ประกอบขึ้นรูปจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีการเขียนแบบแผ่นคลี่
เสียก่อน การคลี่แบบก่อนอื่นต้องทราบผลิตภัณฑ์ที่ส าเร็จ
ก่อนว่ามีรูปร่างลักษณะอย่างไร มีการประกอบยึดด้วยวิธีใด
แล้วจึงน ามาวางแผนการคลี่และออกแบบรอยต่อ เช่น การ
คลี่ผลิตภัณฑ์รูปปริซึม (Prism) รูปท่อทรงกระบอก
(Cylinder) รูปทรงพีระมิด (Pyramid) และรูปกรวย (Cone)
เป็นต้น
จากวิธีการคลี่ภาพของผลิตภัณฑ์รูปร่างต่าง ๆสามารถ
แบ่งวิธีการคลี่ได้ ดังนี้
3.1 การเขียนแบบแผ่นคลี่อย่างง่าย
( Simple Development ) (A:283
เป็นวิธีการคลี่ที่ง่าย ขั้นแรก ควรร่างแบบส่วนฐานของ -284)
ผลิตภัณฑ์นั้นก่อน จากนั้นจึงคลี่ออกทางด้านข้างทั้ง 4
ด้าน โดยทั่วไปจะใช้คลี่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ซับซ้อน เช่น
ผลิตภัณฑ์รูปกล่องจานและถาด ซึ่งมีลักษณะรูปสี่เหลี่ยม
เป็นต้น
3.2 การเขียนแผ่นคลี่ด้วยเส้นรัศมี ( Radial line
development )
เป็นการคลี่โดยใช้รัศมีของวงเวียนท าการคลี่ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ
โดยทั่วไปแล้วจะใช้ในการคลี่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นรูปพีระมิด
(Pyramid) และกรวย (Cone)
การท ากล่องสี่เหลี่ยม
เครื่องมือและอุปกรณ์
1. เหล็กขัด
2. ฉากผสม
3. ค้อนพลาสติก
4. ค้อนไม้ 10
5. แท่นขึ้นรูป (A:257- (45)
6. กรรไกรตัดตรง 259) [55]
7. เครื่องพับ
8. ค้อนย ้าตะเข็บ
9. วงเวียนเหล็ก
10. คีมปากแบน
11. เครื่องตัดโลหะแผ่น
12. บรรทัดเหล็ก
ล าดับขั้นตอนการท างาน
1. จัดเตรียมอุปกรณ์ในการท างานให้พร้อม
2. ตัดแผ่นเหล็กอาบสังกะสีขนาด 50 x 215 มม.
เพื่อท าล าตัวกล่อง และติดชิ้นก้นกล่อง ขนาด 70 x 70 มม.
3. เขียนแบบแผ่นคลี่แบบแผ่นโลหะ
4. ตรวจสอบความถูกต้องของแบบ
5. ตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกด้วยกรรไกร
6. พับขึ้นรูปตัวกล่องและพับขอบ
7. พับขึ้นรูปชิ้นงานก้นกล่อง
8. น าล าตัวกล้องและชิ้นก้นกล่องมาประกอบกัน
9. เคาะพับเพื่อท าตะเข็บสองชั้นก้นกระป๋ อง จะได้
รูปกระเบื้องสี่เหลี่ยมที่ต้อง
สรุป ผู้สอน : บรรยายสรุปเนื้อหา
และถามค าถาม
ผู้เรียน : ร่วมสรุปไปพร้อมๆ
กันกับผู้สอน และถามข้อสงสัย
10
ผู้สอน : ตอบค าถามและมอบ (-) (55)
ใบงานให้ผู้เรียนและอธิบาย [65]
ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน
ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว
แยกย้ายปฏิบัติงาน
มอบใบงานให้นักศึกษาปฏิบัติตามใบงาน ผู้สอน : มอบใบงานให้นักเรียน
และอธิบายขั้นตอนในการ
ปฏิบัติงาน
ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว
แยกย้ายปฏิบัติงาน (-) 175
(65)
[240]
สรุป
วัสดุในงานขึ้นรูปผลิตภัณฑ์โลหะ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. โลหะแผ่นเปลือย
2. โลหะแผ่นเคลือบ
การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์โลหะ
การขึ้นรูปสามารถขึ้นรูปได้โดยการใช้มือหรือเครื่องจักร เช่น การเคาะ การดัด หรือการม้วน ลักษณะการ
ขึ้นรูปโดยมากจะมี 3 ลักษณะ คือ
1.1 การขึ้นรูปงานเหลี่ยมและการประกอบชิ้นงาน
งานเหลี่ยมโดยมากจะขึ้นรูปด้วยการพับ ซึ่งอาจพับโดยการใช้ค้อนเคาะชิ้นงานบนแท่นขึ้นรูป (Stake) แบบ
เบกฮอร์น (Beakhom Stake) และคอนมอนสแควร์ (Common Square) หรืออาจพับโดยใช้เครื่องจักร
1.2 การขึ้นรูปงานทรงกระบอกและการประกอบชิ้นงาน
จะเป็นการขึ้นรูปด้วยการม้วนโลหะแผ่นเป็นรูปทรงกระบอก บนแท่นขึ้นรูปแบบคอน ดักเตอร์ (Conductor
Stake) แล้วย ้าด้วยตะเข็บ หรือจะขึ้นรูปโดยการใช้เครื่องม้วน (Slip Roll Ferrying Machine)
1.3 การขึ้นรูปงานทรงกรวยและการประกอบชิ้นงาน
การขึ้นรูปงานทรงกรวย เป็นการขึ้นรูปโดยการดัดงานให้โค้งเป็นกรวย โดยใช้หลักการเขียนแผ่นเหล็กคลี่
แบบเส้นรัศมี การดัดขึ้นรูปจะดัดบนแท่นขึ้นรูปแบบโบรฮอร์น (Blowhom Stake) ล าดับขึ้นการขึ้นรูปงานทรง
กรวย
งานเขียนแบบแผ่นคลี่
สามารถแบ่งได้ ดังนี้
3.1 การเขียนแบบแผ่นคลี่อย่างง่าย ( Simple Development )
เป็นวิธีการคลี่ที่ง่าย ขั้นแรก ควรร่างแบบส่วนฐานของผลิตภัณฑ์นั้นก่อน จากนั้นจึงคลี่ออกทางด้านข้างทั้ง
4 ด้าน โดยทั่วไปจะใช้คลี่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ซับซ้อน เช่น ผลิตภัณฑ์รูปกล่องจานและถาด ซึ่งมีลักษณะรูปสี่เหลี่ยม
เป็นต้น
3.2 การเขียนแผ่นคลี่ด้วยเส้นรัศมี ( Radial line development )
เป็นการคลี่โดยใช้รัศมีของวงเวียนท าการคลี่ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ โดยทั่วไปแล้วจะใช้ในการคลี่ผลิตภัณฑ์ที่เป็น
รูปพีระมิด (Pyramid) และกรวย (Cone)
สามเหลี่ยมเป็นสี่เหลี่ยมหมุนกลับด้าน (Square to Revolved Square) ท่อลดจากสี่เหลี่ยมเป็นแปดเหลี่ยม (Square
to Octagonal) ฝาครอบดูดควัน (Smoke Hood) และกรวยกลมเยื้องศูนย์ (Offset Cone) เป็นต้น
ค าถาม
1. ลักษณะผิวจะแบ่งเป็นกี่ลักษณะ อะไรบ้าง?(ข)
ตอบ มี 2 ลักษณะ คือ
1. โลหะแผ่นเปลือย
2. โลหะแผ่นเคลือบ
2. ลักษณะการน าไปใช้ของการเขียนแผ่นคลี่อย่างง่าย จะมีการน าไปใช้แบบไหน?(ข)
ตอบ ใช้คลี่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ซับซ้อน เช่นผลิตภัณฑ์รูปกล่องจานและถาด
ข้อสังเกตการสอน
ผู้สอน ผู้เรียน
ก่อนสอน: เตรียมความพร้อมของผู้สอนด้าน ก่อนเรียน : การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน
เนื้อหาและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการสอน ขณะเรียน : ความสนใจของผู้เรียนต่อผู้สอน
ขณะสอน: การเคลื่อนไหว ท่าทาง การใช้ การตอบค าถามของผู้เรียน
น ้าเสียงในการพูด และการตั้งค าถามๆผู้เรียน หลังเรียน : ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น
หลังสอน : เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถาม
หมายเหตุ
สัญลักษณ์
(จ) = ความจ า (ข) = ความเข้าใจ (น) = น าไปใช้
(ว) = วิเคราะห์ (ส) = สังเคราะห์ (ป) = ประเมินค่า
เอกสารอ้างอิง
รหัส A : นริศ ศรีเมฆ. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. นนทบุรี : เอมพันธ์, 2556.
เครื่องมือและอุปกรณ์ในการสอน
1. กระดานไวท์บอร์ด (White Board)
2. โน๊ตบุ๊ค (Notebook)
3. พาวเวอร์พอยต์ (Power Point)
4. โปรเจคเตอร์ (Projector)
บันทึกหลังการสอน
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
.......................................................................
( )
ผู้บันทึก
สอบปลายภาค
สอบปลายภาค
กระบวนการเชื่อมแก๊ส
(GAS WELDING)
กระบวนการเชื่อมแก๊ส
(GAS WELDING)
หลักการเชื่อมโลหะด้วยแก๊สออกซิเจนและเซทิลีน
แก๊สผสมแล้ว
เปลวที่ปกคลุมบ่อหลอมละลาย
หัวเชื่อมแก๊ส
ลวดเชื่อมแก๊ส
รอยเชื่อม
บ่อหลอมละลาย
หลักการเชื่อมโลหะด้วยแก๊สออกซิเจนและเซทิลีน
แก๊สผสมแล้ว
เปลวที่ปกคลุมบ่อหลอมละลาย
หัวเชื่อมแก๊ส
ลวดเชื่อมแก๊ส
รอยเชื่อม
บ่อหลอมละลาย
1. ชนิดของแก๊สเชื้อเพลิงและค่าความร้อนสูงสุด
ตารางที่ 1.1 แสดงชนิดของแก๊สเชื้อเพลิงและค่าความร้อนสูงสุด
ชนิดของแก๊สเชื้อเพลิง ความร้อนสูงสุดโดยประมาณ
0
0
ออกซิเจน + อะเซทิลีน 3,480 C หรือ 6,300 F
0
ออกซิเจน + ไฮโดรเจน 2,980 C หรือ 5,400 F
0
0
0
ออกซิเจน + โพรเพน 2,930 C หรือ 5,300 F
ออกซิเจน + มีเทน 2,760 C หรือ 5,000 F
0
0
อากาศ + อะเซทิลีน 2,500 C หรือ 4,532 F
0
0
0
0
อากาศ + โพรเพน 1,750 C หรือ 3,182 F
1. ชนิดของแก๊สเชื้อเพลิงและค่าความร้อนสูงสุด
ตารางที่ 1.1 แสดงชนิดของแก๊สเชื้อเพลิงและค่าความร้อนสูงสุด
ชนิดของแก๊สเชื้อเพลิง ความร้อนสูงสุดโดยประมาณ
0
0
ออกซิเจน + อะเซทิลีน 3,480 C หรือ 6,300 F
ออกซิเจน + ไฮโดรเจน 2,980 C หรือ 5,400 F
0
0
0
0
ออกซิเจน + โพรเพน 2,930 C หรือ 5,300 F
0
0
ออกซิเจน + มีเทน 2,760 C หรือ 5,000 F
อากาศ + อะเซทิลีน 2,500 C หรือ 4,532 F
0
0
อากาศ + โพรเพน 1,750 C หรือ 3,182 F
0
0
2. สมบัติของแก๊สออกซิเจน
1) เป็นแก๊สที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส
2) ในสภาพของเหลวมีสีน ้าทะเลอ่อน
3) ในสภาพที่เป็นแก๊ส มีความหนาแน่น 0.279 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุตที่จุดเดือด
4) ในสภาพที่เป็นของเหลว มีความหนาแน่น 71.27 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุตที่จุด
เดือด
0
5) จุดเดือดมีค่า - 297.3 F ณ. ความดัน 1 บรรยากาศ
0
6) จุดเยือกแข็งมีค่า - 361.8 F ณ. ความดัน 1 บรรยากาศ
7) ในบรรยากาศจะมีอยู่ประมาณ 20.99 % โดยปริมาตร
8) เป็นแก๊สที่ช่วยให้ไฟติดไฟ
2. สมบัติของแก๊สออกซิเจน
1) เป็นแก๊สที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส
2) ในสภาพของเหลวมีสีน ้าทะเลอ่อน
3) ในสภาพที่เป็นแก๊ส มีความหนาแน่น 0.279 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุตที่จุดเดือด
4) ในสภาพที่เป็นของเหลว มีความหนาแน่น 71.27 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุตที่จุด
เดือด
0
5) จุดเดือดมีค่า - 297.3 F ณ. ความดัน 1 บรรยากาศ
0
6) จุดเยือกแข็งมีค่า - 361.8 F ณ. ความดัน 1 บรรยากาศ
7) ในบรรยากาศจะมีอยู่ประมาณ 20.99 % โดยปริมาตร
8) เป็นแก๊สที่ช่วยให้ไฟติดไฟ
3. สมบัติของแก๊สอะเซทิลีน
1) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอน 92.3 % และ ไฮโดรเจน 7.7 % (โดย
น ้าหนัก)
2) ไม่มีสี ณ อุณหภูมิปกติและความดันปกติ
3) มีกลิ่นฉุนคล้ายหัวกระเทียม
4) น ้าหนักเบากว่าอากาศ
5) ละลายในของเหลวได้
6) ความหนาแน่น 0.0678 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต ที่อุณหภูมิ 70 0F ณ ความดัน 1 บรรยากาศ
7) เป็นแก๊สที่ติดไฟ เมื่อรวมกับออกซิเจนในสภาวะที่เหมาะสมจะได้เปลวที่มีความร้อนสูงประมาณ
5,5000F - 6,0000F
3. สมบัติของแก๊สอะเซทิลีน
1) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอน 92.3 % และ ไฮโดรเจน 7.7 % (โดย
น ้าหนัก)
2) ไม่มีสี ณ อุณหภูมิปกติและความดันปกติ
3) มีกลิ่นฉุนคล้ายหัวกระเทียม
4) น ้าหนักเบากว่าอากาศ
5) ละลายในของเหลวได้
6) ความหนาแน่น 0.0678 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต ที่อุณหภูมิ 70 0F ณ ความดัน 1 บรรยากาศ
7) เป็นแก๊สที่ติดไฟ เมื่อรวมกับออกซิเจนในสภาวะที่เหมาะสมจะได้เปลวที่มีความร้อนสูงประมาณ
5,5000F - 6,0000F
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส
การเก็บรักษาและการเคลื่อนย้ายถังบรรจุแก๊สออกซิเจน และแก๊สเชื้อเพลิง
1) การเก็บถังแก๊สในที่ร่มซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และมีอุณหภูมิปกติ โดย
ที่ด้านหน้าของประตู ให้เขียนป้ายค าเตือนห้ามจุดไฟ และสูบบุหรี่
อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส
การเก็บรักษาและการเคลื่อนย้ายถังบรรจุแก๊สออกซิเจน และแก๊สเชื้อเพลิง
1) การเก็บถังแก๊สในที่ร่มซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และมีอุณหภูมิปกติ โดย
ที่ด้านหน้าของประตู ให้เขียนป้ายค าเตือนห้ามจุดไฟ และสูบบุหรี่
อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
2)แยกเก็บถังบรรจุแก๊สแต่ละชนิดออกจากกัน โดยให้เขียนป้ายก ากับเพื่อบอกชนิดของ
แก๊สไว้ และต้องมีผนังก าแพงกั้นระหว่างแก๊สเชื้อเพลิง และแก๊สออกซิเจน
เมื่อถูกไฟไหม้จะใช้เวลา 30 นาที
แก๊สเชื้อเพลิง แก๊สออกซิเจน
5 MINNIMUM (1.5m)
รูปที่ 1.3 แสดงการแยกเก็บถังบรรจุแก๊สแต่ละชนิดออกจากกัน
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
2)แยกเก็บถังบรรจุแก๊สแต่ละชนิดออกจากกัน โดยให้เขียนป้ายก ากับเพื่อบอกชนิดของ
แก๊สไว้ และต้องมีผนังก าแพงกั้นระหว่างแก๊สเชื้อเพลิง และแก๊สออกซิเจน
เมื่อถูกไฟไหม้จะใช้เวลา 30 นาที
แก๊สเชื้อเพลิง แก๊สออกซิเจน
5 MINNIMUM (1.5m)
รูปที่ 1.3 แสดงการแยกเก็บถังบรรจุแก๊สแต่ละชนิดออกจากกัน
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
3) ถังแก๊สทุกชนิด เช่น แก๊สเชื้อเพลิง แก๊สออกซิเจน และแก๊สเชื่อม จะต้องเก็บถัง
แก๊สในแนวตั้งเท่านั้น ห้ามเก็บในต าแหน่งแนวนอน และเก็บถังให้ห่างจากวัสดุไวไฟ
ทุกชนิด เช่นสีน ้ามัน จาระบี ควรมีระยะห่างไม่น้อยกว่า 6 เมตร
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
3) ถังแก๊สทุกชนิด เช่น แก๊สเชื้อเพลิง แก๊สออกซิเจน และแก๊สเชื่อม จะต้องเก็บถัง
แก๊สในแนวตั้งเท่านั้น ห้ามเก็บในต าแหน่งแนวนอน และเก็บถังให้ห่างจากวัสดุไวไฟ
ทุกชนิด เช่นสีน ้ามัน จาระบี ควรมีระยะห่างไม่น้อยกว่า 6 เมตร
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
4) การเคลื่อนย้ายถังให้เอียงถังเล็กน้อยแล้วหมุนถังไปข้างหน้า หรือใช้รถเข็นถังซึ่งมี
โซ่รัดท่ออย่างปลอดภัย ห้ามกลิ้งถังในต าแหน่งถังนอนโดยเด็ดขาด
โซ่รัดท่อแก๊ส
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
4) การเคลื่อนย้ายถังให้เอียงถังเล็กน้อยแล้วหมุนถังไปข้างหน้า หรือใช้รถเข็นถังซึ่งมี
โซ่รัดท่ออย่างปลอดภัย ห้ามกลิ้งถังในต าแหน่งถังนอนโดยเด็ดขาด
โซ่รัดท่อแก๊ส
การประกอบและติดตั้งชุดเชื่อมแก๊สออกซีเจนและอะเซทิลีน
1.ติดตั้งถังแก๊สออกซิเจนและถังแก๊สอะเซทีลีน น าถังแก๊สออกซิเจนและถังแก๊ส
อะเซทิลีน ที่บรรจุแก๊สเต็มถังขึ้นตั้งบนรถเข็นแก๊ส และใช้โซ่รัดให้แน่น โดยให้ถังอยู่
ในต าแหน่งตั้งตรง และระวังอย่าให้ถังเกิดการกระแทก
2. ถอดฝาครอบวาล์วหัวถังของแก๊สออกซิเจนออกโดยการใช้มือหมุนเกลียวออก และ
เก็บรวมไว้ในรถเข็นแก๊ส
3. เปิดวาล์วหัวถังแก๊สออกซิเจน
การประกอบและติดตั้งชุดเชื่อมแก๊สออกซีเจนและอะเซทิลีน
1.ติดตั้งถังแก๊สออกซิเจนและถังแก๊สอะเซทีลีน น าถังแก๊สออกซิเจนและถังแก๊ส
อะเซทิลีน ที่บรรจุแก๊สเต็มถังขึ้นตั้งบนรถเข็นแก๊ส และใช้โซ่รัดให้แน่น โดยให้ถังอยู่
ในต าแหน่งตั้งตรง และระวังอย่าให้ถังเกิดการกระแทก
2. ถอดฝาครอบวาล์วหัวถังของแก๊สออกซิเจนออกโดยการใช้มือหมุนเกลียวออก และ
เก็บรวมไว้ในรถเข็นแก๊ส
3. เปิดวาล์วหัวถังแก๊สออกซิเจน
การประกอบและติดตั้งชุดเชื่อมแก๊สออกซิเจนอะเซทิลีน (ต่อ)
4. การประกอบเครื่องควบคุมความดันเข้ากับถังแก๊สออกซิเจนให้กระท าดังนี้
ตรวจสอบความเรียบร้อยของเกลียวต่อวาล์ว และตรวจดูสิ่งสกปรก
5. ถอดฝาครอบวาล์วหัวถังแก๊สอะเซทิลีน และเก็บรวมไว้ในรถเข็นแก๊ส
6. เปิดวาล์วหัวถังแก๊สอะเซทิลีน โดยให้แก๊สไหลออกเล็กน้อย แล้วจึงรีบท าการปิด
วาล์วซึ่งเป็นวิธีการจ ากัดสิ่งสกปรกที่เรียกว่า “clacking”เหมือนกับแก๊สออกซิเจน
7. ประกอบเครื่องควบคุมความดันของถังแก๊สอะเซทิลีน ซึ่งกระท าเหมือนกับในกรณี
ของแก๊สออกซิเจน
8. ประกอบสายเชื่อมสีแดงเข้ากับหัวต่อเครื่องควบคุมความดันของแก๊สอะเซทิลีน แล้ว
ท าการขันเกลียวให้แน่น และสนิทด้วยประแจซึ่งเป็นเกลียวซ้าย แต่ระวังอย่าขันให้
เกลียวเยินจนช ารุด
การประกอบและติดตั้งชุดเชื่อมแก๊สออกซิเจนอะเซทิลีน (ต่อ)
4. การประกอบเครื่องควบคุมความดันเข้ากับถังแก๊สออกซิเจนให้กระท าดังนี้
ตรวจสอบความเรียบร้อยของเกลียวต่อวาล์ว และตรวจดูสิ่งสกปรก
5. ถอดฝาครอบวาล์วหัวถังแก๊สอะเซทิลีน และเก็บรวมไว้ในรถเข็นแก๊ส
6. เปิดวาล์วหัวถังแก๊สอะเซทิลีน โดยให้แก๊สไหลออกเล็กน้อย แล้วจึงรีบท าการปิด
วาล์วซึ่งเป็นวิธีการจ ากัดสิ่งสกปรกที่เรียกว่า “clacking”เหมือนกับแก๊สออกซิเจน
7. ประกอบเครื่องควบคุมความดันของถังแก๊สอะเซทิลีน ซึ่งกระท าเหมือนกับในกรณี
ของแก๊สออกซิเจน
8. ประกอบสายเชื่อมสีแดงเข้ากับหัวต่อเครื่องควบคุมความดันของแก๊สอะเซทิลีน แล้ว
ท าการขันเกลียวให้แน่น และสนิทด้วยประแจซึ่งเป็นเกลียวซ้าย แต่ระวังอย่าขันให้
เกลียวเยินจนช ารุด
การประกอบและติดตั้งชุดเชื่อมแก๊สออกซิเจนอะเซทิลีน (ต่อ)
9. ก าจัดสิ่งสกปรกออกจากสายเชื่อม โดยคลายสกรูปรับความดันเครื่องควบคุมความดัน
ของถังแก๊สออกซิเจน แล้วจึงเปิดวาล์วหัวถังแก๊สออกซิเจนช้า ๆ จนสุดเกลียว
10. ส าหรับถังแก๊สอะเซทิลีน ให้กระท าตามขั้นตอนเหมือนกับแก๊สออกซิเจน แต่ให้
เปิดวาล์วหัวถังอะเซทิลีนไม่เกิน 1 รอบ โดยทั่วไปจะเปิด 1/4 รอบ
11. การติดตั้งหัวเชื่อมแก๊ส ควรตรวจสอบความเรียบร้อยของเกลียวหัวเชื่อมแก๊ส และ
ประกอบที่กันไฟกลับของออกซิเจนเข้ากับเกลียวกระบอกเชื่อมที่เป็นเกลียวขวา ขันให้
แน่นและน าเอาสายเชื่อมสีเขียวประกอบต่อจากที่กันไฟกลับ
12. การประกอบหัวทิพ ตรวจสอบหน้าสัมผัสของหัวทิพกับหัวเชื่อมแก๊ส
การประกอบและติดตั้งชุดเชื่อมแก๊สออกซิเจนอะเซทิลีน (ต่อ)
9. ก าจัดสิ่งสกปรกออกจากสายเชื่อม โดยคลายสกรูปรับความดันเครื่องควบคุมความดัน
ของถังแก๊สออกซิเจน แล้วจึงเปิดวาล์วหัวถังแก๊สออกซิเจนช้า ๆ จนสุดเกลียว
10. ส าหรับถังแก๊สอะเซทิลีน ให้กระท าตามขั้นตอนเหมือนกับแก๊สออกซิเจน แต่ให้
เปิดวาล์วหัวถังอะเซทิลีนไม่เกิน 1 รอบ โดยทั่วไปจะเปิด 1/4 รอบ
11. การติดตั้งหัวเชื่อมแก๊ส ควรตรวจสอบความเรียบร้อยของเกลียวหัวเชื่อมแก๊ส และ
ประกอบที่กันไฟกลับของออกซิเจนเข้ากับเกลียวกระบอกเชื่อมที่เป็นเกลียวขวา ขันให้
แน่นและน าเอาสายเชื่อมสีเขียวประกอบต่อจากที่กันไฟกลับ
12. การประกอบหัวทิพ ตรวจสอบหน้าสัมผัสของหัวทิพกับหัวเชื่อมแก๊ส
การประกอบและติดตั้งชุดเชื่อมแก๊สออกซิเจนอะเซทิลีน (ต่อ)
13.ตรวจสอบรอยรั่วของแก๊ส เมื่อประกอบอุปกรณ์ครบเรียบร้อยแล้ว ต่อไปตรวจสอบ
รอยรั่วของแก๊สในระบบเชื่อม โดยปิดวาล์วที่หัวเชื่อมแก๊สแล้วเปิดแก๊สให้อยู่ในสาย
เชื่อมประมาณ 10 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ต่อไปใช้แปรงจุ่มน ้าสบู่หรือผงซักฟอกทาตาม
ข้อต่อต่าง ๆ ให้ทั่ว ถ้าแก๊สรั่ว จะเห็นฟองสบู่ผุดขึ้นมาตามรอยรั่ว และควรแก้ไขให้ดี
ก่อนเชื่อม
14. การถอดอุปกรณ์เชื่อมแก๊ส ผู้ที่ถอดอุปกรณ์เชื่อมต้องศึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์นั้นให้
เข้าใจเสียก่อน ไม่ใช่มีประแจอยู่ในมือก็ท าการถอดได้ เพราะจะท าให้อุปกรณ์เสียหาย
ได้
การประกอบและติดตั้งชุดเชื่อมแก๊สออกซิเจนอะเซทิลีน (ต่อ)
13.ตรวจสอบรอยรั่วของแก๊ส เมื่อประกอบอุปกรณ์ครบเรียบร้อยแล้ว ต่อไปตรวจสอบ
รอยรั่วของแก๊สในระบบเชื่อม โดยปิดวาล์วที่หัวเชื่อมแก๊สแล้วเปิดแก๊สให้อยู่ในสาย
เชื่อมประมาณ 10 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ต่อไปใช้แปรงจุ่มน ้าสบู่หรือผงซักฟอกทาตาม
ข้อต่อต่าง ๆ ให้ทั่ว ถ้าแก๊สรั่ว จะเห็นฟองสบู่ผุดขึ้นมาตามรอยรั่ว และควรแก้ไขให้ดี
ก่อนเชื่อม
14. การถอดอุปกรณ์เชื่อมแก๊ส ผู้ที่ถอดอุปกรณ์เชื่อมต้องศึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์นั้นให้
เข้าใจเสียก่อน ไม่ใช่มีประแจอยู่ในมือก็ท าการถอดได้ เพราะจะท าให้อุปกรณ์เสียหาย
ได้
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส
1. ถังแก๊สออกซิเจน (Oxygen Cylinder)
รูปที่ 2 แสดงรูปวาล์วหัวถังแก๊สออกซิเจน
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส
1. ถังแก๊สออกซิเจน (Oxygen Cylinder)
รูปที่ 2 แสดงรูปวาล์วหัวถังแก๊สออกซิเจน
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
รูปที่ 3 แสดงลักษณะโครงสร้างและส่วนประกอบภายใน ของวาล์วหัวถังแก๊สออกซิเจน
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
รูปที่ 3 แสดงลักษณะโครงสร้างและส่วนประกอบภายใน ของวาล์วหัวถังแก๊สออกซิเจน
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
ข้อควรระวังในการขนย้ายและเก็บรักษาถังออกซิเจน
1. ถังออกซิเจนทั้งหมดจะต้องบอกวันที่ท าการทดสอบถัง
2. ไม่ควรเก็บถังออกซิเจนไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมาก ๆ
3. ไม่ควรเก็บถังออกซิเจนไว้ใกล้น ้ามัน จาระบี และขั้วต่อไฟฟ้า
4. เมื่อออกซิเจนผสมกับน ้ามันจาระบี อาจจะระเบิดอย่างรุนแรง
5. ไม่ควรถอดฝาครอบถังออกซิเจนในขณะเคลื่อนย้าย
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
ข้อควรระวังในการขนย้ายและเก็บรักษาถังออกซิเจน
1. ถังออกซิเจนทั้งหมดจะต้องบอกวันที่ท าการทดสอบถัง
2. ไม่ควรเก็บถังออกซิเจนไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมาก ๆ
3. ไม่ควรเก็บถังออกซิเจนไว้ใกล้น ้ามัน จาระบี และขั้วต่อไฟฟ้า
4. เมื่อออกซิเจนผสมกับน ้ามันจาระบี อาจจะระเบิดอย่างรุนแรง
5. ไม่ควรถอดฝาครอบถังออกซิเจนในขณะเคลื่อนย้าย
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
2. ถังแก๊สอะเซทิลีน (Acetylene Cylinder)
สารอะซีโตน
รูปที่ 4 แสดงลักษณะภายในของถังแก๊ส รูปที่ 5 แสดงขนาดและส่วนต่าง ๆ ภายในของถัง
อะเซทิลีน แก๊สอะเซทิลีน
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
2. ถังแก๊สอะเซทิลีน (Acetylene Cylinder)
สารอะซีโตน
รูปที่ 4 แสดงลักษณะภายในของถังแก๊ส รูปที่ 5 แสดงขนาดและส่วนต่าง ๆ ภายในของถัง
อะเซทิลีน แก๊สอะเซทิลีน
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
ข้อควรระวังในการใช้ถังบรรจุถังแก๊สอะเซทิลีน
1. ถังแก๊สอะเซทิลีนจะต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐานที่น ามาใช้
2. ถังแก๊สอะเซทิลีนที่เกิดการรั่วซึม หรือช ารุด ควรจะรายงานส่งกลับคืนผู้ขาย หรือผู้ผลิตไม่ควรแก้ไข
เอง
3. ถ้าต้องการเก็บถังแก๊สอะเซทิลีนจ านวนมากในที่ใกล้กับถังของแก๊สออกซิเจน ต้องท าผนังชนิดทนไฟ
กั้นระหว่างแก๊สออกซิเจน และแก๊สอะเซทิลีน
4. ถังแก๊สอะเซทิลีนจะต้องตั้งในต าแหน่งตรงเสมอ ไม่ควรวางถังแก๊สอะเซทิลีนอยู่ในแนวระนาบ เพราะ
จะท าให้สารอะซีโตนภายในถังแก๊สไหลออกมากับแก๊สในการใช้งาน และท าให้การดูดซับแก๊สได้น้อย
และอาจเกิดอันตรายได้
5.ควรเก็บถังแก๊สอะเซทิลีนไว้ในที่ซึ่งมีการถ่ายเทอากาศได้ดี ห่างไกลจากความร้อน ประกายไฟในงาน
เชื่อม และงานตัดต่าง ๆ รวมทั้งให้ห่างจากวัสดุติดไฟได้ง่าย เช่น น ้ามัน สี เป็นต้น
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
ข้อควรระวังในการใช้ถังบรรจุถังแก๊สอะเซทิลีน
1. ถังแก๊สอะเซทิลีนจะต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐานที่น ามาใช้
2. ถังแก๊สอะเซทิลีนที่เกิดการรั่วซึม หรือช ารุด ควรจะรายงานส่งกลับคืนผู้ขาย หรือผู้ผลิตไม่ควรแก้ไข
เอง
3. ถ้าต้องการเก็บถังแก๊สอะเซทิลีนจ านวนมากในที่ใกล้กับถังของแก๊สออกซิเจน ต้องท าผนังชนิดทนไฟ
กั้นระหว่างแก๊สออกซิเจน และแก๊สอะเซทิลีน
4. ถังแก๊สอะเซทิลีนจะต้องตั้งในต าแหน่งตรงเสมอ ไม่ควรวางถังแก๊สอะเซทิลีนอยู่ในแนวระนาบ เพราะ
จะท าให้สารอะซีโตนภายในถังแก๊สไหลออกมากับแก๊สในการใช้งาน และท าให้การดูดซับแก๊สได้น้อย
และอาจเกิดอันตรายได้
5.ควรเก็บถังแก๊สอะเซทิลีนไว้ในที่ซึ่งมีการถ่ายเทอากาศได้ดี ห่างไกลจากความร้อน ประกายไฟในงาน
เชื่อม และงานตัดต่าง ๆ รวมทั้งให้ห่างจากวัสดุติดไฟได้ง่าย เช่น น ้ามัน สี เป็นต้น
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
3. เครื่องควบคุมแรงดันแก๊ส (Regulators)
รูปที่ 6 แสดงเครื่องควบคุมความดัน รูปที่ 7 แสดงรูปเครื่องควบคุมความดัน
แก๊สออกซิเจนแบบสองขั้นตอน แก๊สอะเซทีลีนแบบสองขั้นตอน
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
3. เครื่องควบคุมแรงดันแก๊ส (Regulators)
รูปที่ 6 แสดงเครื่องควบคุมความดัน รูปที่ 7 แสดงรูปเครื่องควบคุมความดัน
แก๊สออกซิเจนแบบสองขั้นตอน แก๊สอะเซทีลีนแบบสองขั้นตอน
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
4. สายเชื่อมแก๊ส (Hose)
รูปที่ 9 แสดงรูปสายเชื่อมแก๊สที่ต่อเกลียวเข้ากับ
รูปที่ 8 แสดงรูปสายเชื่อมแก๊ส
ท่อแก๊สและหัวเชื่อม
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
4. สายเชื่อมแก๊ส (Hose)
รูปที่ 9 แสดงรูปสายเชื่อมแก๊สที่ต่อเกลียวเข้ากับ
รูปที่ 8 แสดงรูปสายเชื่อมแก๊ส
ท่อแก๊สและหัวเชื่อม
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
ข้อควรระวังในการใช้สายเชื่อมแก๊ส
1. สายเชื่อมที่ผลิตออกมาจะโรยไว้ด้วยแป้งฝุ่น ควรเป่าเอาฝุ่นแป้งออกก่อนใช้งาน
2. อย่าให้สายเชื่อมถูกเปลวไฟ โลหะที่ท าการเชื่อม หรือสะเก็ดไฟ
3. อย่าวางอุปกรณ์หนัก ๆ ทับสายเชื่อม
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
ข้อควรระวังในการใช้สายเชื่อมแก๊ส
1. สายเชื่อมที่ผลิตออกมาจะโรยไว้ด้วยแป้งฝุ่น ควรเป่าเอาฝุ่นแป้งออกก่อนใช้งาน
2. อย่าให้สายเชื่อมถูกเปลวไฟ โลหะที่ท าการเชื่อม หรือสะเก็ดไฟ
3. อย่าวางอุปกรณ์หนัก ๆ ทับสายเชื่อม
เครื่องมือและอุปกรณ์งานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส (ต่อ)
5. หัวเชื่อมแก๊ส (Welding Torch)
รูปที่ 10 แสดงรูปหัวเชื่อมแก๊ส