The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jiraporn.nantarak, 2018-08-27 01:29:58

Network Diagram

วิทยาลัยเทคนิคระยอง



เตรียมหน่วยการสอน (Unit Lesson Preparation)
วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 08.30 – 17.30 น.

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100 1005 การสอนครั้งที่ 10

หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
การผลิตแก๊สอะเซทิลีนและแก๊สออกซิเจนและระบบจ่าย เมื่อนักศึกษาเรียนจบเรื่องนี้แล้วจะสามารถ :

แก๊ส 1. อธิบายการผลิตแก๊สอะเซทิลีนและแก๊ส
- การผลิตแก๊สอะเซทิลีนและการป้องกัน ออกซิเจนและการป้องกันได้อย่างถูกต้อง

- การผลิตออกซิเจนและการป้องกัน 2. อธิบายระบบการจ่ายแก๊สแบบหลายจุดใช้งานได้
- ระบบจ่ายแก๊สแบบหลายจุดใช้งาน อย่างถูกต้อง

งานปฏิบัติ 3. ปฏิบัติการเชื่อมแก๊สโดยสร้างบ่อหลอมละลาย
- การสร้างบ่อหลอมละลายการเชื่อมแก๊สโดยไม่เติม และการไม่เติมลวดเชื่อมในต าแหน่งท่าราบได้

ลวดเชื่อมในต าแหน่งท่าราบ

วิธีการสอน รหัส เวลา
รายละเอียดเนื้อหา
กิจกรรมผู้สอน / ผู้เรียน หนังสือ (นาที)

บทน า ผู้สอน : กล่าวทักทายผู้เรียน

การที่จะให้ได้งานเชื่อมที่มีคุณภาพนั้นจ าเป็นต้อง และขานใบรายชื่อนักศึกษา
อาศัยเทคนิคและองค์ประกอบต่างๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะ ผู้เรียน : กล่าวทักทายและตั้งใจ

การเชื่อมที่ควบคุมด้วยมือ ช่างเชื่อมจะต้องมีการควบคุมบ่อ ฟังชื่อแล้วขานรับ
หลอมละลาย เพื่อให้ได้แนวเชื่อมที่สมบูรณ์ และ ผู้สอน : บอกเกณฑ์การ 10
(0)
ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมควรจะมีความรู้เกี่ยวกับแก๊สที่ช่วยให้ความ ประเมินและท าข้อตกลงกับ (-) [10]
ร้อน ก็คือแก๊สอะเซทิลีนและแก๊สออกซิเจน และระบบการ นักเรียน และบรรยายน าเข้าสู่

จ่ายแก๊สแบบหลายจุด บทเรียน
ผู้เรียน : ตั้งใจฟังและจดบันทึก

หรือสอบถามข้อสงสัย


1. การผลิตแก๊สอะเซทิลีนและการป้องกัน ผู้สอน : บรรยายเนื้อหา
1.1 คุณลักษณะของแก๊สอะเซทิลีน ประกอบสื่อ Power point

อะเซทิลีน (Acetylene) เป็นแก๊สที่ติดไฟและระเบิดได้ ผู้เรียน : ฟังบรรยาย และจด
มีกลิ่นฉุนคล้ายอีเทอร์ที่ใช้เป็นยาสลบ ความร้อนที่น ามาใช้ บันทึก

เชื่อมแก๊สใช้เปลวไฟของแก๊สเชื้อเพลิงท าปฏิกิริยากับ

ออกซิเจน (O2) แก๊สเชื้อเพลิง คือ อะเซทิลีน (C2H2) เปลว
แก๊สเมื่อลุกไหม้จะให้ความร้อนสูงมาก เป็นม่านแก๊ส

ป้องกันบ่อหลอมไม่ให้ท าปฏิกิริยากับอากาศ

คุณสมบัติของแก๊สอะเซทิลีนมีดังต่อไปนี้

- เบากว่าอากาศปกติ
- ไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุนคล้ายกระเทียม

- อะเซทิลีนบริสุทธิ์ละลายน ้าได้ เป็นพิษต่อร่างกาย
- อะเซทิลีนรวมกับออกซิเจนจะติดไฟ ให้แสงสว่างและ

ความร้อนสูงมาก เพราะเป็นสารประกอบ
1.2 แก๊สอะเซทิลีนบรรจุท่อส าเร็จ

แก๊สอะเซทิลีนบรรจุท่อส าเร็จ สะดวกในการใช้
สูญเสียน้อย แต่อาจไม่สะดวกในการจัดซื้อกรณีอยู่ห่าง

แหล่งจ าหน่าย ท่อแก๊สอะเซทิลีน ปริมาตรบรรจุเต็ม 15
กก./ซม.2 การบรรจุแก๊สอะเซทิลีนส าเร็จรูปจะต้องมีสารดูด

ซึมเก็บแก๊สอะเซทิลีนภายในท่อด้วย

1.3 แก๊สอะเซทิลีนผลิตใช้เอง
ถังผลิตแก๊สหรือถังเตรียมใช้เอง (Acetylene 42

Generator) มีหลายแบบและขนาดต่าง ๆกันการผลิตโดย (A: 25- (10)
น าเอาสารแคลเซียมคาร์ไบด์ (Calcium Carbide) ซึ่งมี 60) [52]

ลักษณะเป็นก้อนสีเทามาจุ่มลงในน ้าก็จะได้แก๊สอะเซทิลีน
1.4 ถังแก๊สอะเซทิลีนแบบรางคาร์ไบด์

ถังแก๊สอะเซทิลีนแบบรางคาร์ไบด์ เป็นแบบที่ใช้กัน
อย่างแพร่หลาย ราคาถูก มีลิ้นปล่อยน ้าเข้ารางบรรจุ

แคลเซียมคาร์ไบด์ เมื่อเลิกใช้ต้องปิดก๊อกน ้าเสมอ
1.5 การป้องกันภัยในการใช้แก๊สอะเซทิลีน

เนื่องจากแก๊สอะเซทิลีนเป็นแก๊สเชื้อเพลิงที่ไวไฟมาก
การท างานเชื่อมจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าฝ่าฝืนกฎ

ในการท างานเป็นอันขาด
2. การผลิตแก๊สออกซิเจนและการป้องกัน

2.1 คุณลักษณะของแก๊สออกซิเจน

แก๊สออกซิเจนเป็นตัวช่วยให้เกิดการลุกไหม้ ถ้าขาด
แก๊สออกซิเจน จะไม่เกิดการลุกไหม้ขึ้น ในงานเชื่อมแก๊ส

จ าเป็นต้องมีแก๊สออกซิเจนช่วยในการเผาไหม้ ความร้อนที่
เกิดจากการเผาไหม้ระหว่างแก๊สออกซิเจนและแก๊ส

อะเซทิลีน มีอัตราส่วน 1 : 1 จะให้ความร้อนประมาณ
32000C

2.2 ท่อแก๊สออกซิเจน
ท่อออกซิเจนจากเหล็กกล้าไม่มีตะเข็บ ที่หัวมีวาล์ว

ป ิดและเปิด มีฝาครอบป้องกันอันตรายในการขนย้าย ท่อ

มาตรฐานมีขนาดบรรจุภายใน 40 ลิตร สามารถบรรจุ
ออกซิเจนด้วยความดัน 150 กก./ซม.2 บรรจุได้ 40 x 150 =

6,000 ลิตร











2.3 การผลิตแก๊สออกซิเจน

- ผลิตโดยการแยกตัวออกจากน ้าด้วยไฟฟ้า โดยใช้
กระแสไฟฟ้าผ่านลงไปในน ้า ออกซิเจนและไฮโดรเจนจะ

แยกตัวออกจากกัน เพราะน ้าเป็นสารประกอบระหว่าง
ออกซิเจนและไฮโดรเจนในอัตรา 1 : 2 โดยปริมาตร

- ผลิตได้จากอากาศเหลว โดยอากาศผ่านเข้าในถังผลิตแล้ว

อัดให้มีความดันสูง
2.4 ชุดเกจวัดความดันแก๊สออกซิเจน

การน าแก๊สออกซิเจนจากท่อแก๊สออกซิเจนไปใช้งาน
ต้องผ่านชุดเกจวัดความดันเพื่อให้ทราบว่ามีแก๊สออกซิเจน

อยู่ปริมาณเท่าใด และเพื่อปรับความดันให้เหมาะสมกับการ
ใช้งาน

2.5 การป้องกันภัยในการใช้แก๊สออกซิเจน
- การต่อท่อแก๊สออกซิเจน ห้ามหล่อลื่นเกลียวด้วย

น ้ามันเครื่อหรือจาระบี เพราะจะท าปฏิกิริยากับแก๊ส
ออกซิเจน ซึ่งอาจเกิดการระเบิดขึ้นได้

- ท่อแก๊สออกซิเจนบรรจุความดันไว้สูง เวลาเปิดวาล์วท่อ
ออกซิเจนต้องเปิดช้าๆ อย่างระมัดระวัง และเปิดเพียงครึ่ง

รอบหรือรอบเดียวก็พอด้วยมือ ห้ามใช้คีมช่วย
- การตั้งท่อแก๊สออกซิเจนควรตั้งติดข้างฝาผนังและมีสายรัด

เพื่อกันล้ม

- อย่าวางท่อแก๊สออกซิเจนไว้ใกล้แหล่งความร้อนหรือวาง
ตากแดด ถ้าจ าเป็นต้องใช้ไม้หรือฉากกั้นไว้

- อย่ายืนในทิศที่แก๊สออกซิเจนออกขณะเปิดวาล์วท่อแก๊ส
ออกซิเจน

- หลังเลิกใช้งานให้ปิดวาล์วท่อแก๊สออกซิเจนทุกครั้ง










2.6 การเคลื่อนย้ายและเก็บท่อแก๊สออกซิเจน
- ต้องแน่ใจว่าไม่มีรอยรั่วของแก๊สออกซิเจน

- ไม่ให้มีเปลวไฟเข้าใกล้ท่อแก๊สออกซิเจน

- ไม่ให้มีน ้ามันจาระบีหรือพวกไขต่างๆ ไปสัมผัสวาล์วหรือ
ข้อต่อต่างๆ

- ต้องแน่ใจว่าผู้ปฏิบัติงานมีความช านาญเกี่ยวกับการใช้
อุปกรณ์ต่างๆ เป็นอย่างดี

3. ระบบจ่ายแก๊สแบบหลายจุดใช้งาน (Manifold)
ระบบจ่ายแก๊สแบบหลายจุดใช้งานหรือแมนนิโพลด์

นี้ เหมาะส าหรับจ่ายแก๊สไปยังจุดใช้งานหลายจุดในเวลา
เดียวกัน โดยใช้ท่อบรรจุแก๊สหลายๆท่อให้แถวเดียวกัน

หรือจ่ายแก๊สแบบสองข้าง ข้างหนึ่งใช้งานข้างหนึ่งส ารองก็
ได้ รวมกันเป็นจุดจ่าย โดยมีมาสเตอร์วาล์ว (Master Valve)

ควบคุมการปิดเปิดและมีมาตรวัด (Regulator) แสดงความ

ดันในระบบและภาวะการใช้งาน


สรุป ผู้สอน : บรรยายสรุปเนื้อหา
และถามค าถาม

ผู้เรียน : ร่วมสรุปไปพร้อมๆ
กันกับผู้สอน และถามข้อสงสัย

ผู้สอน : ตอบค าถามและมอบ

ใบงานให้ผู้เรียนและอธิบาย 8
ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน (-) (52)

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว [60]
แยกย้ายปฏิบัติงาน

มอบใบงานให้นักศึกษาปฏิบัติตามใบงาน ผู้สอน : มอบใบงานให้นักเรียน
และอธิบายขั้นตอนในการ (-) 180
(60)
ปฏิบัติงาน [240]

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว
แยกย้ายปฏิบัติงาน

สรุป
การที่จะให้ได้งานเชื่อมที่มีคุณภาพนั้นจ าเป็นต้องอาศัยเทคนิคและองค์ประกอบต่างๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะ

การเชื่อมที่ควบคุมด้วยมือ ช่างเชื่อมจะต้องมีการควบคุมบ่อหลอมละลาย เพื่อให้ได้แนวเชื่อมที่สมบูรณ์ และ
ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมควรจะมีความรู้เกี่ยวกับแก๊สที่ช่วยให้ความร้อน ก็คือแก๊สอะเซทิลีนและแก๊สออกซิเจน และ

ระบบการจ่ายแก๊สแบบหลายจุด


ค าถาม

1. จงอธิบายลักษณะของท่อออกซิเจน มาพอสังเขป ? (ข)
ตอบ ท่อออกซิเจนจากเหล็กกล้าไม่มีตะเข็บ ที่หัวมีวาล์วปิดและเปิด มีฝาครอบป้องกันอันตรายใน

การขนย้าย ท่อมาตรฐานมีขนาดบรรจุภายใน 40 ลิตร
2. การป้องกันภัยในการใช้แก๊สออกซิเจนท าได้โดยวิธีใดบ้าง ? (จ,ข)

ตอบ - การต่อท่อแก๊สออกซิเจน ห้ามหล่อลื่นเกลียวด้วยน ้ามันเครื่อหรือจาระบี เพราะจะท าปฏิกิริยา

กับแก๊สออกซิเจน ซึ่งอาจเกิดการระเบิดขึ้นได้
- ท่อแก๊สออกซิเจนบรรจุความดันไว้สูง เวลาเปิดวาล์วท่อออกซิเจนต้องเปิดช้าๆ อย่างระมัดระวัง และเปิด
เพียงครึ่งรอบหรือรอบเดียวก็พอด้วยมือ ห้ามใช้คีมช่วย

- การตั้งท่อแก๊สออกซิเจนควรตั้งติดข้างฝาผนังและมีสายรัดเพื่อกันล้ม

- อย่าวางท่อแก๊สออกซิเจนไว้ใกล้แหล่งความร้อนหรือวางตากแดด ถ้าจ าเป็นต้องใช้ไม้หรือฉากกั้นไว้
- อย่ายืนในทิศที่แก๊สออกซิเจนออกขณะเปิดวาล์วท่อแก๊สออกซิเจน

- หลังเลิกใช้งานให้ปิดวาล์วท่อแก๊สออกซิเจนทุกครั้ง


ข้อสังเกตการสอน


ผู้สอน ผู้เรียน

ก่อนสอน: เตรียมความพร้อมของผู้สอนด้าน ก่อนเรียน : การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน
เนื้อหาและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการสอน ขณะเรียน : ความสนใจของผู้เรียนต่อผู้สอน

ขณะสอน: การเคลื่อนไหว ท่าทาง การใช้ การตอบค าถามของผู้เรียน

น ้าเสียงในการพูด และการตั้งค าถามๆผู้เรียน หลังเรียน : ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น

หลังสอน : เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถาม

หมายเหตุ

สัญลักษณ์
(จ) = ความจ า (ข) = ความเข้าใจ (น) = น าไปใช้

(ว) = วิเคราะห์ (ส) = สังเคราะห์ (ป) = ประเมินค่า


เอกสารอ้างอิง

รหัส A : นริศ ศรีเมฆ. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. นนทบุรี : เอมพันธ์, 2556.


เครื่องมือและอุปกรณ์ในการสอน
1. กระดานไวท์บอร์ด (White Board)

2. โน๊ตบุ๊ค (Notebook)
3. พาวเวอร์พอยต์ (Power Point)

4. โปรเจคเตอร์ (Projector)



บันทึกหลังการสอน

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................


.......................................................................

( )
ผู้บันทึก

วิทยาลัยเทคนิคระยอง



เตรียมหน่วยการสอน (Unit Lesson Preparation)
วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 08.30 – 17.30 น.

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100 1005 การสอนครั้งที่ 11

หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
เทคนิคการเชื่อมแบบ Forehand และแบบ Backhand เมื่อนักศึกษาเรียนจบเรื่องนี้แล้วจะสามารถ :

- การเชื่อมแบบ Forehand 1. อธิบายการเชื่อมแก๊สแบบ Forehandได้อย่าง
- การเชื่อมแบบ Backhand ถูกต้อง

งานปฏิบัติ 2. อธิบายการเชื่อมแก๊สแบบ Backhand ได้อย่าง
- การเชื่อมแก๊สโดยเติมลวดเชื่อมในต าแหน่งท่าราบ ถูกต้อง

3. ปฏิบัติการเชื่อมแก๊สโดยเติมลวดเชื่อมใน
ต าแหน่งท่าราบได้

วิธีการสอน รหัส เวลา
รายละเอียดเนื้อหา
กิจกรรมผู้สอน / ผู้เรียน หนังสือ (นาที)
บทน า ผู้สอน : กล่าวทักทายผู้เรียน

การที่จะให้ได้งานเชื่อมที่มีคุณภาพดีนั้น และขานใบรายชื่อนักศึกษา
จ าเป็นต้องอาศัยเทคนิคและองค์ประกอบต่างๆ หลายอย่าง ผู้เรียน : กล่าวทักทายและตั้งใจ

โดยเฉพาะการเชื่อมที่ควบคุมด้วยมือ ช่างเชื่อมจะต้องมีการ ฟังชื่อแล้วขานรับ
ควบคุมบ่อหลอมละลาย เพื่อให้ได้แนวเชื่อมที่สมบูรณ์ ผู้สอน : บอกเกณฑ์การ 10
(0)
ส าหรับผู้ที่ฝึกหัดเชื่อมจะประสบความส าเร็จมากน้อย ประเมินและท าข้อตกลงกับ (-) [10]

เพียงใดนั้นนอกจากคุณลักษณะเฉพาะบุคคลแล้ว จะต้องมี นักเรียน และบรรยายน าเข้าสู่
การฝึกฝนพอสมควร เพื่อให้เกิดทักษะและความช านาญ ซึ่ง บทเรียน
การเชื่อมด้วยมือนั้น แต่ละคนจะมีเทคนิคพิเศษเฉพาะตัว ผู้เรียน : ตั้งใจฟังและจดบันทึก

แตกต่างกันไป ดังนั้นถ้าเพียงคิดว่าจะศึกษาจากต าราคู่มือ หรือสอบถามข้อสงสัย

โดยไม่ได้ลงมือปฏิบัติแล้ว ก็ไม่สามารถเป็นช่างเชื่อมที่มี
ฝีมือได้


1. การเชื่อมแบบ Forehand ผู้สอน : บรรยายเนื้อหา

การเชื่อมจากทางขวาไปซ้าย (Forehand Welding) ประกอบสื่อ Power point
ท าการเชื่อมจากขอบของงานทางขวามือไปทางซ้ายมือ ผู้เรียน : ฟังบรรยาย และจด

จนกว่าจะสิ้นสุดการเชื่อมจากทิศทางการเดินลวดเชื่อมและ บันทึก
เปลวเชื่อมจะน าหน้าหัวทิพ วิธีนี้จะสูญเสียความร้อนไป

บางส่วน เนื่องจากมีความร้อนสะท้อนออกไปจากผิวหน้า
ของงาน ผู้เชื่อมสามารถจะเพิ่มหรือลดปริมาณความร้อนที่

บ่อหลอมเหลวได้โดยการปรับมุมระหว่างหัวทิพกับชิ้นงาน

ถ้าต้องการความร้อนน้อยก็เอนหัวทิพให้มาก (ท ามุมน้อย)
ถ้าต้องการความร้อนที่บ่อหลอมเหลวมาก ก็ยกหัวทิพให้

ตั้งขึ้น(ท ามุมมาก) ดังนั้นเทคนิคการเชื่อมแบบนี้จึงเหมาะ
ส าหรับเชื่อมชิ้นงานบางหรืองานที่มีความหนาไม่เกิน 3

มิลลิเมตร หรือโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก ซึ่งขณะเชื่อมต้องปรับ
เพิ่มหรือลดปริมาณความร้อนตลอดเวลา เช่น ทองเหลือง

ทองแดง อะลูมิเนียม และการบัดกรีแข็ง (Brazing) เป็น
ต้น








แสดงการเชื่อมแบบ Forehand และทิศทางการเชื่อม 42
(A: 60- (10)
2. การเชื่อมแบบ Backhand 61) [52]

การเชื่อมจากทางซ้ายไปขวา (Backhand Welding)
ท าการเชื่อมจากทางซ้ายของขอบงานเดินไป

ทางขวามือจนกระทั่งสิ้นสุดการเชื่อม จากทิศทางของการ
เชื่อมจะเห็นว่าแนวเชื่อมจะได้รับความร้อนเต็มที่ โดยไม่มี

การสูญเสียความร้อนหรือสูญเสียก็มีปริมาณน้อยมาก จึง
เหมาะกับชิ้นงานที่ต้องการเชื่อมซึมลึกเป็นอย่างดี โดย

เหมาะส าหรับการเชื่อมชิ้นงานที่มีความหนาเกินกว่า 3

มิลลิเมตร







แสดงการเชื่อมแบบ Backhand และทิศทางการเชื่อม

ส าหรับผู้เริ่มฝึกหัดการเชื่อมใหม่ๆ ควรเริ่มต้นฝึก

การใช้เทคนิคการเชื่อมแบบจากขวาไปซ้าย (Forehand) ถือ
หัวเชื่อมให้ท ามุมประมาณ 30 – 45 องศากับชิ้นงาน เปลว

ไฟจะพุ่งไปข้างหน้า ส่วนการเคลื่อนไหวหรือการส่ายหัว

ทิพหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน ความต้องการของ

ผู้เชื่อมและการออกแบบรอยต่อ








อุณหภูมิของเปลวไฟขึ้นอยู่กับระยะห่างของเปลวจากปลายหัวเชื่อม ( OC)










การเติมลวดเชื่อมในท่าราบ
สรุป

ผู้สอน : บรรยายสรุปเนื้อหา
และถามค าถาม

ผู้เรียน : ร่วมสรุปไปพร้อมๆ
กันกับผู้สอน และถามข้อสงสัย
8
ผู้สอน : ตอบค าถามและมอบ (-) (52)

ใบงานให้ผู้เรียนและอธิบาย [60]
ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว

แยกย้ายปฏิบัติงาน






มอบใบงานให้นักศึกษาปฏิบัติตามใบงาน ผู้สอน : มอบใบงานให้นักเรียน

และอธิบายขั้นตอนในการ
ปฏิบัติงาน 180

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว (-) (60)
แยกย้ายปฏิบัติงาน [240]

สรุป

การเชื่อมจากทางขวาไปซ้าย (Forehand Welding) เหมาะส าหรับการเชื่อมชิ้นงานบางหรืองานที่มีความ
หนาไม่เกิน 3 มิลลิเมตร หรือโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก ซึ่งขณะเชื่อมต้องปรับเพิ่มหรือลดปริมาณความร้อนตลอดเวลา

เช่น ทองเหลือง ทองแดง อะลูมิเนียม และการบัดกรีแข็ง ส่วนการเชื่อมจากทางซ้ายไปขวา (Backhand Welling)
เหมาะส าหรับชิ้นงานที่มีความหนาเกินกว่า 3 มิลลิเมตร

ค าถาม
1. จงอธิบายลักษณะการเชื่อมแบบ Forehand มาพอสังเขป ? (ข)

ตอบ การเชื่อมแบบ Forehand เหมาะส าหรับการเชื่อมชิ้นงานบางหรืองานที่มีความหนาไม่เกิน 3

มิลลิเมตร หรือโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก ซึ่งขณะเชื่อมต้องปรับเพิ่มหรือลดปริมาณความร้อนตลอดเวลา เช่น
ทองเหลือง ทองแดง อะลูมิเนียม และการบัดกรีแข็ง

2. เทคนิคการเชื่อมแบบใดเหมาะส าหรับผู้ที่ท าการฝึกเชื่อมใหม่ๆ หรือไม่เคยเชื่อมมาก่อน ? (จ,ข)
ตอบ การเชื่อมแบบ Forehand


ข้อสังเกตการสอน



ผู้สอน ผู้เรียน
ก่อนสอน: เตรียมความพร้อมของผู้สอนด้าน ก่อนเรียน : การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน
เนื้อหาและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการสอน ขณะเรียน : ความสนใจของผู้เรียนต่อผู้สอน

ขณะสอน: การเคลื่อนไหว ท่าทาง การใช้ การตอบค าถามของผู้เรียน

น ้าเสียงในการพูด และการตั้งค าถามๆผู้เรียน หลังเรียน : ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น

หลังสอน : เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถาม



หมายเหตุ
สัญลักษณ์

(จ) = ความจ า (ข) = ความเข้าใจ (น) = น าไปใช้
(ว) = วิเคราะห์ (ส) = สังเคราะห์ (ป) = ประเมินค่า



เอกสารอ้างอิง
รหัส A : นริศ ศรีเมฆ. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. นนทบุรี : เอมพันธ์, 2556.


เครื่องมือและอุปกรณ์ในการสอน

1. กระดานไวท์บอร์ด (White Board)
2. โน๊ตบุ๊ค (Notebook)

3. พาวเวอร์พอยต์ (Power Point)
4. โปรเจคเตอร์ (Projector)

บันทึกหลังการสอน

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................


.......................................................................
( )

ผู้บันทึก

วิทยาลัยเทคนิคระยอง



เตรียมหน่วยการสอน (Unit Lesson Preparation)
วันที่ 3 สิงหาคม 2561 เวลา 08.30 – 17.30 น.

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100 1005 การสอนครั้งที่ 12

หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
เทคนิคการเชื่อมแก๊ส เมื่อนักศึกษาเรียนจบเรื่องนี้แล้วจะสามารถ :

- การเชื่อมต่อชน 1. อธิบายลักษณะการเชื่อมต่อชนได้อย่างถูกต้อง
- การเชื่อมต่อชนท่าราบ 2. อธิบายลักษณะการเชื่อมต่อชนท่าราบได้อย่าง

- การเชื่อมต่อชนท่าตั้ง ถูกต้อง
งานปฏิบัติ 3. ปฏิบัติการเชื่อมแก๊สเติมลวดต่อชนท่าราบได้

- การเชื่อมแก๊สเติมลวดต่อชนท่าราบ
วิธีการสอน รหัส เวลา
รายละเอียดเนื้อหา
กิจกรรมผู้สอน / ผู้เรียน หนังสือ (นาที)

บทน า ผู้สอน : กล่าวทักทายผู้เรียน
การที่จะให้ได้งานเชื่อมที่มีคุณภาพดีนั้น และขานใบรายชื่อนักศึกษา

จ าเป็นต้องอาศัยเทคนิคและองค์ประกอบต่างๆ หลายอย่าง ผู้เรียน : กล่าวทักทายและตั้งใจ

โดยเฉพาะการเชื่อมที่ควบคุมด้วยมือ ช่างเชื่อมจะต้องมีการ ฟังชื่อแล้วขานรับ
ควบคุมบ่อหลอมละลาย เพื่อให้ได้แนวเชื่อมที่สมบูรณ์ ผู้สอน : บอกเกณฑ์การ 10
ส าหรับผู้ที่ฝึกหัดเชื่อมจะประสบความส าเร็จมากน้อย ประเมินและท าข้อตกลงกับ (-) (0)

เพียงใดนั้นนอกจากคุณลักษณะเฉพาะบุคคลแล้ว จะต้องมี นักเรียน และบรรยายน าเข้าสู่ [10]

การฝึกฝนพอสมควร เพื่อให้เกิดทักษะและความช านาญ ซึ่ง บทเรียน
การเชื่อมด้วยมือนั้น แต่ละคนจะมีเทคนิคพิเศษเฉพาะตัว ผู้เรียน : ตั้งใจฟังและจดบันทึก

แตกต่างกันไป ดังนั้นถ้าเพียงคิดว่าจะศึกษาจากต าราคู่มือ หรือสอบถามข้อสงสัย
โดยไม่ได้ลงมือปฏิบัติแล้ว ก็ไม่สามารถเป็นช่างเชื่อมที่มี

ฝีมือได้


1. การเชื่อมต่อชน (Butt Joint Welding) ผู้สอน : บรรยายเนื้อหา
เป็นรอยต่อแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในงานเชื่อม ประกอบสื่อ Power point

แก๊ส ซึ่งในการเชื่อมนั้นจะต้องวางชิ้นงานห่างจากกันใน ผู้เรียน : ฟังบรรยาย และจด
ระยะใกล้เคียงหรือเท่ากับความหนาของชิ้นงานที่จะเชื่อม บันทึก

เพื่อสร้างรูกุญแจ ในขณะที่หลอมละลายที่รอยต่อของ

ชิ้นงานทั้งสองชิ้น เพื่อให้เกิดการหลอมละลายซึมลึกตลอด
ความหนาของงาน
การวางรอยต่อนี้จะต้องวางให้ด้านที่สิ้นสุดการเชื่อม

ห่างมากกว่าด้านที่เริ่มต้นเชื่อม เนื่องจากเมื่อชิ้นงานได้รับ

ความร้อนจะขยายตัว และโลหะจะขยายตัวติดกัน โอกาสใน
การท ารูกุญแจจะท าไม่ได้เป็นผลให้การซึมลึกไม่เต็มความ

หนาของชิ้นงาน ซึ่งท าให้ผลิตภัณฑ์นี้จะไม่ผ่านการ
ตรวจสอบ ดังแสดงในรูปที่ 3.53










แสดงการเว้นรอยต่อชน การเชื่อมยึด และการสร้างรู้กุญแจ

การเชื่อมต่อชนชิ้นงานยาวๆ การเชื่อมยึดเพียงหัวและ 45

ท้ายอาจจะไม่เพียงพอ จะท าให้ชิ้นงานที่เชื่อมเมื่อได้รับ (A: 60- (10)
ความร้อนจากเปลวไฟที่ไม่เท่ากัน ท าให้เกิดการบิดตัวเป็น 64) [55]

เหตุให้ผลิตภัณฑ์นั้นไม่ผ่านการตรวจสอบต้องทิ้งไป ท าให้
เกิดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ในกรณีเช่นนี้สามารถ

แก้ไขได้โดยท าการเชื่อมยึดงานให้ถี่ขึ้น และล าดับการเชื่อม

ยึด ดังแสดงในรูปที่ 3.54






แสดงล าดับขั้นการเชื่อมยึดที่เกิดการบิดตัวน้อยที่สุด

2. การเชื่อมต่อชนท่าราบ (Flat Butt Joint)
การเชื่อมต่อชนในท่าราบ เป็นท่าเชื่อมที่ง่ายที่สุด

ส าหรับผู้ที่เริ่มฝึกเชื่อม และเป็นท่าเชื่อมที่สามารถควบคุม
บ่อหลอมละลาย เพื่อให้เกิดการซึมลึกที่สมบูรณ์ได้ง่าย

เนื่องจากแรงดึงดูดของโลก ไม่มีผลต่อน ้าโลหะเหลวในบ่อ

หลอมละลาย ถ้าไม่มีความจ าเป็นบังคับให้ต้องเชื่อมท่าอื่น
แล้วผู้ปฏิบัติการเชื่อมควรน าผลิตภัณฑ์นั้นมาเชื่อมท่าราบ
เป็นดีที่สุด โดยมีลักษณะการเชื่อม ดังแสดงในรูปที่ 3.55

แสดงการเชื่อมต่อชนท่าราบ
3. การเชื่อมต่อชนท่าตั้ง (Vertical Butt Joint)

แนวเขื่อมจะอยู๋แนวดิ่ง แรงดึงดดของโลกจะมีผลต่อน ้า
โลหะในบ่อหลอมละลาย จะท าให้น ้าโลหะไหลย้อยลงมา

ด้านล่าง การเชื่อมท่าตั้งนี้มี 2 วิธีด้วยกัน คือ การเชื่อมท่าตั้ง

เชื่อมขึ้น กับการเชื่อมท่าตั้งท่าลง
3.1 การเขื่อมต่อชนท่าตั้งเชื่อมขึ้น
ในการเชื่อมท่าตั้ง เพื่อให้ได้งานเชื่อมที่มีคุณภาพควร

เลือกวิธีการเชื่อมแบบเชื่อมขึ้นน ้าโลหะที่ไหลย้อยลงมา จะ

สร้างปัญหาให้กับผู้เชื่อมเป็นอย่างมาก อีกทั้งจะท าให้แนว
เชื่อมนูนมากเกินความจ าเป็น ซึ่งปัญหาที่กล่าวมานี้ ถ้าผู้

ปฏิบัติการเชื่อมมีเทคนิคการควบคุมที่ดีจะท าให้ได้แนว
เชื่อมที่สมบูรณ์แข็งแรง ปัญหาต่างๆ ก็จะลดน้อยลงหรือ

หมดไป โดยมีเทคนิควิธีดังนี้
3.1.1ควรถือหัวทิพให้ท ามุมกับชิ้นงานประมาณ 25-80

องศา จะถือหหัวทิพให้ท ามุมกับงานมากน้อยเท่าใดนั้น
ขึ้นอยู่กับความหนาของงานเป็นส าคัญ เช่น ถ้างานบางควร

เอียงหัวทิพให้มาก เพราะเปลวไฟจะสะท้อนออกไปจากงาน
ส่วนหนึ่ง ถ้างานหนาก็จับให้หัวทิพตั้งขึ้นจบเกือบได้ฉาก

เนื่องจากชิ้นงานหนาต้องการปริมาณความร้อนในการ

หลอมละลายจ านวนมาก
เปลวไฟที่พุ่งขึ้นไปข้างบนจะช่วยพยุงน ้าโลหะไม่ให้
ไหลย้อยและตกลงมากลอมละลาย ดังแสดงในรูป 3.56

3.1.2 การส่ายหัวทิพในลักษณะครึ่งวงกลม จะช่วยให้

ความดันแก๊สสามารถพยุงน ้าโลหะได้บ่อหลอมละลายที่
กว้างขึ้น และได้แนวเชื่อมที่มีความกว้างเพียงพอกับความ

แข็งแรงของงาน ดังแสดงในรูป 3.56

รูปที่ 3.56 แสดงการเชื่อมเหล็กคาร์บอนต ่า ในการเชื่อมต่อชนท่าตั้งเชื่อม
ขึ้นควรให้ท ามุมกับชิ้นงานประมาณ 80 องศา ลวดเชื่อมท ามุมกับงาน 45-
60 องศา แบะงอลวดเชื่อมเป็นมุม 110 องศา เพื่อสะดวกในการเติมลวดโดย
ไม่ร้อนมือ
4. การเชื่อมท่าตั้งเชื่อมลง (Vertical Down Position)
เป็นท่าเชื่อมที่เหมาะส าหรับชิ้นงานที่มีความหนาไม่มาก

นัก เพื่อให้เกิดบ่อหลอมละลายที่ไม่ใหญ่มากนัก การเดิน
และส่ายหัวทิพต้องกระท าเร็วกว่าการเชื่อมขึ้น ส าหรับ

ชิ้นงานที่หนาตั้งแต่ 3 มม. ขึ้นไป การหลอมละลายให้ได้
การซึมลึกที่ดีนั้นกระท าได้ยาก เพราะต้องสร้างบ่อหลอม

ละลายให้ใหญ่ น ้าโลหะเหลวยิ่งมีมากก็ยิ่งควบคุมมาก
เพราะไม่มีแนวเชื่อมเก่ารองรับน ้าโลหะเช่นเดียวกับการ

เชื่อมขึ้น การเชื่อมท่านี้จึงไม่นิยมเลือกใช้เชื่อมกัน ถ้ามี
โอกาสเลือกควรเลือกท่าอื่น



สรุป ผู้สอน : บรรยายสรุปเนื้อหา
และถามค าถาม

ผู้เรียน : ร่วมสรุปไปพร้อมๆ
กันกับผู้สอน และถามข้อสงสัย 10

ผู้สอน : ตอบค าถามและมอบ (-) (55)

ใบงานให้ผู้เรียนและอธิบาย [65]
ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว
แยกย้ายปฏิบัติงาน



มอบใบงานให้นักศึกษาปฏิบัติตามใบงาน ผู้สอน : มอบใบงานให้นักเรียน 175
และอธิบายขั้นตอนในการ (-) (65)

ปฏิบัติงาน [240]
ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว

แยกย้ายปฏิบัติงาน

สรุป

1. การเชื่อมต่อชน (Butt Joint Welding)
เป็นรอยต่อแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในงานเชื่อมแก๊ส ซึ่งในการเชื่อมนั้นจะต้องวางชิ้นงานห่างจากกันใน

ระยะใกล้เคียงหรือเท่ากับความหนาของชิ้นงานที่จะเชื่อม เพื่อสร้างรูกุญแจ ในขณะที่หลอมละลายที่รอยต่อของ
ชิ้นงานทั้งสองชิ้น เพื่อให้เกิดการหลอมละลายซึมลึกตลอดความหนาของงาน

การเชื่อมต่อชนชิ้นงานยาวๆ การเชื่อมยึดเพียงหัวและท้ายอาจจะไม่เพียงพอ จะท าให้ชิ้นงานที่เชื่อมเมื่อได้รับ
ความร้อนจากเปลวไฟที่ไม่เท่ากัน ท าให้เกิดการบิดตัวเป็นเหตุให้ผลิตภัณฑ์นั้นไม่ผ่านการตรวจสอบต้องทิ้งไป ท า

ให้เกิดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ในกรณีเช่นนี้สามารถแก้ไขได้โดยท าการเชื่อมยึดงานให้ถี่ขึ้น และล าดับการ

เชื่อมยึด
2. การเชื่อมต่อชนท่าราบ (Flat Butt Joint)

การเชื่อมต่อชนในท่าราบ เป็นท่าเชื่อมที่ง่ายที่สุด ส าหรับผู้ที่เริ่มฝึกเชื่อม และเป็นท่าเชื่อมที่สามารถควบคุม
บ่อหลอมละลาย เพื่อให้เกิดการซึมลึกที่สมบูรณ์ได้ง่าย เนื่องจากแรงดึงดูดของโลก ไม่มีผลต่อน ้าโลหะเหลวในบ่อ

หลอมละลาย
3. การเชื่อมต่อชนท่าตั้ง (Vertical Butt Joint)

แนวเขื่อมจะอยู๋แนวดิ่ง แรงดึงดดของโลกจะมีผลต่อน ้าโลหะในบ่อหลอมละลาย จะท าให้น ้าโลหะไหลย้อยลง
มาด้านล่าง การเชื่อมท่าตั้งนี้มี 2 วิธีด้วยกัน คือ การเชื่อมท่าตั้งเชื่อมขึ้น กับการเชื่อมท่าตั้งท่าลง

3.1 การเขื่อมต่อชนท่าตั้งเชื่อมขึ้น
ในการเชื่อมท่าตั้ง เพื่อให้ได้งานเชื่อมที่มีคุณภาพควรเลือกวิธีการเชื่อมแบบเชื่อมขึ้นน ้าโลหะที่ไหลย้อยลงมา จะ

สร้างปัญหาให้กับผู้เชื่อมเป็นอย่างมาก อีกทั้งจะท าให้แนวเชื่อมนูนมากเกินความจ าเป็น ซึ่งปัญหาที่กล่าวมานี้ ถ้าผู้
ปฏิบัติการเชื่อมมีเทคนิคการควบคุมที่ดีจะท าให้ได้แนวเชื่อมที่สมบูรณ์แข็งแรง ปัญหาต่างๆ ก็จะลดน้อยลงหรือ

หมดไป โดยมีเทคนิควิธีดังนี้
3.1.1ควรถือหัวทิพให้ท ามุมกับชิ้นงานประมาณ 25-80 องศา

3.1.2 การส่ายหัวทิพในลักษณะครึ่งวงกลม

4. การเชื่อมท่าตั้งเชื่อมลง (Vertical Down Position)
เป็นท่าเชื่อมที่เหมาะส าหรับชิ้นงานที่มีความหนาไม่มากนัก เพื่อให้เกิดบ่อหลอมละลายที่ไม่ใหญ่มากนัก การเดิน

และส่ายหัวทิพต้องกระท าเร็วกว่าการเชื่อมขึ้น ส าหรับชิ้นงานที่หนาตั้งแต่ 3 มม. ขึ้นไป


ค าถาม
1. การเชื่อมต่อชนท่าตั้งจ าแนกได้ออกเป็นกี่วิธี ได้แก่อะไรบ้าง? (จ)

ตอบ 2 วิธี ได้แก่ 1. การเชื่อมต่อชนท่าตั้งเชื่อมขึ้น
2. การเชื่อมต่อชนท่าตั้งเชื่อมลง

2. เทคนิคการเชื่อมท่าตั้งท่าลง เหมาะกับชิ้นงานหนาหรือบาง และมีขนาดเท่าใด ? (จ,ข)
ตอบ ชิ้นงานบาง มีขนาด 3 มิลลิเมตรขึ้นไป

ข้อสังเกตการสอน


ผู้สอน ผู้เรียน

ก่อนสอน: เตรียมความพร้อมของผู้สอนด้าน ก่อนเรียน : การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน
เนื้อหาและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการสอน ขณะเรียน : ความสนใจของผู้เรียนต่อผู้สอน

ขณะสอน: การเคลื่อนไหว ท่าทาง การใช้ การตอบค าถามของผู้เรียน

น ้าเสียงในการพูด และการตั้งค าถามๆผู้เรียน หลังเรียน : ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น

หลังสอน : เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถาม



หมายเหตุ
สัญลักษณ์

(จ) = ความจ า (ข) = ความเข้าใจ (น) = น าไปใช้
(ว) = วิเคราะห์ (ส) = สังเคราะห์ (ป) = ประเมินค่า


เอกสารอ้างอิง

รหัส A : นริศ ศรีเมฆ. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. นนทบุรี : เอมพันธ์, 2556.


เครื่องมือและอุปกรณ์ในการสอน

1. กระดานไวท์บอร์ด (White Board)
2. โน๊ตบุ๊ค (Notebook)

3. พาวเวอร์พอยต์ (Power Point)
4. โปรเจคเตอร์ (Projector)


บันทึกหลังการสอน

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................


.......................................................................
( )

ผู้บันทึก

วิทยาลัยเทคนิคระยอง



เตรียมหน่วยการสอน (Unit Lesson Preparation)
วันที่ 10 สิงหาคม 2561 เวลา 08.30 – 17.30 น.

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100 1005 การสอนครั้งที่ 13

หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
การตัดแผ่นเหล็กกล้าคาร์บอนด้วยแก๊ส เมื่อนักศึกษาเรียนจบเรื่องนี้แล้วจะสามารถ :

- หลักการตัดด้วยแก๊ส 1. อธิบายหลักการตัดด้วยแก๊สได้อย่างถูกต้อง
- เครื่องมือและอุปกรณ์ส าหรับงานตัดด้วยแก๊ส 2. บอกชนิดเครื่องมือและอุปกรณ์ส าหรับงานตัด

- ลักษณะรอยตัดด้วยแก๊ส ด้วยแก๊สได้อย่างถูกต้อง
- ข้อควรระวังในการตัดโลหะด้วยแก๊ส 3. อธิบายลักษณะรอยตัดด้วยแก๊สได้อย่างถูกต้อง

งานปฏิบัติ 4. อธิบายข้อควรระวังในการตัดโลหะด้วยแก๊ส
- การงานตัดด้วยแก๊สออกซิเจนและแก๊สอะเซทิลีน ได้อย่างถูกต้อง

5. ปฏิบัติการงานตัดด้วยแก๊สออกซิเจนและแก๊ส
อะเซทิลีนได้

วิธีการสอน รหัส เวลา
รายละเอียดเนื้อหา
กิจกรรมผู้สอน / ผู้เรียน หนังสือ (นาที)
บทน า ผู้สอน : กล่าวทักทายผู้เรียน

การตัดด้วยแก๊สเป็นที่นิยมใช้มากใน และขานใบรายชื่อนักศึกษา
อุตสาหกรรม ซึ่งสามารถท าการตัดได้ง่ายและมีความ ผู้เรียน : กล่าวทักทายและตั้งใจ

สะดวก และประหยัดกว่าการตัดด้วยวิธีทางกล สามารถท า ฟังชื่อแล้วขานรับ 10

การตัดโลหะที่มีความหนามาก ๆ ได้ดีกว่าวิธีอื่น ๆ และ ผู้สอน : บอกเกณฑ์การ
สามารถตัดชิ้นส่วนของโลหะที่มีรูปร่างซับซ้อนได้เป็นอย่าง ประเมินและท าข้อตกลงกับ (-) (0)
ดี การตัดด้วยแก๊สจะใช้แก๊สออกซิเจนกับแก๊สเชื้อเพลิง นักเรียน และบรรยายน าเข้าสู่ [10]

น ามาผสมกันเพื่อใช้ส าหรับท าการตัด แก๊สเชื้อเพลิงมีอยู่ บทเรียน

ด้วยกันหลายชนิด ได้แก่ แก๊สอะเซทิลีนโปรเพน โปรปีลีน ผู้เรียน : ตั้งใจฟังและจดบันทึก
แก๊สหุงต้ม (LPG) และอื่น ๆ ซึ่งแก๊สแต่ละชนิดจะให้ หรือสอบถามข้อสงสัย

ปริมาณความร้อนในการตัด ความสม ่าเสมอในการตัดและ
ความประหยัดที่แตกต่างกันไป


หลักการตัดด้วยแก๊ส

การตัดโลหะด้วยแก๊ส เกิดจากการให้ความร้อนด้วย ผู้สอน : บรรยายเนื้อหา
เปลวไฟจากหัวตัดซึ่งเกิดจากการผสมกันระหว่างแก๊ส ประกอบสื่อ Power point

ออกซิเจนกับแก๊สเชื้อเพลิงแล้วเผาชิ้นงานให้ร้อนแดงด้วย ผู้เรียน : ฟังบรรยาย และจด
เปลวนิวทรัล และท าให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) บันทึก

อย่างรวดเร็วปฏิกิริยาออกซิไดซ์ของเหล็กนี้เกิดขึ้นเมื่อให้

ความร้อนประมาณ 1600 °F แก่เหล็กต่อจากนั้นฉีด
ออกซิเจนแรงดันสูง









รูปที่ 1 แสดงการตัดโลหะด้วยแก๊ส

ข้อดีข้อเสียของการตัดด้วยแก๊สเมื่อเปรียบเทียบกับการตัด

ทางกล
1) ข้อดีของการตัดด้วยแก๊ส

1. การตัดด้วยแก๊สจะเร็วกว่าการตัดทางกล 45
2. ประหยัดวัสดุ (A:93- (10)

3. การตัดด้วยแก๊สสามารถเปลี่ยนทิศทางการตัดได้เร็ว 101) [55]

กว่า เมื่อท าการตัดงานรูปร่างต่าง ๆ
4. อุปกรณ์การตัดด้วยแก๊สสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกกว่า
ทางกล

5. การบ ารุงรักษาน้อยกว่าการตัดทางกล


2) ข้อเสียของการตัดด้วยแก๊ส

1. การตัดด้วยแก๊สคุณภาพผิวตัดด้อยกว่าการตัดทางกล
2. การตัดด้วยแก๊สจะใช้ส าหรับตัดเหล็กเป็นหลัก โลหะที่

ไม่ใช่เหล็กบางชนิดไม่สามารถตัดด้วยแก๊สได้
3. การตัดด้วยแก๊สมีอันตรายจากอุบัติเหตุของสะเก็ดไฟ

4. การตัดด้วยแก๊สต้องระมัดระวังในการเก็บถังแก๊ส
5. ความแข็งและคุณสมบัติอื่นๆ ของโลหะที่ตัดอาจ

เปลี่ยนแปลง


แก๊สเชื้อเพลิงที่ใช้ในการตัด

แก๊สเชื้อเพลิงที่ใช้อุ่นงานก่อนการตัดด้วยออกซิเจน
นั้นมีอยู่หลายชนิด ซึ่งโดยทั่วไปจะเลือกใช้ชนิดที่ราคาไม่สูง

และหาซื้อได้ง่าย ที่นิยมใช้โดยทั่วไป ได้แก่ แก๊สอะเซทิลีน
เนื่องจากให้ปริมาณความร้อนสูง และยังหาซื้อได้ง่าย

อุณหภูมิของแก๊สเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ


ตารางที่1 แสดงอุณหภูมิของแก๊สเชื้อเพลิงที่ในการตัด

ชนิดของแก๊ส อุณหภูมิเปลวนิวทรัล

เชื้อเพลิง องศา o องศา F
o
C

อะเซทิลีน 5,589 3,087
(C H ) 4,579 2,526
2 2
โปรเพน 5,193 2,870
(C H ) 4,600 2,538
2 8
โปรปีลีน

(C H )
3 6
แก๊สธรมชาติ

(LPG)


เครื่องมือและอุปกรณ์ส าหรับงานตัดด้วยแก๊ส
อุปกรณ์ที่ใช้ส าหรับงานตัดโลหะด้วยแก๊สจะ

เหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเชื่อมแก๊สทุกอย่าง เพียงแต่จะ

เปลี่ยนจากหัวเชื่อมมาเป็นหัวตัดแทนเท่านั้น อุปกรณ์ที่
ส าคัญจะประกอบไปด้วยถังแก๊สออกซิเจน และถังแก๊ส

เชื้อเพลิงที่ยึดไว้กับรถเข็ญ หรือผนังในขณะใช้งาน และเพื่อ
ความสะดวกในการปฏิบัติงานนอกสถานที่ อาจมีการ

ประกอบเป็นชุดตัดแก๊สเคลื่อนที่


1. ชุดแก๊สเคลื่อนที่













รูปที่ 2 แสดงชุดเชื่อมแก๊สที่สามารถเปลี่ยนจากหัวเชื่อมมาเป็นหัวตัดได้

รูปที่ 3 แสดงชุดตัดแก๊สเคลื่อนที่
2. หัวตัดแก๊ส (Cutting Torches)
หัวตัดคล้ายกับหัวเชื่อม มีหน้าที่ให้ความร้อนแก่

ชิ้นงานตัดจนถึงอุณหภูมิเผาไหม้ และฉีดพ่นแก๊สออกซิเจน
แรงดันสูง ให้กับโลหะร้อนส าหรับหัวตัดแก๊สออกซี

อะเซทิลีนท าหน้าที่ปรับความดันแก๊สอะเซทิลีนกับ

ออกซิเจนในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับเปลวที่ต้องการ
อย่างไรก็ตามส่วนประกอบที่ส าคัญของหัวตัดมีอยู่ ดังนี้

1) เป็นท่อทางเดินของแก๊สออกซิเจนแรงดันสูง ซึ่ง
ควบคุมด้วยคันกด

2) หัวทิพตัด ซึ่งมีรูแก๊สออกซิเจนแรงดันสูงอยู่ตรง
กลาง และมีรูส าหรับเปลวไฟความร้อนแก่ชิ้นงานล้อมรอบ
อยู่ โดยปกติจะมีรู 4 - 6 รู

3) ห้องผสมแก๊สกับออกซิเจนที่คล้ายกับหัวเชื่อมอีก

ด้วย หัวตัดแก๊สบางยี่ห้อสามารถเปลี่ยนใช้ตัวกระบอกเชื่อม
ร่วมกับหัวเชื่อมได้ โดยมีชุดโครงสร้างหัวตัด

3. การเลือกขนาดของหัวทิพ
การเลือกขนาดของหัวทิพจะพิจารณาจาก

ความหนาชิ้นงานตัด และชนิดของเหล็กที่จะท าการตัดว่า
เป็นเหล็กกล้าคาร์บอนหรือเหล็กกล้าผสม ส าหรับเหล็กกล้า

ผสมสูงบางชนิด และเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดต่างๆ จะไม่
สามารถท าการตัดได้ เนื่องจากการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น

เร็วไม่พอที่จะตัดได้ด้วยหัวตัดแก๊สจากหัวทิพได้ การตัด
ออกแบบให้ใช้เฉพาะแก๊สแต่ละชนิดเท่านั้น ไม่ควรมา

เปลี่ยนใช้แทนกัน เช่น หัวทิพแก๊ส LPG ไม่ควรน าไปใช้กับ

แก๊สอะเซทิลีน เพราะจะท าให้เกิดความร้อนสูงเกินไปและ
ท าให้เกิดการอุดตันของหัวตัด และเป็นผลท าให้เกิดการ

หลอมของหัวหัวทิพที่ใช้ ข้อส าคัญต่าง ๆ ของหัวทิพจะต้อง
สะอาดและอยู่ในสภาพดี และพร้อมที่จะใช้งานอยู่เสมอ

ลักษณะรอยตัดด้วยแก๊ส
1. Kerf คือ ความกว้างของร่องตัด เป็นส่วนของ

เนื้อที่หายไปเนื่องจากกลายเป็นเหล็กออกไซด์
2. Drag คือ ระยะล้าหลัง หรือรอยเยื้องกันของแนว

รอยตัด ซึ่ง Drag มีผลมาจากความเร็วในการตัด











รูปที่ 4 แสดง Kerf และ Drag ในการตัดด้วยแก๊ส Oxyfuel

1. การตัดแก๊สด้วยมือ


เมื่อท าการตัดแก๊สด้วยมือ สิ่งส าคัญที่ช่างเชื่อมจะต้อง

เคลื่อนหัวตัดด้วยความเร็วอย่างสม ่าเสมอ เพื่อให้ได้รอยตัด
ที่เรียบ ดังนั้นช่างเชื่อมจะต้องทดสอบเคลื่อนหัวตัดให้

สะดวกสบาย ก่อนที่จะท าการตัด การตัดแนะน าให้เอียงหัว
ตัดไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการอุ่นงานก่อนตัด และยัง

ช่วยให้ความร้อน และเศษสะเก็ดโลหะไม่ย้อนกลับเข้าไปยัง
หัวตัดอีกด้วย ส าหรับการตัดด้วยมือเป็นรูปต่างๆ ไม่ควร

เอียงหัวตัดมากเกินไป เพราะจะท าให้งานเสียหายได้ การตัด
ควรให้ปลาย

ของเปลวกรวยให้ห่างจากผิวของชิ้นงานตัดประมาณ 3 - 10
มิลลิเมตร











รูปที่ 5 แสดงลักษณะการเอียงหัวตัดโดยใช้มุมในการตัดประมาณ
75-80 องศา

2. คุณภาพรอยตัด

การตัดกระท าโดยการเคลื่อนหัวตัด ด้วยความเร็ว
สม ่าเสมอตลอดแนวตัด ระยะห่างระหว่างปลายหัวทิพกับ

ผิวชิ้นงานตัดต้องคงที่ ขณะเคลื่อนที่หัวตัดให้เสียงของการ
ตัด และสะเก็ดไฟจะต้องมีความเรียบสม ่าเสมอ การตัดต้อง

พิจารณาคุณภาพของรอยตัดตามลักษณะดังต่อไปนี้
1) มุมของรอยตัด 2) ความเรียบของรอยตัด

3) ความคมของรอยตัด 4) ระยะเผื่อของรอยตัด
5) ปริมาณเศษสะเก็ดน ้าโลหะหรือออกไซด์ที่ติดอยู่ผิวของ

รอยตัด

6) ต าหนิบนผิวรอยตัด เช่น รอยร้าว


3. ล าดับขั้นการตัด
การตัดต้องเริ่มต้นตัดที่ขอบแผ่นเหล็ก โดยถือทอร์ช

ให้ทิพตัดตั้งฉากหรือเอียงเข้าหาชิ้นงานเล็กน้อย








รูปที่ 6 แสดงการเริ่มต้นตัดที่ขอบของชิ้นงานโดยเอียงทิพตัดเข้าหา
ชิ้นงานเล็กน้อย
การเริ่มต้นตัดที่ขอบของชิ้นงานนี้จะท าให้ชิ้นงานรับความ
ร้อนได้เร็วและจะร้อนแดงในไม่ช้า เมื่อขอบของงานร้อน

แดงจนกระทั่งใกล้หลอมละลายในช่วงนี้ควรให้กรวยไฟ
ห่างจากบ่อหลอมละลาย 6 - 8 มิลลิเมตร จึงกดแขนตัดเพื่อ

ปล่อยให้ออกซิเจนแรงดันสูงพุ่งออกมา ในช่วงนี้ออกซิเจน
จะพุ่งออกไปกระแทกบ่อหลอมละลาย น ้าโลหะเหลวจะ

กระเด็นออกมาจ านวนมากในช่วงนี้ควรถือหัวตัดให้กรวย
ไฟห่างจากบ่อหลอมละลาย 13 - 16 มิลลิเมตร ถือหัวตัดให้

อยู่ในระยะนี้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลังจากชิ้นงานถูกเจาะ
ไชจนทะลุแล้วจึงลดระยะห่างระหว่างกรวยไฟกับบ่อหลอม

ละลายลงมาเหลือ 6 - 8 มิลลิเมตร

รูปที่ 7 แสดงการเริ่มต้นตัดการเจาะทะลุ และระยะห่างระหว่างกรวยไฟกับ
บ่อหลอมละลาย

ข้อควรระวังในการตัดโลหะด้วยแก๊ส
ผู้ที่ท าหน้าที่ในการตัดโลหะต้องรู้วิธีการป้ องกัน

อันตรายส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตนเอง และ
ผู้อื่น จะต้องสวมใส่อุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล

และจะต้องสวมใส่ขณะปฏิบัติงานได้แก่
1. ต้องตรวจดูเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ใน

สภาพพร้อมที่จะใช้งาน
2. ต้องสวมแว่นตาที่มีกระจกกรองแสงเบอร์ที่

เหมาะสมทุกครั้ง
3. เครื่องแต่งกายจะต้องเหมาะสมรัดกุม และต้อง

ไม่เป็นวัสดุที่ติดไฟง่าย

4. ห้ามน าสิ่งที่ติดไฟหรือสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงใส่ใน
กระเป๋ าหรือกางแกง
5. ควรสวมรองเท้าหุ้มส้นให้เรียบร้อย

6. บริเวณที่ปฏิบัติงาน และบริเวณใกล้เคียงต้องไม่

มีวัสดุที่ติดไฟง่าย
หรือเชื้อเพลิงต่าง ๆ เป็นอันขาด

7. ต้องไม่ตัดถังหรือท่อซึ่งบรรจุแก๊สหรือวัตถุ
อันตรายไว้ภายใน

8. ระวังอย่าให้สายเชื่อมสัมผัสกับโลหะที่ร้อนเป็น
อันขาด

9. บริเวณที่ปฏิบัติงานควรมีอากาศถ่ายเทได้ดี
10. ควรมีเครื่องดับเพลิงไว้ใกล้กับบริเวณที่

ปฏิบัติงานตัด
11. ควรจุดเปลวไฟตัดจากภายนอกแล้วจึงน าเข้า

บริเวณตัด

12. เมื่อตัดเสร็จแล้ว ควรดับเปลวไฟตัดแล้วถอดเอา
หัวตัดออกมาเก็บ

สรุป ผู้สอน : บรรยายสรุปเนื้อหา

และถามค าถาม
ผู้เรียน : ร่วมสรุปไปพร้อมๆ

กันกับผู้สอน และถามข้อสงสัย (-) 10

ผู้สอน : ตอบค าถามและมอบ (55)
[65]
ใบงานให้ผู้เรียนและอธิบาย

ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว
แยกย้ายปฏิบัติงาน


มอบใบงานให้นักศึกษาปฏิบัติตามใบงาน ผู้สอน : มอบใบงานให้นักเรียน
175
และอธิบายขั้นตอนในการ (-) (65)
ปฏิบัติงาน [240]

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว

แยกย้ายปฏิบัติงาน
สรุป

หลักการตัดด้วยแก๊สออกซิเจนและอะเซทิลีน
การตัดโลหะด้วยแก๊ส เกิดจากการให้ความร้อนด้วยเปลวไฟจากหัวตัดซึ่งเกิดจากการผสมกันระหว่างแก๊ส

ออกซิเจนกับแก๊สเชื้อเพลิงแล้วเผาชิ้นงานให้ร้อนแดงด้วยเปลวนิวทรัล และท าให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น 180
(60)
(Oxidation) อย่างรวดเร็วปฏิกิริยาออกซิไดซ์ของเหล็กนี้เกิดขึ้นเมื่อให้ความร้อนประมาณ 1600 °F แก่เหล็ก [240]
ต่อจากนั้นฉีดออกซิเจนแรงดันสูง โดยการพ่นแก๊สออกซิเจนจากหัวตัดออกไปอย่างแรง และรวดเร็วชิ้นงานก็จะถูก

ตัดขาดออกจากกันโดยรอยตัดจะมีลักษณะเป็นร่องตัด
ข้อดีข้อเสียของการตัดด้วยแก๊สเมื่อเปรียบเทียบกับการตัดทางกล

1) ข้อดีของการตัดด้วยแก๊ส
(1) การตัดด้วยแก๊สจะเร็วกว่าการตัดทางกล

(2) ประหยัดวัสดุ
(3) การตัดด้วยแก๊สสามารถเปลี่ยนทิศทางการตัดได้เร็วกว่า เมื่อท าการตัดงานรูปร่างต่าง ๆ

(4) อุปกรณ์การตัดด้วยแก๊สสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกกว่าทางกล
(5) การบ ารุงรักษาน้อยกว่าการตัดทางกล

2) ข้อเสียของการตัดด้วยแก๊ส
(1) การตัดด้วยแก๊สคุณภาพผิวตัดด้อยกว่าการตัดทางกล

(2) การตัดด้วยแก๊สจะใช้ส าหรับตัดเหล็กเป็นหลัก โลหะที่ไม่ใช่เหล็กบางชนิดไม่สามารถตัดด้วยแก๊สได้

(3) การตัดด้วยแก๊สมีอันตรายจากอุบัติเหตุของสะเก็ดไฟ
(4) การตัดด้วยแก๊สต้องระมัดระวังในการเก็บถังแก๊ส

(5) ความแข็งและคุณสมบัติอื่นๆ ของโลหะที่ตัดอาจเปลี่ยนแปลง

แก๊สเชื้อเพลิงที่ใช้ในการตัด

แก๊สเชื้อเพลิงที่ใช้อุ่นงานก่อนการตัดด้วยออกซิเจนนั้นมีอยู่หลายชนิด ซึ่งโดยทั่วไปจะเลือกใช้ชนิดที่ราคาไม่สูง
และหาซื้อได้ง่าย ที่นิยมใช้โดยทั่วไป ได้แก่ แก๊สอะเซทิลีน เนื่องจากให้ปริมาณความร้อนสูง และยังหาซื้อได้ง่าย

อุณหภูมิของแก๊สเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ


เครื่องมือและอุปกรณ์ส าหรับการตัดด้วยแก๊ส
อุปกรณ์ที่ใช้ส าหรับงานตัดโลหะด้วยแก๊สจะเหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเชื่อมแก๊สทุกอย่าง

เพียงแต่จะเปลี่ยนจากหัวเชื่อมมาเป็นหัวตัดแทนเท่านั้น

1. ชุดแก๊สเคลื่อนที่
2. หัวตัดแก๊ส หัวตัดคล้ายกับหัวเชื่อม มีหน้าที่ให้ความร้อนแก่ชิ้นงานตัดจนถึงอุณหภูมิเผาไหม้ และฉีดพ่นแก๊ส

ออกซิเจนแรงดันสูง ให้กับโลหะร้อนส าหรับหัวตัดแก๊สออกซีอะเซทิลีนท าหน้าที่ปรับความดันแก๊สอะเซทิลีนกับ
ออกซิเจนในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับเปลวที่ต้องการ อย่างไรก็ตามส่วนประกอบที่ส าคัญของหัวตัดมีอยู่ ดังนี้

1) เป็นท่อทางเดินของแก๊สออกซิเจนแรงดันสูง ซึ่งควบคุมด้วยคันกด
2) หัวทิพตัด ซึ่งมีรูแก๊สออกซิเจนแรงดันสูงอยู่ตรงกลาง และมีรูส าหรับเปลวไฟความร้อนแก่ชิ้นงาน

ล้อมรอบอยู่ โดยปกติจะมีรู 4 - 6 รู
3) ห้องผสมแก๊สกับออกซิเจนที่คล้ายกับหัวเชื่อมอีกด้วย หัวตัดแก๊สบางยี่ห้อสามารถเปลี่ยนใช้ตัวกระบอก

เชื่อม ร่วมกับหัวเชื่อมได้ โดยมีชุดโครงสร้างหัวตัด
3. การเลือกขนาดของหัวทิพ การเลือกขนาดของหัวทิพจะพิจารณาจากความหนาชิ้นงานตัด และชนิดของเหล็กที่

จะท าการตัดว่าเป็นเหล็กกล้าคาร์บอนหรือเหล็กกล้าผสม ส าหรับเหล็กกล้าผสมสูงบางชนิด และเหล็กกล้าไร้สนิม
ชนิดต่างๆ จะไม่สามารถท าการตัดได้ เนื่องจากการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นเร็วไม่พอที่จะตัดได้ด้วยหัวตัดแก๊สจาก

หัวทิพได้ การตัดออกแบบให้ใช้เฉพาะแก๊สแต่ละชนิดเท่านั้น


ลักษณะรอยตัดด้วยแก๊ส

1. Kerf คือ ความกว้างของร่องตัด เป็นส่วนของเนื้อที่หายไปเนื่องจากกลายเป็นเหล็กออกไซด์
2. Drag คือ ระยะล้าหลัง หรือรอยเยื้องกันของแนวรอยตัด ซึ่ง Drag มีผลมาจากความเร็วในการตัด

1. การตัดแก๊สด้วยมือ เมื่อท าการตัดแก๊สด้วยมือ สิ่งส าคัญที่ช่างเชื่อมจะต้องเคลื่อนหัวตัดด้วยความเร็วอย่าง
สม ่าเสมอ เพื่อให้ได้รอยตัดที่เรียบ ดังนั้นช่างเชื่อมจะต้องทดสอบเคลื่อนหัวตัดให้สะดวกสบาย ก่อนที่จะท าการตัด

การตัดแนะน าให้เอียงหัวตัดไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการอุ่นงานก่อนตัด และยังช่วยให้ความร้อน และเศษ
สะเก็ดโลหะไม่ย้อนกลับเข้าไปยังหัวตัดอีกด้วย

2 คุณภาพรอยตัด การตัดกระท าโดยการเคลื่อนหัวตัด ด้วยความเร็วสม ่าเสมอตลอดแนวตัด ระยะห่างระหว่าง
ปลายหัวทิพกับผิวชิ้นงานตัดต้องคงที่ ขณะเคลื่อนที่หัวตัดให้เสียงของการตัด และสะเก็ดไฟจะต้องมีความเรียบ

สม ่าเสมอ การตัดต้องพิจารณาคุณภาพของรอยตัดตามลักษณะดังต่อไปนี้
1) มุมของรอยตัด

2) ความเรียบของรอยตัด
3) ความคมของรอยตัด

4) ระยะเผื่อของรอยตัด

5) ปริมาณเศษสะเก็ดน ้าโลหะหรือออกไซด์ที่ติดอยู่ผิวของรอยตัด
6) ต าหนิบนผิวรอยตัด เช่น รอยร้าว

3. ล าดับขั้นการตัด การเริ่มต้นตัดที่ขอบของชิ้นงานนี้จะท าให้ชิ้นงานรับความร้อนได้เร็วและจะร้อนแดงในไม่ช้า
เมื่อขอบของงานร้อนแดงจนกระทั่งใกล้หลอมละลายในช่วงนี้ควรให้กรวยไฟห่างจากบ่อหลอมละลาย 6 - 8

มิลลิเมตร


ข้อควรระวังในการตัดโลหะด้วยแก๊ส

ผู้ที่ท าหน้าที่ในการตัดโลหะต้องรู้วิธีการป้องกันอันตรายส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่น
จะต้องสวมใส่อุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล และจะต้องสวมใส่ขณะปฏิบัติงานได้แก่

1. ต้องตรวจดูเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งาน
2. ต้องสวมแว่นตาที่มีกระจกกรองแสงเบอร์ที่เหมาะสมทุกครั้ง

3. เครื่องแต่งกายจะต้องเหมาะสมรัดกุม และต้องไม่เป็นวัสดุที่ติดไฟง่าย
4. ห้ามน าสิ่งที่ติดไฟหรือสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงใส่ในกระเป๋ าหรือกางแกง

5. ควรสวมรองเท้าหุ้มส้นให้เรียบร้อย
6. บริเวณที่ปฏิบัติงาน และบริเวณใกล้เคียงต้องไม่มีวัสดุที่ติดไฟง่าย หรือเชื้อเพลิงต่าง ๆ เป็นอันขาด

7. ต้องไม่ตัดถังหรือท่อซึ่งบรรจุแก๊สหรือวัตถุอันตรายไว้ภายใน
8. ระวังอย่าให้สายเชื่อมสัมผัสกับโลหะที่ร้อนเป็นอันขาด

9. บริเวณที่ปฏิบัติงานควรมีอากาศถ่ายเทได้ดี
10. ควรมีเครื่องดับเพลิงไว้ใกล้กับบริเวณที่ปฏิบัติงานตัด

11. ควรจุดเปลวไฟตัดจากภายนอกแล้วจึงน าเข้าบริเวณตัด
12. เมื่อตัดเสร็จแล้ว ควรดับเปลวไฟตัดแล้วถอดเอาหัวตัดออกมาเก็บ




ค าถาม

1. การเลือกขนาดของหัวทิพที่ใช้ในการตัดจะพิจารณาจากอะไรมากที่สุด (น)?
ตอบ แก๊สที่ใช้ในการตัด

2. อุปกรณ์ที่ใช้ท าการตัดแก๊สจะเหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการเชื่อมแบบใด (ข) ?
ตอบ กระบวนการเชื่อมมิก

3. หัวตัดแก๊สที่ใช้กันโดยทั่วไปแบ่งออกได้เป็นกี่แบบ (จ) ?

ตอบ 2 แบบ

ข้อสังเกตการสอน


ผู้สอน ผู้เรียน

ก่อนสอน: เตรียมความพร้อมของผู้สอนด้าน ก่อนเรียน : การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน

เนื้อหาและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการสอน ขณะเรียน : ความสนใจของผู้เรียนต่อผู้สอน

ขณะสอน: การเคลื่อนไหว ท่าทาง การใช้ การตอบค าถามของผู้เรียน


น ้าเสียงในการพูด และการตั้งค าถามๆผู้เรียน หลังเรียน : ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น
หลังสอน : เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถาม




หมายเหตุ
สัญลักษณ์

(จ) = ความจ า (ข) = ความเข้าใจ (น) = น าไปใช้
(ว) = วิเคราะห์ (ส) = สังเคราะห์ (ป) = ประเมินค่า



เอกสารอ้างอิง
รหัส A : นริศ ศรีเมฆ. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. นนทบุรี : เอมพันธ์, 2556.


เครื่องมือและอุปกรณ์ในการสอน

1. กระดานไวท์บอร์ด (White Board)
2. โน๊ตบุ๊ค (Notebook)

3. พาวเวอร์พอยต์ (Power Point)
4. โปรเจคเตอร์ (Projector)



บันทึกหลังการสอน
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................


.......................................................................

( )
ผู้บันทึก



วิทยาลัยเทคนิคระยอง



เตรียมหน่วยการสอน (Unit Lesson Preparation)
วันที่ 17 สิงหาคม 2561 เวลา 08.30 – 17.30 น.

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100 1005 การสอนครั้งที่ 14

หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
การแล่นประสาน เมื่อนักศึกษาเรียนจบเรื่องนี้แล้วจะสามารถ :

- ความหมายของการแล่นประสาน 1. อธิบายความหมายของการแล่นประสานได้อย่าง
- เครื่องมือและอุปกรณ์แล่นประสาน ถูกต้อง

- วัสดุที่ใช้แล่นประสาน 2. อธิบายการเลือกใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และวัสดุที่
- ลักษณะของรอยต่อ ใช้แล่นประสานได้อย่างถูกต้อง

- ข้อดีของการแล่นประสาน 3. ปฏิบัติการเชื่อมแล่นประสานต่อเกยได้
- ล าดับขั้นตอนของการแล่นประสาน

งานปฏิบัติ

- การเชื่อมแล่นประสานต่อเกย
วิธีการสอน รหัส เวลา
รายละเอียดเนื้อหา
กิจกรรมผู้สอน / ผู้เรียน หนังสือ (นาที)

บทน า ผู้สอน : กล่าวทักทายผู้เรียน
งานบัดกรี คือ การต่อหรือประสานโดยให้ชิ้นงานทั้ง 2 และขานใบรายชื่อนักศึกษา
ชิ้นยังอยู่ในสภาพของแข็งแต่โลหะประสานจะเป็นตัว ผู้เรียน : กล่าวทักทายและตั้งใจ

หลอมละลายแทรกอยู่ในรอยต่อระหว่างชิ้นงานทั้งสอง เมื่อ ฟังชื่อแล้วขานรับ

เย็นตัวลงจะท าการยึดให้ชิ้นงานทั้งสองชิ้นติดตัวกัน ผู้สอน : บอกเกณฑ์การ
รอยต่อของงานบัดกรีจะมีความแข็งแรงน้อยกว่าชิ้นงาน ประเมินและท าข้อตกลงกับ (-) 10

เหมาะส าหรับการต่อชิ้นงานที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมาก นักเรียน และบรรยายน าเข้าสู่ (0)
นัก เช่น การบัดกรีเครื่องประดับ หรือการบัดกรีโลหะสอง บทเรียน [10]

ชิ้น ซึ่งไม่สามารถที่จะหลอมละลายรวมตัวกันได้ เช่น การ ผู้เรียน : ตั้งใจฟังและจดบันทึก
บัดกรีมีดกลึงคาร์ไบท์ติดกับด้ามเหล็กเหนียวเป็นต้น ซึ่งตัว หรือสอบถามข้อสงสัย

ประสานจะท าหน้าที่หลอมละลายให้ชิ้นงานยึดติดกัน


1. ความหมายของการแล่นประสาน (Brazing) ผู้สอน : บรรยายเนื้อหา
การแล่นประสาน (Brazing) หมายถึง ขบวนการที่ ประกอบสื่อ Power point

ท าให้โลหะติดกันโดยใช้ความร้อนจากเปลวไฟหลอมเหลว ผู้เรียน : ฟังบรรยาย และจด

ลวดเชื่อมให้แทรกประสานระหว่างผิวงานในลักษณะถูกดูด บันทึก
ซึมเข้าไปในลักษณะการดึงดูดอณูของโลหะ (Capillary

attraction) โดยใช้ฟลักซ์เป็นตัวช่วยให้การไหลของลวด

เชื่อม สามารถละลายแทรกซึมเข้าประสานรอยต่อได้ง่ายขึ้น

และป้องกันการรวมตัวของแก๊สออกซิเจนในขณะเชื่อมด้วย
ณ อุณหภูมิที่ไม่เกินจุดหลอมเหลวของโลหะแต่ไม่ต ่ากว่า

450 องศา
2. เครื่องมือและอุปกรณ์

ในการแล่นประสานให้โลหะติดกัน (Brazing) จะใช้
เปลวไฟจากความร้อนของแก๊สออกซิเจน

และแก๊สอะเซทิลีนดังนั้เครื่องมือและอุปกรณ์จึงเหมือนกับ
การเชื่อมแก๊สดังที่กล่าวมาในบทก่อน โดยมีความแตกต่าง

ในขบวนการเท่านั้นที่ต้องใช้ลวดเชื่อมและฟลักซ์ส าหรับ
การแล่นประสานโดยเฉพาะ

ลวดเชื่อมที่ใช้ในการแล่นประสาน จะมี 2 ชนิด คือ

ชนิดที่มีทองแดงเป็นส่วนผสมหลักหรือ
ที่เรียกว่า “ลวดเชื่อมทองเหลือง” ที่มีส่วนผสมของทองแดง 50

57% สังกะสี 42% และดีบุกประมาณ 1% อีกชนิดหนึ่งจะมี (B:170- (10)
เงินเป็นส่วนผสมหลัก โดยผสมกับทองแดงหรือที่ว่าลวด 178) [60]

เชื่อมเงิน ซึ่งจะมีจุด
หลอมเหลวต ่ากว่าลวดเชื่อมทองเหลือง ซึ่งนิยมใช้ในการ

แล่นประสานท่อ ข้อต่อทองแดงคอมเพรสเซอร์ของ
เครื่องปรับอากาศ โลหะที่ผสมจะมีความแค้นแรงดึงและ

อ านาจการยืดตัวสูง
ฟลักซ์ (Flux)

ในการใช้ฟลักซ์ที่ท าจากเกลือโซเดียมไซยาไนด์ โดย

แก๊สที่เกิดจากการใช้ฟลักซ์ชนิดนี้จะเป็นอันตรายมากต่อ
ระบบทางเดินหายใจ ดังนั้น ขณะบัดกรีชิ้นงานต้อง

พยายามหลีกเลี่ยงการสูดกลิ่นระเหยของฟลักซ์ชนิดนี้ และ
ไม่ควรให้ฟลักซ์ถูกส่วนใดหนึ่งของร่างกาย ฟลักซ์ชนิดนี้จึง

เหมาะส าหรับผู้ที่เคยได้รับการฝึกหัดมาเป็นอย่างดี
ฟลักซ์ที่เหมาะส าหรับลวดบัดกรีทองเหลือง การ

เลือกใช้ฟลักซ์ขึ้นอยู่กับชนิดของลวดบัดกรี
และชิ้นงานที่จะบัดกรี แต่ฟลักซ์ที่เหมาะส าหรับลวด

ทองเหลืองที่นิยมใช้กันนั้น คือ ผงบอแรกซ์
(Borax) หรือฟลักซ์เหลวที่เกิดจากการใช้ผงบอแรกซ์จ านวน

75% ผสมกับกรดโบริกจ านวน 25%
ตัวช่วยประสาน (Flux)

ตัวช่วยประสานที่ใช้ในการบัดกรีมีทั้งชนิดเหลว

และเป็นผง เพื่อเป็นตัวท าความสะอาดรอยบัดกรี ขจัด
ออกไซด์ขณะบัดกรี และเป็นตัวช่วยประสานท าให้โลหะ

บัดกรีแล่นซึมเข้าไปในช่องว่างระหว่างรอยต่อได้ง่าย การ
บัดกรีแข็งส่วนใหญ่จะใช้ฟลักซ์เป็นชนิดผง ในการใช้ฟ

ลักซ์ผงควรเผาลวดบัดกรีให้ร้อน มีความยาวประมาณ 60 ม.
ม. แล้วจุ่มลวดที่เผาให้ร้อนนั้นลงในภาชนะที่บรรจุฟลักซ์

ซึ่งผงฟลักซ์จะเกาะติดลวดเชื่อม เมื่อเผาชิ้นงานจนกระทั่ง
ได้อุณหภูมิเหมาะสมแล้ว จึงเติมลวดพร้อมฟลักซ์ลงไปใน

รอยต่อ หรือเผาชิ้นงานให้ร้อนแล้วใช้วิธีโรยฟลักซ์บางๆ ลง
บริเวณรอยต่อที่จะท าการบัดกรีซึมแล่นเข้าไปในรอยต่อได้

ง่าย








จากรูป ก. เผาชิ้นงานให้ได้อุณหภูมิประมาณ 850 F แล้ว
O
จึงโรยฟลักซ์ลงไปบนรอยต่อ ที่จะบัดกรี ฟลักซ์จะละลาย
และซึมเข้าไปในรอยต่อท าหน้าที่ท าความสะอาดผิวหน้า

บริเวณรอยต่อ







จากรูป ข. เติมลวดบัดกรีลงบนรอยต่อ ฟลักซ์จะช่วย
ลดออกซิเจนบนรอยต่อ และช่วยให้ลวดบัดกรีที่ละลาย

สามารถซึมแล่นเข้าไปในรอยต่อได้ง่าย






จากรูป ค. ลวดบัดกรีซึมแล่นเข้าไปในช่องว่างระหว่าง

รอยต่อ

การเลือกใช้ตัวประสาน (Flux) ขึ้นอยู่กับชนิดของลวด

บัดกรี เช่น
ลวดบัดกรี ชิ้นงานบัดกรี ตัวประสาน

ทองเหลือง, เหล็กกล้า บอแรกซ์
บรอนซ์ ละมุน (Borax)

เหล็กหล่อ


3. วัสดุที่ใช้แล่นประสาน
การจุ่มประสานสามารถแล่นประสานโลหะชนิด

เดียวกัน เช่น ระหว่างเหล็กกับเหล็ก หรือ
ทองแดงกับทองแดง และโลหะต่างชนิดกัน เช่น ระหว่าง

เหล็กกับทองแดง หรือทองแดงกับ

ทองเหลือง เข้าด้วยกันได้ โดยไม่จ ากัดความหนาหรือบาง
โลหะที่น ามาต่อกันด้วยขบวนการแล่นประสาน ได้แก่

เหล็กคาร์บอนต ่า เหล็กหล่อ
ทองแดง เหล็กกล้าไร้สนิม ทองเหลือง อะลูมิเนียม

4. ลักษณะรอยต่อ (Joint)
การแล่นประสานโลหะส่วนใหญ่ลักษณะของรอยต่อ

จะเป็นลักษณะต่อเกย เพราะน ้าโลหะของลวดที่ใช้แล่น
ประสานสามารถแทรกซึมแล่นประกอบได้ดี ลักษณะ

รอยต่อมีลักษณะต่างๆ







5. ข้อดีของการแล่นประสาน มีดังนี้
5.1 สามารถแล่นประสานให้โลหะติดกันได้รวดเร็ว

5.2 มีการบิดตัวของโลหะน้อย
5.3 สามารถต่อโลหะต่างชนิดเข้าด้วยกันได้

5.4 สามารถประสานโลหะที่มีความหนาไม่เท่ากันได้ เช่น

โลหะหนาและโลหะบาง
5.5 รอยต่อมีความแข็งแรงเท่ากับรอยเชื่อม

6. ล าดับขั้นตอนการแล่นประสาน มีดังนี้
6.1 ขจัดสิ่งสกปรกบริเวณรอยต่อ

6.2 ปรับเปลวไฟโดยใช้เปลวนิวทรัล หรือออกซิไดซิงอ

ย่างอ่อน

6.3 เผาปลายลวดเชื่อมให้ร้อนเล็กน้อย (กรณีใช้ผงฟลักซ์)
6.4 จุ่มปลายลวดเชื่อมลงในผงฟลักซ์

6.5 เผาชิ้นงานโดยเคลื่อนเปลวไฟกลับไป – มาตามแนว
รอยต่อให้โลหะร้อนแดงเรื่อยๆ

6.6 ใช้เปลวไฟเผาปลายลวดเชื่อมส่วนที่จุ่ม ฟลักซ์ โดย
ให้ฟลักซ์หลอมแทรกซึมระหว่างรอยต่อ

6.7 เผาลวดเชื่อมให้หลอมละลายแทรกประสานระหว่าง

รอยต่อ
6.8 ถ้าลวดเชื่อมส่วนที่จุ่มฟลักซ์ได้เติมลวดเชื่อมจน

หมดแล้วให้เผาลวดเชื่อมแล้วจุ่มใหม่
6.9 ท าความสะอาดรอยแล่นประสาน












7. ข้อควรระวัง มีดังนี้

7.1 ให้ท าการแล่นประสานในที่อากาศถ่ายเทสะดวก
7.2 อย่าสัมผัสกับฟลักซ์โดยตรง ถ้าถูกผิวหนังควรล้างด้วย
น ้าหรือสบู่ทันที
7.3 ระมัดระวังอย่าสูดไอระเหยของฟลักซ์ เพราะมีสารเคมี

ที่อาจท าให้เกิดอันตรายต่อ
ร่างกายได้

สรุป ผู้สอน : บรรยายสรุปเนื้อหา

และถามค าถาม
ผู้เรียน : ร่วมสรุปไปพร้อมๆ
10
กันกับผู้สอน และถามข้อสงสัย (B:180) (60)
ผู้สอน : ตอบค าถามและมอบ [70]

ใบงานให้ผู้เรียนและอธิบาย
ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว

แยกย้ายปฏิบัติงาน

มอบใบงานให้นักศึกษาปฏิบัติตามใบงาน ผู้สอน : มอบใบงานให้นักเรียน

และอธิบายขั้นตอนในการ
ปฏิบัติงาน (B:186) 170
(70)
ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว [240]

แยกย้ายปฏิบัติงาน


สรุป
งานบัดกรีแข็ง หมายถึงกรรมวิธีการต่อโลหะสองชิ้นให้ติดกัน โดยการใช้ความร้อนเกินกว่า 450 องศา ความ

ร้อนที่ให้นี้เพียงพอต่อการหลอมโลหะประสาน (โลหะบัดกรี) โลหะนี้จะท าการประสานให้โลหะสองชิ้นยึดติดกัน
โดยที่ชิ้นโลหะทั้งสองชิ้นไม่ได้มีการหลอมละลายรวมตัวกับน ้าโลหะ และการให้ความร้อนจะมีอยู่สองแบบก็คือ

ความร้อนจากเปลวไฟและการให้ความร้อนจากด้วยเตาไฟฟ้า ซึ่งเปลวทั้งสองชนิดจะเลือกใช้กับชนิดและขนาด

ของชิ้นงานด้วย


ค าถาม
1. จงยกตัวอย่างข้อดีของการเชื่อมแล่นประสาน ? (จ)

ตอบ สามารถแล่นประสานให้โลหะติดกันได้รวดเร็ว มีการบิดตัวของโลหะน้อย สามารถต่อโลหะต่าง
ชนิดเข้าด้วยกันได้



ข้อสังเกตการสอน



ผู้สอน ผู้เรียน


ก่อนสอน: เตรียมความพร้อมของผู้สอนด้าน ก่อนเรียน : การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน
เนื้อหาและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการสอน ขณะเรียน : ความสนใจของผู้เรียนต่อผู้สอน

ขณะสอน: การเคลื่อนไหว ท่าทาง การใช้ การตอบค าถามของผู้เรียน

น ้าเสียงในการพูด และการตั้งค าถามๆผู้เรียน หลังเรียน : ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น

หลังสอน : เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถาม



หมายเหตุ
สัญลักษณ์
(จ) = ความจ า (ข) = ความเข้าใจ (น) = น าไปใช้

(ว) = วิเคราะห์ (ส) = สังเคราะห์ (ป) = ประเมินค่า

เอกสารอ้างอิง

รหัส A : นริศ ศรีเมฆ. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. นนทบุรี : เอมพันธ์, 2556.
รหัส B : อ านาจ ทองแสน. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. กทม : วี ปริ้นท์ (1991)



เครื่องมือและอุปกรณ์ในการสอน
1. กระดานไวท์บอร์ด (White Board)
2. โน๊ตบุ๊ค (Notebook)

3. พาวเวอร์พอยต์ (Power Point)

4. โปรเจคเตอร์ (Projector)


บันทึกหลังการสอน
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................


.......................................................................

( )
ผู้บันทึก

วิทยาลัยเทคนิคระยอง



เตรียมหน่วยการสอน (Unit Lesson Preparation)
วันที่ 24 สิงหาคม 2561 เวลา 08.30 – 17.30 น.

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100 1005 การสอนครั้งที่ 15

หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
งานโลหะแผ่นและงานประกอบขึ้นรูปชิ้นงาน เมื่อนักศึกษาเรียนจบเรื่องนี้แล้วจะสามารถ :

- ความปลอดภัยในงานโลหะแผ่น 1. อธิบายความหมายของความปลอดภัยในงาน
- เครื่องมืออุปกรณ์ในงานโลหะแผ่น โลหะแผ่นได้

งานปฏิบัติ 2. อธิบายขั้นตอนการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ใน
- การตัดตรงและการตัดโค้งด้วยกรรไกร งานโลหะแผ่น ได้อย่างถูกต้อง

3. ปฏิบัติการตัดตรงและการตัดโค้งด้วยกรรไกรได้
วิธีการสอน รหัส เวลา
รายละเอียดเนื้อหา
กิจกรรมผู้สอน / ผู้เรียน หนังสือ (นาที)

บทน า ผู้สอน : กล่าวทักทายผู้เรียน
ในการปฏิบัติงานด้านโลหะแผ่น ผู้ปฏิบัติงานต้องรู้ และขานใบรายชื่อนักศึกษา

จัดการป้องกันตามหลักอาชีวอนามัย เพื่อป้องกันอันตรายที่ ผู้เรียน : กล่าวทักทายและตั้งใจ
อาจเกิดขึ้นได้ จากเครื่องจักรและสภาพสิ่งแวดล้อมมลพิษ ฟังชื่อแล้วขานรับ 10

ต่าง ๆ เช่น ฝุ่น เสียง และสภาพแสงสว่าง สภาพอากาศ ผู้สอน : บอกเกณฑ์การ (0)
ถ่ายเทสะดวก เป็นงานที่ผู้ปฏิบัติต้องร่างแบบ ตัดชิ้นงาน ประเมินและท าข้อตกลงกับ (-) [10]

ตามแบบและขึ้นรูปชิ้นงาน เป็นงานมีหลายขั้นตอน ท างาน นักเรียน และบรรยายน าเข้าสู่

เก็บเครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์หลายชนิด บทเรียน
ผู้เรียน : ตั้งใจฟังและจดบันทึก
หรือสอบถามข้อสงสัย



1. หลักการและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับงานโลหะแผ่น ผู้สอน : บรรยายเนื้อหา
และประกอบขึ้นรูปชิ้นงาน ประกอบสื่อ Power point

ในการด ารงชีวิตประจ าวันในปัจจุบัน มนุษย์มีความใกล้ชิด ผู้เรียน : ฟังบรรยาย และจด
กับงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ท าจากโลหะแผ่นเป็นอย่างมาก เช่น บันทึก

หม้อ กระทะ ขันน ้า ตู้เย็น และโครงของเครื่องท าความ
เย็น ก็ล้วนแต่ท ามาจากโลหะแผ่นแทบทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าใน

ปัจจุบันจะมีการน าพลาสติกมาใช้กันมากก็ตาม แต่
พลาสติกก็มีขอบเขตการใช้งาน และระยะเวลาการท างาน

เช่น ไม่แข็งแรง ไม่ทนความร้อน หรืออายุการใช้งานน้อย
เป็นต้น

ดังนั้น งานโลหะแผ่นจึงไม่มีโอกาสหมดไปจาก

ชีวิตประจ าวันของมนุษย์ได้ เนื่องจากชิ้นงานที่ท าจากโลหะ
แผ่นนั้นมีความแข็งแรง สามารถขึ้นรูป และตกแต่งให้เกิด

ความสวยงามได้ และที่ส าคัญมีอายุการใช้งานได้นาน
ถึงแม้ว่าปัจจุบันได้มีการน าเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยใน

การออกแบบและผลิตโลหะแผ่นก็ตาม แต่งานโลหะแผ่น
บางประเภทไม่สามารถผลิตด้วยเครื่องจักรได้ ดังนั้นงาน

โลหะแผ่นที่ต้องใช้ฝีมือในการขึ้นรูป ยังมีให้เห็นอยู่
ตลอดเวลา จึงมีความส าคัญอย่างมากที่ช่างอุตสาหกรรมต่าง

ๆ ต้องศึกษาและปฏิบัติให้รู้เพื่อน าไปประยุกต์ใช้และ
เสริมสร้างประสบการณ์ในการท างานของตนเองต่อไป



2. ความปลอดภัยในงานโลหะแผ่นตามหลักอาชีวอ
นามัย

ในการปฏิบัติงานด้านโลหะแผ่น ผู้ปฏิบัติงานต้องรู้จัก (A: 208- 45
การป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากผู้ปฏิบัติงานเอง 221) (10)

จากเครื่องจักรและสภาพสิ่งแวดล้อมทีปลอดภัยจากมลพิษ [55]
ต่าง ๆ เช่น ฝุ่น เสียง และสภาพแสงสว่างซึ่งต้องเพียงพอ

สภาพอากาศที่ถ่ายเทสะดวก งานโลหะแผ่นเป็นงานที่
ผู้ปฏิบัติงานต้องร่างแบบ ตัดชิ้นงานตามแบบและขึ้นรูป

ชิ้นงาน เป็นงานที่มีหลายขั้นตอน ท างานกับเครื่องมือ
เครื่องจักรหลายชนิด จึงต้องระมัดระวังในเรื่องความ

ปลอดภัย

1. พื้นที่งานโลหะแผ่นจะต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก
2 จัดระบบแสงสว่างให้เพียงพอ

3. มีอุปกรณ์และยาในการรักษาพยาบาลเบื้องต้น
4. ท าเส้นแสดงขอบเขตเครื่องจักร เช่น เครื่องตัด เครื่อง

พับ และพื้นที่อันตรายให้ชัดเจน
5. แสดงป้ายเตือน ป้ายบอกสถานที่ต่าง ๆ ให้ชัดเจน

6. ติดตั้งเครื่องดับเพลิงในที่ที่หยิบใช้ได้ง่าย
7. มีสถานที่ท าความสะอาดร่างกายมีห้องน ้า ห้องส้วมที่

สะอาด ถูกสุขอนามัย
8. ปฏิบัติตามกฎโรงงานโดยเคร่งครัด



3. เครื่องมือและอุปกรณ์ในงานโลหะแผ่น

เครื่องมือและอุปกรณ์ในงานโลหะแผ่น แบ่งได้เป็น 3

ลักษณะ คือ
1. เครื่องมือวัดและร่างแบบ (Measuring and Layout

tools)
2. เครื่องมือเล็ก ๆ ที่ใช้มือ (Hand tools)

3. เครื่องจักร (Machine tools)
เครื่องมือวัดและแบบร่าง

1. บรรทัด (Ruler)
2. ฉากเหล็ก (Steel Square)

3. ฉากผสม (Combination)
4. เก็จวัดความหนา (Sheet Metal and Wire Gage)

5. วงเวียน (Dividers)

6. เหล็กถ่ายแบบ (Prick Punch)
7. เหล็กขีด (Scriber)

8. เหล็กน าศูนย์ (Center Punch)


สรุป ผู้สอน : บรรยายสรุปเนื้อหา
และถามค าถาม

ผู้เรียน : ร่วมสรุปไปพร้อมๆ

กันกับผู้สอน และถามข้อสงสัย
ผู้สอน : ตอบค าถามและมอบ 10

ใบงานให้ผู้เรียนและอธิบาย (-) (55)
ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน [65]

ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว

แยกย้ายปฏิบัติงาน



มอบใบงานให้นักศึกษาปฏิบัติตามใบงาน ผู้สอน : มอบใบงานให้นักเรียน

และอธิบายขั้นตอนในการ

ปฏิบัติงาน 175
ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว (-) (65)

แยกย้ายปฏิบัติงาน [240]

สรุป

1. หลักการและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับงานโลหะแผ่นและประกอบขึ้นรูปชิ้นงาน
ในการด ารงชีวิตประจ าวันในปัจจุบัน มนุษย์มีความใกล้ชิดกับงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ท าจากโลหะแผ่นเป็นอย่างมาก

เช่น หม้อ กระทะ ขันน ้า ตู้เย็น และโครงของเครื่องท าความเย็น ก็ล้วนแต่ท ามาจากโลหะแผ่นแทบทั้งสิ้น

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการน าพลาสติกมาใช้กันมากก็ตาม แต่พลาสติกก็มีขอบเขตการใช้งาน และระยะเวลาการ
ท างาน เช่น ไม่แข็งแรง ไม่ทนความร้อน หรืออายุการใช้งานน้อย เป็นต้น
ดังนั้น งานโลหะแผ่นจึงไม่มีโอกาสหมดไปจากชีวิตประจ าวันของมนุษย์ได้ เนื่องจากชิ้นงานที่ท าจากโลหะแผ่น

นั้นมีความแข็งแรง สามารถขึ้นรูป และตกแต่งให้เกิดความสวยงามได้ และที่ส าคัญมีอายุการใช้งานได้นาน

ถึงแม้ว่าปัจจุบันได้มีการน าเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยในการออกแบบและผลิตโลหะแผ่นก็ตาม แต่งานโลหะแผ่น
บางประเภทไม่สามารถผลิตด้วยเครื่องจักรได้ ดังนั้นงานโลหะแผ่นที่ต้องใช้ฝีมือในการขึ้นรูป ยังมีให้เห็นอยู่

ตลอดเวลา จึงมีความส าคัญอย่างมากที่ช่างอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องศึกษาและปฏิบัติให้รู้เพื่อน าไปประยุกต์ใช้และ
เสริมสร้างประสบการณ์ในการท างานของตนเองต่อไป

2. ความปลอดภัยในงานโลหะแผ่นตามหลักอาชีวอนามัย
ในการปฏิบัติงานด้านโลหะแผ่น ผู้ปฏิบัติงานต้องรู้จักการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากผู้ปฏิบัติงานเอง จาก

เครื่องจักรและสภาพสิ่งแวดล้อมทีปลอดภัยจากมลพิษต่าง ๆ เช่น ฝุ่น เสียง และสภาพแสงสว่างซึ่งต้องเพียงพอ
สภาพอากาศที่ถ่ายเทสะดวก งานโลหะแผ่นเป็นงานที่ผู้ปฏิบัติงานต้องร่างแบบ ตัดชิ้นงานตามแบบและขึ้นรูป

ชิ้นงาน เป็นงานที่มีหลายขั้นตอน ท างานกับเครื่องมือเครื่องจักรหลายชนิด จึงต้องระมัดระวังในเรื่องความ
ปลอดภัย

1. พื้นที่งานโลหะแผ่นจะต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก

2. จัดระบบแสงสว่างให้เพียงพอ
3. มีอุปกรณ์และยาในการรักษาพยาบาลเบื้องต้น
4. ท าเส้นแสดงขอบเขตเครื่องจักร เช่น เครื่องตัด เครื่องพับ และพื้นที่อันตรายให้ชัดเจน

5. แสดงป้ายเตือน ป้ายบอกสถานที่ต่าง ๆ ให้ชัดเจน

6. ติดตั้งเครื่องดับเพลิงในที่ที่หยิบใช้ได้ง่าย
7. มีสถานที่ท าความสะอาดร่างกายมีห้องน ้า ห้องส้วมที่สะอาด ถูกสุขอนามัย

8. ปฏิบัติตามกฎโรงงานโดยเคร่งครัด
3. เครื่องมือและอุปกรณ์ในงานโลหะแผ่น

เครื่องมือและอุปกรณ์ในงานโลหะแผ่น แบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
1. เครื่องมือวัดและร่างแบบ (Measuring and Layout tools)

2. เครื่องมือเล็ก ๆ ที่ใช้มือ (Hand tools)
3. เครื่องจักร (Machine tools)

ค าถาม

1. ในการปฏิบัติงานโลหะแผ่น ผู้ปฏิบัติควรค านึงถึงอะไร ?
ตอบ ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน

2. เครื่องมือและอุปกรณ์ในงานโลหะแผ่น แบ่งได้กี่ ลักษณะ อะไรบ้าง?

ตอบ 3 ลักษณะ คือ
1. เครื่องมือวัดและร่างแบบ

2. เครื่องมือเล็ก ๆ ที่ใช้มือ
3. เครื่องจักร




ข้อสังเกตการสอน
ผู้สอน ผู้เรียน

ก่อนสอน: เตรียมความพร้อมของผู้สอนด้าน ก่อนเรียน : การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน

เนื้อหาและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการสอน ขณะเรียน : ความสนใจของผู้เรียนต่อผู้สอน


ขณะสอน: การเคลื่อนไหว ท่าทาง การใช้ การตอบค าถามของผู้เรียน
น ้าเสียงในการพูด และการตั้งค าถามๆผู้เรียน หลังเรียน : ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น

หลังสอน : เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถาม




หมายเหตุ
สัญลักษณ์

(จ) = ความจ า (ข) = ความเข้าใจ (น) = น าไปใช้
(ว) = วิเคราะห์ (ส) = สังเคราะห์ (ป) = ประเมินค่า



เอกสารอ้างอิง
รหัส A : นริศ ศรีเมฆ. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. นนทบุรี : เอมพันธ์, 2556.


เครื่องมือและอุปกรณ์ในการสอน

1. กระดานไวท์บอร์ด (White Board)
2. โน๊ตบุ๊ค (Notebook)

3. พาวเวอร์พอยต์ (Power Point)
4. โปรเจคเตอร์ (Projector)

บันทึกหลังการสอน

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................


.......................................................................
( )

ผู้บันทึก

วิทยาลัยเทคนิคระยอง



เตรียมหน่วยการสอน (Unit Lesson Preparation)
วันที่ 31 สิงหาคม 2561 เวลา 08.30 – 17.30 น.

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100 1005 การสอนครั้งที่ 16

หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
งานโลหะแผ่นและงานประกอบขึ้นรูปชิ้นงาน เมื่อนักศึกษาเรียนจบเรื่องนี้แล้วจะสามารถ :

- ความปลอดภัยในงานโลหะแผ่น 1. อธิบายถึงหลักความปลอดภัยในงานโลหะแผ่น
- การท าตะเข็บและขอบงาน ได้

- เครื่องมือ (Hand Tool ) 2. อธิบายลักษณะตะเข็บและขอบงานแต่ละประเภท
งานปฏิบัติ ได้อย่างถูกต้อง

- การพับตะเข็บและการพับขอบ 3. ปฏิบัติการพับขอบงานและตะเข็บได้
วิธีการสอน รหัส เวลา
รายละเอียดเนื้อหา
กิจกรรมผู้สอน / ผู้เรียน หนังสือ (นาที)

บทน า ผู้สอน : กล่าวทักทายผู้เรียน
ในการด ารงชีวิตประจ าวันในปัจจุบัน มนุษย์มีความ และขานใบรายชื่อนักศึกษา

ใกล้ชิดกับงาน หรือผลิตภัณฑ์ที่ท าจากโลหะแผ่นเป็นอย่าง ผู้เรียน : กล่าวทักทายและตั้งใจ

มาก เช่น หม้อ กระทะ ขันน ้า ตู้เย็น ก็ล้วนแต่ท ามาจาก ฟังชื่อแล้วขานรับ
โลหะแผ่นแทบทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการน า ผู้สอน : บอกเกณฑ์การ
พลาสติกมาใช้กันมากก็ตาม แต่พลาสติกก็ยังมีขอบเขตการ ประเมินและท าข้อตกลงกับ

ใช้งาน และระยะเวลาในการท างาน เช่น ไม่แข็งแรง ไม่ทน นักเรียน และบรรยายน าเข้าสู่ 10

ความร้อน หรืออายุการใช้งานน้อย เป็นต้น บทเรียน (-)
ดังนั้น งานโลหะแผ่นจึงไม่มีโอกาสหมดไปจาก ผู้เรียน : ตั้งใจฟังและจดบันทึก (0)

ชีวิตประจ าวันของมนุษย์ได้ เนื่องจากชิ้นงานที่ท าจากโลหะ หรือสอบถามข้อสงสัย [10]
แผ่นนั้นมีความแข็งแรง สามารถขึ้นรูป และที่ส าคัญที่สุดมี

อายุการใช้งานได้นาน ฉะนั้นงานโลหะแผ่นจึงมีความส าคัญ
อย่างมากที่ช่างอุตสาหกรรมต่างๆต้องศึกษาและปฏิบัติให้รู้

เพื่อน าไปประยุกต์ใช้และเสริมสร้างประสบการณ์ในการ
ท างานของตัวเองต่อไป


ความปลอดภัยในงานโลหะแผ่น ผู้สอน : บรรยายเนื้อหา

1. การเคลื่อนย้ายโลหะแผ่นบางจะต้องสวมถุงมือทุกครั้ง ประกอบสื่อ Power point

มิฉะนั้นขอบของโลหะแผ่นอาจบาดมือได้ ผู้เรียน : ฟังบรรยาย และจด
2. การเคลื่อนย้ายโลหะแผ่นควรยกในแนวตั้งเพราะถ้ายกใน บันทึก

แนวนอนโลหะจะห้อยตัวลง และต้องใช้พื้นที่ในการ

เคลื่อนย้ายกว้าง ท าให้การจับและการเคลื่อนย้ายกว้าง ท าให้

การจับและการเคลื่อนย้ายกระท าได้ยาก
3. ในการใช้เครื่องพับต้องแน่ใจว่าไม่มีผู้อยู่ในรัศมีการ

เคลื่อนไหวของชิ้นส่วนของเครื่องจักร
4.ไม่ควรใช้กรรไกรมือตัดโลหะแผ่นที่มีความหนามาก

เพราะการใช้แรงบีบจากมือมากจะท าให้ความปลอดภัย
ลดลง

5.ไม่ควรน าบรรทัดเหล็กไปใช้งัดอุปกรณ์อื่น เช่น เหล็ก
6.ไม่ควรใช้เหล็กถ่ายแบบแทนเหล็กน าศูนย์

7.ไม่ควรใช้กรรไกรตัดลวดหรือแผ่นโลหะที่แข็งเกินไป
8.อย่าใช้กรรไกรเคาะหรือตีแผ่นโลหะขณะเกิดรอยเยินควร

เปลี่ยนมาใช้ค้อนแทน

9.เหล็กขีดทื่อไม่ควรเจียระไน เพราะความแข็งที่ชุบไว้จะ
หมดไป ควรลับให้แหลมดังเดิมด้วยหินลับ

(A: 208- 45
การท าตะเข็บและขอบงาน 231) (10)

1.ลักษณะตะเข็บและขอบงาน [55]
1.1 ขอบงาน (Edges) ขอบงานมีจุดประสงค์เพื่อให้ชิ้นงานมี

ความแข็งแรง เรียบร้อย สวยงามและปลอดภัยต่อการ
น าไปใช้ ที่พบมากที่สุดได้แก่

- ขอบงานชั้นเดี่ยว เป็นขอบที่พับกลับมาเป็นมุม 360
องศา ขอบงานแนบผิวงาน รอยพับโค้งเป็นรัศมีขนาดขอบ

ขึ้นอยู่กับขนาดชิ้น

- ขอบงานสองชั้น เป็นขอบงานคล้ายขอบงานชั้น
เดี่ยวแต่จะพับสองครั้งหรือสองชั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
- ขอบลวด เป็นขอบงานที่ให้ความแข็งแรงสูงกว่า 2

แบบแรก เป็นการน าลวดมาเป็นแกนแล้วเอาขอบงานหุ้มไว้


1.2 ตะเข็บ ( Seams ) เป็นการต่อชิ้นงานเข้าด้วยกันซึ่งมี

หลายแบบหลายชนิดตามลักษณะของชิ้นงาน แบ่งได้เป็น
- ตะเข็บเกย เป็นการน าขอบงานมาวางเกยกันหรือซ้อนกัน

ใช้ในการบัดกรี การย ้าหมุด และการเชื่อมจุด
- ตะเข็บตั้ง ใช้การต่องานทางด้านหน้าตัดของชิ้นงาน เช่น

ท่อกลม ท่อเหลี่ยมซึ่งให้ความแข็งแรงสูง
- ตะเข็บเกี่ยว เป็นตะเข็บที่นิยมใช้มากในการต่อแผ่นโลหะ

และต่อชิ้นงานเข้าด้วยกัน เพราะท าได้ง่ายและแข็งแรง

- ตะเข็บสองชั้น เหมาะส าหรับการต่อชิ้นงานที่มุม เมื่อ
ชิ้นงานเป็นเหลี่ยมและใช้เป็นตะเข็บก้นทิ้งชิ้นงานเหลี่ยม

และกลม


เครื่องมือ (Hand Tool )
1. ค้อน เป็นเครื่องมือที่ใช้ประโยชน์มากในงานช่าง

ใช้ทุบ ตี เคาะ ตามจุดประสงค์ต่างๆ เช่น ตียืด ตีพับ เคาะขึ้น

รูป ย ้าหมุดเป็นต้น อาจจะแบ่งได้เป็น
- ค้อนหัวกลม

- ค้อนย ้าหมุด
- ค้อนย ้าตะเข็บ

- ตะลุมพุก


2. แท่นขึ้นรูป เป็นแท่นที่ท าด้วยเหล็กกล้ามีลักษณะต่างๆ
เพื่อสะดวกและเหมาะสมกับการงาน อาจจะท าการแบ่งได้

ออกเป็น
- แท่งขึ้นรูปสี่เหลี่ยมก้านตรง

- แท่นขึ้นรูปช่างทอง
- แท่นขึ้นรูปคมมีด

- แท่นขึ้นรูปคอนดักเตอร์
- แท่นขึ้นรูปเบรกฮอร์น

- แท่นขึ้นรูปโบรฮอร์น


สรุป ผู้สอน : บรรยายสรุปเนื้อหา

และถามค าถาม
ผู้เรียน : ร่วมสรุปไปพร้อมๆ

กันกับผู้สอน และถามข้อสงสัย

ผู้สอน : ตอบค าถามและมอบ 10
ใบงานให้ผู้เรียนและอธิบาย (-) (55)
[65]
ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน
ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว

แยกย้ายปฏิบัติงาน

มอบใบงานให้นักศึกษาปฏิบัติตามใบงาน ผู้สอน : มอบใบงานให้นักเรียน

และอธิบายขั้นตอนในการ
ปฏิบัติงาน (A: 175
(65)
ผู้เรียน : ฟังอธิบายใบงานแล้ว 246) [240]

แยกย้ายปฏิบัติงาน



สรุป

งานโลหะแผ่นเป็นชิ้นงานที่ท าจากโลหะแผ่นนั้นมีความแข็งแรง สามารถขึ้นรูป และที่ส าคัญที่สุดมี
อายุการใช้งานได้นาน


ความปลอดภัยในงานโลหะแผ่น

1. การเคลื่อนย้ายโลหะแผ่นบางจะต้องสวมถุงมือทุกครั้ง มิฉะนั้นขอบของโลหะแผ่นอาจบาดมือได้

2. การเคลื่อนย้ายโลหะแผ่นควรยกในแนวตั้งเพราะถ้ายกในแนวนอนโลหะจะห้อยตัวลง และต้องใช้พื้นที่ใน
การเคลื่อนย้ายกว้าง ท าให้การจับและการเคลื่อนย้ายกว้าง ท าให้การจับและการเคลื่อนย้ายกระท าได้ยาก
3. ในการใช้เครื่องพับต้องแน่ใจว่าไม่มีผู้อยู่ในรัศมีการเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนของเครื่องจักร

4.ไม่ควรใช้กรรไกรมือตัดโลหะแผ่นที่มีความหนามาก เพราะการใช้แรงบีบจากมือมากจะท าให้ความปลอดภัย

ลดลง
5.ไม่ควรน าบรรทัดเหล็กไปใช้งัดอุปกรณ์อื่น เช่น เหล็ก

6.ไม่ควรใช้เหล็กถ่ายแบบแทนเหล็กน าศูนย์
7.ไม่ควรใช้กรรไกรตัดลวดหรือแผ่นโลหะที่แข็งเกินไป

8.อย่าใช้กรรไกรเคาะหรือตีแผ่นโลหะขณะเกิดรอยเยินควรเปลี่ยนมาใช้ค้อนแทน
9.เหล็กขีดทื่อไม่ควรเจียระไน เพราะความแข็งที่ชุบไว้จะหมดไป ควรลับให้แหลมดังเดิมด้วยหินลับ

ลักษณะตะเข็บและขอบงาน
ขอบงาน (Edges) สามารถแบ่งออกได้ เป็น

- ขอบงานชั้นเดี่ยว
- ขอบงานสองชั้น

- ขอบลวด

ตะเข็บ ( Seams )สามารถแบ่งได้เป็น
- ตะเข็บเกย

- ตะเข็บตั้ง
- ตะเข็บเกี่ยว

- ตะเข็บสองชั้น
เครื่องมือ (Hand Tool )

- ค้อนหัวกลม
- ค้อนย ้าหมุด

- ค้อนย ้าตะเข็บ

- ตะลุมพุก
- แท่งขึ้นรูปสี่เหลี่ยมก้านตรง

- แท่นขึ้นรูปช่างทอง
- แท่นขึ้นรูปคมมีด

- แท่นขึ้นรูปคอนดักเตอร์
- แท่นขึ้นรูปเบรกฮอร์น

- แท่นขึ้นรูปโบรฮอร์น


ค าถาม

1. ในการยกโลหะแผ่น ผู้ปฏิบัติควรมีการป้องกันอันตรายอย่างไร? (จ)
ตอบ ควรสวมถุงมือ

2. ตะเข็บ ประเภทใดที่นิยมใช้มากที่สุดในการต่อแผ่นโลหะ?(ข)
ตอบ ตะเข็บเกี่ยว



ข้อสังเกตการสอน


ผู้สอน ผู้เรียน

ก่อนสอน: เตรียมความพร้อมของผู้สอนด้าน ก่อนเรียน : การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน


เนื้อหาและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการสอน ขณะเรียน : ความสนใจของผู้เรียนต่อผู้สอน
ขณะสอน: การเคลื่อนไหว ท่าทาง การใช้ การตอบค าถามของผู้เรียน

น ้าเสียงในการพูด และการตั้งค าถามๆผู้เรียน หลังเรียน : ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น

หลังสอน : เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถาม




หมายเหตุ
สัญลักษณ์
(จ) = ความจ า (ข) = ความเข้าใจ (น) = น าไปใช้

(ว) = วิเคราะห์ (ส) = สังเคราะห์ (ป) = ประเมินค่า


เอกสารอ้างอิง

รหัส A : นริศ ศรีเมฆ. “งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น”. นนทบุรี : เอมพันธ์, 2556.


เครื่องมือและอุปกรณ์ในการสอน
1. กระดานไวท์บอร์ด (White Board)

2. โน๊ตบุ๊ค (Notebook)

3. พาวเวอร์พอยต์ (Power Point)
4. โปรเจคเตอร์ (Projector)


บันทึกหลังการสอน

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................


.......................................................................

( )
ผู้บันทึก

วิทยาลัยเทคนิคระยอง



เตรียมหน่วยการสอน (Unit Lesson Preparation)

วันที่ 7 กันยายน 2561 เวลา 08.30 – 17.30 น.

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น รหัส 2100 1005 การสอนครั้งที่ 17

หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
งานโลหะแผ่นและงานประกอบขึ้นรูปชิ้นงาน เมื่อนักศึกษาเรียนจบเรื่องนี้แล้วจะสามารถ :

- การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ 1. อธิบายลักษณะวัสดุในงานขึ้นรูปโลหะได้
- วัสดุในงานขึ้นรูปโลหะ 2. อธิบายการเขียนแผ่นคลี่แต่ละประเภทได้

- การเขียนแผ่นคลี่อย่างง่าย อย่างถูกต้อง
งานปฏิบัติ 3. ปฏิบัติงานโลหะแผ่นการท ากล่องสี่เหลี่ยมได้

- งานโลหะแผ่นการท ากล่องสี่เหลี่ยม
วิธีการสอน รหัส เวลา
รายละเอียดเนื้อหา
กิจกรรมผู้สอน / ผู้เรียน หนังสือ (นาที)

บทน า ผู้สอน : กล่าวทักทายผู้เรียน
เมื่อเราทราบถึงลักษณะของงานที่จะขึ้นรูปเป็น และขานใบรายชื่อนักศึกษา

ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เราสามารถเลือกใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ผู้เรียน : กล่าวทักทายและตั้งใจ
ได้ตามต้องการ เช่น การเข้าขอบลวด การต่อตะเข็บ การ ฟังชื่อแล้วขานรับ 10

พับ การม้วนขึ้นรูปทรงต่าง ๆ แต่สิ่งที่ส าคัญ คือ วัสดุที่ใช้ ผู้สอน : บอกเกณฑ์การ

ส าหรับขึ้นรูปผลิตภัณฑ์โลหะแผ่น และที่ส าคัญอีกอย่างคือ ประเมินและท าข้อตกลงกับ (-) (0)
การเขียนแบบแผ่นคลี่ รูปทรงต่าง ๆ ที่ต้องการ เช่น การ นักเรียน และบรรยายน าเข้าสู่ [10]
เขียนด้วยเส้นรัศมี บทเรียน

ผู้เรียน : ตั้งใจฟังและจดบันทึก

หรือสอบถามข้อสงสัย


การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์โลหะ ผู้สอน : บรรยายเนื้อหา
จากการที่ได้ศึกษา เรื่อง เครื่องมือที่ใช้ในงานโลหะ ประกอบสื่อ Power point

แผ่นมาแล้ว เมื่อเราทราบถึงลักษณะของงานที่จะขึ้นรูปใน ผู้เรียน : ฟังบรรยาย และจด
ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เราสามารถเลือกใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ บันทึก

ได้ตามต้องการ เช่น การเข้าขอบลวด การต่อตะเข็บ การ
พับ การประกอบฝาก้นกระป๋ อง การม้วนขึ้นรูปทรงต่าง ๆ

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงเพื่อประกอบการเลือกใช้เครื่องมือ
และอุปกรณ์สิ่งนั้น คือ วัสดุที่ใช้ส าหรับขึ้นรูปผลิตภัณฑ์

โลหะแผ่น

วัสดุในงานขึ้นรูปผลิตภัณฑ์โลหะ

วัสดุในงานโลหะแผ่นจะมีลักษณะเป็นแผ่นโลหะ (Sheet
Metal) หนาไม่เกิน 4.8 มิลลิเมตร หรือ 3/16 นิ้ว

โดยทั่วไปจะมีขนาดกว้าง 3 ฟุต ยาว 8 ฟุต และกว้าง 4
ฟุต ยาว 8 ฟุต โดยที่ลักษณะผิวจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ

คือ
1. โลหะแผ่นเปลือย คือ โลหะที่ผ่านการรีดตามกรรมวิธี

การผลิตโลหะเป็นแผ่น พร้อมน าไปใช้งาน เช่น แผ่นเหล็ก

แผ่นสแตนเลส แผ่นทองเหลือง
2. โลหะแผ่นเคลือบ ได้แก่ การน าเอาแผ่นเหล็กมาเคลือบ
ด้วยสังกะสีเพื่อให้มีความคงทนในการป้องกันการกัดกร่อน

ได้เป็นอย่างดี ท าให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์โลหะ
การขึ้นรูปสามารถขึ้นรูปได้โดยการใช้มือหรือ 35

เครื่องจักร เช่น การเคาะ การดัด หรือการม้วน ลักษณะ (A: 208- (10)
การขึ้นรูปโดยมากจะมี 3 ลักษณะ คือ 211) [45]

2.1 การขึ้นรูปงานเหลี่ยมและการประกอบชิ้นงาน
งานเหลี่ยมโดยมากจะขึ้นรูปด้วยการพับ ซึ่งอาจพับ

โดยการใช้ค้อนเคาะชิ้นงานบนแท่นขึ้นรูป (Stake) แบบ
เบกฮอร์น (Beakhom Stake) และคอนมอนสแควร์

(Common Square) หรืออาจพับโดยใช้เครื่องจักร
2.2 การขึ้นรูปงานทรงกระบอกและการประกอบ

ชิ้นงาน

จะเป็นการขึ้นรูปด้วยการม้วนโลหะแผ่นเป็นรูป
ทรงกระบอก บนแท่นขึ้นรูปแบบคอน ดักเตอร์

(Conductor Stake) แล้วย ้าด้วยตะเข็บ หรือจะขึ้นรูปโดย
การใช้เครื่องม้วน (Slip Roll Ferrying Machine)

2.3 การขึ้นรูปงานทรงกรวยและการประกอบชิ้นงาน
การขึ้นรูปงานทรงกรวย เป็นการขึ้นรูปโดยการดัดงาน

ให้โค้งเป็นกรวย โดยใช้หลักการเขียนแผ่นเหล็กคลี่แบบ
เส้นรัศมี การดัดขึ้นรูปจะดัดบนแท่นขึ้นรูปแบบโบรฮอร์น

(Blowhom Stake) ล าดับขึ้นการขึ้นรูปงานทรงกรวย
งานเขียนแบบแผ่นคลี่

ในงานโลหะแผ่นมีงานที่ส าคัญอีกงานหนึ่ง คือ งาน

เขียนแบบแผ่นคลี่ การใช้เครื่องมือ เครื่องจักร การพับ


Click to View FlipBook Version