กฏแห่งกรรม . ธรรมปฏิบัติ เล่มที ๒
พระราชสุทธิญาณมงคล
(จรัญ ฐิตธมฺโม)
คําปรารภ
หนังสือกฎแห่งกรรม – ธรรมปฏบิ ัติ เล่ม ๒ นี น่าจะตั งชือให้เป็นพิเศษว่า“ชุมนุมเรืองวิญญาณ
จากประสบการณข์ องหลวงพอ่ ” ซึงคณะผู้จัดทํามั นใจวท่า่านผู้อา่ นจะเกิดศรัทธาในเรือง “โลกนี และโลก
หน้า” อย่างทีท่านไมเ่ คยมีมาก่อนเลย
พระธรรมของพระศาสดาเป็นดุจดวงประทปี ส่องแสงสว่างชีทางบรรเทาทุกข์ และชีสุขเกษมสานต์
ให้แก่เวไนยนกิ ร ทั งในมนุษย์โลกเทวโลก และพรหมโลก
ธรรมประทีป ยังส่องแสงอยู่ถึง๒๕๐๐ ปี และจะยังไมด่ บั ก็เพราะพระมหากรุณาของพระพุทธบดิ า
และเพราะความเสียสละอย่างยิงของพุทธสาวก ผู้พทุ ธบุตร
ทา่ นผู้ประคองประทีปธรรมส่องทางดําเนนิ ชีวติ ให้แก่มวลสตั ว์ อย่างไม่รู้เหนด็ เหนือยนั นดชู ีวิต
ของท่านแล้วไมต่ า่ งอันใดกับ“ดวงเทียน” ทียินดีมอบแสงสว่างให้แกผ่ ู้อนื โดยยอมเผาตัวเองละลายตัวเอง
อย่ทู กุ ขณะ ด้วยความเต็มใจอย่างยิง นีคือ ความเสียสละของพุทธสาวกผู้น่าบูชา
ในบรรดาพทุ ธสาวกเหล่านั น มหี ลวงพ่อพระครูภาวนาวิสุทธิ รวมอยดู่ ้วยองค์หนึง ไม่ว่ากลางวัน
หรือกลางคืน หลวงพอ่ ยอมเสียสละความสุขของทา่ นเพือมหาชน ยอมละลายตัวเอง แมบ้ างครั งมอี าพาธอยู่
ก็มิได้คํานึงถึงตังเองแม้แต่น้อย น่าบชู าอย่างยิง
ถ้าเราอยากให้“ดวงธรรม – ดวงเทยี น” ดวงนีของเราไขแสงอยู่ได้นานทสี ุด เราทกุ คนจะต้อง
ช่วยกันถนอมดวงเทียนดวงนี ให้ละลายตัวเอง-น้อยทสี ุดและชา้ ทีสุด นันคือ เราจะต้องหาวิธีลด-ละสิงทจี ะ
ทําให้ทา่ นต้องตรากตรําและทรุดโทรม เพือพวกเราให้ลดน้อยเบาบางลง
นีคือ หน้าทีของศิษย์ยอดกตัญ ูทุกคน
หนังสือเล่มนี สําเร็จด้วยความเพียรพยายาม ด้วยสตปิ ัญญาและด้วยทุนทรัพย์ ของมวลศิษย“์ ภาวนา
วิสุทธิ” ทกุ รุ่น ถงึ กระนั นคณะผู้จัดทํากต็ ้องขอจารึกชือ“อาจารย์สมพร แมลงภู”่ ผู้เหนอื ยมากทีสุดไว้ใน
ทนี ี เธอช่วยจัดทําต้นฉบับใหท้ ั งๆทีกําลังป่ วยอยู่ แถมยังช่วยรวบรวมเงินจากผู้มีศรทั ธามาสมทบในการพมิ พ์
ครั งนีอกี จํานวนไม่ใช่น้อย และขอขอบคณุ ผศ. สุจิตรา รณรืน ทีช่วยพิสูจน์อักษรและชว่ ยบอกบญุ บรรดา
ศษิ ย์ของหลวงพอ่ ด้วย
คณะผู้จัดทําคาดฝันเอาเองว่า หลวงพ่อจะต้องมีความสุขใจอยา่ งยิง ทีได้มีหนังสือ“กฎแห่งกรรม-
ธรรมปฏบิ ัต”ิ เล่ม ๒ นีเป็นของขวัญของหลวงพอ่ แจกจา่ ยเป็นธรรมทานแก่ศษิ ยานุศิษย์ เนอื งในงานมหา
มงคลพิเศษทหี ลวงพอ่ มีชนมายคุ รบ ๕รอบ ๖๐ ปี บริบรู ณ์ในวันนี
สพฺพสงฺกป◌ฺ ปา ตุยฺหํ สมิชฺฌนฺตุ
ขอความดําริทั งปวงของหลวงพอ่ จงสาํ ร็จดังมโนปณธิ านโดยฉับพลันเทอญ
พ.อ. (พิเศษ) ทองคํา ศรีโยธิน
ประธานคณะผู้จัดทํา
๔ สิงหาคม ๒๕๓๑
สารบัญ
คาํ ปรารภ
ภาคประวตั ิ
- คํากล่าวถวายรายงาน พระครูภาวนาวสิ ุทธิ*
- สมั โมทนียกถา พระญาณสังวร
ภาคกฎแห่งกรรม “วญิ ญาณ”
- แม่กาหลง พระครูภาวนาวสิ ุทธิ
- วิญญาณรายงานตัว พระครูภาวนาวสิ ุทธิ
- ภาพนิมิตทสี วนสามพราน พระครูภาวนาวิสุทธิ
- คติความตายคือนิยายชีวิต พระครูภาวนาวิสุทธิ
ภาคธรรมปฏิบัติ
- วิปัสสนา-พัฒนาจิต พระครูภาวนาวิสุทธิ
- วิธีสู้เวทนา พระครูภาวนาวสิ ุทธิ
- ปาฏิหารย์คุณนายละม้าย พระครูภาวนาวสิ ุทธิ
- วิปัสสนา-แกก้ รรม พระครูภาวนาวสิ ุทธิ
- อานิสงส์สร้างส้วม พระครูภาวนาวิสุทธิ
*ปัจจุบัน “พระราชสุทธิญาณมงคล”
ภาคผลงาน
- บคุ คลากรฝ่ ายวิปัสสนาธุระของหลวงพอ่
- พระครูสังฆรักษ์
- อบุ าสิกาสุ่ม ทองยิง ฉํ าชนื แสงฉาย
- อุบาสิกายพุ นิ บําเรอจิต สมพร แมลงภู่
- อบุ าสกพันโทวิง รอดเฉย พันโทวิง รอดเฉย
- การพัฒนาถาวรวัตถุ สมพร แมลงภู่
- วิทยาลัยครูเทพสตรีกับวัดอัมพวัน รศ.วิชัย สุธีรชานนท์
- ระเบียบปฏบิ ัติสําหรับผู้ปฏิบัติกรรมฐาน
ภาคประวัติ
คํากล่าวถวายรายงาน
ในพธิ ีเปิ ด กุฏิบุญถิน อัตถากร รับรองพระเถระ
พระครูภาวนาวิสุทธิ ๒๗ มี.ค.๓๑
ขอประทานกราบเรียน พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจา้ พระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทเี คารพสักการะอย่าง
สูงยิง
วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ฝ่ ายคณะสงฆ์ขึ นตอ่ ตําบลบ้านแป้ ง ฝ่ ายบ้านเมอื งทางราชการขึน
ต่อตําบลพรหมบรุ ี เหตุทีฝ่ ายคณะสงฆ์ขึนต่อตําบลบ้านแป้ ง เนอื งจากวัดในเขตตําบลพรหมบุรีไมพ่ อเป็น
ตําบลสงฆ์ จงึ ได้รวบรวมตําบลบ้านแป้ งกับตําบลพรหมบุรี ขึนต่อคณะสงฆ์ ตําบลบ้านแป้ ง อําเภอพรหมบุรี
จังหวัดสิงห์บรุ ี ฝ่ายอาณาจักร ม๗ี ตําบล ฝ่ ายคณะสงฆ์ในเขตอําเภอพรหมบุรีนั น มีเพียง๔ ตําบลคณะสงฆ์
เมอื กอ่ นมีหลายตําบล
สมัยท่านอธิบดีชํานาญยุวบูรณ์ เป็นอธิบดกี รมการปกครองได้ดําเนินงานแยกอําเภอพรหมบุรีไปตั ง
เป็นอําเภอทา่ ช้างขึนอีกอําเภอหนึง กเ็ นืองจากพืนทีและประชาชนชาวพรหมบุรีนั นกว้างไกลมาก ขยายไป
ถงึ แม่นํ าน้อย ทีเรียกว่าเมืองสิงห์ เมอื งสวรรค์ แยกย้ายเข้าไปสู่สุพรรณบรุ ี บ้านชา้ ง บ้านตาล บน้าพราน
แสวงหา บ้านทมุ่ บางบาล หัวตะพาน กบเจา แยกย้ายกันไปไกลทางราชการจงึ ตั งอําเภอทา่ ช้างขึ น
คณะสงฆ์อําเภอพรหมบรุ ี จึงได้แยกออกไปเป็นอําเภอสงฆ์อีกอําเภอหนึง มีหนึงตําบลคณะสงฆ์ แต่
ตําบลบ้านเมืองมหี ลายตําบลดูเหมอื นจะม๓ี ตําบล ตําบลทางบา้ นเมอื งของอําเภอพรหมบุรีมี ๗ ตําบล แต่
ตําบลคณะสงฆ์มี๔ ตําบล เพราะวัดไม้พอทีจะจัดตั งเป็นตําบลคณะสงฆ์ตามรูปแบบของทางราชการได้
วัดอัมพวันเปน็ วัดทีอยู่มาตั งแต่สมัยกรุงศอรยี ุธยา มีหลักฐานทีมั นคงอยู่ในตู้พระไตรปิ ฎก เพราะตู้
พระไตรปิฎกตู้หนึงนั น ถวายไว้ในวัดอัมพวัน.ศพ.๒๒๐๐ อกี ตู้หนึงถวายไว้ทวี ัดอัมพวัน พ.ศ.๒๓๑๐ เป็น
สองตู้พระไตรปิ ฎก รุ่นเก่า แบบเก่า ลายรดนํ า ลายรามเกียรติ สวยงามเป็นระเบียบเรียบรอ้ ยของโบราณ
สืบเนอื งมาจนบัดนี
เกล้ากระผมได้มารักษาการณใ์ นตําแหนง่ เจ้าอาวาส พ.ศ.๒๔๙๙ และได้ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาสเมือ
พ.ศ.๒๕๐๐ นับถึงบัดนีเป็ นเวลา ๓๐ ปีเศษ และได้ดํารงตําแหน่งเจ้าคณะอําเภอเพือการคณะสงฆ์มาเป็นเวลา
๑๕ ปี จนถึงปัจจบุ ันนี
วัดอัมพวันเป็นวัดเก่าแก่ ภายในอุโบสถมีหลักฐาน มีเอกสารและวัตถุยืนยันว่าเป็นของเก่าเมือโบสถ์
ชํารุดทรุดโทรมและพังลงไป จึงได้รื อออกมาพบศิลาจารึกแจ้งชัดมีสตางคจ์ ีนอยใู่ นโรงอุโบสถ ๗ ปี และ
จารึกภาษาจีนว่า กิมเหลียง กิมจือ
สมัยก่อนนั นมเี รือกําปันมาจอดหน้าวัดอัมพวันมีฝรังมาทําการค้ากับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ
เมอื งละโว้แห่งลพบุรีนั น และก็มีชาติฝรังฮอลันดา ได้นําเรือกําปั นร่วมกับคนจนี มาจอดหน้าวัดนี ในสนมั นัย
โดยทา่ นเจ้าอาวาสมีนามปรากฏชัดอกี ขอประทานอนุญาตกล่าวในศิลาจารึกว่า “พระครูญาณสังวร”มอี ายุ
พรรษาถึง ๙๙ พรรษา ทีจารึกไว้ในโรงอุโบสถเมือสมัยโน้น
คนจีนมีศรัทธาเลือมใสตอ่ ท่านพระครูญาณสังวร ทีวัดอัมพวัน จงึ ได้สร้างโบสถ์ถวายเป็ นทรงจีน
และคล้ายทรงไทย มีเครืองลายครามมากมาย ติดช่อฟ้ าหน้าบรรณกระทั งบรรจไุ ว้ในโรงอุโบสถมีหยกข้อมือ
ของจีน มีม้าวิง๙ ตัว เพชรนิลจินดามากมาย มีสตางค์จีน๗ ปีป เกล้ากระผมได้เอาบรรจุไว้ในโรงอโุ บสถ ที
พระเดชพระคุณได้เข้าไปนมัสการในโรงอโุ บสถใหมแ่ ล้วนั นซึงสร้างคร่อมโบสถ์เก่า ตามความมุง่ หมาย
ของท่าน พ.อ.ปิ น มมุทุกันต์ อธิบดกี รมการศาสนาสมัยนั น
วัดอัมพวันเป็นป่าดงพงไพร มีต้นตาลมาก บริเวณหลังวัดปัจจบุ ันกลายเป็นหนา้ วัดไปแม่นํ า
เจ้าพระยาลมุ่ ลึก สมัยนั นคนจนี ๒ คน มีศรทั ธาในพระครูญาณสงั วร ซึงมอี ายุพรรษา๙๙ พรรษาเชียวชาญ
ทางวิปัสสนาญาณ ตามคําโบราณทจี ารึกเปน็ ภาษาจนี ทั งสิ น นอกจากนั น ฝรังชาติฮอลันดานั นถอื คริสต์ เป็ น
สหายกับคนจีนทําการค้าด้วยกันเดินทางมา มีความศรัทธาในพระเดชพระคุณท่านเจ้าอาวาสพระครูญาณ
สงั วร ทีวัดนี จึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชนุญาตขอพระนาคปรกหินทั งสององค์มาประดิษฐานไว้ที
โบสถ์นี องค์หนึงชอื ว่านาคปรกหูยาน เป็นหินสีเขียว อีกองคห์ นึงเรียกว่านาคปรกคางคนหูตุ้มเขมรคางคน
หูตุ้มปรากฏว่า กลีบตอน กลีบดํา เขาจารึกไว้หมด บัดนเกี ล้ากระผมได้นิมนต์จากโรงอุโบสถนั น พร้อมทั ง
จารึกภาษาจีนเอามารักษาไว้ทีกุฏิของเกล้ากระผม ตราบเทา่ ปัจจุบันนี
อุโบสถหลังใหม่ได้สร้างอย่างประหยดั คร่อมทีเดิมไว้ สมัย พ.อ.ปิ น มทุ ุกันต์ อดีตอธิบดีกรมการ
ศาสนามาช่วยแนะนําการสร้างเสาทีกั นอยู่ภายในอุโบสถหลังเก่า และขยายอาณาเขตขึ นมาโดยทา่ นพ.อ.ปิ น
มทุ ุกันต์ อดีตอธิบดีกรมการศาสนา ได้ขอพระราชทานอนุญาตให้เดินเรืองเองมาตลอด แค๓่ เดือนเสร็จสิ น
การผกู พันธสีมาใหม่ ใช้เวลาเฉลิมฉลองเพยี ง๖ คืนเทา่ นั น พล.ต.ต.สามารถ ไวยวานนท์ เมือสมัยเป็นผู้ว่า
ราชการจังหวัดลพบุรี และ พ.ต.อ.ประจันต์ พรามหณ์พันธ์ เป็นผู้กํากับการตํารวจจังหวัดลพบุรี กไ็มดาช้ ่วย
เป็นกําลังสําคัญ จนอุโบสถได้สาํ เร็จตามเป้ าหมาย สร้างพเ ียง ๑ ปี ๑๖ วันเท่านั น สิ นทุนทรัพย์ จํานวนส่วน
น้อยไมม่ กี ารเดือดร้อนแก่ประชาชน และพระราชทรพั ย์แต่ประการใด
เกล้ากระผมขอประทานกราบเรียนว่า อุโบสถหลังนี ไมม่ ีกําแพงกําหนดเขตจําเพาะ เป็นคอนกรีต
หรือสิงทีสวยงาม แต่มปี ่าไม้ไพรวัลย์เป็นกําแพงแทน
สาํ หรับพันธสีมานนั ได้ฝากไว้ในฝาผนังอโุ บสถ ถ้าใครไมส่ งั เกตจะไมท่ ราบว่าเป็นอุโบสถทจี ริง
เป็นอโุ บสถทีประหยัดข้างในสะอาดหมดจด โอโ่ ถงเป็นทีทัศนาควรแก่การเคารพบูชา องค์สมเด็จพระชิน
สีห์ศาสดาเป็ นอย่างยิงสามารถจะสาธิตให้นักศึกษาได้เห็นเหตุการณ์ในสังฆกรรมตามพระวินัยนิยมได้อกี
ด้วย
หลังจากอุโบสถเสร็จแล้ว วัดนี ก็ได้รับการยกย่องจากทางราชการใหเ้ ป็นวัดพัฒนา ตั งแต.ศ่ พ.
๒๕๑๑ เป็นต้นมา จน พ.ศ.๒๕๑๓ ได้พัฒนาวัดและชุมชนโดยใช้หลักของพระพทุ ธเจ้าคอื พัฒนาจิตเพราะ
จติ นี มีความสําคัญมาก ต้องเริมพัฒนาทจี ิตกอ่ น เมือจติ ดีแล้วก็เริมหาสัปปายะ เป็นากรพัฒนาจิตร่วมกับ
การศึกษา และประกอบอาชีพการงานของท้องถินชาววัดอัมพวันตลอดมา
เมือกอ่ นนีชาววัดอัมพวันยากจนหาเช้ากินคํา บัดนี ก็มีอาชีพการงาน มีการศึกษาดี โดยเริ มการพัฒนา
จติ ด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้วกพ็ ัฒนาตามลําดับ ใช้แนวพุทธศาสนาทีกินต้องสะอาดทาีถย่ ต้อง
สะดวกมีความหมายมาก เกล้ากระผมจึงได้สร้างหอประชุมมาเพือการพัฒนาศึกษา พัฒนาจติ เพราะจิตดแี ล้ว
กไ็ ด้สําเร็จตามเป้ าหมาย ซาติพีน้องชาววัดอัมพวันและชาวสิงห์บุรี และบ้านใกล้เรือนเคียงก็ดําเนินตามนี
ตามแนวพทุ ธศาสตร์ดังกล่าวมา อาชีพการงานทีไม่ฝืดเคืองแต่ประการใด ทั งยังสามารถอย่รู ่วมกันด้วย
เมตตาธรรม เอืออารี เกิดความสามัคคีในสังคมเรียกว่าการพัฒนาสังคมอีกด้วย นอกเหนือจากนั นอยดู่ ้วย
เมตตาธรรม เพราะมีคณุ ธรรมเป็นบทสาํ คัญคือพัฒนาจิตดีแล้วทา่ นทั งหลายเหล่านั นก็มิได้อยดู่ ้วยความ
แตกแยก แปลกอะไรกัน เกล้ากระผมกไ็ ด้ดําเนินงานพัฒนาวัดอัมพวันตามแนวพทุ ธศาสตร์โดยการ
สร้างสัปปายะ หาอาวาสทีเป็นสัปปายะเป็นทีอยขู่ องสงฆ์ เป็นทีอยู่ของอบุ าสก อุบาสิกา เป็นทีรับไว้เพอื
บริการในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานดังกล่าวมา นอกเหนือจากนั นอํานวยความสะดวกในด้านอาหาร
โดยสัปปายะ ใหถ้ กู ต้องตามพระวินัยนยิ มบรมพุทธานุญาต จัดหาบคุ คลากรเป็นสัปปายะ หาพวกหาพ้อง ทีมี
จิตอาวรณ์ให้อภัยเอืออารี เกดิ ความสามัคคตี อ่ กัน
นอกเหนือจากนั นแล้วก็เร่งรัดวปิ ัสสนากรรมฐานโดยภกิ ษสุ งฆ์ องค์เณรต้องเป็นผู้นํา เป็นตัวอยา่ ง
นับเป็นการพัฒนาทีมงุ่ ตรงต่อธรรมะสปั ปายะ ได้ความสะดวกสบายแก่พุทธศาสนิกชน เขา้ ในหลักทีว่า
กิจกรรมของพระสงฆ์ต้องเป็ นประโยชน์ของประชาชน
พระภิกษุสงฆ์องค์เณรก็ดีทีมาอย่วู ัดนีจะบวชน้อย บวชมากไม่สาํ คัญ บวชแล้วพัฒนาจิตกิจกรรม
ของพุทธศาสนา กจ็ ะได้รับผลดังทีกลา่ วมาแล้วข้างต้นทุกประการ ผลนั นกไ็ ด้ปรากฏชัดแสดงออเกช่นดียว
กัน
วัดนีกําลงั ทําสปั ปายะ หาทีอยู่อาศัย สําหรับผู้มาอบรมสีปีทผี า่ นมา อบรมไปแล้วสองแสนคนตลอด
กระทั งภกิ ษสุ งฆ์องค์เณร โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชอริยวงศาคตญาณ วัดราชบพิตสถิตมหาสีมา
ราม ได้เสด็จมาทีวัดอัมพวัน๕ ครั งผ่านไปแล้ว เนอื งในกิจกรรมของพระสงฆ์ มีการพัฒนาวัด ทั ว
ราชอาณาจักร การอบรมพระสังฆาธิการส่วนกลาง และส่วนภมู ภิ าครวมกันทีวัดอัมพวันนีเหตุการณเ์ ป็น
เช่นนี เกล้ากระผมจึงต้องหาสปั ปายะเอาไว้สนับสนุนบริการของบุคลากรใหพ้ รอ้ มทกุ ประการ จึงมีการสร้าง
กุฏิวิทยากรเพิมเติมทีมีอยู่แล้วเป็นกุฏิครึ งไมค้ รึ งตึกซึงเดิมใช้พักวิทยากรทั งฝ่ายหญิงฝ่ ายชาย จึงสร้างใหม่
แยกฝ่ ายบรรพชิตออกไปเป็นส่วนสัดแยกออกไปเป็นส่วนเขตพทุ ธาวาส เขตสังฆาวาส เขตบําเพ็ญกุศล เขต
หอประชุม เพืออบรมบม่ นิสยั เขตศาลาบําเพ็ญกุศล เขตภาวนา กินน้อย นอนน้อย พดู น้อยทําความเพยี รมาก
ไมร่ ับแขกในเขตภาวนา มีเขตอุบาสิกา เขตแมช่ ี เขตหลักฐาน เขตจัดผลประโยชน์ครบถ้วนทุกประการ
สําหรับกุฏิหลังนี มงุ่ หมายให้เป็นกุฏิรับรองพระเถระ วิทยากรทกุ ระดับ ทีจะมาพักและได้รับความ
สะดวกในการสัปปายะ และบริการถวามการเคารพ ถวามการต้อนรบั พระเถรานเุ ถระทีมาจากจตรุ ทิศทั งสี
กุฏิรบั รองพระเถระหลังนี พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ วัดเทพธิดาราม เจ้าคณะภาค๓ ได้เมตตา
กรุณามากะกฎเกณฑ์และยกเหตผุ ลให้สร้าง ฯ สถานทีนี วา่ เหมาะสมดที ีสุด
ผู้ศรทั ธาเจ้าภาพได้แก่โยมบุญถิน อัตถากร พร้อมด้วยคุณโยม ม.ร.ว. คณุ หญิงพรรณเรือง อัตถากร
และดร.กิงแก้ว อัตถากร หร้อมด้วยญาติพนี ้อง เห็นพ้องต้องกันรับเป็นเจ้าภาพขึ นมา เลยให้ชอื กุฏินี“วก่า ุฏิ
บุญถิน อตั ถากร รับรองพระเถระ” ดว้ ยความมุ่งหมายเฉพาะเจาะจงให้พระเถระวิทยากรมาพักแล้วจะได้รบั
ความสะดวกสบาย จากการบริการของวัดเป็นสัดส่วน และจะเจริญงานการวิทยากรได้ถกู ต้องทุกประการจะ
มีการอบรมพระสังฆาธิการหรือระดับโรงเรียนมัธยมประถมศกึ ษา มหาวิทยาลัยเป็นสัดส่วน กไ็ ด้รับ
ความสุขความเจริญตอ่ ประชาชนและประชาชนก็ต้องการรบั ความสะดวก หนึง สองความสบาย สามเข้า
มาแล้วปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นอกเหนือจากนนั กลับไปก็มีทพี งึ ทางใจตดิ ตัวไป ก็ไดส้ ําเร็จตาม
เป้ าหมายทุกประการ
โดยคุณโยมบุญถิน อัตถากรและคณุ โยม ม.ร.ว. คณุ หญิงพรรณเรือง ดร.กิงแก้ว อัตถากรก็ตั ง
เจตนารมณ์ว่าเป็นเจ้าภาพสร้างเพืออุทศิ ถวายหม่อมเจ้าจรัสโสม เกษมสันต์ ซึงเป็นผู้ทีมีพระคุณในวงศ์
ตระกูลเกษมสันต์สืบต่อไป
กุฏิหลังนี กว้างยาว๓ วา ๒ ศอกเทา่ นั น เป็ นสีเหลียมมี๓ ชั น ชั นลา่ งเป็นห้องโถง มีห้องนหํ า้อง
ส้วมบริการพร้อม เย็นสบาย
ปัจจุบันนี คุณธนะศักดิ ยุวบูรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวเัดป็นประธานฝ่ ายของประชาชน พร้อมด้วยท่าน
นายอําเภอศกึ ษาธิการจังหวัด ศึกษาธิการอําเภอไรด่ว้ มกันให้การอุปถัมภบ์ ํารุงตลอดมา
ฝ่ายคณะสงฆ์กม็ ที ่านเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอําเภอ คณะสังฆาธิการเขตสิงห์บุรีได้ให้
การอปุ กระตลอดมาโดยเฉพาะอย่างยิงพระเดชพระคุณทา่ นเจ้าพระคุณพระธรรมญาณมุนี ท่านเจ้าคณะ
จังหวัดลพบุรี วัดกวิศรารามทา่ นก็มีเมตตาอุปถัมภ์บรํุางวัดนีเป็ นพิเศษ นอกจากให้การช่วยเหลือด้วยเมตตา
แล้ว ยังเมตตารับเป็นวิทยากรทุกครั ง ถึงทา่ นมีอาย๘ุ ๔ แล้ว เป็นพระเดชพระคุณแก่วัดอัมพวันเป็นล้นพ้น
เกล้ากระผมตั งใจถวายชีวิตเป็นพทุ ธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เขาใ้ นหลักการว่าเกล้ากระผมเป็น
ภกิ ษุสงฆ์รูปหนึง ในสงั ฆมณฑลนี ขอตั งสัจจะว่า กิจกรรมของพระสงฆ์ต้องเป็นประโยชน์ของประชาชน
สืบไปเพือประชาชนได้มาพึงพาอาศัย เหมือนร่มไม้ร่มไทร ได้ชนื อกชืนใจด้วยธรรมโอสถ ซึงเป็ นดจุ อาหาร
ทิพย์ฉนั น
วันนี เป็นวันมหามงคลชีวิต ทีจะต้องแสดงออกซึงการบูชาในการทักษิณาทานอทุ ศิ ถวายกแ่หม่อม
เจ้าจรัสโฉม เกษมสนั ต์ ณ โอกาสบัดนี
เกล้ากระผมรู้สึกซาบซึ ง ในพระคุณของหลวงพ่อเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ เป็นอย่างยิงทีได้เมตตามาเป็น
องคป์ ระธานเปิดป้ ายกุฏิบญุ ถิน อัตถากร รับรองพระเถระ เจ้าภาพชืนใจพร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด และ
ทา่ นศึกษาธิการจังหวัด ศึกษาธิการอําเภอพรหมบุรี พร้อมด้วยญาติโยมชาววัดอัมพวันตา่ งปลืมปีติยินดี
โสมนัสเป็นอยา่ งยิง
บัดนี ได้โอกาสเป็ นมงคลแล้ว ขอพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้โปรดเมตตาเปิดป้ าย“กุฏิบญุ ถิน อัต
ถากร รับรองพระเถระ” เพือเป็นสิริมงคล แล้วกรุณาให้โอวาทตามสมควรแก่เวลาสืบไป
สัมโมทนียกถา
ของ
สมเด็จพระญาณสังวร
๒๗ มี.ค. ๓๑
ในนามแห่งคณะสงฆ์ ซึงประกอบด้วยทา่ นเจ้าคณะภาค เจ้าคณะท้องถิน เจ้าอาวาส และพระภิกษุ
สามเณรทั งหลาย ผมขออนุโมทนาสาธุการ ในการทที ่านผู้สร้าง คือ คุณบญุ ถิน อัตถากร ม.ร.ว. คุณหญงิ
พรรณเรือง อัตถากรพร้อมทั งธิดา คณุ กิงแก้ว อัตถากรและญาติมติ รผู้ร่วมการกุศลทั งปวง ได้สร้างกุฏิ
รับรองนีขึ น มีลักษณะและวัตถุประสงค์ตามทีท่านเจ้าอาวาสได้แถลงแลแ้วละตามทที ่านเจ้าอาวาสได้แถลง
นั น ท่านก็ได้เลา่ ประวัติของวัดนี ว่ามมี าตั งแตส่ มันทีพบในจารึกเป็นภาษาจนี ในสมัยกรุงศรีอยุทธยีชาาวจีน
ได้สร้างวัตถุสําคัญคือโบสถ์ พร้อมทั งมีสิงต่างๆกับจารึกเป็นภาษาจนี
นั นแสดงว่าทา่ นเจ้าอาวาสในครั งนั น คือ ท่านพระครูญาณสังวร ซึ งทีแรกเข้าใจกันว่าตําแหน่งราช
ทินนาม “ญาณสังวร”นี ได้บังเกิดขึ นในสมัยกรุงเทพฯ โดยสมเด็จพระสงั ฆราชญาณสังวร ทีเรียกกวัน่า
พระสังฆราชไกเ่ ถือนเป็นองค์แรก ณ บัดนี ได้มาทราบว่า ราชทินนามนีได้มีมาตั งแต่สมัย ทีพบในจารึกทดีวั
นี ในสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว และก็ปรากฎว่าท่านเจ้าอาวาสในสมัยนัน ก็เป็นผู้ทีปฏิบัติในฝ่ ายวิปัสสนาธุระ
และในสมัยปัจจุบันนี ท่านเจ้าอาวาสก็เป็นผู้ทีปฏิบัติในฝ่ ายวิปัสสนาธุระ และอบรมสังสอนในวิปัสสนาธุระ
ทีท่านเรียกว่าเป็นการพัฒนาจิต จงึ นบั ว่าเป็นประวัติการณ์ทีต่อเนืองมาถึงปัจจบุ ัน อย่างน่าอัศจรรย์
อันวิปัสสนาธุระนั น เป็นทีทราบกันแล้วว่า คู่กันกับคันถธุระ อันหมายถึงธุรกิจการเรียนคัมภรี ์ อัน
เป็นฝ่าย ปริยัติธรรม และวิปัสสนาธุระนั นก็หมายถึงการปฏิบัติ อันเรียกวป่า ฏิบัติธรรม พระพทุ ธศาสนานั น
อาจจะแยกออกได้ว่า เป็นศาสนาคือปริยัติ ศาสนาคือปฏิบัติ และศาสนาคือปฏเิ วธ คอื ความรู้แจ้งแทงตลอด
เปรียบได้เหมือนอย่างต้นไม้ใหญ่ ซึ งประกอบด้วยราก ลําต้น กิง ใบ และผอลนั รากของต้นไม้นั นก็ได้แก่
ปริยัติ ลําต้นของต้นไม้กไ็ ด้แก่ปฏิบัติผลของต้นไม้นั นก็ไดป้แกฏ่เิ วธ
ประเทศไทยเรานี ได้มพี ระพทุ ธศาสนา ทีเปรียบเหมอื นอย่างเป็นต้นไม้ใหญ่ อันบริบูรณด์ ้วยราก ลํา
ต้น และผล ทีประชาชนชาวไทยได้บํารุงรกั ษา และได้บริโภคตลอดมาช้านาน และการรกัษาต้นไม้คือ
ศาสนาดังกลา่ วนี เราทั งหลายซึงเป็นชาวไทยก็จะต้องช่วยกันรกั ษาทั งทีเป็นส่วนรากคือปริยัติ ทั งท็นีเสป่วน
ลําต้นคือปฏิบัตเิ พือทีจะได้บริโภคผลของต้นไม้ อันเป็ปนฏิเวธนี ตลอดไป เพือความสุข ความเจริญ
การปฏเิ วธ คือผลของการปฏิบัตินี เป็นความหมายตรงเพราะการปฏิบัตนิ ั น เมือปฏบิ ัติย่อมได้รับผล
ของการปฏิบัตทิ ันที จะรักษาศีล จะทําทาน จะบําเพ็ญภาวนา ทั งฝ่ ายสมถะ และฝย่าวิปัสสนา ก็ได้รับผล
ทันทีทปี ฏิบัตนิ ้อยหรือมากก็สุดแต่การปฏิบัติ และผลของการปฏิบัตินีก็เป็ นการยกจิตใจ ยกตัวเองให้สูงขึ น
ให้พ้นจากโลกทเีป็นฝ่ ายชั วขึ นสู่โลกทีเป็นฝ่ ายดีโดยลําดับ จนถึงพ้นโลกสุดโลก อันเรียกว่า โลกุตตระคอื อยู่
เหนือโลก อันเรียกว่า มรรค ผล นิพพาน ผลของการปฏิบัติทไี ด้มาตั งแต่เริมต้น จึงยังเป็นโลกียะเกียวกโับลก
จนถึงเป็นโลกตุ ตระ พ้นโลกนี จะเรียกรวมยอดเป็นปฏเิ วธ คอื ความรู้แจง้ แทงตลอด อันเป็นผลของการ
ปฏบิ ัติ
คนเราทีเป็นสามัญชน มักจะไมเ่ ข้าใจคําว่า โลกตุ ตระอยู่เหนอื โลก คือมรรค ผล นิพพาน หรือว่าไม่
สามารถทจี ะปฏิบัติให้ถึงได้ และอันทจี ริงนั น ทกุ คนจะปฏิบัติใหถ้ ึงทีเดียวนั น กย็ อ่ มเป็นไปยากหรือไไมด่ ้
จะต้องบรรลุเป็นขั นๆขึ นไปปเ รียบเหมือนการขึ นบันได จากขั นพืนดนิ ไปสู่ขั นทีสูงขึ นๆของอาคาร
บ้านเรือนก็เปรียบเหมือนอย่างการขึนภูเขา ก็ต้องเดินขึ นไปตั งแต่พืนดิน เชิงเขา ขึ นไปโดยลําดับ แมลืะอเ
เดินขึ นไปทีละก้าวแล้ว ก็ไม่เป็นการยาก เมือสูงมากก็จะต้องหยุดพัก
แตค่ นทีมปี ัญญาเฉียบแหลม สามารถจะรู้ได้เร็วพลัน อันเรียกว่าอคุ ฏิตัญ ูนั น อาจจะเกิดขึนได้โดย
รวดเร็วทันที เปรียบได้ดังขึ นลิฟท์จะขึ นสูงสักกีครั ง ซึงแบปเ๊ ดียวก็ถึง อันทจี ริงการขึ นแป๊ บเดยี วนั นกม็ ใิ ช่
หมายความว่าจะเป็นการขึ นข้ามชนั นั น ต้องขึ นไปโดยลําดับขันเหอมนื กัน แตว่ ่าขึ นไปได้รเ ็วมาก สําหรับ
บุคคลประเภททีเป็นอคุ ฏติ ัญ ู ทรี ู้เร็ว
แต่ทีรู้ช้าลงไปกว่านนั คือสติปัญญาไม่สามารถจะรู้ได้โดยฉับพลันอย่างนั น รู้ช้าเข้าๆขึ นช้าเข้าๆ
เหมือนอย่างกับค่อยๆเดนิ ขึ นไป ขึนบันได หรือขึ นภูเาขดังกลา่ ว และในขณะทีขึ นภูเขานั นเมอืยงั ไมถ่ ึงยอด
กย็ ังไม่พ้นจากภูเขา
การปฏบิ ัติมาตังแตใ่ นเบืองต้น ยกตนให้สูงขึนโดยลําดับดังกล่าวนี เรียกว่าโลกียะ คือยังเกียวอยู่กับ
โลก เหมือนอย่างขึ นภูเขาทีขึ นไปแล้วยังไม่พ้นภเู ขา และเมือขึ นสูงขึ นไปๆ ก็เปรียบเหมือนอย่างว่าตยนก
ขึนสู่จิตจากฝ่ ายชัวฝา่ ยตํา ให้สูงขึนไปๆ ยกตนให้พ้นจากอบายโลกขึ นสู่มนุสสโลกขึ นสู่เทวโลก พรหมโลก
และสูงขึ นไปโดยลําดับ และทกี ล่าวนี หมายถึงเป็นโลกของจิตใจ ซึงมีอยูใ่ นจิตใจของมนษุ ย์คนเรานีเอง
จติ ใจทียังเป็นอบายโลก คือจิตใจทตี ําทราม ประกอบด้วยกิเลสหนาแน่น ปราศจากหิริโอตัปะ
สามารถจะทําความชัวได้ทกุ อย่างดังนี ทีจติ ใจทีเป็นอบายโลกดังทีเรียกว่ามนสุ สเนรยิโก มนสุ สเปโต มนุษ์ ย
นรก มนุษย์เปรต แตเ่ มือมาปฏิบัติในพระพทุ ธศาสนาทีศรัทธา มีศีล สุตะ จาคะ ปัญญาขึ นโดยลําดับแล้ว ก็
จะยกตนให้พ้นจากอบายโลกนี เรียกว่าพัฒนาจิตขึ นเป็นมนุสสโกลสู่มนสุ สโลก มีจิตใจเป็นมนษุ ย์ คือเป็น
มนษุ ย์ทีมีใจสูง มหี ิริ มีโอตัปปะ มีศรทั ธา มีศีลเป็ นต้น และเมือจติ ใจบริสุทธิ ทียิงขึ นไปอกี จติ ในจีจะยกขึ น
ไปสู่เทวโลกสูงขึ นไปอีกเ็ ป็นมนุสพรหมโลก มีจติ ใจเป็นพรหม คือจติ ใจเป็นพรหม คอื จิตใจทีประเสิรฐ
บริสุทธิ ประกอบด้วยพรหมวิหารธรรม มีเมตตากรุณาเป็นต้น อย่างบริสุทธิ ผุดผ่อง ก็แปลว่าเหมอื นอย่างขึน
เขา กับขึ นลิฟท์ ขึ นจนถึงเขาเกือบจะถึงยอดครังเมือถึงยอดแล้ว เหยียบอยู่บนยอดเขา กเ็ รียกว่าพ้นจากภูเขา
ถึงยอดเขาแล้ว ยอดเขาอันเป็นส่วนสูงสุดทีบรรลุถึงนีแหละเรียกว่าโลกตุ ตระอยู่เหนือโลก พ้นโลกพ้นจาก
ความเป็ นพรหม เป็นเทพ เป็นมนุษย์ เป็นอบายทั งหมด
เพราะฉะนั นจึงมพี ทุ ธภาษิตทตี รัสตอบแกผ่ ู้ทีมาทูลถามในครั งหนึงว่า ทรงเป็นมนษุ ย์หรือ พระองค์
ตรัสว่าไม่ใช่ เป็ นเทพหรือเป็นพรหมหรือ กต็ รัสว่าไม่ใช่ พระองค์ไม่ได้เป็นมนุษย์ ไมไ่ ดเป้ ็นเทพ ไม่ได้เป็น
พรหม แต่พระองค์เป็ นพทุ ธ เป็นสยัมภู ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ พ้นจากภาวะเป็นโลกต่างๆ กายมนุษย์ถงึ
จดุ สูงสุดดังกล่าวนีแหละ เรียกว่าโลกุตตระอยู่เหนอื โลกเหมอื นอย่างบรรลุถงึ ยอดเขา ก็คืออยู่เหนอื ภูเขาอยู่
บนยอดภูเขาแล้ว ก็พ้นจากภเู ขา
เพราะฉะนั น พระพุทธเจ้าจึงทรงเป็นผู้นําในการพัฒนาจิตตั งแต่เบืองต้นเบืองตํา จนถึงบรรลุถึงสุด
การพัฒนา คอื พัฒนาได้อยา่ งสูงสุดสุดพัฒนาเสร็จพัฒนา
การศึกษาเลา่ เรียนปฏิบัตพิ ระพทุ ธศาสนานั น ได้ทําให้ผู้ปฏบิ ัติสามารถก้าวขึ นไปสู่เบืองสูงโดย
ลําดับดังนี ตามพระพทุ ธเจ้าทีได้ตรัสสอนไว้ และการพัฒนาให้สูงขึ นไปโดยลําดับดังกลา่ วนี ก็ไมใ่ ช่
หมายความว่าไม่รู้จักสินสุด มีเวลาทีสินสุดได้ คอื เมือพัฒนาขึนไปถึงทีสุดแล้วถึงยอดแล้ว ไม่มีขันทีจะต้อง
ไต่ขึ นไปอีกนีแหละเรียกว่าเป็นการสุดพฒั นา ทีพระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า จบกิจทีจะพงึ กระทําด้วยความเป็ น
อยา่ งนี คอื เพือทีจะพัฒนาจติ ของตนเองใหไ้ ปถึงทสี ุด จบการศึกษา จบการพัฒนาของตนนั นเองจิตของทา่ น
เองแล้วเช่นเดยี วกันทังหมดการศึกษาปฏิบัติพระพทุ ธศาสนาเพือเป็ นการพฒั นาจิตใจนนั จึงมเี วลาทีสินสุด
ได้ จบได้ ดังพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั งหาลย
คําสังสอนของพระองคต์ รัสสังสอนไว้ ก็ทรงสังสอนไว้ครบถ้วน พร้อมทั งอรรถะ เนือความ
พยัญชนะ คือถ้อยคําบริสุทธิ คอื ถูกต้องไม่มีผิดพลาดแม้แต่น้อย บริบูรณ์ คอื ครบถ้วน ไม่มบี กพร่องแม้แต่
น้อย ไม่มีผิดแม้แต่น้อย ไม่มบี กพร่องแม้แตน่ ้อยอันนีแหละเรียกว่าบรสิ ุทธิ บริบูรณ์ ขึ นไปจนถึงขันสูงสุด
เพราะฉะนันการปฏิบัตินั น ทุกคนก็ต้องปฏิบัตติ ั งแต่ต้นขึนไป เหมือนอย่างขึนเขาหรือขึ นบันได
ดังกล่าวนั น ก็ต้องขึนตั งแต่ขั นทหี นึงขึ นไป ก้าวขึนไปตั งแต่ก้าวแรกขึ นไป และเมอื ก้าวขึนือไยปๆเรแล้ว
การบรรลถุ ึงขั นสูงสุด ไม่เป็ นการยากเพราะว่าขึ นไปโดยลําดับ ยากนั นอยทู่ ีว่า สมมตวิ ่ายังไม่ได้ขึ นสักขั น
เดียว แหงนหน้าขึ นดูถงึ ขั นสูงสุด เห็นสูงมากก็ไม่ไหวเสียแล้ว ไม่มีการพยายามทีจะเริมขึ นตั งแตข่ แัรนก
ยากตรงทีแหงนหนา้ หน้าขึ นดู แล้วกน็ ึกว่าจะให้ถึง จะลอยไปให้ถึงยอดทันที ยากอยู่ตรงนี ทีว่ายาก แต่ถ้าได้
ศึกษาให้รู้จักพระพุทธศาสนา และปฏบิ ัติไปโดยลําดับแล้ว การขึนถงึ ขั นสูงนั นจึงไมย่ าก ในเมือขึ นไปโดย
ลําดับ
และก็ว่าถึงการยึดการปลอ่ ยนั นก็เหมือนกัน กส็ อนให้ปลอ่ ยหมด คือ ปล่อยวางทั งหมดสิ น ตั งแต่ที
แรกยังไม่ได้จะให้ยดึ ทั งหมดกไ็ มไ่ ด้เหมอื นอย่างการย่างขึ นบันได เมือเราหยดุ หยดุ อยู่บนบันไขดั นทหี นึง
เราก็ต้องยึดบันไดขั นทีหนึงสาํ หรับเหยยี บ และว่าเราจะขึนบันไดขันทีสองได้นัน เราจะต้องปล่อยบันไดขัน
ทีหนึง ยกเท้าจากบันไดขันทหี นึง มาเหยียบบันไดขั นทีสองแปลว่าอตง้มกี ารปล่อยขั นหนึงแล้วมายึดขั น
สอง สําหรับยืน สําหรับเหยียบเพือจะขึนต่อไป จงึ ต้องมกี ารปล่อยและการยึด กันเป็นขั นๆไปอยา่ งนเมี ือยัง
มีขันทีจะต้องขึนต่อไปแล้ว ก็จะตอ้ งมีการปล่อยและการยึดดงั กล่าวไปทีละขันๆจะสอนกันให้ปล่อยวางกัน
ทีเดียวหมด ไม่เอาละ อะไรทุกอยา่ งนี ไม่ได้
กิเลสตัณหาในใจของคนเรานั น ความชัวในจติ ใจของคนเรานั น เครืองเศร้าหมองในจิตใจของเรา
นั น ไม่ใช่ว่าจะหมดไปโดยคดิ ว่าจะปล่อยจะวาง จะเอาไปโยนทิง ไปทุบทิง ไปทําลายทิง เหมือนอย่าง
สิงของไม่ได้ เพราะเป็นภาวะในจติ ใจ ไม่ใช่วัตถกุ ารจะปลอ่ ยการจะวางต้องอาศัยศีล สมาธิ ปัญญา หรือ
สติปัญญา และก็ต้องรู้ จักทีจะปล่อย รู้ จกั ทีจะยึดไปโดยลําดบั กล่าวง่ายๆอีกอยา่ งหนึงก็คือว่า จะต้องยึด
จะต้องรู้จักปล่อยวางความชัว ยึดความดีเอาไว้ และกจ็ ะต้องปล่อยวางคือยึดและปล่อยไปตามขั นตามลําดับ
แม้ความดกี ็เหมือนกัน จะยดึ เอาไว้อีกก็เป็นความไม่ดี ความดีทเี ป็นขั นตําๆนั น จะต้องปลอ่ ยความดที ีเป็นขั น
ตํา ก้าวขึ นสู่ความดีทีเป็นขั นสูงขึ นไปอกี ดังนี เป็นขั นของการปฏิบัติทีเป็นไปโดยลําดับ ตามะทพีพุทรธเจ้า
ทรงสั งสอนไว้
เมอื เป็นดังนีแล้ว การปฏิบัติพุทธศาสนาก็ถูกต้องและเนป็ประโยชน์และจะต้องอาศัยให้มีทังศีล ทัง
สมาธิ ทั งปัญญาประกอบกันไป หรือมรรคทีองค์แปดประกอบกันไป จะทิงข้อใดข้อหนึงไม่ไตด้องปฏิบัติ
และอาศัยซึงกันและกันขึ นไป จะทิงข้อใดข้อหนึงไม่ได้ ต้องปฏิบัติและอาศัยซึงกันและกันขึ นไป จึงจะ
บรรลุถงึ ผลขึ นไปโดยลําดบั การปฏิบัติดังนียอ่ มมีปัญญาเป็นข้อปฏบิ ัตขิ ั นยอด เพราะฉะนั น ไตรสิกขา ก็มี
ศลี สมาธิ ปัญญา และธุระก็ยกเอาวิปัสสนาธุระ อันเป็นยอดขึ นมาและก็ไม่ใช่หมายความว่า จะทําแต่
วิปัสสนากันอย่างเดียว ต้องปฏิบัตใิ นทางด้านสมถะ ปฏิบัติในศลี ด้วยให้ครบไตรสิกขา คอื ให้ครบมรครมี
องค์แปด และยกเอาปัญญาทีเป็นยอดเรียกว่าวิปัสสนาธุระเหมือนอย่างมรรคมอี งค์แปดยกเอาสัมมาทิฏฐิขึ น
เป็นหัวหน้า เป็นข้อทีหนึง และเป็ นข้อตอ่ ๆกันไป
เพราะฉะนั นเมือเราปฏิบัติให้เข้าทางถูกทางแล้ว ย่อมจะได้รบั ผลของพระพุทธศาสนา จะมีความ
สํานกึ รู้ขึ นในใจตนเองว่าอโห พุทโธ อโห ธัมโม อโห สังโฆ โอหนอพระพทุ ธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
พระพทุ ธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์มีจริง ดังนี เมือปฏิบัตใิ ห้เข้าทางดังนีแล้ว ก็จะเป็นไปเพือความเจริญังท
ศรัทธา ทั งปัญญา พร้อมทั งธรรมะข้อนปี เ็ นการพัฒนาจิตใจ ในพระพุทธศาสนาตามทีพระพุทธเจ้าไดท้ รง
สั งสอนเอาไว้
เพราะฉะนั นในสาํ นกึ ของทา่ นพระครูเจ้าอาวาส วัดอัมพวันนี ทา่ นได้พลีชีวิตร่างกาย และความสุข
ทกุ อย่าง เพือวิปัสสนาธุระดังกล่าว ซึงทา่ นปฏิบัติตนเองท่านด้วย และท่านสังสอนผู้อืนด้วยให้ปฏิบเัตพิือให้
มีจติ ใจเข้าถึงธรรมะในพระพทุ ธศาสนา ดูดดืมธรรมะในพระพุทธศาสนา เพราะเมือปฏิบัติได้เข้าทางดังนี
แล้ว ก็จะได้ธรรมรส เมอื ได้ดูดดืมพระพุทธศาสนา อันเรียกว่า ธรรมปี ติแล้วกย็ ่อมได้ธรรมรส รสของพระ
ธรรม ซึ งพระพุทธเจ้าตรสั ไว้ว่า มหาสมทุ รทั งสิ นนั น มคี วามเค็มเป็นรสฉันใด ธรรมของพระองค์ทพี ระองค์
ทรงสังสอนทงั หมด ก็มวี ิมตุ ติ คือความหลุดพ้นเป็นรสฉันนั น
เพราะฉะนั นผู้ปฏิบัตทิ ุกคน แม้แตเ่ ป็นเบืองต้น เบืองตํา ในข้อใดข้อหนึง เมือได้ดืมธรรมะของ
พระพทุ ธเจ้าแม้แต่เพยี งเล็กน้อยแล้ว ก็ย่อมจะต้องได้ธรรมรส คอื ใจหลดุ พ้นจากเครืองเศร้าหมอง ความชัว
และความทุกข์ มคี วามโปร่งใจ สบายใจเกษมใจ อิมเอบิ ใจ ในธรรมมากน้อยตามควรแก่การปฏิบัติทุกครั งไป
ธรรมปีตดิ ดู ดืมธรรมกับธรรมรส รสของพระธรรม จึงควบคู่กันไปอยา่ งนี อันจะมีได้จากวิปัสสนาธุระ ดังที
ทา่ นพระครูเจ้าอาวาส ทา่ นสังสอนในทีนี
บัดนี จึงเป็ นทีจงู ใจบคุ คลเป็ นอันมากให้เขา้ มารับการอบรมและมาช่วยถวายสัปปายะต่างๆให้
บริบูรณ์ เป็นสัปปายะทังสี อาหารสัปปายะ เสนาสนะหรือวิหารสปั ปายะ บุคคลสปั ปายะ ธรรมสัปปายะ ดัง
ท่านทมี ีศรัทธาสร้างกฏุ ินี ก็เป็นการสร้างให้มีเสนาสนะหรือมีวิหารสัปปายะ เป็นทีรับรองพระเถระทั งหลาย
เพือมห้มีสปั ปายะอนั สมบรู ณ์ อันเป็นอุปถัมภ์ปัจจัย สามารถให้ผู้ทมี าเป็นพระวิทยากรเป็นอาจารย์สังสอน
และมาศึกษาปฏิบัติธรรม มีสปั ปายะดังกล่าวสามารถทีจะปฏิบัติ สามารถทีจะอบรมสังสอน ให้สําเร็จผลได้
ยิงๆขึ นไป
เพราะฉะนั นจึงขออนุโมทนาอํานวยพร ให้ทา่ นเจ้าภาพทีสร้างกฏุ ินี ซึงกมาี รถวายมีการเปิดในวันนี
และขออนุโมทนาแด่ทา่ นพระครูเจ้าอาวาส พร้อมทั งท่านพระเถรานุเถระทั งหลาย และทกุ ๆทา่ นทีได้ช่วยกัน
อปุ การะ ให้การศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมในวัดนี เป็นไปได้ด้วยดี อย่างทีปรากฎ
จงึ ขออํานาจคณุ พระศรีรัตนตรัย อํานาจบุญกุศล ได้อภิบาลรักษาทกุ ๆทา่ น ใหเ้ จริญอายุ วรรณะ
สุขะ พละ และเจริญในธรรมปฏิบัติ ให้ได้ประสบธรรมปีติ และธรรมรส ทั วกันเทอญ
ภาคฎแห่งกรรม “วิญญาณ”
แม่กาหลง
พระครูภาวนาวสิ ุทธิ
๑๑ พ.ค. ๓๑
อาตมามาอยู่เข้าพรรษาทวี ัดอัมพวันวันนริีมเ ต้นตั งแต่ พ.ศ.๒๕๐๐ ก่อนหน้านั นคือเมือพ.ศ.๒๔๙๙
กไ็ ปๆมาๆดูแลรกั ษาการพอดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาสก็มาอยู่ประจํา สมัยก่อนนั น มพี ระภกิ ษุสงฆอ์ งค์เณร
พรรษาหนึงไม่เกิน๑๕ รูป เพราะพืนทีบ้านวัดอัมพวันนั นบ้านน้อยไมม่ ากนักประชาชนยากจน มีอาชีพ
ทางการทํานาทําสวนเล็กๆนอ้ ยๆ ไม่มีผู้ทีมีเงินมีทองมั งคั งสมบูรณ์อันใดนักและวอัดัมพวันนั นต่อมาก็มี
พระสงฆ์เพิมขึ นพรรษาละ ๔๐-๕๐ รูปทกุ ปี ตลอดมา อาตมาคิดว่าต่อไปจะกา้ วหนา้ ได้ต้องหาสปั ปายะ บาง
ทจี ะมีแขกมาทีวัดก็ต้องไปขอบิณฑบาตอาหารคาวหวานบ้านเหนอื บ้านใต้มาเลียงเขา ก็เป็นการลําบาแกก่
ประชาชนในท้องถินนั น มาคิดดตู ้องหาสัปปายะทัง๔ ให้ครบ วัดนี จึงเจริญกา้ วหน้าได้ กิจกรรมของคณะ
สงฆ์สมัยนั นไม่เจริญ เพราะวัดนี ข้าวของก็มีน้อย เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา
เริ มต้นด้วยอาวาสสัปปายะ อาหารสัปปายะ ต้องหาบุคคลากรสัปปายะ ช่วยเหลือกิจกรรมของคณะ
สงฆ์ เช่นกรรมการวัด ทายก ทายิกา ช่วยกันทํางาน ประการทีสีต้องจัดการศึกษาความรู้ในพระพุทธศาสนา
เพิมขึ นเรียกว่าธรรมะสัปปายะ เรียกว่าทั ง๔ ประการนี ต้องอาศัยต่อเนอื งกัน วัดจงึ เจริญได้ มีแขกเหรือมา
หาพอสมภารเจ้าวัดหรือมาธุระในสดั ก็ต้องไปขอข้าวแกงบ้านเหนือบ้านใต้มาเลียงทุกครั งก็เป็นการรบกวน
ชาวบ้านเขา มาคดิ ถงึ ดวู ่าเหตกุ ารณ์วันข้างหน้า วัดอัมพวันจะเจริญก้าวหน้าไจดะ้ ต้องตงั โรงครัว อาหารเป็ น
เรืองสําคัญ บางทแี ขกมาวัดไม่มีอาหารรับประทานเพราะเป็นวัดทีอย่ทู ุรกันดาร ป่ าดงพงไพรมากมาย มี
ทา่ เรือนํ าแลน่ ไปมาในลํแามน่ ํ าเจ้าพระยาเป็นต้น
วัดอัมพวันอยูร่ ิมแม่นํ าเจ้าพระยา การสัญจรไปมากต็ ้องใช้ทางเรือทางเดียว เพราะทางหลังวัด
ออกไปถนนเอเชยี ยังไม่มี เป็นป่ าและคลองชลประทานกย็ ังไม่มีด้วย การส่งนํ าเข้าท่งุ หรือทําเกษตรหรือทํา
ไร่ไถนาก็ยังไม่เจริญ ทอี าตมาอยู่วัดอัมพวันนั นมีนไหํ าลเข้าทงุ่ ตามหลักโบราณท่านว่าเดือน๑๑ นํ านอง
เดือน ๑๒ นํ าทรง พอถึงเดอื นอ้ายเดอื นยีนํ าก็รีไหลลง ทํานาข้าวหนัก ข้าวกลาง แบบโบราณ ประเพณีสืบมา
มาตอนหลังก็เจริญขึ นเป็นลําดับ
การตั งโรงครัวจะทําอย่างไร อาตมาจากวัดพรหมบุรีมามปี ัจจัยติดตัวม๓า.๐๐๐ บาท มีเท่านนั เอง ก็
มาคิดทบทวนได้ว่าจะต้องหาบ้านสกั หลังหนึง จะซือไม้ใหมแ่ ล้วนํามาปลูกจะต้องใช้ทุนทรัพย์มากปัจจัยก็
ไม่มกี ับเขา จะไปเรียไรบ้านเหนอื บ้านใต้ก็จะรูส้ ึกแร้นแค้น สาํ หรับบน้านั นหาเงินหาทองมาด้วยความ
ยากลําบากจริงๆจะไปเรียไรเขามาสร้างโรงครัวซือไม้ใหม่ทไี หนเลยจะทําได้คดิ อย่างนีแล้วก็ตั งใจว่า
จะต้องไปหาซือบ้านสักหลังหนึง ทีราคาย่อมเยาพอจะซือได้เท่าทมี เี งินอยูค่ ือ๓,๐๐๐ บาท คดิ อย่างนีแล้ว
ตั งแต่จากวัดพรหมบรุ ีทีอาตมาสอนกรรมฐานมาตั งแต.พ่ศ.๒๔๙๕ เริ มสอนกรรมฐานตามลําดับมา จนถงึ ยคุ
ปัจจุบันทุกวันนี
นอกเหนือจากนั นแล้วอาตมาก็ดําเนินงานแสวงหาญาติโยมถามไปยังไม่มใี ครจะขาย ก็มีลกู ศิษย์
กรรมฐานจากทีจังหวัดสิงหบ์ ุรี บ้านเตาปูน บ้านบางมอญ บ้านวัดศรีสาคร ก็มโี ยมสุ่ม เป็นลูกศิษย์เกา่ และี ม
โยมพินบําเรอจติ เป็นลกู ศิษย์เก่า ทีมาเรียนกรรมฐานจากวัดพรหมบุรีเป็นลกู ศษิ ย์เก่ามาช้านาน ตั งแต่โยมสุ่ม
ยังอยู่ในวัยสาว มีลูกเล็กๆเด็กแดงตลอดมาจนมอี ายุมากแล้ว และแมพ่ นิ บําเรอจิต ก็มีสามีชือผู้ใหญก่ ลีบ็เนป
ผู้ใหญบ่ ้าน อยทู่ บี ้านมอญ วัดสว่างอารมณ์ ถามเขาดวู ่า
“โยมพิน ใครมีบ้านจะขายบ้างในราคาย่อมเยา” โยมพนิ ก็บอกว่า “ขอดูก่อน ถ้ามที ไี หนดฉิ ันจะมา
กราบเรียนให้ทราบ”
ต่อมาแม่พินกบ็ อกว่ามีบ้านจะขาย นิมนตท์ ่านไปดู
เจ้าของอยู่กรุงเทพฯเป็นบ้านของนายอํเาภอเก่า ร้างไม่มีใครจะอยู่ บ้านอยู่ข้างบ้านดิฉันตดิ กัน เลย
ให้แม่พนิ ไปสืบสาวเรืองราวดู กไ็ ด้ความออกมาว่าเขาบอกขายราคา ๕,๐๐๐ บาท คงจะบอกกันมานานแล้ว
ไมม่ คี นซือ บ้านหลังนี หาคนซือยาก เพราะเหตุใดไม่ทราบ บ้านเครืองปรุง ฝากระดานทรงไทยกลยาๆมฝี า
กระดานปะกนแบบโบราณสองหลังอคู่แฝด มีบันไดขึ นพร้อม มรี างนํ าอยู่กลาง แมพ่ ินว่าอย่างนั น เจ้าของ
เขาอยู่กรุงเทพฯกัน เขาก็มาบอกว่า ถ้าเป็นคนอืนจะขาย๕,๐๐๐ บาท ถ้าทา่ นตอ้ งการจะเอาไปวัดอัมพวัน ก็
ยนิ ดีจะขายให้ในราคา ๓,๐๐๐ บาท
แม่พินมาส่งข่าว อาตมารู้สึกดีใจมาก แหมพอเหมาะกับเงนิ ทีเรามีอยทู่ ีได้ตั งใจไว้ กบ็ อกให้แมพ่ ิน
ตกลง ก่อนตกลงนีแม่พินบอกว่า“นิมนต์พระเดชพระคุณไปดกู อ่ น ถ้าชอบใจค่อยซือ ไม่ชอบใจก็แล้วไป”
อาตมากเ็ ดินทางไปดบู ้านหลังนี โดยอาตมามีเรือยนต์อยู่ลําหนึง กล็ งเรือยนต์ไป นายทา้ ยก็ขับรือเ ไป
ถึงบ้านแมพ่ นิ ผู้ใหญ่กลีบ บําเรอจิต สามีของแม่พินกพ็ าอาตมาไปดู บอก“หลวงพอ่ ไปดูด้วยกัน”
ไปถงึ เขาก็เปิดกําแพงทปี ิ ดกั นไว้ บ้านนี ไมม่ ีใครอยู่ฝุ่นเตม็ หยากไย่เต็ม ผู้ใหญก่ ลีบอกกบ็ ให้ขึนไปดู
อาตมากข็ ึ นไปดบู ้านหลังนี มีกําแพงกั นเสร็จเรียบรอ้ ย บ้านก็รกรุงรงั เพราะขาดคนอย่รู ักษา ผู้ใหญ่กลบี ็ไกม่
ขึนไปด้วย อาตมาขึ นไปแตผ่ ู้เดียว ขึ นไปแล้ว ผู้ใหญ่เขาก็กลับไป เขาบอกว“่าท่านเข้าไปดูแล้ว นิมนตม์ าที
บ้าน เดยี วมาคยุ กัน”
อาตมากข็ ึ นไป เรือนหวันทันที เรือนหวันโคลงไปโคลงมาเหมือนแผ่นดินไหวอาตมาก็มาคดิ ดู เอ๋!
ข้างนอกลมก็ไมพ่ ัดเรือนทําไมหวั นไปหวั นมา ขนหัวลุก อาตมาไมก่ ลัวผี จะว่าผกี ็ไม่ใช่ เอ ไม่เห็นมใี คร ขน
หัวลุกหมดเรือนก็ยังหวั นอยู่อาตมาก็ไม่กลัว แตก่ ็รับลงบันไดมาบอกผู้ใหญ่กลับว่า!เอเ๋รือนหลังนี พิกล
ทําไมโยนไปโยนมาได้ ผู้ใหญก่ ลีบก็แน่เหลือเกิน บอกว่าหลวงพ่อเรือนหลังนีบางทีมันอยู่เก่า เป็นบ้านไม่มี
คนอยู่ ขึนไปกระดานอาจโยนไปโยนมาได้ หรือหลวงพอ่ จะเป็นลมไปกไ็ ด้
อาตมาก็ขึ นไปใหม่ ขึ นไปแล้วมคี วามรู้สึกขึ นมาก็แผ่เมตตา เอ๋ อะไรกันอย่างนเปี ็นเรืองน่าสงสัย
แต่กย็ ังไม่ติดใจแต่ประการใด ก็คดิ ว่ากระดานมันหยอบแหยบๆไมไ่ ด้ตอกตะปู มันอาจจะโยนเวลาเราขึนไป
ก็ได้ หรืออาจเสาเรือนจะขาดก็ได้คิดได้หลายนัยแต่กส็ งสัยไว้ในใจ ทีนี ก็ตกลงปลงใจซือตกลงจะต้องรือ
แม่พินกร็ ับอาสาจะจัดการให้ และจะเตรียมหาอาหารการบริโภคให้เสร็จ เอาคนของท่านมาบ้างและจะขอ
แรงคนบ้านนั นรือวันเดียวคงเสร็จ ก็ตกลงจะรื อ
ก่อนทีจะรื อไปนั น อาตมาก็กลา่ วคําพูดออกมา
“นพี ีน้องทุกคนทีอยู่บ้านนี เจ้าของบ้านก็ดีนะทีอยู่ทีนีน่ะมาอยู่ทําไมเล่า ไปอยู่ด้วยกันนะไปอยู่วัด
อัมพวันไปเจริญวิปสั สนากรรมฐานทีวัดอัมพวันกันดกี ว่านะ จะมาหลงอยู่ทีนที ําไม อยู่ในอบาย เป็นเรปต
วิสยั ไม่ดแี น่ ช่วยกันรือ ช่วยปลูกเป็นโรงครัว เพือทําอาหารถวายแดพ่ ระภิกษสุ งฆ์องค์เณรและชว่ ยเลียง
พุทธศาสนิกชนทีมาวัด ให้ได้รับความสะดวกในการบําเพ็ญกศุ ลของเขาต่อไป” ก็รูส้ ึกสงบดีบ้านก็นิงเรือน
ทีโยนไปโยนมาหยุดทนั ที กเ็ ป็นเรืองประหลาดทีอาตมาประสบมา
ผู้ใหญก่ ลบี ก็หัวเราะ เพราะเขารู้เรืองดีแตเ่ ขาไม่บอกเราว่ามีอะไรทีบ้านหลังนี หาคนมาเช่าก็ไม่ค่อย
ได้ หาคนซือก็ไม่ได้คนจะมาซือเขาก็ไม่ต้องการวา่ เป็นเพราะอะไรก็ไม่ทราบ ก็ยังคลางแคลงยงสั งสัย อาตมา
กบ็ อกว่าไปด้วยกัน ช่วยรือ ช่วยปลูกด้วยนะ เสาเป็นเสาไม้จริงไม้แก่น และเรือนรือเป็นแบะๆได้สะดวกดี
เป็นเรือนแบบโบราณ ตกลงแล้วอาตมาก็กลับวัดไปจัดแจทงางวัดเอาช่างมาวัดดู จัดแจงขุดหลุมไว้กว้างยาว
เทา่ ไรใหเ้ รียบร้อย และขอแรงเรือลําใหญ่เรือข้าวสมัยเกา่ จุข้าวประมาณ ๒๕ เกวียน เพอื จะไปรือเรือนหลัง
นีต่อไป ว่าแล้วก็ถากทีขุดหลมุ ไว้คอยท่าเสร็จเรียบร้อย แมพ่ ินก็ช่วยจัดการให้
วันต่อมากไ็ ปแต่เช้ามืด ไปถงึ บ้านแมพ่ ินก็ไปฉันเช้าทนี ั น แม่พนิ ก็จัดการอาหารการบริโภคให้
เรียบร้อย รือแต่เช้าเสร็จตอนบ่ายรือเรือนเสร็จเรียบร้อยใส่เรือข้าวเอาเรือโยงกลับมาวัด รุ่งขึ นเช้าเริมปลูก
เสร็จในวันเดียวมันก็เป็นเรืองอัศจรรย์เหมอื นกันเพราะเราขุดหลุมคอยไว้แล้ว เสากว้างยาวเทา่ ไรอะไรอย่าง
นี รื อแล้วกร็ ือกันอย่างดี ไม่มีเสียหายอะไรก็ปลูกเสร็จภายในวันเดียวมีญาติโยมพุทธศาสนกิ ชนวัดอัมพวัน
เดียวนี ยังมีชีวิตอยกู่ ็ช่วยกันปลกู ก็เล่าได้ว่าเป็นความจริงปลูกเสร็จในวันเดยี ว เสร็จเรียบร้อยดีกมไ็ ม่ ีใครอยู่
เลย ปลูกในป่ าทางทิศใต้วัดอัมพวันเขตวัดทางด้านใต้ อยรู่ ะหว่างกอไผ่ กอไผม่ ีหลายสิบกอ สมัยโน้นกน็ ่า
กลัวอยู่ หาคนไปอยู่ไม่ได้ สํานักชกี ย็ ังไม่เกิดเพราะไม่มีใครอยู่เลย
กเ็ ริมต้นด้วยคุณป้าหมากดิบ ภรรยาของท่านอดีตปลัดอําเภอเป็ นผู้มีพระคุณต่ออาตมามาก อาตมา
เคยไปอาศัยเรียนหนังสือพักอยู่บ้านคุณป้ า เรียนชั นมัธยมทีจังหวัดสิงห์บรุ ี คณุ ป้ าก็อุปการะมาหุงข้าวุงห
ปลาให้รับประทาน อาหารไปโรงเรียนได้อยา่ งดี
ในกาลเวลาต่อมาอาตมาอุปสมบทแล้ว กไ็ ม่เคยเจอคณุ ป้ าเลย ไปพบเป็นชอี ยทู่ ีอําเภออนิ ทร์บุรี
อาตมากบ็ อก
“แม่ชปี ้ าหมากดิบ มาอยูท่ ีนีทําไมเล่า” คุณป้ าตอบว่า
“บวชชี บ้านช่องหมดแล้วเขาโกงหมด หมดเนือประดาตัวหมดแล้ว”
นีอาตมานึกถึงพระคุณทไี ด้หุงข้าวให้อาตมาไปโรงเรียนยังไม่ลมื พระคุณอันนี ทังๆทีไมไ่ ด้เป็นญาติ
พนี ้องกัน แต่เป็ นผู้มีอุปการะคุณ จึงบอกคุณป้ าไปอยู่ด้วยกันเถอะ อาตมาจะรับเลียงจนกระทั งชีวิตหาไคมุณ่
ป้ ากม็ าอย่จู ึงได้อยู่เรือนปลูกนี อาศัยเฝ้ าบ้าง ไปเหนือมาใต้ คุณป้ ามีลกู หลานมากกไ็ ม่ค่อยจะอยู่วัด
ในกาลเวลาต่อมา พระสงฆ์องค์เจ้ามากขึ น ก็ต้องทําครวั เลียงหุงข้าววันละกระทะถวายพระทวี ัด
อัมพวันตลอดมา ก็ยังไมท่ ราบว่าจะเกิดอะไรเกิดขึ น ถึงเวลาญาติโยมกม็ าช่วยกันทําครัว ทําครัวแล้วกก็ ลับ
บ้าน ไมม่ ีใครเฝ้ าหมู กะปิ หัวหอม กระเทียม ก็เก็บไว้ทกี ุฏโิ รงครวั นี ทไี ด้ซอื มา มภี รรยาภารโรงชอื แม่บญุ ชู
สามีชือนายสงวน ศรีพวงวงษ์ เป็ นภารโรงร.ร.วัดอัมพวัน ก็ขอแรงเมียภารโรงมาช่วยทําครัว เลียงพระสงฆ์
องค์เณรทวี ัดตลอดมา ญาติบ้านเหนอื บ้านใต้พทุ ธศาสนิกชนก็มาช่วยกันทีโรงครัวนี เย็นกก็ ลับบ้านหมด ไม่
มีใครเฝ้ า แตเ่ ดชะบุญกศุ ลของไมห่ ายตลอดมา
วันหนึงแม่บญุ ชูเวลากลับบ้านก็หอบหอมกระเทยี มไปบ้าง หมูเหลือ ปลาเหลือ จากทําถวายพระก็
เอาไป หอมกระเทียมก็เอาไป อาตมาก็ไม่รู้เรือง ไม่มีความเข้าใจในเรืองนี ไมเ่ คยไปดโู รงครัวเลย
วันหนึงเกิดอัศจรรย์ดลบันดาล ผีเข้าแม่บญุ ชู เขาว่าอย่างนั น มาตามหลพวง่อ ผีเข้าเมียภารโรงตอน
ประมาณบ่ายๆคนไปดูกันมากมาย ก็ปรากฏว่าผีชือแม่กาหลง
มาเข้าแล้วก็บอกว่าพวกทีไปช่วยทําครัวว่า
“น้อยไป พวกเรานีบาปกรรมเหลือเกินนะนี เราบาปมาแล้วต้องเป็นเปรตอยู่ทบี ้านหลังนี มา เรามา
กับบ้านหลังน”ี
คนเขาก็ถามว่า “เอ้า! มาทําไมเล่า ผีเข้ามาอยู่กุฏิหลังนีได้อย่างไ”รคนผเี ข้าก็บอกว่า
“เออ พวกเอ็งไมต่ ้องมายุ่ง เพราะทา่ นเชิญเรามาหลวงพ่อวัดอัมพวันเชิญมา ให้มานังเจริญวิปัสสนา
ทวี ัดนีเราก็ตามมา และช่วยทา่ นดูแลโรงครัวด้วย เราดูไม่ได้เลย ดูมาหลายวันแล้ว พวกเราทําครแัวล้วก็เม้ม
ของวัด เอากะปิ หอมกระเทยี มติดไปบ้าน เอาปลาติดไปบ้านทุกวัน เราทนดูอยู่ไม่ได้จึงมาบอกเลา่ เจ้า อย่าเอา
ไปนะจะเป็นเปรต เราเคยเป็ นเปรตในบ้านหลังนีมาแล้ว เราต้องตาย แล้ววิญญาณกจ็ ะอยู่เป็นเปรต
เพราะเราได้ผลกรรมของเปรตผูกใจ อํานาจของโลภะ โทสะ โมหะ มันเกิดขึ นในจิตผกู พัน สามีของ
เราเจา้ ชู้มาก ชอบเทียวผู้หญิงยิงเรือมากหนา้ หลายตา ตลอดจนเหตุการณเ์ บืองหน้าทเี ราเฝ้ าอยู่ทีบ้านนี เป็น
บ้านของนายอําเภอ สามีของเรากเ็ จ้าชู้ตอนทีข้าพเจ้าจะตายวิญญาณออกจากร่างไป ข้าพเจ้ามอี ํานาจโลภะ
ห่วงใยสมบัติ ห่วงใยสามีของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตายแล้ววิญญาณจึงต้องมอายู่ทนี ีคือเรือนหลังนี ก็เป็นเปรต
แต่เรากโ็ ชคดเี หลือเกิน ท่านไปซือบ้านหลังนีมา ท่านกบ็ อกกับเราว่า อย่ามาอยู่บ้านหลังนี เลยอย่ามา
เฝ้ าอยเู่ ลยเปรตเอ๋ย ทา่ นก็พูดเองอย่างนั น แต่เราได้รับทราบแต่ทา่ นกไ็ มท่ ราบว่าเรานังอยู่ใกล้ๆท่าน บทา้ี น
หลังนันนันเองเลยเราก็ตามบ้านนี มา ช่วยท่านรือช่วยปลกู เสร็จ ถามทุกคนนีเราเป็นเปรต ท่านทั งหลายอย่า
เป็นเปรตอย่างเราเลย มานั งเจริญกรรมฐานกันเถิด” เขาว่าอย่างนั นก็ได้ความว่าชือกาหลง
อาตมาก็ไมท่ ราบเลยว่าคนทีอยู่หลังนี ทีตายไปแล้วชือแม่กาหลง เพราะยังไม่มีใครบอกแมพ่ ินกไ็ ม่
เคยบอก ผู้ใหญ่กลีบก็ไม่เคยบอก เลยก็ได้ความกบ็ ันทกึ ไว้
พระท่านนิมนต์ไปพดู ไปกับผี อาตมาบอกไปไมไ่ ด้หรอกให้เขาพูดกันเอง พวกทีมาทําครวั กลัวมาก
ตั งแต่นั นมาก็ไม่มีใครเอาพวกกะปิ หอมกระเทียมไปเลย เพราะมีผีเปรตตดิ บ้านมาและก็ผีแม่กาหลงบอกกับ
แม่ครัวว่า พวกเรานะมาทําครัวกันเฉยๆน่าจะนั งสวดมนตไ์ หว้พระเจริญกรรมฐานบ้างไม่มีเลย ทําแต่ครัว
อยา่ งเดยี ว เจ้ากไ็ ด้แต่ครัวไป กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาทางวัดไม่มเี ลย นีไม่สามารถจะปิ ดประตูอบายได้
อันนี เป็นคําพูดของผที มี าเข้าแม่บญุ ชู
เวลากาลก็ล่วงเลยมา วันพระ เวลาสอนกรรมฐาน แมพ่ ินกับผู้ใหญ่กลีบก็เอาเรือโยงมา พอนั ง
กรรมฐานแล้วอาตมาก็ถามขึ นว่า
“โยมพิน เจ้าของบ้านนีชือกาหลงจริงไหม ผีจริงไหม” โยมพินหัวเราะก๊ากเลย“มีเจ้าค่ะ อยู่ทบี ้าน
นั นเป็นไข้ตาย กาฬขึ นผดุ กาย แตฉ่ ันไม่ได้บอกท่านเองแหละ เดียวท่านจะไม่ซือบ้าน บ้านนีเป็นอย่างไร
เห็นคนเขาไมซ่ ือกัน”
เวลากาลต่อมา แมก่ าหลงก็แสดงอภนิ ิหารเรือยๆ มีคนมานั งกรรมฐาน แกกม็ านังด้วย แสดงภาพ
ออกมาเป็นรูปธรรมเป็นรูปเห็นชัดแล้วพดู ได้ด้วย อันนี มีคนเหน็ กันหลายคน หลายอย่าง แต่อาตมาจะไม่ขอ
กล่าว ณ ทีนีโดยละเอียด
ก็มีแมฉ่ าบแมเ่ ขยี วบ้านโคกล้วง ทเี ขาทําบญุ วัดดาวดงึ ส์ แม่ฉาบทําบญุ วัดราชประสิทธิ มหี ลักฐาน
ยนื ยัน แม่ฉาบแมเ่ ขียวกม็ าช่วยงานทีวัดนี มานั งเจริญกรรมฐานกใ็ ห้ไปพักบนศาลา เพราะว่าทีสํานักแม่ชังีย
ไม่มี ยังไม่ได้ต่อเตมิ เสริมสร้างแต่ประการใด ถึงเวลามีคนมาปลกุ ให้ทํากรรมฐานให้หุงข้าว ตอนนั นต้องหุง
ข้าวทานเองเพราะยังไมม่ ีสํานักชีทีจะบริการแต่ประการใด
กอ็ อกมาเป็นรูปร่างหน้าตา รูปร่างสวย ผวิ เนือละเอยี ดคมขํา ตามลักษณะนั นทกุ ประการ ไฝฝีขี แมง
วันครบถ้วนทุกประการ พดู จาเพราะ และมาให้เจริญกรรมฐานและสามารถแนะแนวกรรมฐานไม่เป็นเรือง
แปลกเพราะแมเ่ ขยี วไม่กลัวผี แม่ฉาบสิ นชีวิตไปแล้ว แต่แม่เขยี วยังอยู่ ถามดูได้เหมอื นกัน และก็แสดง
อภินิหารหลายอย่าง และจิตได้เข้าสู่จดุ มุ่งหมายของการเจริญกรรมฐาน
อาตมาขอยืนยันว่า ผกี ็เจริญกรรมฐานได้ ไม่จําเป็นต้องเป็นคนยังไมส่ นใจ แต่ผีสนใจก็เป็นทนี ่า
อนุโมทนาก็เจริญวิปัสสนากรรมฐาน จิตมุ่งมาดเข้าสู่ภาวะกลบั กลายจากเปรต กลายเป็นเทพธิดาได้ ไมม่ กี าร
ปฏิสนธิในครรถ์แต่ประการใดเป็นอภินิหารของโอปปาติกะ ทีสร้ างคุณงามความดี เกิดเป็นเทวดาก็ได้
เป็นได้หลายอย่างโดยอภินิหารของบุญกุศลทีตนได้สร้างมา นีเป็นเรืองการพัฒนาจิตของแม่กาหลง
ผกี ไ็ ปลามาไหวด้ ้วย วันหนึงแม่กาหลงมาลา มันเป็นเรืองอัศจรรย์ มาลาว่าอยา่ งไร บอกว่า“หลวง
พ่อเจ้าขา ดิฉันขอลาไปบ้านสักสองวัน”
“ลาไปทําไมละ่ กาหลง”
“ญาตติ าย”
“เอ๊ะเราเป็นอะไรล่ะ ญาติตายไปทําไม เรามาเป็นกายแบบนี และวิญญาณแบบนีไม่น่าจะไปยุ่งกับ
เขาเหล่านั น”
แม่กาหลงตอบว่า “ดฉิ ันต้องไปดญู าติ ต้องไปช่วยเขาสักสองวัน แล้วจะกลับม”า
อาตมายังนึกขํา ผีมันก็ดี อุตส่าห์ไปช่วยงานได้ มันก็เป็นเรืองแปลกทีเชือยาก ถ้าไม่เหน็
ประสบการณ์ด้วยตนเอง
ต่อมา ๒ วัน แมก่ าหลงก็กลับมา ก็กราบอาตมาบอกว่า“ดิฉันกลับมาแล้วเจ้าค่ะหลวงพ่อ ไป
ช่วยงานเขาเรียบร้อยแล้ว” อาตมายังหัวเราะตอ่ ไป อะไรกันผอี ะไรช่วยงานไดก้ ็ยังไม่แน่ใจลงไปว่าจริง
หรือไม่
ในวันพระตอ่ มาก็ถามแม่พินว่านีโยม ถามจริงๆเถอะ ญาตกิ าหลงมีไหม เขามาบอกลาอาตมาไป
ช่วยงาน เขาว่าญาติเขาตาย มีจริงหรือไม่ประการใด แม่พินตอบทันทวี ่า มีเจ้าค่ะ หลานแม่กาหลงเขา ๒ คน
พายเรือข้ามฟาก เรือล่มเลยกอดคอกันตายทงั สองคน อาตมาบอก เออ! จริงของแมก่ าหลงแล้วจัดเสร็จ
เรียบร้อยดี แมก่ าหลงกก็ ลับมา
นีท่านทั งหลายเอ๋ย ชีให้เหน็ ชัดว่า เขาไม่ได้เป็นปี ศาจแต่ประการใดแล้วตอนนั น เขาก็มีอภนิ ิหาร
ของบญุ กุศล
คนเรานีกลับเป็นเปรตเป็นเทพได้ เป็ นเทวดากไ็ ด้ไมต่ ้องปฏสิ นธิในครรภ์ของมารดา กลับกลายได้
ทันทีโดยวิธีนี แม่พินก็ยืนยันเลยวห่า ลานของเขาตาย เรือลม่ ตายทั งสองคน ก็เป็นความจริงขึ นมา โดยทีแม่
กาหลงเป็นผู้บอกได้อย่างดีด้วย เดียวนีแม่กาหลงยังอยทู่ ีวัดอัมพวันตลอดมา
กร็ ู้สึกว่าการพิสูจนน์ ีพิสูจน์ยาก เพราะคนเราไม่พิสูจนด์ ้วยตนเอง ไมไ่ ด้เจริญกรรมฐานจนลึกซึ งใน
รสพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจ้า จึงว่าวิญญาณไม่มี ผีไม่มี อย่างนีเป็ นต้น ถ้าคนไหนไปเจอด้วยตนเอง
แล้วจะว่าจริง เพราะเห็นด้วยตนเอง พิสูจนด์ ้วยตนเอง ถ้าเราไม่เคยเจอผี เจอวิญญาณ เจอเทพ เจอโอปปาติกะ
ประการใด กว็ ่าไม่มีจริงกต็ รงกันอย่างนี คนไหนประสบมา คนไหนพบมาก็เรียกว่ามีจริง เพราะตนเห็นด้วย
ตนเอง และประสบด้วยตนเองทํานองนีเป็นต้น
จะกล่าวถึงแมก่ าหลงก็มีวิธีการและอภินิหารหลายอย่างทีวัดอัมพวันตลอดมา มหี ลักฐาน มีบุคคล
เป็นพยาน และมีทีมาของแม่กาหลง บ้านแม่เขายังอยู่ด้วยทีใต้วัดสว่างอารมณ์ มาจนบัดนี
แต่ก็เป็ นเรืองอภินิหารของวิญญาณ เป็นอภินิหารของบุญกุศลของคนทมี าสร้าง เป็นเปรตแล้วก็
ไมใ่ ช่เปรตต่อไปเพราะอํานาจจติ อํานาจของโลภะกลายเป็นเปรต อํานาจโทสะลงนรกไปตามขั นตอน
อํานาจโมหะมอี ยู่กบั ท่านผู้ใดรับรองวิญญาณแตกดับทําลยาขันธ์ ก็ต้องไปเกิดเป็นสัตวเ์ดรัจฉานทันที อันนี
เป็นความจริง ตามหลักพระพุทธศาสนาทีเราเข้ามาพสิ ูจน์ได้โดยไม่ยากนัก
ส่วนใหญ่ชาวพุทธไม่คอ่ ยชอบพิสูจน์ ไม่ชอบสร้างความดีกันจิตฺเต สงกฺ ลิ ิฏเฐ ทุคฺคติ ปาตกิ งขฺ า จิต
เศร้าหมองไปนรก จิตผ่องใส ไปสวรรค์ง่ายๆ อย่างนี บางทีจิตเศร้าหมอง ใจเศร้าหมอง คอื กิเลส ก็ได้แก่
โลภะ โทสะ โมหะ
ถ้าหากว่าเป็นหญิงใจเคียดแค้นกับสามี อาฆาตผูกพยาบาท ตายไปต้องเป็นผีดบิ จะไปกินเลอื ดของ
ผู้ชายเรียกว่าผีดิบ ตายไปแล้วไปฝังแล้วไมเ่ น่า ขนงอกได้ คิวงอกได้ เลบ็ งอกได้ทํานองนี ถ้างอกยาวตาม
กําหนดของมันจะขึ นออกมา ไปกินเลือดของพวกผู้ชาย ผู้หญิงไม่ทํา อยา่ งนีเรียกว่าผีดิบ พิสูจน์ได้โดยไม่
ยากนัก แต่เราจะทําลายผีดบิ ก็ต้องเอาไปเผาเสีย ไม่ใช่ของดบิ ดี ไมใ่ ช่ว่าคนตายไม่เน่าเล็บงอกได้ ขนคิวงกอ
ได้ ผมงอกได้ กเ็ ป็นผู้วิเศษไม่ใช่แน่ เรียกว่าผีดิบส่วนใหญจ่ ะเป็นกับพวกผู้หญงิ ส่วนผู้ชายอาตมาไมเ่ คยพบ
เคยพบแล้วในป่าเป็นแต่พวกผู้หญงิ เคียดแค้นกับสามี เวลาจะตาย โกรธ จิต ลงนรกเป็นผีดบิ ก่อนอืนใด
ทั งสิ นมคี วามหมายมาก
ขอเจริญพรญาตพิ ีน้องทั งหลาย ได้รบั ทราบโดยทั วกันนีแหละแม่กาหลงมีเหตุและผลตั งแต่ต้นจน
มาถึงบัดนี เดยี วนี กย็ ังมีหลักฐานอยทู่ ีวัดอัมพวัน พิสูจน์ได้โดยไม่ยากนัก
บางทพี ่อแมต่ าย ปู ่ ย่าตายายตาย บางคนบอกไมฝ่ ันเหน็ เลย ไม่มีวีแววเลย อย่างนี ก็ทําบญุ กันใหญ่
ข้อเท็จจริงไม่ใช่ถ้าเห็นพ่อแมป่ ู่ยา่ ตายายทีตายไปแล้วมาเห็นวอบๆแวบๆ มาเหน็ อยู่เสมอ นั นแหละไมด่ ี
หรอกเป็นเปรตประจําบ้าน ด้วยอํานาจโลภะของคนทีตาย หว่ งใยลกู หลาน ห่วงทรัพย์สมบัติ ตายแล้วอยู่ที
นั น ไม่มที างไปทีอืนแล้ว เกาะอยทู่ ีนั น
ถ้าหมดห่วงหมดใยไม่มีอํานาจโลภะผูกใจไว้แต่ประการใด บญุ กุศลดลบันดาลไปสู่สุคติโลกสวรรค์
เทวสถานได้ทันที แต่ถ้าจิตยังเกาะเกียวอยู่ ห่วงใยด้วยอนําาจของโลภะ จะห่วงสามกี ็ตาม ห่วงภรรยาก็ตาม
ห่วงลูกก็ตาม ห่วงหลานก็ตาม ห่วงทรพั ย์สมบัติกต็ าม ตายแล้วต้องเป็ นปู่โสมเฝ้ าทรัพย์ อํานาจของตนทีมีอ่ ยู
ในจติ ใจ อันนีแน่นอนทสี ุด พระพุทธเจ้าจงึ สอนให้กําหนดเสียตั งสติมีโลภะผูกใจอยูท่ ีไหนก็ตั งสติไว้
กําหนดการเจริญสตปิ ัฏฐานสีเป็นทางทีดีทีสุด ไม่มีอะไรดกี ว่านีแล้ว อาตมามปี ระสบการณ์กับ
ปัญหาเหล่านี มามากมาย จติ คนเราเปลยี นได้ ในเมอื มีสติ ไม่จําต้องกลา่ วเฉพาะมนุษย์คนธรรมดาเท่านั น
วิญญาณแตกดับทําลายขันธ์ของมันแล้ว ยังไปสร้างความดีของมันได้ เช่นเปรตแม่กาหลง เป็นต้น
พวกผีเปรต เทวดาก็ตาม ยังต้องมานังฟังธรรมพระพทุ ธเจ้าทมี ีความน่าสนใจ เทวดาทังหลายก็มา
ชุมนุมกันฟังธรรมเทศนาเหมอื นพระพทุ ธเจ้าเทศนาแก้ปัญหาเทวดาฉะนั นอันนีก็มสี ิทธิมาฟังกันได้ทั งนั น
ถ้าภูติผีปี ศาจราชทตู มีศรัทธา ก็สามารถฟังคําสอนพระพุทธเจ้าได้ สามารถสร้างความดไดี ้ ไมจ่ ําต้องกล่าวว่า
มนษุ ย์ธรรมดาหรือคนธรรมดา ผปี ีศาจราชทตู ทีเราแผ่เมตตาไป อุทิศส่วนกุศลไป ก็รับได้ กด็ ้วยอํานาจบุญ
กุศล เปรตหมดเวรหมดกรรมก็สร้างกุศลได้ สามารถกุศลดลบันดาลเกิดเป็นเทพ เกิดเป็นโอปปาติกะ หรือผู้
ทมี ีกายทิพย์ มที พิ ยอํานาจของบุญกศุ ล เรียกว่ากายทพิ ย์ ประจักษ์ขีดสาํ หรับบุคคลผู้มีความเข้าใจและลกึ ซึง
ใจติดต่อกันได้โดยวิญญาณ ตดิ ต่อกันได้โดยตรงโอปปาติกะ ไม่ใช่เรืองเหลวไหลแต่ประการใด
แต่พระพทุ ธเจ้าสอนอย่างเดียวคือ ต้องการให้พ้นทกุ ขต์ ้องการไม่ให้ตดิ อยู่ ไม่ต้องการให้ข้องอยู่
เหมือนผีเจ้าเข้าทรงแต่ประการใด ก็เป็นเรืองจริง ผีเจ้าเข้าทรงเป็นเรืองจริง แตพ่ ระพุทธเจ้าสอนว่าไมค่ วรจะ
ข้องอยู่ ไม่ควรไปติดอยูใ่ นผีเจ้าเข้าทรง เสียเวลาทํางาน เสียเวลากิจการ อย่าไปเชือผีสางนางโกงอยา่ ไปเชือผี
เจ้าเข้าทรง จงเชอื เหตุผลแล้วหาทพี ึง ไม่ใชผ่ ีกับเจ้าเป็นทีพึงของเรา รตั นตรัยเป็นทีพึงทางใจเป็นทยี ึดเหนียว
ของเราต่อไป คืออยา่ งไร หมายความว่า พึงตัวเองสอนตัวเองนีแหละรัตนตรัยเป็นทีพึงได้ สามารถเป็ นเกราะ
เพชรป้ องกันตัวได้ อันตรายจะไม่เกิดขึน ถ้าเรามีรัตนตรัยเป็นทยี ดึ เหนียวทางใจสําคัญเราไม่เชือไม่หวังพึง
รัตนตรยั ไม่เอาผีกับเจ้ามาเป็นทีพึงเสียแล้ว ทกุ วันนี มคี วามหมายมาก แตผ่ กี ็หาทีพึง ไม่จําต้องกล่าวว่าคน
ธรรมดา และเราก็ไปเอาผีมาเป็นทีพึง ผีต้องพึงธรรมะคือคําสอนพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมกเ็ ป็นได้สมส่วน
ระควรกัน แต่ก็มีอีกข้อหนึง ผีกช็ ่วยงานได้
ผชี ่วยงานได้ช่วยอย่างไร วนั หนึงจําวันทีไม่ได้ มีข้าราชการเจ้าหน้าทตี รวจเงนิ แผ่นดนิ มาตรวจเงิน
แผ่นดินตามจังหวัดอําเภอตา่ งๆ มาพักวัดอัมพวัน อาตมาเชญิ ชวนเขาให้พักวัดอัมพวัน เช้ารบั ประทานอะไร
ก่อนแล้สไปตรวจราชการตามหน้าที แล้วกลับมาพักทวี ัดตอนเย็น ไมจ่ ําเป็นต้องพักโรงแรม กลางคืนก็
สนทนาธรรมให้คติกรรมฐานก็ดีกว่าไปพักโรงแรม
โดยเฉพาะเจ้าหน้าทตี รวจเงินแผน่ ดนิ กม็ ามีชายเป็นผู้ขับรถ นอกเหนือจากนั นเป็ นหญงิ ข้าราชการ
ผู้หญงิ ตรวจเงินแผ่นดินมาพักทวี ัดอัมพวัน อาตมาก็จัดกุฏิพิเศษ เป็นทพี ักสําหรบั วิทยากรทมี าอบรมทีวัด
อัมพวัน ว่างการอบรมกใ็ ห้พักทกุีฏินั น เช้าออกตรวจเย็นกลับ
พอดวี ันนั นเป็นวันธรรมะสวนะเป็นวันพระ อาตมาจะต้องเาขไ้ปในโรงอุโบสถสอนกรรมฐานทุก
วันพระไมข่ าดและลงปาฏิโมกข์ตามปักษข์ องทางพระพุทธศาสนา พอดีเจ้าหนา้ ทีเขากลับมาเย็นใกล้จะมืด
อาตมายังอยู่ในโรงอุโบสถมดื คํา คิดว่าเด็กของเรายังอยดู่ เ็กทีทําครัวทําอาหารเลียงแขกทั วไป พอดีเขาเกิดมี
อะไรกันทีสิงหบ์ ุรี มีดนตรีหรือมีอะไรจําไม่ได้ไมท่ ราบ เด็กก็หนเี ทียวหมด ไม่มใี ครอยู่เลย เจ้าหน้าทตีรวจ
เงินแผ่นดินก็มาพัก กน็ ึกว่ารบั ประทานอาหาร เด็กเราควรจะหาใหต้ ้อนรับเขาบริการอยา่ งดี
อาตมาออกจากโบสถ์ดกึ ไป ก็มาดูเด็กของเราไม่มีใครอยู่เลย อกี คนหนึงบอกว่า หลวงพอ่ เขาหนีไป
ดมู หรสพหมดแล้วทางจังหวดั สิงหเ์ ขามีงานกัน ก็ไมท่ ราบว่ามีงานอะไร อาตมาก็บ่นเขาบอกว่าญาติพนี ้อง
เรามาพักแรมกันทีวัดคงจะอดอาหาร จะมีใครทําเลี ยงเขาหรือเปล่าไม่ทราบ
แตข่ ้าราชการเจ้าหน้าทที ีพักวักด็กลับบอกว่า“หลวงพอ่ ไม่ต้องห่วงเขาเลี ยงอาหารอยา่ งดเี ลย
อาหารอร่อยมากวันนีน่ะ” เจ้าหน้าทีบางคนยังไมเ่ คยมา ทีมาใหมก่ ็มารวมกนั ไม่ทราบห้องนํ าอยู่ทไี หน กม็ ี
คนบริการเปิ ดไฟ เปิ ดห้องนํ าให้เสร็จ รู้สึกว่าเขาดีใจว่าทางลูกศิษย์วัดอัมพวันบริการดีเหลือเกนิ ตลอด
กระทั งอาหารคาวหวาน นํ าร้อนนํ าชากาแฟ บอก“หลวงพ่อไม่ต้องห่วง เขาเลี ยงหนูเรียบร้อยแล้ว”
เจ้าหน้าทตี รวจเงินแผน่ ดนิ เป็นผู้หญงิ เขาบอก บริการดีตลอดไมต่ ้องห่วง แต่แล้วสอบถามดูเด็กไม่อยู่สกั คน
เดียว ไมร่ ู้ว่าใครบริการ
อาตมาถามข้าราชการทมี าพัก“ขอเจริญพรใครมาเลียงคุณมีอะไรบ้าง เขาบอกยําเล็กยําใหญแ่ หม!
อาหารอร่อยมกี าแฟ โอวัลติน มีหลายอย่างเจ้าค่ะ” เอ๊ะอาตมาก็นึกสงสัยว่าเดก็ เราไม่อยู่ใครมาเลี ยง ถามเขา
ว่า “ใครมาเลี ยงคุณหรือ” เขากต็ อบว่า “รูปร่างสวย เป็นผู้หญงิ ผมยาว ลักษณะดําขํา เอาอาหารให้ดฉิ ัน
รับประทานกันและมีกาแฟเรียบร้อย เขากย็ ิมตลอดรายการ เขาบอกไม่ต้องห่วง ยินดีต้อนรับเพราะเป็นแขก
ของหลวงพ่อทีวัดนี มาไมใ่ ห้อดอยาก ปากแห้ง ขาดตกบกพร่องประการใดให้อภัยด้ว”ย เขาก็กลับพดู อย่าง
นี ก็ไม่ทราบว่าใคร
อาตมาออกจากโบสถ์ก็ดกึ แล้วเป็นเวลา ๔ ทุ่มเศษ ก็รอเด็กกลับมาจะถามดู จะไล่เรยี งทําโทษว่าไป
ไหนไม่ลา มาไม่ไหว้ รอจนดึกถงึ ตี๑ แท้ทจี ริงเด็กเข้าข้างๆทางหน้าวัด เราหลงดูทางหลังวัดว่ารถมาอย่างไร
เลยเด็กกเ็ ข้าหนา้ วัดนอนเสียเรียบร้อย เรากบ็ ่นคืนยันรุ่ง แพ้เดก็ เด็กมีเชาวน์ ฉลาดสูงกว่า กเ็ ข้ามาขๆ้างเสียที
บน่ ไปนันมันกไ็ ม่เข้าทา่
ตอนเชา้ เจา้ หน้าทีทีพักแรมก็สงสยั ว่าหลวงพ่อบ่นทําไม เราก็รับประทานอิมแล้ว ทําไมบน่ เด็กว่าไม่
ดแู ลก็สงสยั ตอนเช้าก็ขอเด็กมาดูซิว่ามใี ครบ้าง จะเป็นคนนั นหรือไมป่ ระการใด ตอนเช้าก็มาดู เจ้าหน้าที
ตรวจเงินแผ่นดินบอก เอะ๊ ! ไม่มเี ลย ทบี ริการเมือวานไม่ใช่พวกนีเลยนะ บอกพวกไหน มีเทา่ นีเอง มี๔-๕
คนเท่านี เขาบอกเป็นคนสวยผมยาว คิวโก่ง ดําขําและยิมตลอดเวลา และบอกเชิญรับประทานอาหารให้อิม
นะคะ ดิฉันบริการช่วยหลวงพอ่ พนี ้องทมี าพักทนี ีไมต่ ้องตกใจ มีอะไรเรียกร้องได้เจ้าคะ่ อันนีก็เป็รนือเ ง
แปลกน่าอัศจรรย์
หลังจากนั นเวลากาลผ่านมา เจ้าหน้าทีทมี าพัก ไม่เคยมาอีกเลยจนทุกวันนี หายหน้าไปเลยก็ไม่ทราบ
ว่าเพราะเหตุใด เขาก็ส่ายหน้าไปตามๆกัน บอกเอ!๊ ไม่ใชล่ ูกศิษย์หลวงพ่อเลยนะ ขอดตู ัวแล้ว ไม่มีใครแม้แต่
คนเดยี ว ไม่มีเหมอื นเลย แล้วเขากล็ ากลับ ไปตั งแต่วันนั นจนบัดนี ไม่เคยกลับมาอีกเลย
อนั นี จะค้นเดาเอาเห็นจะไมย่ าก ส่วนใหญ่แมก่ าหลงไปบริการหลายแห่ง นีแหละชีให้เห็นชัดและ
เขาก็เล่าอกี อยา่ งหนึง ก่อนจะมาบริการได้กลินหอมดอกไม้ หอมดอกมะลิ คลา้ ยดอกกุหลาบ อะไรทํานองนี
แล้วก็จะโผลอ่ อกมา อันนีเหน็ กันหลายราย
อาตมาขอจบรายการไว้แต่เพียงนี ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทา่ นโดยทั วหน้ากัน
วญิ ญาณรายงานตัว
พระครูภาวนาวิสุทธิ
อาตมามีเรืองวิญญาณจะเลา่ ให้ฟังสักเรืองหนึง เป็นเรืองวิญญาณมารายงานตัวเพอื เจริญกรรมฐานที
วัดอัมพวัน เมอื ปี พ.ศ. ๒๕๒๕-๒๕๒๖ เขาคอื วิญญาณของนายวิโรจน์ ปัญจบรุ ี
จําเป็นจะต้องกล่าวประวัตขิ องนายวิโรจน์สักนิดหน่อย
นายวิโรจน์ ปัญจบรุ ี เกดิ เมือวันท๔ี สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ บ้านเลขที๙๑/๑ ถ.ประตูชัย ต.เวียง อ.
เมือง จ.พะเยา บุตรนายวิรัตน์ นางมอนแก้ว ปัญจบุรี มีพีน้องร่วมท้องกัน๔ คน นายวิโรจน์เป็ นคนทสี อง มี
การศึกษาดี เรียนดีตลอดมา คือจบสายสามัญจากโรงเรียนพะเยาพทิ ยาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ศกึ ษาต่อทีวิทยาลัย
ครูเชียงราย ได้รับประกาศนียบัตร วิชาการศึกษาชั นสูง วิชาเอกพลศกึ ษา เมือ พ.ศ. ๒๕๒๔ และได้รับ
ปริญญาคุรุศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเอกพลศึกษา เมอื วันท๒ี มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๖
เมอื เดือนตุลาคมปี ๒๕๒๕ ระหว่างทนี ายวิโรจน์เป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูเชียงราย ได้รับคัดเลือก
เป็นตัวแทนนักศึกษาเข้ามาค่ายพัฒนาจติ ใจ ทีวัดอัมพวัน.พอรหมบรุ ี จ.สิงหบ์ รุ ี จัดโดยสภายวุ พุทธิกสมาคม
แห่งชาติ มีผู้แทนนักศึกษาจากสถาบันอุดมศกึ ษาทั วประเทศมาเข้าค่าย๗ วัน บหุ รีไมส่ ูบ เป็นคนไมข่ ้องแวะ
กับอบายมขุ เลย
นายวิโรจน์มีแฟนคนหนึงเป็นคนจังหวัดเดียวกัน เขารักกันมากเมือเรียนจบแล้ว วิโรจน์สอบบรรจุ
ได้เป็นอาจารย์ทีวิทยาลัยครูเชียงราย แฟนของนายวิโรจน์สําเร็จปวช. เรียนต่อ ปวส. แล้วลาออกไปทํางานที
อ ําเภอหนึ งในจังหว ั ดพะเยา
ตอ่ มาปี ๒๕๒๖ เขามโี ครงการอบรมกันทวี ัดอัมพวันอกี ครั งหนึง คราวนีอธิบดสี มพเรทพสิทธา
ประธานสภายวุ พุทธฯ ผู้จัดการอบรมได้เชิญ รัฐมนตรี ร.ต.ท. ชาญมนูธรรมมาเป็นประธานในพิธีเปิดจะนํา
เครืองมาลงทนี ี อาจารย์สมเดช มุงเมืองซึ งเคยมาเข้าค่ายพัฒนาจิตใจทีวัดอัมพวันสมัยเป็นนศักึ ษาปกศ.สูง
ต่อมาเรียนสาํ เร็จปริญญาโทเป็นอาจารย์วิทยาลัยครูเชยี งราย อาจารย์สมเดชชวนนายวิโรจน์ว่า“ไปไหม”
วิโรจน์บอกว่า“ไปแน”่ เพราะเจริญสติปัฏฐานสีแล้วมันซาบซึ งใจเหลือเกิน อาจารย์สมเดชบอกให้นาย
วิโรจน์ไปเป็นวิทยากรและช่วยควบคมุ นักศึกษาทีวัดอัมพวัน นายโวริ จนบ์ อกยินดีมาก
วิโรจน์ได้ไปชวนแฟนคือกัลยาให้มาอบรมด้วยแต่กัลยาปฏิเสธบอกว่า“คุณไปก่อนเถอะ เอาไว้แก่
คราวคุณย่า-คณุ ยายเสียก่อน” กัลยาไม่สนใจไป
วิโรจน์ก็เตรียมกระเป๋ า ๒ ลูก มีเป้, กระตกิ นํ าร้อน-นํ าเย็นพร้อม พอดีจะต้องไปเล่นกีฬา แล้วถึงจะ
มาเขาก็เตรียมกระเป๋ าเรียบร้อย ตั งใจมั นจะไปแน่มศี รัทธา ๑๐๐% จะมาอบรมทวี ัดอัมพวัน วันท๒ี ๑ ต.ค.
๒๕๒๖ ๕ วัน๕ คืนจะนํานักศึกษามาประมาณ๑๐๐-๒๐๐ คน
๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๖ ก่อนถึงกําหนดจะไปวัดอัมพวัน๕ วัน วิโรจนข์ ีจักรยานยนต์ไปรับแฟน ให้
แฟนซ้อนท้ายมาเดชะกฎแห่งกรรมบันดาลรถชนทันที วิโรนจต์ ายคาที แฟนก็ไปตายทีโรงพยาบาล วิโรจน์
ตายหัวเละ ไส้ทะลัก มอเตอร์ไซค์พัง แฟนตายวันรุ่งขึ น คอื๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๖ ญาติตั งศพทีวัดในหม่บู ้าน
แยกกันของใครของมันไม่ได้ตั งรวมกันวิญญาณแยกออกจากร่าง
พอตายแล้วนายวิโรจน์เล่าว่าเขาตั งสติของเขาดี เขาออกมายืนพิจารณสางั ขารของเขาว่าหัวเละไส้
ออกไปแล้ว และเขาก็มายืนเขามสี ติครบ นไี มใ่ ช่ว่าศพตาย แล้วิญญาณจะอยู่ตรงนั นนะเดียวโยมจะเข้าใจผิด
และเวลาทใี ส่หีบโลงเข้าแล้ว วิญญาณคงอยู่ในโลงศพ ไม่ใช่ เขายืนยันเลย เขาก็ตามไปยังทีตั งศพของเขา
อาบนํ าศพตามประเพณีเขาก็รู้หมด และก็เอาศพใส่หีบตั งบําเพ็ญกุศล พระก็เริ มสวดบําเพ็ญกศุ ล มสี วดพระ
อภิธรรม
อาตมาก็ถามว่า “พอตั งศพแล้วิวญญาณไม่ตั งอยู่ตรงนั นเหร”อเขาบอกว่า “ไมอ่ ย”ู่ บางทีเรากเ็ คาะ
โลงบอกว่า “แม่ออกมาพระจะสวด” “แมท่ านอาหารเสีย” กเ็ คาะกันไป ดีเหมือนกัน กตัญ รู ู้พระคุณ แต่ที
จริงแลว้ วิญญาณ ออกมาหาได้อยู่ทีเรือนร่างไม่หรอก ความจริงเป็นอยา่ งนี
ในทีสุดพอตั งศพเรียบรอ้ ยดแี ล้ว วิญญาณนายวิโรจน์กม็ าถงึ นีทันที วิญญาณนายวิโรจน์มาถงึ วัด
อัมพวัน ญาติโยมโปรดฟัง จิตฺเต สฺงกลิ ิฏเฐ สุคติ ปาฏกิ งฺขา จิตไมเ่ ศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นทีหวังได้
จิตนี จะไปไมต่ ิดไฟแดง ไมม่ ีเลียวซา้ ย เลียวขวา ถงึ เลย อย่างโยมนั งหลับตานึกถงึ บ้าน ถงึ เลย นกึ ถงึ
ทีนอนเรา ถึงเลย นึกถึงครวั ก็ถึงเลยเหมือนอย่างโยมนั งพักอยู่ทนี ี จะไปทงหั อฉันรับประทานอาหาร มันจะ
เลียวตรงนี หยุดตรงโน้นไม่ได้ มันจะถึงเลย นังเกา้ อีตรงไหน ก็ถึงตงรนั น มันเป็นแบบนั นจริงๆ
ในทีสุดเขาก็มาถึงวัดอัมพวัน ในวันท๑ี๖ ตุลาคม ๒๕๒๖ นั นเอง พอดที ีนีมีอบรมนักศึกษาวิทยาลัย
ครูเทพสตรี และปิดการอบรมในวันนั น ทีหอประชุมมีเก้าอีอบรมทั ววิชาการ มปี ฏิบัติกรรมฐานน้อย ยัง
ไม่ได้ปฏิบัติกันเคร่งครัดอะไร สมัยนั นเอมืพ.ศ. ๒๕๒๖ ปฏิบัติยังไม่เคร่งครัด มีโต๊ะเก้าอีพอ วิทยาลัยครู
เทพสตรีอบรมเสร็จออกไปแล้ว ก็ทําความสะอาดกัน ตอนนั นมพี ระภิกษ-ปุ ริญญาโท หนึงรูป ปริญญาตรี
หนึงรูปมาบวช ๑๕ วัน ไมไ่ ด้สนใจมาปฏบัติกรรมฐาน ต้องการมาบวชพักผ่อนดหู นังสือ จะไปอเมริกา จะ
ไปตอ่ ปริญญาเอก ไมไ่ ด้มานั งกรรมฐาน
อาตมากบ็ อกว่า “นีคุณต้องการจะไปเรียนหนังสือตอ่ ควรนังกรรมฐานเสียจะได้ไปเรียนสาํ เร็จมี
ปัญญาด”ี
“โอ๊ยผมไม่สนใจหรอก ผมจะดูหนังสือ จะต้องเดนิ ทางไปอเมริกา” องคป์ ริญญาตรีก็เหมือนกัน
แต่เขากข็ ยันดี มาช่วยกวาด ตอนนั นยังไมม่ ีพรม ทีมีพรมปูเพราคะุณแม่สิริ กรินชัยพาพวกโยมมา ในรายการ
ยวุ พุทธิกสมาคมฯ กเ็ ลยมีพรมปูให้นัง กไ็ ด้อานิสงส์ขึน ก็นังกวาดโน่นกวาดนี ทพี รมไมม่ ีกใ็ ช้เสือปอูเา และ
เอาเก้าอีตั ง เมือเอาเสือออกฝุ ่ นเยอะแยะ ก็ทําความสะอาดกัน ปัดกวาดอะไรทํานองนี อาตมานั งบนเกพ้ารอะี
ปริญญาโท ปริญญาตรีก็มากวาดอยใู่ กล้ๆ
ตอนเย็นมากแล้ว พวกทีเลกิ อบรมกลับกันไปแล้ว สักประเดียวนายวิโรจนถ์ ือกระเป๋ ามา๒ ลกู เป้ ก็
วางอยู่มากราบอาตมา
อาตมาก็ถาม “เอ้า! มาอย่างไรกันน”ี เขาบอก “มาอบรม” “มาอบรมอะไรยังไมถ่ ึงเวลาอีกตั ง
หลายวัน เริ มวันท๒ี ๑ ตุลาคม ๒๕๒๖ นีเพงิ วันที๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๖ มาอย่างไร” เขาก็รายงานตัวเลย
“กระผมวิโรจนค์ รับหลวงพอ่ จําได้ไหม”
“อ๋อ!จําไดค้ ลับคล้ายคลับคลา”
“ก็ผมมาอบรมไงเล่า ผมนั งเจรญิ สติปัฏฐานสี นั งน้อย แต่ผมกก็ ลับไปนั งทบี ้าน ผมสนใจมากครับ
จะมาตอนนีผมก็บอก บอกกับ อ.สมเดช มงุ เมอื งไว้ บอกตอ้ งมาแน่ ถงึ ยังไงกม็ าและผมก็อุตส่าห์ไปชวน
แฟน เขาก็เล่าถึง น.ส. กัลยา ใหฟ้ ังว่า เขาไม่มาหรอกครบั ผมกต็ ้องมาคนเดียว” แล้วเขากเ็ ล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
ว่า
เมอื วันที๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๖ ผมขับมอเตอร์ไซค์เอาแฟนซ้อนท้าย ไปถูกรถชนและตายแล้ว...
อาตมาขอแทรกตรงนี ทีบอกว่าตายอยกู่ ลางถนนรถชน แล้ววิญญาณอยู่ตรงนั นไมจ่ ริงเสมอไป คนทจี ะเฝ้ อา ยู่
เฝ้ าตามถนนหนทาง คอื พวกสัมภเวสี ไม่มีสติ คนทีไม่ได้ฝึกอะไรไว้ ตายทไี หนแล้ว มักจะหาทีอยู่ไม่ได้
ไมไ่ ด้สร้างบุญกุศลไว้ เรียกว่า สัมภเวสี ตัวตายด้วยอํานาจโลภะเป็นเปรต อสุรกาย ถ้าตายด้วยอํานจาโทสะ
ส่วนมากเป็นโยมผู้หญิงเคียดแค้นกับสามีเรืองชู้สาวเป็นผีดบิ ไปเทียวกินเลือดผู้ชาย สําหรับอสุรกายตายด้วย
อํานาจโลภะ มันจึงเป็นสัมภเวสี มันจงึ จะเฝ้ าที
ยกตัวอยา่ งคา่ ยบางระจัน นายจัน หนวดเขียว ขุนสรรค์ พันเรือง เป็นต้น อย่าลืมนะทคี า่ ยบางระจัน
ตายด้วยอํานาจโทสะ กําลังรบพุ่งชิงชัย กําลังมีอํานาจโทสะต่อต้านกันเลยล้มหายตาย เฮียนมาก เมือ
สมัยก่อนนั น ใครจะไปเอาไม้แดงทีวัดโพธิ เกา้ ต้นไม่ได้นะ และนํ าสระหลวงพอ่ อาจารย์ธรรมโชติใครจะไป
ตักไม่ได้ เอาไปใส่กา การะเบดิ เลย และอีกดอกจันเก้าตรา ใครเอาไปต้องเอาไปคืน อาตมากเ็ คยไปเอาแตไ่ ม่
คืน เพราะอาตมาพดู กันรู้เรือง จําไว้ แต่นีจะไมเ่ ล่าเรืองดอกจันเก้าตรา
อาจารย์ธรรมโชติ ไม่ได้เป็นอาจารย์อยู่ทวี ัดโพธิ เก้าต้น เป็นพระอยูว่ ัดเขาขึ น อําเภอเดมิ บางนางบวช
ทางบางระจันไปนิมนต์ให้มา มาอย่วู ัดโพธิ เกา้ ต้นมาช่วย ไมใ่ ช่คนบ้านนั น สมภารอชอื าจารย์คง วัดโพธิ เก้า
ต้น อาตมารู้ประวัติ เลยก็ว่าอาจารย์ธรรมโชติเป็นเจ้าของวัดโพธิ เก้าต้นทจี ริงไม่ใช่ อาจารย์ธรรมโชตานทิ ่
เก่งทางฌาน ทา่ นเก่งหลายอยา่ งอะไรทํานองนี โยมจําไว้ตายด้วยอํานาจโทสะ จงึ ต้องเฝ้ าอยู่ตรงนั นนะ เฝ้ า
เฮียน ดดุ ้วยนะ ดุแยกเขียวยิงฟันดว้ย ใครไปเอาของไม่ได้ ตายเลย แต่เดยี วนีทําไมไม่เฮียน
ในเวลากาลต่อมาพระเจ้าอยหู่ ัวเสด็จ สร้างค่ายขึนมาแล้วถวายพระราชกุศล ในหลวงเสด็จมาทั งสี
พระองค์ มีการสร้างตัดลกู นิมิต ถวายพระราชกุศลเลย วิญญาณก็ไปเกิดแล้วจะไปเฮียนได้อย่างไร ทําไม
วิญญาณไม่เฮียนกไ็ ปเกดิ หมดแล้ว
อาจารย์วิโรจน์บอกตรงกันเลย บอกหลวงพ่อผมไมใ่ ช่สัมภเวสี นีคุยกับผีเหน็ กันหลายคนนะ ไม่ใช่
โรคประสาท พระเหน็ กันหมดกําลังทําความสะอาด เป็นทนี ่าสังเกตว่า รู้ว่าเขาเป็นวิญญาณอย่างไร ฟังต่อไป
ตอนทมี านังคกุ เข่า อาตมาไม่รู้หรอกว่าเข้ามาตอนไหน เพราะพระมัวกวาดกัน มาถึงมานั งแล้วเข้ามา
ทางหน้าหอประชุม มากราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ หน นั งแล้วรายงานตัวเลย บอก“กระผมมาจากเชยี งราย
ครับหลวงพ่อจําได้ไหมวิโรจน์ครับ” กใ็ ครจะไปจําได้ นักศึกษาตั งเป็นร้อยๆ จําไม่ไดห้ รอก บอก“จําได้
คลับคล้ายคลับคลา”
“ผมเป็นลูกศษิ ย์หลวงพอ่ ไงล่ะ มานงั เจริญสตปิ ัฏฐานสียังไม่ครบ”
“ทําไมถงึ มาก่อนกําหนดวันเขาละ่ ” เขาจะเข้าวันท๒ี ๑ ตุลาคม นีนา นีเพิงวันท๑ี ๖ ตุลาคม เทา่
นั นเอง
“ผมได้ตายแล้ว!” พระนั งเลยเอาไม้กวาดวางพอได้ยินเสียง“ผมได้ตายแล้ว” ก็นังกนั ก็ดู เอ! ผีก็
ไมใ่ ช่ ทําไมไมใ่ ชผ่ ี โยมอยา่ เข้าใจผิดนะ ถ้าตาโบ๋แล้วมมี อื ใหญๆ่ นะเป็นผีโทรทัศน์ ผีลิเกจําไว้ ผลี ิเกมัน
ออกมาอย่างนี เขาทําให้เราดู ถ้าผจี ริงต้องมาอยา่ งนี เดียวจะเข้าใจผดิ มาอยใู่ นวัดนี ไมต่ ้องกลัวผโีตบา๋ อาตมา
ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผีมั งเหมือนกัน ตาโบ๋ แล้วทําผมยาวๆ มือใหญ่ๆ นั นผีลิเก ใส่หน้ากาแน่นอนทีสุดเลย
ถามได้ความรู้อีกเยอะ และพระก็นังฟังกัน มพี ยานหลักฐานอยู่ครบ พระปริญญาโท ปริญญาตรีเริมสนใจ
แล้ว
อาตมาถามว่า “คุณมาอย่างไร”
“หลวงพอ่ ครับ ผมกราบเรียนถวายว่า ผมตั งใจ มั นใจเลย ผมมาครั งแรกเมือปี ทีแล้ว ผมเจริญ
กรรมฐาน ผมก็ซึ งใจแล้ว แตย่ ังไมไ่ ด้ขั นตอนครบั ตอนนีผมมา๗ วัน๗ คืน อาจารย์สมเดชจะให้ผมเป็น
วิทยากรควบคมุ นักศึกษาและเอาใจใส่เป็นกรณีพิเศษอีกด้วย และผมก็พอดถี ูกรถชนตาย ในวันนี แล้ว ผมก็
รีบมากอ่ น กระเป๋ าทีผมมานีไง ผมเอามาหมด” มีทีใส่นํ ารอ้ น นํ าแข็ง เป้ คล้ายทหาร
อาตมาก็ถามว่า “เอาศพตงั ไว้ยังไง แฟนคุณอยู่ทีไหน” เขาบอกว่า “อย่อู ีกวัดหนึง คนละตําบล คน
ละที ไมไ่ ด้ตั งรวมกัน”
“น่าจะอยู่ทีหีบศพ ทําไมถงึ มาอยู่ตรงน”ี
เขาบอกว่า “ไม่จริง หลวงพ่อไม่จริง อยา่ เชือว่าอยู่ทหี ีบศพ เวลาจะสวดก็บอก เวลาจะกินข้าวก็บอก
ไม่ใช่ทั งนั นแหละ”
“ถ้าอย่างนนั สวดพระอภธิ รรม สวดสงั คหะ ใครจะฟังล่ะคุณ คุณไม่อยูฟ่ ัง”
เขาบอกว่า “หลวงพ่อครบั สวดให้ญาติทีมชี ีวิตอยฟู่ ัง ผมไม่ต้องไปฟังหรอก”
พวกเราจําไว้ เผือจะไปอย่างนั นบ้าง จะอยู่ฟังหรือเปลา่ อันนีเรืองจริง
อาตมาก็ซักไซร้ไลเ่ ลียง ไม่นา่ จะสนเท่หอ์ ะไรแล้ว กม็ ันเป็นกฎแห่งกรรมอันสําคัญ อาตมารู้เรือง
ก่อนแล้ว จึงได้เล่าเรืองให้ อ.สมเดชเขาฟังไว้ก่อน มันมีความหมาย เดยี วจะอา่ นจดหมายให้ฟังอกี มรี ูปถา่ ย
ด้วย
เขาก็รายงานว่า “หลวงพอ่ ครับ จิตวิญญาณนีมันถงึ เลยนะครับ” แล้วเขาก็อธิบาย พระปริญญาโท
นังฟังปากหวอเลย“ผมต้องมาเจริญวิปสั สนาแน่ เพราะผมตั งใจแล้วครับหลวงพ่อ เพราะเวลาใน
โลกมนุษย์มีคา่ เหลือเกิน”
พระปริญญาโทฟัง นังนกึ พโิ ธ่เอ๋ย เรามาบวชเรากไ็ มไ่ ด้ขอกรรมฐาน ผีมันยังมาเจริญกรรมฐานเลย
วันนั นพระปริญญาโท ปริญญาตรีเลยได้อบรมพร้อมกันไปด้วย นับว่ามีประโยชน์ดีเหลือเกิน
อาตมาบอก “สวดพระอภิธรรมน่าจะได้ฟัง จะไดก้ ุศล”
เขาบอก “หลวงพ่อครบั ไม่จริง สวดให้ญาตพิ ีน้องฟังสวดใหค้ นเป็นคนฟัง แตว่ ิญญาณนั นไปสู่
สถานแน่นอน คิดดีก็ไปทางดี คดิ ไมด่ กี ็ไปทางไมด่ ี แตก่ ระผมคิดมาก่อนนานแล้วว่าจะมาเป็ นวิทยากรทนี ี
และตั งใจว่าจะปฏิบัติต่อ เพราะคราวทแี ล้วปฏิบตัิเต็มทีเพียง๒ คืนเท่านั น นอกเหนอื จากนั นวิทยากรมาผสม
มากมายเหลือเกนิ การปฏิบัตกิ ็นอ้ ยลงไป แต่ผมกซ็ งึ ใจแล้ว” เขาว่าอยา่ งนี
“หลวงพ่อครับ กระผมออ่ นใจเหลอื เกนิ หลวงพ่อหาทีพักให้ผมหน่อย พักทีไหน” “หลวงพอ่ ครบั
มีอะไรเรียกใช้ได”้ ขอปวารณาด้วยนะ พระนั งเป็นแถวเลย
“ไปดเู ถอะนะ กุฏขิ ้างโบสถ์ล่องไปทางใต้เลย ทีไหนว่างก็ไป” พระพดู ขึนว่า“หลวงพ่ออย่าให้พัก
กุฏิผมนะ” กย็ งั ไม่แน่ว่าใชผ่ หี รือไม่ แต่พระปริญญาตรีบอกว่า“ผมไม่เชือเลย อาจจะเป็นคนติดยาเสพตดิ
อาจหลอกลวงเรา แล้วขอพักและจะมาลักของเรา” ทา่ นก็คดิ ของทา่ นไกลดี และก็ลองดูก่อน
เขาบอกว่า “ผมขอพักครับอ่อนใจเหลอื เกิน หลวงพอ่ ครับหลวงพอ่ ทราบไหมครับนักศกึ ษาจะมาถงึ
ทีนีเมือไร” อาตมาเอาเอกสารมาดู บอกว่า “ห้าโมงเย็น เขาจะมาทานอาหารเย็นทีน”ี
“หลวงพอ่ เชอื ผมไหม ต้องมาดึก อย่างน้อยต้อง๕ ทุ่มทเี ดียว หรือ ๓ ทมุ่ อาจจะมาไมถ่ ึง”
“เพราะอะไร”
“เชือผมเถอะครับ เขาจะไปดเู ขือน จังหวัดตาก พานักศึกษาไปเป็นร้อยๆคน กว่าจะมาถึงต้องมดื คํา
ครับขอหลวงพ่อกรุณา ได้บอกแม่ครัวด้วย บอกอย่าเพิงทําเลย ทํามืดๆเถอะ กับข้าวรอ้ นๆดี เขาจะได้ทาน
อร่อยๆ” ผยี ังรู้ดกี ว่าเรา“ถ้าทําตอน๕ โมง ข้าวปลาบูดหมด หลวงพอ่ เชือผมเถอะ จะมาดึก เขาจะดูเขือน
จังหวัดตากกันกอ่ น”
เขาบอกต่อว่า “เชือผมอย่างเดยี วหลวงพ่อ ผมแน่นอนกว่าหลวงพ่อ ผมออ่ นใจจัง ผมขอพัก หลวง
พ่อจะให้พักทีไหน” เขาอ่อนใจมาตั งแต่รถชน
โยมจําไว้ รถชนออกมาแล้วยืน เขาฝึกสติของเขา
เขาบอก “หลวงพ่อครับ ถ้าผมไมม่ าฝึกไว้บ้าง ผมคงเลเพเลพาดไปไหนแล้ว ผมตั งใจเตรียมกระเป๋ า
เตรียมเครืองใชไ้ ม้สอยครบ ในระยะ๕ วันทมี าอบรม พอสมควรแล้ว ทีผมมาก่อน เนอื งจากรถชนพร้อมกับ
กัลยาแฟนของผม ทไี ด้ทํางานธุรการทอี ําเภอแล้ว กระผมก็สอบบรจุครูได้แล้วทวี ิทยาลัยครูเชียงรายครบั ผม
ขอพัก หลวงพ่อเรียกผมใชไ้ ด้นะครับ จะให้ทําอะไรก็บอกนะครับ”
“เอ้า! งั นพักตามใจชอบเถอะ กช็ ี กุฏิไป”
เขากก็ ราบ ๓ หน กราบเสร็จแล้ว ก็เอาเป้ สะพายเดินออกไป พระปริญญาโทนอนเลย อาตมาก็ต้อง
นอนบ้าง ดซู ิ เดินลอยไปบนพรมเลย เหนอื พรม๑ นิว ไม่ถึงพืนทีน่าสังเกตคอื ตาควํา แววตาไม่มสี งั เกต
ง่ายๆตาไม่มองตาเรา ยิมแห้ง ก้มมองพืนเรือยเลย พอเดินออกไปแล้วพระเกรียวเลย ออกไปก็ไปหายตรง
วิหารหลวงพ่อโต
วิหารหลวงพ่อโต เมือกอ่ นยังไม่ได้สร้าง เป็นศาลเทวดาทตี ้นพกิ ลุ โค่นเสร็จแล้วมาชวนแม่ชีสวด
มนต์ ต้นสตั บรรณอยู่ตรงนี ยาว๒๐ วา หลวงสมานวนกิจ อดตี อธิบดกี รมป่าไม้ มาทีนีบอก“หลวงพ่อต้นนี
อายุ ๘๐๐ ปี” ยาว ๒๐ วา อาตมาเห็นว่าต้นพิกลุ โค่นล้มไปแล้ว เทวดาหนีไปแล้ว เดยี วเทวดาทีต้นนี หนอี ีกก็
จะโคน่ ทับโบสถ์พังหมด โบสถไ์ ม่พังก็ลงกุฏิอาตมา ไม่กฏุ อิ าตมาก็หอประชุมพัง เลยก็ต้องโค่นเสีย โค่น
แล้วเป็นยังไง โค่นแล้วชาวบ้านก็ขอไม้ไป มีเสียงไปร้องครางทบี ้านเขาต้องเอาไม้มาคืน เป็นทีรู้ทั วไปของ
บ้านนี เทวดาไปเทยี วร้องเลยกต็ ้องปลกู ศาลไว้ให้ อันนีเรืองจริง ทมี ีมาแล้ว มาเดียวนี ก็สร้างเป็นิหวารให้
สมเด็จพฒุ าจารย์โต พรหมรังสี ทา่ พรมนํ ามนต์
ผลสุดท้าย พระก็วิงตามออกไปเปิดกุฏิดหู มดเลย แม่ชีแตกตืนไปเปิ ดดหู มดก็ไม่มี ไม่มกี ระเป๋ า พระ
ปริญญาตรี โท บอกหลวงพ่อรับกรมมฐานทํายังไง ผียังมา ผมมาอยตู่ ั งหลายวันแล้วยังไม่เอาเหนอื ใต้ ผมก็สู้
ผไี มไ่ ด้ ต้องแข่งกับผี เลยก็รับกรรมฐานปฏิบัติ พอพวกเชียงรายมาก็ทําต่อ
ตอ่ มาถึงวันทีนักศึกษา วันที ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๖ พอ ๑๘ นาฬิกา ไฟฟ้ าดับหมดเลยทีอืนไมด่ ับ ดับ
ทีวัดอัมพวันทเี ดยี ว ตอนนั นสุนัขในวัดนีไมม่ เี ลย ไม่รู้มาจากไหน หอนคืนยันรุ่งเลย อาตมากใ็ ห้พระเอา
เทียนไปจุดตามห้องนํ า ห้องส้วม ใช้เทียนไข เพราะไฟฟ้ าไมต่ ิด ไมร่ ู้จะทําอายง่ ไร นักศกึ ษามาถงึ ดึกกว่า
กําหนดการ เสียงรถแป๊ ดๆๆๆ ตรงตามผีบอกเลย เราทายสู้ผีไมไ่ ด้ เมือเข้ามาถึงก็บอกอาบนํ าก่อนเดียวค่อย
ทานข้าว เขาบอก“หิวจังเลย” ถ้าหิวก็กินก่อนเอ้า!
เลยก็รับประทานอาหารก่อน เสร็จแล้วก็ปฐมนิเทศ เพราะว่าพรุ่งนี ร.ต.ท.ชาญ มนูธรรมจะมาตอน
นั นอธิบดีสมพร เทพสิทธาเป็นประธานสภายุวพทุ ธฯ มีคณุ อํานวย อนิ ทรภูติ มหี ลายทา่ น พวกนั นรู้หมดเขา
จะมากัน พอดีตอนเชา้ รับโทรเลขจากจังหวัดแจ้งความให้ทราบว่า .รต.ท.ชาญ มนูธรรมมาไม่ได้ นํ าท่วม
กรุงเทพฯ ต้องไปช่วยราษฎร อธิบกสี มพร เทพสิทธา จึงเป็นประธานแทน
พอทานอาหารเสร็จ อาบนํ าเสร็จอาตมาเรยี กคณะอาจารย์มา มอี าจารย์สมเด็จ มุงเมือง และอาจารย์
หญิงอีก ๓ คน พระปหริญญาโทก็อา่ นบันทึกทีได้บันทึกไว้ใหฟ้ ัง คณะอาจารย์ฟังก็นํ าตาร่วงเลยจริงตามนี
ทุกประการ
อาจารย์สมเดชบอก “หลวงพอ่ ครบั พอเปิดอบรมแล้วผมขอฝากนักศึกษาไว้ ผมจะไปงานฌาปนกิจ
ศพของวิโรจน์ในวันท๒ี ๓ ตุลาคม ๒๕๒๖ เลยก็ใหเ้ อาบันทึกไปพิมพ์แจกวันในงานศพนั นด้วย เรารูเ้ รืองนี
ขึนมาทันทีเลย ไม่ใช่ว่าเขาเล่าให้ฟังก่อนแล้วเราไปเล่าตามเขา มันก็เกิดมหัศจรรย์ ขึ นมาอย่า”งนี
นีแหละญาตโิ ยมทั งหลาย โปรดถามวิทยาลัยครูเชียงราย นอี าตมากบ็ อกเขาไปก่อน บอกไมต่ ายตรง
โน้นจะไปตายทีเขอื น ทําให้คณะอบรมมาอบรมไมไ่ ด้ ถ้ามาจมนํ าตาย เลยรถชนตายเสียมันสะดวกดี และเขา
ได้มาก่อนมาคอยอยทู่ ีนี ก็มีประโยชน์ดี
เลา่ เรืองวิญญาณรายงานตัว เนอื งจากว่า นายวิโรจนเ์ ขาได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมแล้ว สติเขาจงึ ดี
อาตมาก็ถามเขาทเี ขามานี ว่า“ปวดมากไหม” เขาบอกว่า “หลวงพ่อ แวบเดียวผมไมร่ ู้เรืองเลย และผมก็มา
ยืนอยู่อยา่ งนี แหละครับ และไปพดู กับเขาๆกไ็ มพ่ ูดด้วย เขาไมเ่ ห็น” อยา่ ลืมนะคนละภพคนละชาติ อยทู่ ี
ไหนล่ะ อยู่ทีเรานแี หละ ทวี ่างๆนังกันเต็มหมดแหละ จะรู้เหรอมันคนละภพ ไม่ใช่สวรรค์อยู่บนฟ้ า นรกอยู่
ใต้ดิน อาตมาตรวจแล้ว ขุดลงไปแล้ว มีแต่ไส้เดือนกับกิงกือ และถ้าหากว่าสวรรค์อยู่บนฟ้ า เมอื ขึ นเครงือบิน
ไปตา่ งประเทศ อาตมาพยายามดูเมอื ไปเมอื งจีน ดูทางหน้าตา่ ง ถ้าสวรรค์อยูบ่ นฟ้ า เมือเครืองบินจะตกกเ็ รอื ง
เล็ก เราก็อาศัยเทวดานอนสักคืนจะเป็นอะไรไป มันก็ไมม่ ีนี มันมองไมเ่ ห็นนะ
เพราะฉะนั นนรกสวรรค์ก็อยูร่ ่วมกับพวกเรานแี หละ เราไม่ทราบนะ ญาติโยมโปรดจําไว้ดว้ ย
การเจริญวิปัสสนากรรมฐานนีไม่เฉพาะแต่มนุษย์ ผกี ็เจริญได้ ยกตัวอยา่ งแมก่ าหลง มาเจริญ
กรรมฐานทีวัด เดียวนี ยังอยดู่ ้วยนะ เขานึกจากคําว“่า เปรต” เป็น “เทพ” ได้ เป็น“เทพธิดา” ได้ทันที ไมม่ ี
การปฏสิ นธิอยทู่ วี ัดนี
นีเรืองวิญญาณรายงานตัว ทําให้มีพยานหลักฐาน อาตมามีรูปถ่ายดูด้วย ได้ผลเลย ได้สําเร็จญาณ๑๖
เลย ทําไมถึงรู้ว่าสําเร็จญาณ๑๖ เขาได้แสดงออกมาอยา่ งไร ญาตโิ ยมจําไว้ให้ได้ คนทไี ด้โสฬสญาณ ญาณ
๑๖ นี จะต้องเป็นรูปนีเลย จะต้อง...กรรมฐาน ต้องได้จุดนี
และไมใ่ ช่ว่ามนุษย์เราจะมาเจริญกรรมฐานเท่านั น วิญญาณทั งหลายก็มาเจริญกรรมฐานได้ เทพยดา
เจ้าทั งหลายก็มาเจริญกรรมฐานได้
บันทึก เพือให้วิญญาณรายงานตัว เป็นรายงานการค้นคว้าเรืองวิญญาณทีสมบรู ณ์ จึงนําจดหมายและ
บันทึกของบุคคลทีสัมผัสกับเหตกุ ารณ์อันอัศจรรย์นี มาประมวลไว้เป็นหลักฐาน
จดหมายจากอาจารย์
สมเดช มุงเมอื ง
ถึงหลวงพ่อพระครูภาวนาวิสุทธิ
วิทยาลัยครูเชียงราย
อ.เมือง จ.เชียงราย ๕๗๐๐๐
๘ ตลุ าคม ๒๕๓๐
กราบนมัสการ หลวงพ่อทีเคารพอย่างสูง
กระผมมีความยินดีทีหลวงพ่อกรุณาให้กระผมรับใช้เกียวกับการเรียบเรียงประวัติของลูกศิษย์ที
เสียชีวิต ซึงเป็นเรืองทีกระผมยังจําได้ดี เนืองจากมีอัศจรรย์หลายเรืองอย่างทีหลวงพอ่ ได้กลา่ วไเวรือ้ งราว
เกิดขึ นด ั งนี
กระผมกําหนดจะจัดให้มีการอบรมจิตใจของผู้นํานักศึกษาวิทยาลัยครูเชียงราย ในนามของยวุ พุทธิก
สมาคมแห่งชาติ ระหว่างวันท๒ี ๑-๒๕ ตุลาคม ๒๕๒๖ รายละเอยี ดปรากฎตามเอกสารประกอบการอบรม
ทสี ่งมาด้วย
การอบรมครั งนีกระผมได้เชิญนายวิโรจน์ ปัญจบุรี มาเป็นวิทยากรควบคมุ ดูแลค่ายพัฒนาจิตใจ
เนืองจากนายวิโรจน์ เคยมาอบรมทวี ัดอมั พวันแล้ว เมอื เดือนตุลาคม๒๕๒๕ และสําเร็จการศกึ ษาปริญญา
ตรีสาขาพลศกึ ษาจากวิทยาลัยครูเชียงรายในปีนั น สอบเข้ารับราชการครูได้แต่ยังไมบ่ รรจุ วโิ รจน์เลอื มใส
ศรัทธาหลวงพ่อเป็นอย่างยิง เมอื พบกับกระผมทุกครั งจะกล่าวถงึ หลวงพ่อเสมอ
เมอื ผมเชญิ เขามาช่วยงานอบรมดังกล่าว เขากม็ ีความยินดีมากทีจะได้ร่วมงานและได้มานมัสการ
หลวงพ่อ ดังจดหมายทีเขาเขียนถึงผมกอ่ นสิ นชีวิต
กําหนดเดินทางจากวิทยาลัยครูเชียงราย วันท๒ี ๑ ตุลาคม ๒๕๒๖ แต่วิโรจน์กับแฟนสาวเสียชีวิต
ถกู รถชนเมือวันที๑๖ ตลุ าคม ๒๕๒๖ คืนทอี อกเดินทางจึงพานักศึกษาแวะเคารพศพทบี ้านในเขตเทศบาล
เมืองพะเยา (แฟนสาวของวิโรจน์ชอื นางสาวกัลยา พลู สวัสดิ ก็เสียชีวิตในวันท๑ี๗ ตลุ าคม ๒๕๒๖ ตังศพที
บ้านในเขตเทศบาลเมืองพะเยา)
การเดินทางในวันนั นมฝี นตกหนักช่วงก่อนถึงจังหวัดสิงห์บรุ ี พอมาถึงทีวัดเวลาประมาณสองทุ่ม
ไฟฟ้ าทีวัดดับมดื นักศกึ ษาทีเดินทางมาต่างก็เสียใจไปตามๆกัน เมือกระผมมากราบนมัสการหลวงพอ่ และ
กราบเรียนเรืองวิโรจนก์ ับแฟนสาวเสียชีวิต หลวงพ่อได้บอกว่าวิโรจน์ได้มาลว่ งหน้าแล้ว มาทกี ฏุ, อิ บุ าสก
อบุ าสิกาทีอยู่ ณ ทีนั นตา่ งก็เห็น เป็นเรืองอัศจรรย์เรืองแรก
เมือกระผมกลับไปเผาศพของทั งสองคนในวันท๒ี ๓ ตุลาคม ๒๕๒๖ เจ้าภาพได้ฝากเงนิ มาถวายวัด
อัมพวัน๕๐๐ บาท เหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึนอีกในคืนวันที๒๔ ตุลาคม เวลาประมาณ เทยี งคืน ขณะที
หลวงพ่อกําลังกล่าวปัจฉิมนิเทศปิ ดการอบรมและอนุโมทนาแผ่กุศลแกภ่ ูติผปี ีศาจเจ้ากรรมนายเวรและผู้มี
พระคุณ ขณะนั นกม็ ีเสียงหมาหอน คาดว่าจะห่างจากวัดมาก และเสียงหอนของหมาก็ดังขึ นเรือยๆ ใกล้เข้า
มาเรือยๆ ในทสี ุดหมากห็ อนรอบอาคารหอประชุม หลวงพอ่ กล่าวว่า “บัดนี ภตู ิผีปีศาจทังหลายได้มารับส่วน
บญุ ส่วนกุศลแล้ว เขามาอย่รู อบๆหอประชุม วิโรจน์กม็ าด้วย เขายืนอยู่ข้างหลังประตู” เสียงหมาหอนดังมาก
ไมม่ ีใครกล้าหันไปดทู ั งทีประตหู รือหน้าต่าง เมือหลวงพ่อบอกว่า“บัดนีภตู ิผีปีศาจเขากลับไปกันหมดแล้”ว
บัดนั นเสียงหมาหอนก็เงียบลงทันทีราวกับปิดเครืองเสียง บรรยากาศจงึ มีแต่ความเงยี บ เหตกุ ารณ์อัศจรรย์
เช่นนีกระผมไม่เคยพบมาก่อน จึงจําได้ดี
พูดถงึ อบุ ัติเหตทุ ีทําให้วิโรจนก์ ับกัลยาต้องเสียชีวิตในคืนวัน๑ท๖ี ตุลาคม ๒๕๒๖ หลังจากทีทัง
สองคนไปดูการแข่งขันบาสเก็ตบอลทีโรงเรียนแห่งหนึง แล้วก็ขมี อเตอร์ไซคไ์ ปตามถนนซูเปอร์ไฮเวย์ ซึง
ถนนสายนีมีอยู่ช่วงหนึงเป็นป่ าละเมาะเปลียวและเป็นเนินเขา วโิ รจนเ์ คยบอกน้องๆว่า กลางคืนอยา่ ผา่ น
บริเวณนี ไม่ปลอดภัย แต่วิโรจนก์ ับกัลยาต้องมาเสียชีวิตทีบริเวณนี เนืองจากถกู รถยนต์เป็นรถปิคอั พชน
ด้านหลัง คนขับรถปิคอั พเมาสุรา พวกนีก็ดืมเพือฉลองสอบไล่เสร็จ เป็นอาจารย์วิทยาลัยเทคนิคพะเยา แต่ไป
เรียนในโครงการอบรมครูประจําการทวี ิทยาลัยครูเชียงราย คนขับไม่ใช่เจ้าของรถ เจ้าของรถเป็นลูกศิษย์ของ
กระผมเหมือนกัน บ้านอยู่อําเภอแม่ใจบ้านเดียวกับกระผม เรืองรถปิคอั พคันนีกแ็ ปลก คณุ พ่อของลกู ศิษย์ที
เป็นเจ้าของรถคันนี ถูกฆา่ ตายแล้วเผาพร้อมกับรถคันนีในเดอื นเมษายน๒๕๒๘ คุณแม่กินยาฆ่าตัวตาย
เนืองจากกลัวความผิดทีจะพาดพิงมาถงึ อันนีเป็นเรืองของเจ้าของรถปิคอั พทีชนวิโรจน์และกัลยาตาย รถนคั
นีก็ถูกเผาทิงไปแล้ว เป็นเรืองเกียวกับชู้สาวไมเ่ กียวกับการตายของวิโรจน์กับกัลยา แตก่ ไ็ ม่ทราบว่าีกมรรมที
เกียวเนอื งกันหรือไม่
การตายของวิโรจนก์ ับกัลยา หลวงพ่อเคยบอกผมในวันทีเดินทางมาถงึ วัดอัมพวัน(๒๑ ตุลาคม
๒๕๒๖) ว่าทีจริงแล้ววิโรจนก์ ับกัลยาต้องตายในวันนี คือวันเดินทาง การตายอาจจะจมนํ าทีจังหวัดตาก ซึง
วันนั นกระผมได้พานักศึกษาแวะชมเขือนภมู ิพลด้วย และจะต้องยุ่งอยู่กับเรืองศพ การอบรมทีจะเดปิ
วันรุ่งขึ นก็จะมีปัญหา แต่ด้วยเหตทุ วี ิโรจนก์ ับกัลยาเป็นคนดีไมท่ ําความเดือดร้อนให้กับใคร รวมทั งกรมะผ
ด้วย ทั งสองคนเสียชีวิตก่อนการเดินทาง อันนี เป็นการบอกเล่าของหลวงพอ่ ในตอนนั น
กระผมได้เล่าเรืองราวทั งหมดทีเกิดขึ นคอ่ นข้างยาวแต่ก็คิดว่าจะเป็นประโยชน์ตอ่ การเรียบเรียงของหลวง
พ่อและเป็นอุทาหรณแ์ ก่อนุชนรุ่นหลังตอ่ ไป รายละเอยี ดอืนๆปรากฏในหนังสือทั งสองเล่มทีกระผมส่งมา
พร้อมกันนี
จึงกราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูง ขอกราบอาราธนาคณุ พระศรีรตั นตรัย ได้โปรดดล
บันดาลให้หลวงพ่อมีพลานามัยสมบูรณ์เป็ นทีพึงของสรรพสตั ว์ทั งหลายตลอดไป
นมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงยิง
(นายสมเดช มุงเมือง)
จดหมายจากวิโรจน์ถึงอาจารย์สมเดช มุงเมือง
๙๑/๑ ประตชู ัย
๑๒ ต.ค. ๒๖
อาจารย์สมเดชทเี คารพรกั
ผมขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างมากทีให้การต้อนรับอย่างอบอุน่ ซึงครั งแรกผมคิดว่าการ
กลับมาวิทยาลัยอกี ครั งหลังจากทจี บไปแล้ว คงจะทําให้หลายสิงหลายอยา่ งเปลียนแปลง แต่การมาเทียวของ
ผมครั งทีผา่ นมา ผมมีความรูส้ ึกว่าผมยังเป็นส่วนหนึงของวิทยาลัยครูเชียงรายแห่งนี ความผูกพันหลายสิง
หลายอย่างทีผมมตี อ่ มหาวิทยาลัยครูเชียงรายยังฝังแน่นในใจผม และผมหวังไว้ว่าวันสถาปนาปีต่อๆไป ผม
จะมาอีก และคงได้รับความอบอุน่ ในฐานะศิษย์เก่าของทนี ีอีก(หวังเป็นอย่างยิง)
สําหรับเรืองไปสิงห์บุรี ผมอยากไปมาก ขณะนีผมยังไมไ่ ด้ขอพ่อ คิดว่าใกล้จะไปอีกนิดผมจะขอ
ทา่ นดู ระยะนีผมก็พยายามเร่งอา่ นหนังสือสอบม.ส.ธ. ให้ทัน ถ้าทันทา่ นคงไมข่ ัดข้อง ผมจะต้องกลับมา
สอบวันที๒๙-๓๐ ตุลานี ผมคิดว่าไปชดุ นี คือ เส่ง ทีอู๋ มาโนช ขวัญยืน นพดล อาจารย์และผมคงม่วน
แน่นอนแต่ละคนเหลือร้ายทั งนั นผมอยากไปทีสุดเลย
ผมจะนัดหมายอาจารย์มาอีกทีนะครับ เรืองกําหนดการไป ซึงยังไม่แน่ไว้ขอพอ่ ก่อน
ฝากความระลึกถึงมายังเส่ง ขวัญยืนด้วยนะครับ
ด้วยความรักและคิดถึง
วิโรจน์ ปัญจบุรี
ลีลาชีวิต ความรัก และวาระสุดท้ายของชีวิต๑
จากการสังเกตการดําเนนิ ชีวิตของวิโรจน์ ในช่วงทีศึกษาอยูใ่ นวิทยาลัยครูเชียงราย และหลังจาก
สาํ เร็จการศึกษาแล้ว วิโรจน์มีลลี าชีวติ ทีเรียบง่าย แจ่มใส ร่าเริงอยู่เสมอ ไม่เคยมเี รืองเดอื ดเนือร้อนใจใดๆ
ไมเ่ คยเสพสิงเสพติดให้โทษและของมนึ เมา ไม่ลุ่มหลงอบายมุข ไมเ่ คยทําให้พ่อแม่เดือดร้อนเป็นทุกข์ เป็นผู้
มมี นุษยสัมพันธ์ดี เป็นกัลยาณมิตรต่อทุกคนทีคบหา มีความกตัญ ูกตเวทตี ่อพ่อแม่ รักพีน้อง เคารพนอบ
น้อม สุภาพตอ่ ครูบาอาจารย์ มนี ิสัยรักเด็ก รักความกา้ วหน้า ใฝ่ รู้ มบี ุคลิกภาพเหมาะสมกับความเป็นครูอยง่า
ยิง
ในด้านความรกั
วิโรจน์เคยเล่าให้ฟังว่า รักและสนิทสนมกับกัลยา พูลสวัสดิ มาตั งแตค่ รั งยังเรียนชั นมัธยมศกึ ษา แม้
แยกย้ายกันไปเรียนทีตา่ งจังหวดั ทั งคกู่ ็ยังมคี วามสมั พันธ์กันด้วยดมี าตลอด จนวาระสุดท้าย ทั งคู่จบชีวิต
พร้อมกันด้วยประสบอุบัติเหตุ ยังความโศกเศร้าเสียใจอยา่ งสุดซึ งแก่พ่อแม่ พีน้อง ครูอาจารย์ เพือนฝงูลแะ
ญาตสิ นทิ ใครจะคดิ ว่าวิโรจน์ผู้เป็นกัลยาณมิตรจะจากโลกนี ไปรวดเร็วอยา่ งนี
๑ จากหนงั สืออนุสรณ์งานฌาปนกิจศพ วิโรจน์-กลั ยา เชียงราย ๒๓ ตุลาคม ๒๕๒๖
ภาพนิมิตทีสวนสามพราน
พระครูภาวนาวิสุทธิ
๙ ธ.ค. ๓๐
อาตมาจะชีแจงเกียวกับภาพนิมิตแก่ญาติโยม ผู้ใคร่ธรรมสัมมาปฏิบัติในทีประชุมนี วภ่า าพนิมิตนี มี
ความจริงอย่างไร
คําว่าภาพนิมิต มี ๒ ประการ
๑. นิมติ ทแี สดงออกเป็นอนิจจัง ทกุ ขัง อนัตตาให้เห็นเราเป็นภาพลวง
๒. ภาพแสดงธรรม ปริศนาธรรม จะเหน็ ิมิตรูปสวยงามหรือจะเป็นภูเขาลําเนาไพร ในเรืองญาณวิถกี ็
ตาม แต่ถ้าเรามีสติครบ ผ่านโสฬสญาณไปได้แล้ว หรือรวบรวมสติไว้มาก ถ้าเรามีจิตสงบในตอนใด สติเราดี
ครบ ญาณ คอื ญาณํ ความรู้เกิดปัญญารอบรู้ในเหตุผล เกิดขึ นในดวงหทัยแล้วจะเห็นนิมิตเรืองจริงเกิดขึ นได้
อย่างคําว่าเหน็ หนอๆๆ นีน่ะ มีประโยชน์มาก อย่าคดิ ว่าเป็นเรืองเหลวไหล จะเหน็ อะไรก็ตั งสตไิ ว้
จนกว่าเราจะได้มตขิ องชีวิตว่า เป็นปัจจัตตัง มคี วามรู้ในปัญญาแล้ว เราเหน็ อะไรปัญญาจะบอกเอง
แต่การฝึกเบืองต้นนีต้องฝึกกันไปเรือยไป ถึงญาติโยมกลับไปบ้าน ไปยังเคหะสถาน หรือจะ
ประกอบการงานของโยมก็ไม่ต้องใช้เวลาว่าง ใช้งานนันแหละเป็ นกรรมฐาน รูป รส เสียง กลิน รส
โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ขันธ์๕ รูปนามเป็นอารมณ์ ทุกขณะจติ ทีมันคิดอะไร มันจะเกิดขึ นเป็นการสะสมนีมี
ประโยชนม์ าก
ถ้าเราไปเหน็ ไม่ได้สนใจดนู ะ ไมไ่ ด้เห็นหนอ ไม่สนใจดู สนใจฟัง, และเราก็ดูเรือยๆไปเหมอื นคน
ธรรมดา การทํางานนีมันก็เรืองธรรมดาๆ ถ้าเราสาํ รวมจิตใช้สติเสียหนอ่ ย ไม่ต้องไปเพง่ เรากําหนดธรรมดา
นีเอง เห็นหนอนี โยมเดินมาอยา่ งนีเป็นต้น ถ้าสตเิ ราดรี งบรวมไว้ได้ สมาธิดใี นการเหน็ รับรองมีนิมิตเลย
นิมิตอย่างไร นิมติ แปลว่าเครืองหมาย
บางทีเราทํางานทั งมือทั งเท้า ขอประทานโทษ มันกต็ ้องหยิบเคลอื นไหวอยู่ตลอดเวลา คือ รูปหยิบก็
ต้องกําหนด อยากหยิบหนอ คําว่า“อยาก” คือเจตสิกอันสําคัญ มีความหมาย ถ้าเรากําหนดจนเชียวชาญแล้ว
พอจะยกมือมันจะบอกเลยนะ“อยาก” มันเกิดเองโดยอัตโนมัต“ิ หยิบหนอ” หยิบอะไร “หยบิ แก้วนํ าชา”
และ”มาหนอๆ-ดมื หนอ-กลืนหนอ” โอ้โฮ“ร้อนหนอๆ”มันก็บอกไปตามสภาวะของมัน มันเป็น
ธรรมชาติของมัน นํ ามันก็เย็นไปตามนํ า ไฟก็ร้อนไปตามไฟ โดยธรรมชาติ นรี าคาแพง
จะเล่าถึงภาพนิมติ ของนายชาญศิลป์ ยวุ บูรณ์ บุตรชายของคุณชํานาญ กับคุณหญงิ วลี ยวุ บูรณ์ ซึง
ปรากฏชัดแก่อาตมาทีสวนสามพราน แต่อาตมาไม่ได้เล่าให้เขาฟัง ไม่กล้าเลา่ ในวันนั น อาตมารู้แล้วเพราะ
อะไร ขอให้ญาติโยมโปรดทราบ ทวี ่าตัดปลิโพธกังวล ไมไ่ ปสนใจกับใครน่ะถกู แล้ว สติจะได้มารวบรวมอยู่
ทีจติ เรา ก็ดูชีวิตของเราอย่างนีกฎแห่งกรรมจะบอกทุกระยะ เขาบอกเราทุกคนเลย แต่เราไม่สนใจตัวเองนะ
โยมไปสนใจขา้ งนอก กําลังย่งุ อยกู่ ับงานเขยี นหนังสือบ้าง หยิบโน่น หยบิ นีบ้าง ไมไ่ ด้กําหนดเลย ตัวเราจะ
เกิดอะไรในชั วโมงนี ไมร่ ูข้ อฝากไว้ด้วย ถ้าโยมมานั งเงยี บๆสงบ มันจะเกิดขึ นทันที ถ้าเราได้อัตโตนิ เมราั
สะสมหน่วยกิตใช้ชีวิตผู้มสี ติตลอดเวลาแล้ว กําลังทํางานสตจิ ะบอกทุกระยะ อยา่ ท-ําอยา่ หยิบ-ไม่ควร-ควร
สติจะบอก-บอกละเอียดด้วยนะ แหม! มีประโยชน์เหลือเกิน แต่เรามองไม่เหน็ กันขณะนี ขอใหท้ ําโดย
ต่อเนอื ง
บางคนบอกหลวงพอ่ เจ้าขา“ดิฉันไม่มีเวลาว่างปฏิบัต”ิ บอก “ไปทําอะไร” “ทํางาน” “งานนัน
แหละปฏิบัติละ” หยบิ อะไรก็กําหนดซิ หเู ราต้องใช้ทุกวันนี เราต้องใช้ทุกวัน กรรมฐานทหี“เู สียงหนอ” ถ้า
มคี นมาพูดให้เราฟังมากๆ หลายรส หลายเรือง นั นแหละกรรมฐาน ตั งสติไว“้ เสียงหนอๆ” เดียวจะรู้อะไร
แปลกๆนีมันอยู่ตรงนีนะ
ภาพนิมิตแห่งกศุ ล นิมิตแปลว่าเครืองหมาย นิสยั แปลว่าแบบอย่าง อาตมาจะพดู เรือง“ภาพนิมิต”
เครืองหมายของคนนั น ทีเราสนใจกับเขา เหมือนอย่างเราอยูร่ ่วมกัน เราไมส่ นใจกันก็ไม่เกดิ ประโยชน์ มันก็
ไมร่ ู้เรืองกัน ก็คนบ้านใกล้ชิดติดกัน ไมส่ นใจกันไม่รู้เรืองหรอก บ้านตดิ กันแท้ๆยังไสมน่ ใจกัน นีแบบนี
เหมือนเราไม่สนใจกับตัวของเรา จะรู้เรืองตัวของเราหรือเรามัวไปสนใจเรืองคนอนื เขา
พระพทุ ธเจ้าสอนอย่างนี ให้วัดตัวเรา วัดกาย วัดวาจา วัดใจ ทุกขณะจิต อย่างทีเดินจงกรมนีเป็น
แบบฝึกหัดเพือให้ได้อาวุธคอื ปัญญา อาวุธสาํ คัญมาก คือ ปัญญาเท่านั น
เราไปสนใจกับงาน เราเลยไมร่ ู้ตัวเราไม่ได้สนใจกับตัวเราเลย ถ้าเรามสี ติครบนะ ทํางานก็กาํ หนด
ไปด้วยเขียนหนังสือก็ใช้สติเขียน หนังสือกจ็ ะดีด้วย แล้วจะเกิดปัญญาในการเขียน นีกรรมฐาน อันนีเป็น
แบบฝึกหัดให้เกิดวาระจิต และจะได้มีสติไปปฏิบัติงาน ในเมอื โยมปฏิบัติงานจมะปี ระสบการณท์ ันที
เหมือนโยมมาเรียนวิชาแพทย์ทีหอประชุมนี แล้วออกไปปฏิบัติงานต้องรักษา จะได้รู้ว่าโรคเป็นอย่างไร รู้
ตอนประสบการณ์นะ ถ้าไม่มปี ระสบการณ์ ญาติโยมจะไม่รู้อะไรนะ
อันนี ภาพนิมิตสําคัญมาก บางทโี ยมเกดิ สนใจกับตัวโยมขึนมา ทํางานด้วย สนใจกําหนดไปด้วย
รับรองรู้เลย จะบอกกฎแหง่ กรรมทุกระยะ
ในเมือเป็นเช่นนี นิมติ เช่น เหน็ หนอ ถ้าเราเกิดสนใจตัวเขา เขาจะต้องสนใจกับเรา เดียวเราจะรู้นิมิต
คนนี เป็นอย่างไร เครืองหมายคนนีเป็นอยา่ งไร เหน็ หนอๆ นิมิตบอกแล้ว“ตาย” ลองดนู ะเกิดได้ นีเรามีสติ
ดีดูแล้วรู้สภาวะมันจะเกิดขึ นทันที
เช่นคณุ นายละม้ายเป็นต้น อ่านหนงั สือไม่ออกเลย ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ทําไม่ได้ เปลียนซ้าย
เป็นขวาไปหมด พองหนอ ยุบหนอ ก็ทําไม่ได้ ทํายังไงก็สอนไม่ได้เลย ก็ต้อนแนะกันใหม่ เอาอารมณ์ใหม่
สวดพุทธคุณเท่าอายุเถอะ ให้เกินกว่าหนึง พอสติถึงขันเดินจงกรมได้เองเลย ทีเคยสอนแล้วทําไม่ได้กลบั ทํา
ได้หมดเลย พองหนอยุบหนอ คล่องแคล่ว ก็เป็นไปได้ เพราะสวดพุทธคุณเท่าอายุเกินหนึงเข้าสติดี และ
สามารถรู้ วาระจิต และเขาสนใจสามขี องเขา สนใจไปสนใจมา รู้เลย จะไปบ้านใคร เอาเงินไปให้ผู้หญิงที
ไหน บอกได้ใครย้อนกลบั มาบอก คือสติตัวเดียวนีเกิดประโยชน์อย่างนี ขอให้ทําจริงๆนะ ได้ผลแน่
เลา่ เรืองเหตุการณืในครั งนั นให้ฟังว่า สมัยก่อนนานมาแล้ว เมือ.พศ. ๒๕๑๘ เป็นเวลา ๑๘ ปีมาแล้ว
เรืองภาพนิมิตทสี วนสามพราน
ทีสวนสามพรานโน้น คุณหญงิ วลี กับ คุณชํานาญ ยุวบรู ณ์ พร้อมด้วยนายอําเภอพระนครตอนนั น
นายเกษ ดีฤกษ์กับคุณนายขันทอง มาอาราธนาอาตมาให้ไปแสดงธรรมทสี วนสามพราน ในวันท๓ี มกราคม
๒๕๑๘ เวลาสองทุ่ม เรืองความสามัคคี ให้เจ้าหน้าทีสวนสามพรานฟัง เพราะไม่ค่อยจะสามัคคีกัน งานการก็
เหลาะแหละไม่สามัคคี อาราธนาหลวงพอ่ พูดเรืองสามัคคใี ห้จงได้ อาตมาก็รับนมิ นตแ์ ละขออาราธนาว่าให้
ไปอยู่สกั สองคนื พาลูกศิษย์ไปเทียวทสี วนสามพรานด้วย
อาตมาก็ชวนลูกศิษย์ไปเยอะแยะ เอารถปิ คอัพบรรทุกกันไป๒ คัน เตรียมมุ้งทนี อนไปค้างเสร็จ ใน
วันที๓ มกราคม ๒๕๑๘ จะกลับในวันท๔ี มกราคม ๒๕๑๘ ตอนบา่ ย จะค้างสกั คนื เดียว
อาตมาก็เดินทางไปถงึ สวนสามพรานในวันที๓ มกราคม ๒๕๑๘ ประมาณบ่าย ๔ โมง เมอื ถึงแล้ว คุณหญิง
วลี มาต้อนรับ ให้ลกู ศิษย์พักเรือนทรงไทยแฝดสองหลัง อาตมาพักหลังหนึง ห้องนํ ามีบริการพร้อม ลูกศิษย์
เตรียมขนของขึ นจากรถไว้ทีบ้านทรงไทย และกางมุ้งกันเรียบร้อยแล้ว
อีกสักครู่หนึงประมาณ๕ โมงเยน็ คณุ ชํานาญ ยุวบรู ณ์ กับคุณหญงิ วลี พร้อมด้วยคุณทองเจอื เป็น
น้องสาวของคุณหญงิ พร้อมกับบตุ รธิดา ได้มาคยุ กับอาตมาทบี ้านทรงไทยหลังนั น โดยเฉพาะอย่างยิงลูก
ชายของคุณชํานาญ ยุวบรู ณ์ ชือ นายชาญศลิ ป์ ยวุ บูรณ์ ทีเรียกตามชอื เล่นว่า“เปาะ” มพี ชี ายคนหนึงชือนาย
โจ ชือจริงว่า ธนิต ยุวบูรณ์ นายเปาะเพิงกลับมาจากต่างประเทศ
เมอื กอ่ นนี เขาไปเรียนหนังสือทีกรุงวอชงิ ตัน เพิงงกลับมาเยียมบ้าน เมือวัน๒ที ๓ ธันวาคม ๒๕๑๗
ซึงเป็นเวลาปิ ดภาคเรียนและในโอกาสทีพีชาย ชือแป๊ ะ จะเข้าสู่พิธีมงคลสมรสในวันท๕ี มกราคม ๒๕๑๘
พอดีในวันที๓ มกราคม ๒๕๑๘ อาตมาไปแสดงธรรมทีสวนสามพราน เขาก็มาคุยกัน ล้อมวงหมดเลยนะ ก็
มคี ุณชํานาญ ยวุ บูรณ์ คุณหญงวลี คุณทองเจือ พรอ้ มด้วยคุณโจ คณุ เปาะ คุณเปาะก็เล่าว่าจะมาแต่งงาน พีชาย
ชือแป๊ ะก็รออยู่ แล้วจะไปเรียนต่อทีเมืองนอกต่อไป
เปาะได้ไปเรียนทีประเทศองั กฤษเมืออายุ ๑๑ ปี เป็นคนเรียนเก่งมาก นิสัยดี บุคลิกลักษณะโหงวเฮ้ง
ดมี าก ดีทุกอย่าง เมือคุยไปคยุ มา ลูกศิษย์อาตมาก็พักกันเรียบร้อย ก็ออกเดินเทียวสวนสามพรานกัน
อาตมาก็นั งคุยและถามนายชาญศิลป์ เขากเ็ ล่าประวัติไปเรียนตา่ งประเทศ
“ผมไมเ่ คยไปทําบุญเลย เพราะไปเรยี นหนังสือตั งแต่เลก็ ๆ” ตั งแต่ชั นอนุบาล อยู่โรงเรียนฝรัง
ตลอด ศาสนาอืน ไมใ่ ช่ศาสนาพุทธ
ดทู ่าทีมารยาทและโหงวเฮ้งทหี น้าว่ามีการศึกษาสูง คนนีมีดวงการศึกษาสูง ต้องได้ปริญญาเอก
เหมือนพอ่ ของเขาแน่นอน กน็ ึกไว้ในใจ ดูไปเรือยๆเห็นหนอๆๆๆ ประมาณ๑๘ นาฬิกาตรง มืดแล้วก็ยังคุย
ถึงเรืองการศกึ ษา อาตมาก็คุยถึงแนวการศึกษาเล่าสู่ให้เขาฟัง เขาเกิดซึ งใจ เกิดติดใจ เกดิ พอใจ และชอบใจ
ถามว่า
“หลวงพ่อ วันนี เทศน์เรืองอะไร”
“เทศน์เรืองความสามัคคี คุณแม่นิมนต์อาตมาเทศน์เรืองสามัคคีนะ”
“แหม! ผมไม่เคยคุยกับพระเลยนะครับ ผมไปเรียนต่างประเทศอยู่โรงเรียนฝรังตลอด นสิ ัยผมไม่
ตดิ ฝรังหรอก แต่ผมกไ็ มเ่ คยไปฟังเทศน์ทีไหน ยังไมเ่ คยฟังมาแต่ก่อนเลย เป็นครั งแรกวันนีจะต้องขอฟ”ัง
อาตมากด็ ูโฉมหน้า เห็นหนอๆๆ จติ มันก็แวบขึ นศีรษะอาตมา เกิดเป็นแสงทหี น้าเขา นีเห็นหนอๆ
เพราะสติเราดีขึ นแล้วเกิดนิมิตภาพซ้อนขึนมาว่าศีรษะเขาหายไปไหน เห็นหนอ เดียวศีรษะหายไป เดียว
ศีรษะมาติด เอ๊ะรูปร่างไม่ใช่นายเปาะ กลายเป็ นหน้าใหม่ พอเห็นหนอๆภาพหายไปเลย
สักประเดียวปรากฏรูปร่างสวยมาก ผิดปกตทิ ันที เอ๊ะยังไงภาพซ้อนภาพ หรือประสาทเราจะไม่ดี ก็
ตั งสติไว้ สติเราเป็นอยา่ งไร ทําไมเห็นอย่างนี ไม่เคยเห็น ตั งแตม่ มี าไม่เป็นอย่างนี เห็นหนอๆเดียวมภี าพ
ซ้อนภาพขึนมาทันทีบนศีรษะ ก็มาพูดกับคุณหญงิ วลีทันที ใส่ชฎา ถอื พระขรรค์มากนั เยอะ มีพานดอกไม้
ธูปเทยี น คล้ายๆเทียนแพทีเราทาํ กัน พูดว่า
“คณุ หญงิ ๆ วันนี มาขอลูกคืนนะ ลูกของเรากลับมาแลว้หมดเวลา เราจะขอคืน ขอคืนเวลาตี ๑ คืน
วันน”ี
อาตมาเหน็ หนอๆ ก็ดหู น้า เคยเห็นหน้าทีไหน ตาคนนี หน้าสีทอง ตาสีฟ้ า ประกายวับจับตาเรา และ
พูดมาอีกครั งว่า
“คุณหญิง ลูกของเรานะ มีบุญวาสนา กม็ าช่วยส่งเสริมเจ้าพอสมควรแก่เวลา๒๐ กาลฝนแล้ว”
ท่านพูดอย่างนี
“เราจะมารับของเราไปในวันนี เวลาต๑ี ” และชีมาอีกคนทีเป็นร้อยตํารวจโท“เจ้าคนนีเอาไว้ก่อน
เอาไปทีหลัง” ว่าแล้วมิทันช้าก็มานมัสการอาตมาและยิมหายวับไปกับตา
ภาพซ้อนของชาญศิลป์ กลับแวบหายไปเป็นคนเดิม ผมโป่ งผมยาวเหมอื นผู้หญิง แตค่ ุณหญงิ มัวคุย
กับอาตมา สงสยั ไมไ่ ด้ยนิ คณุ หญิงไม่ได้สนใจกับเทวดา ถึงจะเป็นภาพเทวดาหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ นีเล่านิมติ
ให้ทราบดังนี
อาตมาก็ย้อนกลับมาในใจว่า ชาญศิลป์ จะต้องตายจากโลกนี เวลาต๑ี คืนนีแน่นอนทีสุด นเี ห็น
หนอๆ และเกิดสนใจนิมิตเครืองหมาย แตเ่ ขาไมใ่ ชเ่ ป็นคนมาจากนรก คนมีบญุ วาสนาสูง
เหมือนอย่างหลวงบุเรศบํารุงการมานอนทีวัดอมั พวัน เทวดามาขอรับฝัน๓ คืนติดๆกนั อาตมายงั ทํา
นิทรรศการทีห้องในวัด ใครอย่ามาลบห้องนีไม่ได้ ยังมีติดตัวอักษรไว้ เทวดามาขอรับคล้ายกันบอกว่า“คณุ
หลวงไปด้วยกันเถอะ คราวนีน่ะ ไปคราวหน้าไม่มเี กียรต”ิ คณุ หลวงมาปรึกษาอาตมา อาตมาก็คิดว่าตรงกัน
แล้ว ยังงีต้องไปภายใน๑ เดือน เขามาเชิญ
นีคล้ายกันกบั พ่อไชยฺ กรินชัย ทีนครราชสีมา อันเดียวกนั เลย อาตมาคยุ และให้ขนมเปี ยะไปวันนนั
โอนี เหน็ ไหมนี!
คนมีบญุ วาสนา
อาตมาก็บันทึกในใจไว้ว่า อ๋อ ลกู คุณหญงิ วลี เป็นคนมบี ญุ วาสนา และใหม้ าอยู่กบั คุณหญงิ ๒๐ ปี
แล้วมารับคืนกลับมาส่งเสริมให้ครอบครัวยุวบูรณ์นี เจริญรุ่งเรืองตลอดมา หมดเวลาแล้วต้องเอาลูกคืน
อาตมาเหน็ นีจะเป็นความจริงประการใด แต่คุณหญงิ ก็อยู่นัน อาตมาว่าคณุ หญงิ คงไมไ่ ด้ยิน มายืน
อยบู่ นศีรษะลอยอยู่บนเช่นนี เป็ นภาพนิมิตและเป็นความจริงไม่ได้หลอกลวง เป็นอนิจจัง ทกุ ขัง อนัตตา
แน่นอน อาตมากําหนดอย่างไรก็เป็นอย่างนั น และได้ยินเสียงประหลาดดังอยา่ งนั น
และวันนีเป็นโชคดีของนายชาญศลิ ป์ กับนายธนิต ยวุ บรู ณท์ ีจะได้ฟังเทศน์ อาตมาเห็นภาพนิมติ หาย
เป็นภาพนายชาญศลิ ป์ กค็ ุยถามปัญหาว่า หลวงพอ่ ครับพทุ ธศานา มคี วามสําคัญอย่างไร อาตมากเ็ ล่าสู่กันฟัง
พอหมดเวลาเพราะหนึงทุ่มครึ งแล้ว และจะต้องเดินทางไปหอประชุม ชาญศิลป์ กราบแล้วพูดว่า
“หลวงพ่อครับ ผมไม่เคยคุยกับใครได้ซึ งใจอย่างน”ี นํ าตาหล่อเบ้าเลย แต่คยุ หลายเรืองนะทีคยุ นี
เล่าสั นๆ
“ผมเรียนคริสต์ตลอดมา เรียนฝรังตลอดครับ ผมไม่เคยได้รับฟังคําพ่อแมเ่ ลย และไม่เคยเข้าวัด เพิง
จะฟังเทศน์หลวงพ่อเป็นครั งแรกและครั งสุดท้า”ย ส่วนนายธนิตนั นเฉยๆ
ได้เวลา ๒ ทมุ่ แล้ว พนี ้องทุกคนเข้าหอประชุมหมด คนงานก็เข้าฟังหมด ทีหอประชุมเตม็ เขามาเรียก
แล้ว อาตมาเดินออกไป กบ็ อกกับคุณชํานาญ ยวุ บรู ณ์ว่า
“ออกไปกอ่ น เดียวอาตมาเข้าห้องนํ าแล้วจะตามไป ท่านลงไปก่อน”
คณุ ชํานาญ เดนิ ทางไปแล้ว พอดี นายอําเภอ เกษ ดีฤกษ์ กับคุณนายขันทอง ตอนนั นดํารงตําแหน่ง
เป็นนายอําเภอพระนครก็เตรียมมาพร้อม อาตมาก็เข้าห้องนํ า เขากอ็ อกกันไปหมดแล้ว
อาตมากป็ ระชุมลูกศิษย์เรียกรวมเลย บอกให้คนหนึงไปตามลูกศษิ ย์อาตมามาที มาพรอ้ มกันเดียวนี
“หลวงพอ่ มีอะไรครับ”
“เฉยๆให้เขาไปกันเสียก่อน” พอไปแล้วกบ็ อกกับลูกศิษย์ว่า“ถ้าอาตมาเข้าหอประชุมนะ มี
เจ้าหน้าทีเฝ้ าบ้านทรงไทยอยู่บอกเขา เตรียมเก็บของให้หมดขึ นรถกลับวันนี ไม่ค”้าง
“อ้าว! หลวงพิ ผมจะดชู ้าง ดโู น่น ดนู ีหนอ่ ย ยังไม่ได้ดูเลย”
“เตรียม อยู่ไม่ได้ ทวี ัดมีงาน”
“แหม! หลวงพอ่ ผมยังไม่ทันเทียวเลย”
“เฉยๆเถอะน่า เชือหลวงพ่อไว้หนอ่ ยนะ ถ้าเทศน์จบ เตรียมรถจอดหน้าหอประชุมนะ”
พอบอกแล้ว อาตมาก็เดนิ ไปหอประชุม ไปถึงหอประชุมเรียกนายอําเภอ เกษ ดีฤกษ์ มาพบเป็น
ส่วนตัว แล้วบอกว่า
“ทา่ นนายอําเภอ อัดเทปทเี ทศน์ไว้ แล้วเอากล้องมาถา่ ยภาพทีกําลังฟังเทศน์ ในวันนี ให้จง”ได้
“ครับกระผม” ว่าแล้วกข็ ับรถไปตามช่างภาพมา และบอกคุณนายขันทอง ศรีภรรยา ผู้เป็ นมือขวา
ของคุณหญิงวลี ไปเอาเทปมาอัดเรียบร้อยทุกประการ
พอได้เวลาสองทมุ่ ตรง อาตมาก็ขึนธรรมาสน์ อาราธนาศีลพร้อมกันทีสวนสามพราน แล้วอาราธนา
ธรรม ลีลาแบบแสดงธรรมไม่ได้บรรยาย คุณหญงิ ก็บอกว่าให้เทศนเ์ รือง สามัคคีสกั ๑ ชัวโมงกพ็ อ ให้
สามัคคี ใหร้ ักกันหน่อยก็พอ ก็ตั งใจอย่างนั น
พอดีคณุ เปาะ ชาญศิลป์ ยุวบรู ณ์ นั งฟังข้างหน้าเลยคุณปา๋ คุณแม่ฟังหน้า พีน้องทุกคนนังฟังทสี วน
สามพราน คุณเปาะฟังเต็มที ไมม่ กี ระดุกกระดิกตลอด ๑ ชั วโมง ฟังเทศน์ตลอดและบอก“คุณป๋ าครับ ผม
เป็ นเจ้าภาพเอง” คณุ ชํานาญตกใจ เอ๊ะเจ้านีไม่เคยฟังเทศน์ ไม่เคยกระตือรือร้นนี และบอกกับคุณหญงิ วลวี ่า
“คุณแม่ครับ ผมขอประเคนเอง”
คณุ หญงิ บอก “หนูไม่ต้องประเคนหรอก เดยี วป๋ าประเคนเอง”
“ผมขอไมไ่ ด้เหรอ ผมขอเป็นเจ้าภาพในวันน”ี
แตค่ ุณป๋ ากับคุณหญิงไม่ทราบว่าเขาบริจาคเท่าไร เขาเดินถือเอาขันไปรอบหอประชุมสวนสาม
พราน พวกสวนสามพรานเหน็ เดก็ คนนี ไมเ่ คยฟังเทศน์เลยควักเงินทําบญุ กันเป็ นหมืน ชาญลศิป์ ทําบุญออก
นําคนเดยี วเลย ๕๐๐ บาท
พอเอาขันมาประเคนบอกว่า“หลวงพ่อครับ ชืนใจมาก ไม่มีวันไหนชืนใจเหมือนวันนีเลยนะครับ
ผมฟังโดยตลอด”
แตค่ ณุ หญงิ แปลกใจ นิมนต์เทศน์เรืองสามัคคี กลับไปเทศน์เรืองอะไรก็ไม่รู้ ก็เทศน์เรืองตั งแตพ่ ่อ
แม่เลียงลูก จนกว่าจะมหี ลักฐานมีงานทํา ลําบากลําบนก็ว่ากันไป เทศนผ์ ดิ เรืองนิดหน่อย ก็ให้เหมาะสมกับ
งานศพทํานองนี
ชีให้เหน็ ได้ชัดแล้ว ทีนิมิตเครืองหมาย บอกให้เรารู้ด้วยกันทุกคน แตเ่ ราไมส่ นใจกับนิมติ นีในตัว
ของเรา จึงไม่รู้เรืองของเรา อาตมาก็เห็นหนออย่างนี คุยกันไปเรือยๆ สัมผัสไปเอรืยๆ สัมผัสๆๆๆ ตลอดเกิด
จิต เกิดปัญญา เหมือนหูสัมผัสกับเสียง ตาสมั ผัสกับรูปฉะนั น กายสมั ผัสร้อนหนาวอ่อนแขง็ อยา่ งนี โยม
โปรดจําไว้ตั งใจทําไปเรือยๆเถอะ มปี ระโยชน์เหลือเกนิ นะ
ชาญศลิ ป์ ยวุ บูรณ์ เป็นคนเรียนเกก่งมาก เป็นคนกตัญ ู เขาซึ งใจในการฟังเทศน์ ตอนตายนีตรงตาม
นิมติ เลย อายุ ๒๐ ปี ๓ เดือน ๒๗ วัน ตรงตามทีเทวดาบอก เขาบอก“ได้ ๒๐ กาลฝน” เทวดาพูดเป็น ๒๐
กาลฝน เขาไมไ่ ด้บอก ๒๐ ปี
ในวันนั น หลังการแสดงธรรมทหี อประชุมสวนสามพรานแล้ว เวลา๔ ทุ่มก็แยกย้ายกันไป คุณโจ
กับคณุ เปาะก็ขับรถไป อาตมาพอเทศน์จบออกมา รถจอดคอยอยู่แลว้ หน้าหอประชุม อาตมากข็ อเจริญพรลา
คุณชํานาญกับคุณหญงิ บอก
“อ้าว! หลวงพอ่ ค้างนีนะ พรุ่งนีถวายสังฆทาน จะถวายของ อาหารเตรียมแล้ว สังแมค่ รวั แล้วทํา
อย่างดี หลวงพอ่ ทําไมจะหนีเล่า”
“ขออภัย อาตมานึกได้ว่าทวี ัดมีงานอยู่ได้ยังไงล่ะ ตี๑ จะเป็นอย่างนีแล้ว เขาจะไปทางโน้นกัน
หมด เราก็แพ้วนะซี นีเรืองราวเป็ นอย่างน”ี
เลยก็บอกว่า “อาตมาขอลา” ถึงวัดตี๑ พอดี พอถึงแล้วรีบแผ่เมตตา นั งสวดมาตภ์ าวนา เจริญ
วิปัสสนา แผ่ส่วนกุศลให้กับคุณโจกับคุณเปาะต่อไป อาตมาถึงได้รู้ตายตอนนั น และอยู่ทีวัดก็รู้ รู้ได้อางยไ่ ร
สติบอกว่าเขาขับรถไปชนคน และชนเสาไฟฟ้ า ไฟลุกไหม้ คุณเปาะ ชาญศลิ ป์ ตายและเอาไปโรงพยาบาล
คุณโจ คือ คุณธนิต ยวุ บูรณ์ สมองเปิดหมดเลย ไม่มีเหลอื เลยต้องเอาพลาสติกมาครอบ แล้วไปนอนแพ้วอยทู่ ี
โรงพยาบาล หายใจแม่บๆ แล้วศพของคุณเปาะ ชาญศิลป์ ยุวบรู ณ์ ได้นําเอาไปไว้วัดธาตุทอง
อาตมาอยทู่ ีวัดรู้แล้ว พรุ่งนี จะไปวัดธาตุทองแน่ ไปอาบนํ าศพกันตอ่ ไป อาตมาไปไม่ทันเขา มืดแล้ว
และเขาไปกราบท่านเจ้าคณุ ธรรมรัตนากร สมัยโน้นภายหลังได้เป็น“พระธรรมปัญญาบด”ี ท่านเคยเลียง
คุณชํานาญมาเป็นเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ ท่านบอก
“ขอจับมอื เก่งมาก ดีมาก ท่านพระครูดมี าก ท่านพระครูไปเทศน์ผมดใี จมาก คนทีตายเขาได้ฟัง
เทศน”์
ท่านชํานาญ กับคุณหญิงกส็ ลดใจมากมาย แต่ก็ดีใจทีลกู ได้ฟังเทศน์ แล้วก็สังหรณ์ใจว่า ทําไมท่าน
ไม่เทศน์เรืองสามัคคี เทศน์เสร็จแล้วก็ลากลับ และท่านแหงนมองตรงโน้นตรงนี
อาตมาเหน็ คุณหญิงคณุ นายร้องไห้กันมากมาย ส่วนทา่ นชํานาญบอกกับอาตมาว่า
“หลวงพ่อครบั เจ้าโจนี ยังลูกผีลกู คน แพทย์ยังไม่รับรอง เพราะสมองระเบดิ ต้องเอาพลาสติกหุ้ม
ไว้หมด”
อาตมาบอก “ไม่เป็นไร ให้งานศพชาญศิลป์ ผา่ นไปก่อน”
อาตมาให้นายอําเภอ เกษ ดีฤกษ์ อัดเทป ถ่ายภาพ ก็ได้มโี อกาสถอดเทปในวันรุ่งขึ น และถ่ายภาพก็
รีบล้างเลย นํามาพมิ พ์เป็ นรูปเล่ม แจกงานศพ๑๕ มกราคม ๒๕๑๘ พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ๑ ชุด ภาษาไทย ๑
ชุด ภาษาอังกฤษให้เพือนเขาทตี ่างประเทศ ไมพ่ อแจกเลย
อาตมาได้ไปเยียมทีบ้าน หลังจากทําศพเรียบร้อยแล้ว ก็บอกอยากให้คณุ โจ รอดไหม ถ้าอยากให้
รอด ขอบณิ ฑบาต ๒ ข้อ จะเชืออาตมาหรือไม่เชือก็ตามใจ แตก่ ต็ ้องเชือเราเพราะเหตุการณ์มันเป็นจริงเช่น
ดังกลา่ วมา อาตมาขอเจริญพรท่านชํานาญดังนี
๑. ขอยุติการเมือง ท่านอยา่ เล่นต่อไป เชอื อาตมานะ
๒. สองคนตายายสวดพุทธคุณ เจริญกรรมฐาน อยา่ งตําสวดเท่าอายุ พาหุงมหากา(รุณโิ ก) อทุ ิศส่วน
กุศลให้ลูกคอื เจ้าโจเจ้าเปาะไมเ่ ป็นไรแล้ว เขาไปสบายแล้ว เขารับคืนลูกเขาไปแล้ว ไมต่ อ้ งห่วงนะ อย่า
เสียใจเลย
คุณหญิงกล่าวว่า “โอ! หลวงพ่อเจ้าขา โจคนนี นะฉันห่วง เรียนเก่ง จติ ใจดี อารีอารอบพนี ้อง
เหลอื เกิน เสียดายจิตใจเขาเป็นกุศล รับงานอะไรเขาต้องทําให้เสร็จ แล้วเรียนเก่งด้วย”
“เรียนเก่งซิ ลูกเทวดาไม่เก่งอยา่ งไร ต้องเก่ง คุณหญิงอย่าเสียใจ เอาอย่างทีขอบิณฑบาตแล้วกัน”
ในเมือเป็นเช่นนีแล้ว สองคนตายายกน็ ั งสวดมนต์กันใหญ่ อิตปิ ิโส ภคว.า.. เมือกอ่ นไม่ได้สวด สวด
เล็กๆน้อยๆ
คณุ ชํานาญถามว่า“เพราะเหตใุ ดครบั ถึงไมใ่ ห้ผมเล่นการเมือง” “คดิ เอาเอง” อาตมาพดู สั นๆ
“ท่านเป็นถงึ ดอกเตอร์” ทั งสองคนกท็ ราบยอมรับตั งแตน่ ีไป ผมจะสวดพทุ ธคณุ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงม
หากาฯและย้อนสวดพุทธคุณเท่าอายุเกินกว่าหนึงและต่อไปนี ผมจะไมเล่ น่ การเมืองอกี ต่อไป
อกี วันหนึงอาตมาไปเยยี มนายโจ อยู่ในห้องคนไข้ มนี างพยาบาลนาหงนึงอยู่ใกล้ๆ อาตมากม็ องดู
เห็นหนอๆ แล้วก็รู้ว่าพยาบาลนีไม่ชา้ ได้แตง่ งานกันแล้วแต่งจริงๆเลย เห็นไหมนีเหน็ หนอนีมีประโยชน์
อย่างนีนะ อย่าไปเห็นทีไม่เข้าเรืองนะ
คณุ ชํานาญเลา่ เรืองการเมืองทีทํามาแล้วให้อาตมาฟังยงี งีเลยคณุ โยม ใสแจ๋วเลย แต่ไมท่ ํา ไม่เอา
บอกไมท่ ํา
อาตมาไปเยยี มทีบ้าน มากันเป็นแถวเลย เดียวพรรคโน้นมา พรรคนี มา“ใต้เท้าครับช่วยเป็นหัวหน้า
พรรคหน่อย”
คุณชํานาญมองดูอาตมา อาตมาเลยยิม และบอก“ตามใจ ท่านซิ”
ท่านก็บอกว่า “ขอเรียนพวกเราทุกคน ขอตัวตอ่ ไปนีเราไม่เลน่ การเมืองแล้ว ขอให้ลูกเรารอด
ปลอดภัยเถดิ ”
ในทสี ุดไมเ่ อาจริงๆ ไปถามทา่ นชํานาญดู ดูซิคณุ ชํานาญเล่นการเมืองไปตั งแต่นั นมา
สองคนตายายก็นังเจริญกรรมฐาน เข้าวัดเข้าวา หนักเข้าคุณโจก็ดีขึน เป็นเรืองแปลกมาก นายแพทย์
บอกไม่น่าหาย แตแ่ ขนไม่ดหี นอ่ ยเทา่ นั นเอง เลยหนักเข้าก็ยังเอาพลาสติกใส่อยู่เดียวนีนเปป็ กติแล้ว ผล
สุดท้ายได้แตง่ งานกับพยาบาล มีบตุ ร๒ คน อาตมายังไมไ่ ด้พบอกี เลย
คณุ ชํานาญกข็ อปวารณา “หลวงพ่อต้องการอะไร นิมนต์ทีบ้านน”ี อาตมาก็กล่าวว่า “สาธุ อนุโม
ทาม”ิ ขอบพระคณุ ท่านมากไม่รบกวน ไมแ่ จกฎีกาด้วย ไม่ใช่พระแจกฎีกา เขาก็เชือถอื อาตมามาตามลําดับ
เมอื สองวันมานี นายธนศักดิ ยวุ บรู ณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงหบ์ รุ ี อา๔ย๔ุ ย่าง ท่านไปเทยี วทัศน
ศกึ ษาในเขตสิงหบ์ ุรีไปช่วยราษฎร พวกราษฎร พวกข้าราชการเขาบอกว่า
“เจ้าประคุ้ณ เจ้าเมอื งหนุ่มจังเลย เพิง๔๐ กว่าเทา่ นั นเองหรือน”ี
คณุ ธรศักดิ ยุวบูรณ์ พูดว่า“คณุ ป้ า คุณน้า คณุ อา ท่านทั งหลายเอ๋ย พ่อกระผมเป็นผู้ว่าหนุ่มกว่าผม
ผมเป็นผู้ว่าเมอื อายมุ ากกว่าพ่อ” อาตมาถึงทราบ คุณชํานาญเป็นผู้ว่า อายุไมถ่ งึ ๔๐ ดูเหมือนจะ ๓๘ พวก
ราษฎรเขามาเล่าให้อาตมาฟัง
ในทสี ุด คุณโจ ธนิต ยุวบูรณ์ หายวันหายคืนด้วยอํานาจบารมีของพ่อแม่ สองคนตายยา สวดแผ่
เมตตา สวดพทุ ธคุณ ธรรมคุณ สงั ฆคุณ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ตอนหลังก็ดีขึนมาหมด ไปนังวปิ ัสสนากับ
คุณแม่สิริ กรินชัย เมอื พ.ศ. ๒๕๒๖
ทา่ นผู้ว่าฯ บอกว่า“หลวงพอ่ ครับ ตั งแต่คุณพ่อ คณุ แม่เจริญกรรมฐาน สวนสามพรานก็ดีขึ นมา
อยา่ งอนื ทมี ันขัดข้องหายไปหมดเลยครบั ”
ขอฝากภาพนิมติ ทีสวนสามพรานนีไว้เป็นนิทัศนอทุ าหรณ์ เพือการศกึ ษาสืบไป
เพอื ให้เรือง “ภาพนิมิตทีสวนสามพราน” ของทา่ นพระครูภาวนาวิสุทธิ เป็นรายงานเรืองวิญญาณที
เพียบพร้อมด้วยหลักฐานและสกั ขพี ยานมากทีสุด คณะผู้จัดทําจึงขอนําหลักฐานเอกสารจากหนังสือแจกใน
งานศพของนายชาญศิลป์ ยุวบรู ณ์ เฉพาะเรืองสาํ คัญบางเรือง มาลงพิมพ์ประกอบเรืองไว้ท้ายนี ด้วย
ต่อไปนี เป็ นข้อความ
จากหนงั สืออนสุ รณ์งานศพ
นายชาญศิลป์ ยุวบูรณื ซึง
ขอคัดมาประกอบเรืองภาพนิมติ ทีสวนสามพราน
เพยี งบางตอนคือ.....
คํานํา
ในการพมิ พ์หนังสือเพือแจกในวันฌาปนกิจศพ นายชาญศลิ ป์ ยวุ บูรณ์ นีเจ้าภาพได้เลือกพมิ พ์ คํา
เทศน์ของพระครูภาวนาวิสุทธิ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บรุ ี เหตุทเี ลือกพมิ พ์คําเทศนก์ เ็ นืองจาก ทางสวนามส
พราน ได้นิมนต์พระคุณเจ้าองค์นีมาแสดงพระธรรมเทศนาให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที และคนงานในสวนฯ
เมอื วันที๓ มกราคม ๒๕๑๘ เริ มเวลา ๒๐.๐๐ นาฬกิ า เป็นเวลาหนึงชั วโมงเตม็ แต่เพือความสะดวกของท่าน
ทไี ม่มเี วลาอา่ นคําเทศนต์ ัวจริงเรา จึงขอให้ ดร.ทวีรัสมิ ธนาคม ย่อให้รวบรัดลงในท้ายเล่ม ผู้ถงึ แก่กรรมได้
ร่วมฟังพระธรรมเทศนาโดยตลอด และเมือจบแล้ว พนักงานเจ้าหน้าทแี ละคนงานได้บริจาคปัจจัยสมทบกับ
ทางสวนฯ ร่วมทําบญุ ด้วยหลังจากเทศน์แล้ว ผู้ถึงแกก่ รรมได้บอกกับพีสาวว่า พระท่านเทศน์ดีเหลือเกิน
ก่อนถึงแก่กรรมเล็กน้อย ยังได้พูดกับเพอื นว่า“วันนีสบายใจจัง” และได้ทําบุญพระเทศน์ไป๕๐๐ บาท ทาง
ครอบครัวจึงทราบว่านายชาญศลิ ป์ ยุวบรู ณ์ได้บริจาคเงินของตนเองร่วมทําการกุศลกับพนักงานเจ้าหนา้ ที
และคนงาน ทางเจ้าภาพเหน็ ว่านายชาญศิลป์ ยุวบรู ณ์มีความศรัทธาเลือมใสในคําเทศนน์ ี จึงได้นํามาพิมพ์ไว้
เป็นอนสุ รณ์แก่ผู้ถึงแก่กรรม
ประวัติ
นายชาญศิลป์ ยวุ บรู ณ์ (เปาะ) เกิดเมอื วันอาทิตย์ท๖ี กันยายาน๒๔๗๙ ณ โรงพยาบาลศิริราช อ.
บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นบตุ รของนายชํานาญ และคุณหญิงวลี ยุวบูรณ์
เปาะเป็นเด็กดที ีน่ารักของครอบครวั มาตั งแต่เล็กแต่น้อย ในฐานะทเี ป็นลูกชายเลก็ และมีอายุออ่ น
กว่าพีๆมากสักหน่อย จงึ ทําให้รู้สึกว่าเปาะเป็นเด็กเล็กๆอยู่เสมอ ซึงเปาะเองก็พอใจ ต่อเมือเปาะอยู่กับปุ ้ ม
น้องสาวคนเดยี ว เปาะจึงเป็นพีชายทีน้องกลัวและเกรงมากทีสุดทั งทีวัยก็ใกล้เคยี งกันมาก เมือเล็กเปเาระิ ม
เรียนอนุบาลทโี รงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เพราะเนืองจากพีสาวเป็นนักเรียนวัฒนาฯอยู่แล้ว จึงตามพสี าวไป
เรียนจนจบชั นทีเด็กผชู้ ายจะเรียนได้คือชันประถมปีท๒ี จากนั นจึงไปต่อทีโรงเรียนศรีวิกรม์ จนจบชั น
ประถมปีที ๔ และได้ไปเรียนต่อโรงเรียนAymestrey, Worcester และที Rendcomb
College, Gloncester ประเทศอังกฤษ ตั งแต่ปี๒๕๐๘ จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ จงึ ได้กลับมา
ประเทศไทย และคิดว่าจะไปเรียนต่อชั นมหาวิทยาลัยทสี หรฐั อเมริกา แต่เมือถงึ บ้านแล้ว เนอื งจากกิจการ
ของครอบครัว ซึงต้องอาศัยการพูดภาษาและการบริการเป็นส่วนสําคัญ และเปาะก็เข้ารบั หน้าทนี ี โดยเต็มใจ
และทําได้เป็นอยา่ งดีทีสุด ซึงทําให้พ่อ แม่ ญาตพิ นี ้อง ปลืมใจในตัวเปาะมาก เปาะได้ทํางานหใ้กับครอบครัว
ทั งในและนอกประเทศ ถงึ หนึงปีเต็มๆ จึงได้กลับไปเรียนต่อทAี merican University ทีกรุง
วอชิงตัน ด.ีซี. ในสาขา Political Science ซึงตรงกับอุปนสิ ัยและใจคอของเปาะมาก เมือเดือน
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ นีเอง และได้กลับมาเยยี มบ้านเมือวันท๒ี ๓ ธันวาคม ๒๕๑๗ ซึงเป็นเวลาปิดภาค
เรียนและเป็ นโอกาสที พีชาย (แป๊ ะ) จะเข้าสู่พธิ ีมงคลสมรสในวันที๕ มกราคมด้วย และตั งใจว่าจะกลับไป
เรียนต่อในวันที๑๘ มกราคม ๒๕๑๘ เปาะเป็นเด็กน่ารักมาตั งแตย่ ังเล็ก มิใช่แต่เฉพาะในครอบครวั เท่านั น
ทั งญาติและพีน้องและเพือนนฝูงของพๆี ก็รกั และเอ็นดูเปาะแทบทุกคน เปาะเป็นคนรักสวย รกั งาม ชอบ
แต่งตัวดูดแี ละพูดเพราะอยู่เสมอ ซึงคุณหญิงผู้เป็นญาติ จะพดู จาตักเตือนทักท้วงบางอยา่ ง เปาะกย็ ิมรับไ่ ม
เคยแสดงกิริยาโต้ตอบใดๆ ใครจะใช้สอยไหว้วานเปาะก็ไม่รังเกียจ ถ้าทําได้ก็ทําให้ด้วยความเต็มใจ เปาะ
เป็นอย่างนีเสมอมาตั งแตเ่ ล็กจนโตและการเรียน ชอบพดู คุยเป็ นเรืองเป็นราวและมีความคิดอ่านมากขึ น และ
คิดว่าจะไม่กลบั บ้านในเวลาหยุดภาคฤดูร้อน เพอื จะรีบเรียนให้จบภายในระยะเวลา ๓ ปีครึง
จนวันที๓ มกราคม ๒๕๑๘ ทีสวนสามพรานได้นิมนต์พระครูภาวนาวิสุทธิ เจ้าอาวาสวัดมอพั วัน
จังหวัดสิงห์บุรี มาเทศนใ์ ห้เจ้าพนักงานของสวนฯฟัง เปาะก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังด้วย พร้อมกับครอบครัว
โดยสงบตั งแต่ต้น เวลาประมาณสองทุ่ม จนจบซึงเป็นเวลาประมาณ๔ ทุ่มเศษ จงึ ได้แยกย้ายกันกลับเข้า
กรุงเทพ โดยเปาะแยกกลับมากอ่ นพรอ้ มด้วยพีชายโจ(ธนิต ยวุ บรู ณ์) จนเวลา ๓ นาฬกิ า จึงได้ทราบขา่ วว่า
เปาะได้ถงึ แก่กรรมแล้วทโี รงพยาบาลตํารวจ นับอายไุ ด๒้ ๐ ปี ๓ เดือน กับ ๒๗ วัน
คําเทศนา ของ
พระครูภาวนาวสิ ุทธิ โดยย่อ
คณุ ชํานาญ และคณุ หญงิ วลี ยวุ บูรณ์ รู้จักกับทา่ นพระครูภาวนาวิสุทธิ เจ้าอาวาสวัดอัมพวันงจหั วัด
สิงห์บรุ ี โดยนายเกษ ดีฤกษ์ ซึ งเคยเป็นนายอําเภอพรหมบุรี เป็นผู้แนะนํา ทา่ นพระครูมาชมสวนสามพราน
และติดใจความงามสะอาดมรี ะเบียบเรียบร้อยของสวนสามพรานมาก จึงมาดูเป็นครั งท๒ี ก่อนหน้าทีคุณ
ชํานาญ ยวุ บูรณ์ จะนิมนตท์ า่ นมาเทศน์ให้เจ้าหน้าทีและคนงานของสวนฟังทสี วนสามพราน เมอื วันที๓
มกราคม ๒๕๑๘ ในโอกาสวันขึ นปี ใหม่
ทา่ นพระครูสรรเสริญเจ้าภาพ ในฐานะทีเป็นผู้มีความคิดริเริมจัดทําสวนสามพรานขึ น และได้
บริหารงานชิ นนี จนสาํ เร็จลงด้วยดี ความประทับใจในสวนสามพรานของทา่ นเป็นปกตวิ ิสัยของมนุษย์ทกุ รูป
นามทอี ยากรวย อยากสวย อยากดี ความงามกเ็ ป็นความดอี ยา่ งหนึง
ฉะนั น เมือท่านได้ความคดิ จากสวนสามพรานจึงนําไปพัฒนาวัดอัมพวันทําให้วัดเป็นสวนสาม
พรานย่อยขึ น ความจริงความงาม ความมรี ะเบยี บ ความสะอาด ในวัดเป็นตัวประกอบสาํ คัญของบรรยากาศ
ความสงบในว ั ดไม่ควรจะขาดในว ั ดใด
พรปี ใหมส่ าํ หรับผู้ฟังเทศน์ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกคนอยากอายยุ ืน อยากสวย อยากมีสุขภาพดี มี
ความเจริญ แต่ผู้ทจี ะรับพรนีจะต้องมีของดรี ับ คือต้องเป็นคนมีความเคารพนบนอบ และต้องบูชาคน๓
ประเภท คอื ชาตวิ ุฒิ วัยวุฒิ คุณวุฒิ คือผู้ทีเกิดมาดีอยู่เป็นเวลานานและมีคณุ สมบัติ ความเคารพสแดงออกได้
ทางกาย ทางวาจาทางใจ คือมีจติ นบนอบยําเกรง ทั งต่อหน้าและลับหลัง นอกจากนี จะต้องมีความกตัญ ู
กตเวที รู้พระคุณและสนองพระคุณของผู้มคี ุณ
การเคารพจะต้องประกอบด้วยหลัก๕ ประการ คือ สักการะเคารพ บชู า นับถือ และเชือฟัง สักการะ
หมายถงึ จดุ ธูปเทยี นหรือเอาใจใส่ เคารพนอกจากไหว้ คํานับ ยังหมายถึงมั นคงต่อผู้มีคุณ ถือในคํานับถือ
หมายถงึ ยึดเหนียวหลักข้อปฏิบัติของบคุ คลทีดีไว้เป็นแบบอยา่ ง เช่นเอาอย่างผู้ทีทํางานดี เรียบร้อย งนามี
ผลสาํ เร็จผ่านพ้นไปได้ด้วยดีตามความมงุ่ หมาย เมือเรานับถอื คนเช่นนีเราก็จะนําหลักการปฏิบัติขงอเขามา
ใช้
การเชือฟังหมายถึง การปฏิบัติตามคําสังของผู้มีพระคุณ เราะจะได้รับพรอันประเสริฐได้นั นต้อง
เป็นผู้รู้พระคณุ ผู้มีพระคุณจําแนกออกเป็น๔ ประเภท คอื คน สตั ว์ ชาติภมู ิ(มาตุภมู )ิ เครืองอุปกรณ์หรือ
เครืองใช้ไม้สอย
คนต้องพึงพาอาศัยกัน แม้แต่อวัยวะต่างๆนใตัวคนกต็ ้องทํางานด้วย เช่นเวลาหยิบต้องใช้ทั งห้านิว
จงึ จะหยิบได้ กายกับจิตก็ต้องทํางานด้วยกัน คนทกุ คนมีคุณคา่ มีสิทธิมนุษยชนเหมือนกัน ต่างกันตรงทีบาง
คนมบี ารมี บางคนไม่มีบารมี คือ ไม่มีความเพียร ความเพียรช่วยให้งานการสําเร็จลงได้ สตั ว์ก็มีหัวใจ มี
เจ้าของทําประโยชนใ์ ห้คน บ้านเมืองของเรามีคุณต่อเรา เพราะช่วยให้เรามีการงานทํา เราจึงมีความสุข ข้าว
ของเครืองใช้กใ็ ห้ความสะดวกสบาย ถ้าเสียก็ไม่มีใช้ ทั งหมดนี นับว่ามคี ุณแก่เรา
นอกจากรู้พระคุณสีข้อแล้ว เราจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง อยา่ ทํางานอย่างสักแตว่ ่าทําให้
เสร็จๆไป ผลงานทั งดีและเลว ตกอยูทีตัวเรา ฉะนั นจะต้องทําอยา่ งสุดความสามารถให้คนเห็นฝีมือ
ประโยชนจ์ ากงานทีเราทํานั น คือทุนของเรา ทุนมิได้หมายถงึ ทรัพย์อย่างเดียว หมายถึงชือเสียง ตลอดจน
ความรัก ถ้าไม่มีชือเสียงว่าทํางานดี กจ็ ะไม่มีใครเขาให้งานทํา และต้องมีความรักจึงจะไปทํางานร่วมอยู่
ร่วมกับคนอืนได้อย่างสะดวกสบาย ทนุ ทั งสามอย่างนี จะต้องเป็นสร้างสมไว้ โดยเฉพาะอย่างยิงชอื เสียงจะ
สร้างชือได้ต้องมีสจั จะ มีวาจาสตั ย์ ซือสัตย์ต่อหน้าที
พระพทุ ธเจ้าสอนให้คนขยันหมั นเพียร บางคนชอบแต่จะพักผ่อนอย่าลืมว่ามีดยิงลับยิงคสมมองยิง
ใช้ยิงคล่อง ส่วนการพักนั นยิงพักจะยิงทําให้ปัญญาทบึ คนยิงทํางานยิงจะอายุยืน งานทที ําจะยิงใชห่ว้ย
สติปัญญาแตกฉาน หลักทีควรจําคือ“ขยันเอาการ งานสะอาด ฉลาดรอบบคอบ ชอบระวัง ตั งใจตรง ทรง
ศีลธรรม นําถูกทาง ปลกู สติ ดําริชอบ” ถ้าทําได้ทั งเก้าข้อนี จะก้ไาวปสู่ความเจริญและประสบผลสาํ เร็จ จะ
ได้งานได้การเป็ นกําไรของชีวิต
ความเจริญของคนมาจากการบูชาผู้มอี ุปการคุณตอ่ ตน ทํางานเหมิอนกันทั งตอ่ หน้าและลับหลัง
นายจ้าง กิจการของสวนสามพรานจึงจะเจริญ กิจการเจริญ ผู้ทํากิจการกจ็ ะสบายด้วยอยา่ งไมต่ ้องสงสัย
ขอให้ทุกคนใช้เวลาดําเนนิ ชีวิตไปสู่ความสําเร็จ ทําได้ดังนี เมือใดเมือนั น เราก็จะได้รับพ๔ร ประการ คือ
อายุ วรรณะ สุขะพละ
คติความตาย
คือ
นิยายชีวิต
เรือง คนตายไปแล้วจะไปเกิดหรอื ไม่นัน มีความเข้าใจกันไปหลายกระแส บางท่านก็เข้าใจว่าร่างกาย
ของคนเรานี ประกอบขนึ ด้วยรูปหรือวัตถุ เมือคนตายร่างกายกจ็ ะฝังจมดินไป ไม่สามารถจะไปเกิดอกี ได้
ในบรรดาผู้ทีเข้าใจว่าตายแล้วไม่ต้องไปเกดิ อีกกม็ ีความเข้าใจแตกแยกออกไปมาก เช่นผู้ตายจะต้อง
ไปอยูใ่ นสวรรค์หรือในนรก ก็แล้วแต่ผลของการกระทําของตน และสวรรค์หรือนรกนั นได้มีผู้สร้างขึ น
สาํ หรับลงโทษหรือให้รางวัลตลอดนิรันดร โดยไมก่ ลับมาเป็นมนุษย์อีก
บางท่านเข้าใจว่าคนทตี ายจะต้องไปเกิดเป็ นคนเท่านันไปเกิดเป็ นสัตว์ไม่ได้ แตบ่ างท่านว่าไปเกิด
เป็นคนหรือสัตว์ก็ได้ บางคนว่าจิตหรือวิญญาณหรือเจตภมู ินี เป็นอมตะ เมอื ร่างกายของคนแตกดับไปแล้ว
วิญญาณกจ็ ะออกจากร่าง ล่องลอยไปหาทเี กิดใหม่
บางคนทศี ึกษาวิชาการทางโลกทางวิทยาศาสตร์มามากๆก็เข้าใจว่า ถ้าบุคคลใดมลี ูกเต้าสืบออกไป
เรือยๆตามหลักของชีววิทยา เพราะลกู ทุกๆคนนั นก็สืบต่อมาจากเซลล์ของพ่อแมน่ ันเอง เมือสืบต่อไป
หลายๆชัวแล้วชีวิตเดิมกจ็ ะปรากฏขึ นมาอีก
แต่บางคนกลับมีความเห็นว่า ร่างกายนั นประกอบไปด้วยรูปหรือวัตถุ ความรู้สึกนึกคดิ นั นเป็น
หน้าทขี องมันสมองซึงได้วิวัฒนาการทลี ะน้อยๆมาตั งแต่ดึกดําบรรพ์ จนมีอํานาจการนึกคดิ และรู้สึกได้ แต่
เมอื ตายแล้วก็เป็นอันหมดเรืองกันไมส่ ามารถทีจะไปเกิดได้อีกเลย
เรืองนีเป็ นเรืองมากคนก็มากความคิดเหน็ แม้แต่เจ้าของลัทธิศาสนาใหญๆ่ หลายท่านก็มคี วาม
คดิ เหน็ ไม่ตรงกัน เพราะเรืองคนเกิดหรือคนตาย เราเหน็ ได้ง่ายๆ แตเ่ รืองตายแล้วไปเกิดได้หรือไม่เป็นเรอื ง
ลกึ ลับ เป็นปัญหาโลกแตกมาจนบัดนี
สําหรับคําสอนของพระพุทธศาสนานัน พระสัมมาสัมพทุ ธเจ้าทรงสอนว่าคนตายไปแล้วไปเกิดอีก
ได้ และจะไปเกิดเป็นมนุษย์หรือสตั ว์อีกก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี พระองค์มิได้สอนไว้เฉยๆหรือลอยๆว่า คนตาย
ไปแล้วเกิดได้เทา่ นั น หากแต่ให้รายละเอียดในเรืองนี ไว้เป็นขั นเป็นตอนอย่างน่าพิสดาร ถึงวิธีทีไปดเกไดิ ้
อย่างไร มีอะไรบ้าง ไปอย่างไร เกิดอยา่ งไร พระองค์สอนไว้ยากงา่ ยๆเป็นชั นๆ แล้วแตว่ ุฒิของบุคคล ผู้ใด
สนใจศึกษา มีพืนฐานดี ก็สามารถเข้าใจได้ละเอียดขึ น
แม้พระสมั มาสัมพทุ ธเจ้าสอนว่า คนตายแล้วไปเกิดได้อีกก็ดี แต่ความคดิ เห็นของศาสนาอกี หลาย
ศาสนานั น ก็ตรงกันในหลักใหญๆ่ ของพระพุทธศาสนทาีว่า“เกิดอีก” เท่านัน เช่นศาสนาพราหมณ์ถือว่า
คนตายแล้วจิตหรือวิญญาณก็ลอ่ งลอยออกจากร่างไปปฏสิ นธิใหม่ เหตนุ ี จิตหรือวิญญาณกเ็ ป็นอมตะ ไมม่ ีวัน
ตายเมอื จากคนนีก็ไปสู่คนนั น เมือจากคนนั นกไ็ ปสู่คนอืนๆต่อไปตามลําดับ เหมือนคนอาศัยอยใู่ นบ้านอเมื
บ้านพังลงแลว้ จะอาศัยอยู่ไม่ได้ กต็ ้องเดินทางไปหาบ้านอยูใ่ หม่ต่อไป
แต่พระสัมมาสมั พุทธเจ้าสอนไว้ตรงกันข้าม พระองคส์ อนว่าจิตหรือวิญญาณนั นมิได้เป็นอมตะ ไมม่ ีวันตาย
หากแต่เกิดดับสืบต่อไปไม่ขาดสาย และจิตใจก็ลอ่ งลอยไปหาทีเกดิ ใหม่ไมไ่ ด้เลย จะเทียบคนย้ายจากบ้านที
จะพังหาไดไ้ ม่
ยิงกว่านั นความเข้าใจทวี ่าการทไี ปเกิดได้ก็ไปแตจ่ ิตหรือวิญญาณเท่านั น กเ็ ป็นความเข้าใจผิด เพราะ
ยังมีรูปอีกชนิดหนึง เรียกว่ากมั มชรูป คือรูปอันเกิดแต่กรรมกร็ ่วมกนั ในการปฏิสนธิด้วย สาํ หรับในข้อนี
เป็นอกี ข้อหนึงทที ่านจะได้เหน็ ความพิสดารน่าอัศจรรย์ ในพระพทุ ธศาสนา เพราะไม่ว่าใครหรือศาสดาองค์
ไหนทวี ่าคนตายแล้วไปเกิดได้ กจ็ ะต้องไปแตจ่ ิตหรือวิญญาณเทา่ นั น ทั งนี ทั งนั นมิได้แสดงการตาย กาดรเกิ
ให้ชัดแจ้งอยา่ งไร
แต่พระสมั มาสัมพุทธเจ้าสอนว่า นอกจากจิตไม่ใชล่ ่องลอยไปแล้ว รูปบางชนิดก็ไปเกิดได้ ส่วนจะ
ไปได้อยา่ งไร รูปอะไรบ้าง มีเหตุผลหลักฐานข้อเทจ็ จริง อยา่ งไรนั น ขอได้โปรดอา่ นต่อไป
การทีเข้าใจว่า คนตายแล้วไปเกดิ ได้นั น จะต้องมคี วามเข้าใจในเรืองจิต เรืองรูป เรืองกรรม และ
ความตายว่าเหตใุ ดจึงตาย ความตายมีกีอย่าง ขณะใกล้ตายมอี ะไรเกิดขึนบ้าง มคี วามรูส้ ึกอยา่ งไร และจติ ใจ
ทํางานกันอย่างไร ฯลฯ ให้เข้าใจดีเสียก่อน ดังนั นท่านก็จะเห็นได้ว่า เรืองตายเรืองเกิดนี จะกล่าวกงั่านยๆ
และให้เข้าใจดีด้วยนั น ย่อมเป็ นไปไม่ได้เลย
ก่อนอืนอาตมาขอย้อนไปถึงเรืองจิตอีกครั งหนึง ตามทีได้กลา่ วมาแล้วเป็นตอนๆว่า จติ นั นเป็น
ธรรมชาติทีรูอ้ ารมณ์ รูน้ ึกคิด จดจําจิตนันเป็ นธรรมชาติทีมีความเกิด ดับ สืบต่อกนั เสมอเป็ นนิจ มิได้หยุด
นิง และจิตนันเป็ นนามธรรมทไี ม่สามารถมองเห็นหรือจับต้องได้ แต่ก็มอี าํ นาจในการสังสมสนั ดานหรือ
สามารถเก็บเอาอารมณ์ต่างๆไว้ในจติ แล้วกแ็ สดงออกซึงอารมณ์นันได้
เมือแยกการทํางานของจติ ออกจะได้เป็นสองชนิด คือ
๑. การงานทีจิตกระทํา ได้แกก่ ารทจี ิตขึ นวิถรี ับอารมณ์ตา่ งๆ จากทางทวารหรือประตทู ั ง๖ คือรบั
อารมณ์จากทางตา หู จมูก ลิน กาย และใจ เช่น เห็น ได้ยิน คดิ เป็นต้น
๒. จติ เป็ นภวังค์ ได้แก่ จิตมไิ ด้ขึ นวถิ ีรับอารมณ์ต่างๆจากทางทวารหรอื ประตูทั ง๖ จากทางตา หู จมูก
ลิน กายและใจเลย แตจ่ ติ กท็ ํางานอยู่ตลอดเวลา คือ เกิด-ดับ และมีอารมณ์ติดมาตั งแต่ปฏิสนธิ
การทีอาตมาแยกการงานของจิตออกเป็น ๒ ชนิด เช่นนีเพือจะได้แสดงให้เห็นว่า ในขณะทีรับ
อารมณต์ ามทวารทั ง๖ นั น จิตกท็ ํางานและจติ ทีเป็นภวังคไ์มดิ ้ขึ นวิถีรับอารมณ์ จิตก็ทํางานเหมือนกัน
ข้อ ๑ การขึนวิถรี ับอารมณ์ของจิตนันจติ จะรบั อารมณห์ รือเกิดอารมณ์ขึ นได้ก็จะต้องอาศัย มีผัสสะ
คือการตกกระทบแล้วถ้าไมม่ ีผัสสะจิตก็ไม่สามารถรองรับอารมณ์ได้ เช่น เสียงมไิ ด้กระทบหู แล้วก็จะไม่ได้
ยนิ รูปมไิ ด้กระทบตาแล้วก็จะไมเ่ หน็ และอารมณ์หรือเรืองทจี ะเป็นตัวยืนใหค้ ดิ ไม่กระทบกับจิตแล้วก็จะ
คิดนึกไม่ได้เลย
ข้อ ๒ ภวังคจิต คําว่าภวังคห์ รือจติ ตกภวังคน์ ีมีพดู กันอยู่เสมอโดยทัวไป แตค่ วามเข้าใจของคนเป็น
ส่วนมากนั นเข้าใจว่า ภวังคห์ มายถงึ จิตมคี วามสงบ คือนังอยู่เฉยๆ หรือนัจงลใอย แตต่ ามหลักของปรมัตถ
ธรรมนั นตรงกันข้าม
คําว่า “ภวังค์” หมายถึงองค์แห่งภพ หมายถงึ จิตตั งแต่ปฏสิ นธิจนถึงจุติคือตาย ขณะใดทีจิตมิได้
ยกขึนสู่อารมณ์ ทางตา หู จมูก ลิน กาย ใจ แล้วขณะนั นจิตกเ็ ป็นภวังค์ ภวังคจิตทเี หน็ ได้ง่ายๆ กค็ อื นคกําลัง
หลับสนิท ขณะหลับสนทิ จะไมร่ ู้สึกตัวเลย ขณะใดจติ มีความรู้สึกดขี ึ นในอารมณจ์ ากทวารทั ง๖ แล้ว
ขณะนั นจติ กพ็ ้นไปจากเป็นภวังค์ ความจริงขณะทเี ราเห็นหรือได้ยินหรือคดิ นั น จิตขึ นวิถีรับอารมณแ์ ล้ว็มีก
ภวังค์จิตคั น สลับอยูต่ ลอดไป ทั งนีเป็นไปโดยรวดเร็วมาก ดังนั นเราจึงไมร่ ู้สึก
การทีอาตมาแสดงจติ ทีขึนวิถีรับอารมณ์และภวงั คจิตนัน กเ็ พือจะนําท่านเข้าไปสู่เรืองของความ
ตายว่า คนทีกําลงั จะตาย จติ กาํ ลงั ทํางานอะไรอยู่ เปรียบเหมือนเทปบนั ทกึ เสียงนันเอง ได้แก่บุญกศุ ลของ
คนเราทีได้กระทําไว้
อาตมาจะบรรยายเรืองความตาย ของคุณนายผ่องศรี ชาตะสุภณ ซึงถึงแก่มรณกรรมเมอื วันที๒๘
มกราคม ๒๕๑๖
คณุ นายผ่องศรี เป็ นศรีภรรยา ท่านนายอําเภอพิริยะ ชาตะสุภณ ขณะดํารงตําแหน่งเป็นนายอําเภอ
ทา่ วุ้ง จังหวัดลพบรุ ีนั น สามีภรรยาค่นู ี ประกอบแต่บุญกุศล ประชาชนตลอดจนกระทั งพระเถร เณร ชี รักนับ
ถือทา่ นมาก เฉพาะในระหว่างครอบครัวรู้สึกมีความรู้สึกมาก เนืองจากปฏิบัติดีต่อกันเป็นเพือนสุข เพือน
ทกุ ข์กันมาตลอด
ทั งสองคนนี งานไหน งานนั น วัดไหนวัดนั น ไปช่วยทกุ วัดทกุ งานไม่เลอื กหน้า เฉพาะคุณนายเป็น
แม่ครัวตามงานวัดได้เลย ไม่มีถือว่าเป็นคุณนายแล้วจะไม่ทําอะไร ทําเอาเป็นอันเป็นตาย ชย่วอย่างจริงจังจน
เป็นลม อาตมาเห็นหลายงาน เคยไปร่วมบําเพ็ญกศุ ลวัดอัมพวันแทบทุกครั ง แทบทุกงาน ฤดูเข้าพรรษาก็เชิญ
ชวนประชาชนหล่อเทยี นพรรษา ไปถวายตามวัดวาอารามต่างๆทุกปี เป็นประจํา
และก่อนทีคุณนายผ่องศรจี ะเข้าวัดอัมพวัน ก็เป็ นโรคเนืองอกในมดลกู ซึ งหมอบอกว่าเป็น
โรคมะเร็ง จะต้องรับการผา่ ตัด อายุจะไม่ยนื ต่อไปนั น อาตมาก็ให้ยาขนานหนึงคอื นํ ามันมนต์ให้คุณนายผ่อง
ศรีไปทานกอ่ น
หลังจากนั นไม่นานคุณนายได้ไปให้หมอฉายเอ็กซ์เรย์อกี ครั งหนึง คราวนี หมอบอกไม่ต้องผ่าตัด
แล้ว เพราะก้อนเนือร้ายหายวับไปกับตา คุณนายก็มีอายุยืนต่อมาตามลําดับ มาถึงวัดก็ช่วยหุงนํ ามัน ช่วย
โขลกยาใส่นํ ามัน และชวนประชาชนมากระทุ้งรากโบสถ์ โบสถ์นั นสร้างปี หลังทีผา่ นมา ในกลางป๒ี ๕๑๑
ก็เริมทําการกระทุ้งรากโบสถ์ถึงปี๒๕๑๒ ๑ ปี ๑๖ วันและสร้างมาก็หยุดบ้างถึง๑ ปี ๖ เดอื น โบสถ์ก็ได้
สาํ เร็จตามเป้ าหมาย อโุ บสถของวัดอัมพวันในสมัย พล.ต.ต.สามารถ วายมานนท์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
ลพบุรี พ.ต.อ.ประจันต์ พราหมณ์พันธุ์ เป็นผู้กํากับการตํารวจลพบรุ ีพร้อมด้วย .พอ. (พิเศษ) สวัสดิ เล็กชม
เสนาธิการ จังหวัดทหารบกลพบุรี ได้มาช่วยตลอด ตามรายการทจี ารึกไว้ในอโุ บสถนี
คุณนายก็หายจากโรคมะเร็ง ด้วยนํ ามันมนต์ของวัดอัมพวัน หายแล้วก็ยังช่วยงานต่อไป จนโบสถ์
เสร็จเรียบร้อย ท่านนายอําเภอพิริยะ และคุณนายกย็ ้ายจากอําเภอทา่ วุ้ง จังหวัดลพบุรี ไปดํารงตําแหน่ง
นายอําเภอเมือง จังหวัดชัยนาทสืบไป
อาตมาเคยให้พร คุณนายมาแล้วหลายครั ง ขอให้คุณนายอายุยืนถงึ ๑๐๐ ปี ในเวลาต่อมาคณุ นาย
ได้มาขอคืนพร เพราะได้ไปเห็นชาวบ้านชาวเมือง ภรรยาเป็นอัมพาต สามีต้องมาเช็ดก้น ซักผ้าซักผ่อนให้
ลกู เต้าต้องลําบากลําบนถึงสองสามปี
“ดิฉันขอคืนพร ถ้าดิฉันจะตายขอให้ตายทันที ขอให้บุญกุศลส่งผลดิฉันสืบไป”
คุณนายกข็ อรับพรใหม่ “ดิฉันไม่เอาพรเก่า ขอให้ท่านให้พรใหม่ ตรวจนําทไี ร ขออธษิ ฐานให้ตาย
อย่างง่ายๆ อย่าตายยากอย่างทเี ขาตายกันเลย อย่าให้ลูกให้ผัวเขาต้องลําบากซักผ้าซักผ่อนเราเลยค่ะ ดิฉัน
อธิษฐานอย่างนีตลอดเวลา ขอให้ท่านประสาทพรให้ไปอย่างสบายกแ็ ล้วกนั ”
คณุ นายก็เคยซือผ้าขาวเนือดีๆ ถวายแม่ชี วัดอัมพวัน ตลดอรายการก็ทําบญุ ตักบาตรเป็นประจํา
ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๑๖ ท่านนายอําเภอและคุณนายผ่องศรี ได้ไปวัดอัมพวัน ขอนิมนต์
อาตมาไปในงาน วันเกิดของนายอําเภอพิริยะ ชาตะสุภณ วันท๓ี ๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๖
“เมือปี ทีแล้ว ทา่ นไมไ่ ด้ไปงานของดิฉัน คราวนี ทา่ นต้องไปงานของดิฉนั ใหไ้ ดต้ ้องไปให้ได้นะ
คะ”
คุณรายผอ่ งศรีถามต่อว่า “ปี นี เป็นอย่างไรไมท่ ราบเจ้าค่ะ รู้สึกสบายใจตลอดทั งปี เป็ นเพราะอะไร
เจ้าคะ จะเป็นเรืองทหี รือเรืองปลกู บ้านไม่ดีอย่างไร”
อาตมาสอบถามดูแล้ว ก็จะเป็นด้วย นิมติ แห่งการจากโลกของคุณนาย “ความตายจะมาถึง” ก็
เป็ นได้ตามหลกั ธรรม แต่ไม่ได้ตอบกับคุณนายว่ากระไร คิดว่าคุณนายต้องตายปี นีแน่ จึงเพียงแต่แนะนําให้
ตังใจสวดมนต์ ภาวนา ทาํ บุญตักบาตรดีแล้ว ไม่เป็ นไรนะคุณนายต่อไปก็จะสบายดี
ในวันเดียวกนั นันท่านทังสองก็ขอยาต้มบํารุงประสาทบํารุงหัวใจ๓ หม้อ ซึงอาตมามยี าต้มบํารุง
ประสาท ได้ตํารามาจากกรมหลวงชุมพร เพอื จะนําไปให้แก่ นายทวี แรงขํา อาตมาก็จัดให้รียบร้อย
หลังจากนั น วันท๒ี ๘ มกราคม ๒๕๑๖ อาตมากลับจากกิจนิมนต์ถงึ วัดเวลา๒๐ นาฬิกา สรงนํ า
แล้วก็ทํากิจ เสร็จแล้วกเ็ ข้าจําวัดไม่ค่อยหลับตนื ลงมาข้างล่าง ขณะนั นเวลาประมา๒ณ๒.๑๗ น. ก็เหน็
คณุ นายขับรถเข้ามา คุณนายมาคนเดยี ว
คุณนายผ่องศรี ชาตะสุภณ นุ่งขาวห่มขาว ผ้าขาวสะอาด วาววับใส่เสือแขนพองยาว(แขนหมูแฮม)
คอเสือคล้ายคอปกเสือของทหารเรือ ผ้านุ่งทับจีบทับหน้า มีกระเป๋ าถอื มา๑ ลูก คลานคุกเข่าถอื พานดอกไม้
เข้ามากราบนมัสการแบบเบญจางคประดิษฐ์ แล้วประเคนพาน
อาตมาถามว่า “นายอําเภอไมม่ าหรือ” “คณุ นายเคยมาคู่กัน วันนีทําไมมาคนเดีย”ว
คุณนายตอบว่า “ไม่ได้มาค่ะ ดิฉันมาคนเดียว”
อาตมาถามต่อไปว่า “คณุ นายจะบวชชที ําไมไม่โกนผมเลา่ ”
คุณนายตอบว่า “ไมส่ าํ คัญทที รงผมเจ้าคะ่ สําคัญทใี จปฏิบัติเจ้าค”่ะ
คณุ นายผ่องศรีพูดว่า“ดฉิ ันมานีมีเหตุผล๒ ประการ