The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 107 ฤชากร จันสุภีร์, 2024-01-31 04:26:19

แผนเทอม 1

แผนเทอม 1

Keywords: แผน

96 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง วิตามิน ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแหล่งอาหารที่ให้สารอาหารประเภทวิตามิน ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง วิตามิน 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง วิตามิน 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K บทบาท หน้าที่ โครงสร้าง สารอาหารประเภทของวิตามินได้ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ วิตามิน ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์


97


98


99


100 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เอนไซม์ จํานวน 1 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อธิบายการทํางานของเอนไซม์ในการเร่งปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิตและระบุปัจจัยที่มีผลต่อการทํางาน ของเอนไซม์ 2. สาระสําคัญ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต มี 2 ประเภท คือ ปฏิกิริยาคายพลังงานและปฏิกิริยาดูดพลังงาน ปฏิกิริยาเหล่านี้จําเป็นต้องอาศัยเอนไซม์ช่วยเร่งปฏิกิริยา ความเป็นกรด-เบส อุณหภูมิ ความเข้มข้นของสารตั้ง ต้น และความเข้มข้นของเอนไซม์มีผลต่อปฏิกิริยาต่างๆ ในเซลล์ ปฏิกิริยาอาจหยุดชะงักหรือหยุดไปถ้ามีสารที่ มีสมบัติยับยั้งการทํางานของเอนไซม์เข้ารวมกับเอนไซม์หรือสารตั้งต้น 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 สามารถอธิบายกลไกการทํางานของเอนไซม์ในการเร่งปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิต และการยับยั่งการ ทํางานของเอนไซม์(K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเอนไซม์(P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ เอนไซม์ส่วนใหญ่เป็นสารอินทรีย์ประเภทโปรตีน ทําหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี ในขณะที่เกิดปฏิกิริยาเคมี ในเซลล์ สารตั้งต้นจะเข้าไปจับกับเอนไซม์ที่บริเวณจําเพาะของเอนไซม์ที่เรียกว่า บริเวณเร่ง ถ้าสารตั้งต้นมี โครงสร้างเข้ากับบริเวณเร่งได้ สารตั้งต้นนั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นสารผลิตภัณฑ์ อุณหภูมิ สภาพความเป็นกรด-เบส และตัวยับยั้งเอนไซม์ เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการทํางานของเอนไซม์ 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


101 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมี โดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลักประกอบด้วย 1.1 จงยกตัวอย่างปฏิกิริยาเคมีที่นักเรียนรู้จัก 3 ปฏิกิริยา (แนวคําตอบ การเกิดสนิม การผุกร่อน การเผาไหม้เชื้อเพลิง กระบวนการย่อยอาหาร กระบวนการ สังเคราะห์แสง กระบวนการสร้างโมเลกุลใหญ่ ) 1.2 นักเรียนคิดว่ากระบวนการย่อยอาหารต่างจากการเกิดสนิมหรือไม่อย่างไร (แนวคําตอบ ต่างกัน การเกิดสนิมคือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมภายนอกแต่กระบวนการ ย่อยคือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมภายใน) 1.3 ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิตควรเป็นเช่นไร เพราะเหตุใด (แนวคําตอบ การเกิดปฏิกิริยาในสิ่งมีชีวิตเกิดได้อย่างรวดเร็ว มีความจําเพาะ และควบคุมได้) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม1 ให้นักเรียนสังเกตรูปภาพ 2.39-รูปภาพ 2.47 เพื่อให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับเอนไซม์ 2. ครูแจกใบงานเรื่อง เอนไซม์ ให้นักเรียน 3. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเอนไซม์ จากแหล่งวิทยาการต่างๆ เช่นอินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน และให้นักเรียนทํากิจกรรมตามคําชี้แจงใบงาน เรื่อง เอนไซม์ ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - เอนไซม์มีสมบัติอย่างไร (แนวตอบ : เอนไซม์เป็นโปรตีนทรงกลม มีความจําเพาะเจาะจง มีประสิทธิภาพการทํางานสูง คง สภาพเดิมตลอดปฏิกิริยา แต่อาจเสียสภาพเมื่อได้รับความร้อน หรืออยู่ในภาวะกรด-เบสที่ไม่เหมาะสม) - การเรียกชื่อเอนไซม์มีกี่วิธี อย่างไรบ้าง (แนวตอบ : การเรียกชื่อเอนไซม์มี 3 วิธีได้แก่ 1. เรียกตามชนิดของสารตั้งต้น โดนเติม –ase ลงไป ท้ายชื่อสารตั้งต้น 2. เรียกตามชนิดของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น โดยเติม –ase ลงไปท้ายชื่อปฏิกิริยา 3. เรียกชื่อ เฉพาะ) - เอนไซม์มีกลไกการทํางานอย่างไร (แนวตอบ : เอนไซม์จะไปลดพลังงานก่อกัมมันต์หรือพลังงานกระตุ้นในการเกิดปฏิกิริยา และทําให้ สารตั้งต้นชนกันในทิศทางที่เหมาะสม) เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา


102 - เอนไซม์เข้าจับสารตั้งต้นที่บริเวณใด (แนวตอบ : บริเวณเร่ง (active site) - การจับกันระหว่างเอนไซม์กับสารตั้งต้นมีกี่ทฤษฎี อะไรบ้าง (แนวตอบ : 2 ทฤษฎี ได้แก่ 1. ทฤษฎีแม่กุญแจและลูกกุญแจ 2. ทฤษฎีการเหนี่ยวนํา) - ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการทํางานของเอนไซม์ (แนวตอบ : 1. ความเข้มข้นของเอนไซม์ 2. ความเข้มข้นของสารตั้งต้น 3. ความเป็นกรด-เบส 4. อุณหภูมิ) - เอนไซม์ช่วยลดพลังงานกระตุ้นได้อย่างไร (แนวคําตอบ การทํางานของเอนไซม์เกิดจากการที่สารตั้งต้นเข้ามาจับที่บริเวณเร่งทําให้มีโครงสร้าง และสภาวะเหมาะสมที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงพันธะเคมีของสารตั้งต้นได้เป็นสารผลิตภัณฑ์ ดังนั้นการทํางาน ของเอนไซม์จึงสามารถลดพลังงานกระตุ้นของปฏิกิริยาลงได้) - ในขณะเกิดปฏิกิริยาเคมีสารตั้งต้นจะเปลี่ยนไปเป็นสารผลิตภัณฑ์หลังเกิดปฏิกิริยาเอนไซม์จะมีการ เปลี่ยนแปลงหรือไม่ (แนวคําตอบ หลังเกิดปฏิกิริยาโครงสร้างของเอนไซม์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและยังสามารถกลับมาเร่ง ปฏิกิริยาได้ใหม่) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง เอนไซม์ ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกชื่อเอนไซม์ ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง เอนไซม์ 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต


103 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายกลไกการทํางาน ของเอนไซม์ในการเร่งปฏิกิริยาเคมี ในสิ่งมีชีวิต และการยับยั่งการ ทํางานของเอนไซม์ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ เอนไซม์ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน


104 ใบความรู้ เรื่อง ประเภทของปฏิกิริยาเคมี จากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทําให้ทราบว่า โมเลกุลของน้ําเกิดจากอะตอมของธาตุออกซิเจนสร้างพันธะ กับอะตอมของธาตุไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพันธะโคเวเลนซ์ เมื่อทดลองแยกน้ําด้วยไฟฟูา โมเลกุลของน้ําจะแตกตัว ให้โมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจน และโมเลกุลของแก๊สออกซิเจน ดังสมการ เมื่อจุดไฮโดรเจนในอากาศที่มีแก๊สออกซิเจนอยู่ จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เนื่องจากแก๊สทั้งสองจะ รวมตัวกัน และคายพลังงานออกมา ดังสมการ จากสมการทั้งสองจะเห็นได้ว่า ปฏิกิริยาการแยกน้ําด้วยไฟฟูาจะต้องใช้พลังงาน ส่วนปฏิกิริยาการรวมตัว กันระหว่างแก๊สไฮโดรเจนกับแก๊สออกซิเจนกลายเป็นน้ํา จะได้พลังงานออกมา โมเลกุลของสารทุกชนิดมีพลังงานสะสมอยู่ในรูปของพลังงานพันธะ (bond energy) ซึ่งจากการศึกษา การเปลี่ยนแปลงพลังงานในระหว่างเกิดปฏิกิริยาเคมี พบว่า เมื่อพลังงานพันธะของสารตั้งต้นเป็นจุดเริ่มต้น ของปฏิกิริยา และพลังงานพันธะของผลิตภัณฑ์เป็นจุดสิ้นสุดของปฏิกิริยา ปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้นได้ 2 ลักษณะ ดังนี้ 2H2O + พลังงาน 2H2 + O2 2H2 + O2 2H2O + พลังงาน ถ้ าพลังงานพันธะของสารตั ้งต้ นสูงกว่า พลังงานพันธะของผลิตภัณฑ์ เมื่อเกิดปฏิกิริยา จะมีพลังงานส่วนเกินถูกปลดปล่อยออกมา ซึ่ง เรียกปฏิกิริยาแบบนี ้ว่า ปฏิกิริยาคายพลังงาน (exergonic reaction) ถ้าพลังงานพันธะของสารตั ้งต้นต ่ากว่าพลังงาน พันธะของผลิตภัณฑ์ จ าเป็นต้องใช้พลังงาน ภายนอกเข้าไปในปฏิกิริยา เรียกปฏิกิริยาแบบนี ้ ว่า ปฏกิิริยาดูดพลังงาน (endergonic reaction)


105 ใบงาน เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการทํางานของเอนไซม์ คําชี้แจง : ให้นักเรียนออกแบบและดําเนินการทดลองเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการทํางานของเอนไซม์ วิธีดําเนินการ 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ออกแบบและดําเนินการทดลองเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการ ทํางานของเอนไซม์ 2. กําหนดปัจจัยที่มีผลต่อการทํางานของเอนไซม์โดยไม่ซ้ํากับกลุ่มอื่น ๆ 3. กําหนดปัญหา สมมติฐาน ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม และออกแบบการทดลอง โดยบันทึก ลงในกรอบด้านล่าง 4. ปฏิบัติการทดลองตามที่ออกแบบไว้ บันทึกผล และนําเสนอผลงาน


106 เฉลยใบงาน เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการทํางานของเอนไซม์ คําชี้แจง : ให้นักเรียนออกแบบและดําเนินการทดลองเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการทํางานของเอนไซม์ วิธีดําเนินการ 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ออกแบบและดําเนินการทดลองเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการ ทํางานของเอนไซม์ 2. กําหนดปัจจัยที่มีผลต่อการทํางานของเอนไซม์โดยไม่ซ้ํากับกลุ่มอื่น ๆ 3. กําหนดปัญหา สมมติฐาน ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม และออกแบบการทดลอง โดยบันทึก ลงในกรอบด้านล่าง 4. ปฏิบัติการทดลองตามที่ออกแบบไว้ บันทึกผล และนําเสนอผลงาน พิจารณาจากผลงานของนักเรียน โดยอยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ความเข้มข้นของสารตั้งต้นต่อการท างานของเอนไซม์ ปัญหา : ความเข้มข้นของสารตั ้งต้นมีผลต่อการท างานของเอนไซม์หรือไม่ สมมติฐาน : ถ้าความเข้มข้นของสารตั ้งต้นมีผลต่อการท างานของเอนไซม์ ดังนั ้น ถ้าเปลี่ยน ความเข้มข้นของสารตั ้งต้น อัตราการท างานของเอนไซม์จะเปลี่ยนแปลงไป ตัวแปรต้น : ความเข้มข้นของสารตั ้งต้น ตัวแปรตาม : อัตราการท างานของเอนไซม์ ตัวแปรควบคุม: ภาชนะที่ใส่ อุณหภูมิ การออกแบบการทดลอง :


107 พิจารณาจากผลงานของนักเรียน โดยอยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ความเข้มข้นของเอนไซม์ต่อการท างานของเอนไซม์ ปัญหา : ความเข้มข้นของเอนไซม์มีผลต่อการท างานของเอนไซม์หรือไม่ สมมติฐาน : ถ้าความเข้มข้นของเอนไซม์มีผลต่อการท างานของเอนไซม์ ดังนั ้น ถ้าเปลี่ยน ความเข้มข้นของเอนไซม์ อัตราการท างานของเอนไซม์จะเปลี่ยนแปลงไป ตัวแปรต้น : ความเข้มข้นของเอนไซม์ ตัวแปรตาม : อัตราการท างานของเอนไซม์ ตัวแปรควบคุม: ภาชนะที่ใส่ อุณหภูมิ การออกแบบการทดลอง : 1. นําถั่วงอกประมาณ 20 กรัม มาบดในโกร่งบดยาแล้วเติมน้ํากลั่น 20 ลูกบาศก์เซนติเมตรคนให้ เข้ากัน จากนั้นใช้ผ้าขาวบางคั้นเอาน้ําเก็บไว้ 2. เจือจางสารจากข้อ 1. ให้ได้ความเข้มข้นต่างกัน 3 ระดับ โดยการเติมน้ํากลั่นลงไป 3. ใส่ H2O2 ความเข้มข้น 3% ลงในหลอดทดลอง 3 หลอด หลอดละ 5 ลูกบาศก์เซนติเมตรแล้วใส่ สารจากข้อ 2. ความเข้มข้นละ 5 ลูกบาศก์เซนติเมตร 7. ปิดหลอดทดลองทั้งสามหลอดด้วยจุกยางสังเกตและบันทึกผลการทดลอง


108


109


110


111 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ จํานวน 2 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) บอกวิธีการและเตรียมตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเพื่อศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง วัดขนาด โดยประมาณและวาดภาพที่ปรากฏภายใต้กล้อง บอกวิธีการใช้และการดูแลรักษากล้องจุลทรรศน์ที่ถูกต้อง 2. สาระสําคัญ กล้องจุลทรรศน์เป็นเครื่องมือที่ใช้ศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า และรายละเอียดโครงสร้างของเซลล์กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบเชิงประกอบ และกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง แบบสเตอริโออาศัยเลนส์ในการทําให้เกิดภาพขยาย กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนทําให้เกิดภาพขยาย โดยอาศัยเลนส์แม่เหล็กไฟฟูารวมลําอิเล็กตรอน ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ชนิดส่องผ่านและชนิดส่องกราด 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 ระบุส่วนประกอบ แลบอกหน้าที่ของส่วนประกอบกล้องจุลทรรศน์ใช้แสงได้ (K) 3.2 บอกวิธีการใช้ และการดูแลรักษากล้องจุลทรรศน์ใช้แสงที่ถูกต้องได้ (K) 3.3 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์ (P) 3.4 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ - กล้องจุลทรรศน์เป็นเครื่องมือที่ใช้ศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าและ รายละเอียดโครงสร้างของเซลล์ - กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบเชิงประกอบ และกล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบสเตอริโออาศัยเลนส์ในการ ทําให้เกิดภาพขยาย - กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนทําให้เกิดภาพขยาย โดยอาศัยเลนส์แม่เหล็กไฟฟูารวมลําอิเล็กตรอน ซึ่ง มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ชนิดส่องผ่านและชนิดส่องกราด 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


112 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ให้นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียนของบทที่ 3 เซลล์และการทํางานของเซลล์จํานวน 10 ข้อ 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเซลล์ โดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลักประกอบด้วย 1.1 เซลล์คืออะไร (แนวคําตอบ เซลล์ (Cell) หมายถึง หน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต มีรูปร่างลักษณะ และขนาดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของสิ่งมีชีวิตและหน้าที่ของเซลล์เหล่านั้นเซลล์ที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ ไมโครพลาสมา) 1.2 นักเรียนทราบหรือไม่ เซลล์ที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ (แนวคําตอบ เซลล์ที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ ไมโครพลาสมา) 2. ครูเปิดรูปภาพเกี่ยวกับจุลชีวิทยา ให้นักเรียนสังเกตโดยการใช้คําถาม 3. ใช้ชุดคําถามการสังเกตภาพดังกล่าวข้อ 2 กับนักเรียน ข้อคําถามหลักประกอบด้วย 3.1 จากภาพนักเรียนคิดว่าเชื้อโรคที่นักเรียนเห็นสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือไม่ (แนวคําตอบ ไม่สามารถมองเห็นได้ตาเล่า ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ในการส่องดูเชื้อโรค) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม1 ให้นักเรียนสังเกตรูปภาพ 3.1-รูปภาพ 3.4 เพื่อให้นักเรียนศึกษาการเกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์ 2. ครูแจกใบงานเรื่อง กล้องจุลทรรศน์ให้นักเรียน เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา


113 3. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์ จากแหล่งวิทยาการต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน และให้นักเรียนทํากิจกรรมตามคําชี้แจงใบงานเรื่อง กล้อง จุลทรรศน์ ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดากับกล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบสเตอริโอใช้ศึกษาวัตถุที่มี ลักษณะเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : ไม่เหมือนกัน โดยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดา ใช้ศึกษาวัตถุที่มีขนาดเล็ก มากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ส่วนกล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบสเตอริโอ ใช้ศึกษาวัตถุที่มี ขนาดเล็กที่ยังสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เห็นรายละเอียดไม่เพียงพอ) - หากใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดาศึกษาเซลล์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อมองภาพลํากล้องเห็นภาพ เซลล์แล้ว แต่เไม่ชัดเจน นักเรียนควรปฏิบัติอย่างไร (แนวตอบ : หมุนปุุมปรับภาพละเอียด) - หากต้องการเคลื่อนย้ายกล้องจุลทรรศน์ นักเรียนควรปฏิบัติอย่างไร (แนวตอบ : ใช้มือข้างหนึ่งจับที่แขนกล้อง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งสอดไว้ใต้กล้อง แล้วเคลื่อนย้ายอย่าง ระมัดระวัง) - ภาพที่ได้จากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่านกับกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่อง กราด เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : เหมือนกัน โดยได้ภาพขาว-ดํา แต่แตกต่างกัน โดยภาพที่ได้จากกล้องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน เป็นภาพ 2 มิติ ส่วนภาพที่ได้จากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกรด เป็นภาพ 3 มิติ) - กล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ศึกษาภายในโรงเรียนส่วนใหญ่ เป็นกล้องชนิดใด (แนวตอบ : กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดา) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง กล้องจุลทรรศน์ ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้งานของกล้องจุลทรรศน์ ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง กล้องจุลทรรศน์


114 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K ระบุส่วนประกอบ แลบอกหน้าที่ ของส่วนประกอบกล้องจุลทรรศน์ ใช้แสงได้ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป บอกวิธีการใช้ และการดูแลรักษา กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงที่ถูกต้องได้ 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกล้อง จุลทรรศน์ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน


115


116


117


118 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ (การทดลอง) จํานวน 2 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) บอกวิธีการและเตรียมตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเพื่อศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง วัดขนาด โดยประมาณและวาดภาพที่ปรากฏภายใต้กล้อง บอกวิธีการใช้และการดูแลรักษากล้องจุลทรรศน์ที่ถูกต้อง 2. สาระสําคัญ กล้องจุลทรรศน์เป็นเครื่องมือที่ใช้ศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า และรายละเอียดโครงสร้างของเซลล์กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบเชิงประกอบ และกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง แบบสเตอริโออาศัยเลนส์ในการทําให้เกิดภาพขยาย กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนทําให้เกิดภาพขยาย โดยอาศัยเลนส์แม่เหล็กไฟฟูารวมลําอิเล็กตรอน ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ชนิดส่องผ่านและชนิดส่องกราด 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 บอกวิธีการและเตรียมตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเพื่อศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์(K) 3.2 วัดขนาดโดยประมาณและวาดภาพตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิง ประกอบ (P) 3.3 ทํากิจกรรมเพื่อศึกษาโครงสร้างและขนาดของเซลล์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ได้(P) 3.4 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ - การศึกษาเซลล์ของสิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ - การศึกษาลักษณะเซลล์ในสภาพแวดล้อมต่างกัน 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


119 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : การทดลอง ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับการศึกษาเซลล์ของสิ่งมีชีวิตโดยใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง โดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลักประกอบด้วย 1.1 นักเรียนคิดว่าในการศึกษาสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าควรใช้สิ่งใดใน การศึกษา (แนวคําตอบ กล้องจุลทรรศน์) 1.2 เพราะเหตุใด เราจึงต้องใช้กล้องจุลทรรศน์มาใช้ในการศึกษาสิ่งมีชีวิต (แนวคําตอบ เซลล์ของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เราจึงจําเป็นต้องใช้ เครื่องมือที่ช่วยในการมองเห็น โดยเฉพาะวัตถุที่มีขนาดเล็ก ขนาดไมโครเมตร และระดับนาโนเมตร นั้นคือ กล้องจุลทรรศน์) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 5 กลุ่ม จําแนกเป็น เก่ง ปานกลาง อ่อน (1:2:2) 2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม1 หน้า 144 และชี้แจงกิจกรรม 3.1 การศึกษา สิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง 3. ครูแจกวัสดุอุปกรณ์การทดลองและชี้แจงทําความเข้าใจกับนักเรียนเกี่ยวกับการใช้วัสดุอุปกรณ์และ วิธีการทดลอง 4. ครูแจกใบกิจกรรม เรื่อง การศึกษาสิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม 5. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทํากิจกรรมการทดลองตามลําดับขั้นการทดลองและจัดกระทําและสื่อ ความหมายข้อมูลผลการทดลองลงในใบกิจกรรม ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมการทดลองเสร็จ ให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการค้นพบหน้าชั้น เรียนด้วยวาจาทีละกลุ่ม 2. เมื่อแต่ละกลุ่มรายงานเสร็จแล้วครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุปผล การทดสอบหากผู้เรียนกลุ่มอื่นมีผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุป ขัดแย้งกับผลอภิปราย ให้ดําเนินแก้ไขผล ดังกล่าวในใบกิจกรรมของตนเองให้ถูกต้อง 3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ตามสาระสําคัญ ด้วยคําถามดังนี้ - ถ้าต้องการให้ภาพที่อยู่มุมบนด้านซ้ายของจอภาพมาอยู่ตรงกลางภาพจะปรับเลื่อนส่วนใดของกล้อง และปรับเลื่อนอย่างไร (แนวคําตอบ เลื่อนสไลด์ขึ้นข้างบนและเลื่อนไปทางซ้าย หรือเลื่อนสไลด์ไปทางซ้ายก่อนแล้วจึงเลื่อน ขึ้นข้างบน) เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา


120 - นักเรียนสังเกตเห็นอะไรบ้างภายในเซลล์สาหร่ายหางกระรอก (แนวคําตอบ นอกจากโครงสร้างของเซลล์ เช่น เยื่อหุ้มเซลล์ นิวเคลียส คลอโรพลาสต์ แล้วยังเห็นการ ไหลเวียนของไซโทรพลาสซึมที่เรียกว่า ไซโคลซิส) - ถ้าวัตถุมีความยาว 7 ไมโครเมตร (µm) เมื่อนํามาศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ จะมีความยาว ประมาณ 7 มิลลิเมตร จงหาว่ากล้องนี้มีกําลังขยายเท่าใด (แนวตอบ จากสูตร ก าลังขยายของภาพ ขนาดของภาพ ขนาดของวัตถุ ก าลังขยายของภาพ ก าลังขยายของภาพ เท่า ก าลังขยายของภาพ เท่า ) ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนมีกําลังขยายสูง ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินปฏิบัติการทดลอง ด้านทักษะกระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็น หลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง การศึกษาสิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบกิจกรรม เรื่อง การศึกษาสิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง


121 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K บอกวิธีการและเตรียมตัวอย่าง สิ่งมีชีวิตเพื่อศึกษาภายใต้กล้อง จุลทรรศน์ ตรวจใบกิจกรรม แบบประเมิน ใบกิจกรรม ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P วัดขนาดโดยประมาณและวาดภาพ ตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏภายใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิงประกอบ การปฏิบัติทดลอง แบบประเมิน การปฏิบัติการ ทดลอง ผ่านเกณฑ์ ทํากิจกรรมเพื่อศึกษาโครงสร้าง ร้อยละ 80 ขึ้นไป และขนาดของเซลล์ภายใต้กล้อง จุลทรรศน์ได้ 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน


122


123


124


125 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ จํานวน 1 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อธิบายโครงสร้าง และบอกหน้าที่ของส่วนห่อหุ้มเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ได้ 2. สาระสําคัญ เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างของเซลล์ประกอบด้วยส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส เซลล์มีรูปร่างแตกต่างกัน ส่วนมากมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เปล่า จึงต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ช่วยในการศึกษา โครงสร้างของเซลล์ที่ศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนจะเห็นรายละเอียดมากกว่าการศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของส่วนห่อหุ้มเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์(P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างพื้นฐานของเซลล์ประกอบด้วยส่วนที่ห่อหุ้ม เซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ที่พบในเซลล์ทุกชนิด คือ เยื่อหุ้มเซลล์ แต่ในแบคทีเรีย สาหร่าย ฟังไจ และพืชจะมี ผนังเซลล์เป็นส่วนห่อหุ้มเซลล์เพิ่มเติมขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


126 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเซลล์และการทํางานของเซลล์โดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลัก ประกอบด้วย 1.1 สามารถพบผนังเซลล์ได้ในเซลล์ทุกชนิดหรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ พบผนังเซลล์ได้ในเซลล์บางชนิด ได้แก่ พืช สาหร่าย โพรโทซัว แบคทีเรีย เห็ดรา) 1.2 สามารถพบเยื่อหุ้มเซลล์ได้ในเซลล์ทุกชนิดหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : สามารถพบเยื่อหุ้มเซลล์ได้ในเซลล์ทุกชนิด) 2. ครูนําเสนอภาพโครงสร้างของสาหร่ายสไปโรไจราให้นักเรียนสังเกต 3. ใช้ชุดคําถามการสังเกตภาพดังกล่าวข้อ 2 กับนักเรียน ข้อคําถามหลักประกอบด้วย 3.1 จากภาพส่วนใดบ้างที่เป็นส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ (แนวตอบ : ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ คือ ผนังเซลล์ และ เยื่อหุ้มเซลล์) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม1 ให้นักเรียนสังเกตรูปภาพ 3.6-รูปภาพ 3.8 เพื่อให้นักเรียนศึกษาการเกี่ยวกับส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ 2. ครูแจกใบงานเรื่อง ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ให้นักเรียน 3. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์จากแหล่งวิทยาการต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน และให้นักเรียนทํากิจกรรมตามคําชี้แจงใบงานเรื่อง กล้อง จุลทรรศน์ ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - ผนังเซลล์มีความสําคัญต่อเซลล์อย่างไร (แนวตอบ: ผนังเซลล์ทําหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงให้แก่เซลล์และทําให้เซลล์คงรูปร่างอยู่ได้) เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา


127 - โครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์มีลักษระอย่างไร (แนวตอบ: ประกอบด้วยฟอสโฟลิพิด และมีโมเลกุลโปรตีนแทรกกระจายอยู่ อีกทั้งยังมีคอเลสเตอรอล ไกลโคลิพิด และไกลโคโปรตีนด้วย) - เยื่อหุ้มเซลล์มีความสําคัญต่อเซลล์อย่างไร (แนวตอบ: เยื่อหุ้มเซลล์ทําหน้าที่แสดงขอบเขตของเซลล์ และควบคุมการเข้าออกของสารต่างๆ) - เยื่อหุ้มเซลล์เป็นโครงสร้างของเซลล์ที่มีลักษณะเป็นแบบใด ในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ มีลักษณะแตกต่างกันหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคําตอบ เยื่อหุ้มเซลล์มีลักษณะเป็นเยื่อบาง ๆ มีชั้นไขมันเรียงตัวเป็น 2 ชั้น และมีโปรตีน แทรก อยู่ในชั้นไขมัน ในเซลล์พืชจะพบผนังเซลล์ (cell wall) อยู่นอกสุด ซึ่งไม่พบในเซลล์สัตว์) - ผนังเซลล์เป็นโครงสร้างของเซลล์ที่มีลักษณะเป็นแบบใด ในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ มีลักษณะแตกต่างกันหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคําตอบ ผนังเซลล์พบเฉพาะในเซลล์พืช มีลักษณะเป็นเส้นใยเรียงซ้อนกันคล้ายร่างแห ประกอบด้วยสารจําพวกเซลล์ลูโลส ผนังเซลล์มีช่องเล็ก ๆ เรียกว่า พลาสโมเดสมาตา เชื่อมต่อกับไซโทพลาซึม ของเซลล์ข้างเคียง ทําให้มีการเคลื่อนที่ของสารผ่านเข้าและออกจากเซลล์ได้ เซลล์พืชนอกจากเซลลูโลสแล้วยัง มีสารเคลือบเซลล์ชนิดอื่น ๆ อีก เช่น คิวทิน (cutin) เคลือบที่ผิวใบ ปูองกันการคายน้ําของพืช ซูเบอริน (suberin) เพกทิน (pectin) และลิกนิน (lignin) แทรกปะปนไปกับเซลลูโลส) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูให้นักเรียนค้นคว้าบทความหรือคําศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับโครงสร้างของเซลล์ที่ศึกษาด้วยกล้อง จุลทรรศน์อิเล็กตรอน (ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์) จากหนังสือเรียนภาษาอังกฤษหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้ เพื่อนในห้องฟัง พร้อมทั้งรวบรวมคําศัพท์และคําแปลลงสมุดส่งครู ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์


128 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของส่วน ห่อหุ้มเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ได้ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับส่วนที่ ห่อหุ้มเซลล์ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน


129


130


131


132 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ไซโทพลาสซึม จํานวน 2 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อธิบาย และสรุปชนิดและหน้าที่ของออร์แกเนลล์ได้ 2. สาระสําคัญ เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างของเซลล์ประกอบด้วยส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส เซลล์มีรูปร่างแตกต่างกัน ส่วนมากมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เปล่า จึงต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ช่วยในการศึกษา โครงสร้างของเซลล์ที่ศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนจะเห็นรายละเอียดมากกว่าการศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 อธิบาย และระบุชนิดและบอกหน้าที่ของออร์แกเนลล์ได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับออร์แกเนลล์ในไซโทพลาสซึม (P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ โครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์ประกอบด้วยโมเลกุลของฟอสโฟลิพิดเรียงเป็นสองชั้น และมีโปรตีนแทรก หรืออยู่ที่ผิวทั้งสองด้านของฟอสโฟลิพิด ไซโทพลาซึมอยู่ภายในเยื่อหุ้มเซลล์ ประกอบด้วยไซโทซอลและออร์แกเนลล์ 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


133 7. บูรณาการ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : เทคนิคการจัดนิทรรศการ ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับโครงสร้างของเซลล์ที่ศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่ได้เรียนรู้ มาแล้ว โดยใช้ชุดคําถามข้อคําถามหลักประกอบด้วย 1.1 เซลล์พืชและเซลล์สัตว์มีโครงสร้างที่สําคัญ ๆ อะไรบ้าง (แนวคําตอบ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส ) 2.ครูเปิดวิดิทัศน์ ไซโทพลาซึม ให้นักเรียนสังเกตโดยใช้คําถาม 2.1 จากวิดิทัศน์นักเรียนคิดว่า ไซโทพลาซึมมีลักษณะอย่างไร (แนวคําตอบ มีลักษณะกึ่งเหลว ประกอบด้วยน้ําเป็นส่วนใหญ่ โดยมีสารต่างๆละลายและ แขวนลอยอยู่ทั้งสารที่จําเป็นต่อการดํารงชีวิต และภายในไซโทพลาซึมยังมีส่วนประกอบเล็ก ๆ เรียกว่า ออร์ แกเนลล์ กระจายอยู่ทั่วไป ) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม จําแนกเป็น เก่ง ปานกลาง อ่อน (1:2:2) 2.แต่ละกลุ่มเลือกหัวข้อย่อยเพื่อจะศึกษา หรืออาจสุ่มด้วยวิธีการจับฉลาก โดยเนื้อหาประกอบด้วย 2.1 ร่างแหเอนโดพลาซึม 2.6 เพอร็อกซิโซม 2.2 ไรโบโซม 2.7 เซนทริโอล 2.3 ไลโซโซม 2.8 ไซทริโอล 2.4 ไมโทคอนเดรีย 2.9 ไซโทซอล 2.5 พลาสทิด 3. สมาชิกในกลุ่มร่วมกันศึกษาหัวข้อย่อยที่เลือกได้ จากแหล่งข้อมูลต่างๆที่ผู้สอนจัดเตรียมไว้ อาทิใบความรู้ ใบงาน เอกสารประกอบการเรียน หนังสือเรียน ฯลฯ โดยแบ่งหน้าที่กันทํางาน ซึ่งอาจเป็น ดังนี้ สมาชิกคนที่ 1 เขียนผังมโนมติ(Mind Mapping) สมาชิกคนที่ 2 เขียนแผนภาพ เพื่อเป็นสื่อการเรียนรู้ สมาชิกคนที่ 3 สร้างแบบประเมินผลการเรียนรู้ สมาชิกคนที่ 4 ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล 4. นักเรียนดําเนินการสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อที่ได้จากนั้นจัดทําผังมโนมติ แผนภาพ ตามที่ได้จัด เตรียมไว้ เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ 2. ความร่วมมือ การ ทํางานเป็นทีม และภาวะ ผู้นํา -


134 5. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มจัดนิทรรศการ โดยใช้ผังมโนมติ แผนภาพ ที่ได้จัดเตรียมไว้ 6. สมาชิกตัวแทนกลุ่มอย่างน้อย 1 คน สับเปลี่ยนกันประจําสถานที่ ที่จัดนิทรรศการของตนเอง เพื่อนําเสนอความรู้ให้กับเพื่อนสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ โดยใช้ผังมโนมติและแผนภาพ ประกอบการนําเสนอ หรือ เป็นสื่อการเรียนรู้ จากนั้นประเมินผลการเรียนรู้เพื่อนสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ ทุกคน ซึ่งเข้าชมนิทรรศการ 7. สมาชิกทุกคนในกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับหัวข้อย่อยต่างๆที่ตนเองได้ ไปศึกษามา 8. ครูแจกใบงานเรื่อง ไซโทพลาซึม ให้นักเรียนแต่ละคนทํา หลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - ออร์แกเนลล์ภายในไซโทพลาซึมมีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ ร่างแหเอนโดพลาซึม ไรโบโซม กอลไจ-แอปพาราตัส ไลโซโซม แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย พลาสติด เซนทริโอล และไซโทสเกเลตอน) - ร่างแหเอนโดพลาซึมแบบผิวขรุขระกับแบบผิวเรียบมีความแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : ร่างแหเอนโดพลาซึมแบบผิวขรุขระจะมีไรโบโซมเกาะอยู่ มีหน้าที่สังเคราะห์โปรตีน ส่วน แบบผิวเรียบจะไม่มีไรโบโซมกะอยู่ ทําหน้าที่สังเคราะห์สารพวกไขมันและสเตอรอยด์ฮอร์โมน) - กอลจิคอมเพล็กซ์กับร่างแหเอนโดพลาซึมมีความสัมพันธ์กันอย่างไร (แนวตอบ : กอลจิคอมเพล็กซ์ทําหน้าที่จําแนกสารที่ผลิตจากร่างแหเอนโดพลาซึม บรรจุสารไว้ในเวสิ เคิลแล้วจัดส่งไปยังบริเวณต่างๆ ของเซลล์หรือภายนอกเซลล์ และจัดการกับเวสิเคิลที่ส่งมาจากบริเวณเยื้อหุ้ม เซลล์เพื่อนําไปย่อยสลายโดยไลโซโซม) - สามารถพบไลโซโซมได้ในเซลล์ทุกชนิดหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : สามารถพบไลโซโซมได้ในเซลล์สัตว์เท่านั้น) - เซนทริโอลมีความสําคัญต่อเซลล์อย่างไร (แนวตอบ : เซนทริโอลทําหน้าที่สร้างเส้นใยสปินเดิลซึ่งจะแยกโครมาทิดออกจากกันในระหว่างการ แบ่งเซลล์) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง ไซโทพลาซึม ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับออร์แกเนลล์ต่าง ๆ ในไซโทพลาซึม ซึ่งพบว่าออร์แกเนลลล์บางชนิด มีเยื่อหุ้ม บางชนิดไม่มีเยื่อหุ้ม จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับออร์แกเนลล์ในไซโท-พลาซึมที่มีเยื่อ หุ้มและไม่มีเยื่อหุ้ม ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4


135 9.2 Power point เรื่อง ไซโทพลาสซึม 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง ไซโทพลาสซึม 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K อธิบาย และระบุชนิดและบอกหน้าที่ ของออร์แกเนลล์ได้ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับออร์ แกเนลล์ในไซโทพลาสซึม ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน


136


137


138


139 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง นิวเคลียส จํานวน 1 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของนิวเคลียส 2. สาระสําคัญ เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างของเซลล์ประกอบด้วยส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส เซลล์มีรูปร่างแตกต่างกัน ส่วนมากมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เปล่า จึงต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ช่วยในการศึกษา โครงสร้างของเซลล์ที่ศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนจะเห็นรายละเอียดมากกว่าการศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้แสง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 สามารถอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของนิวเคลียส (K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับนิวเคลียส (P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ นิวเคลียสเป็นศูนย์กลางควบคุมการทํางานของเซลล์ยูคาริโอต ประกอบด้วยเยื่อหุ้ม ซึ่งภายในมี DNA RNA และโปรตีนบางชนิด 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูลสรุป 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. บูรณาการ เศรษฐกิจพอเพียง ทักษะในศตวรรษที่ 21 ภูมิปัญญาท้องถิ่น - มีชีวิตเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุุมเฟื่อย - รู้จักพอดี พอประมาณ 1. การสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่า ทันสื่อ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหา


140 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการที่ใช้สอน : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) วิธีการสอน : แบบบรรยาย (Lecture) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับออร์แกเนลล์ในไซโทพลาสซึม โดยใช้คําถาม 1.1 ให้นักเรียนยกตัวอย่างออร์แกเนลล์ในไซโทพลาสซึมมา 3 ชนิด (แนวคําตอบ ไรโซโซม คลอโรพลาสต์ไมโทคอนเดรีย) 1.2 ออร์แกเนลล์ใดเป็นแหล่งพลังงานของเซลล์(แนวคําตอบ ไมโทคอนเดรีย) 1.3 ออร์แกเนลล์ใดเป็นรวบรวมและขนส่งสาร (แนวคําตอบ กอลจิคอมเพล็กซ์) 1.4 นิวเคลียสมีความสําคัญต่อเซลล์อย่างไร (แนวตอบ : นิวเคลียสเป็นที่อยู่ของสารพันธุกรรม ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการแบ่งเซลล์และกระบวนการเม แทบอลิซึมของเซลล์) ขั้นสํารวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม1 ให้นักเรียนสังเกตรูปภาพ 3.22 เพื่อให้นักเรียนศึกษาการเกี่ยวกับนิวเคลียส 2. ครูแจกใบงานเรื่อง นิวเคลียส ให้นักเรียน 3. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับนิวเคลียสจากแหล่งวิทยาการต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน และให้นักเรียนทํากิจกรรมตามคําชี้แจงใบงานเรื่อง กล้องจุลทรรศน์ ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทํากิจกรรม โดยครูใช้คําถามดังนี้ - โครงสร้างนิวเคลียสแบ่งได้เป็นกี่ส่วน อะไรบ้าง (แนวคําตอบ 3 ส่วน คือ เยื่อหุ้มนิวเคลียส นิวคลีโอลัส และโครมาทิน) - เยื่อหุ้มนิวเคลียสมีลักษณะเป็นแบบใด และทําหน้าที่ใดภายในเซลล์ (เยื่อหุ้มนิวเคลียสเป็นเยื่อบาง ๆ 2 ชั้น ล้อมรอบส่วนที่อยู่ภายในนิวเคลียส ทําหน้าที่ควบคุมการผ่าน เข้า–ออกของสารระหว่างภายในนิวเคลียสกับไซโทพลาซึม) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบของใบงานเรื่อง นิวเคลียส ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) นักเรียนค้นคว้าบทความหรือคําศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับนิวเคลียสจากหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ หรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง พร้อมทั้งรวบรวมคําศัพท์และคําแปลลงสมุดส่งครู ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคําถาม การร่วมกันทําผลงาน และการนําเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทําใบงานหรือแบบฝึกหัด


141 9. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง นิวเคลียส 10. ผลงานและนวัตกรรมนักเรียน - ใบงาน เรื่อง นิวเคลียส 11. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายโครงสร้างและ หน้าที่ของนิวเคลียส ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ นิวเคลียส ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3.2 ใฝุเรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทํางาน


142


143


144


145 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การลําเลียงสารเข้าและออกเซลล์ จํานวน 1 ชั่วโมง วันที่ใช้สอน ………………………… ครูผู้สอน นายฤชากร จันสุภีร์ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อธิบายและเปรียบเทียบการแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทต และแอกทีฟทรานสปอร์ตได้ 2. สาระสําคัญ ร่างกายของสิ่งมีชีวิตจะดํารงชีวิตได้อย่างสมดุล จะต้องมีกระบวนการรักษาดุลยภาพเกิดขึ้น โดยเฉพาะในระดับเซลล์ ซึ่งเซลล์จําเป็นต้องรับสารจากภายนอกและกําจัดสารออกจากเซลล์โดยอาศัย กระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทต แอกทีฟทรานสปอร์ต กระบวนการ เอกโซไซโทซิส และกระบวนการเอนโดไซโทซิส 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 อธิบายและเปรียบเทียบการแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต (K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการลําเลียงสารเข้าและออกเซลล์ (P) 3.3 มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการทํางาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ สารต่างๆ มีการเคลื่อนที่เข้าและออกจากเซลล์อยู่ตลอดเวลาโดยกระบวนการต่างๆ ได้แก่ การแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทต แอกทีฟทรานสปอร์ต กระบวนการเอกโซไซโทซิส และกระบวนการเอนโด ไซโทซิส แก๊สต่างๆ เข้าหรือออกจากเซลล์โดยการแพร่ ส่วนน้ําเข้าหรือออกจากเซลล์ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์โดย ออสโมซิส ไอออนและสารบางอย่างที่ไม่สามารถลําเลียงผ่านเยื่อหุ้มเซลล์โดยตรงได้ จําเป็นต้องอาศัยโปรตีนที่อยู่ บนเยื่อหุ้มเซลล์เป็นตัวพาสารนั้นเข้าและออกจากเซลล์ เรียกว่า การแพร่แบบฟาซิลิเทต แอกทีฟทรานสปอร์ตเป็นการลําเลียงสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นต่ําไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้น สูง สารบางอย่างที่ไม่สามารถแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์หรือลําเลียงผ่านโปรตีนที่เป็นตัวพาได้จะถูกลําเลียง ออกจากเซลล์ ด้วยกระบวนการเอกโซไซโทซิส สารที่มีขนาดใหญ่จะสามารถลําเลียงเข้าสู่เซลล์ด้วยกระบวนการเอนโดไซโทซิส ซึ่งแบ่งเป็น 3 แบบ ได้แก่ พิโนไซโทซิส ฟาโกไซโทซิส และการนําสารเข้าสู่เซลล์โดยอาศัยตัวรับ 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การจําแนกประเภท 5.3 การจัดกระทําและสื่อความหมายข้อมูล 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร


Click to View FlipBook Version