The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

46785_คู่มือ หนังสือเรียน โลก ดาราศาสตร์และอว(1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Praew Monrudee, 2020-09-11 12:35:48

46785_คู่มือ หนังสือเรียน โลก ดาราศาสตร์และอว(1)

46785_คู่มือ หนังสือเรียน โลก ดาราศาสตร์และอว(1)

คมู่ ือครู

Teacher Script

โดลำรกำศำสตร์ และอวกำศ ม.6

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เล่ม 1

ตามผลการเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551

ผู้เรียบเรยี งหนงั สอื เรยี น ผตู้ รวจหนังสือเรยี น บรรณาธกิ ารหนงั สอื เรียน
ดร.มตพิ ล ตงั้ มติธรรม ดร.วาสเุ ทพ หลวงทพิ ย์ รศ.บุญรกั ษา สนุ ทรธรรม
นายธรี ยทุ ธ์ ลอยลิบ
นายบุญญฤทธ ์ิ ชุนหกิจ

ผเู้ รียบเรียงคมู่ อื คร ู บรรณาธิการคู่มอื ครู
นางสาวชุลพี ร สวุ ัฒนาพิบลู นางสาววราภรณ ์ ท้วมดี
นางสาววรรษมล เสนาะคา�
นายอัครนิ ทร์ บญุ ประเสรฐิ

พมิ พค รั้งท่ี 1
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบญั ญัติ

รหัสสินคา 3648017

ค�ำแนะน�ำกำรใช้

คู่มือครูรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โลก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม 1 เล่มน ้ี จัดท�าขึน้ สา� หรับให้ครู
ผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการประกันคุณภาพผู้เรียนตามนโยบาย
ของส�านกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน (สพฐ.)

เพิ่ม คําแนะนาํ การใช ช่วยสร้างความเข้าใจ เพื่อใช้คู่มือครูได้ นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ โซน 1
อย่างถกู ตอ้ งและเกิดประสทิ ธภิ าพสงู สดุ
ขน้ั นาํ (Concept Based Teaching) 1หนว ยการเรยี นรูท ี่ เแอละกกภาแพลก็ ซี
เพิ่ม คําอธบิ ายรายวิชา แสดงขอบขา่ ยเนื้อหาสาระของรายวิชา มนุษยเกิดขึ้นมาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็นและความต้องการที่จะเข้าใจในธรรมชาติ
ซง่ึ ครอบคลมุ ผลการเรยี นรูต้ ามท่ีหลักสูตรกา� หนด การใชค วามรเู ดมิ ฯ (Prior Knowledge) รอบตัว รวมไปถงึ เอกภพทีเ่ ราอยู่ คา� ถามทสี่ �าคัญทีส่ ดุ อยา่ งหน่ึงท่เี ราต้องการค�าตอบกค็ ือ เอกภพ
1. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น เพอ่ื วดั และกาแล็กซีนั้นก�าเนิดมาอย่างไร ประกอบข้ึนจากอะไร กลไกอะไรเป็นแรงผลักดันให้เอกภพ
เพม่ิ Pedagogy ช่วยสร้างความเข้าใจในกระบวนการออกแบบ
การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ได้อย่างมี ความรเู ดมิ ของนกั เรียนกอนเขา สูบ ทเรยี น มีการเปลย่ี นแปลงไป และเอกภพจะมีวันสิน้ สดุ ลงหรือไม่ อยา่ งไร
ประสิทธภิ าพ 2. ครูชักชวนนักเรียนพูดคุยเก่ียวกับเอกภพเพ่ือ

เพม่ิ Teacher Guide Overview ชว่ ยให้เหน็ ภาพรวมของการ เปนการทบทวนความรูเดิม โดยครูอาจนํา
จัดการเรียนการสอนท้ังหมดของรายวิชาก่อนที่จะลงมือ คําถามจาก Check for Understanding
สอนจริง จากหนังสือเรียน มาถามนักเรียนเปนระยะๆ
ระหวางการพดู คยุ
เพม่ิ Chapter Overview ชว่ ยสรา้ งความเขา้ ใจและเหน็ ภาพรวม
ในการออกแบบแผนการจดั การเรยี นร้แู ต่ละหน่วย เอกภพและกาแลก็ ซีมีจดุ กาํ เนิด
เดียวกนั หรอื ไม อยา งไร
เพิ่ม Chapter Concept Overview ช่วยให้เห็นภาพรวม
Concept และเนอ้ื หาส�าคัญของหนว่ ยการเรียนรู้ แนวตอบ Check for Understanding Che�� for Understanding
1. ผิด 2. ถูก 3. ผิด
เพ่ิม ขอสอบเนนการคิด/ขอสอบแนว O-NET เพ่ือเตรียม 4. ผิด 5. ถูก ให้นักเรียนพจิ ารณาข้อความตามความเข้าใจของนกั เรยี นว่าถกู หรือผดิ แลว้ บนั ทึกลงในสมุด
ความพรอ้ มของผเู้ รยี นสู่การสอนในระดบั ต่าง ๆ เอกภพเปน ที่วา งท่มี ีอาณาเขตขนาดใหญแ ละกําหนดขอบเขตได
หลงั จากเกิดบิกแบง เอกภพมีการขยายตวั และอุณหภมู ิลดลงอยา งรวดเร็ว ทําใหพลังงานเปลี่ยนรูปเปนสสารชนิดตา งๆ
เพิ่ม กจิ กรรม 21st Century Skills กิจกรรมที่จะช่วยพฒั นา ฮับเบลิ คน พบวา อตั ราเร็วในการเคลอ่ื นทีถ่ อยหา งของกาแลก็ ซนี ั้นแปรผกผันกับระยะทาง
ผู้เรียนให้มีทักษะที่จ�าเปนส�าหรับการเรียนรู้และการด�ารงชีวิต จากมุมมองของคนบนโลกบรเิ วณแถบสีฟา ขาวจางๆ ของทางชางเผอื ก คอื ดาวเคราะห
ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 สสารมดื คอื มวลสว นมากทยี่ ดึ กระจุกกาแล็กซเี ขา ไวด วยกนั ประกอบไปดว ยสสารทไ่ี มสองแสงใดออกมาเลย

เกร็ดแนะครู แนวตอบ Big Question
• เนอ่ื งจากกาแลก็ ซแี รกกําเนดิ ขน้ึ เมอื่ ประมาณ 500 ลานป หลังจากท่ี
การจัดการเรียนการสอน เรื่อง เอกภพและกาแล็กซี ครูควรใชวีธีการจัด
การเรยี นการสอนแบบเนน มโนทศั น (Concept Based Teaching) โดยมงุ เนน เอกภพกาํ เนิดข้นึ จึงกลา วไดว า เอกภพและกาแลก็ ซไี มไดมจี ดุ กาํ เนดิ
ใหนักเรียนเขาใจหลักการและความคิดรวบยอดตางๆ ซ่ึงครูควรจัดการเรียน เดียวกนั
การสอนที่นําพาผูเรยี นไปสูความคดิ รวบยอดนน้ั โดยครสู ามารถศกึ ษาเพ่ิมเติม
ไดจากบทความความหมายของรูปแบบการเรียนการสอน ในเว็บไซต https:// โซน 3
www.spu.ac.th/tlc/files/2016/03/รปู แบบการสอน-รศ.ดร.ทิศนา.pdf

โซน 2

T6

โซน 1 ช่วยครจู ดั โซน 2 ชว่ ยครูเตรยี มสอน

กำรเรยี นกำรสอน โดยประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ทเ่ี ปน็ ประโยชนส์ า� หรบั ครู
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน เพ่ือนา� ไปประยุกต์ใช้จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ในช้ันเรียน
โดยแนะน�าขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรมอย่างละเอียด
เพอ่ื ใหน้ กั เรียนบรรลผุ ลสัมฤทธิ์ตามผลการเรยี นรู้ เกรด็ แนะครู

นำ� สอน สรุป ประเมิน ความรู้เสริมส�าหรับครู ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต แนวทางการจัด
กจิ กรรม และอ่ืน ๆ เพ่อื ประโยชน์ในการจัดการเรยี นการสอน

นักเรยี นควรรู

ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอื้ หา สา� หรบั อธบิ ายเสรมิ เพมิ่ เตมิ ใหก้ บั นกั เรยี น

โดยใช หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร และอวกาศ ม.6 เลม 1 และแบบฝก หดั
รายวิชาเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร และอวกาศ ม.6 เลม 1 ของบริษทั อกั ษรเจริญทศั น อจท.
จาํ กดั เปน สอื่ หลกั (Core Materials) ประกอบการสอนและการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู เพอื่ ใหส อดคลอ งกบั มาตรฐานการเรยี นรู
และตวั ชวี้ ดั ของกลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา
ขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ซง่ึ คูมือครเู ลมน้ีมอี งคประกอบท่ีงายตอ การใชงาน ดงั น้ี

โซน 1 นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ชว่ ยครเู ตรยี มนักเรยี น

Key Question ขนั้ นาํ ประกอบดว ยแนวทางสาํ หรบั จดั กจิ กรรมและเสนอแนะ
แนวขอสอบ เพอื่ อาํ นวยความสะดวกใหแ กค รูผูสอน
เอกภพมกี ารเปลย่ี นแปลง 1. ก ารขยายตวั ของเอกภพ การใชค วามรเู ดมิ ฯ (Prior Knowledge)
หรือไม อยา งไร 3. ครูถามคําถามกระตุนความคิดโดยครูอาจใช กิจกรรม 21st Century Skills
เอกภพน้ันมีขนาดใหญ่และดูเหมือนจะไร้ซึ่งการเปลี่ยน
แปลงในชั่วอายุของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม เอกภพนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการ คาํ ถาม Prior Knowledge จากหนงั สอื เรยี น โดย กิจกรรมท่ีใหนักเรียนไดประยุกตใชความรูท่ีเรียนรูมาสราง
ค้นพบการขยายตัวของเอกภพนี้เองท่ีน�าไปสู่การศึกษายุคใหม่ในการท�าความเข้าใจเก่ียวกับ ครูกระตุนนักเรียนใหชวยกันระดมความคิด ช้ินงานหรือทํากิจกรรมรวบยอด เพื่อใหเกิดทักษะท่ีจําเปน
ต้นก�าเนดิ และจดุ จบของเอกภพ เพือ่ หาคําตอบ ในศตวรรษท่ี 21

1.1 การศกึ ษาเกี่ยวกับเอกภพ แนวตอบ Prior Knowledge ขอสอบเนน การคดิ
อาจกลา่ วได้วา่ หน่ึงในจดุ มุ่งหมายสูงสุดในการศึกษาวิทยาศาสตรก์ ็เพอ่ื การท�าความเข้าใจ มกี ารเปลย่ี นแปลง โดยในปจ จบุ นั เอกภพกาํ ลงั
ในธรรมชาตขิ องเอกภพทอ่ี าศยั อย ู่ อยา่ งไรกต็ าม จะไมส่ ามารถศกึ ษากลไกการทา� งานของเอกภพ ตัวอยางขอสอบท่ีมุงเนนการคิด มีท้ังปรนัย-อัตนัย พรอม
โดยตรงได้ แต่การสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติจะน�าไปสู่ความเข้าใจในธรรมชาติของเอกภพ ขยายตัว เฉลยอยา งละเอียด
ในทีส่ ดุ
ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET
น ักเอกโดภยพอวาิทจยจา1ะไสดา้ดม้วายรภถาสพร ุปFแlaนmวmคิดarขiอonง
Engraving เพียงภาพเดียว โดยในโลกท่ีมี ตัวอยางขอสอบท่ีมุงเนนการคิดวิเคราะหและสอดคลองกับ
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวอยู่เหนือ แนวขอสอบ O-NET มีทั้งปรนัย-อัตนัย พรอมเฉลยอยาง
ทงุ่ หญา้ ตน้ ไม ้ และเมอื งทสี่ งบและเปน็ ระเบยี บ ละเอยี ด
แต่มีเด็กเล้ียงแกะคนหนึ่งกลับพยายามมุด
เข้าไปดูสิ่งท่ีอยู่เบ้ืองหลังทุกอย่างว่า กลไก กจิ กรรมทา ทาย
ที่เป็นแรงผลักดันให้ดวงจันทร์และดวงดาวน้ี
เคลอื่ นทไี่ ป มธี รรมชาตแิ ละการทา� งานอยา่ งไร เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอื่ ตอ ยอดสาํ หรบั นกั เรยี น
ซ่ึงเด็กเลี้ยงแกะที่มีความใฝ่ฝันท่ีจะค้นพบ ที่เรียนรูไดอยางรวดเร็วและตองการทาทายความสามารถใน
กลไกท่ีผลักดันจักรวาลให้เคล่ือนที่ไปน้ี ก็คือ ภาพที ่ 1.1 Flammarion Engraving เปน็ ภาพแกะสลกั ระดับท่สี ูงขึน้
โดยจติ รกรชาวฝรั่งเศสช่อื Camille Flammarion
นักเอกภพวิทยา น่นั เอง ทีม่ า : คลงั ภาพ อจท. กิจกรรมสรางเสริม

จักรวาลวิทยา (cosmology) คือ การศึกษาเก่ียวกับเอกภพ โดยศึกษาว่าเอกภพเกิดขึ้น เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมซอมเสริมสําหรับนักเรียน
อย่างไร ประกอบข้ึนจากอะไรบา้ ง เอกภพมีการวิวฒั นาการอย่างไร และส่ิงใดทเ่ี ปน็ แรงผลกั ดนั ทีค่ วรไดรบั การพฒั นาการเรยี นรู
ให้เอกภพมีวิวัฒนาการตอ่ ไป และเอกภพมีจดุ สนิ้ สดุ หรือไม ่ อยา่ งไร

อยา่ งไรกต็ าม แบบจา� ลองหรอื ทฤษฎที คี่ ดิ คน้ ขนึ้ มาเพอื่ อธบิ ายจกั รวาลนน้ั จะไมม่ คี วามหมาย
แต่อย่างใดเลย หากทฤษฎีนั้นไม่มีความสอดคล้องกับธรรมชาติท่ีสังเกตได้ ด้วยเหตุนี้ วิชา
จักรวาลวิทยาจะต้องอาศัยข้อมูล และปรากฏการณ์ที่ได้มาจากการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์
ควบคู่ไปกับการสังเกตการณ์ใหม่ ๆ จนน�าไปสู่ความเข้าใจในจักรวาลที่เพ่ิมมากข้ึน ซึ่งน�าไปสู่
การล้มล้างทฤษฎีเดิมและพัฒนาทฤษฎีใหม่เพื่อมาอธิบายเอกภพ ในขณะเดียวกันทฤษฎีใหม่ ๆ
กส็ ามารถชว่ ยเปดิ มมุ มองทน่ี า� ไปสกู่ ารทา� นายปรากฏการณ ์ และนา� ไปสกู่ ารคน้ พบทางดาราศาสตร์
ที่ไมเ่ คยมี ใครพบมาก่อนไดเ้ ชน่ เดยี วกนั
เอกภพและกาแล็กซี 3

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

นกั จกั รวาลวทิ ยามวี ธิ กี ารศกึ ษาเกย่ี วกบั เอกภพและจกั รวาลอยา งไร 1 นักเอกภพวิทยา เปนนักวิทยาศาสตรที่ทําการศึกษาเนนไปท่ีเอกภพ โดย
(แนวตอบ นักจักรวาลวิทยาศึกษาเกี่ยวกับเอกภพและจักรวาล มีประเดน็ ที่ศึกษา ดังนี้

โดยการอาศัยขอมูลที่ไดจากการสังเกตการณทางดาราศาสตร • การกาํ เนิด ววิ ัฒนาการ และอนาคตของเอกภพ
ควบคูกับการสังเกตการณใหมๆ จนนําไปสูความเขาใจท่ีมากข้ึน • โครงสรางและพลวตั รตา งๆ ทีม่ สี เกลขนาดใหญใ นเอกภพ
จนสามารถพฒั นาทฤษฎใี หมเพอ่ื มาอธิบายเอกภพได) • แนวคิดในทางฟสกิ สเ ชงิ ทฤษฎีทเ่ี ก่ียวขอ ง เชน สสารมดื และพลังงานมืด

โซน 3 เนอ่ื งจากองคป ระกอบสว นใหญข องเอกภพมอี งคป ระกอบอนื่ ทน่ี อกเหนอื
ไปจากสสารทน่ี ักดาราศาสตรป ระมาณไวว า มีเพยี ง 4% ของเอกภพ
• กาลอวกาศ ซ่ึงเปนแบบจําลองทางคณิตศาสตรตางๆ ท่ีรวมมิติทั้ง 3
(ความกวา ง-ยาว-สงู ) กบั เวลา (ในฐานะมติ ทิ ี่ 4) เขา ดว ยกนั ซง่ึ เกย่ี วขอ ง
กับทฤษฎสี มั พัทธภาพในฟส กิ ส

โซน 2• เนื่องจากนักเอกภพวิทยาตองใชองคความรูทางฟสิกสเชิงทฤษฎีเปน
อยา งมาก นกั เอกภพวทิ ยาหลายคนจงึ ศกึ ษาวจิ ยั ในดา นฟส กิ สเ ชงิ ทฤษฎี
ไปดวย
T7

หองปฏบิ ัติการ (วิทยาศาสตร) แนวทางการวดั และประเมนิ ผล

คําอธิบายหรือขอเสนอแนะส่ิงท่ีควรระมัดระวังหรือขอควรปฏิบัติ เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ
ตามเน้ือหาในบทเรียน นกั เรยี นตามมาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชว้ี ดั ทหี่ ลกั สตู รกาํ หนด

สื่อ Digital

แนะนาํ แหลงเรียนรูแ ละแหลง คนควา จากสอื่ Digital ตาง ๆ

ค�ำอธิบายรายวิชา

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลาเรียน 40 ช่วั โมง
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6

ศกึ ษา วเิ คราะห์ และอธบิ ายกำ� เนดิ ววิ ฒั นาการของเอกภพ หลกั ฐานทส่ี นบั สนนุ ทฤษฎบี กิ แบง กาแลก็ ซแี ละกาแลก็ ซ ี
ทางชา้ งเผือก สมบัติของดาวฤกษ์ ก�ำเนดิ ดาวฤกษ์ กระจกุ ดาว แหลง่ ก�ำเนิดพลังงานของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการของดาวฤกษ ์
กำ� เนดิ ระบบสรุ ยิ ะและการแบง่ เขตบรวิ ารรอบดวงอาทติ ย์ การโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์ โครงสรา้ งและปรากฏการณ ์
บนดวงอาทิตย์

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห ์
การอภปิ ราย การอธบิ าย และการสรปุ ผล เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความรู้ ความคดิ และความเขา้ ใจ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ
สอ่ื สารส่ิงทีเ่ รียนรแู้ ละน�ำความร้ไู ปใชใ้ นชีวิตตนเอง ตลอดจนมีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านยิ มที่ถกู ตอ้ ง

ผลการเรียนรู้

1. อธิบายการก�ำเนิดและการเปล่ียนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพหลังเกิดบิกแบงในช่วงเวลาต่าง ๆ
ตามวิวัฒนาการของเอกภพ

2. อ ธิบายหลักฐานท่ีสนับสนุนทฤษฎีบิกแบงจากความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับระยะทางของกาแล็กซี รวมท้ังข้อมูล
การคน้ พบไมโครเวฟพื้นหลงั จากอวกาศ

3. อธิบายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก และระบุต�ำแหน่งของระบบสุริยะพร้อมอธิบายเชื่อมโยง
กบั การสังเกตเห็นทางชา้ งเผือกของคนบนโลก

4. อธิบายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลี่ยนแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาด จากดาวฤกษ์ก่อนเกิด
จนเปน็ ดาวฤกษ์

5. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งพลงั งานของดาวฤกษแ์ ละผลทเี่ กดิ ขน้ึ โดยวเิ คราะหป์ ฏกิ ริ ยิ าลกู โซโ่ ปรตอน-โปรตอน และวฏั จกั ร
คาร์บอนไนโตรเจน ออกซเิ จน

6. ร ะบุปัจจัยท่ีส่งผลต่อความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตรของ
ดาวฤกษ์

7. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างสี อุณหภมู ิผิว และสเปกตรมั ของดาวฤกษ์

8. อธบิ ายวิธีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ดว้ ยหลักการแพรัลแลกซ์ และคำ� นวณระยะทางของดาวฤกษ์

9. อ ธบิ ายลำ� ดบั ววิ ฒั นาการทส่ี มั พนั ธก์ บั มวลตง้ั ตน้ และวเิ คราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงสมบตั บิ างประการของดาวฤกษใ์ นลำ� ดบั
ววิ ฒั นาการ จากแผนภาพแฮรทส์ ชปรุง-รสั เซลล์

10. อธบิ ายกระบวนการเกดิ ระบบสรุ ยิ ะ การแบ่งเขตบรวิ ารของดวงอาทิตย์ และลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอ้ือตอ่ การดำ� รง
ชวี ิต

11. อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยกฎเคพเลอร์และกฎความโน้มถ่วงของนิวตัน พร้อมค�ำนวณคาบ
การโคจรของดาวเคราะห์

12. อธิบายโครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะ และวิเคราะห์ น�ำเสนอปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์
ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ผลของลมสุรยิ ะและพายสุ ุริยะท่มี ตี ่อโลก รวมท้งั ประเทศไทย

รวม 12 ผลการเรยี นรู้

Pedagogy

ค่มู ือครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โ ลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม 1 รวมถงึ สอ่ื การเรยี นรรู้ ายวชิ าเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์

และเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชน้ั ม.6 ผจู้ ัดทำ� ไดอ้ อกแบบการสอน (Instructional Design) อันเป็น

วิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนท่ีเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและมีความหลากหลายให้กับผู้เรียน เพ่ือให้ผู้เรียน

สามารถบรรลผุ ลสมั ฤทธต์ิ ามผลการเรยี นรู้ รวมถงึ สมรรถนะและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี นทหี่ ลกั สตู รกำ� หนดไว้

โดยครูสามารถนำ� ไปใชจ้ ัดการเรียนรใู้ นชัน้ เรยี นไดอ้ ย่างเหมาะสม ส�ำหรับ Pedagogy หลกั ท่ีน�ำมาใชอ้ อกแบบกิจกรรม

การเรยี นรูป้ ระกอบดว้ ย

รปู แบบการสอน Concept Based Teaching

ขนั้ การใช้ความรเู้ ดมิ เช่ือมโยงความรูใ้ หม่ ขั้นเข้าใจ

1 Prior Knowledge 2 Knowing 3 Understanding 4 Doing

ข้ันรู้ ข้นั ลงมอื ทำ�

เลอื กใชร้ ปู แบบการสอนโดยยดึ ผู้เรยี นเป็นศนู ยก์ ลาง : Concept Based Teaching เน่ืองจากความรูว้ ทิ ยาศาสตร์
ในระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายมุง่ เนน้ ใหผ้ ูเ้ รียนเข้าใจหลกั การและความคิดรวบยอดตา่ ง ๆ เพอื่ ประยกุ ตใ์ ช้ ดังน้นั Concept
Based Teaching เปน็ การจดั การเรยี นการสอนทน่ี ำ� พาผเู้ รยี น เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ มที กั ษะ และเกดิ ความคดิ รวบยอด
ผลของการจดั การเรยี นการสอนในลกั ษณะน้ี จะทำ� ใหผ้ ูเ้ รยี นไดค้ วามรูแ้ ละมีทักษะในการค้นหาความคิดรวบยอด ซ่ึงจะเป็น
ทักษะสำ� คญั ตดิ ตัวผเู้ รยี นไปตลอดชวี ิต

วิธีสอน (Teaching Method)

เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอนทห่ี ลากหลาย เชน่ อปุ นยั นริ นยั การสาธติ การทดลอง แบบแกป้ ญั หา แบบบรรยาย ซงึ่ สนบั สนนุ
การจดั การเรยี นการสอนแบบ Concept Based Teaching ท่ที ำ� ให้ผู้เรยี นไดเ้ รยี นรู้กระบวนการ ท�ำให้ไดค้ วามคดิ รวบยอด
ท่ีส�ำคญั อีกทงั้ เพอ่ื ส่งเสริมการเรยี นรู้และเกิดความเข้าใจในเน้ือหาวทิ ยาศาสตร์อยา่ งถ่องแท้

เทคนคิ การสอน (Teaching Technique)

เลอื กใชเ้ ทคนคิ การสอนทห่ี ลากหลายและเหมาะสมกบั เรอ่ื งทเ่ี รยี น เชน่ การใชค้ ำ� ถาม การใชต้ วั อยา่ งกระตนุ้ ความคดิ
การใชส้ อ่ื การเรยี นรทู้ นี่ า่ สนใจ เพอ่ื สง่ เสรมิ วธิ กี ารสอนและรปู แบบการสอนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพในการจดั การเรยี นรใู้ หม้ ากยง่ิ ขนึ้
ซง่ึ ช่วยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรยี นรูอ้ ย่างมีความสุขและสามารถฝึกฝนทกั ษะการเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ได้

Teacher Guide Overview

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม 1

หน่วย ผลการเรียนรู้ ทกั ษะทไี่ ด้ เวลาทีใ่ ช้ การประเมนิ สื่อที่ใช้
การเรียนรู้
1. อธบิ ายการก�ำเนดิ และการ - ทกั ษะการสังเกต - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน - แ บบทดสอบ
1 เปลีย่ นแปลงพลงั งาน สสาร ขนาด - ทกั ษะการสอ่ื สาร - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน กอ่ นเรียน
อณุ หภูมขิ องเอกภพหลงั เกิด - ทักษะการวเิ คราะห์ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบทดสอบ
เอกภพและ บิกแบงในชว่ งเวลาต่าง ๆ ตาม - ท กั ษะการท�ำงาน - ตรวจใบงาน หลังเรยี น
กาแลก็ ซี ววิ ฒั นาการของเอกภพ ร่วมกัน - ประเมนิ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมจำ� ลอง - ห นงั สอื เรยี น
2. อ ธบิ ายหลกั ฐานทส่ี นบั สนนุ ทฤษฎี - ทักษะการวัด การขยายตัวของเอกภพ รายวิชาเพม่ิ เติม
2 บกิ แบงจากความสมั พนั ธร์ ะหว่าง - ทกั ษะการจ�ำแนก และกจิ กรรมลกั ษณะของกาแลก็ ซี วทิ ยาศาสตรแ์ ละ
ความเรว็ กับระยะทางของกาแล็กซี ประเภท - ประเมินชิน้ งาน/ภาระงาน เทคโนโลยี โลก
ดาวฤกษ์ รวมท้งั ขอ้ มลู การค้นพบไมโครเวฟ - ส ังเกตและประเมนิ การนำ� เสนอ ดาราศาสตร์ และ
พื้นหลงั จากอวกาศ 13 ชน้ิ งานสรุปความรูต้ ามท ่ี อวกาศ ม.6 เล่ม 1
3. อธิบายโครงสรา้ งและองคป์ ระกอบ ไดร้ บั มอบหมาย - แ บบฝึกหัดรายวิชา
ของกาแล็กซีทางชา้ งเผอื ก และ ชั่วโมง - สังเกตพฤติกรรมการทำ� งานกลุม่ เพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร ์
ระบตุ ำ� แหน่งของระบบสรุ ยิ ะ พร้อม - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน และเทคโนโลยี โลก
อธิบายเชอื่ มโยงกบั การสังเกตเหน็ 14 รายบุคคล ดาราศาสตร์ และ
ทางช้างเผอื กของคนบนโลก - สังเกตคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ อวกาศ ม.6 เล่ม 1
ช่ัวโมง - ใบงาน
- PowerPoint
- QR Code
- ภาพยนตรส์ ารคดีสนั้
Twig

4. อ ธิบายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ - ทักษะการสังเกต - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - แบบทดสอบ
โดยแสดงการเปล่ยี นแปลงความดนั - ทักษะการสือ่ สาร - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น กอ่ นเรียน
อณุ หภมู ิ ขนาด จากดาวฤกษ ์ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบทดสอบ
กอ่ นเกิดจนเป็นดาวฤกษ์ - ท กั ษะการท�ำงาน - ตรวจใบงาน หลังเรียน
5. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งพลังงาน ร่วมกัน - ประเมนิ การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม - หนงั สอื เรียน
ของดาวฤกษ์และผลท่ีเกิดขน้ึ - ทกั ษะการวัด ฟลักซก์ บั ระยะทาง ขนาดของ รายวชิ าเพิ่มเตมิ
โดยวเิ คราะหป์ ฏกิ ริ ิยาลูกโซ่ - ทักษะการจดั กระท�ำ ระบบดาวฤกษ์ วทิ ยาศาสตร์และ
โปรตอน-โปรตอน และวัฏจกั ร และส่อื ความหมาย - ประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน เทคโนโลยี โลก
คารบ์ อนไนโตรเจน ออกซเิ จน ขอ้ มูล - ส ังเกตและประเมินการนำ� เสนอ ดาราศาสตร์ และ
6. ระบุปจั จยั ทส่ี ง่ ผลต่อความส่องสว่าง ชนิ้ งานสรปุ ความรู้ตามท่ี อวกาศ ม.6 เลม่ 1
ของดาวฤกษ์ และอธบิ ายความ ได้รบั มอบหมาย - แบบฝกึ หดั รายวชิ า
สมั พันธร์ ะหวา่ งความส่องสวา่ งกบั - สงั เกตพฤติกรรมการทำ� งานกลมุ่ เพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร ์
โชติมาตรของดาวฤกษ์ - สงั เกตพฤติกรรมการทำ� งาน และเทคโนโลยี โลก
7. อ ธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสี รายบุคคล ดาราศาสตร์ และ
อุณหภูมิผวิ และสเปกตรมั ของ - สงั เกตคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ อวกาศ ม.6 เลม่ 1
ดาวฤกษ์ - ใบงาน
8. อ ธิบายวธิ ีการหาระยะทางของ - PowerPoint
ดาวฤกษด์ ว้ ยหลักการแพรัลแลกซ์ - QR Code
และคำ� นวณระยะทางของดาวฤกษ์ - ภาพยนตรส์ ารคดสี ้นั
9. อธิบายลำ� ดับวิวัฒนาการท่ีสมั พันธ์ Twig
กบั มวลตั้งต้น และวิเคราะห์
การเปลีย่ นแปลงสมบตั ิบางประการ
ของดาวฤกษ์ในลำ� ดบั ววิ ัฒนาการ
จากแผนภาพแฮรทส์ ชปรุง-รสั เซลล์

หนว่ ย ผลการเรยี นรู้ ทกั ษะทีไ่ ด้ เวลาทใี่ ช้ การประเมนิ ส่ือท่ใี ช้
การเรียนรู้
10. อธิบายกระบวนการเกดิ ระบบ - ทกั ษะการสงั เกต - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - แบบทดสอบ
3 สุรยิ ะ การแบง่ เขตบริวารของ - ทกั ษะการส่อื สาร - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน กอ่ นเรียน
ดวงอาทิตย์ และลักษณะของ - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบทดสอบ
ระบบสุรยิ ะ

ดาวเคราะห์ทเ่ี ออ้ื ตอ่ การด�ำรงชวี ิต - ท กั ษะการสรา้ ง - ตรวจใบงาน หลงั เรยี น
11. อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะห์ แบบจ�ำลอง - ประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรม - ห นงั สอื เรยี น
รอบดวงอาทิตยด์ ้วยกฎเคพเลอร์ - ทกั ษะการวดั แบบจำ� ลองระบบสุรยิ ะ รายวิชาเพม่ิ เติม
และกฎความโนม้ ถ่วงของนวิ ตนั - ทกั ษะการใช้จ�ำนวน - ตรวจและประเมนิ แบบจ�ำลอง วิทยาศาสตร์และ
พร้อมค�ำนวณคาบการโคจร - ท ักษะการท�ำงาน - ส งั เกตและประเมนิ การน�ำเสนอ เทคโนโลยี โลก
ของดาวเคราะห์ ร่วมกนั ชิน้ งานสรปุ ความรตู้ ามท่ี ดาราศาสตร์ และ
12. อธิบายโครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ 13 ได้รบั มอบหมาย อวกาศ ม.6 เลม่ 1
การเกิดลมสุริยะ พายสุ ุรยิ ะ และ - สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุ่ม - แ บบฝึกหดั รายวชิ า
วเิ คราะห์ น�ำเสนอปรากฏการณ์ ชั่วโมง - ส ังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน เพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร ์

หรอื เหตกุ ารณ์ท่ีเกย่ี วข้องกับ รายบุคคล และเทคโนโลยี โลก
ผลของลมสุริยะและพายุสรุ ิยะทม่ี ี - สังเกตคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ดาราศาสตร์ และ
ตอ่ โลก รวมท้ังประเทศไทย อวกาศ ม.6 เลม่ 1
- ใบงาน
- PowerPoint
- QR Code
- ภ าพยนตรส์ ารคดสี นั้
Twig

สำรบัญ

Chapter Title Chapter Chapter Teacher
Overview Concept Script
หน่วยการเรียนรทู ี่ 1 เอกภพและกำแล็กซี Overview
T2-T3 T6
• การขยายตวั ของเอกภพ T4-T5
• ทฤษฎกี าํ เนดิ เอกภพ T46 - T47 T7-T13
• องคป์ ระกอบและความหนาแน่นสัมพนั ธ์ของเอกภพ T48- T49 T14 -T20
• กาแล็กซแี ละกาแล็กซีทางชา้ งเผอื ก T88 - T89 T21- T26
ท้ายหน่วยการเรียนรูท้ ่ ี 1 T90 - T91 T27-T38
T39-T45
หนว่ ยการเรียนรูท่ี 2 ดำวฤกษ์
T50
• กําเนิดของดาวฤกษ์
• สมบตั ดิ าวฤกษ์ T51- T56
• ววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์ T57- T67
ท้ายหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ ี 2 T68 - T77
T78 - T87
หนว่ ยการเรยี นรูที่ 3 ระบบสุรยิ ะ
T92
• กําเนดิ ระบบสรุ ยิ ะและการแบง่ เขตบรวิ ารของดวงอาทิตย์
• การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ย์ T 93 - T103
• โครงสรา้ งและปรากฏการณบ์ นดวงอาทติ ย์ T104-T113
ท้ายหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 T114-T118
T119-T126
Fun Science Activity
บรรณำนกุ รม T127
T128

Chapter Overview

แผนการจดั ส่ือท่ีใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมนิ ทักษะท่ีได้ คุณลักษณะ
การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 1
การขยายตวั - แบบทดสอบก่อนเรยี น 1. อธิบายกระบวนการเกดิ แบบเน้น - ต รวจแบบทดสอบ - ทักษะการสงั เกต - ซื่อสัตย์ สจุ รติ
ของเอกภพ - หนงั สอื เรยี นรายวชิ า ระบบสุริยะและการ มโนทัศน์ กอ่ นเรียน - ทกั ษะการสื่อสาร - มุ่งมน่ั ในการ
เพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ แบ่งเขตบริวารของ (Concept - ตรวจแบบฝกึ หัด - ทกั ษะการวิเคราะห์ ทำ� งาน
4 และเทคโนโลยี โลก ดวงอาทิตย์ (K) Based - ต รวจใบงาน เรือ่ ง - ทกั ษะการท�ำงาน
ดาราศาสตร์ และอวกาศ 2. ปฏิบัตกิ จิ กรรมกฎของ Teaching) การขยายตวั ของ ร่วมกัน
ชว่ั โมง ม.6 เล่ม 1 ฮับเบลิ และกจิ กรรมการ เอกภพ - ทกั ษะการวดั
- แบบฝกึ หัดรายวชิ า ขยายตัวของเอกภพได้ - ตรวจใบกิจกรรม
เพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ อยา่ งถกู ต้องและเป็น เรือ่ ง การขยายตวั
และเทคโนโลยี โลก ล�ำดบั ขน้ั ตอน (P) ของเอกภพ
ดาราศาสตร์ และอวกาศ 3. ซือ่ สตั ย์ สุจริต และมงุ่ มัน่ - ป ระเมินการปฏิบัติ
ม.6 เล่ม 1 ในการท�ำงาน (A) กิจกรรมการขยายตวั
- ใบงาน ของเอกภพ
- ใบกจิ กรรม - ประเมนิ การน�ำเสนอ
- ว ัสดอุ ปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการ ผลงาน
ทำ� กจิ กรรมการขยายตัว - สังเกตพฤติกรรม
ของเอกภพ การท�ำงานกลมุ่
- PowerPoint - สงั เกตพฤตกิ รรม
- QR Code การท�ำงานรายบคุ คล
- ภ าพยนตรส์ ารคดีส้นั - ส ังเกตคุณลักษณะอนั
Twig พึงประสงค์

แผนฯ ที่ 2 - ห นังสือเรยี นรายวิชา 1. อ ธิบายทฤษฎกี �ำเนดิ แบบเน้น - ตรวจแบบฝึกหัด - ทกั ษะการสงั เกต - ใฝ่เรียนรู้
ทฤษฎีก�ำเนิด เพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ เอกภพและหลกั ฐาน มโนทัศน์ - ต รวจใบงาน เรอื่ ง - ทักษะการส่ือสาร - ม ุง่ มั่นในการ
เอกภพ และเทคโนโลยี โลก ที่สนับสนุนทฤษฎี (Concept ทฤษฎีก�ำเนดิ เอกภพ - ทักษะการวเิ คราะห์ ทำ� งาน
ดาราศาสตร์ และอวกาศ บกิ แบงได้ (K) Based - ต รวจและประเมิน - ท กั ษะการท�ำงาน
3 ม.6 เลม่ 1 2. จัดท�ำชนิ้ งานสรปุ ความรู้ Teaching) ฟลปิ ชารต์ สรปุ ความรู้ รว่ มกัน
- แ บบฝกึ หัดรายวชิ า ได้อย่างถกู ตอ้ งและเปน็ เร่อื ง ทฤษฎกี �ำเนดิ
ชว่ั โมง เพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ ลำ� ดบั ข้ันตอน (P)
เอกภพ
และเทคโนโลยี โลก 3. ใฝเ่ รยี นร้แู ละมคี วาม - ป ระเมินการน�ำเสนอ
ดาราศาสตร์ และอวกาศ มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน
ม.6 เลม่ 1 ท่ีไดร้ ับมอบหมาย (A) ผลงาน
- ใบงาน - ส งั เกตพฤตกิ รรมการ
- PowerPoint ท�ำงานกลมุ่
- ภ าพยนตรส์ ารคดสี นั้ - สังเกตพฤตกิ รรมการ
Twig ท�ำงานรายบุคคล
- สังเกตคณุ ลกั ษณะอนั
พึงประสงค์

T2

แผนการจดั สอื่ ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คณุ ลักษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 3 - ห นงั สอื เรียนรายวชิ า 1. อธิบายองคป์ ระกอบและ แบบเนน้ - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการสังเกต - ใฝเ่ รียนรู้
องค์ประกอบและ เพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ ความหนาแนน่ สัมพนั ธ์ มโนทศั น์ - ตรวจใบงาน เรือ่ ง - ทกั ษะการสื่อสาร - มุ่งมั่นในการ
ความหนาแน่น และเทคโนโลยี โลก ของเอกภพได้ (K) (Concept องค์ประกอบและ - ทักษะการวิเคราะห์ ท�ำงาน
สัมพนั ธ์ของ ดาราศาสตร์ และอวกาศ 2. จัดทำ� แผน่ พบั สรปุ ความรู้ Based ความหนาแน่นของ - ทักษะการทำ� งาน
เอกภพ ม.6 เล่ม 1 ได้อยา่ งถกู ตอ้ งและเปน็ Teaching) เอกภพ ร่วมกัน
- ตรวจและประเมนิ
3 - แ บบฝกึ หดั รายวชิ า ล�ำดับข้นั ตอน (P) แผนทค่ี วามคิด เร่ือง
เพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ 3. ใ ฝเ่ รยี นร้แู ละมีความ องค์ประกอบของ
ช่ัวโมง และเทคโนโลยี โลก เอกภพ
มุ่งมัน่ ในการท�ำงานท่ี - ประเมนิ การน�ำเสนอ
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ได้รบั มอบหมาย (A) ผลงาน
ม.6 เล่ม 1 - สังเกตพฤติกรรมการ
- ใบงาน ทำ� งานกลุ่ม
- PowerPoint - สังเกตพฤติกรรมการ
- ภ าพยนตรส์ ารคดสี ั้น ท�ำงานรายบคุ คล
Twig - ส ังเกตคุณลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 4 - แบบทดสอบหลงั เรียน 1. อ ธิบายองค์ประกอบและ แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการสังเกต - ใฝเ่ รยี นรู้
กาแลก็ ซแี ละ - ห นงั สอื เรยี นรายวิชา รปู รา่ งของกาแลก็ ซีได้ มโนทัศน์ หลังเรียน - ทักษะการส่ือสาร - มุ่งมน่ั ในการ
กาแล็กซีทาง เพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ (K) (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวเิ คราะห์ ทำ� งาน
ชา้ งเผือก และเทคโนโลยี โลก 2. จ ัดทำ� ชิน้ งานสรุปความรู้ Based - ต รวจใบงาน เรื่อง - ทกั ษะการทำ� งาน
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ได้อยา่ งถกู ต้องและเป็น Teaching) กาแลก็ ซแี ละกาแลก็ ซี รว่ มกัน
3 ม.6 เลม่ 1 ล�ำดบั ข้ันตอน (P) ทางชา้ งเผือก - ทกั ษะการจ�ำแนก
- แ บบฝกึ หัดรายวิชา 3. ใ ฝ่เรยี นรแู้ ละมคี วาม - ตรวจและประเมิน ประเภท
ชั่วโมง

เพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ มุง่ มนั่ ในการท�ำงานท่ี ฟลปิ ชารต์ สรปุ ความรู้
และเทคโนโลยี โลก ไดร้ ับมอบหมาย (A) เรื่อง กำ� เนิดและ
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ววิ ัฒนาการกาแล็กซี
ม.6 เลม่ 1 - ตรวจบันทึกผล
- ใบงาน การปฏิบตั กิ ิจกรรม
- PowerPoint ลกั ษณะของกาแล็กซี
- QR Code - สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานกลุ่ม
- ส ังเกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานรายบคุ คล
- สังเกตคณุ ลักษณะ
อันพงึ ประสงค์

T3

Chapter Concept Overview

การขยายตัวของเอกภพ

• จกั รวาลวทิ ยา คอื การศกึ ษาเกย่ี วกบั เอกภพ โดยศกึ ษาวา่ เอกภพเกดิ ขนึ้ อยา่ งไร ประกอบขนึ้ จากอะไรบา้ ง เอกภพมวี วิ ฒั นาการอยา่ งไร และ
สงิ่ ใดเปน็ แรงผลกั ดนั ใหเ้ อกภพมวี วิ ฒั นาการตอ่ ไป และเอกภพมจี ดุ สนิ้ สดุ หรอื ไม ่ อยา่ งไร โดยผทู้ ศี่ กึ ษาในดา้ นนจ้ี ะเรยี กวา่ นกั เอกภพวทิ ยา

• กฎของฮับเบลิ
- ฮ ับเบิลได้วัดเส้นสเปกตรัมของกาแล็กซี พบว่า กาแล็กซีก�าลังเคลื่อนที่ออกห่างจากผู้สังเกต โดยมีการเล่ือนของความยาวคลื่นแสง
ไปทางแสงสีแดง เรยี กว่า การเล่อื นทางแดง และยังพบวา่ กาแล็กซสี ่วนมากกา� ลังเคลอ่ื นที่ออกห่างจากกาแล็กซีทางชา้ งเผือก ทา� ให้
สรุปได้วา่ เอกภพกา� ลังขยายตัวอยู่
- กฎของฮับเบิลกลา่ วว่า อัตราเร็วในการเคลื่อนที่ถอยหา่ งของกาแล็กซแี ปรผนั ตรงกับระยะทาง ดงั สมการ

v = H0D

เมือ่ v คือ อตั ราเร็วในการเคลอื่ นทถี่ อยหา่ งของกาแลก็ ซ ี มหี น่วยเปน็ กโิ ลเมตรต่อวนิ าที (km s-1)
H0 คือ คา่ คงทข่ี องฮับเบลิ มีหน่วยเป็น กโิ ลเมตรตอ่ วินาทีตอ่ เมกะพาร์เซก (km s-1 Mpc-1)
D คอื ระยะหา่ งระหวา่ งผสู้ งั เกตกบั กาแลก็ ซ ี มหี นว่ ยเปน็ เมกะพารเ์ ซก (Mpc) โดย 1 เมกะพารเ์ ซกเทา่ กบั 3.26 ลา้ นปแ สง

- ค ่าคงที่ของฮับเบิลมีค่าประมาณ 70 กิโลเมตรต่อวินาทีต่อเมกะพาร์เซก น่ันหมายความว่า เอกภพมีการขยายตัวด้วยอัตราเร็ว 70
กโิ ลเมตรตอ่ วินาท ี ในทกุ ๆ 1 เมกะพารเ์ ซก

ทฤษฎกี าํ เนดิ เอกภพ

• ทฤษฎบี กิ แบง เป็นทฤษฎที ่ีได้รับการยอมรบั กาํ เนดิ โครงสรา ง 7 ปจ จบุ นั 8
ในการอธบิ ายการกา� เนดิ เอกภพในปจจบุ นั รคี อมบเิ นชนั 6
กาํ เนดิ นวิ เคลยี ส 5

• คุณสมบัติของเอกภพ กาํ เนดิ โปรตอน 4

- เ อกภพมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน หมายถึง หลงั การพองตวั 3
ทุกบริเวณของเอกภพมีลักษณะเหมือนกัน การพองตวั ของเอกภพ 2

ทุกประการ เกดิ บกิ แบง 1

- เอกภพมลี กั ษณะเหมอื นกนั ทกุ ทศิ ทาง หมายถงึ -36
ไม่ว่าจะสังเกตเอกภพในทิศทางใด จะพบว่า วนิ าที

เอกภพจะมลี ักษณะไม่ต่างกัน 10-10 10-4 100
• รงั สไี มโครเวฟพน้ื หลงั เป็นพลังงานท่ีหลงเหลอื วนิ าที วินาที วนิ าที

อยู่จากการขยายตัวของเอกภพ เป็นหลักฐาน 300,000 ป 1,000 ลา้ นป
ทส่ี า� คัญที่สดุ ในการยืนยันทฤษฎีบกิ แบง
13,800 ล้านป

องคป์ ระกอบและความหนาแนนสมั พันธข์ องเอกภพ 68% ส2ส7าร%มืด
พลังงานมืด 5สส%าร
• องคป ระกอบของเอกภพ
- สสาร คือ สสารทกุ อยา่ งทม่ี นุษยร์ จู้ ัก ธาตุทุกชนิดในตารางธาตแุ ละอนภุ าค
ทกุ ชนดิ
- โฟตอน คือ อนุภาคของแสง ซ่ึงโฟตอนในเอกภพปจจุบันส่วนใหญ่อยู่ใน
รูปของรังสีไมโครเวฟพ้ืนหลงั
- สสารมืด คือ มวลของสสารส่วนมากในเอกภพท่ีไม่มีแรงตอบสนองต่อ
แรงแมเ่ หลก็ ไฟฟา
- พลงั งานมดื คอื พลงั งานบางอยา่ งทม่ี ผี ลทา� ใหเ้ อกภพขยายตวั แบบมคี วามเรง่

T4

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1

• ความหนาแนน สัมพัทธข องเอกภพ
- ความหนาแนนสัมพัทธของเอกภพ คือ การรวมความหนาแนนขององคประกอบทุกอยางในเอกภพ และยังเปนตัวบงบอกถึงรูปทรง
ทางเรขาคณิตและความโคง งอของเอกภพ
ρ
Ω = ρc

เม่อื Ω คือ ความหนาแนนสัมพทั ธของเอกภพ
ρ คอื ความหนาแนน เฉล่ยี ของเอกภพ
ρc คอื ความหนาแนน วิกฤตของเอกภพ

- ปจ จุบนั ความหนาแนนสมั พัทธของเอกภพ (Ω0) มีคาใกลเ คยี ง 1 บง บอกไดว า เอกภพมรี ูปทรงเรขาคณติ เปน แบบแบนราบ (Ω0 มักใช
แทนคา Ω ณ เวลาปจจบุ ัน)

• ผลการสงั เกตการณท างดาราศาสตรทแี่ สดงถงึ โครงสรางเอกภพ
- การศึกษารงั สีไมโครเวฟพ้นื หลงั ชวยบอกถึงความโคงงอของเอกภพ

เอกภพแบบเปด เอกภพแบบแบนราบ เอกภพแบบปด

- การหาความแปรปรวนการกระจายตวั ของอณุ หภมู กิ ารแผร งั สไี มโครเวฟพน้ื หลงั ชว ยใหน กั เอกภพวทิ ยาสรปุ ไดว า เอกภพมโี ครงปรภิ มู ิ
เวลา 4 มิติ แบบแบนราบ

กาแล็กซแี ละกาแลก็ ซที างชางเผือก

• กาแล็กซี
เอด็ วนิ ฮบั เบลิ จดั แบง กาแล็กซอี อกตามรปู พรรณสัณฐานทส่ี งั เกตได ซึ่งสามารถแบง ออกเปน 4 ประเภท ดงั น้ี

กาแลก็ ซีทรงรี กาแล็กซกี งั หนั กาแลก็ ซีรูปเลนส กาแล็กซแี บบไรร ปู รา ง

• กาแลก็ ซีทางชา งเผือก T5
ระบบสุริยะท่ีเราอาศยั อยนู น้ั อยูภายในกาแล็กซที างชางเผอื ก ซงึ่ เปน กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน

• กระจกุ กาแลก็ ซี
กาแลก็ ซไี มไดอยลู ําพังในเอกภพ แตมักรวมตัวกันดวยแรงโนม ถว งกลายเปน กระจุกกาแล็กซี

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (Concept Based Teaching) 1หนว ยการเรียนรูที่ เแอละกกภาแพลก็ ซี
มนุษยเกิดข้ึนมาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็นและความต้องการที่จะเข้าใจในธรรมชาติ
การใชค้ วามรเู้ ดมิ ฯ (Prior Knowledge) รอบตวั รวมไปถงึ เอกภพท่ีเราอย ู่ คา� ถามทส่ี �าคญั ที่สุดอย่างหน่ึงทเี่ ราต้องการคา� ตอบก็คือ เอกภพ
และกาแล็กซีน้ันก�าเนิดมาอย่างไร ประกอบข้ึนจากอะไร กลไกอะไรเป็นแรงผลักดันให้เอกภพ
1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เพื่อ
วดั ความรเู ดิมของนักเรียนกอ นเขา สูบ ทเรยี น มกี ารเปล่ียนแปลงไป และเอกภพจะมีวนั สน้ิ สดุ ลงหรือไม่ อย่างไร

2. ครูชักชวนนักเรียนพูดคุยเก่ียวกับเอกภพเพ่ือ
เปนการทบทวนความรูเดิม โดยครูอาจนํา
คําถามจาก Check for Understanding
จากหนังสือเรียน มาถามนักเรียนเปนระยะๆ
ระหวางการพดู คุย

เอกภพและกาแลก็ ซีมีจดุ กําเนดิ
เดยี วกันหรือไม อยา งไร

Che�� for Understanding

ใหน้ ักเรยี นพิจารณาขอ้ ความตามความเขา้ ใจของนกั เรยี นวา่ ถกู หรอื ผิด แล้วบนั ทกึ ลงในสมุด
เอกภพเปน ท่ีวางท่มี อี าณาเขตขนาดใหญและกาํ หนดขอบเขตได
หลงั จากเกิดบิกแบง เอกภพมีการขยายตัว และอณุ หภมู ิลดลงอยา งรวดเรว็ ทําใหพลงั งานเปลี่ยนรปู เปนสสารชนดิ ตางๆ
ฮบั เบิลคนพบวา อัตราเรว็ ในการเคลื่อนทถี่ อยหางของกาแลก็ ซีนน้ั แปรผกผันกบั ระยะทาง
จากมมุ มองของคนบนโลกบริเวณแถบสฟี า ขาวจางๆ ของทางชา งเผือก คอื ดาวเคราะห
สสารมดื คอื มวลสวนมากที่ยดึ กระจกุ กาแล็กซเี ขาไวดว ยกนั ประกอบไปดวยสสารท่ไี มส อ งแสงใดออกมาเลย

แนวตอบ Check for Understanding

1. ผิด 2. ถูก 3. ผิด
4. ผดิ 5. ถูก

เกร็ดแนะครู แนวตอบ Big Question

การจัดการเรียนการสอน เรื่อง เอกภพและกาแล็กซี ครูควรใชวีธีการจัด • เน่อื งจากกาแล็กซแี รกกาํ เนิดขน้ึ เม่ือประมาณ 500 ลา นป หลงั จากที่
การเรียนการสอนแบบเนนมโนทศั น (Concept Based Teaching) โดยมุงเนน เอกภพกาํ เนิดขึ้น จงึ กลา วไดว า เอกภพและกาแล็กซีไมไ ดม ีจดุ กาํ เนิด
ใหนักเรียนเขาใจหลักการและความคิดรวบยอดตางๆ ซ่ึงครูควรจัดการเรียน เดียวกนั
การสอนทนี่ ําพาผูเ รยี นไปสูความคดิ รวบยอดน้นั โดยครูสามารถศกึ ษาเพ่มิ เตมิ
ไดจากบทความความหมายของรูปแบบการเรียนการสอน ในเว็บไซต https://
www.spu.ac.th/tlc/files/2016/03/รูปแบบการสอน-รศ.ดร.ทศิ นา.pdf

T6

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

Key Question ขนั้ นาํ

เอกภพมกี ารเปลยี่ นแปลง 1. การขยายตัวของเอกภพ การใชค้ วามรเู้ ดมิ ฯ (Prior Knowledge)
หรือไม อยางไร
เอกภพนั้นมีขนาดใหญ่และดูเหมือนจะไร้ซ่ึงการเปลี่ยน 3. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความคิด โดยครูอาจใช
แปลงในชั่วอายุของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม เอกภพนั้นมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการ คาํ ถาม Key Question จากหนังสอื เรียน โดย
ค้นพบการขยายตัวของเอกภพนี้เองท่ีน�าไปสู่การศึกษายุคใหม่ในการท�าความเข้าใจเกี่ยวกับ ครูกระตุนนักเรียนใหชวยกันระดมความคิด
ต้นก�าเนิดและจุดจบของเอกภพ เพอ่ื หาคําตอบ

1.1 การศึกษาเกี่ยวกับเอกภพ แนวตอบ Key Question
อาจกล่าวได้วา่ หนึ่งในจดุ มุง่ หมายสูงสดุ ในการศึกษาวทิ ยาศาสตร์กเ็ พื่อการทา� ความเข้าใจ
ในธรรมชาตขิ องเอกภพทอ่ี าศยั อย ู่ อยา่ งไรกต็ าม จะไมส่ ามารถศกึ ษากลไกการทา� งานของเอกภพ มกี ารเปลย่ี นแปลง โดยในปจ จบุ นั เอกภพกาํ ลงั
โดยตรงได้ แต่การสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติจะน�าไปสู่ความเข้าใจในธรรมชาติของเอกภพ ขยายตวั
ในทีส่ ดุ

นักเอกโดภยพอวาิทจยจา1ะไสดา้ดม้วายรภถาสพร ุปFแlaนmวmคิดarขiอonง
Engraving เพียงภาพเดียว โดยในโลกท่ีมี
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวอยู่เหนือ
ทงุ่ หญา้ ตน้ ไม ้ และเมอื งทส่ี งบและเปน็ ระเบยี บ
แต่มีเด็กเลี้ยงแกะคนหน่ึงกลับพยายามมุด
เข้าไปดูส่ิงที่อยู่เบ้ืองหลังทุกอย่างว่า กลไก
ที่เป็นแรงผลักดันให้ดวงจันทร์และดวงดาวน้ี
เคลอื่ นทไ่ี ป มธี รรมชาตแิ ละการทา� งานอยา่ งไร
ซ่ึงเด็กเล้ียงแกะที่มีความใฝ่ฝันที่จะค้นพบ
กลไกที่ผลักดันจักรวาลให้เคล่ือนท่ีไปน้ี ก็คือ ภ าพที ่ 1.1 Flammarion Engraving เปน็ ภาพแกะสลัก
โดยจติ รกรชาวฝรั่งเศสชือ่ Camille Flammarion
นักเอกภพวิทยา นนั่ เอง ทีม่ า : คลงั ภาพ อจท.

จักรวาลวิทยา (cosmology) คือ การศึกษาเก่ียวกับเอกภพ โดยศึกษาว่าเอกภพเกิดข้ึน
อย่างไร ประกอบขึ้นจากอะไรบา้ ง เอกภพมกี ารววิ ฒั นาการอย่างไร และส่ิงใดทเี่ ปน็ แรงผลักดัน
ใหเ้ อกภพมีวิวัฒนาการตอ่ ไป และเอกภพมจี ุดสนิ้ สุดหรอื ไม ่ อยา่ งไร

อยา่ งไรกต็ าม แบบจา� ลองหรอื ทฤษฎที ค่ี ดิ คน้ ขน้ึ มาเพอื่ อธบิ ายจกั รวาลนน้ั จะไมม่ คี วามหมาย
แต่อย่างใดเลย หากทฤษฎีน้ันไม่มีความสอดคล้องกับธรรมชาติท่ีสังเกตได้ ด้วยเหตุนี้ วิชา
จักรวาลวิทยาจะต้องอาศัยข้อมูล และปรากฏการณ์ที่ได้มาจากการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์
ควบคู่ไปกับการสังเกตการณ์ใหม่ ๆ จนน�าไปสู่ความเข้าใจในจักรวาลที่เพ่ิมมากข้ึน ซึ่งน�าไปสู่
การล้มล้างทฤษฎีเดิมและพัฒนาทฤษฎีใหม่เพื่อมาอธิบายเอกภพ ในขณะเดียวกันทฤษฎีใหม่ ๆ
กส็ ามารถชว่ ยเปดิ มมุ มองทน่ี า� ไปสกู่ ารทา� นายปรากฏการณ ์ และนา� ไปสกู่ ารคน้ พบทางดาราศาสตร์
ที่ไมเ่ คยมี ใครพบมาก่อนไดเ้ ชน่ เดียวกนั
เอกภพและกาแล็กซี 3

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

นกั จกั รวาลวทิ ยามวี ธิ กี ารศกึ ษาเกย่ี วกบั เอกภพและจกั รวาลอยา งไร 1 นักเอกภพวิทยา เปนนักวิทยาศาสตรที่ทําการศึกษาเนนไปท่ีเอกภพ โดย
(แนวตอบ นักจักรวาลวิทยาศึกษาเกี่ยวกับเอกภพและจักรวาล มปี ระเดน็ ที่ศกึ ษา ดงั น้ี

โดยการอาศัยขอมูลที่ไดจากการสังเกตการณทางดาราศาสตร • การกาํ เนิด ววิ ฒั นาการ และอนาคตของเอกภพ
ควบคูกับการสังเกตการณใหมๆ จนนําไปสูความเขาใจท่ีมากข้ึน • โครงสรางและพลวัตตา งๆ ท่มี สี เกลขนาดใหญในเอกภพ
จนสามารถพัฒนาทฤษฎใี หมเพื่อมาอธิบายเอกภพได) • แนวคิดในทางฟสิกสเ ชิงทฤษฎีที่เกีย่ วขอ ง เชน สสารมดื และพลงั งานมืด

เนอ่ื งจากองคป ระกอบสว นใหญข องเอกภพมอี งคป ระกอบอนื่ ทนี่ อกเหนอื
ไปจากสสารทนี่ กั ดาราศาสตรประมาณไววามีเพียง 4% ของเอกภพ
• กาลอวกาศ ซึ่งเปนแบบจําลองทางคณิตศาสตรตางๆ ที่รวมมิติทั้งสาม
(ความกวา ง-ยาว-สงู ) กบั เวลา (ในฐานะมติ ทิ ่ี 4) เขา ดว ยกนั ซงึ่ เกย่ี วขอ ง
กบั ทฤษฎสี มั พทั ธภาพในฟส ิกส
• เนื่องจากนักเอกภพวิทยาตองใชองคความรูทางฟสิกสเชิงทฤษฎีเปน
อยา งมาก นกั เอกภพวทิ ยาหลายคนจงึ ศกึ ษาวจิ ยั ในดา นฟส กิ สเ ชงิ ทฤษฎี
ไปดว ย

T7

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 1.2 กฎของฮบั เบลิ

รู (Knowing) ในอดีตเพียงแคไ่ ม่ถึงร้อยปีท่ีผา่ นมา นกั ดาราศาสตร์ยงั เช่ือกันวา่ ดาวทุกดวงในเอกภพนน้ั
อยใู่ นกาแลก็ ซที างช้างเผือก ซ่ึงกาแลก็ ซีทางชา้ งเผือกเป็นเพยี งส่งิ เดียวท่อี ยู่ในเอกภพ โดยวัตถุ
1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบวา จะไดศ กึ ษา เรอื่ ง กฎ ทเี่ ปน็ กาแลก็ ซใี นปจั จบุ นั ถกู เชอื่ วา่ เปน็ เพยี งแคเ่ นบวิ ลา จนกระทง่ั เอด็ วนิ ฮบั เบลิ (Edwin Hubble)
ของฮบั เบิล ไดว้ ดั ระยะทางถึงเนบวิ ลาแอนโดรเมดา และพบวา่ ระยะทางถึงเนบิวลาแอนโดรเมดานน้ั ไกลออก
ไปเกนิ กวา่ ดาวและวตั ถทุ กุ อยา่ งในกาแลก็ ซที างชา้ งเผอื กมาก ทา� ใหค้ น้ พบวา่ วตั ถนุ ไี้ มใ่ ชเ่ นบวิ ลา
2. ครใู ชว ธิ กี ารตอ จกิ ซอวใ นการแบง นกั เรยี นออก ในกาแล็กซีทางช้างเผือกอีกต่อไป แต่เป็นกาแล็กซีอีกกาแล็กซีหน่ึง ซึ่งกาแล็กซีแอนโดรเมดาน้ี
เปนกลุม กลุมละ 4 คน โดยครูนําจิกซอวที่ เป็นอีกกาแล็กซีหนึ่ง ซ่ึงมีลักษณะคล้ายกาแล็กซีทางช้างเผือก และประกอบไปด้วยกระจุกดาว
ปะปนกนั อยใู หน กั เรยี นเลอื กโดยไมใ หเ หน็ ภาพ เนบิวลา และดาวฤกษ์นับพันล้านดวงไม่ต่างจากกาแล็กซีของเรา นอกจากนี้ฮับเบิลยังค้นพบว่า
บนจิกซอว คนละ 1 ช้นิ และใหนกั เรียนเปดดู เอกภพประกอบด้วยกาแล็กซีอ่ืนอีกจ�านวนมาก และกาแล็กซีทางช้างเผือกน้ันเปรียบเสมือนกับ
จกิ ซอวท ่ตี นเองไดพรอ มๆ กัน แลวนําจกิ ซอว เกาะเล็ก ๆ เกาะหนง่ึ ท่ามกลางมหาสมทุ รท่เี ตม็ ไปด้วยเกาะอกี หลายลา้ นล้านเกาะในเอกภพ
ของตนเองมาตอกับจิกซอวของเพื่อนรวม
ชั้นเรียนใหไดเปนภาพท่ีสมบูรณ ซ่ึงกลุมท่ีนํา ต่อมาฮับเบิลยังได้วัดระยะทางถึงกาแล็กซีต่าง ๆ อีกจ�านวนมาก นอกจากน้ัน เขายังได้
จิกซอวมาตอรวมกันไดเปนภาพท่ีสมบูรณให ท�าการวัดเส้นสเปกตรัมของกาแล็กซีเหล่าน้ี ฮับเบิลมีแนวคิดว่า กาแล็กซีท่ีก�าลังเคล่ือนที่
ถอื วาเปน กลุมเดียวกัน ออกห่างจากผู้สังเกตน้ัน จะมีการเลื่อนของความยาวคลื่นแสงไปทางแสงสีแดง เรียกว่า
การเล่ือนทางแดง (redshift) และกาแล็กซีท่ีก�าลังเคล่ือนที่เข้าใกล้ผู้สังเกตน้ัน จะมีความยาว
3. นักเรียนแตละกลุมรวมกันสืบคนและศึกษา คลืน่ แสงท่ีสน้ั ลง เรยี กวา่ การเล่ือนทางนา�้ เงนิ (blueshift) เช่นเดยี วกับปรากฏการณ์ดอปเพลอร์
เรอ่ื ง กฎของฮบั เบลิ จากหนงั สือเรียน และสอื่ (Doppler effect) ของคลื่นผวิ น้า� และคลืน่ เสียง
หรือแหลงการเรียนรูตางๆ เชน อินเทอรเน็ต
โดยครเู นน ยา้ํ กบั นกั เรยี นวา ควรคดั เลอื กศกึ ษา จากการทดลองของฮบั เบลิ ทา� ใหฮ้ บั เบลิ สามารถหาอตั ราเรว็ ในการเคลอื่ นทข่ี องกาแลก็ ซไี ด ้
แหลง ขอมูลทนี่ าเชื่อถือ โดยฮบั เบลิ พบวา่ กาแลก็ ซสี ว่ นมากมกี ารเลอื่ นทางแดง ในขณะทกี่ าแลก็ ซที มี่ กี ารเลอื่ นทางนา�้ เงนิ
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช มีน้อยกว่ามาก ท�าให้ได้ข้อสรุปว่า กาแล็กซีส่วนมากก�าลังมีการเคลื่อนท่ีออกห่างจากกาแล็กซี
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) ทางช้างเผือกของเรา ดังน้ัน หากกาแลก็ ซสี ่วนมากก�าลงั เคล่อื นที่หนหี ่างออกไปจากเรา แสดงว่า
ในอนาคตระยะหา่ งระหว่างกาแล็กซีกค็ วรทจ่ี ะมากกว่าน้ี ในทางกลบั กันในอดีตกาแล็กซกี ต็ ้องอยู่
ใกล้กันมากกว่านี้ ด้วยการสังเกตพบการเลื่อนทางแดงของกาแล็กซีส่วนมากนี้เองท�าให้ฮับเบิล
สรุปไดว้ า่ เอกภพก�าลงั ขยายตวั อยู่

Earth Science
Focus การเล่อื นทางแดงกบั ปรากฏการณดอปเพลอร

ปรากฏการณด์ อปเพลอร ์ เปน็ ปรากฏการณท์ ค่ี ลน่ื มคี วามยาวคลน่ื เปลย่ี นแปลงไปเมอื่ ตน้ กา� เนดิ
คลื่นมีการเคลอ่ื นท่ี เช่น คลน่ื นา�้ ดา้ นหน้าของเป็ดจะมีความถ่ีทส่ี งู กว่าดา้ นหลงั ในขณะทเี่ ป็ดเคลอื่ นท่ี
ไปขา้ งหนา้ คลนื่ แสงกส็ ามารถเกดิ ปรากฏการณด์ อปเพลอรไ์ ด ้ โดยตน้ กา� เนดิ แสงทกี่ า� ลงั เคลอื่ นทเี่ ขา้ หา
ผสู้ งั เกตจะมคี วามถข่ี องแสงเลอ่ื นไปในทางแสงสนี า�้ เงนิ ในขณะทต่ี น้ กา� เนดิ แสงทก่ี า� ลงั ถอยหา่ งออกไป
จะมีความถ่เี ล่ือนไปในทางแสงสแี ดง จึงเรียกว่า การเล่อื นทางแดง

4

สื่อ Digital ขอสอบเนน การคิด

ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ไดจ ากภาพยนตรส ารคดสี น้ั Twig เรอื่ ง ขอ มลู นา รู : การเลอื่ น ปจจุบันเอกภพกําลังมีการเปลี่ยนแปลงอยางไร และส่ิงใด
ไปทางสแี ดง https://www.twig-aksorn.com/ffi ilm/factpack-redshift-7920/ ทีย่ ืนยนั ถงึ การเปลี่ยนแปลงนัน้

(แนวตอบ การคนพบของฮับเบิลทําใหทราบวา เอกภพกําลังมี
การขยายตวั อยแู ละกาแลก็ ซไี มไ ดเ คลอื่ นทถ่ี อยหา งออกจากกนั แต
เนอ่ื งมาจากพน้ื ทวี่ า งในเอกภพระหวา งกาแลก็ ซตี า งๆ กาํ ลงั ขยาย
ตวั ออก ทําใหระยะหา งระหวางกาแลก็ ซีกาํ ลังเพม่ิ ขนึ้ ซ่ึงแปรผนั
ตามระยะทาง สงผลใหความยาวคล่ืนแสงถูกยืดออกไปเปนการ
เล่ือนทางแดง)

T8



























































นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ภายในกระจุกกาแล็กซีนอกจากจะประกอบไปด้วยกาแล็กซีแล้ว ยังประกอบด้วยสสาร
ภายในกระจุกกาแล็กซี (intracluster medium; ICM) ซ่ึงเปน็ แก๊สที่ไดร้ ับพลังงานความร้อนจาก
รู้ (Knowing)
พลังงานศักย์โน้มถ่วงของการยุบตัวลงของกระจุกกาแล็กซี ท�าให้มีอุณหภูมิประมาณ 10-100
20. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
กระจุกกาแล็กซี โดยครูและนักเรียนจะตอง ลา้ นเคลวิน และสามารถสงั เกตไดใ้ นชว่ งคลื่นรังสีเอกซ์ นอกจากน้ี เรายังคน้ พบว่า มวลสว่ นมาก
ไดขอสรุปรวมกันวา กาแล็กซีไมไดอยูลําพัง
ในเอกภพ แตมักรวมตัวกันดวยแรงโนมถวง ของกาแล็กซีท่ียึดกระจุกกาแล็กซีเข้าไว้ด้วยกัน ประกอบไปด้วยสสารท่ีไม่ส่องแสงใดออกมาเลย
กลายเปนกระจกุ กาแล็กซี

เรียกวา่ สสารมดื ทีมนักดาราศาสตร1์จากมหาวิทยาลัยฮาวายได้น�าต�าแหน่งและความเร็ว
ป ค.ศ. 2014

ในการเคล่ือนที่ของกาแล็กซีท่ีสามารถสังเกตได้ มาสร้างแผนที่การเคลื่อนท่ีของกาแล็กซี

คล้ายกับแผนที่การไหลของ

กระแสน้�า ท�าให้สามารถ

สังเกตเห็นบริเวณท่ีกาแล็กซี

แยกออกจากกัน ซ่ึงทีมนัก

ดาราศาสตร์เหล่าน้ีได้น�าแนว

การแยกของกาแลก็ ซเี ปน็ เขต

แบ่งโครงสร้างของกาแล็กซี

ตามแรงโน้มถ่วง และพบว่า

กระจุกดาวท่ีเราอาศัยอยู่เป็น ภ าพท่ี 1.33 โครงสร้างขนาดใหญ่ท่ีกระจุกกาแล็กซีก�าลังไหลไปรวมตัวกัน
สว่ นหนงึ่ ของโครงสรา้ งทใี่ หญ่ ภายใตแ้ รงโน้มถว่ ง ซง่ึ เขตเสน้ สีเหลือง เรยี กวา่ Laniakea สว่ นจุดสแี ดง คอื
กวา่ นนั้ จงึ ตง้ั ชอ่ื วา่ Laniakea ตา� แหน่งของกาแล็กซที างช้างเผือก
ซ่ึงเป็นภาษาฮาวาย แปลว่า ท ่ีมา : R. Brent Tully

สรวงสวรรค์อันกว้างใหญ่ Core Concept

ใหน้ ักเรยี นสรุปสาระสา� คญั เรอื่ ง

กาแลก็ ซแี ละกาแลก็ ซีทางชางเผือก

Topic
Questions

คําช้ีแจง : ให้นักเรยี นตอบค�าถามต่อไปน้ี
1. กาแล็กซีทางชา้ งเผอื กมีรูปทรงแบบใด
2. เอด็ วิน ฮับเบิลจัดแบง่ ประเภทของกาแล็กซตี ามเงื่อนไขใด
3. กาแลก็ ซีประเภทใดท่ีมักจะพบแถบฝ่นุ และดาวเกดิ ใหมไ่ ดม้ าก

34

นักเรียนควรรู แนวตอบ Topic Questions

1 นักดาราศาสตร (Astronomer) เปนนักวิทยาศาสตรที่ทําการคนควาหา 1. กาแลก็ ซกี ังหันแบบมีคาน
ขอเทจ็ จริงเกี่ยวกับดาราศาสตรหรือฟส กิ สด าราศาสตร โดยใชกลองโทรทรรศน 2. ตามรปู พรรณสัณฐานท่สี ังเกตได
และเครื่องบันทึกสัญญาณตางๆ มาสังเกตวัตถุบนฟา เชน กลองโทรทรรศน 3. กาแล็กซที รงรี
เพื่อนาํ ขอมูลมาคาํ นวณตาํ แหนงของดาวฤกษแ ละดาวเคราะห คาํ นวณวงโคจร
ของดาวเคราะห ดาวหาง และดาวเคราะหนอย ศึกษาปรากฏการณบน
ทองฟา เชน อุปราคา ฝนดาวตก แสงเหนือ แสงใต ศึกษากลุมดาวและสรา ง
แผนที่ดาว พัฒนาตารางคํานวณตําแหนงและเวลาขึ้น-ตกของดวงอาทิตย
ดวงจนั ทร ดาวเคราะห และดาวฤกษ เพอื่ ประโยชนด า นการคมนาคมทางอากาศ
และทางเรอื อกี ทงั้ ทาํ วจิ ยั เพอ่ื พฒั นาองคค วามรเู พอ่ื แกป ญ หาเกย่ี วกบั การสอ่ื สาร
ผานดาวเทียม ทําวิจัยเพ่ือพัฒนาองคความรูใหมทางดาราศาสตร ออกแบบ
และพัฒนาเครอ่ื งมอื ตลอดจนสรา งโปรแกรมคอมพิวเตอรโ ดยอาศัยเทคโนโลยี
ตางๆ เพื่อใชในการสังเกตการณ บันทึกรวบรวมขอมูล และวิเคราะหขอมูล
ทางดา นดาราศาสตร

T38

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

Earth Science ขนั้ สอน
in real life บิกแบงภายในบา้ น
เขา้ ใจ (Understanding)
เอกภพถือก�าเนิดข้ึนมาพร้อม ๆ กับบิกแบง การระเบิดครั้งย่ิงใหญ่ท่ีเป็นจุดเริ่มต้นของสสาร
พลังงาน อวกาศ และเวลาท้ังปวง พลังงานส่วนหนึ่งท่ีหลงเหลืออยู่จากการระเบิดครั้งใหญ่นี้ 21. ครูใชคําถามใหนักเรียนอธิบายสิ่งที่ไดเรียนรู
ในปจั จุบันก็ยงั คงเดินทางไปท่วั เอกภพในรปู ของรังสีไมโครเวฟพื้นหลัง โดยใหนักเรียนแขงขันกันตอบคําถาม หาก
นกั เรยี นคนใดตอบไดถ กู ตอ งและรวดเรว็ ทสี่ ดุ
หากใครยังมีโทรทัศน์แอนะล็อกเคร่ืองเก่า ๆ สักเครื่องหน่ึง และเคยเปลี่ยนไปช่องท่ียังไม่ได้ ครูจะใหรางวัล เชน คะแนนพิเศษ โดยครู
มีการจูนสัญญาณ เราจะพบกบั เสยี งซ่าพร้อมกับจุดขาวด�าทีก่ ะพรบิ ไปท่ัวหนา้ จอ ดงั ภาพที่ 1.34 อาจใชค าํ ถาม ดังนี้
หรือหากเราจูนวิทยุไปในช่องที่ไม่ได้มีคล่ืนจากสถานีวิทยุ เราอาจจะได้ยินเสียงซ่าท่ีเต็มไปด้วย • กาแล็กซีประกอบดวยอะไรบา ง
สญั ญาณรบกวน (แนวตอบ กาแล็กซีประกอบดวยดาวฤกษ
จํานวนหลายแสนลานดวง ซึ่งอยูกันเปน
สัญญาณรบกวนท้ังในโทรทัศน์แอนะล็อกและในวิทยุน้ัน มีแหล่งที่มาส่วนมากจากบนโลก ระบบของดาวฤกษ นอกจากนี้ ยงั ประกอบ
ทั้งอณุ หภูมิของเครือ่ งมือ ช้ันบรรยากาศโลกที่แผ่รังสีวัตถดุ า� ส่วนหนึง่ ไปยงั ช่วงคลนื่ วิทย ุ สัญญาณ ดว ยเทหฟ า อนื่ เชน เนบวิ ลา สสารระหวา ง
ดาว โดยองคประกอบตางๆ ภายในของ
วิทยุจากบนพ้ืนโลก สัญญ1าณรบกวนท่ีมาจากช้ันไอโอโนสเฟียร์ หรือแม้กระทั่งดวงอาทิตย์ท่ีปล่อย กาแล็กซีจะอยูรวมกนั ดวยแรงโนมถวง)
• กาแลก็ ซมี กี ่ปี ระเภท อะไรบา ง
คลน่ื ออกมาในชว่ งคลนื่ วทิ ย ุ ลว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของสญั ญาณรบกวนทโี่ ทรทศั นแ์ ละวทิ ยสุ ามารถ (แนวตอบ 4 ประเภท คือ กาแล็กซีทรงรี
ตรวจพบไดท้ ง้ั น้นั กาแล็กซีกังหัน กาแล็กซีรูปเลนส และ
กาแล็กซแี บบไรร ปู ราง)
นอกจากสัญญาณรบกวนท่ีมีแหล่งท่ีมาจากบนโลกหรือในระบบสุริยะแล้ว สัญญาณรบกวน
อีกส่วนหนึ่งประมาณไม่ถึง 1% นั้น มาจากสัญญาณท่ีมีต้นก�าเนิดมาจากรังสีไมโครเวฟพ้ืนหลัง
เป็นคลื่นวิทยุท่ีเดินทางข้ามที่ว่างในเอกภพมาเป็นเวลากว่า 13,800 ล้านปีท่ีผ่านมา ก่อนท่ีจะ
ถูกตรวจพบโดยโทรทัศน์หรือวิทยุของเรา ซ่ึงน่ีเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งท่ีบ่งช้ีให้เราทราบว่า เอกภพ
ถอื กา� เนิดขนึ้ มาจากการระเบิดคร้งั ย่ิงใหญ่

ภ าพที่ 1.34 หน้าจอโทรทัศนแ์ อนะล็อก ภาพท ่ี 1.35 การจนู วทิ ยเุ พอ่ื หาคลน่ื สญั ญาณ
ท่ียังไม่ไดจ้ นู สญั ญาณ ท ีม่ า : คลงั ภาพ อจท.
ท ่มี า : คลังภาพ อจท.
เอกภพและกาแล็กซี 35

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

1. นกั เรยี นแบง กลุม ตามความสมคั รใจกลมุ ละ 3-4 คน เพ่ือเชื่อมโยงความรู เรื่อง เอกภพ ใหใกลตัวนักเรียนมากขึ้น ครูอาจ
2. ใหนกั เรียนรว มกนั สบื คนและศึกษาเกีย่ วกับพลงั งานสวนที่ จัดกิจกรรมโดยใหนักเรียนรวมกันศึกษากรอบ Earth Science in real life
เร่อื ง บกิ แบงภายในบา น แลวใหนักเรียนอภปิ รายรวมกันถงึ เน้อื หาท่ไี ดศ ึกษา
หลงเหลือจากบิกแบงท่ีสง ผลกระทบตอโลก
3. สมาชิกในกลุมอภิปรายรวมกันและจัดเตรียมขอมูล เพ่ือเสนอ นักเรียนควรรู

ตามรูปแบบท่นี กั เรยี นคิดวานาสนใจอยางอิสระ 1 คลน่ื วทิ ยุ มคี ณุ สมบัติท่นี า สนใจ ดังตอ ไปน้ี
4. นาํ เสนอขอ มลู หนา ชนั้ เรยี นดว ยวธิ กี ารสอ่ื สารทที่ าํ ใหผ อู นื่ เขา ใจ • มคี วามถีอ่ ยใู นชว ง 104-109 เฮิรตซ
• เปน คล่ืนแมเหลก็ ไฟฟา ที่มีความยาวคลืน่ มากทส่ี ดุ
• สามารถสะทอ นในบรรยากาศช้ันไอโอโนสเฟยรได
• การสงสัญญาณมี 2 ระบบ คอื ระบบเอเอ็มและระบบเอฟเอ็ม

T39

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน Summary

เขา้ ใจ (Understanding) เอกภพและกาแลก็ ซี

22. ครูใชคําถามใหนักเรียนอธิบายสิ่งที่ไดเรียนรู การขยายตวั ของเอกภพ
โดยใหนักเรียนแขงขันกันตอบคําถาม หาก
นกั เรยี นคนใดตอบไดถ กู ตอ งและรวดเรว็ ทสี่ ดุ • การศกึ ษาเกย่ี วกับเอกภพ
ครจู ะใหร างวลั เชน คะแนนพเิ ศษ โดยครอู าจ - จกั รวาลวทิ ยา (Cosmology) คอื การศกึ ษาเกยี่ วกบั เอกภพวา่ เอกภพเกดิ ขนึ้ อยา่ งไร ประกอบขน้ึ จากอะไร
ใชคาํ ถาม ดงั นี้
• ระบบสุริยะที่เราอาศัยอยู อยูในกาแล็กซี บา้ ง ส่ิงใดทท่ี �าให้เอกภพววิ ัฒนาการต่อไป เอกภพมีวิวฒั นาการอย่างไร และมีจุดสิ้นสดุ หรอื ไม่ อย่างไร
อะไร • กฎของฮับเบิล
(แนวตอบ กาแล็กซีทางชา งเผอื ก) - ฮบั เบลิ วดั การเลือ่ นทางแดงของกาแล็กซี พบวา่ กาแลก็ ซีส่วนมากกา� ลังเคล่อื นทอ่ี อกหา่ งจากกาแลก็ ซี
• กาแลก็ ซที างชา งเผอื กเปน กาแลก็ ซปี ระเภท
ใด ทางชา้ งเผอื ก ท�าใหส้ รุปไดว้ ่า เอกภพกา� ลงั ขยายตัวอยู่
(แนวตอบ กาแลก็ ซกี ังหนั แบบมคี าน) - กฎของฮบั เบลิ กลา่ วว่า อัตราเร็วในการเคล่อื นทถี่ อยห่างของกาแลก็ ซีแปรผันตรงกับระยะทาง

v = H0D

เมอื่ v คอื อตั ราเรว็ ในการเคลอ่ื นทถี่ อยหา่ งของกาแลก็ ซ ี มหี นว่ ยเปน็ กโิ ลเมตรตอ่ วนิ าท ี (km s-1)
H0 คือ คา่ คงทข่ี องฮบั เบลิ มหี น่วยเป็น กโิ ลเมตรตอ่ วินาทีต่อเมกะพาร์เซก (km s-1 Mpc-1)
D คือ ร ะยะหา่ งระหวา่ งผสู้ งั เกตกบั กาแลก็ ซ ี มหี นว่ ยเปน็ เมกะพารเ์ ซก (Mpc) โดย 1 เมกะพารเ์ ซก

เท่ากบั 3.26 ลา้ นปีแสง
- ค า่ คงทขี่ องฮบั เบลิ มคี า่ ประมาณ 70 km s-1 Mpc-1 นน่ั หมายความวา่ เอกภพมกี ารขยายตวั ดว้ ยอตั ราเรว็

70 กิโลเมตรต่อวนิ าท ี ในทุก ๆ 1 เมกะพาร์เซก

ทฤษฎีกา� เนดิ เอกภพ ปจั จบุ นั 8

• เอกภพก�าเนดิ ขน้ึ ตามทฤษฎบี กิ แบง (big bang theory)
กา� เนดิ โครงสรา้ ง 7
รคี อมบเิ นชนั 6
กา� เนดิ นวิ เคลยี ส 5
กา� เนดิ โปรตอน 4
หลงั การพองตวั 3

การพองตวั ของเอกภพ 2

เกดิ บกิ แบง 1

-36
วินาที

10-10 10-4 100
วนิ าที วินาที วินาที

300,000 ปี 1,000 ลา้ นปี

ภ าพท่ ี 1.36 ววิ ฒั นาการของเอกภพ 13,800 ลา้ นปี

ท่ีมา : Particle Data Group, LBNL 2015

36

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET
ทฤษฎีบิกแบงของการกําเนิดเอกภพไดรับความเชื่อถือใน
การเรียนการสอนเร่ืองท่ีเกี่ยวของกับเอกภพและกาแล็กซี จะมีเน้ือหาท่ี ปจจุบนั เพราะมีหลกั ฐานในขอใดสนบั สนนุ
เปนความรูเชิงทฤษฎีเปนสวนใหญ ดังน้ัน ครูควรสรุปเน้ือหาใหกระชับและ
ชัดเจน เพ่ือทําใหนักเรียนสามารถเขาใจในเน้ือหาไดงายย่ิงข้ึน และควรใชสื่อ 1. การหดตัวของกาแลก็ ซี
การเรยี นการสอนทหี่ ลากหลายและนา สนใจ เพราะจะไดช ว ยกระตนุ ความสนใจ 2. การขยายตัวของกาแลก็ ซี
ในการเรียนได เชน ภาพยนตรส ารคดีสน้ั Twig หรือส่ือดิจิทัล เชน การสแกน 3. ระยะหางระหวางกาแลก็ ซีเพ่ิมมากขึ้น
QR Code เพื่อเขาไปดคู ลิปประกอบเนอ้ื หา ส่อื Interactive 3D ทสี่ ามารถชว ย 4. การหมนุ รอบตวั เองของกาแลก็ ซที างชางเผือก
ใหเ หน็ ภาพของกาแล็กซใี นรูปแบบ 3 มติ ิ 5. ระยะหางระหวา งดวงอาทิตยและดาวฤกษเพ่ิมมากขึน้
(วเิ คราะหค ําตอบ เอ็ดวนิ ฮบั เบิล พบวา กาแล็กซีแตละกาแลก็ ซี
T40 กาํ ลงั เคลอื่ นตวั ออกหา งจากกนั (โดยอาศยั ปรากฏการณด อปเพลอร
ของแสงจากแตล ะกาแลก็ ซ)ี เปน หลกั ฐานวา เอกภพมกี ารขยายตวั
ออกตลอดเวลา เมื่อพิจารณายอนกลับไปในอดีต เอกภพควรอยู
รวมตัวกันหนาแนนมากกวาในปจจุบัน เปนหลักฐานวาเอกภพ
เคยรวมตัวกนั จากทจี่ ุดจุดหนึง่ มากอ น ดงั นนั้ ตอบขอ 5.)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

• คุณสมบัติของเอกภพ ขน้ั สอน

เอกภพมลี กั ษณะเปน็ เนอ้ื เดยี วกนั หมายถงึ ทกุ บรเิ วณ เอกภพมลี กั ษณะเหมอื นกนั ทกุ ทศิ ทาง หมายถงึ ไมว่ า่ ลงมอื ทาํ (Doing)
ของเอกภพมีลกั ษณะเหมอื นกันทุกประการ จะสังเกตเอกภพในทิศทางใด จะพบว่า เอกภพมี
ลักษณะไมต่ ่างกัน 23. ครูใชเทคนิคเพื่อนคูคิดโดยใหนักเรียนจับคู
กับเพื่อนรวมชั้นเรียนอยางอิสระ แลวแจก
• ร ังสไี มโครเวฟพ้ืนหลัง เปน็ รงั สที แ่ี ผม่ าจากทุกทิศทางและมีปรมิ าณเท่ากันทุกสว่ น ซ่ึงสอดคล้องกับทฤษฎี ใบงาน เรื่อง กาแลก็ ซีและกาแลก็ ซีทางชา ง
การแผร่ ังสีของวัตถดุ �าทอ่ี ณุ หภูม ิ 2.7 เคลวนิ เผือก ใหนกั เรยี นแตล ะคูรว มกันทํา

องคประกอบและความหนาแนนสมั พทั ธของเอกภพ 24. ครขู ออาสาสมคั รใหอ อกมาเขยี นเฉลยใบงาน
แตละขอ ลงบนกระดานหนา ชน้ั เรยี น แลว ครู
• องคป์ ระกอบของเอกภพ ตรวจสอบความถูกตอง
- สสาร คอื สสารทกุ อยา่ งทมี่ นษุ ยร์ จู้ กั ธาตุทกุ ธาตุในตารางธาตุและอนุภาคทุกชนดิ
- โ ฟตอน คือ อนุภาคของแสง ซึ่งโฟตอนในเอกภพปจั จุบันสว่ นใหญ่อยู่ในรูปของรงั สีไมโครเวฟพืน้ หลงั 25. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อ
- สสารมดื คอื มวลของสสารสว่ นมากในเอกภพทไ่ี มม่ ีแรงตอบสนองต่อแรงแม่เหลก็ ไฟฟา้ ตรวจสอบความเขาใจหลงั เรยี นของนักเรียน
- พลังงานมดื คอื พลังงานบางอย่างทม่ี ีผลทา� ให้เอกภพขยายตวั แบบมคี วามเรง่
• ความหนาแน่นสัมพทั ธข์ องเอกภพ

Ω = ρ
ρc

เมอ่ื Ω คอื ความหนาแนน่ สัมพทั ธข์ องเอกภพ
ρ คอื ความหนาแนน่ เฉลีย่ ของเอกภพ
ρc คอื ความหนาแนน่ วิกฤตของเอกภพ
ป จั จบุ นั ความหนาแนน่ สมั พทั ธข์ องเอกภพ (Ω 0) มคี า่ ใกลเ้ คยี ง 1 บง่ บอกไดว้ า่ เอกภพมรี ปู ทรงทางเรขาคณติ

เปน็ แบบแบนราบ (Ω0 มกั ใชแ้ ทนคา่ Ω ณ เวลาปัจจบุ ัน)
• ผลการสงั เกตการณท์ างดาราศาสตร์ทแ่ี สดงถงึ โครงสรา้ งของเอกภพ

การหาความแปรปรวนการกระจายตัวของอุณหภูมิการแผ่รังสีไมโครเวฟพ้ืนหลัง ช่วยให้นักเอกภพวิทยา
สรปุ ได้ว่า เอกภพมีโครงสรา้ งปรภิ มู เิ วลา 4 มิติ แบบแบนราบ

เอกภพแบบเปด เอกภพแบบแบนราบ เอกภพแบบปด

ภ าพท ่ี 1.37 แบบจา� ลองการกระทบตวั ของอณุ หภมู กิ ารแผร่ งั สไี มโครเวฟพนื้ หลงั
ท่มี า : คลงั ภาพ อจท.

เอกภพและกาแล็กซี 37

ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET เกร็ดแนะครู

อนภุ าคใดหมายถงึ อนภุ าคของแสงทีอ่ อกมาขณะเกิดบกิ แบง ครูอาจใหความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับอันตรกิริยาพื้นฐานในธรรมชาติสงผลตอ
1. ควารก อนุภาคมลู ฐานตามแบบจําลองมาตรฐานของนักฟสกิ ส ซงึ่ แสดงไดดังตาราง
2. โฟตอน
3. นิวทริโน ตารางแสดงขอ มูลแรงพนื้ ฐานในธรรมชาตทิ ้งั 4 รูปแบบ
4. อิเล็กตรอน
5. แสงเปนคลนื่ ไมใ ชอ นุภาค แรง สง ผลตออนุภาค ส่ือของแรง
(วิเคราะหคําตอบ โฟตอน คอื อนุภาคของแสง ซง่ึ แสงสามารถ อนภุ าคแลกเปลย่ี น มวล (GeV/c2)

แสดงสมบัติทั้งคลื่นและอนุภาค ดังน้นั ตอบขอ 2.) แรงเขม ควารก กลอู อน (g) 0

แรงออ น ควารก และเลปตอน W-โบซอน (W+, W-) 80.4, 80.4
Z-โบซอน (Z0) 91.2

แรงแมเ หลก็ ไฟฟา อนภุ าคทมี่ ปี ระจุไฟฟา โฟตอน (γ) 0

แรงโนมถวง สสารทั้งหมด กราวิตอน (G) 0

T41


Click to View FlipBook Version