลวงปไู่ ด้รบั ค�ำแนะน�ำอยา่ งนั้นแลว้ ท่านจึงไดก้ ราบลาพ่อแมค่ รบู า-
อาจารยม์ าพำ� นกั จำ� พรรษาภาวนาทางอสี าน โดยมที า่ นพระอาจารยส์ งิ หท์ องไดเ้ ปน็ ผมู้ าสง่ ทา่ น
ท่ีทา่ รถ

88 ผ้ทู รงไว้ซึง่ ความฉลาด



ผมสอนทา่ น
ปานฟักลาบแลว้

พอ่ แม่ครจู ารย์

สอนอาตมา

ปานฟกั ลาบละ่ (หวั เราะ)

ไปอยนู่ �ำเพิน่ จงั ซัน่
อาตมาบ่ปะพ่อแมค่ รูจารย์
จักเทือนะ

หลวงปูล่ ี กุสลธโร

90 ผู้ทรงไวซ้ ง่ึ ความฉลาด

เมือ่ หลวงปลู่ ไี ดร้ บั คำ� ชแี้ นะจาก
พ่อแม่ครูจารย์เช่นนั้นแล้ว
จึงได้เดินกลับมายังภาคอีสานเพ่ือ
เทย่ี วแสวงหาทหี่ ลกี เรน้ ภาวนา ตอ่ มา
ปลายปี พ.ศ. ๒๔๙๘ หลวงตาไดพ้ า
คณะพระท่ีติดตามและโยมมารดา
กลบั มาสบู่ า้ นตาด และไดเ้ รมิ่ กอ่ สรา้ ง
สำ� นักวดั ปา่ บ้านตาดขน้ึ
หลวงปู่ลีเม่ือทราบข่าว ก็ได้
เดินทางเข้ากราบเท้าพ่อแม่ครูจารย์
เพ่ือช่วยเหลือการงานด้วยความ
เคารพ ระยะ ๒-๓ ปนี ี้ หลวงปไู่ ด้
เทียวเข้าเทียวออกวัดป่าบ้านตาด
เสมอ ทั้งนี้ก็เพ่ือคอยรับฟังโอวาท
อุบายธรรมจากหลวงตานัน่ เอง และ
ในแต่ละปีเมื่อช่วยการงานเสร็จเป็น
ทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้ หลวงตาจะสงั่ ใหท้ า่ น
ออกเท่ียววิเวกหาท่ีภาวนาเพ่ือเร่ง
ความเพยี รเฉพาะตนต่อไป

หลวงปูล่ ี กสุ ลธโร 91

หลวงปเู่ ลา่ วา่ “พอ่ แมค่ รจู ารยส์ อนอาตมาปานฟกั ลาบละ่ (หวั เราะ) ไปอยนู่ ำ� เพนิ่ จงั ซนั่ อาตมาบป่ ะ
พอ่ แมค่ รจู ารยจ์ กั เทอื นะ ไปบา้ นตาดนำ� เพนิ่ ปี ๒๕๐๑ เพน่ิ บอกใหไ้ ปภาวนา “ผมสอนทา่ นปานฟกั ลาบแลว้ ”
(ท่มุ เทส่งั สอนแบบละเอียดบรรจงหมดแลว้ ) บอกเบดิ้ แล้ว ไป
เพนิ่ สอนอาตมาวา่
๑. อยา่ เปน็ นักกอ่ สรา้ ง
๒. อยา่ เป็นนกั เทศน์
๓. อย่าไปบอกเบอร์
ขน่ั บอกเบอร์แล้วอย่าเข้ามาในวดั น้ี สามอยา่ ง เพนิ่ ส่งั แล้วกะหนี ใหไ้ ป

92 ผู้ทรงไว้ซึ่งความฉลาด

หลวงปู่ลี กสุ ลธโร
หลวงพอ่ จันทร์เรียน คณุ วโร

และหลวงปู่มี ปมตุ โต
ในงานฌาปนกิจศพ

นางโพธ์ิ ชาลีเชยี งพิณ ผเู้ ปน็ มารดา
ณ วดั ดอยเทพนิมิต (วัดถ้ำ� เกยี )
(ไมท่ ราบปที ี่เผาศพ)

๒๕๐๑ เฒา่ แมป่ ว่ ยหลาย ไทบา้ น
ไปนำ� เอา แลว้ กะไปลาเพน่ิ เพน่ิ กะให้
ไปเท่ียว ไปแล้วกะบ่เข้ามาแหล่ว
๒๕๐๑ กะบเ่ ขา้ ๒๕๐๒ กะบเ่ ขา้ ๒๕๐๓
กะบเ่ ขา้ ๒๕๐๔ จงั คอ่ ยเขา้ ไปจำ� พรรษา
น�ำเพ่นิ ”

หลวงปู่ลี กสุ ลธโร 93

ส�ำคญั ว่าส้ินไป

ธรรมลี

นี่ก็ส�ำคญั อยู่นะ
ธรรมลนี ีส่ �ำคัญผดิ

หนหน่ึงเหมอื นกนั

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมั ปันโน
94 ผ้ทู รงไวซ้ ่งึ ความฉลาด

อุบายอ�ำนาจอันละเอียดแหลมคมของอวิชชาเจ้าจอมกษัตริย์แห่ง
ไตรภพนม้ี พี ลานภุ าพมาก แมป้ ญั ญาของพระโยคาวจรเจา้ ผดู้ ำ� เนนิ อยู่
ในชน้ั ของอรหัตตมรรค กอ็ าจจะเสียเวลาได้ หากว่ามที า่ นผู้รทู้ ีเ่ หนือกวา่
คอยให้ค�ำแนะนำ� แลว้ ก็จะท�ำให้สามารถพจิ ารณาผ่านไปได้อยา่ งรวดเรว็
หลวงตาได้พูดเกย่ี วกับเรื่องน้ีไว้วา่
“ฐานของอวิชชาจริงๆ คืออะไร นแ่ี หละตัวสำ� คัญ เราก็ไมอ่ ยากจะ
พดู ตรงน้ี เพราะเหตไุ ร เพราะเปน็ ธรรมที่ละเอยี ดมาก กเิ ลสประเภทน้ี
ละเอียดมาก มักจะสวมรอยให้ผู้ปฏิบัติหลงกลลืมตัว แต่ก็ทนไม่ได้ที่
ต้องพูด เมื่อเข้าถึงขั้นนั้นแล้ว น่ันแหละข้ันที่ส�ำคัญว่าตัววิเศษว่าตัว
ประเสรฐิ เลศิ โลกทงั้ ๆ ทก่ี ำ� ลงั เปน็ อวชิ ชาเตม็ ตวั ไปยกตวั อวชิ ชานนั้ แหละ
วา่ ประเสรฐิ วา่ เลศิ มหาสติ มหาปญั ญา ทเี่ คยฝกึ มาอยา่ งเกรยี งไกร กก็ ลาย
เปน็ องครกั ษไ์ ปรกั ษาอวชิ ชาดวงทวี่ า่ เลศิ ประเสรฐิ ดวงมคี วามสงา่ ผา่ เผย
มคี วามสวา่ งกระจา่ งแจง้ องอาจกลา้ หาญแพรวพราว ไมม่ อี ะไรเสมอเหมอื น
ไปเสยี โดยไมร่ สู้ กึ ตวั จงึ มที ง้ั รกั ทง้ั ชอบใจ ทงั้ ออ้ ยองิ่ ทงั้ สงวนอยใู่ นนน้ั หมด
นน่ั เหน็ ไหม กเิ ลสละเอยี ดขนาดไหน ตง้ั แตข่ น้ั กายกล็ ะเอยี ดพอตวั ของมนั
ซึ่งแทบล้มแทบตายที่ผู้ปฏิบัติจะผ่านไปได้ กิเลสที่แทรกอยู่กับเวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ กเ็ ตม็ ตวั แหง่ ความละเอียดของมัน ยงิ่ เข้าไปถึง
องคก์ ษตั รยิ ว์ ฏั จกั รทพ่ี าจติ ใหห้ มนุ เวยี นเปลยี่ นแปลงในการเกดิ การตาย คอื
ตวั อวชิ ชาน้แี ท้ๆ จะไมล่ ะเอยี ดครอบโลกธาตไุ ดอ้ ย่างไร แมข้ ั้นมหาสติ
มหาปัญญายังลมื ตัวหลงกลไปเป็นองครกั ษ์รักษาจิตดวงนจี้ นได้
คำ� วา่ รกั ษาจติ ดวงนคี้ อื อะไร คอื มคี วามรกั ความสงวน ความออ้ ยองิ่
ความตดิ ความพนั อยภู่ ายในนน้ั ไมย่ อมใหอ้ ะไรมาแตะตอ้ งได้ เพราะรกั มาก
สงวนมาก แตค่ ำ� วา่ สมมตุ ิ อวชิ ชากค็ อื สมมตุ ิ มหาสติ มหาปญั ญา ซงึ่ เปน็ สง่ิ
ทคี่ วรแกก่ นั และหมนุ ตวั อยตู่ ลอดเวลา ทำ� ไมจะไมท่ ราบความเคลอ่ื นไหว
ความเปลยี่ นแปลง ความผดิ ปกตขิ องจติ ประเภททว่ี า่ อศั จรรยแ์ ละเปน็ จอม
กษตั รยิ น์ นั้ ไดใ้ นขณะใดขณะหนงึ่ เลา่ เพราะจดจอ่ เพราะพจิ ารณา ทง้ั ๆ ท่ี
กำ� ลงั รกั สงวนและกำ� ลงั รกั ษาอยนู่ นั้ แหละ หากมกี ารพนิ จิ พจิ ารณา มกี าร

หลวงปูล่ ี กุสลธโร 95


Click to View FlipBook Version