The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

46785_คู่มือ หนังสือเรียน โลก ดาราศาสตร์และอว(1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Praew Monrudee, 2020-09-11 12:35:48

46785_คู่มือ หนังสือเรียน โลก ดาราศาสตร์และอว(1)

46785_คู่มือ หนังสือเรียน โลก ดาราศาสตร์และอว(1)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

แนวตอบ Unit Questions 2 U nit Questions 2คําชแี้ จง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปน้ี

1. ดาวฤกษส ามารถคงตวั อยไู ดด ว ยสมดลุ ระหวา ง 1. ดาวฤกษ์สามารถคงตวั อยู่ไดด้ ้วยสมดุลระหวา่ งแรง 2 แรงทม่ี ากระทา� ตอ่ ดาวฤกษ ์ แรง 2
แรงสองแรงท่ีมากระทาํ ตอ ดาวฤกษ ดงั น้ี
1) แรงโนมถวงจะพยายามบีบอัดกลุมแกส
ทั้งหมดใหยุบตัวเขาสูแกนกลางของดาว
ซ่ึงโมเลกุลของไฮโดรเจนจะถูกบีบอัดจน แรงนั้นคือแรงอะไรบา้ ง

นวิ เคลยี สของไฮโดรเจน 4 นวิ เคลยี ส รวมตวั 2. ระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ลูกใหญ่ที่สุดที่เคยมีการทดลองมา ช่ือว่า Tsar Bomba ซึ่ง
กันเปนนิวเคลียสฮีเลียม 1 นิวเคลียส ท่ีมี มพี ลังงานท�าลายลา้ งเทียบเทา่ ระเบดิ ทเี อน็ ที 50 เมกะตัน หรือประมาณ 210 PetaJoules
มวลนอยลง โดยมวลที่หายไปจะเปลี่ยน (210 × 1015 จลู ) สมมตวิ า่ พลงั งานทงั้ หมดมาจากการรวมไฮโดรเจนเปน็ ฮเี ลยี ม จงประมาณ
เปนพลังงาน (E) ตามสมการของไอนสไตน วา่ ระเบดิ Tsar Bomba ประกอบขนึ้ ดว้ ยไฮโดรเจนอยา่ งน้อยกีก่ ิโลกรมั
E = mc2
2) แรงนิวเคลียรทําใหแกสบริเวณแกนกลาง ก �าหนดให้มวลไฮโดรเจนเท่ากับ 1.008 amu มวลอะตอมฮีเลียมเท่ากับ 4.003 amu
ของดาวมอี ณุ หภมู สิ งู ขน้ึ และขยายตวั สง ผล และความเร็วแสงมคี ่า 3 × 108 เมตรต่อวินาที

ใหดาวฤกษเกิดการขยายตัว แรงบีบอัด 3. ดาวแคระขาวซริ อิ ุส B มอี ุณหภูมิพืน้ ผวิ ประมาณ 25,000 เคลวิน มีขนาดใกลเ้ คยี งกับโลก
คือประมาณ 6,000 กิโลเมตร ดาวซิริอุส B มีก�าลังส่องสว่างเท่าใด และมีค่าน้อยกว่า
บรเิ วณแกนกลางของดาวลดลง อตั ราการเกดิ
ปฏกิ ริ ยิ าฟว ชนั จงึ ลดลง จากนนั้ แรงโนม ถว ง หรอื มากกว่ากา� ลงั ส่องสว่างของดวงอาทติ ย์

จะเพ่ิมมากขึ้นจนทําใหเกิดการรวมตัวของ 4. ดวงอาทิตย์มีก�าลังส่องสว่าง 3.85 × 1026 จูลต่อวินาที โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วย
นิวเคลียสไฮโดรเจนอีกครั้ง ซึ่งเปนการเกิด ระยะห่าง 1 หน่วยดาราศาสตร์ (150,000,000 กิโลเมตร) พลังงานจากดวงอาทิตย์ท่ี
ปฏกิ ิรยิ าฟวชันขนึ้ อีกอยา งเปน วฏั จกั ร มายังพื้นโลกมคี า่ เทา่ ใด
2. มวลไฮโดรเจน 1.008 amu จาํ นวน 4 อะตอม มี
มวลทงั้ สนิ้ 4.032 amu ซง่ึ มากกวา มวลอะตอม 5. หากดาว B มีขนาดมากกว่าดาว A 2 เท่า แต่มีอุณหภูมิเพียงครึ่งหนึ่งของดาว A
ของฮเี ลยี มอยู 0.029 amu ซึ่งมวลท่ีหายไปนี้ ดาวดวงใดมกี า� ลังสอ่ งสวา่ งมากกว่ากัน

คือ สวนที่กลายไปเปนพลังงานของการระเบิด 6. หากดาว C มีฟลกั ซ์ตกถึงผู้สงั เกตมากกว่าดาว D 1,000 เท่า และดาว D มโี ชติมาตร 7.5
หากการระเบิดมีพลังงาน 210 PetaJoules จงหาว่าดาว C มโี ชตมิ าตรเทา่ ใด
จากสมการ E = mc2 จะพบวาพลงั งานน้ีจะมา
จากมวลทง้ั สนิ้ 2.3 กโิ ลกรมั เนอื่ งจากมวลนคี้ ดิ 7. ดาว 2 ดวง มโี ชติมาตรปรากฏเท่ากนั แตด่ าวดวงท ี่ 1 อยไู่ กลกว่าดาวดวงท ่ี 2 จงหาว่า
เเรปมิ่ นดเพว ยียไงฮ0โด.0ร0เ7จนขทองง้ั สมนิ้วล0ต2.0ั้ง.03ต7น=ด3ัง2น9น้ั กจโิ ละกตรอ มั ง ดาวดวงใดมีโชตมิ าตรสัมบรู ณน์ อ้ ยกว่า
3. จากสมการ
L = 4πR2σT4 8. ดาวดวงหนง่ึ มอี ณุ หภมู พิ นื้ ผวิ 3,500 เคลวนิ ดาวดวงนจ้ี ะปลอ่ ยแสงออกมาในชว่ งความยาว

คล่ืนใดมากท่สี ุด

L = 4π(300,000 m)2 × (5.67 × 10-8 W m-2K-4) 76

× (25,000 K)4
L = 1 × 1025 W
ดงั นนั้ ดาวแคระขาวซิริอุส B มีกําลังสอ งสวาง
1 × 1025 วัตต ซงึ่ นอ ยกวาดวงอาทติ ยท มี่ ีกําลังสองสวา ง 3.85 × 1026 วัตต

4. ทีร่ ะยะทาง 1 ห4นπว3×ย.8(ด51า5ร×า×1ศ01า20ส61ต0Wรm )ก2ําล=งั 1ส,อ3ง6ส1ววาัตงทตัง้ตหอมตดารขาองงเดมวตงรอตาอทวติ นิ ยาจทะี แผอ อกลงบนพ้ืนท่ี 4 × (15 × 1010)2 พลงั งานตอ หนึ่งหนวยพื้นทีต่ อ วนิ าที
จะมคี า เทากับ

5. จRส2าอTกง4สโจดวทาังงยนเนั้พจียะกงไาดร1วเ4พา เม่ิ ทดขาานขวาอดAงเดปมาน วีกาํ 2Aลงัเทสาอ งจสึงวมาีผงลมใาหกกกําวลาังดสาอวงBสว4างเเทพา่ิมเแปลน ะเ4มอ่ืเทพาจิ าแรตณกาาสรมลดกาอรุณหL ภ=ูม4ลิ πงRค2รσึ่งTห4นจ่งึ ะจเหะ็นมไีผดลว า 116กาํ เทลงัาสจอ งึ งไสดวว า า งแดปารวผBันตมาีกมํากลบั ัง

6. ดาว C มฟี ลกั ซตกถึงผสู ังเกตมากกวาดาว D 1,000 เทา หากดาว D มโี ชติมาตร 7.5 ดาว C จะมโี ชตมิ าตรเทา กบั 0

7. หากดาว 2 ดวงมโี ชตมิ าตรปรากฏเทา กนั แตด าวดวงที่ 1 อยไู กลกวา ดาวดวงท่ี 2 ดงั นน้ั แสดงวา ดาวดวงที่ 2 มโี ชตมิ าตรสมั บรู ณน อ ยกวา ดาวดวงที่ 1

8. จากสมการจะไดว า λmax = 2.898T× 10-3 จะไดว า λmax = 2.839,580×0 1K0-3 = 828 × 10-9 m = 828 n m
ดงั น้ัน ดาวดวงน้จี ะปลอ ยแสงออกมาในชวงความยาวคลน่ื 828 นาโนเมตร

T84

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

9. จากสมการมอดลุ สั ระยะทาง
m - M = 5 log r - 5
(m - MM55 )) + 5
9. ดาวดวงหน่ึงมโี ชติมาตรปรากฏ 7.3 และโชติมาตรสมั บรู ณ ์ 2.3 ดาวดวงนอ้ี ยหู่ ่างจากโลก log r = (m - + 5
เท่าใด 2
log r =
10. ดาวในแถบลา� ดบั หลัก 3 ดวง อยู่ในชนดิ สเปกตรัม O A และ G ดาวดวงใดมีมวลมากทส่ี ุด log r =
ดาวดวงใดมอี ณุ หภมู พิ นื้ ผวิ มากทส่ี ดุ และหากดาวทง้ั สามอยหู่ า่ งจากโลกเปน็ ระยะทางเทา่ กนั r = 102
r = 100 parsec
ดงั นัน้ ดาวดวงน้ีอยหู างจากโลก 100 พารเ ซก

ดาวดวงใดมีโชติมาตรปรากฏนอ้ ยทส่ี ุด 10. เน่อื งจากดาวในลาํ ดบั หลัก 3 ดวง อยใู นชนิด
สเปกตรมั O A และ G ดงั น้ัน ดาวทมี่ มี วล
11. พิจารณาวัตถุที่กา� หนดให ้ แล้วเรยี งลา� ดบั วัตถุตา่ ง ๆ จากขนาดเลก็ ไปยังขนาดใหญ่ มากท่ีสุด คือ ดาวที่อยูในชนิดสเปกตรัม O
ดาวมีอณุ หภมู ิพนื้ ผิวมากทสี่ ุด คือ ดาวทอี่ ยใู น
กาแลก็ ซ ี กระจุกดาวทรงกลม ชนดิ สเปกตรมั O ซง่ึ มคี า มากวา 30,000 เคลวนิ
หากดาวท้ังสามอยูหางจากโลกเปนระยะทาง
กระจกุ กาแล็กซี กระจกุ ดาวเปด เทากัน ดาวดวงที่มีแมกนิจูดปรากฏนอยท่ีสุด
คือ ดาวที่อยูในชนิดสเปกตรัม O
12. หากไม่สามารถสังเกตเห็นดาวคู่แยกออกจากกันได้ มีวิธีใดบ้างท่ีจะทราบว่าระบบดาวนั้น
เป็นระบบดาวคู่

13. ดาวฤกษเ์ กิดใหม่ที่มีมวลมากสามารถพบไดใ้ นกระจุกดาวประเภทใด 11. เรยี งลาํ ดบั วตั ถตุ า งๆ จากขนาดเลก็ ไปยงั ขนาด
14. กระจุกดาวเปด สามารถพบไดใ้ นบริเวณใดของกาแล็กซี ใหญได ดงั นี้ กระจุกดาวเปด กระจกุ ดาว
15. กระจุกดาวทรงกลมสามารถพบไดใ้ นบริเวณใดของกาแลก็ ซี ทรงกลม กาแล็กซี กระจุกกาแล็กซี
16. ดาวฤกษท์ ีใ่ ช้เวลามากที่สุดตลอดอายุขัยของมันเปน็ ดาวประเภทใด โดยกระจกุ ดาวเปด เปน กระจกุ ดาวทรี่ วมตวั กนั
17. แรงทที่ า� ใหเ้ นบิวลายุบตวั ลงเปน็ ดาวฤกษ์คือแรงอะไร อยางหลวมๆ ประกอบดวยดาวฤกษเพียงไม
18. เราสามารถพบดาวฤกษเ์ กดิ ใหม่ไดใ้ นกระจุกดาวประเภทใด กี่รอ ยดวง มขี นาดไมเกนิ 10-20 ปแ สง ในขณะ
19. ปจจัยที่ท�าให้ดาวฤกษ์ในล�าดับหลักแต่ละดวงมีอุณหภูมิ ความสว่าง อายุขัย และจุดจบ ทกี่ ระจกุ ดาวทรงกลมนนั้ ประกอบดว ยดาวฤกษ
นบั แสนถงึ หลายลา นดวง มขี นาดประมาณรอ ย
ตา่ งกันคอื อะไร ปแสง ซึ่งกระจุกดาวเปนเพียงสวนหน่ึงของ
20. เราสามารถวัดระยะทางถึงดาวฤกษไ์ ดด้ ว้ ยวธิ ีใดบ้าง กาแล็กซีที่มีขนาดเสนผานศูนยกลางประมาณ
แสนปแสง สวนกระจุกกาแล็กซีประกอบขึ้น
ดว ยกาแลก็ ซหี ลายกาแลก็ ซซี งึ่ มขี นาดประมาณ
แสนลา นปแ สง

ดาวฤกษ์ 77 12. หากไมสามารถสังเกตเห็นดาวคูแยกออกจาก
กนั ได วธิ ที ่จี ะทราบวา ระบบดาวนนั้ เปนระบบ
ดาวคู คือ สังเกตการเล่ือนทางแดงของแสง
สงั เกตการเกดิ อปุ ราคาและสงั เกตการสา ยเลอื่ น
ตาํ แหนงของดาว

13. สามารถพบดาวฤกษเ กดิ ใหมท ม่ี มี วลมากไดใ นกระจกุ ดาวเปด โดยการเกดิ ดาวฤกษเ รมิ่ จากกอ นแกส ขนาดใหญร วมตวั กนั และยบุ ตวั ลงภายใตแ รงโนม ถว ง
จากนั้นบริเวณท่ีมีแกสหนาแนนกวาสวนอ่ืนจะดึงดูดแกสบริเวณรอบๆ ใหเขาใกลกันจนรวมตัวกันกลายเปนดาวฤกษในลําดับหลัก โดยกลุมกอนแกสที่
ยบุ ตัวลงเปนกระจุกดาวเปดหน่ึงกระจกุ ดาวน้นั สามารถทาํ ใหเ กิดดาวฤกษไ ดก วารอยดวงหรือพันดวง

14. สามารถพบกระจุกดาวเปด ไดใ นบรเิ วณจานกาแล็กซี เนอ่ื งจากเปน บริเวณที่มีฝนุ และแกส ปริมาณมากและเกิดการชนกนั ไดบ อย จึงทําใหเ กดิ เปน กระจุก
ดาวเปด ไดงาย

15. กระจุกดาวทรงกลมเปน วัตถทุ ่ีถือกาํ เนิดมานานแลว ตงั้ แตชว งทกี่ าแล็กซถี ือกาํ เนดิ ใหมๆ กอนที่จะมีจานกาแล็กซี ดว ยเหตุนี้จึงสามารถพบกระจุกดาว
ทรงกลมไดท ัว่ ไปในกาแล็กซี รวมท้งั สวนจานและเฮโลดวย

16. ดาวฤกษม วลนอย
17. แรงโนมถวง
18. กระจกุ ดาวเปด
19. ปจ จยั ทม่ี ผี ลตอ อณุ หภมู แิ ละความสวา งของดาว คอื แรงโนม ถว งซงึ่ จะสง ผลตอ อตั ราการเผาผลาญเชอื้ เพลงิ ในแกนกลางของดาว เมอื่ เชอ้ื เพลงิ ในแกนกลาง

ของดาวถกู เผาผลาญจนมปี รมิ าณเหลอื ไมเ พยี งพอทจ่ี ะเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าฟว ชนั ตา นแรงโนม ถว ง ดาวกจ็ ะสนิ้ อายขุ ยั โดยมมี วลเปน ปจ จยั ทกี่ าํ หนดจดุ จบของดาว
20. วิธแี พรัลแลกซ

T85

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

แนวตอบ Test for U Test for U
1. ตอบขอ 1. ปฏิกิริยาฟวชันจะไดรับพลังงานมาจาก
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
มวลทส่ี ญู เสยี ไป เนอ่ื งจากดาวฤกษน น้ั ไดร บั พลงั งาน
มาจากปฏิกิริยาฟวชันไฮโดรเจน 4 อะตอม เปน 1. ขอ้ ใดกล่าวถูกต้องเก่ียวกบั มวลของไฮโดรเจน (1H) กับฮเี ลียม (4He)
ฮีเลียม 1 อะตอม มวลของสารต้ังตนจะตอง 1. มวลของไฮโดรเจน 4 อะตอม เบากว่ามวลของฮเี ลยี ม 1 อะตอม
มากกวามวลสุดทาย เพ่ือที่จะไดเปลี่ยนไปเปน 2. มวลของไฮโดรเจน 4 อะตอม หนกั กว่ามวลของฮเี ลียม 1 อะตอม
พลงั งาน
2. ตอบขอ 3. เนือ่ งจากอุณหภมู ิของพ้นื ผิวของดาวฤกษ 3. มวลของไฮโดรเจน 4 อะตอม หนักเทา่ กับมวลของฮีเลยี ม 1 อะตอม
นนั้ จะกาํ หนดสที ปี่ รากฏ โดยทสี่ นี าํ้ เงนิ จะมอี ณุ หภมู ิ 4. มวลของไฮโดรเจน 1 อะตอม หนักเทา่ กบั มวลของฮีเลยี ม 1 อะตอม
สูงท่ีสุด สวนสีแดงจะมีอุณหภูมิตํ่าท่ีสุด สวนดาว 5. มวลของไฮโดรเจนและฮเี ลยี มไมส่ ามารถเปรยี บเทยี บกนั ได ้ เนอื่ งจากมกี ารเปลย่ี นแปลง
แคระขาวน้ันเปนแกนกลางของดาวฤกษที่ระเบิด
ไปแลวมีสีออกขาว เชนเดียวกับดวงอาทิตย จึงมี เสมอ
อณุ หภมู ิประมาณ 6,000 เคลวิน ตรงกลางระหวา ง
ดาวฤกษสีนํ้าเงินและสีแดง ดังนั้น ดาวฤกษสีแดง 2. ดาวฤกษ์ในขอ้ ใดมอี ณุ หภมู พิ ื้นผวิ ต�่าทส่ี ดุ
มีอณุ หภูมติ ่ําสดุ 1. ดาวลูกไก่
3. ตอบขอ 1. ดาวท่ีมีแมกนิจูดท่ีตางกันทุกๆ 2.5 จะ 2. ดวงอาทิตย์
มีฟลักซตางกัน 10 เทา และดาวที่สวางกวาจะมี 3. ดาวยักษแ์ ดง
แมกนิจูดที่นอยกวา เน่ืองจากดาว A มีกําลังสอง 4. ดาวแคระขาว
สวางมากกวาดาว B จงึ มีแมกนจิ ดู ท่ีนอยกวา และ 5. ดาวยักษ์นา�้ เงิน
เนอ่ื งจากดาว A สวา งกวา 102 เทา จงึ มคี วามสวา ง
สมั บรู ณนอยกวา 2.5 × 2 = 5 3. ดาว A มีอัตราการปลดปล่อยพลังงานออกมามากกว่าดาว B อยู่ 100 เท่า โชติมาตร
สัมบูรณ์หรือความสว่างสัมบรู ณข์ องดาว 2 ดวงนี้ เทียบกนั จะเป็นอย่างไร

1. ดาว A มีความสว่างสัมบรู ณน์ อ้ ยกว่าดาว B อยู ่ 5
2. ดาว A มคี วามสวา่ งสมั บรู ณม์ ากกว่าดาว B อยู ่ 2.5
3. ดาว A มคี วามสว่างสมั บูรณ์นอ้ ยกว่าดาว B อยู่ 2.5 เท่า
4. ดาว A มคี วามสวา่ งสัมบูรณ์มากกวา่ ดาว B อยู่ 5 เท่า
5. ดาว A มีความสว่างสัมบรู ณ์มากกวา่ ดาว B อย่ ู 10 เท่า

78

T86

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

4. แผนภาพแฮรทส์ ชปรงุ -รัสเซลล์ เป็นแผนภาพท่ีสรา้ งจากลักษณะทางภายภาพในข้อใด 4. ตอบขอ 3. แผนภาพแฮรทสชปรุง-รัสเซลล จะมี
1. สีและขนาด แกนนอนเปนอุณหภูมิหรือดัชนีสี สวนแกนตั้งน้ัน
2. มวลและขนาด จะเปนกําลงั สอ งสวางหรอื ความสวา งสมั บรู ณ
3. สีและกา� ลงั สอ่ งสว่าง
4. ก�าลงั ส่องสว่างและมวล 5. ตอบขอ 3. วตั ถดุ าํ ในอดุ มคตคิ อื วตั ถทุ ส่ี ามารถดดู กลนื
5. ส ี มวล และก�าลังสอ่ งสวา่ ง และปลอยแสงไดทุกชวงคล่ืน และมีสเปกตรัม
การแผรังสีที่ขึ้นอยูกับอุณหภูมิของวัตถุน้ันเพียง
5. ขอ้ ใดคือสมบตั ิของวตั ถุดา� อยางเดยี ว โดยไมขนึ้ อยกู ับคุณสมบัติทางกายภาพ
1. คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าสามารถทะลผุ ่านได้ ของวตั ถดุ าํ เชน พน้ื ผวิ ดาวฤกษม กี ารแผร งั สที ค่ี ลา ย
2. มีคา่ สัมประสิทธ์สิ ะท้อนแสงท่ตี ่�าจนเป็นศูนย์ กบั วตั ถดุ าํ และสเปกตรมั หรอื สขี องแสงจะขนึ้ อยกู บั
3. มสี เปกตรมั การแผร่ ังสที ีข่ ึ้นอยกู่ บั อุณหภมู เิ พียงเทา่ น้นั อุณหภมู ิเพยี งอยางเดยี ว
4. มีแรงโนม้ ถว่ งมากเสยี จนแม้กระทั่งแสงก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้
5. ไมต่ อบสนองตอ่ แรงแม่เหล็กไฟฟ้าแต่สามารถสง่ อิทธิพลผ่านทางแรงโน้มถ่วงได้ 6. ตอบขอ 2. เนื่องจากกระจุกดาวเปดมีดาวประมาณ
หลายรอ ยดวง กระจกุ ดาวทรงกลมมดี าวนบั แสนถงึ
6. วตั ถใุ นข้อใดมีจ�านวนดาวฤกษ์มากทสี่ ดุ ลา นดวง สว นดาวเรยี งเดน นน้ั เปน เพยี งการเรยี งตวั
1. ดาวคู่ กนั ของดาวไมกีด่ วงทสี่ ังเกตไดจ ากบนโลก วัตถุท้งั
2. กาแล็กซี สามน้ีเปนสวนหนึ่งของกาแล็กซี ซึ่งประกอบดวย
3. ดาวเรยี งเด่น ดาวฤกษนับพันลานดวง ดังน้ัน กาแล็กซีมีจํานวน
4. กระจกุ ดาวเปดิ ดาวฤกษม ากทส่ี ุด
5. กระจุกดาวทรงกลม
7. ตอบขอ 3. ดาวคูทั้ง 2 ดวงน้ัน กําลังโคจรไปรอบๆ
7. จดุ ศนู ยก์ ลางการโคจรของระบบดาวคู่อยบู่ รเิ วณใด จุดศูนยกลางมวลของระบบ ในบางคร้ังบริเวณ
1. ดาวฤกษ์ดวงทเ่ี ลก็ กวา่ จดุ ศนู ยก ลางมวลเปน เพยี งพน้ื ทว่ี า งๆ ทไ่ี มม อี ะไรอยู
2. ดาวฤกษ์ดวงท่ีใหญก่ ว่า
3. จดุ ศูนยก์ ลางมวลของระบบ
4. หลมุ ด�าท่คี อยดงึ ดาวฤกษท์ ั้ง 2 ดวงเอาไว้
5. ไมม่ จี ุดศูนย์กลางอยา่ งแทจ้ รงิ ดาวแต่ละดวงโคจรรอบดาวอกี ดวงหนึ่ง

ดาวฤกษ์ 79

T87

Chapter Overview

แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์

แผนฯ ที่ 1 - ห นังสือเรยี นรายวชิ า 1. อ ธบิ ายกระบวนการเกดิ แบบเนน้ - ต รวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการวดั - ใฝ่เรียนรู้
กำ� เนดิ ระบบสรุ ยิ ะ เพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ ระบบสุริยะและการแบง่ มโนทศั น์ ก่อนเรยี น - ทกั ษะการสงั เกต - ม งุ่ ม่นั ในการ
และการแบง่ เขต และเทคโนโลยี โลก เขตบริวารของ (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการส่ือสาร ทำ� งาน
บริวารรอบดวง ดาราศาสตร์ และอวกาศ ดวงอาทติ ย์ได้ (K) Based - ประเมินการปฏิบตั ิ - ทักษะการวเิ คราะห์
อาทิตย์ ม.6 เลม่ 1 2. ป ฏิบัตกิ จิ กรรมแบบ Teaching) กิจกรรมแบบจ�ำลอง - ท กั ษะการท�ำงาน

5 - แ บบฝึกหดั รายวิชา จ�ำลองของระบบสรุ ยิ ะ ของระบบสรุ ยิ ะ ร่วมกนั
เพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ ได้อย่างถกู ต้องและเปน็ - ต รวจใบงาน เรื่อง - ท ักษะการสร้าง
และเทคโนโลยี โลก ลำ� ดบั ข้นั ตอนได้ (P) ระบบสุริยะในอนาคต แบบจ�ำลอง
ชว่ั โมง ดาราศาสตร์ และอวกาศ 3. ใฝเ่ รยี นรแู้ ละมงุ่ ม่ันในการ - ต รวจและประเมิน

ม.6 เลม่ 1 ท�ำงาน (A) ชน้ิ งานสรุปความรู้
- วัสดอุ ุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นการ เรือ่ ง ก�ำเนดิ ระบบ
ท�ำกิจกรรมแบบจำ� ลอง สุรยิ ะและการแบง่
ของระบบสุรยิ ะ เขตบริวารของ
- ใบงาน ดวงอาทิตย์
- PowerPoint - ประเมนิ การน�ำเสนอ
- QR Code ผลงาน
- ภ าพยนตรส์ ารคดีส้นั - สังเกตพฤติกรรม
Twig การท�ำงานรายบคุ คล
- ส ังเกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานกลุ่ม
- สงั เกตคณุ ลักษณะอนั
พึงประสงค์

แผนฯ ที่ 2 - หนังสอื เรยี นรายวิชา 1. อ ธิบายการโคจรของ แบบเน้น - ตรวจแบบฝกึ หดั - ทักษะการวดั - ใฝเ่ รียนรู้
การโคจรของ เพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ ดาวเคราะหร์ อบ มโนทศั น์ - ประเมินการปฏิบตั ิ - ทกั ษะการสังเกต - มุ่งมน่ั ในการ
ดาวเคราะห์ และเทคโนโลยี โลก ดวงอาทติ ยด์ ว้ ยกฎ (Concept กิจกรรมวงโคจรของ - ทกั ษะการส่อื สาร ทำ� งาน
รอบดวงอาทติ ย์ ดาราศาสตร์ และอวกาศ ของเคพเลอร์ได้ (K) Based
ดาวเคราะห์ - ทักษะการวิเคราะห์
ม.6 เลม่ 1 2. อ ธบิ ายแรงโน้มถ่วง Teaching) - ต รวจใบงาน เรอ่ื ง - ท กั ษะการท�ำงาน
4 - แ บบฝกึ หดั รายวิชา ระหวา่ งดวงอาทิตย์กบั กฎการเคลอ่ื นท่ี ร่วมกัน
เพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ ดาวเคราะห์ได้ (K) ของดาวเคราะห์
ช่ัวโมง และเทคโนโลยี โลก 3. ปฏิบัติกิจกรรมวงโคจร ของเคพเลอรแ์ ละ

ดาราศาสตร์ และอวกาศ ของดาวเคราะห์ไดอ้ ย่าง แรงโน้มถ่วงระหว่าง
ม.6 เล่ม 1 ถกู ตอ้ งและเป็นล�ำดับ ดวงอาทติ ยก์ บั
- วัสดุอปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นการ ขน้ั ตอน (P) ดาวเคราะห์
ท�ำกจิ กรรมวงโคจรของ 4. ใฝเ่ รียนรแู้ ละมงุ่ มัน่ ในการ - ตรวจและประเมิน
ดาวเคราะห์ ท�ำงาน (A) ช้นิ งานสรปุ ความรู้
- ใบงาน เรอื่ ง กฎการเคลอ่ื นที่
- PowerPoint ของดาวเคราะหข์ อง
- QR Code เคพเลอร์
- ภาพยนตร์สารคดีสัน้ - ป ระเมินการนำ� เสนอ
Twig ผลงาน
- สงั เกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานกล่มุ
- สังเกตพฤติกรรม
การท�ำงานรายบคุ คล
- สงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์

T88

แผนการจัด สือ่ ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์

แผนฯ ที่ 3 - หนงั สือเรียนรายวิชา 1. อธิบายโครงสร้างภายใน 5Es - ตรวจแบบฝึกหดั - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรยี นรู้
โครงสรา้ งและ เพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ดวงอาทิตย์และชนั้ Instructional - ต รวจใบงาน เรื่อง - ทกั ษะการส่อื สาร - ม ุ่งมนั่ ในการ
ช้นั บรรยากาศ และเทคโนโลยี โลก บรรยากาศปรากฏการณ์ Model โครงสรา้ งภายใน - ทกั ษะการวเิ คราะห์ ท�ำงาน
ของดวงอาทิตย์ ดาราศาสตร์ และอวกาศ บนท่หี อ่ ห้มุ ดวงอาทิตย์ได้ ดวงอาทิตย์ - ท ักษะการท�ำงาน

2 ม.6 เลม่ 1 (K) - ตรวจและประเมนิ ร่วมกัน
- แบบฝกึ หัดรายวิชา 2. จ ัดทำ� แผนที่ความคิดได้ แผนทคี่ วามคดิ เรอ่ื ง
ช่ัวโมง เพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ อย่างถกู ตอ้ งและเปน็ โครงสร้างภายใน
และเทคโนโลยี โลก ล�ำดบั ขนั้ ตอน (P) ดวงอาทติ ย์
ดาราศาสตร์ และอวกาศ 3. ใฝ่เรยี นรู้และมุ่งมั่นในการ - ประเมินการน�ำเสนอ
ม.6 เล่ม 1 ทำ� งาน (A) ผลงาน
- ใบงาน - ส ังเกตพฤติกรรม
- PowerPoint การท�ำงานกลมุ่
- QR Code - สงั เกตพฤติกรรม
- ภ าพยนตรส์ ารคดีส้ัน การท�ำงานรายบคุ คล
Twig - ส ังเกตคุณลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์

แผนฯ ที่ 4 - แบบทดสอบหลังเรยี น 1. อธบิ ายการเกดิ ลมสรุ ยิ ะ 5Es - ต รวจแบบทดสอบ - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
ปรากฏการณ์ - ห นงั สอื เรียนรายวชิ า พายุสรุ ิยะได้ (K) Instructional หลงั เรยี น - ทกั ษะการส่อื สาร - ม ่งุ มั่นในการ
บนดวงอาทิตย์ เพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์ 2. อ ธิบายผลของลมสรุ ิยะ Model - ตรวจแบบฝึกหดั - ทกั ษะการวิเคราะห์ ทำ� งาน
และเทคโนโลยี โลก และพายุสรุ ยิ ะท่ีมตี อ่ โลก - ตรวจและประเมนิ - ท กั ษะการท�ำงาน
2 ดาราศาสตร์ และอวกาศ ได้ (K) แผนท่คี วามคดิ เรอื่ ง รว่ มกนั
ม.6 เลม่ 1 3. จดั ทำ� แผนท่คี วามคดิ ได้ ลมสรุ ยิ ะและพายสุ รุ ยิ ะ
ช่ัวโมง - แ บบฝึกหัดรายวิชา อย่างถกู ต้องและเปน็ - ตรวจผลงานการ

เ พิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ล�ำดับข้ันตอน (P) เขยี นสรุปข้อมลู
และเทคโนโลยี โลก 4. ใ ฝเ่ รียนรู้และมงุ่ มัน่ ในการ ผลกระทบจาก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ท�ำงาน (A) ปรากฏการณ์บน
ม.6 เลม่ 1 ดวงอาทติ ย์ท่ีมตี ่อ
- ใบงาน โลก
- ใบกิจกรรม - ป ระเมินการน�ำเสนอ
- PowerPoint ผลงาน
- QR Code - ส งั เกตพฤติกรรม
- ภ าพยนตรส์ ารคดสี ั้น การท�ำงานกลุ่ม
Twig - สังเกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานรายบคุ คล
- สงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์

T89

Chapter Concept Overview

กาํ เนิดระบบสรุ ิยะ

ระบบสุริยะเกดิ จากการรวมตัวกันของกล่มุ ฝ่นุ และแกส๊ ทหี่ ลงเหลอื จากการเกิดซูเปอร์โนวาของดาวฤกษ์รนุ่ ก่อนทีเ่ รยี กว่า เนบิวลาสุรยิ ะ
โดยฝนุ่ และแกส๊ ประมาณร้อยละ 99.8 ได้รวมตัวกันเป็นดวงอาทิตย์ และมวลสว่ นท่ีเหลือไดร้ วมตัวกันเปน็ บริวารของดวงอาทิตย์

การแบง เขตบรวิ ารของดวงอาทิตย์ เขตดาวเคราะห์ช้ันนอก เขตดงดาวหาง
3 4
แบ่งตามลกั ษณะการเกดิ และองค์ประกอบได้เปน็ 4 เขต ดังภาพ
เขตดาวเคราะห์ชนั้ ใน เขตดาวเคราะหน์ อ้ ย

12

ดาวองั คาร ดาวเสาร์ ดาวยูเรนสั
ดาวศกุ ร์ ดาวเนปจนู
ดาวพุธ โลก
ดาวพฤหัส

แถบดาวเคราะห์นอ้ ย แถบไคเปอร์

แบบจาํ ลองของระบบสุรยิ ะ

แบบจา� ลองของระบบสุรยิ ะมี 4 ระบบ ซึง่ แต่ละระบบมจี ุดเดน่ ดังนี้
1. ระบบทอเลม ี มีโลกเปน็ ศูนย์กลางโดยมีดาวเคราะห์โคจรเปน็ วงกลมรอบโลกและดาวเคราะหท์ ุกดวงโคจรอยูใ่ นวงกลมเสริม ซ่งึ โคจรอยู่

ในวงกลมหลกั
2. ระบบโคเพอร์นิคัส มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางโดยมีดาวเคราะห์ทุกดวงโคจรเป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์ ส่วนโลกมีดวงจันทร์โคจร

อยู่โดยรอบ
3. ระบบทิโค บราห ์ ดาวเคราะห์ทุกดวงยกเวน้ โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ส่วนดวงจันทร์และดวงอาทติ ยโ์ คจรรอบโลก
4. ระบบเคพเลอร์ มดี วงอาทติ ยเ์ ป็นศูนย์กลางโดยมีดาวเคราะหโ์ คจรเปน็ วงรรี อบดวงอาทิตย์ ซึง่ เป็นระบบทไ่ี ดร้ ับการยอมรับในปจั จุบนั

ดาวเสาร์

ดาวเสาร์ ดวงอาทติ ย์ ดาวพฤหสั ดาวอังคาร ดาวองั คาร
ดาวศุกร์ ดวงจนั ทร์ โลก ดาวพธุ
ดาวพุธ
โลก ดาวศกุ ร์ ดาวพุธ ดาวศกุ ร์
ดวงอาทติ ย์
ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์

ดาวองั คาร โลก ดาวเสาร์ ดาวพฤหัส ดวงอาทิตย์
ดวงจนั ทร์ ดาวพุธ
ดาวพฤหสั ดาวอังคาร ดาวศุกร์
ดาวพฤหสั โลก

ดาวเสาร์

ระบบทอเลมี ระบบโคเพอรน์ คิ สั ระบบทโิ ค บราห์ ระบบเคพเลอร์

T90

หนว ยการเรียนรทู ี่ 3

กฎการเคลอื่ นท่ขี องดาวเคราะหข์ องเคพเลอร์

1. วงโคจรของดาวเคราะหเ์ ป็นวงรี โดยมดี วงอาทติ ย์อยูท่ จี่ ุดโฟกสั จุดหน่งึ
2. เสน้ เชอ่ื มระหวา่ งดาวเคราะหก์ บั ดวงอาทิตย ์ จะกวาดไปเปน็ พนื้ ท่ที ีเ่ ทา่ กนั ภายในระยะเวลาทเ่ี ท่ากนั
3. คาบการโคจรของดาวเคราะห์ยกก�าลังสอง จะเป็นสดั สว่ นโดยตรงกบั ระยะครึ่งแกนหลกั ยกกา� ลังสาม

แรงโน้มถว งระหวางดวงอาทิตยก์ บั ดาวเคราะห์

• กFอัตฎรแ=ารเงรโGว็ นโMคม้ rจถ21รm่ว ง2วขตั อถงุจนะวิ โตคนัจร ขรอนบาดมขวลอไงดแน้รงน้ั โ นจ้มะถต่ว้องงจมะีคแวปารมผเนัร็วตเรทงา่ กกบั บั มคววลาแมลเระว็แโปครจผรก ซผงึ่นั หกาับไรดะจ้ ยาะกหสา่ มงยกการก า� vลัง=สอง GดrMังสมการ



• อตั ราเร็วหลุดพ้น วตั ถุจะหลดุ พ้นออกไปจากแรงโนม้ ถ่วงได ้ จะตอ้ งมีความเร็วเพยี งพอที่จะเอาชนะพลงั งานศักย์โน้มถว่ ง ซ่ึงหาได้
จากสมการ vescape = 2GrM

โครงสร้างและช้ันบรรยากาศของดวงอาทิตย์

คอโรนา 1,000,000 เคลวนิ

เปลวสุริยะ เขตเปลีย่ นผา่ น 10,000 เคลวนิ
10,000 เคลวนิ ~ 8,500 กโิ ลเมตร 6,000 เคลวิน
2,000,000 เคลวนิ
จดุ มดื โครโมสเฟยี ร์
บนดวงอาทิตย์ ~ 1,500 กโิ ลเมตร
4,000 เคลวนิ โฟโตสเฟียร์
~ 500 กิโลเมตร
การระเบิดจา้
บนดวงอาทติ ย์ เขตพาความรอ้ น 8,000,000 เคลวนิ
20,000,000 เคลวนิ ~ 200,000 กโิ ลเมตร

เขตแผ่รังสคี วามร้อน 16,000,000 เคลวนิ
~ 300,000 กโิ ลเมตร

แกน่
~ 200,000 กโิ ลเมตร

ขนาดของโลกเม่อื เทยี บกบั ดวงอาทติ ย์

1,391,400 กิโลเมตร

ปรากฏการณบ์ นดวงอาทติ ย์

• ลมสุริยะ เกิดจากการแพร่กระจายของอนุภาคจากชั้นคอโรนาออกสู่อวกาศตลอดเวลา อนุภาคท่ีหลุดออกสู่อวกาศเป็นอนุภาคท่ีมีประจุ
ลมสรุ ยิ ะ สง่ ผลทา� ใหเ้ กดิ หางของดาวหางทเี่ รอื งแสงและชไี้ ปทางทศิ ตรงกนั ขา้ มกบั ดวงอาทติ ย ์ อกี ทงั้ ยงั ทา� ใหเ้ กดิ ปรากฏการณแ์ สงเหนอื
แสงใต้

• พายุสุริยะ เกิดจากการปลดปล่อยอนุภาคมีประจุพลังงานสูงจ�านวนมหาศาล มักเกิดในขณะที่เกิดปรากฏการณ์การลุกจ้าที่มีจุดมืดบน
ดวงอาทติ ยจ์ า� นวนมาก และในบางครง้ั กเ็ กดิ จากการพน่ กอ้ นมวลคอโรนา พายสุ รุ ยิ ะอาจสง่ ผลตอ่ สนามแมเ่ หลก็ โลก ทา� ใหร้ ะบบการสง่ กระแส
ไฟฟา และการส่อื สารเกดิ การตดิ ขัดและอาจสง่ ผลต่อวงจรอิเลก็ ทรอนกิ ส์ของดาวเทยี ม นอกจากนัน้ ยังท�าใหเ้ กดิ ปรากฏการณแ์ สงเหนอื
แสงใต้อีกด้วย

T91


Click to View FlipBook Version