46 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K อธิบายความสําคัญของการระบุ ปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่าง ปัญหา สมมติฐาน และวิธีกร ตรวจสอบสมมติฐานได้ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P ออกแบบและดําเนินการทดลอง ตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้ ตรวจคุณภาพข้อมูล และการทํากิจกรรม ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน
47 ใบงาน เรื่อง วิธีการทางวิทยาศาสตร์ คําชี้แจง : ให้นักเรียนใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาสิ่งที่สนใจ วิธีดําเนินการ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ออกแบบและดําเนินการทดลองโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อ ศึกษาสิ่งที่นักเรียนสนใจ บันทึกลงในใบงาน และนําเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียน ปัญหา : สมมติฐาน : ตัวแปรในการทดลอง : ตัวแปรต้น : ตัวแปรตาม : ตัวแปรควบคุม : วิธีการทดลอง :
48 เฉลยใบงาน เรื่อง วิธีการทางวิทยาศาสตร์ คําชี้แจง : ให้นักเรียนใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาสิ่งที่สนใจ วิธีดําเนินการ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ออกแบบและดําเนินการทดลองโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อ ศึกษาสิ่งที่นักเรียนสนใจ บันทึกลงในใบงาน และนําเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียน ปัญหา : อุณหภูมิมีผลต่อการสลายน้ําตาลของยีสต์ในน้ําสับปะรดหรือไม่ สมมติฐาน : ถ้าอุณหภูมิมีผลต่อการสลายน้ําตาลของยีสต์ในน้ําสับปะรด ดังนั้น อุณหภูมิที่แตกต่างกัน ย่อมมีผลต่ออัตราการเกิดแก๊ส CO2 ที่ได้จากการสลายน้ําตาลของยีสต์ ตัวแปรในการทดลอง : ตัวแปรต้น : อุณหภูมิที่แตกต่างกัน ตัวแปรตาม : อัตราการเกิดแก๊ส CO2 ตัวแปรควบคุม : ขนาดขวดรูปชมพู่ ปริมาณน้ําสับปะรด ปริมาณยีสต์ วิธีการทดลอง : 1. คั้นน้ําสับปะรดประมาณ 100 cm3 2. ตวงน้ําสับปะรดใสขวดรูปชมพู่ 3 ใบ ใบละ 10 cm3 3. ชั่งยีสต์ใส่ลงในขวดรูปชมพู่ในข้อ 2. ขวดละ 2.5 g 4. นําจุกยางที่มีหลอดนําแก๊สเสียบอยู่ไปปิดขวดรูปชมพู่ทั้ง 3 ใบ แล้วนําไปไว้ในสภาวะต่างกัน ดังนี้ ชุดที่ 1 แช่ในบีกเกอร์ที่ปรับอุณหภูมิเป็น 0 o C ชุดที่ 2 แช่ในบีกเกอร์ที่ปรับอุณหภูมิเป็น 25 o C ชุดที่ 3 แช่ในบีกเกอร์ที่ปรับอุณหภูมิเป็น 40 o C 5. ตั้งชุดการทดลองไว้ประมาณ 10 นาที สังเกตปริมาณแก๊สที่เกิดขึ้น 6. ทําการทดลองซ้ําอีก 2 ครั้ง แล้วนําผลการทดลองมาหาค่าเฉลี่ย ตารางบันทึกผลการทดลอง : อุณหภูมิ (o C) ปริมาณแก๊ส CO2 ที่เกิดขึ้น (cm 3 ) ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ค่าเฉลี่ย 0 0.3 0.4 0.3 0.33 25 1.5 1.5 1 1.33
49
50
51
52 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 จํานวน 1 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง สะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม วันที่ใช้สอน ……………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อภิปรายและบอกความสําคัญของการระบุปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา สมมติฐานและวิธีการ ตรวจสอบสมมติฐาน รวมทั้งออกแบบการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน 2. สาระสําคัญ สะเต็มศึกษา คือ การศึกษาที่บูรณาการความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันในรูปแบบการทํากิจกรรมที่นะกเรียนเป็นผู้ศึกษา ค้นคว้าด้วยตนเองโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย การระบุปัญหา การรวบรวม ข้อมูล และแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา การวางแผนและดําเนินการแก้ปัญหา การ ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน และการนําเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการ แก้ปัญหาหรือชิ้นงาน จุดประสงค์ของสะเต็มศึกษาเพื่อให้นักเรียนฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อการวางแผนในการทํางานและการแก้ปัญหา 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 สามารถอธิบายและบอกความสําคัญของสะเต็มศึกษาที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเพื่อ ใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงได้(K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมได้ (P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ สะเต็มศึกษา 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
53 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูใช้คําถามนําเข้าสู่บทเรียนเกี่ยวกับการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ดังนี้ 1.1 การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์นักเรียนคิดว่าเราสามารถนําความรู้นอกจากวิทยาศาสตร์มาร่วม บูรณาการได้หรือไม่ จงยกตัวอย่างสาขาดังกล่าว (แนวคําตอบ : ได้ เช่น คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี) 1.2 ในการบูรณาการดังข้อ 1.1 สามารถนํามาใช้ประโยชน์ใดบ้าง (แนวคําตอบ : เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนในกลุ่มศึกษาเนื้อหา เรื่อง สะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมจาก แหล่งวิทยาการต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน โดยเนื้อหาประกอบด้วย - สะเต็มศึกษาคืออะไร - กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 2. ครูแจกใบงาน เรื่อง สะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ให้กับนักเรียน 3. ให้นักเรียนจัดกระทําข้อมูลเกี่ยวกับสะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยบันทึก ข้อมูลลงใบงาน ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับสะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมโดยควร สรุปได้ ดังนี้ สะเต็มศึกษา คือ การศึกษาที่บูรณาการความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันในรูปแบบการทํา กิจกรรมที่นะกเรียนเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย การระบุปัญหา การรวบรวมข้อมูล และแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบวิธีการ แก้ปัญหา การวางแผนและดําเนินการแก้ปัญหา การทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธี แก้ปัญหาหรือชิ้นงาน และการนําเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน จุดประสงค์ เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ 2. ความร่วมมือ การ ทํางานเป็นทีม และภาวะ ผู้นํา -
54 ฃของสะเต็มศึกษาเพื่อให้นักเรียนฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 เพื่อการวางแผนในการทํางานและการแก้ปัญหา กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering Design Process) กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเป็นขั้นตอนที่นํามาใช้ในดําเนินการเพื่อแก้ปัญหาหรือ สนองความต้องการซึ่งกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมจะเริ่มโดยการระบุปัญหาที่พบแล้วกําหนด เป็นปัญหาที่ต้องการแก้ไข จากนั้นจึงค้นหาแนวคิดที่เกี่ยวข้องและวิเคราะห์เพื่อเลือกวิธีการที่ เหมาะสมสําหรับการแก้ไข เมื่อได้วิธีการที่เหมาะสมแล้วจึงทําการวางแผนและพัฒนาสิ่งของเครื่องใช้ หรือวิธีการเมื่อได้สร้างขึ้นงานหรือวิธีการเรียบร้อยแล้วจึงนําไปทดสอบถ้ามีข้อบกพร่องให้ทําการ ปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการนั้นสามารถใช้แก้ไขปัญหาหรือสนองความต้องการได้ และในตอนท้ายจะประเมินผลว่าสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการนั้นสามารถใช้แก้ปัญหาหรือสนองความ ต้องการได้ตามที่กําหนดไว้หรือไม่ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง สะเต็มศึกษา ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้นักเรียนศึกษาแนวทางสะเต็มศึกษากับการศึกษาชีววิทยามีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกันหรือไม่ ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้ แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง การศึกษาชีววิทยา 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง สะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
55 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K ส า ม า ร ถ อ ธิ บ า ย แ ล ะ บ อ ก ความสําคัญของสะเต็มศึกษาที่ใช้ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง ได้ ตอบคําถามใน ใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ สะเต็มศึกษาและกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรมได้ ตอบคําถามใน ใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน
56
57
58
59 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง อะตอม ธาตุและสารประกอบ จํานวน 1 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อธิบายเกี่ยวกับสมบัติของน้ํา และบอกความสําคัญของน้ําที่มีต่อสิ่งมีชีวิต และ ยกตัวอย่างธาตุชนิดต่างๆ ที่มีความสําคัญต่อร่างกายสิ่งมีชีวิต 2. สาระสําคัญ สิ่งมีชีวิตประกอบด้วยธาตุและสารประกอบ ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตมีน้ําเป็นองค์ประกอบมากที่สุด น้ําประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน และออกซิเจน มีสมบัติในการเป็นตัวทําละลายที่ดี เก็บความร้อนได้ดี และมี ความจุความร้อนสูง ซึ่งช่วยรักษาดุลยภาพของเซลล์ได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 สามารถอธิบายเกี่ยวกับอะตอม ธาตุและสารประกอบ (K) 3.2 สามารถยกตัวอย่างและบอกความสําคัญของธาตุชนิดต่างๆต่อสิ่งมีชีวิต (K) 3.3 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอะตอม ธาตุและสารประกอบ (P) 3.4 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ สิ่งมีชีวิตประกอบด้วยธาตุและสารประกอบ ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตมีน้ําเป็นองค์ประกอบมากที่สุด น้ําประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน และออกซิเจน มีสมบัติในการเป็นตัวทําละลายที่ดี เก็บความร้อนได้ดี และมี ความจุความร้อนสูง ซึ่งช่วยรักษาดุลยภาพของเซลล์ได้ ธาตุที่สิ่งมีชีวิตต้องการจะอยู่ในรูปของไอออน ในมนุษย์และสัตว์ธาตุจะช่วยให้การทํางานของระบบ ต่างๆ ในร่างกายดําเนินไปตามปกติ นอกจากนี้ ในกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อจะมีธาตุเป็นองค์ประกอบด้วย 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การวัด 5.3 การจําแนกประเภท 5.4 การลงความเห็นจากข้อมูล 5.5 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
60 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ให้นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียนของบทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต จํานวน 10 ข้อ 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตมีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบโดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลัก ประกอบด้วย 1.1 สิ่งมีชีวิตมีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหรือไม่ (แนวคําตอบ เป็น) 1.2 นอกจากสิ่งมีชีวิตมีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลักแล้ว ยังมีธาตุอื่นอีกหรือไม่ (แนวคําตอบ นอกจากจะมีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลักแล้วยังมีออกซิเจน และไฮโดรเจน) 2. ครูนํารูปภาพการเผาถ่านให้นักเรียนสังเกตภาพที่ปรากฏ 3. ใช้ชุดคําถามการสังเกตภาพดังกล่าวข้อ 2 กับนักเรียน ข้อคําถามหลักประกอบด้วย 3.1 จากภาพที่สังเกตคือภาพอะไร (แนวคําตอบ การเผาไหม้ถ่านหรือขี้เถ้า) 3.2 การเผาถ่านเกิดจากกระบวนการอะไรบ้าง (แนวคําตอบ การเผาถ่านเป็นการเผาไหม้ในภาวะที่มีออกซิเจน้อยทําให้เกิดการเผาไหม้จนไม้ เปลี่ยนเป็นถ่านที่มีสีดําประกอบด้วยธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม1 ให้นักเรียนสังเกตรูปภาพ 2.2-รูปภาพ 2.8 เพื่อให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับอะตอม ธาตุและสารประกอบ 2. ครูแจกใบงานเรื่อง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา
61 3. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอะตอม ธาตุ และสารประกอบจากแหล่งวิทยาการ ต่างๆเช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - นักเรียนคิดว่าธาตุต่างจากสารประกอบหรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ ต่างกัน ธาตุคือสารบริสุทธิ์ที่มีโมเลกุลประกอบด้วยอะตอมชนิดเดียวกัน และสารประกอบ คือ สารบริสุทธิ์เนื้อเดียวที่เกิดจากธาตุตั้งแต่สองชนิดขึ้นไป) - ยกตัวอย่างสารที่เป็นธาตุ และสารประกอบที่นักเรียนรู้จักในชีวิตประจําวัน (แนวคําตอบ ทองแดง ใช้ทําสายไฟฟูา สังกะสี ใช้ถ่านไฟฉาย แคลเซียมคลอไรด์ ใช้เป็นสาร ดูดความชื่น) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง อะตอม ธาตุและสารประกอบ ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธะไฮโดนเจน ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้/ สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง อะตอม ธาตุและสารประกอบ
62 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายเกี่ยวกับอะตอม ธาตุและสารประกอบ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป สามารถยกตัวอย่างและบอก ความสําคัญของธาตุชนิดต่างๆต่อ สิ่งมีชีวิต 2. P สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอะตอม ธาตุ และสารประกอบ ตรวจคุณภาพข้อมูล ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน
63
64
65
66 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง น้ํา จํานวน 1 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อธิบายเกี่ยวกับสมบัติของน้ํา และบอกความสําคัญของน้ําที่มีต่อสิ่งมีชีวิต และ ยกตัวอย่างธาตุชนิดต่างๆ ที่มีความสําคัญต่อร่างกายสิ่งมีชีวิต 2. สาระสําคัญ สิ่งมีชีวิตประกอบด้วยธาตุและสารประกอบ ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตมีน้ําเป็นองค์ประกอบมากที่สุด น้ําประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน และออกซิเจน มีสมบัติในการเป็นตัวทําละลายที่ดี เก็บความร้อนได้ดี และมี ความจุความร้อนสูง ซึ่งช่วยรักษาดุลยภาพของเซลล์ได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 สามารถอธิบายโครงสร้าง สมบัติของน้ํา (K) 3.2 บอกความสําคัญของน้ําที่มีต่อสิ่งมีชีวิต (K) 3.3 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับน้ํา (P) 3.4 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ สิ่งมีชีวิตประกอบด้วยธาตุและสารประกอบ ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตมีน้ําเป็นองค์ประกอบมากที่สุด น้ําประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน และออกซิเจน มีสมบัติในการเป็นตัวทําละลายที่ดี เก็บความร้อนได้ดีและมี ความจุความร้อนสูง ซึ่งช่วยรักษาดุลยภาพของเซลล์ได้ 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
67 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5E (5E Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และ ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับน้ําโดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลัก ประกอบด้วย 1.1 นักเรียนคิดว่าน้ํามีประโยชน์ต่อมนุษย์หรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ มีประโยชน์ น้ํามีความสําคัญต่อร่างกาย เช่น น้ําเป็นตัวกลางของการเกิดปฏิกิริยาเคมี การลําเลียงสาร การรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิ) 2. ครูนําเสนอภาพมนุษย์ดื่มน้ําให้นักเรียนสังเกต 3. ใช้ชุดคําถามเพื่อให้นักเรียนเห็นถึงความสําคัญของน้ําต่อสิ่งมีชีวิตกับนักเรียน โดยใช้ชุดคําถาม ข้อคําถามหลักประกอบด้วย 3.1 จากภาพที่สังเกตคือภาพอะไร (แนวคําตอบ ผู้หญิงและผู้ชายดื่มน้ํา) 3.2 ในชีวิตประจําวันของนักเรียนใช้น้ําในการอุปโภคบริโภคหรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ ใช้น้ํา ในด้านต่างๆเช่น อุปโภค บริโภค ด้านการเกษตร การอุตสาหกรรม การปศุสัตว์ เป็นต้น) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูอธิบายเรื่อง โครงสร้างโมเลกุลของน้ํา น้ํากับตัวทําละลาย น้ํากับสารที่มีสมบัติ ไฮโดรฟิลิกและ ไฮโดรโฟบิก น้ํากับแรงโคฮีชันและแรงแอดฮีชัน 2. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับน้ําจากแหล่งวิทยาการต่างๆเช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์ การสอน และหนังสือเรียน และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทํากิจกรรมตามคําชี้แจงใบงานและสามารถจัดกระทํา Mind Map เกี่ยวกับน้ํา ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - นักเรียนคิดว่าโครงสร้างของน้ําประกอบด้วยอะไรบ้าง เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา
68 (แนวคําตอบ ประกอบด้วยไฮโดรเจนและออกซิเจนยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะโคเวเลนต์) - พืชมีการลําเลียงน้ําได้อย่างไร (แนวคําตอบ แรงดึงจากการคายน้ําและจะเกิดขึ้นได้ดีเมื่อโมเลกุลของน้ําต่อกันไม่ขาดตอน ซึ่งเกิดจากแรงยึดเหนี่ยวด้วยพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของน้ํา เรียกว่า แรงโคฮีชัน และแรงยึดเหนี่ยว ระหว่างโมเลกุลน้ํากับพื้นผิว เช่น ผนังเซลล์ เรียกว่า แรงแอดฮีชัน) ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสารที่ใช้ในชีวิตประจําวัน โดยใช้คําถาม - สารในชีวิตประจําวันที่มีสมบัติไฮโดรฟิลึกและสารที่มีสมบัติไฮโดรโฟบิก มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง ประกอบ (แนวคําตอบ ไฮโดรฟิลิก เช่น น้ําตาลทราย เกลือแกง น้ําผึ่ง ด่างทับทิม ส่วนสารที่สมบัติไฮโดรโฟบิก เช่น น้ํามันพืช ไขมันสัตว์ เนย ขี้ผึ้ง เป็นต้น) ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 2. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 3. ครูสุ่มคําถาม จํานวน 10 ข้อ โดยการสุ่มจากวงล้อรายชื่อนักเรียน 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง ความสัญของสารอนินทรีย์ต่อสิ่งมีชีวิต 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายโครงสร้าง สมบัติ ของน้ํา ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ 3.2 บอกความสําคัญของน้ําที่มีต่อ ร้อยละ 80 ขึ้นไป สิ่งมีชีวิต 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับน้ํา ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน
69 ใบงาน เรื่อง ความสําคัญของน้ําต่อสิ่งมีชีวิต คําชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์เรื่อง ความสําคัญของน้ําต่อสิ่งมีชีวิต
70 พิจารณาจากผลงานของนักเรียน โดยอยู่ในดุลพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น เฉลยใบงาน เรื่อง ความสําคัญของสารอนินทรีย์ต่อสิ่งมีชีวิต คําชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์เรื่อง ความสําคัญของสารอนินทรีย์ต่อสิ่งมีชีวิต ความส าคัญของ น ้า ช่วยท าให้เกิดปฏิกิริยาเคมี ช่วยรักษาสมดุลของกรด-เบส ช่วยในการล าเลียงสาร ช่วยรักษาสมดุลของอุณหภูมิ เป็นตัวท าละลาย ความส าคัญของ แร่ธาตุ เป็นส่วนประกอบของ กระดูก ฟัน กล้ามเนื ้อ ช่วยรักษาสมดุลของกรด-เบส เป็นส่วนประกอบของโปรตีน เป็นส่วนประกอบของสารอินทรีย์ เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์
71
72
73
74 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง คาร์โบไฮเดรต จํานวน 2 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ระบุกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต รวมทั้งความสําคัญของ คาร์โบไฮเดรตที่มีต่อสิ่งมีชีวิต 2. สาระสําคัญ สารอินทรีย์มีธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก สารอินทรีย์ที่พบมากในร่างกาย สิ่งมีชีวิตมี 4 กลุ่ม ได้แก่คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ลิพิด และกรดนิวคลีอิก ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้เป็นส่วนประกอบ ของเซลล์ ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 อธิบายโครงสร้าง ความสําคัญ และชนิดของคาร์โบไฮเดรต (K) 3.2 สามารถจัดกระทํา Mind Map เกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรต (P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ คาร์โบไฮเดรตประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน แบ่งตามขนาดโมเลกุลได้เป็น 3 กลุ่ม คือ มอโนแซ็กคาไรด์ ไดแซ็กคาไรด์ และพอลิแซ็กคาไรด์ 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การวัด 5.3 การจําแนกประเภท 5.4 การลงความเห็นจากข้อมูล 5.5 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. บูรณาการ เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา ข้าวในท้องถิ่น
75 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับสารประกอบคาร์บอนโดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลักประกอบด้วย 1.1 นักเรียนคิดว่าสารประกอบคาร์บอนที่พบในสิ่งมีชีวิตมีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ลิพิด และกรดนิวคลิอิกเป็นต้น) 1.2 สารประกอบคาร์บอนเหล่านี้อะตอมได้แก่อะไรบ้างเป็นองค์ประกอบ (แนวคําตอบ คาร์บอนและไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก) 2. ครูนําภาพการรับประทานอาหารเช้าก่อนที่จะทํากิจกรรมในชีวิตประจําวันให้นักเรียนร่วมอภิปรายถึง ความสําคัญ 3. ใช้ชุดคําถามเพื่อให้นักเรียนเห็นถึงความสําคัญของคาร์โบไฮเดรตกับนักเรียน โดยใช้ชุดคําถาม ข้อคําถามหลักประกอบด้วย 3.1 จากภาพที่สังเกตคือภาพอะไร (แนวคําตอบ เด็กผู้ชายกําลังรับประทานอาหารเช้า) 3.2 นักเรียนคิดว่าคาร์โบไฮเดรตมีความสําคัญต่อสิ่งมีชีวิตหรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ คาร์โบไฮเดรตคือแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย โดยคาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรตมีความสําคัญต่อร่างกาย เช่น ให้พลังงาน เสริมสร้างสุขภาพ เป็นต้น) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม1 ให้นักเรียนสังเกตรูปภาพ 2.15-รูปภาพ 2.20เพื่อให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรต 2. ครูแจกใบงานเรื่อง คาร์โบไฮเดรต ประกอบด้วย โครงสร้าง กลุ่มของคาร์โบไฮเดรต และ ความสําคัญของคาร์โบไฮเดรตที่มีต่อสิ่งมีชีวิต 3. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรตจากแหล่งวิทยาการต่างๆเช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทํากิจกรรมตามคําชี้แจงใบงานและ สามารถจัดกระทํา Mind Map เกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรต ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - นักเรียนสามารถพบคาร์โบไฮเดรตได้ทั่วไปจากไหนบ้าง (แนวคําตอบ น้ําตาล แปูง เซลลูโลส และไกลโคเจน)
76 - คาร์โบไฮเดรตสามารถแบ่งตามขนาดโมเลกุลได้กี่กลุ่ม อะไรบ้าง (แนวคําตอบ 3 กลุ่ม คือ มอนอแซ็กคาร์ไซด์ ไดแซ็กคาไรด์ และพอลิแซ็กคาไรด์) - เราสามารถพลซูโครสได้จากผลไม้ชนิดใดบ้าง ยกตัวอย่าง (แนวคําตอบ อ้อย มะพร้าว และน้ําตาลโตนด เป็นต้น) - พอลิแซ็กคาไรด์เกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวตอบ : เกิดจากมอโนแซ็กคาไรด์ 11-1,000 โมเลกุลเชื่อมต่อกันด้วยพันธะไกลโคซิดิก) - จงอธิบายลักษณะและแหล่งที่พบแปูง เซลลูโลส และไกลโคเจน (แนวตอบ : แปูง ประกอบด้วยกลูโคสเรียงตัวต่อกันเป็นเส้นยาว ซึ่งถ้าไม่มีการแตกแขนง จะ ได้อะไมโลส แต่ถ้ามีการแตกแขนง จะได้อะไมโลเพกทิน พบในพืช เซลลูโลส ประกอบด้วยกลูโคสเรียงตัวต่อกันเป็นเส้นยาวที่ไม่แตกแขนง เส้นใยเหนียว ไม่ละลายน้ํา พบในพืช ไกลโคเจน ประกอบด้วยกลูโคสเรียงตัวต่อกันเป็นเส้นยาวที่มีการแตกแขนง พบในสัตว์) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง คาร์โบไฮเดรต ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําคัญคาร์โบไฮเดรต โดยใช้คําถาม - คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานในเซลล์ เช่นอะไรบ้าง (แนวคําตอบ เซลลูโลส) - แปูง และเซลลูโลส จัดเป็นอาหารสะสมของพืชหรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ แปูงจัดเป็นอาหารสะสมของพืช และสัตว์จัดเป็นอาหารสะสมของสัตว์) ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - Mind Map เรื่อง คาร์โบไฮเดรต
77 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K อธิบายโครงสร้าง ความสําคัญ และ ชนิดของคาร์โบไฮเดรต ตรวจ Mind Map แบบประเมิน Mind Map ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P สามารถจัดกระทํา Mind Map เกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรต Mind Map แบบประเมิน Mind Map ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน
78
79
80
81 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ลิพิด จํานวน 2 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างของลิพิด และความสําคัญของลิพิดที่มีต่อสิ่งมีชีวิต 2. สาระสําคัญ สารอินทรีย์มีธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก สารอินทรีย์ที่พบมากในร่างกาย สิ่งมีชีวิตมี 4 กลุ่ม ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ลิพิด และกรดนิวคลีอิก ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้เป็นส่วนประกอบ ของเซลล์ ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 อธิบายโครงสร้าง ความสําคัญ และชนิดของลิพิด (K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลิพิด (P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ ลิพิดประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน เป็นสารประกอบที่ละลายได้ดี ในตัวทํา ละลายที่เป็นสารอินทรีย์ ลิพิดกลุ่มสําคัญที่พบในสิ่งมีชีวิต เช่น กรดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ ฟอสโฟลิพิด สเตอรอยด์ 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. บูรณาการ เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา -
82 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับโปรตีนโดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลักประกอบด้วย 1.1 เมื่อกล่าวถึงลิพิด นักเรียนนึกถึงสารชนิดใดบ้าง (แนวตอบ: น้ํามัน ไขมัน ไข) 1.2 ลิพิดมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร (แนวตอบ : ลิพิดมีเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยปูองกันการ กระทบกระเทือนของอวัยวะภายใน) 2. ครูภาพอาหารที่มีลิพิดเป็นองค์ประกอบที่พบได้ในชีวิตประจําวัน เช่น อาหารจําพวกน้ํามัน ไขมัน และเนย ให้นักเรียนร่วมอภิปรายถึงความสําคัญของลิพิดโดยการใช้คําถาม 3. ใช้ชุดคําถามเพื่อให้นักเรียนเห็นถึงลิพิดกับนักเรียน โดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลักประกอบด้วย 3.1 ภาพอาหารที่ครูนําให้สังเกตจัดเป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของสารอินทรีย์ประเภทใด (แนวคําตอบ ลิพิด) 3.2 นักเรียนคิดว่าลิพิดมีความสําคัญต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไร (แนวคําตอบ เป็นแหล่งเกิดของวิตามินที่ละลายในไขมัน ให้กรดไขมันที่จําเป็นแก่ร่างกาย เป็นต้น) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม1 ให้นักเรียนสังเกตรูปภาพ 2.24-รูปภาพ 2.28 เพื่อให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับลิพิด 2. ครูแจกใบงานเรื่อง ลิพิด ให้นักเรียน ประกอบด้วย โครงสร้าง กลุ่มของลิพิดและความสําคัญของ ลิพิดที่มีต่อสิ่งมีชีวิต 3. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลิพิดจากแหล่งวิทยาการต่างๆเช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์ การสอน และหนังสือเรียน และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทํากิจกรรมตามคําชี้แจงใบงาน ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - โมเลกุลของไขมันและน้ํามันประกอบด้วยหน่วยย่อยใดบ้าง (แนวตอบ : โมเลกุลของไขมันและน้ํามันประกอบด้วยหน่วยย่อย 2 ส่วน ได้แก่ กรดไขมัน (fatty acid) และกลีเซอรอล (glycerol))
83 - กรดไขมันมีสมบัติอย่างไร (แนวตอบ: ไม่ละลายน้ํา จุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูงขึ้นตามจํานวนคาร์บอนอะตอม) - กรดไขมันอิ่มตัวกับกรดไขมันไม่อิ่มตัวแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ: กรดไขมันอิ่มตัว อะตอมของคาร์บอนในโมเลกุลต่อกันด้วยพันธะเดี่ยว พบใน ไขมันจากสัตว์ หรือจากพืชบางชนิด เช่น น้ํามันมะพร้าว น้ํามันปาล์ม กรดไขมันไม่อิ่มตัว อะตอมของคาร์บอนในโมเลกุลต่อกันด้วยพันธะคู่ ทําปฏิกิริยากับ ออกซิเจนในอากาศ เกิดเป็นสารประเภทเพอร์ออกไซด์ ทําให้เกิดกลิ่นเหม็นหืน) - การรวมตัวกันระหว่างโมเลกุลกรดไขมันกับโมเลกุลกลีเซอรอล เรียกว่าปฏิกิริยาอะไร (แนวตอบ: ดีไฮเดรชัน (dehydration) หรือปฏิกิริยาควบแน่น (condensation)) - จงยกตัวอย่างลิพิดเชิงซ้อน และลิพิดอนุพันธ์ (แนวตอบ: ลิพิดเชิงซ้อน เช่น ฟอสโฟลิพิด ไกลโคลิพิด ลิโพโปรตีน ลิพิดอนุพันธ์ เช่น คอเลสเตอรอล โพรเจสเทอโรน เทสโทสเทอโรน) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง ลิพิด ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดสอบหาปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวในน้ํามันชนิดต่างๆ สามารถ ทดสอบหาปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัว โดยให้ทําปฏิกิริยากับไอโอดีน ซึ่งไอโอดีนสามารถเข้าทําปฏิกิริยาบริเวณ พันธะคู่ระหว่างอะตอมคาร์บอน เกิดเป็นสารที่ไม่มีสี ดังนั้น หากน้ํามันมีปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวอยู่มาก จะสามารถฟอกสีของไอโอดีนได้มาก ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง ลิพิด 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง ลิพิด
84 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K อธิบายโครงสร้าง ความสําคัญ และ ชนิดของลิพิด ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลิพิด ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน
85
86
87
88 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง กรดนิวคลิอิก จํานวน 1 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างของกรดนิวคลีอิก ระบุกลุ่มของกรดนิวคลีอิก และความสําคัญ ของกรดนิวคลีอิกที่มีต่อสิ่งมีชีวิต 2. สาระสําคัญ สารอินทรีย์มีธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก สารอินทรีย์ที่พบมากในร่างกาย สิ่งมีชีวิตมี 4 กลุ่ม ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ลิพิด และกรดนิวคลีอิก ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้เป็นส่วนประกอบ ของเซลล์ ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 อธิบายโครงสร้าง ความสําคัญ และชนิดของกรดนิวคลีอิกได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกรดนิวคลีอิก (P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ กรดนิวคลีอิกประกอบด้วยหน่วยย่อย เรียกว่า นิวคลีโอไทด์โมเลกุลของนิวคลีโอไทด์ประกอบด้วยหมู่ ฟอสเฟต น้ําตาลที่มีคาร์บอน 5 อะตอม และเบสที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ กรดนิวคลีอิกเป็นองค์ประกอบของสารพันธุกรรมทําหน้าที่เก็บและถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรม มี2 ชนิด คือ DNA และ RNA 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
89 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) และ เกมส์ (Game) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับสารพันธุกรรม โดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลักประกอบด้วย 1.1 ลักษณะของสิ่งมีชีวิตถูกควบคุมด้วยสารใดภายในเซลล์ (แนวคําตอบ สารพันธุกรรม) 1.2 สารพันธุกรรมคือสารประกอบคาร์บอนชนิดใด มีกี่ชนิด อะไรบ้าง (แนวคําตอบ สารพันธุกรรมเป็นกรดนิวคลีอิก มี 2 ชนิด คือ DNA และ RNA) 2. ครูเปิดภาพเกี่ยวกับโครงสร้างกรดนิวคลีอิก ให้นักเรียนสังเกต 3. ใช้ชุดคําถามการสังเกตรูปภาพดังกล่าวข้อ 2 กับนักเรียน ข้อคําถามหลักประกอบด้วย 3.1 จากรูปภาพที่นักเรียนสังเกตเกี่ยวกับอะไร (แนวคําตอบ โครงสร้างกรดนิวคลีอิก) 3.2 นิวคลีโอไทด์ประกอบส่วนย่อยกี่ส่วน อะไรบ้าง (แนวคําตอบ น้ําตาลที่มีคาร์บอน 5 อะตอม เบสที่มีไนโตรเจน และหมู่ฟอสเฟต) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูชี้แจงเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่จะศึกษาคือ กรดนิวคลิอิก และชี้แจงเกี่ยวกับกิจกรรมเกมส์สร้าง DNA และ RNA 2. ครูเตรียมบัตรข้อความ คือ เบสอะดีนีน (A) กวานีน (G) ไซโตซีน (C) ไทมีน (T) และยูราซิล(U) จํานวน 35 อัน และใส่ไว้ในซองที่ปิด 3. ให้นักเรียนฟังคําสั่ง และปฏิบัติตามคําสั่งการเล่นแต่ละรอบใช้เวลารอบละ 1 นาที 4. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนโดยใช้สื่อดิจิทัล YouTube เรื่อง กรดนิวคลิอิก และให้นักเรียนศึกษา สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกรดนิวคลิอิก จากแหล่งวิทยาการต่างๆเช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน 3. ให้นักเรียนทํากิจกรรมตามคําชี้แจงใบงานเรื่อง กรดนิวคลิอิก ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - โมเลกุลของDNA ประกอบด้วยอะไรบ้าง (แนวคําตอบ พอลินิวคลีโอไทด์ที่ต่อกันเป็นสายยาวด้วยพันธะฟอสโฟไดเอสเทอร์ 2 สาย) เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา
90 - โครงสร้างของ RNA มีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างจากโมเลกุลของ DNA อย่างไร (แนวคําตอบ โมเลกุลของ RNA ประกอบด้วย พอลินิวคลีโอไทด์เพียง 1 สาย โดยมี 4 เบส คือ อะดีนีน (A) กวานีน (G) ไซโตซีน (C) และยูราซิล(U) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยน้ําตาลไรโบส ซึ่ง คาร์บอนตําแหน่งที่ 2 มีหมู่ไฮดรอกซิล) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง กรดนิวคลิอิก ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกรดนิวคลิอิกโดยใช้คําถาม - สารที่ทําหน้าที่ควบคุมการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม และปัจจุบันได้อาศัยความรู้ทางด้านการ เรียงลําดับ DNA มาใช้ประโยชน์อย่างไร (แนวคําตอบ ประโยชน์ด้านการแพทย์ เช่น กรตรวจหาโรคทางพันธุกรรม การตรวจหาโรคมะเร็ง ด้าน การพิสูจน์หลักฐาน คดีอาญา หรือ ฆาตกรรม เป็นต้น ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง กรดนิวคลิอิก 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง กรดนิวคลิอิก 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K อธิบายโครงสร้าง ความสําคัญ และ ชนิดของกรดนิวคลีอิกได้ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกรด นิวคลีอิก ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน
91
92
93
94 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง วิตามิน จํานวน 1 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นาฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างของกรดนิวคลีอิก ระบุกลุ่มของกรดนิวคลีอิก และความสําคัญ ของกรดนิวคลีอิกที่มีต่อสิ่งมีชีวิต 2. สาระสําคัญ วิตามินเป็นสารอินทรีย์ที่มีความจําเป็นต่อชีวิตและการเจริญเติบโตของร่างกาย วิตามินเป็น สารอาหารที่ไม่ให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ร่างกายต้องการวิตามินเพียงเล็กน้อยแต่ขาดไม่ได้ เนื่องจากวิตามินเป็นส่วนประกอบของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ถ้าขาดจะทําให้ระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทํางานผิดปกติวิตามินในอาหารทั่วไปที่เรารับประทานซึ่งปริมาณวิตามินในแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน อาหาร บางชนิดมีวิตามินหลายชนิดเป็นส่วนประกอบ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 บทบาท หน้าที่ โครงสร้างสารอาหารประเภทของวิตามินได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับวิตามิน (P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ - วิตามิน 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
95 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ สารอาหารประเภทวิตามิน โดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลัก ประกอบด้วย 1.1 ร่างกายสิ่งมีชีวิต จําเป็นต้องได้รับวิตามินหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : จําเป็น เพราะวิตามินช่วยควบคุมการทํางานของระบบต่างๆ ในร่างกายให้ทํางานได้ อย่างปกติ ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินได้เอง จึงจําเป็นต้องได้รับจากสารอาหาร) 1.2 ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างอาการหรือโรคที่เกิดจากการขาดวิตามิน (แนวตอบ : พิจารณาจากคําตอบของนักเรียน ตัวอย่างเช่น - โรคตาบอดกลางคืน เกิดจากการขาดวิตามินเอ - โรคเหน็บชา เกิดจากการขาดวิตามินบี 1 - โรคลักปิดลักเปิด เกิดจากการขาดวิตามินซี - โรคกระดูกอ่อน เกิดจากการขาดวิตามินดี - เลือดแข็งตัวช้า เกิดจากการขาดวิตามินเค) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 5 กลุ่ม จําแนกเป็น เก่ง ปานกลาง อ่อน (1:2:2) 2. ครูให้นักเรียนในกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับวิตามินชนิดต่างๆ ดังนี้ - คนที่ 1 ศึกษาวิตามินซี - คนที่ 2 ศึกษาวิตามินบี - คนที่ 3 ศึกษาวิตามินเอ - คนที่ 4 ศึกษาวิตามินดี - คนที่ 5 ศึกษาวิตามินอี - คนที่ 6 ศึกษาวิตามินเค สรุปสาระสําคัญในประเด็นของความสําคัญ และแหล่งที่พบลงในสมุดบันทึกของนักเรียน 3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปความรู้ที่ศึกษาเป็นแผนผังความคิดในรูปแบบ mind mapping ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - ร่างกายสิ่งมีชีวิต จําเป็นต้องได้รับวิตามินหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : จําเป็น เพราะวิตามินช่วยควบคุมการทํางานของระบบต่างๆ ในร่างกายให้ทํางานได้ อย่างปกติ ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินได้เอง จึงจําเป็นต้องได้รับจากสารอาหาร) - วิตามินพบได้มากในอาหารประเภทใด (แนวตอบ : วิตามินพบได้ในอาหารหลายชนิด แต่พบได้มากในผลไม้) เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา